พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๕๙ ยกลงไปช่วยราชการเมืองทนบูรีย์ แล้วให้พระสุนธรสมบัติ หมื่นศรีสห์เทพคุมเอาเสื้อผ้าขึ้นไป พระราชทานไทยรามญั ซง่ึ ลา่ ลงมา ณ รา้ นดอกไม้ แขวงเมอื งกำแพงเพชรนน้ั วนั ๗๑ฯ๓๓ คำ่ ( วนั เสาร์ เดอื น ๓ แรม ๑๓ คำ่ ) ยกกระบตั รเมอื งไชยนาฎมากราบทลู วา่ หลวงพล ขนุ รอง ปลดั นายชู ไปสบื ขา่ วราชการ ณ เมอื งกำแพงเพชร เหน็ คา่ ยพมา่ ณ บ้าน โนนสาลา ๒ คา่ ย บา้ นถลกบาดคา่ ยหนง่ึ แลว้ พมา่ ยกลงไปเผาบา้ นอไุ ทยธาณเี สยี จะยกไปทางใดนน้ั ยังมิแจ้ง จึ่งดำรัสให้ขุนอินเดชะเป็นแม่กอง หม่อมเชฐกูมารเป็นทัพหลัง หลวงสรวิชิตรแลปลัด เมอื งอไุ ทยธานเี ปน็ ทพั หนา้ ใหห้ มอ่ มอนรุ ทุ เทวาเปน็ จางวางยกลงไปปอ้ งกนั เสบยี งแลปนื อย่าให้เป็นอันตราย ถ้ามีราชการ ณ เมืองณครสวรรณ์ ให้แบ่งกองอาจารย์ไปช่วยบ้าง ตั้งอยู่คุ้งสำเภา วัน ๑๑ฯ๔๓ ค่ำ ( วันอาทิตย์ เดือน ๓ แรม ๑๔ ค่ำ ) ให้หาเจ้าพญาจักรีลงมาเฝ้า ณ พระตำหนักทา้ วโรง เจา้ พญาจกั รปี ว่ ยลงมามไิ ด้ ให้เจา้ พญาสรศรลี งมาเฝา้ จง่ึ ตรสั ปรกึ ษาโดย พระราชดำริ จะใคร่ผ่อนทัพลงไปตั้งเมืองณครสวรรณป์ ้องกันเสบียงไว้ แลราชการเมืองพิศนุโลกย์นั้น เจ้าพญาศรศรีจงรับรองรักษา ในวันนั้นหมื่นสีสห์เทพถือหนังสือบอกเจ้าพญาณครสวรรกับพม่าคนหนึ่ง ลงมาถวายว่า เดินค่ายขึ้นไปถึง ตั้งลงมิทันแล้ว พม่ายกมาได้รบกันสามารถจับได้ เป็นคนหนึ่ง ถูกปืนตายลำบากลากกันไปเป็นอันมาก บัดนี้พม่าขัดสนด้วยข้าวแลเกลือนั้นแพงหนัก ๒ บาทซื้อเป็นเงิน ๑ บาท ณ วนั ๓ ฯ๒ ๔ คำ่ (วนั องั คาร เดอื น ๔ ขน้ึ ๒ คำ่ ) พญารตั นาพมิ ลรกั ษาคา่ ยปากนำ้ พง่ึ บอกกราบทลู วา่ แตง่ คนไปสอดแนมถงึ วงั สองสะลง่ึ เหน็ พมา่ ประมาณ ๒๐๐ ครน้ั เพลาบา่ ย พมา่ เผาปา่ ขึ้นใกล้ปากน้ำพึ่งเข้าไปสามคุ้ง จึ่งดำรัสให้หลวงวิสุทโยธามาต หลวงราชโยธาเทพคุมเอาปนื ใหญ่ รางเกวยี นแปดบอกลงไป ณ ค่ายปากน้ำพง่ึ ฟากตะวันตก ณ วัน ๔ ๓ฯ ๔ ค่ำ (วันพุธ เดือน ๔ ขึ้น ๓ ค่ำ) เสด็จดำเนินด้วยพระบาทขึ้นไปทาง ฟากตะวันออกแตท่ า้ วโรงถึงค่ายเจ้าพญานครสวรรณซ์ ึ่งตั้งอยู่ ณ บ้านแขกนั้น เสด็จอยู่พระที่นั่งเก้าอี้ กลางหาดทราย เจา้ พญาณครสวรรค์ พญาธรรมาวา่ ยนำ้ ขา้ มมาเฝา้ กราบทลู วา่ พมา่ ตง้ั คา่ ยประชดิ ลง ๔ ค่ายแล้วปักกรุยโอบลงมา จึ่งตรัสว่ามันทำลวงอย่ากลัวมันตั้งตรงเข้าไป ให้ตั้งรายเคียง ออกไป ถ้ามันตั้งตามไปให้ตั้งรายแผ่กันออกไปจงมาก ให้คนรักษาอยู่แต่ค่ายละ ๕๐๐ คน แล้วอย่าคิดกลัวแตกกลัวเสีย มันจะตีค่ายไหนให้ตีเข้า อันเป็นทหารแล้วให้องอาจอย่ากลัวตาย
๓๖๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ตั้งใจอาสาพระรัตนตรัยแลพระมหากษัตริย์ เดชะผลกตัญญูนั้นจะช่วยอภิบาลรักษาก็จะหาอันตราย มไิ ด้ ถา้ ใครยอ่ หยอ่ นใหป้ ระหารเสยี สงครามจึ่งจะแก่กล้าขึ้นได้ชัยชำนะ แล้วให้ยกเอากองพญา ศรีราชเดโช กองหมื่นศรีเสนามาเขา้ กองพญานครสวรรค์ ยกเอากองเกนหดั ทหารอาจารยม์ าไว้ ในกองหลวง แล้วสั่งให้ขึ้นไปเมืองพิศนุโลกย์หาเจ้าพญาจักรีลงมาเฝ้า ณ พระตำหนักค่ายมั่น ครน้ั ไดท้ รงฟงั เสยี งปนื ใหญน่ อ้ ย ณ ปากนำ้ พง่ึ หนาขน้ึ จง่ึ สง่ั เจา้ พญาจกั รใี หจ้ ดั แจงรกั ษาคา่ ยทา้ วโรง แล้วเพลา ๓ ยามก็ยกทัพหลวงมา ณ ปากน้ำพึ่ง ครั้นเพลาตี ๑๑ ทุ่ม พม่าขุดสนามเพลาะ เขา้ รบพญาธรรมไตรยโลกย์ พญารตั นาพมิ ล ณ คลองกะพอง ยงิ ระดมทง้ั กลางวนั กลางคนื วนั ๕ ๔ฯ ๔ คำ่ ( วนั พฤหสั บดี เดอื น ๔ ขน้ึ ๔ คำ่ ) เสดจ็ ขา้ มสะพานเรอื กไปฟากตะวนั ตก ให้พญาโศกโขไทยหนุนออกตั้งค่ายชักปีกกาขุดหลุมเดินถึงกัน ให้หลวงรักษ์โยธา หลวงภักดีสงคราม ไปตั้งค่ายประชิดพม่าปากกะพอง ให้หลวงกำเกีงคุมเกนหัดแลกองอาจารย์เก่ากองอาจารย์ใหม่ เข้ากองพญาโศกโขไทย หลวงเสนาภกั ดี ปนื แกว้ จนิ ดาใหต้ วี กหลงั ณ วนั ๗ ๖ฯ ๔ คำ่ (วนั เสาร์ เดอื น ๔ ขน้ึ ๖ คำ่ ) เพลาเชา้ พรอ้ มกนั ตวี กหลงั กระหนาบ เขา้ ไปรบตะลุมบอนกันเป็นสามารถ พม่าล้มตายเป็นอันมาก ขุนอากาษสรเพลงี ถูกปืนตาย ณ วนั ๑ ๗ฯ ๔ คำ่ (วนั อาทติ ย์ เดอื น ๔ ขน้ึ ๗ คำ่ ) * สง่ั ใหห้ ากองพญาอนี ทอ์ ะไภย พญากลางเมอื งยกลงมาปากน้ำพึ่ง แล้วให้กองพระโหราธิบดี กองหลวงรักษมนเทียนลงไปตั้งโคกสลุด เรือลำเลียงจะได้ไปมาสะดวก ในทันใดนั้นหลวงเสนาภักดี ยกกระบัตรเหลง กองปืนแก้วจินดามา กราบทลู วา่ ตวี กหลงั พมา่ กะโจมเขา้ ไป พมา่ ขดุ สนามเพลาะวงลอ้ มไว้ ๓ ดา้ น กองอาจารยถ์ อยเสยี มิได้เข้าแก้ ข้าพเจ้าทั้งปวงขุดสนามเพลาะรบอยู่คืนหนึ่ง พญาโศกโขไทจึ่งตีเข้าไป ครั้นได้ทรงฟัง จึ่งสั่งให้เอาอาจารย์ทอง นายดี นายหมวดไปประหารชีวิตเสีย แลเลกนั้นพระราชทานให้ ขนุ รามณรงคุมทำราชการสืบไป ครั้นเพลาบ่ายเสด็จไปทอดพระเนตรค่ายที่รบคลองกะพอง แต่ ค่ายมั่นออกไประยะทาง ๒๒ เสน้ ใหต้ ง้ั คา่ ยขดุ คลองเดนิ ตามปกี กาใหถ้ งึ กนั ขณะนน้ั ตรสั ภาคโทษ พระสูธรรมาจารย์ พระวิสารสุนธรรม์ แล้วให้ทำราชการแก้ตัว ตั้งค่ายประชิดพม่ากับกองทหาร กองเกนหัดสืบไป ในวันนั้นเพลาบ่าย ๕ โมงเศษ พม่าออกปล้นค่ายรบกันสามารถ หลวงกำเกีง ยิงพม่าตายเป็นอันมาก อนึ่งขุนหารทนายเลือกกองนอกรักษาค่ายให้เพลิงตกลงในถังดินตึกติดขึ้น * พระราชพงศาวดารกรงุ ธนบรุ ี ฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) วา่ ขน้ึ ๓ คำ่
พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๖๑ คนตายหลายคน แลตัวขุนหานนั้นย่อหย่อนในการศึกให้ตัดศีรษะเสีย แล้วให้หาพญายมราชซึ่งตั้ง ณ วัดจันลงมาเฝ้า ใหถ้ ืออาชญาสิทธิบ์ ังคับทัพ ๑๐ ทัพ ซึ่งตั้งรับพม่า ณ คลองกะพองให้กล้าขึ้น วนั ๕๑ฯ๑๔ คำ่ (วนั พฤหสั บดี เดอื น ๔ ขน้ึ ๑๑ คำ่ ) พญาเทพวอรชนุ หลวงวชิ ติ ณรง ซง่ึ รกั ษา คา่ ยทา้ วโรง บอกสง่ คนแตกจากคา่ ยวดั พรกิ ฟากตะวนั ออกมาถวายใหก้ ารวา่ กรมแสงใน ๒๑๔ คนรกั ษา ค่าย ๕ ลูก เพลาประมาณยามเศษ พม่าข้ามฟากมาปล้นได้รบกันสามารถ พม่าแหกค่ายเข้าได้ นายทพั นายกองแตกกระจายกนั ไป จง่ึ ใหป้ ระหารหมน่ื ทพิ ๑ ประหารไพร่ ๑๑ คน เสยี บไวป้ ระตู ค่ายหลวง แต่บรรดาหนีค่ายนั้นนายไพร่ได้ตัวมาเมื่อใดให้ฆ่าเสีย แล้วให้เอากองพระโหราธิบดี กองหลวงรกั ษมลเทยี ร ซึ่งตั้งค่ายโคกสลุด พญาณครไชยศรีตั้งอยู่โพทับช้าง ยกมาช่วยราชการ ทัพหลวงปากน้ำพึ่ง วัน ๖๑ฯ๒๔ ค่ำ (วันศุกร์ เดือน ๔ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ) เจ้าพญานครสวรรบอกมากราบทูลว่า พม่าตั้งโอบลงมาถึงริมน้ำแล้วข้ามไปตีค่ายวัดพริกแตก เห็นพม่าจะวกหลังจะขอลาดทัพมาตั้งรับ อยู่ฟากตะวันออก จึ่งดำรัสให้กองพญากลางเมือง พระโหราธิบดี พญาเทพ พระวิชิดณรง เข้ากอง พญายมราชยกไปตีพม่าซึ่งตั้ง ณ วัดพริกฟากตะวันออกนั้น ให้หลวงรักษมลเทียนอยู่รักษาค่าย ประชดิ พญากลางเมอื ง ณ ปากนำ้ พง่ึ ฟากตะวนั ตก ขณะนั้นกองทัพพม่าลงไปตั้งโอบหลังทัพหลวง แล้วแบ่งกันเข้าแหกค่ายพญายมราชได้ใน ทนั ใดนน้ั พญายมราชขบั ทหารตหี กั เขา้ คนื ชงิ เอาคา่ ยได้ อยปู่ ระมาณ ๑๑-๑๒ วนั พมา่ ทำการตดิ เมืองพิศนุโลกย์กวดขันขึ้น ฝ่ายข้างขาดเสบียง ทแกล้วทหารอิดโรยลงเรรวนหนัก ข้างทัพหลวงนั้น กเ็ สยี ทลี าดถอยมาตง้ั ณ บางเขา้ ตอก ครน้ั เดอื นหา้ ขา้ งขน้ึ เจา้ พญาจกั รี เจา้ พญาสรศรเี ห็นเหลือกำลัง ก็พาทหารฝ่ากองทัพพม่าหนีออกจากเมืองพิศนุโลกย์ ฝ่ายกองทัพทั้งปวงก็แตกกันเป็นอลหม่าน กองทัพพม่าได้ทีก็ยกติดตามมา ขณะนั้นพอข้างกรุงอังวะให้ม้าใช้ถือหนังสือมาถึงอะแซ่ร่วนกีแ้ ม่ทัพว่า กรุงอังวะเกิดเหตุ พระเจ้า มองระทวิ งคต ไดค้ รองแผน่ ดนิ อยเู่ กา้ ปี จง่ึ จงิ กูซง่ึ ราชบตุ รพระชนม์ ๒๕ ปี คดิ ฆา่ มงั โปอาเสยี แล้วก็ถึงซึ่งขัตติยาภิเศกในศักราช ๑๑๔๓ ปี จึ่งเสด็จลงไปนมัสการพระมุเตา ณ กรุงหงษาวดี ฝ่ายมองหม่องซึ่งเป็นโอรสมังลอกนน้ั เปน็ กบฏขึ้นฆ่าจิงกูเสีย ชิงเอาซึ่งเศวตฉตั ร ได้เป็นใหญ่ในกรุงอังวะ แลจงิ กไู ดส้ มบตั อิ ยู่ ๗ ปี อะแซร่ ว่ นกร้ี เู้ หตนุ น้ั จง่ึ ใหถ้ อยทพั กลบั ไป
๓๖๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ขณะนั้นพระเจ้าอยู่หัวทรงพระโทมนัสน้อยพระทัยแก่ข้าศึกนัก ตรัสให้หาหมื่นษรสำแดง มาถามหน้าพระที่นั่ง จะให้คุมเลกทหารเกนหัดขึ้นไปรบพม่านิ่งเสีย มีรับสั่งให้ประหารเสีย พญาพิไชยสงครามนั้นให้ยกกลับไปบ้านเมืองจัดแจงทหารออกก้าวสกัดตีพม่าจงได้ พญาเทพ พญารตั นาพมิ ล พญาณครไชษรี พญาทกุ ขราช หลวงรกั โยธา หมน่ื ขเนษรนน้ั ใหเ้ ปน็ กองหนา้ พญาสรุ บดี * ยกไปตามตพี มา่ วัน ๒๑ฯ๑๖ ค่ำ ( วันจันทร์ เดือน ๖ แรม ๑๑ ค่ำ ) พระราชสงครามเอาหนังสือมหาโสภีตะ เจ้าอารามวัดไหม่ เขียนใส่ใบตาลไปถวายเป็นเนื้อความพุทธทำนายมีในคัมภีร์ธาตุวงษ์ ใจความว่า ตระกูลเสนาบดีได้เป็นกษัตริย์สี่พระองค์ๆ สุดนั้นพม่ายกมาย่ำยีกรุงเทพฯ เสียแก่พม่าแล้ว ยังมีชายพ่อค้าเกวียนนั้นจะได้เป็นพญาครองเมืองทิศใต้กรุงชายทะเลชื่อ เมืองบังกอก พญาองค์นั้น จะสรา้ งเมอื งได้ ๗ ปี ในทส่ี ดุ ๗ ปนี น้ั พมา่ จะยกมาเพยี รพยายามกระทำศกึ อยู่ ๓ ปี ในพทุ ธศกั ราช ๒๓๒๐ ปี จลุ ศกั ราช ๑๑๓๘ ปี พระนครบางกอกจะเสยี ใหเ้ สดจ็ ขน้ึ ไปอยู่ลพบรู ยี อ์ นั เปน็ ทป่ี ระชมุ พระบรมธาตุข้าศึกศัตรูคิดร้ายมิได้เลย จึ่งตรัสว่าจะละเมืองบางกอกเสียมิได้ แต่ปากชีพราหมณ์ วา่ แลว้ จำจะทำตาม จะไปอยู่สัก ๗ วันก่อนเพื่อจะให้เป็นเหตุ วนั ๒๑ฯ๑๖ คำ่ (วนั จนั ทร์ เดอื น ๖ แรม ๑๑ คำ่ ) ใหพ้ ญาพลเทพ หลวงเนาวะโชดยกขึ้น ไปเมืองเพชรบูรณ์ ถ้าพม่ายกไปติดพอจะต้านได้ให้ต้านไว้ ถ้าเหลือกำลังให้ผ่อนครอบครัว เสบียงอาหารลงไปกรุง ให้เจ้าพญาณครสวรรค์ พญาสวรรค์โลกย์ยกไปตามพม่าทางเมือง กำแพงเพชร ให้พญายมราชซึ่งตั้งอยู่ท้ายค่ายยกลงมาอยู่รักษาค่ายหลวงปากคลองบางเข้าตอก แต่ทัพหลวงเสด็จแรมรับกองทัพเมืองพิศนุโลกยอยู่ ๑๑ เวร วนั ๕๑ฯ๔๖ คำ่ (วนั พฤหสั บดี เดอื น ๖ แรม ๑๔ คำ่ ) เสดจ็ ถงึ พระตำหนกั คา่ ยเมอื งนครสวรรค์ ใหป้ ระหารหลวงชาตสิ รนิ เสยี แลว้ จดั กองทพั ใหย้ กไปทางบกทางเรอื แจกกฎหมายสำหรบั ทพั ทกุ กอง ถ้าไพร่ตามนายมิทันให้ฆ่าเสีย ฝ่ายข้าหลวงตามเสด็จมิทันจะลงพระอาชญาถึงสิ้นชีวิต วัน ๗ ๑ฯ ๗ ค่ำ (วันเสาร์ เดือน ๗ ขึ้นค่ำ) เสด็จโดยทางสถลมารค ประทับแรม ณ พระตำหนกั คา่ ยมน่ั บางแฃม หลวงวงั ไปสบื ราชการมากราบทลู วา่ เหน็ พมา่ ตง้ั อยใู่ นเมอื งกำแพงเพชร ประมาณ ๒,๐๐๐ เศษ * พระราชพงศาวดารกรงุ ธนบรุ ี ฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) วา่ พญาสรบดนิ ทร์
พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๖๓ ครน้ั ณ วนั ๔ ๕ฯ ๗ คำ่ (วนั พธุ เดอื น ๗ ขน้ึ ๕ คำ่ ) หมน่ื ชำนคิ ชสารกราบทลู วา่ พมา่ ยกไปจากเมืองพิศนุโลกย์ เผาวัดเสียสิ้นยังเหลือแตพ่ ระชิณราช จึ่งตรัสให้พญายมราชยกขึ้นไป ทางตะวันตก ให้พญาราชสุภาวดีไปทางตะวันออก พญานครสวรรค์นั้นยกขึ้นไปประสมกัน วงั พระธาตขุ า้ มพรอ้ มกนั ทเี ดยี ว ณ วัน ๕ ฯ๖ ๗ ค่ำ ( วันพฤหัสบดี เดือน ๗ ขึ้น ๖ ค่ำ ) ทัพหลวงขึ้นไปประทับแรม ฟากตะวนั ออกเหนอื ปากนำ้ ขลมุ ใหป้ ระหารขนุ สนุ ธรนรุ ตั หมน่ื สนน้ั กบั บา่ วคนหนง่ึ เสยี บไว้ ณ หาดทราย หนา้ คา่ ยหลวง อนง่ึ หลวงวงั ไปสบื ราชการ ณ บา้ นสามเรอื น มากราบทลู วา่ พมา่ ยกไปประมาณพนั เศษ จง่ึ ตรสั ใหเ้ จา้ พญานครสวรรคถ์ อยทพั ลงมาจากบา้ นโคน แลพญาสรุ บดยี กไปตามพมา่ ณ เมอื งกำแพงเพชร บอกมาให้กราบทูลว่า พม่าบ้านกงธานีนั้นเลิกไปแล้ว พม่าซึ่งตั้งอยู่เมืองกำแพงเพชรก็ยกไปทางตะวันตก ณ วัน ๕๑ฯ๒๗ ค่ำ (วันพฤหัสบดี เดือน ๗ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ) ถอยทัพหลวงมาประทับร้อน เมืองณครสวรรค์ ชาวด่านเมืองอุไทยธานีบอกมากราบทูลว่า พม่ายกผ่านลงมา ๑,๐๐๐ เศษ * เผาพระตำหนกั เสยี แลว้ แทงหลวงตาลำบากอยอู่ งคห์ นง่ึ ยกไปทางนารจี ง่ึ ใหก้ องแกว้ จนิ ดายกไปตาม ถา้ ทนั เขา้ ใหต้ จี งแตกฉาน แลว้ ใหต้ ามไปถงึ ไซรโยก ณ วัน ๗๑ฯ๕๗ ค่ำ ( วันเสาร์ เดือน ๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ) ปีวอกอัฐศก เสด็จถึงเมืองธนบูรยี ์ วนั ๒ ๒ฯ ๗ คำ่ (วนั จนั ทร์ เดอื น ๗ แรม ๒ คำ่ ) พญายมราช พญาสภุ าวะดี บอกลงไปวา่ ได้รบพม่าเมืองอุไทยธานีสามารถ จึ่งให้พระเจ้าลูกเธอกรมขุนอินทรพิทัก ถือพล ๑,๐๐๐ หนึ่ง ยกทัพเรือหนุนขึ้นไป วนั ๕ ๕ฯ ๗ คำ่ ( วนั พฤหสั บดี เดอื น ๗ แรม ๕ คำ่ ) พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ โดยทางสถลมารค ขึ้นไปถึงพระตำหนักเมืองไชนาถฟากตะวันออก สั่งใหก้ รมขุนอินทรพิทักกลับลงไปรักษากรุงธนบรู ยี ์ อนึ่งพญายมราชบอกมากราบทูลว่า ตั้งประชิดพม่าอยู่ ณ เมืองอุไทยธานีนั้น ขัดสนด้วยเสบียง อาหารนัก ล่าทัพถอยลงมาตั้งอยู่ดอนไก่เถือน หม่อมเจ้านราธิเบศ กองแก้วจินดาบอกมาว่า ติดตามพม่าไปทันได้รบกัน ณ บ้านเดีมบางนางบวดสามารถ พม่าล้มตายเป็นอันมากจึ่งสั่งว่า พม่ามิได้ติดตามลงมาติดพันแล้วเป็นเทศกาลจะได้ทำนา ให้เลิกทัพเมืองพิจิตร เมืองณครสวรรค์ * พระราชพงศาวดารกรงุ ธนบรุ ี ฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) วา่ ๑๐๐ เศษ
๓๖๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ คงุ้ สำเภาลงมายงั คา่ ยหลวงเมอื งไชยนาถใหส้ น้ิ ใหพ้ ญายมราช พญาราชสภุ าวดี พญารามญั ยกทางบก ไปลงเมอื งนครไชยศรี เมอื งราชบรู ยิ ถา้ พบพมา่ ใหต้ ี ถา้ ปะครวั เรน้ ซอ่ นอยใู่ นปา่ ใหก้ วาดตอ้ นลงไป อนึ่งเจ้าพญาจักรี เจ้าพญาสรศรี พญาธรรมา ให้คุมไพร่พลทั้งปวงทำนาฟากตะวันออก กรงุ ธนบรู ยี ์ พญายมราช พญาราชสภุ าวะดี ตง้ั ทำนา ณ ทงุ่ แบนหนองบวั แขวงเมอื งณครไชยษรี วัน ๑ ๑ฯ ๘ ค่ำ (วันอาทิตย์ เดือน ๘ ขึ้นค่ำ) เสด็จขึ้นไปเมืองณครสวรรค์ ให้พญายมราช พญามหาเสนาเรง่ ยกไป แลว้ เสดจ็ กลบั ลงมาในวนั นน้ั ลงเรอื พระทน่ี ง่ั ณทรพั ยามาประทบั แรมบางงว่ิ ณ วนั ๓ ๓ฯ ๘ คำ่ (วนั องั คาร เดอื น ๘ ขน้ึ ๓ คำ่ ) ถงึ เมอื งธนบรู ยี บำรงุ โยธาทหารไวใ้ หม้ นี ำ้ ใจ วนั ๔ ๙ฯ ๙ คำ่ (วนั พธุ เดอื น ๙ ขน้ึ ๙ คำ่ ) ปวี อกอฐั ศก กรมขนุ อนรุ กั สงคราม กรมขุนราม ผูเบต พญามหาเสนา พญายมราช นายทัพนายกองบอกมาให้กราบทูลว่า พม่าขัดสนด้วย ข้าวปลาอาหารนัก เลิกไปจากเมืองอุไทยธานีสิ้นแล้ว แลพม่าซึ่งตั้งอยูเ่ มืองณครสวรรคน์ ั้นก็เลิกไป อยปู่ ระมาณ ๘๐๐-๙๐๐ คอยท่าพม่าซึ่งไปหาข้าว ณ เมืองพิชรบูรรนายมนั้น วนั ๗๑ฯ๒๙ คำ่ ( วนั เสาร์ เดอื น ๙ ขน้ึ ๑๒ คำ่ ) ปวี อกอฐั ศก ยกทพั หลวงจากเมอื งธนบรู ยี ๑๑ กอง เสด็จโดยทางสถลมารคขึ้นไปปราบพม่า ณ เมืองฝ่ายเหนือ แจ้งในบอกว่าทัพหน้าตีพม่า เมืองณครสวรรคแ์ ตกไปทางเมืองกำแพงเพชร ณ วัน ๕ ฯ๒ ๙ ค่ำ (วันพฤหัสบดี เดือน ๙ แรม ๒ ค่ำ) ให้กรมขุนรามผู้เบศ เจ้าพญา อินทอไภยอยู่รักษาค่ายเมืองณครสวรรค์ แล้วยกทัพหลวงไปโดยสถลมารคถึงเมืองกำแพงเพชร พม่าซึ่งแตกไปอยู่ในป่าดงนั้น กองทัพทั้งปวงจับมาถวาย ๓๓๐ เศษ จึ่งให้พญายมราช พญารามัญ ยกติดตามไปทางระแหงจนปลายด่าน วัน ๕ ๙ฯ ๙ ค่ำ (วันพฤหัสบดี เดือน ๙ แรม ๙ ค่ำ) ถอยทัพหลวงมาถึงบ้านระแหง ทอดพระเนตรเหน็ ตน้ ขา้ วซง่ึ พมา่ ทำนาไวส้ ง่ั ใหถ้ อนเสยี วัน ๒๑ฯ๓๙ ค่ำ (วันจันทร์ เดือน ๙ แรม ๑๓ ค่ำ) เสด็จถึงเมืองธนบูรีย แลทรง พระวิตกถึงสมณะซึ่งขับต้อนลงมาแต่เมืองฝ่ายเหือ จึ่งประเดียงพระสังฆราชไว้ว่า ถ้าพระสงฆ์ อนุจรอารามใดขัดสนอาหาร ให้เบิกข้าวฉางหลวงไปถวายแล้วทรงพระราชศรัทธาถวายสมณบริขาร แกอ่ าคนั ตกุ ะเปน็ อนั มาก แลเลกิ คนรกั ษาหนา้ ทเ่ี ชงิ เทนิ เสยี ไปทำไรน่ าหากนิ ตามภมู ลิ ำเนา
พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๖๕ วัน ๖ ๓ฯ๑๐ ค่ำ ( วันศุกร์ เดือน ๑๐ ขึ้น ๓ คำ ) พญาราชภักดีซึ่งไปตามพม่าทางเมืองเพชรบูร นายมนั้น ยิงพม่าตายเป็นอันมาก จับได้ ๙ คน วนั ๗๔ฯ ๑๐ คำ่ (วนั เสาร์ เดอื น ๑๐ ขน้ึ ๔ คำ่ ) กองพญายมราช พญารามญั ตามพมา่ ไป ถงึ ดา่ นแมล่ ะมา ยงิ พมา่ ตายลำบากเปน็ อนั มาก จบั ได้ ๑๗ คน วัน ๑ ๗ฯ ๑๐ ค่ำ (วันอาทิตย์ เดือน ๑๐ ขึ้น ๗ ค่ำ) พญาธิเบศบดีกองอาษาจามไปตาม พม่าเมืองพิศนุโลกย์ จับได้ ๑ คนแลเครื่องศัสตราวุธส่งมาถวาย วนั ๗๑ฯ๑๑๐ คำ่ (วนั เสาร์ เดอื น ๑๐ ขน้ึ ๑๑ คำ่ ) เจา้ พญาณครสวรรค์ พญาพไิ ชย อาษาใหม่ สง่ พมา่ ลงมา ๔๙ คน กรมขนุ อะนรุ กั ษส์ ง่ คราม พญามหาเสนา สง่ พมา่ ลงมาแตแ่ ควกำแพงเพชร ๑๑ คน อนึ่งเจ้าพญากรุงปันหยีจัดซื้อปืนถายเข้ามา ๑,๔๐๐ อกแลสิ่งของเครื่องบรรณการต่าง ๆ วนั ๒๑ฯ๒๑ คำ่ (วนั จนั ทร์ เดอื น ๑๐ แรม ๑๒ คำ่ ) ปวี อกอฐศก เพลาบา่ ย นางพญา ชา้ งเผอื กลม้ จึ่งดำรัสให้ฝังไว้ ณ วัดสามเพง ที่ฝังเจ้าพญาปราบไตรยจักรนั้น วัน ๑ ๓ฯ ๑๑ ค่ำ (วันอาทิตย์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๓ ค่ำ) จุลศักราช ๑๑๓๘ ปีวอกอัฐศก พระราชทานนามเจ้าณคร ให้คืนเมืองเป็นเจ้าขัณฑสีมาดังเก่า พระราชทานราชูปโภคเป็นอันมาก วัน ๒ ๘ฯ ๑ ค่ำ (วันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๘ ค่ำ) เสด็จไปบำเพ็ญพระกรรมฐาน ณ พระอุโบสถวัดบางญี่เรือ แล้วทรงพระประสาทเลื่อมใสศรัทธาอุทิศถวายเรือโขมดยาปิดทองทึบ หลังคาศรีสักหลาดเหลืองลำหนึ่ง คนพาย ๑๐ คน พระราชทานเงินคนละ ๒ ตำลึง แลผ้าขาว ใหบ้ วชเปน็ ปะขาว ถวายไตรปฎิ กพระหบี คู่ ๑ สำหรบั ใสว่ ธิ อี ปุ เทศพระกรรมฐาน แลว้ ทรงสตั ยาธษิ ฐานวา่ เดชะผลทานน้ี จงยงั พระลกั ขณะปติ อิ นั บงั เกดิ แกข่ า้ พเจา้ แลว้ อยา่ ไดป้ ราศจากแลพระธรรมซง่ึ ยงั มไิ ด้ บเั กดิ นน้ั ขอจงให้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าภิญโญภาวะยิ่ง ๆ ขึ้นไป อนึ่งจงเป็นปัจจัยแก่พระโพธิญาณ ในอนาคตกาลโน้นเถิด ครั้นเสร็จเชิญพระไตรปิฎกธรรมลงเรือ ข้าทูลละออง ฯ ฝ่ายทหารพลเรือน แลราษฎรทั้งปวง แหแหนขึ้นตามแม่น้ำ ถึงบางญี่ขันแล้วแห่คืนเข้าไป อนึ่งให้พระราชาคณะ พญามหาเสนา กำกับกันเอาเงิน ๑๐ ชั่ง ไปเที่ยวพระราชทาน แก่คนโซในกรุงนอกกรุงธนบูรีย์
๓๖๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ วัน ๒๑ฯ๕๑ ค่ำ ( วันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๑๕ คำ ) เชิญพระอัฐิสมเด็จพระพันปีหลวง ลงเรอื แหแ่ ตฉ่ นวนนำ้ เขา้ ไปพระเมรุวดั บางญเ่ี รอื ใน นมิ นตพ์ ระสงฆส์ บสงั วาสหมน่ื หนง่ึ ถวายมหาทาน เปน็ อนั มาก สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงศลี บำเพญ็ พระธรรม แรมอยพู่ ระตำหนกั วดั บางญเ่ี รอื นอก ๕ เวร ใหท้ ำกฎุ ี ๑๒๐ กฎุ ี แลว้ ใหบ้ รู ณปฏสิ งั ขรณพ์ ระพทุ ธรปู แลพระเจดยี ์ วหิ ารครู่ มิ พระอโุ บสถนน้ั ให้ขุดลงแล้วปลูกบัวหลวงชำระแผ้วถางให้กว้างออกไปกว่าแต่ก่อน แล้วอาราธนาพระสงฆ์ฝ่ายคณะ วิปัสสนามาอยู่ ณ กุฎีซึ่งทำถวายให้ข้าทูลละอองปรนนิบัติ แลเสด็จไปถวายพระราชโอวาทแก่ พระสงฆ์ โดยอธบิ ายซง่ึ พระองคบ์ ำเพญ็ ไดใ้ หต้ อ้ งดว้ ยวธิ ี จะไดบ้ อกกลุ ปตปิ ตศิ าสนาสบื ไป วนั ๖ ๘ฯ ๓ คำ่ (วนั ศกุ ร์ เดอื น ๓ แรม ๘ คำ่ ) เพลา ๒ ยาม เสอื เขา้ มากนิ เขมรชาย ซง่ึ เฝา้ สวนวัดบางญีเ่ รือ พระเจ้าลูกเธอแลเจ้าพญาจักรี พญายมราช ข้าหลวงออกไปวางยาเบื่อ เสือกินเมาอยู่ จึ่งแต่งคนเข้าไปแทงเสือนั้นตาย วนั ๒๑ฯ๑๓ คำ่ (วนั จนั ทร์ เดอื น ๓ แรม ๑๑ คำ่ ) เพลาบา่ ย ๓ โมงเศษ บงั เกดิ ลมพายุ ลมฝนหนกั เรือนราษฎรในกำแพงนอกกำแพงหักโค่นลงเป็นอันมาก วัน ๖ ฯ๑๔ ค่ำ (วันศุกร์ เดือน ๔ ขึ้นค่ำ) หล่อปืนพระพิรุณ ณ สวนมังคุด อนง่ึ แต่ ณ ปวี อกอฐั ศก พญานางรองคบคดิ กนั กบฏกบั เจา้ โอ เจา้ อนิ อมั ฮาด ทำการ กำเริบขึ้น จึ่งดำรัสให้เจ้าพญาจักรีเป็นจอมทัพขึ้นไปจับพญานางรองฆ่าเสีย แต่เจ้าโอ เจ้าอิน อัมฮาดนั้นหนีไปเมืองปาศัก จง่ึ จดั ทพั ฝา่ ยหนง่ึ ใหเ้ จา้ พญาษรสเี ปน็ แมท่ พั ยกขน้ึ ไปบรรจบกองเจา้ พญาจกั รี กระทำแกเ่ มอื งปาศกั เมืองโขง เมืองอัตปืนได้ ครั้นปีระกานพศก จึ่งเลิกทัพกลับมากรุงธนบูรีย์ ขณะนั้นพระราชทานนามเจ้าพญาจักรี ใหเ้ ปน็ สมเดจ็ พระเจา้ กระษตั รศกึ อนั พฤิ กษมหมึ า ทกุ นกั คราระอาเดจ์ ณะราเรศราชสรุ ยี วงศ์ องค์อัคบาท มลุ กิ ากร เอกาทธรฐอศิ วรบรมนารถบรมบพติ ร สถติ ณ กรงุ เทพทวาราวดศี รอี ยทุ ธยา มหาดลิ กภพ นพรัตนราชธานีบูรียรมย์ อุดมพระราชนิเวษมหาสถาล อนึ่งเข้าทรงนั่งให้โตะแขกดูได้ ๕ บาท ออกแล้วตรัสถามว่าเห็นเป็นประการใด โตะแขก กราบทูลว่า ซึ่งทรงนั่งสมาธิอย่างนี้ อาจารย์ซึ่งได้เล่าเรียนมาแต่ก่อนนั้น อันจะได้พบเห็นเสมอ พระองคฉ์ ะนไ้ี มม่ เี ลย
พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๖๗ วนั ๔๑ฯ๔๗ คำ่ (วนั พธุ เดอื น ๗ แรม ๑๔ คำ่ ) ปรี ะกานพศก เพลาเชา้ พระสงั ฆราช พระราชาคณะเขา้ มาถวายพระบาลที รงนง่ั แลโตะ๊ รดิ โตะ๊ ทองโตะ๊ นก กเ็ อาหนงั สอื ขา้ งแขกซง่ึ นง่ั รกั ษาจิต เปน็ สมาธเิ ขา้ มาอา่ นถวาย จึ่งเมืองณครบอกเข้ามาว่า เมืองตานีกระด้างปีหน้าจะขอออกไปตี ทรงพระกรุณาตรัสว่า พม่ายกลงมาเมืองเชียงใหม่ ท้าวพญาลาวเมืองเชียงใหม่ เมืองละคร เลิกครัวอพยพลงมาอยู่เมือง สวรรคโ์ ลกย์ บ้านระแหงหาผู้ใดไปยายีไม่ กองทัพพม่าเลิกไปเป็นอันเร็ว ได้ความว่าลูกเจ้าอังวะ คนเก่าฆ่าญาติวงศ์เสียเป็นอันมาก แล้วน้องเจ้าอังวะต่อรบหลาน ๆ แพ้หนีไปอยู่เมืองสร่วยปู นอ้ งพระเจา้ องั วะผตู้ ายครองสมบตั อิ ยู่ มีศกึ กะแซยกมาแตเ่ มอื งจนี ยกไปตง้ั การทจ่ี ะทำกรงุ องั วะ จึ่งสั่งให้ทูตออกไปแจ้งราชกิจกรุงปกิ่ง เพื่อจะเสด็จพระราชดำเนินไปขนาบตีกรุงอังวะ ด้วยทัพจีน ราชการมากอยู่ กิจการซึ่งจะเป็นเสี้ยนหนามหนหลังต่อขึ้นไปให้สงบไว้ ต่อเมื่อใดคล่องแคล่ว * ขึ้นแล้วจึ่งจะกำหนดการออกไป แลว้ ตรสั ประภาษถงึ กรรมฐานวา่ พระนาภพี ระองคน์ น้ั แขง็ ไป กระแหบบมเิ ขา้ ผดิ กบั สามญั โลก ทั้งปวง อัศจรรย์ดังนี้ต้องด้วยพระบาลีในพระกรรมฐาน แล้วตรัสถามพระราชาคณะด้วยพระรูป แลพระลักษณ ทรงพระฉายดูเห็นเป็นปริมณฑลฉะนี้ จะต้องพระบาลีว่าอย่างไร พระราชาคณะ ถวายพระพรวา่ พระบาลพี ระลกั ษณะสมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ พระรปู นน้ั เปรยี บประดจุ ตน้ พระไทร ปรมิ ณฑล มิได้สูงมิได้ต่ำมิได้ยาวมิได้สั้น มีพระลักษณะหนา ๗ ประการ คือพระกรซ้าย ๑ พระกรขวา ๑ พระบาทซา้ ย ๑ พระบาทขวา ๑ พระองั สาซา้ ย ๑ พระองั สาขวา ๑ พระอรุ ะหนง่ึ เปน็ ๗ ประการ จง่ึ ทรงพระกรณุ า ใหห้ ลอ่ พระพทุ ธรปู จงตอ้ งดว้ ยพระพทุ ธลกั ษณะ ใหพ้ ระสงั ฆราชเอาพระบาลอี อกกาง ใหช้ า่ งทำ อนึ่งพระสังฆราชแปลพระบาลีพระพุทธลักษณะถวาย พระลักษณะใหญ่ ๓๒ ประการ พระลักษณะน้อย ๘ ประการ จึ่งทรงดูพระพุทธองค์ต้องพระพุทธลักษณะ คือสูงเท่าวาของพระองค์ สิ่งหนึ่ง มีเส้นพระอุณาโลมหว่างพระขนงขาวอยู่เส้น ๑ พระนาภีเวียนขวาเป็นทักษิณาวัฏ ๑ แลพระปฤษฎางค์ใหญ่ ๑ ฝ่าพระหัตถ์พระบาท พระพาหา พระอุระหนาทั้ง ๗ ประการ ต้องพระพุทธลักษณะทั้ง ๗ สิ่ง แลพระปรางค์หนาอิ่มเป็นปริมณฑล ๑ เมื่ออ่านพระบาลี แลชนั สตู รพระองคไ์ ปทกุ ประการ ตอ้ งพระพทุ ธลกั ษณะ ๑๒ สง่ิ ทไ่ี มต่ อ้ งทรงบอกวา่ ไมต่ อ้ ง * พระราชพงศาวดารกรงุ ธนบรุ ี ฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) วา่ ตอ่ เมอ่ื ใดขา่ วคราวคลอ่ งแคลว่
๓๖๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ อนึ่งพระมหาอำมาตทูลเบิกพญาวิเชียนปราการเจ้าเมืองเชียงใหม่เข้ามาเฝ้า ตรัสว่าพม่า มันจะยกเลกิ ไป เมอื งมนั มศี กึ อยแู่ ลว้ พญาวเิ ชยี นปราการจะพาครอบครวั กลบั ไปเมอื งกไ็ ปเถดิ แลว้ ทรง พระกรุณาให้หลวงวิจิตรนฤมลปั้นพระพุทธรูปให้ต้องด้วยพระพุทธลักษณะ พระเจ้าสมาธิองค์หนึ่ง พระยืนองค์หนึ่ง แล้วตรัสถามพระสังฆราชว่า เงินคงอยู่ในพสุธา บัดนี้สั่งสอนโลกทั้งปวง ให้ทำทานด้วยทองด้วยเงินแล้ว จะไปได้สมบัติฟากฟ้านั้นจะได้ด้วยกุศลตัวใด ครั้นพระสังฆราช ถวายวิสัชนาแล้ว จึ่งตรัสนิมนต์พระเทพกระวีออกไปเมืองกำภูชา พระพรหมมุนีไปนครศรีธรรมราช ค้นคัมภีร์พระวิสุทธิมรรคเอาเข้ามาสถาปนาไว้ แล้วสั่งปลัดวังให้หาเจ้าตลาดบกตลาดเรือเข้ามา ทรงพระกรุณาจะทายว่า คนนั้นกับผู้นั้นจะอยู่ด้วยกันยืดหรือมิยืด แล้วจะให้รู้จักว่าหญิงนั้น รักษาราคหรือรักษาทรัพย์ รักษาธรรม อนึ่งกรมขุนอะนุรักษสงคราม พญาทุกขราชกรมการ พระกุย พระปรานบุรี บอกส่งคนบ่าว ข้าทูลละอองธุลีพระบาทซึ่งลามูลนายออกไปทำกิน แลหนีออกไปทั้งครอบก็มีบ้าง ลุศักราช ๑๑๓๙ ปีจอสัมฤทธิศก ครั้นปีกุนเอกศก ดำรัสใหพ้ ระเจ้ากระษัตรศึ่กเป็นจอมทัพ ยกไปกระทำแก่กรุงศรีสัตนาคะนะหุตได้ จึ่งอัญเชิญพระพุทธปฏิมากรแก้วมระกฎลงมากรุงธนบูรีย พระเจ้าอยู่หัวให้แต่งโรงรับเสด็จขึ้นประดิษฐานไว้ ณ ข้างพระอุโบสถวัดแจ้ง แล้วก็กระทำ มหันตสถานสมโภชเป็นอันมาก ในปีนั้นมหาดาบวชอยู่วัดพระราม ประพฤติพาลทุจริตมิได้ตั้งอยู่ในศีลสังวรวินัย กอปร ด้วยการโกหกล่อลวงคนให้ลุ่มหลง กำเริบจิตต่าง ๆ คิดการกบฏต่อแผ่นดิน จึ่งดำรัสให้คุมเอาตัว ลงมาสิ้นทั้งพรรคพวก แล้วให้ประหารเสีย ณ ท้ายป้อมวิไชยประสิท ลุศักราช ๑๑๔๐ ๑ อนึ่งในปีชวดโทศกนั้น ๒ ให้จับญวนกบฏมาประหารเสียทั้งพรรคพวก เป็นอันมาก ครั้นปีฉลูตรีศก ๓ เดือนยี่ ดำรัสให้จัดทัพเป็นหกทัพ ให้เจ้าพญาศรศรีเป็นทัพหน้า พระเจ้ากระษัตรศึ่กถืออาชญาสิทธิ์เป็นจอมพลทัพหลวง กรมขุนอีนทรพิทักษเป็นทัพหนุน ๑ เปน็ ปกี นุ ๒ จลุ ศกั ราช ๑๑๔๒ ๓ จลุ ศกั ราช ๑๑๔๓
พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๖๙ เจ้าพญาณครสวรรค์เป็นยกกระบัตรทัพ กรมขุนรามผู้เบศเป็นทัพหลัง พญาธรมาเป็นกองลำเลียง ยกไปตีเมืองพุทไทเพชร ฝา่ ยการแผน่ ดนิ ขา้ งเมอื งธนบรู ยี นน้ั กผ็ นั แปรตา่ ง ๆ เหตพุ ระเจา้ แผน่ ดนิ นน้ั เสยี พระจรติ ฟั่นเฟือนไป ฝ่ายพุทธจักรแลอาณาจักรทั้งปวงเล่า ก็ปรวนแปรเป็นหมู่ ๆ มิได้ปรกติเหมือนแต่ก่อน เหตุ พระเจ้าแผ่นดินนั้นทรงนั่งอุรุพัทธ์โดยพระกรรมฐานสมาธิ แลจะยังภิกษุทั้งปวงให้คารวะเคารพนบ นมัสการแก่พระองค์ ฝ่ายการในอากาศเล่าก็วิปริตต่าง ๆ คือมีอุกกาบาตแลธุมเกตบันดาลตกเป็นต้น วนั ๗๑ฯ๑๔ คำ่ (วนั เสาร์ เดอื น ๔ แรม ๑๑ คำ่ ) จลุ ศกั ราช ๑๑๔๓ ปฉี ลตู รศี ก ไพรพ่ ลเมือง กำเริบคิดพร้อมกันจะยุทธนาการปล้นเอาเมือง ด้วยพระเจ้าแผ่นดินมิได้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม สิบประการ ให้นัยแก่คนพาลให้ฟ้องร้องข้าทูลละอองธุลีพระบาทใหญ่น้อยข้างหน้าข้างใน อาณาประชาราษฎรทั้งหลายว่า ขายข้าวเกลือนองาเนื้อไม้สิ่งของต้องห้ามทั้งปวง ไม่ขายว่าขาย ไม่ลักว่าลัก แต่พวกโจทก์ถึง ๓๓๓ คน มีพันษี พันลาเป็นต้น เอาฟ้องมายื่นแก่โยธาบดี ๆ บังคมทลพระเจ้าแผ่นดิน ๆ พิพากษากลับเท็จเป็นจริง บังคับว่าถ้าโจทก์สาบานได้ ให้ปรับไหมลง เอาเงินแก่จำเลยตามโจทก์หามากแลน้อย ถ้าจำเลยมิรับให้เฆี่ยนขับให้ตบต่อ บ้างตาย บา้ งลำบากเป็นอันมาก แล้วล่อลวงให้ลุกะโทษตามมีแลยาก ฝ่ายข้าราชการแลราษฎรกลัวภัย คิดกันรับลุกะโทษเปลา่ ๆ วา่ ขายสง่ิ ของตอ้ งหา้ มไปตา่ งประเทศเปน็ เงนิ กเู้ งนิ เรอื น * คนละ ๑๐๐ ชง่ั คนละ ๒๐๐ ชง่ั บา้ งสำคญั วา่ สน้ิ โทษแลว้ ครน้ั มผี ฟู้ อ้ งกลบั พจิ ารณาถา้ สง่ิ ของตอ้ งในลกุ ะโทษ มากนอ้ ยเทา่ ใดหกั เสยี เทา่ นน้ั ทเ่ี หลอื แลตา่ งกนั ใหป้ รบั ไหม ถา้ รบั ตามฟอ้ งปรบั ทวคี ณู เอาเงนิ กง่ึ หนง่ึ ถา้ ไมร่ บั จนลงหวายจง่ึ รบั ใหป้ รบั จตั รุ คณู ทค่ี นมกี ไ็ ดใ้ ห้ ทห่ี าไมข่ ดั สนทนเรง่ ไปทกุ วนั ทกุ เวลากวา่ จะได้ บา้ งตายบา้ งลำบากไดค้ วามยากทว่ั ไป จนหวั เมอื ง เอก โท ตรี จตั วา มหี นา้ ครำ่ ดว้ ยนำ้ ตา ทห่ี นา้ ชน่ื ตาบานแต่ฝ่ายคนพาลซึ่งเป็นโจทก์ แลพวกโจทก์อาศัยเหตุอาสัจอาธรรมบังเกิดมีเป็นอาทิดังนี้ นายบ้านนายอำเภอไพร่พลเมืองจึ่งคิดควบคุมกันเป็นหมวดเป็นกอง พร้อมกันฆ่าอ้ายวิชิตรณรงค์ ผู้รักษากรุงซึ่งพระเจ้าแผ่นดินให้ไปพิจารณาเงินจีนนั้น จึ่งเอาพญาสวรรค์ซึ่งรับสั่งใช้ให้ขึ้นไป พิจารณาเอาตัวผู้ร้ายนั้นเป็นแม่ทัพยกลงมาตีเอาเมืองธนบูรีย์ เพลา ๑๐ ทุ่มเข้าล้อมวังไว้รอบ พญาสวรรคต์ ง้ั อยู่ ณ บา้ นกรมเมอื ง พระเจา้ แผน่ ดนิ รเู้ หตกุ เ็ กณฑข์ น้ึ รกั ษาหนา้ ทไ่ี ว้ * พระราชพงศาวดารกรงุ ธนบรุ ี ฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) วา่ เงนิ กเู่ งนิ เหรยี ญ
๓๗๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ครน้ั รงุ่ ณ วนั ๑๑ฯ๒๔ คำ่ (วนั อาทติ ย์ เดอื น ๔ แรม ๑๒ คำ่ ) ใหร้ าชาคณะออกมา เจรจาความเมือง สารภาพผิดชีวิตจะบรรพชา พญาสวรรค์ก็ยอม ในวันนั้นเพลา ๓ ทุ่ม พระเจา้ แผน่ ดนิ ทรงพระผนวช ณ พทั ธเสมาวดั แจง้ อยใู่ นราชสมบตั ิ ๑๔ ปี พญาสวรรคจ์ ง่ึ แตง่ ทหาร ไปพิทักษ์รักษาไว้ แล้วก็เขาอยู่ในท้องพระโรงกับหลวงเทพน้องชาย จึ่งจับกรมขุนอะนุรักสงคราม หลานเธอจำไว้ แล้วเอาเงินในท้องพระคลังแจกทแกล้วทหารกรมฝ่ายในฝ่ายหน้า วัน ๓ ๖ฯ ๕ ค่ำ (วันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๖ ค่ำ) จุลศักราช ๑๑๔๔ ปีขาลจัตวาศก เพลาเทย่ี ง เห็นดวงพระจันทร์ปรากฏกลางวัน ครน้ั ถงึ ณ วนั ๔ ๙ฯ๕ คำ่ ( วนั พธุ เดอื น ๕ ขน้ึ ๙ คำ่ ) พญาสรุ ยี อไภยยกกองทพั ไทยลาว ประมาณ ๑,๐๐๐ เศษ ลงมาจากเมอื งนครราชศรมี า ๆ ตง้ั อยู่ ณ บา้ น ครง้ั นน้ั ขา้ ราชการเปน็ สองฝา่ ย เป็นพวกพญาสวรรค์บ้าง เป็นพวกพญาสุริยอไภยบ้าง การยุทธนาการมิได้สงบ ถงึ ณ วนั ๓ ๕ฯ ๕ คำ่ ( วนั องั คาร เดอื น ๕ แรม ๕ คำ่ ) พญาสวรรค์ พญามหาเสนา พญารามญั วงษ คบคดิ กบั กรมขนุ อะนรุ กั ษสงคราม ปลอ่ ยออกจากเวรจำใหไ้ ป ณ บา้ นแตเ่ พลาพลบคำ่ ตง้ั คา่ ยวางคน รายโอบลงมาวดั บางวา้ เพลา ๓ ยามจดุ ไฟขน้ึ ณ บา้ นปนู แลว้ ยกลงมา ฝา่ ยพญาสรุ ยี อ์ ไภ จะได้สะดุ้งตกใจหามิได้ ไล่โยธาทหารให้เข้ารบต้านไว้วางคนรายกันไป ที่ได้รบหน้าให้วางปืนตับ แตกกระจายออก ครั้นเห็นเพลิงไหม้มาใกล้คฤหสถานที่อยู่ จึ่งตั้งสัตยาธิษฐานว่าข้าพเจ้า บำเพ็ญศีลทานการกุศลสิ่งใด ๆ ก็ปรารถนาพระโพธิญาณสิ่งเดียว เดชะความสัตย์ฉะนี้ ขอจงพระพายุพัดกลับขึ้นไป อย่าให้ไฟไหม้มาถึงบ้านเรือนข้าพเจ้าได้เลย พอตกวจีสัตยาธิษฐานลง ลมก็พัดกลับขึ้นไป เพลิงก็ไหม้อยู่แต่ภายนอกบ้านประจักษ์แก่คนทั้งปวง แต่รบกันอยู่สามารถ จนรุ่งเห็นตัวกัน จึ่งรู้ว่าขุนอะนุรักษส์ งครามมารบ ครั้นเพลา ๕ โมงเช้า ขุนอะนุรักษ์สงคราม แลพวกพลแตกหนีไป ตามจับตัวได้ในวันนั้นจำครบไว้ สืบเอาพวกเพื่อนได้เป็นอันมาก วนั ๗ ๕ฯ ๕ คำ่ ๑ ( วนั เสาร์ เดอื น ๕ แรม ๕ คำ่ ) เพลาเชา้ ๒ โมง พระเจา้ กระษตั รศก่ึ เสดจ็ พระราชดำเนินทัพมาจากเสียมราบ ประทับ ณ พลับพลาหน้าวัดโพธาราม ฝ่ายข้าทูลละออง ผใู้ หญผ่ นู้ อ้ ยพรอ้ มกนั ไปเชญิ เสดจ็ ลงเรอื พระทน่ี ง่ั กราบขา้ มมาพระราชวงั สถติ ณ ศาลาลกู ขนุ มหี มู่ พฤฒามาตย์ราชกูลกวีมุขเฝ้าพร้อมกัน จึ่งมีพระราชบริหารดำรัสปรึกษาว่า เมื่อพระเจ้าแผ่นดินเป็น ๑ น่าจะเป็นวัน ๓ คือ วันอังคาร
พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๗๑ อสตั ยอ์ ธรรมดงั นแ้ี ลว้ ทา่ นทง้ั ปวงจะคดิ ประการใด มขุ มนตรที ง้ั ปวงพรอ้ มกนั ทลู วา่ พระเจา้ แผน่ ดนิ ละสตั ยส์ จุ รติ ธรรมเสยี ประพฤตกิ ารทจุ รติ ฉะน้ี กเ็ หน็ วา่ เสย้ี นหนามหลกั ตออนั ใหญอ่ ยใู่ นแผน่ ดนิ จะละไว้มิได้ ขอให้ปริวัตรออกประหารเสีย ฝ่ายทแกล้วทหารทั้งปวงมีใจเจ็บแค้นเป็นอันมาก กน็ ำเอาพระเจา้ แผน่ ดนิ แลพวกโจทกท์ ง้ั ปวงนน้ั ไปสำเรจ็ โทษ ณ ปอ้ มทา้ ยเมอื งในทนั ใดนน้ั แล้วสมณชีพราหมณ์เสนาพฤฒามาตย์ราษฎรทั้งปวง ก็ทูลอาราธนาวิงวอนอัญเชิญเสด็จ พระเจ้ากระษัตรศึ่กขึ้นปราบดาภิเศกเป็นอิศราอิศวรภาพผ่านพิภพสืบไป พระเจ้าอยู่หัวไปนมัสการ พระแกว้ มรกฎแลว้ เสดจ็ ประทบั แรม ณ พลบั พลาหนา้ หอพระนน้ั ครน้ั ณ วนั ๑ ฯ๖ ๕ คำ่ (วนั อาทติ ย์ เดอื น ๕ แรม ๖ คำ่ ) พญาสรุ ยี อไภยซง่ึ เปน็ พระเจา้ หลานเธอ ใหต้ ำรวจคมุ เอาตวั ขนุ อนรุ กั ษสงครามกบั ขา้ หลวงซง่ึ เปน็ พรรคพวก ๔๐ เศษ มอี า้ ยพญา เพชรพไิ ชย พญากลางเมอื ง พญามหาอำมาตย์ หลวงคชศกั ด์ิ พระมะหาเทพเนอื ราชรนิ ทรเ์ นอื เปน็ ตน้ เขา้ มาหนา้ พระแลว้ กราบทลู ความทง้ั ปวง จง่ึ ดำรสั ใหเ้ อาพรรคพวกไปฆา่ เสยี แตข่ นุ อนรุ กั ษ์ สงครามนั้นให้งดไว้พิจารณา จึ่งให้การถึงพญาสวรรค์ พญามหาเสนา พญารามัญวงษ์ พระวชิ ติ ณรง หลวงพศั ดกี ลาง พระเจ้าอยู่หัวทรงพระพิโรธให้ฆ่าเสีย ครน้ั ณ วนั ๒ ๘ฯ ๕ คำ่ (วนั จนั ทร์ เดอื น ๕ แรม ๘ คำ่ ) ปนู บำเหนจ็ ขา้ หลวงซง่ึ มคี วามชอบ โดยฐานาศกั ดเ์ิ ปน็ ลำดบั กนั แลว้ ทรงพระดำรวิ า่ ราชฐานใกลอ้ ปุ จารอารามทง้ั สองขา้ งมบิ งั ควร จง่ึ ดำรสั สง่ั พญาธรรมา พญาวจิ ติ รนาวี ใหส้ ถาปนาพระราชนเิ วศนใ์ หม่ ณ ฟากเมอื งขา้ งตะวนั ออก ครน้ั ณ วนั ๖ ๑ฯ๖ คำ่ (วนั ศกุ ร์ เดอื น ๖ ขน้ึ คำ่ ) เพลาบา่ ย ๔ โมง เสดจ็ สถติ แรมอยยู่ งั ทอ้ งพระโรง ใหช้ ำระโทษกรมฝา่ ยใน ณ วนั ๒ ๔ฯ ๖ คำ่ (วนั จนั ทร์ เดอื น ๖ ขน้ึ ๔ คำ่ ) เพลา ๕ โมงเชา้ เจา้ พญาศรศรีซง่ึ เปน็ สมเด็จพระอนุชาธิราชล่าทัพมาจากกรุงกำภูชาธิบดีกราบทูลว่า กรมขุนอินทรพิทักษ ขุนฉะณะ ตั้งอยู่ เกาะพนมเพง ๒,๐๐๐ ให้เขมร ๓๐,๐๐๐ ญวน ๘,๐๐๐ ลอ้ มไว้ ครน้ั ณ วนั ๑ ๒ฯ ๖ คำ่ (วนั อาทติ ย์ เดอื น ๖ แรม ๒ คำ่ ) สมเดจ็ พระอนชุ าธริ าชจง่ึ ชมุ พล ๖,๐๐๐ เศษ แยกกันออกเป็นหลายกอง ไปล้อมจับขุนอินทรพิทักษ์ได้ที่ตำบลเขาน้อยใกล้ปัถวี ทั้งขุนชะนะแลพรรคพวกเป็น ๗ คนกมุ ลงมา ณ เมืองธณบูรยี ์ วนั ๗ ๘ฯ ๖ คำ่ (วนั เสาร์ เดอื น ๖ แรม ๘ คำ่ ) กราบทลู พระกรณุ าแลว้ ใหป้ ระหารเสยี
๓๗๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ณ วนั ๑๑ฯ๐๖ คำ่ ( วนั อาทติ ย์ * เดอื น ๖ แรม ๑๐ คำ่ ) ปขี าลจตั วาศก แรกจบั การตง้ั วงั ใหม่ ครน้ั ณ วนั ๒ ๑ฯ ๘ คำ่ (วนั จนั ทร์ เดอื น ๘ ขน้ึ คำ่ ) ใหต้ ง้ั การพระราชพธิ คี รบ ๓ วนั แลว้ รงุ่ ขน้ึ ณ วนั ๕ ๔ฯ ๘ คำ่ (วนั พฤหสั บดี เดอื น ๘ ขน้ึ ๔ คำ่ ) ศกั ราช ๑๑๔๔ เพลาเชา้ ๔ บาท อำมฤคโชคอดุ มฤกษ์ พระสรุ ยิ เทวบตุ รทรงกลดจำรสั ดวง พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ทรงเรอื พระทน่ี ง่ั ศรศี กั หลาด พรอ้ มดว้ ยเรอื จำนำทา้ วพญาสามนตราชทง้ั ปวงแหแ่ หนหนา้ หลงั เปน็ ขบวนเสดจ็ ขา้ มฟากมาฉนวนนำ้ ฝา่ ยตะวนั ออก ขน้ึ เถลงิ พระทน่ี ง่ั บษุ บกมาลา มหาจกั รพดั ดพิ มิ าร พรอ้ มดว้ ยหมมู่ ขุ มาตยามนตรกี วชี าติ ราชสรุ ยิ วงศพ์ งศพ์ ฤฒาโหราจารยแ์ ซซ่ อ้ งถวายชยั มงคล แลราชสมบตั กิ กธุ ภณั ฑส์ ำเรจ็ แลว้ จง่ึ พระสงั ฆราช ราชาคณะฝ่ายคามวาสีอรัญวาสีพร้อมกันถวายพระนามว่า พระบาทสมเด็จบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรสี นิ ธรบรมมหาจกั รพรรดี ราชาธบิ ดนี ทร ธรนนี ทราธริ าช รตั นากาษภาศกรวงษ์ องคบ์ รมาธเิ บศ ตรผี วู้ ะเนตรว์ รนารฎนายก ดลิ กนพรตั นราช ชาตอิ าชาวะไศรย สมทุ ยดะโรมลตส์ กล จกั รวาฬาธเี บนทร สรุ เี ยนทราธบิ ดนี ทร หรหิ รนิ ทราธาดาธบิ ดี ศรสี วุ บิ ลุ คณุ อคั นจิ ์ ฤทธริ าเมศวร ธรรมมกิ ราชาธริ าช เดโชไชยพรหมเทพาดเี ทพ ตรภี วู ะนาธเิ บศ โลกยเ์ ชษฐวสิ ทุ ธิ มงกฎุ ปิ ระเทษคะตา มหาพทุ ทางกรู บรมบพติ รพ์ ระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั อนั เสดจ็ ปราบดาภเิ ศก ผา่ นพภิ พกรงุ เทพทวาราวดศี รอี ยทุ ธยา มะหาดลิ ก ภบนพรตั นราชธานบี รู ยี ร์ มย์ อดุ มพระราชนเิ วษมหาสถาน มรี าชโองการดำรสั ใหส้ มเดจ็ พระอนชุ าธริ าช เปน็ อปุ ราช โดยดง่ั บรุ พจารตี พระมหากษตั ราธริ าชเจา้ แตก่ อ่ น ฝา่ ยขา้ งกรงุ องั วะนน้ั มองหมอ่ งฆา่ จรงิ กจู าเสยี แลว้ ขน้ึ ปราบดาภเิ ศก จง่ึ โพเชยี งซง่ึ เปน็ นอ้ ง มงั ลอกนน้ั คดิ ฆา่ มองหมอ่ งเสยี วา่ ราชการอยู่ ๗ วนั แลว้ ยกสมบตั ใิ หแ้ กม่ งั แวงมงั จูผพู้ ่ี ใน ศักราช ๑๑๔๔ อะแซ่ร่วนกี้ ตะแคงมะระหน่องคิดการกบฏ จะคืนเอาสมบัติให้แก่โพเชี้ยง ฝา่ ยมงั ปาดงุ รรู้ หสั เหตนุ น้ั จง่ึ ใหจ้ บั โพเชยี ง อะแซร่ ว่ นก้ี ตะแคงมะระหนอ่ งประหารเสยี ครั้นศักราช ๑๑๔๖ ปี มังแวงปาดุ้งซึ่งเป็นพระเจ้าอังวะให้แวงแซะ ราชปิโยรสยกพยุหเสนา โยธาทัพไปตเี มืองยะไข่ได้แล้ว ก็ถอยทัพกลับไปกรุงอังวะ [ พระราชนพิ นธพ์ งศาวดาร เลม่ ๓๐ จบบรบิ รู ณ์ ] * พระราชพงศาวดารกรงุ ธนบรุ ี ฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) วา่ วนั จนั ทร์ ทถ่ี กู ควรจะเปน็ วนั จนั ทร์ เพราะวนั เสารน์ น้ั แรม ๘ คำ่ แรม ๑๐ คำ่ จงึ เปน็ วนั จนั ทร์
¾ÃÐÃÒª¾§ÈÒÇ´ÒÃ¡Ã§Ø ÊÂÒÁÏ ó÷ó ÀÒ¤¼¹Ç¡
ó÷ô »ÃЪÁØ ¾§ÈÒÇ´ÒéººÑ ¡Ò-¨¹ÒÀàÔ É¡ àÅÁè ò
¾ÃÐÃÒª¾§ÈÒÇ´ÒÃ¡Ã§Ø ÊÂÒÁÏ ó÷õ ÀÒ¤¼¹Ç¡ ÅÓ´ºÑ ÃҪǧÈáì ÅоÃйÒÁ¾ÃÐÁËÒ¡ÉµÑ ÃÂÔ Êì ÁÂÑ ÍÂ¸Ø ÂÒ ÅÓ´ºÑ ÃҪǧÈì ¾ÃйÒÁ ¤ÃͧÃÒªÂì / ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª ñ àªÂÕ §ÃÒ ñ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÃÒÁÒ¸ºÔ ´·Õ èÕ ñ ñøùó – ñùñò (¾ÃÐà¨Òé Í·è٠ͧ) ò. àªÂÕ §ÃÒ ò ñùñò – ñùñó (¤Ã§éÑ ·èÕ ñ) ó Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ñ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÃÒÁàÁÈÇà ñùñó – ñùóñ ô Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ò ÊÁà´¨ç ¾ÃкÃÁÃÒªÒ¸ÃÔ Òª·èÕ ñ ñùóñ (÷ Ç¹Ñ ) (ò) àªÂÕ §ÃÒ ò (¢Ø¹ËÅǧ¾Ð§ÑèÇ) ñùóñ – ñùóø (¤Ã§éÑ ·èÕ ò) õ àªÂÕ §ÃÒ ó ñùóø – ñùõò ¾ÃÐà¨Òé ·Í§Å¹Ñ ö Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ó ñùõò – ñùö÷ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÃÒÁàÁÈÇà ÷ Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ô ñùö÷ – ñùùñ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÃÒÁÃÒªÒ¸ÃÔ Òª ø Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô õ (ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÂÒÃÒÁà¨Òé ) ñùùñ – òðóñ (ñùùñ – òððö – ¡Ã§Ø ÈÃÍÕ Â¸Ø ÂÒ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÍ¹Ô ·ÃÒ¸ÃÔ Òªà¨Òé òððö – òðóñ – ¾ÉÔ ³âØ Å¡) (à¨Òé ¹¤ÃÍ¹Ô ·)ì òðóñ – òðóô ÊÁà´¨ç ¾ÃкÃÁÃÒªÒ¸ÃÔ Òª·èÕ ò òðóô – òð÷ò (à¨Òé ÊÒÁ¾ÃÐÂÒ) òð÷ò – òð÷ö ÊÁà´¨ç ¾ÃкÃÁäµÃâÅ¡¹Ò¶ òð÷ö – òð÷÷ òð÷÷ – òðøù ù Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ö ÊÁà´¨ç ¾ÃкÃÁÃÒªÒ¸ÃÔ Òª·èÕ ó ñð Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ÷ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÃÒÁÒ¸ºÔ ´·Õ èÕ ò ññ Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ø ÊÁà´¨ç ¾ÃкÃÁÃÒªÒ¸ÃÔ Òª·èÕ ô (˹Íè ¾·Ø ¸Ò§¡ÃÙ ) ñò Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ù ¾ÃÐÃÉÑ ®Ò¸ÃÔ Òª ñó Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ñð ÊÁà´¨ç ¾ÃÐäªÂÃÒªÒ¸ÃÔ Òª
ó÷ö »ÃЪÁØ ¾§ÈÒÇ´ÒéººÑ ¡Ò-¨¹ÒÀàÔ É¡ àÅÁè ò ÅÓ´ºÑ ÃҪǧÈì ¾ÃйÒÁ ¤ÃͧÃÒªÂì / ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª ñô Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ññ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÂÍ´¿Òé (á¡Çé ¿Òé ) òðøù – òðùñ ¢¹Ø ÇÃǧÉÒ¸ÃÔ Òª (¢¹Ø ª¹Ô ÃÒª) òðùñ (ôò Ç¹Ñ ) òðùñ – òñññ ñõ Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ñò ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÁËÒ¨¡Ñ þÃÃ´Ô òñññ – òññò (àÊÂÕ ¡Ã§Ø ¤Ã§éÑ ·èÕ ñ) òññò – òñóó ñö Ê¾Ø ÃóÀÁÙ Ô ñó ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÁË¹Ô ·ÃÒ¸ÃÔ Òª òñóó – òñôø òñôø – òñõó ñ÷ ÊâØ ¢·ÂÑ ñ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÁËÒ¸ÃÃÁÃÒªÒ òñõó òñõó – òñ÷ñ ñø ÊâØ ¢·ÂÑ ò ÊÁà´¨ç ¾ÃйàÃÈÇÃÁËÒÃÒª òñ÷ñ – òñ÷ò òñ÷ò ñù ÊâØ ¢·ÂÑ ó ÊÁà´¨ç ¾ÃÐàÍ¡Ò·Èö òñ÷ó – òñùù òñùù òð ÊâØ ¢·ÂÑ ô ¾ÃÐÈÃàÕ ÊÒÇÀÒ¤Âì òñùù òñùù – òòóñ òñ ÊâØ ¢·ÂÑ õ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐà¨Òé ·Ã§¸ÃÃÁ òòóñ – òòôö òòôö – òòõñ òò ÊâØ ¢·ÂÑ ö ÊÁà´¨ç ¾ÃÐàªÉ°Ò¸ÃÔ Òª òòõñ – òò÷õ òò÷õ – òóðñ òó ÊâØ ¢·ÂÑ ÷ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÍÒ·µÔ ÂǧÈì òóðñ òóðñ – òóñð (àÊÂÕ ¡Ã§Ø ¤Ã§éÑ ·èÕ ò) òô »ÃÒÊÒ··Í§ ñ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐà¨Òé »ÃÒÊÒ··Í§ òõ »ÃÒÊÒ··Í§ ò ÊÁà´¨ç à¨Òé ¿Òé ªÂÑ òö »ÃÒÊÒ··Í§ ó ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÈÃÊÕ ¸Ø ÃÃÁÃÒªÒ ò÷ »ÃÒÊÒ··Í§ ô ÊÁà´¨ç ¾ÃйÒÃÒ³Áì ËÒÃÒª òø ºÒé ¹¾ÅËÙ Åǧ ñ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐྷÃÒªÒ òù ºÒé ¹¾ÅËÙ Åǧ ò ÊÁà´¨ç ¾ÃÐà¨Òé àÊÍ× óð ºÒé ¹¾ÅËÙ Åǧ ó ÊÁà´¨ç ¾ÃÐà¨Òé ÍÂËèÙ ÇÑ ·Òé ÂÊÃÐ óñ ºÒé ¹¾ÅËÙ Åǧ ô ÊÁà´¨ç ¾ÃÐà¨Òé ÍÂËèÙ ÇÑ ºÃÁâ¡È óò ºÒé ¹¾ÅËÙ Åǧ õ ÊÁà´¨ç ¾ÃÐà¨Òé Í·Ø ÁØ ¾Ã óó ºÒé ¹¾ÅËÙ Åǧ ö ÊÁà´¨ç ¾Ãз¹èÕ §èÑ ÊÃØ ÂÔ ÒÊÍÁÃ¹Ô ·Ãì ( ¾ÃÐà¨Òé àÍ¡·ÈÑ ) ·ÕèÁÒ : ¾ÃйÒÁ¾ÃÐÁËÒ¡ÉѵÃÔÂìá¡é䢻ÃѺ»Ãا¨Ò¡»ÃЪØÁ¾§ÈÒÇ´ÒÃÀÒ¤·Õè õ
¾ÃÐÃÒª¾§ÈÒÇ´ÒÃ¡Ã§Ø ÊÂÒÁÏ ó÷÷ ÃÒ¹ÒÁ¤³Ð¡ÃÃÁ¡Òà ¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒÃÍӹǡÒè´Ñ §Ò¹©ÅͧÊÃÔ ÃÔ ÒªÊÁºµÑ ¤Ô ú õð »Õ ¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒýèÒ»ÃÐÁÇÅàÍ¡ÊÒÃáÅШ´ËÁÒÂà赯 ¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒÃâ¤Ã§¡ÒêÓÃÐáÅШѴ¾ÔÁ¾ìà¼Âá¾Ãè˹ѧÊ×ͪش»ÃЪØÁ¾§ÈÒÇ´Òà ¤³Ð¡ÃÃÁ¡ÒüÙé·Ã§¤Ø³ÇزԪÓÃÐáÅШѴ¾ÔÁ¾ìà¼Âá¾Ãè˹ѧÊ×Í »ÃЪÁØ ¾§ÈÒÇ´Òà àÅÁè ñ-õ
ó÷ø »ÃЪÁØ ¾§ÈÒÇ´ÒéººÑ ¡Ò-¨¹ÒÀàÔ É¡ àÅÁè ò
ประชมุ พงศาวดาพรรฉะบรบัาชกพาญงศจานวดาภารเิ ษกรกงุ สเลยม่าม๒ฯ ๓๗๙ คำสง่ั สำนกั นายกรฐั มนตรี ท่ี ๑๖๙/๒๕๓๘ เรอ่ื ง แตง่ ตง้ั คณะกรรมการอำนวยการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี เนื่องในศุภวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ใน วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงนับเป็นมหามงคลสมัยอันพิเศษยิ่ง ยังความปลาบปลื้มปีติยินดีมาสู่ ประเทศชาติและประชาชนโดยถ้วนหน้า สมควรที่รัฐบาลจะได้จัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ถวายเป็น ราชสักการะและถวายชัยมงคล รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศได้แสดงความกตัญญูกตเวที และแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชนอย่างอเนกอนันต์ คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗ ได้มีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ขึ้นและโดยที่ได้มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ตั้งนายกรัฐมนตรีตามประกาศลงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๓๘ มีผลให้ คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๗/๒๕๓๗ ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๓๗ สิ้นสุดลง ดังนั้น เพื่อให้การจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เรียบร้อยและ สมพระเกยี รติ อาศยั อำนาจตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๑ (๖) จึงให้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี โดยมีองค์ประกอบและอำนาจ หนา้ ทด่ี งั ตอ่ ไปน้ี องคป์ ระกอบ ทป่ี รกึ ษา คณะทป่ี รกึ ษา ทป่ี รกึ ษา ๑. ประธานองคมนตรี ทป่ี รกึ ษา ๒. ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ทป่ี รกึ ษา ๓. ประธานศาลฎกี า ๔. ประธานวฒุ สิ ภา
๓๘๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ คณะกรรมการ กรรมการ ๑. นายกรฐั มนตรี กรรมการ ๒. รองนายกรฐั มนตรี (ทกุ ทา่ น) กรรมการ ๓. รฐั มนตรปี ระจำสำนกั นายกรฐั มนตรี (ทกุ ทา่ น) กรรมการ ๔. ปลดั กระทรวงกลาโหม กรรมการ ๕. ปลดั กระทรวงการคลงั กรรมการ ๖. ปลดั กระทรวงการตา่ งประเทศ กรรมการ ๗. ปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๘. ปลดั กระทรวงคมนาคม กรรมการ ๙. ปลดั กระทรวงพาณชิ ย์ กรรมการ ๑๐. ปลดั กระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๑๑. ปลดั กระทรวงยตุ ธิ รรม ๑๒. ปลดั กระทรวงแรงงานและสวสั ดกิ ารสงั คม กรรมการ ๑๓. ปลดั กระทรวงวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี กรรมการ และสิ่งแวดล้อม กรรมการ ๑๔. ปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กรรมการ ๑๕. ปลดั กระทรวงสาธารณสขุ กรรมการ ๑๖. ปลดั กระทรวงอตุ สาหกรรม กรรมการ ๑๗. ปลดั ทบวงมหาวทิ ยาลยั กรรมการ ๑๘. ราชเลขาธกิ าร กรรมการ ๑๙. เลขาธกิ ารพระราชวงั กรรมการ ๒๐. เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี กรรมการ ๒๑. เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี กรรมการ ๒๒. ผอู้ ำนวยการสำนกั งบประมาณ กรรมการ ๒๓. เลขาธกิ ารราชบณั ฑติ ยสถาน ๒๔. ผบู้ ญั ชาการทหารสงู สดุ ๒๕. ผบู้ ญั ชาการทหารบก
ประชมุ พงศาวดาพรรฉะบรบัาชกพาญงศจานวดาภารเิ ษกรกงุ สเลยม่าม๒ฯ ๓๘๑ ๒๖. ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื กรรมการ ๒๗. ผบู้ ญั ชาการทหารอากาศ กรรมการ ๒๘. สมหุ ราชองครกั ษ์ กรรมการ ๒๙. อธบิ ดกี รมตำรวจ กรรมการ ๓๐. อธบิ ดกี รมประชาสมั พนั ธ์ กรรมการ ๓๑. อธบิ ดกี รมการศาสนา กรรมการ ๓๒. อธบิ ดกี รมศลิ ปากร กรรมการ ๓๓. เลขาธกิ ารคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ กรรมการ ๓๔. ผวู้ า่ ราชการกรงุ เทพมหานคร กรรมการ ๓๕. ผวู้ า่ การการทอ่ งเทย่ี วแหง่ ประเทศไทย กรรมการ ๓๖. เจา้ กรมกจิ การพลเรอื นทหารบก กรรมการ ๓๗. หมอ่ มเจา้ สภุ ทั รดศิ ดศิ กลุ กรรมการ ๓๘. ทา่ นผหู้ ญงิ สมโรจน์ สวสั ดกิ ลุ ณ อยธุ ยา กรรมการ ๓๙. นายเศวต ธนประดษิ ฐ์ กรรมการ ๔๐. ปลดั สำนกั นายกรฐั มนตรี กรรมการและเลขานกุ าร ๔๑. รองปลดั สำนกั นายกรฐั มนตรี กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร (นายอาลยั องิ คะวณชิ ) กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร ๔๒. ผอู้ ำนวยการกองกลาง กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร สำนกั งานปลดั สำนกั นายกรฐั มนตรี ๔๓. ผอู้ ำนวยการกองวรรณคดแี ละประวตั ศิ าสตร์ กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร กรมศลิ ปากร ๔๔. ผแู้ ทนสำนกั งานปลดั สำนกั นายกรฐั มนตรี (นางวนั เพญ็ แกลว้ ทนงค)์ อำนาจหนา้ ท่ี ๑. กำหนดนโยบายการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี ๒. ให้มีอำนาจในการพิจารณาและให้ความเห็นชอบแผนงาน โครงการ และกิจกรรมการ จดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี
๓๘๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ๓. ให้มีอำนาจแต่งตั้ง เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงที่ปรึกษา กรรมการในคณะกรรมการ อำนวยการ ฯ ไดต้ ามทเ่ี หน็ สมควร ๔. ให้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงาน เพื่อช่วยเหลือการ ปฏบิ ตั งิ านไดต้ ามทเ่ี หน็ สมควร ๕. ดำเนนิ การอน่ื ๆ เพอ่ื ใหก้ ารจดั งานเปน็ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ยและสมพระเกยี รติ ในการปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ให้คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ ทค่ี ณะกรรมการอำนวยการแตง่ ตง้ั ไดร้ บั เบย้ี ประชมุ ตามพระราชกฤษฎกี าเบย้ี ประชมุ และคา่ ตอบแทนทป่ี รกึ ษา ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง พ.ศ. ๒๕๒๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยให้เบิกจ่าย เบย้ี ประชมุ จากสำนกั งานปลดั สำนกั นายกรฐั มนตรี ทง้ั น้ี ตง้ั แตบ่ ดั นเ้ี ปน็ ตน้ ไป สง่ั ณ วนั ท่ี ๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๓๘ (นายบรรหาร ศลิ ปอาชา) นายกรัฐมนตรี
ประชมุ พงศาวดาพรรฉะบรบัาชกพาญงศจานวดาภารเิ ษกรกงุ สเลยม่าม๒ฯ ๓๘๓ คำสง่ั คณะกรรมการอำนวยการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี ท่ี ๓/๒๕๓๘ เรอ่ื ง แตง่ ตง้ั คณะกรรมการฝา่ ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๙/๒๕๓๘ ลงวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๓๘ แต่งตั้ง คณะกรรมการอำนวยการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี และใหค้ ณะกรรมการอำนวยการ ฯ มอี ำนาจ แตง่ ตง้ั คณะกรรมการฝา่ ยตา่ ง ๆ เพอ่ื ชว่ ยเหลอื การปฏบิ ตั งิ านไดต้ ามทเ่ี หน็ สมควร นน้ั เพอ่ื ใหก้ ารจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี ดำเนนิ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ยและสมพระเกยี รติ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดงั ตอ่ ไปน้ี องคป์ ระกอบ ประธานกรรมการ ๑. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร รองประธานกรรมการ ๒. ปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร รองประธานกรรมการ ๓. ปลดั กระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๔. ราชเลขาธกิ าร กรรมการ ๕. ปลดั กระทรวงการตา่ งประเทศ กรรมการ ๖. ผตู้ รวจราชการสำนกั นายกรฐั มนตรี ประจำเขตตรวจราชการท่ี ๔ กรรมการ ๗. ผตู้ รวจราชการสำนกั นายกรฐั มนตรี ประจำเขตตรวจราชการท่ี ๘ กรรมการ ๘. อธบิ ดกี รมประชาสมั พนั ธ์ กรรมการ ๙. อธบิ ดกี รมการปกครอง
๓๘๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ๑๐. อธบิ ดกี รมวชิ าการ กรรมการ ๑๑. อธบิ ดกี รมศลิ ปากร กรรมการ ๑๒. เลขาธกิ ารราชบณั ฑติ ยสถาน กรรมการ ๑๓. เลขาธกิ ารคณะกรรมการพเิ ศษเพอ่ื ประสานงาน กรรมการ โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ กรรมการ ๑๔. เลขาธกิ ารคณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ กรรมการ ๑๕. ผชู้ ว่ ยปลดั กระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๑๖. กรรมการและเลขานกุ ารคณะกรรมการฝา่ ยพธิ ี กรรมการ ๑๗. กรรมการและเลขานกุ ารคณะกรรมการ กรรมการ ฝา่ ยโครงการและกจิ กรรม ๑๘. กรรมการและเลขานกุ ารคณะกรรมการ กรรมการ ฝา่ ยตดิ ตามและประเมนิ ผล กรรมการ ๑๙. กรรมการและเลขานกุ ารคณะกรรมการ กรรมการ ฝา่ ยประชาสมั พนั ธ์ ๒๐. กรรมการและเลขานกุ ารคณะกรรมการ กรรมการ ฝา่ ยเลขานกุ ารและประสานงาน กรรมการ ๒๑. ผอู้ ำนวยการสำนกั งานเสรมิ สรา้ งเอกลกั ษณข์ องชาติ กรรมการ สำนกั เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี ๒๒. ผอู้ ำนวยการสำนกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ กรรมการและเลขานกุ าร และประสานงานสตรแี หง่ ชาติ สำนกั งานปลดั สำนกั นายกรฐั มนตรี ๒๓. ผอู้ ำนวยการกองหอสมดุ แหง่ ชาติ กรมศลิ ปากร ๒๔. ผอู้ ำนวยการกองจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ กรมศลิ ปากร ๒๕. รองอธบิ ดกี รมศลิ ปากร (ตามทก่ี รมศลิ ปากรมอบหมาย)
ประชมุ พงศาวดาพรรฉะบรบัาชกพาญงศจานวดาภารเิ ษกรกงุ สเลยม่าม๒ฯ ๓๘๕ ๒๖. ผอู้ ำนวยการกองวรรณคดแี ละประวตั ศิ าสตร์ กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร กรมศลิ ปากร กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร ๒๗. ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นประวตั ศิ าสตร์ กรมศลิ ปากร กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร (นางสายไหม จบกลศกึ ) ๒๘. ผแู้ ทนกรมศลิ ปากร (นางสรุ ยี ร์ ตั น์ วงศเ์ สงย่ี ม) ๒๙. ผแู้ ทนสำนกั งานปลดั สำนกั นายกรฐั มนตรี (นางวนั เพญ็ แกลว้ ทนงค)์ อำนาจหนา้ ท่ี ๑. จัดพิมพ์หนังสือเนื่องในวโรกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี และจัดทำ จดหมายเหตกุ ารเฉลมิ ฉลอง ๒. เสนอวงเงนิ งบประมาณการดำเนนิ งานตอ่ คณะกรรมการอำนวยการฯ ๓. รายงานผลการดำเนนิ งานใหค้ ณะกรรมการอำนวยการฯ ทราบเปน็ ระยะ ๆ ๔. ให้มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือในการปฏิบัติงานได้ ตามความจำเปน็ ๕. ดำเนนิ การอน่ื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ทง้ั น้ี ตง้ั แตบ่ ดั นเ้ี ปน็ ตน้ ไป สง่ั ณ วนั ท่ี ๒๕ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๓๘ (นายบรรหาร ศลิ ปอาชา) นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี
๓๘๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ คำสง่ั คณะกรรมการอำนวยการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี ท่ี ๑/๒๕๓๙ เรอ่ื ง แตง่ ตง้ั รองประธานกรรมการและกรรมการ ในคณะกรรมการ ฝา่ ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ เพม่ิ เตมิ ตามคำสั่งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ที่ ๓/๒๕๓๘ ลงวันที่ ๒๕ กนั ยายน ๒๕๓๘ เรอ่ื ง แตง่ ตง้ั คณะกรรมการฝา่ ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ นน้ั เพื่อให้การดำเนินงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเหมาะสม อาศัยอำนาจตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๖๙/๒๕๓๘ ลงวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๓๘ จึงให้แต่งตั้ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ) เป็นรองประธานกรรมการ และเลขาธกิ ารพระราชวงั เปน็ กรรมการ ในคณะกรรมการฝา่ ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ เพม่ิ เตมิ ทง้ั น้ี ตง้ั แตบ่ ดั นเ้ี ปน็ ตน้ ไป สง่ั ณ วนั ท่ี ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๙ (นายบรรหาร ศลิ ปอาชา) นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี
ประชมุ พงศาวดาพรรฉะบรบัาชกพาญงศจานวดาภารเิ ษกรกงุ สเลยม่าม๒ฯ ๓๘๗ คณะกรรมการโครงการชำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพรห่ นงั สอื ชดุ ประชมุ พงศาวดาร * องคป์ ระกอบ ประธานกรรมการ ๑. หมอ่ มเจา้ สภุ ทั รดศิ ดศิ กลุ รองประธานกรรมการ ๒. นายประเสรฐิ ณ นคร กรรมการ ๓. อธบิ ดกี รมศลิ ปากร กรรมการ ๔. นายกราชบณั ฑติ ยสถาน หรอื ผแู้ ทน กรรมการ ๕. อธบิ ดกี รมวชิ าการ หรอื ผแู้ ทน กรรมการ ๖. ทา่ นผหู้ ญงิ วรณุ ยพุ า สนทิ วงศ์ ณ อยธุ ยา กรรมการ ๗. คณุ หญงิ แมน้ มาส ชวลติ กรรมการ ๘. พลตรี หมอ่ มราชวงศศ์ ภุ วฒั ย์ เกษมศรี กรรมการ ๙. นายบรรเจดิ อนิ ทจุ นั ทรย์ ง กรรมการ ๑๐. นายวนิ ยั พงศศ์ รเี พยี ร กรรมการ ๑๑. นายธรี วตั ณ ปอ้ มเพชร กรรมการ ๑๒. นางประกอบ ลาภเกษร กรรมการ ๑๓. นายพเิ ศษ เจยี จนั ทรพ์ งษ์ กรรมการ ๑๔. นางสาวกอ่ งแกว้ วรี ะประจกั ษ์ กรรมการ ๑๕. นางสายไหม จบกลศกึ กรรมการและเลขานกุ าร ๑๖. ผอู้ ำนวยการกองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร ๑๗. นางสาววณี า โรจนราธา กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร ๑๘. นางสาวศริ นิ นั ท์ บญุ ศริ ิ * แตง่ ตง้ั ตามมตคิ ณะรฐั มนตรี เมอ่ื วนั ท่ี ๓ กนั ยายน ๒๕๓๙
๓๘๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ อำนาจหนา้ ท่ี ๑. ให้คำแนะนำเอกสารและหลักฐานข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มเติมเนื้อหาหนังสือ ชุดประชุมพงศาวดารที่พิมพ์เผยแพร่แล้วให้ถูกต้องสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ๒. ให้คำปรึกษา ตลอดจนวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเกี่ยวกับการตรวจสอบชำระหนังสือชุด ประชมุ พงศาวดาร ๓. พิจารณาให้คำแนะนำ รวมทั้งควบคุมการรวบรวมจัดพิมพ์และเผยแพร่หนังสือชุดประชุม พงศาวดาร และการบนั ทกึ ลงแผน่ CD-ROM ๔. แตง่ ตง้ั คณะผทู้ รงคณุ วฒุ เิ พอ่ื ตรวจสอบชำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพรห่ นงั สอื ประชมุ พงศาวดาร เลม่ ๑ – ๒๐
ประชมุ พงศาวดาพรรฉะบรบัาชกพาญงศจานวดาภารเิ ษกรกงุ สเลยม่าม๒ฯ ๓๘๙ คำสง่ั คณะกรรมการโครงการชำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพรห่ นงั สอื ชดุ ประชมุ พงศาวดาร ท่ี ๑/ ๒๕๔๐ เรอ่ื ง แตง่ ตง้ั คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ชิ ำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพร่ หนงั สอื ประชมุ พงศาวดาร เลม่ ๑–๕ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๓๙ แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการชำระและ จัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดารนั้น เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการบรรลุวัตถุประสงค์ อยา่ งรวดเรว็ ตามเปา้ หมาย ประธานกรรมการโครงการ ฯ จึงตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ ประชุมพงศาวดารขึ้นดำเนินงานในปีงบประมาณ ๒๕๔๐ นี้ รวม ๕ ชุด โดยมีองค์ประกอบและอำนาจ หนา้ ท่ี ดงั น้ี ๑. องคป์ ระกอบ คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ชิ ำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพรห่ นงั สอื ประชมุ พงศาวดาร เลม่ ๑ ๑. นายประเสรฐิ ณ นคร ประธานกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๒. พลตรี ม.ร.ว.ศภุ วฒั ย์ เกษมศรี กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๓. นายธรี วตั ณ ปอ้ มเพชร กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๔. นางสมศรี เอย่ี มธรรม กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๕. นางสาวพมิ พพ์ รรณ ไพบลู ยห์ วงั เจรญิ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๖. นางสาววณี า โรจนราธา กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละเลขานกุ าร ๗. นางสาวธรี ตา ธรี เดช กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร
๓๙๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ชิ ำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพรห่ นงั สอื ประชมุ พงศาวดาร เลม่ ๒ ๑. พลตรี ม.ร.ว.ศภุ วฒั ย์ เกษมศรี ประธานกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๒. นายวนิ ยั พงศศ์ รเี พยี ร กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๓. นายธรี วตั ณ ปอ้ มเพชร กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๔. นางสาวนยิ ะดา ทาสคุ นธ์ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๕. นางสาวกนกวลี ชชู ยั ยะ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๖. นางสาวศริ นิ นั ท์ บญุ ศริ ิ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละเลขานกุ าร ๗. นางสาวอรวรรณ ทรพั ยพ์ ลอย กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ชิ ำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพรห่ นงั สอื ประชมุ พงศาวดาร เลม่ ๓ ๑. นางสาวกอ่ งแกว้ วรี ะประจกั ษ์ ประธานกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๒. นายเทมิ มเี ตม็ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๓. นางสาวนยิ ะดา ทาสคุ นธ์ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๔. นายเกษยี ร มะปะโม กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๕. นางสาวกนกวลี ชชู ยั ยะ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๖. นางนชุ นารถ กจิ งาม กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละเลขานกุ าร ๗. นายธรี ะ แกว้ ประจนั ทร์ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ชิ ำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพรห่ นงั สอื ประชมุ พงศาวดาร เลม่ ๔ ๑. นายบรรเจดิ อนิ ทจุ นั ทรย์ ง ประธานกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๒. นางพรรณภิ า วฒั นานสุ ทิ ธ์ิ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๓. นางสาวจนั ทรฉ์ าย ภคั อธคิ ม กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๔. นางสาวจตพุ ร ศริ สิ มั พนั ธ์ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๕. นางจฑุ าทพิ ย์ องั ศสุ งิ ห์ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๖. นางสาวสทุ ธพิ นั ธ์ ขทุ รานนท์ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละเลขานกุ าร ๗. นางสาววฒั นา อนุ่ ทรพั ย์ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร
ประชมุ พงศาวดาพรรฉะบรบัาชกพาญงศจานวดาภารเิ ษกรกงุ สเลยม่าม๒ฯ ๓๙๑ คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ชิ ำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพรห่ นงั สอื ประชมุ พงศาวดาร เลม่ ๕ ๑. นายพเิ ศษ เจยี จนั ทรพ์ งษ์ ประธานกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๒. พลตรี ม.ร.ว.ศภุ วฒั ย์ เกษมศรี กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๓. นายวรวชิ ญ เวชนเุ คราะห์ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๔. นางสาววารณุ ี โอสถารมย์ กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๕. นายประทปี เพง็ ตะโก กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๖. นางสาวบหุ ลง ศรกี นก กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละเลขานกุ าร ๗. นางศนั สนยี ์ วรี ะศลิ ปช์ ยั กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร ๒. อำนาจหนา้ ท่ี ๑. ให้ดำเนินการตรวจสอบชำระหนังสือประชุมพงศาวดารตามที่ได้รับมอบหมายและตาม หลกั เกณฑท์ ค่ี ณะกรรมการโครงการ ฯ กำหนด ๒. หากมปี ญั หาการดำเนนิ งาน ใหน้ ำเสนอคณะกรรมการโครงการฯ พจิ ารณาชข้ี าด ๓. ให้นำเสนอต้นฉบับที่ดำเนินการตรวจสอบชำระแล้ว ให้คณะกรรมการโครงการฯ พิจารณา อนมุ ตั จิ ดั พมิ พ์ ๔. ใหค้ วบคมุ การจดั พมิ พใ์ หแ้ ลว้ เสรจ็ ตามโครงการ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ฯ ได้รับค่าสมนาคุณจากเงินงบประมาณโครงการ และคณะรัฐมนตรี อนมุ ตั ใิ นคราวแตง่ ตง้ั คณะกรรมการโครงการ ฯ ทง้ั น้ี ตง้ั แตบ่ ดั นเ้ี ปน็ ตน้ ไป สง่ั ณ วนั ท่ี ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๐ (หมอ่ มเจา้ สภุ ทั รดศิ ดศิ กลุ ) ประธานกรรมการโครงการชำระและจัดพิมพ์ เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433