98 สำหรบั ช่วงชัน้ ท่ี 1 ได้จัดประสบการณ์ 3 หวั ขอ้ ดังน้ี สุขภาพกายและจิตที่ดี ชวี ีมีสขุ เปน็ การจัดประสบการณ์ใหน้ ักเรียนสรา้ งนิสัยการดแู ลสขุ ภาพของตนเอง ด้วยการปฏิบัติตนตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติ ดูแลและป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากอาการเจ็บป่วย หลีกเลี่ยง สถานการณ์ที่เป็นอันตราย และรู้จักขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ไว้วางใจได้ รวมทั้งการใช้ข้อมูลสารสนเทศ ด้านสขุ ภาพ ใช้ทักษะชีวิต สร้างสัมพันธภาพที่ดี อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เป็นการจัดประสบการณ์ให้นักเรียน เห็นคณุ ค่าแหง่ ตน จดั การและควบคมุ อารมณ์ และการแสดงออกของตนเองใหเ้ หมาะสม และสรา้ งสัมพันธภาพท่ีดี กับผอู้ น่ื กิจกรรมสร้างสุข สนุกกับกิจกรรมทางกาย เป็นการจัดประสบการณ์ให้นักเรียนมีกิจกรรมทางกาย ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายท้ังแบบอยู่กับท่ี เคล่อื นที่ และแบบมีอุปกรณ์ เล่นเกม เล่นการละเล่นท้องถิ่น ออกกำลังกาย และเล่นกีฬาทั้งประเภทเดี่ยวและประเภททีม เป็นประจำสม่ำเสมอจนเป็นนิสัย ด้วยความสนุกสนาน ปลอดภัย และรักษาสิง่ แวดลอ้ ม การนำไปใช้ในชีวิตจริง จากการฝึกฝนให้ผู้เรียนตดั สนิ ใจเลอื กรับประทานอาหารเหมาะสมกับวัย ปฏิบัติตน ตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติ ใช้ข้อมูลด้านสุขภาพจากแหล่งต่างๆ และสื่อสารสนเทศในการดูแลสุขภาพตนเอง ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันและกิจกรรมนันทนาการอย่างปลอดภัย และรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนป้องกัน ตนเองจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ทั้งที่บ้าน โรงเรียนและระหว่างการเดินทางได้ รวมทั้งเอาตัวรอดจากสถานการณ์ ที่ไม่น่าไว้วางใจ จากการฝึกฝนให้ผู้เรียนได้เห็นคุณค่าแห่งตน และสร้างสัมพันธภาพที่ดีในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ทำให้ผู้เรียนรู้จักตนเองด้านความคิด ความต้องการ จุดเด่น จุดด้อยและข้อจำกัด นำไปสู่การพัฒนาตนเอง และ มีความภาคภูมิใจในตนเอง จากการฝึกฝนให้ผู้เรียนมีกิจกรรมทางกาย เล่นเกม การละเล่นพื้นเมือง ออกกำลังกาย และเล่นกีฬา ทำให้ผู้เรียนเคลื่อนไหวร่างกายในการทำกิจกรรมต่างในชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องแคล่ว มีนิสัย รักการออกกำลังกาย และเล่นกบั เพอื่ นไดด้ ้วยความสามัคคีและมมี ิตรภาพตอ่ กนั การบูรณาการกับสาระการเรียนรูต้ า่ ง ๆ ภาษาไทย/ ภาษาต่างประเทศ สามารถจัดสถานการณโ์ ดยใช้คำศัพท์และเรื่องราวการเล่นเกม การละเล่น พื้นเมือง การออกกำลังกาย และเล่นกีฬาเพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่าน การตั้งคำถามเพื่อสืบค้นข้อมูล การบนั ทึกและสรปุ ขอ้ มูล ตลอดจนการใช้ภาษาเพ่ือการนำเสนอเรอื่ งราวจากกิจกรรม คณิตศาสตร์ การอ่านข้อมูลจากสถิติอย่างง่ายเพื่อทำความเข้าใจเรื่องราวรอบตัวที่เกี่ยวกับการดูแล สขุ ภาพ การคำนวณตา่ ง ๆ ผ่านการเลน่ เกม การเลน่ กีฬา การเคลื่อนไหวรา่ งกายเปน็ รูปร่างต่าง ๆ ศิลปะ สามารถใช้จินตนาการในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่สื่อความหมายของเรื่องราว สะท้อนความคิด และความร้สู กึ ในหัวข้อท่ีนำเสนอ สังคมศึกษา ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม สามารถจัดกิจกรรมบูรณาการในประเด็น เก่ยี วกับการอยรู่ ว่ มกนั ในสังคม โดยสามารถปฏิบัตติ นตามกฎกติกา หลกั เกณฑ์ของสงั คมได้อย่างมีความรับผิดชอบ การรวมพลังทำงานเป็นทีมในการเล่น การออกกำลังกาย และการเล่นกีฬาร่วมกัน การศึกษาเส้นทางระหว่าง การออกกำลังกายในชุมชน วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติ สามารถจัดกิจกรรมบูรณาการในประเด็นเกี่ยวกับ การปฏิบัติกิจกรรม ในสถานการณจ์ รงิ ทัง้ ในชวี ติ ประจำวนั และสถานการณใ์ นโอกาสพเิ ศษรว่ มกบั เพ่อื น
99 ความสัมพันธร์ ะหว่างสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั 1. เจรญิ เติบโตด้วยสุขภาพกายและจิตท่ดี ี 1.1 ปฏบิ ตั ิตนตามหลักสุขบัญญัติแหง่ ชาติ ดูแลสุขอนามยั ทางเพศ ทำกิจวตั ร 1. การจดั การตัวเอง ประจำวัน กิน นอน พักผอ่ น เลน่ และกิจกรรมนันทนาการท่ีสรา้ งเสริม 2. การคิดขั้นสูง สมรรถภาพทางกาย อารมณ์ และสงั คมอย่างเหมาะสมตามวัย 3. การสื่อสาร ดว้ ยความเข้าใจ ถึงผลดีต่อสุขภาพกายและจิต 5. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง 1.2 หลกี เลยี่ งการนำตนเองไปอยใู่ นสถานการณ์และสภาพแวดล้อมทเี่ สี่ยง 6. การอยูร่ ว่ มกบั ธรรมชาติ และเป็นอันตรายต่อสขุ ภาพปฏบิ ัติตนตามคำแนะนำ และขอความชว่ ยเหลือ และวิทยาการอยา่ งยง่ั ยืน จากบคุ คลท่ไี ว้วางใจอยา่ งเหมาะสม เมื่อมีอาการเจ็บป่วย บาดเจบ็ จาก อบุ ัตเิ หตุ หรือเหตรุ า้ ย 1.3 ระมดั ระวงั ดแู ลและป้องกนั ตนเองให้ปลอดภยั จากอาการเจ็บป่วย หรือ โรคภัยตา่ ง ๆ อย่างเหมาะสมตามวัยและพื้นฐานสขุ ภาพรายบุคคล 2. ใช้ทกั ษะในการดำเนนิ ชีวิตและสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับผ้อู นื่ อย่างมคี วามสขุ 2.1 สำรวจตนเอง และบอกความคิดความต้องการ ความรูส้ กึ ความสามารถ 1. การจัดการตวั เอง จดุ เด่น จดุ ด้อย และขอ้ จำกดั ของตนเองในการทำกิจกรรมในชีวติ ประจำวัน 3. การสื่อสาร ทัง้ ส่วนตัวและรว่ มกับผ้อู ืน่ และปรบั ปรุงพฒั นาตนเองใหเ้ กิดความมัน่ ใจ 4. การรวมพลงั ทำงานเป็นทมี และความภาคภมู ิใจ 5. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแขง็ 2.2 สังเกตอารมณ์ พฤติกรรม ความรู้สึกของตนเองและบุคคลรอบขา้ ง แสดงออกดว้ ยพฤติกรรมทเี่ หมาะสมตามสถานการณ์อย่างมีเหตุผล หลีกเล่ียงภาวะหรือสถานการณท์ ก่ี อ่ ให้เกิดความขดั แย้ง หรอื ความไมส่ บาย ใจ ไม่ทำร้ายตนเอง ไม่ทำร้ายผู้อน่ื ไม่ทำลายขา้ วของ ไมต่ อบโต้ดว้ ยวธิ ีการ ที่รุนแรง ขอความช่วยเหลือ คำปรึกษา คำแนะนำ จากผู้ใหญ่ที่ไว้วางใจ 2.3 มสี ว่ นร่วมในกิจกรรมของครอบครัวและกลุ่มเพื่อนอย่างมคี วามสุข และ มสี มั พันธภาพทีด่ กี ับคนอื่น 3. เคล่ือนไหวรา่ งกายและกิจกรรมกีฬาอย่างสนกุ สนานและปลอดภัย 3.1 เคลื่อนไหวอวยั วะทกุ สว่ นได้สมั พันธก์ นั อยา่ งหลากหลายรปู แบบ 1. การจดั การตวั เอง ทั้งมีอุปกรณแ์ ละไม่มี อุปกรณ์อย่างมีสติ โดยคำนึงถงึ ความปลอดภยั 2. การคิดขัน้ สูง ของตนเองและผ้อู ื่น 3. การส่ือสาร 4. การรวมพลังทำงานเปน็ ทีม 3.2 เลน่ เกม การละเล่นพื้นเมือง ออกกำลงั กาย และเล่นกีฬา เป็นประจำ 5. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแขง็ สม่ำเสมอ ดว้ ยความสนุกสนาน และปลอดภัย มนี ำ้ ใจนักกีฬา เคารพกฎ 6. การอย่รู ว่ มกบั ธรรมชาติ กติกา มารยาท และข้อตกลงร่วมกนั และวิทยาการอยา่ งยง่ั ยืน
100 สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลัก 4. ใช้ข้อมูลสารสนเทศสรา้ งเสรมิ สุขภาพท่ีดี 1. การจดั การตัวเอง 4.1 ดู ฟงั อ่าน และแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขภาพจากสื่อสารสนเทศ 2. การคิดข้ันสูง 3. การสื่อสาร ทเี่ หมาะสมตามวัยและนำมาใช้ในกิจวตั รประจำวัน เพื่อสร้างนสิ ัย 6. การอยู่รว่ มกับธรรมชาติ การดูแลสุขภาพท่ีดีของตนเอง และวิทยาการอยา่ งยัง่ ยืน ผลลัพธ์การเรียนรเู้ ม่อื จบช่วงช้ันที่ 1 1. ปฏิบัติตนตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติ ดูแลสุขอนามัยทางเพศ ทำกิจวัตรประจำวันกิน นอน พักผ่อน เล่น และกิจกรรมนันทนาการที่พัฒนา อารมณ์ และสังคมอย่างเหมาะสมตามวัย ดู ฟัง อ่าน แลกเปลี่ยน และใช้ ข้อมูลด้านสุขภาพจากสื่อสารสนเทศที่เหมาะสมตามวัย บอกผลของทางเลือกที่ตัดสินใจที่อาจเกิดขึ้น ในแงบ่ วกและแง่ลบกับสุขภาพกายและจติ ของตนเอง เพื่อสร้างนสิ ยั การดูแลสขุ ภาพท่ดี ีของตนเอง 2. ระมัดระวัง ดูแลและป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากอาการเจ็บป่วยหรือโรคภัยต่าง ๆ อย่างเหมาะสมตามวัย และสขุ ภาพรายบุคคล 3. หลีกเลี่ยงการนำตนเองไปอยู่ในสถานการณแ์ ละสภาพแวดล้อมทีเ่ สี่ยงและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของตนเอง และผู้อื่น ปฏิบตั ติ นตามคำแนะนำ และตัดสนิ ใจขอความชว่ ยเหลอื จากบุคคลท่ไี ว้วางใจอยา่ งเหมาะสม เม่ือมี อาการเจบ็ ป่วยหรือโรคภยั ต่าง ๆ บาดเจบ็ จากอุบัตเิ หตุ หรือเหตรุ า้ ย 4. สำรวจตนเอง และบอกความคดิ ความต้องการ ความร้สู ึก จุดเด่น จดุ ดอ้ ย และขอ้ จำกัด ของตนเองในการทำกจิ กรรม ในชวี ติ ประจำวัน ทงั้ ส่วนตัวและรว่ มกับผอู้ ่ืน และปรบั ปรุงพัฒนาตนเองให้เกิดความม่ันใจ และความภาคภูมิใจ 5. สังเกตอารมณ์ พฤติกรรม ความรู้สึกของตนเองและบุคคลรอบข้าง แสดงออกด้วยพฤติกรรมที่เหมาะสม ตามสถานการณ์อย่างมีเหตุผล รับรู้และหลีกเลี่ยงภาวะ หรือสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง หรือ ความไม่สบายใจ ไม่ทำร้ายตนเอง ไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ทำลายข้าวของ ไม่ตอบโต้ด้วยวิธีการที่รุนแรง ขอความช่วยเหลือ คำปรึกษาคำแนะนำจากผู้ใหญ่ทไี่ วว้ างใจ 6. มสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมทางสุขภาพรว่ มกับครอบครัวและกลมุ่ เพ่ือนอย่างมีความสุข และมสี ัมพันธภาพท่ดี ีกบั คนอ่ืน 7. เคลื่อนไหวร่างกายได้สัมพันธ์กัน มีทักษะการเคลื่อนไหวพื้นฐานได้อย่างถูกต้องและหลากหลายรูปแบบ ทั้งมีอุปกรณ์และไม่มีอุปกรณ์อย่างมีสติด้วยความแรง ระยะทาง หรือมีความแม่นยำในบริบทที่เหมาะสม โดยคำนงึ ถงึ ความปลอดภยั ของตนเองและผอู้ น่ื 8. เล่นเกม เล่นการละเล่นพื้นเมือง และออกกำลังกาย และเล่นกีฬา เป็นประจำสม่ำเสมอจนเป็นนิสัย ดว้ ยความสนกุ สนาน ปลอดภยั และรักษาสงิ่ แวดลอ้ ม 9. เล่นร่วมกันกับเพ่อื นโดยรบั รวู้ ่าตนเองเป็นส่วนหน่งึ ของทีม รว่ มวางแผนเพือ่ ใหท้ ีมประสบความสำเร็จ มีน้ำใจ นักกีฬา เคารพกฎกติกา มารยาท และข้อตกลงร่วมกัน ทั้งการเล่นประเภทเดี่ยวและประเภททีม สวมบทบาทเปน็ ผ้เู ลน่ และผูร้ ว่ มจดั กิจกรรมด้วยความรับผดิ ชอบ
101 แนวทางการจดั การเรียนรูฐ้ านสมรรถนะ สขุ ภาพกายและจิตทีด่ ี ชวี ีมีสุข ผลลพั ธ์การเรียนรู้เม่ือจบช่วงช้ัน 1. ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั สขุ บัญญตั ิแหง่ ชาติ ดูแลสุขอนามยั ทางเพศ ทำกิจวัตรประจำวนั กิน นอน พกั ผ่อน เล่น และกิจกรรมนันทนาการที่พฒั นา อารมณ์ และสงั คมอย่างเหมาะสมตามวยั ดู ฟัง อา่ น แลกเปลี่ยน และ ใช้ข้อมูล ดา้ นสุขภาพจากส่ือสารสนเทศทีเ่ หมาะสมตามวยั บอกผลของทางเลือกท่ีตัดสินใจท่อี าจเกดิ ขน้ึ ในแงบ่ วกและแง่ลบกบั สขุ ภาพกายและจติ ของตนเอง เพอื่ สรา้ งนิสัยการดูแลสุขภาพทด่ี ีของตนเอง 2. ระมัดระวงั ดูแลและป้องกันตนเองใหป้ ลอดภัยจากอาการเจบ็ ป่วยหรอื โรคภยั ตา่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสมตามวัย และสขุ ภาพรายบคุ คล 3. หลกี เลี่ยงการนำตนเองไปอยูใ่ นสถานการณแ์ ละสภาพแวดล้อมทเ่ี ส่ียงและเปน็ อนั ตรายต่อสุขภาพของตนเอง และผอู้ นื่ ปฏิบตั ติ นตามคำแนะนำและตดั สินใจขอความชว่ ยเหลอื จากบุคคลทไ่ี วว้ างใจอย่างเหมาะสม เม่ือมีอาการเจบ็ ป่วยหรอื โรคภยั ต่าง ๆ บาดเจบ็ จากอบุ ัติเหตุ หรือเหตุรา้ ย ความรูแ้ ละสมรรถนะทีเ่ ช่ือมโยงกัน ตวั อยา่ งสถานการณ์ กิจกรรม และเครื่องมอื ทีใ่ ช้สำหรับนกั เรยี น 1. ปฏิบตั ิตนตามหลกั สุขบัญญัติแหง่ ชาติ ดูแลสุขอนามัยทางเพศ ทำกจิ วัตรประจำวันกนิ นอน พักผ่อน เล่น และกจิ กรรมนันทนาการทีพ่ ัฒนา อารมณ์ และสังคมอยา่ งเหมาะสมตามวัย ดู ฟงั อ่าน แลกเปล่ียน และใช้ข้อมูลด้านสขุ ภาพจากสือ่ สารสนเทศทเ่ี หมาะสมตามวัย บอกผลของทางเลือกทีต่ ัดสินใจทอ่ี าจเกิดข้นึ ในแง่บวกและแง่ลบกบั สุขภาพกายและจิตของตนเอง เพื่อสร้างนสิ ัยการดแู ลสขุ ภาพทีด่ ีของตนเอง 1. ปฏิบัติตามหลกั สุขบญั ญตั ิแห่งชาติ 1. ตดั สินใจเลือกรบั ประทานอาหาร และการจัดอาหารสำหรบั ตนเอง ดูแลรกั ษาอวยั วะภายนอก ในแต่ละม้ือด้วยตนเอง หรือรว่ มกบั สมาชกิ ในครอบครวั ใหค้ รบ และภายใน ดูแลสขุ อนามัยทางเพศ 5 หมู่ ในปรมิ าณท่ีเหมาะสมกบั วยั โดยเลี่ยงอาหารหวาน มนั เคม็ เป็นพฤตกิ รรมสุขภาพที่เหมาะสม และอาหารท่สี ่งผลเสยี ตอ่ สุขภาพ ซงึ่ จะนำไปสกู่ ารมสี ุขภาพกาย 2. ฝกึ อ่านขอ้ มูลโภชนาการบนผลติ ภณั ฑอ์ าหาร เคร่ืองดื่ม และ และจติ ทดี่ ี (S A K) ขนมขบเคยี้ ว 2. กนิ ท่ีเหมาะสม เลน่ อย่างปลอดภยั 3. ประกอบอาหารอย่างง่ายท่ถี ูกสขุ ลักษณะสำหรบั ตนเองและผอู้ ื่น จากอนั ตรายชว่ ยทำงานบา้ น และคำนึงถงึ ความปลอดภัย พักผอ่ น นอนหลับอยา่ งพอดี 4. ทำกิจกรรมนนั ทนาการนอกบา้ นอย่างปลอดภยั และเหมาะสม ทำกจิ กรรมนันทนาการนอกบา้ น 5. สังเกตและปรบั เปลีย่ นการปฏิบตั ิตนให้เหมาะสมตามหลักสุขบญั ญัติ ที่พอเหมาะกับวยั เปน็ กจิ วัตร แห่งชาติ ประจำวนั ที่ชว่ ยส่งเสรมิ การมี 6. รกั ษาความสะอาดของรา่ งกายและสุขอนามยั ทางเพศได้อย่างถูกต้อง สุขภาพกาย สขุ ภาพจติ ใหส้ มบรู ณ์ เชน่ ผวิ หนงั ฟันและปาก ผม เลบ็ (S A K)
102 3. ปรับเปลย่ี นและสรา้ งเสริม 7. สังเกตพฤติกรรมการกนิ การเลน่ การนอนและพักผอ่ นของตนเอง พฤตกิ รรมสุขภาพของตนเอง การบอกผลกระทบที่มตี ่อสุขภาพ และปรบั เปลยี่ นพฤติกรรมตนเอง ให้เหมาะสมตามวัย ทำได้ ให้เหมาะสม โดยการทำความเข้าใจในสารสนเทศ 8. ทำความสะอาดของใช้สว่ นตัว ของใชส้ ่วนรวม และสถานทใี่ นบ้าน ทเี่ กี่ยวกับสุขภาพจากสื่อตา่ ง ๆ และโรงเรียน ทีน่ ำมาส่สู ขุ ภาวะทางกายและจติ ท่ีดี ในชีวิตประจำวัน ทง้ั วตั ถปุ ระสงค์ 9. ฟงั และอา่ นข้อมลู ด้านสุขภาพจากสื่อต่างๆ เชน่ โทรทัศน์ อนิ เทอรเ์ น็ต ประโยชน์และโทษ แผ่นพับ โปสเตอร์ นำไปสกู่ ารใช้ในชีวติ ประจำวัน 10. นำเสนอข้อมลู เกีย่ วกบั การดแู ลสขุ ภาพแกผ่ ู้อนื่ 2. ระมัดระวัง ดแู ลและป้องกนั ตนเองใหป้ ลอดภัยจากอาการเจ็บปว่ ยหรอื โรคภยั ตา่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสมตามวัยและสขุ ภาพรายบคุ คล 1. ป้องกันและปฏิบัติตนเมื่อมีอาการ 1. กำหนดสถานการณจ์ ำลองสำหรบั การฝกึ ฝนการป้องกนั ดูแลตนเอง เจ็บป่วยและบาดเจ็บท่ีเกิดข้ึนกับ และปฐมพยาบาลเมื่อเจบ็ ปว่ ย ตนเองและผูอ้ ื่น อบุ ัตเิ หตุทางน้ำ และทางบก อุบัติเหตุในบ้าน โรงเรยี นและการเดนิ ทาง และ การปฐมพยาบาลเป็นวิธกี าร ทสี่ ำคัญในการพฒั นาสุขภาวะกาย และจิต 3. หลกี เลีย่ งการนำตนเองไปอยใู่ นสถานการณแ์ ละสภาพแวดล้อมท่เี สยี่ งและเปน็ อนั ตรายตอ่ สุขภาพ ของตนเองและผู้อ่ืน ปฏบิ ัติตนตามคำแนะนำและตดั สินใจขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่ไว้วางใจ อย่างเหมาะสม เม่ือมีอาการเจ็บปว่ ยหรอื โรคภยั ตา่ ง ๆ บาดเจบ็ จากอบุ ตั ิเหตุ หรอื เหตรุ า้ ย 1. หลีกเล่ียงและปอ้ งกนั อนั ตราย 1. กำหนดสถานการณจ์ ำลองเพื่อฝึกฝนการสังเกต รบั รู้ สถานการณ์ จากคนแปลกหน้าด้วยการปฏิเสธ และสภาพแวดล้อมท่ีมีโอกาสเสีย่ งและเปน็ อนั ตราย และหลกี หนจี ากสถานการณ์ และขอความชว่ ยเหลือจากบุคคล 2. ฝกึ ฝนการป้องกนั ตนเองจากอุบัติเหตุทางน้ำและทางบกและการปฏบิ ตั ิ ท่ีไวว้ างใจ ตนในสถานการณจ์ รงิ ท้ังที่บ้าน โรงเรยี น และระหวา่ งการเดินทาง 2. บอกอาการเจ็บปว่ ยของตนเอง 3. ออกนอกสถานทพ่ี บเจอบุคคลทีห่ ลากหลาย และผอู้ ่ืนแก่พ่อแม่ ผปู้ กครอง 4. ฝึกฝนการเอาตวั รอดจากสถานการณ์ที่ไมน่ า่ ไวว้ างใจ และบุคคลใกลช้ ิด การขอรบั ความช่วยเหลือจากบุคคล ท่ีไวว้ างใจ เป็นพฤติกรรมที่ควร ปฏิบัตใิ นชวี ติ ประจำวัน เพ่ือจะไดร้ บั การดูแลรักษา
103 ใชท้ ักษะชวี ติ สร้างสัมพันธภาพท่ดี ี อยูร่ ่วมกนั อยา่ งมคี วามสุข ผลลพั ธก์ ารเรยี นรเู้ มื่อจบชว่ งชัน้ 4. สำรวจตนเอง และบอกความคิดความตอ้ งการ ความรูส้ ึก จดุ เด่น จุดดอ้ ย และข้อจำกัด ของตนเองในการทำ กิจกรรมในชวี ติ ประจำวนั ทั้งส่วนตวั และร่วมกับผ้อู ่นื และปรับปรุงพัฒนาตนเองให้เกิดความมนั่ ใจ และความภาคภูมใิ จ 5. สังเกตอารมณ์ พฤติกรรม ความรู้สกึ ของตนเองและบคุ คลรอบข้าง แสดงออกด้วยพฤติกรรมที่เหมาะสม ตามสถานการณ์อยา่ งมีเหตุผล รบั รู้ และหลีกเลยี่ งภาวะ หรอื สถานการณท์ ่ีก่อใหเ้ กิดความขัดแย้ง หรือ ความไม่สบายใจ ไม่ทำร้ายตนเอง ไมท่ ำรา้ ยผู้อืน่ ไม่ทำลายข้าวของ ไมต่ อบโต้ดว้ ยวธิ กี ารท่รี ุนแรง ขอความชว่ ยเหลอื คำปรึกษา คำแนะนำจากผู้ใหญท่ ่ีไวว้ างใจ 6. มีสว่ นร่วมในกิจกรรมทางสุขภาพรว่ มกับครอบครวั และกลุ่มเพ่ือนอยา่ งมีความสุข และมีสัมพันธภาพทด่ี ีกับคนอ่นื ความรแู้ ละสมรรถนะท่เี ชื่อมโยงกัน ตวั อยา่ งสถานการณ์ กจิ กรรม และเครื่องมอื ทีใ่ ชส้ ำหรับนกั เรียน 4. สำรวจตนเอง และบอกความคดิ ความต้องการ ความรสู้ กึ จุดเด่น จดุ ด้อย และข้อจำกัด ของตนเอง ในการทำกจิ กรรมในชวี ติ ประจำวนั ทั้งส่วนตวั และร่วมกับผอู้ น่ื และปรับปรงุ พฒั นาตนเอง ใหเ้ กดิ ความม่นั ใจและความภาคภมู ิใจ 1. เหน็ คุณคา่ แหง่ ตน ทำใหม้ ี 1. ให้นกั เรยี นแสดงความสามารถท่ีเป็นจดุ เด่นของตน เช่น จดั กิจกรรม ความมั่นใจในการใช้ชวี ิตประจำวัน เกม การละเลน่ การแสดงหนา้ ชนั้ เรียนตามความถนัด จัดโอกาส ท้ังในด้านวชิ าการและการใช้ชวี ิต ให้ช่นื ชมเพอ่ื น มคี วามภาคภมู ใิ จในตนเอง 2. กำหนดสถานการณ์ทท่ี า้ ทายในการแสดงออกอยา่ งมั่นใจ และ เป็นสิง่ ทตี่ ้องสร้างขน้ึ ดว้ ยการรบั รู้ ความภาคภูมใิ จในตนเอง และเข้าใจความต้องการ 3. วางแผนพฒั นาความสามารถ จุดเดน่ จุดด้อย และข้อจำกัด ความรสู้ ึก ความสามารถ จดุ เด่น ของตนเอง จุดด้อย และข้อจำกดั ของตนเอง 5. สงั เกตอารมณ์ พฤติกรรม ความรสู้ กึ ของตนเองและบุคคลรอบขา้ ง แสดงออกดว้ ยพฤตกิ รรมท่ีเหมาะสม ตามสถานการณอ์ ยา่ งมีเหตุผล รับรแู้ ละหลกี เล่ยี งภาวะ หรือสถานการณท์ ่กี อ่ ใหเ้ กิดความขดั แย้ง หรือ ความไม่สบายใจ ไมท่ ำร้ายตนเอง ไม่ทำรา้ ยผูอ้ ่นื ไม่ทำลายข้าวของ ไมต่ อบโตด้ ว้ ยวิธกี ารทีร่ ุนแรง ขอความชว่ ยเหลอื คำปรึกษา คำแนะนำจากผใู้ หญท่ ี่ไว้วางใจ 1. สังเกตอารมณ์ พฤติกรรม 1. ฝกึ ฝนสงั เกตอารมณ์ ความรสู้ ึกของตนเอง ขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม ความรู้สกึ ของตนเอง และบุคคล รว่ มกับผู้อ่นื บนั ทึกสง่ิ ทที่ ำไดด้ ี สงิ่ ทตี่ ้องปรับปรุง รอบขา้ ง แสดงออกด้วยพฤติกรรม 2. ปรบั เปลยี่ นการแสดงออกทางความคิด ความต้องการ และความรู้สกึ ทเี่ หมาะสมตามสถานการณอ์ ยา่ งมี ในการอยรู่ ่วมกนั เหตุผล รบั ร้แู ละหลกี เลีย่ งภาวะ หรอื สถานการณ์ท่ีก่อให้เกิด
104 ความขัดแย้ง หรอื ความไม่สบายใจ ไมท่ ำรา้ ยตนเอง ไม่ทำร้ายผ้อู นื่ ไม่ทำลายข้าวของ ไมต่ อบโต้ ด้วยวธิ ีการทีร่ นุ แรง ขอความชว่ ยเหลือ คำปรึกษา คำแนะนำจากผู้ใหญ่ท่ไี วว้ างใจ เปน็ การกระทำทต่ี อ้ งฝึกฝน ใหป้ ฏิบัติได้ในสถานการณ์ เฉพาะหน้าในการอยู่ร่วมกับผ้อู ื่น 6. มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสขุ ภาพร่วมกับครอบครวั และกลุม่ เพ่ือนอยา่ งมคี วามสุข และมสี ัมพนั ธภาพท่ดี ีกบั คนอ่นื 1. สร้างสัมพันธภาพที่ดีกบั เพ่ือน ครู 1. ทำกจิ กรรมในสถานการณ์ท้งั ในชีวิตประจำวนั และสถานการณ์ และคนในครอบครัว ช่วยให้ ในโอกาสพิเศษรว่ มกบั เพอื่ น ครู และคนในครอบครัว อย่รู ่วมกนั ทำกิจกรรมร่วมกนั ในครอบครวั และกบั เพ่ือนอย่างมี ความสขุ ทำได้โดย (A S K) - ส่อื สารใหผ้ ูอ้ น่ื เขา้ ใจทเี่ อื้อตอ่ การตอบรับเชิงบวก - ควบคุมอารมณไ์ ด้เหมาะสม ตามวัยและสถานการณ์ - ปฏิเสธที่ไม่สร้างความแตกแยก ร้าวฉาน - สังเกตและเป็นผ้ฟู งั ทด่ี ี เพือ่ รบั รู้ อารมณ์ ความร้สู ึกของผู้อนื่ - แสดงพฤตกิ รรมเชงิ บวกเมอ่ื เกิด ความขดั แย้งอย่างเหมาะสม ตามคำแนะนำ
105 กิจกรรมสร้างสขุ สนุกกบั กิจกรรมทางกาย ผลลัพธ์การเรียนรูเ้ มือ่ จบช่วงชนั้ 7. เคล่อื นไหวร่างกายไดส้ ัมพันธก์ ัน มีทักษะการเคล่ือนไหวพนื้ ฐานได้อยา่ งถูกต้องและหลากหลายรูปแบบ ทงั้ มีอุปกรณแ์ ละไมม่ ีอุปกรณ์อยา่ งมสี ติ ด้วยความแรง ระยะทาง หรือมีความแมน่ ยำในบริบททเี่ หมาะสม โดยคำนึงถงึ ความปลอดภัยของตนเองและผูอ้ น่ื 8. เล่นเกม เล่นการละเลน่ พ้ืนเมอื ง และออกกำลงั กาย และเลน่ กีฬา เปน็ ประจำสม่ำเสมอจนเป็นนสิ ยั ด้วยความสนกุ สนาน ปลอดภยั และรักษาสง่ิ แวดล้อม 9. เลน่ รว่ มกันกบั เพอ่ื นโดยรับร้วู ่าตนเองเปน็ สว่ นหนงึ่ ของทมี รว่ มวางแผนเพื่อใหท้ ีมประสบความสำเร็จ มีนำ้ ใจ นกั กีฬา เคารพกฎกติกา มารยาท และข้อตกลงรว่ มกัน ท้ังการเล่นประเภทเด่ียวและประเภททมี สวมบทบาท เป็นผูเ้ ล่น และผู้ร่วมจดั กิจกรรมดว้ ยความรับผิดชอบ ความรแู้ ละสมรรถนะทีเ่ ช่ือมโยงกัน ตวั อย่างสถานการณ์ กิจกรรม และเคร่ืองมอื ท่ีใชส้ ำหรับนักเรยี น 7. เคลอ่ื นไหวร่างกายไดส้ ัมพันธ์กัน มีทักษะการเคล่ือนไหวพื้นฐานได้อยา่ งถูกต้องและหลากหลายรูปแบบ ทั้งมีอุปกรณแ์ ละไม่มอี ุปกรณอ์ ยา่ งมีสติ ด้วยความแรง ระยะทาง หรือมีความแมน่ ยำในบริบทที่เหมาะสม โดยคำนงึ ถงึ ความปลอดภยั ของตนเองและผู้อ่นื 1. เคลื่อนไหวรา่ งกายทุกส่วนไดอ้ ย่าง 1. ฝกึ การเคลอ่ื นไหวพ้นื ฐานในชีวิตประจาํ วนั สัมพนั ธ์ มีทกั ษะการเคลื่อนไหว - แบบอยูกบั ท่ี เชน น่งั ยืน กมเงย เอียง ซาย ขวา เคล่ือนไหว ขอมือ ร่างกายพ้ืนฐานท่ีถูกต้องในรูปแบบ ขอเทา แขน ขา กระโดด บดิ ตวั ดึง ผลัก ยอยืด เขยง พบั ตัว ต่าง ๆ เนน้ การเคล่อื นไหวร่างกาย เคลอ่ื นไหวลาํ ตวั ผา่ นการเลน่ เป็นหลัก ตามธรรมชาติ - แบบเคล่ือนท่ี เชน เดิน วิ่ง กระโดด กลิ้งตัว กระโดด เขยง กาวชดิ กาว อย่างสมดุล เปน็ การเตรียม ว่งิ ตามทศิ ทางที่กาํ หนด เดนิ ตอเทา เดนิ ถอย - หลงั กระโจน ความพร้อมของร่างกายในการทำ - แบบใชอุปกรณประกอบ เชน จับ โยน เตะ เคาะ คบี ขวาง ตี ดีด กจิ กรรมทางกายอย่างคล่องแคล่ว ขวาง โยน และปลอดภยั เลน่ เกม ออกกำลงั กาย 2. วิธกี ารควบคมุ การเคล่อื นไหวรางกายแบบตาง ๆ อยางมีทิศทาง และกีฬา 3. ทำกิจกรรมทางกาย 2. มีกจิ กรรมทางกาย เคล่อื นไหว - กิจกรรมทใ่ี ชในการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ เช่น เลนเกมเบ็ดเตล็ด ร่างกายตอ้ งมีสติ และคำนึงถงึ - กิจกรรมทางกายทวี่ ิธีเลนอาศัยการเคลื่อนไหวพน้ื ฐานทั้งแบบอยูกับท่ี ความปลอดภยั ของตนเองและผู้อื่น เคลือ่ นท่ี และใชอุปกรณ์ประกอบ - กิจกรรมทางกายที่ใชทักษะการเคลอื่ นไหว แบบบงั คับทศิ ทาง การรับรู้ถงึ ขนาดของพ้นื ท่ี ในการเลนเกม เบ็ดเตล็ด - กิจกรรมทางกายท่จี ำเป็นในการใช้ชีวติ ประจำวนั ที่เช่ือมโยงกับ ความปลอดภัย เชน่ วา่ ยน้ำ เดนิ วิ่งออกกำลังกายในชมุ ชน - กจิ กรรมทางกายที่สนใจ เชน่ ขจี่ กั รยาน สำรวจธรรมชาติ
106 8. เลน่ เกม เล่นการละเลน่ พน้ื เมือง และออกกำลงั กาย และเล่นกฬี า เป็นประจำสม่ำเสมอจนเปน็ นิสัย ด้วยความสนกุ สนาน ปลอดภัย และรกั ษาสิ่งแวดล้อม 1. เล่นเกม เล่นการละเลน่ พื้นเมอื ง 1. เตรยี มและเกบ็ อุปกรณ์เข้าที่ ออกกำลังกายเปน็ ประจำ 2. รกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มที่อาจได้รับผลจากการเล่นของตนเองและเพ่ือน และเล่นกฬี าจะช่วยสรา้ งเสรมิ 3. ดแู ลตนเองและหลกี เล่ยี งการเกดิ อุบัติเหตทุ ี่เกิดขน้ึ ระหว่าง สุขภาพกาย ให้แข็งแรง และสขุ ภาพจิตให้แจ่มใส การเลน่ เกม การละเล่นพ้ืนเมอื ง และออกกำลังกาย และเลน่ กฬี า มีความสนกุ สนาน โดยคำนงึ ถึง 4. วางแผนดแู ลสุขภาพตัวเองดว้ ยการทำกจิ กรรมทางกาย ออกกำลงั กาย ความปลอดภยั และสงิ่ แวดลอ้ ม และเลน่ กฬี า 9. เลน่ รว่ มกนั กบั เพอ่ื นโดยรับรวู้ ่าตนเองเป็นส่วนหน่ึงของทีม รว่ มวางแผนเพ่ือให้ทีมประสบความสำเร็จ มนี ้ำใจนักกีฬา เคารพกฎกตกิ า มารยาท และข้อตกลงรว่ มกนั ท้ังการเล่นประเภทเดยี่ วและประเภททีม สวมบทบาทเปน็ ผ้เู ลน่ และผรู้ ่วมจัดกิจกรรมด้วยความรบั ผดิ ชอบ 1. เล่นเกม เล่นการละเล่นพ้ืนเมอื ง 1. เลน่ เกม และเล่นการละเล่นพืน้ เมือง และกีฬาตามบรบิ ท ทั้งประเภท และกีฬาร่วมกนั เป็นทีม รับรู้ เดยี่ วและทีม ออกกำลังกายเปน็ ประจำอย่างสมำ่ เสมอ และเข้าใจว่าตนเป็นสว่ นหน่งึ 2. วางแผนเล่นเกม และเลน่ การละเลน่ พน้ื เมือง กีฬาเปน็ ทีมร่วมกบั ของทมี รว่ มวางแผนเพอื่ ให้ทีม เพ่ือน กำหนดกติกา กฎเกณฑ์รว่ มกัน ประสบความสำเร็จ 3. ฝกึ ซ้อมการเล่นกีฬาเปน็ ทีมกับเพือ่ น ผา่ นสถานการณ์การรว่ มฝกึ ฝน แสดงความสนใจ ใสใ่ จ และ รว่ มฝ่าฟนั รวมกนั เปน็ ทีม ยอมรับความแตกตา่ ง ความถนดั ของ หว่ งใยเพื่อนในทีม มนี ำ้ ใจนกั กีฬา แต่ละคน เคารพกฎ กติกา มารยาท และ ข้อตกลงร่วมกนั 2. รว่ มแขง่ ขนั เกม การละเล่น พ้ืนเมอื ง และกีฬา กับเพือ่ น เป็นการแขง่ ขนั ในฐานะนักกฬี า สมคั รเลน่ มงุ่ สร้างความสามัคคี และมติ รภาพ
107 สาระการเรียนรสู งั คมศึกษา ประวตั ศิ าสตร หนาท่ีพลเมือง และศีลธรรม สาระสำคญั ของสาระการเรียนรู ความสำคญั ของสาระการเรยี นรูสงั คมศกึ ษา ประวัตศิ าสตร หนา ท่พี ลเมือง และศลี ธรรม สาระการเรียนรูนี้ชวยใหผูเรียนใชชีวิตทั้งในฐานะปจเจกบุคคล และการอยูรวมกันในสังคม เปนพลเมืองดี ของสังคม ในชวงชนั้ ท่ี ๑ น้ี เปน การเรียนเรยี นรเู รอื่ งราวเกีย่ วกับครอบครัว โรงเรยี น และชุมชน มสี มรรถนะเฉพาะ ดงั น้ี สาระการเรียนรูนี้ มีสมรรถนะเฉพาะ ๕ สมรรถนะ ไดแก ๑) ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่แสดงถึง ความตระหนักและเห็นคุณคาในประวัติศาสตร สังคม วัฒนธรรมของครอบครัว โรงเรียนและชุมชน ๒) ใชชีวิตประจำวันรวมกับผูอื่นโดยรักษาสิทธิของตน เคารพสิทธิของผูอื่น และรับผิดชอบตามบทบาท หนาที่ของตนเอง ๓) ใชชีวิตประจำวันอยางรับผิดชอบตอสิ่งแวดลอมดวยความเขาใจลักษณะทางกายภาพ ของสิ่งตางๆ ที่อยูรอบตัวและชุมชน ๔) กำกับตนเองในการใชจายของตนเอง ครอบครัว และโรงเรียน และ ๕) ใฝท ำความดี และอยูร วมกับผอู ่ืนดว ยดบี นหลกั ปฏบิ ัตขิ องศาสนาทีน่ ับถือ สมรรถนะเฉพาะทั้ง ๕ สมรรถนะดังกลาว มีความสัมพันธเชื่อมโยงกับสมรรถนะหลักทั้ง ๖ สมรรถนะ และบรู ณาการกันเปน ผลลัพธก ารเรียนรูชว งชั้น ๘ ขอ ซึ่งเปนเปา หมายของชว งชนั้ น้ี ผลลัพธการเรียนรูชวงชั้นที่ ๑ ทั้ง ๘ ขอ ดังกลาว นำไปกำหนดเปนผลลัพธการเรียนรูชั้นประถมศึกษา ปท่ี ๑ - ๓ โดยตองคำนึงถึงการบูรณาการสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะดวย เพื่อใหเมื่อผูเรียน บรรลผุ ลลัพธการเรยี นรูช้นั ปแ ลว จะนำไปสูการบรรลุผลลัพธก ารเรียนรชู วงช้ันตามทหี่ ลักสตู รกำหนดไว ลักษณะเฉพาะ/ ธรรมชาติของสาระการเรยี นรู สาระการเรียนรูนี้เปนสาระการเรียนรูที่วาดวยการศึกษาอยางเปนระบบเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องราว ท่เี กดิ ขน้ึ ในอดีต ทำใหเ ขา ใจสังคมในอดีตไดใกลเคียงกับความเปน จริงมากทสี่ ุด เพ่ือนำมาเสริมสรางความเขาใจ ในสังคมปจจุบัน รวมทั้งความภาคภูมิใจในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน อันสงผลตอพฤติกรรมในปจจุบัน การปฏิบัติตนตามสิทธิ บทบาท หนาที่ในการอยูรวมกัน รวมไปถึงความรับผิดชอบตอตนเองในการใชจาย และ การใชทรัพยากรโดยคำนึงถึงผลกระทบตอตนเอง และสิ่งแวดลอม อันจะนำไปสูการเปนสมาชิกที่ของ ประเทศชาติที่ไดรับการพัฒนาระบบความคิด พิจารณา ไตรตรองกอนตัดสินใจทำสิ่งใด ๆ ในการใชชีวิต รวมกับผูอื่น รวมทั้งวาดวยการปฏิบัติตนตามหลักของศาสนาที่ตนนับถือดวยสำนึกที่ดี ที่ไดรับการปลูกฝง ทำใหเปนผูมีจิตใจดี คิดและทำแตสิ่งที่ดี อันเปนประโยชนและไมสรางความเดือดรอนทั้งตอตนเอง ผูอื่น และ สวนรวม จดุ เนน การพฒั นา การพัฒนาผูเรียนในแตละชั้นป ควรจัดสถานการณจากเรื่องราวใกลตัวไปสูไกลตัว โดยในชั้นประถมศึกษา ปท ี่ ๑ เนน การปฏิบตั ติ นเปน สมาชกิ ที่ดีทเ่ี ขาใจประวัติ ความเปน มา บรบิ ททางสังคมวัฒนธรรมและส่ิงแวดลอม ในระดับครอบครัว ชัน้ ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ จัดสถานการณใ นบริบทของหองเรียนและโรงเรยี น ชน้ั ประถมศึกษา ปที่ ๓ เนนที่บรบิ ทของชุมชนท่ีผเู รียนอาศัยอยู สำหรับชวงช้นั ที่ ๑ ไดจดั ผลลัพธก ารเรียนรชู วงชนั้ เปน ๔ หัวขอ ดงั น้ี เหตุการณในอดีตของครอบครัว โรงเรียน และชุมชน เปนการบูรณาการใหนักเรียนใชคนหาเรื่องราว ความเปนมาของครอบครัว และโรงเรียนอยางเปนระบบ ผานการทำกิจกรรมรวมกันกับเพื่อนและผูเกี่ยวของ จนสามารถทำความเขาใจเหตุการณตาง ๆ นำเสนอโดยมีหลักฐานและแหลงขอมูลที่ชัดเจนมาสนับสนุน นำไปสกู ารปฏิบตั ิตนท่เี หน็ แสดงถึงความภาคภูมใิ จในครอบครวั และโรงเรยี น
108 ชีวิตในบาน โรงเรียน และชุมชน เปนการบูรณาการใหนักเรียนฝกการใชชีวิตจากสังคมใกลตัว ไปสูสังคมที่ไกลตัว ที่คำนึงถึงบทบาท สิทธิ หนาที่และเสรีภาพ ในฐานะที่เปนสมาชิกของสังคม ควบคุมอารมณ และความรูสึกและปฏิบัติตนในการอยูรวมกับผูอื่นที่มีความแตกตาง และทำประโยชนตอสวนรวม โดยไมสราง ความเดือดรอนตอตนเอง ผูอื่น สวนรวม และสำรวจขอมูลโดยใชแผนที่ แผนผัง รูปถาย เพื่อจัดระเบียบและ ดแู ลรักษาสง่ิ แวดลอม การวางแผนเงินและการใชทรัพยากร เปนการบูรณาการใหนักเรียนไดวางแผนรวมกับคนในครอบครัว เพื่อน และครู เรียนรูและพัฒนาตนเปนคนที่ใชจายเงินและทรัพยากรอยางมีการวางแผน ประหยัด เพื่อลด คา ใชจา ยของตนเอง ครอบครวั และโรงเรยี น และเหน็ ความสำคัญของการออม วัฒนธรรมทอ งถิน่ และความเปนไทย เปนการบูรณาการใหน กั เรียนเกิดความภาคภูมใิ จในความเปนไทย เห็นความคุณคา ของวัฒนธรรมของชุมชนและทองถิน่ โดยแยกแยะประโยชนส วนตนออกจากประโยชนสวนรวม เคารพสถาบันหลกั และสญั ลกั ษณข องชาติไทย การนำไปใชใ นชีวิตจริง จากการฝกฝนใหผูเรียนไดใชกระบวนการสืบคนเรื่องราวในอดีตของครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ทำให ผูเ รยี นมีสมรรถนะในการสอื่ สารดวยภาษา เพื่อคน หาขอเทจ็ จรงิ จากแหลงขอมูลทีน่ า เชื่อถอื อาศยั การคิดขั้นสูง เพื่อวิเคราะหสาเหตุและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ซึ่งผูเรียนสามารถนำไปใชในการทำความเขาใจ และคน หาขอ มูลเรอ่ื งราวตาง ๆ ท่ีตนเองอยากหาคำตอบ จากการฝกฝนใหผูเรียนสามารถอยูรวมกับผูอื่นอยางมีคุณธรรม ศีลธรรมและจริยธรรม เปนสิ่งสำคัญ ที่ชวยใหผูเรียนสามารถยอมรับความแตกตางหลากหลายทางความคิด ความเชื่อและการปฏิบัติของบุคคล ตระหนักถึงความสัมพันธระหวางตนเองกับสิ่งแวดลอมที่ตองรวมกันดูแลรักษา นำไปสูการทำตนใหเปน ประโยชน รว มรับรแู ละแกปญ หาโดยไมส รางความเดอื ดรอนใหกับตนเองและผอู น่ื และไมส งผลเสียตอส่ิงแวดลอม จากการฝกฝนเรื่องการใชเงินและทรัพยากรอยางมีสติ รูผลที่เกิดขึ้นจากการใชเงินและทรัพยากรของตนเอง ชวยลดปญหาทางการเงนิ และการใชท รัพยากรอยา งไมร คู ุณคา ที่จะเกิดข้ึนในอนาคตทั้งในระดบั ตนเองและสว นรวม การบรู ณาการกบั สาระการเรียนรตู า ง ๆ ภาษาไทย/ ภาษาตางประเทศ สามารถจัดสถานการณโดยใชคำศัพทและเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติ ความเปนมาและวิถีชีวิตในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน พัฒนาความสามารถในการอาน การตั้งคำถาม เพือ่ สบื คนขอ มลู การบนั ทกึ และสรปุ ขอมลู ตลอดจนการใชภาษาเพือ่ การนำเสนอเร่อื งราว คณิตศาสตร สามารถใชทักษะการอานและแปลขอมูลจากสถิติอยางงายเพื่อทำความเขาใจเรื่องราว รอบตัว สามารถบูรณาการรวมกันในเรื่องการคำนวณเงินเพื่อวางแผนการใชจายและทรัพยากรใหคุมคา และบรู ณาการในเรือ่ งการอา นปฏิทนิ และการคำนวณเวลาเพื่อเชือ่ มโยงการมสี วนรวมในกจิ กรรมทางวัฒนธรรม ประเพณีในรอบปและการทำความเขาใจประวตั คิ วามเปน มาของครอบครัว โรงเรียนและชุมชน ศิลปะ สามารถใชจินตนาการในการสรางสรรคงานศิลปะที่สื่อความหมายของเรื่องราว ความคิด และความรูสึกท่ีมีตอ สถานการณแ ละเหตกุ ารณตาง ๆ รอบตวั เพ่ือใหการสอื่ สารมคี วามชัดเจน และนาสนใจมากข้นึ สุขศึกษาและพลศึกษา สามารถจัดกิจกรรมสงเสริมการอยูรวมกันกับผูอื่น มีมนุษยสัมพันธที่ดี การจัดการอารมณและความรูสึก รวมสรางบรรยากาศแหงความเขาใจและการพึ่งพาซึ่งกันและกัน ในการรว มการแกปญ หาความขัดแยงในฐานะทเ่ี ปนสมาชิกของครอบครวั โรงเรยี นและชมุ ชน วิทยาศาสตรและระบบธรรมชาติ สามารถจัดกิจกรรมบูรณาการในประเด็นเกี่ยวกับทรัพยากร และส่ิงแวดลอม และการปฏบิ ัตติ นเพื่อรบั มือกับภยั พิบตั ิ รว มกนั ระหวา งกลมุ สาระการเรียนรไู ด
109 ความสมั พันธระหวา งสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั ๑. ทำกจิ กรรมในชวี ติ ประจำวันทแ่ี สดงถึงความตระหนกั และเหน็ คณุ คาในประวัติศาสตร สังคม วัฒนธรรม ของครอบครวั โรงเรียนและชมุ ชน ๑.๑ สอบถาม คนหาคำตอบของเร่อื งราวของตนเอง บคุ คลในครอบครัว ๒. การคดิ ขั้นสงู โรงเรียนและชมุ ชน ประวตั คิ วามเปน มาและวิถชี วี ิต ลำดับ เวลาและ ๓. การสอ่ื สาร เหตกุ ารณสำคัญ ทสี่ งผลตอ การเปลยี่ นแปลงของครอบครัว โรงเรียน ๕. การเปน พลเมอื งทเ่ี ขม แข็ง และชมุ ชน จากอดีตถงึ ปจจบุ ัน โดยแสดงหลกั ฐานและแหลง ขอมลู ท่ี เก่ยี วของ อยา งเหน็ คณุ คาและภาคภมู ใิ จ และทำกิจกรรมใน ชีวติ ประจำวนั ที่ แสดงถึงความตระหนกั ของผลการกระทำในอดตี ทมี่ ี ตอ ปจจบุ ันและผลของการกระทำในปจ จุบนั ที่มีผลตอ อนาคต ๑.๒ ปฏิบัติและรว มกจิ กรรมตามประเพณีและวฒั นธรรมของชุมชน อยางเห็นคณุ คา และคำนงึ ถึงผลทอี่ าจเกิดขนึ้ ตอตนเอง ผอู ื่น และสง่ิ แวดลอ มในชุมชน ๒. ใชชวี ิตประจำวนั รว มกบั ผูอืน่ โดยรักษาสิทธิของตน เคารพสิทธขิ องผูอน่ื และรับผิดชอบตามบทบาท หนา ทข่ี องตนเอง ๒.๑ ปฏิบตั ิตนตามบทบาทหนาที่ทม่ี ีตอ ครอบครวั โรงเรียน และชมุ ชน ๑. การจดั การตนเอง ใชและยอมรบั ขอตกลง กฎ กติกาทสี่ รา งขนึ้ รว มกนั ๔. การรวมพลงั ทำงานเปน ทมี ๒.๒ แลกเปลย่ี นความคดิ เห็นอยา งมเี หตุผล รว มตัดสนิ ใจในการแกปญหา ๕. การเปนพลเมอื งท่เี ขม แข็ง หรือความขัดแยง ในสถานการณตาง ๆ และทำกจิ กรรมรวมกนั อยา งมีมารยาท ในครอบครวั โรงเรียน และชุมชน เตม็ ใจเสยี สละ ประโยชนสว นตนเพอ่ื สวนรวมดว ยความรสู กึ วา เปน สมาชิก ของครอบครวั ชัน้ เรยี น และโรงเรยี น ๒.๓ รักษาสทิ ธิพน้ื ฐานของตน ไมล ะเมิดสทิ ธิของผูอ ืน่ ปฏิเสธเพ่ือไมใ หต น ถูกรงั แก หรอื ละเมิดสทิ ธิเสรภี าพ ท้ังรา งกายจิตใจ ทรัพยส นิ และ แจงผูใหญท ีเ่ กย่ี วของ ๒.๔ แสดงพฤติกรรมทง้ั ทางกายและวาจาในการยอมรบั ความคิด ความเช่ือและการปฏบิ ตั ขิ องบคุ คลอ่นื ที่แตกตา งกันโดยปราศจากอคติ และการเหมารวม รวมท้ังไมก ลัน่ แกลง เพอื่ น (Bullying) 2.5 ปฏิบัติตนไดอยางถูกตองที่แสดงถึงการเคารพสถาบันหลักและ สัญลักษณของชาติ และรวมกิจกรรม ที่ทำประโยชนเพื่อสวนรวม ตามกำลังของตน
110 ๓. ใชช ีวติ ประจำวันอยา งรบั ผดิ ชอบตอสง่ิ แวดลอมดวยความเขา ใจลกั ษณะทางกายภาพของสิง่ ตางๆ ที่อยรู อบตวั และชมุ ชน ๓.๑ ใชแผนผงั แผนท่แี ละรปู ถา ยในการระบวุ า ตนเองอยู ณ พื้นทใ่ี ด ๒. การคดิ ขัน้ สงู ในโรงเรยี น ชมุ ชน คนหาสถานทบ่ี นแผนท่ี และอธบิ ายลักษณะ ๔. การรวมพลงั ทำงานเปน ทมี สิง่ แวดลอ มตา ง ๆ ในบา น หอ งเรยี น โรงเรียน และลกั ษณะ ๕. การเปน พลเมืองทเี่ ขม แขง็ ทางกายภาพในชมุ ชน ๖. การอยรู ว มกบั ธรรมชาติ ๓.๒ มสี ว นรวมในการจัดระเบียบและดูแลรกั ษาสิ่งแวดลอ มท่บี า น และวิทยาการอยางยง่ั ยืน หองเรียน โรงเรยี น ดว ยความเขา ใจในความสมั พันธร ะหวาง สิ่งแวดลอมกับชวี ติ ความเปนอยขู องตนเองและสวนรวม ๔. กำกับตนเองในการใชจ า ยของตนเอง ครอบครัว และโรงเรยี น ๔.๑ วางแผนการใชจา ยและออมเงินของตนเองอยา งเหมาะสมและมวี ินัย ๑. การจดั การตนเอง และชวยลดคา ใชจายในครอบครวั ๒. การคิดขั้นสงู ๔.๒ ใชทรัพยากรในชีวติ ประจำวันอยางประหยดั คุมคา และพอเพียง ๔. การรวมพลงั ทำงานเปนทมี เพื่อลดคา ใชจ าย ใชของสว นรวมอยา งระมัดระวัง ดวยความตระหนกั ๕. การเปนพลเมืองทเ่ี ขม แขง็ ถงึ ผลกระทบของการใชท รัพยากรทม่ี ตี อ ตนเอง ครอบครวั และโรงเรียน ๕. ใฝท ำความดี และอยรู ว มกับผูอนื่ ดวยดบี นหลกั ปฏิบตั ขิ องศาสนาทน่ี บั ถอื ๕.๑ ทำกจิ กรรมตา ง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั อยางมสี ติ และสมาธิ ๑. การจดั การตนเอง ๕.๒ อยูรวมกับผูอ่ืนดว ยดี บนพื้นฐานของหลกั ปฏิบตั ใิ นศาสนาทตี่ นนบั ถือ ๒. การคดิ ขนั้ สงู โดยไมสรางความเดอื ดรอนตอตนเอง ผอู น่ื และสวนรวม ๔. การรวมพลงั ทำงานเปนทมี ๕. การเปน พลเมืองทีเ่ ขม แขง็ ผลลพั ธการเรยี นรเู มอ่ื จบชวงชน้ั ท่ี ๑ ๑. นำเสนอเรื่องราวของตนเอง บุคคล วัตถุ และสถานที่ที่เกี่ยวของกับครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ประวัติ ความเปนมา และวิถีชีวิต ลำดับเวลาและเหตุการณสำคัญ ที่สงผลตอการเปลี่ยนแปลงจากอดีตถึงปจจุบัน และอธิบายผลของการเปลี่ยนแปลงที่มีตอวิถีชีวิตของตนและคนในชุมชน โดยแสดงหลักฐาน และ แหลงขอมูลที่เกี่ยวของดวยภาพและภาษาของตนเองที่เขาใจงาย ชัดเจน จากการสอบถาม คนหาคำตอบ อยางเปนขั้นตอน และทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่แสดงถึงความตระหนักของผลการกระทำในอดีตที่มี ตอปจจุบันและผลของการกระทำในปจจุบันที่มีผลตออนาคต ดวยความรูสึกถึงการเปนสวนหนึ่งของ ครอบครวั โรงเรียน และชุมชน ๒. สำรวจขอมูลเกี่ยวกับตำแหนง ระยะและทิศทางของสิ่งตางๆและสถานที่ โดยประยุกตใชแผนที่ แผนผัง รูปถาย เพื่อการวางแผนการทำงาน การใชชีวิต และการรวมจัดระเบียบและดูแลรักษาสิ่งแวดลอมที่บาน หอ งเรียน โรงเรียน และชมุ ชน ดว ยความตระหนกั ในเหตแุ ละผลของการกระทำของตนเองและคนในชุมชน ทีม่ ตี อส่ิงแวดลอม ซง่ึ สง ผลกระทบตอ ชีวิตความเปนอยู ๓. ทำกิจกรรมและอยูรวมกับผูอื่นอยางมีมารยาท บนพื้นฐานของหลักปฏิบัติในศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตน ตามบทบาทหนาที่ ยอมรับขอตกลง กฎ กติกาที่สรางรวมกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอยางมีเหตุผล รวมตัดสินใจในการแกปญหาหรือความขัดแยงในสถานการณตาง ๆ โดยเต็มใจเสียสละประโยชนสวนตน เพือ่ สว นรวม ดว ยความรูสึกวา เปนสมาชกิ ของครอบครวั ช้นั เรยี น และโรงเรียน
111 ๔. ปฏิบัติตนบนพื้นฐานสิทธิของตน ไมละเมิดสิทธิของผูอื่น ปฏิเสธเพื่อไมใหตนถูกรังแก หรือละเมิด สิทธิเสรีภาพ ทั้งรางกาย จิตใจ ทรัพยสิน และแจงผูใหญที่เกี่ยวของ แสดงพฤติกรรมเชิงบวก ทั้งทางกาย และวาจาเมื่อรวมกิจกรรมหรือทำงานกับผูอื่น ที่แสดงถึงการยอมรับความคิด ความเชื่อและการปฏิบัติ ของบุคคลอื่นที่แตกตางกันโดยปราศจากอคติ และการเหมารวม รวมทั้งไมกลั่นแกลงเพื่อน (Bullying) ควบคมุ อารมณแ ละความรูส กึ ของตน ไมทำใหผอู น่ื เดือดรอ น ๕. รวมกับสมาชิกในครอบครัวในการระบุสาเหตุและวิธีการแกไขปญหา เพื่อนำไปสูการแยกแยะความตองการ และความจำเปน วางแผนการใชจาย และออมเงินอยางเหมาะสมและมีวินัย เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ดวยกนั ในการลดคา ใชจา ย ๖. ระมัดระวังในการใชของสวนรวมและทรัพยากรในการทำงาน การทำกิจกรรม การทำกิจวัตรประจำวัน อยางประหยัด คุมคา และพอเพียง ดวยความตระหนักถึงผลของการใชทรัพยากรที่มีตอตนเอง ครอบครัว และโรงเรยี น ๗. เขารวมกิจกรรมตามประเพณีและวัฒนธรรมของชุมชนอยางเห็นคุณคาและไมกอใหเกิดผลเสียตอตนเอง ผอู ่ืนและสิง่ แวดลอมในชมุ ชน ๘. ปฏิบัติตนไดอยางถูกตองที่แสดงถึงการเคารพสถาบันหลักและสัญลักษณของชาติไทย และรวมกิจกรรม ทที่ ำประโยชนเพือ่ สว นรวมตามกำลงั ของตนภายใตการดูแลและคำแนะนำ แนวทางการจัดการเรียนรูฐ านสมรรถนะ ๑. เหตกุ ารณใ นอดีตของครอบครัว โรงเรยี น และชมุ ชน ผลลพั ธก ารเรยี นรูเมอื่ จบชว งชน้ั ๑. นำเสนอเรื่องราวของตนเอง บุคคล วัตถุ และสถานที่ที่เกี่ยวของกับครอบครัว โรงเรียนและชุมชน ประวัติ ความเปน มาและวถิ ีชีวิต ลำดบั เวลาและเหตกุ ารณสำคญั ทส่ี งผลตอ การเปลี่ยนแปลงจากอดีตถึงปจจุบัน โดย แสดงหลกั ฐานและแหลงขอ มูลที่เก่ยี วของดวยภาพและภาษาของตนเองท่ีเขาใจงาย ชดั เจน จากการสอบถาม คนหาคำตอบอยางเปนขั้นตอน และทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่แสดงถึงความตระหนักของผลการกระทำ ในอดีตที่มีตอปจจุบัน และผลของการกระทำในปจจุบันที่มีผลตออนาคต ดวยความรูสึกถึงการเปนสวนหน่ึง ของครอบครวั โรงเรียนและชุมชน
112 ความรแู ละสมรรถนะทเี่ ชื่อมโยงกัน ตัวอยา งสถานการณ กจิ กรรม และเคร่ืองมือท่ใี ชส ำหรบั นักเรยี น ๑. นำเสนอเรอื่ งราวของตนเอง บุคคล วัตถุ และสถานท่ที ี่เก่ียวขอ งกับครอบครวั โรงเรยี นและชุมชน ประวตั ิ ความเปนมาและวิถีชีวิต ลำดับเวลาและเหตุการณสำคัญ ที่สงผลตอการเปลี่ยนแปลงจากอดีตถึงปจจุบัน และอธิบายผลของการเปลี่ยนแปลงที่มีตอวิถีชีวิตของตนและคนในชุมชน โดยแสดงหลักฐานและ แหลงขอมูลที่เกี่ยวของดวยภาพและภาษาของตนเองที่เขาใจงาย ชัดเจน จากการสอบถาม คนหาคำตอบ อยางเปนขั้นตอน และทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่แสดงถึงความตระหนักของผลการกระทำในอดีต ที่มีตอปจจุบัน และผลของการกระทำในปจจุบันที่มีผลตออนาคต ดวยความรูสึกถึงการเปนสวนหนึ่ง ของครอบครัว โรงเรียนและชมุ ชน ๑. ใชแหลงขอมูลและหลักฐาน - ยกตัวอยางบุคคลซึ่งมีผลงานที่เปนประโยชนแกโรงเรียนและ ที่เกี่ยวของและนาเชื่อถือในการ ชมุ ชนของตน สอบถาม คนหาคำตอบอยางเปน - ตั้งคำถามเพื่อสอบถามและคนหาคำตอบ การอาน และฟง ขั้นตอนเกี่ยวกับเรื่องราวของตนเอง เรื่องราวบุคคล วัตถุ และสถานที่ที่เกี่ยวของกับตนเอง ครอบครัว บุคคล วัตถุ และสถานที่ที่เกี่ยวของ โรงเรียนและชุมชน ประวัติความเปนมาและวิถีชีวิต จากบุคคล กับครอบครัว โรงเรียน และชุมชน หรือแหลงขอมูลที่นาเชื่อถือ เชน ภาพถาย สูติบัตร ทะเบียนบาน ประวตั ิความเปน มาและวิถีชวี ิต บุคคลในครอบครวั โรงเรียนและชมุ ชน ๒. อธิบายเรื่องราวตามลำดับเวลาจาก - ลำดับเวลาและเหตุการณสำคัญของตนเอง ครอบครัว โรงเรียน อดีตถึงปจจุบัน ที่แสดงถึงความ และชุมชนโดยใชเสน เวลา ตอเนื่อง การเปลี่ยนแปลงและ - บนั ทกึ ขอมลู เรอื่ งราวของตนเอง ครอบครัว โรงเรียนและชุมชน ผลกระทบของเหตุการณที่มีตอวิถี อยา งเปน ระบบเพอ่ื ลดความผิดพลาดในการนำเสนอ ชีวิตของตนเอง ครอบครัว โรงเรียน - นำเสนอขอมูลของเรื่องราว ความคิดและความรูสึกที่มีตอตนเอง และชมุ ชน ครอบครัว โรงเรียนและชุมชนโดยใชจินตนาการ ดวยวิธีการท่ี ๓. นำเสนอเรื่องราวบุคคลในครอบครัว หลากหลายในรูปแบบของตนเอง เชน การวาดภาพ การเขียน โรงเรียนและชุมชน ประวัติความ แผนผังความคดิ การเขยี นความเรียง เปนมาและวิถีชีวิต ดวยภาพและ - สะทอนความคิดและความรูสึกเกี่ยวกับเรื่องราวของตนเอง ภาษาของตนเองที่เขาใจงายและ บุคคลในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน ประวัติความเปนมาและ ชัดเจน ที่แสดงถึงความรูสึกถึงการ วถิ ชี ีวิต เปนสวนหนึ่งของครอบครัว โรงเรียน - ปฏบิ ัตติ นในสถานการณตา ง ๆ ในครอบครัว โรงเรยี น และชุมชน และชุมชน อยา งภาคภูมใิ จและไมสรา งความเสอื่ มเสีย ๔. ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันดวย ความภาคภูมิใจในความเปนมา และ เอกลักษณของครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ๕ . ท ำ ก ิ จ ก ร ร ม ใ น ช ี ว ิ ต ป ร ะ จ ำ วั น ที่แสดงถึงความตระหนักของ ผลการกระทำในอดีตที่มีตอปจจุบัน และผลของการกระทำในปจจุบัน ที่มผี ลตอ อนาคต
113 ๒. ชีวิตในบา น โรงเรยี น และชุมชน ผลลพั ธก ารเรยี นรเู ม่ือจบชว งชนั้ ๒. สำรวจขอมูลเกี่ยวกับตำแหนง ระยะและทิศทางของสิ่งตางๆและสถานที่ โดยประยุกตใชแผนที่ แผนผัง รปู ถา ย เพอ่ื การวางแผนการทำงาน การใชช ีวติ และการรว มจัดระเบียบและดูแลรักษาสิ่งแวดลอมท่ีบาน หองเรียน โรงเรียน และชุมชน ดวยความตระหนักในเหตุและผลของการกระทำของตนเองและ คนในชมุ ชนทมี่ ีตอสิ่งแวดลอม ซ่งึ สง ผลกระทบตอชวี ิตความเปน อยู ๓. ทำกจิ กรรมและอยูรวมกับผอู นื่ อยา งมีมารยาท บนพ้ืนฐานของหลักปฏบิ ัติในศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏิบัติตน ตามบทบาทหนาที่ ยอมรับขอตกลง กฎ กติกาที่สรางรวมกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอยางมีเหตุผล รวมตัดสินใจในการแกปญหาหรือความขัดแยง ในสถานการณตา ง ๆ โดยเต็มใจเสียสละประโยชนส วนตน เพอ่ื สว นรวมดว ยความรสู ึกวาเปน สมาชกิ ของครอบครัว ชนั้ เรียน และโรงเรยี น ๔. ปฏิบัติตนบนพื้นฐานสิทธิของตน ไมละเมิดสิทธิของผูอื่น ปฏิเสธเพื่อไมใหตนถูกรังแกหรือละเมิด สิทธิเสรีภาพ ทั้งรางกาย จิตใจ ทรัพยสินและแจงผูใหญที่เกี่ยวของ แสดงพฤติกรรมเชิงบวกทั้งทางกาย และวาจาเมื่อรวมกิจกรรมหรือทำงานกับผูอื่น ที่แสดงถึงการยอมรับความคิด ความเชื่อและการปฏิบัติ ของบุคคลอื่นที่แตกตางกันโดยปราศจากอคติ และการเหมารวม รวมทั้งไมกลั่นแกลงเพื่อน (Bullying) ควบคุมอารมณแ ละความรสู กึ ของตน ไมท ำใหผอู ื่นเดือดรอ น ความรูและสมรรถนะทเ่ี ชือ่ มโยงกัน ตวั อยางสถานการณ กิจกรรม และเครอ่ื งมือทใี่ ชส ำหรบั นกั เรยี น ๒. สำรวจขอมูลเกี่ยวกับตำแหนง ระยะและทิศทางของสิ่งตางๆและสถานที่ โดยประยุกตใชแผนท่ี แผนผัง รูปถาย เพื่อการวางแผนการทำงาน การใชชีวิต และการรวมจัดระเบียบและดูแลรักษา สิ่งแวดลอมที่บาน หองเรียน โรงเรียน และชุมชน ดวยความตระหนักในเหตุและผลของการกระทำของ ตนเองและคนในชุมชนทมี่ ตี อ ส่ิงแวดลอ ม ซึ่งสงผลกระทบตอชวี ิตความเปนอยู ๑. ใชแผนผัง แผนทแ่ี ละรปู ถา ยแสดง - อานและเขียนแผนผงั แสดงสง่ิ ตาง ๆ ท่ปี รากฏในหองตา ง ๆ ตำแหนง ระยะทาง และทิศของ ของบานและโรงเรยี น สิง่ ตา ง ๆ รอบตัว ที่ปรากฏทั้งในบา น - ใชแ ผนทใี่ นการสำรวจสถานท่ตี ำแหนงของสถานที่สำคญั โรงเรียน และชมุ ชน และสถานที่ ท้ังท่ีเกดิ จากธรรมชาตแิ ละทม่ี นุษยส รา งขึ้น การวางแผน สำคญั ทงั้ ทเ่ี กดิ จากธรรมชาติและ การเดินทาง ที่มนษุ ยสรางขน้ึ - อานและเขียนแผนทแี่ สดงสิ่งแวดลอ มทางธรรมชาติ และ ๒. ใชป ระโยชนจ ากแผนผัง แผนที่ ท่มี นษุ ยส รา งขนึ้ จากบานมาโรงเรียน หรือแผนทีจ่ ากทห่ี นงึ่ ในการวางแผนการจดั บา น ไปทห่ี น่ึงในชุมชน จดั หองเรยี น และการเดนิ ทาง - ออกแบบการจดั วางเครอื่ งใชในหอง และลงมอื จัดบาน ๓. รวมกันจัดระเบยี บและดแู ลรักษา จัดหองเรยี น ใหสะดวกใชงานและเปน ระเบยี บ ทรพั ยากร ธรรมชาติและส่งิ แวดลอม - สำรวจทรพั ยากรและสง่ิ แวดลอมในชุมชน และ ท้ังบาน หอ งเรยี น โรงเรียนและ การสมั ภาษณบ ุคคลในชมุ ชนเพ่ือวิเคราะหก ารใชป ระโยชน ชมุ ชน โดยคำนงึ ถงึ ผลการกระทำของ จากทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ มในการประกอบ ตนเองและชมุ ชนท่มี ตี อ อาชพี และการดำรงชีวิต การเปล่ยี นแปลงของ - ทำกิจกรรมเกยี่ วกับทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ มในชุมชน เชน ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ มที่ ปลกู ตน ไม เลีย้ งสตั วท ีเ่ ปนอาชีพของชมุ ชน ทำอาหารจาก เปน องคป ระกอบสำคญั ของปจจยั สี่ ผลผลิตในชมุ ชน ทำส่งิ ประดษิ ฐจากวสั ดธุ รรมชาติชมุ ชน
114 ซ่ึงจำเปนในการดำรงชวี ิตและ - สังเกตและสำรวจพฤติกรรมของตนเองและผอู นื่ การประกอบอาชพี ในครอบครวั โรงเรียน และชมุ ชนเก่ยี วกบั การใช ๔.รว มมือกันปองกนั แกปญ หา ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอม ทสี่ งผลเสยี ตอ ส่งิ แวดลอมในบาน หอ งเรยี น ส่ิงแวดลอม โรงเรียน และชมุ ชนท่มี ผี ลตอ - วางแผนรว มกบั คนในครอบครัว และเพ่ือนในการจดั การดำรงชีวิตของทุกคน ระเบยี บ ดแู ลรกั ษา แกป ญหาสง่ิ แวดลอมทีบ่ า น หอ งเรียน โรงเรยี น และชมุ ชน ลงมือปฏบิ ัติตามแผน - ประเมินพฤตกิ รรมตนเอง เพอื่ ปรับเปล่ียนการปฏิบตั ิตน จนเปน นสิ ยั ในการรักษาสิง่ แวดลอ ม และเชญิ ชวนผูอ น่ื ใหรวมกนั ปฏิบตั ิ เชน ทำความสะอาด เส้อื ผา ขาวของ เครือ่ งใช ทำอาหารงา ย ๆ ใหต นเองและคนในครอบครวั ทำความสะอาดบาน โรงเรียน ชมุ ชน อยางเปนขัน้ ตอนและถกู วิธี ๓. ทำกิจกรรมและอยูรวมกับผูอื่นอยางมีมารยาท บนพื้นฐานของหลักปฏิบัติในศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนตามบทบาทหนาที่ ยอมรับขอตกลง กฎ กติกาที่สรางรวมกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น อยางมีเหตุผลรวมตัดสินใจในการแกปญหาหรือความขัดแยงในสถานการณตาง ๆ โดยเต็มใจเสียสละ ประโยชนสว นตนเพอื่ สวนรวมดว ยความรูสกึ วา เปน สมาชกิ ของครอบครัว ชั้นเรียน และโรงเรยี น ๑. ปฏบิ ตั ิตนเปนศาสนิกชนทด่ี ี ตามหลกั - ฝก ใหม สี ตใิ นการยนื เดนิ น่งั นอน และมสี มาธใิ นการฟง ปฏิบตั ิของศาสนาท่ตี นนับถือ การอาน การคดิ การถาม และการเขยี น ๒. ปฏบิ ัตติ นเปน คนกตญั กู ตเวทตี อบดิ า - ศกึ ษาประวตั ิศาสดา หลกั ธรรม หลักปฏิบตั ิ ศาสนพธิ ขี อง มารดา ครูอาจารยแ ละโรงเรยี น ศาสนาท่ตี นนบั ถือ และนำเสนอความรู ความคิด ความรูสึก ละอายและเกรงกลวั ตอการทำชว่ั - ทำกิจกรรมทางศาสนารวมกบั บคุ คลในครอบครัว เพ่อื น ใฝใ นการทำความดี ไมรงั แกผอู ่ืน ใช บคุ คลในโรงเรยี นและชมุ ชน วาจาอยา งสุภาพและเหมาะสม ตาม - ฝกปฏิบตั ติ ามหลักธรรมของศาสนาทต่ี นนบั ถือจนเปน นสิ ัย หลกั ธรรม และศาสนพิธีท่ตี นนบั ถอื โดยสงั เกตตนเอง บนั ทกึ สงิ่ ทที่ ำไดด ี และสิ่งทค่ี วรปรบั ปรุง ๓. ปฏิบตั ิตามบทบาทหนาที่ กฎ กตกิ า วิเคราะห ผลดแี ละผลเสียของพฤติกรรมตนเอง และ ระเบยี บ มารยาท ในครอบครัว แสดงหลักฐานรองรอยความมงุ ม่นั รกั ษาส่ิงท่ีทำไดด แี ลว โรงเรียน และสถานท่สี าธารณะ และความพยายามเปล่ียนแปลงตนเองใหป ฏิบัติตนดยี ่ิงขน้ึ ในฐานะทเ่ี ปนสมาชิกที่ดี - กำหนดสถานการณใ หน กั เรียนไดโ อกาสในการทำกจิ กรรม ๔. รวมแลกเปลีย่ นความคิดเหน็ อยา งมี และใชช วี ติ รว มกับผอู ืน่ ฝก ฝนการปฏบิ ตั ิตนไดอ ยาง เหตุผล ตดั สนิ ใจและยอมรับขอ ตกลง เหมาะสมตามบทบาทหนา ที่ และมมี ารยาท เชน การแสดง ทสี่ รา งรว มกนั โดยลงมือทำดวย ความเคารพ การยืน การเดิน การนัง่ การนอน การทักทาย ความเต็มใจ เสยี สละประโยชนสวน การรบั ประทาน การรบั ของสง ของ การแสดงกริ ิยาอาการ ตนเพอ่ื สว นรวม ในการทำกจิ กรรม การทกั ทาย การสนทนา การใชคำพูด การแตงกาย ในครอบครัว ชนั้ เรยี น และโรงเรยี น - รว มกันกำหนดและปฏบิ ัติตามขอ ตกลง กฎ กติกา เชน หรือแกป ญ หาและความขดั แยงที่ กติกาในการเรียนหนังสอื การใชส ถานทส่ี าธารณะ การเลน เกดิ ข้ึนและมผี ลกระทบตอ การดำเนิน เกม การใชเ วลาวาง ชวี ิต ซ่ึงเปนหนา ทขี่ องสมาชกิ ทุกคน - ทำกจิ กรรมกลมุ ฝก ฝนการทำงานอยา งเปน ขน้ั ตอน การแสดงความคิดเห็นอยา งมเี หตุผล การรับฟงความคดิ เห็น การแสดงอารมณอ ยางเหมาะสม การแกป ญ หาทเ่ี กดิ ขนึ้ จาก การทำงานกลุม ฯลฯ
115 ๔. ทำกิจกรรมรวมกับคนในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน โดยประยุกตใชแผนที่ แผนผัง รูปถาย เพื่อการวางแผนการทำงาน การใชชีวิต รวมจัดระเบียบและดูแลรักษาสิ่งแวดลอมที่บาน หองเรียน โรงเรียน ดวยความตระหนักในเหตุและผลของการกระทำของตนเองและคนในชุมชนที่มีตอสิ่งแวดลอม ซึ่งสง ผลกระทบตอชวี ติ ความเปน อยู ๑. อยูรวมกนั ในครอบครวั โรงเรยี น - กำหนดสถานการณท ี่เปน ชีวิตจรงิ หรือใกลเ คียงชีวิตจรงิ ของ และชุมชนอยางสันติ ทำไดโดย นักเรยี น ในการพัฒนาการอยูรวมกนั อยางสันติ เชน ทำงานบาน - ปฏบิ ัตติ นบนพ้ืนฐานสทิ ธขิ องตน รว มกบั ครอบครัว การเลน เกม การทำงาน หรือกจิ กรรมตา ง ๆ ไมล ะเมดิ สิทธขิ องผูอน่ื กบั เพื่อน - ปฏเิ สธเพือ่ ไมใ หต นถูกรงั แก หรอื - ทำกิจกรรมกลุม กำหนดบทบาทหนาท่ีของสมาชกิ ในกลุม ละเมดิ สิทธิเสรภี าพ ทง้ั รางกาย ตามความถนัด ของแตละคน แบง งานตามความสามารถ จิตใจ ทรพั ยส นิ และแจง ผใู หญ รวมกนั พฒั นาตนเองและเพื่อน ชวยเหลอื กันในกลมุ จนประสบ ท่ีเกี่ยวของเมอื่ มปี ญหา ความสำเรจ็ รวมกนั - แสดงพฤติกรรมเชิงบวก - เลือกหัวหนาหอง เลอื กตัวแทนในการทำกจิ กรรมตาง ๆ ทง้ั ทางกายและวาจาเมอื่ รวม ทั้งในหองเรียน โรงเรยี น ดว ยการอภิปรายความเหมาะสม กจิ กรรม หรือทำงานกับผอู ื่น และยอมรับความคิดเห็นสว นใหญด วยเหตผุ ล - ยอมรับความคดิ ความเชื่อ และ - ประชมุ เพื่อหาขอ ตกลงรวมกันในการทำกิจกรรมของหอ ง หรอื การปฏิบตั ิของบคุ คลอืน่ ทแ่ี ตกตา งกนั งานโรงเรยี น เชน งานวันปใ หม งานวนั เดก็ งานแสดงละครหอง โดยปราศจากอคตแิ ละการเหมารวม งานนำเสนอหนาช้ันเรียน - ไมกล่นั แกลง เพ่ือน (Bullying) - แสดงบทบาทสมมติตามสถานการณท ่ใี กลเคยี งสถานการณจ ริง ควบคมุ อารมณแ ละความรูส กึ เพอื่ ฝกฝนการปฏบิ ัติตนในการอยรู วมกับผูอ ื่น ของตน ไมท ำใหผอู น่ื เดือดรอน ๓. การวางแผนการเงินและการใชทรัพยากร ผลลัพธก ารเรยี นรูเมอื่ จบชวงชน้ั ๕. รวมกับสมาชิกในครอบครัวในการระบุสาเหตุและวิธีการแกไขปญหา เพื่อนำไปสูการแยกแยะ ความตองการและความจำเปน วางแผนการใชจายและออมเงินอยางเหมาะสมและมีวินัย เพื่อแสดงถึง ความรับผดิ ชอบดว ยกันในการลดคาใชจ าย ๖. ระมัดระวังในการใชของสวนรวมและทรัพยากรในการทำงาน การทำกิจกรรม การทำกิจวัตรประจำวัน อยางประหยัด คุมคา และพอเพียง ดวยความตระหนักถึงผลของการใชทรัพยากรที่มีตอตนเอง ครอบครัว และโรงเรียน ความรูและสมรรถนะทเี่ ช่อื มโยงกนั ตัวอยางสถานการณ กิจกรรม และเครอื่ งมือทใ่ี ชส ำหรบั นกั เรียน ๕. รวมกับสมาชิกในครอบครัวในการระบุสาเหตุและวิธีการแกไขปญหา เพื่อนำไปสูการแยกแยะ ความตองการและความจำเปน วางแผนการใชจายและออมเงินอยางเหมาะสมและมีวินัย เพอ่ื แสดงถงึ ความรับผิดชอบดว ยกันในการลดคา ใชจาย
116 ๑. รวมกบั สมาชิกในครอบครวั ในการระบุ - สัมภาษณผปู กครองเกยี่ วกบั ท่มี าของรายได และคา ใชจ าย สาเหตแุ ละวิธกี ารแกไขปญหา เพอื่ ในบา น คา ใชจา ยสว นตัวของนักเรยี นทผ่ี ูปกครองตอ งจา ย นำไปสกู ารแยกแยะความตอ งการและ - ประเมินพฤตกิ รรมของตนเองทท่ี ำใหเกดิ การใชจ ายและ ความจำเปน วางแผนการใชจ า ยและ การใชทรพั ยากรอยางไมรูคณุ คา ปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรม ออมเงนิ อยา งเหมาะสมและมวี นิ ัย เพ่ือลดคา ใชจ ายของตนเอง ครอบครวั และโรงเรียน เพ่ือแสดงถงึ ความรับผดิ ชอบดว ยกัน - ทำกิจกรรมทีเ่ กยี่ วขอ งกบั รายรับ รายจา ยของครอบครวั ในการลดคาใชจ าย รวมกบั ผปู กครอง เชน การทำอาหารและคำนวณคา ใชจ าย การคำนวณคาใชจ ายสวนตัว คาอาหาร คา เสอ้ื ผา คา ของใช คาของเลนท่ีผปู กครองตอ งจาย การฝก ใชเ งนิ ซือ้ ของ จา ยเงนิ รบั เงินทอน การชวยผปู กครองทำงานเกี่ยวกับอาชพี ของ ครอบครวั ท่สี ามารถทำไดตามวยั - ยกตัวอยางการใชจ ายเงินในชวี ิต ประจำวันที่ไมเ กินตวั และ เห็นประโยชนของการออม ๖. ระมัดระวังในการใชของสวนรวมและทรพั ยากรในการทำงาน การทำกิจกรรม การทำกิจวตั รประจำวัน อยางประหยัด คุมคา และพอเพียง ดวยความตระหนักถึงผลของการใชทรัพยากรที่มีตอตนเอง ครอบครัวและโรงเรียน ๑. ระมัดระวังในการใชของสวนรวม - สงั เกตและบนั ทกึ พฤติกรรมการใชข องใชสวนตัว ของเลน และทรัพยากรในการทำงาน การทำ ของใชสาธารณะ การรบั ประทานอาหาร ของตนเอง แสดง กิจกรรม การทำกิจวัตรประจำวัน ความคดิ เห็น ความรสู ึกตอพฤตกิ รรมของตนเอง วางแผน อยางประหยัด คุมคา และพอเพียง การปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรม และลงมอื ทำอยางสมำ่ เสมอจนเปน ดวยความตระหนักถึงผลของการใช นสิ ัย ทรัพยากรที่มีตอตนเอง ครอบครัว - ยกตวั อยา งการใชท รัพยากรในชวี ติ ประจำวันอยางประหยัด และโรงเรยี น ทรัพยากรทใ่ี ชใ นชวี ติ ประจำวนั เชน ดนิ สอ กระดาษ เสอื้ ผา อาหาร ทรพั ยากรสวนรวม เชน โตะ เกา อี้ นกั เรยี น สาธารณปู โภคตา ง ๆ - วเิ คราะหทรัพยากรท่ีนำมาใชในการผลิตของใชทใี่ ชใน ครอบครวั และโรงเรียน เชน ดินสอและกระดาษทีผ่ ลติ จากไม รวมท้ังเคร่ืองจกั รและแรงงานการผลติ นำไปสกู ารใชข องใช อยางคุม คา เพื่อประหยดั ทรพั ยากร - ทำกิจกรรมสารวัตรพลังงาน สำรวจพฤตกิ รรมผอู ืน่ เกย่ี วกับ การใชนำ้ ไฟฟา และของเลนของใชส าธารณะ ชืน่ ชมผทู ีใ่ ช ทรพั ยากรอยางรูคณุ คา
117 ๔. วฒั นธรรมทอ งถน่ิ และความเปน ไทย ผลลพั ธการเรยี นรเู ม่ือจบชวงชน้ั ๗. เขา รวมกิจกรรมตามประเพณีและวฒั นธรรมของชุมชนอยางเห็นคณุ คาและไมกอใหเ กดิ ผลเสียตอ ตนเอง ผอู ื่นและสง่ิ แวดลอมในชมุ ชน ๘. ปฏิบัติตนไดอยางถูกตองที่แสดงถึงการเคารพสถาบันหลักและสัญลักษณของชาติไทย และรวมกิจกรรม ทที่ ำประโยชนเพื่อสวนรวมตามกำลังของตนภายใตก ารดูแลและคำแนะนำ ความรแู ละสมรรถนะทเ่ี ชอื่ มโยงกนั ตัวอยา งสถานการณ กิจกรรม และเคร่ืองมอื ท่ีใชสำหรบั นกั เรยี น ๗. เขา รว มกจิ กรรมตามประเพณีและวฒั นธรรมของชมุ ชนและทอ งถนิ่ อยา งเหน็ คณุ คา และไมก อใหเกิดผลเสียตอตนเอง สังคมและสง่ิ แวดลอ ม ๑. รว มกนั อนุรกั ษแ ละภาคภมู ใิ จใน - สมั ภาษณบุคคลในชุมชนเกี่ยวกับมรดกทางภมู ปิ ญ ญาและ วัฒนธรรม ภมู ปิ ญ ญา บคุ คลและ วัฒนธรรมของชุมชน เรียบเรียง นำเสนอ แสดงความคิด สถานทสี่ ำคัญของชมุ ชน ความรสู ึก ๒. เขา รวมกจิ กรรมตามประเพณีและ - ลงมือทำกิจกรรมหรือใชม รดกทางภมู ิปญ ญา ในชีวติ ประจำวันตามวยั วัฒนธรรมทเี่ ปน เอกลกั ษณของชุมชน - การทศั นศกึ ษาสถานทแ่ี ละแหลงเรียนรูในชมุ ชน เชน วัด ในฐานะสมาชกิ ของชมุ ชน ดวยความ ระมดั ระวัง คำนึงถึงความปลอดภัย ตลาด พิพธิ ภัณฑ มัสยดิ โบสถค ริสต โบราณสถาน ไมใ หเ กิดผลเสียตอ ตนเอง สังคมและ โบราณวัตถุ สงิ่ แวดลอ ม - เขยี นขอ ความเชิญชวน รว มกจิ กรรมประเพณีและวฒั นธรรม หรือใช และรกั ษามรดกทางภมู ปิ ญ ญา - การทำกิจกรรมเกย่ี วกบั ประเพณีและวัฒนธรรมรว มกบั บุคคล ในครอบครวั เพอื่ น บุคคลในโรงเรยี นและชุมชน - สรุปประโยชนและปฏิบัตติ นตามประเพณแี ละวฒั นธรรมในชุมชน ๘. ปฏิบตั ิตนไดอ ยางถูกตอ งทแ่ี สดงถึงการเคารพสถาบนั หลักและสัญลกั ษณของชาตไิ ทย และรวมกจิ กรรมท่ีทำประโยชนเ พอ่ื สวนรวมตามกำลังของตน ภายใตก ารดแู ลและคำแนะนำ ๑. ปฏบิ ัตติ นท่ีถกู ตองเหมาะสมตอสถาบนั - การทำกิจกรรมเก่ียวกับชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ รวมกบั หลกั และสญั ลักษณของชาตไิ ทย บุคคลในครอบครวั เพ่ือน บุคคลในโรงเรียน และชุมชน เชน ซึง่ แสดงถงึ เอกลักษณค วามเปนไทย การเคารพธงชาติ การรองเพลงชาติ และเพลงสรรเสรญิ และคา นยิ มรวมกันของสงั คม พระบารมี เคารพศาสนวตั ถุ ศาสนสถาน การเขารว มกิจกรรม ในวันสำคัญ - การอา นปฏทิ ินวันสำคัญทีเ่ กยี่ วชาติ ศาสนาและ พระมหากษตั รยิ ในรอบป - อาน และ ฟง เรือ่ งราวเกยี่ วกับสถาบนั หลักและสญั ลักษณข อง ชาติไทย ถายทอดเรอ่ื งราว ความรูสึกในรปู แบบตา ง ๆ อยางงาย ๆ
118 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ สาระสำคัญของสาระการเรียนรู้ ความสำคัญของสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติเป็นสาระที่เน้นการสืบเสาะ (inquiry) เพื่อเข้าใจ ระบบธรรมชาติ การจัดประสบการณ์เรียนรู้ในช่วงชั้นนี้เริ่มจากการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากสิ่งที่ใกล้ตัวที่สนใจ และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างกระตือรือร้น เน้นให้ผู้เรียนสืบเสาะและแก้ปัญหา โดยใช้ความรู้และกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์เปน็ พื้นฐาน ใชเ้ ทคโนโลยีเพ่ือเข้าถงึ แหลง่ ขอ้ มลู อย่างปลอดภยั สรา้ งเจตคตทิ ดี่ ตี อ่ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ปรบั ตัวและอยรู่ ว่ มกับธรรมชาติ รกั ษาส่งิ แวดลอ้ ม และตระหนักถงึ การใชท้ รพั ยากร เป้าหมายสำคญั ของการจดั ประสบการเรยี นร้ใู นสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ ช่วงชัน้ ท่ี 1 1. เข้าใจแนวคิดและความรู้พื้นฐานในวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต สามารถใช้และเข้าถึง เทคโนโลยีได้อยา่ งเหมาะสม รเู้ ทา่ ทนั และปลอดภยั 2. เป็นผู้ที่มีจินตนาการ จิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์ 3. ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์กบั ระบบธรรมชาติ ผลของวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ วทิ ยาการตา่ ง ๆ ท่มี ีตอ่ มวลมนุษย์และสง่ิ แวดลอ้ มในระบบธรรมชาติ ลักษณะเฉพาะ/ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ (Science) เป็นความรู้ที่เกิดจากสติปัญญาและความพยายามของมนุษย์ในการศึกษา เพื่อทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติทัง้ บนโลกและในเอกภพ วิทยาศาสตร์จึงให้ความสำคัญกบั การสืบเสาะหาคำตอบเพื่อทำความเข้าใจธรรมชาติ การสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความรู้ จินตนาการ เครื่องมือต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี เพื่อการเก็บรวบรวมข้อมูล จัดรูปแบบของข้อมูล ใช้สมรรถนะด้านภาษา เพื่อทำความเข้าใจข้อมูล สื่อสารความคิด และนำเสนอข้อมูล ดังนั้น ความรู้ กระบวนการ และจิตวทิ ยาศาสตร์ มีความสำคญั กับการนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิต และการอยรู่ ่วมกนั กับธรรมชาติอยา่ งสมดุล กระบวนการสบื เสาะ (Inquiry Process) เป็นกระบวนการทนี่ ำไปสูก่ ารเรียนรูแ้ ละอธบิ ายปรากฏการณต์ า่ ง ๆ เชิงวิทยาศาสตร์ ระหว่างการสืบเสาะผู้เรียนจะต้องใช้การให้เหตุผลเชิงตรรกะ (Logic) หลักฐานเชิงประจักษ์ (Empirical Evidence) จินตนาการ และการคิดสร้างสรรค์ เป็นการทำงานอย่างเป็นระบบ รอบคอบ มีอิสระ และไม่เป็นลำดับขนั้ ทต่ี ายตัวมีธรรมชาติในการเรยี นรู้ ดังน้ี • ปรากฏการณ์ต่าง ๆ บนโลกหรือในเอกภพที่เกิดขึ้นอย่างเป็นแบบรูป (Pattern) สามารถเข้าใจได้ ด้วยสตปิ ญั ญา วธิ กี ารศกึ ษาทีเ่ ป็นระบบ มนษุ ย์สามารถเรยี นรแู้ ละทำความเข้าใจได้ • แนวคิดทางวิทยาศาสตร์มีความไม่แน่นอน สามารถเปล่ียนแปลงได้ หากพบหลักฐาน (Evidence) ใหม่ ทนี่ ำไปสู่การสรา้ งคำอธิบาย หรือองค์ความร้ใู หม่ทางวิทยาศาสตร์ • ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มีความคงทน และเชื่อถือได้ เพราะการสร้างการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ต้องผา่ นวิธีการตา่ ง ๆ อยา่ งต่อเนอื่ ง ซำ้ แลว้ ซ้ำเล่าเปน็ ระยะเวลาหนงึ่ จนม่ันใจในคำอธบิ ายนนั้ • วทิ ยาศาสตร์เชอ่ื ถือหลักฐานเชิงประจกั ษ์ท่ไี ด้จากการสงั เกต ทดลอง หรอื วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (Technology) เป็นการผสานทักษะ เทคนิค วิธีการ และความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ รวมถึงการระบุเหตุผลของคำตอบ ใช้เทคโนโลยี ในการสรา้ งชิน้ งานอยา่ งง่าย และร้จู กั เข้าถงึ แหลง่ ข้อมูลบนอนิ เทอร์เน็ตอยา่ งเหมาะสมและปลอดภยั การรู้เทคโนโลยี
119 และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบมีความสำคัญกับการนำไปใช้ร่วมกับวิทยาการแขนงต่าง ๆ รวมถึง การใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวันไดอ้ ย่างปลอดภยั และมีความสขุ จดุ เนน้ การพัฒนา การจดั ประสบการเรียนรู้เพื่อพฒั นาสมรรถนะของผู้เรียน ในชว่ งช้นั ที่ 1 ผเู้ รียนจะได้เรียนรู้ผ่านหัวข้อ ตอ่ ไปนี้ ทรพั ยากรธรรมชาติ ปรากฏการณ์ สิ่งแวดล้อม ธรรมชาตแิ ละ ภัยอนั ตราย วทิ ยาศาสตร์ และ ระบบธรรมชาติ เทคโนโลยี ความกา้ วหนา้ ในชีวิตประจำวนั ของวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี จุดเนน้ การพัฒนาผ่านแต่ละหวั ขอ้ มีดังน้ี • ทรัพยากรธรรมชาติ ผู้เรียนควรได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะ สมบัติและความสำคัญของดิน และน้ำ รวมถึงประโยชน์ของดินและน้ำต่อมนุษย์ จึงต้องดูแลเพื่อให้มีใช้ได้อย่างยั่งยืน สมดุล ไม่กระทบ ส่ิงแวดล้อม ผ้เู รียนควรประพฤติตนโดยใช้ทรพั ยากรธรรมชาตใิ ห้คุ้มคา่ ลดการใช้เม่ือไม่จำเปน็ • สง่ิ แวดล้อม ผเู้ รียนควรได้รับการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้เกย่ี วกับสภาพแวดล้อมทเี่ หมาะสมต่อการดำรงชีวิต ของพชื และสัตว์ สงิ่ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพชื และสัตว์ วฏั จักรชวี ติ ของพชื ดอกและสัตว์ ผลของการเปล่ยี นแปลง ส่งิ แวดล้อมท่มี ีตอ่ พืช และสัตว์ และการดแู ลและปกปอ้ งสภาพแวดล้อมใหเ้ หมาะสมกบั การดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ • ปรากฏการณ์ธรรมชาตแิ ละภัยอนั ตราย ผเู้ รยี นควรไดร้ ับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์กลางวัน กลางคืน การขึ้นและตก ของดวงอาทิตย์ และการกำหนดทิศ ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากการที่โลกหมุนรอบตัวเอง ได้เรียนรู้ เกี่ยวกับการเกิดลม ประโยชน์ของลมต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากวาตภยั และอุทกภัย • ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้เรียนควรได้รับการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกฝนการนำความรู้มาแก้ปัญหา หรือ พฒั นาชนิ้ งานด้วย โดยประยุกต์ใช้ความรู้ในเรื่องแรง ผลของแรงท่มี ตี ่อวัตถตุ ่าง ๆ แรงแม่เหลก็ หรือสมบัติของ วสั ดุ ในแกป้ ญั หาหรอื การสร้างช้นิ งานอย่างง่าย
120 • เทคโนโลยใี นชวี ิตประจำวัน ผู้เรียนควรได้รับการจัดประสบการณ์เกี่ยวกับการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน มีความมุ่งม่ันและเห็นว่า การแก้ปัญหา เป็นเรื่องที่สนุกและท้าทาย รวมทั้งใช้เทคโนโลยีดิจิทลั ในการเข้าถึงแหลง่ เรยี นรู้ สื่อสารได้อย่าง เหมาะสมและปลอดภัย สร้างชิ้นงานหรือเครื่องมืออย่างง่ายในการเล่น การทำงาน การแก้ปัญหา หรือการใช้ ชีวิตไดอ้ ย่างเหมาะสม ขอบเขตเนอื้ หาและกลวิธสี อนเพือ่ พัฒนาสมรรถนะผู้เรียนตามช่วงวัย ผเู้ รยี นในชว่ งช้ัน 1 (อายุ 7 - 9 ปี) สามารถพัฒนาการคิดเชิงเหตผุ ลกบั สถานการณ์ท่ีเปน็ รูปธรรม และ ใกล้ตวั โดยมผี ู้สอนเปน็ ผแู้ นะนำช่วยเหลอื ในการวางแผนและจัดระบบการสืบเสาะตามขั้นตอน หรอื วธิ กี าร การฝึกให้ผูเ้ รยี นช้ัน ป.1 และ ป.2 จดจำคำศัพท์ ความหมายของคำศัพท์ สร้างคลังคำศัพท์เหมาะสม ตามวัย จะเป็นประโยชน์ต่อการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ผู้สอนจงึ มบี ทบาทสำคัญพัฒนาคลังคำศัพท์ที่เหมาะสม ตามวัย ด้วยการนำอ่านบทความสั้น ๆ เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และวิทยาการต่าง ๆ เพื่อฝึกการฟังอย่างมี ความหมาย รู้จักและสะสมคำศัพท์ที่หลากหลาย ตลอดช่วงชั้น (ป.1 - 3) ควรฝึกผู้เรียนให้สื่อสารด้วยการใช้ ภาษาในการพดู และเขียนคำหรอื ข้อความสั้น ๆ เพอื่ สรา้ งคำอธบิ าย แสดงความเหน็ ลงข้อสรปุ โดยธรรมชาติ ผู้เรียนในช่วงชั้นนี้มคี วามกระตือรือร้น ช่างสังเกต ชอบตั้งคำถาม ชอบทำกิจกรรมร่วมกับ เพือ่ น ชอบเรียนรสู้ ง่ิ ใหม่ ๆ แตย่ งั คงตอ้ งพัฒนากล้ามเน้อื ต่างๆ ต่อเน่ืองจากช่วงชั้นอนุบาล ดงั น้ัน ผเู้ รียนจงึ ควร เรียนรู้อย่างกระตือรอื รน้ ในการฝึกการสงั เกตดว้ ยประสาทสัมผสั ที่เหมาะสมกับกิจกรรม รวมถึงฝึกการหยิบจับ และใช้อุปกรณ์อย่างง่ายร่วมกับการสังเกตด้วยประสาทสัมผัส ช่วง ป.2 และ ป.3 สามารถเรียนรู้ที่จะสร้างคำถาม ที่นำสู่การสบื เสาะ (Testable Question) และใช้เทคโนโลยีร่วมในการสืบค้น จัดกระทำข้อมูล หรือนำเสนอข้อมลู ได้ โดยอาศัย การช่วยเหลือหรือแนะนำ ดังนั้น ผู้สอนจึงควรเลือกใช้กลวิธีสอนที่เน้นการเรียนรู้แบบกระตือรือร้น และมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ และเจตคติของผู้เรียนอย่างเป็นองค์รวม และประเมินเพื่อพัฒนา การเรียนรู้ของผ้เู รียนอย่างตอ่ เน่ืองและใหผ้ ลสะท้อนกลบั เชิงสรา้ งสรรค์กับนกั เรยี นอย่างสม่ำเสมอ การนำไปใช้ในชีวติ จริง จากการฝึกฝนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติโดยการรวบรวมข้อมูลที่สังเกต หรือทดลองได้จะทำให้ผู้เรียน พัฒนาสมรรถนะในดา้ นการสืบเสาะ การตคี วามหมายข้อมลู เพื่ออธิบายปรากฏการณธ์ รรมชาตริ อบตัว ซึง่ ผู้เรียนต้องใช้ สมรรถนะคิดขั้นสูงในการวิเคราะห์หลักฐานต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาติและระบบธรรมชาติ ฝึกการทำงานและการมีส่วนร่วมในทีม การรับรู้และจัดการอารมณ์ของตนเองให้สามารถแก้ปัญหาให้ลุล่วง สามารถส่อื สารในการใชภ้ าษาเชงิ วิทยาศาสตร์ได้อย่างเหมาะสมในการแสดงความเห็น อธบิ าย และลงข้อสรปุ จากการฝึกฝนให้ผู้เรียนได้อ่านและทำความเข้าใจข้อมูลที่นำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ผู้เรียนได้พัฒนา สมรรถนะ เฉพาะในด้านการใช้และเข้าใจภาษาเชิงวิทยาศาสตร์ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถอ่านและแปล ความหมายขอ้ มูลทีพ่ บในชวี ิตประจำวนั และได้ฝึกฝนการนำคณติ ศาสตรแ์ ละเทคโนโลยมี าใช้ในการเรยี นรู้ จากการฝึกฝนใหผ้ เู้ รยี นสามารถทำงานรว่ มกับผู้อ่ืนในการสืบเสาะ สร้างชนิ้ งาน และแกป้ ญั หา ช่วยให้ ผู้เรยี นเรยี นร้ทู ี่จะรับฟงั และยอมรับความคดิ เห็นทแ่ี ตกต่างจากตนเอง เชอ่ื ม่นั ในความคิดเห็นทม่ี หี ลักฐานที่น่าเชื่อถือ สนกุ กบั การแก้ปัญหา ไดพ้ ฒั นาสมรรถนะการจดั การและทำงานเปน็ ทีม ตระหนกั ถึงประโยชน์ของการรวมพลัง ร่วมแรงร่วมใจในการทำงานอย่างมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ เป็นพลเมืองที่เคารพกฎ กติกา สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น ทา่ มกลางความแตกตา่ งหลากหลาย
121 การบรู ณาการกบั สาระการเรยี นรู้ตา่ ง ๆ ภาษาไทย/ ภาษาอังกฤษ สามารถจัดสถานการณ์ ให้นักเรียนรู้จักคำศัพท์ต่าง ๆ พัฒนาเป็นคลังคำศัพท์ เฉพาะตนเพื่อช่วยให้สามารถใช้ภาษาของตนเองด้วยการพูด หรือเขียน เพื่อนำมาใช้ในการบันทึกผลการสืบเสาะ สอ่ื สารความคิด และนำเสนอเรื่องราว สังคมศึกษา ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม สามารถจัดสถานการณ์การเรียนรู้ ในเรื่องทรพั ยากร ธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ ม ทิศกับการใช้แผนผัง หรอื แผนที่ สามารถเชื่อมโยงเรอื่ งราวในประวตั ิศาสตร์ ทั้งด้านภูมิปัญญา และกระบวนการแก้ปัญหาของบุคคลในอดีตมาเชื่อมโยงกับองค์ความรู้และการแก้ปัญหา ทางวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นำความรู้ทางคณิตศาสตร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ และจัดกระทำข้อมูลในรูป ตารางทางเดยี ว หรอื แผนภูมริ ูปภาพ ศลิ ปะ นำศลิ ปะมาเป็นการดำเนินเร่ืองราวในการสืบเสาะ หาความรู้ หรือประยุกต์ใชค้ วามรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ ในการทำความเข้าใจหรือการทำงานทางศิลปะและภูมิปัญญาในชุมชน นอกจากนี้ ยังใช้สมรรถนะทางศิลปะ มาร่วมสร้างสรรคช์ นิ้ งานจากการแก้ปัญหาให้มีความสวยงามและน่าสนใจมากขึ้น บูรณาการเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันกับทุกสาระการเรียนรู้ เน้นฝึกทักษะพื้นฐานการแก้ปัญหา ในการจัดลำดับขั้นตอนการทำงาน หรือการทำกิจกรรม โดยอภิปรายและเปรียบเทียบความแตกต่างของ ผลลัพธ์ในการทำงานจากขั้นตอนการแก้ปัญหา เพื่อให้ได้ขั้นตอนที่เหมาะสมหรือได้แนวทางที่หลากหลาย นอกจากนี้ให้นักเรียนฝึกทกั ษะการใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างชิ้นงานหรือเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่สนใจเพื่อค้นหา ความรู้ และส่งเสริมทักษะพื้นฐานในการเป็นผู้พัฒนานวัตกรรมโดยการสร้างของเล่น ของใช้ตามความสนใจ ซง่ึ โรงเรียนสามารถจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการกบั สาระการเรยี นรู้ตา่ ง ๆ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลัก 1. อธบิ ายปรากฏการณอ์ ย่างเป็นวทิ ยาศาสตร์ 1.1 สร้างคำอธบิ ายปรากฏการณ์ท่ีคุ้นเคย ไมซ่ ับซ้อนโดยใชห้ ลกั ฐาน 3. การสือ่ สาร ทสี่ งั เกต หรอื ทดลองได้ 6. การอยู่รว่ มกับธรรมชาติ 1.2 เลือกคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ท่ีสอดคล้องกับหลักฐานท่ีมี และวทิ ยาการอยา่ งย่ังยนื 2. ประเมนิ และออกแบบการสืบเสาะเชิงวิทยาศาสตร์ 2.1 สงั เกต ตั้งคำถาม ตัง้ สมมติฐานและพยากรณ์ผล ทดสอบสมมติฐาน 1. การจดั การตนเอง และการพยากรณ์ ลงข้อสรุป เกีย่ วกับปรากฏการณ์ท่ีคุ้นเคย 2. การคิดขัน้ สูง ไม่ซบั ซ้อน 4. การรวมพลงั ทำงานเป็นทีม 6. การอยรู่ ่วมกับธรรมชาติ 2.2 รวบรวมหลักฐานโดยการสงั เกตหรอื การทดลองอยา่ งงา่ ย ทีป่ ระกอบด้วยตวั แปรต้น 1 ตัวแปร และตัวแปรตาม 1 ตัวแปร และวทิ ยาการอยา่ งย่ังยนื 2.3 มุ่งมัน่ ในการเก็บรวบรวมหลักฐานเพ่ือใช้อธบิ ายปรากฏการณ์
122 สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลัก 3. ตคี วามหมายข้อมูลและหลกั ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ 3.1 แปลความหมายชดุ ข้อมลู หรือแบบรูปซ้ำท่ไี มซ่ บั ซ้อน และมจี ำนวน 2. การคิดข้ันสูง ชุดข้อมลู ไมม่ าก 4. การรวมพลังทำงานเป็นทีม 3.2 เปล่ยี นรปู แบบการจดั กระทำชดุ ข้อมูลง่ายๆ จากรปู แบบหนึ่ง 6. การอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาติ เปน็ รูปแบบหนงึ่ เชน่ รูปภาพ แผนภมู ริ ูปภาพ แผนภูมิแทง่ และวิทยาการอย่างยั่งยนื ตารางทางเดียว ข้อความ 3.3 ใช้ชดุ ขอ้ มลู ท่จี ดั กระทำแล้วมาประกอบข้อสรปุ 4. แก้ปัญหา สรา้ งนวตั กรรม และการอยรู่ ่วมกัน 4.1 ใชค้ วามรูท้ างวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการปฏิบตั ิตน ประยกุ ต์ใช้ 1. การจัดการตนเอง ในชวี ิตประจำวนั และอย่รู ่วมกันกับธรรมชาติได้อยา่ งเหมาะสม 2. การคิดขน้ั สูง 3. การสื่อสาร 4.2 แก้ปัญหา แสดงวธิ กี าร หรือขั้นตอนการแกป้ ญั หาอย่างเปน็ ระบบ 6. การอยูร่ ว่ มกบั ธรรมชาติ โดยระบุเหตุผล หรอื ข้อสรุปของคำตอบ และวิทยาการอย่างยัง่ ยืน 4.3 มคี วามมุ่งม่ันในการแกป้ ัญหา เหน็ การแกป้ ัญหาเปน็ เร่ืองท่ีท้าทาย และสนุกกับการแก้ปัญหา 5. ใชแ้ ละเขา้ ใจภาษาเชงิ วทิ ยาศาสตร์ 5.1 ฟงั เข้าใจ ใช้ภาษาทงั้ พูดและเขียนเพอื่ ส่ือสาร หรือบอกวธิ ีการ หรือเหตผุ ล 3. การส่ือสาร 5.2 อ่านและทำความเข้าใจเอกสารที่มีภาพ แผนภมู ิรูปภาพ หรือ 6. การอยู่รว่ มกับธรรมชาติ ตารางทางเดียว และวิทยาการอยา่ งย่งั ยืน 5.3 อธบิ าย ใหเ้ หตผุ ลเชิงวิทยาศาสตร์ สรุปผลการทำกิจกรรมดว้ ยภาษาพูด ภาษาสัญลักษณ์ ภาษากาย ภาษาภาพ ได้อยา่ งเหมาะสม 6. ใชเ้ ครื่องมือในการเรยี นรู้ 6.1 เลือกและใช้เคร่ืองมือพืน้ ฐานทางคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 2. การคิดข้ันสงู และเทคโนโลยีในการเรยี นรู้ หรือแก้ปญั หา 3. การส่ือสาร 4. การรวมพลังทำงานเปน็ ทีม 6.2 เข้าถงึ แหลง่ ขอ้ มูล สื่อสารบนอนิ เทอร์เน็ต และใช้เทคโนโลยี 5. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง อยา่ งเหมาะสม รู้เท่าทนั และปลอดภยั 6. การอยู่ร่วมกบั ธรรมชาติ และวิทยาการอยา่ งยั่งยนื
123 ผลลัพธ์การเรียนรู้เมอื่ จบชว่ งช้ันที่ 1 1. ปฏิบัติตนในการใช้ดินและน้ำในการทำกิจวัตรต่าง ๆ อย่างสมเหตุสมผล โดยประยุกต์ใช้ความรู้ เก่ยี วกบั ลักษณะและสมบตั ิ และประโยชน์ของดนิ และนำ้ 2. สื่อสารวิธีปฏิบัติตน และตระหนักถึงการใช้วัสดอุ ยา่ งคุ้มคา่ เพื่อลดการใชท้ รัพยากรธรรมชาติด้วยภาพ หรอื ภาษาที่เข้าใจงา่ ย ชัดเจน โดยใชเ้ ทคโนโลยีในการค้นหาขอ้ มูล และนำเสนอข้อมูล 3. ตระหนักถึงสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ โดยใช้ความรู้เพื่อบอกแนวทางการดูแลพืช และสตั ว์ให้เจรญิ เตบิ เตบิ โต แข็งแรง และดำรงชวี ติ อย่ใู นสภาพแวดลอ้ มที่เหมาะสม 4. เหน็ คณุ ค่าของสงิ่ แวดล้อมโดยเสนอแนวทางการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อใหเ้ หมาะสมกับการดำรงชีวิตของ พืชและสัตว์ ด้วยภาพ หรือภาษาของตนเองท่ีเขา้ ใจง่าย ชดั เจน 5. อธบิ ายปรากฏการณ์ทีเ่ กิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก เชน่ กลางวัน กลางคนื การขน้ึ และตกของ ดวงอาทติ ย์และการกำหนดทิศดว้ ยหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ 6. กำหนดทิศทางบนแผนที่โดยประยกุ ต์ใช้ความรเู้ ก่ียวกับการข้นึ และตกของดวงอาทิตย์และการกำหนดทิศ 7. สรา้ งคำอธบิ ายเก่ียวกบั การเกิดลม บอกประโยชน์และโทษของลมตอ่ สิง่ มีชวี ติ และสงิ่ แวดลอ้ ม 8. วางแผนการปฏิบตั ติ นให้ปลอดภยั จากวาตภยั และอุทกภยั โดยอาศยั ความรู้เกีย่ วกับลักษณะของภัยธรรมชาติ 9. สร้างคำอธิบายเกี่ยวกับแรง ผลของแรงที่มีต่อวัตถุต่าง ๆ และแรงแม่เหล็ก ที่พบในกิจกรรม หรือ สถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวัน 10. เลอื กใชว้ สั ดใุ นชีวติ ประจำวันโดยตามสมบัตขิ องวสั ดุอย่างมีเหตผุ ล 11. ทำงานรว่ มกบั ผูอ้ นื่ โดยใช้กระบวนการแก้ปญั หาร่วมกบั การประยุกต์ใช้ความร้ทู างวิทยาศาสตร์ในเรื่อง แรง ผลของแรงที่มีต่อวัตถุต่าง ๆ แรงแม่เหล็ก หรือสมบัติของวัสดุ เพื่อแก้ปัญหา หรือสร้างของเล่น ของใช้อย่างงา่ ย 12. แก้ปัญหาอย่างง่าย หรือทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่างมีขั้นตอน แสดงวิธีการหาคำตอบ หรือ วธิ แี กป้ ญั หาระบเุ หตผุ ลที่นำไปสู่คำตอบ มีความมงุ่ ม่นั ในการแก้ปัญหาให้สำเรจ็ 13. ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเรียนรู้ สืบค้นข้อมูล และสื่อสารในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมและ ปลอดภยั ๑๔. สร้างของเล่น หรือของใช้เพื่อแก้ปัญหาตามความสนใจ เลือกและใช้สิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ตามหนา้ ทีใ่ ชส้ อยได้อย่างปลอดภยั แนวทางการจัดการเรียนรฐู้ านสมรรถนะ 1. ทรัพยากรธรรมชาติ ในช่วงชั้นที่ 1 ผู้เรียนจะได้มีประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะ สมบัติและความสำคัญของดิน และน้ำ รวมถึงประโยชน์ของดินและน้ำต่อมนุษย์ จึงต้องดูแลเพื่อให้มีใช้ได้อย่างยั่งยืน สมดุล ไม่กระทบ ต่อสง่ิ แวดล้อม ผ้เู รียนควรประพฤตติ นโดยใช้ทรัพยากรใหค้ ุม้ คา่ ลดการใช้เมอื่ ไมจ่ ำเป็น
124 ผลลพั ธ์การเรียนรเู้ มอ่ื จบช่วงช้ัน 1. ปฏบิ ตั ิตนในการใช้ดนิ และนำ้ ในการทำกจิ วตั รตา่ ง ๆ อย่างสมเหตสุ มผล โดยประยุกต์ใช้ความรู้เกย่ี วกับ ลักษณะ สมบตั ิ และประโยชน์ของดนิ และนำ้ 2. ส่ือสารวธิ ปี ฏบิ ตั ิตนและตระหนักถงึ การใชว้ ัสดุอยา่ งคุ้มคา่ เพอ่ื ลดการใชท้ รัพยากรธรรมชาตดิ ว้ ยภาพ หรือภาษาทีเ่ ขา้ ใจงา่ ย ชัดเจน โดยใช้เทคโนโลยใี นการค้นหาข้อมูล และนำเสนอขอ้ มลู ความรแู้ ละสมรรถนะทเี่ ชอ่ื มโยงกัน ตวั อยา่ งสถานการณ์ กิจกรรม และเคร่ืองมอื ทใี่ ชส้ ำหรับนกั เรยี น 1. ปฏบิ ตั ิตนในการใชด้ ินและนำ้ ในการทำกจิ วัตรตา่ ง ๆ อย่างสมเหตสุ มผล โดยประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ เก่ียวกับลกั ษณะ สมบตั ิ และประโยชนข์ องดินและนำ้ 1. อธิบายการใช้ประโยชน์จากดิน 1. สังเกตการใช้ประโยชน์ดินและน้ำจากตัวเองและจากสง่ิ ต่าง ๆ และนำ้ จากข้อมูลท่ีสงั เกต และ รอบตวั หรอื จากการประกอบอาชีพของคนในชมุ ชน หรือจากส่ือ รวบรวมได้ ต่าง ๆ เชน่ รูป วดี ิทัศน์ ท่ีกำหนดใหร้ ว่ มกันอภิปรายและลงข้อสรปุ 2. สร้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ เก่ียวกับการใช้ประโยชนจ์ ากดินและน้ำ เชน่ เพอื่ ระบุส่วนประกอบของดิน - ดนิ มหี ลายชนดิ บางชนดิ เหมาะสมสำหรบั เพาะปลูก บางชนิด จำแนกชนิดดินโดย ใช้ลักษณะ นำมาใชท้ ำสงิ่ ของเครื่องใช้ หรอื ส่ิงก่อสรา้ ง นำมาใช้ทำสี และสมบัตขิ องดินเปน็ เกณฑ์ เพอื่ งานศลิ ปะ 3. สรา้ งคำอธิบายทางวทิ ยาศาสตร์ - น้ำทส่ี ะอาดนำมาใช้ในการอุปโภค บรโิ ภค เพื่อบอกลักษณะและสมบัตขิ อง 2. เชอื่ มโยงประโยชนข์ องดินไปสู่ขอ้ สงสยั ใหมว่ า่ ดนิ ประกอบด้วย น้ำที่เหมาะสมในการนำมาใช้ สง่ิ ใดบ้าง เพอ่ื นำไปสกู่ ารสังเกต สว่ นประกอบของดินด้วยวธิ ีการ อุปโภคและบริโภค ตา่ ง ๆ เชน่ ใชม้ ือบี้ ใชแ้ วน่ ขยาย คนก้อนดินให้เข้ากบั นำ้ 4. นำเสนอแนวทางการดแู ลรักษาดิน นำเสนอผลการสงั เกตและร่วมกนั อภปิ รายเกี่ยวกับส่วนประกอบ และนำ้ ให้มีใช้อยา่ งยั่งยนื หรอื ของดนิ นำขอ้ มูลมาจดั กระทำและนำเสนอในรปู แบบที่นา่ สนใจ มีใชไ้ ด้ตลอดไปจากข้อมลู ลกั ษณะ 3. ร่วมกนั ต้ังคำถามเก่ยี วกับลักษณะเนื้อดิน (สี เนอ้ื ดนิ ฯลฯ) และสมบตั ขิ องดนิ และน้ำ และจาก การจับตัวของดิน และการอมุ้ น้ำของดิน โดยใชว้ ธิ ีซกั ถาม ขอ้ มูลอน่ื ๆ ทร่ี วบรวมได้ หรอื ใชส้ ่อื ตา่ ง ๆ เพื่อนำไปสู่การสงั เกตลักษณะ การทดลอง เพ่อื จำแนกและการระบชุ นิดของดินในท้องถน่ิ หรือในชุมชน และการใช้ประโยชนจ์ ากดินชนิดนี้ 4. เชอ่ื มโยงประโยชนข์ องน้ำจากแหลง่ นำ้ ในชมุ ชนไปสู่ขอ้ สงสยั ใหม่ ถงึ ลักษณะและสมบัตขิ องน้ำที่นำมาใชด้ ่มื และใช้ประโยชน์อื่น ๆ เพ่อื นำไปสกู่ ารสังเกต เช่น มองดสู ี และส่งิ เจือปนในนำ้ และใช้ แวน่ ขยายช่วยในการสังเกตเพ่ิมเติม ดมกลน่ิ นำเสนอผลการสังเกต และร่วมกนั อภปิ รายเกี่ยวกับลกั ษณะและสมบตั ิของน้ำทีเ่ หมาะสม ในการนำมาใชด้ ม่ื หรือใชง้ านประเภทต่าง ๆ 5. เช่ือมโยงความรเู้ กย่ี วกบั ลักษณะ สมบตั ิ และประโยชนข์ องดนิ และนำ้ ร่วมกนั อภปิ รายและออกแบบปา้ ยรณรงค์ ให้เพ่ือน ในโรงเรยี นชว่ ยกนั ดแู ลรักษาดนิ และน้ำให้มีใช้อยา่ งยง่ั ยืน นำเสนอในรปู แบบท่ีน่าสนใจโดยใช้ หรอื ไม่ใชค้ อมพิวเตอร์
125 2. สือ่ สารวธิ ปี ฏิบัตติ น และตระหนกั ถงึ การใช้วสั ดอุ ยา่ งคุม้ คา่ เพอ่ื ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยภาษา ทเี่ ขา้ ใจงา่ ย ชัดเจน 1. รวบรวมขอ้ มูลทน่ี า่ เชอื่ ถือ 1. ร่วมกนั สงั เกตสิ่งของตา่ ง ๆ ในบ้าน ห้องเรียน ชมุ ชน รวบรวม จากอนิ เทอร์เน็ตเก่ยี วกับแนวทาง ขอ้ มลู ว่าสิง่ ของนน้ั ทำมาจากวสั ดุอะไรบา้ ง และวัสดุนัน้ ทำมาจาก การลดการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ ทรพั ยากรธรรมชาติอะไร สอื่ สารข้อมลู ที่รวบรวมไดโ้ ดยการเล่า 2. ปฏบิ ตั ิตนเพือ่ ลดการใช้ ดว้ ยภาษาของตนเอง ทรพั ยากรธรรมชาติ 2. เลา่ พฤตกิ รรมการใชส้ ิง่ ของรวมถงึ อุปกรณ์เทคโนโลยีของตนเอง ร่วมกนั แลกเปลยี่ นความเหน็ ถงึ พฤตกิ รรมการใชก้ บั ผลตอ่ การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ 3. รว่ มกันหาแนวทางการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในชีวิตประจำวัน อย่างประหยดั คุ้มค่า พอเพียง และชว่ ยลดค่าใชจ้ ่ายของตนเอง ครอบครัว และโรงเรียน 4. ร่วมกันนำเสนอข้อตกลงร่วมกนั ในการใชว้ สั ดุให้เกิดประโยชน์ เพือ่ ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาตโิ ดยไม่จำเป็น ซ่ึงจะผลต่อตัวเอง สังคมและสิง่ แวดลอ้ ม นำเสนอในรูปแบบทนี่ ่าสนใจโดยใช้ หรอื ไมใ่ ช้คอมพวิ เตอร์ 5. แสดงความตระหนกั โดยเขียนโค้ดอยา่ งงา่ ยด้วยการใชบ้ ัตรคำสั่ง แสดงการปฏิบัตติ นจากสถานการณ์ท่ีเกยี่ วข้องกบั การลดการใช้ ทรพั ยากรธรรมชาติ เกณฑม์ าตรฐานความกา้ วหน้า ป.1 เน้นการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสที่เหมาะสมเพื่อบอกส่วนประกอบของดิน ลักษณะของดินและ นำ้ ในธรรมชาติรอบตัว สอบถาม หรอื ฟังการอา่ นจากครู เพอ่ื รบั รเู้ ก่ียวกับการใชป้ ระโยชน์ดินและน้ำในชีวิต ประจำวัน ฟังครูอ่านบทความ หรือใบความรู้ หรือสอบถามผู้ใหญ่เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากร ธรรมชาติ ที่นำมาใช้ทำวัสดุใกล้ตัว นำเสนอวิธีในการช่วยลดการใช้วัสดุใกล้ตัวและทรัพยากรธรรมชาติ ดว้ ยการบอก โดยใช้คำพูดของตัวเอง การวาดภาพ หรืองานศลิ ปะ เปน็ ต้น ป.2 เน้นการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสที่เหมาะสมร่วมกับใช้อุปกรณ์อย่างง่าย เช่น แว่นขยาย เพื่อสืบเสาะ ค้นหา ส่วนประกอบและลักษณะของดิน (สีของดิน เนื้อของดิน และอื่น ๆ) และน้ำ ในชุมชนของตนเอง รวบรวมข้อมูล โดยการอ่านบทความ หรือใบความรู้สั้น ๆ โดยมีครูช่วยนำอ่านเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ ดิน และน้ำ บอกวิธีการดูแล ดินให้เหมาะสมกับการเพาะปลูกและวิธีการดูแลน้ำให้มีไว้ใช้ดื่ม หรือใช้ประโยชน์อื่น ๆ รวมถึงบทความง่าย ๆ เก่ยี วกับทรัพยากรธรรมชาติที่ นำมาใช้ทำส่ิงของต่าง ๆ สืบคน้ รูปภาพ ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ใช้ทำสิ่งของที่มนุษย์ นำมาใช้ประโยชน์จากแหล่งความรู้ที่ต้องการ โดยครูแนะนำ หรือสอน วิธีการสืบค้น วางแผนและทำงานรว่ มกบั เพื่อน นำเสนอแนวทางในการลดการใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ ป.3 เนน้ การสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสท่ีเหมาะสมร่วมกบั ใช้อุปกรณ์อย่างงา่ ย เชน่ แวน่ ขยาย เพื่อบอก สว่ นประกอบและลักษณะและน้ำในชุมชนของตนเอง ทำการทดลองตามข้ันตอน หรือคำแนะนำ เพื่อจำแนก ประเภทของดินในชุมชน รวบรวมข้อมูลโดยการอ่านบทความ หรือใบความรู้สั้น ๆ เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ ดินและน้ำ วิธีการ ดูแล หรือใช้ดินและน้ำอย่างเหมาะสมโดยมีครูช่วยเหลือ สืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้ทำวัสดุ นำเสนอแนวทางปฏิบัติตน และใช้เทคโนโลยี สร้างชิ้นงานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเขียนโค้ด การทำแผ่นป้ายรณรงค์ เพื่อแสดงความตระหนักในการลด การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
126 2. ส่ิงแวดล้อม ในช่วงชั้นที่ 1 ผู้เรียนจะได้มีประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อ การดำรงชีวิตของพืชและ สัตว์ สิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ วัฏจักรชีวิตของพืชดอกและสัตว์ ผลของการเปล่ียนแปลงสิ่งแวดล้อมท่ีมีต่อพืชและสัตว์ และการดแู ลและปกป้องสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับ การดำรงชีวิตของพืชและสตั ว์ ผลลพั ธ์การเรยี นรู้เม่ือจบชว่ งช้ัน 1. ตระหนกั ถึงสงิ่ ท่ีจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพืชและสตั ว์ โดยใช้ความรู้เพ่ือบอกแนวทางการดูแลพืช และ สตั วใ์ หเ้ จริญเติบเตบิ โต แขง็ แรง และดำรงชวี ติ อยูใ่ นสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม 2. เหน็ คณุ คา่ ของสิ่งแวดลอ้ มโดยเสนอแนวทางการดแู ลสิ่งแวดลอ้ มเพอื่ ใหเ้ หมาะสมกบั การดำรงชีวิตของพืช และสตั ว์ ด้วยภาษาของตนเองทีเ่ ข้าใจง่าย ชัดเจน ความร้แู ละสมรรถนะทเี่ ชื่อมโยงกัน ตัวอย่างสถานการณ์ กิจกรรม และเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชส้ ำหรับนักเรยี น 1. ตระหนักถึงสิ่งท่จี ำเป็นต่อการดำรงชีวติ ของพืชและสัตว์ โดยใชค้ วามรู้เพื่อบอกแนวทางการดแู ล พชื และสตั ว์ใหเ้ จริญเตบิ โต แขง็ แรง และดำรงชีวิตอยใู่ นสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม สภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมกับ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการดำรงชีวติ ของพืชและสัตว์ การดำรงชีวติ ของพืชและสัตว์ 1. รว่ มกนั อภปิ รายและตงั้ คำถามเก่ียวกบั สภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม 1. รวบรวมหลกั ฐานโดยการสำรวจ กบั การดำรงชีวิตของพชื และสตั วท์ ี่อาศยั อย่ใู นแหลง่ ที่อยู่ และสร้างคำอธิบาย เกยี่ วกบั 2. เลือกไปสำรวจแหล่งที่อยู่ของส่ิงมชี ีวติ ในโรงเรยี นหรือชมุ ชน สภาพแวดลอ้ มในแหลง่ ท่ีอยูห่ น่งึ ๆ เช่น สวนสาธารณะ แปลงพชื สวนผกั หรอื ผลไม้ แหล่งน้ำ บนั ทึก ทม่ี คี วามเหมาะสมกบั การดำรงชวี ิต ชนดิ ของพชื และสตั ว์ และสภาพแวดล้อม ในแหล่งที่อยู่ท่ีพืชและสัตว์ ของพืชและสตั ว์ท่ีอาศัยอยู่ อาศยั อยดู่ ว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ เชน่ วาดรูป เขยี นขอ้ ความ ถ่ายรูป ถ่ายคลปิ วดี ีโอ 3. นำเสนอผลการสำรวจ และรว่ มกนั ระดมความคิดและใหเ้ หตุผล เกีย่ วกบั ความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมที่สำรวจกับการดำรงชีวติ ของพืชและสตั ว์ ส่งิ ทีจ่ ำเปน็ ต่อการเจริญเติบโต ส่งิ ทจี่ ำเป็นต่อการเจริญเตบิ โตของพชื และสัตว์ ของพชื และสตั ว์ 4. รว่ มกันตั้งคำถามท่ีนำไปส่กู ารทดลองเกย่ี วกับสิ่งทีจ่ ำเป็นตอ่ 2. ตง้ั คำถามทนี่ ำไปสกู่ ารทดลอง การเจริญเติบโตของพชื จากสถานการณท์ ี่กำหนดให้ เช่น ออกแบบการทดลองและทดลอง สถานการณแ์ ปลงผกั ที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีดนิ แห้ง ผกั ในแปลง หาสงิ่ ท่ีพืชตอ้ งการในการ ลว้ นเห่ียวแห้ง เจรญิ เติบโต 5. ร่วมกันอภปิ รายกับเพ่ือนและครู เพื่อออกแบบการทดลองอย่างง่าย 3. ใช้เครื่องมอื อยา่ งงา่ ยในการ (ต้ังสมมติฐาน กำหนดและควบคุมตัวแปร กำหนดนิยามเชงิ ปฏิบตั ิ วัดการเจริญเตบิ โตของพชื การเลือกใช้เครื่องมืออยา่ งงา่ ย เช่น ไมบ้ รรทัด หรอื แอปพลิเคชนั
127 และสรา้ งคำอธบิ ายจากข้อมูล เพ่ือวัดความสูงของพชื วางแผนการทำงานตามข้ันตอนการทดลอง) ที่รวบรวมได้ โดยครูชว่ ยแนะนำและใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย 4. สังเกตและลงข้อสรปุ เก่ยี วกับ 6. ทดลองและบันทึกผลการทดลองในรปู แบบที่เขา้ ใจง่าย เช่น ตาราง ส่งิ ที่จำเปน็ ต่อการเจริญเติบโต ทางเดียว แผนภูมริ ูปภาพ ของสตั วจ์ ากข้อมูลที่รวบรวมได้ 7. ผลดั เปล่ียนกนั เลา่ ผลการทดลองและลงข้อสรปุ วา่ นำ้ และแสง 5. ตระหนักถงึ แนวทางการดูแลพชื เปน็ ส่ิงทีจ่ ำเป็นตอ่ การเจริญเตบิ โตของพชื และสัตวใ์ หไ้ ด้รับสิ่งที่จำเป็นต่อ 8. ร่วมกันแลกเปลยี่ นความเหน็ จากประสบการณเ์ กี่ยวกบั การเลยี้ ง การเจริญเตบิ โตอยา่ งเหมาะสม ลูกสัตวว์ ่าลกู สัตวต์ ้องการสงิ่ ใดบา้ งเพื่อใหร้ า่ งกายเจริญเตบิ โต เพ่ือให้พืชและสัตวน์ ั้นเจริญเติบโต และแขง็ แรง และแข็งแรงผา่ นการเขียน 9. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกบั สง่ิ ทจี่ ำเปน็ ตอ่ การเจริญเติบโตของลกู สตั ว์ โปรแกรมอยา่ งง่ายโดยใช้ จากการทำกิจกรรม เช่น บตั รคำส่ัง - เลอื กเล้ยี งลกู สตั ว์ (หากมคี วามพร้อม) แลว้ สงั เกตสง่ิ ที่ลกู สัตว์ ตอ้ งการจนเจริญเตบิ โตขึ้น หรอื สงั เกตจากในคลิปวีดโี อ - สอบถามผูป้ กครอง ผรู้ ู้ เกี่ยวกบั ส่งิ ทีจ่ ำเปน็ ต่อการเจริญเติบโต ของสัตว์ 10. เขียนโคด้ อย่างง่ายโดยใช้บตั รคำส่งั เขียนโปรแกรมให้เพื่อน ซึ่งสมมติวา่ เปน็ ผู้ดแู ลฟาร์มทำภารกิจตามแนวทางชว่ ยเหลือ พืชและสตั ว์ใหเ้ จริญเติบและแข็งแรง เชน่ เดนิ ตกั นำ้ มารดน้ำพืช เดนิ ไปเกบ็ หญา้ มาให้สัตว์กนิ พาสตั วไ์ ปพบสตั วแพทย์ วฏั จักรของพชื และสัตว์ วฏั จกั รของพืชและสัตว์ 6. รวบรวมขอ้ มูล แปลความหมาย 11. ร่วมกันเรียงลำดับบตั รภาพหรอื ขอ้ ความเกย่ี วกับ การเจรญิ เติบโต ข้อมูล และสร้างแบบจำลอง ของพชื และสัตว์ จากการฟังนทิ าน เร่ืองเลา่ หรือดวู ดี ิทัศน์ เพ่อื อธิบายวัฏจกั รชีวติ ของ เก่ยี วกับการเจรญิ เตบิ โตของพืชและสตั ว์ พืชดอก และวฏั จักรชวี ิตของสัตว์ ตัวอยา่ งบตั รภาพ บางชนิดในท้องถน่ิ
128 12. รว่ มกันคน้ หาคำตอบเกีย่ วกบั วฏั จกั รชวี ิตของพืชดอกและวัฏจกั ร ชีวิตของสตั วบ์ างชนดิ ในท้องถิน่ จากการรวบรวมข้อมูล เช่น การปลกู พชื อายุส้นั และเลย้ี งสัตวท์ ่มี วี ฏั จักรชีวติ สัน้ หรือคลิปวดี ีโอ 13. ร่วมกันนำขอ้ มูลทแี่ ปลความหมายได้มาสร้างแบบจำลองวัฏจกั ร ชวี ติ ของพชื ดอกและสตั วใ์ นรูปแบบท่ีนา่ สนใจ เชน่ รูปวาด แบบจำลอง แผน่ พับ ใช้โปรแกรมประยกุ ต์ หรือแอปพลิเคชนั โปรแกรมนำเสนอที่เหมาะสมกบั วัย เพ่ือนำมาอธิบายวัฏจักรชวี ิต ของพืชดอกและวัฏจกั รชีวติ ของสตั วด์ ว้ ยภาษาทเี่ ข้าใจง่ายตามวัย ๑๔. ร่วมกนั อภิปรายกับเพื่อนเกี่ยวกับผลของสภาพแวดลอ้ มทม่ี ตี ่อ วฏั จกั รชีวิตของพืชดอกและสตั วจ์ ากตัวอย่างสถานการณ์ท่ี กำหนด เช่น รูปภาพทีเ่ ป็นแหลง่ ทีอ่ ยู่เดยี วกนั ๒ ภาพ โดยภาพ หนึ่งมสี ภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมตอ่ การดำรงชีวติ ของพืชและ สัตว์ เชน่ มีพืชต้นเล็ก ต้นใหญ่ มีลกู สัตว์ สตั ว์ตัวใหญ่ อีกภาพ หน่งึ มีสภาพแวดล้อมทีไ่ มเ่ หมาะสมต่อการดำรงชีวติ ของพืชและ สัตว์ เช่น มพี ชื และสัตว์ทไ่ี มเ่ จรญิ เติบโต หรอื ตาย และไม่มีพืช ตน้ ใหม่ สตั ว์ตวั ใหม่ 2. เหน็ คุณคา่ ของสงิ่ แวดล้อมโดยเสนอแนวทางการดูแลสง่ิ แวดล้อมเพื่อให้เหมาะสมกับการดำรงชีวติ ของพชื และสตั ว์ ด้วยภาษาของตนเองทเี่ ขา้ ใจง่าย ชดั เจน สาเหตแุ ละปัญหามลพิษ สาเหตแุ ละปัญหามลพิษทางอากาศ นำ้ และดนิ ทางอากาศ นำ้ และดนิ 1. แก้ปัญหาจากสถานการณ์จำลอง เพ่ือหาคำตอบเก่ยี วกับแหล่งน้ำ 1. สร้างคำอธบิ ายทางวิทยาศาสตร์ ท่ีสง่ ผลกระทบต่อ สิง่ มีชีวิต โดยใช้วธิ ีการคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ เพื่อบอกสง่ิ ที่พบในอากาศ ในนำ้ ตัวอย่างสถานการณ์จำลอง : มแี หลง่ นำ้ อยู่ 4 แหลง่ ได้แก่ A B C และในดนิ ที่ทำใหเ้ กดิ มลพษิ และ D สตั ว์ตา่ ง ๆ ล้วนอาศยั แหล่งนำ้ เหล่าน้ี ในการดำรงชวี ติ จากข้อมูลทีส่ งั เกตและรวบรวมได้ วนั หนงึ่ ลกู กระตา่ ยและลูกกระรอกเกดิ ปว่ ยข้ึนมา สบื เสาะจนได้ 2. บรรยายสาเหตทุ ที่ ำให้เกดิ มลพิษ ความวา่ เปน็ เพราะด่ืมน้ำที่ไมส่ ะอาด ให้นักเรยี นพจิ ารณาข้อมลู ทางอากาศ นำ้ และดนิ และ การดมื่ นำ้ ของลกู สัตวต์ ่อไปน้ี แลว้ ตอบคำถาม ผลกระทบต่อส่งิ มีชีวิตจากข้อมลู ข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ - ลกู กระตา่ ยด่ืมน้ำจาก แหลง่ นำ้ B C - ลูกหมูป่าดืม่ นำ้ จาก แหล่งน้ำ A D - ลูกกระรอกด่ืมนำ้ จาก แหล่งน้ำ C D - ลกู ลงิ ดมื่ น้ำจาก แหล่งนำ้ A B คำถาม 1. นักเรียนคิดว่าลกู กระต่ายและลกู กระรอกเกิดปว่ ยข้ึนมา จากการดมื่ นำ้ แหลง่ ใด 2. พิจารณาจากภาพด้านลา่ ง นักเรียนคิดวา่ แหล่งน้ำใด คอื แหลง่ น้ำ A B C และ D ใหเ้ ติมชื่อแหล่งนำ้ ใตภ้ าพ ๓. นกั เรยี นคดิ ว่าแหล่งน้ำท่ลี ูกกระต่ายและลูกกระรอกดื่มจนทำ ใหเ้ กิดปว่ ยข้นึ มาน้ัน เกิดจากสาเหตุใด
129 แนวคำตอบ
130 2. คน้ หากจิ กรรมของคนในชมุ ชนท่ที ำให้อากาศ น้ำ และดิน เกิดการ เปลีย่ นแปลง หรือทำใหเ้ กิดการปนเปอื้ นโดยอาจใชก้ ารสำรวจ หรือ การศึกษาจากคลปิ วดี ีโอ ข่าว หรือจากแหล่งเรยี นรตู้ า่ ง ๆ 3. สงั เกตและหาส่ิงเจือปนในอากาศ นำ้ และดิน จากบริเวณที่ไปสำรวจ กจิ กรรมของมนุษย์ท่ีทำให้อากาศ น้ำ และดินเกดิ การเปลย่ี นแปลง หรอื ทำให้เกดิ การปนเปือ้ น หรอื บริเวณท่กี ำหนด เช่น บรเิ วณบ้าน โรงเรียน หรือในชุมชน โดยใช้วิธกี าร หรอื เครอื่ งมือ อย่างงา่ ย เช่น - การสงั เกตฝนุ่ ละอองในอากาศในบริเวณทีม่ ีสภาพแวดลอ้ ม แตกต่างกนั - การสงั เกตสี สง่ิ เจอื ปนในน้ำจากแหลง่ ต่าง ๆ - การสังเกตสิ่งเจือปนในดินจากแหล่งตา่ ง ๆ 4. ร่วมกนั อภิปรายสงิ่ ทเ่ี ป็นสาเหตขุ องการเกดิ มลพิษทางอากาศ น้ำ และดิน เชน่ กิจกรรมต่าง ๆ ของคนในชุมชน ส่งิ เจอื ปนในอากาศ น้ำและดิน จากนั้นรวบรวมหลักฐานจากข้อมูลท่ีกำหนดให้ และ ลงข้อสรปุ ร่วมกนั เก่ียวกับสาเหตุที่ทำให้อากาศ น้ำ และดิน เปล่ยี นแปลงไปจนทำให้เกิดมลพิษ และผลกระทบของมลพิษ ต่อการดำรงชีวติ ของสง่ิ มีชีวิต แนวทางการดูแลส่ิงแวดล้อม แนวทางการดูแลสง่ิ แวดล้อมเพ่อื ให้เหมาะสมกบั การดำรงชวี ติ เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกับการดำรงชวี ติ ของพืชและสัตว์ ของพชื และสัตว์ 5. สงั เกตภาพ ดวู ดี ิทัศน์ หรอื ฟงั ตัวอยา่ งสถานการณป์ ญั หามลพษิ 3. รวบรวมขอ้ มูลแนวทางในการลด ทีเ่ กดิ ขน้ึ ในชมุ ชน เช่น ปญั หาน้ำเน่าเสยี ขยะในแหล่งนำ้ ปัญหามลพษิ ใกล้ตวั ท่ีเกดิ ขึ้น มลพษิ ทางอากาศ ส่งิ เจือปนในดิน ในชมุ ชน 6. รวบรวมข้อมลู เพ่อื หาแนวทางการลดปญั หามลพิษทีเกดิ ข้ึน 4. ตระหนักถึงแนวทางการปฏิบตั ติ น ในชมุ ชน เช่น ในการช่วยลดปัญหามลพิษ - สำรวจส่งิ ของที่ตนเองท้ิงในแตล่ ะวนั และบอกแนวทาง หรอื ทเ่ี กดิ ข้ึนในชุมชน วธิ กี ารลดการใช้และการนำกลบั มาใช้ใหม่โดยพิจารณาจากชนดิ ของวัสดุ - สัมภาษณ์ผู้ปกครอง คนในทอ้ งถ่ินเกยี่ วกบั แนวทางอื่น ๆ ทช่ี ่วย ลดปัญหามลพิษทีเ่ กดิ ข้ึนในบา้ นและในชุมชน
131 7. อภิปรายเพ่ือเชือ่ มโยงความเข้าใจว่าการลดปัญหามลพิษท่เี กดิ ขน้ึ ในชมุ ชนจะชว่ ยใหส้ ่งิ แวดล้อมมคี วามเหมาะสม กบั การดำรงชีวติ ของตัวเรา พืช และสัตว์ท่ีอาศยั อยู่ ในแหลง่ ท่ีอยนู่ น้ั ๆ นำเสนอ ในรูปแบบท่ีนา่ สนใจ เช่น รูปวาด แบบจำลอง แผ่นพับ หรอื อาจใช้ คอมพวิ เตอร์แสดงความตระหนักถึงแนวทางการปฏบิ ัติตนในการ ชว่ ยลดปัญหามลพิษท่เี กิดขนึ้ เช่น สรา้ งแผน่ พับ งานนำเสนอ รณรงค์ลดปญั หามลพิษท่เี กดิ ขึน้ ในชมุ ชน หรือเขียนโค้ดอยา่ งง่าย ใหห้ ุน่ ยนต์ เดินเก็บขยะตามจุดต่าง ๆ และนำขยะมาแยกประเภท เพือ่ การนำกลับไปใช้ใหม่ซ่ึงส่งผลต่อการรักษาส่งิ แวดล้อม ตัวอย่างสถานการณ์ โปง้ จะไปซ้ือของท่ีตลาด คือ ขนม นำ้ ปัน่ และข้าวผัด ก้อยต้องการ ลดการสร้างขยะ จึงจะลดการใชถ้ ุงพลาสตกิ แก้วนำ้ พลาสตกิ และ กล่องโฟม โปง้ จะต้องเขียนโปรแกรมให้อ่ิมหยิบสงิ่ ของใดบ้าง เพอื่ เตรียมตวั ไปตลาด
132 ตวั อยา่ งสถานการณ์ กระโปรงของกอ้ ยขาด ก้อยไมต่ ้องการทงิ้ ใหเ้ ป็นขยะ และต้องการ ใชใ้ ห้คุ่มค่าทส่ี ุด จงึ จะให้คุณแมช่ ่วยซอ่ มกระโปรง แตก่ ้อยไม่มี อุปกรณใ์ นการซ่อม ก้อยจะตอ้ งเขยี นโปรแกรมให้อ่ิมหยิบอุปกรณ์ ใดบ้างเพอ่ื นำมาใชใ้ นการซอ่ มกระโปรง ตัวอยา่ งสถานการณ์ ขยะมปี ริมาณเพ่มิ ขึ้นทุกวนั การคดั แยกขยะชว่ ยลดปริมาณขยะได้ เพราะสามารถนำขยะแต่ละประเภททีค่ ดั แยกไปจดั การไดอ้ ย่าง เหมาะสม เชน่ นำมารีไซเคิล นำมาทำปุย๋ หมัก ใหน้ กั เรียนเขยี น โปรแกรมใหห้ นุ่ ยนต์อมิ่ เก็บขยะและนำไปทิ้ง ลงถงั ขยะตามเง่ือนไขต่อไปน้ี 1. เศษอาหาร เศษผลไม้ ทิ้งที่ถังขยะ สเี ขี 2. กระดาษ ถงุ พลาสติก กระป๋อง ทิ้งทถ่ี งั ขยะ สีน้ำเงิน 3. ถ่านไฟฉาย หลอดไฟ ท้งิ ท่ีถังขยะ สีแดง
133
134 เกณฑม์ าตรฐานความก้าวหน้า ป.1 รับรู้ความหมายของสภาพแวดล้อม โดยมีครูเป็นผู้ช่วยเหลือในการอ่านใบความรู้เกี่ยวกับ ความหมาย และองคป์ ระกอบของสภาพแวดลอ้ มร่วมกับเพื่อน โดยมคี รูช่วยกำหนดบริเวณและขอบเขตการ สำรวจ บริเวณรอบโรงเรียน หรือร่วมกับผู้ปกครองสำรวจบริเวณรอบบ้าน บอกลักษณะของสภาพแวดล้อม รอบโรงเรยี น หรือบา้ นดว้ ยภาษาของตนเอง หรือภาพวาด ป.2 เน้นกระบวนการสืบเสาะ แปลความหมายข้อมูล และใช้เครื่องมือในการเรียนรู้ โดยมีครูเป็นผู้ช่วยเหลอื ผเู้ รียนฝึกตงั้ คำถามท่ีนำไปสู่การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสงิ่ จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ โดยครู กระตุ้นให้เกิดความสงสัยร่วมกับเพื่อนในการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสที่เหมาะสมและใช้เครื่องมืออย่าง งา่ ยวดั การเจรญิ เตบิ โตของพชื ทำการทดลองอยา่ งง่ายตามข้ันตอนหรือการแนะนำของครูเกี่ยวกับส่ิงจำเป็น ในการเจริญเติบโตของพืช นำข้อมูลจากการสังเกตและการทดลองมาจัดกระทำในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และ เหมาะสมกับวัย เช่น แผนภูมิรูปภาพ ตารางทางเดียวเพื่อบอกสิ่งที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช นักเรียนอาจเลี้ยงพืชดอกที่มีอายุสั้น เพื่อสังเกต ทดลองสิ่งจำเป็นในการเจริญเติบโต และวัฏจักรชีวิตของ พืชดอก สำหรับการเรียนรูว้ ฏั จกั รชวี ิตของสัตว์ มลพษิ ในอากาศ น้ำ และดนิ รวมถึงแนวทางลดปัญหามลพิษ เน้นกระบวนการสืบเสาะโดยใช้การสำรวจ หรือศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ เช่น สอบถามผู้รู้ ดูคลิปวีดีโอ โดยอาศัยครแู นะนำ หรือการให้ความชว่ ยเหลอื ป.3 เน้นกระบวนการสืบเสาะ แปลความหมายข้อมูล และใช้เครื่องมือในการเรียนรู้ โดยมีครูเป็นผู้ชว่ ยเหลอื ผู้เรยี นฝึกตงั้ คำถามที่นำไปสู่การรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับสิ่งจำเปน็ ต่อการเจริญเติบโตของพชื และสัตว์ โดยครู กระตุ้นให้เกิดความสงสัยร่วมกับเพื่อนในการสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสที่เหมาะสมและใช้เครื่องมืออย่างง่าย วัดการเจริญเติบโตของพืช ทำการทดลองอย่างง่ายตามขั้นตอน หรือการแนะนำของครูเกี่ยวกับสิ่งจำเป็น
135 ในการเจริญเติบโตของพืช นำข้อมูลจากการสังเกต และการทดลองมาจัดกระทำในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และเหมาะสมกับวัย เช่น แผนภูมิรูปภาพ ตารางทางเดียว เพื่อบอกสิ่งที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของ พืช นักเรียนอาจเลี้ยง พืชดอกที่มีอายุสั้น เพื่อสังเกต ทดลองสิ่งจำเป็นในการเจริญเติบโตและวัฏจักรชีวิต ของพืชดอก และอาจเลย้ี งสัตว์ เพื่อเรียนรวู้ ัฏจักรชีวิตของสัตว์ ปฏบิ ัติตนและแสดงความตระหนักในการลด การใช้วสั ดุและการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ เพ่อื ลดปัญหามลพิษและดูแลพืชและสัตว์ และส่ิงแวดล้อม เพื่อให้ เหมาะสมกบั การดำรงชวี ติ ของพชื และสตั ว์ 3. ปรากฏการณธ์ รรมชาตแิ ละภยั อันตราย ในช่วงช้ันที่ 1 นกั เรียนจะไดม้ ีประสบการณก์ ารเรียนรู้เกยี่ วกบั ปรากฏการณ์กลางวัน กลางคนื การข้ึน และตกของดวงอาทิตย์ และการกำหนดทิศ ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากการที่โลกหมุนรอบตัวเอง ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเกิดลม ประโยชน์และโทษของลมต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการปฏิบัติตน ให้ปลอดภัยจากวาตภยั และอุทกภัย ผลลพั ธ์การเรยี นรู้เม่ือจบชว่ งชน้ั 1. อธิบายปรากฏการณท์ ีเ่ กิดจากการหมนุ รอบตัวเองของโลก เชน่ กลางวัน กลางคนื การขนึ้ และตก ของดวงอาทิตย์ และการกำหนดทิศดว้ ยหลกั การทางวิทยาศาสตร์ 2. กำหนดทิศทางบนแผนท่โี ดยประยุกตใ์ ช้ความรูเ้ กย่ี วกับการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์และการกำหนดทิศ 3. สรา้ งคำอธิบายเกีย่ วกบั การเกิดลม บอกประโยชน์และโทษของลมต่อสงิ่ มชี วี ิตและส่งิ แวดล้อม 4. วางแผนการปฏิบัตติ นให้ปลอดภยั จากวาตภัยและอุทกภยั โดยอาศัยความรู้เก่ียวกบั ลักษณะของภยั ธรรมชาติ ความร้แู ละสมรรถนะทีเ่ ช่ือมโยงกัน ตัวอยา่ งสถานการณ์ กิจกรรม และเครื่องมอื ทใ่ี ชส้ ำหรับนักเรียน 1. อธิบายปรากฏการณท์ ่ีเกิดจากการหมนุ รอบตัวเองของโลก เช่น กลางวัน กลางคืน การขึน้ และตก ของดวงอาทิตยแ์ ละการกำหนดทิศด้วยหลักการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. กำหนดทศิ ทางบนแผนทีโ่ ดยประยกุ ต์ใช้ความรเู้ ก่ียวกับการข้ึนและตกของดวงอาทติ ย์ และการกำหนดทิศ การเกดิ กลางวัน กลางคืน การเกิดกลางวนั กลางคืน 1. ตัง้ คำถามและรวบรวมข้อมูล 1. ต้ังคำถามจากการดูคลปิ วีดีโอ หรือเกมเก่ียวกบั กลางวนั กลางคืน ขอ้ มูลเกยี่ วกับการเกิดกลางวนั และร่วมกันระดมความคิดเก่ียวกับเกิดปรากฏการณ์น้ี กลางคืน 2. ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ถึงแบบจำลองแสดงการเกดิ 2. สร้างแบบจำลองเพื่ออธบิ าย กลางวนั กลางคนื วางแผนและลงมือสร้างแบบจำลองที่อธิบาย การเกิดกลางวนั กลางคนื และ การเกิดปรากฏการณ์กลางวนั กลางคืน เช่น การเขยี นแผนภาพ สอ่ื สารโดยอธบิ ายแบบรูปการณ์ ใช้อปุ กรณ์อย่างง่าย เปลย่ี นแปลงช่วงเวลา กลางวัน กลางคนื
136 3. ลงข้อสรปุ จากแบบจำลองซ่ึงประกอบดว้ ยคำสำคัญ เช่น โลกหมุน รอบตวั เอง ด้านที่โลกได้รับแสง และไมไ่ ด้รับแสงจากดวงอาทิตย์ และการเกิดเปน็ แบบรูป ซ้ำจนเป็นวัฏจักร การขนึ้ และตกของดวงอาทติ ย์ การขึ้นและตกของดวงอาทติ ยแ์ ละการกำหนดทศิ และการกำหนดทศิ 4. สังเกตตำแหน่งของดวงอาทิตย์บนทอ้ งฟ้าในชว่ งเวลาตา่ ง ๆ 3. ตั้งคำถามและรวบรวมข้อมูล จากท้องฟ้าจริง วีดีโอ หรอื ซอฟแวร์ แสดงการเคลื่อนท่ี ทีน่ า่ เช่อื ถอื จากอนิ เทอรเ์ น็ต ของดวงอาทิตยแ์ ละดาว สังเกต หรอื สอบถามผ้อู ื่นถึงชือ่ ของทศิ เก่ยี วกับการขึ้นและตกของ ทด่ี วงอาทิตยข์ ้ึนและตก ดวงอาทติ ย์และการกำหนดทิศ 5. ตัง้ คำถามเพ่ือนำไปสูก่ ารสืบเสาะและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกบั 4. ใช้แบบจำลองอธิบายการข้ึน การมองเห็นดวงอาทติ ย์ขึ้นและตก และการกำหนดทิศตะวันออก และตกของดวงอาทติ ย์ และ และทศิ ตะวนั ตก สื่อสาร โดยอธิบายแบบรูป 6. ร่วมกนั วางแผนและลงมอื สร้างแบบจำลองอธบิ าย การมองเห็น การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ ปรากฏการณ์การข้นึ ตกของดวงอาทิตย์ และการกำหนดทศิ เชอื่ มโยงสูก่ ารกำหนดทศิ บนโลก เชน่ เขียนแผนภาพ ใชอ้ ุปกรณ์อย่างง่าย 5. คน้ หาสถานท่ีบนแผนท่ี สร้าง แผนผงั จำลอง และการแสดง ลำดบั การเดนิ ทางจากจุดหน่ึง แก้ปัญหาโดยใช้ความรูเ้ รือ่ งทิศ 7. เขยี นโคด้ ทปี่ ระยกุ ต์ใชเ้ ร่ืองทิศเพอ่ื สรา้ งแผนผัง หรือแผนที่ โดยสร้างตาราง ทำบัตรภาพลูกศร ช้ขี ้ึนแทนทศิ เหนือ ลูกศรชล้ี ง แทนทิศใต้ลกู ศรชี้ซ้าย แทนทศิ ตะวนั ตก ลกู ศรชขี้ วาแทน ทศิ ตะวันออก ทำบัตรคำสถานท่ี ตวั อย่างสถานการณ์ เขียนโคด้ แบบใชบ้ ัตรคำและบตั รรูปสัง่ ใหห้ ่นุ ยนต์ เดนิ ทางจาก หนา้ โรงเรยี นไปยังอาคารทเี่ ราเรียน สามารถเขียนบตั รคำสถานที่ อืน่ ๆ ในโรงเรียนเพ่ิมได้ และสามารถเขยี นโคด้ สงั่ ให้หุ่นยนต์ เดินไปยงั สถานที่อ่นื ในโรงเรียนได้
137 3. สร้างคำอธิบายเก่ยี วกบั การเกดิ ลม บอกประโยชน์และโทษของลมตอ่ สิ่งมีชวี ิตและส่งิ แวดล้อม 1. อธิบายการเกิดลมจากหลกั ฐาน 1. สังเกตสถานการณ์แล้วตัง้ คำถามเกีย่ วกบั การเกดิ ลมเพื่อนำไปสู่ ทไ่ี ดจ้ ากแบบจำลอง หรือจากสื่อ การสงั เกตการเกิดลม ตา่ ง ๆ 2. อภปิ รายและอธิบายการเกิดลม จากการสงั เกต แบบจำลอง 2. บอกประโยชนแ์ ละโทษของลม หรอื จากสอื่ ตา่ ง ๆ เชน่ คลิปวีดีโอ แผนภาพ ตอ่ สงิ่ มีชีวติ และสง่ิ แวดล้อม จากขอ้ มลู ที่รวบรวมได้ 3. รว่ มกันอภิปรายและลงข้อสรุปถงึ ประโยชน์และโทษของลม ต่อตนเอง สิ่งมีชวี ติ และต่อสิ่งแวดล้อม อาจใช้สื่อต่าง ๆ เชน่ คลปิ วีดีโอ รูป หรอื ใช้สถานการณ์ใกลต้ วั ชว่ ย ในการอภิปราย และลงข้อสรุปนำเสนอในรูปแบบที่ น่าสนใจ เชน่ แผนภาพ รปู วาด งานศลิ ปะอ่นื ๆ 4. วางแผนการปฏบิ ัติตนใหป้ ลอดภัยจากวาตภยั และอุทกภยั โดยอาศัยความรู้เก่ียวกับ ลกั ษณะของภัยธรรมชาติ 1. อธิบายลักษณะและผลกระทบ 1. รว่ มกนั ตัง้ คำถามเก่ียวกบั ภัยอนั ตรายจากวาตภยั ท่เี กดิ จาก จากวาตภัยและอุทกภยั ลมท่พี ดั แรง และจากอุทกภยั ทเี่ กดิ จากน้ำทว่ ม ว่าภยั อันตราย จากข้อมูลท่สี ังเกตและรวบรวมได้ ดงั กล่าวสง่ ผลกระทบตอ่ สิ่งมชี ีวิตและสิ่งแวดลอ้ มอย่างไร 2. วางแผนการปฏิบัติตนใหป้ ลอดภัย โดยอาจใช้สอ่ื ต่าง ๆ เช่น คลปิ วดี โี อ หรือสถานการณ์ใกล้ตัว จากวาตภยั และอุทกภัย เหตกุ ารณข์ า่ วทเ่ี กิดขน้ึ ในชุมชน หรอื พ้ืนทีใ่ กล้เคียง ชว่ ยในการ จากข้อมลู ท่ีสงั เกตและรวบรวมได้ ตัง้ คำถามเพื่อนำไปสกู่ ารสงั เกต
138 2. รว่ มกันสังเกต อภปิ ราย และลงขอ้ สรุปเก่ยี วกบั ลักษณะผลกระทบ และแนวทางการปฏิบัตติ นใหป้ ลอดภัยจากวาตภยั และอุทกภยั จากข้อมลู ที่ไดจ้ ากสถานการณ์จำลองที่สร้างข้ึนและจากแหล่ง เรยี นรู้ต่าง ๆ ท่เี ชอ่ื ถอื ได้ 3. วางแผนการปฏิบัติตนใหป้ ลอดภัยจากวาตภัยหรอื อุทกภัย ท่อี าจเกิดขน้ึ ในชุมชน และนำเสนอในรูปแบบท่นี ่าสนใจ เชน่ แสดง การปฏิบัติตน วาดภาพหรอื แผนภาพแสดงแผนการปฏิบตั ติ น เกณฑ์มาตรฐานความก้าวหนา้ ป.1 เน้นกระบวนการสืบเสาะและสื่อสารด้วยภาษาที่เหมาะสม โดยการสังเกตการเปลี่ยนแปลงบน ท้องฟ้า ในเวลากลางวันและกลางคืน นำเสนอแบบรูป ของกลางวันและกลางคืนและการขึ้นและตกของ ดวงอาทิตย์ ด้วยวิธีการที่ตัวเองเลือก เช่น วาดภาพ สร้างแบบจำลอง งานศิลปะ บอกกิจกรรมที่พบใน ชีวิตประจำวนั ทีเ่ ป็นการใช้ประโยชนจ์ ากลม รับรู้ลกั ษณะและผลกระทบของลมที่พดั แรงและน้ำท่วมจากสื่อ ต่าง ๆ เช่น สถานการณ์จำลอง ภาพข่าว เหตุการณ์ คลิปวีดีโอ และบอกการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากลมที่ พัดแรง และ นำ้ ท่วม โดยอาศัยการแนะนำ หรอื การให้ความชว่ ยเหลอื ป.2 เน้นกระบวนการสืบเสาะ แปลความหมายข้อมูล และใช้เครื่องมือในการเรียนรู้ โดยการรวบรวมข้อมูล จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น แบบจำลอง คลิปวีดีโอ รูป เพื่ออธิบายการเกิดกลางวัน กลางคืน และการขึ้น และตกของดวงอาทิตย์ พร้อมอธิบายแบบรูปการเปลี่ยนแปลงปรากฏการณ์ดังกล่าว โดยอาศัยการแนะนำ หรือการให้ ความช่วยเหลือจากครู ระบทุ ศิ จากแบบรูปของการขน้ึ และตกของดวงอาทิตย์ สงั เกตแบบจำลอง การเกิดลมที่ครู สร้าง หรือจากการดูสื่อต่าง ๆ เช่น คลิปวีดีโอ แผนภาพ เพื่อระบุสาเหตุของการเกิดลม พร้อมให้เหตุผลด้วยภาษา ของตัวเอง อธิบายลักษณะและผลกระทบของวาตภัยและอุทกภัย การปฏิบัติตน ให้ปลอดภัยจากวาตภัยและอุทกภัย จากสื่อต่าง ๆ เช่น สถานการณ์จำลอง ภาพข่าว เหตุการณ์ คลิปวีดีโอ โดยอาศัย การแนะนำ หรอื การให้ความชว่ ยเหลอื ป.3 เนน้ กระบวนการสืบเสาะ แปลความหมายข้อมูล และใชเ้ คร่ืองมือในการเรียนรู้ โดยสร้างแบบจำลอง เกี่ยวกับปรากฏการณ์การเกิดกลางวัน กลางคืน การขึ้นตกของดวงอาทิตย์ การกำหนดทิศ โดยอาศัยการแนะนำ จากครู ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้เรื่องแบบรปู ของการข้ึนและตกของดวงอาทิตย์ เพื่อสรา้ งและกำหนดตำแหน่ง และ ทิศทางของสถานที่ต่างๆ ในชุมชน ฝึกการวางแผนและกระบวนการแก้ปัญหา เมื่อเกิดวาตภัยและอุทกภัย โดย วางแผนการปฏิบตั ติ นให้ปลอดภัยจากวาตภยั และอุทกภัยจาก โดยอาศยั การแนะนำ หรือการให้ความช่วยเหลือ 4. ความกา้ วหน้าของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในช่วงชั้นที่ 1 ผู้เรียนจะได้มีประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกฝนการนำความรู้มาแก้ปัญหา หรอื พฒั นาช้ินงาน โดยประยุกต์ใช้ความรู้ในเร่ืองแรง ผลของแรงที่มีต่อวัตถุตา่ ง ๆ แรงแม่เหล็ก หรือสมบัติของ วสั ดุ ในแกป้ ญั หา หรอื การสร้างชนิ้ งานอย่างงา่ ย
139 ผลลพั ธ์การเรยี นร้เู มอื่ จบชว่ งชั้น 1. สร้างคำอธิบายเก่ยี วกับแรง ผลของแรงที่มตี ่อวตั ถุต่าง ๆ และแรงแม่เหล็ก ท่ีพบในกิจกรรม หรอื สถานการณต์ ่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั 2. เลอื กใช้วสั ดุในชีวิตประจำวนั ตามสมบตั ขิ องวัสดุอย่างมีเหตุผล 3. ทำงานร่วมกบั ผู้อื่นโดยใชก้ ระบวนการแกป้ ัญหาร่วมกับการประยุกต์ใชค้ วามรู้ทางวิทยาศาสตร์ ในเรอ่ื งแรง ผลของแรงที่มีต่อวัตถตุ ่าง ๆ แรงแมเ่ หลก็ หรือสมบัติของวัสดุ เพื่อแก้ปัญหา หรอื สรา้ ง ของเลน่ ของใช้อย่างง่าย ความรูแ้ ละสมรรถนะท่เี ช่ือมโยงกัน ตวั อย่างสถานการณ์ กิจกรรม และเครอ่ื งมือทีใ่ ช้สำหรับนกั เรียน 1. สรา้ งคำอธบิ ายเก่ียวกับแรง ผลของแรงที่มตี ่อวตั ถตุ ่าง ๆ และแรงแม่เหลก็ ที่พบในกจิ กรรม หรอื สถานการณต์ า่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวัน แรงและผลของแรงท่มี ตี ่อวตั ถุต่าง ๆ แรงและผลของแรงท่ีมีตอ่ วัตถุตา่ ง ๆ 1. สร้างคำอธิบายเก่ียวกับแรง 1. ตั้งคำถามที่อยากรู้เกย่ี วกับแรงและผลของแรงทีม่ ตี ่อวตั ถุตา่ ง ๆ และผลของแรงที่มีต่อวัตถุต่าง ๆ จากการสงั เกตขณะทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวัน เช่น ท่พี บในกจิ กรรมหรอื สถานการณ์ การเล่นของเลน่ การเล่นเคร่ืองเล่นในสนามเด็กเล่น การเลน่ กีฬา ตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวัน การทำงานบา้ น การหยบิ จับยกสิง่ ของ 2. รว่ มกันเก็บขอ้ มลู เกี่ยวกับผลของการดึงและการผลัก ยกตัวอยา่ ง กจิ กรรมทที่ ำในชวี ติ ประจำวัน และอธิบายลักษณะการออกแรง โดยการดึง หรือการผลกั 3. มสี ว่ นร่วมในการรวบรวมหลกั ฐานจากการสังเกตและอธิบายผล ของแรงทม่ี ีต่อการเปลี่ยนแปลงของวตั ถุในลักษณะตา่ ง ๆ ได้แก่ - การเปลีย่ นแปลงรปู รา่ งของวตั ถแุ ละวัสดุเม่ือมีแรงมากระทำ ด้วยวธิ ีการตา่ ง ๆ เช่น บีบ บิด ทบุ ดดั ดงึ - การเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนทข่ี องวัตถุในลกั ษณะตา่ ง ๆ เมื่อมี แรงมากระทำ ได้แก่ วตั ถุที่อยู่นงิ่ เปล่ยี นเปน็ เคลอ่ื นท่ี วตั ถทุ ่ีกำลัง เคลือ่ นที่เปลี่ยนเปน็ เคลือ่ นท่เี ร็วขึน้ ช้าลง หรือ หยุดนงิ่ หรือ เปล่ียนทศิ ทางการเคล่ือนที่ 4. เชื่อมโยงความรูโ้ ดยอธบิ ายแรงและผลของแรงทม่ี ีต่อวตั ถตุ ่าง ๆ ทีพ่ บในกิจกรรมหรือสถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั แรงแมเ่ หล็ก แรงแม่เหล็ก 2. สรา้ งคำอธิบายเกี่ยวกับของเลน่ 5. ต้ังคำถามท่ีอยากรู้จากการสงั เกตของเลน่ ของใช้ทม่ี ีแม่เหลก็ ของใชท้ ี่มีแมเ่ หลก็ เป็นสว่ นประกอบ เปน็ ส่วนประกอบ เช่น กระดานแม่เหลก็ กล่องใสด่ นิ สอที่ใช้ จากหลักฐานทร่ี วบรวมได้ แม่เหลก็ แม่เหล็กตดิ ตู้เยน็ ท่ีใช้แขวนสิง่ ของ 3. จดั กระทำข้อมูลแล้วนำมา ประกอบข้อสรุปเก่ียวกับแม่เหล็ก และแรงแม่เหลก็
140 6. ร่วมกนั รวบรวมหลักฐาน โดยสงั เกตและอธบิ ายผล ของแรงแมเ่ หล็ก ที่มตี อ่ ของเล่น ของใช้รอบตัวทที่ ำมาจากวัสดตุ า่ ง ๆ เช่น ไม้บรรทดั เหล็ก กล่องพลาสติก แท่งแม่เหล็ก ลูกบอลยาง ตุ๊กตาผา้ แล้วร่วมกัน อภิปรายเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกับสารแมเ่ หลก็ 7. รวบรวมหลักฐานจากการสงั เกตและอธบิ ายลักษณะการวางตวั ของแท่งแม่เหล็กเม่ือปล่อยให้แท่งแม่เหล็กท่ีเคลื่อนที่อย่างอิสระ หยดุ นิ่ง พร้อมทง้ั ระบุขวั้ แมเ่ หลก็ และทิศท่ีแมเ่ หล็กแต่ละข้ัวชี้ไป 8. รวบรวมหลักฐานจากการสังเกตแรงกระทำระหว่างแม่เหล็ก 2 แท่ง และอธิบายแรงระหวา่ งแม่เหลก็ 9. เช่อื มโยงความรู้เก่ยี วกับแมเ่ หลก็ และแรงแม่เหล็กโดยอธิบาย ของเลน่ ของใช้ ในชวี ติ ประจำวันที่มแี ม่เหลก็ เป็นส่วนประกอบ 10. จดั กระทำข้อมลู ในรูปแบบที่นา่ สนใจแล้วนำมาประกอบข้อสรปุ เกีย่ วกบั แม่เหลก็ และแรงแมเ่ หลก็ 2. เลือกใช้วสั ดใุ นชีวิตประจำวันตามสมบตั ขิ องวัสดุอยา่ งมเี หตผุ ล 1. ตัง้ คำถามท่ีนำไปสกู่ ารทดลอง 1. สงั เกตสถานการณ์การนำสิ่งของมาซบั นำ้ หรอื เช็ดนำ้ ร่วมกัน ออกแบบการทดลอง ทดลองเพ่ือ ตั้งคำถามเกี่ยวกบั วัสดุชนิดต่าง ๆ ท่พี บในชีวิตประจำวัน เปรยี บเทียบสมบัตกิ ารดดู ซับน้ำ ทด่ี ูดซับนำ้ ได้ ของวสั ดุชนิดต่าง ๆ ท่ีพบใน 2. ร่วมกนั ออกแบบการทดลองอย่างง่ายในการเปรียบเทียบสมบัติ ชีวติ ประจำวนั การดดู ซบั นำ้ ของวัสดชุ นดิ ตา่ ง ๆ ที่พบในชีวติ ประจำวนั หรือ 2. สร้างคำอธบิ ายเกยี่ วกบั สมบตั ิ ในชุมชน เชน่ กระดาษ ผา้ พลาสตกิ การดูดซบั น้ำของวสั ดุ และ 3. ทำการทดลองตามที่ออกแบบ บนั ทกึ ผลการทดลองในรูปแบบ สมบตั ทิ ่ีเปลยี่ นไปของวัสดุ ทเ่ี ข้าใจงา่ ย เช่น ตารางทางเดียว และร่วมกนั ลงข้อสรปุ เก่ยี วกับ หลังผสม โดยใชห้ ลักฐานที่ได้ สมบตั กิ ารดดู ซับนำ้ ของวัสดุแตล่ ะชนดิ จากหลักฐานที่ทดลองได้ จากการสงั เกต 4. ต้ังคำถาม รวบรวมหลักฐานโดยการสงั เกต เปรียบเทยี บ และ 3. นำความรเู้ ก่ียวกับสมบตั ิของวัสดุ ลงขอ้ สรปุ เกย่ี วกบั สมบัติของวสั ดุ ก่อนและหลงั ผสมกบั วสั ดุอน่ื ไปใช้ในชีวิตประจำวนั เชน่ สมบัติของกระดาษ และกาว และสมบัติของกระดาษผสมกาว 5. เชือ่ มโยงความรู้เกี่ยวกบั สมบัตขิ องวัสดุท่ไี ดเ้ รยี นกบั การเลือกใช้ วสั ดใุ นสถานการณท์ ีพ่ บในชีวติ ประจำวัน เช่น การเลอื กวสั ดุ
141 เพื่อนำมาซับน้ำ การเลือกวัสดุเพ่อื ไปทำชุดกนั ฝน การเลือกวัสดุ เพอื่ นำไปทำเปเปอร์มาเช่ 3. ทำงานรว่ มกับผอู้ ื่นโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหารว่ มกับการประยุกต์ใช้ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ ในเร่ืองแรง ผลของแรงที่มีต่อวตั ถุต่าง ๆ แรงแม่เหล็ก หรือสมบตั ิของวสั ดุ เพื่อแก้ปัญหา หรือสร้างของเล่น ของใช้อย่างงา่ ย ๑. แกป้ ัญหา หรือสร้างของเลน่ 1. ฟงั ตวั อย่างสถานการณ์ปญั หาท่ตี อ้ งประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ในเรอื่ งแรง ของใช้อย่างงา่ ยจากการ ผลของแรงทม่ี ตี ่อวตั ถุต่าง ๆ แรงแม่เหลก็ หรือสมบตั กิ ารดดู ซบั นำ้ ประยกุ ต์ใช้ความรู้ในเรื่องแรง ของวัสดแุ ละสมบัตขิ องวสั ดหุ ลังผสมในการแกป้ ัญหา เช่น การสร้าง ผลของแรงที่มตี ่อวัตถตุ า่ ง ๆ อปุ กรณ์ทำความสะอาดตู้ปลาทีใ่ ช้งานได้ โดยไม่ต้องหย่อนมือลงไป แรงแมเ่ หลก็ หรือสมบัติ ในตู้ปลา และไม่เปื่อยยยุ่ เม่อื เปียกนำ้ หรือการนำความรู้ มาสรา้ ง การดดู ซับน้ำของวัสดุ และ ของเลน่ ของใชอ้ ยา่ งง่าย เชน่ เกมแม่เหลก็ อุปกรณด์ ดู ซับน้ำ สมบัตขิ องวสั ดหุ ลงั ผสม โดยใช้ แม่เหลก็ ท่ตี ิดต้เู ยน็ หรือสง่ิ ของ รถจากแม่เหลก็ เรือบรรทุกของ กระบวนการทำงานเป็นทีม การเลือกใช้วสั ดุรอบตัวมาทำพู่กนั สำหรับระบายสี เลือกผ้ามามัดย้อม 2. นำเสนอการแกป้ ญั หา หรอื เพ่ือทำผ้าเชด็ หนา้ ของเล่น ของใชท้ ีส่ รา้ งขึน้ โดยอธิบายและใหเ้ หตผุ ล เชงิ วิทยาศาสตร์ดว้ ยภาษา ทีเ่ ข้าใจงา่ ย มุ่งมัน่ ในการแก้ปญั หา หรือสรา้ งของเล่น ของใช้ อยา่ งง่าย โดยเห็นการแกป้ ัญหา เปน็ เร่อื งท้าทายและสนุก กับการแกป้ ัญหา 2. อภิปรายปญั หา หรือสง่ิ ท่ีต้องทำจากสถานการณ์ที่กำหนดขึ้น และร่วมกนั ออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หา หรอื การสรา้ งของเลน่ ของใชอ้ ยา่ งง่าย โดยเลือกประยุกตใ์ ช้ความรู้ ทไี่ ด้เรียนมาเกย่ี วกบั แรง ผลของแรงทมี่ ตี ่อวัตถุ แรงแมเ่ หล็ก หรือสมบัติของวสั ดุ 3. รว่ มกันวางแผนและแกป้ ัญหา หรือสรา้ งของเล่น ของใชอ้ ยา่ งงา่ ย ท่ีเกิดจากการประยุกต์ใช้ความรทู้ ไ่ี ด้เรียนมา โดยใชก้ ระบวนการ ทำงานเป็นทมี 4. นำเสนอการแก้ปญั หาหรอื ช้นิ งานที่สร้างขน้ึ พร้อมกบั อธิบาย และใหเ้ หตผุ ลเชิงวทิ ยาศาสตร์ตามทเ่ี ลือกประยุกต์ใช้ด้วยภาษา ท่เี ข้าใจง่าย 5. ฟงั การนำเสนอของเพ่ือนอย่างตงั้ ใจ แสดงความคดิ เห็น หรือ เสนอแนะเก่ียวกับวธิ กี ารแก้ปญั หาหรือของเลน่ ของใช้ท่ีสร้างขึ้น โดยใช้เหตุผลเชิงวิทยาศาสตรเ์ ก่ียวกบั แรง ผลของแรงที่มตี อ่ วตั ถุ แรงแม่เหลก็ หรอื สมบตั ิการดูดซับน้ำของวสั ดุและสมบัตขิ องวสั ดุ หลงั ผสม
142 เกณฑ์มาตรฐานความก้าวหนา้ ป.1 เนน้ การรวบรวมขอ้ มูลโดยสังเกตสถานการณใ์ กลต้ ัว หรอื จากการทำกิจกรรมต่าง ๆ รวบรวมขอ้ มลู และบอกลักษณะของการออกแรงและผลของแรงท่ีมตี ่อวัตถุต่าง ๆ สังเกตแมเ่ หล็กและวสั ดุทแี่ ม่เหลก็ ดึงดูดได้ สมบตั ทิ ี่เปลี่ยนแปลงไปของวสั ดุกอ่ นและหลังผสมกับวสั ดอุ ่ืน ตามขน้ั ตอนหรือคำแนะนำของครู และส่อื สาร โดยการเลา่ เขียน หรอื วาดดว้ ยภาษาของตนเอง ป.2 เนน้ ให้นักเรียนทำงานรว่ มกนั เพื่อสืบเสาะและรวบรวมข้อมูลจากการสงั เกตเพิม่ เตมิ เกีย่ วกับข้ัวแม่เหล็ก และแรงระหว่างแม่เหล็ก รว่ มกนั วางแผนและทำการทดลองอยา่ งง่ายเพ่ืออธิบายสมบัติการดูดซับนำ้ ของวสั ดุ จดั กระทำข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ในรปู แบบท่ีเหมาะสม เชน่ ภาพ แผนภูมิรปู ภาพ แผนภมู แิ ท่ง ตารางทางเดียว โดยอาศยั การแนะนำจากครู นำเสนอส่งิ ท่ีคน้ พบดว้ ยภาษาที่เขา้ ใจงา่ ย หรอื สร้างช้นิ งานทแี่ สดงการใช้ความรู้ เรอ่ื งแรง แรงแม่เหลก็ หรือสมบัติของวสั ดุ ป.3 เนน้ ให้นักเรยี นรว่ มกันวางแผนและแกป้ ญั หาโดยใชค้ วามร้เู ร่ืองแรง แรงแมเ่ หล็ก หรอื สมบัติของวัสดุ ควบคู่ กบั จนิ ตนาการและกระบวนการแก้ปัญหาที่มีการวางแผน การออกแบบขัน้ ตอนและวิธกี ารแกป้ ัญหา โดย อาศยั การแนะนำจากครู สามารถใช้เทคโนโลยีท่เี หมาะสมช่วยในการจดั กระทำและนำเสนอชน้ิ งาน หรือ แสดงการแก้ปัญหา รบั ฟังแนวคิดหรือวิธีการของผ้อู ่ืนและแสดงความคิดเห็นท่ีมเี หตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ ๕. เทคโนโลยีในชีวติ ประจำวัน ผู้เรียนจะได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการแก้ปัญหาอย่างมีขั้นตอน มีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาให้ สำเรจ็ ใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทัลในการสร้างชนิ้ งานและเข้าถึงแหล่งเรยี นรู้อยา่ งเหมาะสมและปลอดภัย สรา้ งของเล่น ของใช้เพื่อประโยชน์ในการใช้ชีวิตหรือการแก้ปัญหา เลือกใช้สิ่งของในชีวิตประจำวันได้ถูกต้องตามหน้าที่ใช้ สอยและปลอดภัย ผลลัพธ์การเรยี นรูเ้ ม่อื จบชว่ งช้นั 1. แก้ปัญหาอย่างงา่ ยหรือทำกิจกรรมในชวี ิตประจำวันอย่างมขี ้ันตอน แสดงวธิ กี ารหาคำตอบ หรอื วิธแี กป้ ัญหา ระบเุ หตุผลทีน่ ำไปสู่คำตอบ มีความมุ่งมน่ั ในการแก้ปญั หาใหส้ ำเรจ็ 2. ใช้เทคโนโลยีดจิ ิทัลในการเรียนรู้ สืบคน้ ข้อมลู และส่ือสารในชีวติ ประจำวนั ได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย 3. สรา้ งของเลน่ หรือของใช้เพื่อแกป้ ัญหาตามความสนใจ เลือกและใชส้ งิ่ ของเครอ่ื งใชใ้ นชีวิตประจำวันตาม หนา้ ท่ใี ช้สอยได้อยา่ งปลอดภัย ความร้แู ละสมรรถนะที่เช่ือมโยงกนั ตัวอยา่ งสถานการณ์ กิจกรรม และเครอื่ งมอื ทใ่ี ช้สำหรับนักเรียน 1. แก้ปัญหาอย่างงา่ ยหรอื ทำกจิ กรรมในชีวติ ประจำวนั อยา่ งมีข้นั ตอน แสดงวิธีการหาคำตอบ หรอื วิธีแกป้ ัญหา ระบเุ หตุผลทีน่ ำไปสู่คำตอบ มีความมงุ่ มั่นในการแก้ปญั หาใหส้ ำเร็จ
143 1. จัดลำดับขน้ั ตอนการทำกิจกรรม 1. จดั ลำดับขั้นตอนกบั การทำกิจกรรมต่าง ๆ เชน่ การเดนิ ทางไป หรือการแกป้ ัญหา อย่างงา่ ย โรงเรยี น การทำงานบา้ น การประกอบของเล่น การสร้างแบบจำลอง 2. แกป้ ัญหา แสดงวธิ ีการแก้ปัญหา หรือจากสถานท่ีจำลองข้ึน และระบุเหตุผลในการจัดลำดับ หรอื และระบเุ หตุผลหรอื วิธีการหา การสลับข้นั ตอน อภปิ รายความสำคญั ของการจดั ลำดบั ขั้นตอน คำตอบ มุง่ มัน่ ในการแกป้ ัญหา การทำงาน หรอื การแกป้ ัญหาต่าง ๆ และสนกุ กับการแก้ปัญหา 2. แก้ปญั หาอยา่ งงา่ ยจากเกม หรือสถานการณ์ท่ีใชค้ อมพิวเตอร์ 3. เขยี นโคด้ เพือ่ แกป้ ัญหาจาก หรอื ไม่ใชค้ อมพิวเตอร์ อภิปรายแนวทางในการหาคำตอบ สถานการณ์ทีก่ ำหนด แสดงวธิ กี ารหาคำตอบด้วยข้อความ หรือแผนภาพ และระบุ เหตผุ ลทน่ี ำไปสคู่ ำตอบ บอกเลา่ แนวทางทท่ี ำใหแ้ ก้ปัญหาได้สำเรจ็ และความรูส้ ึกเมื่อได้พยายามแกป้ ญั หาจนสำเรจ็ 3. ฝกึ กระบวนการคิด การวางแผนแบบนักเทคโนโลยี ด้วยการเขียนโค้ด แบบไมใ่ ช้ หรอื ใชค้ อมพวิ เตอร์ อภิปรายผลลพั ธข์ องลำดับขั้นตอน ในการทำงานทแี่ ตกต่างกัน เชน่ ลำดับขนั้ ตอนการทำกิจวตั ร ประจำวนั ลำดบั ขนั้ ตอนการทำงานตา่ ง ๆ และระบุวธิ กี ารคน้ หา ข้อผิดพลาด เมื่อผลลพั ธไ์ ม่ตรงตามต้องการ หรอื คน้ หาขอ้ แกไ้ ข เม่ือตอ้ งการเปลยี่ นแปลงผลลพั ธ์ เช่น หากตอ้ งการมีเวลาเล่น กบั เพ่อื นมากข้ึน ควรลดเวลา หรอื ลดขั้นตอนในกจิ วัตรใด 2. ใช้เทคโนโลยดี จิ ทิ ัลในการเรยี นรู้ สบื คน้ ขอ้ มูล และสื่อสารในชวี ติ ประจำวันไดอ้ ย่างเหมาะสม และปลอดภยั ๑. ใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ัลในการเรยี นรู้ ๑. อภปิ รายประโยชนข์ องเทคโนโลยีดิจิทัลในชีวิตประจำวนั และ สืบค้นข้อมูล และสอื่ สาร ในการเรยี น บอกเล่ากจิ กรรมในชวี ติ ประจำวนั ท่ีมกี ารใช้ ๒. ระบวุ ิธกี ารปกป้องข้อมลู ส่วนตัว เทคโนโลยีหรือจากทเ่ี คยได้พบเห็นมา บอกเล่าเกีย่ วกบั การใช้ ๓. ใช้งานเทคโนโลยีดจิ ทิ ัล เทคโนโลยีในอนาคตจากการจนิ ตนาการ อยา่ งเหมาะสมและปลอดภัย ๒. ศึกษาการใช้งานอุปกรณด์ จิ ิทัล เชน่ การเปิด - ปดิ อปุ กรณ/์ โปรแกรม/แอปพลเิ คชัน การสรา้ งและบนั ทึกไฟลต์ ามข้ันตอน ที่ถกู ต้อง เพอ่ื เปน็ เครอื่ งมือในการเรียนรหู้ รอื การนำเสนองาน ในสาระวชิ าต่าง ๆ เชน่ การเขา้ ถึงแหล่งข้อมูลหรอื แหลง่ เรียนรู้ การนำเสนอสง่ิ ทพี่ บจากการรวบรวมข้อมูลด้วยการวาดภาพ สร้าง ตาราง แผนภูมิ โดยบรู ณาการกับสาระการเรียนร้อู น่ื ๓. ศกึ ษาการใช้งานเวบ็ เบราว์เซอร์ การใชโ้ ปรแกรมค้นหา (search engine) เพื่อระบุคำคน้ และเขา้ ถงึ แหล่งเรยี นรู้ทีน่ ักเรียนสนใจ อภปิ รายและนำเสนอข้อมูลท่ีพบ โดยบรู ณาการกับสาระการเรียนรู้ อนื่ อภปิ รายเกยี่ วกบั การสื่อสารอย่างมีมารยาท การปกป้องข้อมูล ส่วนตวั เมือ่ มีผู้ติดต่อหรือมีขอ้ ความสอบถามข้อมลู เลอื กวิธกี าร
144 ทเ่ี หมาะสมเมื่อพบปัญหาจากการใชง้ าน เช่น การพบเวบ็ ไซต์ ท่ีไมเ่ หมาะสม การพบภาพหรือข้อมูลสว่ นตัวเผยแพร่บน อินเทอรเ์ นต็ ๔. อภปิ รายและนำเสนอวธิ ีการใชง้ านเทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดย สร้างขอ้ ตกลงในการใชง้ านรว่ มกันกบั ผปู้ กครองหรือครูและปฏบิ ตั ิ ตามข้อตกลง (ใช้งานตามเวลาทก่ี ำหนด จดั เวลาในการใชง้ าน ใหเ้ หมาะสม คอมพวิ เตอรท์ ่โี รงเรยี นไมค่ วรใช้เล่นเกม) การจดั เวลา ใชง้ านให้เหมาะสม การใชง้ านโดยคำนึงถึงสขุ ภาพ (จัดทา่ นัง่ ใหเ้ หมาะสม ไมค่ วรใชง้ านนานเกนิ ไป ใช้งานในท่ีมีแสงสว่าง เพียงพอ ไม่ใช้ระหว่างท่ที ำกิจกรรมอืน่ ๆ อย่เู พราะอาจเกดิ อนั ตราย) การดูแลรักษาอปุ กรณเ์ บ้อื งต้น (จดั เกบ็ ใหเ้ ขา้ ที่ ไม่รบั ประทานอาหาร หรอื เครือ่ งดมื่ ขณะใช้งานคอมพวิ เตอร์) ๕. อภปิ รายขอ้ ดีข้อเสยี และนำเสนอวธิ ปี ฏบิ ตั ิทีเ่ หมาะสมเก่ยี วกบั การสรา้ งปฏสิ มั พันธก์ บั คนในโลกจรงิ และโลกดิจิทัล พิจารณา ความแตกตา่ งระหว่างความเป็นจรงิ ในชีวิตและธรรมชาตกิ ับเกม และเร่ืองราวในโลกดจิ ิทลั เพ่ือสรา้ งความเข้าใจวา่ บางสงิ่ ในโลกดิจิทลั เปน็ เรื่องที่สมมตุ ขิ ึ้น เช่น ตัวละครในเกมเม่ือถูกทำร้าย หรอื ตาย แลว้ สามารถกลบั มีชีวิตใหม่ได้ เมอื่ มีผเู้ ล่นเกมจะมศี ตั รูทีจ่ ะตอ้ ง ถูกกำจัดใหห้ มดเพือ่ เอาชนะในเกม ซึง่ จะแตกตา่ งจากในโลกจรงิ อภิปรายแนวทางเพ่ือป้องกันไมใ่ ห้ตนเองตดิ อยู่ในโลกดจิ ิทลั และเกดิ ผลในทางลบ จดบนั ทึกการใช้งานประจำวันและประเมนิ ตนเองในการใชง้ านอยา่ งเหมาะสม 3. สรา้ งของเลน่ หรือของใช้เพ่ือแกป้ ัญหาตามความสนใจ เลือกและใช้ส่ิงของเครือ่ งใช้ในชวี ิตประจำวนั ตามหน้าท่ีใชส้ อยไดอ้ ย่างปลอดภยั ๑. ระบุวิธกี ารใชส้ ง่ิ ของใน ๑. นักเรยี นยกตัวอย่างสิ่งของในชีวิตประจำวัน เชน่ เครอ่ื งเขียน ชวี ิตประจำวันตามหนา้ ทใี่ ชส้ อย ของใชภ้ ายในบา้ น เพ่ืออภิปรายเก่ยี วกบั รูปทรง ลักษณะของวัสดุ และการใชง้ านอยา่ งปลอดภัย การใช้งาน และเปรียบเทียบการนำไปใช้งานตามหน้าทีใ่ ช้สอย ๒. เลือกและใช้สิง่ ของใน เชน่ ดนิ สอกับปากกา กรรไกรกับมดี ชวี ิตประจำวนั ไดถ้ กู ต้องตาม ๒. ศึกษาเกีย่ วกับการใช้งานส่ิงของในชีวิตประจำวนั ตามหนา้ ท่ีใชส้ อย หน้าท่ใี ช้สอย และใชง้ านอยา่ ง และการใชง้ านอยา่ งปลอดภัย อภปิ รายเกย่ี วกบั กจิ กรรมใน ปลอดภยั ชวี ติ ประจำวัน เช่น การประดิษฐข์ องเล่น การทำความสะอาด เพอื่ เลือกส่งิ ของในชวี ติ ประจำวันมาใช้งานตามหน้าท่ใี ช้สอย
145 ๓. สร้างของเลน่ ของใช้เพือ่ ๓. ศกึ ษาและอภิปรายประโยชนข์ องสิ่งของในชวี ติ ประจำวันซึ่งถกู แก้ปัญหา พัฒนาขนึ้ เพอื่ อำนวยความสะดวกหรือแก้ปัญหา ระดมความคดิ หรอื จินตนาการเกีย่ วกับของเลน่ ของใช้ทีต่ ้องการสรา้ งเพอื่ แกป้ ญั หา เลือกวัสดุอปุ กรณแ์ ละสรา้ งของเล่นของใชเ้ พื่อแกป้ ญั หาตามที่ ตอ้ งการ (การสรา้ งของเลน่ สามารถบูรณาการกบั ธมี ความก้าวหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรอื สาระการเรียนรู้อ่ืน ๆ) ๔. นักเรียนนำเสนอผลงาน โดยอธบิ ายวตั ถปุ ระสงค์ วิธกี ารใชส้ ่ิงของ ในชีวิตประจำวันตามหนา้ ท่ีใช้สอยและการใช้งานอยา่ งปลอดภยั เกณฑม์ าตรฐานความก้าวหน้า ** ธีมนี้สามารถบูรณาการกับทุกสาระการเรียนรู้ นักเรียนจะได้ฝึกทักษะการใช้งานอุปกรณ์ดิจิทัล ในชวี ติ ประจำวัน เพื่อนำเสนองาน เข้าถงึ แหลง่ เรยี นรู้ ส่ือสารหรอื ทำกจิ กรรมอ่ืน ๆ ในชวี ิตประจำวันได้อย่าง ปลอดภัย และพัฒนาทักษะในการแกป้ ัญหาและการสรา้ งของเล่นของใชเ้ บ้อื งต้น ป.๑ แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้การลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบ เขียนโค้ดอย่างง่ายโดยใช้บัตรคำสั่ง หรือสอื่ อื่น ๆ ใชเ้ ทคโนโลยดี ิจทิ ัลเขา้ ถึงแหล่งเรยี นรแู้ ละสร้างของเลน่ ของใชต้ ามคำแนะนำ ป.๒ ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือแก้ปัญหาที่กำหนดโดยใช้การคิดอย่างเป็นขั้นตอน เขียนโค้ด อย่างง่ายโดยใช้บัตรคำสั่ง หรือสื่ออื่น ๆ และฝึกตรวจหาข้อผิดพลาดเมื่อผลลัพธ์ไม่ตรงตามต้องการ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ สื่อสารอย่างเหมาะสมปลอดภัย สร้างของเล่นของใช้ตามความสนใจ ใช้ส่งิ ของได้ตามหนา้ ที่ใชส้ อยและใชอ้ ย่างปลอดภัย ป.๓ ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือแก้ปัญหาโดยแสดงวิธีแก้ปัญหาและระบุเหตุผลที่นำไปสู่คำตอบ เขียนโค้ดอย่างง่ายโดยใช้บัตรคำสั่งหรือสื่ออื่น ๆ จากโจทย์สถานการณ์ที่หลากหลาย อภิปรายขั้นตอน การสั่งงานแบบต่าง ๆ ท่นี ำไปสู่ผลลพั ธเ์ ดียวกัน เพ่ือสร้างทศั นคตทิ ่ดี ตี ่อการแกป้ ัญหาว่าเป็นเร่ืองท่สี นกุ และ ท้าทาย ใช้โปรแกรมค้นหาเพื่อสืบค้นข้อมูลและเข้าถึงแหล่งข้อมูลโดยปกป้องข้อมูลส่วนตัว สื่อสาร ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยใช้คำสุภาพ สร้างของเล่น ของใช้ตามความสนใจ เลือกและใช้สิ่งของได้ตามหน้าที่ ใชส้ อยและใช้อย่างปลอดภยั
146 7. การบริหารจัดการหลักสูตร การจัดทำและทดลองใชห้ ลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ หลักสูตรสถานศึกษาคือ กลไกหลักในการขับเคลื่อนและดำเนินการจัดการศึกษาให้บรรลุผล ตามเป้าหมายและจุดเน้นของสถานศึกษา ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาจึงต้องมีการวางระบบการสร้าง ความรู้ความเข้าใจให้บุคลากรในระบบนิเวศทางการศึกษาให้สามารถเข้าถึงและเข้าใจความสำคัญ พร้อมทั้ง มีส่วนร่วมในขั้นตอนต่าง ๆ อย่างเหมาะสม มีการเตรียมความพร้อม วางแผนและศึกษาข้อมูลบริบทรอบด้าน อย่างครอบคลุมชัดเจน สร้างเครือข่ายความร่วมมือจากภาคส่วนที่สำคัญ รวมทั้งอาจจัดให้มีการรับฟัง ความคิดเห็นจากผู้เรียน ผู้ปกครอง ครูและบุคลากรทางการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทน ภาคเอกชน และผู้แทนภาคประชาสังคมในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา และเตรียมพร้อมสำหรับการติดตาม และประเมินผลการพัฒนาคุณภาพของผู้เรยี น หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะเป็นหลักสูตรที่ใช้บริบทจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาสมรรถนะ ของผู้เรียน ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ของชุมชน สังคม ประเทศไทย และโลก สถานศึกษา สามารถดำเนนิ การตามข้ันตอนการจัดทำหลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ ดงั แสดงในแผนภาพตอ่ ไปนี้
147 1. เตรียมความพร้อม ในการจัดทำหลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ ความ ขอ้ มลู แนวคดิ (รา่ ง) พรอ้ ม บรบิ ท สำคญั กรอบ ของ บุคลากร หลกั สูตรฯ พัฒนา 2. รา่ งหลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ บริหารจัดการ บุคลากร และตรวจสอบคุณภาพหลักสูตร หลักสตู ร - ระบบ วธิ กี าร - รา่ งหลักสตู รตามองค์ประกอบทกี่ ำหนด - จัดระบบ - ชุดความรู้ - ตรวจสอบความถกู ต้อง เหมาะสม ของหลกั สูตร กลไก - ตรวจสอบเพอื่ ใหก้ ารรับรอง การบรหิ าร สถานศกึ ษา 3. นำหลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะไปใช้ - บรหิ าร และปรบั ปรงุ จดั การ หลักสตู ร - สร้างความเขา้ ใจ และวางระบบการนำหลักสตู รไปใช้ - ประกัน - ออกแบบโครงสรา้ งรายวชิ า รายวชิ า/ กจิ กรรม คณุ ภาพ หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ ภายใน - จดั กิจกรรมการเรียนรู้ และปรบั ปรงุ 4. ประเมินหลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะ - เก็บรวบรวมข้อมลู การใชห้ ลักสูตร - ประเมนิ ผลการใช้หลักสตู ร - ปรับปรงุ หลกั สตู รใหส้ มบรู ณ์ แผนภาพแสดงการจดั ทำและทดลองใชห้ ลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316