Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-07-18-หน่วยที่ 2 คู่มือครู ป.2 คณิต

64-07-18-หน่วยที่ 2 คู่มือครู ป.2 คณิต

Published by elibraryraja33, 2021-07-18 13:19:48

Description: 64-07-18-หน่วยที่ 2 คู่มือครู ป.2 คณิต

Search

Read the Text Version

โครงการสวนพระองคส มเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจา กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มูลนธิ ิการศกึ ษาทางไกลผานดาวเทียม ในพระบรมราชปู ถัมภ สาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขันพืนฐาน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

ชุดเอกส�รสื่อ ๖๐ พรรษ� สมเด็จพระเทพรัตนร�ชสุด� ฯ สย�มบรมร�ชกุม�รี ลิขสิทธิ์ของ สํานักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พิมพครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๒ จํานวน ๒๒,๐๐๐ เลม จัดพิมพโดย โรงพิมพชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย จํากัด ๗๙ ถนนงามวงศวาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ๑๐๙๐๐ โทร. ๐-๒๕๖๑-๔๕๖๗ โทรสาร ๐-๒๕๗๙-๕๑๐๑ นายโชคดี ออสุวรรณ ผูพิมพผูโฆษณา

ค�ำ น�ำ ตามท่ี สํานักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ไดจัดทําชุดการเรียนรู สําหรับใชในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กท่ีขาดครู มีครูไมครบชั้นหรืออยูในพื้นท่ีหางไกลทุรกันดารซึ่งประกอบดวย ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู (สาํ หรับครผู ูสอน) และชุดกิจกรรมการเรยี นรู (สาํ หรับนกั เรียน) หลงั จากท่มี กี ารนาํ ไปใช พบวาส่ือดังกลา วชว ยพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาของโรงเรยี นขนาดเลก็ ไดเ ปน อยา งดี สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา ขั้นพ้นื ฐาน จงึ เห็นควรมกี ารนําเอาส่ือดังกลา ว มาใชใ นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเลก็ และโรงเรยี นขยายโอกาสทุกโรง เพอ่ื ชว ยพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษาใหด ยี ง่ิ ขน้ึ ประกอบกบั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ไดป ระกาศใชม าตรฐาน การเรียนรู และตัวช้ีวัดกลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร วิทยาศาสตร และสาระภูมิศาสตร ในกลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคําสั่ง กระทรวงศึกษาธกิ าร ท่ี สพฐ.๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวนั ท่ี ๗ สงิ หาคม ๒๕๖๐ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน จึงไดปรับปรุงชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู (สาํ หรับครูผสู อน) เพื่อใหสอดคลองกับการประกาศใชมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด และเพื่อใหสะดวกตอการนําไปใช โดยจัดแยก เปน รายช้ัน (ประถมศึกษาปท่ี ๑ - ๖) และเปน รายภาค (ภาคเรยี นที่ ๑ และ ๒) ทั้ง ๕ กลุม ประกอบดว ย - ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ประถมศกึ ษาปที่ ๑ - ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑ และ ๒ - ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู (สาํ หรับครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรูวทิ ยาศาสตร ประถมศกึ ษาปที่ ๑ - ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑ และ ๒ - ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู (สําหรบั ครูผสู อน) กลมุ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร ประถมศึกษาปท ่ี ๑ - ๖ ภาคเรียนท่ี ๑ และ ๒ - ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู (สําหรับครผู สู อน) กลุมสาระการเรยี นรูภาษาตา งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ประถมศึกษาปท ่ี ๑ - ๖ ภาคเรียนที่ ๑ และ ๒ - ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลุมบรู ณาการ ประถมศึกษาปท ่ี ๑ - ๖ ภาคเรียนท่ี ๑ และ ๒ การนําชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรูไปใช ครูผูสอนตองศึกษาเอกสาร คูมือการใชชุดการจัดกิจกรรม การเรยี นรู และศกึ ษาคาํ ชแ้ี จงในเอกสาร ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) ใหเ ขา ใจเพราะจะทาํ ใหท ราบถงึ แนวคิดการจัดกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู การเตรียมตัวของผูสอน ส่ือการจัดกิจกรรมการเรียนรู ลักษณะ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู แผนการจัดการเรียนรู สัญลักษณที่ใช แนวทางการวัดและประเมินผลของแตละ หนว ยการเรียนรู หวังวาชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู (สําหรับครูผูสอน) และชุดกิจกรรมการเรียนรู (สําหรับนักเรียน) ฉบับปรับปรุงนี้ จะเปนประโยชนตอการจัดกิจกรรมการเรียนรูของผูสอน อันจะสงผลตอการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ระดับประถมศึกษาตอ ไป ขอขอบคุณ ผูทรงคุณวุฒิ ผูบริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก ครู อาจารย และทุกทานท่ีมีสวนเกี่ยวของกับ การปรับปรุงและจัดทําเอกสารมา ณ โอกาสนี้ สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน



ค�ำ ชี้แจง ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู (สําหรับครูผูสอน) หนวยที่ ๒ การดําเนินการของจํานวน หนวยยอยที่ ๒.๑ การบวก การลบ (ไมเ กนิ ๑,๐๐๐) เลม นี้ เปน ๑ ใน ๘ เลม ของชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรกู ลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ใชกับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ ๒ ซ่ึงผานการวิเคราะหมาตรฐานและตัวชี้วัด กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เมื่อสอนครบท้งั ๘ เลม นกั เรียน จะไดเ รียนรคู รบถวนครอบคลมุ ทกุ มาตรฐานและตัวชวี้ ัดของหลักสตู ร ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู (สําหรับครูผสู อน) หนว ยที่ ๒ การดําเนนิ การของจํานวน หนว ยยอ ยที่ ๒.๑ การบวก การลบ (ไมเ กิน ๑,๐๐๐) เลม นี้ เปน เอกสารท่ีนาํ เสนอแนวทางในการจัดการเรียนรคู ณิตศาสตร เรอื่ ง การบวก และการลบจาํ นวนไมเกนิ ๑,๐๐๐ ใหก บั นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปที่ ๒ ประกอบดว ย (๑) คาํ แนะนาํ สาํ หรบั ครูผสู อน (๒) โครงสรางชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู (๓) กาํ หนดการสอนคณิตศาสตร ชัน้ ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (๔) โครงสรางหนวยการเรียนรู หนว ยที่ ๒ การดาํ เนินการของจาํ นวน (๕) มาตรฐานการเรียนรูและตัวช้ีวัดของหนวยการเรยี นรู หนว ยที่ ๒ การดาํ เนนิ การของจาํ นวน (๖) แผนการจัดการเรียนรู จาํ นวน ๒๗ แผน (๗) เฉลยแบบฝกหดั ของนกั เรียน (๘) แบบประเมินทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร กอนการสอนเร่ืองการบวกและการลบจํานวนไมเกิน ๑,๐๐๐ ครูผูสอนควรศึกษาแผนการจัดการเรียนรู จากเอกสารเลม นอ้ี ยา งละเอยี ด จะทาํ ใหร วู า ตอ งสอนแตล ะเนอื้ หาอยา งไร และตอ งเตรยี มสอื่ /อปุ กรณป ระกอบการสอน อะไรบาง ซง่ึ จะทาํ ใหการจดั การเรยี นรขู องครูมปี ระสิทธภิ าพ สง ผลใหนักเรยี นมคี วามรูความเขาใจในเนื้อหาทีส่ อน คณะผูจัดทําหวังเปนอยางยิ่งวา ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู (สําหรับครูผูสอน) หนวยที่ ๒ การดําเนินการ ของจํานวน หนวยยอยที่ ๒.๑ การบวก การลบ (ไมเกิน ๑,๐๐๐) เลม น้ี จะเปนประโยชนตอ ครผู ูสอน ในการนาํ ไปใช จัดการเรียนรูเ รื่องการบวกและการลบ ไมเกิน ๑,๐๐๐ ใหกับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ ๒ เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพ การจัดการเรียนรูของครูและการเรียนรูของนักเรยี นใหสูงข้ึนตอ ไป สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ



ส�รบญั • คาํ แนะนาํ สาํ หรบั ครผู สู อน ๑ • โครงสรา งชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู ๕ • กําหนดเวลาการสอนคณิตศาสตร ชน้ั ประถมศกึ ษาปที่ ๒ ๖ • โครงสรา งหนว ยการเรยี นรทู ่ี ๒ การดาํ เนนิ การของจํานวน ๗ • มาตรฐานการเรยี นรแู ละตัวชว้ี ดั ของหนวยการเรยี นรู หนว ยท่ี ๒ การดําเนินการของจาํ นวน ๙ • แผนการจดั การเรยี นรู ๑๑ ๑๓ แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี ๑ ๒๑ แผนการจดั การเรียนรทู ี่ ๒ ๒๘ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๓ ๓๗ แผนการจัดการเรียนรูท ่ี ๔ ๔๙ แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๕ ๖๐ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๖ ๗๕ แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๗ ๘๕ แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๘ ๙๗ แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๙ ๑๐๒ แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๑๐ ๑๑๒ แผนการจัดการเรยี นรูท ่ี ๑๑ ๑๒๑ แผนการจดั การเรียนรูที่ ๑๒ ๑๓๔ แผนการจัดการเรียนรทู ี่ ๑๓ ๑๔๘ แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๑๔

แผนการจดั การเรยี นรูท่ี ๑๕ ๑๕๙ แผนการจดั การเรียนรทู ี่ ๑๖ ๑๖๗ แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๑๗ ๑๗๕ แผนการจดั การเรียนรูที่ ๑๘ ๑๘๓ แผนการจัดการเรียนรูท่ี ๑๙ ๑๙๑ แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๒๐ ๑๙๙ แผนการจัดการเรียนรูที่ ๒๑ ๒๐๗ แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๒๒ ๒๑๕ แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี ๒๓ ๒๒๓ แผนการจัดการเรียนรูท ่ี ๒๔ ๒๒๙ แผนการจัดการเรียนรูท่ี ๒๕ ๒๓๗ แผนการจดั การเรียนรูที่ ๒๖ ๒๔๖ แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๒๗ ๒๕๕ • ภาคผนวก ๒๖๑ ภาคผนวก ก เฉลยแบบฝก หัด ๒๖๓ ภาคผนวก ข แบบประเมินทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร ๓๔๑

1 6 5 7 90 22 22 ค�ำ แนะน�ำ ส�ำ หรบั ผูส อน ๑. แนวคิดหลกั การจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตรมุงใหผูเรียนมีความสามารถดานการสื่อสารและการคิดอยางเปนระบบ สามารถตง้ั ขอ สนั นษิ ฐาน สบื เสาะและเลอื กสรรสารสนเทศ ใหเ หตผุ ล แกป ญ หาโดยเลอื กใชย ทุ ธวธิ ตี า ง ๆ การจดั กจิ กรรม จงึ ควรเนน การเรียนรรู วมกนั เปน กลมุ ซ่ึงเปนการเปดโอกาสใหผ เู รยี นไดรว มกนั คิด ปรึกษาหารือ อภปิ ราย แกปญ หา แสดงความคดิ เหน็ และสะทอนความคิด (reflective thinking) ชวยใหผูเ รยี นไดพฒั นาความรู ทกั ษะและกระบวนการ ทางคณติ ศาสตร และคุณธรรม จรยิ ธรรม ในการจดั กลมุ อาจจดั เปน กลุม ๒ คน หรือกลุม ๓ - ๔ คน หรอื อาจจัด กจิ กรรมรว มกนั ท้ังช้ัน ทัง้ นข้ี ้ึนอยูก บั วตั ถุประสงคข องการจัดกิจกรรมการเรียนรนู นั้ ๆ ในการดําเนินกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร ส่ิงสําคัญท่ีผูสอนควรคํานึงถึงเปนอันดับแรกคือ ความรูพ้ืนฐานของผูเรียน ผูสอนอาจทบทวนโดยใชคําถามหรือยุทธวิธีตาง ๆ เพื่อนําไปสูการเรียนรูเน้ือหาใหม ขนั้ การสอนเนอ้ื หาใหม ผูส อนอาจกาํ หนดสถานการณท่ีเช่อื มโยงกับเรือ่ งราวในข้นั ทบทวนความรู และใชยทุ ธวิธตี าง ๆ ท่ีชวยใหผูเรียนสามารถสรุปหรือเขาใจหลักการ แนวคิด กฎ สูตร สัจพจน ทฤษฎีบท หรือบทนิยามดวยตนเอง ในขณะทผ่ี เู รียนปฏบิ ตั ิกิจกรรม ผูสอนควรใหอ สิ ระทางความคดิ กับผเู รยี น โดยผูส อนคอยสังเกต ตรวจสอบความเขา ใจ และใหค าํ แนะนาํ อยางใกลชิด ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ผสู อนควรใหผ เู รยี นแตล ะคนหรอื แตล ะกลมุ ไดน าํ เสนอแนวคดิ เพราะผเู รยี น มีโอกาสแสดงแนวคิดเพิ่มเติมรวมกัน ซักถาม อภิปรายขอขัดแยงดวยเหตุและผล ผูสอนมีโอกาสเสริมความรู ขยายความรหู รอื สรปุ ประเดน็ สาํ คญั ของสาระทนี่ าํ เสนอนนั้ ทาํ ใหก ารเรยี นรขู ยายวงกวา งและลกึ มากขนึ้ สามารถนาํ ไป ประยุกตใชในชีวิตจริงได นอกจากนี้ยังทําใหผูเรียนเกิดเจตคติที่ดี มีความภูมิใจในผลงาน เกิดความรูสึกอยากทํา กลาแสดงออก และจดจําสาระท่ีตนเองไดออกมานําเสนอไดนาน รวมท้ังฝกการเปนผูนํา ผูตาม รับฟงความคิดเห็น ของผอู น่ื การจัดกิจกรรมการเรียนรูสําหรับชั้นประถมศึกษา ผูสอนควรใหผูเรียนไดเรียนรูจากการปฏิบัติ ฝกทักษะ การสงั เกต ฝกใหเหตผุ ลและหาขอสรปุ จากส่ือรปู ธรรมหรือแบบจําลองตาง ๆ กอน แลวขยายวง ความรสู นู ามธรรม ตามความสามารถของผเู รยี น สาํ หรบั บางเนอ้ื หาทยี่ ากตอ การทาํ ความเขา ใจของนกั เรยี นบางคน ผสู อนควรหายทุ ธวธิ ตี า ง ๆ ท่ีเหมาะสมกับผูเรียนในการอธิบาย เชน ใชวิธีลดรูปของปญหา หรือเลือกใชสื่อ เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมเพ่ือชวยให การเรียนรงู า ยขนึ้ และเพื่อใหผ ูเ รียนตระหนกั ในคณุ คาของคณิตศาสตร ผสู อนควรใชสถานการณทเี่ กย่ี วของกบั ชวี ติ จรงิ เปน ตัวอยางในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑

01 9 5 47 22 ๒. กระบวนก�รจัดก�รเรียนรู การนําชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรไู ปใช ครคู วรเตรยี มตวั ลว งหนา ดังน้ี ๑. ศึกษาโครงสรา งชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู เพอื่ ใหท ราบวาตลอดทง้ั ปการศกึ ษา นกั เรียนตอ งเรยี นรู ทงั้ หมดกี่หนวย แตละหนวยมีหนวยยอ ยอะไรบาง ใชเวลาสอนกช่ี วั่ โมง และมกี ่ีแผน ๒. ศึกษาโครงสรางหนว ยการเรียนรู วาแตละหนวยการเรียนรมู ีเน้ือหาอะไรบาง เน้ือหาละกช่ี ั่วโมง ซึ่งจะ ชวยใหครูผสู อนมองเหน็ ภาพรวมของการสอนในหนวยดงั กลา วไดอยา งชัดเจน ๓. ศึกษาแนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู ซ่ึงอยูหนาแผนแตละแผน เปนการสรุปแนวการจัดกิจกรรมใน แตล ะขนั้ ตอนการสอน ทาํ ใหค รมู องเหน็ ภาพรวมของการจดั การเรียนรใู นชว่ั โมงนนั้ ๆ ๔. ศกึ ษาแผนการจัดการเรยี นรู ตามหวั ขอตอ ไปน้ี ๔.๑ ขอบเขตเน้อื หา เปน เน้อื หาท่นี ักเรียนตอ งเรียนรูในแผนทก่ี ําลังศกึ ษา ๔.๒ สาระสําคัญ เปนความคิดรวบยอดหรือหลักการท่ีนักเรียนควรจะไดหลังจากไดเรียนรูตามแผนท่ี กําหนด ๔.๓ จุดประสงคก ารเรียนรู แบงเปนดานความรู และดานทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร ๔.๔ กจิ กรรมการเรยี นรู แบง เปน ขน้ั นาํ ขน้ั สอน และขน้ั สรปุ ซงึ่ แตล ะขน้ั ครผู สู อนควรศกึ ษาทาํ ความเขา ใจ อยางละเอยี ด นอกจากนคี้ รูควรพจิ ารณาดว ยวา ในแตล ะขั้นตอนการสอน ครจู ะตอ งศกึ ษาวา มี สอ่ื /อุปกรณอ ะไรบาง ๔.๕ สอื่ /แหลงเรียนรู เปนการบอกรายการส่อื อุปกรณ และแหลง เรียนรูทตี่ อ งใชในการจดั กจิ กรรม การเรยี นรูในชว่ั โมงนัน้ ๔.๖ การประเมนิ เปน การบอกทงั้ วธิ กี าร เครอ่ื งมอื และเกณฑก ารประเมนิ สาํ หรบั เครอื่ งมอื การประเมนิ ในชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรูฯ นี้ ไดจ ัดเตรียมไวใ หครูผูส อนเรียบรอยแลว ๓. สือ่ ก�รจดั ก�รเรียนรู กลุ่มส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ ชั้นประถมศึกษ�ปที่ ๒ สอื่ การจัดการเรยี นรู กลุมสาระการเรียนรคู ณติ ศาสตร ช้นั ประถมศึกษาปท ่ี ๒ ประกอบดวย ๓.๑ แผนการจัดการเรียนรู สาํ หรับครูใชเปนแนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนรใู หกับนกั เรยี น ๓.๒ แบบฝกหดั สาํ หรับนักเรยี นใชฝ ก ทกั ษะหลงั จากทาํ ความเขาใจบทเรียน แนวคดิ และความคดิ รวบยอด ท่ีสาํ คัญในบทเรยี นเรอ่ื งนนั้ ๆ ไปแลว ๓.๓ ใบกิจกรรม สําหรบั นักเรียนใชฝกทักษะปฏิบัติ หรือสรางความคิดรวบยอดในบทเรยี น ๓.๔ แบบทดสอบ เปนการวัดความรูความเขา ใจตามตวั ชวี้ ดั ทกี่ ําหนดไวในหลักสูตร แบบฝกหัด ใบกิจกรรมและแบบทดสอบของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ ๒ ไดมีการกําหนดสัญลักษณ รปู ดาว ๕ แฉกจาํ นวน ๑ ดวง และแถบสีชมพู โดย 1 6 5 4 7 9 0๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

1 65 7 90 ฝ. หมายถงึ แบบฝก หดั ก. หมายถงึ ใบกจิ กรรม ท. หมายถงึ แบบทดสอบ ผ. หมายถงึ แผนการจดั การเรยี นรู 22 22เชน ฝ.๑.๖ / ผ.๔ เปน แบบฝก หดั หนวยท่ี ๑ ลาํ ดบั ท่ี ๖ อยูใ นแผนการจดั การเรียนรูที่ ๔ ฝ.๓.๗ / ผ.๖ เปนแบบฝกหัดหนวยที่ ๓ ลําดบั ท่ี ๗ อยูใ นแผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๖ ก.๒.๑ / ผ.๓ เปนใบกิจกรรมหนว ยท่ี ๒ ลําดับที่ ๑ อยูในแผนการจดั การเรียนรทู ี่ ๓ ท.๑.๒ / ผ.๖ เปน แบบทดสอบหนวยที่ ๑ ลําดบั ท่ี ๒ อยูในแผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๕ หมายเหตุ ลําดบั ท่ขี องแบบฝก หัด ใบกจิ กรรม และแบบทดสอบจะเรียงตอกนั จนครบทกุ แผนในแตล ะหนวย เมอ่ื ขึ้นหนว ยใหมลําดบั ทีข่ องแบบฝก หัด ใบกจิ กรรม และแบบทดสอบจะเริ่มตน ใหม ๔. ลกั ษณะชุดก�รจัดกจิ กรรมก�รเรียนรู กลุ่มส�ระก�รเรยี นรูค ณติ ศ�สตร์ ช้นั ประถมศึกษ�ปท่ี ๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ จดั ทาํ เปน หนว ยการเรยี นรู (Learning Unit) โดยผา นการวเิ คราะหม าตรฐานและตวั ชวี้ ดั กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มาจดั ทําเปน หนว ยการเรยี นรูใ นแตละภาคเรยี น ดงั น้ี ภาคเรียนที่ ๑ ประกอบดว ย หนว ยการเรียนรู ๕ หนวย ดงั น้ี หนวยที่ ๑ จาํ นวน หนวยท่ี ๒ การดาํ เนินการของจํานวน หนวยยอยท่ี ๒.๑ การบวก การลบ (ไมเ กิน ๑,๐๐๐) หนว ยท่ี ๓ เรขาคณติ หนวยท่ี ๔ แบบรูป หนวยท่ี ๕ เวลา 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๓

01 9 5 47 22 ภาคเรียนที่ ๒ ประกอบดว ย ๓ หนว ย ดงั น้ี หนว ยท่ี ๒ การดําเนินการของจํานวน หนวยยอ ยที่ ๒.๒ การคูณ การหาร หนวยที่ ๖ การวัด หนว ยยอยที่ ๖.๑ การวัดนา้ํ หนกั หนวยยอ ยที่ ๖.๒ การวดั ความยาว หนว ยยอยท่ี ๖.๓ การวดั ปรมิ าตร หนว ยท่ี ๗ สถติ ิ ๕ แผนก�รจัดก�รเรยี นรู กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรคู ณิตศ�สตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษ�ปท ี่ ๒ การจัดทําแผนการจัดการเรียนรู กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร ช้ันประถมศึกษาปท่ี ๒ กําหนดให สอดคลอ งกบั หนวยการเรยี นรู แตละหนวยการเรยี นรปู ระกอบดวยแผนการจัดการเรียนรูหลายแผน แผนละ ๑ ชว่ั โมง โดยมีองคป ระกอบของแผนการจัดการเรียนรูค ือ ขอบเขตเนือ้ หา สาระสําคญั จดุ ประสงคการเรยี นรซู ง่ึ มที งั้ ดานความรู และดานทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร กิจกรรมการเรียนรู ส่ือ/แหลงเรียนรู และการประเมิน สําหรับ แผนการจัดการเรียนรูทุกแผนจะมีแนวการจัดกิจกรรมการเรียนรูอยูหนาแผนทุกแผนซึ่งเปนการสรุปภาพรวมของ การจดั กิจกรรมการเรยี นรูในชั่วโมงนน้ั ๆ ในทกุ ขนั้ ตอนการสอนต้งั แตขั้นนํา ข้นั สอน ข้นั สรปุ และการประเมินผล 1 6 5 4 7 9 0๔ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

1 6 5 7 90 22 22โครงสร� งชุดก�รจัดกิจกรรมก�รเรยี นรู กลุม่ ส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์ ชั้นประถมศึกษ�ปท ี่ ๒ หน่วยท่ี ๗ หนว่ ยที่ ๑ หน่วยท่ี ๒ สถติ ิ จ�ำ นวน ก�รดำ�เนนิ ก�ร (๑๘ ชว่ั โมง) ของจำ�นวน (๘ ชว่ั โมง) (๗๔ ชัว่ โมง) หนว่ ยที่ ๖ ป.๒ ก�รวัด หน่วยที่ ๓ (๓๖ ชัว่ โมง) ๒๐๐ ช่วั โมง/ป เรข�คณิต (๑๑ ชั่วโมง) หน่วยที่ ๕ หนว่ ยท่ี ๔ เวล� แบบรปู (๑๐ ช่วั โมง) (๑๖ ช่ัวโมง) หม�ยเหตุ เวลารวมของทุกหนวยเปน ๑๗๓ ชัว่ โมง รวมกับการวดั ผลประเมนิ ผล และกิจกรรมเสรมิ การเรยี นรูคณติ ศาสตรเปน ๒๐๐ ช่ัวโมง/ป 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๕

01 9 5 47 22 ก�ำ หนดเวล�ก�รสอนคณิตศ�สตร์ ชัน้ ประถมศึกษ�ปท่ี ๒ ภ�คเรยี นท่ี ๑ จ�ำ นวน ภ�คเรียนท่ี ๒ จ�ำ นวน ชวั่ โมง ชว่ั โมง หน่วยก�รเรยี นรู ๑๘ หน่วยก�รเรียนรู ๔๗ ๒๗ หนว่ ยที่ ๑ จ�ำ นวน หน่วยที่ ๒ ก�รดำ�เนินก�รของ ๓๖ หน่วยท่ี ๒ ก�รดำ�เนนิ ก�รของจ�ำ นวน ๑๑ จำ�นวน ๘ หนว ยยอ ยที่ ๒.๑ ๑๐ หนว ยยอยที่ ๒.๒ ๙ การบวก การลบ (ไมเ กนิ ๑,๐๐๐) ๑๖ การคูณ การหาร หนว่ ยที่ ๓ เรข�คณติ ๑๘ หนว่ ยท่ี ๖ ก�รวดั ๑๐๐ หน่วยที่ ๔ แบบรปู หน่วยท่ี ๗ สถติ ิ หน่วยท่ี ๕ เวล� กจิ กรรมเพ่มิ เตมิ ส�ำ หรับโรงเรียน กจิ กรรมเพิ่มเตมิ ส�ำ หรับโรงเรยี น รวม ๑๐๐ รวม 1 6 5 4 7 9 0๖ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

1 6 5 7 90 โครงสร� งหนว่ ยก�รเรยี นรู หนว่ ยที่ ๒ ก�รดำ�เนินก�รของจ�ำ นวน กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรคู ณิตศ�สตร์ ช้ันประถมศกึ ษ�ปท ี่ ๒ 22 22หนว่ ยที่ ๒ ก�รด�ำ เนนิ ก�รของ จำ�นวน (๗๔ ชว่ั โมง) หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ หนว่ ยย่อยที่ ๒.๒ ก�รบวก ก�รลบ ก�รคณู ก�รห�ร (ไม่เกิน ๑,๐๐๐) (๒๗ ชัว่ โมง) (๔๗ ชวั่ โมง) 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๗

01 9 5 47 22 โครงสร� งหน่วยก�รเรียนรู หนว่ ยที่ ๒ ก�รด�ำ เนินก�รของจ�ำ นวน หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกนิ ๑,๐๐๐) กลุ่มส�ระก�รเรยี นรูคณิตศ�สตร์ ชน้ั ประถมศึกษ�ปที่ ๒ ก�รบวก (๗ ชว่ั โมง) ก�รบวกและก�รลบ ก�รลบ จ�ำ นวน ไมเ่ กนิ ๑๐๐ (๕ ชัว่ โมง) โจทย์ปญ ห�ก�รบวก (๓ ช่ัวโมง) และโจทย์ปญ ห�ก�รลบ ก�รห�ค่� หนว่ ยย่อยที่ ๒.๑ (๗ ชวั่ โมง) ตัวไม่ทร�บค่�ใน ก�รบวก ก�รลบ ประโยคก�รบวก (ไม่เกนิ ๑,๐๐๐) (๒๗ ช่ัวโมง) และก�รลบ (๒ ช่วั โมง) ก�รสร� งโจทย์ปญ ห� กจิ กรรมรว่ มคิดรว่ มทำ� ก�รบวกและ จ�ำ นวนของฉัน (๑ ชว่ั โมง) โจทย์ปญ ห�ก�รลบ (๒ ชวั่ โมง) 1 6 5 4 7 9 0๘ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

22 1 6 5 7 90 22 ม�ตรฐ�นก�รเรยี นรูและตัวชี้วดั ของหนว่ ยก�รเรยี นรู หน่วยท่ี ๒ ก�รดำ�เนนิ ก�รของจำ�นวน หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกิน ๑,๐๐๐) กลุม่ ส�ระก�รเรียนรูคณติ ศ�สตร์ ชน้ั ประถมศึกษ�ปท่ี ๒ ส�ระท่ี ๑ จ�ำ นวนและพชี คณติ ม�ตรฐ�น ค ๑.๑ เข� ใจคว�มหล�กหล�ยของก�รแสดงจ�ำ นวน ระบบจ�ำ นวน ก�รด�ำ เนนิ ก�รของจ�ำ นวน ผลทเี่ กดิ ขนึ้ จ�กก�รด�ำ เนนิ ก�ร สมบตั ขิ องก�รด�ำ เนนิ ก�ร และน�ำ ไปใช ตวั ชวี้ ดั ค ๑.๑ ป.๒/๔ หาคาของตัวไมทราบคาในประโยคสัญลักษณแสดงการบวกและประโยคสัญลักษณแสดง การลบของจาํ นวนนบั ไมเ กนิ ๑,๐๐๐ และ ๐ ค ๑.๑ ป.๒/๘ แสดงวธิ หี าคาํ ตอบของโจทยป ญ หา ๒ ขนั้ ตอนของจาํ นวนนบั ไมเ กนิ ๑,๐๐๐ และ ๐ ทกั ษะและกระบวนก�รท�งคณติ ศ�สตร์ ๑. การแกป ญ หา ๒. การสอื่ สารและการสอื่ ความหมายทางคณติ ศาสตร ๓. การเชอื่ มโยง ๔. การใหเ หตผุ ล ๕. การคดิ สรา งสรรค 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๙



22 1 6 5 7 90 22 แผนการจดั การเรยี นรู หนว่ ยที่ ๒ ก�รด�ำ เนินก�รของจ�ำ นวน หนว่ ยย่อยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐) 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑๑

01 9 5 47 22 1 6 5 4 7 9 0๑๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 1 6 5 7 902 2 แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ่ี ๑ แนวก�รจดั กจิ กรรมก�รเรียนรู ขน้ั น�ำ ทบทวนสถานการณก ารบวกและการลบจาํ นวนนบั ไมเกิน 100 ข้ันสอน การบวกและการลบจาํ นวนนบั ไมเ กนิ 100 ทาํ แบบฝก หัด 2.1 ขน้ั สรปุ ครแู ละนักเรยี นรวมกนั สรปุ การบวกและการลบจาํ นวนนบั ไมเกนิ 100 2 ก�รวัดและประเมนิ ผล - ประเมนิ จากการตอบคาํ ถามและการทําแบบฝก หัด 2.1 - ประเมนิ จากการแกป ญหา และการส่อื สารและส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร ๑๓

๑๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรูคณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรียนรทู ่ี ๑ ชนั้ ป.๒ 01 9 หนว่ ยที่ ๒ ก�รดำ�เนนิ ก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ชั่วโมง หนว่ ยยอ่ ยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐) ขอบเขตเนื้อห� กิจกรรมก�รเรียนรู สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู 1. การบวกจาํ นวนสองจาํ นวน ขั้นนำ� 1. บัตรภาพแสดงจํานวนนม ท่ผี ลบวกไมเกิน 100 รสตาง ๆ ที่แมซ ือ้ ไปบริจาค 1. ครูตดิ บตั รภาพแสดงจาํ นวนนมรสตาง ๆ ทแี่ มซื้อไปบรจิ าค ดังน้ี 2. แผน ตารางสบิ แผน ตารางหนว ย 2. การลบจาํ นวนสองจาํ นวน นมรสจดื 40 กลอ ง นมรสหวาน 30 กลอง นมรสชอกโกแลต 26 กลอง ทีต่ ัวตั้งไมเ กนิ 100 3. ตารางรอ ย นมถั่วเหลือง 25 กลอง นมเปรี้ยว 15 กลอ ง นมรสสตอเบอร่ี 8 กลอ ง 4. แบบฝก หดั 2.1 นมรสกาแฟ 34 กลอ ง นมรสกลว ย 9 กลอง นมถว่ั เหลอื งงาดาํ 44 กลอง ก�รประเมนิ ครกู ําหนดสถานการณก ารบวกการลบ ใหนกั เรยี นหาคําตอบและบอกวธิ ใี นการหาคาํ ตอบ 1) แมซื้อนมรสหวานกบั รสสตอเบอรที่ ั้งหมดกีก่ ลอ ง (38 กลอง) คดิ ไดอ ยา งไร 1. วิธกี �ร 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู (นาํ จาํ นวนนมรสหวานรวมกับนมรสสตอเบอรี่ หรอื 30 + 8 = 38) 1.2 ตรวจแบบฝกหดั 2) แมซ ือ้ นมเปรีย้ วกับนมรสจดื ทั้งหมดกก่ี ลอง (55 กลอง) คิดไดอ ยา งไร 2. เครื่องมอื (นาํ จาํ นวนนมเปรย้ี วรวมกบั นมรสจดื หรอื 15 + 40 = 55) 2.1 แบบฝก หดั 2.1 3) แมซ ้อื นมรสจดื มากกวา นมรสหวานก่กี ลอ ง (10 กลอ ง) คิดไดอ ยา งไร 2.3 แบบประเมินทักษะและ (นาํ จํานวนนมรสจดื ลบดวยจาํ นวนนมรสหวาน หรือ 40 – 30 = 10) กระบวนการทางคณติ ศาสตร 4) แมซ อื้ นมเปร้ียวนอยกวา นมถ่ัวเหลอื งกกี่ ลอ ง (10 กลอง) คิดไดอ ยางไร (นําจํานวนนมถวั่ เหลอื งลบดวยจาํ นวนนมเปรีย้ ว หรือ 25 – 15 = 10) ส�ระสำ�คญั 5 47 1. การรวมจาํ นวนของสง่ิ ตา ง ๆ ต้ังแตสองจํานวนขึ้นไปเปน สถานการณการบวก ซ่ึงอาจหา ผ ล บ ว ก ไ ด  โ ด ย ใ ช  ก า ร นั บ ต  อ การทําใหครบสิบ ความสัมพันธ ของจํานวนแบบสวนยอย - 2 2สวนรวม และการตง้ั บวก

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลมุ่ ส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรียนรทู ี่ ๑ 2 2 หน่วยท่ี ๒ ก�รดำ�เนินก�รของจ�ำ นวน หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐) ช้นั ป.๒ เวล� ๑ ช่วั โมง 1 6 5 7 90 2. การเปรียบเทียบจํานวน ขั้นสอน 3. เกณฑ์ สองจาํ นวนแลว บอกวา จาํ นวนหนง่ึ 3.1 ผลงานมีความถูกตอง มากกวา อกี จาํ นวนหนงึ่ อยเู ทา ไร 2. ครูกําหนดสถานการณการบวกการลบจากบัตรภาพแสดงจํานวนนมรสตาง ๆ ที่แมซื้อไปบริจาค เปนสถานการณการลบ ซ่ึงอาจ บนกระดาน ใหน ักเรยี นหาคาํ ตอบพรอมแสดงวิธีหาคาํ ตอบ ดงั น้ี ไมน อยกวา รอ ยละ 80 หาผลลบไดโ ดยใชก ารนบั ถอยหลงั นมรสจืด 40 กลอง นมรสหวาน 30 กลอ ง นมรสชอกโกแลต 26 กลอง 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ ความสัมพันธของจํานวนแบบ นมถ่วั เหลือง 25 กลอ ง นมเปรย้ี ว 15 กลอง นมรสสตอเบอร่ี 8 กลอ ง สว นยอ ย - สว นรวม และการตงั้ ลบ นมรสกาแฟ 34 กลอง นมรสกลว ย 12 กลอง นมถั่วเหลอื งงาดาํ 44 กลอ ง และกระบวนการทางคณิตศาสตร ไมนอ ยกวา รอยละ 60 จดุ ประสงคก์ �รเรยี นรู สถ�นก�รณ์ท่ี 1 แมซื้อนมรสกาแฟกับรสสตอเบอรี่ทั้งหมดก่ีกลอง (42 กลอง) คิดไดอยางไร ด�นคว�มรู (นําจํานวนนมรสกาแฟรวมกับนมรสสตอเบอรี่ หรือ 34 + 8 = 42) ครูเขียนประโยคสัญลักษณ 2 34 + 8 = ■ บนกระดาน จากน้นั ใหตัวแทนนักเรยี นออกมานาํ เสนอวธิ ีหาคําตอบ ซ่ึงอาจไดด ังน้ี เพอ่ื ใหน กั เรยี นสามารถ 1. หาผลบวกของจํานวนสอง วธิ ีท่ี 1 34 + 8 = ■ ใชก ารนบั ตอ จาํ นวนท่ผี ลบวกไมเกนิ 100 เรม่ิ จาก 34 นบั ตอทลี ะ 1 ไป 8 คร้ัง จะได 35 36 37 38 39 40 41 42 2. หาผลลบของจํานวนสอง จาํ นวนที่ตัวตัง้ ไมเ กนิ 100 ดังนนั้ แมซ้อื นมรสกาแฟกบั รสสตอเบอรีท่ งั้ หมด 42 กลอ ง ๑๕

๑๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ี่ ๑ ชั้น ป.๒01 9 หนว่ ยท่ี ๒ ก�รดำ�เนนิ ก�รของจำ�นวน เวล� ๑ ชวั่ โมง หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐) 2 ด� นทกั ษะและกระบวนก�ร วธิ ที ี่ 2 34 + 8 = ■ (ใชค วามสัมพันธของจํานวนแบบสว นยอ ย–สวนรวม) ท�งคณิตศ�สตร์ เพอ่ื ใหน กั เรยี นสามารถ วิธีคดิ 1. แกปญหา 34 + 8 2. สื่อสารและส่ือความหมาย 30 4 ขัน้ ท่ี 1 4 + 8 = 12 ขน้ั ท่ี 2 30 + 12 = 42 ทางคณิตศาสตร ดงั นั้น 34 + 8 = 42 ดงั นัน้ แมซ้ือนมรสกาแฟกับรสสตอเบอร่ีทั้งหมด 42 กลอง 5 47 วธิ ีท่ี 3 34 + 8 = ■ (ใชความสัมพันธข องจาํ นวนแบบสว นยอ ย – สวนรวม กบั การทําใหค รบสิบ) วิธคี ิด 34 + 8 2 32 2 ขน้ั ที่ 1 2 + 8 = 10 ข้นั ท่ี 2 32 + 10 = 42 ดังนั้น 34 + 8 = 42 ดงั นนั้ แมซ ้อื นมรสกาแฟกบั รสสตอเบอรที่ ้งั หมด 42 กลอ ง

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรคู ณิตศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ี่ ๑ 2 2 หน่วยท่ี ๒ ก�รดำ�เนนิ ก�รของจำ�นวน หน่วยย่อยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐) ชนั้ ป.๒ เวล� ๑ ช่วั โมง สถ�นก�รณ์ที่ 2 แมซ้ือนมถ่ัวเหลืองงาดํากับนมรสหวานทั้งหมดกี่กลอง (74 กลอง) คิดไดอยางไร 1 6 5 7 90 (นําจํานวนนมถ่ัวเหลืองงาดํารวมกับนมรสหวาน หรือ 44 + 30 = 74) ครูเขียนประโยคสัญลักษณ 2 44 + 30 = ■ บนกระดาน จากนัน้ ใหตวั แทนนกั เรยี นออกมานําเสนอวธิ ีหาคาํ ตอบ ซ่งึ อาจไดดังนี้ วธิ ีที่ 1 44 + 30 = ■ ใชการนบั ตอ เริม่ จาก 44 นบั ตอทลี ะ 10 ไป 3 ครั้ง จะได 54 64 74 ดงั นน้ั แมซื้อนมถัว่ เหลืองงาดํากับนมรสหวานท้งั หมด 74 กลอ ง วิธที ่ี 2 44 + 30 = ■ ใชก ารนบั ตอบนตารางรอย ครูแนะนําการหาผลบวกโดยใชการนับตอ บนแผนตารางรอย 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 เร่มิ ตนท่ี 44 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 นบั ตอจาก 44 ทีละ 10 ไป 3 ครัง้ 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 จะได 54 64 74 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 ดงั นั้น แมซ ้ือนมถวั่ เหลอื งงาดาํ 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 กับนมรสหวานทั้งหมด 74 กลอง 71 72 73 74 75 76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86 87 88 89 90 ๑๗ 91 92 93 94 95 96 97 98 99 100

๑๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรียนรูค ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรูที่ ๑ ชน้ั ป.๒01 9 หน่วยท่ี ๒ ก�รดำ�เนินก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ชั่วโมง หนว่ ยย่อยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐) สถ�นก�รณ์ท่ี 3 แมซ ื้อนมชอ็ กโกแลตกบั นมรสกลวยท้ังหมดกก่ี ลอง (38 กลอง) คิดไดอ ยา งไร (นาํ จํานวน 5 47 นมช็อกโกแลตรวมกับนมรสกลว ย หรือ 26 + 12 = 38) ครูเขยี นประโยคสัญลกั ษณ 26 + 12 = ■ บนกระดาน จากนัน้ ครูแนะนาํ วิธหี าคําตอบ ซึ่งอาจไดดังน้ี วธิ ที ี่ 1 26 + 12 = ■ ใชแผนตารางสิบ แผนตารางหนวย โดยครูถามคําถาม เชน - 26 ตองใชแผน ตารางสิบ และแผน ตารางหนวยอยา งละก่ีแผน (แผน ตารางสบิ 2 แผน หรอื 2 สบิ และแผนตารางหนวย 6 แผน หรือ 6 หนวย) - 12 ตองใชแผนตารางสิบ และแผนตารางหนวยอยางละก่ีแผน (แผน ตารางสบิ 1 แผน หรอื 1 สิบ และแผน ตารางหนวย 2 แผน หรอื 2 หนวย) - แผนตารางสิบรวมกันท้งั หมดกแ่ี ผน ( 3 แผน ) แสดงจํานวนใด (30) 2 2 - แผนตารางหนว ยรวมกนั ทัง้ หมดก่ีแผน (8 แผน ) แสดงจาํ นวนใด (8) - แผนตารางสบิ และแผนตารางหนว ยรวมกันแสดงจํานวนใด (38) - 26 + 12 เทา กับเทา ไร (38) ดังน้ัน แมซ ื้อนมช็อกโกแลตกบั นมรสกลว ยทงั้ หมด 38 กลอ ง

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลุม่ ส�ระก�รเรยี นรูคณิตศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ี่ ๑ 2 2 หน่วยท่ี ๒ ก�รด�ำ เนนิ ก�รของจ�ำ นวน หนว่ ยย่อยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกิน ๑,๐๐๐) ชั้น ป.๒ เวล� ๑ ชวั่ โมง วิธีท่ี 2 26 + 12 = ■ ใชก ารตงั้ บวก 6+ 1 6 5 7 90 2 2 2 1 8 3 ดงั น้ัน แมซื้อนมชอ็ กโกแลตกบั นมรสกลวยทั้งหมด 38 กลอ ง สถ�นก�รณ์ที่ 4 แมซื้อนมเปร้ยี วมากกวา นมรสสตอเบอร่กี กี่ ลอ ง (7 กลอ ง) คิดไดอ ยา งไร (นาํ จํานวน นมเปรี้ยวลบดวยนมรสสตอเบอร่ี หรอื 15 – 8 = 7) ครูเขยี นประโยคสญั ลักษณ 15 – 8 = ■ บนกระดาน จากนั้นใหตวั แทนนกั เรียนออกมานาํ เสนอวธิ หี าคําตอบ ซ่ึงอาจไดดงั นี้ วิธีที่ 1 15 – 8 = ■ ใชการนับถอยหลงั นับถอยหลงั จาก 15 ทลี ะ 1 ไปถึง 8 ดงั นี้ 14 13 12 11 10 9 8 จะได 7 ครง้ั วธิ ที ี่ 2 15 – 8 = ■ ใชความสัมพนั ธข องจาํ นวนแบบสว นยอย – สวนรวม 15 – 8 ขั้นที่ 1 10 – 8 = 2 5 10 ข้ันที่ 2 5 + 2 = 7 ดงั น้นั 15 – 8 = 7 ๑๙ ดงั นั้น แมซ้อื นมเปร้ียวมากกวานมรสสตอเบอร่ี 7 กลอ ง

๒๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรียนรทู ่ี ๑ ชน้ั ป.๒01 9 หน่วยที่ ๒ ก�รดำ�เนินก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ช่วั โมง หนว่ ยยอ่ ยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกิน ๑,๐๐๐) 2 วธิ ที ่ี 3 15 – 8 = ■ ใชก ารตง้ั ลบ 10 155 – 8 7 ดังน้ัน แมซ้อื นมเปรีย้ วมากกวา นมรสสตอเบอร่ี 7 กลอง 5 47 จากนัน้ ใหน กั เรยี นทาํ แบบฝกหดั 2.1 ข้ันสรปุ 3. ครูและนกั เรยี นรว มกนั สรปุ วา - การรวมจํานวนของส่งิ ตา ง ๆ ต้งั แตส องจาํ นวนขน้ึ ไปเปนสถานการณการบวก ซงึ่ อาจหาผลบวก ไดโดยใชการนับตอ การทําใหครบสิบ ความสัมพันธของจํานวนแบบสวนยอย - สวนรวม และ การต้งั บวก 2 - การเปรียบเทียบจํานวนสองจํานวนแลวบอกวาจํานวนหนึ่งมากกวาอีกจํานวนหน่ึงอยูเทาไร เปนสถานการณการลบ ซึ่งอาจหาผลลบไดโดยใชการนับถอยหลัง ความสัมพันธของจํานวน แบบสว นยอย - สว นรวม และการตง้ั ลบ

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 1 6 5 7 902 2 แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ่ี ๒ แนวก�รจัดกิจกรรมก�รเรียนรู ขัน้ นำ� ทบทวนการบวกจาํ นวนนับไมเ กนิ 20 โดยการทาํ ใหครบสบิ และการนับตอบนเสนจํานวนในการหาผลบวก ขนั้ สอน การหาผลบวกของจํานวนนบั ทผี่ ลบวกไมเกิน 100 โดยใชเสน จาํ นวน ทาํ แบบฝกหดั 2.2 ขนั้ สรุป ครูและนักเรยี นรว มกันสรปุ การหาผลบวกของจํานวนนับท่ผี ลบวกไมเกิน 100 โดยใชเ สน จาํ นวน 2 ก�รวดั และประเมินผล - ประเมนิ จากการตอบคําถามและการทาํ แบบฝก หดั 2.2 - ประเมนิ จากการแกปญหา และการสอื่ สารและส่ือความหมายทางคณติ ศาสตร ๒๑

๒๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ี่ ๒ ชั้น ป.๒01 9 หนว่ ยท่ี ๒ ก�รดำ�เนนิ ก�รของจำ�นวน เวล� ๑ ชวั่ โมง หน่วยย่อยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐) ขอบเขตเน้อื ห� กิจกรรมก�รเรยี นรู สอื่ /แหลง่ เรียนรู การบวกจํานวนนับที่ผลบวก ข้นั นำ� 1. บัตรโจทยก ารบวก ไมเ กนิ 100 โดยใชเ สน จาํ นวน 1. ครูทบทวนการหาผลบวกของจํานวนสองจํานวน โดยครเู ขยี น 13 + 7 = ■ บนกระดาน และถาม 2. เสน จํานวน วธิ ีการหาคาํ ตอบ ซ่งึ อาจใชวธิ กี าร ดงั นี้ 3. แบบฝกหดั 2.2 ส�ระส�ำ คญั วิธีที่ 1 ใชก ารทาํ ใหค รบสบิ การบวกจํานวนสองจํานวน ครใู หน ักเรียนสังเกตวา 7 รวมกับจํานวนใดได 10 (3) และ 13 เกิดจาก 10 รวมกับ 3 จึงเขียน ก�รประเมิน อาจหาผลบวกโดยใชการนับตอ แผนภาพแสดงได ดงั นี้ 1. วิธีก�ร บนเสน จาํ นวน 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู 5 47 13 + 7 = ■ 1.2 ตรวจแบบฝกหัด จดุ ประสงค์ก�รเรยี นรู 13 + 7 ขนั้ ที่ 1 7 + 3 = 10 2. เคร่อื งมอื ด�นคว�มรู 2.1 แบบฝกหัด 2.2 ขน้ั ที่ 2 10 + 10 = 20 2.3 แบบประเมินทักษะและ เพื่อใหนักเรียนสามารถหา 10 + 3 ดงั นน้ั 13 + 7 = 20 2 ผลบวกจํานวนนับที่ผลบวก วธิ ีที่ 2 การนบั ตอ บนเสนจาํ นวน กระบวนการทางคณติ ศาสตร ไมเ กิน 100 โดยใชเสนจํานวน ครูเขียนแสดงการหาผลบวกโดยใชเ สนจํานวน ดังนี้ 2 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 เรมิ่ จาก 0 ไป 13 แลวนบั ตอ ทลี ะ 1 ไปอีก 7 จะได 20

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลมุ่ ส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ี่ ๒ 2 2 หนว่ ยที่ ๒ ก�รด�ำ เนินก�รของจ�ำ นวน หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกิน ๑,๐๐๐) ชัน้ ป.๒ เวล� ๑ ชัว่ โมง ด� นทกั ษะและกระบวนก�ร จากน้ันครูเขียน 7 + 13 = ■ บนกระดาน ใหตัวแทนนักเรียนออกมาแสดงวิธีหาคําตอบ 3. เกณฑ์ 1 6 5 7 90 ท�งคณติ ศ�สตร์ บนเสน จาํ นวน ซึง่ จะไดด งั น้ี 3.1 ผลงานมีความถูกตอง เพือ่ ใหน กั เรยี นสามารถ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 ไมน อยกวา รอยละ 80 1. แกปญหา 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ 2. สื่อสารและส่ือความหมาย เร่มิ จาก 0 ไป 7 แลวนบั ตอ ทลี ะ 1 ไปอีก 3 จะได 10 แลว ตอ ไปอีก 10 จะได 20 ทางคณติ ศาสตร ครูใหนักเรียนสังเกตผลบวกของ 13 + 7 = ■ และ 7 + 13 = ■ ซึ่งมีผลบวกเทากัน และกระบวนการทางคณิตศาสตร ครูและนักเรียนจงึ รว มกันสรุปวา การบวกจาํ นวนสองจาํ นวนเม่ือสลับทกี่ ันผลบวกยงั คงเทากนั ไมนอ ยกวารอยละ 60 2. ครูเขยี นโจทยก ารบวก ดงั นี้ 1) 13 + 6 = ■ 2) 9 + 7 = ■ 3) 8 + 11 = ■ ใหน กั เรียนแสดงวิธีหาผลบวก โดยใชการนบั ตอ บนเสนจํานวน ดงั น้ี 2 1) 13 + 6 = ■ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 เริม่ จาก 0 ไป 13 แลวนบั ตอ ทีละ 1 ไปอกี 6 จะได 19 ดังนนั้ 13 + 6 = 19 ๒๓

๒๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรียนรูคณิตศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ี่ ๒ ชัน้ ป.๒01 9 หนว่ ยท่ี ๒ ก�รด�ำ เนินก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ชัว่ โมง หนว่ ยยอ่ ยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกิน ๑,๐๐๐) 2 2) 9 + 7 = ■ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 5 47 เร่ิมจาก 0 ไป 9 แลว นบั ตอไปอีก 1 จะได 10 แลว ตอไปอกี 6 จะได 16 ดงั นนั้ 9 + 7 = 16 3) 8 + 5 = ■ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 เริ่มจาก 0 ไป 8 แลวตอ ไปอกี 2 จะได 10 แลว ตอ ไปอีก 3 จะได 13 ดงั นัน้ 8 + 5 = 13 ขนั้ สอน 2 4. ครเู ขยี นโจทยก ารบวก 24 + 10 = ■ บนกระดาน ครถู ามถงึ วธิ กี ารเขยี นแสดงจาํ นวนบนเสน จาํ นวน เพื่อหาคําตอบ ดงั น้ี - จากโจทยก ารบวก 24 + 10 = ■ ควรเริม่ ตนการบวกท่จี าํ นวนใด (24) - เราจะเขียนแสดงการหาผลบวกบนเสนจํานวนโดยดําเนินการอยางไร (เร่ิมตนจาก 0 ไป 24 จากนั้น นบั ตอทีละ 1 ไปอีก 10 คร้ัง เปน 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 จะได 34 หรอื นับตอไปอีก 10 จะได 34)

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ี่ ๒ 2 กลุม่ ส�ระก�รเรียนรูค ณิตศ�สตร์ หน่วยย่อยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกนิ ๑,๐๐๐) ชน้ั ป.๒ หน่วยที่ ๒ ก�รดำ�เนนิ ก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ชัว่ โมง ครเู ขยี นแสดงการหาผลบวกของ 24 + 10 = ■ โดยใชเสน จํานวนบนกระดาน 2 1 6 5 7 90 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 เริ่มจาก 0 ไป 24 แลว นับตอ ทลี ะ 1 ไปอีก 10 จะได 34 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 หรือเริ่มจาก 0 ไป 24 แลวนับตอ ไปอกี 10 จํานวน 1 คร้ัง จะได 34 จากนน้ั ครแู นะนําวา อาจเขียนแสดงการหาผลบวกโดยเริม่ จาก 24 ดังน้ี 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 เริม่ จาก 24 แลว ตอ ไปอีก 10 จะได 34 2 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 หรอื เร่ิมจาก 24 แลว นับตอ ทีละ 1 ไปอกี 10 จะได 34 ดังน้ัน 24 + 10 = 34 ๒๕

๒๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรยี นรคู ณิตศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรียนรทู ี่ ๒ ช้นั ป.๒01 9 หน่วยที่ ๒ ก�รดำ�เนินก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ชว่ั โมง หน่วยย่อยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐) 2 5. ครูเขยี นโจทยการบวก 24 + 14 = ■ บนกระดาน แลวถามนักเรยี นดังน้ี 14 - ควรเริม่ ตนการบวกทจ่ี ํานวนใด (24) - จาํ นวนท่นี าํ มาบวกคอื จาํ นวนใด (14) - เขยี นแสดงความสัมพนั ธแ บบสว นยอย – สวนรวมของ 14 ไดอ ยา งไร 10 4 (14 = 10 + 4) - ดงั นนั้ 24 + 14 = ■ สามารถหาคําตอบไดโดย นาํ 24 มาบวกกับจํานวนใด (10 กบั 4) ครูเขียนแสดงการหาผลบวกบนเสน จํานวนของ 24 + 10 = ■ บนกระดาน ดังนี้ 5 47 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 เร่มิ จาก 24 ตอไปอีก 10 จะได 34 แลวนับตอ ทลี ะ 1 ไปอีก 4 จะได 38 2 ดงั นัน้ 24 + 14 = 38

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ี่ ๒ 2 กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรูคณติ ศ�สตร์ หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกนิ ๑,๐๐๐) ชน้ั ป.๒ หน่วยที่ ๒ ก�รดำ�เนินก�รของจำ�นวน เวล� ๑ ชวั่ โมง ครูยกตัวอยา งในทาํ นองเดียวกนั แลว ใหนกั เรยี นหาคาํ ตอบโดยใชเสน จํานวน ดงั นี้ 2 1 6 5 7 90 35 + 22 = ■ บนกระดาน แลวถามนักเรียนดงั น้ี 22 - ควรเร่ิมตน การบวกทจ่ี ํานวนใด (35) 20 2 - จํานวนท่ีนาํ มาบวกคือจาํ นวนใด (22) - เขียนแสดงความสมั พันธแ บบสว นยอย – สว นรวมของ 22 ไดอ ยางไร (22 = 20 + 2) - ดังนั้น 35 + 22 = ■ สามารถหาคาํ ตอบไดโ ดย นาํ 35 มาบวกกบั จํานวนใด (20 กับ 2) ครูแนะนําวา 22 = 20 + 2 หรือ 22 = 10 + 10 + 2 จากน้ันครูเขียนแสดงการหาผลบวก บนเสน จาํ นวนของ 35 + 22 = ■ บนกระดาน ดงั น้ี 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 เรมิ่ จาก 35 นับไปอกี 10 จะได 45 แลวนบั ตอ ไปอกี 10 จะได 55 แลว นับตอ ทลี ะ 1 ไปอกี 2 จะได 57 หรอื เร่ิมจาก 35 นับไปอีก 10 กับอกี 10 กบั อกี 2 จะได 57 2 ดังน้นั 35 + 22 = 57 จากนนั้ ใหนกั เรียนทําแบบฝก หัด 2.2 ขน้ั สรปุ 6. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ วา การบวกจาํ นวนสองจาํ นวนอาจหาผลบวกโดยใชก ารนบั ตอ บนเสน จาํ นวน ๒๗

๒๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนก�รจัดก�รเรียนรทู ี่ ๓ 01 9 แนวก�รจัดกิจกรรมก�รเรียนรู ทบทวนการหาผลบวกของจาํ นวนนบั ที่ผลบวกไมเกิน 100 ข้นั นำ� โดยใชการทาํ ใหค รบสิบ การนับตอบนเสนจาํ นวน ความสัมพนั ธแบบสวนยอย - สว นรว ม การนบั รวมแผนตารางสิบและแผน ตารางหนว ย ข้นั สอน การหาผลบวกของจํานวนนบั ทีผ่ ลบวกไมเกิน 1,000 ไมมีการทด 5 47 โดยใชแ ผนตารางรอย แผนตารางสิบ แผนตารางหนวย ทาํ แบบฝก หดั 2.3 ขน้ั สรปุ ครแู ละนักเรยี นรวมกันสรปุ การหาผลบวกของจํานวนนับทผ่ี ลบวกไมเกิน 1,000 ไมมกี ารทด 2 โดยใชแผนตารางรอย แผนตารางสิบ แผนตารางหนวย - ประเมนิ จากการตอบคําถามและการทําแบบฝก หัด 2.3 2 - ประเมนิ จากการแกปญ หา และการสอื่ สารและสือ่ ความหมายทางคณิตศาสตร ก�รวดั และประเมนิ ผล

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลุ่มส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรูท ่ี ๓ 2 2 หน่วยท่ี ๒ ก�รด�ำ เนินก�รของจ�ำ นวน หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกิน ๑,๐๐๐) ชัน้ ป.๒ เวล� ๑ ชวั่ โมง ขอบเขตเนอื้ ห� กิจกรรมก�รเรยี นรู สอ่ื /แหล่งเรยี นรู 1 6 5 7 902 ข้ันนำ� การหาผลบวกของจาํ นวนนบั 1. บตั รโจทยก ารบวก ทผี่ ลบวกไมเ กนิ 1,000 ไมม กี ารทด 1. ครตู ิดบตั รโจทยก ารบวกตอไปน้ี บนกระดานดํา 2. แผน ตารางรอ ย แผน ตารางสิบ โดยใชแผนตารางรอ ย ตารางสิบ 1) 6 + 58 = ■ และแผนตารางหนวย ตารางหนวย 2) 17 + 25 = ■ 3. แบบฝก หดั 2.3 ส�ระสำ�คัญ ครูสุมนักเรียนแสดงการหาคําตอบหนาช้ันเรียน ซึ่งนักเรียนอาจใชการนับตอ การทําใหครบสิบ ก�รประเมนิ ความสมั พนั ธข องจาํ นวนแบบสวนยอ ย-สว นรวม และการนับตอบนเสนจํานวน ชวยในการหาคาํ ตอบ เชน การบวกจํานวนสองจํานวน 1. วิธีก�ร อาจใชแผนตารางรอย แผน 1) 6 + 58 = ■ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู ตารางสิบ และแผน ตารางหนว ย วิธีที่ 1 ใชการทําใหครบสบิ จะได 1.2 ตรวจแบบฝกหดั ชวยในการหาผลบวก 6 + 58 2. เครื่องมือ จุดประสงคก์ �รเรียนรู ขน้ั ที่ 1 6 + 4 = 10 2.1 แบบฝก หดั 2.3 ด� นคว�มรู 2.3 แบบประเมินทักษะและ 4 54 ข้ันท่ี 2 10 + 54 = 64 เพ่ือใหนักเรียนสามารถหา ดงั นั้น 6 + 58 = 64 กระบวนการทางคณติ ศาสตร ผลบวกจาํ นวนนบั ทผี่ ลบวกไมเ กนิ 1,000 โดยใชแผนตารางรอย วิธีท่ี 2 ก�รนับตอ่ บนเสน จ�ำ นวน ตารางสิบ ตารางหนว ย ครแู นะนาํ นกั เรียนวา เนอื่ งจาก 6 + 58 เทากับ 58 + 6 ดังนั้นเราอาจเรมิ่ คิดจาก 58 ดงั นี้ ๒๙ 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 เรมิ่ จาก 58 แลว ตอไปอกี 2 จะได 60 แลว ตอไปอีก 4 จะได 64

๓๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรยี นรคู ณิตศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรูท่ี ๓ ช้นั ป.๒01 9 หนว่ ยท่ี ๒ ก�รด�ำ เนนิ ก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ชั่วโมง หนว่ ยย่อยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐) 3. เกณฑ์ 3.1 ผลงานมีความถูกตอง ด� นทกั ษะและกระบวนก�ร 2) 17 + 25 = ■ ไมน อ ยกวา รอ ยละ 80 ท�งคณติ ศ�สตร์ 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ วธิ ที ี่ 1 ใชความสมั พันธของจาํ นวนแบบสว นยอย – สวนรวม ดังนี้ และกระบวนการทางคณิตศาสตร เพอ่ื ใหนักเรยี นสามารถ 17 + 25 ขั้นท่ี 1 25 + 5 = 30 ไมนอยกวารอ ยละ 60 1. แกปญ หา ขั้นท่ี 2 12 + 30 = 42 2. ส่ือสารและส่ือความหมาย 12 5 ดงั น้นั 17 + 25 = 42 ทางคณติ ศาสตร วิธที ่ี 2 ใชก ารนบั ตอบนเสนจํานวน 17 + 25 = ■ 5 47 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 46 48 49 50 เริ่มจาก 17 แลวนบั ตอไปอกี 10 จะได 37 นับตอ ไปอีก 3 จะได 40 แลว นับตอไปอกี 2 จะได 42 เน่อื งจาก 17 + 25 = 25 + 17 ดงั น้นั อาจหาผลบวกของ 17 + 25 ไดจ าก 25 + 17 ครแู นะนําใหนักเรยี นเขียนแสดงการหาผลบวกบนเสนจาํ นวนของ 25 + 17 = ■ ดงั น้ี 2 225 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 เริม่ จาก 25 แลวตอ ไปอีก 10 จะได 35 ตอไปอกี 5 จะได 40 แลวตอไปอีก 2 จะได 42

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 แผนก�รจัดก�รเรียนรทู ี่ ๓ 2 กลุ่มส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกนิ ๑,๐๐๐) ชัน้ ป.๒ หนว่ ยท่ี ๒ ก�รด�ำ เนนิ ก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ช่วั โมง วิธีที่ 3 ใชแ ผน ตารางสบิ และแผนตารางหนวย 2 1 6 5 7 90 17 + 25 = ■ 1 สบิ กบั 7 หนว ย 2 สบิ กบั 5 หนว ย 4 สิบ กับ 2 หนวย หรือ 17 หรือ 25 หรือ 42 ดังนนั้ 17 + 25 = 42 2 ๓๑

๓๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ี่ ๓ ช้ัน ป.๒01 9 หน่วยที่ ๒ ก�รดำ�เนินก�รของจำ�นวน เวล� ๑ ชัว่ โมง หน่วยยอ่ ยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกนิ ๑,๐๐๐) ขัน้ สอน 5 47 2. ครูแบงกลุมนักเรียน กลุมละ 3 – 4 คน ครูแจกแผนตารางรอย แผนตารางสิบ แผนตารางหนวย อยา งละ 10 แผน ใหน ักเรียนแตละกลุม กลมุ ละ 1 ชุด จากนัน้ ครูเขียนโจทยการบวกบนกระดาน เชน 1) 40 + 20 = ■ ใหนักเรียนใชแผนตารางสิบ แผนตารางหนวย แสดงจํานวนทั้งสองจํานวนเพื่อหาผลบวก ครูอาจใชคาํ ถาม เชน - 40 ตองใชแผนตารางสิบกี่แผน (4 แผน หรือ 4 สบิ ) - 20 ตองใชแผนตารางสิบกี่แผน (2 แผน หรอื 2 สบิ ) - หาคําตอบของ 40 + 20 = ■ ไดอ ยางไร (นบั แผน ตารางสิบรวมกนั ได 6 แผน หรือ 6 สบิ ) 40 หรือ 4 สบิ 20 หรอื 2 สิบ 2 2ครแู นะนาํ วธิ กี ารนับตอ เรม่ิ จาก 40 นบั ตอทีละ 10 ไป 2 ครง้ั จะได 50 60 ดงั น้นั 40 + 20 = 60

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 แผนก�รจัดก�รเรียนรูที่ ๓ 2 กลมุ่ ส�ระก�รเรียนรคู ณิตศ�สตร์ หน่วยยอ่ ยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐) ช้นั ป.๒ หน่วยที่ ๒ ก�รดำ�เนินก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ชวั่ โมง 2) 140 + 20 = ■ ใหนักเรียนใชแผน ตารางรอย แผนตารางสบิ แผนตารางหนวย แสดงจํานวน 1 6 5 7 90 ทัง้ สองจํานวนเพอื่ หาผลบวก ครอู าจใชคําถามเชน - 140 แสดงดวยแผน ตารางรอย และแผนตารางสิบกแ่ี ผน (แผน ตารางรอย 1 แผน หรอื 1 รอย และแผน ตารางสิบ 4 แผน หรอื 4 สบิ ) - 20 แสดงดวยแผน ตารางสิบกี่แผน (แผน ตารางสบิ 2 แผน หรือ 2 สบิ ) - หาคาํ ตอบของ 140 + 20 = ■ ไดอ ยา งไร (นบั แผน ตารางรอ ย 1 แผน หรอื 1 รอย และ นบั แผนตารางสิบรวมกนั ได 6 แผน หรือ 6 สิบ แลวนับรวมจาํ นวนท้งั หมดจะได 1 รอยกบั 6 สบิ ) 140 หรอื 1 รอ ย กบั 4 สบิ 20 หรอื 2 สบิ 22 140 กับ 20 1 รอย กับ 6 สิบ หรอื 100 กับ 60 หรือ 160 ดงั น้นั 140 + 20 = 160 ๓๓

๓๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรียนรูที่ ๓ ชน้ั ป.๒01 9 หนว่ ยท่ี ๒ ก�รด�ำ เนินก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ช่วั โมง หน่วยย่อยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กนิ ๑,๐๐๐) 2 3) 234 + 123 = ■ ใหน กั เรยี นใชแ ผนตารางรอ ย แผน ตารางสบิ แผนตารางหนว ย แสดงจาํ นวน 5 47 ทง้ั สองจาํ นวนเพ่อื หาผลบวก ครูอาจใชค าํ ถาม เชน - 234 แสดงดวยแผนตารางรอย แผนตารางสิบ และแผนตารางหนวย อยางละก่ีแผน (แผน ตารางรอ ย 2 แผน หรอื 2 รอย แผน ตารางสิบ 3 แผน หรือ 3 สบิ และแผน ตารางหนว ย 4 แผน หรอื 4 หนว ย) - 123 แสดงดวยแผนตารางรอย แผนตารางสิบ และแผนตารางหนวย อยางละก่ีแผน (แผนตารางรอย 1 แผน หรอื 1 รอ ย แผน ตารางสิบ 2 แผน หรอื 2 สบิ และแผน ตารางหนว ย 3 แผน หรือ 3 หนวย) - หาคําตอบของ 234 + 123 = ■ ไดอยางไร นบั แผน ตารางรอ ยรวมกนั ได 3 แผน หรือ 3 รอย นับแผน ตารางสิบรวมกัน ได 5 แผน หรอื 5 สิบ นบั แผนตารางหนว ยรวมกัน ได 7 แผน หรอื 7 หนว ย แลว รวมจํานวนทง้ั หมด จะได 3 รอ ย กับ 5 สบิ กับ 7 หนวย หรอื 300 + 50 + 7 = 357) 2 ดังน้ัน 234 + 123 = 357 234 กับ 123 300 กับ 50 กับ 7 หรือ 357

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลมุ่ ส�ระก�รเรียนรูคณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรียนรูท ี่ ๓ 2 2 หนว่ ยท่ี ๒ ก�รดำ�เนนิ ก�รของจ�ำ นวน หนว่ ยย่อยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐) ชนั้ ป.๒ เวล� ๑ ช่วั โมง 4) 252 + 345 = ■ ใหนกั เรยี นใชแ ผน ตารางรอย แผนตารางสบิ แผน ตารางหนว ย แสดงจํานวน 1 6 5 7 90 สองจํานวนเพ่อื หาผลบวก โดยครอู าจใชค ําถาม เชน 2 - 252 แสดงดวยแผนตารางรอย แผนตารางสิบ และแผนตารางหนวย อยางละกี่แผน (แผน ตารางรอย 2 แผน หรอื 2 รอ ย แผนตารางสบิ 5 แผน หรอื 5 สิบ และแผนตารางหนวย 2 แผน หรือ 2 หนว ย) - 345 แสดงดวยแผนตารางรอย แผนตารางสิบ และแผนตารางหนวย อยางละก่ีแผน (แผนตารางรอย 3 แผน หรอื 3 รอย แผน ตารางสิบ 4 แผน หรอื 4 สบิ และแผน ตารางหนว ย 5 แผน หรือ 5 หนวย) - หาคาํ ตอบของ 252 + 345 = ■ ไดอยา งไร นับแผนตารางรอ ย รวมกนั ได 5 แผน หรอื 5 รอย นับแผน ตารางสิบ รวมกันได 9 แผน หรอื 9 สบิ นบั แผน ตารางหนว ย รวมกันได 7 แผน หรอื 7 หนวย จะได 5 รอย 9 สบิ 7 หนว ย หรือ 500 + 90 + 7 = 597 ดังนนั้ 252 + 345 = 597 ๓๕

๓๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ่ี ๓ ชั้น ป.๒01 9 หน่วยที่ ๒ ก�รดำ�เนินก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ชวั่ โมง หน่วยย่อยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกนิ ๑,๐๐๐) 252 345 500 กับ 90 กบั 7 หรือ 597 5 47 *ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดวา การหาผลบวกของจํานวนสองจํานวนที่ผลบวกไมเกิน 1,000 โดยใชแ ผน ตารางรอ ย แผน ตารางสบิ และแผน ตารางหนว ย ควรรวมแผน ตารางทลี ะชดุ (ชดุ ของ แผนตารางรอย แผนตารางสบิ และแผน ตารางหนวย) แลวจงึ นาํ ผลรวมแตละชุดมารวมกัน ครเู ขยี นโจทยก ารบวกอกี 2-3 ตวั อยา ง ใหน กั เรยี นใชแ ผน ตารางรอ ย แผน ตารางสบิ แผน ตารางหนว ย 2 ชว ยในการหาผลบวก เชน 253 + 146 = ■ , 364 + 214 = ■ , 629 + 150 = ■ จากนนั้ ใหน กั เรียนทําแบบฝก หดั 2.3 2 ขนั้ สรปุ 4. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา การบวกจํานวนสองจํานวน อาจใชแผนตารางรอย แผนตารางสิบ และแผน ตารางหนว ย ชว ยในการหาผลบวก โดยใชก ารนบั รวมแผน ตารางทลี ะจดุ (ชดุ ของแผน ตารางรอ ย แผน ตารางสบิ แผน ตารางหนว ย) จากนน้ั จงึ นาํ ผลรวมแตล ะชดุ มารวมกนั

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )22 แผนก�รจดั ก�รเรยี นรูที่ ๔ แนวก�รจัดกิจกรรมก�รเรยี นรู 1 6 5 7 90 ข้นั น�ำ ทบทวนการหาผลบวกของจาํ นวนนบั ท่ผี ลบวกไมเกนิ 1,000 ไมม ีการทด โดยใชแผน ตารางรอ ย แผน ตารางสิบ แผน ตารางหนวย ขั้นสอน การหาผลบวกของจาํ นวนนบั ทผี่ ลบวกไมเกนิ 1,000 ไมมีการทด โดยใชก ารตั้งบวก ทาํ แบบฝก หดั 2.4 ข้ันสรปุ ครูและนักเรียนรวมกันสรปุ การหาผลบวกของจาํ นวนนบั ทผ่ี ลบวกไมเกนิ 1,000 ไมมีการทด โดยใชก ารต้งั บวก 2 ก�รวัดและประเมนิ ผล - ประเมนิ จากการตอบคาํ ถามและการทาํ แบบฝกหัด 2.4 2 - ประเมนิ จากการสอ่ื สารและสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร ๓๗

๓๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ ส�ระก�รเรียนรคู ณิตศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรูที่ ๔ ชนั้ ป.๒01 9 หนว่ ยที่ ๒ ก�รดำ�เนนิ ก�รของจำ�นวน เวล� ๑ ชั่วโมง หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐) ขอบเขตเนื้อห� กจิ กรรมก�รเรียนรู ส่อื /แหลง่ เรยี นรู การบวกจํานวนสองจํานวน ขัน้ นำ� 1. บตั รโจทยก ารบวก อาจหาผลบวกโดยการต้ังบวก 1. ครูเขียนโจทยการบวกบนกระดาน ใหนักเรียนใชแผนตารางรอย แผนตารางสิบ และแผนตารางหนวย 2. แผน ตารางรอย แผนตารางสิบ ในการหาคําตอบดงั น้ี แผนตารางหนว ย ส�ระสำ�คัญ 3. บตั รตัวเลข 1. การหาผลบวกท่ีไมมี 1) 138 + 11 = ■ 4. แบบฝกหดั 2.4 การทดโดยการตั้งบวกสามารถ หาผลบวกไดโ ดยการเขยี นเลขโดด วิธีคิด ก�รประเมิน 5 47 ในหลกั เดยี วกนั ใหต รงกนั แลว จงึ 1. วิธีก�ร นําจํานวนในหลักเดียวกันมา 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู บวกกัน อาจเริ่มจากหลักหนวย 1.2 ตรวจแบบฝก หดั หลกั สิบ และหลักรอย 2. เครื่องมอื 2. จาํ นวนสองจาํ นวนบวกกนั 2.1 แบบฝกหัด 2.4 เ มื่ อ ส ลั บ ที่ กั น ผ ล บ ว ก ยั ง ค ง 138 กบั 11 1 รอย กบั 4 สิบ กับ 9 หนว ย 2.3 แบบประเมินทักษะและ หรือ 100 กบั 40 กับ 9 หรอื 149 2 เทาเดมิ ดงั นั้น 138 + 11 = 149 2กระบวนการทางคณิตศาสตร

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 แผนก�รจดั ก�รเรยี นรูท่ี ๔ 2 กล่มุ ส�ระก�รเรียนรูคณิตศ�สตร์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐) ช้นั ป.๒ หนว่ ยท่ี ๒ ก�รดำ�เนินก�รของจำ�นวน เวล� ๑ ชวั่ โมง 3. เกณฑ์ จุดประสงคก์ �รเรยี นรู 2) 260 + 136 = ■ 3.1 ผลงานมีความถูกตอง 1 6 5 7 90 ด�นคว�มรู ไมน อ ยกวา รอ ยละ 80 วิธคี ิด 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ เพ่ือใหนักเรียนสามารถหา และกระบวนการทางคณิตศาสตร ผ ล บ ว ก จํ า น ว น นั บ ที่ ผ ล บ ว ก ไมน อยกวารอ ยละ 60 ไมเกิน 1,000 ไมมีการทด โดยการตั้งบวก 2 ด� นทกั ษะและกระบวนก�ร 260 กบั 136 ท�งคณิตศ�สตร์ เพอื่ ใหน กั เรยี นสามารถสอื่ สาร และสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร 2 3 รอย กับ 9 สบิ กับ 6 หนวย หรอื 300 กับ 90 กับ 6 หรอื 396 ดังน้ัน 260 + 136 = 396 ๓๙

๔๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรูคณิตศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ี่ ๔ ชัน้ ป.๒01 9 หน่วยที่ ๒ ก�รด�ำ เนนิ ก�รของจำ�นวน เวล� ๑ ชัว่ โมง หน่วยย่อยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไม่เกนิ ๑,๐๐๐) ขน้ั สอน 2. ครูเขียนโจทยการบวกเพมิ่ เตมิ ใหน กั เรียนใชแ ผน ตารางรอ ย แผน ตารางสิบ และแผนตารางหนว ย ในการหาคําตอบ พรอมถามคําถามดังนี้ 1) 546 + 123 = ■ 546 หรอื 5 รอย กบั 4 สบิ กบั 6 หนวย 5 47 546 มีกรี่ อย ก่ีสบิ กี่หนว่ ย (5 รอ ย กบั 4 สิบ กบั 6 หนวย) - 5 อยใู นหลกั ใด (หลกั รอย) มีคาเทาไร (500) - 4 อยใู นหลักใด (หลกั สบิ ) มีคา เทาไร (40) - 6 อยูในหลักใด (หลักหนว ย) มคี า เทา ไร (6) 2 2ครูเขียน หลักรอย หลักสิบ หลักหนวย บนกระดาน จากน้ันครูเขียน 5 ใตหลักรอย เขียน 4 ใตหลกั สิบ และเขยี น 6 ใตห ลกั หนวย หลักรอย หลกั สบิ หลกั หนวย 5 4 6

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 แผนก�รจดั ก�รเรียนรทู ี่ ๔ 2 กลุ่มส�ระก�รเรียนรคู ณิตศ�สตร์ หน่วยย่อยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐) ช้นั ป.๒ หนว่ ยท่ี ๒ ก�รดำ�เนนิ ก�รของจ�ำ นวน เวล� ๑ ชว่ั โมง 123 หรอื 1 รอย กับ 2 สิบ กบั 3 หนวย 1 6 5 7 90 123 มีกี่รอ ย ก่สี ิบ ก่หี นว่ ย (1 รอย กับ 2 สิบ กับ 3 หนวย) - 1 อยูในหลักใด (หลักรอย) มีคา เทาไร (100) - 2 อยูในหลักใด (หลักสบิ ) มีคา เทา ไร (20) - 3 อยูใ นหลกั ใด (หลักหนวย) มคี า เทา ไร (3) ครูเขยี น 1 ใตห ลกั รอ ย เขียน 2 ใตหลักสบิ และเขียน 3 ใตห ลักหนวย โดยเขียนเลขโดดในหลัก เดยี วกันใหตรงกนั หลักรอ ยหลักสิบหลกั หนวย 4 6+ 25 2 3 21 ๔๑

๔๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรูค ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ี่ ๔ ชั้น ป.๒01 9 หน่วยท่ี ๒ ก�รด�ำ เนนิ ก�รของจำ�นวน เวล� ๑ ชว่ั โมง หนว่ ยยอ่ ยที่ ๒.๑ ก�รบวก ก�รลบ (ไมเ่ กิน ๑,๐๐๐) ครูอธิบายวิธีการบวกทลี ะหลัก โดยใชแผนตารางประกอบการอธบิ าย ดงั นี้ 546 123 6 รอ ย กับ 6 สบิ กับ 9 หนว ย หรือ 689 ขน้ั ท่ี 1 บวกในหลักหนว ย (6 หนวย บวก 3 หนวย ได 9 หนว ย) เขยี น 9 ใตหลักหนว ย 5 47 หลกั รอ ย หลักสิบ หลกั หนว ย 5 4 6+ 12 3 9 2 ขัน้ ที่ 2 บวกในหลักสบิ (4 สิบ บวก 2 สบิ ได 6 สบิ ) เขยี น 6 ใตห ลกั สิบ 2 หลักรอ ย หลกั สบิ หลักหนวย 5 4 6+ 12 3 69


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook