15461 4. สนามแม่เหล็กโลกมีประโยชน์ในด้านใด 1. ทําใหเ้ กดิ กลางวันและกลางคนื 2. ทาํ ใหเ้ กิดฤดกู าลต่าง ๆ บนโลก 3. ช่วยป้องกนั อนั ตรายจากลมสุรยิ ะ 4. ช่วยป้องกันความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ 5. ทาํ ให้ดวงอาทติ ย์ข้ึนทางทศิ ตะวนั ออกไปทศิ ตะวันตก 5. วตั ถุชนดิ ใดไม่ถกู กระทําเม่อื อยูใ่ นสนามแม่เหล็ก 1. ตะปู 2. ช้อนสงั กะสี 3. กุญแจโลหะ 4. กระดาษสีเงิน 5. ลวดหนบี กระดาษ 6. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยทม่ี ีผลต่อการผลติ กระแสไฟฟา้ ของไดนาโม 1. พื้นทีข่ องขดลวด 2. จาํ นวนรอบของขดลวด 3. ความเขม้ ของสนามแมเ่ หลก็ 4. ปรมิ าณไฟฟ้าที่จ่ายแกไ่ ดนาโม 5. ความเรว็ ในการเคล่อื นท่ีของแทง่ แม่เหล็ก 7. แรงระหว่างอนภุ าคซ่งึ อยู่ภายในนวิ เคลียสจะประกอบ ด้วยแรงอะไร 1. แรงโนม้ ถว่ งเทา่ นัน้ 2. แรงนิวเคลยี รเ์ ท่าน้ัน 3. แรงนวิ เคลียร์และแรงไฟฟา้ 4. แรงนิวเคลยี รแ์ ละแรงดงึ ดูดระหว่างมวล 5. แรงนวิ เคลียร์ แรงไฟฟา้ และแรงดงึ ดดู ระหวา่ งมวล
115427 8. แรงที่ยึดควาร์กในโปรตรอนและนิวตรอน คือแรงชนิดใด 1. แรงเขม้ 2. แรงอ่อน 3. แรงไฟฟ้า 4. แรงโนม้ ถว่ ง 5. แรงแม่เหลก็ 9. จากหลกั การของกระแสไฟฟ้าเหน่ยี วนํา สามารถนําไปใช้สร้างเครื่องมอื ชนดิ ใด 1. ไดนาโม 2. มอเตอร์ 3. ลาํ โพงไฟฟา้ 4. โวลต์มิเตอร์ 5. แกลวานอมิเตอร์ 10. ข้อใดไมใ่ ชป่ ระโยชนข์ องการใชส้ นามไฟฟ้า 1. เครื่องปน่ั อาหาร 2. เครือ่ งถา่ ยเอกสาร 3. เครอ่ื งออสซิลโลสโคป 4. จอภาพเครือ่ งอลั ตร้าซาวด์ 5. การกาํ จัดฝุ่นควันในโรงงานอุตสาหกรรม เฉลย 1. 3 2. 2 3. 4 4. 3 5. 4 6. 4 7. 2 8. 1 9. 1 10.1
14583 ใบงานที่ 2.1 เรอ่ื ง แรงจากสนามโน้มถว่ ง คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนตอบคำถามต่อไปน้ี 1. เพราะเหตุใดเม่ือปล่อยขนนกและก้อนหินจากทสี่ ูงในระดบั เดียวกัน วตั ถุท้ังสองนั้นจึงตกถึงพื้นไม่พร้อมกัน .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 2. เพราะเหตุใดนกั กระโดดร่มที่กระโดดลงมาจากเคร่ืองบินจงึ ลงสพู่ น้ื ผวิ โลกไดอ้ ย่างปลอดภัย .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ............... 3. สนามของแรงใดมที ิศตั้งฉากกับพน้ื โลก .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 4. ดาวเทยี มโคจรรอบโลกได้อย่างไร ................................................................................................................................................... ................................. .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 5. หากปลอ่ ยวัตถทุ ี่มมี วลเท่ากนั ให้ตกจากความสูงระดบั เดียวกันบนผิวดวงจันทร์ การเคลื่อนทขี่ องวัตถุนี้จะมี ความเหมือนหรอื แตกตา่ งจากการปล่อยวตั ถบุ นพนื้ โลกอย่างไร .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................
14594 เฉลยใบงานที่ 2.1 เรื่อง แรงจากสนามโน้มถว่ ง คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. เพราะเหตุใดเมื่อปล่อยขนนกและก้อนหินจากทส่ี ูงในระดับเดียวกัน วตั ถุทั้งสองน้ันจึงตกถึงพื้นไม่พร้อมกนั วตั ถทุ ่ีตกแบบอิสระภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลกจะเคลื่อนที่ลงด้วยความเร่งเท่ากัน จึงตกถงึ พื้นพร้อมกัน แต่ ในความเป็นจริงอาจมีแรงต้านในอากาศทําหน้าท่ีเป็นแรงพยุง ทาํ ให้วตั ถทุ ม่ี ีมวลน้อยหรือมีพ้ืนท่ีปะทะกับลม มาก เคล่อื นท่ีดว้ ยความเรง่ ท่ลี ดลงกว่าปกติ 2. เพราะเหตุใดนกั กระโดดร่มท่ีกระโดดลงมาจากเคร่ืองบินจงึ ลงสพู่ ื้นผิวโลกได้อยา่ งปลอดภัย การเคลื่อนที่ของนักกระโดดร่มจะมีแรงต้านในอากาศกระทําต่อร่ม ทําให้ความเร่งลดลง นักกระโดดร่มจึง ตกส่พู น้ื อย่างช้า ๆ ด้วยความเร็วทค่ี ่อย ๆ ลดลงอย่างช้า ๆ 3. สนามของแรงใดมีทศิ ตัง้ ฉากกับพื้นโลก สนามของแรงที่มีทิศตั้งฉากกับพื้นโลก คือ สนามโน้มถ่วง ซึ่งมีทิศพุ่งเข้าสู่พื้นโลกทําให้เกิดแรงโน้มถ่วง ดึงดดู วตั ถุตา่ ง ๆ ให้อยู่บนพื้นโลก และเป็นแรงดึงดูดระหว่างมวลทีท่ ําให้ดวงดาวต่าง ๆ รักษาระยะห่างของ การโคจรภายในระบบสุริยะ 4. ดาวเทยี มโคจรรอบโลกไดอ้ ยา่ งไร สนามโน้มถ่วงจะก่อให้เกิดแรงดึงดูดระหว่างมวลของโลกกับดาวเทียม ดังนั้น ในระดับความสูงหนึ่งที่ ดาวเทียมเคล่ือนท่ดี ว้ ยความเร็วที่เหมาะสม ดาวเทยี มนนั้ จะสามารถอยูใ่ นวงโคจรของโลกได้ 5. หากปลอ่ ยวัตถุท่มี ีมวลเทา่ กนั ใหต้ กจากความสงู ระดับเดยี วกันบนผวิ ดวงจันทร์ การเคลือ่ นท่ีของวตั ถุน้ีจะมี ความเหมือนหรือแตกต่างจากการปล่อยวตั ถบุ นพ้นื โลกอย่างไร บนพื้นผิวของดวงจันทร์มีขนาดของความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงที่น้อยกว่าบนพื้นผิวโลกประมาณ 6 เท่า ความเร่งของวัตถุที่ตกแบบอิสระในแนวดิ่งบนพื้นผิวของดวงจันทร์ จึงมีขนาดน้อยกว่าความเร่งของ วัตถุท่ีตกแบบอิสระในแนวดง่ิ บนพืน้ ผวิ โลก
115550 แบบประเมนิ ผลงานผังมโนทศั น์ คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียนตามรายการที่กําหนด แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 4 3 21 1 ความสอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ 2 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา 3 ความคิดสร้างสรรค์ 4 ความเปน็ ระเบียบ รวม ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............../................./................
1516 เกณฑป์ ระเมนิ ผงั มโนทศั น์ ประเด็นท่ปี ระเมนิ ระดับคะแนน 1. ผลงานตรงกบั 432 1 จดุ ประสงค์ท่ี กาหนด ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไม่สอดคลอ้ ง กบั จุดประสงค์ 2. ผลงานมคี วาม จุดประสงค์ทุก จุดประสงค์เป็นส่วน จดุ ประสงคบ์ าง ถกู ต้องสมบูรณ์ เน้อื หาสาระของ ประเดน็ ใหญ่ ประเด็น ผลงานไมถ่ ูกต้องเปน็ 3. ผลงานมคี วามคดิ ส่วนใหญ่ สรา้ งสรรค์ เน้อื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เน้อื หาสาระของ ผลงานไม่แสดง แนวคดิ ใหม่ ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้องเปน็ ผลงานถกู ต้องเป็น ครบถ้วน ส่วนใหญ่ บางประเด็น ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมแี นวคดิ ผลงานมคี วาม ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหมแ่ ต่ยงั ไม่ น่าสนใจ แตย่ งั ไม่มี แปลกใหมแ่ ละเป็น เปน็ ระบบ แนวคดิ แปลกใหม่ ระบบ 4. ผลงานมีความ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานมีความเปน็ ผลงานส่วนใหญไ่ ม่ เปน็ ระเบียบ ระเบียบแสดงออกถึง ความเป็นระเบียบแต่ ระเบียบแตม่ ี เป็นระเบยี บและมี ความประณีต ยังมี ข้อบกพร่องบางสว่ น ข้อบกพร่องมาก ข้อบกพร่องเลก็ น้อย เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ํ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ
1527 แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กบั ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธกี ารนําเสนอผลงาน 4 การนําไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมิน ............/................./.................. เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดมี าก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ตาํ่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
115538 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น รวม 15 ลาดบั ชื่อ-สกุลของนักเรียน ความสามารถใน ความสามารถใน ความสามารถใน คะแนน การสือ่ สาร การคิด การแก้ปัญหา 5432 1 5432 1 5 4 3 2 1 ลงช่ือ ................................................... ผปู้ ระเมิน ............/.................../................
115594 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน พฤติกรรมบ่งช้ี ระดับคะแนน 1. ความสามารถ 5 (ดีมาก) 4 (ดี) 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ ) ในการส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน ในการสือ่ สาร 2. ความสามารถ ในการคดิ การส่ือสาร การสอ่ื สาร การสอ่ื สาร การส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ ในการคดิ การ 3. ความสามารถ ออกมาไดด้ เี ยี่ยม ออกมาได้ดี ชัด ออกมาไดร้ ะดับ ออกมาได้ระดับ ตดั สนิ ใจ เกยี่ วกับ ในการ ปัญหาของตนเอง แกป้ ญั หา ชดั เจน เจร ปานกลาง ไม่ ปานกลาง ควร ไม่สามารถ ชัดเจน ปรบั ปรุง แก้ปญั หาเฉพาะ หนา้ ได้ มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถ การคิดอย่าง การคิดตัดสินใจ การคิด ตัดสนิ ใจ ตดั สินใจเก่ียวกับ สร้างสรรค์ เกี่ยวกับปัญหา เก่ยี วกบั ปญั หา ปญั หาของตนได้ ตดั สนิ ใจเก่ียวกบั ของตนได้ดี ของตนเองได้ ไมด่ เี ท่าที่ควร ปัญหาของตนเอง ไดเ้ หมาะสม มีความสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ แก้ปญั หาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แก้ปัญหาเฉพาะ หน้าไดท้ ุก หนา้ ไดเ้ กือบทุก หนา้ ไดบ้ าง หนา้ ได้ยงั ไม่ดี สถานการณ์ สถานการณ์ สถานการณ์ เท่าทคี่ วร เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดีมาก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ต่าํ กวา่ 8 ปรับปรงุ
15650 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กับระดับคะแนน การมี ลาดับที่ ชือ่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความมี ส่วนรว่ ม รวม ของนกั เรยี น ความ ยอมรบั ฟัง ตามที่ น้าใจ ในการ 15 คดิ เห็น ไดร้ ับ ปรบั ปรุง คะแนน คนอน่ื ผลงาน มอบหมาย กลมุ่ 321321321321321 ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน ............./.................../...............
16516 เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมาํ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่าํ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
16527 07 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 เรอื่ ง แรงจากสนามแมเ่ หล็ก
15683 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 7 สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ปกี ารศึกษา 2564 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 แรงในธรรมชาติ เรื่อง แรงจากสนามแมเ่ หลก็ เวลา 4 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจําวัน ผลของแรงที่กระทําต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลอื่ นทแ่ี บบต่างๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นาํ ความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ว 2.2 ม.5/7 สังเกตและอธิบายการเกิดสนามแม่เหล็กเน่อื งจากกระแสไฟฟ้า ว 2.2 ม.5/8 สงั เกตและอธบิ ายแรงแมเ่ หล็กที่กระทําต่ออนุภาคที่มปี ระจุไฟฟ้าท่เี คล่อื นท่ใี นสนามแม่เหล็ก และแรงแม่เหล็กที่กระทําต่อลวดตัวนําที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านในสนามแม่เหล็กรวมทั้งอธิบายหลักกํารทํางานของ มอเตอร์ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นสามารถอธิบายการเกดิ สนามแมเ่ หล็กเนื่องจากกระแสไฟฟา้ ได้ (K) 2. นกั เรยี นสามารถอธิบายแรงแม่เหลก็ ท่ีกระทําต่ออนภุ าคทมี่ ีประจุไฟฟ้าที่เคล่ือนที่ในสนามแม่เหล็กและ แรงแมเ่ หลก็ ทก่ี ระทําต่อลวดตวั นาํ ทมี่ ีกระแสไฟฟา้ ผา่ นในสนามแม่เหล็กรวมทงั้ อธบิ ายหลักการทาํ งานของมอเตอร์ (K) 3. นกั เรยี นสามารถสงั เกตการเกดิ สนามแม่เหลก็ เนื่องจากกระแสไฟฟา้ ได้ (P) 4. เรียนสามารถสังเกตแรงแม่เหล็กที่กระทําต่ออนภุ าคทีม่ ีประจุไฟฟา้ ท่ีเคล่ือนท่ีในสนามแม่เหล็กและแรง แม่เหล็กที่กระทําต่อลวดตัวนําที่มีกระแสไฟฟ้าผา่ นในสนามแม่เหล็กรวมทั้งอธิบายหลักกํารทาํ งานของมอเตอร์ได้ (P) 5. นกั เรียนมคี วามสนใจใฝร่ หู้ รอื อยากรอู้ ยากเหน็ และทํางานรว่ มกับผ้อู ่ืนอย่างสร้างสรรค์ (A)
16549 3. สาระสาคญั สนามแม่เหล็ก คือ บริเวณโดยรอบแท่งแม่เหล็กที่สามารถส่งแรงกระทําต่อวัตถุที่เป็นสารแม่เหล็กซึ่งวาง อยู่ในบริเวณนั้น วัตถุที่แม่เหล็กออกแรงกระทําด้วย เรียกว่า สารแม่เหล็ก (magnetic substance) แม่เหล็ก คือ สารที่สามารถดูดเหล็กหรือเหนี่ยวนาให้เหล็กหรือสารแมเ่ หล็กเปน็ แม่เหล็กได้ แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ แม่เหล็กถาวร (permanent magnetic) และแมเ่ หล็กไฟฟ้าหรอื แม่เหล็กชว่ั คราว แม่เหล็กมี 2 ขั้ว คอื ขัว้ เหนือ และข้วั ใต้ เมื่อนาํ แม่เหล็กขวั้ เดยี วกันวางใกลก้ ันจะเกิดแรงดูดกนั เม่ือนําวัตถุขัว้ ต่างกนั มาวางใกล้กนั จะเกดิ แรงผลักกัน 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) - การเกิดสนามแม่เหล็ก - ทศิ ทางของสนามแมเ่ หลก็ เนื่องจากกระแสไฟฟ้า - ความแตกต่างระหว่างสารทเ่ี ป็นแมเ่ หลก็ และสารทีไมเ่ ป็นแมเ่ หล็ก 4.2 ด้านทักษะ (P) - การทดลองแรงจากสนามแม่เหล็ก 4.3 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซอื่ สตั ย์สุจริต 3. มวี นิ ัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 6. มุ่งม่นั ในการทํางาน 7. รักความเป็นไทย 8. มจี ิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 6.1 ผงั มโนทัศน์ เร่ือง แรงจากสนามแมเ่ หล็ก 6.2 ใบงานท่ี 2.2 เร่ือง แรงจากสนามแม่เหล็ก 6.3 แบบฝึกหัด เร่อื ง แรงจากสนามแม่เหล็ก จากแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส)์ ม.5 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)
1605 ชวั่ โมงท่ี 1-2 ขั้นนํา กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนาและซักถามประสบการณ์เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับ เรื่อง แม่เหล็กที่เคยรับรู้มาก่อน โดยครู อาจใช้คําถามตอ่ ไปน้ถี ามนักเรียน เช่น • แมเ่ หล็กท่ีนักเรยี นรู้จกั หมายถึงอะไร • แม่เหลก็ มกี ีช่ นิด และแต่ละชนดิ มจี ุดเดน่ อย่างไร • นักเรยี นสามารถใช้ประโยชน์จากแมเ่ หล็กนั้นได้อยา่ งไร และนําไปใชอ้ ะไรบ้าง ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนแสดงความคิดเหน็ อย่างอิสระ โดยยงั ไมเ่ ฉลยวา่ คาํ ตอบของใครถกู หรือผิด 2. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ให้นกั เรียนทราบ 3. ครสู นทนากบั นกั เรียน ทบทวนความรู้ เรื่อง แรงจากสนามไฟฟา้ 4. ครูถามคําถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียน กับนักเรียนวา่ “ผลของสนามแม่เหล็กและผลของ สนามไฟฟา้ ตอ่ อนุภาคที่มปี ระจุไฟฟ้าต่างกันอย่างไร เพราะเหตใุ ด” (แนวคําตอบ : ต่างกัน เพราะแรงเนื่องจากสนามไฟฟ้ากระทําต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าทั้งที่เคลื่อนที่และ ไม่เคลอ่ื นที่ สว่ นแรงเนอื่ งจากสนามแม่เหล็กกระทาํ ต่ออนภุ าคทีม่ ีประจุไฟฟ้าทเ่ี คล่ือนที่น้ัน) ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครใู หน้ กั เรียนแบง่ กลุ่มกันอย่างอสิ ระ กล่มุ ละ 3-4 คน 2. ครูให้นกั เรยี นสืบเสาะหาความรู้ เร่ือง แรงแมเ่ หล็กและสนามแม่เหลก็ จากหนังสือเรียน 3. ครูให้นักเรียนสืบเสาะหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ เข็มทิศ จากอินเทอร์เน็ต โดยเขียนสรุปความรู้ลงใน สมุดบนั ทกึ ประจำตัว 4. ครูนำแท่งแม่เหล็ก 2 แท่งขึ้นมาแสดงให้นักเรียนดู จากนั้นสุ่มนักเรียนออกมาหน้าชั้นเรียน 2 คน ให้ นกั เรยี นถอื แท่งแม่เหลก็ คนละ 1 แท่ง แลว้ ใหน้ ักเรยี นคนแรกหนั ขวั้ เหนอื ไปด้านหนา้ และนักเรียนคนท่ี สองหันขั้วใต้ไปด้านหน้า จากนั้นครูให้นักเรียนทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน นำแท่งแม่เหล็กเข้าใกล้กนั ให้นกั เรียนทงั้ สองคนอธิบายผลท่เี กดิ ข้ึน
116661 5. ครูให้นักเรียนคนที่สองกลับด้านแท่งแม่เหล็ก ให้หันขั้วเหนือไปด้านหน้า จากนั้นครูให้นักเรียนทั้งสอง คนทำซำ้ เช่นเดมิ ให้นกั เรียนทั้งสองคนอธิบายผลที่เกดิ ข้ึน 6. ครูร่วมกันอภิปรายผลที่เกิดขึ้นพร้อมกับให้นักเรียนศึกษาภาพแสดงเส้นสนามแม่เหล็กระหว่างแท่ง แม่เหลก็ 2 แท่ง จากหนงั สอื เรียน 7. เมื่อนักเรียนทราบถึงทิศทางของเส้นสนามแม่เหล็กแล้ว ครูให้นักเรียนเปรียบเทียบ สนามแม่เหล็กโลก จากหนังสอื เรยี น 8. ครูให้นักเรียนใช้สมาร์ตโฟนสแกน QR Code เรื่อง สนามแม่เหล็กโลก จากหนังสือเรียน เพื่อศึกษา เพมิ่ เติมจากส่อื ดจิ ทิ ลั 9. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนข้าง ๆ แล้วร่วมกันศึกษา เรื่อง ผลของสนามแม่เหล็กต่ออนุภาคที่มีประจุ ไฟฟ้า จากหนงั สอื เรยี น 10. ครูอาจถามคำถามชวนคิดกับนักเรียนเมื่อเริ่มศึกษาเนื้อหาว่า “นักเรียนเคยได้ยินคำว่า กฎมือขวา หรือไม่ แล้วกฎมือขวานี้คืออะไร” โดยครูอาจสุ่มถามนักเรียนเพื่อตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียน เกย่ี วกบั เร่อื งท่กี ำลังจะศึกษา อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูสุ่มนกั เรียนออกมาหน้าชั้นเรียน จากนั้นใหอ้ ธิบายเก่ียวกับการหาทศิ ของแรงแม่เหล็กบนอนุภาคท่มี ี ประจไุ ฟฟ้าโดยใช้กฎมือขวา 2. ครอู าจกําหนดทิศของความเรว็ ของอนุภาคท่ีมปี ระจุไฟฟ้า จากนั้นใหน้ กั เรยี นใช้กฎมือขวาในการหาทิศ ของแรงแมเ่ หล็กที่กระทําต่ออนุภาคท่มี ีประจุไฟฟา้ นนั้ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับ ผลของสนามแม่เหล็กต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า โดยครูให้ นักเรียนศึกษาจากหนังสือเรียนควบคไู่ ปกับการท่ีครูอธบิ าย เพ่อื ให้เกดิ ความเขา้ ใจในเนอ้ื หาสว่ นนัน้ มาก ยง่ิ ขึ้น
1627 ชั่วโมงที่ 3-4 ขั้นสอน สารวจค้นหา (Explore) 1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 6 คน โดยคละความสามารถของนักเรียนตามผลสมัฤทธ์ิ (เก่ง ปานกลาง อ่อน) ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพื่อร่วมกันศึกษากิจกรรม ผลของสนามแม่เหล็กต่อลํา อิเล็กตรอน จากหนังสือเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มกาํ หนดให้สมาชิกแต่ละคนมีบทบาทหนา้ ที่ของ ตนเอง เชน่ • สมาชิกคนที่ 1 : เตรยี มวัสดอุ ปุ กรณ์ • สมาชิกคนท่ี 2 : อา่ นและศกึ ษาวธิ ปี ฏิบัตกิ จิ กรรม แล้วนํามาอธบิ ายสมาชิกในกล่มุ • สมาชกิ คนท่ี 3 : บันทกึ ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม • สมาชิกคนที่ 4-5 : ค้นคว้าเพิ่มเติม หาแหล่งข้อมลู อา้ งองิ เพ่ือสนบั สนนุ การปฏิบัตกิ ิจกรรม • สมาชกิ คนที่ 6 : นาํ เสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 2. ครูชีแ้ จงจุดประสงค์ของกิจกรรมให้นกั เรียนทราบ เพ่อื เป็นแนวทางการปฏบิ ตั ิที่ถูกตอ้ ง 3. ครูให้ความรูเ้ พ่มิ เติมหรอื เทคนิคเกี่ยวกบั การปฏบิ ตั ิกิจกรรม จากนั้นให้นกั เรยี นทุกกลมุ่ ลงมอื ปฏิบัติตาม ข้ันตอน 4. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ร่วมกนั พูดคยุ วิเคราะหผ์ ลการปฏิบัติกิจกรรม แล้วอภปิ รายผลร่วมกนั 5. ครเู นน้ ยา้ํ ใหน้ ักเรียนตอบคาํ ถามทา้ ยกจิ กรรม จากหนงั สือเรียน ลงในสมดุ บนั ทึกประจําตัว เพื่อนําสง่ ครู เป็นการตรวจสอบความเข้าใจจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูให้แตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมาหนา้ ช้ันเรียน เพือ่ นำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 2. ครสู ุ่มนักเรยี นเพื่อถามคำถามทเี่ กี่ยวข้องกบั กิจกรรม เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจหลงั ปฏบิ ตั ิกิจกรรม 3. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลท้ายกิจกรรมและสรุปความรรู้ ว่ มกัน 4. ครแู จกใบงานที่ 2.2 เรอ่ื ง แรงจากสนามแม่เหล็ก ให้นักเรียนนำกลบั ไปศกึ ษาเปน็ การบา้ น
1683 ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครนู ำอภิปรายสรุปเนื้อหา โดยเปิด PowerPoint เรอ่ื ง แรงจากสนามแม่เหล็ก ให้นักเรียนศึกษาควบคู่ไป ด้วย 2. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นสอบถามเกี่ยวกบั สิ่งที่สงสยั หรอื ยงั ไมเ่ ขา้ ใจเพ่ิมเตมิ 3. ครูให้นักเรียนเขียนสรุปองค์ความรู้ เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก จากที่ได้ศึกษามา ลงในสมุดบันทึก ประจำตวั เสร็จแลว้ ตวั แทนนกั เรียนเกบ็ รวบรวมสง่ ครูท้ายชวั่ โมง 4. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก จากแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 มาส่งครูในชว่ั โมงถดั ไป 8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 ส่อื การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรียน วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เรอื่ ง แรงในธรรมชาติ 2) แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง แรงในธรรมชาติ 3) แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นรูท่ ี่ 2 เร่อื ง แรงในธรรมชาติ 4) ใบงานที่ 2.2 เรือ่ ง แรงจากสนามแม่เหล็ก 5) PowerPoint เร่ือง แรงจากสนามแม่เหล็ก 6) แทง่ แมเ่ หล็ก 2 แท่ง 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรียน 2) หอ้ งสมดุ 3) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
116649 9. การวดั และประเมินผล รายการวดั วิธีวัด เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ - ใบงานท่ี 2.2 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 9.1 การประเมินระหว่าง - ตรวจใบงานท่ี 2.2 - แบบฝึกหัด - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจดั กิจกรรม - ตรวจแบบฝึกหัด 1) แรงจาก สนามแม่เหล็ก 2) การนาํ เสนอผลงาน - ประเมนิ การนาํ เสนอ - แบบประเมินการ ระดับคุณภาพ 2 นาํ เสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ ผลงาน - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม ทํางานรายบคุ คล การทาํ งานรายบุคคล (สมรรถนะของผูเ้ รียน) 4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 การทาํ งานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์ ทํางานกลมุ่ การทาํ งานกลุ่ม - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2 คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ 5) คุณลักษณะอันพงึ - สังเกตความมวี นิ ัย อันพงึ ประสงค์ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มน่ั ในการทํางาน 10. กจิ กรรมเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................
16750 11. บนั ทักผลหลังการสอน สรุปผลการเรยี นการสอน นกั เรียนทง้ั หมดจานวน.............คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จานวนนักเรียนทผ่ี ่าน จานวนนักเรยี นท่ีไมผ่ ่าน จานวน (คน) รอ้ ยละ จานวน (คน) ร้อยละ 12. ปัญหา/อุปสรรค/การแกไ้ ข .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 13. ข้อเสนอแนะ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................
17616 ลงชอ่ื ................................................................ () ตาํ แหนง่ ครูวทิ ยฐานะ....................................... ลงชอ่ื ................................................................ () หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้ ลงชอ่ื ................................................................ () รองผอู้ ํานวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ ความคดิ เห็นของหัวหน้าสถานศึกษา ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ...............................................................................แล้วมีความ คดิ เหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนการเรียนรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผ้เู รียนเป็นสําคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไม่เน้นผ้เู รียนเป็นสาํ คัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ................................................................ () ผอู้ ํานวยการโรงเรียน........................................
16772 ใบงานท่ี 2.2 เร่ือง แรงจากสนามแมเ่ หล็ก คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. เมื่อนําเข็มทิศมาวางใกล้ ๆ กับกึ่งกลางแท่งแม่เหล็กที่ตําแหน่ง ดังภาพต่อไปนี้ เข็มทิศจะชี้ในลักษณะใด โดย วงกลมขอ้ ทถี่ ูกต้องจากตัวเลือกท่ีกาํ หนดให้ แลว้ อธบิ ายสิง่ ที่เกิดข้ึน 2. แมเ่ หล็กชัว่ คราว คืออะไร
16783 เฉลยใบงานท่ี 2.2 เร่ือง แรงจากสนามแมเ่ หลก็ คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี 1. เมือ่ นําเข็มทศิ มาวางใกล้ ๆ กบั กึ่งกลางแทง่ แม่เหล็กทต่ี าํ แหนง่ ดังภาพต่อไปน้ี เขม็ ทศิ จะชี้ในลกั ษณะใด โดย วงกลมข้อท่ถี ูกตอ้ งจากตัวเลือกท่ีกําหนดให้ แลว้ อธิบายสงิ่ ท่เี กดิ ขึ้น สนามแม่เหล็กรอบ ๆ แม่เหล็กจะมีทิศทางพุ่งออกจากขั้วเหนือ (N) ไปยังขั้วใต้ (S) เมื่อวางเข็มทิศ บริเวณกึ่งกลางตามภาพ แม่เหล็กต่างขั้วกันจะมีอํานาจดึงดูดกัน คือ ขั้วใต้ของเข็มทิศจะชี้ไปทางขั้วเหนือของ แทง่ แม่เหลก็ และขั้วเหนอื ของเข็มทศิ จะชี้ไปทางขั้วใต้ของแท่งแม่เหล็ก 2. แมเ่ หล็กชวั่ คราว คืออะไร แม่เหล็กชั่วคราว คือ แทง่ แมเ่ หล็กทีแ่ สดงสมบัตเิ ป็นแม่เหล็กในช่วงระยะเวลาท่ีต้องการจะใหเ้ ปน็ แมเ่ หล็ก เทา่ น้ัน เชน่ แม่เหลก็ ทเี่ กิดจากการเหนี่ยวนํากระแสไฟฟา้ แม่เหล็กท่ีเกดิ จากเหล็กท่ีถูกเหนย่ี วนาํ ด้วยแท่งแมเ่ หลก็
117649 แบบประเมนิ ผลงานผังมโนทศั น์ คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียนตามรายการที่กําหนด แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 4 3 21 1 ความสอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ 2 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา 3 ความคิดสร้างสรรค์ 4 ความเปน็ ระเบียบ รวม ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............../................./................
1705 เกณฑป์ ระเมนิ ผงั มโนทศั น์ ประเด็นท่ปี ระเมนิ ระดับคะแนน 1. ผลงานตรงกบั 432 1 จดุ ประสงค์ท่ี กาหนด ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไม่สอดคลอ้ ง กบั จุดประสงค์ 2. ผลงานมคี วาม จุดประสงค์ทุก จุดประสงค์เป็นส่วน จดุ ประสงคบ์ าง ถกู ต้องสมบูรณ์ เน้อื หาสาระของ ประเดน็ ใหญ่ ประเด็น ผลงานไมถ่ ูกต้องเปน็ 3. ผลงานมคี วามคดิ ส่วนใหญ่ สรา้ งสรรค์ เน้อื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เน้อื หาสาระของ ผลงานไม่แสดง แนวคดิ ใหม่ ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้องเปน็ ผลงานถกู ต้องเป็น ครบถ้วน ส่วนใหญ่ บางประเด็น ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมแี นวคดิ ผลงานมคี วาม ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหมแ่ ต่ยงั ไม่ น่าสนใจ แตย่ งั ไม่มี แปลกใหมแ่ ละเป็น เปน็ ระบบ แนวคดิ แปลกใหม่ ระบบ 4. ผลงานมีความ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานมีความเปน็ ผลงานส่วนใหญไ่ ม่ เปน็ ระเบียบ ระเบียบแสดงออกถึง ความเป็นระเบียบแต่ ระเบียบแตม่ ี เป็นระเบยี บและมี ความประณีต ยังมี ข้อบกพร่องบางสว่ น ข้อบกพร่องมาก ข้อบกพร่องเลก็ น้อย เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ํ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ
1716 แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กบั ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธกี ารนําเสนอผลงาน 4 การนําไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมิน ............/................./.................. เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดมี าก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ตาํ่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
117727 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น รวม 15 ลาดบั ชื่อ-สกุลของนักเรียน ความสามารถใน ความสามารถใน ความสามารถใน คะแนน การสือ่ สาร การคิด การแก้ปัญหา 5432 1 5432 1 5 4 3 2 1 ลงช่ือ ................................................... ผปู้ ระเมิน ............/.................../................
117783 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน พฤติกรรมบ่งช้ี ระดับคะแนน 1. ความสามารถ 5 (ดีมาก) 4 (ดี) 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ ) ในการส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน ในการสือ่ สาร 2. ความสามารถ ในการคดิ การส่ือสาร การสอ่ื สาร การสอ่ื สาร การส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ ในการคดิ การ 3. ความสามารถ ออกมาไดด้ เี ยี่ยม ออกมาได้ดี ชัด ออกมาไดร้ ะดับ ออกมาได้ระดับ ตดั สนิ ใจ เกยี่ วกับ ในการ ปัญหาของตนเอง แกป้ ญั หา ชดั เจน เจร ปานกลาง ไม่ ปานกลาง ควร ไม่สามารถ ชัดเจน ปรบั ปรุง แก้ปญั หาเฉพาะ หนา้ ได้ มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถ การคิดอย่าง การคิดตัดสินใจ การคิด ตัดสนิ ใจ ตดั สินใจเก่ียวกับ สร้างสรรค์ เกี่ยวกับปัญหา เก่ยี วกบั ปญั หา ปญั หาของตนได้ ตดั สนิ ใจเก่ียวกบั ของตนได้ดี ของตนเองได้ ไมด่ เี ท่าที่ควร ปัญหาของตนเอง ไดเ้ หมาะสม มีความสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ แก้ปญั หาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แก้ปัญหาเฉพาะ หน้าไดท้ ุก หนา้ ไดเ้ กือบทุก หนา้ ไดบ้ าง หนา้ ได้ยงั ไม่ดี สถานการณ์ สถานการณ์ สถานการณ์ เท่าทคี่ วร เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดีมาก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ต่าํ กวา่ 8 ปรับปรงุ
1749 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กับระดับคะแนน การมี ลาดับที่ ชือ่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความมี ส่วนรว่ ม รวม ของนกั เรยี น ความ ยอมรบั ฟัง ตามที่ น้าใจ ในการ 15 คดิ เห็น ไดร้ ับ ปรบั ปรุง คะแนน คนอน่ื ผลงาน มอบหมาย กลมุ่ 321321321321321 ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน ............./.................../...............
18705 เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมาํ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่าํ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
117861 08 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เรือ่ ง แรงจากสนามแมเ่ หลก็ (ต่อ)
18727 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 8 สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 ปีการศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 แรงในธรรมชาติ เรือ่ ง แรงจากสนามแมเ่ หลก็ (ต่อ) เวลา 6 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจําวัน ผลของแรงที่กระทําต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลอ่ื นท่ีแบบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมทัง้ นําความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ม.5/9 สังเกตและอธบิ ายการเกดิ อีเอ็มเอฟ รวมทั้งยกตัวอยา่ งการนาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธิบายการเกิดอีเอม็ เอฟ รวมท้งั ยกตวั อย่างการนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้ (K) 2. นักเรียนสามารถสงั เกตการเกิดอเี อม็ เอฟ รวมทั้งยกตัวอย่างการนาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้ (P) 3. นกั เรียนมีความสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรูอ้ ยากเหน็ และทํางานรว่ มกับผอู้ ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 3. สาระสาคญั กระแสไฟฟา้ ในลวดตวั นาํ เป็นผลจากการเคล่ือนที่ของอิเล็กตรอนอิสระในตวั นํา เมื่อจา่ ยกระแสไฟฟ้าผ่าน ตัวนําที่อยู่ในสนามแม่เหล็ก ผลจากแรงแม่เหล็กท่ีกระทําต่ออิเล็กตรอนอิสระในตัวนาํ ทําให้เกิดแรง แม่เหล็ก บนตัวนํา โดยแรงแม่เหล็กบนตัวนําเป็นผลรวมของแรงแม่เหล็กที่กระทําต่ออิเล็กตรอนอิสระทั้งหลายในตัวนํา ซ่ึง เปน็ พนื้ ฐานในการสร้างมอเตอรอ์ ย่างง่าย รวมถงึ การสร้างเครื่องกาํ เนิดไฟฟา้ ดว้ ย 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) - ผลของสนามแม่เหล็กทมี่ ตี ่อตวั นำทม่ี ีกระแสไฟฟ้า 4.2 ดา้ นทกั ษะ (P) - ประดิษฐ์มอเตอร์อย่างง่ายเพอื่ ประยุกตใ์ ช้งานในชวี ิตประจำวนั
118738 4.3 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 2. ซือ่ สัตยส์ ุจริต 3. มีวนิ ัย 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 6. มุ่งมนั่ ในการทํางาน 7. รักความเปน็ ไทย 8. มีจติ สาธารณะ 5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน 6.1 ผังมโนทศั น์ เรือ่ ง แรงจากสนามแม่เหล็ก 6.2 แบบฝึกหัด เรอื่ ง แรงจากสนามแมเ่ หลก็ จากแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส)์ ม.5 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ชั่วโมงที่ 1-2 ขนั้ นาํ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก ที่ได้ศึกษาไปแล้ว เพื่อเป็นการ เชือ่ มโยงความรสู้ ู่เรอ่ื งท่กี าํ ลังจะศึกษา 2. ครูอาจสุ่มนักเรียน เพื่อให้แสดงวิธีการใช้กฎมือขวาในการหาทิศของแรงแม่เหล็กที่กระทําต่ออนุภาคที่มี ประจไุ ฟฟา้ เปน็ การกระตุ้นความสนใจก่อนเข้าสู่กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้
18749 ข้ันสอน สารวจค้นหา (Explore) 1. ครูใหน้ ักเรียนศกึ ษา เรอ่ื ง ผลของสนามแมเ่ หล็กต่อตัวนําทม่ี ีกระแสไฟฟา้ จากหนงั สอื เรียน 2. ครูให้นักเรียนจดบันทึกสรุปความรู้ เรื่อง ผลของสนามแม่เหล็กต่อตัวนําที่มีกระแสไฟฟ้า ลงในสมุด บนั ทกึ ประจาํ ตวั 3. ครูใหน้ กั เรียนจับคู่กับเพ่ือนข้าง ๆ จากนน้ั ร่วมกันศึกษา การใช้กฎมือขวาสําหรับหาทิศของแรงแม่เหล็กบน ลวดตวั นําตรง จากหนังสอื เรียน 4. ครูสุ่มนักเรียน 1 คู่ จากนั้นให้ยืนขึ้นแล้วอธิบายการใช้กฎมือขวาสําหรับหาทิศของแรงแม่เหล็กบนลวด ตวั นําตรง ให้เพอ่ื นในชน้ั เรียนดู 5. ครอู ภปิ รายร่วมกบั นักเรยี นเกี่ยวกับ ผลของสนามแมเ่ หล็กต่อตวั นาํ ที่มีกระแสไฟฟา้ เพ่ือให้นักเรียนเกิด ความเข้าใจมากย่ิงข้นึ 6. ครูให้นักเรียนแยกเข้ากลุ่มของตนเอง ที่ได้แบ่งไว้ตอนทํากิจกรรม ผลของสนามแม่เหล็กต่อ ลํา อิเลก็ ตรอน 7. ครูให้สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษากิจกรรม ผลของสนามแม่เหล็กต่อตัวนําที่มีกระแสไฟฟ้า จาก หนงั สอื เรยี น โดยสมาชกิ แตล่ ะคนอาจมหี น้าที่เหมือนเดิมหรืออาจปรบั เปลี่ยนหน้าท่ีกันใหม่ภายในกลุ่ม เพ่อื ให้เกิดกระบวนการทาํ งานร่วมกันได้ดีย่ิงข้นึ 8. ครูช้ีแจงจุดประสงค์ของกิจกรรมใหน้ ักเรยี นทราบ เพือ่ เป็นแนวทางการปฏบิ ตั ทิ ่ีถูกตอ้ ง 9. ครใู ห้ความรเู้ พิ่มเตมิ หรอื เทคนิคเก่ยี วกับการปฏิบตั กิ จิ กรรม จากนัน้ ให้นกั เรียนทกุ กลุ่มลงมือปฏิบัติตาม ข้นั ตอน 10. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั พูดคุยวิเคราะหผ์ ลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม แล้วอภปิ รายผลรว่ มกัน 11. ครูเน้นยํา้ ใหน้ ักเรยี นตอบคําถามท้ายกิจกรรม จากหนงั สือเรียน ลงในสมุดบนั ทึกประจําตัว เพือ่ นําสง่ ครู เป็นการตรวจสอบความเขา้ ใจจากการปฏิบตั ิกิจกรรม อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูใหแ้ ต่ละกล่มุ สง่ ตวั แทนออกมาหน้าช้นั เรียน เพ่อื นําเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรม 2. ครสู มุ่ นักเรียนเพ่ือถามคําถามที่เกยี่ วข้องกบั กจิ กรรม เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจหลังปฏิบัตกิ จิ กรรม 3. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลท้ายกิจกรรมและสรุปความร้รู ่วมกัน
1850 ช่ัวโมงที่ 3-4 ข้ันสอน สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครนู ําอภปิ รายร่วมกับนักเรียนเก่ียวกับผลกิจกรรม ผลของสนามแม่เหล็กต่อตัวนําทม่ี ีกระแสไฟฟ้า เพ่ือ เช่อื มโยงส่เู นอ้ื หาที่กําลังจะศึกษา 2. ครูกล่าวนําว่า เราสามารถนําความรู้เกี่ยวกับ สนามแม่เหล็ก ไปประยุกต์ใช้ หรือสามารถนําไปอธิบาย สง่ิ ต่าง ๆ ในชีวติ ประจาํ วนั ได้ 3. ครูให้นักเรียนสบื เสาะหาความรู้ เรื่อง ประโยชนจ์ ากสนามแมเ่ หล็ก จากหนังสือเรียน 4. ครูให้นกั เรยี นจดบนั ทกึ ส่ิงที่กําลงั ศึกษาลงในสมกุ บนั ทึกประจาํ ตัว 5. ครูเน้นยา้ํ กับนกั เรียนให้พยายามศึกษาทําความเข้าใจกบั ภาพโครงสร้างของมอเตอร์ จากหนังสือเรียน หรือ ครูอาจให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ โครงสร้างของมอเตอร์ จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อนิ เทอร์เนต็ ซึ่งสามารถค้นหาข้อมูลได้งา่ ย และรวดเร็ว 6. ครูให้นักเรียนแยกเข้ากลุ่มเดิมของตนเองที่ครูเคยแบ่งไว้แล้ว จากนั้นครูให้สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกัน ศึกษากิจกรรม มอเตอร์อย่างง่าย เพ่ือประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวัน จากหนังสือเรียน โดยสมาชิกแต่ ละคนอาจมีหน้าที่เหมือนเดิมหรืออาจปรับเปลี่ยนหน้าที่กันใหม่ภายในกลุ่ม เพื่อให้เกิดกระบวนการ ทํางานรว่ มกันได้ดยี ิง่ ข้ึน 7. ครชู ี้แจงจุดประสงค์ของกิจกรรมให้นกั เรยี นทราบ เพือ่ เปน็ แนวทางการปฏิบตั ทิ ่ถี กู ต้อง 8. ครูให้ความรเู้ พิม่ เติมหรอื เทคนิคเกย่ี วกับการปฏิบตั กิ จิ กรรม จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นทุกกลุ่มลงมอื ปฏิบัติตาม ข้ันตอน 9. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันพูดคยุ วเิ คราะหผ์ ลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม แล้วอภิปรายผลรว่ มกัน 10. ครเู น้นยาํ้ ให้นักเรยี นตอบคําถามท้ายกจิ กรรม จากหนงั สือเรียน ลงในสมดุ บันทกึ ประจาํ ตัว เพอ่ื นาํ สง่ ครู เปน็ การตรวจสอบความเขา้ ใจจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม
118861 อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครใู ห้แต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนออกมาหนา้ ชั้นเรียน เพอื่ นาํ เสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม 2. ครสู มุ่ นกั เรยี นเพอ่ื ถามคาํ ถามท่เี ก่ยี วข้องกบั กิจกรรม เพื่อตรวจสอบความเข้าใจหลงั ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 3. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายผลท้ายกจิ กรรมและสรปุ ความรู้ร่วมกัน 4. ครูนําสรุปหลังจากศึกษากิจกรรม มอเตอร์อย่างง่าย โดยเชื่อมโยงไปถึงกฎการเหนี่ยวนําของฟาราเดย์ ซ่ึง เป็นกฎพ้ืนฐานทางไฟฟ้าและแม่เหลก็ ชว่ั โมงท่ี 5-6 ข้นั สอน สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 6 คน โดยคละความสามารถของนักเรียนตามผลสมัฤทธ์ิ (เก่ง ปานกลาง อ่อน) ให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพื่อร่วมกันศึกษากิจกรรม กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนํา จาก หนงั สือเรยี น โดยให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ กําหนดให้สมาชกิ แต่ละคนมบี ทบาทหน้าท่ีของตนเอง เช่น • สมาชกิ คนที่ 1 : เตรียมวสั ดอุ ุปกรณ์ • สมาชิกคนท่ี 2 : อา่ นและศกึ ษาวธิ ปี ฏิบัติกจิ กรรม แลว้ นาํ มาอธบิ ายสมาชกิ ในกลุ่ม • สมาชิกคนที่ 3 : บันทกึ ผลการปฏบิ ัติกิจกรรม • สมาชกิ คนท่ี 4-5 : ค้นคว้าเพิ่มเติม หาแหล่งข้อมูลอ้างอิงเพื่อสนบั สนุนการปฏิบัตกิ จิ กรรม • สมาชิกคนท่ี 6 : นําเสนอผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 2. ครูชแ้ี จงจุดประสงคข์ องกจิ กรรมให้นักเรียนทราบ เพอื่ เปน็ แนวทางการปฏิบัตทิ ีถ่ ูกต้อง 3. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมหรอื เทคนิคเก่ยี วกบั การปฏิบตั ิกิจกรรม จากนน้ั ใหน้ ักเรียนทุกกลุม่ ลงมอื ปฏิบัติตาม ขัน้ ตอน 4. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ร่วมกันพดู คุยวเิ คราะหผ์ ลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม แล้วอภิปรายผลร่วมกนั 5. ครเู นน้ ยํา้ ใหน้ กั เรียนตอบคาํ ถามท้ายกิจกรรม จากหนงั สอื เรยี น ลงในสมุดบันทกึ ประจําตวั เพ่อื นําสง่ ครู เป็นการตรวจสอบความเขา้ ใจจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
1827 อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครใู ห้แตล่ ะกล่มุ ส่งตวั แทนออกมาหน้าชน้ั เรยี น เพ่ือนําเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม 2. ครสู ุ่มนักเรยี นเพอื่ ถามคาํ ถามที่เกย่ี วข้องกบั กจิ กรรม เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจหลังปฏิบัตกิ ิจกรรม 3. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายผลท้ายกิจกรรมและสรุปความรู้ร่วมกัน 4. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั ศึกษาและอธิบายเกี่ยวกบั เครอ่ื งกาํ เนดิ ไฟฟ้า จากหนังสือเรยี น ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูนาํ อภปิ รายสรุปเนอื้ หา โดยเปิด PowerPoint เรอื่ ง แรงจากสนามแม่เหล็ก ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาควบคู่ไป ด้วย 2. ครูให้นักเรียนทําสรปุ ผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก ลงในกระดาษ A4 พร้อมทั้งตกแตง่ ใหส้ วยงาม (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินชิน้ งาน/ภาระงาน) 3. ครสู มุ่ เลอื กนักเรียนออกไปนาํ เสนอผังมโนทศั น์ของตนเองหน้าช้ันเรยี น (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบประเมินการนาํ เสนอผลงาน) 4. ครูให้นกั เรยี นศึกษาและทําแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง แรงจากสนามแม่เหลก็ จากหนังสือ เรียน ลงในสมุดบนั ทกึ ประจาํ ตวั แล้วนํามาส่งครูทา้ ยชั่วโมง 5. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทําแบบฝึกหัด เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส)์ ม.5 มาสง่ ครใู นช่วั โมงถดั ไป
118883 ขั้นสรุป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความร้เู กี่ยวกับ ผลของสนามแม่เหล็กที่มตี ่อตัวนำทม่ี ีกระแสไฟฟ้า มอเตอร์ อย่างง่าย และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้มีความเข้าใจในเนื้อหาที่ได้ศึกษามาแล้วไป ในทางเดียวกัน และเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยครูให้นักเรียนเขียนสรุปความรู้ลงในสมุดบันทึก ประจำตัว 2. ครตู รวจแบบฝกึ หัดจาก Topic Question เร่ือง แรงจากสนามแม่เหลก็ ในสมุดบนั ทึกประจำตัว 3. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง แรงจากสนามแม่เหล็ก จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส)์ ม.5 4. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล และการ ทำงานกล่มุ 5. ครูวัดและประเมินผลจากชิน้ งานการสรุปเน้ือหา เรอื่ ง แรงจากสนามแม่เหลก็ ท่ีนกั เรยี นไดส้ ร้างขึ้นจาก ขั้นขยายความเขา้ ใจเป็นรายบุคคล 8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรียน วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ม.5 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 แรงในธรรมชาติ 2) แบบฝกึ หัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส์) ม.5 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 แรงในธรรมชาติ 3) PowerPoint เร่ือง แรงจากสนามแม่เหล็ก 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ
1849 9. การวัดและประเมนิ ผล วิธีวัด เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน รายการวัด - ตรวจผงั มโนทศั น์ เรื่อง - แบบประเมินชิ้นงาน/ - ระดับคุณภาพ 2 9.1 การประเมินชนิ้ งาน/ ภาระงาน แรงจากสนามแม่เหล็ก ภาระงาน ผา่ นเกณฑ์ 9.2 การประเมนิ ระหวา่ ง ระหว่างเรยี น - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) แรงจากสนามแมเ่ หลก็ 2) การนําเสนอผลงาน - ประเมนิ การนําเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน นาํ เสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทาํ งาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 รายบุคคล (สมรรถนะของ การทํางานรายบุคคล รายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ ผเู้ รยี น) 4) พฤติกรรมการทาํ งาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2 กลมุ่ การทํางานกลุ่ม การทาํ งานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะอนั พงึ - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มัน่ คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ ในการทํางาน อนั พึงประสงค์ 10. กิจกรรมเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................
19805 11. บันทักผลหลงั การสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรียนท้ังหมดจานวน.............คน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ จานวนนักเรียนที่ผ่าน จานวนนักเรยี นทไี่ มผ่ า่ น จานวน (คน) ร้อยละ จานวน (คน) ร้อยละ 12. ปญั หา/อุปสรรค/การแก้ไข .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 13. ขอ้ เสนอแนะ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................
19816 ลงชื่อ................................................................ () ตําแหนง่ ครูวิทยฐานะ....................................... ลงชอ่ื ................................................................ () หวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้ ลงชื่อ................................................................ () รองผู้อํานวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ ความคิดเห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ...............................................................................แล้วมีความ คดิ เห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการเรยี นร้ทู ่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นาํ เอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผ้เู รียนเป็นสาํ คัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาํ คญั ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป
119827 3. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงช่อื ................................................................ () ผูอ้ ํานวยการโรงเรยี น........................................
119838 แบบประเมนิ ผลงานผังมโนทศั น์ คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียนตามรายการที่กําหนด แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 4 3 21 1 ความสอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ 2 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา 3 ความคิดสร้างสรรค์ 4 ความเปน็ ระเบียบ รวม ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............../................./................
18994 เกณฑป์ ระเมนิ ผงั มโนทศั น์ ประเด็นท่ปี ระเมนิ ระดับคะแนน 1. ผลงานตรงกบั 432 1 จดุ ประสงค์ท่ี กาหนด ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไม่สอดคลอ้ ง กบั จุดประสงค์ 2. ผลงานมคี วาม จุดประสงค์ทุก จุดประสงค์เป็นส่วน จดุ ประสงคบ์ าง ถกู ต้องสมบูรณ์ เน้อื หาสาระของ ประเดน็ ใหญ่ ประเด็น ผลงานไมถ่ ูกต้องเปน็ 3. ผลงานมคี วามคดิ ส่วนใหญ่ สรา้ งสรรค์ เน้อื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เน้อื หาสาระของ ผลงานไม่แสดง แนวคดิ ใหม่ ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้องเปน็ ผลงานถกู ต้องเป็น ครบถ้วน ส่วนใหญ่ บางประเด็น ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมแี นวคดิ ผลงานมคี วาม ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหมแ่ ต่ยงั ไม่ น่าสนใจ แตย่ งั ไม่มี แปลกใหมแ่ ละเป็น เปน็ ระบบ แนวคดิ แปลกใหม่ ระบบ 4. ผลงานมีความ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานมีความเปน็ ผลงานส่วนใหญไ่ ม่ เปน็ ระเบียบ ระเบียบแสดงออกถึง ความเป็นระเบียบแต่ ระเบียบแตม่ ี เป็นระเบยี บและมี ความประณีต ยังมี ข้อบกพร่องบางสว่ น ข้อบกพร่องมาก ข้อบกพร่องเลก็ น้อย เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ํ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ
1905 แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กบั ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธกี ารนําเสนอผลงาน 4 การนําไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมิน ............/................./.................. เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดมี าก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ตาํ่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
119916 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น รวม 15 ลาดบั ชื่อ-สกุลของนักเรียน ความสามารถใน ความสามารถใน ความสามารถใน คะแนน การสือ่ สาร การคิด การแก้ปัญหา 5432 1 5432 1 5 4 3 2 1 ลงช่ือ ................................................... ผปู้ ระเมิน ............/.................../................
119972 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน พฤติกรรมบ่งช้ี ระดับคะแนน 1. ความสามารถ 5 (ดีมาก) 4 (ดี) 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ ) ในการส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน ในการสือ่ สาร 2. ความสามารถ ในการคดิ การส่ือสาร การสอ่ื สาร การสอ่ื สาร การส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ ในการคดิ การ 3. ความสามารถ ออกมาไดด้ เี ยี่ยม ออกมาได้ดี ชัด ออกมาไดร้ ะดับ ออกมาได้ระดับ ตดั สนิ ใจ เกยี่ วกับ ในการ ปัญหาของตนเอง แกป้ ญั หา ชดั เจน เจร ปานกลาง ไม่ ปานกลาง ควร ไม่สามารถ ชัดเจน ปรบั ปรุง แก้ปญั หาเฉพาะ หนา้ ได้ มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถ การคิดอย่าง การคิดตัดสินใจ การคิด ตัดสนิ ใจ ตดั สินใจเก่ียวกับ สร้างสรรค์ เกี่ยวกับปัญหา เก่ยี วกบั ปญั หา ปญั หาของตนได้ ตดั สนิ ใจเก่ียวกบั ของตนได้ดี ของตนเองได้ ไมด่ เี ท่าที่ควร ปัญหาของตนเอง ไดเ้ หมาะสม มีความสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ แก้ปญั หาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แก้ปัญหาเฉพาะ หน้าไดท้ ุก หนา้ ไดเ้ กือบทุก หนา้ ไดบ้ าง หนา้ ได้ยงั ไม่ดี สถานการณ์ สถานการณ์ สถานการณ์ เท่าทคี่ วร เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดีมาก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ต่าํ กวา่ 8 ปรับปรงุ
1938 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กับระดับคะแนน การมี ลาดับที่ ชือ่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความมี ส่วนรว่ ม รวม ของนกั เรยี น ความ ยอมรบั ฟัง ตามที่ น้าใจ ในการ 15 คดิ เห็น ไดร้ ับ ปรบั ปรุง คะแนน คนอน่ื ผลงาน มอบหมาย กลมุ่ 321321321321321 ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน ............./.................../...............
1994 เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมาํ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่าํ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
129050 09 แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 9 เรื่อง แรงในนิวเคลยี ส
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395