Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครื่องล่างร R ถยนต์-01

เครื่องล่างร R ถยนต์-01

Description: เครื่องล่างร R ถยนต์-01

Search

Read the Text Version

ก ABS ABS มีช่ือเตม็ คือ Antilock Brake System หรือระบบป้องกนั เบรก ลอ็ ก ดงั นัน้ ABS จึงเป็นระบบท่ีทาํ หน้ าท่ีป้ องกันไม่ให้เกิ ดอาการ เบรกลอ็ กตาย 12

ข้อดีของระบบเบรก ABS คือ อาการเบรกจนล้อลอ็ กตายจะไม่เ ทาํ ให้ควบคมุ ทิศทางของรถได้มีอย อาการเบรกจนล้อลอ็ กตาย จะทาํ ให้รถหยดุ ได้โดยท้าย การเบรกของรถทงั้ 4 ล้อเป็ นอ ประสิ ทธิ ภาพถึงแม้ว่าล้อรถจะม แตกต่างกนั กต็ าม ควบคมุ ด ทาํ ให้ระย ระบบเบรก ABS เม่ือเกิดมีปัญหาข

เกิดขึ้นกบั ล้อหน้าของรถ ซ่ึงจะ ย่างมีประสิทธิภาพทุกสภาวะ ยจะไม่เกิดขึน้ กบั ล้อหลงั ของรถ ยไม่ปัด อิสระ ทาํ ให้ควบคมุ ทิศทางได้อย่างมี มีค่าความเสียดทานของพื้นถนนที่ ด้วยระบบคอมพิวเตอรจ์ ึงแม่นยาํ ยะทางการเบรกของรถสนั้ ลง จะทาํ งานเป็ นระบบธรรมดาได้ ขึน้ ในระบบเบรก 13

ส่ วนประกอบข 1 ส่วนประกอบของระบบเบรก ABS ท 2 คาลิชดุ วาลว์ ควบคมุ แรงดนั ระบ ทาํ หน้าท่ีควบคมุ แรงดนั นํ้ามนั เ 3 กล่องคอมพิวเตอร์ (ECU : Electron จากเซน็ เซอรว์ ดั ความเรว็ เพื่อคาํ นว 4 ไฟเตือน ABS (ABS Warning Ligh ปัญหาข้อบกพร่องของระบบเบรก

ของระบบเบรก ABS ทาํ หน้าที่จบั สญั ญาณความเรว็ ของล้อรถ บบไฮดรอลิก (ABS Actuator) เบรกท่ีส่งไปยงั คาลิเปอรข์ องดิสกเ์ บรก nic Control Unit) ทาํ หน้าที่รบั สญั ญาณ วณความเรว็ รอบของล้อที่หมนุ ht) ทาํ หน้าท่ีเตือนให้ผขู้ บั ข่ีได้ทราบถึง ABS 14

ๆ นตอน กอด ประกอบ ส 2 บ ตอน ตรวจสอบ า เ r 3 นตอน กอด ประกอบ ค บ ัรัข์กิด้ผัวิดัข

สาย rn เบรก ส คโม บ เบรก

8

เบรกกาํ ลงั (Power Brake ) 1

เบรกก เ หมายถึง แหล่งอื่น เมื่อผู้ขบั แรงกดม กาํ ลงั งาน

กาํ ลงั เบรกเบรกกาํ ลงั (Power Brake) ง ระบบเบรกที่ใช้กําลังงานจาก นมาเสริมแรงกดบนแม่ปัม๊ เบรก บขี่กดแป้ นเบรกทําให้ไม่ต้องออก มาก การเหยียบเบรกเพ่ือเปิ ดลิ้นให้ นจากภายนอกมาดนั น้ํามนั เบรก สปรงิ ดงึ กลบั สปรงิ ดงึ กลบั ระยะฟรี พน�ื ทว�ี างเทา้ ความสงู คนั เหยยี บเบรก ระยะห่าง 2

หลกั การทาํ งา หม้อลมเบรกมีหลกั การทาํ งานด 1 ขณะที่ลิ้นอากาศปิ ดอยู่นัน้ ลิ้นก จากท่อร่วมไอดีจะเปิ ดทาํ ให้ความดนั ความแตกต่างกนั ดงั นัน้ แผ่นไดอะแ โดยแรงดนั ของสปริง ทาํ ให้ลกู สบู ยงั ค

านของเบรกกาํ ลงั ดงั นี้ กนั กลบั สุญญากาศซ่ึงควบคุมแรงดูด นสญุ ญากาศภายในห้อง A และ B ไม่มี แฟรมจึงถกู ดนั ให้ไปอยู่ทางด้านซ้าย คงอย่ใู นตาํ แหน่งเดิม 3

2 เมื่อเหยียบเบรก ลิ้นอากาศจะเปิ ด เข้าไปภายในห้องA จึงทาํ ให้เกิดความ ห้อง A และ B แรงดนั จากห้อง A จะ ทางด้านขวาต้านกบั แรงดนั ของสปร เบรกเคล่ือนท่ีไปในทิศทางเดียวกนั แ ในแม่ปัม๊ เบรกจะถกู จ่ายไปยงั กระบอก

ดและยอมให้แรงดนั บรรยากาศไหล มแตกต่างของความดนั ขึน้ ระหว่าง ะดนั แผ่นไดอะแฟรมให้เคลื่อนที่ไป ริง แรงนี้จะทําให้ลูกสูบของแม่ปัม๊ แรงดนั จากการเคล่ือนท่ีของลกู สูบ กเบรกท่ีล้อต่างๆ 4

การตดิ ต้งั ห การติดตงั้ หม้อลมเบรกโดยทวั่ ไ 1 แบบหม้อลมติดอยู่กบั แม่ปัม๊ เบรก แบบทาํ งานโดยตรง(Direct Actin รถยนตน์ ัง่ และรถบรรทกุ

หม้อลมเบรก ไปแบง่ ออกได้ 2 แบบ คือ ก (Integrated Type) หรือเรียกว่า ng Type) หม้อลมแบบนี้นิยมใช้กบั หมอ้ ลมเบรก หน้า วาลว์ 5

2 แบบหม้อลมแยกจากแม่ปัม๊ เบร (Multiplier Type) ลกั ษณะต่างๆ คล้ กบั แบบหม้อลมติดอยู่กบั แม่ปัม๊ เบร สามารถนําไปติ ดตัง้ กับระบบเบร ธรรมดาได้ แต่จะต้องเป็ นเบรกวง เดียว

รก ลาย รก รก จร 6

โครงสร้างและกา หม้อลมเบรกท่ีใช้กบั รถยนต์โดย สาํ คญั คือ 1. เสือ้ หม้อลม (Housing) จะทาํ ด้วยเห ด้วยกนั โดยมีซีลป้องกนั การรวั่ เม่ือป อากาศเข้าได้ 2. แผน่ ไดอะแฟรม (Diaphragm) จะท ทาํ ด้วยยางหรอื หนัง ลกั ษณะคล้ายรปู ได้ โดยที่ขอบแผน่ ไดอะแฟรมจะไม่เค

ารทาํ งานของหม้อลมเบรก ทัว่ ไปจะประกอบด้วยส่วนต่างๆ ท่ี หลก็ แผน่ อดั ขึน้ รปู สองชิ้นประกอบเข้า ประกอบกนั แล้วจะต้องไม่มีรอยรวั่ ให้ ทาํ หน้าท่ีแบ่งหม้อลมออกเป็นสองห้อง ปถ้วยทาํ เป็นรอยย่นสาํ หรบั เคล่ือนตวั คล่ือนท่ีตามแผน่ ไดอะแฟรม 7

3. แผน่ รองไดอะแฟรม (Diaphragm P กาไลต์ มีน้ําหนักเบาแต่แขง็ แรง มีลกั ษ ไดอะแฟรม รองอย่ดู ้านหน้าแผน่ ไดอะ ของแผน่ ไดอะแฟรม 4. ชุดลิ้นอากาศ จะสวมอยู่ที่ปลายด กลางด้านหลงั ของแผ่นรองไดอะแฟรม สวมลงในรอ่ งด้านหน้า ทาํ หน้าท่ีเป็นต เป็ นตัวดันลูกสูบของแม่ปั๊มเบรก แผ่นรองไดอะแฟรมทําให้ตัวแผ่นร ตาํ แหน่งปกติเมื่อเบรกยงั ไม่ทาํ งาน

Plate) ทาํ ด้วยสารประเภทแบก ษณะและขนาดเช่นเดียวกบั แผน่ ะแฟรมเป็นตวั รบั กาํ ลงั การเคล่ือนท่ี ด้านหลงั ของแผ่นรองไดอะแฟรม ตรง มจะมีแหวนเหลก็ และแหวนขนาดเลก็ ตวั รบั แรงส่งกาํ ลงั ผ่านแกนลกู สบู ซึ่งจะ กโดยมีสปริ ง ทําหน้ าท่ี เป็ นตัวดัน ร อ ง แ ล ะ ไ ด อ ะ แ ฟ ร ม เ ค ลื่ อ น ที่ ก ล ับ สู่ 8

การถอดและปร แสดงส่วนประกอบ หม้อลมเบรก

ระกอบหม้อลมเบรก 9

ชนิดของแการถอดหม้อลมเบรก มีขนั้ ตอนก 1. ก่อนการแยกตวั เรือนของ ทําเครื่องหมายบนตัวเรือนทัง้ สองก โดยเฉพาะ 2. หมนุ เคร่อื งมือถอดให้ตวั เรือนหม 3. คลายนอตของเคร่ืองมือถ เข้าระหว่างตวั เรอื นด้านหน้ากบั หน้าแ

แกามรป่ฏปิบั๊ตมั ิดเงั นบี้ รก งหม้อลมด้านหน้าและด้านหลงั จะต้อง ก่อนท่ีจะติดตัง้ เข้ากับเครื่องมือถอด ม้อลมเล่ือนและแยกออกจากกนั ถอดออกทงั้ สองด้าน ใช้ท่อนไม้สอด แปลนด้านบนของเคร่ืองมือ 10

4. ขนั นอตยึดทงั้ ส่ีตวั เข้าพร ด้านหลงั นัน้ แยกออกจากกนั 5. ใช้เคร่อื งมือถอดซีลออ 6. ใช้ปากกายึดชดุ ไดอะแ 7. ดนั ก้านควบคมุ ขอ

ร้อมๆ กนั จนตวั เรือนด้านหน้าและ อกจากตวั เรอื นหม้อลมเบรก แฟรมและหมนุ ตวั เรือนแยกออกจากกนั องลิ้นเข้าและถอดตวั เรือนหม้อลมออก 11

เบรกล เบรกลม (Air Brake) เบรกแบ จะต้องมีปัม๊ ลมและถงั ลมเพื่อใช้แร ลมไปดันฝักเบรกที่ล้อ ถงั ลมจะ แรงดนั ลมไว้ให้มีใช้อย่ตู ลอดเวลา เคร่ืองยนต์ดับปัม๊ ลมขนาดเล็กท ด้วยเคร่ืองยนต์จะทาํ หน้าท่ีอดั อา เข้าในถงั ให้เตม็ ตลอดเวลา

ลม บบนี้ รงดนั ะเก็บ า เม่ือ ท่ีขบั ากาศ 12

การวนิ ิจฉัยข้อ การวินิจฉัยข้อขดั ข้องของเบรก (Bra ในการหาข้อขดั ข้องและสาเหตทุ ่ีทาํ ใ ได้แก้ไขได้อย่างถกู ต้องและรวดเรว็ 1. การวินิจฉัยข้อขดั ข้องของดรมั (Drum-Brake Trouble-Diagno 2. การวินิจฉัย (Disc Brake

อขดั ข้องของเบรก ake Trouble Diagnosis) เป็นแนวทาง ให้ระบบเบรกทาํ งานผิดปกติ เพื่อจะ มเบรก osis Chart) ยข้อขดั ข้องของดิสกเ์ บรก e Trouble-Diagnois Chart) 13





9

โช้กอปั (Shock Absorber) 1

ความสําคญั เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอส ส ป ริ ง จ ะ อ ยู่ร ะ ห ว่ า ง ค ว า ม ยื ด ห ยุ่น แ ยืดหย่นุ กเ็ พ่ือสามารถรองรบั (Absorb สปริงยืดและยุบตวั เช่นนี้ต้องใช้ระยะ หลุมหรือปะทะส่ิงกีดขวาง อาการดงั การขบั ข่ีไม่ราบเรียบ อปุ กรณ์หรือกล (Shock Absorbers)

ญของโช้กอปั สาํ หรบั ระบบรองรบั น้ําหนักของตวั รถ และความกระด้าง การที่สปริงต้อง b) อาการสนั่ สะเทือนจากพืน้ ถนนได้ ะเวลาในการหยุดตวั ทุกครงั้ ท่ีล้อตก งกล่าวถ้าเกิดขึ้นซํ้าๆ กนั กจ็ ะทําให้ ลไกดงั กล่าวท่ีนํามาใช้ได้แก่ โช้กอปั 2

หน้าทขี่ องโ โช้กอปั เป็ นอุปกรณ์ลดแรงกระแท สะเทือนของรถ หน้าท่ีของโช้กอปั (Pur 1. การหน่ วงหรือต้านการยุบและ น้อยท่ีสดุ เท่าท่ีจะทาํ ได้ให้หมด 2. ทาํ ให้สปริงกลบั ไปอย่ใู นตาํ แหน ของรถยนต์ ซึ่งจะเกิดขึน้ จากแร

โช้กอปั ทกและการสนั่ สะเทือนในระบบกนั rpose of Shock Absorbers) ได้แก่ ะยืดตวั ของสปริงท่ีเกิดขึ้นให้เหลือ ดไป น่งเดิมได้รวดเรว็ และหยดุ การเต้น รงกระแทกกบั ถนนเป็นระยะๆ 3

การตดิ ต้งั ห3. แบบการท่ีช่วงล่างลดการสนั่ ส ประสิทธิภาพมากขึน้ 4. รกั ษาสมดลุ ตวั ถงั รถ ลดอาการโ 5. ทาํ ให้การขบั ขี่รถนุ่มนวลสะดว 6. ลดการสึกหรอของยาง และกลไ

หม้อลมเบรกสะเทือน จะช่วยทาํ ให้การบงั คบั รถมี โคลงและการโยนตวั ของรถ วกสบายมากย่ิงขึน้ ไกการบงั คบั เลี้ยว 4

ส่ วนประกอบ ส่วนประกอบของโช้กอปั (Struct ออกแบบเพ่ือให้มีความหนืดซ่ึงประก 1. แผน่ ปลอกกนั ฝ่ นุ (Dust S 2. ห้องของเหลว (Fluid Res 3. ชดุ ลกู สบู (Piston Set)

บของโช้กอปั ture of Shock Absorbers) ถกู กอบด้วยส่วนท่ีสาํ คญั ๆ ได้แก่ Shield) servoir) 5

4. กระบอกสบู (Cylinder) 5. ก้านสบู (Piston Rod ) 6. ห้องนํ้ามนั สาํ รอง (Reservo 7. ซีลกนั น้ํามนั (Sealed)

แสดงส่วนประกอบ ของโช้กอปั oir Tube) 6

ชนิดของ ชนิดของโช้กอปั (Types of Shock A ที่นิยมใช้ทงั้ ระบบรองรบั นํ้าหนักด้าน จะเป็นแบบทาํ งานโดยตรงหรอื แบบ (Telescope) ทาํ งานทงั้ สองทาง คือ หรอื ยืดตวั โช้กอปั ท่ีใช้มีหลายแบบค กระบอกสบู ขนานกนั และแบบกระบ กนั โช้กอปั แต่ละแบบมีลกั ษณะการ

งโช้กอปั Absorbers) โช้กอปั นหน้าและด้านหลงั บรปู ทรงกระบอก ทาํ งานทงั้ สปริงยบุ คือ มีทงั้ แบบ บอกสบู อย่ตู รงข้าม รทาํ งานดงั นี้ 7

1. โช้กอปั แบบทาํ งานโดยตรง (Dire ทํางานสองทาง(Double Acting) เคล่ือนท่ีของสปริงทงั้ ยบุ และยืดต 2. หมุนโช้กอปั แบบมีห้องบรรจแุ กส๊ เรียกโดยทวั่ ไปว่าโช้กอปั แก๊ส เ คณุ ภาพสงู ขึน้ 3. โช้กอปั แบบกระบอกคู่ ภายในเปล ท่อแรงดนั และมีลกู สบู เคลื่อนท่ีขึน้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook