2. การประชาสมั พันธข์ ่าวสารและบริการ การประชาสัมพนั ธ์ขา่ วสารและบรกิ ารของห้องสมดุ ไดแ้ ก่ การแนะนาหนังสอื ใหม่ การแจง้ เวลาเปิดปิดบริการ การแจง้ ตารางกิจกรรมสง่ เสรมิ การรู้สารสนเทศ แนะนาฐานข้อมลู และบรกิ ารใหม่ ฯลฯ ผ่านแอปพลเิ คชนั ไลน์ สามารถส่งข้อมลู ไดใ้ นลักษณะของรูปภาพ ขอ้ ความ และวิดีโอ โดยขอ้ มูล ที่ประชาสมั พนั ธ์จะถูกสง่ ถึงผู้ท่ีตดิ ตามบัญชีของห้องสมดุ ทุกคนในการส่งเพยี งครง้ั เดยี ว ซ่งึ เจา้ หน้าท่ี ผูด้ ูแลระบบสามารถตั้งเวลาในการสง่ ข้อความและเลือกกลุ่มเปา้ หมายท่ีต้องการตามเพศและชว่ งอายุ ได้ ขัน้ ตอนการประชาสัมพันธ์ข้อมลู (Broadcast) 1) เมอ่ื เข้าสู่ Line@ แลว้ ใหไ้ ปกดทปี่ มุ่ Manage 2) กดทีป่ ุ่ม Broadcast เพื่อเขา้ ไปใชง้ าน 3) กดทป่ี ุ่ม + เขียนข้อความใหม่ (Create new message) 4) จากนั้นกดที่ปุ่ม แกไ้ ขข้อความ (Edit message) 5) พิมพข์ ้อความที่ตอ้ งการ ใสเ่ ป็นข้อความหรือรปู ภาพ เม่ือพิมพ์เสรจ็ แล้วกดปุ่ม ส่ง (โดยการสง่ แตล่ ะครัง้ ส่งไดไ้ ม่เกนิ 3 รายการ) 6) เมือ่ ไดข้ ้อความทต่ี ้องการแล้วให้กดปมุ่ เสรจ็ (Done) (ด้านขวาบน) 7) ข้นั ตอนน้ี ขอ้ ความ Broadcasts ยังไม่ถกู สง่ ออก สามารถตัง้ คา่ เพิ่มเติม คือ - ตง้ั เวลาสง่ ขอ้ ความ สามารถตง้ั เวลา ในการส่งข้อความได้ โดยกาหนดเป็นวนั เวลา ทีต่ อ้ งการใหส้ ง่ ข้อความ - โพส (Post to home) หากกาหนดสเี ขยี ว เม่ือ Broadcasts ออกไป จะทาการ โพสขอ้ ความบน Timeline แตส่ ามารถทาได้ในกรณีท่ีทาการ ส่งข้อความเพยี ง 1 ขอ้ ความเทา่ นนั้ 8) เมื่อกาหนดเรียบร้อยแลว้ ใหก้ ดปุ่ม สง่ ข้อความ (Submit) 3. บรกิ ารนาสง่ -รับคนื ทรพั ยากรสารสนเทศ จัดขน้ึ เพื่ออานวยความสะดวกในการนาสง่ และรบั คืนทรัพยาการสารสนเทศแก่คณาจารย์ และนักวจิ ยั สังกดั คณะท่ีตั้งอยู่ภายในมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ศนู ย์รงั สติ โดยส่งขอ้ ความแจง้ ขอ้ มลู หนังสอื ที่ต้องการ วนั ที่ เวลาและสถานทีใ่ นการจัดส่ง ผ่านช่องทางไลน์แอด จากนนั้ เจา้ หนา้ ที่ จะดาเนนิ การยืมทรัพยากรสารสนเทศและนาส่งตามที่ร้องขอ ผลการดาเนินงาน จากการนาโปรแกรมไลนแ์ อดมาประยุกตใ์ ชก้ ับงานบริการห้องสมดุ และนาผล การดาเนินงานระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2561 มาวิเคราะหด์ ว้ ยโปรแกรม TABLEAU พบข้อมูลทนี่ า่ สนใจ ดังน้ี ภาพท่ี 3 จานวนผ้ตู ดิ ตามในแต่ละห้องสมุด (ข้อมูล ณ วันที่ 20 กนั ยายน 2561)
ภาพที่ 4 ผลการดาเนนิ งานการใช้แอปพลเิ คชนั ไลนแ์ อดของหอสมุด ฯ 1. ประเภทของคาถามทีผ่ ู้ใช้บรกิ ารสอบถามมากทีส่ ดุ 5 อันดบั แรก ลาดับท่ี 1 คาถามอ่ืน ๆ (Others) รอ้ ยละ 35.8% คือ คาถามทพี่ บความถจ่ี านวนนอ้ ยคร้ัง ไมส่ ามารถระบุกลุ่มของคาถามได้อยา่ งชัดเจน ได้แก่ การบริจาคหนังสือ การลงทะเบยี นกิจกรรม การปฐมนิเทศห้องสมุด ส่งิ อานวยความสะดวกต่าง ๆ การแจง้ ปัญหาการใชบ้ ริการ เปน็ ต้น ลาดับที่ 2 ทตี่ ั้งของทรัพยากรสารสนเทศ (Resources location) 28.11% ลาดับท่ี 3 การชว่ ยคน้ ควา้ (Reference service) 17.16% ลาดบั ที่ 4 เวลาเปิด-ปิดบริการ (Library hours) 9.47% ลาดบั ท่ี 5 บริการยืม-คนื (Circulation service) 5.62% ภาพท่ี 5 ประเภทของคาถามทผี่ ู้ใชบ้ รกิ ารสอบถามมากที่สุด 2. ช่วงเวลาทีผ่ ้ใู ช้บรกิ ารสอบถามมากทีส่ ดุ ลาดบั ที่ 1 เวลา 12.00 น. คดิ เป็น 12.72% ลาดบั ที่ 2 เวลา 13.00 น. คิดเป็น 12.13% และ ลาดบั ท่ี 3 เวลา 11.00 น. และ 16.00 น. คิดเป็น 10.36% ตามลาดบั ภาพที่ 6 ช่วงเวลาทผ่ี ้ใู ช้บริการสอบถามมากทีส่ ดุ
โดยแตล่ ะช่วงเวลา สามารถแบ่งประเภทของคาถาม ได้ดงั นี้ ชว่ งเวลา ประเภทของคาถาม จานวนคาถาม (%) ที่ตัง้ ของทรพั ยากร 5.33 เวลา 12.00 น. การช่วยค้นคว้า 2.37 (12.72%) คาถามอ่ืน ๆ 2.37 เวลาเปิด-ปิดบริการ 1.18 เวลา 13.00 น. บริการสนับสนุนการวจิ ยั 0.89 (12.13%) บริการยืม-คืน 0.59 คาถามอื่น ๆ 4.14 เวลา 11.00 น. ที่ตง้ั ของทรพั ยากร 3.85 (10.36%) การชว่ ยคน้ ควา้ 2.07 บรกิ ารยมื -คืน 1.18 เวลา 16.00 น. เวลาเปิด-ปิดบรกิ าร 0.59 (10.36%) ขอ้ เสนอแนะ/ ข้อร้องเรียน 0.30 คาถามอ่ืน ๆ 4.44 ทต่ี ั้งของทรัพยากร 2.96 การช่วยค้นควา้ 2.07 เวลาเปิด-ปิดบริการ 0.59 บรกิ ารสนับสนุนการวจิ ยั 0.30 ท่ตี ั้งของทรพั ยากร 3.55 การชว่ ยคน้ คว้า 2.96 คาถามอื่น ๆ 2.96 เวลาเปิด-ปิดบริการ 0.59 ข้อเสนอแนะ/ ขอ้ ร้องเรียน 0.30 จากตาราง จะเห็นไดว้ ่า คาถามท่ถี ามบอ่ ยทสี่ ุดในชว่ งเวลาทม่ี ีผใู้ ชบ้ ริการสอบถามมากทีส่ ุด คือ ทต่ี ัง้ ของทรัพยากรสารสนเทศ การชว่ ยค้นคว้า และคาถามอน่ื ๆ 3. ระยะเวลาทใ่ี ช้ในการตอบกลับผูใ้ ช้บริการ เม่อื มีผ้ใู ชบ้ ริการสอบถามผ่านทางไลน์แอด โดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 0-5 นาที ในการตอบกลับ คิดเป็น 72.78% ระยะเวลา 10-60 นาที คิดเปน็ 13.61% ระยะเวลามากกวา่ 60 นาที คดิ เปน็ 7.99% ภาพที่ 7 ระยะเวลาทใี่ ช้ในการตอบกลับผู้ใชบ้ ริการ
การสารวจความพงึ พอใจของกลมุ่ ผใู้ ช้บรกิ ารผา่ นไลนแ์ อด หลงั จากทีห่ อสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไดม้ ีการนาไลนแ์ อดมาเป็นส่วนหนึ่ง ในการใหบ้ ริการมาระยะหนง่ึ แลว้ จึงได้มีการสารวจความพึงพอใจของผู้ใชบ้ รกิ ารเพอื่ เปน็ แนวทาง ในการพัฒนาต่อไป โดยผลสารวจความพงึ พอใจมาจากกลมุ่ ผู้ใชบ้ ริการไลนแ์ อดของหอ้ งสมดุ 5 แห่ง ไดแ้ ก่ หอสมุดป๋วย อ๊งึ ภากรณ์, หอสมดุ ปรดี ี พนมยงค์, ห้องสมดุ สญั ญา ธรรมศกั ดิ์, ห้องสมุดนงเยาว์ ชยั เสรี และหอ้ งสมดุ ศาสตราจารย์ดิเรก ชัยนาม ดา้ นความรวดเรว็ ในการใหบ้ ริการ ผ้ใู ช้บริการมีความพึงพอใจในระดบั มากทสี่ ุด มีค่าเฉล่ีย (������̅) = 4.46 ดา้ นผู้ใหบ้ รกิ ารมีความรู้ความสามารถในการตอบขอ้ ซักถาม ใหก้ ารช่วยเหลอื และแก้ไข ปญั หาไดเ้ ปน็ อย่างดี ผู้ใช้บริการมคี วามพึงพอใจในระดบั มากทสี่ ุด มคี ่าเฉลี่ย (������̅) = 4.42 และ ความพึงพอใจโดยภาพรวม อย่ใู นระดับมากท่ีสุด มีค่าเฉลยี่ (������̅) = 4.49 สรปุ ผล การอภปิ รายผล ข้อเสนอแนะและการนาไปใชป้ ระโยชน์ การอภิปรายผล 1. จานวนผ้ตู ิดตาม จากจานวนผู้ติดตาม Line@ ของห้องสมดุ ต่าง ๆ พบวา่ จานวนผ้ตู ิดตามบัญชไี ลน์แอด ของหอสมุดปว๋ ย อ๊ึงภากรณ์ มากที่สดุ โดยคาดวา่ ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี ซ่งึ เป็นกลุม่ ผรู้ บั บรกิ ารหลกั ของหอสมุดป๋วย และสอดคล้องกบั ผลการสารวจพฤตกิ รรมการใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ของ เจนเนอเรชัน่ Y (Gen Y) ของสานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอเิ ล็กทรอนิกส์ (2560) ทพี่ บว่าบคุ คล ช่วงอายุ 17-37 ปี เป็นกลุ่มที่มีความนยิ มใชส้ ่ือสงั คมออนไลน์ ประเภท Line มากที่สุด (รอ้ ยละ 97.9) ตามมาดว้ ย เฟซบุ๊ก (รอ้ ยละ 97.8) 2. ประเภทของคาถาม จากผลการวิเคราะห์ข้อมลู พบว่าคาถามเกยี่ วกบั ที่ตง้ั ของทรัพยากรสารสนเทศเปน็ คาถาม ที่พบบ่อย (ร้อยละ 28.11) ทั้งนอ้ี าจเน่ืองมาจากแผนผงั และปา้ ยบง่ ชี้ทรัพยากรสารสนเทศ ไม่ชัดเจน เพียงพอสาหรบั การสอื่ สารให้ผู้ใช้บริการเข้าใจได้ สอดคลอ้ งกบั ผลการสารวจความพงึ พอใจ ผรู้ ับบรกิ าร ปงี บประมาณ 2561 พบว่าผู้ใช้บรกิ ารประสบปัญหาในเรื่องของป้ายบอกทิศทาง แผนผงั ทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุดไม่ชัดเจน (หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร,์ 2561) นอกจากน้ี คาถามในกลมุ่ อ่นื ๆ สามารถนาข้อมูลมาวิเคราะหเ์ พ่ือปรบั วธิ กี ารส่ือสารกบั ผู้ใช้ตาม ช่วงเวลาท่จี าเป็น เช่น คาถามเกีย่ วกบั การชาระค่าปรับ เม่ือดูจากชว่ งเวลาร่วมดว้ ยแล้ว พบว่าสาเหตุ ท่ผี ้ใู ช้สง่ คาถามเขา้ มามาก เป็นเพราะอยู่ในระหวา่ งใกล้สน้ิ สุดภาคเรยี นทนี่ กั ศึกษาจะแจ้งจบการศึกษา ในส่วนนกี้ ารให้ข้อมลู ข่าวสารเร่อื งการชาระค่าปรบั อาจยงั ไมท่ ั่วถึง จึงต้องมาปรับวธิ ีการส่ือสาร และอธิบายให้ผูใ้ ชบ้ ริการได้รับทราบต่อไป 3. ช่วงเวลาทีถ่ าม เมอ่ื พจิ ารณาจากผลการวิเคราะหข์ ้อมูล พบว่าชว่ งเวลาทีผ่ ใู้ ชส้ อบถามข้อมูล คอื เวลา 12.00 น. และเวลา 16.00 น. ซ่งึ คาดวา่ นา่ จะเป็นช่วงทผ่ี ู้ใช้บรกิ ารสว่ นใหญ่ (นกั ศึกษาระดับ ปรญิ ญาตร)ี วา่ งเว้นจากการเข้าชั้นเรยี น จงึ มเี วลาสาหรับการค้นคว้าข้อมูลและสอบถามบรกิ ารกับ เจา้ หนา้ ทห่ี ้องสมุด โดยจากข้อมูลนี้ หอ้ งสมุดสามารถนามากาหนดแนวทางการใหบ้ ริการโดยการเพมิ่
เจ้าหน้าทผ่ี ้ใู หบ้ รกิ ารเพื่อใหส้ ามารถตอบกลับผูใ้ ชไ้ ด้อยา่ งรวดเรว็ รวมทงั้ ใชร้ ะยะเวลานี้เปน็ ช่วงเวลา สาหรับการสง่ ข้อความประชาสัมพนั ธ์ขอ้ มูลขา่ วสารและบริการต่าง ๆ เพ่ือมิให้ข้อความท่ีสง่ นนั้ รบกวนเวลาในช้ันเรยี นของนักศึกษา นอกจากน้ีอาจใช้เปน็ แนวทางในการกาหนดช่วงเวลาในการจัด กิจกรรมตา่ ง ๆ ของหอ้ งสมุดได้อกี ดว้ ย 4. เวลาท่ีใช้ในการตอบกลับ จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าเจ้าหน้าทผ่ี ู้ใหบ้ ริการส่วนใหญ่ (รอ้ ยละ 72.78) ใช้เวลา ในการตอบกลับผใู้ ช้ อยทู่ ี่ 0-5 นาที ซึ่งสอดคล้องกับคา่ เป้าหมายตวั ชว้ี ัดบริการทหี่ ้องสมุดกาหนด ระยะเวลาในการตอบกลบั อยู่ท่ภี ายในไมเ่ กิน 30 นาทีหลงั จากไดร้ ับขอ้ คาถามจากผู้รับบริการ โดย เมอ่ื พิจารณาจากคาถามท่ีใช้เวลาในการตอบกลับในระยะเวลา 10-60 นาที และมากกว่า 60 นาที มกั จะเป็นคาถามท่ผี ู้ใช้ถามในชว่ งนอกเวลาราชการ เช่น เวลา 6.00-7.00 น. หรอื เปน็ คาถามเฉพาะ ด้านทเ่ี จา้ หน้าทผ่ี ้ใู หบ้ ริการบางคนอาจไม่ทราบข้อมลู จงึ ทาให้ตอบคาถามช้ากว่าเกณฑ์เวลาทก่ี าหนด ท้งั นจี้ านวนบุคลากรทีร่ ับผดิ ชอบไลน์แอดของแตล่ ะห้องสมุดกเ็ ป็นปจั จยั หนง่ึ ท่ีมผี ลตอ่ เวลาท่ีใชใ้ น การตอบกลบั ซึ่งหอ้ งสมดุ ท่ีมีการตอบกลบั ไดเ้ ร็วทสี่ ุดคือ หอสมุดปว๋ ย อึ๊งภากรณ์ เนอื่ งจากมีจานวน ผใู้ ห้บริการไลน์แอด 16 คน การนาไปใชป้ ระโยชน์ ประโยชน์ต่อหอ้ งสมุด 1. หอ้ งสมดุ มีช่องทางในการสื่อสารและประชาสัมพนั ธ์ท่เี ขา้ ถึงผู้ใชบ้ รกิ ารได้มากขนึ้ 2. มกี ารนาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสง่ เสริมในการให้บรกิ ารห้องสมดุ สนบั สนนุ ภาพลักษณ์ ความเป็นห้องสมุดยุคใหม่ บรกิ ารทกุ ที่ ทุกเวลา 3. สามารถสง่ ขอ้ มลู แบบรอดคาสตร์ข้อมูลได้พรอ้ ม ๆ กัน โดยผู้ใช้สามารถเห็นข้อความได้ รวดเรว็ กว่าการสง่ แบบอเี มล 4. บรรณารกั ษ์และเจ้าหน้าที่มีการทางานรว่ มกนั เป็นทีม ได้ฝกึ ฝนทักษะในการตอบ คาถาม ประโยชน์ต่อผใู้ ช้บริการ มชี ่องทางในการแสดงความคิดเห็น สอบถาม หรือให้ข้อแนะนาตา่ ง ๆ ได้อยา่ งรวดเรว็ มากขึ้น ขอ้ เสนอแนะ 1. ควรนาข้อคาถามมาวิเคราะหค์ วามถี่ของคาที่พบบ่อย (Word analytics) และ สรา้ งระบบตอบกลับอตั โนมัติใหก้ บั คาถามเหล่าน้ัน เพือ่ ชว่ ยประหยดั เวลาในการพิมพ์ข้อความ ตอบกลับของเจ้าหน้าท่ี 2. ควรมีการศึกษาความพงึ พอใจในการใชบ้ รกิ ารไลนแ์ อดของ หอสมดุ แหง่ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ เพอื่ ทราบปัญหา อุปสรรคและขอ้ เสนอแนะในการพัฒนาบริการต่อไป 3. Line@ จดั เก็บข้อมูลสว่ นบุคคลของผตู้ ิดตามเฉพาะในด้านเพศและอายุ ทาให้ ไมส่ ามารถวเิ คราะห์ความสัมพันธข์ องพฤตกิ รรมและสถานะสว่ นบุคคลได้อยา่ งชดั เจน ดังน้นั ควรมี การหาแนวทางในการจัดเก็บข้อมูลสว่ นบคุ คลเพ่ิมเติม
รายการอา้ งอิง Carr, C. T., & Hayes, R. A. (2015). Social media: Defining, developing, and divining. Atlantic Journal of Communication, 23(1), 46-65. Thaipradit, K., & Treeratanaporn, T. (2016). Social commerce: The comparative selective different characteristics among facebook, line, and instagram. Executive Journal, 36(2), 24-38. สานกั งานพัฒนาธรุ กรรมทางอิเลก็ ทรอนกิ ส.์ (2560). รายงานผลการสารวจพฤตกิ รรมผู้ใช้ อนิ เทอรเ์ นต็ ในประเทศไทยปี 2560. กรงุ เทพฯ: หนว่ ยยุทธศาสตร์ สานักงานพฒั นา ธรุ กรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส.์ หอสมุดแหง่ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร.์ (2560). รายงานประจาปี 2560. กรุงเทพฯ: หอสมดุ แห่งมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. หอสมดุ แหง่ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์. (2561). ผลสารวจความพงึ พอใจผู้รบั บริการหอ้ งสมุดปี การศึกษา 2560. เข้าถงึ ได้จาก https://drive.google.com/file/d/ 14nIGzxBM22q0WcLbs_KHC12cOrI3aBHn/view?usp=sharing
การใชเ้ ครือขา่ ยสังคมออนไลน์ในการเข้าถงึ ผู้ใชบ้ รกิ ารหอ้ งสมดุ Using Social Networking Sites for Library Outreach ชมพนู ชุ สราวเุ ดชา, เสรี คาเปล่ียน, สภุ าลยั สิงคะตา หอ้ งสมดุ คณะแพทยศาสตร์ สานักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ e-mail: [email protected] บทคัดย่อ ห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ตระหนักถงึ พฤตกิ รรมการเข้าถงึ สารสนเทศทีเ่ ปลยี่ นแปลงไปอยา่ งรวดเร็ว จงึ มกี ารศกึ ษาการใชเ้ ฟซบกุ๊ (Facebook) และไลน์ (Line) ในการเผยแพร่บริการและสารสนเทศถึงผใู้ ช้บริการ โดยมวี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือพฒั นาการใช้เครอื ข่าย สงั คมออนไลน์ในการเข้าถึงผู้ใชบ้ ริการหอ้ งสมุดอย่างมปี ระสิทธภิ าพ และเพ่ือพฒั นาทกั ษะการสืบค้น ขอ้ มูล กลั่นกรอง และประเมินสารสนเทศของบุคลากรหอ้ งสมดุ ให้สามารถนาไปใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างเหมาะสม มขี นั้ ตอนการศกึ ษาคือรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมลู จานวนผูใ้ ชบ้ ริการท่ีเพ่ิมเข้าและ ออกจากเครือข่ายสงั คมออนไลน์ (Line, Facebook) รวมท้ังการมีปฏกิ ริ ยิ าต่อโพสต์ ไดแ้ ก่การแสดง ความรู้สกึ การแสดงความคิดเหน็ การแชรต์ อ่ การคลกิ ดูเพ่ิมเตมิ และการเข้าถึงโพสต์เฟซบกุ๊ ห้องสมดุ ของกลุ่มประชากรผเู้ ขา้ ใชบ้ ริการเครือข่ายสงั คมออนไลน์ ในช่วงเวลา 20 เดือน นบั จากวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2560 ถึง วันท่ี 31 สงิ หาคม พ.ศ. 2561 ผลการศึกษาพบว่าผใู้ ช้บรกิ ารมอี ตั ราการเพิ่มเข้ากลุม่ ไลน์ผ้ใู ชบ้ ริการหอ้ งสมดุ 15 คนต่อ เดอื น อตั ราการออกจากกลมุ่ 1 คนตอ่ เดือน และในการโพสต์ขอ้ ความบนเฟซบกุ๊ เฉลีย่ 25 ครั้งตอ่ เดือน มีอตั ราการกดถูกใจเพจเฟซบุ๊ก 17 คนต่อเดือน อัตราการเลิกถูกใจเพจเฟซบุ๊ก 10 คนต่อเดือน อตั ราการแสดงปฏิกิรยิ าต่อโพสต์ 3,646 คนต่อเดอื น และอัตราการเข้าถึงโพสต์ 26,710 คนตอ่ เดือน จากการศึกษาแสดงวา่ การใช้เครอื ข่ายสังคมออนไลน์ของห้องสมุดสามารถเขา้ ถงึ ผูใ้ ช้บริการจานวน มาก และมผี ลตอบรับด้วยการแสดงปฏิกิรยิ าตอบกลบั ต่อโพสตใ์ นปรมิ าณสูง รวมท้ังมีแนวโนม้ การคง อยู่ และเพ่ิมขน้ึ ของสมาชกิ เครือข่ายสังคมออนไลนอ์ ย่างต่อเน่อื ง นับเปน็ เคร่ืองมือท่ีมีประสิทธภิ าพสงู สาหรับห้องสมดุ ในการสง่ ผ่านสารสนเทศและบริการไปยังผใู้ ชบ้ ริการ อีกทงั้ ยงั เป็นช่องทางการพัฒนา ความสามารถของบคุ ลากรให้เปน็ ผูม้ คี วามใฝร่ ู้ และมีทักษะการประเมินสารสนเทศเปน็ อยา่ งดอี ีกด้วย คาสาคญั : เครอื ข่ายสังคมออนไลน์, การเผยแพรส่ ารสนเทศ, การเขา้ ถึงผูใ้ ช้บริการหอ้ งสมุด, เฟซบุ๊ก, ไลน์แอปพลเิ คชัน
Abstract The format of the diffusion of knowledge has been changed rapidly in the 21st century. Library of the Faculty of Medicine, Chiang Mai University has embraced the essence of social media inclusion such as Facebook and Line to increase the efficacy of service engagement to the library’s users. In order to further enhance the library outreach via continuously improvement through identification, collection and evaluation, this report discusses the usage of the library’s social network sites (LINE and Facebook) in the form of number of users, reaction to post, comments received, Post sharing, Other Clicks and Post Views in the period of 20 months from January 1st 2017 to August 31st 2018. It is found that the user joined the library Line group in the rate of 15 person per month while the rate of leaving the group was 0.5 person per month. Moreover, per monthly 25 posts on Facebook, Like was received 17 times, Unlike 10 times, Reaction to post 3,646 times and Post views 26,720 times. As can be seen from the study, the application of social media has greatly enhanced the access of users to the information of library service. In addition to the high number of responses received, the number of users was in constant with direction of steadily increasing. It can be concluded that social media as a user’s engagement and library outreach tool has proved to be highly efficient. Furthermore, academic librarian could improve and gain new skills on social media sites engagement and management to promote library’s service. Keywords: Social Networking Sites, Information Distribution, Library Outreach, Facebook, Line บทนา การได้รับการนึกถงึ เปน็ ท่ีแรก เม่อื ต้องการสารสนเทศ หรอื ความช่วยเหลอื (First stop) และการเปน็ ทย่ี อมรับ หรอื ไว้วางใจในบรกิ ารท่ีจะไดร้ บั (Recognition) ของผู้ใชบ้ ริการ เปน็ พ้นื ฐาน สาคญั ของพันธกิจตามยุทธศาสตรด์ า้ นบริการสารสนเทศสนับสนุนการวจิ ัย และดา้ นบรกิ ารทเี่ ป็นเลิศ ของสานักหอสมุด มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ หอ้ งสมดุ คณะแพทยศาสตรจ์ งึ มงุ่ สง่ เสรมิ ใหเ้ กิดการเรยี นรู้ และสนบั สนุนการทาวิจยั อยา่ งเข้มแขง็ ใหแ้ ก่ผ้ใู ชบ้ ริการ ซึ่งเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะ Facebook และ Liine นับเปน็ ชอ่ งทางสาคัญสาหรบั ใหผ้ ู้ใชบ้ รกิ ารเข้าถึงสารสนเทศ และบรกิ ารของ หอ้ งสมดุ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว รวมท้งั ช่วยสรา้ งความเชอ่ื ม่นั ให้เกิดกับองคก์ รได้เปน็ อยา่ งดี (Klassen, 2018) และดว้ ยการใช้งานอย่างกวา้ งขวางในกลมุ่ คนรนุ่ ใหม่ จงึ มีการศึกษาความเข้าใจของนกั ศกึ ษา
ทม่ี ตี ่อโซเชียลมีเดยี ประเภทเฟซบุก๊ ถงึ ประสทิ ธิภาพการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง (Students' self-efficacy in learning) และพบวา่ เฟซบุ๊กเปน็ เคร่ืองมือที่มีศกั ยภาพในการขยายการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง และ สามารถพัฒนาไปสูก่ ารเรยี นระดับเข้มขน้ มากยงิ่ ข้นึ ได้ (Tower, et al., 2014) ตลอดจนมีหน่วยงาน ทางการแพทย์นาเฟซบุ๊กมาใชเ้ ปน็ สอ่ื กลางการเรียน การสอนของนักศึกษาแพทย์ในห้องฉุกเฉิน ของโรงพยาบาล พร้อมกับตดิ ตาม ประเมินประสิทธภิ าพ พบวา่ นกั ศกึ ษาแพทยม์ ผี ลตอบรบั ทดี่ ี มกี ารเข้าถึงบทความวิชาการมากขน้ึ แมว้ า่ จะมีปฏกิ ริ ิยาตอบกลับด้วยการแสดงความคิดเห็น ไมม่ ากนักกต็ าม (Yuksen & Siricharoen, 2014) ในปัจจุบนั ห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์ใช้สื่อสงั คม ออนไลน์เปน็ เคร่ืองมือ (Social Networking Tools) ในการเผยแพรบ่ ริการ และสง่ ต่อสารสนเทศ ไปยังผใู้ ช้บริการ จานวน 4 ชอ่ งทาง คอื Line, Facebook, Twitter และ YouTube channel’ ซ่งึ ท้งั 4 ชอ่ งทางนนี้ บั เป็นเครื่องมือการส่ือสารทไ่ี ดร้ ับความนยิ มอย่างสูงในปัจจบุ นั เนอ่ื งจากข้อความ ท่ีส่ือมลี กั ษณะสัน้ กระชับ ได้ใจความสาคัญ ใช้ได้ในทุกอุปกรณ์ ไม่มีค่าใช้จา่ ย และประชากร กลมุ่ เปา้ หมายมีการใช้งานเคร่ืองมือส่ือสารเหล่านก้ี นั เปน็ ประจา สาหรับการศึกษานี้ ห้องสมุด คณะแพทยศาสตรค์ ัดเลือกส่ือสงั คมออนไลน์ ที่มีความเคลื่อนไหว และใช้งานมากทส่ี ดุ จานวน 2 ช่องทางคือ Line และ Facebook ในการวิเคราะหป์ ระสทิ ธิผลในการเขา้ ถึงผู้ใช้บรกิ ารของ ห้องสมดุ เพ่ือพฒั นาการดาเนินงานดว้ ยข้อมลู และหลักฐานเชิงประจักษ์ทถ่ี ูกต้อง ชัดเจนมากทสี่ ุด วัตถุประสงค์ 1. เพื่อพฒั นาการใชเ้ ครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ในการเขา้ ถึงผใู้ ช้บรกิ ารห้องสมุดอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ 2. เพือ่ พฒั นาทกั ษะการสบื ค้นขอ้ มูล กลั่นกรอง และประเมนิ สารสนเทศของบุคลากร ห้องสมุด ให้สามารถนาไปใช้ในการปฏบิ ัตงิ านได้อย่างเหมาะสม ขน้ั ตอนและวิธดี าเนนิ งาน 1. วางแผนการดาเนนิ งาน 1.1 ประเมนิ และคดั เลอื กเครือขา่ ยสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูง โดยพจิ ารณา จากสถติ ิการเขา้ ถึง 2 อันดับแรก ไดแ้ ก่ Line และ Facebook 1.2 กาหนดกลุม่ ประชากร คือผู้ใชบ้ ริการเครือขา่ ยสังคมออนไลน์หอ้ งสมุดในระหว่าง วนั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ.2560 ถงึ วันท่ี 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561 1.3 กาหนดหลักการในการดาเนนิ งาน ดังน้ี 1) ประกาศวตั ถุประสงค์ และแนวปฏบิ ัติการให้บริการอย่างชัดเจน เพ่อื เป็นขอ้ มูล ใหผ้ ูใ้ ชบ้ รกิ ารพจิ ารณาก่อนสมัครเข้ากลมุ่ 2) มกี ารโพสต์ขอ้ ความเปน็ ประจาทุกวัน ๆ ละไม่เกนิ 1 โพสต์สาหรับกลมุ่ Line และเฉลย่ี 1-2 โพสต์ สาหรบั Facebook ยกเวน้ วนั หยุดราชการ และนกั ขตั ฤกษ์ 3) ท้งั Line และ Facebook หอ้ งสมุดใชแ้ อปพลิเคชั่นที่ไมม่ ีคา่ ใช้จา่ ย จึงต้อง ระมดั ระวงั ดแู ลการส่งข้อความเขา้ กลุ่มอย่างเครง่ ครัด เพื่อความเป็นระเบียบเรยี บร้อย และไมร่ บกวน สมาชกิ ของกลมุ่ โดยรวม หากฝ่าฝนื ห้องสมดุ จะใชม้ าตรการตกั เตอื น และบล็อกตามลาดับ
2. สรา้ งทีมงาน Social media team ผู้ปฏิบตั ิงานดา้ นโซเชยี ลโดยตรงประกอบด้วยหัวหนา้ ทีม และลกู ทมี จานวน 3-5 คน โดยคดั เลือกจากผู้ทมี่ ีทักษะการแสวงหาและสร้างส่ือสารสนเทศใหน้ า่ สนใจ มีความรู้ ความเขา้ ใจใน การดูแลสมาชิกกลมุ่ รวมทง้ั มีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี Social media เปน็ อยา่ งดี ทาหน้าท่ี รบั ผดิ ชอบในการประชาสมั พันธ์ สรา้ งการรับรู้ในบรกิ าร เข้าใจการดาเนินงานตามบริบทของห้องสมุด สง่ เสรมิ ภาพลักษณท์ ีด่ ีของหน่วยงาน รวมถึงการมบี ทบาทสาคัญในการสร้าง และรักษาความผกู พนั ระหวา่ งผูใ้ ช้บรกิ ารและองค์กรให้มน่ั คง ยาวนานมากที่สดุ 3. ให้บรกิ ารสารสนเทศผ่านเครอื ข่ายสังคมออนไลน์ 3.1 บริการสารสนเทศทางการแพทย์ผ่านไลน์: Medical library line users group หอ้ งสมดุ คณะแพทยศาสตร์ ดาเนนิ การส่งข้อมลู ข่าวสาร สาระความรรู้ วมถึงเทคนิค วิธีการที่มปี ระโยชน์ต่อการเรียนรู้ และการวจิ ัยให้แก่ผู้ใช้บรกิ ารกล่มุ เป้าหมาย คือ นกั ศึกษาแพทย์ พยาบาล อาจารย์ และบคุ ลากรของคณะแพทยศาสตร์ทส่ี นใจ โดยมีหลกั การว่า ต้องเป็นความสมคั ร ใจในการรบั ข้อความอยา่ งแท้จริงเริม่ เปิดให้บรกิ ารตงั้ แตว่ นั ท่ี 15 มกราคม พ.ศ 2559 เปน็ ต้นมาจนถึง ปัจจุบนั โดยเร่มิ ตน้ มีสมาชกิ จานวน 15 คน ผู้รับผดิ ชอบในการสร้างหรอื ค้นคว้าสารสนเทศ ไดแ้ ก่บรรณารกั ษ์ นักเอกสารสนเทศ นกั วิชาการศกึ ษา นกั วชิ าการคอมพิวเตอร์ของห้องสมุด ทาการค้นควา้ ความรู้ หรอื บรกิ ารที่จะเปน็ ประโยชนห์ ากผ้ใู ช้บริการได้ทราบ หรือการค้นพบใหม่ นวตั กรรมทมี่ ีผลกระทบ นโยบายท่มี ี ความสาคัญ แลว้ จงึ คดั เลือก ประเมินความถกู ต้องของสารสนเทศ และสง่ เป็นข้อความในไลนก์ ลุม่ วนั ละ 1 ขอ้ ความเปน็ ประจาทกุ วัน ยกเวน้ วนั เสาร์ วันอาทติ ย์ และวนั หยุดนักขัตฤกษ์ พรอ้ มรปู ภาพประกอบเพ่อื ความน่าสนใจใน 5 ดา้ นคือ วันจนั ทรด์ า้ นการศึกษา วนั องั คารด้านบรกิ าร วันพุธดา้ นเทคโนโลยี/ เทคโนโลยีสารสนเทศ วนั พฤหสั บดีดา้ นการวจิ ัย และวนั ศกุ รด์ ้านกายภาพ/ สง่ิ อานวยความสะดวก เพ่ือส่งเสริมการเรยี นรภู้ ายในหอ้ งสมดุ ดังตวั อยา่ งขอ้ ความในภาพท่ี 1 สวสั ดีค่ะ หลงั จากหยุดยาว ทุกท่านคงจะสดช่ืนจากการพกั ผอ่ นหรือท่องเท่ียวกนั มาแลว้ นะคะ ������ ��� สาหรับวนั น้ี ห้องสมุดขอแจง้ ให้ทราบถึงบริการใหม่ของเราค่ะ ตอนน้ีเรามี เครื่องคอมพิวเตอร์โนต้ บุ๊ค รุ่น MacBook Air 13 นิ้ว ������ ให้ยมื ใชภ้ ายในห้องสมุดค่ะ เหมาะ สาหรับการใชพ้ รีเซนทง์ านแบบกลมุ่ หรือแสดง Keynote หากตอ้ งการยมื ใช้ สามารถติดต่อท่ีเคานเ์ ตอร์บริการไดเ้ ลยคะ่ ภาพที่ 1 ตวั อยา่ งข้อความที่เตรยี มไว้สาหรับทมี โซเชียลนาไปใชง้ าน
เนื้อหาของข้อความสาหรับโพสต์จะถูกนาไปเก็บรวบรวมไว้บนไฟล์ (Google docs) ชอ่ื “ขอ้ ความไลน์กลุ่ม ห้องสมดุ คณะแพทยศาสตร์” สาหรับผปู้ ฏิบัติงานในโซเชียลทมี พิจารณาคัดเลือก และปรบั ข้อความเพื่อนาโพสตใ์ นไลนก์ ล่มุ ต่อไป ตามปกติ ทุกข้อความท่สี ่งจะมีภาพประกอบด้วย เสมอ เพ่ือให้เขา้ ใจง่าย น่าสนใจ และไมอ่ นุญาตให้ผใู้ ชบ้ ริการสง่ ข้อความใด ๆ หากมีข้อคาถาม สามารถใช้บริการไลน์สาหรับถาม-ตอบ หรือ Ask a librarian หรือ Chat box (Messenger) ของห้องสมดุ ไดต้ ลอดเวลา ท้ังน้ีเพ่ือไม่ให้รบกวนผใู้ ชบ้ ริการอ่ืนในกล่มุ 3.2 บริการสารสนเทศผา่ นเฟซบุก๊ ห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ หอ้ งสมดุ เปดิ บริการเฟซบุ๊ก ช่ือ ห้องสมดุ คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ขึ้นเป็นคร้งั แรก เม่อื วันท่ี 13 ตลุ าคม พ.ศ. 2554 ด้วยวัตถปุ ระสงค์เพ่ือเพ่ิมชอ่ งทางเผยแพร่บริการ ขา่ วสารห้องสมดุ สู่ สังคมสาธารณะในวงกว้างให้มากยิง่ ข้นึ รวมทงั้ เป็นโอกาสรับฟังความคดิ เห็นของผู้ใชบ้ รกิ ารดว้ ย โดยให้บริการตอ่ เนื่องมาถึงปัจจบุ นั ดว้ ยจานวนผ้ตู ิดตามเพจ 4,125 คน (ขอ้ มูลวันที่ 31 สงิ หาคม พ.ศ. 2561) ผ้ดู ูแลเพจ คือ โซเชียลทมี ทาหน้าที่คน้ ควา้ สรรหา คัดกรอง และประเมินสารสนเทศเพ่ือ นาโพสต์เฉล่ีย 1-2 เรอ่ื งต่อวัน โดยจะใช้ขอ้ ความสารสนเทศเดยี วกบั ท่ีใช้โพสตใ์ นไลนก์ ลุ่มผูใ้ ชบ้ รกิ าร หรอื สรา้ งขน้ึ ใหม่ก็ได้ นอกจากนีท้ มี งานผดู้ ูแลเฟซบุ๊กห้องสมดุ ยังทาหน้าท่ีตอบคาถาม หรือแสดง ความรู้สึกตอบสนองต่อความคดิ เห็นของผู้ใช้บรกิ ารด้วยความเอาใจใส่ รวดเร็ว ทนั ท่วงที เพื่อสรา้ ง ความประทับใจ ซ่งึ ส่งผลต่อภาพลกั ษณ์ และความผกู พนั ที่มตี อ่ องค์กรโดยตรง ตวั อย่างข้อความที่ โพสต์ดงั แสดงในภาพท่ี 2 ภาพที่ 2 ข้อความทโ่ี พสต์ในเฟซบุ๊ก 4. รวบรวม และวเิ คราะห์ข้อมลู การเขา้ ถึงบรกิ าร และสารสนเทศหอ้ งสมุดผา่ นเครือขา่ ย สังคมออนไลน์ของผใู้ ชบ้ รกิ าร ในช่วงเวลา 20 เดือน (1 มกราคม 2560-31 สิงหาคม 2561) ดงั นี้ 4.1 อัตราการเพิม่ เขา้ และออกจากกล่มุ ไลนผ์ ้ใู ช้บริการหอ้ งสมดุ 4.2 อัตราการกดถูกใจ และเลกิ ถกู ใจเพจเฟซบุ๊ก
4.3 อัตราการแสดงปฏกิ ิริยา (จานวนการแสดงความรสู้ ึก การแสดงความคิดเห็น การแชร์ตอ่ และการคลกิ ดเู พ่ิมเติม) 4.4 อัตราการเขา้ ถงึ โพสต์ 4.5 อตั ราการโพสต์เฟซบุ๊ก สรปุ ผล อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะและการนาไปใช้ประโยชน์ ผลการศกึ ษา ผลการศึกษาข้อมลู การให้บริการสารสนเทศห้องสมดุ ผา่ นเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์เฟซบุ๊ก และไลนแ์ กผ่ ้ใู ชบ้ รกิ าร ระหวา่ ง วนั ท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2560-วนั ท่ี 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561 รวมระยะเวลา 20 เดอื น ดว้ ยสถติ ิการวเิ คราะหข์ ้อมลู เปน็ ร้อยละ มีดังน้ี 1. อตั ราการเพิ่มเขา้ และออกจากกลุ่มไลน์ผใู้ ช้บริการห้องสมุด Medical library line users group ห้องสมุดคณะแพทย์ ฯ เปดิ ใหบ้ ริการ Medical library line users group มาตงั้ แต่ วนั ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 โดยเร่ิมต้นมีสมาชิกจานวน 15 คน มีจานวนผู้ใชบ้ ริการแอดไลน์ เพิ่มเข้า และออกจากกลมุ่ จนถงึ วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2560 มจี านวน 198 คน ตอ่ มาห้องสมดุ มกี ารพฒั นากระบวนการแสวงหา ประเมิน และคดั เลือกเพื่อปรับปรุงเนื้อหาสาหรับนาให้บรกิ าร อย่างต่อเนือ่ ง ซงึ่ ตลอดชว่ งเวลานบั จากวันท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2660 จนถึงวนั ท่ี 31 สงิ หาคม พ.ศ. 2561 สมาชิกของกลมุ่ ได้ขยายเพ่ิมมากขน้ึ เปน็ จานวน 486 คน มีอัตราการเพม่ิ เข้ากล่มุ 15 คน ตอ่ เดือน และอัตราการออกจากกลมุ่ เฉลีย่ 1 คนต่อเดือน 2. อัตราการกดถูกใจ และเลิกถูกใจเพจเฟซบุ๊กห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ หอ้ งสมุดคณะแพทยศาสตร์เปิดใหบ้ รกิ ารเฟซบุ๊กในช่อื ห้องสมดุ คณะ แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ @MEDLIBCMU มาต้งั แตป่ ี 2554 จนถงึ ปจั จบุ นั รวม 7 ปี (ในวนั ท่ี 12 ตุลาคม พ.ศ. 2561) มจี านวนสมาชิกทกี่ ดถูกใจเพจเพ่ิมมากข้นึ อย่างต่อเนื่อง ซ่งึ จาก การศกึ ษาพบว่ามีอัตราเฉลีย่ การกดถูกใจเพจจานวน 17 คนต่อเดือน และอตั ราเฉล่ียการเลกิ ถูกใจเพจ จานวน 10 คนต่อเดือน มีอัตราเฉล่ียการเพิ่มข้นึ ของสมาชิก 7 คนต่อเดอื น คดิ เป็นร้อยละ 41.18 ดังแสดงในภาพที่ 3 ภาพท่ี 3 จานวนคนกดถูกใจ และเลิกถูกใจเพจเฟซบ๊กุ ในแตล่ ะเดอื น
3. อตั ราการแสดงปฏิกิรยิ า (จานวนการแสดงความรู้สึก การแสดงความคิดเหน็ การแชร์ ตอ่ และการคลกิ ดูเพิ่มเติม) ผใู้ ชบ้ ริการที่เป็นสมาชิกเฟซบุ๊กห้องสมุดมีอตั ราการแสดงปฏิกริ ิยาต่อ โพสตด์ ้วยการคลิกแสดงความรู้สึก (Like, Love, Ha ha, Sad, Angry) การแสดงความคิดเหน็ การแชร์ต่อ หรอื คลกิ ท่ีองคป์ ระกอบเพื่อดรู ายละเอยี ดของโพสต์เพ่ิมเติม จานวน 3,646 คนตอ่ เดือน (สูงสดุ 23,051 คน ตา่ สดุ 119 คนตอ่ โพสต์) ดังแสดงในภาพท่ี 4 ภาพที่ 4 จานวนการมปี ฏกิ ริ ิยาตอ่ การโพสตบ์ นเพจเฟซบุ๊กในแต่ละเดือน 4. อตั ราการเข้าถงึ โพสต์ ผู้ใช้บริการท้งั ท่ีเป็นสมาชิก และไม่ได้เป็นสมาชิกเพจเขา้ ถงึ โพสตเ์ ฉล่ยี จานวน 26,710 คน ต่อเดือน (สงู สุด 57,041 คน ต่าสุด 6,688 คนต่อเดือน) ดังแสดงในภาพท่ี 5 กราฟแสดงจานวนการเขา้ ถึงโพสต์ 57,041 46,606 37,69421,676 38,872 38,283 41,98339,519 27,074 29,842 27,542 17,437 16,2846,68811,6297,45115,71161,3126,81614,746 ม.ค. ก.พ. ีม.ค. เม.ย. พ.ค. ิม.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ีม.ค. เม.ย. พ.ค. ิม.ย. ก.ค. ส.ค. 2017 2018 ภาพท่ี 5 จานวนการเขา้ ถึงโพสต์
5. อตั ราการโพสต์เฟซบกุ๊ หอ้ งสมดุ โดยโซเชียลทีมมีการค้นควา้ และประเมนิ คดั กรองสารสนเทศสาหรับโพสต์เผยแพร่ เป็นประจาทุกวัน ๆ ละ 1-2 ขอ้ ความ (ยกเวน้ วนั หยุดราชการ และวันนกั ขัตฤกษ์) พบวา่ มีการโพสต์ ขอ้ ความโดยเฉลีย่ ของหอ้ งสมุดจานวน 25 ครั้งตอ่ เดอื น (สูงสดุ 39 ครัง้ ตา่ สุด 14 คร้งั ตอ่ เดือน) ในชว่ งเวลา 20 เดือน ดังแสดงในภาพท่ี 6 กราฟแสดงจานวนโพสตใ์ นแตล่ ะเดือน 20 20 22 14 20 20 20 21 37 39 22 20 27 21 30 28 21 34 37 32 ม.ค. ก.พ. ีม.ค. เม.ย. พ.ค. ิม.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ีม.ค. เม.ย. พ.ค. ิม.ย. ก.ค. ส.ค. 2017 2018 ภาพท่ี 6 จานวนคร้งั ของการโพสต์ในแต่ละเดือน สรุปผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะการนาไปใช้ประโยชน์ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์ให้ความสาคญั กับการใช้เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน์เปน็ เคร่อื งมือ ในการเขา้ ถงึ บริการ และสารสนเทศของผู้ใช้บรกิ ารอย่างต่อเน่อื ง ดว้ ยการรักษาระดบั จานวนการ โพสต์ขอ้ มูลไวอ้ ย่างสม่าเสมอ ซึ่งทาใหเ้ กิดความคุ้นเคย การยอมรับ และความผูกพันระหวา่ ง ผูใ้ ชบ้ ริการและห้องสมุด นอกจากนี้หอ้ งสมุดยงั มีการพฒั นาด้านคุณภาพของข้อความ ด้วยการคดั กรอง ประเมินสารสนเทศก่อนนาเผยแพร่ในเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์อย่างเข้มข้นอยู่เสมอ เพ่ือรักษา กลุ่มของผูใ้ ช้บรกิ ารเดิมไว้ และขยายจานวนกลุ่มผใู้ ช้บรกิ ารใหม่ใหม้ ากยงิ่ ขึน้ และจากผลการศกึ ษา พบวา่ การดาเนินงานมผี ลตอบรับท่ีดี เครือขา่ ย ฯ มีจานวนสมาชกิ เพม่ิ มากข้นึ อย่างตอ่ เน่ือง แสดงถึง การได้รบั ความนยิ ม และเชอ่ื มัน่ จากผ้ใู ชบ้ รกิ าร อกี ท้ังยงั มีการแสดงปฏิกิรยิ าตอบกลับโพสตข์ ้อความ ของห้องสมุดอยูเ่ ป็นประจา แสดงถึงความผูกพัน และประสิทธิภาพของการใชเ้ ครือขา่ ยสังคมออนไลน์ ในการเขา้ ถงึ ผใู้ ชบ้ รกิ ารห้องสมดุ รวมท้งั ยงั เป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพ การเปน็ ผู้นาดา้ นข้อมูล สารสนเทศของห้องสมุด สรา้ งความน่าเช่ือถอื และการยอมรบั จากผู้ใชบ้ รกิ ารอยา่ งต่อเนื่อง นอกจากนี้ บุคลากรผู้ปฏิบตั งิ านทีเ่ ก่ียวข้อง โดยเฉพาะโซเชียลทมี มีโอกาสได้ฝกึ ทักษะ การคน้ ควา้ หาความรู้ การพิจารณาคดั กรอง และประเมินสารสนเทศท่เี ป็นประโยชน์สาหรับการเรยี น
การสอน และการวจิ ัยของผ้ใู ช้บรกิ าร ตลอดจนไดฝ้ ึกฝนศิลปะการมีปฏิสมั พันธ์ทดี่ กี ับผ้ใู ช้บรกิ าร บนเครือข่ายสังคมออนไลน์อีกด้วย อยา่ งไรกต็ าม พฤติกรรมผูใ้ ช้บริการบนเครือขา่ ยสงั คมออนไลนม์ ีความหลากหลาย และ เคล่ือนไหวรวดเรว็ เสมอ ห้องสมดุ จาเป็นต้องมีความตน่ื ตวั พร้อมรับการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถงึ แม้วา่ ปจั จุบนั เครอื ข่ายสังคมออนไลน์ประเภทไลน์ และเฟซบุ๊ก จะยังคงได้รับความนิยมมากท่ีสดุ 2 อันดบั แรก จากการสารวจความพร้อมดา้ นเทคโนโลยสี าหรับนกั ศกึ ษาชนั้ ปที ี่ 1 ปีการศึกษา 2561 ของมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ คือ อันดบั 1 Line (98%) อนั ดับ 2 Facebook (96%) แต่อาจจะมี เครือข่ายสังคมออนไลนใ์ หมเ่ ข้ามาแทนที่เฟซบุ๊ก และไลน์ในอนาคตอนั ใกล้ ซ่ึงหอ้ งสมุดต้องสามารถ ปรับตวั ไดท้ ันทว่ งที จากผลการศึกษาพบประเด็นที่นา่ สนใจซง่ึ ผู้วจิ ัยสามารถต่อยอดการศกึ ษาเพ่ิมเติมเพื่อ ประโยชน์ต่อหนว่ ยงาน และผู้ใช้บริการได้ โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อหา (Contents) มีความสาคัญ มากต่อความนา่ เช่ือถือของหนว่ ยงาน การศึกษาเจาะลึกในดา้ นน้ี เชน่ การศกึ ษาความสัมพันธ์ระหว่าง รปู แบบขอ้ ความทโ่ี พสต์ กบั ปฏิกรยิ าตอบกลับ หรือความเกี่ยวข้องกนั ระหวา่ งเนื้อหา สารสนเทศที่ เผยแพรก่ บั ผลตอบรบั ดา้ นต่าง ๆ เปน็ ต้น ซง่ึ จะเป็นข้อมลู ให้ห้องสมุดใช้วางแผน และปรับปรุง พัฒนาการใช้เครอื ข่ายสังคมออนไลนส์ าหรับการเขา้ ถึงบริการห้องสมุดให้มีประสทิ ธิภาพมากยงิ่ ข้นึ ได้ ต่อไป การนาไปใช้ประโยชน์ ประโยชนต์ ่องานห้องสมดุ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ 1. ดา้ นการบรหิ าร 1.1 การใชเ้ ครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ในการเข้าถงึ ผใู้ ช้บริการห้องสมุดอยา่ งมี ประสิทธภิ าพสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ การยอมรับ และเกิดภาพลกั ษณท์ ่ีดีแก่หนว่ ยงาน สง่ ผลให้ การดาเนนิ งานของห้องสมุดไดร้ บั ความไวว้ างใจจากผบู้ รหิ ารระดบั สูงทดี่ แู ลหน่วยงาน และไดร้ บั ความรว่ มมอื จากผปู้ ฏิบัตงิ านในหน่วยงานทเี่ กย่ี วข้องมากย่ิงข้ึน 1.2 ผู้บริหารสามารถใชก้ ารดาเนนิ งานของเครือขา่ ยสังคมออนไลน์ในการประเมนิ ผล การปฏิบตั ิงาน และสมรรถนะของบุคลากรไดเ้ ปน็ อย่างดี เนื่องจากสามารถตดิ ตามประสิทธิภาพของ การปฏบิ ัติงาน และประสิทธิผลของงานท่ีเกิดข้นึ ได้อยา่ งชัดเจน 1.3 หอ้ งสมดุ สามารถสร้างความสัมพนั ธ์ทด่ี ีกับห้องสมุดหรือหนว่ ยงานอ่นื ได้โดยใช้ เครือข่ายสงั คมออนไลน์ของหนว่ ยงานเปน็ เครื่องมือในการส่งผา่ นขา่ วสาร และกิจกรรมท่ีเกือ้ กลู ระหวา่ งกัน 2. ดา้ นการบริการ 2.1 ขอ้ มลู สารสนเทศห้องสมุดสามารถเผยแพร่ไปส่ผู ูใ้ ช้บริการได้อยา่ งรวดเรว็ และ เขา้ ถงึ ผใู้ ช้บริการจานวนมากไดท้ ุกกลุ่มในวงกวา้ ง นบั เป็นช่องทางที่ทรงประสทิ ธิภาพมากในปัจจุบนั สาหรับการเผยแพรบ่ ริการและสารสนเทศของห้องสมุดไปสู่ผูใ้ ชบ้ รกิ าร 2.2 ใชเ้ ป็นช่องทางการรับฟงั ความคิดเหน็ และประเมินปฏกิ ริ ิยาการตอบรับที่ ผ้ใู ช้บริการมตี ่อห้องสมุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงกับข้อเทจ็ จรงิ อย่างย่ิง เนอ่ื งจากผู้ใชบ้ รกิ าร มีอิสระในการแสดงความคิดเห็นไดอ้ ยา่ งเปน็ เต็มที่
3. ดา้ นบคุ ลากร 3.1 บคุ ลากรผ้ปู ฏิบัติงานทเ่ี ก่ียวข้องกับการดาเนนิ งานได้ฝึกฝนการเปน็ ผู้กระตือรอื รน้ ใฝเ่ รยี นร้ตู ลอดชีวติ (Life-long learning) มีความภาคภูมิใจ และมคี วามสุขได้ดว้ ยตนเอง เนื่องจาก ต้องมีการค้นคว้า หาขอ้ มลู สารสนเทศทท่ี ันสมัยอยู่เสมอ รวมทง้ั ได้พัฒนาความสามารถใน การประเมิน และคัดกรองสารสนเทศสาหรบั เผยแพร่ ซึง่ มีความสาคญั อยา่ งย่งิ ในยุคข้อมลู ข่าวสาร จานวนมหาศาล 3.2 บุคลากรได้พฒั นาความสามารถดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสอื่ สารอยา่ ง ถูกต้อง เกิดความชานาญในการใชเ้ ครือข่ายสงั คมออนไลน์ใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง และหนว่ ยงาน 3.3 บคุ ลากรเกิดทกั ษะที่พึงประสงค์ในโลกออนไลน์ สามารถควบคุมตนเอง รู้จัก วธิ ีการรับมอื กับความคดิ เหน็ ที่หลากหลายของผ้ใู ชบ้ รกิ ารได้อยา่ งถูกต้อง เหมาะสม ซึง่ เป็นทกั ษะ ที่มีความสาคัญอย่างมากตอ่ ภาพลักษณท์ ่ดี ีของหน่วยงาน 4. ประโยชนต์ ่อห้องสมดุ อนื่ ห้องสมุดคณะตา่ ง ๆ ทงั้ ภายใน และภายนอกมหาวทิ ยาลัยเชยี งใหมส่ ามารถนาขั้นตอน การใช้เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลนใ์ นการเขา้ ถึงผใู้ ช้บริการห้องสมุดไปปรับใชด้ าเนนิ งานตามบริบทของ ห้องสมุดแต่ละแหง่ ได้ รวมทั้งสามารถนาผลการศึกษาไปใช้เป็นแนวทางในการพฒั นาการบรหิ ารงาน การใหบ้ ริการ พฒั นาบุคลากร และพจิ ารณาตอ่ ยอดความรู้ หรือขยายความเขา้ ใจในประเดน็ อื่น ๆ ตอ่ ไป รายการอ้างอิง Klassen, K. M., Borleis, E. S., Brennan, L., Reid, M., McCaffrey, T. A., & Lim, M. S. (2018). What people “Like”: Analysis of social media strategies used by food industry brands, lifestyle brands, and health promotion organizations on facebook and instagram. Journal of Medical Internet Research, 20(6), e10227. Kuss, D. J., & Griffiths, M. D. (2017). Social networking sites and addiction: Ten lessons learned. International Journal of Environmental Research and Public Health, 14(3), 311. Tower, M., Latimer, S., & Hewitt, J. (2014). Social networking as a learning tool: nursing students' perception of efficacy. Nurse Education Today, 34(6), 1012-1017. Yuksen, C., & Sricharoen, P. (2014). The study in utilization of social networking website Facebook in educational training of medical students in the emergency room. Thammasat Medical Journal, 14(2), 197-205.
ผลงานนาเสนอใน PULINET 9th เน้อื หาด้านคอลเลค็ ช่ัน
การจดั การจดหมายเหตุดิจทิ ลั องคค์ วามรสู้ ู่สงั คม Digital Archives Management: Knowledge to the Community ยวญิ ฐากรณ์ ทองแขก สำนักบรรณสำรสนเทศ มหำวิทยำลยั สุโขทัยธรรมำธริ ำช e-mail: [email protected] บทคัดยอ่ ในปี 2561 สำนักบรรณสำรสนเทศ มหำวทิ ยำลัยสโุ ขทัยธรรมำธริ ำช ไดจ้ ดั ทำโครงกำร จดหมำยเหตมุ หำวทิ ยำลยั ในยคุ สังคมดิจิทลั โดยมเี ป้ำหมำยเพือ่ กำรสง่ เสรมิ ใหห้ น่วยงำนทงั้ ภำครัฐ และเอกชนตระหนักถงึ คุณค่ำและควำมสำคญั ในกำรจัดกำรเอกสำร ก่อนจะเป็นเอกสำรจดหมำยเหตุ ใหเ้ ป็นระบบและมีมำตรฐำนท่ีดี เพรำะเอกสำรหำกไม่ไดร้ ับกำรรวบรวมและจัดเกบ็ เป็นอย่ำงดีแลว้ อำจสูญหำยหรอื ถกู ทำลำยไป โดยเฉพำะปัจจบุ นั ในยคุ สังคมดิจิทลั ทม่ี ีกำรนำเทคโนโลยมี ำใช้ใน กระบวนกำรจัดทำ เกบ็ รักษำ ส่งผ่ำนข้อมลู และติดต่อส่อื สำร จนทำให้มีจดหมำยเหตุดิจิทลั เกิดขึ้น มำกมำย ทั้งจดหมำยเหตุดิจทิ ัลตง้ั แตเ่ กิด (Born-digital) หรอื จำกกำรแปลงรปู (Digitization) จำกเอกสำรแอนะลอ็ กเปน็ จดหมำยเหตุอเิ ล็กทรอนิกส์ (Electronic archives) ยง่ิ ทำให้มีควำมเส่ียง ในกำรสูญหำยและเส่ือมสลำยได้ง่ำยขึน้ ส่วนหนงึ่ เพรำะยงั ไมม่ ีหลักกำรและทฤษฎีในกำรจดั กำร จดหมำยเหตดุ ิจิทัลทรี่ ับรองจำกวงวิชำกำรวชิ ำชพี โครงกำรน้ีจึงมีวัตถปุ ระสงค์ในกำรจดั ทำและ เผยแพร่องคค์ วำมรู้เร่ืองกำรจัดกำรจดหมำยเหตดุ ิจิทัล โดยได้นำกระบวนกำร PDCA มำใชใ้ น กำรดำเนินงำนอยำ่ งเปน็ ระบบ และผลกำรดำเนินงำนคือ ไดห้ นงั สอื เรอ่ื งหลักและแนวปฏบิ ัติ กำรจัดกำรจดหมำยเหตุดจิ ิทัล ทัง้ ในรปู แบบเอกสำรฉบับพมิ พ์และเอกสำรอิเล็กทรอนิกส์ และได้จัด สมั มนำทำงวิชำกำรเพื่อเผยแพรอ่ งค์ควำมรูเ้ รื่องกำรจดั กำรจดหมำยเหตุดิจทิ ลั เอกสำรสำคญั ของ องค์กร เพื่อขยำยผลองคค์ วำมรสู้ ู่บคุ ลำกร หน่วยงำนทง้ั ภำครัฐและเอกชน ตลอดจนคณำจำรย์ นกั ศกึ ษำและประชำชนท่ัวไปใหไ้ ด้รับกำรศกึ ษำและกำรเรียนรตู้ ลอดชีวติ คาสาคัญ: เอกสำรจดหมำยเหตุ, กำรจัดกำรเอกสำรจดหมำยเหตุ, จดหมำยเหตดุ จิ ทิ ัล, กำรจัดกำรจดหมำยเหตุดิจิทัล, จดหมำยเหตุอเิ ล็กทรอนกิ ส์ Abstract The Office of Documentation and Information, Sukhothai Thammathirat Open University proposed the university archives project in the year 2018. The objective was to promote the value and importance of the systematic and
standardized digital archives management because without professional standard about digital archives management. This project has the PDCA process and provided academic seminar and published a guide book titled “the principle and guideline for digital archives management” to enhance the knowledge of the staffs in government and company office, including lecturers, students, general public people on the base of life-long learning. Keywords: Archives, Archives management, Digital archives, Digital archives management, Electronic Archives บทนา สำนักบรรณสำรสนเทศ มหำวิทยำลยั สุโขทัยธรรมำธริ ำชเป็นหอ้ งสมุดมหำวิทยำลยั ในระบบกำรศึกษำทำงไกลทแ่ี สวงหำ พัฒนำและจัดกำรทรัพยำกรสำรสนเทศทุกประเภทเพอื่ สนับสนนุ พนั ธกจิ และนโยบำยของมหำวิทยำลยั โดยจดั ให้บรกิ ำรห้องสมุดและสำรสนเทศแกน่ กั ศกึ ษำ คณำจำรย์ และบคุ ลำกร ผเู้ รียนในระบบกำรศกึ ษำทำงไกลและกล่มุ เป้ำหมำยของมหำวทิ ยำลยั ตลอดจนสนบั สนุน สง่ เสริมกำรศึกษำค้นคว้ำดว้ ยตนเองเพื่อกำรศึกษำคน้ ควำ้ และวจิ ยั ของคณำจำรย์ บุคลำกร นกั ศึกษำของมหำวิทยำลยั และประชำชนท่วั ไป และยงั จดั บรกิ ำรสำรสนเทศที่เก่ยี วข้องกับ ประวัติ พัฒนำกำร และอตั ลักษณ์ของมหำวทิ ยำลยั สโุ ขทัยธรรมำธริ ำช จำกพันธกจิ ในกำรเปน็ ห้องสมุดของมหำวทิ ยำลยั ในระบบกำรศึกษำทำงไกล จำกนโยบำย และแผนพัฒนำมหำวิทยำลยั สุโขทยั ธรรมำธิรำช รวมถงึ นโยบำยของรฐั บำลที่ใหเ้ ป็นดิจิทัลไทยแลนด์ ทำให้สำนกั มุ่งนำเทคโนโลยีมำใช้ในกำรจดั กำรและใหบ้ ริกำรทรัพยำกรสำรสนเทศแกผ่ ู้รับบรกิ ำร มำโดยตลอด และในปีงบประมำณ พ.ศ. 2561 สำนักไดจ้ ัดทำโครงกำรจดหมำยเหตุมหำวิทยำลัย ในยุคสงั คมดิจิทลั โดยมเี ป้ำหมำยในกำรสง่ เสริมให้หนว่ ยงำนภำยในมหำวทิ ยำลยั ตลอดจนบคุ ลำกร ในหน่วยงำนภำครฐั และเอกชน นักศกึ ษำ และประชำชนทวั่ ไปไดต้ ระหนกั ถึงคุณค่ำและควำมสำคัญ ในกำรจัดกำรเอกสำรต้งั แตต่ ้นทำงก่อนจะมำเปน็ เอกสำรดิจิทลั เพรำะเอกสำรเป็นทรพั ยำกรพ้ืนฐำน ทมี่ ีคณุ ค่ำและมีควำมสำคญั ต่อกำรบรหิ ำรองค์กร และเอกสำรที่ผ่ำนกำรประเมนิ คุณค่ำจะไดร้ บั กำรจัดเก็บเปน็ เอกสำรจดหมำยเหตุ (Archives) แต่ดว้ ยปัจจบุ นั ท่ีเปน็ ยคุ สังคมดิจิทลั ทำให้เกดิ แรงผลกั ดนั ใหท้ ุกหนว่ ยงำนต้องมีกำรนำเทคโนโลยีเข้ำมำใช้ในกำรปฏบิ ตั ิ รวมถึงกำรจดั กำรเอกสำร ต้งั แต่กำรจัดทำ กำรเก็บรกั ษำ กำรสง่ ข้อมูลและกำรติดต่อส่ือสำรภำยในหนว่ ยงำน ดังน้นั หนว่ ยจดหมำยเหตุมหำวิทยำลยั ในฐำนะหน่วยงำนที่มีบทบำทและหนำ้ ทสี่ ำคัญในกำรเก็บรกั ษำ เอกสำรอนั ทรงคุณค่ำขององค์กรใหค้ งอยตู่ ลอดไปและสำมำรถนำมำใช้ประโยชนไ์ ด้อย่ำงไมม่ ขี ้อจำกัด เรอื่ งเวลำและสถำนท่ี จึงเกิดควำมท้ำทำยในกำรจดั กำรกับเอกสำรที่เกิดจำกกำรแปลงรูป (Digitization) จำกเอกสำรจดหมำยเหตุแบบด้งั เดมิ ที่เป็นแอนะล็อกให้เป็นจดหมำยเหตุ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic archives) และจดหมำยเหตุดจิ ิทัล (Digital archives) ทเ่ี ป็น จดหมำยเหตตุ ง้ั แต่เกดิ (Born-digital) ซง่ึ ทงั้ จดหมำยเหตุดิจิทัลและจดหมำยเหตุอิเล็กทรอนิกส์
ถำ้ ไม่ได้รบั กำรจัดกำรท่ดี ีอย่ำงเปน็ ระบบและถูกต้องจะยงิ่ ส่งผลใหส้ ูญหำยไดโ้ ดยงำ่ ย ด้วยกำรถกู ลบ ทำลำยหรอื กำรจัดเก็บไม่ถูกวิธี อย่ำงไรกด็ ีในกำรจัดกำรจดหมำยเหตดุ ิจิทลั ถือเปน็ เรื่องใหมท่ ี่ ไม่สำมำรถใชเ้ ทคนิคและวิธีกำรแบบเดมิ ท่ีเคยใช้ในกำรจดั กำรเอกสำรจดหมำยเหตุได้ รวมทง้ั ยงั ไมม่ หี ลักกำรและทฤษฎีกำรจัดกำรจดหมำยเหตดุ จิ ิทัลที่รบั รองจำกวงวิชำชพี สำนักจึงจัดทำ โครงกำรนี้ขนึ้ เพ่ือจดั ทำและเผยแพร่องคค์ วำมรเู้ ก่ยี วกับเร่ืองกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ จิ ิทลั สำหรับ บุคลำกร คณำจำรย์ นกั ศึกษำ และประชำชนทว่ั ไปให้ไดร้ ับองค์ควำมรู้และนำไปใชใ้ นกำรจดั กำร และกำรพัฒนำกำรให้บริกำรทำให้ผู้รบั บรกิ ำรไดร้ บั ควำมสะดวกรวดเรว็ สำมำรถเขำ้ ถึงสำรสนเทศ ไดต้ รงกับควำมต้องกำรไดโ้ ดยไม่จำกัดเวลำและสถำนท่ี และเพ่ือร่วมกนั ขยำยผลองคค์ วำมรนู้ ้ีไปสู่ สำธำรณชนใหไ้ ด้รบั กำรศกึ ษำและกำรเรียนรู้ตลอดชีวติ วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือสง่ เสรมิ ให้บุคคล หนว่ ยงำนทัง้ ภำครัฐและเอกสำร ตลอดจนประชำชนทว่ั ไป ตระหนักถึงคุณค่ำและควำมสำคัญในกำรจัดกำรเอกสำร และเอกสำรดจิ ทิ ลั ตัง้ แตต่ น้ ทำงจนเกดิ ควำมม่งุ มน่ั ในกำรจดั เกบ็ เอกสำรของหนว่ ยงำนเพอ่ื เตรยี มเข้ำสกู่ ำรเปน็ จดหมำยเหตุดิจิทัลอยำ่ งยง่ั ยืน 2. เพ่อื พัฒนำตน้ แบบคู่มือกำรจดั กำรจดหมำยเหตุดจิ ิทลั สำหรบั บคุ ลำกรทป่ี ฏบิ ัตงิ ำน ในหนว่ ยงำนตำ่ ง ๆ คณำจำรย์ นกั ศึกษำและประชำชนผู้สนใจท่วั ไปได้ใช้ศกึ ษำและเรียนร้ตู ลอดชีวติ 3. เพอื่ เผยแพร่องคค์ วำมรู้ในกำรจัดกำรจดหมำยเหตุดจิ ิทลั แกบ่ ุคลำกรท้งั ภำยในและ ภำยนอกมหำวิทยำลยั ตลอดจนคณำจำรย์ นักศกึ ษำ และประชำชนทีส่ นใจท่วั ไปให้ไดร้ ับทั้งควำมรู้ ประสบกำรณ์ รวมถึงแนวปฏิบัติท่ดี ีสำหรับกำรดำเนินงำนจดหมำยเหตุดจิ ทิ ลั ต่อไป ข้ันตอนและวธิ ีการดาเนินงาน สำนกั บรรณสำรสนเทศ มหำวิทยำลัยสโุ ขทัยธรรมำธิรำชดำเนนิ กำรจัดกำรจดหมำยเหตุ ดจิ ทิ ลั ดว้ ยกระบวนกำร PDCA โดยแบ่งข้นั ตอนและวธิ กี ำรดำเนินงำนเป็น 2 ข้นั ตอนหลัก คือ 1) กำรจัดทำหนังสือคู่มอื กำรจดั กำรจดหมำยเหตุดจิ ิทลั และ 2) กำรเผยแพร่องค์ควำมรู้ในกำรจดั กำร จดหมำยเหตุดจิ ิทัล รำยละเอียดมีดังนี้ 1. ข้ันดำเนินกำรวำงแผน (Plan) ในปงี บประมำณ พ.ศ. 2561 ไดจ้ ดั ทำโครงกำรบริกำรวิชำกำรแกส่ ังคม เรือ่ ง จดหมำยเหตุ มหำวิทยำลยั ในยุคสังคมดจิ ิทัล โดยได้กำหนดแผนกำรดำเนินงำนไว้ ดังน้ี 1) จดั ทำหนงั สือคมู่ ือกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ จิ ิทลั 1.1) ศกึ ษำ คน้ ควำ้ ประมวลและเรยี บเรียงเน้ือหำคมู่ ือปฏิบตั งิ ำนจดหมำยเหตุ มหำวทิ ยำลัยในสังคมยุคดิจิทัล 1.2) บรรณำธิกรต้นฉบบั เนื้อหำและจดั พิมพ์คูม่ ือปฏิบตั งิ ำนจดหมำยเหตุ มหำวทิ ยำลัยในสงั คมยุคดจิ ิทัล 1.3) จดั จ้ำงพมิ พ์หนงั สือคมู่ ือกำรจัดกำรจดหมำยเหตมุ หำวิทยำลัยในยคุ ดิจิทัล 2) เผยแพรอ่ งค์ควำมร้ใู นกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ จิ ิทัลโดยกำรจดั สัมมนำทำงวชิ ำกำร 2.1) จดั สัมมนำทำงวชิ ำกำร เร่ือง จดหมำยเหตุมหำวทิ ยำลยั ในยุคสังคมดิจิทลั
2.2) ประเมินควำมพงึ พอใจของผูเ้ ขำ้ ร่วมสัมมนำทำงวิชำกำร เร่ือง จดหมำยเหตุ มหำวิทยำลยั ในยุคสงั คมดจิ ทิ ัล 2. ขนั้ ดำเนินกำรปฏิบตั ิ (Do) เพ่อื ใหก้ ำรดำเนินกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ ิจิทัลสมั ฤทธิ์ผลตำมแผนงำนที่กำหนดไว้ จงึ ปฏบิ ตั ิงำนตำมเป้ำหมำยของ 2 กิจกรรม คือ จัดทำหนังสอื คมู่ ือกำรจัดกำรจดหมำยเหตุดจิ ิทลั และ เผยแพรอ่ งคค์ วำมรู้ในกำรจัดกำรจดหมำยเหตดุ ิจิทัลโดยกำรจัดสัมมนำทำงวิชำกำร รำยละเอยี ดมีดังนี้ 1) กำรจัดทำหนงั สือคู่มอื กำรจดั กำรจดหมำยเหตุดจิ ิทลั เป็นกระบวนกำรในกำรกำหนดกรอบกำรพฒั นำเนอ้ื หำเกีย่ วกับกำรจัดกำรจดหมำยเหตุ ดจิ ทิ ลั กำรแสวงหำผูท้ ่ีมคี วำมรู้ ควำมเชย่ี วชำญและประสบกำรณ์เกี่ยวกบั กำรจัดกำรจดหมำยเหตุ ดิจทิ ลั กำรประมวลและพฒั นำเนือ้ หำหนังสือค่มู ือกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ จิ ิทลั รวมถึงกำรเรียบเรียง เน้อื หำหนังสอื ค่มู ือกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ จิ ทิ ลั กระบวนกำรดงั กลำ่ วมีขน้ั ตอนดงั นี้ 1.1) กำรกำหนดกรอบกำรพัฒนำเนื้อหำและแสวงหำผทู้ มี่ ีควำมรู้ ควำมเชีย่ วชำญ และประสบกำรณเ์ ก่ยี วกับกำรจดั กำรจดหมำยเหตุดิจิทลั 1.1.1) กำหนดกรอบกำรพัฒนำเนอ้ื หำเกีย่ วกบั กำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ จิ ทิ ัล สำนกั กำหนด กรอบกำรพฒั นำเน้อื หำครอบคลมุ เนอ้ื หำท่ีเก่ียวขอ้ งกับกำรจัดกำรจดหมำยเหตดุ ิจทิ ัล 4 ด้ำน ไดแ้ ก่ 1) ด้ำนกำรจดั กำรเอกสำรจดหมำยเหตุ เป็นกำรปพู ื้นฐำนในกำรจดั กำรเอกสำร จดหมำยเหตุแบบเดิมทีเ่ นน้ กำรจัดกำรกบั เอกสำรกระดำษเป็นหลัก เช่น แฟ้มเอกสำร ส่งิ พิมพ์ แผนท่ี แบบแปลน ภำพวำด เป็นต้น โดยจะรวบรวมท้ังเทคนิคและวิธกี ำรจดั กำรเอกสำรจดหมำยเหตุ 2) ด้ำนกำรจัดกำรจดหมำยเหตุดิจทิ ัล เป็นเทคนิคและวิธีกำรจัดกำรกบั จดหมำยเหตุแบบใหม่ สำหรับ ประเภทจดหมำยเหตุอเิ ล็กทรอนิกสแ์ ละจดหมำยเหตดุ จิ ิทัล 3) ด้ำนแนวปฏิบตั กิ ำรบรหิ ำรจดั กำร ส่ือดิจิทลั เป็นกำรกำหนดแนวปฏบิ ัติเกย่ี วกับกำรจดั เตรียมเอกสำรดิจทิ ลั ให้มีคุณภำพตงั้ แต่ตน้ ทำง ก่อนทีจ่ ะนำมำเก็บรักษำเป็นจดหมำยเหตุดจิ ทิ ลั หรอื จดหมำยเหตอุ ิเล็กทรอนิกส์ตอ่ ไป และ 4) ดำ้ นสำระสำคัญของกฎหมำยและระเบยี บทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั จดหมำยเหตุ 1.1.2) แสวงหำผูท้ มี่ คี วำมรู้และประสบกำรณท์ เี่ ก่ียวกับกำรจัดกำรจดหมำยเหตุ ดจิ ทิ ัล ซง่ึ ในท่ีนี้ไดร้ ับควำมร่วมมอื จำกผูเ้ ชย่ี วชำญของหน่วยงำนต่ำง ๆ ได้แก่ จำกสำนักงำนพฒั นำ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีแหง่ ชำติ (สวทช.) ซึง่ มคี วำมรู้ควำมเชีย่ วชำญในด้ำนแนวทำงกำรพัฒนำ ส่ือดจิ ิทลั ในรูปแบบต่ำง ๆ จำกสำนกั หอจดหมำยเหตุแหง่ ชำติ ซ่งึ มีควำมรู้ในด้ำนจดหมำยเหตุ และจำกสำขำวิชำศิลปศำสตร์ มหำวิทยำลัยสโุ ขทัยธรรมำธริ ำช เปน็ ผเู้ ช่ียวชำญดำ้ นกำรจัดกำร เอกสำรและจดหมำยเหตุ 1.2) กำรประมวลและพัฒนำเน้ือหำหนังสอื ค่มู ือกำรจดั กำรจดหมำยเหตุดิจทิ ลั สำนักได้มีกำรรว่ มประชุมกับผู้เชย่ี วชำญจำกหนว่ ยงำนต่ำง ๆ หลำยครั้ง ทงั้ เปน็ ทำงกำรและไม่เป็นทำงกำร เพ่ือร่วมกนั กำหนดเคำ้ โครงเนื้อหำหลักและเนอ้ื หำย่อย ประมวลและ รวบรวมเนอื้ หำ พรอ้ มทัง้ ปรับปรงุ แกไ้ ขเน้อื หำในประเด็นต่ำง ๆ ใหม้ ีควำมเหมำะสมมำกท่สี ุด 1.3) กำรเรียบเรียงเนื้อหำหนังสอื คู่มือกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ ิจทิ ัล เปน็ ข้นั ตอนท่บี รรณำธกิ ำรและกองบรรณำธกิ ำรของสำนักได้ดำเนนิ กำรตำม กระบวนงำนบรรณำธิกรหนงั สอื คมู่ ือ ซึ่งประกอบด้วยขน้ั ตอนกำรกำหนดคุณสมบัติทำงกำรพิมพ์
กำรบรรณำธิกำรเนื้อหำ กำรจัดหำ คัดเลอื กภำพ กำรติดต่อประสำนงำน กำรให้แนวคดิ ดำ้ นกำรออกแบบศิลปะรปู เล่ม กำรตรวจพสิ จู น์อักษร กำรตรวจตำแหนง่ จัดวำงภำพประกอบ และกำรจัดทำข้อมลู ส่วนนำและส่วนทำ้ ยของหนงั สือ เช่น คำนำของมหำวิทยำลัย คำนำของ สำนกั บรรณสำรสนเทศ สำรบัญเนอ้ื หำ ข้อมลู บัตรรำยกำร หมำยเลข ISBN บรรณำนุกรมของหนังสอื เปน็ ตน้ 2) กำรเผยแพร่องค์ควำมรู้ในกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ ิจิทัล โดยกำรจดั สัมมนำทำง วชิ ำกำร เป็นกระบวนกำรเผยแพร่องค์ควำมร้ทู ไ่ี ด้จำกกำรจัดทำหนังสอื คมู่ ือกำรจดั กำร จดหมำยเหตุดิจทิ ัล โดยจัดในรูปแบบกำรสัมมนำทำงวชิ ำกำร รวมทง้ั กำรจดั ทำส่ือประชำสัมพนั ธ์ นิทรรศกำร สำธติ และแนะนำฐำนข้อมลู ตำ่ ง ๆ ทหี่ น่วยจดหมำยเหตุมหำวิทยำลยั สุโขทัยธรรมำธริ ำช ไดป้ ระยุกตค์ วำมรู้เกีย่ วกบั กำรจัดกำรจดหมำยเหตุดิจิทัลมำใช้ประโยชน์ ซง่ึ กระบวนกำรดังกลำ่ ว มขี ัน้ ตอน ดังน้ี ตำรำงที่ 1 ข้นั ตอนกำรดำเนินงำน ข้นั ตอนการดาเนินงาน กจิ กรรมการดาเนินงาน ขน้ั ตอนท่ี 1 กำรเตรียมกำรก่อน เป็นกำรกำหนดหัวข้อและรูปแบบกำรสัมมนำทำงวชิ ำ กำรคดั เลอื กและทำบทำม กำรสมั มนำทำงวิชำกำร วิทยำกรทม่ี คี วำมรู้ควำมเชยี่ วชำญสอดคลอ้ งกบั เนอื้ หำในหนงั สอื กำรจัดทำหนงั สอื เชิญวิทยำกรและผมู้ ำร่วมสัมมนำจำกหนว่ ยงำนตำ่ ง ๆ ทง้ั ภำครัฐและเอกชน ข้นั ตอนที่ 2 สมำคมและเครอื ขำ่ ยทำงวชิ ำชพี และประชำชนทัว่ ไป จัดทำเว็บไซต์ประชำสัมพนั ธ์ กำรดำเนินกำรระหว่ำง และเชิญผู้สนใจทั่วไปลงทะเบยี นรว่ มงำนสัมมนำ จดั ทำนิทรรศกำรเคลอ่ื นที่ จดั ทำ กำรสมั มนำทำงวชิ ำกำร มลั ตมิ เี ดยี จัดทำส่งิ พมิ พ์เผยแพรแ่ ละแนะนำ เตรยี มกำรสำธิตระบบและฐำนขอ้ มลู ท่ีประยกุ ตใ์ ช้ควำมรูใ้ นกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ ิจิทลั เป็นกำรรับลงทะเบยี นผูม้ ำเขำ้ รว่ มกำรสมั มนำ จัดพธิ ีเปดิ กำรสัมมนำ กำรฉำย มัลตมิ ีเดยี กำรบรรยำยโดยวทิ ยำกรผทู้ รงคณุ วฒุ ิ กำรแนะนำนทิ รรศกำรเคล่อื นที่ กำรสำธติ และแนะนำฐำนขอ้ มลู ทนี่ ำควำมรู้เกยี่ วกับกำรจดั กำรจดหมำยเหตุดิจทิ ลั มำประยุกต์ใชใ้ นกำรปฏบิ ตั งิ ำน ไดแ้ ก่ ระเบยี นรำยกำรจดหมำยเหตุมหำวิทยำลัย ในระบบหอ้ งสมดุ อัตโนมตั ิ ระบบทะเบียนและสืบคน้ จดหมำยเหตุมหำวิทยำลยั ฐำนขอ้ มูลสำรสนเทศดิจทิ ลั ศำสตรำจำรย์ ดร.วจิ ติ ร ศรสี อ้ำน กำรแนะนำสงิ่ พิมพ์ และสอื่ อิเลก็ ทรอนิกส์งำนจดหมำยเหตุ รวมถึงปิดกำรสัมมนำ ขัน้ ตอนที่ 3 เปน็ กิจกรรมกำรรวบรวมและวเิ ครำะห์ผลกำรสมั มนำ และกำรจดั ทำรำยงำนผลกำร กำรดำเนนิ กำรหลงั ดำเนินโครงกำรจดั สง่ มหำวทิ ยำลยั กำรสมั มนำทำงวิชำกำร 3. ข้นั ดำเนนิ กำรตรวจสอบและรำยงำนผล (Check) 3.1 กำรตรวจสอบ ผลกำรดำเนินโครงกำรบริกำรวชิ ำกำรแก่สังคม เรื่อง จดหมำย เหตุมหำวิทยำลยั ในยุคสงั คมดิจทิ ลั โดยสำรวจและประเมนิ ควำมพึงพอใจของผูเ้ ขำ้ รว่ มสัมมนำ
ทำงวชิ ำกำรเพ่ือเผยแพรอ่ งค์ควำมรู้ จำนวน 344 คน เพ่ือรวบรวมขอ้ มูลผลกำรประเมนิ ควำมพงึ พอใจ ปญั หำอปุ สรรคและข้อเสนอแนะอนื่ ๆ สำหรบั กำรนำไปพฒั นำและปรับปรุงแกไ้ ข ตอ่ ไป 3.2 กำรรำยงำนผล โดยจัดทำรำยงำนผลกำรดำเนนิ โครงกำรบรกิ ำรวิชำกำร แกส่ งั คม เร่ือง โครงกำรจดหมำยเหตุมหำวิทยำลัยในยุคสังคมดจิ ิทัล ปงี บประมำณ พ.ศ. 2561 เพือ่ นำเสนอท่ีประชมุ ผบู้ รหิ ำรสำนักบรรณสำรสนเทศ และผบู้ รหิ ำรมหำวิทยำลัยสุโขทัยธรรมำธริ ำช ตำมลำดับ 4. ขัน้ ดำเนนิ กำรพัฒนำและปรบั ปรงุ (Act) สำนกั บรรณสำรสนเทศ มหำวิทยำลัยสโุ ขทัยธรรมำธริ ำชได้นำผลกำรประเมนิ ควำม พงึ พอใจและข้อเสนอแนะต่ำง ๆ มำพัฒนำและปรับปรุง ได้แก่ ข้อเสนอแนะให้สำนัก บรรณสำรสนเทศ ดำเนินกำรจดั กิจกรรมกำรจดั กำรจดหมำยเหตุดจิ ทิ ลั อย่ำงต่อเนื่อง ซ่ึงสำนัก มนี โยบำยทีจ่ ะจัดฝึกอบรมให้ควำมรู้ในกำรจัดกำรเอกสำรดิจิทัลให้แกห่ น่วยงำนภำยในมหำวิทยำลัย ตอ่ ไป สรุปผล อภปิ รายผล ขอ้ เสนอแนะและการนาไปใชป้ ระโยชน์ สรปุ ผลและอภปิ รายผล ผลจำกกำรดำเนนิ โครงกำรจดหมำยเหตุมหำวทิ ยำลยั ในยุคสงั คมดิจทิ ัล ในปงี บประมำณ พ.ศ. 2561 สง่ ผลใหส้ ำนักบรรณสำรสนเทศได้องคค์ วำมรู้ในกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ ิจิทัล และได้ เผยแพร่องคค์ วำมรู้ดังกลำ่ วในรูปแบบกำรจัดสัมมนำทำงวิชำกำร นอกจำกน้ยี งั ไดส้ ำระควำมรแู้ ละ ประสบกำรณ์จำกปฏบิ ัตงิ ำนในสว่ นตำ่ ง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง ทีส่ ำคัญได้เครือข่ำยบุคคลและหน่วยงำนที่ ปฏบิ ัติงำนจดหมำยเหตุ ห้องสมดุ พพิ ิธภณั ฑ์และหน่วยงำนอ่ืน ๆ ทเี่ กีย่ วข้อง สรปุ ผลพอสงั เขป ดังน้ี 1. จัดทำหนังสอื เรอ่ื ง หลักและแนวปฏบิ ตั กิ ำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ จิ ิทลั เปน็ ตน้ แบบค่มู ือกำรจัดกำรจดหมำยเหตดุ ิจทิ ลั ที่สำนักบรรณสำรสนเทศได้ ร่วมกับฝ่ำยบรกิ ำรควำมรทู้ ำงวทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำนกั งำนพฒั นำ วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยีแหง่ ชำติ (สวทช.) จัดพิมพ์ จำนวนท้ังหมด 6,000 เล่ม ทั้งในรปู แบบเอกสำรสง่ิ พมิ พ์และเอกสำรอิเล็กทรอนกิ ส์ที่ เผยแพรผ่ ำ่ นเว็บไซต์ของห้องสมุด https://library.stou.ac.th/digital- archive/ ซ่งึ นำเสนอเน้ือหำที่สำคัญ คอื ตอนที่ 1 จดหมำยเหตุ เอกสำรจดหมำยเหตุ ประกอบด้วย 1) หลกั กำร แนวคิด และกระบวนกำรจดั กำรเอกสำรจดหมำยเหตุ และ 2) กรณีตวั อยำ่ ง กำรจัดกำรเอกสำร จดหมำยเหตุ มหำวทิ ยำลัยสุโขทัยธรรมำธิรำช เพือ่ เป็นตวั อย่ำงใหห้ น่วยงำนต่ำง ๆ ไปปรับประยกุ ต์ใช้ ตอนท่ี 2 กำรบรหิ ำรจัดกำรเอกสำรจดหมำยเหตดุ จิ ทิ ัล ประกอบดว้ ย 1) แนวทำงกำรบริหำรจดั กำร เอกสำรจดหมำยเหตดุ จิ ิทลั 2) มำตรฐำนเมตำดำตำสำหรบั เอกสำรจดหมำยเหตดุ ิจทิ ลั เป็นเมตำดำต้ำ เอกสำรจดหมำยเหตุและมำตรฐำนทเ่ี กีย่ วข้องกับกำรจัดกำรเอกสำรจดหมำยเหตุดจิ ิทลั 3) มำตรฐำน ทีเ่ กยี่ วข้องกบั กำรจัดกำรเอกสำรจดหมำยเหตดุ จิ ทิ ัล และ 4) กำรประยกุ ตใ์ ช้มำตรฐำนระหวำ่ ง
ประเทศสำหรับคำอธิบำยจดหมำยเหตุ (ISAD (G)) ตอนท่ี 3 แนวปฏิบัติกำรบรหิ ำรจัดกำรสื่อดจิ ทิ ลั ประกอบดว้ ย 1) กำรบริหำรจัดกำรโฟลเดอร์และแฟม้ เอกสำรดจิ ิทลั 2) กำรสรำ้ งเอกสำรงำนพิมพ์ท่ีมี คณุ ภำพ 3) กำรสร้ำงสื่อนำเสนอทีม่ ีคุณภำพ 4) กำรจดั กำรเอกสำร PDF 5) กำรเตรยี มภำพดิจทิ ัล 6) ขอ้ กำหนดกำรพฒั นำเอกสำรเวบ็ ไซต์ ตอนท่ี 4 สำระสำคญั ของกฎหมำยและระเบยี บทเ่ี ก่ียวข้อง กบั กำรจดั กำรเอกสำรจดหมำยเหตุ เปน็ กำรสรุปสำระสำคัญของกฎหมำยและระเบยี บท่ีเก่ยี วขอ้ งกับ กำรจัดกำรเอกสำรจดหมำยเหตุ (มหำวทิ ยำลัยสุโขทัยธรรมำธริ ำช และสำนกั งำนพฒั นำวิทยำศำสตร์ และเทคโนโลยแี ห่งชำต,ิ 2561) ท้งั นหี้ นงั สอื เร่อื ง หลกั และแนวปฏบิ ตั กิ ำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ ิจทิ ลั ทำให้ได้องค์ควำมรู้ ทเ่ี ปน็ เหมือน บทเรียน (Lesson-learned) ท่ถี อดจำกผู้ทมี่ ีควำมรู้และประสบกำรณ์ในกำรปฏิบัตงิ ำน โดยตรง แล้วสกัดออกมำเพื่อใหเ้ กดิ กำรเรียนรู้และแบง่ ปันร่วมกันในระหวำ่ งบุคคลและหนว่ ยงำน ซ่ึงองคค์ วำมรูท้ ่ีได้ถือเป็นเรื่องใหมส่ ำหรับกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ ิจทิ ัล และเพ่อื ใหเ้ กดิ ควำมชัดเจน ระหว่ำงกำรจัดกำรเอกสำรจดหมำยเหตุแบบดั้งเดมิ และกำรจดั กำรจดหมำยเหตุแบบใหม่ ดงั ตำรำงน้ี ตำรำงที่ 2 กำรจดั กำรเอกสำรจดหมำยเหตแุ ละกำรจัดกำรจดหมำยเหตุดจิ ิทลั การจัดการเอกสารจดหมายเหตุ การจดั การจดหมายเหตดุ ิจทิ ลั 1) กำรจดั หำและกำรประเมนิ คณุ ค่ำ เปน็ กำรกำหนด 1) กำรตรวจสอบ (Quarantine) จดหมำยเหตดุ จิ ทิ ลั นโยบำย กำรประเมนิ คณุ คำ่ กำรจัดหำ และกำรจดั ทำ ก่อนนำเขำ้ ระบบ เปน็ กำรนำจดหมำยเหตดุ จิ ทิ ลั ท่ี หลกั ฐำนและลงทะเบยี นเอกสำรจดหมำยเหตุ คัดเลือกและจดั ทำรำยกำรขอ้ มลู เรียบรอ้ ยแลว้ มำตรวจ 2) กำรจดั เรยี งและจดั ทำคำอธบิ ำย เป็นกำรจดั ไวรสั คอมพิวเตอรแ์ ละส่ิงแปลกปลอม ตรวจสอบ ระเบียบเอกสำรตำมแหล่งทีม่ ำและระเบียบเดมิ คณุ ภำพด้ำนควำมครบถว้ นสมบรู ณ์ เมทำดำ เงื่อนไข ทำคำอธิบำยรำยกำรขอ้ มูลสำคญั ตำมมำตรฐำน กำรใช้และลิขสิทธิ์ เพื่อนำมำดำเนนิ กำรในขนั้ ต่อไป วชิ ำกำรวชิ ำชพี จดหมำยเหตุ 2) กำรนำจดหมำยเหตดุ ิจิทัลมำเกบ็ รกั ษำในระบบ 3) กำรจดั ทำเครือ่ งมือชว่ ยค้นเอกสำรจดหมำยเหตุ (Preservation) เปน็ กำรนำเอกสำรดิจทิ ลั ที่ผำ่ น ในลักษณะต่ำง ๆ ท่ีมรี ำยละเอยี ดขอ้ มลู หรอื เมทำดำ กำรตรวจสอบในข้ันท่ี 1 มำเข้ำระบบกำรจัดเกบ็ และ ของเอกสำร เพ่อื ใช้ในกำรค้นคว้ำหำหรอื เขำ้ ถงึ สงวนรักษำด้วยเทคนคิ วิธีกำรทเี่ หมำะสม เช่น กำรทำ เอกสำร ใหเ้ ปน็ บรรทัดฐำนตำมท่กี ำหนด (Normalized) หรือ 4) กำรสงวนรกั ษำเอกสำรจดหมำยเหตุ กำรเปลย่ี นแปลง (Converted) ด้วยซอฟตแ์ วรท์ ส่ี งวน 4.1) กำรสงวนรกั ษำ เปน็ วิธกี ำรปอ้ งกันกอ่ นเอกสำร รกั ษำเอกสำรดิจทิ ลั ให้อยูย่ ำวนำน จะชำรุด และ 4.2) กำรอนรุ ักษ์ เปน็ แก้ปัญหำท่ีเกิดขน้ึ 3) กำรจัดเก็บรกั ษำ (Storage) จดหมำยเหตดุ จิ ทิ ลั เขำ้ แลว้ บนเอกสำร โดยกำรกำจดั และทำให้กลับคืนสู่ คลัง เป็นกำรนำจดหมำยเหตุดจิ ิทลั ท่ีดำเนนิ กำรตำม สภำพเดมิ ข้ันตอนที่ 2 มำเก็บไว้ในระบบ โดยคำนงึ ถงึ กำรเกบ็ 5) กำรบริกำรเอกสำรจดหมำยเหตุ เปน็ กำรอำนวย รกั ษำในระยะยำว สำมำรถจดั กำรจดหมำยเหตดุ ิจทิ ลั ควำมสะดวกเพ่ือให้ผใู้ ชเ้ ข้ำถงึ และค้นคืนเอกสำร ตำมกำหนด สำมำรถเขำ้ ถึงและคน้ คนื ได้ จดหมำยเหตไุ ด้ รวมถึงเผยแพร่ประชำสัมพนั ธ์ ใหค้ ำปรกึ ษำ แนะนำ รวมทง้ั กำรจดั ทำสำเนำเอกสำร 2. กำรสัมมนำทำงวชิ ำกำรเพ่ือเผยแพร่องค์ควำมรู้ เรือ่ ง กำรจัดกำรจดหมำยเหตดุ จิ ิทลั เอกสำรสำคัญขององคก์ ร ในวนั ศุกร์ท่ี 31 สงิ หำคม 2561 ณ หอ้ งประชมุ ใหญ่ อำคำรพิทยพัฒน์
มหำวิทยำลยั สโุ ขทัยธรรมำธริ ำช มผี เู้ ข้ำรว่ มสมั มนำถงึ 344 คน จำกกวำ่ 170 หน่วยงำน ภำยในงำน เปน็ กำรเผยแพร่องคค์ วำมรู้และหนงั สอื เรื่อง หลักและแนวปฏบิ ัติกำรจัดกำรจดหมำยเหตุดจิ ทิ ัล และ ยังจดั ให้มกี จิ กรรมท่สี ง่ เสริมให้ผมู้ ำร่วมงำนตระหนักถงึ คณุ คำ่ และควำมสำคัญในกำรจดั กำรเอกสำร จดหมำยเหตุและจดหมำยเหตุดิจทิ ัล มผี ลงำนทีส่ ำคัญ ดงั น้ี 2.1 ปำฐกถำพเิ ศษและบรรยำย โดย ผ้ทู รงคุณวุฒแิ ละผู้เชี่ยวชำญทั้งภำยในและภำยนอก มหำวิทยำลยั ทม่ี ำถ่ำยทอดควำมรแู้ ละประสบกำรณ์ รวมถงึ ร่วมแลกเปลยี่ นเรียนรู้ในหัวขอ้ ต่ำง ๆ ไดแ้ ก่ 1) มุมมองกำรจดั กำรจดหมำยเหตุ 2) ควำมคำดหวงั และ กำรเปลี่ยนแปลงดำ้ นกำรจัดกำรจดหมำยเหตใุ นยุคไทยแลนด์ 4.0 3) ปฏบิ ัติกำรเอกสำรสำคัญในยุคดิจิทลั และ 4) กำ้ วคนละก้ำว เพ่ือขับเคล่ือนเอกสำร จดหมำยเหตุดจิ ทิ ัล 2.2 จดั ทำเวบ็ ไซต์กำรจัดกำรจดหมำยเหตุดิจทิ ัล เพ่อื เปน็ ชอ่ งทำงเป็นเผยแพร่องค์ควำมรู้ และประชำสมั พนั ธ์กำรสัมมนำ ทำงวิชำกำร ให้ผู้สนใจท่ัวไปสำมำรถเข้ำถึงได้ในเวบ็ ไซต์ห้องสมดุ ตลอด 24 ชว่ั โมง ที่ https://library.stou.ac.th/digital- archive/ 2.3 จดั ทำนิทรรศกำร เคลอื่ นที่ จำนวน 4 เรื่อง เพ่ือแนะนำเอกสำรจดหมำยเหตุ และงำนจดหมำยเหตุ รวมถงึ หนังสอื หลกั และแนวปฏบิ ตั ิ กำรจัดกำรจดหมำยเหตุดจิ ิทลั 2.4 จดั ทำสื่อมลั ตมิ เี ดียงำนจดหมำยเหตุ เพือ่ แนะนำโครงกำรจดหมำยเหตุมหำวทิ ยำลยั ในยุคสงั คมดิจิทลั และ หนงั สือหลักและแนวปฏิบัติกำรจดั กำรจดหมำยเหตดุ จิ ิทัล 2.5 จัดทำสมุดบันทึกแนะนำหนว่ ยงำนจดหมำยเหตแุ ละห้องสมดุ มสธ. เพอ่ื แนะนำงำนจดหมำยเหตุมหำวิทยำลยั และห้องสมุดมหำวทิ ยำลัยสุโขทยั ธรรมำธริ ำช 2.6 แนะนำหนังสือ จำนวน 4 เรอ่ื ง คือ 1) แรกมี ใน มสธ. 2) แรกริ เริม่ มี ท่ี มสธ. 3) บรรณำนุกรม ผลงำนวชิ ำกำร ศำสตรำจำรย์ ดร.วจิ ติ ร ศรสี อ้ำน และ 4) มสธ. ใตร้ ่มพระบำรมี พระบำทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหำภูมิพลอดลุ ยเดช 2.7 สำธติ และแนะนำฐำนข้อมูลที่ประยุกตค์ วำมรู้ในกำรจัดกำรจดหมำยเหตุดจิ ิทัล มำใช้ในงำนจดหมำยเหตุ จำนวน 3 ฐำนขอ้ มูล ดงั น้ี 1) จดหมำยเหตุมหำวิทยำลัยอิเลก็ ทรอนกิ ส์ในระบบห้องสมุดอตั โนมตั ิ
เป็นกำรนำคดั เลือกกลุ่มเอกสำรจดหมำยเหตเุ พ่ือนำมำ จัดทำระเบียนรำยกำรในระบบหอ้ งสมุดอัตโนมตั ิ Matrix โดยพรรณนำเอกสำรตำมมำตรฐำนกำรจัดทำคำอธิบำย จดหมำยเหตุระหวำ่ งประเทศ ISAD (G) ตำมหลักเกณฑ์ กำรลงรำยกำรแบบแองโกลอเมรกิ นั ฉบับพมิ พ์คร้ังท่ี 2 แก้ไขเพิ่มเตมิ (AACR2R) และใช้รูปแบบกำรลงรำยกำรที่ เครื่องอ่ำนได้รูปแบบมำร์ค (Marc21) เพือ่ ใหผ้ รู้ ับบรกิ ำร สำมำรถสืบค้นและเขำ้ ถงึ รำยกำรเอกสำรจดหมำยเหตุไดใ้ นระบบห้องสมุดอตั โนมัติ (นันทพร ธนะกลู บริภณั ฑ์ และพชั รี ทองแขก, 2555) 2) ฐำนข้อมลู ลงทะเบยี นและสืบค้นจดหมำยเหตุดิจิทัล/ อิเล็กทรอนิกส์ เป็นฐำนข้อมูลท่ีพฒั นำข้นึ เพื่อกำรปฏบิ ัติงำน และ กำรใหบ้ รกิ ำร ในส่วนกำรปฏิบัติงำนเปน็ กำรลงทะเบยี น และจดั เกบ็ จดหมำยเหตุอิเลก็ ทรอนิกส์โดยกำรแปลงจำก เอกสำรต้นฉบับ พร้อมทง้ั พฒั นำในส่วนติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface) ให้ผู้ใชส้ ำมำรถสืบค้นและเรยี กดู เอกสำรจดหมำยเหตุฉบบั เต็ม (Full text) ไดผ้ ่ำนทำง เว็บไซตห์ ้องสมดุ (http://library.stou.ac.th/) ได้ตลอด 24 ชว่ั โมง 3) ฐำนขอ้ มลู สำรสนเทศดจิ ิทัลศำสตรำจำรย์ ดร.วจิ ติ ร ศรีสอ้ำน เป็นฐำนขอ้ มลู ท่ีคดั เลือก รวบรวม จัดเก็บและเผยแพรผ่ ลงำน วชิ ำกำรในรูปดจิ ทิ ัลของศำสตรำจำรย์ ดร.วิจติ ร ศรสี อำ้ น โดยจัดทำเมตำดำตำ Dublin Core ในระบบ TCU Globe ให้ผู้ใช้สำมำรถเข้ำถงึ ได้สะดวกรวดเรว็ โดยกำรสืบคน้ ผำ่ นทำง เว็บไซต์ห้องสมุด http://library.stou.ac.th/ (ยวิญฐำกรณ์ ทองแขก, 2556) ข้อเสนอแนะ เนื่องจำกโครงกำรได้ดำเนนิ กำรแล้วเสร็จในสิ้นปงี บประมำณ พ.ศ. 2561 ซงึ่ ในปนี ี้ สำนักบรรณสำรสนเทศอยรู่ ะหว่ำงกำรนำองคค์ วำมรหู้ รือบทเรียนท่ไี ด้มำปฏิบตั ิใช้ในหนว่ ยงำน เพ่ือเปน็ กรณีศึกษำและจัดทำเปน็ แนวปฏิบตั ิที่ดี (Best practice) สำหรบั หน่วยงำนอืน่ อยำ่ งไรก็ดี หนว่ ยงำนต่ำง ๆ ท่ีไดร้ ับองค์ควำมรู้หรือบทเรยี นนี้ไปแล้ว ควรนำไปปฏบิ ัตใิ ชใ้ นหนว่ ยงำนของตน อย่ำงเหมำะสมต่อไป การนาไปใช้ประโยชน์ 1. ประโยชนต์ ่อผู้รับบริกำร สิง่ ทส่ี ำคัญทส่ี ดุ ในกำรจัดกำรจดหมำยเหตุดจิ ทิ ัล คือกำรทำเพื่ออำนวยควำมสะดวกใหแ้ ก่ ผ้รู ับบรกิ ำรให้ไดร้ ับสำรสนเทศอยำ่ งรวดเรว็ อย่ำงไม่มีข้อจำกดั เรอ่ื งเวลำและสถำนที่ และเปน็ สำรสนเทศทไ่ี ด้รับกำรจดั กำรอยำ่ งเป็นระบบ มีควำมถกู ต้อง เช่ือถือได้ รวมทง้ั เรยี กดูเอกสำรฉบบั เตม็
การจัดการความร้ผู ญาภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่นสคู่ ลงั ดิจิทลั เพอื่ ความยง่ั ยืน Knowledge Management of Local Wisdom into Digital Library for Sustainability ยศยาดา สทิ ธิวงษ์, สาเร็ง คาโมง, บญุ จันทร์ เพชรเมืองเลย สำนกั หอสมดุ มหำวทิ ยำลัยขอนแก่น, ศนู ยศ์ ลิ ปวัฒนธรรม มหำวทิ ยำลัยภำคตะวนั ออกเฉียงเหนอื , คณะศลิ ปกรรมศำสตร์ หำวทิ ยำลัยขอนแก่น e-mail: [email protected] บทคดั ยอ่ กำรวจิ ัยนม้ี วี ตั ถุประสงค์ เพื่อสืบคน้ รวบรวมภูมิปญั ญำทอ้ งถิน่ ผญำ เพื่อศึกษำ วิเครำะห์ เน้ือหำ จดั หมวดหมผู่ ญำ แปลควำมให้สำมำรถสื่อควำมหมำยเข้ำใจง่ำย และเพ่ือพัฒนำระบบ กำรจดั เก็บและคน้ คนื อนรุ ักษ์ สบื สำนผญำให้สำมำรถดำรงอยอู่ ย่ำงย่งั ยืนและเข้ำถงึ ได้ตลอด 24 ชว่ั โมง ข้อมูลของผญำได้จำกข้อมูลทตุ ิยภมู ิ แบ่งออกเป็นจำนวน 8 หมวด ไดแ้ ก่ 1) ผญำคำสอน 2) ผญำปริศนำ 3) ผญำภำษิตสะกดิ ใจ 4) ผญำเกี้ยวพำรำสีโต้ตอบหนมุ่ สำว หรอื ผญำเครือ 5) ผญำเกี้ยวพำรำสีท่วั ไป 6) หมวดภำษิตคำเปรียบเปรยตำ่ ง ๆ 7) ผญำปญั หำภำษติ และ 8) ผญำภำษติ โบรำณอีสำนในกำรจัดกำรควำมรู้ภมู ิปญั ญำท้องถิน่ ผญำ ควำมรู้ภูมิปัญญำทอ้ งถน่ิ ผญำสำมำรถจัดกำรควำมร้โู ดย 1) เก็บรวบรวมผญำเกำ่ โบรำณไทยอีสำน-ลำว 2) จดั หมวดหมู่ ของผญำและแปลภำษำใหเ้ ขำ้ ใจงำ่ ย 3) พฒั นำคลังดิจทิ ลั จัดเกบ็ ผญำอย่ำงยง่ั ยืน 4) เผยแพร่ ผญำบนเว็บไซต์คลงั ดิจิทัลทว่ั โลก กำรวจิ ัยกำรจดั กำรควำมรผู้ ญำภมู ปิ ญั ญำท้องถน่ิ สู่คลังดิจทิ ัลเพื่อควำมย่งั ยนื น้ี ช่วยให้ ทกุ คนท่ีใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศเวบ็ ไซตเ์ ข้ำถึงภมู ิปญั ญำท้องถน่ิ ผญำด้วยควำมสะดวกรวดเรว็ และยิ่งไปกวำ่ นั้นยังสำมำรถเขำ้ ใจถงึ ควำมหมำยของผญำได้ง่ำยขนึ้ กวำ่ เดิมดว้ ยมีกำรเพ่ิมบทแปล สำนวนภำษำจำกภำษำถ่นิ ไทยอีสำน เป็นภำษำอังกฤษ และภำษำลำวเพิ่มเตมิ อกี ดว้ ย คาสาคัญ: กำรจดั กำรควำมรู้, ภูมิปัญญำทอ้ งถ่ิน, ผญำ, ผะหยำ, คลงั ดจิ ทิ ัล, ควำมยง่ั ยนื Abstract This research aimed to collect local wisdom to study content analysis. Categories Interpretation of the meaning of meaning. In order to develop a system of storage and retrieval, conservation must be sustainable and accessible 24 hours a day. There are 8 categories as follows: 1) Buddhist teachings 2) Puzzles 3) Buddhism
4) A courteous interactions with young or married 5) Common courier 6) Section of various metaphors 7) Proverbs and 8. Ancient Lao-Thai Proverbs in the management of knowledge, local wisdom, knowledge, local wisdom, knowledge management knowledge. 1) Collection of ancient Thai ancient Thai-Laos. 2) Categorize and translate language easily. 3) Develop a sustainable digital archive. 4) Publish on digital library websites worldwide. The research of Knowledge management of local wisdom into digital library for sustainability encourages everyone who uses information technology can access the local wisdom. And moreover, they can understand the meaning of the phrase easier than ever with the addition of the translations of idioms from the original Lao-Thai verses into Thai poems and English poem for the world wide understanding of contents. Keyword: Knowledge management, local wisdom, Puzzles, Digital media, Digital library, Sustainability บทนา ดนิ แดนภำคอสี ำนประชำกรกล่มุ ใหญม่ ีวฒั นธรรมคล้ำยคลึงกับคนลำวในประเทศลำว ตำมหลกั ฐำนทำงโบรำณคดแี ละประวตั ิศำสตรบ์ ่งชว้ี ่ำ เมอ่ื กลำงคริสตศ์ ตวรรษที่ 14 อำณำจักร ลำ้ นชำ้ งซงึ่ เปน็ ศูนยก์ ลำงวัฒนธรรมลำวไดส้ ถำปนำขึ้นร่วมสมยั เดยี วกบั อำณำจักรอยธุ ยำของชำวสยำม ปฐมกษตั รยิ ์ของอำณำจักรล้ำนชำ้ งคอื เจ้ำฟำ้ งุม้ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 คณะมิชชันำรเี ยซอู ิต ได้บนั ทึกเอกสำรเอำไวว้ ำ่ อำณำจักรลำวล้ำนช้ำงมกี ำรรวบรวมดนิ แดนเปน็ แนวยำวไปตำมชำยฝ่ัง แม่น้ำโขงท้ังสองฟำกฝัง่ ดินแดนเหล่ำน้ีมคี วำมเป็นอิสระทำงวฒั นธรรมเพรำะห่ำงไกลวฒั นธรรม รำชสำนกั ในช่วงปลำยคริสตศ์ ตวรรษที่ 18 ผู้คนอพยพจำกลำวเวียงจนั ทรเ์ ปน็ กลมุ่ ใหญ่เข้ำมำ ตั้งถิ่นฐำน และในสมยั ของพระเจำ้ ตำกสินมกี ำรศึกระหว่ำงสยำมกบั เวยี งจันทน์ ทำให้อำนำจ กำรปกครองสยำมขยำยไปยังหลวงพระบำงและจำปำสัก ทำใหเ้ กิดจุดเปลย่ี นวัฒนธรรมลำวรว่ มกับ วัฒนธรรมสยำมมำกข้ึน และในสมยั กำรปกครองของเจ้ำอนุวงษ์ไดม้ ีควำมขัดแย้งทำงกำรเมอื ง มีกำรอพยพผูค้ นท้งั ลำวไทยทำใหเ้ กิดกำรกระจำยวฒั นธรรมครั้งใหญ่ขน้ึ และในสมัยรัชกำรท่ี 5 เกิดกำรรวมศูนย์อำนำจกำรปกครองไว้ท่รี ัฐสยำมแห่งเดยี วจนก่อเกิดวฒั นธรรมลำวใหม่ไทยอีสำน ตรำบจนปัจจบุ นั ถึงแมว้ ่ำชำวอีสำนและชำวลำวจะถกู แบ่งเขตแดนดว้ ยระบบกำรปกครองทเี่ ดด็ ขำด แต่ก็ ไมไ่ ดห้ มำยควำมวำ่ ทุกอย่ำงจะส้นิ สดุ ลงท่กี ำรปกครองเทำ่ น้ัน ยังสืบทอดขนมธรรมเนียมประเพณี ภำษำพูดและวรรณกรรมทอ้ งถ่ินโบรำณทสี่ ะท้อนให้เห็นถึงปรัชญำคำสอนในยุคเก่ำกอ่ น เชน่ ผญำ เป็นต้น นักวชิ ำกำรดำ้ นวรรณกรรมชำวลำวอยำ่ ง ดร.บ่อแสงคำ วงศ์ดำรำ ให้คำอธบิ ำยควำมหมำย ของคำว่ำ “ผะหยำ” วำ่ “...เว้ำทั่วไปผะหยำส่องแสงให้เห็น (ช้ใี ห้เหน็ ) เถงิ สติปญั ญำ ควำมสะเหลยี ว
สะหลำด (ควำมเฉลยี วฉลำด) ควำมว่องไว มีไหวพรบิ และวำทศิลป์อนั คล่องแคล่ว ตลอดเถิงแนวคิด จิตใจ ควำมมุง่ หวงั ควำมมักควำมปรำรถนำ (ควำมรักควำมใคร่) เซง่ิ เปน็ (ซง่ึ เปน็ ) “ควำมในใจ” อนั เลิก๊ เซงิ้ (อนั ลกึ ซ้ึง) ของประซำซน ... อำจเว้ำไดว้ ำ่ ผะหยำลำวนกี้ วม (ครอบคลมุ ) เอำขอบเขต และสอ่ งแสง (ชใ้ี หเ้ ห็น) กว้ำงขวำงทีส่ ุด นบั แต่บัญหำ (ปญั หำ) ในชีวติ สงั คมอนั กว้ำงขวำงและสับสน จนเถิง (จนถงึ ) บญั หำชวี ติ จิตใจส่วนตัวอนั เล๊ิกเซิง้ ละเอยี ดอ่อน โดยสะเพำะ (เฉพำะ) อย่ำงยิ่งแมน่ บญั หำควำมฮัก (ควำมรกั ) ระหวำ่ งบำ่ วสำว (หนมุ่ สำว) เซง่ิ เป็นหัวเร่อื งใหญอ่ ันหนง่ึ ของคำผะหยำลำว ... อำจจัดแบง่ คำผะหยำลำวท้ังหมดออกเปน็ หลำยหมวดโดยองิ ตำมเนื้อใน (สำระ) และหัวเรือ่ ง สอ่ งแสง คอื หมวดท่เี วำ้ เถิง (พดู ถึง) ควำมฮกั หมวดที่เวำ้ เถงิ ควำมสวยสดงดงำมของบ้ำนเกิดเมืองนอน และหมวดที่เวำ้ เถิงกำรพวั พนั (ควำมสัมพันธ์) ในสงั คม ...” “... สว่ นศลิ ปะในกำรแต่งคำผะหยำนั้นท่ำนภมู ี วงศ์วิจติ ร ไดใ้ หค้ ำสงั เกตว่ำลกั ษณะ ของกลอนผะหยำแมน่ (คอื ) 1) บม่ ีระเบียบกฎเกณฑแ์ น่นอนเพรำะคิดเอำเองอยำ่ งปจั จุบันแลว้ เอำมำ เวำ้ โจทย์ถำมและแก้กนั 2) มีท้งั กำพย์และกลอนประสมกนั ไป 3) บำ้ งก็มี 2 วรรค 3 วรรค หรือ 4 วรรค แลว้ แตผ่ ้ใู ช้จะตอ้ งกำร 4) ส่วนสำคัญแมน่ ใหม้ ีกำรสมั ผสั กันวำงลงแม่นบ่อน (ถูกท)ี่ และมีเสยี งเอกโทเนืองกนั (ต่อเน่อื งกนั ) ...” ผทู้ สี่ นใจเรอ่ื ง “คำผะหยำ” อำจจะเคยพบวำ่ มตี ำรำหลำยเลม่ สะกดคำ “ผะหยำ” เปน็ “ผญำ” ด้วยเหตผุ ลท่ตี ้องกำรบง่ บอกให้ออกเสยี ง “ญ” เปน็ เสียงนำสิกคือ “เสียงขึ้นจมกู ” (Nasal sound) เหมือนคำภำษำลำวซงึ่ ในคำภำษำไทยไม่มี แม้วำ่ อันทจ่ี ริงนน้ั “ญ” ในภำษำไทย กต็ อ้ งออกเสียงไมข่ ึน้ จมกู เหมือน “ย” สว่ นสะกดว่ำ “ผะหยำ” นนั้ เปน็ ตน้ แบบทเ่ี ขยี นใน ป้ึมลำวคือ หนังสอื วรรณคดีลำวโดยกวลี ำว นกั ปรำชญใ์ ดตอ้ งกำรสะกดอย่ำงใดก็แล้วแตผ่ ู้อ่ำนจะเลือกสรรกนั ในดำ้ นของฉนั ทลักษณ์ของกลอนผะหยำนัน้ หำกเปน็ กลอนกลอนผะหยำมำตรฐำน 1 บท จะมี 2 วรรค วรรคหนง่ึ มี 8 พยำงค์ วำงจงั หวะให้แต่ละวรรคมี 3 จังหวะ จงั หวะแรกอยู่ที่พยำงคท์ ่ี 3 จงั หวะที่ 2 อย่ทู พ่ี ยำงค์ที่ 5 และจงั หวะท่ี 3 อยู่ทำ้ ยวรรค ตัวอย่ำงเช่น “ซงั กันแล้ว เฮด็ ดี กะวำ่ ซั่ว ฮักกันนน้ั ตดปดู้ กะวำ่ หอม” แตล่ ะวรรคอำจเตมิ ข้ำงหน้ำไดอ้ กี 2 พยำงค์ เพ่ือขยำยหรือเน้นเนื้อหำ และทำให้กลอน ผะหยำอ่อนโยนลง ตัวอยำ่ งเชน่ “คนเฮำ ซงั กันแลว้ เฮด็ ดีกะว่ำซวั่ บัดผู ฮักกันน้ัน ตดปดู้ กะวำ่ หอม” พยำงค์ 2 พยำงค์ที่เติมหน้ำวรรค ไมบ่ งั คับให้เติมทุกวรรค บำงวรรคอำจไม่เตมิ และบำงวรรคอำจใช้เพยี ง 1 พยำงค์ หรืออำจใช้ถึง 2 พยำงคก์ ม็ ี ท้ังน้ีขึน้ อยู่กบั เนื้อหำที่ผแู้ ตง่ ตอ้ งกำร ตัวอยำ่ งเช่น “ฮักกนั อยฟู่ ำกฟำ้ สดุ ขอบ เขำเขยี วคืออยู่ ในเฮือนเดียว ฮว่ มเฮยี ง หอหอ้ ง ซังกันแล้ว ตำเดยี ว บ่เหลียวล่ำพอปำนมี แม่นำ้ ก้ัน เขำคนั่ ลน่ั บัง” พยำงค์เติมอำจยำวถึง 5 พยำงค์กม็ ีดังตัวอย่ำง ทข่ี ีดเส้นใต้ “ยำมเม่ือ ซลธำร์น้ำ ไหลนอง ท่วมทง่ มดบม่ บี ่อนซน้ ปลำก้งั อะเห่ยหัว ยำมเมอ่ื ซลธำรแ์ หง้ วังหนอง เขินขำด มดงำ่ มมันกะเจำะ กะจอกเว้ำ หวั ล่อ ตอ่ ปลำ” ปรกติกลอนผะหยำ ไม่บังคับ “สัมผสั สระ” แต่อำจมี “สัมผัสใน” ระหว่ำงจังหวะในวรรคเดียวกนั ตัวอย่ำงเช่น “ญงิ ให้ เปน็ ยงิ แท้ แนไปให้มนั ซื่อ ยงิ ใหย้ งิ แทแ้ ท้ แนแลว้ จงึ คอ่ ยยงิ ” *** “แท้-แน” เปน็ “สมั ผัสใน” ในวรรคเดยี วกัน และอำจมี “สมั ผสั นอก” ระหวำ่ งวรรค และระหวำ่ งบท กม็ ี ตัวอย่ำงเชน่ “ยำมเม่ือ เจำ้ หนมุ่ น้อย ใหค้ ่อยฮำ่ เฮียนคณุ บญุ เฮำมี สิใหญส่ งู เพียงฟ้ำ ไปภำยหนำ้ สิหำเงิน ไดง้ ่ำย ไผผู ควำมฮ้ตู นื้ เงนิ เบี้ย บ่แกน่ ถง” *** “ คณุ -บุญ” เปน็ “สมั ผัสนอก” ระหวำ่ งวรรคในบทเดยี วกนั “ฟำ้ -หน้ำ” เป็น “สมั ผัสนอก” ตำ่ งบท (สำเรจ็ คำโมง, สมั ภำษณ์, 15 มกรำคม 2561)
จะเหน็ ได้วำ่ ผญำมีควำมสำคัญตอ่ ชำติพนั ธุ์ไทยอีสำน-ลำว อยำ่ งยิง่ สำมำรถเหน็ ได้จำก สำนวนคำสอน เปรียบเทียบ อปุ มำอุปมัยของผญำ รวมทงั้ ผญำยงั มีมีโครงสรำ้ งฉนั ทลักษณ์ ในกำรประพันธ์ที่มรี ปู แบบเป็นสำกลอกี ด้วย โดยจำกกำรสันนษิ ฐำนของปรำชญ์อีสำนได้กลำ่ วว่ำ ผญำ น่ำจะเกดิ ข้นึ ตัง้ แต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 20 (ก่อน พ.ศ. 1900) ซง่ึ เกดิ รว่ มกบั หมอลำผีฟำ้ (สนอง คลงั พระศรี, 2541) ผญำจึงเป็นภมู ปิ ญั ญำท้องถนิ่ ด้ำนวรรณกรรมมุขปำฐะ ทชี่ ำวบำ้ นสร้ำงข้นึ มำ เพอ่ื ใช้ในกำรแก้ไขปัญหำในกำรดำเนนิ ชวี ติ ตำมกำรเปลี่ยนแปลงของสงั คม เริ่มดว้ ยกำรลองผิดลองถูก ทำจนเกดิ ควำมชำนำญ ดว้ ยสติปัญญำของชำวบ้ำนเอง (นิคม ชมพูหลง, 2554) และสำนักเลขำธิกำร สภำกำรศึกษำ (2552) ไดก้ ำหนดขอบข่ำยภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่ิน กล่มุ ผญำไว้ 1 ใน 9 ดำ้ น คือ ดำ้ นภำษำ และวรรณกรรม โดยผู้คนที่มีควำมสมั พนั ธ์เกี่ยวขอ้ งกบั ผญำนัน้ มักเป็นผู้สงู อำยุทมี่ ีควำมรู้ตำมชนบท หรอื “ปรำชญ์ชำวบ้ำน” ทเ่ี คยได้สมั ผัสกบั สภำพแวดล้อมท่ีไดน้ ำคำกลอนอสี ำนหรอื ผญำมำใช้งำน เช่น หมอลำ พระสงฆ์ พรำหมณ์สูตรขวญั เปน็ ตน้ แตเ่ นอื่ งจำกว่ำในปัจจบุ นั กลุ่มของพระสงฆห์ รือปรำชญ์ชำวบ้ำนจำนวนนอ้ ยเทำ่ น้นั ท่สี ำมำรถจะพดู หรือกลำ่ วคำพุทธศำสนสภุ ำษิตและกล่ำวคำผญำได้ถูกต้องในกำรสือ่ สำร เพรำะว่ำ สว่ นใหญจ่ ะนยิ มกำรแสดงธรรมแบบธรรมบรรยำย ไมน่ ยิ มยกพุทธศำสนสุภำษติ ขนึ้ มำอำ้ งองิ หรอื ไมย่ กคำผญำมำประกอบเทศนำหรอื บรรยำยน้นั เลย อีกส่วนหนึ่งกม็ ำจำกส่อื ต่ำง ๆ ท่ไี ด้นำเสนอ รูปแบบท่ีทนั สมยั กวำ่ เร้ำใจกวำ่ เช่น สอ่ื สังคมออนไลน์ ละครโทรทศั น์ ภำพยนตร์ หนงั สือวำรสำร นิตยสำรตำ่ ง ๆ ทีน่ ำเสนอมีรูปแบบสสี ันกว่ำสำระเข้ำมำแทนท่ี จงึ ทำให้กำรเผยแผ่พุทธธรรมทน่ี ยิ มใช้ โวหำรแบบโบรำณ เริ่มหมดไปโดยปรยิ ำย ดงั จะเห็นไดว้ ำ่ ชำวอสี ำนสว่ นใหญท่ งั้ เยำวชนและผ้ใู หญ่ ในปจั จุบันน้ี แทบจะกล่ำวคำผญำไม่ไดเ้ ลยและแทบจะไม่ได้ใส่ใจในพุทธศำสนสภุ ำษติ ท่ีเปน็ คำแนะนำ คำสัง่ สอนทำงพระพุทธศำสนำเลยแม้แตน่ ้อย เพรำะเข้ำใจวำ่ เป็นเรื่องที่ลำ้ หลัง ล้ำสมัย และคำผญำ กไ็ ม่ควรนำไปกล่ำว เพรำะมีลักษณะเปน็ คำค่อนข้ำงสองแงส่ องงำ่ มหรือหยำบโลน สว่ นพทุ ธศำสนำสุภำษติ กเ็ ปน็ คำของพระสงฆ์ย่ิงไม่ควรนำไปกลำ่ ว ด้วยเหตุนเ้ี อง ท้ังพทุ ธศำสน สุภำษิตและผญำสภุ ำษิต จึงมีแต่วนั เส่อื มลงทุกวัน เพรำะหำผพู้ ดู ผู้กล่ำวไม่ไดห้ รือไมต่ ้องกำรจะกลำ่ ว จงึ เปน็ เรื่องทนี่ ่ำเป็นหว่ งเสยี ดำยอย่ำงมำกหำกภมู ปิ ัญญำท้องถิ่นผญำน้จี ะหมดสน้ิ ไปจำกสังคมไทย- ลำว จำกปัญหำและกระแสดังกล่ำวจึงจำเป็นอยำ่ งยง่ิ ท่ีภูมิปญั ญำทอ้ งถ่นิ ผญำควรมีกำรจัดกำร ควำมรู้อย่ำงเร่งด่วน ซึง่ กำรจัดกำรควำมร้ใู นทนี่ ้หี มำยถงึ กำรจดั กำรให้มีกำรคน้ พบควำมรู้ ควำมชำนำญทีซ่ ้อนเรน้ อยู่ในตัวคน หำทำงนำออกมำแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ปรบั ปรงุ ให้งำ่ ยตอ่ กำรนำไปใช้ประโยชน์ รวมทง้ั ตอ้ งมีกำรปรบั ปรุงควำมร้ใู ห้ทันสมัยเหมำะสมกบั วัฒนธรรมองค์กร นั้นอยู่เสมอ (ประเวศ วะสี, 2548) ในกำรจัดกำรควำมรู้นนั้ จงึ มีประโยชน์ในดำ้ นฟืน้ ฟูควำมรภู้ ูมปิ ัญญำท้องถ่ินที่มีอย่เู ดิม สกัดควำมรู้ผญำท่ีมอี ยู่ในตวั บคุ คล มีแนวทำงในกำรใช้เทคโนโลยที ี่เหมำะสม สรำ้ งควำมรู้ใหม่ จำกประสบกำรณข์ องบุคคล กลมุ่ ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ และควำมร้ยู งั ไดถ้ ูกจัดเกบ็ ไว้อย่ำงเปน็ ระบบ เพื่อป้องกนั ควำมรู้สูญหำย เพิ่มประสทิ ธิภำพในกำรตัดสินใจ และพัฒนำขยำยควำมรู้สู่ชุมชนทอ้ งถิน่ ได้อย่ำงทั่วถึง ดังนนั้ ผศู้ กึ ษำจงึ สนใจในกำรศกึ ษำเร่ืองกำรจดั กำรควำมรู้ดำ้ นภูมิปัญญำท้องถิน่ สู่คลังดจิ ิทลั เพ่ือควำมยง่ั ยืน โดยมวี ตั ถุประสงค์ เพ่ือรวบรวม อนุรกั ษ์ คน้ คนื และเผยแพร่ผญำ
ของชำวไทยในภำคอีสำนท่บี รรพบรุ ษุ ได้ถ่ำยทอดเปน็ มรดกมำยำวนำนนับเปน็ ปรัชญำของคนอสี ำน ที่แผงด้วยพทุ ธธรรมทเี่ หล่อหลอม ขัดเกลำจิตใจและเป็นวฒั นธรรมทส่ี ะท้อนทศั นะคติ ค่ำนิยม วถิ ชี ีวติ ของคนอีสำนใหย้ ง่ั ยืน คงอยู่ไม่สูญสลำยไปกับกำลเวลำหรอื ภยั ธรรมชำตใิ นรปู ของคลงั ขอ้ มูล ดิจิทลั ทำให้คนร่นุ หลังสำมำรถเขำ้ ถึงได้ทุกท่ีทกุ เวลำ สืบสำนภมู ิปัญญำท้องถิน่ ให้คงอยูแ่ ละตระหนัก ในคณุ ค่ำของมรดกดังกล่ำว และสง่ เสริมกำรเรยี นรตู้ ลอดชีวติ ขยำยโอกำสในกำรเข้ำถึงทรัพยำกร ไดอ้ ยำ่ งเทำ่ เทียมตลอด 24 ชว่ั โมง วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือสบื ค้น รวบรวมภมู ิปัญญำทอ้ งถ่นิ ผญำ 2. เพอ่ื ศึกษำ วิเครำะหเ์ นอ้ื หำ จัดหมวดหมู่ผญำ แปลควำมใหส้ ำมำรถสื่อควำมหมำย เขำ้ ใจงำ่ ย 3. เพ่ือพฒั นำระบบกำรจัดเก็บและค้นคนื อนรุ ักษ์ สืบสำนผญำให้สำมำรถดำรงอยู่ อยำ่ งยั่งยืนและเขำ้ ถงึ ไดต้ ลอด 24 ชั่วโมง ข้นั ตอนและวธิ ีการดาเนนิ งาน กำรวจิ ัยคร้ังนม้ี จี ดุ มุ่งหมำยเพ่ือสบื ค้น รวบรวม วเิ ครำะห์จัดหมวดหมู่ แปลควำมผญำ และพฒั นำระบบจัดเกบ็ และเผยแพร่ผญำทว่ี รรณกรรมภมู ิปญั ญำท้องถน่ิ ทป่ี จั จุบนั เร่มิ สูญหำยไปจำก ทอ้ งถน่ิ ในภำคอีสำนแล้ว ขั้นตอนที่ 1 กำรศกึ ษำจำกเอกสำร (Documentary study) เพื่อสำรวจและเก็บรวบรวม ข้อมลู ผญำภมู ปิ ัญญำท้องถนิ่ จำกแหล่งข้อมลู เอกสำรปฐมภูมิ (Primary sources) ได้แก่ บทสวด คำสอน นทิ ำนพน้ื บ้ำน กลอนลำ และเอกสำรทุตยิ ภมู ิ (Secondary Source) หนังสือผญำจำก กรมศิลปำกร สำธำรณะรัฐประชำธปิ ไตยประชำชนลำว ขั้นตอนท่ี 2 เก็บรวบรวมข้อมูลจำกกลมุ่ เป้ำหมำยคัดเลอื กมำเปน็ ผใู้ หข้ ้อมูลแบบเจำะจง โดยเลือกจำกกลุ่มบุคคลที่เปน็ ผรู้ ู้ ซงึ่ เปน็ นกั วิชำกำรและปรำชญ์ชำวบำ้ นท่ีเปน็ ท่รี ู้จกั ในแวดวงกำรศกึ ษำ ด้ำนผญำภมู ปิ ญั ญำท้องถน่ิ ท้งั ในประเทศไทยและสำธำรณรัฐประชำธปิ ไตยประชำชนลำว จำนวน 6 คน ได้แก่ 1) ศำสตรำจำรย์สำเร็จ คำโมง ผู้อำนวยกำรศูนยศ์ ลิ ปวัฒนธรรม มหำวิทยำลยั ภำคตะวันออกเฉยี งเหนือ สำเรจ็ กำรศกึ ษำระดับอดุ มศึกษำ จำกวิทยำลัยวชิ ำกำรศึกษำประสำนมิตร (วิชำเอกภำษำอังกฤษ) วทิ ยำลยั ครบู ำ้ นสมเด็จเจำ้ พระยำ (วิชำเอกดนตร)ี มหำวิทยำลยั แหง่ อัลเบอร์ตำ แคนำดำ (วิชำเอกกำรบรหิ ำรกำรศึกษำดำ้ นวิชำศิลปะปฏิบัติ) และศูนย์ภำษำ RELC สงิ คโปร์ (วิชำเอก กำรสอนภำษำองั กฤษ) 2) นำยชอบ ดสี วนโคก เป็นผู้เชี่ยวชำญด้ำนประวัตศิ ำสตรภ์ ำคอีสำน อำจำรย์ ประจำหลักสตู รหลกั สตู รพุทธศำสตรบัณฑติ สำขำวชิ ำสงั คมศกึ ษำ มหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณ รำชวิทยำลยั วิทยำเขตขอนแก่น 3) นำยประมวล พิมพ์เสน ครภู มู ปิ ญั ญำไทย ผู้เชีย่ วชำญ ด้ำนวฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญำไทย เปน็ ประธำนศอส.ประจำจงั หวดั ขอนแก่น หัวหน้ำหน่วยอนุรกั ษ์ สิ่งแวดล้อมธรรมชำตแิ ละศิลปกรรมท้องถ่ิน ประธำนศูนย์กำรถำ่ ยทอดภูมิปัญญำไทยภำคตะวันออก เฉยี งเหนือ 4) นำยบญุ จันทร์ เพชรเมืองเลย นกั วิจยั ศิลปะและวัฒนธรรมอสี ำนอสิ ระ สำเร็จกำรศึกษำ ระดบั ปริญญำโท สำขำวชิ ำวิจัยศลิ ปะและวัฒนธรรม มหำวิทยำลัยขอนแกน่ 5) ผรู้ ู้จำกสำธำรณะรัฐ ประชำธิปไตยประชำชนลำว ดร.บอ่ แสงคำ วงศ์ดำรำ และท่ำนภูมี วงศ์วิจติ ร
ขั้นตอนที่ 3 เกบ็ รวบรวมข้อมูลผญำภูมปิ ัญญำท้องถนิ่ ได้ จำนวน 520 รำยกำร นำมำ วเิ ครำะห์เนอ้ื หำ คัดแยกจัดหมวดหมไู่ ด้ 8 หมวดหมู่ (หอสมดุ แหง่ ชำตเิ ฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จ พระนำงเจำ้ สิรกิ ติ ์ิ พระบรมรำชินนี ำถ นครพนม, กรมศิลปำกร http://www.finearts.go.th/ nakhonphanomlibrary/parameters/km/item/ ผญำสภุ ำษิตคำคม) ตำรำงที่ 1 กำรจำแนกหมวดหมผู่ ะยำ ลาดับ หมวดหมู่ จานวน 1 ผญำคำสอน 150 2 ผญำปรศิ นำ 26 3 ผญำภำษิตสะกดิ ใจ 25 4 ผญำเกย้ี วพำรำสที ั่วไป 128 5 ผญำเกย้ี วพำรำสีโตต้ อบหนุม่ สำว 8 6 หมวดภำษติ คำเปรียบเปรยตำ่ ง ๆ 9 7 ผญำปญั หำภำษติ 30 8 ผญำภำษิตโบรำณอีสำน 144 รำยกำร 520 ข้ันตอนที่ 4 ทมี วจิ ัยไดน้ ำผญำภมู ิปัญญำท้องถ่ินท้ัง 8 หมวด วิเครำะห์ สังเครำะห์ สกัดถอดควำมแปลเป็นภำษำลำว แปลเป็นภำพย์ภำษำไทยและภำษำองั กฤษให้ส่ือควำมหมำย ไดเ้ ขำ้ ใจงำ่ ยขึ้น และไดน้ ำข้อมลู ที่ไดใ้ ห้ผรู้ ู้ไดต้ รวจสอบควำมถกู ต้องเหมำะสมของเนื้อหำ ข้นั ตอนท่ี 5 กำรออกแบบและพฒั นำระบบจดั เกบ็ และค้นคืนผญำภูมิปัญญำทอ้ งถิน่ 5.1 ศกึ ษำโปรแกรม Timeline (https://timeline.knightlab.com/) ซง่ึ เป็น โปรแกรมท่สี ำมำรถดำวน์โหลดมำใช้ได้ฟรีบนอนิ เทอรเ์ น็ตและติดต้ังโปรแกรมเพ่ือใช้งำน 5.2 ศึกษำและคน้ หำตัวอกั ษร เพ่ือให้กำรนำเสนอน่ำสนใจและเพิ่มอรรถรส ในกำรเขำ้ ถึงข้อมูล ผู้วิจยั ได้ดำวนโ์ หลดฟอนต์ที่มลี ักษณะคลำ้ ยภำษำของสปป.ลำว มำออกแบบ เนอ้ื หำ คือ ฟอนต์ไทยอำร์ทอี ี คอนทรำสต์ rtE CONTRAST จำก https://www.f0nt.com/ release/rte-contrast/comment-page-1/ 5.3 ดำวนโ์ หลดและติดตั้งโปรแกรมตกแต่งภำพดว้ ยโปรแกรม PhotoScape 5.4 กำรออกแบบเนื้อหำและภำพประกอบ 5.4.1 ภำพประกอบเน้อื หำ ดว้ ยผญำเป็นวรรณกรรมพ้นื ถิ่นโบรำณใชส้ ำนวนท่ี เข้ำใจยำกและลกึ ซง้ึ ผู้วจิ ยั จงึ ใชภ้ ำพมำเป็นสว่ นประกอบเพื่อให้เขำ้ ใจงำ่ ยและน่ำสนใจ โดยผู้วจิ ยั ดำวนโ์ หลดภำพจำกคลงั ทรัพยำกรกำรศึกษำแบบเปดิ https://oer.learn.in.th มำใช้ประกอบเนอื้ หำ 5.4.2 นำภำพประกอบเน้ือหำมำตกแต่งด้วยโปรแกรม PhotoScape และเพ่ิม ขอ้ ควำมผญำสำนวนภำษำไทยอสี ำนและสำนวนภำษำไทยกลำงลงในภำพพรอ้ มตกแต่งให้สวยงำม 5.5 นำเข้ำข้อมลู เนือ้ หำผญำสำนวนภำษำสปป.ลำว สำนวนภำษำไทยอีสำน-ไทยกลำง ภำษำองั กฤษและลงิ ค์ข้อมูลท่ีเกยี่ วขอ้ ง
5.6 ทดสอบระบบกำรนำเขำ้ ขอ้ มูลและกำรใชบ้ ริกำรฐำนข้อมลู KKUL Digital PAYA 5.7 นำผลกำรประเมนิ มำปรับปรุงแก้ไข 5.8 ประชำสัมพนั ธ์และนำออกเผยแพร่ ขน้ั ตอนท่ี 6 สรปุ ผลกำรวจิ ัย ขัน้ ตอนท่ี 7 นำเสนอผลกำรวิจัยแบบพรรณนำวิเครำะห์ ภำพท่ี 1 ขน้ั ตอนกำรศึกษำค้นคว้ำวจิ ัย สรปุ ผล อภิปรายผล ข้อเสนอแนะและการนาไปใชป้ ระโยชน์ จำกกำรศึกษำวจิ ยั เรื่อง กำรจัดกำรควำมร้ผู ญำภูมิปัญญำท้องถิน่ สู่คลังดิจทิ ลั เพื่อ ควำมย่ังยนื ผวู้ ิจยั ได้ใชก้ รอบรูปแบบกำรจัดกำรควำมรูข้ องสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรพัฒนำ ระบบรำชกำร (ก.พ.ร.) พบว่ำ 1. การบง่ ชี้ความรู้ (Knowledge identification) จำกกำรลงพนื้ ทศ่ี ึกษำรวบรวม ข้อมลู ผญำโดยมีศำสตรำจำรย์สำเรจ็ คำโมงเปน็ ผรู้ วบรวมและเรียบเรียงภูมิปัญญำผญำจำกกรมศิลป์ สปป.ลำว พบว่ำ ผญำไดถ้ กู รวบรวมไว้เป็นลำยลักษณ์จำกกรมศลิ ปกรของ สปป.ลำว โดยเอกสำร ท่บี นั ทึกบทผญำไว้นเ้ี ปน็ เอกสำรทส่ี ำคัญต่อกลมุ่ วัฒนธรรมไทย-ลำวอย่ำงยง่ิ เพรำะผญำมีควำมเชอ่ื ม โดยของมรดกภมู ิปญั ญำรว่ มกันกลุม่ วฒั นธรรมไทย-ลำว 2. การสรา้ งและแสวงหาความรู้ (Knowledge Creation and Acquisition) ข้อมูล ภูมปิ ญั ญำท้องถิ่นผญำท่ีได้จำกศำสตรำจำรยส์ ำเร็จ คำโมง เปน็ ผญำเกำ่ แก่ของ สปป. ลำว ท่ที ่ำน ไดท้ ำกำรรวบรวมและศึกษำมำจำกกรมศิลปล์ ำว สำมำรถเขียนเปน็ พรี ะมิดกำรแสดงลำดับขั้น ของควำมรู้ ผญำ (อดลุ ย์ เนียมบุญนำ และสทิ ธิพร สมแกว้ , 2559) ดงั น้ี
ควำมรู้ ได้หมวดหมูผ่ ญำจำนวน 8 หมวดหมู1่ . ผญำคำสอน 2. ผญำ Knowledge ปริศนำ 3. ผญำภำษติ สะกดิ ใจ 4. ผญำเก้ยี วพำรำสโี ต้ตอบ หนุ่มสำว หรือผญำเครือ 5. ผญำเกยี้ วพำรำสีทั่วไป 6. หมวดภำษติ สำรสนเทศ คำเปรยี บเปรยตำ่ ง ๆ 7. ผญำปญั หำภำษติ 8. ผญำภำษติ โบรำณ Information อีสำน , กำรแปลควำมและอธิบำยขยำยควำมให้เข้ำใจงำ่ ยขึ้น ขอ้ มลู ข้อมูลบทผญำจำนวน 520 บท Data นำมำจัดหมวดหมู่ บทผญำ จำกหนงั สอื บทสวด หมอลำ มุขปำฐะชำวบ้ำนและกลุ่มผรู้ ู้ ภำพท่ี 2 พรี ะมดิ กำรแสดงลำดบั ขนั้ ของควำมรผู้ ญำ (อดุลย์ เนียมบุญนำ และสิทธิพร สมแกว้ , 2559) 3. การจัดการความรู้ใหเ้ ป็นระบบ (Knowledge organization) จำกกำรศึกษำ เนอ้ื หำผญำไทย-ลำว พบว่ำ เนือ้ หำสำระของผญำน้นั ค่อนข้ำงจะลกึ ซ้ึงและแยบยนใชส้ ำนวนอีสำน เป็นหลกั ในกำรประพนั ธซ์ งึ่ เป็นภำษำเฉพำะถ่ินของกล่มุ วัฒนธรรมไทยลำว ซ่งึ บำงสำนวนทป่ี รำกฏ ในบทผญำไทย-ลำวนี้บำงครัง้ กแ็ ทบจะไมส่ ำมำรถแปลควำมหมำยใหเ้ ข้ำใจได้เพรำะไม่มีบญั ญตั ไิ ว้ ในพจนำนุกรมไทยลำว ซึ่งผ้วู จิ ยั สนั นิษฐำนวำ่ 1) เป็นสำนวนที่เกำ่ แก่โบรำณท่ีบรรพบุรุษไทย-ลำว ใชก้ ันในอดีตเม่ือคำเหลำ่ นี้ไมไ่ ด้ถูกนำมำใช้ในชีวติ ประจำวันจงึ สญู หำยไป และ 2) ตอ้ งกำรใชเ้ กดิ คำคล้องจองในตอนกล่ำวผญำด้วยมุขปำฐะจึงไม่ไดค้ ำนึงถงึ ควำมหมำยของคำก็เป็นได้ จำกกำรศกึ ษำ ผญำไทย-ลำวสำมำรถแบ่งออกได้เป็น 8 หมวด ดงั น้ี ตำรำงที่ 2 กำรจำแนกหมวดหมผู่ ะยำ ลาดบั หมวดหมู่ จานวน 1 ผญำคำสอน 150 2 ผญำปรศิ นำ 26 3 ผญำภำษิตสะกิดใจ 25 4 ผญำเก้ียวพำรำสีทว่ั ไป 128 5 ผญำเก้ยี วพำรำสโี ต้ตอบหนุ่มสำว 8 6 หมวดภำษิตคำเปรยี บเปรยตำ่ ง ๆ 9 7 ผญำปญั หำภำษติ 30 8 ผญำภำษติ โบรำณอีสำน 144 รำยกำร 520 1. ผญำคำสอน พบ จำนวน 150 คำ ผญำคำสอนนีม้ ลี ักษณะเน้ือหำม่งุ สอนกำรดำรง วิถีชีวิต “อย่ำได้เสยี แฮงได้ เป็นฅน นำเพิน่ คนให้คนแท้แท้ เหนยี วตง้ึ จง่ั แมน่ ฅน”หำกเกิดมำเป็น
คนแล้วอยำ่ เปน็ คนเกียจคร้ำนใหห้ มัน่ ทำมำหำกิน “ตกกะเทินวำ่ ได้เอำบว้ งหำ้ ง สบิ ว่ ำงมอื ง่ำย ตกกะเทินวำ่ ไดไ้ ปคลอ้ งซ้ำง สจิ ับให้ ไดข้ มี่ ำ” โดยเฉพำะหำกเปน็ ผู้ชำยควรท่ีจะแสดงตนใหเ้ ป็น สภุ ำพบุรษุ และเข้มแข็ง “ซำติท่เี ปน็ ซำยนี้ อย่ำเปน็ ทรำย แกมหนิ แฮ่ ทรำยกะทรำยแทแ้ ท้ ตมนัน้ อย่ำใหม้ ี” รวมทั้งสอนใหส้ ำมัคคีปองดองกัน “ให้ถกื กนั คือแหกบั ข้อง ยำมหำปลำ จำกันคล่อง ทำงแหผดั มดุ นำ้ ทำงข้อง ผัดลอ่ งคอย” ใหล้ ะเวน้ กำรยุยงใหค้ นอ่ืนบำดหมำงกัน “อย่ำซุมำล้อแล้ แหยฮ่ งั แตน มนั สไิ ล่ อยำ่ ได้เอำไมแ้ ส้ มำล้อ แหย่แตน” และยิ่งสำคญั ไปกวำ่ นั้นเรื่องนี้ถือว่ำชำวอีสำน ยกใหเ้ ป็นขนบเลยก็วำ่ ได้คอื กำรรูค้ ณุ รบู้ ุญผมู้ ีพระคณุ “คนั ไดก้ ินต่อนซิน้ อยำ่ ลืมแหง่ คณุ หมำโจรบ่มำ ซอนลกั กะย้อนหมำ มันเฝ้ำ” 2. ผญำปริศนำ พบ จำนวน 26 คำ ผญำปรศิ นำนี้มลี กั ษณะเนื้อหำม่งุ บทอศั จรรย์มีเน้ือหำ ในเชญิ เปรียบเทยี บเปน็ ปริศนำใหผ้ อู้ ่ำนไดข้ บคิดและตีควำมดว้ ยควำมสำมำรถของตนเอง “อศั จรรย์ ใจกุ้ง หลังงองอ เหยียดบซ่ ื่อ แนวมนั เป็นจัง่ ซั้น เหยียดได้ แม่นบ่คือ” นอกจำกผญำปริศนำทม่ี เี นอื้ หำ ทำงโลกแล้วก็ยังมีผญำทม่ี ีเน้ือหำทำงธรรมดว้ ย “อยำกกินข้ำว ใหป้ ลูกใส่ พลำญหนิ อยำกมีศีล ใหฆ้ ำ่ พ่อ ตแี ม่ อยำกมคี นมำแว่ ให้ฆ่ำ หมู่เดยี วกนั อยำกมีศรมี วี รรณ ให้นอนดิน เกลือกขี้ฝนุ่ ฯลฯ” 3. ผญำภำษิตสะกิดใจ พบ จำนวน 25 คำ ผญำภำษติ สะกิจใจน้มี ลี กั ษณะเนื้อหำ ม่งุ สะท้อนถึงกำรกระทำของตนเองใหร้ จู้ ักมีสตปิ ัญญำทำในสงิ่ ทถี่ กู ต้องและให้ระมัดระวังตัว ในกำรกระทำของตนเอง “นกบค่ ดิ ฮอบดำ้ น มักถืกข่ำย ตังบำน กวำงฟำนเมำมัวหลง มักตำย นำแฮว้ แมงวันตำยไปย้อน มธวุ ำ หวำนยิ่ง คนมักตำยเพรำะย่อง ยอเรือ่ ย บร่ ะวัง” 4. ผญำเกี้ยวพำรำสีโต้ตอบหน่มุ สำว หรอื ผญำเครอื พบ จำนวน 8 ผญำเก้ยี วพำรำสี โตต้ อบหนุ่มสำวน้ีมีเนอ้ื หำลกั ษณะมงุ่ กำรใชค้ ำกลอนผญำเกี้ยวพำรำสกี ันระหวำ่ งหนมุ่ สำว ในอดีต กำรเกย้ี วพำรำสดี ว้ ยบทผญำเช่นนี้มกั มขี ึ้นในกจิ กรรมลงขวง (ขว่ ง = สนำม) น้ีมกั อยู่ตำมชนบท โดยฝ่ำยหญิงจะนัง่ เข็ญฝำ่ ยอยู่กลำงลำนบ้ำน สว่ นฝำ่ ยชำยก็จะมำนั่งเป่ำแคนข้ำงฝ่ำยหญงิ แลว้ ทำกำรเจรจำกนั ด้วยบทผญำตอบโต้กนั ไปมำหำกฝำยชำยสำมำรถคิดบทกลอนผญำได้อย่ำงเชียบคม และมดั ใจสำวให้อยู่มัดได้ก็จะเป็นผู้ถกู เลือกให้เปน็ คนรักของสำวท่ีคนนน้ั ทันที “(หญงิ ) เดิ๊กกะเดิก๊ มำแลว้ ดืน่ กะดนื่ มำแลว้ เจำ้ หวั ต่ืน ตกี ลองยำม มีแตส่ องเฮำเวำ้ นำกัน อย่นู ่ำน่ำ น้องน่ำข้นึ ผะอวน อำ้ ย ผัดกะนำ่ ล (ชำย) เดก๊ิ กะเดิ๊กมำแล้ว หมอกกลว้ั ท่ง เปน็ ฮูปหมู หมอกกลั้วภกู ลั้วผำ เป็นฮปู โตมำ้ หมอกกล้ัวฟ้ำ เปน็ ฮูป อนิ ทร์แปลง” 5. ผญำเก้ียวพำรำสที ่วั ไป พบ จำนวน 128 คำ ผญำเกย้ี วพำรำสที ่วั ไปนี้ มีเน้ือหำเกี้ยว พำรำสีระหวำ่ งฝำ่ ยชำยและฝ่ำยหญิงเปน็ กำรพดู ผญำของฝ่ำยชำยที่พ่ำเพอ้ ถงึ หญงิ ที่เปน็ ที่รัก “คนั น้องคิดฮอดอำ้ ย แกงหอย ใหม้ ันเปอื่ ย แกงปลำใหเ้ ป่ือยก้ำง แกงซ้ำง ใหเ้ ปื่อยงำ” และอำจจะมี บทเกี้ยวฝำ่ ยหญงิ อยบู่ ้ำงบำงบท “ถำมขำ่ วนอ้ ง ถำมข่ำวไฮ่ ผืนหนำ ถำมข่ำวน้อง ถำมข่ำวนำ ผนื กวำ้ ง ยงั คอ่ ยสวยลวยข้ำว ฮวงยำว เมด็ ถ่ี ยังค่อยสุก เฮอื่ เขม้ เหลอื งกมุ้ ท่ัวท่งนำ บน่ อ” สว่ นฝำ่ ยหญิงนั้นกจ็ ะพูดผญำสะท้อนใจผูช้ ำยว่ำรกั นอ้ งจรงิ หรอื ไม่หรือแคว่ ่ำพ่ีชำยมำหลอกลวง “คนั บ่คำหนำมบุ่น น้องสิมอบ ตัวถวย คนั บค่ ำหนำมหวำย นอ้ งสมิ อบ ตวั ให้ คนั บค่ ำฮตี บอกไว้ ตนนอ้ ง สแิ ลน่ นำ” 6. หมวดภำษิตคำเปรียบเปรยต่ำง ๆ พบ จำนวน 9 คำ ผญำภำษิตคำเปรียบเปรยต่ำง มลี ักษณะเนื้อหำมุง่ เปรียบเปรย เปรียบเทยี บ อปุ มำ อปุ มัย อย่ำงลกึ ซ้ึง “กะบวยบม่ ีดำ้ ม สิเอำหยงั พำค้ำงแอ่ง เขำสิเอน้ิ วำ่ กะโปะหมำกพร้ำวบม่ เี อน้ิ วำ่ กะบวย”
7. ผญำปัญหำภำษติ พบ จำนวน 30 คำ ผญำปญั หำภำษิต มลี ักษณะเน้ือหำมุง่ สะท้อน ใหเ้ หน็ ถงึ ปญั หำที่เกิดข้ึนจำกใจของตนเอง ปัญหำทเ่ี กิดข้ึนจำกกำรกระทำของตนเองและคนอ่ืน “กินแกงใหซ้ อมดูกำ้ ง คำคอ สิจิ้มยำก ดกู มนั ไปอยู่คำ้ ง กลนื นำ้ ซ้ำบ่ลง” “ยำมเมื่อเปน็ มันออ้ น ไผกะซอน เสยี มใส่ ยำมเป็นมันอีโม้ ไผกะหิว้ กะต่ำกำย” 8. ผญำภำษิตโบรำณอีสำน พบ จำนวน 144 คำ ผญำภำษติ โบรำณอสี ำนนี้ เปน็ สำนวน คำสอนท่ีแฝงดว้ ยคติธรรม และกำรดำรงชีวติ เชน่ ควำมยงุ่ ยำก “เฮ็ดไฮ่บ่มขี วำน” ควำมสุข “มเี งนิ คำเต็มถงเต็มไถ”่ ส่งิ ทไี่ ม่น่ำนับถือ “คนตำบอดขำยตำรำ โหรำตำยอึดข้ำว” คำพังเพย “หมกปลำแดก มคี รู จ่ีปูมวี ำด” 4. การประมวลและกลน่ั กรองความรู้ (Knowledge codification and refinement) เนื้อสำระของผญำไทย-ลำวทั้งหมดนล้ี ว้ นมีอทิ ธิพลตอ่ ควำมเป็นชำติพันธุไ์ ทย-ลำวอย่ำงหนำแนน่ ไมเ่ คยเสื่อมคลำย แต่ด้วยภำษำของผญำเป็นสำนวนภำษำถ่ินไทยอสี ำน-ลำว จึงทำใหค้ นภำคอ่นื ๆ อำจไม่เขำ้ ใจภำษำประจำถ่ินไทยอสี ำน-ลำวเทำ่ ใดนกั ทำให้คนทต่ี ่ำงชำติพันธ์นุ อกจำกไทย-ลำว หยัง่ ลกึ ไม่ถึงแก่นแท้ถึงควำมหมำยอนั แยบยน และชำญฉลำดของบรรพบุรุษของคนอีสำนท่ีไดท้ ำกำร สร้ำงสรรค์ศลิ ปะทำงด้ำนภำษำ ถือว่ำเป็นศิลปะชัน้ สงู นไ้ี ว้ จงึ ทำใหผ้ วู้ ิจยั ไดท้ ำกำรแปลวรรณกรรม ผญำ เป็นคำกลอนของไทยโดยยังคงควำมหมำยและเนือ้ หำสำระเดมิ ต่ำงกันเพยี งสำนวนจำก ไทยอสี ำน-ลำว เปน็ ภำษำไทยภำคกลำง ภำษำองั กฤษและภำษำจีนเท่ำนน้ั เพ่อื ใชใ้ นกำรเผยแพร่ ใหก้ ลมุ่ วฒั นธรรมลุ่มนำ้ โขงให้เขำ้ ใจควำมหมำยของภมู ิปัญญำท้องถนิ่ ผญำ ไทยอีสำน-ลำว ให้มำกท่ีสดุ ตำรำงท่ี 3 ผะยำและกำรแปลควำมจำแนกเปน็ ภำษำลำว ไทยอีสำน ไทยกลำงและภำษำอังกฤษ สานวนภาษา ผญา ลำว ຊາດທ່ີ ເປັ ນຕົ ນໃຫ້ ທານຽມ ຄື ນົ ກເຈົີ່ າ ไทยอีสำน ไทยกลำง ບາດຫີ່າບິ ນ ຜັ ນຜ້ າຍ ຈ່ີິ ງຂາວແຈ້ງ ດ່ີັ ງນົ ກຍາງ องั กฤษ ซำติที่เปน็ ฅนให้ ธรรมเนยี ม คอื นกเจำ่ บำดห่ำบนิ ผนั ผำ้ ย จึงขำวแจง้ ดง่ั นกยำง ถึงเปน็ คน ใหท้ ำตน เย่ียงนกยำง ยำมเกำะพรำง ตนไว้ ใต้เทำขน จะเหน็ ปกี แจง้ ขำว ครำวบินบน เกิดเป็นคน รู้จักเลี่ยง เย่ียงนกยำง Ready for safety like herons When landed hide beneath gray wings Keep humble invisibly Seen white wings just when flying 5. การเข้าถึงความรู้ (Knowledge access) กำรจะทำให้คนทวั่ ไปสำมำรถเข้ำถึง ภมู ปิ ญั ญำท้องถิ่นผญำได้สะดวกและรวดเร็วข้นึ จึงจำเปน็ ท่ีจะตอ้ งพฒั นำระบบกำรจัดเก็บและคน้ คนื อนุรกั ษ์ สืบสำนผญำใหส้ ำมำรถดำรงอยู่อยำ่ งยั่งยืนและเข้ำถงึ ได้ตลอด 24 ช่ัวโมง กำรพัฒนำระบบ เทคโนโลยีสำรสนเทศขน้ึ ก็เพ่ือใหเ้ กดิ ควำมยั่งยืนในดำ้ นกำรศกึ ษำและกำรรวบรวมจดั เก็บภูมิปญั ญำไทย สำนกั หอสมดุ มุง่ สรำ้ งเครือข่ำยในทุกแขนงวิชำกำรเพ่อื มงุ่ สู่เป้ำหมำยที่ย่งั ยืน โดยเฉพำะข้อที่ 4 เพือ่ มงุ่ พฒั นำกำรศึกษำเพ่ือส่งเสริมกำรเรยี นรตู้ ลอดชีวติ สรำ้ งควำมเท่ำเทียมในกำรเข้ำถึงทรัพยำกร และข้อที่ 11 ส่งเสรมิ ใหม้ ีกำรรวบรวมอนุรักษ์จัดเกบ็ ทรัพยำกรในท้องถน่ิ ในคงอยอู่ ย่ำงยั่งยืน โดยผลท่ีไดจ้ ำกกำรพัฒนำระบบกำรจดั เก็บและค้นคนื ค้นคืน อนุรักษ์ สืบสำนผญำให้สำมำรถดำรงอยู่ อย่ำงยงั่ ยืนและเขำ้ ถงึ ไดต้ ลอด 24 ชัว่ โมง มลี กั ษณะดังน้ี
5.1 คลงั ขอ้ มลู ผญาไทย-ลาว 5.1.1 ผงั คลงั ขอ้ มูลผญำไทย-ลำว ภำพที่ 3 ผังคลังขอ้ มูลผะหยำไทย-ลำว 5.2 โปรแกรม Timeline 5.2.1 ระบบกำรบรหิ ำรจดั กำรเบอ้ื งหลงั (Backend) ของโปรแกรม Timeline https://docs.google.com/spreadsheets/d/1Xl5Qq-3J-q_Pap_NoLWnuLCmD2PY4- 3A0azCWYobhGs/edit#gid=0 ภำพท่ี 4 ระบบจดั เก็บข้อมูลผะหยำ 5.2.2 คลังขอ้ มูลผญำไทย-ลำว ttps://cdn.knightlab.com/libs/timeline3/ latest/embed/index.html?source=1Xl5Qq-3J-q_Pap_NoLWnuLCmD2PY4- 3A0azCWYobhGs&font=Default&lang=en&initial_zoom=2&height=650
ภำพท่ี 6 เน้ือหำผะหยำไทย-ลำวบนเว็บไซต์ 6. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge sharing) ขอ้ มูลภูมิปัญญำท้องถิ่นผญำที่เปน็ ควำมรชู้ ดั แจง้ และไดบ้ นั ทึกไว้เปน็ เอกสำรที่ผ่ำนกำรประมวลและกำรกลั่นกรองควำมรแู้ ล้วนน้ั จะถูกนำมำอฟั โหลดขน้ึ บนเว็บไซตเ์ พ่อื ทำกำรเผยแพร่ข้อมูล มลี กั ษณะดงั นี้ 7. การเรยี นรู้ (Learning) ภูมปิ ัญญำท้องถิ่นผญำที่ได้นำมำเผยแพรส่ ูค่ ลังดิจิทลั เปน็ ท่สี มบรู ณแ์ ลว้ กจ็ ะทำใหผ้ ู้ท่ีสนใจศกึ ษำภูมิปัญญำทอ้ งถิ่นผญำสำมำรถดูผญำผ่ำนเวบ็ ไซต์ท่ใี ดก็ได้ ท่วั โลก โดยแสดงเปน็ วงจรไดด้ งั นี้ ควำมรู้ภูมปิ ญั ญำ ทอ้ งถ่นิ ผญำ เผยแพรผ่ ญำบนเวบ็ ไซต์ เก็บรวบรวมผญำเก่ำ คลงั ดิจิทัลทั่วโลก โบรำณไทยอีสำน-ลำว การจดั การความรู้ พัฒนำคลงั ดจิ ิทัล จดั หมวดหมขู่ องผญำและ จดั เกบ็ ผญำอยำ่ งยง่ั ยืน แปลภำษำให้เข้ำใจง่ำย ภำพที่ 7 กำรจดั กำรควำมรู้ผญำภมู ปิ ัญญำท้องถิ่นสู่คลังดจิ ิทลั เพอื่ ควำมยง่ั ยนื (ฝ่ำยวิชำกำร แผนกกำรจัดกำรควำมรู้. 2556) อภิปรายผล จำกกำรศึกษำเนื้อหำผะหยำไทย-ลำว พบว่ำ เน้ือหำสำระของผญำนน้ั ค่อนข้ำงจะลึกซึง้ และแยบยนใช้สำนวนอสี ำนเปน็ หลกั ในกำรประพันธซ์ ่งึ เป็นภำษำเฉพำะถน่ิ ของกลุม่ วัฒนธรรม ไทยลำว ซ่ึงบำงสำนวนทป่ี รำกฏในบทผญำไทย-ลำวนบ้ี ำงคร้งั กแ็ ทบจะไม่สำมำรถแปลควำมหมำย
ใหเ้ ขำ้ ใจได้เพรำะไม่มบี ัญญตั ิไว้ในพจนำนกุ รมไทยลำว ซึง่ ผู้วจิ ัยสัญนฐิ ำนว่ำ 1) เปน็ สำนวนทเ่ี ก่ำแก่ โบรำณทบี่ รรพบุรษุ ไทย-ลำวใชก้ ันในอดีตเมื่อคำเหลำ่ น้ีไมไ่ ดถ้ กู นำมำใชใ้ นชีวติ ประจำวนั จึงสญู หำยไป และ 2) ตอ้ งกำรใช้เกดิ คำคลอ้ งจองในตอนกล่ำวผะหยำด้วยมุขปำฐะจงึ ไม่ได้คำนงึ ถงึ ควำมหมำยของ คำกเ็ ป็นได้ จำกกำรศึกษำผญำไทย-ลำวสำมำรถแบ่งออกได้เปน็ 8 หมวด ได้ 1) ผญำคำสอน 2) ผญำ ปรศิ นำ 3) ผญำภำษติ สะกดิ ใจ 4) ผญำเก้ียวพำรำสีโตต้ อบหนมุ่ สำว หรอื ผญำเครอื 5) ผญำเกี้ยวพำ รำสที ั่วไป 6) หมวดภำษิตคำเปรยี บเปรยตำ่ ง ๆ 7) ผญำปญั หำภำษิต 8) ผญำภำษติ โบรำณอีสำน ซึ่งสอดคล้องกบั เยำวลกั ษณ์ แสงจนั ทร์ และชยั ณรงค์ ศรมี ันตะ (2560) ท่ีศึกษำวิจยั เรอ่ื ง ผญำภำษติ ทุนทำงสงั คมและวฒั นธรรมสกลนครที่กล่ำววำ่ ผญำภำษติ เป็นสำนวนภำษำท้องถน่ิ ท่ีปรำชญช์ ำวอีสำน ไดส้ ร้ำงขนึ้ เพื่อเปน็ คำสอนอบรมลกู หลำน ขดั เกลำจติ ใจให้มแี นวทำงในกำรประพฤตปิ ฏิบัติตน ใหถ้ กู ต้องและเปน็ คนดี เนื้อหำของผญำภำษิตจึงแฝงดว้ ยแง่คดิ ท่มี ีสำระเชงิ คตธิ รรมคำสอน มคี วำมสมั พนั ธต์ ่อวถิ ีชวี ิตของชำวอีสำนโดยทว่ั ไป ข้อเสนอแนะ จำกกำรศึกษำวจิ ัยกำรจัดกำรควำมร้ผู ญำภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่นิ สูค่ ลงั ดิจิทัลเพื่อควำมย่ังยืน ผวู้ จิ ัยมขี อ้ เสนอแนะดงั น้ี 1. ขอ้ เสนอแนะในกำรนำผลวิจัยไปใช้ 1.1 ผู้ใชบ้ ริกำรสำมำรถเข้ำศึกษำค้นควำ้ และนำภมู ิปัญญำทอ้ งถิ่นไปใช้ไดต้ ลอด 24 ช่วั โมง เป็นกำรสง่ เสรมิ กำรเรียนร้ตู ลอดชวี ิตและขยำยโอกำสในกำรเขำ้ ถึงทรัพยำกรสำรสนเทศ ไดอ้ ยำ่ งเทำ่ เทียมและย่ังยนื 1.2 ผูป้ ฏบิ ตั งิ ำนหรือหนว่ ยงำนให้บริกำรสำรสนเทศสำมำรถนำไปเป็นตน้ แบบ ในกำรจดั กำรควำมรูภ้ ูมปิ ัญญำท้องถิน่ อืน่ ๆ ได้ 1.3 ผูท้ ี่สนใจเก่ียวกบั ภูมปิ ญั ญำท้องถ่ินผญำสำมำรถใชบ้ ทควำมนเ้ี ปน็ แนวทำง ในกำรศึกษำกำรวิเครำะห์ จัดหมวดหมู่ของภูมิปัญญำท้องถิ่นผญำได้ 1.4 หนว่ ยงำนของสถำนศึกษำสำมำรถนำผลกำรวิจัยน้ีใช้เป็นแนวทำงในกำรจดั ทำ หลกั สูตรทอ้ งถน่ิ สอนนักเรียนในระดบั ประถมศึกษำจนถึงระดับมัธยมศกึ ษำได้ 1.5 ผูส้ นใจศึกษำเก่ยี วกบั กำรพัฒนำฐำนข้อมูลผญำสำมำรถออกแบบระบบกำรจดั เกบ็ คน้ คนื และเผยแพร่ใหส้ อดคล้องเหมำะสมกับข้อมลู และพฤติกรรมกำรใชข้ องผู้ใช้ 2. ข้อเสนอแนะในกำรทำวจิ ัยครง้ั ตอ่ ไป 2.1 ควรมกี ำรวิจยั ดว้ ยวิธีกำรสกดั คดั แยกบทผญำจำกวรรณกรรมท้องถนิ่ อสี ำน อย่ำงต่อเนื่อง เช่น วรรณกรรมผำแดง นำงไอ่ วรรณกรรมขูลู นำงอวั้ เปน็ ต้น 2.2 ควรศกึ ษำและพัฒนำผญำด้วยส่ือเอนเิ มชน่ั ในรปู แบบต่ำง ๆ ทนี่ ่ำสนใจ 2.3 พั ฒนำระบบจดั เกบ็ ท่ีคน้ คนื ใหม้ รี ะบบสบื ค้นข้อมลู ท่ีมีประสิทธิภำพ ทงั้ แบบ Browse Search และ Search by word และมีระบบกำรจัดเก็บสถิติกำรเขำ้ ถงึ และดำวนโ์ หลด เอกสำร มีหนำ้ จอ User Friendly Interface สำมำรถ show Share แบง่ ปนั บนโชเช่ยี วไดอ้ ยำ่ ง สะดวกรวดเรว็ ใหส้ อดคลอ้ งกับพฤติกรรมกำรใช้
รายการอ้างอิง จำรวุ รรณ ธรรมวตั ร. (2552). มโนทศั นใ์ นนิทานสานวนอีสาน. ปรชั ญำดษุ ฎีบัณฑติ , สำขำวชิ ำ ภำษำไทย, บณั ฑิตวิทยำลยั , มหำวิทยำลัยมหำสำรคำม. นิคม ชมพูหลง. (2548). ภูมปิ ัญญาท้องถ่ินสกู่ ารเรียนรู้ (ฉบับปรบั ปรุง) (พิมพ์คร้งั ที่ 2). มหำสำรคำม: กล่มุ นิเทศติดตำมและประเมนิ ผลกำรจดั กำรศึกษำสำนักงำน เขตพ้ืนทก่ี ำรศึกษำมหำสำรคำมเขต 1. ประเวศ วะสี. (2548). การศึกษาชาตกิ ับภมู ิปัญญาท้องถน่ิ : ภูมปิ ญั ญาชาวบา้ นกับการพัฒนาชนบท (พมิ พค์ ร้ังที่ 2). กรงุ เทพฯ: อัมรินทร์พรน้ิ ตง้ิ แอนด์พลบั ลิชชิ่ง. ฝำ่ ยวชิ ำกำร แผนกกำรจัดกำรควำมรู้. (2556). คู่มือการจัดการความรู้. กรุงเทพฯ. สำนักงำนกองทนุ สนบั สนนุ กำรวจิ ยั วทิ ยำลัยดุสิตธำนี. พระมหำโสภรรณ ธนปญโฺ ญ (เศรษฐำ). (2553). การสงั เคราะห์ผญาสภุ าษิตอีสานลงในพุทธศาสน สภุ าษติ . วทิ ยำนพิ นธ์พทุ ธศำสตรมหำบัณฑิต, สำขำวชิ ำพระพุทธศำสนำ, บณั ฑิตวทิ ยำลัย, มหำวทิ ยำลยั มหำจฬุ ำลงกรณรำชวทิ ยำลัย. เยำวลกั ษณ์ แสงจันทร์และชัยณรงค์ ศรีมันตะ. (2560). ผญำษิต: ทุนทำงสงั คมและวัฒนธรรม สกลนคร. วารสารวิชาการมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 25(48), 79-100. วรี ะยทุ ธ สคี ุณหลว่ิ . (2559). ดนตรีผู้ไทย แขวงสะหวนั นะเขต สปป.ลาว. มหำสำรคำม: สำขำวชิ ำ ภำษำไทย มหำวิทยำลยั มหำสำรคำม. สุเทพ จนั ทร์ชผู ล. (2561). ฟอนตไ์ ทยอาร์ทีอี คอนทราสต์ rtE CONTRAST. เขำ้ ถึงไดจ้ ำก https://www.f0nt.com/release/rte-contrast/comment-page-1/ สนอง คลังพระศรี. (2541). หมอลาซง่ิ : กระบวนการปรับเปล่ยี นทางวฒั นธรรมดนตรขี องหมอลา ในภาคอสี าน. วทิ ยำนิพนธ์ศลิ ปศำสตรมหำบัณฑติ , สำขำวิชำวฒั นธรรมศกึ ษำ, บณั ฑติ วิทยำลยั , มหำวทิ ยำลัยมหิดล. สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำกำรศึกษำกระทรวงศึกษำธกิ ำร. (2552). ครภู มู ิปัญญาไทยร่นุ ที่ 6 ภาคใต้. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์กำรเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด. สำนกั งำนพัฒนำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีแหง่ ชำติ. (2561). คลงั ทรพั ยากรการศกึ ษาแบบเปิด. เขำ้ ถงึ ได้จำก https://oer.learn.in.th สำเร็จ คำโมง. (2561, 15 มกรำคม). ผู้อำนวยกำร ศูนย์ศลิ ปวฒั นธรรม มหำวทิ ยำลัย ภำคตะวันออกเฉียงเหนอื . สัมภำษณ.์ อดุลย์ เนยี มบญุ นำ และสทิ ธิพร สมแกว้ . (2559). คมู่ ือการจัดการความรขู้ องชมุ ชนพรอ้ มวดิ ีโอซดี ี (Video CD). กรงุ เทพฯ. สำนกั เสรมิ สร้ำงควำมเขม้ แขง็ ชมุ ชน. Northwestern University. (2018). Timeline Program. Retrieved from https://timeline.knightlab.com
การพฒั นาดจิ ิทลั คอลเลคชั่น กรณีศึกษาคลังขอ้ สอบเก่า คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ Development of Digital Collection Case Study of Past Examination Repository Faculty of Law, Thammasat University ชัยสทิ ธิ์ อังคะปัญญาเดช, ชนสิ า หฤทยั ถาวร หอสมุดแหง่ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ e-mail: [email protected] บทคัดย่อ การพฒั นาคลังข้อสอบเก่าของคณะนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ เป็นโครงการหน่งึ ของหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในแผนยทุ ธศาสตร์ Services excellence ที่ม่งุ เน้นการพฒั นา บรกิ ารทีเ่ ปน็ เลศิ โดยมีระยะเวลาดาเนินโครงการระหว่างเดอื นธนั วาคม 2559-พฤษภาคม 2560 มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือให้มีการจดั เก็บข้อสอบของคณะนิตศิ าสตร์อยา่ งเปน็ ระบบ มเี คร่ืองมือช่วยคน้ ทาให้ ผู้ใชบ้ ริการสามารถเข้าถงึ ข้อสอบเก่าได้อยา่ งสะดวกรวดเรว็ จากทกุ ที่ทุกเวลา จากการเปิดให้บริการและ มกี ารจัดเก็บข้อสอบเกา่ เขา้ ระบบมาเป็นระยะเวลากวา่ 2 ปี พบวา่ มีสถติ ิการใช้งานอยใู่ นระดับสูงและ มีแนวโนม้ ทเ่ี พิ่มขึ้น โดยหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตรม์ กี ารประเมินความพงึ พอใจอยู่ในระดับสงู ถึงร้อยละ 90.2 คาสาคญั : การพัฒนาดจิ ิทลั คอลเลคช่ัน, คลังข้อสอบเก่า, ข้อสอบ, คณะนติ ศิ าสตร์, มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ Abstract Developing the Past: Archiving Student Examinations from the Faculty of Law, Thammasat University. A project of the Strategic Plan for Service Excellence of the Thammasat University Library, Developing the Past was created from December 2016 to May 2017. A collection of Thammasat University Faculty of Law student examinations was systematically compiled, with an efficient search feature. Since it was made
available, Developing the Past has ranked among the library's most popular digital collections, with reader satisfaction ratings at 90.2 percent. Keywords: Digital Collection Development, Past Examination Repository, Examination, Faculty of Law, Thammasat University บทนา หอ้ งสมุดสัญญา ธรรมศักดเ์ิ ป็นห้องสมุดเฉพาะทางด้านกฎหมาย สงั กดั หอสมุดแหง่ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ให้บริการทรัพยากรสารสนเทศครอบคลมุ ในทกุ สาขาวชิ าที่เปดิ สอนใน คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกอบดว้ ยหนังสือ วารสาร วิทยานพิ นธ์ คาพพิ ากษา ฐานขอ้ มลู ออนไลน์ รวมท้งั งานวจิ ยั ที่เกยี่ วขอ้ ง นอกจากทรัพยากรสารสนเทศทีก่ ลา่ วมาข้างตน้ หอ้ งสมดุ ยังใหบ้ ริการข้อสอบเกา่ ในรายวิชาตา่ ง ๆ ท่ีคณะเปิดสอนเพ่ือให้นักศึกษาได้ฝึกฝนการเขียนตอบข้อสอบ โดยห้องสมดุ ไดร้ บั ขอ้ สอบจากคณะนิติศาสตร์เมอื่ ส้ินสดุ ภาคการศึกษาตั้งแตป่ ี 2538 จนถึงปัจจุบัน โดยห้องสมดุ จัดใหบ้ ริการในรูปแบบเยบ็ เล่มตามรายปี ผู้ใชบ้ ริการตอ้ งค้นหาแบบไล่เรยี ง (Browse search) ไม่สามารถคน้ ตามรายวชิ า ชื่ออาจารยผ์ สู้ อน และปกี ารศกึ ษาได้ เน่ืองมาจากไม่มีการทาดชั นี หรอื สารบัญอยา่ งเปน็ ระบบ รวมทงั้ การใชง้ านในไฟล์อิเล็กทรอนิกสท์ ่หี ้องสมดุ สแกนเก็บไว้นั้น จากดั การใช้งานภายในหอ้ งสมุดสัญญา ธรรมศกั ด์เิ ท่านั้น ทาใหน้ ักศกึ ษาคณะนติ ิศาสตรท์ ่ีศูนย์รงั สิต และ ศนู ย์ลาปางไมไ่ ด้รบั ความสะดวกในการใชบ้ รกิ าร ขาดโอกาสในการเขา้ ถึงทรัพยากรที่เป็นประโยชน์ตอ่ การเรียนรูด้ ้วยตนเอง ด้วยขอ้ จากัดดา้ นกายภาพและการตระหนักถงึ ความสาคัญ ของการพฒั นาช่องทางให้ ผู้ใชบ้ ริการสามารถเข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศไดท้ ุกที่ทุกเวลา ห้องสมดุ สัญญาฯ จึงได้นาแนวทาง การพฒั นาคลังข้อสอบเก่าของคณะนิตศิ าสตรเ์ ข้าหารอื ในที่ประชมุ กรรมการหอ้ งสมดุ คณะนิติศาสตร์ คร้ังที่ 2/ 2559 ซง่ึ ทีป่ ระชุมมีมติเห็นชอบให้พัฒนาคลงั ขอ้ สอบของคณะนิติศาสตร์ เพื่อความสะดวกใน การใช้งานของนกั ศกึ ษา โดยใหส้ ามารถสบื คน้ และเข้าถึงได้ภายในเครือข่ายของมหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ หอ้ งสมุดจึงได้วางแผนในการพฒั นาคลังข้อสอบขน้ึ มา โดยใช้ CONTENTdm ซ่ึงเป็นระบบ จดั เกบ็ ทรัพยากรสารสนเทศในรปู แบบดจิ ิทัล สามารถบนั ทึกขอ้ มูลทรัพยากรสารสนเทศในรูปแบบ Metadata การใชง้ านในรปู แบบเอกสารฉบับเต็ม (Full text) และจากัดสิทธก์ิ ารใชง้ านจากภายนอก เครือข่ายมหาวทิ ยาลัยได้ โดยศึกษารปู แบบการบนั ทึกขอ้ มูลทรัพยากรสารสนเทศประเภทข้อสอบเกา่ จาก The University of Melbourne มาใช้เปน็ แนวทางในการดาเนนิ งาน วัตถุประสงค์ 1. เพอ่ื พฒั นางานจดั เก็บและใหบ้ รกิ ารคลังข้อสอบเก่าของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในรูปแบบเอกสารฉบบั เต็ม
2. เพือ่ ยกระดบั การใหบ้ รกิ ารของห้องสมุดสัญญา ธรรมศักดิ์ ข้นั ตอนและวธิ ีการดาเนนิ งาน 1. การวางแผนการดาเนนิ การ หอ้ งสมุดกาหนดระยะเวลาการพัฒนาคลงั ข้อสอบเกา่ โดยจัดทาเปน็ โครงการ ซึ่งได้กาหนด ระยะเวลาดาเนนิ การ 9 เดือน คือ ระหวา่ งเดือนตุลาคม 2559-มถิ นุ ายน 2560 โดยหลงั จากได้รบั ความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการประจาห้องสมุดสญั ญา ธรรมศักด์ิ ห้องสมดุ จึงเร่ิมสารวจความต้องการ จากผู้มีสว่ นเกี่ยวขอ้ ง เพื่อให้ทราบความต้องการสาหรบั วางแผนการพัฒนาคลังข้อสอบเก่าได้สอดคล้อง กบั ความต้องการมากทสี่ ดุ ซ่ึงประกอบด้วย นักศึกษา อาจารย์ ผู้ปฎิบัติงานหอ้ งสมดุ และผูบ้ ริหาร เพื่อนา ขอ้ มูลที่ได้มาวางแผนและพฒั นางานตอ่ ไป โดยสรปุ ได้ดังตารางที่ 1 ตารางท่ี 1 ความต้องการของผู้มีสวนเกี่ยวขอ้ งสาหรบั การพฒั นาคลงั ข้อสอบเก่าฯ ผูม้ สี ่วนเกี่ยวข้อง ความตอ้ งการ นกั ศึกษา 1. ตอ้ งการให้ระบบสามารถค้นหาข้อสอบเก่าจากชือ่ วชิ า รหสั อาจารย์ วชิ า และอาจารยผ์ ู้สอนได้ ผปู้ ฎิบัตงิ านหอ้ งสมุด 2. ตอ้ งการให้ดาวน์โหลดเอกสารฉบบั เต็ม (Full text) ผู้บริหาร 3. ตอ้ งการใหใ้ ช้งานไดจ้ ากทุกแห่ง ภายในศูนยก์ ารศึกษาทั้ง 3 แห่งไดแ้ ก่ ท่าพระจันทร์ ศนู ย์รังสิต และศูนยล์ าปาง 3. ขอ้ สอบที่ใช้งานบอ่ ยประมาณ 5 ปี ยอ้ นหลัง 1. ต้องการจากัดสทิ ธิการใชง้ านเฉพาะนักศึกษาของ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์เท่าน้ัน 1. ต้องการลดพ้ืนทีจ่ ดั เก็บข้อสอบในรปู แบบฉบบั พิมพ์ 2. ต้องการรายงานสิถิตการใช้งานคลงั ข้อสอบเก่า เพ่ือใช้ ประเมนิ ผลการปฎบิ ตั ิงาน 1. ต้องการให้การดาเนินงานสอดคล้องกบั แผนยุทธศาสตร์ของ หอสมุดฯ โดยมุง่ เน้นการเข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศไดจ้ ากทุกที่ ทุกเวลา 2. ตอ้ งการให้มีการประเมินผลและรายงานผลโครงการ เม่ือทราบความต้องการของผเู้ ก่ียวขอ้ งแล้วห้องสมุดจงึ ไดก้ าหนดตวั ชวี้ ัดความสาเรจ็ ของการจดั ทาคลงั ข้อสอบเกา่ เพ่อื ใช้เป็นเกณฑใ์ นการวดั ความสาเร็จของโครงการ โดยกาหนดเป็นตัวชวี้ ัด เชงิ ปริมาณและตวั ช้วี ดั เชงิ คุณภาพ ดงั ตารางท่ี 2
ตารางท่ี 2 ตวั ชว้ี ดั ความสาเรจ็ ของโครงการ ตวั ชี้วัด ค่าเปา้ หมาย วธิ กี ารเก็บข้อมูล ไม่นอ้ ยกวา่ 1,000 รายการ 1. จานวนไฟล์ขอ้ สอบท่ีมี ดูจากจานวนรายการข้อสอบใน ให้บริการในคลังขอ้ สอบเก่า ไมน่ อ้ ยกว่า 2,500 ครงั้ ระบบท่จี ดั เกบ็ 2. จานวนการเขา้ ใชง้ าน ไม่นอ้ ยกวา่ 4 จาก 5คะแนน สถิตจิ ากระบบทใ่ี ห้บริการ 3. ความพึงพอใจของผู้ใช้ สารวจผ่านแบบฟอรม์ ออนไลน์ จากนน้ั ห้องสมุดจงึ ได้หาตัวอย่างการบนั ทึกข้อมลู ข้อสอบเกา่ ในรูปแบบของ Metadata เพ่อื นามาใช้เปน็ ตวั อย่างกาหนดขอบเขตของการบนั ทกึ ขอ้ มูล โดยใชต้ วั อยา่ งจาก Examination papers collection ของ Melbourne law school โดยห้องสมดุ ได้เลือกการบันทึกข้อมลู ทจี่ าเปน็ สาหรบั การใช้ งานของผู้ใช้บรกิ าร ดงั ตารางที่ 3 ตารางท่ี 3 รปู แบบการบันทึกข้อมลู Metadata ของข้อสอบเก่า เขตข้อมูล ข้อมูลทีบ่ ันทกึ Title ชื่อวชิ า Keywords ชื่อวชิ า; รหสั วิชา Description รายละเอียดของข้อสอบ ได้แก่ ระดับชนั้ ของการสอบวัด ความรู้ คณะ ศนู ย์การศึกษา ภาคการศึกษา ปีการศึกษา Creator ชอ่ื อาจารยผ์ ู้สอน/ ผอู้ อกข้อสอบ Publisher ชอ่ื คณะ และมหาวทิ ยาลยั Date ปีท่ีสอบ Type ประเภทของเอกสาร Format รูปแบบของเอกสาร Format-Extent จานวนหน้า/ แผน่ Language ภาษาของเอกสาร Rights สทิ ธใิ นเอกสารทีเผนแพร่ Operator ชื่อของผบู้ ันทึกขอ้ มูล Date created วนั ทนี่ าเขา้ ข้อมลู Reference URL URL ที่สามารถเข้าถงึ ข้อมลู ได้
เม่ือทราบความต้องการและได้ศึกษาตัวอยา่ งการบันทึกข้อมูล Metadata ทคี่ าดวา่ จะสามารถ แสดงรายละเอยี ดและตอบสนองการสืบค้นข้อมูลได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ห้องสมุดจึงได้ศึกษาการนา ระบบ CONTENTdm ซ่งึ หอสมดุ มธ. ใช้จดั เกบ็ ทรัพยากรสารสนเทศอเิ ลก็ ทรอนิกส์อืน่ ๆ อยแู่ ล้ว เช่น วทิ ยานพิ นธ์ หนงั สืองานศพ หนงั สอื หายาก เป็นต้น มาประยุกต์ใช้กับการจัดเกบ็ และให้บริการข้อสอบเก่า ของคณะนิติศาสตร์ โดยเปรยี บเทียบความต้องการของผู้มสี ่วนเก่ียวขอ้ งกับสมรรถนะของระบบ โดยสรปุ ได้ ดงั ตารางที่ 4 ตารางท่ี 4 เปรยี บเทยี บความตอ้ งการของผูม้ ีสว่ นเกย่ี วข้องกับสมรรถนะของระบบ ความตอ้ งการของผเู้ กย่ี วข้อง สมรรถนะของระบบ CONTENTdm ผลการประเมิน 1. รองรับการบนั ทึกข้อมูลแบบ สามารถรอบรับการบันทึกข้อมลู แบบ ผา่ น Metadata Metadata ได้ 2. สร้าง Template และนาเขา้ ข้อมูล ไดท้ ลี ะจานวนมาก สร้าง Template และสามารถนาเข้า ผา่ น 3. จัดเก็บข้อสอบเกา่ ไดจ้ านวนมากกว่า ขอ้ มลู ทลี ะจานวนมาก 2,500 ไฟล์ 4. คน้ หาข้อสอบเก่าจากชอ่ื วิชา รหัส ไม่จากัดจานวนรายการท่ีจัดเกบ็ ขน้ึ อยู่ ผา่ น วิชา และอาจารย์ผ้สู อนได้ กบั ขนาดของ Server ที่ใชง้ าน 5. ให้ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็ม (Full text) ได้ ผูใ้ ชง้ านสามารถค้นหาไดจ้ ากช่ือวชิ า ผ่าน 6. จากัดการใช้งานเฉพาะจากภายใน รหัสวิชา และชอ่ื อาจารยผ์ ู้สอนได้ เครือข่ายของมหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ 7. จากดั ใช้งานนอกเครือข่าย ดาวนโ์ หลดเอกสารฉบับเต็มได้อย่าง ผา่ น มหาวทิ ยาลยั ใหใ้ ช้งานได้เฉพาะนักศึกษา สะดวกจากหนา้ แสดงผลการสบื คน้ 8. สรา้ งรายงานสถิ ิตการใช้งาน จากัดการใช้งานผา่ น IP Address ของ ผา่ น มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ จากดั การใชผ้ ่านระบบ EZproxy เพ่อื ผา่ น ยนื ยันตัวบุคคลก่อนการใชง้ านได้ มรี ายงานสถติ ิแยกเป็นรายเดือนและ ผา่ น นาออกแบบ .csv จากการศึกษาเปรยี บเทียบความตอ้ งการของผู้เก่ียวข้องกบั สมรรถนะของระบบ CONTENTdm พบว่า ระบบสามารถตอบสนองต่อความต้องการได้ทุกข้อทั้งในส่วนของการปฎบิ ัติงาน และส่วนของผใู้ ช้บริการ โดยจดุ เด่นของระบบ คือ การทางานร่วมกบั EZproxy เพ่ือยืนยันตัวบคุ คลก่อน การใชง้ านนอกเครือข่ายมหาวทิ ยาลัย ซงึ่ ผใู้ ชบ้ ริการนอกเครอื ข่ายมหาวิทยาลยั จะสามารถใชง้ านคลงั ข้อสอบเก่าได้ผ่านการยืนยนั ตัวตน (Authentication) ดงั ภาพที่ 1
ภาพท่ี 1 หลักการทางานของ EZproxy 2. การเตรยี มไฟลข์ ้อสอบเก่า 2.1 จัดทาขอ้ สอบให้อยใู่ นรปู แบบไฟลอ์ ิเล็กทรอนิกส์ โดยการสแกนข้อสอบเก่าในรปู แบบ ฉบบั พมิ พ์ให้อยู่ในรปู แบบไฟลด์ ิจิทลั สกุล PDF ในข้ันตอนนี้ผปู้ ฎบิ ตั ิงานตอ้ งตรวจสอบความสมบูรณข์ อง ขอ้ สอบทง้ั ก่อนและหลงั สแกนโดยบนั ทกึ ข้อมูลการตรวจสอบในแบบบันทึกข้อมลู (Checklist) 2.2 จากน้นั ใสล่ ายนา้ ตราสญั ลักษ์ของหอสมดุ แหง่ มหาวิทยาลยั โดยใชโ้ ปรแกรม Adobe Acrobat Pro เพือ่ ระบุที่มาของไฟล์ โดยกาหนดค่า Opacity ท่ี 5% และ Scale relative to target page ท่ี 70% ซ่งึ แนะนาใหก้ าหนดเป็นคา่ เริม่ ต้นสาหรบั การใสล่ ายนา้ ในครัง้ ต่อไป เพือ่ ประหยดั เวลาใน การทางาน 3. การบันทึกข้อมูล Metadata ของข้อสอบเก่า ในขนั้ ตอนนี้ผปู้ ฎบิ ัติงานจะดาเนนิ การอัพโหลดไฟล์ขอ้ สอบเกา่ ในรูปแบบ PDF และบนั ทึก ข้อมลู ของข้อสอบเก่าในระบบ CONTENTdm โดยบันทึกตามเขตข้อมูลท่กี าหนดเอาไว้ ดงั นี้ Title ใหร้ ะบุชื่อวชิ า ตวั อย่าง กฎหมายอาญา: ภาคความผิด Keyword ใหร้ ะบชุ อ่ื วิชา และ รหัสวิชา ใชเ้ ครื่องหมาย; คน่ั ระหว่างคา ตัวอยา่ ง กฎหมายอาญา: ภาคความผิด; น. 211 Description ใหร้ ะบุรายละเอียดของข้อสอบ ตวั อย่าง การสอบความรู้ช้ันปรญิ ญาตรี คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาค 2 ประจาปีการศึกษา 2559 Creator ใหร้ ะบุชื่อผ้อู อกข้อสอบตามทป่ี รากฎ และใชเ้ ครื่องหมาย; ค่ันระหวา่ งช่ือผู้ออก ข้อสอบ ตัวอย่าง กาชัย; ลลิล หรือ ณรงค์ ใจหาญ; สาวตรี สขุ ศรี Publisher ให้ระบุช่อื หนว่ ยงานผ้ผู ลิตข้อสอบ ตัวอยา่ ง คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ Date ให้ระบุปีตามวนั ทีส่ อบ โดยกรอกเปน็ ปีคริตศักราช
ตัวอย่าง 25 มนี าคม 2560 ให้กรอก “2017” Type ใหร้ ะบุประเภทของเอกสาร ให้ระบุวา่ “Examination paper” Format ให้ระบปุ ระเภทของไฟล์ ใหร้ ะบวุ ่า “Application/ pdf” Format-Extent ใหร้ ะบุจานวนหน้าของเอกสารเป็นจานวนแผน่ ตวั อย่าง ให้ระบุวา่ “3 แผน่ ” ถา้ เป็น ภาษาอังกฤษ ให้ระบุว่า “3 leaves” Language ให้ระบุภาษาของข้อสอบ ตัวอยา่ ง ภาษาไทย ใช้คาว่า “tha” ภาษาองั กฤษ ใช้คาว่า “eng” Rights ให้ระบุเจา้ ของลิขสทิ ธิ์ ให้ระบวุ ่า “Copyright of faculty of law, Thammasat University” Operator ใหใ้ ส่ชอื่ ของผจู้ ดั ทาเป็นตวั อักษรภาษาองั กฤษตามที่กาหนด 4. เปิดให้ใชบ้ ริการและการประชาสมั พนั ธ์ เมอ่ื ดาเนินการนาไฟลข์ ้อสอบเก่าเขา้ ระบบไดต้ ามแผนการดาเนนิ งาน หอ้ งสมดุ จึงไดจ้ ดั ทา เอกสารแนะนาการใชง้ านคลงั ข้อสอบเก่าของคณะนิตศิ าสตร์และกาหนดวันเปิดใหบ้ รกิ ารโดยเลอื กชว่ ง กอ่ นสอบปลายภาคการศกึ ษา 1 เดอื น โดยประชาสัมพันธแ์ นะนาการใช้บริการผ่านอเี มล ป้ายโปสเตอร์ จอ LCD ในหอ้ งสมุด และสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้นักศึกษาทราบวา่ หอ้ งสมุดมขี ้อสอบเก่าให้บรกิ ารใน รปู แบบออนไลน์ การประชาสัมพันธ์หอ้ งสมุดได้เลือกช่องทางทห่ี ลายหลากเพอ่ื ต้องการให้เข้าถงึ กลมุ่ ผ้ใู ช้บริการมากทีส่ ุด ดังภาพที่ 2 ภาพที่ 2 การประชาสัมพันธ์ผา่ นส่ือสังคมออนไลน์
5. วธิ ีการเขา้ ใชง้ านคลังขอ้ สอบเก่า ผใู้ ช้บริการสามารถเข้าใชง้ านคลังข้อสอบเก่าของคณะนติ ิศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ เพ่อื ค้นหาข้อสอบเก่าและดาวนโ์ หลดเอกสารฉบับเตม็ โดยมขี ั้นตอนการใชง้ าน ดงั นี้ 1. เขา้ เว็บไซตข์ องหอสมดุ แห่งมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ http://library.tu.ac.th 2. เลอื กเมนู TU Digital resources 3. เลอื กเมนู Past examination repository (PER) กรณีใชง้ านจากนอกมหาวิทยาลยั ผใู้ ช้บรกิ ารตอ้ ง Login ดว้ ยรหัส TU Wi-Fi Account เพือ่ ยืนยันตัวบคุ คลผา่ นระบบ Epoxy 4. คน้ หาขอ้ สอบเก่าจากชอื่ วิชา รหสั วชิ า หรือช่ืออาจารย์ผู้สอน จากหน้าเว็บไซต์ของระบบ CONTENTdm ดังภาพท่ี 3 6. การประเมินผลโครงการ หลงั จากการดาเนินโครงการผู้ใชบ้ ริการสามารถคน้ หาและใชง้ านข้อสอบเกา่ ของคณะ ภาพที่ 3 หนา้ เว็บไซตส์ าหรับคน้ หาขอ้ สอบเก่าของระบบ CONTENTdm นิติศาสตร์ผา่ นเว็บไซต์ของหอสมุดฯ ในรปู แบบเอกสารฉบับเตม็ (Full text) ทง้ั จากภายใน เครือข่ายมหาวิทยาลัยโดยการกาหนด IP Address และภายนอกเครอื ชา่ ยมหาวทิ ยาลัยผ่านระบบยนื ยัน ผู้ใชง้ าน EZproxy โดยมขี ้อสอบเกา่ ใหบ้ รกิ ารมากกวา่ 1,000 ไฟล์ ครอบคลุมตงั้ แต่ปีการศกึ ษา 2556-2559 มีสถิติการใช้งานระหวา่ งเดือนเมษายน-มถิ นุ ายน 2560 จานวน 25,962 ครง้ั เม่ือเปิดให้บรกิ ารครบ 3 เดอื นหอ้ งสมุดมีการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บรกิ ารผา่ น แบบฟอร์มออนไลน์ใน 4 ด้าน ได้แก่ การนาข้อมลู ไปใช้ประโยชน์ ขอ้ มูลมคี วามถูกต้องครบถ้วน ใช้งานได้ อยา่ งสะดวก ช่องทางการเขา้ ใชง้ านมคี วามเหมาะสม จากผู้ตอบแบบประเมินจานวน 207 คน พบวา่ ผูใ้ ช้บรกิ ารมีความพึงพอใจในแตล่ ะดา้ นโดยเฉลี่ย 4.51 จากคะแนนเตม็ 5 โดยคิดเป็นร้อยละ 90.2
ปัญหา/ อุปสรรคในการดาเนินโครงการและการแกไ้ ข หอ้ งสมดุ สัญญา ธรรมศักด์ิได้รับขอ้ เสนอแนะจากนกั ศึกษาผู้บกพร่องทางการมองเห็น ว่าไมส่ ามารถใชบ้ ริการข้อสอบเก่าไดเ้ น่ืองจากข้อสอบเปน็ ไฟล์ PDF ที่มาจาการสแกนเอกสาร หอ้ งสมดุ จงึ ไดป้ ระสานงานกับคณะเพื่อขอไฟลข์ ้อสอบ PDF ท่แี ปลงมาจากไฟลเ์ อกสารสกลุ .docx เพื่อให้ นักศึกษาใชง้ านกบั โปรแกรมอ่านภาพหน้าจอ (Screen reader) ได้ โดยจะห้องสมุดได้ดาเนินการ กบั ข้อสอบปลายภาคของภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2559 เปน็ ต้นไป ซ่ึงทาใหน้ ักศึกษาผู้พิการ ทางสายตาสามารถใชบ้ รกิ ารคลังข้อสอบเก่าได้ 6. การดาเนนิ การหลังสิ้นสดุ โครงการ หลังสิ้นสุดโครงการจะยงั คงมีการจดั ทาคลังขอ้ สอบเกา่ คณะนิติศาสตร์อยา่ งต่อเน่ือง โดยกาหนดเปน็ ภาระงานประจาของผูป้ ฏิบตั ิงานห้องสมุดสัญญา ธรรมศักด์ิ โดยมีภาระงาน ดงั นี้ 1. ติดตามไฟล์ขอ้ สอบจากคณะนติ ิศาสตร์ ทงั้ ที่ท่าพระจนั ทร์ ศูนย์รงั สิต และศูนย์ลาปาง หลังวันสุดท้ายของการสอบกลางภาคและปลายภาค 2. จัดทาข้อสอบให้อยู่ในรปู แบบไฟล์อิเล็กทรอนกิ ส์ (PDF) พรอ้ มทัง้ ใส่ลายนา้ 3. บันทกึ ขอ้ มูลทรพั ยากรสารสนเทศโดยการจดั ทา Metadata พรอ้ มอัพโหลดไฟล์ข้อสอบ เขา้ ระบบ CONTENTdm เพ่ือให้บริการกับนักศกึ ษา โดยกาหนดระยะเวลาดาเนนิ การแลว้ เสรจ็ ภายใน 90 วนั นบั ตัง้ แต่วนั ที่ไดร้ บั ไฟล์ขอ้ สอบจากคณะ สรุปผล อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะและการไปใชป้ ระโยชน์ ปัจจุบันห้องสมุดมีข้อสอบเก่าให้บรกิ ารมากกวา่ 1,700 รายการ จากสถิติการใช้งานระหว่าง เดอื นตุลาคม 2560-สิงหาคม 2561 พบวา่ มีการเข้าใช้งานมากกวา่ 284,000 ครงั้ จึงอาจสรุปได้วา่ การพฒั นาดิจิทลั คอลเคลช่ันของหอ้ งสมุดสัญญา ธรรมศักดิ์ ได้รบั การตอบรับจากผู้ใช้บริการเปน็ อยา่ งดี ทงั้ จากผลการประเมนิ ความพึงพอใจที่รอ้ ยละ 90.2 เนอ่ื งจากมีความสะดวกในการการใช้งาน สามารถ เขา้ ถึงทรพั ยากรสารสนเทศได้ทุกทที่ ุกเวลา นอกจากนั้นยงั ลดภาระขอองผูป้ ฎบิ ัติงานในการดแู ลรกั ษา และช่วยใหห้ อ้ งสมดุ ลลดพน้ื ท่ีในการจดั เก็บข้อสอบเก่ารูปแบบฉบบั พิมพ์รวมเลม่ อีกดว้ ย
การพัฒนาขอ้ มูลอิเล็กทรอนกิ ส:์ กรณหี นงั สืออนสุ รณง์ านศพ หอสมดุ แหง่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ TU Library Cremation Book Digitization Project รตยา พนมวัน ณ อยธุ ยา, วิไลลักษณ์ ดวงบปุ ผา หอสมดุ แหง่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ e-mail: [email protected], [email protected] บทคดั ยอ่ หอสมุดแหง่ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ได้เลง็ เหน็ ถงึ คุณค่าและความสาคัญของหนังสือ อนุสรณง์ านศพในฐานะบันทึกทางประวัตศิ าสตร์ท่ีบอกเลา่ เรอ่ื งราวในอดีต อันเปน็ แหล่งข้อมลู ใน การศกึ ษา ค้นคว้า วิจัยทางด้านชีวประวตั ิ ประวัติศาสตร์ วรรณกรรม ศาสนา และองคค์ วามรู้แขนง ตา่ ง ๆ ของคนในปัจจบุ ัน กอปรกับความต้องการสงวนรักษาทรพั ยากรท่ีมคี า่ นใ้ี ห้คงอยู่สืบตอ่ ไป จงึ ไดเ้ ริ่มพฒั นาคลังข้อมลู อิเล็กทรอนิกส์หนงั สืออนุสรณง์ านศพขน้ึ โดยนาหนังสืออนสุ รณ์งานศพ วัดบวรนิเวศวหิ าร รว่ มกับหนังสืออนสุ รณ์งานศพ หอสมดุ ปรดี ี พนมยงค์ มาแปลงให้อยู่ในรูปของ ข้อมูลอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ขัน้ ตอนการดาเนินการครอบคลมุ ต้ังแต่การคดั เลือกหนังสืออนสุ รณ์งานศพ การกาหนดนโยบายในการจดั เกบ็ และเผยแพร่ การแปลงรูปเป็นดจิ ิทลั ไฟล์และตรวจสอบคณุ ภาพ การกาหนดและตรวจสอบความถูกต้องของเมทาดาทา การนาออกเผยแพร่ ตลอดจนการแก้ไขเมื่อ เกิดข้อผิดพลาด ปัจจบุ ันหอสมุด ฯ ไดแ้ ปลงรูปและเผยแพรห่ นังสอื อนุสรณ์งานศพในรปู แบบ อเิ ล็กทรอนิกสแ์ ลว้ กวา่ 6,400 ชอื่ เรอ่ื ง ผ่านเว็บไซต์ของหอสมดุ ฯ และเวบ็ ไซต์ของ Internet Archive (https://archive.org/) โดยอนญาตให้สาธารณชนสามารถเขา้ ถึงเอกสารฉบับเต็มโดยไม่คดิ คา่ ใชจ้ า่ ย คาสาคญั : หนังสืองานศพ, หนังสอื อนุสรณ์งานศพ, ข้อมลู อิเล็กทรอนิกส์, วัดบวรนิเวศวหิ าร, มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ Abstract The Thammasat University Library recognizes the importance and importance of cremation volumes as historical records. They are sources of information in the study of history, biography, literature, religion, sociology, folklore, and cognitive science. Due to an ongoing need to preserve this valuable resource, a library formed in Wat Bowonniwet Vihara cremation collection and also TU library cremation collection. Cremation volumes were selected and benefited from
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439