เครื่องล่างร R ถยนต์-01

ถยนต์ คือ อุปกรณ์หรือ อให้ เกิ ดการหน่ วง รถ โดยเบรกจะทาํ ป็ นพลงั งานความ ผ้าเบรก (Lining) ) ระบบเบรกท่ีใช้ บบอนั ได้แก่ เบรก 2

เบรกแบบ การเบรกแบบกลไก (Mechanical B หรือไม่ใช้กบั รถยนต์เพื่อการห้ามล้อ เบรกแบบนี้เฉพาะการห้ามล้อในขณะ ใช้อยู่ ได้แก่ เบรกมือ

บกลไก Brake) เบรกแบบนี้ปัจจบุ นั ถกู ยกเลิก อให้รถหยุดในขณะที่รถวิ่ง แต่จะใช้ ะจอดรถเท่านัน้ เบรกแบบกลไกท่ีมี 3

เบรกมือ (Parki เบรกฉุกเฉิ น (E ออกจากระบบ หรอื หยดุ รถถ้าเ วิธีติดตงั้ ก 1.ติดตงั้ อย่กู ลางรถ (Center Lever T 2.ต

ing Brake) หรือบางครงั้ เรียกว่า Emergency Brake) เป็นเบรกท่ีแยก บเบรกปกติ ซึ่งจะช่วยในการชะลอ เบรกปกติเกิดชาํ รดุ เสียหาย กลไกเบรกมือท่ีนิยมใช้ คือ Type) ติดตงั้ ท่ีผนังหน้าห้องคนขบั (Stick Type) การปลดลอ็ ก 4

เบรกแบบ เบรกแบบไฮดรอลิก (Hydraulic Bra ดรอลิก โดยการส่งแรงดนั จากแม่ปั นํ้ามนั เบรก ลูกปัม๊ จะถ่างฝักเบรกอ เป็นดิสกเ์ บรก ลกู ปัม๊ จะดนั ให้แผ่นเบ เสียดสีจนรถหยดุ ในที่สดุ

บไฮดรอลกิ ake) เป็นเบรกท่ีทาํ งานด้วยระบบไฮ ปม๊ เบรกไปยงั ลูกปัม๊ ที่ล้อทงั้ สี่ทางท่อ ออกทาํ ให้ผ้าเบรกเสียดสีกบั ดรมั ถ้า บรกกดลงบนจานเบรกทาํ ให้เกิดการ 5

ส่ วนประกอบ แม่ปัม๊ เบรก (Master Cylinder) เป็น การเหยียบแป้นเบรกให้เป็ นแรงดนั ต่างๆ ไปยงั ลูกสูบ เม่ือลูกสูบถกู ดนั เบรกจะดนั นํ้ามนั เบรกออกไป นํ้าม ดนั สงู สดุ หรือขึ้นอย่กู บั แรงดนั ท่ีกระ เบรกประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดงั นี้

บของแม่ปั๊มเบรก นอปุ กรณ์ท่ีทาํ หน้าท่ีเปล่ียนแรงดนั จาก นไฮดรอลิก แรงกดจะส่งผ่านก้านต่อ นเล่ือนไปด้านหน้ าในกระบอกแม่ปั ม๊ มนั เบรกจะหยุดการเคล่ือนท่ีเมื่อกาํ ลงั ะทาํ บนลูกสบู ของแม่ปัม๊ เบรก แม่ปัม๊ 6

1. ตวั เรอื นแม่ปัม๊ เบรก (Brake M 2. ห้องบรรจนุ ํ้ามนั เบรก (Brake Flu 3. ชดุ ประกอบลกู สบู (Piston Set) 4. กระบอกแม่ปัม๊ (Master Cylind 5. ลิ้นกนั กลบั และสปริงลกู สบู (

Master Cylinder) uid Reservoir) ฝาครอบ แผน่ กนั� ชอ่ งทางระบายน�ํามนั ออก ดา้ นเกบ็ น�ํามนั เบรก ช่องทางน�ํามนั ไหลเขา้ ลกู ยางเบรกตวั ทส�ี อง ยางกนั ฝ่นุ ลกู ยางเบรกตวั แรก กา้ นดนั ลน�ิ กนั กลบั ลกู สบู แผน่ กนั� สปรงิ ดนั กลบั der Covering) (Check Valve and Piston Spring) 7

ชนิดของแ 1. แม่ปัม๊ วงจรเดี่ยวแบบไม่มีช่อง ปัม๊ แบบนี้นิ ยมใช้กบั รถองั กฤ ภายนอกคล้ายกบั แม่ปัม๊ แบบธ แบบนี้ไม่มีช่องทางให้ลกู ยางแม

แม่ปั๊มเบรก งทาง (Portless Type) โดยทวั่ ไปแม่ ฤษและรถญี่ป่ ุนบางรุ่น โครงสร้าง ธรรมดา ท่ีแตกต่างกนั กค็ ือ แม่ปัม๊ ม่ปัม๊ ปิ ดหรอื เปิ ดรนู ํ้ามนั 8

2. การทํางานของแม่ปัม๊ จะคล้า ชนิดของแแรงดนั น้ํามนั ตกค้างภายในท่อ แรงดนั ภายในกระบอกสบู แม่ปัม๊

ายกับแม่ปัม๊ เบรกแบบธรรมดา แม่ปั๊มเบรกอเกิดจากความแตกต่างระหว่าง มและกระบอกเบรกท่ีล้อ 9

4. แม่ปัม๊ เบรกแบบสองวงจร (Du แยกระบบเบรกไฮดรอลิกเป็ นส วงจรทางด้านหลงั แม่ปัม๊ จะมีล ทาํ งานคนละวงจร ถ้าวงจรใดว หน้าท่ีห้ามรถได้ ระดบั น ดา้ นหน้า

ual Master Cylinder) รถร่นุ ใหม่ได้ สองวงจร คือ วงจรทางด้านหน้าและ ลูกสบู ในกระบอกแม่ปัม๊ สองลกู ซึ่งจะ วงจรหนึ่งชาํ รดุ อีกวงจรหน่ึงยงั คงทาํ น�ํามนั MAX แผ่นกนั� MIN า หอ้ งดา้ นหน้า หอ้ งดา้ นหลงั ลกู สบู ตวั ทส�ี อง ลกู สบู ตวั แรก 10

การถอดและปร การถอดแม่ปัม๊ เบรกกเ็ พ่ือตรวจสอ ถอดแม่ปัม๊ เมื่อแม่ปัม๊ เกิดการรวั่ ซึม รอยขีดข่วน ลูกยางเบรกปริ บวม จ เพ่ือให้แม่ปัม๊ มีสภาพที่ใช้งานได้

ระกอบแม่ป๊ัมเบรก บข้อขดั ข้องท่ีเกิดขึ้น โดยจะทําการ ม ซ่ึงอาจเป็ นสาเหตุมาจากการเกิด จาํ เป็ นท่ีจะต้องเปล่ียนชิ้นส่วนต่างๆ 11

ชุดประกอบ การชดุ ประกอบเบรกที่ล้อ 1. (Wheel Brake Assembly) 2. จา เป็ นอีกส่วนหนึ่ งของระบบ 3. จาน เบรก ซ่ึงประกอบด้วย 4. จานแผน่ จานรองรบั ชดุ เบรก(Br 5. จานสปริงดึง

บเบรกทลี่ ้อ จานเบรกดรมั (Brake Drum) านกระบอกเบรกท่ีล้อ (Wheel Cylinder) นชดุ ฝักเบรก (Brake Shoe Assembly) rake Backing Plate) งขาเบรกกลบั (Brake Return Springs) 12

การถอดและป การถอดลกู ปัม๊ เบรกที่ล้อ ถอดล้อและจานเบรกดรมั ออก ปล ถอดกระบอกเบรกที่ล จานถอดลกู สบู ลกู ยางเบรก แล ทาํ ความสะอาดชิ้นส่วนต่างๆ ตรว กระบอกเบรกท่ีล้อจะต วดั ช่องว่างระหว่างกระบอกสบู กบั ล

ประกอบลูกป๊ัมเบรก อ มีขนั้ ตอนดงั นี้ ลดท่ออ่อนเบรกท่ีข้อต่อท่อเบรก ล้อออกจากแผน่ หลงั เบรก ละสปริงออกจากกระบอกที่ล้อ วจการสึกหรอ สนิมที่กระบอกเบรก ต้องไม่มีรอยหรือเป็ นเส้นขีดข่วน ลกู สบู ด้วยฟิ ลเลอรเ์ กจ (Feeler Gauge) 13

การไล่อากาศ (Bleeding) ระบบไฮดรอลิกต้องไม่มีอากาศปนอ ได้ ถ้ามีอากาศ ปะปนอยู่ในระบบไฮ ทํางานลดลง ระบบต่างๆ ทํางานไ เบรกไม่สามารถจะส่งแรงดนั ไปยงั ก หยุ่นตวั ขึ้นท่ีแป้นเหยียบเบรกหรือเ กาํ จดั อากาศให้หมดไปจากระบบ ส ช่องที่เจาะถึงก่ึงกลางของกระบอกเบ

ศในระบบเบรก ) อยู่ เนื่องจากอากาศถกู อดั ให้เลก็ ลง ฮดรอลิก จะทาํ ให้ประสิทธิภาพการ ได้ไม่เต็มที่ แรงดนั ท่ีเกิดจากแม่ปัม๊ กระบอกเบรกท่ีล้อได้ ทาํ ให้เกิดการ เกิดอาการเบรกไม่อยู่ จึงจาํ เป็ นต้อง สกรไู ล่ลมนี้จะมีเกลียวสวมเข้าไปใน บรกที่ล้อ 14

ใ[ เ ยน นตอน การ ก 2 อ บาย ห ก การ 3 อ บาย ห ก การ ่มำทัลิธ้มำทัลิธัต๋ัป่มัขีข้ห

บกอด ประกอบ แ เบรก ว บน ร งาน ของ µ รบ เบรค แ เอาร งาน ของ % นรก

เบ 7 (Dru

บรกดรัมและดสิ ก์เบรก um Brake and Disc Brake ) 1

เบรกแบ เบรกแบบดรมั (Drum Brake) หมาย เบรกชนิ ดหน่ึ ง ซ่ึงประกอบด้วย จ ดรมั ฝักเบรก และชุดลูกปัม๊ เบรกท แบบนี้ จะยึดติ ดอยู่กับดุมล้อ ด้วย ระหว่างดมุ ล้อกบั ล้อ จานเบรกดรมั จ รอบๆ ชุดฝักเบรก และอยู่ใกล้กบั รองรับชุดเบรกซึ่งช่วยป้ องกันนํ้ ละอองเข้าไปข้างใน

บบดรัม ยถึง ระบบ จานเบรก ที่ล้อ เบรก ยสลักอยู่ จะสวมอยู่ บแผ่นจาน าและฝ่ ุน 2

ส่วนประกอบของ เบรกแบบดรมั

3

การทาํ งานขอ กระบอกเบรกที่ล้อจะได้รบั แรงดนั นํ้า แรงกดแป้นเหยียบเบรก โดยท่ีลูกส ออกต้านกบั จานเบรกดรมั ท่ีหมุนอย ให้ฝักเบรกเกิดแรงต้านกบั จานเบร หมนุ ในท่ีสดุ

องชุดเบรก ามนั ไฮดรอลิกจากแม่ปัม๊ ซึ่งเกิดจาก สูบและก้านต่อจะดนั ฝักเบรกให้กาง ยู่ เน่ืองจากฝักเบรกหมุนไม่ได้ จึงทาํ รกทําให้ เกิ ดการเสี ยดสี และล้อหยุด 4

การออกแบ การออกแบบฝักเบรก (Brake Shoe บดรมั ทาํ ได้หลายวิธีท่ีนิยมใช้โดยทวั่ ๆ 1. เบรกแบบเซอรโ์ วและเพิ่มแรง and Self-Energizing Brakes) 2. เบรกแบบไม่มีเซอรโ์ ว (Nonser

บบฝักเบรก Design) การยึดติดตงั้ ขาเบรกแบ ๆ ไป ได้แก่ งดนั ในตวั เอง (Servo Action rvo Brakes) 5

การเปลย่ี นฝัก ตรวจสอบจาน การเปลี่ยนและตรวจสอบฝักเบรก กระทําได้ต่ อเม่ือเกิ ดการบกพร่อง ของระบบห้ามล้อ เช่น ไม่เกิ ด อาการเบรก เบรกติด เบรกดึงไป ข้างใดข้างหนึ่ ง เบรกมีเสียงดัง ห รื อ เ ป ลี่ ย น ต า ม ร ะ ย ะ เ ว ล า ท่ี กาํ หนดไว้ เป็นต้น

กเบรกและ นเบรกดรัม การตรวจสอบชิ้นส่วนของเบรก แบบดรมั ภายหลังจากท่ีถอดฝัก เบรกและจานเบรกดรัม ออก จ ะ ต้ อ ง ทํ า ค ว า ม ส ะ อ า ด แ ล ะ ตรวจสอบสภาพต่างๆ ของชิ้นส่วน ถ้าพบชิ้ นส่วนท่ี มีค่าไม่เป็ นไป ตามท่ีกําหนดควรเปลี่ยนชิ้นส่วน นัน้ เสียใหม่ 6

เบรกแบบดสิ เบรกแบบดิสก์ (Disc Brake) หรือดิสก เบรก เป็ นเบรกชนิ ดที่ใช้จานโลหะอย ระหว่างแผ่นเบรก ทงั้ สองซึ่งประกอบ กนั อย่ภู ายในคาลิเปอร์ (Caliper) โดย แผ่นเบรกจะกดลงบนจานเบรกด้วย แรงดนั จากการเหยียบแป้นเบรกทาํ ให จานเบรกหยดุ หมนุ หรอื หมนุ ช้าลง

สก์ ก์ ยู่ บ ย ย ห้ 7

ชนิดของแดิสกเ์ บรกมีส่วนประกอบท่ีแตกต่างจ จานเบรกหรือโรเตอร์ (Disc or Ro ขณะที่หมนุ เคล่ือนที่ ทาํ ให้อณุ หภมู คาลิเปอร์ (Caliper) เป็นส่วนประก แผน่ เบรก (Brake Pad) ทาํ หน้าท่ีเห ของผา้ เบรก สกรไู ล่ลม (Bleeding Screw) เป็นห สาํ หรบั เปิ ด-ปิ ดเพ่ือไล่อากาศหรอื ล

แม่ป๊ัมเบรกจากเบรกดรมั ท่ีสาํ คญั ๆ ได้แก่ otor) ทาํ หน้าที่คล้ายพดั ลมใน มิที่เกิดจากการเบรกลดลง กอบสาํ คญั ของระบบเบรกแบบดิสก์ หมือนกบั ฝักเบรกและเป็นที่ยึดติด หมดุ เกลียวที่ใช้ในระบบเบรก ใช้ ลมออกจากระบบเบรกรถยนต์ 8

แบบของ ตวั เรือนคาลิเปอรเ์ ป็นชดุ ปร คาลิเปอรแ์ บ่งออกได้เป็น 3 แบบ คือ 1. คาลิเปอรแ์ บบอย่กู บั ที่ (Fix 2. คาลิเปอรแ์ บบลอยตวั (F 3. ช่วยคาลิเปอรแ์ บบก

งคาลเิ ปอร์ ระกอบที่สาํ คญั ของดิสกเ์ บรก xed Caliper) หรือคาลิเปอรแ์ บบตายตวั Floating Caliper) หรอื แบบเหว่ียงตวั กึ่งลอยตวั (Semi-Floating) 9

การปรับแต่งต การปรบั แต่งตวั เองของดิสกเ์ บรก (S ดิสก์เบรกแบบปรบั แต่งตวั เองได้ บ ลูกสูบแต่ละลูก สปริงนี้ จะเป็ นสป ตาํ แหน่งท่ีเคลื่อนท่ีไปข้างหน้า และ เบรก (บางแบบมีช่องว่างไม่เกิน 0.00 ตําแหน่งเดิม ถ้าลูกสูบถกู ดนั ให้เค ลูกสูบสามารถที่จะดนั แผ่นเบรกให้ผ ได้ทาํ ให้เกิดการเบรกได้อย่างรวดเรว็

ตวั เองของดสิ ก์เบรก Self-Adjustment of Disc Brakes) บางแบบจะมีสปริงอยู่ด้านหลงั ของ ปริงอ่อน ซึ่งจะดันลูกสูบให้อยู่ใน ะดนั แผ่นเบรกให้ผ้าเบรกชิดกบั จาน 05 นิ้ว) เม่ือปล่อยเบรกจะคืนกลบั คลื่อนที่ไปแม้เพียงเล็กน้อย ก็ทําให้ ผ้าเบรกเสียดสีกบั จานเบรกแน่นขึ้น ว 10

การเปลย่ี นผ้าด การตรวจสอบ การเปลี่ยนผ้าเบรก ถ้ามี เสียงดังขึ้นจากเบรกหน้ า ขณะขบั รถ ให้ตรวจตวั เตือน ผ้าเบรกสึก ถ้าปลายของตวั เตือนสมั ผสั กบั จานเบรกให้ เปล่ียนผา้ เบรกใหม่

ดสิ ก์เบรกและ บดกิ ส์เบรก 11

ระบบเบรก เซน็ เซอรค์ วามเรว็ ลอ้ หลงั โรเตอรเ์ ซน็ เซอร์ กAรตะBวัตSุน้ กล่อง ECU ของ ABS โรเตอร์ สวติ ชไ์ ฟเบรก เซน็ เซอร์ วาลว์ ปรบั แรงดนั เซน็ เซอรค์ วามเรว็ ลอ้ หน้า กระบอกดสิ กเ์ บรก