ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กล่มุ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๕ ชัน้ ป. ๑ หนว่ ยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ชว่ั โมง 41 หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ภาพสิ่งของ ตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย ตัวหนังสือ 1 ๑ หน่งึ 2 ๒ สอง 3 ๓ สำม 4 ๔ ส่ี 5 ๕ หำ้ 0 ๐ ศนู ย์ จำกน้นั ให้นกั เรียนทำแบบฝกึ หดั 1.5 ขั้นสรปุ ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปวำ่ ตัวเลขฮนิ ดูอำรบกิ 1 2 3 4 5 และ 0 และตัวเลขไทย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ และ ๐ เป็นสญั ลกั ษณ์ท่ใี ชเ้ ขยี นแสดงจำนวน “หนึง่ ” “สอง” “สำม” “สี่” “หำ้ ” และ “ศูนย์”
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขน้ั นา แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๖ ขัน้ สอน 42 ขัน้ สรุป แนวการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ การวดั และประเมินผล ทบทวนจำนวนนับ 1 ถงึ 5 ดวั ยส่อื ของจริง และบัตรตวั เลข 1 ถึง 5 แนะนำควำมสมั พันธข์ องจำนวนแบบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวม ของจำนวน 2 ถึง 5 โดยจัดสอ่ื ของจรงิ ใช้สถำนกำรณ์จำกภำพ และเขียนแสดงควำมสมั พนั ธข์ องจำนวน แบบฝกึ หัด 1.6 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ว่ำ ควำมสัมพนั ธ์ของจำนวนแบบสว่ นยอ่ ย – ส่วนรวม เป็นกำรเขยี นแสดงจำนวนในรูปของจำนวน 2 จำนวน - ประเมินจำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝกึ หดั 1.6 - ประเมินจำกกำรสอ่ื สำรและสอ่ื ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ และกำรเชอื่ มโยง
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๖ 43 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ชัน้ ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง กิจกรรมการเรียนรู้ ขอบเขตเน้อื หา ขัน้ นา ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ ความสมั พนั ธข์ องจานวน 1 ถึง 5 1. สอื่ ของจริง เชน่ ตวั นบั ลูกอม แบบส่วนยอ่ ย-ส่วนรวม ลกู บอล 2. บตั รภำพสถำนกำรณ์ สาระสาคัญ 1. 1. นักเรยี นทากจิ กรรม โดยครเู ตรยี มส่อื อปุ กรณ์เปน็ ภาชนะทีใ่ สต่ วั นับ ซ่งึ รวมกันไมเ่ กิน 5 ช้นิ 3. แบบฝึกหดั 1.6 ตอ่ 1 ชดุ เชน่ ในซองพลาสติกใสมี ตวั นบั 5 ตัว เป็นสแี ดง 3 ตวั สขี าว 2 ตวั การประเมนิ ความสมั พันธข์ องจานวนแบบ 2. หรือ มลี ูกอมรวมกนั 4 เม็ด เปน็ ลกู อมรสนม 2 เม็ด ลูกอมรสส้ม 2 เมด็ 1. วธิ ีการ 1.1 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ ส่วนย่อย – ส่วนรวม เป็นการเขียนแสดง3. หรือ มลี ูกบอลรวมกนั 3 ลูก เป็นลกู บอลยาง 2 ลูก ลูกบอลพลาสติก 1 ลกู 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด 2. เครอ่ื งมอื จานวนในรูปของจานวน 2 จานวนหรอื 4. แบ่งนกั เรียนเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน ครูแจกอปุ กรณ์ให้กล่มุ ละ 1 ชุด ให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันนับและ 2.1 แบบฝกึ หัด 1.6 2.2 แบบประเมนิ ทักษะและ มำกกวำ่ 2 จำนวน บอกจานวนส่งิ ของท้ังหมดท่ีได้รับ จากนัน้ คัดแยกสงิ่ ของเป็น 2 กลมุ่ พรอ้ มบอกเหตุผล แล้วนบั และบอก กระบวนการทางคณิตศาสตร์ จานวนสงิ่ ของในกลุม่ ยอ่ ย ครูเขียนสิ่งทน่ี ักเรียนบอกไวบ้ นกระดาน เช่น 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมคี วามถูกตอ้ งไมน่ ้อยกว่า จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ กลุ่มท่ี 1 มตี วั นบั ทง้ั หมด 5 ตวั ร้อยละ 80 3.2 คะแนนรวม ดา้ นทกั ษะและ ดา้ นความรู้ 5. 3 ตวั เป็นสแี ดง กระบวนการทางคณิตศาสตร์ไมน่ ้อย กว่าร้อยละ 60 เพอื่ ให้นกั เรียนสำมำรถแสดง 6. 2 ตวั เปน็ สีขาว ควำมสมั พนั ธข์ องจำนวนแบบ 7. กล่มุ ท่ี 2 มีลูกอมท้งั หมด 4 เม็ด ส่วนย่อย – สว่ นรวม 8. 2 เม็ด เป็นรสนม 9. 2 เมด็ เป็นรสส้ม กล่มุ ที่ 3 มีลกู บอลท้ังหมด 3 ลูก 2 ลกู เป็นลูกบอลยาง 1 ลูก เปน็ ลูกบอลพลาสติก ครสู รุปโดยการอ่านขอ้ ความที่เขยี นของแต่ละกลุม่ บนกระดานให้นกั เรียน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กล่มุ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๖ ชนั้ ป. ๑ หนว่ ยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 44 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการทาง คณติ ศาสตร์ ขัน้ สอน เพอื่ ใหน้ ักเรียนสำมำรถ 2. ครแู นะนาความสมั พันธ์ของจานวนแบบสว่ นยอ่ ย – สว่ นรวม โดยอาจจดั กจิ กรรมดงั น้ี 2.1 ครูติดภาพ เด็กน่งั เล่นของเล่น (ขนาดใหญพ่ อสมควร) บนกระดาน 1. สอ่ื สำรและส่ือควำมหมำยทำง คณิตศำสตร์ 2. เชอ่ื มโยงคณิตศำสตร์กบั ชวี ติ จรงิ ครสู นทนากับนักเรยี นเก่ยี วกับเร่ืองราวในภาพว่า เด็กๆกาลังทาอะไร มสี ิ่งของอะไรบ้าง และมจี านวนเทา่ ไร เช่น (1) มีเด็กทัง้ หมดกี่คน (5 คน) เป็นเดก็ ผชู้ ายก่ีคน (3 คน) เป็นเด็กผหู้ ญงิ กี่คน (2 คน) (2) มเี ด็กทง้ั หมดกี่คน (5 คน) เปน็ เด็กที่ผมยาวกี่คน (1 คน) เปน็ เดก็ ที่ผมส้นั กี่คน (4 คน) (3) มรี ถยนต์ทัง้ หมดกี่คัน (4 คนั ) เป็นรถสแี ดงก่ีคนั (2 คนั ) เปน็ รถสีเขยี วกคี่ นั (2 คนั ) (4) มรี ถยนต์ทงั้ หมดก่ีคัน (4 คนั ) เป็นรถกระบะก่ีคนั (1 คนั ) เป็นรถเกง๋ ก่ีคนั (3 คัน) จากน้นั ครูนาเรื่องราวท่ีสนทนาในข้อ (1) และ (2) มาแนะนาความสมั พนั ธข์ องจานวนแบบ ส่วนยอ่ ย – สว่ นรวม และเขียนแสดงบนกระดาน ดังน้ี (1) มีเดก็ ท้ังหมดกี่คน (5 คน) เปน็ เด็กผชู้ ายกคี่ น (3 คน) เป็นเด็กผ้หู ญงิ กี่คน (2 คน) ครแู นะนาให้นกั เรยี นสงั เกตวา่ ความสมั พนั ธข์ องจานวน “หา้ ” แบบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวม เขียนแสดงได้ ดังนี้
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๖ ช้ัน ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 45 หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ 5 3 หรือ 5 2 ส่วนรวม สว่ นย่อย สว่ นรวม ส่วนย่อย 2 3 สว่ นย่อย สว่ นยอ่ ย ครแู นะนาการแสดงความสัมพนั ธ์ของจานวนแบบสว่ นยอ่ ย – ส่วนรวม ของจานวน 5 เป็น 3 กับ 2 หรือ 2 กับ 3 กไ็ ด้ จากนนั้ ครูถามนักเรียนวา่ 5 แสดงจานวนของอะไร (เด็กท้ังหมด) 3 แสดงจานวน ของอะไร (เด็กผชู้ าย) 2 แสดงจานวนของอะไร (เดก็ ผหู้ ญิง) (2) มเี ด็กทั้งหมดก่ีคน (5 คน) เป็นเดก็ ทผ่ี มยาวกี่คน (1 คน) เปน็ เดก็ ทผ่ี มส้นั ก่ีคน (4 คน) ครูแนะนาใหน้ กั เรยี นสังเกตว่า ความสัมพันธ์ของจานวน “หา้ ” แบบสว่ นย่อย – ส่วนรวม เขยี นแสดงได้ ดังน้ี 5 1 หรอื 5 4 สว่ นรวม ส่วนยอ่ ย ส่วนรวม ส่วนย่อย 4 1 ส่วนย่อย ส่วนยอ่ ย จากการแสดงความสมั พนั ธ์แบบสว่ นย่อย – สว่ นรวม บนกระดาน ครชู ้ีให้นักเรียนเหน็ วา่ 5 มาจาก 3 กบั 2 หรือ 5 มาจาก 1 กับ 4 ให้นกั เรยี นชว่ ยกันบอกวา่ ความสัมพนั ธ์แบบส่วนย่อย – ส่วนรวม ของจานวน “ห้า” มาจากจานวนใดกบั จานวนใดได้อีกหรอื ไม่ อยา่ งไร (5 มาจาก 0 กบั 5 หรอื 5 มาจาก 5 กบั 0 )
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผ้สู อน) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๖ 46 กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ชนั้ ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน 2.3 ครนู าเร่อื งราวทไ่ี ดส้ นทนาในข้อ (3) และ (4) มาแนะนาความสมั พันธ์ของจานวนแบบ เวลา ๑ ช่ัวโมง สว่ นย่อย – สว่ นรวม และเขียนบนกระดาน ดังนี้ (3) มรี ถยนตท์ งั้ หมดกี่คนั (4 คนั ) เป็นรถสีแดงกค่ี นั (2 คัน) เปน็ รถสีเขยี วกีค่ นั (2 คัน) ครแู นะนาให้ นกั เรียนสังเกตวา่ ความสัมพันธ์ของจานวน “ส่ี” แบบส่วนย่อย – ส่วนรวม เขียนแสดงได้ ดงั นี้ 4 2 สว่ นรวม ส่วนย่อย 2 ส่วนย่อย (4) มรี ถยนตท์ ง้ั หมดกี่คนั (4 คัน) เป็นรถกระบะก่ีคนั (1 คัน) เป็นรถเกง๋ ก่ีคัน (3 คัน) ครแู นะนาให้ นักเรียนสงั เกตว่า ความสัมพันธข์ องจานวน “ส่ี” แบบส่วนย่อย – สว่ นรวม เขียนแสดงได้ ดังนี้ 4 1 หรือ 4 3 สว่ นรวม ส่วนย่อย ส่วนรวม ส่วนยอ่ ย 3 1 ส่วนยอ่ ย ส่วนยอ่ ย จากการแสดงความสัมพนั ธแ์ บบส่วนยอ่ ย – สว่ นรวม บนกระดาน ครชู ี้ให้นักเรียนเหน็ วา่ จาก ตัวอย่างดังกลา่ ว 4 มาจาก 2 กับ 2 หรือ 4 มาจาก 1 กบั 3 จากน้ันใหน้ ักเรยี นช่วยกนั บอกว่า
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๖ 47 กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ชน้ั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน ความสัมพันธ์แบบสว่ นย่อย – สว่ นรวม ของจานวน “สี่” มาจากจานวนใดกับจานวนใดได้อีกหรอื ไม่ เวลา ๑ ช่ัวโมง อย่างไร (4 มาจาก 4 กับ 0) 3. ครูใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั บอกและเขียนความสมั พันธ์ของจานวน “สาม”แบบสว่ นยอ่ ย- สว่ นรวม ซ่ึงจะได้ ดงั น้ี แบบที่ 1 2 หรือ 3 1 3 ส่วนยอ่ ย สว่ นรวม สว่ นย่อย สว่ นรวม 1 2 ส่วนยอ่ ย ส่วนยอ่ ย แบบท่ี 2 0 3 3 3 ส่วนยอ่ ย หรือ สว่ นย่อย สว่ นรวม 3 สว่ นรวม 0 ส่วนย่อย ส่วนยอ่ ย นกั เรยี นควรสรุปได้ว่า 3 มาจาก 2 กบั 1 หรือ 3 มาจาก 0 กบั 3 4. ครูใหน้ กั เรยี นช่วยกันบอกและเขียนความสมั พันธข์ องจานวน “สอง”แบบส่วนย่อย – สว่ นรวม ซึง่ จะได้ ดังนี้
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๖ 48 กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ชัน้ ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง แบบท่ี 1 1 2 สว่ นย่อย ส่วนรวม 1 สว่ นย่อย แบบที่ 2 2 หรอื 2 0 2 สว่ นยอ่ ย ส่วนรวม ส่วนย่อย สว่ นรวม 0 2 สว่ นย่อย ส่วนยอ่ ย นกั เรียนควรสรุปได้ว่า 2 มาจาก 1 กับ 1 หรอื 2 มาจาก 0 กับ 2
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๖ ชั้น ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 49 หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ 4. ครูและนักเรยี นร่วมกนั เขยี นความสมั พนั ธข์ องจานวน 1 ถึง 5 แบบสว่ นยอ่ ย – ส่วนรวม ไดด้ ังนี้ ความสัมพนั ธ์ของจานวนแบบส่วนย่อย – สว่ นรวม ของจานวน 2 ถึง 5 1 มาจาก 2 มาจาก 3 มาจาก 4 มาจาก 5 มาจาก 1 กบั 0 1 กบั 1 2 กบั 1 3 กับ 1 4 กับ 1 หรือ 2 กับ 0 หรอื 3 กับ 0 หรอื 2 กับ 2 หรอื 3 กับ 2 หรอื 4 กบั 0 หรอื 5 กับ 0 จากนนั้ ให้นักเรียนทาแบบฝกึ หัด 1.6 ขน้ั สรุป 5. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปวา่ ความสัมพันธ์ของจานวนแบบส่วนย่อย – ส่วนรวม เปน็ การเขยี น แสดงจานวนในรูปของจานวน 2 จานวน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขน้ั นา แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๗ ข้นั สอน 50 ขนั้ สรปุ แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ การวัดและประเมินผล ทบทวนจำนวนนับ 1 ถึง 5 และ 0 กำรเปรียบเทยี บจำนวนสองกลุ่ม จำกสื่อของจรงิ บตั รภำพ และบตั รตวั เลข ฝึกปฏบิ ัติกำรเปรยี บเทยี บ แบบฝกึ หัด 1.7 ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปวำ่ จำนวนสองจำนวนเมอื่ นำมำเปรยี บเทยี บกนั จะเทำ่ กนั มำกกวำ่ กัน หรอื น้อยกว่ำกนั อยำ่ งใดอย่ำงหนึ่งเพยี งอย่ำงเดียวเท่ำนน้ั - ประเมินจำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝกึ หดั 1.7 - ประเมินจำกกำรสอ่ื สำรและส่ือควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์และกำรใหเ้ หตุผล
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๗ ชัน้ ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 51 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ขอบเขตเนอ้ื หา สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ การเปรียบเทียบจานวนนบั 1 ถึง 5 1. ของจรงิ เชน่ ชอ้ น ส้อม แกว้ นา้ และ 0 ข้ันนา จานรองแกว้ แปรงสฟี นั ยาสีฟัน ยางลบ ดินสอ ลูกบอล ตะกร้า ผลไม้ สาระสาคัญ 1. ครูทบทวนจานวนนบั 1 ถงึ 5 และ 0 ด้วยสื่อของจริง บัตรภาพแสดงจานวน หนง่ึ ถงึ หา้ จาน ไม้บรรทดั และอืน่ ๆ และ ศนู ย์ และบัตรตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก 1 ถงึ 5 และ 0 2. บตั รภาพทแี่ สดงจานวนไมเ่ กิน 5 จานวนสองจานวนเมอื่ นามา 3. บัตรตวั เลขฮินดูอารบิก 1 ถึง 5 เปรยี บเทยี บกัน จะเทา่ กัน มากกวา่ กนั ข้นั สอน และ 0 หรือน้อยกว่ากนั อยา่ งใดอย่างหน่ึงเพียง 4. บัตรภาพส่งิ ของ 2 กลุ่ม อยา่ งเดยี วเทา่ นน้ั 2. การสอนการเปรยี บเทียบจานวนทเ่ี ท่ากัน ครูอาจจดั กิจกรรม ดงั นี้ 5. แบบฝึกหัด 1.7 2.1 ครูจดั นกั เรียนออกมาหนา้ ห้อง 2 กล่มุ กลุ่มละ 3 คน ยนื หันหน้าเขา้ หากนั ให้นักเรียน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การประเมนิ กลุ่มท่ี 1 จบั มือกับนักเรยี นกลุม่ ท่ี 2 เปน็ คู่ ๆ ซึ่งจะจับคู่ได้พอดี ครูบอกว่าถา้ จับคู่ได้พอดี แสดงว่านกั เรยี น ด้านความรู้ ท้งั สองกลมุ่ มีจานวนเทา่ กนั 1. วธิ กี าร เพื่อให้นักเรยี นสำมำรถเปรียบเทยี บ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ 2.2 ครเู ตรยี มส่อื ของจริง เช่น แกว้ น้า 4 ใบ กับ จานรอง 4 ใบ ชอ้ น 2 คัน กบั ส้อม 2 คนั 1.2 ตรวจแบบฝกึ หัด จำนวนนบั ไม่เกิน 5 สองจำนวน ให้จับกันเป็นคู่ ๆ ให้นักเรียนสงั เกตว่าจับค่ ูได้พอดี พรอ้ มถามนักเรียนว่าจานวนแกว้ นา้ กับจานรองแกว้ 2. เครอ่ื งมอื ด้านทกั ษะและกระบวนการทาง เท่ากันหรอื ไม่ (เทา่ กนั ) จานวนชอ้ นกับส้อมเท่ากันหรอื ไม่ (เท่ากัน) 2.1 แบบฝกึ หัด 1.7 คณิตศาสตร์ 2.2 แบบประเมินทักษะและ 2.3 ใหน้ กั เรยี นเปรยี บเทยี บจานวนจากของจรงิ หรือบตั รภาพโดยการจับคู่ อีก 2 -3 ตวั อย่าง กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ เพ่ือให้นักเรียนสำมำรถ เช่น 1. สอื่ สำรและส่อื ควำมหมำย ทำงคณิตศำสตร์ 2. ให้เหตุผล
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ 52 กลุม่ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ช้นั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ชั่วโมง โดยการจบั คู่ จนนักเรยี นเข้าใจว่า เมือ่ จับคไู่ ด้พอดี แสดงว่าท้ังสองกลุ่มมีจานวนเทา่ กนั 3. เกณฑ์ 3. การสอนการเปรียบเทยี บจานวนที่ไมเ่ ท่ากัน ครอู าจจดั กจิ กรรม ดังนี้ 3.1 ผลงานมีความถูกต้องไมน่ ้อยกวา่ 3.1 ครูจัดนกั เรียนออกมาหนา้ ห้อง 2 กลุม่ กลุ่มที่ 1 มนี ักเรียน 5 คน กล่มุ ที่ 2 มนี ักเรยี น รอ้ ยละ 80 3 คน ยืนหนั หนา้ เขา้ หากัน ใหน้ ักเรียนกลุม่ ที่ 1 จบั มือกับนักเรยี นกลุ่มที่ 2 เป็นคู่ ๆ ซ่งึ จะจับคู่ได้ไม่พอดี 3.2 คะแนนรวม ดา้ นทกั ษะและ จะเหน็ วา่ นักเรียน 2 คนของกลุม่ ที่ 1 ไม่มีคู่ท่ีจะจับ ครูบอกว่าถา้ จับคู่ ได้ไม่พอดี แสดงว่านกั เรียนทง้ั สอง กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ไม่นอ้ ย กลุ่มมีจานวนไมเ่ ทา่ กัน กว่ารอ้ ยละ 60 3.2 ใหน้ ักเรยี นจดั สงิ่ ของ 2 กลุม่ เชน่ แปรงสีฟัน 3 อนั กบั ยาสีฟัน 1 หลอดยางลบ 2 ก้อน กบั ดนิ สอ 4 แท่ง ให้จับกนั เป็นคู่ ๆ ให้นักเรยี นสงั เกตวา่ จบั คู่ได้ไม่พอดี ยังมสี ิ่งของท่ีไม่มีคใู่ หจ้ ับ แสดงว่า สิง่ ของสองกลุ่มมจี านวนไมเ่ ท่ากัน 3.3 ให้นกั เรียนเปรียบเทยี บจานวนจากของจรงิ หรอื บัตรภาพโดยการจบั คู่ อีก 2 -3 ตวั อย่าง เชน่ จนนักเรยี นเขา้ ใจว่า เม่ือจบั คู่ไดไ้ ม่พอดี แสดงวา่ ท้ังสองกลุม่ มีจานวนไม่เทา่ กนั 4. การสอนการเปรยี บเทยี บจานวนโดยใชค้ าว่า มากกว่า นอ้ ยกว่า ครอู าจจัดกจิ กรรม ดังนี้ 4.1 ครูจัดนักเรยี นออกมาหนา้ ห้อง 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 มีนกั เรยี น 5 คน กลุม่ ท่ี 2 มีนักเรียน 3 คน ยืนหันหน้าเข้าหากนั ให้นักเรยี นกลมุ่ ที่ 1 จับมือกบั นกั เรยี นกลุ่มที่ 2 เปน็ คู่ ๆ จากนั้นครูถามว่า จานวนนักเรยี นทง้ั สองกลุ่มเท่ากนั หรอื ไม่ (ไมเ่ ท่ากนั ) - ทราบได้อย่างไร (จบั คู่แลว้ ไม่พอดี) - เม่อื จับคแู่ ล้วมนี ักเรียนกล่มุ ใดเหลืออยู่ (กลมุ่ ท่ี 1)
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๗ ชัน้ ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 53 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ครูแนะนาว่า เมื่อจบั คู่แล้วกลุ่มท่ีมีนักเรียนเหลืออยู่ จะมจี านวนนกั เรียนมากกวา่ อกี กลุ่มหนง่ึ จะมจี านวน นกั เรยี นนอ้ ยกวา่ 4.2 นักเรยี นทากจิ กรรมทานองนดี้ ้วยของจริงหรือบัตรภาพโดยการจบั คู่ อีก 2 -3 ตัวอย่าง เช่น จากนั้นรว่ มกันสรปุ วา่ เมือ่ จับคกู่ นั ได้ไม่พอดี แสดงว่าท้ังสองกลุ่มมีจานวนไมเ่ ท่ากัน กลุม่ ท่ีจับคู่แลว้ มี ของเหลอื อยจู่ ะมีจานวนมากกว่า อีกกล่มุ หนึง่ มีจานวนน้อยกวา่ 5. การสอนการเปรียบเทยี บจานวนโดยใชค้ าว่า เทา่ กัน มากกวา่ น้อยกวา่ ครูอาจจัดกิจกรรม ดังนี้ 5.1 นกั เรยี นปฏิบตั ิการจบั คสู่ ิ่งของสองกลุ่ม เช่น จับคู่ระหวา่ ง - ลูกบอลกบั ตะกร้า - ผลไม้กับจาน - ดินสอกบั ไมบ้ รรทัด เพื่อบอกว่าส่ิงของสองกลุ่มน้ันมีจานวนเท่ากนั มากกว่า หรือ นอ้ ยกวา่ 5.2 ครตู ิดบัตรภาพสิ่งของ 2 กลุ่ม โดยแตล่ ะกลุ่มแสดงจานวนไมเ่ กิน 5 บนกระดาน ใหน้ ักเรียนออกมาเขยี นตัวเลขแสดงจานวนสิ่งของในแตล่ ะกลุ่ม แลว้ ชว่ ยกันบอกวา่ จานวนใดมากกวา่ จานวนใด จานวนใดน้อยกวา่ จานวนใด จานวนใดเท่ากบั จานวนใด จานวนใดไมเ่ ทา่ กับจานวนใด เช่น
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๗ ช้ัน ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 54 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ 5 1 สรุปวำ่ 5 ไมเ่ ทำ่ กับ 1 5 มำกกว่ำ 1 หรอื 1 นอ้ ยกว่ำ 5 25 สรุปว่ำ............................................... ……………………………………….. …………………………………..
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๗ ช้ัน ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 55 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ 44 สรุปวำ่ ............................................... ………………………………………… ……………………………………….. 5.3 ให้นกั เรียนออกมาคร้ังละ 2 คน หยิบบัตรภาพที่ครูเตรยี มไว้คนละ 1 บัตร แล้วนาบตั รภาพ ไปตดิ บนกระดาน และเขยี นตัวเลขแสดงจานวนใตภ้ าพ จากน้ันใหน้ กั เรยี นช่วยกันเปรียบเทยี บจานวนทั้งสอง จานวนโดยใชค้ าว่า เท่ากัน มากกว่า หรือ น้อยกวา่ เชน่ 4 2 สรุปวำ่ ............................................... ………………………………………… …………………………………………
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผ้สู อน) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๗ ชน้ั ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 56 หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ สรุปวำ่ ............................................... ……………………………………….. ………………………………………. จากน้ันให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด 1.7 ขั้นสรปุ 5. 6. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปวา่ จานวนสองจานวนเมือ่ นามาเปรยี บเทียบกนั จะเทา่ กนั มากกว่ากนั หรือน้อยกวา่ กัน อย่างใดอย่างหน่งึ เพียงอย่างเดียวเทา่ น้ัน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ข้นั นา แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๘ ขนั้ สอน 57 ขน้ั สรปุ แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ทบทวนจำนวนนับ 1 ถึง 5 และ 0 และกำรเปรยี บเทยี บจำนวน แนะนำกำรเรียงลำดบั จำนวน จำกสอื่ กรอบห้ำ บัตรภำพแสดงจำนวน และบตั รตัวเลข ฝึกปฏิบตั ิกำรเรียงลำดับจำนวน แบบฝึกหัด 1.8 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปวำ่ กำรเรยี งลำดบั จำนวน ทำไดโ้ ดยเปรยี บเทียบจำนวนนับทลี ะคู่ แล้วเรยี งลำดบั จำกน้อยไปมำก หรอื มำกไปน้อย - ประเมนิ จำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝึกหัด 1.8 - ประเมินจำกกำรส่อื สำรและสอื่ ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์และกำรให้เหตผุ ล
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๘ ชัน้ ป. ๑ หนว่ ยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 58 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ขอบเขตเนื้อหา สือ่ /แหล่งเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ การเรยี งลาดบั จานวนนบั 1 ถึง 5 ข้นั นา 1. ของจริง เช่น ยางลบ ดนิ สอ และ 0 ไมบ้ รรทดั ตัวเบี้ย และอ่นื ๆ 1. ครทู บทวนจานวนนับ 1 ถึง 5 และ 0 และเปรียบเทียบจานวนทลี ะคู่ ด้วยสอื่ ของจริง 2. บัตรภาพทแี่ สดงจานวนไม่เกิน 5 สาระสาคัญ และบัตรภาพ 3. บัตรตัวเลขฮนิ ดอู ารบิก 1 ถงึ 5 และ 0 กำรเรยี งลำดบั จำนวนทำได้โดย ขน้ั สอน 4. กรอบหา้ เปรยี บเทียบจำนวนทลี ะคู่ แล้ว 5. แบบฝึกหดั 1.8 เรียงลำดับจำกน้อยไปมำกหรือมำกไป 2. การสอนการเรยี งลาดับจานวน 3 จานวน อาจจดั กิจกรรม ดงั นี้ น้อย 2.1 ครูนาของจริง 3 ชนดิ แต่ละชนดิ มีจานวนไมเ่ กนิ 5 และให้มีจานวนไม่เทา่ กนั เช่น การประเมนิ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ดินสอ 2 แท่ง ยางลบ 5 ก้อน ไมบ้ รรทัด 3 อนั แล้วใชก้ รอบหา้ วางตวั เบ้ยี แสดงจานวนส่งิ ของดังกลา่ ว 1. วิธกี าร เพื่อนาจานวนมาเปรียบเทยี บและเรยี งลาดับจานวน ดงั นี้ 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ด้านความรู้ 1.2 ตรวจแบบฝกึ หดั เพ่อื ให้นกั เรยี นสำมำรถเรียงลำดบั - ให้นักเรียนสังเกตและเปรียบเทยี บ แล้วบอกวา่ จานวนใดมากกว่าจานวนใด ซ่งึ จะได้วา่ 2. เครื่องมอื 5 มากกว่า 3 และ 3 มากกวา่ 2 2.1 แบบฝกึ หัด 1.8 จำนวนนบั ไม่เกิน 5 สำมถงึ หำ้ จำนวน 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ ด้านทักษะและกระบวนการทาง ครถู ามนักเรยี นวา่ จานวนมากทสี่ ุดคือจานวนใด (5) จานวนนอ้ ยทีส่ ุดคือจานวนใด (2) จากน้ันครูแนะนา กระบวนการทางคณติ ศาสตร์ คณติ ศาสตร์ การเรียงลาดับจานวน 2 5 3 จากมากไปน้อย ดังนี้ เพ่ือใหน้ ักเรียนสำมำรถ 1. สอื่ สำรและสอื่ ควำมหมำย ทำงคณิตศำสตร์ 2. ใหเ้ หตผุ ล
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๘ ชั้น ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 59 หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ 3. เกณฑ์ เรียงลาดับจานวนจากมากไปน้อย 5 3 2 3.1 ผลงานมคี วามถูกตอ้ งไมน่ ้อยกว่า - ให้นักเรยี นสงั เกตและเปรยี บเทยี บ แลว้ บอกว่าจานวนใดน้อยกว่าจานวนใด ซ่งึ จะได้วา่ ร้อยละ 80 3.2 คะแนนรวม ด้านทกั ษะและ 2 นอ้ ยกวา่ 3 และ 3 น้อยกว่า 5 กระบวนการทางคณิตศาสตร์ไม่น้อย ครูถามนักเรยี นว่า จานวนนอ้ ยทส่ี ุดคอื จานวนใด (2) จานวนมากที่สุดคือจานวนใด (5) จากนนั้ ครูแนะนา กว่ารอ้ ยละ 60 การเรียงลาดับจานวน 2 5 3 จากน้อยไปมาก ดังน้ี เรยี งลาดบั จานวนจากนอ้ ยไปมาก 2 3 5 2.2 ครูนาบัตรภาพแสดงจานวนทมี่ ีตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ประกอบ จานวน 3 บตั ร ติดบนกระดาน เชน่ ภาพหนู 4 ตัว ภาพแมว 1 ตัว ภาพกระตา่ ย 3 ตวั - ใหน้ ักเรยี นบอกวา่ จานวนใดมากกว่าจานวนใด จานวนใดน้อยกว่าจานวนใด ซึ่งจะได้ว่า 4 มากกว่า 3 และ 3 มากกว่า 1 หรือ 1 น้อยกว่า 3 และ 3 น้อยกว่า 4 ครูถามนักเรยี นวา่ จานวนมากทสี่ ดุ คือจานวนใด (4) จานวนน้อยทสี่ ุดคือจานวนใด (1) จากนน้ั ใหน้ กั เรียน เรยี งลาดับจานวน 4 1 3 เรียงลาดบั จานวนจากมากไปนอ้ ย …………………………………………………….. เรยี งลาดับจานวนจากนอ้ ยไปมาก............................................................... ครแู จกบัตรตวั เลขฮินดอู ารบิกใหน้ ักเรียนคนละ 1 ชุด แตล่ ะชุดมี 6 บัตร (1 ถงึ 5 และ 0 ) ครสู ่มุ หยบิ บัตรตวั เลขคร้ังละ 3 บตั ร อ่านตวั เลขในแต่ละบัตร ใหน้ ักเรยี นหยบิ บัตรตวั เลขตามที่ครอู ่าน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำ� หรบั ครูผ้สู อน) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๘ ชั้น ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 60 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ แลว้ นามาวางเรยี งลาดบั จานวนจากมากไปน้อย หรอื เรยี งลาดับจานวนจากน้อยไปมาก ตามทค่ี รูกาหนด ทาเช่นน้ี 2 – 3 คร้ัง ครตู รวจสอบความถูกต้องในการปฏบิ ตั ิของนักเรยี น 3. การสอนการเรยี งลาดับจานวน 4 จานวน อาจจดั กิจกรรม ดังนี้ 3.1 ครูติดบตั รภาพแสดงจานวนที่มตี ัวเลขฮนิ ดูอารบกิ ประกอบ 4 บตั ร บนกระดาน เชน่ ภาพ สม้ 4 ผล ภาพแอปเปิล 2 ผล ภาพมะม่วง 3 ผล และภาพขนุน 1 ผล ครู 3.2 ครแู จกบัตรตวั เลขฮินดอู ารบกิ ใหน้ ักเรียนคนละ 1 ชดุ แต่ละชุดมี 6 บตั ร (1 ถึง 5 และ 0 ) ครูสุม่ หยบิ บัตรตัวเลขครงั้ ละ 4 ใบ อา่ นตัวเลขในแตล่ ะบตั ร ใหน้ กั เรยี นหยิบบตั รตวั เลขตามทค่ี รูอา่ น แลว้ นามาวางเรียงลาดบั จานวนจากมากไปน้อย หรอื เรียงลาดับจานวนจากน้อยไปมาก ตามท่คี รูกาหนด ทาเช่นนี้ 2 – 3 คร้ัง ครูตรวจสอบความถูกต้องในการปฏิบัติของนักเรียน จากน้ันให้นักเรียนทา แบบฝึกหดั 1.8 ขนั้ สรปุ 4. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปวา่ การเรยี งลาดบั จานวน ทาได้โดยเปรียบเทียบจานวนนบั ทลี ะคู่ แลว้ เรยี งลาดับจานวนจากน้อยไปมาก หรือมากไปนอ้ ย
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ส�ำหรบั ครูผ้สู อน) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) ขั้นนา แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๙ ข้นั สอน 61 ข้นั สรุป แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล สนทนาเก่ยี วกับเรอ่ื งการใช้จานวนนบั บอกปรมิ าณของสิ่งต่างๆ แนะนาใหร้ ูจ้ ักจานวนนบั 6 ถงึ 10 แบบฝกึ หดั 1.9 ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุป จานวนใชบ้ อกปรมิ าณของส่งิ ต่างๆ - ประเมินจากการตอบคาถามและการทาแบบฝึกหดั 1.9 - ประเมนิ จากการสื่อสาร สอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำ� หรบั ครูผ้สู อน) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กล่มุ สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๙ ช้นั ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 62 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ขอบเขตเนอ้ื หา สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ การนับและแสดงจานวนนับ 6 ถึง 10 ขนั้ นา 1. ตัวนับ เชน่ ไม้บรรทดั ดนิ สอ ยำงลบ แกว้ น้ำ หลอดดดู ไมไ้ อศกรีม สาระสาคัญ 1. ครูทบทวนจำนวน 1 ถึง 5 และ 0 โดยใหน้ ักเรยี นชนู วิ้ เป็นจำนวน 1 2 3 4 5 และ 0 2. บตั รภำพแสดงจำนวน 1 ถึง 10 และ 0 1.จำนวนใชบ้ อกปรมิ ำณของสง่ิ ตำ่ งๆ ขณะทพี่ ดู “หนึง่ สอง สำม ส่ี ห้ำ และ ศนู ย์” หรือใหน้ ักเรียนปรบมอื ให้มจี ำนวนคร้งั ตำมทีค่ รูกำหนด 3. กรอบหำ้ และตัวเบีย้ 2. ครูแบง่ นักเรยี นเป็นกลุ่ม แล้วแจกบัตรภำพแสดงจำนวน 1 ถึง 5 และ 0 4. กรอบสิบ 2.จำนวนไมข่ ึ้นอยู่กับชนดิ ขนำด และ 5. แผ่นภาพทบทวนจานวน หนง่ึ ถึง เมื่อครูพดู จำนวนใด ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั เลือกและวำงบตั รภำพบนโตะ๊ ครูตรวจสอบควำมถูกตอ้ งในกำร สิบ และศูนย์ รปู รำ่ งของส่ิงต่ำงๆ 6. แบบฝึกหดั 1.9 3. หนงึ่ สอง สำม สี่ ห้ำ หก เจด็ แปด ปฏบิ ตั ิของนักเรยี น เก้ำ สิบ เป็นจำนวนนบั ทเ่ี พ่ิมขน้ึ ทีละ ขน้ั สอน การประเมิน หน่งึ ตำมลำดับ 3. ครแู นะนำจำนวน “หก” โดยอำจจัดกิจกรรม ดังน้ี 1. วธิ ีการ 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมกำรเรียนรู้ 3.1 ครชู ดู ินสอขน้ี มำ 5 แทง่ ถำมนกั เรยี นว่ำ ครูมดี ินสอกี่แท่ง (5 แท่ง) จำกนน้ั ครูหยบิ ดินสอ 1.2 ตรวจแบบฝกึ หัด 2. เครอ่ื งมือ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เพิม่ มำอีก 1 แท่ง พร้อมทัง้ แนะนำว่ำ ในมือครมู ีดนิ สอ 6 แท่ง ให้นักเรยี นช่วยกันนับ โดยเม่อื นับ “หน่ึง” 2.1 แบบฝึกหัด 1.9 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ ดา้ นความรู้ ครูชูดินสอ 1 แทง่ นับ “สอง” ครูชูดินสอ 2 แทง่ นับ “สำม” ครชู ดู นิ สอ 3แทง่ ..... เม่อื นบั “หก” กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ นักเรยี นสำมำรถนับและแสดงจำนวน ครูชูดินสอ 6 แทง่ 6 ถงึ 10 นกั เรียนชว่ ยกนั จดั ตวั นบั หรือสิ่งของใหม้ จี ำนวน 6 ชิ้น อีก 2 -3 ตัวอยำ่ ง ด้านทักษะและกระบวนการทาง ครูตรวจสอบควำมถูกต้องในกำรปฏิบัติของนักเรยี น คณิตศาสตร์ ครูติดบตั รภำพแสดงจำนวน 6 บนกระดำน ใหน้ ักเรียนนบั และบอกจำนวนส่งิ ของใน เพื่อใหน้ ักเรยี นสามารถส่ือสาร แตล่ ะบัตร เชน่ ภำพเดก็ 6 คน ภำพตกุ๊ ตำ 6 ตวั ภำพมังคุด 6 ผล ส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๙ 63 กล่มุ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ชั้น ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง 3.2 ครนู ำกรอบห้ำ ตดิ บนกระดำน ครตู ิดตวั เบย้ี ไว้ 5 ตวั ให้นักเรียนนับ แลว้ ครหู ยิบตัวเบ้ยี 3. เกณฑ์ มำตดิ เพ่ิมอีก 1 ตวั ใหน้ กั เรียนนับตวั เบย้ี ท้ังหมด “หนึง่ สอง สำม สี่ ห้ำ หก” ครแู นะนำว่ำ 6 มำจำก 3.1 ผลงำนมคี วำมถูกต้องไม่น้อยกวำ่ 5 กบั 1 ร้อยละ 80 3.2 คะแนนรวม ดำ้ นทักษะและ กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ไมน่ อ้ ย 4. ครแู นะนำจำนวน “เจ็ด” โดยอำจจดั กิจกรรม ดงั นี้ กวำ่ ร้อยละ 60 4.1 ครูชูไม้บรรทัดขี้นมำ 6 อัน ถำมนกั เรยี นวำ่ ครูมไี ม้บรรทัดกี่อัน (6 อัน) จำกนั้นครูหยบิ ไม้ บรรทัดเพมิ่ มำอีก 1 อนั พรอ้ มทงั้ แนะนำว่ำ ในมือครูมีไม้บรรทัด 7 อัน ใหน้ ักเรียนช่วยกันนบั โดยเมือ่ นบั “หน่ึง” ครูชูไม้บรรทัด 1 อัน นับ “สอง” ครูไมบ้ รรทดั 2 อัน นับ “สำม” ครูไม้บรรทัด 3 อัน ..... เมื่อนับ “เจ็ด” ครไู ม้บรรทัด 7 อนั ให้นักเรยี นช่วยกันจัดตวั นับ หรือส่ิงของให้มจี ำนวน 7 ชิ้น อกี 2 -3 ตวั อยำ่ ง ครตู รวจสอบควำม ถกู ต้องในกำรปฏิบัตขิ องนักเรียน ครูติดบตั รภำพแสดงจำนวน 7 บนกระดำน ใหน้ ักเรียนนบั และบอกจำนวนสิ่งของในแต่ละบตั ร เช่น ภำพรถยนต์ 7 คัน ภำพเสอื 7 ตวั ภำพกล้วย 7 ผล 4.2 ครใู ช้กรอบหำ้ ที่ติดอยบู่ นกระดำน ครูติดตัวเบยี้ ไว้ 6 ตัว ให้นักเรียนนบั แล้วครูหยบิ ตวั เบ้ีย มำติดเพิ่มอีก 1 ตัว ใหน้ ักเรยี นนบั ตวั เบ้ียทง้ั หมด “หน่งึ สอง สำม สี่ หำ้ หก เจ็ด” ครูแนะนำวำ่ 7 มำจำก 5 กับ 2
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำ� หรบั ครูผ้สู อน) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๙ ชัน้ ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 64 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ 5. ครแู นะนำจำนวน “แปด” “เกำ้ ” และ “สบิ ” โดยอำจจัดกจิ กรรม ทำนองเดียวกบั กำรสอน จำนวน “หก” “เจด็ ” แต่เปล่ยี นสอื่ ทีใ่ ชใ้ ห้หลำกหลำย โดยเรม่ิ จำกสอ่ิ ของจริงก่อน เมอื่ นักเรียนเข้ำใจแล้ว จงึ ใชบ้ ตั รภำพแสดงจำนวน 6. หลังจำกนักเรียนรู้จักจำนวน “เกำ้ ” ครูแนะนำจำนวน “สิบ” ด้วยส่อื หลำกหลำย และแนะนำ สื่อกรอบสบิ และใหน้ ักเรียนหยิบตัวเบีย้ 10 ตัว ไปติดในกรอบสิบ ได้ดังน้ี 7. ครทู บทวนจำนวน หนึ่ง ถึง สบิ และศนู ย์ โดยใชแ้ ผ่นภำพ ดงั น้ี
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๙ 65 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ช้นั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง ภำพสง่ิ ของ ตวั หนังสอื ศนู ย์ หนึ่ง สอง สำม ส่ี ห้ำ หก เจด็ แปด เก้ำ สบิ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำ� หรบั ครูผ้สู อน) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๙ ชน้ั ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 66 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ จำกนน้ั ให้นกั เรยี นทำแบบฝกึ หดั 1.9 ข้ันสรุป 8. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปวำ่ - จำนวนใช้บอกปรมิ ำณของสิง่ ตำ่ งๆ เชน่ ดนิ สอ 8 แท่ง กระต่ำย 7 ตวั - จำนวนไมข่ ้ึนอยู่กบั ชนิด ขนำด และรูปรำ่ งของสิ่งต่ำงๆ เชน่ เดก็ 6 คน มังคดุ 6 ผล - หนง่ึ สอง สำม สี่ หำ้ หก เจ็ด แปด เกำ้ สบิ เป็นจำนวนนบั ทีเ่ พิม่ ข้นึ ทีละหน่ึง ตำมลำดบั
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ข้ันนา แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๐ ขนั้ สอน 67 ข้ันสรุป แนวการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล ทบทวนจำนวนนบั “หก” และ “เจด็ ” ดว้ ยสอ่ื ของจรงิ บตั รภำพ แนะนำสญั ลกั ษณ์ที่ใชเ้ ขยี นแสดงจำนวน ตัวเลขฮินดูอำรบิก ตัวเลขไทย สำธติ วธิ ีเขยี นตัวเลขฮินดอู ำรบิก 6 และ 7 ตัวเลขไทย ๖ และ ๗ แบบฝึกหัด 1.10 ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ตัวเลขฮนิ ดูอำรบิก 6 และ 7 ตวั เลขไทย ๖ และ ๗ เปน็ สัญลกั ษณท์ ใี่ ชเ้ ขยี นแสดงจำนวน - ประเมนิ จำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝึกหดั 1.10 - ประเมนิ จำกกำรสือ่ สำร สอื่ ควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผ้สู อน) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๐ 68 กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ชน้ั ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ชั่วโมง ขอบเขตเนอื้ หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ ข้นั นา กำรเขียน กำรอำ่ นตวั เลขฮินดอู ำรบกิ 1. ตวั นับ เช่น ไมบ้ รรทัด ดนิ สอ และตัวเลขไทย แสดงจำนวน นบั 6 ยำงลบ ไม้ไอศกรีม แกว้ นำ้ หลอดดดู และ 7 1. ครูทบทวนจำนวนนับ “หก และ เจด็ ” ดว้ ยส่ือของจรงิ บัตรภำพแสดงจำนวน ฝำขวด สาระสาคญั ขน้ั สอน 2. บัตรภำพแสดงจำนวนท่ีมี ตวั เลขฮินดูอำรบิก 6 และ 7 ประกอบ ตัวเลขฮินดูอำรบิก 6 และ 7 2. ครูแนะนำกำรเขียน กำรอำ่ นตวั เลขฮนิ ดูอำรบิก ตวั เลขไทย แสดงจำนวน “หก” โดยอำจจัด ตัวเลขไทย ๖ และ ๗ เป็นสัญลกั ษณ์ที่ กิจกรรม ดังนี้ 3. บัตรตัวเลขฮนิ ดอู ำรบิก 6 และ 7 ใช้เขียนแสดงจำนวน เขียนตัวหนังสือ เปน็ หก และ เจด็ 2.1 ครตู ดิ บตั รภำพแสดงจำนวน “หก” ทม่ี ตี ัวเลขฮินดูอำรบิก “6” ประกอบ มำใหน้ กั เรียนนบั 4. บตั รตวั เลขไทย ๖ และ ๗ และบอกจำนวนของสงิ่ ของที่อยใู่ นบัตรภำพ เชน่ ภำพมังคุด 6 ผล 5. แผน่ ภำพแสดงจำนวน จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ตวั เลขฮินดอู ำรบิก ตวั เลขไทย 6 และตัวหนังสือ 6. แบบฝกึ หดั 1.10 ดา้ นความรู้ การประเมนิ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนสำมำรถ อ่ำนและเขียน 1. วิธีการ ตัวเลขฮนิ ดูอำรบิก และตัวเลขไทย ครถู ำมวำ่ “ในภำพมีมงั คุดก่ีผล” (6 ผล) จำกนน้ั ครชู ที้ ี่ตัวเลข “6” ท่ีอยู่ในภำพ พร้อมทง้ั แนะนำว่ำ 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมกำรเรียนรู้ ตวั เลข “6” เป็นตัวเลขฮนิ ดอู ำรบกิ ใช้แสดงจำนวน “หก” อำ่ นวำ่ “หก” และให้นักเรียนอ่าน แสดงจำนวนนบั 6 และ 7 พร้อมกนั 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด ด้านทักษะและกระบวนการทาง คณติ ศาสตร์ ครูนำบัตรภำพแสดงจำนวน “หก” ทมี่ ีตัวเลขฮินดอู ำรบิก “6” ประกอบ มำใหน้ กั เรยี นนับและ 2. เครือ่ งมอื เพอ่ื ใหน้ ักเรียนสำมำรถส่ือสำร 2.1 แบบฝกึ หัด 1.10 บอกจำนวนของส่ิงของที่อยู่ในบัตรภำพ อกี 2 – 3 ภำพ เช่น ภำพเดก็ 6 คน ภำพตุ๊กตำ 6 ตวั ส่ือควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ ครูตดิ บตั รตัวเลข “6” และสำธิตกำรเขยี นตวั เลขฮนิ ดูอำรบกิ “6 “ บนกระดำน พร้อมทัง้ กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ แนะนำวิธีเขียนวำ่ จะต้องเรม่ิ ต้นท่จี ุดใด และลำกเสน้ ไปทำงใด โดยสงั เกตจำกลูกศร
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กล่มุ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๐ ชนั้ ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 69 หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ 3. เกณฑ์ 1 3.1 ผลงำนมีควำมถูกต้องไมน่ ้อยกวำ่ ร้อยละ 80 2 3.2 คะแนนรวม ด้ำนทักษะและ กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ไม่น้อย ครแู จกบตั รตัวเลขฮินดูอำรบิก “6” ใหน้ กั เรียนคนละ 1 ใบ เพอ่ื ฝกึ ใช้นิว้ มอื เขยี นตำมรอย กว่ำร้อยละ 60 ในบตั รจนถกู วิธี จำกน้นั ให้ฝกึ เขยี นตัวเลขฮนิ ดูอำรบิก “6” ในอำกำศ บนโตะ๊ เรยี น บนฝ่ำมอื แลว้ จงึ ให้ นกั เรยี นตวั เลขฮนิ ดูอำรบิก “6” ลงในแบบฝึกหัด 1.10 ขอ้ 1 เฉพำะแถวที่ 1 ครตู ดิ บัตรภำพแสดงจำนวน “หก” ที่มีตวั เลขไทย “๖” ประกอบ มำใหน้ ักเรียนนบั และบอก จำนวนของส่ิงของที่อยใู่ นบัตรภำพ เช่น ภำพแตงโม 6 ผล ๖ ครูถำมว่ำ “ในภำพมีแตงโมกี่ผล” (6 ผล) จำกน้ันครชู ี้ท่ีตัวเลข “๖” ทีอ่ ยู่ในภำพ พร้อมท้ังแนะนำว่ำ ตัวเลข “๖” เป็นตัวเลขไทย ใช้แสดงจำนวน “หก” อ่ำนวำ่ “หก” และให้นักเรยี นอ่านพร้อมกัน 2.2 ครูนำบัตรภำพแสดงจำนวน “หก” ท่ีมีตัวเลขไทย “๖” ประกอบ มำให้นักเรียนนบั และ บอกจำนวนของส่งิ ของทีอ่ ยู่ในบตั รภำพ อกี 2 – 3 ภำพ เชน่ ภำพนกั กีฬำ 6 คน ภำพกำรต์ นู 6 ตัว ครูตดิ บตั รตัวเลข “๖” และสำธติ กำรเขียนตวั เลขไทย “๖” บนกระดำน พร้อมท้ังแนะนำวธิ ี เขยี นวำ่ จะต้องเรม่ิ ต้นท่จี ุดใด และลำกเสน้ ไปทำงใด โดยสงั เกตจำกลูกศร 3 1 2
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๐ ชัน้ ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 70 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ครูแจกบตั รตวั เลขไทย “๖” ให้นักเรียนคนละ 1 ใบ เพื่อฝึกใช้นิว้ มือเขียนตำมรอยในบัตรจน ถูกวิธี จำกนัน้ ใหฝ้ กึ เขียนตวั เลขไทย “๖” ในอำกำศ บนโต๊ะเรียน บนฝำ่ มอื แลว้ จึงใหน้ กั เรียนเขยี นตัวเลข ไทย “๖” ลงในแบบฝกึ หดั 1.10 ข้อ 2 เฉพำะแถวท่ี 1 3. ครูแนะนำกำรเขียน กำรอ่ำนตวั เลขฮินดอู ำรบิก ตัวเลขไทย แสดงจำนวน “เจ็ด” โดยอำจจดั กจิ กรรม ดงั น้ี 3.1 ครูติดบัตรภำพแสดงจำนวน “เจด็ ” ที่มีตวั เลขฮินดูอำรบกิ “7” ประกอบ มำใหน้ ักเรียนนับ และบอกจำนวนของส่งิ ของท่ีอย่ใู นบตั รภำพ เช่น ภำพรถจักรยำนยนต์ 7 คัน 7 ครถู ำมวำ่ “ในภำพมีรถจักรยำนยนตก์ ่ีคนั ” (7 คนั ) จำกนัน้ ครชู ้ที ตี่ ัวเลข “7” ที่อยู่ในภำพ พร้อมทั้งแนะนำ วำ่ ตัวเลข “7” เป็นตวั เลขฮินดอู ำรบิก ใชแ้ สดงจำนวน “เจด็ ” อำ่ นวำ่ “เจด็ ” และให้นักเรียนอา่ น พรอ้ มกัน ครนู ำบัตรภำพแสดงจำนวน “เจ็ด” ทีม่ ตี วั เลขฮนิ ดูอำรบิก “7” ประกอบ มำให้นักเรยี นนบั และบอกจำนวนของสิ่งของท่ีอยใู่ นบตั รภำพ อีก 2 – 3 ภำพ เชน่ ภำพเสือ 7 ตวั ภำพกล้วย 7 ผล ครตู ิดบตั รตวั เลข “7” และสำธิตกำรเขียนตวั เลขฮินดูอำรบิก “7” บนกระดำน พร้อมทงั้ แนะนำวธิ เี ขยี นว่ำ จะต้องเร่ิมตน้ ทจ่ี ุดใด และลำกเสน้ ไปทำงใด โดยสงั เกตจำกลูกศร 1 2
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑๐ ชัน้ ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 71 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ครูแจกบัตรตัวเลขฮนิ ดูอำรบกิ “7” ให้นักเรียนคนละ 1 ใบ เพอ่ื ฝกึ ใช้นวิ้ มอื เขยี นตำมรอย ในบัตรจนถกู วธิ ี จำกนน้ั ฝกึ เขียนตัวเลขฮนิ ดอู ำรบกิ “7” ในอำกำศ บนโต๊ะเรยี น บนฝ่ำมือ แลว้ จงึ ให้ นกั เรยี นเขยี นตวั เลขฮินดูอำรบกิ “7” ลงในแบบฝึกหัด 1.10 ขอ้ 3 เฉพำะแถวที่ 1 3.2 ครตู ดิ บตั รภำพแสดงจำนวน “เจ็ด” ที่มตี ัวเลขไทย “๗” ประกอบ มำใหน้ กั เรยี นนบั และ บอกจำนวนของสิ่งของทอ่ี ยู่ในบัตรภำพ เช่น ภำพรถยนต์ 7 คนั ๗ ครถู ำมว่ำ “ในภำพมีรถยนต์กี่คนั ” (7 คัน) จำกน้ันครชู ที้ ่ีตวั เลข “๗” ทอ่ี ยู่ในภำพ พร้อมท้ังแนะนำว่ำ ตวั เลข “๗” เป็นตวั เลขฮนิ ดูอำรบิก ใชแ้ สดงจำนวน “เจ็ด” อำ่ นว่ำ “เจ็ด” และให้ นักเรยี นอ่าน พร้อมกนั ครูนำบัตรภำพแสดงจำนวน “เจ็ด” ที่มีตัวเลขไทย “๗” ประกอบ มำใหน้ ักเรยี นนับและ บอกจำนวนของสง่ิ ของท่ีอยู่ในบัตรภำพ อีก 2 – 3 ภำพ เชน่ ภำพพทุ รำ 7 ผล ภำพละมุด 7 ผล ครูติดบัตรตัวเลข “๗” และสำธิตกำรเขยี นตัวเลขไทย “๗” บนกระดำน พร้อมท้งั แนะนำวธิ ี เขียนว่ำ จะต้องเริ่มต้นทจ่ี ดุ ใด และลำกเส้นไปทำงใด โดยสังเกตจำกลกู ศร 2 13 ครูแจกบัตรตวั เลขไทย “๗” ใหน้ ักเรยี นคนละ 1 ใบ เพ่ือฝกึ ใช้นว้ิ มือเขยี นตำมรอยในบัตร จนถูกวธิ ี จำกนั้นใหฝ้ ึกเขยี นตัวเลขไทย “๗” ในอำกำศ บนโต๊ะเรียน บนฝำ่ มอื แลว้ จึงใหน้ กั เรยี นเขียน ตัวเลขไทย “๗” ลงในแบบฝึกหดั 1.10 ข้อ 4 เฉพำะแถวที่ 1
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๐ 72 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ชัน้ ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน 4. ครูติดแผน่ ภำพแสดงจำนวน หน่งึ ถงึ เจ็ด และศูนย์ เพื่อให้นักเรยี นสรปุ สญั ลกั ษณ์ที่ใช้เขียน เวลา ๑ ช่ัวโมง แสดงจำนวน หนงึ่ สอง สำม สี่ ห้ำ หก เจด็ และศูนย์ เป็นตวั เลขฮินดูอำรบิก และ ตัวเลขไทย ภาพสงิ่ ของ ตวั เลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย ตวั หนังสือ 0 ๐ ศูนย์ 1 ๑ หนง่ึ 2 ๒ สอง 3 ๓ สำม 4 ๔ สี่ 5 ๕ หำ้ 6 ๖ หก 7 ๗ เจ็ด จำกนนั้ ให้นักเรียนทำแบบฝึกหดั 1.10 ขั้นสรุป 5. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ ว่ำ ตวั เลขฮินดูอำรบกิ 1 2 3 4 5 6 7 และตัวเลขไทย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ เปน็ สญั ลกั ษณ์ท่ใี ชเ้ ขยี นแสดงจำนวน เขยี นตัวหนงั สือเปน็ หน่ึง สอง สำม ส่ี ห้ำ หก เจ็ด
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขน้ั นา แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๑ ข้นั สอน 73 ขนั้ สรปุ แนวการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผล ทบทวนจำนวนนับ “แปด” และ “เก้ำ” ดว้ ยสอ่ื ของจริง บตั รภำพ แนะนำสญั ลักษณท์ ่ใี ชเ้ ขยี นแสดงจำนวน ตัวเลขฮินดอู ำรบกิ ตัวเลขไทย สำธติ วิธีเขยี นตวั เลขฮินดอู ำรบิก 8 และ 9 ตวั เลขไทย ๘ และ ๙ แบบฝกึ หัด 1.11 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุป ตวั เลขฮนิ ดอู ำรบิก 8 และ 9 ตัวเลขไทย ๘ และ ๙ เป็นสญั ลกั ษณท์ ่ีใช้เขียนแสดงจำนวน - ประเมินจำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝกึ หดั 1.11 - ประเมินจำกกำรสื่อสำร สอื่ ควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๑๑ 74 กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ชั้น ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู้ กำรเขียน กำรอ่ำน ตัวเลขฮินดูอำรบกิ ข้นั นา 1. ตวั นับ เชน่ ไมบ้ รรทัด ดินสอ และตวั เลขไทย แสดงจำนวนนบั 8 ยำงลบ ไมไ้ อศกรมี แกว้ น้ำ หลอดดดู 1. ครทู บทวนจำนวนนบั “แปด และ เกำ้ ” ดว้ ยสอ่ื ของจรงิ บตั รภำพแสดงจำนวน ฝำขวด และ 9 ข้นั สอน 2. บตั รภำพแสดงจำนวนทมี่ ีตัวเลข ฮินดูอำรบิก 8 และ 9 ประกอบ สาระสาคัญ 2. ครแู นะนำกำรเขียน กำรอำ่ นตวั เลขฮนิ ดูอำรบิก ตวั เลขไทย แสดงจำนวน “แปด” โดยอำจจดั 3. บัตรตวั เลขฮินดูอำรบิก 8 และ 9 กจิ กรรม ดงั นี้ 4. บัตรตวั เลขไทย ๘ และ ๙ ตัวเลขฮินดอู ำรบกิ 8 และ 9 5. แผ่นภำพแสดงจำนวน ตัวเลขฮนิ ดู 2.1 ครตู ิดบัตรภำพแสดงจำนวน “แปด” ที่มตี ัวเลขฮนิ ดูอำรบิก “8” ประกอบ มำใหน้ กั เรยี น อำรบิก ตวั เลขไทย และตัวหนังสือ ตัวเลขไทย ๘ และ ๙ เปน็ สญั ลกั ษณ์ที่ นบั และบอกจำนวนของสิ่งของท่ีอยู่ในบัตรภำพ เช่น ภำพวำฬ 8 ตัว 6. แบบฝึกหดั 1.11 ใชเ้ ขียนแสดงจำนวน เขียนตัวหนงั สอื 8 การประเมนิ เป็น แปด และ เก้ำ 1. วธิ ีการ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ครถู ำมว่ำ “ในภำพมีวำฬก่ตี ัว” (8 ตัว) จำกนั้นครูชี้ที่ตัวเลข “8” ที่อยู่ในภำพ พรอ้ มท้ังแนะนำวำ่ 1.1 สงั เกตพฤติกรรมกำรเรยี นรู้ 1.2 ตรวจแบบฝกึ หดั ดา้ นความรู้ 2. เครอ่ื งมอื เพือ่ ให้นักเรียนสำมำรถ อ่ำนและ ตัวเลข “8” เปน็ ตัวเลขฮนิ ดอู ำรบิก ใชแ้ สดงจำนวน “แปด” อ่ำนว่ำ “แปด” และให้นกั เรียนอา่ น 2.1 แบบฝึกหดั 1.11 เขียนตวั เลขฮนิ ดูอำรบิก และตัวเลขไทย พรอ้ มกัน 2.2 แบบประเมนิ ทกั ษะและ ครนู ำบัตรภำพแสดงจำนวน “แปด” ท่มี ตี ัวเลขฮนิ ดูอำรบิก “8” ประกอบ กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ แสดงจำนวนนบั 8 และ 9 มำให้นักเรยี นนับและบอกจำนวนของสิ่งของท่ีอย่ใู นบัตรภำพ อีก 2 – 3 ภำพ เช่น ภำพปู 8 ตัว ด้านทักษะและกระบวนการทาง ภำพเปด็ 8 ตวั คณิตศาสตร์ ครูตดิ บตั รตัวเลข “8” และสำธิตกำรเขียนตวั เลขฮนิ ดูอำรบิก “8” เพอื่ ให้นกั เรยี นสำมำรถส่อื สำร บนกระดำน พรอ้ มทั้งแนะนำวิธเี ขยี นวำ่ จะตอ้ งเร่ิมตน้ ที่จดุ ใด และลำกเสน้ ไปทำงใด โดยสงั เกตจำกลูกศร สอ่ื ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ 1 2
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู ูสอน) กลุมสาระการเรยี นรคู ณิตศาสตร ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑๑ ชนั้ ป. ๑ หนว่ ยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง ๗๕ หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ 3. เกณฑ์ ครแู จกบัตรตวั เลขฮินดูอำรบิก “8” ใหน้ กั เรียนคนละ 1 ใบ เพ่ือฝกึ ใชน้ ้ิวมือเขยี นตำมรอย 3.1 ผลงำนมคี วำมถูกตอ้ งไม่น้อยกวำ่ ในบัตรจนถูกวธิ ี จำกนั้นใหฝ้ กึ เขยี นตวั เลขฮินดูอำรบิก “8” ในอำกำศ บนโตะ๊ เรยี น บนฝ่ำมือ แล้วจึงให้ ร้อยละ 80 นักเรยี นเขียนตวั เลขฮินดูอำรบกิ “8” ลงในแบบฝกึ หดั 1.11 ข้อ 1 เฉพำะแถวที่ 1 3.2 คะแนนรวม ด้ำนทกั ษะและ กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ไม่นอ้ ย 2.2 ครูตดิ บตั รภำพแสดงจำนวน “แปด” ทม่ี ีตัวเลขไทย “๘” ประกอบ มำให้นกั เรียนนบั และ กว่ำรอ้ ยละ 60 บอกจำนวนของสง่ิ ของที่อยู่ในบตั รภำพ เชน่ ภำพเต่ำ 8 ตวั ๘ ครูถำมวำ่ “ในภำพมีเต่ำกตี่ ัว” (8 ตวั ) จำกนั้นครูชท้ี ่ีตัวเลข “๘” ทอ่ี ยใู่ นภำพ พร้อมท้ังแนะนำวำ่ ตัวเลข “๘” เปน็ ตัวเลขไทย ใช้แสดงจำนวน “แปด” อ่ำนว่ำ “แปด” และให้นักเรียนอ่านพร้อมกัน 2.3 ครูนำบัตรภำพแสดงจำนวน “แปด” ทม่ี ตี ัวเลขไทย “๘” ประกอบพรอ้ มทงั้ ให้นักเรียนนับ และบอกจำนวนของสง่ิ ของท่ีอยูใ่ นบัตรภำพ อกี 2 – 3 ภำพ เช่น ภำพปู 8 ตวั ภำพหมกึ 8 ตัว 2.4 ครูตดิ บัตรตวั เลข “๘” และสำธิตกำรเขยี นตัวเลขไทย “๘” บนกระดำน พร้อมทั้งแนะนำ วิธเี ขียนว่ำ จะต้องเร่มิ ต้นทีจ่ ุดใด และลำกเส้นไปทำงใด โดยสงั เกตจำกลูกศร 31 2
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๑ ช้นั ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 76 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ครูแจกบัตรตัวเลขไทย “๘” ใหน้ ักเรียนคนละ 1 ใบ เพ่ือฝึกใชน้ วิ้ มอื เขียนตำมรอยในบตั รจนถกู วธิ ี จำกนนั้ ใหฝ้ ึกเขียนตัวเลขไทย “๘” ในอำกำศ บนโต๊ะเรียน บนฝ่ำมือ แล้วจึงให้นกั เรียนเขยี นตัวเลข ไทย “๘” ลงในแบบฝกึ หดั 1.11 ขอ้ 2 เฉพำะแถวที่ 1 3. ครูแนะนำกำรเขยี น กำรอ่ำนตวั เลขฮนิ ดอู ำรบิก ตวั เลขไทย แสดงจำนวน “เกำ้ ” โดยอำจจัด กจิ กรรม ดังน้ี 3.1 ครูตดิ บัตรภำพแสดงจำนวน “เก้ำ” ทีม่ ีตัวเลขฮนิ ดูอำรบิก “9” ประกอบ มำให้นกั เรยี นนบั และบอกจำนวนของสิง่ ของที่อยใู่ นบัตรภำพ เช่น ภำพเตำ่ ทอง 9 ตัว 9 ครูถำมวำ่ “ในภำพมีเต่ำทองกตี่ วั ” (9 ตวั ) จำกนัน้ ครชู ที้ ต่ี ัวเลข “9” ท่อี ยู่ในภำพ พร้อมท้งั แนะนำว่ำ ตวั เลข “9” เปน็ ตัวเลขฮินดอู ำรบกิ ใชแ้ สดงจำนวน “เกำ้ ” อำ่ นวำ่ “เกำ้ ” และให้นักเรียนอ่าน พรอ้ มกัน ครนู ำบัตรภำพแสดงจำนวน “เก้ำ” ที่มตี วั เลขฮนิ ดอู ำรบิก “9” ประกอบ ให้นักเรยี นนบั และ บอกจำนวนสิ่งของที่อยูใ่ นบัตรภำพ อกี 2 – 3 ภำพ เช่น ภำพลิง 9 ตัว ภำพกล้วย 9 ลูก ครตู ิดบัตรตัวเลข “9” และสำธิตกำรเขยี นตัวเลขฮินดูอำรบิก “9” บนกระดำน พร้อมทั้งแนะนำ วธิ เี ขยี นวำ่ จะต้องเรม่ิ ตน้ ที่จุดใด และลำกเสน้ ไปทำงใด โดยสังเกตจำกลกู ศร 1 2 3
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๑ ชัน้ ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 77 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ครูแจกบัตรตวั เลขฮินดูอำรบกิ “9” ให้นกั เรียนคนละ 1 ใบ เพ่อื ฝึกใช้นิว้ มือเขียนตำมรอย ในบตั รจนถกู วิธี จำกนั้นใหฝ้ ึกเขยี นตัวเลขฮนิ ดูอำรบิก “9” ในอำกำศ บนโตะ๊ เรยี น บนฝ่ำมอื แลว้ จึงให้ นกั เรยี นเขียนตัวเลขฮินดอู ำรบกิ “9” ลงในแบบฝึกหดั 1.11 ข้อ 3 เฉพำะแถวที่ 1 3.2 ครตู ิดบตั รภำพแสดงจำนวน “เก้ำ” ท่ีมีตัวเลขไทย “๙” ประกอบ มำให้นักเรียนนับและ บอกจำนวนของสง่ิ ท่ีอยูใ่ นบัตรภำพ เช่น ภำพนก 9 ตัว ๙ ครูถำมวำ่ “ในภำพมีนกกีต่ วั ” (9 ตัว) จำกนั้นครชู ท้ี ต่ี วั เลข “๙” ท่ีอยู่ในภำพ พร้อมท้ังแนะนำว่ำ ตัวเลข “๙” เป็นตัวเลขไทย ใชแ้ สดงจำนวน “เก้ำ” อำ่ นวำ่ “เก้ำ” และให้นกั เรยี นอ่านพร้อมกัน ครนู ำบตั รภำพแสดงจำนวน “เก้ำ” ท่ีมีตัวเลขไทย “๙”ประกอบ ใหน้ ักเรยี น นับและบอก จำนวนส่ิงของท่ีอยู่ในบัตรภำพ อกี 2 – 3 ภำพ เช่น ภำพแว่นตำ 9 อัน ภำพหมวก 9 ใบ ครูตดิ บตั รตัวเลข “๙” และสำธิตกำรเขยี นตัวเลขไทย “๙” บนกระดำน พรอ้ มทงั้ แนะนำวธิ ี เขยี นวำ่ จะตอ้ งเริม่ ตน้ ทีจ่ ุดใด และลำกเสน้ ไปทำงใด โดยสังเกตจำกลกู ศร 21 ครูแจกบัตรตัวเลขไทย “๙” ให้นักเรยี นคนละ 1 ใบ เพ่ือฝึกใช้นิ้วมอื เขยี นตำมรอยในบัตร จนถูกวิธี จำกนั้นให้ฝึกเขยี นตัวเลขไทย “๙” ในอำกำศ บนโต๊ะเรียน บนฝ่ำมอื แลว้ จึงให้นกั เรียนเขยี น ตัวเลขไทย “๙” ลงในแบบฝึกหดั 1.11 ขอ้ 4 เฉพำะแถวท่ี 1
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๑ 78 กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ชั้น ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน 4. ครูติดแผน่ ภำพแสดงจำนวน หนึง่ ถงึ เกำ้ และศนู ย์ เพอ่ื สรปุ สัญลักษณ์ท่ีใชเ้ ขียนแสดง หนึ่ง เวลา ๑ ช่ัวโมง สอง สำม สี่ หำ้ หก เจด็ แปด เกำ้ และศนู ย์ เปน็ ตัวเลขฮนิ ดูอำรบกิ และตัวเลขไทย ภาพสิง่ ของ ตัวเลขฮนิ ดูอารบิก ตวั เลขไทย ตัวหนงั สือ 0 ๐ ศนู ย์ 1 ๑ หนึ่ง 2 ๒ สอง 3 ๓ สำม 4 ๔ สี่ 5 ๕ หำ้ 6 ๖ หก 7 ๗ เจ็ด 8 ๘ แปด 9 ๙ เก้ำ จำกนน้ั ใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หัด 1.11 ข้ันสรปุ 5. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ วำ่ ตวั เลขฮินดอู ำรบกิ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 และตวั เลขไทย ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๘, ๙ เปน็ สญั ลักษณ์ทใ่ี ช้เขยี นแสดงจำนวน เขยี นตวั หนังสอื เป็น หน่งึ สอง สำม ส่ี ห้ำ หก เจด็ แปด เก้ำ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขั้นนา แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๒ ขั้นสอน 79 ขัน้ สรุป แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวดั และประเมินผล ทบทวนจำนวนนับ “สบิ ” ด้วยสือ่ ของจรงิ บตั รภำพ แนะนำสญั ลักษณ์ทใ่ี ช้เขยี นแสดงจำนวน ตัวเลขฮนิ ดอู ำรบิก ตัวเลขไทย สำธติ วธิ เี ขยี นตัวเลขฮินดูอำรบิก 10 และ ตวั เลขไทย ๑๐ แบบฝกึ หัด 1.12 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุป ตวั เลขฮินดอู ำรบิก 10 ตวั เลขไทย ๑๐ เปน็ สญั ลักษณ์ทใี่ ชเ้ ขยี นแสดงจำนวน - ประเมนิ จำกกำรตอบคำถำมและกำรทำแบบฝกึ หดั 1.12 - ประเมินจำกกำรสื่อสำร สอ่ื ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑๒ 80 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ชน้ั ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง ขอบเขตเน้อื หา กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ กำรเขยี น กำรอำ่ น ข้ันนา 1. ตวั นับ เชน่ ไม้บรรทดั ดินสอ ตวั เลขฮินดอู ำรบกิ และตวั เลขไทย 1. ครูทบทวนจำนวนนับ “สิบ” ดว้ ยส่ือของจริง บัตรภำพแสดงจำนวน ยำงลบ ไม้ไอศกรมี แก้วน้ำ หลอดดูด แสดงจำนวนนบั 10 ขนั้ สอน ฝำขวด ตัวนับ สาระสาคัญ 2. ครแู นะนำกำรเขียน กำรอ่ำนตัวเลขฮนิ ดูอำรบิก ตวั เลขไทย แสดงจำนวน “สิบ” โดยอำจจัด 2. บตั รภำพแสดงจำนวนทมี่ ตี ัวเลข ฮินดอู ำรบิก 10 ประกอบ ตวั เลขฮินดอู ำรบกิ 10 ตวั เลขไทย กจิ กรรม ดังน้ี ๑๐ เป็นสญั ลกั ษณท์ ใี่ ช้เขยี นแสดง 2.1 ครตู ดิ บัตรภำพแสดงจำนวน “สบิ ” ที่มตี วั เลขฮนิ ดูอำรบกิ “10” ประกอบ มำให้นักเรยี นนบั 3. บัตรตัวเลขฮินดอู ำรบิก 1 ถงึ 10 จำนวน เขียนตัวหนังสอื เป็น สิบ และ 0 และบอกจำนวนของสง่ิ ของที่อย่ใู นบตั รภำพ เชน่ ภำพกระตำ่ ย 10 ตวั 10 4. บตั รตวั เลขไทย ๑ ถงึ ๑๐ และ ๐ 5. บัตรตวั หนังสอื “หนึ่ง” ถงึ “สบิ ” จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ และ “ศนู ย์” ดา้ นความรู้ ครูถำมว่ำ “ในภำพมีกระต่ำยกีต่ ัว” (10 ตัว) จำกนั้นครูชี้ทต่ี ัวเลข “10” ที่อยใู่ นภำพ พร้อมทงั้ แนะนำว่ำ 6. แผน่ ภำพแสดงจำนวน ตวั เลขฮินดู เพอ่ื ใหน้ กั เรียนสำมำรถ อำ่ นและเขียน อำรบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนังสือ ตัวเลขฮนิ ดูอำรบิก และตัวเลขไทย ตัวเลข “10” เปน็ ตวั เลขฮินดูอำรบกิ ใช้แสดงจำนวน “สบิ ” อำ่ นว่ำ “สบิ ” และให้ นักเรียนอ่าน 7. แบบฝกึ หัด 1.12 พรอ้ มกนั แสดงจำนวนนับ 10 การประเมนิ 2.2 ครนู ำบตั รภำพแสดงจำนวน “สบิ ” ท่ีมีตัวเลขฮินดูอำรบกิ “10” ประกอบ มำให้นักเรียน ดา้ นทกั ษะและกระบวนการทาง 1. วธิ ีการ นบั และบอกจำนวนของสิง่ ที่อย่ใู นบัตรภำพ อีก 2 – 3 ภำพ เชน่ ภำพกระรอก 10 ตวั ภำพจงิ โจ้ 10 ตัว 1.1 สงั เกตพฤติกรรมกำรเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ 1.2 ตรวจแบบฝึกหัด 2.3 ครตู ดิ บตั รตวั เลข “10” และสำธิตกำรเขียนตัวเลขฮนิ ดอู ำรบิก “10” เพื่อใหน้ ักเรียนสำมำรถสอื่ สำร บนกระดำน พร้อมท้ังแนะนำวธิ ีเขยี นว่ำ จะตอ้ งเรมิ่ ต้นทีจ่ ุดใด และลำกเสน้ ไปทำงใด โดยสังเกตจำกลกู ศร สือ่ ควำมหมำยทำงคณิตศำสตร์ 12 1
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๒ ชน้ั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 81 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ 2. เคร่อื งมือ 2.4 ครูแจกบัตรตวั เลขฮินดูอำรบกิ “10” ให้นักเรยี นคนละ 1 ใบ เพ่ือฝึกใชน้ ิ้วมือเขยี นตำม 2.1 แบบฝึกหัด 1.12 รอยในบัตรจนถูกวิธี จำกนัน้ ฝกึ เขยี นตัวเลขฮินดูอำรบกิ “10” ในอำกำศ บนโต๊ะเรียน บนฝ่ำมอื แล้วจึงให้ 2.2 แบบประเมินทักษะและ นกั เรยี นเขียนตวั เลขฮินดูอำรบกิ “10” ลงในแบบฝกึ หัด 1.12 ข้อ 1 เฉพำะแถวที่ 1 2.5 ครตู ดิ บัตรภำพแสดงจำนวน “สิบ” ท่มี ีตวั เลขไทย “๑๐” ประกอบ มำให้นกั เรยี นนบั กระบวนกำรทำงคณติ ศำสตร์ และบอกจำนวนของส่ิงท่ีอยใู่ นบัตรภำพ เชน่ ภำพหนู 10 ตัว 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงำนมคี วำมถูกตอ้ งไมน่ ้อยกวำ่ ๑๐ รอ้ ยละ 80 ครถู ำมวำ่ “ในภำพมีหนูก่ตี วั ” (10 ตัว) จำกนนั้ ครูชที้ ่ีตัวเลข “๑๐” ทอ่ี ยใู่ นภำพ พร้อมท้งั แนะนำวำ่ 3.2 คะแนนรวม ด้ำนทักษะและ ตัวเลข “๑๐” เป็นตวั เลขไทย ใช้แสดงจำนวน “สบิ ” อ่ำนว่ำ “สิบ” และให้นกั เรยี นอา่ นพร้อมกนั กระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ไม่น้อย 2.6 ครนู ำบตั รภำพแสดงจำนวน “สิบ” ท่ีมีตวั เลขไทย “๑๐” ประกอบ มำใหน้ กั เรยี นนบั และ กวำ่ ร้อยละ 60 บอกจำนวนของส่งิ ที่อยใู่ นบัตรภำพ อีก 2 – 3 ภำพ เช่น ภำพนก 10 ตัว ภำพปลำ 10 ตัว 2.7 ครตู ดิ บัตรตวั เลข “๑๐” และสำธิตกำรเขยี นตวั เลขไทย “๑๐” บนกระดำน พร้อมท้งั แนะนำวิธเี ขียนวำ่ จะต้องเริ่มต้นทีจ่ ดุ ใด และลำกเสน้ ไปทำงใด โดยสงั เกตจำกลูกศร 21 1 2.8 ครูแจกบตั รตัวเลขไทย “๑๐” ใหน้ ักเรยี นคนละ 1 ใบ เพื่อฝกึ ใชน้ ้วิ มือเขียนตำมรอยใน บัตรจนถูกวิธี จำกนัน้ ให้ฝกึ เขียนตวั เลขไทย “๑๐” ในอำกำศ บนโตะ๊ เรียน บนฝ่ำมอื แลว้ จงึ ให้นักเรยี น เขียนตวั เลขไทย “๑๐” ลงในแบบฝกึ หดั 1.12 ขอ้ 2 เฉพำะแถวท่ี 1
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาำ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๑๒ 82 กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ชัน้ ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน 3. ครูติดแผ่นภำพแสดงจำนวน หนึง่ ถงึ สบิ และศนู ย์ เพอ่ื สรุปสญั ลักษณ์ทใ่ี ช้เขยี นแสดง ศนู ย์ เวลา ๑ ชั่วโมง หนึ่ง สอง สำม ส่ี ห้ำ หก เจด็ แปด เกำ้ สิบ เปน็ ตวั เลขฮินดูอำรบิก และตวั เลขไทย ภาพสง่ิ ของ ตวั เลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย ตวั หนังสือ 0 ๐ ศนู ย์ 1 ๑ หนึ่ง 2 ๒ สอง 3 ๓ สำม 4 ๔ ส่ี 5 ๕ ห้ำ 6 ๖ หก 7 ๗ เจ็ด 8 ๘ แปด 9 ๙ เกำ้ 10 ๑๐ สบิ 4. ครแู บง่ นักเรยี นเปน็ กล่มุ แจกตวั นับ บตั รตัวเลขฮนิ ดูอำรบกิ 1 ถงึ 10 และ 0 บัตรตวั เลขไทย ๑ ถึง ๑๐ และ ๐ บตั รตวั หนงั สอื หน่ึง ถงึ สิบ และศนู ย์ ให้นักเรียนช่วยกันจัดตวั นบั เปน็ กอง ๆ แล้ววำง บัตรตัวเลขฮินดูอำรบิก บตั รตัวเลขไทย และบัตรตัวหนังสือ ให้ถกู ตอ้ ง ตรงกบั จำนวนที่จดั ครูตรวจสอบ ควำมถูกต้องในกำรปฏิบัติของนกั เรียน จำกน้นั ให้นักเรียนทำแบบฝกึ หัด 1.12
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑๒ ชั้น ป. ๑ หน่วยที่ ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 83 หน่วยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนบั ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ ขั้นสรปุ 5. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปวำ่ ตัวเลขฮนิ ดูอำรบกิ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 และ ตัวเลขไทย ๐ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ เปน็ สญั ลักษณ์ท่ีใชเ้ ขียนแสดงจำนวน เขยี นตวั หนังสอื เป็น ศนู ย์ หน่ึง สอง สำม ส่ี หำ้ หก เจ็ด แปด เกำ้ สิบ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขน้ั นา แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๓ 84 ขั้นสอน แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันสรปุ การวดั และประเมนิ ผล ทบทวนจำนวนนบั 1 ถงึ 6 ด้วยส่ือของจริง และบตั รภำพแสดงจำนวน จัดสอื่ แลว้ ให้นกั เรยี นบอกจำนวนโดยไมต่ ้องนบั แนะนำใหน้ สังเกตกำรวำงจำนวนจดุ บนบตั รภำพแสดงจดุ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ว่ำสรุปวำ่ เรำสำมำรถบอกจำนวนแบบฉบั พลนั ได้จำกกำรมอง โดยไม่ตอ้ งนับ - ประเมินจำกกำรตอบคำถำม - ประเมินจำกกำรสอ่ื สำร ส่ือควำมหมำย
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๓ 85 กล่มุ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ ชน้ั ป. ๑ หนว่ ยที่ ๑ จานวน หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถงึ ๒๐ และ ๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ขน้ั นา การบอกจานวน 1 ถึง 6 โดยไมต่ ้อง 1. ตัวนบั เช่น ลูกบาศก์ ยางลบ 1. ครูทบทวนจานวนนบั 1 ถงึ 6 ดว้ ยสอ่ื ของจรงิ (ตวั นับ) และบตั รภาพแสดงจานวน นับ 2. บตั รภาพแสดงจานวน 3. บัตรแสดงจานวนจดุ สาระสาคญั ขนั้ สอน 2. ครใู หน้ กั เรยี นเล่นเกม “แข่งบอกจานวน” เพ่ือฝึกใหน้ ักเรียนมองแล้วบอกจานวนโดยอาจจัด การประเมิน ควำมสำมำรถบอกจำนวนจำกกำร มอง โดยไม่ตอ้ งนบั เรียกว่ำ กำรบอก กจิ กรรม ดังนี้ 1. วิธีการ จำนวนแบบฉับพลนั (subitizing) 1.1 2.1 ครนู าลูกบาศก์ 2 ลกู โยนเบาๆ ลงบนโตะ๊ ใหน้ ักเรียนมองท่ีลกู บาศกแ์ ลว้ บอกวา่ มจี านวน 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เท่าไรโดยไมต่ ้องนับ (2) ทาเชน่ นีห้ ลายๆ คร้ัง 2. เครื่องมือ ครูเพม่ิ จานวนลูกบาศก์เปน็ 3 ลกู โยนเบาๆ ลงบนโต๊ะ ให้นักเรียนมองที่ลูกบาศกแ์ ลว้ บอกว่า 2.1 แบบประเมนิ ทักษะและ ดา้ นความรู้ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ เพอื่ ให้นักเรยี นสามารถบอกจานวน มีจานวนเท่าไรโดยไม่ตอ้ งนับ (3) ทาเชน่ นหี้ ลายๆ ครั้ง ครเู พม่ิ จานวนลูกบาศก์เปน็ 4 ลูก โยนเบาๆ ลงบนโต๊ะ นากระดาษแผ่นใหญ่ บิดลกู บาศก์ไว้ 3. เกณฑ์ 1 ถึง 6 ไดอ้ ย่างรวดเรว็ โดยไมต่ อ้ งนบั 3.1 ผลงานมีความถูกต้องไมน่ ้อยกว่า ส่งั นักเรยี นว่า เมื่อครูเปดิ กระดาษแผ่นใหม่ออก ให้นกั เรียนตั้งใจมองท่ีลูกบาศก์ แล้วบอกว่ามจี านวนเท่าไร ร้อยละ 80 ดา้ นทักษะและกระบวนการทาง โดยไมต่ อ้ งนบั (4) ทาเช่นนี้หลายๆ ครงั้ จากนั้นครูเพ่มิ จานวนลูกบาศกม์ ากขึ้นเปน็ 5 ถึง 6 ลกู แลว้ ทา 3.2 คะแนนรวม ด้านทักษะและ คณติ ศาสตร์ กิจกรรมเชน่ เดิม กระบวนการทางคณิตศาสตร์ไมน่ อ้ ย กวา่ ร้อยละ 60 เพ่ือใหน้ กั เรียนสำมำรถสอ่ื สำร 2.2 ครวู างลูกบาศกบ์ นโตะ๊ เปน็ 2 กลมุ่ แต่ละกล่มุ วางกระจายไมเ่ ป็นระเบยี บ แล้วเอากระดาษ สือ่ ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์ แผน่ ใหญป่ ิดไว้ ครจู ะเปิดกระดาษคร้ังละ 1 กลุม่ ในเวลาส้ัน ๆ ใหน้ กั เรยี นตัง้ ใจดใู ห้ดๆี แลว้ บอกว่ามีจานวน เท่าไร โดยไม่ตอ้ งนบั (ซ่ึงนักเรียนอาจจะบอกได้ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง) ครูควรจดั กิจกรรมเชน่ นที้ ุกวัน ติดตอ่ กัน เพ่ือฝึกการบอกจานวนแบบฉบั พลนั
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผ้สู อน) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑๓ ชน้ั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 86 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ 1. 3. ครูเตรยี มบตั รแสดงจานวน 1 – 5 โดยมกี ารวางจุดในลกั ษณะต่างๆ ( ขนาด คร่งึ ของกระดาษ A 4 ) 1 ชุด มี 25 บัตร ดงั ตัวอย่าง จานวน บัตรแสดงจานวนจดุ 1 2 3 4 5
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑๓ ช้นั ป. ๑ หน่วยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ช่ัวโมง 87 หนว่ ยย่อยท่ี ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ครนู าบัตรแสดงจานวนจุด 1 และ 2 ( 10 บัตร) คละบัตร แล้วเปิดครง้ั ละ 1 บัตร ใชเ้ วลาส้นั ๆ ใหน้ กั เรยี นมอง แลว้ บอกจานวนโดยไม่ต้องนับ จากนัน้ ครนู าบัตรแสดงจานวนจุด 3 (5 บัตร) มารวมกับบัตร แสดงจานวนจดุ 1 และ 2 (เป็น 15 บตั ร) คละบัตร แลว้ เปิดคร้ังละ 1 บัตร ใชเ้ วลาส้นั ๆ ใหน้ ักเรียนมอง แลว้ บอกจานวนโดยไม่ต้องนับ ครูจดั กิจกรรมทานองเดยี วกันนก้ี ับบตั รแสดงจานวนจุด 4 และ 5 ครคู วรจดั กิจกรรมนเ้ี ป็นเวลาสัน้ ๆ แต่ทาบ่อยๆ หรือาจทาบตั รแสดงจานวนจุดชดุ น้หี ลายๆ ชุด วางไว้ในมุมคณติ ศาสตร์ เพื่อใหน้ ักเรียนฝกึ การมองแล้วบอกจานวนโดยไมต่ ้องนบั ขนั้ สรปุ 5. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปว่า เรำสำมำรถบอกจำนวนแบบฉบั พลนั ได้จำกกำรมอง โดยไมต่ ้องนับ
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) ขน้ั นา แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๔ 88 ขน้ั สอน แนวการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ สรุป การวดั และประเมินผล ทบทวนจำนวนนับ 1 ถงึ 10 ดว้ ยส่อื ของจริง และบตั รภำพแสดงจำนวน จดั สื่อแลว้ ใหน้ กั เรยี นบอกจำนวนโดยไมต่ ้องนบั แนะนำให้นกั เรียนสงั เกตกำรวำงจดุ บนบตั รภำพจุดแสดงจำนวน บนลกู เต๋ำ และบนตวั โดมโิ น ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปว่ำ เรำสำมำรถบอกจำนวนแบบฉับพลนั ได้จำกกำรมอง โดยไมต่ อ้ งนบั - ประเมินจำกกำรตอบคำถำม - ประเมนิ จำกกำรสือ่ สำร สื่อควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สำ� หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ (ฉบับปรับปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๑๔ ชัน้ ป. ๑ หนว่ ยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 89 หน่วยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ ขอบเขตเนื้อหา สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ การบอกจานวน 6 ถงึ 10 ขั้นนา 1. ตวั นบั เช่น ลูกบาศก์ ยางลบ โดยไม่ตอ้ งนบั 2. ลกู เตา๋ ขนาดใหญ่ 1. ครูนาบตั รภาพจดุ แสดงจานวน 1 ถึง 5 ทีม่ ีการวางจุดของแต่ละจานวน ในหลายๆลกั ษณะ 3. ตัวโดมโิ น สาระสาคัญ ครชู บู ตั รให้นักเรียนดูทลี ะ 1 บัตรใช้เวลาสน้ั ๆ ให้นักเรียนมอง แลว้ บอกจานวนโดยไม่ต้องนบั 4. บัตรแสดงจานวนจุด ควำมสำมำรถบอกจำนวนในกลุ่ม ขน้ั สอน การประเมิน จำกกำรมอง โดยไม่ต้องนบั เรียกว่ำ กำรบอกจำนวนแบบฉบั พลนั 2. ครูแบง่ นักเรียนเป็นกลมุ่ แจกลูกเต๋าขนาดใหญ่ให้กล่มุ ละ 1 ลูก ใหน้ ักเรยี นสงั เกต การวางจุด 1. วธิ กี าร (subitizing) บนหนา้ ลูกเต๋าแตล่ ะหนา้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ 2. เครือ่ งมือ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ใหน้ ักเรียน 1 คน โยนลกู เตา๋ และเพ่ือนๆ มองจดุ บนหน้าที่หงายข้ึน ในเวลาสัน้ ๆ และบอกจานวน 2.1 แบบประเมนิ ทกั ษะและ เมือ่ ถูกต้องแลว้ ให้เปลยี่ นคนโยน และช่วยกนั บอกจานวน กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ด้านความรู้ 3. เกณฑ์ เพอื่ ให้นักเรยี นสามารถบอกจานวน 3. ครเู ตรียมบัตรแสดงจานวน 6 – 10 โดยมกี ารวางจดุ ในลักษณะตา่ งๆ ( ขนาด ครึ่งของ 3.1 ผลงานมีความถูกตอ้ งไมน่ ้อย กระดาษ A 4 ) 1 ชุด มี 25 บัตร ดงั ตวั อยา่ ง กวา่ ร้อยละ 80 6 ถงึ 10 ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องนับ 3.2 คะแนนรวม ดา้ นทักษะและ ด้านทกั ษะและกระบวนการทาง กระบวนการทางคณิตศาสตร์ไม่ คณิตศาสตร์ ไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 60 เพอื่ ให้นกั เรียนสำมำรถสื่อสำร ส่อื ควำมหมำยทำงคณติ ศำสตร์
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สำาหรบั ครูผ้สู อน) กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ (ฉบบั ปรับปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๔ ช้นั ป. ๑ หนว่ ยท่ี ๑ จานวน เวลา ๑ ชั่วโมง 90 หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ จานวนนับ ๑ ถึง ๒๐ และ ๐ จานวน บตั รแสดงจานวนจุด 6 7 8 9 10 ครนู าบตั รแสดงจานวนจดุ 6 และ 7 ( 10 บัตร) คละบัตร แล้วเปิดคร้งั ละ 1 บตั ร ใช้เวลาสนั้ ๆ ให้นักเรยี นมอง แล้วบอกจานวนโดยไมต่ ้องนบั จากนัน้ ครูนาบัตรแสดงจานวนจดุ 8 (5 บัตร) มารวมกบั บัตร แสดงจานวนจุด 6 และ 7 (รวมเปน็ 15 บัตร) คละบัตร แล้วเปดิ คร้งั ละ 1 บัตร ใชเ้ วลาส้ัน ๆ ใหน้ ักเรียน มอง แล้วบอกจานวนโดยไม่ต้องนับ ครจู ดั กจิ กรรมทานองเดียวกันน้ีกบั บัตรแสดงจานวนจดุ 9 และ 10 ครคู วรจัดกจิ กรรมนเี้ ปน็ เวลาส้ันๆ แต่ทาบอ่ ยๆ หรอื าจทาบัตรแสดงจานวนจุดชุดนี้ หลาย ๆ ชุด วางไวใ้ นมุมคณิตศาสตร์ เพ่ือให้นักเรียนฝกึ การมองแลว้ บอกจานวนโดยไมต่ ้องนับ ขน้ั สรุป 4. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปว่า เรำสำมำรถบอกจำนวนแบบฉบั พลนั ไดจ้ ำกกำรมอง โดยไม่ต้องนับ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404