Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2565_ประวัติพระพุทธศาสนา ร่างแรก PDF รวมไฟล์

2565_ประวัติพระพุทธศาสนา ร่างแรก PDF รวมไฟล์

Published by banchongmcu_surin, 2022-05-11 07:51:05

Description: 2565_ประวัติพระพุทธศาสนา ร่างแรก PDF รวมไฟล์

Search

Read the Text Version

136 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ๒) ความเช่ือในเร่อื งศาสนาในประเทศบงั กลาเทศ ประเทศบงั กลาเทศนบั ถอื ศาสนาอสิ ลามเป็นศาสนาประจำ� ชาติ ประมาณรอ้ ยละ ๙๐.๕ ของชาวบงั กลาเทศ นบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม โดยมปี ระชากรมสุ ลมิ มากเป็นอนั ดบั ๔ ของโลก สำ� หรบั ศาสนาอน่ื ๆ ในบงั กลาเทศ ศาสนา ฮนิ ดูเป็นรอ้ ยละ ๘.๕ ศาสนาพทุ ธรอ้ ยละ ๐.๖ ส่วนศาสนาครสิ ตร์ อ้ ยละ ๐.๔ นอกจากนนั้ เป็นศาสนาอน่ื ทงั้ น้ี นิกายหลกั ทช่ี าวบงั กลาเทศยดึ ถอื เป็นปฏบิ ตั คิ อื นิกายซุนนี ซง่ึ นอกจากนน้ั เป็นศาสนาอน่ื ทงั้ น้ี นิกายหลกั ท่ี ชาวบงั กลาเทศยดึ ถอื เป็นปฏบิ ตั คิ อื นกิ ายซุนนี ซง่ึ ถอื เป็นนกิ ายทใ่ี หญ่ทส่ี ุดในอสิ ลาม28 สำ� หรบั พระพทุ ธศาสนาในประเทศบงั กลาเทศ นนั้ เดมิ ในบรเิ วณประเทศบงั กลาเทศ ในสมยั พทุ ธกาล เคยเป็นส่วนหน่ึงของชมพูทวปี ทำ� ใหไ้ ดร้ บั การเผยแพร่พระพทุ ธศาสนามาตง้ั แต่ยุคแรกเร่มิ แต่ต่อมาไดม้ กี าร เปลย่ี นไปเป็นพระพทุ ธศาสนามหายานแบบตนั ตระ ต่อมาภายหลงั ยุคมสุ ลมิ ปกครองบงั กลาเทศ ศาสนาพทุ ธ ไดก้ ลายเป็นชนกลุ่มนอ้ ยของประเทศ ทำ� ใหช้ าวบงั คลาเทศบางคนเช่ือว่า ศาสนสถานเดมิ ของชาวพทุ ธเป็นท่ี สงิ สถติ ของวญิ ญาณ คงเหลอื แต่ชาวพทุ ธกลมุ่ เลก็ ๆ ในปจั จบุ นั ซง่ึ เป็นพระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาท29 ๓) วฒั นธรรมประเพณีในประเทศบงั กลาเทศ บงั กลาเทศเป็นประเทศท่มี เี ทศกาลมากมาย เเละส่วนใหญ่เเลว้ จะเก่ียวขอ้ งกบั ความเช่ือเเละศาสนา ประเพณีและวฒั นธรรม ซง่ึ มปี ระเพณีทส่ี ำ� คญั ๆ ดงั ต่อไปน้ี เทศกาลถอื ศีลอด เป็นเทศกาลทจ่ี ดั ข้นึ เป็นประจำ� ทกุ ปีในเดอื นรอมฎอนของชาวมสุ ลมิ โดยเป็นช่วงเวลาทช่ี าวมสุ ลมิ ทวั่ โลก จะทำ� การถอื ศลี อดในเวลากลางวนั เเลว้ จะมาเรม่ิ รบั ประทานอาหารต่าง ๆ ในช่วงเวลาหลงั พระอาทติ ยต์ กดนิ ไปเเลว้ การถอื ศีลอดเป็นมาตรการหน่ึง ซง่ึ อสิ ลามนำ� มาใชเ้ พอ่ื ฝึกมนุษยใ์ หร้ ูจ้ กั ยบั ยงั้ ชงั่ ใจในการกนิ และรูจ้ กั เกรงกลวั พระเจา้ เพราะถา้ หากมนุษยไ์ มร่ ูจ้ กั ยบั ยง้ั ชงั่ ใจในการกนิ และไมเ่ กรงกลวั พระเจา้ แลว้ มนุษยจ์ ะกนิ ทกุ อย่างโดย ไมร่ ูจ้ กั พอ และจะกนิ แมก้ ระทงั่ ป่าและภเู ขา30 เทศกาลฮารรี ายาอดิ ูล ฟิ ลรี เป็นเทศกาลทจ่ี ะจดั ข้นึ หลงั จากเทศกาลถอื ศีลอดจบลงเเลว้ นบั ว่าเป็นเทศกาลเเห่งการลาพกั ผ่อนของ ชาวมสุ ลมิ อย่างเเทจ้ ริง โดยพวกเขาจะถือโอกาสพกั ผ่อนกบั ญาติมิตรเเละเดินทางไปท่องเท่ียวยงั สถานท่ี ท่องเทย่ี วต่าง ๆ พรอ้ มกบั มงี านร่นื เรงิ มากมาย ชาวมสุ ลมิ ทกุ คนจะตอ้ งจ่ายซะกาตฟิตเราะหบ์ รจิ าคทานแก่คน 28 ขอ้ มลู พ้นื ฐานของบงั กลาเทศ, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://api.dtn.go.th/files/v3/60332c8cef41401be375db- fb/download [๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] 29 วกิ พิ เี ดยี สารานุกรมเสร,ี ศาสนาพทุ ธในประเทศบงั กลาเทศ, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://th.wikipedia.org/ wiki [๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] 30 การถอื ศีลอดเดอื นประเพณีถอื ศีลอดในเดอื นรอมฎอน, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : http://www.digitalschool.club/ digitalschool/social1_1_1/social1_2/more/page31.php2564 [๑๒ ธนั วาคม ๒๕๖๔] 04. - 4 (111-151).indd 136 5/10/2022 12:57:13 PM

บทท่ี ๔ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ใต้ 137 ยากจนอนาถา31 ทง้ั ยงั เป็นการขดั เกลาจติ ใจของมนุษยใ์ หเ้ป็นผูบ้ รจิ าค เป็นการเอ้อื เฟ้ือเผอ่ื แผ่ต่อเพอ่ื นมนุษย์ ดว้ ยกนั เอง เทศกาลวนั วสิ าขบูชาในเมืองจติ ตะกอง เทศกาลวนั วสิ าขบูชา ของชาวพทุ ธในบงั กลาเทศถอื ไดว้ า่ เป็นเทศกาลทป่ี ฏบิ ตั สิ บื ต่อกนั มาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะชนกลมุ่ จกั มา่ จะมกี ารเฉลมิ ฉลองเทศกาลสำ� คญั ทบ่ี ูชาพทุ ธคุณของพระพทุ ธเจา้ เช่นเดยี วกบั ชาวพทุ ธ ทวั่ โลก กิจกรรมในวนั วิสาขบูชา ชาวจกั ม่าจะไปทำ� บุญเล้ยี งพระท่ีวดั จุดเทียนเพ่ือเป็นพุทธบูชา ถือศีล ฟงั พระธรรมเทศนา นงั่ สมาธิ พรอ้ มทงั้ บรจิ าคทาน แจกจ่ายอาหารแก่คนยากจน เทศกาลบซิ ู บชิ ู (Bishu) เป็นอกี เทศกาลสำ� คญั ของชาวจกั มา่ เป็นเทศกาลทจ่ี ดั ข้นึ สามวนั ซง่ึ ตรงกบั วนั ปีใหมข่ อง เบงกอลี เทศกาลน้ีจะฉลองกนั อย่างสนุกสนาน32 ๔.๕.๒ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเขา้ สูบ่ งั กลาเทศ ประเทศบงั กลาเทศในปจั จุบนั เป็นส่วนหน่ึงของชมพูทวปี ท่ีมอี าณาเขตติดกบั แควน้ มคธ จากขอ้ มูล เชงิ ประจกั ษท์ เ่ี ป็นปจั จบุ นั ชาวเบงกอลใี นบงั คลาเทศมปี ระเพณีวฒั นธรรมทใ่ี กลเ้คยี งกบั ชาวมคธ ในยุคสมยั ของ พระเจา้ อโศกมหาราช พระองคไ์ ดท้ รงส่งพระสมณทูตออกไปประกาศพระพทุ ธศาสนารวม ๙ สายและหน่ึงในนนั้ ไดเ้ขา้ มายงั บงั กลาเทศ ต่อมาสมยั ของพระเจา้ กนษิ กะมหาราช ประมาณ พ.ศ. ๖๐๐ พทุ ธศาสนานกิ ายสรวาสตวิ าทนิ รุ่งเรืองข้นึ ในอินเดียเหนือไดข้ ยายเขา้ ไปในบงั กลาเทศ ต่อมาภายหลงั นิกายมหายานจึงไดเ้ ผยแผ่เขา้ ไปใน บงั คลาเทศ         ต่อมาในสมยั ยะไข่ (อารากนั ) พระพทุ ธศาสนาเถรวาทเจริญรุ่งเรืองมาก สมยั นนั้ จติ ตะกองอยู่ภายใต้ การดูแลคุม้ ครองของยะไข่ มพี ระภกิ ษุสงฆจ์ ำ� นวนมากจารกิ ไปยงั จติ ตะกองและไดเ้ผยแผ่สบื ต่อกนั มาเป็นเวลา ยาวนานถงึ ๑๐๐ ปี ทำ� ใหช้ าวจติ ตะกองนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาฝ่ายเถรวาทมาจนถงึ ทกุ วนั น้ี พระพทุ ธศาสนา ในจติ ตะกองไดร้ บั การฟ้ืนฟูจากพระสงฆเ์ ถรวาทนำ� โดยสมเดจ็ พระสงั ฆราชเมอื งยะไข3่ 3 ในปี พ.ศ. ๒๐๔๘ – ๒๔๒๑ พระองคไ์ ดว้ างรากฐานแบบเถรวาทในจิตตะกอง โดยจดั พธิ ีอุปสมบทพระภกิ ษุแลว้ ใหศ้ ึกษาอบรม พระธรรมวนิ ยั ตลอดอายุกาลของพระองค์ แมส้ มเด็จพระสงั ฆราชองคต์ ่อมาก็ไดส้ บื สานนโยบายต่อมา จนมี ผูบ้ รรพชาอปุ สมบทมากข้นึ ตามลำ� ดบั ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๗๓ ในสมยั สมเดจ็ พระสงั ฆราชอาจริยญาณลงั การ มหาเถระ สถติ ณ มหามนุ วี หิ าร หมบู่ า้ น โมหามนุ ปี าหารตอลี เมอื งจติ ตะกอง ทา่ นทสั สนาจารยิ ะบณั ฑติ ธรรมธาร 31 “วนั อดี -ฮารรี ายอ” เทศกาลงดงามในศาสนาอสิ ลาม, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า: https://d.dailynews.co.th/arti- cle/255040/[๑๒ ธนั วาคม ๒๕๖๔ ] 32 ชาตพิ นั ธุ์ : ชาวพทุ ธแหง่ รฐั มโิ ซรมั , [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า: http://pinprapa.blogspot.com/๒๐๑๒/๐๒/chakmas- chakma-chittagong-hill-tracts.html [๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔ ] 33 เร่อื งเดยี วกนั , หนา้ ๓๙. 04. - 4 (111-151).indd 137 5/10/2022 12:57:13 PM

138 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา มหาเถระพระเถระก็ไดจ้ ดั ตง้ั “สงั ฆราชภกิ ขมุ หาสภา” ข้นึ หรอื ปจั จบุ นั เรยี กวา่ “บงั กลาเทศสงั ฆภกิ ขมุ หาสภา” เหมอื นกบั มหาเถรสมาคมของไทย โดยมพี ระสงฆจ์ ากประเทศปากีสถาน อนิ เดยี และบงั กลาเทศเป็นสมาชกิ จากนนั้ ก็มกี ารสถาปนาพระพทุ ธศาสนาเถรวาทข้นึ ใหม่ในปี พ.ศ. ๒๔๐๗ โดยการนำ� ของสมเดจ็ พระสงั ฆราช สารเมธมหาเถร ซง่ึ เป็นสมเดจ็ พระสงั ฆราชองคท์ ห่ี น่ึงเมอื งจติ ตะกองแห่งบงั กลาเทศ จนถงึ ปจั จบุ นั 34 ๔.๕.๓ บทบาทพระสงฆใ์ นการเผยแผ่ ผูน้ บั ถอื ศาสนาพทุ ธในบงั กลาเทศส่วนใหญ่อาศยั อยู่ในเขตจติ ตะกอง โดยชาวเบงกาลที พ่ี ดู ภาษาเบงกาลี Baruas ซง่ึ เกอื บจะเป็นชาวพทุ ธและกระจกุ ตวั อยู่ในพ้นื ทจ่ี ติ ตะกองเช่นเดยี วกบั ชาว บารวั บางส่วนทอ่ี าศยั อยู่ใน ส่วนอน่ื ๆ ของบงั กลาเทศ พระพทุ ธศาสนาในจติ ตะกองไดร้ บั การฟ้ืนฟูจากคณะสงฆเ์ ถรวาท นำ� โดยพระสงั ฆราชเมอื ง ยะไข่ ในปี พ.ศ. ๒๔๐๘-๒๔๒๑ พระองคไ์ ดว้ างรากฐานแบบเถรวาทในจติ ตะกอง โดยจดั พธิ อี ปุ สมบทภกิ ษุแลว้ ใหศ้ ึกษา อบรมพระธรรมวนิ ยั ตลอดอายุกาลของพระองค์ แมส้ มเดจ็ พระสงั ฆราชองคต์ ่อมาก็ไดส้ บื สานนโยบายต่อไป จนมบี รรพชาอปุ สมบทมากข้นึ ตามลำ� ดบั ต่อมา พ.ศ. ๒๔๗๓ ในสมยั พระสงั ฆราชอาจรยิ ะญาณลงั การมหาเถระ สถติ ณ มหามนุ ปี าหารตอลี เมอื งจติ ตะกอง ท่านทสั สนาจารยิ ะบณั ฑติ ธรรมธารมหาเถระ กไ็ ดจ้ ดั ตง้ั “สงั ฆราช ภกิ ขมุ หาสภา”ข้นึ ปจั จบุ นั เรยี กวา่ “บงั กลาเทศสงั ฆภกิ ขมุ หาสภา” โดยมพี ระสงฆจ์ ากปากสี ถาน อนิ เดยี และ บงั กลาเทศ ปจั จบุ นั น้ีมสี มเดจ็ พระสงั ฆราชองคท์ ่ี ๘ โดยชาวพทุ ธในบงั กลาเทศส่วนใหญ่นบั ถอื พระพทุ ธศาสนา นกิ ายเถรวาท35 ๔.๕.๔ อทิ ธพิ ลและแนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในบงั คลาเทศ ๑) อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาในบงั กลาเทศ อทิ ธพิ ลดา้ นวถิ ชี ีวติ ผูน้ บั ถอื ศาสนาพทุ ธกระจายอยู่ในจงั หวดั จิตตะกอง ซ่งึ เป็นเมอื งท่าติดกบั ประเทศสหภาพเมยี นมาร์ ในพ้นื ท่เี หล่านน้ั จะมวี ดั และชุมชนชาวพทุ ธอยู่ตามตะเขบ็ รอยต่อกบั พม่า (เมอื งยะไข่) จงึ ไม่แปลกท่อี ทิ ธิพล ทางดา้ นศิลปกรรมและสถาปตั ยกรรมทางพระพทุ ธศาสนาจะเหน็ เป็นแบบพมา่ ไปทง้ั ส้นิ แมก้ ระทงั่ พระเถระผูน้ ำ� ของพมา่ สว่ นมากไดร้ บั การศึกษาและอบรมมาจากสำ� นกั สงฆท์ ม่ี ชี อ่ื เสยี งของพมา่ ตระกูลทน่ี บั ถอื พระพทุ ธศาสนา ทส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ บารวั มตั ซูด้ี เจาทรี ตลกุ ดาร์ และสงิ หะ ส่วนชนเผ่านบั ถอื พทุ ธ ไดแ้ ก่ จกั มา่ มรู ม์ าร์ มากฮ์ และทานชางยา เป็นตน้ สำ� หรบั ชาวจกั มา่ นบั ถอื พทุ ธศาสนาลทั ธเิ ถรวาท หมบู่ า้ นของชาวจกั มา่ ทกุ ทจ่ี ะมวี ดั หน่งึ แหง่ 34 คน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ ในโสมานทั ภกิ ขุ พระพทุ ธศาสนาในบงั กลาเทศ พทุ ธจกั ร มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั ฉบบั เดอื น กรกฎาคม, กนั ยายน, ตลุ าคม, พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๑๗ 35 วกิ พิ เี ดยี สารานุกรมเสรี ,ศาสนาพทุ ธในประเทศบงั กลาเทศ, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า: https://th.wikipedia.org/ wiki [๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] 04. - 4 (111-151).indd 138 5/10/2022 12:57:13 PM

บทท่ี ๔ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ใต้ 139 ทเ่ี รยี กวา่ กาง (Kaang) ส่วนพระสงฆจ์ ะเรยี กวา่ ภกิ ขุ (Bhikhus) ซง่ึ จะเป็นผูน้ ำ� ทางจติ วญิ ญาณในการประกอบ พธิ กี รรมต่าง ๆ ในงานเทศกาลและพธิ เี ฉลมิ ฉลองทางพทุ ธศาสนา36 อทิ ธพิ ลดา้ นเศรษฐกจิ การท่องเทย่ี วเชงิ ประวตั ศิ าสตรท์ างพระพทุ ธศาสนา เช่น วดั เก่าแก่ โบราณสถาน เป็นตน้ ถอื เป็นอกี ปจั จยั ทใ่ี หช้ าวต่างประเทศเขา้ มาเทย่ี วและศึกษาประวตั ขิ องประเทศบงั กลาเทศ ถงึ แมป้ จั จบุ นั ประชาชนสว่ นใหญ่นบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม แต่เน่อื งจากบรเิ วณประเทศบงั คลาเทศในปจั จบุ นั ในสมยั พทุ ธกาลเคยเป็นสว่ นหน่งึ ของชมพทู วปี ทำ� ใหไ้ ดร้ บั การเผยแพร่พระพทุ ธศาสนามาตง้ั แต่ยุคแรกเร่มิ ดง้ั นนั้ หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรห์ รอื อนุสรณส์ ถาน ทางประวตั ศิ าสตรซ์ ากปรกั หกั พงั ของวหิ ารพทุ ธท่ี Paharpur (Ruins Of The Buddhist Vihara At Paharpur) จงึ เป็นสถานทแ่ี หลง่ เรยี นรูเ้ชงิ ประวตั ศิ าสตร์ และเป็นแหลง่ มรดกโลกซง่ึ ถกู จารกึ ไวใ้ นปี ๑๙๘๕ โดย UNESCO ตง้ั อยู่ทางตะวนั ตกเฉียงใตข้ องประเทศ และสรา้ งโดย Dharmapala Vikramshila เป็นอาราม ทฐ่ี านมรี ูปปน้ั หนิ ๖๐ ช้ิน ท่ยี นื ยนั ระบบความเช่ือของศาสนาฮินดูและเป็นวดั ทางพทุ ธศาสนาท่ใี หญ่ท่สี ุดท่สี รา้ งข้นึ ในขณะนน้ั มลี กั ษณะเฉพาะตวั เช่น ผนงั ดา้ นนอกตกแต่งดว้ ยดินเผาประดบั ตกแต่ง ซ่งึ ไดร้ บั อิทธิพลจากศาสนาฮินดู ศาสนาเชน และศิลปะพทุ ธศาสนา37 ๔.๕.๕ แนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในประเทศบงั คลาเทศ แนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในประเทศบงั คลาเทศเป็นเรอ่ื งทน่ี ่าเป็นหว่ ง เพราะประชากรสว่ นใหญ่ของประเทศ นบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม ซง่ึ ในอดตี ทผ่ี ่านมา อสิ ลามไดเ้ขา้ มารุกรานเผาทำ� ลาย ศาสนาสถาน วดั วาอาราม ใหไ้ ดร้ บั ความเสยี หายเป็นจำ� นวนมาก จงึ ทำ� ใหว้ ถิ ชี วี ติ และการเป็นอยู่ของพทุ ธศาสนิกชนเกิดความหวาดกลวั และไม่มี ความมนั่ คงในการดำ� เนินชวี ติ สว่ นคณะสงฆก์ ไ็ มไ่ ดร้ บั การสนบั สนุนและส่งเสรมิ จากรฐั บาล จงึ ทำ� ใหส้ ถานการณ์ การเป็นอยูใ่ นดา้ นต่างๆ ไมม่ นั่ คง ดงั นนั้ สรปุ ไดว้ า่ สถานการณท์ างพระพทุ ธศาสนาในประเทศบงั กลาเทศในอนาคต อาจจะทรงกบั ทรุด ถา้ ไมไ่ ดร้ บั การช่วยเหลอื เยยี วยาจากองคก์ รชาวพทุ ธในต่างประเทศอย่างเร่งด่วน ในอนาคต อาจจะไมห่ ลงเหลอื พระพทุ ธศาสนาในบงั คลาเทศใหเ้หน็ อกี ต่อไป ๔.๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในประเทศสาธารณรฐั สงั คมนิยมประชาธปิ ไตยศรลี งั กา พระพทุ ธศาสนาเขา้ มาสูป่ ระเทศศรลี งั กาในสมยั ของพระเจา้ อโศกมหาราช นำ� โดยพระมหนิ ทเถระและคณะ หลงั จากการทำ� สงั คายนาครงั้ ท่ี ๓ ณ เมอื งปาฏลบี ตุ ร ประเทศอนิ เดยี และต่อมาพระพทุ ธศาสนาไดเ้จรญิ รุ่งเรอื ง ในประเทศศรีลงั กาและไดม้ กี ารบนั ทกึ พระไตรปิฎกลงบนใบลานเป็นครงั้ แรกของโลก ความเจริญรุ่งเรืองของ พทุ ธศาสนาในประเทศศรีลงั กาไดแ้ ผ่ขยายเขา้ ไปทวั่ ประเทศ ศรีลงั กาไดช้ ่ือว่าเป็นศูนยก์ ลางพระพทุ ธศาสนา 36 ชาตพิ นั ธุ์ : ชาวพทุ ธแหง่ รฐั มิโซรมั , [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : http://pinprapa.blogspot.com/๒๐๑๒/๐๒/chak- mas-chakma-chittagong-hill-tracts.html วนั ท่ี ๒๑ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๕ [๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] 37 แหลง่ มรดกโลกของบงั กลาเทศ, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : http://somethingslikethat.com [๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] 04. - 4 (111-151).indd 139 5/10/2022 12:57:13 PM

140 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา แห่งใหม่ หลงั จากพระพทุ ธศาสนาลม่ สลายไปจากอนิ เดยี ในอดตี ศรลี งั กาไดช้ ่อื วา่ ธมั มทปี ะ ดนิ แดนแห่งธรรม ซ่งึ เป็นดนิ แดนท่เี คยเป็นศูนยร์ วมของเหล่านกั ปราชญ์ ผูค้ งแก่เรียนในทางพระพทุ ธศาสนา เป็นบ่อเกิดของ องคค์ วามรูท้ างพทุ ธศาสนา และดนิ แดนแห่งน้ียงั ไดช้ ่อื วา่ เป็นดนิ แดนทจ่ี ารกึ พระไตรปิฎกเป็นอกั ษรภาษาสงิ หล ข้นึ ครงั้ แรก ยงั มกี ารแต่งคมั ภรี ท์ ส่ี ำ� คญั อกี มากมาย ศรลี งั กาจงึ เป็นประเทศทม่ี คี วามสำ� คญั ทางพระพทุ ธศาสนา อกี ประเทศหน่ึงทม่ี บี ทบาทเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาสู่สงั คมโลก ๔.๖.๑ สภาพสงั คมทวั่ ไปของประเทศศรลี งั กา ๑) ภมู ิประเทศของประเทศศรลี งั กา ประเทศศรีลงั กาตงั้ อยู่ในมหาสมทุ รอนิ เดยี ห่างจากตอนใตข้ องอนิ เดยี ประมาณ ๘๐ กม. โดยมอี ่าว แมนนาร์ และช่องแคบพอลกั คนั่ กลาง ระหว่างเสน้ ละติจูดท่ี ๗ องศาเหนือ และเสน้ ลองจจิ ูดท่ี ๘๑ องศา ตะวนั ออก มพี ้นื ทป่ี ระมาณ ๖๕,๖๑๐ ตร.กม. ชายฝงั่ ทะเลยาว ๑,๓๔๐ กม. ภมู ปิ ระเทศของประเทศนนั้ มลี กั ษณะ เป็นเกาะรูปหยดนำ�้ หรอื ไขม่ กุ มเี ทอื กเขาตอนกลาง และตอนใตข้ องประเทศมแี มน่ ำ�้ หลายสายไหลผ่าน บรเิ วณ เชิงเขาเป็นท่ีราบกวา้ งใหญ่เป็นแหล่งเพาะปลูกใบชาท่ีสาํ คญั ทางตอนเหนือของเทือกเขาเป็นท่ีราบแหง้ แลง้ และท่รี าบริม ฝงั่ ทะเลทางตอนใต้ รอบเกาะเป็นหาดทรายสวยงาม ภูมอิ ากาศ รอ้ นช้ืนบริเวณชายฝงั่ ทะเล แต่หนาวเยน็ เลก็ นอ้ ยบรเิ วณภเู ขา อณุ หภมู เิ ฉลย่ี ๒๖.๔ องศาเซลเซยี สในพ้นื ทร่ี าบ และ ๑๙.๗ องศาเซลเซยี ส ในพ้นื ท่ี หบุ เขา มฝี นตก ๒ ช่วง คอื ธ.ค.- ก.พ. ดว้ ยอทิ ธพิ ลของลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือพดั พา ฝนมา สู่ภาคตะวนั ออกของประเทศ และ พ.ค.- ก.ย. ลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใตพ้ ดั พาฝนเขา้ มาสู่ภาคตะวนั ตก ของประเทศ ภยั ธรรมชาตทิ ส่ี าํ คญั ไดแ้ ก่ พายุไซโคลน และมที อรน์ าโดเป็นครงั้ คราว38 ๒) ความเช่ือในเร่อื งศาสนาของประเทศศรลี งั กา ประเทศศรลี งั กามกี ารนบั ถอื ศาสนาทห่ี ลากหลาย แต่ประชากรนบั ถอื พทุ ธศาสนารอ้ ยละ ๗๐.๒ ศาสนา ฮนิ ดูรอ้ ยละ ๑๒.๖ ศาสนาอสิ ลามรอ้ ยละ ๙.๗ ครสิ ตศ์ าสนารอ้ ยละ ๗.๔39 อทิ ธพิ ลของพทุ ธศาสนาในอนิ เดยี และเนปาลจงึ มอี ทิ ธพิ ลหลกั ต่อความเช่อื และความศรทั ธาของผูค้ นในแถบน้ีเป็นอย่างมาก ในปจั จบุ นั พระพทุ ธ- ศาสนาในศรลี งั กา แบง่ ออกเป็น ๓ นิกายสำ� คญั คอื นกิ ายสยามวงศ์ มผี ูน้ บั ถอื มากทส่ี ุด รองลงมาคอื อมรปรุ - นกิ าย และรามญั นิกาย ในขณะเดยี วกนั ประเทศไทยกไ็ ดร้ บั อทิ ธพิ ลพระพทุ ธศาสนาจากศรลี งั กาในรูปแบบของ นิกายลงั กาวงศ์ ซง่ึ มอี ทิ ธพิ ลหลกั ในการก่อสรา้ ง ศาสนสถาน อย่างเช่น เจดยี ร์ ะฆงั ควำ�่ แบบลงั กา เป็นตน้ 40 38 สาธารณรฐั สงั คมนิยมประชาธปิ ไตยศรลี งั กา, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://www.nia.go.th/newsnow/alma- nac-files/pdf [๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] 39 เรอื งเดยี วกนั , หนา้ ๒ 40 ศรลี งั การากแหง่ พระพทุ ธศาสนา กบั กาลเวลาสองพนั ปี, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://www.posttoday.com/ life/travel/๓๐๒๑๔๐ [๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] 04. - 4 (111-151).indd 140 5/10/2022 12:57:13 PM

บทท่ี ๔ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ใต้ 141 ๓) วฒั นธรรมประเพณีในประเทศศรลี งั กา ชาวพทุ ธในประเทศศรลี งั กาไมว่ า่ จะอยูใ่ นเมอื งใหญ่หรอื ในชนบทยงั ยดึ ถอื วดั เป็นศูนยก์ ลางของชมุ ชนและ มรี ่วมกจิ กรรมของวดั อยู่เป็นประจำ� โดยเฉพาะดา้ นการศึกษาคำ� สอนทางพระพทุ ธศาสนา วดั ไดท้ ำ� การเปิดสอน พทุ ธศาสนาในวนั อาทติ ยใ์ หแ้ ก่เยาวชนมาเป็นเวลานาน ตงั้ แต่สมยั ทศ่ี รลี งั กายงั อยู่ใตก้ ารปกครองของฝรงั่ เศส จงึ ถอื เป็นวธิ ีการทช่ี าวพทุ ธในประเทศศรีลงั กาพยายามต่อตา้ นการเผยแผ่จากศาสนาอ่นื และ ในวนั เพญ็ ของ ทกุ ๆ เดอื นถอื เป็นวนั สำ� คญั ทางศาสนา หรอื “โปยา” (วนั บูชา) เป็นวนั หยุดทางราชการของศรลี งั กา ตามวดั ต่าง ๆ จะมผี ูค้ นแต่งชดุ ขาวไปสวดมนตท์ ำ� วตั รกนั เป็นจำ� นวนมาก นอกจากนน้ั ยงั มปี ระเพณีทช่ี าวพทุ ธศรลี งั กา ใหค้ วามสำ� คญั และจดั เป็นงานประเพณีประจำ� ปี ดงั น้ี ๑. งานฉลองวนั วสิ าขะ เป็นประเพณีทส่ี ำ� คญั ประจำ� ปีของชาวพทุ ธศรลี งั กาคอื วดั ทกุ วดั จะมกี ารฉลอง แตกต่างกนั ไป ชาวพทุ ธศรลี งั กาจะนุ่งขาวห่มขาวไปวดั ถอื ศีลอโุ บสถ สวนมนตท์ ำ� วตั ร ทำ� สมาธติ ง้ั แต่คืนก่อน วนั วสิ าขะ และในคำ�่ ของวนั วสิ าขบูชา วดั ต่าง ๆ จะมกี ารจดุ ประทบี โคมไฟ มชี าวพทุ ธไปร่วมงานกนั อย่างคบั คงั่ นีน่า วนั กอรค์ อม ไดก้ ลา่ วไดใ้ นหนงั สอื “ธรรมจารกิ ในศรลี งั กา”ตอนหน่ึงวา่ “วนั สุดทา้ ยทด่ี ฉิ นั อยู่ทศ่ี รลี งั กา เป็นวนั ทช่ี าวสงิ หฬเฉลมิ ฉลองวนั วสิ าขบูชา ซง่ึ เป็นวนั ทส่ี มเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ประสูติ ตรสั รู้ และดบั ขนั ธ- ปรนิ พิ พาน คนเป็นจำ� นวนมากรวมทงั้ เดก็ และผูใ้ หญ่พากนั แต่งชดุ ขาว และถอื ศีลแปดอยู่กบั บา้ นหรอื อยู่วดั ”41 ๒. ประเพณีแห่พระบรมสารีริกธาตุ เทศกาลและประเพณีแห่พระบรมสารีกธาตุท่ีชาวศรีลงั กา เรยี กวา่ “เป-รา เฮ-รา” จะมขี ้นึ ช่วงเดอื นสงิ หาคม โดยมกี ารเฉลมิ ฉลองกนั ๖ วนั และวนั สุดทา้ ยเป็นการแห่ฉลอง ทย่ี ง่ิ ใหญ่ตรงกบั วนั เพญ็ เดอื น จงึ ถอื เป็นประเพณีทเ่ี ก่าแก่ของชาวพทุ ธชาวศรลี งั กา ซง่ึ สบื มาตงั้ แต่สมยั พระเจา้ สริ เิ มฆวรรณ เจา้ ผูค้ รองแผ่นดนิ อนุราธปรุ ะ (พ.ศ. ๘๔๔ - ๘๗๔)42 อาจารยฉ์ ตั รสุมาลย์ ไดก้ ลา่ วไดใ้ นหนงั สอื “ธรรมลลี าจากศรลี งั กาไปทเิ บต” ตอนหน่ึงเก่ียวประเพณีแห่พระบรมสารรี กิ ธาตวุ ่า “ชาวพทุ ธในศรลี งั กาถอื ว่า พระเข้ยี วแกว้ ทป่ี ระดษิ ฐานอยู่ทว่ี ดั พระเข้ยี วแกว้ เป็นสง่ิ ศกั ด์สิ ทิ ธ์ทิ ส่ี ุดของประเทศ ชาวพทุ ธศรลี งั กาใหค้ วาม สำ� คญั มาก ๆ43 ๓. ประเพณีสกั การะบูชาตน้ พระครีมหาโพธ์ิ ประเพณีสกั การะบูชาตน้ พระครีมหาโพธ์ิในประเทศ ศรลี งั กา ชาวศรลี งั กาจะนำ� ดอกไมธ้ ูปเทยี นมาทำ� พธิ สี กั การะบูชาตน้ พระครมี หาโพธ์ิ โดยเฉพาะในวนั วสิ าขบูชา และวนั สำ� คญั ทางพระพทุ ธศาสนา จะมชี าวศรลี งั กามาประกอบพธิ ฟี งั พระธรรมเทศนาบรเิ วณรอบใตต้ น้ ศรมี หาโพธ์ิ เป็นจำ� นวนมาก 41 นนี ่า วนั กอรค์ อม แปลโดย ชนิ วธุ สุนทรสมี ะ, ธรรมจารกิ ในศรลี งั กา, (กรุงเทพมหานคร : มลู นิธแี ละการเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนา, ๒๕๓๘), หนา้ ๒๖๑ 42 ฐากูร พาณิช, ไทย–ศรลี งั กา กลั ยามิตร:สมั พนั ธไมตรแี น่นแฟ้ นทางพระพทุ ธศาสนา, พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๒, (กรุงเทพ- มหานคร : อมรนิ ทรพ์ ร้นิ ต้งิ แอนดพ์ บั ลช่ิ ชง่ิ จำ� กดั , ๒๕๔๘), หนา้ ๖๘-๗๓. 43 ฉตั รสุมาลย,์ ธรรมลลี าจากศรลี งั กาไปทเิ บต, (กรุงเทพมหานคร : มตชิ น, ๒๕๔๙), หนา้ ๑๙. 04. - 4 (111-151).indd 141 5/10/2022 12:57:13 PM

142 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ประวตั ติ น้ โพธ์ติ น้ น้ี เร่มิ ตน้ เมอ่ื ปีพ.ศ. ๒๔๕ พระนางสงั ฆมติ ตาเถรี พระราชธดิ าในพระเจา้ อโศกมหาราช ไดน้ ำ� ก่งิ ดา้ นขวาของตน้ พระศรมี หาโพธ์ทิ พ่ี ทุ ธคยา ไปถวายแด่พระเจา้ เทวานมั ปิยะตสิ สะ ซง่ึ เป็นกษตั รยิ ศ์ รลี งั กา สมยั นน้ั ณ วดั พระศรมี หาโพธ์ิ เมอื ง อนุราธปรุ ะ มตี น้ โพธ์ทิ เ่ี ก่าแก่ทส่ี ุดในโลก คอื มอี ายุถงึ ๒,๓๑๗ ปี เป็นท่ี สกั การะของชาวศรลี งั กา ๔.๖.๒ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเขา้ สูป่ ระเทศศรลี งั กา พระพทุ ธศาสนา ไดเ้รม่ิ แผเ่ ขา้ สูศ่ รลี งั กา เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๖-๒๘๗ โดยการนำ� ของ พระมหนิ ทเถระ ซง่ึ พระเจา้ อโศกมหาราช และพระโมคคลั ลบี ุตรติสสะเถระ ส่งไปเป็นธรรมทูตประจำ� ศรีลงั กา พระเถระไดไ้ ปถงึ ลงั กา ในรชั สมยั ของพระเจา้ เทวานมั ปิยตสิ สะ44 พระเจา้ เทวานมั ปิยติสสะ ทรงประกาศพระองคเ์ ป็นพทุ ธศาสนูปถมั ภกทรงโปรดใหอ้ ุปสมบทกุลบุตร ชาวสงิ หลเป็นจำ� นวนมาก และไดก้ ่อสรา้ งวหิ าร เจดยี ์ มวี ดั มหาวหิ าร ถปู าราม เป็นตน้ โปรดใหอ้ รฏิ ฐอำ� มาตย์ ไปทูลพระเจา้ อโศกมหาราชขอภกิ ษุณีสงฆเ์ พอ่ื มาอปุ สมบทแก่สตรชี าวลงั กา ตลอดจนทูลขอก่งิ พระศรมี หาโพธ์ิ เพอ่ื นำ� มาปลูกสกั การะบูชาดว้ ย พระเจา้ อโศกมหาราชทรงสนบั สนุนพระราชธิดา คือ พระนางสงั ฆมติ ตาเถรี พรอ้ มดว้ ยบริวาร เพ่อื ไปเป็นปวตั ตินีบวชกุลธิดาชาวลงั กาและใหอ้ ญั เชิญก่ิงพระศรีมหาโพธ์ิมาประทาน45 ในสมยั นน้ั ปรากฏว่านอ้ งสะใภข้ องพระเจา้ เทวานมั ปิยติสสะทรงพระนามว่า “อนุฬาเทว”ี ออกอุปสมบทเป็น นางภกิ ษุณีพรอ้ มดว้ ยบรวิ าร ๑,๐๐๐ รูป นางจงึ เป็นปฐมภกิ ษุณีในศรลี งั กา ส่วนก่งิ พระศรมี หาโพธ์ทิ รงใหป้ ลูก ในมหาอทุ ยาน “มหาเมฆวนั ” ต่อมาการศึกษาพระธรรมวนิ ยั แพร่หลายในหมพู่ ระสงฆช์ าวลงั กาแลว้ พระมหนิ ทเถระกท็ ูลขอใหพ้ ระเจา้ เทวานมั ปิยตสิ สะทรงเป็นราชูปถมั ภ์ ชมุ นุมสงฆใ์ นลงั กาจดั ทำ� สงั คายนาข้นึ ณ ถปู าราม เมอื งอนุราธบรุ ี มพี ระเถระ ถงึ ๖๘,๐๐๐ องค์ ทำ� อยู่ ๑๐ เดอื นจงึ สำ� เร็จ นบั ตง้ั แต่นนั้ มาพระพทุ ธศาสนาแบบเถรวาท เจริญรุ่งเรืองข้นึ โดยลำ� ดบั มคี นั ถรจนาจารยแ์ ต่งคมั ภรี อ์ รรถกถาฎกี าอธบิ ายพระไตรปิฎกเป็นภาษาลงั กา การเดนิ ทางไปเป็นธรรมทูตในศรลี งั กาของพระมหนิ ทเถระ และสงั ฆมติ ตาเถรี เป็นการเร่มิ ตน้ วฒั นธรรม ของอนิ เดยี มาเผยแผ่ใหช้ าวสงิ หล เพราะท่านมไิ ดเ้ พยี งแต่นำ� เอาพระพทุ ธศาสนาเขา้ ไปเท่านน้ั แต่ยงั ไดน้ ำ� เอา อารยธรรมศิลปกรรม สถาปตั ยกรรม พรอ้ มทงั้ ลกั ษณะของสงั ฆารามและเจดยี ต์ ่าง ๆ เขา้ ไปดว้ ย ท่านเป็นผูใ้ ห้ กำ� เนดิ วรรณคดสี งิ หล ท่านไดน้ ำ� เอาอรรถกถาพระไตรปิฎกไปสู่เกาะลงั กา ภายหลงั ไดม้ พี ระเถระเขยี นเป็นภาษา สงิ หล ซง่ึ พระพทุ ธโฆษาจารยไ์ ดแ้ ปลเป็นภาษาบาลใี นยุคต่อมา 44 เสฐยี รพงษ์ วรรณปก, ไปสบื พระพทุ ธศาสนาท่ศี รลี งั กา, (กรุงเทพมหานคร : นำ�้ ฝนไอเดยี , ๒๕๔๙), หนา้ ๗๓. 45 พนติ า องั จนั ทรเ์ พญ็ . มนตข์ ลงั ลงั กา, (กรุงเทพมหานคร : โอเอสปร้นิ ต้งิ เฮา้ ส,์ ม.ป.ป.), หนา้ ๕๕. 04. - 4 (111-151).indd 142 5/10/2022 12:57:13 PM

บทท่ี ๔ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ใต้ 143 พระสงฆส์ ยามวงศ์ ในรชั สมยั พระเจา้ กิตตริ าชสงิ ห์ (พ.ศ.๒๒๐๙-๒๓๒๓) เสดจ็ ข้นึ เสวยราชสมบตั 4ิ 6 ในสมยั นน้ั มสี ามเณรชอ่ื สรณงั กรและคณะ ไดท้ ูลขอใหพ้ ระราชาส่งทูตมาขอสมณวงศจ์ ากกรุงศรอี ยุธยา พระเจา้ บรมโกศฐ์ จงึ โปรดใหจ้ ดั คณะสงฆไ์ ทยซ่งึ มี พระอุบาลแี ห่งวดั ธรรมาราม เป็นหวั หนา้ คณะออกไปอุปสมบท ชาวศรลี งั กา พระอบุ าลไี ดก้ ระทำ� พธิ ผี ูกพทั ธสมี า ณ วดั บพุ พาราม หรอื วดั ธรรมกิ าราม47 และใหก้ ารอปุ สมบท สามเณรสรณงั กรเป็นรูปแรก ท่านสรณงั กรต่อมาไดเ้ ป็นสมเดจ็ พระสงั ฆราชในศรลี งั กา พระอบุ าลไี ดบ้ รรพชา อปุ สมบทกลุ บตุ รชาวศรลี งั กาเป็นจำ� นวนมาก คณะสงฆท์ เ่ี กดิ ข้นึ ใหมจ่ งึ ไดช้ ่อื วา่ “สยามวงศ”์ หรอื “อบุ าลวี งศ”์ ต่อมาพระอบุ าลเี ถระไดอ้ าพาธและมรณภาพทป่ี ระเทศศรลี งั กานน้ั เอง อฏั ฐพิ รอ้ มทงั้ เคร่อื งอฏั ฐบรขิ ารของท่าน เป็นปูชนยี วตั ถขุ องพระสงฆใ์ นนกิ ายสยามวงศ์ ในสมยั เดยี วกนั นน้ั ไดม้ คี ณะสามเณรลงั กาอกี คณะหน่งึ ออกไปรบั การอปุ สมบทใหมท่ พ่ี มา่ เมอ่ื กลบั มาแลว้ ก็มาตง้ั “อมรปรุ นิกาย” ข้นึ และมอี กี พวกหน่ึงไปอปุ สมบทในเมอื งมอญแลว้ กลบั มาตง้ั “รามญั นิกาย” ดงั นนั้ พระพทุ ธศาสนาในศรลี งั กา ในปจั จบุ นั จงึ มี ๓ นกิ าย คอื สยามวงค์ อมรปรุ ะนกิ าย และรามญั นกิ าย48 นิกายในสยามวงศ์ สถาบนั ศาสนา กบั พระมหากษตั ริยม์ สี ่วนเก่ียวขอ้ งกนั อย่างใกลช้ ดิ เช่น ทรงเป็น ศาสนูปถมั ภก์ ารสงั คายนา และบำ� รุงพระภกิ ษุสามเณรดว้ ยปจั จยั ๔ พรอ้ มทงั้ มกี ารบูรณปฏสิ งั ขรณว์ ดั วาอาราม ต่าง ๆ เป็นตน้ จนทำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาเจรญิ มนั่ คงและรุ่งเรอื งสบื มาจนถงึ ปจั จบุ นั นิกายสยามวงศใ์ นศรลี งั กา ก็เป็นนิกายใหญ่นิกายหน่ึงทม่ี พี ระมหากษตั ริยท์ รงอปุ ถมั ภ์ ซง่ึ นิกายน้ีก่อตง้ั ข้นึ โดยพระอบุ าลแี ห่งสยามเมอ่ื ปี พทุ ธศกั ราช ๒๒๙๖ ต่อมาเมอ่ื กลุ บตุ รชาวสงิ หลจากภาคต่าง ๆ เดนิ ทางไปรบั การอปุ สมบทในเมอื งแคนดี อนั เป็น ท่ตี งั้ สำ� นกั งานใหญ่ของคณะสงฆส์ ยามวงศแ์ ลว้ กลบั มาตง้ั สำ� นกั เรียนในวดั บา้ นเกิดเมอื งนอนของตน นิกาย สยามวงศจ์ งึ เผยแพร่ไปสู่วดั ต่าง ๆ ทวั่ ประเทศมหี ลายคณะ คอื ๑. สยามวงศม์ ลั วตั ตะ คณะน้ีก่อตง้ั ข้นึ ในปีพทุ ธศกั ราช ๒๒๙๖ โดยมพี ระมหานายกะตพิ โพตวุ าเว- พทุ ธรกั ขติ ะ เป็นหวั หนา้ สำ� นกั งานใหญ่ตงั้ อยู่ในบริเวณวดั บปุ ผาราม เมอื งแคนดี ซง่ึ สรา้ งถวายโดย พระเจา้ กติ ตศิ ิรริ าชสงิ ห์ พระอบุ าลี คณะสมณทูตชดุ ทห่ี น่งึ และพระสงั ฆราชสรณงั กร คณะสมณทูตชดุ ทส่ี องไดพ้ กั อาศยั อยู่ในวดั น้ีเป็นส่วนมาก ๒. สยามวงศอ์ สั คริ ิ พระมหานายกะสยามวงศฝ์ ่ายอสั คริ ริ ูปแรกไดร้ บั การอปุ สมบทจากคณะสมณทูต สยามในวดั เดยี วกนั กบั พระมหานายกะมลั วตั ตะ ภายหลงั ท่านไดร้ บั แต่งตงั้ ใหด้ ำ� รงตำ� แหน่งหวั หนา้ พระสงฆ์ สยามวงศ์ 46 สยาม แสนขตั ,ิ สยามวงศใ์ นลงั กา ประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาจากกรุงศรอี ยธุ ยาสูล่ งั กาทวปี ,. (กรุงเทพมหานคร: สหธรรมกิ , ๒๕๔๙), หนา้ ๓๓. 47 เร่อื งเดยี วกนั , หนา้ ๔๕. 48 เสฐยี รพงษ์ วรรณปก, ไปสบื พระพทุ ธศาสนาท่ศี รลี งั กา, หนา้ ๗๖. 04. - 4 (111-151).indd 143 5/10/2022 12:57:13 PM

144 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ๓. สยามวงศก์ ลั ยาณีสามคั คธี รรม พ.ศ.๒๓๘๒ ไดเ้กดิ ข้นึ จากแนวคดิ ไมต่ รงกนั เก่ยี วกบั เร่อื งเดอื น อธมิ าส สุรยิ ะมาสและจนั ทะมาสของพระสงฆ์ จงึ เกดิ นกิ ายน้ีข้นึ มา ๔. สยามวงศโ์ กฎเฏ เกดิ การแตกแยกจากนิกายสยามวงศก์ ลั ยาณีสามคั คธี รรม มคี วามเหน็ ไมต่ รงกนั เร่อื งการบวช ทใ่ี ชพ้ ทั ธสมี าในนำ�้ กบั พทั ธสมี าบนบก ๕. สยามวงศว์ นวาสะ พระวาตรุ ยิ ะ ศรญี าณานนั ทะ พระมหาเถระนกั ปฏบิ ตั ทิ เ่ี คร่งครดั รูปหน่ึงมนี ิสยั ชอบในการอยู่ป่า แต่เห็นว่าการอยู่ป่าของพระป่าจะมสี ภาพความประพฤติเหมอื นกนั กบั พระในเมอื งมากข้นึ เพ่อื รกั ษาธรรมเนียมการอยู่ป่าของพระนกั ปฏบิ ตั ิท่แี ทจ้ ริง พระมหาเถระพรอ้ มดว้ ยพระป่าจำ� นวนหน่ึงจึงได้ เดนิ ทางไปพบพระมหานายกะมลั วตั ตะทเ่ี มอื งแคนดี เพอ่ื แจง้ จดุ ประสงคข์ องตนพรอ้ มคณะใหท้ ราบ และขอ อนุญาตประกอบพธิ อี ปุ สมบท ณ พทั ธสมี าในวดั วารุวริ ะ ในปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๑๑49 มชี ่อื วา่ คณะสยาโมบาล-ี วนวาสะ ตงั้ แต่อดตี จวบจนปจั จบุ นั พระพทุ ธศาสนากบั วถิ ชี วี ติ ของชาวศรลี งั กานนั้ แยกกนั ไมอ่ อก เมอ่ื กลา่ วถงึ ลทั ธิประเพณี อารยธรรม วฒั นธรรม และวถิ ชี วี ติ ของชาวศรลี งั กา ก็ย่อมเหน็ ร่องรอยของความเจรญิ รุ่งเรอื ง เหลา่ น้ีทม่ี พี ระพทุ ธศาสนาเป็นรากฐานทส่ี ำ� คญั ยง่ิ ๔.๖.๓ บทบาทพระสงฆใ์ นการเผยแผ่ ประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาในศรลี งั กานน้ั เร่มิ ทพ่ี ระเจา้ อโศกมหาราชแห่งราชวงคเ์ มารยะของอนิ เดยี (พทุ ธศตวรรษท่ี ๓ ) เมอ่ื พระองคท์ รงมวี เิ ทโศบาย ในการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาโดยสง่ สมณทูตไปเผยแผศ่ าสนา ในประเทศต่าง ๙ สาย สายทส่ี ่งไปศรลี งั กานน้ั นำ� โดย พระมหนิ เถระ พระราชโอรสของพระเจา้ อโศก50 จนเวลา ผ่านมาพระพทุ ธศาสนาล่มสลาย เน่ืองจากการยดึ ครองของกษตั ริยฮ์ ินดูจากอนิ เดยี ใตอ้ ยู่เป็นเวลาถงึ ๕๐ ปี จนมาถงึ พ.ศ. ๒๒๙๓ สามเณรผูใ้ หญ่ชอ่ื สามเณรสรณงั ไดท้ ูลขอใหพ้ ระเจา้ กติ ตริ าชสงิ หะ แหง่ แคนด้ ี เมอื งหลวง สุดทา้ ยของยุคกษตั รยิ โ์ บราณของศรลี งั กา เป็นเมอื งทต่ี งั้ ของวดั พระเข้ยี วแกว้  ในปจั จบุ นั กษตั รยิ ล์ งั กาในขณะนนั้ ใหส้ ่งทูตมาขอนิมนตพ์ ระสงฆจ์ ากเมอื งไทย ไปฟ้ืนฟูพระพทุ ธศาสนา ณ ลงั กาทวปี สมยั นน้ั ตรงกบั รชั สมยั ของสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั บรมโกศ  แหง่ อาณาจกั รอยุธยา พระเจา้ อยู่หวั บรมโกศจงึ ไดส้ ง่ พระสมณทูตไทยจำ� นวน ๑๐ รูป มพี ระอบุ าลเี ถระ เป็นหวั หนา้ เดนิ ทางมายงั ประเทศลงั กา มาทำ� การบรรพชาอปุ สมบทแก่กลุ บตุ รชาวลงั กา ถงึ ๓,๐๐๐ คน ณ เมอื งแคนด้ี สามเณรสรณงั กรซง่ึ ไดร้ บั การอปุ สมบทในครง้ั น้ี ไดร้ บั การสถาปนาจากกษตั รยิ ์ ลงั กาใหเ้ป็นสมเดจ็ พระสงั ฆราช จงึ ไดเ้กดิ คณะสงฆน์ กิ ายสยามวงศ ์ หรอื นกิ ายสยามวงศ(์ อบุ าลวี งศ)์  ข้นึ ในลงั กา ต่อมาพระอบุ าลเี ถระเกดิ อาพาธและไดม้ รณภาพในลงั กาในเวลาต่อมา ในสมยั เดยี วกนั นนั้ ไดม้ สี ามเณรคณะหน่งึ เดนิ ทางไปขอรบั การอปุ สมบทในประเทศพม่า แลว้ กลบั มาตงั้ นิกายอมรปรุ นิกายข้นึ อกี คณะหน่ึงไดเ้ดนิ ทางไป ขออปุ สมบทจากคณะสงฆเ์ มอื งมอญ กลบั มาตงั้ นกิ ายรามญั นกิ าย ข้นึ ในสมยั น้ไี ดม้ นี กิ ายเกดิ ข้นึ ในลงั กา ๓ นกิ าย 49 สยาม แสนขตั ,ิ สยามวงศใ์ นลงั กา ประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาจากกรุงศรอี ยธุ ยาสูล่ งั กาทวปี , หนา้ ๙๕-๑๐๓. 50 ฉตั รสุมาลย,์ ธรรมลลี าจากศรลี งั กาไปทเิ บต, หนา้ ๑๘ 04. - 4 (111-151).indd 144 5/10/2022 12:57:13 PM

บทท่ี ๔ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ใต้ 145 คอื (๑)นกิ ายสยามวงศ์ หรอื อบุ าลวี งศ์ (๒)นิกายอมรปรุ นกิ าย และ (๓)นกิ ายรามญั นกิ ายทง้ั ๓ น้ี ยงั คงสบื ทอด มาจนถงึ ปจั จบุ นั 51 ๔.๖.๔ อทิ ธพิ ลและแนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในประเทศศรลี งั กา ๑) อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาในประเทศศรลี งั กา พระพทุ ธศาสนามอี ทิ ธพิ ล และความสำ� คญั ยง่ิ สำ� หรบั วถิ ชี วี ติ ของชาวสงิ หล พระพทุ ธศาสนาเป็นบอ่ เกดิ แห่งอารยธรรมทงั้ ในดา้ นสงั คม ศาสนา ความเชอ่ื การศึกษา วรรณกรรม วรรณคดี ศิลปกรรม สถาปตั ยกรรม การปกครอง และเศรษฐกิจ วดั เป็นศูนยก์ ลางของการศึกษา ศูนยก์ ลางสงั คมและวฒั นธรรม นอกจากนน้ั พระพทุ ธศาสนาไดร้ บั รองโดยกฎหมายของรฐั มอี ยู่สูงมาก ดงั ปรากฏในกฎหมายสงิ หลโบราณวา่ “ผูท้ ำ� ลายเจดยี ์ และตน้ โพธ์ิ กบั ผูท้ ่ปี ลน้ สะดมทรพั ยข์ องศาสนามโี ทษถงึ ตาย” กฎหมายน้ีใชบ้ งั คบั ชาวศรีลงั กาทุกระดบั ชน้ั รวมทงั้ คนต่างชาติดว้ ย และคงมีการบงั คบั ใชม้ านานแลว้ ตง้ั แต่รชั กาลพระเจา้ เอลระ ซ่ึงเป็นชาวทมิฬ ในพทุ ธศตวรรษท่ี ๕ ดงั นน้ั อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาจงึ มตี ่อวถิ ชี วี ติ หลายดา้ น ดงั น้ี อทิ ธพิ ลทางดา้ นการเมืองการปกครอง ในดา้ นการเมอื งนนั้ พระภกิ ษุมบี ทบาทอย่างมาก พระภกิ ษุมคี วามผูกพนั กบั ประชาชนและชนชน้ั ปกครอง อย่างใกลช้ ดิ จงึ มบี ทบาทหลายประการ ไดแ้ ก่ ๑) บทบาททางการเมอื ง พระภกิ ษุมคี วามใกลช้ ดิ และมอี ทิ ธพิ ลต่อประชาชนสว่ นใหญ่มบี ทบาทในการ ไกลเ่ กลย่ี กรณีพพิ าทระหว่างผูน้ ำ� ทางการเมอื ง ดงั กรณีพระโคธกฑั ตะ ตสิ สะเถระ สามารถเจรจายุตสิ งคราม การเมอื งยดื เย้อื ระหวา่ งพระเจา้ วฎั ฎคามนอี ภยั กบั แมท่ พั ของพระองคใ์ หส้ งบลงได้ ๒) บทบาทในการเป็นทป่ี รกึ ษาของกษตั รยิ ์ เน่ืองจากพระภกิ ษุไดม้ โี อกาสถวายการอบรมสงั่ สอนแก่ บรรดาเจา้ ชายต่าง ๆ เมอ่ื เจา้ ชายเหลา่ น้ีข้นึ ครองราชย์ พระภกิ ษุก็จะกลายเป็นราชครู มบี ทบาทต่อการกถวาย คำ� แนะนำ� แก่กษตั รยิ ์ ดงั กรณีพระสงั ฆมติ ตเถระเป็นราชครูของพระเจา้ มหาเสนะ มอี ทิ ธพิ ลต่อพระเจา้ มหาเสนะ อย่างมาก พระองคจ์ ะทรงปฏบิ ตั ติ ามคำ� แนะนำ� ของพระสงั ฆมติ ตะเกอื บทกุ เร่อื ง โดยเฉพาะการรบั สงั่ ใหท้ ำ� ลาย คณะสงฆฝ์ ่ายมหาวหิ าร ๓) บทบาทในการเลอื กแตง่ ตง้ั พระมหากษตั รยิ ์เมอ่ื ปลายพทุ ธศตวรรษท่ี ๕ พระเจา้ สทั ธาตสิ สะสวรรคต คณะเสนาบดแี ละคณะสงฆป์ ระชมุ กนั ณ ถปู าราม ไดเ้ลอื กเจา้ ชายถลุ ถนะ ข้นึ ครองราช ตามหลกั การแลว้ กน็ ่าจะ เป็นเจา้ ชายลนั ชตสิ สะ พระเชษฐา แต่คณะสงฆไ์ มส่ นบั สนุน ๔) บทบาททางการศึกษา ตง้ั แต่พทุ ธศาสนาเขา้ มาประดษิ ฐานในลงั กา พระภกิ ษุสงฆไ์ ดเ้ขา้ มามบี ทบาท ต่อการทำ� หนา้ ทเ่ี ป็นครูอบรมสงั่ สอนประชาชน แทนพวกพราหมณ์ ทเ่ี คยคำ� หนา้ ทน่ี ้ีมาก่อน มวี ดั เป็นศูนยก์ ลาง ในการการศึกษาอบรมศีลธรรมจรรยาแก่กลุ บตุ รกลุ ธดิ า 51 หน่อแกว้ พระพทุ ธศาสนา, ศาสนาพทุ ธในประเทศศรลี งั กา, [ออนไลน]์ , แหลง่ ขอ้ มลู : https://www.norkaew.net. html ๖ มกราคม ๒๕๖๑ [๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] 04. - 4 (111-151).indd 145 5/10/2022 12:57:13 PM

146 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ๕) บทบาททวรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนา พระสงฆม์ บี ทบาทต่องานวรรณกรรม ไดผ้ ลติ งาน วรรณกรรมทางพระพทุ ธศาสนาจำ� นวนมาก โดยเฉพาะคมั ภรี ม์ หาวงศ์ ทปี วงศ์ คมั ภรี ว์ มิ ตุ ตมิ รรค์ คมั ภรี ว์ สิ ุทธมิ รรค ส่วนคมั ภรี ส์ มนั ตปาสาทกิ า คือคมั ภรี อ์ รรถกถาท่อี ธิบายขยายความพระวนิ ยั ปิฎก พระพทุ ธโฆษจารย์ หรือ พระพทุ ธโฆสะเป็นผูแ้ ต่งคมั ภรี ส์ มนั ตปาสาทกิ าน้ีข้นึ ในช่วงปีก่อน พ.ศ. ๑๐๐๐ โดยรจนาเป็นภาษาบาลี อาศยั อรรถกถาพระไตรปิฎกทม่ี อี ยู่ในภาษาสงิ หฬ ๖) บทบาททางศิลปกรรม ศาสนสถาน และศาสนวตั ถุ เป็นบอ่ เกดิ แห่งศิลปะอนั ทรงคุณค่าของลงั กา ศิลปะอนั งดงามเกดิ จากความศรทั ธาเลอ่ื มใสในพทุ ธศาสนา แลว้ บรรจงสรา้ งอย่างประณีต พทุ ธศาสนิกชนลาว ลงั กาถอื ว่า การก่อสรา้ งวตั ถสุ ถานทางพทุ ธศาสนาไดบ้ ญุ อานิสงสม์ ากจงึ ไดส้ รา้ งศาสนวตั ถมุ ากมาย นอกจาก เป็นงานของฆราวาสแลว้ พระภกิ ษุสงฆเ์ องก็มสี ่วนสำ� คญั ทท่ี ำ� ใหศ้ ิลปกรรมแพร่หลาย ดว้ ยพระสงฆก์ ็เป็นผูท้ ม่ี ี ฝีมอื ในการสรา้ งสรรงานศิลปะ52 ๒) แนวโนม้ ของพระพทุ ธศาสนาในศรลี งั กาในอนาคต พระพทุ ธศาสนาในศรลี งั กาในอนาคต น่าจะเป็นแหลง่ เรยี นรูท้ างพระพทุ ธศาสนาทส่ี ำ� คญั แหง่ หน่งึ ของโลก ตราบเท่าทช่ี าวศรีลงั กายงั คงเคารพนบั ถอื และมคี วามเลอ่ื มใสศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนา แลว้ นำ� หลกั คำ� สอน มาประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นวถิ ชี วี ติ กจ็ ะทำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาเจรญิ รุ่งเรอื งมนั่ คงใน ศรลี งั กาสบื ต่อไป พระสงฆจ์ ะตอ้ ง เป็นผูน้ ำ� ในดา้ นจติ วญิ าณอย่างแทจ้ รงิ ไมเ่ ขา้ ไปยุ่งเก่ยี วกบั การเมอื งเหมอื นยุคปจั จบุ นั เพราะการเมอื งเป็นเร่อื ง ของอำ� นาจ ผลประโยชนแ์ ละการแขง่ ขนั ของพรรคการเมอื งต่างๆ เมอ่ื พระมาเลน่ การเมอื ง เวลาหาเสยี งอาจจะถกู กลา่ วรา้ ยป้ายสที ำ� ใหภ้ าพลกั ษณข์ องพระสงฆถ์ กู ทำ� ลายไมส่ งา่ งาม อาจทำ� ใหพ้ ทุ ธศาสนกิ ชนในศรลี งั กา เสอ่ื มคลาย ความศรทั ธา อย่างไรก็ตามจากขอ้ มลู และหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรต์ ่างๆ ทย่ี งั คงเหลอื อยู่เช่น โบราณสถาน อนั เก่าแก่ทางพระพทุ ธศาสนาทวั่ ประเทศ จะเป็นแหลง่ แสวงบญุ ของชาวพทุ ธทวั่ โลก จงึ มนั่ ใจวา่ พระพทุ ธศาสนา จะยงั คงดำ� รงอยู่และเจรญิ รุ่งเรอื งต่อไป นอกจากนนั้ ในดา้ นการศึกษาของพระสงฆแ์ ละพทุ ธศาสนิกชนในประเทศศรีลงั กา ปจั จุบนั ไดร้ บั การ สนบั สนุนจากรฐั บาลในดา้ นงบประมาณใหม้ กี ารจดั การเปิดการเรียนการสอนเก่ียวกบั พระพทุ ธศาสนา เช่น พระพุทธศาสนาวดั อาทิตย์ โรงเรียนพระปริยตั ิธรรม บาลแี ละนกั ธรรม ตลอดจนถงึ มหาวทิ ยาลยั สงฆอ์ ีก หลายแห่ง ทำ� ใหพ้ ทุ ธศาสนิกชนชาวศรลี งั กาไดม้ คี วามรูแ้ ละความเขา้ ใจ ในองคค์ วามรูท้ างดา้ นพระพทุ ธศาสนา เพอ่ื เป็นการตดิ อาวุธทางปญั ญานำ� คำ� สอนไปใชใ้ นการดำ� เนนิ ชวี ติ สบื ต่อไป 52 ธรรมะไทย, ศาสนาพทุ ธในประเทศศรลี งั กา, [ออนไลน]์ , แหลง่ ขอ้ มลู : http://www.dhammathai.org/thailand/ missionary/srilanka.php [๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] 04. - 4 (111-151).indd 146 5/10/2022 12:57:13 PM

บทท่ี ๔ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ใต้ 147 สรุปทา้ ยบท ประวตั ิ พฒั นาการ อทิ ธพิ ล และแนวโนม้ ของพระพทุ ธศาสนา ในกลมุ่ ประเทศเอเชยี ใต้ ตามทไ่ี ดศ้ ึกษามา ทำ� ใหไ้ ดร้ บั ทราบถงึ ความเสอ่ื มและความเจรญิ กา้ วหนา้ และแนวโนน้ ของพระพทุ ธศาสนาในอนาคต เมอ่ื ไดศ้ ึกษา อย่างละเอียดอย่างถ่ีถว้ นแลว้ ทำ� ใหเ้ ราไดต้ ระหนกั ถึงความเปล่ยี นแปลงทวั่ ไปทงั้ ในแง่บวกและแง่ลบของ พระพทุ ธศาสนา ในแง่บวก เราก็จะไดน้ ำ� ขอ้ มูล หลกั ฐาน องคค์ วามรูน้ น้ั มาประยุกตใ์ ชก้ บั ประเทศท่นี บั ถอื พระพทุ ธศาสนา แต่ยงั มกี ารบรหิ ารจดั การปญั หาในดา้ นต่าง ๆ อย่างถกู วธิ ี ส่วนในแงล่ บ เรากจ็ ะไดน้ ำ� เอาขอ้ มลู ต่าง ๆ เหล่าน้ี มาใชเ้ ป็นฐานขอ้ มูลในการเฝ้ าระวงั ไม่ใหป้ ระเทศท่ยี งั มพี ระพทุ ธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอยู่แลว้ มาช่วยแกไ้ ขปญั หาไมใ่ หเ้สอ่ื มลงดว้ ยเหตผุ ลใด ๆ ความรูท้ เ่ี ราไดร้ บั ขอ้ มลู จากการศึกษาเหลา่ น้จี ะเป็นองคค์ วามรู้ ทเ่ี ป็นประโยชนผ์ สมผสานเขา้ กบั หลกั การและเหตผุ ล เป็นขอ้ ความรู้ สามารถจดั การปญั หาของประเทศทน่ี บั ถอื พระพทุ ธศาสนาไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 04. - 4 (111-151).indd 147 5/10/2022 12:57:13 PM

คำ� ถามทา้ ยบท คำ� ช้ีแจง ตอนท่ี ๑ : ขอ้ สอบมีลกั ษณะเป็นแบบอตั นยั มีทง้ั หมด ๑๐ ขอ้ ใหน้ ิสติ ทำ� ทกุ ขอ้ ดงั น้ี ๑. พฒั นาการของพระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศเนปาลไดอ้ ย่างไร จงอธบิ าย ๒. แนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในประเทศเนปาลเป็นอย่างไร จงอธบิ าย ๓. อนิ เดยี สมยั พทุ ธกาลมกี ารจดั ระบบวรรณะอย่างไร จงอธบิ าย ๔. ปจั จยั ทส่ี ่งผลต่อความเจรญิ และความเสอ่ื มของพระพทุ ธศาสนาประเทศอนิ คอื อะไร จงอธบิ าย ๕. พฒั นาการของพระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศศรลี งั กาไดอ้ ย่างไร จงอธบิ าย ๖. แนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในประเทศศรลี งั กาเป็นอย่างไร จงอธบิ าย ๗. พฒั นาการของพระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศภฏู านไดอ้ ย่างไร ใหอ้ ธบิ าย ๘. แนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในประเทศภฎู านเป็นอย่างไร จงอธบิ าย ๙. พฒั นาการของพระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศบงั คลาเทศไดอ้ ย่างไร ใหอ้ ธบิ าย ๑๐. แนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในประเทศบงั คลาเทศเป็นอย่างไร จงอธบิ าย คำ� ช้ีแจง ตอนท่ี ๒ : ขอ้ สอบมีลกั ษณะเป็นแบบปรนยั มีทง้ั หมด ๑๐ ขอ้ ใหน้ ิสติ เลอื กกากบาท X ทบั ในขอ้ ท่ี ถกู ตอ้ งท่สี ดุ เพยี งขอ้ เดียว ดงั น้ี ๑. เทศกาลพทุ ธชยนั ตขี องประเทศอนิ เดยี ตรงกบั วนั สำ� คญั ทางพระพทุ ธศาสนาในขอ้ ใด ก. วนั มาฆบูชา ข. วนั วสิ าขาบูชา ค. วนั อฐั มบี ูชา ง. วนั อาสาฬหบูชา ๒. อนิ เดยี ไดช้ ่อื วา่ เป็นชมพทู วปี คำ� วา่ “ชมพ”ู มคึ วามหมายตรงกบั ขอ้ ใด ก. ตน้ โพธ์ิ ข. ตน้ ไทร ค. ตน้ เกด ง. ตน้ หวา้ ๓. ในอดตี ชาวพทุ ธมกั จะเรยี กประเทศศรลี งั กาวา่ อย่างไร ก. ธมั มทปี ะ ข. ลงั กาทวปี ค. ลงกา ง. ศรลี งั กา ๔. พระเจา้ อโศกมหาราชไดพ้ ระสมณะธรรมทูตไปยงั ประเทศศรลี งั กาในรชั สมยั ของกษตั รยิ อ์ งคใ์ ด ก. อนุราชปรุ ะ ข. ทมั พเทนิยะ ค. คมั โปละ ง. เทวานมั ปิยตสิ สะ 04. - 4 (111-151).indd 148 5/10/2022 12:57:13 PM

149 ๕. ประเทศเนปาลมคี วามสำ� คญั อย่างไร ในดา้ นประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ก. เป็นดนิ แดนทป่ี ระสูตขิ องพระพทุ ธเจา้ ข. เป็นดนิ แดนทต่ี รสั รูข้ องพระพทุ ธเจา้ ค. เป็นดนิ แดนทแ่ี สดงธรรมของพระพทุ ธเจา้ ง. เป็นดนิ แดนทเ่ี สดจ็ ดบั ขนั ธปรนิ พิ พานของพระพทุ ธเจา้ ๖. นิกายของพระพทุ ธศาสนามหายานในประเทศเนปาล คอื อะไร ก. นกิ ายสุขาวด ี ข. นิกายตนั ตระ ค. นิกายเซน ง. นิกายมธั ยมกิ ะ ๗. ประเทศภฏู านรบั แบบอย่างการปกครองมาจากประเทศอะไร ก. จนี ข. ทเิ บต ค. ญป่ี ่นุ ง. อนิ เดยี ๘. อทิ ธพิ ลดา้ นใดของพระพทุ ธศาสนาในประเทศภฏู านทส่ี ่งผลต่อบทบาทของพระสงฆท์ โ่ี ดดเด่น ก. ดา้ นการปกครอง ข. ดา้ นสงั คม ค. ดา้ นศิลปะ ง. ดา้ นการศึกษา ๙. พระพทุ ธศาสนาในประเทศบงั กลาเทศไดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจากประเทศใด ก. จนี ข. ทเิ บต ค. ญป่ี ่นุ ง. อนิ เดยี ๑๐. ปจั จยั ทส่ี ำ� คญั ทท่ี ำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาเถรวาทเจรญิ รุ่งเรอื งมากในประเทศบงั กลาเทศมาจากอะไร ก.พระสงฆ์ ข. ประชาชน ค.ทหาร ง. กษตั รยิ ์ 04. - 4 (111-151).indd 149 5/10/2022 12:57:14 PM

เอกสารอา้ งองิ ประจำ� บท กรุณา–เรอื งอไุ ร กศุ ลาลยั . อโศกมหาราชและขอ้ เขียนคนละเร่อื งเดียวกนั . พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒. กรุงเทพมหานคร : สำ� นกั พมิ พส์ ยาม, ๒๕๓๘. คณาจารย์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระพทุ ธศาสนาเถรวาท. พระนครศรอี ยุธยา : โรงพมิ พ์ มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๖๐. ฉตั รสุมาลย.์ ธรรมลลี าจากศรลี งั กาไปทเิ บต. กรุงเทพมหานคร : มตชิ น, ๒๕๔๙. ชลสิ า เดซูช่า. ภฎู านหบุ เขาแหง่ ความฝนั . กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ ร้นิ ต้งิ แอนดพ์ บั ลง่ิ ซง่ิ , ๒๕๔๙. เทพประวณิ จนั ทรแ์ รง. พระพทุ ธศาสนาเถรวาท. วทิ ยาเขตเชยี งใหม,่ ๒๕๖๓. ปิยนาถ (นิโครธา) บนุ นาค. ประวตั ศิ าสตรแ์ ละอารยธรรมของศรลี งั กา สมยั โบราณถงึ กอ่ นสมยั อาณานิคมและ ความสมั พนั ธท์ างวฒั นธรรมระหวา่ งศรลี งั กากบั ไทย. กรงุ เทพมหานคร : จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๓๔. ฝ่ายวชิ าการ พบี ซี .ี ทวปี เอเชีย. กรุงเทพมหานคร : พบิ ซี ,ี ๒๕๕๒. พนติ า องั จนั ทรเ์ พญ็ . มนตข์ ลงั ลงั กา. กรุงเทพมหานคร : โอเอสปร้นิ ต้งิ เฮา้ ส,์ ม.ป.ป. พระธรรมปิฏก (ป.อ.ปยุตโฺ ต). พระพทุ ธศาสนาในอาเซีย. พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๖. กรุงเทพมหานคร : ธรรมสภา, ๒๕๕๕. พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโฺ ต). จารกึ อโศก. กรุงเทพมหานคร : ธรรมสภา, ๒๕๔๐. พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโฺ ต). พระพทุ ธศาสนาในอาเซีย. กรุงเทพมหานคร : ธรรมสภาพ, ๒๕๔๐. พระปลดั วชั รพงษ์ วชริ ปญฺโ. ววิ ฒั นาการพระพทุ ธศาสนาในประเทศเนปาล. วทิ ยาลยั แสงธรรม. ปีท่ี ๑๒ ฉบบั ท่ี ๑. (มกราคม – มถิ นุ ายน ๒๕๖๓) พระมหาสมจนิ ต์ สมมฺ าปญฺโ. พระพทุ ธศาสนามหายานในอนิ เดีย พฒั นาการและสารตั ถธรรม. กรุงเทพ- มหานคร : มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๘. พระราชรตั นรงั ษ.ี จารกิ เนปาล. กรุงเทพมหานคร : ธรรมสภา, ๒๕๔๗. พสิ มยั จนั ทวมิ ล. ภฏู านมนตเ์ สน่หใ์ นออ้ มกอดหมิ าลยั . กรุงเทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ ร้นิ ต้งิ แอนดพ์ บั ลง่ิ ซง่ิ , ๒๕๔๐. ลกั ษณา จรี ะจนั ทร.์ ตามรอยพระพทุ ธเจา้ . พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๖. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั อมรนิ ทรพ์ ร้นิ ต้งิ แอน พลบั ลซิ ซง่ิ จำ� กดั มหาชน, ๒๕๕๐. เสฐยี รพงษ์ วรรณปก. ไปสบื พระพทุ ธศาสนาท่ศี รลี งั กา. กรุงเทพมหานคร : นำ�้ ฝนไอเดยี , ๒๕๔๙. . ความ(ไม่) รูเ้ รอ่ื งพระพทุ ธศาสนาในภฏู าน. กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทร์ พรนิ ต้งิ แอนดพ์ บั ลชิ ช้งิ , ๒๕๔๐. สยาม แสนขตั ิ. สยามวงศใ์ นลงั กาประวตั ิศาสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาจากกรุงศรีอยุธยาสู่ลงั กาทวีป. กรุงเทพ- มหานคร : สหธรรมกิ , ๒๕๔๙. 04. - 4 (111-151).indd 150 5/10/2022 12:57:14 PM

151 หลวงวจิ ติ รวาทการ. ศาสนาสากล. กรุงเทพมหานคร : ลูก ส.ธรรมภกั ด,ี ๒๕๔๖. เอกรนิ ทร์ สม่ี หาศาลและคณะ. หนงั สอื เรยี นสงั คมศึกษา ทวปี ของเรา. กรุงเทพมหานคร : อกั ษรเจรญิ ทศั น์ จำ� กดั , ๒๕๓๓. การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่อนิ เดยี ,[ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : http://www.dhammathai.org/thailand/ missionary/india.php [๓๐ พฤจกิ ายน ๒๕๖๔] ขอ้ มลู พ้นื ฐานต่างประเทศ, สหพนั ธส์ าธารณรฐั ประชาธปิ ไตยเนปาล [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://www.nia. go.th/newsnow/almanac-files/static/pdf [๒๖พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] ขอ้ มลู พ้นื ฐานต่างประเทศ,สาธารณรฐั อนิ เดยี [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://www.nia.go.th/newsnow/ almanac-files/static/pdf/๒๕๖๔ [๒๖พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] วฒั นธรรมอนิ เดยี (๑๘ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๙) [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://pridenoname.wordpress.com/ [๒๓ พฤจกิ ายน ๒๕๖๔] วกิ พี เี ดยี สารานุกรมเสร,ี “เอเชยี ใต”้ [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://th.wikipedia.org/wiki [๒๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] ศุภกร พลู เผ่าว์ (มกราคม ๒๕๖), เอเชยี ใต,้ [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://asia.tech.blog [๒๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] สหพนั ธส์ าธารณรฐั ประชาธปิ ไตยเนปาล [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://www.nia.go.th/newsnow/almanac- files/static/pdf/๒๕๖๔ [๒๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] สาธารณรฐั อนิ เดยี [ออนไลน]์ ,แหล่งท่มี า : https://www.nia.go.th/newsnow/almanac-files/static/ pdf/๒๕๖๔ [๒๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] สงั คมชมพทู วปี , [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://www.trueplookpanya.com/learning/detail/๓๔๗๕๗, [๒๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] สารานุกรมเสรี (๒๐ ตลุ าคม ๒๕๖๔), ศาสนาพทุ ธแบบเนวาร [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://th.wikipedia. org/wiki/ [๓๐ พฤจกิ ายน ๒๕๖๔], แหลง่ ทม่ี า : https://news.mthai.com/social-news/ ๔๔๐๐๗๔.htm [๒๓ พฤจกิ ายน ๒๕๖๔] โอเซยี นสไมล,์ งานประเพณีเนปาล, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า :http://www.oceansmile.com/nepal/Festival Nepal.htm ๑๐ สง่ิ ทน่ี ่าสนใจเก่ยี วกบั ประเทศเนปาล (๗ ตลุ าคม ๒๕๖๓), [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://www.nepal101. net/th/interesting-things-about-nepal/ [๒๓ พฤจกิ ายน ๒๕๖๔] ๕ เทศกาลประจำ� ประเทศอนิ เดยี ทแ่ี ปลกใหมไ่ มเ่ หมอื นใคร (๑๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๓) [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://www.eventpop.me/blogs/502-india-holi-festival [๑๒ ธนั วาคม ๒๕๖๔] 04. - 4 (111-151).indd 151 5/10/2022 12:57:14 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ พระครูธรรมธรศิริวฒั น์ สริ ิวฑฺฒโน,ผศ.ดร. ผศ.ดร.ศิริโรจน์ นามเสนา วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นประจำ� บท เมอ่ื ไดศ้ ึกษาเน้ือหาในบทน้ีแลว้ ผูศ้ ึกษาสามารถ ๑. บอกประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตไ้ ด้ ๒. อธบิ ายสภาพการณป์ จั จบุ นั ของพระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตไ้ ด้ ๓. อธบิ ายอทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตไ้ ด้ ๔. บอกแนวโนม้ ในอนาคตของพระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตไ้ ด้ ขอบข่ายเน้ือหาพระพทุ ธศาสนาในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้  ความนำ�  พระพทุ ธศาสนาในประเทศพมา่  พระพทุ ธศาสนาในประเทศกมั พชู า  พระพทุ ธศาสนาในประเทศลาว  พระพทุ ธศาสนาในประเทศเวยี ดนาม 05. - 5 (152-187).indd 152 5/10/2022 12:57:42 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 153 ๕.๑ ความน�ำ เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ภาษาองั กฤษเรยี กวา่ Southeast Asia เป็นคำ� ใหมใ่ นภาษาไทยทแ่ี ปลมาจาก ภาษาองั กฤษ1 มปี ระชากรประมาณ ๕๗๐ ลา้ นคน ภูมศิ าสตรป์ ระกอบดว้ ยดินแดนท่ีเป็นคาบสมทุ ร คือ คาบสมทุ รอนิ โดจนี และดนิ แดนทเ่ี ป็นหมเู่ กาะในมหาสมทุ รอนิ เดยี และแปซฟิ ิก มปี ระเทศต่าง ๆ ๑๑ ประเทศ คอื อนิ โดนีเชยี เมยี นมาร์ ไทย เวยี ดนาม มาเลเซยี ฟิลปิ ปินส์ ลาว กมั พชู า บรูไนคารุสลาม สงิ คโปร์ และตมิ อร์ ตะวนั ออก ความเช่อื ของประชากรส่วนใหญ่ในภมู ภิ าคน้ี นบั ถอื ศาสนาอสิ ลามเป็นอนั ดบั หน่ึง อนั ดบั สองนบั ถอื ศาสนาพทุ ธและอนั ดบั สามนบั ถอื ศาสนาครสิ ต์ พระพทุ ธศาสนาทเ่ี ขา้ สู่ภมู ภิ าคน้ีแบง่ เป็น ๒ นิกายหลกั คอื นิกาย เถรวาทและนิกายมหายาน ในยุคแรกพระพทุ ธศาสนาเถรวาทซง่ึ เขา้ สู่ภมู ภิ าคน้ีตง้ั แต่สมยั พระเจา้ อโศกมหาราช ไดท้ ำ� สงั คายนาครง้ั ท่ี ๓ และส่งสมณทูตเขา้ มาเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในภมู ภิ าค พฒั นาการพทุ ธศาสนาในกลมุ่ ประเทศทอ่ี ยู่ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ในบทน้ีเลอื กนำ� มาศึกษา ๔ ประเทศไดแ้ ก่ พระพทุ ธศาสนาในประเทศ พมา่ กมั พชู า ลาวและเวยี ดนาม สำ� หรบั ประเทศไทยแมจ้ ะอยู่ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ แต่เน่ืองจากเป็นหวั ขอ้ ทต่ี อ้ งศึกษาในรายละเอยี ดจงึ นำ� ไปกลา่ วไวใ้ นบทท่ี ๑๐ ต่างหากการขยายอทิ ธพิ ลอารยนั เขา้ สู่เอเชยี ตะวนั ออก เฉียงใตส้ บื เน่ืองจากระหวา่ งพทุ ธศตวรรษท่ี ๓ การคา้ ทางบกผ่านเสน้ ทางสายไหมถกู จำ� กดั เน่ืองจากการขยายตวั ในตะวนั ออกกลางของจกั รวรรดเิ ปอรเ์ ซยี และการเป็นศตั รูกบั โรม ชาวโรมนั ทต่ี อ้ งการสนิ คา้ จากตะวนั ออกไกล จงึ ทำ� การคา้ ทางทะเล ตดิ ต่อระหวา่ งทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนียนกบั จนี ผ่านอนิ เดยี ในช่วงเวลาน้ีเองอนิ เดยี มอี ทิ ธพิ ล เหนือเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตม้ าก ตง้ั แต่ภาคใตข้ องพม่าภาคกลางและภาคใตข้ องไทยกมั พูชาตอนล่างและ ภาคใตข้ องเวยี ดนาม การคา้ ชายฝงั่ เจรญิ ข้นึ มาก เป็นทส่ี งั เกตวา่ พระพทุ ธศาสนาทป่ี รากฏอยู่ในเอเชยี ตะวนั ออก เฉียงใตส้ ่วนใหญ่เป็นพระพุทธศาสนาแบบเถรวาทซ่ึงมพี ฒั นาการมาตง้ั แต่สมยั พระเจา้ อโศกมหาราช ดงั มี รายละเอยี ดต่อไปน้ี ๕.๒ พระพทุ ธศาสนาในประเทศพม่า ๕.๒.๑ ภมู ิศาสตร์ เมยี นมาตงั้ อยู่ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ มพี ้นื ทท่ี ง้ั หมด ๖๗๗,๐๐๐ ตารางกโิ ลเมตร แบง่ เป็น พ้นื ดนิ ๖๓๕,๕๐๘ ตารางกโิ ลเมตร และพ้นื นำ�้ ๒๓,๐๗๐ ตารางกโิ ลเมตร มพี ้นื ทใ่ี หญ่เป็นอนั ดบั ท่ี ๔๐ ของโลก สภาพภมู ปิ ระเทศตอนบนเป็นภเู ขาและหุบเขา มเี ทอื กเขาซง่ึ ต่อจากเทอื กเขาหมิ าลยั ทอดเป็นแนวยาวจากเหนือ ไปใตร้ วม ๓ แนวดว้ ยกนั คอื เทอื กเขานาคา เทอื กเขาชนิ เทอื กเขายะไข่ อยู่ทางดา้ นทศิ ตะวนั ตก ตอนกลางของ ประเทศมเี ทอื กเขาพะโค และทางดา้ นตะวนั ออกเป็นพ้นื ทร่ี าบสูง ตอนกลางและตอนลา่ งเป็นทร่ี าบลมุ่ มปี ระชาชน อาศยั อยู่หนาแน่น มแี มน่ ำ�้ ใหญ่หลายสายไหลผ่าน ไดแ้ ก่ อริ ะวดี สาละวนิ สะโตง และชนิ วนิ ๕๖.๓๒ ลา้ นคน 1 เชดิ เกยี รติ อตั ถากร, ขบวนการคอมมิวนิสตเ์ วยี ดนาม, (กรุงเทพมหานคร : สำ� นกั งานกองทนุ วจิ ยั สนบั สนุนการวจิ ยั , ม.ป.ป.), หนา้ ๑๑. 05. - 5 (152-187).indd 153 5/10/2022 12:57:42 PM

154 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ประกอบไปดว้ ย ๑๓๕ ชาตพิ นั ธุ์ ดา้ นศาสนาประชากรในประเทศนบั ถอื ศาสนาพทุ ธ นกิ ายเถรวาทกวา่ ๘๙ % ศาสนาครสิ ต์ ๔ % ศาสนาอสิ ลาม ๔ % และศาสนาฮนิ ดู ๐.๕ % นบั ถอื ภตู ผวี ญิ ญาณ เทวดาหรอื นตั ๑.๒ % และอ่นื ๆ อกี ๐.๒ %2 เน่ืองจากศาสนาพทุ ธเป็นศาสนาทม่ี คี นนบั ถอื มากทส่ี ุด ประกอบกบั ความแขง็ แกร่ง ทส่ี บื ทอดมายาวนาน จงึ มนี กั บวชทเ่ี ป็นพระสงคก์ วา่ ๓๐๐,๐๐๐ รูป ๕.๒.๒ ความเช่ือในเร่อื งศาสนา พุทธศาสนิกชนชาวพม่าต่างใหค้ วามเคารพในพระสงฆซ์ ่ึงถือเป็นเน้ือนาบุญและเป็นท่ีพ่ึงแห่งกุศล แต่ภายใตร้ ่มเงาแห่งพทุ ธศาสนานน้ั สงั คมพมา่ ยงั คงแฝงไปดว้ ยกลน่ิ อายความเช่อื เก่ยี วกบั การบูชาผอี ยู่ไมน่ อ้ ย และทป่ี รากฏเป็นภาพเด่นชดั คอื การบูชานตั ดงั พบวา่ ภายในบา้ นของชาวพมา่ บางบา้ นมหี ้งิ บูชานตั ตง้ั อยู่ใกลห้ ้งิ พระพทุ ธรูป หลายบา้ นปลูกศาลคลา้ ยศาลพระภูมิ ไวท้ ห่ี นา้ บา้ น ในขณะทร่ี ิมทางตามตน้ ไมใ้ หญ่ยงั มศี าลนตั อยู่ทวั่ ไป แมแ้ ต่ในเขตลานพระเจดยี ย์ งั พบวา่ มรี ูปนตั ปน้ั เป็นองคเ์ ทพ เทวี ผูเ้ฒ่า รูปยกั ษ์ เหน็ ชดั วา่ ชาวพมา่ จำ� นวนไม่นอ้ ยยงั คงกราบไหวบ้ ูชานตั ทง้ั ท่ีบา้ นและท่ีสาธารณะ ตลอดจนในเขตพุทธสถาน คำ� ว่า “นตั ” ปราชญช์ าวพม่าเช่ือว่าคำ� น้ีน่าจะมาจากคำ� ว่า นาถ ในภาษาบาลหี มายถงึ “ผูเ้ ป็นท่พี ่งึ ” ตามกล่าวไวใ้ นตำ� รา นิรุกตศิ าสตรเ์ ก่าแก่เลม่ หน่ึงของพมา่ คอื โวหารลนี ตถฺ ทปี นี แต่งโดย มหาเชยสงขยา และในสารานุกรมพมา่ เลม่ ๖ ไดน้ ิยามคำ� วา่ นตั ไวใ้ นทำ� นองเดยี วกนั โดยจดั แบง่ นตั ไว้ ๓ ส่วน คอื วสิ ุทนิ ตั คอื ผูบ้ รสิ ุทธ์ิ อนั หมายถงึ พระพทุ ธเจา้ พระปจั เจกพทุ ธเจา้ และพระอรหนั ต์ อปุ ปตฺตนิ ตั คือ เทวดาและพรหมาทอ่ี ยู่บนสรวงสวรรคแ์ ละ สมมฺ ตุ นิ ตั คอื พระราชา พระราชนิ ี ตลอดจนราชบตุ รราชธดิ านอกจากน้ียงั กลา่ วถงึ เทพประจำ� จกั รวาลวา่ เป็น นตั เช่น เทพประจำ� ดาวนพเคราะห์ สุรยิ เทพ จนั ทราเทพ อคั นเี ทพ และวาโยเทพ ดงั นนั้ นตั ตามนยั ของคำ� วา่ นาถ น้ีก็คอื เหลา่ เทพเทวาบนชนั้ ฟ้าตลอดถงึ ผูป้ ระเสรฐิ และผูท้ รงอำ� นาจบนโลกมนุษย์ ถอื เป็น นตั ตามโลกทศั นใ์ น พทุ ธศาสนาส่วนพจนานุกรมพมา่ ของรฐั บาลเมยี นมารก์ ลา่ วถงึ นตั ไว้ ๓ นยั 3 ไดแ้ ก่ ๑. เทพอปุ ปตั ทิ รงฤทธ์ิ คุม้ ครองมนุษย์ ๒. วญิ ญาณศกั ด์สิ ทิ ธ์ขิ องผูต้ ายรา้ ยและ ๓. คำ� ขยายสง่ิ ซง่ึ อบุ ตั ขิ ้นึ เอง สง่ิ ทเ่ี กดิ ข้นึ ตามธรรมชาติ จงึ ถอื วา่ เป็นดว้ ยอำ� นาจแห่ง นตั ดงั นนั้ นตั ตามคตขิ องชาวพมา่ จงึ หมายถงึ ผูท้ รงฤทธ์เิ ป็นไดท้ ง้ั เทพยดาและ วญิ ญาณศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ ๕.๒.๓ วฒั นธรรมประเพณีในพม่า วฒั นธรรมของเมยี นมา แมไ้ ดร้ บั อทิ ธพิ ลทง้ั จากจนี อนิ เดยี แต่กม็ วี ฒั นธรรมทเ่ี ป็นอตั ลกั ษณข์ องตวั เอง อยา่ งวฒั นธรรมมอญทอ่ี ยูค่ ู่เมยี นมามาชา้ นาน ศลิ ปะของเมยี นมายงั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากวรรณคดี และพระพทุ ธศาสนา นิกายเถรวาทมาตงั้ แต่ครง้ั โบราณชาวเมยี นมาเป็น ชนชาตทิ ย่ี ดึ มนั่ ในขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และวฒั นธรรม 2 M.,Mic,L.,Michael,C.,and Joe,.C. Steven, Myanmar (Burma), (Australia: Lonely Planet Publications Pty Ltd, 2002), p. 62. 3 วริ ชั นยิ มธรรม และ อรนุช นยิ มธรรม, เรยี นรูส้ งั คมและวฒั นธรรมพม่า, (พษิ ณุโลก : โรงพมิ พต์ ระกูลไทย, ๒๕๕๑), หนา้ ๑๔๓-๑๔๔. 05. - 5 (152-187).indd 154 5/10/2022 12:57:42 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 155 ทส่ี งั่ สมมาแต่อดตี การยดึ มนั่ ในคณุ ค่าของอดตี เช่นน้ีทำ� ใหช้ าวเมยี นมายงั คงดำ� เนนิ ชวี ติ ตามแบบทเ่ี คยยดึ ถอื แต่ โบราณ โดยเฉพาะในเร่อื งจรยิ ธรรมการนบั ถอื ศาสนา และการปฏบิ ตั ติ ามประเพณีทไ่ี ดร้ บั การสบื ทอดต่อกนั มา การดำ� เนินชวี ติ สงั คมของชาวเมยี นมาเป็นสงั คมทใ่ี หค้ วามสำ� คญั กบั ระบบอาวุโสและระบบอปุ ถมั ภเ์ ป็นอย่างย่งิ สถานภาพของชายจะสูงกวา่ หญงิ แต่ขณะเดยี วกนั เมอ่ื หญงิ แต่งงานแลว้ กส็ ามารถขอหย่าจากสามไี ด้เมอ่ื หย่าแลว้ ก็กลบั มาอยู่ท่บี า้ นพ่อแม่เหมอื นเดมิ ในช่วงวยั แต่งงานมกั จะแต่งงานตงั้ แต่อายุยงั นอ้ ย พธิ ีแต่งงานเรียบงา่ ย ไม่ตอ้ งมพี ธิ ีทางศาสนาหรือทางโลก มแี ต่การจดทะเบยี นสมรสเพอ่ื ประโยชนใ์ น การแบ่งสนิ สมรส หญงิ ชาว เมยี นมาจะไดร้ บั สทิ ธติ ามกฎหมายทดั เทยี มชาย แมว้ า่ สถานภาพอน่ื ๆ ทางสงั คมจะดอ้ ยกวา่ กต็ าม แต่กฎหมาย ของเมยี นมาก็คุม้ ครองสทิ ธิของสตรีอย่างมาก ตลอดช่วงชวี ติ ของชาวเมยี นมาไดย้ ดึ มนั่ อยู่ในขนบธรรมเนียม ประเพณีและวฒั นธรรมทส่ี บื ทอดมาจากอดตี แมใ้ นช่วงการตกเป็นอาณานิคมขององั กฤษ ชาวองั กฤษพยายาม จะเปลย่ี นแปลงวถิ ชี วี ติ ใหช้ าวเมยี นมามโี ลกทศั นแ์ บบสมยั ใหม่ แต่ชาวเมยี นมาก็ยงั คงพงึ พอใจทจ่ี ะดำ� เนินชวี ติ อยู่ในค่านิยมแบบเดมิ เช่น การแต่งกายซง่ึ สะทอ้ นใหเ้หน็ ความภาคภูมใิ จใน ความเป็นเมยี นมาของตนอย่าง เหน็ ไดช้ ดั ชาวเมยี นมาทง้ั หญงิ และชายนิยมนุ่งโสร่ง เรยี กวา่ “ลองย”ี (Longeje) ส่วนการแต่งกายแบบโบราณ เรยี กวา่ “ลนุ ตยาอชกิ ” แต่ในปจั จบุ นั มกี ารรบั วฒั นธรรมจากต่างประเทศ มาหลากหลายรูปแบบ เช่น การแต่งกาย ดนตรนี อกจากน้ปี ระเพณีพ้นื เมอื งเมยี นมานบั ไดว้ า่ เป็นสงั คมทแ่ี ทบหยุดกาลเวลาและความเปลย่ี นแปลงดว้ ยการ ปิดประเทศมานานกว่า ๓ ทศวรรษ สงั คมเมยี นมาอยู่ไดด้ ว้ ยการพ่งึ พาทรพั ยากรธรรมชาติและภูมปิ ญั ญา ทอ้ งถน่ิ เนน้ ความเป็นอยู่แบบพอมพี อกนิ และพง่ึ พาตนเอง สง่ิ จำ� เป็นจงึ มเี พยี งแค่ปจั จยั ส่ี คอื อาหาร ทอ่ี ยู่อาศยั เคร่อื งนุ่งห่ม และยารกั ษาโรค ชวี ติ ความเป็นอยู่ของชาวเมยี นมาจงึ มคี วามเรยี บงา่ ย เมยี นมามงี านประเพณีของ แต่ละเดอื นในรอบปี เรยี กวา่ “แซะนะละ่ หย่าต่บี ะแว” หรอื ประเพณีสบิ สองเดอื น ทย่ี งั คงสบื ทอดงานประเพณี สบิ สองเดอื นไว้ แต่กม็ กี ารเปลย่ี นแปลงไปจากเดมิ บา้ ง และเพอ่ื ความ เขา้ ใจ ตอ้ งทราบวา่ เดอื น ๑ ของเมยี นมา เท่ากบั เดอื น ๕ ของไทย และ เดอื น ๑๒ ไทยเท่ากบั เดอื น ๘ เมยี นมา ทางรฐั บาลกำ� หนดวนั หยุดราชการตามวนั ประเพณีไวเ้พยี งบางวนั ไดแ้ ก่วนั สงกรานตใ์ นเดอื นดะกูจดั ราววนั ท่ี ๑๓-๑๗ เมษายนของทกุ ปี วนั รดนำ�้ ตน้ โพธ์ิ หรือวนั พทุ ธะในวนั เพญ็ ของเดอื นกะโส่งตรงกบั วนั วสิ าขบูชาของไทย วนั ธรรมจกั รในวนั เพญ็ ของเดอื นหว่าโส่ ตรงกบั วนั อาสาฬหบูชาของไทย วนั อภธิ รรมในวนั เพญ็ ของเดอื นดะดงี จตุ๊ ตรงกบั วนั ออกพรรษาของไทย และวนั ตามประทปี ในวนั เพญ็ ของเดอื นดะส่อง โมงตรงกบั วนั ลอยกระทงของไทย ๕.๒.๔ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเขา้ สูพ่ ม่า ประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนายุคแรกของพมา่ ยงั เลอื นรางอยู่ ตามตำ� นานฝ่ายลงั กา และคมั ภรี อ์ รรถกถา ต่าง ๆ กลา่ ววา่ พระเจา้ อโศกมหาราช ทรงส่งสมณทูต คอื พระโสณะกบั พระอตุ ตระ มาประกาศพระศาสนายงั ดนิ แดนสุวรรณภมู 4ิ คำ� วา่ สุวรรณภมู ิ มขี อ้ สนั นิษฐานปรากฏในตำ� ราจนี และอนิ เดยี 5 ไดแ้ ก่ จงั หวดั นครปฐม 4 พระเทพดลิ ก (ระแบบ ติ าโณ), ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา, (กรุงเทพมหานคร : มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๘), หนา้ ๓๑๖. 5 พทุ ธทาส อนิ ทปญั โ, บลั ลงั กธ์ รรมรถเหนือแผ่นดินพกุ าม, (กรุงเทพมหานคร: สุขภาพใจ,ม.ป.ป.), หนา้ ๙๘. 05. - 5 (152-187).indd 155 5/10/2022 12:57:43 PM

156 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ในประเทศไทยและเมอื งสะเทมิ ในประเทศพมา่ พระพทุ ธศาสนาไดเ้ขา้ มาในพมา่ ในพทุ ธศตวรรษท่ี ๖ เพราะได้ พบคำ� จารกึ เป็นภาษาบาลใี นพมา่ ภาคใต้ และตารนาถนกั ประวตั ศิ าสตรท์ เิ บตกไ็ ดก้ ลา่ ววา่ มกี ารสงั่ สอนพระพทุ ธ- ศาสนาแบบเถรวาทในพะโคของพมา่ และอนิ โดจนี มาตง้ั แต่สมยั พระเจา้ อโศก หลงั จากนนั้ ศิษยข์ องพระวสุพนั ธุ ไดน้ ำ� พระพทุ ธศาสนาฝ่ายมหายานเขา้ ไปเผยแผ่ ทำ� ใหม้ หายานกบั เถรวาทมเี คียงคู่กนั มาในพม่าเป็นเวลาหลาย ศตวรรษ พระพทุ ธศาสนาซง่ึ เผยแพร่เขา้ มาในระยะทผ่ี ่านมาน้ีโดยเสน้ ทางเดนิ เรอื พาณิชย์ และปรากฏหลกั ฐาน ในครสิ ศตวรรษท่ี ๕ วา่ รุ่งเรอื งอยู่ในอาณาจกั รโบราณของพวก พยู (Pyus) ทเ่ี รยี กวา่ อาณาจกั รศรเี กษตร ไดต้ งั้ อาณาจกั รข้นึ บรเิ วณปากแมน่ ำ�้ อริ วด6ี เหตกุ ารณส์ ำ� คญั ครง้ั ต่อมาคอื ใน พ.ศ. ๙๔๖ พระพทุ ธโฆษาจารย์ เมอ่ื แปล อรรถกถาจากสงิ หลเป็นมคธแลว้ ไดเ้ดนิ ทางออกจากลงั กาและไดม้ าแวะทเ่ี มอื งสะเทมิ ของพมา่ พรอ้ มกบั นำ� เอา พระไตรปิฎกและคมั ภรี อ์ รรถกถาต่าง ๆ มาทน่ี นั่ ดว้ ย เหตกุ ารณค์ รงั้ น้ีคงจะเป็นเคร่อื งเรา้ ความสนใจใหม้ กี าร เผยแพร่พระพทุ ธศาสนาในพม่าเขม้ แขง็ ข้นึ หลงั จากนนั้ ก็มปี ราชญภ์ าษาบาลเี กิดในพม่าหลายคนเขยี นตำ� รา ไวยกรณบ์ าลบี า้ งอภธิ รรมบา้ ง มหี ลกั ฐานซง่ึ เชอ่ื ไดว้ า่ ชาวมอญฮนิ ดูหรอื ตะเลงในเมอื งพะโค (หงสาวด)ี เมอื งสะเทมิ (สุธรรมวด)ี และถน่ิ ใกลเ้คียงทเ่ี รยี กรวม ๆ ว่า รามญั ประเทศ ไดน้ บั ถอื พระพทุ ธศาสนาแบบเถรวาทรุ่งเรอื ง มาเป็นเวลานาน พอถงึ พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๖ กป็ รากฎวา่ เมอื งสะเทมิ ไดก้ ลายเป็นศูนยก์ ลางทส่ี ำ� คญั ยง่ิ แหง่ หน่งึ ของ พระพทุ ธศาสนาเถรวาทแลว้ สว่ นชนอกี เผา่ หน่งึ คอื มรมั มะ หรอื พมา่ (เผา่ ทเิ บต-ดราวเิ ดยี น) กไ็ ดม้ าตงั้ อาณาจกั ร อนั เรืองอำ� นาจข้นึ มเี มอื งหลวงอยู่ทพ่ี กุ ามในช่อื พม่านนั้ ถา้ จะเทยี บกบั ภาษาไทยจะใช้ ม สะกด เช่น pagan ไทยเราเรยี ก พกุ าม7 นบั ถอื พระพทุ ธศาสนาแบบตนั ตระสบื มาจนถงึ พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๖ นน้ั เอง ๕.๒.๕ บทบาทพระสงฆใ์ นการเผยแผ่ รชั กาลพระเจา้ อนุรุทธะน้ี เป็นยุคสำ� คญั ยง่ิ ในประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาและชาตพิ มา่ เมอ่ื พระองค์ หนั มานบั ถอื พระพทุ ธศาสนาแบบเถรวาทแลว้ กท็ รงมพี ระราชศรทั ธาแรงกลา้ ไดท้ รงมพี ระราชสาสน์ ไปขอคมั ภรี ์ พระพทุ ธศาสนาจากกษตั รยิ แ์ ห่งสะเทมิ แต่กษตั รยิ ส์ ะเทมิ ไม่ยนิ ยอม พระองคจ์ งึ กรฑี าทพั ไปตเี มอื งสะเทมิ ได้ ทรงนำ� พระไตรปิฎก ๓๐ จบ วตั ถเุ คารพบูชาอนั ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ กบั พระภกิ ษุชาวตะเลงผูร้ ูธ้ รรมแตกฉานบรรทกุ ๓๒ หลงั ชา้ งกลบั มานครพกุ าม เหตกุ ารณ์ครงั้ น้ีทำ� ใหพ้ ม่ารวมเขา้ เป็นอาณาจกั รอนั เดยี ว และพกุ ามผูช้ นะก็รบั เอา วฒั นธรรมตะเลงเกอื บทง้ั หมดมาเป็นของตน ตงั้ แต่ตวั อกั ษร ภาษา วรรณคดี และศาสนาเป็นตน้ ไป พระเจา้ อนุรุทธทรงแลกเปลย่ี นศาสนาทูตกบั ลงั กาทรงนำ� พระไตรปิฎกฉบบั สมบูรณม์ าจากลงั กา และนำ� มาชำ� ระสอบทาน กบั ฉบบั ทไ่ี ดจ้ ากเมอื งสะเทมิ ของมอญทรงอปุ ถมั ภศ์ ิลปกรรมต่าง ๆ การบำ� เพญ็ พระราชกรณียกจิ ของพระองค์ 6 เพญ็ ศรี กาญจโนมยั – นนั ทนา กบลิ กาญจน,์ เอเชียตะวนั ออกเฉียงใตใ้ นโลกปจั จุบนั , (กรุงเทพมหานคร : ครุ ุสภา ลาดพรา้ ว, ๒๕๓๖), หนา้ ๔๕. 7 สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ไทยเท่ียวพม่า, (กรุงเทพมหานคร : อมั รินทรป์ ร้ินต้งิ แอนด์ พบั ลชิ ช่งิ , ๒๔๔๕), หนา้ ๑๕. 05. - 5 (152-187).indd 156 5/10/2022 12:57:43 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 157 ทำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาของชนชาวพม่าทวั่ ทง้ั ประเทศ กษตั ริยพ์ ระองคต์ ่อ ๆ มาก็ไดเ้ จริญรอยตาม พระปณิธานในการทำ� นุบำ� รุงพระศาสนาเช่นเดยี วกบั พระองค8์ จะเหน็ ไดว้ า่ บทบาทของพระสงฆม์ สี ว่ นสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหแ้ ก่รฐั  เหน็ ไดช้ ดั ในสมยั รฐั จารตี หรอื รฐั โบราณ ทอ่ี ำ� นาจจะจำ� กดั อยู่ทเ่ี มอื งหลวง เบเนดกิ แอนเดอรส์ นั เปรยี บเทยี บวา่ เหมอื นแสงเทยี น ส่วนทใ่ี กลเ้ทยี นก็จะ สวา่ งมาก ส่วนทอ่ี ยู่ห่างออกไปกจ็ ะสวา่ งนอ้ ยลงจนมดื ส่วนทส่ี ลวั หรอื มดื หมายถงึ ดนิ แดนทอ่ี ำ� นาจรฐั มนี อ้ ยหรอื ไมม่ เี ลย ทต่ี รงน้ีแหละทพ่ี ระสงฆเ์ ขา้ ไปมบี ทบาทอย่างมาก บทบาทคอื การควบคุมทางสงั คม (social control) โดยการควบคุมความประพฤติ หรอื จรยิ ธรรมของประชาชน ตลอดจนใหป้ ระชาชนปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย รวมถงึ การจ่ายส่วยหรือภาษี เม่อื เกิดความขดั แยง้ ทางการเมอื ง สงฆจ์ ะทำ� หนา้ ท่ีเป็นทูตสนั ถวไมตรี ยอ้ นไปเม่อื ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๒ สงฆช์ ่วยแกไ้ ขความขดั แยง้ ระหวา่ งพมา่ กบั ศรลี งั กาในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๓ สงฆเ์ ขา้ ไป จนี ตอนใต้ ซง่ึ ตอนนนั้ พวกมองโกลกำ� ลงั ขยายอำ� นาจลงมา ไปเพอ่ื เจรจาต่อรองและสรา้ งสมานฉนั ท์ ตอนศึก มอญ-พม่า ในปี พ.ศ.๑๙๔๙ มอญยกทพั ไปตพี ม่าในคราวศึก “ราชาธิราช” พระเจา้ องั วะใหพ้ ระสงฆข์ ช่ี า้ งนำ� ผูส้ ูงอายุทน่ี ุ่งห่มขาว ๓๐๐ และไมห่ ่มขาวอกี ๓๐๐ ถอื เคร่อื งบรรณาการเพอ่ื เจรจาสงบศึก ปรากฏวา่ ทำ� ไดส้ ำ� เรจ็ และตอนทพ่ี ระเจา้ บเุ รงนองตอ้ งการพระธดิ าของกษตั รยิ ศ์ รลี งั กา ก็ส่งพระสงฆไ์ ปเป็นทูตเจรจาจะเหน็ ไดว้ า่ สงฆ์ ในพมา่ สนบั สนุนและสมั พนั ธก์ บั การเมอื งมาตลอด แมก้ รณีของไทยหรอื ของเชยี งใหม่ ผูป้ กครองไดอ้ าศยั สถานะ ความเป็นสงฆ์ เพอ่ื เขา้ ไปจดั การปญั หาทางการเมอื ง เช่น การผนวชของพระเจา้ ลไิ ทก็เพอ่ื ขอเมอื งพษิ ณุโลก คนื จากพระเจา้ รามาธบิ ดที ่ี ๑ (อู่ทอง) หรอื การบวชของพระบรมไตรโลกนาถกเ็ พอ่ื ขอเมอื งเชลยี งคนื จากพระเจา้ ตโิ ลกราช บทบาทสงฆน์ ้ีสำ� เรจ็ บา้ งไมส่ ำ� เรจ็ บา้ ง ๕.๒.๖ อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาในพม่า พระพทุ ธศาสนาเป็นศูนยร์ วมทางจติ ใจ และเป็นแบบแผนในการนำ� มาดำ� เนินชวี ติ ของชาวพมา่ จงึ ทำ� ให้ อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาบรู ณาการเขา้ กบั วถิ ชี วี ติ เช่น ในทางวฒั นธรรมประเพณีทม่ี พี ระพทุ ธศาสนาเป็นรากฐาน เช่น (๑) นยิ มใหล้ ูกบวชเป็นสามเณรเมอ่ื อายุยงั นอ้ ย (๒) นยิ มสรา้ งเจดยี ถ์ วายไวใ้ นพระพทุ ธศาสนา (๓) การศึกษา มวี ดั เป็นศูนยก์ ลาง โดยแต่ละวดั จะมโี รงเรียนของวดั พระสงฆน์ ิยม (๔) มงี านทำ� บุญประเพณีและเทศกาล ประจำ� ปีทเ่ี ก่ยี วกบั ในทางพระพทุ ธศาสนาและวนั สำ� คญั ต่าง ๆ (๕) สถาปตั ยกรรม จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สง่ิ ก่อสรา้ งต่าง ๆ เช่น วหิ าร เจดยี ์ หรอื ปูชนียสถานอน่ื ๆ ลว้ นไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากพทุ ธศาสนา (๖) พทุ ธศาสนิกชน ชาวพมา่ ส่วนมากมกั จะนิยมสวดบทพทุ ธคุณ ธรรมคุณ สงั ฆคณุ และจะพากนั สวดในเวลาเชา้ และเยน็ พระพทุ ธศาสนาจงึ มอี ทิ ธพิ ลเหนือชวี ติ จติ ใจของชาวพมา่ ชาวพมา่ ผูใ้ ดเช่อื ถอื ศาสนาอน่ื จะถกู เรยี ก กะละ (Kala) และดูเป็นคนแปลกหนา้ ไป ชาวพมา่ นน้ั เทดิ ทูนพระพทุ ธศาสนาอย่างยง่ิ จะเหน็ ไดจ้ ากความนยิ มใหก้ ลุ บตุ ร 8 พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโฺ ต), พระพทุ ธศาสนาในเอเชีย, (กรงเทพมหานคร : ธรรมสภา, ๒๕๔๐), หนา้ ๑๘๒- ๑๘๕. 05. - 5 (152-187).indd 157 5/10/2022 12:57:43 PM

158 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา บรรพชาเป็นสามเณรตงั้ แต่อายุยงั นอ้ ย จนกลา่ วไดว้ ่าผูช้ ายพม่าทน่ี บั ถอื พระพทุ ธศาสนาส่วนมากลว้ นเคยบวช เป็นสามเณรมาแลว้ และไมน่ อ้ ยทไ่ี ดอ้ ปุ สมบทเป็นพระภกิ ษุ การบรรพชาและอปุ สมบทในพมา่ ถอื วา่ เป็นประเพณี ภายหลงั จะบวชอยู่ต่อหรอื ลาสกิ ขาเมอ่ื ใดกไ็ ด้ถอื วา่ เป็นเสรภี าพของแต่ละทา่ น ชาวพทุ ธในพมา่ นยิ มสง่ บตุ รหลาน ของตนไปอยู่วดั ชวั่ ระยะหน่ึง เพอ่ื ศึกษากฎระเบยี บและหลกั คำ� สอนทางพระพทุ ธศาสนาก่อน เพราะถอื วา่ การจะ เป็นมนุษยท์ ส่ี มบูรณต์ อ้ งใชช้ วี ติ อยู่ในวดั สกั ระยะหน่ึง มฉิ ะนน้ั กไ็ มผ่ ดิ อะไรกบั สตั วเ์ ดรจั ฉาน ชาวพมา่ นยิ มสรา้ ง เจดยี ม์ ากไมว่ า่ ทใ่ี ดถา้ มเี นินสูง ๆ มกั จะสรา้ งเจดยี ไ์ วเ้สมอและทกุ ๆ วดั จะมโี รงเรยี น เพราะวดั กเ็ ป็นศูนยก์ ลาง ของการศกึ ษาเชน่ เดยี วกบั ในประเทศไทยในอดตี นอกจากนน้ั พระภกิ ษพุ มา่ ยงั เชย่ี วชาญในพระไตรปิฎก โดยเฉพาะ อย่างยง่ิ คอื พระอภธิ รรมปิฎก ทง้ั ยงั ไดส้ รา้ งงานวรรณกรรม บนั ทกึ เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ งานดา้ นกฎหมาย จรยิ ธรรม การเมอื ง ตลอดจนโคลงกลอนต่าง ๆ มากมาย ในดา้ นการปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากรรมฐาน พระภกิ ษุและพทุ ธศาสนกิ ชน ก็ไดฝ้ ึกฝนในการปฏบิ ตั ติ นอย่างเคร่งครดั จะเหน็ ไดว้ ่า พ้นื ฐานทางสงั คมและวฒั นธรรมของพม่า หรอื ตลอด เวลาตง้ั แต่เกิดจนกระทงั่ ตายในชวี ติ ของชนชาวพม่า ลว้ นแลว้ แต่มฐี านมาจากหลกั ธรรมะ และวฒั นธรรมทาง พระพทุ ธศาสนาทงั้ ส้นิ พอสรุปไดด้ งั น้ี ๑) อทิ ธพิ ลดา้ นการศึกษา พมา่ ต่นื ตวั ในเอกราช แลว้ ปรารถนาจะสำ� แดงตนเป็นผูน้ ำ� ทง้ั การเมอื งและ การศาสนา ดา้ นการเมอื งไดถ้ อื หลกั ปญั จศีล เช่น อนิ เดยี ดา้ นศาสนาดูเจตนาจะเป็นผูน้ ำ� ในกลมุ่ เถรวาท ไดใ้ ช้ เงนิ จำ� นวนมากสรา้ งถำ�้ จำ� ลอง ช่อื มหาปาสาณคูหา นอกเมอื งย่างกงุ้ สำ� หรบั เป็นทท่ี ำ� สงั คายนา และไดน้ ิมนต์ พระคณาจารยจ์ ากประเทศกลุ่มเถรวาทมาร่วมสงั คายนา และใหเ้ กียรติแก่สงั ฆนายกทุกประเทศเป็นประธาน ในพธิ พี รอ้ มทง้ั ผูน้ ำ� ประเทศนนั้ ๆ ร่วมกนั ไปดว้ ยโดยจดั เป็นสมยั ๆ เช่น สมยั ไทย กม็ สี มเดจ็ พระสงั ฆนายก และนายกรฐั มนตรไี ทยเป็นประธาน สมยั เขมร ก็มสี มเดจ็ พระสุเมธาธบิ ดสี งั ฆนายกฝ่ายมหานิกาย และเจา้ ฟ้า นโรดมสหี นุเป็นประธาน คลา้ ย ๆ กบั วา่ เป็นสงั คายนาของชาตกิ ลมุ่ เถรวาททง้ั หมด นอกจากสรา้ งมหาปาสาณ- คูหาแลว้ รฐั บาลพมา่ ยงั ไดส้ รา้ งถาวรวตั ถทุ จ่ี ำ� เป็นตอ้ งใชเ้น่ืองดว้ ยสงั คายนาเช่น หอสมดุ โรงพมิ พ์ ทพ่ี กั พระสงฆ์ อยู่ในบรเิ วณสงั คายนานน้ั ดว้ ย เมอ่ื เลกิ สงั คายนาแลว้ อาคารสถานเหลา่ น้ีกเ็ ป็นของพระพทุ ธศาสนา และจะตง้ั มหาวทิ ยาลยั พทุ ธศาสนาแห่งโลกข้นึ ดว้ ย โดยใหพ้ ระสงฆก์ ลุ่มเถรวาททุกชาติมาเรียน ตลอดจนสงฆใ์ นลทั ธิ มหายานดว้ ย ๒) อทิ ธพิ ลดา้ นเศรษฐกจิ พมา่ มโี บราณสถาน และโบราณวตั ถเุ ป็นมรดกทางของชาตมิ ากมายไมน่ อ้ ย กวา่ ประเทศไทย จดั ไดว้ า่ เป็นทรพั ยากรทป่ี ระเมนิ ค่ามไิ ด้ และมคี ุณค่าทางเศรษฐกจิ ในการดงึ ดูดนกั ท่องเทย่ี ว ใหเ้ขา้ มาเทย่ี วชม และมาใชจ้ ่ายเงนิ ตราในประเทศ ตอนน้ีใชค้ วามแลว้ พยายามพมา่ สามารถแกป้ ญั หาการเมอื ง ภายในประเทศ และสามารถเปิดเสรตี ่อการท่องเทย่ี ว พมา่ กำ� ลงั จะเป็นคู่แขง่ ทส่ี ำ� คญั ของประเทศไทยในเชงิ ของ เศรษฐกจิ การทอ่ งเทย่ี ว ชาวพมา่ ไดน้ ำ� หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาไปใชก้ บั ชวี ติ ประจำ� วนั พระพทุ ธ ศาสนาสอน หลกั เศรษฐกจิ ส่วนบคุ คลและครอบครวั โดยทวั่ ไปดว้ ย เช่น ผูใ้ ดปรารถนาจะรำ�่ รวยทรพั ยส์ นิ เงนิ ทองกใ็ หป้ ฏบิ ตั ิ 05. - 5 (152-187).indd 158 5/10/2022 12:57:43 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 159 ตามหลกั ทฏิ ฐธมั มกิ ตั ถะ คอื ประโยชนใ์ นปจั จบุ นั และขณะเดยี วกนั ยงั ช้ใี หท้ ราบถงึ เหตทุ จ่ี ะทำ� ใหย้ ากจน หรอื เหตุ ทท่ี ำ� ใหท้ รพั ยเ์ สอ่ื ม เช่น ความเป็นนกั เลงผูห้ ญงิ เป็นนกั เลงสุรา เป็นนกั เลงเลน่ การพนนั และการคบคนชวั่ เป็นมติ ร ทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ ลว้ นเป็นวธิ ดี ำ� เนินชวี ติ ในทางเศรษฐกจิ ใหไ้ ดร้ บั ความสุขตามวถิ ขี องพระพทุ ธศาสนา สรุปไดว้ า่ ตงั้ แต่อดตี จนกระทงั่ ปจั จบุ นั คนพมา่ ยงั ใหค้ วามยอมรบั นบั ถอื พระพทุ ธศาสนาเป็นชวี ติ จติ ใจ อยู่มริ ูค้ ลาย พ.ศ. ๒๕๐๔ รฐั บาลออกกฎหมายรบั รองวา่ พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจำ� ชาตพิ มา่ และออก กฎหมายอกี หลายฉบบั ลว้ นเก่ยี วขอ้ งกบั การส่งเสรมิ ทำ� นุบำ� รุงพระพทุ ธศาสนาทง้ั ส้นิ พระสงฆเ์ ขา้ มาเก่ียวขอ้ ง กบั การบรหิ ารงานของรฐั บาล เสยี งของพระสงฆม์ นี ำ�้ หนกั ทร่ี ฐั บาลจะตอ้ งรบั ฟงั ทง้ั การเสนอแนะต่อรฐั บาลเพอ่ื แกป้ ญั หาเก่ยี วกบั ศาสนา และการเมอื ง บางกรณีการเก่ยี วขอ้ งของพระสงฆก์ ็สามารถทำ� ใหป้ ญั หานน้ั ยุตลิ งได้ ทำ� ใหเ้กดิ สนั ตสิ ุข และประชาชนไดร้ บั ความยุตธิ รรมมากยง่ิ ข้นึ ๕.๒.๗ แนวโนม้ ของพระพทุ ธศาสนาในประเทศพม่า ประเดน็ ทค่ี วรสงั เกต (๑) ประเทศพมา่ เป็นประเทศทน่ี บั ถอื พระพทุ ธศาสนาเถรวาททม่ี นั่ คงประเทศหน่ึง ประชากรรอ้ ยละ ๘๐ นบั ถอื พระพทุ ธศาสนา และชาวพมา่ ชอบสรา้ งเจดยี ก์ นั มากจงึ ไดส้ มญานามวา่ “ดนิ แดน แห่งลา้ นเจดยี ”์ (The Land of a “Million Pagodas”) แมป้ จั จบุ นั จะไม่ไดร้ บั การทำ� นุบำ� รุงรกั ษาเท่าทค่ี วร แต่ร่องรอยอดตี ของเจดยี แ์ ต่ละองคล์ ว้ นบ่งบอกจติ วญิ ญาณของชาวพทุ ธพม่าไดอ้ ย่างลกึ ซ้งึ และมคี วามหมาย (๒) ชาวพทุ ธพมา่ มคี วามสนใจอภธิ รรมเป็นกรณีพเิ ศษ และมพี ระเถระจำ� นวน ๕-๖ รูป สามารถท่องพระไตรปิฎก ครบ ๔๕ เลม่ (๓) กรรมฐานแบบพม่าโดยเฉพาะของสำ� นกั มหาสขี อง พระมหาสี สะยาดอ และของอาจารย์ อุบาขน่ิ ไดร้ บั ความนิยมทงั้ ในและต่างประเทศ (๔) ในส่วนของพทุ ธศาสนศ์ ึกษา การศึกษาพระพทุ ธศาสนา เชงิ วชิ าการในประเทศพมา่ เป็นเร่อื งทม่ี หาวทิ ยาลยั ทวั่ โลกน่าดูเป็นนิทสั สนะ เพอ่ื ใหเ้กดิ มมุ มองบางอย่างในการ จดั การศึกษาพระพทุ ธศาสนากลางปี พ.ศ. ๒๕๒๙ สภาศาสนา (Sasana Council) แห่งประเทศพมา่ ไดย้ อมรบั มหาวทิ ยาลยั ปรยิ ตั ศิ าสนาทงั้ ๒ แห่ง คอื ทย่ี ่างกงุ้ และมณั ฑเลย์ วา่ เป็นมหาวทิ ยาลยั สงฆเ์ ทยี บเท่ามหาวทิ ยาลยั รฐั เปิดเรยี น ๗ ภาควชิ าโดยมจี ดุ ประสงค์ (๑) เพอ่ื รกั ษาพระพทุ ธศาสนาใหบ้ รสิ ุทธ์ิ (๒) เพอ่ื ใหพ้ ระพทุ ธศาสนา ดำ� รงอยู่ครบ ๕,๐๐๐ ปี และ (๓) เพอ่ื เผยแผ่พระพทุ ธสาสนาทวั่ โลก นอกจากน้ียงั ผลติ คำ� สำ� หรบั ผูท้ เ่ี ป็นผูบ้ รหิ าร ข้นึ มาใชเ้ป็นของตนเอง เช่น นายก (Professor) คณะวาจกะ (Lecturer) นยเทสกะ (Tutor) เป็นตน้ การจดั การ ศึกษาของพม่าน้ีโดยภาพรวมจะแตกต่างจากประเทศไทยท่มี กี ารประยุกตว์ ชิ าพระพทุ ธศาสนาเขา้ กบั ศาสตร์ ต่าง ๆ เป็นการประมวลเร่อื งจากพระพทุ ธศาสนาใหส้ อดคลอ้ งกบั ศาสตรใ์ หม่ ๆ แทรกเตมิ ลงไป เช่น พระพทุ ธ- ศาสนากบั วทิ ยาศาสตร์ รฐั ศาสตรต์ ามแนวพทุ ธศาสตรเ์ ศรษฐศาสตรต์ ามแนวพทุ ธศาสตร์ เป็นตน้ วธิ ีการท่ี แตกต่างกนั น้นี ่าจะเป็นบทเรยี นซง่ึ กนั และกนั ไดอ้ ยา่ งดี (๕) ปจั จบุ นั แมพ้ ระสงฆใ์ นฐานะผูน้ ำ� จติ วญิ ญาณของชมุ ชน จะมกี ารกระทบกระทงั่ กบั รฐั บาลพมา่ โดยการเดนิ ขบวนเรยี กรอ้ งสทิ ธแิ ละเสรภี าพในนามประชาชนไปบา้ งก็ตาม แต่โดยภาพรวมแทจ้ ริงแลว้ พระสงฆม์ ไิ ดม้ จี ุดม่งุ หมายในการยุ่งเก่ียวกบั การเมอื ง เพยี งแต่สถานการณ์และ 05. - 5 (152-187).indd 159 5/10/2022 12:57:43 PM

160 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา บรบิ ททางสงั คมในระบบการปกครองของพมา่ เป็นชนวนใหท้ า่ นตอ้ งพวั พนั โดยทห่ี ลกี เลย่ี งไดย้ าก ชาวพทุ ธทวั่ โลก หวงั วา่ สถานการณพ์ ระพทุ ธศาสนาในพมา่ จะไดร้ บั การเยยี วยาและพฒั นาจากฝ่ายรฐั มากข้นึ ในอนาคตอนั ใกลน้ ้ี และหวงั วา่ ระบอบประชาธปิ ไตยจะพฒั นาใหเ้ป็นไปตามกรอบความร่วมมอื กบั อาเซยี นในปี ๒๕๕๘ เป็นตน้ ไป ในพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๔ พระพทุ ธศาสนาในพมา่ มนั่ คงดี จนมพี ระสงฆจ์ ากลงั การบั อปุ สมบทกรรมใหม่ ไปตงั้ คณะสงฆแ์ บบพม่าข้ึนในประเทศของตนมีการแปลพระไตรปิฎกครง้ั ใหญ่ มีการสงั คายนาครงั้ ท่ี ๕ ในพระบรมราชูปถมั ภข์ องพระเจา้ มนิ ดง ณ กรุงมนั ดะเล เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๑๕ และจารกึ พทุ ธพจนท์ งั้ ๓ ปิฎกลงใน แผ่นหนิ อ่อน ๗๒๙ แผ่น ในระยะตง้ั แต่น้มี กี ารเลอื กตง้ั สมเดจ็ พระสงั ฆราชอยู่ชวั่ สมยั หน่งึ องั กฤษไดเ้ขา้ มาแสวง อาณานิคมและมอี ำ� นาจในพมา่ เร่มิ แต่ พ.ศ. ๒๓๖๘ กษตั รยิ อ์ งคส์ ุดทา้ ยของพมา่ คอื พระเจา้ ธบี อแห่งราชวงศ์ อลองพญาไดส้ ้นิ วงศล์ งเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๒๙ ประเทศพมา่ ไดค้ นื สู่เอกราช เกดิ เป็นสหภาพพมา่ เมอ่ื วนั ท่ี ๔ มกราคม ๒๔๙๒ (เซ็นสญั ญาอิสรภาพ ๑๗ ตุลาคม ๒๔๙๑) เม่อื พม่าเปลย่ี นเป็นสาธารณรฐั แลว้ ตำ� แหน่งสมเด็จ พระสงั ฆราชกเ็ ลกิ ลม้ ไป รฐั บาลไดแ้ ต่งตงั้ ประมขุ ข้นึ ใหมส่ ำ� หรบั นิกายสงฆท์ งั้ สามของพมา่ นิกายละ ๑ รูป ตลอด ระยะเวลาเหลา่ น้ีมพี ระภกิ ษุพม่าทเ่ี ป็นปราชญม์ คี วามรูแ้ ตกฉาน รจนาหรือนิพนธต์ ำ� ราพระพทุ ธศาสนาข้นึ เป็น จำ� นวนมาก รฐั บาลพมา่ ไดเ้ป็นเจา้ ภาพจดั การ “ฉฏั ฐสงั คตี ”ิ คอื สงั คายนาครงั้ ท่ี ๖ ข้นึ ทก่ี รุงย่างกงุ้ เน่ืองในโอกาส ฉลอง ๒๕ พทุ ธศตวรรษ ตง้ั แต่เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ถงึ เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ไดอ้ าราธนา พระสงฆแ์ ละผูแ้ ทนชาวพทุ ธในประเทศต่าง ๆ ไปร่วมศาสนกจิ ครงั้ น้เี ป็นจำ� นวนมาก และไดจ้ ดั พมิ พพ์ ระไตรปิฎก พรอ้ มดว้ ยคมั ภรี อ์ รรถกถาและปกรณพ์ เิ ศษต่าง ๆ9 สภาพการณป์ จั จบุ นั ของพระพทุ ธศาสนาในพมา่ 10 เมอ่ื เสยี เอกราชแก่องั กฤษแลว้ พระสงฆ์พม่าย่ิงแตกเป็นหลายพวกถือวตั รปฏิบตั ิตามคณาจารยผ์ ูเ้ ป็นอุปชั ฌาย์ คณาจารยร์ ูปใดเอาใจใส่กวดขนั เร่ืองวนิ ยั ศิษยานุศิษยพ์ ลอยเคร่งครดั ตามไปดว้ ย คณาจารยร์ ูปใดย่อหย่อน ศิษยานุศิษยก์ ็ประพฤติเช่นชาวบา้ น ถงึ เขา้ ดูภาพยนตรแ์ ละเล่นการเมอื งอย่างเปิดเผย ประจวบกบั ตำ� แหน่ง พระสงั ฆราชว่างลงพทุ ธบริษทั พม่าเขา้ ช่ือกนั รอ้ งขอใหอ้ งั กฤษตง้ั ในนามพระเจา้ องั กฤษจงึ ไดเ้ กิดพระสงั ฆราช ข้นึ ใหม่ แต่หามอี ำ� นาจสทิ ธ์ขิ าดบงั คบั บญั ชาไม่ มพี ระสงฆก์ ลมุ่ หน่ึงโดยมากเป็นพระหนุ่ม ๆ คอยคดั คา้ นคำ� สงั่ พระสงั ฆราชเสมอ สภาพพระพทุ ธศาสนาในพมา่ เป็นอยู่อย่างน้ีจนกระทงั่ ไดร้ บั เอกราช รฐั บาลพมา่ มโี ครงการท่ี จะรวมคณะสงฆท์ กุ คณะใหเ้ป็นอนั เดยี วกนั จงึ ไดต้ ง้ั สภารวมนิกายสงฆพ์ ม่าข้นึ แต่ก็ไม่ไดผ้ ล รฐั บาลไดจ้ ดั พธิ ี ฉฏั ฐสงั คายนามโี ครงการใหญ่โตมาก 9 พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโฺ ต),พระพทุ ธศาสนาในเอเชีย, หนา้ ๑๘๖-๑๘๗. 10 พระราชธรรมนเิ ทศ (ระแบบ ติ าโณ), ประวตั ศิ าสตร์ พระพทุ ธศาสนา, (กรุงเทพมหานคร : มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๖), หนา้ ๓๓๑-๓๓๒. 05. - 5 (152-187).indd 160 5/10/2022 12:57:43 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 161 ๕.๓ พระพทุ ธศาสนาในกมั พชู า ๕.๓.๑ ภมู ิศาสตร์ กมั พชู าเป็นประเทศทม่ี ปี ระวตั ศิ าสตร์ เป็นมากวา่ พนั ปี โดยแต่เดมิ เป็นดนิ แดนของกลมุ่ ชาตพิ นั ธม์ อญ- เขมร ทม่ี หี ลกั ฐานวา่ อพยพมาจากอนิ เดยี  ในฐานะพอ่ คา้ หรอื เพอ่ื การคา้ ผ่านเขา้ มาทางทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของคาบสมทุ รอนิ โดจนี และตง้ั ถน่ิ ฐานผสมผสานกบั คนในทอ้ งถน่ิ เดมิ และกบั คนทอ่ี พยพมาทหี ลงั ทงั้ ในชาตพิ นั ธุ์ และทางวฒั นธรรมมคี วามเจรญิ เพม่ิ ข้นึ ตามลำ� ดบั ต่อมาไดม้ ชี นอนิ เดยี เขา้ มาตดิ ต่อคา้ ขายและไดน้ ำ� เอาวฒั นธรรม อนิ เดยี มาเผยแผ่ดว้ ย ทำ� ใหก้ มั พูชารบั เอาวฒั นธรรมอนิ เดยี ซง่ึ ก็คือพระพทุ ธศาสนาดว้ ยเช่นกนั จากหลกั ฐาน ทป่ี รากฏกมั พชู าเป็นดนิ แดนแรก ๆ ทร่ี บั อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาเมอ่ื เขา้ มาเผยแผ่เขา้ มาสูส่ ุวรรณภมู  ิ รวมทง้ั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลในดา้ นความเจรญิ ทางดา้ นจติ ใจมาจากประเทศอนิ เดยี  ศาสนาแรกทเ่ี ป็นศาสนาสำ� คญั ของชาวกมั พชู า คอื  ศาสนาพราหมณแ์ ละศาสนาทร่ี องลงมา คอื พระพทุ ธศาสนาศาสนาทงั้ สองน้ีไดก้ ลายเป็นศาสนาหลกั และ ศาสนารองในสงั คมกมั พชู า ดงั ปรากฏหลกั ฐานทางดา้ นจารกึ โบราณคดี และหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ ป่ี รากฏ ผ่านปราสาทนครวตั  ปราสาทนครธมและพลวฒั นท์ างพระพุทธศาสนาสืบมาจนกระทงั่ ปจั จุบนั 11 กมั พูชา เป็นประเทศทม่ี คี วามเจรญิ รุ่งเรอื งมาก่อนในอดตี ในดา้ นถาวรวตั ถแุ ละอารยธรรมของศาสนาพราหมณ์ ต่อมา เมอ่ื อทิ ธพิ ลของศาสนาพราหมณเ์ สอ่ื มลงพระพทุ ธ ศาสนามหายานกเ็ ขา้ มาแทนท่ี และมบี ทบาทต่อวถิ ชี วี ติ ของคน กมั พชู า หลงั จากนน้ั พระพทุ ธศาสนาเถรวาท กเ็ ขา้ มามบี ทบาทต่อคนกมั พชู าจนถงึ ปจั จบุ นั อาณาจกั รกมั พชู าถอื ไดว้ า่ เป็นอาณาจกั รทย่ี ง่ิ ใหญ่ในอดตี เคยแผ่ขยายอำ� นาจเขา้ ไปมบี ทบาทในประเทศต่าง ๆ เช่น ไทย เวยี ดนาม ลาว เป็นตน้ รายงานจากสำ� นกั วจิ ยั พวิ ใน ค.ศ. ๒๐๑๐ พบวา่ ๙๖.๙ % ของประชากรนบั ถอื ศาสนาพทุ ธ, ๒.๐ % เป็นมสุ ลมิ , ๐.๔ % เป็นชาวครสิ ต ์ และ ๐.๗ % นบั ถอื ศาสนาพ้นื เมอื งและไมม่ ศี าสนา12 ๕.๓.๒ ความเช่ือในดา้ นศาสนา อาณาจกั รขอมโบราณ มคี วามเชอ่ื เร่อื งสง่ิ เรน้ ลบั ในธรรมชาติ เช่น ผสี างนางไม้ และรุกขเทวดา เป็นตน้ อนั เรยี กโดยภาพรวมวา่ “วญิ ญาณนิยม” (Animism) ต่อมาเมอ่ื มปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ชนชาตอิ น่ื โดยเฉพาะอย่างยง่ิ อนิ เดยี กไ็ ดร้ บั เอาความเช่อื ของศาสนาอน่ื เขา้ มาดว้ ย ทส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู พทุ ธศาสนามหายาน และพทุ ธศาสนาเถรวาทตามลำ� ดบั แต่ในทส่ี ุดพทุ ธศาสนาเถรวาทกไ็ ดร้ บั ชยั ชนะในสงั คมกมั พชู า ทำ� ใหช้ าวกมั พชู า สว่ นใหญ่ (กวา่ รอ้ ยละ ๙๐) นบั ถอื พทุ ธศาสนาเถรวาทตราบกระทงั่ ปจั จบุ นั คตคิ วามเชอ่ื ของศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู มอี ทิ ธพิ ลต่ออาณาจกั รขอมมาชา้ นาน ทงั้ ในเร่อื งของศาสนา การปกครอง ขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจน พธิ กี รรมต่าง ๆ ต่อมาเมอ่ื ประมาณสามศตวรรษก่อน ครสิ ตศกั ราช พทุ ธศาสนามหายาน (เขา้ มาในสมยั พระเจา้ 11 พระพทุ ธศาสนาในกมั พชู า, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://th.wikipedia.org/wiki/ [๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔]. 12 [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://www.pewforum.org/files/2012/12/globalReligion-tables.pdf [๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔]. 05. - 5 (152-187).indd 161 5/10/2022 12:57:44 PM

162 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ราเชนทรวรมนั ท่ี ๒) และพทุ ธศาสนาเถรวาท (เขา้ มาในสมยั พระเจา้ ทเรนวรมนั ท่ี ๒) กไ็ ดเ้ผยแผ่มาถงึ ดนิ แดน สุวรรณภูมิ และมอี ทิ ธิพลต่ออาณาจกั รขอมเพ่มิ ข้นึ ตามลำ� ดบั 13 เดมิ ชนพ้นื เมอื งของฟูนนั เป็นชนชาติมลายู นบั ถอื โลกธาตแุ ละผสี างเทวดา เมอ่ื พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่สุวรรณภมู แิ ลว้ กค็ งเผยแผ่ไปในหมปู่ ระชาชนชาวฟูนนั กวา้ งออกไปตามลาํ ดบั แต่ในราชสาํ นกั และชนชนั้ สูงปรากฏวา่ นบั ถอื ศาสนาฮนิ ดูนิกายไศวะ (นบั ถอื พระอศิ วร) เป็นหลกั และอาจจะนบั ถอื พทุ ธศาสนาปะปนอยู่ดว้ ย ชาวอนิ เดยี ไดน้ าํ แบบแผนการปกครอง ศิลปะ การช่าง และวทิ ยาการต่าง ๆ เขา้ มาสรา้ งความเจรญิ แก่ฟูนนั ทาํ ใหฟ้ ูนนั มอี ารยธรรมคลา้ ยคลงึ กบั อนิ เดยี ในสมยั นน้ั ๕.๓.๓ วฒั นธรรมประเพณี กมั พูชาเป็นดินแดนท่ีเก็บอารยธรรมบนแผ่นดินไวม้ ากมายอย่างความใหญ่โตมโหฬาร ของนครวดั นครธรม จงึ ไม่แปลกทม่ี ปี ระชากรนบั ถอื ศาสนาพทุ ธกว่ารอ้ ยละ ๙๕ แต่ประชาชนยงั มคี วามเช่อื ตามชาวเขมร โบราณทม่ี คี วามเช่อื ในอำ� นาจเรน้ ลบั ทม่ี ี อยู่กบั ธรรมชาติ (Animism)เมอ่ื ชาวบา้ นมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั ชาวต่างถน่ิ ก็อาจไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากความเช่อื อน่ื ๆ เพม่ิ ข้นึ โดยไม่จำ� เป็นตอ้ งละท้งิ ความเช่อื ดง้ั เดมิ ซง่ึ ในเงอ่ื นไขของเวลา และสถานท่ี ต่างกนั ชาวกมั พชู าไดร้ บั เอาความเชอ่ื ทางศาสนาและลทั ธติ ่างแดนมากมายทส่ี ำ� คญั คอื ศาสนาพทุ ธ ศาสนาอสิ ลาม ลทั ธขิ งจ้อื และลทั ธเิ ตา๋ สงั คม กมั พชู าจงึ เป็นสงั คมทห่ี ลากหลายทางวฒั นธรรมทค่ี ลา้ ยกบั สงั คมไทย มพี ทุ ธศาสนาเป็นศาสนาหลกั ทำ� ใหป้ ระเพณีปฏบิ ตั ติ ่าง ๆ ของประชาชนชาวกมั พชู าสอดคลอ้ งใกลเ้คยี งกบั ไทย เป็นอย่างมากโดย ผูส้ ูงอายุจะเขา้ วดั ฟงั ธรรมเมอ่ื มงี านบญุ ตามประเพณี ประชาชนหนุ่มสาวและเดก็ จะร่วมแรง ช่วยเหลอื จดั การงานอย่างสมำ�่ เสมอ ทงั้ น้จี ะมงี านบญุ ประเพณีทส่ี ำ� คญั ทางพระพทุ ธศาสนาตามจนั ทรคตเิ ช่นเดยี ว กบั ไทยเป็นวนั หยุดราชการไดแ้ ก่ วนั มาฆบูชา วนั ปีใหม่เขมร (Khmer New Year) ซง่ึ ตรงกบั วนั สงกรานต์ จะหยุดราชการในวนั ท่ี ๑๔-๑๖ เมษายนของทุกปี วนั วสิ าขบูชา วนั สารท์ เขมร ซ่งึ ตรงกบั วนั แรม ๑๕ คำ�่ เดอื น ๑๐ เรยี กวา่ งานวนั ปรอจมุ เบณ (Pchum Benday) โดยจะเป็นวนั หยุดราชกร ๓ วนั ตง้ั แต่วนั แรม ๑๔ คำ�่ เดอื น ๑๐ จนถงึ วนั ข้นึ ๑ คำ�่ เดอื น ๑๑ และงานวนั ลอยกระทง (Water Festival) เรยี กวา่ งานบญุ อมตกุ หากจะกลา่ วโดยภาพรวมแลว้ ขนบธรรมเนียม วฒั นธรรม และประเพณีของกมั พูชาและไทยจะใกลเ้คยี งกนั ใน ทกุ เร่อื ง ๕.๓.๔ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเขา้ สูก่ มั พชู า การเผยแผ่พระพทุ ธเขา้ สู่กมั พชู า แบง่ ออกเป็น ๔ ยุค คอื ๑) ยุคฟนู นั (Funan หรอื Founan) หรอื ยุคอาณาจกั รพนม หรอื ยุคก่อนเขมร (พ.ศ. ๖๐๐ ถงึ ๑๑๐๐) “ฟูนนั ” หรอื “ฟูนาน” เป็นคาํ จนี เรยี กกนั อย่างน้ีเพราะทราบเร่อื งราวจากหลกั ฐานฝ่ายจนี ปราชญส์ นั นษิ ฐานวา่ ฟูนนั เพ้ยี นไปจากคาํ เขมรวา่ “พนม” ซง่ึ แปลวา่ ภเู ขา ดงั เอกสารจนี วา่ กษตั รยิ ฟ์ ูนนั ราชวงศภ์ าวจนิ จู พระนามวา่ 13 หนงั สอื พมิ พม์ ตชิ นรายวนั , ฉบบั ประจำ� วนั อาทติ ยท์ ่ี ๑๒ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๔๙, ปีท่ี ๒๙ ฉบบั ท่ี ๑๐๔๗๓, คอลมั น์ หนา้ ต่างความจรงิ , หนา้ ๖. 05. - 5 (152-187).indd 162 5/10/2022 12:57:44 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 163 เภาณฑนิ ยชยั วรมนั เมอ่ื ก่อนนบั ถอื ศาสนาพราหมณ์ ต่อมาหนั มานบั ถอื พทุ ธศาสนา ในรชั กาลน้ีก็มเี หตกุ ารณ์ สำ� คญั คอื มพี ระภกิ ษุอนิ เดยี รูปหน่งึ มนี ามวา่ นาคา ซง่ึ หมายถงึ พระนาคเสน มายงั ประเทศนครพนม ในพทุ ธศกั ราช ๑๐๒๗ แลว้ เลยไปประเทศจนี เยย่ี มพระเจา้ กรุงจนี แลว้ มพี ระเถรฎกี าวา่ “ประเทศนครพนมถอื ศาสนาพราหมณ์ เคารพพระอศิ วร แต่พระพทุ ธศาสนากเ็ จรญิ ร่งุ เรอื ง มพี ระสงฆส์ ามเณรมาก การปฏบิ ตั พิ ระพทุ ธศาสนากด็ ยี ง่ิ ข้นึ ”14 พอถงึ พ.ศ.๑๐๕๗ สมยั พระเจา้ รุทธวรมนั ข้นึ เสวยราชในกรุงพนม ทรงเลอ่ื มใสในพระพทุ ธศาสนาเป็นอย่างมาก ทรงแสดงพระองคเ์ ป็นอบุ าสกผูเ้ป็นแบบอย่างแก่ประชาชน ซง่ึ ในสมยั นน้ั พระพทุ ธศาสนามหายานยงั ไมไ่ ดเ้ผยแผ่ เขา้ สูป่ ระเทศกมั พชู า ท่านสมณอ้จี งิ เมอ่ื เดนิ ทางมาทางจนี ใต้ท่านเขยี นบนั ทกึ ไวว้ า่ “ในประเทศพนม พทุ ธศาสนา รุ่งเรืองมาก มวี ดั วาอารามทกุ หนทกุ แห่งทวั่ ประเทศ มสี ถานทป่ี ระกอบพธิ ีของศาสนาพราหมณ์อยู่ใกล ้ มกี าร ขดั แยง้ กนั ประชาชนเขมรหลงั่ ไหลเขา้ บวชในพทุ ธศาสนามากมาย แมพ้ วกเจา้ นายในราชสำ� นกั ก็พากนั บวช เหมอื นกนั ”15 ๒) ยุคเจนละ ไดป้ รากฏหลกั ฐานข้นึ คือ แผ่นศิลาจารึกท่คี น้ พบท่วี ดั ไพรเวยี รใ์ กลก้ รุงวบาทปุระ เมอ่ื พ.ศ. ๑๒๐๗ ใจความไดก้ ลา่ วถงึ กษตั รยิ ์ ๒ พระองคพ์ น่ี อ้ งร่วมมารดาเดยี วกนั ไดท้ รงผนวช และพระมหา เถระผูเ้ป็นสงั ฆนายก ใหก้ รุงวรนครไดร้ บั พระบญั ชาจากพระเจา้ ชยั วรมนั ท่ี ๑ ใหส้ รา้ งวดั ถวายและรกั ษาป้องกนั วดั นนั้ ยงั่ ยนื สบื ไป มขี อ้ ความบทหน่ึงบนศิลาจารกึ นนั่ วา่ “ภกิ ษุเป็นกษตั รยิ ์ ๒ องคม์ ศี ีล มคี วามรู้ มคี วามสงบ มขี นั ติ มคี วามเมตตา มคี นอบรมดี ไดฌ้ านสมาบตั ิ ช่ือตน้ มคี ำ� ว่า รตั นดุจกนั คำ� ลงทา้ ยองคห์ น่ึงเป็นภานุ อกี องคห์ น่ึงเป็นสงิ ห์ ไดแ้ ก่ รตั นภานุ และ รตั นสงิ ห”์ ๓) ยุคมหานคร ในยุคน้ี พระพทุ ธศาสนาลทั ธมิ หายานไดเ้จรญิ รุ่งเรอื งคู่เคยี งกบั ศาสนาพราหมณ์16 ประสาทหนิ ทงั้ หลายลว้ นสรา้ งอทุ ศิ ถวายในศาสนาพทุ ธและพราหมณ์ แต่ถา้ มาพจิ ารณาใหด้ กี จ็ ะเหน็ วา่ พระพทุ ธ- ศาสนาเถรวาท กเ็ จรญิ ร่งุ เรอื งเหมอื นกนั แต่เป็นไปในกลมุ่ ของประชาชนทวั่ ไปไมไ่ ดร้ บั รูจ้ ากราชสำ� นกั ถงึ อย่างนน้ั มหายาน เถรวาท พราหมณ์ กย็ งั ดำ� เนนิ ไปดว้ ยกนั ได้ไมเ่ คยขดั แยง้ กนั ราชสำ� นกั และชนชน้ั สูงนบั ถอื ทง้ั พราหมณ์ และพทุ ธ ประชาชนชน้ั กลางและทวั่ ไปนบั ถอื แบบเถรวาท พอถงึ ยุคพระเจา้ สุรยิ วรมนั ท่ี ๑ พ.ศ. ๑๕๔๔ พระพทุ ธ- ศาสนามหายานมอี ทิ ธพิ ลมาก และเป็นยุคทพ่ี ระมหากษตั รยิ อ์ ปุ ถมั ภพ์ ทุ ธศาสนา โดยใหค้ วามสำ� คญั ทง้ั มหายาน และเถรวาท ไดท้ รงสรา้ งพระพทุ ธรูปนาคปรกข้นึ จนผ่านมาหลายสมยั พระพทุ ธศาสนากม็ าเจรญิ รุ่งเรอื งในทส่ี ุด ในสมยั ของพระเจา้ ชยั วรมนั ท่ี ๗ เร่ิมแต่ พ.ศ. ๑๗๒๔ ทรงมชี ่อื เสยี งโด่งดงั ทส่ี ุดในประวตั ศิ าสตรข์ องเขมร ทรงเป็นพทุ ธศาสนูปถมั ภท์ ย่ี ง่ิ ใหญ่ ไดท้ รงสรา้ งประสาทตาพรมใหเ้ป็นอาราม “ราชวหิ าร” แก่ภกิ ษุสงฆอ์ นั เป็น มหาวทิ ยาลยั สงฆด์ ว้ ย ตลอดถงึ สรา้ งอคั คศิ าลา ๑๒๑ แห่ง โรงพยาบาล ๑๐๒ แห่ง และอน่ื ๆ อกี มากมาย ทรงทำ� นุบำ� รุงศาสนาทงั้ นิกายมหายานและนิกายเถรวาท 14 ทรงวทิ ย์ แกว้ ศร,ี ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา เลม่ ๑๐, หนา้ ๑๐. 15 เร่อื งเดยี วกนั , หนา้ ๑๙. 16 พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโฺ ต), พระพทุ ธศาสนาในเอเชีย, หนา้ ๑๑. 05. - 5 (152-187).indd 163 5/10/2022 12:57:44 PM

164 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ๔) ยุคหลงั มหานคร กมั พชู าไดย้ อมรบั นบั ถอื พระพทุ ธศาสนามาแต่สมยั พทุ ธศตวรรษท่ี ๓ คอื สมยั ทพ่ี ระเจา้ อโศกมหาราชส่งสมณทูตมาประกาศพระสทั ธรรมในย่านน้ี และต่อมาก็ไดร้ บั คลน่ื พระพทุ ธศาสนาจาก ศรีลงั กาและพม่าตามลำ� ดบั แต่อย่างไรก็ตามการปรากฏตวั ของพระพทุ ธศาสนามหายานในกมั พูชามขี ้นึ ตงั้ แต่ สมยั ฟนู นั ทม่ี ศี าสนาพราหมณป์ รากฏข้นึ ดว้ ยเช่นกนั ต่อมาในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๒ พระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาท ไดเ้ผยแผ่เขา้ สู่ดนิ แดนแห่งน้ี และปกั หลกั อย่างมนั่ คงซง่ึ สะทอ้ นใหเ้หน็ จากจำ� นวนประชากรกวา่ รอ้ ยละ ๙๐ ทร่ี บั นบั ถอื นิกายดงั กลา่ ว แมว้ า่ ในช่วงทก่ี มั พชู าตกอยู่ภายใตก้ ารปกครองของเขมรแดง ถอื เป็นช่วงทพ่ี ระพทุ ธศาสนา ในกมั พชู าตกตำ�่ อย่างทส่ี ุด ประชาชนถกู บงั คบั ใหย้ กเลกิ การนบั ถอื ศาสนา พระสงฆถ์ กู บงั คบั ใหส้ กึ และแต่งงาน ตลอดจนถูกฆาตกรรม วดั และศาสนสถานทางพระพทุ ธศาสนาถูกทำ� ลาย แต่เมอ่ื ส้นิ สุดยุคของเขมรแดงในปี ค.ศ.๑๙๗๙ พระพทุ ธศาสนาจงึ ไดร้ บั การฟ้ืนฟูและเป็นทเ่ี คารพจากรฐั บาลต่อมาจวบกระทงั่ ปจั จบุ นั 17 ๕.๓.๕ บทบาทพระสงฆใ์ นการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา พระสงฆใ์ นประเทศกมั พูชามบี ทบาทสำ� คญั ในทางการเมอื งมาชา้ นานตง้ั แต่ยุคฟูนนั เร่ือยมากษตั ริย์ ผูป้ กครองประเทศในแต่ละยุคใหค้ วามอปุ ฏั ถมั ภพ์ ระพทุ ธศาสนาเป็นอย่างดี บางพระองคท์ รงยดึ แนวทางการ บริหารประเทศตามแบบอย่างพระเจา้ อโศกมหาราชทุกประการยดึ เอาแนวคำ� สอนจารึกเป็นศิลาจารึกใหอ้ นุชน รุ่นหลงั ไดส้ บื ทอดเจตนารมณต์ ามแบบอย่างพระองค์ แมแ้ ต่ในยุคทศ่ี าสนาพราหมณฮ์ นิ ดูเขา้ มามบี ทบาทสำ� คญั กว่าพระพทุ ธศาสนาก็จะทรงใหป้ ุโรหติ ท่ปี รึกษานบั ถอื พระพทุ ธศาสนาเพ่อื คานอำ� นาจและนำ� หลกั คำ� สอนมา ช่วยเหลอื สงั คมยุคทพ่ี ระพทุ ธศาสนาไดม้ บี ทบาททางการเมอื งมากทส่ี ุดคือยุคลา่ อาณานิคม ทป่ี ระเทศตกเป็น เมอื งข้นึ ของฝรงั่ เศส ทง้ั ประชาชนและพระสงฆไ์ ดร้ ่วมกนั เดนิ ขบวนต่อตา้ นและเรยี กรอ้ งประชาธปิ ไตยกลบั คนื มา จากการถกู กดขแ่ี ละพยายามจะควบคมุ ปกครองพระสงฆข์ องฝรงั่ เศส แสดงใหเ้หน็ วา่ ในกมั พชู าพระสงฆม์ บี ทบาท มากเป็นอย่างย่งิ ในฐานะผูน้ ำ� ทางจติ ใจของสงั คมเมอ่ื บา้ นเมอื งแตกแยกเกิดสงครามคอมมวิ นิสตเ์ ข่นฆ่ากนั เอง ของคนในชาตจิ นนำ� ไปสูค่ วามวบิ ตั ลิ ม่ จมของสถาบนั กษตั รยิ ์ทแ่ี ตกแยกมหี ลายขว้ั อำ� นาจ  ผูท้ ส่ี ามารถกอบกูน้ ำ� พา ประเทศชาตผิ า่ นพน้ วกิ ฤตการณน์ น้ั ไปไดร้ บั เอกราชคอื มหากษตั รยิ ส์ มเดจ็ พระนโรดมสหี นุ ทไ่ี ดผ้ นวชในพระพทุ ธ- ศาสนาศึกษาหลกั ธรรมอยา่ งลกึ ซ้งึ นำ� เอาหลกั ธรรมคำ� สอนทางพระพทุ ธมาปกครองบรหิ ารประเทศ ถงึ กบั ประกาศ ใชน้ โยบาย “สงั คมนิยมพระพทุ ธศาสนา” ซง่ึ เป็นทางสายกลางมชั ฌมิ าปฏปิ ทา เป็นแนวทางการบรหิ ารประเทศ ทรงมแี นวความคดิ วา่ อาณาจกั รขบั เคลอ่ื นพฒั นาประเทศ สว่ นพทุ ธจกั รขบั เคลอ่ื นศีลธรรมพระสงฆต์ อ้ งมบี ทบาท ทางการเมอื งควบคู่ไปกบั สถาบนั ทางการเมอื ง แมก้ มั พชู าจะเกดิ วกิ ฤตทางการเมอื งพระสงฆถ์ กู สงั หารลม้ ตายไป มากกว่า ๙๓ เปอรเ์ ซนต์ แต่กลบั ปรากฏว่าเมอ่ื สงั คมกลบั คืนสู่ภาวะรกติ คนในชาตไิ ดต้ ระหนกั รูค้ ุณค่าของ พระพทุ ธศาสนาไดช้ ่วยฟ้ืนฟูใหม่ จดั ใหม้ กี ารอุปสมบทพระภกิ ษุและสรา้ งระบอบการปกครองสงฆใ์ นรูปแบบ 17 ยงยุทธ บรุ าสทิ ธ์,ิ ความสมั พนั ธท์ างพระพทุ ธศาสนา กมั พชู า-ไทย, ใน เสาวภา พรสริ พิ งษ,์  เรยี นรูป้ ระเทศเพอ่ื นบา้ น กมั พชู าในมิตทิ างสงั คมวฒั นธรรม, (กรุงเทพมหานคร : สถาบนั วจิ ยั ภาษาและวฒั นธรรมเอเชยี , ๒๕๕๗), หนา้ ๗๒. 05. - 5 (152-187).indd 164 5/10/2022 12:57:44 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 165 สงั ฆาธปิ ไตยข้นึ มาใหมม่ สี งั ฆมนตรสี มเดจ็ พระสงั ฆราชสองพระองคท์ งั้ มหานิกายและธรรมยุติ ทำ� หนา้ ทเ่ี สมอื น นกั การเมอื งลงพ้นื ทช่ี ่วยเหลอื ประชาชนในยามทกุ ขย์ าก สง่ิ เหลา่ น้ีถอื เป็นปรากฏการณท์ างการเมอื งของพระสงฆ์ ในประเทศกมั พชู าไมเ่ หมอื นประเทศใดในโลก เป็นประเดน็ ทน่ี ่าศึกษาเป็นอย่างยง่ิ สถาบนั สงฆไ์ ดร้ บั เกยี ตยิ กย่อง จากสงั คมใหม้ บี ทบาทสำ� คญั ในการพฒั นาสงั คมควบคู่ไปกบั สถาบนั ชาติ และกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ก์ มั พชู า ๕.๓.๖ อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาในกมั พชู า ๑) ดา้ นการเมืองการปกครอง ตง้ั แต่ยคุ นครพนม จะเหน็ วา่ พระพทุ ธศาสนาในประเทศกมั พชู า มคี วามเจรญิ กา้ วหนา้ ร่งุ เรอื งมาโดยตลอด โดยมคี ตคิ วามเชอ่ื ในเร่อื งบญุ บาป และเชอ่ื วา่ อำ� นาจความสามารถมาจากการปฏบิ ตั ดิ ใี นอดตี ชาติ การส้นิ อำ� นาจ หรอื การทอ่ี ำ� นาจลดนอ้ ยลง เพราะการทำ� บาปกรรมจงึ ทำ� ใหป้ ระชาชนหนั มาใหค้ วามสนใจในการทำ� บญุ ทำ� นุบำ� รุง พระศาสนาวดั วาอาราม สรา้ งพระพทุ ธรูปบรจิ าคเงนิ ช่วยเหลอื ในเมอ่ื มงี านเทศกาลทางศาสนา ในสมยั ประเทศ เขมรตกเป็นรฐั ในอารกั ขาของประเทศฝรงั่ เศส การศึกษาและการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนามกี ารจำ� กดั เฉพาะในกลมุ่ พระภกิ ษุสงฆ์ ก่อน ค.ศ. ๑๙๓๖ นิตยสารรายเดอื น “กมั พชู าสุรยิ า” เป็นวารสารกมั พชู าฉบบั เดยี วทไ่ี ดร้ บั การ อปุ ถมั ภจ์ ากสถาบนั สงฆ์ วารสารฉบบั น้ีจำ� กดั การตพี มิ พแ์ ค่นิทานพ้นื บา้ น คมั ภรี ท์ างพระพทุ ธศาสนาและขอ้ มลู ท่ี เก่ยี วกบั ทางราชสำ� นกั โดยแทบทง้ั ส้นิ ใน พ.ศ. ๒๔๗๙ ไดม้ หี นงั สอื พมิ พน์ ครวดั ก่อตง้ั ข้นึ โดยมจี ดุ ยนื เพอ่ื เชดิ ชู ชาวกมั พูชาโดยไม่มกี ารต่อตา้ นฝรงั่ เศสแมแ้ ต่นอ้ ย แต่คดั คา้ นการยดึ ครองอำ� นาจงานราชการในกมั พูชาของ เวยี ดนามและการครอบครองการคา้ ของชาวจนี และการไมม่ งี านทำ� ทเ่ี หมาะสมใหแ้ ก่ชาวเขมรทไ่ี ดร้ บั การศึกษา ซง่ึ แนวคิดเพอ่ื การเรยี กรอ้ งความเป็นธรรมใหเ้กดิ ข้นึ ในแผ่นดนิ กมั พูชา มกี ารกระทำ� มาหลายยุคหลายสมยั ทงั้ การมพี ระสงฆเ์ ป็นผูน้ ำ� ขบวนประทว้ ง และกลมุ่ ประชาชนทม่ี ารวมตวั กนั แต่กถ็ กู รฐั บาลทหารของกมั พชู าจบั กมุ ปจั จุบนั น้ีท่ยี งั มกี ารชุมนุมประทว้ งรฐั บาลของนายฮุนเชน ละมปี ระชาชนรวมถงึ พระสงฆท์ ่ไี ดร้ บั บาดเจ็บและ สูญเสยี ชีวติ เป็นจำ� นวนมาก ดา้ นเศรษฐกิจ ประเทศกมั พูชา เป็นประเทศเกษตรกรรมมกี ารผลติ พชื ผลทาง เกษตรอยู่พอเพยี งแก่ความตอ้ งการ ส่วนในดา้ นของเศรษฐกจิ การคา้ ขายเร่มิ เขา้ มาจากการเปิดใหม้ กี ารคา้ ขาย กบั ต่างชาตเิ หมอื นกนั กบั ประเทศอน่ื ๆ ทต่ี อ้ งการใหป้ ระเทศของตนมรี ายได้ ๒) ดา้ นการศึกษา พระเจา้ นโรดมสงิ หนุ ไดส้ รา้ งมหาวทิ ยาลยั สงฆช์ ่ือ “สากลวทิ ยาลยั สหี นุราช” และโรงเรียนมธั ยมช่ือ “พทุ ธิกวทิ ยาลยั สุรามฤต” ใหพ้ ระภกิ ษุสามเณรไดศ้ ึกษาพระปริยตั ิธรรม และวชิ าชน้ั สูงท่เี ก่ียวขอ้ ง เฉพาะ ปีการศึกษา ๒๕๑๒ มพี ระนสิ ติ ระดบั ปรญิ ญาตรี ถงึ ๑๗๖ รูป และภกิ ษุสามเณรศึกษาอยู่ในระดบั ตำ�่ กวา่ ปรญิ ญา ทวั่ ประเทศถงึ ๙,๕๔๕ รูป18 18 เทพประวณิ จนั ทรแ์ รง, พระพทุ ธศาสนาเถรวาท, (เชยี งใหม่ : มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขต เชยี งใหม,่ ๒๕๔๑), หนา้ ๑๔๐-๑๔๑. 05. - 5 (152-187).indd 165 5/10/2022 12:57:44 PM

166 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ๓) ดา้ นสงั คม พระพทุ ธศาสนามอี ทิ ธพิ ลต่อประชาชาชนกมั พชู า ถงึ แมว้ า่ บา้ นเมอื งจะตกอยู่ในภยั สงครามการแก่งแย่ง ระหวา่ งผูม้ อี ำ� นาจไมเ่ คยขาดสาย ประดจุ ดงั วา่ ดนิ แดนเขมรเป็นดนิ แดนทถ่ี กู สาปใหต้ กอยูใ่ นความตกระกำ� ลำ� บาก ดว้ ยภยั สงคราม ตอ้ งมชี วี ติ อยู่กบั ดนิ แดนทถ่ี กู สาปใหต้ กอยู่ในความตกระกำ� ลำ� บากดว้ ยภยั สงคราม ตอ้ งมชี วี ติ อยู่กบั การเสย่ี งตายจากสงคราม บางครง้ั ตอ้ งแยกพอ่ แยกแม่ แยกพแ่ี ยกนอ้ งกนั หรอื เสยี ชวี ติ จากกนั ก่อนเวลา อนั ควร เน่ืองจากความโหดรา้ ยของสงคราม อนั เกดิ จากกองกำ� ลงั หลายกลมุ่ ทค่ี อยประหตั ประการกนั ถงึ แมว้ า่ ในช่วงทเ่ี ขมรแดงเรอื งอำ� นาจในกมั พชู า ไดล้ ม้ ลา้ งพระพทุ ธศาสนา โดยหวงั วา่ ใหส้ ้นิ ซาก แต่กท็ ำ� ลายไดเ้พยี งแค่ รูปแบบและส่วนประกอบภายนอกเท่านนั้ ไมส่ ามารถทำ� ลายพทุ ธศาสนาทม่ี อี ยู่ในใจคนเขมรได้ เพราะไดฝ้ งั ลกึ อยูใ่ นใจเป็นเวลาชา้ นานมรดกอนั ลำ�้ ค่าทพ่ี ทุ ธศาสนามอบใหก้ บั กมั พชู านนั้ มคี ่าเกนิ กวา่ จะนบั ได้เพราะไดแ้ ทรกซมึ อยู่ในวถิ ชี วี ติ ของคนเขมรไปแลว้ มอี ทิ ธพิ ลต่อแนวคดิ วถิ ชี วี ติ ของชาวเขมร วดั วาอารามต่าง ๆ ไดเ้ป็นทพ่ี ง่ึ เป็น ศูนยก์ ลางของชมุ ชนทางดา้ นศิลปวฒั นธรรม ไดม้ สี ถาปตั ยกรรมอนั ทรงคณุ ค่ามากมาย เช่นนครวดั เขาพระวหิ าร เป็นตน้ ซง่ึ เป็นสถานทส่ี ำ� คญั ทางพทุ ธศาสนาทเ่ี ป็นมรดกสำ� คญั กมั พชู า ๔) ดา้ นเศรษฐกจิ   ประชาชนชาวเขมรส่วนใหญ่มอี าชพี เกษตรกรรม ไดแ้ ก่การทำ� ไร่ทำ� นา ปลูกผกั ปลูกพชื และเล้ยี งสตั ว์ แต่กม็ คี วามเป็นอยู่อย่างแรน้ แคน้ ขดั สน เพราะความยากจน ขาดการดูแลเอาใจใส่จากรฐั แมค้ วามเป็นอยู่ของ ประชาชนจะขดั สน แต่สง่ิ หน่ึงทเ่ี ขาเรยี กรอ้ ง คอื สนั ตภิ าพ ประชาชนกมั พชู าบางคนไดใ้ หส้ มั ภาษณแ์ ก่สอ่ื มวลชน ของไทยวา่ “สง่ิ ทเ่ี ขาเรยี กรอ้ งคอื สนั ตภิ าพ อยากจะใหบ้ า้ นเมอื งมคี วามสงบสุขเหมอื นเมอื งไทย โดยปราศจาก การแก่งแย่งกนั ของผูป้ กครอง” แต่สว่ นหน่งึ ทป่ี ระชาชนชาวเขมรมอี ยู่ไมไ่ ดข้ ดั สน คอื พระพทุ ธศาสนาทม่ี อี ยู่ในใจ เขาตอ้ งอดทน ต่อสูต้ ่อการทำ� งาน ต่อภยั สงครามต่าง ๆ คดิ วา่ ในใจวา่ อนาคตขา้ งหนา้ ประชาชนเขมรจะมชี วี ติ ความเป็นอยู่ทด่ี ขี ้นึ กวา่ น้ี ๕.๓.๗ แนวโนม้ ในอนาคตของพระพทุ ธศาสนาในกมั พชู า พทุ ธศาสนาสมยั ปจั จบุ นั ในกมั พชู าเป็น นิกายเถรวาท (มที งั้ มหานกิ ายและธรรมยุตนิ ิกาย) เช่นเดยี วกบั ไทยก่อนสงครามกลางเมอื ง (พ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๑๘) ประชาชนกมั พชู ากวา่ รอ้ ยละ ๙๕ มวี ดั เป็นศูนยก์ ลางของ ทกุ ๆ หมบู่ า้ นอยู่ทวั่ ประเทศถงึ ๓,๓๖๙ วดั มพี ระภกิ ษุสามเณรทวั่ ประเทศ ๖๕,๐๒๖ รูป เฉพาะในกรุงพนมเปญ มวี ดั ใหญ่ ๆ เช่น วดั อณุ ณาโลม วดั ลงั การามและวดั ปทมุ วดมี พี ระเณรอยู่จำ� พรรษาวดั หน่ึง ๆ ระหวา่ ง ๓๐๐ - ๕๐๐ รูป การทำ� ลายลา้ งพระพทุ ธศาสนาประเทศกมั พูชานบั ว่าเป็นประเทศอาภพั อบั โชคเสมอมา เพราะเป็น ประเทศเลก็ ตง้ั อยู่ระหว่างประเทศไทยและเวยี ดนามบางครงั้ ตกเป็นเมอื งข้นึ ของไทย บางคราวก็อยู่ในอุง้ มอื ของญวณ พอถงึ สมยั ฝรงั่ เศสออกลา่ เมอื งข้นึ กต็ กเป็นอาณานคิ มของฝรงั่ เศสอยู่ถงึ ๙๐ ปี (พ.ศ. ๒๔๐๖-๒๔๙๖) พระพทุ ธศาสนาจงึ พลอยไดร้ บั ความกระทบกระเทอื น และถูกเบยี ดเบยี นไปดว้ ยพอจะมชี ่วงลมื ตาอา้ ปากบา้ ง ก็คือช่วงปี พ.ศ. ๒๔๙๖-๒๕๑๓ นบั เป็น ๑๗ ปีทองของพระพทุ ธศาสนาในกมั พูชา สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ 05. - 5 (152-187).indd 166 5/10/2022 12:57:44 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 167 โดยเฉพาะสมเดจ็ พระนโรดมสหี นุทรงมพี ระราชศรทั ธาและทำ� นุบำ� รงุ พระพทุ ธศาสนาอยา่ งเอาจรงิ เอาจงั การทำ� ลาย พระพทุ ธศาสนาจะโดยเจตนาหรอื ไม่เจตนาก็ตาม ไดเ้ร่มิ ตงั้ แต่สมยั สงครามกลางเมอื งระหว่าง รฐั บาลนายพล ลอนนอลกบั กลมุ่ เขมรแดงและยดื เย้อื อยู่ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๑๓ – ๒๕๑๘) ช่วงเวลาน้ี วดั วาอารามกวา่ ๑ ใน ๓ ถกู ทำ� ลายลงพระภกิ ษุไดถ้ กู นำ� เขา้ ร่วมขบวนการปฏวิ ตั แิ ละอน่ื ๆ จนไมม่ เี วลาศึกษาเลา่ เรยี นและปฏบิ ตั ธิ รรมกนั ตวั เลขของฝ่ายรฐั บาลลอนนอลบอกวา่ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๓ – ๒๕๒๖ วดั ถกู ทำ� ลายไป ๙๙๗ วดั เฉพาะปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เพยี งปีเดยี ว วดั ถกู ระเบดิ เสยี หายถงึ ๖๗๖ วดั กลมุ่ เขมรแดง นำ� โดยนายพอลพตและนายเขยี ว สมั พนั ยดึ ครองประเทศกมั พชู าไดท้ ง้ั หมด และปกครองอยู่เป็นเวลา ๓ ปี ๘ เดอื น ๒๐ วนั (พ.ศ. ๒๕๑๘ – ๒๕๒๒) แมร้ ฐั มนตรตี ่างประเทศคอื นายเอยี ง สารี จะออกมาประกาศแก่ชาวโลกวา่ “ประชาชนกมั พชู ามสี ทิ ธอิ นั ชอบธรรม ในการนบั ถอื ศาสนาใดศาสนาหน่ึงและพวกเขามสี ทิ ธ์ิอนั ชอบธรรมทจ่ี ะไม่นบั ถอื ลทั ธิและศาสนาใด ๆ” แต่นนั่ เป็นเพยี งหนา้ ฉากเท่านน้ั เพราะโดยลกึ ๆ แลว้ พวกเขาเช่อื สนิทใจวา่ “ศาสนาเป็นยาเสพตดิ และพระเป็นกาฝาก ของสงั คมตามแนวคำ� สอนของลทั ธคิ อมมวิ นสิ ต์ ดงั นน้ั พวกเขาจงึ เร่มิ ลา้ งผลาญพระพทุ ธศาสนาคอื ทำ� ลายหมด ทง้ั ศาสนสถาน ศาสนบคุ คล คมั ภรี ต์ ่าง ๆและศาสนพธิ ใี นยคุ ของเขมรแดงนน้ั พระพทุ ธศาสนาไดถ้ กู ประหตั ประหาร อย่างราบเรยี บจรงิ ๆ วดั พงั หมดพระภกิ ษุสามเณรสกึ และลม้ ตายจากหมด และชาวพทุ ธถกู หา้ มหรอื ไมม่ เี วลา คิดถงึ การประกอบพธิ ีกรรมหรอื ปฏบิ ตั ธิ รรมเลย ดงั นนั้ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ นายยุน ยดั รฐั มนตรกี ระทรวง วฒั นธรรมไดย้ นื ยนั กบั นกั หนงั สอื พมิ พช์ าวเชโกสโลวะเกยี วา่ “พระพทุ ธศาสนาไดต้ ายสนทิ แลว้ ” การฟ้ืนฟขู องพระพทุ ธศาสนา ความจรงิ การทำ� ลายพระพทุ ธศาสนาในกมั พชู าครงั้ นน้ั อาจเรยี กวา่ เป็นการ ทำ� ลายเพยี งรูปแบบภายนอกซง่ึ พวกเขมรแดงเขา้ ใจผดิ ไปวา่ เมอ่ื ระเบดิ วดั ท้งิ จบั พระสกึ ฆ่าท้งิ เสยี และเผาคมั ภรี ์ เสยี แลว้ พระพทุ ธศาสนาจะสาบสูญไป แต่ความจรงิ หาเป็นเช่นนนั้ ไมเ่ พราะพระพทุ ธศาสนาไดส้ ถติ อยู่กลางหวั ใจ ของชาวกมั พชู านบั เป็นพนั ๆ ปี ดงั นนั้ พอเขมรแดงถกู ขบั ออกไปจากพนมเปญ (๗ มกราคม ๒๕๒๒) อดตี พระภกิ ษุท่ถี ูกบงั คบั ใหล้ าสกิ ขาไปก็กลบั มานุ่งสบงทรงจวี รปฏญิ าณตนเป็นภกิ ษุเองก็มี พระสงั ฆราชเทพวงษ์ ประธานสงฆก์ มั พชู าองคป์ จั จบุ นั รอดตายมาอย่างหวดุ หวดิ เพราะทหารเขมรแดงทถ่ี อื คำ� สงั่ ใหน้ ำ� ตวั ทา่ นไปสงั หาร เกดิ ไปปะทะกนั กบั ทหารของฝ่ายรฐั บาลเฮงสมั รนิ ก่อน ต่อมาทา่ นกไ็ ปรบั นมิ นตใ์ หไ้ ปร่วมสมั มนาทางศาสนาตง้ั แต่ ยงั ไมไ่ ดข้ ออปุ สมบทใหม่ พอถงึ เดอื นกนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๒ คณะกรรมการแนวร่วมชาตแิ ละสภาปฏวิ ตั ปิ ระชาชน กมั พูชาไดน้ ิมนตพ์ ระเถระสงั กดั นิกายเถรวาทจากเวยี ดนามใตม้ ที ่าน ติช เบา โจน (Thich Bon Chon) เป็นหวั หนา้ ทำ� หนา้ ทพ่ี ระอปุ ชั ฌายใ์ หก้ ารอปุ สมบทแก่อดตี พระภกิ ษุกมั พูชา ๗ รูป ในจำ� นวนน้ีมที ่าน โกตเวย (Koeut Vey) อาวโุ สสูงสุดอายุถงึ ๘๒ ปี ท่านพระวนิ ยั ธรรมเทพวงศ1์ 9 ประธานสงฆก์ มั พชู าปจั จบุ นั หนุ่มทส่ี ุด อายุเพยี ง ๔๗ ปีในช่วง ๘-๙ ปี ของรฐั บาลเฮง สมั รนิ ทม่ี เี วยี ดนามหนุนหลงั ไดอ้ อกขอ้ บงั คบั และมแี นวปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 19 ปจั จบุ นั คอื สมเดจ็ พระสงั ฆราชฝ่ายมหานกิ ายของกมั พชู าองคป์ จั จบุ นั 05. - 5 (152-187).indd 167 5/10/2022 12:57:44 PM

168 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ๑) วดั หน่ึง ๆ ไมค่ วรมพี ระภกิ ษุเกนิ ๓-๔ รูปเพราะเศรษฐกจิ ยงั ไมด่ พี อจะอปุ ถมั ภบ์ ำ� รุงวดั ๒) ผูท้ จ่ี ะไดร้ บั อนุญาตใหบ้ วชไดจ้ ะตอ้ งเคยบวชมาแลว้ และมอี ายุ ๕๐ ปีข้นึ ไป เพราะประเทศชาติ ตอ้ งการพลเมอื งชายช่วยพฒั นาชาติ ๓) คณะกรรมการแนวร่วมแห่งชาติในทอ้ งถน่ิ จะเป็นผูเ้ ก็บผลประโยชนข์ องวดั เอง เพอ่ื จะนำ� เงนิ บรจิ าคใหว้ ดั ไปสรา้ งโรงเรยี น โรงพยาบาล ฯลฯ ก่อนโดยอา้ งวา่ เป็นความจำ� เป็นเร่งด่วน บางทคี นเขา้ วดั ยงั ตอ้ งเสยี ภาษดี ว้ ยขอ้ จำ� กดั ดงั กล่าวเพง่ิ มาลดหย่อนผ่อนปรนเมอ่ื ปี พ.ศ.๒๕๒๕ คือ รฐั บาลพนมเปญยนิ ยอมใหเ้ดก็ หนุ่ม ๆ บวชเป็นพระภกิ ษุและสามเณรไดแ้ มจ้ ะเป็นผูไ้ มเ่ คยบวชมาก่อน เพยี งแต่ มขี อ้ แมว้ า่ เมอ่ื ใดรฐั บาลตอ้ งการทหารไปรบกบั เขมรแดง จะตอ้ งสกึ ออกมารบั ใชช้ าติ ตามรายงานการประชมุ ของ คณะสงฆก์ มั พชู า เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ระบวุ า่ ไดม้ กี ารซ่อมแซมวดั และเปิดใหบ้ รกิ ารไปแลว้ ๑,๘๒๑ วดั และมี พระภกิ ษุผูไ้ ดร้ บั การอปุ สมบทใหมท่ วั่ ประเทศ ๒,๓๑๑ รูป (ในจำ� นวนน้ีมอี ดตี ภกิ ษุ ๘๐๐ รูป) ในปจั จบุ นั น้ีมวี ดั ทซ่ี ่อมแซมและใชก้ ารไดแ้ ลว้ ๒,๘๐๐ วดั ทวั่ ประเทศมพี ระภกิ ษุสามเณร ๑๖,๐๐๐ รูป ปจั จบุ นั รฐั บาลกรุงพนมเปญดูเหมอื นวา่ โอนอ่อนผ่อนตามความตอ้ งการของประชาชนอยู่บา้ ง โดยเฉพาะ เร่อื งพระพทุ ธศาสนา พวกเขาไดล้ ดหย่อนขอ้ จำ� กดั เร่อื งการขอบรรพชาอปุ สมบทและไดม้ กี ารแกไ้ ขรฐั ธรรมนูญ แห่งชาตเิ มอ่ื เดอื น เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๒ ระบไุ วอ้ ย่างชดั เจนวา่ พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจำ� ชาตกิ มั พชู า (National Religion) ๕.๔ พระพทุ ธศาสนาในประเทศลาว ๕.๔.๑ ภมู ิศาสตร์ ภมู ปิ ระเทศโดยทวั่ ไปเป็นทร่ี าบสูงและทร่ี าบตำ�่ ทร่ี าบสูงประกอบดว้ ยภเู ขาและหบุ เขา จดุ สูงสุดประมาณ ๙,๐๐๐ ฟตุ เตม็ ไปดว้ ยป่าไม้พ้นื ทป่ี ระมาณรอ้ ยละ ๘๐ ของประเทศเป็นพ้นื ทแ่ี หง้ แลง้ ไมเ่ หมาะแก่การเพาะปลูก พ้นื ทบ่ี รเิ วณทร่ี าบลุม่ แม่นำ�้ โขง ซง่ึ มอี ยู่ประมาณรอ้ ยละ ๒๐ ของประเทศ มคี วามอดุ มสมบูรณ์เหมาะแก่การ เพาะปลูก โดยลกั ษณะภมู ปิ ระเทศสามารถแบง่ ออกไดเ้ป็น ๓ ส่วน ไดแ้ ก่ ๑) เขตภเู ขาสูงในภาคเหนอื เป็นทวิ เขาสลบั ซบั ซอ้ น ประกอบดว้ ยพ้นื ทส่ี ามส่วนคอื พ้นื ทภ่ี เู ขาบรเิ วณ ลมุ่ แมน่ ำ�้ จู กบั ลำ� นำ�้ สาขาต่าง ๆ และพ้นื ทบ่ี รเิ วณหบุ เขาลมุ่ แมน่ ำ�้ โขง บรเิ วณน้เี ป็นภเู ขาสลบั ซบั ซอ้ น อดุ มสมบูรณ์ ดว้ ยทรพั ยากรป่าไมม้ ากทส่ี ุดของประเทศ เป็นถน่ิ ทอ่ี ยู่ของลาวสูงหรอื มง้ ๒) เขตท่ีราบสูงในภาคใต้ มีอาณาเขตตง้ั แต่ทิศตะวนั ออกเฉียงใตข้ องท่ีราบสูงเมืองไปพวนไป จนถงึ ชายแดนกมั พูชา  ในบริเวณเขตท่รี าบสูงน้ีมที ่รี าบสูงขนาดใหญ่อยู่ ๓ แห่ง ไดแ้ ก่ ท่รี าบสูงเมอื งพวน (แขวงเชียงขวาง) ท่รี าบสูงนากาย (แขวงคำ� ม่วน) และท่รี าบสูงบริเวณภาคใต้ เป็นถน่ิ อาศยั ของลาวเทงิ หรือ ชาวขมทุ ย่ี งั นบั ถอื ผี ทย่ี งั นบั ถอื ผี ทำ� เกษตรบนทส่ี ูง ทำ� นาขนั้ บนั ได และทำ� ไร่เลอ่ื นลอย 05. - 5 (152-187).indd 168 5/10/2022 12:57:44 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 169 ๓) เขตทร่ี าบลมุ่ ในภาคกลาง เป็นเขตทร่ี าบตามแนวฝงั่ แมน่ ำ�้ โขงและแมน่ ำ�้ ต่าง ๆ เป็นพ้นื ทม่ี คี วามอดุ ม สมบูรณ์มากทส่ี ุดในเขตพ้นื ทท่ี ง้ั ๓ เขต เน่ืองจากเขตทร่ี าบลุม่ เป็นพ้นื ทอ่ี ู่ขา้ วอู่นำ�้ ทส่ี ำ� คญั ของประเทศ ไดแ้ ก่ ทร่ี าบลมุ่ เวยี งจนั ทน์ ทร่ี าบลมุ่ สะหวนั นะเขต และทร่ี าบจำ� ปาสกั ทางภาคใตข้ องลาว ซง่ึ ปรากฏตามแนวแมน่ ำ�้ โขง เร่อื ยไปจนจดชายแดนประเทศกมั พชู า  เป็นถน่ิ ทอ่ี ยู่ของลาวลมุ่ ซง่ึ มอี าชพี หลกั คอื การทำ� นาลมุ่ และทำ� การเกษตร ตามลมุ่ แมน่ ำ�้ โขง20 ประเทศลาวเป็นประเทศเพอ่ื นบา้ น ทม่ี คี วามใกลช้ ดิ และเหมอื นไทยมากทส่ี ุด ไม่ว่าจะเป็นเร่อื งศาสนา ศิลปะ วฒั นธรรม ภาษา เมอ่ื ลาวไดเ้ปลย่ี นแปลงการปกครอง พระพทุ ธศาสนายงั คงอยู่ไมไ่ ดถ้ กู ทำ� ลายเหมอื น เฉกเช่นประเทศเพอ่ื นบา้ นคอมมนู สิ ตอ์ น่ื ๆ จนกระทงั่ ประเทศลาวไดป้ รบั เปลย่ี นนโยบายตอ้ นรบั ระบบทนุ นยิ ม พระพทุ ธศาสนากค็ ่อย ๆ ฟ้ืนตวั การจดั ระเบยี บและการปกครองคณะสงฆข์ องลาว ไดเ้ลยี นแบบประเทศไทย ส่วนพระสงฆก์ น็ ยิ มเขา้ มาศึกษายงั ประเทศไทยเพม่ิ มากข้นึ ๕.๔.๒ ความเช่ือในดา้ นศาสนา ความเช่อื ทางศาสนาของประชาชนในลาว แต่เดมิ นนั้ เชอ่ื เร่อื งผสี างเทวดา เช่น ผบี า้ นผเี รอื น รุกขเทวดา นางไม้ กลา่ วคอื ชนเผ่าดงั้ เดมิ ของลาวมกี ารนบั ถอื ผี ไดแ้ ก่ ผพี อ่ ผแี ม่ ผปี ู่ย่า ตายาย และเปลย่ี นมาเป็นผบี า้ น ผเี รือน ผเี มอื ง ผฟี ้า ผแี ถน ต่อมาความเช่อื ของคนลาวไดม้ กี ารขยายตวั เป็นความเช่อื แบบผพี ราหมณ์ และ พุทธศาสนาในประเทศลาว จึงมลี กั ษณะเป็นการผสมผสานลทั ธิความเช่ือทางศาสนาประกอบดว้ ย ศาสนา ปฐมบรรพ์ ศาสนาพราหมณแ์ ละพทุ ธศาสนา21 ระบบความเช่อื ของชาวลาวปรากฏอยู่ใน นิทานปรมั ปรา หรอื ตำ� นานพ้นื เมอื ง โดยเฉพาะอย่างยง่ิ การปรากฏเร่อื งราวของนาค ซง่ึ เช่อื กนั วา่ นาคเป็นผูบ้ นั ดาลใหเ้กดิ ธรรมชาติ ความมงั่ คงั่ และมนั่ คง “นาค” ปรากฏในตำ� นานต่าง ๆ ของบา้ นเมอื งทวั่ ภมู ภิ าคโดยเฉพาะอย่างยง่ิ บรเิ วณสองฝงั่ แมน่ ำ�้ โขง รวมไปถงึ ตำ� นานอรุ งั คธาตทุ เ่ี ก่ยี วกบั การสรา้ งบา้ นแปลงเมอื งของอาณาจกั รลา้ นชา้ ง ซง่ึ เป็นอาณาจกั ร สมยั โบราณของประเทศลาว แต่ถา้ พจิ ารณาจำ� แนกแยกแยะสญั ลกั ษณ์ในนิทานปรมั ปราเกือบทง้ั หมดแลว้ จะพบวา่ มอี ย่างนอ้ ย ๓ ลกั ษณะ คอื เป็นสญั ลกั ษณข์ องกลมุ่ ชนดง้ั เดมิ เป็นสญั ลกั ษณข์ องเจา้ แห่งดนิ และนำ�้ และเป็นลทั ธิทางศาสนา ในท่ีน้ี “นาค” จึงเป็นตวั แทนของกลุ่มชนพ้ืนเมืองท่ีมีความเช่ือร่วมกนั อิงอยู่กบั สภาพภูมศิ าสตร์ ความเช่ือ สงั คมวฒั นธรรมเหมอื นกนั คือการนบั ถอื บูชาธรรมชาติในส่วนท่กี ลุ่มชนตอ้ งไป เก่ยี วขอ้ งดว้ ย เน่ืองจากการอาศยั และพง่ึ พาธรรมชาตเิ ป็นหลกั ในดำ� รงชวี ติ 22 20 ศูนยอ์ ินโดจีนศึกษา วทิ ยาลยั การบริหารรฐั กิจ มหาวทิ ยาลยั บูรพา, ขอ้ มูลพ้ืนฐานสาธารณรฐั ประชาธิปไตย ประชาชนลาว, (ชลบรุ ี : ศูนยอ์ นิ โดจนี ศึกษา วทิ ยาลยั การบรหิ ารรฐั กจิ มหาวทิ ยาลยั บูรพา, ๒๕๕๑), หนา้ ๑๗. 21 ทววี ฒั น ์ ปณุ ฑรกิ ววิ ฒั น,์ พทุ ธศาสนากบั สงั คมการเมอื งในอษุ าคเนย,์ ในสุเจน กรรพฤทธ์แิ ละสทิ ธา เลศิ ไพบูลยศ์ ิริ (บรรณาธิการ), อษุ าคเนยท์ ่ีรกั , (หนงั สอื ทร่ี ะลกึ ฉลองครบรอบ ๑๐ ปี โครงการเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตศ้ ึกษา), (กรุงเทพ- มหานคร : คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๓), หนา้ ๒๔๘. 22 สุจติ ต์ วงษเ์ ทศ, นาค มาจากไหน, พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๓, (กรุงเทพมหานคร : โพสตบ์ กุ๊ ส,์ ๒๕๕๔), หนา้ ๑๔. 05. - 5 (152-187).indd 169 5/10/2022 12:57:45 PM

170 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ๕.๔.๓ วฒั นธรรมประเพณี ประเทศลาวรวมถงึ ประเทศอ่นื ๆ ในภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ เช่น ลาว ไทย กมั พูชา พม่า มลี กั ษณะร่วมทางวฒั นธรรมทเ่ี หมอื นกนั ไมว่ า่ จะเป็นความเชอ่ื ศาสนา ภาษา กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ และวถิ ชี วี ติ เน่อื งจาก ในสมยั โบราณวฒั นธรรมไม่ไดถ้ ูกจำ� กดั ดว้ ยอาณาเขตและพรมแดนของชาติพนั ธุท์ ่ไี ม่ไดป้ รากฏชดั เช่นสงั คม ปจั จุบนั ท่ที ำ� ใหค้ นตอ้ งกำ� หนดชาติพนั ธุข์ องตวั เอง วฒั นธรรมประเพณีท่มี กี ารปฏบิ ตั ิสบื ต่อกนั มา เรียกว่า ฮตี สบิ สอง คองสบิ ส่ี ฮตี ยค่ี องเจยี ว ฮตี ไภค้ องเชย ฮตี ผวั คองเมยี ซง่ึ มคี วามใกลเ้คยี งกบั ประเพณีของประชาชน ในภาคอสี านของไทย โดยคำ� ว่า ฮีต หมายถงึ จารีต และคำ� ว่า สบิ สอง หมายถงึ ๑๒ เดอื นในรอบหน่ึงปี หมายถงึ การจดั เทศกาลงานประเพณีจนครบทง้ั ๑๒ เดอื น ซง่ึ จะมงี านบญุ ทแ่ี ตกต่างกนั ออกไปในแต่ละเดอื น โดยเฉพาะชาวหลวงพระบางทย่ี งั คงสบื ทอดประเพณีดงั กลา่ วอยา่ งเคร่งครดั ซง่ึ นอกจากบญุ ประเพณีสบิ สองเดอื น ทป่ี รากฏในฮตี สบิ สองแลว้ ยงั มกี ารทำ� บญุ อน่ื เช่น ประเพณีทำ� บญุ ข้นึ บา้ นใหม่ ประเพณีบญุ กองบวชกองหด ประเพณีแต่งงาน บายศรสี ู่ขวญั ประเพณีเล้ยี งผปี ู่ผตี า ประเพณีวนั กรรม (ออกลูก) ประเพณีผดิ ผี ประเพณีขว่ ง (บา่ วสาวลงขว่ ง) ประเพณีแฮกนาขวญั 23 สำ� นกึ และความเช่อื เก่ยี วกบั เผ่าพนั ธุข์ องผูค้ นในอษุ าคเนย์ สะทอ้ นให้ เหน็ ทศั นคติ โลกทรรศนข์ องผูค้ นในแถบน้ี ทม่ี ไิ ดแ้ ยกตวั เองอยู่อย่างโดดเดย่ี ว แต่มกี ารตดิ ต่อสงั สรรค์ สมั พนั ธ์ กนั มาตลอดเวลายาวนานตงั้ แต่ยุคก่อนประวตั ิศาสตร์ จนไม่น่าเช่ือว่าจะมเี ผ่าพนั ธุห์ รือชนชาติใดในปจั จุบนั ทอ่ี า้ งไดว้ า่ เป็นกลมุ่ ชนทไ่ี มเ่ คยผสมผสานกบั ผูค้ นต่างเผ่าพนั ธุห์ รอื ดำ� รงเอกลกั ษณท์ างวฒั นธรรมของตนไวไ้ ด้ โดยปราศจากอทิ ธิพลของวฒั นธรรมเพอ่ื นบา้ น โดยเฉพาะในสภาพแวดลอ้ มทางภูมศิ าสตรท์ ่เี ป็นผนื แผ่นดนิ เดยี วกนั ของอษุ าคเนย์ นอกจากน้ี ยงั มหี ลกั ฐานทางโบราณคดยี นื ยนั ว่า มกี ารติดต่อกนั ระหว่างผูค้ นภายใน ภาคพ้นื ทวปี กบั ผูค้ นภายนอกทงั้ ทางบก ทางทะเลมาตลอดอย่างนอ้ ยไมต่ ำ�่ วา่ ๒,๕๐๐ ปีมาแลว้ 24 ๕.๔.๔ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเขา้ สูล่ าว พระพุทธศาสนาสมยั โบราณยุคอาณาจกั รนนั้ ไม่ว่าจะเป็นอาณาจกั รลา้ นชา้ ง อาณาจกั รเวยี งจนั ทน์ อาณาจกั รหลวงพระบาง และอาณาจกั รจำ� ปาศกั ด์ิ ลว้ นนบั ถอื พทุ ธศาสนายดึ มนั่ ในจติ ใจทงั้ ประชาชนและสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ โดยกษตั รยิ ม์ หี นา้ ทใ่ี นการสนบั สนุนและดูแลพทุ ธศาสนามาโดยตลอด พทุ ธศาสนาไดร้ บั อทิ ธพิ ล จากอาณาจกั รใกลเ้คยี งซง่ึ เป็นประเทศเพอ่ื นบา้ นในปจั จบุ นั ไมว่ า่ จะเป็น พทุ ธศาสนาเถรวาทดงั้ เดมิ อทิ ธพิ ลมอญ ทเ่ี ผยแพร่ทเ่ี ขา้ มาในลาวตง้ั แต่แรกเร่มิ พทุ ธศาสนาเถรวาทแบบกมั พูชาทเ่ี ป็นกระแสหลกั และสบื ทอดต่อเน่ือง มาจนถงึ ปจั จบุ นั โดยมพี ระเจา้ ฟ้างมุ้ มหาราชนำ� เขา้ มาเผยแพร่ พทุ ธศาสนาเถรวาทแบบนิกายธรรมยุตจิ ากไทย ช่วงปกครองลาว พทุ ธศาสนาช่วงยุคโบราณมคี วามเจรญิ รุ่งเรอื งเป็นปึกแผ่น การสูศ้ ึกสงครามไมไ่ ดส้ ง่ ผลกระทบ มากนกั เพราะเป็นสงครามกบั ประเทศเพอ่ื นบา้ นทเ่ี ป็นพทุ ธศาสนกิ ชน ทง้ั ยงั ไดม้ กี ารตดิ ต่อแลกเปลย่ี นพทุ ธศาสนา 23 ศูนยอ์ ินโดจีนศึกษา วทิ ยาลยั การบริหารรฐั กิจ มหาวทิ ยาลยั บูรพา, ขอ้ มูลพ้ืนฐานสาธารณรฐั ประชาธิปไตย ประชาชนลาว, (ชลบรุ ี : ศูนยอ์ นิ โดจนี ศึกษา วทิ ยาลยั การบรหิ ารรฐั กจิ มหาวทิ ยาลยั บูรพา, ๒๕๕๑), หนา้ ๓๗. 24 ปรานี วงษเ์ ทศ, สงั คมและวฒั นธรรมในอษุ าคเนย,์ (กรุงเทพมหานคร : ศิลปวฒั นธรรม,๒๕๔๓), หนา้ ๒๘๖-๒๘๘. 05. - 5 (152-187).indd 170 5/10/2022 12:57:45 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 171 ระหวา่ งกนั โดยตลอดพฒั นาการของพระพทุ ธศาสนาในประเทศลาว ชนชาตลิ าวเป็นชนเผ่าไทยกลมุ่ หน่ึงทม่ี ถี น่ิ ทเ่ี ดมิ อยู่ทางตอนใตข้ องประเทศจนี ซง่ึ เรยี กวา่ อาณาจกั รอา้ ยลาว และไดเ้คลอ่ื นยา้ ยลงมาทางใตต้ ง้ั อาณาจกั รใหม่ เรยี กวา่ น่านเจา้ ต่อมาเจา้ ไทยน่านเจา้ ช่อื ขนุ บรม (ขนุ ลงุ หรอื ขนุ หลวง กเ็ รยี ก) ไดย้ กมาครองแผ่นดนิ ใตล้ งมาอกี และขยายอาณาเขตกวา้ งขวางออกไป ขนุ บรมมโี อรส ๗ องค2์ 5 และไดท้ รงใหโ้ อรสเหลา่ นนั้ ไปสรา้ งบา้ นแปลงเมอื ง ต่าง ๆ มเี มอื งโยนก เมอื งละโว้เมอื งพวน เป็นตน้ ยุคต่อมาเมอ่ื พระยาสุวรรณคำ� ผง ข้นึ ครองราชย์ (พ.ศ. ๑๘๕๙- ๑๘๙๖) พระองคท์ รงมพี ระราชโอรสองคห์ น่ึงพระนามว่า เจา้ ผฟี ้า และเจา้ ผฟี ้ามพี ระราชโอรสอยู่ ๖ องค2์ 6 เจา้ ฟ้างมุ้ คอื พระโอรสองคห์ น่งึ แต่พระองคม์ ลี กั ษณะประหลาดกวา่ คนทง้ั หลาย เพราะเมอ่ื ประสูตนิ น้ั กม็ พี ระทนต์ เตม็ ปากออกมาตง้ั แต่ทรงประสูตแิ ลว้ โหรในราชสำ� นกั ไดพ้ ยากรณว์ า่ เจา้ ฟ้าองคน์ ้ีเป็นกาลบี า้ นกาลเี มอื ง เจา้ ผฟี ้า จงึ ใหข้ า้ ราชสำ� นกั นำ� ไปใส่แพลอยนำ�้ ไปตามยถากรรม ตามตำ� นานวา่ ไปพรอ้ มกบั นางนมและพเ่ี ล้ยี งเมอ่ื แพลอย ไปถงึ แก่งหลผ่ี ี เจา้ ฟ้างมุ้ จงึ ไดข้ ้นึ บกทน่ี ่ีและเดนิ ทางต่อไปถงึ เมอื งนครธมของอาณาจกั รขอม และไดเ้ขา้ ไปอาศยั อยู่กบั พระมหาปาสมนั ตเถระซ่งึ เป็นผูร้ อบรูใ้ นเหตุการณ์ภายภาคหนา้ ท่านทราบว่าเจา้ ฟ้าองคน์ ้ีจะมวี าสนา เป็นกษตั รยิ ต์ ่อไปจงึ นำ� ไปฝากเป็นมหาดเลก็ ศึกษาศิลปะวทิ ยาการต่าง ๆ ในราชสำ� นกั ของพระเจา้ กรงุ อนิ ทปตั ถ2์ 7 รบั ราชการจนเป็นทโ่ี ปรดปรานของพระเจา้ แผน่ ดนิ ถงึ กบั ยกพระราชธดิ าคอื พระนางแกว้ เกงยา หรอื พระนางแกว้ ยอดฟ้า28 สมยั นนั้ อาณาจกั รขอมกำ� ลงั เสอ่ื มอำ� นาจลง ขณะทพ่ี ระเจา้ รามาธบิ ดที ่ี ๑ (พระเจา้ อู่ทอง) แห่งราชวงศ์ อู่ทองไดก้ ่อตง้ั อาณาจกั รกรุงศรีอยุธยาข้นึ (พ.ศ.๑๘๙๓) และเร่ิมแผ่ขยายมาจนถงึ ทางดา้ นอาณาจกั รขอม เพอ่ื เหตผุ ลทางการเมอื ง และเพอ่ื การป้องกนั ตนเอง พระเจา้ แผน่ ดนิ ขอมจงึ ทรงสง่ เจา้ ฟ้างมุ้ ไปครองเมอื งลา้ นชา้ ง29 ๕.๔.๕ บทบาทของพระสงฆใ์ นการเผยแผ่ ในเร่ืองน้ีมีหลกั ฐานต่างกนั เป็น ๒ อย่างคือ หลกั ฐานแรกกล่าวว่า เน่ืองจากพระนางแกว้ เกงยา เป็นพทุ ธศาสนิกชนอย่างเคร่งครดั ครน้ั มาเหน็ เจา้ นาย ขา้ ราชการ และประชาชนยงั นบั ถอื ผอี ยู่และมกี ารฆ่าสตั ว์ บูชายนั ตท์ รงมคี วามสงั เวชอย่างมาก จึงทูลขอพระเจา้ แผ่นดินนำ� พระพุทธศาสนาจากอาณาจกั รขอมเขา้ มา เจา้ ฟ้างมุ้ ทรงสง่ ทูตไปแจง้ ความประสงคย์ งั พระเจา้ แผน่ ดนิ ของขอม พระเจา้ แผน่ ดนิ ขอมไดส้ ง่ พระมหาปาสมนั ต- เถระ ซง่ึ เคยเป็นอาจารยข์ องเจา้ ฟ้างมุ้ ในขณะทท่ี รงล้ภี ยั มาสมยั แรก โดยมพี ระมหาเทพลงั กาพรอ้ มทงั้ นกั ปราชญ์ นายช่าง และบรวิ ารจำ� นวนมากตามมา นอกจากนน้ั ยงั ทรงพระราชทานพระพทุ ธรูปปางหา้ มญาตชิ ่อื “พระบาง”30 และพระไตรปิฎกกบั ศาสนวตั ถอุ น่ื ๆ ไปพระราชทานเจา้ ฟ้างมุ้ หลกั ฐานต่อมากลา่ ววา่ เมอ่ื เจา้ ฟ้างมุ้ ไดค้ รองราชย์ 25 ขจดั ภยั บรุ ุษพฒั น,์ แลลาว, (กรุงเทพมหานคร : แพร่วทิ ยา, ๒๕๓๗), หนา้ ๖๓. 26 บญุ ช่วย ศรสี วสั ด์,ิ ราชอาณาจกั รลาว, (กรุงเทพมหานคร : สยาม, ๒๕๔๗), หนา้ ๑๙๙. 27 บางตำ� ราสนั นิษฐานวา่ ควรจะเป็นพระเจา้ ชยั วรมนั ปรเมศวร 28 พระราชธดิ าพระองคน์ ้ีมพี ระนามอกี หลายพระนาม เช่น เจา้ หญงิ คำ� หยาด พระนางคำ� ยกั เป็นตน้ 29 เมอื งหลวงพระบางในปจั จบุ นั 30 พระบางเป็นพระพทุ ธรูปทถ่ี อื วา่ เป็นสญั ลกั ษณข์ องอาณาจกั รลา้ นชา้ ง 05. - 5 (152-187).indd 171 5/10/2022 12:57:45 PM

172 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา แลว้ ไมน่ าน กป็ รากฏวา่ ทรงมพี ระทยั โหดรา้ ยทารุณ ความทราบถงึ พระเจา้ แผ่นดนิ ขอมผูเ้ป็นพระสสุระ (พอ่ ตา) จงึ มรี บั สงั่ ใหเ้จา้ ฟ้างมุ้ ไปเฝ้า แลว้ พระราชทานโอวาทใหป้ กครองตามหลกั ธรรมตลอดจนถงึ ใหน้ ำ� พระพทุ ธศาสนา แบบเถรวาทเขา้ ไปยงั อาณาจกั รลา้ นชา้ ง รชั สมยั ของเจา้ ฟ้างมุ้ นนั้ เต็มไปดว้ ยศึกสงคราม ทำ� ใหช้ าวลาวทม่ี นี ิสยั รกั สงบเกิดความเบ่อื หน่าย จนในท่สี ุดพรอ้ มใจกนั ขบั พเจา้ งมุ้ ฟ้าออกจากราชบลั ลงั ก์ และอภเิ ษกพระโอรส ทรงพระนามวา่ “พญาสามแสนไท”31 ข้นึ เป็นพระเจา้ แผ่นดนิ และพระองคท์ รงอภเิ ษกกบั เจา้ หญงิ แห่งอาณาจกั ร กรุงศรอี ยุธยา ซง่ึ ทำ� ใหม้ กี ารจดั ระเบยี บบา้ นเมอื งตามแบบแผนวธิ กี ารทไ่ี ดร้ บั จากไทยเป็นอนั มาก พญาสามแสนไท ทรงทำ� นุบำ� รงุ พระพทุ ธศาสนาใหเ้จรญิ ร่งุ เรอื งเป็นอย่างมากเช่น ทรงสรา้ งวดั มโนรมย์ วดั อโุ บสถ หอสมดุ โรงเรยี น พระปรยิ ตั ธิ รรม เป็นตน้ และทรงเจรญิ พระราชไมตรกี บั กรุงศรอี ยุธยา ตลอดจนถงึ กมั พชู า เวยี ดนาม ถอื ไดว้ า่ ในสมยั น้ีเป็นสมยั แห่งการจดั สรรบา้ นเมอื ง และการสรา้ งความมนั่ คงเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ในรชั สมยั พระเจา้ โพธิสารราช (พ.ศ. ๒๐๔๔-๒๐๖๓) บา้ นเมอื งมแี ต่ความสงบ ดงั นนั้ จงึ มเี วลาทำ� นุบำ� รุงพระพทุ ธศาสนา เช่น ทรงสรา้ งวดั ในพระบรมมหาราชวงั เชยี งทอง ทรงสรา้ งวดั วชิ ลุ ราชเพอ่ื ทจ่ี ะทรงอญั เชญิ พระบางมาจากเมอื งเวยี งคำ� มาประดษิ ฐานทว่ี ดั น้ี และต่อมาทรงสรา้ งวดั โพธ์สิ บเพอ่ื เป็นอนุสรณแ์ ก่พระราชธดิ าของพระองคท์ ส่ี ้นิ พระชนมล์ ง แต่ทรงพระเยาว์ บทบาทการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาของสงฆล์ าวในช่วงหลงั เปลย่ี นแปลงการปกครอง พ. ศ. ๒๕๑๘ ดูจาก สภาพการณแ์ ลว้ คงเป็นดว้ ยความยากลำ� บาก ดว้ ยเงอ่ื นไขทางการเมอื งและสงั คม กลา่ วคือ ทางการเมอื งโดย รฐั บาลตอ้ งการให้ พระสงฆท์ ำ� งานใกลช้ ดิ กบั รฐั บาลในแงน่ ้ีมมี มุ มองทส่ี ามารถวเิ คราะหไ์ ดด้ งั น้ี ๑) รฐั บาลมองเหน็ ความสำ� คญั ของพระสงฆท์ เ่ี ป็นผูใ้ กลช้ ดิ กบั ชาวบา้ นทกุ ระดบั การจะสอ่ื สารหรอื เทศนากบั ชาวบา้ นเป็นไปไดง้ า่ ย จากหลกั ฐาน ทท่ี างการไดน้ ำ� ปญั ญาชนและขา้ ราชการในระบอบไปสมั มนาเพอ่ื ปรบั ตวั เขา้ กบั อดุ มการณส์ งั คมนิยมใหมข่ องพรรค มลู เหตทุ เ่ี ขา (พรรคประชาชนปฏวิ ตั ลิ าว) ตอ้ งเอาพระสงฆไ์ ป สมั มนาก่อนกเ็ พราะวา่ พระสงฆเ์ ป็นทน่ี บั ถอื ของประชาชนมาก เขากเ็ ลยเอาพระสงฆน์ นั่ แหละเป็นบนั ไดกา้ วเขา้ ไป ชกั จูงประชาชน เอาพระสงฆนนั่ แหละเป็นผูเ้ผยแพร่หลกั การของพวกเขา โดยเฉพาะในเขตปลดปลอ่ ยชนบทนนั้ พระสงฆร์ ่วมกบั พรรคประชาชนปฏวิ ตั ไิ ด้ ช่วยเผยแผ่ศาสนาและอดุ มการณส์ งั คมเป็นอย่างมาก ๒) รฐั บาลมคี วามระแวงในบทบาทของสงฆใ์ นการท่จี ะเทศนา สงั่ สอนชาวบา้ นชาวเมอื งใหก้ ระดา้ ง กระเดอ่ื งต่ออำ� นาจรฐั จงึ ตอ้ งจดั ระเบยี บสงฆ์ ใหม้ คี วามชดั เจน เน่อื งจากในช่วงน้มี ฝี ่ายปฏกิ ารคอื ผูส้ ูญเสยี อำ� นาจ ฝ่ายขวาเดมิ ยงั ปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื คนื สู่อำ� นาจอกี กอปรกบั พระสงฆใ์ นเมอื งทงั้ เป็นธรรมยุตและมหานิกายบางส่วน ทส่ี นบั สนุนรฐั บาลของเจา้ มหาชวี ติ ยงั รอท่าทรี ฐั บาลระบอบใหมว่ า่ จะจดั ระเบยี บสงฆอ์ ย่างไรอกี ไดเ้หน็ ตวั อย่าง จากอดตี สมเดจ็ พระสงั ฆราช หลบหนอี อกจาก สปป. ลาว จงึ ทำ� ใหร้ ฐั บาลยงั คงระแวงพระสงฆบ์ างกลมุ่ อยู่ เพราะฉะนน้ั เพอ่ื ใหอ้ ดุ มการณส์ งั คมนยิ มและการปฏวิ ตั สิ งั คม ของพรรคเป็นไปไดด้ ว้ ยความรวดเรว็ และ เรยี บรอ้ ย รฐั บาลจงึ ตอ้ งจดั สมั มนาแนวความคดิ ทางการเมอื งแบบมากซ-์ เลนนิ ใหก้ บั พระสงฆเ์ พอ่ื แสดงใหเ้หน็ วา่ 31 พญาสามแสนไท มอี กี พระนามหน่ึง คอื พระเจา้ แสนไทไรภวู นาถ ครองราชยร์ ะหวา่ ง พ.ศ. ๑๙๑๖. 05. - 5 (152-187).indd 172 5/10/2022 12:57:45 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 173 รฐั บาล ใหค้ วามสำ� คญั กบั พระสงฆใ์ นการร่วมกนั สรา้ งสงั คมและประเทศชาตภิ ายใต้ ระบอบใหมอ่ กี ประการหน่ึง การสมั มนาพระสงฆน์ ้ีก็เพอ่ื เพม่ิ เตมิ ความรูค้ วามเขา้ ใจ ในนโยบายของรฐั บาลเก่ยี วกบั แนวคดิ แบบมากซ-์ เลนิน เพอ่ื ใชใ้ นการเทศนแ์ ก่ประชาชนดงั ปรากฏในคำ� กลา่ วปิดประชมุ สมั มนาหลกั สูตรการฝึกครู พระพทุ ธศาสนาท่ี เวยี งจนั ทนข์ องนายพมู วี งวจิ ดิ ทว่ี า่ พระสงฆค์ วรทจ่ี ะศึกษาเร่อื งการเมอื งเพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั การปฏวิ ตั ทิ เ่ี กดิ ข้นึ ซง่ึ จะทำ� ใหพ้ ระสงฆ์ สามารถปฏบิ ตั งิ านเคยี งคู่กบั เจา้ หนา้ ทบ่ี า้ นเมอื งได้พระสงฆท์ เ่ี ทศนาสงั่ สอนประชาชนในเขต ชนบทตอ้ งเขา้ ใจประชาชนท่มี าฟงั เทศน์ และตอ้ งเลอื กคำ� สอนท่เี หมาะสมท่จี ะใหแ้ ก่ประชาชนเพอ่ื ท่จี ะเปลย่ี น แนวคดิ ของพวกเขา ถา้ เทศนาเก่ยี วกบั เร่อื งพระพทุ ธศาสนาในยุคโบราณอย่างเดยี ว จะทำ� ให้ ประชาชนไมเ่ ขา้ ใจ และไมส่ ามารถเหน็ ถงึ ความสมั พนั ธท์ จ่ี ะนำ� มาใชก้ บั ความ เป็นจรงิ ในปจั จบุ นั ไดท้ ง้ั น้ีพระสงฆค์ วรจะผสมผสาน เร่อื งราวทางการเมอื งปจั จบุ นั และเร่อื งพระพทุ ธศาสนาเขา้ ไปในการเทศนาแต่ละครง้ั ดว้ ยเพราะฉะนน้ั ในระยะ เร่มิ แรกของการเปลย่ี นแปลงการเมอื งการปกครอง พระสงฆจ์ ะถกู จำ� กดั บทบาทในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา ตามรูปแบบเดมิ ทง้ั น้ีเหตผุ ลหน่ึงคอื การทร่ี ฐั ตอ้ งรบี เร่งในการฟ้ืนฟูและพฒั นาชาติ หลงั จากทต่ี กอยู่ภายใตค้ วาม วุน่ วายทางการเมอื งและการต่อสูก้ นั ในสงคราม เรยี กรอ้ งเอกราชและความขดั แยง้ ภายในชาตทิ ทำ� ใหพ้ รรคและ รฐั บาลตอ้ งอาศยั บทบาทของพระสงฆใ์ นการร่วมพฒั นาประเทศชาตแิ ละสงั คม32 ๕.๔.๖ อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาในประเทศลาว ๑. ดา้ นเศรษฐกจิ ในยุคแรก พระพทุ ธศาสนาฝ่ายเถรวาทเพ่งิ ไดร้ บั เขา้ มาจากอาณาจกั รขอม ต่อมาจึงไดเ้ จริญรุ่งเรือง ในสมยั น้ีอทิ ธพิ ลทางดา้ นเศรษฐกจิ ยงั ไมม่ ใี หเ้หน็ มาก แต่เมอ่ื พระพทุ ธศาสนาเจรญิ รุ่งเรอื งอย่างทส่ี ุด เช่น สมยั พระเจา้ โพธสิ ารราช หรอื พระเจา้ ไชยเชษฐาธริ าช ทำ� ใหเ้กดิ การก่อสรา้ งถาวรวตั ถใุ นพทุ ธศาสนา และการปฏบิ ตั ิ ศาสนพธิ ี ตลอดถงึ การปฏบิ ตั ดิ า้ นจติ ใจข้นึ มาเป็นอย่างมาก บา้ นเมอื งมแี ต่ความสงบเรยี บรอ้ ย ประชาชนไดท้ ำ� มา หากนิ อย่างสงบปราศจากภยั ภายนอก เศรษฐกจิ ของประเทศเจรญิ รุ่งเรอื งประชาชนมคี วามกนิ ดอี ยู่ดี พระพทุ ธ- ศาสนาไดร้ บั การทำ� นุบำ� รุงเป็นอย่างดี ในยุคทม่ี คี วามแตกแยก และยุคเร่มิ ตน้ ใหม่ ในยุคน้ีเป็นยุคทม่ี กี ารสูร้ บ ทางการเมอื งและทางความคดิ เป็นอย่างมาก ๒. ดา้ นการเมือง ประเทศมคี วามวุ่นวายตกเป็นเมอื งข้นึ ของต่างชาตแิ ละเมอ่ื ไดร้ บั เอกราชแลว้ ยงั มกี ารต่อสูก้ นั เองภายใน ประเทศจนมกี ารเปลย่ี นระบบการปกครองจากสมบูรณาญาสทิ ธิราชยเ์ ป็นระบอบสาธารณรฐั สงั คมนิยม ไม่มี การทำ� นุบำ� รุงพระพทุ ธศาสนา มแี ต่จะทำ� ลายพระพทุ ธศาสนา ถาวรวตั ถทุ างศาสนาเสอ่ื มโทรม พระภกิ ษุสามเณร ถกู จบั สกึ หรอื หนอี อกนอกประเทศ สำ� หรบั ดา้ นการเมอื ง 32 หอมหวล บวั ระภา, “พระพทุ ธศาสนาลาวภายใตอ้ ดุ มการณ์สงั คมนิยม ๒๕๑๘-๒๕๓๓”, วารสารมนุษยศาสตร์ สงั คมศาสตร์ ๒๙ ฉบบั ท่ี ๑ (มกราคม-เมษายน ๒๕๕๕) : ๒๐๔-๒๐๖. 05. - 5 (152-187).indd 173 5/10/2022 12:57:45 PM

174 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ๑) พระมหากษตั รยิ ข์ องลาวในครง้ั อดตี มพี ระปรชี าสามารถตงั้ อยู่ในทศพธิ ราชธรรมตามหลกั คำ� สอน ในพระพทุ ธสาสนา สงั คมมคี วามสงบเรยี บรอ้ ย ประเทศชาตกิ เ็ จรญิ มนั่ คง ๒) รฐั บาลมกี ารออกกฎหมายเพอ่ื ทำ� นุบำ� รุงพระพทุ ธสาสนา เช่น รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รลาว เคยไดบ้ ญั ญตั ิว่า “พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจำ� ชาติ และพระมหากษตั ริยเ์ ป็นเอกอคั รศาสนูปถมั ภก” อกี แห่งบญั ญตั วิ า่ “คณะสงฆล์ าว มนี ิกายเดมิ นิกายเดยี ว”33 ๓) พระพทุ ธศาสนาเป็นศูนยร์ วมจติ ใจของชาวลาว เพราะการทช่ี าวลาวนบั ถอื ศาสนาเดยี วกนั มาตลอด ทำ� ใหป้ ระชาชนในประเทศมคี วามเป็นนำ�้ หน่ึงใจเดียวกนั ตลอด สามารถร่วมมอื ป้องกนั ศตั รูจากภายนอกได้ ถงึ แมว้ า่ บางสมยั อาจจะตกเป็นเมอื งข้นึ ของพมา่ ฝรงั่ เศส หรอื มกี ารเปลย่ี นแปลงรูปแบบการปกครองเป็นระบอบ สาธารณรฐั แบบสงั คมนิยมในปจั จบุ นั แต่พระพทุ ธศาสนาก็ยงั เป็นศูนยร์ วมทางดา้ นจติ ใจของชาวลาวมาจนถงึ ปจั จบุ นั ๔) พระพทุ ธศาสนามคี วามสมั พนั ธก์ บั ผูน้ ำ� ประเทศอย่างใกลช้ ดิ เช่น ถา้ สมยั ใดผูน้ ำ� ประเทศเคร่งครดั และทำ� นุบำ� รุงพระพทุ ธสาสนาแลว้ พระพทุ ธศาสนาก็จะไดร้ บั การทำ� นุบำ� รุง และมคี วามเจรญิ รุ่งเรอื งอย่างมาก แต่ถา้ สมยั ใดผูน้ ำ� ทางการเมอื งม่งุ แก่งแย่งอำ� นาจทางการเมอื ง หรอื ยุ่งกบั การสูร้ บ และไม่ทำ� นุบำ� รุงพระพทุ ธ- ศาสนาแลว้ พระพทุ ธสาสนากเ็ สอ่ื มโทรมลง ๕) พระพทุ ธศาสนามสี ่วนช่วยใหป้ ระเทศชาตมิ นั่ คง และเป็นปึกแผ่น เช่นในสมยั เร่มิ มกี ารก่อสรา้ ง อาณาจกั รลา้ นชา้ งโดยเจา้ ฟ้างมุ้ และมกี ารนำ� พระพทุ ธศาสนาเขา้ มา ซ่งึ เป็นจุดเร่ิมตน้ ท่เี ป็นส่วนหน่ึงท่ที ำ� ให้ ประเทศชาตมิ นั่ คงอยู่ได้ ๓. ดา้ นสงั คม ๑) ช่วยใหป้ ระเทศชาตมิ คี วามสงบเรยี บรอ้ ย เพราะประชาชนตง้ั มนั่ อยู่ในศีลธรรมและหลกั คำ� สอน ในพระพทุ ธศาสนา ๒) การศึกษาของประเทศมกี ารพฒั นาและเจรญิ กา้ วหนา้ เพราะมกี ารใหก้ ารศึกษากบั ภกิ ษุสามเณร ทเ่ี ขา้ มาบวชเรยี น ซง่ึ เป็นจดุ เรม่ิ ตน้ ของการพฒั นาการศกึ ษาของประเทศ และการพฒั นาทางดา้ นจติ ใจของประชาชน เช่นสมยั ยุคปจั จบุ นั น้ี ๓) พระพทุ ธศาสนาช่วยใหเ้ กิดวรรณกรรมพ้นื บา้ นและวรรณคดที างพระพทุ ธศาสนาของลาว เช่น วรรณกรรมเร่อื งปู่สอนหลาน หรอื หลานสอนปู่ เป็นตน้ ๕.๔.๗ แนวโนม้ ของพระพทุ ธศาสนาในลาวในอนาคต อาณาจกั รลาวตกเป็นเมอื งข้นึ ของฝรงั่ เศสอยู่ ๔๕ ปี จงึ ไดร้ บั เอกราชเมอ่ื วนั ท่ี ๑๙ กรกฎาคม ๒๔๙๒ มชี อ่ื เป็นทางการวา่ “สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว” ในช่วงทเ่ี ป็นอาณานิคมของฝรงั่ เศสนน้ั พระพทุ ธศาสนา 33 นกิ ายเถรวาทแบบลงั กาวงศ์ 05. - 5 (152-187).indd 174 5/10/2022 12:57:45 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 175 ในลาวเสอ่ื มลงไปบา้ งเพราะไมไ่ ดร้ บั การเอาใจใสบ่ ำ� รุงเท่าทค่ี วร แต่ประชาชนไดช้ ่วยกนั รกั ษาพระศาสนาใหค้ งอยู่ ต่อมาจนเมอ่ื ลาวไดร้ บั เอกราช แมว้ า่ บา้ นเมอื งจะยงั ไมเ่ รยี บรอ้ ย แต่ทางราชการก็ร่วมฟ้ืนฟูทำ� นุบำ� รุงพระพทุ ธ- ศาสนาอย่างเตม็ ท่ี ก่อนทล่ี าวจะไดร้ บั เอกราชจากฝรงั่ เศสนน้ั แผ่นดนิ ลาวมคี วามวุน่ วายเป็นอย่างมาก เร่มิ ตงั้ แต่ ญป่ี ่นุ รุกเขา้ มาครอบครองคาบสมทุ รอนิ โดจนี และถอนตวั ออกไป พ.ศ. ๒๔๘๘ ชาวลาวไดแ้ ตกแยกทางความคดิ บางส่วนวา่ จะกลบั มาอยู่กบั ฝรงั่ เศสบางส่วนเรยี กรอ้ งเอกราชคนื จนเป็นเหตใุ หเ้กดิ ลาวอสิ ระข้นึ พ.ศ. ๒๕๐๓ ชาวลาวแตกแยกเป็น ๓ ฝ่าย มฝี ่ายขวา ฝ่ายกลาง และฝ่ายซา้ ย ต่างฆ่าฟนั กนั ตลอดมา แมจ้ ะพยายามใหไ้ ดร้ บั ความสมานฉันทด์ ว้ ยการตงั้ รฐั บาลผสม แต่ก็ไดเ้ พียงชวั่ คราว เม่ือไดร้ บั เอกราชแลว้ ยงั มีความวุ่นวาย ขาดเสถยี รภาพทางการเมอื ง ไม่มคี วามสงบสุขพอท่จี ะเป็นฐานสำ� หรบั สรา้ งสรรคค์ วามเจริญกา้ วหนา้ ในดา้ น ต่าง ๆ ได้ ปจั จบุ นั เร่มิ มคี วามสงบภายในมากข้นึ ไดห้ นั มาทำ� นุบำ� รุงศาสนา ตลอดจนไดร้ บั ความช่วยเหลอื จาก ชาวไทยในการฟ้ืนฟูพระพทุ ธ ศาสนาในลาว เช่น การเขา้ ร่วมสรา้ งถาวรวตั ถุ การบวชภกิ ษุ การส่งเสรมิ การศึกษา พระปรยิ ตั ธิ รรมใหก้ บั ภกิ ษุชาวลาวทข่ี อเขา้ มาเรยี นในประเทศไทย ในปจั จุบนั น้ี ลาวหนั มาใชร้ ูปแบบการปกครองระบอบสาธารณรฐั แบบสงั คมนิยม และเร่ิมมกี ารฟ้ืนฟู พระพทุ ธศาสนาข้นึ มาใหม่ โดยประชาชนชาวลาวเอง และประชาชนทน่ี บั ถอื พระพทุ ธศาสนาในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศไทย ไดม้ สี ว่ นช่วยฟ้ืนฟพู ระพทุ ธศาสนาในประเทศลาวเป็นอยา่ งมาก โดยเฉพาะพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช พระมหากษตั ริยข์ องไทย ไดเ้ สด็จพระราชดำ� เนินเยอื นประเทศลาว และพระราชทานกฐนิ พระราชทานใหข้ า้ ราชการนำ� ไปถวายยงั วดั หลวงของลาว ตลอดถงึ ประชาชนชาวไทยท่ี ร่วมกนั บูรณะถาวรวตั ถทุ างพทุ ธศาสนาในลาว โดยร่วมสบทบทนุ และสง่ เสรมิ การศึกษาของคณะสงฆล์ าว เป็นตน้ อกี ทงั้ ในรฐั ธรรมนูญแห่งชาตลิ าว (สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว) ฉบบั ปจั จบุ นั (พ.ศ. ๒๕๓๔/ค.ศ. ๑๙๙๑) พดู ถงึ เสรภี าพในการยอมรบั นบั ถอื ศาสนาอยา่ งเสรพี อสมควร ดงั ปรากฏในมาตราท่ี ๓๐ วา่ “Lao citizens have the right and freedom to believe or not to believe in religions. (ประชาชนชาวลาวย่อมมสี ทิ ธิ และเสรภี าพทจ่ี ะเชอ่ื ถอื หรอื ไมเ่ ชอ่ื ถอื ในศาสนา)”34 ซง่ึ ทำ� ใหช้ าวลาวมสี ทิ ธเิ สรภี าพในการเลอื กนบั ถอื ศาสนา และ ทำ� ใหส้ ภาพการณใ์ นการนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาไดม้ คี วามเจรญิ รุ่งเรอื งตราบเท่าทกุ วนั น้ี ๕.๕ พระพทุ ธศาสนาในเวยี ดนาม ๕.๕.๑ ภมู ิศาสตร์ สาธารณรฐั สงั คมนิยมเวยี ดนาม (Social Republic of Vietnam) ตง้ั อยู่บรเิ วณทะเลจนี ใตเ้ป็นประเทศ ทม่ี สี ภาพอากาศหลากหลาย มปี ระวตั ศิ าสตรค์ วามเป็นมายาวนานนบั พนั ปี และเป็นเพยี งประเทศเดยี วในภมู ภิ าค 34 พระศรปี รยิ ตั โิ มลี (สมชยั กสุ ลจติ โฺ ต), การเดินทางไปรว่ มประชมุ ใหญ่ เอบซี ีพี ครง้ั ท่ี ๑๐, ณ นครเวยี งจนั ทร,์ สารนพิ นธพ์ ทุ ธศาสตรบณั ฑติ รุ่นท่ี ๔๘ ปีการศึกษา ๒๕๔๔, (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๖), หนา้ ๕๘. 05. - 5 (152-187).indd 175 5/10/2022 12:57:45 PM

176 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตเ้พยี งประเทศเดยี วทร่ี บั เอาอทิ ธพิ ลวฒั นธรรมจนี เขา้ มาตง้ั แต่เมอ่ื ครง้ั อดตี และยงั คงมี จารตี วฒั นธรรมทร่ี บั ตกทอดมาเป็นส่วนหน่ึงของวถิ ชี วี ติ ชาวเวยี ดนามจวบจนปจั จบุ นั ประเทศเวยี ดนามตง้ั เรยี ง เป็นแนวยาวตามฝงั่ ตะวนั ตกของทะเลจนี ใต้มลี กั ษณะรูปร่างเป็นตวั S มขี นาดพ้นื ท่ี ๓๓๑,๒๑๐ ตารางกโิ ลเมตร (CIA The world factbook, ๒๐๑๕) เป็นผนื ดนิ ๓๑๐,๐๗๐ ตารางกโิ ลเมตร และผนื นำ�้ ๒๑,๑๔๐ ตาราง กโิ ลเมตร เวยี ดนามถอื เป็นประเทศทม่ี อี ตั ราการเตบิ โตของประชากรเพม่ิ ข้นึ อยา่ งรวดเรว็ เมอ่ื ดูจากอตั ราประชากร ในปี ๑๙๒๕ ซง่ึ เป็นช่วงยุคการปกครอบของอาณานิคมฝรงั่ เศส ขณะนน้ั เวยี ดนามมปี ระชากร ๑๗ ลา้ นคน ต่อมาในปี ๑๙๗๕ หลงั การรวมประเทศเวยี ดนาม มจี ำ� นวนประชากร ๓๐ ลา้ นคน ต่อมาในปี ๑๙๗๙ ทางการ เวยี ดนามมกี ารสำ� รวจสำ� มะโนประชากรได้ ๕๒.๗๖ ลา้ นคน ต่อมาในปี ๑๙๘๙ ซง่ึ เป็นช่วงหลงั จากทเ่ี วยี ดนาม ประกาศนโยบายปฏริ ูปเศรษฐกจิ ฉบบั ใหมผ่ า่ นไปไดส้ ามปีมปี ระชากร ๖๑.๔ ลา้ นคน (เขยี น, ๒๕๔๒) และปจั จบุ นั เวยี ดนามปีประชากรเพม่ิ ข้นึ เป็นจำ� นวนกวา่ ๙๔ ลา้ นคน โดยเป็นประเทศมปี ระชากรมากเป็นอนั ดบั ๑๕ ของโลก และเป็นอนั ดบั ท๓่ี ของอาเซยี นรองจากอนิ โดนเิ ซยี และฟิลปิ ปินส3์ 5 ๕.๕.๒ ความเช่ือในดา้ นศาสนา เวยี ดนามมคี วามสมั พนั ธก์ บั จนี มาก่อนการปฏวิ ตั ริ ะบบการปกครอง จงึ ทำ� ใหม้ คี วามเชอ่ื ศลิ ปะวถิ กี ารดำ� รง ชวี ติ ตลอดจนประเพณีและวฒั นธรรมต่าง ๆ ทใ่ี กลเ้คยี งกบั จนี ลทั ธคิ วามเชอ่ื ต่าง ๆ ของจนี ไดแ้ พร่ขยายมายงั เวยี ดนามดว้ ย ทง้ั ลทั ธขิ งจอื๊ ทใ่ี หค้ วามสำ� คญั ต่อการนบั ถอื บรรพบรุ ษุ ลทั ธเิ ตา๋ ทส่ี อนเรอ่ื งความสมดลุ ของธรรมชาติ รวมไปถงึ ศาสนาพทุ ธนิกายมหายานท่สี อนเร่ืองกรรมดแี ละกรรมชวั่ แมว้ ่ารฐั บาลคอมมวิ นิสตข์ องเวยี ดนาม จะทำ� ลายความเช่ือและศาสนาส่วนหน่ึงไปในช่วงปฏวิ ตั ิระบบการปกครอง แต่ปจั จุบนั มกี ารผ่อนปรนมากข้นึ โดยอนุญาตใหม้ นี กั บวชในศาสนาพทุ ธและศาสนาอน่ื ๆ ไดอ้ กี ทงั้ พลเมอื งส่วนหน่ึงยงั คงรกั ษาขนบธรรมเนียม ประเพณีดง้ั เดมิ สบื ทอดมาจน ถงึ ปจั จบุ นั  ชาวเวยี ดนามยงั มคี วามนบั ถอื สวรรคห์ รอื ทเ่ี รยี กวา่ “องเตร่ย (Ong Troi)” และเชอ่ื วา่ ทกุ หนทกุ แห่งมเี ทพเจา้ สถติ ยอ์ ยู่ ไมว่ า่ จะเป็นเทพเจา้ ดนิ เทพเจา้ นำ�้ หรอื เทพเจา้ อน่ื ๆ ดงั นนั้ นอกจากวดั ในศาสนาพทุ ธ (จวั่ - Chua) ศาลาประชาคม (ดนิ ห์ - Dinh) หรอื แท่นบูชาจกั รพรรดใิ นอดตี (เดน - Den) แลว้ ยงั มกี ารตง้ั แท่นบูชาเทพเจา้ (เหมยี ว - Mieu) กระจายอยู่โดยทวั่ ไป ประชาชนนยิ มนำ� ดอกไม้ ธูป เทยี น และผลไมม้ าสกั การะบูชาในวนั ท่ี ๑ และ ๑๕ คำ�่ นอกจากน้ี คำ� สอนของขงจอื๊ กย็ งั คงอทิ ธพิ ลอยูใ่ นเวยี ดนาม ทำ� ใหช้ าวเวยี ดนามใหค้ วามสำ� คญั กบั การเซ่นไหวบ้ รรพบุรษ เวยี ดนามเป็นประเทศท่มี คี วามหลากหลายทาง ชาตพิ นั ธุ์ ภาษา ศาสนาและความเชอ่ื เน่ืองจากมปี ระชากรเป็นจำ� นวนมากถงึ ๘๗.๘๔ ลา้ นคน ๕๔ กลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์ ๓ ตระกูลภาษา ทง้ั ยงั สามารถจำ� แนกเป็นกลมุ่ ภาษายอ่ ยไดอ้ กี ๘ กลมุ่ จากผลสำ� รวจโดยรฐั บาลพบวา่ ในเวยี ดนาม มศี าสนาอยู่ทงั้ ส้นิ ๑๒ ศาสนา หากแต่ในจำ� นวนน้ีมี ๖ ศาสนาทม่ี คี วามโดดเด่นและมสี ดั ส่วนของศาสนิกชน 35 [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : https://www.sac.or.th/databases/southeastasia/subject.php?c_id [๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔]. 05. - 5 (152-187).indd 176 5/10/2022 12:57:45 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 177 ค่อนขา้ งแน่ชดั คอื พระพทุ ธศาสนา ๑๐-๕๐ %  ศาสนาครสิ ตน์ กิ ายโรมนั คาทอลคิ ๘-๑๐ % นกิ ายโปรเตสแตนต์ รอ้ ยละ ๑-๒ %  เกาไดร๋ อ้ ยละ ๒.๕-๔ % หวั เหารอ้ ยละ ๑.๕-๓ % ศาสนาอสิ ลามนอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๐.๑ %   ๕.๕.๓ วฒั นธรรมประเทศเวยี ดนาม   ดา้ นศิลปวฒั นธรรมของเวยี ดนาม มคี วามแตกต่างกบั ศิลปวฒั นธรรมของไทยอย่างมาก ทเ่ี ป็นอย่างน้ี เป็นเพราะเวยี ดนามถกู ปกครองโดยประเทศจนี มาหลายครงั้ หลายหน จนอาจเรยี กไดว้ า่ อารยธรรม วฒั นธรรม ของเวยี ดนาม คือ วฒั นธรรมของประเทศจนี นนั่ เอง โดยเฉพาะทางดา้ นศิลปของโบราณสถานต่าง ๆ อาทิ พระราชวงั วดั สุสาน ฯลฯ ซง่ึ มคี วามคลา้ ยคลงึ กนั จนไมส่ ามารถแยกออกใหเ้หน็ อย่าง เด่นชดั แมใ้ นช่วงหลงั มาน้ี เวยี ดนามอาจไดร้ บั อทิ ธิพลจากประเทศฝรงั่ เศล และญ่ีปุ่นอยู่บา้ ง แต่ในภาพรวมแลว้ จะคลา้ ยคลงึ กบั ประเทศจีน และมหี ลกั ฐานใหเ้ หน็ อยู่ทวั่ ไปบริเวณสองขา้ งทางท่พี วกเราผ่านไปเกือบทุกถนน  ถา้ จะกล่าวถงึ วฒั นธรรมนน้ั สามารถแยกแยะออกเป็นประเภทต่าง ๆ ไดห้ ลากหลาย ในท่นี ้ีจะกล่าวเปรียบเทยี บระหว่าง วฒั นธรรมเวยี ดนาม กบั วฒั นธรรมไทยหรอื อน่ื ๆ เท่าทจ่ี ะคน้ ควา้ ได้ ดงั น้ี  ๑. วฒั นธรรมทางดา้ นภาษา   ภาษาของเวยี ดนามในช่วงแรกใชอ้ กั ษรจนี มาตลอดจนกระทงั่ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ จงึ เปลย่ี นมาใช้อกั ษรโรมนั (quoe ngu) และถา้ สงั เกตจรงิ ๆ แลว้ เป็นวฒั นธรรมของฝรงั่ เศล และ เมอ่ื นำ� มาเปรยี บเทยี บ การออกเสยี งหรอื ความหมายของคำ� แลว้ จะพบวา่ ความใกลเ้คยี งของภาษาไทยกบั ภาษา ลาวจะใกลเ้คยี ง กนั มากกวา่ ภาษาเวยี ดนาม ดงั ตวั อย่างงา่ ย ๆ ต่อไปน้ี ๒. วฒั นธรรมพ้นื บา้ น ส่งิ ก่อสรา้ ง รูปทรงและศิลป์การตกแต่งนบั ตงั้ แต่ตึกรามบา้ นช่องของคน เวยี ดนามยงั คงมี รูปลกั ษณ์ของจีนอยู่มากแต่บางพ้นื ท่กี ็มศี ิลป์ของฝรงั่ เศส หรือ ญ่ีปุ่น อยู่อย่างกลมกลนื แต่เท่าน้ีสง่ิ สงั เกต ศิลป์ของเวยี ดนามจากสถานทส่ี ำ� คญั ๆ แมจ้ ะเป็นศิลป์วฒั นธรรมของจนี แต่ในส่วนทเ่ี ป็นการ ตกแต่งดูจะมี ความอ่อนไหวกวา่ เลก็ นอ้ ย แต่ถงึ อย่างไรกม็ องเหมอื นศิลป์จนี ชดั เจน ๓. ศิลปพ้นื บา้ น ศิลปพ้นื บา้ นทเ่ี ด่น ๆ เท่าทส่ี งั เกตกค็ ลา้ ยกบั ของไทย เช่น เคร่อื งจกั รสาน เคร่อื งปนั้ ดนิ เผาควรทำ� โดยไฟจากกระดาษ แต่ในเร่อื งของดนตรยี งั มกี ลน่ิ ไอของเพลงจนี อยู่อย่างแนบแน่น เคร่อื งดนตรี เพยี ง ๒ - ๓ กส็ ามารถสรา้ งความไพเราะไดอ้ ย่างน่าชม ๔. เทศกาลเตด็ (Tet) หรอื “เตด็ เหวยี นดาน (Tet Nguyen Dan)”  โดยปกตแิ ลว้ ชาวเวยี ตนาม จะเฉลมิ ฉลองเทศกาลต่าง ๆ อย่างนอ้ ย ๓-๗ วนั ติดต่อกนั โดยมเี ทศกาลทางศาสนาท่สี ำ� คญั ท่สี ุด คือ “เตด็ เหวยี นดาน” (Tet Nguyen Dan) มคี วามหมายวา่ เทศกาลแห่งรุ่งอรุณแรกของปี ทช่ี าวบา้ นนิยมเรยี กกนั สน้ั ๆ วา่ เทศกาลเตด็ เทสกาลจะเร่มิ ตน้ ข้นึ ๑ สปั ดาหก์ ่อนจะมวี นั ข้นึ ปีใหมต่ ามจนั ทรคติ คอื ระหวา่ งปลายเดอื น มกราคมถงึ ตน้ เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ ในวนั ข้นึ ๑๕ คำ�่ ของวนั ทด่ี วงอาทติ ยอ์ ยู่ไกลเสน้ ศูนยส์ ูตรมากทส่ี ุดในฤดูหนาว กบั วนั ท่ีกลางวนั ยาวเท่ากบั กลางคืน ในฤดูใบไมผ้ ลิ เทศกาลน้ีเป็นการเฉลมิ ฉลองในภาพรวมทง้ั หมดของ ความเช่อื ในเทพเจา้ ลทั ธเิ ตา๋ ขงจอื๊ และศาสนาพทุ ธ รวมถงึ การเคารพบรรพบรุ ุษ 05. - 5 (152-187).indd 177 5/10/2022 12:57:45 PM

178 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ๕. เทศกาลกลางฤดูใบไมร้ ่วง จดั ข้นึ ในวนั ข้นึ ๑๕ คำ�่ เดอื น ๘ ของทกุ ปี ชาวบา้ นจะประกวดทำ� ขนมเปีย๊ ะโกญ๋ วนหรอื บนั ตรงั ทู และมกี ารจดั ขบวนเชดิ มงั กร เพอ่ื แสดงความเคารพต่อพระจนั ทร์ ๖. ประเพณีบชู าเจา้ แมแ่ ละเขา้ ทรงในประเทศเวยี ดนาม พธิ บี ชู าเจา้ แมแ่ ละเขา้ ทรงเป็นกจิ กรรมความเชอ่ื แบบโบราณแต่แฝงไวด้ ว้ ยคณุ ค่าวฒั นธรรมทางจติ วญิ ญาณของชาวเวยี ดนามซง่ึ การเขา้ ทรงไดร้ บั การถอื เป็นศลิ ปะ การแสดงทส่ี มบูรณท์ ส่ี ุดเพราะมที งั้ การเลน่ ดนตรี การรอ้ งเพลงและฟ้อนรำ� แมจ้ ะผ่านกาลเวลามานานแสนนาน แต่ประเพณีน้ยี งั คงไดร้ บั การสบื ทอดมาจนถงึ ปจั จบุ นั และโดยคณุ ค่าวฒั นธรรมทเ่ี ป็นเอกลกั ษณน์ ้ี การบูชาเจา้ แม่ และเขา้ ทรงของประชาชนเวยี ดนามกำ� ลงั ไดร้ บั การยน่ื เสนอต่อองคก์ ารยูเนสโก้ขอใหร้ บั รองเป็นมรดกวฒั นธรรม นามธรรม พ.ศ. ๒๕๑๒ ราชวงศด์ นิ ห์ ข้นึ ครองอำ� นาจ พระพทุ ธศาสนาเร่มิ เจรญิ ข้นึ อกี ครง้ั ภายหลงั จากการ ชะงกั งนั มาเกอื บ ๓๐ ปี ดว้ ยเหตคุ วามวนุ่ วายภายในประเทศ กษตั รยิ ท์ กุ พระองคใ์ นราชวงศน์ ้เี ป็นผูม้ คี วามศรทั ธา ในพระพทุ ธศาสนา ไดท้ ำ� นุบำ� รุงสงฆเ์ ป็นอย่างดี พระสงฆไ์ ดร้ บั ความเคารพนบั ถอื อย่างมากจากประชาชน และ การเผยแพร่ธรรมไดเ้ขา้ ถงึ ประชาชนอย่างกวา้ งขวาง ยง่ิ ไดร้ บั ราชูปถมั ภเ์ ป็นเคร่อื งสนบั สนุน พระพทุ ธศาสนากย็ ง่ิ เจรญิ แพร่หลายไปอย่างทวั่ ถงึ 36 ๕.๕.๔ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาเขา้ สูเ่ วยี ดนาม เวยี ดนามเป็นประเทศหน่ึงท่มี ผี ูค้ นนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาแบบมหายาน แต่ดว้ ยเหตุผลทางการเมอื ง จึงทำ� ใหบ้ ทบาทของพระพทุ ธศาสนาถูกทำ� ลายลง แต่ก็ยงั คงหลงเหลอื ร่องรอยทางวฒั นธรรมและถาวรวตั ถุ ต่อมาเมอ่ื เวยี ดนามไดเ้ ปิดประเทศ จึงมกี ารผ่อนปรนให้ ไดม้ อี สิ ระในการนบั ถอื ศาสนา พระพทุ ธศาสนาจึง ค่อย ๆ ฟ้ืนตวั ข้นึ ในเวยี ดนามอกี ครง้ั พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่เวยี ดนามครงั้ แรกเมอ่ื พทุ ธศตวรรษท่ี ๘ โดยท่านเมยี วโป (Meou-Po) ชาวจนี ทเ่ี คย ถอื ลทั ธเิ ตา๋ แลว้ หนั มานบั ถอื พระพทุ ธศาสนา แต่ก็ไมเ่ ป็นทแ่ี พร่หลายนกั เพราะจกั รพรรดจิ นี สนพระทยั ในการ ประกาศคำ� สอนของขงจ้อื และไม่พอพระทยั ท่จี ะเหน็ ใครนบั ถอื พระพทุ ธศาสนา ต่อมา พ.ศ.๑๐๘๗-๑๑๔๕ พระพทุ ธศาสนามโี อกาสกลบั มาเจรญิ อกี ครง้ั โดยมี พระวนิ ีรุจิ พระภกิ ษุชาวอนิ เดยี ไดเ้ดนิ ทางมาจนี พอดกี บั บา้ นเมอื งจนี ไมส่ งบ พระพทุ ธศาสนาไดร้ บั การต่อตา้ น ท่านจงึ ลงมาทางใตข้ องจนี มาสอนศาสนาในเวยี ดนามและ มรณภาพทเ่ี วยี ดนามน้ีเอง ศิษยข์ องท่านไดด้ ำ� เนินงานต่อ จนไดร้ บั การนบั ถอื จากชาวเวยี ดนามอย่างกวา้ งขวาง พระพทุ ธศาสนาเมอ่ื เจรญิ ข้นึ เช่นน้กี ไ็ ดเ้ป็นพลงั สรา้ งสรรคใ์ หว้ ฒั นธรรมของเวยี ดนาม ไดพ้ ฒั นาข้นึ จนมรี ูปลกั ษณ์ เป็นของตนเอง ก่อใหเ้กดิ ความสำ� นึกในทางชาตนิ ิยมยง่ิ ข้นึ พ.ศ. ๑๒๑๔ ในยุคน้ีอาณาจกั รจามปามผี ลงานทาง ศิลปะและสถาปตั ยกรรมเกิด ข้นึ มาก พระพทุ ธศาสนาก็เจริญรุ่งเรือง แมห้ ลวงจนี อ้จี งิ เดนิ ทางผ่านมา พ.ศ. ๑๒๑๔-๑๒๓๘ ก็ไดบ้ นั ทกึ ไวว้ ่า “หลนิ อ้ี (จมั ปา) เป็นประเทศหน่ึงทน่ี บั ถอื พระพทุ ธศาสนา ตรงขา้ มกบั ฟูนนั 36 เทพประวณิ จนั ทรแ์ รง, พระพทุ ธศาสนาเถรวาท, (เชยี งใหม่ : มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขต เชยี งใหม,่ ๒๕๔๑), หนา้ ๑๙๕. 05. - 5 (152-187).indd 178 5/10/2022 12:57:46 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 179 ซง่ึ ทำ� ลายพระพทุ ธศาสนาจนหมดส้นิ (เฉพาะช่วงนน้ั ) ชาวพทุ ธจามปาทวั่ ๆ ไป เป็นพวกทน่ี บั ถอื นิกายอารย- สมั มติ ยิ ะ แต่มพี วกทน่ี บั ถอื นิกายสรวาสตวิ าทะ37 ส่วนอาจารยฟ์ ้ืน ดอกบวั ไดก้ ลา่ ววา่ เวยี ดนามเป็นประเทศทม่ี ี ความหลากหลายทางศาสนาและความเช่อื ทงั้ น้ีศาสนาพทุ ธคือหน่ึงในบรรดาศาสนาทด่ี ำ� รงอยู่คู่ดนิ แดนแห่งน้ี มาเป็นเวลายาวนานกวา่ พนั ปี มผี ูช้ ้ใี หเ้หน็ ถงึ การเขา้ มาของศาสนาดงั กลา่ วไวอ้ ย่างหลากหลาย อาท ิ  ฟ้ืน ดอกบวั ช้ใี หเ้หน็ ว่า พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ดนิ แดนแห่งน้ีใน 2 ระยะ โดยในระยะแรกนนั้ อยู่ในราวครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๓ เวยี ดนามไดร้ บั อทิ ธพิ ลทางพระพทุ ธศาสนาจากอาณาจกั รจามปา สนั นษิ ฐานวา่ เป็นอาณาจกั รโบราณตงั้ อยู่ระหวา่ ง เวยี ดนามเหนือกบั เวยี ดนามใต้ อาณาจกั รดงั กล่าวไดร้ บั อทิ ธิพลทางวฒั นธรรมในการนบั ถอื พระพทุ ธศาสนา จากชาวปลั ลาวะ ซง่ึ เป็นผูอ้ พยพมาจากทางตอนใตข้ องอนิ เดยี แต่ในส่วนน้ีมไิ ดก้ ลา่ วถงึ วา่ เป็นพระพทุ ธศาสนา ฝ่ายเถรวาทหรอื มหายาน  ขณะทใ่ี นระยะท่ี ๒ มบี คุ คลสำ� คญั คอื พระวนิ รี ุจิ เป็นผูน้ ำ� พระพทุ ธศาสนานิกายเธยี น หรอื เซน็ เขา้ มาเผยแผ่ยงั ประเทศเวยี ดนามในราวครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๖ เป็นพระทช่ี าวเวยี ดนามใหค้ วามเลอ่ื มใส ศรทั ธา กระทงั่ ในเวลาต่อมาไดข้ ้นึ ดำ� รงตำ� แหน่งพระสงั ฆราชนิกายเธยี นองคแ์ รกของเวยี ดนาม38 ๕.๕.๕ บทบาทพระสงฆใ์ นการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา บทบาทพระสงฆม์ สี ว่ นร่วมในการต่อสูท้ างการเมอื งในสมยั รฐั บาลของโงดนิ เดยี ม พระพทุ ธศาสนาถกู กดข่ี ยำ�่ ยี จากฝ่ายรฐั บาลท่นี บั ถอื ศาสนาคริสตเ์ ป็นการทำ� ลายความรูส้ กึ ของพทุ ธศาสนิกชนอย่างมาก ทำ� ใหม้ กี าร เดนิ ขบวนประทว้ งขบั ไลร่ ฐั บาล โดยมพี ระสงฆเ์ ป็นผูน้ ำ� มวลชน พระภกิ ษุตชิ กวาง ดกิ๊ ไดเ้ผาตนเองเพอ่ื ประทว้ ง รฐั บาล ซง่ึ ก่อความสะเทอื นใจแก่ชาวพทุ ธเวยี ดนามไปทวั่ ประเทศ พระสงฆ์ กบั ผลกระทบทางการเมอื ง ในยุคท่ี นายพลเหงยี นเกากขี ้นึ เป็นผูน้ ำ� ประเทศ ไดถ้ กู ต่อตา้ นจากชาวพทุ ธหวั รนุ แรงอยูต่ ลอด มพี ระสงฆเ์ ป็นผูน้ ำ� การต่อสู ้ ระดมมวลชนเดนิ ขบวนไปตามทอ้ งถนน เป็นยุคท่เี รียกว่า ยุคหลวงพร่ี ะดมพลกลางทอ้ งถนน (Monk and Mobs in the street) แมจ้ ะไมป่ ระสบความสำ� เร็จ แต่ก็เป็นพลงั อำ� นาจอนั สำ� คญั ยง่ิ ทฝ่ี ่ายบา้ นเมอื งยงั ตอ้ ง ใส่ใจเหตุแห่งความพ่ายแพท้ างการเมอื งของพระสงฆ์ พระสงฆซ์ ่งึ เป็นผูน้ ำ� ของชาวพทุ ธ มจี ุดอ่อนสำ� คญั คือ ความไมพ่ รอ้ มทจ่ี ะสวมบทบาทรบั ภาระหนา้ ทท่ี ม่ี าถงึ ได้ เพราะขาดพ้นื ฐานการศึกษา ตลอดเวลาเกอื บ ๑๐๐ ปี ทฝ่ี รงั่ เศสยดึ ครองอำ� นาจในเวยี ดนาม ประชาชนทวั่ ไปถกู ปลอ่ ยปละละเลยไมไ่ ดร้ บั การศึกษา พระสงฆท์ เ่ี ป็นผูน้ ำ� ชาวพทุ ธลว้ นมาจากตระกูลชาวไร่ชาวนา แมจ้ ะไดร้ บั การศึกษาเลา่ เรยี นอยู่บา้ ง แต่กเ็ ป็นเพยี งความรูแ้ บบเก่า ๆ ทส่ี บื สานมาตามประเพณี นอ้ ยองคน์ กั ทจ่ี ะพดู ภาษาฝรงั่ เศส องั กฤษ หรอื ภาษาอน่ื ๆ ได้ ในวงการเมอื งถอื วา่ พระสงฆเ์ ป็นกลุ่มชนผูด้ อ้ ยหรือไรก้ ารศึกษา อย่างไรก็ตามตงั้ แต่นน้ั เป็นตน้ มาพระพทุ ธศาสนาไดป้ ระดษิ ฐาน อยูใ่ นเวยี ดนามจนกระทงั่ ปจั จบุ นั แมว้ า่ จะมบี างช่วงเวลาทถ่ี กู ต่อตา้ นจากรฐั ดว้ ยการใชค้ วามรนุ แรงก่อใหเ้กดิ ความ เสียหายต่อชีวิตและทรพั ยส์ ินของศาสนิกชนผูน้ บั ถือพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเหตุการณ์ความรุนแรง 37 พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตโฺ ต), พระพทุ ธศาสนาในอาเซีย, (กรุงเทพมหานคร: ธรรมสภา, ๒๕๔๐), หนา้ ๒๒๐. 38 ฟ้ืน ดอกบวั , ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในนานาประเทศ, (กรุงเทพมหานคร : ศิลปาบรรณาคาร,๒๕๕๔), หนา้ ๒๙๐- ๒๙๑. 05. - 5 (152-187).indd 179 5/10/2022 12:57:46 PM

180 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ในเวยี ดนามใตท้ ่รี ฐั บาลของประธานาธิบดี โง ดนิ ห์ เซยี ม และสมาชิกตระกูลโง กระทำ� ต่อพทุ ธสถานและ พทุ ธศาสนิกชนในปี ค.ศ. ๑๙๖๓ นำ� ไปสู่การจดุ ไฟเผาตนเองของพระตชิ๊ กวางดกึ๊ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๑ มถิ นุ ายน ค.ศ. ๑๙๖๓ และตามมาดว้ ยการจดุ ไฟเผาตนเองของพระภกิ ษุอกี ๔ รูป สามเณร ๑ รูป แมช่ ี ๑ ท่าน รวมแลว้ มผี ู ้ เสยี ชีวติ จากการกระทำ� ดงั กล่าวเพอ่ื ต่อตา้ นการปราบปรามชาวพทุ ธของรฐั บาลทงั้ ส้นิ ๗ ราย แต่ก็มไิ ดท้ ำ� ให้ สถานการณค์ วามรุนแรงต่าง ๆ ยุตลิ ง จนกระทงั่ ในวนั ท่ี ๙ กนั ยายน ค.ศ. ๑๙๖๓ ประธานบิ ดี จอหน์ เอฟ เคเนด้ี ไดท้ ำ� การปราศรยั ประณามการกระทำ� ของรฐั บาลเวยี ดนามทงั้ ยงั แสดงจดุ ยนื วา่ “รฐั บาลสหรฐั จะไมอ่ ดทน ต่อการกระทำ� อนั ป่าเถอ่ื นน้ี” ถอื เป็นสญั ญาณอนั ตรายต่อสถานะและความมนั่ คงของรฐั บาลอนั มสี หรฐั อเมรกิ า เป็นผูส้ นบั สนุน และในทา้ ยทส่ี ุดสหรฐั อเมรกิ าไดห้ นั ไปใหก้ ารสนบั สนุนกองทพั เวยี ดนามเพอ่ื ทำ� การโค่นลม้ รฐั บาล โง ดนิ ห์ เซยี ม ถอื เป็นการส้นิ สุดบทบาทและอำ� นาจทางการเมอื ง รวมถงึ ความรุนแรงทก่ี ระทำ� ต่อพระพทุ ธศาสนา ไปในคราวเดยี วกนั 39 ๕.๕.๖ อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาท่มี ีต่อการเมืองเวยี ดนาม ๑. อทิ ธพิ ลทางสงั คม       ๑.๑ วดั เป็นศูนยก์ ลางของชมุ ชน เป็นทพ่ี ง่ึ ของชมุ ชน เช่น ศาลเจดยี ์ หรือโรงเจดยี ์ หรือหอเจดยี ์ ท่เี รียกว่า จวั [Chua=Pagoda] เป็นท่บี ูชาเทพเจา้ และส่งิ ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิในพระพทุ ธศาสนา และเป็นท่ปี ระกอบ พธิ บี ูชา หรอื งานเทศกาลทางพระพทุ ธศาสนา เช่น พธิ ี ๑ คำ�่ ๑๕ คำ�่ และงานศราทธก์ ลางเดอื น ๗ เป็นตน้ พระพทุ ธศาสนาอย่างทน่ี บั ถอื ปฏบิ ตั ติ ามศาลเจดยี เ์ หลา่ นน้ั เป็นการผสมระหวา่ งนิกายเธยี ร (เซน) กบั ตนิ หโ์ ด (ชนิ ) หรือเป็นศาสนาแบบชาวบา้ น ไม่สูม้ เี น้ือหาหลกั ธรรมลกึ ซ้งึ อะไร คือเป็นลทั ธิบูชาเทพเจา้ พระโพธิสตั ว์ พระอรหนั ตห์ รอื ปูชนยี บคุ คลของจนี เช่น พระกวานอาม (กวนอมิ ) เป็นตน้       ๑.๒ วดั เป็นศูนยก์ ลางของการศึกษา วดั เป็นสถานทร่ี วมแหลง่ ทางการศึกษาแห่งชนชนั้ ทกุ ระดบั และ ยงั เป็นสถานทช่ี มุ นุมของชาวพทุ ธในการพบปะปรกึ ษาหารอื กจิ กรรมต่าง ๆ ทงั้ ในดา้ นศาสนาและทง้ั ในดา้ นการเมอื ง โดยมพี ระภกิ ษุสงฆเ์ ป็นผูน้ ำ� ประชาชน และมสี ่วนร่วมในการกอบกูเ้อกราช อกี ทง้ั การฟ้ืนฟูพระศาสนา ๑.๓ พระสงฆเ์ ป็นศูนยร์ วมจติ ใจของประชาชน พระสงฆถ์ อื ว่ามบี ทบาทต่อสงั คมและความเป็นอยู่ เพราะการทป่ี ระเทศเกดิ ความไมส่ งบ และถกู รุกรานจากขา้ ศึก ประชาชนขาดทพ่ี ง่ึ และยดึ เหน่ียวจติ ใจ จงึ ตอ้ ง อาศยั วดั และมพี ระสงฆ์ ซง่ึ สามารถใหค้ วามอบอ่นุ ใจ และกำ� ลงั ใจ และยงั เป็นผูน้ ำ� ประชาชนในการต่อสูก้ อบกู้ เอกราช อยู่เคยี งขา้ งกบั ประชาชน ๒. อทิ ธพิ ลทางดา้ นเศรษฐกจิ ๒.๑ เศรษฐกจิ ของเวยี ดนาม  มลี กั ษณะใกลเ้คยี งกบั เศรษฐกจิ ของไทย ประชาชนสว่ นใหญ่เป็นชาวนา ดงั นน้ั จงึ ไดร้ บั อทิ ธิพลจากพทุ ธศาสนาในดา้ นเศรษฐกิจการปฏบิ ตั ิตามคำ� สอนทางศาสนาจะทำ� ใหช้ ีวติ ความ 39 พระมหาดาวสยาม วชริ ปญฺโ, พระพทุ ธศาสนาในเวยี ดนาม, (กรุงเทพมหานคร : หจก.เมด็ ทรายพร้นิ ต้งิ , ๒๕๕๗), หนา้ ๑๐๕. 05. - 5 (152-187).indd 180 5/10/2022 12:57:46 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 181 เป็นอยู่ดขี ้นึ คำ� สอนเก่ยี วกบั การเล้ยี งชวี ติ โดยธรรม ปราศจากการทจุ รติ โกง ปลน้ จ้ี เป็นตน้ ลว้ นมอี ทิ ธพิ ล อยู่ในจติ ใจของผูค้ น      ๒.๒ พระพทุ ธศาสนาเป็นศูนยร์ วมแหง่ เศรษฐกจิ  จะสงั เกตเหน็ ไดว้ า่ บรรดาองคก์ รต่าง ๆ ของคฤหสั ถ์ เกิดข้นึ ดว้ ยแรงศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนาเกือบทงั้ ส้นิ เช่น องคก์ รการกรรมกรชาวพทุ ธ องคก์ ารพ่อคา้ ย่อย ชาวพทุ ธ สหพนั ธล์ ูกจา้ ง และขา้ ราชการชาวพทุ ธ สมาคมครูชาวพทุ ธ สมาคมผูข้ บั รถรบั จา้ งโดยสารชาวพทุ ธ พทุ ธกิ สตรชี าวพทุ ธ สมาคมเภสชั กรชาวพทุ ธ สมาคมนกั เขยี นและจติ รกรชาวพทุ ธ เป็นตน้ องคก์ ารเหลา่ น้ีถอื วา่ เป็นแหลง่ สำ� คญั ของเศรษฐกจิ ภายในประเทศเป็นอย่างมาก ๓. อทิ ธพิ ลทางดา้ นการเมือง       ๓.๑ ในระบบการปกครองประเทศชาต ิ มกี ารเอาศาสนธรรมมาเป็นหลกั ในการออกกฎหมายต่าง ๆ ของบา้ นเมอื ง และในการน้ี พระสงฆก์ ็มสี ่วนร่วมในการแสดงความคิดไม่ว่าจะเป็นทางดา้ นศาสนา การศึกษา การเมอื ง และสงั คม ผูน้ ำ� ท่เี ขา้ ถงึ พทุ ธศาสนาทุกระดบั จะไดร้ บั การยอมรบั เลอ่ื มใส ศรทั ธา จากสงั คมเป็น อย่างมากกวา่ ศาสนาอน่ื ๆ      ๓.๒ พระสงฆม์ สี ่วนร่วม ในการต่อสูก้ บั การเมอื ง ในสมยั รฐั บาลของโงดนิ เดยี ม พระพทุ ธศาสนา ถกู กดข่ี ยำ�่ ยี จากฝ่ายรฐั บาลทน่ี บั ถอื ครสิ ตศ์ าสนา เป็นการทำ� ลายความรูส้ กึ ของพทุ ธศาสนิกชนอย่างมาก ทำ� ให้ มกี ารเดินขบวนประทว้ งขบั ไล่รฐั บาล โดยมพี ระสงฆเ์ ป็นผูน้ ำ� มวลชน พระภกิ ษุถชิ กวางดึก๊ ไดเ้ ผาตนเอง เพอ่ื ประทว้ งรฐั บาลซง่ึ ก่อความสะเทอื นใจแก่ชาวพทุ ธเวยี ดนามไปทวั่ ประเทศ ๓.๓ พระสงฆก์ บั ผลกระทบทางการเมอื ง ในยคุ ของนายพลเหงยี นเกากี ข้นึ เป็นผูน้ ำ� ประเทศ ไดร้ บั การ ต่อตา้ นจากชาวพทุ ธหวั รุนแรงอยู่ตลอด มพี ระสงฆเ์ ป็นผูน้ ำ� ในการต่อสู ้ ระดมมวลชนเดนิ ขบวนไปตามทอ้ งถนน เป็นยุค ทเ่ี รยี กวา่ ยุคหลวงพร่ี ะดมพลกลางทอ้ งถนน [Monk and Mobs in The Street] แมจ้ ะไมป่ ระสบ ความสำ� เร็จ แต่ว่ายงั เป็นพลงั อำ� นาจอนั สำ� คญั ย่งิ ใหญ่ท่ฝี ่ายชาวบา้ นเมอื งยงั ตอ้ งใส่ใจ หรือตอ้ งพ่งึ พาอาศยั เช่นกนั        ๓.๔ เหตแุ หง่ ความพา่ ยแพท้ างการเมอื งของพระสงฆ์ พระสงฆซ์ ง่ึ เป็นผูน้ ำ� ของชาวพทุ ธมจี ดุ อ่อนสำ� คญั คอื ความไมพ่ รอ้ มทเ่ี ขา้ สวมบทบาทรบั ภาระหนา้ ทท่ี ม่ี าถงึ ได้ เพราะขาดพ้นื ฐานการศึกษา และ เพราะตลอดเวลา เกอื บ ๑๐๐ ปี ทฝ่ี รงั่ เศสยดึ ครองอำ� นาจในเวยี ดนาม ประชาชนทวั่ ไปถกู ปลอ่ ยปละละเลย ไมไ่ ดร้ บั การศึกษา พระสงฆท์ เ่ี ป็นผูน้ ำ� ชาวพทุ ธลว้ นมาจากตระกูลชาวไร่ชาวนา แมจ้ ะไดร้ บั การศึกษาเลา่ เรยี นอยู่บา้ ง แต่เป็นเพยี ง ความรูแ้ บบเก่า ๆ ทส่ี บื สานมาตามประเพณี นอ้ ยองคน์ กั ทจ่ี ะพูดภาษาฝรงั่ เศส องั กฤษหรือภาษาอ่นื ๆ ได้ ในวงการเมอื งถอื วา่ พระสงฆเ์ ป็นกลมุ่ ชนผูด้ อ้ ย หรอื ไรก้ ารศึกษา มลี กั ษณะเด่นคอื กลวั และ ดูถกู วฒั นธรรม จากภายนอก แต่มกี ำ� ลงั อทิ ธพิ ลอยู่ในหมปู่ ระชาชนทวั่ ไป 05. - 5 (152-187).indd 181 5/10/2022 12:57:46 PM

182 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา       ๓.๕ การมสี ่วนร่วมทางการเมอื งของพระสงฆ ์ ในสมยั นายพลเหงยี น คานห์ ข้นึ ครองอำ� นาจแทน นายพลเดอื ง วนั มนิ ห์ พระสงฆ์ ทเ่ี ป็นผูน้ ำ� ชาวพทุ ธกร็ ่วมกนั สนบั สนุน ขบวนการต่าง ๆ เช่น องคก์ ารเยาวชน ทเ่ี ป็นฐานกำ� ลงั พรอ้ มทจ่ี ะปฏบิ ตั กิ ารตามคำ� สงั่ กม็ มี าก ผูน้ ำ� ในวงการภายนอกกห็ นั มาสนใจ รฐั บาลทเ่ี ขา้ มาใหม่ กต็ อ้ งเอาใจ พระสามารถพดู เสยี งดงั เขา้ ไปถงึ กลางเวทกี ารเมอื ง คอื ตอ้ งการใหค้ ณะสงฆ์ มเี สยี งในรฐั บาล หรอื วา่ รฐั บาลตอ้ งรบั ฟงั คณะสงฆ์ ตอ้ งการใหค้ นท่คี ณะสงฆเ์ ลอื ก หรือเหน็ เหมาะสมเขา้ ไปดำ� รงตำ� แหน่งในรฐั บาล ตอ้ งการใหร้ ฐั อปุ ถมั ภพ์ ระพทุ ธศาสนามากข้นึ และตอ้ งการใหเ้ยาวชนชาวพทุ ธมสี ทิ ธิ มสี ่วนในชะตากรรมของ สงั คมเวยี ดนามมากข้นึ 40 ๕.๕.๗ แนวโนม้ ของพระพทุ ธศาสนาในเวยี ดนามในอนาคต ปจั จบุ นั พระพทุ ธศาสนาในเวยี ดนามมที ง้ั มหายาน เถรวาท และผสมผสานระหว่างมหายานกบั เถรวาท ในส่วนของนิกายเถรวาทนบั ว่ามคี วามโดดเด่นในภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ เน่ืองจากมภี กิ ษุณี หรือ หญงิ ทบ่ี วชเป็นพระมากทส่ี ุดในโลกราว ๒๒,๐๐๐ รูป41 ทงั้ พระภกิ ษุและภกิ ษุณีไดร้ บั การศึกษาทางดา้ นศาสนา จากมหาวทิ ยาลยั ๓ แห่ง ไดแ้ ก่ มหาวทิ ยาลยั ดกึ ซู มหาวทิ ยาลยั เวเ้หงยี ม และมหาวทิ ยาลยั หวา่ นฮงั่ ห์ ทง้ั ยงั มวี ดั อนั เป็นศาสนสถานเพอ่ื ประกอบพธิ กี รรมทางศาสนาตามเมอื งต่าง ๆ อยู่หลายแห่ง เฉพาะในนครโฮจมิ นิ หม์ มี าก ถงึ ๑๕๐ แห่ง สามารถประกอบพธิ ีกรรมทางศาสนาไดต้ ามปกติ อย่างไรก็ตามแมว้ ่าพระพทุ ธศาสนาจะเขา้ สู่ เวยี ดนามมาเป็นเวลากว่าพนั ปี ทง้ั ยงั เคยถูกกวาดลา้ งอย่างหนกั โดยรฐั บาล หากแต่ในปจั จบุ นั ศาสนาดงั กลา่ ว ยงั คงดำ� รงอยู่ในเวยี ดนาม ทง้ั น้ีอาจเป็นเพราะพลงั ศรทั ธาจากพทุ ธศาสนกิ ชนและการผ่อนปรนของรฐั บาลในการ ใหส้ ทิ ธิเสรีภาพแก่ประชาชนในการนบั ถอื ศาสนา จึงทำ� ใหพ้ ระพุทธศาสนายงั คงดำ� รงอยู่และมกี ารเผยแพร่ ในประเทศเวยี ดนามอย่างต่อเน่ืองจวบจนกระทงั่ ปจั จบุ นั 42  ชาวพทุ ธเวยี ดนามโพน้ ทะเล ทอ่ี พยพไปอยู่ประเทศ ต่าง ๆ ทวั่ โลก เช่น ฝรงั่ เศสอเมรกิ า เยอรมนั องั กฤษ และอน่ื ๆ ไดร้ วมตวั กนั เพอ่ื รวบรวมเงนิ จดั ตง้ั เป็นกองทนุ ฟ้ืนฟูพระพทุ ธศาสนาในประเทศเวยี ดนามใหก้ ลบั คืนมาเหมอื นเดมิ ไดส้ นบั สนุนทนุ การศึกษาแก่พระสงฆแ์ ละ ภกิ ษุณีใหไ้ ปศึกษายงั ต่างประเทศ อกี ประการหน่ึงชาวพทุ ธเวยี ดนามไดช้ ่วยกนั ฟ้ืนฟูวดั และก่อตงั้ มหาวทิ ยาลยั ข้นึ หลายแห่ง ในอนาคตแนวโนม้ วา่ พระพทุ ธศาสนาจะกลบั ฟ้ืนคนื มาเจรญิ รุ่งเรอื งอกี ครงั้ 40 [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : http://www.dhammathai.org/thailand/missionary/vietnam.php, [๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔]. 41 ฉตั รสุมาลย์ กบลิ สงิ ห,์ พระพทุ ธศาสนาในประเทศเพอ่ื นบา้ น, (กรุงเทพมหานคร : เรอื นแกว้ การพมิ พ,์ ๒๕๕๖), หนา้ ๒๑๗. 42 พระมหาดาวสยาม วชริ ปญฺโ, พระพทุ ธศาสนาในเวยี ดนาม, (กรุงเทพมหานคร : หจก.เมด็ ทรายพร้นิ ต้งิ , ๒๕๕๗), หนา้ ๑๓๒. 05. - 5 (152-187).indd 182 5/10/2022 12:57:46 PM

บทท่ี ๕ พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ 183 สรุปทา้ ยบท ประวตั ิ พฒั นาการ อิทธิพล และแนวโนม้ ของพระพทุ ธศาสนา ในกลุ่มประเทศเอเชียใตแ้ ละเอเชีย ตะวนั ออกเฉียงใต้ ตามทไ่ี ดศ้ ึกษามา ทำ� ใหไ้ ดร้ บั ทราบถงึ ความเสอ่ื มและความเจรญิ กา้ วหนา้ และแนวโนม้ ของ พระพทุ ธศาสนาในอนาคต เมอ่ื ไดศ้ ึกษาอย่างละเอยี ดอย่างถถ่ี ว้ นแลว้ ทำ� ใหเ้ราไดต้ ระหนกั ถงึ ความเปลย่ี นแปลง ทวั่ ไปทง้ั ในแงบ่ วกและแงล่ บของพระพทุ ธศาสนา ในแงบ่ วกเรากจ็ ะไดน้ ำ� ขอ้ มลู หลกั ฐาน องคค์ วามรูน้ น้ั มาประยกุ ต์ ใชก้ บั ประเทศทน่ี บั ถอื พระพทุ ธศาสนา แต่ยงั มปี ญั หาในดา้ นต่าง ๆ อย่างถกู วธิ ี ส่วนในแงล่ บ เรากจ็ ะไดน้ ำ� เอา ขอ้ มลู ต่าง ๆเหลา่ น้ีมาใชเ้ป็นฐานขอ้ มลู ในการเฝ้าระวงั ไมใ่ หป้ ระเทศทย่ี งั มพี ระพทุ ธศาสนาเจรญิ รุ่งเรอื งอยู่ แกไ้ ข ไมใ่ หเ้สอ่ื มลงดว้ ยเหตผุ ลใด ๆ ความรูท้ เ่ี ราไดร้ บั ขอ้ มลู เหลา่ น้จี ะเป็นองคค์ วามรูท้ ผ่ี สมผสานหลกั การและเหตผุ ล เป็นขอ้ ควรรู้ สามารถจดั การปญั หาของประเทศทน่ี บั ถอื พระพทุ ธศาสนาไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง จะสามารถเขา้ ใจปญั หา ในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในสถานการณต์ ่าง ๆของบา้ นเมอื งในขณะนนั้ ได้ 05. - 5 (152-187).indd 183 5/10/2022 12:57:46 PM

คำ� ถามทา้ ยบท คำ� ช้ีแจง ตอนท่ี ๑ : ขอ้ สอบมีลกั ษณะเป็นแบบอตั นยั มีทง้ั หมด ๑๐ ขอ้ ใหน้ ิสติ ทำ� ทกุ ขอ้ ดงั น้ี ๑. จงอภปิ รายถงึ ประวตั ขิ องพระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตว้ า่ มพี ฒั นาการมาเช่นไรบา้ ง และมลี กั ษณะทเ่ี ด่น แตกต่างกนั อย่างไรบา้ ง ในแต่ละประเทศ ๒. พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้มคี วามเป็นมาอยา่ งไร มคี วามเหมอื นหรอื ต่างกบั พระพทุ ธศาสนา ในเอเชยี ใตอ้ ย่างไร ๓. ในปจั จบุ นั พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ มสี ถานภาพเป็นเช่นไร เมอ่ื เทยี บกบั ในอดตี ๔. พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ในปจั จบุ นั มกี ระบวนการเคลอ่ื นไหวใหม่ ๆ อย่างไรหรอื ไม่ อะไร ทเ่ี ป็นปจั จยั ทท่ี ำ� ใหเ้กดิ กระบวนการนน้ั ๆ อภปิ ราย ๕. พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตเ้ก่ยี วพนั กบั ระบบการเมอื งการปกครองอย่างไรบา้ ง ๖. การทพ่ี ระพทุ ธศาสนาจะเจรญิ รุ่งเรอื งหรอื เสอ่ื มในแต่ละดนิ แดน นกั ศึกษาคดิ วา่ มสี าเหตหุ ลกั มาจาก เร่อื งอะไร จงช้แี จงมาดู ๗. กระแสโลกาภวิ ตั นป์ จั จบุ นั มผี ลกระทบต่อสถานภาพของพระพทุ ธศาสนาในแต่ละประเทศอย่างไรบา้ ง หรอื ไม่ ท่านเหน็ ทางออกของปญั หาเหลา่ นนั้ อย่างไร ๘. แนวโนม้ ของสถานภาพพระพทุ ธศาสนาเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตใ้ นอนาคต จะเป็นอย่างไร มเี หตปุ จั จยั อะไร ทส่ี ามารถทำ� นายได้ ๙. ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตพ้ ระพทุ ธศาสนาไดม้ อี ทิ ธพิ ลประเทศในดนิ แดนแถบน้ีในดา้ นไหนบา้ ง ๑๐. พระพทุ ธศาสนาไดม้ อี ทิ ธพิ ลกลมุ่ ประเทศในดนิ แดนเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใตใ้ นดา้ นไหนบา้ งอย่างไร มคี วามแตกต่างกนั ระหวา่ งอดตี กบั ปจั จบุ นั เช่นไรหรอื ไม่ อภปิ ราย คำ� ช้ีแจง ตอนท่ี ๒ : ขอ้ สอบมีลกั ษณะเป็นแบบปรนยั มีทง้ั หมด ๑๒ ขอ้ ใหน้ ิสติ เลอื กกากบาท X ทบั ในขอ้ ท่ี ถกู ตอ้ งท่สี ดุ เพยี งขอ้ เดียว ดงั น้ี ๑. พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศพมา่ ในสมยั ใด ก. พระเจา้ อโศกมหาราช ทรงส่งสมณฑตู คอื พระโสณะกบั พระอตุ ตระมาประกาศพระศาสนา ข. สมยั พระเจา้ บเุ รงนอง ค. สมยั พระเจา้ อนุรุทธ ง. สมยั พระเจา้ กนษิ กะมหาราช ๒. พระพทุ ธศาสนามอี ทิ ธพิ ลต่อประเทศพมา่ อย่างไร ก. พระพทุ ธศาสนาเนน้ การปฏบิ ตั ิ ข. พระพทุ ธศาสนาเป็นศูนยร์ วมทางจติ ใจ เป็นแบบแผนในการมาดำ� เนนิ ชวี ติ 05. - 5 (152-187).indd 184 5/10/2022 12:57:46 PM

185 ค. พระพทุ ธศาสนาเนน้ เรยี นปรยิ ตั ธิ รรม ง. พระพทุ ธศาสนาเนน้ ท่องสวดพระไตรปิฎก ๓. แนวโนม้ ของพระพทุ ธศาสนาในประเทศพมา่ เป็นอย่างไร ก. พระพทุ ธศาสนาเป็นไปตามการเมอื ง ข. พระพทุ ธศาสนาเป็นทพ่ี ง่ึ ทางจติ ใจ ค. พระพทุ ธศาสนาในพมา่ มนั่ คงดี ง. พระพทุ ธศาสนาสวนทางกบั การเมอื ง ๔. พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศกมั พชู าในสมยั กษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ด ก. พระเจา้ สุรยิ ชยั วรมนั ท่ี ๑ ข. พระเจา้ สุรยิ ชยั วรมนั ท่ี ๒ ค. พระเจา้ สุรยิ ชยั วรมนั ท่ี ๓ ง. พระเจา้ เภาณฑนิ ยชยั วรมนั ๕. พระพทุ ธศาสนามอี ทิ ธพิ ลต่อประเทศกมั พชู าอย่างไร ก. ใหน้ บั ถอื ผสี างเทวดา ข. ใหน้ บั ถอื เทวรูปนาคา ค. ใหเ้ชอ่ื ในไสยศาสตรเ์ ขมร ง. ใหเ้ช่อื ในเร่อื งบญุ บาป อำ� นาจความสามารถมาจากการปฏบิ ตั ดิ ใี นอดตี ชาติ ๖. แนวโนม้ ของพระพทุ ธศาสนาในประเทศกมั พชู าเป็นอย่างไร ก. แมไ้ มม่ สี งครามแต่เหมอื นกบั พระพทุ ธศาสนาไดต้ ายสนทิ แลว้ ข. เป็นไปตามระบบการเมอื ง ค. เป็นไปตามวฒั นธรรมประเพณี ง. เป็นไปตามกฎหมายบา้ นเมอื ง ๗. พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศลาวในสมยั กษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ด ก. พระเจา้ โพธสิ ารราช ข. พทุ ธศาสนาเถรวาทดง้ั เดมิ อทิ ธพิ ลมอญพระเจา้ ฟ้างมุ้ ค. พระเจา้ ไชยเชษฐาธริ าช ง. พระเจา้ พญาสามแสนไทย ๘. พระพทุ ธศาสนามอี ทิ ธพิ ลต่อประเทศลาวอย่างไร ก. ทำ� ใหบ้ า้ นเมอื งเกดิ มสี งคราม ข. ทำ� ใหป้ ระชาชนยงั นบั ถอื ผี ค. ทำ� ใหบ้ า้ นเมอื งมแี ต่ความสงบเรยี บรอ้ ย ง. ทำ� ใหเ้กดิ ความเชอ่ื ในไสยศาสตร์ ๙. แนวโนม้ ของพระพทุ ธศาสนาในประเทศลาวเป็นอย่างไร ก. ยงั ทรงตวั อยู่ ข. ขาดกษตั รยิ ใ์ หค้ วามอปุ ถมั ภ์ ค. มมี หาวทิ ยาลยั สงฆเ์ กดิ ข้นึ มากมาย ง. ดขี ้นึ ประชาชนชาวลาวย่อมมสี ทิ ธแิ ละเสรภี าพทจ่ี ะเชอ่ื ถอื หรอื ไมเ่ ช่อื ถอื ในศาสนา 05. - 5 (152-187).indd 185 5/10/2022 12:57:47 PM


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook