ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๖ ช้นั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 41 หนว่ ยย่อยที่ ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบ ใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหดั 2.5 ขั้นสรุป 5. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปว่า การวาดรปู เปน็ วิธหี นึง่ ท่ีช่วยในการหาผลบวก เช่น 2 + 3 = สามารถวาดรปู เพื่อชว่ ยในการหาคาตอบได้ดงั น้ี ดังนัน้ 2 + 3 = 5
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขั้นนำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๗ ข้นั สอน 42 ขนั้ สรุป แนวกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ กำรวัดและประเมนิ ผล ทบทวนความสมั พนั ธ์ของจานวนแบบสว่ นยอ่ ย-ส่วนรวมของจานวนไมเ่ กนิ 10 ความสัมพนั ธข์ องจานวนแบบส่วนย่อย-สว่ นรวมกับการบวก แบบฝึกหัด 2.6 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ เก่ยี วกับความสมั พนั ธ์ของจานวนแบบส่วนย่อย-สว่ นรวมกบั การบวก - ประเมินจากการตอบคาถามและการทาแบบฝกึ หดั 2.6 - ประเมนิ จากการสื่อสาร และสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุม่ สำระกำรเรียนรูค้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๗ ช้ัน ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 43 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบ ขอบเขตเนือ้ หา กจิ กรรมกำรเรียนรู้ สอื่ /แหลง่ เรียนรู้ ขั้นนำ ความสมั พันธข์ องจานวนแบบ 1. บตั รภาพ สว่ นย่อย-สว่ นรวมกบั การบวก 1. ครูทบทวนความสัมพันธข์ องจานวนแบบส่วนยอ่ ย-ส่วนรวมของจานวนไมเ่ กนิ 10 ติดภาพสถานการณ์ 2. แบบฝึกหัด 2.6 ให้นกั เรียนบอกส่ิงท่ีทราบจากภาพ และเขยี นความสัมพันธ์ของจานวนแบบส่วนย่อย-สว่ นรวม เชน่ สาระสาคญั การประเมิน มลี ูกโป่ง 7 ลูก เขยี นความสัมพันธ์ของจานวน 1. การบวกเปน็ การนบั รวมจานวน แบบสว่ นยอ่ ย-ส่วนรวมของจานวน 7 ได้ 1. วิธีการ ส่ิงต่างๆ ตั้งแตส่ องกลุ่มขึน้ ไป 1.1 ตรวจแบบฝกึ หดั 3 1.2 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ 2. ความสมั พนั ธแ์ บบสว่ นยอ่ ย – 7 2. เคร่อื งมือ ส่วนรวมของจานวนใดๆ เชน่ 2.1 แบบฝกึ หดั 2.6 5 อาจเขยี นเปน็ 1 กบั 4 หรือ 4 2.2 แบบประเมินทกั ษะและ 2 กับ 3 หรอื 0 กับ 5 และสามารถ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ เขียนเป็นประโยคสญั ลักษณ์การ ครูถามว่าจานวนแต่ละจานวนแสดงปรมิ าณอะไร (จานวน 3 แสดงจานวนลกู โป่งสฟี า้ อ่อน จานวน 4 3. เกณฑ์ บวกได้ 1 + 4 = 5 2 + 3 = 5 และ แสดงจานวนลูกโป่งสฟี า้ เข้ม และจานวน 7 แสดงจานวนลกู โปง่ ทง้ั หมด) 3.1 ผลงานมีความถูกต้อง 0 + 5 = 5 ตามลาดบั ขนั้ สอน ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 80 2. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกยี่ วสถานการณจ์ ากภาพ ใหน้ กั เรียนบอกสง่ิ ที่ทราบจากภาพ เขยี น 3.2 คะแนนรวมด้านทักษะและ จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ ความสมั พนั ธข์ องจานวนแบบสว่ นยอ่ ย-ส่วนรวม และเขียนประโยคสัญลกั ษณ์การบวก กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 ด้ำนควำมรู้ ช้ันบนมหี นังสอื 5 เลม่ เพ่อื ให้นักเรียนสามารถเขียน เขียนความสัมพนั ธข์ องจานวนแบบส่วนยอ่ ย-ส่วนรวมได้ ประโยคสญั ลกั ษณ์การบวกจาก 3 ความสัมพนั ธ์แบบส่วนยอ่ ย–สว่ นรวม 5 ของจานวนใดๆ 2
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี ๗ ช้นั ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 44 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบ ด้ำนทกั ษะและกระบวนกำรทำง ครูถามว่าจานวนแต่ละจานวนแสดงปริมาณอะไร (จานวน 3 แสดงจานวนหนังสือทางซ้าย จานวน 2 คณติ ศำสตร์ แสดงจานวนหนังสอื ทางขวา และจานวน 5 แสดงจานวนหนังสอื ท้ังหมด) เขียนประโยคสัญลกั ษณ์ การบวกได้ 3 + 2 = 5 หรือ 2 + 3 = 5 เพ่อื ใหน้ กั เรียนสามารถส่ือสาร ชนั้ ล่ำงมหี นังสือ 3 เล่ม เขียนความสมั พันธข์ องจานวนแบบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวมได้ และส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ 3 3 0 ครถู ามว่าจานวนแตล่ ะจานวนแสดงปรมิ าณอะไร (จานวน 3 แสดงจานวนหนังสือทางซา้ ย จานวน 0 แสดงจานวนหนงั สอื ทางขวา และจานวน 3 แสดงจานวนหนงั สือทงั้ หมด) เขยี นประโยคสัญลักษณ์ การบวกได้ 3 + 0 = 3 หรอื 0 + 3 = 3 ตู้หนงั สอื น้มี ีหนังสือรวม 8 เล่ม เขยี นความสัมพันธ์ของจานวนแบบสว่ นยอ่ ย-สว่ นรวมได้ 5 8 3 ครถู ามว่าจานวนแตล่ ะจานวนแสดงปรมิ าณอะไร (จานวน 5 แสดงจานวนหนงั สอื ในชั้นบน จานวน 3 แสดงจานวนหนงั สอื ในชัน้ ล่าง และจานวน 8 แสดงจานวนหนังสอื ท้ังหมดในตู้หนังสือ) เขยี นประโยค สญั ลักษณ์การบวกได้ 5 + 3 = 8 หรอื 3 + 5 = 8
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๗ ช้นั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 45 หนว่ ยย่อยท่ี ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบ 3. ครูติดภาพสถานการณ์ ให้นักเรียนบอกสง่ิ ที่ทราบจากภาพ เขียนความสมั พันธข์ องจานวน แบบสว่ นย่อย-ส่วนรวม และเขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์การบวก เช่น (1) (2) จากภาพ (1) จะไดต้ หู้ นังสอื ช้ันบนมีหนังสือ 3 เล่ม ชั้นลา่ งมีหนังสอื 7 เล่ม มีหนังสอื ทั้งหมด 10 เลม่ เขยี นความสมั พนั ธ์ของจานวนแบบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวมได้ 3 10 เขียนประโยคสัญลักษณ์การบวกได้ 3 + 7 = 10 7 หรือ 7 + 3 = 10 จากภาพ (2) มกี ระตา่ ยสขี าว 4 ตวั มกี ระตา่ ยสนี ้าตาล 2 ตวั รวมมีกระต่าย 6 ตัว เขียนความสมั พนั ธ์ ของจานวนแบบส่วนยอ่ ย-ส่วนรวมได้
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ ๗ ชั้น ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 46 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบ 4 เขยี นประโยคสญั ลักษณ์การบวกได้ 4 + 2 = 6 2 6 หรือ 2 + 4 = 6 ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหัด 2.6 ข้ันสรปุ 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่า ความสัมพันธ์แบบส่วนย่อย – ส่วนรวมของจานวนใดๆ เชน่ 5 อาจ เขียนเป็น 1 กับ 4 หรือ 2 กบั 3 หรือ 0 กบั 5 และสามารถเขียนเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การบวกท่ี สอดคลอ้ งกนั ได้ดงั นี้ 1 + 4 = 5 2 + 3 = 5 และ 0 + 5 = 5 ตามลาดบั
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขัน้ นำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๘ ขน้ั สอน 47 ขนั้ สรปุ แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ กำรวัดและประเมินผล การแก้ปัญหาเกย่ี วกบั การบวก การบวกจานวนเดียวกนั แบบฝกึ หดั 2.7 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ เกีย่ วกับการบวกจานวนเดียวกัน - ประเมนิ จากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหัด 2.7 - ประเมนิ จากการส่อื สาร และส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรูค้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๘ ชัน้ ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 48 หนว่ ยย่อยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบ ขอบเขตเนือ้ หา กจิ กรรมกำรเรียนรู้ สือ่ /แหล่งเรียนรู้ ข้ันนำ การบวกจานวนเดยี วกนั 1. กรอบสิบ 1. ครูเขียนจานวน 4 จานวนพรอ้ มลากเสน้ เชอ่ื มระหว่างจานวนบนกระดาน ดังรูป ให้นักเรยี นสังเกต 2. ตวั นับ สาระสาคัญ ความสมั พันธ์ของจานวนทัง้ สี่ 3. บัตรภาพ 4. แบบฝึกหัด 2.7 1. การบวกเปน็ การนบั รวมจานวน 4 สงิ่ ตา่ งๆ ตงั้ แต่สองกลุ่มขึน้ ไป 23 การประเมนิ 2. การรวมกันของจานวนสองจานวน 1 1. วิธกี าร สามารถเขียนเปน็ ประโยค 1.1 ตรวจแบบฝกึ หัด สญั ลักษณก์ ารบวกได้ เชน่ ซึง่ นกั เรียนควรจะตอบได้วา่ จานวนทอี่ ยู่บนเสน้ เดียวกนั รวมกันได้ 5 จากน้นั ครูให้นักเรยี นออกมาเขียน 1.2 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ 2+2=4 จานวนบนกระดานโดยกาหนดวา่ จานวนท่ีอยบู่ นเสน้ เดียวกันรวมกันได้ 8 ซ่งึ จะมีจานวนหลายคู่ทร่ี วมกัน 2. เคร่อื งมือ ได้ 8 เชน่ 1 กับ 7 2 กับ 6 3 กบั 5 4 กับ 4 2.1 แบบฝกึ หัด 2.7 จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ ครจู ัดกจิ กรรมทานองเดียวกันอีก 2 – 3 ครงั้ โดยเปล่ียนผลรวมเปน็ จานวนอื่นๆ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ดำ้ นควำมรู้ 3. เกณฑ์ เพอ่ื ให้นักเรียนสามารถหา 3.1 ผลงานมีความถูกตอ้ ง ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 80 ผลบวกของจานวนเดียวกนั สองจานวน 3.2 คะแนนรวมด้านทกั ษะและ โดยผลบวกไม่เกนิ 10 กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ดำ้ นทักษะและกระบวนกำรทำง ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 60 คณติ ศำสตร์ เพือ่ ใหน้ ักเรยี นสามารถส่ือสาร และสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุม่ สำระกำรเรยี นรูค้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี ๘ ช้ัน ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 49 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบ ขัน้ สอน 2. ครูติดภาพสถานการณ์เกย่ี วกบั การบวกจานวนเดียวกันสองจานวนทีละภาพ เชน่ ครูให้นกั เรยี นสังเกตภาพและบอกส่ิงท่ีเห็นจากภาพ นักเรยี นอาจบอกว่า เห็นจักรยาน 2 คัน ครถู ามต่อวา่ จักรยานแต่ละคนั มลี ้อกี่ลอ้ (2 ลอ้ ) ครูแจกแผน่ กรอบสิบและตวั นบั ให้นกั เรียนวางตัวนับบนกรอบสบิ แสดงจานวนลอ้ ของรถจักรยานแต่ละคนั พรอ้ มเขยี น ประโยคสญั ลักษณก์ ารบวกแสดงจานวนล้อของ จกั รยานทัง้ 2 คนั จะได้ 2+2=4 จัดกิจกรรมทานองเดียวกันอกี 3 – 4 ตัวอย่าง เช่น 1) 1+1=2
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กล่มุ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๘ ช้ัน ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 50 หนว่ ยย่อยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบ 2) 3+3=6 3) 4+4=8 4) 5 + 5 = 10
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๘ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 51 หนว่ ยย่อยท่ี ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบ 3. ครูเขียนโจทย์ปญั หาการบวก เพือ่ ใหน้ ักเรยี นฝึกหาผลบวกโดยการทาใหเ้ ปน็ สองเท่าและใกลเ้ คยี ง สองเทา่ เช่น - 3 + 3 = และ 3 + 4 = จาก 3 + 3 เพ่มิ 1 = 6 เพมิ่ 1 ดังนัน้ 3 + 4 = 7 - 3 + 3 = และ 3 + 5 = จาก 3 + 3 เพิ่ม 2 = 6 เพม่ิ 2 ดังน้นั 3 + 5 = 8 - 5+6= จาก 5 + 5 เพม่ิ 1 = 10 เพมิ่ 1 ดังนั้น 5 + 6 = 11 - 5+4= จาก 5 + 5 ลดลง 1== 10 ลดลง 1 ดังนนั้ 5 + 4 9 จากนั้นครเู ขียนโจทย์การบวกเพมิ่ เติมให้นักเรียนหาผลบวกโดยการทาใหเ้ ป็นสองเทา่ และใกลเ้ คยี ง สองเทา่ เชน่ 2+3= 4+5= 4+3= 5+7= 3+5= ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหดั 2.7
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กล่มุ สำระกำรเรียนรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๘ ชั้น ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 52 หนว่ ยย่อยที่ ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบ ขน้ั สรุป 4. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ว่าจานวนเดยี วกันที่บวกกันและมีผลบวกไม่เกิน 10 ไดแ้ ก่ 1 + 1 = 2 2 + 2 = 4 3 + 3 = 6 4 + 4 = 8 และ 5 + 5 = 10
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขัน้ นำ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๙ ข้ันสอน 53 ขน้ั สรปุ แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ กำรวัดและประเมินผล ทบทวนการเขียนความสัมพันธแ์ บบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวม และการเขียนประโยคสัญลกั ษณก์ ารบวก การสลบั ท่ีของการบวก แบบฝึกหัด 2.8 ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ เก่ียวกบั การสลับทขี่ องการบวก - ประเมนิ จากการตอบคาถามและการทาแบบฝกึ หดั 2.8 - ประเมินจากการสอ่ื สาร และสื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๙ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 54 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ข้ันนำ 1. บตั รภาพ การสลับท่ขี องการบวก 2. ตัวนบั 1. ครูติดภาพสถานการณก์ ารบวก ให้นกั เรียนบอกสง่ิ ทีท่ ราบจากภาพ พร้อมเขยี นความสัมพนั ธแ์ บบ 3. กรอบสิบ สาระสาคัญ ส่วนย่อย – สว่ นรวมและเขียนประโยคสัญลักษณ์การบวกทสี่ อดคล้องกบั ภาพ เช่น 4. แบบฝกึ หดั 2.8 การบวกจานวนสองจานวน เมอ่ื - จากภาพ มีปลาทอง 3 ตวั มีปลาเงิน 2 ตัว การประเมิน สลับท่กี ันผลบวกยงั คงเท่ากนั รวมมีปลาท้งั หมด 5 ตวั 1. วธิ ีการ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ - เขยี นความสมั พันธ์แบบสว่ นย่อย – ส่วนรวมของ 1.1 ตรวจแบบฝกึ หดั และใบกิจกรรม จานวนได้ 1.2 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ดำ้ นควำมรู้ 2. เครือ่ งมือ เพือ่ ให้นักเรียนสามารถหาผลบวก 2 2.1 แบบฝึกหัด 2.8 5 2.2 แบบประเมินทักษะและ ของจานวนสองจานวนท่ผี ลบวกเป็น กระบวนการทางคณิตศาสตร์ 10 โดยใช้ความร้เู รอ่ื งการสลับท่ีของ 3 3. เกณฑ์ การบวก 3.1 ผลงานมีความถูกต้อง ด้ำนทักษะและกระบวนกำรทำง - เขียนเปน็ ประโยคสัญลักษณก์ ารบวกได้ 2 + 3 = 5 ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 คณิตศำสตร์ หรือ 3 + 2 = 5 3.2 คะแนนรวมดา้ นทกั ษะและ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ เพอ่ื ให้นกั เรียนสามารถสื่อสาร - ครูถามว่าจานวน 3 แทนจานวนอะไร ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 และสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ (จานวนปลาทอง) จานวน 2 แทนจานวนอะไร (จานวนปลาเงนิ ) จานวน 5 แทนจานวนอะไร (จานวนปลาทัง้ หมด)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๙ ชัน้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 55 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรือ่ ง กำรบวก กำรลบ ข้นั สอน 2. ครตู ดิ กรอบสิบบนกระดาน ใหน้ ักเรียนเขยี นประโยคสัญลักษณ์การบวกทส่ี อดคล้องกบั จานวนที่ ปรากฎในกรอบสิบ จะได้ 3 + 7 = 10 หรือ 7 + 3 = 10 ครถู ามว่า 3 แทนจานวนของอะไร (จานวนตวั นับสีดา) 7 แทนจานวนของอะไร (1) (จานวนตวั นับสนี ้าเงิน) จะได้ 2 + 5 = 7 หรือ 5 + 2 = 7 ครถู ามวา่ 2 แทนจานวนของอะไร (จานวนตวั นับสีดา) 5 แทนจานวนของอะไร (2) (จานวนตัวนับสนี ้าเงิน) ครใู หน้ ักเรยี นสังเกตคาตอบของเพื่อนบนกระดาน พร้อมถามว่าทาไมแต่ละข้อจึงมี 2 คาตอบ ซ่ึงนกั เรียนอาจสงั เกตได้วา่ เน่ืองจากเปน็ 3 + 7 = 10 และ 7 + 3 = 10 มผี ลบวกเทา่ กันและตวั เลข ชดุ เดียวกัน จากน้นั ครูถามนักเรยี นว่า “ผลบวกของประโยคสัญลกั ษณ์การบวกแต่ละค่เู ท่ากันหรือไม่” (เท่ากนั ) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายจนได้ข้อสรุปว่า กำรบวกจำนวนสองจำนวน เมื่อสลับทกี่ ัน ผลบวกยงั คงเทำ่ กัน จากนั้นครเู ขยี นสรปุ ดงั นี้ จาก 3 + 7 = 10 และ 7 + 3 = 10
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๙ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 56 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบ ดงั น้นั 3 + 7 = 7 + 3 บนกระดาน จาก 2 + 5 = 7 และ 5 + 2 = 7 ดงั น้นั 2 + 5 = 5 + 2 3. ครูเขียนโจทย์ จากน้ันสมุ่ นกั เรียนเตมิ จานวนใน 1) 4 + 7 = 7 + 2) 7 + = 5 +7 3) 6 + 2 = 2 + 4) + 8 = 8 + 1 4. ครูเขียนโจทยก์ ารบวกบนกระดาน ให้นักเรียนหาผลบวก ดงั น้ี 1) 3 + 6 = ใหต้ วั แทนนกั เรียนบอกผลบวก พร้อมวิธหี าผลบวก ซ่ึงจะไดว้ ่ามอี ยู่ 3 นับต่อ จาก 3 ไปอกี 6 ได้ 9 ครถู ามวา่ “มใี ครหาผลบวกโดยใช้วธิ ีทแ่ี ตกตา่ งจากนี้” ใหต้ ัวแทนนกั เรยี นบอก วิธหี าผลบวก (มีอยู่ 6 นับตอ่ จาก 6 อกี 3 ได้ 9) ครอู ธบิ ายวา่ “เราทราบว่าการบวกจานวนสองจานวน เมือ่ สลับทีก่ นั ผลบวกยังคงเท่ากัน ดังนนั้ เราสามารถหาผลบวกของ 3 + 6 ไดโ้ ดยหาผลบวกของ 6 + 3 ซ่งึ ได้ผลบวกเปน็ 9 เทา่ กนั ” ครูยกตวั อย่างเพิ่มอีก 1 ตัวอย่าง เชน่ 2 + 8 = จากน้ันใหน้ กั เรียนทา แบบฝึกหัด 2.8 ขนั้ สรปุ 5. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปวา่ การบวกจานวนสองจานวน เมื่อสลบั ทกี่ นั ผลบวกยงั คงเทา่ กนั
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขั้นนำ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๑๐ ข้ันสอน 57 ข้ันสรุป แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ กำรวดั และประเมนิ ผล ทบทวนความสมั พนั ธ์แบบส่วนย่อย-ส่วนรวมของจานวน 10 โดยใชเ้ กม การบวกท่ีผลบวกเป็น 10 ใบกิจกรรม 2.3 แบบฝึกหัด 2.9 ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปเกยี่ วกับการบวกท่ีผลบวกเปน็ 10 - ประเมนิ จากการตอบคาถามและการทาใบกจิ กรรม 2.3 และแบบฝกึ หัด 2.9 - ประเมินจากการสอื่ สาร และสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๑๐ ชัน้ ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 58 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบ ขอบเขตเน้อื หา กจิ กรรมกำรเรียนรู้ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ ขนั้ นำ การบวกทผ่ี ลบวกเปน็ 10 1. ตวั นับ 1. ครทู บทวนความสมั พนั ธ์แบบสว่ นยอ่ ย-ส่วนรวมของจานวน 10 โดยใช้เกมหยิบสิบแจกกระดาษขนาด 2. กระดาษขนาดเลก็ สาระสาคญั เลก็ ใหน้ กั เรยี นคนละ 11 ใบ ให้นักเรยี นเขียนตัวเลขฮนิ ดูอารบิก 0 ถึง 10 ลงในกระดาษทีละตัวจนครบ 3. บตั รตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก 0 ถงึ 10 4. กรอบสบิ การบวกเปน็ การนบั รวมจานวนส่งิ จากนัน้ ครูแนะนาวิธีเล่นเกมหยิบสบิ โดยกล่าววา่ ในมือครมู ีบัตรตัวเลขฮินดูอารบิก 0 ถึง 10 เช่นกนั 5. ใบกจิ กรรม 2.3 ตา่ งๆ ตัง้ แต่สองกลุม่ ขึ้นไป 6. แบบฝกึ หดั 2.9 ถา้ ครสู ุม่ หยบิ ได้ตัวเลข 6 ให้นักเรยี นทกุ คนชบู ัตรตัวเลขท่ีรวมกบั 6 แลว้ ได้ 10 นนั่ คอื บัตรตัวเลข 4 จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ การประเมิน ครูสมุ่ หยบิ บตั รตัวเลขทีละใบจนครบทุกใบ ครูถามนักเรยี นวา่ จานวนสองจานวนท่รี วมกันแล้วได้ 10 ดำ้ นควำมรู้ 1. วิธกี าร เพือ่ ให้นักเรยี นสามารถหาผลบวก มอี ะไรบ้าง (0 กับ 10 1 กับ 9 2 กับ 8 3 กบั 7 4 กับ 6 5 กบั 5) ครเู ขียนความสัมพนั ธ์ 1.1 ตรวจแบบฝกึ หดั และใบกิจกรรม 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ของจานวนสองจานวนทีผ่ ลบวกเป็น แบบส่วนย่อย-ส่วนรวมของจานวน 10 บนกระดานให้ครบทุกกรณี ดงั นี้ 2. เคร่อื งมือ 10 2.1 ใบกิจกรรม 1.3 ดำ้ นทักษะและกระบวนกำรทำง 2.2 แบบฝึกหัด 1.9 คณิตศำสตร์ 2.3 แบบประเมินทกั ษะและ เพอื่ ให้นักเรยี นสามารถสื่อสารและ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ สอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑๐ ชัน้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 59 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบ ขนั้ สอน 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมคี วามถูกตอ้ ง 2. ครูแจกใบกิจกรรม 1.3 แผ่นกรอบสิบ ตัวนบั จานวนอย่างน้อย 20 ตัว (สลี ะ 10 ตวั ) และบตั รตัวเลข ไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ฮนิ ดูอารบิก 0 ถงึ 10 ให้นักเรยี นคลู่ ะ 1 ชดุ ให้นกั เรยี นคนแรกสุ่มบตั รตวั เลขฮินดูอารบิก 0 ถงึ 10 3.2 คะแนนรวมด้านทกั ษะและ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ มา 1 ใบ ถา้ หยิบได้ 3 ใหว้ างตัวนับ 3 ตวั ลงในกรอบสบิ จากนั้นให้นกั เรียนอกี คนหน่ึงวางตัวนับใหค้ รบ ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 60 10 น่นั คอื ต้องวางตัวนบั อกี 7 ตัว แลว้ ใหแ้ ตล่ ะคนเขยี นประโยคสัญลกั ษณก์ ารบวกในใบกจิ กรรม 1.3 เช่น 3 + 7 = 10 8 + 2 = 10 3. ครูเขยี นโจทยก์ ารบวกและตดิ บัตรกรอบสิบบนกระดาน ให้นกั เรยี นแรเงาแสดงจานวนในกรอบสบิ เพ่ือ หาจานวนที่หายไป เชน่ 1) + 5 = 10 ดังนนั้ 5 + 5 = 10
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี ๑๐ ชนั้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 60 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบ 2) 6 + = 10 ดังนั้น 6 + 4 = 10 ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด 2.9 ข้ันสรุป 4. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปว่า จานวนสองจานวนท่ีบวกกันได้ 10 ไดแ้ ก่ 9 + 1 = 10 8 + 2 = 10 7 + 3 = 10 6 + 4 = 10 และ 5 + 5 = 10
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขัน้ นำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๑๑ ข้ันสอน 61 ขน้ั สรุป แนวกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ กำรวัดและประเมินผล ทบทวนการเขียนความสัมพันธแ์ บบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวมท่ีสอดคล้องกบั สถานการณก์ ารบวก สถานการณก์ ารบวก แบบฝกึ หัด 2.10 ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั สถานการณก์ ารบวก - ประเมนิ จากการตอบคาถามและการทาแบบฝกึ หัด 2.10 - ประเมนิ จากการสอ่ื สารและสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๑๑ ชั้น ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 62 หนว่ ยย่อยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบ สอื่ /แหล่งเรียนรู้ ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ขนั้ นำ 1. บตั รภาพ สถานการณ์การบวก 2. แบบฝึกหดั 2.10 1. ครทู บทวนการเขยี นความสมั พันธแ์ บบสว่ นยอ่ ย – ส่วนรวมทสี่ อดคล้องกบั สถานการณ์การบวก สาระสาคัญ การประเมิน โดยตดิ ภาพสถานการณก์ ารบวก ให้นักเรยี นบอกสิ่งทเี่ หน็ จากภาพ พร้อมเขียนความสัมพันธ์ สถานการณก์ ารบวกเปน็ เร่ืองราวท่ี 1. วธิ กี าร แสดงใหเ้ ห็นการนาจานวนมารวมกัน แบบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวมทส่ี อดคล้องกบั ภาพ เช่น 1.1 ตรวจแบบฝึกหัดและใบกิจกรรม 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ - จากภาพ มลี ูกโปง่ สีขาว 3 ลกู มีลูกโป่งสีฟา้ 4 ลูก มลี กู โป่งทัง้ หมด 7 ลูก 7 2. เครื่องมือ 2.1 แบบฝึกหัด 2.10 ดำ้ นควำมรู้ - เขียนความสัมพนั ธ์แบบส่วนย่อย – ส่วนรวมของจานวนได้ 4 2.2 แบบประเมินทักษะและ เพือ่ ใหน้ กั เรยี นสามารถบอก กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 3 3. เกณฑ์ สถานการณ์การบวกจากภาพท่ี 3.1 ผลงานมีความถูกตอ้ ง - ครถู ามวา่ 3 แทนจานวนของอะไร (จานวนลกู โปง่ สีขาว) 4 แทนจานวนของอะไร ไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 80 กาหนดให้ 3.2 คะแนนรวมด้านทักษะและ (จานวนลกู โป่งสีฟา้ ) 7 แทนจานวนของอะไร (ลูกโป่งท้งั หมด) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ด้ำนทกั ษะและกระบวนกำรทำง ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 60 คณิตศำสตร์ ขน้ั สอน เพอ่ื ให้นักเรียนสามารถสื่อสารและ 2. ครูติดภาพสถานการณก์ ารบวก ใหน้ กั เรยี นเลา่ สถานการณก์ ารบวกทสี่ อดคล้องกับภาพ พร้อมเขยี น ความสัมพนั ธ์แบบสว่ นยอ่ ย – ส่วนรวม เช่น สื่อความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๑๑ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 63 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบ 4 7 3 - สถานการณ์การบวก “เปด็ วา่ ยนา้ ในบอ่ 4 ตวั มีเปด็ กาลังเดินมาอกี 3 ตวั มีเปด็ ท้ังหมด 7 ตวั ” - ครูถามว่า 4 แทนจานวนของอะไร (จานวนเปด็ ที่ว่ายนาในบอ่ ) 3 แทนจานวนของอะไร (จานวนเปด็ ทกี่ าลังเดินมาทบ่ี ่อนา) 7 แทนจานวนของอะไร (จานวนเปด็ ทังหมด) จัดกจิ กรรมทานองเดยี วกนั อีก 2 ตวั อยา่ ง 1) 8 10 2 - สถานการณ์การบวก“มหี นังสือในช้นั 8 เลม่ หยิบหนงั สือใสต่ ู้อกี 2 เลม่ มหี นังสือทง้ั หมด 10เลม่ ” - ครูถามว่า 8 แทนจานวนของอะไร (จานวนหนงั สอื ท่ีอยู่ในชัน) 2 แทนจานวนของอะไร (จานวนหนังสือท่กี าลังหยิบใส่ชัน) 10 แทนจานวนของอะไร (จานวนหนงั สอื ทังหมด)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑๑ ช้นั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 64 หนว่ ยย่อยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบ 2) 6 7 1 - สถานการณ์การบวก “มีเกา้ อี้ 6 ตัว ยกเก้าอี้มาเพม่ิ 1 ตวั มีเกา้ อี้ท้ังหมด 7 ตัว” - ครูถามว่า 6 แทนจานวนของอะไร (จานวนเกา้ อีท้ ี่มีอยู่เดิม) 1 แทนจานวนของอะไร (จานวนเกา้ อี้ทีย่ กมาเพิม่ ) 7 แทนจานวนของอะไร (จานวนเก้าอ้ที ้ังหมด) 3. ครูติดภาพสถานการณ์ เขียนสถานการณ์ ใหน้ ักเรียนอ่านสถานการณ์ แล้วบอกวา่ สถานการณใ์ ด เปน็ สถานการณ์การบวก พรอ้ มเขยี นความสัมพันธแ์ บบส่วนย่อย – ส่วนรวมที่สอดคลอ้ งกับสถานการณ์ สถำนกำรณ์ 1) ในถุงมีมะมว่ ง 4 ผล หยิบใส่เพ่ิม 4 ผล มมี ะม่วงทัง้ หมด 8 ผล 2) ในถงุ มีมะม่วง 8 ผล หยบิ ออกไป 4 ผล เหลอื มะมว่ งในถุง 4 ผล
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๑๑ ชน้ั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 65 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบ สถำนกำรณ์ 1) มกี ระต่าย 6 ตวั กระโดดหนไี ป 2 ตวั เหลอื กระตา่ ย 4 ตัว 2) มีกระตา่ ยสขี าว 4 ตวั มกี ระตา่ ยสนี า้ ตาล 2 ตวั มกี ระต่ายรวม 6 ตัว ใหน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หัด 2.10 ขั้นสรปุ 4. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปว่าสถานการณ์การบวกเปน็ เรอ่ื งราวที่แสดงให้เหน็ การนาจานวนมารวมกัน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขั้นนำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ ขัน้ สอน 66 ขั้นสรปุ แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ กำรวัดและประเมนิ ผล ทบทวนเก่ียวกับสถานการณก์ ารบวก การวเิ คราะหโ์ จทย์ปัญหาการบวกและหาคาตอบ แบบฝกึ หัด 2.11 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เกยี่ วกบั การแกโ้ จทย์ปญั หาการบวก - ประเมนิ จากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหดั 2.11 - ประเมินจากการแกป้ ญั หา สอ่ื สารและสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๑๒ ชนั้ ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 67 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบ ขอบเขตเน้ือหา กิจกรรมกำรเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ ข้นั นำ การวิเคราะห์โจทย์ปญั หาการบวก 1. บัตรภาพ และหาคาตอบ 1. ครตู ดิ ภาพสถานการณ์การบวก ให้นักเรียนบอกสิ่งท่ีทราบจากภาพ เขียนความสัมพันธแ์ บบส่วนย่อย 2. แบบฝึกหดั 2.11 – สว่ นรวมท่สี อดคล้องกบั ภาพ พร้อมเล่าสถานการณ์การบวกใหเ้ พื่อนฟัง เชน่ สาระสาคญั การประเมนิ 5 การแก้ปญั หาทาได้โดยอ่านทา 7 1. วิธกี าร ความเข้าใจปัญหา วางแผนวธิ คี ิด 1.1 ตรวจแบบฝึกหัดและใบกิจกรรม หาคาตอบ และตรวจสอบคาตอบ 2 1.2 สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ 2. เคร่อื งมือ จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ จากภาพ มมี ะม่วงดบิ 5 ผล มมี ะม่วงสกุ 2 ผล มีมะม่วงทั้งหมด 7 ผล 2.1 แบบฝึกหดั 2.11 ครูถามว่า 5 แทนจานวนของอะไร (จานวนมะม่วงดบิ ) 2 แทนจานวนของอะไร (จานวนมะม่วงสุก) 2.2 แบบประเมนิ ทักษะและ ดำ้ นควำมรู้ 7 แทนจานวนของอะไร (จานวนมะม่วงทั้งหมด) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ เพ่ือใหน้ ักเรยี นสามารถวเิ คราะห์ 3. เกณฑ์ สถานการณ์การบวก เชน่ “แมเ่ กบ็ มะม่วงดบิ มา 5 ผล เก็บมะม่วงสุก 2 ผล แม่เก็บมะมว่ งมา 3.1 ผลงานมีความถูกต้อง และหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการ ทั้งหมด 7 ผล” ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 บวกท่ีผลบวกไม่เกิน 10 3.2 คะแนนรวมด้านทักษะและ ดำ้ นทกั ษะและกระบวนกำรทำง ขั้นสอน กระบวนการทางคณิตศาสตร์ คณิตศำสตร์ ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 60 2. ครกู าหนดโจทยป์ ัญหาการบวก “สมชายปลกู คะน้าไว้ 7 ต้น ปลูกเพม่ิ อีก 3 ตน้ สมชายปลูกคะน้า เพ่ือใหน้ กั เรยี นสามารถ ท้งั หมดกี่ต้น” ครูอ่านโจทย์แล้วใหน้ กั เรยี นอา่ นตามพร้อมกนั และครตู ิดบตั รภาพสถานการณบ์ นกระดาน 1. แก้ปัญหา 2. สื่อสารและส่ือความหมายทาง คณิตศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ่ี ๑๒ ชั้น ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 68 หนว่ ยย่อยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบ จากนั้นครถู ามคาถามเพื่อวเิ คราะห์โจทยแ์ ละนาไปสู่การหาคาตอบ เช่น - โจทย์ถามอะไร (สมชายปลกู คะน้าท้งั หมดกี่ต้น) - โจทยบ์ อกอะไรบา้ ง (สมชายปลูกคะนา้ ไว้ 7 ต้น ปลูกเพ่ิมอกี 3 ตน้ ) - สมชายจะปลูกต้นคะนา้ ทั้งหมดไดม้ ากกวา่ หรอื น้อยกว่า 7 ต้น (มากกวา่ ) เพราะเหตุใด (เพราะเดิมสมชายปลกู ไวแ้ ลว้ 7 ตน้ และปลกู เพิ่มอีก) - หาจานวนคะน้าทงั้ หมดได้โดยวธิ ใี ด (วิธบี วก) ครแู นะนาการเขยี นเป็นประโยคสญั ลักษณ์การบวก ได้ 7 + 3 = จากนน้ั ครูถามวา่ สมชาย ปลกู คะน้าทั้งหมดก่ีตน้ ” (10 ต้น) ครเู ขียนประโยคสญั ลักษณแ์ สดงการบวกจะได้ 7 + 3 = 10 ครถู ามว่า “10 เป็นคาตอบที่สมเหตสุ มผลหรือไม่ เพราะเหตใุ ด” (สมเหตสุ มผล เพราะเม่ือสมชายปลกู คะนา้ เพม่ิ อกี 3 ตน้ ทาให้สมชายปลกู คะน้ามากกวา่ 7 ตน้ ) 3. ครกู าหนดโจทยป์ ญั หาการบวกเพ่ิม “แมม่ ีขนมเทยี น 3 หอ่ ซื้อเพิ่มอีก 6 ห่อ แมม่ ขี นมเทียนทงั้ หมด ก่หี ่อ” ครูอ่านโจทยแ์ ล้วใหน้ ักเรยี นอ่านตามพร้อมกนั ครตู ิดบัตรภาพขนมเทยี นทีละภาพบนกระดาน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ่ี ๑๒ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 69 หนว่ ยย่อยท่ี ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบ จากนน้ั ครูถามคาถามเพอ่ื วิเคราะห์โจทย์และนาไปสู่การหาคาตอบ เชน่ - โจทย์ถามอะไร (แม่มีขนมเทยี นทั้งหมดกห่ี ่อ) - โจทย์บอกอะไรบ้าง (แมม่ ีขนมเทียน 3 ห่อ ซือ้ เพิ่มอีก 6 ห่อ) - แมม่ ขี นมเทียนท้ังหมดมากกวา่ หรือน้อยกวา่ 3 ห่อ (มากกว่า) เพราะเหตุใด (เพราะเดมิ แม่มี ขนมเทยี นอย่แู ล้ว 3 หอ่ และซอ้ื มาเพม่ิ อีก) - หาจานวนขนมเทียนท้ังหมดไดโ้ ดยวธิ ีใด (วิธีบวก) ครูแนะนาการเขยี นเป็นประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวก ได้ 3 + 6 = จากนนั้ ครถู ามว่า “แมม่ ีขนมเทยี นทัง้ หมดกีห่ อ่ ” (9 หอ่ ) พร้อมเขยี นเป็นประโยคสัญลกั ษณ์การบวกจะได้ 3 + 6 = 9 ครูถามว่า “9 เปน็ คาตอบที่สมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะเหตุใด” (สมเหตุสมผล เพราะเมื่อซื้อขนมเทยี น เพ่มิ อีก 6 หอ่ ทาให้แม่มขี นมเทียนมากกวา่ 6 หอ่ ) 4. ครูเขียนโจทยป์ ัญหาการบวกเพมิ่ อีก 2 ตัวอย่าง พร้อมติดบตั รภาพสถานการณบ์ นกระดาน ให้ นกั เรยี นชว่ ยกันบอกสงิ่ ท่ีโจทย์ถาม สิ่งที่โจทยบ์ อก เขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์ พร้อมหาคาตอบ เชน่ 1) พ่อซอื้ นา้ แดงมา 3 แก้ว ซอ้ื นา้ สม้ มา 6 แก้ว พอ่ ซ้ือนา้ มาท้งั หมดก่แี กว้ โจทยถ์ าม พ่อซ้ือน้ามาท้งั หมดกี่แก้ว โจทยบ์ อก พ่อซ้ือนา้ แดงมา 3 แก้ว ซ้อื น้าส้มมา 6 แกว้ ประโยคสญั ลักษณ์ 3+6= ตอบ พ่อซอ้ื น้ามาทัง้ หมด ๙ แกว้
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑๒ ชัน้ ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 70 หนว่ ยย่อยที่ ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบ 2) มเี ด็กผ้หู ญิงเลน่ ในสนามเดก็ เล่น 5 คน มีเด็กผชู้ ายเล่นอยใู่ นสนามเด็กเลน่ อยู่ 2 คน มีเด็กเลน่ ใน สนามเด็กเลน่ ทง้ั หมดกีค่ น โจทย์ถาม มีเด็กเลน่ ในสนามเด็กเล่นทง้ั หมดก่คี น โจทย์บอก มีเด็กผหู้ ญิงเลน่ ในสนามเด็กเลน่ 5 คน มเี ด็กผู้ชายเลน่ อยูใ่ นสนามเด็กเล่นอยู่ 2 คน ประโยคสญั ลกั ษณ์ 5+2= ตอบ มีเด็กเล่นในสนามเด็กเล่นทัง้ หมด ๗ คน ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหดั 2.11 ขนั้ สรุป 5. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปวา่ การแกป้ ญั หาทาได้โดยอา่ นทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนวิธคี ิด หาคาตอบ และตรวจสอบคาตอบ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขั้นนำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๑๓ 71 ข้นั สอน แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ ขน้ั สรุป กำรวดั และประเมินผล ทบทวนการวเิ คราะหโ์ จทยป์ ัญหาการบวก และหาคาตอบ การแสดงวธิ หี าคาตอบจากโจทย์ปญั หาการบวก แบบฝึกหดั 2.12 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเกย่ี วกบั แก้โจทยป์ ญั หาการบวก - ประเมินจากการตอบคาถามและการทาแบบฝกึ หัด 2.12 - ประเมนิ จากการแก้ปญั หา ส่ือสารและสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑๓ ช้นั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 72 หนว่ ยย่อยท่ี ๒.๑ เรือ่ ง กำรบวก กำรลบ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมกำรเรียนรู้ ขั้นนำ 1. บัตรภาพ การแสดงวิธีหาคาตอบจากโจทย์ 2. ตวั นบั ปัญหาการบวก 1. ครทู บทวนการวเิ คราะหโ์ จทย์ปญั หาการบวก โดยกาหนดโจทย์ปัญหาการบวก “มนี กอย่ใู นรงั 4 ตัว 3. แบบฝึกหดั 2.12 สาระสาคญั บนิ มาเพิ่ม 2 ตัว มนี กท้ังหมดกี่ตวั ” ครอู า่ นโจทย์แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านตามพร้อมกัน ครูติดบัตรภาพ การประเมนิ การแก้ปัญหาทาได้โดยอ่านทาความ สถานการณบ์ นกระดาน 1. วิธกี าร เขา้ ใจปัญหา วางแผนวธิ คี ดิ 1.1 ตรวจแบบฝึกหัดและใบกิจกรรม หาคาตอบ และตรวจสอบคาตอบ 1.2 สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ 2. เคร่อื งมือ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ จากนั้นครูถามคาถามเพื่อวเิ คราะหโ์ จทย์และนาไปสู่การหาคาตอบ เชน่ 2.1 แบบฝกึ หดั 2.12 - โจทยถ์ ามอะไร (มีนกทั้งหมดก่ีตวั ) 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ ด้ำนควำมรู้ - โจทยบ์ อกอะไรบ้าง (มีนกอยู่ในรัง 4 ตวั บนิ มาเพ่ิม 2 ตัว) กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ เพือ่ ใหน้ กั เรยี นสามารถแสดงวธิ ีหา - จานวนนกท้ังหมดมากกวา่ หรือนอ้ ยกว่า 4 ตัว (มากกว่า) เพราะเหตุใด (เพราะเดมิ มีนกอยู่ 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีความถูกตอ้ ง คาตอบของโจทย์ปญั หาการบวก แลว้ 4 ตัว และบนิ มาเพิ่มอีก) ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 - หาจานวนนกทงั้ หมดได้โดยวิธีใด (วิธีบวก) 3.2 คะแนนรวมด้านทกั ษะและ ทผ่ี ลบวกไมเ่ กิน 10 - เขยี นเปน็ ประโยคสัญลกั ษณ์ ได้อย่างไร (4 + 2 = ) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ดำ้ นทกั ษะและกระบวนกำรทำง - ดงั น้นั มีนกทงั้ หมดก่ตี วั (6 ตวั ) ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 60 คณติ ศำสตร์ - 6 เป็นคาตอบที่สมเหตสุ มผลหรือไม่” (สมเหตุสมผล เพราะ 6 มากกวา่ 4) เพอื่ ใหน้ ักเรยี นสามารถ 1. แก้ปญั หา 2. สื่อสารและสอ่ื ความหมาย ทางคณิตศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๑๓ ชน้ั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 73 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบ ขั้นสอน 2. ครูกาหนดโจทย์ปัญหาการบวก “ฝนมีปลาเงินอยู่ 4 ตวั มีปลาทอง 5 ตวั ฝนมีปลาทงั้ หมดก่ตี วั ” ให้นกั เรยี นช่วยกันอ่านโจทย์ ครูใช้คาถามเพ่ือฝกึ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วิเคราะหโ์ จทย์ ดังนี้ - โจทย์ถามอะไร (ฝนมีปลาทงั้ หมดก่ีตัว) - โจทย์บอกอะไรบ้าง (ฝนมีปลาเงนิ 4 ตวั มปี ลาทอง 5 ตวั ) - ฝนมีปลาท้งั หมดมากกว่าหรอื น้อยกวา่ 4 ตวั เพราะเหตใุ ด (มากกวา่ เพราะมปี ลาเงนิ อยแู่ ล้ว 4 ตวั และมีปลาทองอีก 5 ตวั ) ให้นกั เรยี นจดั ตัวนับหรือวาดภาพเพ่ือชว่ ยในการหาคาตอบ จากนั้นครูเขยี นภาพประกอบคาอธิบายบน กระดาน ดงั น้ี ปลาเงนิ 4 ตวั ปลาทอง 5 ตัว ปลาทงั้ หมด จากนัน้ ครูถามคาถามว่า - หาจานวนปลาท้งั หมดโดยวิธใี ด (วิธบี วก) - เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ ได้อยา่ งไร (4 + 5 = ) - ฝนมีปลาท้ังหมดก่ตี ัว (9 ตัว) - 9 เปน็ คาตอบทส่ี มเหตสุ มผลหรอื ไม่ (สมเหตุสมผล เพราะ 9 มากกวา่ 4) 3. ครกู าหนดโจทยป์ ัญหาการบวก “ยา่ ปลูกดอกไม้ได้ 7 ต้น คณี ชว่ ยปลูกอกี 2 ตน้ ยา่ กับคีณปลกู ดอกไม้ รวมกันทั้งหมดกีต่ น้ ” ให้นักเรียนช่วยกันอา่ นโจทย์ ครใู ชค้ าถามเพอ่ื ฝกึ ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันวิเคราะหโ์ จทย์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรูค้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๑๓ ชัน้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 74 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบ ดงั น้ี - โจทย์ถามอะไร (ย่ากับคีณปลูกดอกไมร้ วมกันทั้งหมดกี่ตน้ ) - โจทยบ์ อกอะไรบา้ ง (ย่าปลูกดอกไม้ได้ 7 ต้น คณี ช่วยปลูกอีก 2 ตน้ ) - ยา่ และคีณปลูกดอกไม้รวมท้ังหมดมากกวา่ หรอื น้อยกว่า 7 ต้น เพราะเหตุใด (มากกว่า เพราะย่าปลูกไว้แล้ว 7 ตน้ และคณี ชว่ ยปลกู อีก 2 ตน้ ) ใหน้ กั เรยี นจัดตัวนับหรอื วาดภาพเพ่ือชว่ ยในการหาคาตอบ จากน้ันครเู ขยี นภาพประกอบคาอธบิ าย บนกระดาน ดังน้ี ยา่ ปลกู ดอกไม้ได้ 7 ตน้ คณี ชว่ ยปลูกอกี 2 ต้น ดอกไม้ทปี่ ลกู ไดท้ ้ังหมด จากนัน้ ครถู ามคาถามว่า - หาจานวนดอกไม้ทง้ั หมดโดยวธิ ใี ด (วิธีบวก) - เขียนเป็นประโยคสัญลกั ษณ์ ไดอ้ ย่างไร (7 + 2 = ) - ยา่ กับคณี ปลกู ดอกไมร้ วมกนั ทง้ั หมด (9 ตน้ ) - 9 เปน็ คาตอบที่สมเหตสุ มผลหรือไม่ (สมเหตสุ มผล เพราะ 9 มากกวา่ 7) 4. ครูกาหนดโจทยป์ ัญหาการบวก “นอ้ งมลี ูกปดั 3 เมด็ พ่ีมีลูกปัดมากกวา่ น้อง 5 เม็ด พม่ี ีลกู ปัดกี่เมด็ ” ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั วิเคราะหโ์ จทยด์ งั น้ี
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๑๓ ชนั้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 75 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบ - โจทย์ถามอะไร (พ่ีมีลูกปดั กี่เม็ด ) - โจทยบ์ อกอะไรบ้าง (นอ้ งมลี ูกปดั 3 เม็ด พีม่ ลี ูกปดั มากกว่าน้อง 5 เม็ด ) - พ่ีมีลกู ปดั มากกวา่ หรอื น้อยกว่า 3 เม็ด เพราะเหตใุ ด (มากกวา่ เพราะน้องมลี ูกปัด 3 เม็ด และพี่มีลูกปดั มากกวา่ นอ้ ง) ใหน้ ักเรยี นจดั ตัวนับหรอื วาดภาพเพ่ือหาคาตอบ จากน้นั ครเู ขยี นภาพประกอบคาอธิบาย ดงั น้ี ลูกปดของน้อง ลูกปดของ ี่ จำนวนลูกปดของ ่ที ่ีเท่ำกับนอ้ ง จำนวนลกู ปดของ ี่ ทีม่ ำกกวำ่ น้อง จากนน้ั ครถู ามคาถามว่า - หาจานวนลกู ปดั ของพี่ด้วยวธิ ใี ด (วธิ บี วก) - เขียนเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์ ได้อยา่ งไร (3 + 5 = ) - ดังนั้น พ่มี ีลูกปัดกเี่ ม็ด (8 เมด็ ) - 8 เป็นคาตอบท่ีสมเหตุสมผลหรือไม่ (สมเหตสุ มผล เพราะ 8 มากกวา่ 3) 5. ครกู าหนดโจทย์ปัญหาการบวก ใหน้ กั เรยี นช่วยกันบอกสิง่ ทโี่ จทยถ์ ามและส่ิงทีโ่ จทยบ์ อก ครูสุ่ม ตัวแทนเขยี นแสดงวิธคี ดิ เขียนประโยคสัญลักษณ์ พร้อมหาคาตอบ 1) ในตะกร้ามีลูกบอลสีแดง 4 ลกู ลูกบอลสีเขยี ว 6 ลูก มลี กู บอลท้งั หมดกี่ลกู
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑๓ 76 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบ ชั้น ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง โจทย์ถาม มีลกู บอลทั้งหมดกี่ลูก โจทยบ์ อก ในตะกร้ามีลูกบอลสแี ดง 4 ลกู ลูกบอลสีเขยี ว 6 ลกู วธิ ีคิด ลูกบอลสีแดง ลูกบอลสีเขยี ว ลกู บอลทัง้ หมด ประโยคสญั ลกั ษณ์ 4 + 6 = ตอบ มีลูกบอลทั้งหมด ๑๐ ลกู 2) นกั เรียนเขา้ แถวเลน่ ชิงช้า 6 คน เดนิ มาตอ่ แถวอีก 2 คน มีนักเรยี นเข้าแถวท้ังหมดก่ีคน โจทยถ์ ำม มีนักเรยี นเข้าแถวทั้งหมดก่ีคน โจทยบ์ อก นักเรยี นเขา้ แถวเลน่ ชิงชา้ 6 คน เดินมาตอ่ แถวอีก 2 คน วธิ คี ดิ นกั เรยี นเข้าแถว 6 คน เดนิ มาตอ่ แถวอกี 2 คน ประโยคสัญลกั ษณ์ นกั เรยี นเขา้ แถวท้งั หมด ตอบ 6+2= มนี ักเรียนเขา้ แถวทัง้ หมด ๘ คน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ่ี ๑๓ ช้นั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 77 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบ ให้นักเรียนทาแบบฝกึ หัด 2.12 ขัน้ สรุป 6. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปว่า การแก้ปัญหาทาไดโ้ ดยอา่ นทาความเขา้ ใจปญั หา วางแผนวิธคี ิด หาคาตอบ และตรวจสอบคาตอบ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขนั้ นำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ี่ ๑๔ ข้นั สอน 78 ขนั้ สรปุ แนวกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ กำรวัดและประเมินผล ทบทวนการเลา่ เรอ่ื งจากภาพสถานการณก์ ารบวก พรอ้ มเขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์การบวก การสร้างโจทยป์ ญั หาการบวก แบบฝึกหัด 2.13 ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ เกย่ี วกบั การสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวก - ประเมินจากการตอบคาถามและการทาแบบฝกึ หัด 2.13 - ประเมนิ จากการสอ่ื สารสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และคดิ สรา้ งสรรค์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กล่มุ สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๑๔ ช้นั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 79 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ขน้ั นำ 1. บัตรภาพ การสรา้ งโจทย์ปัญหาการบวก 2. แบบฝึกหัด 2.13 1. ครูทบทวนการเลา่ เรื่องจากภาพโดยตดิ บตั รภาพสถานการณ์บนกระดาน ใหน้ กั เรยี นเลา่ สถานการณ์ สาระสาคัญ การประเมนิ การบวกที่สอดคลอ้ งกบั ภาพ พร้อมเขยี นประโยคสัญลักษณ์ ในการสร้างโจทยป์ ญั หาจะต้อง 1. วิธีการ มีสว่ นสาคัญ 2 สว่ นคือสว่ นทโี่ จทย์ 1.1 ตรวจแบบฝึกหัดและใบกิจกรรม บอกและสว่ นทโ่ี จทยถ์ าม 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ 2. เคร่อื งมือ จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ - สถานการณ์ “ตหู้ นังสอื มีหนงั สืออย่ชู ้ันบน 8 เล่ม มีหนังสืออยชู่ ัน้ ล่าง 1 เลม่ 2.1 แบบฝกึ หดั 2.13 มีหนงั สือในตู้ทั้งหมด 9 เลม่ ” 2.2 แบบประเมนิ ทักษะและ ดำ้ นควำมรู้ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ เพอื่ ใหน้ กั เรียนสามารถแสดงวธิ หี า - เขียนเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณ์ได้ 8 + 1 = 9 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีความถูกต้อง คาตอบของโจทย์ปญั หาการบวก ขั้นสอน ไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 3.2 คะแนนรวมดา้ นทกั ษะและ ทผี่ ลบวกไม่เกิน 10 2. ครสู นทนากับนักเรียนวา่ จากสถานการณ์ “ตู้หนังสอื มหี นังสืออยูช่ น้ั บน 8 เลม่ มีหนังสอื อยชู่ น้ั ล่าง กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ด้ำนทกั ษะและกระบวนกำรทำง 1 เลม่ มีหนงั สือในตู้ทั้งหมด 9 เลม่ ” ถ้าต้องการเขียนเปน็ คาถามหรือโจทยป์ ัญหาการบวกจะทาได้ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 คณิตศำสตร์ อย่างไร ครูสุ่มนกั เรียนบอกโจทยป์ ญั หาการบวกจะได้ “ตู้หนังสือมีหนงั สืออยชู่ ั้นบน 8 เล่ม มหี นงั สืออยู่ ช้นั ลา่ ง 1 เลม่ มีหนังสอื ในตทู้ ้ังหมดกีเ่ ลม่ ” ครเู ขยี นโจทย์การบวกบนกระดาน พรอ้ มถามนกั เรียนว่าสว่ น เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นสามารถ ใดของโจทย์เปน็ สว่ นท่โี จทยถ์ าม ใหน้ กั เรียนมาขดี สีเหลืองแสดงส่วนท่โี จทย์ถาม ครูถามต่อว่าสว่ นใดเปน็ ส่วนที่โจทย์บอก ใหน้ ักเรยี นมาขดี สีเขยี วแสดงสว่ นทโ่ี จทยบ์ อก ซึ่งจะได้ดงั น้ี 1. ส่อื สารและสื่อความหมายทาง คณติ ศาสตร์ 2. คิดสรา้ งสรรค์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนร้คู ณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๑๔ ช้ัน ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 80 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรือ่ ง กำรบวก กำรลบ ต้หู นงั สือมหี นงั สอื อย่ชู ้นั บน 8 เล่ม มหี นังสืออยชู่ ัน้ ลา่ ง 1 เลม่ มหี นังสือในตทู้ ง้ั หมดก่เี ลม่ ครูแนะนาว่าในโจทย์ปัญหาจะตอ้ งมีสว่ นสาคัญ 2 สว่ นคอื สว่ นท่โี จทย์บอกและส่วนทโี่ จทย์ถาม จดั กิจกรรมทานองเดียวกันโดยยกตัวอยา่ งเพม่ิ อีก 1 ตัวอย่าง เชน่ - สถานการณ์ “มลี ูกโป่งสเี หลอื ง 3 ลูก มลี ูกโปง่ สีชมพู 3 ลูก มีลกู โป่งทงั้ หมด 6 ลูก” - เขยี นเป็นประโยคสัญลกั ษณ์ได้ 3 + 3 = 6 จากนั้นใหน้ กั เรยี นบอกโจทย์ปญั หาการบวกจะได้ “มีลูกโปง่ สเี หลือง 3 ลกู มีลูกโป่งสชี มพู 3 ลูก มลี ูกโป่งท้ังหมดก่ีลูก” ครเู ขยี นโจทย์การบวกบนกระดาน พร้อมถามนักเรียนว่าส่วนใดของโจทยเ์ ปน็ สว่ น ทโ่ี จทย์ถาม ให้นักเรยี นมาขีดสเี หลอื งแสดงส่วนทโ่ี จทยถ์ าม ครูถามต่อว่าสว่ นใดเป็นส่วนทโ่ี จทย์บอก ให้นักเรยี นมาขดี สีเขียวแสดงสว่ นท่ีโจทย์บอก ซงึ่ จะได้ดังนี้
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๑๔ ชั้น ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 81 หนว่ ยย่อยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบ สว่ นทีโ่ จทย์บอก ส่วนที่โจทยถ์ าม ลกู โปง่ สีเหลือง 3 ลูก มลี กู โป่งสชี มพู 3 ลกู มีลูกโป่งท้งั หมดกล่ี กู 3. ครตู ดิ ภาพสถานการณ์ และเขียนสว่ นทีโ่ จทยบ์ อกบนกระดาน ให้นกั เรยี นบอกส่วนที่โจทยถ์ ามเพื่อ สร้างโจทยป์ ัญหา ครเู ขยี นโจทยป์ ญั หาการบวกบนกระดาน จากน้ันให้ตวั แทนนกั เรยี นออกมาเขียนเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การบวก เชน่ 1) โจทยป์ ัญหำกำรบวก ต้อมมรี ถสฟี า้ 3 คัน มีรถสแี ดง 2 คนั ตอ้ มมรี ถทง้ั หมดกี่คัน ประโยคสญั ลักษณ์กำรบวก 3 + 2 = 2) โจทย์ปญั หำกำรบวก แจกนั แรกมีดอกบวั 5 ดอก แจกนั ท่สี องมีดอกบวั 5 ดอก รวมมดี อกบัวท้งั หมดกดี่ อก ประโยคสัญลกั ษณ์การบวก 5 + 5 =
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กล่มุ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๑๔ ชัน้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 82 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบ 3) โจทยป์ ัญหำกำรบวก ในรถมีเด็กนง่ั อยูช่ นั้ บน 4 คน มีเด็กน่งั อยู่ ช้ันลา่ ง 5 คน มเี ดก็ อย่ใู นรถกีค่ น ประโยคสญั ลกั ษณก์ ารบวก 4 + 5 = 4. ครูติดภาพสถานการณ์ และเขยี นประโยคสญั ลักษณก์ ารบวก ให้นักเรยี นบอกส่วนทโ่ี จทย์บอกและ สว่ นทโี่ จทย์ถามเพ่ือสร้างโจทย์ปญั หา ครูเขียนโจทย์ปญั หาการบวกบนกระดาน จากน้ันให้นักเรียน อา่ นโจทยป์ ัญหาการบวกพร้อมกนั เชน่ 1) ประโยคสญั ลกั ษณ์กำรบวก 2 + 4 = โจทย์ปญั หำกำรบวก มีพ่อแมช่ า้ ง 2 เชือก มีลูกช้าง 4 เชอื ก มชี ้างทง้ั หมดก่เี ชอื ก
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๑๔ ชน้ั ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 83 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบ 2) ประโยคสัญลกั ษณ์การบวก 5 + 4 = โจทยป์ ญั หาการบวก ในท่งุ ดอกไม้มีแมงปอบนิ อยู่ 5 ตัว มผี เี ส้ือบนิ อยู่ 4 ตวั มีแมงปอกบั ผีเสื้อรวมก่ีตัว จากน้นั ใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หดั 2.13 ขั้นสรปุ 5. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปว่า ในการสรา้ งโจทย์ปญั หาจะต้องมีส่วนสาคัญ 2 ส่วนคอื ส่วนที่โจทย์บอก และส่วนท่ีโจทย์ถาม
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ข้ันนำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑๕ ขั้นสอน 84 ข้ันสรปุ แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ กำรวัดและประเมนิ ผล ทบทวนเก่ยี วกับสถานการณ์และการหาผลบวก การเล่นเกมบิงโกการบวก ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เก่ียวกบั สถานการณก์ ารบวกและการหาผลบวก - ประเมินจากการตอบคาถามและทากจิ กรรม - ประเมนิ จากการแก้ปญั หา ส่ือสารและสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรูค้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ี่ ๑๕ ช้นั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 85 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ขอบเขตเน้ือหา กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ขน้ั นำ 1. ตัวนับ ทบทวนเก่ียวกับสถานการณ์ 2. บัตรโจทย์การบวก การบวกและการหาผลบวก 1. ครยู กตัวอยา่ งสถานการณ์การบวก เช่น “แม่ค้าขายขนมไปแล้ว 3 ถุง ขายไดเ้ พมิ่ อีก 5 ถุง แม่ค้าขาย 3. แผ่นบงิ โกทปี่ รากฏผลบวกของ จานวนสองจานวนไม่เกิน 10 สาระสาคญั ขนมได้ทงั้ หมดก่ีถุง” ครูใชค้ าถามเพ่ือฝึกใหน้ กั เรียนร่วมกนั วเิ คราะหโ์ จทย์ หลายๆ แบบ - โจทยถ์ ามอะไร (แม่คา้ ขายขนมไดท้ ้งั หมดก่ีถงุ ) 4. แผน่ บิงโกทไี่ ม่ปรากฏผลบวกของ การบวกเป็นการนบั รวมจานวน จานวนสองจานวน สง่ิ ต่าง ๆ ต้งั แตส่ องกลมุ่ ขึ้นไป - โจทยบ์ อกอะไรบ้าง (แม่คา้ ขายขนมไปแลว้ 3 ถงุ ขายไดเ้ พิ่มอีก 5 ถุง) 5. ลกู เตา๋ หกหน้าจานวน 2 ลูก ท่ีแต่ละหนา้ มีตัวเลข 0 – 5 จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ - แมค่ า้ ขายขนมท้ังหมดไดม้ ากกวา่ หรือน้อยกว่า 3 ถุง เพราะเหตุใด (มากกว่า เพราะขายไดแ้ ล้ว 3 ถุง และขายไดเ้ พิ่มอกี 5 ถงุ ) การประเมนิ ด้ำนควำมรู้ เพื่อให้นกั เรียนสามารถหาคาตอบ ใหน้ กั เรียนจัดตัวนบั หรือวาดภาพเพ่ือช่วยในการหาคาตอบ จากน้ันครูเขยี นภาพประกอบคาอธิบาย 1. วธิ ีการ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ เมอ่ื กาหนดโจทย์การบวกทผ่ี ลบวกไม่ บนกระดาน ดงั น้ี 2. เครือ่ งมือ เกนิ 10 ได้ 2.1 แบบประเมนิ ทักษะและ ดำ้ นทักษะและกระบวนกำรทำง - หาจานวนขนมท่ีขายได้ท้งั หมดโดยวิธีใด (วิธีบวก) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ คณติ ศำสตร์ - เขยี นเปน็ ประโยคสัญลกั ษณ์ ได้อย่างไร (3 + 5 = ) - แมค่ า้ ขายขนมได้ทัง้ หมดก่ถี ุง (8 ถงุ ) 4+6= เพอื่ ให้นักเรียนสามารถ - 8 เป็นคาตอบที่สมเหตสุ มผลหรอื ไม่ (สมเหตสุ มผล เพราะ 8 มากกวา่ 3) 1. แกป้ ัญหา 2. สื่อสารและสื่อความหมายทาง 2. ครูชูบตั รโจทยก์ ารบวกของจานวนสองจานวนทมี่ ผี ลบวกไม่เกนิ 10 ทลี ะใบ เช่น คณติ ศาสตร์ 2 + 7 = ใหน้ กั เรียนบอกผลบวก
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑๕ ชั้น ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 86 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบ ข้นั สอน 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีความถูกต้อง 3. ครชู ลู กู เต๋า 2 ลกู ท่มี แี ต้ม 0 – 5 ให้ตัวแทนนกั เรียนโยนลูกเต๋าท้ังสองลูกพรอ้ มกนั ให้นกั เรยี นท่เี หลือ ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 บอกผลบวกของแตม้ บนหนา้ ลูกเตา๋ ทัง้ สองลูก เช่น ถา้ แต้มบนหน้าของลูกเต๋าลูกแรกเทา่ กับ 4 และแตม้ บนหน้าของลูกเตา๋ อีกลกู เป็น 2 ผลบวกของแตม้ จะเป็น 4 + 2 = 6 เปน็ ตน้ ทากจิ กรรมทานองน้ี 3 – 4 3.2 คะแนนรวมด้านทกั ษะและ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ รอบ ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 60 4. ครูแนะนาวิธีการเลน่ เกมบงิ โกผลบวกดงั นี้ รอบท่ี 1 ครูแจกแผ่นบงิ โกใหน้ ักเรียนคนละ 1 แผ่น โดยแต่ละแผ่นมตี ัวเลขท่เี ปน็ ผลบวกของจานวน สองจานวนทีผ่ ลบวกไม่เกนิ 10 ปรากฎอยู่ โดยมแี ผ่นบงิ โกดังกล่าว 3 – 4 แบบ เช่น 3965 3465 2935 8597 2597 0687 9753 4783 9753 5 10 7 9 5170 5476 จากน้นั ครูโยนลกู เต๋า 2 ลกู ใหน้ ักเรยี นแต่ละคนหาผลบวกในใจ พร้อมท้ังเขยี นกากบาทลงใน แผน่ บงิ โก ใครกากบาทเป็นแนวต้ัง แนวนอน แนวทแยงครบ 3 จานวนเปน็ ผชู้ นะ รอบที่ 2 ครแู จกแผน่ บิงโกท่ไี ม่มตี ัวเลขกากบั อย่ใู หน้ ักเรียนคนละ 1 แผน่ ให้นักเรียนแตล่ ะคนเขียน ผลบวกของจานวนสองจานวนไม่เกิน 10 ลงในแผ่นบิงโก จากนั้นครูโยนลกู เต๋า 2 ลกู ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคน หาผลบวกในใจ พร้อมทั้งเขียนกากบาทลงในแผน่ บงิ โก ใครกากบาทเปน็ แนวตงั้ แนวนอน แนวทแยง ครบ 3 จานวนเปน็ ผ้ชู นะ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กล่มุ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ ๑๕ ชน้ั ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 87 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบ 5. ครูชลู ูกเต๋า 1 ลกู ที่มแี ต้ม 0 – 5 ให้ตัวแทนนกั เรียนโยนลกู เต๋า ให้นกั เรียนที่เหลอื บอกสองเท่าของ แตม้ บนหนา้ ลูกเต๋า เช่น ถา้ แต้มของลกู เต๋าเท่ากบั 4 สองเท่าของแต้มบนหน้าลูกเต๋าจะเทา่ กับ 4 + 4 = 8 ทากิจกรรมทานองนี้ 3 – 4 รอบ ครูแนะนาวธิ ีการเลน่ เกมบิงโกผลบวกดงั น้ี รอบท่ี 3 ครแู จกแผ่นบิงโกให้นักเรยี นคนละ 1 แผน่ โดยแต่ละแผน่ มตี ัวเลขทเี่ ป็นผลบวกของจานวน เดยี วกนั สองจานวนทีผ่ ลบวกไม่เกิน 10 ปรากฎอยู่ โดยมีแผ่นบิงโกดังกลา่ ว 3 – 4 แบบ เช่น 2406 4062 2062 0 6 8 10 10 6 8 0 6480 4806 4206 10 2 0 8 8420 10 4 2 8 8426 รอบที่ 4 ครูแจกแผ่นบิงโกท่ไี ม่มีตัวเลขกากบั อยู่ให้นักเรยี นคนละ 1 แผน่ ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนเขยี น ผลบวกของจานวนเดยี วกนั สองจานวนที่ผลบวกไมเ่ กนิ 10 ลงในแผน่ บิงโก จากน้นั ครูโยนลกู เต๋า ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนหาผลบวกในใจ พร้อมท้ังเขยี นกากบาทลงในแผน่ บิงโก ใครกากบาทเป็นแนวต้งั แนวนอน แนวทแยงครบ 3 จานวนเป็นผ้ชู นะ ขนั้ สรุป 6. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปวา่ การบวกจานวนสองจานวนเป็นการนับรวมจานวนสง่ิ ต่างๆ สองกลุ่ม
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ข้นั นำ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๖ ขน้ั สอน 88 ขน้ั สรุป แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กำรวัดและประเมนิ ผล จัดกจิ กรรมการนบั และการเอาออกทีละ 1 การลบโดยการเอาออกและการเขียนประโยคสญั ลกั ษณก์ ารลบ แบบฝึดหดั 2.14 ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ เกีย่ วกับการลบโดยการเอาออก ประเมินจากการตอบคาถาม และการทาแบบฝกึ หดั 2.14 ประเมินจากการสือ่ สารและสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กล่มุ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๖ ชัน้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ การดาเนนิ การของจานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 89 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ การบวก การลบ ขอบเขตเนือ้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ ขัน้ นา การลบโดยการเอาออกทีต่ ัวตง้ั 1. ตัวนบั เชน่ ดนิ สอ ไม้บรรทดั 1. จดั กิจกรรมการเอาออก โดยให้นักเรยี นเตรยี มสงิ่ ของใกล้ตัว เช่น ดนิ สอ ไม้บรรทดั และยางลบ 2. บตั รภาพ ไมเ่ กิน 10 วางไวบ้ นโตะ๊ จานวน 5 ชิน้ ครใู หน้ กั เรยี นเอาออกทลี ะชิน้ แลว้ ถามจานวนทเ่ี หลอื เชน่ มอี ยู่ 5 เอาออก 3. แบบฝึกหดั 2.14 1 เหลืออยเู่ ท่าไร มีอยู่ 4 เอาออก 1 เหลืออยเู่ ทา่ ไร …. มีอยู่ 1 เอาออก 1 เหลืออยเู่ ท่าไร (ไม่มีเหลือ หรือ สาระสาคัญ เหลอื อยู่ 0 ชน้ิ ) การประเมนิ จานวนท้ังหมดเมื่อเอาออกไปจานวน ขัน้ สอน 1. วธิ ีการ 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ หนงึ่ สามารถหาจานวนท่เี หลือไดด้ ้วย 2. ครูอธิบายความหมายของการลบจานวนสองจานวนโดยติดบตั รภาพหนงั สือ 5 เลม่ ครูถามนักเรยี นว่า 1.2 ตรวจแบบฝกึ หัด “มีหนงั สือทงั้ หมดกเ่ี ล่ม” (5 เลม่ ) แลว้ ครบู อกว่า “ขายไป 2 เลม่ ” พร้อมกบั ชท้ี ีภ่ าพวา่ ลกั ษณะเช่นนี้ 2. เคร่อื งมือ การลบ โดยจานวนทง้ั หมดเป็นตัวตัง้ แสดงว่า “เอาออก” ครูถามว่า “เหลอื หนงั สอื กเี่ ล่ม” 2.1 แบบฝกึ หัด 2.14 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ จานวนทเ่ี อาออกเป็นตัวลบ จานวนท่ี 5 เอาออก 2 เหลือ 3 กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 3. เกณฑ์ เหลือเปน็ ผลลบ 5 เป็นจานวนทั้งหมด 2 เป็นจานวนท่เี อาออก และ 3 เปน็ จานวนทเ่ี หลือ 3.1 ผลงานมคี วามถูกตอ้ ง เขยี นเป็นประโยคสัญลกั ษณ์การลบ ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.2 คะแนนรวมด้านทกั ษะและ 5– 2=3 กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ดา้ นความรู้ อ่านวา่ ห้า ลบด้วย สอง เทา่ กบั สาม ไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 60 เพอ่ื ใหน้ ักเรียนสามารถเขียน 5 เป็น ตวั ตง้ั 2 เปน็ ตัวลบ และ 3 เป็น ผลลบ ประโยคสญั ลักษณก์ ารลบจาก “ – ” เรียกวา่ เครอ่ื งหมาย ลบ สถานการณ์การลบโดยการเอาออก “ = ” เรยี กวา่ เคร่ืองหมาย เท่ากับ ด้านทักษะและกระบวนการทาง คณิตศาสตร์ เพ่อื ให้นกั เรียนสามารถสื่อสาร และสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑๖ ชัน้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ การดาเนินการของจานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 90 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ การบวก การลบ ครยู กตวั อย่างทานองเดียวกนั อกี 2 – 3 ตวั อยา่ ง โดยใช้บตั รภาพ เชน่ “มีดินสอท้ังหมดกแ่ี ทง่ ” (8 แทง่ ) แล้วครบู อกวา่ “ใหเ้ พ่อื นไป 3 แท่ง” พร้อมกับชีท้ ภ่ี าพว่าลกั ษณะเชน่ นี้ แสดงว่า “เอาออก” ครูถามวา่ “เหลือดินสอกี่แทง่ ” 8 เอาออก 3 เหลือ 5 8 เปน็ จานวนท้ังหมด 3 เป็นจานวนที่เอาออก และ 5 เปน็ จานวนที่เหลอื เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การลบ 8– 3=5 อา่ นว่า แปด ลบดว้ ย สาม เทา่ กบั ห้า 8 เปน็ ตวั ต้ัง 3 เปน็ ตัวลบ และ 5 เป็น ผลลบ “ – ” เรียกว่า เครื่องหมาย ลบ “ = ” เรียกว่า เครอ่ื งหมาย เท่ากับ 3. ครใู หน้ กั เรยี นสังเกตประโยคสญั ลักษณ์การลบทั้ง 2 ตวั อยา่ ง 5– 2=3 8– 3=5 ซ่งึ จะสงั เกตเหน็ ว่า ต้งั ตั้งมากกว่าตวั ลบ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400