ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒๙ ช้นั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ การดาเนนิ การของจานวน เวลา ๑ ชว่ั โมง 141 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรื่อง การบวก การลบจานวนไม่เกนิ ๒๐ ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ ขน้ั นา 1. กำรบวกทผ่ี ลบวกไม่เกิน 10 1. รปู ผลไม้ชนดิ ต่ำงๆ 2. กำรลบทีผ่ ลลัพธไ์ มเ่ กิน 10 1. ครนู ำรปู ผลไม้ตดิ บนกระดำนและกำหนดสถำนกำรณ์เกี่ยวกับกำรบวกจำนวนสองจำนวน เชน่ 2. แถบโจทยส์ ถำนกำรณ์ “มะม่วง 4 ผลรวมกบั มะมว่ งอกี 3 ผล มมี ะมว่ งทงั้ หมดก่ผี ล” 3. ไมไ้ อศกรีม สาระสาคญั 4. แบบฝกึ หดั 2.26 ครใู ห้นักเรยี นแสดงกำรหำคำตอบของสถำนกำรณ์ดังกล่ำว โดยนักเรียนอำจนบั จำนวนมะม่วงรวมกัน 1. กำรบวกเป็นกำรนบั รวมจำนวน ทง้ั หมดหรือใช้กำรนับต่อ จำกนัน้ ครสู รปุ ว่ำ กำรรวมกนั ของจำนวนสองจำนวนเรยี กวำ่ กำรบวก การประเมิน ส่ิงต่ำงๆตง้ั แต่สองกลุม่ ข้นึ ไป 2. ครกู ำหนดสถำนกำรณเ์ ก่ยี วกับกำรลบจำนวนสองจำนวน เช่น “แอปเปิ้ล 8 ผลใหเ้ พื่อนไป 3 ผล 2. กำรลบเปน็ กำรนำจำนวนหนงึ่ ออก จะเหลอื แอปเปลิ้ กผ่ี ล” 1. วธิ กี าร จำกจำนวนทงั้ หมด แล้วหำจำนวนที่ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมกำรเรยี นรู้ เหลือ ให้นกั เรยี นหำจำนวนแอปเปิ้ลท่เี หลือ จำกน้ันครูนำอภปิ รำยเพ่ือนำไปสู่ควำมหมำยของกำรลบ 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด 2.26 โดยใช้คำถำม เช่น จำนวนแอปเปิล้ ท่เี หลอื จะมจี ำนวนมำกกว่ำหรอื น้อยกว่ำ 8 ผล (นอ้ ยกว่ำ) จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เพรำะเหตุใด (เพรำะเป็นกำรหกั จำนวนแอปเป้ิลออกจำก 8 ผล) และหำจำนวนแอปเปิ้ลทเ่ี หลอื ได้อยำ่ งไร 2. เครื่องมือ ครูใหน้ ักเรียนใชต้ ัวนับหำจำนวนแอปเปลิ้ ทีเ่ หลอื จำกนนั้ ครูสรปุ วำ่ กำรนำจำนวนหนงึ่ ออกจำกจำนวน 2.1 แบบฝกึ หัด 2.26 ดา้ นความรู้ ทง้ั หมดแล้วหำจำนวนทีเ่ หลอื เรียกว่ำ กำรลบ 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ เพอ่ื ให้นกั เรียนสำมำรถหำผลบวก กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ ของจำนวนสองจำนวนท่ผี ลบวกไมเ่ กิน 3. เกณฑ์ 10 3.1 ผลงำนมคี วำมถูกต้อง ไมน่ ้อยกวำ่ ร้อยละ 80 เพ่อื ให้นกั เรยี นสำมำรถหำผลลบ 3.2 คะแนนรวมดำ้ นทกั ษะและ ของจำนวนสองจำนวนท่ตี ัวตั้งไม่เกิน กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ 10 ไม่นอ้ ยกวำ่ ร้อยละ 60
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒๙ ชัน้ ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ การดาเนินการของจานวน เวลา ๑ ชวั่ โมง 142 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง การบวก การลบจานวนไม่เกิน ๒๐ ดา้ นทักษะและกระบวนการทาง ขัน้ สอน คณิตศาสตร์ 3. ครูตดิ บตั รแสดงสถำนกำรณ์กำรบวก พรอ้ มแจกไม้ไอศกรีมใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มใชใ้ นกำรหำคำตอบ เพอ่ื ให้นักเรียนสำมำรถสื่อสำร นอ้ งเกบ็ ดอกไมส้ ีแดงได้ 6 ดอก เกบ็ ดอกไม้สีขำวได้ 3 ดอก นอ้ งเกบ็ ดอกไม้ได้ท้งั หมดก่ีดอก และสือ่ ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ ครูสมุ่ นกั เรยี นออกมำหน้ำชั้นเรียนเพื่อใช้ไม้ไอศกรีมแสดงจำนวนดอกไม้ทง้ั หมดที่น้องเก็บได้ ครถู ำมว่ำหำจำนวนดอกไม้ทงั้ หมดได้อยำ่ งไร (มีจำนวนดอกไม้สีแดง 6 ดอกแลว้ นับต่อจำก 6 ไปอีก 3 ได้ 9) ครเู ขยี นประโยคสัญลักษณ์ แสดงกำรบวกได้ 6 + 3 = 9 ดังนั้น น้องเกบ็ ดอกไม้ท้ังหมดได้ 9 ดอก 4. ครูติดบัตรแสดงสถำนกำรณก์ ำรลบ ใหน้ กั เรียนพิจำรณำสถำนกำรณ์ว่ำมีควำมต่ำงจำกสถำนกำรณ์ ก่อนหน้ำอยำ่ งไร ่ ก้อยมลี กู โปงสีฟา 8 ลกู ทำาแตกไป 5 ลูก กอ้ ยจะมลี ูกโปง เหลือกีล่ กู ครถู ำมนักเรียนว่ำ สถำนกำรณด์ ังกล่ำวแตกตำ่ งจำกสถำนกำรณ์ก่อนหนำ้ อยำ่ งไร (สถำนกำรณก์ ่อนหน้ำ เป็นกำรเพ่ิมของจำนวนลกู โป่ง แต่สถำนกำรณ์น้ีจำนวนลกู โปง่ ลดลง) ครถู ำมนักเรยี นว่ำ “แล้วเรำจะหำ จำนวนลกู โปง่ ได้อยำ่ งไร” (มี 8 ลูกหกั ออก 5 ลูก) จำกนน้ั ครสู ำธิตกำรหักออกโดยใช้ไมไ้ อศกรมี ช่วยใน กำรนบั
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒๙ ชนั้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ การดาเนินการของจานวน เวลา ๑ ชว่ั โมง 143 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่ือง การบวก การลบจานวนไม่เกิน ๒๐ ครูถำมว่ำเดิมมีลกู โป่งสฟี ้ำกี่ลูก (8 ลกู ) ทำแตกไปกี่ลกู หยบิ ออกไป 5 อนั ( 5 ลูก) หำจำนวนลกู โป่งท่ีเหลือได้อยำ่ งไร ลกู โปง่ สฟี ้า ครูใหน้ กั เรียนช่วยกันนบั จำนวนไมไ้ อศกรีมทเี่ หลือ (หน่งึ สอง สำม) ดงั น้นั จะเหลือลูกโปง่ กลี่ ูก (3 ลกู ) ครเู ขียนประโยคสญั ลักษณแ์ สดงกำรลบได้ 8 – 5 = ดังนั้น กอ้ ยมลี กู โปง่ เหลอื 3 ลูก 5. ครยู กตัวอยำ่ งในทำนองเดียวกันโดยครูติดบัตรแสดงสถำนกำรณ์กำรลบดงั ตอ่ ไปน้ี พีทมลี ูกอมอยู่ 7 เม็ด ใหเ้ พอ่ื นไป 2 เม็ด พีทจะเหลอื ลูกอมกเี่ มด็ ครถู ำมนักเรยี นว่ำ สถำนกำรณด์ ังกลำ่ วแตกต่ำงจำกสถำนกำรณ์กอ่ นหนำ้ อย่ำงไร (สถำนกำรณก์ ่อนหน้ำเป็นกำรเพม่ิ ของจำนวนลูกโปง่ แต่สถำนกำรณ์นี้จำนวนลูกอมถูกลดลง) ครูถำมนักเรยี นวำ่ “แลว้ เรำจะหำจำนวนลูกอมได้อยำ่ งไร” (มลี กู อม 7 เม็ดหักออก 2 เม็ด) จำกนั้นครูสำธติ กำรหักออกโดยใช้ไมไ้ อศกรีมชว่ ยในกำรนับ ครถู ำมว่ำเดมิ มีลูกอมก่ีเม็ด (7 เมด็ ) ใหเ้ พื่อนไปก่เี ม็ด (2 เม็ด) หำจำนวนลูกอมที่เหลอื ได้อย่ำงไร ครใู ห้นักเรียนช่วยกันนบั จำนวน หยบิ ออกไป ลกู อม 2 อนั ไมไ้ อศกรมี ทเ่ี หลอื (หนึ่ง สอง สำม ส่ี หา้ ) ดงั น้นั พที จะเหลอื ลูกอมกีเ่ มด็ (5 เมด็ ) ครูเขยี นประโยคสญั ลักษณแ์ สดงกำรลบได้ 7 – 2 = ดังนนั้ พที มีลูกอมเหลือ 5 เม็ด
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒๙ ชัน้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ การดาเนนิ การของจานวน เวลา ๑ ชว่ั โมง 144 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรือ่ ง การบวก การลบจานวนไม่เกนิ ๒๐ จำกนน้ั ให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั 2.26 ขัน้ สรุป 6. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปกำรหำผลบวกและลบของจำนวนสองจำนวนว่ำกำรบวกเปน็ กำรนับรวม จำนวนสิ่งตำ่ งๆต้งั แต่สองกลมุ่ ขึ้นไปและกำรลบเป็นกำรนำจำนวนหนึ่งออกจำกจำนวนทง้ั หมด แลว้ หำ จำนวนที่เหลอื
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขน้ั นำ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๓๐ ขน้ั สอน 145 ข้ันสรปุ แนวกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ กำรวัดและประเมนิ ผล ทบทวนการหาการบวกไม่เกนิ 10 การบวกทผ่ี ลบวกไม่เกนิ 20 โดยการนบั ต่อ (จานวน 1 หลักกบั จานวน 1 หลัก) และการใชเ้ สน้ จานวน ทาแบบฝึกหัด 2.27 ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรปุ การบวกสองจานวน - ประเมนิ จากการทาแบบฝกึ หดั 2.27 - ประเมนิ จากการสื่อสาร และสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๓๐ ชนั้ ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ eกำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 146 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ขอบเขตเนอ้ื หำ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ ขั้นนำ 1. ความหมายของการบวก 1. บัตรภาพการบวก 2. การใชเ้ ครอ่ื งหมาย + 1. ครูแสดงบตั รภาพการบวกที่ผลบวกไมเ่ กิน 10 จานวน 20 บตั ร ให้นักเรียนบอกผลบวก เช่น 2. เส้นจานวน 3. การบวกทผ่ี ลบวกไมเ่ กนิ 20 ส้ม 5 ผล รวมกับส้ม 4 ผล มีส้มทั้งหมดกีผ่ ล 3. บัตรโจทยก์ ารบวก 4. แบบฝึกหัด 2.27 (จานวน 1 หลักกบั จานวน 1 หลกั ) และครทู บทวนการบวกทผี่ ลบวกไมเ่ กิน 10 โดยครเู ขยี นโจทยก์ ารบวกบนกระดาน จากน้ันสุ่มตัวแทน โดยการนบั ต่อและการใช้เสน้ นักเรียนออกมาแสดงผลบวก เชน่ 5 + 5 = กำรประเมนิ จานวน ขนั้ สอน 1. วิธีกำร สำระสำคัญ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ 2. ครูกาหนดสถานการณ์ ดังน้ี “มะลมิ ีลูกอมอยู่ 7 เม็ด นา้ ให้มาอีก 5 เม็ด มะลจิ ะมลี ูกอมทงั้ หมดก่ีเมด็ ” 1.2 ตรวจแบบฝึกหดั 2.27 การบวกจานวนสองจานวน ครถู ามนักเรียนวา่ จากสถานการณ์ดงั กลา่ ว มะลิจะมีลกู อมมากข้ึนหรือน้อยลง (มากขึ้น) แสดงวา่ ปัญหา 2. เครอ่ื งมือ สามารถหาผลบวกไดโ้ ดยการนบั ตอ่ ดังกลา่ วเราจะต้องใช้วิธีการใดในการหาคาตอบ (การบวก) จากนั้นครเู ขยี นประโยคสญั ลักษณ์แทนการหา 2.1 แบบฝกึ หัด 2.27 และการเริ่มนบั ตอ่ จากจานวนมาก คาตอบดังกล่าวด้วย 7 + 5 = พร้อมใหน้ กั เรียนใชว้ ธิ กี ารนับต่อ โดยการนับต่อจาก 7 ไปอกี 5 จะได้ 2.2 แบบประเมินทกั ษะและ กอ่ นจะทาใหห้ าผลบวกได้รวดเรว็ (8 9 10 11 12) ครูถามนักเรียนวา่ จะไดเ้ ท่าใด (12) จากนั้นใช้เส้นจานวนในการหาผลบวก ดังนี้ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 3. เกณฑ์ จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ ครถู ามนกั เรยี นว่า 7 + 5 = ในทน่ี ีเ้ ราต้องการหาผลบวกของจานวนใด (7 กบั 5) ครแู นะนาวา่ การ 3.1 ผลงานมีความถูกต้อง บวกด้วยเส้นจานวนจะเริ่มต้นดว้ ย 0 แลว้ การเขียนเส้นจากจานวน 0 ไปท่ีจานวน 7 จากนัน้ ให้เขียนเส้น ไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ดำ้ นควำมรู้ ตอ่ จาก 7 ไปอีกเทา่ ใด (5) นบั ต่อจาก 7 ไปอีก 5 จะได้อะไร (แปด เกา้ สบิ สิบเอด็ สบิ สอง) ผลบวกที่ได้ 3.2 คะแนนรวมด้านทกั ษะและ เพอื่ ให้นกั เรียนสามารถหาผลบวก คือเท่าใด (12) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 60 ของจานวนสองจานวนท่ผี ลบวกไมเ่ กิน 20 โดยการนบั ตอ่ และใชเ้ ส้นจานวน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนร้คู ณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๓๐ ชั้น ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 147 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ด้ำนทักษะและกระบวนกำรทำง คณติ ศำสตร์ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เพ่อื ใหน้ กั เรียนสามารถส่ือสาร และสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 3. ครแู บ่งกลุม่ นักเรียน กลุม่ ละ 3 คน จากน้นั แจกบัตรโจทยก์ ารบวกจานวน 2 จานวนที่มีผลบวกไม่เกนิ 20 กลุม่ ละ 3 โจทย์ เชน่ 8 + 4 = 5 + 7 = 6 + 5 = ใหน้ กั เรียนหาผลบวกดงั กล่าวโดยใช้ เสน้ จานวน ครูส่มุ ตัวแทนนักเรียนออกมาสาธติ การหาผลบวกโดยใช้เสน้ จานวนบนกระดานดาตามโจทย์ท่ี ครกู าหนดให้ นกั เรยี นทีเ่ หลือช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้อง 4. ครใู หน้ กั เรยี นสงั เกตวิธีการหาผลบวกโดยใชเ้ ส้นจานวนของ 5 + 8 = และ 8 + 5 = เมอ่ื พิจารณาการหาคาตอบของ 5 + 8 = นกั เรยี นเริม่ ต้นเขยี นเสน้ จานวนจากจานวนใดไปที่ จานวนใด (จาก 0 ไปท่ี 5) จากนนั้ ดาเนนิ การอย่างไร (เขียนเส้นเพม่ิ ต่อจาก 5 ไป 8 จานวน) จะได้อะไร (6 7 8 9 10 11 12 13) จะได้ผลบวกเทา่ กบั เท่าไร (13)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๓๐ ชนั้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 148 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ เมอื่ พิจารณาการหาคาตอบของ 8 + 5 = นักเรียนเรม่ิ ต้นเขยี นเส้นจานวนจากจานวนใดไปที่ จานวนใด (จาก 0 ไปท่ี 8) จากน้นั ดาเนนิ การอย่างไร (เขียนเส้นเพมิ่ ต่อจาก 8 ไป 5 จานวน) จะได้อะไร (9 10 11 12 13) จะได้ผลบวกเท่ากับเทา่ ไร (13) คาตอบของผลบวก 5 + 8 และ 8 + 5 เป็นอย่างไร (เท่ากัน) ดงั น้นั นกั เรยี นคดิ ว่าเพอ่ื ให้งา่ ยและรวดเรว็ ต่อการบวก ควรเรมิ่ นบั จากจานวนมาก หรอื จานวน นอ้ ย (จานวนมาก) ครยู กตัวอยา่ ง 3 + 9 = นักเรยี นคิดวา่ ควรเขยี นเส้นจานวนจาก 0 ไปท่ี 3 หรือ 9 (9) เพราะอะไร (เริม่ ตน้ จากจานวนมากจะทาใหง้ า่ ยและรวดเร็วกว่า) จากนน้ั ดาเนนิ การอย่างไร (เขยี นเสน้ เพมิ่ ต่อจาก 9 ไป 3 จานวน) จะได้อะไร (10 11 12) ไดผ้ ลบวกเท่ากับเทา่ ไร (12) ครูยา้ อีกคร้งั ว่า เพ่ือใหง้ ่ายต่อการบวกมากขึ้น ควรเร่ิมนบั จากจานวนมาก หรือจานวนน้อย (จานวนมาก) 5. ครูยกตวั อย่าง 5 + = 12 ครใู ห้นกั เรียนนับต่อจาก 5 ไปจนถึง 12 จากนน้ั ครูสาธิตโดยการเขียน เส้นจานวนบนกระดาน และให้นักเรยี นสงั เกตการเพิ่มข้นึ ของจานวน 5 ไปจนถึง 12 (6 7 8 9 10 11 12) ครูถามนักเรียนว่า ถ้าต้องนบั เพม่ิ จาก 5 ไปถึง 12 ต้องนับเพม่ิ ไปอีกเทา่ ใด (7) ดงั น้ี 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ี่ ๓๐ ชน้ั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 149 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 ดังนน้ั 5 + 7 = 12 ใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัด 2.29 จากนัน้ ชว่ ยกนั เฉลยวิธีการหาคาตอบในช้นั เรียน ขน้ั สรปุ 6. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปวิธีการบวกที่มผี ลบวกไม่เกิน 20 โดยการนับต่อและการใช้เส้นจานวน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ข้ันนำ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๓๑ ขัน้ สอน แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 150 ขน้ั สรุป กำรวดั และประเมนิ ผล ทบทวนการบวกทีผ่ ลบวกไม่เกนิ 20 โดยการนบั ตอ่ (จานวน 1 หลักกบั จานวน 1 หลัก) การบวกที่ผลบวกไม่เกนิ 20 โดยการนับตอ่ (จานวน 2 หลกั กบั จานวน 1 หลกั ) ทาแบบฝึกหดั 2.28 ทาแบบฝึกหดั 2.29 ครแู ละนักเรยี นช่วยกนั สรปุ การบวกสองจานวนโดยการนับต่อ - ประเมินจากการทาแบบฝึกหดั 2.28 และ 2.29 - ประเมนิ จากการสอ่ื สาร และสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กล่มุ สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๓๑ ชั้น ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 151 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรือ่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ขอบเขตเนือ้ หำ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ สอื่ /แหล่งเรียนรู้ ขั้นนำ การบวกท่ผี ลบวกไมเ่ กิน 20 1. เหรยี ญบาท 20 เหรียญ (จานวน 2 หลกั กับจานวน 1 หลัก) 1. ครทู บทวนการบวกทีผ่ ลบวกไมเ่ กนิ 20 (จานวน 1 หลักกบั จานวน 1 หลกั ) โดยครูเขียนโจทย์การบวก 2. บัตรภาพ โดยการนับต่อและการใชเ้ สน้ จานวน บนกระดาน จากนน้ั สมุ่ ตวั แทนนกั เรยี นออกมาแสดงการหาผลบวกโดยใชเ้ สน้ จานวน เชน่ 7 + 5 = 3. เส้นจานวน และ 4 + 9 = 4. แบบฝกึ หัด 2.28 สำระสำคญั 5. แบบฝึกหัด 2.29 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 การบวกจานวนสองจานวน กำรประเมนิ สามารถหาผลบวกได้โดยการนับต่อ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 และการเริ่มนบั ต่อจากจานวนมาก 1. วิธกี ำร ก่อนจะทาให้หาผลบวกไดร้ วดเรว็ 2. ครูถามนักเรียนถงึ ความแตกตา่ งของวิธีการบวกโดยการนบั ตอ่ ระหวา่ งการนับตอ่ จากจานวนที่มาก 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ก่อนและการนับตอ่ จากจานวนทน่ี ้อยก่อนวา่ แตกตา่ งกนั อย่างไร (นบั ต่อจากจานวนที่มากก่อนจะทาให้หา 1.2 ตรวจแบบฝกึ หดั 2.28 และ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ ผลบวกไดร้ วดเร็วกวา่ ) 2.29 2. เคร่ืองมือ ดำ้ นควำมรู้ ขั้นสอน 2.1 แบบฝกึ หดั 2.28 เพอ่ื ใหน้ ักเรียนสามารถหาผลบวก 2.2 แบบฝกึ หัด 2.29 3. ครูยกสถานการณต์ วั อย่างใหน้ กั เรียนช่วยกนั คดิ วธิ ีการหาคาตอบ ดงั ต่อไปนี้ “เชา้ วันน้ีคุณพ่อใหเ้ งินเจน 2.3 แบบประเมินทกั ษะและ ของจานวนสองจานวนทผ่ี ลบวกไมเ่ กนิ มา 5 บาท ตอ่ มาคุณแม่ใหเ้ งินเจนมาเพิ่มอีก 12 บาท วนั นเ้ี จนมีเงนิ ที่ได้รับจากคุณพ่อคุณแม่ท้ังหมด กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 20 โดยการนับต่อและใช้เส้นจานวน กบ่ี าท” ครตู ิดบัตรภาพ ด้ำนทกั ษะและกระบวนกำรทำง คณิตศำสตร์ เพื่อให้นกั เรยี นสามารถสื่อสาร และส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กล่มุ สำระกำรเรยี นร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ ๓๑ ชน้ั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 152 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ คุณพ่อใหเ้ งนิ มา 5 บาท คณุ แมใ่ ห้เงนิ มา 12 บาท 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีความถูกต้อง เขียนในรูปการบวกได้เปน็ 5 + 12 = ครถู ามนักเรยี นว่าในกรณนี ้ีหากเราตอ้ งการหาผลบวกโดยการ ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 นับตอ่ ควรเริ่มนบั จากจานวนใดจงึ จะงา่ ยและรวดเรว็ (12) จะดาเนินการหาผลบวกไดเ้ ป็น (นับตอ่ จาก 3.2 คะแนนรวมด้านทกั ษะและ 12 ไปอกี 5 เป็น สิบสาม สบิ ส่ี สบิ ห้า สบิ หก สิบเจด็ ) ดงั นัน้ เจนไดร้ ับเงนิ มาจากคุณพ่อและคณุ แม่ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ รวมกนั ทงั้ หมดกบ่ี าท (17 บาท) จากนั้นจดั กิจกรรมทานองเดยี วกนั น้ีอกี 2 ตวั อยา่ ง เชน่ ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 60 คณุ พ่อใหเ้ งินมา 4 บาท คณุ แม่ให้เงินมา 14 บาท
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๓๑ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 153 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ คณุ พ่อใหเ้ งนิ มา 7 บาท คณุ แม่ให้เงนิ มา 12 บาท ครใู ห้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด 2.28 จากน้นั ครสู ่มุ เรียกตัวแทนนักเรียนมาสาธติ การหาผลรวมของ เงนิ โดยใชเ้ งนิ เหรียญบาท 4. ครูใหน้ ักเรยี นใชว้ ธิ ีการหาผลบวกโดยใช้เส้นจานวนหาคาตอบของจานวนเงินจากตวั อย่าง คณุ พ่อให้เงนิ มา 4 บาท คณุ แม่ใหเ้ งินมา 14 บาท โดยดาเนินการหาผลบวก ดงั ตอ่ ไปนี้ จากสถานการณท์ ีก่ าหนดให้ คุณพ่อใหเ้ งินมา 4 บาท คุณแม่ให้เงินมา 14 บาท ครูถามนกั เรยี นวา่ เราควรดาเนินการเริ่มต้นการบวกจากจานวนใด (14) เพราะเหตุใด (เปน็ จานวนท่ีมากกว่า ทาใหห้ า ผลบวกไดง้ า่ ยกวา่ ) จากนัน้ ครูสาธิตการเขยี นเสน้ จานวน โดยเขยี นเส้นจากจานวน 0 ไปที่จานวน 14
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๓๑ ชนั้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 154 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 แลว้ เขยี นเส้นต่อจาก 14 ไปอีก 4 จะได้อะไร (สิบห้า สิบหก สบิ เจ็ด สิบแปด) ครูดาเนินการนับเพมิ่ ไป พร้อมนักเรียนและสาธิตการเขยี นเส้นจานวน ดังตอ่ ไปนี้ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 ดังน้นั เจนจะมีเงนิ ท่ีไดจ้ ากทงั้ คุณพ่อและคุณแม่รวมทั้งหมดกีบ่ าท (18 บาท) ครูยกตวั อยา่ ง 12 + = 18 ครใู ห้นกั เรียนนบั ต่อจาก 12 ไปจนถงึ 18 จากนน้ั ครูสาธติ โดยการ เขียนเสน้ จานวนบนกระดาน และให้นักเรียนสงั เกตการเพ่ิมข้นึ ของจานวน 12 ไปจนถงึ 18 ดังนี้ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๓๑ ช้นั ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 155 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ครูแนะนานักเรยี นวา่ การหาคาตอบของ 12 + = 18 ทาไดโ้ ดยการนับต่อจาก 12 ไปถงึ 18 (13 14 15 16 17 18) แลว้ ถามวา่ ต้องนบั ต่อจาก 12 ไปกี่คร้งั จงึ จะได้ 18 (6) ดงั นั้น 12 + 6 = 18 5. ใหน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หัด 2.29 ข้นั สรุป 6. ครูและนักเรียนชว่ ยกนั สรุปวธิ กี ารหาผลบวกของจานวน 2 จานวนที่มผี ลบวกไม่เกนิ 20
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขน้ั นำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๓๒ ข้นั สอน 156 ขน้ั สรปุ แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ กำรวดั และประเมนิ ผล ทบทวนการบวกทีผ่ ลบวกไม่เกิน 20 การบวกทีผ่ ลบวกไม่เกนิ 20 โดยการทาให้ครบสบิ ทาแบบฝึกหัด 2.30 ครูและนกั เรยี นชว่ ยกนั สรุป การบวกจานวนทผี่ ลบวกไม่เกนิ 20 โดยการทาให้ครบสบิ - ประเมนิ จากการทาแบบฝึกหัด 2.30 - ประเมินจากการส่ือสาร และสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ี่ ๓๒ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 157 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ขอบเขตเน้ือหำ กิจกรรมกำรเรียนรู้ ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ ขั้นนำ การบวกที่ผลบวกไมเ่ กิน 20 1. บัตรภาพสว่ นย่อย-ส่วนรว่ ม โดยการทาให้ครบสบิ 1. แบง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่ม กล่มุ ละ 3 – 4 คน ครทู บทวนการบวกจานวน โดยยกบัตรภาพส่วนยอ่ ย- 2. ไม้ไอศกรีม หรอื ฝาน้าอดั ลม หรอื กระดาษสี สำระสำคัญ ส่วนรวม ดังรูป 3. กรอบสบิ 4. แบบฝึกหดั 2.30 การทาให้ครบสิบทาใหห้ าผลบวก 3 ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มปรึกษาการหาจานวนที่ ไดร้ วดเร็ว 7 หายไปให้ถูกต้องและรวดเร็ว เชน่ จากบัตรภาพ กำรประเมนิ จานวนทห่ี ายไป คือ 4 (3 + 4 = 7) จากนั้น จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. วธิ ีกำร ครตู ดิ บัตรภาพในทานองเดียวกนั 4 – 5 บัตรภาพ 1.1 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ ดำ้ นควำมรู้ 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด 2.30 เพื่อให้นักเรยี นสามารถหาผลบวก ขน้ั สอน 2. เคร่อื งมือ 2.1 แบบฝึกหัด 2.30 ของจานวนสองจานวนท่ีผลบวกไม่เกนิ 2. ครใู หน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มปรึกษาการหาจานวนท่หี ายไปให้ถูกต้องและรวดเร็ว โดยยกประโยคการบวก 2.2 แบบประเมนิ ทักษะและ 20 โดยการทาให้ครบสบิ ได้ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ดำ้ นทกั ษะและกระบวนกำรทำง แสดงความสมั พันธข์ องจานวน 10 3. เกณฑ์ คณติ ศำสตร์ 3.1 ผลงานมีความถูกตอ้ ง 5 2 7 ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 เพื่อให้นกั เรียนสามารถส่ือสาร 3.2 คะแนนรวมด้านทกั ษะและ และส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ 10 10 10 กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 0 ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 60 จากบตั รภาพแรก 5 + = 10 ดังน้นั จานวนท่หี ายไป คือ 5 (5 + 5 = 10) จากบตั รภาพทีส่ อง 2 + = 10 ดังน้ัน จานวนทีห่ ายไป คือ 8 (2 + 8 = 10) จากบตั รภาพทสี่ าม 7 + = 10 ดังนนั้ จานวนทีห่ ายไป คอื 3 (7 + 3 = 10)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๓๒ ชั้น ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 158 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ 3. ครกู าหนดโจทยก์ ารบวก “เด็กหญิงแป้งมีปากกาอยู่ 7 ด้าม ในวนั ปีใหม่เพื่อนให้ของขวญั เปน็ ปากกา มาอีก 5 ดา้ ม เด็กหญงิ แปง้ มีปากกาทง้ั หมดกี่ดา้ ม” ใหน้ ักเรียนหาผลบวก พร้อมบอกวิธีคิดในการหา ผลบวก นักเรยี นอาจใช้มดั ไม้หรอื ฝานา้ อัดลม ช่วยในการหาผลบวกได้ดังนี้ 7 + 5 = ครสู ุม่ นักเรยี นให้ออกมาแสดงการจดั ฝาน้าอัดลมแสดงจานวน ดงั น้ี ครูถามว่ามฝี านา้ อดั ลมทั้งหมดเท่าไร หาได้อย่างไร (มีฝาท้ังหมด 12 ฝา หาได้จากนับต่อจาก 7 ไปอกี 5 ได้ 12) ดังนนั้ 7 + 5 = 12 ครแู นะนาการหาผลบวกโดยการทาให้ครบสิบ โดยใหน้ กั เรียนใช้ฝานา้ อัดลมแสดงจานวน 7 และ จานวน 5 บนกรอบสบิ (Ten Frame) ดงั น้ี 7+5= ครูถามจะหาผลบวกของ 7 + 5 = ได้อย่างไร ครูแนะนาใหน้ ักเรยี นยา้ ยฝานา้ อดั ลมใหจ้ านวนใด จานวนหนงึ่ เปน็ สบิ เช่น ทา 7 ใหเ้ ป็น 10
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๓๒ ชนั้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 159 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ จากนั้นครเู ขียนแสดงการหาผลบวกดงั น้ี 7+5 = 10 + 2 = 12 32 ดังนัน้ 7 + 5 = 12 ครสู าธิตการบวกโดยการทาให้ครบสิบ โดยใช้กรอบสบิ (Ten Frame) ในทานองเดียวกัน โดยครูเขยี น โจทย์บนกระดานดา 9 + 8 = จากน้ันครตู ิดกรอบสิบ (Ten Frame) บนกระดานดา ให้นักเรยี นใช้ กระดาษสีที่แตกตา่ งกัน แสดงจานวน 9 และ 8 บนกรอบสิบ (Ten Frame) ดังน้ี 9+8 = กระดาษสแี สดงจานวน 9 กระดาษสแี สดงจานวน 8 ในการหาผลบวก ให้ทาจานวนใดจานวนหน่ึงใหค้ รบสิบก่อน เชน่ 9 จะทาให้ครบสิบได้โดยการนา กระดาษสีขาวทแี่ สดงจานวน 8 มาติดเพิ่มในกรอบสิบ (Ten Frame) ที่แสดงจานวน 9 ดังภาพ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ ๓๒ ช้ัน ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 160 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ 9+8 = กระดาษสแี สดงจานวน 10 กระดาษสีแสดงจานวน 7 ดังนน้ั 9 + 8 = 1 + 7 = 10 + 7 = 17 ดงั นน้ั 9 + 8 = 17 ครูยกตวั อย่างการบวกโดยการทาใหค้ รบสบิ ให้นกั เรียนทดลองหาคาตอบดว้ ยตนเอง ดังนี้ 8 + 7= กระดาษสีแสดงจานวน 8 กระดาษสแี สดงจานวน 7
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๓๒ ช้ัน ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 161 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ กระดาษสีแสดงจานวน 10 กระดาษสแี สดงจานวน 5 ดังนั้น 8+7 = 10 + 5 2 5 = 15 ดังนัน้ 8 + 7 = 15 นกั เรียนทาแบบฝึกหดั 2.30 ขอ้ ท่ี 1 จากนน้ั ครูสมุ่ ตัวแทนนกั เรียนมาเฉลยแบบฝกึ หัด 2.30 ขอ้ ที่ 1 โดยให้นักเรียนใชก้ ระดาษสตี ิดบนกรอบสิบ (Ten Frame) เพ่ือหาคาตอบ จากน้ัน ทาแบบฝกึ หัด 2.30 ขอ้ ทเ่ี หลือ ข้ันสรปุ 4. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ บทเรยี นในการหาผลบวกโดยวิธีการทาใหค้ รบสบิ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขั้นนำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๓๓ ข้นั สอน 162 ขัน้ สรปุ แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ กำรวัดและประเมนิ ผล การบวกทผ่ี ลบวกไม่เกนิ 20 โดยการทาให้ครบสบิ และบวกจานวนสองจานวนท่ีผลบวกไมเ่ กนิ 10 การบวกจานวนเดยี วกันท่ผี ลบวกไมเ่ กนิ 20 ทาแบบฝึกหัด 2.31 ครูและนักเรยี นช่วยกนั สรุป การบวกจานวนเดยี วกนั - ประเมนิ จากการทาแบบฝกึ หัด 2.31 - ประเมินจากการสือ่ สาร และสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๓๓ ชัน้ ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 163 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ขอบเขตเนอื้ หำ กิจกรรมกำรเรียนรู้ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ ขั้นนำ การบวกจานวนเดียวกัน 1. ป้ายโจทย์การบวกจานวนเดยี วกนั ทผ่ี ลบวกไมเ่ กิน 20 และการบวก 1. ครทู บทวนการบวกที่เปน็ จานวนเดยี วกัน โดยครูเขยี นโจทยก์ ารบวกบนกระดาน ให้นกั เรียนรว่ มกนั หา 2. แผนภาพปฏิทิน จานวนสองจานวนท่ีใกล้เคยี งกนั คาตอบ จากนัน้ ส่งนกั เรียนแต่ละระดบั ออกมาเขียนคาตอบ เชน่ 6 + 7= 8 + 9 = 3. เส้นจานวน 4. แบบฝกึ หดั 2.31 สำระสำคญั 6+7= กำรประเมิน การบวกจานวนสองจานวน 6+7=(6+4)+3 สามารถหาผลบวกได้โดยการนบั ต่อ 1. วิธกี ำร และผลบวกของจานวนเดยี วกันสอง 8 +9= 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ จานวน ช่วยใหห้ าผลบวกของจานวน 1.2 ตรวจแบบฝึกหดั 2.31 ใกล้เคียงได้เรว็ ขึ้น 2. เครื่องมือ 2.1 แบบฝึกหัด 2.31 จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.2 แบบประเมินทกั ษะและ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ดำ้ นควำมรู้ 3. เกณฑ์ เพือ่ ใหน้ ักเรยี นสามารถหาผลบวก 3.1 ผลงานมคี วามถูกตอ้ ง ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 ของจานวนเดยี วกันสองจานวนที่ 3.2 คะแนนรวมดา้ นทักษะและ ผลบวกไม่เกิน 20 และหาผลบวกของ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ จานวนสองจานวนท่ีใกลเ้ คยี งกัน ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 60
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๓๓ ช้ัน ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 164 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ดำ้ นทกั ษะและกระบวนกำรทำง 8+9=(8+2)+7 คณิตศำสตร์ เพ่ือให้นกั เรยี นสามารถสื่อสาร และส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ 2. ครูกาหนดสถานการณ์ ให้นักเรียนหาผลบวกของจานวนเดยี วกันโดยถามว่า “ตะเกยี บ 1 ค่มู ีกี่ขา้ ง” (2 ขา้ ง) แลว้ “ตะเกียบ 2 คู่ มกี ีข่ า้ ง” (4 ขา้ ง) นักเรียนทราบไดอ้ ย่างไร (นา 2 มารวมกับ 2) จากน้ัน ครตู ดิ บตั รโจทยก์ ารบวกจานวนเดียวกัน บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนหาผลบวก 1+1= 2+2= 3+3= 4+4= 5+5= 6+6= ขัน้ สอน 3. ครนู าปฏทิ นิ เดอื นมกราคม 2560 เร่มิ ตน้ วนั อาทิตยเ์ ปน็ วันที่ 1 ใหน้ ักเรียนสงั เกตวนั ทีใ่ นปฏิทิน จากนนั้ ใช้การถามตอบเก่ยี วกับวันและสปั ดาห์ในแตล่ ะแถว ซงึ่ จะไดว้ ่า 1 แถว หมายถงึ 1 สปั ดาห์ และ 1 สปั ดาห์จะมี 7 วนั ครูถามนกั เรียนวา่ จากปฏิทินดงั กล่าว 2 สปั ดาหม์ ีกี่ วนั (14 วนั หากนักเรียนไมส่ ามารถตอบได้ ให้ครวู าดเสน้ ลอ้ มรอบจานวนวันใน 2 สปั ดาหใ์ ห้นักเรยี นดู และใช้การนับ จานวนวันเพอ่ื ใหเ้ ข้าใจมากข้ึน)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ ๓๓ ชน้ั ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 165 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ จากน้นั แนะนาสปั ดาห์บนกระดานดา สปั ดาห์ที่ 1 มี 7 วนั สปั ดาหท์ ี่ 2 มอี ีก 7 วนั ดงั นั้นหาก ตอ้ งการหาว่า 2 สปั ดาห์มีกว่ี ัน สามารถเขยี นสญั ลักษณ์แทนการการบวก ไดเ้ ป็น 7 + 7 = จะได้ ดงั น้ี 7+7 = = 10 + 4 3 4 = 14 ดังนัน้ 7 + 7 = 14 ครยู กตวั อยา่ งในทานองเดยี วกัน โดยการหาจานวนแกว้ นา้ ท่ีบรรจกุ ล่องละ 6 ใบ จานวน 2 กล่อง ให้นักเรยี นสังเกตจะพบวา่ แก้วน้า 1 กลอ่ ง มีจานวนแกว้ น้าอยู่ 6 ใบ ถ้าตอ้ งการหาแก้วน้าในกล่อง 2 กลอ่ งสามารถเขยี นประโยคการบวก ไดเ้ ป็น 6 + 6 = ดังรูป 6+6 6+6= 24 = = 10 + 2 = 12
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ่ี ๓๓ ชนั้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 166 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ดงั น้ัน 6 + 6 = 12 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปผลของคาตอบของการบวกจานวน 2 จานวนทเี่ ป็นจานวนเดยี วกนั ดังนี้ 6 + 6 = 12 7 + 7 = 14 8 + 8 = 16 9 + 9 = 18 4. ครูยกตวั อยา่ งโจทย์การบวกของจานวน 2 จานวน ทใ่ี กล้เคียงกนั เชน่ 6 + 7 = คิดจำก 6 + 6 = 12 เพ่มิ 1 เพมิ่ 1 6 + 7 = 13 เพมิ่ 2 ดงั นัน้ 6 + 7 = 13 ครูเขียนโจทยเ์ พิ่ม 6 + 8 = คดิ จำก 6 + 6 = 12 เพิม่ 2 6 + 8 = 14 ดังน้ัน 6 + 8 = 14 ครูยกตวั อยา่ งโจทยก์ ารบวกในทานองเดยี วกันกัน อีก 1 ตัวอย่าง เช่น 5 + 6 = คิดจำก 5 + 5 = 10 เพมิ่ 1 เพิ่ม 1 5 + 6 = 11 ดงั นนั้ 5 + 6 = 11
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๓๓ ชัน้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 167 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ครูเขยี นโจทย์เพ่ิม 5 + 7 = = 10 เพ่มิ 2 คดิ จำก 5 + 5 เพม่ิ 2 5+7 = 12 ดังนั้น 5 + 7 = 12 ใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัด 2.31 ขน้ั สรุป 5. ครูร่วมกันนกั เรียนสรปุ วธิ ีการหาผลบวกของจานวนสองจานวนท่ใี กลเ้ คียงกนั ไดโ้ ดยคิดจากผลบวกของ จานวนเดยี วกนั สองจานวน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ข้ันนำ แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ี่ ๓๔ ข้นั สอน 168 ขนั้ สรุป แนวกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ กำรวดั และประเมินผล ทบทวนการบวกโดยการทาใหค้ รบสบิ และการสลับท่ขี องการบวก การบวกจานวน 3 จานวน ทาแบบฝกึ หดั 2.32 ครูและนักเรยี นช่วยกันสรุป การบวกจานวน 3 จานวน - ประเมนิ จากการทาแบบฝึกหดั 2.32 - ประเมนิ จากการสอื่ สาร และสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี ๓๔ ช้นั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 169 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ขอบเขตเนือ้ หำ กิจกรรมกำรเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ ขั้นนำ การบวกจานวน 3 จานวน 1. บตั รโจทย์การบวก ท่ผี ลบวกไม่เกิน 20 1. ครูทบทวนการบวกโดยการทาให้ครบสิบ โดยครเู ขยี นโจทยก์ ารบวก ในแนวนอนบนกระดาน สุ่มถาม 2. ไมไ้ อศกรมี นักเรียนเปน็ รายบุคคลใหห้ าคาตอบอยา่ งรวดเรว็ และให้บอกวธิ หี าผลบวก เช่น 4 + 8 = , 3. แบบฝึกหดั 2.32 สำระสำคญั 6 + 6 = , 9 + 7 = กำรประเมนิ การหาผลบวกของจานวนสาม 2. ครูเขียนโจทย์การบวก 4 + 8 = และ 8 + 4 = บนกระดาน แล้วถามนักเรียนวา่ มีการหา จานวนตอ้ งบวกสองจานวนก่อนแลว้ คาตอบอยา่ งไร (นักเรยี นอาจใชว้ ิธีการนบั ต่อ หรอื การทาให้ครบสิบ) ครถู ามนักเรียนวา่ 4 + 8 = 1. วิธกี ำร จึงบวกจานวนที่เหลือ ถ้าบวกสอง และ 8 + 4 = ได้คาตอบเปน็ เทา่ ไร (12) มวี ธิ กี ารหาคาตอบได้อยา่ งไร และเหมอื นกันหรือไม่ 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ จานวนให้ครบสบิ ก่อนจะงา่ ยตอ่ การ (ดาเนินการเหมือนกนั คือเริม่ บวกจากจานวนท่ีมากกวา่ ไปหาจานวนท่ีน้อยกว่า คือ นบั ต่อจาก 8 ไปอีก 4 1.2 ตรวจแบบฝกึ หัด 2.32 บวกจานวนท่เี หลอื จะได้ 9 10 11 12 จะได้ 12 ) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปวา่ การบวกจานวนสองจานวน เมอ่ื สลบั ท่ี 2. เครือ่ งมือ กนั ผลบวกยังคงเท่ากนั 2.1 แบบฝึกหัด 2.32 จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 2.2 แบบประเมนิ ทักษะและ ขั้นสอน กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ด้ำนควำมรู้ 3. เกณฑ์ เพื่อใหน้ กั เรยี นสามารถหาผลบวก 3. ครจู ดั กิจกรรมการสอนการบวกจานวนสามจานวน โดยครตู ิดบตั รโจทย์การบวกแสดงสถานการณ์ให้ 3.1 ผลงานมคี วามถูกต้อง นกั เรียนหาคาตอบดงั น้ี ไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 ของจานวนสามจานวนท่ีกาหนดให้ได้ 3.2 คะแนนรวมด้านทกั ษะและ ด้ำนทกั ษะและกระบวนกำรทำง 36 4 ด้กีผ่ ล กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ คณิตศำสตร์ ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 60 ครูสมุ่ นักเรียนให้มาแสดงจานวนผลไมท้ ัง้ หมดท่ีตนู ขายได้ด้วยไม้ไอศกรีม เพอื่ ให้นักเรยี นสามารถสื่อสาร และสือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กล่มุ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ่ี ๓๔ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 170 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ครถู ามนักเรียนว่า “หาจานวนผลไมท้ ัง้ หมดทตี่ นู ขายได้ สส้ม้มโโออ แแตตงงโมโม มะลมะะกพอรา้ อย่างไร” (นบั จานวนทงั้ หมด โดยเรม่ิ จาก 3 นับต่อจาก 3 ไป อีก 6 ได้ 9 และนับต่อจาก 9 ไปอีก 4 ได้ 13) ครูถามว่ามีวิธีอนื่ อกี หรือไม่ (เริม่ นบั จากจานวนทมี่ ากคือ 6 นับต่อไปอีก 3 ได้ 9 และนบั ตอ่ จาก 9 ไปอีก 4 ได้ 13) จากนนั้ ครเู ขียนประโยคการบวกได้ 3 + 6 + 4 = ให้นกั เรยี นพิจารณาจานวนใน ประโยคการบวก แล้วถามวา่ “มจี านวนคใู่ ดท่บี วกกันไดส้ บิ ” (6 กับ 4) ครูแนะนาใหห้ าผลบวกของสอง จานวนคูน่ ั้นกอ่ นได้ 6 + 4 = 10 แล้วจงึ นาไปบวกกบั จานวนท่ีเหลือ จะได้ 3 + 10 = 13 ครเู ขยี นแสดงการบวกและสรปุ คาตอบดังน้ี 3 + 6 + 4 = 3+ 6 + 4 = 3 + 10 = 13 ดงั นัน้ ตนู ขายผลไม้ได้ทั้งหมด 13 ผล ครูนาอภปิ รายวา่ ทง้ั 3 วิธไี ดผ้ ลบวกเท่ากัน นนั่ คือจะบวกจานวนคูใ่ ดก่อนก็ได้ แตถ่ ้ามจี านวนคใู่ ดบวกกัน ได้ 10 ให้บวกจานวนคู่นัน้ กอ่ น จะชว่ ยใหห้ าคาตอบไดเ้ ร็วข้ึน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ี่ ๓๔ ช้ัน ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 171 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ครูยกตัวอย่างโจทยก์ ารบวกจานวนสามจานวนทม่ี ีสองจานวนบวกกันได้ครบสบิ ให้นักเรียนหาผลบวก เชน่ 2 + 5 + 8 = ให้นกั เรยี นพจิ ารณาจานวนในประโยคการบวก แล้วถามว่า “มีจานวนคู่ใดทีบ่ วก กนั ได้ครบสิบ” (2 กับ 8) ครูแนะนาใหห้ าผลบวกของสองจานวนนั้นก่อนได้ 2 + 8 = 10 แลว้ จงึ นาไป บวกกับจานวนท่เี หลอื จะได้ 5 + 10 = 15 ครเู ขยี นแสดงการบวกดงั นี้ 2 + 5 + 8 =2+5+8 = 5 + 10 = 15 4. ครยู กตัวอยา่ งโจทย์การบวกจานวนสามจานวนทีไ่ มม่ ีจานวนค่ใู ดรวมกันได้ครบสิบ ให้นักเรยี นหา ผลบวก เชน่ 4 + 5 + 7 = ครูให้นักเรียนพิจารณาประโยคการบวก แลว้ ถามว่ามจี านวนคใู่ ด บวกกนั ได้ครบสิบบา้ ง (ไม่มี) ครูแนะนาว่านักเรียนอาจหาผลบวกของสองจานวนก่อนแล้วจงึ นาผลบวก ไปบวกกับจานวนท่สี าม จะได้ 4 + 5 + 7 = 9 + 7 = 16 ครยู กตวั อย่างเพ่ิมเติมอีก 1 ตัวอย่าง เชน่ 8 + 3 + 6 = จากนน้ั ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายจนไดข้ ้อสรปุ ว่า “การหาผลบวกของจานวนสามจานวน ใหบ้ วก ทลี ะสองจานวน โดยเป็นจานวนคใู่ ดก่อนก็ได้” แล้วให้นักเรียนทาแบบฝึกหดั 2.32 ขน้ั สรปุ 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปการบวกจานวนสามจานวนวา่ การหาผลบวกของจานวนสามจานวน ต้องบวกจานวนสองจานวนก่อนแลว้ จงึ บวกจานวนที่เหลือ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขน้ั นำ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๓๕ ข้นั สอน แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 172 ขนั้ สรปุ กำรวัดและประเมนิ ผล ทบทวนกำรลบและควำมหมำยของกำรลบ หำผลลบของจำนวนสองจำนวนทีต่ ัวตงั้ มำกกว่ำ 10 แตไ่ มเ่ กิน 20 โดยกำรเอำออก แบบฝกึ หัด 2.33 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ วิธหี ำผลลบของจำนวนสองจำนวน - ประเมินจำกกำรทำแบบฝกึ หดั 2.33 - ประเมินจำกกำรส่อื สำร และสอื่ ควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๓๕ ชั้น ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ การดาเนินการของจานวน เวลา ๑ ชว่ั โมง 173 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เรือ่ ง การบวก การลบจานวนไม่เกิน ๒๐ ขอบเขตเนื้อหา กิจกรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ ข้นั นา กำรลบจำนวนสองจำนวนที่ 1. บัตรโจทยก์ ำรบวก ตัวตัง้ มำกกวำ่ 10 แต่ไมเ่ กิน 20 1. ครทู บทวนกำรลบ โดยครูเขยี นโจทย์บนกระดำน เชน่ (1) 8 – 3 = , (2) 9 – 2 = , 2. แผนภำพแสดงกำรเอำออกแทน โดยกำรเอำออก (3) 7 – 4 = , (4) 9 – 5 = ครใู ห้นกั เรียนทำโจทยท์ กี่ ำหนด เมื่อนักเรยี นทำเสรจ็ ครูใหน้ กั เรยี นช่วยกันเฉลยคำตอบ ข้อ 1) 5 ข้อ 2) 7 ข้อ 3) 3 ขอ้ 4) 4 ในกรณีที่นักเรยี นทำผิด จำนวนด้วยรูปวงกลม สาระสาคญั ครใู ช้ตวั นับ ประกอบกำรอธบิ ำยกำรหำผลลบเพ่ิมเติมจนนกั เรียนเข้ำใจแลว้ ให้นกั เรยี นทกุ คนช่วยกันสรุป 3. ไม้ไอศกรีม กำรหำผลลบของจำนวนสองจำนวน ซึ่งจะไดว้ ำ่ ทำไดโ้ ดยกำรนำจำนวนหนึ่งออกจำกจำนวนท้ังหมด 4. แบบฝึกหัด 2.33 กำรหำผลลบโดยกำรเอำออกเป็น กำรนำจำนวนหน่งึ (ตวั ลบ) ออกจำก ข้นั สอน การประเมิน จำนวนทั้งหมด(ตัวต้งั ) จำนวนที่เหลอื คือผลลบ 2. ครตู ดิ บตั รโจทย์สถำนกำรณ์ “ถ้ำคุณแม่มีสม้ 15 ผล แบ่งให้ขำ้ งบ้ำนไป 3 ผล จะเหลือส้มก่ผี ล” 1. วธิ ีการ ครถู ำมนักเรยี นว่ำมสี ม้ ทั้งหมดกผี่ ล (15 ผล) ครูเขียนวงกลมแสดงจำนวนสม้ ทง้ั หมด ดังน้ี 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมกำรเรยี นรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.2 ตรวจแบบฝกึ หดั 2.33 จำกนั้นถำมนักเรยี นวำ่ ถำ้ แมแ่ บง่ ส้มใหข้ ำ้ งบ้ำน 3 ผล จะทำอย่ำงไร ครูเขียนรปู ต่อไปนี้ แสดง 2. เครอื่ งมือ ด้านความรู้ กำรเอำออกของ จะได้ 2.1 แบบฝกึ หดั 2.33 เพ่อื ใหน้ กั เรียนสำมำรถหำผลลบ 2.2 แบบประเมนิ ทักษะและ กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ จำนวนสองจำนวนที่ตวั ตัง้ มำกกว่ำ 10 3. เกณฑ์ แต่ไม่เกนิ 20 3.1 ผลงำนมคี วำมถูกต้อง ดา้ นทกั ษะและกระบวนการทาง ไม่นอ้ ยกว่ำรอ้ ยละ 80 คณิตศาสตร์ 3.2 คะแนนรวมดำ้ นทักษะและ กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ เพื่อให้นักเรียนสำมำรถสื่อสำร ไม่น้อยกว่ำรอ้ ยละ 60 และสอื่ ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๓๕ 174 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง การบวก การลบจานวนไม่เกนิ ๒๐ ชัน้ ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ การดาเนินการของจานวน เวลา ๑ ชวั่ โมง 15 เอำออกไป 3 เอำออกไป 3 จะได้ 12 15 เอำออกไป 3 เหลือ 12 ดงั น้ัน 15 – 3 = 12 ครยู กตัวอยำ่ งโจทย์กำรลบในทำนองเดียวกัน เช่น 17 – 4 = แลว้ ใหน้ ักเรียนเขยี นแผนภำพ แทนจำนวนทั้งหมด และแสดงกำรเอำออก ดังน้ี เอำออก 4 ดังนน้ั 17 – 4 = 13 ครูถำมนักเรียนว่ำมอี ยู่ 17 เอำออก 4 เหลอื เท่ำไร
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๓๕ ชน้ั ป.๑ หน่วยที่ ๒ การดาเนนิ การของจานวน เวลา ๑ ชวั่ โมง 175 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรื่อง การบวก การลบจานวนไม่เกิน ๒๐ 3. ครูแบง่ กลุม่ นักเรยี น ออกเป็นกลุ่มละ 3 – 4 คน จำกนั้นใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุม่ หำผลลบโดยกำรเอำออก ต่อไปนี้ 1) 16 – 3 = 2) 12 – 5 = 3) 13 – 1 = 4) 15 – 6 = ครูให้ตวั แทนนักเรียนแต่ละกลมุ่ ออกมำเฉลยวิธกี ำรหำผลลบโดยกำรเอำออกบนกระดำน ดังนี้ 1) 16 – 3 = เอำออก 3 2) 12 – 5 = เอำออก 5 16 เอำออกไป 3 เหลือ 13 12 เอำออกไป 5 เหลือ 7 ดงั นนั้ 16 – 3 = 13 ดงั น้ัน 12 – 5 = 7
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓๕ ชนั้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ การดาเนนิ การของจานวน เวลา ๑ ชว่ั โมง 176 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เร่ือง การบวก การลบจานวนไม่เกิน ๒๐ 3) 13 – 1 = 4) 15 – 6 = เอำออก 6 เอำออก 1 13 เอำออกไป 1 เหลือ 12 15 เอำออกไป 6 เหลือ 9 ดงั น้ัน 13 – 1 = 12 ดงั น้นั 15 – 6 = 9 ครูแนะนำนกั เรยี นเพิ่มเตมิ ว่ำกำรลบท่ีมตี ัวตงั้ เปน็ จำนวนมำกกวำ่ 10 ควรวำดภำพแสดงจำนวน โดยแบ่งจำนวนเป็น 2 กองคือ กองละ 10 (1 กอง) และเศษท่ีเหลือของ 10 เพือ่ ให้ง่ำยต่อกำรนบั มำก ยงิ่ ขึ้น ครูกำหนดโจทยก์ ำรลบ 20 – 7 = จำนวนท้ังหมดหรือตวั ตัง้ คือ 20 สำมำรถวำดภำพเป็น สง่ิ ของ 10 ชนิ้ จำนวน 2 กอง ดังแผนภำพต่อไปนี้
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓๕ ช้นั ป.๑ หน่วยที่ ๒ การดาเนินการของจานวน เวลา ๑ ชว่ั โมง 177 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เรอื่ ง การบวก การลบจานวนไม่เกิน ๒๐ เอำออก 7 20 เอำออกไป 7 เหลือ 13 ดังน้ัน 20 – 7 = 13 4. ครแู นะนำวิธกี ำรหำผลลบโดยใช้กำรนบั ไมไ้ อศครีม โดยยกตัวอย่ำงโจทย์ 14 – 3 = จำกน้ัน แนะนำกำรนบั จำนวนไม้ไอศกรีม ดังน้ี จำนวนไมไ้ อศกรมี 14 อัน เอำออก 3 อนั ครใู ชก้ ำรนับจำนวนไม้ไอศกรีมแสดงกำรหำผลลบ จำกตัวอย่ำง มีไอศกรีม 14 อัน เอำออก 3 อนั จะเหลือ 9 อนั (ใหน้ กั เรียนนับจำนวนไม้ไอศกรีมทเ่ี หลอื จะได้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9) ดงั นัน้ 14 – 3 = 11
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓๕ ชั้น ป.๑ หน่วยท่ี ๒ การดาเนินการของจานวน เวลา ๑ ชว่ั โมง 178 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง การบวก การลบจานวนไม่เกิน ๒๐ ให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หัด 2.33 ข้ันสรุป 5. ครูร่วมกับนกั เรยี นสรปุ ว่ำ กำรหำผลลบโดยกำรเอำออกเป็นกำรนำจำนวนหนึ่ง (ตัวลบ) ออกจำก จำนวนท้งั หมด (ตัวตง้ั ) จำนวนทเี่ หลือคือผลลบ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขัน้ นำ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๓๖ ขั้นสอน 179 ขัน้ สรปุ แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ กำรวัดและประเมนิ ผล ทบทวนการลบโดยการเอาออก การลบจานวนสองจานวนที่ตัวต้งั มากกว่า 10 แต่ไมเ่ กิน 20 โดยการใชเ้ สน้ จานวน แบบฝกึ หดั 2.34 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปวธิ หี าผลลบของจานวนสองจานวน - ประเมนิ จากการทาแบบฝกึ หัด 2.34 - ประเมนิ จากการสือ่ สาร และสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๓๖ ชั้น ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน 180 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ เวลำ ๑ ชวั่ โมง ขอบเขตเนื้อหำ กิจกรรมกำรเรียนรู้ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ ขั้นนำ การลบจานวนสองจานวนท่ี 1. บตั รภาพ ตวั ตงั้ มากกวา่ 10 แตไ่ ม่เกิน 20 1. ทบทวนการลบโดยครตู ิดบัตรภาพรูปหอ้ งเรยี นบนกระดานดา และถามนกั เรยี นดังตอ่ ไปน้ี 2. จานวนด้วยวงกลม โดยการใชเ้ ส้นจานวน 3. เสน้ จานวน ในหอ้ งเรียนนม้ี ีนักเรียนกี่คน (6 คน) 4. แบบฝกึ หดั 2.34 สำระสำคญั ถา้ วันนมี้ ีเพ่ือนไมม่ า 2 คน จะเหลือทน่ี ั่งว่างกี่ที่ (2 ที่) แลว้ จะเหลือนักเรียนมีห้องกคี่ น (4 คน) กำรประเมิน การหาผลลบโดยการเอาออกเปน็ นักเรียนมีวิธกี ารคิดอย่างไร (6 เอาออก 2 เหลอื 4) การนาจานวนหนงึ่ (ตัวลบ) ออกจาก 1. วธิ ีกำร จานวนท้ังหมด(ตัวตั้ง) จานวนท่เี หลอื บตั รภำพรูปห้องเรียน 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ คอื ผลลบ 1.2 ตรวจแบบฝึกหดั 2.34 เขยี นโจทย์การลบบนกระดาน 20 – 6 = และตดิ บัตรภาพวงกลมจานวน 20 วง แล้วให้ 2. เครอ่ื งมือ จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ นักเรยี นออกมาเขยี นวงล้อมรอบแสดงการเอาออกพร้อมท้งั ตอบคาถาม ดงั น้ี 2.1 แบบฝึกหัด 2.34 2.2 แบบประเมินทกั ษะและ ดำ้ นควำมรู้ เอาออกไป 6 กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ เพอื่ ใหน้ ักเรยี นสามารถหาผลลบ 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมคี วามถูกตอ้ ง จานวนสองจานวนที่ตัวตง้ั มากกวา่ 10 ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 80 แตไ่ มเ่ กนิ 20 3.2 คะแนนรวมด้านทักษะและ ด้ำนทักษะและกระบวนกำรทำง กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ คณติ ศำสตร์ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 เพ่อื ให้นักเรียนสามารถสื่อสาร และสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ ๓๖ ชัน้ ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 181 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรือ่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ 20 เอาออกไป 6 เหลือ 14 ดงั นนั้ 20 – 6 = 14 ให้นกั เรียนท่เี หลอื ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง หลงั จากนั้นชว่ ยกนั สรุปการหาผลลบโดยการเอาออกวา่ เปน็ การนาจานวนหนง่ึ ออกจากจานวนทง้ั หมด จานวนทเี่ หลือคือผลลบ ขน้ั สอน 2. ครูเขยี นโจทย์การลบ 10 – 4 = จากนนั้ ให้นกั เรียนหาคาตอบดว้ ยวธิ ีของตนเอง ครูสมุ่ ถาม นักเรยี นเป็นรายบคุ คล ครูแนะนาว่า เราสามารถใชเ้ ส้นจานวนในการหาผลลบ โดยการนบั ถอยหลัง ดังน้ี 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ครูเขียนโจทยก์ ารลบ บนกระดานดา 10 – 4 = ครอู ธบิ ายการเขยี นเสน้ จานวนโดย เรม่ิ ต้นโดยเขยี นเส้นจานวน 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1112 13 14 15 16 17 18 19 20 จาก 0 ไปทตี่ ัวตัง้ คอื 10 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๓๖ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 182 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 จากนั้นให้เขยี นเสน้ ถอยหลงั ไป 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ทางซา้ ยของเส้นจานวนใหเ้ ท่ากับ จานวนทเี่ ป็นตัวลบ ในท่นี ี้ คือ 4 จะได้ 10 – 4 = 6 ครูยกตวั อยา่ งในทานองเดียวกันอีก 3 ตัวอยา่ ง คือ 15 – 6 = 13 – 5 = และ 20 – 7 = จากนั้นให้นกั เรียนฝกึ หาคาตอบโดยการใชเ้ สน้ จานวน เม่ือนกั เรยี นทาเสร็จแล้ว ครูให้ นักเรยี นช่วยกนั เฉลยคาตอบในชนั้ เรียน ดังน้ี 13 – 5 = 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี ๓๖ 183 กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ช้นั ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 13 – 5 = เรม่ิ ต้นที่ 13 แล้วนบั ถอยหลงั ไป 5 20 – 7 = จะได้ 8 ดังน้ัน 13 – 5 = 8 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 20 – 7 = เริ่มต้นท่ี 20 แลว้ นับถอยหลงั ไป 7 จะได้ 13 ดังน้นั 20 – 7 = 13 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หัด 2.34 ข้นั สรปุ 3. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปบทเรยี นว่า การหาผลลบโดยการเอาออกเป็นการนาจานวนหนึ่งออกจาก จานวนทัง้ หมด จานวนที่เหลอื คือผลลบซึ่งทาได้โดยการใชเ้ สน้ จานวนในการนบั ถอยหลังเพือ่ หาคาตอบ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขั้นนำ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๓๗ ข้ันสอน 184 ขน้ั สรปุ แนวการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กำรวัดและประเมินผล ทบทวนกำรหำผลลบโดยกำรเอำออกและกำรใช้เสน้ จำนวน กำรลบจำนวนสองจำนวนทต่ี ัวตง้ั มำกกวำ่ 10 แต่ไม่เกนิ 20 โดยกำรหำจำนวนที่เพม่ิ เขำ้ มำ แบบฝึกหดั 2.35 ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปวธิ ีหำผลลบโดยกำรหำจำนวนที่เพม่ิ เขำ้ มำ - ประเมนิ จำกกำรทำแบบฝึกหดั 2.35 - ประเมนิ จำกกำรสอื่ สำร และสอ่ื ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๓๗ ชนั้ ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ การดาเนนิ การของจานวน เวลา ๑ ชวั่ โมง 185 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรือ่ ง การบวก การลบจานวนไม่เกิน ๒๐ ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ ข้นั นา กำรลบจำนวนสองจำนวนทีต่ วั ต้งั 1. ภำพตวั กำรต์ ูน มำกกว่ำ 10 แตไ่ ม่เกนิ 20 โดยกำรหำ 1. ทบทวนกำรหำผลลบด้วยกำรเอำออกและกำรใชเ้ สน้ จำนวนในกำรหำคำตอบ โดยครเู ขียนโจทยก์ ำรลบ 2. บตั รภำพ จำนวนทเี่ พิ่มเขำ้ มำ บนกระดำนดำ ดงั น้ี 13 – 2 = 15 – 9 = 18 – 6 = 20 – 7 = จำกนน้ั สุ่ม นกั เรียน 3. แบบฝกึ หัด 2.35 เฉลยคำตอบหน้ำช้ันเรยี นพร้อมบอกวิธกี ำรในกำรหำคำตอบของนักเรยี น (นักเรยี นอำจใชว้ ิธกี ำรวำดภำพ สาระสาคัญ การประเมนิ แทนจำนวนส่งิ ของแล้วแสดงกำรเอำออก หรือกำรใชเ้ ส้นจำนวน) กำรลบโดยกำรหำจำนวนท่เี พิม่ เข้ำ 1. วิธีการ มำทำได้โดยกำรนบั ต่อจำกจำนวนท่ี ข้ันสอน 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมกำรเรยี นรู้ เปน็ ตัวลบไปจนถงึ จำนวนท่เี ป็นตัวตงั้ 1.2 ตรวจแบบฝกึ หดั 2.35 2. ครแู บง่ นกั เรยี นเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน จำกนัน้ แจกบัตรภำพตัวกำรต์ ูนรปู ปลำจำนวนกลุ่มละ 6 ตวั 2. เครื่องมือ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 แบบฝกึ หัด 2.35 ใหส้ มำชกิ ในกลุ่มแจกปลำให้สมำชิกในกลุ่ม จำกน้นั ถำมนกั เรยี นว่ำ “ในกลุ่มมีนักเรียนก่ีคน” (10 คน) 2.2 แบบประเมินทักษะและ ด้านความรู้ กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นสำมำรถหำผลลบ “ในกลุ่มมนี กั เรยี นได้ปลำกี่คน” (6 คน) “ในขณะนส้ี มำชิกในกลุ่มได้ปลำครบทุกคนแล้วหรอื ไม่” 3. เกณฑ์ (ยังไม่ครบ) “หำกครูต้องกำรแจกปลำใหน้ กั เรยี นทุกคน แต่ละกลุ่มจะต้องได้ปลำเพม่ิ อีกกี่ตัว” (4 ตัว) 3.1 ผลงำนมคี วำมถูกต้อง ของจำนวนสองจำนวนทีต่ วั ต้ังมำกกว่ำ ไมน่ ้อยกวำ่ รอ้ ยละ 80 10 แตไ่ ม่เกิน 20 โดยกำรหำจำนวนที่ “นักเรียนทรำบได้อย่ำงไรว่ำต้องได้ปลำเพมิ่ อีกกลมุ่ ละ 4 ตัว” (ยงั ขำดคนทีไ่ มไ่ ด้ปลำอีก 4 คน) หรือหำก 3.2 คะแนนรวมด้ำนทกั ษะและ เพิ่มเข้ำมำ กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ ด้านทกั ษะและกระบวนการทาง นกั เรียนอธิบำยเหตผุ ลไมไ่ ด้ ครแู นะนำเพ่มิ เติมวำ่ ในขณะนี้ใครยงั ไมไ่ ด้ปลำบ้ำง ใหท้ ุกคนนับจำนวน ไมน่ ้อยกวำ่ รอ้ ยละ 60 คณิตศาสตร์ คนที่ยังไมไ่ ด้ปลำ “คนทีไ่ ม่ได้ปลำมี หนึ่ง สอง สำม ส่ี” ครูเขียนประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงกำรลบไดเ้ ปน็ เพื่อใหน้ ักเรียนสำมำรถส่อื สำรและ 10 – 6 = 4 ส่ือควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์ ครูติดบัตรภำพ เตำขนมครก บนกระดำนดำ (ภำพเตำขนมครกขนำด 14 หลมุ และมีกำรหยอดแป้ง ไว้แล้ว 8 หลุม) จำกนั้นถำมนักเรียนว่ำ “เตำขนมครกขนำด 14 หลุม ในรูป มกี ำรหยอดแปง้ ครบทุกหลุม แลว้ หรือไม่” (ยังไม่ครบ) มกี ำรหยอดขนมครกไปแล้วกีห่ ลุม (8 หลมุ )
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๓๗ ชัน้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ การดาเนินการของจานวน เวลา ๑ ชวั่ โมง 186 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง การบวก การลบจานวนไม่เกนิ ๒๐ “หำกครตู ้องกำรหยอดแปง้ ขนมครกให้ครบทุกหลมุ ครูจะต้อง หยอดแปง้ เพ่มิ อีกกห่ี ลุม” (6 หลมุ ) “นักเรยี นทรำบได้อยำ่ งไร ว่ำจะต้องหยอดเพิม่ อีก 6 หลุม” (ยงั มหี ลุมวำ่ งอยู่อกี 6 หลุม) หรอื หำกนกั เรยี นอธบิ ำยเหตผุ ลไมไ่ ด้ ครแู นะนำเพ่ิมเติมว่ำ ในขณะน้ยี ังมหี ลมุ ว่ำงอยู่อีก “หนงึ่ สอง สำม ส่ี หำ้ หก” ครเู ขยี นประโยคสญั ลักษณ์แสดงกำรลบ ได้เปน็ 14 – 8 = 6 ดงั นนั้ 14 – 8 = 6 ครกู ำหนดสถำนกำรณ์ในทำนองเดียวกนั โดยติดบัตรภำพแผงไข่ (จำนวนบรรจุ 12 ฟอง มไี ข่อยู่ 2 ฟอง) บนกระดำนดำ จำกนน้ั ใชก้ ำรถำมตอบ ดังน้ี “จำกภำพแผงไข่นส้ี ำมำรถบรรจุไข่ได้ทง้ั หมดก่ฟี อง” (12 ฟอง) “จำกภำพแผงไข่นีม้ ีไขอ่ ยู่กี่ฟอง” (2 ฟอง) “จำกภำพแผงไข่นส้ี ำมำรถบรรจุไข่ได้เพมิ่ อีกก่ีฟอง” (10 ฟอง) “นกั เรียนทรำบได้อยำ่ งไรวำ่ แผงไข่น้ียังสำมำรถบรรจไุ ด้เพ่มิ อีก 10 ฟอง” (ยังมีชอ่ งวำ่ งเหลืออกี 10 ชอ่ ง) หำกนกั เรียนอธิบำย เหตุผลไม่ได้ ครูแนะนำให้นกั เรยี นนบั จำนวนช่องวำ่ งทีเ่ หลอื อยู่ “หนง่ึ สอง สำม สี่ ห้ำ หก เจด็ แปด เก้ำ สิบ” ครูเขยี นประโยคสัญลักษณแ์ สดงกำรลบ ไดเ้ ปน็ 12 – 2 = ดงั น้ัน 12 – 2 = 10
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๓๗ ช้นั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ การดาเนนิ การของจานวน เวลา ๑ ชวั่ โมง 187 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรือ่ ง การบวก การลบจานวนไม่เกนิ ๒๐ ครสู รปุ วำ่ “กำรหำผลลบจำนวนสองจำนวนท่ตี ัวต้ังมำกกว่ำ 10 แต่ไม่เกนิ 20 สำมำรถหำไดโ้ ดย กำรหำจำนวนท่ีเพิ่มเข้ำมำ” 3. ครูแนะนำเพิ่มเติมว่ำ ในกำรหำผลลบของจำนวนสองจำนวน นักเรียนสำมำรถทำไดโ้ ดยกำรนับต่อจำก จำนวนทเ่ี ป็นตัวลบไปจนถึงตัวตง้ั ได้ เชน่ 14 – 10 = สำมำรถหำผลลบไดโ้ ดย นบั ตอ่ จำก ต110ัว0ลไบปแถลึงว้ 14 1จ1ะไดน1้ บั 2ต่อไ1ป3ถึงต1ัว4ตั้ง 67 89 14 – 10 = 4 ครยู กตัวอยำ่ งอีก 2 ตัวอยำ่ งเพ่ือให้นักเรยี นเข้ำใจวธิ กี ำรนับตอ่ จำกตวั ลบไปถงึ ตัวต้ัง ดังน้ี 12 – 8 = สำมำรถหำผลลบได้โดย นบั ต่อจำก 8 ไปถงึ 12 จะได้ ตัวล8บ แลว้ 9 นับ1ต0อ่ ไป1ถ1งึ ตัว1ต2ัง้ 12 – 8 = 4 19 – 14 = สำมำรถหำผลลบไดโ้ ดย นบั ตอ่ จำก 14 ไปถึง 19 จะได้ ตวั ลบ นับต่อไปถึงตัวต้งั 9 10 11 12 13 14 แลว้ 15 16 17 18 19 19 – 14 = 5
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๓๗ ชัน้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ การดาเนนิ การของจานวน เวลา ๑ ชวั่ โมง 188 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่ือง การบวก การลบจานวนไม่เกนิ ๒๐ ครใู ห้นักเรยี นสังเกตจำนวนเริม่ ตน้ ทีต่ ้องนบั ต่อ โดยถำมว่ำตอ้ งเริม่ ต้นนับจำกจำนวนใด (จำนวนทเี่ ป็นตัว ลบ) จำกน้ันครูใช้เสน้ จำนวนในกำรอธิบำยเพม่ิ เติม ดังนี้ หำผลลบของ 17 – 13 = เริ่มตน้ เขียนเสน้ จำนวน จำก 0 ไปท่ีจำนวนท่ีเปน็ ตวั ลบ (ในทนี่ คี้ อื 13) 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 แลว้ นับต่อจำกตัวลบไป จนถึงตวั ตงั้ (ในทนี่ ี้คอื 17) ได้ 4 ดงั นนั้ 17 – 13 = 4 นับต่อจาก 13 ไปถึง 17 ได้ 4 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ให้นกั เรียนทำแบบฝกึ หดั 2.35 ข้นั สรปุ 4. ครูและนกั เรียนชว่ ยกนั สรุปวธิ ีกำรลบโดยกำรนบั ต่อซ่งึ ทำได้โดยกำรนับต่อจำกจำนวนทเ่ี ปน็ ตัวลบไป จนถึงตวั ตัง้
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขัน้ นำ แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ี่ ๓๘ ข้ันสอน 189 ขน้ั สรุป แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ กำรวัดและประเมนิ ผล ทบทวนการลบด้วยวิธีตา่ งๆ การลบจานวนสองจานวนทตี่ ัวตัง้ มากกวา่ 10 แต่ไมเ่ กนิ 20 โดยการเปรยี บเทยี บ แบบฝึกหดั 2.36 ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ วธิ ีหาผลลบโดยการเปรียบเทยี บ - ประเมินจากการทาแบบฝกึ หัด 2.36 - ประเมนิ จากการสือ่ สาร และสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๓๘ ช้ัน ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน 190 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ เวลำ ๑ ชว่ั โมง ขอบเขตเนือ้ หำ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ข้นั นำ การลบจานวนสองจานวนทต่ี ัวตง้ั 1. บตั รภาพ มากกว่า 10 แต่ไม่เกิน 20 เพอื่ ใชใ้ น 1. ครูทบทวนการหาผลลบ โดยครูเขยี นโจทย์การลบ 3 ขอ้ บนกระดานดังน้ี 1) 19 – 5 = 2. แถบกระดาษแสดงจานวน การเปรียบเทยี บ 2) 18 – 3 = และ 3) 14 – 6 = ให้นกั เรยี นหาผลลบทัง้ สามขอ้ เมอ่ื นักเรียนทุกคนทาเสรจ็ 3. แบบฝึกหัด 2.36 สำระสำคญั ครูส่มุ ตัวแทนนักเรยี นออกมาช่วยกันเฉลยพร้อมท้ังบอกวธิ กี ารหาผลลบในแต่ละข้อ จากนน้ั ครแู ละ กำรประเมนิ การเปรยี บเทยี บจานวนสองจานวน นกั เรียนท่เี หลือตรวจสอบความถูกต้องไดค้ าตอบดังนี้ 1) 19 – 5 = 14 2) 18 – 3 = 15 และ 1. วธิ ีกำร ว่ามากกว่ากันหรือน้อยกวา่ กันเท่าไร 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ทาไดด้ ้วยการลบ โดยจานวนท่ี 3) 14 – 6 = 8 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด 2.36 มากกวา่ เป็นตัวต้ังและจานวนท่ี 2. เครื่องมือ นอ้ ยกวา่ เปน็ ตวั ลบ ขน้ั สอน 2.1 แบบฝกึ หดั 2.36 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ 2. ครูติดบัตรภาพแมวและหนูบนกระดาน จากนนั้ ใชค้ าถามให้นักเรยี นช่วยกนั ตอบดังน้ี กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 3. เกณฑ์ จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ ครถู ามคาถามนกั เรียนดงั ตอ่ ไปน้ี 3.1 ผลงานมคี วามถูกต้อง ในทนี่ ี้มสี ัตวอ์ ยู่กีช่ นิด (2 ชนดิ ) อะไรบ้าง (แมว กบั หนู) ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 ด้ำนควำมรู้ แมวมีจานวนกีต่ ัว (7 ตวั ) หนูมีจานวนกต่ี วั (11 ตวั ) 3.2 คะแนนรวมดา้ นทักษะและ เพ่ือให้นักเรยี นสามารถหาผลลบ จากรปู นักเรียนคิดว่ามีสัตวช์ นดิ ใดมากกวา่ หรือน้อยกว่าอยเู่ ท่าไร (แมวนอ้ ยกวา่ หนู กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 60 โดยการเปรยี บเทยี บ หรือหนมู ากกว่าแมว อยู่ 11 – 7 = 4 ตัว) ดำ้ นทักษะและกระบวนกำรทำง คณติ ศำสตร์ เพ่ือใหน้ กั เรียนสามารถส่ือสารและ ส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400