Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สมุดแผนแบดมินตันและเซปักตะกร้อ

สมุดแผนแบดมินตันและเซปักตะกร้อ

Published by supattra8669, 2021-10-10 19:01:55

Description: สมุดแผนแบดมินตันและเซปักตะกร้อ

Search

Read the Text Version

.51968503937}

ขอ้ มลู ทว่ั ไปของโรงเรียน โรงเรียนนวมนิ ทราชูทศิ พายพั ต.ดอนแก้ว อ.แมร่ มิ จ.เชยี งใหม่ NAVAMINDARAJUDIS PHAYAP SCHOOL ชอ่ื สถานศกึ ษา โรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ สถานท่ตี ้ัง เลขท่ี 186 หมู่ 8 ถนน เชยี งใหม่ – ฝาง ตำบลดอนแกว้ อำเภอแมร่ ิม จังหวดั เชยี งใหม่ รหัสไปรษณยี ์ 50180 เนื้อที่ ประมาณ 101 ไร่ 1 งาน 91 ตารางวา โทรศัพท์ 053 - 112180-4 โทรสาร 053 – 112277 E-mail [email protected] สงั กัด สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 34 เปดิ สอนในระดับ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 – มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 สญั ลกั ษณ์โรงเรียน ตราสัญลักษณ์พระราชทานพระมหาพิชัยมงกุฎรองรับดว้ ยชื่อโรงเรยี น อักษรย่อ น.ม.พ. ปรัชญาของโรงเรยี น ความรู้ค่คู ุณธรรม คำขวญั ของโรงเรยี น รักษ์ศักดศ์ิ รี มีคุณธรรม นำวิชาการ สืบสานงานพระราชดำริ สีประจำโรงเรยี น สนี ้ำเงิน - สีเหลอื ง สนี ำ้ เงนิ หมายถึง สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ สเี หลอื ง หมายถึง สีประจำวนั พระราชสมภพของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวภูมพิ ลอดุลย เดช ซ่งึ ตรงกบั วนั จนั ทร์ ตน้ ไมป้ ระจำโรงเรยี น ต้นราชพฤกษ์ ดอกไมป้ ระจำโรงเรยี น ตน้ ราชพฤกษ์ พระพทุ ธรูปประจำโรงเรยี น พระพุทธรปู นวบุรีศรีมนุ นี าถ วิสัยทัศน์ ภายในปี พ.ศ. 2561 โรงเรยี นนวมินทราชทู ศิ พายพั เป็นโรงเรยี นมาตรฐานสากล ยึดหลกั ปรัชญา ของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สืบสานงานพระราชดำริ

พันธกิจและเป้าหมาย 1. พฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนเทียบเคยี งมาตรฐานสากล 2. พฒั นาผู้เรยี นให้มีศักยภาพเปน็ พลโลก 3. พฒั นาครแู ละบุคลากรให้มีคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชพี 4. พัฒนาระบบบรหิ ารจดั การดว้ ยระบบคุณภาพ TQA 5. ส่งเสรมิ การจัดกจิ กรรมสบื สานงานพระราชดำริและดำเนนิ งานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 6. สง่ เสรมิ และปลกู ฝงั ความจงรักภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ 7. ส่งเสริมใหเ้ ครอื ข่ายทกุ ภาคสว่ นมีสว่ นร่วมในการจัดการศึกษา คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพนื้ ฐานโรงเรียนนวมินทราชทู ิศ พายัพ 1. ดร.มานติ ย์ ศรีพทิ ักษ์ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา 2. พระครูวรธรรมวริ ชั ผูแ้ ทนพระภกิ ษุ 3. พระประสิทธิ์ กิตตฺ ญิ าโณ ผแู้ ทนพระภกิ ษุ 4. นายประสิทธ์ิ ปนิ ตาธรรม ผู้แทนผปู้ กครอง 5. นายธรี วัฒน์ ใจนันตา ผู้แทนองค์กรชุมชน 6. นายไพรชั ใหมช่ มพู ผแู้ ทนองคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ 7. นางสาวนำ้ ผึ้ง อนุกลู ผู้แทนศษิ ย์เก่า 8. นายธรรมนญู เทพารักษ์ ผแู้ ทนครู 9. ดร.วรี ะพฒั น์ กฤตธนาทพิ ย์ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 10. นายอนุพงษ์ เร่งเรว็ ผูท้ รงคุณวุฒิ 11. นายนพดล ณ เชยี งใหม่ ผู้ทรงคุณวุฒิ 12. นายวโิ รจน์ ภูมิสนิ สิริ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 13. นางศริ ลิ ักษณ์ จนั ทรมานนท์ ผทู้ รงคุณวุฒิ 14. นายจรสั พรหมวงศ์ ผ้ทู รงคุณวฒุ ิ 15. นางสาวมสั ฤณ ธนนราพงศ์ ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น

แผนผงั สถานศกึ ษา

ประวัตโิ รงเรยี นนวมนิ ทราชูทิศ พายัพ จงั หวัดเชยี งใหม่ โรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ จัดตั้งขึ้นเม่ือวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2529 โดยมีนายสมชาย นพเจริญ กุล ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัยและผู้ตรวจราชการกรมสามัญศึกษา เขตการศึกษา 8 เป็นหัวหน้า คณะกรรมการกลมุ่ โรงเรียนมัธยมศึกษาจังหวัดเชียงใหม่รบั นโยบายจากกรมสามญั ศึกษา ดร.เอกวทิ ย์ ณ ถลาง เป็นผู้ประสานงานการจัดตั้งโรงเรียนกับจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อแรกตั้งโรงเรียนนั้นได้อาศัยสถานที่ของ โรงเรยี นวัฒโนทยั พายัพ และ วทิ ยาลยั พลศกึ ษาจงั หวัดเชยี งใหม่เปน็ สถานที่เรียนของนักเรียน นางดาวเรือง รัตนิน ผู้อำนวยการโรงเรียนวัฒโนทัยพายพั รักษาการในตำแหน่งอาจารยใ์ หญ่โรงเรยี น นวมินทราชูทิศ พายัพ ในปี พ.ศ. 2529 กรมสามัญศึกษาได้รับความอนุเคราะห์จากกองทัพบกอนุมัติให้ใช้ท่ี ราชพัสดุในความครอบครองของกองทัพบก บริเวณถนนเชียงใหม่-ฝาง ระหว่างกิโลเมตรที่ 15 ตำบลดอน แก้ว อำเภอแม่ริม จงั หวัดเชยี งใหม่ มีเนือ้ ที่ 170 ไร่ หนา้ อาคารเรยี น ในปี พ.ศ. 2529 กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดสรรงบประมาณ ก่อสร้างอาคารเรียนแบบพิเศษพร้อม ครุภัณฑ์หลังแรก นอกจากนี้โรงเรียนยังได้รับการสนับสนุนจากกองทัพภาคที่ 3 กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงาน พัฒนาที่ดิน เขต 6 (โครงการหลวง) กรป.กลาง หน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 32 ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ โรงเรียน ยุพราชวทิ ยาลยั และโรงเรยี นวัฒโนทัยพายัพ และผูป้ กครองนกั เรียน สำหรบั ตัวอาคารของโรงเรียนจะเป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหวา่ งท้องถนิ่ สมยั ใหม่ซ่งึ เป็นนโยบาย รวมกันอยู่ว่าโรงเรียนนวมินทราชูทิศในแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์การก่อสร้างไม่เหมือนกันเป็นการบ่งบอกถึง ท้องถิ่นนั้นๆ ดังนั้นอาคารเรียนของแต่ละโรงเรียนจะเป็นตัวอาคารเชื่อมติดกันตามทฤษฎีใหม่ที่ว่า การแยก อาคารจะทำให้ไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนแต่จะเป็นอาคารสองชั้นสีขาว ประดับด้วยกา แลซึง่ เปน็ สญั ลักษณข์ องชาวลา้ นนา นอกจากนนั้ ผนงั ห้องเรียนทุกห้องทำดว้ ยศลิ าแลง นบั เป็นสถาปัตยกรรมท่ี กลมกลนื กบั แมกไมแ้ ละขุนเขาท่ีอยูเ่ บื้องหลังอาคารเรียน

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร วัดบวรนิเวศ วิหาร มีพระกรุณาธิคุณเสด็จเยี่ยมสถานที่ก่อสร้างโรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ ทรงอนุโมทนาในความ ขวนขวายให้ทุกฝ่ายจนทำให้ได้ที่ดินแปลงนี้มาจัดสร้างโรงเรียน ต่อมาในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จเยี่ยมโรงเรียนเป็นการส่วนพระองค์ ทรงพระกรุณา พระราชทานคำแนะนำให้ใช้พื้นที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและ ตั้งใจปฏิบัติราชการให้โรงเรียนอย่างดีที่สุด ตลอดจนได้เยี่ยมชมการเรียนการสอนในครั้งที่ประเทศไทยได้รับ เกียรติให้เป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ 1995 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ โดยโรงเรียน นวมินทราชูทิศ พายัพ ได้มีส่วนร่วมมากมาย อาทิเช่น จัดขบวนแห่ตุง จัดขบวนฟ้อนพื้นเมือง รวมไปถึงการ แสดงตกี ลองสบดั ชัยในพธิ เี ปิดการแขง่ ขัน ปัจจุบันเปิดทำการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยมตอนต้นแบบทั่วไป และในระดับชั้นมัธยมศึกษา ตอนผลายในแผนการเรียน วิทย์-คณิต, อังกฤษ-คณิต, อังกฤษ-ฝรั่งเศส, อังกฤษ-เยอรมัน, อังกฤษ-ญี่ปุ่น และ อังกฤษ-จนี ข้อมลู ท่ัวไป โรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ ตั้งอยู่เลขที่ 186 หมู่ 8 ถนนเชียงใหม่-ฝาง ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ ริม จังหวัดเชียงใหม่ 50180 บนเนื้อที่ประมาณ 101 ไร่ 1 งาน 91 ตารางวา อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัด เชียงใหม่ประมาณ 500 เมตร ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 10 กิโลเมตร หากเดินทางลัดเลาะตามถนน ริมคลองชลประทานมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ เข้าเขตตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จะพบอาคารแบบพิเศษทรง ลา้ นนา ซ่ึงเปน็ อาคารเรียนของ “โรงเรียนนวมินทราชทู ิศ พายัพ จังหวัดเชยี งใหม่” ทตี่ ้ังอยู่ท่ามกลางไม้ยืนต้น ไมป้ ระดบั และโอบล้อมดว้ ยเทือกเขาถนนธงชยั ภูมิประเทศโดยทั่วไปของโรงเรียนจะตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งลักษณะดังกล่าวมีผลต่อการสร้างอาคาร เรยี น • อาคารเรยี นรปู ตวั \"E\" สองชัน้ พ้ืนจะลดหลนั่ ตามระดับพื้นทด่ี ิน ทงั้ สองชั้น • อาคารเรยี น 4 ชนั้ • อาคาร 2 ช้ัน ชัน้ ล่างเปน็ หอ้ งสมุด ชั้นบนเป็นหอประชุม • หอ้ งศลิ ปะ หอ้ งดนตรี ห้องคหกรรม โรงฝกึ งาน • โรงอาหาร • แปลงเกษตร

ด้านหน้าอาคารเรยี น จะเปน็ สนามฟุตซอลและสนามบาสเกตบอล และมเี สาธง ซงึ่ จะใชส้ นามแห่งน้ี เป็นท่ี เข้าแถวเคารพธงชาติและทำกิจกรรมต่าง ๆ อีกด้วยนอกจากนั้นในบริเวณโรงเรียนยังมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่ประมาณ 17 ไร่ เป็นอ่างเก็บน้ำเดิมที่มีน้ำขังตลอดปีเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนในด้านการเกษตรกรรม และด้านอุปโภคเป็นอย่างมาก โดยรอบสระนี้จะมีการปลูกไม้ยืนต้น ไม้ดอกที่มีสีสันสวยงาม เช่น เฟื่องฟ้า ทองกวาว ราชพฤกษ์ เปน็ ตน้ โรงเรยี นจึงมนี โยบายท่ีจะอนุรักษส์ ภาพธรรมชาตเิ ดิมไวใ้ ห้มากทีส่ ดุ • ทิศเหนือ ติดตอ่ กบั พ้ืนที่ทหาร • ทศิ ใต้ ติดต่อกบั สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี • ทศิ ตะวนั ออก ติดตอ่ กบั กองพันทหารปืนใหญ่ท่ี 7 • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ เขตพื้นที่สนามกีฬา ฯ และส่วนของอ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวง (ชลประทาน เชยี งใหม)่ คณะกรรมการนักเรียน เป็นการรับสมัครนักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 5 เข้าอบรมคัดเลือกกันเองเพื่อเลือกผู้สมัคร ตำแหน่งประธานนักเรียน จากนั้นจะมีการเสนอชื่อผู้ที่ถูกคัดเลือกผ่านอาจารย์ที่ปรึกษาและฝ่ายกิจการ นักเรียน ต่อมาเมื่อประกาศรายชื่อผู้สมัคร จึงให้นักเรียนลงคะแนนเลือกตั้ง ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้ดำรง ตำแหน่งประธานนักเรียน ลำดับรองลงมาจะได้ดำรงตำแหน่งรองประธานนักเรียนฝ่ายต่าง ๆ ส่วนสมาชิกท่ี เหลือและผ่านการอบรมหลักสูตรผู้นำของโรงเรียนแล้วจะได้ดำรงตำแหน่งอื่น ๆ ในคณะกรรมการนักเรียน ต่อไป ทงั้ นี้ ระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งเพยี ง 1 วาระ คอื 1 ปีการศึกษา คณะสีของโรงเรียน โรงเรียนมีการแบ่งนักเรียนเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแข่งขันกีฬาสี ทำกิจกรรมของโรงเรียนใน โอกาสตา่ ง ๆ โดยเรียกว่า \"คณะส\"ี แบ่งเป็น 5 คณะ (สงั เกตไดจ้ ากสีของตราสญั ลักษณโ์ รงเรยี นท่ปี ักอยู่บนเส้ือ ของนกั เรียน โดยในอดตี มีการแบง่ ตามห้องเรียน แบบสมุ่ หรอื เลขประจำตัวนักเรียน แล้วแต่กรณี) ซ่ึงได้มีการ อัญเชญิ นามวงั และพระตำหนกั ในรัชกาลท่ี 9 ตามภูมภิ าคตา่ ง ๆ มาเปน็ ชือ่ คณะสี ดังน้ี 1. คณะจิตรลดา อญั เชญิ นามพระตำหนกั จิตรลดารโหฐานมาเป็นช่ือคณะสี มีสีเหลอื งเป็นสปี ระจำคณะ 2. คณะไกลกังวล อัญเชญิ นามวงั ไกลกงั วลมาเปน็ ช่อื คณะสี มีสีนำ้ เงินเป็นสปี ระจำคณะ 3. คณะทกั ษณิ อัญเชิญนามพระตำหนักทักษณิ ราชนิเวศน์มาเปน็ ชื่อคณะสี มีสีเขียวเปน็ สีประจำคณะ 4. คณะภูพิงค์ อัญเชิญนามพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์มาเป็นชื่อคณะสี มีสีชมพูบานเย็นเป็นสีประจำ คณะ

5. คณะภูพาน อัญเชิญนามพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์มาเป็นชื่อคณะสี มีสีแดงเลือดหมูเป็นสีประจำ คณะ ทงั้ น้ี ประธานคณะสีจะมาจากนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึง่ ถูกคัดเลอื กโดยสมาชกิ ทุกคนในคณะสี เพื่อดำรงตำแหน่งประธานคณะสีและเป็นผู้ถือธงประจำคณะ มีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งเพียง 1 วาระ คอื 1 ปีการศึกษาเชน่ เดียวกันกับคณะกรรมการนักเรยี นในปีการศกึ ษานน้ั ๆ

ตารางสอน

แผนผังหอ้ งเรียน (แบบห้องเรยี น) บอร์ด กระดานดำ โตะ๊ ครู ประตูเข้า-ออก ประตเู ข้า-ออก ด้านหลัง ดา้ นหนา้ (แบบเรยี นในโดม) ห่วงบาส เวที หว่ งบาส สเตนเชยี ร์ สเตนเชียร์ สเตนเชียร์ สเตนเชยี ร์

ปฏิบตั ิหน้าท่ีประจำชนั้ โรงเรียนนวมินทรำชูทศิ พำยัพ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ปกี ำรศกึ ษำ 2564 รำยชื่อนกั เรยี นช้ัน ม.5/8 (พลศกึ ษำ) (หอ้ ง A30 ) ครทู ป่ี รกึ ษำ 1. นำยจรัล เข็มขำว 2. นำยอธิวัฒน์ มณีจักร เลขที่ เลขประจำตวั ชื่อ สกลุ 1 17284 นาย คาวา ธารงวมิ าน 2 17346 3 17392 นาย ภดู ศิ กันทะพิกุล 4 17436 5 17445 นาย ศภุ ธณศิ ร์ แสงศรีจนั ทร์ 6 17451 7 17530 นาย ศภุ วฒั น์ ตันชุ่ม 8 17665 9 18724 นาย ไชยา ลุงจ่ิงต่า 10 18725 11 18726 นาย นันทนากร ทานา 12 18727 13 18728 นาย เทดิ วงศ์ มะโนวงั 14 19041 15 19042 นาย พงศกร ปญั ญาฟู 16 19043 17 19045 น.ส. นฤมล คามา 18 19047 19 19048 น.ส. จฑุ ามาศ ปัญญาเลิศ 20 19049 21 19050 นาย พงศพ์ ิพัฒน์ นันตะ๊ เสน 22 19105 23 19106 นาย ณฐั นนท์ ชัยแก้ว 24 19114 25 19138 นาย พีรนันท์ แสงมณี 26 19139 27 19140 นาย กฤษณ์ ไกรฤกษ์ ข้อมลู ณ วนั ท่ี 25 มิ.ย. 2564 นาย ก้องเกรียงไกร เลิกหรา่ ย นาย ชนพัฒน์ ใจหล้า นาย นวพล ปญั ญาใจ นาย พีรพัฒน์ คาทอง นาย วศิ รทุ พากเพียร นาย อนุรกั ษ์ ดวงปิก นาย อภิสิทธ์ิ ศรีทุมมา นาย ธนกร คงธรรมบวร นาย วรี ภัทร ลุงโสม นาย พีรวสั ธนันชัย นาย เมธพนธ์ ทองสุข นาย ศุภวชิ ญ์ สิริรงรอง นาย ชลภัทร อ่อนบญุ ช = 25 ญ= 2 รวม = 27

โครงสรา้ งหน่วยการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศกึ ษา ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 รายวิชา แบดมนิ ตัน ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ผู้สอน นางสาวสุพตั รา อำขำ โรงเรียน นวมนิ ทราชทู ิศ พายัพ หน่วย แผนการ เวลา ( 18 ) การ จดั การ ชวั่ โมง เรยี นรู้ เรยี นรู้ เรื่อง/เนอ้ื หา 3 1 ท่ี ที่ 1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 กีฬาประเภทคู่ : แบดมินตัน 1 2 5 1 - 3 เนอ้ื หาทฤษฎี : แบดมนิ ตนั 1 1 - การปฐมนเิ ทศ 1 9 2 - ประวตั ิ ประโยชนแ์ ละคุณค่าของแบดมินตนั 1 1 - กฎ กติกา มารยาท อุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก 1 1 3 - การทดสอบสมรรถภาพ 1 1 4 - 5 ทักษะพ้ืนฐาน : แบดมนิ ตนั 1 4 - การสร้างความคนุ้ เคยกบั อุปกรณ์ - การจบั ไม้ - การเดาะลกู - การจับลกู 5 การสอบทักษะปฏบิ ัติคร้ังท่ี 1 ทดสอบทักษะการเดาะลูก 6 - 13 ทกั ษะเบื้องตน้ : แบดมนิ ตัน 6 - การเกบ็ ลกู 7 การสอบทักษะปฏบิ ตั ิครั้งท่ี 2 ทดสอบทักษะการเก็บลูก 8 - การตีลูกหน้ามือ 9 - การตลี ูกหลังมือ 10 การสอบทักษะปฏิบัตคิ รั้งท่ี 3 ทดสอบทักษะการตีลูก 11 - การเสริ ฟ์ ลกู (หน้ามือและหลังมอื ) 12 การสอบทักษะปฏิบัติครัง้ ท่ี 4 ทดสอบทักษะการเสิร์ฟลกู

หนว่ ย แผนการ เวลา ( 18 ) การ จดั การเรียนรู้ ช่ัวโมง เรียนรู้ ที่ เรอ่ื ง/เนอ้ื หา 1 1 ท่ี 4 1 13 การตีลกู ดาด 1 1 14 การสอบทักษะปฏิบตั ิคร้งั ที่ 5 ทดสอบทักษะการตีลูกดาด 1 15 - 18 ทกั ษะข้นั สูง 15 - การตีลูกตบ 16 การสอบทักษะปฏบิ ตั คิ ร้งั ที่ 6 ทดสอบทักษะการตีลูกตบ 17 ประเภทของการแข่งขัน - ประเภทเดยี่ ว - ประเภทคู่ 18 สรุป เนอ้ื หาหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 การแขง่ ขัน : แบดมนิ ตัน สอบปลายภาคเรยี น

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สุขศึกษาและพลศกึ ษา ภาคเรียนท่ี1 ปกี ารศึกษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 วชิ า แบดมินตัน (พ 30221) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 เร่อื ง การปฐมนิเทศ เวลา 50 นาที ผูส้ อน นางสาวสุพัตรา อำขำ โรงเรียน นวมนิ ทราชทู ิศ พายัพ สาระที่ 3 การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 3.1 เขา้ ใจ มที กั ษะในการเคลอ่ื นไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกมและกีฬา มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเลน่ เกม และการเล่นกีฬา ปฏบิ ตั ิเปน็ ประจำอย่าง สม่ำเสมอ มวี ินัย เคารพสิทธิ กฎ กตกิ า มีน้ำใจนักกีฬา มจี ิตวิญญาณในการแขง่ ขนั และชน่ื ชมในสุนทรยี ภาพ ของการกีฬา ตัวช้วี ัด พ 3.1.1 วเิ คราะหค์ วามคิดรวบยอดเก่ยี วกบั การเคล่ือนไหวรูปแบบตา่ งๆ ในการเล่นกีฬา พ 3.1.5 เข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการนอกโรงเรียน และนำหลักการแนวคิดไปปรับปรุงและพัฒนา คุณภาพชวี ติ ของตนและสังคม พ 3.2.2 อธิบายและปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกบั สทิ ธิ กฎ กตกิ า กลวธิ ตี า่ งๆ ในระหว่างการเลน่ การแขง่ ขันกฬี ากับ ผอู้ ืน่ และนำไปสรุปเปน็ แนวปฏบิ ัติและใช้ในชวี ติ ประจำวันอย่างต่อเนอื่ ง พ 3.2.4 ร่วมกิจกรรมทางกายและเลน่ กฬี าอย่างมีความสุข ช่ืนชมในคณุ คา่ และความงามของการกีฬา สาระสำคัญ การเตรียมตัวและทราบข้อมูลก่อนเรียนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักเรียนมีความพร้อม และมีความ เขา้ ใจในรายวชิ า รวมไปถงึ การแนะนำตวั เพ่ือทำความคุ้นเคยระหวา่ งครแู ละนักเรยี น

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสามารถอธิบายเน้ือหารายวชิ าได้และมีความรแู้ ละเข้าใจกฎระเบยี บในการเรยี น (K) 2. นกั เรียนสามารถปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงและร่วมกจิ กรรมเลน่ เกมตามที่ครูกำหนดให้ (P) 3. นกั เรยี นมคี วามสนใจ ใฝร่ ู้ ใฝเ่ รียน มคี วามรับผดิ ชอบต่อหน้าทแ่ี ละมีความเปน็ ผู้นำผู้ตาม (A) สาระการเรียนรู้ 1. กฎระเบียบในการเรียนและเกณฑก์ ารให้คะแนน 2. เกมชื่อว่า “อะไรอยู่ในรู” คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ มนั่ ในการปฏบิ ตั ิ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการใชท้ กั ษะกระบวนการและทกั ษะในการดำเนนิ ชวี ติ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ กระบวนการฝึกทกั ษะปฏิบัติทางพลศึกษา 3 ข้ันตอน (ขั้นนำ ขนั้ สอน ขั้นสรุป) กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ขัน้ นำ / อธิบายสาธิต ( 10 นาที ) 1.1 ครเู ปา่ นกหวีดเรียกนักเรียนจัดแถวตอน 6 แถวๆละ 4 คน ให้หัวหนา้ หอ้ งนำกลา่ วนกั เรียนทำ ความเคารพ จากนน้ั ให้นง่ั ลง รปู ท่ี 1 = ครู = นกั เรยี น

1.2 ครูเช็คชื่อจำนวนนักเรียนที่มาเรียนทั้งหมด ว่ามีใครมาเรียนและขาดเรียนบ้างหรือมีใครเจ็บปว่ ย จนไม่สามารถที่จะเรียนได้ทำการแยกนักเรียนที่เจ็บป่วยนั้นออกมาโดยให้ไปพักหรือรักษาตัวท่ี หอ้ งพยาบาล 1.3 อบอุ่นร่างกายให้ผู้เรียนวิ่งรอบสนาม 3รอบสนามโดยวิ่งวนด้านซ้ายเป็นแถวตอนเรียงเดียว จากนน้ั ใหก้ ลับมาต้งั แถวเหมอื นเดิม 2. ข้ันสอน ( 30 นาที ) 2.1 ให้นักเรียนนั่งเป็นวงกลมแลว้ เล่นเกมช่ือว่า “อะไรอยู่ในรู” โดยเกมนี้ครูจะเขียนคำถามใส่ไว้ในรู ของลกู ตะกร้อ 3 รู เรยี งลำดับตามเลข คอื ชอ่ื – นามสกลุ เลขที่ กีฬาที่ชอบ รปู ที่ 2 = ครู = นกั เรยี น 2.2 ครูหมุนตะกร้อ เลข1 หยุดชี้ที่ใครคนนั้นต้องยืนขึ้นแนะนำตัวตามคำถามที่ 1 จากทางซ้ายมือไป ทางขวามอื ตอบคำถามจนครบทกุ คน แลว้ หมนุ รอบใหมต่ ามหมายเลข 2 และ 3 ตามลำดบั 2.3 ครูให้นักเรยี นกลับไปเข้าแถวเหมือนตอนแรก และชี้แจงเกี่ยวกับเกณฑก์ ารให้คะแนนกฎระเบยี บ ในการเขา้ เรียน และชวนนักเรยี นพูดคุยเกีย่ วกับปัญหาการเรียนวิชาพลศึกษาทีผ่ ่านมา 2.4 ครูมอบหมายงาน คอื นักเรียนทุกคนต้องสามารถนำเพื่อนอบอุน่ ร่างกายไดค้ นละ 2 ทา่ โดยครจู ะ ให้นำเป็นคเู่ รยี งเลขทแ่ี ละเริ่มในชั่วโมงตอ่ ไป พร้อมทง้ั สาธติ ใหน้ กั เรียนดูเปน็ ตัวอย่าง

3. ขัน้ สรปุ ( 10 นาที ) 3.1 ครูสั่งให้นักเรยี นชดิ แถวโดยมรี ะยะห่าง 1 ช่วงแขน แล้วใหน้ ักเรยี นทง้ั หมดนง่ั ลง 3.2 ครูตงั้ คำถามเพ่อื สรปุ เกณฑ์การให้คะแนนและข้อตกลงในการเขา้ เรยี นอีกครัง้ 3.3 มอบหมายงานเพื่อการทำกิจกรรมในครั้งต่อไปและ สำรวจเครื่องแต่งกาย ความสะอาด ความ พร้อมในด้านต่าง ๆของผู้เรยี น กอ่ นทจ่ี ะสัง่ เลกิ แถว เพือ่ ให้ผู้เรยี นไดไ้ ปเรยี นในรายวิชา ส่อื การเรียนการสอน 1. นกหวีด 2. ลกู ตะกร้อ 1 ลูก การวดั ผลและการประเมินผล 1. เครือ่ งมอื การวัดและประเมนิ ผล 1.1 คำถาม 1.2 สงั เกต 2. วธิ ีการวัดและประเมินผล 1.1 ต้งั คำถาม 1.2 สงั เกตพฤติกรรม 3. เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล จดุ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน 5 4321 ด้านความรู้ (K) การมปี ฏิกริ ิยา การมปี ฏิกริ ยิ า การมปี ฏกิ ริ ิยา การมีปฏกิ ิรยิ า การมปี ฏกิ ริ ิยา นักเรยี นสามารถอธบิ ายเน้อื หา ถามตอบได้ 4 ขอ้ ถามตอบได้ 3 ถามตอบได้ 2 ถามตอบได้ 1 ใ ถามตอบ รายวชิ าได้และมีความรู้และ ดมี าก ข้อ ดี ขอ้ ปานกลาง ขอ้ พอใช้ ไมไ่ ด้ เข้าใจกฎระเบียบในการเรยี น ปรับปรงุ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ปฏิบตั ติ ามกฎ ปฏิบตั ติ ามกฎ ปฏิบัตติ ามกฎ ปฏิบัติตามกฎ ปฏบิ ัติตามกฎ และกติกาการเลน่ และกติกาการ และกติกาการ และกติกาการ และกติกากา ได้ 4 ข้อดีมาก เลน่ ได้ 2 ข้อ

นักเรยี นสามารถปฏิบตั ิตาม เลน่ ได้ 3 ข้อ ปานกลาง เล่นได้ 1 ข้อ เล่นไม่ได้ 4 ขอ้ ตกลงและร่วมกจิ กรรมเล่น ดี พอใช้ ข้อ ปรบั ปรุง เกมตามท่คี รูกำหนดให้ ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออกทาง (A) พฤติกรรมท่ีดี ได้ พฤติกรรมท่ีดี พฤติกรรมทด่ี ี พฤติกรรมทด่ี ี พฤติกรรมทดี่ ี นักเรยี นมคี วามสนใจ ใฝ่รู้ ใฝ่ 5 ขอ้ ดมี าก ได้ 4 ข้อ ดี ได้ 3 ข้อ ปาน ได้ 2 ข้อ ได้ 1 ข้อ เรียน มีความรบั ผิดชอบต่อ พอใช้ ปรับปรุง หน้าที่และมีความเปน็ ผูน้ ำผู้ กลาง ตาม 15 คะแนน คะแนนรวม/คะแนนเตม็ เกณฑก์ ารวัดผลและการประเมนิ ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวดั ผล 13 – 15 อยใู่ นเกณฑ์ ดมี าก 10 – 12 อยูใ่ นเกณฑ์ ดี 5 อยู่ในเกณฑ์ ดมี าก 7 – 9 อยู่ในเกณฑ์ ปานกลาง 4 อยใู่ นเกณฑ์ ดี 4 – 6 อยู่ในเกณฑ์ พอใช้ 3 อยใู่ นเกณฑ์ ปานกลาง 0 – 3 อยู่ในเกณฑ์ ปรบั ปรงุ 2 อยใู่ นเกณฑ์ พอใช้ 8 คะแนนขึน้ ไป ผา่ น 7 คะแนนลงมา ไมผ่ า่ น 1 อยใู่ นเกณฑ์ ปรับปรงุ

แบบประเมนิ ผลด้านความรู้ คำชี้แจง: สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี น แลว้ ขีด √ ลงในช่องทต่ี รงกับระดับคะแนน ที่ ดา้ นทกั ษะ ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ เกณฑก์ าร ชอ่ื - สกุล ด้านความรู้ (K) กระบวนการ (P) ประสงค์ (A) ประเมนิ 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 ผ่าน ไม่ผ่าน 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21. ลงชอื่ .......................................... ผปู้ ระเมนิ ( ........................................... ) ......... / ................. / ..........

บันทกึ หลงั การสอน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 เร่อื ง การปฐมนเิ ทศ แผนการเรียนรทู้ ี่ 1 ผลการสอน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหา/อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนว/ทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชอ่ื )........................................................ครผู ู้สอน (นางสาวสพุ ตั รา อำขำ) นักศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู ........../........../.......... ความคิดเห็นของอาจารยท์ ป่ี รึกษา/ครูพี่เล้ยี ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงช่ือ)........................................................ผตู้ รวจ (นายอธิวฒั น์ มณจี ักร) อาจารยท์ ่ีปรึกษา/ครพู ีเ่ ลี้ยง ........../........../..........

แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 2 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 วิชา แบดมินตนั (พ 32101) ชั้น มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 เรอื่ ง ประวัติและกฎ กตกิ าแบดมนิ ตนั เวลา 50 นาที ผูส้ อน นางสาวสุพัตรา อำขำ โรงเรียน นวมนิ ทราชูทศิ พายัพ สาระท่ี 3 การเคลอื่ นไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กฬี าไทย และกีฬาสากล มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 3.1 เขา้ ใจ มที กั ษะในการเคล่ือนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกมและกีฬา มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลงั กาย การเลน่ เกม และการเลน่ กฬี า ปฏิบัติเปน็ ประจำอย่างสม่ำเสมอ มวี ินัย เคารพสทิ ธิ กฎ กตกิ า มีน้ำใจนกั กฬี า มจี ติ วญิ ญาณในการแข่งขนั และช่นื ชมในสนุ ทรยี ภาพของการกฬี า ตัวช้ีวัด พ 3.1.3 เลน่ กีฬาไทย กีฬาสากลประเภทบคุ คล/คู่ กฬี าประเภททีมได้อย่างน้อย 1 ชนิด พ 3.2.2 อธบิ ายและปฏิบตั ิเก่ียวกับสทิ ธิ กฎ กติกา กลวธิ ตี ่างๆ ในระหวา่ งการเลน่ การแขง่ ขนั กฬี ากับ ผู้อน่ื และนำไปสรุปเป็นแนวปฏบิ ตั ิและใชใ้ นชวี ติ ประจำวันอย่างต่อเนื่อง สาระสำคญั ได้รู้ถึงประวัติความเป็นมาของกีฬาแบดมินตัน เป็นกีฬาที่นิยมเล่นกันแพร่หลายในทั่วโลก ถ้าหากรู้ ความเป็นมาของกีฬาแบดมินตันจะได้รับเทคนิคต่างๆ ได้รู้คุณค่าและความสำคัญ กฎกติกา มารยาทการเล่น ของกีฬาแบดมนิ ตนั จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนรู้ เขา้ ใจ และสามารถอธบิ ายประวตั แิ ละกฎ กติกาของแบดมินตันได้อย่างถูกต้อง (k) 2. นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ติ ามกฎ กตกิ าการเลน่ ของแบดมินตนั ได้อยา่ งถูกต้อง (P) 3. นักเรยี นมแี สดงออกถึงความเอาใจใส่ในการเรียน และรับผิดชอบต่อหน้าที่ (A)

สาระการเรยี นรู้ ประวตั คิ วามเปน็ มาของแบดมนิ ตนั และกฎ กติกาในการเลน่ เป็นปจั จยั สำคญั ทน่ี ำไปสกู่ ารเลน่ แบดมินตันไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมั่นในการปฏบิ ัติ สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น ความสามารถในการใชท้ ักษะกระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวติ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ กระบวนการฝึกทกั ษะปฏิบตั ิทางพลศึกษา 3 ข้ันตอน (ข้ันนำ ขั้นสอน ข้นั สรปุ ) กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ขนั้ นำ / อธบิ ายสาธิต ( 10 นาที ) 1.1 ครใู ห้นกั เรียนนั่งตามโตะ๊ ของตนเอง ให้หัวหนา้ ห้องนำกล่าวนักเรียนทำความเคารพ จากน้ันให้นั่ง ลง 1.2 ครูเช็คชื่อจำนวนนักเรียนที่มาเรียนทั้งหมด ว่ามีใครมาเรียนและขาดเรียนบ้างหรือมีใครเจ็บปว่ ย จนไม่สามารถที่จะเรียนได้ทำการแยกนักเรียนที่เจ็บป่วยนั้นออกมาโดยให้ไปพักหรือรักษาตัวท่ี หอ้ งพยาบาล 2. ข้ันสอน ( 30 นาที ) 2.1 ครเู ปดิ วดี ีโอการแข่งขันแบดมินตนั ใหน้ ักเรียนดู 2.2 ครูไดแ้ จกใบความรเู้ ก่ยี วกับเน้ือหาของแบดมนิ ตัน 2.3 ครูได้อธบิ ายความรู้ท่ัวไป เกย่ี วกับประวตั คิ วามเปน็ มาและกฎกตกิ าในการเลน่ ของแบดมินตัน 2.4 ครูมอบหมายงานใหน้ ักเรียนทำใบงานเกย่ี วกับกีฬาแบดมินตัน โดยส่งในช่วั โมงต่อไป

3. ขนั้ สรปุ ( 10 นาที ) 3.1 ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ไดเ้ รยี นมาท้ังหมดช่ัวโมงว่าไดค้ วามรอู้ ะไรเกย่ี วกับกีฬา แบดมนิ ตันบา้ ง 3.2 มอบหมายงานและเชค็ ความพรอ้ มในดา้ นตา่ งๆของผเู้ รียนกอ่ นที่ จะบอกเลกิ เรียนและให้ผ้เู รียน เพื่อใหผ้ เู้ รียนเตรยี มตวั เรยี นวชิ าอน่ื ๆตอ่ ไป สือ่ การเรยี นการสอน 1. VDO ประกอบการศกึ ษาเกีย่ วกับแบดมินตนั 2. ใบความรแู้ บดมินตนั 3. ใบงาน การวัดผลและการประเมินผล 1. เครอ่ื งมอื การวัดและประเมนิ ผล 1.1 คำถาม 1.2 สงั เกต 2. วธิ กี ารวัดและประเมินผล 1.1 ต้ังคำถาม 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรม 3. เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล จดุ ประสงค์ 5 ระดับคณุ ภาพ/ระดับคะแนน 1 432 ดา้ นความรู้ (K) การมีปฏิกิริยา การมปี ฏกิ ริ ยิ า การมปี ฏิกิริยา การมีปฏกิ ิรยิ า การมีปฏกิ ริ ิยา นักเรียนรู้ เข้าใจ และ ถามตอบได้ 4 ถามตอบได้ 3 ถามตอบได้ 2 ถามตอบได้ 1 ถามตอบไม่ได้ สามารถอธิบายประวตั ิ ขอ้ ดีมาก ข้อ ดี ขอ้ ข้อ พอใช้ อยูใ่ นระดับ และกฎ กติกาของ ปานกลาง ปรับปรงุ แบดมินตนั ได้อย่างถกู ตอ้ ง

ด้านทักษะกระบวนการ นักเรยี น นกั เรยี น นกั เรียน นกั เรียน นกั เรียนไม่ (P) ปฏิบัติตามกฎ ปฏิบตั ติ ามกฎ ปฏิบตั ติ ามกฎ ปฏบิ ตั ติ ามกฎ ปฏิบัติตามกฎ นักเรยี นสามารถปฏิบตั ิ และกติกาการ และกติกาการ และกติกาการ และกติกาการ และกติกาการ ตามกฎ กติกาการเล่นของ เลน่ ได้ 4 ข้อ เลน่ ได้ 3 ขอ้ เลน่ ได้ 2 ขอ้ เล่นได้ 1 ขอ้ เลน่ ไมไ่ ด้ 4 ข้อ แบดมินตนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ดมี าก ดี ปานกลาง พอใช้ ปรบั ปรงุ ด้านคุณลักษณะอันพึง นกั เรยี น นกั เรียน นกั เรียน นักเรียน นักเรียน ประสงค์ (A) แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออกทาง นักเรียนมีแสดงออกถึง พฤติกรรมทีด่ ี พฤติกรรมท่ดี ี พฤติกรรมที่ดี พฤติกรรมทดี่ ี พฤติกรรมท่ดี ี ความเอาใจใสใ่ นการเรยี น ได้ 5 ข้อ อยู่ ได้ 4 ข้อ อยู่ ได้ 3 ข้อ อยู่ ได้ 2 ข้อ อยู่ ได้ 1 ข้อ อยใู่ น และรับผิดชอบต่อหน้าท่ี ในระดบั ดี ในระดับ ดี ในระดบั ปาน ในระดบั ระดับ มาก กลาง พอใช้ ปรับปรงุ คะแนนรวม/คะแนนเต็ม 15 คะแนน เกณฑ์การวดั ผลและการประเมนิ ผล เกณฑ์การประเมินผล เกณฑก์ ารวัดผล 13 – 15 อยู่ในเกณฑ์ ดมี าก 10 – 12 อยู่ในเกณฑ์ ดี 5 อยู่ในเกณฑ์ ดมี าก 7 – 9 อยใู่ นเกณฑ์ ปานกลาง 4 อยใู่ นเกณฑ์ ดี 4 – 6 อยูใ่ นเกณฑ์ พอใช้ 3 อยูใ่ นเกณฑ ปานกลาง 0 – 3 อยู่ในเกณฑ์ ปรบั ปรุง 2 อยู่ในเกณฑ์ พอใช้ 7 คะแนนลงมา ไม่ผ่าน 1 อยใู่ นเกณฑ์ ปรบั ปรงุ การประเมิน 8 คะแนนข้นึ ไป ผ่าน

แบบประเมนิ ผลด้านความรู้ คำชี้แจง: สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี น แลว้ ขีด √ ลงในช่องทต่ี รงกับระดับคะแนน ที่ ดา้ นทกั ษะ ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ เกณฑก์ าร ชอ่ื - สกุล ด้านความรู้ (K) กระบวนการ (P) ประสงค์ (A) ประเมนิ 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 ผ่าน ไม่ผ่าน 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21. ลงชอื่ .......................................... ผปู้ ระเมนิ ( ........................................... ) ......... / ................. / ..........

บันทึกหลงั การสอน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 เรอ่ื ง ประวตั แิ ละกฎ กติกาแบดมนิ ตนั แผนการเรียนรู้ท่ี 2 ผลการสอน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหา/อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนว/ทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชือ่ )........................................................ครูผสู้ อน (นางสาวสุพตั รา อำขำ) นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชพี ครู ........../........../.......... ความคดิ เหน็ ของอาจารย์ที่ปรึกษา/ครูพ่เี ลี้ยง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)........................................................ผู้ตรวจ (นายอธิวัฒน์ มณีจักร) อาจารย์ที่ปรึกษา/ครูพเ่ี ลีย้ ง ........../........../..........

ใบความรู้ ประวัตแิ บดมินตัน แบดมนิ ตนั (Badminton) เป็นกีฬาทไ่ี ดร้ ับการวจิ ารณ์เป็นอยา่ งมากเพราะไม่มหี ลักฐานท่ีแน่ชดั ถึงที่ มาของกีฬาประเภทนี้ คงมีแต่หลักฐานบางอย่างท่ที ำให้ทราบวา่ กฬี าแบดมนิ ตันมีเล่นกันในยุโรป โดยเฉพาะใน ประเทศองั กฤษตอนปลายศตวรรษท่ี 17 และจากภาพสนี ้ำมันหลายภาพได้ยืนยันวา่ กีฬาแบดมินตนั เล่นกนั อย่างแพรห่ ลายใน พระราชวงศ์ของราชสำนกั ตา่ งๆ ในทวปี ยุโรป แม้ว่าจะเรยี กกนั ภายใต้ชอื่ อน่ื ก็ตาม ประวัตขิ องกีฬาแบดมินตนั บันทกึ ได้แนน่ อนในปี พ.ศ. 2413 ปรากฏวา่ มกี ารเล่นกีฬาลกู ขนไกเ่ กิดข้ึนทเ่ี มืองปู นา (Poona) ในประเทศอินเดีย เป็นเมืองเลก็ ๆ ห่างจากเมอื งบอมเปย์ประมาณ 50 ไมล์โดยได้รวมการเลน่ สอง อย่างเข้าด้วยกนั คือ การเล่นปูนาของประเทศอนิ เดียและการเลน่ ไมต้ ีกับลูกขนไก่ (Battledore Shuttle Cock) ของยโุ รป ในระยะแรกๆการเล่นจะเล่นกันเพยี งแต่ในหมู่นายทหารของกองทัพและสมาชกิ ชนชน้ั สูงของอนิ เดยี จนกระท่ังมีนายทหารองั กฤษท่ไี ปประจำการอยู่ทีเ่ มืองปูนานำการเลน่ ตีลูกขนไก่นี้กลับไปองั กฤษและเลน่ กัน อย่างกว้างขวาง ณ คฤหาสน์แบดมินตนั (Badminton House) ของยคุ แห่งบิวฟอรด์ ท่ีกลอ๊ สเตอรเ์ ชอร์ ในปี พ.ศ. 2416 เกมกีฬาตลี ูกขนไกเ่ ลยถกู เรียกวา่ แบดมนิ ตนั ตามช่อื คฤหาสน์ของยุคแหง่ บวิ ฟอรด์ ตั้งแต่นนั้ มา กฬี าแบดมนิ ตนั เรมิ่ แพรห่ ลายในประเทศแถบภาคพื้นยโุ รปเพราะเปน็ เกมทคี่ ล้ายเทนนสิ แต่สามารถ เลน่ ไดภ้ ายในตัวตกึ โดยไมต่ ้องกังวลตอ่ ลมหรือหิมะในฤดูหนาว ชาวยุโรปท่ีอพยพไปสู่ทวปี อเมรกิ าได้นำกฬี า แบดมนิ ตันไปเผยแพร่ รวมท้ังประเทศตา่ งๆในทวีปเอเชยี และออสเตรเลยี ท่ีอยู่ภายใต้อาณานคิ มของอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ตา่ งนำเกมแบดมนิ ตนั ไปเลน่ ยงั ประเทศของตนอย่างแพรห่ ลายเกมกีฬาแบดมนิ ตันจงึ กระจายไปสู่ ส่วนตา่ งๆ ของโลกรวมท้ังประเทศไทยด้วย การเล่นแบดมนิ ตนั ในระยะแรกๆ มไิ ด้มีกฎเกณฑ์แตเ่ ปน็ เพียงตีโต้ลูกกันไปมาไม่ใหล้ กู ตกพื้นเท่านั้น เส้นแบ่งแดนก็ใชต้ าขา่ ยผกู โยงระหวา่ งตน้ ไมส้ องต้นไม่ไดค้ ำนึงถึงเรอ่ื งต่ำสูง เล่นกนั ข้างละไมน่ ้อยกวา่ 4 คน ส่วนมาจะเลน่ ทมี ละ 6 ถึง 9 คน ผ้เู ลน่ แต่งตัวตามสบาย สุภาพสตรีสวมกระโปรงยาวท้งั ชุดใสห่ มวกตดิ ผา้ ลาย ลกู ไม้ สุภาพบุรุษแตง่ สากลผกู โบว์ไทด์เพราะกฬี าแบดมนิ ตันได้รับความนยิ มแพร่หลายออกไปตามบา้ น ข้าราชการ พ่อคา้ คหบดี และประชาชน จนกระทง่ั ปี พ.ศ. 2436 ได้มีการจัดตง้ั สมาคมแบดมินตนั แหง่ ประเทศอังกฤษขึ้นซง่ึ นับเป็นสมาคม แบดมนิ ตันแห่งแรกของโลกมีการจัดแขง่ ขันแบดมินตันชงิ ชนะเลิศแหง่ ประเทศอังกฤษ หรือทเ่ี รียกกนั วา่ ออ ลอิงแลนด์ ตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2432 เป็นตน้ มา ได้ตั้งกฎเกณฑ์ของสนามมาตรฐานขน้ึ คือ ขนาดกว้าง 22 ฟุต ยาว

45 ฟุต (22 x 45) เปน็ สนามขนาดมาตรฐานประเภทคู่ทใ่ี ช้ในปัจจุบันตง้ั แตน่ ้นั มาการปรับปรงุ ดัดแปลงในเร่ือง อปุ กรณ์การเลน่ ไดก้ ระทำใหด้ ีข้ึนเป็นลำดับ ต่อมาได้รบั ความนิยมแพรห่ ลายไปทั่วโลกประเทศในเอเซียอาคเนย์ท่ีมกี ารเล่นกีฬาแบดมินตนั และ ได้รบั ความนิยมสูงสุดคืออินโดนเี ซีย มาเลเซยี และประเทศไทยนอกจากประเทศอังกฤษแลว้ การเล่นทนี่ ่าดูมี ข้นึ ท่ีประเทศแคนาดาและเดนมาร์กดว้ ยเหตผุ ลท่ีควรสนใจอยา่ งกวา้ งขวางทว่ั โลกในกีฬาประเภทนกี้ ารแขง่ ขนั ระหวา่ งประเทศจงึ ได้จัดใหม้ ีข้ึนในปี พ.ศ.2445 และตลอดเวลาหลายปที ผี่ ่านมาจำนวนประเทศทเี่ ข้ารว่ ม แข่งขันกีฬาแบดมินตนั ระหวา่ งประเทศมีมากว่า 31 ประเทศ แบดมินตันได้กลายเปน็ เกมกีฬาทเ่ี ล่นกนั ระหว่างชาติโดยมีการยกทีมข้ามประเทศเพ่ือแข็งขนั ระหวา่ ง ชาติในทวปี ยโุ รป ในปี พ.ศ.2468 กลมุ่ นักกีฬาของประเทศองั กฤษได้แข่งขันกับกลมุ่ นักกีฬาประเทศแคนาดา หา้ ปีหลงั จากนน้ั พบว่าประเทศแคนาดามสี โมสรสำหรับฝึกแบดมนิ ตนั มาตฐานแทบทุกเมือง ในปี พ.ศ. 2477 สมาคมแบดมนิ ตนั ของประเทศองั กฤษเป็นผนู้ ำในการก่อตง้ั สหพันธ์แบดมนิ ตนั ระหวา่ งประเทศ โดยมชี าติต่างๆ อกี 8 ชาติคือ แคนาดา เดนมารก์ อังกฤษฝร่งั เศส ไอรแ์ ลนด์ เนเธอร์แลนด์ นิวซแี ลนด์ สก๊อตแลนด์ และเวลล์โดยมศี ูนยก์ ลางอยทู่ ี่กรงุ ลอนดอน ปัจจุบันมีประเทศท่ีอยู่ในเครอื สมาชกิ กว่า 60 ประเทศท่ขี ้ึนตอ่ สหพันธ์แบดมนิ ตนั ระหว่างประเทศ (I.B.F.) สหพนั ธม์ บี ทบาทสำคญั ในการกำหนดและ ควบคมุ กติการะเบยี บข้อบงั คับต่างๆของการแข่งขันกีฬาแบดมนิ ตันทั่วโลก ในปี พ.ศ. 2482 Sir George Thomas นักแบดมินตนั อาวุโสชาวอังกฤษเป็นผู้มอบถ้วยทองราคา 5,000 ปอนดเ์ พ่ือมอบเปน็ รางวัลให้แก่ผูช้ นะเลิศประเภทชายในการแข่งขนั แบดมนิ ตันระหว่างประเทศ ซง่ึ สหพนั ธ์แบดมนิ ตนั ได้รับไวแ้ ละดำเนนิ การตามประสงค์นแ้ี ม้วา่ ตามทางการจะเรยี กวา่ การแขง่ ขนั ชิงถว้ ย ชนะเลิศแบดมินตันระหว่างประเทศแต่นิยมเรยี กกันว่า โธมัสคพั (Thomas Cup) การแข่งขนั จะจัดข้ึนทุกๆ 3 ปี โดยสหพันธไ์ ดแ้ บง่ เขตการแข่งขนั ของชาติสมาชิกออกเป็น 4 โซน คือ 1. โซนยุโรป 2. โซนอเมรกิ า 3. โซนเอเชยี 4. โซนออสเตรเลเซยี (เดมิ เรยี กว่าโซนออสเตรเลยี ) วธิ กี ารแขง่ ขันจะแข่งขันชงิ ชนะเลิศภายในแต่ละโซน ข้ึนก่อนแล้วใหผ้ ูช้ นะเลิศแต่ละโซนไปแขง่ ขนั รอบ อนิ เตอรโ์ ซนเพอื่ ให้ผูช้ นะเลิศท้ัง 4 โซนไปแข่งขันชิงชนะเลิศกับทีมของชาติท่ีครอบครองดถว้ ยโธมัสคัพอยูซ่ ่ึง ไดร้ บั เกียรติไมต่ ้องแข่งขันในรอบแรกและรอบอินเตอรโ์ ซนชุดทีเ่ ข้าแข่งขันประกอบด้วยผูเ้ ล่นอยา่ งน้อย 4 คน การทจี่ ะชนะเลิศนนั้ จะตัดสนิ

โดยการรวมผลการแข่งขันของประเภทชายเดีย่ ว 5 คแู่ ละประเภทชายคู่ 4 คู่ รวม 9 คู่ และใช้เวลา การแขง่ ขนั 2 วนั การแข่งขันชิงถ้วยโธมสั คพั ครั้งแรก จัดให้มีข้ึนระหว่างปี พ.ศ. 2491-2492 ต่อมาในการแข่งขันแบดมินตันโธมัสคัพ ครงั้ ที่ 8 ปี พ.ศ. 2512-2513 สหพนั ธไ์ ด้เปลยี่ นแปลงวิธกี าร แข่งขนั เล็กน้อยโดยให้ชาติท่ีครอบครองถ้วยอยนู่ นั้ เข้ารว่ มแขง่ ขันในรอบอนิ เตอร์โซนดว้ ยโดยวิธีการจบั สลาก แล้วแบง่ ออกเปน็ 2 สายผ้ชู นะเลศิ แต่ละสายจะได้เข้าแข่งขันชิงชนะเลศิ โธมสั คัพรอบสดุ ทา้ ยตอ่ ไปสาเหตุที่ สหพันธ์เปลีย่ นแปลงการแขง่ ขนั ใหมน่ ้เี น่ืองจากมบี างประเทศที่ชนะเลิศได้ครอบครองถ้วยโธมัสคัพไม่รักษา เกียรติทีไ่ ดร้ บั จากสหพนั ธไ์ วโ้ ดยพยายามใชช้ ้ันเชงิ ทไี่ ม่ขาวสะอาดรักษาถว้ ยโธมสั คัพไวค้ รั้งแลว้ ครั้งเล่าสหพนั ธ์ จึงตอ้ งเปล่ยี นข้อบังคับให้ชาติทีค่ รอบครองถ้วยอยูน่ ้ันลงแข่งขันในรอบอินเตอร์โซนดังกล่าวด้วย กีฬาแบดมนิ ตนั ได้แพร่หลายขึ้นแม้กระทงั่ ในกลุม่ ประเทศสงั คมนิยมก็ได้มีการเลน่ เบดมนิ ตันอย่าง กวา้ งขวางและมีการบรรจแุ บดมนิ ตนั เข้าไวใ้ นการแขง่ ขันเอเชยี นเกมส์ เซียพเกมส(์ ซเี กมสใ์ นปัจจุบัน) การ แขง่ ขนั กฬี าของประเทศในเครอื จกั ภพสหราชอาณาจกั รรวมทั้งการพจิ ารณาแบดมนิ ตันเข้าสู่การแข่งขันกีฬา โอลิมปิกลว้ นแต่เป็นเครื่องยนื ยนั วา่ แบดมินตนั ได้กลายเป็นกฬี าสากลแลว้ อยา่ งแท้จริง ประวตั ผิ ูร้ เิ ร่ิมกีฬาแบดมนิ ตัน จอห์นลอเรน บอลด์วนิ ผู้ริเริ่มกีฬาแบดมนิ ตนั ขึ้นเป็นครั้งแรกโดยจัดการเล่นท่คี ฤหาสน์ แบดมินตัน (Badmintion House) ในปราสาทของทา่ นยุค แห่งบวิ ฟอร์ดในกลอสเตอร์ชาร์ ประเทศอังกฤษ บอลด์วินมีค วามคิดเมื่อใดไม่ปรากฏแนช่ ดั แต่วา่ กันประมาณ 60 ปีกวา่ ของคริสตศ์ ตวรรษที่แลว้ บอลดว์ นิ เกดิ เมื่อ พ.ศ. 2352 ไดร้ บั การศึกษาในมหาวิทยาลยั ออ๊ กซฟ์ อร์ดเขาสนใจกีฬาครกิ เกต และ ละครมาก เขามีความชำนาญในกีฬาหลายชนดิ และได้ก่อต้ังสโมสรในกรงุ ลอนดอน (London) หลายแหง่ จนได้ ช่อื ว่า \"ราชาสโมสร\"ได้มีนติ ยสารฉบบั หนึง่ ช่ือ \"แวนิตี้แฟร\"์ ได้กล่าวว่า\"เปน็ เวลากว่าครึ่งศตวรรษทเี ดียวท่ี ชื่อเสยี งของเขายงิ่ ใหญ่ในวงการสงั คมสโมสร ซ่ึงทกุ คนเช่ือฟังโดยความเคารพ และเขาเกง่ ไม่มใี ครเท่าเทยี มได้ ในการสรา้ งข้อบงั คับ และเป็นผู้ชีข้ าดเกีย่ วกบั ปญั หาทว่ั ไปและกำลงั อยู่ระหวา่ งปรับปรงุ ขอ้ มลู ต่างๆจาก ลักษณะดงั กลา่ วนเ้ี ราจะคดิ ไม่ได้หรือว่าเขาเป็นผูว้ างกฎข้อบังคบั กีฬาแบดมนิ ตนั ข้นึ เปน็ ครง้ั แรกสุดถงึ แม้ว่าจะ ไมป่ รากฏเปน็ ลายลักษณ์อกั ษรก็ตาม \"แวนติ ้แี ฟร์ บอกให้ทราบว่า\"เขาเปน็ สหายคนสำคัญของท่านดยุคแห่งบิ วฟอรด์ \"ชวี ิตในระยะหลังบอลด์วินได้ไปอาศัยอยู่ใกล้ๆกบั วิหาร Tintern Abbey ห่างจากคฤหาสน์แบดมินตนั ไปทางตะวนั ตกประมาณ 32 กิโลเมตรเมื่ออยทู่ น่ี นั่ เขาไดร้ ับขนานนามวา่ ท่านบิดาแหง่ ทินเทนิ ขณะน้ันเขาแก่ ลงมากความชราก็ไมไ่ ด้ทำให้เขาลดหย่อนงานอนั เปน็ ทยี่ อมรับกนั เลย

ประวัตแิ บดมนิ ตันในประเทศไทย การเลน่ แบดมินตันไดเ้ ขา้ มาสู่ประเทศไทยในราวปี พ.ศ. 2456 โดยเริม่ เล่นกีฬาแบดมินตันแบบมีตา ข่ายโดยพระยานพิ ัทยกลุ พงษ์ ไดส้ ร้างสนามขึน้ ทบี่ ้านซ่งึ ต้ังอย่รู มิ คลองสมเดจ็ เจา้ พระยาธนบุรีแล้วนิยมเลน่ กนั อยา่ งแพรห่ ลายออกไป สว่ นมากเล่นกนั ตามบ้านผดู้ ีมีตระกูลวังเจ้านาย และในราชสำนกั การเล่นแบดมนิ ตนั ครงั้ นั้น นยิ มเล่นขา้ งละ 3 คนกนั มาก ประมาณปี พ.ศ. 2462 สโมสรกลาโหมได้เป็นผู้จดั แขง่ ขนั แบดมินตนั ท่วั ไปข้นึ เป็นครง้ั แรกโดยจดั การแข่งขัน 3 ประเภทไดแ้ ก่ประเภทเดย่ี ว ประเภทคู่ และประเภทสามคนปรากฏ วา่ ทีมแบดมนิ ตันบางขวางนนทบรุ ี (โรงเรียนราชวิทยาลยั บางขวางนนทบุร)ี ชนะเลศิ ทุกประเภทนอกจากน้ีมี นกั กีฬาแบดมินตนั ฝีมือดีเดนิ ทางไปแข่งขนั ยงั ประเทศใกลเ้ คียงอยูบ่ ่อยๆ ต่อมาปี พ.ศ. 2494 พระยาจินดารกั ษ์ได้ก่อตง้ั ขึน้ เป็นสมาคมชื่อว่า\"สมาคมแบดมินตันแหง่ ประเทศ ไทย\" เมื่อแรกตงั้ มอี ยู่ 7 สโมสร คอื สโมสรสมานมติ ร สโมสรบางกอก สโมสรนวิ บอย สโมสรยนู ิตี้ สโมสร ส. ธรรมภกั ดสี โมสรสิงหอ์ ุดม และสโมสรศริ ิบำเพ็ญบญุ ซ่งึ ในปัจจุบันน้ีเหลอื เป็นสโมสรสมาชิกของสมาคมอยู่เพยี ง 2 สโมสรคือสโมสรนิวบอย และสโมสรยูนติ เี้ ทา่ นนั้ และในปเี ดยี วกนั สมาคมแบดมนิ ตันแหง่ ประเทศไทยก็ได้ สมัครเข้าเปน็ สมาชิกของสหพันธ์แบดมินตนั นานาชาติด้วยสมาคมแบดมินตนั แห่งประเทศไทยมีนักกีฬา แบดมินตนั ที่มีฝีมือดอี ย่มู ากและจากการท่ีได้เข้าแข่งขนั ในรายการตา่ งๆของโลกได้สรา้ งช่ือเสียงใหก้ บั ประเทศ ไทยเปน็ อย่างมาก ท้งั โธมสั คัพ อูเบอร์คัพ และการแข่งขันออลองิ แลนด์ซึง่ วงการแบดมินตันถือวา่ เป็นการ แข่งขันชิงชนะเลิศของโลกประเภทรายบุคคลซ่งึ นักกีฬาของประเทศไทยก็เคยไดต้ ำแหน่งรองชนะเลศิ ท้ัง ประเภทชายเด่ยี วและชายคู่มาแลว้ วงการแบดมนิ ตันของไทยยกย่อง นายประวตั ิ ปัตตพงศ์ (หลวงธรรมนญู วุฒกิ ร) เป็นบิดาแห่งวงการ แบดมินตันของประเทศไทย ปจั จบุ ันกฬี าแบดมนิ ตันในประเทศไทยเปน็ ที่นยิ มกนั มาก เลน่ กันท่วั ประเทศท้ังเด็กผ้ใู หญ่ ผหู้ ญิง ผ้ชู าย มกี ารเรยี นการสอนในโรงเรยี นในสถาบนั อุดมศึกษามีสนามแบดมนิ ตนั อยู่ท่วั ประเทศ มอี ปุ กรณ์ท่ีได้ มาตรฐาน ซ่ึงผลติ ไดเ้ องมีการอบรมฝึกสอนกีฬาแบดมนิ ตันโดยองคก์ รทีม่ มี าตรฐานมีผฝู้ ึกสอนทงั้ ในประเทศ และต่างประเทศท่ที ำงานเตม็ เวลามกี รรมการผู้ตดั สนิ ท่ีเปน็ มาตรฐานมรี ายการแขง่ ขันภายในประเทศทจ่ี ดั ขนึ้ ในแตล่ ะปีไมน่ ้อยกว่า 20 รายการมนี ักกีฬาทม่ี ีความสามารถตดิ อนั ดับ 1 ใน 10 ของโลก ทั้งชายและหญงิ ภายใต้การทำงานของสมาคมแบดมนิ ตันแหง่ ประเทศไทยในพระบรมราชูปถมั ภท์ จี่ รงิ จงั และเข้มแข็งเช่ือว่าอีก ไมน่ านประเทศไทยคงจะก้าวหน้าไปเป็นผู้นำในกฬี าแบดมินตนั ของโลกในโอกาสขา้ งหน้าอย่างแน่นอน

กติกาแบดมนิ ตัน 1. สนามและอปุ กรณส์ นาม 1.1 สนามจะเปน็ รปู สีเ่ หลยี่ มผนื ผ้าประกอบด้วยเสน้ กวา้ งขนาด 40 มิลลิเมตร ตามภาพผงั ก. 1.2 เสน้ ทกุ เส้นตอ้ งเด่นชัด และควรทาดว้ ยสขี าวหรือสีเหลือง 1.3 เส้นทกุ เสน้ เป็นส่วนประกอบของพื้นทซ่ี ึ่งกำหนดไว้ 1.4 เสาตาข่ายจะต้องสูง 1.55 เมตรจากพืน้ สนาม และตั้งตรงเมอื่ ขึงตาขา่ ยให้ตึงตามที่ไดก้ ำหนดไว้ในกติกา ข้อ 1.10 โดยทจ่ี ะต้องไม่มสี ่วนหนึ่งสว่ นใดของเสายื่นเขา้ มาในสนาม (เฉพาะรายการที่รับรองโดย IBF จะต้อง ใช้ระเบยี บนี้ จนกระทั่ง 1 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ทุกรายการทีแ่ ขง่ ขันจะต้องยึดตามระเบียบน)้ี 1.5 เสาตาขา่ ยจะต้องต้ังอยบู่ นเสน้ เขตขา้ งของประเภทคู่ ตามที่ได้แสดงไวใ้ นภาพผงั ก. โดยไมต่ ้องคำนึงว่าจะ เปน็ ประเภทเด่ยี วหรือเล่นคู่ 1.6 ตาขา่ ยจะต้องถกั ดว้ ยเส้นด้ายสีเขม้ และมขี นาดตากว้างไม่น้อยกว่า 15 มิลลิเมตร และไม่เกิน 20 มิลลิเมตร 1.7 ตาข่ายต้องมคี วามกว้าง 760 มลิ ลเิ มตร และความยาวอย่างน้อย 6.1 เมตร 1.8 ขอบบนของตาข่ายต้องมีแถบผา้ สขี าวพบั สอง ขนาดกว้าง 75 มิลลเิ มตร ทับบนเชือกหรือลวดทร่ี ้อยตลอด แถบผ้าขาว 1.9 เชือกหรอื ลวดต้องมีขนาดพอท่จี ะขึงให้ตึงเตม็ ท่ีกับหัวเสา 1.10 สดุ ขอบบนตาข่ายต้องสูงจากพน้ื ทตี่ รงกึ่งกลางสนาม 1.524 เมตร และ 1.55 เมตร เหนือเสน้ เขตข้างของ ประเภทคู่ 1.11 ตอ้ งไมม่ ชี ่องว่างระหว่างสุดปลายตาข่ายกับเสา ถ้าจำเปน็ ตอ้ งผูกร้อยปลายตาข่ายทั้งหมดกับเสา 2. ลูกขนไก่ 2.1 ลกู ขนไกอ่ าจทำจากวสั ดธุ รรมชาติ หรอื วัสดุสังเคราะห์ ไมว่ า่ ลกู นนั้ จะทำจากวัสดุชนิดใดก็ตาม ลกั ษณะ วถิ วี ่งิ ท่ัวไป จะต้องเหมือนกับลูกซ่ึงทำจากขนธรรมชาติ ฐานเป็นหวั ไม้ก๊อก หุ้มด้วยหนงั บาง 2.2 ลูกขนไกต่ ้องมขี น 16 อนั ปักอยู่บนฐาน 2.3 วดั จากปลายขนถึงปลายสุดของฐาน โดยความยาวของขนในแต่ละลูกจะเท่ากนั หมด ระหว่าง 62 มิลลเิ มตร ถึง 70 มลิ ลิเมตร 2.4 ปลายขนแผเ่ ป็นรูปวงกลม มเี ส้นผ่าศนู ยก์ ลางระหวา่ ง 58 มลิ ลิเมตร ถึง 68 มลิ ลเิ มตร 2.5 ขนตอ้ งมัดให้แน่นด้วยเส้นด้าย หรือวสั ดุอนื่ ทเี่ หมาะสม 2.6 ฐานของลูกต้องมีเสน้ ผ่าศูนยก์ ลาง 25 มิลลเิ มตร ถึง 28 มลิ ลเิ มตร และสว่ นลา่ งมนกลม

2.7 ลูกขนไก่จะมีน้ำหนักตง้ั แต่ 4.74 ถึง 5.50 กรัม 2.8 ลกู ขนไก่ทไี่ ม่ใชข้ นธรรมชาติ 2.8.1 ใชว้ สั ดสุ ังเคราะหแ์ ทนขนธรรมชาติ 2.8.2 ฐานลกู ดังทไ่ี ด้กำหนดไวใ้ นกตกิ าข้อ 2.6 2.8.3 ขนาดและน้ำหนักของลูกต้องเปน็ ไปตามท่ีได้กำหนดไวใ้ นกติกาข้อ 2.3, 2.4 และ 2.7 อย่างไรก็ตาม ความแตกตา่ งของความถว่ งจำเพาะ และคุณสมบตั ิของวัสดุสงั เคราะหโ์ ดยการเปรยี บเทียบกับขนธรรมชาติ ยอมใหม้ ีความแตกต่างไดถ้ ึง 10% 2.9 เนอ่ื งจากมิได้กำหนดความแตกตา่ งในเร่ืองลกั ษณะท่ัวไป ความเร็วและวิถวี ิง่ ของลกู อาจมกี ารเปลีย่ นแปลง คุณลกั ษณะดงั กลา่ วข้างตน้ ไดโ้ ดยการอนุมตั ิจากองค์กรแห่งชาตทิ ่ีเกี่ยวข้องในท่ีซงึ่ สภาพความกดอากาศสงู หรือสภาพดินฟ้าอากาศ เปน็ เหตุให้ลกู ขนไกต่ ามมาตรฐานทกี่ ำหนดไวไ้ มเ่ หมาะสม 3. การทดสอบความเร็วของลกู 3.1 การทดสอบ ใหย้ นื หลังเส้นเขตหลงั แลว้ ตีลกู ใต้มืออย่างสุดแรง โดยจดุ สัมผัสลูกอยูเ่ หนือเส้นเขตหลงั ลูกจะ พุ่งเปน็ มุมสงู และอยใู่ นแนวขนานกบั เสน้ เขตข้าง 3.2 ลูกทีม่ คี วามเรว็ ถกู ต้อง จะตกห่างจากเสน้ เขตหลังของอกี ด้านหน่ึงไมน่ ้อยกว่า 530 มิลลเิ มตร และไม่ มากกว่า 990 มลิ ลิเมตร 4. แร็กเกต 4.1 เฟรมของแร็กเกตยาวท้ังหมดไม่เกนิ 680 มลิ ลิเมตร และกวา้ งทง้ั หมดไมเ่ กิน 230 มิลลเิ มตร ส่วนต่าง ๆ ท่ี สำคญั ได้อธิบายไวใ้ นกตกิ าข้อ 4.1.1 ถงึ 4.1.54.1.1 ดา้ นจับ เปน็ ส่วนของแรก็ เกตทผี่ เู้ ล่นใช้จับ4.1.2 พน้ื ท่ีขงึ เอ็น เป็นส่วนของแร็กเกตท่ผี เู้ ลน่ ใช้ตีลกู 4.1.3 หวั บริเวณท่ีใช้ขึงเอ็น 4.1.4 กา้ น ตอ่ จากดา้ มจบั ถึงหวั (ขึน้ อย่กู บั กตกิ าข้อ 4.1.5) 4.1.5 คอ (ถ้าม)ี ต่อกา้ นกบั ขอบหวั ตอนล่าง 4.2 พ้ืนทีข่ งึ เอน็ 4.2.1 พ้ืนท่ขี ึงเอ็นต้องแบนราบ ดว้ ยการรอ้ ยเอ็นเส้นขวางขัดกบั เส้นยนื แบบการขงึ เอน็ ทั่วไป โดยพื้นที่ ตอนกลาง ไมค่ วรทบึ น้อยกวา่ ตอนอ่นื ๆ 4.2.2 พนื้ ท่ขี ึงเอ็นต้องยาวท้งั หมดไมเ่ กิน 280 มิลลิเมตร และกว้างทัง้ หมดไม่เกิน 220 มิลลเิ มตร อยา่ งไรก็ตาม

อาจขึงไปถงึ คอเฟรม หากความกวา้ งทเี่ พ่ิมของพนื้ ท่ีขงึ เอ็นน้ันไมเ่ กนิ 35 มิลลเิ มตรและความยาวท้ังหมดของ พน้ื ที่ขึงเอ็นต้องไม่เกนิ 330 มิลลเิ มตร 4.3 แร็กเกต 4.3.1 ตอ้ งปราศจากวัตถุอน่ื ติดอยู่ หรอื ยื่นออกมา ยกเวน้ จากส่วนทท่ี ำเพอื่ จำกัดและป้องกันการสึกหรอ ชำรุด เสยี หาย การส่นั สะเทือน การกระจายน้ำหนัก หรือการพันดา้ มจบั ให้กระชบั มือผ้เู ลน่ และมีความเหมาะสมท้งั ขนาดและการติดต้ังสำหรบั วตั ถุประสงค์ดงั กลา่ ว 4.3.2 ตอ้ งปราศจากสงิ่ ประดิษฐ์อ่ืน ๆ ทช่ี ว่ ยให้ผ้เู ล่นเปล่ยี นรูปทรงของแร็กเกต 5. การยอมรับอปุ กรณ์ สหพนั ธ์แบดมนิ ตนั นานาชาติ จะกำหนดกฎเกณฑเ์ กีย่ วกับปญั หาของแรก็ เกต ลูกขนไก่ หรืออปุ กรณ์ ต้นแบบ ซึง่ ใช้ในการเล่นแบดมนิ ตนั ใหเ้ ป็นไปตามข้อกำหนดต่าง ๆ กฎเกณฑด์ งั กลา่ วอาจเป็นการริเร่มิ ของ สหพนั ธ์เองหรอื จากการย่ืนความจำนงของคณะบุคคล ท่ีมีผลประโยชน์เกย่ี วข้องอย่างแท้จรงิ กบั ผ้เู ลน่ ผ้ผู ลิต หรอื องค์กรแหง่ ชาติหรือสมาชกิ ขององคก์ รนั้น ๆ 6. การเสี่ยง 6.1 กอ่ นเรมิ่ เล่น จะต้องทำการเสยี ง ฝ่ายทช่ี นะการเสยี ง มีสทิ ธ์ิเลอื กตามกตกิ าข้อ 6.1.1 หรอื 6.1.2 6.1.1 สง่ ลูกหรือรับลกู ก่อน 6.1.2 เริม่ เล่นจากสนามข้างใดข้างหนง่ึ 6.2 ฝา่ ยท่ีแพ้การเสีย่ ง มสี ทิ ธิ์ทเี่ หลือจากการเลอื ก 7. ระบบการนับคะแนน 7.1 แมทช์หนงึ่ ต้องชนะให้ได้มากท่ีสุดใน 3 เกม เวน้ แต่จะได้กำหนดเป็นอยา่ งอืน่ 7.2 ในประเภทชายคแู่ ละประเภทชายเด่ียว ฝา่ ยทไี่ ด้ 15 คะแนนก่อนเปน็ ฝา่ ยชนะในเกมน้นั ยกเว้นตามท่ีได้ กำหนดไว้ในกตกิ าขอ้ 7.5 7.3 ในประเภทหญงิ เดยี่ ว หญิงคู่ ค่ผู สม ฝา่ ยท่ไี ด้ 11 คะแนนกอ่ นเปน็ ฝา่ ยชนะในเกมนน้ั ยกเวน้ ตามที่ได้ กำหนดไว้ในกติกาข้อ 7.5 7.4 ฝา่ ยสง่ ลกู เทา่ น้ัน เป็นฝา่ ยไดค้ ะแนน (ดูกติกาขอ้ 10.3 หรือ 11.5) 7.5 ถา้ ได้ 14 คะแนนเท่ากัน (10 คะแนนเทา่ กันในประเภทหญงิ เดยี่ ว หญงิ คู่ คผู่ สม) ฝา่ ยทไ่ี ด้ 14 (10) คะแนนกอ่ น มีสิทธิ์เลือกในกติกาข้อ 7.5.1 หรือ 7.5.2:- 7.5.1 ตอ่ เกมนน้ั ถงึ 15 (11) คะแนน กลา่ วคอื ไม่เลน่ ต่อ ในเกมนนั้ หรือ

7.5.2 เลน่ ต่อ เกมน้ันถึง 17 (13) คะแนน 7.6 ฝา่ ยชนะ เปน็ ฝ่ายสง่ ลูกก่อนในเกมต่อไป 8. การเปลีย่ นข้าง 8.1 ผูเ้ ลน่ จะเปลี่ยนข้าง :- 8.1.1 หลงั จากจบเกมที่ 1 8.1.2 ก่อนเร่ิมเลน่ เกมท่ี 3 (ถ้าม)ี และ 8.1.3 ในเกมที่ 3 หรือในการแขง่ ขันเกมเดยี ว เม่ือคะแนนนำถงึ 6 คะแนน สำหรบั เกม 11 คะแนน / 8 คะแนน สำหรับเกม 15 คะแนน 8.2 ถ้าผเู้ ล่นลมื เปลย่ี นขา้ งตามท่ีได้ระบไุ ว้ในกติกาข้อ 8.1 ผูเ้ ลน่ ต้องเปลีย่ นขา้ งทันทที ่ีรตู้ ัวและลูกไม่อยู่ในการ เลน่ และให้นบั นบั คะแนนต่อจากคะแนนที่ไดใ้ นขณะนนั้ 9. การส่งลกู 9.1 ในการส่งลกู ท่ีถูกต้อง 9.1.1 ทั้งสองฝ่ายต้องไม่ประวิงเวลาใหเ้ กดิ ความล่าชา้ ในการส่งลกู ทันทที ่ีผ้สู ่งลูก และผู้รับลกู อยใู่ นทา่ พร้อม แล้ว 9.1.2 ผสู้ ง่ ลูกและผู้รบั ลูก ต้องยนื ในสนามสง่ ลูกทะแยงมุมตรงข้ามโดยเทา้ ไม่เหยียบเส้นเขตของสนามสง่ ลูก 9.1.3 บางสว่ นของเทา้ ทง้ั สองของผูส้ ง่ ลกู และผรู้ ับลูก ต้องแตะพื้นสนามในท่านิ่งตั้งแต่เร่ิมสง่ ลูก (กติกาข้อ 9.4) จนกระท่ังส่งลูกแล้ว (กติกาข้อ 9.5) 9.1.4 จุดสมั ผัสแรกของแรก็ เกตผ้สู ง่ ต้องตีทฐ่ี านของลกู 9.1.5 ทกุ ส่วนของลูกจะต้องอยู่ต่ำกวา่ เอวของผสู้ ่ง ขณะที่แรก็ เกตสมั ผสั ลูก 9.1.6 กา้ นแร็กเกตของผูส้ ่งลูกในขณะตีลูก ต้องชลี้ งต่ำจนเห็นได้ชดั ว่า สว่ นหวั ทง้ั หมดของแร็กเกตอย่ตู ่ำกวา่ ทุกส่วนของมือท่จี ับแร็กเกตของผูส้ ง่ ลกู ตามภาพผัง ง. 9.1.7 การเคลื่อนแรก็ เกตของผู้สง่ ลูกไปข้างหน้า ตอ้ งต่อเน่ืองจากการเร่ิมส่งลูก (กติกาข้อ 9.4) จนกระทั่งไดส้ ง่ ลูกแล้ว และ 9.1.8 วถิ ลี ูกจะพุ่งขนึ้ จากแรก็ เกตของผู้สง่ ลูกขา้ มตาขา่ ย และถ้าปราศจากการสะกัดกนั้ ลูกจะตกลงบนพน้ื สนามสง่ ลูกของผรู้ บั ลกู (กล่าวคอื บนหรอื ภายในเสน้ เขต) 9.2 ถา้ การสง่ ลกู ไม่ถูกต้อง ตามกติกาของข้อ 9.1.1 ถงึ 9.1.8 ถือว่าฝา่ ยทำผิด เสีย (กติกาข้อ 13) 9.3 ถอื วา่ เสีย ถา้ ผู้สง่ ลูกพยายามจะส่งลูก โดยตีไมถ่ ูกลูก 9.4 เมอ่ื ผเู้ ล่นอยู่ในทา่ พร้อมแลว้ การเคลอื่ นแร็กเกตไปข้างหนา้ ของผูส้ ่งลูกถือวา่ เร่ิมสง่ ลูก 9.5 ถอื วา่ ไดส้ ง่ ลูกแลว้ (กติกาข้อ 9.4) ถ้าแร็กเกตของผสู้ ง่ สัมผสั ลกู หรือพยายามจะสง่ ลูกแตต่ ไี ม่ถูกลูก

9.6 ผู้ส่งลูกจะส่งลกู ไม่ได้ถ้าผู้รับลกู ยังไม่พร้อม แตถ่ ือว่าผูร้ ับลูกพรอ้ มแล้วถ้าพยายามตีลูกท่สี ง่ มากลบั ไป 9.7 ในประเภทคู่ คู่ขาจะยืน ณ ทใ่ี ดก็ได้ โดยไมบ่ งั ผ้สู ง่ ลูกและผู้รับลกู

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สุขศกึ ษาและพลศึกษา ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 วชิ า แบดมินตัน (พ 32101) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 เร่ือง การทดสอบสมรรถภาพ เวลา 50 นาที ผู้สอน นางสาวสุพัตรา อำขำ โรงเรยี น นวมนิ ทราชทู ิศ พายัพ สาระท่ี 3 การเคล่ือนไหว การออกกำลงั กาย การเลน่ เกม กฬี าไทย และกฬี าสากล มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 3.1 เขา้ ใจ มีทักษะในการเคล่อื นไหว กจิ กรรมทางกาย การเลน่ เกมและกฬี า ตัวช้วี ดั พ 3.1.1 วเิ คราะห์ความคดิ รวบยอดเกยี่ วกบั การเคล่ือนไหวรูปแบต่างๆ ในการเล่นกีฬา พ 3.1.2 ใช้ความสามารถของตน เพือ่ เพม่ิ ศกั ยภาพของทีม คำนึงถึงผลทีเ่ กดิ ต่อผ้อู นื่ และสังคม สาระสำคญั การทดสอบสมรรถภาพทางกายมีความจำเป็นต่อการเรียนพลศึกษา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการ จัดการเรียนการสอน เพราะนักเรียนแตล่ ะคนมสี มรรถภาพทางกายที่แตกตา่ งกัน นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ ในการทดสอบสมรรถภาพตามที่ครูกำหนดให้ และสามารถทดสอบได้อย่างถกู ต้อง ปลอดภัยและมีสมรรถภาพ ตามเกณฑ์ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนอธิบายวิธีการทดสอบสมรรถภาพ ประโยชน์และความสำคัญของการทดสอบสมรรถภาพ รวมทง้ั บอกรปู แบบและข้นั ตอนของการทดสอบสมรรถภาพได้ (K) 2. นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั กิ ารทดสอบไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ปลอดภยั และมีสมรรถภาพตามเกณฑ์ (P) 3. นกั เรยี นมคี วามสนใจและมีความกระตอื รือร้นในการทำกจิ กรรม (A)

สาระการเรยี นรู้ ประโยชน์และความสำคัญของการทดสอบสมรรถภาพในการการวิ่งเก็บของเพื่อความคล่องแคล่ว ว่องไว และลกุ – นง่ั 30 วินาทีเพ่อื ความแขง็ แรงและความอดทนของกลา้ มเนือ้ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ มวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ มั่นในการปฏิบตั ิ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ความสามารถในการใช้ทักษะกระบวนการและทกั ษะในการดำเนินชีวิต ด้านทกั ษะ/กระบวนการ กระบวนการฝกึ ทักษะปฏบิ ัตทิ างพลศึกษา 5 ขนั้ ตอน (ข้นั นำ ข้ันอธบิ ายสาธติ ข้ันฝึกปฏิบตั ิ ขนั้ นำไปใช้ ขั้นสรปุ ) กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขน้ั นำหรืออบอ่นุ รา่ งกาย ( 5 นาที ) 1.1 ครูเป่านกหวีดเรียกนักเรียนจัดแถวตอน 6 แถวๆละ 4 คน ให้หัวหน้าห้องนำกล่าวนักเรียนทำ ความเคารพ จากน้ันให้น่งั ลง รูปที่ 1 = ครู = นกั เรยี น

1.2 ครูเชค็ ชอื่ จำนวนนกั เรียนท่ีมาเรียนทั้งหมด วา่ มใี ครมาเรียนและขาดเรียนบ้างหรือมีใครเจ็บป่วย จนไม่สามารถที่จะเรียนได้ทำการแยกนักเรียนที่เจ็บป่วยนั้นออกมาโดยให้ไปพักหรือรักษาตัวท่ี ห้องพยาบาล 1.3 อบอุ่นร่างกายให้ผู้เรียนวิ่งรอบสนาม 3 รอบสนามโดยวิ่งวนด้านซ้ายเป็นแถวตอนเรียงเดียว จากนน้ั ให้กลับมาตัง้ แถวเหมอื นเดิม 1.4 ยืดเหยียดกล้ามเนื้อด้วยท่ากายบริหารโดยให้ผู้เรียนจัดแถวกลับสู่ รูปแบบเดิมคือ 6 แถวตอน จากนั้นใหผ้ ู้เรยี นทำท่าต่อไปน้ี หมุนคอ ไหล่ แขน อก เอว เข่า ขอ้ เท้า ข้อมือ เป็นตน้ 2. ขั้นอธิบายสาธิต ( 10 นาที ) 2.1 ครอู ธิบายและสาธิตรูปแบบของการทดสอบสมรรถภาพในการวิง่ เกบ็ ของและลุก – นง่ั 30 วนิ าที 2.2 ครูอธิบายและสาธิตรูปแบบของการทดสอบสมรรถภาพในการวิ่งเก็บของและลุก – นั่ง 30 วินาที โดยใหผ้ ู้เรียนออกมาร่วมสาธติ กับครู 2.3 ครูอธิบายและสาธิตรูปแบบของการทดสอบสมรรถภาพในการวิ่งเก็บของและลุก – นั่ง 30 วินาที โดยให้ผู้เรยี นออกมาสาธิตกันเอง 3. ขน้ั ฝึกปฏิบัติ ( 5 นาที ) 3.1 ใหน้ ักเรียนจับคู่ ชาย-ชาย, หญิง-หญงิ โดยเลือกเพ่ือนท่มี ีขนาดร่างกายใกล้เคยี งกัน 3.2 ให้นักเรียนแต่ละคู่ลองฝึกปฏิบัติการวิ่ง วิธีการวิ่งเก็บของจะวิ่งทีละ 2 คนละที่ โดยวางไม้ทั้งสอง ท่อนกลางวงกลมที่อยู่ตรงข้ามกับเส้นเริ่ม นักเรียนยืนให้ปลายเท้าข้างหนึ่งอยู่ชิดเส้นเริ่ม เม่ือ ได้รบั คำสงั่ ว่า ไปใหน้ ักเรยี นว่งิ ไปหยิบท่อนไมท้ ่อนหน่ึงมาวางท่ีวงกลมหลังเส้นเริ่ม แล้วกลับตัวว่ิง ไปหยิบท่อนไม้อีกท่อนหนึ่งมาวางไว้เช่นเดียวกับท่อนแรกแล้ววิ่งเลยไป ห้ามโยนท่อนไม้ หากวาง ไมเ่ ข้าในวงกลม ให้เรมิ่ ใหม่ 3.3 ให้นกั เรยี นแตล่ ะคูล่ องฝึกปฏิบตั ิการลุก – นง่ั ใหผ้ รู้ ับการทดสอบคนแรกนอนหงายบนเบาะเขา่ งอ ตั้งเป็นมุมฉาก เท้าแยกห่างกันประมาณ 30 องศาประสานนิ้วมือรองท้ายทอยไว้ ผู้ทดสอบคน ที่ 2 คุกเข่าที่ปลายเท้าของผู้ทดสอบ(หันหน้าเข้าหากัน)มือทั้งสองกำและกดข้อเท้าของผู้รับการ ทดสอบไว้ให้หลังติดพื้นเมื่อผู้ให้สัญญาณบอก \"เริ่มต้น\" พร้อมกับจับเวลา ผู้รับการทดสอบลุกขึ้น นง่ั ใหศ้ อกท้งั สองแตะเข่าทัง้ สองแล้วกลับนอนลงในทา่ เดมิ จนน้วิ มือจรดเบาะจึงกลบั ลุกขึน้ น่ังใหม่

4. ขนั้ ใช้ ( 25 นาที ) 4.1 ทดสอบสมรรถภาพทางกาย วง่ิ เก็บของทีละคู่ โดยให้นักเรยี นหญงิ ทดสอบกอ่ นนักเรยี นชาย รูปที่ 2 4.2 ทดสอบสมรรถภาพ ลุก – นั่ง 30 วินาที ซึ่งครูเป็นผู้กำหนดเวลาในการทดสอบ ให้นักเรียนทำ การทดสอบพรอ้ มกนั 5 คู่ โดยใหน้ กั เรยี นชายทดสอบกอ่ น และนกั เรียนหญิง ตามลำดบั รูปท่ี 3 5. ข้ันสรปุ ( 5 นาที ) 5.1 ครูส่ังให้นักเรียนชิดแถวโดยมีระยะหา่ ง 1 ช่วงแขน แล้วให้นักเรียนทง้ั หมดนงั่ ลง 5.2 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เนื้อหาทั้งหมดทีเ่ รียนมา โดยมีครูคอยชีแ้ นะและตอบคำถาม 5.3 มอบหมายงานเพือ่ การทำกิจกรรมในคร้ังตอ่ ไปและ สำรวจเครือ่ งแตง่ กาย ความสะอาด ความพร้อมในด้านตา่ ง ๆของผู้เรียน ก่อนทีจ่ ะสั่งเลิกแถว เพื่อให้ผ้เู รียนได้ไปเรียนใน รายวิชาต่อไป

สื่อการเรียนการสอน 1. นกหวีด 2. นาฬกิ าจบั เวลา 3. เทปวัด 4. ทางวงิ่ เรียบขนานกัน 4 เสน้ ห่างกัน 10 เมตร 5. วงกลม 4 วง 6. ทอ่ นไม้ 4 ทอ่ น 7. เบาะยมิ นาสติก 5 เบาะ การวัดผลและการประเมินผล 1. เครื่องมอื การวดั และประเมนิ ผล 1.1 คำถาม , สังเกต 1.2 แบบประเมินสมรรถภาพ วงิ่ เก็บของ 1.3 แบบประเมินสมรรถภาพ ลกุ – น่ัง 30 วินาที 2. วิธีการวัดและประเมนิ ผล 2.1 ต้งั คำถาม 2.2 สงั เกตพฤตกิ รรม 2.3 เปรียบเทยี บคา่ สมรรถภาพของนกั เรยี นกบั เกณฑ์ 3. เกณฑ์การวัดผลและการประเมนิ ผล จดุ ประสงค์ ระดับคณุ ภาพ/ระดับคะแนน 1 54 3 2 ดา้ นความรู้ (K) การมีปฏิกริ ิยา การมปี ฏกิ ิริยา การมปี ฏิกิรยิ า การมีปฏิกิริยา การมีปฏกิ ิริยา ถามตอบได้ 1 ถามตอบไม่ได้ นกั เรียนอธิบายวิธกี ารทดสอบ ถามตอบได้ 4 ถามตอบได้ 3 ตอบได้ 2 ข้อ ข้อ อยใู่ น อยู่ในระดับ สมรรถภาพ ประโยชนแ์ ละ ขอ้ อยู่ใน ขอ้ อยู่ใน อยู่ในระดบั ระดับ พอใช้ ปรบั ปรุง ความสำคญั ของการทดสอบ ระดับ ดีมาก ระดบั ดี ปานกลาง สมรรถภาพ รวมท้ัง

ด้านทักษะกระบวนการ (P) นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น สามารถรว่ิง สามารถวิ่ง สามารถว่ิงเกบ็ สามารถเก็บ สามารถเก็บ นกั เรยี นชาย เกบ็ ของได้ เกบ็ ของได้ ของไดพ้ อใช้ ของไดเ้ วลาตำ่ ของได้เวลาตำ่ เวลาดีที่สุด เวลาดี และ และสามารถ และสามารถ มากและ สามารถปฏิบตั กิ ารทดสอบวิง่ และสามารถ สามารถ ปฏบิ ัตกิ ารลกุ - ปฏิบตั ิการลกุ - สามารถ เก็บของและลุก-น่งั 30 ได้ ปฏบิ ตั ิการลุก- ปฏิบตั กิ ารลกุ - นง่ั 30 วนิ าที นั่ง 30 วนิ าที ปฏิบัตกิ ารลุก- อย่างถกู ต้อง ปลอดภัยและมี น่งั 30 วนิ าที นัง่ 30 วนิ าที ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ไดอ้ ยา่ ง นัง่ 30 วนิ าที สมรรถภาพตามเกณฑ์ ได้อย่าง ไดอ้ ยา่ ง และทำได้ 22- ถูกต้อง และ ไดอ้ ย่าง ถูกตอ้ ง และ ถกู ตอ้ ง และ 26 คร้ัง ทำได้ 20-21 ถูกตอ้ ง และ ทำได้ 29 ครั้ง ทำได้ 27-28 ปานกลาง ครง้ั พอใช้ ทำได้ 0-19 ขึ้นไป ดีมาก ครั้ง ดี คร้ัง ปรับปรงุ ด้านทักษะกระบวนการ (P) นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี นหญงิ สามารถ สามารถวงิ่ สามารถวงิ่ เก็บ สามารถเก็บ สามารถเกบ็ สามารถปฏบิ ัตกิ ารทดสอบว่ิง ปฏบิ ัตกิ ารว่งิ เก็บของได้ ของไดเ้ พอใช้ ของได้เวลาตำ่ ของไดเ้ วลาต่ำ เกบ็ ของและลุก-นั่ง 30 ได้ อยา่ งถกู ต้อง ปลอดภยั และมี เกบ็ ของได้ เวลาดแี ละ และสามารถ และ มากและ สมรรถภาพตามเกณฑ์ เวลาดีทสี่ ดุ สามารถ ปฏบิ ตั ิการลุก- สามารถ สามารถ และสามารถ ปฏบิ ัตกิ ารลุก- นง่ั 30 วนิ าที ปฏบิ ตั กิ ารลกุ - ปฏิบตั กิ ารลกุ - ปฏิบัตกิ ารลกุ - นงั่ 30 วนิ าที ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง นง่ั 30 วนิ าที นง่ั 30 วินาที น่ัง 30 วินาที ไดอ้ ยา่ ง และทำได้ 14- ไดอ้ ยา่ ง ได้อย่าง ได้อยา่ ง ถูกต้อง และ 18 ครงั้ อยู่ใน ถูกตอ้ ง และ ถกู ตอ้ ง และ ถกู ตอ้ ง และ ทำได้ 19-20 ระดับ ปาน ทำได้ 12-13 ทำได้ 0-11 ทำได้ 21 ครั้ง ครั้ง อยใู่ น กลาง คร้ัง อยูใ่ น ครั้ง อยใู่ น ข้นึ ไป อยูใ่ น ระดับ ดี ระดับ พอใช้ ระดับ ระดับ ดมี าก ปรบั ปรุง

ด้านคุณลกั ษณะอันพึง นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น นกั เรยี น ประสงค์ (A) แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออกทาง แสดงออกทาง พฤติกรรมทด่ี ี พฤติกรรมทีด่ ี พฤตกิ รรมที่ดี พฤติกรรมที่ดี พฤตกิ รรมท่ดี ี นกั เรยี นแสดงออกถงึ ความ ได้ 5 ขอ้ ดี ได้ 4 ขอ้ ดี ได้ 3 ขอ้ ปาน ได้ 2 ข้อ ได้ 1 ข้อ สนใจ ใฝร่ ู้ ใฝเ่ รยี น มีความ มาก กลาง พอใช้ ปรับปรงุ เปน็ ผนู้ ำและผ้ตู ามทดี่ ี คะแนนรวม/คะแนนเตม็ 15 คะแนน เกณฑก์ ารวดั ผลและการประเมนิ ผล เกณฑ์การประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวดั ผล 13 – 15 อยใู่ นเกณฑ์ ดมี าก 10 – 12 อยใู่ นเกณฑ์ ดี 5 อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก 7 – 9 อยู่ในเกณฑ์ ปานกลาง 4 อยู่ในเกณฑ์ ดี 4 – 6 อยู่ในเกณฑ์ พอใช้ 3 อยใู่ นเกณฑ ปานกลาง 0 – 3 อยูใ่ นเกณฑ์ ปรับปรุง 2 อยู่ในเกณฑ์ พอใช้ 7 คะแนนลงมา ไมผ่ ่าน 1 อยูใ่ นเกณฑ์ ปรบั ปรุง การประเมิน 8 คะแนนข้ึนไป ผา่ น

แบบประเมนิ ผลด้านความรู้ คำช้แี จง: สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี น แลว้ ขีด √ ลงในช่องท่ีตรงกับระดบั คะแนน ที่ ดา้ นทกั ษะ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ เกณฑก์ าร ชือ่ - สกลุ ดา้ นความรู้ (K) กระบวนการ (P) ประสงค์ (A) ประเมนิ 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 ผ่าน ไม่ผ่าน 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21. ลงชอื่ .......................................... ผู้ประเมนิ ( ........................................... ) ......... / ................. / ..........

บันทึกหลังการสอน หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 เร่ือง การทดสอบสมรรถภาพ แผนการเรยี นรู้ที่ 3 ผลการสอน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญั หา/อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอ้ เสนอแนะแนว/ทางแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชอื่ )........................................................ครูผู้สอน (นางสาวสพุ ตั รา อำขำ) นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชีพครู ........../........../.......... ความคดิ เหน็ ของอาจารย์ทีป่ รกึ ษา/ครพู เี่ ลี้ยง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชือ่ )........................................................ผู้ตรวจ (นายอธวิ ฒั น์ มณีจักร) อาจารยท์ ่ปี รกึ ษา/ครพู ีเ่ ลย้ี ง ........../........../.........

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 วชิ า แบดมินตนั (พ 32101) ช้ัน มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 เร่อื ง การสรา้ งความคุน้ เคย (การจบั ไม้/การเดาะลูก) เวลา 50 นาที ผสู้ อน นางสาวสพุ ตั รา อำขำ โรงเรยี น นวมนิ ทราชูทศิ พายพั สาระท่ี 3 การเคลือ่ นไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 3.1 เข้าใจ มที ักษะในการเคล่อื นไหว กจิ กรรมทางกาย การเล่นเกมและกฬี า มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำอย่าง สม่ำเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชื่นชมในสุนทรียภาพ ของการกฬี า ตัวชี้วัด พ 3.1.3 เลน่ กฬี าไทย กฬี าสากลประเภทบคุ คล/คู่ กีฬาประเภททีมได้อย่างน้อย 1 ชนดิ พ 3.2.2 อธบิ ายและปฏิบัติเกีย่ วกบั สิทธิ กฎ กตกิ า กลวิธตี ่างๆ ในระหว่างการเลน่ การแข่งขนั กีฬากับ ผูอ้ ื่นและนำไปสรปุ เปน็ แนวปฏิบตั แิ ละใชใ้ นชีวติ ประจำวันอยา่ งต่อเนือ่ ง สาระสำคญั พื้นฐานการเล่นกีฬาแบดมินตัน เริ่มด้วยการจับไม้และการเดาะลูก หากนักเรียนปฏิบัติทักษะดังกลา่ ว นี้จนชำนาญ จะส่งผลให้ง่ายต่อการฝึกทักษะที่สูงกว่า นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในการจับไม้และการเดาะ ลูกอันเป็นพ้ืนฐานของกฬี าแบดมินตนั และนักเรยี นสามารถปฏิบัตทิ ักษะดังกลา่ วไดถ้ ูกตอ้ ง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นักเรียนอธิบายวิธีการจับไม้ ประโยชน์และความสำคัญของการจับไม้ รวมทั้งบอกรูปแบบของการ เดาะลกู แบดมนิ ตันได้ (K) 2. นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ทิ กั ษะการจบั ไมแ้ ละการเดาะลกู ไดถ้ ูกตอ้ ง (P) 3. นกั เรยี นแสดงออกถงึ ความสนใจ ใฝร่ ู้ ใฝเ่ รยี น การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน (A)

สาระการเรยี นรู้ ลกั ษณะเกี่ยวกับไมแ้ รก็ เกตและลกู แบดมินตัน รปู แบบและทักษะการจับไม้ การเดาะลูกแบดมินตันท้ัง หน้ามือและหลังมอื เป็นทกั ษะทใ่ี ช้ในการเลน่ แบดมนิ ตนั คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมนั่ ในการปฏิบัติ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน ความสามารถในการใช้ทักษะกระบวนการและทกั ษะในการดำเนนิ ชวี ิต ด้านทักษะ/กระบวนการ กระบวนการฝึกทกั ษะปฏิบัตทิ างพลศกึ ษา 5 ขน้ั ตอน (ข้ันนำ ขน้ั อธบิ ายสาธติ ขนั้ ฝึกปฏบิ ตั ิ ขัน้ นำไปใช้ ขัน้ สรปุ ) กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ขนั้ นำหรืออบอนุ่ รา่ งกาย ( 5 นาที ) 1.1 ครูเป่านกหวีดเรียกนักเรียนจัดแถวตอน 6 แถวๆละ 4 คน ให้หัวหน้าห้องนำกล่าวนักเรียนทำ ความเคารพ จากนั้นใหน้ ่ังลง รปู ท่ี 1 = ครู = นกั เรยี น 1.2 ครเู ชค็ ชือ่ จำนวนนกั เรียนที่มาเรียนทั้งหมด วา่ มใี ครมาเรียนและขาดเรียนบ้างหรือมีใครเจ็บป่วย จนไม่สามารถที่จะเรียนได้ทำการแยกนักเรียนที่เจ็บป่วยนั้นออกมาโดยให้ไปพักหรือรักษาตัวท่ี หอ้ งพยาบาล

1.3 อบอุ่นร่างกายให้ผู้เรียนวิ่งรอบสนาม 3 รอบสนามโดยวิ่งวนด้านซ้ายเป็นแถวตอนเรียงเดียว จากน้นั ให้กลบั มาตง้ั แถวเหมือนเดมิ 1.4 ยืดเหยียดกล้ามเนื้อด้วยท่ากายบริหารโดยให้ผู้เรียนจัดแถวกลับสู่ รูปแบบเดิมคือ 6 แถวตอน จากนั้นให้ผเู้ รยี นทำทา่ ต่อไปนี้ หมนุ คอ ไหล่ แขน อก เอว เข่า ข้อเท้า ขอ้ มอื เป็นต้น 2. ขัน้ อธบิ ายสาธิต ( 10 นาที ) 2.1 ครูอธิบายและสาธติหลักการและความสำคัญของวิธีการจับไม้และการเดาะลูกแบดมินตันที่ ถูกต้อง 2.2 ครูอธิบายและสาธิตวิธีการจับไม้และการเดาะลูกแบดมินตันที่ถูกต้อง โดยให้ผู้เรียนออกมาร่วม สาธติ กบั ครู 2.3 ครูอธิบายและสาธิตรูปแบบวิธีการจับไม้และการเดาะลูกแบดมินตันที่ถูกต้อง โดยให้ผู้เรียน ออกมาสาธิตกนั เอง 3. ขัน้ ฝกึ ปฏิบตั ิ ( 10 นาที ) 3.1 ครูให้นักเรียนทั้งหมดขยายแถวออก 2 ช่วงแขน จากนั้นให้ทำการฝึกเดาะลูกหน้ามือโดยเดาะลูก ทีละ 1 ครั้งให้เลยศีรษะขึ้นไป หลังจากนั้นให้เดาะเพิ่ม 2 ครั้ง 4 ครั้งและเพิ่มจำนวนไปเรื่อย ๆ โดยเดาะลกู อยา่ งตอ่ เน่ือง 3.2 ครูให้นักเรียนเดาะลูกหลังมือ โดยเดาะลูกทีละ 1 ครั้งให้เลยศีรษะขึ้นไป หลังจากเกิดความ ชำนาญใหเ้ พิ่มจำนวนครง้ั ไปเรอื่ ย ๆอยา่ งต่อเนื่อง 3.3 ครูให้นักเรียนเดาะลูกหน้ามือสลับหลังมือ โดยเดาะลูกทีละ 1ครั้งให้เลยศีรษะขึ้นไปหลังจากเกดิ ความชำนาญให้เพิม่ จำนวนครัง้ ไปเรื่อย ๆอยา่ งต่อเนอ่ื ง รูปที่ 2 = ครู = นกั เรยี น = ทิศทางการเดาะลกู

4. ขัน้ ใช้ ( 20 นาที ) 4.1 ครูให้นักเรียนจับคู่เดาะลูกหน้ามือและหลังมือ 20 ครั้ง อย่างต่อเนื่องเมื่อทำครบให้เดาะลูกส่งไป ให้เพื่อนฝ่ังตรงขา้ มเดาะลกู หน้ามอื และหลังมอื 20 ครัง้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งไมใ่ หต้ ก 4.2 ครูให้นักเรียนจับคู่เดาะลูกสลับหน้ามือและหลังมือ 10 ครั้ง อย่างต่อเนื่องเมื่อทำครบให้เดาะลูก สง่ ไปให้เพ่ือนฝัง่ ตรงขา้ มเดาะลกู สลับหน้ามอื และหลงั มือ 10 ครง้ั อย่างต่อเนือ่ งไม่ใหต้ ก รูปท่ี 3 = ครู = นกั เรยี น = ทิศทางการเดาะ ล=ูกทศิ ทางการส่งลูก 5. ขั้นสรุป (5 นาที ) 5.1 ครูสั่งให้นักเรียนชดิ แถวโดยมีระยะหา่ ง 1 ชว่ งแขน แลว้ ให้นักเรียนท้ังหมดนัง่ ลง 5.2 ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปเน้อื หาทั้งหมดท่ีเรียนมา โดยมีครคู อยช้แี นะและตอบคำถาม 5.3 มอบหมายงานเพื่อการทำกิจกรรมในครั้งต่อไปและ สำรวจเครื่องแต่งกาย ความสะอาด ความ พร้อมในด้านตา่ ง ๆของผเู้ รยี น ก่อนที่จะสัง่ เลกิ แถว เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นไดไ้ ปเรยี นในรายวชิ าต่อไป สื่อการเรียนการสอน 1. นกหวีด 2. ลูกแบดมนิ ตนั 3. ไมแ้ ร็กเกตหรอื ไมแ้ บดมินตนั การวดั ผลและการประเมนิ ผล 1. เคร่อื งมือการวัดและประเมนิ ผล 1.1 สงั เกต 1.2 สอบถาม

2. วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล 2.1 ตง้ั คำถาม 2.2 สังเกตพฤตกิ รรม 3. เกณฑ์การวัดผลและการประเมนิ ผล จุดประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ/ระดบั คะแนน 5 4321 นกั เรยี นอธบิ ายวธิ กี ารจบั ไม้ การมปี ฏิกริ ยิ า การมปี ฏิกิรยิ า การมปี ฏิกริ ิยา การมีปฏกิ ิริยา การมีปฏกิ ริ ยิ า ประโยชนแ์ ละความสำคญั ถามตอบได้ 4 ถามตอบได้ 3 ถามตอบได้ 2 ถามตอบได้ 1 ถามตอบไมไ่ ด้ ของการจบั ไม้ รวมทัง้ บอก ข้อ ดมี าก ขอ้ ดี ขอ้ ปานกลาง ขอ้ พอใช้ ปรับปรุง รปู แบบของการเดาะลูก แบดมินตันได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรยี นจบั ไม้ นกั เรยี นจับไม้ นกั เรยี นจบั ไม้ นกั เรยี นจบั ไม้ นกั เรยี นจับไม้ นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ทิ กั ษะ แร็กเกตไม่แนน่ แรก็ เกตไม่ แร็กเกต แร็กเกต แร็กเกตแน่น การจับไมแ้ ละการเดาะลกู ได้ หรอื หลวม แน่นหรือ ค่อนขา้ งแน่น คอ่ นขา้ งแนน่ เกนิ ไป ถกู ตอ้ ง เกินไปสามารถ หลวมเกินไป หรือหลวม หรือหลวม สามารถเดาะ เดาะลูกหนา้ มอื ได้ สามารถ เกินไป เกนิ ไป ลูกหนา้ มือ หลงั มือ และ เดาะลูกหน้า สามารถเดาะ สามารถเดาะ หลงั มือ และ สลับหน้ามอื มอื หลงั มอื ลูกหน้ามือ ลูกหน้ามอื สลับหน้ามือ หลังมือ อยา่ ง และสลับหน้า หลังมือ และ หลงั มือ และ หลงั มือ อย่าง ละ30 ครง้ั ขน้ึ ไป มอื หลังมือ สลับหน้ามือ สลับหน้ามือ ละ 0-14 ครั้ง ดีมาก อยา่ งละ25- หลงั มือ อยา่ ง หลังมือ อยา่ ง ปรบั ปรุง 29 คร้งั ดี ละ20-24 คร้ัง ละ15-19 คร้งั ปานกลาง พอใช้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook