Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการใช้กรอบหลักสูตรฯ-ชช.1-211164

คู่มือการใช้กรอบหลักสูตรฯ-ชช.1-211164

Published by elibraryraja33, 2021-11-22 05:03:40

Description: คู่มือการใช้กรอบหลักสูตรฯ-ชช.1-211164

Search

Read the Text Version

48 และสมบตั ิต่าง ๆ เกย่ี วกับ แสดงการคูณและประโยคสญั ลกั ษณ์แสดงการหารโดยใช้ความสมั พันธ์ การคณู และการหารของจำนวน ของการคูณและการหารและเลอื กใชเ้ คร่ืองมือชว่ ยในการคำนวณ ๔. หาผลลพั ธข์ องการบวก ลบ คูณ ได้อย่างเหมาะสม เชน่ ตวั นับ แผน่ ตาราง เสน้ จำนวน ตารางสตู รคูณ หารระคน ได้อยา่ งคล่องแคล่ว - ค้นหาวธิ ีหาผลลพั ธ์ของการบวก ลบ คูณ หารระคนดว้ ยตนเองโดยใช้ โดยเลอื กใชว้ ธิ ีต่าง ๆ โดย วิธีการทห่ี ลากหลายผา่ นสถานการณใ์ นชีวิตจรงิ และใช้วิธขี องตนเอง เชือ่ มโยงความสมั พนั ธแ์ ละ ไดอ้ ย่างคล่องแคล่ว และประมาณผลลพั ธ์ เช่น กิจกรรมตลาดนัด สมบตั ิต่าง ๆ เก่ียวกับจำนวน ของโรงเรียนโดยเตรยี มเงนิ ในการซื้อสนิ ค้า หรอื ตดั สนิ ใจเลือกซื้อ และการดำเนินการของจำนวน สนิ คา้ ตามเงนิ ที่มี ๕. แก้ปัญหาเกยี่ วกบั จำนวนนบั และเศษส่วนในสถานการณต์ า่ ง ๆ ๑. แกป้ ัญหาเกีย่ วกับจำนวนนับ - สำรวจสถานการณป์ ญั หาเกีย่ วกับจำนวนนับหรือเศษส่วนและใช้ และเศษส่วนในชีวิตจริง กระบวนการหรือยทุ ธวิธตี ่าง ๆ ในการแก้ปญั หาทางคณิตศาสตร์ โดยเลือกใชเ้ คร่ืองมือการเรียนรู้ โดยเลือกใชเ้ คร่ืองมือทเ่ี หมาะสมชว่ ยในการแก้ปัญหาจนสำเรจ็ เช่น ทเี่ หมาะสมช่วยในการแก้ปัญหา การใชบ้ าร์โมเดลช่วยในการวิเคราะห์และหาคำตอบ ดว้ ยตนเองและร่วมกับผูอ้ ่นื - ใช้ความรู้เกีย่ วกับจำนวนและการดำเนินการช่วยในการแก้ปัญหา อย่างมุมานะ ท่ีเกิดขึน้ ในชวี ติ ประจำวนั เช่น โครงการจัดการขยะในโรงเรยี น บนั ทึกจำนวนสนิ คา้ ท่ีขายไดใ้ นสหกรณโ์ รงเรยี น เกณฑ์มาตรฐานความกา้ วหนา้ การจัดการเรยี นรเู้ ก่ียวกบั จำนวนและพชี คณติ ในช่วงช้นั ท่ี 1 เน้นการเรียนร้คู ณติ ศาสตรอ์ ยา่ งมีความหมาย ผ่านการแกป้ ัญหาโดยใชเ้ คร่ืองมอื และสอื่ การเรยี นรตู้ า่ ง ๆ เพื่อพฒั นาสมรรถนะเฉพาะดา้ นการแกป้ ัญหา การสอ่ื สารและนำเสนอ การให้เหตุผล การคดิ สรา้ งสรรค์ รวมท้งั การสรา้ งขอ้ สรุปท่วั ไปและขยายแนวคิดไปใช้ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชวี ติ จริง - จำนวนนับไมเ่ กิน 100,000 และ 0 ในช้ัน ป.1 จะเรียนรูเ้ กยี่ วกบั จำนวนนับไมเ่ กนิ 100 และ 0 ชน้ั ป.2 จำนวนนับไม่เกิน 1,000 และชั้น ป.3 จำนวนนับ ไม่เกนิ 100,000 โดยมมี าตรฐานความก้าวหน้าแตล่ ะชน้ั ปี ดงั นี้ ป.1 เน้นการหยิบจับและสัมผัสสิ่งต่าง ๆ รับรู้ปริมาณของสิ่งต่าง ๆ ผ่านการจับคู่สิ่งของแบบหนึ่งต่อหน่ึง จากนั้นนับและบอกจำนวน และแสดงจำนวนด้วยส่ิงของต่าง ๆ รวมทั้งเขียนแสดงจำนวนดว้ ยตวั เลขฮินดูอารบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนังสือ แสดงความสัมพันธ์ของจำนวนแบบส่วนย่อย-ส่วนรวม ผ่านกิจกรรมการรวม และ การแยกของจำนวน และใหเ้ หตผุ ลในการเปรียบเทียบจำนวน ใช้จำนวนเชิงปริมาณและเชิงอันดับที่ในสถานการณ์ ต่าง ๆ ในชวี ติ จริง

49 ป.2 และ ป.3 เน้นการขยายแนวคิดเกี่ยวกับจำนวนในวงจำนวนที่มากขึ้น เพิ่มการเขียนแสดงจำนวนในรูป กระจาย การเปรียบเทียบจำนวนโดยใช้หลักและค่าของเลขโดดในแต่ละหลัก และการนำจำนวนไปใช้ ในสถานการณต์ า่ ง ๆ - การดำเนินการของจำนวน ป.1 เข้าใจความหมายของการบวกและการลบผ่านการเชื่อมโยงกับสถานการณ์ในชีวิตจริงโดยยกตัวอย่าง สถานการณ์การบวกและสถานการณ์การลบ หยิบจับสิ่งของ หรือใช้รปู ภาพในการอธิบายและแสดงการบวก และ การลบ อธิบายความสัมพันธ์ของการบวกและการลบ เขียนประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและเขียนประโยค สัญลักษณ์แสดง การลบ นักเรียนสามารถหาผลบวกและหาผลลบด้วยกลวิธีของตนเอง วิเคราะห์และอธิบาย แนวคิดในการแกป้ ญั หาในสถานการณต์ ่าง ๆ ป.2 เนน้ ขยายแนวคิดการบวกและการลบในวงจำนวนท่ีมากขนึ้ และหาผลบวกและผลลบที่เป็นข้ันตอนวิธีมากข้ึน เช่น การตั้งบวก การตั้งลบ นักเรียนจะได้เริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับการคูณและการหารซึ่งต่อยอดแนวคิดมาจาก การบวกและการลบ และเข้าใจความหมายของการคูณและการหารผ่านการเชื่อมโยงกับสถานการณ์ในชีวิตจริง โดยยกตัวอย่างสถานการณ์การคูณและสถานการณ์การหารที่หยิบจับสิ่งของ หรือใช้รูปภาพในการอธิบาย และ แสดงการคูณและการหาร อธิบายความสัมพันธ์ของการคูณและการหาร เขียนประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณ และเขียนประโยคสัญลักษณ์แสดงการหาร นกั เรียนสามารถหาผลคูณและหาผลหารและเศษดว้ ยกลวิธีของตนเอง วิเคราะห์และแสดงแนวคิดของตนเองในการแก้ปัญหาที่เก่ียวกับการบวก การลบ การคูณ หรือการหาร ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ป.3 เนน้ ขยายแนวคดิ การบวก การลบ การคูณ และการหารในวงจำนวนท่ีมากขนึ้ และหาผลบวก ผลลบ ผลคณู ผลหาร และหาผลลพั ธข์ องการบวก ลบ คณู หารระคนทเ่ี ปน็ ขน้ั ตอนวธิ ีมากขึ้น เช่น การตั้งบวก การตัง้ ลบ การตง้ั คูณ การหารยาว การหารสัน้ วิเคราะหแ์ ละเขียนแสดงวิธหี าคำตอบในการแก้ปญั หาท่เี ก่ยี วกับการบวก การลบ การคูณ การหาร ไมเ่ กิน 2 ข้ันตอนในสถานการณ์ตา่ ง ๆ - แบบรูป ในช่วงชนั้ นจ้ี ะเรยี นรู้เก่ียวกบั แบบรูปของจำนวนทเี่ พิม่ ขึ้นหรอื ลดลงทลี ะเทา่ ๆ กนั และแบบรปู ซำ้ ของจำนวน รปู เรขาคณิต และรูปอ่นื ๆ ซึ่งนักเรียนสามารถมองเหน็ ความสัมพนั ธ์ของส่ิงตา่ ง ๆ ทีอ่ ยู่รอบตัว การเรียนเรอ่ื ง แบบรูปซำ้ จึงเปน็ การเพ่มิ และพฒั นาสมรรถนะท่เี ก่ยี วกับความสัมพันธ์ของแบบรปู และนำไปแก้ปญั หา ในสถานการณต์ ่าง ๆ ป.1 อธบิ ายความสมั พนั ธข์ องแบบรูปซ้ำเกย่ี วกบั สี รปู รา่ ง หรอื ขนาด เพยี งหนง่ึ ลักษณะ และจัดส่งิ ของ เพ่ือสร้างเป็นแบบรูปซ้ำ และมีส่วนร่วมในการค้นหา วิเคราะห์ และอธบิ ายความสัมพันธ์ของจำนวนที่เพม่ิ ข้ึน หรอื ลดลงทีละเท่า ๆ กันในแบบรูป ขยายแนวคิดจากความสมั พนั ธ์ในแบบรปู เพ่ือหาจำนวนหรอื รูปที่หายไป ป.2 อธบิ ายความสัมพนั ธแ์ ละสร้างข้อสรปุ เกี่ยวกบั แบบรปู ซำ้ ท่ีมากกว่าหนง่ึ ลกั ษณะ ตอ่ ยอดแนวคิด เพ่ือสร้างเปน็ แบบรปู อ่นื และมสี ว่ นรว่ มในการค้นหา วิเคราะห์ และสร้างข้อสรุปเกยี่ วกับความสมั พนั ธ์ของจำนวน ทเี่ พิม่ ขน้ึ หรอื ลดลงทลี ะเท่า ๆ กันในแบบรูป ขยายแนวคิดจากความสัมพันธแ์ ละขอ้ สรปุ ในแบบรูปเพ่ือหาจำนวน หรอื รปู ที่หายไปและแก้ปญั หาในสถานการณต์ ่าง ๆ ในชวี ิตจริง ป.3 ใชค้ วามรู้เรอ่ื งแบบรูปในการสร้างชนิ้ งานและออกแบบส่ิงต่าง ๆ ที่อยรู่ อบตัวและอธิบายแนวคดิ ด้วยภาษาของตนเอง เช่น การปูกระเบ้ือง การทำป้ายนเิ ทศ การร้อยลูกปัด ทา่ กายบริหาร

50 - เศษสว่ น เศษส่วนเป็นการแสดงปริมาณท่ีไมใ่ ชจ่ ำนวนนับ ในช่วงชนั้ น้ีหลงั จากนกั เรียนมคี วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั จำนวนนบั แล้ว อาจจดั การเรียนรเู้ ร่ืองเศษสว่ นในช้นั ป.3 โดยเน้นการสร้างความเขา้ ใจเรื่องเศษส่วนผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีอยู่ในชวี ติ ประจำวนั จากนัน้ จัดกิจกรรมให้รบั รู้ครงึ่ ของสิ่งตา่ ง ๆ และความสัมพันธร์ ะหว่างครึ่ง (Half) กบั ทั้งหมด (Whole) และการแบ่งออกเป็นส่วนท่เี ท่า ๆ กนั สังเกตการรวมการแยกของส่วนที่แบ่งกบั ท้ังหมดต่อยอด แนวคดิ ไปสู่ความหมายของเศษสว่ น เศษสว่ นท่ตี วั เศษเปน็ 1 และเศษส่วนทีต่ วั เศษน้อยกวา่ หรอื เทา่ กบั ตวั สว่ น อ่านและเขียนเศษส่วนและแสดงเศษส่วนตามทกี่ ำหนด เปรียบเทยี บเศษส่วนและแกป้ ัญหาเกย่ี วกับเศษส่วน ในชีวิตประจำวัน 2. การวัด ในช่วงช้ันท่ี 1 นักเรียนควรไดม้ ีโอกาสสำรวจสิ่งรอบตวั และปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ ง ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การวัด และ รู้จักหน่วยของการวัด การจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการวัดความยาว น้ำหนัก ปริมาตรนั้นอาจเริ่มจากการสร้าง ความเข้าใจเกีย่ วกบั การวัดผ่านกจิ กรรมการเปรยี บเทียบความยาว นำ้ หนกั ปริมาตร ของสิง่ รอบตัว ปฏบิ ัติกิจกรรม การ ว ัดโ ดย ใช้ส ิ่งร อบตัวเป ็นหน ่ว ยที่ไม่ใช่หน ่ว ยมาตร ฐาน จ ากน ั้นเชื่อมโย งส ู่การ วัดโดยใช้เคร ื่องวัดที่มี หนว่ ยมาตรฐานนักเรียนควรได้ฝึกการใช้เครื่องวัดท่ีถูกต้องเรยี นรู้การเลือกใช้เครื่องวดั ได้อย่างเหมาะสมกับสิ่งท่ีจะ วดั สื่อสารบอกขนาด ปริมาณ ปรมิ าตรของส่ิงต่าง ๆ ได้ นอกจากน้อี าจมีการจัดประสบการณ์ให้นกั เรียนคาดคะเน ความยาว น้ำหนัก และปริมาตรโดยการเทียบเคียงกับเกณฑ์อ้างอิงท่ีคุ้นเคยและใช้ความรู้แก้ปัญหาเก่ียวกับการวัด ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ร่วมกัน การจัดกิจกรรมเรื่องเวลาควรจัดประสบการณ์ให้นักเรียนสำรวจนาฬิกาและปฏิทิน สื่อสารเกี่ยวกับเวลา ระยะเวลา โดยเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน สามารถสื่อสารเกี่ยวกับเวลา และวันที่สำคัญของตนเองหรือในท้องถ่ิน มีประสบการณแ์ ก้ปญั หาเก่ยี วกับเวลา และระยะเวลา การจัดประสบการณ์เกี่ยวกับเงินเน้นพัฒนาความสามารถในการใช้เงินในชีวิตประจำวันโดยบอก อ่าน เขียนและแสดงจำนวนเงินเปรยี บเทยี บจำนวนเงิน การแลกเงิน รวมถงึ การแกป้ ญั หาเกยี่ วกบั เงินในบริบทใกล้ตัวได้ ผลลพั ธ์การเรยี นรเู้ มอ่ื จบชว่ งชนั้ ๖. เข้าใจสถานการณ์ในชีวิตจริงที่จะเปรียบเทียบขนาด ปริมาณและปริมาตร เข้าใจความหมายของหน่วยการวัด เลอื กใชห้ น่วยการวดั และเครอ่ื งวัดเพ่อื วัดและบอกความยาว นำ้ หนกั และปริมาตรไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๗. สื่อสารเกยี่ วกบั เวลา ระยะเวลา ไดถ้ กู ตอ้ ง โดยเช่อื มโยงกับสถานการณ์ในชีวติ จริง ๘. สื่อสารเกี่ยวกบั เงนิ เปรยี บเทียบจำนวนเงนิ แลกเงนิ และนำไปใชใ้ นสถานการณ์ต่าง ๆ ไดถ้ ูกต้อง ๙. แกป้ ัญหาเกี่ยวกับความยาว น้ำหนกั และปริมาตร เวลา เงิน ในสถานการณต์ ่าง ๆ

51 2.1 การวัดความยาว น้ำหนกั ปรมิ าตร ความรแู้ ละสมรรถนะที่เชื่อมโยงกนั ตัวอยา่ งสถานการณ์ กิจกรรม และเคร่ืองมอื ทใ่ี ช้สำหรับนกั เรียน ๖. เข้าใจสถานการณ์ในชีวิตจรงิ ที่จะเปรยี บเทียบขนาด ปริมาณและปริมาตร เข้าใจความหมายของหน่วยการวดั เลือกใช้หนว่ ยการวดั และเครอ่ื งวดั เพื่อวัดและบอกความยาว นำ้ หนกั และปรมิ าตรไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 1. วัดและบอกความยาว น้ำหนัก - สงั เกตส่ิงต่าง ๆ และใช้คำศัพทพ์ ้ืนฐานอธบิ ายเก่ียวกบั ความยาว เชน่ ปริมาตร ของสงิ่ ต่าง ๆ ท้ัง สน้ั สูง ใกล้ ไกล จากน้ันเปรียบเทียบความยาวโดยตรงของสง่ิ ตา่ ง ๆ หน่วยเดีย่ วและหนว่ ยผสม โดยใช้ 2 สงิ่ โดยใชค้ ำศัพท์พ้ืนฐาน เชน่ ยาวกว่า สนั้ กวา่ ยาวเทา่ กนั สงู กวา่ คำศัพท์ ในการส่ือความหมาย เต้ยี กว่า สูงเทา่ กนั เกยี่ วกับความยาวได้อย่างถูกตอ้ ง และม่นั ใจ - หนว่ ยวัดความยาว ได้แก่ มลิ ลเิ มตร เซนตเิ มตร เมตร - สำรวจ โดยทดลองยกสิ่งตา่ ง ๆ และใช้คำศัพท์พ้นื ฐานอธิบายเกี่ยวกบั กโิ ลเมตร นำ้ หนัก เชน่ หนกั เบา จากน้ันเปรียบเทียบนำ้ หนกั ของสิ่งต่าง ๆ - หนว่ ยวดั น้ำหนกั ได้แก่ กรัม 2 ส่งิ โดยใช้เครือ่ งชง่ั สองแขน โดยใชค้ ำศัพท์พน้ื ฐาน เชน่ หนักกวา่ ขีด กิโลกรมั เบากวา่ หนกั เทา่ กัน - หนว่ ยวัดปรมิ าตร ไดแ้ ก่ มลิ ลิลิตร ลิตร ถ้วยตวง ชอ้ นชา ชอ้ นโตะ๊ 2. ให้เหตุผลในการเลอื กใชเ้ คร่ืองวดั ความยาว นำ้ หนัก ปรมิ าตร - วดั ความยาว โดยใช้ไมบ้ รรทดั ไม้เมตร สายวัดตัว หรือสายวัด - สังเกตระดับของเหลวและใช้คำศัพทอ์ ธิบายเกี่ยวกับปริมาตร เชน่ ชนดิ ตลบั เต็มแกว้ ครึ่งแก้ว จากนน้ั เปรียบเทียบปริมาตรโดยตรงจากการสังเกต - วัดนำ้ หนัก โดยใช้เคร่ืองช่ัง สองแขน เคร่อื งช่ังสปริง ระดบั ของเหลวในภาชนะ 2 ภาชนะแบบเดยี วกนั เคร่อื งชั่งน้ำหนักตัวแบบใช้ - จัดกจิ กรรมเกี่ยวกบั การเปรยี บเทียบความยาว นำ้ หนกั ปริมาตร เข็มและแบบดิจทิ ัล ทไี่ มส่ ามารถนำส่งิ ต่าง ๆ มาเปรยี บเทยี บไดโ้ ดยตรง เช่น ความยาว - วดั ปรมิ าตร/ความจุ โดยใช้ และความกวา้ งของโต๊ะ สิ่งของท่มี นี ำ้ หนกั ใกล้เคียงกนั ของเหลว ถ้วยตวงของเหลว กระบอกตวง ทอี่ ยใู่ นภาชนะทม่ี ีรูปร่างต่างกัน จึงจำเป็นตอ้ งมีเครื่องวดั ทม่ี ี หนว่ ยเดยี วกันเพอ่ื นำผลการวดั มาเปรียบเทียบกนั ลติ ร ถ้วยตวงของแห้ง ชอ้ นตวง เครอ่ื งตวงนำ้ มัน - วดั ความยาว น้ำหนกั ปรมิ าตร/ความจุ ของสง่ิ ตา่ ง ๆ โดยใช้สงิ่ รอบตัว เชอ้ื เพลิง เปน็ หนว่ ยท่ีไมใ่ ช่หนว่ ยมาตรฐาน เช่น  ใช้หลอดดูดน้ำ ลวดเสียบกระดาษ ทยี่ าวเท่ากนั เปน็ หนว่ ยวดั ความยาว

52 3. เปรยี บเทยี บความยาว น้ำหนัก  ใชล้ กู แก้ว หรือบล็อคไมท้ ม่ี ีนำ้ หนกั เท่ากัน เป็นหน่วยวัดน้ำหนกั ปรมิ าตร/ ความจุ โดยใช้ โดยใช้เครอื่ งชั่งสองแขน ความสัมพันธร์ ะหวา่ งหน่วยการวัด 4. คาดคะเนความยาว นำ้ หนัก ปริมาตร โดยการเทียบเคยี งกับ เกณฑ์อา้ งอิงท่ีคุ้นเคย  ใช้แก้วนำ้ หรือขวดนำ้ เป็นหน่วยวดั ปริมาตร - ความยาวเปน็ เซนติเมตร เปน็ เมตร - น้ำหนกั เป็นกโิ ลกรมั - ปรมิ าตรเป็นลิตร และสงั เกตวา่ การวัดสง่ิ เดียวกันถา้ ใช้หน่วยต่างกันจะทำให้ความยาว น้ำหนกั หรอื ปรมิ าตรท่ีวัดได้ไมต่ รงกนั จงึ จำเป็นต้องมเี ครื่องวัด และหนว่ ยที่เปน็ มาตรฐาน เช่น เซนตเิ มตร กรมั ลิตร เพื่อให้สื่อสาร ไดต้ รงกัน - ใช้เครื่องวดั เพอื่ บอกความยาว ความสงู นำ้ หนัก ปริมาตร/ ความจุ พร้อมท้ังเลอื กเคร่ืองวดั ให้เหมาะสมกบั สถานการณแ์ ละสงิ่ ท่ีจะวัด โดยอาจสอดแทรกการใช้เครื่องวัดดจิ ิทัล - เปรยี บเทยี บความยาว ความสูง และระยะทาง นำ้ หนัก ปริมาตรของ สง่ิ ต่าง ๆ ความจขุ องภาชนะ ทีม่ หี น่วยต่างกนั โดยใช้ความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งหนว่ ย เช่น  เชอื กยาว 203 เซนติเมตร ริบบ้ินยาว 20 เมตร 3 เซนตเิ มตร ส่งิ ใด ยาวกวา่  นมในกลอ่ งมีปริมาตร 1 ลติ ร 450 มิลลลิ ติ ร กับ นมในขวดมีปริมาตร 1,500 มิลลิลติ ร นมในภาชนะใดมีปรมิ าตรมากกวา่  นำ้ ตาลทรายแดง 3 ขดี กบั น้ำตาลทรายขาว 280 กรัม อะไรหนักกว่า - คาดคะเนความยาว ความสงู นำ้ หนัก ปริมาตร ของส่ิงต่าง ๆ ใกล้ตวั โดยการเทยี บเคยี งกบั เกณฑ์อ้างองิ ที่คนุ้ เคย และใหเ้ หตุผลประกอบ การคาดคะเนแล้วตรวจสอบโดยการวดั จรงิ  คาดคะเนความยาวเป็นเซนตเิ มตร เป็นเมตร โดยเทยี บเคียงกบั ความยาว หรอื ความสงู ทีค่ ุ้นเคย เช่น ความยาว 30 เซนติเมตร (ประมาณ 1 ไมบ้ รรทดั ) ความยาว 1 เมตร (ประมาณ 1 ไมเ้ มตร) ความสงู ของตนเอง ระยะก้าวเดนิ ของตนเอง  คาดคะเนน้ำหนกั เป็นกิโลกรมั โดยเทียบเคยี งกับน้ำหนกั 1 กิโลกรัม ทคี่ ุ้นเคย เช่น ถุงขา้ วสารหนัก 1 กโิ ลกรมั  คาดคะเนปริมาตรเป็นลิตร โดยเทียบเทยี บกับปริมาตร/ ความจุ ท่ีคนุ้ เคย เชน่ ขวดนำ้ ความจุ 1 ลติ ร แกว้ นำ้ ความจุ 200 มลิ ลลิ ติ ร

53 ความร้แู ละสมรรถนะทเี่ ช่ือมโยงกัน ตวั อย่างสถานการณ์ กิจกรรม และเครื่องมอื ทใ่ี ช้สำหรับนกั เรียน ๗. สื่อสารเกีย่ วกับเวลา ระยะเวลา ได้ถูกต้อง โดยเชื่อมโยงกบั สถานการณ์ในชีวติ จรงิ ๑. บอกเวลาจากนาฬิกาแบบเขม็ - เล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันทเี่ กย่ี วกับเวลา อภิปรายร่วมกันถึง และนาฬิกาแบบดิจทิ ัล ความสำคญั ของการมหี น่วยเวลา การบอกเวลาใน 1 วนั ระยะเวลา เปน็ นาฬิกากับนาที และเขยี น เช่น การนัดหมายไปทศั นศึกษา ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการทำกิจกรรมต่าง ๆ แสดงเวลาโดยใชม้ หัพภาค หรือ ในชวี ติ ประจำวนั ใช้ทวภิ าค โดยเช่ือมโยงความรู้ เก่ียวกับจำนวนได้อยา่ งถกู ต้อง - สำรวจนาฬิกาแบบเข็มและสังเกตการเคลื่อนท่ีของเข็มยาวและเข็มส้ัน และสำรวจนาฬกิ าแบบดิจทิ ัลโดยพิจารณาการเปลย่ี นแปลงตวั เลข ๒. บอกระยะเวลา โดยใช้คำศัพท์ นาที ชัว่ โมง และความสัมพันธ์ - พัฒนาความรูส้ ึกเชงิ ระยะเวลาผา่ นกิจกรรมเพ่อื ให้รับรู้ว่า 1 นาที ของหน่วยเวลาในหนงึ่ วนั นานแค่ไหน ทำอะไรไดบ้ ้าง เช่น เคาะจงั หวะได้กี่ครง้ั วาดรูปวงกลม ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ไดก้ ่ีอัน หรือว่ิงระยะสั้นใชเ้ วลากนี่ าที ๓. บอกชือ่ วัน วนั ท่ี เดือน ปี - อ่านและบอกเวลาจากนาฬิกา หมุนเข็มนาฬกิ าแสดงเวลาท่ีกำหนด (พ.ศ. และ ค.ศ.) เพอื่ บอกวันที่ และเชือ่ มโยงกับภาษาที่ใช้บอกเวลาในทอ้ งถนิ่ เดอื นปี ของวันสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างถูกตอ้ ง - เชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกบั การบอกเวลาและการเขียนแสดงเวลาในชีวติ จริง เช่น บอกเวลาขณะเกิดเหตกุ ารณห์ รือกจิ กรรมตา่ ง ๆ อ่านปา้ ย ๔. บอกระยะเวลา ใช้คำศพั ท์ แสดงเวลา วัน สัปดาห์ เดอื น ปี และ ความสัมพันธ์ของหนว่ ยเวลา - ใช้เคร่อื งมือการเรียนรู้ เชน่ หนา้ ปดั นาฬกิ า เส้นแสดงเวลา เพ่ือบอก ไดอ้ ย่างถูกต้อง เวลา ระยะเวลาอยา่ งเปน็ ระบบ - เชอ่ื มโยงกับวชิ าอน่ื ๆ ในการบันทกึ ผลทเ่ี กีย่ วกับเวลา เชน่ อา่ นและเขยี น บันทึกประจำวัน - เชอ่ื มโยงกับวชิ าอนื่ ๆ ในการบันทกึ ผลเกีย่ วกบั ระยะเวลา เชน่ เวลา ท่ีใชใ้ นการละลายของสาร เวลาท่ีใช้ในการวง่ิ - ยกตัวอยา่ งการใช้หนว่ ยวนั เดือน ปี ในสถานการณต์ ่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวัน เชน่ บอกวันสำคญั ต่าง ๆ บอกอายุของตนเอง อ่านวนั ผลติ วันหมดอายุ - สำรวจปฏิทนิ สงั เกตช่ือวนั วันที่ เดือน ปี และสร้างข้อสรปุ เช่น จำนวน วนั ในเดอื นทีล่ งท้ายดว้ ย ยน หรือคม มี 30 และ 31 วัน ตามลำดับ

54 - อา่ นและบอกวนั ทีข่ องวนั สำคัญตา่ ง ๆ ของตนเอง ครอบครัว และ สังคม จากปฏิทิน - เชื่อมโยงกบั วชิ าอน่ื ๆ ในการบนั ทกึ เหตุการณ์ต่าง ๆ ดว้ ยชื่อวนั วนั ท่ี เดือน ปี หรือแนะนำการใชใ้ นชีวติ จรงิ เชน่ วนั หมดอายุของผลติ ภณั ฑ์ ความรูแ้ ละสมรรถนะที่เชื่อมโยงกนั ตวั อย่างสถานการณ์ กจิ กรรม และเคร่ืองมอื ท่ีใช้สำหรับนกั เรียน ๘. สอื่ สารเกยี่ วกับเงิน เปรียบเทียบจำนวนเงนิ แลกเงิน และนำไปใชใ้ นสถานการณ์ตา่ ง ๆ ไดถ้ ูกต้อง ๑. บอกและแสดงจำนวนเงนิ จากเงิน - สำรวจเงนิ เหรียญและธนบัตร สังเกตลักษณะ จำแนกเงินตามเกณฑ์ เหรยี ญและธนบัตรชนิดตา่ ง ๆ ของตนเอง บอกชนิดและมูลค่าของเงินแต่ละชนดิ อภปิ รายเก่ยี วกับ โดยบอกเปน็ บาท เปน็ สตางค์ ความสมั พันธร์ ะหว่างหน่วยเงินบาทและสตางค์ ความสมั พันธร์ ะหว่าง หรือเป็นบาทและสตางค์ มูลค่าของธนบตั รและเงนิ เหรียญแต่ละชนิด เชน่ ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ได้  ธนบัตร 20 บาท 5 ฉบบั มีมลู ค่าเทา่ กับธนบัตร 100 บาท 1 ฉบับ หลากหลายวิธีและคล่องแคล่ว  เหรยี ญ 10 บาท 5 เหรยี ญ มีมลู คา่ เท่ากบั ธนบตั ร 50 บาท 1 ฉบับ ๒. แลกเงนิ เหรียญและธนบตั ร - ระบจุ ำนวนเงนิ แตล่ ะชนดิ และบอกจำนวนเงนิ ทง้ั หมด โดยบอกเป็น ในสถานการณต์ า่ ง ๆ บาทและสตางค์ แลกเงนิ และแสดงเงินตามสถานการณ์ทก่ี ำหนด เช่น ได้หลากหลายวิธี ซื้อสินค้าราคา 119 บาท จะหยิบเงินให้พอดีกับราคาสินค้าได้แบบใดบ้าง ๓. อ่านและเขียนแสดงจำนวนเงนิ หรอื ต้องการแลกเงนิ 500 บาท สามารถแลกเงินได้แบบใดบ้าง แบบใชจ้ ดุ ในสถานการณต์ า่ ง ๆ - อา่ นและเขยี นจำนวนเงนิ แบบใช้จุด ผา่ นกิจกรรม การซ้ือขายสินค้า ๔. เปรียบเทียบจำนวนเงิน โดยอ่านและจา่ ยเงินตามราคาสินคา้ จากป้าย เชน่ ป้ายแสดงราคา โดยเชอ่ื มโยงกบั สถานการณ์ สนิ ค้า12.50 บาท และเขียนป้ายแสดงราคาสนิ ค้า เช่น สนิ คา้ ราคา ตา่ ง ๆ ในชีวติ จรงิ 25 บาท 75 สตางค์ เขยี นป้ายแสดงสนิ ค้าได้เป็น 25.75 บาท - บอกจำนวนเงนิ และเปรยี บเทยี บจำนวนเงนิ โดยใช้สถานการณ์ เช่น เงินในกระปกุ ออมสินของกลุ่มใด มากกวา่ หรอื น้อยกว่า หรอื เปรยี บเทยี บราคาสินค้าจากป้ายแสดงราคา

55 ความรู้และสมรรถนะท่เี ชื่อมโยงกนั ตัวอยา่ งสถานการณ์ กจิ กรรม และเครื่องมือทีใ่ ช้สำหรับนักเรยี น ๙. แก้ปญั หาเกี่ยวกบั ความยาว น้ำหนัก และปริมาตร เวลา เงิน ในสถานการณต์ า่ ง ๆ ๑. แกป้ ัญหาเกย่ี วกับความยาว - แกป้ ัญหาเกย่ี วกบั ความยาว ระยะทาง น้ำหนกั ปรมิ าตร/ ความจุ นำ้ หนกั ปรมิ าตรในชวี ติ จรงิ โดยใชค้ วามสมั พันธ์ระหว่างหน่วย จากตัวอยา่ งในสถานการณ์ ด้วยตนเองหรือรว่ มกบั ผอู้ ่ืน ในชีวิตประจำวัน เชน่ อยา่ งมุมานะ  เสน้ ทางทม่ี รี ะยะทางน้อยที่สดุ ท่สี ามารถเดินทางจากสถานที่หน่งึ ๒. แกป้ ัญหาเก่ียวกับเวลาในชวี ติ จริง ไปอกี สถานที่หน่งึ ดว้ ยตนเองหรอื ร่วมกบั ผู้อื่น  หาปรมิ าตรของนำ้ เมื่อมีเคร่ืองวดั ปรมิ าตรจำกดั เพยี งบางชนิด หรอื อย่างมุมานะ สร้างเครือ่ งวัดดว้ ยตนเอง ๓. แก้ปัญหาเกี่ยวกับเงินในชีวติ จรงิ  ใชก้ ารช่งั ตวงเพ่ือเตรยี มเคร่ืองปรุง และวตั ถดุ ิบประกอบอาหาร ด้วยตนเองหรือรว่ มกบั ผอู้ ื่น อย่างมุมานะ - เช่ือมโยงกับวิชาอน่ื ๆ ในการนำความรเู้ กย่ี วกับ การวดั การ เปรยี บเทยี บ และการคาดคะเนไปใช้ในการเรยี นรู้และแกป้ ัญหาในชวี ติ เช่น  วัดความสูงของต้นไมใ้ นช่วงเวลาตา่ ง ๆ เพ่ือดูอัตราการเจรญิ เติบโต  คาดคะเนความยาว ความสูงของส่ิงต่าง ๆ เพ่ือจดั สง่ิ ของน้ันไว้ใน บรเิ วณท่ตี ้องการ  ชงั่ ตวงสง่ิ ตา่ ง ๆ ในการทดลอง หรือทำโครงงาน - มองเห็นสถานการณ์ปัญหาเก่ียวกับเวลาในชวี ิตจริง สำรวจปัญหา และ ลงมอื แก้ปญั หาเก่ียวกบั เวลา ระยะเวลา (เวลาเริ่มต้น เวลาสน้ิ สดุ ระยะเวลา) เปรียบเทยี บระยะเวลา โดยใช้ความสมั พนั ธข์ องหน่วยเวลา จากตวั อยา่ งสถานการณใ์ นชวี ิตประจำวัน เช่น ตารางรายการโทรทัศน์ ป้ายประกาศ ตารางรถไฟ - ร่วมกนั แกป้ ญั หาเกยี่ วกับการใช้เงนิ เหรยี ญและธนบัตรผ่านสถานการณ์ ในชวี ิตจริง เชน่ การซอื้ ขาย โดยกำหนดราคาสินคา้ ใชเ้ งนิ เพื่อซ้ือสนิ ค้า การทอนเงนิ ตรวจสอบเงนิ ทอน แลกเงนิ คำนวณทนุ กำไร ขาดทนุ สำหรบั เปน็ พนื้ ฐานในการเป็นผ้ปู ระกอบการ - เช่ือมโยงกบั วิชาอื่น ๆ โดยออกแบบแผ่นพับ ปา้ ยโฆษณา เพ่อื สง่ เสริม การขายสนิ ค้าและบริการ

56 เกณฑ์มาตรฐานความกา้ วหน้า การจัดการเรยี นเก่ียวกับการวัด ในชว่ งชั้นที่ 1 เน้นการลงมือปฏบิ ัตใิ นสถานการณ์ตา่ ง ๆ เพ่ือเสริมสรา้ งทักษะ การวดั โดยใชเ้ ครอ่ื งวดั และสามารถเลอื กใชห้ น่วยความยาว น้ำหนกั ปรมิ าตร เวลา และเงิน ได้อย่างเหมาะสมกับ สถานการณ์ มีทักษะการสือ่ สาร สามารถนำความรู้ไปประยุกตใ์ ชแ้ ก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวติ - การวัดความยาว นำ้ หนัก ปรมิ าตร ในชว่ งช้ันน้ี นกั เรียนจะเรมิ่ จากการทำความเข้าใจแนวคิดเก่ยี วกบั การวดั ผ่านกิจกรรมการเปรยี บเทยี บโดยใช้ คำศัพทพ์ ื้นฐาน วดั และบอกผลการวัดโดยใชส้ ิง่ รอบตวั เป็นหน่วยท่ไี ม่ใชห่ น่วยมาตรฐาน เชื่อมโยงสกู่ ารวดั โดยใช้ เคร่ืองวดั ท่ีมหี น่วยมาตรฐานโดยค่อย ๆ ใหน้ ักเรียนฝกึ ทักษะการวดั ที่มหี น่วยมาตรฐานดังนี้ ความยาว ป.1: เมตรและเซนติเมตร ป.2: เซนตเิ มตรและมิลลเิ มตร เมตรและเซนตเิ มตร ป.3: เซนติเมตร และมิลลเิ มตร เมตรและเซนติเมตร (และบอกความยาวเป็นกโิ ลเมตรและเมตร) น้ำหนัก ป.1: กโิ ลกรมั และขีด ป.2: กิโลกรัมและกรมั กโิ ลกรมั และขีด ป.3: กโิ ลกรัมและกรมั กโิ ลกรมั และขดี (และบอกนำ้ หนกั เปน็ เมตรกิ ตนั และกโิ ลกรัม) ปริมาตร ป.2: ลิตรและมลิ ลลิ ติ ร ป.3: ลติ รและมิลลติ ร และชอ้ นชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยตวง นอกจากนี้ นักเรียนในชั้น ป.2 และ ป.3 สามารถใช้ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยการวัดในการแก้ปัญหา ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และ ป.3 นักเรียนควรมีประสบการณ์ในการคาดคะเนความยาวเป็นเมตร และเป็นเซนตเิ มตร คาดคะเนนำ้ หนักเปน็ กโิ ลกรมั เป็นขีด คาดคะเนปริมาตรและความจเุ ป็นลติ ร - เวลา ป.1 นกั เรียนใชค้ ำศัพท์ท่ีเกี่ยวกับช่วงเวลา เชน่ กลางวนั กลางคืน เชา้ เทีย่ ง สาย บ่าย เย็น โดยเช่ือมโยงกับ กิจกรรมในชวี ติ ประจำวันของนักเรียน สำรวจนาฬกิ าแบบใชเ้ ขม็ และอา่ นเวลาเป็นนาฬิกาจากหนา้ ปดั นาฬิกา พร้อมบอกกิจกรรมท่ที ำในแต่ละชว่ งเวลา ป.2 นกั เรียนบอกเวลาเป็นนาฬกิ าและนาที (ช่วง 5 นาท)ี จากนาฬกิ าแบบดิจิทัล และนาฬิกาแบบใชเ้ ข็ม จากสถานการณ์ต่าง ๆ รับรเู้ กี่ยวกบั ระยะเวลา บอกระยะเวลาเป็นช่วั โมง เป็นนาที นกั เรยี นสำรวจปฏทิ ิน บอกชอื่ วนั วนั ท่ี เดอื น ปี (พ.ศ. และ ค.ศ.) ของวนั สำคัญตา่ ง ๆ จากปฏทิ นิ ป.3 นักเรียนบอกเวลาจากนาฬกิ า อ่านและเขยี นแสดงเวลาโดยใช้มหพั ภาคหรือใช้ทวภิ าคในสถานการณ์ ตา่ ง ๆ สามารถหาระยะเวลาและเปรยี บเทียบระยะเวลาโดยใชค้ วามสมั พนั ธข์ องหนว่ ยเวลาในการแก้ปัญหา โดยเลือกใชว้ ิธีการของตนเอง - เงิน ในชว่ งช้ันน้ี นกั เรยี นจะพฒั นาความรเู้ กี่ยวกบั เงนิ รู้จักหน่วยของเงนิ ค่าของเงินเหรียญและธนบตั รแตล่ ะชนิด สามารถใช้เงนิ เหรียญและธนบัตรจำลองแสดงจำนวนเงนิ หรือแลกเงนิ ตามที่กำหนด อ่านและเขยี นแสดงจำนวน เงินในบริบทตา่ ง ๆ สามารถเปรียบเทียบจำนวนเงนิ และแก้ปญั หาในสถานการณต์ า่ ง ๆ ที่เกยี่ วกับเงินโดยใช้ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งหน่วยบาท และสตางค์ โดยการจัดประสบการณ์ให้อยู่ท่คี วามพรอ้ มของนักเรยี นและบริบท

57 ๓. รปู เรขาคณติ ในช่วงชั้นที่ 1 นักเรียนควรได้เรียนรู้ลักษณะของรูปเรขาคณิตสองมิติ และรูปเรขาคณิตสามมิติ ผ่านการปฏิบัติกิจกรรมสำรวจลักษณะของรูปเรขาคณิตสองมิติ และรูปเรขาคณิตสามมิติ เพื่อรับรู้ลักษณะสำคัญ ลกั ษณะที่เหมอื นหรือแตกตา่ งกัน ซึง่ นำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดกล่มุ นกั เรียนอาจนำประสบการณ์จากช่วงปฐมวัย หรือใช้คำอธิบายลักษณะของสิ่งของรอบตัวมาใช้สื่อสาร นำไปสู่การระบุหรือเรียกชื่อรูปเรขาคณิตแต่ละประเภท ด้วยคำศัพทท์ างคณิตศาสตร์ ผลลพั ธก์ ารเรยี นร้เู มื่อจบชว่ งช้นั ๑๐. รับรู้รปู รา่ ง ลักษณะของรูปร่างต่าง ๆ จากส่งิ ของ สิง่ แวดลอ้ มรอบตวั สถานการณใ์ นชวี ิตจริงผ่านการสังเกต และการสรา้ งรปู รา่ ง เชือ่ มโยงส่ลู กั ษณะของรปู เรขาคณติ สองมติ ิ รูปเรขาคณิตสามมิติ ๑๑. ให้เหตผุ ลในการจำแนกและบอกลักษณะของรูปเรขาคณิตสองมติ ิ รปู เรขาคณิตสามมิติและรูปท่ีมแี กนสมมาตร และนำไปใชใ้ นสถานการณ์ต่าง ๆ ความรู้และสมรรถนะท่เี ชื่อมโยงกนั ตวั อย่างสถานการณ์ กจิ กรรม และเครื่องมือทีใ่ ช้สำหรับนกั เรียน 10. รับรรู้ ูปร่าง ลกั ษณะของรูปร่างต่าง ๆ จากสิ่งของ สิ่งแวดลอ้ มรอบตวั สถานการณใ์ นชีวิตจริง ผา่ นการสังเกต และการสรา้ งรปู ร่าง เช่ือมโยงสู่ลักษณะของรูปเรขาคณิตสองมติ ิ รูปเรขาคณติ สามมติ ิ 11. ใหเ้ หตผุ ลในการจำแนกและบอกลักษณะของรูปเรขาคณติ สองมติ ิ รูปเรขาคณิตสามมิติและรูป ทมี่ แี กนสมมาตร และนำไปใชใ้ นสถานการณ์ต่าง ๆ 1. รบั รูร้ ูปรา่ ง ให้เหตุผลในการ - สำรวจส่งิ ของรอบตัวที่มีลักษณะคล้ายทรงส่เี หล่ียมมมุ ฉาก ทรงกลม จำแนกและบอกลกั ษณะ ทรงกระบอก และกรวย แล้วจำแนก จัดกลุม่ และอธบิ ายลักษณะ ทรงสเ่ี หล่ียมมมุ ฉาก ทรงกลม ดว้ ยภาษาของตนเอง เช่น กลม โค้ง แบน ยอดแหลม ขอบ มมุ ดา้ น ทรงกระบอก และกรวย กลงิ้ ได้ วางซ้อนกันได้ เลื่อนได้ แลว้ รว่ มกนั สรปุ ลักษณะ และบอกชื่อ รปู เรขาคณิตสามมติ ิชนิดตา่ ง ๆ 2. รับรรู้ ปู ร่าง ให้เหตผุ ลในการ จำแนกและบอกลกั ษณะของรปู - วาดรูปตามขอบของสิ่งของที่เป็นรูปสามเหลี่ยมรูปส่เี หล่ียม หลายเหลยี่ ม วงกลม และวงรี รูปหลายเหล่ียม วงกลม วงรี สังเกตลกั ษณะและจำแนกรปู ร่าง ตามเกณฑ์ของตนเอง เช่น ดา้ น ขอบ มมุ แลว้ ร่วมกันสรุปลักษณะ 3. ให้เหตุผลในการจำแนกและบอก และบอกชื่อรปู เรขาคณิตสองมติ ิชนิดตา่ ง ๆ ลกั ษณะรปู ทมี่ ีแกนสมมาตรและ รูปท่ไี ม่มีแกนสมมาตร - เขียนรูปเรขาคณติ สองมิตโิ ดยใช้แบบของรูป หรือกระดาษจดุ - จดั กิจกรรมการสร้างรปู หลายเหลยี่ มโดยใช้เชือกรอ้ ยหลอดดูดนำ้ 4. ใช้รูปเรขาคณิตในการสร้างสรรค์ ช้นิ งาน หรือลวดกำมะหยีข่ ดเป็นรปู หลายเหลยี่ ม

58 - สำรวจรูปที่มีแกนสมมาตรและไม่มแี กนสมมาตรโดยทดลอง พับกระดาษรปู เรขาคณติ สองมติ หิ รอื รูปอื่น ๆ อภิปรายและรว่ มกัน สรุปลกั ษณะของรูปทีม่ ีแกนสมมาตรและไม่มีแกนสมมาตร พรอ้ มหา จำนวนแกนสมมาตร - วาดรปู เรขาคณิตสองมิติท่ีมแี กนสมมาตรบนกระดาษจดุ เมื่อกำหนด แกนสมมาตรและรูปขา้ งหนึ่งของแกนสมมาตรให้ - ใชร้ ูปเรขาคณิตในการสร้างสรรค์ช้นิ งาน เชน่ การออกแบบ ลวดลาย ประดษิ ฐ์ของเล่น ของใช้ เกณฑ์มาตรฐานความกา้ วหนา้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง รูปเรขาคณิต นักเรียนได้เรียนรู้และสร้างข้อค้นพบเกี่ยวกับลักษณะของรูป เรขาคณิตสองมิติและรูปเรขาคณิตสามมิติผ่านการสำรวจ การสังเกต การทดลอง การสัมผัสจากสื่อของจริง เพื่อพัฒนาสมรรถนะเฉพาะในดา้ นการสื่อสาร การให้เหตุผล และการคิดสร้างสรรค์ ป.1 นักเรียนรับรู้ อธิบายลักษณะและจำแนกรูปเรขาคณิตสามมิติ ได้แก่ ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอกและกรวย พรอ้ มใหเ้ หตุผลด้วยภาษาของตนเอง เชน่ กลม ยอดแหลม กล้ิงได้ วางซอ้ นกนั ได้ เลอื่ นได้ และวาดรูปตามขอบของสิ่งของท่ีเป็นรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหล่ียม วงกลม วงรี สำรวจ สังเกตลักษณะ จำแนกตาม เกณฑ์ของตนเอง เช่น ด้าน มุม ขอบ และรว่ มอภปิ รายสรปุ ลกั ษณะ พรอ้ มบอกชอ่ื รูปเรขาคณิตสองมิติ ป.2 นกั เรยี นรบั รู้ อธิบายลักษณะและจำแนกรูปเรขาคณิตสองมิติเพิ่มเติมจากช้ัน ป.1 ไดแ้ ก่ รูปหลายเหล่ียม เช่น รูปห้าเหลี่ยม รูปหกเหลี่ยม รูปเจ็ดเหลี่ยม รูปแปดเหลี่ยม รูปเก้าเหลี่ยมและรูปสิบเหลี่ยม และได้มีโอกาส เขียนรปู เรขาคณิตสองมติ ิและสรา้ งช้นิ งานโดยใช้แบบของรูป กระดาษจุด หรอื โปรแกรมสำเร็จรูปอย่างงา่ ย ป.3 นักเรียนได้ค้นหาลักษณะสำคัญของรูปเรขาคณิตสองมิติเพิ่มเติมจากชั้น ป.2 ได้แก่ รูปที่มีแกนสมมาตร และรูปที่ไม่มีแกนสมมาตร ผ่านกิจกรรมพับกระดาษ และได้สำรวจรูปอื่น ๆ ที่อยู่ในชีวิตจริง สร้างข้อค้นพบ ด้วยภาษา ของตนเองเกี่ยวกับแกนสมมาตร รูปที่มีแกนสมมาตรและจำนวนแกนสมมาตร สร้างชิ้นงาน หรือ งานประดิษฐ์ จากรูปเรขาคณิตสองมิติและรูปเรขาคณิตสามมิติ เช่น ลวดลายในชิ้นงานศิลปะ การออกแบบ ผลิตภณั ฑ์ ป้ายรา้ นค้า บอรด์ นิทรรศการ ของเลน่

59 4. สถิติ ในช่วงช้ันที่ 1 นกั เรยี นควรได้เรียนรู้กระบวนการทางสถติ ิผ่านการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตจริง โดยสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่สนใจตั้งคำถาม เก็บและรวบรวมข้อมูล จัดกระทำและจัดเรียงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบ ที่ง่ายต่อการแปลความหมาย ให้เหตุผลเลือกวิธีและเครื่องมือในการนำเสนอข้อมูล เชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับจำนวน และการดำเนินการของจำนวนมาใช้ในการสื่อสาร แปลความหมายข้อมูลและใช้ข้อมูลจากแผนภูมิและตาราง ทางเดียวเพือ่ อธิบายเหตุการณ์ ตัดสินใจ หรือแก้ปัญหาในสถานการณต์ า่ ง ๆ ผลลพั ธ์การเรยี นรู้เมอ่ื จบช่วงช้ัน ๑๒. จัดการข้อมูล และนำเสนอข้อมูลโดยใช้แผนภูมิรูปภาพ แผนภูมิแท่ง หรือตารางทางเดียว สื่อสาร แปลความหมายของข้อมลู และใช้ขอ้ มลู เพ่ืออธิบายเหตุการณ์ ตัดสนิ ใจ หรือแกป้ ัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ๑๓. แกป้ ญั หาทางสถติ ิในสถานการณ์ใกล้ตวั ความรู้และสมรรถนะทเี่ ชื่อมโยงกนั ตัวอย่างสถานการณ์ กจิ กรรม และเคร่อื งมอื ที่ใช้สำหรับนักเรยี น 12. จัดการข้อมลู และนำเสนอข้อมูลโดยใชแ้ ผนภมู ิรูปภาพ แผนภูมิแท่ง หรือตารางทางเดียว สือ่ สาร แปลความหมายของข้อมูล และใช้ข้อมูลเพ่ืออธิบายเหตุการณ์ ตัดสินใจ หรือแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ 1. จัดการข้อมูลในชีวติ จริง และ - มีสว่ นรว่ มในการใหข้ ้อมลู เก็บขอ้ มูลดว้ ยวิธกี ารตา่ ง ๆ หรือ นำเสนอข้อมลู โดยใชแ้ ผนภูมิ รวบรวมข้อมลู จากแหล่งข้อมูล บันทกึ ขอ้ มลู สังเกตข้อมลู รูปภาพ หรือตารางทางเดยี ว และแสดงความคิดเหน็ ในการจำแนกจดั กล่มุ ข้อมลู ตามเกณฑ์ 2. สื่อสาร แปลความหมายของ จากนั้นร่วมกันแสดงข้อมลู ด้วยแผนภมู ิรปู ภาพอย่างงา่ ย แผนภมู ิ ขอ้ มูล และใชข้ ้อมูลเพื่ออธิบาย รปู ภาพท่มี ีข้อกำหนด แผนภูมิแท่งหรือตารางทางเดียว เหตกุ ารณ์ ตัดสนิ ใจ หรือ แก้ปัญหาในสถานการณต์ ่าง ๆ - อภปิ รายร่วมกนั เกี่ยวกับสว่ นประกอบและลักษณะสำคัญ ของการนำเสนอขอ้ มูลดว้ ยแผนภมู ิรูปภาพและตารางทางเดียว - อ่านข้อมลู และแปลความหมายขอ้ มลู จากแผนภมู ิรูปภาพ แผนภูมแิ ท่ง และตารางทางเดียว เชน่ การเปรยี บเทยี บ แนวโน้ม เพิ่มขึ้น - ลดลง และเช่ือมโยงไปสคู่ ำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตจริง เช่น ขายดีทส่ี ดุ ชอบทสี่ ุด แพงท่สี ุด ถกู ท่สี ดุ เป็นทน่ี ยิ มทส่ี ุด - วเิ คราะห์เลือกข้อมูลท่ีจำเปน็ จากแผนภมู ิรปู ภาพ แผนภูมิแท่ง หรอื ตารางทางเดียวมาใช้ในตัดสนิ ใจและแกป้ ัญหาในสถานการณ์

60 ต่าง ๆ เลือกวธิ กี ารและลงมือแกป้ ัญหา ตรวจสอบและสรุป คำตอบของสถานการณ์ปญั หา เชน่ ใชข้ ้อมลู จำนวนคนซ้ือสนิ ค้า ชนิดต่าง ๆ ในร้านสหกรณโ์ รงเรยี นใน 1 สัปดาห์ เพ่ือตดั สินใจซอ้ื สินค้ามาขายในสปั ดาหถ์ ดั ไป - ระดมความคิดวิเคราะห์จุดเด่นและข้อจำกดั ของแผนภูมริ ปู ภาพ แผนภูมแิ ท่ง และตารางทางเดยี ว 13. แก้ปญั หาทางสถิตใิ นสถานการณ์ใกลต้ ัว 1. ตง้ั คำถามจากประเดน็ ปัญหา - สงั เกตสิ่งต่าง ๆ รอบตวั ตง้ั คำถาม หรอื ข้อสงสัยจากประเด็น ที่สนใจเก็บรวบรวมและจำแนก ปญั หาทสี่ นใจ ระดมความคิดเห็น เลือกวธิ กี ารเกบ็ ข้อมลู ขอ้ มูล เลอื กวธิ กี ารและนำเสนอ และบันทึกข้อมลู โดยใชเ้ คร่ืองมอื และวธิ ีการทีเ่ หมาะสม ขอ้ มลู ท่ีเหมาะสมกับขอ้ มลู - มีประสบการณใ์ นการเกบ็ และรวบรวมขอ้ มูลจากแหลง่ ข้อมูลจริง แปลความหมายขอ้ มลู ด้วยการสอบถาม การสังเกต การทดลอง หรอื ข้อมูลท่สี ืบค้น และใชข้ ้อมลู แก้ปญั หา ไดจ้ ากแหลง่ ขอ้ มลู ต่าง ๆ บนั ทึกและจำแนกจัดกลุ่มข้อมลู ในสถานการณใ์ กล้ตวั ด้วยเกณฑ์ท่ีสรา้ งข้นึ - พจิ ารณาขอ้ มลู เลือกวธิ กี ารนำเสนอข้อมูล และใชเ้ ครือ่ งมือ พนื้ ฐานหรือเครื่องมือดจิ ิทลั นำเสนอข้อมลู ดว้ ยแผนภูมริ ปู ภาพ แผนภูมิแทง่ หรอื ตารางทางเดยี ว - แปลความหมายข้อมูลและใช้ขอ้ มูลเพือ่ ตอบคำถามจากประเดน็ ปัญหาท่ีสนใจ หรอื แกป้ ัญหาในสถานการณ์ใกล้ตัว - เชอ่ื มโยงความรเู้ กย่ี วกบั การแกป้ ัญหาทางสถติ ิไปใชใ้ นวิชาอ่ืน ๆ เชน่ จำนวนขยะประเภทต่าง ๆ ในโรงเรยี น ปัจจยั ทีม่ ผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพืช เกณฑม์ าตรฐานความก้าวหน้า การจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องสถิติในชว่ งช้ันที่ 1 ผเู้ รยี นได้เรียนรู้กระบวนการทางสถิติผ่านการแก้ปัญหา จากสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตจริงและการลงมือปฏิบัติเพื่อพัฒนาสมรรถนะเฉพาะในด้านการแก้ปัญหา การส่ือสารและนำเสนอ การใหเ้ หตผุ ล การคิดสร้างสรรค์ และการใช้เครอ่ื งมอื ในการเรยี นรู้ ป.1 เน้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมโดยมีครูเป็นผู้ช่วยเหลือในกระบวนการเรียนรู้ตั้งแต่ให้ข้อมูล เก็บ และ รวบรวมข้อมูลอย่างง่าย เช่น การสอบถาม การสังเกต จากประเด็นปัญหาที่สนใจรอบตัว บันทึกข้อมูล ที่เก็บได้ด้วยรอยขีด แสดงความคิดเห็นของตนเองในการจำแนก จัดกลุ่ม และนำเสนอข้อมูลด้วยแผนภูมิ รูปภาพที่มีข้อกำหนด 1 รูปแทน 1 หน่วย และนักเรียนสามารถสื่อสาร แปลความหมายข้อมูลด้วยภาษา ตนเองและใช้ข้อมลู จากแผนภูมิรูปภาพที่มขี ้อกำหนดเพ่อื ตัดสนิ ใจหรอื แกป้ ัญหาในสถานการณต์ ่าง ๆ ป.2 ยังคงให้นักเรียนมีส่วนร่วมโดยมีครูเป็นผู้ช่วยเหลือในกระบวนการเรียนรู้ แต่ในชั้นนี้นักเรียน ได้ตั้งคำถามจากประเด็นปัญหาที่สนใจรอบตัวด้วยตนเองและได้เรียนรู้วิธีเก็บและรวบรวมข้อมูลที่มากข้ึน เชน่ การทดลอง สืบค้นข้อมูลจากแหล่งขอ้ มูลต่าง ๆ รว่ มกนั จดั กระทำและนำเสนอข้อมูลดว้ ยแผนภมู ิรูปภาพ

61 ที่มีข้อกำหนด 1 รูปแทน 1 หน่วย 2 หน่วย 5 หน่วย หรือ 10 หน่วย และแผนภูมิแท่ง พร้อมให้เหตุผล และนักเรียนสามารถสื่อสาร แปลความหมายข้อมูลด้วยภาษาตนเองและใช้ข้อมูลจากแผนภูมิรูปภาพ ทมี่ ีข้อกำหนด และแผนภูมแิ ท่งเพอ่ื ตัดสินใจหรือแก้ปัญหาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ป.3 นักเรียนมีโอกาสได้ใช้กระบวนการทางสถิติเพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์ใกล้ตัวผ่านการทำงาน เป็นทีม เลือกวิธีการนำเสนอข้อมูลท่ีเหมาะสม ใช้เครื่องมือพื้นฐาน หรือเครื่องมือดิจิทัลนำเสนอข้อมูล ด้วยแผนภูมิแท่งหรือตารางทางเดียว และสามารถสื่อสาร แปลความหมายข้อมูลด้วยภาษาตนเองและใช้ ข้อมลู จากแผนภมู แิ ท่ง และตารางทางเดยี ว เพ่ือตัดสนิ ใจ หรอื แก้ปญั หาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ

62 สาระการเรยี นรู้ภาษาองั กฤษ  สาระสำคัญของสาระการเรยี นรู้ ความสำคัญของสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ด้วยภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุดภาษาหนึ่งและมีความสำคัญ เป็นอย่างยิ่งในการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นทักษะสำคัญของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เป็นเคร่ืองมือสำคญั ในการติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน การแสดงออก การจดั การตนเอง การแสวงหาความรู้ เชื่อมโยงกับวิชาอื่น ๆ การศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพ อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการ แขง่ ขนั ของประเทศ ลักษณะเฉพาะ/ ธรรมชาติของสาระการเรยี นรู้ เป็นสาระการเรียนรู้ที่เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ในด้านต่าง ๆ และเป็นเครื่องมือสำหรับ การสื่อสารสร้างความเข้าใจในความแตกต่างในด้านเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม นอกจากนี้ ภาษาอังกฤษ ยังสามารถช่วยกระตุ้นจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน รวมทั้งเป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจอันดี กับผู้อื่น โดยเฉพาะเมื่อทำงานร่วมกัน อันนำไปสู่สัมพันธภาพที่ดีระหว่างกัน ผู้เรียนภาษาอังกฤษจะได้รับ การพัฒนาทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนคำศัพท์ ประโยคง่าย ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องราว พร้อม ๆ กับแลกเปลี่ยนความรู้ แสดงความคิดเห็น และความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม โดยผู้เรียนควรได้รับแรงเสริม และกำลังใจจากครูให้มีความกล้า รู้สึกสนุก มีความเพลิดเพลินในการเรียนรู้ภาษา เกิดความคุ้นเคยในการฝึก สนทนา โตต้ อบ และมีโอกาสได้ใช้ภาษาองั กฤษท้ังในและนอกชั้นเรยี น จุดเนน้ การพฒั นา ในชว่ งชั้นท่ี 1 ภาษาอังกฤษมุ่งเน้นการตดิ ต่อส่อื สารในแง่มุม/ มติ ิตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ 1) การบอกขอ้ มูลเกย่ี วกบั ตนเอง เร่ืองใกล้ตัวและชีวติ ประจำวนั 2) การแสดงความคิด อารมณ์ ความร้สู ึก 3) ความสามารถปฏบิ ตั ติ ามคำสั่ง/คำขอรอ้ งงา่ ยๆได้ 4) ความเข้าใจในสิ่งที่ได้ฟัง/ อ่านสื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสถานการณ์หรือเหตุการณใ์ กล้ตัว และสามารถ โต้ตอบและแสดงความคิดเห็น/ ความรสู้ กึ ตอ่ เรอ่ื งนั้น ๆ ได้  ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลัก 1. ฟัง พูดเพื่อการส่ือสาร 1. การจัดการตัวเอง 1.1 ฟังและพูดคำศัพทง์ า่ ย ๆ สะกดคำ บอกความหมายของคำ อ่าน 2. การคิดขน้ั สูง 3. การส่ือสาร กลมุ่ คำ ท่ีเก่ยี วข้องใกล้ตวั ในชีวติ ประจำวนั โดยเน้นการออกเสียง 4. การรวมพลงั ทำงานเป็นทมี ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง 5. การเป็นพลเมืองที่เข้มแขง็ 1.2 ฟัง พดู เรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง บุคคล เหตุการณ์ในสถานการณ์ 6. การอยู่ร่วมกับระบบธรรมชาติ ใกล้ตวั หรือเรื่องราวต่าง ๆ โดยสามารถนำเสนอข้อมูล ความร้สู ึก อารมณ์ ส่ือความหมาย โต้ตอบและปฏิบัติตามได้อย่างเหมาะสม และวิทยาการอยา่ งยั่งยืน และมั่นใจ

63 สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั 1.3 ฟงั อา่ น และดู เพื่อเรยี นรู้เนื้อหาในสิ่งท่ีสนใจ เรื่อง หรือเหตุการณ์ จากสือ่ และแหล่งการเรยี นรู้ท่ีหลากหลาย แล้วเลือกใช้คำ หรือ ประโยคอยา่ งงา่ ยเพ่ือแสดงความคิดเห็นหรือสะท้อนความรสู้ ึกทมี่ ี ต่อเหตุการณห์ รือเร่ืองราวน้ัน ๆ อยา่ งเหมาะสม 2. อ่านเพ่ือความเข้าใจ 1. การจัดการตัวเอง 2.1 อา่ นและสร้างประโยคอยา่ งง่ายเก่ียวกับตนเอง บุคคล เหตุการณ์ 2. การคิดขน้ั สูง 3. การสือ่ สาร ในสถานการณ์ใกลต้ วั จากสื่อที่หลากหลายแล้วปฏิบัตติ าม โต้ตอบ 4. การรวมพลังทำงานเปน็ ทมี และส่ือความหมายได้อย่างเหมาะสม 5. การเปน็ พลเมืองทีเ่ ขม้ แข็ง 2.2 ใช้ทักษะการอ่านเพื่อเรียนรู้ เข้าใจ และบอกความรูส้ กึ ของตนเอง 6. การอยรู่ ว่ มกบั ระบบธรรมชาติ เก่ียวกบั เน้ือหาที่สนใจจากสือ่ และแหลง่ เรียนรทู้ หี่ ลาย และวิทยาการอยา่ งยง่ั ยนื 3. เขียนเพ่ือแสดงความคดิ เห็นและสะท้อนความรู้สกึ 3.1 เขียนและสร้างประโยคอย่างง่ายทเี่ หมาะสมเพื่อนำเสนอข้อมูล 1. การจัดการตวั เอง 2. การคิดขั้นสงู แสดงความคิดเห็น อารมณ์ ความรสู้ ึก เกยี่ วกับตนเอง บุคคล และ 3. การสอ่ื สาร เหตุการณ์ในสถานการณ์ใกล้ตัว 4. การรวมพลงั ทำงานเป็นทีม 3.2 ใชท้ กั ษะการเขียนเพื่อเรยี นรเู้ นื้อหาในส่งิ ทส่ี นใจและเหมาะสม 5. การเป็นพลเมอื งทเ่ี ขม้ แข็ง จากสือ่ และแหลง่ เรียนรูท้ ่ีหลากหลาย 6. การอยูร่ ว่ มกบั ระบบธรรมชาติ 4. ใชภ้ าษาเพื่อการเรียนรู้ และทำงานร่วมกับผู้อ่นื และวิทยาการอย่างยั่งยืน 4.1 สนทนา เขา้ ใจ ส่อื สารความต้องการของตนเอง และแลกเปลย่ี น 1. การจัดการตัวเอง ความคิดเห็นง่ายๆ ในการทำงานรว่ มกับผอู้ ่ืน ในสถานการณ์ 2. การคดิ ขั้นสูง ท่หี ลากหลายในชีวติ ประจำวันได้อย่างเหมาะสม 3. การสื่อสาร 4.2 เลอื กใชแ้ ละสร้างชนิ้ งานเก่ียวกับภาษาอย่างสรา้ งสรรคใ์ ห้เหมาะ 4. การรวมพลังทำงานเปน็ ทมี กบั บุคคล เหตุการณ์และสถานการณร์ อบตวั 5. การเป็นพลเมอื งท่เี ข้มแข็ง 6. การอยรู่ ว่ มกับระบบธรรมชาติ และวทิ ยาการอย่างย่ังยนื  ผลลพั ธก์ ารเรียนรเู้ มอ่ื จบช่วงชั้นท่ี 1 1. ฟงั พูด คำศพั ท์ สะกดคำ บอกความหมาย อา่ นกลมุ่ คำภาษาอังกฤษอยา่ งง่ายเกย่ี วกับตนเอง ครอบครวั และโรงเรยี นโดยออกเสยี งภาษาองั กฤษได้อย่างถูกตอ้ ง 2. ฟัง พูด โต้ตอบ บอกความต้องการของตนเอง แลกเปลี่ยนและนำเสนอข้อมูลด้วยคำสั้นและง่ายเกี่ยวกับ เรื่องราวของตนเอง ครอบครัว เพื่อน เหตุการณ์ในสถานการณ์ใกล้ตัวในชีวิตประจำวันและปฏิบัติตาม ได้อย่างเหมาะสมและมน่ั ใจ 3. ฟงั อ่าน และดู เพื่อเรียนรู้เนื้อหาในสิ่งทสี่ นใจ เร่อื งหรอื เหตุการณ์จากสื่อวีดิทัศน์ นทิ าน เร่ืองสั้น โฆษณา แล้วเลือกใช้คำหรือประโยคอย่างง่าย เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือสะท้อนความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์ หรือ เรอ่ื งราวนัน้ ๆ อยา่ งเหมาะสม

64 4. อ่านและสร้างประโยคอย่างง่ายเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว เพื่อน เหตุการณ์ในสถานการณ์ใกล้ตัว จากนทิ าน เร่ืองส้นั โฆษณา แล้วโตต้ อบ ส่ือความหมายและปฏบิ ตั ิตามได้อย่างเหมาะสม 5. อ่านเพื่อเรียนรู้ เข้าใจ และบอกความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเนื้อหาที่สนใจและเหมาะสมจากการอ่าน นิทานเรื่องโปรด เพลงโปรด ภาพยนตรแ์ ละการต์ ูนเร่ืองโปรด 6. เขียนและสร้างประโยคอย่างง่ายที่เหมาะสมเพื่อนำเสนอข้อมูล แสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ เพื่อบอกอารมณ์ ความรู้สึกอย่างอิสระและมีจินตนาการเกี่ยวกับตนเอง บุคคล และสถานการณ์ใกล้ตัว ผา่ นภาษาและภาพท่เี หมาะสมกับบุคคลและกาลเทศะ 7. ใช้ทักษะการเขียน โดยแสดงความคิดเห็นหรือสะท้อนความรู้สึกที่ใช้คำหรือประโยคอย่างง่ายเพื่อเรียนรู้ เนื้อหาในสิ่งที่สนใจจากนิทาน วีดิทัศน์ บทความและข่าวสารอย่างง่าย เกม สื่อแอปพลิเคชันทางการ เรยี นรู้ท่ีหลากหลายอย่างเหมาะสม 8. สนทนา เข้าใจ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างง่ายในการทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อสื่อสารความต้องการ ของตนเองในสถานการณ์ใกล้ตวั ครอบครวั ห้องเรยี น และโรงเรียน 9. แสวงหาความรู้ และสร้างสรรค์ผลงานทางภาษาโดยการประดิษฐช์ ้ินงานท่ีสะท้อนการเรียนรู้ตามความถนัด และความสนใจของตนเองให้เหมาะกับบุคคล เหตกุ ารณแ์ ละสถานการณ์รอบตวั  แนวทางการจดั การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ ผลลพั ธ์การเรยี นรู้เมือ่ จบช่วงชั้น 1. ฟัง พูด คำศัพท์ สะกดคำ บอกความหมาย อา่ นกลุม่ คำภาษาองั กฤษอยา่ งงา่ ยเก่ยี วกับตนเอง ครอบครัว และโรงเรียนโดยออกเสียงภาษาองั กฤษได้อย่างถูกต้อง 2. ฟงั พดู โต้ตอบ บอกความตอ้ งการของตนเอง แลกเปลยี่ นและนำเสนอขอ้ มลู ดว้ ยคำสั้นและง่ายเกยี่ วกบั เร่อื งราวของตนเอง ครอบครัว เพื่อน เหตุการณ์ในสถานการณใ์ กลต้ วั ในชีวติ ประจำวนั และปฏบิ ัติตาม ได้อยา่ งเหมาะสมและมัน่ ใจ 3. ฟงั อา่ น และดู เพอื่ เรียนรู้เน้อื หาในสง่ิ ท่สี นใจ เรื่องหรอื เหตุการณจ์ ากสื่อวีดทิ ัศน์ นทิ าน เร่อื งสนั้ โฆษณา แล้วเลือกใช้คำหรือประโยคอย่างงา่ ย เพื่อแสดงความคิดเห็นหรอื สะท้อนความรสู้ ึกทีม่ ีต่อเหตุการณ์ หรือ เรื่องราวนน้ั ๆ อย่างเหมาะสม ความรแู้ ละสมรรถนะทเ่ี ช่ือมโยงกนั ตวั อยา่ งสถานการณ์ กจิ กรรม และเครอื่ งมอื ทใ่ี ชส้ ำหรับนกั เรียน ฟังและพดู คำศพั ท์ง่าย ๆ สะกดคำ บอกความหมายของคำ อ่านกลุ่มคำ ท่ีเกีย่ วข้องใกลต้ วั ในชีวิตประจำวนั โดยเน้นการออกเสียงภาษาอังกฤษอยา่ งถกู ตอ้ ง - ฟงั และพูดคำศัพท์งา่ ย ๆ สะกดคำ ตวั อย่างสถานการณท์ ี่ 1 บอกความหมายของคำ เก่ยี วกบั - บอกอวัยวะส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกายผา่ นการเรยี นร้จู ากส่ือวีดิทศั น์ ตนเอง ครอบครวั และโรงเรียน รปู ภาพ และส่ิงแวดล้อมรอบตัว เช่น ครเู ปิดวีดทิ ัศน์เพลง ได้อยา่ งถกู ต้อง ทมี่ ีคำศัพทแ์ ละกลมุ่ คำของร่างกายให้นักเรยี นฟงั จากน้ัน - อา่ นออกเสียงคำศพั ท์และอ่านกล่มุ คำ ให้นกั เรียนร้องตามเพลงโดยเนน้ การออกเสยี งทถี่ ูกต้องให้กับ ภาษาองั กฤษทเ่ี กี่ยวกบั ตนเอง นักเรียน เมื่อสังเกตวา่ นกั เรียนมคี วามแม่นยำในคำศัพท์แลว้ ครอบครัว และโรงเรียน เร่ิมใหท้ ำ “กจิ กรรม My body” โดยใหน้ ักเรียนจบั คู่กับเพอื่ น จากนัน้ ให้นกั เรียนนำสต๊กิ เกอร์สตี ่าง ๆ แปะไปยังอวยั วะ

65 ในรา่ งกายของตนเองที่อยากใหเ้ พ่ือนทาย จากนนั้ ใหเ้ พื่อนตอบว่า อวยั วะนัน้ เรยี กวา่ อะไร โดยเปน็ คำศัพทง์ า่ ย ๆ พร้อมสอน การออกเสยี งของคำศัพท์และกล่มุ คำนนั้ ให้ถูกต้อง เช่น head, eyes, shoulder arm, knee, nose, big eyes, long arms, black hair เป็นต้น ตวั อย่างสถานการณ์ที่ 2 - บอกสมาชกิ ครอบครวั ของตนเองจากรปู ภาพของครอบครัว หรือ แผนภูมภิ าพเกี่ยวกับครอบครวั เชน่ ให้นักเรียนฟงั นทิ านเก่ยี วกบั สมาชิกในครอบครวั ฝกึ ออกเสียงคำศัพท์และกลุ่มคำเกี่ยวกบั สมาชกิ ในครอบครวั จากนั้นให้นกั เรยี นทำ “กจิ กรรม My lovely family” โดยนำรูปภาพสมาชกิ ในครอบครวั ของตนเอง ที่เตรยี มมา วางในตำแหนง่ ตา่ ง ๆ ในแผนภูมคิ ำศัพท์และกลมุ่ คำ ทเ่ี กี่ยวข้องกับสมาชิกในครอบครัว เช่น father, mother, brother, sister, son, daughter, Older brother, younger sister พร้อมทง้ั ให้ออกเสียงให้ถกู ต้อง ตวั อยา่ งสถานการณ์ที่ 3 - บอกชอื่ อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ภายในหอ้ งเรยี นและโรงเรียน เชน่ ใหฟ้ งั บทสนทนาเกีย่ วกบั สถานการณ์ในหอ้ งเรียนแบบง่าย โดยครูเน้น การออกเสยี งคำศัพท์และกลุ่มคำเก่ยี วกับอุปกรณ์ในห้องเรียน เชน่ board, book, desk, paper, pencil, table, chair, computer, big book, long table, red chair เป็นต้น จากนน้ั ทำกิจกรรมโดยคุณครูเตรยี มรปู ภาพอุปกรณ์ในห้องเรยี น ใส่ไว้ในกลอ่ ง และใหน้ ักเรยี นสุ่มหยบิ รูปภาพและบอกคำศัพท์ ของรูปภาพโดยออกเสียงให้ถูกตอ้ ง ฟงั พูดเรอ่ื งราวเก่ียวกับตนเอง บุคคล เหตุการณ์ในสถานการณใ์ กล้ตัว หรือเรื่องราวตา่ ง ๆ โดยสามารถ นำเสนอข้อมูล ความร้สู ึก อารมณ์ สอื่ ความหมาย โต้ตอบและปฏิบัตติ ามไดอ้ ย่างเหมาะสมและมน่ั ใจ - ฟงั พดู ข้อมลู ของตนเอง ครอบครัว ตัวอย่างสถานการณ์ท่ี 1 เพอ่ื น โดยใช้คำศัพท์และประโยค กิจกรรม My Family อย่างง่ายได้อยา่ งเหมาะสมและม่ันใจ - ครูใหน้ กั เรยี นนำรูปถ่ายของตนเองกับสมาชกิ ในครอบครวั - นำเสนอข้อมลู คำศัพทเ์ ก่ยี วกับ อาหาร มาคนละ หนึ่งรูป (ครูพจิ ารณาความเหมาะสม กรณีนักเรียน ผลไม้ สัตวเ์ ลี้ยงหรอื สที ีต่ นเองสนใจ บางคนอาจไม่สะดวกในการจัดหา หรืออาจจะไมม่ ีภาพครอบครัว - สนทนา โต้ตอบ และปฏบิ ัตเิ พอ่ื ครคู วรชีแ้ จงนกั เรียนว่าสามารถนำรปู ทีน่ ักเรยี นชอบจากหนงั สือ แลกเปลยี่ นขอ้ มลู สง่ิ ทต่ี นเองสนใจ หรือภาพทว่ั ไปท่ีเป็นครอบครวั มาใช้แทนได้) กบั เพ่อื นร่วมชนั้ เรยี นได้ - นักเรยี นแนะนำสมาชิกในครอบครวั ของตนเอง หรอื ภาพ ทนี่ กั เรยี นเตรยี มมาใหเ้ พื่อนร่วมช้ันเรียนฟังวา่ มใี ครบ้าง เปน็ คำศพั ทภ์ าษาองั กฤษงา่ ยๆ เช่น This is my father./ This is my mother. / This is my brother. / This is my sister.

66 - ครสู รปุ คำศัพทเ์ ก่ยี วกบั สมาชกิ ในครอบครวั ใหน้ ักเรยี นฟัง อกี หน่ึงครั้ง พรอ้ มสุ่มถามคำศพั ท์เกย่ี วกบั สมาชกิ ในครอบครวั อกี ครงั้ - ครูแจกกระดาษ A4 ให้นักเรียนวาดภาพและ ระบายสีสมาชิก ในครอบครัวพร้อมท้ังเขียนคำศัพท์ทแี่ สดงถงึ สมาชิกในครอบครัว เช่น father , mother , brother , sister ตวั อยา่ งสถานการณ์ท่ี 2 กิจกรรม My favorite fruit. - ครูให้นักเรียนนำผลไม้ท่ตี นเองชอบมาคนละหน่ึงชนดิ หรือนำ รูปภาพผลไม้ทน่ี กั เรยี นชอบมาหากนกั เรียนไม่สะดวกในการ จัดหาเพื่อแนะนำให้เพื่อนๆในห้องรู้จักต่อจากนัน้ ครูให้นักเรียน นำเสนอขอ้ มูลคำศัพทเ์ กี่ยวกับผลไม้ทน่ี ำมาเปน็ ภาษาอังกฤษ และบอกสีของผลไมน้ ั้นๆด้วยประโยคอยา่ งง่าย เชน่ This is an apple./ It is red. - ครูสรปุ คำศัพท์ตา่ งๆจากผลไมท้ ี่นักเรยี นนำมา และให้นักเรียน ฝกึ ออกเสียงตาม พร้อมทั้งอธิบายถงึ ประโยชนข์ องผลไม้ ชนดิ ต่าง ๆ เปน็ ความรู้เพิ่มเตมิ ตัวอยา่ งสถานการณ์ที่ 3 กิจกรรม You know me and I know you - ครูให้นักเรียนดูหรือฟังบทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างบุคคลครูสร้างบทสนทนาจากสิ่งที่ นักเรียนได้ดูหรือฟังที่เกี่ยวกับการให้ข้อมูลตนเองอย่างง่าย ในบัตรคำ เชน่ A: What is your name? B: My name is………. A: How old are you? B: I am ……….years old. A: What is your favorites color? B: My favorites color is ………….. A: What is your favorites food? B: My favorites food is ……….. - ครูใหน้ ักเรียนสลบั เป็นท้งั ผู้ถามและผตู้ อบและเปล่ยี นไปถาม เพอ่ื นรว่ มชัน้ เรียนเพือ่ เป็นการแลกเปลย่ี นข้อมูลความชอบ สว่ นตวั กนั

67 ฟัง อา่ น และดู เพ่ือเรยี นร้เู นอ้ื หาในสิ่งที่สนใจ เรื่องหรือเหตุการณ์จากส่อื และแหล่งการเรียนรู้ ทีห่ ลากหลาย แลว้ เลือกใช้คำหรอื ประโยคอย่างง่าย เพ่ือแสดงความคดิ เหน็ หรือสะท้อนความรสู้ กึ ที่มตี ่อเหตกุ ารณ์ หรอื เรอื่ งราวนัน้ ๆ อยา่ งเหมาะสม - ฟังข้อมูลเกีย่ วกบั เรื่องราวของบคุ คล ตัวอย่างสถานการณท์ ่ี 1 เหตกุ ารณ์ สถานการณใ์ กล้ตัว - ครูใช้ลักษณะการตั้งคำถามเพื่อนำเข้าสู่บทเรียนโดยใช้ กิจกรรม โดยเลือกใช้คำหรอื ประโยคอย่างง่าย เกม Who am I? ในการตอบคำถาม - ครูพูดประโยคให้นักเรียนฟัง แล้วตั้งคำถามให้นักเรียนตอบ - ฟงั อา่ น และดู เรื่องราวส้ัน ๆ เก่ยี วกับประโยค ตัวอยา่ งเช่น บทสนทนาหรือข้อมลู ต่าง ๆ จากสื่อ I look after sick people. I work in the hospital. Who am I? วีดิทศั น์ นทิ าน เรื่องส้ัน โฆษณา และ I help a doctor. I work in the hospital. Who am I? ตอบคำถามได้ I sleep in the hospital. I have a flu. Who am I? - ถา่ ยทอดความรู้สึก แสดงความคิดเหน็ - ครขู นึ้ คำศัพท์บนกระดานในหมวดอาชีพ ครูอ่านออกเสยี งและให้ จากการฟัง อ่าน และดูดว้ ยประโยค นกั เรียนออกเสียงตาม จากนั้นครตู ดิ แผน่ ภาพอาชพี บนกระดาน อย่างงา่ ยจากส่อื วีดทิ ัศน์ นทิ าน และแจกคำศัพท์ให้นักเรียนนำไปจับคภู่ าพให้ตรงกนั และให้ เรื่องส้นั โฆษณา ได้อยา่ งเหมาะสม นกั เรยี นแตง่ ประโยคง่าย ๆ จากบคุ คลท่นี ักเรียนเลือกใหเ้ พ่ือน ในชน้ั เรยี นทาย ครูสรปุ กจิ กรรมพรอ้ มทัง้ อธบิ ายคำศัพทอ์ ีกครั้ง ตวั อย่างสถานการณท์ ี่ 2 - ครเู ปดิ นิทานสั้น ๆ ให้นักเรียนดู อยา่ งน้อย 2 รอบ จากนน้ั ต้ังคำถามจากเนื้อเรือ่ งโดยใช้ประโยคอย่างง่าย Wh - Questions ตวั อยา่ ง นทิ านเรือ่ งเตา่ กบั กระตา่ ย Who is the winner? / Where does this story take place?/ What are they doing? - ครเู ขียนประโยคคำถาม และให้นักเรียนตอบคำถามโดยยงั ไม่เฉลย คำตอบโดยเขยี นคำตอบไว้บนกระดาน จากนนั้ ให้นกั เรียนชม วดี ทิ ศั น์อีกครงั้ พรอ้ มเฉลยคำตอบครใู หน้ ักเรียนชว่ ยกันสรุปขอ้ คิด ท่ีไดจ้ ากเนอ้ื เร่ือง ตัวอย่างสถานการณ์ที่ 3 - ครเู ปดิ การ์ตนู ท่ีอยใู่ นความสนใจของนักเรียนใหช้ มในห้องเรยี น - ครูถ่ายทอดความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นจากตัวละครทค่ี รู ชนื่ ชอบ ใหน้ ักเรียนฟงั โดยเขียนข้อมูลบนกระดาน เชน่ I love Doraemon because he is kind. - ครใู หน้ ักเรยี นเลือกตวั ละครหรอื เหตุการณ์ทนี่ กั เรียนชอบ พร้อมถ่ายทอดความรู้สึกและแสดงความคิดเห็น จากนั้น ใหน้ ักเรยี นวาดภาพตวั ละครที่นักเรยี นชอบ พร้อมบอก ความประทบั ใจเป็นประโยคสนั้ ๆ

68 ผลลพั ธ์การเรียนรูเ้ ม่อื จบช่วงชน้ั 4. อ่านและสร้างประโยคอย่างงา่ ยเกย่ี วกับตนเอง ครอบครัว เพอื่ น เหตุการณใ์ นสถานการณ์ใกล้ตัว จากนทิ าน เรือ่ งส้นั โฆษณา แลว้ โต้ตอบ สอื่ ความหมายและปฏบิ ัติตามได้อย่างเหมาะสม 5. อ่านเพอ่ื เรยี นรู้ เข้าใจ และบอกความรูส้ กึ ของตนเองเก่ียวกับเนอ้ื หาท่สี นใจและเหมาะสมจากการอ่าน นทิ านเรอ่ื งโปรด เพลงโปรด ภาพยนตร์และการต์ ูนเร่ืองโปรด ความรูแ้ ละสมรรถนะทเ่ี ชื่อมโยงกัน ตวั อย่างสถานการณ์ กิจกรรม และเคร่อื งมือท่ใี ช้สำหรับนักเรยี น อ่านและสร้างประโยคอย่างง่ายเกี่ยวกับตนเอง บคุ คล เหตกุ ารณใ์ นสถานการณ์ใกลต้ วั จากสอ่ื ท่หี ลากหลายแลว้ ปฏิบัตติ าม โตต้ อบ และส่อื ความหมายไดอ้ ยา่ งเหมาะสม - อ่านขอ้ มลู เกย่ี วกับตนเอง ครอบครัว ตัวอยา่ งสถานการณ์ท่ี 1 เพือ่ น เหตกุ ารณใ์ นสถานการณ์ใกลต้ วั - อา่ นออกเสยี งประโยคแนะนำตนเองของเจา้ ของภาษากับของไทย - สร้างประโยคอยา่ งง่ายจากการอา่ น ผา่ นการเรยี นรจู้ ากสือ่ วีดิทัศน์ และบตั รคำที่มีรูปภาพประกอบ นทิ าน เร่อื งสั้น โฆษณา เพ่ือโตต้ อบ ยกตัวอย่างเช่น ครเู ปิดวีดิทัศน์เพลงทมี่ ปี ระโยคคำทกั ทาย และ สื่อความหมายและปฏิบตั ติ าม ประโยคแนะนำตัวใหไ้ ด้เรียนได้ชม จากนัน้ ใหน้ ักเรียนอา่ น ไดอ้ ย่างเหมาะสม ออกเสียง หรือร้องเพลงตามโดยเน้นการอ่านออกเสยี งที่ถูกตอ้ ง ให้กับนกั เรยี น เม่ือนักเรยี นอ่านไดค้ ล่องแล้ว เรม่ิ ให้ทำกจิ กรรม “Introducing Yourself” โดยให้นกั เรียนเขียนประโยคแนะนำ ตนเองลงในสมุด จากนั้นออกมาอา่ นประโยคแนะนำตนเอง หน้าช้นั เรยี นใหเ้ พือ่ น ๆ ฟงั ยกตัวอยา่ งประโยคแนะนำตนเอง เช่น My name is Kitidetch Mana. My nickname is Tangmo. I am eight years old. I am studying in grade 3 at ABC school. I live with my parents in Ubon Ratchathani. My father’s name is Somsak Mana. My mother’s name is Siripa Mana. My best friend’s name is Pannipa Songsang. Her nickname is Pang. My favorite subject is English. My hobby is drawing pictures. เป็นตน้ ตัวอยา่ งสถานการณ์ที่ 2 - อา่ นประโยคแนะนำตัวของตัวละครจากเร่ืองสั้นท่เี ป็นวดี ิทศั น์ หรือครูแสดงเรื่องส้ันใหน้ ักเรียนไดช้ ม ฝึกอา่ นออกเสยี งประโยค แนะนำตวั ของแต่ละตวั ละครที่อยใู่ นวดิ โี อ จากนน้ั ใหน้ กั เรียน ทำ “กจิ กรรม Lucky Pot” โดยคณุ ครนู ำฉลากท่มี ีประโยค แนะนำตวั ของแต่ละตวั ละครไปรวมกนั ไว้ในกล่อง จากนัน้ ให้ นกั เรยี นแต่ละคนเดินออกมาจบั ฉลากแลว้ อา่ นประโยคแนะนำ ตัวของตัวละคร หรือแสดงบทบาทสมมติทน่ี ักเรยี นจับฉลากได้ เช่น Her name is Supitcha. Her nickname is Tonhom. She is eight years old. เปน็ ต้น

69 ตัวอย่างสถานการณท์ ่ี 3 - สร้างประโยค My name is… / Her/His name is… / He/ She is…years old. จากการดูนิทานหรือเรือ่ งสั้นในวีดิทศั น์ โดยครเู น้น การอา่ นออกเสยี งโครงสร้างประโยค จากนนั้ ทำกิจกรรม “เรียงคำ สร้างประโยค” โดยการนำ flashcards มาเรยี งใหถ้ กู ต้องตาม โครงสร้าง หรอื ให้นกั เรียนยืนถอื flashcard คำศพั ท์ แลว้ มายืน เรียงแถวหน้ากระดาน โดยยดึ ตำแหนง่ ของโครงสรา้ งให้ถูกต้อง ใช้ทักษะการอา่ นเพ่อื เรยี นรู้ เข้าใจ และบอกความรูส้ กึ ของตนเองเกี่ยวกบั เนอ้ื หาทีส่ นใจ จากส่อื และแหล่งเรยี นร้ทู ่หี ลากหลาย - อ่านและสรปุ เนื้อหาตามเข้าใจ ตวั อยา่ งสถานการณ์ที่ 1 จากการอา่ นนิทานเร่ืองโปรด - วาดภาพแสดงลำดบั เหตุการณข์ องนทิ านเรื่องโปรด เพลงโปรด เพลงโปรด ภาพยนตร์ และการต์ ูน เรือ่ งโปรด ภาพยนตร์ หรือการต์ ูนเร่ืองโปรด โดยใช้ “กจิ กรรม My Story - แสดงความร้สู ึกจากการอ่านนทิ าน Board” ครเู ริ่มต้นกิจกรรมโดยการสร้างบรรยากาศในการเล่านิทาน เรอ่ื งโปรด เพลงโปรด ภาพยนตร์ และเริ่มเล่านทิ านโดยการใช้หนังสอื ภาพสือ่ ต่าง ๆ หนุ่ ประกอบ และการต์ ูนเรื่องโปรด และนำมา การเล่าเรื่อง หรือใช้สอื่ วีดิทัศน์ ให้นกั เรียนฟงั นิทานแลว้ พูดตาม ถ่ายทอดกับเพ่ือนรว่ มช้ันเรียนได้ เสยี งในวีดิทศั น์จนเกิดความคลอ่ งแคลว่ เมื่อนกั เรียนเรมิ่ เข้าใจ ในเนอื้ เร่ือง ครแู นะนำคำศพั ทแ์ ละประโยคท่ีเกี่ยวข้องกบั เนอ้ื เรื่อง ในระหว่างเล่าเรื่องครูกระตุ้นให้เกดิ การปฏิสมั พนั ธก์ ับนกั เรียน โดยใชเ้ สียงตัวละครเพื่อกระตุ้นความสนใจ เมือ่ ครูมน่ั ใจแลว้ ว่า นกั เรยี นเข้าใจเน้ือเร่ืองใหน้ กั เรียนวาดภาพลำดบั เหตกุ ารณ์ของ เร่อื งชว่ งที่ตนเองชอบ พร้อมบอกตวั ละครที่นักเรยี นชอบ และ ใหน้ ักเรียนนำเสนอผลงานของตนเองกับเพื่อนร่วมชั้นเรยี น ตวั อย่างสถานการณ์ท่ี 2 - เลือกภาพขอ้ ความไดถ้ ูกต้องตรงกบั ข้อความทอี่ า่ น หรือฟัง ผา่ น “กิจกรรม True or False” หลังจากครเู ลา่ นิทาน หรอื ใหน้ ักเรียนฟังนิทานจากส่อื วีดทิ ัศน์ ครูแจกข้อความ หรือพูด ขอ้ ความจากเนื้อเร่ืองทนี่ ักเรียนไดอ้ า่ น หรือฟงั แล้ว นักเรยี น ทำงานกลุม่ รว่ มกนั ว่า ขอ้ ความทคี่ รใู ห้เปน็ ความจรงิ หรอื ไม่จริง เชน่ ครูอา่ นนิทานเร่ือง The rabbit and the turtle เมอ่ื อา่ นจบ แลว้ ครพู ูด หรือเขยี นประโยควา่ The rabbit won the race นกั เรยี นสนทนากบั เพื่อนในกลุ่มและรว่ มกนั พูดว่า It’s true หรอื ว่า It’s false พร้อมกับพูดหรือเขียนประโยคที่ถูกต้อง ตัวอย่างสถานการณท์ ่ี 3 - บอกความร้สู ึกของตนเองเกย่ี วกับนิทานเร่ืองโปรด เพลงโปรด ภาพยนตรแ์ ละการ์ตูนเรอื่ งโปรด โดยใช้ “กิจกรรม Drawing your face” โดยนักเรียนวาดหนา้ แสดงความรู้สกึ ของตนเอง หลังจากการฟงั หรอื อ่านนิทานเร่ืองโปรด เพลงโปรด ภาพยนตร์ และการ์ตูนเรื่องโปรด โดยใชค้ ำศัพท์แสดงอารมณค์ วามร้สู กึ ง่าย ๆ

70 เชน่ happy, sad, boring, angry, funny, exciting, scared, surprised, amused หลงั จากนกั เรยี นทำกิจกรรมเสร็จแล้ว สามารถแลกเปลย่ี นกับเพ่ือนร่วมช้ันเรยี นวา่ ชอบหรือไมช่ อบเรอ่ื ง ทอี่ า่ น หรอื ฟัง และบอกความรู้สกึ ส้ัน ๆ เช่น I am happy. I like the story. หรอื I don’t like the story. I am sad ใช้ โครงสรา้ งเดียวกนั ถา้ นักเรยี นบอกความรสู้ กึ เกยี่ วกบั เพลงโปรด ภาพยนตร์ หรอื การ์ตูนเรอื่ งโปรด ผลลัพธ์การเรยี นรู้เม่อื จบช่วงช้นั 6. เขียนและสรา้ งประโยคอย่างง่ายท่เี หมาะสมเพื่อนำเสนอข้อมลู แสดงความคิดเห็นอย่างสรา้ งสรรค์ เพอ่ื บอกอารมณ์ ความรูส้ ึกอย่างอสิ ระและมีจนิ ตนาการเกย่ี วกับตนเอง บุคคล และสถานการณ์ใกลต้ ัว ผา่ นภาษาและภาพทเ่ี หมาะสมกบั บุคคลและกาลเทศะ 7. ใชท้ ักษะการเขยี น โดยแสดงความคดิ เห็น หรือสะท้อนความรู้สกึ ที่ใช้คำหรือประโยคอยา่ งง่ายเพ่ือเรียนรู้ เนอื้ หาในสิง่ ทส่ี นใจจากนิทาน วดี ิทัศน์ บทความและข่าวสารอยา่ งงา่ ย เกม สื่อแอปพลเิ คชนั ทาง การเรียนรทู้ ห่ี ลากหลายอย่างเหมาะสม ความรู้และสมรรถนะทเี่ ชื่อมโยงกนั ตัวอยา่ งสถานการณ์ กจิ กรรม และเคร่อื งมอื ทีใ่ ชส้ ำหรับนกั เรียน เขยี นและสรา้ งประโยคอยา่ งง่ายท่ีเหมาะสมเพอ่ื นำเสนอข้อมูล แสดงความคดิ เหน็ อารมณ์ ความรู้สกึ เกีย่ วกับตนเอง บคุ คล และเหตุการณใ์ นสถานการณใ์ กลต้ ัว - เขยี นใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกบั ตนเอง ตวั อยา่ งสถานการณท์ ่ี 1 ครอบครัว เพ่ือน โรงเรียนโดยใช้ - นักเรยี นดตู ัวอยา่ งประโยคผ่านการสนทนาโดยใช้คำศัพท์ง่าย ๆ คำศัพท์งา่ ย ๆ ในการสรา้ งประโยค อย่างงา่ ยให้ไดใ้ จความท่สี มบูรณ์ จากคลิปวีดโี อ ภาพยนตร์ หรือ การต์ นู ท่นี ักเรยี นสนใจ จากนั้น - เขยี นบอกความรสู้ ึกและแสดง แสดงประโยคบทสนทนาท่ีสำคัญและให้นักเรียนอ่านและฝึก ความคิดเหน็ จากภาพ เรอ่ื งราว ออกเสียงตามทีละประโยคซำ้ ๆ และตรวจสอบวา่ นักเรยี น ข้อมลู ส่วนบคุ คลโดยใชภ้ าษาได้อย่าง มีความเขา้ ใจและแมน่ ยำในบทสนทนาน้ัน ๆ แล้ว จากน้ันให้ เหมาะสมตามกาลเทศะ นกั เรียนทำ กจิ กรรมที่ 1 watch and copy โดยครูให้ ใบงานที่ 1 เป็นภาพของคลปิ วีดีโอ ภาพยนตร์ หรอื การ์ตนู ที่นักเรยี นสนใจที่ไดช้ มก่อนหน้าน้ี พร้อมเวน้ ช่องว่าง บทสนทนา ไว้ โดยใหน้ กั เรยี นเขยี นเตมิ ประโยคของบทสนทนา ลงในช่องว่าง จากนั้นทำใบงานที่ 2 เปน็ ภาพการสนทนาบริบทเดียวกัน หรอื สลับสถานการณ์ใหน้ ักเรียนเขียนบทสนทนาเลยี นแบบคลิปวีดโี อ ภาพยนตร์ หรอื การต์ ูนตวั อย่างที่นักเรียนไดช้ มไป กจิ กรรมที่ 2 sentence scramble ครจู ัดทำบัตรคำ บทสนทนาทีน่ กั เรยี นได้รบั ชมไปและแสดงให้นักเรยี นอา่ นตาม ซำ้ ๆ ทีละคำและวางบัตรคำทั้งหมดรวมกนั ครแู บ่งกลุ่มนกั เรียน ตามความเหมาะสม ใหน้ ักเรียนช่วยกันนำบตั รคำ เรยี งเป็น

71 ประโยคและตรวจความถกู ต้องจากแบบเฉลยดว้ ยตนเอง และ ทำใบงานเรียงคำศัพท์ให้เป็นประโยคให้ถูกต้อง ตวั อย่างสถานการณท์ ่ี 2 - เขียนบอกความร้สู กึ และแสดงความคดิ เหน็ โดยให้นกั เรยี น ดภู าพเกี่ยวกบั คน สตั วก์ ำลงั อยใู่ นสถานการณ์ หรือเหตกุ ารณ์ ตา่ ง ๆ ที่มีการแสดงอารมณ์อยา่ งเหมาะสม อาจเป็นบตั รภาพ หรอื สอ่ื มัลติมีเดยี อืน่ ๆ เช่น ภาพงานวันเกดิ ทท่ี ุกคนกำลังย้ิม (happy) ภาพคนป่วย (sad) ภาพเดก็ ช่ืนชอบของเล่น หรอื เสอ้ื ผ้า (like) ภาพนกั เรียนเห็นผลไมม้ ีหนอน (dislike) พดู คยุ ให้นักเรียนรว่ มกนั นำเสนอวา่ ดูภาพแล้วรู้สึกอยา่ งไร กจิ กรรมท่ี 3 How do you feel ? ครจู ดั ชุดภาพทเี่ ปน็ การแสดงอารมณ์เดียวกัน 4 - 5 ภาพ พร้อมตวั อยา่ งประโยค แบ่งกลุ่มนกั เรียนตามความเหมาะสม ให้นักเรยี นช่วยกนั เลือกหยิบ บัตรภาพ และจบั ค่ตู วั อย่างประโยค และตรวจคำตอบ จากแบบเฉลยดว้ ยตนเอง กิจกรรมที่ 4 How do I feel ? นักเรียนทำใบงานโดยครใู ช้ ภาพ การต์ นู ดารา หรือตัวละครที่นักเรยี นสนใจ กำลังแสดง อารมณ์ตา่ ง ๆ กัน เช่น happy, sad, like, dislike, angry ครูอธบิ ายรายละเอยี ดสมมติใหน้ กั เรยี นเปน็ ตัวละครเหล่านน้ั และให้นกั เรียนเขยี นขอ้ ความแสดงอารมณต์ ามภาพให้เหมาะสม ใชท้ กั ษะการเขยี นเพือ่ เรียนรู้เน้อื หาในส่ิงทส่ี นใจและเหมาะสมจากส่ือ และแหล่งเรียนรูท้ ีห่ ลากหลาย - เขียนและสรปุ โดยใชป้ ระโยคอยา่ งง่าย ตวั อยา่ งสถานการณ์ท่ี 1 จากนทิ าน วดี ิทัศน์ เกม ส่อื - เขยี นและสรุปนิทานหรือเร่ืองส้นั ๆ โดยการเลือกอ่านนิทาน แอปพลิเคชันทางการเรียนรู้ บทความ ท่ีชอบอยา่ งนอ้ ย 1 - 2 เรอ่ื ง จากหนังสอื สอื่ วีดทิ ัศน์ หรือ และข่าวสารอย่างงา่ ยได้อย่างถกู ต้อง แอปพลเิ คชนั ทางการเรียนรู้ท่ีสนใจ เชน่ ครเู ปิด วดี ิทศั น์/ - เขียนแสดงความรสู้ ึกและแสดง youtube ให้นักเรยี นชมนทิ านเรือ่ ง The Ant And The ความคิดเหน็ จากนิทาน วดี ทิ ัศน์ เกม Cicada ให้นักเรยี นอา่ นออกเสยี งคำศัพท์ ประโยคงา่ ย ๆ สังเกต สอื่ แอปพลเิ คชนั ทางการเรยี นรู้ ตวั ละครทีส่ ำคญั จากนัน้ ครูและนักเรียนชว่ ยกนั สรุป นทิ านที่ได้ บทความและขา่ วสารอยา่ งงา่ ย ชมอย่างคร่าว ๆ เมื่อนักเรยี นเขา้ ใจเนือ้ เรื่องแล้ว ให้นกั เรยี น ได้อย่างถกู ต้อง ทำกจิ กรรม “You and Me” โดยใหน้ กั เรียนจบั ค่เู พื่อทำ กจิ กรรม โยงเสน้ คำศพั ท์กบั ประโยค จับคู่ประโยคกบั รปู ภาพ เตมิ คำ/ ประโยคท่หี ายไปเพื่อทำให้เนอื้ เร่ืองสมบรู ณ์ ตอบคำถาม ด้วยคำตอบงา่ ย ๆ ใช้ question word หรือการตอบแบบ Yes/ No Question เพ่ือฝกึ การเขียนของนักเรียนและใหน้ กั เรียนเขยี น สรปุ เรอื่ ง แบบ Mind Mapping เป็นต้น โดยสามารถศึกษา เพม่ิ เติมได้ที่ www.k5learning.com, www.pinterest.com

72 ตวั อย่างสถานการณท์ ี่ 2 - เขยี น/ สรปุ เนื้อเรือ่ งด้วยประโยคอย่างงา่ ยจากบทอ่าน/ บทความ ส้นั ๆ ครใู หน้ ักเรยี นฝกึ อ่านออกเสียงบทอ่าน/ บทความส้นั ๆ เช่น บทอา่ นเรอื่ ง At the zoo เมอื่ นักเรยี นอา่ นได้แลว้ ให้นกั เรยี น ทำกจิ กรรม “Tell me” โดยให้นกั เรียนจบั กลมุ่ ๆ ละ 4 - 5 คน ให้นักเรยี นตอบคำถามจากบทอ่าน เพื่อเขียนสรุปใจความ หรอื ประเด็นสำคญั ๆ จากการอ่านได้ดว้ ยตนเอง เช่น How many characters are there in the text? / What do they like to do? /Where are they going? - ให้นกั เรียนนำเสนอการเขยี น/การตอบคำถามบนกระดาน โดย สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.english created resources. ตวั อย่างสถานการณ์ท่ี 3 - เขียนแสดงความรูส้ ึกและแสดงความคดิ เห็นจากข้อมลู ข่าวสาร อยา่ งงา่ ยได้ ครูให้นักเรียนอ่าน หรือชมขา่ วสารจาก YouTube เชน่ ครูให้นักเรยี นชมข่าวสาร เรือ่ ง Olympic/ How to save the earth/ Covid-19? เป็นต้น เมอื่ นกั เรียนเข้าใจเรื่องพอ สังเขปแลว้ ครูและนักเรียนสนทนาถามความคดิ เห็นแลกเปล่ยี น เรียนรู้ ระหว่างกันเกย่ี วกับเรอ่ื งท่ีไดช้ มใหน้ กั เรียนฝึกอ่านคำศัพท์ และ ประโยคง่ายๆ จากนน้ั ให้นักเรยี นทำกิจกรรม “We can do” โดยใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ ๆ ละ 7-8 คน ครใู ห้นักเรียนทำ Big book / Poster เพื่อเขียนแสดงความรู้สกึ หรอื แสดง ความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่อื งที่ ได้ชม ใชป้ ระโยคง่ายๆในการเขยี น แสดงความร้สู ึก เชน่ We can save the earth by plant the trees. No litter and plastic bag. เปน็ ต้น และใหน้ ักเรียน วาดรปู ประกอบเพื่อให้สวยงามและเพ่มิ ความ เขา้ ใจอยา่ งชัดเจน เน่ืองจากนักเรยี นจะสามารถเขา้ ใจเนอื้ หาไดด้ ผี า่ น visual/ สีสนั ทีส่ วยงาม นำเสนอผลงานนักเรียนหนา้ ชั้นเรียนหรอื บอร์ดหน้า อาคารเรยี น โดยสามารถศึกษาเพ่มิ เติมได้ที่ www.National Ocean Service.

73 ผลลัพธ์การเรียนรู้เมอ่ื จบช่วงช้ัน 8. สนทนา เขา้ ใจ และแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ อยา่ งง่ายในการทำงานร่วมกบั ผูอ้ ่ืนเพ่ือสื่อสารความต้องการ ของตนเองในสถานการณใ์ กล้ตัว ครอบครวั หอ้ งเรียน และโรงเรียน 9. แสวงหาความรู้ และสร้างสรรค์ผลงานทางภาษาโดยการประดิษฐ์ชนิ้ งานที่สะท้อนการเรยี นรูต้ ามความ ถนดั และความสนใจของตนเองให้เหมาะกบั บุคคล เหตกุ ารณ์และสถานการณ์รอบตัว ความรู้และสมรรถนะที่เช่ือมโยงกัน ตวั อยา่ งสถานการณ์ กิจกรรม และเคร่ืองมือทใี่ ชส้ ำหรับนกั เรียน สนทนา เขา้ ใจ ส่ือสารความต้องการของตนเอง และแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ง่าย ๆ ในการทำงานร่วมกับผู้อนื่ ในสถานการณท์ หี่ ลากหลายในชวี ิตประจำวนั ได้อยา่ งเหมาะสม - ใชท้ ักษะ ฟงั พดู ในการสนทนา ตัวอยา่ งสถานการณ์ที่ 1 โดยใชค้ ำสนั้ ๆ และประโยคอยา่ งง่าย - พูดบอกความรู้สึกของตนเองโดยใช้คำสั้น ๆ และประโยค ในการสอื่ สารระหว่างบุคคล โดยใช้ อยา่ งงา่ ย เช่น ครูเปดิ วีดิทัศน์เพลงท่มี ีการบอกความร้สู ึกให้ฟัง คำสั่ง คำขอร้อง บอกความต้องการ จากน้นั เปดิ ใหน้ ักเรียนดเู นือ้ เพลงและอ่านออกเสยี งตามเพลง และความรสู้ ึกของตนเองเกี่ยวกับ จนคล่อง และเร่ิมกิจกรรม “Feeling Box” โดยให้นักเรียน ตนเอง ครอบครัว ห้องเรียน โรงเรียน ทุกคนเขยี นคำสนั้ ๆ หรือประโยคบอกความรูส้ ึกของตนเอง - ใช้ทักษะการอ่านเพื่อทำความเข้าใจ ในวนั นล้ี งในกระดาษ เชน่ Great! / Cool! / I’m happy. / I’m ข้อมูลบคุ คล สถานการณ์ และ excited. เป็นต้น จากนั้นให้นักเรยี นยืนเปน็ วงกลมและเปดิ เพลง บทความอยา่ งง่าย และสามารถเขียน อีกครั้งโดยใหน้ ักเรียนทุกคนส่งต่อกล่องท่ีมีกระดาษประโยค แสดงความคดิ เห็นเพอ่ื แลกเปลย่ี น ตอ่ ไปเรื่อย ๆ เม่ือครูกดหยดุ เพลงแลว้ กลอ่ งอยทู่ ี่นักเรยี นคนใด กบั เพื่อนร่วมช้นั เรียนได้อย่าง ก็ใหส้ ่มุ หยิบแถบประโยคจากกลอ่ งและทำสหี น้า หรือท่าทาง เหมาะสม บอกความรูส้ กึ นัน้ และให้เพ่ือนร่วมชัน้ ร่วมกันตอบ ตวั อยา่ งสถานการณท์ ี่ 2 - ถามตอบโดยใชข้ อ้ ความและประโยคท่ีใชใ้ นการทักทาย กลา่ วลา ขอบคุณ ขอโทษ และการแนะนำตนเอง เชน่ ครเู ปดิ บทสนทนา ทีม่ ีสอื่ สารระหว่างบคุ คลใหน้ ักเรียนฟงั หลังจากน้นั ครใู หน้ ักเรยี น ดบู ทสนทนาพร้อมท้ังให้นักเรียนอา่ นตามใหถ้ ูกตอ้ ง จากนนั้ เรมิ่ กิจกรรม “My Letter” โดยแจกซองจดหมายคนละซอง ให้นักเรยี นเขียนประโยค เช่น Hi. / Hello. / Good morning. Good afternoon. / Nice to meet you. / Goodbye. / Thank you. / How are you? / What’s your name? เปน็ ตน้ และให้นักเรยี นเขยี นช่อื ผรู้ ับหน้าซอง 1 คน โดยชอ่ื ผรู้ ับคือ เพอ่ื นรว่ มห้องเรยี น จากนนั้ ให้นักเรียนนำจดหมายของตนเอง ใสล่ งกลอ่ งที่ครูเตรียมไว้ ครจู ะเปน็ คนสง่ จดหมายถึงผ้รู ับ เมอ่ื ผรู้ ับ เปิดอ่าน ใหผ้ ้รู ับเดินไปหาผู้สง่ แลว้ ตอบคำถามเป็นภาษาองั กฤษ และแปลความหมายเป็นภาษาไทยเพ่อื ใหเ้ ข้าใจความหมายของ กลุม่ คำ เชน่ Good morning. / I’m fine. / My name is…………. เป็นต้น

74 ตวั อยา่ งสถานการณ์ที่ 3 - บอกคำสง่ั คำขอร้อง ความต้องการท่เี กิดข้ึนในห้องเรียน เชน่ ครเู ปิดบทสนทนาอย่างง่ายให้ฟงั พร้อมท้ังโชว์ปา้ ยแถบประโยค ใหน้ ักเรยี นอ่านออกเสยี งทีถ่ กู ตอ้ ง เชน่ Please stand up!/ May I come in? / May I go out?/ I want to ….. เป็นตน้ จากนน้ั ให้นักเรียนทุกคนสุ่มหยิบไม้ไอศกรีมท่ีมปี ระโยคในแกว้ ที่ครูเตรียมไว้และออกไปเขยี นบนกระดานทีละคนตามลำดับ จากนนั้ ออกเสยี งประโยคนนั้ อย่างถกู ต้องใหเ้ พื่อนรว่ มช้นั เรยี นพดู ตาม หรอื อาจจะให้นักเรยี นแสดงบทบาทสมมติตามประโยคของ บทสนทนาท่ีไดร้ ับเพื่อให้เพ่ือนร่วมชนั้ ได้ทายประโยคของตนเอง เลือกใช้และสร้างชิ้นงานเก่ียวกับภาษาอย่างสร้างสรรค์ให้เหมาะกับบุคคลเหตุการณ์ และสถานการณ์รอบตัว - ใช้ทกั ษะฟงั พูดในการนำเสนอข้อมูล ตัวอยา่ งสถานการณท์ ่ี 1 การแสดงบทบาทสมมุตผิ า่ นรูปแบบ - บอกเคร่ืองดื่มชนิดตา่ ง ๆ จากการไดด้ ูคลปิ วดิ ีโอ รูปภาพ และ รูปภาพ คลิปวดี โี อ คลิปเสยี ง เกยี่ วกบั เครื่องด่ืมตา่ ง ๆ ท่ีนักเรียนเห็นรอบตวั เชน่ ครูเปิดคลิปวิดีโอ วิธีปฏิบัตติ นให้ปลอดภยั และเหมาะสม เครอ่ื งด่ืมตา่ ง ๆ ท่ีมีคำศพั ทเ์ กี่ยวกับเครือ่ งดม่ื ให้นักเรยี นฟงั กบั สถานการณ์ปัจจุบัน จากนั้นใหน้ ักเรียนร้องตามเพลง โดยเนน้ การออกเสียงท่ีถูกต้อง - ใช้ทักษะอา่ น เขียน เพื่อสร้างชิ้นงาน ให้กับนักเรยี น และเม่ือสงั เกตว่านกั เรียนมีความจำทีแ่ ม่นยำ บรู ณาการความรรู้ ว่ มกับวิชาอ่ืน ๆ เก่ียวกบั คำศัพท์แล้ว ใหน้ กั เรียนรว่ มกิจกรรม “Good drinks” ในรปู แบบผลงานที่เป็นรูปธรรม โดยให้นักเรยี นและเพือ่ นในชน้ั ชว่ ยกนั บอกคำศัพท์เกีย่ วกบั ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจบุ นั เครอื่ งดื่มทนี่ ักเรยี นได้ฟังไป และแยกเครอ่ื งดื่มทดี่ ีต่อสุขภาพ และไมด่ ตี อ่ สุขภาพออกจากกัน จากนัน้ นกั เรียนก็ทบทวน คำศัพทเ์ ครื่องด่ืมทดี่ ตี ่อสขุ ภาพและไมด่ ตี ่อสขุ ภาพรว่ มกันในชน้ั เรยี น เชน่ coke, milk, water, coffee, tea, juice, lemonade เป็นต้น ตัวอย่างสถานการณ์ที่ 2 - บอกชื่อสตั วช์ นิดต่าง ๆ ได้ ท้ังที่เป็นสตั ว์เลย้ี งและสัตวป์ า่ โดย นักเรยี นอาจจะเรยี นรู้จากรปู ภาพ การต์ นู คลิปวิดีโอ เพลง เกี่ยวกบั สตั ว์ เมอ่ื นักเรยี นได้เรยี นรจู้ ากสื่อชนดิ ตา่ ง ๆ แล้ว นกั เรียนสามารถออกเสยี งคำศพั ทส์ ตั วช์ นิดตา่ ง ๆ ได้อยา่ ง ถกู ต้อง จากนั้นใหน้ ักเรียนทำกจิ กรรม “Wild animals” โดย ครใู หน้ ักเรียนบอกคำศัพท์เกยี่ วกบั สตั ว์ทนี่ กั เรียนจำได้ จากการไดเ้ รยี นรูผ้ ่านส่ือชนิดต่าง ๆ แลว้ ใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่ม 4 - 5 คน ชว่ ยกนั วาดภาพเก่ียวกบั สตั ว์ปา่ ทสี่ มาชิกในกลมุ่ ของ ตนเองช่นื ชอบ แล้วออกมาเล่าใหเ้ พื่อนในช้ันเรยี นฟังวา่ สัตว์ป่า ของตนเองนนั้ มลี ักษณะเปน็ อย่างไร เช่น tiger, monkey, lion, kangaroo, zebra, bird, rabbit, deer, giraffe เปน็ ตน้

75 ตัวอยา่ งสถานการณ์ที่ 3 - บอกช่ือเกี่ยวกบั ผกั ผลไมช้ นดิ ต่าง ๆ จากประสบการณ์ท่นี ักเรียน เคยเหน็ เคยรจู้ ัก หรือเคยรับประทาน โดยครูให้นักเรียนออกไป เรียนรู้นอกสถานทภ่ี ายในแปลงเกษตรของโรงเรยี น หรอื ใช้ รปู ภาพ เพลง คลปิ วดิ ีโอตา่ ง ๆ ในการนำเสนอ เม่ือนักเรยี น ได้เรยี นรูค้ ำศัพท์เกย่ี วกบั ผักและผลไมแ้ ล้ว ให้นักเรยี นชว่ ยแยก คำศัพท์ ท่เี ปน็ ผกั และผลไมอ้ อกจากกัน จากนน้ั ใหน้ ักเรียน ออกเสยี งคำศัพท์ผลไมแ้ ละผักชนดิ ต่าง ๆ โดยครคู อยสงั เกต และเนน้ ให้นักเรียนออกเสียงคำศัพทแ์ ต่ละคำให้ถกู ต้อง และเม่ือ นักเรยี นฝกึ ฝนจนแมน่ ยำแลว้ ใหน้ ักเรยี นวาดภาพผกั หรือผลไม้ ที่ตนเองชอบ แลว้ ใหน้ ักเรียนเลา่ เหตุผลให้เพื่อนฟงั ว่าชอบผัก ผลไมเ้ หลา่ นน้ั เพราะเหตใุ ด เช่น apple, orange, strawberry, mango, durian, watermelon, carrot, cucumber, onion, potato, tomato เปน็ ตน้

76 สาระการเรยี นรู้ศิลปะ  สาระสำคญั ของสาระการเรียนรู้ ความสำคัญของสาระการเรียนรู้ศลิ ปะ พัฒนาการการเรยี นรู้ดา้ นสุนทรยี ศาสตร์ (ศลิ ปะ ดนตรี นาฏศลิ ป์) เด็กประถมต้น (ช่วงชั้นที่ 1) เป็นวัยที่สมองกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ขยายความจุอย่างมาก จึงเป็น หน้าต่างแห่งโอกาสทองในการพัฒนาสมองที่สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ 1) พัฒนาสมองส่วนเชื่อมต่อ (Corpus Callosum) เพ่ือสร้างสมดุลระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา ซง่ึ มีผลตอ่ พัฒนาการท้ัง Psychomotor ความเข้าใจ เชิงโครงสรา้ ง เชิงระบบ รวมถึงการทำงานเซลล์กระจกเงา (Mirror Neurons) ใน Premotor Cortex ซึง่ เป็นเซลล์ ที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ที่เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบผู้อื่น 2) พัฒนาการทำงาน ของสมองส่วนหน้าให้เกิดโครงข่ายของเซลล์ประสาทในชุดที่รับรู้ความละเอียดประณีต ซับซ้อน การตัดสินใจ การคิดวิจารณญาณ การสะท้อนคิดอย่างลึกซึ้ง (Executive Function) 3) การพัฒนาของสมองส่วนหน้า ท่ีไปช่วยกำกับการทำงานของสมองส่วน Limbic System และ Amygdala ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และความทรงจำ และ 4) การพัฒนาสมองส่วน Cerebellum ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย มีจังหวะ ท่วงที ลลี า และการทำงานของรา่ งกายทุกส่วนกับขอบเขตและมิติของพนื้ ที่ ซง่ึ ต้องอาศัยศิลปะทั้งทศั นศิลป์และดนตรี เปน็ ฐานปฏบิ ตั ิเรียนรู้ และสามารถกระตนุ้ พฒั นาการของสมองท้ัง 4 หน้าท่ีดังกล่าวไดโ้ ดยตรง การทำงานของสมองทั้ง 4 ส่วนนี้ สามารถจะกระตุ้นให้เกิดประสิทธิภาพด้วยการเรียนรู้ฝึกฝน ด้านศิลปะ ท้งั ทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศลิ ป์ ผา่ นทงั้ กระบวนการการรับรสู้ ัมผสั สุนทรยี ภาพ และกระบวนการ สร้างงานศิลปะ รวมทั้งการใช้ศิลปะเพื่อการพัฒนาจิตใจ (Contemplative Arts) มองเห็นความสัมพันธ์ ของความรู้สึกที่มีผลต่อการทำงานและการพัฒนาด้านจิตใจ ถ้าหากพลาดการใช้โอกาสแห่งการเชื่อมโยงของ เซลลส์ มองชดุ เหล่าน้ี เซลล์สมองจะตัดวงจรนีอ้ อกโดยอตั โนมตั ิ และยากทจี่ ะสรา้ งขน้ึ ใหมใ่ นวัยทโ่ี ตข้ึน ลกั ษณะเฉพาะ/ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ ธรรมชาติการเรียนรู้ของนักเรียนในช่วงชั้นที่ 1 นี้ เป็นวัยที่กระตือรือร้นในการเล่น กล้าทดลอง หาประสบการณ์ตรงด้วยตนเองอย่างไม่กลัวถูกผิด พร้อมที่จะสร้างสรรค์ผลงานจากความฝัน ความทรงจำ ความรสู้ ึกต่าง ๆ เชน่ การประดษิ ฐ์ การถ่ายทอดจนิ ตนาการ นักเรยี นควรไดท้ ดลองเลน่ เชน่ เลน่ กับผลกระทบ ของสี วัสดุ สิ่งที่ใช้ในการสร้างสรรค์งาน เล่นกับเสียงที่มีความแตกต่าง และการละเล่นแบบต่าง ๆ ที่มี ทั้งบทร้อง ด้วยลีลาและท่าทางที่หลากหลาย นักเรียนจะค่อย ๆ เห็นและยอมรับความหลากหลายของ งานศลิ ปะทกุ แขนง ที่เปน็ การแสดงออกของอารมณ์ความรูส้ กึ ท้ังของตนเองและหมู่คณะ นักเรยี นในช่วงชน้ั นี้ ชอบที่จะอา่ นโลกและให้ความหมายกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ชอบมีเพ่อื นเล่นและเล่น เป็นกลุ่ม ร่วมกันสร้างเรื่องราวโดยนำความรู้สึกและความเข้าใจ ผนวกกับจินตนาการ ออกมาเป็นงาน สร้างสรรค์ผลงานศิลปะทุกแขนง นักเรียนจะเริ่มตระหนักถึงความสัมพันธ์ของการนำความรู้สึกนึกคิดนั้น มาบอกเล่าใหม่ ทีแ่ สดงถงึ ประสบการณ์ของนกั เรยี น หรือประสบการณ์ทน่ี ักเรียนไดม้ ีร่วมกับผ้อู ่ืน จุดเน้นการพฒั นา ด้านที่ 1 ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านจิตพิสัย (Affective Domain) ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิด ความซาบซึ้ง ทัศนคติ ความเชื่อ ความสนใจ คุณธรรม และค่านิยม ควรได้รับการส่งเสริมให้สามารถซึมซับ รับรู้คุณค่า ความงาม ความประณีต สุนทรียภาพ ในธรรมชาติและสิ่งรอบตัว พร้อมทั้งฝึกฝนกระบวนการ ทางศิลปะ ซึ่งเร่ิมตน้ ดว้ ยการใช้ศิลปะเพ่ือการพฒั นาจิตใจ (Contemplative Arts) เพอ่ื การสะท้อนย้อนมองถึง สภาวะจิตและกาย และสามารถจัดการตนเองให้เป็นปกติพร้อมที่จะสร้างผลงานศิลปะทั้งในด้านทัศนศิลป์

77 ดนตรี และนาฏศิลป์ นักเรียนไม่เพียงมีความรู้ทางด้านศิลปะหรือมีทักษะในการสร้างงานศิลปะเท่าน้ัน แต่ควรจะได้พัฒนาถึงระดับที่เกิดความตระหนักรู้เชิงคุณค่า และมีทัศนคติเชิงบวก ควรฝึกให้นักเรียน กล้าสร้างสรรค์งานและนำเสนอในรูปแบบที่หลากหลาย และฝึกการรับฟังความคิดเห็นที่มีผลต่อการพัฒนา งานศิลปะทั้งของตนเองและของผู้อื่นเพื่อสื่อสารและลดช่องว่างระหว่างสิ่งที่ตนเองเห็นกับผลงานที่สร้างข้ึน รวมถงึ สิ่งท่ีผู้อน่ื เหน็ และรบั รู้ ดา้ นที่ 2 การผสานศลิ ปะสากลกับศิลปะและวัฒนธรรมไทย เปน็ กระบวนการพัฒนาความเป็นพลเมือง ที่มั่นคงด้วยการมีรากฐาน ภูมิปัญญา ด้านศิลปวัฒนธรรมไทย อย่างทัดเทียมกับสากล ด้วยความภาคภูมิใจ สำหรบั เดก็ วยั นจ้ี ะไม่เพียงมผี ลในการกล่อมเกลาทางดา้ นสุนทรยี ภาพ แต่ไปถึงสนุ ทรียภาพทีแ่ ฝงอยู่ในภูมิธรรม ภูมิปัญญาไทย สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กในวัยนี้ที่กำลังสร้างความสัมพันธ์ของตนเองและผู้อื่น รวมทั้ง ส่งิ แวดลอ้ มทางสังคมอย่างแนบแนน่ การนำไปใช้ในชีวติ จริง ระดบั ตนเอง การนำสุนทรยี ภาพไปใชใ้ นชีวติ คือ เปน็ ผู้มสี ายตามองเห็นคุณค่า ความงามของสรรพส่ิง รอบตัว เกิดความคิดเชิงบวกและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะและสุนทรียภาพในชีวิต และสงิ่ แวดล้อมรอบตวั ทำกจิ กรรมทุกอย่างในชีวติ และทำงานอยา่ งมีศิลปะ ระดับชุมชนและสังคม รู้จักการใช้งานศิลปะเป็นส่วนประกอบสร้าง แรงบันดาลใจ แรงศรัทธา เสริมเอกภาพของกลุ่มคน ชมุ ชน สงั คม โดยมีศิลปะเปน็ เครอ่ื งจรรโลงจติ ใจ และนอ้ มนำไปสู่การสรา้ งงานศิลปะ สาธารณะกุศล ศลิ ปะเพ่ือชมุ ชน ศิลปะในวัฒนธรรมประเพณี ในวาระ หรอื เทศกาลที่สำคญั ตา่ ง ๆ การบูรณาการกับสาระการเรียนรูต้ ่าง ๆ บูรณาการระหว่างทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลป์ อย่างสอดคล้องและกลมกลืน และบูรณาการกับ สาระการเรยี นรู้ต่าง ๆ ดังน้ี ภาษาไทย/ ภาษาอังกฤษ วรรณกรรม ภาษา และดนตรี นาฏศิลป์ เป็นสื่อประกอบที่เกื้อกูลกัน เป็นการฝึกทักษะทางภาษาของเด็กในวัยช่วงชั้นที่ 1 เป็นอย่างดี ได้ออกเสียงที่ชัดเจน มีจังหวะ มีลีลา มีท่วงทำนอง ทำให้การเรียนรู้คำกลอน บทร้องเล่น เป็นการเรียนที่มีความรื่นรมย์ ลื่นไหล มีความสุข และ สามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก ได้ตรงกับความหมาย เกิดปฏิภาณไหวพริบในการใช้ภาษา และเป็นที่มา ของคลังคำที่หลากหลาย เด็กในวัยน้ีสามารถใช้การวาดภาพเป็นสื่อถ่ายทอดแทนภาษาเขียนเพื่อให้ตนเอง เกดิ ความเข้าใจความหมาย หรือบนั ทกึ เรื่องราวที่เปน็ ความรสู้ ึกนกึ คดิ ต่าง ๆ ได้อย่างชดั เจน เพ่อื ทดแทนชุดภาษา ทไี่ มเ่ พียงพอ และสามารถสอื่ กบั ผู้อ่นื ใหเ้ ข้าใจความคิดและความหมายเหลา่ น้ัน สังคมศึกษา ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม เป็นสื่อในการถ่ายทอดเรื่องราว ความสัมพันธ์ ความผูกพันของครอบครัว โรงเรียน และชุมชนโดยรอบ นำเสนอองค์ประกอบของพื้นที่โดย การใช้แผนผัง แผนที่ การกำหนดสถานที่สำคัญต่าง ๆ ทิศทาง ขอบเขตในระดับต่าง ๆ ถ่ายทอดเรื่องราว ทางประวัติศาสตร์ ผ่านการดูงานจิตรกรรม อ่านตำนานและบันทึกเป็นภาพวาด ทำความเข้าใจเหตุการณ์ ที่ไกลตัว (Space and Time) ย้อนไปในยุคไดโนเสาร์ ในมหายุคเมโสโซอิค (Mesaozoic Era) และถ่ายทอด จินตนาการออกมาด้วยงานศิลปะเชิงตำนาน (Myth) เพื่อทำความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลกและ ระบบธรรมชาติก่อนท่ีจะมมี นุษย์เกดิ ข้ึน คณิตศาสตร์ ในเรอ่ื งเส้น รปู ร่าง รูปทรงขนาด ความหนาบาง พนื้ ท่ี พ้นื ผวิ และสอี ่อนแก่ การจำแนก แยกแยะ จัดกล่มุ จดั องค์ประกอบศลิ ปะด้วยเส้นและรปู ร่าง รปู ทรงเรขาคณิต และการประกอบลายศิลปะไทย อย่างสมมาตร สมดุลในลายแม่บท ทั้งแบบสมบูรณ์และแบบแตกลาย หรือขยายอย่างมี Pattern การจัด องค์ประกอบศิลป์ ด้วยจงั หวะของรูปและทว่ี ่าง (Solid and Void) ทงั้ บนหนา้ กระดาษ หรอื การแสดงบนเวที

78 วิทยาศาสตร์และระบบธรรมชาติ การสำรวจและสังเกตธรรมชาติเป็นกระบวนการร่วมทั้งด้าน วิทยาศาสตร์และสุนทรียศาสตร์ ที่ช่วยให้เด็กรู้จักและเข้าใจสรรพสิ่งในธรรมชาติ ด้วยการสัมผัสและมี ประสบการณ์ตรง สามารถเหน็ รายละเอียดและระบุ ตงั้ คำถามเพ่อื การสืบค้นที่มาของปรากฏการณ์ต่าง ๆ และ กระบวนการแปรรูปวัสดุธรรมชาติเพื่อนำมาสร้างงานศิลปะ เช่น สีเพื่อการวาดภาพ ดินสำหรับงานปั้น ทั้งน้ี เด็กจะได้เรียนรู้ถึงวิธีการสกัดสีด้วยวิธีง่าย ๆ จากการบด คั้น ดอกไม้ เปลือกไม้ ใบไม้ ฝน ดิน หิน และ การทดลองเพิ่มคุณสมบัติของสีด้วยน้ำมะนาว น้ำขี้เถ้า หรือการเตรียมดินปั้น ด้วยกระบวนการคัดแยก ย่อย กรอง ละลาย กระบวนการเล่นนี้ นอกจากเด็กจะได้รู้ถึงที่มาของวัสดุสำคัญที่ใช้สร้างชั้นงานศิลปะแล้วยังได้ ความเข้าใจพนื้ ฐานทางดา้ นวิทยาศาสตรไ์ ปพร้อมกนั  ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั ๑. สมั ผัส ซึมซับสนุ ทรียภาพและสร้างสรรค์ผลงานศลิ ปะทุกแขนง เพอ่ื ยกระดับจติ ใจ 1.1 รจู้ ักชนื่ ชมสุนทรยี ภาพ (Art Appreciation) จากธรรมชาติ ๑. การจดั การตนเอง สภาพแวดล้อมใกลต้ ัว วัฒนธรรม วิถชี วี ติ ประจำวนั รวมถึงผลงาน ๒. การคิดขน้ั สูง ศิลปะอนั เกี่ยวเนอ่ื งกับคณุ คา่ ในชีวิตและการสรา้ งสรรคผ์ ลงานศิลปะ ๓. การสอื่ สาร จากการรบั รูท้ างการมองเหน็ การสมั ผสั การไดย้ ินและการบรู ณาการ ๖. การอยู่รว่ มกับธรรมชาติ ข้ามประสาทสมั ผัส และวทิ ยาการอย่างยง่ั ยนื 1.2 การใช้ศลิ ปะเพื่อการพัฒนาจิตใจผา่ นการทำงานศิลปะทุกแขนง อยา่ งมีสมาธิจดจ่อ ผู้เรยี นสามารถทำงานศิลปะโดยสังเกตเหน็ เขา้ ใจ และรับรถู้ ึงจติ ใจผ่านความสมั พนั ธข์ องกาย – ใจ – มือ – ตา – หู (พหุประสาทสมั ผัส) กบั ธรรมชาตขิ องวัสดุอปุ กรณ์ รับรู้สุนทรียภาพ และสามารถพัฒนาทักษะงานศิลปะควบคู่ไปกับการพัฒนาตน เกดิ การเปลย่ี นผา่ นเพ่อื ยกระดับจติ ใจ ๒. การสรา้ งงานทัศนศลิ ป์ ๒.๑ รบั รู้ สังเกต ใช้ภาษาทางทศั นศิลป์อยา่ งเขา้ ใจความหมายและเขา้ ใจ ๑. การจดั การตนเอง ความสัมพันธ์ขององคป์ ระกอบทางทัศนศิลป์ เช่น เสน้ รปู รา่ ง และ ๒. การคดิ ขน้ั สงู รปู ทรง ความกลมกลืน ความสมดลุ ความเป็นเอกภาพ สามารถ ๓. การสอื่ สาร สื่อความหมายทางรปู แบบและเรอ่ื งราวตามจนิ ตนาการและความคิด ๔. การรวมพลงั ทำงานเปน็ ทมี สรา้ งสรรคไ์ ด้ ๕. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแข็ง ๒.๒ ทดลองและสงั เกตผลท่ีเกิดจากการใช้วัสดุ อุปกรณ์ของตนเอง และ ๖. การอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาติ นำไปประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ และการนำเสนองานศลิ ปะ และวทิ ยาการอยา่ งยง่ั ยนื ๒.๓ สร้างสรรค์งานทศั นศิลป์ทตี่ นเองช่ืนชอบ หรือร่วมสรา้ งสรรคก์ ับผอู้ ืน่ ถา่ ยทอดจนิ ตนาการจากธรรมชาติ สภาพแวดลอ้ ม เรอ่ื งราวใกลต้ วั ท่เี ช่อื มโยงกบั วิถชี ีวิตประจำวนั ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และ จากประสบการณ์ โดยการลองผดิ ลองถูกดว้ ยวธิ กี ารทีห่ ลากหลาย จนคน้ พบสิ่งใหม่

79 ๓. ร้อง เล่น เต้น และเคลอ่ื นไหวตามเสียงดนตรี ๓.๑ สนกุ กบั การร้องเพลงทำนองงา่ ย ๆ สามารถด้นสด (Improvise) และ ๑. การจดั การตนเอง บูรณาการการขบั ร้อง บรรเลงดนตรี อย่างสอดคลอ้ งกบั อารมณข์ อง ๒. การคดิ ขั้นสูง เพลงที่ฟงั ๓. การสอ่ื สาร ๓.๒ ฟัง และอธบิ ายเปรยี บเทยี บความเหมือนและความแตกต่างของเสยี ง ๔. การรวมพลงั ทำงานเป็นทมี ท่มี าจากแหล่งกำเนดิ เสยี งตา่ งๆ อย่างแม่นยำ ๕. การเป็นพลเมืองท่ีเข้มแขง็ ๓.๓ ใชร้ ูปภาพ หรือสัญลกั ษณแ์ ทนเสยี ง ในการขับร้อง และจงั หวะเคาะ ๖. การอย่รู ว่ มกับธรรมชาติ อย่างเหมาะสม และวทิ ยาการอยา่ งยั่งยืน ๓.๔ ขบั ร้องและบรรเลงดนตรงี ่ายๆ ด้วยความมั่นใจ ๓.๕ มีสว่ นร่วมในกิจกรรมการแสดงท้ังแบบเดี่ยว หรือกลุ่มทสี่ อดคล้อง กับท้องถ่ิน ในรูปแบบของการรวมวง (Ensemble) งา่ ย ๆ ด้วยความมน่ั ใจ และเหมาะสมกบั วัย ๔. สร้างสรรค์การเคลือ่ นไหวในรูปแบบต่าง ๆ อย่างอสิ ระ ๔.๑ สนุกกับการเลียนแบบการเคลอ่ื นไหวลักษณะต่าง ๆ เชน่ การเลียนแบบ ๑. การจัดการตนเอง ธรรมชาติ คน สัตว์ สิง่ ของ อย่างสร้างสรรค์และมสี ุนทรียภาพ ๒. การคิดขน้ั สูง ๔.๒ แสดงท่าทางงา่ ย ๆ เพ่ือส่ือความหมายแทนคำพดู และแสดง ๓. การสื่อสาร การเคล่ือนไหวทส่ี ะท้อนอารมณข์ องตนเอง ๔. การรวมพลงั ทำงานเป็นทีม ๔.๓ เคล่อื นไหวในรูปแบบต่าง ๆ และ แสดงท่าทางประกอบเพลง ๕. การเป็นพลเมืองที่เข้มแขง็ ตามรูปแบบนาฎศลิ ป์อย่างมั่นใจและเหมาะสมกับวยั ๖. การอยู่ร่วมกบั ธรรมชาติ ๔.๔ สนุกกับการละเล่นพน้ื บ้าน และ เล่าถึงการแสดงนาฎศิลป์ในทอ้ งถนิ่ และวทิ ยาการอยา่ งยัง่ ยืน ทีต่ วั เองชน่ื ชอบ ๕. ศลิ ปะวจิ ักขณ์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ และเชอื่ มโยงผลงานศิลปะ (ทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์) กบั วัฒนธรรมในชวี ิตประจำวนั และในท้องถนิ่ ๕.๑ รับรู้ ช่ืนชมความงามของผลงานศิลปะทมี่ ีคุณค่าทางสุนทรียะ ๑. การจดั การตนเอง แสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความประทบั ใจ และความคิดเห็น ๒. การคดิ ข้นั สงู ทีส่ ะท้อนประสบการณส์ นุ ทรียะทีส่ ัมพนั ธ์กบั ผลงานศลิ ปะ ๓. การสื่อสาร ๕.๒ แสดงความเห็นต่อผลงานศิลปะของตนเอง งานของผู้อน่ื หรอื งาน ๔. การรวมพลังทำงานเปน็ ทีม ทีท่ ำรว่ มกบั เพ่ือนอยา่ งสร้างสรรค์ วิพากษ์ วจิ ารณ์อย่างสุภาพ ๕. การเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง มเี หตุผล เปดิ ใจรบั ฟงั ความเห็นของผู้อื่น เพ่ือนำมาปรบั ปรุงผลงาน ๖. การอยรู่ ว่ มกับธรรมชาติ ของตนให้สมบรู ณ์ และวทิ ยาการอยา่ งย่งั ยืน ๕.๓ สามารถบูรณาการงานศิลปะท่ีตนเองช่นื ชอบ ดว้ ยการนำสนุ ทรียภาพ ไปใช้ในชวี ิตประจำวัน หรอื นำมาประกอบขนึ้ เป็นพิธีกรรม ในวาระ หรอื เทศกาลท่ีสำคัญต่างๆ รูค้ ุณคา่ ของประวัติศาสตร์ สืบสาน ต่อยอด ศิลปะและวฒั นธรรมในท้องถ่ินด้วยความภาคภูมิใจ

80  ผลลพั ธก์ ารเรียนรเู้ มอื่ จบชว่ งชั้นที่ 1 1. สัมผัสถึงสุนทรียภาพ รับรู้ความงาม เกิดความประทับใจ และชื่นชม มีแรงบันดาลใจในการถ่ายทอด เป็นงานศิลปะ และใช้ภาษาเชื่อมโยงรูปร่าง รูปทรงในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ด้วยงานทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศลิ ป์ 2. สร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ที่ตนเองชืน่ ชอบ ถ่ายทอด ความคิด ความรู้สึก จินตนาการ สะท้อนถึงธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เรื่องราวใกล้ตัว ในชีวิตประจำวันที่เชื่อมโยงกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน และท้องถิ่น เปน็ องค์ประกอบทางทศั นศลิ ป์ เช่น เสน้ รปู ร่าง รปู ทรง วัสดุ อุปกรณ์ และสี ด้วยรปู แบบทห่ี ลากหลาย 3. ร้องเพลงได้อย่างสอดคล้องกับอารมณ์ของเพลงที่ฟัง เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของ เสียงที่มาจากแหล่งกำเนิดเสียงต่าง ๆ และใช้รูปภาพ หรือสัญลักษณ์แทนเสียง และจังหวะเคาะ อยา่ งเหมาะสม 4. บรรเลงดนตรีง่าย ๆ ด้วยเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ ทั้งไทย สากล หรือของท้องถิ่น ด้วยความมั่นใจ และมีความไพเราะ สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเสียงดนตรีของตนเองและผู้อื่น ด้วยความสุภาพ และเปน็ ประโยชน์ 5. สรา้ งสรรค์การเคลอื่ นไหวในรปู แบบการแสดงตา่ ง ๆ อยา่ งมีความสุข แสดงทา่ ทางงา่ ย ๆ อย่างมน่ั ใจ และ งดงาม สื่อความหมายแทนคำพูด และแสดงการเคลื่อนไหวที่สะท้อนอารมณ์ของตนเองในรูปแบบ การแสดงต่าง ๆ เช่น นาฏศิลป์ การละเล่นพื้นบ้าน ในท้องถิ่นที่ตนเองชื่นชอบ อย่างอิสระ สนุกสนาน และเหมาะสมกบั วยั 6. แสดงออกถึงการรับรู้และชื่นชมความงาม และแสดงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ความประทับใจ และ นำเสนอผลงานศิลปะด้วยความมั่นใจ สามารถวิเคราะห์ วิพากษ์ แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับงานศิลปะ ทัง้ ของตนเองและของผอู้ ่ืน อย่างสภุ าพ รับฟัง และปรับปรุงผลงานของตนให้สมบูรณ์ 7. เชื่อมโยงผลงานศิลปะ (ทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์) กับวัฒนธรรมชีวิตประจำวันเป็นสื่อแสดงความงาม ได้อยา่ งอิสระ รวมท้งั การร่วมสรา้ งงานศลิ ปะเพ่ือชุมชนท้องถ่ิน อนุรักษส์ บื สานเทคนิคครชู า่ งภูมิปญั ญาไทย  แนวทางการจดั การเรยี นร้ฐู านสมรรถนะ การจัดการเรียนรู้ศิลปะ ช่วงชั้นที่ 1 เน้นการเรียนรู้ผ่านการสัมผัส ซึมซับ และถ่ายทอดความหมาย สุนทรียภาพ ผ่านกระบวนการทำงานศิลปะด้วยการลงมือปฏิบัติ ทั้งเดี่ยวและกลุ่ม เพื่อส่งเสริมสมรรถนะเฉพาะ และสมรรถนะหลกั ผา่ นขอบข่ายเนอ้ื หา ไดแ้ ก่ 1. ทศั นศลิ ป์ 2. ดนตรี (การขับรอ้ ง และการเล่นเคร่อื งดนตรี) 3. นาฏศลิ ป์

81 ทศั นศลิ ป์ ผลลัพธ์การเรยี นรู้เม่ือจบช่วงชั้น 1. สัมผัสถึงสุนทรียภาพ รับรู้ความงาม เกิดความประทับใจ และชื่นชม มีแรงบันดาลใจในการถ่ายทอด เป็นงานศิลปะ และใช้ภาษาเชอ่ื มโยงรปู รา่ ง รปู ทรงในธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ ม ดว้ ยงานทัศนศลิ ป์ 2. สร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ที่ตนเองชื่นชอบ ถ่ายทอด ความคิด ความรู้สึก จินตนาการ สะท้อนถึง ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เรื่องราวใกล้ตัว ในชีวิตประจำวันที่เชื่อมโยงกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน และ ท้องถิ่น เป็นองค์ประกอบทางทัศนศิลป์ เช่น เส้น รูปร่าง รูปทรง วัสดุ อุปกรณ์ และสี ด้วยรูปแบบ ทหี่ ลากหลาย 6. แสดงออกถึงการรับรู้และชื่นชมความงาม และแสดงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ความประทับใจ และ นำเสนอผลงานศิลปะด้วยความมั่นใจ สามารถวิเคราะห์ วิพากษ์ แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับงานศิลปะ ทั้งของตนเองและของผอู้ ื่น อย่างสุภาพ รับฟงั และปรับปรงุ ผลงานของตนใหส้ มบรู ณ์ 7. เชื่อมโยงผลงานศิลปะ (ทัศนศลิ ป์ ดนตรี นาฏศิลป์) กบั วฒั นธรรม ชีวติ ประจำวัน เปน็ สอื่ แสดงความงาม ไดอ้ ยา่ งอสิ ระ รวมท้ังการรว่ มสร้างงานศิลปะเพื่อชมุ ชนท้องถิ่น อนรุ ักษส์ ืบสานเทคนิคครูช่างภูมิปญั ญาไทย ความร้แู ละสมรรถนะท่ีเชื่อมโยงกัน ตัวอยา่ งสถานการณ์ กจิ กรรม และเคร่ืองมือที่ใชส้ ำหรับนกั เรียน ๑. สัมผัสถึงสุนทรยี ภาพ รับร้คู วามงาม เกิดความประทับใจ และชืน่ ชม มแี รงบนั ดาลใจ ในการถา่ ยทอดเปน็ งานศลิ ปะ และใชภ้ าษาเชอื่ มโยงรูปรา่ ง รูปทรงในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ด้วยงานทศั นศลิ ป์ 1. การสังเกต รับรู้ สัมผสั ถึงสุนทรยี ภาพ - นกั เรยี นสำรวจ สงั เกตธรรมชาติ เพ่อื ซึมซบั และรับรู้ ความงาม และซึมซบั ความงามของสสี นั รูปรา่ ง ของสีสัน รูปรา่ ง รูปทรง พื้นผิว จากธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม รูปทรง พ้นื ผวิ จากธรรมชาติ รอบโรงเรยี น - วาดภาพอสิ ระ ถ่ายทอดความประทับใจบนกระดาษ หรือ บนพื้นดนิ พ้นื ทราย - นกั เรยี นศกึ ษาสำรวจธรรมชาตขิ องดิน พ้นื ผวิ สี คุณสมบตั เิ ฉพาะ ของดินในบรเิ วณตา่ ง ๆ รอบโรงเรียน และเลือกเก็บดนิ ประเภท ตา่ ง ๆ มาทดลองป้ัน เปน็ รปู ทรงอิสระ ดว้ ยวิธีการทีห่ ลากหลาย หรอื ศึกษาวสั ดุอน่ื ๆ และทดลองปนั้ ๒. สร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ปท์ ีต่ นเองชน่ื ชอบ ถา่ ยทอด ความคิด ความรูส้ กึ จนิ ตนาการ สะท้อนถึง ธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อม เรอ่ื งราวใกล้ตัว ในชีวิตประจำวนั ที่เชอ่ื มโยงกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน และทอ้ งถิน่ เป็นองคป์ ระกอบทางทัศนศิลป์ เช่น เสน้ รปู ร่าง รูปทรง วสั ดุ อุปกรณ์ และสี ด้วยรปู แบบทหี่ ลากหลาย 1. ความสามารถในการสรา้ งสรรค์ - นกั เรียนเลอื กเกบ็ วสั ดุธรรมชาติ เชน่ ดอกไม้ ใบไม้ กงิ่ ไม้ ลูกไม้ งานศิลปะด้วยวธิ ีการตา่ ง ๆ อยา่ งมี เมลด็ ก้อนหิน ท่ีมีรปู รา่ ง ลกั ษณะตา่ ง ๆ หรอื ส่ิงของอน่ื ๆ เพือ่ จินตนาการ นำมาจดั เรยี งเป็นภาพที่มีองค์ประกอบศลิ ป์ จากรูปร่าง รปู ทรง เส้น ลวดลาย สีสัน ของส่ิงเหล่าน้นั ด้วยวธิ ีการตา่ ง ๆ เช่น ศลิ ปะ

82 จดั วางดว้ ยงานมันดาลา โดยเรยี งออกจากจุดศนู ย์กลางเปน็ รศั มี วงกลม ด้วยดอกไม้ ใบไม้ กิ่งไม้ ลกู ไม้ เมล็ด กอ้ นหนิ และอ่ืน ๆ 2. ความสามารถในการสร้างสรรค์ - การพิมพ์มือ แขน เทา้ หรือส่วนอ่ืน ๆ จากร่างกาย ด้วยสนี ำ้ ดิน งานทศั นศลิ ป์ ดว้ ยวสั ดุอปุ กรณ์ หรือสอี ่ืน ๆ ลงบนกระดาษขนาดใหญ่ A1 ที่มาจากธรรมชาติ และสง่ิ ของ รอบตัว - การวาดภาพบรรยากาศ ทิวทัศน์ ทีป่ ระทับใจ หรอื ภาพอิสระ ถา่ ยทอดดว้ ยการใช้สีจากธรรมชาติ หรอื สอี น่ื ๆ บนกระดาษ ขนาดใหญ่ A3 หรอื วัสดุอื่น ๆ - นกั เรียนเลอื ก หรือจัดหาวสั ดธุ รรมชาติ หรอื ส่ิงของอืน่ ๆ เพ่อื จัดทำวัสดุอุปกรณ์ เช่น o ทำสจี ากหิน ดิน ถา่ น ทำสีแท่งดนิ หรอื อน่ื ๆ o ทำสีด้วยกระบวนการสกดั น้ำสี จากใบไม้ ดอกไม้ หรือ เปลอื กไม้ ผัก ผลไม้ หรืออืน่ ๆ

83 o นักเรยี นทำพู่กันขนห่าน พกู่ ันนนุ่ พกู่ นั ดอกหญ้า หรืออ่ืน ๆ 3. ความสามารถในการสรา้ งสรรค์ - นกั เรียนสร้างงานทัศศลิ ป์ด้วยวิธกี ารตา่ ง ๆ เชน่ การวาดภาพ งานศลิ ปะ ถ่ายทอด ความคิด การพิมพภ์ าพ หรืออน่ื ๆ โดยใชว้ ัสดธุ รรมชาติเป็นแมพ่ มิ พ์ เช่น ความรู้สกึ จนิ ตนาการ สะท้อนถึง กา้ นกล้วย ใบไม้ ผักท่ีเหลอื จากการทำครัว เปลอื กไม้ ก้อนหิน ธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม เรื่องราว ทมี่ พี นื้ ผวิ ขรขุ ระท่ีมีรปู ทรง และอ่นื ๆ ใกล้ตัวในชวี ิตประจำวัน

84 4. ความสามารถในการสร้างสรรคง์ าน - นักเรียนศกึ ษาเรื่องสี ดว้ ยการทำบันทกึ ชาร์ตสีเพอื่ สะสมคลังสี ศลิ ปะ 3 มติ ิอย่างงา่ ย ๆ และอสิ ระ ในกระดาษ ด้วยการทดลองผสมสีให้ได้เฉดสี โทนเย็น โทนรอ้ น จากจินตนาการ และการใช้วสั ดุ ดว้ ยการใช้ น้ำส้ม นำ้ มะนาว น้ำขี้เถา้ ทำให้เกิดการเปล่ยี นสี ใกลต้ วั ในรปู แบบต่าง ๆ สรา้ งสไี ดม้ ากขึน้ หรอื สคี งทนมากขน้ึ (หรอื กิจกรรมทางเลอื กอ่ืน ๆ) - นกั เรียนวาดภาพบรรยากาศอย่างเปน็ อิสระ โดยใชส้ แี ละอุปกรณ์ ที่ทำขนึ้ หรือหามาเองเช่น สเี ขียวสะทอ้ นความชมุ่ ช้นื เขยี วขจี สนี ำ้ เงินคือสสี นั ของท้องฟ้าสีเหลอื ง แดง สม้ คือ แสงแห่งชวี ติ ชวี า - นกั เรียนเรียนร้กู ระบวนการป้ันจากดิน หรอื วัสดุอนื่ ๆ เพอื่ สร้างสรรคช์ ิน้ งานศลิ ปะจากดินปั้นให้สำเรจ็ อยา่ งเปน็ อสิ ระ

85 5. การทำงานศิลปะไทย สามารถ - สำรวจ สงั เกต ซมึ ซบั และรบั รู้ รปู ร่าง รูปทรง เส้น ลวดลาย ถา่ ยทอด สร้างสรรค์งานศิลปะไทย สสี นั จากธรรมชาติ หรอื ภาพถา่ ย เชน่ ใบไม้ เถาวลั ย์ ดอกไม้ อย่างมจี นิ ตนาการตามกระบวนการ ดอกบวั คลนื่ น้ำ ของศลิ ปะไทยได้หลายรูปแบบ - นักเรียนวาดถอดลายเส้น จากส่ิงเหลา่ นัน้ เพือ่ ให้รู้ทีม่ าของ เพือ่ สืบสานภมู ิปัญญาไทย สอดคลอ้ ง ลายไทยแม่บทที่ได้แรงบนั ดาลใจจากธรรมชาติ กับบรบิ ทท้องถ่ินตา่ ง ๆ - นักเรียนนำรูปรา่ งรูปทรงของใบไมม้ าจัดเรยี งเป็นองคป์ ระกอบ ลายไทย และถอดเส้นจากองค์ประกอบน้นั เขียนเปน็ ลายแม่บท โดยการตอ่ เติม ตัดทอน บาก จัดลำดับความสมมาตรของภาพ - นักเรยี นฝึกกระบวนการชา่ งลายไทย ฝึกลอกลายครู เช่น การทำเครื่องมือสำหรบั การปรลุ าย การเตรยี มทำรองพ้นื ภาพ และเขียนลายและลง สีไม้ สีน้ำ สีฝุน่ หรือสีอ่นื ๆ - นกั เรยี นศกึ ษาภาพจติ รกรรมไทย ฝกึ สร้างสรรคภ์ าพ ตามจนิ ตนาการ ด้วยการจดั องคป์ ระกอบของลายที่เรียนมา หรอื คัดลอกภาพจติ รกรรม

86 6. การอธิบาย ถา่ ยทอด และทบทวน - นักเรยี นจัดแสดงงานในช้ันเรียน เพือ่ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ บอกเลา่ ความรสู้ กึ นึกคิดของตนเอง ในขณะ ความประทับใจ วธิ กี ารไดม้ า และประสบการณ์จากการทำงาน ทีท่ ำงานศิลปะขณะทำเกิดการปรบั กายปรับใจ ใหเ้ ปน็ ปกติ มสี มาธิ จดจ่ออยู่กบั งาน เกิดฉนั ทะ ความเพยี รพยายามจนสำเรจ็ - นกั เรียนสามารถย้อนมองตนเอง พร้อมท้ังถ่ายทอดและทบทวน ประสบการณ์ อารมณ์ ความรู้สกึ นกึ คิด ในขณะทำงาน และ ปรับเปลี่ยนทา่ ทใี หเ้ ปน็ ปกติ สามารถทำงานศลิ ปะได้อยา่ งมี ความสุข และมีความพอใจในผลงาน ทำงานอย่างละเอียด และ ประณตี เกิดฉนั ทะความเพียรพยายามจนสำเรจ็ - อธิบายผลจากการลองใช้วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการสรา้ งสรรค์งาน วา่ มีขอ้ ค้นพบอะไรใหม่ ๆ ท่ีสามารถนำไปใชเ้ ปน็ แรงบนั ดาลใจ ในการสร้างสรรค์งานต่อไป ๖. แสดงออกถึงการรบั รแู้ ละชืน่ ชมความงาม และแสดงอารมณ์ ความคิด ความรู้สกึ ความประทบั ใจ และนำเสนอผลงานศลิ ปะดว้ ยความมน่ั ใจ สามารถวเิ คราะห์ วิพากษ์ แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับ งานศลิ ปะ ทัง้ ของตนเองและของผู้อืน่ อย่างสุภาพ รบั ฟัง และปรับปรงุ ผลงานของตนใหส้ มบูรณ์ 1. การวิเคราะหผ์ ลงานศิลปะของตนเอง - นกั เรียนฝึกถ่ายทอด บอกเล่าเรอื่ งราว ความประทับใจในการทำงาน และผูอ้ ่ืน ร่วมแสดงความคิดเห็น ท่เี ชอ่ื มโยงกบั ความงามจากสสี ัน ลวดลาย รปู รา่ ง รปู ทรงของธรรมชาติ ดว้ ยความชนื่ ชม นำไปสู่การปรบั ปรุง - นำเสนอ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นท่ีมตี ่อผลงานร่วมกัน โดยจัดเป็น เพ่ือพฒั นาการสรา้ งสรรคง์ านของตน นทิ รรศการเล็ก ๆ ในชนั้ เรยี น (Show & Share) บอกความประทบั ใจ ใหด้ ขี ึ้น พูดถึงงานของตนเองและผู้อ่ืนในด้านจดุ เดน่ จุดดอ้ ย และประเด็นใหม่ ทเี่ กนิ ความคาดหมายจากการเรียนรรู้ ่วมกนั - นักเรยี นรว่ มการสะท้อนความคดิ เห็นต่อผลงานศลิ ปะของตนและของ เพอ่ื นดว้ ยความเป็นมิตร อย่างสภุ าพ และมีข้อเสนอแนะในเชิงบวก เพ่ือเสรมิ สร้างแรงจูงใจ และพัฒนาการสร้างสรรค์งานของตนให้ดีข้นึ

87 ๗. เช่อื มโยงผลงานศลิ ปะ (ทัศนศลิ ป์ ดนตรี นาฏศิลป)์ กบั วัฒนธรรม ชวี ติ ประจำวนั เปน็ สอ่ื แสดงความงามไดอ้ ย่างอิสระ รวมทงั้ การรว่ มสรา้ งงานศิลปะเพื่อชุมชนท้องถ่ิน อนุรกั ษ์สืบสานเทคนิคครชู ่างภมู ิปัญญาไทย 1. การเห็นคณุ ค่าของศิลปะ - นกั เรยี นสร้างงานศิลปะท้งั 2 และ 3 มิติ และงานศลิ ปะไทย จากธรรมชาติในฐานะองคป์ ระกอบ เพ่ือจัดแสดงนทิ รรศการเลก็ ๆ ในชั้นเรียน หรอื อืน่ ๆ โดยมี ของการบูรณาการกบั วถิ ีชีวิต และ โจทย์ทีท่ า้ ทายความคดิ สรา้ งสรรค์ หรอื บรู ณาการกบั หนว่ ย วัฒนธรรมไทย สามารถนำมาจดั การเรยี นอน่ื ๆ แสดงในรูปแบบตา่ ง ๆ ที่ส่งผลต่อ ความอ่อนโยน สามคั คีของหมู่คณะ - นักเรยี นสามารถประดษิ ฐ์ หรือสรา้ งสรรคช์ ้นิ งานทสี่ ะทอ้ นถึง และชุมชน คณุ ค่าศิลปะจากธรรมชาติ ท้ังงาน 2 และ 3 มติ ิ และงาน ศิลปะไทย เพื่อมอบให้เป็นเครอื่ งระลึกถึงความกตัญญตู ่อ ผ้มู พี ระคณุ เช่น เป็นของขวญั ในวันแม่เปน็ เคร่ืองบูชาพระ หรอื อ่ืน ๆ ตลอดจนการทำเครือ่ งตกแต่งสถานทีใ่ นงานพิธสี ำคัญ ตา่ ง ๆ ของโรงเรียน (ศลิ ปะสาธารณกุศล) เกณฑม์ าตรฐานความก้าวหนา้ การจัดการเรียนรู้ศิลปะ ช่วงชั้นที่ 1 เน้นการเรียนรู้ผ่านการสัมผัส ซึมซับ และถ่ายทอดความหมาย สุนทรียภาพ ผ่านกระบวนการทำงานศิลปะด้วยการลงมือปฏิบัติ ทั้งเดี่ยวและกลุ่ม เพื่อส่งเสริมสมรรถนะเฉพาะ และสมรรถนะหลัก ผา่ นขอบขา่ ยเนอื้ หา ไดแ้ ก่ ทศั นศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศิลป์ ป.1 สร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์จากการสังเกต รับรู้ ซึมซับความงาม ของ เส้น สีสัน รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว ที่มีอยู่ในธรรมชาติ สามารถเลือกนำวัสดุที่พบในธรรมชาติมาทดลองสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะ ด้วยวิธกี ารตา่ ง ๆ อยา่ งมีจนิ ตนาการ และมีความสขุ ถ่ายทอด บอกเล่าเรื่องราว ความประทับใจในการทำงาน ท่ีเชื่อมโยงกับความงามจากสีสัน ลวดลาย รปู รา่ ง รูปทรง ของธรรมชาติ ป.2 สร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ในรูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ จากการสังเกต ซึมซับรับรู้สุนทรียภาพ เห็นความงามของเส้น สีสัน ลวดลาย รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว ที่มีอยู่ในธรรมชาติ อย่างมีจินตนาการ และ ความคิดสร้างสรรค์ เห็นคุณค่าของวัสดุอุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยตนเอง และสามารถพัฒนาทักษะ งานศิลปะควบคู่ไปกับการพัฒนาตน มีฉันทะ มีความมุ่งมั่น กระตือรือร้น ในการสร้างสรรค์ อธิบายผล จากการลองใช้วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการสร้างสรรค์งาน ว่ามีข้อค้นพบอะไรใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปใช้ เปน็ แรงบันดาลใจในการสร้างสรรคง์ านได้ ป.3 ซึมซับรับรู้สุนทรียภาพของลายไทยที่มีที่มาจากธรรมชาติ เรียนรู้กระบวนการทำงานศิลปะไทย สามารถนำมาถ่ายทอด สร้างสรรค์งานอย่างมีจินตนาการ และสามารถทำงานตามกระบวนการของ ศิลปะไทยได้หลายรูปแบบ การลอกและการเขียนลายไทยแม่บท หรือวิธีการอื่น ๆ การตัดเส้น การลงสี มที กั ษะในการประดิษฐ์เครื่องมือและอุปกรณ์ด้วยตนเอง สรา้ งสรรคเ์ ป็นผลงานศิลปะไทยดว้ ยความละเอียด ประณีต นำเสนอ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่มีต่อผลงานร่วมกัน โดยจัดเป็นนิทรรศการเล็ก ๆ ในชั้นเรียน บอกความประทับใจ และอธิบายผลงานของตัวเองและผู้อื่นในแง่องค์ประกอบศิลป์ จุดเด่น จุดด้อย และ ประเด็นใหม่ทเ่ี กินความคาดหมายจากการเรยี นรรู้ ว่ มกัน

88 ดนตรี ผลลัพธ์การเรียนรูเ้ มือ่ จบชว่ งช้ัน 1. สัมผัสถึงสุนทรียภาพ รับรู้ความงาม เกิดความประทับใจ และชื่นชม มีแรงบันดาลใจในการแสดงการขับร้อง และใช้ภาษาเชื่อมโยงความหมายของเสียงในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม กับงานเพลงประเภทต่าง ๆ ทงั้ ไทย สากล และทอ้ งถน่ิ 3. ร้องเพลงได้อย่างสอดคล้องกับอารมณ์ของเพลงที่ฟัง เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่าง ของเสียงที่มาจากแหล่งกำเนิดเสียงต่าง ๆ และใช้รูปภาพ หรือสัญลักษณ์แทนเสียง และจังหวะเคาะ อย่างเหมาะสม 6. แสดงออกถึงการรับรู้และชื่นชมความงาม และแสดงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ความประทับใจ และ นำเสนอผลงานศิลปะด้วยความมั่นใจ สามารถวิเคราะห์ วิพากษ์ แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับงานเพลง ทงั้ ของตนเองและของผ้อู นื่ อยา่ งสุภาพ รับฟัง และปรบั ปรงุ ผลงานของตนใหส้ มบรู ณ์ 7. เชื่อมโยงผลงานขับร้องเพลง (ทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์) กับวัฒนธรรม ชีวิตประจำวัน เป็นสื่อ แสดงความงามได้อย่างอิสระ รวมทั้งการร่วมสร้างงานศิลปะเพื่อชุมชนท้องถิ่น อนุรักษ์สืบสานเทคนิค ครูช่างภมู ปิ ัญญาไทย 2.1 การขบั ร้อง ความรูแ้ ละสมรรถนะที่เช่ือมโยงกนั ตวั อย่างสถานการณ์ กจิ กรรม และเครือ่ งมือทใี่ ชส้ ำหรับนกั เรียน ๑. สัมผสั ถึงสนุ ทรียภาพ รบั รคู้ วามงาม เกิดความประทับใจ และชื่นชม มแี รงบนั ดาลใจในการแสดง การขับร้อง และใชภ้ าษาเช่ือมโยงความหมายของเสยี งในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม กับงานเพลง ประเภทตา่ ง ๆ ทงั้ ไทย สากล และทอ้ งถนิ่ 1. ความสามารถในการฟงั และสัมผัส - นกั เรียนฝึกฟังเสียงธรรมชาติภายในบรเิ วณโรงเรียน เชน่ ลกั ษณะ เสียงในธรรมชาติ ของเสียงน้ำไหล เสยี งนกร้อง เสยี งห่าน เสียงลมพัดพุ่มไม้ ใบไม้ และ อน่ื ๆ 2. การรบั ร้ถู ึงความกลมกลนื และ - นกั เรียนแบ่งกลุ่มและระบุ บันทึกเสียงที่ไดย้ ินออกมาเป็นชุดคำ สนุ ทรียภาพทเ่ี สมือนเสียงดนตรี รว่ มกันนำชดุ คำมาสร้างสรรค์เป็นบทกลอน บทรอ้ งเล่น 3. การถา่ ยทอดสุนทรยี ภาพจากเสยี ง - นักเรียนเลือกหาวสั ดใุ นธรรมชาตมิ าใชเ้ ปน็ เคร่ืองประกอบจังหวะ ธรรมชาติสู่การเล่นดนตรพี นื้ ฐาน ในการท่องบทกลอน -

89 ๓. ร้องเพลงไดอ้ ย่างสอดคล้องกับอารมณข์ องเพลงท่ีฟงั เปรียบเทยี บความเหมือนและความแตกตา่ ง ของเสียงที่มาจากแหล่งกำเนิดเสียงต่าง ๆ และใชร้ ปู ภาพ หรือสญั ลกั ษณ์แทนเสียง และจังหวะเคาะ อยา่ งเหมาะสม 1. ความสามารในการถออกเสียง - นกั เรยี นฝึกการหายใจเขา้ ชอ่ งท้องเพอื่ ใหก้ ารออกเสียงมีพลัง ตามโทนเสียงทีถ่ ูกต้อง ตรงระดับ ชัดเจน และฝึกการออกเสียงร้องโน้ตใหต้ รงระดบั เสยี ง เสียง และออกเสียงร้องชดั เจน ตามอักขรวธิ ี - นักเรียนฝกึ การออกเสียงร้องโน้ตในชุด Pentatonic Scale โด เร มี ซอล ลา (C D E G A) หรือฝึกการร้องโนต้ ตามเสียง ตน้ แบบของครู ประกอบสัญญาณมือ หรือวธิ อี ื่น ๆ - นักเรยี นฝึกอา่ นคำร้องโดยออกเสยี งชัดเจนตามอกั ขรวิธี ของภาษาทง้ั ไทยและสากล - นักเรียนฝกึ อา่ นเป็นทำนองบทกลอนเป็นจงั หวะ ยาว ส้นั ส้ัน หรือ ส้ัน ส้ัน ยาว ไปพรอ้ มกบั การเล่นเคร่อื งดนตรีประกอบจังหวะประเภทต่าง ๆ 2. การเข้าใจ เขา้ ถึงความหมาย และ - ฝึกร้องบทเพลงไปประกอบกบั ดนตรีหรือดว้ ยรปู แบบ และวธิ ีอน่ื ๆ อารมณ์ของบทเพลงท้ังเพลงไทย และสากล สามารถถา่ ยทอด - นักเรยี นฟังเพลงและบอกความหมายทปี่ ระทับใจ และสามารถ ขบั รอ้ งบทเพลงได้อย่างไพเราะ วิเคราะห์คุณภาพของเพลง ในเชงิ เน้ือหา ท่วงทำนอง จังหวะ และเปน็ ธรรมชาติ อารมณ์ของบทเพลง - นักเรียนฟังเพลงและเกดิ แรงบนั ดาลใจ จากบทเพลงท่ีเป็นตน้ แบบ ในแนวเพลงต่าง ๆ เช่น เพลงครู เพลงพน้ื บ้าน เพลงไทย และสากล - นกั เรียนนำเพลงที่ตนเองชนื่ ชอบมาแลกเปลยี่ นกันฟัง และ บอกเล่าถงึ ความประทับใจในเพลงนัน้ ๆ - นักเรียนฝึกถ่ายทอดความหมายและอารมณ์ของเพลง ผ่านการแสดงทา่ ทาง การเคลื่อนไหว ในลีลาตา่ ง ๆ

90 - นกั เรียนฝึกการรอ้ งเพลงท้ังแบบเดีย่ วและกลุ่ม โดยฟังและสงั เกต เสียงตนเอง ปรบั การออกเสียงใหก้ ลมกลนื กบั เสยี งดนตรี และ เสยี งของกลุม่ ฝึกซำ้ จนเกดิ ความไพเราะและเป็นธรรมชาติ 6. แสดงออกถึงการรับรู้และชื่นชมความงาม และแสดงอารมณ์ ความคดิ ความรู้สึก ความประทับใจ และนำเสนอผลงานศิลปะด้วยความม่ันใจ สามารถวิเคราะห์ วิพากษ์ แสดงความคดิ เห็น เก่ียวกับ งานเพลงทง้ั ของตนเองและของผู้อ่ืน อย่างสภุ าพ รับฟงั และปรับปรุงผลงานของตนใหส้ มบรู ณ์ 1. การนำเสนอผลงานศิลปะ - นักเรยี นจดั การแสดงขับร้องท้ังแบบเดีย่ วและแบบกล่มุ ประกอบ ดว้ ยความม่ันใจ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ ดนตรี แสดงความคดิ เหน็ อย่างสภุ าพ รับฟัง และปรบั ปรุงผลงานของตน - นกั เรยี นร่วมกันฟงั การขบั รอ้ งของตนเองและเพอื่ น เพอื่ ทบทวนถึง ให้สมบรู ณ์ คุณภาพ ข้อดี จุดเด่น จุดด้อย และประเด็น ทค่ี วรปรับปรงุ ดว้ ยการสะท้อนความคิดเห็นอย่างเปน็ มติ ร สภุ าพ และมขี ้อเสนอแนะในเชิงบวก เพอ่ื การปรบั ปรงุ พัฒนาการขับรอ้ ง ของตนเองและเพื่อนรว่ มแสดง 7. เชอ่ื มโยงผลงานขับร้องเพลง (ทัศนศลิ ป์ ดนตรี นาฏศิลป์) กบั วัฒนธรรม ชวี ิตประจำวนั เป็นสอ่ื แสดงความงามไดอ้ ย่างอสิ ระ รวมทั้งการร่วมสร้างงานศิลปะเพื่อชมุ ชนทอ้ งถ่ิน อนรุ กั ษ์สืบสานเทคนคิ ครชู ่างภมู ปิ ัญญาไทย 1. การเหน็ คณุ คา่ ของการขับร้องเพลง - นกั เรยี นรว่ มออกแบบการแสดงและการขบั ร้อง ทมี่ ีเน้ือหา ในฐานะองค์ประกอบของ สอดคล้องกับวิถีชวี ิต และวฒั นธรรมไทย หรอื วัฒนธรรม การบูรณาการกบั วิถีชวี ิต และ ในท้องถิน่ ต่าง ๆ วัฒนธรรมไทย สามารถนำมา - นักเรียนร่วมขบั ร้องในชุดการแสดงดนตรี นาฏศลิ ป์ ซ่ึงมีเน้ือหา จดั แสดงในรปู แบบตา่ ง ๆ ท่ีส่งผล บรู ณาการกบั หนว่ ยการเรียนรู้ตา่ ง ๆ ตอ่ ความอ่อนโยน สามัคคีของ - นกั เรียนร่วมเปน็ สว่ นหน่งึ ของการแสดงในพธิ กี ารไหวค้ รู และ หมูค่ ณะและชมุ ชน การแสดงประจำปีของโรงเรยี น หรือในโอกาสเทศกาลสำคัญ อื่น ๆ ของท้องถิ่น เกณฑ์มาตรฐานความก้าวหน้า การจัดการเรียนรู้ศิลปะ ช่วงชั้นที่ 1 เน้นการเรียนรู้ผ่านการสัมผัส ซึมซับ และถ่ายทอดความหมาย สุนทรียภาพ ผ่านกระบวนการทำงานศิลปะด้วยการลงมือปฏิบัติ ทั้งเดี่ยวและกลุ่ม เพื่อส่งเสริมสมรรถนะเฉพาะ และสมรรถนะหลกั ผ่านขอบข่ายเน้ือหา ไดแ้ ก่ ทศั นศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศลิ ป์ ป.1 ออกเสยี งรอ้ งได้ตรงตามโนต้ พ้ืนฐาน เขน่ โด เร มี ซอล ลา (C D E G A) หรือการประกอบสัญญาณ มือ (Hand Sign Movement) และสามารถร้องบทเพลงมรามีทำนองง่าย ๆ เช่น เพลงเต้ยโขง เพลงในน้ำ มปี ลา ในนามีข้าว หรอื เพลงอนื่ ๆ ไดต้ รงตามระดับเสียงโดยออกเสียงรอ้ งตามเสียงต้นแบบจากครู ป.2 ออกเสียงร้องได้ตรงระดับโน้ต เช่น โด เร มี ฟา ซอล ลา ที (C D E F G A B) ในบทเพลงไทย และเพลงสากลง่าย ๆ เช่นบทเพลงพ้ืนบา้ น บทเพลงการละเล่นไทย หรือบทเพลงอ่ืน ๆ ท่นี ักเรียนชื่นชอบ ป.3 ร้องเพลง หรือเพลงประกอบการแสดงของโรงเรียน ในพิธีการ หรอื วนั สำคญั ตา่ ง ๆ ที่เปน็ การเชื่อมโยงกับหน่วยบรู ณาการในชั้นเรียน โดยออกเสียงร้องได้เต็มเสียงมน่ั ใจ ตรงระดับเสยี ง 2.2การเล่นเครือ่ งดนตรี

91 ผลลัพธ์การเรียนรู้เม่ือจบช่วงชน้ั 1. สัมผัสถึงสุนทรียภาพ รับรู้ความงาม เกิดความประทับใจ และชื่นชม มีแรงบันดาลใจในการ เล่นดนตรี และใชภ้ าษาดนตรีสะท้อนอารมณ์ ความร้สู กึ ท่ีมตี อ่ ธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ ม หรอื เรอ่ื งราวต่าง ๆ 4. บรรเลงดนตรีง่าย ๆ ด้วยเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ ทั้งไทย สากล หรือของท้องถิ่น ด้วยความมั่นใจ และมีความไพเราะ สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเสียงดนตรีของตนเองและผู้อื่น ด้วยความสุภาพ และเป็นประโยชน์ 6. แสดงออกถึงการรับรู้และชื่นชมความไพเราะ และแสดงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ความประทับใจ และนำเสนอผลงานดนตรีด้วยความมั่นใจ สามารถวิเคราะห์ วิพากษ์ แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ งานดนตรีท้ังของตนเองและของผู้อ่ืน อยา่ งสุภาพ รบั ฟัง และปรับปรงุ ผลงานของตนให้สมบูรณ์ 7. เชื่อมโยงผลงานดนตรี กับวัฒนธรรม ชีวิตประจำวัน เป็นสื่อแสดงความงามได้อย่างอิสระ รวมทั้ง การร่วมสรา้ งงานศลิ ปะเพอ่ื ชมุ ชนท้องถนิ่ อนรุ กั ษส์ ืบสานเทคนคิ ครชู ่างภูมิปญั ญาไทย 2.2 การเล่นเครื่องดนตรี ความรแู้ ละสมรรถนะท่ีเชื่อมโยงกัน ตัวอยา่ งสถานการณ์ กิจกรรม และเครอื่ งมือทใ่ี ช้สำหรับนักเรยี น ๑. สมั ผัสถึงสนุ ทรียภาพ รับรู้ความงาม เกิดความประทับใจ และชน่ื ชม มแี รงบนั ดาลใจในการเลน่ ดนตรี และใชภ้ าษาดนตรีสะทอ้ นอารมณ์ ความรสู้ กึ ที่มีต่อธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม หรอื เรื่องราวตา่ ง ๆ 1. การเลน่ ดนตรี นักเรยี นสามารถ - นักเรยี นฝึกฟังเสียงธรรมชาติภายในบริเวณโรงเรยี น เช่น ฟังเสยี งท่ีเกิดจากการใชว้ สั ดุ ลกั ษณะของเสยี งน้ำไหล เสยี งนกรอ้ ง เสยี งห่าน เสียงลมพดั ธรรมชาติ มาประดษิ ฐเ์ ป็น พมุ่ ไม้ ใบไม้ และอ่นื ๆ นักเรียนเลือกวสั ดธุ รรมชาติ มาประดิษฐ์ เคร่ืองดนตรี รบั รู้ถึงความกลมกลืน เป็นเครื่องดนตรีทดลองเล่นและฟัง ลกั ษณะของเสียงนน้ั ๆ เช่น และสนุ ทรยี ภาพท่ีเสมอื นเสยี งดนตรี เสียงเคาะก่งิ ไม้ เสยี งกระทบกันของกอ้ นหิน - นกั เรยี นนำเคร่ืองดนตรจี ากธรรมชาติ มาเลน่ ประกอบการทอ่ ง บทกลอน หรือบทเพลงต่าง ๆ ๔. บรรเลงดนตรงี า่ ย ๆ ด้วยเครอื่ งดนตรปี ระเภทตา่ งๆ ทั้งไทย สากล หรือของท้องถ่นิ ดว้ ยความมั่นใจ และมคี วามไพเราะ สามารถแสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกบั เสียงดนตรีของตนเองและผอู้ ่ืน ด้วยความสภุ าพ และเปน็ ประโยชน์ 1. ความสามารถในการบรรเลงดนตรี - นักเรียนฝึกอ่านและบนั ทกึ โน้ตโด เร มี ซอล ลา (C D E G A) ในบทเพลงง่าย ๆ ดว้ ยความม่ันใจ (Pentatonic Scale) บนบรรทัด 5 เส้น ด้วยกิจกรรมเดี่ยวและ และมคี วามไพเราะ กลุ่ม เชน่ การเคลือ่ นไหวบนบรรทดั 5 เส้น บนพ้นื

92 - นักเรยี นฝกึ ออกเสยี งตามโน้ตดนตรีไทย ดว้ ยเพลงง่าย ๆ เชน่ รีรีขา้ วสาร มอญซ่อนผ้า ฯลฯ (คณุ หญงิ ชิน้ ศิลปะบรรเลง) - นกั เรยี นฝึกฟังดนตรแี ละบทเพลงท่หี ลากหลาย ซ่ึงสามารถระบุ การสอ่ื ความหมายและอารมณ์ต่าง ๆ เช่น จังหวะเรว็ และระดับ เสียงสงู - ต่ำ ดัง - เบา กระชับแทนความสนุกสนาน ฮึกเหมิ จังหวะ เนิบช้าแทนอารมณ์ ระดับเสียงกลาง ค่อนขา้ งกลมกลืนต่อเนอ่ื ง แทนความสงบ สบาย หรือเศร้า อยา่ งมีจนิ ตนาการ - นกั เรียนฝกึ การเล่นเครือ่ งดนตรีท้ังไทยและสากล หรือท้องถน่ิ ประเภทต่าง ๆ ที่ตนเองเลือกในบทเพลงพนื้ ฐาน เช่น รรี ขี ้าวสาร มอญซ่อนผ้า ฯลฯ (คุณหญิงช้ิน ศลิ ปบรรเลง) เพลงอ่นื ๆ ของ ท้องถนิ่ ให้ตรงระดบั เสยี งและถูกจงั หวะ ด้วยความมั่นใจและมี ความไพเราะมีอารมณ์รว่ มไปกบั บทเพลงที่เลน่ - นักเรยี นฝึกทา่ ทางในการเลน่ เครือ่ งดนตรีทมี่ คี วามสงา่ งาม เชน่ การนง่ั การยืน การถอื การจับเครือ่ งดนตรที ถี่ ูกตอ้ ง ทงั้ ดนตรี ไทยและสากล และดนตรีของทอ้ งถิน่ ๖. แสดงออกถึงการรับรู้และชน่ื ชมความไพเราะ และแสดงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ความประทบั ใจ และนำเสนอผลงานดนตรีด้วยความมน่ั ใจ สามารถวเิ คราะห์ วิพากษ์ แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับ งานดนตรีทั้งของตนเองและของผู้อื่น อยา่ งสุภาพ รบั ฟงั และปรับปรุงผลงานของตนใหส้ มบูรณ์ 1. การนำเสนอผลงานศิลปะ - นกั เรียนฟงั และชมการแสดงดนตรี และสามารถบอกความหมาย ดว้ ยความมนั่ ใจ ที่ประทับใจ วเิ คราะห์คุณภาพของการแสดงดนตรี ในเชงิ เน้ือหา ทว่ งทำนอง จังหวะ อารมณ์ของบทเพลงท่ีแสดง - นักเรยี นฟงั และชมการแสดงดนตรี และเกิดแรงบนั ดาลใจ จากบทเพลงทีเ่ ป็นต้นแบบ ในแนวเพลงตา่ ง ๆ เช่น เพลงครู เพลงพน้ื บ้าน เพลงไทยและสากล - นักเรยี นนำการแสดงดนตรีทีต่ นเองช่ืนชอบมาแลกเปล่ียนกนั ฟงั และบอกเล่าถงึ ความประทับใจในการแสดงนนั้ ๆ - นกั เรยี นฝึกการเล่นทง้ั แบบเดี่ยวและกลมุ่ โดยฟงั และสังเกตเสยี ง ทีต่ นเลน่ เพ่ือปรับการเล่นให้กลมกลืนกับกลุ่ม และฝกึ ซำ้ จนเกิด ความชำนาญ เลน่ ได้อยา่ งไพเราะ และสามารถถ่ายทอดอารมณ์ ของเพลงได้ - นักเรียนจดั การแสดงดนตรีทงั้ แบบเดย่ี วและแบบรวมวง 2. การวิเคราะห์ วพิ ากษ์ แสดง - นักเรียนนำบนั ทึกการแสดงดนตรี ร่วมกนั ฟงั เพอื่ ทบทวนถึง ความคิดเห็นอยา่ งสภุ าพ รบั ฟัง และ คณุ ภาพ ข้อดี จุดเด่น จดุ ด้อย และประเดน็ ที่ควรปรบั ปรงุ ปรับปรงุ ผลงานของตนและกล่มุ ด้วยการสะท้อนความคดิ เห็นอย่างเปน็ มิตร สภุ าพ และมี ใหส้ มบรู ณ์ข้นึ ข้อเสนอแนะในเชิงบวก เพื่อการปรบั ปรงุ พฒั นาการขับร้อง ของตนเองและเพอ่ื นร่วมแสดง

93 ๗. เช่อื มโยงผลงานดนตรี กับวัฒนธรรม ชีวิตประจำวนั เปน็ สอ่ื แสดงความงามไดอ้ ย่างอิสระ รวมท้ังการร่วมสรา้ งงานศลิ ปะเพื่อชุมชนท้องถ่นิ อนุรกั ษ์สบื สานเทคนคิ ครชู า่ งภมู ปิ ัญญาไทย 1. การแสดงออกถึงการรบั รู้ และ - นกั เรียนร่วมออกแบบการแสดงดนตรที ้งั เดย่ี วและรวมวง หรอื ช่นื ชมความงาม และแสดงอารมณ์ บูรณาการกบั การแสดงอ่ืน ๆ ทีม่ ีเนอื้ หาสอดคล้องกับวิถชี ีวติ ความคดิ ความรสู้ ึก ความประทบั ใจ และวฒั นธรรมไทย หรอื วฒั นธรรมในทอ้ งถ่นิ ตา่ ง ๆ สะท้อนวัฒนธรรม ในชีวิตประจำวนั และในท้องถนิ่ อยา่ งอิสระ และ นำไปปรับใช้ในชีวิตจรงิ 2. การเชอื่ มโยง ผลงานดนตรี - นักเรียนแสดงดนตรรี ่วมกบั การขบั ร้อง และนาฏศลิ ป์ ซ่งึ มีเน้ือหา กับวัฒนธรรม ชวี ติ ประจำวนั บรู ณาการกบั หน่วยการเรียนรู้รู้ตา่ ง ๆ เปน็ ส่อื แสดงความงามได้อย่างอสิ ระ - นกั เรยี นร่วมเป็นส่วนหนึง่ ของการแสดงในพิธีการไหวค้ รู และ รวมทั้งการร่วมสร้างงานศลิ ปะ การแสดงประจำปขี องโรงเรยี น หรือในโอกาสเทศกาลสำคัญอ่ืน ๆ เพือ่ ชุมชนท้องถ่ิน อนุรักษ์สบื สาน ของทอ้ งถน่ิ เทคนิคครชู ่างภูมปิ ัญญาไทย เกณฑม์ าตรฐานความกา้ วหนา้ การจัดการเรียนรู้ศิลปะ ช่วงชั้นที่ 1 เน้นการเรียนรู้ผ่านการสัมผัส ซึมซับ และถ่ายทอดความหมาย สุนทรียภาพ ผ่านกระบวนการทำงานศิลปะด้วยการลงมือปฏิบัติ ทั้งเดี่ยวและกลุ่ม เพื่อส่งเสริมสมรรถนะ เฉพาะ และสมรรถนะหลัก ผา่ นขอบข่ายเนอ้ื หา ไดแ้ ก่ ทัศนศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศลิ ป์ ป.1 สร้างเสียงเพลงจากเครื่องดนตรีที่ประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุรอบตัว เช่น ขวดแก้ว มาสร้างสรรค์ เปน็ ชุดการแสดงงา่ ย ๆ ร่วมกนั เชน่ การใหจ้ ังหวะกบั การร้องเพลงพ้ืนบ้าน ป.2 ดนตรสี ากล ทักษะเฉพาะในการเล่นเคร่ืองดนตรีสากลประเภทต่าง ๆ ตามโน้ตและบนั ไดเสียง ด้วยบทเพลงทำนองส้ัน ๆ และการเลน่ ดนตรีทง้ั แบบเดยี่ วและกลุ่ม ดนตรไี ทย ฝึกพื้นฐานเบอื้ งตน้ ดว้ ยเคร่ืองดนตรีไทยประเภทต่าง ๆ เชน่ ระนาด ขลุ่ย กลอง หรอื เคร่ืองดนตรปี ระจำท้องถิน่ ด้วยบทเพลงงา่ ย ๆ ป.3 ดนตรีสากล ทกั ษะเฉพาะในการเล่นเคร่ืองดนตรีสากลประเภทตา่ ง ๆ เช่น Recorder, Melodion, Ukulele และอน่ื ๆ ในบนั ไดเสยี ง D major และการเลน่ รวมวง ในบทเพลง รีรีขา้ วสาร มอญซ่อนผ้าและ เพลงช้าง ในรูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ Medley หรอื เพลงพน้ื ฐานอนื่ ๆ ดนตรีไทย การบรรเลงเครือ่ งดนตรีไทย หรือเคร่ืองดนตรีพนื้ บ้านประเภทต่าง ๆ เชน่ ระนาด ซอ ขมิ สาย ขลุ่ย กลอง และจัดการแสดงรวมวงด้วยเพลงทำนองส้นั ๆ

94 นาฏศิลป์ ผลลัพธก์ ารเรียนรูเ้ ม่ือจบช่วงชน้ั 1. สัมผัสถึงสุนทรียภาพ รับรู้ความงาม เกิดความประทับใจ และชื่นชม มีแรงบันดาลใจในการถ่ายทอด เป็นงานนาฏศลิ ปซ์ งึ่ สามารถถา่ ยทอดความหมายด้วยภาษากายผ่าน ลีลา ทา่ ทาง ดว้ ยความงดงาม 5. สร้างสรรค์การเคลื่อนไหวในรูปแบบการแสดงต่าง ๆ อย่างมีความสุข แสดงท่าทางง่าย ๆ อย่างมั่นใจ และงดงาม สื่อความหมายแทนคำพูด และแสดงการเคลื่อนไหวที่สะท้อนอารมณ์ของตนเอง ในรูปแบบ การแสดงต่าง ๆ เช่น นาฏศิลป์ หรือการแสดงพืน้ บา้ น ในท้องถิ่นที่ตนเองชื่นชอบอยา่ งอิสระ สนุกสนาน และเหมาะสมกบั วัย 6. แสดงออกถึงการรับรู้และชื่นชมความงาม และแสดงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ความประทับใจ และ นำเสนอผลงานแสดงนาฏศิลป์ หรืออื่นๆ ด้วยความมั่นใจ สามารถวิเคราะห์ วิพากษ์ แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับงานแสดงนาฏศิลป์ หรืออื่น ๆ ทั้งของตนเองและของผู้อื่น อย่างสุภาพ รับฟัง และปรับปรุง ผลงานของตนให้สมบรู ณ์ 7. เชื่อมโยงผลงานนาฏศลิ ป์ หรือการรา่ ยรำ แบบอืน่ ๆ กบั วฒั นธรรม ชวี ติ ประจำวนั เปน็ สอ่ื แสดงความงาม ไดอ้ ย่างอิสระ รวมทัง้ การร่วมสร้างงานศิลปะเพื่อชมุ ชนท้องถิ่น อนรุ ักษ์สืบสานเทคนิคครูชา่ งภูมิปญั ญาไทย ความรแู้ ละสมรรถนะท่เี ช่ือมโยงกัน ตวั อยา่ งสถานการณ์ กจิ กรรม และเครอ่ื งมือทใี่ ช้สำหรับนกั เรียน ๑. สมั ผัสถึงสนุ ทรียภาพ รับรู้ความงาม เกิดความประทับใจ และชืน่ ชม มแี รงบนั ดาลใจในการถ่ายทอด เปน็ งานนาฏศลิ ปซ์ ่งึ สามารถถา่ ยทอดความหมายด้วยภาษากายผา่ น ลลี า ทา่ ทาง ด้วยความงดงาม 1. การสังเกตและรับรู้ สมั ผัส - นักเรียนฝึกสงั เกตท่าทาง การเคลอ่ื นไหวของคน สัตว์ ส่งิ ของ ลักษณะเฉพาะ บุคลกิ ทา่ ทาง ลลี า ทีน่ ักเรยี นรูจ้ กั ระบุลักษณะเด่นและท่าทางที่น่าสนใจตา่ ง ๆ ได้ การเคลอ่ื นไหวของสัตว์ท่ีนักเรียนรู้จัก 2. ความสามารถในการเลยี นแบบถ่ายทอด - นักเรยี นฝกึ เลยี นแบบท่าทางการเคล่ือนไหวตา่ ง ๆ ที่ถา่ ยทอด แสดงท่าทาง อารมณ์ และการเคลื่อนไหว อารมณ์ ความรู้สึก และบคุ ลกิ และนำมาเลน่ ทายบุคลิก ของสตั ว์ ได้ตรงกับบุคลกิ นัน้ ๆ แตล่ ะชนิดกับเพ่ือน ๆ ในห้อง 3. การสัมผัสถงึ สนุ ทรียภาพ รบั รู้ - นักเรียนสามารถถา่ ยทอดความงามของลีลา ทา่ ทางการร่ายรำ ความงามของนาฏศลิ ป์ และการร่ายรำ ท่สี ะท้อนถึงการรับรู้ความงามของนาฏศิลป์ หรอื การแสดง อน่ื ๆ ด้วยความประทับใจ และ พนื้ บ้าน การแสดงประจำท้องถ่ินอน่ื ๆ ชืน่ ชม มีแรงบันดาลใจในการถ่ายทอด เป็นงานแสดงไดอ้ ย่างงดงาม

95 ๑. สร้างสรรคก์ ารเคลื่อนไหวในรปู แบบการแสดงตา่ ง ๆ อยา่ งมคี วามสุข แสดงทา่ ทางง่าย ๆ อยา่ งมน่ั ใจ และงดงาม สือ่ ความหมายแทนคำพูด และแสดงการเคลื่อนไหวท่ีสะท้อนอารมณ์ของตนเอง ในรปู แบบ การแสดงต่าง ๆ เช่น นาฏศลิ ป์ หรอื การแสดงพืน้ บา้ น ในท้องถ่นิ ทตี่ นเองชืน่ ชอบ อย่างอสิ ระ สนุกสนาน และเหมาะสมกับวยั 1. ความสามารถในการสร้างสรรค์ - นกั เรยี นเข้าใจความหมายและอารมณ์ของท่าทางการเคล่ือนไหว การเคล่ือนไหวในรูปแบบการแสดง ในการแสดงนาฏศิลป์ การร่ายรำของทอ้ งถิน่ หรอื การเตน้ รำ ต่าง ๆ อยา่ งมคี วามสขุ แสดงท่าทาง สามารถฝึกแสดงทา่ ทาง การเคลอื่ นไหว ไปพร้อมกบั บทเพลง ง่าย ๆ อย่างมัน่ ใจและงดงาม อย่างงา่ ย ๆ ดว้ ยการใชท้ า่ รำพน้ื ฐานทส่ี อ่ื ความหมายของ ส่อื ความหมายแทนคำพดู บทเพลง เช่น ระบำในน้ำมีปลา ในนามขี ้าว ฟ้อนเงี้ยว และอื่น ๆ 2. ความสามารถในการแสดง - นกั เรียนฝึกการถ่ายทอดบคุ ลิกและภาษากาย ออกมาเป็น การเคล่อื นไหวทสี่ ะทอ้ นอารมณ์ ทา่ แม่บท เชน่ การจีบ การตง้ั วง การเตน้ รำ หรือการแสดง ของตนเอง ในรปู แบบการแสดง พ้นื บ้าน ในท้องถน่ิ ของตน ได้อยา่ งคล่องแคลว่ ตรงจงั หวะ ต่าง ๆ เชน่ นาฏศิลป์ การแสดง และเปน็ ธรรมชาติ พ้นื บา้ น ในท้องถิน่ ทตี่ นเองชนื่ ชอบ - นักเรยี นฝกึ การใชท้ ่าแมบ่ ทเพื่อการส่ือสารภาษากาย ท้งั ไทย อย่างอสิ ระ สนกุ สนาน และ และสากล ของนาฏศลิ ป์ในรปู แบบต่าง ๆ อย่างอิสระ เหมาะสมกบั วัย สนุกสนาน และเหมาะสมกับวยั ๖. แสดงออกถึงการรับรแู้ ละชนื่ ชมความงาม และแสดงอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ความประทับใจ และนำเสนอผลงานแสดงนาฏศิลป์ หรืออน่ื ๆ ดว้ ยความมัน่ ใจ สามารถวเิ คราะห์ วพิ ากษ์ แสดงความคดิ เห็น เก่ียวกับงานแสดงนาฏศลิ ป์ หรืออน่ื ๆ ทงั้ ของตนเองและของผอู้ ื่น อยา่ งสภุ าพ รบั ฟังและปรับปรุงผลงานของตนใหส้ มบูรณ์ 1. ความสามารถในการนำเสนอผลงาน - นักเรียนชมการแสดงและบอกความหมายท่ปี ระทบั ใจ และ ศลิ ปะด้วยความมน่ั ใจ วเิ คราะห์ สามารถวิเคราะหค์ ุณภาพของการแสดง ในเชิงรูปแบบการแสดง การใช้ท่วงทา่ ทส่ี อดคล้องกบั เนื้อหา และอารมณข์ องบทเพลง - นักเรยี นชมการแสดงและเกิดแรงบันดาลใจ จากการแสดง ทเ่ี ป็นตน้ แบบ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การแสดง โขน บัลเลต่ ์ โนราห์ หนังตะลุง ฟอ้ น เซิ้ง หรืออ่นื ๆ สามารถนำมา เป็นแบบอยา่ งและออกแบบการแสดงของตนเอง - นกั เรยี นจัดการแสดงการแสดงนาฏศิลป์ ประกอบการเล่นดนตรี และการขบั รอ้ ง - นกั เรียนรว่ มกนั ชมการแสดงนาฏศลิ ปข์ องตนเองและเพื่อน เพื่อทบทวนถงึ คุณภาพ ขอ้ ดี จดุ เด่น จุดดอ้ ย และประเดน็

96 2. การวิพากษ์ แสดงความคิดเหน็ ที่ควรปรบั ปรุง ดว้ ยการสะท้อนความคิดเหน็ อย่างเป็นมติ ร อย่างสภุ าพ รบั ฟงั และปรบั ปรุง สภุ าพ และมีข้อเสนอแนะในเชงิ บวก เพอ่ื การปรับปรงุ พฒั นา ผลงานของตนใหส้ มบรู ณ์ ตนเองและเพ่ือนรว่ มแสดง - นักเรียนรว่ มกันทบทวนการแสดงของตน หรือของกลุ่ม แลกเปลยี่ นทศั นะ ในแง่มมุ ต่าง ๆ ที่มตี ่อคณุ ภาพ ขอ้ ดี จดุ เด่น จุดด้อย และประเด็นท่ีควรพัฒนาการแสดงใหด้ ีขน้ึ - การสะท้อนความคิดเห็นดว้ ยความเปน็ มิตร อย่างสภุ าพ และมี ข้อเสนอแนะในเชิงบวกต่อการแสดงของผอู้ ่นื เพอ่ื การปรบั ปรงุ พัฒนาตนเองและเพื่อนรว่ มแสดง ๗. เชือ่ มโยงผลงานนาฏศลิ ป์ หรอื การรา่ ยรำ แบบอื่น ๆ กับวัฒนธรรม ชวี ติ ประจำวัน เปน็ ส่อื แสดงความงามได้อย่างอสิ ระ รวมทงั้ การรว่ มสรา้ งงานศิลปะเพ่ือชมุ ชนทอ้ งถิ่น อนรุ กั ษส์ บื สานเทคนิคครูชา่ งภมู ปิ ญั ญาไทย 1. การเชอ่ื มโยง ผลงานนาฏศลิ ป์ หรือ - นักเรยี นรว่ มจัดการแสดงต่าง ๆ เช่น โขน โนราห์ หนงั ตะลุง การรา่ ยรำแบบอ่นื ๆ กับวัฒนธรรม ฟอ้ น เซิ้ง หรืออนื่ ๆ ร่วมกบั การขบั รอ้ ง และบรรเลงดนตรี ในชวี ิตประจำวนั และในท้องถิ่น ซึง่ มีเนือ้ หาบรู ณาการกบั หน่วยการเรียนรู้ตา่ ง ๆ เป็นสือ่ แสดงความงาม สะทอ้ น - นักเรยี นรว่ มเป็นส่วนหน่งึ ของการแสดงในพธิ ีการไหว้ครู และ สำนกึ มีความกตัญญูต่อผอู้ ่ืน และ การแสดงประจำปีของโรงเรยี น หรือในโอกาสเทศกาลสำคัญ สังคม รวมท้งั การร่วมสร้างงาน อื่น ๆ ของท้องถ่นิ ศิลปะเพื่อชุมชน อนรุ ักษ์สบื สาน เทคนิคครูชา่ งภูมิปญั ญาไทย 2. การแสดงออกถึงการรบั รู้ และชน่ื ชม - นักเรยี นรว่ มออกแบบการแสดงดนตรที งั้ เดยี่ วและรวมวง หรือ ความงาม และแสดงอารมณ์ บูรณาการกบั การแสดงอน่ื ๆ ทม่ี ีเนื้อหาสอดคล้องกับวิถีชีวิต ความคดิ ความรสู้ ึก ความประทับใจ และวัฒนธรรมไทย หรอื วฒั นธรรมในทอ้ งถน่ิ ตา่ ง ๆ สะท้อนวฒั นธรรม ในชีวิตประจำวนั และในท้องถิ่นอยา่ งอสิ ระ และนำไป ปรบั ใช้ในชวี ติ จรงิ เกณฑ์มาตรฐานความกา้ วหน้า การจัดการเรียนรู้ศิลปะ ช่วงชั้นที่ 1 เน้นการเรียนรู้ผ่านการสัมผัส ซึมซับ และถ่ายทอดความหมาย สุนทรียภาพ ผ่านกระบวนการทำงานศิลปะด้วยการลงมือปฏิบัติ ทั้งเดี่ยวและกลุ่ม เพื่อส่งเสริมสมรรถนะเฉพาะ และสมรรถนะหลกั ผา่ นขอบขา่ ยเนอ้ื หา ได้แก่ ทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศลิ ป์ ป.1 การเคลื่อนไหว ตามบทบาทสมมติ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ ที่ถ่ายทอดอารมณ์ ความรูส้ ึก และบคุ ลิกตา่ ง ๆ อยา่ งอสิ ระ ป.2 การใช้ท่าแม่บท หรือท่ารำพื้นบ้านในท้องถิ่น เพื่อการสื่อสาร ภาษากาย ในรูปแบบต่าง ๆ ทัง้ นาฏศิลป์ การเคล่อื นไหวตามจงั หวะ ได้อย่างคลอ่ งแคล่ว ตรงจังหวะและเป็นธรรมชาติ ป.3 การแสดงที่เชื่อมโยงกับหน่วยบูรณาการในชั้นเรียน ให้เข้าถึงบทบาทที่สะท้อนเรื่องราว หรือ ร่วมแสดงประกอบบทเพลง ด้วยท่าทาง ลีลา ทีค่ ล่องแคล่ว มั่นใจ องอาจ และสงา่ งาม

97 สาระการเรียนรสู้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา  สาระสำคัญของสาระการเรยี นรู้ ความสำคัญของสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศกึ ษา สาระการเรียนรู้นี้ช่วยให้ผู้เรียนมีสุขภาวะทั้งกายและจิต ซึ่งมีความสำคัญเนื่องจากเกี่ยวโยงกับทุกมิติ ของชวี ติ ในช่วงช้นั ท่ี 1 น้ี เปน็ การเรยี นรู้เรอื่ งราวเกย่ี วกับการดูแลสุขภาพพ้ืนฐาน การเหน็ คุณคา่ แหง่ ตน การสร้าง สมั พันธภาพ การมีกจิ กรรมทางกาย และการใชข้ ้อมลู สารสนเทศทางสุขภาพ สาระการเรียนรู้นี้ มีสมรรถนะเฉพาะ 4 สมรรถนะ ได้แก่ 1) เจริญเติบโตด้วยสุขภาพกายและจิตที่ดี 2) ใช้ทักษะในการดำเนินชีวิตและสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นอย่างมีความสุข 3) มีกิจกรรมทางกาย อยา่ งสนุกสนานและปลอดภัย และ 4) ใชข้ อ้ มูลสารสนเทศสรา้ งเสริมสขุ ภาพทด่ี ี สมรรถนะเฉพาะท้ัง 4 สมรรถนะดงั กล่าว มคี วามสัมพนั ธเ์ ชื่อมโยงกับสมรรถนะหลักทง้ั 6 สมรรถนะ และ บรู ณาการกนั เป็นผลลัพธก์ ารเรียนรชู้ ่วงชน้ั 9 ขอ้ ซ่งึ เป็นเป้าหมายของชว่ งชัน้ น้ี ผลลัพธ์การเรียนรู้ช่วงชั้นที่ 1 ทั้ง 9 ข้อ นำไปกำหนดเป็นผลลัพธ์การเรียนรู้ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 3 โดยต้องคำนึงถึงการบูรณาการสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะด้วย เพื่อให้เมื่อผู้เรียนบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ ช้นั ปีแล้ว จะนำไปสู่การบรรลผุ ลลพั ธก์ ารเรียนร้ชู ว่ งชั้นตามทหี่ ลักสูตรกำหนดไว้ ลักษณะเฉพาะ/ ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้นป้ี ระกอบดว้ ย สุขศึกษา และพลศึกษา ดังนี้ สุขศึกษา เป็นสาระการเรียนรู้ที่ว่าด้วยการจัดโอกาส การเรียนรู้และพัฒนาพัฒนาการปฏิบัติทางสุขภาพ อนามัย ตลอดจนนิสัยในชีวิตประจำวัน ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ อันจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ของบคุ คล ครอบครัว และชมุ ชน กอ่ ใหเ้ กดิ สภาวะสมบูรณ์ทัง้ ทางร่างกายและจิตใจ พลศึกษา เป็นสาระการเรียนรู้ที่ว่าด้วยการการเคลื่อนไหวที่ต้องบงั คับร่างกายและควบคุมจิตใจในการทำ กิจกรรมทางกาย การออกกำลังกาย และเล่นกีฬา เป็นกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนือ้ มัดใหญ่ให้เป็นประโยชน์ตอ่ ร่างกาย ชว่ ยใหเ้ จริญเติบโต มีสุขภาพดี คล่องแคล่ว วอ่ งไว เป็นผูท้ ี่มีระเบยี บ วนิ ยั อดทน สรา้ งสรรคส์ ามคั คี จดุ เน้นการพฒั นา การพัฒนาผู้เรียนในแต่ละชัน้ ปี ควรจัดกิจกรรม ประสบการณ์ หรือสถานการณ์จากเรื่องราวใกล้ตัวไปสู่ไกลตวั สุขศึกษามีจุดเน้นแต่ละชั้นปีตามพัฒนาการทางอารมณ์ สังคม และสติปัญญา ในการดูแลสุขภาวะกายและจิต ของผู้เรียน ทั้งเรื่องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ อนามัยส่วนตน การเห็นคุณค่าแห่งตน และการสร้างสัมพันธภาพ กับผู้อื่น ที่นักเรียนควรได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง สำหรับพลศึกษามีจุดเน้นแต่ละชั้นปีตามพัฒนาการวัย ของผู้เรียน ดังนี้ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 เน้นการเคลื่อนไหวร่างกายอยู่กับที่ และการเล่นเกมเบ็ดเตล็ด โดยเคลื่อนไหวร่างกายตามธรรมชาติอย่างถูกต้อง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เน้นการเคลื่อนไหวร่างกายอยู่กับท่ี เคล่ือนท่ี และเคล่อื นไหวแบบใช้อุปกรณ์ และการเล่นเกมเบ็ดเตลด็ โดยเคล่ือนไหวร่างกายพ้ืนฐาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เน้นการเคลท่อนไหวร่างกายอยู่กับที่ เคลื่อนที่ และเคลื่อนไหวแบบใช้อุปกรณ์เช่นเดียวกับประถมศึกษาปีที่ 2 เพิ่มพัฒนาการในด้านการเล่นเกม หรือทำกิจกรรมที่มีทิศทาง ระยะทาง และเป้าหมาย นอกจากนั้นยังเป็นโอกาส ให้นกั เรียนไดด้ ูแลเพ่ือนทีม่ คี วามบกพร่องทางกายในการเล่นรว่ มกัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook