320916 ข้นั สรปุ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ ความรู้เกย่ี วกับ คลื่นกล องคป์ ระกอบของคล่ืนกล สมบัติของคล่นื กล โดยครู ให้นักเรยี นเขยี นสรุปความร้ทู ั้งหมดลงในสมดุ บนั ทึกประจาํ ตวั 2. ครตู รวจสอบผลการทาํ แบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นเรยี นของนักเรียน 3. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบความเขา้ ใจก่อนเรียนจาก Understanding Check ในสมดุ บันทกึ ประจาํ ตวั 4. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานที่ 4.1 เรอ่ื ง องคป์ ระกอบของคลืน่ กล 5. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรื่อง คลื่นกล จากแบบฝึกหัด รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส)์ ม.5 6. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคําถาม พฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล และการ ทาํ งานกล่มุ 7. ครูวัดและประเมนิ ผลจากช้นิ งานการสรปุ เนอื้ หา เร่ือง คลืน่ กล ท่นี กั เรียนได้สรา้ งขึ้นจากข้ันขยายความ เขา้ ใจเปน็ รายบคุ คล 8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนังสือเรยี น วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส)์ ม.5 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 คลื่น 2) แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสกิ ส)์ ม.5 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 คลน่ื 3) แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 คล่นื 4) ใบงานท่ี 4.1 เร่ือง องค์ประกอบของคลืน่ กล 5) PowerPoint เร่ือง คลื่นกล 6) กระดาษฟลปิ ชาร์ต 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) หอ้ งเรียน 2) หอ้ งสมดุ 3) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
320927 9. การวดั และประเมนิ ผล วิธีวัด เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน รายการวดั 9.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น - ตรว จแบบท ด ส อ บ - แบบทดสอบก่อน - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - แบบทดสอบก่อนเรียน กอ่ นเรยี น เรยี น หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 คลื่น 9.2 การประเมนิ ช้ินงาน/ - ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง - แบบประเมนิ ชิน้ งาน/ - ร ะ ด ั บ ค ุ ณ ภ า พ 2 ภาระงาน คลนื่ กล ภาระงาน ผ่านเกณฑ์ 9.3 การประเมนิ ระหว่าง - ตรวจใบงานท่ี 4.1 - ใบงานที่ 4.1 - รอ้ ยละ 60 ผา่ เกณฑ์ ระหว่างเรยี น - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝึกหัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1) คล่นื กล 2) การนาํ เสนอผลงาน - ประเมนิ การนาํ เสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคุณภาพ 2 ผลงาน นําเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทาํ งาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดับคุณภาพ 2 รายบคุ คล (สมรรถนะของ การทํางานรายบุคคล พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ ผเู้ รยี น) รายบคุ คล 4) พฤติกรรมการทาํ งาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต - ระดบั คุณภาพ 2 กลมุ่ การทํางานกลุ่ม พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ การทาํ งานกลุ่ม 5) คณุ ลกั ษณะอันพึง - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพ 2 ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการทาํ งาน อนั พงึ ประสงค์ 10. กจิ กรรมเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................
239083 11. บันทกั ผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรยี นการสอน นกั เรยี นทง้ั หมดจานวน.............คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จานวนนักเรียนทีผ่ ่าน จานวนนักเรยี นทไ่ี มผ่ า่ น จานวน (คน) ร้อยละ จานวน (คน) ร้อยละ 12. ปญั หา/อุปสรรค/การแกไ้ ข .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 13. ขอ้ เสนอแนะ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................
320949 ลงชื่อ................................................................ () ตาํ แหนง่ ครูวทิ ยฐานะ....................................... ลงชื่อ................................................................ () หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ลงช่อื ................................................................ () รองผ้อู ํานวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ...............................................................................แล้วมีความ คิดเหน็ ดงั นี้ 1. เปน็ แผนการเรยี นรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ าํ เอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผ้เู รยี นเปน็ สาํ คญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ น้นผูเ้ รียนเปน็ สาํ คญั ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป 3. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................ () ผู้อาํ นวยการโรงเรยี น.......................................
3005 ใบงานท่ี 4.1 เรอ่ื ง องค์ประกอบของคลน่ื กล คาชี้แจง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. สนั คลืน่ คืออะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ท้องคลื่น คืออะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. แอมพลจิ ดู คอื อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. หน้าคลื่น คืออะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ความยาวคลนื่ คืออะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ความถี่ คืออะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
330061 7. คาบ คอื อะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. อัตราเรว็ ของคล่นื คืออะไร มีสมการที่ใช้ในการคาํ นวณว่าอย่างไร และตวั แปรแตล่ ะตัว คืออะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
330072 เฉลยใบงานท่ี 4.1 เร่ือง องคป์ ระกอบของคล่ืนกล คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. สันคล่ืน คืออะไร ตาํ แหนง่ ที่มีการกระจดั สงู สดุ เหนือแนวสมดุลของคลื่น 2. ท้องคล่ืน คืออะไร ตําแหน่งทม่ี ีการกระจัดสูงสดุ ใตแ้ นวสมดุลของคลน่ื 3. แอมพลจิ ูด คอื อะไร ระยะที่มีการกระจดั สูงสุดจากแนวสมดุล ซึ่งเท่ากับความสูงของสนั คลื่นหรือความสูงของทอ้ งคล่นื จาก แนวสมดลุ 4. หน้าคลื่น คืออะไร แนวของสนั คล่ืนหรือท้องคล่นื ซ่งึ ตง้ั ฉากกับการเคลอ่ื นที่ของคล่ืนเสมอ 5. ความยาวคล่นื คอื อะไร ระยะระหวา่ งสนั คลน่ื ถัดกัน หรือระยะระหวา่ งท้องคลืน่ ถัดกัน เปน็ ความยาวของคลืน่ 1 ลกู คล่ืน 6. ความถี่ คืออะไร จาํ นวนลูกคลน่ื ทเี่ กิดข้นึ ใน 1 วินาที หรือจาํ นวนลูกคลน่ื ทีเ่ คล่ือนทผี่ ่านจดุ หนงึ่ ในเวลา 1 วนิ าที หรอื จาํ นวนรอบที่คล่ืนมีการส่ันในหน่ึงหน่วยเวลา มีหน่วยเปน็ เฮริ ตซ์ ช่วงเวลาทอี่ นภุ าคของตวั กลางเคลอื่ นท่ีกลบั ไปกลบั มาครบ 1 รอบ หรอื เวลาท่เี กิดคลื่น 1 ลกู คลืน่ มี หนว่ ยเป็น วนิ าที 8. อตั ราเรว็ ของคลืน่ คืออะไร มีสมการทใ่ี ช้ในการคาํ นวณว่าอย่างไร ระยะทางที่คลนื่ เคลอ่ื นทไี่ ด้ในหน่ึงหนว่ ยเวลา สามารถคาํ นวณไดจ้ ากสมการ ������ = ∆������ ∆������ ������ = ������ ������ ������ = ������������
330083 แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ปริมาณใดแปรผกผันกับความถค่ี ลืน่ 1. สนั คลื่น 2. อตั ราเร็วคล่นื 3. แอมพลิจดู ของคลนื่ 4. การกระจัดของคลน่ื 5. คาบการเคลือ่ นทีข่ องคล่นื 2. อัตราเร็วของคลน่ื เสียงในอากาศขึน้ อยูก่ ับปจั จยั ในข้อใด 1. ความเขม้ เสียง 2. อณุ หภูมขิ องอากาศ 3. ความถขี่ องแหลง่ กาํ เนิด 4. ความเร็วของแหลง่ กําเนิด 5. ระยะทางจากแหล่งหําเนดิ 3. การเล่นกีตารเ์ ม่ือตอ้ งการใหเ้ กดิ เสียงสงู เหตุใดจึงต้องกดสายใหส้ ัน้ ลง 1. เพอื่ ปรับคณุ ภาพเสียง 2. เพือ่ เพิ่มความถี่ในการสนั่ 3. เพอ่ื เพมิ่ ความเขม้ ของเสียง 4. เพอื่ เพ่มิ ระดับความดงั ของเสียง 5. เพื่อเพม่ิ ความยาวคล่นื ของเสยี ง
3094 4. ข้อใดเป็นการใช้ประโยชน์จากการสะท้อนของคลื่น 1. การสง่ สัญญาณวิทยุ 2. การเล่นเครื่องดนตรี 3. การตรวจสอบชนั้ หนิ 4. การแยกแสงสผี า่ นสเปกตรมั 5. การถ่ายภาพเอกซเรยค์ อมพิวเตอร์ 5. ข้อใดต่อไปน้ี มีความยาวคลืน่ น้อยทีส่ ดุ 1. คล่นื แสง 2. คล่ืนวทิ ยุ 3. รงั สีแกมมา 4. รงั สีอนิ ฟาเรด 5. คลื่นไมโครเวฟ 6. รีโมตโทรทัศน์มกี ารทํางานโดยอาศัยคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้าชนดิ ใด 1. คลืน่ วิทยุ 2. รังสีเอกซ์ 3. รงั สอี นิ ฟาเรด 4. คลน่ื ไมโครเวฟ 5. รงั สีอัลตราไวโอเลต 7. ข้อใดตอ่ ไปนไ้ี มใ่ ช่คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ 1. คล่นื แสง 2. คลน่ื เสียง 3. คล่นื วทิ ยุ 4. คลน่ื ไมโครเวฟ 5. รังสีอลั ตราไวโอเลต
31005 8. เพราะเหตใุ ดเม่ือสงั เกตปลาที่ว่ายอยู่ในน้าํ จะมองเห็นวา่ ปลามีขนาดใหญ่กว่าปกติ 1. เปน็ ผลจากการหกั เหของคลน่ื แสง 2. เปน็ ผลจากการสะทอ้ นของคลื่นแสง 3. เปน็ ผลจากการเลยี้ วเบนของคล่นื แสง 4. เปน็ ผลจากการแทรกสอดของคลน่ื แสง 5. เป็นผลจากการเคล่อื นที่ของคลนื่ ท่ผี ิวนํ้า 9. ความเขม้ เสียงใชบ้ อกลักษณะใดของคลืน่ เสียง 1. ระดับเสียง 2. คณุ ภาพเสียง 3. บตี ของเสยี ง 4. สมบัตขิ องเสียง 5. ความดังของเสียง 10. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีเรียงลาํ ดับความยาวคลนื่ จากมากไปนอ้ ยไดถ้ ูกต้อง 1. แสง คลืน่ วิทยุ รังสเี อกซ์ รงั สีแกมมา 2. แสง คลนื่ วิทยุ รังสีเอกซ์ รังสีอินฟาเรด 3. คลืน่ วทิ ยุ รงั สีอินฟราเรด แสง รงั สแี กมมา 4. รังสีเอกซ์ รงั สีอนิ ฟราเรด รงั สีอลั ตราไวโอเลต คลื่นวทิ ยุ 5. รังสีอัลตราไวโอเลต รงั สีอินฟราเรด คล่ืนไมโครเวฟ รังสแี กมมา เฉลย 1. 5 2. 2 3. 2 4. 3 5. 3 6. 3 7. 2 8. 1 9. 5 10. 3
331016 แบบประเมนิ ผลงานผังมโนทศั น์ คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียนตามรายการที่กําหนด แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 4 3 21 1 ความสอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ 2 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา 3 ความคิดสร้างสรรค์ 4 ความเปน็ ระเบียบ รวม ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............../................./................
31027 เกณฑป์ ระเมนิ ผงั มโนทศั น์ ประเด็นท่ปี ระเมนิ ระดับคะแนน 1. ผลงานตรงกบั 432 1 จดุ ประสงค์ท่ี กาหนด ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไม่สอดคลอ้ ง กบั จุดประสงค์ 2. ผลงานมคี วาม จุดประสงค์ทุก จุดประสงค์เป็นส่วน จดุ ประสงคบ์ าง ถกู ต้องสมบูรณ์ เน้อื หาสาระของ ประเดน็ ใหญ่ ประเด็น ผลงานไมถ่ ูกต้องเปน็ 3. ผลงานมคี วามคดิ ส่วนใหญ่ สรา้ งสรรค์ เน้อื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เน้อื หาสาระของ ผลงานไม่แสดง แนวคดิ ใหม่ ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้องเปน็ ผลงานถกู ต้องเป็น ครบถ้วน ส่วนใหญ่ บางประเด็น ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมแี นวคดิ ผลงานมคี วาม ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหมแ่ ต่ยงั ไม่ น่าสนใจ แตย่ งั ไม่มี แปลกใหมแ่ ละเป็น เปน็ ระบบ แนวคดิ แปลกใหม่ ระบบ 4. ผลงานมีความ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานมีความเปน็ ผลงานส่วนใหญ่ไม่ เปน็ ระเบียบ ระเบียบแสดงออกถึง ความเป็นระเบียบแต่ ระเบียบแตม่ ี เป็นระเบยี บและมี ความประณีต ยังมี ข้อบกพร่องบางสว่ น ข้อบกพร่องมาก ข้อบกพร่องเลก็ น้อย เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ํ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ
31083 แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กบั ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธกี ารนําเสนอผลงาน 4 การนําไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมิน ............/................./.................. เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดมี าก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ตาํ่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
330194 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น รวม 15 ลาดบั ชื่อ-สกุลของนักเรียน ความสามารถใน ความสามารถใน ความสามารถใน คะแนน การสือ่ สาร การคิด การแก้ปัญหา 5432 1 5432 1 5 4 3 2 1 ลงช่ือ ................................................... ผปู้ ระเมิน ............/.................../................
331150 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน พฤติกรรมบ่งช้ี ระดับคะแนน 1. ความสามารถ 5 (ดีมาก) 4 (ดี) 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ ) ในการส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน ในการสือ่ สาร 2. ความสามารถ ในการคดิ การส่ือสาร การสอ่ื สาร การสอ่ื สาร การส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ ในการคดิ การ 3. ความสามารถ ออกมาไดด้ เี ยี่ยม ออกมาได้ดี ชัด ออกมาไดร้ ะดับ ออกมาได้ระดับ ตดั สนิ ใจ เกยี่ วกับ ในการ ปัญหาของตนเอง แกป้ ญั หา ชดั เจน เจร ปานกลาง ไม่ ปานกลาง ควร ไม่สามารถ ชัดเจน ปรบั ปรุง แก้ปญั หาเฉพาะ หนา้ ได้ มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถ การคิดอย่าง การคิดตัดสินใจ การคิด ตัดสนิ ใจ ตดั สินใจเก่ียวกับ สร้างสรรค์ เกี่ยวกับปัญหา เก่ยี วกบั ปญั หา ปญั หาของตนได้ ตดั สนิ ใจเก่ียวกบั ของตนได้ดี ของตนเองได้ ไมด่ เี ท่าที่ควร ปัญหาของตนเอง ไดเ้ หมาะสม มีความสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ แก้ปญั หาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แก้ปัญหาเฉพาะ หน้าไดท้ ุก หนา้ ไดเ้ กือบทุก หนา้ ไดบ้ าง หนา้ ได้ยงั ไม่ดี สถานการณ์ สถานการณ์ สถานการณ์ เท่าทคี่ วร เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดีมาก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ต่าํ กวา่ 8 ปรับปรงุ
3161 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กับระดับคะแนน การมี ลาดับที่ ชือ่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความมี ส่วนรว่ ม รวม ของนกั เรยี น ความ ยอมรบั ฟัง ตามที่ น้าใจ ในการ 15 คดิ เห็น ไดร้ ับ ปรบั ปรุง คะแนน คนอน่ื ผลงาน มอบหมาย กลมุ่ 321321321321321 ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน ............./.................../...............
3172 เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมาํ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่าํ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
331183 14 แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 14 เรือ่ ง เสยี ง
สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ 3194 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 คลืน่ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 14 เรอื่ ง เสยี ง รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ ิกส์) ปกี ารศึกษา 2564 เวลา 4 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจําวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทั้งนําความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ว 2.3 ม.5/5 สังเกตและอธิบายการสะทอ้ นการหกั เหการเลย้ี วเบนและการรวมคลื่นของคลนื่ เสียง ว 2.3 ม.5/6 สบื ค้นขอ้ มูลและอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างความเข้มเสียงกับระดับเสียงและผลของความถ่ี กับระดบั เสยี งทมี่ ีตอ่ การได้ยินเสียง 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธบิ ายการสะทอ้ นการหักเหการเล้ยี วเบนและการรวมคล่ืนของคลนื่ เสยี งได้ (K) 2. นักเรียนสามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มเสียงกับระดบั เสียงและผลของความถีก่ ับระดับ เสียงทีม่ ีต่อการไดย้ ินเสยี งได้ (K) 3. นกั เรียนสามารถสังเกตการสะท้อนการหกั เหการเล้ียวเบนและการรวมคล่นื ของคล่นื เสยี งได้ (P) 4. นักเรียนสามารถปฏิบัตกิ ารสบื ค้นข้อมูลความสัมพันธร์ ะหว่างความเข้มเสียงกับระดับเสียงและผลของ ความถ่ีกับระดับเสียงทีม่ ีตอ่ การไดย้ นิ เสียงได้ (P) 5. นักเรียนมีความสนใจใฝร่ ้หู รอื อยากรู้อยากเหน็ และทํางานร่วมกบั ผ้อู ่นื อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 3. สาระสาคัญ เสียง เป็นคล่ืนกลชนิดหนึ่ง ที่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคล่ือนที่หรือถ่ายโอนพลังงาน เสียงเกิดจากการ สั่นของแหล่งกําเนิดเสียง เสียงจึงมีสมบัติเหมือนคลื่นกลทุกประการ ได้แก่ การสะท้อน การหักเห การ เลีย้ วเบน และการแทรกสอด
31250 บีต เป็นปรากฏการหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเสียงรวมตัวกันได้ตามสมบัติของคลื่นกล ธรรมชาติของเสียง ก่อให้เกิดการได้ยินเสียงที่มีลักษณะแตกต่างกันไป เช่น เสียงสูง เสียงตํ่า เสียงแหลม เสียงทุ้ม อีกทั้ง คณุ สมบัตหิ ลายประการของเสียงยงั ทําใหเ้ กิดประโยชน์และโทษในชวี ิตประจาํ วนั ของมนุษย์ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) - การเกดิ คลนื่ เสยี ง - ธรรมชาตขิ องเสยี ง 4.2 ด้านทกั ษะ (P) - มลพิษทางเสยี ง 4.3 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 2. ซอื่ สตั ยส์ จุ รติ 3. มีวินยั 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. ม่งุ ม่นั ในการทํางาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ช้ินงาน/ภาระงาน 6.1 ใบงานที่ 4.2 เรื่อง สมบัตขิ องคล่นื เสียง 6.2 แบบฝึกหดั เรอ่ื ง สมบัตขิ องคลื่นเสียง จากแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส)์ ม.5 6.3 ผังมโนทศั น์ เรือ่ ง เสยี ง
32116 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ชั่วโมงท่ี 1 ขน้ั นํา กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรยี นเกีย่ วกบั เสียงท่นี กั เรยี นได้ยนิ จากสถานการณ์ในชวี ติ ประจําวนั 2. ครสู นทนากับนกั เรียนตอ่ เกี่ยวกับการเกดิ คล่นื และสมบัติตา่ งๆ พร้อมถามคาํ ถามกับนักเรยี น เช่น • นักเรียนทราบหรอื ไม่ว่าเสียงที่เราไดย้ นิ ทกุ วนั น้ี เกดิ ขนึ้ ได้อยา่ งไร (แนวตอบ : เกิดจากการส่นั ของแหลง่ กําเนิดเสยี ง) • นกั เรยี นว่าเสยี งจดั เปน็ คลืน่ หรอื ไม่ นกั เรยี นจะพสิ ูจนไ์ ด้อยา่ งไร (แนวตอบ : เสียงจัดเป็นคล่ืนกลชนิดหนึ่ง เน่ืองจากมีสมบัติการสะท้อน การหักเห การ เลยี้ วเบน และการแทรกสอด เหมือนคลืน่ กลทุกประการ) 3. ครูแจ้งใหน้ ักเรยี นทราบว่าจะได้ศกึ ษาเกย่ี วกบั เสยี ง ขนั้ สอน สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูใหน้ ักเรียนศึกษา เรื่อง เสียง จากหนงั สือเรยี น 2. ครใู ห้ความรู้เพมิ่ เติมเกี่ยวกับ คลนื่ เสียง ท่แี บง่ ตามชว่ งความถี่ ได้แก่ คลื่นเสียงความถี่ตํา่ คลื่นเสียงท่ีได้ ยิน และคลื่นเสียงความถี่สูง โดยครูอาจนําสื่อจากแหล่งข้อมูลสารสนเทศมาให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติม นอกเหนอื จากหนังสอื เรยี น 3. ครใู หน้ กั เรียนจับคู่กบั เพื่อนท่ีนั่งข้าง ๆ จากนน้ั ร่วมกันศึกษา สมบตั ขิ องคล่ืนเสียง ในหวั ขอ้ การสะท้อนของ เสยี ง จากหนงั สือเรียน 4. ครสู ่มุ นกั เรยี นออกมาหน้าชัน้ เรียน จากน้นั ใหย้ ืนหันหน้าเข้าหาผนังห้องเรียน พูดคาํ ว่า “ฮัลโหล” แล้ว สังเกตสงิ่ ทเ่ี กิดขึน้
31272 5. ครูใหน้ ักเรยี นศกึ ษาเกีย่ วกบั สมบัตขิ องเสียงต่อในหัวข้อ การหกั เหของเสยี ง การเล้ียวเบนของเสียง และ การแทรกสอดของเสียง 6. ครูให้นักเรียนแต่ละคู่ร่วมกันเขียนสรุปเกี่ยวกับ สมบัติของคลื่นเสียง ลงในกระดาษ A4 เสร็จแล้ว ตัวแทนรวบรวมสง่ ครูท้ายชวั่ โมง อธิบายความรู้ (Explain) 1. ตัวแทนนกั เรียนเก็บรวบรวมผลงานการสรปุ ความรเู้ กี่ยวกบั สมบตั ขิ องคล่นื เสยี ง สง่ ครผู ู้สอน 2. ครตู รวจสอบผลงานของนักเรียนในเบือ้ งต้น จากนนั้ สมุ่ ผลงานท่ีโดดเดน่ และให้นกั เรยี นเจา้ ของผลงาน ออกมาหนา้ ช้นั เรยี น เพื่อนําเสนอผลงานของตนเอง ช่วั โมงที่ 2 ข้นั สอน สารวจค้นหา (Explore) 1. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษา เรอ่ื ง ธรรมชาติของเสยี ง จากหนังสือเรียน 2. ครูให้นักเรยี นจดบนั ทกึ ความรทู้ ี่ได้ศึกษาเกยี่ วกับ เร่ือง ธรรมชาตขิ องเสยี ง ลงในสมดุ บันทกึ ประจําตัว 3. ครูใหน้ กั เรียนศกึ ษาและจดบันทกึ ตาราง ความเข้มและระดบั ความดังจากแหลง่ กาํ เนิดเสยี งตา่ ง ๆ ลงใน สมุดบนั ทกึ ประจําตัว 4. ครูให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมจากสื่อดิจิทัล โดยนําสมาร์ตโฟนขึ้นมาแล้วนํามาสแกน QR Code เรื่อง มลพิษทางเสียง จากหนงั สอื เรยี น 5. ครูมอบหมายให้นักเรียนสร้างสรรค์แผ่นพับความรู้ขนาด A4 เรื่อง มลพิษทางเสียง พร้อมตกแต่งให้ สวยงาม เพื่อส่งครทู า้ ยชว่ั โมง อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูสมุ่ ตวั แทนนักเรยี นออกมาหนา้ ชั้นเรยี น เพ่ือใหน้ ักเรียนนําเสนอแผ่นพบั ความรขู้ องตนเอง 2. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันศึกษาเก่ยี วกับ มลพิษของเสียง จากกรอบ Science Focus จากหนังสือเรียน 3. ครสู นทนากับนักเรยี นและให้ความรเู้ พ่มิ เติมเกยี่ วกับ ธรรมชาตขิ องเสยี ง
31283 ชว่ั โมงที่ 3-4 ขนั้ สอน สารวจค้นหา (Explore) 1. ครูสนทนากับนักเรียน โดยถามคําถามเชื่อมโยงไปถึงวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (ชีววิทยา) ว่า “นักเรียน ทราบหรือไม่ว่าหูแบ่งเป็นกี่ส่วน แต่ละส่วนประกอบด้วยอะไรบ้าง” จากนั้นครูทิ้งช่วงเวลาให้นักเรียน คิด แลว้ อาจสมุ่ นักเรียนเพอื่ ตอบคาํ ถาม และครูยังไม่เฉลยวา่ คาํ ตอบนั้นถูกหรือผิด 2. ครูให้นกั เรยี นศกึ ษา เรอื่ ง หูกับการไดย้ ิน จากหนงั สอื เรียน 3. ครอู าจเน้นย้าํ ให้นักเรียนทาํ ความเขา้ ใจและจดจาํ ใหไ้ ดว้ ่าหูแต่ละสว่ นประกอบด้วยอะไรบา้ ง 4. ครูให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ส่วนประกอบของหู จากอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เกิดความ เขา้ ใจมากยิ่งขึน้ 5. ครูสุ่มถามนักเรียนเกี่ยวกับส่วนประกอบของหู เพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมีความตั้งใจในการศึกษา ค้นควา้ หรือไม่ เช่น • หูชนั้ นอก ประกอบด้วยอะไรบ้าง และทําหนา้ ทอ่ี ะไร (แนวตอบ : ประกอบด้วยใบหูและรูหู ทําหน้าที่รับเสียงจากภายนอก เป็นทางผ่านของเสียง และขยายสัญญาณเสยี งบางความถ่ี) • ชนั้ กลาง ประกอบด้วยอะไรบ้าง และทําหน้าท่ีอะไร (แนวตอบ : ประกอบด้วยเยื่อแก้วหู กระดูกค้อน กระดูกทั่ง และกระดูกโกลน ทําหน้าที่ขยาย และลดเสียงให้พอดี เพ่ือปอ้ งกันเสยี งเข้าไปทําลายหชู ั้นใน) • ชนั้ ใน ประกอบด้วยอะไรบา้ ง และทาํ หน้าทีอ่ ะไร (แนวตอบ : ประกอบด้วยคอเคลีย หลอดครึ่งวงกลม ประสาทรับเสียง ทําหน้าที่รับรู้การสั่น ของคล่นื เสยี ง แปลงสญั ญาณเสยี งเป็นสัญญาณประสาท และสง่ สญั ญาณไปยังสมอง) 6. ครูให้นักเรียนศึกษา เร่ือง บีต จากหนังสือเรียน 7. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 6 คน โดยคละความสามารถของนักเรียนตาม ผลสมฤั ทธ์ิ (เก่ง ปานกลาง ออ่ น) ให้อยใู่ นกลุ่มเดยี วกัน เพ่อื ร่วมกนั ศึกษากิจกรรม การเกิดบีตของเสียง จากหนงั สือเรยี น โดยให้นักเรียนแต่ละกล่มุ กาํ หนดใหส้ มาชิกแตล่ ะคนมบี ทบาทหน้าทข่ี องตนเอง เช่น . สมาชิกคนท่ี 1-2 : เตรียมวัสดอุ ุปกรณ์ a. สมาชิกคนท่ี 3 : อา่ นและศึกษาวธิ ีปฏบิ ัติกิจกรรม แล้วนํามาอธิบายสมาชกิ ในกลุ่ม
31294 b. สมาชกิ คนท่ี 4 : บนั ทกึ ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม c. สมาชิกคนท่ี 5 : ค้นควา้ เพ่ิมเติม หาแหลง่ ข้อมูลอ้างอิงเพ่อื สนับสนุนการปฏิบตั กิ ิจกรรม d. สมาชิกคนที่ 6 : นําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรม 8. ครูชแี้ จงจดุ ประสงค์ของกิจกรรมให้นกั เรียนทราบ เพอื่ เปน็ แนวทางการปฏิบัติทถ่ี กู ตอ้ ง 9. ครใู ห้ความรูเ้ พ่มิ เตมิ หรอื เทคนิคเกี่ยวกับการปฏิบัติกจิ กรรม จากน้นั ใหน้ กั เรียนทุกกลมุ่ ลงมอื ปฏิบัติตาม ขนั้ ตอน 10. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันพดู คยุ วิเคราะหผ์ ลการปฏิบตั ิกิจกรรม แลว้ อภปิ รายผลร่วมกัน 11. ครเู นน้ ย้ําให้นกั เรยี นตอบคําถามทา้ ยกจิ กรรม จากหนังสอื เรียน ลงในสมดุ บนั ทึกประจําตวั เพือ่ นาํ สง่ ครู เป็นการตรวจสอบความเขา้ ใจจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 12. ในระหว่างที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ครูเดินสังเกตการณ์และคอยให้คําปรึกษาเมื่อนักเรียนเกิดปัญห า หรือมีข้อสงสัยเก่ยี วกบั กจิ กรรม อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูสนทนากับนักเรยี นเก่ยี วกับการปฏิบัตกิ ิจกรรมเกิดปัญหาหรือมีอุปสรรคอะไรบ้างในระหว่างปฏบิ ัติ ตามขัน้ ตอนการปฏิบตั ิ 2. ครูใหแ้ ตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมาหนา้ ชนั้ เรียน เพ่ือนําเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม 3. ครสู มุ่ นกั เรยี นเพอ่ื ถามคําถามท่ีเกี่ยวข้องกับกิจกรรม เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจหลงั ปฏิบัตกิ ิจกรรม 4. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายผลท้ายกิจกรรมและสรุปความรูร้ ่วมกัน 5. ครูอธบิ ายความรเู้ พ่มิ เติมหลงั จากปฏบิ ัติกจิ กรรมเกีย่ วกับ ประโยชน์ของบีต จากกรอบ Science Focus จากหนังสือเรียน ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูนาํ อภปิ รายสรปุ เนื้อหาโดยเปดิ PowerPoint เร่ืองท่ีสอนควบคูไ่ ปด้วย 2. ครูใหน้ กั เรียนทาํ สรปุ ผงั มโนทศั น์ (Concept Mapping) เรื่อง เสยี ง ลงในกระดาษ A4 (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน) 3. ครูสุ่มเลือกนกั เรียนออกไปนาํ เสนอผังมโนทัศน์ของตนเองหน้าชัน้ เรยี น (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน) 4. ครแู จกใบงานที่ 4.2 เรอ่ื ง สมบตั ิของคลน่ื เสยี ง ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาและลงมือทํา เสร็จแลว้ รวบรวมส่งครู ทา้ ยช่วั โมง
3250 5. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทําแบบฝึกหัด เรื่อง เสียง จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส์) ม.5 มาสง่ ครใู นชว่ั โมงถดั ไป ข้นั สรุป ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับ คลื่นเสียง สมบัติของคลื่นเสียง เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้มีความ เข้าใจในเนื้อหาที่ได้ศึกษามาแล้วไปในทางเดียวกัน และเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยครูให้นักเรียนเขียน สรุปความรลู้ งในสมุดบันทกึ ประจําตัวของตนเอง 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานท่ี 4.2 เรอื่ ง สมบัติของคลื่นเสียง 3. ครูตรวจสอบแบบฝึกหัด เรอ่ื ง เสยี ง จากแบบฝกึ หดั รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟิสกิ ส)์ ม.5 4. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล และการทํางาน กลุ่ม 5. ครูวัดและประเมินผลจากชิ้นงานการสรุปเนื้อหา เรื่อง เสียง ที่นักเรียนได้สร้างขึ้นจากขั้นขยายความเข้าใจ เปน็ รายบุคคล 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส)์ ม.5 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 คล่ืน 2) แบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 คลื่น 3) ใบงานท่ี 4.2 เรอื่ ง สมบตั ขิ องคลนื่ เสยี ง 4) PowerPoint เร่อื ง คล่ืนกล 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องเรยี น 2) ห้องสมุด 3) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ
332261 9. การวัดและประเมินผล วธิ ีวัด เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมนิ รายการวดั - ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง - แบบประเมินชิน้ งาน/ - ระดบั คุณภาพ 2 9.1 การประเมนิ ชิ้นงาน/ ภาระงาน เสียง ภาระงาน ผ่านเกณฑ์ 9.2 การประเมินระหว่าง ระหว่างเรยี น - ตรวจใบงานที่ 4.2 - ใบงานท่ี 4.2 - ร้อยละ 60 ผา่ เกณฑ์ 1) เสียง 2) การนําเสนอผลงาน - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทาํ งาน - ประเมินการนาํ เสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคุณภาพ 2 รายบคุ คล (สมรรถนะของ ผลงาน นาํ เสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ ผ้เู รยี น) - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต - ระดับคณุ ภาพ 2 4) พฤติกรรมการทํางาน การทาํ งานรายบุคคล พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ กล่มุ รายบุคคล - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต - ระดบั คณุ ภาพ 2 5) คณุ ลักษณะอันพงึ การทาํ งานกลุ่ม พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ ประสงค์ การทํางานกลุ่ม - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพ 2 ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการทํางาน อนั พึงประสงค์ 10. กิจกรรมเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................
3227 11. บนั ทักผลหลังการสอน สรุปผลการเรียนการสอน นกั เรยี นท้ังหมดจานวน.............คน จุดประสงค์การเรียนรู้ จานวนนกั เรยี นท่ีผ่าน จานวนนักเรยี นที่ไมผ่ า่ น จานวน (คน) รอ้ ยละ จานวน (คน) รอ้ ยละ 12. ปญั หา/อปุ สรรค/การแกไ้ ข .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 13. ข้อเสนอแนะ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................
332238 ลงชือ่ ................................................................ () ตําแหนง่ ครวู ทิ ยฐานะ....................................... ลงช่ือ................................................................ () หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ลงชอ่ื ................................................................ () รองผ้อู าํ นวยการกลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ ความคดิ เห็นของหัวหน้าสถานศึกษา ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ...............................................................................แล้วมีความ คดิ เหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนการเรียนรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผ้เู รียนเป็นสําคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไม่เน้นผ้เู รียนเป็นสาํ คัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ................................................................ () ผูอ้ ํานวยการโรงเรยี น.......................................
3249 ใบงานท่ี 4.2 เรื่อง สมบตั ิของคลน่ื เสยี ง คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนสรปุ ความเข้าในเกยี่ วกบั สมบตั ขิ องคลื่นเสียงที่กาหนดให้ต่อไปน้ี 1. การสะท้อน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การหักเห ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การเสี้ยวเบน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. การแทรกสอด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
333205 แบบประเมนิ ผลงานผังมโนทศั น์ คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียนตามรายการที่กําหนด แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 4 3 21 1 ความสอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ 2 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา 3 ความคิดสร้างสรรค์ 4 ความเปน็ ระเบียบ รวม ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............../................./................
33216 เกณฑป์ ระเมนิ ผงั มโนทศั น์ ประเด็นท่ปี ระเมนิ ระดับคะแนน 1. ผลงานตรงกบั 432 1 จดุ ประสงค์ท่ี กาหนด ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไม่สอดคลอ้ ง กบั จุดประสงค์ 2. ผลงานมคี วาม จุดประสงค์ทุก จุดประสงค์เป็นส่วน จดุ ประสงคบ์ าง ถกู ต้องสมบูรณ์ เน้อื หาสาระของ ประเดน็ ใหญ่ ประเด็น ผลงานไมถ่ ูกต้องเปน็ 3. ผลงานมคี วามคดิ ส่วนใหญ่ สรา้ งสรรค์ เน้อื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เน้อื หาสาระของ ผลงานไม่แสดง แนวคดิ ใหม่ ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้องเปน็ ผลงานถกู ต้องเป็น ครบถ้วน ส่วนใหญ่ บางประเด็น ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมแี นวคดิ ผลงานมคี วาม ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหมแ่ ต่ยงั ไม่ น่าสนใจ แตย่ งั ไม่มี แปลกใหมแ่ ละเป็น เปน็ ระบบ แนวคดิ แปลกใหม่ ระบบ 4. ผลงานมีความ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานมีความเปน็ ผลงานส่วนใหญ่ไม่ เปน็ ระเบียบ ระเบียบแสดงออกถึง ความเป็นระเบียบแต่ ระเบียบแตม่ ี เป็นระเบยี บและมี ความประณีต ยังมี ข้อบกพร่องบางสว่ น ข้อบกพร่องมาก ข้อบกพร่องเลก็ น้อย เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ํ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ
33272 แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กบั ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธกี ารนําเสนอผลงาน 4 การนําไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมิน ............/................./.................. เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดมี าก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ตาํ่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
332383 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น รวม 15 ลาดบั ชื่อ-สกุลของนักเรียน ความสามารถใน ความสามารถใน ความสามารถใน คะแนน การสือ่ สาร การคิด การแก้ปัญหา 5432 1 5432 1 5 4 3 2 1 ลงช่ือ ................................................... ผปู้ ระเมิน ............/.................../................
333249 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน พฤติกรรมบ่งช้ี ระดับคะแนน 1. ความสามารถ 5 (ดีมาก) 4 (ดี) 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ ) ในการส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน ในการสือ่ สาร 2. ความสามารถ ในการคดิ การส่ือสาร การสอ่ื สาร การสอ่ื สาร การส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ ในการคดิ การ 3. ความสามารถ ออกมาไดด้ เี ยี่ยม ออกมาได้ดี ชัด ออกมาไดร้ ะดับ ออกมาได้ระดับ ตดั สนิ ใจ เกยี่ วกับ ในการ ปัญหาของตนเอง แกป้ ญั หา ชดั เจน เจร ปานกลาง ไม่ ปานกลาง ควร ไม่สามารถ ชัดเจน ปรบั ปรุง แก้ปญั หาเฉพาะ หนา้ ได้ มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถ การคิดอย่าง การคิดตัดสินใจ การคิด ตัดสนิ ใจ ตดั สินใจเก่ียวกับ สร้างสรรค์ เกี่ยวกับปัญหา เก่ยี วกบั ปญั หา ปญั หาของตนได้ ตดั สนิ ใจเก่ียวกบั ของตนได้ดี ของตนเองได้ ไมด่ เี ท่าที่ควร ปัญหาของตนเอง ไดเ้ หมาะสม มีความสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ แก้ปญั หาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แก้ปัญหาเฉพาะ หน้าไดท้ ุก หนา้ ไดเ้ กือบทุก หนา้ ไดบ้ าง หนา้ ได้ยงั ไม่ดี สถานการณ์ สถานการณ์ สถานการณ์ เท่าทคี่ วร เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดีมาก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ต่าํ กวา่ 8 ปรับปรงุ
3350 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กับระดับคะแนน การมี ลาดับที่ ชือ่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความมี ส่วนรว่ ม รวม ของนกั เรยี น ความ ยอมรบั ฟัง ตามที่ น้าใจ ในการ 15 คดิ เห็น ไดร้ ับ ปรบั ปรุง คะแนน คนอน่ื ผลงาน มอบหมาย กลมุ่ 321321321321321 ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน ............./.................../...............
3361 เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมาํ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่าํ กว่า 8 ปรบั ปรงุ
33372 15 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 15 เรอื่ ง เสียง (ตอ่ )
สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ 3383 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 คลน่ื แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 15 เรอื่ ง เสยี ง (ต่อ) รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ปีการศึกษา 2564 เวลา 2 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวช้วี ัด มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจําวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมท้ังนําความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ว 2.3 ม.5/7 สังเกตและอธิบายการเกิดเสยี งสะทอ้ นกลับ บตี ดอปเพลอร์ และกํารสัน่ พอ้ งของเสียง ว 2.3 ม.5/8 สืบคน้ ข้อมลู และยกตัวอยา่ งการนาํ ความรูเ้ กยี่ วกบั เสียงไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจําวนั 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถอธบิ ายการเกดิ เสยี งสะท้อนกลับ บีต ดอปเพลอร์ และการส่ันพ้องของเสียงได้ (K) 2. นกั เรยี นสามารถยกตวั อยา่ งการนําความรเู้ ก่ียวกบั เสยี งไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาํ วันได้ (K) 3. นกั เรียนสามารถสังเกตการเกดิ เสยี งสะท้อนกลับ บีต ดอปเพลอร์ และกาํ รส่นั พอ้ งของเสียงได้ (P) 4. นักเรียนสามารถปฏิบัติการสืบค้นข้อมูลการนําความรู้เกี่ยวกับเสียงไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจําวนั ได้ (P) 5. นักเรยี นมคี วามสนใจใฝ่ร้หู รอื อยากรู้อยากเหน็ และทาํ งานรว่ มกับผู้อืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A) 3. สาระสาคญั ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ เป็นปรากฏการณ์ทางวิทยที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความถี่ของคลื่นและ ความยาวคลื่นในมุมมองของผู้สังเกต เมื่อมีการเคลื่อนที่ที่สัมพันธ์กับแหล่งกําเนิดคลื่นนั้น สามารถพบเห็นได้ ทั่วไปในชีวิตประจําวัน เช่น เมื่อมีรถพยาบาลส่งสัญญาณไซเรนเคลื่อนเข้าใกล้ ผ่านตัวเรา และวิ่งห่างออกไป โดยคล่ืนเสียงท่ีเราได้ยินจะมีความถ่ีสูงข้ึน (สูงกว่าคลื่นท่ีส่งออกมาตามปกติ) ขณะท่ีรถเคล่ือนท่ีเข้ามาหา คลื่น เสียงมีลักษณะปกติขณะที่รถผ่านตัว และจะมีความถ่ีลดลงเมื่อรถว่ิงห่างออกไป
333394 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) - การเกิดปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ - การส่ันพอ้ งของเสยี ง 4.2 ด้านทักษะ (P) - การนําความรเู้ ก่ียวกับเสียงไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจําวนั 4.3 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซ่ือสัตยส์ จุ ริต 3. มีวนิ ยั 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อยูอ่ ย่างพอเพียง 6. มงุ่ ม่นั ในการทํางาน 7. รักความเป็นไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 6.1 แบบฝกึ หัด เรอ่ื ง เสียง จากแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟสิ กิ ส)์ ม.5 6.2 ผงั มโนทัศน์ เรื่อง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์
34305 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนิค : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ชัว่ โมงที่ 1-2 ข้นั นํา กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามคําถามกับนักเรียนเพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจ เช่น นักเรียนคิดว่า เสยี งท่ีมีความถ่เี ปลย่ี นไปจากความถ่ีเดิมจะเปน็ อย่างไร (แนวตอบ : ความถี่สูงกวา่ เดมิ จะไดย้ นิ เสยี งแหลม แตถ่ ้าความถต่ี ํ่ากว่าเดมิ จะได้ยินเสยี งทมุ้ ) 2. ครูแจ้งให้นักเรียนทราบว่าจะได้ศึกษาเกี่ยวกับ ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ การสั่นพ้องของเสียง และ ประโยชน์ของเสียง 3. ครูสนทนากับนักเรียนว่า “สําหรับปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ เป็นปรากฏการณ์ที่ผู้ฟังได้ยินเสียง เปลี่ยนไปจากเดิม โดยไมป่ รับเปล่ยี นเสียงจากแหล่งกําเนิด” 4. ครูถามนกั เรียนต่อว่า “ถ้าไม่ปรบั เสียงจากแหล่งกําเนิดเสยี ง แล้วความถ่ีเสยี งเปล่ียนไปไดอ้ ย่างไร” โดย ครูทง้ิ ช่วงเวลาให้นักเรียนคดิ และอาจสุ่มนกั เรยี นให้แสดงความคดิ เหน็ จากความรเู้ ดมิ (แนวตอบ : แหลง่ กําเนดิ เสียงหรอื ผฟู้ ังเคลอ่ื นท่ีดว้ ยความเร็วสัมพัทธ์ทีไ่ ม่เทา่ กับศนู ย์) ข้ันสอน สำรวจค้นหา (Explore) 1. ครใู หน้ กั เรยี นศึกษา เร่อื ง ปรากฏการณด์ อปเพลอร์ จากหนังสอื เรยี น 2. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพแลว้ ตอบคำถามต่อไปนี้ 1 2
34316 • เหตกุ ารณใ์ นภาพท่ี 1 และภาพท่ี 2 คืออะไร (แนวตอบ : ภาพที่ 1 แหล่งกำเนิดเสียงและผู้ฟังไม่เคลื่อนที่ ภาพที่ 2 แหล่งกำเนิดเสียงและ ผู้ฟงั เคล่ือนท่ไี ปทางเดียวกนั และความเร็วเท่ากัน) • ทง้ั 2 ภาพ เกี่ยวข้องกบั ปรากฏการณด์ อปเพลอร์อยา่ งไร (แนวตอบ : แหล่งกำเนิดเสยี งและผู้ฟงั อยู่ในสภาพความเรว็ สัมพัทธเ์ ท่ากับศนู ย์ ส่งผลให้ไม่เกิด ปรากฏการณ์ดอปเพลอร)์ 3. ครูให้นกั เรยี นศึกษา เรอ่ื ง การส่นั พอ้ งของเสยี ง จากหนังสือเรียน 4. ครูเตรียมขวดเปล่า 2 ขวด โดยขวดใบหนึ่งเป็นขวดเปล่า ส่วนขวดอีกใบเติมน้ำลงไป 1/3 ของขวด จากนั้นสมุ่ นักเรยี นออกมาหนา้ ชน้ั เรยี น แลว้ ใหน้ ักเรียนลองปฏิบตั ิตามเนือ้ หาเรอ่ื ง การสั่นพ้องของเสียง จากหนังสือเรยี น เพอื่ ทดสอบว่าผลท่เี กิดข้นึ จะเป็นอยา่ งไร 5. ครูอาจนำส้อมเสียงขนาดต่าง ๆ พร้อมกับชุดทดลองท่อสั่นพ้องของเสียง มาแสดงให้นักเรียนศึกษา ประกอบกับการศึกษาเนือ้ หา จากหนงั สอื เรียน 6. ครูให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การสั่นพ้องของเสียง จากอินเทอร์เน็ต จากนั้นให้นักเรียน เขยี นสรปุ ความรู้ลงในสมดุ บันทกึ ประจำตวั 7. ครใู หน้ ักเรยี นศกึ ษาเกีย่ วกบั ประโยชนข์ องเสียง จากหนงั สอื เรียน 8. ครูให้นักเรียนทำแผ่นพับความรู้ขนาด A4 เกี่ยวกับ ประโยชน์ของเสียง โดยครูกำหนดให้มีการ ยกตัวอยา่ งการนำความรู้ เรื่อง เสียงไปประยุกตใ์ ช้ ซึ่งเป็นตวั อยา่ งทไี่ ม่ซ้ำกับหนงั สือเรียน ถ้าเวลาไม่พอ ครูอาจกำหนดให้นักเรียนนำกลบั ไปทำเปน็ การบ้านแล้วนำมาส่งในชัว่ โมงถดั ไป อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สนทนาเกีย่ วกับประโยชน์ของเสยี งจากตวั อยา่ งท่ีมีอยใู่ นหนงั สือเรยี น 2. ครูสมุ่ นกั เรยี นอธบิ ายความร้เู กีย่ วกับการนำความรเู้ กี่ยวกบั เสยี งไปประยุกต์ใช้ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครนู ำอภปิ รายสรปุ เน้อื หาโดยเปิด PowerPoint เรอ่ื งท่ีสอนควบคไู่ ปดว้ ย 2. ครใู ห้นกั เรยี นทำสรปุ ผังมโนทัศน์ (Concept Mapping) เร่อื ง ปรากฏการดอปเพลอร์ ลงในกระดาษ A4 (หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน) 3. ครสู มุ่ เลอื กนกั เรียนออกไปนำเสนอผงั มโนทศั น์ของตนเองหน้าช้ันเรียน (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน) 4. ครูให้นกั เรยี นศึกษาและทำแบบฝึกหัดจาก Topic Question เรื่อง คลื่นกล จากหนงั สือเรยี น ลงใน สมุดบนั ทกึ ประจำตวั แล้วนำมาสง่ ครูทา้ ยชัว่ โมง
334327 5. ครูมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ จากแบบฝึกหัด วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 มาส่งครูในชัว่ โมงถดั ไป ข้นั สอน ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้เก่ียวกับ ปรากฏการณด์ อปเพลอร์ การสัน่ พ้องของเสยี ง ประโยชน์ ของเสยี ง เพอ่ื ใหน้ กั เรียนทุกคนไดม้ คี วามเขา้ ใจในเนอ้ื หาที่ได้ศึกษามาแลว้ ไปในทางเดยี วกัน และเป็น ความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยครใู ห้นกั เรียนเขียนสรุปความรลู้ งในสมดุ 2. ครตู รวจสอบผลจากการทําแผน่ พับความรู้ เรื่อง ประโยชน์ของเสยี ง 3. ครูตรวจแบบฝึกหดั จาก Topic Question เร่ือง คลืน่ กล ในสมุด 4. ครตู รวจสอบแบบฝึกหดั เรอื่ ง เสียง จากแบบฝึกหัด รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส)์ ม.5 5. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาํ ถาม พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล และการทาํ งาน กล่มุ 6. ครูวัดและประเมินผลจากช้ินงานการสรุปเนือ้ หา เรื่อง ปรากฏการณด์ อปเพลอร์ ที่นักเรยี นได้สร้างขึ้น จากขนั้ ขยายความเข้าใจเป็นรายบุคคล 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 คลื่น 2) แบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์กายภาพ 2 (ฟิสิกส์) ม.5 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 คล่ืน 3) PowerPoint เรื่อง คลนื่ กล 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หอ้ งเรยี น 2) หอ้ งสมุด 3) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ
34383 9. การวดั และประเมนิ ผล วิธีวัด เครื่องมอื เกณฑ์การประเมนิ รายการวดั 9.1 การประเมนิ ชิน้ งาน/ - ตรวจผังมโนทัศน์ เรื่อง - แบบประเมนิ ช้นิ งาน/ - ระดับคุณภาพ 2 ภาระงาน ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ ภาระงาน ผ่านเกณฑ์ 9.2 การประเมินระหวา่ ง - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผา่ เกณฑ์ ระหวา่ งเรยี น 1) เสียง 2) การนาํ เสนอผลงาน - ประเมินการนําเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน นาํ เสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรมการทาํ งาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดับคณุ ภาพ 2 รายบุคคล (สมรรถนะของ การทํางานรายบุคคล พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ ผเู้ รยี น) รายบุคคล 4) พฤติกรรมการทาํ งาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดบั คุณภาพ 2 กลุ่ม การทาํ งานกลุ่ม พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การทํางานกลุ่ม 5) คณุ ลกั ษณะอันพึง - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งม่ัน คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ ในการทาํ งาน อนั พึงประสงค์ 10. กจิ กรรมเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................
34349 11. บนั ทกั ผลหลงั การสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นกั เรยี นท้ังหมดจานวน.............คน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จานวนนักเรยี นทผี่ ่าน จานวนนกั เรยี นท่ไี มผ่ ่าน จานวน (คน) ร้อยละ จานวน (คน) รอ้ ยละ 12. ปญั หา/อปุ สรรค/การแก้ไข .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 13. ข้อเสนอแนะ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................
334450 ลงชื่อ................................................................ () ตาํ แหนง่ ครวู ทิ ยฐานะ....................................... ลงชื่อ................................................................ () หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ลงชื่อ................................................................ () รองผอู้ ํานวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ...............................................................................แล้วมีความ คิดเหน็ ดงั นี้ 1. เปน็ แผนการเรยี นรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ าํ เอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผ้เู รยี นเปน็ สาํ คญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ น้นผูเ้ รียนเปน็ สาํ คญั ควรปรบั ปรุงพฒั นาตอ่ ไป 3. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................ () ผู้อํานวยการโรงเรยี น.......................................
334461 แบบประเมนิ ผลงานผังมโนทศั น์ คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียนตามรายการที่กําหนด แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 4 3 21 1 ความสอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ 2 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา 3 ความคิดสร้างสรรค์ 4 ความเปน็ ระเบียบ รวม ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............../................./................
3472 เกณฑป์ ระเมนิ ผงั มโนทศั น์ ประเด็นท่ปี ระเมนิ ระดับคะแนน 1. ผลงานตรงกบั 432 1 จดุ ประสงค์ท่ี กาหนด ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไม่สอดคลอ้ ง กบั จุดประสงค์ 2. ผลงานมคี วาม จุดประสงค์ทุก จุดประสงค์เป็นส่วน จดุ ประสงคบ์ าง ถกู ต้องสมบูรณ์ เน้อื หาสาระของ ประเดน็ ใหญ่ ประเด็น ผลงานไมถ่ ูกต้องเปน็ 3. ผลงานมคี วามคดิ ส่วนใหญ่ สรา้ งสรรค์ เน้อื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เน้อื หาสาระของ ผลงานไม่แสดง แนวคดิ ใหม่ ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้องเปน็ ผลงานถกู ต้องเป็น ครบถ้วน ส่วนใหญ่ บางประเด็น ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมแี นวคดิ ผลงานมคี วาม ความคิดสร้างสรรค์ แปลกใหมแ่ ต่ยงั ไม่ น่าสนใจ แตย่ งั ไม่มี แปลกใหมแ่ ละเป็น เปน็ ระบบ แนวคดิ แปลกใหม่ ระบบ 4. ผลงานมีความ ผลงานมคี วามเปน็ ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานมีความเปน็ ผลงานส่วนใหญ่ไม่ เปน็ ระเบียบ ระเบียบแสดงออกถึง ความเป็นระเบียบแต่ ระเบียบแตม่ ี เป็นระเบยี บและมี ความประณีต ยังมี ข้อบกพร่องบางสว่ น ข้อบกพร่องมาก ข้อบกพร่องเลก็ น้อย เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ํ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ
3438 แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กบั ระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธกี ารนําเสนอผลงาน 4 การนําไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมิน ............/................./.................. เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดมี าก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ตาํ่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
334449 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น รวม 15 ลาดบั ชื่อ-สกุลของนักเรียน ความสามารถใน ความสามารถใน ความสามารถใน คะแนน การสือ่ สาร การคิด การแก้ปัญหา 5432 1 5432 1 5 4 3 2 1 ลงช่ือ ................................................... ผปู้ ระเมิน ............/.................../................
335405 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน พฤติกรรมบ่งช้ี ระดับคะแนน 1. ความสามารถ 5 (ดีมาก) 4 (ดี) 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ ) ในการส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ มคี วามสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถใน ในการสือ่ สาร 2. ความสามารถ ในการคดิ การส่ือสาร การสอ่ื สาร การสอ่ื สาร การส่อื สาร ไมม่ ีความสามารถ ในการคดิ การ 3. ความสามารถ ออกมาไดด้ เี ยี่ยม ออกมาได้ดี ชัด ออกมาไดร้ ะดับ ออกมาได้ระดับ ตดั สนิ ใจ เกยี่ วกับ ในการ ปัญหาของตนเอง แกป้ ญั หา ชดั เจน เจร ปานกลาง ไม่ ปานกลาง ควร ไม่สามารถ ชัดเจน ปรบั ปรุง แก้ปญั หาเฉพาะ หนา้ ได้ มีความสามารถใน มีความสามารถใน มคี วามสามารถใน มคี วามสามารถ การคิดอย่าง การคิดตัดสินใจ การคิด ตัดสนิ ใจ ตดั สินใจเก่ียวกับ สร้างสรรค์ เกี่ยวกับปัญหา เก่ยี วกบั ปญั หา ปญั หาของตนได้ ตดั สนิ ใจเก่ียวกบั ของตนได้ดี ของตนเองได้ ไมด่ เี ท่าที่ควร ปัญหาของตนเอง ไดเ้ หมาะสม มีความสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ แก้ปญั หาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหาเฉพาะ แก้ปัญหาเฉพาะ หน้าไดท้ ุก หนา้ ไดเ้ กือบทุก หนา้ ไดบ้ าง หนา้ ได้ยงั ไม่ดี สถานการณ์ สถานการณ์ สถานการณ์ เท่าทคี่ วร เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 – 15 ดีมาก 11 – 13 ดี 8 – 10 พอใช้ ต่าํ กวา่ 8 ปรับปรงุ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395