Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

B 2

Published by Monthira Phuchada, 2021-09-21 03:46:54

Description: B 2

Search

Read the Text Version

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๙ หัยชาติราชรถคชนิกร ออกจากพระนครวันนั้นทั้งแปดหมื่นไปโดยประจิมทิศ ชนทั้งปวงจึ่งพร้อมกันร้อง อญั เชญิ ถวลั ยราชราชาภเิ ษก ทรงพระนาม พญาแกรก แลนำเอานางอนิ ทเทวมี าเปน็ อคั รมเหสี ขณะนน้ั จลุ ศกั ราชถว้ น ๑๐๐๐ จง่ึ การลบศกั ราชพรอ้ มดว้ ยราชฤทธแ์ิ ลเทวฤทธใ์ิ นมหาสมยั นน้ั เปน็ อศั จรรย์ ฝา่ ยพญาโคดเทวราชมาถงึ บา้ นโกธญั คาม พราหมณท์ ง้ั หลายกม็ าตอ้ นรบั แล้วทูลว่าบ้านนี้เป็น ถิ่นโบราณ แลสมเด็จพระสรรเพชพระพุทธเจ้าเคยมาบิณฑบาตแต่ก่อน เห็นสมควรที่พระองค์สร้าง พระนครในทน่ี ้ี พญาโคตในเทวราชโสมนสั นกั จงึ ใหช้ พี อ่ ตง้ั พธิ รี ำเสนง ๗ วนั แลว้ สระเกลา้ ขน้ึ โลช้ งิ ชา้ รำภาวายแลเปา่ สงั ข์ เวยี น ๓ รอบทจ่ี ะตง้ั เมอื งเปน็ ทกั ขณิ าวฏั แลว้ ใหข้ ดุ คพู นู กำแพง ถงึ ๗ เดอื นจง่ึ แลว้ สมเด็จพระเจ้าโคดเทวราชก็เสด็จอยู่สำราญพระทัย พุทธศักราชได้ ๑๐๖๐ ปี มีพระราชบุตรสององค์ ชื่อเจ้าภาลจะณะกุมารผ่านพิภพแทนพระบิดาไปสร้างเมืองพิจิตร จึ่งมีชื่อพญาโคตะบอง เจ้าไว้ยักษา สร้างเมืองพิไชย ชื่อพญามือเหล็ก ฝ่ายเมืองสัชนาไลยนั้น พระเจ้าพักตาวะราชทิวงคต พระราชบุตร พระเชษฐานั้นไม่รักสมบัติก็ออกไปทรงผนวช เสนาพฤฒามาตย์จึ่งอัญเชิญพระราชบุตรองค์น้อยขึ้นผ่าน แผ่นดิน ทรงนาม โกรพยราช ให้สร้างอารามถวายพระเชษฐาท่านแล้ว ให้ก่อพระเจดีย์บรรจุพระเกศ พระเจา้ พอ่ี นั ปลงนน้ั จง่ึ เรยี กวา่ อารามวดั จฬุ ามณี มาเทา่ บดั น้ี ข้างพิไชยเชียงใหม่นั้น พระเจ้าสุคันธคีรีย์มีราชบุตรสององค์ ชื่อไชยทัศกุมาร ไชยเสนกุมาร แลเจ้าทั้งสองนี้ อุปสมบทเป็นภิกษุขึ้นไปเรียนพระไตรปิฎกถึงเมืองภุกาม ชำนาญทั้งไตรเพทางคศาสตร์ แลราชศาสตรเ์ สรจ็ บรบิ รู ณ์ แลว้ ลงมาเมอื งวเิ ทหะคอื กรงุ หงษาวดี จง่ึ ลองความรู้ เพลาราตรภี าคกก็ ำบงั ขน้ึ ไปอมุ้ เอาพระราชธดิ าพระเจา้ หงษาออกมาถงึ วดั แลว้ พจิ ารณาเปน็ กรรมฐานมไิ ดเ้ ออ้ื เฟอ้ื ในเมถนุ สงั วาส แตท่ ำฉะนเ้ี นอื ง ๆ คนทง้ั ปวงกม็ ริ ู้ พระเจา้ หงษาวะดเี หน็ ประหลาด จง่ึ เอาเมด็ พนั ธผ์ุ กั กาดใสใ่ นมวยผม พระราชธิดา แลเม็ดพันธุ์ผักกาดก็ตกเรียงรายงอกเรียงไปจนกุฏีภิกษุนั้น พระองค์จึ่งให้นำเอาเจ้ากุมาร ทง้ั สองมาจะฆา่ เสยี ภกิ ษนุ น้ั จง่ึ ขอนำ้ ไดม้ าแลว้ กบ็ นั ดาลตนเปน็ ปลาวา่ ยวนอยใู่ นขนั แลว้ เจา้ กมุ ารองค์ หนึ่งบันดาลตนเป็นนกยาง คาบเอาปลาแล้วก็พากันบินหนีมาเมืองเชียงใหม่ พระราชธิดา ๑ ก็มีพระทัย ยินดีให้ปริวรรตออกแล้ว จึ่งยกพระไชยทัศกุมารขึ้นผ่านแผ่นดิน ขณะนั้นรู้กิตติศัพท์ว่า พระราชธิดา กรุงศรีสัชนาไลยนั้น อุดมด้วยศิริวิลาส พระองค์จึ่งเอาเพศเป็นสามเณร พาพระภิกษุผู้น้องนั้นมาเป็น เพอ่ื น เพลากลางคนื กล็ อบเขา้ ไปทำชดู้ ว้ ยพระราชธดิ าจนทรงพระครรภ์ ฝา่ ยพระราชธดิ า ๒ นน้ั ตรสั เหน็ เหตุ ก็ทรงพระวิจารณาราชดำริโดยรอบคอบแล้ว ให้ทำลอบเหล็กไปใส่ไว้โดยช่องท่อรอบพระราชวัง ๑-๒ ควรจะเป็นพระราชบิดา ดูในพงศาวดารเหนือ

๑๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ครน้ั พระไชยทดั กมุ ารเขา้ ไป กต็ ดิ ลอบตายอยใู่ นทน่ี น้ั จง่ึ เปน็ โบราณกลา่ วสบื มาวา่ คดิ มชิ อบเขา้ ลอบตาย เอง คงุ เทา่ บดั น้ี ครน้ั เพลาเชา้ ชาวเมอื งลอ้ มพระราชวงั นำเอาศพมาถวาย จะใหส้ บื หาไดน้ อ้ งชายเปน็ ภกิ ษุ ทราบว่าบุตรพระเจ้าเชียงใหม่กม็ วี ามอาลัย ครั้นนานมาพระเจ้าแผ่นดินทิวงคตแล้ว เจ้าไชยแสน จง่ึ เสกพระสวุ รรณราชนดั ดาไวแ้ ลว้ พระองคก์ ค็ นื เมอื งเชยี งใหม่ แลสมเดจ็ พระเจา้ สวุ รรณราชาคดิ ถงึ พระคณุ พระราชบดิ า จง่ึ ใหห้ ลอ่ พระพทุ ธรปู ทองสมั ฤทธพ์ิ ระองคห์ นง่ึ หนา้ ตกั ๔ วา เสรจ็ บรบิ รู ณ์ เบอ้ื งวา่ กำภชุ ประเทศนน้ั พระเจา้ แผน่ ดนิ ทวิ งคตหาพระวงศม์ ไิ ด้ ชนทง้ั ปวงจง่ึ ยงั เจา้ อทู่ องอนั เปน็ บตุ รโชฏกเศรษฐมี าราชาภเิ ษกผา่ นถวลั ยราช ครง้ั นน้ั บงั เกดิ ไขท้ รพษิ นกั ราษฎรทง้ั ปวงลม้ ตายเปน็ อนั มาก พระองค์จึ่งยังเสนาแลอพยพราษฎรออกจากเมืองแต่เพลาราตรีภาค ไปโดยทักขิณทิศเพื่อจะหนีห่า แลพระเชษฐาทา่ นนน้ั เขา้ พกั พลปรกตอิ ยใู่ นประเทศเมอื งสพู รรณบรู ยี ์ แตพ่ ระเจา้ อทู่ องนน้ั ยาตราพลรอนแรม ไปหลายราตรี จง่ึ พบแมน่ ำ้ ใหญแ่ ลว้ เหน็ เกาะหนง่ึ เปน็ ปรมิ ณฑล ประดษิ ฐานอยทู่ า่ มกลางภมู ภิ าคนน้ั ราบรน่ื ดสู ะอาด พระองคจ์ ง่ึ ใหข้ า้ มพลพยหุ เขา้ ตง้ั ถงึ เกาะดงโสนแลว้ พบพระดาบสองคห์ นง่ึ จง่ึ กระทำคารวะ ประพฤตปิ ราศรยั วา่ พระนกั สทิ ธม์ิ าสำนกั อยใู่ นประเทศนแ้ี ตค่ รง้ั ใด พระฤาษจี ง่ึ แจง้ อนสุ นธว์ิ า่ อาตมา สรา้ งพรตพธิ อี ยทู่ น่ี แ้ี ตค่ รง้ั องคพ์ ระพชิ ติ มารโมลโี ลกเจา้ ยงั ทรมานอยู่ แลอาจารยเ์ ราสองคน ๆ หนง่ึ ไปตาย ในเขาสัพลึงค์ คนหนึ่งไปตายในพนมภูผาหลวง แลครั้งเมื่อพระสรรเพชญ์ ๑ พุทธองคเ์ สด็จมาในที่นี้ เราไดถ้ วายผลมะขามปอ้ มแลสมอ อาราธนาใหพ้ ระองคน์ ง่ั ฉนั เหนอื ประเทศตอตะเคยี นอนั ลอยมาคา้ งอยทู่ ่ี นน้ั พระองคจ์ ง่ึ มพี ทุ ธบณั ฑรู ตรสั ทำนายวา่ อรญั ประเทศนไ้ี ปเมอ่ื หนา้ จะปรากฏเปน็ ราชธานหี นง่ึ ชอ่ื วา่ พระนครทะวาราวะดศี รอี ยทุ ยา แลว้ พระดาบสจง่ึ เขยี นรปู เมอื งดว้ ยถา่ นเพลงิ แลว้ ทง้ิ ขน้ึ ไปในอากาศตก ลงมาเป็นผ้าสาฎก ประจักษ์หนทางสามแพร่ง ให้เห็นว่าชนเกิดในประเทศนี้ จะเจรจามุสาวาทความ จรงิ นอ้ ย แลว้ พระมหาโยคจี ง่ึ วา่ ปางนบ้ี รมขตั ตยิ าธบิ ดเี สดจ็ มาถงึ แลว้ พระองคจ์ งอยใู่ นประเทศนส้ี ำราญ ราชหฤทยั เถดิ อาตมาจะลาไปรกั ษาพระบทวลญั ชรลกั ษณใ์ นขนุ เขาครี โี นน้ เบอ้ื งวา่ พระดาบสวา่ ดงั นน้ั แลว้ กเ็ หาะไปสำนกั เจรญิ พรตพรหมวหิ ารเทา่ ถงึ อาสญั ภาพในภเู ขาสมุ ภูนน้ั [ เลม่ ๒ ] ๒ ศภุ มสั ดศุ กั ราช ๗๑๒ ปขี าลโทศก วนั ๖๖ฯ ๕ คำ่ (วนั ศกุ ร์ เดอื น ๕ ขน้ึ ๖ คำ่ ) เพลา ตวั สะก๑ดแลตะน้ตฉัวตบาบั มเขยี เชนน่วา่ คำวพ่าระเสพรชรญเพชฯใช้พยซง่ึัญเปชน็นกะาชรเขเยีปน็นตตาวั มสหะกลดกั ไวแยลาะกพรยณญั ก์ ชานรสะะญกดคเปำ็นในตภัวตาษามาบแาตลม่ี ีวธิ ีเทขใ่ี ียชนพ้ โยดญั ยใชชนต้ ะวั วเรชรงิ คพเยดัญยี วชกนนั ะเปญน็ อยู่ใต้พยัญชนะ ช ๒ เล่ม ๒ นี้ น่าจะหมายถึงจบสองเล่มของต้นฉบับหนังสือสมุดไทย ซึ่งเป็นความส่วนหนึ่งในพงศาวดารเหนือ ที่นำมาประกอบเป็น ความนำในพระราชพงศาวดารกรุงสยาม ฯ

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๑๑ สามนาฬิกาเก้าบาท สถาปนากรุงพระนครศรีอยุทธยา ชีพระพราหมณ์ให้ฤกษ์ตั้งพิธีกลบบาท ได้ สังข์ทักขิณาวัฏใต้ต้นหมันไปหนึ่ง แล้วสร้างพระที่นั่งไพรทูลมหาปราสาทองค์หนึ่ง สร้างพระที่นั่งไพรชน มหาปราสาทองคห์ นง่ึ สรา้ งพระทน่ี ง่ั ไอสวรรณม์ หาปราสาทองคห์ นง่ึ แลว้ พระเจา้ อทู่ องเสดจ็ เขา้ มาเสวยราช สมบัติ ชียพ่อพราหมณ์ถวายพระนามชื่อ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสุนทรบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว กรงุ เทพทะวาราวะดศี รอี ยทุ ธยา มหาลลิ กภพนพรตั นราชธานบี รู ริ ม จง่ึ ใหส้ มเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอพระรามเมศวร ขน้ึ ไปครองราชสมบตั ใิ นเมอื งลพบรู ยี ์ ครง้ั นน้ั พญาประเทศราชขน้ึ ๑๖ เมอื ง คอื เมอื งมะละกา เมอื งฉะวา เมอื งตนาวศรี เมอื งณะคร ศรธี รรมราช เมอื งถะวาย เมอื งมะตะมะ เมอื งเมาะลำเลงี เมอื งสงขลา เมอื งจนั ทบรู รณ์ เมอื งพศิ ณโุ ลกย์ เมอื งโศกโคทยั เมอื งพไิ ชย เมอื งสวรรคโลก เมอื งพจิ ติ ร์ เมอื งกำแพงเพชร ๑ เมอื งณครสวรรค์ แล้วให้ขึ้นไปเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระรามเมศวรลงมาแต่เมืองลพบูริย์ พระกรุณาตรัสว่า ขอมแปรพกั ตร์ จะใหอ้ อกไปกระทำเสยี พระรามเมศวรไดฤ้ กษย์ กพลหา้ พนั ไปถงึ กรงุ กำภชู าธบิ ดเี พลา พลบค่ำ พญาอุปราช ราชบุตรพระเจ้ากำภูชาธิบดีทูลว่า ทัพซึ่งยกมาเลือยล้าอยู่ ยังมิได้พร้อมมูล จะขอออกโจมทพั พระเจา้ กำภชู าธบิ ดเี หน็ ดว้ ย พญาอปุ ราชกอ็ อกโจมทพั ๆ หนา้ ยงั ไมท่ นั ตง้ั คา่ ย กแ็ ตกฉาน มาปะทะทพั หลวง เสยี พระศรสี วดั แกช่ าวกำภชู าธบิ ดี มขี า่ วเขา้ มาถงึ พระนคร มพี ระราชโองการใหข้ นุ ตำรวจ ออกไปอญั เชญิ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชเจา้ ผเู้ ปน็ พระเชษฐาอยู่ ณ เมอื งสพุ รรณบรู ยี ์ ครน้ั เสดจ็ เขา้ มา ถงึ พระนครแลว้ พระเจา้ อยหู่ วั ตรสั วา่ ใหอ้ ญั เชญิ ทา่ นออกไปชว่ ยหลานทา่ น สมเดจ็ พระเจา้ บรมราชาธริ าช จึ่งยกทัพเรือรีบออกไปถึงกรุงกำภูชาธิบดีได้รบเอาชัยชนะได้ ให้กวาดข้าวถ่ายครัวชาวกรุงกำภูชาธิบดี เขา้ พระนครเปน็ อนั มาก ศกั ราช ๗๑๕ ปมี ะเสง็ เบญจศก วนั พฤหสั บดี เดอื น ๔ ขน้ึ คำ่ ( วนั ๕ ๑ฯ ๔ คำ่ ) เพลา สองนาฬกิ า ๕ บาท ทรงพระกรณุ าตรสั วา่ ทพ่ี ระตำหนกั เวยี งเหลก็ นน้ั ใหส้ ถาปนาพระวหิ ารแลพระมหาธาตุ เปน็ พระอาราม แลว้ ใหน้ ามชอ่ื วดั พทุ ไทยสวรรค์ มา้ ขนุ สวู รรณพ์ นิ ดิ ใจ ตกลกู ศรี ษะเดยี ว ตวั เปน็ สองตวั แปดเทา้ เดนิ ชงิ ศรี ษะกนั ไก่พระศรี มะโหสถ ฟกั ฟองตกลกู ตวั เดยี วสองศรี ษะ ๑ ตน้ ฉบบั เขยี นวา่ กำแพงเพชฯ เปน็ การเขยี นโดยใชล้ กั ษณะการสะกดแบบสนั สกฤต เพชร แผลงมาจากวชั ระในภาษาสนั สกฤต จึงใช้พยัญชนะ ร เป็นตัวตามแทนพยัญชนะ ญ และมีความหมายเดียวกัน คือ เพชร หรือ สายฟ้า

๑๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ศกั ราช ๗๒๕ ปเี ถาะเบญจศก ทรงพระกรณุ าตรสั วา่ เจา้ แกว้ เจา้ ไท ออกอหวิ าตกโรคตาย ใหข้ ดุ ขน้ึ เผาเสยี ทป่ี ลงศพนน้ั ใหส้ ถาปนาเจดยี ว์ หิ ารเปน็ อาราม แลว้ ใหน้ ามชอ่ื วดั ปา่ แกว้ ศกั ราช ๗๓๑ ปรี ะกาเอกศก สมเดจ็ พระรามาธบิ ดเี สดจ็ สวรรคต อยใู่ นราชสมบตั ิ ๒๐ ปี สมเดจ็ พระรามเมศวรเสดจ็ มาแตเ่ มอื งลพบรู ยี ขน้ึ เสวยราชสมบตั ิ ครน้ั ถงึ ศกั ราช ๗๓๒ ปจี อโทศก สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชเขา้ มาเมอื งสพุ รรณบรู ยี ์ เสนาบดี กราบทลู วา่ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชเจา้ เสดจ็ เขา้ มา สมเดจ็ พระรามเมศวรกอ็ อกไปอญั เชญิ เสดจ็ เขา้ มา พระนคร ถวายราชสมบตั ิ ถวายบงั คมลาขน้ึ ไปลพบรู ยี ด์ งั เกา่ ศกั ราช ๗๓๓ ปกี นุ ตรศี ก สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชเจา้ เสดจ็ ไปเอาเมอื งฝา่ ยเหนอื แลไดเ้ มอื งเหนอื ทง้ั ปวง ศกั ราช ๗๓๔ ปฉี ลเู บญจศก เสดจ็ ไปเอาเมอื งชากงั ราว แลพญาไซ้แลว้ พญากำแหง เจา้ เมอื ง ออกตอ่ รบทา่ น ๆ ไดต้ วั พญาไซแกว้ ตายแลว้ แตพ่ ญากำแหงและไพรพ่ ลทง้ั ปวงหนเี ขา้ เมอื งได้ ทพั หลวง กเ็ สดจ็ กลบั คนื มาพระนคร ศกั ราช ๗๓๖ ปขี าลฉศก สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชเจา้ พระเถรธรรมากลั ญาณ แรกสถาปนา พระศรรี ตั นมหาธาตุ ฝา่ ยบรู ทศิ หนา้ พระบรรพชน้ั สงิ หส์ งู ๑๙ วา ยอดนภศลู สงู ๓ วา ศกั ราช ๗๓๗ ปเี ถาะสปั ตศก เสดจ็ ไปเอาเมอื งพษิ ณโุ ลกแลไดต้ วั ขนุ สามแกว้ เจา้ เมอื ง กวาดครวั อพยพมาครง้ั นน้ั มาก ศกั ราช ๗๓๘ ปมี ะโรงอฐั ศก เสดจ็ ไปเอาเมอื งชากงั ราวได้ พญากำแหงแลทา้ วผากองคดิ กนั วา่ จะยอทพั หลวงหามไิ ด้ ทา้ วผากองเลกิ กองทพั หนี เสดจ็ ยกทพั หลวงตามตที พั ทา้ วผากองแตก ไดท้ า้ ว พญาเสนาขนุ หมน่ื ครง้ั นน้ั มาก แลว้ ทพั หลวงเสดจ็ กลบั คนื ศกั ราช ๗๔๐ ปมี ะเมยี สมั ฤทธศิ ก ไปเอาเมอื งชากงั ราวเลา่ ครง้ั นน้ั มหาธรรมราชาออกมาถวาย บงั คม ศกั ราช ๗๔๒ ปวี อกโทศก๑ เสดจ็ ไปเมอื งเชยี งใหม่แลใหเ้ ขา้ ปลน้ เมอื งนครลำปางมไิ ด้ จง่ึ แตง่ หนงั สอื ใหเ้ ขา้ ไปแก่หมน่ื นคร เจา้ เมอื งนครลำปางออกมาถวายบงั คม แลทพั หลวงเสดจ็ กลบั คนื ๑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐ ว่า ศักราช ๗๔๘ ขาลศก จากนี้ไปศักราชส่วนใหญ่จะคลาดเคลื่อนจาก ฉบบั หลวงประเสรฐิ

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๑๓ ศกั ราช ๗๔๔ ปจี อจตั วาศก สมเดจ็ บรมราชาธริ าชเสดจ็ สวรรคต อยใู่ นราชสมบตั ิ ๑๓ ปี จง่ึ เจา้ ทองลนั ราชกมุ ารขน้ึ เสวยราชสมบตั ไิ ด้ ๗ วนั สมเดจ็ พระรามเมศวรเสดจ็ ลงมาเมอื งลพบรู ยี เ์ ขา้ ในพระราชวงั กมุ เอาเจา้ ทองลนั ได้ ใหพ้ ฆิ าตเสยี วดั โคกพญา ศกั ราช ๗๔๖ ปชี วดฉศก สมเดจ็ พระรามเมศวรใหเ้ ลยี บพลยกขน้ึ ไปเมอื งเชยี งใหม่ ตง้ั คา่ ยหลวง ไกลคูเมือง ๑๕๐ เส้น ให้นายทัพนายกองตั้งค่ายล้อมแลแต่งการปล้นเอาจงได้ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยิงปืนใหญ่ ออกมา กำแพงพงั กวา้ งประมาณ ๕ วา พระเจา้ เชยี งใหมข่ น้ึ ยนื ถอื พชั นอี ยบู่ นเชงิ เทนิ ใหท้ หารเอาหนงั สอื แขวนธนูยิงลงมา ในหนังสือนั้นว่าขอพระราชทานให้งดเจ็ดวัน จะนำเครื่องพระราชบรรณาการออกไป เจรญิ พระราชไมตรี พระเจา้ อยหู่ วั จง่ึ ปรกึ ษาดว้ ยมขุ มนตรวี า่ พระเจา้ เชยี งใหมใ่ หม้ หี นงั สอื ออกมาดงั นค้ี วรจะ ใหง้ ดหรอื ประการใด มขุ มนตรนี ายทพั นายกองปรกึ ษาวา่ เกลอื กพระเจา้ เชยี งใหมจ่ ะเตรยี มการมทิ นั จง่ึ คดิ เปน็ กลอบุ ายมา ขอพระราชทานใหป้ ลน้ เอาเมอื งจงได้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า เป็นกษัตริย์ขัตติยวงศ์เขาไม่รบแล้ว เราจะให้รบนั้นดูมิบังควร ถึงมาตรว่าพระเจ้าเชียงใหม่จะมิได้คงอยู่ในสัตยานุสัตย์ก็ดี ใช่ว่าจะพ้นทหารเรานั้นเมื่อไร ฝ่ายในเมือง เชยี งใหมน่ น้ั ตแี ตะบงั กำแพงทลายนน้ั ใหก้ อ่ ขน้ึ ครน้ั ๗ วนั แลว้ พระเจา้ เชยี งใหมม่ ไิ ดเ้ อาเครอ่ื งเจรญิ พระราชไมตรอี อกมา นายทพั นายกองขา้ ทหารรอ้ งทกุ ขราชวา่ ขา้ วในกองทพั ทะนานละสบิ สลงึ หามที ซ่ี อ้ื ไม่ จะขอพระราชทานเรง่ ปลน้ พระเจา้ อยหู่ วั บญั ชาตามนายทพั นายกอง ทรงพระกรณุ าสง่ั ใหเ้ ลกิ กองทพั เสยี ด้านหนึ่ง ให้เร่งปล้นวัน ๒ ฯ๔๔ ค่ำ (วันจันทร์ เดือน ๔ ขึ้น ๔ ค่ำ) เพลา ๓ ทุ่ม ๒ บาท เดือนตก เจา้ พนกั งานยงิ ปนื ใหญน่ อ้ ย ระดม ๓ ดา้ น เอากระไดหกพาดปนี กำแพงขน้ึ ไป พระเจา้ เชยี งใหมต่ า้ นทาน มไิ ด้ กพ็ าครวั หนอี อกเพลา ๑๑ ทมุ่ ทหารเขา้ เมอื งได้ ๆ แตน่ กั สา้ งบตุ รพระเจา้ เชยี งใหมอ่ งคห์ นง่ึ มาถวาย พระเจา้ อยหู่ วั ตรสั ตอ่ นกั สา้ งวา่ พระเจา้ เชยี งใหมบ่ ดิ าทา่ นหาสตั ยานสุ ตั ยม์ ไิ ด้ เราคดิ วา่ จะออกมาหาเรา โดยสัตย์เราจะให้คงราชสมบัติ ตรัสดังนั้นแล้วก็ให้นักส้างถวายสัตยานุสัตย์ พระเจ้าอยู่หัวก็แบ่งไพร่ พลเมอื งไวพ้ อสมควรเหลอื นน้ั กใ็ หเ้ ขา้ ครวั อพยพหญงิ ชายลงมา ให้นกั สา้ งลงมาสง่ เสดจ็ ถงึ เมอื งสวางคบ์ รู ยี ์ ทรงพระกรณุ าใหน้ กั สา้ งกลบั ขน้ึ ไปครองราชสมบตั ิ ณ เมอื งเชยี งใหม่ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ เขา้ เมอื งพศิ ณโุ ลก นมัสการพระชิณศรี พระชิณราช เปลื้องเครื่องต้นทำสักการบูชาสมโภช ๗ วัน เสด็จลงมาพระนคร แลลาวซง่ึ ตอ้ นลงมานน้ั ใหท้ รงลงไปไว้เมอื งพทั ลงุ เมอื งสงขลา เมอื งละคร เมอื งจนั ตบรู รณ์ แลว้ เสดจ็ ออกทรงศลี ยงั พระทน่ี ง่ั มงั กลาภเิ ศก เพลา ๑๐ ทมุ่ ทอดพระเนตรไปโดยฝา่ ยทศิ บรู พาเหน็ พระสารรี กิ บรม ธาตเุ สดจ็ ปาฏหิ ารยิ ์ เรยี กปลดั วงั ใหเ้ อาราชยานทรงเสดจ็ ออกไป ใหเ้ อากรยุ ปกั ขน้ึ ไว้ สถาปนาพระมหาธาตุ

๑๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ นั้นสูง ๑๙ วา ยอดนภศูลสูงสามวา ชื่อ วัดมหาธาตุ แล้วให้ทำพระราชพิธีประเวศพระนครแล เฉลิมพระราชมนเทยี ร ขณะนั้นพญากำภูชายกเข้ามาถึงเมืองชลบูรีย์ กวาดเอาครัวอพยพหญิงชายในเมืองชลบูรีย์ แลเมอื งจนั ตบรู รณ์ คนประมาณ ๖-๗ พนั กลบั ไปเมอื งกำภชู าธบิ ดี พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั ให้พญาไชยณรงเป็นทัพหน้ายกไปถึงสะพานแยก ชาวกำภูชาออกมาตีทัพพญาไชยณรง ได้รบพุ่งกัน เปน็ สามารถ พญากำภชู ากแ็ ตกฉาน พระเจา้ อยหู่ วั ใหต้ ง้ั คา่ ยประจนั ทพั อยู่ ๓ วนั พระเจา้ อยหู่ วั ยกเขา้ ตี แตกฉานเข้าเมืองได้ พญากำภูชาลงเรือหนี พระเจ้าอยู่หัวลงจากช้าง ให้ยิงปืนนกสับลงไปต้องหม้อดิน เปน็ เพลงิ ลกุ ขน้ึ พญากำภชู าหนรี อด จบั ไดแ้ ตอ่ ปุ ราชลกู พญากำภชู า ใหพ้ ญาไชยณรงอยรู่ ง้ั เมอื งกำภชู า ไวค้ น ๕,๐๐๐ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ คนื พระนครศรอี ยทุ ธยา ครน้ั อยมู่ าญวนยกมารบถา้ มานอ้ ยชาวกำภชู าเปน็ ใจรบ ถา้ มามากเรรวนไป พญาไชยณรงบอกหนงั สอื ลงมากราบทลู สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ใหม้ หี นงั สอื ตอบไป ใหก้ วาดครวั อพยพยกมาถงึ พระนคร แลว้ ใหท้ ำพธิ ปี ระเวศพระนคร แลว้ ปนู บำเหนจ็ นายทพั นายกอง ศกั ราช ๗๔๙ ปเี ถาะนพศก สถาปนาวดั ภเู ขาทอง เพลาเยน็ เสดจ็ ไปพระทน่ี ง่ั มงั คลาพเิ ศก ทา้ วมนซง่ึ ตายแตก่ อ่ นนน้ั มานง่ั ขวางทางเสดจ็ อยแู่ ลหายไป สมเดจ็ พระรามเมศวรบรมบพติ รกเ็ สดจ็ สวรรคต อยใู่ นราชสมบตั หิ กปี จง่ึ พระราชกมุ ารทา่ นไดเ้ สวยราชสมบตั ิ ๑๔ ปี ศกั ราช ๗๖๓ ปมี ะเสง็ ตรศี ก สมเดจ็ พญารามเจา้ มคี วามพโิ รธแกเ่ จา้ มหาเสนาบดี แลทา่ นให้ คมุ เอาตวั เจา้ มหาเสนาบดหี นรี อดขา้ มไปอยฟู่ ากปะพาคจู าม จง่ึ ใหไ้ ปเชญิ สมเดจ็ พระอนิ ทราชา ณ เมอื ง สพุ รรณบ์ รู ยี เสดจ็ เขา้ มาถงึ จง่ึ เจา้ มหาเสนาบดยี กปลน้ เอาเมอื งนครศรอี ยทุ ธยาได้ จง่ึ เชญิ สมเดจ็ พระอนิ ทราชา ขน้ึ เสวยราชสมบตั ิ ใหส้ มเดจ็ พญาไปกนิ เมอื งพปะคจู าม แลว้ พระราชทานเจา้ มหาเสนาบดลี กู พระสนมองค์ เจยี ดทองคหู่ นง่ึ พานทองคหู่ นง่ึ เตา้ นำ้ ทอง กระบก่ี น้ั หยน่ั เสลย่ี งงาเลยี บกลบี บวั ศกั ราช ๗๖๕ ปมี ะแมเบญจศก มีข่าวมาว่าพระมหาธรรมราชาธริ าช เจา้ เมอื งพศิ ณโุ ลคเสดจ็ สวรรคตแลเมอื งเหนอื ทง้ั ปวงเปน็ จลาจล จง่ึ เสดจ็ ขน้ึ ไปถงึ เมอื งพระบาง พญาบาลเมอื ง พญารามออกมา ถวายบังคมพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับพระนครแล้ว จึ่งให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าอ้ายพญากินเมือง สพู รรณบรู ยี ์ เจา้ หญพิ ญาเมอื งแพรกศรมี ราชา เจา้ สามพญากนิ เมอื งไชยนาด ศกั ราช ๗๘๐ ปจี อสมั ฤทธศิ ก สมเดจ็ พระอนิ ทราชาเสดจ็ สวรรคต อยใู่ นราชสมบตั ิ ๑๕ ปี เจา้ อา้ ยพญา เจา้ หญพิ ญายกเขา้ มาชงิ กนั จะเอาราชสมบตั ิ เจา้ อา้ ยพญายกมาตง้ั ตำบลปา่ มะพรา้ ว

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๑๕ ทว่ี ดั พลบั พลาไชย เจา้ หญพิ ญามาตง้ั อย่วู ดั ไชยภมู จะเขา้ ทางตลาดเจา้ พรหม ชา้ งตน้ มาปะทะกนั เขา้ ท่ี เชงิ สะพานปา่ ถา่ น ทง้ั สองพระองคท์ รงพระแสงของา้ วตอ้ งพระศอขาดพรอ้ มกนั ทง้ั สองพระองค์ มขุ มนตรี ออกไปเฝ้าเจ้าสามพญาทูลความตามซึ่งพระเชษฐาขาดคอช้างทั้งสองพระองค์ แล้วเชิญเสด็จเข้ามา ในพระนคร เสวยราชสมบตั ทิ รงพระนามชอ่ื สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชเจา้ ทา่ นจง่ึ ใหข้ ดุ เอาพระศพ เจา้ อ้ายพญา เจ้าญีพญาไปถวายพระเพลิง ที่ถวายพระเพลิงนั้นให้สถาปนาพระมหาธาตุ แลพระวิหาร เป็นพระอาราม แลว้ ใหน้ ามชอ่ื วา่ วดั ราชบรุ ณะ ทเ่ี จา้ อา้ ยพญา เจา้ ญพี ญาชนชา้ งกนั ถงึ พริ าลยั ใหก้ อ่ พระเจดยี ส์ ององคไ์ วท้ เ่ี ชงิ สะพานปา่ ถา่ น ศกั ราช ๗๘๓ ปฉี ลตู รศี ก สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชเจา้ เสดจ็ ไปเอาเมอื งนครหลวงได้ ทา่ นจง่ึ ให้ พระราชกมุ ารทา่ น พระณครอนิ ทเ์ จา้ เสวยราชสมบตั ิ ณ เมอื งนครหลวง ทา่ นจง่ึ ใหเ้ อาพญาแกว้ พญาไท แลครอบครวั แลทง้ั รปู พระโค รปู สงิ หส์ ตั วท์ ง้ั ปวง๑ มาดว้ ย ครน้ั ถงึ พระนครศรอี ยทุ ธยาจง่ึ ใหเ้ อารปู สตั ว์ ทง้ั ปวงไปบชู าไว้ ณ วดั พระศรรี ตั นมหาธาตบุ า้ ง ไปไว้วดั พระศรสี รรเพชญบ์ า้ ง ศกั ราช ๗๘๖ ปมี ะโรงฉศก สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชเจา้ สรา้ งวดั มเหยง สมเดจ็ พระรามเมศวร เจ้าผู้เป็นพระราชกุมารท่าน เสด็จไปเมืองพิศณุโลก ครั้งนั้นเห็นน้ำพระเนตรพระพุทธเจ้า พระชิณราช ตกออกเปน็ โลหติ ศกั ราช ๗๘๘ ปมี ะเมยี อฐั ศก ครง้ั นน้ั เกดิ เพลงิ ไหมพ้ ระราชมนเทยี รสถาน ศกั ราช ๗๘๙ ปมี ะแมนพศก ครง้ั นน้ั เกดิ เพลงิ ไหมพ้ ระทน่ี ง่ั ตรมี ขุ ศักราช ๗๙๐ ปีวอกสัมฤทธิศก สมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้า เสด็จไปเอาเมืองเชียงใหม่ แลเขา้ ปลน้ เมอื งมไิ ด้ พอทรงพระประชวร ทพั หลวงเสดจ็ กลบั คนื ศกั ราช ๗๙๒ ปจี อโทศก เสดจ็ ขน้ึ ไปตเี ชยี งใหมอ่ กี ครง้ั หนง่ึ แลตง้ั ทพั หลวงตำบลทา้ ยเกษม ครง้ั นน้ั ไดเ้ ชลยแสนสองหมน่ื ทพั หลวงเสดจ็ กลบั คนื ศกั ราช ๗๙๖ ปขี าลฉศก สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชเจา้ เสดจ็ สวรรคตอยใู่ นราชสมบตั ิ ๑๖ ปี สมเดจ็ พระรามเมศวรเจา้ ผเู้ ปน็ พระราชกมุ ารขน้ึ เสวยราชสมบตั ิ ทรงพระนามชอ่ื วา่ พระบรมไตรโลกนาถ ๑ รปู สตั วท์ ง้ั หลายนเ้ี ปน็ รปู หลอ่ สำรดิ มที ง้ั หมด ๓๒ รปู เมอ่ื พ.ศ. ๒๑๑๒ พระเจา้ บเุ รงนองตกี รงุ ศรอี ยธุ ยาได้ จงึ ขนยา้ ยรปู หลอ่ สำรดิ ไปประเทศพมา่ (ดคู วามหนา้ ๖๕ ) ปจั จบุ นั รปู หลอ่ สำรดิ เหลอื อยเู่ พยี ง ๖ รปู อยทู่ ว่ี ดั มหามยั มนุ ี เมอื งมณั ฑะเลย์ ประเทศพมา่

๑๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ยกวงั ทำเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ เสด็จมาอยู่ริมน้ำ จึ่งให้สร้างพระที่นั่งเบญรัตณมหาปราสาทองค์หนึ่ง สร้างพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาทองค์หนึ่ง แล้วพระราชทานชื่อขุนนางตำแหน่งหน้า ให้เอาทหารเป็น สมหุ พระกลาโหม เอาพลเรอื นเปน็ สมหุ นายก เอาขนุ เมอื งเปน็ พระนครบาลเมอื ง เอาขนุ วงั เปน็ พระธรรมาธกิ ร เอาขุนคลังเป็นโกษาธิบดี ให้ถือศักดินาหมื่นหนึ่ง ๑ แลที่ถวายพระเพลิงสมเด็จพระรามาธบิ ดรี ะองค์ สรา้ งกรงุ นน้ั ใหส้ ถาปนาพระมหาธาตแุ ลพระวหิ ารเปน็ พระอาราม ใหน้ ามชอ่ื วดั พระราม ศกั ราช ๘๐๒ ปวี อกโทศก ครง้ั นน้ั คนออกทรพษิ ตายมากนกั ศกั ราช ๘๐๓ ปรี ะกาตรศี ก แตง่ ทพั ไปเอาเมอื งมลกา ศกั ราช ๘๐๔ ปจี อจตั วาศก แตง่ ทพั ไปเอาเมอื งศรสี พเถนิ ครง้ั นน้ั เสดจ็ หนนุ ทพั ขน้ึ ไปตง้ั ทพั หลวง ตำบลบา้ นโคน ศกั ราช ๘๐๕ ปกี นุ เบญจศก ขา้ วเปลอื กแพงเปน็ ทะนานละ ๘๐๐ เบย้ี ๆ เฟอ้ื งละแปดรอ้ ยเบย้ี เกวยี นหนง่ึ เปน็ เงนิ สามชง่ั กบั สบิ บาท ศกั ราช ๘๐๖ ปชี วดฉศก ใหบ้ ำรงุ พระพทุ ธศาสนาบรบิ รู ณ์ แลหลอ่ รปู พระโพธสิ ตั ว์ ๕๕๐ พระชาติ ศกั ราช ๘๐๘ ปขี าลอฐั ศก เลน่ การมหรสพฉลองพระ แลพระราชทานสมณชพี ราหมณ์ แลวณพิ กทง้ั ปวง ครง้ั นน้ั พญาชะเลยี งคดิ กบฏ พาเอาครวั ทง้ั ปวงไปแตม่ หาราช ศกั ราช ๘๐๙ ปเี ถาะนพศก พญาชเลยี งนำมหาราชมาเอาเมอื งพศิ ณโุ ลกเขา้ ปลน้ เอาเมอื งสามารถ มไิ ด้ จง่ึ ยกทพั แปรไปเอาเมอื งกำแพงเพชร เขา้ ปลน้ เมอื งถงึ ๗ วนั มไิ ด้ สมเดจ็ พระบรมโลกนาดเจา้ แล สมเดจ็ พระอนิ ทราชาเสดจ็ ขน้ึ ไปชว่ ยเมอื งกำแพงเพชรทนั แลสมเดจ็ พระอนิ ทราชาเจา้ ตที พั พญาเกยี นแตก ทพั ทา่ นมาปะทพั หมน่ื ณครได้ชนชา้ งดว้ ยหมน่ื ณคร แลขา้ ศกึ ลาวทง้ั สช่ี า้ งเขา้ รมุ เอาชา้ งพระทน่ี ง่ั ชา้ งเดยี ว ครง้ั นน้ั พระอนิ ทราชาเจา้ ณ ตอ้ งปนื หนา้ พระพกั ตร์ ทพั มหาราชนน้ั เลกิ กลบั คนื ไป ศกั ราช ๘๑๐ ปมี ะโรงสมั ฤทธศิ ก สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถเจา้ สรา้ งพระวหิ ารวดั จฬุ ามณี๒ ศกั ราช ๘๑๑ ปมี ะเสง็ เอกศก สมเดจ็ บรมไตรโลกนาถเจา้ ทรงพระผนวชวดั จฬุ ามณี ไดแ้ ปดเดอื น แลว้ ลาผนวช ๑ ดูรายละเอียดใน “พระไอยการลกั ษณะนาพลเรอื น” และ “พระไอยการลกั ษณะนาทหารหวั เมอื ง” กฎหมายตราสามดวง ๒ ความในศลิ าจารกึ วดั จฬุ ามณี ระบุว่า สร้างวัดจุฬามณีเมื่อศักราช ๘๒๖ ตรงกับ พ.ศ. ๒๐๐๗ และในปีต่อมา พ.ศ. ๒๐๐๘ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถทรงผนวชนาน ๘ เดือน ๑๕ วัน

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๑๗ ศกั ราช ๘๑๓ ปมี ะแมตรศี ก ครง้ั นน้ั มหาทา้ วบญุ ชงิ เมอื งเชยี งใหมแ่ ก่ท้าวลกู ศกั ราช ๘๑๕ ปรี ะกาเบญจศก สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดช้ า้ งเผอื ก ศกั ราช ๘๑๖ ปจี อฉศก สมภพพระราชโอรสทา่ น ศกั ราช ๘๑๘ ปชี วดอฐั ศก เสดจ็ ไปเมอื งชเลยี ง ศกั ราช ๘๒๑ ปเี ถาะเอกศก แรกตง้ั นครไท ศกั ราช ๘๒๒ ปมี ะโรงโทศก พระศรรี าชเดโชถงึ แกก่ รรม ศกั ราช ๘๒๔ ปมี ะเมยี จตั วาศก พญาลา้ นชา้ งถงึ แกก่ รรม พระราชทานใหอ้ ภเิ ษกพญาซา้ ยขวา เปน็ พญาลา้ นชา้ ง ศกั ราช ๘๒๖ ปวี อกฉศก ทรงพระกรณุ าใหเ้ ลน่ การมหรสพฉลองพระศรรี ตั นมหาธาตุ ๑๕ วนั ศกั ราช ๘๒๘ ปจี ออฐั ศก พระบรมราชาผเู้ ปน็ พระราชโอรสทรงพระผนวช ศกั ราช ๘๒๙ ปกี นุ นพศก สมเดจ็ พระราชโอรสเจา้ ลาผนวช ประดษิ ฐานพระองคไ์ วใ้ นทพ่ี ระมหา อปุ ราช ศกั ราช ๘๓๐ ปชี วดสมั ฤทธศิ ก สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชเจา้ ไปวงั ชา้ ง๑ ตำบลสมั ฤทธบรบิ รู รณ์ ศกั ราช ๘๓๑ ปฉี ลเู อกศก มหาราชทา้ วลกู พริ าลยั ศกั ราช ๘๓๒ ปขี าลโทศก สมเดจ็ บรมราชาธริ าชเจา้ เสดจ็ ยกทพั ไปตเี มอื งทวาย แลเมอ่ื เมอื งทวาย จะเสียนั้นเกิดอุบาทว์เป็นหลายประการ โคตกลูกตัวหนึ่งเป็นแปดเท้า ไก่ฟักฟองตกลูกตัวหนึ่งเป็นสี่เท้า ไก่ฟักฟองคู่ขอนตกลูกเป็นหกตัว อนึ่งข้าวสารงอกเป็นใบ ในปีนั้นสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเจ้าเสด็จ สวรรคตอยใู่ นราชสมบตั ิ ๓๘ ปี มะโรงจตั วาศก แรกใหก้ อ่ กำแพงเมอื งพไิ ชย ศกั ราช ๘๓๕ ปมี ะเสง็ เบญจศก สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชเจา้ เสวยราชสมบตั ิ ทรงพระนาม ชอ่ื สมเดจ็ พระรามาธบิ ดี ๑ เปน็ วธิ จี บั ชา้ งดว้ ยการตง้ั คอกจบั ชา้ งหมดทง้ั โขลงในครง้ั เดยี ว ส่วนการโพนช้างเป็นการจับช้างด้วยการขี่ช้างต่อออกไล่จับช้าง เถอ่ื นทลี ะตวั และการจบั เพนยี ดหรอื จบั ชา้ งอยา่ งตำราหลวงเปน็ การคดั เลอื กจบั ชา้ งดว้ ยการตอ้ นชา้ งทง้ั โขลงเขา้ เพนยี ด และเลอื กจบั ชา้ ง ตัวที่ต้องการ

๑๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ศกั ราช ๘๓๖ ปมี ะเมยี ฉศก ประดษิ ฐานพระอฐั ธิ าตสุ มเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถเจา้ ไวใ้ นมหาสถปู ศกั ราช ๘๓๘ ปวี อกอฐั ศก ทา่ นประพฤติการเบญจาเพท พระองคใ์ หเ้ ลน่ การคดิ ดาบนั ศกั ราช ๘๓๙ ปรี ะกานพศก ใหท้ ำการปถมกรรม ศกั ราช ๘๔๑ ปกี นุ เอกศก แรกสรา้ งพระวหิ ารวดั ศรสี รรเพชญ์ สมเดจ็ พระรามาธบิ ดีแรกหลอ่ พระศรสี รรเพชญ์วนั ๑ ฯ ๖ ๘คำ่ ( วนั อาทติ ย์ เดอื น ๖ ขน้ึ ๘ คำ่ ) ครน้ั ถงึ ศกั ราช ๘๔๕ ปเี ถาะเบญจศก วนั ๖๑ฯ๑๘ คำ่ ( วนั ศกุ ร์ เดอื น ๘ ขน้ึ ๑๑ คำ่ ) ฉลอง พระพทุ ธเจา้ พระสรรเพชญ์ ขณะหนา้ พระพทุ ธเจา้ นน้ั แตพ่ ระบาทถงึ ยอดพระรศั มสี งู ได้ ๘ วา พระพกั ตร์ นั้นยาวได้ ๔ ศอก โดยกว้างได้ ๓ ศอก พระอุระกว้าง ๑๑ ศอก แลทองหล่อพระพุทธเจ้าหนัก หา้ หมน่ื สามพนั ชง่ั ทองคำหมุ้ หนกั ๒๘๖ ชง่ั ขา้ งหนา้ นน้ั ทองเนอ้ื เจด็ หนา้ สองขา้ ง ๆ หลงั นน้ั ทองเนอ้ื หกนำ้ สองขา้ ง* ศกั ราช ๘๔๖ ปมี ะเมยี สมั ฤทธศิ ก** สมเดจ็ พระรามาธบิ ดี แรกใหท้ ำตำราพไิ ชยสงคราม แลแรก ทำสารบาญชพี ระราชพธิ ที กุ เมอื ง ขณะนน้ั คลองสำโรงทจ่ี ะไปศรี ษะจระเข้ คลองทบั นางจะไปปากนำ้ เจา้ พญาตน้ื เรอื ใหญเ่ ดนิ ไปมา ขัดสน จึงให้ชำระขุดไดร้ ูปเทพารักษ์ ๒ องค์ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ จารึกชื่อองค์หนึ่งชื่อ พญาแสนตา องคห์ นง่ึ ชอ่ื บาทสงั ฆงั กร ในทร่ี อมคลองสำโรงกบั คลองทบั นางตอ่ กนั จง่ึ ใหพ้ ลกี รรมบวงสรวงแลว้ รบั ออกมา ปลกู ศาล เชญิ ขน้ึ ประดษิ ฐานไว้ ณ เมอื งพระประแดง ศกั ราช ๘๖๖ ปชี วดฉศก ครง้ั นน้ั งาเบอ้ื งขวาชา้ งตน้ พญาปราบแตกออกไป อนง่ึ ในเดอื นเจด็ นน้ั คนทอดบตั รสนเทห่ ์ ครง้ั นน้ั ใหฆ้ า่ ขนุ นางเสยี มาก * พระราชพงศาวดารฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) ว่า ข้างหน้านั้นทองเนื้อ ๗ ชั้น ๒ ขา ข้างหลังนั้นทองเนื้อ ๖ น้ำ ๒ ขา พระราชพงศาวดาร กรงุ ศรอี ยธุ ยา ฉบบั หอสมดุ แหง่ ชาตวิ ่า ขา้ งหน้านัน้ ทองเนือ้ ๗ นำ้ ๒ ขา ขา้ งหลังน้ันทองเน้ือ ๖ น้ำ ๒ ขา (การกำหนดคา่ ของทองคำในสมยั โบราณ กำหนดตามคณุ ภาพของเนอ้ื ทองและราคาทอง คอื ถา้ เปน็ ทองคำแทเ้ นอ้ื บรสิ ทุ ธ์ิ ๑๐๐% หนัก ๑ บาท คิดเป็นราคา ๙ บาท เรียกว่า ทองนพคุณ หรือ ทองนพคุณเก้าน้ำ แต่ถ้ามีเนื้อทองคำต่ำลงโดยผสมเงินเพิ่มขึ้นหลายส่วน สขี องทองจะไมส่ กุ ปลง่ั เหมอื นทองคำแท้ จะเปน็ สดี อกบวบบา้ ง สเี หลอื งออ่ นเกอื บขาวบา้ ง และราคากจ็ ะลดลงเรยี กชอ่ื แตกตา่ งกนั ไปตาม คุณภาพ เช่น ทองคำหนัก ๑ บาท ราคา ๘ บาท ๗ บาท ๖ บาท ๕ บาท ๔ บาท ก็เรียกว่า ทองเนื้อแปด ทองเนื้อเจ็ด ทองเนอ้ื หก ทองเนอ้ื หา้ และทองเนอ้ื สต่ี ามลำดบั หากมรี าคาเปน็ เศษของบาทกจ็ ะคดิ เปน็ สลงึ แตเ่ รยี กวา่ ขา เชน่ ทองเนอ้ื เจด็ นำ้ สองขา) ** พระราชพงศาวดารฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) และพระราชพงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยาฉบบั หอสมดุ แหง่ ชาตวิ า่ ศกั ราช ๘๖๐ ปมี ะเมยี สมั ฤทธศิ ก (พระราชพงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ า ฉบบั หลวงประเสรฐิ วา่ ศกั ราช ๘๘๐ ขาลศก)

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๑๙ ศกั ราช ๘๖๗ ปฉี ลสู ปั ตศก นำ้ นอ้ ยขา้ วตายฝอยสน้ิ อนง่ึ แผน่ ดนิ ไหวแลเกดิ อบุ าทวห์ ลายประการ ๒๑๑๑ ศกั ราช ๘๖๘ ปขี าลอฐั ศก เปน็ สามทะนานตอ่ เฟอ้ื ง เบย้ี แปดรอ้ ยตอ่ เฟอ้ื ง ขา้ วเกวยี นหนง่ึ เปน็ เงนิ ( ๑ ชง่ั ๒ ตำลงึ ๑ บาท ๑ สลงึ ) ครง้ั นน้ั ประดษิ ฐานสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอพระอทติ ยวงษไ์ วใ้ นท่ี มหาอปุ ราชใหข้ น้ึ ไปครองเมอื งพศิ ณโุ ลก ศกั ราช ๘๗๑ ปมี ะเสง็ เอกศก ในเพลาราตรภี าค เหน็ อากาศนมิ ติ เปน็ อนิ ธนแู ตท่ ศิ หรดี ผา่ นมา ทศิ พายพั มพี รรณสขี าว อยู่ ณ วนั ๑๘ฯ ๑๒ คำ่ ( วนั อาทติ ย์ เดอื น ๑๒ ขน้ึ ๘ คำ่ ) สมเดจ็ พญารามาธบิ ดี เจา้ เสดจ็ สวรรคต อยใู่ นราชสมบตั ิ ๓๘ ปี สมเดจ็ พระอะทติ ยวงษเ์ จา้ เสวยราชสมบตั ิ ทรงพระนามชอ่ื สมเดจ็ พระบรมราชาหนอ่ พทุ ธธ์ างกรู ศกั ราช ๘๗๕ ปรี ะกาเบญจศก สมเดจ็ พระบรมราชาเสดจ็ สวรรคต อยใู่ นราชสมบตั ิ ๕ ปี สมเดจ็ พระราชกมุ ารทา่ นไดเ้ สวยราชสมบตั ิ ศกั ราช ๘๗๖ ปจี อฉศก สมเดจ็ พระราชกมุ ารทา่ นถงึ แกพ่ ริ าลยั สมเดจ็ พระไชยราชาธริ าชเจา้ ได้ ราชสมบตั ิ ศกั ราช ๘๘๐ ปขี าลสมั ฤทธศิ ก แรกใหพ้ นู ดนิ วดั ชเี ชยี ง ถงึ เดอื น ๑๑ เสดจ็ ไปเชยี งกราย เชยี งกราน ถงึ เดอื น ๔ ขน้ึ ๙ คำ่ เพลาประมาณยามหนง่ึ เกดิ ลมพายพุ ดั หนกั คอเรอื ออ้ มแกว้ แสนเมอื งมานน้ั หกั เรอื ไตรแกว้ นน้ั หกั แตก อนง่ึ เมอ่ื เสดจ็ มาแต่กำแพงเพชรนน้ั พญานรายเปน็ กบฏ ใหค้ มุ พญานรายนฆา่ เสยี ในเมอื งกำแพงเพชร ศกั ราช ๘๘๗ ปรี ะกาสปั ตศก ณ วนั ๕ ๕ฯ ๗ คำ่ ( วนั พฤหสั บดี เดอื น ๗ ขน้ึ ๕ คำ่ ) สมเดจ็ พระไชยราชาธิราชเจ้าเสด็จไปเมืองเชียงใหม่ ให้พญาพิศณุโลกเป็นแม่ทัพ ยกพลออกตั้งทัพไชยตำบล บางบาล วนั ๗๑ฯ๔๗ คำ่ (วนั เสาร์ เดอื น ๗ ขน้ึ ๑๔ คำ่ ) จง่ึ ยกทพั หลวงจากทท่ี พั ไชยไปถงึ เมอื งกำแพงเพชร ควันรั้น๑๑ณฯ๔๗วันคำ่ ๑(ฯ๔วนั๙อาคท่ำติ ย(์ เดอื น ๗ แรม ๑๔ คำ่ ) ยกทพั ไปตง้ั เมอื งเชยี งทอง แลว้ ยกไปถงึ เมอื งเชยี งใหม่ วันอาทิตย์ เดือน ๙ ขึ้น ๔ ค่ำ ) เสด็จยกพยุหบาตราทัพหลวงกลับคืนยัง พระนครศรอี ยทุ ธยา อยู่ ณ วนั ๔๔ฯ ๓ คำ่ ( วนั พธุ เดอื น ๓ ขน้ึ ๔ คำ่ ) เกดิ เพลงิ ไหมใ้ นพระนครแต่ ทา่ กลาโหมลงไปถึงพระราชวังท้ายท่อตลาดยอด ลมหอบเอาลูกเพลิงไปตกลงตะแลงแกง ไหม้ลามลง ไปตอ้ งปา่ ตองโรงครามฉะไกรสามวนั จง่ึ ดบั มบี าญชเี รอื นศาลากฎุ พี ระวหิ ารไหมแ้ สนหา้ สบิ เรอื น

๒๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ศกั ราช ๘๘๘ ปจี ออฐั ศก ณ วนั ๑๑ฯ๑๒ คำ่ (วนั อาทติ ย์ เดอื นย่ี ขน้ึ ๑๑ คำ่ ) สมเดจ็ พระไชย ราชาธริ าชเจา้ เสดจ็ ยกพยหุ บาตราทพั ไปเมอื งเชยี งใหม่ ดำรสั ให้พญาพศิ ณโุ ลกถอื พล ๒ หมน่ื เปน็ กองหนา้ เสดจ็ ยกพยหุ แสนยากรรอนแรมไปโดยระยะทาง ๑๒ เวน ถงึ เมอื งกำแพงเพชรเสดจ็ ประทบั แรมอยู่ ๑๕ เวน ครน้ั ณ วนั ๕ ฯ๖ ๓ คำ่ ( วนั พฤหสั บดี เดอื น ๓ ขน้ึ ๖ คำ่ ) เสดจ็ ตง้ั ทพั ไชย ถงึ ณ วนั ๗ ๘ฯ ๓ คำ่ (วนั เสาร์ เดอื น ๓ ขน้ึ ๘ คำ่ ) จง่ึ ยกทพั หลวงเสดจ็ จากทน่ี น้ั ครน้ั ณ วนั ๓๓ฯ ๔ คำ่ (วนั องั คาร เดอื น ๔ ขน้ึ ๓ คำ่ ) ได้เมอื งลำพนู ไชย ถงึ ณ วนั ๒ ๙ฯ ๔ คำ่ ( วนั จนั ทร์ เดอื น ๔ ขน้ึ ๙ คำ่ ) ไดเ้ มอื ง เชยี งใหม่ ณ วนั ๖๑ฯ๓๔ คำ่ ( วนั ศกุ ร์ เดอื น ๔ ขน้ึ ๑๓ คำ่ ) บงั เกดิ อบุ าทวน์ มิ ติ เหน็ โลหติ ตกอยู่ ณ ประตบู า้ นแลเรอื นชนทง้ั ปวงในเมอื งนอกเมอื งทกุ ตำบล ครน้ั ณ วนั ๒๑ฯ๔๔ คำ่ ( วนั จนั ทร์ เดอื น ๔ แรม ๑๔ คำ่ ) เสดจ็ ยกพยหุ บาตราทพั หลวงจากเมอื งเชยี งใหมจ่ ะมายงั พระนครศรอี ยทุ ธยา ศักราช ๘๘๙ ปีกุนนพศก เสด็จสวรรคต ณ มะนีมะวิถีประเทศ มุขมนตรีเชิญพระบรมศพ เข้าพระนครศรีอยุทธยา สมเด็จพระไชยราชาธิราชเจ้าเสด็จอยู่ในศิริราชมไหศวรรย์สิบสี่พระพรรษา มพี ระราชโอรสสองพระองค์ พระราชโอรสผพู้ ท่ี รงพระนามชอ่ื พระยอดฟา้ พระชนมไ์ ด้ ๑๑ พระพรรษา พระโอรสผนู้ อ้ งทรงพระนามชอ่ื พระศรสี นิ พระชนมไ์ ด้ ๕ พระพรรษา ครน้ั ถวายพระเพลงิ พระไชยราชา เสร็จแล้ว ฝ่ายพระเทียนราชาราชซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์สมเด็จพระไชยราชานั้นจึ่งดำริว่า ครั้นกูจะอยู่ใน ฆราวาส บดั นเ้ี หน็ ภยั จะบงั เกดิ มเี ปน็ มน่ั คง ไมเ่ หน็ สง่ิ ใดทจ่ี ะเปน็ ทพ่ี ง่ึ ได้ เหน็ แตพ่ ระพทุ ธศาสนาแล ผา้ กาสาวพัตร์ อันเป็นธงชัยแห่งพระอรหันต์ จะเป็นที่พำนักพ้นภัยอุปัทวันตราย ครั้นดำริแล้วก็ออกไป อปุ สมบทเปน็ ภกิ ษภุ าวะอยู่ ณ ราชประดษิ ฐาน ฝา่ ยพระสมณพราหมณาจารย์ มขุ มนตรี กวรี าช นกั ปราชญบ์ ณั ฑติ โหราราชครสู โมสรพรอ้ มกนั ประชมุ เชญิ พระยอดฟา้ พระชนมไ์ ด้ ๑๑ พระพรรษา เสดจ็ ผา่ นพภิ พถวลั ยราชประเพณสี บื สรุ วิ งศอ์ ยทุ ธย์ า ต่อไป แลนางพญาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันผู้เป็นสมเด็จพระชนนีช่วยทำนุบำรุง ประคองราชการแผ่นดิน ในปนี น้ั แผน่ ดนิ ไหว ครน้ั ศกั ราช ๘๙๐ ปชี วดสมั ฤทธศิ ก ณ วนั ๗๕ฯ ๕ คำ่ ( วนั เสาร์ เดอื น ๕ ขน้ึ ๕ คำ่ ) สมเดจ็ พระยอดฟา้ เสดจ็ ออกสนาม พรอ้ มดว้ ยมขุ อำมาตยม์ นตรเี ฝา้ พระบาทยคุ ลเปน็ อนั มาก ดำรสั สง่ั ใหเ้ อาชา้ ง บำรงู ากนั บงั เกดิ ทจุ รติ นมิ ติ งาชา้ งพญาไฟนน้ั หกั เปน็ สามทอ่ น ครน้ั เพลาคำ่ ชา้ งตน้ พระฉตั รทนั ตไหล ร้องเป็นเสียงคนร้องไห้ ประการหนึ่งประตูไพยนร้องเป็นอุบาทว์ ครั้นอยู่มานางพญาแม่อยู่หัวศรีสุดาจัน เสดจ็ ไปประพาสเลน่ ณ พระทน่ี ง่ั พมิ ารรตั ณยา หอพระขา้ งหนา้ ทอดพระเนตรเหน็ พนั บตุ รศ์ รเี ทพผเู้ ฝา้ หอพระ

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๒๑ ก็มีความเสน่หารักใครพ่ ันบุตร์ศรีเทพ จึ่งสั่งสาวใช้ให้เอาเมี่ยงหมากห่อผ้าเช็ดหน้าไปพระราชทานพันบุตร์ ศรเี ทพ ๆ รบั แลว้ กร็ อู้ ชั ฌาสยั วา่ นางพญามพี ระทยั ยนิ ดรี กั ใคร่ พนั บตุ รศ์ รเี ทพจง่ึ เอาดอกจำปาสง่ ใหส้ าวใช้ เอาไปถวายแกน่ างพญา ๆ กย็ ง่ิ มคี วามกำหนดั ในพนั บตุ รศรเี ทพเปน็ อนั มาก จง่ึ มพี ระเสาวนยี ส์ ง่ั พญาราชภกั ดี ว่าพันบุตรศรีเทพเป็นข้าหลวงเดิม ให้เอามาเป็นขุนชินราชรักษาหอพระข้างใน ให้ไปเปลี่ยนขุนชินราช ออกไปเปน็ พนั บตุ รศรเี ทพรกั ษาหอพระขา้ งหนา้ ครน้ั พนั บตุ รศรเี ทพเปน็ ขนุ ชนิ ราชเขา้ ไปอยรู่ กั ษาหอพระขา้ งใน แลนางพญากล็ อบลกั สมคั รสงั วาสกบั ดว้ ยขนุ ชนิ ราชมาชา้ นาน แลว้ ดำรจิ ะเอาราชสมบตั ใิ หส้ ทิ ธแิ กข่ นุ ชนิ ราช จง่ึ ตรสั สง่ั พญาราชภกั ดวี า่ ใหต้ ง้ั ขนุ ชนิ ราชเปน็ ขนุ วรวงษาธริ าช ใหป้ ลกู จวนอยรู่ มิ ศาลาสารบาญชี ใหพ้ จิ ารณา เลกสังกัดสมพัน หวังจะให้กำลังมากขึ้น แล้วให้เอาเตียงที่อันเป็นราชอาสน์ไปตั้งไว้ข้างหน้า สำหรับ ขนุ วรวงษาธริ าชนง่ั เพอ่ื จะใหข้ นุ นางทง้ั ปวงออ่ นนอ้ มยำเกรง แลว้ นางพญาสง่ั ใหป้ ลกู จวนใหข้ นุ วรวงษาธริ าช ว่าราชการ ณ ประตูดินริมต้นหมัน อยู่มาพญามหาเสนาพบพญาราชภักดีจึ่งพูดว่า เมื่อแผ่นดินเป็น ทรุ ยศฉะน้ี เราจะคดิ ประการใด ครน้ั รงุ่ ขน้ึ นางพญารวู้ า่ พญามหาเสนาพดู กนั กบั พญาราชภกั ดี จง่ึ สง่ั ให้ หาพญามหาเสนาเข้ามาเฝ้าที่ประตูดิน ครั้นเพลาค่ำพญามหาเสนากลับออกไป มีผู้แทงพญามหาเสนา ล้มลง เมื่อจะใกล้สิ้นใจพญามหาเสนาจึ่งว่า เมื่อเราเป็นดังนี้แล้ว ผู้อยู่ภายหลังจะเป็นประการใดเล่า ขณะนั้นนางพญาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันมีครรภ์ด้วยขุนวรวงษาธิราช จึ่งมีพระเสาวนีย์ตรัสปรึกษา ดว้ ยหมมู่ ขุ นตรที ง้ั ปวงวา่ พระยอดฟา้ โอรสเรายงั เยาวน์ กั สาละวนแตจ่ ะเลน่ จะวา่ ราชกจิ การแผน่ ดนิ นน้ั เหน็ เหลอื สตปิ ญั ญานกั อนง่ึ หวั เมอื งฝา่ ยเหนอื เลา่ กย็ งั มปิ รกตจิ ะไวใ้ จแกร่ าชการมไิ ด้ เราคดิ จะให้ ขนุ วรวงษาธริ าชวา่ ราชการแผน่ ดนิ กวา่ พระราชบตุ รเราจะเจรญิ ขน้ึ จะเหน็ ประการใด มขุ มนตรรี อู้ ชั ฌาสยั กท็ ลู วา่ ซง่ึ ตรสั โปรดมานค้ี วรอยแู่ ลว้ นางพญาจง่ึ มพี ระเสาวนยี ต์ รสั สง่ั ปลดั วงั ใหเ้ อาราชยานแลเครอ่ื ง สูงสังข์กับขัตติยวงศ์ออกไปรับขุนวรวงษาธิราชเข้ามาในพระราชนิเวศมนเทียรสถาน แล้วตั้งพระราช พิธีราชาภเิ ษกขนุ วรวงษาธริ าช ขน้ึ เปน็ เจา้ พภิ พกรงุ เทพทวารวะดศี รอี ยทุ ธยา จง่ึ เอานายจนั ผนู้ อ้ งขนุ วรวงษา ธริ าช บา้ นอยู่มหาโลกนน้ั เปน็ มหาอปุ ราช แลว้ ขนุ วรวงษาธริ าชผเู้ ปน็ เจา้ แผน่ ดนิ ตรสั ปรกึ ษากบั นางพญาวา่ บดั นข้ี า้ ราชการผใู้ หญผ่ นู้ อ้ ยรกั เราบา้ งชงั บา้ ง หวั เมอื งเหนอื ทง้ั ปวงกย็ งั กระดา้ งกระเดอ่ื งอยู่ เราจำจะให้ หาลงมาผลัดเปลี่ยนเสียใหม่ จึ่งจะจงรักภักดีต่อเรา นางพญาก็เห็นด้วย ครั้นรุ่งขึ้นเสด็จออกขุนนาง สง่ั สมหุ นายกใหม้ ีตราไปหาเมอื งเหนอื เจด็ เมอื งลงมา ครน้ั ศกั ราช ๘๙๑ ปกี นุ เอกศก วนั ๑๕ฯ ๘ คำ่ ( วนั อาทติ ย์ เดอื น ๘ ขน้ึ ๕ คำ่ ) ขนุ วรวงษาธริ าช เจา้ แผน่ ดนิ กบั แมอ่ ยหู่ วั ศรสี ดุ าจนั ใหเ้ อาพระยอดฟา้ ไปประหารชวี ติ เสยี ณ วดั โคกพญา แต่พระศรสี นิ นอ้ งชาย พระชนมไ์ ดเ้ จด็ พระพรรษานน้ั เลย้ี งไว้ สมเดจ็ พระยอดฟา้ อยใู่ นราชสมบตั ปิ หี นง่ึ กบั สองเดอื น

๒๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ฝา่ ยขนุ พเิ รณเทพเชอ้ื พระวงศ์ กบั ขนุ อณี เทพ หมน่ื ราชเสนหา หลวงศรยี ศบา้ นลานตากฟา้ สค่ี น ไวใ้ จกนั เขา้ ในทล่ี บั แลว้ ปรกึ ษากนั วา่ เมอ่ื แผน่ ดนิ ทรยศดงั น้ี เราจะละไวด้ ไู มค่ วร จำจะกมุ เอา ขนุ วรวงศาธริ าชประหารชวี ติ เสยี ขนุ อนิ เทพ หมน่ื ราชเสนหา หลวงศรยี ศจง่ึ วา่ ถา้ เราทำไดส้ ำเรจ็ แลว้ จะเหน็ ผใู้ ดเลา่ ทจ่ี ะปกปอ้ งครองประชาราษฎรสบื ไป ขนุ พเิ รณเทพจง่ึ วา่ เหน็ แตพ่ ระเทยี รราชาทบ่ี วชอยนู่ น้ั จะเปน็ เจา้ แผน่ ดนิ ได้ ขนุ อนิ เทพ หมน่ื ราชเสนหา หลวงศรยี ศจง่ึ วา่ ถา้ ฉะนน้ั เราจะไปเฝา้ พระเทยี รราชา ปรึกษาให้เธอรู้จะทำด้วยกัน แล้วขุนอินเทพ ขุนพิเรณ หมื่นราชเสนหา หลวงศรียศพากันไปยังวัดราช ประดิษฐาน เข้าไปเฝ้าพระเทียรราชาถวายนมัสการ จึ่งแจ้งความว่าทุกวันนี้แผ่นดินเกิดทรยศ ข้าพเจ้า ทั้งสี่คนนี้คิดจะจับขุนวรวงษาธิราชฆ่าเสีย แล้วเชิญพระองค์ลาผนวชขึ้นครองศิริราชสมบัติ จะเห็น ประการใด พระเทยี นราชราชากเ็ หน็ ดว้ ย ฝา่ ยขนุ อนิ เทพ หมน่ื ราชเสนหา หลวงศรยี ศจง่ึ วา่ เราคดิ การทง้ั นเ้ี ปน็ การใหญห่ ลวงนกั จำจะไป เสี่ยงเทียนจำเพาะพระพักตร์พระพุทธปฏิมากรเจ้า ขอเอาพระพุทธคุณเป็นที่พำนักให้ประจักษ์แจ้ง ว่าพระเทียนราชาประกอบด้วยบุญบารมีจะเป็นที่ศาสนูปถัมภกปกป้องอาณาประชาราษฎรได้หรือมิได้ ประการใดจะไดแ้ จง้ พระเทยี รราชากเ็ หน็ ดว้ ย ขนุ พเิ รณเทพจง่ึ วา่ เราคดิ การใหญห่ ลวงถงึ เพยี งน้ี อนง่ึ กไ็ ดเ้ ตรยี มการไวพ้ รอ้ มแลว้ ถา้ เสย่ี งเทยี นมสิ มดง่ั เจตนา จะมเิ สยี ชยั สวสั ดมิ งคลไปหรอื ถา้ ไมเ่ สย่ี งเทยี น ตกจะไม่ทำหรือประการใด ว่าแล้วต่างคนต่างก็ไป ครั้นค่ำลงวันนั้น ฝ่ายขุนอิณเทพ หมื่นราชเสนหา หลวงศรียศ พระเทียนราชาก็ชวนกันฟั่นเทียนสองเล่ม ขี้ผึ้งหนักเท่ากัน ด้ายไส้นั้นนับเส้นเท่ากัน เลม่ เทยี นสน้ั ยาวเสมอกนั แลว้ พากนั ไป ณ อโุ บสถวดั ปา่ แกว้ ฝา่ ยพระเทยี รราชากราบถวายบงั คมนมสั การพระพทุ ธปฏมิ ากรเจา้ โดยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วจึ่ง ทำเสี่ยงวจีสัจจาธิษฐานว่า ปางเมื่อพระบรมไตรโลกนาถเจ้าเสด็จยังสถิตเที่ยวโปรดสัตว์อยู่ยังโลกอันมี ความวิมุติให้สันดานบริสุทธิ์สิ้นสงสัยด้วยพระญาณสัพพัญญู ครั้นพระพุทธองค์เสด็จเข้าสู่พระมหา ปรนิ พิ พานกย็ งั ทรงพระมหากรณุ าประดษิ ฐานพระเจดยี ท์ ง้ั ๕ พระปฏมิ ากร มหาโพธ์ิ พระสถปู พระชนิ ธาตุ พระไตรปิฎกไว้สนองพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งสัตว์โลกอันเกิดมาภายหลัง เป็นความสัตย์แห่งข้าพระพุทธเจ้า ฉะนี้ ประการหนึ่งข้าพระพุทธเจ้าคิดจะใคร่ได้ราชสมบัติครั้งนี้ ด้วยโดยกิจจิตจะใคร่เป็นใหญ่ ได้จัดแจงราชกิจจานุกิจให้สถิตอยู่ในยุติธรรม จะได้เป็นที่พึ่งที่พำนักในกรราชบรรพสัตว์ให้มีสุขสมบูรณ์ ตามโบราณราชประเพณีแห่งความสัตย์แห่งข้าพระพุทธเจ้า ฉะนี้ถ้วนเคารพสองแลยงั มคี วามสงสยั อยู่ จกั สมลดุ ง่ั มโนรถแลหรอื หรอื มสิ มลปุ ระการใดมไิ ดแ้ จง้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระบวรคุณานุภาพพระมหา เจดียฐานเจ้าทั้งห้ามีพระพุทธปฏิมากรเจ้าเป็นอาทิ อันพระพุทธองค์ทรงประดิษฐานไว้ต่างพระองค์ วจี

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๒๓ สจั จาธษิ ฐานทง้ั สองสตั ยแ์ หง่ ขา้ พระพทุ ธเจา้ จงเปน็ ทพ่ี ำนกั ตดั ความสงสยั ขา้ พระพทุ ธเจา้ จะกระทำสตั ย์ เสี่ยงเทียนของข้าพระองค์เล่มหนึ่ง ของขุนวรวงษาธิราชเล่มหนึ่ง ถ้าข้าพระองค์จะสมลุมโนรถความ ปรารถนาดว้ ยบญุ ญาธกิ ารโบราณ แลปจั จบุ นั กรรมควรจะไดม้ หาเศวตฉตั รสกลรฎั ฐาธปิ ไดอ้ นั จะไดท้ รุ ยศ ยุคเข็ญเป็นจลาจลแห่งสมณพราหมณ์เสนาบดีไพร่ฟ้าประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน แลได้เป็นมหา อัครทานทายก อุปถัมภกพระบวรพุทธศาสนาในวราชัยสวรรยาสืบไป ขณะให้เทียนขุนวรวงษาธิราชดับ กอ่ น ถา้ มสิ มลดุ งั มโนรภความปรารถนาแลว้ ขอใหเ้ ทยี นขา้ พระองคด์ บั กอ่ น ขอพระบวรคุณานุภาพ แลความสัตย์ทั้งสองแห่งข้าพระพุทธเจ้า จงมาตัดความสงสัยให้ปรากฏตามเสี่ยงวจีสัจจาธิษฐาน อันข้าพระพุทธเจ้าจงอุทิศเทียนสองเล่มนี้เป็นพุทธสักการบูชาแลเสี่ยงกระทำด้วยสัตย์เคารพนี้เถิด ครน้ั อธษิ ฐานเสรจ็ แลว้ กจ็ ดุ เทยี นทง้ั สองเลม่ นน้ั เขา้ ฝา่ ยขนุ พเิ รณเทพ ไปเหน็ เทยี นขนุ วรวงษาธริ าช ยาวกวา่ เทยี นพระเทยี นราชากโ็ กรธ จง่ึ วา่ หา้ มมใิ หท้ ำสขิ นื ทำเลา่ กค็ ายเอาชานหมากดบิ ทง้ิ ไป จะไดต้ ง้ั ใจ ทิ้งเอาเทียนขุนวรวงษานั้นหามิได้ เป็นศุภนิมิตเหตุพอไปต้องเทียนขุนวรวงษาธิราชดับลง คนทั้งห้า ก็บังเกิดโสมนัสยินดียิ่งนัก ขณะนั้นมีพระสงฆ์องค์หนึ่งครองไตรจีวรครบ ถือตาลปัตรเดินเข้าไปใน พระอุโบสถให้พรว่าท่านทั้งนี้จะได้สำเร็จมโนรถความปรารถนาแท้ ทั้งห้าคนก็นมัสการรับพร พระสงฆ์ นั้นกลับออกมาก็หายไป ต่างคนต่างก็กลับมายังที่อยู่ ครั้นประมาณสิบห้าวัน กรมการเมืองลพบูรีย บอกลงมาวา่ ชา้ งพลายสงู หกศอก มนี ว้ิ หหู างสรรพตอ้ งลกั ษณะตดิ โขลง สมหุ นายกกราบทลู ตรสั วา่ เราจะขน้ึ ไปจบั อยอู่ กี สองวนั จะเสดจ็ แลว้ สง่ั ใหม้ ตี ราขน้ึ ไปใหก้ รมการจบั เสยี เถดิ ครน้ั อยมู่ าประมาณเจด็ วนั โขลงชกั ปกเถอ่ื นเขา้ มาทางวดั แมน่ างปลม้ื เขา้ เพนยี ดวดั ซอง สมหุ นายกกราบทลู ตรสั วา่ พรงุ่ นเ้ี ราจะไปจบั ครั้นเพลาค่ำ ขุนพิเรณเทพจึ่งสั่งราชเสนหานอกราชการ ให้ออกไปคอยทำร้ายมหาอุปราชาอยู่ทีท่ ่าเสือ สั่งแล้วพอพญาพิไชย พญาสวรรคโลกลงมาถึง ขุนพิเรณเทพจึ่งให้ไปบอกโดยความลับ พญาพิไชย พญาสวรรคโลกกด็ ใี จ ไปซมุ่ อยทู่ ค่ี ลองบางปลาหมอกบั ขนุ พเิ รณเทพ หลวงศรยี ศ หมน่ื ราชเสนหาในราชการ ขี่เรือคนละลำ พลพายมีสาตราอาวุธครบมือ ฝ่ายหมื่นราชเสนหานอกราชการ ถือปืนไปแอบคอยอยู่ ทำอาการดจุ หนง่ึ ทนายเลอื ก ครน้ั เหน็ มหาอปุ ราชาขช่ี า้ งจะไปเพนยี ด หมน่ื ราชเสนหากย็ งิ ถกู มหาอปุ ราชา ตกชา้ งตาย ครน้ั เชา้ ตรขู่ นุ วรวงษาธริ าชกบั แมอ่ ยหู่ วั ศรสี ดุ าจนั แลราชบตุ รซี ง่ึ เกดิ ดว้ ยกนั ทง้ั พระศรสี นิ กล็ งเรอื พระทน่ี ง่ั ลำเดยี วกนั มาตรงคลองสระบวั ขนุ อนิ เทพกต็ ามประจำมา ฝา่ ยขนุ พเิ รณเทพ พญาพไิ ชย พญาสวรรคโลก หลวงศรยี ศ หมน่ื ราชเสนหาในราชการ ครน้ั เรอื พระทน่ี ง่ั ขน้ึ มากพ็ รอ้ มกนั ออกสกดั ขนุ วรวงษาธริ าชรอ้ งไปวา่ เรอื ผใู้ ดตรงเขา้ มา ขนุ พเิ รนเทพรอ้ งตอบ ไปวา่ กจู ะมาเอาชวี ติ เอง็ ทง้ั สอง

๒๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ฝา่ ยขนุ อนิ เทพกเ็ รง่ ใหพ้ ายรบี กระหนาบเรอื พระทน่ี ง่ั ขน้ึ มา แลว้ ชว่ ยกนั กลมุ้ รมุ จบั ขนุ วรวงษาธริ าช กับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันแลบุตรซึ่งเกิดด้วยนั้นฆ่าเสีย แล้วให้เอาศพไปเสียบประจานไว้ ณ วัดแร้ง แต่ พระศรสี นิ นน้ั เอาไว้ ขนุ วรวงษาธริ าชอยใู่ นราชสมบตั หิ า้ เดอื น ขนุ พเิ รนเทพ ขนุ อนิ เทพ กบั ขนุ นางทง้ั ปวงกลบั เขา้ มารกั ษาพระราชวงั ฝ่ายขุนพิเรนเทพจึ่งให้ หลวงราชนิกูล พระรากมนเทียรแลเจ้าพนักงานทั้งปวง เอาเรือพระที่นั่งไชยสุพรรณหงษ์ไปยังวัดราช ประดิษฐาน อัญเชิญพระเทียรราชาให้ปริวรรตลาผนวช แล้วเชิญเสด็จลงเรือพระที่นั่งไชยสุวรรณหงษ์ อลงการประดบั ดว้ ยเครอ่ื งสงู มยรุ ฉตั ร พดั โบก จามรมาศ ดาษดาดว้ ยเรอื ดง้ั กนั แห่เป็นขนัดแน่นโดย ชลมารควิถี เสด็จถึงประทับฉนวนน้ำ แล้วเชิญเสด็จเข้าสู่พระราชวัง ครั้นได้มหาหตุ วิ ารศภุ ฤกษ์ พชิ ยั ฤทธ์ิ จง่ึ ประชมุ สมเดจ็ พระสงั ฆราช พระราชาคณะคามวาสอี รญั วาสี มขุ มาตยามนตรี กวโี หรา ราชครู หมู่พราหมณ์ปุโรหิตาจารย์ ก็โอมอ่านอศรเวทวิษณุมนต์ พร้อมทั้งพุทธจักรอาณาจักร มอบเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ถวายอภิเสโกทกมุรธารา ปราบดาภิเษกถวัลยราชประเพณีสืบสุริยวงศ์ กษัตริย์ ดำรงแผ่นดินพิภพมณฑลเสมาอาณาจักรกรุงเทพทวาราวะดีศรีอยุทธยา มหาดิลกภพนพรัต ราชธานบี รุ ยิ รม อดุ มพระราชนเิ วษมหาสถานสบื ไป ทรงพระนาม สมเดจ็ พระมหาจกั รพตั รดรี าชาธริ าชเจา้ ฝ่ายขุนพิเรนเทพจึงพาเอาตัวพระศรีสินไปถวายสมเด็จพระมหาจักรพัตรดีราชาธิราชเจ้า ทรงพระมหากรณุ าการญุ ภาพเลย้ี งพระศรสี นิ ไว้ ครน้ั รงุ่ ขน้ึ จงึ เสดจ็ ออกจากหมมู่ ขุ มนตรที ง้ั ปวงพรอ้ มแลว้ ตรสั ปรกึ ษาความชอบขนุ พเิ รณเทพ ขุนอินเทพ หมื่นราชเสนหา หลวงศรียศบ้านลานตากฟ้า สี่คนนี้ เปน็ ปฐมคดิ แลพระหลวงขุนหมื่นหัวเมืองทั้งปวงเป็นช่วยราชการ พระมหาราชครทู ั้งสี่เชิญพระธรรมนูญ หอหลวงมาปรึกษาความชอบเอาบำเหน็จ ครั้งมหาเสนาบดรี บั พระอินทราชาเข้ามาแตเ่ มืองสุพรรณ์บูริย์ เขา้ พระราชวงั ไดเ้ อามาเปรยี บในบำเหนจ็ นน้ั พระราชทานลกู พระสนมองคห์ นง่ึ เจยี ดทองคหู่ นง่ึ พานทอง คู่หนึ่ง เต้าน้ำทอง กระบี่กั้นหยั่น แลเสลี่ยงงา เสลี่ยงกลีบบัว เอาคำปรึกษากราบบังคมทูล ทรงพระดำรสั วา่ นอ้ ยนกั คนสค่ี นนเ้ี อาชวี ติ แลโคตรแลความชอบไวใ้ นแผน่ ดนิ แลว้ ตรสั วา่ ขนุ พเิ รณเทพนเ้ี ลา่ บดิ าเปน็ พระราชพงษพ์ ระวรวงษ์ * มารดาไซรเ้ ปน็ พระราชวงศแ์ หง่ สมเดจ็ พระไชยราชาธริ าชเจา้ ขนุ พเิ รนเทพ ปฐมคดิ เอาเปน็ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธริ าชเจา้ ใหร้ บั พระราชบณั ฑรู ครองเมอื งพระพศิ ณโุ ลก จง่ึ ตรสั เรยี ก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระสวัสดิราช ถวายพระนามชื่อ พระวิสุทกระสัตรี เป็นตำแหน่งพระอัครมเหสี เมืองพิศณุโลก เครื่องราชาบริโภค ให้ตำแหน่งศักดิ์ฝ่ายทหารพลเรือน เรือไชยพื้นแดงพื้นดำคู่หนึ่ง * พระราชพงศาวดารฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) กบั พระราชพงศาวดาร ฉบบั หอสมดุ แหง่ ชาตวิ า่ บดิ าเปน็ ราชวงศพ์ ระรว่ ง

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๒๕ แลเครื่องกกุธภัณฑใ์ หส้ มเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้าทรงขึ้นไป เอาขุนอินเทพเป็นเจ้าพญาศรีโศกราช พระราชทานลูกพระสนมองค์หนึ่ง เจียดทองคู่หนึ่ง พานทองคู่หนึ่ง เต้าน้ำทองคู่ กระบี่กั้นหยั่น เสลย่ี งงา เสลี่ยงกลีบบัว เครื่องสูง เอาหลวงศรียศเป็นเจ้าพญามหาเสนาบดี เอาหมื่นราชเสนหา เป็นเจ้าพญามหาเทพ พระราชทานลกู พระสนมองคห์ นง่ึ แลเครอ่ื งสงู เครอ่ื งทอง เสลย่ี งงา เสลย่ี งกลบี บวั เจ้าพญามหาเสนา เจ้าพญามหาเทพเหมือนกันกับเจ้าพญาธรรมโศกราช หมื่นราชเสนหานอกราชการ ที่ยิงมหาอุปราชาตกช้างตายนั้น ปูนบำเหน็จให้เป็นเจ้าพญาภักดีนุชิต เจียดทองซ้ายขวา กระบี่บั้งทอง เตา้ นำ้ ทอง พระราชทานลกู พระสนมเปน็ ภรรยา ฝ่ายพญาพิไชย พญาพิศณุโลกนั้น พระราชทานบำเหน็จโปรดให้เป็นเจ้าพญาพิไชย เจ้าพญา สวรรคโลกพระราชทานเจยี ดทองซา้ ยขวา กระบบ่ี ง้ั ทอง เตา้ นำ้ ทอง พระหลวงขนุ หมน่ื นอกนน้ั พระราชทาน บำเหน็จความชอบโดยอนุกรมลำดับ แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำรัสสาบานไว้ว่า กษัตริย์ พระองคใ์ ดไดค้ รองพภิ พภายหนา้ อยา่ ใหก้ ระทำแกญ่ าตพิ น่ี อ้ งพวกพอ้ งพงศส์ มเดจ็ พระมหาธรรมราชาธริ าชเจา้ แลเจ้าพญาศรีธรรมโศกราช เจ้าพญามหาเสนา เจ้าพญามหาเทพ ให้โลหิตไหลตกลงในแผ่นดิน ถ้ากษัตริย์พระองค์ใดมิได้กระทำตามเราสาบานไว้ อย่าให้กษัตริย์พระองค์นั้นคงอยู่ในเศวตฉัตร ครง้ั นน้ั ชา้ งเผอื กตวั หนง่ึ ขณะเมอ่ื แผน่ ดนิ พระนครอยทุ ธยาเปน็ ทรุ ยศ กป็ รากฏขน้ึ ไปถงึ กรงุ หงษาวดี สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดี แจง้ ประพฤตเิ หตไุ ปวา่ สมเดจ็ พระไชยราชาธริ าชเจา้ แผน่ ดนิ พระนครศรอี ยทุ ธย์ าสวรรคตแลว้ เสนาบดยี ก พระยอดฟ้าราชกุมาร พระชนม์ ๑๑ ขวบ ขึ้นครองราชสมบัติ แม่อยู่หัวศรีสุดาจัน มารดาพระยอดฟ้า กระทำทุราจาร สามัคคีรสสังวาสด้วยขุนชินราช ให้ฆ่าพระยอดฟ้าเสีย ยกขุนชิณราชขึ้นผ่านพิภพ กรุงทวาราวะดีศรีอะยุทธยา เสนาพฤฒามาตย์มีความพิโรธเคืองแค้น คิดกันฆ่าขุนชิณราชแลแม่อยู่หัว ศรีสุดาจันเสีย แผ่นดินเป็นจลาจล สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีทรงพระราชดำริว่า ถ้าพระนครศรีอยุทธยา เปน็ ดงั นจ้ี รงิ เหน็ วา่ หวั เมอื งขอบขณั ฑเสมาแลเสนาพฤฒามาตยท์ ง้ั ปวงจะกระดา้ งกระเดอ่ื งมปิ รกติ ถา้ ยก กองทัพรุดไปโจมตีเอาเห็นจะได้พระนครศรีอยุทธยาได้ง่าย ทรงพระดำริแล้วก็ตรัสให้จัดพลทหารรบ สามหมน่ื ชา้ งเครอ่ื งสามรอ้ ย มา้ สามพนั เศษ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดกี เ็ สดจ็ ยกทพั รดุ รบี มาโดยทางดา่ น พระเจดยี ส์ ามองค์ ตีเมอื งกาณจนั บรู ยิ ์ จบั ได้กรมการ ถามใหก้ ารวา่ พระนครเปน็ จลาจลกจ็ รงิ แตบ่ ดั น้ี พระเทยี รราชาไดค้ รองราชสมบตั ิ เสนาพฤฒามาตยแ์ ลหวั เมอื งทง้ั ปวงเปน็ ปรกตพิ รอ้ มมลู อยแู่ ลว้ สมเดจ็ พระเจ้าหงษาวดีตรัสว่าได้ล่วงเกินมาแล้ว จะกลับเสียนั้นดูไม่มีเกียรติยศเลย จำจะเข้าไปเหยียบให้

๒๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ถงึ ชานเมอื ง พอเหน็ พระนครแลว้ จะกลบั ประการหนง่ึ จะไดเ้ หน็ ฝมี อื ทหารกรงุ ศรอี ยธุ ทยา ผใู้ ดจะออกมา รบั ทพั เราบา้ ง ตรสั แลว้ กย็ กไปตเี มอื งสพุ รรณบรู แี ลว้ เดนิ ตดั ทงุ่ เขา้ ทา้ ยปา่ โมก ขา้ มพลเขา้ ไปตง้ั คา่ ยหลวง ตำบลลุมพลี ณ วนั ๓ ฯ๕๒ คำ่ ( วนั องั คาร เดอื นย่ี ขน้ึ ๕ คำ่ ) จลุ ศกั ราช ๘๙๒ ปขี าลโทศก ขณะนน้ั มีหนังสือเมืองสูพรรณบูริย บอกราชการเข้าไปถึงกรุง พอทัพพระเจ้าหงษาวดีก็ถึงทุ่งลุมพลีพร้อมกัน สมเดจ็ พระมหาจกั ระพดั ริ าชาธริ าชเจา้ ตกพระทยั ตรสั ใหเ้ รง่ พลนอกเมอื งในเมอื งขน้ึ รกั ษาหนา้ ทเ่ี ปน็ โกลาหล สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีตั้งอยู่ลุมพลีสามวัน พอทอดพระเนตรดูกำแพงพระนครศรีอยุทธยาแลปราสาท ราชมนเทยี รแลว้ กเ็ ลกิ ทพั กลบั ไปกรงุ หงษาวะดโี ดยทางมา ขณะเมอ่ื พระเจา้ หงษาวดยี กทพั มานน้ั ฝา่ ยพญาละแวกรวู้ า่ พระนครศรอี ยทุ ธยาผลดั แผน่ ดนิ ใหม่ กย็ กทพั รบี มาถงึ เมอื งปราจมิ ทบรู ยี ์ ตจี บั ไดค้ นถามใหก้ ารวา่ พระเทยี นราชาครองราชสมบตั เิ สนาบดพี รอ้ ม มูลอยู่ พญาละแวกก็มิอาจยกเข้ามา กวาดแต่ครัวอพยพชาวประจิมทบูรีย์ แล้วกลับไปเมืองละแวก ครั้นพระเจ้าหงษาวดียกกลับไปแล้ว สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าแผ่นดิน คิดแค้นแก่พญา ละแวกวา่ กรงุ หงษาวะดดี หู มน่ิ แลว้ เมอื งเขมรมาดหู มน่ิ ดว้ ยเลา่ ถา้ ราชการฝา่ ยหงษาวดสี งบลงเมอ่ื ไร เราจะแก้แค้นให้จงได้ แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ซ่อมแซมกำแพงพระนครซึ่งชำรุดปรักหักพังให้รอบคอบ แลว้ ใหส้ ถาปนาทพ่ี ระตำหนกั วงั เปน็ พระอโุ บสถ แลสรา้ งพระวหิ ารอารามใหน้ ามชอ่ื วดั วงั ไชย เจา้ อธกิ าร ให้ชื่อพระนิกรม แล้วตรัสว่าเมื่อเราอุปสมบทนั้นบิณฑบาตขึ้นไปป่าโทน ป่าถ่าน ขึ้นไปจนถึงป่าชมพู อากรซง่ึ ขน้ึ สรรพากรเปน็ หลวงนน้ั ใหเ้ ถรเณรไปขอเปน็ กปั ปยิ จงั หนั เถดิ ศักราช ๘๙๓ ปีเถาะตรีศก เดือน ๘ ขึ้นสองค่ำ ทำการพระราชพิธีปถมกรรม สมเด็จ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชเจา้ ตำบลทำแดง พระกรรมวาจาเปน็ พระพฤฒบิ าศ พระพเิ ชษฐเปน็ หสั ดารย์ พระอนิ โทรเปน็ ธรรมการ ศกั ราช ๘๙๔ ปมี ะโรงจตั วาศก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ฟังข่าวราชการเมอื ง หงษาวดสี งบอยู่ กต็ รสั เตรยี มทพั เพนยี ด ๕ หมน่ื ใหก้ บั หวั เมอื งปากใตเ้ ปน็ ทพั เรอื ไป พญายาวเปน็ แมท่ พั พระศรโี ชฎกึ เปน็ กองหนา้

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๒๗ ศภุ มสั ดุ จลุ ศกั ราช ๑๑๕๗ ปเี ถาะสปั ตศก สมเดจ็ บรมธรรมฤกมหาราชธริ าชเจา้ อยหู่ วั ผู้ผ่านถวัลยราช ณ กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธ์ยาเถลิงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงชำระ พระราชพงศาวดาร ตง้ั แตพ่ ระรามาธบิ ดสี รา้ งศรอี ยทุ ธยา ลำดบั กษตั รยิ ล์ งมา ๑๑ องคถ์ งึ พระไชย ราชาจนจับขุนวรวงษา แม่ศรีสุดาจันฆ่าเสีย แล้วหงษาวดียกทัพมาถึงแล้วกลับคืนไป พระมหาจกั รพรรดิใหเ้ ตรยี มกองทพั ยกไปเมอื งละแวก [ จบเลม่ ๑ แตเ่ พยี งเทา่ น้ี ] ถึง วัน ๑ ๖ฯ ๒ ค่ำ ( วันอาทิตย์ เดือนย่ี ขึ้น ๖ ค่ำ ) เพลาเช้า ๒ โมง ๓ บาท สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จกองทัพหลวงไปโดยทางปัตบองถึงเมืองลแวก ฝ่ายทัพเรือไปปากน้ำพุทไทมาศ เขา้ คลองเชงิ กระชมุ แลกองหนา้ ตง้ั หา่ งเมอื ง ๑๐ เสน้ ทพั หลวงตง้ั ไกลเมอื ง ๑๕๐ เสน้ ฝา่ ยพญาลแวก เห็นจะป้องเมืองไว้มิได้ จึ่งให้มีศุภอักษรแต่งเสนาบดีถือมากราบถวายบังคมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในลกั ษณะนน้ั วา่ ขา้ พระองคผ์ คู้ รองเมอื งกำภชู าธบิ ดี ขอถวายบงั คมมาแทบพระบาทบงกชมาศ สมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ พระองคผ์ ทู้ รงอศิ วรภาพ เปน็ ปน่ิ กรงุ เทพทวาราวดศี รอี ยทุ ธย์ า มหาดหิ ลกภพนพรตั นราชธานี บรู รี มย อดุ มพระราชมหาสถาร ดว้ ยขา้ พระองคเ์ ปน็ คนโมหจติ มไิ ดค้ ดิ เกรงพระเดชเดชานภุ าพ แลยกทพั เข้าไปกวาดเอาชาวปราจมิ ทบรู ยี ์ อนั เปน็ ขา้ ขอบขณั ฑเสมากรงุ เทพมหานครมานน้ั ผดิ หนกั หนาอยแู่ ลว้ ขอสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ ไดโ้ ปรดอดโทษานโุ ทษแกข่ า้ พระองคเ์ ถดิ อยา่ เพง่ิ ยกพยหุ โยธาเขา้ หกั เอาเมอื งกอ่ นเลย งด ๓ วนั ขา้ พระองคจ์ ะแตง่ เครอ่ื งราชบรรณาการออกไปถวาย ขอเปน็ ขา้ สมเดจ็ พระบาทพระนง่ั เกลา้ ไปตราบเทา่ กลั ปาวสาน สมเด็จพระมหาจักระพัดิราชาธิราชเจ้าก็ทรงพระการุญภาพแก่พญาละแวก ตรัสกำหนดนายทัพ นายกอง ให้งดการซึ่งจะเข้าหักเมืองโดยศุภอักษรพญาลแวก ครั้นถ้วนกำหนดสามวัน พญาละแวก นำเครอ่ื งราชบรรณาการกบั นกั พระสโุ ท นกั พระสทุ นั อนั เปน็ ราชบตุ รออกมาเฝา้ ทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย เปน็ ขา้ พระบาท สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชเจา้ กส็ น้ิ ความพโิ รธ จง่ึ ตรสั แกพ่ ญาลแวกวา่ ทา่ นจงรกั ษา แผ่นดินกรุงกำภูชาธิบดีโดยยุติธรรมราชประเพณีสืบมาแต่ในกาลก่อนนั้นเถิด แล้วพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า นกั พระสโุ ท นกั พระสทุ นั น้ี เราจะขอไปเลย้ี งเปน็ โอรส พญาลแวกมอิ าจทจ่ี ะขดั ได้ กโ็ ดยบญั ชาพระเจา้ อยหู่ วั แลว้ พญาลแวกกถ็ วายบงั คมลาเขา้ ไปเมอื ง จดั แจงเครอ่ื งราชปู โภคชายหญงิ ใหแ้ กร่ าชบตุ ร แลว้ กพ็ ามาถวาย กราบทูลฝาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่าท่านอย่าวิตกเลย อันบุตรท่านทั้งสองนี้เหมือนโอรสแห่งเรา พญาละแวกมีความยินดีนัก ให้เสนาบดีไปต้อนครัวอพยพชาวประจิมทบูรียมาส่งยังค่ายหลวง

๒๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จยกกองทัพกลับมายังกรุงพระนครศรีอยุทธ์ยา จึ่งทรงพระกรุณาใหน้ ักพระสุทัน ขน้ึ ไปครองเมอื งสวรรคโ์ ลก ศกั ราช ๘๙๕ ปมี ะเสง็ เบญจศก ครง้ั นน้ั พระเจา้ อยหู่ วั ใหแ้ ปลงเรอื แชเปน็ เรอื ไชย แลเรอื ศรี ษะสตั ว์ ตา่ ง ๆ ศกั ราช ๘๙๖ ปมี ะเมยี ฉศก เดอื น ๘ ทำการพระราชพธิ มี ธั ยม สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ ราชาธริ าชเจา้ ตำบลไชยนาถบรู ย์ิ ศกั ราช ๘๙๗ ปมี ะแมสปั ตศก สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ไปวงั ชา้ งตำบลบางกมงุ ไดช้ า้ งพลายพงั ๖๐ ชา้ ง อนง่ึ ในเดอื นสบิ สองนน้ั ไดช้ า้ งเผอื กพลาย ตำบลกาญจน์ บ์ รู ยี ์ สงู ๔ ศอกเศษ ชอ่ื พระเชรโรดม ครง้ั นน้ั มขี า่ วมาวา่ เมอื งละแวกเสยี แกญ่ วน สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั แจง้ วา่ นกั พระสฐั ายกมารบเมอื งละแวกเสยี บดิ านกั พระสโุ ท พระสทุ นั แกญ่ วนแลว้ จำจะใหอ้ อกไปกำจดั เอาเมอื งคนื ทรงพระกรณุ าตรสั แกม่ ขุ มนตรี วา่ จะออกไปเมอื งละแวกครง้ั น้ี จะเหน็ ใครเปน็ แมท่ พั ออกไป มขุ มนตรปี รกึ ษาพรอ้ มกนั กราบทลู วา่ เหน็ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอบตุ รบญุ ธรรมทไ่ี ปครองเมอื งสวรรโลกออกไป จะไดเ้ อาใจชาวละแวกมพี ระราชกำหนด ให้หาพระองค์สวรรคโลกลงมาเฝ้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า จะให้เจ้าเป็นแม่ทัพออกไป พระองค์ สวรรคโลกกราบทูลว่าพระชันษาร้ายถึงฆาต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่ามุขมนตรีปรึกษาพร้อมกันแล้ว ประการหนง่ึ กรงุ กำภชู าธบิ ดกี เ็ ปน็ ของเจา้ อยจู่ ำจะไป ศักราช ๘๙๘ ปีวอกอัฐศก เดือน ๑๒ พระองค์สวรรโลกเป็นแม่กอง ถือพลสามหมื่น พระมหามนตรถี อื อาชญาสทิ ธ์ิ พระมหาเทพถอื ววั เกวยี น ฝา่ ยทพั เรอื พญายาวเปน็ นายกอง ครง้ั นน้ั ลมขดั ทพั เรอื มทิ นั ทพั บก ๆ ใกลถ้ งึ ลแวก พญารามลกั ษณซง่ึ เกณฑเ์ ขา้ กองทพั บกนน้ั เขา้ บกุ ทพั ในกลางคนื ทพั ญวน แตง่ รบั เปน็ สามารถ แลทพั พญารามลกั ษณแตกมาปะทะทพั ใหญ่ ครง้ั นน้ั เสยี พระองคส์ วรรคโลกกบั คอชา้ ง เสยี ชา้ งมา้ รพ้ี ลเปน็ อนั มาก ศกั ราช ๘๙๙ ปรี ะกานพศก วนั ๑๑ฯ ๕ คำ่ ( วนั อาทติ ย์ เดอื น ๕ ขน้ึ คำ่ ) เกดิ เพลงิ ไหม้ ในพระราชวัง อนึ่งในเดือนสามนั้น ทำการพระราชพิธีจาริยาภิเษก แลกระทำพระราชพิธีอินทราภิเษก ในพระราชวงั อนง่ึ ในเดอื น ๕ นน้ั สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชเจา้ พระราชทานสตั ดกมหาทาน แลให้ช้างเผือกมีกรองเชิงเงินสี่เท้าช้าง เป็นเงินพันหกร้อยชั่ง ราชรถเจ็ดเล่มเทียมด้วยม้า มีนางสำหรับ รถเสมอรถละเจด็ นาง อนง่ึ ไดช้ า้ งพลายพงั ๖๐ ชา้ ง ศกั ราช ๙๐๐ ปจี อสมั ฤทธศิ ก เสดจ็ ไปวงั ชา้ งตำบลแสนตอ ได้ชา้ งพลายพงั สส่ี บิ ชา้ ง

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๒๙ ศกั ราช ๙๐๒ ปชี วดโทศก เสดจ็ ไปวังช้างตำบลวดั กะไล ไดช้ า้ งพลายพงั ๕๐ ชา้ ง ศกั ราช ๙๐๔ ปขี าลจตั วาศก สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ไปวงั ชา้ งตำบลไทรยอ้ ย ไดช้ า้ งพลายพงั เจด็ สบิ ชา้ ง ศกั ราช ๙๐๕ ปเี ถาะเบญจศก สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดที รงพระดำรวิ า่ ครง้ั กอ่ นเรายกทพั รดุ ไป พระนครศรอี ยทุ ธยา พลแตส่ ามหมน่ื ลว่ งเขา้ ตง้ั ถงึ ชานเมอื งตำบลลมุ พลี หามผี ใู้ ดมาปะทะมอื ไม่ แตห่ ากทวา่ พลนอ้ ยจะทำการชา้ วนั มถิ นดั ครง้ั นจ้ี ะยกทพั ไปใหม้ ากสบิ เทา่ กเ็ หน็ จะได้พระนครศรอี ยทุ ธยา สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดที รงพระดำรแิ ลว้ เกณฑพ์ ลสามสบิ หมน่ื ชา้ งเครอ่ื ง ๗๐๐ มา้ ๓,๐๐๐ ให้พระมหาอปุ ราชา เปน็ กองหนา้ พระเจา้ แปรเปน็ เกยี กกาย พญาพสมิ เปน็ กองหลงั ครน้ั ณ วนั ๑ ฯ๒๓ คำ่ ( วนั อาทติ ย์ เดอื น ๓ ขน้ึ ๒ คำ่ ) เพลาอษุ าโยค สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดที รงเครอ่ื งศริ ริ าชปลิ นั ธนาลงั กาภรณ์ บวรมหาสงั วาลเนาวรตั น สะพกั สะองั สาอลงกต องคาพยพ อย่างอัครราชรามัญวิสัย สำหรับมหาพิชัยรณรงค์เสร็จ เสด็จทรงช้างพระที่นั่งพลายมงคลปราบทวีป เปน็ ราชพาหนะ ประดบั เครอ่ื งคเชนทราลงั กาภรณบ์ วรมหาสารวภิ ษู ติ พรอ้ มดว้ ยเสนางคนกิ ร พรี โี ยธาหาญ พลดาบดง้ั ดาบเขนเปน็ ขนดั แนน่ แสนเสโลโตมรมาศ ทวนทองเปน็ ทวิ แถวดาษดา ดมู โหฬารเลศิ พนั ลกึ อธึกด้วยธวัธธงฉานธงชัย รุจิตไพโรจน์อัมพร วิถีเดียรดาษด้วยทัพท้าวพญารามัญราชรายเรียงเป็นระยะ โดยกระบวนพยหุ บาตราหนา้ หลงั ทง้ั ปวงพรอ้ มเสรจ็ ไดเ้ พลามหาศภุ ฤกษ์ โหราธบิ ดลี น่ั ฆอ้ งชยั เจา้ พนกั งาน ประโคมแตรสังข์กังสดาลดนตรีศัพท์ฆ้องกลองก้องสนั่นนิฤนาท ดำเนินธงคลาพยุหโยธาทัพออกจาก กรงุ หงษาวดี รอนแรมมาเจด็ เวน ขา้ มแมน่ ำ้ เมาะตะมะเดนิ ทพั โดยทางสะมิ ขณะนน้ั มหี นงั สอื บอกมาแตเ่ มอื งการบรู ยี เขา้ มาวา่ ชาวดา่ นไปทด่ี า่ นถงึ ตำบลจอยยะไดเ้ นอ้ื ความวา่ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดยี กมาขา้ มพน้ เมอื งเมาะตะมะถงึ ๗ วนั จง่ึ สน้ิ สมเดจ็ พระมหาจกั รพดั ริ าชาธริ าชเจา้ ตรสั ใหเ้ ทครวั เมอื งตรี จตั วา แลแขวงจงั หวดั เขา้ พระนคร แลว้ มพี ระราชกำหนดขน้ึ ไปถงึ เมอื งพศิ นโุ ลกยว์ า่ ถ้าศึกหงษาวดีมาติดพระนครศรียุทธเมื่อใด ให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาเอาทัพเมืองเหนือทั้งปวงเป็นทัพ กระหนาบ แลว้ ตรสั ใหพ้ ญาจกั รอี อกตง้ั คา่ ยลมุ พลี พลหมน่ื ๕ พนั ลว้ นใสเ่ สอ้ื แดงหมวกแดง ฝา่ ยมหานาคบวชอยวู่ ดั ภเู ขาทอง สกึ ออกตง้ั คา่ ยกนั ทพั เรอื ตง้ั คา่ ยแตว่ ดั ภเู ขาทองลงมาจนวดั ปา่ พลู พรรคพวกสมกำลงั ญาตโิ ยมทาสชายทาสหญงิ ของมหานาค ชว่ ยกนั ขดุ คนู อกคา่ ยกนั ทพั เรอื จง่ึ เรยี กวา่ คลองมหานาค เจา้ พญามหาเสนาถอื พลหมน่ื หนง่ึ ออกตง้ั คา่ ยบา้ นดอกไมป้ อ้ มทอ้ งนาหนั ตรา พลใส่ เสอ้ื เขยี ว หมวกเขยี ว พญาพระคลงั ถอื พลหมน่ื หนง่ึ ตง้ั ปอ้ มทา้ ยคู พลใหใ้ สเ่ สอ้ื เหลอื งหมวกเหลอื ง

๓๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ พระสนุ ธรสงครามถอื พลหมน่ื หนง่ึ ตง้ั คา่ ยปอ้ มจำปา พลใสเ่ สอ้ื ดำหมวกดำ แลบรรดาการพระนครนน้ั กต็ กแตง่ ปอ้ งกนั เปน็ สามารถ ฝา่ ยสมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดที พั ขา้ มกาญจน์ บ์ รู ยิ ์ ถงึ พระนครศรอี ยทุ ธยา ณ วนั ๗ ฯ ๔ คำ่ ๕(วนั เสาร์ เดือน ๔ ขึ้น ๕ ค่ำ) ตั้งค่ายหลวงตำบลกุ่มดอง ทัพพระมหาอุปราชาตั้งค่ายตำบลเพนียด ทัพพระเจา้ แปรตง้ั คา่ ยตำบลบา้ นใหมม่ ะขามหยอ่ ง ทพั พญาพสมิ ตง้ั คา่ ยตำบลทงุ่ ประเชด ครั้นรุ่งขึ้น ณ วัน ๑ ฯ๖ ๔ ค่ำ ( วันอาทิตย์ เดือน ๔ ขึ้น ๖ ค่ำ ) สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ราชาธิราชเจ้าจะเสด็จยกพยุหโยธาทวยหาญ ออกไปดูกำลังข้าศึก ณ ทุ่งภูเขาทอง จึ่งทรงเครื่อง ราชอลังการยุทธเสด็จทรงช้างต้นพลายแก้วจักรหรัด สูงหกศอกคืบห้านิ้ว เป็นพระคชาธาร ประดับ คชาลงั กาภรณเ์ ครอ่ื งมน่ั มกี ลางชา้ งแลควาญ พระสรุ โิ ยไทยผเู้ ปน็ อคั ราชมเหสปี ระดบั องคเ์ ปน็ พญามหา อปุ ราชทรงเครอ่ื งสำหรบั ราชรณรงค์ เสดจ็ ทรงชา้ งพลายสงสรุ ยิ ะ์ กระษตั ร สงู หกศอก เปน็ พระคชาธาร ประดับคชาภรณ์เครื่องมั่นเสร็จ มีกลางช้างแลควาญ พระรามเมศวรทรงเครื่องศิริราชปิลันธนาวราภรณ์ สำหรบั พชิ ยั ยทุ ธสงครามเสรจ็ เสดจ็ ชา้ งตน้ พลายมงคลจกั รพาร์ สงู หา้ ศอกคบื สบิ นว้ิ ประดบั คชาภรณ์ เครอ่ื งมน่ั มคี วาญแลกลางชา้ ง พระมหนิ ทราธริ าชทรงราชวภิ ษู ณาลงั กาภรณส์ ำหรบั พระมหาพชิ ยั ยทุ ธรณรงค์ เสดจ็ ทรงชา้ งตน้ พลายพมิ ารจกั รพรรดิ สงู หา้ ศอกคบื ๘ นว้ิ ประดบั กญุ ชรอลงกตเครอ่ื งมน่ั มีกลาง ชา้ งแลควาญ ครน้ั ไดม้ หาศภุ วารฤกษร์ าชดถิ ี พระโหราลั่นฆ้องชัยประโคมอุโฆษแตรสังข์อึงอินทเภรี สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าก็ยาตราพระคชาธาร พระอัครมเหสีแลพระเจ้าลูกเธอทั้งสอง พระองคโ์ ดยเสดจ็ เหลา่ คชพยหุ ตง้ั กนั แทรกแซงคา่ ยคำ้ พงั คาโคตรแลน่ มที หารประจำขก่ี ระกมุ ปนื ปลาย ขอประจำคอทุกตัวสาร ควาญประจำท้ายล้อมเป็นกันกงโดยขนัด แล้วถึงหมู่พยุหแสนยากรโยธาหาญ เดนิ เทา้ ถอื ดาบดง้ั เสโล โตมร หอกใหญ่ หอกคู่ ธงทวน ธนู ปนื นกสบั คบั คง่ั ซา้ ยขวาหนา้ หลงั โดย กระบวนคชพยุหสงคราม เสียงเท้าพลแลช้างสะเทือนดังพระสุธาดลจะทรุด สมเด็จพระมหาจักรพรรติ ราชาธริ าชเจา้ เสดจ็ ยนื พระคชาธารประมวลคนแลคชพยหุ โดยกระบวนตง้ั อยู่ ณ โคกพญา ฝา่ ยกองตระเวนรามญั เหน็ ดงั นน้ั กเ็ ขา้ ไปกราบทลู พระเจา้ หงษาวดโี ดยไดเ้ หน็ ทกุ ประการ สมเดจ็ พระเจ้าหงษาวดีตรัสว่า ชะรอยจะเป็นทัพพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ยกออกมาจะกระทำ คชพยุหสงครามกับเรา พระองค์ตรัสให้ยกพลหลวงออกจากค่ายตั้งกระบวน สมเด็จพระเจ้าหงษาวดี ทรงเกราะเครื่องพิชัยยุทธ ย่อมทับถมด้วยวิชาสาตราเวทคาถา แล้วสอดพระมหาสุวรรณสังวาลประดับ เพชรพื้นถม สรรพคุณเวทคาถาต่าง ๆ ทรงพระมหามาลาลงเลขยันต์กันสรรพสาตราวุธภยันตราย

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๑ สำหรับราชรณรงค์ยุทธเสร็จ เสด็จทรงช้างต้นพลายมงคลปราบทวีป สูงเจ็ดศอกเป็นพระคชาธาร ประดบั คชาภรณเ์ ครอ่ื งมน่ั มกี ลางแลควาญ เครอ่ื งสงู สำหรบั รณรงคแ์ หโ่ ดยขนาด มหี มทู่ หารถอื ดาบดง้ั หมื่นหนึ่งล้อมพระคชาธาร พระเจ้าแปรอลังการเครื่องพิชัยยุทธ ทรงช้างต้นพลายเทวะนาคพินาย สงู หกศอกคบื เจด็ นว้ิ เปน็ พระคชาธาร ประดบั คชาภรณเ์ ครอ่ื งมน่ั มคี วาญแลกลางชา้ ง ยกเปน็ กองหนา้ มีทหารดาบสองมือพันห้าร้อยล้อมพระคชาธาร ช้างท้าวพญารามญั คับคั่งตั้งโดยกระบวนกันกงเป็นขนัด เหลา่ พยหุ โยธาเดนิ เทา้ ถอื สรรพสาตราดาษดาโดยกระบวน สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีก็ยกพยุหโยธาทวยหาญ ออกตั้งยังท้องทุ่งตรงหน้าทัพสมเด็จพระมหา จกั รพรรดิ หา่ งกนั ประมาณ รอ้ ยเสน้ เสดจ็ ยนื พระคชาธารคอยฤกษ์ จง่ึ ตรสั ใหพ้ ลมา้ รำทวนชกั ชงิ กลองกนั ไป ใหเ้ ทา้ เรงิ หนา้ ทพั ฝา่ ยพลเครอ่ื งเลน่ เตน้ รำรอ้ งเฮฮาเปน็ โกลาหล ฝา่ ยพลดาบดง้ั ดาบสองมอื กร็ ำลอ่ เลย้ี ว กนั ไปมา ขณะนน้ั สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดที อดพระเนตรดบู นอากาศ เหน็ พระอาทติ ยแ์ จม่ ดวงหมดเมฆหมอก แลว้ คชี ะราชบนิ นำหนา้ ทพั ครน้ั เหน็ ศภุ นมิ ติ ราชฤกษด์ งั นน้ั กใ็ หล้ น่ั ฆอ้ งชยั อโุ ฆษแตรสงั ขอ์ งึ อนิ ทเภรขี น้ึ พรอ้ มกนั กต็ รสั ใหข้ บั พลเขา้ โจมทพั สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ ฝา่ ยสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดดิ ำรสั ใหแ้ ยก พลเปน็ ปกี กา พลโยธาทง้ั สองฝา่ ย บา้ งแหโ่ หโ่ กลาหลเขา้ ปะทะประจนั ตแี ยง้ ยทุ ธ ยงิ ปนื ระดมสาดธมุ าการ ตลบไปทั้งอากาศ พลทั้งสองฝ่ายบ้างตายบ้างลำบาก กลิ้งกลาดเกลื่อนท้องทุ่งเป็นอันมาก สมเด็จ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชกข็ บั พระคชาธารเขา้ ชนชา้ งกองหนา้ พระเจา้ หงษาวดี พระคชาธารเสยี ทใี หห้ ลงั ขา้ ศกึ เอาไวไ้ มอ่ ยู่ พระเจา้ แปรไดท้ า้ ยขา้ ศกึ ดงั นน้ั ขบั พระคชาธารตามไลช่ า้ งพระมหาจกั รพรรดิ พระสรุ โิ ยไทย เห็นพระราชสามีเสียทีไม่พ้นมือข้าศึก ทรงพระกตัญญูภาพก็ขับพระคชาธารพลายทรงพระสุริยะกระสัตร สะอึกออกรับ พระคชาธารพระเจ้าแปรได้ล่างแบกถนัด พระคชาธารพระสุริโยไทยแหงนหงายเสียที พระเจ้าแปรจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวต้องพระอังสาพระสุริโยไทยขาดกระทั่งถึงราวพระถันประเทศ พระรามเมศวรกับพระมหินทราธิราชก็ขับพระคชาธารถลันจะเข้าแก้พระราชมารดาไม่ทันที พอพระชนนี สน้ิ พระชนมก์ บั คอชา้ ง พระพน่ี อ้ งทง้ั สองพระองคถ์ อยรอรบั ขา้ ศกึ กนั พระศพสมเดจ็ พระราชมารดาเขา้ พระนคร ได้ โยธาชาวพระนครแตกพา่ ยขา้ ศกึ รพ้ี ลตายเปน็ อนั มาก สมเดจ็ พระมหาจกั รพดั ริ าชาธริ าชเจา้ จง่ึ ใหเ้ ชญิ พระศพพระสุริโยไทยผู้เป็นพระอัครมเหสีมาไว้ตำบลสวนหลวง ครั้นรุ่งขึ้นพระมหาอุปราชาแต่งพลเข้าตี ค่ายพระสุนธรรนสงคราม ๆ ต่อรบข้าศึกเป็นสามารถ แต่เพลาเช้าจนพลบค่ำ ข้าศึกหนุนแน่นเข้าหัก พระสธุ รสงครามแตกเสยี คา่ ยปอ้ มจำปา พลตายลำบากมาก รงุ่ ขน้ึ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดที รงชา้ งตน้ พลาย กำกวมสูง ๗ ศอก ตัวทาแดง เสด็จยกพลมาทุ่งลุมพลิ ให้ทหารเดินเท้าแซงตามทิวไม้สองฟากทุ่ง

๓๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ เสด็จยืนช้างที่นั่งชี้พระหัตถ์ให้ทหารม้าห้าร้อย เข้ายั่วหน้าค่ายพญาจักรี พญาจักรกี ข็ บั ทหารออกรบ ฝา่ ยนายทหารหงษาวดซี ง่ึ ซมุ่ แซงสองชายทงุ่ นน้ั เหน็ ไดท้ กี ย็ กออกโจมตโี อบหลงั ไปเปน็ ทพั กระหนาบจนใกล้ ค่าย ทหารก็ดาไล่ตะลุมบอนฆ่าฟันทหารพญาจักรีล้มตายเป็นอันมาก พญาจักรีแลทหารทั้งปวงเสียที ก็ล่าทัพเข้าพระนคร ครั้นได้ค่ายพญาจักรีแล้ว สมเด็จพระเจ้าหงษาวดเี สดจ็ กลับเข้ายังค่ายหลวง ทหารมา้ ทไ่ี ดศ้ รี ษะชาวพระนครไปประมาณสส่ี ว่ น ทม่ี ไิ ดศ้ รี ษะประมาณสว่ นหนง่ึ สมเดจ็ พระเจา้ หงสาวดี ตรสั ใหป้ ลกู รา้ นขน้ึ แตง่ เครอ่ื งมจั ฉะมงั สาสรุ าบานใหร้ บั พระราชทาน ทไ่ี มไ่ ดศ้ รี ษะนน้ั ใหน้ ง่ั รบั พระราชทาน ใตถ้ นุ รา้ น ใหท้ หารซง่ึ รบั พระราชทานบนรา้ นนน้ั ราดนำ้ ลา้ งลงมอื ลงมา ครบสามวนั ใหพ้ น้ โทษ ฝา่ ยสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดรี าชาธริ าชเจา้ ตรสั แกม่ ขุ มนตรวี า่ ทหารหงษายงั กำลงั กลา้ รน่ื เรงิ อยู่ ทง้ั เสบยี งอาหารกย็ งั ไมข่ ดั สน จำจะรกั ษามน่ั หนว่ งไวค้ ดิ การเดอื น คอยทพั เมอื งพระพศิ ณโุ ลกซง่ึ จะลงมา ขนาบนั้นด้วย แล้วจะคิดเอาปืนใหญ่ล้างค่ายทำลายความคิดให้อ่อนลง จะค่อยคิดการเอาชัยชำนะ เมื่อภายหลังเห็นจะได้โดยง่าย มุขมนตรีทั้งหลายก็เห็นด้วย จึงให้เชิญปืนณรายสังหารลงสำเภาฉอ้ ขึ้นไป ทางบ้านป้อม แต่งทัพปกป้องกันสองฝั่งฟากขึ้นไปถึงขนอนปากคู ทหารถัดมาตั้งกองร้อยคอยเหตุอยู่ ก็เอาข่าวไปกราบทูลแก่สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีว่า ชาวพระนครฉ้อสำเภาขึ้นมา มีแม่ทัพปกป้องกัน สองฝง่ั ฟาก เหน็ ทจี ะบรรทกุ ปนื ใหญข่ น้ึ มาหลงั คา่ ย ทลู ยงั มขิ าดคำ ชาวพระนครยงิ ปนื ณรายสงั หารไป กระสนุ ตกลงในคา่ ยใกลพ้ ลบั พลาสมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดี ๆ ใหเ้ อากระสนุ ปนื มาสรวงพลแี ลว้ ใหเ้ ลกิ ไปตง้ั คา่ ยหลวง ณ พทุ เลาอยสู่ ามวนั สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดเี สดจ็ ทรงชา้ งพระทน่ี ง่ั กระโจมทอง ยกพลหลวง ออกจากคา่ ยขา้ มโพสามตน้ มาตามทงุ่ เพนยี ด เสดจ็ ยนื ชา้ ง ณ วดั สามวหิ าร ตรสั ใหม้ หาอปุ ราชาตอ้ นพล เข้าหักพระนคร จึ่งให้พญารามให้เอาปืนณรายสังหารลงใส่สำเภาไม้รักแม่นางไอขึ้นไปยิงค่ายสมเด็จ พระเจ้าหงษาวดี ปืนถีบท้ายสำเภาจมลงกระสุนปืนขึ้นไปถูกกิ่งพระมหาโพธิ์สามกำเศษ ขาดตกลงใกล้ ชา้ งพระทน่ี ง่ั สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดปี ระมาณ ๓ วา ขณะนน้ั ชาวปอ้ มมหาชยั กย็ งิ ปนื ใหญร่ ะดมมาตอ้ งพล หงษาวดตี ายมาก จะปลน้ เอาพระนครกไ็ มไ่ ด้ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดกี เ็ สดจ็ กลบั ยงั พลบั พลา ฝ่ายสมเด็จพระมหาธรรมราชาแจ้งข่าวขึ้นไปว่า กองทัพสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีมาติดพระนคร กรงุ ศรอี ยทุ ธยา กเ็ กณฑท์ พั เมอื งพระพศิ ณโุ ลก เมอื งสวรรคโลก เมอื งศกุ โขไทย เมอื งพไิ ชย เมอื งพจิ ติ ร์ เปน็ คนหา้ หมน่ื ลงมาถงึ เมอื งไชยนาดบรู ยี ์ ตง้ั คา่ ยมน่ั สองฝง่ั ฟาก แตง่ กองรอ้ ยลงมาสบื ถงึ แขวงสงิ ฆบรู ยิ ์ พอพบสมงิ จครา้ น สมงิ มะลมุ คมุ ทพั ๓ พนั ไปลาดหาเสบยี ง กองรอ้ ยชาวพระพศิ ณโุ ลกเหน็ รามญั มากกวา่ ก็วิ่งหนี พวกรามัญเอาม้าไล่สะพัดจับได้สองคนคุมตัวมาถวายสมเด็จพระเจ้าหงษาวดี ตรัสถามนายมั่น

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๓ ปืนยาวใหญ่ นายคงหนวดให้การกราบทูลว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชผู้ครองเมืองพระพิศณุโลก แจ้งขึ้นไปว่า ทัพกรุงหงษาวดีมาตีพระนครศรีอยุทธยา จึ่งยกพลเมืองพระพิศณุโลก เมืองสวรรคโลก เมอื งศกุ โขไท เมอื งพไิ ชย เมอื งพจิ ติ ร์ เปน็ คนหา้ หมน่ื ลงมาชว่ ยตกี ระหนาบ บดั นม้ี าตง้ั อย่ไู ชยนาถบรู ยี ์ แต่งให้พันโจมจัตุรงค์ พันยงใจหารคุมข้าพเจ้าคน ๑๐๐ หนึ่งมาสืบทัพ สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีแจ้ง ดังนั้นแย้มโอษฐ์แล้วตรัสว่า อ้ายสองคนนี้ให้โกนศีรษะเสียปล่อยขึ้นไปให้ทูลพระมหาธรรมราชาว่า ซึ่งจะลงมาเป็นทัพกระหนาบนั้นเราคอยอยู่ ถ้ามิลงมาให้มั่นไว้จะขึ้นไปหา สมิงสคร้านรับสั่งสมเด็จ พระเจ้าหงษาวดีก็เอาตัวนายมั่นปืนยาว นายคงหนวดไปโกนศีรษะ แล้วก็คุมขึ้นไปปล่อยถึงแขวง สงิ ฆบรู ยิ ์ นายมน่ั นายคงกข็ น้ึ ไปถงึ ไชยนาถ ใหข้ นุ นางนำเฝา้ กราบทลู เนอ้ื ความซง่ึ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดี สง่ั มานน้ั ใหท้ ราบทกุ ประการ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาตรสั ถามวา่ เอง็ เขา้ ไปถงึ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดนี น้ั เหน็ รพ้ี ลประมาณเทา่ ไร นายมน่ั ปนื ยาว นายคงหนวดกราบทลู วา่ ขา้ พเจา้ มไิ ดเ้ ทย่ี ว เหน็ แตว่ งคา่ ยหลวงนน้ั พอเตม็ ทงุ่ พทุ เลา สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาจง่ึ ตรสั แกม่ ขุ มนตรวี า่ ซง่ึ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดตี รสั สง่ั มาทง้ั น้ี เหน็ จะจรงิ หรอื มขุ มนตรที ง้ั ปวงกราบทลู วา่ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดลี น้ิ ดำองคน์ ้ี ไดย้ นิ เลา่ ลอื กนั วา่ ตรสั สง่ิ ใด เป็นสัตย์จริง สมเด็จพระมหาธรรมราชาตรัสว่าอันการสงครามจะฟังเอาเป็นสัตย์จริงนั้นยากนัก เกลือก เกรงเรากระหนาบแลหากสำทับไว้จะเลิกไปโดยทางมา จำจะแต่งทัพลงไปตั้งรอไว้ดูที แล้วตรัสให้ทัพ พญาสวรรคโลก ศกุ โขไท สองทพั คนสองหมน่ื ยกลงไปเมอื งอนิ ทบรู ยี ์ ฝ่ายสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีตรัสให้ไปสั่งมหาอุปราชาให้ตีค่ายทุ่งหันตราเสีย จะได้คิดการ บญั ชเี มอื ง รงุ่ ขน้ึ ณ วนั ๓๓ฯ ๔ คำ่ ( วนั องั คาร เดอื น ๔ แรม ๓ คำ่ ) เพลาเชา้ ตรู่ พระมหาอปุ ราชา ก็ยกพลทหารไปตีค่ายเจ้าพญามหาเสนา เจ้าพญามหาเสนานายทัพนายกองต่อสู้เป็นสามารถ ข้าศึกหัก เอามิได้ พระมหาอุปราชาโกรธ เสด็จยืนช้างตรงหน้าค่ายห่างประมาณสามเส้น ให้ประกาศแก่นายทัพ นายกองว่ามิได้ค่ายเพลานี้ ตัดศีรษะเสียบเสีย นายทัพนายกองกลัวก็ต้อนพลทหารดาบดั้งหนุนแน่น กันเข้าไปฟันค่ายหักเอาได้ เจ้าพญามหาเสนา นายทัพนายกองไพร่พลแตก ก็ลาดลงคลองน้ำข้ามไป ฟากวัดมะเหยง ที่ป่วยเจ็บล้มตายในน้ำก็มาก พระมหาอุปราชาก็ยกกองทัพกลับไปค่าย จึ่งเสด็จ ไปเฝ้าพระเจา้ หงษาวดี กราบทลู ซง่ึ มชี ยั ไดค้ า่ ยใหท้ ราบทกุ ประการ ขณะนน้ั ไพรพ่ ลในกองทพั ขดั เสบยี ง แตง่ กองทพั ออกลาดหาก็มิได้ ที่ได้บ้างซื้อขายแก่กันเป็นทะนานละเฟื้อง ท้าวพญาพระหลวงหัวเมือง เอาเนอ้ื ความกราบทลู สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดี ๆ ตรสั ปรกึ ษาดคู วามคดิ ทา้ วพญานายทพั นายกองทง้ั ปวงวา่ เสบยี งอาหารสขิ ดั สนอยแู่ ลว้ ๆ กจ็ วนเทศกาลฟา้ ฝนจะทำการชา้ มไิ ด้ จำจะเลกิ ทพั กลบั ไป แตท่ วา่ จะไป

๓๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ทางใดดี ทา้ วพญามขุ มนตรปี รกึ ษากราบทลู วา่ ถา้ จะเสดจ็ ไปทางเมอื งกำแพงเพชรออกดา่ นแมล่ ะเมาเลา่ กองทัพฝ่ายเหนือก็มาตั้งมั่นรับอยู่ ณ เมืองไชยนาถ เกลือกราชการติดพันช้าไป ไพร่พลจะขัดสนโดย เสบียงอาหารเห็นจะเสียท่วงที แม้นเสด็จไปทางการจ์น์บุรียแรกมาเห็นสะดวก สมเด็จพระเจ้าหงษาวดี ตรสั วา่ ซง่ึ จะกลบั ไปทางการจน์ บ์ รุ ยี นน้ั เหน็ จะขดั สน อกี ดว้ ยเหตวุ า่ กองทพั เรายกเหยยี บเมอื งมาเสบยี งอาหาร ยบั เยนิ สน้ิ อยแู่ ลว้ ประการหนง่ึ ไดส้ ง่ั ไปถงึ พระมหาธรรมราชาวา่ ใหล้ งมา ถา้ มมิ าเราจะขน้ึ ไปตี แลพระ มหาธรรมราชามลิ งมานน้ั ดรี า้ ยจะตง้ั มน่ั รบั ผอ่ นเสบยี งอาหารลงมาไวม้ ากเหน็ สมคะเนอยแู่ ลว้ ทำไมแกท่ พั พระมหาธรรมราชาเท่านั้น เพลาเดียวก็จะแตกจะได้เสบียงอาหารพอไพร่พลเราไม่ขัดสน ท้าวพญา นายทัพนายกองก็บังคมทูลว่าทรงพระราชดำริครั้งนี้หาที่สุดมิได้ สมเด็จพระเจ้าหงสาวดีตรัสว่า ซึ่งเราจะล่าทัพไปครั้งนี้ จะต้องตีทั้งหน้าทั้งหลังด้วยเหตุว่าทัพพระมหาอุปราชามาตั้งอยู่ไชยนาทบูรีย์ เห็นจะรู้ถึงสมเด็จพระมหาจักรพัติ สมเด็จพระมหาจักรพรรดจิ ะดีพระทัยว่า ทัพพระราชบุตรเขยมาตั้ง สกดั กระหนาบอยแู่ ลว้ ดรี า้ ยจะแตง่ ทพั ตดั ทา้ ยพลเราเปน็ มน่ั คง เราจำจะคดิ เอาชยั ชำะทง้ั หนา้ ทง้ั หลงั ใหไ้ ด้ ตรสั แลว้ มพี ระราชกำหนดใหท้ พั พญาพสมิ ทพั พญาละเคง่ิ ทพั พญาเสยี ง ทพั พญาตองอู ทพั พญา จิตร์ตอง ห้าทัพ ๆ ละสามหมื่น เป็นคนสิบห้าหมื่น ให้พระเจ้าแปรเป็นแม่กองยกไปหน้า ถ้าพบทัพ พระมหาธรรมราชาตง้ั รบั แหง่ ใดตำบลใด ใหต้ จี งแตกแตใ่ นเพลาเดยี ว ถา้ ลว่ งราตรไี ปจะเอาศรี ษะนายทพั นายกองเสยี บแทนเชลย แลใหท้ พั พระมหาอปุ ราชารง้ั ทา้ ย ถา้ มที พั พระนครศรอี ยทุ ธยาตาม ใหค้ ดิ ทพั ลอ่ ทพั ซมุ่ หมุ้ จบั เอาตวั นายทพั นายกองใหไ้ ดเ้ ปน็ คนหนง่ึ สองคน ถา้ มทิ ำไดด้ งั นจ้ี ะเอาพระมหาอปุ ราชาเปน็ โทษถงึ สน้ิ ชวี ติ แลนายทพั นายกองจดั แจงใหพ้ รอ้ ม อกี สามวนั จะเลกิ ทพั จากพระนครศรอี ยทุ ธยา ฝ่ายสมเด็จพระมหาจักรพรรดีราชาธิราชเจ้าแจ้งว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชายกกองทัพเมือง พศิ ณโุ ลกย์ เมอื งสวรรคโลกย์ เมอื งศกุ โคไทย เมอื งพไิ ชย เมอื งพจิ ติ ร คนหา้ หมน่ื มาตง้ั ไชนาถบรู ยิ ์ ทพั หนา้ หลงั มาตง้ั เมอื งอนิ ทบรู ยี ์ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ดพี ระทยั นกั กต็ รสั แกม่ ขุ มนตรวี า่ ถา้ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดรี วู้ า่ ทพั พระมหาธรรมราชายกมาเหน็ ไมอ่ ยชู่ า้ ดรี า้ ยจะเลกิ ไป ถา้ ไปทางเหนอื สมคะเนเรา จะไดก้ ระทบ หนา้ หลงั ซำ้ เตมิ ถนดั เกลอื กจะหลกี ไปทางสพุ รรณ์ กาญจน์ บ์ รู ยี จ์ ะสลกั ซำ้ เตมิ ไมเ่ ตม็ ท่ี พระสนุ ธรสงคราม กราบทลู วา่ อนั สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดปี ระกอบดว้ ยกำลงั ๓ ประการ คอื ปญั ญาความคดิ ๑ รพ้ี ลมาก ๑ มที หารกลา้ ๑ เหน็ ไมไ่ ปทางสพู รรณ กาณจน์ บ์ รู ยี ์ ดว้ ยเหตวุ า่ เปน็ ตน้ ทางมา เสบยี งอาหารยบั เยนิ สน้ิ อยแู่ ลว้ เหน็ จะเดนิ ทางเหนอื หมายตเี อาเสบยี งอาหารในกองทพั สมเดจ็ พระมหาธรรมราชานน้ั อกี สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไมเ่ หน็ ดว้ ย จง่ึ ตรสั วา่ ถา้ ดงั นน้ั พระสนุ ทรสงครามสเิ ปน็ เจา้ เมอื งสพู รรณบรู ยี ์ จดั เจนปา่ ทางให้ คมุ ทพั ๕ พนั ลอบออกไปเพลาคำ่ พรงุ่ น้ี ใหต้ ง้ั ซมุ่ สลกั คอยโจมตที พั พระเจา้ หงษาวดใี หไ้ ดบ้ ำเหนจ็ มอื มา

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๕ พระเจา้ อยหู่ วั จง่ึ ตรสั วา่ ถา้ พระเจา้ หงษาวดเี ลกิ ทพั ทางเหนอื ดจุ คำพระสนุ ธรรสงครามวา่ นน้ั ผใู้ ดจะไปตาม จง่ึ พระเจา้ ลกู เธอพระรามเมศวร พระมหนิ ทราธริ าชกราบทลู วา่ ขา้ พเจา้ ทง้ั สองขอยกตามตที พั พระเจา้ หงษาวดี ใหไ้ ดบ้ ำเหนจ็ มอื สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กบ็ ญั ชาตาม ครั้น ณ วัน ๑ ๙ฯ ๔ ค่ำ ( วันอาทิตย์ เดือน ๔ แรม ๙ ค่ำ ) เพลาสองยามถึงกำหนด พระเจา้ แปร แลพญาพสมิ พญาละเคง่ิ พญาเสรยี ง พญาตองอู พญาจติ รต์ องกเ็ ลกิ ทพั เดนิ เปน็ กองหน้าทัพหลวง สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีก็เดินเป็นอันดับ แลทัพพระมหาอุปราชาก็เดินเป็นกองหลัง พระมหาอุปราชาแต่งม้า ๕๐๐ ให้อยู่รั้งท้ายคอยเหตุ ถ้าเห็นทัพตามประมาณพันหนึ่ง ให้ม้าไปบอก มา้ หนง่ึ ถา้ พลประมาณสองพนั ใหไ้ ปบอกสองมา้ ถา้ พลประมาณสามพนั สพ่ี นั หา้ พนั กใ็ หไ้ ปบอก สามม้า สี่ม้า ห้าม้า เอาไปเป็นกำหนด ฝ่ายทัพนำเดินข้ามคลองบางแก้วไปตามทิวทุ่งลำแม่น้ำใหญ่ เพื่อรี้พลช้างม้ามากจะได้อาศัยน้ำ ครั้นเพลาเช้าชาวพระนครรู้ว่าทัพสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีเลิกไป มุขมนตรีก็เอากิจจากราบทูลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ทัพพระเจ้าหงษาวดีมิได้ยกไปทางเมืองการจ์น์บูรีย์ ไปทางแม่น้ำใหญ่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ตรัสให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์คุมทัพหมื่นหนึ่ง ยกตาม จึง่ พระรามเมศวร พระมหินทราธิราชปรึกษากันว่า ซึ่งทัพล่าไปในวันหนึ่งสองวันเห็น จะระวงั นกั จะคดิ กองทพั รบั เราเปน็ สามารถ อนั จะใหร้ บี จโู่ จมเขา้ ตนี น้ั เหน็ จะเอาชยั ชำนะยาก จะคอย สะกดตามไปวันหนึ่งสองวันให้ประมาทลงก่อน ประการหนึ่งจะได้ประจวบกระทบทัพสมเด็จพระมหา ธรรมราชา พะวงั เปน็ สองฝา่ ย เราจง่ึ จะเขา้ โจมตเี หน็ จะไดช้ ยั ชำนะโดยงา่ ย ครน้ั ปรกึ ษากนั แลว้ กย็ ก สะกดตามไปแตท่ างประมาณกง่ึ วนั ฝา่ ยทพั มา้ กองหนา้ ไปถงึ เมอื งอนิ ทบรู ยี เหน็ คา่ ยใหญส่ องคา่ ย กก็ ลบั มาแจ้งแก่นายทัพนายกอง พญาพสิม พญาละเคิ่ง พญาเสรียง พญาตองอู พญาจิตร์ตองดีใจ ตา่ งคนแตง่ ตวั ขช่ี า้ งพลายกน้ั สปั ทนตอ้ นพลเขา้ ตคี า่ ย ฝา่ ยพระเจา้ แปรทรงชา้ งพลายมนฉิ ตั ร กน้ั พระกลด ไปยนื ใหท้ หารเขา้ หกั คา่ ย เหลา่ ทหารหงษากเ็ หโ่ หล่ น่ั ปนื แกวง่ หอกดาบแขง่ กรเู ขา้ ถอนขวากหนาม ปนี ป่ายหักค่ายเป็นโกลาหล ทหารในค่ายก็วางปืนใหญ่น้อยออกมาต้องพลพม่าล้มตายเป็นอันมาก ก็ยิ่ง หนุนเนื่องหนักเข้ามาเย่อค่ายแหกค่าย จนถึงได้แทงฟันเป็นสามารถ พลพม่ามอญก็เข้าค่ายได้ ไล่ตะลมุ บอนฆา่ ฟนั ตายเปน็ อนั มาก ซง่ึ เหลอื กห็ นกี ระจดั กระจายเขา้ มากราบทลู สมเดจ็ พระมหาธรรมราชา โดยซง่ึ เสยี แกข่ า้ ศกึ นน้ั ทกุ ประการ พอผู้ลงไปสอดแนมราชการ ณ กรุงเทพมหานครกลับขึ้นมาทูลว่า ทัพพระเจ้าหงษาวดเี ลกิ ขึ้นมา ทางเหนือสิ้นแล้ว สมเด็จพระมหาธรรมราชาแจ้งว่ากำลังศึกกล้ามากเหลือกำลังดังนั้น เห็นจะรับมิอยู่ คดิ จะหลกี เสยี ใหพ้ น้ หนา้ ทพั ซมุ่ อยู่ ณ ปา่ ผะเนนิ ฟากตะวนั ออก แลว้ จะคอยตามสกดั ตี จง่ึ ตรสั กำหนด

๓๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ให้นายทัพนายกองเลิกออกจากค่ายให้เป็นหมวดกองกัน นายทัพนายกองก็ทำโดยพระราชบัญชาทุก ประการ พอกองทพั พระเจา้ แปรยกมาถงึ เหน็ คา่ ยเปลา่ กต็ ง้ั อยู่ ณ เมอื งไชนาถ แลว้ กบ็ อกลงมายงั กอง ทพั หลวง ขณะเมื่อวันกองหน้าตีค่ายพญาสวรรค์โลก พญาศุกโขไท ณ เมืองอินทบูรีย์นั้น พระมหา อุปราชาตรัสปรึกษานายทัพนายกองว่า ทัพเราล้ามาถึงสองวันสามวัน ซึ่งทัพพระนครศรีอยุทธ์ยามิได้ ตามตีนั้น ชะรอยจะคิดเกรงว่าเราแต่งทัพป้องกันระวังอยู่มิได้ประมาท จะคอยสะกดตามมาสองวัน สามวันให้เราประมาทก่อน ประการหนง่ึ จะใหป้ ะทะทพั ฝา่ ยเหนอื ซง่ึ ตง้ั อยู่ ณ เมอื งไชยนาด เมอื งอนิ จง่ึ จะโจมตใี หเ้ ราพะวา้ พะวงั เหน็ จะคดิ ดงั นม้ี น่ั คง จำจะซอ่ นความคดิ ชาวพระนครศรอี ยทุ ธยา จบั เอา นายทพั แลไพรไ่ ปถวายสมเดจ็ พระราชบดิ าเปน็ บำเหนจ็ มอื จงได้ ตรสั มทิ นั ขาดคำ เหน็ มา้ เรว็ ขน้ึ มาสบิ มา้ [ จบเลม่ ๒ ] พระมหาอปุ ราชากแ็ จง้ วา่ มที พั ตามมาประมาณหมน่ื หนง่ึ จงึ ให้สมงิ พตั ะเบดิ สมงิ พตั ะบะคมุ ทพั ห้าพัน ม้าสองร้อย ยกไปตั้งซุ่มสงบอยู่ตามทิวไม้ฟากทุ่ง กำหนดว่าถ้าเห็นทัพตามมาอย่าเพ่อเข้าตีก่อน ใหล้ ว่ งถลำขน้ึ มา ตอ่ ไดย้ นิ เสยี งปนื รบจง่ึ ใหโ้ จมตที อ่ นทา้ ย จบั เอานายทพั นายกองใหจ้ งได้ สมงิ พตั ะเบดิ สมงิ พตั ะบะ กย็ กไปซมุ่ อยตู่ ามกำหนดรบั สง่ั แลว้ กเ็ ดนิ ทพั ขน้ึ ไปตง้ั อยทู่ างประมาณสองรอ้ ยเสน้ ฝ่ายพระรามเมศวร พระมหินทราธิราช ดำริว่าวันนี้เห็นทัพหงษาวดีจะถึงเมืองอินทบูรีย์อยู่แล้ว จะไดต้ กี บั ทพั ฝา่ ยเหนอื อยแู่ ลว้ กร็ บี เรง่ เดนิ ทพั หวงั จะโจมตี ขณะนน้ั สมงิ พตั ะเบดิ สมงิ พตั ะบะเหน็ ทพั ยกมาก็สงบสังเกตอยู่ เห็นช้างที่นั่งหลังคาทองสองช้างก็แจ้งว่าเป็นนายพล พอได้ยินเสียงปืน ทพั พระมหาอปุ ราชากย็ กออกโจมตตี ดั เอาตรงชา้ งทน่ี ง่ั ทพั ชาวพระนครไมท่ นั รตู้ วั กแ็ ตกฉาน เหลา่ รามญั กล็ อ้ มจบั พระรามเมศวร พระมหนิ ทราธริ าช กบั มหาดเลก็ ทา้ ยชา้ งสองคน ไปถวายพระมหาอปุ ราชา ๆ กพ็ าไปถวายพระราชบดิ าพรอ้ มกนั กบั คนพระเจา้ แปรซง่ึ ใหล้ งมาทลู วา่ คา่ ยเมอื งไชยนาถบรู ยเ์ ลกิ หนไี ปแลว้ สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีดีพระทัย ก็เสด็จไปตั้งประทับแรมอยู่ ณ เมืองไชนาถ จึ่งให้เอาพระรามเมศวร พระมหนิ ทราธริ าชเขา้ มาแลว้ ตรสั วา่ เจา้ ทง้ั สองสเิ ปน็ ขา้ ศกึ กบั เรา บดั นเ้ี ราจบั ไดแ้ ลว้ จะคดิ ประการใดเลา่ พระรามเมศวร พระมหนิ ทราธริ าชกราบบงั คมทลู วา่ ขา้ พระองคน์ จ้ี นอยจู่ ะฆา่ เสยี กจ็ ะตาย ถา้ พระองค์ โปรดพระราชทานชีวิตไว้ก็จะรอด สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีได้ทรงฟังก็แย้มพระโอษฐ์ แล้วตรัสให้ พระมหาอปุ ราชาเอาพระรามเมศวร พระมหนิ ทราธริ าชไปคมุ ไว้ ฝา่ ยนายทพั นายกองซง่ึ แตกจากทพั พระรามเมศวร พระมหนิ ทราธริ าช กก็ ลบั ไปพระนครเอาเหตุ กราบทลู สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชเจา้ ไดแ้ จง้ ดงั นน้ั กต็ กพระทยั โทมนสั ถงึ สมเดจ็ พระราชโอรส

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๗ ทง้ั สองพระองคน์ กั แลว้ แตง่ พระราชสาสน๑์ ใหพ้ ระมหาราชครปู โรหติ ขนุ หลวงพระกระเสม ขนุ หลวงพระ ไกรศรี ถือมาทางเรือขึ้นไปถึงเมืองไชยนาด ท้าวพญารามัญนำเข้าเฝ้าทูลถวายพระราชสาสนแ์ กพ่ ระเจ้า หงษาวดี และในลักษณ์นั้นว่า พระราชสาสนส์ มเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าพระนครศรีอยุทธยา ขอจำเรญิ ทางพระราชไมตรีมายังสมเด็จพระเจ้าหงษาวดผี มู้ อี ิศวรภาพใหญ่ยิ่งกว่าขัตติยราชกษัตริย์สามนต์ ในชมพูทวีป ด้วยพระองค์ยกพยุหโยธาทัพมากระทำยุทธนาการกับพระนครศรีอยุทธยา เป็นที่สำเริง ราชหฤทยั ในบรมกษตั ราธริ าช โดยโบราณราชประเพณแี ลเลกิ ทพั กลบั ไปโดยปรกตมิ ไิ ดแ้ พพ้ า่ ย ฝา่ ยราชโอรส แห่งข้ามิได้รู้ในเชิงพิชัยยุทธติดตามมาตีกองทัพ พระองค์จับไว้ได้นั้น โอรสทั้งสองถึงซึ่งอัปราชัยอยู่แล้ว อปุ มาดจุ สกณุ โปดกอนั ตอ้ งแรว้ พเนจรใสก่ รงขงั ไว้ ขอพระองคอ์ ยา่ ไดม้ อี าฆาตจองเวรเลย จงปลอ่ ยโอรส แหง่ ขา้ พระองคใ์ หค้ นื มาพระนคร37กจ็ ะเปน็ เกยี รตยิ ศแหง่ พระองคส์ บื ไปตราบเทา่ กลั ปาวสาน สมเด็จพระเจา้ หงษาวดีได้แจง้ ในลกั ษณพระราชสาสนด์ งั นัน้ กแ็ ยม้ พระโอษฐ์แล้วตรสั กับผจู้ ำทูล พระราชสาสน์ว่า สมเด็จพระเจ้าพี่เราให้มางอนง้อขอพระราชโอรสแล้วเราอนุญาตให้ จึ่งดำรัสสั่ง พระรามเมศวร พระมหินทราธิราชว่า เจ้าทั้งสองจงไปทูลแก่พระราชบิดาว่า เราขอช้างพลายศรีมงคล ช้างพลายมงคลทวีป สองช้างไปชมเล่น ณ กรุงหงษาวดี พระรามเมศวร พระมหินทราธิราช แลผู้จำทูลพระราชสาสน์ ก็กราบถวายบังคมลาสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีมายังพระนครศรีอยุทธยา สองพระองค์ก็กราบทูลพระราชบิดาว่า ซึ่งตามตีกองทัพกลับให้ข้าศึกจับไปได้ให้เสียพระยศพระเกียรติ โทษผิดถึงสิ้นชีวิตอยู่แล้ว ขอพระราชทานโทษครั้งหนึ่งก่อน สมเด็จพระราชบิดาก็ประทานโทษให้ พระรามเมศวร พระมหินทราธิราชจึ่งกราบทูลว่า สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีสั่งมาขอช้างพลายศรีมงคล ช้างพลายมงคลทวีปซึ่งชนะงา สมเด็จพระมหาจักรพรรดีราชาธิราชก็ตรัสปรึกษาด้วยมุขมนตรีทั้งปวงว่า พระเจ้าหงษาวดีช้างพลายศรีมงคล พลายมงคลทวีปสองช้างนี้ ควรจะให้หรือประการใด ทา้ วพญามขุ มนตรกี ราบทลู วา่ พระเจา้ หงษาวดใี หพ้ ระเจา้ ลกู เธอทง้ั สองพระองคค์ นื มานน้ั กเ็ ปน็ ทาง พระราชไมตรอี ยู่ ชอบใหช้ า้ งพลายสองชา้ งตอบไปจง่ึ จะควรสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดรี าชาธริ าชเจา้ กต็ รสั ให้กรมช้างคุมรีบขึ้นไปถวายสมเด็จพระเจ้าหงษาวดี ณ เมืองไชยนาถบูรีย สมเด็จพระเจ้าหงษาวดี ตรัสให้พม่ามอญรับไว้ แลช้างพลายศรีมงคล พลายมงคลทวีปเห็นหมอควาญผิดเสียงก็อาละวาด เอาไว้มิอยู่ ไล่แทงช้างแทงคนวุ่นวายทั้งกองทัพ สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีตรัสว่าเสียดายเหลือมือ พมา่ มอญ ใหก้ รมชา้ งเอาคนื ลงไปเถดิ กรมชา้ งกราบถวายบงั คมลาลงมาพระนครศรอี ยทุ ธยา ทลู ประพฤติ ๑ ตน้ ฉบบั เดมิ เขยี นวา่ พระราชสาร พจนานกุ รมเขยี นไดท้ ง้ั พระราชสาสนและพระราชสาสน์ ในทน่ี ใ้ี ชพ้ ระราชสาสน์

๓๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ เหตแุ กส่ มเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทกุ ประการ ฝา่ ยสมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดใี หจ้ า่ ยเสบยี งอาหารไพรพ่ ลเสรจ็ แลว้ กเ็ สดจ็ ยกทพั หลวงกลบั ไปเมอื งหงษาวดีโดยทางเมอื งกำแพงเพชร ออกดา่ นแมล่ ะเมา ฝ่ายสมเด็จพระมหาธรรมราชาก็เสด็จลงมาเฝ้า กราบทูลสมเด็จพระมหาจักรราชาธิราชเจ้า ซึ่งได้รบทัพหงสาวดีทกุ ประการ ครั้นกองทัพพระเจ้าหงสาวดียกไปแล้ว สมเด็จพระมหาจักรพรรดี ราชาธริ าชเจา้ ใหแ้ ตง่ การพระราชทานเพลงิ ศพพระสรุ โิ ยไทซง่ึ ขาดคอชา้ งเสรจ็ แลว้ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชา กถ็ วายบงั คมลากลบั ขน้ึ ไปเมอื งพระพศิ ณโุ ลกย์ ฝา่ ยสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดรี าชาธริ าชเจา้ ใหส้ ถาปนาท่ี พระราชทานเพลงิ นน้ั เปน็ พระเจดยี ว์ หิ ารสำเรจ็ แลว้ ใหน้ ามชอ่ื วดั ศภสวรรค์ แลว้ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ตรสั วา่ ไพรบ่ า้ นเมอื งตรจี ตั วาปากใตฝ้ า่ ยเหนอื เขา้ พระนครครง้ั นน้ี อ้ ย หนอี อกอยปู่ า่ ดงหว้ ยเขา ตอ้ นไมไ่ ด้ เปน็ อนั มาก ใหเ้ อาบา้ นทา่ จนี ตง้ั เปน็ เมอื งษาครบรู ยี ์ ใหเ้ อาบา้ นตลาดขวนั ตง้ั เปน็ เมอื งนนทบรู ยี ์ ใหแ้ บง่ เอา แขวงเมอื งราชบรู ยี ์ แขวงเมอื งสพุ รรณบ์ รู ย์ตง้ั เปน็ เมอื งนครไชยศรี แลว้ ปรกึ ษาวา่ กำแพงลพบรู ยี สามเมอื ง๑ นค้ี วรจะลา้ งเสยี หรอื จะเอาไว้ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอพระรามเมศวร พระมหนิ ทราธริ าชกับมุขมนตรีพร้อม กันปรึกษากราบทูลว่า จะให้ไปรับทัพหัวเมืองนั้น ถ้ารับได้ก็จะเป็นคุณถ้ารับมิได้ข้าศึกจะอาศัย ให้รื้อ กำแพงเสยี ดกี วา่ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กบ็ ญั ชาตาม แลว้ ใหต้ ง้ั พจิ ารณาเลขสงั กดั สมพนั สกรรจล์ ำเครอ่ื ง สองแสนเศษ ศักราช ๙๐๖ ปีมะโรงฉศก ฝ่ายพระสีสินผู้น้องพระยอดฟ้า พระองค์เลี้ยงไว้จนอายุได้ สิบสามปสี ิบสี่ปี จึ่งออกบวชเป็นสามเณรอยู่ ณ วัดราชประดิษถาน พระศรีสินมิได้ตั้งอยู่ในกตัญญู ซ่องสุมพวกพลคิดการกบฏ ครั้นทราบจึ่งดำรัสสั่งเจ้าพญามหาเสนา ให้เอาตัวพระศรีสินมาพิจารณา ได้ความสัตย์ หาประหารชีวิตเสียไม่ ให้แต่คุมเอาตัวไว้ ณ วัดทมุขราช * หมื่นจ่ายวดเป็นผู้คุม ครน้ั จวนพระวษาทรงพระมหากรณุ าตรสั วา่ พระศรสี นิ ซง่ึ เปน็ โทษคมุ ไวน้ น้ั อายจุ ะไดอ้ ปุ สมบทเปน็ ภกิ ษุ ภาวะอยแู่ ลว้ ใหเ้ อามาอปุ สมบท จง่ึ ทราบวา่ พระศรสี นิ หนกี อ่ นนน้ั ถงึ สามวนั ไปซมุ่ อยู่ ณ มว่ งมดแดง ทรงพระกรณุ าดำรสั ใหเ้ จา้ พญามหาเสนาไปตาม ฝ่ายพระศรีสินให้ไปขอฤกษ์พระพลรัตน์ป่าแก้ว ๆ ก็ให้ฤกษ์ว่า ณ วัน ๗ ๑ฯ ๘ ค่ำ ( วันเสาร์ เดือน ๘ ขึ้นค่ำ ) ฤกษ์ดี ให้ยกเข้ามาเถิด แลพญาเดโช พญาท้ายน้ำ พญาพิไชยรณฤทธิ ๑ ในพระราชพงศาวดารฉบบั ตา่ ง ๆ ทง้ั ฉบบั พระราชหตั ถเลขา ฉบบั สมเดจ็ พระพนรตั นวดั พระเชตพุ น ฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) และฉบบั พระจกั รพรรดพิ งษ์ (จาด) ระบุต้องกันว่า เมือง ๓ เมืองได้แก่ เมืองลพบุรี เมอื งนครนายกและเมอื งสพุ รรณบรุ ี * พระราชพงศาวดารกรงุ ศรอี ยทุ ธยา ฉบบั หอสมดุ แหง่ ชาติวา่ วดั ธรรมกิ ราช

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๓๙ หมื่นภักดีสวรร หมื่นไภริน ซึ่งเป็นโทษอยู่ก่อนนั้นจำไว้ในที่สงัด ให้หนังสือออกไปวันแรมสิบสามค่ำ ถึงพระศรีสินว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่ตรัสว่า รุ่งขึ้นสิบสี่ค่ำจะให้เอาข้าพเจ้าทั้งห้าคนไปฆ่าเสีย ขอให้ พระองคเ์ ขา้ มาแตก่ ลางคนื วนั นอ้ี ยา่ ใหท้ นั รงุ่ พระศรสี นิ กย็ กเขา้ มาทางหอรตั ไชย เจา้ พญามหาเสนารวู้ า่ พระศรสี นิ เขา้ มา กต็ ามขา้ มทา่ คอย พอชา้ งเผอื กลงอาบนำ้ เจา้ พญามหาเสนากข็ ช่ี า้ งเผอื กออกมารบ พระศรีสินที่ถนนหน้าบางตรา พระศรีสินร้องว่าเจ้าพญามหาเสนาจะสู้เราหรือ เจ้าพญามหาเสนาว่า พระราชกำหนดโทษพระองค์ฉันใด โทษข้าพเจ้าดุจฉันนั้น ไสช้างเข้าชนกันพระศรีสินตีด้วยขอ เจา้ พญามหาเสนาตกชา้ งลง พระศรสี นิ ยกเขา้ ไปทางประตเู สาธงชยั เขา้ พระราชวงั ได้ สมเดจ็ พระมหา จกั รพรรดริ าชาธริ าชเจา้ ไมท่ นั รพู้ ระองค์ ลงเรอื พระทน่ี ง่ั หนขี น้ึ ไปมหาพราหมณ์ พระศรสี นิ ใหถ้ อดพญาเดโช พญาทา้ ยนำ้ พญาพไิ ชยรณฤท หมน่ื ภกั ดสี วร หมน่ื ไภยณรนิ ออก ฝา่ ยพระรามเมศวร พระมหนิ ทราธริ าช กบั เสนาบดพี รอ้ มกนั เขา้ รบพระศรสี นิ จนถงึ ตะลมุ บอน ลม้ ตายเปน็ อนั มากดว้ ยกนั ทง้ั สองฝา่ ย แตพ่ ระศรสี นิ นั้นต้องปืนตาย สมเด็จพระมหาจักพรรดีราชาธิราชเจ้าก็เสด็จคืนเข้าพระราชวัง ครั้นรู้ว่าพระพลรัตน์ ป่าแก้วให้ฤกษ์พระศรีสินเป็นแท้ ก็ให้เอาพระพลรัตน์ป่าแก้ว ๑ พญาเดโช ๑ พญาทา้ ยนำ้ ๑ พญาพไิ ชยรณฤท ๑ หมน่ื ภกั ดสี วร ๑ หมน่ื ไภยณรนิ ๑ ฆา่ เสยี ไปเสยี บไวต้ ะแลงแกงกบั ศพพระศรสี นิ ครง้ั นน้ั เมยี นอ้ ยขนุ นางโจษวา่ ผวั เขา้ ดว้ ยพระศรสี นิ ถามเปน็ สตั ยต์ รสั ใหฆ้ า่ เสยี เปน็ อนั มาก ศกั ราช ๙๐๗ ปมี ะเสง็ สปั ตศก สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ไปวงั ชา้ งตำบลไทรยอ้ ย ไดช้ า้ งเผอื ก พลายสงู สศ่ี อกสบิ นว้ิ ชา้ งหนง่ึ ใหช้ อ่ื พระรตั นากาศ ลศุ กั ราช ๙๐๘ ปมี ะเมยี อฐั ศก เสดจ็ ไปวงั ชา้ งตำบลปา่ เพชรบรู ณ์ ๑ ไดช้ า้ งเผอื กพลายสงู สศ่ี อกเศษ ใหช้ อ่ื พระแกว้ ทรงบาท แลในเดอื นสบิ ปมี ะเมยี นน้ั เสดจ็ ไปไดช้ า้ งเผอื กตำบลปา่ มหาโพท ลกู กเ็ ปน็ เผอื ก แมก่ เ็ ปน็ เผอื กสองชา้ ง ศกั ราช ๙๐๙ ปมี ะแมนพศก เสดจ็ ไปไดช้ า้ งปา่ ทะเลชบุ ศร เปน็ เผอื กสงู สศ่ี อกหา้ นว้ิ ชา้ งหนง่ึ ใหช้ อ่ื พระบรมไกรษร ครน้ั ณ เดอื นอา้ ยปลายปี เสดจ็ ไปไดช้ า้ งเผอื กตำบลปา่ นำ้ ทรง สงู สศ่ี อกคบื ใหช้ อ่ื พระสรุ ยิ กญุ ชร ครง้ั นน้ั พระนครกรงุ ศรอี ะยทุ ธยาไพศาลสมบรู ณด์ ว้ ยมชี า้ งเผอื กถงึ เจด็ ชา้ ง เกียรติยศปรากฏไปนานาประเทศทั้งปวง มีกำปั่นลูกค้าเมืองฝรั่งเศส เมืองอังกฤษ เมืองวิลันดา เมอื งสรุ ดั แลสำเภาจนี เขา้ มาคา้ ขายเปน็ อนั มาก สมเดจ็ พระสงั ฆราช พระราชาคณะ แลเสนาพฤฒามาตย์ ๑ ตน้ ฉบบั เขยี นวา่ เพชฯบรู ร

๔๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ราชปโรหติ ถวายพระนามพระเจา้ แผน่ ดนิ สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชพระเจา้ ชา้ งเผอื ก กติ ตศิ พั ท์ ลอื ไปถงึ กรงุ หงษาวดวี า่ พระนครศรอี ยทุ ธย์ ามีชา้ งเผอื กถงึ เจด็ ชา้ ง สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดมี พี ระทยั จะใครไ่ ดส้ กั สองชา้ ง จง่ึ มพี ระราชสาสน์ให้สมงิ โยคราชกบั ไพร่ รอ้ ยหนง่ึ ถอื มาพระนครศรอี ยทุ ธยามขุ มนตรนี ำเฝา้ ในลกั ษณนน้ั วา่ พระราชสาสนส์ มเดจ็ พระเจา้ หงษาวดี ผู้มเหศวรศักดานุภาพ ปราบบูราราชธานีน้อยใหญใ่ ห้อัปราชัยไปทั่วทศทิศ อันท้าวพญาสามนตราชโอน โมลิตนอบน้อม ถวายสุวรรณบุปผาบรรณาการจะนับมิได้ ขอจำเริญทางพระราชไมตรีมายังสมเด็จ พระเชษฐาธริ าช ผผู้ า่ นพภิ พกรงุ เทพทวาราวะดศี รอี ยทุ ธยา ดว้ ยแจง้ กติ ตศิ พั ทข์ น้ึ ไปวา่ สมเดจ็ พระเชษฐา เราประกอบดว้ ยบญุ ญาธกิ ารเปน็ อนั มาก มเี ศวตกญุ ชรชาตพิ ลายพงั ถงึ เจด็ ชา้ ง พระราชอนชุ าทา่ นประสงค์ จะขอช้างเผือกพลายสองช้างมาไว้เป็นศรีกรุงหงษาวดี ให้สมเด็จพระเชษฐาเราเห็นแก่ทางพระราชไมตรี อนุชาท่านเถิด กรุงหงษาวดีกับพระนครศรีอยุทธยาจะได้เป็นราชสัมพันธมิตรไมตรีสนิทเสนห่ า เปน็ มหาพสธุ าทองแผน่ เดยี วกนั ไปตราบเทา่ กลั ปาวสาน ถา้ สมเดจ็ พระเชษฐาเราจะถอื ทฐิ มิ านะ แลรกั ทง้ั สอง ช้างยิ่งกว่าทางพระราชไมตรี ก็เห็นว่ากรุงหงษาวดีกับกรุงพระนครศรีอยุทธยาขาดกันแล้ว น่าที่ร้อนอก สมณพราหมณามาตยาประชาราษฎร สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดรี าชาธริ าชพระเจา้ ชา้ งเผอื กไดแ้ จง้ ในลกั ษณพระราชสาสนด์ งั นน้ั ตรสั ให้ มขุ มนตรปี รกึ ษาวา่ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดลี น้ิ ดำอนั เปน็ ใหญใ่ นรามญั ประเทศ พระองคน์ ม้ี ีกฤษฎาธิการ ผา่ นแผพ่ ระเดชเดชานภุ าพไปทง้ั สบิ ทศิ แลใหม้ พี ระราชสาสนเ์ ปน็ ทางพระราชไมตรมี าขอพญาชา้ งตระกลู สองช้างโดยสุนทรภาพสวัสดี แล้วสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีก็ไว้ทางพระราชไมตรี ครั้งให้สมเด็จพระเจ้า ลกู เธอทง้ั สองพระองคม์ ามากมายอยู่ ควรใหช้ า้ งจะไดเ้ ปน็ พระเกยี รตยิ ศไปนานาประเทศ ฝ่ายพระรามเมศวร พญาจักรี พระสุนธรสงครามเจ้าเมืองสุพรรณ์บูรีย์ปรกึ ษาว่า ช้างเผือก เป็นศรีมงคลสำหรับพระนคร ซึ่งจะให้ไปนั้นไม่ควร ถึงสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีมีไมตรีครั้งนั้น ก็ขอช้างพลายศรีมงคล พลายมงคลทวีปซึ่งชนะงาทั้งสองช้าง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ให้แล้วหากทว่า เอาไปมไิ ด้ แลซง่ึ จะสง่ ชา้ งตระกลู ไปนน้ั จะเสยี แกพ่ ระเกยี รตยิ ศไปนานาประเทศจะวา่ ใหโ้ ดยเกรงอานภุ าพ พระเจ้าหงษาวดี เอาคำปรึกษาทั้งสองฉบับกราบทูล ทรงพระกรุณาตรัสว่าถ้าเรามิให้ช้างเผือกไป พระเจ้าหงษาวดีจะยกใหญ่มา ยังจะป้องกันพระนครได้หรือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระรามเมศวร พญาจกั รี พระสนุ ธรสงครามกราบทลู วา่ ถา้ ศกึ หงษาวดจี ะยกใหญห่ ลวงมาประการใดกด็ ี ขา้ พเจา้ ทั้งสามนี้จะขอประกันพระนครไว้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็บัญชาตาม จึ่งให้มีพระราชสาสน์ตอบไป

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๔๑ ในพระราชสาสนน์ น้ั วา่ สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชรามนิ ธรธบิ ดนิ ธรราเชน สเุ รณทรโยศดมราไชย สวรรยาธิปัติ ถวัลราชทวาราวดีศรีอยุทธยา มหาดิหลกภพนพรัตน์ราชธานีบรู ีรม อุดมด้วยมหาเศวต กญุ ชรชาติ อศิ วรพงษพ์ ศิ ณพุ งศอ์ นั ประเสรฐิ สนองทางพระราชไมตรมี ายงั สมเดจ็ พระอนชุ าเรา ผผู้ า่ น พภิ พกรงุ หงษาวดี อนั มอี ศิ ราฤทธร์ิ าชรณรงคใ์ นรามญั ประเทศทวปี อสั ดงค์ ดว้ ยมพี ระราชสาสนม์ านน้ั ได้ แจ้งแล้ว แต่ทว่าเป็นบรู พประเพณี ผู้ใดมีสมภารบารมีถึงที่บรมจักรแล้วก็มีจักรแก้ว ดวงแก้วมณี นางแกว้ ชา้ งแกว้ ขนุ พลแกว้ ขนุ คลงั แกว้ ถา้ หาบญุ บารมไี ม่ ถงึ ผอู้ น่ื จะหาใหก้ ร็ กั ษามไิ ด้ ธรรมดา ประเทศธานใี ดมนี างรปู งาม มชี า้ งเผอื ก ชา้ งเนยี ม บอ่ แกว้ บอ่ ทอง กเ็ ปน็ ประเพณที จ่ี ะเกดิ ยทุ ธนาการ อยา่ ใหพ้ ระอนชุ าเรานอ้ ยพระทยั เลย ทตู รบั พระราชสาสนแ์ ลว้ กราบถวายบงั คมลาไปยงั กรงุ หงษาวดี ถวายพระราชสาสนท์ ลู ประพฤตเิ หตุ ทกุ ประการ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดใี นพระราชสาสนแ์ ลกจิ จานกุ จิ ทง้ั ปวง กต็ รสั วา่ ขอบใจพระมหา จกั รพรรดิ เราตอ้ งประสงคช์ า้ งเผอื กแตส่ องชา้ งควรหรอื ตดั ทางพระราชไมตรไี ด้ อนั พระนครศรอี ยทุ ธยากบั กรงุ หงษาวดี ตง้ั แตว่ นั นไ้ี ปจะเปน็ ปรปกั ษก์ นั แลว้ ๆ ตรสั ปรกึ ษาดว้ ยทา้ วพญามขุ มนตรวี า่ เรายกไปพระนคร ศรีอยุทธ์ยาถึงสองครั้งมิได้นั้น เหตุสามประการ ประการหนึ่งพระนครศรีอยุทธยามีน้ำล้อมรอบ ดจุ เขาพระสเิ นรรุ าชอนั มสี ที นั ดรสมทุ รแวดลอ้ มเปน็ ชน้ั ๆ ประการหนง่ึ ขดั โดยเสบยี งอาหาร จะทำการปมี ไิ ด้ อนง่ึ เมอื งพษิ นโุ ลกย์ เมอื งสวรรคโ์ ลกย์ เมอื งศกุ โขไทย เมอื งพไิ ชย เมอื งกำแพงเพชร หวั เมอื งเหลา่ น้ี ก็ยังเป็นกำลังกรุงเทพมหานครอยู่ ทั้งเสบียงอาหารก็บริบูรณ์ ถ้าเมืองฝ่ายเหนือทั้งนี้ได้ด้วยแล้ว พระนครศรีอยุทธยาไม่พ้นเงื้อมมือเรา จะเห็นประการใด มุขมนตรีทั้งปวงก็เห็นโดยพระราชบริหาร สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดตี รสั วา่ เราจะยกครง้ั นจ้ี ะใหม้ ากกวา่ สามเทา่ จะใหม้ พี ระราชกำหนดไปถงึ พระเจา้ อังวะราชบุตรเขย พระเจ้าแปรผู้เป็นราชนัดดา พระเจ้าเชียงใหม่ แลท้าวพญาหัวเมืองน้อยใหญ่ ทั้งปวงว่า จะยกไปตีกรุงพระนครศรีอยุทธยา ให้เร่งบำรุงช้างม้ารี้พลไว้ ออกพระวษาแล้วให้ยกมา พรอ้ มกนั ณ กรงุ หงษาวดี ฝา่ ยพระเจา้ องั วะ พระเจา้ แปร พระเจา้ เชยี งใหม่ แลทา้ วพญาหวั เมอื ง ทง้ั ปวงแจง้ ในพระราชกำหนดแลว้ กเ็ กณฑท์ พั บำรงุ ชา้ งมา้ รพ้ี ลไวส้ รรพ ครน้ั ออกพระวษาแลว้ กย็ กทพั มาพรอ้ มกนั ณ กรงุ หงษาวดี ศกั ราช ๙๑๐ ปีวอกสัมฤทธศิ ก สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีเกณฑ์ทัพกรุงหงษาวดี กรุงอังวะ เมืองเชียงใหม่ เมืองพุกาม เมืองปรวน เมืองแปร เมืองละเขิ่ง เมืองจิตรตอง เมืองตองอู เมอื งพสมิ เมอื งบวั เพอ่ื น เมอื งสะเรยี ง เมอื งตราง เมอื งเมาะตะมะ เมอื งเมาะลำเลงิ เมอื งทวาย

๔๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ เป็นคนเก้าสิบหมื่น ช้างเครื่องเจ็ดพัน ม้าหมื่นห้าพัน ให้พระมหาอุปราชาเป็นกองหน้า ถือพล ยส่ี บิ หมน่ื มา้ สามพนั ชา้ งเครอ่ื งพนั หา้ รอ้ ย พระเจา้ องั วะเปน็ ปกี ขวา ถอื พลสบิ หมน่ื มา้ พนั หนง่ึ ช้างเครื่องห้าร้อย พระเจ้าแปรเป็นปีกซ้าย ถือพลสิบหมื่น ม้าพันหนึ่ง ช้างเครื่องห้าร้อย พระเจ้า เชียงใหม่เป็นกองหลัง ถือพลสิบหมื่น ช้างเครื่องห้าร้อย ม้าพันหนึ่ง พร้อมเสร็จแล้ว ถึง ณ วัน ๔ ฯ๒๑๒ ค่ำ ( วันพุธ เดือน ๑๒ ขึ้น ๒ ค่ำ ) เพลารุ่งแล้ว สองนาฬิกาหกบาท ได้ ศภุ วารฤกษด์ ถิ ี สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดกี ส็ อดใสฉ่ ลองพระองค์ ทรงสวุ รรณมหาสงั วาลเจด็ สายเฉวยี ง พระองั สา ทรงกาญจนามยั มาลาอลงกตวจิ ติ ร พพิ ธิ ภษู ติ ากาญจนนลิ รตั น์ โดยขตั ตยิ เวสวสิ ยั สำหรบั วชิ ยั ราชรณยทุ ธเสรจ็ เสดจ็ ทรงชา้ งพระทน่ี ง่ั พลายเทวะนาดพนิ าย สงู หกศอกคบื หา้ นว้ิ เป็นบรมอัคร ราชยาน ประดับเครื่องนาเคนทราลังกาภรณ์บวรสัตพิธรัตน์ พร้อมด้วยหมู่สุรงคพลากรโยธาทวยหาญ เปน็ ขนดั แนน่ แสนสารสนิ ธพพาชชี าติ ราชบทมลุ กิ ากรบวรองครกั ษก์ นั กง ทรงสรรพสาตราลงั ตรานานาวธุ วิภูษิต พิพิธทวนธงเป็นทิวทองรัถยางค์เดียรดาษ ดูโอภาษพันลึกอธึกด้วยธวัชกลิ้งกลดอภิรุม บงั สรุ ยิ สอ่ งจำรสั คคั นมั พรประเทศไพโรจน์ ดาษดาดว้ ยทา้ วพญาเสนามาตยนกิ รพริ ยิ พฤนทเ์ รยี งรายระดบั โดยขบวนพยหุ บาตราซา้ ยขวาหนา้ หลงั ทง้ั ปวงเสรจ็ ไดเ้ พลามหามหตุ ฤิ กษ์ โหราลน่ั ฆอ้ งชยั ปโรหติ าจารย์ เป่าสังข์ ประโคมฆ้องก้องกาหล ดนตรีศัพท์อุโฆษนฤนาทนี่สนั่น ดำเนินกระบี่ธุชโบกโบย เคลื่อน พยุหโยธาทัพหลวงออกจากกรุงหงษาวดี ประทับรอนแรมมาเจ็ดเวนถึงเมืองเมาะตะมะ ดำรัสให้ ข้ามพลเมืองเมาะตะมะห้าวันจึ่งสิ้นแล้ว ยกยี่สิบเวนมาถึงเมืองกำแพงเพชร สมเด็จพระเจ้าหงษาวดี ตรัสให้พระเจ้าเชียงใหม่ตั้งอยู่ต่อเรือรบกจังเหล่าคาสองร้อยลำ ใหพ้ ญาหริภูนไชย พญานครลำปาง ขน้ึ ไปเอาเรอื เมอื งเสรยี ง เชยี งใหม่ เมอื งลคร เมอื งลำพนู ถา่ ยลำเลยี งลงมาไวต้ ำบลระแหงใหพ้ รอ้ มแลว้ สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีก็เสด็จยกทัพหลวงไปทางเมืองศุกโขไท ตั้งค่ายประทับแรมให้พญาศุโขไทย พญาสวรรคโลกยม์ าเฝา้ ตรสั ปราศรยั แลสง่ั ใหเ้ ตรยี มทพั แลว้ เสดจ็ ไปเมอื งพศิ นโุ ลกยต์ ง้ั คา่ ยหลวงตำบลโทก แลคา่ ยทง้ั นน้ั กต็ ง้ั โดยกระบวน ขณะเมอ่ื กองทพั พระเจา้ หงษาวดยี กมาถงึ ปลายแดน สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดธิ รรมราชาเจา้ ๑ แจง้ เหตุ กบ็ อกขอ้ กองทพั ราชการเรอื เรว็ ลงไปกรงุ พระนครศรอี ยทุ ธยา ขอกองทพั มาชว่ ยแลว้ กวาด ครวั อพยพแขวงเมอื งเขา้ เมอื งพศิ นโุ ลกย์ แลแตง่ การปอ้ งกนั เมอื งเปน็ สามารถ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดี ยังมิได้สั่งให้เข้าล้อมเมืองให้ทำแต่บันไดพาดไว้เป็นอันมาก แล้วให้ขุดมูลดินปั้นก้อนใส่ชะลอมกองไว้ ๑ น่าจะเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชา

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๔๓ แตล่ ะกองสงู กวา่ กำแพงเมอื ง แลว้ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดแี ตง่ เปน็ รบั สง่ั เขา้ ไปวา่ สมเดจ็ พระเจา้ ชนะสบิ ทศิ เสด็จยกพยุหโยธามาทั้งนี้ จะลงไปพระนครศรีอยุทธยา บัดนี้เสด็จมาเยือนเมืองพระพิศนุโลกย์ ให้อัญเชิญสมเด็จพระมหาธรรมราชาน้องเราออกมาหาเรา จะได้เจรจาความเมืองกัน สมเด็จพระมหา ธรรมราชาเจา้ แจง้ ดงั นน้ั กต็ อบออกไปวา่ แผน่ ดนิ เปน็ ของสมเดจ็ พระมหาจกั รพดั ริ าชาธริ าชพระเจา้ ชา้ งเผอื ก แลขา้ พระองคจ์ ะออกไปเฝา้ นน้ั มคิ วร สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดตี รสั ใหท้ ตู กลบั เขา้ มาอกี วา่ ถา้ นอ้ งเรามิ ออกมาหาเรา เมืองพระพิศนุโลกน้อยนักแต่ทหารกองหน้าก็จะคับเมือง สมเด็จพระมหาธรรมราชาเจา้ จง่ึ นมิ นตพ์ ระสงฆส์ ร่ี ปู ออกไปฟงั การ พระสงฆอ์ อกไปสมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดใี หน้ ำพระสงฆไ์ ปดมู ลู ดนิ แต่บันไดหกบันไดพาด แล้วให้เอาข่าวไปแจ้งแก่น้องเรา ถ้าน้องเรามิออกมา จะให้ทหารถือมูลดิน แตค่ นละกอ้ นถมเมอื งเสยี ใหเ้ ตม็ แตใ่ นนาฬกิ าเดยี ว พระสงฆไ์ ปดกู ลบั เขา้ มาแจง้ แกพ่ ระมหาธรรมราชาเจา้ โดยไดเ้ หน็ แลพระเจา้ หงษาวดสี ง่ั มาทกุ ประการ สมเด็จพระมหาธรรมราชาเจ้าจึ่งปรึกษามุขมนตรีว่า เราคอยกองทัพกรุงเทพมหานคร ช้าพ้น กำหนดอยแู่ ลว้ กไ็ มย่ กขน้ึ มา อนั ศกึ พระเจา้ หงษาวดยี กมาครง้ั นเ้ี ปน็ อนั มาก เสยี งพลเสยี งชา้ งเสยี งมา้ เกดิ ลมพายใุ หญเ่ หน็ เหลอื กำลงั เรานกั ถา้ เราจะมอิ อกไป พระเจา้ หงษาวดกี จ็ ะใหท้ หารเขา้ หกั เหยยี บเอาเมอื ง สมณชพี ราหมณอ์ าณาประชาราษฎรจะถงึ แกพ่ นิ าศฉบิ หายสน้ิ ทง้ั พระพทุ ธศาสนากจ็ ะเศรา้ หมองดมู คิ วร เลยจำเราจะออกไป ถึงสมเด็จพระมหาจักรพัดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือกจะทรงพระพิโรธประการใดก็ดี กจ็ ะตายแตต่ วั จะแลกเอาชวี ติ สตั วใ์ หร้ อดไว้ ครน้ั รงุ่ ขน้ึ วนั ๑๔ฯ ๒ คำ่ (วนั อาทติ ย์ เดือนยี่ แรม ๔ คำ่ ) สมเด็จพระมหาธรรมราชาเจ้าก็เสด็จออกไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าหงษาวดี พระเจ้าหงษาวดีตรสั วา่ นอ้ งเรา ไปดว้ ยเราใหเ้ รง่ เตรยี มพลใหพ้ รอ้ มในเจด็ วนั สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาเจา้ กจ็ ดั พลสามหมน่ื มาโดยเสดจ็ ใน กองทพั หลวง สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดกี เ็ สดจ็ ยกลงมาประชมุ ทพั ณ เมอื งนครสวรณ์ ขณะเมอ่ื พระมหาธรรม ราชาเจา้ บอกขอ้ ราชการลงไปถงึ กรงุ เทพมหานครนน้ั สมเดจ็ พระมหาจกั รพดั ริ าชาธริ าชพระเจา้ ชา้ งเผอื ก ตรัสให้พญาพิไชยรณฤทธิ พญาวิชิดรณรงค์ถือพลหมื่นหนึ่งให้รีบขึ้นไปช่วยเมืองพระพิศนุโลกย์ แลว้ พระเจา้ อยหู่ วั ใหก้ วาดครวั หวั เมอื งตรจี ตั วาเขา้ พระนคร แลทพั พญาพไิ ชยรณฤทธิ ทพั พญาวชิ ติ รณรงคย์ กไปถงึ เมอื งณครสวรร ไดข้ า่ ววา่ เมอื งพศิ นโุ ลกย์แลหวั เมอื งทง้ั ปวงฝา่ ยเหนอื พระเจา้ หงษาวดี ได้สิ้นแล้ว แล้วกองทัพพม่ามอญก็ลงมาถึงเมืองณครสวรรค์ พญาวิไชยรณฤทธ พญาวิชิต รณรงค์จะตั้งรับก็เห็นไม่ได้ จึ่งปรึกษากันถอยทัพลงไปทูลประพฤติเหตุสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า

๔๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ บดั นเ้ี มอื งพระพศิ นโุ ลกยแ์ ลเมอื งฝา่ ยเหนอื ทง้ั ปวงเสยี สน้ิ แลว้ ทพั พมา่ มอญกย็ กลว่ งมาตง้ั อยเู่ มอื งนครสวรรค์ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชากล็ งมาดว้ ย สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชพระเจา้ ชา้ งเผอื กแจง้ ดงั นน้ั ก็เสียพระทัยนัก จึ่งตรัสแก่พระรามเมศวร พญาจักรี พญาสุนธรสงครามว่าศึกพระเจ้าหงษาวดี กย็ กมาแลว้ ตวั ทง้ั สามคนนจ้ี ะคดิ ทำประการใด พระรามเมศวร พญาจกั รี พระสนุ ธรสงครามกราบ บงั คมทูลว่า บัดนี้กองทัพพม่ามอญยังประชุมพร้อมมูลกันอยู่ไม่รู้กำลัง ถ้าลงมาใกลพ้ ระนครแผ่คนออก บ้างแล้วเมื่อใดจะยกออกตี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็บัญชาตามตรัสให้จัดทหารเป็นเหล่าเป็นกองตั้งไว้ กลางเมืองเป็นสามกอง แล้วให้เร่งรัดตรวจเตรียมซ่องแปลงการซึ่งจะรักษาพระนครทั้งกลางวันกลางคืน เปน็ สามารถ ฝ่ายพระเจ้าเชียงใหม่ซึ่งตั้งต่อเรือกะจังเหลาคาอยู่ ณ เมืองกำแพงเพชรนั้นสำเร็จแล้ว ก็ยกทัพ เรือรบเรือลำเลียงลงมาบรรจบทัพหลวง ณ เมืองนครสวรรค์ เมื่อสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีจัดแจงทัพบก ทัพเรืออยู่ ณ เมืองนครสวรรค์นั้น ท้าวพญานายทัพนายกองเฝ้าพร้อม จึ่งตรัสถามสมเด็จพระมหา ธรรมราชาวา่ เราใหม้ ีราชสาสนข์ อพญาชา้ งตระกลู สองชา้ ง ควรหรอื สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าช พระเจ้าช้างเผือกไม่ให้ รักช้างยิ่งกว่าเศวตฉัตรอีกเล่า หรือว่ามีผู้ใดทัดทานพระเจ้าน้องเรารู้หรือไม่ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชากราบทลู วา่ ทราบอยู่ เดมิ พระเจา้ แผน่ ดนิ ใหป้ รกึ ษาวา่ พระองคใ์ หม้ ีพระราชสาสน์ มาขอพญาชา้ งน้ี ควรใหห้ รอื มใิ ห้ เสนาบดปี รกึ ษาวา่ ควรให้ แตพ่ ระรามเมศวร พญาจกั รี พระสนุ ธร สงครามปรกึ ษาวา่ ชา้ งเปน็ ศรพี ระนครไมค่ วรให้ พระเจา้ แผน่ ดนิ ตรสั ตอ่ วา่ แมน้ มใิ หพ้ ญาชา้ งไป ถา้ พระองค์ ยกทัพใหญ่มายังจะป้องกันพระนครได้หรือ พระรามเมศวร พญาจักรี พระสุนธรสงครามรบั ประกนั พระนครไว้ แลเหตุดังนี้พระเจ้าแผ่นดินจึ่งมิได้ส่งช้างไปถวายพระองค์ สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีได้ทรงฟัง ดงั นน้ั ทรงพระสรวล แลว้ ตรสั วา่ เปน็ ธรรมดาคนโมหจติ มไิ ดร้ จู้ กั กำลงั ทา่ น เหมอื นสตั วส์ องจำพวก คอื นกนอ้ ย คอื กระตา่ ย แลกระตา่ ยขาตวั สน้ั เทา่ นน้ั หมายวา่ จะหยง่ั ทอ้ งพระมหาสมทุ รได้ แลวา่ ยนำ้ ออกไป ยังมิทันได้หยั่ง ก็จมน้ำถึงแก่กาลกิริยาตาย นกน้อยเหล่าปีกหางก็เท่านั้น ชวนพญาครุฑบินข้าม พระมหาสมทุ ร แลบินเต็มพักของตัวยังมิได้กากแห่งพญาครุฑ ก็ตกน้ำทำกาลกิริยาตาย แลสัตว์ สองจำพวกนี้เหมือนกับผปู้ รกึ ษาแลรบั ประกนั พระนครไว้ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดตี รสั แลว้ รงุ่ ขน้ึ ณ วนั ๔๑ฯ๐๒ คำ่ ( วนั พธุ เดอื นย่ี แรม ๑๐ คำ่ ) ศกั ราช ๙๑๑ ปรี ะกาเอกศก กเ็ สดจ็ ยาตราทพั ลงมาพระนครศรอี ยทุ ธยา แลว้ ทพั พระมหา อุปราชากองหน้าตั้งตำบลพะเนียด ค่ายพระเจ้าแปรปีกซ้ายตั้งตำบลทุ่งวัดโพธารามไปคลองเกาะแก้ว

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๔๕ ทพั พระเจา้ องั วะปกี ขวาตง้ั คา่ ยตำบลวดั พทุ ไทยสวรรคล์ งมาคลองตเคยี น ทพั พญาตองอู ทพั พญาจติ รตอง ทพั พญาละเขง่ิ เกยี กกายตง้ั คา่ ยวดั การอ้ งลงไปวดั ไชยวฒั นาราม ทพั พญาพสมิ ทพั พญาเสรยี ง กองหนา้ ทัพหลวงตั้งค่ายลุมพลี ทัพหลวงตั้งค่ายตำบลวัดโพเผือก ทุ่งขนอนปากคู แลทัพสมเด็จพระมหา ธรรมราชาเจา้ กต็ ง้ั ตำบลมขามหยองหลงั คา่ ยหลวง แลทพั ซง่ึ ตง้ั รายรอบครง้ั นน้ั บรรดาแมน่ ำ้ หว้ ยคลอง ทง้ั ปวง กท็ ำสะพานเรอื กเดนิ มา้ เดนิ พลตลอดถงึ กนั สน้ิ แตใ่ นวนั เดยี วนน้ั เสรจ็ ฝา่ ยขา้ หลวงชาวพระนครผตู้ รวจการบนหนา้ ทเ่ี ชงิ เทนิ กำแพง แลดขู า้ ศกึ ตง้ั คา่ ยทำสะพานดงั นน้ั ก็เอาคดีโดยเห็นกราบทูลว่า เห็นศึกครั้งนี้มากกว่าแต่ก่อนสามเท่าสี่เท่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ราชาธริ าชพระเจา้ ชา้ งเผอื กไดแ้ จง้ ดงั นน้ั เหน็ เหลอื กำลงั ทจ่ี ะแตง่ ทพั ออกตขี า้ ศกึ กใ็ หก้ ำชบั ตรวจตรารกั ษา หนา้ ทไ่ี วเ้ ปน็ สามารถ สมเด็จพระเจ้าหงษาวดเี สด็จถึงกรุงเทพมหานครได้เจ็ดเวนแล้ว ไม่เห็นทัพผู้ใดออกมาต่อยุทธ จง่ึ ใหแ้ ตง่ พระราชสาสน์ ในลกั ษณะวา่ พระราชสาสนส์ มเดจ็ พระเจา้ หงษาวดผี เู้ ปน็ อศิ ราธปิ ะ ไดถ้ วลั ยราช มไหสวรรยใ์ นรามญั ประเทศ ทรงพระราชกฤษฎาเดชานภุ าพผา่ นแผอ่ าณาจกั ร ขจรทว่ั ทศิ านทุ ศิ ดงั แสง ภาณมุ าศเมอ่ื มชั ฌนั ตกิ สมยั มาถงึ สมเดจ็ พระเชษฐาเราผผู้ า่ นพภิ พกรงุ เทพทวาราวะดศี รอี ยทุ ธยา ครง้ั หนง่ึ พระราชบตุ รทง้ั สองสมเดจ็ พระเชษฐายกพลโยธาหาญไปตดั ทา้ ยพล นอ้ งทา่ นจบั ไดก้ ม็ ใิ หก้ ระทำชพิ ติ ร ภยันตราย เมื่อจะเผื่อแผ่ผูกราชสัมพันธมิตรไมตรีร่วมสามัคคีรสธรรมเป็นสุวรรณปัถพีเดียวกันอันสนิท มิได้ร้าวฉาน จนพระเชษฐาธิราชให้มีลักษณราชสาสนข์ ึ้นมาขอ ฝ่ายน้องท่านก็ส่งราชบุตรทั้งสองมายัง พระบรมเชษฐา แล้วยกกลับคืนไปพระนครหงษาวดี รู้กิตติศัพท์ไปว่าพระเชษฐาธิราชมีกฤษฎา ภินิหารมาก ประกอบดว้ ยเศวตกญุ ชรชาตศิ ภุ ลกั ษณะตระกลู พลายพงั ถงึ ๗ ชา้ ง จง่ึ ใหท้ ตู านทุ ตู จำทลู ลักษณราชสาสนส์ ุนทรภาพสวัสดิ มาขอเศวตกุญชรสองช้างไปไว้เป็นศรีพระนครหงษาวดี พระเชษฐา เรามไิ ดม้ อี าลยั ในราชสมั พนั ธมติ รไมตรี กลบั กลา่ วกระทบทา้ วธรรมเนยี มมาวา่ พระนครใดมนี างรปู งาม แลชา้ งเผอื กชา้ งเนยี ม เปน็ ทจ่ี ะเกดิ ราชดสั การนอ้ งทา่ นไดแ้ จง้ จำเปน็ จง่ึ ตอ้ งยกพยหุ โยธาหาญมาตาม ลักษณพระราชสาสน์ บัดนี้ก็มาเหยียบชานพระนครถึงเจ็ดวันแล้ว ไฉนจึ่งมิได้ออกมารณรงค์โดย ขัตติยาภิรมย์สำเริงราชหฤทัยบ้างเลย ให้เร่งยกพยุหโยธาออกมาสงครามกันดูเล่นเป็นขวัญตา หรือไม่ รณรงคแ์ ลว้ กเ็ ชญิ เสดจ็ ออกมาสนทนากนั ถา้ มอิ อกมากอ็ ยา่ ใหพ้ ระเชษฐาเรานอ้ ยพระทยั เลย นอ้ งทา่ น จะชงิ เอาเศวตฉตั รใหจ้ งได้ ครน้ั แตง่ เสรจ็ แลว้ ใหฑ้ ตู ถอื ไป

๔๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชครั้นได้แจ้งในลักษณพระราชสาสน์ จึ่งทรงพระราชดำริว่า ศกึ ครง้ั นใ้ี หญห่ ลวงนกั เหน็ เหลอื กำลงั ทหารจะกพู้ ระนครไวไ้ ด้ ถา้ เราจะมอิ อกไปสมณชพี ราหมณอ์ าณา ประชาราษฎรไพรฟ่ า้ ขา้ ขณั ฑเสมาจะถงึ แกพ่ นิ าศฉบิ หายสน้ิ ทง้ั พระศาสนากเ็ ศรา้ หมอง จำเราจะออกไป มาตรว่าสมเด็จพระเจ้าหงษาวดมี คิ งอยู่ในสัตยานุสัตย์ดังราชสาสนเ์ ข้ามาก็ตามเถิด แต่เราจะรักษา สตั ยานสุ ตั ยใ์ หม้ น่ั ทรงพระราชดำรดิ งั นน้ั แลว้ กใ็ หแ้ ตง่ ลกั ษณราชสาสนก์ ำหนดทจ่ี ะเสดจ็ ให้ทตู านทุ ตู ถือออกไปถวายพระเจ้าหงษาวดี แล้วตรัสให้เจ้าพนักงานออกไปปลูกราชสันถาคาร ณ ตำบลวัด พระเมรรุ าชกิ ารามกบั วดั หศั ดาวาศตอ่ กนั มรี าชบลั ลงั กอ์ าสนส์ องพระทน่ี ง่ั สงู เสมอกนั หวา่ งพระทน่ี ง่ั หา่ ง ๔ ศอก แล้วให้แต่งรัตน์ตยาอาสน์สูงกว่าราชาอาส์นอีกพระที่นั่งหนึ่ง ให้เชิญพระศรีรัตนตรัยออก ไปไว้เป็นประธาน ครั้นรุ่งขึ้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเรือพระที่นั่งสุพรรณหงษ์ พร้อมด้วยมุขมนตรี กวชี าตริ าชครู โหราโยธาหาญขา้ มไปเสดจ็ ขน้ึ บนพระทน่ี ง่ั ฝา่ ยสมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดพี รอ้ มดว้ ยทา้ วพญามขุ มนตรที ง้ั ปวงเสดจ็ มา สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ ราชาธริ าชเจา้ รอ้ งอญั เชญิ เสดจ็ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดเี สดจ็ ขน้ึ บนพระทน่ี ง่ั แลว้ ตรสั วา่ สมเดจ็ พระเจา้ พี่เราใหอ้ าราธนาพระพทุ ธปฏมิ ากรเจา้ พระธรรมเจา้ พระสงฆเ์ จา้ มาเปน็ ประธานกด็ อี ยแู่ ลว้ ขอเปน็ สกั ขที พิ ยพ์ ยานเถดิ อนั แผน่ ดนิ กรงุ เทพมหานครศรอี ยทุ ธยานย้ี กถวายไวแ้ ดส่ มเดจ็ พระเจา้ พเ่ี รา แตท่ วา่ นอ้ งทา่ นใหม้ าขอชา้ งเผอื กสองชา้ ง พระเจา้ พม่ี ไิ ดใ้ ห้ บดั นต้ี อ้ งยกพยหุ โยธาหาญมาโดยวถิ ที เุ รศกนั ดาร จะขอชา้ งเผอื กอกี สองชา้ งเปน็ สช่ี า้ ง พระเจา้ พจ่ี ะวา่ ประการใด สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชเจา้ กต็ รสั บญั ชาให้ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดตี รสั วา่ จะขอพระรามเมศวรไปเลย้ี งเปน็ พระราชโอรส ถา้ พระเจา้ พเ่ี รา ใหแ้ ลว้ จะยกทพั กลบั ไป สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชเจา้ ตรสั ตอบวา่ ขอไวเ้ ถดิ จะไดส้ บื ประยรู วงศ์ สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีตรัสว่าพระมหินทราธิราชผู้น้องนั้นก็จะสืบวงศ์ได้อยู่ อันจะไว้ด้วยกันถ้าพระเจ้า พเ่ี ราสวรรคตแลว้ ดรี า้ ยพน่ี อ้ งจะหมน่ หมองมคี วามพโิ รธกนั สมณพราหมณามขุ มนตรอี าณาประชา ราษฎรจะไดค้ วามเดอื ดรอ้ น สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชเจา้ ขดั มไิ ดก้ บ็ ญั ชาตาม สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดีตรัสว่าจะขอพญาจักรีแลพระสุนธรสงครามไปด้วยพระราชโอรส สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ราชาธิราชเจ้าก็ยอมให้ แล้วตรัสว่าอาณาประชาราษฎรหัวเมืองแลข้าขอบขัณฑเสมาซึ่งกองทัพจับไว้นั้น ขอไว้สำหรับพระนครเถิด สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีก็บัญชาให้ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ส่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระรามเมศวร แลพญาจักรี พระสุนธรสงครามกับช้างพลายเผือก ๔ ช้าง คือ พระคะเชนโรดม พระบรมไกรษร พระรัตนากาษ พระแก้วทรงบาศ ให้สมเด็จพระเจ้าหงษาวดี แลว้ เสดจ็ เขา้ พระราชวงั

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๔๗ สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดเี สดจ็ ไปพลบั พลา สง่ั ใหป้ ระกาศแกน่ ายทพั นายกองวา่ อาณาประชาราษฎร พระนครศรอี ยทุ ธยานน้ั ใหป้ ลอ่ ยเสยี จงสน้ิ แลว้ ให้สมเดจ็ พระรามเมศวร พญาจกั รี พระสนุ ธรสงคราม เขา้ ไปรบั บตุ รภรรยา จง่ึ ถวายบงั คมลาพระเจา้ แผน่ ดนิ ออกไปตามพระราชกำหนด ฝ่ายพระเจ้าหงษาวดี มีพระราชบริหารดำรัสสั่งให้กองทัพล่วงเจ็ดวันแล้ว ก็เสด็จยกทัพหลวงไปทางเมืองกำแพงเพชร สมเด็จ พระมหาธรรมราชาเจ้าก็ตามส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าหงษาวดีถึงเมืองกำแพงเพชร แล้วก็กลับมาเมอื ง พระพศิ นโุ ลกย์ ขณะนน้ั พญาตานศี รสี รุ ยิ ตา่ นยกทพั เรอื ยาหยบั สองรอ้ ยลำ เขา้ มาชว่ ยราชการสงครามถงึ ทอดอยู่ วัดกุฎบางกะจะ รุ่งขึ้นยกเข้ามาทอดอยู่ประตไู ชย พญาตานีศรีสุริยต่านได้ทีกลับเป็นกบฏก็ยกเข้าใน พระราชวัง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าไม่ทันรู้ เสด็จลงเรือพระที่นั่งศรีสักหลาดหนีไป เกาะมหาพราหม แลเสนาบดีมนตรีมุขพร้อมกันเข้าในพระราชวัง สะพัดไล่ชาวตานีแตกฉานลงเรือ รดุ หนไี ป ฝา่ ยมขุ มนตรที ง้ั ปวงกอ็ อกไปเชญิ เสดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าชพระเจา้ ชา้ งเผอื กเสดจ็ เขา้ สู่ พระราชนเิ วศมหาสถาน ศกั ราช ๙๑๒ ปจี อโทศก พระเจา้ กรงุ ศรสี ตั นาคนะหตุ ทราบวา่ พระราชบตุ รพี ระสรุ โิ ยไทย ซึ่งขาดคอช้างแกก่ รุงหงษาวดนี ั้นจำเริญวัยวัฒนาขึ้นแล้ว พระองค์ก็แต่งทูตานุทูตจำทูลพระราชสาสน์คมุ เครื่องมงคลราชบรรณาการมาถวายแกส่ มเด็จพระมหาจักรพรรดีราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือก ในลักษณะ พระราชสาสน์นั้นว่า ข้าพระองค์ผู้ผ่านพิภพกรุงศรีสัตนาคนะหุต ขอถวายอภิวาทวันทนามายังสมเดจ็ พระบติ รุ าธริ าชผผู้ า่ นพภิ พกรงุ เทพทวาราวดศี รอี ยทุ ธยา มหาดหิ ลกภพนพรตั นราชธานบี รุ รี มย อดุ มพระราช มหาสถาน มเหาฬารอนั ยง่ิ เปน็ มง่ิ มงกฎุ ดว้ ยสตั ะเศวตกญุ ชรชาตติ วั ประเสรฐิ ศรเี มอื ง ข้าพระองค์ยัง ไปม่ เี อกอคั รราชกลั ยาณที จ่ี ะสบื ศรสี รุ ยิ วงศใ์ นกรงุ ศรสี ตั ะนาคะนะหตุ ตอ่ ไปมไิ ด้ ขา้ พระองคข์ อพระราชทาน พระราชธิดาอันทรงพระนาม พระเทพกะษัตรี ไปเป็นปิ่นศรีสุรางค์นิกรกัลยาในมหานคเรศปราจินทิศ เปน็ ทางราชสมั พนั ธมติ รไมตรี สวุ รรณปถั พแี ผน่ เดยี วกนั ชว่ั กลั ปาวสาน สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือกทราบในลักษณพระราชสาสน์ ก็ให้ชุม ท้าวพญามุขมนตรี ๆ ปรึกษาว่า กรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงหงษาวดกี ็เป็นอริชอกช้ำดุจวัณโรค อันอยู่ในพระทรวงจะรักษาเป็นอันยาก แลพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตก็เป็นกรุงกษัตริย์อันใหญ่ ได้มี ราชสาสน์นอบน้อมแล้ว ควรที่ทรงพระกรุณาพระราชทานให้ จะได้เป็นทางพระราชสัมพันธมิตรไมตรี เกลอื กมรี าชการงานพระราชสงครามภายหนา้ จะไดเ้ ปน็ มหากำลงั ยทุ ธนาการ สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ

๔๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ราชาธริ าชพระเจา้ อยหู่ วั กเ็ หน็ ดว้ ย ดำรสั ใหต้ อบ พระราชสาสนข์ น้ึ ไปวา่ ซง่ึ สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ศรสี ตั นาคนหตุ มีพระทัยจะร่วมพระราชโลหิตเป็นมหาสัมพันธมิตรไมตรีนั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช พระเจ้าช้างเผือกอนุญาตแล้วให้แต่งมารับเถิด ทูตานุทูตรับพระราชสาสน์กราบถวายบังคมลาไปยัง กรงุ ศรสี ตั นาคนะหตุ ถวายพระราชสาสนท์ ลู พฤตเิ หตทุ กุ ประการ พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตทราบดังนั้นดีพระทัยนัก ก็แต่งทูตานุทูตกับไพร่ ๕๐๐ แลนางท้าว เถ้าแก่ลงมารับ ขณะเมื่อทูตลงมาถึงนั้นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระเทพกระสัตรีทรงประชวรหนัก สมเด็จ พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือกมิรู้ที่จะผ่อนผันฉันใดเลย จึ่งทรงพระราชจินตนาการว่า แมน้ จะมพี ระราชสาสนบ์ อกขน้ึ ไปโดยสตั ยไ์ ซร้ ไหนพระเจา้ กรงุ ศรี สตั นาคนะหตุ จะเหน็ จรงิ กจ็ ะวา่ เราเจรจา เป็นคำสองจะหม่นหมองคลองพระราชไมตรีไป ได้ออกวาจาแล้วจะให้เสียคำดูมิบังควร พระองค์ ก็ยกพระแก้วฟ้าราชธิดาให้แทนองค์พระเทพกระษัตรี พระราชทานเครื่องราชูปโภคสำหรับอัครมเหสีกรุง กษัตริย์ พร้อมด้วยสนมสาวให้ทาสกรรมกร ชายห้าร้อยหญิงห้าร้อยไปด้วย ทูตกราบถวายบังคมลา เชญิ เสดจ็ พระแกว้ ฟา้ ราชบตุ รขี น้ึ ไปถวาย ฝา่ ยพระเจา้ กรงุ ศรสี ตั นาคนะหตุ แจง้ วา่ ใชอ่ งคพ์ ระเทพกระสตั รกี เ็ สยี พระทยั นกั จง่ึ ตรสั วา่ เดมิ เรา จำนงขอพระเทพกระษัตรีซึ่งเป็นพระราชธิดาพระสุริโยไทย อันเสียพระชนม์แทนพระราชสามีกบั คอชา้ ง เปน็ ตระกลู วงศก์ ตญั ญอู นั ประเสรฐิ ตรสั แลว้ กส็ ง่ั พญาแสน พญานคร พญาทพิ มนตรีเปน็ ทูตานุทูต ให้มาส่งพระแก้วฟ้าราชบุตรีคืนยังกรุงศรีอยุทธยา แลมีพระราชสาสน์เครื่องบรรณาการมาถวายสมเด็จ พระมหาจักรพรรดีราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือกด้วย ในลักษณ์พระราชสาสน์นั้นว่า เดมิ พระองคป์ ระสาท พระเทพกระษัตรีให้กิตติศัพท์นี้ก็ทั่วไปในนิคมชนบทขอบขัณฑเสมากรุงศรีสัตนาคนหุตสิ้นแล้ว บัดนี้ พระองคส์ ง่ พระแกว้ ฟา้ พระราชบตุ รเี ปลย่ี นไปแทนนน้ั ถึงมาตรว่าพระแก้วฟ้าราชบุตรจี ะมีศรีสรรพลักษณ โสภายิ่งกว่าพระเทพกษัตรีร้อยเท่าพันทวีก็ดี ยังไป่ล้างกิตติศัพท์พระเทพกระสัตรีเสียได้ ก็เป็นที่อัปยศ ชั่วกัลปาวสาน ข้าพระองค์ขอส่งพระแก้วฟ้าราชธิดาคืน จงพระราชทานพระเทพกระษตั รแี กข่ า้ พระองค์ ดจุ มพี ระราชสาสนอ์ นญุ าตมาแตก่ อ่ น สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดพิ ระเจา้ ชา้ งเผอื ก แจง้ ในลกั ษณราชสาสนแ์ ลสง่ พระแกว้ ฟา้ คนื มาดงั นน้ั กล็ ะอายพระทยั นกั พอพระเทพกระสตั รหี ายประชวรพระโรค จง่ึ ตกแตง่ การทจ่ี ะสง่ พระราชธดิ า แลจดั เถา้ แกก่ ำนลั สาวใช้ ทาสชาย ๕๐๐ หญงิ ๕๐๐

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๔๙ ครน้ั ถงึ เดอื นหา้ ศกั ราช ๙๑๓ ปกี นุ ตรศี ก จง่ึ มพี ระราชโองการดำรสั ใหพ้ ญาแมนคมุ ไพรพ่ นั หนง่ึ ไปสง่ พญาแมนกบั ทตู านทุ ตู กเ็ ชญิ เสดจ็ พระเทพกระสตั รขี น้ึ ทรงศรวี กิ ากาญจนยานมุ าศ [ จบเลม่ ๓ ] ไปโดยสถลมารคมอสอ ฝ่ายพระมหาธรรมราชาแต่แจ้งว่า พระมหาจักรพรรดีราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือกจะส่งพระเทพ กระษัตรขี น้ึ ไปกรุงศรีสัตนาคนหุต ก็ให้ม้าเร็วถือหนังสือไปถวายพระเจ้าหงษาวดี ๆ ก็แต่งให้พระตะบะ เปน็ ฝา่ เสอื ตา้ นมงั กลอกหมวั คมุ พลหมน่ื หนง่ึ รดุ มาตง้ั ซมุ่ คอยอย่ตู ำบลมเรง่ิ นอกด่านเมืองเพชรบูรณ์ ออกสกัดตชี าวกรุงศรีสัตนาคนะหุตนั้นแตกฉาน ได้พระเทพกระสัตรีไปถวายพระเจา้ หงษาวดี ฝ่ายพญาลาวซึ่งมารับพระเทพกระสัตรีก็เอาคดีทั้งปวงไปกราบทูลพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคะนหุต ทกุ ประการ พระเจา้ กรงุ ศรสี ตั นาคะนะหตุ แจง้ พฤตเิ หตกุ ท็ รงพระพโิ รธวา่ ซง่ึ พระเจา้ หงษาวดแี ตง่ รพ้ี ล มาสกัดรบชิงเอาพระเทพกระษัตรีไปทั้งนี้ ก็เพราะเมืองพระพิศนุโลกย์เป็นต้นจำจะแก้แค้นให้ถึงขนาด พระองคใ์ หบ้ ำรงุ ชา้ งมา้ รพ้ี ล จะยกไปเอาเมอื งพระพศิ นโุ ลกย์ ฝา่ ยสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดริ าชาธริ าช พระเจา้ ชา้ งเผอื กแจง้ กต็ รสั ใหม้ าหา้ ม พระเจา้ ศรสี ตั นาคะนหตุ กง็ ดโดยพระราชโองการมไิ ดย้ กไป ครน้ั ศกั ราช ๙๑๔ ปชี วดจตั วาศก เดอื น ๑๒ สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดพิ ระเจ้าช้างเผือกก็ยก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระมหินทราธิราชเสด็จขึ้นผ่านพิภพไอศูรยสวรรยาธิปัตถวัลยราชประเพณีครอบ ครองแผ่นดินกรุงพระนครศรีอยุทธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือกเสด็จ ออกไปอยู่วังหลัง ขณะนั้นพระชนม์ได้ ๕๙ พระพรรษา ส่วนสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดิน เมอ่ื เสดจ็ ขน้ึ เสวยราชสมบตั ิ พระชนมไ์ ด้ ๒๕ พระพรรษา สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดพิ ระเจา้ ชา้ งเผอื ก เวนราชสมบัติแล้ว ถึงเดือน ๓ ก็เสด็จขึ้นเมืองลพบูริย์ ตรัสให้บูรณะอารามพระศรีรัตนมหาธาตใุ ห้ บริบูรณ์ แลแต่งปะขาวนางชีสองร้อยกับข้าพระให้อยู่รักษาพระมหาธาตุ แล้วก็เสด็จลงมายังกรงุ พระมหานครศรอี ยทุ ธยา ครั้งนั้นเมืองเหนือทั้งปวงเป็นสิทธิแก่พระมหาธรรมราชาเจ้า อนึ่งการแผ่นดินในกรุงมหานคร ศรีอยุทธยา พระมหาธรรมราชาบังคับบัญชาลงมาประการใด สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดิน ต้องกระทำตามทุกประการ ก็ขุ่นเคืองพระราชหฤทัย จึ่งเอาความนั้นไปกราบทูลสมเด็จพระราชบิดา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือกก็น้อยพระทัย ขณะนั้นพญารามออกจากที่ กำแพงเพชร เอามาเป็นพญาจันทบูรรณ สมเด็จพระมหินทราธิราชก็ตรัสกิจการทั้งปวงด้วยพญาราม

๕๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ เปน็ การลบั แลว้ กส็ ง่ั ขา่ วไปแก่พระเจา้ กรงุ ศรสี ตะนาคะนะหตุ ใหย้ กมาเอาเมอื งพระพศิ นโุ ลก จง่ึ พระเจา้ กรงุ ศรสี ตั ะนาคะนะหตุ กบ็ ำรงุ ชา้ งมา้ รพ้ี ลสรรพ จะยกมาเอาเมอื งพศิ นโุ ลกย์ พระมหาธรรมราชาตรสั รวู้ า่ พระเจ้ากรุงศรีสตะนาคะน์หุตจะยกทัพมา มิได้แจ้งในกลก็ส่งข่าวมาทูลแก่สมเด็จพระมหินทราธิราช เจ้าแผ่นดิน ๆ ก็ให้พญาศรีราชเดโช แลพระท้ายน้ำขึ้นไปช่วยแต่สั่งเป็นความลับไปว่า ถ้าทัพกรุงศรี สตั ะนาคนห์ ตุ ลอ้ มเมอื งพระพศิ นโุ ลกเมอ่ื ใด กใ็ หค้ มุ เอาพระมหาธรรมราชาจงได้ เสรจ็ ราชการแลว้ จะเลย้ี ง ทา่ นใหถ้ งึ ขนาด พญาศรรี าชเดโชไปถงึ เมอื งพระพศิ นโุ ลกยม์ ไิ วล้ บั กลบั เอาคดซี ง่ึ พญารามกบั สมเดจ็ พระ มหนิ ทราธริ าชเจา้ แผน่ ดนิ คดิ การเปน็ ความนน้ั ทลู แถลงแกพ่ ระมหาธรรมราชาทกุ ประการ พระมหาธรรมราชา แจง้ ตระหนกั ใหข้ า้ หลวงเอาขา่ วรดุ ขน้ึ ไปกราบทลู แกพ่ ระเจา้ หงษาวดี ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีสัตะนาคน์หุตก็ยกช้างม้ารี้พลประมาณยี่สิบแสน* มาโดยทางนครไทมายัง เมอื งพระพศิ นโุ ลกย์ พระมหาธรรมราชากใ็ หก้ วาดครวั เมอื งนอกทง้ั ปวงเขา้ เมอื งพระพศิ นโุ ลกย์ แลแตง่ การที่จะกันเมืองไว้พร้อมเสร็จ ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคะนหุตยกมาถึงเมืองพระพิศนุโลกย์ เดือนยี่ แรม ๑๓ ค่ำ ปีฉลูเบญจศก ก็ตั้งทัพพลับพลาชัยในตำบลโพเรียง ตรงประตูสุวรรณออกไปประมาณ ๕๐ เสน้ ทพั พญาแสนสรุ นิ ทรควา่ งตง้ั ตำบลเตา้ ให้ พญามอื ไฟตง้ั ตำบลวดั เขาพราหม ทพั พญาลคร ตง้ั ตำบลสระแกว้ ทพั พญามอื เหลก็ ตง้ั ตำบลสะแก ฝ่ายสมเด็จพระมหินทราธิราชแจ้งกำหนดทัพกรุงศรีสัตนาคน์หุตยกมายังเมืองพระพิศนุโลกย์แล้ว พระองค์ก็ตรีพลเสด็จขึ้นไปโดยทางชลมารค ตั้งทัพหลวงตำบลพิง พญาราม พญาจักรเี ปน็ กองหน้า ขึ้นไปตั้งตำบลวัดจุลามะนี แลทัพเรือจอดแต่วัดจุลามะนที ั้งสองฟากน้ำแน่นตลอดลงไปจนทัพหลวง ณ ปากน้ำพิง แล้วก็บอกขึ้นไปว่าจะยกเข้าไปช่วยกันเมืองพระพิศนุโลกย์ พระมหาธรรมราชาตรัสทราบ อยแู่ ลว้ กใ็ หอ้ อกมาหา้ มมใิ หเ้ ขา้ ไป ฝา่ ยพระเจา้ กรงุ ศรสี ตนาคนห์ ตุ แจง้ วา่ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชยกกองทพั เรอื ขน้ึ มาเหมอื นกำหนด กด็ พี ระทยั ตรสั ใหย้ กพลเขา้ ปนี เมอื งแลแตง่ ทหารหม่ เสอ้ื เหลอื งสามพนั หนนุ พลเขา้ ไป เจา้ หนา้ ทเ่ี ชงิ เทนิ กส็ าดปนื ไฟแหลนหลาวตอ้ งชาวลานชา้ งตายมากนกั พระเจา้ กรงุ ศรสี ตั นาคนหตุ เหน็ ดงั นน้ั กเ็ สดจ็ ยกพล เข้ายืนช้างที่นั่งแฝงวิหารอยู่แทบริมคูเมือง ให้เจ้าหน้าที่ทำทุบทูบังตัวข้ามคูเข้าไปขุดถึงเชิงกำแพงเมือง ชาวพระพิศนุโลกย์ผู้รักษากำแพงพุ่งอาวุธลงมามิได้ต้อง จึ่งพระมหาธรรมราชาก็เสด็จไปยืนช้างพระที่นั่ง * คงจะเป็น ๒๐ หมื่น ในพระราชพงศาวดารฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) ก็ว่า ๒๐ หมื่น

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๕๑ ตรัสให้ขุนศรีเอาพลอาสาห้าร้อยออกทะลวงฟัน พลลาวก็พ่ายออกไป พระเจ้ากรงุ ศรสี ตั นาคนหตุ กถ็ อย ไปยงั คา่ ยหลวง แลว้ บญั ชาใหน้ ายทพั นายกองตง้ั บญั ชเี มอื ง ฝ่ายสมเด็จพระมหาธรรมราชาดำริการที่จะทำลายทัพเรือ ก็ตรัสให้เอาไม้ไผ่ผูกแพกว้าง ๑๐ วา ยาวยส่ี บิ วาหา้ แพ* แลว้ เอาเชอ้ื เพลงิ ใสเ่ ตม็ หลงั แพ ชนั นำ้ มนั ยางรดทว่ั ไปทง้ั นน้ั แลแตง่ เรอื เรว็ ไวส้ อง สำหรบั จะไดจ้ ดุ เพลงิ ครน้ั เสรจ็ การสำเรจ็ ณ เดอื นส่ี ขน้ึ สค่ี ำ่ เพลาเดอื นตก ใหป้ ลอ่ ยแพลงไปถงึ ขา้ งเหนอื วดั จลุ ามะนี เรอื เรว็ สองลำกเ็ อาเพลงิ จุดเชื้อไฟหลังแพตลอดขึ้นมาทั้งสองข้าง เพลิงก็ติดรุ่งโรจน์ เป็นอันหนึ่งอันเดียว น้ำที่นั่นตื้นเชี่ยวก็พัดแพเร็วลงไป กองทัพเรือมิทนั รู้ตัวเห็นไฟเต็มแม่น้ำลงมา ก็ตกใจ ลงเรือทันบ้างมิทันบ้าง เยยี ดยดั คบั คง่ั เปน็ โกลาหล แพไฟกไ็ หมเ้ รอื ตอ่ กนั ไป เสยี เรอื แลผคู้ นตาย เปน็ อนั มาก เรอื แลคนกองหนา้ ทเ่ี หลอื นน้ั กร็ น่ ลงไปยงั ทพั หลวง ณ ปากนำ้ พงิ ฝา่ ยพระเจา้ หงษาวดแี จง้ ขา่ ววา่ เมอื งพระพศิ นโุ ลกเกดิ ศกึ กใ็ ชพ้ ญาภกู าม พญาเสอื หารมาเปน็ นายกอง มา้ พนั หนง่ึ พลหมน่ื หนง่ึ รดุ มาชว่ ยกนั เมอื งพศิ นโุ ลก พญาภกู าม พญาเสอื หารกย็ กมาถงึ เมืองพระพิศนุโลก เห็นข้าศึกล้อมแล้วก็ตีเข้าด้านพญามือเหล็กต้านมิได้ก็พ่ายแยกออกไป พญาภูกาม พญาเสือหารก็ยกพลเข้าเมืองพระพิศนุโลกได้ พญาภูกาม พญาเสือหารกับพลทหารชาวหงษากเ็ ขา้ ไปถวายบังคมพระมหาธรรมราชา ๆ ก็ให้รางวัลแก่ผู้มาช่วยทั้งปวงเป็นอันมาก สมเดจ็ พระมหนิ ทราธิราช เจา้ แผน่ ดนิ รวู้ า่ พระเจา้ หงษาวดใี หก้ องทพั มาชว่ ยเมอื งพระพศิ นโุ ลก เหน็ การศกึ ไมส่ มหมายแลว้ กเ็ ลกิ กองทพั คืนลงมายังพระนครศรีอยุทธยา ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคน์หุตเห็นว่าจะเอาเมืองพระพิศนุโลกมิได้ กเ็ ลกิ ทพั จากเมอื งพระพศิ นโุ ลกคนื ไปโดยทางบา้ นมงุ ดรชมภู จง่ึ พญาภกุ ามแลพญาเสอื หารทลู แก่พระมหา ธรรมราชาว่า ข้าพเจ้าทั้งสองจะขอยกไปตามตีทัพพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคน์หุตให้แตกฉานเป็นบำเหน็จ มือ พระมหาธรรมราชาก็ตรัสห้ามว่าศึกใหญ่มิได้แตกฉานล่าไปดังนี้ อันจะยกไปตามนั้นหาธรรมเนียม มไิ ด้ พญาทง้ั สองกท็ ลู วา่ พระเจา้ หงษาวดใี ชข้ า้ ทง้ั สองมาครง้ั น้ี ยงั ไมไ่ ดร้ บพงุ่ เปน็ สามารถ ครน้ั ขา้ พเจา้ มยิ กไปตามไซรเ้ หน็ วา่ พระเจา้ หงษาวดจี ะเอาโทษ พระมหาธรรมราชากต็ รสั วา่ ทา่ นทง้ั สองยกมากไ็ ดก้ ระทำ การรบพงุ่ มชี ยั อยแู่ ลว้ แลซง่ึ วา่ พระเจา้ หงษาวดจี ะลงโทษนน้ั เปน็ ภารธรุ ะเรา ถา้ ทา่ นมฟิ งั จะยกไปให้ได้ เห็นจะเสียทีข้าศึกเป็นมั่นคง พญาภูกาม พญาเสือหารมิได้ฟังบัญชากราบถวายบังคมลาแล้วก็ยก พลไปตาม * ในพระราชพงศาวดารฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) ว่า ๕๐ แพ

๕๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีขะณะหุตเมื่อล่าทัพไปนั้น บัญชาให้พญาแสนสุรินทคว้างฟ้า พญาลคร พญามอื ไฟทง้ั สามทพั นอ้ี ยรู่ ง้ั หลงั ครน้ั ถงึ ตำบลวาหรี แลทางนน้ั แคบ พญาแสนสรุ นิ ทควา้ งฟา้ พญานคร พญามือไฟแต่งพลทหารซุ่มไว้สองข้างทาง แล้วขยับมาตั้งอยู่ทางประมาณ ๓๐ เส้น แต่งมาไว้คอยยั่ว ทพั อนั ไปตาม พญาภกู ามแลพญาเสอื หารยกไปถงึ ตำบลวาหรี มทิ นั รวู้ า่ ทพั ใหญต่ ง้ั รบั อยู่ในที่นั้น เห็นม้า เทา่ นน้ั กไ็ ลเ่ ขา้ ไป ทพั กรงุ ศรสี ตั ะนาคนห์ ตุ กย็ กพลออกรบั ปะทะกนั จนถงึ อาวธุ สน้ั ฝา่ ยทหารชาวลา้ นช้าง อันซุ่มไว้นั้น เห็นได้ทีก็ออกโจมตีกระหนาบ ทัพพญาภูกามแลพญาเสือหารก็แตกฉาน ทัพล้านช้าง ไล่ฟันแทงหงษาวดีตายมากนัก นายม้าผู้ดีตายหลายคน ทัพพญาภูกามพญาเสือหารเสียม้าแลเครื่อง สาตราอาวธุ เปน็ อนั มาก กพ็ า่ ยขน้ึ มาเมอื งพระพศิ นโุ ลกย์ ครน้ั เสรจ็ การศกึ พญาศรรี าชเดโชมไิ ดล้ งไป กอ็ ยดู่ ว้ ยพระมหาธรรมราชา แตพ่ ระทา้ ยนำ้ หนไี ปยงั พระนครศรอี ยทุ ธยา ถึง ณ เดือน ๘ ปีขาลฉศก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระเจ้าช้างเผือกก็เสด็จทรงผนวช ขา้ ราชการกบ็ วชโดยเสดจ็ เปน็ อนั มาก ฝา่ ยพระมหาธรรมราชาทราบพระทยั ตระหนกั วา่ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชเจา้ แผน่ ดนิ คดิ การทง้ั ปวง ดว้ ยพญารามเพด็ ทลู ยยุ ง แลสญั ญาแก่พระเจา้ ลา้ นชา้ งใหย้ กมาเอาเมอื งพระพศิ นโุ ลก พระองคก์ ใ็ หม้ ี หนงั สอื รบั สง่ั ลงไปถงึ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชเจา้ แผน่ ดนิ วา่ เมอื งพไิ ชยหาเจา้ เมอื งมไิ ด้ จะขอพญาขน้ึ มา เป็นพญาพิไชย สมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้าแผ่นดินครั้นตรัสทราบดังนั้นก็เคืองพระทัย ฝ่ายพญาราม แจง้ ดงั นน้ั กลวั พระมหาธรรมราชาจะสง่ ตวั ไปหงษาวดี กท็ ลู แกส่ มเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชเจา้ แผน่ ดนิ วา่ ข้าพเจ้าได้ฟังซึ่งการในเมืองพระพิศนุโลกย์นั้นว่า พระมหาธรรมราชาคิดการทั้งปวงเป็นฝ่ายข้างหงษาวดี แลเอาเมืองเหนือทั้งปวงไปขึ้นแก่พระเจ้าหงษาวดแี ลว้ บัดนี้จะย้ายเอาท้าวพญาผู้ใหญ่ในพระนครไปยงั หงษาวดีเล่า แลซึ่งพระมหาธรรมราชาบังคับบัญชาพระองค์ลงมาเป็นสิทธิ์ดังนี้ ข้าพเจ้าเห็นมิควร ถ้า แลศกึ หงษาวดมี าถงึ พระนครกด็ ี ขา้ พเจา้ จะขอประกนั ตกแตง่ ปอ้ งกนั พระนครไวใ้ หไ้ ด้ สมเดจ็ พระมหนิ ทรา ธริ าชเจา้ แผน่ ดนิ เหน็ ชอบดว้ ยกบ็ ญั ชาโดยพญาราม สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชเจา้ แผ่นดิน แลพญาราม ก็เอายุบลคดีซึ่งคิดทั้งปวงมากราบทูลแก่พระมหาจักรพรรดิราชาธิราชพระเจ้าช้างเผือก แล้วอัญเชิญ พระองคล์ าผนวชออกมาครองราชสมบตั ิ พระเจา้ ชา้ งเผอื กกม็ ไิ ดร้ บั จง่ึ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชเจา้ แผน่ ดนิ แลพญารามกท็ ลู วงิ วอนเปน็ หลายครง้ั วา่ บดั นภ้ี ยั จะมาถงึ ประชาราษฎรทง้ั ปวงแลว้ ขอทรงพระกรณุ าเสดจ็ มาครองราชสมบตั ิ เอาอาณาประชาราษฎรทง้ั หลายไวใ้ หร้ อด พระเจา้ ชา้ งเผอื กกต็ รสั บญั ชาตามสมเดจ็ พระโอรสาธริ าชกราบทลู นน้ั จง่ึ เสดจ็ ลาผนวชในเดอื น ๔ แรม ๑๓ คำ่ ศกั ราช ๙๑๖ ปขี าลฉศก

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๕๓ ฝา่ ยพระเจา้ หงษาวดแี จง้ ขา่ วไปวา่ พญาภกู าม พญามอื เสอื หารซง่ึ ใหม้ าชว่ ยกนั เมอื งพระพศิ นโุ ลกย์ กลับเสียทัพแก่ชาวล้านช้างก็ทรงพระโกรธ แลให้ม้าใช้มาหาพญาภูกามแลพญาเสือหารไปจะลงโทษ พญาภกู าม พญาเสอื หารกลวั ราชอาชญาพระเจา้ หงษาวดี กท็ ลู วงิ วอนพระมหาธรรมราชาเชญิ เสดจ็ ขน้ึ ไปชว่ ยขอโทษ พระมหาธรรมราชากท็ รงพระกรณุ าแกพ่ ญาภกู าม พญาเสอื หาร จง่ึ พาพระนะเรจ์ ราชบตุ รเสดจ็ ขน้ึ ไปถงึ เมอื งหงษาวดี ทลู ขอโทษพญาภกู าม พญาเสอื หารแกพ่ ระเจา้ หงษาวดี ๆ ตรสั วา่ มนั ทง้ั สองนโ้ี ทษมนั ถงึ ตายอยแู่ ลว้ แตพ่ ระเจา้ นอ้ งเราไดข้ น้ึ มาขอแลว้ เรายกโทษให้ พระมหาธรรมราชา ก็โสมนัสรักใคร่ในพระเจ้าหงษาวดีนั้นเป็นอันมาก ขณะเมื่อพระมหาธรรมราชาเสด็จไปกรุงหงษาวดีนั้น ขา่ วแจง้ ลงไปถงึ กรงุ พระมหานครศรอี ยทุ ธยา สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชกก็ ราบทลู แกส่ มเดจ็ พระราชบดิ าวา่ พระมหาธรรมราชานี้มิได้มีสวามิภักดิ์ต่อพระองค์แล้ว ไปฝ่ายฝากไมตรีแต่พระเจ้าหงษาวดีถ่ายเดียว จำจะยกทพั รบี ขน้ึ ไปเชญิ สมเดจ็ พระเจา้ พน่ี างกบั ราชนดั ดาลงมาไว้ ณ พระนครศรอี ยทุ ธยา ถงึ มาตรวา่ พระมหาธรรมราชาจะคดิ ประการใด กจ็ ะเปน็ หว่ งอาลยั อยู่ อนั พระมหาธรรมราชาจะไมพ่ น้ เงอ้ื มมอื พระองค์ สมเดจ็ พระราชบดิ ากเ็ หน็ ดว้ ย จง่ึ ตรสั ให้พญารามอยจู่ ดั แจงรกั ษาพระนคร สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กบั พระมหนิ ทราโอรสาธริ าช กต็ รธี าพลเสดจ็ โดยชลมารคถงึ เมอื งพระพศิ นโุ ลกย์ กร็ บั สมเดจ็ พระวสิ ตู ร สตั รกี บั เอกาทศรถอนั เปน็ พระภาคไิ นยราช แลครวั อพยพขา้ หลวงเดมิ ซง่ึ ใหข้ น้ึ มาแตก่ อ่ นนน้ั แล้วสมเด็จ พระพุทธเจ้าอยู่หัวกับพระมหินทราธิราช ก็เสด็จล่องจากเมืองพระพิศนุโลกไปประทับยังเมอื งนครสวรรค์ จง่ึ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชกราบทลู สมเดจ็ พระราชบดิ าวา่ เมอื งกำแพงเพชรเปน็ ทางศกึ จะขอทำลายเมอื ง กำแพงเพชร กวาดครวั อพยพลงไปไว้ ณ กรงุ พระมหานครศรอี ยทุ ธย์ า ถงึ ศกึ จะมากจ็ ะไดห้ ยอ่ นกำลงั ลง สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กต็ รสั เหน็ ดว้ ย ทพั หลวงกต็ ง้ั ยง้ั อยู่ ณ เมอื งณครสวรรค์ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าช ก็ยกทัพขึ้นไปยังเมืองกำแพงเพชร ทัพหลวงตั้งค่ายท้ายเมือง พญาศรเี ป็นกองหน้าเข้าตั้งค่ายท้าย คเู มอื ง ฝ่ายขุนอีนทเสนาแลขุนอต่างใจข้าหลวงซึ่งตั้งไปแต่พระพิศนุโลกนั้น แต่รู้ข่าวก็ตรวจจัดรี้พล แตง่ กนั เมอื งกำแพงเพชรเปน็ สามารถ ครน้ั กองทพั เขา้ ตง้ั แทบเมอื งกแ็ ตง่ พลทหารออกหกั คา่ ยพญาศรี ๆ กพ็ า่ ยแกช่ าวเมอื งกำแพงเพชร จง่ึ พญาศรกี แ็ ตง่ การทจ่ี ะปลน้ เมอื งกำแพงเพชร กจ็ ดั ชาวอาสาในหมวด พนั ตรไี ชยสกั พนั หนง่ึ แตง่ การสรรพกย็ กเขา้ ไปนน้ั ปลน้ เมอื งในเพลากลางคนื เมอ่ื แรกยกเขา้ ไปนน้ั ชาวใน เมืองสงบอยลู่ ะให้เข้าไปถึงเชิงกำแพงแล้ว ก็วางปืนไฟแลพุ่งสาตราวุธมาต้องชาวอาสา ๆ ก็พ่ายออกมา แตย่ กเขา้ ปลน้ เมอื งถงึ สามวนั รพ้ี ลตายมาก เหน็ จะเอาเมอื งมไิ ด้ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชเจา้ ก็เลิกทัพหลวง

๕๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ คืนลงมายังนครสวรรค์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระเจ้าช้างเผือก แลสมเด็จพระมหินทราธิราชเจ้า ก็เสด็จลงมายังพระนครศรีอยุทธยา ส่วนพญารามอยู่แต่งการซึ่งจะตั้งพระนคร แลในหน้าที่กำแพง รอบพระนครนน้ั ใหแ้ ตง่ ปอ้ มเพชรแลหอรบระยะใกลก้ นั แตเ่ สน้ หนง่ึ วางปนื ใหญไ่ วร้ ะยะแตส่ บิ วา ปนื บะเหรยี ม จะรง มนทกระยะไกลกนั แตห่ า้ วา อนง่ึ กำแพงพระนครขณะนน้ั ตง้ั โดยขบวนเกา่ แลยงั ไป่ รอ้ื ลงตง้ั ในรมิ นำ้ พญารามกใ็ หต้ ง้ั คา่ ยรายไปตามรมิ นำ้ เปน็ ชน้ั หนง่ึ แลไวป้ นื จะรงมนทกสำหรบั คา่ ยนน้ั ก็มาก แล้วให้ตั้งหอโทนในกลางน้ำไกลริมฝั่งออกไป ๕ วารอบพระนคร มิให้ข้าศึกเอาเรือเข้ามาตี ริมพระนครได้ ฝ่ายข้าหลวงในเมืองพระพิศนุโลกย์ ครั้นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิพระเจ้าช้างเผือก แลสมเด็จพระมหินทราธิราชมานำพระวิสูดกระสัตรีแลเอกาทศรศกับครอบครัวอพยพข้าหลวงเดิมลงไป แลว้ กข็ น้ึ มา้ รบี ไปยงั กรงุ หงษาวดกี ราบทลู แกพ่ ระมหาธรรมราชาเจา้ ทกุ ประการ พระมหาธรรมราชาไดแ้ จง้ ดงั นน้ั กต็ กพระทยั จง่ึ เขา้ ไปเฝา้ พระเจา้ หงษาวดี เอาเหตซุ ง่ึ พญารามกบั สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชคดิ การนน้ั แต่ต้นจนมาหักหาญรับพระวิสุทกระสัตรีลงไปกรุงพระมหานครศรีอยุทธ์ยานั้น ทูลแก่พระเจ้าหงษาวดีทุก ประการ พระเจ้าหงษาวดีแจ้งเหตุดังนั้นก็เคืองพระราชหฤทัย จึ่งตรัสแก่พระมหาธรรมราชา ซึ่งกรุง พระมหานครศรีอยุทธยาเสียสัตยานุสัตย์กลับเป็นปรปักษ์ข้าศึกแก่พระเจ้าน้องเรานั้น จะละไว้มิได้ พระเจ้าน้องเราเร่งลงไปจัดแจงกองทัพทั้งเจ็ดเมืองเหนือแลเสบียงอาหารไว้ให้สรรพ เดือน ๑๒ เรา จะยกลงไป พระมหาธรรมราชาเจา้ รบั บญั ชาพระเจา้ หงสาวดแี ลว้ กถ็ วายบงั คมลามายงั เมอื งพระพศิ นโุ ลกย์ จัดแจงเสบียงอาหารช้างม้ารี้พลทั้งเจ็ดเมืองเหนือไว้ ฝ่ายพระเจ้าหงษาวดีให้บำรุงช้างม้ารี้พลสรรพ ลศุ กั ราช ๙๑๗ ปเี ถาะสปั ตศก วนั ๕ ฯ๔๑๒ คำ่ ( วนั พฤหสั บดี เดอื น ๑๒ ขน้ึ ๔ คำ่ ) เพลา รงุ่ แลว้ สองนาฬกิ าหกบาท สมเดจ็ พระเจา้ หงษาวดกี เ็ สดจ็ ทรงพระปรติ โตทกธาราภเิ ษกเสรจ็ เสดจ็ ทรง เครื่องศิริราชวิภูษนาธากาญจน์วิเชียรมาลีมณีมาศมงกุฎสำหรับวิชัยยุทธมราชรณรงค์ภูมิเสร็จ เสด็จ ทรงช้างต้นพลายชมภูทัด สูงหกศอกสองนิ้ว ผูกพระที่นั่งสุวรรณมหามณฑปเป็นบรมอัครยานพาหนะ พรอ้ มดว้ ยแสนสรุ ชาตโิ ยธาพลากรเหย้ี มหาญ พลโลเ่ ขนทวนธนดู ดู เิ รกมเหาฬารนานาวธุ ประภศู กั ดส์ิ ารสนิ ธพ ดรุ งพาชชี าตพิ นั ลกึ อธกึ ดว้ ยกาญจนก์ ลง้ิ กลด อภริ มุ บงั สรุ ยิ ไพโรจนรจุ ติ พพิ ธิ ปฎาการ ธงชยั ธงประดาษ เป็นขนัดแน่นไสว เดียรดาษด้วยท้าวพญาพลากรกันกงริ้วรายระยะ โดยขบวนบทจรพยุบาตรซ้ายขวา หนา้ หลงั ทง้ั ปวงเสรจ็ ไดเ้ พลามหาวชิ ยั ฤกษโ์ หราลน่ั ฆอ้ งชยั ทวชิ าจารยเ์ ปา่ สงั ขป์ ระโคมฆอ้ งกลอง กาหลกกึ กอ้ งนฤนาทนส่ี นน่ั พระสธุ าดล ดำเนนิ ธวชั ลลี าพยหุ แสนยากรทพั หลวง ออกจากกรงุ หงษาวดี รอนแรมมา ๒๕ เวร ถึงเมืองกำแพงเพชรเสด็จประทับเถลิงราชพลับพลาชัยราชาอาสน์ จง่ึ ดำรสั

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๕๕ ให้พระเจา้ แปรเปน็ นายกองทพั เรอื แลว้ พระเจา้ หงษาวดีกย็ กมาชมุ พลทง้ั ทพั บกทพั เรอื ณ เมืองณครสวรร แลพลพระเจา้ หงษาวดคี รง้ั นน้ั คอื พลพมา่ มอญในหงษาวดี องั วะ ตองอู เมอื งปรวน แลเมอื งประแสนวิ เมอื งกวง เมอื งมดิ เมอื งตาละ เมอื งนา่ ย เมอื งอมู่ วง เมอื งสะพวั บวั แส แลเมอื งสรอบ เมอื งไทใหญ่ อนั ทพั เชยี งใหมท่ ง้ั ปวงมาดว้ ยพระเจา้ หงษาวดเี ปน็ ทพั หนง่ึ ครั้นได้ศุภวารฤกษ์ดิถี พระเจ้าหงษาวดีก็กรีพยุหโยธาทัพทั้งปวงลงมายังพระนครศรีอยุทธยา พระเจา้ ชา้ งเผอื กแลสมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชแจง้ ขา่ ว กใ็ หข้ บั พลเมอื งนอกทง้ั ปวงเขา้ พระนคร แลไดแ้ ตใ่ น แขวงจงั หวดั ซง่ึ อยใู่ กลพ้ ระนครทง้ั สแ่ี ขวงนน้ั ประมาณสว่ นหนง่ึ แลซง่ึ มไิ ดเ้ ขา้ มานน้ั ออกอยปู่ า่ เปน็ อนั มาก อนง่ึ พลเมอื งเลก็ นอ้ ยทง้ั ปวงมไิ ดเ้ ขา้ พระนครแลออกอยปู่ า่ มาก ไดแ้ ตต่ วั เจา้ เมอื งแลพลสำหรบั เจา้ เมอื งนน้ั เขา้ พระนคร สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กใ็ หพ้ ญารามตรวจจดั พลสรรพายทุ ธขน้ึ ประจำหนา้ ทก่ี ำแพงรอบพระนคร แลคา่ ยทง้ั ปวงกม็ น่ั คงนกั แลว้ กแ็ ตง่ กองแลน่ ไวท้ ง้ั ๔ ดา้ นรอบพระนคร ดา้ นละหา้ กอง สว่ นพญารามนน้ั ตั้งทัพในท้องสนามหลวงเป็นกองกลางจะได้ยกไปช่วยทั้งสี่ด้าน อนึ่งหน้าที่ใดเป็นหน้าที่กวดขัน พระเจ้าอยู่หัวก็ไว้พระกลาโหมแลพระพลเทพ เมืองไชยนาฎ เมืองสูพรรณ์บูรีย เมืองลพบูรีย์ เมืองอินทบูรีย เมืองเพชรบูรีย เมืองราชบูรีย์ เมืองนครนายก เมืองสระบูรีย์ เมืองพรมบูรีย เมอื งสวรรคบ์ รู ยี เมอื งสงิ ฆบ์ รู ยี เมอื งนครไชยศรี เมอื งทนทบรู ยี ์ เมอื งมฤทธ ทง้ั นอ้ี ยปู่ ระจำหนา้ ท่ี แต่มุมหอรัตนไชยลงไปเกาะแก้วซึ่งมีแต่คู หาแม่น้ำกั้นมิได้ แลหน้าที่ทั้ง ๓ ด้านไซร้แต่ในค่ายไปถึง ประตไู ชย พญาพระคลงั เปน็ นายกองใหญ่ แตป่ ระตไู ชยไปถงึ วงั ไชย พระอนิ ทรานครบาลเปน็ นายกองใหญ่ แต่มุมวังไชยไปถึงประตูชีขัน พระท้ายน้ำเป็นนายกองใหญ่ แต่ประตูชีขันไปถึงมุมศาลหลวง พญาศรรี าชเดโชเปน็ นายกองใหญ่ แตม่ มุ ศาลหลวงมาพระราชวงั แตพ่ ระราชวงั ไปถงึ ขอ่ื หนา้ พญาธรมา เปน็ นายกอง ถอื พลทหารในทง้ั ปวงรกั ษาหนา้ ท่ี ฝา่ ยพระเจา้ หงษาวดยี กทพั มถงึ กรงุ พระนครศรอี ยทุ ธยา ณ วนั ๔ ๑ฯ ๑ คำ่ ( วนั พธุ เดอนอ้าย ขน้ึ คำ่ ) ตั้งทัพมั่น ณ บนลุมพลี จึ่งพญารามก็ให้เอาปืนนะรายสังหารยาว ๓ วาศอก กระสุน ๑๒ นิ้ว ลากไปตั้งในช่องมุมสพสวรรค์ให้จังกายิงเอากลางทัพพระเจ้าหงษาวดี ต้องช้างม้ารี้พลตายมาก แลกระสุนนั้นไปตกใกล้พลับพลาพระเจ้าหงษาวดี พระเจ้าหงษาวดีก็ให้เอากระสุนขึ้นสรวงพลี แล้วก็ เสด็จเลิกกองทัพาตั้ง ณ มหาพราหม พอทัพบกทัพเรือถึงพร้อม จึ่งพระเจ้าหงษาวดีก็ตรัสกำหนด ให้ทัพทั้งปวงเข้าล้อมพระนครในขื่อหน้าทิศบูรพาไซร้ ทัพพระมหาอุปราชาแลทัพพระมหาธรรมราชา ทัพพระเจ้าอังวะไปข้างทิศทักษิณ ทัพพญาทะละแลเจ้าฟ้าไทยใหญ่ แลพญาแสนหลวงชาวเชียงใหม่

๕๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ไปข้างประจิมทิศ ทัพพญาพสิม แลพญาตองอู่ ทัพพญาอไภยคามนิ พญาเลา พญาพะตะบะ พะตะเบดิ ตง้ั ทศิ อดุ ร ฝา่ ยทพั หลวงกย็ กไปตง้ั วดั มเหยง แลทพั อนั ลอ้ มพระนครทง้ั ๔ ดา้ นนน้ั เมอ่ื แรก ยกเข้าล้อมนั้น ตั้งไกลริมน้ำออกไปประมาณ ๓๐ เส้น แลเอาไม้ตาลเป็นค่ายพูนดินกนั้ ปืนใหญว่ ่าจะตั้ง คา่ ยมน่ั ลงจงได้ ชาวพระนครวางปนื ใหญอ่ อกไปตอ้ งพลพระเจา้ หงษาวดตี ายมากนกั ครน้ั ตง้ั คา่ ยมน่ั กน้ั ปนื ใหญไ่ ดแ้ ลว้ ประมาณ ๑๐ วนั กย็ กเขา้ มาตง้ั คา่ ยอกี ชน้ั หนง่ึ หา่ งคา่ ยเดมิ ๑๐ เสน้ ยงั ประมาณ ๒๐ เสน้ จะถงึ รมิ นำ้ ชาวพระนครแตง่ พลอาสาออกทะลวงฟนั แลว้ วางปนื ใหญอ่ อกไปตอ้ งพลพระเจา้ หงษาวดเี มอ่ื ตง้ั คา่ ยนน้ั ตายมากนกั แลนายทพั นายกองเหน็ จะตง้ั คา่ ยในกลางวนั มไิ ด้ ใหล้ อบเขา้ ตง้ั คา่ ย กลางคนื เปน็ ชา้ นานจง่ึ ตง้ั คา่ ยชน้ั มน่ั ลงได้ แลว้ พระเจา้ หงษาวดกี ใ็ หย้ กเขา้ ตง้ั คา่ ยอกี ชน้ั หนง่ึ เลา่ ใหถ้ งึ รมิ นำ้ คูเมือง แลค่ายชั้นนี้ตั้งยากนัก ด้วยชาวพระนครวางปืนใหญ่แลปืนจินดา จ่ารงค์ มณฑก๑ ถนัดเต็ม แม่นยำ พลทั้งปวงต้องปืนไฟตายมากนัก จึ่งพระเจ้าหงษาวดีให้ขุดอุโมงคใ์ ห้พลทั้งปวงเดินเข้ามา เปน็ หลายแหง่ หลายสาย ครน้ั ถงึ รมิ แมน่ ำ้ ทจ่ี ะตง้ั คา่ ยนน้ั กข็ ดุ เปน็ อโุ มงคแ์ ลน่ หากนั โดยหนา้ คา่ ยแลลอบ ตั้งค่ายนั้นในกลางคนื แลว้ หา้ มพลทง้ั ปวงใหส้ งบมใิ หม้ ฉี าว ฝา่ ยในพระนครรวู้ า่ ชาวหงษาวดขี ดุ อโุ มงคเ์ ดนิ ก็เอาปืนใหญ่ยิงออกไปมิได้ต้องข้าศึก ก็จัดกองอาสาออกไปทะลวงฟันได้หัวเข้ามาถวายหลายครั้ง แลชาวหงษาวดตี ง้ั คา่ ยชน้ั นน้ั เปน็ เดอื นเศษจง่ึ ตง้ั ได้ แตพ่ ระเจา้ หงษาวดยี กมาใหต้ ง้ั คา่ ยลอ้ มเปน็ สามครง้ั ประมาณสองเดอื นจง่ึ เขา้ ลอ้ มไดถ้ งึ รมิ แมน่ ำ้ คเู มอื ง ฝา่ ยสมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชเจา้ จง่ึ ดำรสั แกพ่ ญารามใหม้ ศี ภุ อกั ษรขน้ึ ไปถงึ เมอื งลา้ นชา้ ง ขอกองทพั ลงมาช่วย พญารามก็แต่งศุภอักษรโดยพระราชบริหารเสร็จแล้ว จึ่งแต่งให้ขุนราชเสนา ขุนมหาวิไชย กบั ไพรห่ า้ สบิ ถอื ขน้ึ ไปยงั เมอื งลา้ นชา้ ง เมอ่ื ศกึ หงษาวดยี กมาลอ้ มพระนครแลตง้ั คา่ ยไดส้ ามครง้ั พระเจา้ ชา้ งเผอื กเสดจ็ เลยี บพระนครมไิ ดข้ าด แลแตง่ ขนุ หมน่ื ทหารอาสายกออกไป กองละพนั สองพนั ทง้ั สด่ี า้ น เปน็ หลายหมหู่ ลายกอง ไดร้ บดว้ ยชาวหงษาวดซี ง่ึ เขา้ มาตง้ั คา่ ยนน้ั ทกุ วนั แลไดฆ้ า่ ฟนั ชาวหงษาวดตี าย ไดห้ วั เขา้ มาถวายกม็ าก ฝา่ ยพลหงษาวดแี มน้ ลม้ ตายเทา่ ใด พลทง้ั ปวงกม็ ไิ ดแ้ ตกฉาน ยกหนนุ กนั เข้ามา แน่นหนาป้องกันให้ตั้งค่าย ครั้นตั้งค่ายมั่นล้อมทั้งสี่ด้านแล้ว พระเจ้าหงษาวดีก็ตรัสแก่พระมหาอุปราชา พระเจ้าแปร พระเจ้าอังวะ ท้าวพญาทั้งหลายว่า เราไปรบเมืองทุกแห่งไซร้ ครั้นยกเข้าล้อมได้ดังนี้ก็ แตง่ การทจ่ี ะเขา้ ปนี ปลน้ เอาไดโ้ ดยฉบั พลนั แลแผน่ ดนิ อยทุ ธยานเ้ี ปน็ ราชธานใี หญห่ ลวง เอาสมทุ รเปน็ คคู นั รอบดจุ เขาพระสเิ นรรุ าช มแี มน่ ำ้ สที นั ดรนทรี อบคอบ แลทจ่ี ะปลน้ ไดไ้ ซร้ เหน็ แตข่ อ่ื หนา้ ดา้ นเดยี ว ถึงดังนั้นก็ดีจะปล้นเอาเหมือนนครทั้งปวงนั้นมิได้ แลซึ่งจะเอาอยุทธยาครานี้เราจะแต่งการเป็นงานปี ๑ ต้นฉบับสะกดว่า จะรง จรง จารงค์ มนทก มลทก

พระราชพงศาวดารกรงุ สยามฯ ๕๗ จึ่งจะได้ ให้ท้าวพญาทั้งหลายกำหนดให้แก่นายทัพนายกองทั้งปวง ให้รักษาแต่มั่นไว้อย่าเพ่อรบพุ่ง ให้แต่งการออกลาดหาข้าวไว้เป็นเสบียงไพร่พลทั้งปวงให้ครบปีหนึ่ง แล้วจะให้สำรวจเอาให้ถ้วนตัวคน จงทุกหมู่ทุกกอง ถ้านายทัพนายกองผู้ใดเสบียงพลนั้นมิครบถึงปีไซร้ จะให้ลงโทษแก่นายทัพนายกอง ผนู้ น้ั ถงึ สน้ิ ชวี ติ จง่ึ ทา้ วพญาทง้ั หลายกแ็ ตง่ พลไวป้ ระจำคา่ ยทง้ั ปวงแตพ่ อรบพุ่งป้องกันหน้าค่าย แล้วก็ แตง่ พลออกลาดหาขา้ วทกุ หมทู่ กุ กองโดยพระราชกำหนด กป็ ลกู ยงุ้ ฉางใสเ่ สบยี งทง้ั ปวงไว้ ครน้ั ถงึ กำหนด ที่จะสำรวจ พระเจ้าหงษาวดกี แ็ ตง่ ให้สำรวจทุกทัพทุกกอง แลเสบียงพลทั้งปวงนั้นก็ครบปีหนึ่งดุจ พระราชกำหนด แต่มวดมโดษ๑ ข้าหลวงเดิมนั้นเสบียงมิครบปี พระเจา้ หงษาวดใี หล้ งโทษถงึ สน้ิ ชวี ติ ขณะนน้ั พระเจา้ ชา้ งเผอื กทรงพระประชวรหนกั ประมาณยส่ี บิ หา้ วนั กเ็ สดจ็ สวรรคต ในศกั ราช ๙๑๗ ปเี ถาะสปั ตศก อยใู่ นราชสมบตั นิ น้ั ๒๒ ปี ครั้นพระเจ้าช้างเผือกสวรรคตแล้ว สมเด็จพระมหินทราธิราชพระเจ้าแผ่นดินมิได้นำพาการศึก แลเสดจ็ อยแู่ ตใ่ นพระราชวงั ไวก้ ารทง้ั พญารามใหบ้ งั คบั บญั ชาตรวจทหารทง้ั ปวงผรู้ กั ษาหนา้ ท่ี รอบพระนคร ขณะนั้นพญารามขี่คานหามทอง มีมยุรฉัตรประดับซ้ายขวา แลพลทหารหน้าหลังเป็น แน่นหนา แตพ่ ลถอื ปนื นกสบั นน้ั ๗๐๐ เทย่ี วเลยี บหนา้ ทท่ี กุ วนั แลเกณฑพ์ ลทหารออกรบชาวหงษาวดเี ปน็ สามารถ ขณะนั้นพญาจักรถี อื พลทหารออกไปหักค่ายข้าศึก ณ ท้ายคู แลเผาค่ายหน้าที่พญาเกียนได้ ประมาณเสน้ หนง่ึ พลศกึ อนั ประจำคา่ ยพา่ ยลงไป จง่ึ พญาเกยี นยกพลออกรบพญาจกั รดั ๒ๆ รบถลำ เข้าไปก็เสียตัว แลชาวอาสาทั้งปวงก็พ่ายเข้ามาพระนคร พญาเกียนจับพญาจักรัดไปถวายแก่พระเจ้า หงษาวดี ๆ ทรงพระโกรธแกพ่ ญาเกยี ร ตรสั แกพ่ ระมหาอปุ ราชาวา่ ซง่ึ พญาเกยี รมไิ ดร้ กั ษาคา่ ยใหม้ น่ั ใหช้ าว พระนครออกมาเผาเสยี ได้ มลิ งโทษดว้ ยพญาเกยี รดว้ ยประการใด พระมหาอปุ ราชากราบทลู วา่ พญาเกียร เสยี คา่ ยไดน้ ายกองซง่ึ ถอื พลออกมานน้ั เหน็ วา่ โทษพญาเกยี รกลบลบกนั จง่ึ มไิ ดล้ งโทษ พระเจา้ หงษาวดี ทรงพระโกรธแกพ่ ระมหาอปุ ราชาวา่ ถงึ พญาเกยี นจบั ไดน้ ายกองกด็ ยี งั มคิ มุ้ โทษ แลพระมหาอปุ ราชาวา่ พญาเกยี รคมุ้ โทษแลว้ แลมไิ ดเ้ อาโทษพญาเกยี รนน้ั เหน็ วา่ พระมหาอปุ ราชามไิ ดเ้ อาใจลงในการศกึ อยา่ ให้ พระมหาอุปราชาอยู่บังคับการศึกในทัพนั้นเลย จะไปแห่งใดตามใจเถิด ให้พระมหาอุปราชาเอาแต่ช้าง ตวั หนง่ึ คนขท่ี า้ ยกลางไปดว้ ย กวา่ นน้ั อยา่ ใหเ้ อาไป พระเจา้ หงษาวดกี ใ็ หข้ บั พระมหาอปุ ราชเสยี แล้วก็ให้ ๑ มวดมโดษเปน็ ภาษามอญ มวด หมายถึง หมู่หรือกอง ม หมายถึง ชาย โดษหมายถึง หนุ่ม มวดมโดษ หมายถึง กองทหาร ซง่ึ เปน็ ชายฉกรรจ์ ๒ น่าจะเป็นพญาจักรี

๕๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๒ ลงโทษแก่พญาเกียรถึงสิ้นชีวิต พระมหาอุปราชากลับมายังทัพ สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีก็ใช้สนอง พระโอษฐ์ลงมาขับพระมหาอุปราชาให้ไปจากทัพจงพลัน ขณะนั้นพระเจ้าแปร พระเจ้าอังวะกลัวอาญา พระเจา้ หงษาวดมี อิ าจทลู ขอโทษพระมหาอปุ ราชาได้ พระมหาอุปราชาก็ให้มาทูลแกพ่ ระมหาธรรมราชาวา่ สมเด็จพระราชบิดาทรงพระโกรธให้ขับเราเสียจากทัพ แลพระเจ้าแปร พระเจ้าอังวะจะทูลขอโทษนั้นพ้น กำลงั ทลู มไิ ด้ แลซง่ึ จะชว่ ยเราคราน้ี เหน็ แตพ่ ระพเ่ี ราพอจะขอโทษเราได้ เมอ่ื พระมหาอปุ ราชาให้มาทูล แกพ่ ระมหาธรรมราชานน้ั พระเจา้ หงษาวดใี ชส้ นองพระโอษฐม์ าเลา่ วา่ ใหพ้ ระมหาอปุ ราชาเรง่ ไปจงพลนั พระมหาอปุ ราชากลวั พระราชอาญากแ็ ตง่ ตวั จะขน้ึ ชา้ งไปจากทพั จง่ึ พระมหาธรรมราชาตรสั ใหข้ า้ หลวงไป หา้ ม พระมหาอปุ ราชากใ็ หง้ ดอยู่ เราจะไปทลู ขอโทษกอ่ น พระมหาธรรมราชากใ็ หง้ ดอยู่ เสดจ็ มา ทลู ขอโทษพระมหาอปุ ราชา พระเจา้ หงษาวดกี โ็ ปรดยกโทษให้ ขณะนน้ั พระเจา้ หงษาวดใี หพ้ ระเจา้ แปรยกทพั เรอื ลงไปโดยคลองสะพานขายขา้ ว ไปออกบางไทร เลี้ยวขึ้นมาตั้งท้ายคูกันมิให้เรือขึ้นล่องออกได้ แล้วพระเจ้าแปรก็แบ่งทัพเรือลงไปลาดถึงเมืองทลบูรีย เมอื งษาครบรู ยี * ขณะนน้ั สำเภาจนี จงั จว๋ิ มทิ นั รวู้ า่ ศกึ หงษาวดีมาลอ้ มพระนคร กใ็ ชใ้ บเขา้ มาถงึ หลงั เตา่ พระเจา้ แปรรกู้ ย็ กทพั เรอื ออกไปจะเอาสำเภาจนี จงั จว๋ิ ๆ รวู้ า่ ขา้ ศกึ มาลอ้ มพระนคร แตง่ ทพั เรอื ออกมาลาด จนี จงั จว๋ิ กใ็ ชใ้ บสำเภาออกไป แลทพั เรอื พระเจา้ แปรยกออกไป เหน็ สำเภาจนี จงั จว๋ิ คลาดออกไปลกึ แลว้ จะตามเอามไิ ดก้ ย็ กทพั คนื มา พระเจา้ หงษาวดกี ท็ รงพระโกรธแกพ่ ระเจา้ แปรวา่ สำเภาจนี เขา้ มาถงึ ปากนำ้ แล้ว แลมิได้ติดตามออกไปเอาจงได้ ให้สำเภาจีนหนีไปรอดนั้นพระเจ้าแปรผิด ตรัสเอาตัวพระเจ้าแปรไป ตระเวนรอบทพั แลว้ ใหค้ งเปน็ นายกองทพั เรอื ดจุ เกา่ ฝ่ายพระเจ้าหงษาวดีก็แต่งทหารให้เข้าหักค่ายริมน้ำด้านประตูหอรัตณ์ไชย พญารามแล พระกลาโหม พระอินทรา พระมหาเทพ พระมหามลตรี แลพระหัวเมืองทั้งหลายช่วยกันเอาใจลงใน ราชการ รบพุ่งป้องกันมิให้ชาวหงษาหักเข้ามาได้ แลพระมหาเทพแต่งพลอาสาออกทะลวงฟัน ชาว หงษาวดกี แ็ ตกฉานเปน็ หลายครง้ั แลการศกึ นน้ั กช็ า้ อยู่ พระเจา้ หงษาวดที รงพระโกรธ กใ็ หเ้ อานายทพั นายกองนน้ั ลงโทษ แลว้ บญั ชาการใหพ้ ระมหาอปุ ราชาไปตง้ั คา่ ยตำบลวดั เขาดนิ ตรงเกาะแกว้ พระเจ้า อังวะบุตรเขยนั้นตั้งตำบลวัดสะพานเกลือ พระเจ้าแปรผู้หลานตั้งค่ายตำบลวัดจัน ตรงบางเอี๋ยน ให้เร่ง ถมดินเป็นถนนข้ามแม่น้ำเข้าไปให้ถึงฟากทั้งสามตำบลจงได้ พระมหาอุปราชา พระเจา้ องั วะ พระเจา้ แปร * พระราชพงศาวดารฉบบั พนั จนั ทนมุ าศ (เจมิ ) วา่ เมอื งนนทบรุ ี เมอื งธนบรุ แี ละเมอื งสมทุ รปราการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook