Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บวรธรรมบพิธ รวมภาพ

บวรธรรมบพิธ รวมภาพ

Published by Naresuan University Archive, 2015-12-18 02:39:49

Description: บวรธรรมบพิธ รวมภาพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสังคปรินายก

Keywords: สมเด็จพระญาณสังวร,สมเด็จพระสังฆราชสังคปรินายก

Search

Read the Text Version

บวรธรรมบพติ ร 100

ทรงปฏิบัตหิ นา้ ท่ี ‘พระอภิบาล’ บวรธรรมบ ิพตร 101 เมื่อปพี ทุ ธศักราช ๒๔๙๙ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวเสดจ็ ทรงผนวช ณ วัดบวรนเิ วศวหิ าร เจ้าพระคุณสมเด็จฯ หรือ ‘พระโศภนคณาภรณ์’ ในขณะนั้น ทรงได้รับการคัดเลือกจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระราชอุปัธยาจารย์ ให้ทรงปฏิบัติ หนา้ ท่ี ‘พระอภบิ าลของพระภกิ ษพุ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ’ นอกจากการเป็นพระอภิบาลแล้ว ยังได้ทำ�หน้าที่ รว่ มกบั พระพรหมมุนี (ผิน สวุ โจ) ในการถวายพระธรรมวินัย แดพ่ ระองค์ทา่ น อกี ดว้ ย ความเคารพคนุ้ เคยระหวา่ งกนั และกนั จงึ มมี าแตค่ รง้ั กระนน้ั บ่อยครั้งท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ เสด็จพระราชดำ�เนินเป็นการ ส่วนพระองค์ มาทรงสนทนาธรรมกบั เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ แมเ้ มอ่ื เสดจ็ แปรพระราชฐานไปประทบั ณ พระต�ำ หนกั ในภูมิภาคต่างๆ ก็ทรงพระกรุณาโปรดให้อาราธนาเจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ไปพำ�นักในอารามหรือสำ�นักสงฆ์ใกล้พระตำ�หนัก เพอ่ื จะไดเ้ สดจ็ พระราชด�ำ เนนิ มาทรงสนทนาธรรมไดโ้ ดยสะดวก ด้วยพระราชศรัทธาปสาทะและความเคารพคุ้นเคย ระหว่างกันนี้ คนท่ัวไปจึงมักอ้างอิงว่า พระองค์ทรงเป็น พระอาจารยข์ องพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกบั เรือ่ งน้ี เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงอธบิ าย... หาได้เป็นเชน่ นัน้ ไม ่ “พระเจา้ อยหู่ วั ทรงอยใู่ นฐานะทใี่ ครๆ ไมค่ วรกลา่ วอา้ งว่าเปน็ ครบู าอาจารย์ของพระองค์ เพราะทุกคนต่างอยู่ในฐานะปฏบิ ตั หิ น้าทีส่ นองพระราชกรณียกิจดว้ ยกันทงั้ นน้ั ”

บวรธรรมบ ิพตร 102 ถวายพระธรรมเทศนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยในการ ศึกษาธรรมเป็นอย่างยิ่ง ฉะน้ันไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำ�เนิน ไปในทใ่ี ดๆ กม็ กั จะทรงหาโอกาสสนทนาธรรมกบั พระเถราจารย์ ผู้ทรงคณุ ทางธรรมปฏบิ ตั อิ ยูเ่ สมอ สำ�หรับเจ้าพระคุณสมเด็จฯ น้ัน พระองค์ท่านทรง พระกรุณาโปรดให้เจ้าหน้าท่ีสำ�นักพระราชวังติดตาม ‘บันทึก เสียงธรรม’ ท่ีทรงแสดงไว้ในวาระโอกาสต่างๆ ท้ังการเทศน์ สอนพระนวกะ การสอนกรรมฐานแก่พระภิกษุสามเณรและ ประชาชนทว่ั ไป เพือ่ ทรงนำ�ไปศกึ ษาเป็นการสว่ นพระองค์ ธรรมบรรยายเรอ่ื งใดทท่ี รงสดบั แลว้ เหน็ วา่ มปี ระโยชน์ ต่อคนท่ัวไปในอันที่จะทำ�ความเข้าใจในพระพุทธศาสนา ก็จะ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการถอดความออกมาเป็น หนังสือ โดยทรงรับหน้าท่ีตรวจทานต้นฉบับด้วยพระองค์เอง ทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์ให้นำ�ไปจัดพิมพ์เผยแพร่ เช่น ธรรมบรรยายเรื่อง ‘สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่าน พระสารีบุตรเถระ’ เปน็ ตน้ นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงมี พระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเทปบันทึกเสียงพระธรรม เทศนาหรอื ธรรมบรรยายของเจา้ พระคุณสมเด็จฯ แกพ่ ระบรม วงศานวุ งศแ์ ละผู้สนองงานใกลช้ ิดอยเู่ นอื งๆ เพอ่ื ให้นำ�ไปศกึ ษา และปฏิบัติ โดยมกั พระราชทานคำ�แนะน�ำ ไปพร้อมกนั ด้วยวา่ “ฟงั แล้วคดิ ไปตามท่านพูด อย่าคดิ ลว่ ง หนา้ ไปก่อนท่านพูด” หน้าท่สี ำ�คัญอกี ประการหน่งึ ที่เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ทรงปฏบิ ตั ิ เกยี่ วกบั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั คอื การถวายพระธรรม- เทศนา ‘มงคลวเิ สสกถา’ ในพระราชพิธเี ฉลิมพระชนมพรรษา พระมงคลวิเสสกถา เป็นข้อธรรมสำ�หรับพระมหา- กษตั รยิ ท์ น่ี �ำ ไปประกอบการปกครองบา้ นเมอื ง นบั เปน็ พระธรรม- เทศนาสำ�คัญที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งโดยปกติแล้วหน้าที่ในการ

ถวายข้อธรรมนี้ เป็นหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราช หรือ บวรธรรมบ ิพตร 103พระมหาเถระท่เี ป็นทีท่ รงเคารพนับถือเทา่ นนั้ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเสสกถามาตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ขณะดำ�รงสมณศกั ดิ์เปน็ สมเด็จพระราชาคณะท่ี ‘สมเด็จพระญาณสังวร’และได้ถวายเร่ือยมาจนถึงปีพุทธศักราช ๒๕๔๓ รวมเวลาทั้งสิ้น ๑๘ ปี

บวรธรรมบ ิพตร 104 พระราชกรรมวาจาจารย์ พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๑ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกุฎ- ราชกุมาร ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และเสด็จมาประทับ ณ วัดบวรนเิ วศวหิ าร เปน็ เวลา ๑๕ วนั เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ขณะดำ�รงสมณศักดิ์ท่ีสมเด็จ- พระญาณสงั วร นอกจากจะทรงเปน็ ‘พระราชกรรมวาจาจารย’์ ในพระองค์แล้ว ยังเป็นผู้ถวายพระธรรมวินัยตลอดระยะเวลา ทีท่ รงผนวช ส�ำ หรบั สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราช- กุมารน้ัน ทรงเคารพคุ้นเคยกับเจ้าพระคุณสมเด็จฯ มาต้ังแต่ ยงั ทรงพระเยาว์ เนอ่ื งจากพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดท้ รง พระกรุณาโปรดให้โดยเสด็จ เพ่ือมานมัสการและรับถวาย ศาสโนวาท ทง้ั บอ่ ยครงั้ ทไี่ ดเ้ สดจ็ พระราชด�ำ เนนิ มาดว้ ยพระองค์ เอง เพือ่ ทรงสนทนาธรรมกบั เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ

สนองพระราชดำ� ริ ‘สมเด็จยา่ ’ บวรธรรมบ ิพตร 105สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี ทรงมพี ระราชศรทั ธาปสาทะในเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ เปน็ อยา่ งยง่ิ ทง้ั ยงั เคารพคนุ้ เคยกนั มาตง้ั แต่คร้งั ทท่ี รงดำ�รงสมณศกั ด์ทิ ่ี ‘พระสาสนโสภณ’ สมเด็จย่า มักทรงอาราธนาให้เจ้าพระคุณสมเด็จฯเรียบเรียงหนังสือเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาตามแนวพระราชดำ�ริหลายเรอ่ื ง แลว้ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั พมิ พพ์ ระราชทานแกป่ ระชาชนในโอกาสต่างๆ เสมอมา ซึง่ พระเดชพระคุณก็ได้ทรงสนองพระราชดำ�รมิ าโดยตลอดเชน่ กัน ดังเช่นปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ ทรงมีพระราชปรารภว่านักเรียน นักศึกษา ข้าราชการที่ไปศึกษาต่อหรือไปรับราชการณ ตา่ งประเทศ ควรมคี มู่ อื หรอื เอกสารภาษาองั กฤษทใ่ี หค้ �ำ แนะน�ำเกยี่ วกบั ค�ำ สงั่ สอนหรอื การปฏบิ ตั ติ นในฐานะทเ่ี ปน็ พทุ ธศาสนกิ ชนเพื่อเป็น ‘ส่ือธรรมะ’ สำ�หรับชาวต่างชาติ จึงทรงอาราธนาให้เรียบเรียงเรื่อง ‘พระพุทธเจ้าทรงส่ังสอนอะไร’ พร้อมกับทรงอาราธนาพระขันตปิ าโล และพระนาคเสโน แปลเป็นภาษาองั กฤษแล้วโปรดใหจ้ ัดพมิ พเ์ ผยแพร่ ในศกเดียวกัน ได้ทรงอาราธนาให้เรียบเรียงเรื่อง ‘วิธีปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามธรรมะ’ เพ่ือลดความโลภ โกรธ หลงและท�ำ ความเขา้ ใจใหถ้ กู ตอ้ งในเรอ่ื งสมมตสิ จั จะ และปรมตั ถสจั จะพุทธศักราช ๒๕๑๑ ทรงอาราธนาให้เรียบเรียงเร่ือง ‘ศีล’ โดยทรงมพี ระราชปรารภวา่ ศลี โดยเฉพาะศีล ๕ เปน็ หลักแหง่ ความประพฤติทางมนุษยธรรมของคนท่ัวไป ไม่เลือกชาติหรือศาสนาแตค่ นจ�ำ นวนไมน่ อ้ ย กลบั เหน็ วา่ ศลี เปน็ สงิ่ ทปี่ ฏบิ ตั ยิ าก หรอื เหน็ว่าขัดต่อประโยชน์ ขัดขวางความเจริญ พระนิพนธ์เรื่อง ‘ศีล’จึงเปน็ เร่อื งท่ตี อ่ เนอ่ื งจาก ‘วธิ ปี ฏบิ ัตติ นใหถ้ ูกต้องตามธรรมะ’ ด้วยพระราชปณิธานที่ต้องการให้ชาวไทยพุทธเข้าใจและปฏิบัติตนตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ในกาลต่อมาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจึงทรงอาราธนาเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ให้จัดรายการ ‘การบริหารทางจิตสำ�หรับผ้ใู หญ’่ ข้นึ ทางสถานวี ทิ ยุ อส พระราชวงั ดุสติ ประจำ�ทุกเช้าวันอาทติ ย์



เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ จงึ ได้ทรงท�ำ รายการวทิ ยุตอ่ เนอ่ื งเรอื่ ยมา บวรธรรมบ ิพตร 107รวมเวลาถึง ๗ ปี พุทธศักราช ๒๕๑๓ ทรงอาราธนาใหเ้ รียบเรียงเรอื่ ง‘สันโดษ’ และ ‘อวิชชา’ ซึ่งเป็นคำ�สอนสำ�คัญที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจไมถ่ ูกตอ้ ง พุทธศักราช ๒๕๑๘ ทรงอาราธนาใหเ้ รียบเรียงเรื่อง‘กรรม’ เป็นคำ�อธิบายอย่างสั้นเพ่ือให้เข้าใจง่าย แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมเรอื่ ง ‘อักโกสสตู ร’ และ ‘ขนั ต’ิมารวมพิมพเ์ ปน็ เล่มเดยี วกัน พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๙ ทรงมพี ระราชปรารภวา่ พรหม-วิหาร ๔ เป็นหลักธรรมท่ีจะก่อให้เกิดความสงบสุขแก่โลกโดยเฉพาะเมตตาเปน็ เครอ่ื งคา้ํ จนุ โลก สามารถฝกึ หดั และปฏบิ ตั ิได้ โดยไมม่ ขี อบเขตและส้นิ สุด ส่วนกรุณาเป็นเครอื่ งประกอบตามกำ�ลังความสามารถของแต่ละบุคคล ด้วยพระราชดำ�ริดังกล่าว จึงทรงอาราธนาเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ให้เรียบเรียงเรอื่ ง ‘พรหมวหิ าร ๔’ สำ�หรบั พิมพพ์ ระราชทานแกป่ ระชาชน แล้วส่ิงสุดท้ายท่ีเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ถวายงานสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี คอื ทรงอา่ นพระอภธิ รรมนำ�กระบวนพระราชอิสริยยศเชิญพระโกศพระบรมศพจากพระบรมมหาราชวงั ไปยงั พระเมรมุ าศทอ้ งสนามหลวง และถวายพระธรรมเทศนา ณ พระที่น่ังทรงธรรม ท้องสนามหลวงเมือ่ ปพี ุทธศักราช ๒๕๓๙ นอกจากนี้ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ยังทรงเคยอ่านพระอภิธรรมนำ�กระบวนพระราชอิสริยยศพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำ�ไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลท่ี ๗ เม่ือปีพุทธศักราช ๒๕๒๘ และพระศพสมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณสมเดจ็ พระสงั ฆราช (วาสน์ วาสโน) วดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี ารามในปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ ด้วยเช่นกัน

สน้ิ แลว้ ... ญาณสงั วร สังฆบดิ รของปวงประชา

เสด็จประทับโรงพยาบาล บวรธรรมบ ิพตร 109เมื่อเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงเจริญพระชนมายุมากข้ึน พระสุขภาพโดยรวมก็ถอยลง ต้นปีพุทธศักราช ๒๕๔๓ ขณะพระชนมายุ ๘๗ พรรษา เริ่มเสด็จเขา้ ออกโรงพยาบาลเปน็ ครง้ั คราวดว้ ยพระอาการของโรคพระชรา โดยมเี บาหวานและไตร่วมดว้ ย จนตน้ ปีพทุ ธศักราช ๒๕๔๕ คณะแพทย์ไดก้ ราบทูลให้ประทบัณ อาคารวชริ ญาณ สามัคคพี ยาบาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยท้ังน้ีในระยะแรกของการประทับก็ยังเสด็จไปทรงปฏิบัติพระศาสนกิจในท่ีต่างๆไดเ้ ป็นครัง้ คราว ทง้ั ใกล้และไกล พระศาสนกิจที่ทรงปฏบิ ัติประจำ� คือ การเสด็จมาสดับพระปาตโิ มกข์ณ พระอุโบสถวดั บวรนเิ วศวิหาร ในทุกวันพระขนึ้ และแรม ๑๕ คาํ่ และเมื่อถงึวันคล้ายวันประสูติ ๓ ตุลาคมของทุกปี ก็เสด็จมารับถวายเคร่ืองสักการะของพทุ ธศาสนิกชนทว่ั ไป ณ หอ้ งประชุมสภาการศึกษามหามกฏุ ราชวทิ ยาลยัวดั บวรนเิ วศวิหาร กระทั่งถึงปพี ุทธศักราช ๒๕๕๐ คณะแพทยจ์ งึ ไดก้ ราบทูลใหท้ รง ‘งด’การเสด็จออกนอกสถานท่ี ในระหวา่ งการประทบั รกั ษาพระองคอ์ ยู่ ณ โรงพยาบาลนน้ั พระบาท-สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชด�ำ เนนิ ทรงเยย่ี มพระอาการหลายครง้ั บางครงั้ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีเชิญแจกันดอกไม้พระราชทานมาถวายทกุ สปั ดาห์ ส่วนทุกวันในเวลาเช้าและบ่าย เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงเมตตาให้พุทธศาสนิกชนเข้าเฝ้าถวายสักการะได้ จึงมีผู้เข้ากราบเยี่ยมสักการะ ...มิได้วายเว้น แมก้ ารปฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ นต�ำ แหนง่ ‘สมเดจ็ พระสงั ฆราช’ และ ‘เจา้ อาวาส’โดยเฉพาะการให้คำ�ปรึกษา การตัดสินใจ และการลงพระนามในเอกสารต่างๆก็ยังคงดำ�เนินไปโดยปกติ ด้วยพระสติสัมปชัญญะท่ีสมบูรณ์ ผิดแผกจากผู้สูงอายุท่ัวไปที่มักจะเกิด ‘ภาวะสับสนเฉียบพลัน’ เมื่อต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล

บวรธรรมบ ิพตร 110 ใหข้ อ้ คดิ ข้อธรรม แม้ไม่จำ�เป็นต้องรบั ส่งั นับต้ังแต่ประชวร จนถึงวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ไม่เคยแสดงอาการเจ็บป่วย ไม่เคยวิตก ทุกข์ร้อน ทรงวางเฉยและต่อสู้กับเวทนาด้วยความนิ่งสงบ ทั้งไม่ปรารถนาให้ใครมากังวล คณะแพทย์จะถวายการรักษา ประการใด กไ็ ม่ร้องขอหรอื ปฏเิ สธ บางครั้งเกิดพระอาการเกร็ง ไม่สามารถเสวยพระ กระยาหารไดด้ ว้ ยพระองคเ์ อง ผถู้ วายงานจงึ ตอ้ งท�ำ หนา้ ทป่ี อ้ น แต่จะป้อนส่ิงใดก็ทรงรับไว้ ไม่เคยเลือกสิ่งนั้นสิ่งนี้ แม้แต่ พระกระยาหารเหลวหรอื ‘อาหารบด’ ทห่ี ลายคนเบอื นหนา้ หนี พระองค์ก็คงเสวยได้เปน็ ปกติ ยกเวน้ อยา่ งเดยี ววา่ พระกระยาหารนนั้ จะเปน็ ‘วกิ าล โภชนา’ แมจ้ ะมพี ระอาการประชวรอยโู่ ดยตลอด หากไมห่ นกั - หนาเสยี นกั แลว้ เจ้าพระคณุ สมเดจ็ ฯ กจ็ ะทรงลุกข้ึนสวดมนต์ ภาวนาด้วยพระองค์เอง แตถ่ ้าทำ�ไมไ่ ด้ก็จะสดับเสยี งสวดมนต์ แทน บทสวดมนต์ทำ�วัตรเช้า ท�ำ วัตรเยน็ บทสวดเจด็ ตำ�นาน บทสวดปาตโิ มกข์ จงึ ถกู เปดิ สลับไว้ท้ังวนั ทัง้ คนื สำ�หรับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ท่ีมาเฝ้าถวายการ อุปัฏฐาก บางคร้ังก็จะเปิดโทรทัศน์ชมรายการต่างๆ กันไป เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็ไม่เคยบ่นหรือทรงวา่ กลา่ ว หากไม่ทรง สนพระทัยกท็ รงหลับพระเนตร แตถ่ ้าเปิดสารคดหี รือเร่ืองราว เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาก็จะทอดพระเนตรด้วย และถ้าทรง เหน็ พระพทุ ธรปู ปรากฏในจอโทรทศั นเ์ มอ่ื ใด กจ็ ะรบี ชกั พระบาท ทยี่ ดื อยกู่ ลบั เขา้ มาหาพระองคท์ นั ที พรอ้ มยกพระหตั ถน์ อ้ มไหว้ อย่างสำ�รวม

วันสุดทา้ ย บวรธรรมบ ิพตร 111พุทธศกั ราช ๒๕๕๖ เพง่ิ ผ่าน ๑๐๐ พรรษา ๓ ตุลาคม อายุวัฒนมงคลมาได้เพียง ๙ วัน พระอาการโดยทวั่ ไปที่เคย ‘ทรง’ อยู่ กลับ ‘ทรดุ ’ ลง คณะแพทย์ไดถ้ วายการตรวจ พบวา่ พระอันตะ (ล�ำ ไส้ใหญ่) และพระอนั ตคณุ (ลำ�ไสเ้ ล็ก)ขาดพระโลหิตและมีแผลติดเชื้อ จึงได้ถวายการรักษาด้วยการผ่าตัดพระอันตะและพระอันตคุณบางส่วนออก หลงั จากน้ันพระอาการโดยรวมก็ดีขน้ึ ๒๑ ตลุ าคม ความดนั พระโลหติ ลดลง อวัยวะดา้ นการรับรเู้ ริม่ สญู เสียการท�ำ งาน อวยั วะภายใน และระบบตา่ งๆ เร่ิมปรวนแปร ๒๒ ตลุ าคม ความดนั พระโลหติ ลดตา่ํ ลงอกี ไมต่ อบสนองตอ่ พระโอสถเพมิ่ ความดัน การเตน้ ของพระหทยั ไมส่ มํ่าเสมอ การนับถอยหลังไม่ได้ยังประโยชน์อันใด ส่ิงท่ีดีท่ีสุดที่ทุกคนทำ�ได้ในขณะนั้น คือ การสวดมนต์และภาวนา หน้าห้องท่ีประทับและตลอดทางเดินจึงมที ัง้ พระภกิ ษุ สามเณร อุบาสก อบุ าสิกามากหนา้ หลายตา มารว่ มกนั เจรญิจิตตภาวนา ผ่านมาจนถงึ วนั ที่ ๒๔ ตุลาคม เคร่ืองตดิ ตามสัญญาณชพี แสดงภาพ‘สัญญาณไม่คงท่ี’ ในขณะที่พระองค์ยังคงสงบนิ่ง คล้ายบรรทมหลับสนิทแตด่ วงพระพกั ตรย์ งั ผอ่ งใส บนพระนลาฏมผี า้ ขนหนสู เี หลอื งวางทบั เลยไปตลอดพระเศยี ร พระอรุ ะกระเพอื่ มขน้ึ ลงอยอู่ ยา่ งผเู้ จรญิ จติ ตภาวนาก�ำ หนดลมหายใจใหเ้ ขา้ ยาว ออกยาว เสียงบทสวดมนต์ ‘โพชฌังคปริตร’ จากเคร่ืองเสียงในห้องท่ีประทับดังอยู่ตลอดเวลา ภายในห้องมีเพียงพระสงฆ์ที่สนองงานถวายและผู้ถวายงานใกล้ชิดไมก่ ีค่ น นั่งพับเพยี บ พนมมือรอ ‘ส่งเสด็จ’ ๑๙.๓๐ น. สญั ญาณชพี ขาดหาย พรอ้ มกบั พระอรุ ะทห่ี ยดุ การเคลอ่ื นไหวลมหายใจสดุ ทา้ ยจากไป เสยี งสวดมนต์ยังดงั ตอ่ เน่ืองชัดเจน หากก็ไม่ดงั ไปกวา่ เสยี งแหง่ ความเงยี บท่เี กิดกบั ทุกดวงใจในหอ้ งนัน้ คล้าย ‘ความว่าง’ เข้าครอบงำ� แต่ภาพความทรงจำ�ในอดีตกลับผดุ พราย ยอ้ นไปนับเดือน นบั ปี หยาดนาํ้ ใสอนุ่ จากดวงตาเริม่ เอ่อลน้ เกนิ กวา่สะกดกั้น จงึ ยอมปล่อยใหท้ ะลักไหลอย่เู ช่นน้ัน

๑๐ ธรรม ๑๐ ประการของภกิ ษุ ทัง้ หลาย จะอยใู่ นทิศใด ยอ่ มอยู่สำ�ราญโดยแท้บวรธรรมบ ิพตร 112

ธรรม ๑๐ ประการ ประกอบด้วย๑. รตั ตญั ญู - เป็นเถระ เป็นรัตตญั ญู บวชมานาน๒. สีลวา - เป็นผูม้ ีศลี สมาทานศกึ ษาอยใู่ นสกิ ขาบททั้งหลาย๓. พหสุ สุโต - เปน็ พหสู ตู ทรงสุตะ สั่งสมสตุ ะ เป็นผู้ได้ฟงั มากซงึ่ ธรรมทั้งหลายท่มี ีความงามในเบื้องต้น มีความงามในทา่ มกลาง มคี วามงามในทส่ี ดุ ประกาศพรหมจรรยพ์ รอ้ มทง้ั อรรถ และพยญั ชนะ บรสิ ทุ ธ์ิบรบิ รู ณ์ ครบถว้ น ทรงจ�ำ ไวไ้ ดค้ ลอ่ งปากขน้ึ ใจ แทงตลอดดดี ว้ ยทฏิ ฐิ๔. สวาคตปาฏโิ มกโข - ทรงจำ�ปาติโมกขท์ งั้ สองได้ดีจำ�แนกไดด้ ี ให้เปน็ ไปได้ดโี ดยพสิ ดาร วินจิ ฉยั ไดด้ โี ดยสูตร โดยอนุพยญั ชนะ๕. อธกิ รณสมุปปาทวปู สมกุสโล - เป็นผู้ฉลาดในการระงบั อธิกรณท์ ่เี กดิ ขน้ึ๖. ธมั มกาโม - เปน็ ผใู้ ครธ่ รรม เปน็ ผฟู้ งั และแสดงธรรมเปน็ ทพ่ี อใจ มปี ราโมทยอ์ ย่างยิง่ ในอภิธรรม และอภิวนิ ยั๗. สนั ตฏุ โฐ - เปน็ ผสู้ นั โดษดว้ ยจวี ร บณิ ฑบาตเสนาสนะและคลิ านปจั จยั เภสัชชบริขารตามแต่จะได้๘. ปาสาทโิ ก - เป็นผนู้ า่ เลื่อมใสในการกา้ วไปและถอยกลบั เป็นผูส้ ำ�รวมดใี นการน่งั ในละแวกบา้ น๙. ฌานลาภี - เปน็ ผ้ไู ด้ฌาน ๔ อนั มใี นจติ ยง่ิ ซึ่งเป็นเคร่ืองอยเู่ ปน็ สขุ ในปจั จุบัน ตามความปรารถนา ไดโ้ ดยไม่ยาก ไดโ้ ดยไม่ล�ำ บาก๑๐. วมิ ตุ โต - ทำ�ใหแ้ จ้งเจโตวมิ ตุ ติ ปัญญาวิมุตตอิ นัไมม่ อี าสวะ เพราะอาสวะสนิ้ ไปดว้ ยปัญญาอันยง่ิ เองเข้าถึงอยู่ในปจั จุบนั

บวรธรรมบ ิพตร 114 ประกาศพระบรมราชโองการใหญ่ “บัดน้ีเป็นท่ีประจักษ์แล้วว่า สมเด็จพระญาณสังวรฯ เป็นผู้ เจริญย่ิงด้วยพรรษายุกาล รัตตัญญูมหาสถาวีรธรรม ยินดีใน เนกขัมมปฏบิ ัติ เป็นอจลพรหมจรยิ าภิรัตยั่งยนื ช้านาน ด�ำ รงม่นั ในศีลสมาธิปัญญามิได้เสื่อมถอย มีจริยาวัตรสำ�รวมเรียบร้อย ไม่หวั่นไหวต่อโลกามิส เป็นพหุลศรุตบัณฑิตผู้ทรงปรีชาญาณ ลึกซ้ึงแจ่มใส รอบรู้ในพระไตรปิฎกธรรมวิสารท สามารถวิจัย วิจารณ์ธรรมนำ�มาแสดงได้ถูกต้องเที่ยงตรงบริสุทธิ์ บริบูรณ์ เก้ือกูลสงเคราะห์พุทธบริษัทโดยเสมอหน้าเป็นอเนกประการ ได้เป็นครูและอุปัธยาจารย์ของมหาชนมากมาย มีศิษยานุศิษย์ แพรห่ ลายไพศาล เปน็ ทเ่ี คารพสกั การแหง่ มวลพทุ ธศาสนกิ บรษิ ทั ทว่ั สงฆมณฑล ตลอดจนอาณาประชาราษฎรท์ วั่ ไป สมควรจะได้ สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานาธิบดีแห่งสงฆมณฑลเพ่ือเป็นศรีศุภมงคลแด่พระบวร พทุ ธศาสนาสืบไป” ประกาศพระบรมราชโองการใหญส่ ถาปนาสมเด็จพระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๒

เถรธรรม บวรธรรมบ ิพตร 115 ๑ รตั ตญั ญูแสดงความเป็นพระผูบ้ วชนาน จงึ รเู้ ห็นกิจการต่างๆ ได้

บวรธรรมบ ิพตร 116 เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ประเทศไทยที่สมเด็จ พระสงั ฆราช ผเู้ ปน็ มหาเถระรตั ตญั ญเู สดจ็ ไปเปน็ ประธาน ในการประชมุ นานาชาตใิ นตา่ งประเทศ ในฐานะทรงเป็นประมุขแห่งคณะสงฆ์ไทย ทรงเป็นองค์ประธานในการประชุม The First World Buddhist Propagation Conference ระหวา่ งวนั ที่ ๕-๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑

เกยี รตบิ ตั ร ‘พระประมขุ สงู สดุ แหง่ พระพทุ ธ- บวรธรรมบ ิพตร 117ศาสนาโลก’ วันท่ี ๑ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๕

บวรธรรมบพติ ร 118

เทนซนิ เกยี ตโซทะไลลามะ องคท์ ่ี ๑๔ องค์ทะไลลามะเสด็จเยือนวัดบวรนิเวศวิหารครั้งแรกเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ เมือ่ ครงั้ ดำ�รงสมณศกั ดิท์ ี่ พระสาสนโสภณ ได้ถวายการต้อนรับ และได้มพี ระปฏิสนั ถาร กันในเร่ืองการปฏิบัติกรรมฐานตามแบบเถรวาท ตามความ สนใจขององคท์ ะไลลามะ ต่อมาเสด็จเยือนวัดบวรนิเวศวิหารเป็นครั้งท่ีสอง เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ทรงกลา่ วสมั โมทนยี กถา ณ สภาการ ศกึ ษามหามกุฏราชวทิ ยาลยั และคร้งั ที่สามในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ในคร้ังน้ีได้ทรงปรารภถึงเร่ืองพระปาติโมกข์ของวัชรยาน และเถรวาท เปน็ เหตใุ หท้ ง้ั สองพระองคม์ คี วามสนทิ คนุ้ เคยกนั จนองค์ทะไลลามะได้ทรงตรัสทักทายเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ดว้ ยความเปน็ กนั เองวา่ “พช่ี ายคนโตทางธรรมของขา้ พเจา้ ” และคร้ังสุดท้ายทั้งสองพระองค์ได้ร่วมก่อต้ัง องค์กรสุดยอดผู้นำ�พระพุทธศาสนาโลกที่ประเทศญี่ปุ่น เม่อื ปี พ.ศ. ๒๕๔๑ บวรธรรมบ ิพตร 119

บวรธรรมบพติ ร 120

“การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ทำ�ให้พวกเรา บวรธรรมบ ิพตร 121สูญเสียมิตรทางธรรมท่ีสำ�คัญย่ิงพระองค์หน่ึงข้าพเจ้าได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์เม่ือหลายปกี อ่ น มคี วามเคารพและชน่ื ชมตอ่ พระองคอ์ ยา่ งสุดซึ้งในวิถีท่ีพระองค์ทรงปฏิบัติพระศาสนกิจไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ ตลอดพระชนมช์ พี อนั ยาวนานและมีคุณค่า พระองค์ได้อุทิศตนเพ่ือประโยชน์เกอ้ื กลู ตอ่ มนษุ ยชาติ” พระสมณสาสน์ แสดงธรรมสังเวชในการสิ้นพระชนมข์ อง เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสงั วรฯ จากองค์ทะไลลามะ



๑๒ บวรธรรมบ ิพตร 123 ๓๔๑. สมเด็จพระอัคคมหาสังฆราชาธิปติเทพวงศ์ ประมุขสงฆ์ฝ่ายมหานิกายของประเทศกมั พชู า ทรงถวายสักการะ พ.ศ.๒๕๔๖๒. คณะสงฆ์ลังกาถวายสักการะ พ.ศ.๒๕๔๒๓. พระอคั คมหาปณั ฑติ อทุ คุ ามา ศรพี ทุ ธ-รกั ขิต รัตนปาล มหานายเก เถโร ประมขุสงฆ์นิกายสยามวงศ์ ประเทศศรีลังกาถวายสักการะเน่ืองในวันคล้ายวันประสูติครบ ๙๐ ปี ๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๔๖๔. คณะสงฆ์มหายานนิกายเนนบุตซึสุประเทศญี่ปนุ่ ถวายสักการะ พ.ศ. ๒๕๔๗

บวรธรรมบ ิพตร 124 พระราชพิธีเสด็จพระราชดำ�เนินเลียบพระนครโดยกระบวน พยหุ ยาตราทางสถลมารค เพอ่ื ทรงบชู าพระรตั นตรยั ณ พระอโุ บสถ วัดบวรนเิ วศวิหาร วันที่ ๗ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๐๖

บวรธรรมบพติ ร 125

บวรธรรมบพติ ร 126

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก(เจริญ สวุ ฑฒฺ โน) ทรงเปน็ รัตตญั ญมู หาเถระทรงเจริญพระชนมายุ ๑๐๐ พรรษา กบั ๒๑ วันทรงด�ำ รงอยใู่ นเพศพรหมจรรย์ ๘๗ ปีทรงดำ�รงตำ�แหนง่ เจา้ อาวาสวัดบวรนิเวศวหิ าร ๕๒ ปีทรงเปน็ กรรมการมหาเถรสมาคม ๕๐ ปีทรงเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยตุ ๒๕ ปีทรงด�ำ รงตำ�แหนง่ สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ๒๔ ปี บวรธรรมบ ิพตร 127

บวรธรรมบพติ ร 128

“...เราท้ังหลายเป็นลูกชาวบ้านลูกประชาชนด้วยกันและก็ได้เข้ามาบวชเจริญยั่งยืนอยู่ในพระธรรมวินัยน้ีและเมื่อเป็นผู้ใหญ่ข้ึนก็ได้ดำ�รงตำ�แหน่งอยู่ในคณะสงฆ์ตงั้ แตช่ น้ั เจา้ อาวาสเปน็ ตน้ มา โดยล�ำ ดบั ตามควรแกฐ่ านะและก็ได้อาศัยทางบ้านเมืองมีสัมพันธ์กันด้วยระบบอุปการคุณ และคณะสงฆ์เองก็ได้ประพฤติดีปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย และได้แสดงธรรมะส่ังสอนเผยแพร่พระพทุ ธศาสนา พรอ้ มทงั้ แผเ่ มตตาจติ ไปในประเทศชาติประชาชนทัง้ ปวงเป็นการตอบแทน เม่ือทุกฝ่ายต่างเป็นผู้ให้และต่างเป็นผู้รับตามธรรมะที่พระพทุ ธเจ้าทรงส่งั สอนดังนี้ จึงเปน็ อนั ว่าท้ังหมดนี้มีพระพุทธศาสนา คือคุณธรรมต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนนั่นเอง เป็นเคร่ืองยึดเหนี่ยวน้ําใจของกันและกัน ให้มีความรัก เคารพนับถือกันอุปการะเกื้อหนุนกันตามควร ดุจดังพ่อแม่มีอุปการะเมตตาตอ่ ลกู เปน็ บพุ การขี องลกู ลกู กเ็ ปน็ กตญั ญกู ตเวทีเปน็ ตน้ เมือ่ เปน็ ด่งั นี้ ทุกฝ่ายจึงอยู่ไดด้ ้วยดี” พระโอวาทประทานแด่คณะสงฆ์ในเขตกรงุ เทพมหานครเขา้ เฝ้าถวายสกั การะ เมอื่ วนั ท่ี ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๒

บวรธรรมบ ิพตร 130 ๑. พัดยศสมณศักดสิ์ มเดจ็ พระสังฆราช ๒. พัดแฉกงาพเิ ศษประดับพลอย พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ พระราชทาน เป็นพัดยศที่พระราชทานแด่เจ้าคณะใหญ่คณะ พระบรมราชานุญาตให้กรมการศาสนาจัดสร้าง ธรรมยตุ ซึ่งใชเ้ ฉพาะในวนั งานพระราชพิธีถือน้าํ ขึ้นใหม่ทดแทนพัดยศของเดิมท่ีสภาพค่อนข้างเก่า พระพพิ ฒั นส์ ตั ยา และวนั รบั พระกฐนิ หลวงเทา่ นนั้ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้า- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ อยหู่ วั ทที่ รงครองราชสมบตั ยิ นื นานยงิ่ กวา่ พระมหา พระราชทานพดั แฉกงานแี้ ดส่ มเดจ็ พระญาณสงั วร กษัตริยาธิราชในอดีต และเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในฐานะที่ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกพระพุทธ- ในวาระท่ีทรงเจริญพระชนมายุ ๘๐ พรรษา ศาสนา โดยโปรดให้คงลักษณะพัดยศของเดิมไว้ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ แตเ่ ปลย่ี นลวดลายกลางพดั เปน็ ตราพระราชลญั จกร ประจ�ำ รัชกาลปัจจุบนั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรง ประเคนพัดยศน้ีถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช ในพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๒

พดั ยศสมณศกั ด์ิสมเดจ็ พระสงั ฆราชสกลมหาสงั ฆปรณิ ายก บวรธรรมบ ิพตร 131

พ ร ะ เ ถ ร า นุ เ ถ ร ะ ถ ว า ย สั ก ก า ร ะ กรรมการมหาเถรสมาคมและพระเถรานุเถระ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ในฐานะของ พระประมขุ ผทู้ รงรตั ตญั ญู ในเทศกาล เข้าพรรษา ตามพระพุทธโอวาททว่ี ่า “ ดู ก่ อ น ภิ ก ษุ ทั้ ง ห ล า ย พ ว ก ภิ ก ษุ จั ก สั ก ก า ร ะ เคารพนับถือ บูชาภิกษุ ผู้เป็นเถระ ผู้รัตตัญญู บวชนาน เป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปริณายก และจัก เช่ือฟังถ้อยคำ�ของท่าน เหลา่ นน้ั อยเู่ พยี งใด พงึ หวงั ความเจริญสว่ นเดยี ว ไม่มี เสือ่ มเพยี งน้ัน” มหาปรินพิ พานสูตรบวรธรรมบ ิพตร 132 พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

พระสุธรรมคณาจารย์ (เหรียญ วรลาโภ) บวรธรรมบ ิพตร 133

บวรธรรมบ ิพตร 134 ทรงถ่ายภาพหมู่กบั พระเถระและพระนวกพรรษกาล วดั บวรนิเวศวิหาร พ.ศ. ๒๕๔๖

บวรธรรมบพติ ร 135

เจา้ พระคณุ สมเด็จฯ ผู้ทรงเปน็ รัตตัญญพร้อมดว้ ยพระเถรานเุ ถระ วัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ. ๒๕๒๘บวรธรรมบ ิพตร 136

ทรงรับการถวายสักการะจากพระเถรานเุ ถระวัดบวรนเิ วศวหิ าร พ.ศ. ๒๕๕๔ บวรธรรมบ ิพตร 137

บวรธรรมบพติ ร 138

อภวิ าทนสีลิสสฺ บวรธรรมบ ิพตร 139 นิจจฺ ํ วฑุ ฺฒาปจายโิ นจตฺตาโร ธมมฺ า วฑฒฺ นตฺ ิ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํผ้อู ภิวาทกราบไหวอ้ ่อนนอ้ มตอ่ ผูใ้ หญอ่ ยู่เป็นนติ ย์ยอ่ มเจริญธรรม ๔ ประการ คอื อายุ วรรณ สุข พล

บวรธรรมบ ิพตร 140 ความเป็นผู้มี ‘ศีล’ วินัยท่ีพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติสำ�หรับบรรพชิต เรียกว่า อนาคาริยวินัย ส่วนศีลของคฤหัสถ์ฆราวาสคือ ศีล ๕ ศีล ๘ เรียก อาคาริยวนิ ัย อันท่จี รงิ ศลี มีจำ�นวนต่างๆ นนั้ เรยี กตาม จำ�นวนสิกขาบทคือจำ�นวนข้อหรือมาตราในพระวินัยน้ันเอง ล�ำ พงั ตวั ‘ศลี ’ ไม่มีจ�ำ นวน เพราะมลี กั ษณะอยา่ งเดียวคอื ความ เป็นปกติเรียบร้อยเท่าน้ัน เหมือนอย่างกฎหมายมีมากข้อแต่ก็ เพ่ือผลร่วมกันอย่างเดียวเท่าน้ันคือ ความสงบสุขเรียบร้อย ของประชาชน และเมื่อปฏิบัติเป็นปกติแล้ว ก็เป็นศีลที่อยู่ตัว คืองดเว้นได้เป็นปกติทีเดียว พระนพิ นธ์ญาณสังวรธรรม ธรรมาภิธานเลม่ ๓

เถรธรรม ๒ สลี วาเปน็ ผู้มศี ีล สมบรู ณ์ดว้ ยสลี สกิ ขา บวรธรรมบ ิพตร 141

บวรธรรมบ ิพตร 142 เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงเย็บผ้าพระกฐิน เปน็ ปฐมฤกษ์ วินัยกรรม ตามพระวินัย ภิกษุผู้จะใช้ผ้าผืนใหม่ต้องทำ�วินัยกรรม คือต้องทำ�พินทุก่อนแล้วจึงใช้ได้ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงทำ�พินทุผ้าพระกฐินในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๓๗

พินทุ คือการทำ�จุดหรือ บวรธรรมบ ิพตร 143เ ค ร่ื อ ง ห ม า ย ล ง บ น ผ้ าผืนใหม่ ก่อนที่จะนำ�ผ้านั้นมาใชน้ งุ่ ห่ม

เสด็จไปแสดงพระธรรมเทศนา ณ เรือนจ�ำ เชยี งใหม่ พ.ศ. ๒๕๒๔บวรธรรมบ ิพตร 144

ร่วมประชุมคีตาสากล ณ เมืองโจธปูร์ บวรธรรมบ ิพตร 145 รฐั ราชสถาน ประเทศอนิ เดีย พ.ศ. ๒๕๒๓ก�ำ หนดรวู้ า่ จกั เขา้ บา้ น พงึ ถอดรองเทา้พึงนุ่งให้เป็นปริมณฑล คาดประคดเอว หม่ ผ้าซ้อนสองชั้น กลัดลูกดุมล้ า ง บ า ต ร แ ล้ ว ถื อ เ ข้ า บ้ า น โ ด ยเรียบรอ้ ย ไม่ต้องรีบร้อน พึงปกปิดกายดว้ ยดไี ปในละแวกบา้ น พงึ ส�ำ รวมด้วยดไี ปในละแวกบา้ น ปิณฑจาริกวตั ร

๑ ๒๓๑. พระพทุ ธวชิรญาณ พระพทุ ธรปู ฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า-เจ้าอยู่หวั ณ พระวหิ ารเกง๋ วัดบวรนิเวศ-วหิ าร๒. พระอฐั แิ ละอฐั ิ เจา้ อาวาสวดั บวรนเิ วศ-วหิ าร ณ พระต�ำ หนกั เดมิ วดั บวรนเิ วศวหิ าร๓. อฐั พิ ระพรหมมนุ ี (ผนิ สวุ โจ) เจา้ อาวาสวดั บวรนเิ วศวิหาร รูปที่ ๕

คารวธรรม บวรธรรมบ ิพตร 147เป็นธรรมเนียมปฏิบัติในพรรษกาลที่พระสงฆ์ในพระพทุ ธศาสนาถวายสกั การะบรุ พาจารยเ์ พอ่ื นอ้ มร�ำ ลกึถึงพระคณุ ตามวนิ ยั นยิ ม

บวรธรรมบ ิพตร 148 พระรปู สมเด็จพระสงั ฆราชในอดตี ทุกพระองค์ พระรปู สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ ก ร ม พ ร ะ ป ร ม า นุ ชิ ต ชิ โ น ร ส วดั พระเชตพุ นวิมลมงั คลาราม

๑๒ ๑. พระรปู สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวง สมณศักด์ิท่ีสมเด็จพระญาณสังวรพระองค์ บวรธรรมบ ิพตร 149๓๔ ชนิ วรสริ วิ ฒั น์ วดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม แรก ประดิษฐานภายในกุฏิกรรมฐาน ๒. พระอัฐิสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ณ วดั ราชสิทธาราม สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริ) ๔. พระอัฐิสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ วัดพระเชตุพนวมิ ลมังคลาราม สมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภโณ) ๓. พระรูปสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ วดั เบญจมบพิตรดุสิตวนาราม สมเด็จพระสังฆราช (สุก) ซึ่งเคยดำ�รง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook