Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-06-27-คู่มือครู ป.1 หน่วยที่ 2 การดำเนินการ

64-06-27-คู่มือครู ป.1 หน่วยที่ 2 การดำเนินการ

Published by elibraryraja33, 2021-06-27 01:14:32

Description: 64-06-27-คู่มือครู ป.1 หน่วยที่ 2 การดำเนินการ

Search

Read the Text Version

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๓๘ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 191 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ หากนักเรยี นตอบคาถามไม่ได้ ครูใชว้ ิธีการใหน้ ักเรยี นขดี เสน้ จับคแู่ มวและหนู จากนั้นนับ จานวนหนทู เี่ หลืออยู่ (หนูที่ไม่มีคู่) จากน้นั ครูแนะนาเพิ่มเติมวา่ เพือ่ ชว่ ยให้เห็นภาพไดง้ ่ายข้ึน เราสามารถ แทนจานวนแมวและหนดู ้วย โดย 1 ชอ่ งแทนจานวนสตั ว์ 1 ตัว ดงั นัน้ จานวนแมวและหนู จะเขียนแทนได้ดว้ ยแถบกระดาษแสดงจานวนดงั น้ี จานวนแมว (ตวั ) จานวนหนู (ตวั ) ครูถามนักเรียนวา่ จากรปู แถบกระดาษใดยาวกกวา่ กนั (แถวลา่ ง) แสดงจานวนของสัตว์ชนดิ ใด (หนู) ดังน้ัน สัตวช์ นดิ ใดมีจานวนมากกวา่ กนั (หนูมากกว่าแมว) ครแู นะนานักเรยี นว่าเพื่อให้เห็นภาพท่ี ชดั เจนข้นึ จึงควรระบายสสี ่วนตา่ งของภาพ ดงั น้ี จานวนแมว (ตวั ) จานวนหนู (ตวั ) ครใู หน้ ักเรียนช่วยกนั นบั จานวนช่องของส่วนทแ่ี รเงา (หนง่ึ สอง สาม ส่ี หา้ ) แล้วแนะนาเพมิ่ เติม วา่ สว่ นท่แี รเงาคอื ส่วนต่างของจานวน 2 จานวน ซึง่ กค็ อื ผลต่างหรือผลลบของ 11 – 7 = 4 นั่นเอง นั่นคอื จานวนหนูมากกวา่ แมว 4 ตัว หรอื จานวนแมวน้อยกว่าหนู 4 ตัว

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๓๘ ช้นั ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 192 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรือ่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ 3. ครตู ดิ รูปภาพบนกระดาน จากนน้ั ถามนักเรียนเก่ียวกับข้อมลู ในรูปภาพ ดังนี้ - จากรูปภาพมสี ัตวจ์ านวนกี่ชนดิ (3 ชนดิ ) อะไรบ้าง (สนุ ขั แมว หน)ู - สนุ ขั กับแมว มีจานวนอะไรมากกวา่ กัน (สุนขั ) ทราบได้อย่างไร (จากการนบั ) - เราจะหาว่ามสี ุนัขมากกว่าแมวเท่าไร ได้โดยเขยี นประโยคสัญลักษณก์ ารลบอย่างไร (12 – 7 = ) - ดงั นนั้ สุนขั มจี านวนมากกว่าแมวอยเู่ ทา่ ไร (5 ตัว) ครูตัง้ คาถามเปรียบเทียบจานวนของสตั วท์ ัง้ 3 ชนิดในทานองเดียวกัน ครถู ามนกั เรียนว่า หากใชแ้ ถบกระดาษแทนจานวนสุนขั จะต้องวาด รูปสีเ่ หลี่ยม  ก่ชี อ่ ง (12 ช่อง) จากน้ันครูตดิ แถบกระดาษแทนจานวนสุนขั เพิ่มเตมิ จากจานวนแมวและหนู ดังน้ี

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี ๓๘ ชัน้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 193 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ จานวนแมว (ตวั ) จานวนหนู (ตัว) จานวนสุนขั (ตัว) ครถู ามนกั เรยี นเก่ียวกับแถบกระดาษแทนจานวนสัตวเ์ พื่อตรวจสอบความเข้าใจในการเปรียบเทยี บ จานวน ดังตวั อยา่ งต่อไปน้ี - มสี ุนขั มากกวา่ แมวกต่ี ัว (5 ตวั ) เขยี นเปน็ ประโยคสัญลักษณ์การลบไดอ้ ยา่ งไร (12 - 7) =  จานวนแมว (ตวั ) จานวนสนุ ัข (ตวั ) ดังนั้น 12 – 7 = 5 - มีสนุ ขั มากกวา่ หนูกีต่ ัว (1 ตัว) เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์การลบได้อย่างไร (12 - 11) = 

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สำระกำรเรียนร้คู ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๓๘ ช้ัน ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 194 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ จากน้ันให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หดั 2.36 ข้นั สรุป 4. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันสรุปบทเรียนว่าการเปรยี บเทียบจานวนสองจานวนทาได้โดยการลบ

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขนั้ นำ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓๙ ข้นั สอน แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 195 ขั้นสรปุ กำรวัดและประเมนิ ผล ทบทวนกำรลบโดยกำรเปรยี บเทียบ หำผลลบของจำนวนสองจำนวนทตี่ ัวต้ังมำกกวำ่ 10 แต่ไมเ่ กนิ 20 โดยกำรเปรียบเทยี บ แบบฝึกหดั 2.37 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปวธิ ีหำผลลบโดยกำรเปรยี บเทยี บ - ประเมนิ จำกกำรทำแบบฝกึ หดั 2.37 - ประเมนิ จำกกำรส่ือสำร และสอ่ื ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓๙ ชัน้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ การดาเนนิ การของจานวน เวลา ๑ ชวั่ โมง 196 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรื่อง การบวก การลบจานวนไม่เกนิ ๒๐ ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู้ ข้นั นา กำรลบจำนวนสองจำนวนท่ตี วั ต้งั 1. บตั รภำพ มำกกว่ำ 10 แตไ่ ม่เกิน 20 โดยกำร 1. ทบทวนกำรหำผลลบ โดยครูตดิ บตั รภำพดอกไม้และหนอนบนกระดำน 2. แถบกระดำษแสดงจำนวน เปรียบเทยี บ 3. แบบฝกึ หัด 2.37 จำกนนั้ ถำมนักเรียนเกี่ยวกบั จำนวนดอกไมแ้ ละหนอน แลว้ ติดแถบกระดำษแสดงจำนวน ถำม สาระสาคัญ นักเรยี นว่ำมดี อกไม้มำกกว่ำ หรอื นอ้ ยกว่ำหนอนอยู่เทำ่ ไร การประเมิน จำนวนดอกไม้ 1. กำรเปรยี บเทียบจำนวนสองจำนวน 1. วธิ กี าร ทำได้โดยกำรลบ จำนวนหนอน 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมกำรเรียนรู้ 2. กำรเขยี นประโยคสัญลักษณ์เพ่ือ ครถู ำมนักเรียนว่ำ มีดอกไมม้ ำกกว่ำหรือน้อยกว่ำหนอน (มำกกวำ่ ) 1.2 ตรวจแบบฝกึ หดั 2.37 เปรยี บเทยี บจำนวนสองจำนวน ดอกไม้มำกกวำ่ หนอนอยู่เท่ำไร (6) นักเรยี นทรำบได้อยำ่ งไร (มสี ่วนต่ำงของแถบกระดำษทัง้ สอง 2. เครือ่ งมือ จำนวนมำกเปน็ ตวั ตง้ั และจำนวนนอ้ ย 2.1 แบบฝกึ หดั 2.37 เป็นตวั ลบ เปน็ 6) 2.2 แบบประเมนิ ทักษะและ กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงำนมีควำมถูกตอ้ ง ด้านความรู้ ไม่น้อยกว่ำรอ้ ยละ 80 เพื่อใหน้ กั เรยี นสำมำรถหำผลลบ 3.2 คะแนนรวมด้ำนทกั ษะและ กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ โดยกำรเปรียบเทียบจำนวนสอง ไมน่ อ้ ยกวำ่ รอ้ ยละ 60 จำนวนและเขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์ เพ่ือแสดงกำรเปรยี บเทียบจำนวนสอง จำนวน

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๓๙ ชน้ั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ การดาเนนิ การของจานวน เวลา ๑ ชว่ั โมง 197 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เรื่อง การบวก การลบจานวนไม่เกิน ๒๐ ด้านทกั ษะและกระบวนการทาง ข้นั สอน พยำบำล 4คน คณิตศาสตร์ 2. ครูตดิ บตั รภำพแสดงจำนวนสมำชิกสมำคมบนกระดำน เพอื่ ให้นกั เรยี นสำมำรถสื่อสำร จานวนสมาชิกสมาคม และสอื่ ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ นกั วิศวกร 9 คน ชำวนำ 12 คน นกั มวย 12 คน ครใู หต้ ัวแทนนกั เรียน 4 – 5 คน ถำมเพ่อื นเกย่ี วกับกำรเปรยี บเทียบจำกบัตรภำพ เช่น มีพยำบำล มำกกว่ำหรือน้อยกวำ่ ชำวนำอยเู่ ทำ่ ไร (มีพยำบำลน้อยกว่ำชำวนำอยู่ 8 คน) มีชำวนำมำกกวำ่ หรอื นอ้ ย กวำ่ นักวศิ วกรอยู่เท่ำไร (มีชำวนำมำกกวำ่ นกั วิศวกรอยู่ 3 คน) จำกนนั้ ครูถำมถึงวิธีไดม้ ำซ่ึงคำตอบของ นักเรยี น (ใชก้ ำรลบดว้ ยกำรเปรียบเทียบ เปน็ ตน้ )

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๓๙ ชน้ั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ การดาเนนิ การของจานวน เวลา ๑ ชวั่ โมง 198 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง การบวก การลบจานวนไม่เกิน ๒๐ ครถู ำมนักเรยี นวำ่ ในกรณที ่ีครตู อ้ งกำรหำผลตำ่ งของจำนวนนักมวยและจำนวนพยำบำล เรำจะเขียนประโยคสญั ลักษณว์ ำ่ อย่ำงไร (12 – 4 = ) หำกนกั เรียนตอบคำถำมไม่ได้ ควรใช้กำรถำม ประกอบกำรอธิบำยด้วยกำรตดิ แถบกระดำษแสดงจำนวนดงั นี้ - ในท่นี ่ี เรำทรำบจำนวนนักมวย และจำนวนพยำบำลหรือไม่ (ทรำบ) - มีจำนวนนกั มวยเทำ่ ไร (12 คน) และมีจำนวนพยำบำลเท่ำไร (4 คน) - ครูควรติดแถบกระดำษแสดงจำนวนอยำ่ งไร (แสดงจำนวนนกั มวย 12 ชอ่ ง และแสดงจำนวน พยำบำล 4 ชอ่ ง) จำนวนนักมวย จำนวนพยำบำล จำนวนใดมำกกวำ่ (นกั มวย) จำนวนใดนอ้ ยกว่ำ (พยำบำล) - ครูเขียนประโยคสัญลักษณ์เพื่อเปรียบเทยี บจำนวนสองจำนวนได้อย่ำงไร (12 – 4 =) ครูให้นกั เรียนสังเกตว่ำกำรเขยี นประโยคสญั ลักษณเ์ พื่อเปรียบเทียบจำนวนสองจำนวน ซึ่งจะได้ ว่ำจำนวนมำกจะเปน็ ตวั ต้งั และจำนวนนอ้ ยจะเป็นตัวลบ ครถู ำมนักเรยี นในทำนองเดยี วกันวำ่ ในกรณที ่ีครตู อ้ งกำรหำผลตำ่ งของจำนวนนักมวยและ จำนวนชำวนำ เรำจะเขียนประโยคสญั ลักษณ์วำ่ อย่ำงไร (12 – 12 = ) หำกนักเรยี นตอบคำถำมไมไ่ ด้ ควรใช้กำรถำมประกอบกำรอธิบำยด้วยแถบกระดำษ ดังน้ี - ในทน่ี ่ี เรำทรำบจำนวนนกั มวย และจำนวนชำวนำหรือไม่ (ทรำบ) - มีจำนวนนกั มวยเทำ่ ไร (12 คน) และมีจำนวนชำวนำเทำ่ ไร (12 คน)

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓๙ ชั้น ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ การดาเนินการของจานวน เวลา ๑ ชว่ั โมง 199 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง การบวก การลบจานวนไม่เกิน ๒๐ - ครูควรเขยี นแถบกระดำษแสดงจำนวนได้อย่ำงไร (แสดงจำนวนนกั มวย 12 ช่อง และแสดง จำนวนชำวนำ 12 ช่อง) จำนวนนักมวย จำนวนชำวนำ - ครเู ขยี นประโยคสัญลักษณ์ไดอ้ ยำ่ งไร (12 – 12 =) ครูให้นกั เรียนสงั เกตว่ำจำนวนของนักมวยและจำนวนชำวนำเปน็ อยำ่ งไร (เทำ่ กัน) ดังน้นั ผลลบ ของ 12 – 12 = 0 ครูแบง่ กลุม่ นักเรียนออกเปน็ กลุ่มละ 4 – 5 คน จำกน้ันให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ เขียนประโยค สัญลักษณเ์ พอื่ เปรยี บเทยี บจำนวนสองจำนวนในบัตรภำพ แลว้ สุ่มเรยี กตวั แทนนักเรยี นแต่ละกล่มุ มำแสดง คำตอบบนกระดำนดำ ใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หดั 2.37 ขั้นสรปุ 3. ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั สรุปบทเรยี น เกีย่ วกบั กำรเปรียบเทียบและกำรเขยี นประโยคสัญลกั ษณ์เพื่อ เปรียบเทยี บจำนวนสองจำนวน

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๔๐ 200 แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ ขั้นนำ ทบทวนการเขยี นจานวนแบบส่วนยอ่ ย-สว่ นรวม ข้นั สอน หาผลลบของจานวนสองจานวนทตี่ ัวตง้ั มากกวา่ 10 แต่ไม่เกิน 20 โดยใชค้ วามสมั พันธข์ องจานวนแบบสว่ นย่อย – ส่วนรวม แบบฝึกหดั 2.38 ขัน้ สรปุ ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ วธิ ีหาผลลบโดยใชค้ วามสมั พันธข์ องจานวนแบบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวม กำรวดั และประเมนิ ผล - ประเมนิ จากการทาแบบฝึกหดั 2.38 - ประเมนิ จากการส่ือสาร และสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๔๐ ช้นั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 201 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ขอบเขตเนอื้ หำ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ ขัน้ นำ การลบจานวนสองจานวนที่ตัวตง้ั 1. รปู ภาพ มากกว่า 10 แตไ่ มเ่ กนิ 20โดยใช้ 1. ครูตดิ บัตรภาพเงนิ เหรียญสบิ บาทและเหรียญบาท รวม 14 บาท ติดบนกระดานดาแล้วใช้การถามตอบ 2. ไม้ไอศกรีม ความสัมพันธ์ของจานวนแบบสว่ นย่อย ดงั น้ี 3. แบบฝึกหดั 2.38 – สว่ นรวม รปู ภาพนี้เปน็ ภาพเกีย่ วกับอะไร (เงนิ ) มเี งนิ เหรยี ญก่ีชนิด อะไรบา้ ง (2 ชนดิ เหรียญสิบบาทและเหรียญ กำรประเมนิ สำระสำคญั บาท) นักเรียนทราบค่าของเงินเหรียญสบิ บาทหรือไม่ (ทราบว่าเหรยี ญสบิ บาทมคี า่ เท่ากับเหรียญหนึง่ บาท 10 เหรียญ) ครตู ิดรปู ภาพเงนิ เหรียญบาทจานวน 14 บาท บนกระดาน 1. วิธกี ำร เราสามารถใชค้ วามสมั พันธข์ อง 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ จานวนแบบสว่ นย่อย – สว่ นรวม จากภาพเขยี นจานวนเงิน 14 บาท แสดงความสัมพันธ์ของจานวนแบบสว่ นยอ่ ย-สว่ นรวมได้อยา่ งไร 1.2 ตรวจแบบฝึกหดั 2.38 ชว่ ยในการหาผลลบได้ 14 2. เครือ่ งมือ 2.1 แบบฝึกหัด 2.38 จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 10 4 2.2 แบบประเมินทักษะและ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ดำ้ นควำมรู้ 3. เกณฑ์ เพอื่ ให้นักเรยี นสามารถหาผลลบ 3.1 ผลงานมีความถูกต้อง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยใชค้ วามสมั พันธข์ องจานวนแบบ 3.2 คะแนนรวมด้านทกั ษะและ ส่วนยอ่ ย – สว่ นรวม กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ดำ้ นทักษะและกระบวนกำรทำง ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 60 คณิตศำสตร์ เพ่ือให้นกั เรยี นสามารถส่ือสาร และส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ่ี ๔๐ ช้ัน ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 202 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ขั้นสอน 2. ครถู ามนกั เรยี นว่า “สมมติวันนน้ี ักเรียนนาเงนิ มา 14 บาท (ดังรปู ภาพ) แล้วนกั เรียนนาเงนิ ไปทาบุญ 2 บาท นักเรยี นจะเหลือเงินก่ีบาท” (14 – 2 = 12) ครูอาจใชเ้ หรียญบาทจริงมาสาธิตการเอาออก 2 บาท เพ่อื เปน็ การอธิบายเพ่ิมเตมิ จากภาพครใู หน้ กั เรียนออกมาเขียนแสดงการเอาออก 2 บาท ซ่งึ จะไดด้ ังน้ี 10 4 – 2 จากภาพเขียนจานวนเงิน 14 บาท แสดงความสมั พันธ์ของจานวนแบบส่วนยอ่ ย สว่ นรวม 14 หาผลลบ 14 – 2 โดยใชค้ วามสัมพนั ธ์ของจานวนแบบส่วนย่อย สว่ นรวม ดังนี้ 10 4 14 – 2 =  10 4 4 – 2 = 2 10 + 2 = 12 ดังนน้ั 14 – 2 = 12

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๔๐ ชน้ั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 203 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ครยู กตวั อยา่ งในทานองเดยี วกัน โดยถามนกั เรียนวา่ “หากครูต้องการหาผลลบของ 12 – 5 =  นักเรยี นจะดาเนนิ การอย่างไร” ครใู หน้ ักเรยี นทดลองจัดกองเหรียญเปน็ 12 บาท แลว้ ติดรูปภาพเงิน เหรียญบาท จานวน 12 บาท แลว้ ให้นกั เรียนออกมาเขียนแสดงการเอาออก 5 บาท จากภาพครูให้นกั เรยี นออกมาเขียนแสดงการเอาออก 5 บาท ซ่งึ จะได้ดงั น้ี 12 – 5 =  10 – 5 = 5 2 10 2+5=7 ดังน้นั 12 – 5 = 7 ครอู ธบิ ายเพ่มิ เติมวา่ ในการหาผลลบ หากนักเรียนพิจารณาความสมั พันธ์ของจานวนแบบ สว่ นย่อย – สว่ นรวม จะชว่ ยใหน้ ักเรียนหาผลลบได้รวดเร็วขึ้น ครูนาไมไ้ อศกรมี มาใชป้ ระกอบการอธิบาย เพ่ิมเติมดงั น้ี มขี นม 16 ช้ิน ใหเ้ พ่ือนไป 7 ชิน้ เหลือขนมกี่ชิน้ ครใู ชไ้ ม้ไอศกรมี ในการหาผลลบแล้วอธบิ ายความสัมพันธ์ แบบส่วนย่อยสว่ นรว่ ม

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ ๔๐ ชั้น ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 204 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ 16 – 7 =  6 10 10 – 7 = 3 6 +3 =9 ดงั น้ัน 16 – 7 = 9 ครูยกตวั อย่างการใช้ไมไ้ อศกรีมประกอบการอธิบายในทานองเดียวกันอกี 2 ตวั อย่าง ดงั น้ี ยกตัวอย่างการหาผลลบของ 12 – 7 =  ครูจดั ไม้ไอศกรีมจานวน 12 อัน ออกเป็น 2 กอง กองหนึ่ง 10 อนั อีกกองหนง่ึ 2 อัน ครตู ้องการนาไมไ้ อศกรมี ออกไป 7 อัน นักเรียนจะเอาไม้ ไอศกรมี ออกจากกองใด (กองทม่ี ี 10 อนั ) จากน้นั ครูนาไม้ไอศกรีมกองท่ีมจี านวน 10 อันออกไป 7 อัน จะได้ 10 – 7 = 3 อนั ครูนาไม้ไอศกรีมท่ีเหลอื ไปรวมกบั กองท่ีมี 2 อนั จะได้ 3 + 2 = 5 อนั 3. แบง่ นักเรียนเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4 – 5 คน ครูแจกไม้ไอศกรมี ใหน้ กั เรยี นกลุ่มละ 18 อนั จากนน้ั ครู ตั้งโจทยก์ ารลบบนกระดาน คือ 18 – 5 =  ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ ทดลองจัดไม้ไอศกรมี จานวน 18 อนั เป็นกอง จากน้ันใหน้ ักเรยี นทดลองเอาไม้ไอศกรีมออก 5 อนั ครูให้คาแนะนานกั เรยี นในแต่ละกล่มุ ใน การหาคาตอบ จากนั้นส่มุ กลุ่มทห่ี าคาตอบได้อย่างถูกต้องออกมาสาธิตวิธกี ารหาคาตอบ ดงั นี้

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๐ ช้ัน ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 205 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ 18 – 5 =  10 8 8– 5 =3 10 + 3 = 13 ดังนน้ั 18 – 5 = 13 หรอื 18 – 5 =  8 10 10 – 5 = 5 8 + 5 = 13 ดงั นน้ั 18 – 5 = 13 ครูใหโ้ จทยก์ ารลบในทานองเดียวกนั อกี 2 โจทย์ คือ 17 – 9 =  และ 12 – 6 =  ใหต้ ัวแทน นักเรียนออกมาร่วมสาธิตและอธิบายวิธคี ิดหนา้ ชนั้ เรยี น ดงั น้ี

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๔๐ ชนั้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 206 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ 17 – 9 =  12 – 6 =  7 10 2 10 นา 10 – 9 = 1 นา 10 – 6 = 4 7+1 = 8 2+4 = 6 ดังนน้ั 17 – 9 = 8 ดงั นนั้ 12 – 6 = 6 จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ หัด 2.38 ข้ันสรุป 4. ครรู ว่ มกับนักเรียนสรุปบทเรียนว่าเราสามารถใชค้ วามสัมพันธข์ องจานวนแบบสว่ นยอ่ ย – ส่วนรวม ชว่ ยในการหาผลลบได้

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขนั้ นำ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๔๑ ขน้ั สอน 207 ขน้ั สรุป แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ กำรวัดและประเมินผล ทบทวนการลบจานวนสองจานวน การลบจานวนสามจานวน แบบฝกึ หัด 2.39 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปวิธหี าผลลบจานวนสามจานวน - ประเมนิ จากการทาแบบฝึกหัด 2.39 - ประเมินจากการส่ือสาร และสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๔๑ ชัน้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 208 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ ขอบเขตเนอื้ หำ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ขั้นนำ 1. บัตรภาพ การลบจานวนสองจานวนท่ตี ัวตั้ง 2. ไมไ้ อศกรีม มากกว่า 10 แตไ่ ม่เกิน 20โดยใช้ 1. ครนู าบัตรโจทยก์ ารลบติดบนกระดาน 3 โจทย์ ได้แก่ 13 – 5 =  15 – 6 =  และ 3. แบบฝึกหดั 2.39 ความสมั พันธข์ องจานวนแบบส่วนยอ่ ย 19 – 8 =  ใหน้ กั เรียนหาผลลบ จากนนั้ ครูสมุ่ ตัวแทนนักเรียนออกมาเฉลยหน้าช้ันเรียนพรอ้ มอธบิ าย – สว่ นรวม วิธกี ารหาผลลบ กำรประเมนิ สำระสำคัญ ขน้ั สอน 1. วิธีกำร 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ เราสามารถใชค้ วามสัมพันธข์ อง 2. ครูตดิ บตั รภาพแสดงสถานการณป์ ัญหาดนิ สอสี บนกระดาน จากนน้ั ใชก้ ารถามตอบ ตอ่ ไปนี้ 1.2 ตรวจแบบฝึกหดั 2.39 จานวนแบบส่วนย่อย – สว่ นรวม 2. เครอื่ งมือ ช่วยในการหาผลลบได้ สม้ แป้นมีดนิ สอสี จานวน 12 แทง่ 2.1 แบบฝกึ หดั 2.39 เพ่ือนยืมไป 5 แท่ง หายไป 2 แทง่ 2.2 แบบประเมนิ ทักษะและ จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ ส้มแป้นเหลือดนิ สอสีกแี่ ท่ง กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 3. เกณฑ์ ดำ้ นควำมรู้ - ในตอนแรกสม้ แป้นมีดนิ สอสีกแ่ี ทง่ (12 แท่ง) 3.1 ผลงานมคี วามถูกต้อง เพือ่ ให้นักเรียนสามารถหาผลลบ - เพ่อื นยืมไปกแ่ี ท่ง (5 แท่ง) ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 - สม้ แปน้ มดี นิ สอมากขนึ้ หรือลดลง (ลดลง) 3.2 คะแนนรวมดา้ นทกั ษะและ โดยใชค้ วามสัมพนั ธ์ของจานวนแบบ - เหลอื ดินสอสีกีแ่ ท่ง (7 แทง่ ) คดิ อยา่ งไร (12 – 5 = 7) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ส่วนย่อย – ส่วนรวม - ดนิ สอหายไปอีกกีแ่ ท่ง (2 แท่ง) ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ 60 ด้ำนทกั ษะและกระบวนกำรทำง - จะเหลือดนิ สอสีก่ีแท่ง (5 แท่ง) คดิ อย่างไร (7 – 2 = 5) คณิตศำสตร์ ครูแนะนาการเขยี นประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการลบ จานวนสามจานวน จะได้ 12 – 5 – 2 =  เพื่อใหน้ ักเรียนสามารถส่ือสาร และสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรูค้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๑ ชนั้ ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 209 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ หากนักเรียนตอบไม่ได้ ครใู ชไ้ มไ้ อศกรีมแทนจานวนดนิ สอสี แล้วใชก้ ารนับและการเอาออกทีละครง้ั เพอ่ื ให้นักเรยี นเหน็ ภาพที่ชดั เจนขนึ้ ครูถามว่าหากตอ้ งการหาผลลบของจานวน 3 จานวน จะต้อง ดาเนินการอย่างไร (ทาไดโ้ ดยนาจานวนสองจานวนมาลบกันกอ่ นแลว้ นาผลลบมาลบกับจานวนที่เหลือ) ครูยกตัวอยา่ งการลบของจานวน 3 จานวน ดังน้ี 15 – 8 – 3 =  คดิ จาก 15 – 8 = 7 7–3=4 ดังนัน้ 15 – 8 – 3 = 4 จากน้ันครยู กโจทย์การลบของจานวน 3 จานวน ใหน้ ักเรยี นหาผลลบ ดังนี้ 1) 17 – 6 – 6 =  2) 15 – 6 – 5 =  เมอื่ นกั เรยี นดาเนินการเสร็จ ครูสมุ่ นักเรยี นมาเฉลยแต่ละข้อบนกระดานดา ดังน้ี 1) 17 – 6 – 6 =  คิดจาก 17 - 6 = 11 11 – 6 = 5 ดังนน้ั 17 – 6 – 6 = 5 ครูแนะนาการเขียนอกี แบบ จะได้ 17 – 6 – 6 = 11 – 6 =5

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๔๑ ช้ัน ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 210 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ 2) 15 – 6 – 5 =  คิดจาก 15 – 6 = 9 9–5=4 ดังนั้น 15 – 6 – 5 = 4 ครแู นะนาการเขียนอกี แบบ จะได้ 15 – 6 – 5 = 9 – 5 =4 ทั้งนใี้ นกรณีข้อ 2 ครใู ห้ข้อสงั เกตกับนักเรียนว่า ในการหาผลลบหากนา 15 – 5 ก่อน จะได้ ผลลัพธ์เปน็ 10 ซง่ึ จะนา 10 – 6 = 4 จะทาใหก้ ารหาผลลบทาได้ง่ายและรวดเร็วกวา่ (ครูอาจอธิบายโดย ใชไ้ ม้ไอศกรีมประกอบการเอาออกของจานวนเชน่ มไี ม้ไอศกรีม 15 อัน เอาออก 6 อนั เหลอื 9 อัน จากนน้ั เอาออกอีก 5 อนั เหลือไม้ไอศกรีมทงั้ หมด 4 อัน ซึง่ หากนาไอศกรีม 15 อนั เอาออกครงั้ แรก 5 อนั เหลือ 10 อนั แลว้ เอาออกอีก 6 อัน เหลือ 4 อนั พบวา่ ได้ผลลบเทา่ กนั ) จากน้ันครูยกตัวอย่างโจทย์ การลบสามจานวนในทานองเดยี วกับข้อ 2 อกี 2 โจทย์ ได้แก่ 18 – 9 – 8 =  และ 12 – 8 – 2 =  จากน้ันครเู ฉลยโดยใช้ไมไ้ อศกรมี ช่วยในการอธบิ าย แล้วให้นักเรียนทาแบบฝึกหดั 2.39 ขั้นสรุป 3. ครแู ละนักเรยี นช่วยกนั สรุปบทเรียนว่าการลบจานวนสามจานวนทาไดโ้ ดยนาจานวนสองจานวนมาลบ กันก่อนแล้วนาผลลบมาลบกับจานวนท่ีเหลอื

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๔๒ 211 แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ขนั้ นำ ทบทวนการบวกโดยใช้สถานการณท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกับการบวก ขน้ั สอน การหาคา่ ของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสัญลักษณก์ ารบวก โดยใชก้ ารนบั ตอ่ และความสัมพนั ธก์ ารบวกและการลบ แบบฝกึ หัด 2.40 ข้ันสรปุ ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุป กำรวดั และประเมินผล การหาค่าของตัวไมท่ ราบคา่ ในประโยคสัญลักษณ์การบวก - ประเมินจากการตอบคาถามและทาแบบฝึกหดั 2.40 - ประเมนิ จากการแก้ปัญหา ส่อื สาร และสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูค้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ี่ ๔๒ ชัน้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 212 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ขอบเขตเนอ้ื หำ กิจกรรมกำรเรียนรู้ สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ ขนั้ นำ การหาคา่ ของตัวไม่ทราบคา่ ใน 1. แถบประโยคสถานการณ์ ประโยคสัญลักษณ์การบวก 1. ครทู บทวนการบวก โดยติดแถบประโยคสถานการณท์ ่ี 1 ดงั น้ี “ลติ าซื้อไม้บรรทดั ราคา 12 บาท 2. แบบฝกึ หัด 2.40 ดนิ สอราคา 7 บาท ลิตาจา่ ยเงินก่ีบาท” จากนัน้ ใช้การถามตอบว่า “นักเรยี นจะหาคาตอบไดอ้ ยา่ งไร” สำระสำคญั (นา 12 บวกกบั 7) “คาตอบเป็นเทา่ ไร” (19) “นักเรยี นมีวธิ ีการบวกอยา่ งไร” (นบั ต่อหรือใช้เส้นจานวน) กำรประเมนิ “สรุปคาตอบได้อย่างไร” (ลติ าจ่ายเงนิ 19 บาท) การหาตัวไมท่ ราบคา่ ในประโยค 1. วธิ ีกำร สัญลักษณ์การบวก การใช้วิธกี ารนบั ขั้นสอน 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ตอ่ หรอื ความสัมพันธข์ องการบวก 1.2 ตรวจแบบฝึกหดั 2.40 และการลบ ชว่ ยในการหาตัวไม่ทราบ 2. ครตู ดิ แถบประโยคสถานการณ์ท่ี 2 “บีน่าซ้ือยางลบและปากกา บีน่าจาได้ว่ายางลบราคา 8 บาท และ 2. เครอ่ื งมือ ค่านัน้ ๆ จ่ายเงินค่ายางลบและปากกา 12 บาท ปากการาคากี่บาท” จากนัน้ ใชก้ ารถามตอบดงั นี้ “จาก 2.1 แบบฝกึ หัด 2.40 สถานการณน์ ี้นักเรยี นทราบอะไรบ้าง” (ยางลบราคา 8 บาท จา่ ยเงินค่ายางลบและปากกา 12 บาท) 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ “นกั เรยี นจะหาคาตอบได้อยา่ งไร” (นบั ต่อจาก 8 ไปถึง 12) “คาตอบเปน็ เท่าไร” (4) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ “ดงั น้นั ปากการาคากบี่ าท” (4 บาท) 3. เกณฑ์ ดำ้ นควำมรู้ 3. ครูแนะนาว่า จากสถานการณ์ข้างต้นสามารถเขยี นเปน็ ประโยคสญั ลกั ษณ์ไดว้ ่า 8 +  = 12 3.1 ผลงานมคี วามถูกตอ้ ง เพ่ือใหน้ ักเรียนสามารถหาค่าของ ครูแนะนาว่า  น้ีคอื ตวั ไม่ทราบคา่ ซง่ึ นักเรยี นหาค่าตัวไม่ทราบค่าไดจ้ ากการนบั ต่อจาก 8 ไปถึง 12 ไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 (9 10 11 12) นั่นคือนบั ต่ออีก 4 จึงจะได้ 12 ดงั นั้น 8 + 4 = 12 3.2 คะแนนรวมด้านทกั ษะและ ตวั ไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ การบวกได้ ครยู กตวั อย่าง 13 +  = 17 ถามนกั เรยี นว่า จะหาค่าของตวั ไม่ทราบคา่ ได้อยา่ งไร (นับต่อจาก 13 ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 60 ด้ำนทกั ษะและกระบวนกำรทำง คณติ ศำสตร์ ไปถงึ 17) ได้คาตอบเท่าไร (4) ดงั น้นั 13 + 4 = 17 ครูถามตอ่ ไปว่า นอกจากการนบั ต่อแล้วนกั เรียน เพ่อื ใหน้ ักเรยี นสามารถ สามารถหาคา่ ตวั ไม่ทราบค่าด้วยวิธีใดอีก (หาคาตอบโดยใช้ความสมั พันธก์ ารบวกและการลบ) ครูแสดง 1. การแก้ปัญหา 2. สอ่ื สาร สอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ วธิ กี ารหาคาตอบโดยใช้ความสมั พนั ธ์การบวกและการลบ ดังนี้ 13 +  = 17

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ ๔๒ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 213 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ หาคาตอบโดยใช้ความสมั พนั ธก์ ารบวกและการลบ 13 จากแผนภาพ 13 +  = 17 หรอื 17 – 13 =  17 เนือ่ งจาก 17 – 13 = 4 ? ดงั น้นั 13 + 4 = 17 ครูยกตัวอยา่ ง  + 6 = 13 ถามนกั เรียนวา่ จะหาคา่ ของตัวไมท่ ราบค่าได้อย่างไร (นกั เรยี น อาจตอบวา่ ใชก้ ารนบั ต่อหรอื หาคาตอบโดยใช้ความสมั พนั ธก์ ารบวกและการลบ) ครูแสดงวธิ ีการหา คาตอบโดยใช้ความสัมพันธก์ ารบวกและการลบ ดงั นี้  + 6 = 13 หาคาตอบโดยใช้ความสัมพนั ธก์ ารบวกและการลบ 6 จากแผนภาพ  + 6 = 13 หรือ 13 – 6 =  13 เนื่องจาก 13 – 6 = 7 7 ดังน้นั 7 + 6 = 13 4. ครยู กตวั อยา่ งโจทยใ์ หน้ ักเรยี นชว่ ยกันหาคาตอบ ดังน้ี 5 +  = 16 9 +  = 12  + 11 = 19  + 8 = 14

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนร้คู ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๔๒ ชัน้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 214 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ เมื่อนกั เรียนทาเสรจ็ เรียบร้อยแล้วครูส่มุ นักเรียนเฉลยคาตอบ ครูและนักเรยี นทเี่ หลอื ช่วยกัน ตรวจสอบความถูกต้อง ใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หัด 2.40 ในห้องเรยี น ถา้ เสร็จแลว้ ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ขัน้ สรปุ 5. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุป การหาตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสัญลกั ษณก์ ารบวก สามารถใช้วิธีการนบั ต่อหรือความสมั พนั ธข์ องการบวกและการลบชว่ ยในการหาตัวไม่ทราบคา่ นนั้ ๆ

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ข้ันนำ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๔๓ ขนั้ สอน แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 215 ข้นั สรุป กำรวัดและประเมนิ ผล ทบทวนความสมั พันธก์ ารบวกและการลบ การหาคา่ ของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสญั ลกั ษณ์การลบ โดยใช้ความสมั พนั ธก์ ารบวกและการลบ แบบฝึกหดั 2.41 ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ การหาค่าของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสัญลกั ษณก์ ารลบ - ประเมนิ จากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหัด 2.41 - ประเมินจากการสอื่ สาร และสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๔๓ ชนั้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 216 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ขอบเขตเนอื้ หำ กิจกรรมกำรเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ ขั้นนำ การหาคา่ ของตวั ไมท่ ราบค่าใน 1. แถบประโยคสถานการณ์ ประโยคสัญลักษณ์การลบ 1. ครเู ขียนแผนภาพความสัมพนั ธข์ องจานวน 7 5 และ 12 บนกระดานให้นักเรยี นเขียนประโยคการบวก 2. แบบฝึกหดั 2.41 สำระสำคัญ และการลบทีส่ อดคล้องกับแผนภาพ ครเู ขยี นบนกระดานดังน้ี กำรประเมิน การหาตวั ไมท่ ราบค่าในประโยค 7 7 + 5 = 12 1. วธิ ีกำร สัญลกั ษณ์การลบ การใชว้ ธิ กี ารนับต่อ 12 – 7 = 5 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ หรือความสมั พนั ธข์ องการบวกและ 12 12 – 5 = 7 1.2 ตรวจแบบฝกึ หัด 2.41 การลบ ชว่ ยในการหาตัวไมท่ ราบคา่ 5 2. เครื่องมือ น้ัน ๆ 2.1 แบบฝึกหดั 2.41 ครูจัดกิจกรรมทานองเดียวกนั อกี 2 – 3 ตวั อยา่ ง เชน่ 4 + 9 = 13 8 + 3 = 11 6 + 8 = 14 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ จุดประสงค์กำรเรียนรู้ กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 2. ครูทบทวนการหาตวั ไมท่ ราบค่าในประโยคการบวกโดยยกตัวอย่างให้นักเรยี นบอกวิธหี าคาตอบและ 3. เกณฑ์ ดำ้ นควำมรู้ 3.1 ผลงานมีความถูกตอ้ ง เพอื่ ใหน้ ักเรยี นสามารถหาตวั คาตอบ ดังนี้  + 8 = 13 “นกั เรยี นสามารถหาค่าของตัวไมท่ ราบคา่ นไี้ ด้อย่างไร” (ความสมั พนั ธข์ อง ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80 3.2 คะแนนรวมดา้ นทักษะและ ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสัญลกั ษณ์การ การบวกและการลบ) “ตวั ไม่ทราบคา่ นี้ควรเป็นจานวนใด” (5 เนอื่ งจาก 13 – 8 = 5 ดงั นัน้ 5 + 8 = 13) กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ลบได้ ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 60 ดำ้ นทักษะและกระบวนกำรทำง ครเู ขียนบนกระดานดังน้ี คณติ ศำสตร์  + 8 = 13 8 เพ่ือให้นักเรียนสามารถส่ือสารและ สือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ หาคาตอบโดยใช้ความสมั พันธข์ องการบวกและการลบ 13 เนอ่ื งจาก 13 – 8 = 5 5 ดังน้นั 5 + 8 = 13

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรูค้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๔๓ ชน้ั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 217 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ขั้นสอน 3. ครูติดแถบโจทยส์ ถานการณ์ “คณุ แม่มีไข่ไก่ 15 ฟอง แบ่งใหป้ ้าไป ทาใหเ้ หลอื ไข่ไก่ 10 ฟอง คณุ แม่แบง่ ไข่ไกใ่ หป้ า้ ไปก่ีฟอง” จากกนัน้ การถามตอบดงั นี้ “จากสถานการณน์ น้ี ักเรียนทราบอะไรบ้าง” (คุณแม่มีไข่ไก่ 15 ฟอง แบ่งใหป้ า้ ไปทาให้เหลือไข่ไก่ 10 ฟอง) “นักเรยี นจะหาคาตอบได้อยา่ งไร” (ความสมั พันธ์ของการบวกและการลบ) “เขยี นประโยคสัญลักษณจ์ ากสถานการณ์ข้างต้นไดอ้ ย่างไร” (15 –  = 10) ครแู สดงวิธีทาบนกระดานดงั น้ี 15 –  = 10 10 หาคาตอบโดยใช้ความสมั พันธก์ ารบวกและการลบ 15 จากแผนภาพ 15 – = 10 ถ? หรอื 15 – 10 =  เนือ่ งจาก 15 – 10 = 5 ดงั น้นั 15 – 5 = 10 คณุ แม่แบ่งไข่ไกใ่ หป้ า้ ไป 5 ฟอง ครยู กตวั อย่าง 14 –  = 8 แล้วถามนกั เรียนวา่ “นกั เรียนจะหาคาตอบไดอ้ ย่างไร” (ใชค้ วามสัมพนั ธข์ องการบวกและการลบ) ครแู สดงวธิ ีทาบนกระดานดังนี้ 14 –  = 8 8 หาคาตอบโดยใช้ความสัมพันธก์ ารบวกและการลบ 14 ?

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๔๓ ชัน้ ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 218 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ จากแผนภาพ 14 –  = 8 หรือ 14 – 8 =  จาก 14 – 8 = 6 ดังน้ัน 14 – 6 = 8 ครยู กตัวอยา่ ง  – 7 = 3 แล้วถามนักเรยี นวา่ “นกั เรียนจะหาคาตอบไดอ้ ย่างไร” (ใชค้ วามสัมพนั ธ์ ของการบวกและการลบ) ครูแสดงวธิ ที าบนกระดานดงั น้ี –7 = 3 หาคาตอบโดยใช้ความสัมพนั ธก์ ารบวกและการลบ ? 7 จากแผนภาพ  – 7 = 3 3 หรือ 3 + 7 =  จาก 3 + 7 = 10 ดังนัน้ 10 – 7 = 3 4. ครูกาหนดโจทยใ์ นทานองเดยี วกนั ให้นกั เรยี นช่วยกันหาคาตอบ อีก 3 – 4 ตวั อยา่ ง เชน่ 15 –  = 11 19 –  = 14 –9 = 5  – 12 = 9

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๔๓ ชั้น ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 219 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ เม่ือนักเรยี นทาเสรจ็ เรยี บร้อยแลว้ ครูสุม่ นกั เรียนเฉลยคาตอบ ครแู ละนักเรยี นทเ่ี หลือชว่ ยกัน ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ให้นกั เรยี นทาแบบฝึกหัด 2.41 ในห้องเรียน ถ้าเสรจ็ แลว้ ครูและนกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นสรปุ 5. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุป การหาตัวไมท่ ราบค่าในประโยคสญั ลกั ษณ์การบวก สามารถใช้วธิ ีการนับ ตอ่ หรอื ความสัมพันธข์ องการบวกและการลบชว่ ยในการหาตัวไม่ทราบค่านั้น ๆ

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขน้ั นำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๔๔ ขัน้ สอน 220 ขน้ั สรุป แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ กำรวัดและประเมนิ ผล การวเิ คราะหโ์ จทยป์ ญั หาการบวก และโจทย์ปญั หาการลบทผี่ ลลพั ธไ์ มเ่ กนิ 10 พร้อมหาคาตอบ การวเิ คราะหโ์ จทยป์ ัญหาการบวกและการลบท่ีผลลัพธไ์ ม่เกิน 20 พรอ้ มหาคาตอบ แบบฝึกหดั 2.42 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ข้นั ตอนการแก้โจทยป์ ัญหาการบวกและการลบ - ประเมินจากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหัด 2.42 - ประเมินจากการแก้ปัญหา สือ่ สาร และสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรูค้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี ๔๔ ช้นั ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 221 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ ขอบเขตเนื้อหำ กิจกรรมกำรเรียนรู้ ขั้นนำ 1. แถบโจทยป์ ญั หา โจทย์ปญั หาการบวก การลบท่ี 2. บัตรภาพ ผลลพั ธไ์ ม่เกนิ 20 1. ครูทบทวนการวเิ คราะหโ์ จทยป์ ญั หาการบวก และโจทย์ปัญหาการลบทผ่ี ลลพั ธ์ไมเ่ กิน 10 โดยครตู ิด 3. แบบฝกึ หัด 2.42 แถบโจทยป์ ญั หาบนกระดาน ให้นกั เรยี นบอกวิธคี ดิ และคาตอบ เช่น สำระสำคญั กำรประเมิน 1) ป้อมมีลกู โปง่ 7 ลกู ซือ้ มาเพิ่มอีก 2 ลูก ป้อมมีลูกโป่งก่ีลูก การแกป้ ญั หาทาไดโ้ ดยอ่านทา 1. วธิ กี ำร ความเข้าใจปัญหา วางแผนวิธคี ิดหา (9 ลูก ทาได้โดยนา 7 บวกกบั 2) 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ คาตอบ และตรวจสอบความ 2) สมปองมกี ระดาษ 8 แผ่น ใชไ้ ปแล้ว 2 แผน่ เหลอื กระดาษก่ีแผ่น 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด 2.42 สมเหตสุ มผล 2. เคร่อื งมือ (6แผน่ ทาได้โดยนา 8 ลบด้วย 2) 2.1 แบบฝกึ หดั 2.42 จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ 3) มนี ักเรียนชาย 7 คน นกั เรยี นหญิง 4 คน มีนกั เรยี นชายมากกว่านักเรยี นหญิงกี่คน กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ด้ำนควำมรู้ (3 คน ทาได้โดยนา 7 ลบด้วย 4) 3. เกณฑ์ เพื่อให้นักเรยี นสามารถหาคาตอบ 3.1 ผลงานมีความถูกตอ้ ง 4) มกี ระดมุ สแี ดงและสีขาว 9 เม็ด เปน็ กระดุมสแี ดง 5 เม็ด เปน็ กระดมุ สีขาวกี่เม็ด ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ของโจทยป์ ญั หาได้ 3.2 คะแนนรวมดา้ นทักษะและ ดำ้ นทักษะและกระบวนกำรทำง (4 เม็ด ทาไดโ้ ดยนา 9 ลบด้วย 5) กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ คณิตศำสตร์ ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 60 ขั้นสอน เพอื่ ใหน้ ักเรยี นสามารถ 1. แก้ปัญหา 2. ครูเขยี นโจทยป์ ัญหาบนกระดานดงั นี้ “มาลเี กบ็ ฝร่ังได้ 11 ผล เกบ็ มะมว่ งได้ 5 ผล มาลีเก็บฝร่ัง 2. สอ่ื สาร สอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ และมะม่วงได้ท้ังหมดกผ่ี ล” ใหน้ กั เรยี นอา่ นโจทย์พร้อมกันแลว้ ช่วยกนั วิเคราะหโ์ จทย์ โดยใช้การถาม ตอบดงั น้ี 1) โจทยถ์ ามอะไร (มาลีเกบ็ ฝร่ังและมะม่วงได้ท้ังหมดกี่ผล) 2) โจทยบ์ อกอะไรบา้ ง (มาลเี กบ็ ฝรง่ั ได้ 11 ผล เกบ็ มะมว่ งได้ 5 ผล)

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๔๔ ชนั้ ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 222 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ครตู ดิ บัตรภาพฝรงั่ และมะม่วง (อาจใชก้ ารเขยี นภาพประกอบ) ดังน้ี 3) มาลีเก็บฝรัง่ และมะม่วงรวมกันได้น้อยกวา่ หรือมากกว่า 11 ผล เพราะเหตุใด (มากกว่า 11 ผล เพราะเก็บฝรง่ั อย่างเดยี วก็ได้ 11 ผลแลว้ ) 4) หาคาตอบได้อย่างไร (11 + 5) ครูแนะนาการเขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์ดังนี้ 11 + 5 =  5) มาลีเกบ็ ฝรงั่ และมะมว่ งไดท้ ้งั หมดก่ผี ล (16 ผล) ครูเขียนประโยคสญั ลักษณ์ดังนี้ 11 + 5 = 16 6) 16 เปน็ คาตอบท่ีสมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (เป็นคาตอบทส่ี มเหตุสมผล เพราะคาตอบควรมากกกว่า 11) ครเู ขยี นสรปุ คาตอบได้ดังนี้ มาลีเกบ็ ฝรั่งและมะม่วงไดท้ ้งั หมด ๑๖ ผล 3. ครูเขียนโจทยป์ ญั หาบนกระดานดังน้ี “แม่ค้ามผี ักบงุ้ 18 กา ขายไปแลว้ 7 กา แมค่ า้ เหลอื ผักบุ้ง ก่ีกา” ใหน้ ักเรียนอ่านโจทย์พร้อมกนั แลว้ ชว่ ยกนั วิเคราะหโ์ จทย์ โดยใช้การถามตอบ ดังนี้ 1) โจทยถ์ ามอะไร (แม่คา้ เหลือผักบุ้งกก่ี า) 2) โจทย์บอกอะไรบ้าง (แมค่ ้ามีผักบุ้ง 18 กา ขายไป 7 กา)

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๔๔ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 223 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ครูติดบตั รภาพผักบงุ้ (อาจใช้การเขียนภาพประกอบ) ดังน้ี ขายไปแลว้ 3) แมค่ ้าขายผักบ้งุ เหลอื มากกวา่ หรือน้อยกวา่ 18 กา และนกั เรยี นจะทราบได้อย่างไร (น้อยกว่า 18 กา เพราะทัง้ หมดมี 18 กา และขายออกไปจึงเหลอื น้อยกวา่ 18 กา) 4) หาคาตอบได้อยา่ งไร (18 – 7) 5) เขียนเปน็ ประโยคสัญลกั ษณไ์ ด้อยา่ งไร (18 – 7 = ) 6) แม่คา้ เหลือผักบงุ้ กี่กา (11 กา) 7) 11 เปน็ คาตอบทไี่ ด้สมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (สมเหตสุ มผล เพราะน้อยกวา่ 18 กา) ครูเขียนสรปุ คาตอบไดด้ งั น้ี แม่ค้าเหลอื ผักบุ้ง ๑๑ กา 4. ครเู ขยี นโจทย์ปัญหาบนกระดานดังนี้ “แม่ค้าขายลูกชิ้นปงิ้ ได้ 10 ไม้ ขายไส้กรอกได้ 8 ไม้ แม่คา้ ขาย ลกู ชิน้ ปิ้งและไส้กรอกได้ทง้ั หมดกีไ่ ม้” ใหน้ ักเรยี นอ่านโจทยพ์ ร้อมกนั แลว้ ชว่ ยกนั วเิ คราะหโ์ จทยโ์ ดยครูถาม คาถามดงั น้ี 1) โจทยถ์ ามอะไร (แม่คา้ ขายลูกช้นิ ป้ิงและไส้กรอกไดท้ ง้ั หมดก่ีไม้) 2) โจทย์บอกอะไรบ้าง (แมค่ ้าขายลกู ช้ินป้งิ ได้ 10 ไม้ ขายไส้กรอกได้ 8 ไม้) ครูเขียนภาพประกอบ ดังน้ี

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๔๔ ชน้ั ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 224 หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ลกู ชน้ิ ป้งิ ไสก้ รอก 3) แม่ค้าขายลกู ชิ้นปิ้งและไส้กรอกได้ท้ังหมดมากกวา่ หรอื น้อยกวา่ 10 ไม้ (มากกวา่ 10 ไม)้ 4) หาคาตอบได้อยา่ งไร (10 + 8) 5) เขยี นประโยคสญั ลกั ษณ์ได้อย่างไร (10 + 8 = ) 6) แม่ค้าขายลูกชน้ิ ปิ้งและไสก้ รอกได้ทงั้ หมดกี่ไม้ (18 ไม้) 7) 18 เป็น คาตอบทไ่ี ด้สมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะเหตุใด (สมเหตสุ มผล เพราะมากกวา่ 10 ไม)้ ครเู ขียนสรปุ คาตอบไดด้ งั น้ี แม่ค้าขายลูกชิ้นป้ิงและไสก้ รอกไดท้ ้ังหมด 18 ไม้ 5. ครเู ขยี นโจทย์ปัญหาบนกระดานดงั น้ี “บีมมีไก่ทอด 8 ชิน้ บอมมีไกท่ อด 12 ชิน้ ใครมีไกท่ อดมากกว่า และมากกว่ากช่ี น้ิ ” ใหน้ กั เรียนอ่านโจทย์พร้อมกันแลว้ ช่วยกนั วเิ คราะหโ์ จทยโ์ ดยใชก้ ารถามตอบดังนี้ 1) โจทย์ถามอะไร (ใครมีไก่ทอดมากกวา่ และมากกว่ากช่ี ิน้ ) 2) โจทยบ์ อกอะไรบ้าง (บมี มีไก่ทอด 8 ชน้ิ บอมมไี กท่ อด 12 ชิ้น) 3) ใครมีไกท่ อดมากกว่า และนักเรียนทราบได้อยา่ งไร (บอมมีไก่ทอดมากกวา่ เพราะ 12 มากกวา่ 8)

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ่ี ๔๔ ชัน้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 225 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ครูเขียนภาพประกอบ ดงั น้ี บมี  บอม  4) บอมมีไกท่ อดมากกว่าบีมก่ชี ้ินหาคาตอบได้อย่างไร (12 – 8) 5) เขยี นเปน็ ประโยคสัญลักษณ์ได้อยา่ งไร (12 – 8 = ) 5) บอมมไี ก่ทอดมากกวา่ บมี กช่ี นิ้ (4 ชนิ้ ) 6) 4 เป็น คาตอบที่ได้สมเหตสุ มผลหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (สมเหตสุ มผล เพราะน้อยกว่า 12 ช้ิน) ครเู ขียนสรุปคาตอบไดด้ ังน้ี บอมมีไก่ทอดมากกวา่ บมี 4 ช้ิน ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด 2.42 ในห้องเรียน ถา้ เสร็จแล้วครูและนักเรียนรว่ มกนั เฉลยและ ตรวจสอบความถูกต้อง ขน้ั สรุป 6. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปขน้ั ตอนการแกโ้ จทยป์ ญั หาการบวก โจทย์ปญั หาการลบ

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ข้นั นำ แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี ๔๕ ข้นั สอน 226 แนวกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ ข้ันสรุป ทบทวนการวเิ คราะห์โจทยป์ ัญหาการบวก และโจทยป์ ญั หาการลบทผ่ี ลลัพธไ์ มเ่ กนิ 20 การวิเคราะหโ์ จทยป์ ญั หาการบวก และโจทยป์ ญั หาการลบทผ่ี ลลัพธ์ไมเ่ กิน 20 จากสถานการณท์ มี่ คี าวา่ มากกวา่ น้อยกว่า แบบฝกึ หัด 2.43 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ การวเิ คราะหโ์ จทยป์ ญั หาการบวก และโจทย์ปญั หาการลบทผี่ ลลัพธไ์ มเ่ กนิ 20 กำรวัดและประเมนิ ผล - ประเมนิ จากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหดั 2.43 - ประเมินจากการแก้ปญั หา สื่อสาร และสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๔๕ ช้นั ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 227 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ขอบเขตเนือ้ หำ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ ขนั้ นำ โจทยป์ ญั หาการบวก การลบ 1. แถบโจทย์ปัญหา (สถานการณ์ท่ีมีคาว่ามากกว่า 1. ครทู บทวนการวเิ คราะห์โจทย์ปัญหาการบวก และโจทย์ปัญหาการลบทผี่ ลลัพธไ์ ม่เกนิ 20 โดยครตู ดิ 2. แผนภาพ น้อยกว่า) แถบโจทย์ปญั หาบนกระดาน ใหน้ ักเรยี นบอกวิธคี ดิ และคาตอบ เช่น “ภาขายเสอ้ื ได้ 11 ตัว ขายกางเกงได้ 3. แบบฝกึ หดั 2.43 มากกวา่ เสื้อ 3 ตัว ภาขายกางเกงได้กี่ตวั ” สำระสำคญั กำรประเมนิ ครูตดิ แผนภาพหรือเขยี นแผนภาพ และประโยคสัญลกั ษณ์ประกอบการอธบิ าย ดงั นี้ การแกป้ ญั หาทาไดโ้ ดยอ่านทา 1. วธิ กี ำร ความเข้าใจปัญหา วางแผนวธิ ีคดิ หา 1) โจทยถ์ ามอะไร (ภาขายกางเกงไดก้ ต่ี วั ) 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ คาตอบ และตรวจสอบความ 2) โจทย์บอกอะไรบา้ ง (ภาขายเสื้อได้ 11 ตวั ขายกางเกงไดม้ ากกวา่ เสอื้ 3 ตัว) 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด 2.43 สมเหตุสมผล 3) ภาขายกางเกงได้มากกว่าหรอื นอ้ ยกว่า 11 ตวั เพราะเหตใุ ด (ควรได้มากกว่า 11 ตัว เพราะมเี สอ้ื 2. เครือ่ งมือ 2.1 แบบฝึกหดั 2.43 จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 11 ตวั กางเกงมากกวา่ เสือ้ จงึ ควรมีมากกว่า 11) 2.2 แบบประเมินทักษะและ 4) หาคาตอบไดอ้ ยา่ งไร (11 + 3) กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ด้ำนควำมรู้ 5) เขียนประโยคสญั ลักษณไ์ ดอ้ ยา่ งไร (11 + 3 = ) 3. เกณฑ์ เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นสามารถหาคาตอบ 6) ภาขายกางเกงไดก้ ตี่ ัว (14 ตวั ) 3.1 ผลงานมคี วามถูกต้อง 7) 14 เปน็ คาตอบท่ีไดส้ มเหตสุ มผลหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (สมเหตุสมผล เพราะมากกวา่ 11 ตัว) ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 80 ของโจทย์ปัญหาได้ ครูเขยี นสรุปคาตอบไดด้ งั นี้ ภาขายกางเกงได้ 11 ตัว 3.2 คะแนนรวมด้านทักษะและ ด้ำนทักษะและกระบวนกำรทำง กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ คณิตศำสตร์ ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 60 เพือ่ ให้นักเรยี นสามารถ 1. แก้ปัญหา1 2. สอ่ื สาร และสอื่ ความหมาย ทางคณิตศาสตร์

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ี่ ๔๕ ช้ัน ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 228 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ทบทวนการวเิ คราะหโ์ จทยป์ ัญหาการบวก และโจทยป์ ัญหาการลบที่ผลลพั ธไ์ ม่เกนิ 20 โดยครูตดิ แถบโจทย์ปัญหาบนกระดาน ให้นักเรียนบอกวธิ ีคิดและคาตอบ เชน่ “แพรซอ้ื ส้มโอ 14 ผล ซ้อื ส้มโอน้อยกวา่ มะม่วง 3 ผล แพรซือ้ มะม่วงก่ีผล” ครูติดแผนภาพหรือเขียนแผนภาพ และประโยคสญั ลักษณ์ประกอบการอธบิ าย ดงั น้ี 1) โจทย์ถามอะไร (แพรซื้อมะมว่ งกีผ่ ล) 2) โจทย์บอกอะไรบา้ ง (แพรซ้ือสม้ โอ 14 ผล ซ้อื ส้มโอน้อยกวา่ มะม่วง 3 ผล) 3) แพรซอ้ื มะมว่ งมากกวา่ หรอื นอ้ ยกว่า 14 ผล เพราะเหตใุ ด (ควรซื้อมากกวา่ 14 ผล เพราะส้มโอ น้อยกว่ามะม่วง มะมว่ งจึงควรมมี ากกวา่ 14 ผล) 4) หาคาตอบได้อยา่ งไร (14 + 3) 5) เขียนประโยคสัญลกั ษณ์ไดอ้ ย่างไร (14 + 3 = ) 6) แพรซื้อมะม่วงก่ีผล (17 ผล) 7) 17 เป็น คาตอบที่ไดส้ มเหตสุ มผลหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (สมเหตุสมผล เพราะมากกวา่ 14 ผล) ครูเขียนสรุปคาตอบไดด้ ังน้ี แพรซอ้ื มะมว่ ง 17 ผล

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรยี นรูค้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๔๕ ชน้ั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 229 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ครูแนะนาว่าจากทงั้ สองสถานการณน์ ้นี ักเรียนจะเหน็ ว่าตอ้ งใช้การวิเคราะหโ์ จทย์ โดยการวาดภาพจะทาใหเ้ หน็ วธิ กี ารหาคาตอบทีช่ ัดเจนขึ้น ข้ันสอน 2. ครเู ขยี นโจทย์ปัญหาบนกระดาน ดังนี้ “แจ็คมีดินสอ 15 แทง่ จ๊ิบมดี ินสอมากกว่าแจ็ค 2 แท่ง จิบ๊ มีดินสอกี่แท่ง” ให้นกั เรียนวเิ คราะห์โจทยโ์ ดยใช้การถามตอบดังนี้ 1) โจทย์ถามอะไร (จิ๊บมดี ินสอก่ีแทง่ ) 2) โจทย์บอกอะไรบ้าง (แจ็คมีดนิ สอ 15 แทง่ จ๊ิบมดี นิ สอมากกว่าแจ็ค 2 แทง่ ) ครตู ดิ หรอื เขียนภาพประกอบดงั น้ี ดินสอของแจ็คมี 15 แทง่ 2 แท่ง ดนิ สอของจบิ๊ 3) จบ๊ิ มีดินสอมากกว่าหรอื น้อยกวา่ 15 แทง่ ทราบได้อย่างไร (มากกวา่ 15 แทง่ เนอ่ื งจากจ๊ิบมีดนิ สอมากกวา่ แจ็ค แจ๊คมีแล้ว 15 แทง่ คาตอบจึงควรมากกว่า 15) 4) จะหาคาตอบได้อยา่ งไร (15 + 2) 5) เขียนเปน็ ประโยคสัญลักษณ์ได้อย่างไร (15 + 2 = ) 6) จิ๊บมดี นิ สอก่ีแท่ง (17 แทง่ ) 7) 17 เป็นคาตอบทส่ี มเหตุสมผลหรอื ไม่ เพราเหตุใด (สมเหตสุ มผล เพราะ 17 มากกวา่ 15) 8) สรุปคาตอบได้อยา่ งไร (จิ๊บมดี ินสอ 17 แท่ง) ครเู ขียนสรปุ คาตอบไดด้ งั นี้ จบิ๊ มดี ินสอ ๑๗ แท่ง

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ ๔๕ ชน้ั ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 230 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ครเู ขียนโจทย์ปญั หาบนกระดานดงั น้ี “แจ็คมีดินสอ 15 แท่ง แจ็คมดี ินสอมากกว่าจอ๊ บ 2 แท่ง จ๊อบมีดนิ สอกแี่ ท่ง” ใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั วเิ คราะหโ์ จทย์ โดยใช้การถามตอบดังน้ี 1) โจทยถ์ ามอะไร (จ๊อบมีดนิ สอกี่แท่ง) 2) โจทย์บอกอะไรบ้าง (แจค็ มีดินสอ 15 แท่ง แจค็ มดี ินสอมากกวา่ จอ๊ บ 2 แท่ง) ครูตดิ หรือเขียนภาพประกอบ ดังน้ี ดนิ สอของแจ็คมี 15 แท่ง ดนิ สอของจอ๊ บ 2 แท่ง 3) ดนิ สอของจอ๊ บมากกว่าหรอื น้อยกว่า 15 แทง่ ทราบไดอ้ ย่างไร (น้อยกว่า 15 แทง่ เน่อื งจากแจค็ มดี ินสอมากกวา่ จอ๊ บ แจ๊คมีแล้ว 15 แท่ง คาตอบจึงควรน้อยกวา่ 15 ) 4) จะหาคาตอบไดอ้ ย่างไร (15 - 2) 5) เขียนเปน็ ประโยคสัญลกั ษณ์ได้อยา่ งไร (15 – 2 = ) 6) จ๊อบมีดนิ สอกี่แท่ง (13 แท่ง) 7) 13 เปน็ คาตอบที่ไดส้ มเหตสุ มผลหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (สมเหตสุ มผล เพราะนอ้ ยกวา่ 15) 8) สรปุ คาตอบไดอ้ ยา่ งไร (จ๊อบมดี นิ สอ 13 แทง่ ) ครเู ขยี นสรปุ คาตอบได้ดังนี้ จอ๊ บมดี นิ สอ ๑๓ แท่ง

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้คู ณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๔๕ ชนั้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 231 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรอื่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ครูติดแถบโจทยป์ ัญหาต่อไปนี้บนกระดาน “ลุงม่ันขายตน้ มะมว่ งได้ 20 ต้น ขายต้นมะนาวได้ นอ้ ยกว่าต้นมะม่วง 5 ต้น ลงุ มน่ั ขายตน้ มะนาวไดก้ ่ตี ้น” ให้นกั เรยี นอา่ นโจทย์ปัญหาพรอ้ มกัน แล้ว วิเคราะห์โดยถามคาถามดงั นี้ 1) โจทย์ถามอะไร (ลงุ ม่ันขายต้นมะนาวไดก้ ี่ต้น) 2) โจทยบ์ อกอะไรบ้าง (ลุงมั่นขายต้นมะมว่ งได้ 20 ตน้ ขายต้นมะนาวได้น้อยกว่า ต้นมะม่วง 5 ตน้ ) ครขู อตวั แทนนกั เรยี นเขยี นรูปประกอบ โดยครใู หค้ าแนะนา 3) ลงุ ม่ันขายตน้ มะนาวไดม้ ากกว่าหรอื น้อยกว่า 20 ต้น (น้อยกว่า) 4) หาคาตอบได้อย่างไร (นา 20 ลบด้วย 5) 5) เขยี นประโยคสัญลกั ษณ์ได้อยา่ งไร (20 – 5 = ) 6) ลงุ ม่นั ขายตน้ มะนาวไดก้ ่ีต้น (15 ต้น) 7) 15 เป็นคาตอบท่ไี ด้สมเหตสุ มผลหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (สมเหตุสมผล เพราะถ้าขายต้นมะมว่ งได้ 20 ตน้ จะขายต้นมะนาวได้น้อยกวา่ 5 ต้น) 8) สรุปคาตอบได้อย่างไร (ลงุ มั่นขายต้นมะนาวได้ 15 ตน้ ) ครูเขียนสรุปคาตอบไดด้ ังน้ี ลุงม่นั ขายต้นมะนาวได้ ๑๕ ตน้

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๔๕ ชนั้ ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 232 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ครูติดแถบโจทย์ปัญหาต่อไปน้ีบนกระดาน “วันหนงึ่ แม่คา้ ขายรองเท้านักเรียนได้ 13 คู่ ขายรองเทา้ นักเรียนได้น้อยกว่ารองเทา้ ผ้าใบ 6 คู่ แม่ค้าขายรองเท้าผา้ ใบได้ก่คี ู่” ให้นักเรียนอ่านโจทย์ ปญั หาพร้อมกัน แลว้ วเิ คราะหโ์ ดยถามคาถามดงั นี้ 1) โจทยถ์ ามอะไร (แม่ค้าขายรองเทา้ ผ้าใบได้กี่ค)ู่ 2) โจทย์บอกอะไรบ้าง (วันหนงึ่ แมค่ า้ ขายรองเท้านกั เรียนได้ 13 คู่ ขายรองเท้านกั เรยี นได้ น้อยกวา่ รองเท้าผ้าใบ 6 คู่) ครูขอตวั แทนนักเรียนเขยี นรูปประกอบ โดยครใู ห้คาแนะนา 3) แม่ค้าขายรองเท้าผา้ ใบมากกว่าหรอื น้อยกว่า 13 คู่ (มากกว่า) 4) หาคาตอบได้อยา่ งไร (นา 13 บวกกบั 6) 5) เขยี นเป็นประโยคสญั ลักษณ์ได้อยา่ งไร (13 + 6 = ) 6) แมค่ ้าขายรองเท้าผา้ ใบไดก้ ่ีคู่ (19 คู)่ 7) 19 เปน็ คาตอบท่ีไดส้ มเหตสุ มผลหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (สมเหตสุ มผล เพราะคาตอบท่ีไดม้ ากกว่า 13) 8) สรปุ คาตอบได้อย่างไร (แมค่ า้ ขายรองเท้าผ้าใบได้ 19 คู)่ ครูเขยี นสรปุ คาตอบไดด้ ังน้ี แมค่ ้าขายรองเทา้ ผา้ ใบได้ ๑๙ คู่

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๔๕ ชน้ั ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 233 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรือ่ ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ให้นักเรียนทาแบบฝกึ หดั 2.43 ในห้องเรียน เมื่อเสร็จแลว้ ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั เฉลย ถา้ ไมเ่ สรจ็ ให้นักเรยี นทาเป็นการบ้าน ขนั้ สรุป 3. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปข้นั ตอนในการแก้โจทยป์ ญั หาการบวก การลบ

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขนั้ นำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๔๖ ข้ันสอน 234 ข้ันสรปุ แนวกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ กำรวดั และประเมนิ ผล ทบทวนการวเิ คราะหโ์ จทยป์ ัญหาการบวก และโจทย์ปัญหาการลบจากสถานการณ์ การวเิ คราะหโ์ จทยป์ ญั หาการบวก และโจทย์ปญั หาการลบ (สถานการณ์ทมี่ ตี ัวไมท่ ราบคา่ ) แบบฝกึ หัด 2.44 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุป การแกโ้ จทยป์ ญั หาการบวกและการลบ (สถานการณ์ที่มีตัวไมท่ ราบคา่ ) - ประเมินจากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหดั 2.44 - ประเมนิ จากการแก้ปัญหา ส่ือสาร และสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กล่มุ สำระกำรเรยี นรูค้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๔๖ ช้นั ป.๑ หน่วยที่ ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชวั่ โมง 235 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เรื่อง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ ขอบเขตเน้อื หำ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ ขน้ั นำ 1. แถบโจทยป์ ัญหา โจทย์ปัญหาการบวก การลบ 2. บัตรภาพ (สถานการณท์ ม่ี ตี ัวไม่ทราบคา่ ) 1. ครูทบทวนการวิเคราะหโ์ จทยป์ ัญหาการบวก และโจทย์ปัญหาการลบจากสถานการณ์ โดยครูตดิ แถบ 3. แบบฝึกหดั 2.44 สำระสำคัญ โจทยป์ ัญหาบนกระดานใหน้ กั เรียนบอกวธิ คี ดิ และหาคาตอบ เชน่ กำรประเมนิ การแกป้ ญั หาทาไดโ้ ดยอ่านทา แมก่ าลงั ทาขนมครกโดยใชก้ ระทะท่ีมีหลุมหยอด 14 หลุม แมห่ ยอดไปจนเหลือที่ยังไมไ่ ด้หยอดอีก 1. วธิ ีกำร ความเขา้ ใจปัญหา วางแผนวธิ คี ิดหา 1.1 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ คาตอบ และตรวจสอบความ 6 หลุม แมห่ ยอดไปขนมครกแลว้ กหี่ ลุม 1.2 ตรวจแบบฝกึ หดั 2.44 สมเหตุสมผล 2. เครื่องมือ 1) โจทยถ์ ามอะไร (แม่หยอดขนมครกไปแลว้ ก่ีหลุม) 2.1 แบบฝกึ หดั 2.44 จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ 2) โจทยบ์ อกอะไรบา้ ง (แมก่ าลงั ทาขนมครกโดยใช้กระทะทมี่ ีหลมุ หยอด 14 หลมุ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ด้ำนควำมรู้ 3. เกณฑ์ เพื่อใหน้ ักเรียนสามารถหาคาตอบ แม่หยอดไปจนเหลือที่ยงั ไม่ไดห้ ยอดอกี 6 หลุม) 3.1 ผลงานมคี วามถูกตอ้ ง ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 ของโจทย์ปัญหาได้ 3) เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ได้อยา่ งไร (14 -  = 6) 3.2 คะแนนรวมดา้ นทกั ษะและ ดำ้ นทกั ษะและกระบวนกำรทำง กระบวนการทางคณิตศาสตร์ คณิตศำสตร์ 4) ครูเขียนแสดงความสมั พันธ์เพื่อหาคาตอบ ดังนี้ 8 ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 6 เพอ่ื ให้นักเรียนสามารถ 14 -  = 6 14 1. แก้ปัญหา หาคาตอบโดยใช้ความสัมพนั ธ์การบวกและการลบ 2. สอ่ื สาร และสอื่ ความหมาย ทางคณติ ศาสตร์ 14 – 6 = 8 ดังนน้ั 14 - 8 = 6 5) คาตอบเป็นเท่าไร (8 หลมุ ) ดงั นั้น แม่หยอดไปแล้ว 8 หลมุ

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้คณติ ศำสตร์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๔๖ ชนั้ ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 236 หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ ขนั้ สอน 2. ครูเขยี นโจทยป์ ัญหาบนกระดาน ดงั น้ี “นพมสี ม้ 8 ผล รวมกับมังคุดแลว้ มีผลไมท้ ั้งหมด 15 ผล นพมีมงั คดุ ก่ีผล” ใหน้ ักเรยี นวิเคราะห์โจทย์โดยใช้การถามตอบดังน้ี 1) โจทยถ์ ามอะไร (นพมีมังคุดกี่ผล) 2) โจทย์บอกอะไรบา้ ง (นพมสี ม้ 8 ผล รวมกับมงั คดุ แล้วมผี ลไม้ท้งั หมด 15 ผล) ครูติดบัตรภาพประกอบดังนี้ หรือ หรอื 3) มังคุดมจี านวนมากกว่าหรอื นอ้ ยกว่า 15 ผล (นอ้ ยกวา่ 15 ผล) 4) เขยี นเปน็ ประโยคสัญลักษณ์ได้อยา่ งไร (8 +  = 15) 5) จะหาคาตอบได้อย่าง (ใชค้ วามสัมพันธ์การบวกและการลบ)

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ี่ ๔๖ ช้นั ป.๑ หนว่ ยที่ ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 237 หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ เรอ่ื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ครูเขียนแสดงความสัมพนั ธ์เพื่อหาคาตอบ ดังน้ี 8 +  = 15 8 หาคาตอบโดยใช้ความสมั พนั ธก์ ารบวกและการลบ 15 15 – 8 = 7 ดงั น้ัน 8 + 7 = 15 7 6) คาตอบเปน็ เท่าไร (7 ผล) 7) 7 เปน็ คาตอบทีส่ มเหตุสมผลหรือไม่ เพราเหตใุ ด (สมเหตสุ มผล เพราะ 7 น้อยกวา่ 15) 8) สรปุ คาตอบได้อย่างไร (นพมมี งั คุด 7 ผล) 3. ครเู ขยี นโจทยป์ ัญหาบนกระดาน ดังนี้ “แม่คา้ มีขา้ วโพด 20 ฝกั ขายไปจนเหลอื ขา้ วโพด 9 ฝัก แมค่ ้าขายขา้ วโพดไปกีฝ่ ัก” ให้นักเรยี นวเิ คราะหโ์ จทย์โดยครถู ามคาถามดงั นี้ 1) โจทยถ์ ามอะไร (แม่ค้าขายข้าวโพดไปก่ฝี ัก) 2) โจทยบ์ อกอะไรบา้ ง (แม่ค้ามีข้าวโพด 20 ฝกั ขายไปจนเหลอื ขา้ วโพด 9 ฝัก) ครูเขยี นภาพประกอบดงั นี้ เหลืออยู่ 3) ขา้ วโพดที่ขายไปมีจานวนมากกว่าหรือนอ้ ยกวา่ 20 ฝัก (น้อยกวา่ 20 ฝัก) 4) เขยี นเปน็ ประโยคสัญลักษณ์ได้อยา่ งไร (20 –  = 9) 5) จะหาคาตอบได้อยา่ ง (ใช้ความสัมพนั ธ์การบวกและการลบ)

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สำระกำรเรยี นรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๔๖ ชั้น ป.๑ หน่วยท่ี ๒ กำรดำเนินกำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 238 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เร่ือง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกนิ ๒๐ ครูเขยี นแสดงความสมั พันธ์เพื่อหาคาตอบ ดังนี้ 20 –  = 9 9 หาคาตอบโดยใช้ความสมั พนั ธก์ ารบวกและการลบ 20 20 – 9 = 11 ดงั น้นั 20 - 11 = 9 11 6) คาตอบเปน็ เทา่ ไร (11 ฝัก) 7) 11 เป็นคาตอบทส่ี มเหตุสมผลหรือไม่ เพราะเหตุใด (สมเหตสุ มผล เพราะ 11 น้อยกวา่ 20) 8) สรุปคาตอบได้อยา่ งไร (แม่คา้ ขายขา้ วโพดไป 11 ฝัก) 4. ครเู ขยี นโจทย์ปัญหาบนกระดาน ดังนี้ “นักเรยี นหอ้ ง ป.1/9 ถกู คัดเลือกไปเปน็ ตัวแทนตอบปัญหา 7 คน ทาใหเ้ หลือนักเรียนในห้อง 12 คน นกั เรียนห้อง ป.1/9 มกี ค่ี น” ให้นกั เรยี นวเิ คราะห์โจทยโ์ ดยครู ถามคาถามดังนี้ 1) โจทย์ถามอะไร (นักเรียนห้อง ป.1/9 มกี คี่ น) 2) โจทยบ์ อกอะไรบ้าง (นกั เรยี นห้อง ป.1/9 ถูกคัดเลอื กไปเปน็ ตัวแทนตอบปญั หา 7 คน ทาให้ เหลอื นกั เรยี นในห้อง 12 คน) ครตู ิดหรอื เขียนภาพประกอบดังนี้ หรือ

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณติ ศำสตร์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๔๖ ช้ัน ป.๑ หนว่ ยท่ี ๒ กำรดำเนนิ กำรของจำนวน เวลำ ๑ ชว่ั โมง 239 หน่วยย่อยที่ ๒.๑ เร่อื ง กำรบวก กำรลบจำนวนไม่เกิน ๒๐ 3) นกั เรียนห้อง ป.1/9 มีจานวนมากกวา่ หรือน้อยกวา่ 12 คน (มากกว่า 12 คน) 4) เขียนเปน็ ประโยคสัญลักษณไ์ ด้อยา่ งไร ( – 7 = 12) 5) จะหาคาตอบไดอ้ ยา่ ง (ใช้ความสมั พนั ธก์ ารบวกและการลบ) ครเู ขยี นแสดงความสมั พนั ธเ์ พื่อหาคาตอบ ดังน้ี  – 7 = 12 12 หาคาตอบโดยใช้ความสมั พันธก์ ารบวกและการลบ 19 12 + 7 = 19 ดังนัน้ 19 – 7 = 12 7 6) คาตอบเปน็ เท่าไร (19 คน) 7) 19 เปน็ คาตอบท่ีสมเหตุสมผลหรือไม่ เพราเหตุใด (สมเหตสุ มผล เพราะ 19 มากกว่า 12) 8) สรปุ คาตอบได้อย่างไร (นักเรยี นห้อง ป.1/9 มี 19 คน) ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ หดั 2.44 ในหอ้ งเรียน เมือ่ เสรจ็ แล้วครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันเฉลย ถ้าไม่เสรจ็ ใหน้ ักเรียนทาเปน็ การบา้ น ข้ันสรปุ 5. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปข้ันตอนในการแกโ้ จทยป์ ัญหา

ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขน้ั นำ แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ี่ ๔๗ ข้ันสอน 240 ขัน้ สรปุ แนวกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ กำรวดั และประเมินผล ทบทวนการแกโ้ จทย์ปัญหาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบ การสรา้ งโจทย์ปญั หาจากแถบข้อความท่กี าหนด แบบฝกึ หดั 2.45 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุป การสรา้ งโจทยป์ ัญหาจากแถบข้อความทกี่ าหนด - ประเมินจากการตอบคาถามและการทาแบบฝกึ หดั 2.45 - ประเมินจากการสอื่ สาร และสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook