หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 การเคล่อื นท่แี ละแรง แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 14 594 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง สนามโนม้ ถว่ ง และสนามแม่เหล็ก รายวิชา วราิทยยวาชิ ศาาสวติทรย์พาื้นศฐาสานตรว์ 2121031 เวลา 2 ช่ัวโมง ชั้น มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ภาพท่ี 15.2 สนามแม่เหลก็ ทม่ี า : STEM for Life สสวท. Url: http://stemforlife.ipst.ac.th/2016/06/20/magnetic/ 10.นกั เรียนทาใบกจิ กรรมท่ี 145.3 เปรียบเทยี บสนามโนม้ ถว่ งและ สนามแม่เหล็ก ขนั้ สรปุ 1. นักเรียนและครูรว่ มกนั สรปุ องค์ความรูโ้ ดยครใู ชค้ าถามตอ่ ไปนี้ 1.1 สนามโนม้ ถ่วงคืออะไร (เป็นสนามท่ีเกิดจากวตั ถุที่มมี วล โดย วัตถุทม่ี มี วลจะมสี นามโน้มถว่ งอยโู่ ดยรอบ แรงโนม้ ถ่วงที่กระทาต่อวตั ถใุ น สนามโน้มถ่วงจะมที ิศพงุ่ เข้าหาวตั ถทุ ี่เป็นแหลง่ ของสนามโน้มถ่วง) 1.2 สนามแมเ่ หลก็ คืออะไร (เปน็ สนามท่เี กิดจากวตั ถุที่มีสารแม่เหลก็ ขอบเขตของสนามแม่เหลก็ คือบริเวณที่มีเส้นแรงแม่เหลก็ ) 576
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 การเคลอื่ นท่แี ละแรง แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 14 595 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง สนามโนม้ ถ่วง และสนามแม่เหลก็ รายวชิ า วริทายวาิชศาสวติทรย์พา้นื ศฐาาสนตรว์ 2211013 เวลา 2 ชั่วโมง ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 1.3 แหล่งของสนามแม่เหล็กและสนามโน้มถ่วงเหมอื นหรือแตกต่าง กนั อย่างไร (แตกตา่ งกัน โดยแหลง่ ของสนามแม่เหล็กคอื วตั ถุทมี่ ีสาร แม่เหล็กเป็นองค์ประกอบ แหล่งของสนามโนม้ ถว่ งคอื วตั ถทุ ี่มมี วล) 1.4 ทศิ ทางของแรงทก่ี ระทาตอ่ วัตถใุ นสนามแม่เหล็กมีทิศทางอยา่ งไร (มีทศิ ทางพุง่ สู่ศนู ย์กลางของวัตถทุ ม่ี มี วลมากกว่า) 1.5 แรงแมเ่ หลก็ ท่ีกระทาตอ่ ขัว้ แมเ่ หล็กมีทิศทางอย่างไร (มที ศิ ทาง พงุ่ เข้าหรอื พ่งุ ออกจากขั้วแมเ่ หลก็ ทเี่ ป็นแหลง่ ของสนามแม่เหล็ก ครูอาจ อธบิ ายเพ่ิมเติมวา่ แรงแม่เหลก็ มีทิศพุ่งออกจากขั้วเหนือ และมที ศิ พงุ่ เขา้ สู่ ขัว้ ใต้) 2.ครแู จกกระดาษ Sticky note ให้นกั เรียนเขยี นความร้ทู ไี่ ด้รับ 3 อย่าง ส่งิ ทส่ี ามารถนาไปใช้ประโยชน์ 2 อยา่ ง และข้อสงสัย 1 อย่างลงใน กระดาษเป็น Exit Ticket 577
596 578 การวดั ผลและประเมินผล ประเด็นการประเมิน วิธกี ารวัด เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นความรู้ ทาใบกิจกรรมได้คะแนน 1. บอกความหมายของ ตรวจใบกิจกรรม 1.ใบกจิ กรรมที่ 154.1 ร้อยละ 60 ขึ้นไป สนามแมเ่ หลก็ และสนาม เรอ่ื ง การตกของวัตถุใน โน้มถ่วงได้ สนามโนม้ ถ่วง 2. ยกตวั อยา่ งแหล่งของ 2. ใบกจิ กรรมที่ 154.2 สนามแมเ่ หลก็ เร่อื ง เส้นแรงแมเ่ หล็ก และสนามโนม้ ถ่วงใน และสนามแม่เหล็ก ชวี ิตประจาวนั ได้ 3.ใบกจิ กรรมท่ี 145.3 3. เปรียบเทียบแหล่ง เปรียบเทยี บสนามโน้ม ของสนามแมเ่ หล็กและ ถ่วงและสนามไฟฟา้ สนามโน้มถ่วงได้ 4.กระดาษ Sticky 4. เปรยี บเทยี บทิศทาง Note ของแรงท่ีกระทาตอ่ วัตถุที่ อยใู่ นแต่ละสนามจากขอ้ มูล ทรี่ วมรวมได้ ด้านทักษะและ 1.ใบกจิ กรรมที่ 145.1 เรอ่ื ง การตกของวัตถุใน กระบวนการ สนามโนม้ ถว่ ง เขยี นแผนภาพแสดง ตรวจใบกจิ กรรม 2. ใบกิจกรรมที่ 145.22 แรงแม่เหลก็ และแรงโน้ม เรอ่ื ง เส้นแรงแม่เหล็ก และสนามแมเ่ หล็ก ถ่วงท่ีกระทาตอ่ วตั ถุ ด้านคณุ ลกั ษณะ นักเรยี นมที กั ษะ สังเกตการทากิจกรรม แบบบนั ทึกหลังแผนการ กจาดั รกจาัดรกเราียรเนรยีรู้นรู้ กระบวนการทางานเปน็ กลมุ่ กลุ่มของนกั เรยี น เกณฑ์การประเมิน ผลการประเมนิ การประเมนิ ดีมาก (ผ่าน) ดี (ผ่าน) พอใช้ (ไมผ่ ่าน) ปรบั ปรุง (ไม่ผา่ น) 8-10 คะแนนจากใบ 6-7 1-5 0 กจิ กรรม
597 579 8. บนั ทึกผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ รหิ ารหรอื ผทู้ ี่ได้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ที.่ .........เดอื น..........พ.ศ..........
580 598 ใบกจิ กรรมที่ 15.1 เรื่อง การตกของวัตถใุ นสนามโน้มถ่วง หน่วยท่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 145 เร่อื ง สนามโน้มถว่ งและสนามแม่เหล็ก รายวชิ า วทิ ยาศาสตรพ์ ื้นฐราหนัสรวหิชสัา ว22101 ภาคเรียนท่ี 1 ชอ่ื กลุม่ ............................ สมาชิกกลมุ่ 1………………………………………………………… 2…………………………………………………………………. 3………………………………………………………… 4…………………………………………………………………. 5………………………………………………………………………………………………………………………………. วตั ถปุ ระสงค์ : เพอื่ ศึกษาการเคล่ือนท่ีของวัตถุในสนามโนม้ ถ่วงของโลก วัสดุ – อุปกรณ์ 1. ปากกา 1 ดา้ ม 2. ขวดน้าท่บี รรจนุ า้ 1/4 ส่วน 1 ขวด วิธกี ารศึกษา 1. นกั เรียนปล่อยปากกา และขวดนา้ ทีบ่ รรจนุ า้ 1/4 สว่ น จากบรเิ วณทม่ี ีความสงู เท่ากนั 2. นักเรียนสงั เกตทศิ ทางการตกของวัตถแุ ละสังเกตวา่ วตั ถุใดตกถึงพื้นกอ่ น จากนน้ั บันทึกผล 3. นักเรยี นทาการทดลองซา้ อีก 2 ครง้ั บันทกึ ผล ตารางบันทกึ ผลการทดลอง ครง้ั ที่ ผลการศึกษา 1 2 3 สรุปผลการทดลอง .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................... .......... .................................................................................................................................................................... .......... .............................................................................................................................................................................. ตอบคาถามท้ายการศกึ ษา คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตามความเข้าใจของนักเรยี นลงในช่องทกี่ าหนดให้ นักเรียนสามารถคน้ คว้า เพิม่ เตมิ จากแหล่งเรียนรู้อืน่ 1.จากการทดลองปากกากับขวดนา้ จะมที ศิ ทางการเคลอ่ื นท่เี หมือนหรือแตกตา่ งกันอยา่ งไร .............................................................................................................................................................................
599 581 2.วตั ถุใดจะตกลงถึงพื้นก่อนกนั เพราะเหตใุ ด ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 3.เพราะเหตใุ ดวตั ถทุ ั้งสองจึงตกลงมาส่พู ืน้ โลก ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 4.ถา้ นักเรียนปลอ่ ยวตั ถอุ ื่น ๆ ในลักษณะเดยี วกัน วตั ถดุ ังกล่าวจะมที ิศทางการเคลื่อนท่อี ย่างไร ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 5.นกั เรยี นคิดว่า ปลอ่ ยวตั ถุบริเวณใดวัตถุดังกลา่ วจะไมเ่ คลื่อนทตี่ กลงมาโดยมีทศิ สู่จดุ ศูนยก์ ลางของโลก ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 6. สนามโน้มถ่วงคืออะไร ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 7.ใหน้ กั เรยี นวาดภาพแสดงสนามโนม้ ถ่วงของโลก
582 600 600 606000 ทน่ี า1ม5แ.2มเเ่ รหอ่ื ลง็กเสหน้นแว่ รยงทแ่ี ม3เ่ใหแบใผลกบนก็ ิจกแกกจิ ลารกระรรจสมรัดนทมกา่ีท1าม่ีร5แ1เ.มร52ยี.เ่ 2หเนรลรเื่อร็กู้ทงอ่ื ี่ หงเ1สน5เน้ ส่วแ้นยรแทงรี่แ3งมแแเ่มหผเ่ ลหน็กลกแก็าลรแะจลสดั ะนกสานมราเแมรมยีแเ่นมหร่เลหู้ทก็ ล่ี 1ก็ ห5นหว่นย่วทยี่ท3่ี 3แผแนผกนากราจรดั จกัดากราเรเียรนียรนู้ทรีู่้ท1่ี4515 าโนว้มิทถยว่ างศแาลสะตสรนพ์ าื้นมฐแามน่เหรลหเร็กสั เื่อรรงวือ่ า2งสย2นวส1ิชาน0มาา1โมวนภโิท้มนายถ้มคา่วถเศรง่วาียแงสนลแตะทลรส่ีะพ์1นสื้นานมฐาาแมนมแ่เมรหเ่หลหัสก็ ลก็วร2าร2ยา1วย0ิชว1าิชาภวิทาวคยิทเายรศยีาาศนสาทตสี่ ร1ต์พรน้ืพ์ ฐื้นราหฐนาัสนวริชหราัสหัสว2ว221201101ภาภคาเครเียรนยี ทน่ีท1่ี 1 ......................... ชือ่ กลมุ่ ............................ ช่อืชก่อื ลกุ่มล.ุ่ม.............................. …1………………2…………………………………………ส…ม…ส…า…ม…ชา……ิกช…ก…กิ ล…ก…ุม่…ล…มุ่…………1……1…………2……………………………….……………………………………2…2………….…………………………………………………….…. …3…………………4……………………………………………………………………………………3……3…………4……………………………….……………………………………4…4………….…………………………………………………….…. …5…………………………………………………………………………………………………………5……5…………………………………………. ………………………………………………….…………………………………………………….…. มเแพมอื่ เ่ หศึกลษก็ าเส้นแรงแม่เหวัตลวถก็ ตั ุปแถลรปุ ะรสะนงสคาง์มค:แ์ เ:มพเ่ ่ือพหศ่อืลกึ ็กศษึกาษเาสเน้ สแน้ รแงรแงมแเ่ มห่เลห็กลแก็ ลแะลสะนสานมาแมมแ่เมหเ่ ลห็กลก็ ณ์ วสั วดสั ุ ด–ุ –อุปอกุปรกณรณ์ ์ จาน1ว.1นแ. ท2แ่งทแแ่งทมแ่ง่เมห่เลห็กล็ก จาจนาวนนวน2 2แทแ่งทง่ งแม่เหล็ก จานวน 2 แท่ง ณองพ10ลxา1ส5ตxิก4ใสเแซลนะตบิเมาตงรขนาดจปานร2ะว.ม2นก.าล1ณก่อลกง1่อลพ0ง่อลพxงา1ลส5าตxส4ิกตใิกเสซใแสนลแตะลิเบมะาตบงรางขนขานจดาปนดรปวะนรมะา1มณากณล1อ่ 01งx01x51x54x4เซเนซตนเิ ตมเิ ตมรตร จาจนาวนนวน1 1กลกอ่ ลงอ่ ง จาน3ว.3นน. ้าน1เา้ปขเลปวา่ ลด่า ปลา่ จาน4ว.4นผ.ง1ผตงขะตวไะบดไเเบหลเ็กลหก็ ลก็ จานวน 1 ขวด จาจนาวนนวน1 1ขวขดวด ตะไบเหล็ก จานกวรกนะรดะ1าดษแาษผAน่ 4A4สีขสาขี วาว จานวน 1 ขวดเล็ก จาจนาวนนวน1 1ขวขดวเดลเก็ ล็ก าษ A4 สขี าว จานวน 1 แผ่น จาจนาวนนวน1 1แผแน่ ผน่ วธิ วกี ิธากี ราศรกึ ศษกึ าษา แทง่ แมเ่ หลก็ วางบนกระดาษสีขา1ว.1น. านแาทแง่ทแง่ มแ่เมห่เลหก็ ลวก็ าวงาบงนบกนรกะรดะาดษาสษีขสาขี วาว านกา้ ฐลางนในกกลล่อ่องปงพระลมาสาตณิก1ร-ะ2ดเบัซนน้าต2สเิ .ม2งู รจต.นิ ารรนกิ จฐา้นาลาา้กนงลนใกงน้นัลใกนเ่อทลกงผอ่ ปลงงอ่รตพะงะลพมไาาลบสณาตสิก1ต-ิกร2ะรเดะซบั ดนนับต้านเิ สมา้ ูงตสจรงู าจกจาาฐกกาฐนาก้นั ลเกทอ่ ลผงอ่ งปงตรปะรไมะบามณาณ1-12-2เซเนซตนิเตมิเตมรตรจาจกานก้ันเน้ั ทเผทงผตงะตไะบไบ วน 1 ขวดเลก็ เหเลหก็ ลลก็ งลไงปไจปาจนาวนนวน1 1ขวขดวเดลเ็กล็ก แใทต่ง้กแลม่อเ่ หงใลห็กแ้ ใหน้งขจอ้ าก1น้ันวางกล่อง3บ.3นเ.ชแเ็ดชทใด็ ง่ตใแ้กตมลก้ ่เอหลง่อลใก็งหใแ้หนห้แขง้ห้อจง้ า1จกานกั้นวนั้ าวงากงลก่อลงอ่ บงนบแนทแง่ทแ่งมแเ่ มห่เลห็กลใก็ นใขนอ้ ขอ้ 1 1 ตกวั ตขแอลงะผวงาตดะภไบาพเหลลัก็กษลณงใะนกแาบรจบดั บ4เันร.4ียทส.งกึ งั ตสกเวักงาเขตรกอแศตงลกึแผะษลงวาะตาวะดาไภดบาภเพหาลพก็ั ลลษกั งณษในณะแกะบากรบาจรบัดจันเัดรทเยี รกึ งยีกตงาวั ตรขัวศอขกึ งอษผงางผตงะตไะบไเบหเลห็กลล็กงลใงนใแนบแบบนับทันกึทกกึ ากราศรึกศษึกาษา กกาเรปท็นด2ลอแงทเช่งน่ โเดดยิมหแันตข่เว้ั ปเลหย่ี นนอื แ-ม5เห่เ.5หนท.ลอืาทก็ ก,าเเาปกหรา็นนทรือดท2-ลดใแอตลทง,้อเง่ ใชงตเโ่นช้-ดใเน่ยดตเหิม้ ดเันขมิ แขา้ ตแ้ัว่เตปเ่เหลปน่ียลอืนยี่ -แนเมหแ่เนมหอืเ่ ลห,็กลเเหก็ปนเน็ปอื ็น-2ใต2แ,้ ทแใ่งตท้-ง่โใดตโยด้ หเยขนัหา้ ขันวั้ ข้วัเหเนหือน-ือเห-เนหือน,ือเ,หเนหอืน-อื ใต-ใ,้ ตใ,้ ตใ้-ตใต้-ใ้ ตเข้ เ้าขา้ แเทซ่งนแตมเิ เ่มหตลรก็ ห่างกนั ปดร้วะดยมว้ กายณันกันแ1ล-แ1ะล.ใ5ะหใ้แเหซทแ้น่งทตแ่งิเมแมเ่ มตหเ่รลหก็ ลห็กา่หง่ากงันกนั ปรปะรมะามณาณ1-1-.15.5เซเนซตนเิ ตมเิ ตมรตร การศกึ ษา แบแบบันบทันกึทผึกลผกลากราศรึกศษกึ าษา
อป-เ็นหน2ือแ,ทเห่ง5น.โดอืทย-าใหกตันา,้ รขใทตว้ั ้-ดใเลตหอ้น5เงขอื.เ้าชท-เ่นาหกเนดาือมิร,ทแเดหตลน่เปออื งล-เใี่ยชตน่ ,้ แเใดมติม้เ่-หใตแล้ต็กเเ่ขเปปา้ ล็น่ียน2แแมท่เ่งหลโด็กยเปห็นนั ข2วั้ แเทหง่นอืโด-เยหหนันอื ข,้ัวเหเหนนือ-ือใ-ตเห,้ ในตือ้-,ใตเห้ เนขือา้ -ใต,้ ใต้-ใต้ เขา้ ซนด้วตยิเมกตนั รและใหด้แ้วทยง่ กแันมเ่ หและก็ ใหห่า้แงทก่งนั แปม่เรหะลมก็าหณ่าง1ก-1ัน.5ปเรซะนมตาิเณมต1ร-1.5 เซนตเิ มตร แบบบนั ทกึ ผลกแาบรบศบึกันษทาึกผลการศึกษา 601 583 600 15.2 เรือ่ ง เสน้ แรงแม่เหลก็ และสนามแม่เหลก็ หนว่ ยที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 15 น้มถ่วงและสนามแม่เหล็ก รายวิชา วิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน รหสั ว22101 ภาคเรียนที่ 1 ชอื่ กลมุ่ ............................ ………………………………………………………… 2…………………………………………………………………. ………………………………………………………………ต……อ……บ……ค……า……ถ……าม……ท……้า……ย……ก…า4ร……ศ……ึก……ษ……า……………………………………………………………………………………………………………….. พอื่ ศกึ ษาเสน้ แรงแม่เหลค็กาแชล้แี ะจสงน:าใมหแน้ มักเ่ หเรลยี ก็ นตอบคาถามตามความเขา้ ใจของนักเรยี นลงในชอ่ งที่กาหนดให้ นักเรยี นสามารถค้นคว้า เพมิ่ เติมจากแหลง่ เรยี นรอู้ ื่น แมเ่ หล็ก 1.นักเรยี นคดิ ว่าจากการศึกษาจเาสนน้ วขนอ2งผแงทตง่ ะไบเหลก็ เป็นตัวแทนของส่งิ ใดในสนามแมเ่ หล็ก งพลาสติกใสและบาง ข.น..า..ด..ป...ร..ะ..ม..า..ณ.....1..0..x..1..5..x..4...เ.ซ...น..ต..เิ..ม..ต..ร........จ..า..น...ว..น...1....ก..ล..่อ...ง.................................................................................... ล่า ............................................................จ..า..น...ว..น....1....ข..ว..ด...................................................................................... ไบเหลก็ 2 นกั เรียนคิดวา่ สนามแม่เหลจก็ าคนือวบนรเิ1วณขวใดดเลก็ ษ A4 สขี าว ............................................................จ..า..น...ว..น....1....แ..ผ..่น...................................................................................... ทานตล่ง้ก1แงลใมอ่นข่เงวหกใดลลหเอ่็ก้แลงวหก็ พา้งงลจบาานสกตกนกิร้ันะวรด...าะ...าง...ด...ษก...ับ...สล......นีข...่อ...้าา...ง...สว...บ...3งู...น...จ...เ...แา...ส...กท...น้...ฐ่ง......แแา......นรม......งก...่เ...หแ...ล...มล...อ่ ...ก็...เ่ง...ห...ใป...นล...ร......ข็กะ......อ้มม.........ทีา1......ณิศ.........ท...1...า...-...ง2......อ......เย...ซ......า่น......ง...ต...ไ...เิร...ม.........ต......ร.........จ......า......ก......น.........้ัน......เ...ท.........ผ......ง......ต......ะ......ไ......บ...................................................................................................................................................................................................... ตและวาดภาพลักษณะการจัดเร4ยี วงตัตวัถขปุ อรงะผเงภตทะใไดบทเห่ีเปล็นก็ ลแงหใลน่งแขบอบงบสันนทากึมกแามร่เศหกึ ลษก็ า ารทดลองเชน่ เดมิ แต่เป..ล..ยี่ ..น...แ..ม..่เ.ห...ล..ก็..เ.ป...็น....2...แ..ท...ง่ ...โ.ด..ย...ห..นั...ข..ัว้ ...เ.ห...น..ือ...-.เ.ห..น...ือ..,..เ..ห..น...อื ..-.ใ..ต..,้ ..ใ.ต...้-.ใ.ต...้ .เ.ข..า้.............................................................. ท่งแม่เหลก็ ห่างกนั ประ..ม...า.ณ.....1..-.1...5....เ.ซ..น...ต..ิเ.ม..ต...ร.................................................................................................................................... ารศกึ ษา 5 นักเรียนคิดวา่ สนามแมเ่ หลก็ สง่ ผลต่อวตั ถปุ ระเภทใด ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... 6 นกั เรียนละครูรว่ มกนั วาดแผนภาพแสดงแรงแม่เหล็ก
584 14 รหสั วชิ า ว22101
585 603 เฉลย ใบกจิ กรรมที่ 15.1 เร่อื ง การตกของวัตถุในสนามโนม้ ถ่วง หน่วยที่ 3 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 154 เรือ่ ง สนามโน้มถ่วงและสนามแม่เหลก็ รายวิชา วทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐราหนัสรวหชิ สั า ว22101 ภาคเรียนท่ี 1 ชือ่ กลมุ่ ............................ สมาชิกกลมุ่ 1………………………………………………………… 2…………………………………………………………………. 3………………………………………………………… 4…………………………………………………………………. 5………………………………………………………………………………………………………………………………. วัตถปุ ระสงค์ : เพอ่ื ศกึ ษาการเคลือ่ นท่ีของวัตถใุ นสนามโนม้ ถ่วงของโลก วสั ดุ – อปุ กรณ์ 1. ปากกา 1 ด้าม 2. ขวดน้าที่บรรจนุ ้า 1/4 ส่วน 1 ขวด วิธีการศึกษา 1. นกั เรยี นปลอ่ ยปากกา และขวดน้าทบ่ี รรจนุ า้ 1/4 ส่วน จากบริเวณทม่ี ีความสงู เท่ากนั 2. นกั เรียนสังเกตทศิ ทางการตกของวัตถุและสงั เกตวา่ วตั ถุใดตกถึงพ้นื กอ่ น จากน้นั บนั ทกึ ผล 3. นกั เรยี นทาการทดลองซา้ อีก 2 ครง้ั บนั ทึกผล ตารางบันทกึ ผลการทดลอง ครงั้ ท่ี ผลการศกึ ษา 1 วตั ถทุ ้ังสองเคลอ่ื นทเี่ ปน็ เสน้ ตรงในแนวดิ่งสู่พนื้ โลก วัตถทุ ้ังสองตกถึงพนื้ พรอ้ มกัน 2 วัตถุท้งั สองเคลอื่ นที่เปน็ เสน้ ตรงในแนวดิง่ ส่พู น้ื โลก วตั ถุทง้ั สองตกถึงพ้ืนพรอ้ มกัน 3 วตั ถุทั้งสองเคลอื่ นทเ่ี ปน็ เสน้ ตรงในแนวดิ่งสพู่ ืน้ โลก วัตถทุ ง้ั สองตกถึงพืน้ พร้อมกัน สรปุ ผลการทดลอง วัตถเุ คลอ่ื นที่ในแนวดิ่ง โดยวตั ถุท่มี มี วลตา่ งกนั จะตกถึงพน้ื พรอ้ มกนั ตอบคาถามท้ายการศกึ ษา คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตามความเข้าใจของนกั เรียนลงในช่องทกี่ าหนดให้ นักเรียนสามารถค้นควา้ เพ่ิมเตมิ จากแหล่งเรยี นร้อู นื่ 1 จากการทดลองปากกากบั ขวดนา้ จะมีทศิ ทางการเคลือ่ นทเี่ หมือนหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร ………มที ศิ ทางการเคลอ่ื นทเี่ หมือนกนั คือ เคล่อื นที่เปน็ เส้นตรงลงสู่พ้นื โลก…………………………………………….
586
605605 587 เฉเลฉยลยใบใกบจิ กกิจรกรรมรทม่ี ท1่ี51.25.2เรือ่เรง่ือเงสเน้ สแ้นรแงรแงมแเ่ มห่เลหก็ ลแ็กลแะลสะนสานมาแมมแเ่ มห่เลหก็ ล็กหนห่วนยว่ ทยี่ ท3่ี 3แผแนผกนากราจรัดจกดั ากราเรียเรนียรนู้ทรี่ ู้ท1ี่5415 เรอ่ืเรงอ่ื สงนสานมาโมนโ้มนถม้ ่วถง่วแงลแะลสะนสานมาแมมแเ่ มหเ่ลห็กลก็รารยาวยิชวาิชวาิทวยิทายศาาศสาตสรต์พรืน้พ์ ฐนื้ ราฐหนาสั นรวหิชรัสาหัสว2ว221201101ภาภคาเครยีเรนยี ทนี่ ท1ี่ 1 ชือ่ ชกือ่ ลกุ่มล.่มุ.............................. สมสามชากิ ชกกิ ลกุ่มลมุ่ 1…1…………………………………………………………………………………………… …2…2………………………………………………………………………………………………………….…. 3…3…………………………………………………………………………………………………4…4…………………………………………………………………………………………………………….…. 5…5…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…. วัตวถตั ุปถรุปะรสะงสคง์ ค: ์เ:พเอ่ื พศื่อกึ ศษกึ าษเสาน้เสแน้ รแงรแงมแเ่ มห่เลหก็ ลแ็กลแะลสะนสานมาแมมแเ่ มห่เลหก็ ล็ก วสั วดัสุ ด–ุ อ–ปุ อกุปรกณร์ณ์ 1.1แ.ทแ่งทแ่งมแ่เมห่เลห็กลก็ จาจนาวนนวน2 แ2ทแง่ ท่ง 2.2ก.ลกอ่ ลง่อพงลพาลสาตสกิ ตใิกสใแสลแะลบะาบงาขงนขานดาปดรปะรมะามณาณ101x01x51x54x4เซเนซตนเิ ตมิเตมรตร จาจนาวนนวน1 ก1ลก่อลงอ่ ง 3.3น.้านเปา้ เลป่าล่า จาจนาวนนวน1 ข1วขดวด 4.4ผ.งผตงะตไะบไเบหเลห็กลก็ จาจนาวนนวน1 ข1วขดวเดล็กเลก็ กรกะรดะาดษาษA4Aส4ขี สาีขวาว จาจนาวนนวน1 แ1ผแน่ ผน่ วิธวกี ธิ ากี ราศรึกศษึกาษา 1.1น.านแาทแ่งทแ่งมแเ่ มหเ่ลห็กลวก็ าวงาบงนบกนรกะรดะาดษาสษขี สาขี วาว 2.2ร.นิ รนิน้านล้างลในงใกนลก่อลงอ่ พงลพาลสาตสกิ ติกระรดะับดนับ้านส้าูงสจงูาจกาฐกาฐนากนลกอ่ ลงอ่ ปงรปะรมะามณาณ1-21-2เซเนซตนิเตมเิตมรตจราจกานก้นั นเั้นทเผทงผตงะตไะบไบ เหเลห็กลล็กงลไปงไจปาจนาวนนวน1 1ขวขดวเดล็กเล็ก 3.3เช. ด็เชใ็ดตใ้กตลก้ ่อลง่อใหงใ้แหห้แง้ หจ้งาจกานกั้นนวนั้ าวงากงลก่อลง่อบงนบแนทแง่ ทแง่มแ่เมห่เลหก็ ลใ็กนใขน้อข้อ1 1 4.4ส.งั สเกังเตกแตลแะลวะาวดาภดาภพาลพกั ลษกั ณษะณกะากราจรดั จเัดรียเรงยีตงัวตขัวอขงอผงผตงะตไะบไเบหเลห็กลล็กงลในงใแนบแบบบบนั บทนั กึ ทกึกากราศรกึ ศษึกาษา 5.5ท.าทกาากราทรดทลดอลงอเชงน่เชเน่ดเมิ ดิมแตแ่เตป่เลป่ยี ลนยี่ แนมแ่เมห่เลหก็ ลเ็กปเ็นป็น2 แ2ทแ่งทโง่ ดโยดหยันหขนั ัว้ ขเว้ั หเนหือน-ือเห-เนหอื น,ือเห, เนหือน-อืใต-ใ,้ ตใ,้ตใ้-ตใต้-ใ้ ตเข้ เ้าข้า ด้วดย้วกยันกนัแลแะลใะหใ้แหท้แง่ ทแง่มแ่เมห่เลหก็ ลห็กา่ หง่ากงันกนัปรปะรมะามณาณ1-1.-51.เ5ซเนซตนเิ ตมิเตมรตร แบแบบบบันบทนั กึ ทผึกลผกลากราศรกึ ศษกึ าษา S
3. เชด็ ใตก้ ล่องใหแ้ ห้งจากนั้นวางกล่องบนแท่งแม่เหลก็ ในขอ้ 4. สังเกตและวาดภาพลกั ษณะการจัดเรียงตวั ของผงตะไบเหล็กลงในแบบบันทกึ การศึกษา 4. สังเกตและวาดภ4า.พสลังกัเกษตณและกะวาราดจัดภเารพียลงตักวัษขณอะงกผางรตจะดัไบเรเยีหงลต็กัวลขงอในงผแงบตบะบไบนั เทห 5. ทาการทดลองเชน่ เดมิ แตเ่ ปลี่ยนแมเ่ หล็กเป็น 2 แทง่ โดยหนั ข้วั เหนือ-เหนอื , เหนอื -ใต,้ ใต้-ใต5้.เทข้าาการทดลองเช5่น. เทดามิ กาแรตท่เปดลี่ยอนงเแชมน่ ่เเหดลมิ ก็ แเปตน็เ่ ป2ลยี่ แนทแ่งมโเ่ดหยลหก็ ันเปขน็ั้ว เ2หแนทอื ง่-เหโดน ด้วยกัน และใหแ้ ท่งแมเ่ หลก็ ห่างกัน ประมาณ 1-1.5 เซนตเิ มตร ด้วยกัน และให้แทง่ดแว้ มยเ่กหันลก็แหละา่ งใหกนัแ้ ทป่งรแะมมเ่ หาณลก็ 1ห-่า1ง.ก5ันเซปนรตะเิ ม6าต0ณร6 1-1.55เ8ซ8นตเิ มตร แบบบันทึกผลการศึกษา แบบบันทึกผลการแศบกึ บษบาันทึกผลการศึกษา S SS ตอบคาถามท้ายการศึกษา คาช้ีแจง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามตามความเขา้ ใจของนกั เรยี นลงในชอ่ งทีก่ าหนดให้ นกั เรียนสามารถค้นควา้ 605 เพิ่มเติมจากแหลง่ เรยี นรอู้ นื่ เฉลย ใบกิจกรรมท่ี 15.2 เรอื่ ง เส้นแรงแมเ่ หลก็ และสนามแม่เหล็ก หน่วยท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 15 1.นกั เรยี นคิดวา่ จากการศึกษาเส้นขเอรือ่ งงผสงนตามะโนไ้มบถเ่วหงแลลก็ะสเนปาน็มแตมัวเ่ หแลทก็ นราขยวอิชงาสวทิง่ิ ยใดาศใานสตสรนพ์ ้นืาฐมานแมรห่เสัหวล2็ก2101 ภาคเรียนที่ 1 ...........เส้นแรงแมเ่ หล็ก.........................................................................ช..ือ่ .ก..ล..มุ่ ............................................................................. ..................................................................ส..ม.า..ช.ิก..ก..ล.ุ่ม.....3.1.……..……..……..……..……..……..……..…….….….….….….….….….……..……..……..……..……..……..……..……..……..……...42.……..……..……..……..……..……..…….….….….….….….….….….….……..……..……..……..……..……..……..…….………………………….. 2 นักเรียนคดิ ว่าสนามแมเ่ หล็กคือบรเิ วณใด5………………………………………………………………………………………………………………………………. ..........บริเวณทมี่ ีเสน้ แรงแม่เหล็ก,..บรเิ วณววทัตสั ดถีผ่ ปุุ –งรตะอสุปะงกคไร์บณ: เเ์พหอื่ ลศกึ็กษเารเสียน้ งแรตงวัแมเเ่ปหล็น็กเแสละน้ ส.น.า..ม.แ..ม..่เห..ล..ก็ ....................................... ...........................................................................1....แ..ท..ง่ .แ.ม..เ่.ห..ล.็ก...........................................................จ.า..น.ว..น..2...แ.ท..่ง.... 2. กล่องพลาสติกใสและบาง ขนาดประมาณ 10x15x4 เซนตเิ มตร จานวน 1 กลอ่ ง 3 เสน้ แรงแม่เหล็กมีทิศทางอยา่ งไร 3. น้าเปลา่ จานวน 1 ขวด ..........มีทศิ ทางพงุ่ เขา้ หรือพงุ่ ออกจากขว้ั แม่เหลก็4.ทผง่ีเตปะไน็ บแเหหลก็ ล่งของสนามแม่เหล็ก ครูอาจอธิบายจเพาน่ิมวนเต1มิขววด่าเล็ก แรงแมเ่ หล็กมที ิศพุ่งออกจากข้วั เหนือ และวมธิ กี ีทารศิ ศพกึกษรุ่งะาดเขาษา้ Aส4ู่ขสั้วีขใาตว .้ ....................................................จ..า.น..ว.น....1..แ.ผ..่น... 4 วตั ถุประเภทใดที่เปน็ แหลง่ ของสนาม1แ. นมา่เแหทง่ลแ็กมเ่ หลก็ วางบนกระดาษสขี าว ...........วตั ถทุ ่มี สี ารแม่เหล็กเปน็ องค์ประกอเหบล็ก..ล.ง.ไ.2ป...จ.ร.านิ.น.น.ว.้าน.ล..1ง.ใ.นข..วก.ดล.เ.่อล.ง.็ก.พ.ล..า.ส..ต.กิ...ร.ะ..ด.บั..น..้า.ส.ูง..จ.า.ก..ฐ.า..น.ก..ล.่อ..ง.ป..ร.ะ..ม.า..ณ...1.-.2..เ.ซ..น..ต.ิเ.ม..ต.ร..จ..า.ก..น.ั้น. เทผงตะไบ ...........................................................................3....เ.ช..ด็ .ใ.ต..้ก.ล..่อ..ง.ใ.ห.้แ..ห..ง้ .จ.า..ก.น..นั้..ว.า.ง..ก.ล..่อ.ง..บ.น..แ..ท.ง่..แ.ม..เ่ ห..ล..ก็ .ใ.น..ข..อ้ ..1............................ 5 นักเรยี นคิดว่าสนามแม่เหลก็ ส่งผลต่อว45ตั.. สทถังาเกุปกาตรรแทะลดะเลภวอางทดเภชใา่นดพเดลิมกั ษแณตเ่ะปกลา่ียรนจแัดมเร่เียหงลตก็ วั เขปอ็นงผ2งแตทะง่ไบโเดหยลหก็ นั ลขง้วัในเแหบนบือบ-เนัหทนึกือก, าเหรศนึกือษ-ใาต,้ ใต้-ใต้ เข้า .............วัตถุทีม่ เี หลก็ หรือสารแม่เหลก็ เป็นดอว้ ยงกคันป์ แลระะใหก้แอทง่บแม..่เ.ห.ล..ก็ ..ห.า่..ง.ก.ัน...ป..ร.ะ.ม..า.ณ...1..-.1...5..เ.ซ..น.ต..ิเ.ม..ต.ร.................................... ..................................................................แ..บ..บ.บ..ัน..ท..ึก.ผ..ล..ก.า..ร.ศ..กึ .ษ..า............................................................................ 6 นักเรียนละครรู ว่ มกนั วาดแผนภาพแสดงแรงแมเ่ หล็ก S
รหสั วิชา ว22101 589 14
608 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 15 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 การเคล่ือนที่และแรง เรือ่ ง สนามไฟฟ้าและความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งขนาดของแรงกบั ระยะห่างจากสนาม เวลา 2 ชัว่ โมง กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ รายวิชารวาิทยยวาชิ ศาาวสิทตยราพ์ ศืน้ าฐสาตนร์ว2121031 ช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ วัตถุท่ีมปี ระจไุ ฟฟา้ จะมีสนามไฟฟ้าอยู่ ขนั้ นา 1.ใบกจิ กรรมที่ 16.1 สนามไฟฟ้า โดยรอบ แรงไฟฟ้าทกี่ ระทาต่อวตั ถทุ ี่มปี ระจุจะ 1.ครูนาเขา้ สูบ่ ทเรยี นโดยนาเสนอลกู โป่งท่ีเปา่ ลมเรยี บร้อยแลว้ กบั เศษ 2.ใบกิจกรรมท่ี 16.2 เรื่อง มีทศิ พุ่งเขา้ หาหรือออกจากวตั ถุท่มี ปี ระจเุ ปน็ กระดาษจากนั้นถามคาถาม “จะทาอยา่ งไรให้ลกู โปง่ สามารถดูดเศษกระดาษ เปรยี บเทยี บสนามโน้มถว่ ง แหลง่ ของสนามไฟฟา้ ติดขน้ึ มาได้” (นามาถกู กบั เสอ้ื ผา้ หรือผา้ สักหลาด) 3. ใบกจิ กรรมท่ี 16.3 ขนาดของ ขนาดของแรงโนม้ ถว่ ง แรงไฟฟา้ และแรง 2.ครใู ห้นักเรียนอาสาสมัคร ยืนหน้าชนั้ เรียนจากนัน้ ทาการสาธิตโดยนา แรงกบั ระยะหา่ งในสนามแตล่ ะชนิด แมเ่ หลก็ ทก่ี ระทาตอ่ วัตถุทีอ่ ยูใ่ นสนามน้ัน ๆ จะ ลูกโปง่ ถกู บั เสื้อหรือผมหรอื ผ้าสักหลาด จากนั้นนาไปจอ่ เหนือเศษกระดาษ สนามแมเ่ หล็กและสนามไฟฟ้า มคี า่ ลดลงเมือ่ วตั ถุอยู่ห่างจากสนามนนั้ ๆ มาก ครถู ามคาถามตอ่ ไปนี้เพื่อเชื่อมโยงการสาธติ เขา้ กับความรู้เดิมของนกั เรียน 4. แผนผงั มโนมติ ขน้ึ 2.1 เศษกระดาษมีการเปล่ียนแปลงอย่างไรหลงั จากนาลูกโปง่ จ่อไว้ ภาระงาน/ชิ้นงาน เหนือเศษกระดาษ (เศษกระดาษถกู ดูดขนึ้ ไปตดิ กับลกู โป่ง) 1.ใบกจิ กรรมที่ 16.1 สนามไฟฟา้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2.2 นกั เรียนคดิ ว่าเหตุใดจงึ เปน็ เช่นนน้ั (เกิดแรงดึงดดู ระหวา่ งประจุ 2.ใบกจิ กรรมที่ 16.2 ขนาดของ ดา้ นความรู้ ไฟฟา้ ที่แตกต่างกันระหวา่ งเศษกระดาษและลูกโป่ง) แรงกับระยะหา่ งในสนามแตล่ ะชนิด 1. บอกทิศทางของของแรงที่กระทากบั วตั ถุ 2.3 ประจุไฟฟ้ามกี ่ีชนิด อะไรบา้ ง (ประจบุ วก และประจุลบ) 3. ใบกจิ กรรมที่ 16.3 เรอ่ื ง ทอี่ ยู่ในสนามไฟฟ้าได้ 2.4 เมอื่ นาประจุไฟฟา้ เขา้ ใกล้กัน จะเกิดการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร เปรยี บเทียบสนามโนม้ ถ่วง 2. เปรียบเทยี บแหลง่ ของสนามไฟฟา้ กับ (ประจไุ ฟฟา้ จะดึงดดู กัน ถ้าเป็นประจุต่างกนั และประจุไฟฟ้าจะผลักกันถา้ สนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า แหล่งของสนามแมเ่ หล็กและแหลง่ ของสนาม เป็นประจชุ นิดเดยี วกนั ) 4. แผนผงั มโนมติ โนม้ ถว่ งได้ 3. ครเู ชื่อมโยงกิจกรรมสู่หัวข้อทีน่ ักเรียนจะไดเ้ รยี นพร้อมท้งั แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 590
609 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 15 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การเคลื่อนทแี่ ละแรง เร่ือง สนามไฟฟ้าและความสมั พนั ธ์ระหว่างขนาดของแรงกับระยะห่างจากสนาม เวลา 2 ชั่วโมง กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ าราวยิทวยชิ าาศวาสทิ ตยรา์พศาน้ื สฐตารน์ ว2121031 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 3. เปรยี บเทียบทิศทางของแรงที่กระทาต่อ ขัน้ สอน วตั ถุทีอ่ ยู่ในสนามไฟฟา้ สนามแมเ่ หลก็ และ 1. ครูทากจิ กรรมสาธิตโดยใช้แบบจาลองสนามไฟฟ้า แล้วใหน้ ักเรียน สนามโน้มถ่วงจากขอ้ มูลทร่ี วมรวมได้ สังเกต ดงั นี้ 4. วเิ คราะหค์ วามสมั พันธร์ ะหวา่ งขนาด (1) สนามไฟฟ้ารอบวัตถุที่มีประจไุ ฟฟา้ บวก(สแี ดง ) และวัตถุที่มี ของแรงแม่เหลก็ แรงไฟฟ้าและแรงโน้มถ่วงที่ ประจไุ ฟฟ้าลบ (สีนา้ เงิน) กระทาต่อวตั ถทุ ี่อยใู่ นสนามน้นั ๆ กบั ระยะห่าง (2) ระบุทิศทางของสนามไฟฟ้ารอบวัตถทุ ี่มปี ระจบุ วก และรอบ จากแหล่งของสนามถึงวตั ถจุ ากขอ้ มลู ที่รวบรวม วัตถุทมี่ ีประจลุ บ ได้ 2. ให้นกั เรยี นตอบคาถามลงในใบกจิ กรรมท่ี 165.1 สนามไฟฟ้า เม่อื ด้านทกั ษะและกระบวนการ นักเรยี นทาใบงานท่ี 1 เสรจ็ เรียบรอ้ ย นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายโดยครู เขยี นแผนภาพแสดงแรงไฟฟ้าได้ ใช้คาถามตอ่ ไปน้ี ด้านคุณลกั ษณะ นกั เรยี นมคี วามใฝ่เรยี นรู้ และมที กั ษะ กระบวนการทางานเป็นกลมุ่ 591
610 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การเคลอ่ื นทีแ่ ละแรง แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 15 เวลา 2 ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เร่ือง สนามไฟฟ้าและความสมั พันธร์ ะหวา่ งขนาดของแรงกบั ระยะห่างจากสนาม ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 รายวชิ ารวาิทยยวาิชศาาวสิทตยร์พาศนื้ าฐสาตนร์ว2211013 ภาพที่ 16.1 แสดงแบบจาลองสนามไฟฟ้า ที่มา Phet.colorado URL: https://phet.colorado.edu/en/simulation/magnet-and-compass 2.1 จากแบบจาลอง รอบ ๆ ประจุแต่ละประจมุ ลี ักษณะเปน็ อย่างไร (รอบ ๆ ประจทุ ั้งประจบุ วกและประจลุ บมีอานาจทางไฟฟ้าอยูร่ อบ ๆ) 2.2 ทิศทางของแรงทกี่ ระทาตอ่ วตั ถุท่ีอยูใ่ นสนามไฟฟา้ มีลกั ษณะเป็น อย่างไร (แรงไฟฟ้าที่กระทาต่อประจุไฟฟา้ จะมที ศิ พุง่ เข้าหาหรือพุ่งออกจาก วตั ถุที่มีประจุเป็นแหลง่ ของสนามไฟฟ้า) 592
611 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 การเคล่ือนที่และแรง แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 15 เวลา 2 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ เรอื่ ง สนามไฟฟา้ และความสัมพนั ธ์ระหวา่ งขนาดของแรงกับระยะหา่ งจากสนาม ชั้น มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 รายวชิ ารวาิทยยวชิาศาาวสิทตยรา์พศ้ืนาฐสาตนร์ว2121031 2.3 ครทู าการสาธติ โดยใช้แบบจาลองเดิมพรอ้ มทั้งอธบิ ายควบคกู่ นั จนไดใ้ จความสาคัญว่า บริเวณรอบ ๆ ประจุจะมสี นามไฟฟา้ สนามไฟฟ้า หมายถงึ \"บรเิ วณโดยรอบประจไุ ฟฟา้ ซงึ่ ประจุไฟฟา้ สามารถออกแรงไฟฟา้ ไปถึง\" หรอื \"บรเิ วณท่เี มอื่ นาประจุไฟฟ้าทดสอบเขา้ ไปวางแล้วจะเกิดแรง กระทาบนประจไุ ฟฟา้ ทดสอบนัน้ \" ตามจดุ ตา่ ง ๆ ในบรเิ วณสนามไฟฟ้า ยอ่ ม มีความเข้มของ สนามไฟฟ้าต่างกนั จุดทอ่ี ยู่ใกลป้ ระจุไฟฟ้าต้นกาเนิดสนาม จะมคี วามเขม้ ของสนามไฟฟ้าสูงกวา่ จดุ ทอ่ี ยู่ ห่างไกลออกไป 2.4 แผนภาพแสดงแรงไฟฟา้ ในสนามไฟฟา้ เป็นอย่างไร ภาพที่ 16.2 แรงไฟฟ้าในสนามไฟฟา้ ที่มา : วิกิพเี ดยี URL : https://goo.gl/GTeHgx 3. นกั เรียนทาใบกิจกรรมท่ี 156.2 เรอ่ื ง เปรียบเทียบสนามโน้มถ่วง จากนนั้ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายเปรยี บเทียบเรอ่ื งสนามไฟฟา้ กับ สนามโนม้ ถว่ งและสนามแม่เหล็กในคาบทแี่ ลว้ โดยครูใชค้ าถามดังน้ี 593
612 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 การเคล่ือนท่แี ละแรง แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 15 เวลา 2 ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง สนามไฟฟ้าและความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงกับระยะห่างจากสนาม ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 รายวชิ ารวายิทวยิชาาศาวสทิ ตยรา์พศ้นื าฐสาตนร์ว22121031 3.1 แหลง่ ของสนามไฟฟา้ แหลง่ ของสนามแม่เหล็ก และแหล่งของ สนามโนม้ ถว่ งมคี วามเหมอื นหรือแตกต่างกนั อย่างไร (แตกตา่ งกนั โดย แหล่งของสนามไฟฟา้ คือประจุไฟฟ้า, แหลง่ ของสนามแมเ่ หล็กคอื วตั ถทุ ่เี ปน็ แมเ่ หล็กหรอื มีสารแม่เหล็ก, แหลง่ ของสนามโน้มถ่วงคอื วตั ถทุ ่มี มี วล) 3.2 ทิศทางของแรงทก่ี ระทาต่อวตั ถทุ ่ีอยูใ่ นสนามไฟฟา้ สนามแมเ่ หล็ก และสนามโน้มถว่ ง มคี วามเหมือนหรอื แตกต่างกันอยา่ งไร (เหมอื นกันคือ ทิศทางของแรงในสนามโน้มถว่ งมที ศิ ทางพงุ่ เข้าหาวตั ถุท่ีเป็น แหลง่ ของสนามโนม้ ถ่วง, ทศิ ทางของแรงในสามแมเ่ หล็ก มีทิศพงุ่ เข้าหรือออก จากขว้ั แมเ่ หลก็ ท่ีเป็นแหลง่ สนามแมเ่ หล็ก, ทิศทางของแรงในสนามไฟฟ้ามี ทศิ พงุ่ เข้าหรอื ออกจากจากวตั ถทุ ่ีเป็นประจุท่เี ป็นแหลง่ ของสนามไฟฟ้า) 4. นกั เรยี นทากจิ กรรมเปน็ กลุม่ วเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธร์ ะหว่างขนาดของ แรงแมเ่ หล็ก แรงไฟฟา้ และแรงโนม้ ถว่ งทีก่ ระทาตอ่ วตั ถุทอ่ี ยใู่ นสนามนน้ั ๆ กับระยะห่างจากแหลง่ ของสนามถงึ วตั ถุจากขอ้ มลู ท่รี วบรวมได้ตามใบ กิจกรรมที่ 16.3 ขนาดของแรงกับระยะหา่ งในสนามแตล่ ะชนิด จากนนั้ ตอบ คาถามทา้ ยใบกิจกรรม แล้ว ครถู ามคาถามตอ่ ไปน้ี 4.1 ที่ระดบั ความสงู ตา่ ง ๆ จากพ้ืนโลก จะมีแรงดึงดูดจากสนามโนม้ ถ่วงของโลกเทา่ กันหรือไม่ อย่างไร (ไมเ่ ทา่ กนั โดย แรงดงึ ดดู จะลดลง เม่ือ ความสงู เพิ่มข้นึ และแรงดึงดูดจะมีคา่ เปน็ 0 เม่อื วตั ถนุ ัน้ สงู มากจนออกจาก 594
613 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 การเคลอื่ นทีแ่ ละแรง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 15 เวลา 2 ชัว่ โมง กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เร่ือง สนามไฟฟา้ และความสมั พันธ์ระหว่างขนาดของแรงกบั ระยะห่างจากสนาม ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 รายวิชารวาิยทวยชิาศาาวสิทตยราพ์ ศืน้ าฐสาตนร์ว2121031 สนามโนม้ ถว่ ง ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ ว่า เราสามารถกล่าวว่าขนาดของแรงท่ี กระทากบั วัตถใุ นสนามโน้มถว่ งแปรผกผันกับระยะหา่ งระหว่างวตั ถุทีเป็น สนามกับวัตถุท่ีอยู่ในสนามนนั้ ) 4.2. เมอ่ื นกั เรยี นนาแมเ่ หลก็ ไปดดู ผงตะไบเหลก็ ระยะห่างระหว่าง แมเ่ หลก็ กับผงตะไบเหล็กมีผลต่อการดงึ ดดู ของแม่เหล็กหรอื ไม่ อยา่ งไร (มผี ล โดยเมื่อแมเ่ หล็กอยู่ใกล้ผงตะไบเหลก็ จะสามารถดงึ ดดู ผงตะไบเหลก็ ได้ ดีกว่าใหแ้ ม่เหล็กอยไู่ กลออกไป เมือ่ ผงตะไบเหล็กอยู่ไกลจากแมเ่ หลก็ จนไม่ สามารถดูดผงตะไบเหล็กได้ คือผงตะไบเหลก็ ไม่ไดอ้ ย่ใู นสนามแม่เหลก็ ครูสามารถอธิบายเพมิ่ เตมิ วา่ ขนาดของแรงแมเ่ หลก็ ที่กระทากับวัตถุทีม่ ีเหล็ก หรือสารแม่เหลก็ เปน็ องค์ประกอบในสนามแมเ่ หล็กจะแปรผกผนั กับ ระยะหา่ งระหวา่ งสองสิ่งดงั กลา่ ว) 4.3 เม่ือนักเรยี นนาลูกโป่งถูกบั ผ้าสกั หลาด แล้วนาไปจ่อไวเ้ หนอื เศษ กระดาษ ส่ิงใดท่เี ปรยี บเสมอื นสนามไฟฟ้า เพราะเหตุใด (ลูกโปง่ หลังจากถกู ับ ผ้าสกั หลาด เพราะมีประจุไฟฟา้ เกดิ ขึ้น) 4.4 หลังจากนาลูกโป่งถูกับผา้ สกั หลาดแล้ว ระยะหา่ งระหวา่ งลูกโปง่ กับเศษกระดาษ มีผลกบั การดึงดดู เศษกระดาษของลกู โปง่ หรือไม่ อย่างไร (มี ผล โดยระยะห่างนอ้ ยสามารถดดู กระดาษไดด้ กี วา่ ระยะท่ไี กล เม่อื ระยะของ 595
614 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 การเคลอื่ นท่แี ละแรง แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 15 เวลา 2 ชวั่ โมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ เร่ือง สนามไฟฟ้าและความสมั พนั ธร์ ะหว่างขนาดของแรงกับระยะห่างจากสนาม ช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 รายวชิ าราวยิทวยชิ าาศาวสทิ ตยราพ์ศา้ืนสฐตารน์ ว22101 ลกู โปง่ ไกลจากเศษกระดาษมาก จะไมส่ ามารถดงึ ดดู กระดาษได้ ครูสามารถ อธิบายเพิม่ เตมิ ได้วา่ ขนาดแรงไฟฟ้าแปรผกผันกบั ระยะห่างจากสนามไฟฟ้า) ขน้ั สรปุ 1. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรปุ องค์ความรโู้ ดยเขยี นแผนผังมโนมติลงใน กระดาษ A4 สีขาว ซึง่ ในแผนผังมโนมตปิ ระกอบด้วยประเดน็ ตา่ ง ๆ ดังนี้ - สนามและประเภทของสนาม - ชนิดของแหล่งกาเนดิ สนาม - ทิศทางของแรงท่กี ระทาในสนาม - ความสัมพันธ์ของขนาดของแรงทก่ี ระทากับวตั ถุกับระยะห่างจาก สนาม 596
615 597 การวดั ผลและประเมินผล ประเด็นการประเมนิ วิธีการวดั เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ด้านความรู้ ทาใบกิจกรรมไดค้ ะแนน 1. บอกทิศทางของของ ตรวจใบกจิ กรรม 1.ใบกจิ กรรมท่ี 156.1 ร้อยละ 60 ขึน้ ไป แรงท่กี ระทากับวัตถทุ ีอ่ ยู่ใน สนามไฟฟา้ สนามไฟฟา้ ได้ 2.ใบกจิ กรรมท่ี 156.2 2. เปรยี บเทยี บแหล่งของ เร่ือง เปรยี บเทียบสนาม สนามไฟฟา้ กบั แหล่งของ โน้มถ่วง สนามแม่เหลก็ และแหล่งของ 3. ใบกิจกรรมที่ สนามโน้มถ่วงได้ 156.3 ขนาดของแรงกบั 3. เปรยี บเทียบทิศทาง ระยะหา่ งในสนามแต่ละ ของแรงที่กระทาตอ่ วตั ถุทอ่ี ยู่ ชนดิ สนามแมเ่ หล็กและ ในสนามไฟฟา้ สนามแม่เหลก็ สนามไฟฟา้ และสนามโน้มถ่วงจากขอ้ มูลที่ 4.ใบกิจกรรมท่ี 156.4 รวมรวมได้ แผนผงั มโนมติ 4. วเิ คราะหค์ วามสมั พันธ์ ระหวา่ งขนาดของแรง แมเ่ หล็ก แรงไฟฟ้าและแรง โน้มถ่วงทก่ี ระทาต่อวตั ถทุ ี่อยู่ ในสนามนั้น ๆ กบั ระยะหา่ ง จากแหลง่ ของสนามถึงวัตถุ จากขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ ด้านทักษะและกระบวนการ เขยี นแผนภาพแสดงแรง 1.ใบกจิ กรรมท่ี 165.1 ไฟฟา้ ได้ ตรวจใบกิจกรรม สนามไฟฟ้า ด้านคณุ ลกั ษณะ นกั เรยี นมที ักษะ สงั เกตการทากิจกรรม แบบบนั ทกึ หลังแผนการ กระบวนการทางานเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ของนักเรียน กจาัดรกาาจรดั เกรยีารนเรียู้ นรู้ เกณฑ์การประเมนิ การประเมนิ ดมี าก (ผ่าน) ผลการประเมนิ ดี (ผ่าน) พอใช้ (ไมผ่ า่ น) ปรับปรุง (ไมผ่ า่ น) คะแนนจากใบ 8-10 6-7 1-5 0 กิจกรรม
616 598 8. บันทึกผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .......................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ที่..........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผทู้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ท่.ี .........เดือน..........พ.ศ..........
599 617 ใบกิจกรรมที่ 16.1 เรื่อง สนามไฟฟ้า หนว่ ยที่ 3 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 156 เรื่อง สนามไฟฟ้าและความสมั พนั ธ์ระหวา่ งขนาดของแรงกบั ระยะห่างจากสนาม รายวชิ า วทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐราหนสั วรหิชัสา ว22101 ภาคเรียนท่ี 1 ชือ่ - นามสกลุ ……………………………………………………………ช้ัน………………………เลขที่……………………………... คาชี้แจง : หลังจากนักเรยี นดแู บบจาลองสนามไฟฟ้า นกั เรียนตอบคาถามตามความคิดเหน็ ของนกั เรียนลงใน พืน้ ทที่ ่กี าหนดให้ (นักเรียนสามารถศกึ ษาค้นคว้าเพิม่ เติมจากแหลง่ เรียนร้อู น่ื เช่น หนังสอื หรอื อนิ เทอรเ์ น็ต) 1. สงิ่ ใดที่สามารถทาให้เกิดสนามไฟฟา้ ได้ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 2.สนามไฟฟ้าเกดิ ขน้ึ บรเิ วณใดของประจไุ ฟฟา้ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 3. สนามไฟฟ้าคืออะไร ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 4.ทศิ ทางของแรงทก่ี ระทาต่อวตั ถทุ อี่ ยู่ในสนามไฟฟา้ มีลกั ษณะเปน็ อยา่ งไร ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 5.ระยะหา่ งของประจไุ ฟฟ้ากับประจทุ ี่เปน็ สนามไฟฟา้ มผี ลต่อแรงไฟฟ้าหรอื ไม่ อยา่ งไร ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. 6.ให้นักเรียนวาดภาพแสดงสนามไฟฟ้ารอบประจุ + และประจุ -
600 รหัสวชิ า ว22101 สนามแ ่มเห ็ลก
601 619 ใบกิจกรรมท่ี 16.3 เรือ่ ง ขนาดของแรงกบั ระยะหา่ งในสนามแตล่ ะชนดิ หน่วยที่ 3 แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 15 เรื่อง สนามโนม้ ถว่ งและสนามแม่เหลก็ รายวชิ า วทิ ยาศาสตรพ์ ้ืนฐราหนสั วรหิชัสา ว22101 ภาคเรยี นที่ 1 ชื่อกลมุ่ ............................ สมาชิกกล่มุ 1………………………………………………………… 2…………………………………………………………………. 3………………………………………………………… 4…………………………………………………………………. 5………………………………………………………………………………………………………………………………. ตอนที่ 1 สนามโนม้ ถว่ ง คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นใช้ข้อมลู ทก่ี าหนดใหใ้ นตาราง ตอบคาถามขอ้ 1-4 ความสงู จากผิวโลก (km) สนามโนม้ ถว่ ง (N/kg) 0 9.80 10 9.77 400 8.65 0.225 35,700 0.0026 384,000 ตารางแสดงคา่ สนามโน้มถว่ งจากผวิ โลกท่ีระดบั ความสงู ต่าง ๆ ภาพแสดงตาแหน่งของวัตถุ ทีร่ ะดบั ความสงู ต่าง ๆ จากผวิ โลก 1. จากตารางแสดงคา่ สนามโนม้ ถว่ งจากผวิ โลกทร่ี ะดบั ความสงู ต่าง ๆ นักเรยี นคิดว่าถ้าวางวัตถุมวล m ไวท้ ี่จุด A และจดุ D วตั ถุ ณ จุดใดถูกแรงเนอื่ งจากสนามโนม้ ถ่วงกระทามากท่สี ุด .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ 2. นา้ หนักเปน็ ปริมาณทห่ี าได้จากมวลคูณกบั สนามโน้มถ่วง นกั เรยี นคิดว่าถา้ วัตถุที่มมี วลขนาดเทา่ กัน วางไว้ ณ ตาแหนง่ A, B, C และ D สามารถเรยี งลาดับวตั ถทุ ี่มนี า้ หนักน้อยไปหาวตั ถทุ ่ีมีนา้ หนกั มากไดอ้ ย่างไร ............................................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................................................................ 3. จากตางรางทก่ี าหนดใหน้ ักเรียนคิดว่า แรงทก่ี ระทากบั วัตถุท่ีอยใู่ นสนามโนม้ ถว่ ง มีความสัมพนั ธ์กบั ระยะห่างระหวา่ งวัตถนุ น้ั อยา่ งไร ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................................................................
620 602 ตอนที่ 2 สนามไฟฟ้า คาชแี้ จง : ให้นักเรียนทากจิ กรรมตามข้นั ตอนที่กาหนด จากน้ันตอบคาถามท้ายกจิ กรรม วสั ดุ-อุปกรณ์ 1. ลูกโปง่ พรอ้ มยางรดั จานวน 1 ชุด 2. เศษกระดาษ (กระดาษ A4 ตดั เปน็ แผ่นขนาดเลก็ ) จานวน 3-4 แผ่น 3. ผ้าสกั หลาด จานวน 1 ผืน วธิ ีการศึกษา 1. เปา่ ลกู โป่งใหไ้ ด้ขนาดพอเหมาะ (ไมแ่ ฟบและไมเ่ ต่งเกินไป) จากน้นั ใชย้ างรดั ปากลูกโปง่ ใหแ้ น่น 2. วางเศษกระดาษไว้บนโตะ๊ จากนั้นนาลูกโป่งไปถทู เ่ี สื้อหรอื ผ้าสักหลาด 10 ครัง้ แล้วนามาจอ่ ไว้ เหนอื กระดาษประมาณ 3 เซนตเิ มตร สังเกต บนั ทึกผล 3. ทาการทดลองเช่นเดิม แตเ่ ปลยี่ นระยะห่างระหวา่ งลูกโปง่ กับเศษกระดาษเปน็ 5 เซนติเมตรและ 10 เซนตเิ มตร ตามลาดับ บนั ทึกผลการศกึ ษา ครัง้ ท่ี ระยะระหวา่ ง ผลการศกึ ษา ลูกโป่งกับเศษ ผลการสังเกต ความแรงของการดึงดูด กระดาษ (cm) กระดาษของลูกโป่ง (ใช้จานวนเคร่ืองหมาย + แทนระดบั ความแรง) 1 3 ......................................................... .......................................... ......................................................... ............................................ 2 5 ......................................................... .......................................... ......................................................... ............................................ 3 10 ......................................................... .......................................... ......................................................... ............................................ ตอบคาถามท้ายกจิ กรรม 1.จากการศกึ ษา อุปกรณใ์ ดเป็นตัวแทนของสนามไฟฟ้า เพราะเหตุใด ............................................................................................................................................................................ 2. หลงั จากนาลกู โปง่ ถกู ับผ้าสกั หลาดแล้ว ระยะหา่ งระหวา่ งลกู โปง่ กับเศษกระดาษ มผี ลกับการดึงดูดเศษ กระดาษของลูกโปง่ หรอื ไม่ อยา่ งไร ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
621 603 3.จากการศกึ ษา แรงไฟฟ้าของประจเุ ม่ืออยู่ในสนามไฟฟ้า กบั ระยะห่างระหวา่ งประจุนนั้ กบั สนามไฟฟ้า มี ความสัมพนั ธก์ นั อยา่ งไร ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ตอนท่ี 3 สนามแมเ่ หลก็ คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นทากิจกรรมตามขั้นตอนที่กาหนด จากน้นั ตอบคาถามท้ายกจิ กรรม วสั ดุ-อปุ กรณ์ 1. แท่งแม่เหล็ก จานวน 1 แทง่ 2. ลวดหนบี กระดาษท่ีแมเ่ หล็กดูดได้ จานวน 2-3 อัน วิธกี ารศึกษา นาแท่งแมเ่ หลก็ จ่อเหนอื ลวดหนีบกระดาษระยะ 3 เซนติเมตร, 5 เซนติเมตร และ 10 เซนติเมตร จากนั้นสงั เกตสิ่งที่เกิดข้ึน และบันทกึ ความแรงของการดดู ลวดหนีบกระดาษของแมเ่ หลก็ บันทึกผลการศึกษา ครง้ั ที่ ระยะระหวา่ ง ผลการศกึ ษา แม่เหลก็ กบั ลวด ผลการสังเกต ความแรงของการดึงดูดลวด หนีบกระดาษ หนบี กระดาษของแมเ่ หลก็ (cm) (ใชจ้ านวนเครอ่ื งหมาย + แทนระดับความแรง) 1 3 ......................................................... .......................................... ......................................................... ............................................ 2 5 ......................................................... .......................................... ......................................................... ............................................ 3 10 ......................................................... .......................................... ......................................................... ............................................ ตอบคาถามทา้ ยกจิ กรรม 1.จากการศึกษา อปุ กรณใ์ ดเป็นตัวแทนของสนามแม่เหล็ก ............................................................................................................................................................................ 2. เม่อื นาแม่เหลก็ จ่อเหนือลวดหนีบกระดาษ ระยะห่างระหว่างแม่เหลก็ กบั ลวดหนบี กระดาษมผี ลกับการดงึ ดดู ลวดหนีบกระดาษของแมเ่ หลก็ หรือไม่ อย่างไร ............................................................................................................................................................................ 3.จากการศึกษา แรงแม่เหล็กของวตั ถุ (ทมี่ ีเหล็กหรอื สารแม่เหล็กเป็นองค์ประกอบ) และระยะหา่ งระหว่างวัตถุ นน้ั กับสนามแม่เหลก็ มีความสัมพนั ธ์กันอยา่ งไร ............................................................................................................................................................................
604 622 เฉลเยฉลใบยกใบจิ กริจรกมรรทม่ี 1ท6่ี 1.16.1เร่อืเรงอ่ื งสนสนามามไฟไฟฟฟา้ ้าหหนนว่ ่วยยทที่ 3 แผนกาารรจจดั ดั กกาารรเรเรยี ียนนรูท้รทู้่ี 1่ี 515 เรอื่ งเรือ่สงนสามนไาฟมไฟฟ้าฟแ้าลแะลคะวคาวมาสมมัสพมั พนั ันธธ์รร์ะะหหวว่า่างงขขนนาาดดของแรงกับบรระะยยะะหห่า่างงจจาากกสสนนามาม รายรวาชิ ยาวชิวาทิ ยวาิทศยาสศตาสรพ์ตรน้ื ์ รฐหานัสวริชหาสั วว2222110011ภภาาคคเรเียรนียทน่ีท1ี่ 1 ชือ่ - นามสกลุ ……………………………………………………………ช้นั ………………………เลขที่……………………………... คาชี้แจง : หลงั จากนกั เรียนดแู บบจาลองสนามไฟฟา้ นักเรยี นตอบคาถามตามความคดิ เห็นของนกั เรียนลงใน พื้นที่ทีก่ าหนดให้ (นักเรยี นสามารถศกึ ษาค้นคว้าเพิม่ เติมจากแหล่งเรียนรู้อน่ื เชน่ หนังสอื หรืออนิ เทอร์เนต็ ) 1 ส่ิงใดทีส่ ามารถทาให้เกดิ สนามไฟฟา้ ได้ ...........ประจุไฟฟา้ ทั้งประจุบวกและประจุลบ.................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. 2 สนามไฟฟา้ เกิดข้ึนบริเวณใดของประจไุ ฟฟา้ ..........สนามไฟฟ้าเกดิ ข้ึนอยโู่ ดยรอบประจไุ ฟฟ้า................................................................................................ ............................................................................................................................................................................. 3 สนามไฟฟ้าคอื อะไร .........สนามไฟฟ้า หมายถึง \"บริเวณโดยรอบประจไุ ฟฟ้า ซึ่งประจไุ ฟฟ้า สามารถส่งอานาจไปถงึ \" หรือ \"บรเิ วณ ทเี่ มื่อนาประจไุ ฟฟ้าทดสอบเขา้ ไปวางแลว้ จะเกดิ แรงกระทาบนประจไุ ฟฟา้ ทดสอบน้ัน\"..................................... 4 ทิศทางของแรงที่กระทาต่อวตั ถุท่อี ยใู่ นสนามไฟฟ้ามีลักษณะเปน็ อย่างไร .........แรงไฟฟ้าที่กระทาต่อประจุไฟฟ้าจะมีทศิ พงุ่ เขา้ หาหรอื พุ่งออกจากวตั ถทุ ม่ี ีประจุเป็นแหลง่ ของสนามไฟฟ้า .............................................................................................................................................................................. 5 ระยะหา่ งของประจไุ ฟฟา้ กบั ประจทุ ี่เปน็ สนามไฟฟา้ มีผลต่อแรงไฟฟ้าหรอื ไม่ อย่างไร ..........มผี ล ขนาดแรงไฟฟ้าแปรผกผนั กับระยะหา่ งจากสนามไฟฟ้า กลา่ วคือ ประจุที่อยู่หา่ งจะมีแรงไฟฟ้า กระทาน้อยกวา่ ประจุท่อี ย่ใู กล้............................................................................................................................. 6 ใหน้ กั เรียนวาดภาพแสดงสนามไฟฟ้ารอบประจุ + และประจุ -
สนามแม่เหลก็ - เกิดแรงท่ีกระทำ�กับวัตถเุ ป้า รหัสวิชา ว22101 หมาย เช่น เกดิ แรงกับวัตถทุ ี่ มีมวลในสนามโน้มถว่ ง เกดิ แรงกับวตั ถุทีม่ ีสารแม่เหลก็ ในสนามแม่เหลก็ 605
606 624 เฉลย ใบกิจกรรมที่ 16.3 เร่ือง ขนาดของแรงกับระยะหา่ งในสนามแต่ละชนดิ หน่วยท่ี 3 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 15 เรอื่ ง สนามโน้มถว่ งและสนามแม่เหล็ก รายวิชา วิทยาศาสตร์พนื้ ฐราหนัสวรชิหาัส ว22101 ภาคเรยี นที่ 1 ชือ่ กลุม่ ............................ สมาชิกกลมุ่ 1………………………………………………………… 2…………………………………………………………………. 3………………………………………………………… 4…………………………………………………………………. 5………………………………………………………………………………………………………………………………. ตอนที่ 1 สนามโนม้ ถ่วง คาช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นใช้ขอ้ มูลทกี่ าหนดให้ในตาราง ตอบคาถามขอ้ 1-4 ความสงู จากผิวโลก (km) สนามโน้มถ่วง (N/kg) 0 9.80 10 9.77 400 8.65 0.225 35,700 0.0026 384,000 ตารางแสดงค่าสนามโนม้ ถว่ งจากผิวโลกที่ระดับความสูงตา่ ง ๆ ภาพแสดงตาแหนง่ ของวตั ถุ ทร่ี ะดับความสูงตา่ ง ๆ จากผวิ โลก 1. จากตารางแสดงคา่ สนามโนม้ ถ่วงจากผิวโลกที่ระดับความสูงต่าง ๆ นักเรียนคดิ ว่าถ้าวางวตั ถมุ วล m ไวท้ จ่ี ดุ A และจดุ D วตั ถุ ณ จดุ ใดถกู แรงเน่ืองจากสนามโนม้ ถว่ งกระทามากท่สี ุด ...........ทต่ี าแหน่ง A มแี รงกระทาเนอื่ งจากสนามโนม้ ถ่วง (น้าหนกั ) มากกวา่ แรง ณ ตาแหน่ง D....................... ............................................................................................................................................................................. 2. น้าหนักเปน็ ปริมาณทห่ี าได้จากมวลคูณกับสนามโน้มถ่วง นกั เรียนคดิ วา่ ถา้ วตั ถุทม่ี มี วลขนาดเท่ากัน วางไว้ ณ ตาแหนง่ A, B, C และ D สามารถเรยี งลาดับวัตถทุ ีม่ ีน้าหนกั น้อยไปหาวตั ถทุ ี่มนี ้าหนกั มากไดอ้ ย่างไร ...........D, C, B และ A ตามลาดบั ........................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................. 3. จากตางรางทีก่ าหนดให้นกั เรียนคิดวา่ แรงทีก่ ระทากบั วัตถุที่อยู่ในสนามโนม้ ถว่ ง มคี วามสมั พันธก์ ับ ระยะห่างระหว่างวัตถุนนั้ อย่างไร ...........วตั ถุท่มี ีระยะหา่ งจากสนามโนม้ ถว่ งมาก จะมแี รงกระทาจากสนามโนม้ ถว่ งน้อย, วัตถทุ ม่ี ีระยะหา่ งจาก สนามโนม้ ถ่วงนอ้ ย จะมีแรงกระทาจากสนามโน้มถว่ งมาก หรอื แรงทก่ี ระทาตอ่ วัตถแุ ละระยะห่างของวตั ถุกบั สนามโนม้ ถ่วงแปรผกผันตอ่ กนั ........................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................
625 607 ตอนท่ี 2 สนามไฟฟ้า คาชี้แจง : ให้นกั เรยี นทากจิ กรรมตามขน้ั ตอนทกี่ าหนด จากนนั้ ตอบคาถามท้ายกจิ กรรม วสั ดุ-อุปกรณ์ 1. ลกู โป่งพร้อมยางรัด จานวน 1 ชดุ 2. เศษกระดาษ (กระดาษ A4 ตดั เปน็ แผ่นขนาดเลก็ ) จานวน 3-4 แผน่ 3. ผา้ สักหลาด จานวน 1 ผนื วธิ กี ารศึกษา 1. เปา่ ลูกโป่งให้ไดข้ นาดพอเหมาะ (ไมแ่ ฟบและไม่เตง่ เกินไป) จากน้ันใชย้ างรัดปากลกู โป่งให้แน่น 2. วางเศษกระดาษไวบ้ นโตะ๊ จากน้ันนาลูกโปง่ ไปถูท่ีเสือ้ หรอื ผา้ สกั หลาด 10 ครง้ั แลว้ นามาจอ่ ไว้ เหนอื กระดาษประมาณ 3 เซนติเมตร สงั เกต บนั ทกึ ผล 3. ทาการทดลองเช่นเดมิ แต่เปล่ยี นระยะหา่ งระหวา่ งลูกโปง่ กบั เศษกระดาษเปน็ 5 เซนตเิ มตรและ 10 เซนติเมตร ตามลาดบั บันทกึ ผลการศึกษา คร้งั ที่ ระยะระหวา่ ง ผลการศกึ ษา ลูกโปง่ กบั เศษ ผลการสังเกต ความแรงของการดึงดดู กระดาษ (cm) กระดาษของลูกโป่ง (ใช้จานวนเครอื่ งหมาย + แทนระดับความแรง) 1 3 เศษกระดาษถกู ลูกโป่งดูดจนตดิ กบั +++++ ลูกโป่ง 2 5 เศษกระดาษขยบั ++ 3 10 เศษกระดาษขยับเลก็ น้อยหรือไมข่ ยบั + ตอบคาถามทา้ ยกิจกรรม 1.จากการศึกษา อุปกรณใ์ ดเปน็ ตวั แทนของสนามไฟฟ้า เพราะเหตุใด .............ลกู โป่งที่ผ่านการถูกบั ผ้าสกั หลาด..เพราะมีประจุไฟฟ้าเกดิ ขนึ้ .................................................. 2. หลงั จากนาลกู โปง่ ถูกับผา้ สกั หลาดแลว้ ระยะห่างระหว่างลูกโป่งกับเศษกระดาษ มผี ลกับการดงึ ดูดเศษ กระดาษของลูกโปง่ หรือไม่ อย่างไร ...........มผี ล โดยระยะหา่ งน้อยสามารถดดู กระดาษได้ดกี วา่ ระยะทม่ี าก เมอ่ื ระยะของลูกโป่งไกลจากเศษ กระดาษมาก จะไม่สามารถดึงดดู กระดาษได้..............................................................................................
626 608 3.จากการศึกษา แรงไฟฟา้ ของประจเุ ม่ืออยูใ่ นสนามไฟฟา้ กับระยะหา่ งระหวา่ งประจนุ ัน้ กับสนามไฟฟ้า มี ความสมั พนั ธก์ นั อยา่ งไร ...........ระยะหา่ งระหวา่ งประจุกับสนามไฟฟ้ามาก แรงไฟฟา้ จะน้อย ระยะหา่ งระหว่างประจุกับสนามไฟฟ้า น้อย แรงไฟฟา้ มาก......................................................................................................................................... ตอนท่ี 3 สนามแม่เหลก็ คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมตามข้ันตอนท่กี าหนด จากน้ันตอบคาถามท้ายกิจกรรม วัสดุ-อปุ กรณ์ 1. แท่งแมเ่ หลก็ จานวน 1 แท่ง 2. ลวดหนบี กระดาษทแี่ มเ่ หลก็ ดูดได้ จานวน 2-3 อัน วิธีการศึกษา นาแท่งแมเ่ หลก็ จอ่ เหนอื ลวดหนีบกระดาษระยะ 3 เซนติเมตร, 5 เซนติเมตร และ 10 เซนติเมตร จากน้ันสังเกตส่งิ ท่เี กดิ ขน้ึ และบนั ทกึ ความแรงของการดดู ลวดหนีบกระดาษของแมเ่ หล็ก บันทกึ ผลการศกึ ษา ผลการศึกษา ครง้ั ที่ ระยะระหวา่ ง แม่เหลก็ กบั ลวด ผลการสังเกต ความแรงของการดึงดดู ลวด หนบี กระดาษ (cm) หนีบกระดาษของแมเ่ หลก็ 13 (ใชจ้ านวนเครอื่ งหมาย + แทนระดบั ความแรง) 25 ลวดหนบี กระดาษถกู ดงึ ดดู จนติดกับ +++++ แม่เหลก็ ทนั ที ลวดหนบี กระดาษขยบั และถูกดงึ ดูดให้ ++ ตดิ กบั แม่เหลก็ 3 10 ลวดหนบี กระดาษขยบั แต่ไมต่ ดิ กบั + แม่เหล็ก
627 609 ตอบคาถามท้ายกิจกรรม 1.จากการศึกษา อปุ กรณใ์ ดเป็นตวั แทนของสนามแมเ่ หลก็ .............แท่งแมเ่ หล็ก ........................................................................................................................................ 2. เมือ่ นาแม่เหลก็ จอ่ เหนือลวดหนีบกระดาษ ระยะหา่ งระหว่างแมเ่ หล็กกับลวดหนีบกระดาษมผี ลกับการดึงดดู ลวดหนบี กระดาษของแมเ่ หลก็ หรือไม่ อย่างไร ...........มีผล โดยระยะหา่ งน้อยสามารถดดู ลวดหนีบกระดาษได้ดีกว่าระยะทมี่ าก เม่อื ระยะของแมเ่ หลก็ ไกลจาก ลวดหนีบกระดาษมาก จะไม่สามารถดึงดดู ลวดหนบี กระดาษได้........................................................................ 3.จากการศกึ ษา แรงแมเ่ หลก็ ของวัตถุ (ทม่ี ีเหลก็ หรอื สารแมเ่ หลก็ เป็นองค์ประกอบ) และระยะห่างระหว่างวตั ถุ นั้นกับสนามแม่เหล็ก มคี วามสมั พนั ธก์ ันอยา่ งไร ...........ถ้าระยะหา่ งระหวา่ งวตั ถนุ น้ั กับสนามแม่เหล็กมาก แรงแมเ่ หลก็ จะนอ้ ย ระยะหา่ งระหว่างวัตถุนน้ั กบั สนามแม่เหลก็ น้อย แรงแม่เหลก็ จะมาก.............................................................................................................
628 610 บรรณานุกรม สือ่ สิง่ พิมพ์ กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2560). ตัวช้ีวัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560). กรงุ เทพฯ : โรงพิมพส์ หกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั กระทรวงศึกษาธกิ าร, สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2554). หนงั สอื เรียนรายวิชา พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 1. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว _______. (2554). ค่มู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 1. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว _______. (2554). หนังสอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 4. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว _______. (2554). คมู่ อื ครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 4. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว _______. (2554). หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 5. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว _______. (2554). ค่มู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 5. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว แกว้ พิกลุ . (2559). ตวิ เขม้ เตรยี มเข้า ม.4 วทิ ยาศาสตร.์ กรงุ เทพฯ: สานกั พมิ กมั บตั เตะ. ครพู ่ีตอง. (2559). Lecture สรปุ เขม้ ชีวะ ม.ตน้ . พิมพค์ ร้ังท่ี 4. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ กมั บตั เตะ. จินดารัตน์ แท้ นามแก้ว. (2558). การเคล่อื นทีข่ องวัตถุในแนวตรง. โรงเรยี นสตรีศรนี ่าน, นา่ น. บุญเล้ยี ง จอดนอก. (2561). ระยะทางและการกระจดั ของการเคลือ่ นที่วตั ถุ. โรงเรยี นบา้ นหัวบงึ , อุดรธาน.ี แหลง่ อ้างอิงออนไลน์ ความดนั ของของเหลว. (2560). [ออนไลน]์ . เข้าถึงได้จาก : https://bit.ly/2CkPlt0. สืบค้นเม่ือวนั ท่ี : 13 มกราม 2562. ความดันของของเหลว. (2560). [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://bit.ly/2SPwptu. สบื ค้นเมื่อวันท่ี : 15 มกราม 2562. คลังความรู้ SciMath. (2559). ระบบขบั ถา่ ย. [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก : https://goo.gl/f8DU5k สืบค้นเมือ่ 30 เมษายน 2559. ดูเม็ก ฮาร์ท ทู ฮารท์ คลบั . https://www.dumex.co.th. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.dumex.co.th/articles/Pages/PrePregnancy/ Ovulation.aspx สืบค้น 12 มกราคม 2562.
629 611 ธนั ยารตั น์ วงศว์ นานรุ กั ษ.์ http://www.si.mahidol.ac.th. [ออนไลน]์ . เข้าถึงได้จาก : http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=575 สืบคน้ 12 มกราคม 2562. บทเรยี นออนไลน์เรือ่ งแรงและการเคล่อื นท.่ี (2557). [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก : https://sites.google.com/site/siteanan/raeng-seiyd-than. สบื ค้นเมือ่ 5 กุมภาพันธ์ 2562. https://www.youtube.com/watch?v=rwAb5bK010A. สบื ค้นเมื่อ 7 กมุ ภาพนั ธ์ 2562. ฟิสิกส์ แรงเสยี ดทาน 1. (2554). [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก : https://www.youtube.com/watch?v=meSnemxEUdg. สืบค้นเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2562 แรงเสียดทาน. (2557). [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://www.slideshare.net/ssuser82b6e6/21- 29626996. สืบคน้ เมอ่ื 5 กุมภาพนั ธ์ 2562 รปู ที่ 37.1 เรอื ลอยน้า. (2560). [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก : https://bit.ly/2VPyhV2. (วันท่ีค้นขอ้ มูล : 14 มกราม 2562). รูปที่ 37.2 เปรียบเทยี บน้าหนกั ของวัตถเุ ม่อื ช่ังในนา้ กบั ช่งั ในอากาศ. (2560). [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : https://bit.ly/2RHhkwL. (วันท่คี น้ ขอ้ มลู : 14 มกราม 2562). พิชญภัค สมปญั ญา. (2562). รูปท่ี 37.3 ลกั ษณะของวตั ถเุ มอ่ื อยู่ในของเหลวต่างชนดิ กนั . รูปที่ 37.4 การทดลองเรอื่ งแรงพยงุ . [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก : https://bit.ly/2QMxgsO. (วันที่ค้นขอ้ มลู : 14 มกราม 2562). พิชญภคั สมปัญญา. (2562). รปู ท่ี 37.5 วตั ถตุ ่างชนิดจมอยใู่ นของเหลวชนดิ เดียวกนั . วชิ าฟิสิกส์ - บทเรียน แรงเสยี ดทาน. (2556). [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : Anotomy. (2559). ระบบหายใจ. [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก: https://goo.gl/qPpdm5. สืบคน้ เม่อื 27 เมษายน 2559. Anotomy. (2559). ระบบขับถ่ายปัสสาวะ. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก : https://goo.gl/vfuDHb สืบคน้ เมื่อ 30 เมษายน 2559. Anotomy. (2559). ระบบประสาท [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก : https://goo.gl/ttRPQu. สบื คน้ เม่ือ 29 เมษายน 2559. Blog Krusarawut.(2559). ระบบหมนุ เวียนเลอื ด. [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก: https://goo.gl/c7ndiz. สืบคน้ เมอื่ วนั ที่ 25 เมษายน 2559. Body systems.(2559). ระบบหมุนเวยี นโลหิต. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: https://goo.gl/dtxXm6. สบื คน้ เมอ่ื วนั ที่ 25 เมษายน 2559 Blog Krusarawut. (2559). ระบบขบั ถา่ ย. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : https://goo.gl/vTPHjD
630 612 สบื ค้นเม่ือ 30 เมษายน 2559. Blog Krusarawut. (2559). ระบบประสาทของมนุษย.์ [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก: https://goo.gl/sfCeCu สืบคน้ เมื่อ 29 เมษายน 2559. Jelly learning. (2559). ระบบหายใจ. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://goo.gl/ugxCqX. สืบค้นเม่อื 27 เมษายน 2559. Jelly learning. (2559). ระบบประสาท. [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://goo.gl/FSY5Aa สืบค้นเมอ่ื 29 เมษายน 2559.
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ สาระเทคโนโลยี รหสั วิชา ว22103 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 เวลา 40 ชวั่ โมง จานวน 1 หน่วยกติ
614 ค�ำ ชแี้ จง ก ต สามารถเชือ่ มต่ออนิ เทอร์เนต็ ได้ เพือ่ ใชส้ �ำ หรับการเรยี น Coding ผา่ นเว็บออนไลน์ https://makecode.microbit.org/ (Microsoft Windows 10 สามารถเรียกใช้จาก Application ได)้
632 615 คำอธิบำยรำยวิชำพนื้ ฐำน รหัสวิชำ ว22103 รำยวชิ ำ เทคโนโลยี กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีที่ 2 เวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1 หน่วยกิต ศึกษาหลักการและการคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดข้ึนโดยพิจารณาจากสาเหตุ หรือปัจจัยที่ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และวิเคราะห์เปรียบเทียบ การตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีโดย คานึงถึงผลกระทบที่เกดิ ขน้ึ ต่อการดาเนนิ ชวี ติ สังคมและสงิ่ แวดล้อม ด้วยการระบุปัญหา หรอื ความต้องการใน ชุมชนหรือท้องถิ่น สรุปกรอบของปัญหา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา จาก องค์ประกอบและหลักการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีเพ่ือประยุกต์ใช้งานหรือแก้ปัญหา เบ้อื งตน้ ประยุกต์ใช้เทคนิควิธีการออกแบบขั้นตอน หรือวิธีการคิดแบบมีตรรกะ ด้วยการวางแผนขั้นตอนการ ทางานและดาเนินการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ีจาเป็นภายใต้เง่ือนไข และทรัพยากรท่ีมีอยู่ เพ่ือนาเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจ และนามาใช้ในการออกแบบและเขียน โปรแกรมท่ีใช้ตรรกะและฟังก์ชันในการแก้ปัญหา โดยใช้ความรู้ และทักษะเก่ียวกับวัสดุ อุปกรณ์เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า และอิเลก็ ทรอนิกส์ เพื่อแก้ปัญหาหรอื พัฒนางานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม และปลอดภยั ด้วยการ ออกแบบอัลกอริทึมที่ใช้แนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปัญหา หรอื การทางานท่พี บในชีวิตจริง โดยมีการทดสอบ ประเมนิ ผล และอธิบายปัญหาหรือข้อบกพร่องท่ีเกิดขึ้น ภายใต้กรอบเงื่อนไขพร้อมท้ังหาแนวทางการปรับปรุง แก้ไข และนาเสนอผลการแก้ปัญหา เพื่อให้ผู้เรียนสามารถตระหนัก และเห็นคุณค่าของการแก้ปัญหา หรือ พัฒนาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และปลอดภัย ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีความรับผิดชอบต่อ การสรา้ งและแสดงสทิ ธใิ นการเผยแพรผ่ ลงาน รหัสตวั ช้ีวดั ว 4.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ว 4.2 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 รวมทั้งหมด 9 ตวั ชวี้ ดั
633 616 มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตัวชี้วัด รหัสวชิ ำ ว22103 รำยวชิ ำ เทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ี่ 2 ภำคเรยี นท่ี 1 ปีกำรศกึ ษำ 2562 รวมเวลำ 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต สำระที่ 4 เทคโนโลยี มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวิตในสังคมท่ีมีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมี ความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคานึงถึง ผลกระทบตอ่ ชีวิต สังคม และส่งิ แวดล้อม ตวั ช้วี ดั ม.2/1 คาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นโดยพิจารณาจากสาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการ เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และวิเคราะห์เปรียบเทียบ ตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีโดยคานึงถึงผลกระทบที่ เกิดขึน้ ตอ่ ชีวติ สงั คมและสง่ิ แวดล้อม ม.2/2 ระบุปัญหาหรือความต้องการในชุมชนหรือท้องถ่ิน สรุปกรอบของปัญหา รวบรวม วิเคราะห์ ขอ้ มลู และแนวคดิ ที่เก่ียวขอ้ งกับปัญหา ม.2/3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ีจาเป็นภายใต้ เง่ือนไขและทรัพยากรที่มีอยู่ นาเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อ่ืนเข้าใจ วางแผนขั้นตอนการทางานแล ะ ดาเนนิ การแก้ปญั หาอย่างเปน็ ขน้ั ตอน ม.2/4 ทดสอบ ประเมินผล และอธบิ ายปัญหาหรือข้อบกพรอ่ งที่เกดิ ข้นึ ภายใตก้ รอบเงื่อนไขพร้อมทั้ง หาแนวทางการปรับปรงุ แก้ไข และนาเสนอผลการแกป้ ัญหา ม.2/5 ใช้ความรู้ และทักษะเก่ียวกับวัสดุ อุปกรณ์เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์เพ่ือ แกป้ ญั หาหรือพัฒนางานไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสม และปลอดภยั มำตรฐำน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รูเ้ ท่าทนั และมจี รยิ ธรรม ตวั ชี้วัด ม.2/1 ออกแบบอลั กอริทึมท่ีใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ญั หา หรือการทางานทีพ่ บในชวี ิตจรงิ ม.2/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใชต้ รรกะและฟังกช์ นั ในการแกป้ ัญหา ม.2/3 อภิปรายองคป์ ระกอบและหลักการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสอ่ื สาร เพอ่ื ประยุกต์ใช้งานหรอื แกป้ ญั หาเบื้องตน้ ม.2/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีความรับผิดชอบ สร้างและแสดงสิทธิในการ กเผายรเแผพยรแผ่ พลรง่ผาลนงาน
634 617 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ รหสั วชิ ำ ว22103 รำยวชิ ำ เทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษำปีท่ี 2 ภำคเรียนท่ี 1 ปีกำรศึกษำ 2562 รวมเวลำ 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วยกำร มำตรฐำนกำร สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนัก เรยี นรู้ เรยี นรู้ (ช่วั โมง) คะแนน /ตวั ช้ีวัด 1 เทคโนโลยี ว 4.1 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย โดย 8 10 กบั มนษุ ย์ ม.2/1 เลอื กแนวทางปฏบิ ตั เิ มื่อพบเนอ้ื หาที่ไม่ 22 20 ว 4.2 เหมาะสม เชน่ แจ้งรายงาน ผู้เก่ยี วข้อง ป้องกัน 2 นกั ออกแบบ ม.2/3, ม.2/4 การเขา้ มาของข้อมลู ที่ไม่เหมาะสม ไม่ตอบโต้ ไมเ่ ผยแพร่ โดยการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ว 4.2 อย่างมีความรับผดิ ชอบ เข้าใจการสร้างและ แสดงสิทธคิ วามเป็นเจ้าของผลงาน การกาหนด สทิ ธิ์การใชข้ ้อมูล สาเหตหุ รือปัจจยั ต่าง ๆ เช่น ความกา้ วหนา้ ของศาสตรต์ า่ ง ๆ การ เปลย่ี นแปลงทางดา้ นเศรษฐกิจสังคม วฒั นธรรม ทาให้เทคโนโลยมี กี ารเปลย่ี นแปลง ตลอดเวลา รเู้ ท่าทนั เทคโนโลยแี ต่ละประเภทมี ผลกระทบต่อชวี ติ สังคม และส่งิ แวดล้อมท่ี แตกตา่ งกัน จงึ ต้องวเิ คราะห์เปรียบเทยี บข้อดี ข้อเสยี และตัดสนิ ใจเลือกใช้ให้เหมาะสม เทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร องค์ประกอบและหลกั การทางานของระบบ ระบบ ม.2/1, ม.2/2 คอมพิวเตอร์มขี นั้ ตอนการทางานต้ังแต่ ม/2/3 ระดบั พนื้ ฐานไปจนกระทง่ั การทางานที่มีความ ซับซอ้ น การเขา้ ใจการทางานของระบบ คอมพวิ เตอร์ จะทาให้สามารถใช้งานระบบได้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพและเปน็ ข้ันตอน อกี ท้ังใน การพฒั นาระบบจะต้องมีความรูค้ วามเขา้ ใจ เก่ยี วกบั การทางานของคอมพิวเตอร์ สามารถ ออกแบบอลั กอรทิ ึมโดยใช้แนวคดิ เชงิ คานวณ และใช้ซอฟตแ์ วร์ท่ีใช้ในการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, python, java, c ในการแก้ปัญหา หรอื ประยุกตใ์ ชง้ านในชีวิตประจาวนั ได้
635 618 หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วยกำร มำตรฐำนกำร สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั เรยี นรู้ เรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน /ตัวชวี้ ัด การวเิ คราะห์สมบัตเิ พอ่ื เลือกใช้ใหเ้ หมาะสม 3 วิศกรน้อย กับลักษณะของงาน โดยเขา้ ใจวสั ดแุ ต่ละ 10 30 ว 4.1 ประเภทมสี มบัติแตกต่างกัน เช่น ไมโ้ ลหะ พลาสติก เพื่อใชใ้ นการสร้างชิ้นงานอาจใช้ ม.2/2, ม.2/3 ความรู้เรื่องกลไก ไฟฟ้าอเิ ล็กทรอนกิ ส์เชน่ LED มอเตอร์ บซั เซอร์ เฟือง รอก ล้อ เพลา รูจ้ กั ม.2/4, ม.2/5 เกบ็ รักษา อุปกรณ์เครื่องมือในการสรา้ งชิ้นงาน หรือพัฒนาวิธกี ารมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ ให้ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย ปัญหาหรือ ความตอ้ งการในชุมชนหรือท้องถ่นิ มหี ลายอย่าง ขน้ึ กบั บริบทหรือสถานการณ์ท่ปี ระสบ เชน่ ด้านพลังงาน สงิ่ แวดล้อมการเกษตร การ กอารหอาารหาร การระบุปัญหาจาเปน็ ต้องมีการวิเคราะห์ สถานการณ์ของปญั หาเพื่อสรุปกรอบของ ปญั หาแลว้ ดาเนนิ การสืบคน้ รวบรวมข้อมูล ความรู้จากศาสตร์ตา่ ง ๆ ทเี่ กี่ยวข้อง เพื่อ นาไปสกู่ ารออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหา การ วิเคราะหเ์ ปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมลู ที่จาเป็น โดยคานงึ ถึงเง่อื นไขและทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลา ข้อมลู และสารสนเทศ วสั ดุ เครือ่ งมือและอุปกรณ์ช่วยใหไ้ ด้แนว ทางการแกป้ ญั หาท่เี หมาะสม การออกแบบ แนวทางการแก้ปญั หาทาได้หลากหลายวิธเี ช่น การร่างภาพ การเขยี นแผนภาพ การเขยี นผัง งาน การกาหนดขั้นตอนระยะเวลาในการ ทางานก่อนดาเนินการแก้ปญั หาจะชว่ ยใหก้ าร กทาารงทาำ�นงสาานเสรำ�็จเไรดจ็ ต้ไดา้ตมาเปมเ้าปห้ามหามยายแลแะลละลดด ขอ้ ผดิ พลาดของการทางานที่อาจเกิดขึ้น การ กทาดรสทอดบสแอลบะแปละรปะเรมะินเมผณิ ลผเปล็นกากราตรรตวรจวสจอสบอบ
636 619 หนว่ ยท่ี ชอ่ื หน่วยกำร มำตรฐำนกำร สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนัก เรยี นรู้ เรียนรู้ (ชั่วโมง) คะแนน ช้ินงาน หรือวิธกี ารว่าสามารถแก้ปัญหาไดต้ าม /ตวั ช้วี ัด วัตถุประสงคภ์ ายใต้กรอบของปัญหา เพือ่ หา 20 ข้อบกพร่อง และดาเนนิ การปรับปรุงให้ 20 สามารถแก้ไขปัญหาได้ การนาเสนอผลงาน 40 100 เปน็ การถ่ายทอดแนวคิดเพ่ือให้ผ้อู ื่นเขา้ ใจ เกี่ยวกบั กระบวนการทางานและชิน้ งานหรอื วิธีการทีไ่ ดซ้ งึ่ สามารถทาไดห้ ลายวธิ ีเชน่ การ กเขาียรเนขรยี านยรงาายนงกานารกทาราทแ�ำผแน่ ผน่นานเำ�สเนสอนผอลผลงางนานการ กจาัดรนจิทัดรนริทศรกราศรการ สอบกลำงภำค สอบปลำยภำค รวมตลอดภำคเรียน
637 620 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ เทคโนโลยีกับมนษุ ย์ รหัสวชิ า ว22103 รายวิชา เทคโนโลยี 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2562 เวลา 8 ช่วั โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปล่ียนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรูและทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ เพ่ือแก้ปัญหาหรือ พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมโดยคานงึ ถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิง่ แวดล้อม มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม ตัวชี้วดั ว 4.1 ม.2/1 คาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดข้ึน โดยพิจารณาจากสาเหตุหรือปัจจัยท่ีส่งผลต่อ การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี และวเิ คราะห์เปรยี บเทียบ ตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคานงึ ถึงผลกระทบ ทเี่ กดิ ขน้ึ ตอ่ ชวี ิต สงั คม และส่งิ แวดล้อม ว 4.2 ม.2/3 อภิปรายองค์ประกอบหลักและหลักการงานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี การสอื่ สารเพอื่ ประยุกตใ์ ชง้ านหรือแก้ปญั หาเบื้องตน้ ว 4.2 ม.2/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีความรับผิดชอบ สร้างและแสดงสิทธิใน การเผยแพรผ่ ลงาน 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด ใชใช้เท้เทคคโนโนโโลลยยสี สี าารรสนเทศอยา่ งงปปลลออดดภภยั ัยโโดดยยเลเลอื ือกกแแนนวทวทางาปงฏปบิฏัติบเิ ัตมเิ่อื มพื่อบพเนบ้ือเนห้อื าหทไ่ีามทเ่ ี่ไหมมเ่ าหะมสามะสเชม่นเชแ่นจง้ รแาจย้งราานยงผา้เู กน่ยี ผวขเู้ กอ้ ่ียงวปขอ้องงกปนั ก้อางรกเันข้ากมาารขเขอ้างมข้อาขมอูลทงขีไ่ ม้อ่เมหูลมทาะ่ไี มสเ่มหมไมา่ตะอสบมโตไม้ ไต่ มอเ่ ผบยโแตพ้ ไรม่ เ่โผดยแกาพรรใ่ชโเ้ดทยคกโนารโลใชยเ้สี ทาครสโนโเลทยศี อสยา่ารงสมนีคเวทาศมอรับยา่ผงิดมชคีอวบามเรขบัา้ ใผจดิ กชารอสบรา้เขงแ้าลใจะกแาสรดสงสรา้ิทงธแิคลวะาแมสเปด็นงเสจทิ้าขธอิคงวผาลมงเาปนน็ เจก้าขรกอำ�งหผนลดงาสนทิ ธกิ์กาารกใชาข้ห้อนมดลู สทิ สธา์กิ เหารตุ หใชรอื้ขป้อจัมจูลยั สตา่ งเหๆตหุ เชรน่ อื ปคจั วจายั มตกา่ ้างวๆหนเช้า่นขอคงวศามสกตา้รต์วหา่ งนๆา้ ขกอางรศเาปสลตยี่ รนต์ แา่ปงลๆงทกาางรดเปา้ นลเย่ีศนรษแฐปกลจิ งสทงั าคงมด้านวัฒเศนรธษรฐรกมจิ สทงั �ำคใมห้ เวทัฒคโนนธโรลรยมีมกี ทาารใเหปเ้ลท่ียคนโแนปโลงยตีมลกี อาดรเเวปลลาี่ยรนูเ้ แทปา่ ทลันงตเทลคอโดนเโวลลยาแี ตรล่้เู ทะป่าทระนั เเภททคมโีผนลโลกยระีแทตบล่ ตะอ่ปชรีวะิตเภสงัทคมมีผลแกลระะสทง่ิ แบวตด่อลช้อีวมติที่ แสตงั กคตมา่ งแกลันะสจ่ิงึ แตวอ้ ดงวลิเ้อคมราทะี่แหตเ์ ปกรตยี า่ บงกเทันยี บจขึงต้อ้อดขีงว้อเิ คสรยี าแะลหะเ์ ปตดัรสียินบใเจทเียลบอื กขใ้อชดใ้ หีข้เอหเมสาียะแสลมะเตทดัคสโนินโใลจยเกีลาอื รกสใอ่ื ชสใ้ าหรเ้ หมาะสม เทคโนโลยีการสื่อสาร
638 621 3. สาระการเรียนรู้ ความรู้ 1. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 2. การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี 3. ผลกระทบของเทคโนโลยตี อ่ ชีวติ สงั คม และสิง่ แวดลอ้ ม 4. ข้อดแี ละข้อเสีย ของเทคโนโลยี 5. การตดั สินใจเลอื กใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม 6. การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศใหป้ ลอดภยั 7. การสรา้ งและแสดงสิทธคิ วามเป็นเจา้ ของผลงาน 8. กาหนดสทิ ธ์ิการใช้ข้อมลู 9. เทคโนโลยกี ารสื่อสาร ทักษะ/กระบวนการ 1. ทกั ษะในการทางานร่วมกัน 2. ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 3. ทักษะการสื่อสาร 4. ทักษะการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ 5. ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ เจตคติ ตะหนกั ถึงประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยี 4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ซื่อสตั ยส์ ุจรติ 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. มุ่งมน่ั ในการทางาน
639 622 6. การประเมนิ ผลรวบยอด ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน - ใบงานท่ี 1.1 การเปล่ยี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี - ใบงานท่ี 1.2 สรุปองค์ความรู้เร่อื งการเปล่ยี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยี - ใบงานที่ 2.1 รปู แบบการส่ือสาร - ใบงานท่ี 2.2 แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต - ใบงานท่ี 3.1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างสร้างสรรค์ - ใบงานที่ 3.2 สรปุ องคค์ วามรู้เรอ่ื งการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างสรา้ งสรรค์ - ใบงานท่ี 4.1 การสร้างและแสดงสทิ ธค์ิ วามเปน็ เจา้ ของผลงาน - ใบงานท่ี 4.2 การกาหนดสิทธิ์การใชข้ ้อมูล 7. เกณฑ์การประเมนิ ผลชน้ิ งานหรอื ภาระงาน ประเด็นการประเมิน 4 (ดมี าก) ระดบั คณุ ภาพ 1 (ปรบั ปรงุ ) 3 (ดี) 2 (พอใช้) เกณฑ์การประเมนิ ด้านความรู้ 1. การอธิบายความรู้ เขียนอธบิ ายเร่ืองที่ เขียนอธบิ ายเรื่องที่ เขยี นอธิบายเรื่องท่ี เขยี นอธิบายเรื่องท่ี ศกึ ษา พร้อมให้ 2. อธบิ ายการ ศกึ ษามาไดอ้ ย่าง ศึกษามาไดอ้ ย่าง ศกึ ษามาไดอ้ ยา่ ง เหตุผล ช้ใี ห้เห็น พัฒนาการของการ ความสาคัญของเร่ือง สื่อสาร ชัดเจน พรอ้ มให้ ชดั เจน พร้อมให้ ชดั เจน พร้อมให้ ท่ศี กึ ษา แต่มขี ้อมลู ทีไ่ มเ่ ฉพาะเจาะจง เหตผุ ลทหี่ นักแนน่ เหตผุ ลที่หนกั แน่น เหตผุ ลท่หี นกั แน่น และไมส่ นับสนุน ขอ้ สรุป ช้ใี หเ้ หน็ ชี้ใหเ้ หน็ ชใี้ ห้เหน็ ความสาคญั ของ ความสาคัญของ ความสาคัญของ เร่อื งที่ศึกษา เร่ืองที่ศึกษา เรอ่ื งท่ีศกึ ษา มีขอ้ มูลท่ี มขี อ้ มลู ท่ี มขี อ้ มูลท่ี เฉพาะเจาะจง เฉพาะเจาะจง เฉพาะเจาะจง สนับสนนุ ข้อสรุป สนบั สนุนขอ้ สรปุ สนับสนนุ ขอ้ สรปุ ใชภ้ าษาส่อื สารได้ ใชภ้ าษาได้ เหมาะสม พดู เหมาะสม ชดั เจน ภาษาทใี่ ช้ไม่กากวม อธิบายพกัฒารนาการ อธบิ ายยพกัฒารนาการ อธบิ าายยพกฒั ารนาการ พขอฒั งนการกสา่ือรสขาอรงการ พขอัฒงนการกสา่ือรสขาอรงการ ขพอัฒงกนารกสาอ่ื รสขาอรงไกดา้ ร สไดือ่ ้ตสาามรลไ�ำดด้ตับามลาดบั สได่ือต้ สาามรลไ�ำดด้ตบั ามลาดบั แสตือ่ ่ยสังาไรมไ่ ดแ้ ตย่ ังไม่
640 623 ประเด็นการประเมนิ 4 (ดมี าก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรบั ปรงุ ) 3 (ดี) 2 (พอใช้) ครบถ้วนชดั เจน ถูกต้อง เปน็ ลาดบั และถูกตอ้ ง 3. การตอบคาถาม คะแนนการตอบ คะแนนการตอบ คะแนนการตอบ คะแนนการตอบ 4. สรุปและเขยี น แผนภาพความคิด คาถามดา้ นความรูไ้ ด้ คาถามด้านความรู้ คาถามด้านความรูไ้ ด้ คาถามด้านความรู้ 5. การจาแนกเน้ือหา เท่ากับ 9-10 คะแนน เท่ากบั 7-8 คะแนน เท่ากับ 5-6 คะแนน ต่ากวา่ 5 คะแนน 6.ทักษะในการทางาน สรุปการศึกษาและ สรปุ การศกึ ษาและ สรปุ การศกึ ษาและ สรุปการศกึ ษาและ ร่วมกนั สืบค้นไดต้ รง สืบคน้ ไดต้ รง สืบค้นได้ตรง สืบคน้ ไดไ้ มต่ รง ประเด็นแลว้ นาสู่ ประเด็นแล้วนาสู่ ประเดน็ การเขยี น ประเด็น การเขียน การเขียนแผนภาพ การเขยี นแผนภาพ แผนภาพความคิด แผนภาพความคิดได้ ความคิดได้ถูกต้อง ความคิดไดถ้ ูกตอ้ ง ได้ตรงกับเนือ้ หา ผลงานไมส่ วยงาม ตรงเนือ้ หา ผลงาน ตรงเน้อื หา ผลงานไม่สวยงาม สวยงาม ผลงานสวยงาม มคี วามคิด สร้างสรรค์ - จาแนกกลุม่ - จาแนกกลุ่ม - จาแนกกล่มุ - ไม่จาแนกกลุม่ ความคดิ ได้ชัดเจน ความคดิ ได้ชดั เจน ความคดิ ได้ ความคดิ ไดช้ ัดเจน - เห็นภาพรวมกว้างๆ - เหน็ ภาพรวม - เนอื้ หาไม่กระชบั - เน้ือหาไม่กระชับ ของหัวข้อใหญ่ กวา้ งๆของหวั ขอ้ สน้ั ไม่ได้ใจความ ไมไ่ ด้ใจความ - เนอ้ื หากระชบั สน้ั ใหญ่ - ขาดความสมั พนั ธ์ - ไม่มีความสมั พันธ์ ไดใ้ จความ - เน้อื หากระชับส้ัน ของเน้ือหา ของเน้ือหา - มีความสมั พนั ธข์ อง ได้ใจความ เนอื้ หา - มคี วามสมั พันธ์ - จับประเดน็ ได้ ของเนื้อหา ชดั เจน - เข้าใจง่าย เกณฑ์การประเมินดา้ นทกั ษะและกระบวนการ การแบง่ หน้าที่ ความ การแบง่ หน้าท่ี ความ การแบง่ หนา้ ที่ การแบง่ หน้าท่ี ความ รบั ผดิ ชอบชัดเจน รบั ผดิ ชอบชัดเจน ความรบั ผิดชอบ รบั ผิดชอบชัดเจน ร่วมคิด รว่ มวางแผน รว่ มคิด รว่ มวางแผน ชัดเจน รว่ มคิด รว่ ม วางแผน รว่ มมอื
641 624 ประเด็นการประเมนิ 4 (ดมี าก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรบั ปรงุ ) 3 (ดี) 2 (พอใช้) ร่วมมือทางาน รว่ มมือทางาน วางแผน ร่วมมือ ทางาน แต่ ขาด ช่วยเหลือ เอ้อื อาทร ช่วยเหลือเออื้ อาทร ทางาน ช่วยเหลอื ความรับผิดชอบ ไม่ ในการทางานมีความ ในการทางาน มี เอือ้ อาทรในการ ตรงตอ่ เวลา รับผดิ ชอบ ตรงต่อ ความรบั ผดิ ชอบ ตรง กทาารงทาำ�นงามนคี วมาีคมวาม เวลา รบั ฟงั ความ ตอ่ เวลา รบั ฟงั ความ รบั ผิดชอบ ตรงตอ่ คิดเห็นซึ่งกันและกัน คิดเห็นซ่ึงกันและกนั เวลา และร่วมภูมใิ จใน ผลงาน 7. ทกั ษะการคิด วิเคราะหข์ ัน้ ตอน วิเคราะหข์ ั้นตอน วเิ คราะหข์ ้ันตอน วิเคราะห์ขนั้ ตอน วเิ คราะห์ กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน กระบวนการทางาน 8. ทักษะการส่อื สาร ทีเ่ ลือกไดถ้ ูกต้อง ท่ีเลือกไดถ้ ูกต้องแต่ ท่เี ลือกได้ถูกต้อง ทเี่ ลอื กไม่ถูกต้อง 9. ทกั ษะการคิดอยา่ ง มีวจิ ารณญาณ และครบถ้วน ตาม ไมเ่ ปน็ ลาดับ บางส่วน 10. ทักษะความคดิ ขน้ั ตอน สรา้ งสรรค์ นาเสนอ อภปิ ราย นาเสนอ อภิปราย นาเสนอ อภปิ ราย นาเสนอ อภปิ ราย และตอบคาถามได้ และตอบคาถามได้ และตอบคาถามได้ และตอบคาถามได้ เข้าใจง่าย และมี เขา้ ใจง่าย แตม่ วี ธิ ีการไม่ ไม่เหมาะสมกบั วิธีการนา่ สนใจ เหมาะสมกบั เหมาะสมกับ ลกั ษณะข้อมลู เหมาะสมกับ ลักษณะข้อมูล ลกั ษณะข้อมลู ลักษณะข้อมูล วิเคราะห์และ วเิ คราะหแ์ ละ วิเคราะหแ์ ละ วเิ คราะหแ์ ละ ประเมิน ประเมนิ ประเมนิ ประเมนิ สถานการณ์ สถานการณ์ ด้วย สถานการณ์ ด้วย สถานการณ์ ดว้ ย แตไ่ ม่มีหลักฐาน ใน หลกั ฐานท่ีหลาก หลักฐาน แลว้ ลง หลกั ฐาน แลว้ ลง การลงข้อสรุป หลมาายย แล้วลง ขอ้ สรปุ ได้อยา่ ง ขอ้ สรปุ ได้อย่าง ขอ้ สรปุ ได้อยา่ ง สมเหตุสมผล สมเหตสุ มผล สมเหตสุ มผล มีการคิดแจกแจง มกี ารคิดแจกแจง มีการคดิ แจกแจง ไมม่ ีการคดิ แจกแจง รายละเอยี ดของ รายละเอยี ดของ รายละเอียดของ รายละเอยี ดของ วิธีการแก้ปญั หา วิธีการแก้ปัญหา วิธกี ารแก้ปญั หา วิธกี ารแก้ปัญหาหรือ
642 625 ประเด็นการประเมิน 4 (ดมี าก) ระดบั คุณภาพ 1 (ปรับปรงุ ) 3 (ดี) 2 (พอใช้) หรือขยายความคิด หรอื ขยายความคิด หรือขยายความคิด ขยายความคิด ได้อย่างครบถ้วน ไดส้ มบรู ณ์ แต่ขาดความชดั เจน ไมน่ ากระบวนการ เทคโนโลยมี าใชใ้ น และมรี ายละเอียดที่ และสมบูรณ์ ชวี ติ ประจาวนั ได้ สมบูรณ์ เลอื กใชว้ สั ดุ ไมม่ ีผล กระบทตอ่ เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นเจตคติ ส่งิ แวดลอ้ มมาสรา้ ง ชนิ้ งาน 11.เหน็ คุณคา่ ของการ นากระบวนการ นากระบวนการ นากระบวนการ นากระบวนการ พดู และเขยี น เทคโนโลยีมาใช้ใน เทคโนโลยีมาใชใ้ น เทคโนโลยมี าใช้ใน เทคโนโลยีมาใช้ใน ถ่ายทอดความรสู้ ึก ชีวิตประจาวนั อย่าง และทัศนะจากสารท่ี สร้างสรรค์ ชีวติ ประจาวันได้ ชวี ิตประจาวันได้ ชีวิตประจาวนั ได้ ได้รับได้ไม่ สมเหตุสมผล และ 12. ลดการใช้ อย่างถูกต้อง ตาม อยา่ งถูกต้องตาม บางโอกาส เลอื กรบั ข้อมลู ทรพั ยากรหรือเลอื กใช้ เทคโนโลยีท่ไี ม่มี หลักการ หลักการ ผลกระทบต่อ สิง่ แวดล้อม กระบวนการ กระบวนการ 13.ความสามารถใน เทคโนโลยีสามารถ เทคโนโลยี การสือ่ สาร เปน็ ตัวอยา่ งได้ เกณฑ์การประเมนิ ด้านเจตคติ เลอื กใชว้ ัสดุ ทีม่ ี เลอื กใช้วัสดุ ท่ีมี เลอื กใช้วัสดุ ทมี่ ี ความคุ้มคา่ มี ความค้มุ ค่า มี ความคมุ้ ค่า ไม่มผี ล ประโยชนใ์ ช้สอย ประโยชน์ใชส้ อย กระบทต่อ และสามารถ ไม่มผี ลกระบทต่อ ส่งิ แวดล้อมมาสรา้ ง นาไปใช้ประโยชน์ ส่ิงแวดล้อม มา ช้ินงาน ได้จริง ไม่มผี ลกระ สรา้ งชิ้นงาน บทต่อสิง่ แวดล้อม มาสรา้ งช้นิ งาน เกณฑ์การประเมนิ ด้านสมรรถนะ พูดและเขียน พดู และเขียน พูดและเขยี น ถา่ ยทอดความรสู้ กึ ถา่ ยทอดความร้สู ึก ถ่ายทอดความรสู้ กึ และทศั นะจากสาร และทัศนะจากสาร และทัศนะจากสาร ที่ได้รบั ไดอ้ ย่าง ท่ีได้รับไดอ้ ย่าง ท่ไี ดร้ ับไดอ้ ย่าง สมเหตสุ มผล สมเหตสุ มผล สมเหตุสมผล คล่องแคล่วชัดเจน คลอ่ งแคล่วชัดเจน คล่องแคล่วชัดเจน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400