2 2 2 ชน้ั ป.๕ เวลา ๑ ช่วั โมง 1 6 5 7 90กลุ่มสาระการเรยี นรูคณิตศาสตร์แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๒๑ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๔๓ หน่วยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรียนรู ส่ือ/แหล่งเรียนรู ขั้นนาำ ก า ร ห า ร จํ า น ว น นั บ ด ว ย แบบฝก หดั 2.21 จํานวนนับที่ผลหารเปนทศนิยม 1. ทบทวนการหารจาํ นวนนบั ดว ยจาํ นวนนบั ทม่ี ผี ลหารเปน ทศนยิ ม 1 ตาํ แหนง โดยใหน กั เรยี นชว ยกนั ไมเกิน 2 ตําแหนง การประเมินผล แสดงวิธีหารพรอ มกนั บนกระดาน ดังนี้ สาระสาำ คญั 1. วิธกี าร 28 ÷ 8 8 283..05 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู การหารท่ีตัวตั้งและตัวหาร 24 1.2 ตรวจแบบฝกหดั เปนจํานวนนับและมผี ลหารเปน วิธที ำา 8✕3 ทศนิยมใชวิธีการเชนเดียวกับ 2. เคร่อื งมอื การหารทศนิยมดวยจํานวนนับ 28 – 24 = 4 4.0 2.1 แบบประเมนิ ทกั ษะและ เน่ืองจากจํานวนนับสามารถ 4 = 4.0 4.0 8 ✕ 0.5 เขยี นเปนทศนยิ มได 0 กระบวนการทางคณิตศาสตร 2.2 แบบฝก หัด 2.21 จดุ ประสงค์การเรียนรู ตรวจสอบ 8 ✕ 3.5 = 28.0 = 28 2 ดานความรู ดังนน้ั 28 ÷ 8 = 3.5 3. เกณฑ์ 3.1 คะแนนรวมดานทักษะ ห า ผ ล ห า ร จํ า น ว น นั บ กั บ ตอบ ๓.๕ จาํ นวนนับท่ีผลหารเปน ทศนยิ ม และกระบวนการทางคณิตศาสตร ไมนอยกวา รอยละ 60 3.2 ผลงานมีความถูกตอง ไมน อ ยกวา รอยละ 80
๑๔๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรคู ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๒๑ ช้นั ป.๕01 9 เวลา ๑ ชวั่ โมง หน่วยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 2 ดา นทกั ษะและกระบวนการ ข้นั สอน ทางคณติ ศาสตร์ 2. ครูเขียนโจทย 3 ÷ 4 บนกระดาน ครแู ละนักเรียนรว มกนั แสดงการหารบนกระดาน ดงั นี้ 1. ใหเ หตุผล 3 ÷ 4 3 = 3.0 = 3.00 2. ส่ือสารและสื่อความหมาย ทางคณิตศาสตร ขน้ั ที่ 1 นาํ 4 ไปหาร 3 โดยเขยี น 3 เปน 3.0 ไดผ ลหารเปน 0.7 เหลอื เศษ 0.2 4 03..70 2.8 4 ✕ 0.7 5 47 0.2 ขนั้ ท่ี 2 เขียน 3.0 เปน 3.00 และ 0.2 เปน 0.20 นํา 4 ไปหาร 0.20 ได 0.05 เหลือเศษ 0 4 03..0705 2.8 4 ✕ 0.7 3.0 – 2.8 = 0.2 0.20 2 0.2 = 0.02 0.20 4 ✕ 0.05 0 ตรวจสอบ 4 ✕ 0.75 = 3.00 = 3 ดังนัน้ 3 ÷ 4 = 0.75 ตอบ ๐.๗๕
2 2 กลุ่มสาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร์ ชนั้ ป.๕ 1 6 5 7 90แผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๒๑ เวลา ๑ ช่วั โมง 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๔๕ หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม 2 นอกจากน้ี เราสามารถหาผลหารในรูปเศษสว นไดดังน้ี 3 ÷ 4 = 3 ✕ 41 = 43 43 2255 = ✕ ✕ = 17050 = 0.75 ดังนัน้ 3 ÷ 4 = 0.75 ตอบ ๐.๗๕ 2
๑๔๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ สาระการเรียนรูคณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู ี่ ๒๑ ชั้น ป.๕01 9 เวลา ๑ ชั่วโมง หนว่ ยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม 2 3. ครูแบงนักเรียนออกเปนกลุม กลุมละ 3 - 4 คน ใหแตละกลุมชวยกันหาผลหารโดยการตั้งหาร และการเขียนในรูปเศษสวน โดยจับฉลากกลุมละ 1 ขอ ทําลงในกระดาษที่ครูแจกให เมื่อทํา เสร็จแลว ใหส งตวั แทนนาํ เสนอผลงาน พรอมทั้งตรวจสอบคาํ ตอบดงั น้ี 2 ÷ 8 18 ÷ 12 2 ÷ 8 โดยการต้ังหาร 2 ÷ 8 โดยการเขยี นในรปู เศษสวน 2 ÷ 8 = 2 ✕ 18 วิธีทาำ 8 02..0205 = 82 5 47 = 41 1.6 41 2255 0.40 = ✕ 0.40 ✕ 20 = 12050 ตรวจสอบ 8 ✕ 0.25 = 2.00 = 2 = 0.25 ดังนนั้ 2 ÷ 8 = 0.25 ดงั นน้ั = 0.25 ตอบ ๐.๒๕ ตอบ ๐.๒๕
2 1 6 5 7 90กลมุ่ สาระการเรียนรคู ณติ ศาสตร์แผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๒๑ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๔๗ หน่วยที่ ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม ชั้น ป.๕ เวลา ๑ ช่วั โมง 18 ÷ 12 โดยการตั้งหาร 18 ÷ 25 โดยการเขียนในรูปเศษสวน วธิ ที ำา 12 181..05 2 18 ÷ 25 = 18 ✕ 215 12 = 2185 6.0 2158 44 6.0 = ✕ ✕ 0 = 17020 ตรวจสอบ 25 ✕ 0.72 = 18.0 = 18 = 0.72 ดังนนั้ 18 ÷ 25 = 0.72 ดังนน้ั = 0.72 ตอบ ๐.๗๒ ตอบ ๐.๗๒ 4. นกั เรยี นทาํ แบบฝกหัด 2.21 เปน การบา น ขัน้ สรุป 5. ครแู ละนักเรยี นรว มกันสรปุ การหารจาํ นวนนับดว ยจํานวนนับทีม่ ีผลหารเปนทศนิยม ดงั น้ี การหารท่ีตัวตั้งและตัวหารเปนจํานวนนับ และมีผลหารเปนทศนิยม ใชวิธีการเชนเดียวกับ การหารทศนยิ มดว ยจาํ นวนนบั เนอื่ งจากจาํ นวนนบั สามารถเขยี นเปน ทศนยิ มได หรอื เขยี นในรปู เศษสว น โดยนําตัวต้งั คณู ดวยสวนกลับของตัวหาร แลว เขียนผลหารในรูปทศนยิ ม
๑๔๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๒๒ 01 9 แนวการจัดกจิ กรรมการเรียนรู ขัน้ นาำ ทบทวนการหารจาํ นวนนบั ดว ยจํานวนนับที่มีผลหารเปนทศนยิ ม 2 ตําแหนง 5 47 ขน้ั สอน โดยใหน ักเรียนชว ยกนั แสดงวธิ หี าผลหาร ชว ยกันอภิปรายวธิ ีการหาผลหารจํานวนนบั ดว ยจํานวนนับ ผลหารเปน ทศนิยม 3 ตําแหนง พรอมท้งั ตรวจสอบคําตอบโดยทําเปน กลมุ ใหนักเรยี นทาํ แบบฝก หัด 2.22 ข้ันสรุป ครูและนกั เรยี นรวมกนั อภิปรายสรปุ การหารจํานวนนับดว ยจาํ นวนนบั ที่มีผลหารเปนทศนยิ ม 2 การวัดและประเมินผล - ประเมินจากการตอบคําถาม และการทําแบบฝก หัด 2 - ประเมนิ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรด า นการใหเหตผุ ล และการส่ือสาร และสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร
2 2 2 ชน้ั ป.๕ เวลา ๑ ชวั่ โมง 1 6 5 7 90กลมุ่ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร์แผนการจัดการเรียนรทู ี่ ๒๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๔๙ หนว่ ยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม ขอบเขตเน้อื หา กจิ กรรมการเรยี นรู ส่อื /แหลง่ เรียนรู 2 ขนั้ นาำ การหารจาํ นวนนบั ดว ยจาํ นวนนบั แบบฝก หัด 2.22 ท่ีผลหารเปนทศนิยมไมเกิน 1. ครูสนทนากับนกั เรยี นเกี่ยวกับการหารจาํ นวนนับดว ยจํานวนนับ 3 ตําแหนง - ถาผลหารเปนทศนิยม 1 ตําแหนง เขียนตัวต้ังเปนทศนิยมกี่ตําแหนง (1 ตําแหนง) และ การประเมิน สาระสาำ คัญ หลังจดุ ทศนยิ มควรมี 0 กี่ตัว (1 ตวั ) 1. วธิ ีการ - ถาผลหารเปนทศนิยม 2 ตําแหนง เขียนตัวตั้งเปนทศนิยมกี่ตําแหนง (2 ตําแหนง) และหลัง 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู การหารท่ีตัวตั้งและตัวหาร 1.2 ตรวจแบบฝกหดั เปนจํานวนนับและมีผลหาร จดุ ทศนิยมควรมี 0 กตี่ ัว (2 ตวั ) เปนทศนิยมใชวิธีการเชนเดียวกับ - ถา ผลหารเปน ทศนยิ ม 3 ตาํ แหนง เขยี นตวั ตง้ั เปน ทศนยิ มกต่ี าํ แหนง (3 ตาํ แหนง ) และหลงั จดุ ทศนยิ ม 2. เคร่อื งมือ การหารจาํ นวนนบั ดว ยจาํ นวนนบั ควรมี 0 กต่ี วั (3 ตัว) 2.1 แบบประเมินทักษะและ เนื่องจากจํานวนนับสามารถ เขยี นเปนทศนยิ มได ขนั้ สอน กระบวนการทางคณิตศาสตร 2.2 แบบฝกหดั 2.22 จดุ ประสงค์การเรียนรู 2. ครูแบงกลุมนักเรียนออกเปนกลุมละ 3 - 4 คน ใหแตละกลุมสุมเลือกโจทยการหาผลหารและ ดา นความรู เขียนแสดงวิธหี าผลหารลงในกระดาษที่ครแู จกให กลมุ ละ 2 ขอ ดงั น้ี 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีความถูกตอง เ พื่ อ ใ ห นั ก เ รี ย น ส า ม า ร ถ 1) 3 ÷ 28 2) 90 ÷ 48 3) 112 ÷ 125 หาผลหารของจํานวนนับกับ ไมนอ ยกวารอ ยละ 80 จํานวนนับที่ผลหารเปนทศนิยม เมอื่ แตล ะกลมุ ทาํ เสร็จแลว สงตัวแทนนาํ เสนอผลงานและตรวจสอบคาํ ตอบ 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ 3 ตําแหนง และกระบวนการทางคณิตศาสตร ไมนอยกวา รอ ยละ 60
๑๕๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ สาระการเรียนรูค ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู ี่ ๒๒ ชัน้ ป.๕01 9 เวลา ๑ ชว่ั โมง หน่วยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม 2 ดา นทกั ษะและกระบวนการ 1) 3 ÷ 8 8 30..037050 หรอื 3 ÷ 8 = 3 ✕ 18 ทางคณติ ศาสตร์ วธิ ีทาำ 2.4 1. ใหเ หตุผล 0.60 8 ✕ 0.3 = 83 2. สอ่ื สารและสอ่ื ความหมาย 0.56 8 ✕ 0.07 ทางคณิตศาสตร 0.040 8 ✕ 0.005 3 ✕ 125 0.040 8 ✕ 125 = 0 = 1307050 5 47 = 0.375 ตรวจสอบ 8 ✕ 0.375 = 3.000 = 3 ดงั นนั้ 3 ÷ 8 = 0.375 2 ตอบ ๐.๓๗๕
2 1 6 5 7 90กลุ่มสาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร์แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๒๒ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๕๑ หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ช้นั ป.๕ เวลา ๑ ชัว่ โมง 2) 90 ÷ 48 หรือ 90 ÷ 48 = 90 ✕ 418 2 วธิ ีทาำ 48 901..080705 48 ✕ 1 = 9480 48 ✕ 0.8 48 48 ✕ 0.07 = 185 42.0 48 ✕ 0.005 38.4 = 15 ✕ 125 3.60 8 ✕ 125 3.36 0.240 = 11087005 0.240 = 1.875 0 ตรวจสอบ 48 ✕ 1.875 = 90.000 = 90 ดังน้นั 90 ÷ 48 = 1.875 ตอบ ๑.๘๗๕
๑๕๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๒๒ ชัน้ ป.๕01 9 เวลา ๑ ชว่ั โมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม 2 3. 112 ÷ 125 หรอื 112 ÷ 125 = 112 ✕ 1125 วิธีทำา 125 1120..080906 125 ✕ 0.8 = 111225 100.0 125 ✕ 0.09 12.00 125 ✕ 0.006 = 112 ✕ 8 11.25 125 ✕ 8 0.750 0.750 = 1809060 5 47 0 = 0.896 ตรวจสอบ 125 ✕ 0.896 = 112.000 = 112 ดังน้ัน 112 ÷ 125 = 0.896 ตอบ ๐.๘๙๖ 3. ครใู หนกั เรียนทําแบบฝกหดั 2.22 เปนการบาน 2 ขัน้ สรปุ 4. ครูและนกั เรียนรวมกันสรุป การหารจาํ นวนนบั ดว ยจาํ นวนนบั ทีม่ ีผลหารเปน ทศนยิ ม ดังน้ี การหารที่ตัวต้งั และตวั หารเปน จาํ นวนนบั และมผี ลหารเปน ทศนยิ ม 3 ตาํ แหนง ใชวิธีการเชน เดยี ว กับการหารทศนิยมดวยจํานวนนับ เน่ืองจากจํานวนนับสามารถเขียนเปนทศนิยมได หรือเขียนในรูป เศษสวน โดยนาํ ตัวตั้งคณู ดว ยสว นกลบั ของตวั หาร แลว เขียนผลหารในรปู ทศนิยม
22 แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๒๓ แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู 1 6 5 7 90 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๕๓ ขั้นนาำ ทบทวนคาของเงินไทยชนดิ ตาง ๆ และความสัมพนั ธร ะหวา งทศนยิ มกับเศษสว น ขัน้ สอน บอกคาของเงนิ โดยใชความรูเรอื่ งทศนิยมกับความสมั พันธระหวางบาทกับสตางค ทําแบบฝก หดั 2.23 ขัน้ สรปุ ครแู ละนกั เรียนรว มกนั สรุปเกยี่ วกับการบอกคา ของเงนิ เปน ทศนยิ ม 2 การวดั และประเมินผล - ประเมินจากการตอบคาํ ถาม และการทําแบบฝกหดั 2 - ประเมินทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรด านการใหเ หตุผล และการสือ่ สาร ส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร
๑๕๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรูคณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรูท ี่ ๒๓ ช้นั ป.๕ 01 9 เวลา ๑ ชวั่ โมง หน่วยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ขอบเขตเนือ้ หา กจิ กรรมการเรียนรู สือ่ /แหลง่ เรยี นรู การบอกคา ของเงนิ เปน ทศนยิ ม ขัน้ นาำ 1. เงินของจริงหรือเงินจําลอง สาระสาำ คัญ 1. ทบทวนคาของเงินไทยชนิดตาง ๆ ประเภทธนบัตร เหรียญ โดยใชเงินของจริงหรือเงินจําลอง ชนิดพันบาท หารอยบาท 5 47 ดว ยการซักถามคา ของเงิน ดังน้ี หาสิบบาท และยี่สิบบาท การบอกคา ของเงนิ เปน ทศนยิ ม เหรียญชนิดสิบบาท หาบาท ใชความสัมพันธระหวางบาทกับ ธนบัตรชนดิ หนงึ่ พันบาท หา รอยบาท หนึ่งรอยบาท หา สิบบาท ย่สี ิบบาท แตล ะชนดิ มคี าเทา ไร สองบาท หนง่ึ บาท หา สบิ สตางค สตางค โดยเทียบ 100 สตางค (1,000, 500, 100, 50, 20 บาท) ย่ีสบิ หาสตางค เทากบั 1 บาท 2. แบบฝก หัด 2.23 เหรยี ญกษาปณช นดิ สบิ บาท หา บาท สองบาท หนงึ่ บาท หา สบิ สตางค และยสี่ บิ หา สตางคแ ตล ะชนดิ มีคาเทา ไร (10 บาท 5 บาท 2 บาท 1 บาท 50 สตางค และ 25 สตางค) ตอจากนัน้ ครถู ามนกั เรียนวา - ถา ครูมเี งิน 1,000 บาท กับ 50 สตางค สามารถเขียนอยา งไรไดบา ง (นักเรยี นอาจตอบวา 1,000 บาท 50 สตางค หรือ 1,000.50 บาท) ครเู ขยี นตามทน่ี กั เรียนบอก ดังนี้ 1) 1,000 บาท 50 สตางค อา นวา หนงึ่ พันบาท หาสิบสตางค 2) 1,000.50 บาท อา นวา หน่งึ พนั บาทหาสบิ สตางค ครเู ขียนเงินเปน ทศนยิ มบนกระดานแลวใหนกั เรียนอาน เชน 500.25 บาท อา นวา หารอยบาท ยี่สบิ หาสตางค 100.75 บาท อานวา หนงึ่ รอยบาท เจด็ สิบหา สตางค จุ ด ป ร ะ ส ง ค ์ ก า ร เ รี ย น รู การประเมนิ ดานความรู 1. วธิ ีการ เพ่อื ใหน กั เรยี นสามารถเขียน 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู คา ของเงินเปน ทศนยิ ม 1.2 ตรวจแบบฝกหดั ดา นทกั ษะและกระบวนการ 2. เครอ่ื งมือ 2 ทางคณิตศาสตร์ 2.1 แบบประเมินทักษะและ 2เพ่ือใหนักเรียนสามารถ กระบวนการทางคณติ ศาสตร 1. ใหเหตุผล 2. สอื่ สารและสอื่ ความหมาย 2.2 แบบฝกหัด 2.23 ทางคณติ ศาสตร
2 2 2 ชนั้ ป.๕ เวลา ๑ ช่ัวโมง 1 6 5 7 90กลุ่มสาระการเรยี นรคู ณิตศาสตร์แผนการจดั การเรยี นรูท ี่ ๒๓ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๕๕ หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม ขน้ั สอน 3. เกณฑ์ 2. ครูใหนักเรียนเปรียบเทียบคาของเงิน 25 สตางค 50 สตางค และ 75 สตางค กับ 1 บาท 3.1 ผลงานมีความถูกตอง โดยใชเ งินจริงหรือเงินจําลอง โดยสนทนากับนักเรยี นวา ไมน อ ยกวา รอยละ 80 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ 1 บาท มคี า 100 สตางค แลวถามนกั เรียนวา และกระบวนการทางคณิตศาสตร - เงนิ 25 สตางค กเี่ หรยี ญ เทากบั 1 บาท (4 เหรยี ญ) ไมน อ ยกวา รอ ยละ 60 - เงนิ 25 สตางค 4 เหรียญ คิดเปนกี่สตางค (100 สตางค) - เงนิ 50 สตางค ก่ีเหรยี ญ เทากบั 1 บาท (2 เหรียญ) - เงิน 50 สตางค 2 เหรียญ คิดเปนกส่ี ตางค (100 สตางค) ครถู ามนักเรียนวา เงิน 25 สตางค มีคา เทากับกบี่ าท (นักเรียนอาจตอบไดหรือไมได) ครูแนะนาํ เงนิ 25 สตางค เปน 25 ใน 100 ของบาท ตเขอียจนาใกนนร้นั ูปเคศรษถู สาวมนนไกั ดเรยี12น050วาบาท ดังนั้น เงิน 25 สตางค และเขียนในรูปทศนิยมได 0.25 บาท อา นวา ศูนยจ ดุ สองหา บาท - เงิน 50 สตางค เปน 50 ใน 100 ของบาท เขียนในรปู เศษสวน และทศนิยมไดอ ยา งไร 2 1เ5ป00น0 และอา นวา อยางไร ( = 0.50 บาท อา นวา ศนู ยจดุ หา ศนู ยบาท) และ - เงนิ 75 สตางค 75 ใน 100 ของบาท เขียนในรปู เศษสวนและทศนยิ มไดอยา งไร ส(ต1า70ง50ค อา นวา อยา งไร = 0.75 บาท อา นวา ศูนยจุดเจ็ดหาบาท) และ - เงนิ 100 เปน 100 ใน 100 ของบาท เขยี นในรูปเศษสว นและทศนิยมไดอ ยางไร อา นวา อยา งไร ( 110000 = 1.00 บาท อานวา หนง่ึ บาท)
๑๕๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรูคณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๒๓ ชัน้ ป.๕01 9 เวลา ๑ ช่ัวโมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม 2 3. ครแู สดงเงินจริงหรอื เงนิ จาํ ลอง แลว รว มกันอภปิ ราย ดงั นี้ 1. ครมู เี งิน 7 บาท 50 สตางค เทากับก่ีบาท วธิ คี ดิ เปล่ียนหนวยสตางคเปน บาท ดังนี้ เงนิ 100 สตางค เทา กับ 1 บาท เงิน 50 สตางค เปน 50 ใน 100 ของบาท เทากับ 15000 = 0.50 บาท ดังนน้ั ครูมีเงิน 7 บาท 50 สตางค เทากับ 7.50 บาท 2. แกว ตามเี งนิ 12 บาท 75 สตางค เทา กบั กบี่ าท 5 47 วธิ ีคิด เปล่ยี นหนวยสตางคเปน บาท ดงั น้ี เงนิ 100 สตางค เทา กับ 1 บาท เงนิ 75 สตางค เปน 75 ใน 100 ของบาท เทา กบั บ1า70ท50 = 0.75 บาท ดงั นนั้ แกวตามีเงนิ 12 บาท 75 สตางค เทากบั 12.75 3. กลามเี งิน 225 สตางค เทา กบั ก่บี าท 2 วธิ ีคดิ เปล่ยี นหนว ยสตางคเปนบาท ดังนี้ เงนิ 100 สตางค เทากับ 1 บาท เงนิ 225 สตางค เทา กับ 212.202055 บาท เงนิ 225 สตางค เทากบั บาท ดงั นัน้ กลา มเี งิน 225 สตางค เทา กบั 2.25 บาท
2 1 6 5 7 90กล่มุ สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร์แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๒๓ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๕๗ หน่วยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ชัน้ ป.๕ เวลา ๑ ชวั่ โมง วหธิ รคี ือดิ เงนิ 225 สตางค เทากับ 200 สตางค กบั 25 สตางค 12050 2 เงนิ 200 สตางค เทา กบั 2 บาท และเงิน 25 สตางค เทากับ = 0.25 บาท ดงั น้ัน เงนิ 225 สตางค เทา กบั 2.25 บาท 4. เงนิ 5 สตางค เทากับกี่บาท วิธีคดิ เปลย่ี นหนวยสตางคเปนบาทดังนี้ เงนิ 100 สตางค เทากบั 1 บาท 1050 เงนิ 5 สตางค เปน 5 ใน 100 ของบาท เทากบั = 0.05 บาท ดังนั้น เงิน 5 สตางค เทากับ 0.05 บาท 4. ครูแบงนักเรียนออกเปนกลุม กลุมละ 3 - 4 คน ใหแตละกลุมแสดงวิธีคิด กลุมละ 1 ขอ โดยการจบั ฉลาก โดยใหท าํ ลงในกระดาษทค่ี รแู จกให เมอ่ื ทาํ เสรจ็ แลว ใหส ง ตวั แทนออกมาเสนอผลงาน จากนัน้ ครแู ละนกั เรยี นชว ยกันตรวจสอบความถูกตอง ดงั น้ี 1. ดารามเี งนิ 475 สตางค เทา กับก่ีบาท 2. ใบบวั มีเงนิ 105 บาท 25 สตางค เทากับกีบ่ าท
๑๕๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๒๓ ช้นั ป.๕01 9 เวลา ๑ ชวั่ โมง หน่วยที่ ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม 2 1. ดารามเี งนิ 475 สตางค เทา กับก่บี าท วธิ ีคิดที่ 1 เปลี่ยนหนวยสตางคเปนบาท 1 บาท วธิ คี ิดท่ี 2 เงิน 100 สตางค เทากับ เงนิ 475 สตางค เทากับ 441.077505 บาท เงนิ 475 สตางค เทากับ บาท ดังนนั้ ดารามเี งิน 475 สตางค เทากับ 4.75 บาท เงิน 475 สตางค เทากบั 400 สตางค กับ 75 สตางค และเงนิ 400 สตางค เทา กับ 4 บาท และ 75 สตางค เทากบั 0.75 บาท 5 47 ดงั น้ัน เงิน 475 สตางค เทา กบั 4.75 บาท 2. ใบบัวมีเงนิ 105 บาท 25 สตางค เทา กับกบี่ าท เปลยี่ นหนวยสตางคเปน บาทดังนี้ เงิน 100 สตางค เทา กบั 1 บาท เงนิ 25 สตางค เปน 25 สในตา1ง0ค0 เทขาอกงบับา1ท05เท.2า5กบับา1ท2050 = 0.25 บาท 2 ดังนั้น ใบบวั มีเงนิ 105 บาท 25 5. ครใู หนกั เรยี นทําแบบฝก หดั 2.23 เปน การบา น ข้ันสรุป 6. ครูและนักเรียนรว มกนั สรุปการบอกคา ของเงินเปนทศนิยม ใชค วามสัมพนั ธร ะหวา งบาทกบั สตางค โดยเทยี บ 100 สตางค เทากบั 1 บาท
2 2 2 1 6 5 7 90 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๕๙แผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๒๔ แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู ขนั้ นำา ทบทวนการวัดความยาวในชวี ติ ประจาํ วนั ในเร่อื งหนวยการวัดเครอื่ งมือวัด ขนั้ สอน และการบอกความยาวเปน มิลลิเมตร เซนติเมตร เมตร และกโิ ลเมตร ขั้นสรุป การวัดและประเมนิ ผล สอนการบอกความยาวโดยใชความรูเ รือ่ งทศนยิ มกบั ความสมั พันธระหวา งหนว ยความยาว ทาํ แบบฝกหัด 2.24 ครูและนักเรยี นรวมกันสรปุ เกย่ี วกับการบอกความยาวโดยใชความรเู ร่อื งทศนิยม 2 กบั ความสมั พันธร ะหวา งหนวยความยาว - ประเมินจากการตอบคําถาม และการทาํ แบบฝกหัด - ประเมินทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรด านการใหเหตุผล และการสือ่ สาร ส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร
๑๖๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรคู ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๒๔ ชนั้ ป.๕ 01 9 เวลา ๑ ช่วั โมง หน่วยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู สอื่ /แหล่งเรยี นรู การบอกความยาวเปน ทศนยิ ม ขนั้ นำา 1. เครอื่ งมอื วดั ความยาว (ไมบ รรทดั ไมเมตร สายวัดตัว และสายวัด สาระสาำ คัญ 1. ทบทวนหนว ยความยาวและความสมั พนั ธร ะหวา งหนว ยความยาว โดยสนทนาซกั ถามนกั เรยี น ดงั นี้ ชนิดตลบั ) - เครอ่ื งมอื ท่ีใชวัดความยาว มอี ะไรบา ง (ไมบ รรทัด, ไมเ มตร, สายวัดตัว, สายวดั ชนิดตลับ) 2. ภาพและวดั ความยาวดินสอ การบอกความยาวเปน ทศนยิ ม - ครูและนักเรียนชวยกนั สํารวจตวั เลขที่อยบู นไมบรรทัดดังน้ี 3. บตั รขอความ ใชความสัมพันธระหวางหนวย - จากขีดท่เี ริ่มตน จาก 0 ถงึ 30 แสดงความยาวก่ีเซนติเมตร (30 เซนตเิ มตร) 4. แบบฝก หดั 2.24 ความยาว โดยการเทยี บ - จาก 0 ถึง 1 แบงขีดเล็ก ๆ เปนก่ีชอง (10 ชอง) แสดงความยาวเทาไร (10 มิลลิเมตร หรือ 1 เซนติเมตร) จากนน้ั ครถู ามนกั เรยี นวา ไมเ มตร เรม่ิ ตน ที่ 0 ถงึ 100 แสดงความยาวกเ่ี ซนตเิ มตร (100 เซนตเิ มตร) - ระยะทาง 1 กโิ ลเมตร วดั เปนเมตรจะไดก ่ีเมตร (1,000 เมตร) ครูและนกั เรยี นชวยกนั สรุปความสัมพนั ธระหวา งหนว ยความยาว ดงั นี้ 1 เซนติเมตร เทากบั 10 มิลลเิ มตร 1 เมตร เทากบั 100 เซนตเิ มตร 1 กิโลเมตร เทา กบั 1,000 เมตร ขนั้ สอน 2. ครตู ดิ ภาพ การวดั ความยาวของดินสอ ดังรปู 1 เซนตเิ มตร เทา กบั 10 มลิ ลเิ มตร การประเมนิ ผล 5 47 1 เมตร เทากับ 100 เซนติเมตร 1 กโิ ลเมตร เทากับ 1,000 เมตร 1. วิธกี าร 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู จดุ ประสงค์การเรียนรู 1.2 ตรวจแบบฝกหัด ดา นความรู 2. เคร่ืองมอื เพ่ือใหนักเรียนสามารถเขียน 2.1 แบบประเมนิ ทกั ษะและ หนว ยความยาวเปน ทศนิยม กระบวนการทางคณิตศาสตร ดา นทกั ษะและกระบวนการ 2.2 แบบฝก หดั 2.24 2 2ทางคณิตศาสตร์ 3. เกณฑ์ เพือ่ ใหน กั เรยี นสามารถ 3.1 ผลงานมีความถูกตอง 1. ใหเ หตผุ ล 2. สอ่ื สารและสอื่ ความหมาย ไมน อ ยกวารอ ยละ 80 ทางคณิตศาสตร 3.2 คะแนนรวมดา นทกั ษะและ กระบวนการทางคณิตศาสตร ไมน อ ยกวารอยละ 60
2 1 6 5 7 90กล่มุ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์แผนการจดั การเรียนรูที่ ๒๔ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๖๑ หน่วยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ช้นั ป.๕ เวลา ๑ ช่วั โมง ครถู ามนักเรียนวา ดนิ สอแทงน้มี ีความยาวเทาไร นกั เรยี นตอบวา 8 เซนตเิ มตร 3 มลิ ลเิ มตร 2 จากนั้นครูถามตอไปอีกวา 8 เซนติเมตร 3 มิลลิเมตร สามารถเขียนในรูปทศนิยมของเซนติเมตร ไดอยางไร ครูและนักเรียนรวมกนั อภปิ ราย การเปลี่ยนหนว ยมิลลเิ มตรเปน เซนติเมตร ดงั น้ี 10 มลิ ลิเมตร เทากับ 1 เซนตเิ มตร 3 มิลลิเมตร เปน 3 ใน 10 ของ 1 เซนตเิ มตร จะได 130 = 0.3 เซนตเิ มตร แสดงวา 8 เซนติเมตร 3 มิลลเิ มตร เทา กบั 8.3 เซนติเมตร ดังน้นั ดินสอยาว 8.3 เซนตเิ มตร นักเรียนสังเกตการเปลี่ยนหนวยมิลลิเมตรเปนเซนติเมตร ทําไดโดยเขียนในรูปเศษสวนที่มีตัวสวน เปน 10 แลวเขียนเปนทศนยิ ม 1 ตําแหนง 3. ครใู หน กั เรยี นวดั ความยาวของหนงั สอื เรยี นไดค วามยาว 29.6 เซนตเิ มตร ครถู ามนกั เรยี นวา ความยาว ของหนงั สอื เรยี น 29.6 เซนตเิ มตร คดิ เปนกีเ่ ซนติเมตร กีม่ ิลลเิ มตร ครูและนักเรยี นรว มกนั อภปิ ราย ดงั นี้ 29.6 เซนติเมตร เทากับ 29 เซนติเมตร กับ 0.6 เซนติเมตร และ 0.6 เซนติเมตร เทากับ 0.6 ×10 = 6 มลิ ลิเมตร แสดงวา 29.6 เซนตเิ มตร เทา กบั 29 เซนติเมตร 6 มิลลิเมตร ดงั น้นั หนังสือเรียนยาว 29 เซนติเมตร 6 มิลลเิ มตร
๑๖๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรูท ี่ ๒๔ ช้ัน ป.๕01 9 เวลา ๑ ชั่วโมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 2 4. ครูซักถามนักเรียนเก่ียวกับหนวยวัดความยาวที่เปนเมตร และกิโลเมตร โดยใหนักเรียนบอก 5 47 ความสมั พันธระหวางหนวยความยาวดังนี้ 1 เมตร เทา กบั 100 เซนตเิ มตร 1 กโิ ลเมตร เทา กบั 1,000 เมตร ครตู ิดบตั รขอความ เสาธงชาติสูง 1.80 เมตร ครูถามนกั เรยี นวา 1.80 เมตร หมายความวาอยางไร ครูและนกั เรียนรว มกันอภปิ ราย 1.80 เมตร เทากบั 1 เมตร กบั 0.80 เมตร ซง่ึ 1 เมตร เทากบั 100 เซนตเิ มตร 2 0.80 เมตร เทา กบั 0.80 ✕ 100 = 80 เซนตเิ มตร แสดงวา 1.80 เมตร เทา กบั 1 เมตร 80 เซนตเิ มตร ดังนั้น เสาธงชาติสงู 1 เมตร 80 เซนตเิ มตร สังเกตการเปลี่ยนหนว ยเมตรเปนเซนตเิ มตร ใหนํา 100 คณู กับความยาวท่มี ีหนว ยเปน เมตร
2 1 6 5 7 90กลุ่มสาระการเรยี นรูค ณติ ศาสตร์แผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๒๔ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๖๓ หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม ช้ัน ป.๕ เวลา ๑ ช่ัวโมง 5. ครตู ิดบตั รขอ ความ 2 ระยะทางจากกรงุ เทพมหานครถึงเชยี งใหม 687.8 กโิ ลเมตร ครูใหนกั เรยี นอา นขอ ความ แลว ถามนักเรียนวา 687.8 กโิ ลเมตร หมายความวา อยางไร ครูและนกั เรยี นรวมกนั อภปิ ราย 687.8 กโิ ลเมตร เทา กบั 687 กโิ ลเมตร กบั 0.8 กโิ ลเมตร ซึง่ 1 กโิ ลเมตร เทา กับ 1,000 เมตร 0.8 กโิ ลเมตร เทากับ 0.8 ✕ 1,000 = 800 เมตร แสดงวา 687.8 กโิ ลเมตร หมายถึง 687 กิโลเมตร 800 เมตร ดงั นน้ั ระยะทางจากกรงุ เทพมหานครถงึ เชยี งใหม 687.8 กโิ ลเมตร เทา กบั 687 กโิ ลเมตร 800 เมตร จากน้ัน ครถู ามนักเรียนวา : นกั เรยี นมวี ิธีการคิดอยางไรจากระยะทาง 687 กโิ ลเมตร 800 เมตร เทากับ 687.8 กิโลเมตร นักเรยี นรวมกนั อภิปราย 687 กโิ ลเมตร 800 เมตร เทากบั 687.8 กโิ ลเมตร 1,000 เมตร เทา กบั 1 กโิ ลเมตร 1800000 = 0.800 = 0.8 กโิ ลเมตร 800 เมตร เทา กับ 800 ใน 1,000 ของ 1 กิโลเมตร จะได แสดงวา 687 กิโลเมตร 800 เมตร เทา กบั 687.8 กโิ ลเมตร
๑๖๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นรูคณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๒๔ ชัน้ ป.๕01 9 เวลา ๑ ชั่วโมง หน่วยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม 6. นักเรยี นอา นขอความ แลวชวยกนั แสดงวธิ คี ดิ หาคาํ ตอบ ดงั น้ี ระยะทางจากบานใบบัวไปโรงเรียน 4,850 เมตร คิดเปนก่ีกิโลเมตร วิธีคดิ ท่ี 1 เปลย่ี นหนว ยเมตรเปนกิโลเมตร 5 47 ดังนนั้ ระยะทาง 1000 เมตร เทา กบั 1 กโิ ลเมตร ระยะทาง 4,850 เมตร เทากับ 14085000 = 4.850 กโิ ลเมตร ระยะทางจากบานใบบวั ไปโรงเรยี น 4,850 เมตร เทา กบั 4.850 กิโลเมตร วิธคี ดิ ที่ 2 ระยะทาง 4,850 เมตร เทา กบั 4,000 เมตร กับ 850 เมตร และระยะทาง 4,000 เมตร เทา กับ 4 กิโลเมตร และ 850 เมตร เทา กับ 0.850 = 0.85 กโิ ลเมตร ดังนั้น ระยะทางจากบานใบบัวไปโรงเรียน 4,850 เมตร เทากับ 4.850 = 4.850 กิโลเมตร 2 2สังเกตการเปล่ียนหนวยเมตรเปนกิโลเมตร ทําไดโดยเขียนในรูปเศษสวนที่มีตัวสวนเปน 1000 แลว เขยี นเปนทศนยิ ม 3 ตาํ แหนง
2 1 6 5 7 90กล่มุ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๒๔ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๖๕ หน่วยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ช้ัน ป.๕ เวลา ๑ ชั่วโมง 7. ครูแบงนักเรียนออกเปนกลุม กลุมละ 3 - 4 คน ใหนักเรียนแตละกลุมจับฉลาก แสดงวิธีคิดหา คาํ ตอบจากบตั รขอ ความ กลมุ ละ 1 ขอ ทาํ ลงในกระดาษทคี่ รแู จกให เมอ่ื ทาํ เสรจ็ แลว ใหส ง ตวั แทนกลมุ 2 ออกมานําเสนอผลงาน ครแู ละนักเรยี นชวยกนั ตรวจสอบ ดังนี้ 1. รบิ บนิ้ ยาว 3 เมตร 75 เซนตเิ มตร เทา กับกีเ่ มตร 2. กิบ๊ ติดผมยาว 4.3 เซนติเมตร เทา กับก่เี ซนตเิ มตร กมี่ ิลลเิ มตร 3. ระยะทางจากบานแกว ตาไปวดั 3,700 เมตร เทา กับกีก่ โิ ลเมตร 1. รบิ บิน้ ยาว 3 เมตร 75 เซนตเิ มตร เทากบั กเ่ี มตร วธิ คี ิด เปลย่ี นหนวยเซนตเิ มตรเปนเมตร ความยาว 100 เซนติเมตร เทากบั 1 เมตร ความยาว 75 เซนติเมตร เทา กับ 17050 = 0.75 เมตร ดงั นน้ั รบิ บนิ้ ยาว 3 เมตร 75 เซนติเมตร เทา กับ 3.75 เมตร
๑๖๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรูท่ี ๒๔ ชนั้ ป.๕01 9 เวลา ๑ ชัว่ โมง หน่วยที่ ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 2 2. กบิ๊ ติดผมยาว 4.3 เซนติเมตร เทากับกเี่ ซนตเิ มตร กม่ี ิลลเิ มตร วิธีคิด ความยาว 4.3 เซนติเมตร เทากับ 4 เซนตเิ มตร กบั 0.3 เซนติเมตร และ 0.3 เซนติเมตร เทากบั 0.3 ✕ 10 = 3 มิลลเิ มตร ดงั นั้น ก๊บิ ตดิ ผมยาว 4.3 เซนติเมตร เทากบั 4 เซนตเิ มตร 3 มิลลิเมตร 3. ระยะทางจากบานแกวตาไปวัด 3,700 เมตร เทา กบั กก่ี ิโลเมตร 5 47 วิธีคิด ระยะทาง 1,000 เมตร เทา กับ 1 กิโลเมตร ระยะทาง 3,700 เมตร เทา กับ 31070000 = 3.700 = 3.7 กโิ ลเมตร ดังน้นั ระยะทางจากบานแกวตาไปวดั 3,700 เมตร เทากบั 3.7 กโิ ลเมตร 8. ครูใหนกั เรียนทาํ แบบฝกหดั 2.24 ข้ันสรปุ 2 9. ครแู ละนักเรยี นรวมกนั อภปิ รายสรปุ การบอกความยาวเปนทศนยิ ม 1) การเปล่ียนหนวยมลิ ลิเมตร เปนเซนตเิ มตร ทาํ ไดโดยเทยี บ 1 เซนตเิ มตร เทากบั 10 มลิ ลเิ มตร 2) การเปลย่ี นหนวยเซนตเิ มตร เปนเมตร ทาํ ไดโดยเทยี บ 1 เมตร เทากบั 100 เซนติเมตร 3) การเปลี่ยนหนวยเมตร เปน กโิ ลเมตร ทําไดโ ดยเทียบ 1 กโิ ลเมตร เทากับ 1,000 เมตร
22 แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๒๕ แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู 1 6 5 7 90 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๖๗ ขั้นนาำ ทบทวนการวัดนํ้าหนกั ในชวี ิตประจําวนั ข้ันสอน สอนการบอกนาํ้ หนักโดยใชค วามรเู รือ่ งทศนิยมกบั ความสมั พันธระหวางหนว ยนาํ้ หนกั ทาํ แบบฝก หัด 2.25 ขน้ั สรปุ ครูและนักเรียนรว มกันสรุปเกย่ี วกบั การบอกน้าํ หนักโดยใชความรเู ร่ืองทศนิยม ความสมั พนั ธร ะหวางหนว ยน้ําหนัก 2 การวัดและประเมินผล - ประเมนิ จากการตอบคําถาม และการทาํ แบบฝกหดั 2 - ประเมนิ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรดานการใหเหตุผล และการส่อื สาร สอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร
๑๖๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู ี่ ๒๕ ช้นั ป.๕01 9 เวลา ๑ ช่วั โมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม ขอบเขตเนื้อหา กจิ กรรมการเรียนรู ส่อื /แหล่งเรียนรู การบอกนาํ้ หนกั เปนทศนยิ ม ขัน้ นาำ 1. เครือ่ งชั่งสปริง สาระสำาคญั 1. ทบทวนการบอกน้ําหนักเปนขีด กิโลกรัม โดยนักเรียนดูเครื่องชั่งสปริง พิจารณาเข็มเคร่ืองชั่ง 2. ภาพการชั่งนํ้าหนัก 5 47 ตรงที่ 0 จากนนั้ ครูใสสงิ่ ของใหม ีน้าํ หนักเปน 3 ขีด 7 ขีด 10 ขีด หรือ 1 กิโลกรมั 3. บัตรขอความ การบอกนํา้ หนักเปนทศนิยม 4. แบบฝก หดั 2.25 ใชความสัมพันธระหวางหนวย ครซู ักถามนกั เรียน จาก 0 - 1 กโิ ลกรัม แสดงวา 1 กโิ ลกรัม มีกข่ี ีด (10 ขดี ) นํ้าหนักโดยเปรียบเทียบน้ําหนกั ดังนนั้ 1 กิโลกรัม เทา กับ 10 ขีด จากนน้ั ครชู ่งั สมและมะมวงตามลําดับ ใหน ักเรยี นบอกนาํ้ หนักสม การประเมินผล 1 กโิ ลกรัม เทากบั 10 ขดี นาํ้ หนักมะมวง 1. วธิ ีการ 1 ขีด เทา กบั 100 กรมั - สมหนัก 1 กโิ ลกรมั กับ 3 ขดี แสดงวา สม หนกั ก่ีขีด (13 ขดี ) 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู 1 กโิ ลกรัม เทากบั 1,000 กรัม - มะมว งหนัก 1 กิโลกรมั กับ 7 ขีด แสดงวา มะมว งหนักก่ีกโิ ลกรมั กี่กรัม (1 กโิ ลกรัม 700 กรมั ) 1.2 ตรวจแบบฝกหัด 1 ตนั เทา กบั 1,000 กโิ ลกรมั จากน้ันครแู ละนักเรียนรว มกนั อภิปรายความสัมพนั ธระหวา งหนว ยนาํ้ หนกั ดังนี้ 2. เครื่องมือ 1 กิโลกรัม เทา กับ 10 ขีด 2.1 แบบประเมนิ ทักษะและ กระบวนการทางคณติ ศาสตร 2 1 ขีด เทา กับ 100 กรมั 2.2 แบบฝก หัด 2.25 2 1 กิโลกรมั เทากับ 1,000 กรมั 1 เมตรกิ ตนั เทา กับ 1,000 กิโลกรัม
2 2 2 ชัน้ ป.๕ เวลา ๑ ช่วั โมง 1 6 5 7 90กลุ่มสาระการเรียนรูคณติ ศาสตร์แผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๒๕ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๖๙ หนว่ ยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม จุดประสงค์การเรยี นรู ข้ันสอน 3. เกณฑ์ ดา นความรู 3.1 ผลงานมีความถูกตอง 2. ครูติดภาพการชั่งน้ําหนัก แลว ใหน ักเรยี นอา นนํ้าหนกั จากเครอื่ งช่ัง ดงั นี้ เพอ่ื ใหน ักเรยี นสามารถเขยี น ไมนอยกวา รอ ยละ 80 หนว ยนาํ้ หนักเปนทศนิยมได 3.2 คะแนนรวมดา นทกั ษะและ ดา นทกั ษะและกระบวนการ - ปลาหนักเทา ไร (4 กิโลกรมั 7 ขดี ) กระบวนการทางคณิตศาสตร ทางคณิตศาสตร์ - ปลาหนัก 4 กโิ ลกรมั 7 ขดี เขยี นเปนทศนิยมไดอยา งไร ไมน อ ยกวารอ ยละ 60 เพือ่ ใหน ักเรียนสามารถ เปลย่ี นขีดเปน กโิ ลกรัม ดังน้ี 2 1. ใหเหตุผล 10 ขีด เทากับ 1 กิโลกรัม 2. สื่อสารและสื่อความหมาย 7 ขดี เทากบั 7 ใน 10 ของ 1 กโิ ลกรัม ทางคณิตศาสตร เทากับ 170 = 0.7 กิโลกรมั ดังนนั้ ปลาหนัก 4 กิโลกรมั 7 ขีด เทากบั 4.7 กโิ ลกรมั ครใู หน กั เรยี นสงั เกต การเปลยี่ นหนว ยขดี เปนกิโลกรมั ทาํ ไดโดยเขียนจาํ นวนขีดในรูปเศษสวนทม่ี ีตัวสวนเปน 10 แลวจึงเขียนในรปู ทศนยิ ม
๑๗๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรูคณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรูที่ ๒๕ ชนั้ ป.๕01 9 เวลา ๑ ชั่วโมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม 2 3. ครูตดิ บตั รขอความ 5 47 ผักคะนา หนกั 2 กโิ ลกรมั 815 กรมั เทากับกก่ี โิ ลกรัม ครูซกั ถามนกั เรยี นวา จะเขียนผกั คะนาหนัก 2 กโิ ลกรมั 815 กรัม เปน กิโลกรมั ไดอ ยา งไร ครแู ละนักเรยี นนรวมกนั อภิปรายและซกั ถาม นาํ้ หนกั 1,000 กรัม เทา กับกก่ี โิ ลกรัม (1 กโิ ลกรมั ) จะได 815 กรัม เทากับ 815 ใน 1,000 ของ 1 กโิ ลกรมั เทา กบั 1801050 = 0.815 กิโลกรัม ดังนั้น ผักคะนาหนัก 2 กิโลกรัม 815 กรัม เทากับ 2.815 กิโลกรัม ครูใหนักเรียนสังเกตวา การเปลยี่ นหนว ยกรมั เปน กโิ ลกรมั ทาํ ไดโ ดยเขยี นจาํ นวนกรมั ในรปู เศษสว นทมี่ ตี วั สว นเปน 1,000 แลว จงึ เขียนในรูปทศนยิ ม 2
2 1 6 5 7 90กลุ่มสาระการเรยี นรคู ณิตศาสตร์แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๒๕ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๗๑ หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ชั้น ป.๕ เวลา ๑ ชัว่ โมง 4. ครตู ดิ บัตรขอความ 2 ดนิ ลูกรงั หนกั 5,900 กิโลกรัม เทากบั กต่ี ัน ครูถามนักเรยี น ดังนี้ 5,900 กิโลกรัม เทากับกต่ี ัน กก่ี ิโลกรัม ครูและนักเรยี นรว มกนั อภิปราย วธิ คี ดิ ท่ี 1 5,900 กิโลกรมั เทา กบั 5,000 กโิ ลกรมั กับ 900 กโิ ลกรมั 1,000 กโิ ลกรัม เทา กับ 1 ตัน 5,000 กิโลกรมั เทากบั 51000000 = 5 ตนั 900 กโิ ลกรมั เทากับ 1900000 = 0.900 = 0.9 ตัน 5,900 กิโลกรมั เทา กบั 5.9 ตนั ดงั น้นั ดนิ ลกู รงั หนกั 5,900 กโิ ลกรมั เทา กับ 5.9 ตัน วธิ คี ิดที่ 2 เปลย่ี นหนว ยกโิ ลกรัมเปน ตัน 1,000 กโิ ลกรมั เทา กับ 1 ตัน 5,900 กโิ ลกรัม เทา กับ 15090000 = 5.900 = 5.9 ตนั ดังน้นั ดินลกู รังหนกั 5,900 กิโลกรมั เทากบั 5.9 ตนั สงั เกต การเปลยี่ นหนว ยกโิ ลกรมั เปน ตนั ทาํ ไดโ ดยเขยี นจาํ นวนกโิ ลกรมั ในรปู เศษสว นทมี่ ตี วั สว นเปน 1,000 แลว จึงเขียนในรูปทศนิยม
๑๗๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรูคณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๒๕ ชั้น ป.๕01 9 เวลา ๑ ช่ัวโมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 2 5. ครแู บง นกั เรียนออกเปนกลมุ กลมุ ละ 3 - 4 คน ใหแตละกลุม จับฉลาก กลมุ ละ 1 ขอ แสดงวธิ คี ดิ 5 47 หาคําตอบจากบัตรขอความ ทําลงในกระดาษที่ครูแจกให เม่ือเสร็จแลวใหสงตัวแทนนําเสนอผลงาน ครแู ละนักเรียนรว มกนั ตรวจสอบคําตอบ 1. เงาะหนัก 10.497 กิโลกรัม เทากบั กกี่ โิ ลกรัม ก่กี รัม 2. กุงหนัก 3 กโิ ลกรัม 500 กรัม เทา กบั ก่กี ิโลกรัม 3. หนิ หนกั 7 ตัน 280 กิโลกรมั เทากบั กต่ี นั 1. เงาะ 10.497 กโิ ลกรัม เทากับก่ีกโิ ลกรมั กี่กรัม วิธีคดิ 10.497 กโิ ลกรัม เทา กบั 10 กโิ ลกรมั กับ 0.497 กิโลกรมั และ 1 กโิ ลกรัม เทากบั 1,000 กรัม 0.497 กิโลกรมั เทากับ 0.497 ✕ 1,000 = 497 กรัม ดังน้นั เงาะ 10.497 กิโลกรมั เทากบั 10 กโิ ลกรัม 497 กรมั 2 2. กุง หนัก 3 กิโลกรัม 500 กรัม เทากับกี่กิโลกรมั วธิ ีคิด เปลย่ี นหนว ยกรมั เปน กโิ ลกรัม น้ําหนัก 1 กโิ ลกรมั เทา กบั 1,000 กรัม น้าํ หนกั 500 กิโลกรัม เทากบั 1500000 = 0.500 = 0.5 กรัม ดังนั้น กุงหนัก 3 กิโลกรมั 500 กรมั เทา กับ 3.5 กโิ ลกรัม
2 1 6 5 7 90กลุ่มสาระการเรยี นรูคณิตศาสตร์แผนการจดั การเรียนรูที่ ๒๕ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๗๓ หนว่ ยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม ช้ัน ป.๕ เวลา ๑ ช่วั โมง 3. หินหนัก 7 ตนั 280 กโิ ลกรมั เทา กับกี่ตัน 2 วิธคี ิด เปลี่ยนหนวยกิโลกรัมเปน ตนั 1,000 กโิ ลกรัม เทา กับ 1 ตัน 280 กิโลกรัม เทากับ 1208000 = 0.280 = 0.28 ตนั ดงั นนั้ หินหนัก 7 ตนั 280 กโิ ลกรัม เทา กับ 7.28 ตัน 6. ครูใหนกั เรยี นทําแบบฝก หัด 2.25 ข้นั สรุป 7. ครูและนักเรยี นรว มกนั อภปิ รายสรุป การบอกนา้ํ หนกั เปน ทศนยิ ม 1) การเปลีย่ นหนว ยขดี เปนกิโลกรมั ทําไดโ ดยเทียบ 1 กิโลกรมั เทา กับ 10 ขีด 2) การเปลี่ยนหนว ยกรมั เปน กโิ ลกรัม ทําไดโ ดยเทียบ 1 กิโลกรมั เทา กบั 1000 กรัม 3) การเปลี่ยนหนว ยกโิ ลกรมั เปน ตัน ทาํ ไดโ ดยเทยี บ 1 ตนั เทากับ 1,000 กิโลกรัม 4) การเปลีย่ นหนว ยขดี เปน กรมั ทาํ ไดโ ดยเทียบ 1 ขดี เทากบั 100 กรมั
๑๗๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๒๖ 01 9 แนวการจดั กิจกรรมการเรยี นรู ขั้นนาำ ทบทวนการวดั ปริมาตรในชวี ติ ประจาํ วัน ขนั้ สอน สอนการบอกปริมาณโดยใชค วามรูเรอ่ื งทศนิยมกับความสัมพันธร ะหวา งหนว ยปรมิ าตร 5 47 ทาํ แบบฝกหดั 2.26 ขั้นสรุป ครูและนกั เรยี นรว มกนั สรุปเกี่ยวกบั การบอกปรมิ าตรเปนทศนยิ มโดยใชความรูเ ร่ือง ความสัมพันธระหวางหนวยปริมาตร 2 การวดั และประเมินผล - ประเมนิ จากการตอบคาํ ถาม และการทาํ แบบฝก หดั 2 - ประเมนิ จากทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรดา นการใหเหตผุ ล และการสอ่ื สาร ส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร
2 2 2 ชน้ั ป.๕ เวลา ๑ ชั่วโมง 1 6 5 7 90กลมุ่ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร์แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๒๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๗๕ หน่วยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมการเรยี นรู สือ่ /แหล่งเรียนรู 2 ขนั้ นำา การบอกปรมิ าตรเปน ทศนยิ ม 1. แถบความสัมพันธระหวาง 1. ทบทวนหนว ยของปรมิ าตร และความสมั พันธระหวา งหนว ยปรมิ าตร โดยครตู ดิ แถบความสมั พนั ธ หนวยปรมิ าตร สาระสาำ คัญ ระหวางหนวยปริมาตร แลวรวมกนั อภปิ ราย ดังน้ี 2. แถบสถานการณ 3. บัตรขอ ความ การบอกปรมิ าตรเปน ทศนยิ ม 1 ลิตร เทา กับ 1,000 มิลลลิ ติ ร 4. แบบฝก หดั 2.26 ใชความสัมพันธระหวางหนวย 1 ลิตร เทา กับ 1,000 ลกู บาศกเซนตเิ มตร ปรมิ าตรโดยการเปรยี บเทียบ 1 มิลลิลิตร เทา กับ 1 ลกู บาศกเ ซนติเมตร การประเมินผล - 1 ลติ ร เทากับ ขั้นสอน 1. วิธีการ 1,000 มิลลลิ ิตร 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู 2. ครตู ิดแถบสถานการณ 1.2 ตรวจแบบฝกหัด - 1 ลติ ร เทากับ 1,000 ลกู บาศกเ ซนตเิ มตร นกั เรียนดื่มนมวนั ละ 1 กลอ ง มีปรมิ าตร 200 มิลลลิ ติ ร 2. เคร่ืองมอื นักเรยี นดม่ื นมวนั ละกีล่ ติ ร 2.1 แบบประเมินทกั ษะและ - 1 มิลลลิ ติ ร เทากบั 1 ลกู บาศกเ ซนตเิ มตร ครูถามนักเรยี นวา นม 200 มลิ ลลิ ิตร เทากับกล่ี ติ ร กระบวนการทางคณติ ศาสตร ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั อภิปรายวิธีคดิ ดงั น้ี 2.2 แบบฝกหัด 2.26 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู ดา นความรู 1,000 มลิ ลิลติ ร เทา กบั 1 ลติ ร 200 มิลลลิ ติ ร เทากบั 200 ใน 1000 ของ 1 ลิตร = 1200000 = 0.200 เพอ่ื ใหนักเรียนสามารถเขียน หนว ยปรมิ าตรเปน ทศนิยม และ 0.200 = 0.2 ดังนั้น นกั เรยี นดืม่ นมวันละ 0.2 ลติ ร
๑๗๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๒๖ ช้นั ป.๕ 01 9 เวลา ๑ ช่วั โมง หน่วยที่ ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ดา นทกั ษะและกระบวนการ 3. ครตู ิดขอความ 3. เกณฑ์ ทางคณิตศาสตร์ น้าํ หวาน 5,128 ลูกบาศกเซนติเมตร เทากับกี่ลติ ร 3.1 ผลงานมีความถูกตอง เพ่อื ใหน ักเรยี นสามารถ นักเรียนอา นขอ ความและรวมกนั อภิปรายวิธีคดิ ดังน้ี ไมน อยกวา รอยละ 80 1. ใหเ หตุผล 3.2 คะแนนรวมดา นทกั ษะและ 2. ส่ือสารและสื่อความหมาย วิธีคดิ ท่ี 1 1,000 ลูกบาศกเซนตเิ มตร เทากบั 1 ลิตร ทางคณติ ศาสตร กระบวนการทางคณิตศาสตร 5,128 ลกู บาศกเ ซนตเิ มตร เทากบั 51102008 = 5.128 ลิตร ไมนอยกวารอยละ 60 ดังนนั้ นาํ้ หวาน 5,128 ลกู บาศกเซนติเมตร เทากบั 5.128 ลติ ร 5 47 วธิ ีคิดท่ี 2 เปลยี่ นหนวยลกู บาศกเซนตเิ มตรเปน ลิตร 5,128 ลูกบาศกเซนติเมตร เทากับ 5,000 ลูกบาศกเซนติเมตร กับ 128 ลกู บาศกเซนตเิ มตร เนื่องจาก 1,000 ลูกบาศกเซนติเมตร เทากบั 1 ลิตร 5,000 ลกู บาศกเซนตเิ มตร เทากับ 51000000 = 5 ลิตร 2 2และ 128 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร เทากบั 1102080 = 0.128 ลิตร ดงั นั้น นาํ้ หวาน 5,128 ลกู บาศกเ ซนตเิ มตร เทา กับ 5.128 ลิตร ครใู หน กั เรยี นสงั เกตการเปลย่ี นหนว ยลกู บาศกเ ซนตเิ มตรเปน ลติ ร ทาํ ไดโ ดยนาํ จาํ นวนทมี่ หี นว ยเปน ลกู บาศกเซนตเิ มตร หารดวย 1,000 แลว จึงเขียนในรปู ทศนิยม
2 1 6 5 7 90กลุม่ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๒๖ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๗๗ หนว่ ยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ชัน้ ป.๕ เวลา ๑ ชว่ั โมง 4. ครูตดิ บตั รขอ ความ นํา้ ผลไม 2.50 ลิตร เทา กับกล่ี ติ ร กมี่ ิลลลิ ิตร 2 นกั เรยี นอานขอความ แลว ตอบคาํ ถาม - นํา้ ผลไมมีปริมาตรเทา ไร (2.50 ลิตร) - นกั เรยี นมวี ธิ คี ิดปรมิ าตร 2.50 ลติ ร เทา กับกล่ี ติ ร ก่ีมลิ ลิลิตร ไดอยางไร ครแู ละนกั เรียนรวมกนั อภปิ ราย ดงั น้ี 2.50 ลิตร เทา กับ 2 ลติ ร กับ 0.50 ลิตร และ 0.50 ลิตร เทากับ 0.5 ✕ 1,000 = 500 มิลลลิ ิตร แสดงวา นํา้ ผลไม 2.50 ลติ ร คดิ เปน 2 ลติ ร 500 มิลลลิ ิตร ขอ สงั เกต การเปลยี่ นหนว ยลิตรเปนมลิ ลิลติ ร ทาํ ไดโ ดยนาํ จํานวนลติ รคณู ดวย 1,000 จากนนั้ ใหน ักเรียนอา นบตั รขอ ความดังนี้ นํ้ายาลางจาน 3.8 ลิตร คิดเปนกี่ลูกบาศกเซนติเมตร ครูซกั ถามนักเรยี น - 1 ลิตร เทา กับกลี่ กู บาศกเ ซนตเิ มตร (1,000 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร) - 3.8 ลิตร คิดเปนกีล่ ูกบาศกเซนตเิ มตร นักเรยี นคิดไดอ ยางไร (นาํ 3.8 × 1,000 = 3,800 ลูกบาศกเ ซนติเมตร) ดังนัน้ นํ้ายาลา งจาน 3.8 ลิตร เทา กับ 3,800 ลูกบาศกเซนติเมตร จากนน้ั ครูถามนักเรยี นวา 3,800 ลกู บาศกเ ซนตเิ มตร เทากับ กม่ี ลิ ลิลิตร (3,800 มลิ ลิลิตร เนื่องจาก 1 มลิ ลลิ ติ ร เทา กบั 1 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร) สังเกต การเปลย่ี นหนว ยลติ รเปนลูกบาศกเซนติเมตร ทําไดโดยนาํ จํานวนลติ รคณู ดว ย 1,000
๑๗๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุม่ สาระการเรยี นรคู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๒๖ ช้ัน ป.๕01 9 เวลา ๑ ชว่ั โมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม 5. ครูแบง นกั เรยี นออกเปนกลมุ กลมุ ละ 3 - 4 คน ใหแตล ะกลมุ แสดงวธิ ีคดิ หาคาํ ตอบ ลงในกระดาษ ทคี่ รแู จกให จากบัตรขอ ความดังน้ี โดยจับฉลากกลุมละ 1 ขอ 1. นา้ํ ยาซักแหง 6,400 ลูกบาศกเซนติเมตร เทา กบั ก่ีลิตร 2. นํ้ากระเจ๊ียบ 1 ลิตร 280 ลกู บาศกเซนตเิ มตร เทา กับกีล่ ิตร 3. นาํ้ ด่ืม 550 มลิ ลลิ ิตร เทากบั ก่ลี ิตร เม่ือนักเรียนแตละกลุมแสดงวิธีคิดหาคําตอบ เสร็จแลวครูสุมกลุมนักเรียนออกนําเสนอ ครูและ 5 47 นกั เรียนชวยกันตรวจสอบคําตอบ 1. นาํ้ ยาซักแหง 6,400 ลกู บาศกเ ซนติเมตร เทากับกีล่ ิตร วิธคี ิด 1,000 ลูกบาศกเ ซนติเมตร เทากับ 1 ลิตร 6,400 ลกู บาศกเซนตเิ มตร เทา กับ 16400000 = 6.400 = 6.4 ลติ ร ดงั น้ัน นํ้ายาซกั แหง 6,400 ลูกบาศกเซนติเมตร เทา กบั 6.4 ลิตร 2 2. นาํ้ กระเจ๊ียบ 1 ลิตร 280 ลกู บาศกเ ซนติเมตร เทากบั กล่ี ติ ร 2 วธิ คี ิด เปล่ียนหนวยลกู บาศกเซนติเมตรเปนลติ ร 1,000 ลกู บาศกเ ซนติเมตร เทากับ 1 ลติ ร นา้ํ 2ก8ร0ะเจลยี๊ ูกบบา1ศกลเ ติซรนต2ิเ8ม0ตลรกู บเาทศา กกเับซน1ต20เิ8ม000ตร=เ0ท.า2ก8ับ0 ดังนั้น = 0.28 ลติ ร 1.28 ลติ ร
2 1 6 5 7 90กล่มุ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๒๖ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๗๙ หน่วยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ชั้น ป.๕ เวลา ๑ ช่วั โมง 3. นา้ํ ดม่ื 550 มลิ ลิลิตร เทา กบั กลี่ ิตร 2 วธิ คี ิด เปลี่ยนหนว ยมิลลลิ ติ ร เปนลิตร 1,000 ลูกบาศกเ ซนติเมตร เทากบั 1 ลิตร 550 ลกู บาศกเ ซนตเิ มตร เทากบั 1505000 = 0.550 = 0.55 ลติ ร เนื่องจาก 1 ลกู บาศกเ ซนติเมตร เทา กับ 1 มิลลิลิตร 550 มิลลลิ ติ ร เทา กับ 550 ลกู บาศกเ ซนติเมตร ดังนัน้ นํา้ ดม่ื 550 มิลลิลิตร เทา กับ 0.55 ลติ ร 6. ครใู หน ักเรียนทําแบบฝกหัด 2.26 ขนั้ สรปุ 7. ครแู ละนักเรียนรว มกนั สรปุ การบอกปริมาตรเปนทศนิยม 1) การเปลย่ี นหนวยมิลลลิ ิตรเปนลติ ร ทาํ ไดโดยเทยี บ 1 ลติ ร เทากบั 1,000 มิลลลิ ิตร 2) การเปลยี่ นหนว ยลกู บาศกเ ซนตเิ มตรเปน ลติ ร ทาํ ไดโ ดยเทยี บ 1 ลติ ร เทา กบั 1,000 ลกู บาศกเ ซนตเิ มตร 3) การเปล่ียนหนวยมิลลิลิตรเปนลูกบาศกเซนติเมตร ทําไดโดยเทียบ 1 ลูกบาศกเซนติเมตร เทากับ 1 มิลลิลิตร
๑๘๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๒๗ 01 9 แนวการจดั กิจกรรมการเรียนรู ขน้ั นำา ทบทวนความสมั พันธข องการบวกกบั การลบ และความสัมพันธของการคณู กับการหาร ข้ันสอน หาคาของตัวไมท ราบคาในประโยคสัญลกั ษณ การบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 5 47 ทาํ แบบฝก หัด 2.27 ขน้ั สรุป ครแู ละนกั เรียนรวมกันอภปิ รายสรุป การหาคา ของตวั ไมทราบคา ในประโยคสัญลกั ษณ การบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม 2 การวัดและประเมนิ ผล - ประเมนิ จากการตอบคาํ ถาม และการทําแบบฝก หัด 2 - ประเมินจากทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรด านการใหเหตุผล และการส่อื สาร สอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร
2 2 2 ชนั้ ป.๕ เวลา ๑ ช่ัวโมง 1 6 5 7 90กลมุ่ สาระการเรยี นรูคณติ ศาสตร์แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๒๗ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๘๑ หน่วยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู ส่อื /แหล่งเรยี นรู ข้ันนาำ แบบฝก หดั 2.27 การหาคาตัวไมทราบคาใน ประโยคสัญลักษณ การบวก 1. ทบทวนความสัมพันธระหวางการบวกและการลบจํานวนนับ โดยนักเรียนสังเกตประโยคการบวก การประเมนิ ผล การลบ การคณู การหารทศนยิ ม และการลบ ดังน้ี 1. วธิ ีการ สาระสำาคัญ 27 + 39 = 66 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู 66 – 27 = 39 1.2 ตรวจแบบฝกหัด การหาคาของตัวไมทราบคา 66 – 39 = 27 ในประโยคสัญลักษณการบวก นกั เรยี นตอบคําถาม ดังน้ี 2. เครื่องมอื การลบ การคูณ การหาร โดยใช 2.1 แบบประเมินทักษะและ ความสัมพันธระหวางการบวก นาํ 27 บวกดวย 39 ไดผ ลบวกเปนจาํ นวนใด (66) กระบวนการทางคณติ ศาสตร และการลบ และความสัมพันธ ระหวางการคณู และการหาร นาํ 66 ลบดว ย 27 ไดผลลบเปนจาํ นวนใด (39) 2.2 แบบฝกหดั 2.27 นํา 66 ลบดว ย 39 ไดผลลบเปน จาํ นวนใด (27) 3. เกณฑ์ จากนน้ั ครใู หนักเรยี นชว ยกนั เตมิ ตัวเลขแสดงจํานวนใน 3.1 ผลงานมีความถูกตอง ไมนอ ยกวารอยละ 80 15 + 37 = 52 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ 2 37 = – 15 ( 37 เทากบั จํานวนใดลบดว ย 15 คําตอบ 52 ) 15 = – 37 ( 15 เทากบั จาํ นวนใดลบดวย 37 คําตอบ 52 ) และกระบวนการทางคณิตศาสตร ไมน อยกวา รอ ยละ 60 52 – = 37 ( 52 ลบดวยจาํ นวนใดได 37 คําตอบ 15 ) 52 – = 15 ( 52 ลบดวยจาํ นวนใดได 15 คาํ ตอบ 37 )
๑๘๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุม่ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู ี่ ๒๗ ชั้น ป.๕01 9 เวลา ๑ ช่ัวโมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม 2 จุดประสงค์การเรียนรู 2. ทบทวนความสัมพันธระหวางการคูณและการหารจํานวนนับ โดยนักเรียนสังเกตประโยคการคูณ 5 47 ดานความรู และการหาร ดงั น้ี เพ่อื ใหน ักเรยี นสามารถ 3 × 5 = 15 1. หาคาของตัวไมทราบคา 15 ÷ 3 = 5 จากประโยคสัญลักษณการบวก 15 ÷ 5 = 3 การลบ โดยใชความสัมพันธ ระหวา งการบวกและการลบ นักเรยี นตอบคาํ ถาม 2. หาคาของตัวไมทราบคาจาก ป ร ะ โ ย ค สั ญ ลั ก ษ ณ ก า ร คู ณ นาํ 3 คณู ดวย 5 ไดผลคณู เปนจาํ นวนใด (15) การหารโดยใชความสัมพันธ ระหวางการคูณและการหาร นํา 15 หารดว ย 3 ไดผ ลหารเปนจาํ นวนใด (5) ดา นทกั ษะและกระบวนการ นาํ 15 หารดว ย 5 ไดผ ลหารเปน จาํ นวนใด (3) 2 ทางคณติ ศาสตร์ ตอ จากนั้น ครใู หนกั เรียนชวยกันเตมิ ตัวเลขแสดงจาํ นวนใน ดงั นี้ เพ่ือใหนักเรียนสามารถ 1. ใหเหตผุ ล 18 ÷ 9 = ( 18 หารดวย 9 ไดผลหารเทาไร 2 ) 2. สื่อสารและส่ือความหมาย 9 ✕ = 18 ( 9 คูณจํานวนใดไดผลคณู 18 2 ) ทางคณติ ศาสตร
2 1 6 5 7 90กลุ่มสาระการเรียนรูค ณิตศาสตร์แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี ๒๗ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๘๓ หนว่ ยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม ชนั้ ป.๕ เวลา ๑ ช่ัวโมง ขั้นสอน 2 3. นักเรยี นสังเกตประโยคการบวกและการลบทศนยิ ม ดงั นี้ 1.5 + 3.7 = 5.2 5.2 – 1.5 = 3.7 5.2 – 3.7 = 1.5 นักเรียนตอบคาํ ถาม นํา 1.5 บวกดว ย 3.7 ไดผลบวกเปนจาํ นวนใด (5.2) นาํ 5.2 ลบดวย 1.5 ไดผ ลลบเปน จํานวนใด (3.7) นาํ 5.2 ลบดว ย 3.7 ไดผ ลลบเปน จาํ นวนใด (1.5) ครใู หน กั เรยี นสงั เกต ความสมั พนั ธร ะหวา งการบวกและการลบทศนยิ ม ไดข อ สรปุ วา การบวกและ การลบทศนิยม มีความสัมพันธร ะหวางการบวกและการลบเชน เดยี วกบั จาํ นวนนับ
๑๘๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรูคณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๒๗ ช้ัน ป.๕01 9 เวลา ๑ ชวั่ โมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 2 4. ครแู ละนักเรยี นชว ยกันหาจาํ นวนท่ีแทน จากประโยคสัญลักษณการบวก ดงั นี้ + 3.9 = 10.2 จากประโยคสัญลักษณการบวกใหห าวา 5 47 จํานวนใดบวก 3.9 ไดผ ลลพั ธเปน 10.2 - นกั เรียนมีวธิ กี ารหาจํานวนทแ่ี ทน ไดอ ยา งไร ใชความสัมพันธร ะหวา งการบวกและการลบ วธิ ีทาำ เนื่องจาก + 3.9 = 10.2 = 10.2 – 3.9 = 6.3 2 จาํ นวนท่แี ทน คอื 6.3 ตอบ ๖.๓ - นกั เรียนมีวธิ ีตรวจสอบไดอยางไร (นาํ 6.3 ไปบวก 3.9 จะได 10.2 ดงั น้นั 6.3 + 3.9 = 10.2 และ 6.3 เปน คําตอบทีถ่ กู ตอง)
2 1 6 5 7 90กลุ่มสาระการเรยี นรคู ณิตศาสตร์แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๒๗ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๘๕ หน่วยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ชนั้ ป.๕ เวลา ๑ ชัว่ โมง 5. ครูและนักเรยี นชวยกันหาจํานวนทแี่ ทน จากประโยคสัญลกั ษณก ารลบ ดงั น้ี 2 10.85 – = 2.46 จากประโยคสญั ลักษณก ารลบ ใหหาวา 10.85 ลบดวยจํานวนใดไดผลลัพธเ ปน 2.46 - นักเรยี นมีวิธีการหาจํานวนที่แทน ไดอ ยา งไร วธิ ีทาำ เน่ืองจาก 10.85 – = 2.46 ใชค วามสมั พนั ธร ะหวางการบวกและการลบจะได 10.85 – 2.46 = และ 10.85 – 2.46 = 8.39 จาํ นวนทแ่ี ทน คอื 8.39 ตอบ ๘.๓๙ หรอื 10.85 – = 2.46 10.85 = 2.46 + 10.85 – 2.46 = 8.39 = = 8.39 นักเรยี นมีวิธีการตรวจสอบอยา งไร (นาํ 8.39 ไปลบออกจาก 10.85 จะได 2.46) ดังนน้ั 10.85 – 8.39 = 2.46 และ 8.39 เปน คําตอบท่ถี กู ตอง
๑๘๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรูค ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๒๗ ชั้น ป.๕01 9 เวลา ๑ ชั่วโมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 2 6. นักเรียนสงั เกตประโยคการคูณและการหารทศนิยม ดังนี้ 5 47 1.5 ✕ 2 = 3.0 3.0 ÷ 2 = 1.5 นักเรียนตอบคาํ ถาม นํา 1.5 คณู ดวย 2 ไดผลคูณเปนจํานวนใด (3.0) นํา 3.0 หารดว ย 2 ไดผลหารเปนจํานวนใด (1.5) ใหนักเรียนสังเกตความสมั พันธร ะหวางการคูณและการหาร สรุปไดว า ตัวตงั้ เทากบั ตัวหาร คูณดว ย ผลหาร 7. ครูและนกั เรยี นชวยกนั หาจํานวนที่แทน จากประโยคสญั ลกั ษณการคูณ ดังนี้ ✕ 5 = 104 จากประโยคสัญลักษณการคูณใหหาวา จํานวนใดคูณกับ 5 ไดผลลัพธ 104 นักเรียนหาจํานวน แทน ไดอยางไร (ใชค วามสมั พนั ธระหวางการคูณและการหาร) วิธที าำ เนอ่ื งจาก ✕ 5 = 104 ใชค วามสมั พนั ธร ะหวางการคณู และการหาร 2 จะได = 104 ÷ 5 = 20.8 จาํ นวนทแ่ี ทน คือ 20.8 ตอบ ๒๐.๘ - นักเรยี นมวี ิธตี รวจสอบไดอยา งไร เนอ่ื งจาก 20.8 ✕ 5 = 104 ดังน้นั จาํ นวนท่คี ณู กับ 5 ได 104 คอื 20.8 และ 20.8 เปน คาํ ตอบทถี่ กู ตอง
2 1 6 5 7 90กลมุ่ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๒๗ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๘๗ หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ช้นั ป.๕ เวลา ๑ ชวั่ โมง 8. ครูกบั นักเรียนชว ยกันหาจาํ นวนทแี่ ทน จากประโยคสญั ลักษณก ารหาร ดังนี้ 2 ÷ 4 = 6.2 จากประโยคสัญลักษณก ารหาร ใหหาวา จาํ นวนใดหารดว ย 4 แลว ไดผลลพั ธเ ปน 6.12 - นักเรยี นมีวิธีการหาจาํ นวนทแี่ ทน ไดอ ยางไร ใชค วามสัมพนั ธร ะหวางการคูณและการหาร วธิ ีทำา เน่ืองจาก ÷ 4 = 6.12 จะได = 6.12 × 4 = 24.48 จาํ นวนท่ีแทน คือ 24.48 - นกั เรยี นมีวิธตี รวจสอบไดอยา งไร (นํา 4 ไปหาร 24.48 จะได 6.12 ดังนัน้ 24.48 ÷ 4 = 6.12 และ 24.48 เปนคําตอบท่ถี กู ตอ ง)
๑๘๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรูค ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๒๗ ช้ัน ป.๕01 9 เวลา ๑ ช่วั โมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม 2 9. ครูแบงนักเรยี นออกเปน กลมุ กลุมละ 3 - 4 คน ใหแตละกลุม หาจาํ นวนที่แทน จากประโยค สญั ลกั ษณท กี่ าํ หนด โดยใหจ บั ฉลาก กลมุ ละ 1 ขอ ทาํ ลงในกระดาษทค่ี รแู จกให เมอ่ื นกั เรยี นแตล ะกลมุ ทาํ เสรจ็ แลว สงตวั แทนออกนําเสนอ จากนน้ั ใหครแู ละนักเรยี นรวมกนั ตรวจสอบ 1) 12.3 + = 15.9 2) – 0.52 = 3.1 3) 3 ✕ = 7.2 5 47 4) ÷ 2 = 11.5 1) 12.3 + = 15.9 วธิ ีทำา เนอ่ื งจาก 12.3 + = 15.9 2 จะได = 15.9 – 12.3 = 3.6 จํานวนทแ่ี ทน คอื 3.6 ตอบ ๓.๖
2 1 6 5 7 90กลุ่มสาระการเรียนรูคณิตศาสตร์แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๒๗ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๘๙ หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ชน้ั ป.๕ เวลา ๑ ชัว่ โมง 2) – 0.52 = 3.1 – 0.52 = 3.1 วธิ ีทำา เนื่องจาก = 3.1 + 0.52 2 จะได = 3.62 จํานวนที่แทน คอื 3.62 ตอบ ๓.๖๒ = 7.2 3) 3 ✕ = 7.2 = 7.2 ÷ 3 วธิ ที ำา เนื่องจาก 3 ✕ = 2.4 จะได คือ 2.4 ÷ 2 = 11.5 จํานวนท่แี ทน ตอบ ๒.๔ = 11.5 × 2 4) ÷ 2 = 11.5 = 23.0 วธิ ีทำา เนอื่ งจาก = 23.0 = 23 จะได จํานวนทแี่ ทน ตอบ ๒๓
๑๙๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๒๗ ชนั้ ป.๕01 9 เวลา ๑ ชว่ั โมง หน่วยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 2 9. ครูใหนักเรยี นทาํ แบบฝก หัด 2.27 5 47 ข้นั สรปุ 10. ครูและนักเรยี นชวยกนั สรปุ วา การบวก การลบ การคณู และการหารทศนยิ ม มคี วามสัมพันธร ะหวางการบวกและการลบ การคณู และการหารเชนเดยี วกับจํานวนนับ • การหาคา ของตัวไมท ราบคา ในประโยคสัญลักษณก ารบวกและการลบ ทาํ ไดโ ดยใช ความสัมพันธร ะหวางการบวกและการลบ ดงั น้ี ตวั ตั้ง = ตัวลบ + ผลลบ • การหาคาของตัวไมทราบคาในประโยคสญั ลกั ษณก ารคูณและการหาร ทาํ ไดโ ดยใช ความสัมพนั ธร ะหวางการคูณและการหาร ดงั น้ี ตวั ตง้ั = ตวั หาร × ผลหาร 2 • ความสัมพันธร ะหวา งการคูณกบั การหาร มีความสัมพันธก ันดังนี้ จํานวนสองจาํ นวนคณู กันนําผลคณู ทไี่ ดห ารดว ยจาํ นวนหนง่ึ จะไดผลหารเทา กบั อีกจํานวนหน่งึ • ความสัมพนั ธระหวา งการบวกกับการลบ มีความสมั พนั ธกนั ดงั นี้ จาํ นวนสองจํานวนบวกกันนาํ ผลบวกที่ไดล บดวยจาํ นวนหน่งึ จะไดผลลบเทากบั อกี จํานวนหนึง่
22 แผนการจดั การเรียนรทู ี่ ๒๘ แนวการจดั กิจกรรมการเรียนรู 1 6 5 7 90 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๙๑ ข้ันนาำ ทบทวนการวิเคราะหโ จทยป ญหาการคูณ การหารจาํ นวนนบั ข้ันสอน วเิ คราะหแ ละหาคําตอบโจทยปญ หา การคณู การหารทศนยิ ม ทาํ แบบฝก หัด 2.28 ขั้นสรปุ ครูและนกั เรยี นรว มกันสรุป การวิเคราะหโ จทยป ญหาการคูณ การหารทศนิยม 2 การวดั และประเมนิ ผล - ประเมนิ จากการตอบคาํ ถาม และการทําแบบฝก หัด 2 - ประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรดา นการแกปญ หา การใหเหตุผล และการสอ่ื สาร สือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร
๑๙๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู ี่ ๒๘ ชั้น ป.๕ 01 9 เวลา ๑ ช่วั โมง หนว่ ยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ขอบเขตเนอื้ หา กจิ กรรมการเรยี นรู ส่อื /แหล่งเรยี นรู การวิเคราะหและหาคําตอบ ขั้นนำา 1. แถบโจทยป ญ หา โจทยป ญ หา การคณู การหาร 1. ทบทวนการแกโ จทยป ญ หาจาํ นวนนบั โดยครยู กตวั อยา งโจทยป ญ หาการคณู และการหารใหน กั เรยี น 2. แบบฝก หัด 2.28 บอกวธิ คี ดิ แกป ญ หา เขียนเปนประโยคสัญลักษณ และหาคาํ ตอบ ครตู ิดแถบโจทยป ญ หา ดังนี้ ทศนยิ ม แกว ตาซอื้ ขนมตาล ถงุ ละ 6 หอ จาํ นวน 3 ถงุ แกว ตาซอื้ ขนมตาลทงั้ หมดกห่ี อ การประเมนิ ผล 5 47 สาระสาำ คญั ครูซักถามนกั เรยี น 1. วธิ ีการ - จากโจทยน กั เรยี นหาจาํ นวนขนมตาลทแี่ กว ตาซอื้ ทง้ั หมดไดอ ยา งไร (นาํ 3 คณู 6 เพราะขนมตาล 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู การแกโจทยปญหาเริ่มจาก 1.2 ตรวจแบบฝกหัด การทาํ ความเขา ใจปญ หา วางแผน 1 ถุง มี 6 หอ ซอ้ื 3 ถุง ไดข นมตาล 3 เทาของ 6) แกป ญ หา เขยี นประโยคสญั ลกั ษณ - นักเรียนเขยี นประโยคสญั ลักษณไดอ ยา งไร (3 ✕ 6 = ) 2. เคร่อื งมอื หาคําตอบแลวตรวจสอบความ - จากประโยคสัญลกั ษณไดคาํ ตอบเทาไร (18) 2.1 แบบประเมินทกั ษะและ ถูกตอ งของคาํ ตอบ ดังนน้ั แกว ตาซอ้ื ขนมตาลทั้งหมด 18 หอ จากนน้ั ครตู ิดแถบโจทยป ญ หาใหนกั เรยี นเขียนประโยคสญั ลักษณ แลว หาคําตอบ กระบวนการทางคณติ ศาสตร จุดประสงค์การเรียนรู 2.2 แบบฝก หัด 2.28 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีความถูกตอง ไมนอยกวารอ ยละ 80 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ และกระบวนการทางคณิตศาสตร ไมน อ ยกวา รอ ยละ 60 ดานความรู 2 2เพ่ือใหนักเรียนสามารถ วิเคราะหและหาคําตอบ โจทยปญหาการคูณการหาร ทศนิยม ครูมขี นม 15 หอ ใหนกั เรยี น 5 คน คนละเทา ๆ กัน นกั เรียน แตละคนไดรบั ขนมคนละก่หี อ - เขียนประโยคสัญลักษณไดอ ยางไร (15 ÷ 5 = ) - จากประโยคสัญลกั ษณไ ดค าํ ตอบเทา ไร (3) ดงั นั้น นกั เรยี นไดร ับขนมคนละ 3 หอ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364