ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒๒ 141 กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ชน้ั ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ชั่วโมง ขอบเขตเนือ้ หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ หลัก ค่าของเลขโดดในหลักสิบและหลกั 1. ภาพมดั ไม้ หนว่ ยของจานวน 10 ถงึ 20 ขั้นนา 2. แบบฝกึ หดั 1.20 สาระสาคัญ 1. ทบทวนการเขียนแสดงจานวนจากภาพมดั ไม้ของจานวนนบั 10 - 20 การประเมิน ครูตดิ ภาพมดั ไม้แสดงจานวน 10 ให้นักเรยี นตอบคาถาม 10 ถึง 20 เปน็ ตวั เลขแสดง 1. วิธีการ จานวนนบั ท่ีมีสองหลกั เลขโดดทางขวา -จากภาพมดั ไมแ้ สดงจานวนอะไร (10) 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ อยู่ในหลกั หนว่ ย เลขโดดทางซา้ ยของ -เขียนแสดงจานวนมดั ไม้ได้อย่างไร (1 สิบ กับ 0 หนว่ ย) หลกั หนว่ ยอยูใ่ นหลกั สบิ ครตู ดิ ภาพมดั ไม้แสดงจานวน 18 ใหน้ ักเรยี นตอบคาถาม 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2. เครอื่ งมือ 2.1 แบบฝกึ หดั 1.20 2.2 แบบประเมินทกั ษะและ ด้านความรู้ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ เพื่อให้นกั เรียนสามารถ บอกหลกั -จากภาพมัดไมแ้ สดงจานวนอะไร (18) 3. เกณฑ์ และคา่ ของเลขโดดในแต่ละหลักของ จานวนนบั 10 ถงึ 20 -เขียนแสดงจานวนมัดไม้ได้อย่างไร (1 สบิ กับ 8 หน่วย) 3.1 ผลงานมีความถูกต้องไม่น้อย ด้านทักษะและกระบวนการทาง ครูถามให้นักเรียนตอบปากเปลา่ ถงึ การเขียนแสดงจานวนมดั ไม้ 10 ถึง 20 โดยเร่มิ จาก 10 แลว้ เขยี น กวา่ ร้อยละ 80 คณิตศาสตร์ 3.2 คะแนนรวม ด้านทักษะและ แสดงจานวนทีไ่ ด้ 1 สบิ กับ 0 หนว่ ย บนกระดานให้ครบทกุ จานวน ดงั น้ี กระบวนการทางคณิตศาสตร์ไม่ เพอื่ ใหน้ ักเรียนสามารถสอ่ื สาร สอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์ นอ้ ยกว่าร้อยละ 60
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒๒ ชน้ั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 142 หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ จานวน เขียนแสดงจานวนในรูปสิบกับหนว่ ย 10 1 สิบ กบั 0 หน่วย 11 1 สิบ กับ 1 หนว่ ย 12 1 สบิ กบั 2 หนว่ ย 13 1 สบิ กับ 3 หนว่ ย 14 1 สิบ กับ 4 หน่วย 15 1 สิบ กบั 5 หนว่ ย 16 1 สิบ กบั 6 หน่วย 17 1 สบิ กบั 7 หน่วย 18 1 สิบ กับ 8 หนว่ ย 19 1 สิบ กับ 9 หนว่ ย 20 2 สิบ กบั 0 หนว่ ย ขน้ั สอน 2. ในการสอนหลักและค่าของเลขโดดในหลกั สบิ และหลักหนว่ ยของจานวน 10 ถึง 20 ครแู นะนา 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เปน็ ตวั เลขแสดงจานวนนับทีม่ สี องหลกั คอื หลักสบิ และ หลกั หน่วย จากนัน้ ครูตดิ ภาพมดั ไม้แสดงจานวน 15 ให้นกั เรยี นตอบคาถาม
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒๒ 143 กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ชน้ั ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง - จากภาพมัดไมแ้ สดงจานวนอะไร (15) ครูเขยี น 15 บนกระดาน - เขียนแสดงจานวนมดั ไม้ไดอ้ ย่างไร (1 สิบ กับ 5 หนว่ ย) ครเู ขยี น 15 คือ 1 สิบ กบั 5 หน่วย พร้อมท้ังแนะนาเขยี นหลกั สิบ หลกั หน่วย ในตาราง พร้อมเขยี น 1 ใหต้ รงกบั หลกั สิบ และเขียน 5 ใหต้ รงกับหลกั หน่วย ดังน้ี หลกั สบิ หลักหนว่ ย 15 ครแู นะนาว่า 1 ใน หลักสิบ มีคา่ เป็น 10 5 ใน หลักหน่วย มีค่าเป็น 5 15 เปน็ จานวนสองหลักทมี่ ี 1 อยู่ในหลกั สบิ และ 5 อย่ใู นหลกั หนว่ ย ครูตดิ ภาพมัดไม้แสดงจานวน 20 ให้นกั เรียนตอบคาถาม -จากภาพมัดไม้แสดงจานวนอะไร (20) ครเู ขียน 20 บนกระดาน -เขียนแสดงจานวนมดั ไม้ไดอ้ ย่างไร (2 สบิ กับ 0 หน่วย) ครเู ขยี น 20 คอื 2 สิบ กับ 0 หน่วยพร้อมทงั้ เขียนหลักสบิ หลักหน่วยในตาราง และเขยี น 2 ใหต้ รง กับหลกั สิบ และเขียน 0 ให้ตรงกับหลักหนว่ ย ดงั นี้ หลกั สิบ หลกั หน่วย 20 2 ใน หลกั สิบ มีคา่ เป็น 20 0 ใน หลกั หนว่ ย มีคา่ เป็น 0 20 เป็นจานวนสองหลกั ทมี่ ี 2 อยูใ่ นหลกั สบิ และ 0 อยู่ในหลกั หน่วย
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๒๒ 144 กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ช้นั ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง ครยู กตัวอยา่ งจานวนอนื่ ๆ อกี 2 – 3 ตัวอยา่ งบนกระดาน ใหน้ ักเรียนเติมตัวเลข ลงตาราง แล้วตอบคาถาม เช่น 17 หลักสิบ หลกั หนว่ ย 17 1 อย่ใู นหลกั ใด (หลักสบิ ) มคี ่าเป็นเท่าใด (10) 7 อยู่ในหลกั ใด (หลกั หนว่ ย) มคี ่าเปน็ เท่าใด (7) จากน้นั ถามนกั เรยี นว่า ถ้า 1 อยู่ในหลกั สิบ และ 2 อยูใ่ นหลักหนว่ ย จานวนนั้นคืออะไร (12) ถ้า 1 อย่ใู นหลักสิบ และ 5 อยใู่ นหลักหนว่ ย จานวนนนั้ คอื อะไร (15) ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด 1.20 ขั้นสรุป 3. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ ว่า 10 ถงึ 20 เปน็ ตัวเลขแสดงจานวนนบั ที่มีสองหลัก คอื หลกั สบิ และ หลักหนว่ ยหนว่ ย โดยเลขโดดทางขวาอยใู่ นหลกั หนว่ ย เลขโดดทางซ้ายของหลักหนว่ ยอยูใ่ น หลักสบิ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขน้ั นา แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒๓ ขั้นสอน 145 ข้ันสรปุ แนวการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผล ทบทวนการเปรียบเทียบจานวนสองจานวนโดยใช้คาว่าเทา่ กนั หรือไม่เทา่ กนั ของจานวนทไ่ี มเ่ กนิ 10 การเปรียบเทยี บจานวนสองจานวนโดยใชค้ าวา่ เทา่ กนั หรอื ไม่เทา่ กนั ของจานวน 10 ถงึ 20 จากสื่อของจรงิ บัตรภาพ แบบฝกึ หดั 1.21 ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ วา่ จานวนสองจานวนเม่ือนามาเปรยี บเทียบกัน เมื่อจับคกู่ นั ได้พอดี แสดงว่ามีจานวนเทา่ กนั เม่ือจับคูก่ ันไดไ้ มพ่ อดี แสดงวา่ มีจานวนไม่เท่ากนั - ประเมนิ จากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหดั 1.21 - ประเมนิ จากการสือ่ สารและสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร์และการให้เหตุผล
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๓ 146 กลุม่ สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ ชน้ั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ชั่วโมง ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ การเปรียบเทียบจานวน 1 ถงึ 1.ของจรงิ เชน่ หนงั ยาง 20 และการใช้เครื่องหมาย = ≠ ขน้ั นา ถงุ พลาสติก ขวดเลก็ ฝาขวด ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดมือ ลูกแก้ว สาระสาคญั 1. ครจู ดั กิจกรรมการเปรียบเทยี บจานวนสองจานวนทเ่ี ทา่ กนั ดงั นี้ ลูกปดั 2..บัตรคา จานวนสองจานวนเม่ือนามา 1.1 ครูจัดนกั เรยี นชาย 7 คนและนักเรียนหญงิ 7 คน ออกมาเข้าแถวหนา้ ชน้ั ยืนหันหนา้ เขา้ หากัน 3. บตั รภาพ 4. แบบฝึกหัด 1.21 เปรียบเทยี บกนั จะเทา่ กนั หรือไม่ ใหน้ ักเรียนชายจับมือนักเรยี นหญงิ เป็นคู่ ๆ ครูถามว่า เทา่ กัน เมื่อจับคู่กันได้พอดี แสดงวา่ -นักเรียนชายกบั นักเรยี นหญิงจบั คูก่ นั ได้พอดหี รือไม่ (พอด)ี การประเมิน มจี านวนเทา่ กนั เมื่อจับคู่กันได้ไม่ -นักเรยี นชายกบั นกั เรยี นหญิงมีจานวนเท่ากันหรือไม่ (เท่ากัน) เพราะเหตุใด (จับคู่ไดพ้ อด)ี พอดี แสดงว่ามีจานวนไมเ่ ทา่ กัน ครบู อกวา่ ถา้ จับคู่ได้พอดี แสดงวา่ นักเรียนเรียนชายและนักเรยี นหญงิ งมจี านวนเท่ากนั 1. วธิ กี าร -มีนักเรยี นชายกค่ี น (7 คน) มีนกั เรียนหญงิ กี่คน (7 คน) 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ ครตู ดิ บตั รคา 7 เท่ากับ 7 บนกระดาน ใหน้ กั เรียนอ่าน “เจด็ เทา่ กับเจ็ด” ครูแนะนาเครอ่ื งหมาย = วา่ เคร่ืองหมาย = แทนการเท่ากัน คือ 7 = 7 แล้วใหน้ ักเรียนอ่านออก 2. เคร่ืองมือ ดา้ นความรู้ 2.1 แบบฝกึ หดั 1.21 เพื่อให้นักเรยี นสามารถ เสียงพร้อมกนั “เจด็ เทา่ กับเจ็ด” 2.2 แบบประเมินทักษะและ 1.2 ครูจดั นักเรียนชาย 5 คนและนกั เรียนหญงิ 8 คน ออกมาเข้าแถวหนา้ ช้ัน ยืนหันหนา้ เขา้ หากนั กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ เปรยี บเทียบจานวนนบั ไม่เกิน 20 ใหน้ ักเรยี นชายจับมือนักเรียนหญิงเป็นคู่ ๆ ครูถามว่า 3. เกณฑ์ สองจานวน -นักเรียนชายกับนักเรยี นหญงิ จบั คูก่ นั ได้พอดีหรือไม่ (ไม่พอดี) 3.1 ผลงานมคี วามถูกต้องไม่ น้อยกว่ารอ้ ยละ 80 -นักเรียนชายกบั นกั เรียนหญงิ มีจานวนเทา่ กนั หรอื ไม่ (ไม่เท่ากนั ) เพราะเหตุใด (จบั คไู่ ดไ้ ม่พอดี) ครูบอกวา่ ถ้าจับคู่ไดไ้ มพ่ อดี แสดงวา่ นกั เรยี นเรียนชายและนักเรยี นหญงิ มจี านวนไมเ่ ท่ากนั -มีนกั เรยี นชายกคี่ น (5 คน) มีนักเรยี นหญิงก่ีคน (8 คน)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๒๓ 147 กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ช้ัน ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ชั่วโมง ดา้ นทักษะและกระบวนการทาง คณิตศาสตร์ 3.2 คะแนนรวม ดา้ นทักษะและ เพ่ือใหน้ ักเรยี นสามารถ ครูตดิ บตั รคา 5 ไมเ่ ทา่ กบั 8 บนกระดาน ให้นักเรยี นอา่ น “ห้าไมเ่ ทา่ กับเแปด” กระบวนการทางคณิตศาสตร์ 1. สอื่ สารและส่อื ความหมาย ครแู นะนาเคร่ืองหมาย ≠ วา่ เครือ่ งหมาย ≠ แทนการไมเ่ ท่ากนั คือ 5 ≠ 8 แล้วให้นักเรียนอา่ นออกเสยี ง ไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 60 ทางคณิตศาสตร์ พรอ้ มกัน “หา้ ไม่เท่ากับแปด” 2. ให้เหตุผล ข้นั สอน 2.การเปรยี บเทยี บจานวนสองจานวนท่เี ทา่ กัน อาจจดั กิจกรรมดงั นี้ 2.1 ให้นักเรยี นจัด หนังยาง 11 อัน กับ ถงุ พลาสตกิ 11 ถุง เปน็ คู่ ๆ และจดั ขวดเลก็ 15 ขวด กับ ฝาขวด 15 ขวด กบั ฝาขวด 15 อัน เป็นคู่ ๆ ใหค้ รูดู แล้วบอกครวู ่าจดั เป็นคู่ได้พอดีหรือไม่ (พอด)ี เพราะเหตใุ ด (จัดค่ไู ด้พอดี ไม่มเี หลอื ) ครยู ้าวา่ ถ้าจับคไู่ ดพ้ อดี แสดง ว่าหนังยางและถุงพลาสติกมจี านวนเท่ากัน ครูถามว่าได้หนังยางกบั ถุงพลาสติกก่ีคู่ (11 คู่) ขวดเลก็ กบั ฝาขวดกี่คู่ (15 คู่) เขียนแสดงการเทา่ กนั ไดอ้ ย่างไร (11 = 11 และ 15 = 15) 2.2 ครูนาบัตรภาพ 2 ภาพ ตดิ บนกระดาน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒๓ ชน้ั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 148 หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ -ภาพสติก๊ เกอร์การ์ตนู นับจานวนไดเ้ ท่าใด (12) -ภาพสต๊กิ เกอรค์ น นับจานวนไดเ้ ท่าใด (12) -สติก๊ เกอร์การ์ตนู กับสต๊กิ เกอร์คนมจี านวนเท่ากันหรอื ไม่ (เทา่ กนั ) เพราะเหตใุ ด (ได้จากการนบั จานวนในภาพ 12 = 12 หรือ อาจจบั คสู่ ต๊ิกเกอร์การ์ตูนกบั สตก๊ิ เกอร์คนแลว้ จับคู่ได้พอดี ครูบอกว่าถา้ จบั คไู่ ด้พอดี แสดงวา่ สติก๊ เกอร์การ์ตนู กบั สติ๊กเกอร์คนมจี านวนเทา่ กนั ) ครูตดิ บตั รคา 12 เท่ากับ 12 บนกระดาน ให้นกั เรียนอ่าน “สบิ สองเทา่ กบั สิบสอง” 12 = 12 3.การเปรียบเทยี บจานวนสองจานวนทไี่ มเ่ ท่ากัน อาจจัดกจิ กรรม ดังน้ี 3.1 ครูจดั นกั เรยี นชาย 9 คนและนักเรียนหญงิ 6 คน ออกมาเข้าแถวหนา้ ชั้น ยนื หนั หนา้ เขา้ หากัน ให้ นกั เรียนชายจับมือนักเรียนหญิงเป็นคู่ ๆ ครูถามวา่ -นกั เรยี นชายกับนกั เรยี นหญิงจับคู่กนั ไดพ้ อดีหรือไม่ (ไม่พอด)ี -นกั เรยี นชายกบั นักเรียนหญิงมจี านวนเทา่ กนั หรือไม่ (ไม่เท่ากัน) -เพราะเหตุใด (มีนักเรียนชายเหลอื อยู่ จับคู่ไดไ้ มพ่ อดี) ครูบอกว่าถา้ จบั คูไ่ ด้ไม่ พอดี แสดงว่านกั เรียนชายกบั นกั เรยี นหญิงมีจานวนไมเ่ ท่ากัน)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒๓ 149 กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ชนั้ ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง -มนี ักเรยี นชายกค่ี น (9 คน) มีนักเรียนหญิงกี่คน (6 คน) ครตู ดิ บตั รคา 9 ไม่เท่ากับ 6 บนกระดาน 9≠ 6 ครูแนะนาเคร่ืองหมาย ≠ วา่ เครอื่ งหมาย ≠ แทนการไม่เท่ากัน แล้วใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงพร้อม กนั “เก้าไม่เท่ากบั หก” 3.2 ครูตดิ บัตรภาพเด็กเล่นชงิ ชา้ - นบั จานวนชิงชา้ ได้กีอ่ นั (11 อัน) - นับจานวนเด็กได้ก่ีคน (13 คน) - ชิงชา้ กบั เดก็ จบั คู่กนั ได้พอดหี รอื ไม่ (ไม่พอดี) - ชงิ ช้ากบั เดก็ มีจานวนเทา่ กนั หรือไม่ (ไม่เทา่ กนั ) - เพราะเหตุใด (มเี ด็กเหลอื อยู่ จับคู่ได้ไม่พอด)ี ครูบอกว่าถา้ จับคู่ได้ไม่พอดี แสดงวา่ ชิงชา้ กบั เดก็ มีจานวนไม่เท่ากัน) - มีชงิ ช้ากอ่ี นั (11 อนั ) มีเดก็ กี่คน (13 คน)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๒๓ ช้ัน ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 150 หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ครูติดบัตรคา 11 ไมเ่ ทา่ กับ 13 บนกระดาน 11 ≠ 13 แลว้ ใหน้ กั เรยี นอ่านออกเสยี งพรอ้ มกนั “สิบเอ็ดไม่เทา่ กบั สิบสาม” ครตู ิดบตั รภาพแสดงถั่วเขียวบนกระดาน ให้นักเรียนตอบคาถาม - จากการมองภาพ นักเรยี นคิดว่าสองภาพนี้มีจานวนถ่ัวเขียว เท่ากนั หรือไม่ (ไมเ่ ท่ากนั เทา่ กัน) - ภาพถว่ั เขยี วซ้ายมอื นับจานวนถว่ั เขยี วได้กีเ่ มด็ (11 เมด็ ) - ภาพถ่ัวเขียวขวามอื นบั จานวนถัว่ เขยี วไดก้ ี่เมด็ (8 เม็ด) - ภาพซ้ายมอื กับภาพขวามือมีจานวนถว่ั เขยี วเทา่ กนั หรอื ไม่ (ไมเ่ ทา่ กนั ) เพราะเหตุใด (จบั คู่ถว่ั เขยี วซา้ ยมอื กบั ถ่ัวเขียวขวามือแล้ว มีถว่ั เขียวเหลอื อยู่ จับคู่ได้ไม่พอด)ี ครถู ามจากการมองภาพคร้ังแรกแล้วตอบว่าเทา่ กนั หรือไม่เท่ากันน้ัน ใครตอบถกู บา้ ง ครูแนะนาการมองจานวน จากภาพอาจทาให้การเหน็ จานวนสิ่งของคลาดเคล่ือนได้ ครูติดบัตรภาพแสดงการจบั คู่ของถวั่ เขียว
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒๓ ชน้ั ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 151 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ จากภาพครบู อกวา่ ถา้ จบั คู่ได้ไม่พอดี แสดงว่าถ่ัวเขยี วซ้ายมือกบั ถว่ั เขยี วขวามือมีจานวนไมเ่ ท่ากนั ครตู ดิ บตั รคา 11 ไม่เทา่ กับ 8 บนกระดาน 11 ≠ 8 แล้วใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงพรอ้ มกนั “สบิ เอ็ดไม่เท่ากบั แปด” และย้าว่า ≠ แทนการไม่เทา่ กนั 3.3 ให้นักเรยี นจัด ผา้ เช็ดหน้า 13 ผืน กบั ผา้ เช็ดมอื 14 ผนื เปน็ คู่ ๆ และจัดลกู แกว้ 20 อนั กับ ลูกปัด 12 อัน เปน็ คู่ ๆ ใหค้ รูดู แลว้ บอกครวู ่าจดั เป็นคู่ได้พอดีหรือไม่ (ไม่พอด)ี เพราะเหตุใด (จดั คูไ่ ด้ไม่พอดี มีเหลือ) ครบู อกว่าถ้าจบั คู่ได้ไม่พอดี แสดงวา่ ผ้าเช็ดหน้ากบั ผา้ เชด็ มอื และ ลกู แก้วกบั ลูกปดั มจี านวนไมเ่ ท่ากนั เขยี นแสดงการไมเ่ ท่ากันได้อย่างไร (13 ≠ 14 และ 20 ≠ 12)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒๓ ช้นั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 152 หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ให้นักเรียนทากจิ กรรมทานองนีด้ ้วยของจรงิ หรือบตั รภาพ อกี 2 -3 ตวั อยา่ ง จนนกั เรยี นเข้าใจวา่ เม่ือจบั คู่กันไดพ้ อดี แสดงวา่ มีจานวนเทา่ กัน เมื่อจบั คกู่ นั ได้ไมพ่ อดี แสดงวา่ มจี านวน ไมเ่ ท่ากนั จากนั้นให้นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั 1.21 ขัน้ สรุป 4. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปวา่ จานวนสองจานวนเม่อื นามาเปรยี บเทียบกัน โดยการจับคู่จะเท่ากันเมื่อจับคู่ไดค้ รบพอดี จะไม่เท่ากนั เมอ่ื จบั คไู่ ดไ้ ม่พอดี
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขั้นนา แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒๔ ข้นั สอน 153 ขัน้ สรุป แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล ทบทวนการเปรียบเทยี บจานวนสองจานวนวา่ เท่ากนั หรือไมเ่ ทา่ กนั การเปรยี บเทยี บจานวนสองจานวนโดยใชค้ าวา่ มากกว่า หรอื นอ้ ยกว่า จากส่อื ของจรงิ บตั รภาพ แบบฝกึ หดั 1.22 ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ว่าจานวนสองจานวนเมอื่ นามาเปรยี บเทียบกนั จะเท่ากัน มากกว่ากนั หรือนอ้ ยกว่ากัน อยา่ งใดอย่างหน่งึ เพยี งอยา่ งเดียวเทา่ นัน้ - ประเมินจากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหดั 1.22 - ประเมินจากการสือ่ สารและสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร์และการใหเ้ หตผุ ล
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๒๔ 154 กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ช้นั ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ชั่วโมง ขอบเขตเนอ้ื หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ การเปรียบเทยี บจานวน 1 ถึง 20 1. ของจรงิ เชน่ เก้าอ้ี และการใช้เคร่ืองหมาย > < ขั้นนา 2. บัตรภาพ 3. แบบฝกึ หัด 1.22 สาระสาคัญ 1. ทบทวนการเปรยี บเทยี บจานวนสองจานวนโดยใชค้ าวา่ เทา่ กันหรือไมเ่ ทา่ กัน การประเมนิ จานวนสองจานวนเมอื่ นามา ครูจดั เกา้ อไี้ วห้ น้าห้อง 10 ตวั ใหน้ ักเรยี น 10 คนออกมานงั่ บนเก้าอ้ีคนละ 1 ตวั ครูถามว่าเก้าอ้ี 10 ตวั 1. วิธกี าร เปรียบเทยี บกัน จะเทา่ กัน มากกว่ากนั กับนกั เรียน 10 คน นั่งได้พอดีหรือไม่ (พอดี) เพราะเหตใุ ด (จบั คู่ได้พอดี) ครทู บทวนว่าถา้ จบั คู่ไดพ้ อดี 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ หรอื น้อยกวา่ กัน อย่างใดอยา่ งหน่ึง แสดงวา่ นักเรียนทัง้ สองกลุ่มมีจานวนเทา่ กัน 1.2 ตรวจแบบฝึกหดั ครูถามวา่ -นบั จานวนเก้าอไี้ ดก้ ต่ี วั (10 ตัว) เพียงอย่างเดยี วเทา่ นัน้ 2. เครื่องมอื -นบั จานวนคนไดก้ ่ีคน (10 คน) 2.1 แบบฝกึ หัด 1.22 2.2 แบบประเมินทกั ษะและ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ -นบั จานวนเก้าอ้กี ับจานวนคนไดเ้ ทา่ กันหรือไม่เท่ากัน (เท่ากนั ) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ -เขียนแทนการเท่ากันได้อย่างไร (10 = 10) ดา้ นความรู้ ครูตดิ บตั รภาพ 2 ภาพ บนกระดาน ใหน้ ักเรียนตอบคาถาม เพ่อื ใหน้ ักเรยี นสามารถ เปรียบเทยี บจานวนนบั ไมเ่ กนิ 20 -จากการมองภาพ นักเรยี นคิดว่าสองภาพน้ีมจี านวนรปู หน้าการต์ ูนกบั จานวนรูปหวั ใจ 3. เกณฑ์ สองจานวน รูปหัวใจเทา่ กันหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (ตอบตามจรงิ ) 3.1 ผลงานมีความถูกต้อง ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ด้านทักษะและกระบวนการทาง -ใหจ้ ับคูร่ ปู หนา้ การต์ ูนกับจานวนรูปหัวใจ จับคไู่ ด้พอดหี รือไม่ (ไม่พอด)ี 3.2 คะแนนรวม ด้านทกั ษะและ คณิตศาสตร์ -จับค่ไู ดไ้ มพ่ อดแี สดงวา่ จานวนรปู หน้าการ์ตนู กับจานวนรปู หัวใจเทา่ กนั หรือไม่ (ไมเท่ากัน) กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ เพื่อให้นักเรียนสามารถ ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 60 1. สอื่ สารและสื่อความหมาย ทางคณิตศาสตร์ 2. ให้เหตุผล
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๒๔ ช้นั ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 155 หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ครตู ดิ บตั รภาพแสดงการจบั คู่รปู หน้าการต์ ูนกับจานวนรปู หัวใจ -นบั จานวนรูปหน้าการ์ตนู ไดก้ ่ีรปู (11 รปู ) -นับจานวนรปู หวั ใจไดก้ รี่ ูป (16 รปู ) -เขียนแสดงการไม่เท่ากนั ได้อย่างไร (11 ≠ 16) ขั้นสอน 2. การเปรียบเทียบจานวนสองจานวนโดยใชค้ าวา่ มากกว่าหรอื น้อยกว่า 2.1 ครูตดิ บัตรภาพ 2 ภาพ บนกระดาน ใหน้ ักเรียนตอบคาถาม บัตรภาพ 1 บัตรภาพ 2 -บัตรภาพ 1 มีดนิ สอสีเหลืองกี่อัน (13 แท่ง) ทราบได้อย่างไร (มีดนิ สอที่มัดครบสิบ 1 มดั กับดินสอ 3 แทง่ ) -บัตรภาพ 2 มรี ปู ดนิ สอสเี ขียวกี่อนั (16 รูป) ทราบได้อย่างไร (มดี นิ สอท่ีมัดครบสิบ 1 มดั กับดนิ สอ 6 แทง่ ) ครใู หน้ ักเรยี นเปรยี บเทียบจานวนดินสอในบตั รท้ังสองภาพ ถามวา่
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒๔ 156 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ชัน้ ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง -บัตรภาพท้งั สองมจี านวนดนิ สอทีค่ รบสบิ เท่ากันหรือไม่ (เทา่ กนั ) มีกีม่ ัด (1 มัด) แสดงจานวนใด (1 สบิ หรอื 10) -บตั รภาพทงั้ สองมีจานวนดินสอท่ไี ม่ครบสบิ เท่ากันหรือไม่ (ไม่เท่ากนั ) -ภาพใดมจี านวนดนิ สอที่ไม่ครบสบิ มากกวา่ (ภาพที่ 2) มีกแ่ี ท่ง (6 แทง่ ) -จากภาพจานวนดนิ สอสเี ขียวมากกวา่ หรือนอ้ ยกวา่ สเี หลือง (มากกวา่ ) น่นั คือ “จานวนดินสอสเี ขียว มากกว่า จานวนดินสอสีเหลือง” เขียนแสดงการเปรียบเทยี บ ได้ดังนี้ “16 มากกวา่ 13 หรือ 16 > 13” ครูแนะนาเครอื่ งหมาย > วา่ เคร่ืองหมาย > แทน มากกว่า แล้วใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสยี งพร้อมกนั “สบิ หกมากกว่าสบิ สาม” โดยตดิ บตั รภาพ 2 ภาพ บนกระดาน ครยู กตัวอยา่ งเพิ่มอีก 1 ตวั อยา่ งใหน้ ักเรียนเปรยี บเทียบ จานวนรถจากภาพท้ังสอง พร้อมเขียนแสดงการเปรยี บเทยี บโดยใชเ้ ครอ่ื งหมาย > หรอื < ซง่ึ จะได้วา่ รถจักรยานยนตม์ ากกว่ารถจักรยาน เขียนแสดงการเปรียบเทียบ ได้ 13 มากกวา่ 12 13 > 12 ครูย้าเคร่ืองหมาย > ว่า เครอื่ งหมาย > แทน “มากกวา่ ” แลว้ ให้นกั เรยี นอ่านออกเสยี งพร้อมกนั “สิบสามมากกวา่ สบิ สอง”
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒๔ ชน้ั ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 157 หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ บัตรภาพ 1 บตั รภาพ 2 - ครูถามนกั เรียนวา่ จานวนดินสอสเี หลืองมากกว่าหรือนอ้ ยกวา่ สเี ขียว (นอ้ ยกว่า) “ดังนั้น จานวน ดนิ สอสีเหลือง น้อยกว่า จานวนดินสอสเี ขียว”เขยี นแสดงการเปรยี บเทยี บได้ดงั นี้ “13 น้อยกว่า 16 หรือ 13 < 16” ครูแนะนาเคร่อื งหมาย < ว่า เคร่อื งหมาย < แทน นอ้ ยกวา่ แล้วใหน้ กั เรยี นอา่ นออกเสียงพร้อมกัน “สิบสามน้อยกวา่ สบิ หก” หรอื รถจักรยานน้อยกว่ารถจักรยานยนต์ เขียนแสดงการเปรียบเทียบได้ 12 น้อยกวา่ 13 12 < 13 ครยู า้ เครื่องหมาย < ว่า เคร่ืองหมาย < แทน “น้อยกวา่ ” แล้วใหน้ ักเรยี นอา่ นออกเสียงพรอ้ มกัน “สบิ สองน้อยกว่าสิบสาม” ครูแนะนาว่าถ้าจานวนสองจานวนไมเ่ ท่ากัน แสดงวา่ จานวนหน่ึงจะต้องมากกว่า หรือนอ้ ยกวา่ อีกจานวนหนึ่ง
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๒๔ 158 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช้ัน ป. ๑ หนว่ ยท่ี ๑ จานวน หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง 2.2 ครตู ดิ บัตรภาพแสดงจานวนนักเรียนและจานวนเกา้ อี้ บนกระดานแลว้ ใหน้ กั เรียนตอบคาถาม -มีนกั เรยี นกี่คน (16 คน) -มีเก้าอีก้ ตี่ ัว (12 ตวั ) -จานวนนักเรยี นมากกวา่ หรอื น้อยกว่าจานวนเกา้ อ้ี (มากกวา่ ) -เขยี นแสดงการเปรยี บเทียบได้อยา่ งไร 16 มากกวา่ 12 16 > 12 ครูแนะนาวธิ กี ารเปรียบเทียบจานวนในรูปกระจาย โดยถามว่า - 12 เขียนในรูปกระจายได้อยา่ งไร (12 = 10 + 2) - 16 เขียนในรูปกระจายไดอ้ ยา่ งไร (16 = 10 + 6) ครเู ขียนบนกระดาน แล้วให้นักเรยี นสังเกต 16 = 10 + 6 12 = 10 + 2 6 มากกว่า 2 หรอื 2 นอ้ ยกวา่ 6
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๒๔ ช้ัน ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 159 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ดงั นน้ั 16 > 12 หรือ 12 < 16 ให้นกั เรยี นอ่านออกเสยี งพร้อมกนั “สิบหกมากกว่าสิบสอง หรือ สิบสองน้อยกว่าสิบหก” ครูติดบตั รภาพแสดงจานวนสัตว์บนกระดาน ใหน้ ักเรยี นตอบคาถาม -นับจานวนหมีได้กีต่ วั (11 ตวั ) -เขียน 11 แสดงจานวนในรปู กระจายได้อย่างไร (11 = 10 + 1) -นบั จานวนสุนขั ได้กตี่ วั (14 ตัว) -เขยี น 14 แสดงจานวนในรปู กระจายได้อย่างไร (14 = 10 + 4) ครูเขียนบนกระดาน แลว้ ให้นักเรียนสงั เกต 11 = 10 + 1 14 = 10 + 4 1 น้อยกว่า 4 หรือ 4 มากกว่า 1 ดงั นั้น 11 < 14 หรอื 14 > 11 ใหน้ ักเรยี นอา่ นออกเสยี งพร้อมกนั “สิบเอ็ดน้อยกว่าสบิ ส่ี หรอื สิบส่ีมากกวา่ สบิ เอ็ด” ครูตดิ บัตรภาพแสดงจานวนขนม บนกระดาน ให้นักเรยี นตอบคาถาม
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒๔ ชั้น ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 160 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ -นบั จานวนขนมคัพเค้กได้กีช่ ิน้ (15 ช้นิ ) -เขยี น 15 แสดงจานวนในรูปกระจายไดอ้ ย่างไร (15 = 10 + 5) -นบั จานวนขนมโดนทั ได้กช่ี น้ิ (10 ชิน้ ) -เขียน 10 แสดงจานวนในรูปกระจายไดอ้ ย่างไร (10 = 10 + 0) ครูเขยี นบนกระดาน แล้วให้นกั เรยี นสงั เกต 15 = 10 + 5 10 = 10 + 0 5 มากกวา่ 0 หรือ 0 นอ้ ยกวา่ 5 ดงั น้ัน 15 > 10 หรอื 10 < 15 ครูจัดกิจกรรมทานองเดียวกนั นอ้ี ีก 2 – 3 ตัวอย่าง และให้นกั เรียนทาแบบฝึกหดั 1.22 ข้ันสรปุ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปวา่ จานวนสองจานวนเม่อื นามาเปรียบเทยี บกนั จะเท่ากัน มากกวา่ กนั หรอื น้อยกวา่ กนั อย่างใดอย่างหนึง่ เพยี งอย่างเดยี วเทา่ นนั้
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขนั้ นา แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒๕ ข้ันสอน 161 ข้นั สรุป แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ การวดั และประเมินผล ทบทวนการเปรียบเทียบจานวนนบั 10 ถึง 20 การเปรยี บเทยี บจานวนโดยใชเ้ ส้นจานวน การเรยี งลาดับ แบบฝกึ หัด 1.23 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ วา่ การเปรยี บเทยี บจานวนโดยใช้เสน้ จานวน จานวนท่อี ยู่ทางซา้ ยจะนอ้ ยกวา่ จานวนทีอ่ ยู่ทางขวา และจานวนทอี่ ยทู่ างขวาจะมากกว่าจานวนทอ่ี ยทู่ างซา้ ย - ประเมินจากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหดั 1.23 - ประเมินจากการสอื่ สาร สอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒๕ 162 กลุม่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ชัน้ ป. ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง หนว่ ยที่ ๑ จานวน หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ ขอบเขตเน้อื หา กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. บัตรภาพ การเปรียบเทียบจานวน 1 ถงึ 20 ข้นั นา 2. บัตรภาพเสน้ จานวน โดยใชเ้ สน้ จานวน 3. แบบฝกึ หดั 1.23 1. ทบทวนการเปรียบเทยี บจานวนนบั 10 ถึง 20 การประเมนิ สาระสาคญั ครูติดบตั รภาพแสดงจานวนบนกระดาน ให้นกั เรียนตอบคาถาม 1. วิธีการ จานวนสองจานวนเม่ือนามา 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ 1.2 ตรวจแบบฝกึ หัด เปรยี บเทียบกนั จะเท่ากนั มากกวา่ กนั 2. เคร่ืองมอื หรือน้อยกว่ากนั อย่างใดอย่างหนงึ่ 2.1 แบบฝกึ หัด 1.23 2.2 แบบประเมินทักษะและ เพียงอยา่ งเดยี วเทา่ นนั้ -มที ่ีเปดิ ขวดกี่อนั (17 อนั ) มีพวงกญุ แจกี่อนั (11 อัน) กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ -17 เขียนในรูปกระจายอยา่ งไร (17 = 10 + 7) 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีความถูกตอ้ งไม่น้อย จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 11 เขยี นในรูปกระจายอย่างไร (11 = 10 + 1) กวา่ ร้อยละ 80 ครูเขียนจานวนในรปู กระจายบนกระดาน ถามนกั เรียนวา่ จานวนใดมากกวา่ หรอื 3.2 คะแนนรวม ดา้ นทักษะและ ดา้ นความรู้ จานวนใดนอ้ ยกว่า (17 มากกวา่ 11 หรอื 11 นอ้ ยกวา่ 17) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ไม่ เพื่อให้นกั เรยี นสามารถ นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 ดังนน้ั 17 > 11 หรือ 11 < 17 เปรียบเทยี บจานวนนบั ไม่เกิน 20 ครตู ดิ บตั รภาพแสดงจานวนบนกระดาน ให้นักเรียนตอบคาถาม สองจานวน ด้านทกั ษะและกระบวนการทาง คณิตศาสตร์ เพื่อให้นักเรยี นสามารถ ส่ือสาร ส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ -มตี ุก๊ ตากี่ตวั (16 ตัว) มีตวั อักษรภาษาองั กฤษกี่ตวั (19 ตัว) -16 เขยี นในรูปกระจายอย่างไร (16 = 10 + 6)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๒๕ 163 กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ชั้น ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ชั่วโมง 19 เขยี นในรูปกระจายอย่างไร (19 = 10 + 9) ครูเขยี นจานวนในรปู กระจายบนกระดาน ถามนักเรยี นว่าจานวนทีไ่ ม่ครบสบิ จานวนใดมากกวา่ หรือ จานวนใดน้อยกว่า (16 นอ้ ยกว่า 19 หรอื 19 มากกว่า 16) ดงั นั้น 16 < 19 หรอื 19 > 16 ขน้ั สอน 2. การเปรยี บเทียบจานวนโดยใชเ้ ส้นจานวน ครูติดบัตรภาพเสน้ จานวน และแนะนาเส้นจานวนท่แี สดงจานวน 0 ถึง 20 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ครชู ท้ี ี่จานวนแตล่ ะตัวใหน้ ักเรยี นอ่าน เช่น ชท้ี ี่ 1 นบั 1 ชที้ ่ี 2 นบั 2 ชที้ ่ี 3 นบั 3 ไปเรอื่ ยๆ จนครบ 20 2.1 ครูนาบัตรภาพแสดงจานวนตกุ๊ ตากับตัวอักษรภาษาอังกฤษตดิ บนกระดานอกี คร้ัง ครูแสดงตาแหน่งของจานวนตกุ๊ ตา 16 ตัว บนเส้นจานวน 160 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๒๕ ช้นั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 164 หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ครูแสดงตาแหน่งของจานวนตวั อักษรภาษาอังกฤษ 19 ตัวบนเส้นจานวน 190 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ครใู หน้ ักเรยี นแสดงตาแหนง่ ของ 17 บนเส้นจานวน 17 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ครูใหน้ กั เรยี นแสดงตาแหน่งของ 12 บนเส้นจานวน 12 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 2.2 ครูช้ที ีต่ ัวเลข 2 กับ 5 ถามว่า 2 กบั 5 จานวนใดนอ้ ยกวา่ (2) ครูเขียน 2 < 5 แลว้ ช้ที ี่ตวั เลข 7 กับ 10 ถามว่าจานวนใดนอ้ ยกว่า (7) ครูใหน้ กั เรยี นทุกคนบอกจานวน 2 จานวน แล้วเปรยี บเทยี บวา่ จานวนใดมากกว่า จานวนใดน้อยกวา่ จากน้ันใหน้ กั เรยี นสงั เกตตาแหน่งของจานวนทั้ง 2 บนเสน้ จานวน เช่น 9 < 12 เพราะ 9 อย่ทู างซ้ายของ 12 หรอื 12 > 9 เพราะ 12 อยู่ทางขวาของ 9
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๒๕ 165 กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ชั้น ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ชั่วโมง ครจู ดั กิจกรรมในทานองเดียวกันอีก 2 – 3 ตวั อยา่ ง แล้วรว่ มกนั สรปุ ว่า “จานวนทีอ่ ยู่ทางซา้ ยจะน้อย กว่าจานวนทีอ่ ยทู่ างขวา และจานวนท่อี ยู่ทางขวาจะมากกวา่ จานวนท่ีอย่ทู างซ้าย” ครใู ห้นักเรยี นเปรียบเทียบ 19 กับ 14 โดยใชเ้ ส้นจานวน โดยครตู ดิ บตั รภาพแสดงเสน้ จานวน แลว้ ให้ นกั เรียนเขียนวงล้อม 19 กับ 14 พรอ้ มตอบคาถาม เส้นจานวนแสดงตาแหนง่ ของ 19 กับ 14 14 19 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 143 14 15 16 174 18 19 20 -19 กับ 14 จานวนใดน้อยกวา่ (14) เพราะเหตุใด (14 อยู่ทางซา้ ยของ 19) -เขียนแสดงการเปรียบเทยี บได้อยา่ งไร (14 < 19 หรอื 19 > 14) ครูใหน้ ักเรยี นเปรียบเทยี บ 9 กับ 13 โดยตดิ บัตรภาพแสดงเส้นจานวน แลว้ ให้นกั เรยี นเขยี นวงล้อม 9 กบั 13 พรอ้ มตอบคาถาม เสน้ จานวนแสดงตาแหน่งของ 9 กับ 13 9 13 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 142 13 14 15 16 17 18 19 20 - 9 กับ 13 จานวนใดน้อยกว่า (9) เพราะเหตใุ ด (9 อยู่ทางซ้ายของ 13) -เขยี นแสดงการเปรยี บเทียบไดอ้ ย่างไร (9 < 13 หรอื 13 > 9) ครูใหน้ ักเรียนฝกึ ทาการเปรยี บเทยี บอกี 2 -3 ตัวอยา่ ง
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๕ 166 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ชน้ั ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง 2.3 ครูให้นักเรยี นเรยี งลาดับจานวน 15 13 และ 18 โดยใชเ้ สน้ จานวน โดยครูตดิ บัตรภาพแสดงเสน้ จานวน แล้วให้นกั เรียนเขียนวงล้อม 15 13 และ 18 พร้อมตอบคาถาม เสน้ จานวนแสดงตาแหนง่ ของ 15 13 และ 18 13 15 18 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 142 13 144 15 16 417 18 19 20 -จานวนใดน้อยทีส่ ุด(13) เพราะเหตุใด (13 อยู่ทางซา้ ยสดุ ) -จานวนใดมากที่สดุ (18) เพราะเหตุใด (18 อยู่ทางขวาสุด) ครูให้นกั เรยี นนาจานวนทง้ั 3 จานวนใส่ใน ท่เี รยี งจากน้อยไปมาก จานวนนอ้ ยท่ีสุด จานวนมากท่ีสุด 13 15 18 -เขยี นแสดงการเรียงลาดบั จากนอ้ ยไปมากได้อยา่ งไร (13 15 18) เพราะเหตุใด (เรยี งจากซ้ายไปขวา) -เขียนแสดงการเรียงลาดับจากมากไปน้อยได้อย่างไร (18 15 13) เพราะเหตุใด (เรยี งจากขวามาซา้ ย) เสน้ จานวนแสดงตาแหน่งของ 14 7 และ 19 7 14 19 0 1 2 3 4 5 6 7 8 ข9อเล1ข0 71114112914อ3ยูใ่1น4วง1ก5ลม16ดว้ 1ย7ค4่ะ18 19 20 -จานวนใดน้อยท่ีสดุ (7) เพราะเหตุใด (7 อย่ทู างซ้ายสดุ )
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๒๕ 167 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ชั้น ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ชั่วโมง - จานวนใดมากที่สดุ (19) เพราะเหตใุ ด (19 อยู่ทางขวาสุด) - เขียนแสดงการเรียงลาดบั จากน้อยไปมากได้อยา่ งไร (7 14 19) เพราะเหตุใด (เรยี งจาก ซา้ ยไปขวา) - เขยี นแสดงการเรยี งลาดบั จากมากไปน้อยได้อย่างไร (19 14 7) เพราะเหตใุ ด (เรียงจาก ขวามาซ้าย) จากนน้ั ให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด 1.23 ขน้ั สรุป 3. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปว่า จานวนสองจานวนเมือ่ นามาเปรียบเทยี บกนั จะเทา่ กนั มากกวา่ กัน หรือน้อยกวา่ กัน อยา่ งใดอยา่ งหนึ่งเพียงอย่างเดยี วเทา่ นั้น และการเรยี งลาดับจานวนโดยใช้ เส้นจานวน จานวนทอี่ ยทู่ างซา้ ยสุดจะน้อยท่ีสุด และจานวนท่ีอยทู่ างขวาสดุ จะมากท่ีสดุ แล้วเรียงลาดับ จากนอ้ ยไปมาก หรอื มากไปน้อย
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขน้ั นา แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒๖ ข้นั สอน 168 ขนั้ สรุป แนวการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ การวดั และประเมินผล ทบทวนการเปรยี บเทยี บจานวนนับ 10 ถึง 20 แนะนาการเรียงลาดบั จานวนจากน้อยไปมากหรือจากมากไปนอ้ ย นักเรยี นปฏบิ ตั กิ ารเรยี งลาดับจานวน แบบฝกึ หดั 1.24 ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปว่าการเรยี งลาดบั จานวน ทาไดโ้ ดยเปรยี บเทยี บจานวนนับทลี ะคู่ แลว้ เรยี งลาดบั จากนอ้ ยไปมาก หรือมากไปน้อย - ประเมนิ จากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหัด 1.24 - ประเมินจากการสือ่ สารและส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์และการเชอ่ื มโยง
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒๖ 169 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ชั้น ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู้ การเรียงลาดับจานวน 10 ถงึ 20 1. ของจริง เชน่ ลกู ปงิ ปอง ไม้ปงิ ปอง สาระสาคัญ ข้นั นา 2. บตั รภาพ 3. บตั รภาพเส้นจานวน การเรียงลาดับจานวนทาได้ 1. ทบทวนการเปรยี บเทยี บจานวนนบั 10 ถงึ 20 โดยวิธีต่างๆ 4. บัตรตวั เลขฮนิ ดูอารบิกแต่ละตัว โดยเปรยี บเทยี บจานวนนับทีละคู่ 1.1 ครใู หน้ กั เรยี น 2 คนออกมาช่วยกนั จบั คู่ ลูกปิงปอง 5 ลกู และ ไมป้ ิงปอง 8 อัน ให้นักเรยี น แลว้ เรียงลาดับจากนอ้ ยไปมากหรือ 10 ถึง 20 มากไปน้อย ทกุ คนดูและตอบคาถาม 5. แบบฝกึ หดั 1.23 -จบั ค่ลู กู ปิงปองกบั ไมป้ ิงปองได้พอดีก่ีคู่ (5 คู่) -สง่ิ ท่เี หลือคือลูกปิงปองหรือไมป้ งิ ปอง (ไม้ปิงปอง) การประเมิน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - 5 > 8 หรือ 8 > 5 เพราะอะไร (8 มากกว่า 5 เพราะจับคูแ่ ลว้ ไมป้ ิงปองเหลืออยู่) 1. วธิ กี าร 1.2 ครชู บู ตั รภาพ ให้นักเรยี นตอบว่าจานวนพริกหยวกเขียวมากกว่าหรอื น้อยกวา่ หรือเท่ากัน 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ กบั จานวนหวั หอม เพราะเหตุใด 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด เพอื่ ให้นกั เรยี นสามารถเรียงลาดับ 2. เครอ่ื งมอื จานวน 10 ถึง 20 สามถงึ ห้าจานวน 2.1 แบบฝึกหัด 1.23 2.2 แบบประเมินทักษะและ ด้านทักษะและกระบวนการทาง กระบวนการทางคณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ เพ่ือให้นกั เรียนสามารถ 1. สื่อสารและสอ่ื ความหมาย 3. เกณฑ์ ทางคณิตศาสตร์ 3.1 ผลงานมคี วามถูกตอ้ งไม่น้อย 2. เชอ่ื มโยงคณติ ศาสตร์กบั กวา่ รอ้ ยละ 80 ชวี ติ จริง (มจี านวนเทา่ กัน เพราะจากการนับ นับพริกหยวกเขยี วได้ 6 ช้ิน นบั หัวหอมได้ 6 ช้ินเทา่ กนั )
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒๖ 170 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ชั้น ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ชั่วโมง 1.3 ครูชบู ัตรตวั เลขฮินดูฮินดอู ารบิก 2 ใบ ใหน้ ักเรียนตอบวา่ จานวนใดมากกว่าหรือน้อยกว่าหรือ 3.2 คะแนนรวม ดา้ นทกั ษะและ เท่ากนั เพราะเหตุใด กระบวนการทางคณิตศาสตร์ไม่ น้อยกว่ารอ้ ยละ 60 16 11 11 16 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 11 < 16 เพราะ 11 อยูท่ างซา้ ยของ 16 บนเส้นจานวน หรือ 16 > 11 15 20 15 20 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 15 < 20 เพราะ 15 อยู่ทางซา้ ยของ 20 บนเสน้ จานวน หรอื 20 > 15 ขนั้ สอน 2. การเรียงลาดับจานวนนับ 10 ถงึ 20
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๒๖ 171 กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ช้นั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 2.1 ครตู ิดบัตรภาพและบตั รภาพเสน้ จานวน แลว้ ใช้การถามตอบ เรียงลาดับจานวนโดยใช้เสน้ จานวน -มียางลบก่ีอัน (14) ดนิ สอสีก่ดี า้ ม (17) กบเหลาดินสอกี่อนั (11) ครูใหน้ ักเรียนเขียนเส้นแสดงจานวน 14 17 11 บนเสน้ จานวน 11 14 170 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 - 14 17 11 จานวนใดนอ้ ยท่สี ุด (11) เพราะเหตุใด (11 อยู่ทางซ้ายสดุ ของเสน้ จานวน) - 14 17 11 จานวนใดมากท่สี ุด (17) เพราะเหตุใด (17 อยู่ทางขวาสุดของเสน้ จานวน) ครูเขยี นจานวนท่นี ้อยทส่ี ดุ จานวนทมี่ ากทสี่ ุด บนกระดานและใหน้ ักเรียนเติมจานวนท้ัง 3 จานวนใน โดยเรยี งจากน้อยไปมาก จานวนน้อยทส่ี ุด จานวนมากทสี่ ุด 11 14 17 เรยี งลาดับจานวนจากน้อยไปมากได้ดงั นี้ 11 14 17
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒๖ 172 กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ชน้ั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ชั่วโมง หรือ เรยี งลาดบั จานวนจากมากไปน้อยได้ดงั นี้ 17 14 11 2.2 ครูใหน้ กั เรียนเรียงลาดบั จานวน 12 20 16 โดยการจับคู่ ครูแนะนาการเรียงลาดับจานวน 3 จานวนจากมากไปน้อยดว้ ยการจบั คูว่ ่า ตอ้ งนาจานวนมา เปรียบเทยี บกันทลี ะ 2 จานวน เรม่ิ ดว้ ยการเปรยี บเทียบ 12 กบั 20 แล้วใหน้ ักเรียนตอบคาถาม -12 กับ 20 จานวนใดมากกว่า (20) เพราะเหตุใด (อยูท่ างขวาสุดของเส้นจานวน) ครูแนะนาใหน้ าจานวนมากท่ีได้ไปเปรยี บเทียบกบั จานวนต่อไป -20 กับ 16 จานวนใดมากกว่า (20) เพราะเหตุใด (อยู่ทางขวาสุดของเส้นจานวน) ครแู นะนาวา่ 20 เปน็ จานวนมากท่สี ดุ - 20 เป็นจานวนท่ีมากทสี่ ุด เพราะเหตใุ ด (20 > 12 และ 20 > 16) ครแู นะนาวา่ ได้ 20 มากท่สี ดุ แลว้ ตอ้ งนาจานวนทเ่ี หลือคือ 12 กับ 16 มาเปรียบเทยี บกันต่อไป -12 กบั 16 จานวนใดมากกว่า (16) เพราะเหตใุ ด (อยู่ทางขวาสุดของเสน้ จานวน) ครแู นะนาว่าได้ 16 เป็นจานวนที่เรยี งลาดบั จากมากไปน้อยต่อจาก 20 ดงั น้นั 12 เปน็ จานวนสดุ ท้าย -น่ันคอื เรียงลาดับ 12 20 16 จากมากไปน้อยไดอ้ ย่างไร (20 16 12) หรอื เรียงลาดับ 12 20 16 จากน้อยไปมากได้อยา่ งไร (12 16 20) 2.3 ครูเขียนตวั เลขแสดงจานวน 16 10 19 14 ใหน้ ักเรยี นเรียงลาดบั จากน้อยไปมากและจากมากไปน้อย โดยตอบคาถามของครู -จานวนใดน้อยทสี่ ดุ (10) จานวนใดมากท่ีสดุ (19) ครเู ขยี นจานวนที่น้อยสุดและมากสุด บนกระดานตามตาแหน่งดังนี้ 10 ............. ............. 19 -จานวนที่เหลอื คือจานวนใด 16 14 -จานวนใดน้อยกวา่ (14)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒๖ ชน้ั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 173 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ - เรียงลาดับจานวนจากน้อยไปมากได้อยา่ งไร (10 14 16 19) หรือ เรียงลาดบั จานวนจากมากไปน้อยได้อย่างไร (19 16 14 10) 2.4 ครูแจกบตั รตวั เลขฮินดูอารบกิ ใหน้ ักเรยี นจบั ค่รู บั บัตรคนละ 1 ชุด แต่ละชุดมี 11 บตั ร (10 ถึง 20) ครูส่มุ หยิบบัตรตวั เลข 5 บัตร อา่ นตวั เลขในแต่ละบตั ร ใหน้ กั เรยี นหยบิ บตั รตัวเลขตามที่ครอู ่าน แล้วนำมาวาง เรียงลาดับจานวนจากมากไปนอ้ ย หรือ เรียงลาดับจานวนจากนอ้ ยไปมาก ตามทค่ี รกู าหนด ทำเชน่ น้อี กี 2 - 3 ครง้ั ครูตรวจสอบความถกู ต้อง จากนน้ั ให้นกั เรียนทาแบบฝึกหดั 1.24 ขนั้ สรุป 3. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ วา่ การเรยี งลาดับจานวน ทาไดโ้ ดยเปรียบเทยี บจานวนนบั ทีละคู่ แล้วเรียงลาดับจากน้อยไปมาก หรอื มากไปน้อย หรือ เรยี งลาดับจานวนโดยใช้เสน้ จานวน จานวนท่ีอยู่ทางซ้ายสดุ จะนอ้ ยท่สี ุด และจานวนท่ีอยู่ ทางขวาสุดจะมากท่ีสดุ แล้วเรียงลาดบั จากน้อยไปมาก หรอื มากไปน้อย
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขั้นนา แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๒๗ ข้ันสอน 174 แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันสรปุ การวัดและประเมินผล ทบทวนความสมั พนั ธข์ องจานวนนับ 9 แบบส่วนยอ่ ย – ส่วนรวม ความสัมพนั ธข์ องจานวน 10 และ 11 แบบส่วนยอ่ ย – ส่วนรวม โดยปฎบิ ัตทิ ากจิ กรรมจากส่อื ของจรงิ และเขียนแสดงความสมั พนั ธข์ องจานวน ใบกจิ กรรม 1.2 แบบฝึกหัด 1.25 ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปว่า ความสมั พนั ธ์ของจานวนแบบสว่ นยอ่ ย – ส่วนรวม เปน็ การเขยี นแสดงจานวนในรูปของจานวน 2 จานวน - ประเมนิ จากการตอบคาถามและการทาแบบฝกึ หัด 1.25 - ประเมินจากการสือ่ สาร สอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒๗ 175 กลุม่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ ชน้ั ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง ขอบเขตเนื้อหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ ความสัมพันธ์ของจานวน 10 และ 11 แบบส่วนย่อย - สว่ นรวม 1. บัตรแผนภาพ สาระสาคัญ ข้ันนา 2. บัตรตาราง 3. ใบกิจกรรม 1.2 ความสัมพนั ธ์ของจานวนแบบ 1. ทบทวนความสัมพันธ์แบบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวมของจานวนโดยครูยกตวั อยางสถานการณ์ 4. แบบฝกึ หัด 1.25 ส่วนยอ่ ย – ส่วนรวม เปน็ การเขียน ในชีวติ ประจาวนั เกี่ยวกับจานวนวนั ใน 1 สปั ดาห์ โดยใช้การถามตอบ ดงั นี้ แสดงจานวนในรปู ของจานวน 2 จานวน - 1 สัปดาห์ มีก่วี นั (7 วนั ) การประเมิน - เปน็ วนั หยุดก่วี ัน (2 วนั ) จุดประสงค์การเรยี นรู้ - เป็นวนั ท่ีไม่ใช่วนั หยดุ ก่ีวนั (5 วัน) 1. วิธกี าร ครเู ขียนแผนภาพแสดงความสัมพนั ธ์แบบส่วนย่อย – สว่ นรวมของจานวน 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ เพอ่ื ให้นักเรยี นสามารถแสดง ใหน้ กั เรยี นออกมาเตมิ ตัวเลขบนกระดาน 1.2 ตรวจแบบฝกึ หัด ความสมั พนั ธข์ องจานวนแบบ 2. เครื่องมอื สว่ นยอ่ ย – สว่ นรวม ด้านทักษะและกระบวนการทาง 7 2.1 แบบฝกึ หัด 1.25 คณิตศาสตร์ 2.2 แบบประเมินทักษะและ เพื่อให้นกั เรียนสามารถสอ่ื สาร กระบวนการทางคณิตศาสตร์ สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ 25 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีความถูกต้องไม่น้อย ครแู จกใบกิจกรรม 1.4 แสดงความสัมพันธ์แบบส่วนย่อย – ส่วนรวมของจานวน “เกา้ ” ให้นักเรียน กว่ารอ้ ยละ 80 ใช้ตวั นับ 9 ตวั แยกออกเป็นสว่ นย่อยใหค้ รบ แล้วเขียนจานวนที่แสดงความสมั พันธช์ องจานวน “เกา้ ” ลงในใบกิจกรรมจนครบ เช่น 9 มาจาก 1 กับ 8 หรอื 9 มาจาก 8 กับ 1 หรอื ... ดงั น้ี 3.2 คะแนนรวม ด้านทักษะและ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ไม่ นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 60
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒๗ ชั้น ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 176 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ 99 99 หรอื หรอื 1 88 1 2 77 2 9 หรอื 9 9 หรือ 9 366 3 455 4 ครูตรวจสอบความถกู ต้องของการแสดงความสัมพันธ์แบบสว่ นย่อย – สว่ นรวมของนักเรยี น ถา้ ไม่ถูกต้อง ครูแนะนาซ้าอีกจนนักเรยี นเขา้ ใจ ขัน้ สอน 2. แนะนาความสัมพนั ธ์ของจานวน 10 และ 11 แบบสว่ นยอ่ ย – สว่ นรวม โดยอาจจดั กจิ กรรมดังน้ี 2.1 ครจู ดั กจิ กรรมความสมั พันธ์ของจานวน 10 แบบสว่ นยอ่ ย-สว่ นรวม โดยครแู จกตัวนบั ใหน้ ักเรียน คนละ 10 ตวั พรอ้ มใบกจิ กรรม 1.2 ปฎบิ ตั กิ จิ กรรมดังนี้
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒๗ 177 กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ช้ัน ป. ๑ หนว่ ยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 1) วางตวั นับ 10 ตวั ในชอ่ งบนสดุ 2) เลอ่ื นตัวนับ แยกเปน็ 2 กอง 3) บนั ทึกผลลงในใบกจิ กรรม 1.2 10 19 4) เล่ือนตัวนบั ทง้ั หมดกลบั ขึ้นไปช่องบนสดุ แลว้ เลือ่ นตวั นับแยกเป็น 2 กอง ให้แตกต่างจากเดิม บนั ทกึ ผลลงในใบกิจกรรม ทาเช่นน้ไี ปเรอื่ ยๆ จนกระทงั่ ไมส่ ามารถแยกเปน็ 2 จานวนทแี่ ตกตา่ งจากเดิมได้ เชน่ แยกเป็น 2 กองที่แตกต่าง อาจได้ 6 กับ 4 8 กบั 2 ครูแนะนาการตรวจสอบวา่ แยกซา้ เดิมหรอื ไมซ่ ้าเดิมได้ โดยใหย้ อ้ นกลับไปดใู บบันทึกกิจกรรม ครถู ามว่า 10 แยกเป็น 0 กับอะไรได้หรือไม่ (ได้) ได้อะไร (0 กับ 10) ครใู หน้ กั เรยี นสังเกตว่าเมอ่ื แยกเป็น 2 กองครบทกุ จานวนหมดแลว้ ผลบวกของ จานวน 2 จานวนน้ันเปน็ อย่างไร (ผลบวกได้ 10 เท่ากันหมด)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๒๗ ชนั้ ป. ๑ หนว่ ยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 178 หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ครดู ูนักเรยี นทากจิ กรรมเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจและความถกู ต้อง แลว้ ติดบตั รตารางแสดงสว่ นยอ่ ยของส่วนรวม 10 ดงั น้ี สว่ นย่อยของส่วนรวม 10 0 10 19 28 37 46 55 64 73 82 91 10 0 2.2 ครฝู ึกใหน้ กั เรียนทากิจกรรมเช่นนอี้ กี กบั การแสดงความสัมพันธ์ของจานวน 11 แบบ ส่วนย่อย-ส่วนรวม โดยครูแจกตัวนับและใบกจิ กรรม 1.2 ใหน้ กั เรยี น ครดู ูนักเรียนทากิจกรรมเพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจและความถูกต้อง จากนนั้ ครใู ห้นักเรยี นเตมิ จานวนใน แสดงความสัมพนั ธ์แบบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวมของจานวน 11 บนกระดาน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๒๗ 179 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ชั้น ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 11 11 11 5 6 10 1 7 4 11 11 11 11 0 92 83 11 11 11 1 10 47 65 11 11 11 0 11 38 29
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๒๗ ช้ัน ป. ๑ หนว่ ยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 180 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ครตู ดิ บตั รตารางแสดงส่วนยอ่ ยของส่วนรวม 11 ดังนี้ สว่ นย่อยของส่วนรวม 11 0 11 1 10 29 38 47 56 65 74 83 92 10 1 11 0 จากน้ันใหน้ กั เรียนทาแบบฝึก 1.25 ขั้นสรุป 3. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ว่า ความสัมพนั ธ์ของจานวนแบบส่วนย่อย – สว่ นรวม เป็นการเขยี น แสดงจานวนในรูปของจานวน 2 จานวน .
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ข้นั นา แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒๘ ขน้ั สอน 181 แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ สรปุ การวดั และประเมนิ ผล ทบทวนความสมั พนั ธ์ของจานวนนบั 10 และ 11 แบบสว่ นย่อย – ส่วนรวม ความสมั พนั ธข์ องจานวนนับ 12 ถงึ 20 แบบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวม โดยปฎบิ ตั ิทากจิ กรรมจากสื่อของจริง และเขียนแสดงความสมั พนั ธข์ องจานวน ใบกจิ กรรม 1.3 แบบฝกึ หัด 1.26 ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปวา่ ความสมั พันธข์ องจานวนแบบสว่ นยอ่ ย – สว่ นรวม เป็นการเขียนแสดงจานวนในรูปของจานวน 2 จานวน - ประเมนิ จากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหัด 1.26 - ประเมนิ จากการสื่อสารและสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์และการเชอื่ มโยง
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๒๘ 182 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ชนั้ ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง ขอบเขตเนือ้ หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ ความสัมพนั ธ์ของจานวน 12 ถงึ ขน้ั นา 1. บัตรตาราง 20 แบบส่วนยอ่ ย-ส่วนรวม 2. บตั รภาพ 1. ทบทวนความสัมพนั ธแ์ บบสว่ นย่อย - ส่วนรวมของจานวน 10 และ 11 3. ใบกิจกรรม 1.3 สาระสาคญั 1.1 ใหน้ กั เรยี นบอกความสัมพันธ์แบบสว่ นยอ่ ย - สว่ นรวมของจานวน 10 โดยครูบอกสว่ นยอ่ ย 4. แบบฝกึ หดั 1.26 ความสมั พนั ธฺของจานวนแบบ สว่ นหนง่ึ ของ 10 ให้นักเรียนตอบส่วนย่อยอีกส่วนหน่งึ อย่างรวดเรว็ จนนักเรียนตอบได้อย่างคล่องแคลว่ ครใู ห้ การประเมิน นกั เรียนสังเกต 10 ท่แี ยกส่วนยอ่ ยเป็น 0 10 กับ 10 0 1 9 กับ 9 1 2 8 กบั 8 2 สว่ นย่อย – ส่วนรวม เป็นการเขียน 3 7 กบั 7 3 4 6 กบั 6 4 เป็นส่วนย่อยทีเ่ ปน็ จานวนเดียวกนั เช่น 2 กับ 8 และ 8 กับ 2 1. วิธกี าร 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ แสดงจานวนในรูปของจานวน 2 จึงเขยี นเพยี งแบบเดยี วได้ ดังนี้ 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด จานวน ครูตดิ บตั รตารางส่วนย่อยของส่วนรวม 10 2. เคร่อื งมือ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ส่วนย่อยของส่วนรวม 10 2.1 แบบฝกึ หัด 1.26 0 10 2.2 แบบประเมินทักษะและ ดา้ นความรู้ 19 กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ เพ่อื ให้นักเรยี นสามารถแสดง 28 ความสมั พันธ์ของจานวนแบบ 37 3. เกณฑ์ ส่วนย่อย – ส่วนรวม 46 3.1 ผลงานมีความถูกต้อง 55 ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 80 ดา้ นทกั ษะและกระบวนการทาง 3.2 คะแนนรวม ด้านทกั ษะและ คณิตศาสตร์ 1.2 ใหน้ กั เรยี นบอกความสมั พนั ธแ์ บบส่วนยอ่ ย - สว่ นรวมของจานวน 11 โดยครูบอกส่วนย่อยส่วน กระบวนการทางคณิตศาสตร์ เพอื่ ใหน้ กั เรียนสามารถ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 1. ส่ือสารและสอ่ื ความหมาย ทางคณิตศาสตร์ 2. เช่ือมโยงคณติ ศาสตร์กบั ชีวติ จรงิ หนงึ่ ของ 11 ให้นักเรียนตอบสว่ นยอ่ ยอีกสว่ นหนึ่งอย่างรวดเร็ว จนนกั เรียนตอบไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุม่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒๘ ช้นั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 183 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ข้นั สอน 2. ความสมั พันธแ์ บบสว่ นยอ่ ย – สว่ นรวมของจานวน 12 ถึง 20 ครูติดบตั รภาพบนกระดาน ให้นักเรียนนับจานวนสงิ่ มชี ีวิตทง้ั หมด - มจี านวนส่งิ มีชวี ิตท้งั หมดเท่าไร (12) - มีจานวนเดก็ เทา่ ไร (2) มจี านวนสัตว์เทา่ ไร (10) เขยี นแสดงความสัมพันธส์ ่วนย่อย-สว่ นรวมได้ ได้อยา่ งไร 12 2 10 ครูให้นักเรียนสังเกตภาพอีกคร้ัง - มจี านวนสิ่งมีชวี ิตท้งั หมดเท่าไร (12) - มจี านวนสงิ่ มีชวี ติ ท่ีมี 2 ขาเท่าไร (6) มจี านวนส่ิงมชี วี ติ ท่มี ี 4 ขาเทา่ ไร (6) เขียนแสดง ความสัมพันธ์สว่ นย่อย-ส่วนรวมไดอ้ ย่างไร
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒๘ ชน้ั ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 184 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ 12 66 2.1 ครูจดั กิจกรรมความสมั พนั ธ์ของจานวน 12 แบบสว่ นยอ่ ย-ส่วนรวม โดยครูแจกตวั นับให้ นักเรียนคนละ 12 ตวั พรอ้ มใบกจิ กรรม 1.3 ปฎบิ ัตกิ จิ กรรมดงั นี้ 1) วางตัวนบั 12 ตัวในช่องบนสดุ 2) เล่อื นตัวนบั แยกเป็น 2 กอง
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๒๘ ชนั้ ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 185 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ 3) บนั ทึกผลลงในใบกิจกรรม 1.3 12 1 11 4) เล่อื นตัวนบั ทั้งหมดกลับขึ้นไปช่องบนสดุ แล้วเลอ่ื นตวั นับแยกเปน็ 2 กองให้แตกต่างจากเดมิ บันทกึ ผลลงในใบกิจกรรม 1.3 ทาเช่นน้ีไปเรื่อยๆ จนกระท่ังไม่สามารถแยกเป็น 2 จานวนท่แี ตกตา่ งจากเดิมได้ เช่น แยกเปน็ 2 กองทแ่ี ตกตา่ ง อาจได้ 8 กับ 4 10 กับ 2 ครูแนะนาการตรวจสอบวา่ แยกซา้ เดมิ หรือไมซ่ ้า เดิมได้ โดยย้อนกลับไปดูใบบันทกึ กจิ กรรม ครูถามว่า 12 แยกเป็น 0 กบั อะไรได้หรอื ไม่ (ได)้ ไดอ้ ะไร (0 กับ 12) ครูให้นักเรยี นสังเกตว่าเมอ่ื แยกเป็น 2 กองครบทกุ จานวนหมดแลว้ ผลบวกของจำนวน 2 จำนวนนั้น เปน็ อยา่ งไร (ผลบวกได้ 12 เทา่ กันหมด) ครูดนู ักเรียนทากจิ กรรมเพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจและความถูกต้อง แล้วติดบตั รตารางแสดงสว่ นย่อยของ ส่วนรวม 12 ดังนี้
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๒๘ ชน้ั ป. ๑ หนว่ ยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 186 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ สว่ นย่อยของส่วนรวม 12 0 12 1 11 2 10 39 48 57 66 75 84 93 10 2 11 1 12 0 ครดู ูนักเรยี นทากจิ กรรมเพ่ือตรวจสอบความความเขา้ ใจและความถูกต้อง จากนัน้ ครใู ห้นักเรยี น เตมิ จานวนใน แสดงความสัมพันธแ์ บบสว่ นย่อย – ส่วนรวมของจานวน 13 บนกระดาน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๘ 187 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ช้ัน ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 13 13 13 8 5 12 1 11 2 13 13 13 13 0 94 10 3 13 13 13 76 49 58 2.2 ครูใหน้ กั เรยี นฝกึ แสดงความสัมพนั ธ์ของจานวน 14 ถึง 20 แบบส่วนย่อย-ส่วนรวม โดยครูให้นกั เรยี น จับคู่ แจกใบกจิ กรรม 1.3 ใหเ้ ขยี นส่วนย่อย – ส่วนรวมของจานวน 14 ถึง 20 ให้ครบทกุ คู่ แล้วให้นกั เรยี น ทาแบบฝกึ หดั 1.26
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒๘ ช้ัน ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 188 หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ขนั้ สรุป 3. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปวา่ ความสัมพันธ์ของจานวนแบบสว่ นย่อย – สว่ นรวม เป็นการเขียน แสดงจานวนในรปู ของจานวน 2 จานวน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ทบทวนและสรุป แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๒๙ 189 ทดสอบ แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ การวัดและประเมินผล ทบทวนและสรปุ การนบั และแสดงจานวนนับ 1 ถงึ 20 และ 0 การอา่ นและเขยี นตัวเลขฮินดอู ารบกิ ตัวเลขไทย แสดงจานวนนบั 1 ถงึ 20 และ 0 การเขียนจานวนในรปู กระจาย หลักและคา่ ของเลขโดดในหลกั สบิ หลกั หนว่ ย การเปรียบเทยี บและเรยี งลาดบั จานวน 1 ถึง 20 และ 0 ความสมั พันธข์ องจานวนนบั 1 ถงึ 20 และ 0 แบบส่วนย่อย – สว่ นรวม แบบฝึกหดั 1.27 แบบทดสอบ 1.1 - ประเมินจากแบบทดสอบ 1.1 - ประเมนิ จากการส่อื สาร สือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒๙ 190 กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ชน้ั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง ขอบเขตเน้ือหา กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ การนับและแสดงจานวนนบั ครูทบทวน ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเก่ยี วกบั เรื่อง จานวน โดยใหนกั เรียนทำแบบฝกึ หดั 1.27 1. บตั รตัวเลขแสดงจานวน 1 ถึง 20 และ 0 การอ่านและเขยี น ถา้ มนี กั เรยี นคนไหนยงั ไม่เข้าใจในเรอ่ื งใดต่อไปน้ี ครทู บทวนเพม่ิ เตมิ ในเรอ่ื งนน้ั 2. บตั รภาพ ตัวเลขฮินดอู ารบิก ตวั เลขไทยแสดง 3. แบบฝกึ หัด 1.27 จานวนนับ 1 ถงึ 20 และ 0 การ 1. การนับและแสดงจานวนนับ 1 ถึง 20 และ 0 4. แบบทดสอบ 1.1 ตอบคาถาม เขียนจานวนในรูปกระจาย หลักและ คา่ ของเลขโดดในหลักสิบ หลักหนว่ ย 1) ภาพใดแสดงจานวน 7 (ดาว) การประเมนิ การเปรยี บเทียบและเรยี งลาดับ 2) จาก 15 นบั เพม่ิ 1 เป็นเทา่ ใด (16) จานวนนับ 1. วธิ ีการ 1 ถงึ 20 และ 0 ความสัมพันธแ์ บบ 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ส่วนยอ่ ย – ส่วนรวมของจานวนนบั 1 ถึง 20 และ 0 1.2 ตรวจแบบทดสอบ 2. เคร่อื งมือ 2.1 แบบฝึกหดั 1.27 สาระสาคัญ 3) 2.2 แบบทดสอบ 1.1 2.2 แบบประเมินทักษะและ - ภาพน้ีแสดงจานวนคนกี่คน (13 คน) กระบวนการทางคณิตศาสตร์ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 4) ภาพมัดไม้แสดงจานวนใด (14) 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีความถูกต้องไม่น้อย ดา้ นความรู้ ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุป กว่ารอ้ ยละ 80 เพื่อใหน้ ักเรียนสามารถ “จานวนใชบ้ อกปริมาณของสิ่งต่างๆ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 3.2 คะแนนรวม ดา้ นทกั ษะและ 1. นบั และแสดงจานวนนบั 1 เป็นจานวนนบั ที่เพิม่ ขน้ึ ทลี ะ 1 เปน็ 0 1 2 ... ตามลาดับ” กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ไม่ นอ้ ยกว่าร้อยละ 60 ถงึ 20 และ 0
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404