Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2565_ประวัติพระพุทธศาสนา ร่างแรก PDF รวมไฟล์

2565_ประวัติพระพุทธศาสนา ร่างแรก PDF รวมไฟล์

Published by banchongmcu_surin, 2022-05-11 07:51:05

Description: 2565_ประวัติพระพุทธศาสนา ร่างแรก PDF รวมไฟล์

Search

Read the Text Version

186 ๑๐. พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศเวยี ดนามในสมยั ใด ก. พทุ ธศตวรรษท่ี ๓ โดยท่านเมยี วโป ข. พทุ ธศตวรรษท่ี ๖ โดยท่านเมยี วโป ค. พทุ ธศตวรรษท่ี ๘ โดยท่านตชิ นทั ฮนั ท์ ง. พทุ ธศตวรรษท่ี ๘ โดยท่านเมยี วโป ๑๑. พระพทุ ธศาสนามอี ทิ ธพิ ลต่อประเทศเวยี ดนามอย่างไร ก. พระสงฆเ์ ป็นผูน้ ำ� มวลชนต่อสูก้ บั รฐั บาล ข. พระสงฆเ์ ป็นทพ่ี ง่ึ ทางจติ วญิ ญาณ ค. พระสงฆไ์ ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น ง. พระสงฆไ์ ดเ้ผยแผ่พระพทุ ธศาสนา ๑๒. แนวโนม้ ของพระพทุ ธศาสนาในประเทศเวยี ดนามเป็นอย่างไร ก. พระพทุ ธศาสนายงั คงถกู รงั แก ข. พระพทุ ธศาสนาจะกลบั ฟ้ืนคนื มาเจรญิ รุ่งเรอื ง ค.พระพทุ ธศาสนายงั ไมม่ นั่ คง ง. พระพทุ ธศาสนาเป็นทพ่ี ง่ึ ของประชาชน 05. - 5 (152-187).indd 186 5/10/2022 12:57:47 PM

เอกสารอา้ งองิ ประจำ� บท จำ� นงค์ ทองประเสริฐ (ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ) ราชบณั ฑติ . ประวตั ิศาสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาในเอเชียอาคเนย.์ พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๓. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั สหธรรมกิ จำ� กดั , ๒๕๕๔. ฉตั รสุมาลย์ กบลิ สงิ ห.์ พระพทุ ธศาสนาในประเทศเพอ่ื นบา้ น. กรุงเทพมหานคร : เรอื นแกว้ การพมิ พ,์ ๒๕๒๖, ทววี ฒั น์ ปุณฑริกววิ ฒั น.์ พุทธศาสนากบั สงั คมการเมืองในอุษาคเนย.์ ในสุเจน กรรพฤทธ์ิ และ สิทธา เลศิ ไพบูลยศ์ ิริ (บรรณาธกิ าร).กรุงเทพมหานคร : คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๓. ปรานี วงษเ์ ทศ. สงั คมและวฒั นธรรมในอษุ าคเนย.์ กรุงเทพมหานคร : ศิลปวฒั นธรรม, ๒๕๔๓. พระครูกลั ยาณสทิ ธวิ ฒั น์ (สมาน พรหมอยู่/กลฺยาณธมโฺ ม). เอตทคั คะในพระพทุ ธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ บรษิ ทั สหธรรมกิ จำ� กดั , ๒๕๔๔. พระมหาสมจินต์ สมฺมาปญฺโ. พระพุทธศาสนามหายานในอินเดีย พฒั นาและสารตั ถธรรม. กรุงเทพ- มหานคร : มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๓. พระเทพดลิ ก (ระแบบ ิตาโณ). ประวตั ิพระพทุ ธศาสนา. พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๕. กรุงเทพมหานคร : มหามกุฏ- ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๘. พระอดุ รคณาธกิ าร (ชวนิ ทร์ สระคำ� ). ประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาในอนิ เดยี . พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒. กรุงเทพมหานคร : มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๔. พระมหาดาวสยาม วชริ ปญฺโ. พระพทุ ธศาสนาในเวยี ดนาม. กรงุ เทพมหานคร : หจก.เมด็ ทรายพร้นิ ต้งิ , ๒๕๕๗. ฟ้ืน ดอกบวั . ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในนานาประเทศ. กรุงเทพมหานคร : ศิลปาบรรณาคาร, ๒๕๕๔. มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . พระไตรปิ ฎกภาษาไทย ฉบบั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั เลม่ ท่ี ๓, ๗, ๑๐. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๙. ศูนยอ์ นิ โดจนี ศึกษา วทิ ยาลยั การบริหารรฐั กิจ มหาวทิ ยาลยั บูรพา. ขอ้ มูลพ้นื ฐานสาธารณรฐั ประชาธิปไตย ประชาชนลาว. (ชลบรุ :ี ศูนยอ์ นิ โดจนี ศึกษา วทิ ยาลยั การบรหิ ารรฐั กจิ มหาวทิ ยาลยั บูรพา, ๒๕๕๑. วศิน อนิ ทสระ. ประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนา. พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๒. กรุงเทพมหานคร : มหาจฬุ าบรรณาคาร, ๒๕๓๕. วทิ ย์ บณั ฑติ กลุ . สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว. กรุงเทพมหานคร : สถาพรบคุ๊ ส,์ ๒๕๕๕. วริ ชั นยิ มธรรมและอรนุช นยิ มธรรม. เรยี นรูส้ งั คมและวฒั นธรรมพม่า. พษิ ณุโลก : โรงพมิ พต์ ระกูลไทย, ๒๕๕๑. สภาการศึกษามหามกุฏราชวทิ ยาลยั . พทุ ธศาสนประวตั ิ ระหว่าง ๒๕๐๐ ปี ท่ีล่วงแลว้ . กรุงเทพมหานคร : สุรวฒั น,์ ๒๕๓๗. สุจติ ต์ วงษเ์ ทศ. นาค มาจากไหน. พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๓. กรุงเทพมหานคร : โพสตบ์ กุ๊ ส,์ ๒๕๕๔. เสถยี ร โพธนิ นั ทะ. ประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนา. พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๔. กรุงเทพมหานคร : ธรี ะการพมิ พ,์ ๒๕๔๔. M.,Mic,L.,Michael,C.,and Joe,.C. Steven. Myanmar (Burma). Australia: Lonely Planet Publications Pty Ltd. , 2002. 05. - 5 (152-187).indd 187 5/10/2022 12:57:47 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชียตะวนั ออกไกล ผศ.ดร.ยทุ ธนา พูนเกดิ มะเริง รศ.ดร.ประพฒั น์ ศรีกูลกจิ วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรูป้ ระจำ� บท เมอ่ื ศึกษาเน้ือหาในบทน้ีแลว้ ผูศ้ ึกษาสามารถ ๑. อธบิ ายประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในจนี ได้ ๒. อธบิ ายประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเกาหลไี ด้ ๓. อธบิ ายประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในญป่ี ่นุ ได้ ๔. อธบิ ายประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในไตห้ วนั ได้ ๕. อธบิ ายประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในไตม้ องโกเลยี ได้ ๖. อธบิ ายประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในไตธ้ เิ บตได้ ขอบข่ายเน้ือหา  ความนำ�  ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในประเทศจนี  ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในประเทศเกาหลใี ต้  ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในประเทศญป่ี ่นุ  ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในประเทศไตห้ วนั  ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในประเทศมองโกเลยี  ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในประเทศทเิ บต 06. - 6 (188-239).indd 188 5/10/2022 12:58:11 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 189 ๖.๑ ความน�ำ เอเชยี ตะวนั ออกไกล หมายถงึ กลมุ่ ประเทศทถ่ี ดั จากเอเชยี กลางไปทางทศิ ตะวนั ออก ซง่ึ มอี ยู่ ๖ ประเทศ ไดแ้ ก่ ประเทศจนี เกาหลใี ต้ ญป่ี ่นุ ไตห้ วนั มองโกเลยี ทเิ บต พระพทุ ธศาสนาทแ่ี ผ่ขยายเขา้ มายงั กลมุ่ ประเทศ เหลา่ น้ีเป็นพทุ ธศาสนาแบบมหายาน โดยเขา้ มายงั ประเทศจนี เป็นอนั ดบั แรก ตง้ั แต่พทุ ธศตวรรษท่ี ๖ จากนน้ั ก็ค่อยขยายไปยงั ประเทศต่าง ๆ แมว้ ่าพระพทุ ธศาสนาสายน้ีจะไดร้ บั ความกระทบกระเทอื นจากกระแสปจั จยั ต่าง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นปจั จยั ทางการเมอื ง เศรษฐกจิ แนวคดิ แบบวตั ถนุ ยิ ม เป็นตน้ แต่พทุ ธศาสนากย็ งั คงมเี สถยี รภาพ ดำ� รงมนั่ มาถงึ ปจั จบุ นั ทางดา้ นภมู ศิ าสตรเ์ อเชยี ตะวนั ออกไกลอยู่ในเขตอบอ่นุ มพี ้นื ทส่ี ่วนใหญ่เป็นภเู ขาสูงทส่ี ุด มขี อบเขตกวา้ งขวางทส่ี ุด และมปี ระชากรมากทส่ี ุด เฉพาะในประเทศจนี มปี ระชากรประมาณ ๑,๓๐๐ ลา้ นคน ในประเทศญป่ี ่นุ ประมาณ ๑๓๐ ลา้ นคน ในปจั จบุ นั เอเชยี ตะวนั ออกไกลกลายเป็นประเทศมหาอำ� นาจ ทงั้ โดยมี ประเทศจนี เป็นผูน้ ำ� สภาพการณ์ปจั จุบนั ของพทุ ธศาสนาในเอเชียตะวนั ออกไกล ดา้ นศาสนวตั ถไุ ม่ว่าจะเป็นศาสนสถาน วดั วาอาราม เจดยี ย์ หอระฆงั พระพทุ ธรูป สง่ิ ศกั ด์สิ ทิ ธ์เิ หลา่ น้ียงั ปรากฏมากมายในประเทศทน่ี บั ถอื พทุ ธศาสนา มหายาน แมว้ ่าช่วงท่ผี ่านมาไดร้ บั ผลกระทบจากลทั ธิทางการเมอื งและลทั ธิวตั ถนุ ิยมท่กี ำ� ลงั เผชิญอยู่ก็ตาม ดา้ นศาสนบคุ คลชาวพทุ ธทกุ ภาคส่วน ไมว่ า่ จะเป็นพระสงฆห์ รอื ฆราวาสยงั คงปรบั ปรุงองคก์ รใหม้ คี วามทนั สมยั อยู่เสมอ ไม่ปล่อยใหล้ า้ หลงั หรือหมดความหมายจากสงั คม ซ่ึงถือเป็นลกั ษณะเด่นของชาวพุทธมหายาน ดา้ นศาสนพธิ ีเม่อื สถานการณ์ทางการเมอื งคลค่ี ลายลง เปิดโอกาสใหช้ าวมหายานกลบั มาประกอบพธิ ีกรรม ทางพทุ ธศาสนาอย่างมชี วี ติ ชวี าอกี ครงั้ ดา้ นศาสนธรรมชาวพทุ ธสายมหายานมกี ารนำ� อดุ มการณพ์ ทุ ธ ไมว่ า่ จะเป็น กระบวนการทำ� งานหรอื การประยุกตห์ ลกั พทุ ธธรรมออกมาใชก้ บั สงั คมร่วมสมยั ไดอ้ ย่างน่าอศั จรรย์ ๖.๒ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในประเทศจนี ๖.๒.๑ สภาพสงั คมทวั่ ไปของจนี สาธารณรฐั ประชาชนจนี (People’s Republic of China (PRC)) เป็นรฐั เอกราชในเอเชยี ตะวนั ออก เป็นประเทศทม่ี ปี ระชากรมากทส่ี ุดในโลก กวา่ ๑,๔๐๐ ลา้ นคน เป็นรฐั พรรคการเมอื งเดยี วปกครองโดยพรรค คอมมวิ นิสตจ์ นี มเี มอื งหลวงอยู่ทก่ี รุงปกั ก่งิ ประเทศจนี แบง่ การปกครองออกเป็น ๒๒ มณฑล (ไมร่ วมพ้นื ท่ี พพิ าทไตห้ วนั ), ๕ เขตปกครองตนเอง, ๔ นครปกครองโดยตรง (ปกั ก่งิ เทยี นจนิ เซย่ี งไฮ้ และฉงช่งิ ), และ ๒ เขตบรหิ ารพเิ ศษ ไดแ้ ก่ ฮ่องกงและมาเกา๊ ประเทศจนี มพี ้นื ท่ี ๙.๖ ลา้ นตารางกโิ ลเมตร นบั เป็นประเทศทม่ี พี ้นื ทท่ี งั้ หมดใหญ่ทส่ี ุดในโลกเป็นอนั ดบั ๓ หรือ ๔ แลว้ แต่วธิ ีการวดั ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของจนี มคี วามหลากหลาย ตง้ั แต่ป่าสเต็ปป์และทะเลทราย ในพ้นื ทแ่ี หง้ แลง้ ทางตอนเหนอื ของประเทศตดิ กบั ประเทศมองโกเลยี และไซบเี รยี ของรสั เซยี และป่าฝนกง่ึ โซนรอ้ น ในพ้นื ทช่ี ้นื ทางใตซ้ ง่ึ ตดิ กบั เวยี ดนาม ลาว และพมา่ ส่วนภมู ปิ ระเทศทางตะวนั ตกนน้ั ขรุขระและเป็นทส่ี ูง โดยมี 06. - 6 (188-239).indd 189 5/10/2022 12:58:11 PM

190 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา เทอื กเขาหมิ าลยั และเทอื กเขาเทยี นชานกนั้ เป็นพรมแดนตามธรรมชาตกิ บั ประเทศอนิ เดยี เนปาล และเอเชยี กลาง ในทางตรงกนั ขา้ ม แนวชายฝงั่ ดา้ นตะวนั ออกของจนี แผน่ ดนิ ใหญ่นนั้ เป็นทร่ี าบตำ�่ และมแี นวชายฝงั่ ยาว ๑๔,๕๐๐ กโิ ลเมตร (ยาวทส่ี ดุ เป็นอนั ดบั ท่ี ๑๑ ของโลก) ซง่ึ ตดิ ต่อกบั ทะเลจนี ใตท้ างใต้และทะเลจนี ตะวนั ออกทางตะวนั ออก นอกจากน้ียงั มปี ระเทศทเ่ี ป็นเกาะอยู่ใกลเ้คยี ง ไดแ้ ก่ เกาหลี และญป่ี ่นุ อารยธรรมจนี โบราณ ซง่ึ ถอื ว่าเป็นหน่ึงอารยธรรมยุคแรกเร่มิ ของโลก เจรญิ รุ่งเรอื งในลุม่ แม่น�ำ้ เหลอื ง อนั อดุ มสมบูรณ์ ซง่ึ ไหลผ่านทร่ี าบลมุ่ จนี เหนอื จนี ยดึ ระบบการเมอื งแบบราชาธปิ ไตยหลายสหสั วรรษ จนี รวมกนั เป็นปึกแผ่นครงั้ แรกในสมยั ราชวงศฉ์ ินเมอ่ื ๒๒๑ ปีก่อนครสิ ตกาล ส่วนราชวงศส์ ุดทา้ ย ราชวงศช์ งิ ส้นิ สุดลง ในปี ค.ศ. ๑๙๑๒ ดว้ ยการสละราชสมบตั ขิ องจกั รพรรดผิ ู่อี๋ พรอ้ มกนั กบั การสถาปนาสาธารณรฐั จนี โดยพรรค กก๊ มนิ ตงั๋ พรรคชาตนิ ยิ มจนี ในวนั ท่ี ๑ มกราคม ค.ศ. ๑๙๑๒ คร่งึ แรกของครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๒๐ นนั้ เป็นยุคสมยั แห่งความแตกแยกและสงครามกลางเมอื งซ่งึ แบ่งประเทศออกเป็นค่ายการเมอื งสองค่ายหลกั คือ ก๊กมนิ ตงั๋ และคอมมวิ นิสต์ ความเป็นปฏปิ กั ษส์ ่วนใหญ่ส้นิ สุดลงในปี ค.ศ. ๑๙๔๙ เมอ่ื ฝ่ายคอมมวิ นิสตช์ นะสงคราม กลางเมอื ง และสถาปนาสาธารณรฐั ประชาชนจนี ข้นึ ในจนี แผ่นดนิ ใหญ่ ส่วนสาธารณรฐั จนี ซง่ึ อยู่ภายใตก้ ารนำ� ของกก๊ มนิ ตงั๋ นนั้ ไดย้ า้ ยเมอื งหลวงไปยงั ไทเปบนเกาะไตห้ วนั นบั แต่นน้ั มา สาธารณรฐั ประชาชนจนี ไดเ้ ขา้ ไป มสี ่วนเก่ียวขอ้ งในความขดั แยง้ ทางการเมอื ง กบั สาธารณรฐั จนี เหนือปญั หาอธิปไตย และสถานะทางการเมอื ง ของไตห้ วนั นบั ตง้ั แต่การปฏริ ูปเศรษฐกจิ ซง่ึ มพี ้นื ฐานอยู่บนตลาดเมอ่ื ปี ค.ศ. ๑๙๗๘ ประเทศจนี ไดก้ ลายมาเป็นหน่ึง ในเศรษฐกจิ สำ� คญั ทเ่ี ตบิ โตเรว็ ทส่ี ุดในโลก โดยเป็นผูส้ ่งออกสนิ คา้ รายใหญ่ทส่ี ุดของโลก และเป็นผูน้ ำ� เขา้ สนิ คา้ รายใหญ่ทส่ี ุดเป็นอนั ดบั ท่ี ๒ ของโลก และเป็นเศรษฐกจิ ทม่ี ขี นาดใหญ่ทส่ี ุดเป็นอนั ดบั ท่ี ๒ ของโลกทงั้ ในดา้ น ผลติ ภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศราคาตลาดและความเท่าเทียมของอำ� นาจซ้ือ ตลอดจนเป็นสมาชิกถาวร ของคณะมนตรีความมนั่ คงแห่งสหประชาชาติ ประเทศจนี ไดร้ บั การจดั ใหเ้ป็นรฐั อาวุธนิวเคลยี รแ์ ละมกี องทพั ขนาดใหญ่ทส่ี ุดในโลกซง่ึ มคี ่าใชจ้ ่ายดา้ นกลาโหมมากทส่ี ุดเป็นอนั ดบั ๒ ของโลก ประเทศจนี ถกู จดั วา่ มศี กั ยภาพ ทจ่ี ะกา้ วข้นึ มาเป็นอภมิ หาอำ� นาจของโลกโดยนกั วเิ คราะหว์ ชิ าการนกั วเิ คราะหก์ ารทหาร ตลอดจนนกั วเิ คราะห์ นโยบายสาธารณะและเศรษฐกจิ จนี เป็นประเทศเอกภาพทม่ี หี ลายชนชาติ รฐั บาลจนี ดำ� เนนิ นโยบายทางชนชาตทิ ใ่ี ห้ ชนชาตติ ่าง ๆ มคี วาม เสมอภาค สมานสามคั คแี ละช่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั เคารพและคุม้ ครองสทิ ธเิ สรภี าพในการนบั ถอื ศาสนาและ ขนบธรรมเนียมของชนชาตสิ ่วนนอ้ ยระบบปกครองตนเองในเขตชนชาตสิ ่วนนอ้ ยเป็นระบบการเมอื งอนั สำ� คญั อยา่ งหน่งึ ของจนี คอื ใหท้ อ้ งทท่ี ม่ี ชี นชาตสิ ว่ นนอ้ ยต่าง ๆ อยูร่ วม ๆ กนั ใชร้ ะบบปกครองตนเอง ตงั้ องคก์ รปกครอง ตนเองและใชส้ ทิ ธอิ ำ� นาจปกครองตนเอง ภายใตก้ ารนำ� ทเ่ี ป็นเอกภาพ ของรฐั รฐั ประกนั ใหท้ อ้ งทท่ี ป่ี กครองตนเอง ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายและนโยบายของรฐั ตามสภาพทเ่ี ป็นจรงิ ในทอ้ งถน่ิ ของตน ฝึกอบรมเจา้ หนา้ ทร่ี ะดบั ต่าง ๆ บคุ ลากรทางวชิ าการและ กรรมกรทางเทคนิคชนิดต่าง ๆ ของชนชาตสิ ่วนนอ้ ยเป็นจำ� นวนมาก ประชาชน ชนชาติ 06. - 6 (188-239).indd 190 5/10/2022 12:58:11 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 191 ต่าง ๆ ในทอ้ งท่ที ่ปี กครองตนเองกบั ประชาชนทวั่ ปแระเทศรวมศูนยก์ ำ� ลงั ดำ� เนินการสรา้ งสรรคส์ งั คมนิยมท่ี ทนั สมยั เร่งพฒั นาเศรษฐกจิ และวฒั นธรรมในทอ้ งทท่ี ป่ี กครองตนเองใหเ้ร็วข้นึ และสรา้ งสรรคท์ อ้ งทท่ี ป่ี กครอง ตนเองของชนชาตสิ ่วนนอ้ ยทส่ี มานสามคั คกี นั และเจรญิ รุ่งเรอื งภายใตก้ ารนำ� ของพรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ นี ระหว่างการปฏบิ ตั เิ ป็นเวลาหลายสบิ ปี พรรคคอมมวิ นิสตจ์ นี ซง่ึ เป็นพรรครฐั บาลของจนี ไดก้ ่อรูปข้นึ ซง่ึ ทรรศนะและนโยบายพ้นื ฐานเก่ยี วกบั ปญั หาทางชนชาตหิ ลายประการทส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ การกำ� เนดิ การพฒั นาและการสูญสลายของชนชาตนิ น้ั เป็นกระบวนการทางประวตั ศิ าสตรอ์ นั ยาวนาน ปญั หา ชนชาตจิ ะดำ� รงอยู่เป็นเวลานาน ระยะสงั คมนยิ มเป็นระยะทช่ี นชาตติ ่าง ๆ ร่วมกนั พฒั นาและเจรญิ รุ่งเรอื ง ปจั จยั ร่วมกนั ระหวา่ งชนชาติ ต่าง ๆ จะเพม่ิ มากข้นึ อย่างต่อเน่ือง แต่ลกั ษณะพเิ ศษและขอ้ แตกต่างระหวา่ งชนชาตติ ่าง ๆ จะดำ� รงอยู่ต่อไป ปญั หาชนชาตเิ ป็นสว่ นหน่งึ ของปญั หาทวั่ สงั คม มแี ต่แกป้ ญั หาทวั่ สงั คมใหล้ ลุ ว่ งไปเทา่ นน้ั ปญั หาทางชนชาติ จงึ จะไดร้ บั การแกไ้ ขอย่างมขี น้ั ตอน มแี ต่ในภารกจิ ร่วมกนั ทส่ี รา้ งสรรคส์ งั คมนิยมเท่านนั้ ปญั หาทางชนชาตขิ อง จนี ในปจั จบุ นั จงึ จะไดร้ บั การแกไ้ ขอย่างมขี นั้ ตอนได้ ชนชาติต่าง ๆ ไม่ว่ามปี ระชากรมากหรือนอ้ ย มปี ระวตั ิยาวหรือสน้ั และมรี ะดบั การพฒั นาสูงหรือตำ�่ ต่างก็เคยสรา้ งคุณูปการเพอ่ื อารยธรรมของปิตภุ มู ิ จงึ ควรมคี วามเสมอภาคทง้ั นน้ั ควรเสรมิ สรา้ งความสามคั คี อนั ยง่ิ ใหญ่ระหวา่ งประชาชนชนชาตติ ่าง ๆ ใหแ้ น่นแฟ้นยง่ิ ข้นึ และรกั ษาเอกภาพแห่งชาติ การพฒั นาเศรษฐกจิ อย่างขนานใหญ่เป็นภาระหนา้ ทม่ี ลู ฐานแห่งสงั คมนยิ ม และกเ็ ป็นภาระหนา้ ทม่ี ลู ฐาน ของงานชนชาตขิ องจนี ในขน้ั ตอนปจั จบุ นั ชนชาตติ ่าง ๆ ตอ้ งช่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั เพอ่ื บรรลซุ ง่ึ ความกา้ วหนา้ และความเจรญิ รุ่งเรอื งร่วมกนั การปกครองตนเองในเขตชนชาตสิ ว่ นนอ้ ยเป็นคณุ ูปการอนั ยง่ิ ใหญ่ของพรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ นี ทม่ี ตี ่อทฤษฎี ชนชาตขิ องลทั ธมิ ารก์ ซ และเป็นระบอบมลู ฐานในการแกป้ ญั หาชนชาตขิ องจนี การพยายามสรา้ งขบวนเจา้ หนา้ ท่ี ชนชาตสิ ่วนนอ้ ยขนาดใหญ่ขนาดหน่ึงทม่ี ที งั้ คณุ ธรรม และขดี ความสามารถเป็นหนา้ ทท่ี ส่ี ำ� คญั ทส่ี ุดในการทำ� งาน ทางชนชาตใิ หด้ แี ละแกป้ ญั หาทางชนชาตใิ หล้ ุลว่ งไปปญั หาทางชนชาตกิ บั ปญั หาทางศาสนามกั จะผสมผสานอยู่ ดว้ ยกนั ในทอ้ งทบ่ี างแห่ง ขณะจดั การกบั ปญั หาทางชนชาติ ยงั ตอ้ งสงั เกตปฏบิ ตั ติ ามนโยบายทางศาสนาของรฐั อย่างทวั่ ดา้ นและถกู ตอ้ งนอกจากน้ี ในขณะเดยี วกนั กบั ทพ่ี ยายามสง่ เสรมิ ความกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกจิ วฒั นธรรม การศึกษาตลอดจนภารกจิ อน่ื ๆ ของเขตชนชาตสิ ่วนนอ้ ย ยกระดบั ชวี ติ ทางวตั ถแุ ละวฒั นธรรมของประชาชน ชนชาตสิ ว่ นนอ้ ยอนั ไพศาลซง่ึ รวมทง้ั ชาวศาสนาดว้ ยใหส้ ูงข้นึ รฐั บาลจนี ยงั สนใจเคารพความเชอ่ื ถอื ทางศาสนาของ ชนชาตสิ ่วนนอ้ ยและรกั ษา มรดกทางวฒั นธรรมของชนชาตสิ ่วนนอ้ ยเป็นพเิ ศษ สำ� รวจ เกบ็ สะสม ศึกษา จดั ให้ เป็นระเบยี บและจดั พมิ พจ์ ำ� หน่ายมรดกทางวฒั นธรรมและศิลปะพ้นื เมอื งของชนชาตติ ่าง ๆ ซง่ึ รวมทง้ั วฒั นธรรม ทางศาสนาดว้ ย รฐั บาลยงั ไดล้ งทนุ เป็นจำ� นวนมากเพอ่ื ซอ่ มแซมวดั วาอาราม และสง่ิ ปลูกสรา้ งทางศาสนาอนั สำ� คญั ทม่ี คี ณุ ค่าทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรมในเขตชนชาตสิ ่วนนอ้ ย 06. - 6 (188-239).indd 191 5/10/2022 12:58:11 PM

192 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ภาษาจนี เป็นภาษาเก่าแก่และเป็นภาษาทค่ี นใชม้ ากทส่ี ุดภาษาหน่ึง เป็นภาษาหลกั ทค่ี นจนี ใชก้ นั อยู่ ภาษา มาตาฐานของภาษาจนี คอื ภาษาจนี กลาง ซง่ึ เป็นภาษาทช่ี าวฮนั่ ใชก้ นั โดยทวั่ ไปเป็นภาษากลางทใ่ี ชใ้ นการสอ่ื สาร ระหวา่ งพ้นื ทต่ี ่าง ๆ และในชนเผ่าต่าง ๆ ของจนี แมช้ าวจีนทุกคนสามารถใชภ้ าษาจีนได้ แต่จากการท่ปี ระเทศจีนมอี าณาเขตท่กี วา้ งขวางทำ� ใหท้ อ้ งถ่นิ ต่าง ๆ มภี าษาพดู ทแ่ี ตกต่างกนั โดยภาษาพดู ทใ่ี ชก้ นั ในแต่ละทอ้ งถน่ื คอื ภาษาถน่ิ ซง่ึ เป็นภาษาทใ่ี ชต้ ดิ ต่อกนั เฉพาะในทอ้ งถน่ื ภาษาทอ้ งถน่ื ของจนี ท่ใี ชอ้ ยู่ในปจั จบุ นั น้ีมหี ลายภาษา เช่น ภาษาเหนือ ภาษาอู๋ ภาษาเซยี ง ภาษากา้ น ภาษาแคะ ภาษาหมน่ิ ภาษาเย่ว์ ทง้ั หมดน้ีภาษาเหนอื เป็นภาษาทม่ี กี ารใชก้ นั มากทส่ี ุด ๖.๒.๒ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในประเทศจนี ศาสนาพทุ ธไดเ้ขา้ มาในประเทศจนี ดงั ทป่ี รากฏในหลกั ฐาน เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. ๖๐๘ ในรชั สมยั จกั รพรรดิ ฮนั่ หมงิ พระองคไ์ ดจ้ ดั สง่ คณะทูต ๑๘ คน ไปสบื พระพทุ ธศาสนาในประเทศอนิ เดยี คณะทูตชดุ น้ไี ดเ้ดนิ ทางกลบั ประเทศจนี พรอ้ มดว้ ยพระภกิ ษุ ๒ รูป คอื พระกาศยปมาตงั คะ และ พระธรรมรตั นะ รวมทง้ั คมั ภรี ข์ องพระพทุ ธ- ศาสนาอกี ส่วนหน่ึงดว้ ย เมอ่ื พระเถระ ๒ รูป พรอ้ มดว้ ยคณะทูตมาถงึ ลวั่ หยาง จกั รพรรดฮิ นั่ หมงิ ไดท้ รงสงั่ ใหส้ รา้ งวดั เพ่อื เป็นท่อี ยู่ของพระทงั้ ๒ รูป นน้ั ซ่งึ มชี ่ือว่า วดั แป๊ ะเบย๊ ่ี แปลเป็นไทยว่า วดั มา้ ขาว เพ่อื เป็น อนุสรณแ์ ก่มา้ ตวั ทบ่ี รรทกุ พระคมั ภรี ท์ างพระพทุ ธศาสนากบั พระเถระทง้ั สอง หลงั จากนนั้ พระกาศปมาตงั ตะกบั พระธรรมรตั นะ ไดแ้ ปลคมั ภรี พ์ ระพทุ ธศาสนาเป็นภาษาจนี เลม่ แรก ในสมยั ราชวงศฮ์ นั่ แมว้ า่ พระพทุ ธศาสนาจะเป็นทเ่ี ลอ่ื มใส แต่กย็ งั จำ� กดั อยู่ในวงแคบคอื ในหมขู่ า้ ราชการ และชนชน้ั สูงแห่งราชสำ� นกั เป็นส่วนใหญ่ ยงั ไมแ่ พร่หลายในหมปู่ ระชาชนชาวเมอื ง เพราะชาวจนี ส่วนใหญ่ยงั คง นบั ถอื ลทั ธิขงจอื๊ และลทั ธเิ ตา๋ 1 จนกระทงั่ ในปลายราชวงศฮ์ นั่ นกั ปราชญช์ ่อื โมง่ จอื๊ เป็นปราชญผ์ ูม้ คี วามสามารถ ย่ิงไดแ้ สดงหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาใหช้ าวเมอื งไดเ้ ห็นถึงความจริงแทอ้ นั ลกึ ซ้ึงของพระพุทธศาสนา เหนือกวา่ ลทั ธเิ ดมิ กบั อาศยั ความประพฤตอิ นั บรสิ ุทธ์ิของพระสงฆเ์ ป็นเคร่อื งจูงใจใหช้ าวจนี เกดิ ศรทั ธาเลอ่ื มใส จนทำ� ใหช้ าวเมอื งหนั มานบั ถอื พระพทุ ธศาสนามากกวา่ ลทั ธศิ าสนาอน่ื ๆ พระพทุ ธศาสนาก็เจรญิ รุ่งเรอื งมาเป็น ลำ� ดบั จงึ ทำ� ใหพ้ ทุ ธศาสนาประดษิ ฐานมนั่ คงในจนี ในปี พ.ศ. ๙๖๒-๙๙๐ ช่วงปี พ.ศ. ๑๑๑๘-๑๑๒๓ ในรชั กาลพระเจา้ ซวนต่ี ถอื ว่าเป็นช่วงท่ี “มกี ารทำ� ลายพระพทุ ธศาสนา ใหพ้ ระสงฆส์ กึ กลา่ วคอื ลาสกิ ขา ๒,๐๐๐,๐๐๐ รูป (สองลา้ น) ยดึ วดั ๔๐,๐๐๐ วดั (สห่ี มน่ื วดั ) และทำ� ลาย พระพทุ ธรูป ต่อมามกี ารผ่อนปรนใหป้ ระชาชนนบั ถอื ลทั ธเิ ตา๋ ได้ และนบั ถอื พระสงฆไ์ ด้ แต่ใหน้ บั ถอื พระภกิ ษุ ใหอ้ ยู่ในฐานะพระโพธสิ ตั วเ์ ท่านนั้ แต่งตวั อย่างสามญั ชน ไมใ่ หค้ รองจวี ร 1 เมอ่ื พทุ ธศาสนาแผ่ขยายเขา้ ไปสู่จนี ในสมยั ราชวงศฮ์ นั่ ช่วงตน้ ๆ ถกู ต่อตา้ นจากลทั ธขิ งจ้อื และลทั ธเิ ตา๋ ซง่ึ เป็นลทั ธเิ ดมิ ของจนี 06. - 6 (188-239).indd 192 5/10/2022 12:58:11 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 193 ในสมยั ราชวงศซ์ ุย ช่วงปี พ.ศ. ๑๑๒๔-๑๑๖๑ พระเจา้ บน่ ตี่ ทรงจดั รวมจนี ทง้ั ภาคเหนือ และภาคใต้ เขา้ เป็นหน่ึงเดยี ว พระองคท์ รงมศี รทั ธาในพระพทุ ธศาสนาแรงกลา้ เมอ่ื ไดข้ ้นึ ครองราชยไ์ ดฟ้ ้ืนฟูพระพทุ ธศาสนา ออกคำ� สงั่ โปรดใหพ้ ระสงฆก์ ลบั มาครองจีวรอีกครง้ั ตามปกติ ทรงแต่งตงั้ ประมขุ สงฆ์ โปรดใหส้ รา้ งวดั ข้นึ ทวั่ ประเทศ ใหท้ ำ� บญั ชรี ายช่อื พระสูตร รวบรวมพระไตรปิฎก ราชวงศถ์ งั (พ.ศ. ๑๑๖๑-๑๔๕๐) พระพทุ ธศาสนาก็เจรญิ สูงสุด เพราะไดร้ บั การสนบั สนุนจากพระเจา้ จกั รพรรดติ ลอดจนนกั ปราชญร์ าชบณั ฑติ ต่างๆ โดยมกี ารสรา้ งวดั ข้นึ หลายแหง่ และมกี ารแปลพระสูตรจากภาษา บาลเี ป็นภาษาจนี มากมาย ในรชั สมยั พระเจา้ เกาโจ ทรงมพี ระราชโอการใหก้ ำ� หนดวดั อโุ บสถ หา้ มประหารชวี ติ ตกปลาลา่ สตั ว์ ตามพระวนิ ยั ของนกิ ายมหายาน ทรงสละพระราชวงั เดมิ ใหเ้ป็นวดั ในรชั กาลพระเจา้ ไจ พ.ศ. ๑๑๗๒ พระถงั ซมั จงั๋ (หลวงจนี เสวยี นจา้ ง) ออกจารกิ ไปยงั ชมพทู วปี กลบั มา ถงึ จนี ใน พ.ศ. ๑๑๗๒ ทรงอาราธนาใหส้ ถติ ณ เมอื งโลยาง ทรงอปุ ถมั ภก์ ารแปลพระสูตร ทท่ี า่ นนำ� มาจากอนิ เดยี พระถงั ซมั จงั๋ บนั ทกึ การเดนิ ทางชอ่ื “บนั ทกึ แควน้ ตะวนั ตก” (Records of the Grand Western Region) ทม่ี ี คุณต่างทางประวตั ศิ าสตรเ์ ป็นอย่างมาก ท่านปฏบิ ตั ศิ าสนาต่อมา จนมรณภาพ ใน พ.ศ. ๑๒๕๒ พระเจา้ ตงจง โปรดใหม้ กี ารคดั เลอื กผูท้ จ่ี ะบวชข้นึ เป็นครงั้ แรก ใน พ.ศ. ๑๒๕๘ พระเจา้ เฮ้ยี นจง พระองคอ์ อกคำ� สงั่ และโปรดใหพ้ ระภกิ ษุทไ่ี มย่ อมศึกษาพระปรยิ ตั ธิ รรม ตอ้ งลาสกิ ขา เป็นจำ� นวน ๑๒,๐๐๐ รูป (หน่ึงหมน่ื สองพนั ) เหตผุ ลกเ็ พราะวา่ ในยุคน้ี มผี ูอ้ อกบวช เพอ่ื หวงั จะ หลบหนีการทำ� งาน มพี ระข้เี กยี จทำ� งานหนีไปบวชเป็นจำ� นวนมาก นอกจากน้ี ทรงหา้ มสรา้ งวดั หลอ่ พระพทุ ธรูป และ คดั พมิ พพ์ ระสูตรต่าง ๆ ของพระพทุ ธศาสนา โดยไมไ่ ดรบั อนุญาตเดด็ ขาด พระพทุ ธศาสนาเร่มิ เสอ่ื มลง เมอ่ื จกั รพรรดถิ งั อู่จง ข้นึ ปกครองประเทศ เพราะพระองคท์ รงเลอ่ื มใสใน ลทั ธเิ ตา๋ พระองคไ์ ดท้ ำ� ลายพระพทุ ธศาสนา เช่น ใหเ้หลา่ ภกิ ษุ ภกิ ษุณี ลาสกิ ขาบท, ยดึ วดั , ทำ� ลายพระพทุ ธรูป และ เผาคมั ภรี ์ เป็นตน้ พระพทุ ธศาสนาไมไ่ ดร้ บั การอปุ ถมั ภจ์ ากราชสำ� นกั กเ็ ร่มิ เสอ่ื มลงตงั้ แต่บดั นน้ั โดยสรุป เป็นเวลาประมาณ ๓๖๐ ปี ทจ่ี นี มแี ต่ความวุน่ วายระสำ�่ ระสาย รบราฆ่าฟนั กนั นบั ตง้ั แต่ส้นิ ราชวงศฮ์ นั่ เป็นตน้ มา ใน พ.ศ. ๑๔๙๙ ยุคหา้ ราชวงศส์ บิ สองอาณาจกั ร มกี ารทำ� ลายพระพทุ ธศาสนาครงั้ ใหญ่ พระเจา้ ซจี ง แห่งแควน้ จวิ ทรงกวดขนั การบวช ยดึ และยุบวดั ทไ่ี มม่ พี ระราชโอการใหส้ รา้ ง มกี ารหลอมพระพทุ ธรูปทองคำ� ทำ� เป็นเงนิ ตรา บงั คบั ราษฎรใหข้ ายพระพทุ ธรูป พรอ้ มกบั เคร่อื งบูชาทเ่ี ป็นทองแดงใหแ้ ก่ขา้ ราชการ สมยั พราชวงศส์ ุง หรอื ซอ็ ง ช่วง พ.ศ. ๑๕๐๓-๑๕๒๓ พระเจา้ เกาโจว้ ทรงฟ้ืนฟูพระพทุ ธศาสนา เช่น โปรดใหส้ รา้ งวดั ณ สถานทท่ี เ่ี คยมกี ารสูร้ บ ทรงส่งราชทูตไปอญั เชญิ พระสูตรมาจากประเทศเกาหลี และอนิ เดยี และในปี พ.ศ. โปรดใหแ้ กะสลกั ไมแ้ ผ่นพมิ พพ์ ระไตรปิฎก รวม ๑๓๐,๐๐๐ แผ่น (หน่ึงแสนสามหมน่ื แผ่น) จากนน้ั มผี ูบ้ วชเพม่ิ มากข้นึ การศึกษาดา้ นปรยิ ตั เิ จรญิ รุ่งเรอื ง มพี ระจารกิ มาจากอนิ เดยี และพระจนี จารกิ ไปยงั 06. - 6 (188-239).indd 193 5/10/2022 12:58:11 PM

194 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา อนิ เดยี มากข้นึ มกี ารปรบั ปรุงประเพณี พธิ กี รรม และส่งเสรมิ การปฏบิ ตั ธิ รรม มภี กิ ษุ ๓๗๐,๐๐๐ รูป (สามแสน เจด็ หมน่ื รูป) และภกิ ษุณี ๔๘,๐๐๐ รูป (สห่ี มน่ื แปดพนั รูป) ใน พ.ศ. ๒๔๖๕ พระพทุ ธศาสนาเสอ่ื มโทรมมาก พระอาจารยไ์ ทสู ้ จงึ ไดม้ กี ารปฏริ ูปพทุ ธศาสนา เร่มิ ตง้ั “วทิ ยาลยั สงฆ”์ ข้นึ ท่ี เมอื ง วูซงั เอหมงึ เสฉวน และหลงิ นาน โดยมวี ตั ถปุ ระสงคค์ อื เพอื่ ฝึกผูน้ ำ� พทุ ธศาสนา ใหพ้ ระสงฆไ์ ดม้ คี วามรูท้ งั้ พระธรรมวนิ ยั และวชิ าการสมยั ใหม่ พรอ้ มกนั น้ีก็ไดเ้ผยแผ่ บำ� เพญ็ ประโยชนจ์ นได้ จดั ตง้ั “พทุ ธสมาคมแห่งประเทศจนี ” ข้นึ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๗๒ ประกาศพทุ ธศาสนาแนวใหม่ ทำ� ใหป้ ญั ญาชนเขา้ ใจ พระพทุ ธศาสนามากข้นึ มกี ารตดิ ต่อพทุ ธศาสนกิ ชนในต่างประเทศ ส่งนกั ศึกษาไปเลา่ เรยี นในศรลี งั กา ไทย และ ญป่ี ่นุ มภี กิ ษุและภกิ ษุณี ๗๓๘,๐๐๐ รูป มวี ดั ๒๖๗,๐๐๐ วดั ยคุ สาธารณรฐั จนี ใน พ.ศ. ๒๔๕๕ ประเทศจนี ไดเ้ปลย่ี นชอ่ื ประเทศเป็นสาธารณรฐั จนี รฐั บาลไมไ่ ดส้ นบั สนุนในพระพทุ ธ ศาสนา แต่สนบั สนุนแนวความคดิ ของลทั ธมิ ากซ์ ซง่ึ ลทั ธดิ งั กลา่ ว ไดโ้ จมตพี ระพทุ ธศาสนาตลอดมา และมกี ารก ระทำ� ทเ่ี ป็นปฏปิ กั ษต์ ่อพระพทุ ธศาสนามากข้นึ โดยเอาวดั ไปใชเ้ป็นสถานทร่ี าชการอน่ื ๆ สถานการณข์ องพระพทุ ธ ศาสนาจงึ ยงั ไมด่ ขี ้นึ ใน พ.ศ. ๒๔๖๕ พระภกิ ษุชาวจนี รูปหน่ึงช่อื วา่ พระอาจารยไ์ ท่ซวี ไดช้ ่วยกูฐ้ านะของพระพทุ ธศาสนาไว้ บางส่วนคือ ท่านไดท้ ำ� การปฏริ ูปพระพทุ ธศาสนาอย่างจรงิ จงั แมจ้ ะมกี ำ� ลงั นอ้ ย เร่มิ ดว้ ยการตงั้ วทิ ยาลยั สงฆ์ ข้นึ ท่ี วูซนั เอห้ มงิ เสฉวน และ หลง่ิ นาน เพอ่ื ฝึกผูน้ ำ� ทางพระพทุ ธศาสนาใหม้ คี วามรูท้ างพระธรรมวนิ ยั และวชิ าการ ทางโลกสมยั ใหม่ และนำ� มาเผยแผ่เพอ่ื ใหเ้กดิ ประโยชนต์ ่อสงั คม จนผูค้ นเลอ่ื มใสมากข้นึ จงึ ตง้ั พทุ ธสมาคมแห่ง ประเทศจนี ข้นึ ใน พ.ศ. ๒๔๗๒ ความพยายามของพระอาจารยไ์ ท่ซวี ทำ� ใหป้ ระชาชนและรฐั บาลจนี เขา้ ใจในพระพทุ ธ- ศาสนาดขี ้นึ ทางราชการไดอ้ อกคำ� สงั่ พทิ กั ษท์ รพั ยส์ นิ ของวดั หา้ มนำ� ไปใชใ้ นกจิ การอน่ื ใน พ.ศ. ๒๔๗๓ สาธารณรฐั จนี มพี ระภกิ ษุและภกิ ษุณีรวม ๗๓๘,๐๐๐ รูป มวี ดั ทง้ั ส้นิ ๒๖๗,๐๐๐ วดั ซง่ึ นบั วา่ พระพทุ ธศาสนาเจรญิ ในประเทศจนี พอสมควร ยคุ สาธารณรฐั ประชาชนจนี ใน พ.ศ. ๒๔๙๒ สาธารณรฐั จนี ไดเ้ปลย่ี นชอ่ื ประเทศอกี ครง้ั หน่ึง เป็นสาธารณรฐั ประชาชนจนี ปกครอง ดว้ ยลทั ธคิ อมมวิ นิสต์ ลทั ธคิ อมมวิ นิสตน์ ้ีมคี ำ� สอนทข่ี ดั แยง้ กบั พระพทุ ธศาสนาเป็นอย่างมาก พระพทุ ธศาสนา จงึ ไม่อาจอยู่ไดใ้ นสาธารณรฐั ประชาชนจนี ในระยะแรกพรรคคอมมวิ นิสตเ์ หน็ ว่าพระพทุ ธศาสนายงั มอี ทิ ธิพล อยู่ในจติ ใจของประชาชนจงึ ไมใ่ ชค้ วามรุนแรง ในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ มปี ระกาศจากรฐั บาล สาธารณรฐั ประชาชนจีนว่า “พระสงฆเ์ ป็ นกาฝากสงั คม” สรา้ งความรูส้ กึ วา่ มกี ารแบง่ แยกชาวบา้ นกบั พระสงฆ์ และผูบ้ รหิ าร วา่ เป็นคนต่างชนั้ ต่างระดบั เป็นคนละพวก กบั คณะผูน้ ำ� และผูบ้ ริหารประเทศ มองว่า พระสงฆเ์ ป็นพวกข้เี กียจ ไม่ทำ� งาน ทำ� ตวั เป็นขอทานบรรดาศกั ด์ิ 06. - 6 (188-239).indd 194 5/10/2022 12:58:11 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 195 ในคราบศาสนา เป็นพวกตำ�่ ตอ้ ยศกั ด์ศิ รี ไมม่ คี ่า เป็นดงั กาฝากของสงั คม เป็นตวั ถว่ งสงั คมและเศรษฐกจิ ลทั ธิ คอมมวิ นิสตถ์ อื ว่าศาสนาคือยาเสพติด เป็นตวั ถ่วงสงั คม เป็นตวั สรา้ งความงมงายแก่ปวงประชา ขดั ขวาง ความเจริญของรฐั มกี ารบบี บงั คบั กดดนั พระสงฆต์ ่างๆ นานา มกี ารบบี บงั คบั สทิ ธิในการถอื ครองท่ดี นิ วดั เพกิ ถอนสทิ ธใิ นทด่ี นิ บบี ทกุ ดา้ นใหพ้ ระสงฆท์ งั้ ภกิ ษุและภกิ ษุอยู่ในเพศบรรพชติ ไมไ่ ด้ ใน พ.ศ. ๒๔๙๔ รฐั บาลไดอ้ อกกฎหมาย เพกิ ถอนสทิ ธวิ ดั ในการยดึ ครองทด่ี นิ ซง่ึ เป็นการบบี ใหพ้ ระสงฆ์ ตอ้ งลาสกิ ขาบทโดยทางออ้ ม พระภกิ ษุทย่ี งั ไมล่ าสกิ ขากต็ อ้ งไปประกอบอาชพี เอง เช่น ทำ� ไร่ ทำ� นา เป็นตน้ ทงั้ ท่ี ยงั ครองเพศเป็นภกิ ษุอยู่ และในช่วงปฏวิ ตั วิ ฒั นธรรมครง้ั ใหญ่ของสาธารณรฐั ประชาชนจนี ใน พ.ศ. ๒๕๐๙-๒๕๑๒ ไดม้ เี หตกุ ารณท์ ก่ี ระทบกระเทอื นต่อพระพทุ ธศาสนาเป็นอย่างมากคอื รฐั บาล ไดย้ ดึ วดั เป็นของราชการ หา้ มประกอบศาสนกิจต่าง ๆ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาถอื เป็นความผดิ กฎหมาย พระภกิ ษุถกู บงั คบั ใหล้ าสกิ ขา พระคมั ภรี ต์ ่าง ๆ ถกู เผา พระพทุ ธรูปและวดั ถกู ทำ� ลายไปเป็นอนั มาก จากเหตกุ ารณน์ ้ี ทำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนา เกอื บสูญส้นิ ไปจากประเทศจนี เลยทเี ดยี ว เมอ่ื ประธานพรรคคอมมวิ นิสตจ์ นี เหมา เจอ๋ ตง ไดถ้ งึ แก่อสญั กรรม ใน พ.ศ. ๒๕๑๙ รฐั บาลชดุ ใหมข่ องจนี ก็คลายความเขม้ งวดลงบา้ งและใหเ้สรภี าพในการนบั ถอื ศาสนา ของประชาชนมากข้นึ ตงั้ แต่ ปี พ.ศ. ๒๕๐๙-๒๕๑๙ เป็นช่วง ๕๐ ทผ่ี ่านมา ประเทศจนี มกี ารปฏบิ ตั วิ ฒั นธรรม ส่งผลให้ พระพทุ ธศาสนาเสอ่ื มโทรมมาก แต่ต่อมารฐั บาลจนี ผ่อนผนั นโยบาย ทำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาเร่มิ มกี ารกลบั ฟ้ืนตวั พ.ศ. ๒๕๒๐ นายเต้งิ เสย่ี วผงิ มอี ำ� นาจไดจ้ ดั ดำ� เนนิ โครงการปรบั ปรุงเศรษฐกจิ ใหท้ นั สมยั ตามนโยบาย การคา้ แบบเสรี อดุ มการณแ์ ละโครงสรา้ งการเมอื งแบบลทั ธเิ หมาเจอ๋ ตงุ ถกู ยกเลกิ นอกจากนโยบายทางเศรษฐกจิ และการเมอื ง จะหนั มาในทางเสรมี ากข้นึ แลว้ การบงั คบั และควบคุมกจิ กรรมความเช่อื ทางศาสนาก็คลายความ เขม้ งวดลงไป สภาวการณพ์ ระพทุ ธศาสนาเร่มิ กลบั ฟ้ืนตวั มากข้นึ สภาพการณป์ จั จบุ นั คณะสงฆจ์ นี และคณะสงฆ์ ไทย มคี วามสมั พนั ธเ์ ก้อื กูลใกลช้ ดิ ข้นึ เมอ่ื มองผ่านมติ คิ วามเหมอื น ต่างมงุ่ สรา้ งความมนั่ คงแก่พระพทุ ธศาสนา ในภมู ภิ าคน้ี โดยเฉพาะมหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั มกี ารเช่อื มสมั พนั ธแ์ ลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และ ใหก้ ารช่วยเหลอื เก้อื กูล ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากคณะผูบ้ รหิ ารระดบั สูงของ มจร. เดนิ ทางไปปฏสิ มั พนั ธก์ บั คณะสงฆจ์ นี หลายครงั้ ในทศวรรษทผ่ี ่านมา ๖.๒.๓ บทบาทพระสงฆใ์ นจนี บทบาทพระสงฆใ์ นประเทศจีน ส่วนใหญ่จะทำ� หนา้ ท่ีศึกษาคำ� สอนและประกอบพิธีกรรมตามลทั ธิ ความเชอ่ื เฉพาะทร่ี ฐั บาลอนุญาตเทา่ นนั้ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาถอื เป็นความผดิ กฎหมาย พระภกิ ษุถกู บงั คบั ใหล้ าสิกขา พระคมั ภีรต์ ่าง ๆ ถูกเผา พระพุทธรูปและวดั ถูกทำ� ลายไปเป็นอนั มาก จากเหตุการณ์น้ีทำ� ให้ พระพทุ ธศาสนา เกอื บสูญส้นิ ไปจากประเทศจนี เลยทเี ดยี ว เมอ่ื ประธานพรรคคอมมวิ นิสตจ์ นี เหมา เจอ๋ ตงุ ไดถ้ งึ แก่อสญั กรรม ใน พ.ศ. ๒๕๑๙ รฐั บาลชดุ ใหมข่ องจนี กค็ ลายความเขม้ งวดลงบา้ ง และใหเ้สรภี าพในการ 06. - 6 (188-239).indd 195 5/10/2022 12:58:12 PM

196 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา นบั ถอื ศาสนาของประชาชนมากข้นึ ปจั จุบนั ประเทศจีนไดม้ กี ารฟ้ืนฟูพระพุทธศาสนาลทั ธิมหายานข้นึ ใหม่ ในประเทศสาธารณรฐั ประชาชนจนี นอกจากน้ีรฐั บาลจนี ยงั ใหก้ ารสนบั สนุนจดั ตงั้ พทุ ธสมาคมแห่งประเทศจนี และสภาการศึกษาพระพทุ ธ- ศาสนาแห่งประเทศจนี ข้นึ ในกรุงปกั ก่งิ อกี ดว้ ย เพอ่ื เป็นศูนยก์ ลางการตดิ ต่อเผยแผ่พระพทุ ธศาสนากบั ประเทศ ต่าง ๆ ทวั่ โลก ปจั จบุ นั น้ีชาวจนี ส่วนใหญ่นบั ถอื พระพทุ ธศาสนาคู่ไปกบั ลทั ธขิ งจ้อื และลทั ธเิ ตา๋ เป็นตน้ ๖.๒.๔ อทิ ธพิ ลและแนวโนม้ ของพระพทุ ธศาสนาในจนี ศาสนาและปรชั ญาของจนี ถูกแยกออกจากการเมอื งอย่างเดด็ ขาด อทิ ธิพลทางศาสนาไม่เคยกุมอำ� นาจ ทางการเมอื งเลย ชนชาตจิ นี ไมไ่ ดใ้ หค้ วามสำ� คญั กบั เร่อื งพระเจา้ สรา้ งโลก แต่นบั ถอื พระเจา้ ในฐานะเป็นผูอ้ ำ� นวย ความสมบูรณท์ างพชื ผล มไิ ดน้ บั ถอื ฐานะเป็นผูส้ รา้ งโลกอย่างศาสนาครสิ ต์ พระเจา้ ของจนี จงึ เป็นตวั ตน เรยี กวา่ “เทยี นต่”ี จกั รพรรดแิ ห่งสวรรค์ พระองคไ์ ดส้ ่งผูแ้ ทนลงมาปกครองมนุษยเ์ รยี กวา่ “เทยี นจ้อื ” แปลวา่ โอรสแห่ง สวรรค์ คอื พระมหากษตั รยิ ์ สว่ นเทพเจา้ นอกน้เี ป็นประเภทพระเจา้ ประจำ� ธรรมชาตติ ่าง ๆ เหมอื นศาสนาพราหมณ์ ศาสนาของจนี ขาดจากสถาบนั นกั บวช มแี ต่เจา้ หนา้ ทพ่ี ธิ กี ารของหลวง สำ� หรบั ทำ� หนา้ ทเ่ี ซ่นฟ้าดนิ เพราะฉะนน้ั จงึ มไิ ดม้ อี ทิ ธพิ ลใด ๆ ไมม่ หี ลกั คำ� สอนใด ๆ เร่อื งของคำ� สอนเป็นเร่อื งของปรชั ญาเมธี ลกั ษณะอย่างน้ี จงึ เป็น ลกั ษณะเดยี วกบั พวกกรกี ซง่ึ เป็นลทั ธไิ ม่มคี ำ� สงั่ สอน ไม่มนี กั บวช มแี ต่เจา้ หนา้ ทเ่ี ฝ้าศาล เร่อื งของคำ� สงั่ สอน เป็นเร่อื งของปรชั ญาเมธตี ่าง ๆ ในอดตี มหี ลายท่านทม่ี ชี ่อื เสยี ง เช่น ขงจ้อื เหลา่ จ้อื และบกิ๊ จ้อื เป็นตน้ 2 ถา้ จะกลา่ วถงึ อทิ ธพิ ลของพระพทุ ธศาสนาทม่ี ตี ่อสงั คม เศรษฐกจิ การเมอื ง และวฒั นธรรมของจนี แลว้ ตอ้ งศึกษาคำ� วา่ “เสน้ ทางสายไหม” (Sill Road) ซง่ึ ในมติ ทิ างพระพทุ ธศาสนา หมายถงึ เสน้ ทางทพ่ี ระภกิ ษุใชเ้ป็น เสน้ ทางในการเดนิ ทางไกลอญั เชญิ พระไตรปิฎกจากอนิ เดยี “ใน ค.ศ. ๖๒๗ ทพ่ี ระภกิ ษุชอ่ื เสวยี นจงั้ ทต่ี ดั สนิ ใจ ออกเดินทางไปแสวงธรรมและศึกษาพระพุทธศาสนาท่ีมหาวิทยาลยั นาลนั ทา จุดเร่ิมตน้ คือเมืองฉางอนั ซง่ึ มหาวทิ ยาลยั ในขณะนน้ั ถอื วา่ เป็นศูนยก์ ลางการศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาทม่ี ชี อ่ื เสยี งและกติ ตศิ พั ทอ์ นั เลอ่ื งลอื มาก ท่านไดพ้ บกบั อธิการบดีมหาวทิ ยาลยั นาลนั ทา ในขณะท่ไี ดไ้ ปเยอื นเมอื งฉางอนั และไดพ้ บกบั พระถงั ซมั จงั๋ เมอ่ื ทราบถงึ ความตง้ั ใจของพระถงั ซมั จงั๋ แลว้ และไดเ้ชญิ ชวนโดยกลา่ วไวว้ า่ “การทท่ี ่านจะไดเ้รยี นรูค้ วามหมาย ของพระธรรมอนั ศกั ด์สิ ทิ ธ์อิ ย่างแทจ้ รงิ ท่านควรไปศึกษาทม่ี หาวทิ ยาลยั นาลนั ทาแห่งน้ี โดยเราจะเป็นอาจารย์ ผูฝ้ ึกสอนท่านดว้ ยตวั เราเอง”3 เสน้ ทางสายไหมน้ี ถกู เรยี กอย่างเป็นทางการในกลางศตวรรษท่ี ๑๙ โดยปราชญ์ ชาวเยอรมนั ช่อื Baron Ferdinad von Richthofen เป็นผูบ้ ญั ญตั ชิ อ่ื น้ีข้นึ มา จนเป็นทย่ี อมรบั ถงึ แมว้ า่ มคี น พยามยามเรียกเป็นอย่างอ่นื เช่น เสน้ ทางหยก เสน้ ทางอญั มณี เสน้ ทางพระพทุ ธศาสนา เป็นตน้ เสน้ ทางน้ี 2 เสถยี ร โพธินนั ทะ, ประวตั ิศาสตรพ์ ระพทุ ธศาสนา ฉบบั มขุ ปาฐะ ภาค ๑, (กรุงเทพมหานคร : สภาการศึกษา มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๑๔), หนา้ ๑๗๙-๑๘๐. 3 พระครูปรยิ ตั กิ ติ ตธิ รรมวงศ,์ เอกสารการสอน พระพทุ ธศาสนาในโลกปจั จุบนั , (ขอนแก่น : เอม็ ม่ี กอ๊ ปป้ี เซน็ เตอร์ (Emmy Copy Center), ๒๕๖๐), หนา้ ๔๓๑. 06. - 6 (188-239).indd 196 5/10/2022 12:58:12 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 197 เร่มิ จากทางตะวนั ออกทเ่ี มอื งฉานอนั หรอื ซอี นั ในปจั จบุ นั ของจนี ไปส้นิ สุดทย่ี ุโรป ณ เมอื งคอนสแตนตโิ นเปิล (Constantinople) ส้นิ คา้ ทม่ี ชี ่อื เสยี ง คอื ผา้ ไหมจนี , แกว้ , เพชรพลอย, เคร่อื งเคลอ่ื บดนิ เผา และ พรม เป็นตน้ แต่เสน้ ทางน้ีกไ็ ดถ้ กู ยกเลกิ ไปเพราะภยั สงคราม อิทธิพลของพระพทุ ธศาสนาดา้ นสงั คมในจีน พระพทุ ธศาสนาแผ่อิทธิพลเขา้ จีนผ่านววิ ฒั นาการสสบั ซบั ซอ้ น ๓ ระยะดว้ ยกนั กลา่ วคอื ระยะแรก เป็นระยะทอ่ี าศยั วฒั นธรรมจนี เป็นตน้ ทนุ เกาะ เพอ่ื ประคองตนเอง ไปปกั หลกั ลงไดใ้ นแผ่นดนิ จนี แลว้ ค่อย ๆ แผ่ออกไป ระยะทส่ี อง เป็นระยะทเ่ี กดิ ภาวะขดั แยง้ และปะทะกบั วฒั นธรรมดง้ั เดมิ ของจนี อย่างรุ่นแรง ระยะทส่ี าม เป็นระยะทเ่ี ป็นทย่ี อมรบั และกลายเป็นวฒั นธรรมทส่ี ำ� คญั ยง่ิ สว่ นหน่งึ ของจนี ในสว่ นท่าทวี ฒั นธรรมของจนี เมอ่ื พระพทุ ธศาสนาแผ่ขยายเขา้ ไป กแ็ บง่ ออกเป็น ๓ ระยะเช่นกนั คอื ระยะแรก รบั อทิ ธพิ ลพระพทุ ธศาสนา ระยะทส่ี องกดี กนั และต่อตา้ น และระยะทส่ี าม ยอมรบั เป็นศาสนา และวฒั นธรรมส่วนหน่ึงของจนี ในปจั จุบนั ไดม้ ีการฟ้ืนฟูพระพุทธศาสนาลทั ธิมหายานข้นึ ใหม่ ในประเทศสาธารณรฐั ประชาชนจีน นอกจากน้ีรฐั บาลจนี ยงั ใหก้ ารสนบั สนุนจดั ตงั้ พทุ ธสมาคมแห่งประเทศจนี และสภาการศึกษาพระพทุ ธศาสนา แห่งประเทศจนี ข้นึ ในกรุงปกั ก่งิ อกี ดว้ ย เพอ่ื เป็นศูนยก์ ลางการตดิ ต่อเผยแผ่พระพทุ ธศาสนากบั ประเทศต่าง ๆ ทวั่ โลก ปจั จบุ นั น้ีชาวจนี ส่วนใหญ่นบั ถอื พระพทุ ธศาสนาคู่ไปกบั ลทั ธขิ งจอื๊ หา้ ทหารเสอื แห่งจก๊ กก๊ และลทั ธเิ ตา๋ ซง่ึ ปจั จบุ นั มผี ูน้ บั ถอื ถงึ รอ้ ยละ ๓๐ ในประเทศจนี มผี ูน้ บั ถอื พทุ ธศาสนาแบบเถรวาทเฉพาะในมณฑลยูนนาน ซง่ึ โดยทวั่ ไปเป็นชนกลมุ่ นอ้ ย ชาวไทล้อื และชาวไทใหญ่ และเป็นพระพทุ ธศาสนาแบบเถรวาทในจนี พระพทุ ธศาสนาในสบิ สองปนั นาของจนี เป็นพทุ ธศาสนาเถรวาทลทั ธิลงั กาวงศ์ โดยไดร้ บั อทิ ธิพลจาก อาณาจกั รลา้ นนาหรอื เชยี งใหมใ่ นปจั จบุ นั แบง่ เป็น ๒ นิกายเช่นเดยี วกบั พทุ ธศาสนาในเชยี งใหม่ คอื (๑) สำ� นกั วดั สวนดอก ตง้ั ทเ่ี ชยี งใหม่ เมอ่ื พ.ศ. ๑๙๑๔ แต่เขา้ สู่สบิ สองปนั นาเมอ่ื ใดไมม่ หี ลกั ฐาน (๒) สำ� นกั วดั ป่าแดงหรอื ฝ่ายป่า ตง้ั ข้นึ ทเ่ี ชยี งใหมเ่ มอ่ื ราว พ.ศ. ๑๙๗๓ โดยคณะสงฆท์ ไ่ี ปบวชเรยี นมาใหมจ่ ากประเทศศรลี งั กา ถอื วนิ ยั เคร่งครดั กวา่ ฝ่ายสวน เผยแพร่เขา้ สู่สบิ สองปนั นาเมอ่ื พ.ศ. ๑๙๘๙ โดยผ่านทางเชยี งตงุ พระพทุ ธศาสนาแพร่เขา้ สู่เขตปกครองตนเองไทใตค้ ง เมอ่ื ราวพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๙-๒๐ แบง่ ออกเป็น ๔ นิกาย คอื นิกายปายจอง เป็นนิกายท่แี พร่เขา้ มาก่อนนิกายอ่นื ไม่เคร่งวนิ ยั ภกิ ษุเล้ยี งสตั วเ์ ล้ยี ง เช่น เป็ด ไก่ ได้ นิกายกงึ โยน เป็นนิกายทแ่ี พร่เขา้ สู่เมอื งขอนเมอ่ื ราวพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๐ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากเชยี งใหม่ มกี าร แบง่ ย่อยเป็นโยนสวนกบั โยนป่าเหมอื นในเมอื งเชยี งใหม่ เขยี นคมั ภรี ด์ ว้ ยอกั ษรลา้ นนา นิกายโตเล เป็นนิกายท่ไี ดร้ บั อทิ ธิพลจากพม่าเขา้ สู่เมอื งมาวเมอ่ื พ.ศ. ๒๒๙๔ ถอื วนิ ยั เคร่งครดั กว่า นกิ ายอน่ื มกี ารบวชสามเณรแี ละภกิ ษุณี 06. - 6 (188-239).indd 197 5/10/2022 12:58:12 PM

198 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา นิกายชตุ ิ หรอื โจติ เป็นนิกายทเ่ี กดิ ข้นึ ในใตค้ งโดยภกิ ษุชาวไทใหญ่เหน็ วา่ พระสงฆเ์ ดมิ ถอื วนิ ยั หย่อนยาน แพร่เขา้ สู่เมอื งแจฝ้ างและเมอื งมาว เมอ่ื ราวพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๐ เคยแพร่หลายท่เี มอื งขอนระยะหน่ึงเมอ่ื ราว พทุ ธศตวรรษท่ี ๒๕ แต่ภายหลงั พ่ายแพน้ ิกายปายจอง คณะสงฆน์ ิกายน้ีในเมอื งขอนจงึ ถอนตวั จากเมอื งขอน เขา้ สู่พม่าไปตง้ั ศูนยก์ ลางทเ่ี มอื งมดี และเมอื งยางในรฐั ฉานตามลำ� ดบั ภกิ ษุในนิกายน้ีมวี ตั รปฏบิ ตั ติ ่างจาก ๓ นิกายขา้ งตน้ ทงั้ ภกิ ษุและฆราวาสต่างเคร่งครดั วนิ ยั เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๓๒ สำ� รวจพบวา่ ชาวพทุ ธในไตค้ ง เป็นชาวไทใหญ่รอ้ ยละ ๙๐ ชาวปะหลอ่ งและชาวอาชาง รอ้ ยละ ๑๐ ในจำ� นวนน้ีนบั ถอื นิกายปายจอง รอ้ ยละ ๕๒ นกิ ายโตเล รอ้ ยละ ๓๓ นิกายกงึ โยน รอ้ ยละ ๑๒ และ นิกายชตุ ิ รอ้ ยละ ๓ จากววิ ฒั นาการประวตั ิศาสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาในประเทศจนี ขา้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ ่า การเปลย่ี นแปลงทาง การเมอื งและสงั คมมผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงความเช่อื และความ มนั่ คงของพระพทุ ธศาสนาได้ ซง่ึ ประวตั ศิ าสตร์ ความเจริญและความเส่อื มของพระพทุ ธศาสนาท่ปี รากฏแต่ละยุค ทำ� ใหเ้ หน็ ถงึ การใหค้ วามสำ� คญั ของชาวจนี ท่มี ตี ่อพระพทุ ธศาสนา ซ่งึ ธรรมชาติของคนจนี มลี กั ษณะการนบั ถอื ศาสนาท่กี ลมกลนื กบั ลทั ธิความเช่ืออ่นื ๆ เหมอื นกบั คนญป่ี ่นุ เช่น การกลมกลนื ระหวา่ งชนิ โตกบั พระพทุ ธศาสนา ซง่ึ มหี ลกั ปรชั ญาความเช่อื ทใ่ี กลเ้คยี งกนั วถิ ชี ีวติ ของคนจีนมกั จะนบั ถอื ความเช่ือแบบผสมผสานซ่งึ ส่วนใหญ่จะถูกถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ เน่ืองจาก ประชากรประเทศจนี มจี ำ� นวนมาก และมคี วามเช่อื ทห่ี ลากหลากหลาย จงึ ยากต่อการสำ� รวจไดค้ รอบคลุมว่ามี จำ� นวนประชากรเท่าไรในการนบั ถอื พระพทุ ธ ศาสนา ซง่ึ พระศรคี มั ภรี ญาณ กลา่ ววา่ “ผูท้ น่ี บั ถอื ศาสนาดงั้ เดมิ ของจนี มี ๒๒๐,๐๐๐,๐๐๐ คน” ถามวา่ “เพราะเหตไุ ร ขอ้ มลู เก่ยี วกบั ผูน้ บั ถอื ศาสนาในเมอื งจนี จงึ ไมช่ ดั เจน ?” มขี อ้ เทจ็ จรงิ อยู่ ๒ ส่วนทน่ี ่าจะกลา่ วถงึ ส่วนท่ี ๑ ธรรมชาตขิ องคนจนี น่าจะเหมอื นกบั คนญป่ี ่นุ ในดา้ นการนบั ถอื ศาสนา คนญป่ี ่นุ นิยมนบั ถอื ๒ ศาสนาในขณะเดยี วกนั คอื ชนิ โตและพระพทุ ธศาสนา คนจนี น่าจะมลี กั ษณะพเิ ศษมากกวา่ นนั้ อาจจะนบั ถอื ๓ หรอื ๔ ศาสนาในขณะเดยี วกนั คอื เตา๋ พทุ ธ ขงจ้อื และธรรมชาตนิ ยิ ม เพราะฉะนน้ั เป็นเร่อื งยากทจ่ี ะระบชุ ดั เจน วา่ แต่ละคนนบั ถอื ศาสนาอะไร ส่วนท่ี ๒ วถิ ชี วี ติ ของชาวจนี ทเ่ี ก่ียวกบั ศาสนาไดข้ าดตอนไปประมาณ ๑๐๐ ปี ๒๔๖๗ โดยตะกากุสุ ชาวญป่ี ่นุ ไดเ้ขา้ มารบั หนา้ ทเ่ี ป็นบรรณาธกิ ารจดั พมิ พพ์ ระไตรปิฎกจนี แสดงใหเ้หน็ วา่ ชาวจนี อาจมปี ญั หาดา้ นกำ� ลงั คนทจ่ี ะทำ� งานดา้ นน้ีในยุคนนั้ หรอื ก่อนยุคนน้ั ประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๐ วถิ ชี วี ติ ของชาวจนี กบั ศาสนาถกู กนั ให้ ห่างเหนิ กนั มากข้นึ เพราะฉะนนั้ ภาพของวถิ ชี วี ติ จนี จงึ ไมม่ รี ่องรอยของศาสนาใดศาสนาหน่ึงชดั เจน แต่ก็จะมี ลกั ษณะร่วมระหว่างเตา๋ พทุ ธ ขงจ้อื ชาวจนี รุ่นใหม่อาจไม่รูด้ ว้ ยซำ�้ ไปว่ามศี าสนาอะไรบา้ งทน่ี บั ถอื กนั หรอื เคย มกี ารนบั ถอื กนั ในเมอื งจนี 06. - 6 (188-239).indd 198 5/10/2022 12:58:12 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 199 “ประเทศจนี ฟ้ืนฟพู ระพทุ ธศาสนาดว้ ย การจดั ตง้ั วทิ ยาลยั พทุ ธศาสตร์ ฝึกผูน้ ำ� สงฆใ์ หม้ คี วามรูค้ วามเขา้ ใจ เก่ยี วกบั พระธรรมวนิ ยั และวชิ าการทางโลกสมยั ใหม่ ซง่ึ เป็นเหตผุ ลหน่ึงของการจดั ตง้ั พทุ ธสมาคมจนี ” แนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในจนี เป็นสง่ิ ทน่ี ่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะในสมยั ปจั จบุ นั ในทางการเมอื งและ สงั คม จีนไดเ้ ปิดประเทศเป็นอย่างมาก ประชากรของจีนก็มกี ารเดินทางไปท่องเท่ียวทวั่ โลก โดยเฉพาะท่ี ประเทศไทยในหลายสบิ ปีท่ผี ่านมา ประเพณีและวถิ ชี ีวติ ตลอดจนถงึ การนบั ถอื ศาสนา ในอนาคตถา้ มกี ารส่ง พระธรรมทูตไทยเขา้ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบเถรวาทตามรฐั หรือมณฑณต่าง ๆ ก็จะเป็นการเผยเผ่ พระพทุ ธศาสนาแบบเชิงรุกในกลุ่มเอเชียท่มี ที ุนเดมิ พระพทุ ธศาสนาแบบมหายานอยู่แลว้ เป็นการขยายฐาน การศึกษาเรยี นรูแ้ ละปฏบิ ตั ใิ นหมปู่ ระชาชนชาวจนี ใหห้ นั มาสนใจพทุ ธแบบเถรวาทมากยง่ิ ข้นึ ๖.๓ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในประเทศเกาหลใี ต้ ๖.๓.๑ สภาพทวั่ ไปของเกาหลใี ต้ ประเทศเกาหลใี ต้ ตงั้ อยู่ทค่ี าบสมทุ รเกาหลี ซง่ึ มลี กั ษณะเป็นแหลมแผ่นดนิ ยน่ื ออกไปในทะเล เกดิ จาก การเปลย่ี นแปลงของแผ่นดนิ ทเ่ี ป็นหนิ แกรนิตและหนิ ปูน จนเกิดเป็นภูมปิ ระเทศทเ่ี ป็นเทอื กเขา สลบั ซบั ซอ้ น รวมถงึ หนา้ ผา และชายฝงั่ ทะเล ประเทศเกาหลจี งึ มพี ้นื ทท่ี เ่ี ป็นภเู ขามากถงึ รอ้ ยละ ๗๐ จงึ เป็นหน่ึงในประเทศทม่ี ี ภเู ขาอยู่มากทส่ี ุดแห่งหน่ึงของโลก กจิ กรรมการปีนเขาจงึ เป็นกจิ กรรมยอดฮติ อย่างหน่ึงของคนเกาหลี ประเทศเกาหลมี สี ่วนทย่ี าวทส่ี ุด ๑,๐๐๐ กโิ ลเมตร และมสี ว่ นทแ่ี คบทส่ี ุดอยู่ท่ี ๒๑๖ กโิ ลเมตร มปี ระชากร ประมาณ ๔๙ ลา้ นคน แบง่ ออกเป็น ๙ จงั หวดั หรอื ภาษาเกาหลคี อื โด (Do) และมกี รุงโซลเป็นเมอื งหลวง แหลง่ เกษตรกรรมของเกาหลมี กั จะอยู่ทางดา้ นทศิ ใตแ้ ละทศิ ตะวนั ตก เน่ืองจากแนวเขาจะค่อยลดหลนั่ ลงสู่ทะเล เกดิ เป็นทร่ี าบใหส้ ามารถทำ� การเกษตรได้ส่วนชายฝงั่ ตะวนั ออกจะเป็นเทอื กเขาและหนา้ ผาสูงชนั ไปจน ตดิ ทะเลตะวนั ออก ชายแดนของประเทศเกาหลี ๓ ดา้ นจะตดิ ทะเล สว่ นดา้ นทศิ เหนอื จะตดิ กบั ประเทศเกาหลเี หนอื โดยจะมเี ขตทเ่ี รยี กกนั วา่ เขตปลอดทหาร (Demilitarise zone หรอื DMZ) เป็นตวั กนั้ พรมแดนระหวา่ ง ๒ ประเทศ ดา้ นการเมอื งเกาหลใี ตม้ กี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตย สว่ นศาสนาชาวเกาหลใี ตน้ บั ถอื คอื ศาสนาพทุ ธ รอ้ ยละ ๒๖ ศาสนาครสิ ตร์ อ้ ยละ ๒๖ ไม่นบั ถอื ศาสนารอ้ ยละ ๔๖ และอ่นื ๆ รอ้ ยละ ๒ ในดา้ นเศรษฐกจิ มกี ารเปลย่ี นโครงสรา้ งทางเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมเป็นอตุ สาหกรรม กำ� เนิดบริษทั ชนั้ นำ� เช่น บริษทั ซมั ซุง อเิ ลคโทรนิคส์ ๖.๓.๒ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในเกาหลใี ต ้ ประมาณ ๑,๖๐๐ ปี ลว่ งมาแลว้ เมอ่ื ประเทศจนี แตกแยกเป็นกก๊ อาณาจกั รใหญ่ ๓ แวน่ แควน้ คอื โกคุริโอ ปีกเซ และซลิ ลา ของเกาหลไี ดแ้ ก่งแย่งแข่งอำ� นาจและรบพ่งุ กนั เพอ่ื ชงิ ความเป็นใหญ่ดว้ ย ในการน้ี อาณาจกั รโกคุรโิ อไดด้ ำ� เนินวเิ ทโศบายผูกสมั พนั ธไ์ มตรกี บั อาณาจกั รเจยี นจ้นิ อนั เป็นหน่ึงในอาณาจกั รจนี ๑๖ 06. - 6 (188-239).indd 199 5/10/2022 12:58:12 PM

200 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา แวน่ แควน้ และไดร้ บั ความสนบั สนุนในการรบกบั แควน้ อน่ื ครงั้ หน่ึง อาณาจกั รโกครุ โิ อ (โกมา) คงหวงั จกั กระชบั สมั พนั ธไมตรนี นั้ ใหม้ นั่ คงยง่ิ ข้นึ จงึ ไดส้ ง่ ราชทูตไปยงั ราชสำ� นกั เจยี นจ้นิ ทูลขออาราธนาพระภกิ ษุสงฆไ์ ปโปรดสตั ว์ ในอาณาจกั ร ใน พ.ศ.๙๑๕ ท่านซุนเตาไดเ้ดนิ ทางมาเผยแพร่พทุ ธธรรมในดนิ แดนเกาหลี พรอ้ มดว้ ยพระคมั ภรี ์ และพระพทุ ธรูป เป็นตน้ เป็นจดุ เร่มิ ตน้ แห่งประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธ ศาสนาในเกาหลี เมอ่ื พระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ อาณาจกั รโกคุรโิ อไดป้ ระมาณ ๑๓ ปีแลว้ ทางฝ่ายอาณาจกั รปีกเซ (กดุ ารา) ก็ไดต้ อ้ นรบั พระภกิ ษุชาวอนิ เดยี นามวา่ มรนนั ทะ เขา้ ไปเผยแพร่พทุ ธธรรมในดนิ แดนของตนบา้ ง พระพทุ ธศาสนาในอาณาจกั รน้ีไดเ้จรญิ รุ่งเรอื ง ข้นึ เป็นอย่างมากจนเป็นศาสนาประจำ� ชาติ และไดส้ ่งพระศาสนทูตไปเผยแผ่ถงึ ประเทศญ่ีปุ่น แต่กาลล่วงมา หลกั คำ� สอนและการปฏบิ ตั ไิ ดห้ นั เหไปกลายเป็นลทั ธแิ ห่งแบบแผน พธิ กี รรมต่างๆ ใส่ใจแต่ในการก่อสรา้ ง และ การเผยแพร่ในดนิ แดนต่างถน่ิ ครนั้ อาณาจกั รเสอ่ื มสลายลงในกาลต่อมากค็ งเหลอื แต่ศิลปวตั ถุ เช่น พระพทุ ธรูป เจดยี ์ และวดั วาอารามเป็นอนุสรณ์ ทางดา้ นอาณาจกั รซลิ ลา (ชริ าค)ิ ผูน้ ำ� พระพทุ ธศาสนาเขา้ ไปไมใ่ ช่ผูป้ กครอง บา้ นเมอื งเช่นกบั สองอาณาจกั รขา้ งตน้ หากแต่เกิดจากความเลอ่ื มใสของประชาชนทแ่ี ผ่กระจายออกไปเป็นเหตุ ผลกั ดนั ตำ� นานกลา่ ววา่ พระภกิ ษุจนี นามวา่ อาเตา๊ ไดเ้ดนิ ทางมาจากอาณาจกั รโกครุ โิ อ และเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา แก่ประชาชน เบ้อื งตน้ ผูน้ บั ถอื ไดถ้ กู ขดั ขวางและถกู บบี คน้ั อยา่ งรนุ แรง แต่ในทส่ี ดุ การใชอ้ ำ� นาจกพ็ า่ ยแพแ้ ก่ศรทั ธา อนั มนั่ คง พระมหากษตั รยิ ไ์ ดต้ ดั สนิ พระทยั หนั มาสนบั สนุนพระพทุ ธศาสนาจนกระทงั่ ถอื เป็นศาสนาประจำ� ชาติ ดว้ ยมองเหน็ เป็นประโยชนใ์ นส่วนนโยบาย ปกครองบา้ นเมอื งเพอ่ื สรา้ งความเป็นปึกแผ่นมนั่ คงและความเจรญิ รุ่งเรอื งแก่ประเทศชาติ เพราะคำ� สอนทางพระพทุ ธศาสนาเป็นเคร่อื งใหก้ ารศึกษาแก่ประชาชน และเป็นเคร่อื ง ยดึ เหน่ยี วจติ ใจประชาชน สรา้ งความสามคั คพี รอ้ มเพรยี งข้นึ ในชาติ กาลต่อมาพทุ ธศกั ราชลว่ งได้พ.ศ. ๑,๒๑๑ ปี อาณาจกั รซลิ ลาไดร้ บั ชยั ชนะ สามารถรวบรวมอาณาจกั รทงั้ สามเขา้ เป็นอนั เดยี วกนั ขอ้ น้ีเป็นเหตใุ หเ้กิดความ จำ� เป็นทจ่ี ะตอ้ งเสรมิ สรา้ งรากฐานทจ่ี ะยดึ เหน่ียวความเป็นอนั หน่ึงอนั เดยี วกนั เพอ่ื ความมนั่ คงของรฐั ดว้ ยใหม้ ี ภาษาพูดอนั เดยี วกนั แมภ้ ารกิจอนั น้ีก็ไดอ้ าศยั พระภกิ ษุสงฆ์ เป็นผูเ้ดนิ ทางไปเย่ยี มเยยี นสำ� นกั และวดั สำ� คญั ต่าง ๆ ทวั่ ทง้ั สามอาณาจกั รดงั้ เดมิ ไดร้ วบรวมนำ� เอาพระคมั ภรี แ์ ละตำ� รบั ตำ� ราต่าง ๆ มาจดั วางรูปเสยี ใหมใ่ ห้ ประสานเขา้ เป็นระบบแบบแผนอนั เดยี ว4 เมอ่ื ประมาณพทุ ธศกั ราช ๑๙๓๕ แผน่ ดนิ เกาหลไี ดเ้ปลย่ี นราชวงศใ์ หมอ่ กี วาระหน่งึ ราชวงศโ์ ชซอน ประสงค์ จะเชดิ ชูลทั ธิขงจ้อื ใหเ้ป็นศาสนาประจำ� ชาติ จงึ กดขบ่ี บี คนั้ พระพทุ ธศาสนาเป็นอย่างมากจนทำ� ใหพ้ ระสงฆต์ อ้ ง ปลกี ตนหลบล้อี ยู่โดยสงบตามหวั เมอื งบา้ นนอก และป่าเขา ในระยะเวลานานถงึ ๕๑๘ ปีของราชวงศน์ ้ี ไดม้ กี าร รุกรานจากต่างประเทศ คอื ชาวจนี และญ่ปี ่นุ แมพ้ ระสงฆจ์ ะไดม้ บี ทบาทในการป้องกนั ประเทศถงึ กบั ออกช่วย รบพงุ่ และในยามสงบจะไดช้ ่วยเหลอื ในสงั คมสงเคราะหต์ ่างๆ เป็นการช่วยบา้ นเมอื งอย่างมาก แต่กห็ าไดท้ ำ� ให้ 4 พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตโฺ ต), พระพทุ ธศาสนาในอาเซีย, พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๔, (กรุงเทพมหานคร : มหาจฬุ าลงกรณ- ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๑), หนา้ ๓๒. 06. - 6 (188-239).indd 200 5/10/2022 12:58:12 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 201 ราชวงศห์ นั มาอมุ้ ชูพระศาสนาอย่างจรงิ จงั ไม่ ช่วยไดเ้พยี งลดการบบี คนั้ กดขใ่ี หน้ อ้ ยลงเท่านน้ั ตลอดราชวงศน์ ้ี มกี ษตั รยิ อ์ ยู่เพยี ง ๒ พระองค์ คอื พระเจา้ เซซอง ผูป้ ระดษิ ฐอ์ กั ษรเกาหลี และกษตั รยิ เ์ ซโจเท่านน้ั ทไ่ี ดท้ รง ส่งเสรมิ พระพทุ ธศาสนา โดยจดั ใหม้ กี ารแปลคมั ภรี ท์ างพระพทุ ธศาสนาจากภาษาจนี เป็นภาษาเกาหลี กษตั รยิ อ์ น่ื นอกนน้ั ทง้ั ก่อนและภายหลงั ลว้ นแต่ทรงบบี คน้ั พระพทุ ธศาสนาทงั้ ส้นิ พระภกิ ษุสงฆจ์ งึ เพยี งแต่ทำ� หนา้ ทร่ี กั ษา หลกั คำ� สอนในพระพทุ ธศาสนาและศิลปวฒั นธรรมไวใ้ หเ้ป็นมรดกตกทอดถงึ ชนรุ่นหลงั เท่านน้ั ใน พ.ศ. ๒๔๕๓ แผ่นดนิ เกาหลใี ตต้ กเป็นส่วนหน่ึงของประเทศญ่ปี ่นุ ราชวงศเ์ กาหลสี ้นิ อำ� นาจลงโดย ส้นิ เชงิ ญ่ปี ่นุ ไดอ้ อกระเบยี บขอ้ บงั คบั ควบคุมวดั วาอาราม และไดส้ รา้ งความเสอ่ื มโทรมใหเ้กดิ ข้นึ แก่คณะสงฆ์ เช่น ส่งเสรมิ ใหพ้ ระสงฆม์ คี รอบครวั และดำ� รงชวี ติ เหมอื นอย่างฆราวาส ทง้ั น้ีเพอ่ื จะทำ� ลายความรูส้ กึ ชาตนิ ิยมท่ี วดั ช่วยรกั ษาไวใ้ หห้ มดส้นิ ไป อนั เป็นนโยบายกลนื ชาตอิ ยา่ งหน่งึ ตอนปลายสงครามโลกครงั้ ทส่ี อง กองทพั โซเวยี ต และกองทพั สหรฐั อเมรกิ า ไดเ้คลอ่ื นเขา้ มาในดนิ แดนเกาหลี ในปี พ.ศ.๒๔๘๘ โซเวยี ตเขา้ ทางเหนือสหรฐั เขา้ ทางใต้ การปกครองของญป่ี ่นุ ไดส้ ้นิ สุดลง แผ่นดนิ เกาหลไี ดถ้ กู แบง่ เป็น ๒ ส่วน คอื เกาหลเี หนอื และเกาหลใี ต้ ทางฝ่ายเกาหลใี ตท้ นั ทที ่ไี ดร้ บั เอกราชชาวพทุ ธโดยเฉพาะพระภกิ ษุสงฆเ์ ร่ิมเคลอ่ื นไหวในการท่จี ะชำ� ระกิจการ คณะสงฆใ์ หบ้ รสิ ุทธ์ิ พระภกิ ษุและภกิ ษุณี (เรยี กตามทช่ี าวเกาหลเี รยี กเอง) จำ� นวนหน่ึงพนั ไดน้ ดั ประชมุ ใหญ่ และไดล้ งมตทิ เ่ี ป็นขอ้ สำ� คญั ๆ คอื ใหย้ กเลกิ ขอ้ บงั คบั ต่าง ๆ อนั ขดั แยง้ ต่อพระพทุ ธศาสนา ซง่ึ ไดต้ ราข้นึ ในสมยั ญป่ี ่นุ ยดึ ครองเสยี ทง้ั หมด ใหย้ กเลกิ ตำ� แหน่งปกครองคณะสงฆ์ รวมทงั้ ตำ� แหน่งสูงสุดทต่ี ดิ มาสมยั ญป่ี ่นุ ยดึ ครอง ใหผ้ ูด้ ำ� รงตำ� แหน่งเหลา่ นน้ั ลาออกทงั้ หมด ใหค้ ณะสงฆม์ กี ารปกครองของตนเองซง่ึ อยู่ภายใตก้ ารควบคุมบงั คบั บญั ชาของสำ� นกั งานใหญ่ในพระนครหลวงอกี ต่อหน่ึงสำ� นกั งานใหญ่น่ีไดจ้ ดั ประชุมใหญ่อกี ใน พ.ศ.๒๔๘๙ และไดต้ ราธรรมนูญการปกครองคณะสงฆฉ์ บบั ใหมข่ ้นึ สำ� หรบั เป็นหลกั บรหิ ารการคณะสงฆท์ งั้ ปวง กวา่ จะทำ� ให้ คณะสงฆเ์ กาหลเี ป็นคณะสงฆท์ บ่ี รสิ ุทธ์ิ เป็นพระถอื พรหมจรรยไ์ มม่ คี รอบครวั ไดก้ ็ตอ้ งมกี ารต่อสูก้ นั ถงึ ลม้ ตาย ไปกม็ ี การชำ� ระคณะสงฆใ์ หบ้ รสิ ุทธ์นิ ้ี ไดก้ นิ เวลายาวนานและสำ� เรจ็ เรยี บรอ้ ยสมบูรณ์ เมอ่ื เดอื นเมษายน พ.ศ. ๒๕๐๕ เมอ่ื พ.ศ.๒๕๐๗ คณะสงฆเ์ กาหลไี ดเ้ร่มิ ตง้ั โครงการแปลและจดั พมิ พพ์ ระไตรปิฎกฉบบั เกาหลี เรยี ก “ศูนยแ์ ปลพระไตรปิฎกเกาหล”ี อยู่ในบรเิ วณมหาวทิ ยาลยั ดงกกุ มคี ณะกรรมการแปล ๖๕ คน ตามโครงการน้ี จะตพี มิ พพ์ ระไตรปิฎกแปลเป็นเลม่ ออกเดอื นละ ๑ เลม่ รวมทง้ั ส้นิ ๒๔๐ เลม่ ภายในเวลาทงั้ หมดประมาณ ๔๕ ปี ๖.๓.๓ บทบาทพระสงฆใ์ นเกาหลใี ต้ บทบาทพระสงฆใ์ นเกาหลใี ตส้ ่วนใหญ่แลว้ มคี วามโดดเด่นในดา้ นการศึกษา และการศึกษาสงเคราะห์ โดยเป็นผูส้ รา้ ง ผูอ้ ปุ ถมั ภ์ ตลอดถงึ เป็นครูอาจารยใ์ นสถานศึกษานนั้ ๆ โดยพระพทุ ธศาสนาในเกาหลใี ตม้ บี ทบาทเด่นอย่างหน่ึง คือ ดา้ นการศาสนศึกษา นอกจากมโี รงเรยี น ปรยิ ตั ธิ รรมสอนพระภกิ ษุสามเณร ภกิ ษุณี สามเณรี คณะสงฆเ์ กาหลยี งั มสี ถานศึกษาฝ่ายสามญั ระดบั ต่าง ๆ ท่เี ปิดรบั นกั ศึกษาชายหญิงโดยทวั่ ไป สถาบนั เหล่าน้ีมคี ฤหสั ถเ์ ป็นผูบ้ ริหาร แต่อยู่ในความควบคุมดูแลของ 06. - 6 (188-239).indd 201 5/10/2022 12:58:12 PM

202 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา คณะกรรมาธกิ ารฝ่ายการศึกษาของคณะสงฆ์ มหาวทิ ยาลยั พทุ ธศาสนาอนั เก่าแก่ของเกาหลชี ่อื วา่ “ดงกกุ ” ตง้ั ข้นึ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๔๙ ปจั จบุ นั มนี กั ศึกษาชายหญงิ ประมาณ ๖,๐๐๐ คนเศษ ภกิ ษุณี ๗ รูป มหาวทิ ยาลยั ดงกกุ ประกอบดว้ ยวทิ ยาลยั ทอ่ี ยู่ในกำ� กบั ต่าง ๆ อกี ๖ วทิ ยาลยั และมสี าขาวชิ า ๒๗ สาขา5 วทิ ยาลยั พระพทุ ธศาสนา ดองกกุ ซอนนอบแห่งน้ี นบั เป็นสถาบนั สมทบสถาบนั แรกของมหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วชิ าการ ดา้ นพระพทุ ธศาสนาเปิดสอนหลกั สูตรพทุ ธศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา และหลกั สูตรพทุ ธศาสตร มหาบณั ฑติ สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา ๖.๓.๔ อทิ ธพิ ลและแนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในเกาหลใี ต้ พระพทุ ธศาสนาในประเทศเกาหลเี หนอื นนั้ ไมส่ ามารถทจ่ี ะรูส้ ถานการณไ์ ด้เพราะเป็นประเทศเกาหลเี หนอื ปกครองดว้ ยลทั ธคิ อมมวิ นสิ ต์ ซง่ึ ไมส่ นบั สนุนพระพทุ ธศาสนา ดงั นนั้ พระพทุ ธศาสนาจงึ เจรญิ รุ่งเรอื งในประเทศ เกาหลใี ตม้ ากกว่า แต่ในประเทศเกาหลใี ตม้ กี ารขดั แยง้ ระหว่างนิกายโชเก (นิกายถอื พรหมจรรย)์ และ นิกาย แทโก (นกิ ายไมถ่ อื พรหมจรรย)์ แก่งแย่งวดั กนั ในช่วงนนั้ กลมุ่ มชิ ชนั นารจี ำ� นวนมากไดม้ าเผยแผ่ศาสนาครสิ ต์ และไดร้ บั ความนยิ มเป็นอยา่ งมาก ในช่วงแรกมแี ต่กลมุ่ วยั ร่นุ แต่ภายหลงั ไมว่ า่ วยั ร่นุ หรอื วยั ไหน ๆ กห็ นั มานบั ถอื ศาสนาครสิ ตก์ นั ขนานใหญ่ ศาสนาพทุ ธจงึ ตกตำ�่ ลง จน นกิ ายโชกายตอ้ งหาวธิ ใี หช้ าวเกาหลมี องเหน็ วา่ พระพทุ ธ- ศาสนามคี วามสำ� คญั กต็ าม แต่กย็ งั ไมส่ ามารถทำ� ใหช้ าวเกาหลี มที ศั นคตทิ ด่ี แี ก่พระพทุ ธศาสนาเทา่ ทค่ี วร เน่อื งจาก พระสงฆม์ กี ารตดิ ต่อกบั ชาวบา้ นนอ้ ยมาก ในการตพี มิ พค์ มั ภรี ส์ ำ� คญั ทางพระพทุ ธศาสนา กต็ อ้ งยมื คำ� ของศาสนา ครสิ ต์ คอื ไบเบลิ ของพระพทุ ธศาสนา แต่ปจั จบุ นั เร่มิ มกี ารฟ้ืนฟูพระพทุ ธศาสนาบา้ งแลว้ 6 ในปจั จบุ นั คณะสงฆใ์ นประเทศเกาหลใี ต้ถอื วา่ เป็นคณะสงฆท์ ม่ี คี วามกา้ วหนา้ มากทส่ี ุด ปรบั ตวั ใหท้ นั กบั เหตกุ ารณต์ ่าง ๆ อยู่เสมอเพอ่ื ความมนั่ คงของพระพทุ ธศาสนานนั่ เอง กจิ การทพ่ี ระสงฆเ์ กาหลใี ตส้ นใจ และทำ� กนั อย่างเขม้ แขง็ จรงิ จงั ทส่ี ุด คอื อทิ ธพิ ลทางดา้ นการศึกษา ซง่ึ เรอ่ื งน้เี ป็นการสอดคลอ้ งกบั นโยบายของรฐั บาลในดา้ น การศกึ ษา นอกจากยงั มโี รงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรมสำ� หรบั สอนวชิ าสามญั และวชิ าศาสนาแก่พระภกิ ษุ ภกิ ษุณี สามเณร และสามเณรี (สตรที จ่ี ะบวชเป็นภกิ ษุณี) แลว้ คณะสงเ์ กาหลใี ตย้ งั มสี ถานศึกษาฝ่ายสามญั ระดบั ต่าง ๆ ทเ่ี ปิดรบั นกั เรยี นชายหญงิ โดยทวั่ ไปดว้ ย ซง่ึ สถาบนั เหลา่ น้ีมคี ฤหสั ถ์ (บคุ คลทวั่ ไป) เป็นผูบ้ รหิ ารแต่อยู่ในความควบคุม ดูแลของคณะกรรมาธกิ ารฝ่ายการศึกษาของคณะสงฆ์ สถานศึกษาเหลา่ น้ีแยกประเภทไดด้ งั น้ีมหาวทิ ยาลยั และ วทิ ยาลยั ๓ แห่ง, โรงเรยี นมธั ยมศึกษาตอนปลาย ๑๑ แห่ง, โรงเรยี นมธั ยมศึกษาตอนตน้ ๑๖ แห่ง, โรงเรยี น ประถมศึกษา ๓ แห่ง และโรงเรยี นอนุบาล ๗ แห่ง7 5 พระเทพเวที (ประยทุ ธ์ ปยตุ ฺโต), พระพทุ ธศาสนาในเอเชยี , หน้า ๓๗. 6 โรเบริ ต์ อี บสั เวลล์ จูเนีย : แต่ง, ประสบการณ์ชีวติ พระวดั เซน การปฏบิ ตั สิ มาธใิ นพระพทุ ธศาสนาเกา่ หลรี ว่ มมยั , (กรุงเทพมหานคร : ศ่องศยาม, ๒๕๔๕), หนา้ ๓๗-๔๐. 7 Ven.Eui-Hyun, Korean Buddhism, (Seoul : Korean Buddist Chogye Order, 1988), pp. 24-25. 06. - 6 (188-239).indd 202 5/10/2022 12:58:12 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 203 มหาวทิ ยาลยั พระพทุ ธศาสนาทเ่ี ก่าแก่ทส่ี ุดของเกาหลี คือ “มหาวทิ ยาลยั ดองกกุ ” เขตจงุ กู ในกรุงโซล ประเทศเกาหลใี ต้ ตงั้ ข้นึ เมอ่ื วนั ท่ี ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๙8 หรอื คศ. ๑๙๐๖ ภายใตเ้ครอื ขา่ ยของพระพทุ ธ- ศาสนานกิ ายโชเก (Jogye Order of Korean Buddhism) ดองกกุ จงึ เป็นหน่งึ ในมหาวทิ ยาลยั ในเครอื พทุ ธศาสนา ทม่ี อี ยู่เพยี งไมก่ ่แี ห่งในโลก และเป็นศูนยก์ ลางการคน้ ควา้ พระพทุ ธศาสนาดว้ ย เจตนารมณแ์ ละเป้าหมายของมหาวทิ ยาลยั ดองกกุ มปี รชั ญาทถ่ี อื เป็นหลกั การของมหาวทิ ยาลยั ๔ ขอ้ คอื (๑) ทำ� จติ ใหว้ า่ งเปลา่ อยู่เสมอ (๒) ประพฤตติ นอย่างถกู ตอ้ งและเป็นทน่ี ่าเชอ่ื ถอื (๓) รกั คนอน่ื ดว้ ยความเมตตา กรุณา (๔) ช่วยเหลอื เพอ่ื นมนุษยใ์ หพ้ น้ ทกุ ข์ ส่วนเจตนารมณ์พ้นื ฐานของมหาวทิ ยาลยั ดองกุก มเี ป้าหมายทางการศึกษา ๓ ขอ้ คือ (๑) เพอ่ื สรา้ ง คุณลกั ษณะ ตามวถิ พี ทุ ธแก่นกั ศึกษา (๒) เพอ่ื สรา้ งเสรมิ สตปิ ญั ญาและ กศุ ลกรรมแก่ประเทศชาติ มนุษยชาติ และธรรมชาติ (๓) เพอ่ื สรา้ งสงั คมนามธรรม ทค่ี นในสงั คมต่างไวเ้น้ือเชอ่ื ใจและเคารพซง่ึ กนั และกนั ใหเ้ป็นจรงิ อนั เน่ืองมาจากเจตนารมณพ์ ้นื ฐาน ทำ� ใหม้ หาวทิ ยาลยั ดองกกุ มจี ดุ มงุ่ หมายทจ่ี ะเผยแพร่พทุ ธธรรมและ วฒั นธรรมเกาหลใี หเ้ป็นทป่ี ระจกั ษท์ วั่ โลก และผลกั ดนั ใหม้ กี ารบม่ เพาะบคุ คลทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษและทกั ษะ ผูน้ ำ� ผูซ้ ง่ึ ยอมอทุ ศิ ตนเพอ่ื ทำ� ประเทศและมนุษยชาตใิ นอดุ มคตใิ หเ้ป็นจรงิ ดว้ ยการคน้ ควา้ และสอนหลกั ทฤษฎี เชงิ วชิ าการและแนวทางประยุกต์ ปจั จุบนั มหาวทิ ยาลยั ดองกุกเป็นแหล่งเก็บรกั ษาพระไตรปิฎกฉบบั ต่าง ๆ รวม ๔๐ ฉบบั ของโลก หน่ึงในนนั้ คอื พระไตรปิฎกแห่งชาตเิ กาหลี (Tripitaka Koreana) ซง่ึ ไดจ้ ดั พมิ พเ์ มอ่ื ๘๐๐ ปีมาแลว้ และไดร้ บั การลงทะเบยี น เป็นมรดกโลกโดยองคก์ ารยูเนสโก (UNESCO) ในปี ๑๙๙๕ และเพอ่ื ดำ� เนนิ งานใหต้ ่อเน่ืองใน ทางประเพณีทท่ี รงคุณค่าน้ี ศูนยก์ ารแปลคมั ภรี ใ์ นพระพทุ ธศาสนาของมหวทิ ยาลยั จงึ ไดจ้ ดั พมิ พพ์ ระไตรปิฎก แห่งชาตเิ กาหลี จำ� นวน ๓๑๘ เลม่ ในปี ๒๐๐๐ และสำ� นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั ดองกกุ กไ็ ดจ้ ดั พมิ พห์ นงั สอื รวม เร่อื งต่าง ๆ เก่ยี วกบั พระพทุ ธศาสนาในเกาหลจี ำ� นวน ๑๔ เลม่ ดว้ ย จากประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาและประเพณีสบื ทอดพระไตรปิฎกดงั กลา่ ว แสดงใหเ้หน็ วา่ ชาวเกาหลี เห็นความสำ� คญั ของพระไตรปิฎกอย่างย่ิงยวด ดงั นนั้ ในปี ๒๐๐๘ สภาพระไตรปิฎกสากลและเครือข่าย พระไตรปิฎกชาวญป่ี ่นุ จงึ ไดเ้สนอชอ่ื มหาวทิ ยาลยั ดองกกุ ซง่ึ เป็นมหาวทิ ยาลยั ทม่ี กี ารศึกษาพทุ ธศาสนาทเ่ี ก่าแก่ ท่ีสุดใหเ้ ป็นสถาบนั แห่งแรกของเกาหลใี นการรบั พระราชทานพระไตรปิฎกสากล ภาษาบาฬี-อกั ษรโรมนั (The World Tipitaka Edition in Roman Script) ชดุ ๔๐ เลม่ ซง่ึ จดั พมิ พโ์ ดยกองทนุ สนทนาธมั มน์ ำ� สุขฯ ในพระสงั ฆราชูปถมั ภฯ์ เป็นพระธรรมทานจากสมเดจ็ พระเจา้ พน่ี างเธอ เจา้ ฟ้ากลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธวิ าส ราชนครนิ ทร์ องคป์ ระธานกติ ตมิ ศกั ด์โิ ครงการพระไตรปิฎกสากล 8 คณาจารย์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ฉบบั ปรบั ปรุง, (พระนครศรอี ยุธยา : โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๕๘), หนา้ ๑๘๙. 06. - 6 (188-239).indd 203 5/10/2022 12:58:12 PM

204 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ปจั จบุ นั ในประเทศเกาหลใี ต้ (พ.ศ. ๒๕๖๔) มวี ดั ลงทะเบยี นจำ� นวน ๓,๑๖๓ วดั และไม่ลงทะเบยี น ๔,๐๙๐ วดั มภี กิ ษุ ๑๔,๒๐๖ รูป และภกิ ษุณีจำ� นวน ๖,๕๔๙ รูป จำ� นวนน้ีอาจรวมนกิ ายโชกาย และนกิ ายเลก็ ต่าง ๆ ทก่ี ระจายอยู่ทวั่ ไปในเกาหลี แนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในเกาหลใี ตใ้ นอนาคต เน่อื งจากวา่ ประเทศเกาหลใี ต้ เป็นประเทศท่ีมกี ารปกครองระบบประชาธิปไตย ใหโ้ อกาสกบั ประชาชนในการนบั ถือศาสนาไดท้ ุกศาสนา มปี ระเพณีวฒั นธรรมทส่ี อดคลอ้ งกบั พระพทุ ธศาสนา และประชาชนสว่ นใหญ่นบั ถอื พระพทุ ธศาสนาแบบมหายาน กนั เป็นส่วนใหญ่ จดุ เด่นคอื เนน้ ใหก้ ารศึกษาแก่ประชาชน ดงั นน้ั จงึ ถอื วา่ เป็นสุดสำ� คญั ทท่ี ำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนา แบบมหายานในเกาหลใี ตเ้ จรญิ รุ่งเรอื ง และเป็นปจั จยั ทำ� ใหผ้ ูท้ เ่ี ดนิ ทางไปท่องเทย่ี วในเกาหลหี นั มาสนใจศึกษา พระพทุ ธศาสนาทงั้ ในระบบมหาวทิ ยาลยั และศึกษาจากแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วต่าง ๆ ใหม้ ากข้นึ ไมว่ า่ จะเป็นโบราณสถาน โบราณวตั ถุ หรอื วดั วาอารามต่าง ๆ ในอนาตคต ๖.๔ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในประเทศญ่ปี ่นุ ๖.๔.๑ สภาพทวั่ ไปของญ่ปี ่นุ ประเทศญป่ี ่นุ (โรมาจิ : Nihon-koku/Nippon-koku; ทบั ศพั ท:์ นิฮงโกก/ุ นิปปงโกก)ุ เป็นรฐั เอกราช หมเู่ กาะในเอเชยี ตะวนั ออก ตงั้ อยู่ในมหาสมทุ รแปซฟิ ิกนอกฝงั่ ตะวนั ออกของแผ่นดนิ ใหญ่เอเชยี ทางตะวนั ตก ติดกบั คาบสมทุ รเกาหลแี ละประเทศจนี โดยมที ะเลญ่ปี ุ่นกน้ั ส่วนทางทศิ เหนือติดกบั ประเทศรสั เซยี มที ะเล โอค็อตสคเ์ ป็นเสน้ แบง่ แดน ชนพ้นื เมอื งดงั้ เดมิ ของญป่ี ่นุ คอื “ไอนุส” (Ainus) ผสมกบั ชนชาตทิ อ่ี พยพเขา้ มาจากจนี มองโกเลยี เกาหลี และเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ วฒั นธรรมทางความคดิ โดยเฉพาะศรทั ธา (Cult-ลทั ธ)ิ ดงั้ เดมิ ของญป่ี ่นุ คอื ศรทั ธา ในบรรพบรุ ุษ และศรทั ธาในธรรมชาติ ญ่ปี ่นุ ถอื ว่าดนิ แดนแห่งน้ีเป็นแผ่นดนิ แห่งพระอาทติ ยย์ ามรุ่งอรุณ (Land of Rising Sun) ปฐมเทพ อซิ านางิ และเทพอี ซิ านามิ คอื ผูส้ รา้ งสรรคส์ รรพสง่ิ ต่อจากนน้ั จงึ เกดิ เทพสี ุรยิ ะอะมะเตระสุ โลกและปรากฏการณ์ เป็นกิจกรรม ของเทพสี ุริยะคืออะมะเตระสุ ญ่ีปุ่นรบั วฒั นธรรมบางส่วนมาจากจีน มจี ริยธรรมขงจือ๊ และ พระพทุ ธศาสนาเป็นแกนหลกั โดยเฉพาะจรยิ ธรรมขงจอื๊ ทว่ี า่ ดว้ ยการเคารพบรรพบรุ ุษ(Filial Piety) ตวั อกั ษรคนั จขิ องชอ่ื ญป่ี ่นุ แปลวา่ “ถน่ิ กำ� เนดิ ของดวงอาทติ ย”์ จงึ มชี อ่ื เรยี กวา่ “ดนิ แดนแห่งอาทติ ยอ์ ทุ ยั ” ประเทศญป่ี ่นุ เป็นกลมุ่ เกาะกรวยภเู ขาไฟสลบั ชนั้ ซง่ึ มเี กาะประมาณ ๖,๘๕๒ เกาะ ครอบคลมุ พ้นื ท่ี ๓๗๗,๙๗๕ ตารางกโิ ลเมตร ตงั้ อยู่บรเิ วณวงแหวนไฟ เกาะทใ่ี หญ่สุดคอื เกาะฮนชู ฮกไกโด ควี ชู และชโิ กกุ ซง่ึ คดิ เป็นพ้นื ท่ี แผ่นดนิ ประมาณรอ้ ยละ ๙๗ ของประเทศ และมกั เรยี กวา่ เป็นหมเู่ กาะเหยา้ (home islands) ประเทศแบง่ เป็น ๔๘ จงั หวดั ใน ๘ ภมู ภิ าค โดยมฮี กไกโดเป็นจงั หวดั เหนือสุด และโอกนิ าวะเป็นจงั หวดั ใตส้ ุด ญป่ี ่นุ เป็นหน่ึงใน ประเทศทม่ี ลี กั ษณะเป็นสงั คมเมอื งมากทส่ี ุด ดว้ ยประชากร ๑๒๗ ลา้ นกวา่ คน ประมาณ ๑๔ ลา้ นคนอาศยั อยู่ใน กรุงโตเกียว เมอื งหลวงของประเทศ และหากนบั รวมในเขตมหานครโตเกียวทงั้ หมดจะมปี ระชากรกว่า ๓๘ 06. - 6 (188-239).indd 204 5/10/2022 12:58:13 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 205 ลา้ นคน ซง่ึ เป็นมหานครทม่ี ปี ระชากรมากทส่ี ุดในโลก เมอื งสำ� คญั อน่ื ๆ ไดแ้ ก่ โยโกฮามะ, โอซากะ, นาโงยะ, ซปั โปโระ, ฟูกูโอกะ, โคเบะ และ เกยี วโต รฐั ธรรมนูญของญป่ี ่นุ กำ� หนดใหป้ ระชาชนมอี สิ ระในการนบั ถอื ศาสนา จากการสำ� รวจพบวา่ คนญป่ี ่นุ นบั ถอื พทุ ธนกิ ายชนิ โตมากทส่ี ุด เท่ากบั ผูท้ ไ่ี มม่ ศี าสนาในญป่ี ่นุ คนญป่ี ่นุ รอ้ ยละ ๕๑.๘ ระบวุ า่ ตนไมม่ ศี าสนา ในอดตี ศาสนาในญป่ี ่นุ ถกู ผสมผสานจนทำ� ใหพ้ ธิ กี รรมทางศาสนานนั้ มคี วามหลากหลาย เช่น พอ่ แมพ่ าลูกไปศาลเจา้ ชนิ โต เพอ่ื ทำ� พธิ ชี จิ -ิ โกะ-ซนั แต่งงานในโบสถค์ รสิ ตแ์ ละฉลองในวนั ครสิ ตม์ าส จดั งานศพแบบพทุ ธ และบูชาบรรพบรุ ุษ แบบขงจอื๊ นอกจากน้ี ตง้ั แต่ตน้ พทุ ธศตววรษท่ี ๒๕ มลี ทั ธติ ่าง ๆ เกดิ ข้นึ มากมาย เช่น ศาสนาเทนรเิ กยี ว ลทั ธิ เทนรเิ กยี ว และลทั ธโิ อมชนิ รเิ กยี ว ประชากรมากกวา่ รอ้ ยละ ๙๕ ใชภ้ าษาญป่ี ่นุ เป็นภาษาทางการ ภาษาญป่ี ่นุ มวี ธิ กี ารผนั คำ� กรยิ าและคำ� ศพั ท์ ทแ่ี สดงถงึ สถานะระหวา่ งผูพ้ ูดกบั ผูฟ้ งั ซง่ึ แสดงถงึ ลกั ษณะสงั คมทม่ี รี ะดบั ขน้ั ของญ่ปี ่นุ ภาษาพูดนน้ั มที ง้ั ภาษา กลางและสำ� เนยี งของแต่ละทอ้ งถน่ิ เช่นสำ� เนยี งคนั ไซ โรงเรยี นทงั้ ของรฐั และเอกชนมกั มวี ชิ าภาษาญป่ี ่นุ และภาษา องั กฤษเป็นวชิ าบงั คบั ภาษาเขยี นของญป่ี ่นุ จะใชต้ วั อกั ษรคนั จิ และคานะ รวมทงั้ อกั ษรโรมนั และตวั เลขอารบกิ การสอนภาษา องั กฤษมผี ลบงั คบั ใชใ้ นทกุ โรงเรยี นประถมศึกษาของญ่ปี ่นุ นอกจากภาษาญ่ปี ่นุ ภาษารวิ กวิ (อามามิ คุนิงามิ โอะกนิ ะวะ มยิ าโกะ ยาเอยามะ โยนากนุ ิ) ซง่ึ เป็นส่วนหน่ึงของตระกูลภาษาญป่ี ่นุ ยงั ถกู พดู ในกลมุ่ หมเู่ กาะรวิ กวิ อกี ดว้ ย แมม้ เี ดก็ ไมก่ ่คี นทไ่ี ดเ้รยี นรูภ้ าษาเหลา่ น้ี แต่รฐั บาลทอ้ งถน่ิ พยายามเพม่ิ ความตระหนกั รูเ้ ก่ยี วกบั ภาษา ดงั้ เดมิ ปญั หาในช่วงทศวรรษทผ่ี ่านมา คอื การตายของภาษาไอนุ ซง่ึ เป็นภาษาทแ่ี ยกออกมาต่างหากโดยเหลอื เจา้ ของภาษาเพยี งไมก่ ่คี น วฒั นธรรมญป่ี ่นุ มวี วิ ฒั นาการมายาวนานตงั้ แต่วฒั นธรรมยุคโจมง ซง่ึ เป็นวฒั นธรรมดง้ั เดมิ ของประเทศ จนถงึ วฒั นธรรมผสมผสานร่วมสมยั ซง่ึ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจากเอเชยี ยโุ รป และอเมรกิ าเหนอื ศิลปะดงั้ เดมิ ของญป่ี ่นุ มที ง้ั งานฝีมอื เช่น อเิ กะบะนะ (การจดั ดอกไม)้ โอะรงิ ะมิ อกุ โิ ยะ-เอะ ตกุ๊ ตา เคร่อื งเคลอื บ เคร่อื งปน้ั ดนิ เผา การแสดง เช่น คะบกุ ิ โน บนุ ระกุ ระกโุ งะ และประเพณีต่าง ๆ เช่น การละเลน่ พธิ ชี งชา ศลิ ปการต่อสู ้สถาปตั ยกรรม การจดั สวน ดาบ และอาหาร การผสมผสานระหวา่ งภาพพมิ พก์ บั ศิลปะตะวนั ตก นำ� ไปสู่การสรา้ งสรรคม์ งั งะหรอื หนงั สอื การต์ ูนของญป่ี ่นุ ทเ่ี ป็นทน่ี ยิ มทงั้ ในและนอกญป่ี ่นุ แอนเิ มชนั ทไ่ี ดร้ บั อทิ ธพิ ลมาจากมงั งะเรยี กวา่ “อนิเมะ” วงการเกมคอนโซลของญป่ี ่นุ เจรญิ รุ่งเรอื งอย่างมากตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๒๓ ญป่ี ่นุ ใหค้ วามสำ� คญั กบั การพฒั นามรดก ทางวฒั นธรรมทง้ั ทจ่ี บั ตอ้ งไดแ้ ละจบั ตอ้ งไมไ่ ด้ ญป่ี ่นุ มแี หลง่ มรดกโลกทร่ี บั รองโดยยูเนสโก ๒๒ แห่ง กวา่ ๑๘ แห่งเป็นมรดกทางวฒั นธรรม ๖.๔.๒ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในญ่ปี ่นุ พระพทุ ธศาสนาเขา้ สูป่ ระเทศญป่ี ่นุ ในปี พ.ศ. ๑๐๙๕ ในรชั สมยั ของพระเจา้ จกั รพรรดกิ มิ เมอิ โดยกษตั รยิ ์ เซเมโอ แห่งแควน้ ปีกเซประเทศเกาหลี ไดส้ ่งราชทูตนำ� พระพทุ ธรูป ธง คมั ภรี ์ และพระสูตรต่าง ๆ พรอ้ มดว้ ย 06. - 6 (188-239).indd 205 5/10/2022 12:58:13 PM

206 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา พระราชสาสน์ มายงั ราชสำ� นกั ญ่ปี ่นุ จกั รพรรดกิ มิ เมอทิ รงรบั ดว้ ยความพอพระทยั และรบั เอาพระพทุ ธศาสนาไว้ แมจ้ ะมเี สยี งคดั คา้ นจากฝ่ายศาสนาชนิ โตอยู่กต็ าม แต่พระจกั รพรรดอิ งคต์ ่อมาไมค่ ่อยสนบั สนุนพระพทุ ธศาสนา จนถงึ รชั กาลของพระจกั รพรรดิโยเมอิ ทรงเลอ่ื มใสในพระพทุ ธศาสนา เร่ิมมชี าวญ่ีปุ่นบวชเป็นพระภกิ ษุใน พระพทุ ธศาสนา และโปรดใหส้ รา้ งพระพทุ ธรูปยากชุ นิ โยไร (พระไภษชั ยครุ ุ) โดยพระนางซยุ โก ซง่ึ เป็นกนฏิ ฐภคนิ ี ไดท้ รงรบั ภาระในการสรา้ งพระพทุ ธรูปองคน์ ้ี ยุคน้ีถอื วา่ พระพทุ ธศาสนาเจรญิ ข้นึ อย่างมากแต่หลงั นนั้ กเ็ สอ่ื มลง จนถงึ สมยั เจา้ ชายโชโตกุ ประมาณ พ.ศ. ๑๑๓๕ พระองคท์ รงวางรากฐานการปกครองของประเทศญป่ี ่นุ สรา้ งสรรค์ วฒั นธรรมและเชดิ ชูพระพทุ ธศาสนา ทำ� ประเทศญ่ปี ่นุ ใหเ้จรญิ กา้ วหนา้ อย่างมาก ตลอดระยะเวลาทท่ี รงบรหิ าร ราชการแผน่ ดนิ อยู่ ๓๐ ปี ในดา้ นการทำ� นุบำ� รุงพระพทุ ธศาสนานนั้ พระองคไ์ ดป้ ระกาศพระจกั รพรรดริ าชโองการ เชดิ ชูพระไตรรตั น์ นำ� เอาหลกั พทุ ธธรรมมาเป็นนโยบายรฐั ในสมยั น้ีไดม้ กี ารตดิ ต่อทางวฒั นธรรมนำ� เอาคมั ภรี ์ พระพทุ ธศาสนา และอรรถกถาต่าง ๆ เขา้ สู่ประเทศญ่ปี ่นุ แมต้ วั เจา้ ชายเองก็ไดท้ รงแต่งคมั ภรี อ์ รรถกถาของ พระองคด์ ว้ ย เจา้ ชายโชโตกสุ ้นิ พระชนมเ์ มอ่ื พ.ศ. ๑๑๖๕ บรรดาประชาชนทง้ั ปวงมคี วามเศรา้ โศกเป็นอนั มาก จงึ ไดร้ ่วมกนั สรา้ งพระพทุ ธรูปขนาดเท่าองคเ์ จา้ ชายโชโตกขุ ้นึ ๑ องค์ องคป์ ระดษิ ฐานไวเ้ป็นอนุสรณ์ ทว่ี ดั โฮรวิ จิ ในยุคสมยั เจา้ ชายโชโตกนุ ้ีประชาชนและชนชนั้ ผูป้ กครองแขง่ ขนั กนั สรา้ งวดั วาอารามใหอ้ ปุ ถมั ภบ์ ำ� รุงพระพทุ ธ- ศาสนาเป็นอย่างดี ถอื ไดว้ ่าพระพุทธศาสนาประดิษฐานมนั่ คงและเจริญท่ีสุดยุคหน่ึงในญ่ีปุ่น ตง้ั แต่นน้ั มา ศาสนาพทุ ธไดม้ พี ฒั นาการอย่างต่อเน่ืองและแตกแยกเป็นนกิ ายต่าง ๆ ทน่ี บั วา่ เป็นทย่ี อมรบั ของทางการ ไดแ้ ก่ “นกิ ายชานรอน นิกายฮอสโซ นิกายเคงอน นิกายรติ สุ นิกายกชุ า และนกิ ายโจจติ สุ”9 ในปี พ.ศ.๑๒๘๔ มกี ารบญั ญตั ใิ หส้ รา้ งวดั ประจำ� จงั หวดั ทง้ั ๖๔ จงั หวดั วดั สำ� คญั ๆ เช่น วดั โตไดจิ เกดิ ข้นึ ในยุคน้ี พระสงฆท์ อ่ี ยู่แต่ละวดั ทำ� หนา้ ทอ่ี บรมสงั่ สอนใหก้ ารศึกษาแก่ประชาชน การบรหิ ารประเทศชาติ อาศยั พทุ ธธรรมเป็นเครอ่ื งนำ� ทาง บางช่วงพระสงฆเ์ ขา้ ไปมบี ทบาทในการบรหิ ารราชการ ดงั ในยขุ องพระจกั รพรรดิ นีโชโตกุ เป็นตน้ ต่อมายุคเมอื งเฮอนั เป็นราชธานี (ช่วง พ.ศ.๑๓๓๗-๒๔๑๒) ซง่ึ มอี ายุยนื ยาวถงึ ๑๐๗๕ ปี พทุ ธศาสนานิกายใหม่ ไดแ้ ก่ นิกายเทนไดของท่านไซโจ และนิกายชนิ งอนของท่านกไุ ก ไดร้ บั ความนิยมแทน นิกายก่อหนา้ นนั้ พฒั นาการพระพทุ ธศาสนาในช่วงน้ีปรากฏว่าพระจกั รพรรดหิ ลายพระองคไ์ ดอ้ ุปสมบทเป็น พระภกิ ษุ และพวกขนุ นางมคี วามเลอ่ื มใส และส่งเสรมิ พระพทุ ธศาสนาอย่างมาก ในยุคกามากรุ ะ (ช่วงประมาณ พ.ศ. ๑๗๒๘-๑๘๗๖) พระพทุ ธศาสนามหายานในญป่ี ่นุ ปรบั เปลย่ี นไปตามเงอ่ื นไข เกดิ นิกายหลกั ๆ ๓ นกิ าย คอื “นิกายสขุ าวดี (โจโด) นิกายเซน และ นิกายนิจเิ รน” ซง่ึ นกิ ายเหลา่ น้ีกแ็ ตกออกเป็นนกิ ายย่อยอกี มากมาย พระพทุ ธรูปไดบดุ สทึ ใ่ี หญ่เป็นอนั ดบั สองในญป่ี ่นุ ถกู สรา้ งข้นึ ในยุคน้ี ต่อมายุคมโุ ระมะชิ (พ.ศ. ๑๘๗๙–๒๑๑๖) ในช่วงเวลาน้ีมกี ารสูร้ บระหวา่ งโชกนุ กบั จกั รพรรดิ กจิ การทางศาสนาถกู ใชใ้ หเ้ป็นประโยชนใ์ นการแย่งชงิ อำ� นาจ ทางการเมอื ง ชกั นำ� พระสงฆแ์ ละวดั วาอารามเขา้ ไปยุ่งเก่ยี วกบั กจิ การบา้ นเมอื งและการสงคราม 9 พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตโฺ ต), พระพทุ ธศาสนาในเอเชีย, หนา้ ๖๒-๑๐๒. 06. - 6 (188-239).indd 206 5/10/2022 12:58:13 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 207 เร่มิ ตน้ ยุคใหม่ (ช่วงประมาณ พ.ศ. ๒๐๐๐–๒๕๐๐) เป็นยุคทโ่ี ชกนุ บรหิ ารประเทศมศี ูนยอ์ ยู่ทเ่ี กยี วโต ตลอดระยะเวลา ๑๕๐ พทุ ธศาสนานิกายเซนเจรญิ แพร่หลายเป็นอนั มาก มกี ารสรา้ งวดั เพม่ิ ข้นึ พระนิกายเซน เป็นผูศ้ ึกษาเชย่ี วชาญในสรรพวทิ ยา วดั เซนกลายเป็นศูนยก์ ลางวฒั นธรรมของชาติ ภายในวดั มกี ารจดั สวนใหม้ ี บรรยากาศร่มรน่ื สงบเยน็ และถอื เป็นกจิ กรรมปฏบิ ตั ธิ รรม ในขณะทพ่ี ทุ ธศาสนานกิ ายอน่ื ๆ กเ็ ผยแพร่หลกั คำ� สอน ตามแนวทางของตนออกไป หลงั จากยุคโชกุนเสอ่ื มอำ� นาจลง บา้ นเมอื งเขา้ สู่ภาวะยุ่งเหยงิ เกิดการสูร้ บกนั เอง วดั ต่าง ๆ ตอ้ งจดั ตงั้ กองทพั เพอ่ื รกั ษาตนเอง โดยเฉพาะพระนิกายชนิ มกี ารสบื ทอดตำ� แหน่งและทรพั ยส์ นิ โดย สายโลหติ จนกระทงั่ ขนุ นางช่อื โนบนุ างะสามารถเอาชนะกลมุ่ อน่ื ๆ ได้ พระพทุ ธศาสนา หยุดชะงกั ความเจรญิ กา้ วหนา้ เพราะนโยบายการปกครองประเทศบบี บงั คบั ทางออ้ มข้นึ จนถงึ ยุคเมอจิ ิ (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๑๑) พระพทุ ธศาสนาก็ย่งิ เส่อื มลงไปอีก ลทั ธิชินโตไดร้ บั ความนิยมนบั ถอื แทนพระพทุ ธศาสนา พระพทุ ธศาสนา ถกู ยกเลกิ ไปจากราชสำ� นกั ของพระจกั รพรรดิ มนี โยบายลม้ ลา้ งพระพทุ ธศาสนา นอกจากนนั้ ศาสนาครสิ ตก์ เ็ ร่มิ เผยแผ่พรอ้ มกบั วฒั นธรรมตะวนั ตกหลงั่ ไหลเขา้ มาในญป่ี ่นุ เมอ่ื การศึกษาเจรญิ มากข้นึ พระพทุ ธศาสนาถกู ยก ข้นึ มาในแงข่ องวชิ าการพระสงฆเ์ ร่ิมงานการศึกษาและวจิ ยั อย่างจริงจงั กวา้ งขวางตามวธิ ีสมยั ใหม่ ส่วนหนา้ ท่ี ในการประกอบพธิ กี รรมอนั ศกั ด์สิ ทิ ธ์นิ น้ั พระสงฆแ์ ต่ละนกิ ายกย็ งั คงจดั พธิ กี รรมเป็นประเพณีตามนิกายของตน หลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ มนี กั การศึกษามากมายพยายามเชอ่ื มประสานพระพทุ ธศาสนานิกายต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั โดยจดั ตง้ั เป็นองคก์ ารข้นึ องคก์ ารสอ่ื สารสมั พนั ธร์ ะหวา่ งชาวพทุ ธทใ่ี หญ่ทส่ี ุด คอื พทุ ธศาสนกิ สมั พนั ธแ์ ห่งญป่ี ่นุ ตงั้ ข้นึ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ มสี ำ� นกั งานอยู่ทว่ี ดั ชกุ จิ ิ ฮองวนั จิ ในนครโตเกยี วกจิ การทางพทุ ธศาสนาทส่ี ำ� คญั และมี จดุ เด่นกา้ วหนา้ ทส่ี ุดของญป่ี ่นุ คอื การจดั การศึกษา ซง่ึ พระพทุ ธศาสนานกิ ายต่าง ๆ จะมมี หาวทิ ยาลยั วทิ ยาลยั โรงเรยี นระดบั มธั ยมและในดา้ นความเป็นอยู่ของพระสงฆใ์ นปจั จบุ นั น้ี พระส่วนใหญ่จะมคี รอบครวั ได้ ยกเวน้ พระระดบั เจา้ อาวาสจะมคี รอบครวั ไมไ่ ด้ และตำ� แหน่งพระยงั สบื ทอดเป็นมรดกแก่บตุ รคนโตไดด้ ว้ ย ยุคปจั จบุ นั (พ.ศ. ๒๕๐๐–ปจั จบุ นั ) ฐานะของพระพทุ ธศาสนาในประเทศญป่ี ่นุ ปจั จบุ นั อาจมองเหน็ ได้ จากตวั เลขสถติ เิ ปรยี บเทยี บกบั ศาสนาอน่ื ๆ กลา่ วคอื ในจำ� นวนประชาชนญป่ี ่นุ ๙๗,๑๘๖,๐๐๐ คน ใน พ.ศ. ๒๕๐๗ มสี ถติ ทิ างศาสนาของกระทรวงศึกษาธกิ ารญป่ี ่นุ ตารางท่ี ๖.๑ สถติ ทิ างศาสนาของกระทรวงศึกษาธกิ ารญป่ี ่นุ ศาสนา จำ� นวนศาสนิก จำ� นวนพระหรอื นกั บวช วดั โบสถ์ ศาสนสถาน ชนิ โต ๗๙,๖๘๙,๐๐๐ ๒๐๕,๘๑๒ ๗๙,๗๑๕ ๗๓,๗๕๗,๐๐๐ ๙๕๑,๔๖๖ ๗๖,๕๓๖ พทุ ธ ๗๕๒,๐๐๐ ๑๖,๘๕๒ ๓,๑๕๔ ๕,๓๔๓,๐๐๐ ๑๘,๒๒๐ ๖๗๐ ครสิ ต์ ศาสนาอน่ื ๆ 06. - 6 (188-239).indd 207 5/10/2022 12:58:13 PM

208 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา มขี อ้ พงึ สงั เกตวา่ ตวั เลขชาวพทุ ธกบั ชนิ โตนนั้ มกั จะซำ�้ บคุ คลกนั คอื บคุ คลเดยี วนบั ถอื สองศาสนา จำ� นวน พทุ ธศาสนิกชน ๗๓ ลา้ นคนเศษนน้ั แบง่ ออกไดเ้ป็นหลายนิกาย และชาวญป่ี ่นุ เป็นนกั คดิ กา้ วหนา้ ชอบตง้ั นกิ าย ใหม่ ๆ เพม่ิ ข้นึ เสมอ เมอ่ื สมยั เมอจิ ิ ในญป่ี ่นุ มี ๑๓ นิกาย กบั นกิ ายสาขาอกี ๖๕ สาขา ตวั เลขน้ีคงทต่ี ลอดสมยั เมอจิ ิ เพาะถกู บบี รดั ดว้ ยนโยบายของประเทศ ครน้ั ถงึ สมยั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ รฐั บาลมนี โยบายรวบอำ� นาจ ตวั เลขยง่ิ ลดลงเหลอื ๑๓ นิกาย ๒๘ สาขา หลงั สงครามแลว้ กจิ การทางศาสนาเป็นอสิ ระ จงึ เร่มิ เกดิ นกิ ายต่าง ๆ แยกออกไปเป็นอนั มาก นิกายท่แี ยกสาขามากท่สี ุด คือ นิจิเรน ชินงอน เทนได และโจโด ตามสถติ ิของ กระทรวงศึกษาธกิ ารปี พ.ศ. ๒๔๙๗ มกี ลมุ่ ชาวพทุ ธทง้ั ทเ่ี ป็นนิกาย ลทั ธิ และสาขาย่อยต่าง ๆ รวมทงั้ หมด ๒๓๔ หน่วย กจิ การทางพระพทุ ธศาสนาทเ่ี ด่นและรุดหนา้ ทส่ี ุดของญ่ปี ่นุ เหน็ จะไดแ้ ก่การศึกษา นิกายต่าง ๆ มมี หาวทิ ยาลยั ของตนเอง พรอ้ มทงั้ วทิ ยาลยั โรงเรยี นประถม ตลอดจนโรงเรยี นอนุบาลเป็นอนั มาก ปจั จบุ นั ญป่ี ่นุ มมี หาวทิ ยาลยั แห่งชาติ ๗๓ แห่ง มหาวทิ ยาลยั ประชาภบิ าล ๓๕ แห่ง และมหาวทิ ยาลยั เอกชน ๒๐๙ แห่ง มนี กั ศึกษา ทงั้ หมด ๙๓๗,๖๐๐ คน ในจำ� นวนน้ี มมี หาวทิ ยาลยั พทุ ธศาสนา ซง่ึ จดั เขา้ ในประเภทมหาวทิ ยาลยั เอกชน จำ� นวน ๑๖ แห่ง10 พระพทุ ธศาสนาในญป่ี ่นุ แบง่ เป็น ๕ ยุค ดงั น้ี (๑) ยุคนารา ประมาณ พ.ศ. ๑๒๕๓-๑๓๒๗ (๒) ยุคเฮอนั ประมาณ พ.ศ. ๑๓๓๗-๑๗๒๘ (๓) ยุคกามากรุ ะ ประมาณ พ.ศ. ๑๗๒๘-๑๘๗๖ (๔) ยุคหลงั นิจเิ รน ประมาณ พ.ศ. ๑๘๔๓-๒๑๔๓ (๕) ยุคโตกงุ าวา ประมาณ พ.ศ. ๒๑๔๓-๒๔๑๑ และ (๖) ยุคเมยี ประมาณ พ.ศ. ๒๔๑๑- ๒๔๕๕ นบั แต่อดตี มา พระพทุ ธศาสนาในญป่ี ่นุ มี ๖ สำ� นกั คอื (๑) กษุ ะ-Kusha (๒)โยยทิ สุ-Jojitsu (๓) ซนั รอน -Sanron (๔) ฮอสโซ-Hosso (๕) รทิ สุ-Ritsu (๖) เคกอ้ น-Kegon สงั คมญ่ปี ่นุ ผ่านรอ้ นผ่านหนาวมาหลายรูปแบบ และมบี รบิ ทเชงิ ศาสนาเก่ยี วขอ้ งดว้ ยเสมอ รูปแบบของ ศาสนาญ่ีปุ่นแมจ้ ะเป็นพฒั นาการขนั้ สุดทา้ ยแห่งพระพทุ ธศาสนาแบบตะวนั ออก ซ่งึ ถอื กนั ว่ามคี วามทนั สมยั กา้ วหนา้ ไมต่ กยุค แต่ปฏเิ สธไมไ่ ดว้ า่ พระพทุ ธศาสนาในญป่ี ่นุ ถกู จดั อยู่ในกรอบใดกรอบหน่ึงตลอดมา ในยุคตน้ พระพทุ ธศาสนาถกู โยงเขา้ กบั การเมอื ง ในยุคต่อมา ถกู โยงเขา้ กบั เศรษฐกจิ ปญั หาในปจั จบุ นั คอื พระพทุ ธศาสนาถกู กระแสเศรษฐกจิ ครอบงำ� มาก การศึกษาพระพทุ ธศาสนาอาจลกึ ลงรายละเอยี ดบา้ งในเชงิ วชิ าการ แต่ในเชงิ พระธรรมวนิ ยั พระไตรปิฎก ธรรมเนียมในพระพทุ ธศาสนาดง้ั เดมิ ยงั มคี วามผวิ เผนิ อยู่มาก พระพทุ ธศาสนาหนิ ยานในญ่ปี ่นุ ไม่ปรากฏเป็นหลกั ศรทั ธาในชวี ติ ประจำ� วนั แต่ปรากฏในวงการศึกษา ในมหาวทิ ยาลยั ส่วนทม่ี บี ทบาทในชวี ติ ประจำ� วนั มากในปจั จบุ นั คอื นกิ ายเซนซง่ึ พฒั นาการต่อจากนกิ ายสุขาวดี (โจโด) นิกายมาธมยกิ ะ (ซนั รอน) และนิกายโยคาจาร (ฮอสโซ) เซนจงึ สอนเร่อื ง “ศูนยตา” เช่นเดยี วกนั กบั มาธย- มกิ ะ และเนน้ เรอ่ื ง “จติ ” เช่น เดยี วกบั ปรชั ญาโยคาจารนิ การเขา้ ฌานหรอื สมาธกิ เ็ พอ่ื ทจ่ี ะใหข้ า้ มพน้ ปญั หาอปุ สรรค 10 พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตโฺ ต), พระพทุ ธศาสนาในเอเชีย, หนา้ ๖๒-๑๐๒. 06. - 6 (188-239).indd 208 5/10/2022 12:58:13 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 209 เขา้ ถงึ สวรรคแ์ ดนสุขาวดซี ง่ึ เป็นแดนเกษม ในขณะเดยี วกนั สภาพจติ ของผูป้ ฏบิ ตั กิ เ็ ขา้ ถงึ สภาวะแห่ง “อทั วยะ” กำ� จดั ทวภิ าพระหวา่ งจติ กบั วตั ถุ ดว้ ยจดุ ประสงคแ์ ละเป้าหมายสูงสุดดงั กลา่ วน้ี ท่านเอไซแห่งนิกายรนิ ไซนิยมใชว้ ธิ ี “โกอานและมอนโด” สนทนาโตต้ อบกนั ระหวา่ งอาจารยก์ บั ศิษย์ หรอื บางทกี ็ใชว้ ธิ กี ระตนุ้ ใหเ้กดิ ความคดิ หกั เห/หกั มมุ ผลทไ่ี ดร้ บั คอื กำ� จดั ความคดิ แบง่ แยกและสรา้ งอชั ฌตั ตกิ ญาณ ในขณะทท่ี ่านโดเกนแห่งนกิ ายโซโตะนยิ มใชว้ ธิ ซี าเซน (วธิ แี บบสตปิ ฏั ฐาน) ซาเซน (Za-Zen) คอื การนงั่ สมาธพิ จิ ารณาภายในตน (Look inside) แต่ไมใ่ ช่การนงั่ ดว้ ยจติ ใจทว่ี า่ งเปลา่ ปราศจากการรบั รูอ้ ารมณภ์ ายใน และภายนอก ซาเซนคือการนงั่ เงยี บ ๆ ดว้ ยความหยงั่ รูส้ รรพสง่ิ แต่ไม่มกี ารพูดถงึ สง่ิ ทเ่ี กดิ ข้นึ ความหยงั่ รูน้ ้ี เกิดข้นึ โดยความคิดไม่แบ่งแยกระหว่างตวั เรากบั โลกภายนอก ระหว่างจติ กบั อารมณ์ เป้าหมายสูงสุดของวธิ ี ซาเซน คือ การรูแ้ จง้ ธรรมชาติท่ีแทจ้ ริงแห่งส่ิงทง้ั หลาย และคน้ พบพุทธธาตุท่ีอยู่ในตนของแต่ละบุคคล ท่านกากุชินตง้ั นิกายฟูเกะ และท่านอนิ เจนตงั้ นิกายโอบากุ มจี ุดประสงคเ์ ช่นเดยี วกนั น่ีคือสาระแทจ้ ริงแห่ง พระพทุ ธศาสนาแบบญ่ปี ่นุ นกั ปราชญห์ ลายท่านบอกว่า เป็นพฒั นาขน้ั สุดทา้ ยแห่งพระพทุ ธศาสนาตะวนั ออก ในขณะทพ่ี ฒั นาการขน้ั สุดทา้ ยแห่งพระพทุ ธศาสนาแบบอนิ เดยี คอื พระพทุ ธศาสนาในทเิ บต ลกั ษณะพระพทุ ธศาสนามหายานในประเทศญป่ี ่นุ มหี ลากหลายนกิ าย แต่ละนกิ ายมคี วามเป็นเอกเทศ อสิ ระ จากกนั ต่างกลมุ่ ต่างพฒั นาองคก์ รตามแนวทางของตนเอง ในแงพ่ ฒั นาการของพระพทุ ธศาสนาข้นึ อยู่กบั อำ� นาจ ทางการเมอื งเป็นสำ� คญั บางช่วงเมอ่ื ฝ่ายบา้ นเมอื งใหก้ ารสนบั สนุนกม็ คี วามเจรญิ ร่งุ เรอื ง แต่เมอ่ื ใดทฝ่ี ่ายบา้ นเมอื ง ไมเ่ อาใจใส่ หรอื เป็นฝ่ายตรงขา้ มกบั ผูม้ อี ำ� นาจ นอกจากจะไมม่ คี วามกา้ วหนา้ แลว้ บางครง้ั ยงั ถกู ฝ่ายบา้ นเมอื ง ทำ� ลายจนเสอ่ื มโทรมลงอกี ดว้ ย ประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนาในประเทศญ่ปี ่นุ จงึ ถอื เป็นบทเรยี นลำ�้ ค่าสำ� หรบั ชาวพทุ ธทม่ี คี วามหลากหลายเป็นอย่างมาก ทำ� ใหป้ ระชาชนมตี วั เลอื กทน่ี บั ถอื นิกายทต่ี นเองศรทั ธา ๖.๔.๓ บทบาทพระสงฆใ์ นญ่ปี ่นุ บทบาทและสถานะของพระสงฆใ์ นสงั คมญป่ี ่นุ สามารถกลา่ วไดเ้ป็น ๒ ประเดน็ คอื ๑) พระภกิ ษุถกู มองวา่ เป็นคนนอก (Outsider) อะกซิ ูกิ เรยี วมนิ มองวา่ ภารกจิ ของพระสงฆใ์ นญป่ี ่นุ ในยุคนน้ั ในดา้ นสงั คม จำ� กดั อยู่ในกรอบเกนิ ไป ทำ� วตั รสวดมนต์ เป็นผูน้ ำ� ในการประกอบพธิ มี งคลและอวมงคล จงึ มคี ำ� กลา่ ววา่ “ถา้ ชาวบา้ นไมจ่ ดั งาน พระสงฆก์ ไ็ มม่ งี านทำ� ” เรยี วมนิ ไมเ่ หน็ ดว้ ยการจดั พธิ ศี พตามรูปทจ่ี ดั อยู่ ในปจั จบุ นั เพราะไมใ่ ช่ประเพณีทส่ี บื ทอดมาจากพระพทุ ธศาสนาดงั้ เดมิ พธิ ศี พเป็นกจิ กรรมไวท้ กุ ขส์ ำ� หรบั บน้ั ปลาย ชวี ติ จติ ใจของสมั พนั ธชนอยู่ในภาวะไมป่ กติ เปลย่ี นแปลงไดง้ า่ ย น่าจะถอื โอกาสประกาศธรรมมากกวา่ ท่มุ เท ใหก้ บั การจดั พธิ กี รรม พระสงฆต์ อ้ งหมกมนุ่ อยู่กบั การนำ� ประกอบพธิ กี รรม พลาดโอกาสทจ่ี ะประกาศธรรม ๒) พระภกิ ษอุ ดึ อดั กบั สถานะของตนทส่ี งั คมมอบให้(Society-fixed Status) ชาวมหายานโดยรวมมอง คอื รูปแบบพระวนิ ยั ทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ทรงบญั ญตั ไิ วน้ น้ั เหมาะสำ� หรบั ฤาษชี ไี พรทจ่ี ารกิ อยูใ่ นแดนดงเทา่ นนั้ ไมเ่ หมาะ สำ� หรบั นกั บวชผูใ้ กลส้ งั คมเช่นปจั จบุ นั พระสงฆม์ ภี าระตอ้ ง ทำ� หลายอย่างในขณะเดยี วกนั คอื (๑) ดำ� รงตนเป็น 06. - 6 (188-239).indd 209 5/10/2022 12:58:13 PM

210 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ปชู นยี บคุ คลใหพ้ ทุ ธบรษิ ทั กราบไหว้(๒) รกั ษาสกิ ขาบทและปฏบิ ตั ริ ะเบยี บธรรมเนยี มสงฆ์ (๓) ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ของบา้ นเมอื ง (๔) ประกาศธรรม อบรมสงั่ สอนประชาชน พระสงฆบ์ างกลุม่ จงึ รูส้ กึ อดึ อดั กบั สถานะของตน เพราะมภี าระหลายอย่างในขณะเดยี วกนั ไม่สามารถ ปฏบิ ตั ิตามกฎขอ้ บงั คบั หลายส่วน ท่ดี ูเหมอื นจะแยง้ กบั ธรรมชาติของสามญั ชน เกิดภาวะหลอกตวั เองอย่าง สดุ โต่ง (Absolute Hallucination) ขอ้ จำ� กดั เหลา่ น้แี มจ้ ะไมไ่ ดเ้ป็นอปุ สรรคโดยตรง แต่ไมไ่ ดเ้ป็นอปุ กรณโ์ ดยตรง เช่นกนั จะเป็นอุปสรรคหรืออุปกรณ์ข้นึ อยู่กบั วธิ ีการประยุกตข์ องแต่ละบุคคล การถูกยกใหอ้ ยู่บนห้ิงบูชา โดยปราศจากการเอาใจใส่จากคนทย่ี ก เหมอื นกบั การตง้ั พระพทุ ธรูปไวบ้ นห้งิ โดยปราศจากการทำ� ความสะอาด เชด็ ถู แต่พระสงฆไ์ มใ่ ช่พระพทุ ธรูป การปรบั ตวั ใหเ้ขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มกด็ ี การแสวงหาในสง่ิ ทต่ี นประสงคก์ ด็ ี การต่อสูก้ บั อฏิ ฐารมณแ์ ละอนิฏฐารมณก์ ็ดี เป็นธรรมชาตขิ องสง่ิ มชี วี ติ ถา้ มปี ญั หาในพฤตกิ รรมเหลา่ น้ี มนุษย์ มปี ญั หาแน่นอน11 พระพทุ ธศาสนาและวดั วาอารามในญ่ีปุ่นในปจั จุบนั อุโบสถหลกั ของวดั หลายแห่ง มกั จะตกแต่งใหม้ ี สที องระยบิ ระยบั งดงาม สง่ิ น้สี อ่ื ถงึ โลกแห่งแสงสวา่ งอนั เป็นอนนั ตข์ องพระพทุ ธเจา้ และสรวงสวรรคแ์ ดนสุขาวดี ในประเทศญป่ี ่นุ มวี ดั เกอื บ ๓๐ แห่งในญป่ี ่นุ ทไ่ี ดร้ บั การข้นึ ทะเบยี นเป็นมรดกโลก รวมถงึ อาคารไมท้ เ่ี ก่าแก่ทส่ี ุด ในโลก วดั โฮรวิ จิ (Horyū-ji) นอกจากน้ี การคา้ งแรมทว่ี ดั ทเ่ี รยี กกนั วา่ “ชคุ โุ บ” (Shukubo) ซง่ึ สามารถสมั ผสั กบั วถิ แี ห่งเซนได้ปจั จบุ นั กไ็ ดร้ บั ความนยิ มมากเช่นกนั เมอ่ื ไปเยอื นญป่ี ่นุ เราขอแนะนำ� ใหค้ ุณสมั ผสั กบั โลกแห่ง พระพทุ ธศาสนาในญป่ี ่นุ บทบาทของวดั และพระสงฆก์ ท็ ำ� หนา้ ทต่ี อ้ นรบั และเป็นผูใ้ หบ้ รกิ ารส่วนหน่ึง ญ่ปี ่นุ ไดช้ ่อื วา่ เป็นประเทศหน่ึงทศ่ี าสนาพทุ ธแพร่หลาย แต่อทิ ธพิ ลของศาสนาพทุ ธต่อสงั คมตอนน้ีมผี ล ไม่มากนกั เน่ืองจากสงั คมสมยั ใหม่ท่เี ปลย่ี นแปลงไป อย่างไรก็ตาม ศาสนาพทุ ธในญ่ปี ุ่นผ่านยุครุ่งเรืองและ เสอ่ื มถอยมาเป็นพนั ปี ระหวา่ งเสน้ ทางน้ีไดส้ ่งอทิ ธพิ ลต่อแนวคดิ และวฒั นธรรม ตลอดจนศิลปวตั ถหุ ลายอย่าง ทวา่ หลงั สมยั โชกนุ ตระกูลโทกูงาวะในยุคเอโดะ (ซง่ึ ตรงกบั ช่วงคร่งึ หลงั ของสมยั อยุธยา) จนถงึ ขณะน้ี พระพทุ ธ- ศาสนาในฐานะหลกั ยดึ เหน่ียวทางใจของประชาชนจางลงมากจนอยู่ในสถานะทด่ี ูเหมอื นใกลต้ วั แต่กเ็ ขา้ ไมถ่ งึ อทิ ธพิ ลทค่ี นญป่ี ่นุ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลมากทส่ี ุดคอื พธิ ศี พ รองลงมาคอื การไหวพ้ ระขอพรช่วงปีใหม่ (คนญป่ี ่นุ ไปทง้ั ศาลเจา้ ชนิ โตและวดั ) นอกจากนนั้ แลว้ วดั มสี ถานะใกลเ้คยี งกบั แหลง่ พกั ผ่อนหย่อนใจ มไิ ดเ้ป็นทศ่ี ึกษา พระธรรมหรอื การฟงั เทศน์ การนบั ถอื พทุ ธจงึ มคี วามหมายเชงิ พธิ กี รรมมากกวา่ นยั ดา้ นความเชอ่ื หรอื การนอ้ มนำ� คำ� สอนมาตคี วามเพอ่ื ใชก้ บั ชวี ติ ประจำ� วนั ซง่ึ ต่างจากของไทย ดงั เหน็ ไดจ้ ากการทร่ี า้ นหนงั สอื ในเมอื งไทยมหี นงั สอื ธรรมะอ่านงา่ ยขายสะดวกวางอยู่ทวั่ ไป โดยทห่ี ลายเลม่ กลายเป็นหนงั สอื ขายดตี ดิ อนั ดบั แต่เหตกุ ารณแ์ บบน้ไี มม่ ี ใหเ้หน็ ในญป่ี ่นุ 11 พระมหาสมจนิ ต์ สมมฺ าปญฺโ, ผศ.ดร., วพิ ากษแ์ นวคดิ พระพทุ ธศาสนาสำ� หรบั โลกหลงั ยคุ ใหม่”, [ออนไลน]์ , แหลง่ ทม่ี า : http://oldweb.mcu.ac.th/site/articlecontent_ desc.php?article_id=203&articlegroup_id=59 [๒๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] 06. - 6 (188-239).indd 210 5/10/2022 12:58:13 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 211 คนญป่ี ่นุ นบั ถอื พทุ ธกบั ชนิ โต โดยไมแ่ บง่ แยกอย่างชดั เจน ทำ� นองเดยี วกนั กบั ทค่ี นไทยนบั ถอื พระพทุ ธเจา้ และเทพเจา้ ของฮินดู ถา้ ว่ากนั ดว้ ยจำ� นวนศาสนสถานแลว้ ศาลเจา้ ชินโตมมี ากกว่าวดั คือ ๘ หมน่ื กว่าแห่ง ส่วนวดั มรี าว ๗๗,๐๐๐วดั แต่ถงึ กระนน้ั คนญ่ปี ่นุ ทต่ี ระหนกั อย่างจรงิ จงั ในคำ� สอนของชนิ โต และพทุ ธมอี ยู่ ไม่มาก และดูเหมอื นไม่ค่อยมใี ครใส่ใจดว้ ยว่า ส่งิ ใดคือชินโต หรือส่งิ ใดคือพทุ ธ แต่นบั ถอื รวม ๆ กนั ไป เป็นแบบผสมผสาน เราจงึ ไดเ้หน็ คนญป่ี ่นุ มากมายทไ่ี ปวดั และตบมอื แปะ ๆ ตามแบบชนิ โตเพอ่ื เรยี กใหเ้ทพเจา้ สะดุง้ จะไดส้ นใจคำ� ภาวนาของตน โดยท่ไี ม่ไดฉ้ ุกคิดว่าตรงนนั้ คือวดั และศาสนาพทุ ธไม่ไดน้ บั ถอื เทพเจา้ แต่นบั ถอื พระพทุ ธเจา้ ความห่างเหนิ คำ� สอนทางศาสนาและการขาดความรูท้ ำ� ใหม้ คี นญป่ี ่นุ รุ่นใหมร่ ะบวุ า่ ตวั เองไมน่ บั ถอื ศาสนา อะไรเลยอยู่มาก ผูค้ นใชช้ วี ติ ไดอ้ ย่างเป็นปกตโิ ดยไมย่ ดึ คำ� สอนของศาสนาใดเลย แต่ยดึ หลกั คุณธรรมพ้นื ฐาน เช่น การไมโ่ กหก ความซอ่ื สตั ยต์ ่อคู่ครองของตน ความเมตตา หรอื อน่ื ๆ อนั เป็นสามญั สำ� นกึ ของคนดี ซง่ึ บงั เอญิ วา่ มหี ลายขอ้ ตรงกบั คำ� สอนของศาสนา ในเมอ่ื ไมต่ อ้ งนบั ถอื ศาสนากอ็ ยู่ได้คนญป่ี ่นุ จงึ ไมใ่ คร่สนใจวา่ จะนบั ถอื ไป เพอ่ื อะไร และกลายเป็นวา่ อทิ ธพิ ลของศาสนาทำ� ใหส้ ้นิ เปลอื งทรพั ยส์ นิ ไปเสยี อกี โดยเฉพาะศาสนาพทุ ธน่ีแหละ เช่น ตอ้ งเสยี เงนิ ใหว้ ดั เป็นค่าดูแลสุสานของบรรพบรุ ุษ หรอื มองวา่ การเป็นพระสงฆแ์ ทบไมต่ ่างจากอาชพี ทวั่ ไป ทผ่ี ูใ้ ชบ้ รกิ ารตอ้ งจ่ายเงนิ จำ� นวนไมน่ อ้ ย เช่น ตอนนมิ นตพ์ ระมาสวดศพ ดงั นนั้ หากวา่ กนั ดว้ ยสง่ิ ท่ี “ถกู มอง” วา่ เป็นปญั หาในวงการพระพทุ ธศาสนา ทางญป่ี ่นุ กม็ เี หมอื นกนั แต่ลกั ษณะต่างจากของไทย เพราะเป็นพทุ ธศาสนา คนละแบบ มเี กณฑก์ ารประเมนิ กต็ ่างกนั ตามแบบมหายาน และเถรวาท ๖.๔.๔ อทิ ธพิ ลและแนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในญ่ปี ่นุ ในญป่ี ่นุ ลทั ธชิ นิ โต เป็นลทั ธศิ าสนาทเ่ี ป็นเอกลกั ษณข์ องญป่ี ่นุ นนั้ กย็ งั คงเป็นทศ่ี รทั ธาของผูค้ นจนกระทงั่ การเขา้ มาของพระพทุ ธศาสนา การทศ่ี าสนาพทุ ธสามารถเขา้ มาเป็นทศ่ี รทั ธาในญ่ปี ่นุ ท่ามกลางสภาพดงั กลา่ วได้ ก็เป็นเพราะว่า ตระกูลผูม้ อี ทิ ธิพลในพ้นื ท่ี ตระกูลโซกะ (Soga-shi) ซง่ึ นบั ถอื ศาสนาพทุ ธ ไดต้ ่อสูแ้ ละมชี ยั เหนือตระกูลโมโนโนเบะ (Mononobe-shi) ซ่งึ เป็นฝ่ายต่อตา้ นพระพทุ ธศาสนา อย่างไรก็ตาม นนั้ ก็ไม่ได้ หมายความวา่ ผูค้ นไดห้ ยุดเช่อื ในวถิ ชี นิ โตไปเสยี แต่อย่างใด และนบั แต่นน้ั มา วฒั นธรรมการศรทั ธาในทงั้ สอง ความเช่อื ก็ไดก้ ลายเป็นทย่ี อมรบั ในประเทศญ่ปี ่นุ ซง่ึ ก็ไม่ต่างจากไทยทม่ี คี วามเช่อื แบบผสมผสาน คือเช่อื ทงั้ ผี วญิ ญาณบรรพบรุ ุษ พราหมณ-์ ฮนิ ดู และพทุ ธ ซง่ึ ระบบความเช่อื แบบผสมน้ีกเ็ กดิ ข้นึ จากการทศ่ี าลเจา้ และวดั มกั ถูกสรา้ งข้นึ ในพ้นื ท่เี ดียวกนั ครนั้ พอถงึ สมยั เมจิ ศาลเจา้ และวดั ไดถ้ ูกแยกออกจากกนั เน่ืองจากรฐั บาล สมยั เมจิ ไดอ้ อกโองการใหแ้ ยกศาสนาชินโต และพระพทุ ธศาสนาออกจากกนั อย่างเด็ดขาด แต่ธรรมเนียม ของญ่ปี ่นุ ก็ยงั คงไมเ่ ปลย่ี นแปลงไปแต่อย่างไร ดว้ ยเหตนุ ้ีจงึ ยงั มผี ูค้ นจำ� นวนมากทเ่ี ดนิ ทางไปสกั การะเยย่ี มชม ศาลเจา้ ในช่วงเวลาทส่ี ำ� คญั ในวยั เจรญิ เตบิ โตของเดก็ และช่วงปีใหม่ และไปจดั งานศพและสวดอภธิ รรมบำ� เพญ็ กศุ ลทว่ี ดั เคยมขี อ้ สงสยั กนั วา่ ทำ� ไมชาวญ่ปี ่นุ หลายคนจงึ ศรทั ธาทงั้ ลทั ธชิ นิ โตและพระพทุ ธศาสนา เมอ่ื ศึกษา ตรงน้ีกค็ งเขา้ ใจแลว้ วา่ เพราะอะไรจงึ เป็นเช่นนนั้ 06. - 6 (188-239).indd 211 5/10/2022 12:58:13 PM

212 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ประเทศญ่ีปุ่นในปจั จุบนั เป็นประเทศมหาอำ� นาจทางเศรษฐกิจ ประชาชนดำ� เนินชีวติ ดว้ ยความเร่งรีบ เพราะมกี ารแขง่ ขนั กนั มาก ทำ� ใหม้ คี วามเครยี ดและมปี ญั หาดา้ นสุขภาพจติ เป็นโรคประสาท โรคจติ และสถติ ิ การฆ่าตวั ตายสูงมาก ส่งิ ท่จี ะช่วยบรรเทาความเครียดได้ ก็คือการปฏบิ ตั ิตามหลกั ธรรมในพระพทุ ธศาสนา เน่ืองจากญป่ี ่นุ ชอบความเรว็ ใหไ้ ดผ้ ลทนั ใจ พระพทุ ธศาสนานิกายเซนจงึ เป็นทน่ี ยิ ม และมกี ารสรา้ งนกิ ายใหม่ ๆ หรอื ลทั ธใิ หม่ ๆ ทป่ี ฏบิ ตั ไิ ดผ้ ลรวดเรว็ อกี มาก คนญป่ี ่นุ ส่วนหน่ึงไมน่ บั ถอื ศาสนาใดเลย แต่ยดึ ถอื ลทั ธกิ ารเมอื ง ตามความชอบใจของตน ในทางพระพทุ ธศาสนาแบบมหายานผูน้ บั ถอื ไมว่ า่ พระหรอื คฤหสั ถจ์ ะเนน้ อบุ ายโกศลคอื ความฉลาดใน การหาวธิ กี ารต่าง ๆ มาอธบิ ายคำ� สอนใหผ้ ูค้ นรูจ้ กั แพร่หลายได้ นกั บวชในญ่ปี ่นุ สมยั น้ีพยายามปรบั ตวั ทำ� การ ปฏริ ูปวธิ ีเผยแผ่คำ� สอนใหเ้ ขา้ ถงึ คนทุกกลุ่มทำ� ใหศ้ าสนาใกลช้ ิดพทุ ธศาสนิกชนมากข้นึ เจา้ อาวาสวดั โจไซจิ บอกวา่ ไมถ่ อื เป็นการผดิ แผกแตกต่าง หรอื ผดิ วนิ ยั เพราะดนตรมี ตี น้ กำ� เนดิ จากศาสนา ในสมยั โบราณนน้ั ดนตรี ถกู บรรเลงเพอ่ื สรรเสรญิ พระพทุ ธเจา้ และพระเจา้ ในศาสนาต่าง ๆ และเคร่อื งดนตรหี ลายอย่างกม็ ตี น้ กำ� เนดิ มา จากในวดั ถา้ หากสามารถทำ� ใหค้ นหนั มาสนใจศึกษาพระธรรมได้แมเ้ป็นพระกไ็ มถ่ อื วา่ ผดิ ศีล เพราะพระมหายาน จะเนน้ ศีลพระโพธสิ ตั วม์ ากกวา่ ศีลของพระดงั ทม่ี ใี นนิกายเถรวาท สำ� หรบั การสวดมนตท์ ่ามกลางเสยี งดนตรนี น้ั บรรดานกั บวชจะสวดบทสวดมนตต์ ามบทตน้ ฉบบั โดยมที ำ� นองดนตรบี รรเลงคลอตามไป ส่วนพทุ ธศาสนกิ ชน ท่เี ขา้ ฟงั ก็จะพนมมอื ตง้ั จิตตง้ั ใจฟงั ในปจั จุบนั ประชาชนชาวญ่ีปุ่นนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาแบบมหายานนิกาย ต่าง ๆ ประมาณรอ้ ยละ ๘๐ ดงั นนั้ แนวโนม้ ในอนาคตผูค้ นจงึ ใหค้ วามสำ� คญั และใหค้ วามสนใจหนั มาเรยี นรู้และ ประยุกตใ์ ชห้ ลกั คำ� สอนในทางพระพทุ ธศาสนามากข้นึ เน่ือจากแรงบบี คนั้ จากเหตปุ จั จยั ในดา้ น ๆ หลาย ๆ ดา้ น ทงั้ ทางดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม และกระแสวฒั นธรรมค่านยิ มแบบวตั ถนุ ิยม ทำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาไดร้ บั ความนยิ ม ทงั้ จากประชาชนชาวญ่ปี ่นุ และชาวต่าง ๆ ประเทศทง้ั ในมติ ขิ องการท่องเทย่ี วเชงิ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรม การท่องเทย่ี วเชงิ วถิ ชี วี ติ ตลอดถงึ การท่องเทย่ี วเชงิ ศาสนา ๖.๕ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในไตห้ วนั ๖.๕.๑ สภาพทวั่ ไปของไตห้ วนั ประเทศไตห้ วนั (Taiwan) หรอื ไทเป (Taipei) ช่อื ทางการวา่ สาธารณรฐั จนี (Republic of China) เป็นรฐั ทไ่ี ดร้ บั การรบั รองอย่างไมส่ มบูรณใ์ นภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก ปจั จบุ นั ประกอบดว้ ยเกาะใหญ่ ๕ แห่ง คอื จนิ เหมนิ , ไตห้ วนั , เผงิ หู, หมาจู่, และอูชวิ รวมทง้ั เกาะเลก็ เกาะนอ้ ยอกี จำ� นวนหน่ึง พ้นื ทท่ี งั้ หมดเรยี กรวมกนั วา่ “พ้นื ทไ่ี ตห้ วนั ” เกาะหลกั ของไตห้ วนั มพี ้นื ท่ี ๓๕,๘๐๘ ตารางกโิ ลเมตร (๑๓,๘๒๖ ตารางไมล)์ โดยมเี ทอื กเขาทค่ี รอบคลมุ พ้นื ท่สี องในสามทางดา้ นตะวนั ออก และท่รี าบทางตะวนั ตกของเกาะซ่งึ มปี ระชากรอาศยั หนาแน่นในลกั ษณะ เป็นสงั คมเมอื ง ไตห้ วนั ดา้ นตะวนั ตกตดิ กบั จนี แผน่ ดนิ ใหญ่ ดา้ นตะวนั ออกและตะวนั ออกเฉียงเหนอื ตดิ กบั ญป่ี ่นุ 06. - 6 (188-239).indd 212 5/10/2022 12:58:13 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 213 และดา้ นใตต้ ดิ กบั ฟิลปิ ปินส์ มกี รุงไทเปเป็นเมอื งหลวง ส่วนไทเปใหมเ่ ป็นเขตปกครองทจ่ี ดั ตงั้ ข้นึ ใหม่ กนิ พ้นื ท่ี กรุงไทเป และเป็นเขตซง่ึ ประชากรหนาแน่นทส่ี ุดในเวลาน้ี เมอื งใหญ่อน่ื ๆ ไดแ้ ก่ เกาสฺยง ไถจง ไถหนาน และ เถา-ยเฺ หวยี น ดว้ ยจำ� นวนประชากรประมาณ ๒๓.๕ ลา้ นคน ไตห้ วนั เป็นหน่ึงในประเทศทม่ี ปี ระชากรหนาแน่น ทส่ี ุดในโลก เกาะไตห้ วนั นนั้ เดมิ เป็นทอ่ี ยูข่ องชนพ้นื เมอื ง และมชี าวจนี จากแผน่ ดนิ ใหญ่เขา้ มาอาศยั ร่วมดว้ ย จนกระทงั่ ชาวฮอลนั ดาและสเปนเดนิ ทางเขา้ มาในยุคสำ� รวจเมอ่ื ศตวรรษท่ี ๑๗ และมาตง้ั บา้ นเรอื นกลายเป็นนิคมใหญ่โต ต่อมาในปี ๑๖๖๒ ราชวงศห์ มงิ ในแผ่นดนิ ใหญ่ถกู ราชวงศช์ งิ แทนท่ี เจ้งิ เฉิงกง ขนุ ศึกหมงิ รวมกำ� ลงั หนีมาถงึ เกาะไตห้ วนั และเขา้ รุกไลฝ่ รงั่ ออกไปไดอ้ ย่างราบคาบ เขาจงึ ตงั้ ราชอาณาจกั รตงหนิง ข้นึ บนเกาะเพอ่ื “โค่นชงิ ฟ้ืนหมงิ ” แต่ในปี ๑๖๘๓ ราชวงศช์ งิ ปราบปรามอาณาจกั รตงหนงิ และเขา้ ครอบครองไตห้ วนั เป็นผลสำ� เรจ็ ไตห้ วนั จงึ กลายเป็นมณฑลหน่ึงของจนี อย่างไรก็ดี ความบาดหมางระหว่างจนี กบั ญ่ปี ่นุ เป็นเหตใุ หญ้ ่ปี ่นุ ไดไ้ ตห้ วนั ไป ในปี ๑๘๙๕ ก่อนเสยี ไตห้ วนั คนื ใหแ้ ก่จนี หลงั สงครามโลกครงั้ ทส่ี อง ช่วงนนั้ มกี ารเปลย่ี นแปลงการปกครอง ในจนี พรรคกก๊ มนิ ตงั๋ ไดเ้ป็นใหญ่ แต่ไมน่ านกเ็ สยี ทใี หแ้ ก่พรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ นี พรรคกก๊ มนิ ตงั๋ จงึ หนมี ายงั เกาะ ไตห้ วนั และสถาปนาสาธารณรฐั จนี ข้นึ บนเกาะไตห้ วนั แยกต่างหาก สว่ นฝ่ายคอมมวิ นสิ ตจ์ นี ทเ่ี ป็นฝ่ายไดร้ บั ชยั ชนะ ไดส้ ถาปนาสาธารณรฐั ประชาชนจนี บนแผ่นดนิ ใหญ่ อย่างไรก็ดี จนี ยงั คงถอื ว่าไตห้ วนั เป็นมณฑลหน่ึงของตน และไตห้ วนั เองกย็ งั มไิ ดร้ บั การยอมรบั จากนานาชาตวิ า่ เป็นประเทศเอกราชมาจนบดั น้ี ในช่วงทศวรรษ ๑๙๘๐ ถงึ ตน้ ทศวรรษ ๑๙๙๐ การเมอื งการปกครองไตห้ วนั ไดเ้ จริญรุ่งเรืองจนเป็น ประชาธปิ ไตยทม่ี พี รรคการเมอื งหลายพรรคและมกี ารเลอื กตง้ั ทวั่ หนา้ อน่งึ ในช่วงกลางศตวรรษท่ี ๒๐ เศรษฐกจิ ไตห้ วนั งอกงามอย่างรวดเร็วและมกี ารพฒั นาอุตสาหกรรมท่เี รียกว่าช่วง “ปาฏหิ าริยข์ องไตห้ วนั ” (Taiwan Miracle) ไตห้ วนั จงึ กลายเป็นประเทศพฒั นาแลว้ ทงั้ ไดช้ อ่ื วา่ เป็นหน่ึงในสเ่ี สอื แห่งเอเชยี มอี ตุ สาหกรรมลำ�้ หนา้ โดยมสี ว่ นสำ� คญั จากการผลติ เหลก็ กลา้ เคร่อื งจกั ร อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ และเคมภี ณั ฑ์ และมขี นาดเศรษฐกจิ ใหญ่เป็น อนั ดบั ท่ี ๑๙ ของโลก และเป็นอนั ดบั ๑๕ ของโลกตามค่าผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ (จดี พี )ี อตุ สาหกรรม เทคโนโลยชี น้ั สูงของไตห้ วนั ยงั มบี ทบาทสำ� คญั ในเศรษฐกจิ โลก เป็นเหตใุ หไ้ ตห้ วนั ไดเ้ป็นสมาชกิ องคก์ ารการคา้ โลกและความร่วมมอื ทางเศรษฐกิจเอเชยี -แปซฟิ ิก นอกจากน้ี เสรีภาพของสอ่ื มวลชน เสรีภาพทางเศรษฐกิจ การสาธารณสุข การศึกษา และดชั นกี ารพฒั นามนุษยใ์ นไตห้ วนั ยงั ไดร้ บั การจดั อยู่ในอนั ดบั สูงดว้ ย ๖.๕.๒ สถานการณ์พระพทุ ธศาสนาในไตห้ วนั เดมิ ประชาชนในเกาะไตห้ วนั นบั ถอื ผสี างเทวดา12 และไหวบ้ รรพบรุ ุษ มหี ลกั ฐานบนั ทกึ ไวว้ า่ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๒๐๔ หลงั จาก จอมพลเจ้งิ เฉิงกง ไดช้ ยั ชนะเหนือชาวฮอลนั ดาทม่ี าปกครองไตห้ วนั กไ็ ดอ้ พยพประชาชนจาก 12 คณาจารย์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ฉบบั ปรบั ปรุง, (พระนครศรอี ยุธยา : โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๕๘), หนา้ ๑๙๒. 06. - 6 (188-239).indd 213 5/10/2022 12:58:14 PM

214 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา จนี แผ่นดนิ ใหญ่จำ� นวนมากซง่ึ เป็นชาวพทุ ธจากมณฑลฮกเก้ยี นมาสู่เกาะไตห้ วนั ตง้ั เมอื งไถหนานเป็นเมอื งหลวง พระพทุ ธศาสนาจากแผน่ ดนิ จนี จงึ ไดม้ าสูไ่ ตห้ วนั มกี ารสรา้ งวดั ไว้๓ แหง่ คอื วดั จู่ซ ี  วดั มถี๋ อ (อมติ าภาราม) และ วดั หลงหูเหยยี น (นิกายเซน็ หลงิ จ้จี ง/รนิ ไซเซน็ ) ซง่ึ เป็นวดั เก่าแก่ในเมอื งไถหนาน สมยั นนั้ ถา้ จะบวชตอ้ งไปบวช ทว่ี ดั กู่ซนั หย่งฉวน มลฑลฮกเก้ยี น ช่วงทร่ี าชวงศช์ งิ ปกครองไตห้ วนั ไดส้ รา้ งและบูรณะวดั เก่าแก่ ๔ วดั ไดแ้ ก่ วดั ไคเหวยี น วดั ฝ่าฮวา วดั จู่ซี และวดั มถี๋ อ และเมอ่ื ญป่ี ่นุ เขา้ มาปกครอง ไดน้ มิ นตน์ กั บวชจากญป่ี ่นุ เขา้ มา ๒ นกิ าย คอื นิกายรนิ ไซเซน็ และฉาวตง้ จง        ต่อมาเมอ่ื จอมพลเจยี งไคเช็ค อพยพผูค้ นหนีสงครามจากเมอื งจนี มาสู่ไตห้ วนั คณะทหารและพ่อคา้ นบั ลา้ นคน รวมถงึ พระภกิ ษุหนุ่มจากเมอื งจนี ไดต้ ดิ ตามมาดว้ ย ขณะนนั้ พระพทุ ธศาสนาในไตห้ วนั แบง่ เป็น ๓ คณะ คอื พระพทุ ธศาสนาแบบจนี พระพทุ ธศาสนาแบบญ่ปี ่นุ และไจเจ้ยี ว (ถอื ศีลกนิ เจ แต่ไมโ่ กนศีรษะ) ใชช้ ่อื วา่ สมาคมพระพทุ ธศาสนาหลงฮวา พระสงฆจ์ นี ช่อื พระธรรมาจารยอ์ ้นิ ซุ่น เหน็ ว่าพทุ ธศาสนาแบบญ่ปี ่นุ สูญเสยี ความเป็นนกั บวช เป็นเพยี งฆราวาสเผยแผ่ธรรมะ จงึ นมิ นต์ ไป่เซง่ิ จา้ งเหลา่ (พระธรรมาจารยไ์ ป่เซง่ิ ) ประธาน พทุ ธสมาคมจนี แห่งไตห้ วนั ขอใหม้ กี ารจดั บวชเพอ่ื เป็นการฟ้ืนฟูพระพทุ ธศาสนาอกี ครงั้ ส่วนการศึกษาภาค ปรยิ ตั ธิ รรมนน้ั มสี ำ� นกั ทส่ี ำ� คญั หลายแห่ง เช่น สำ� นกั ฝูเหยยี นพทุ ธวทิ ยาลยั เป็นสำ� นกั ศึกษาปรยิ ตั ธิ รรมชน้ั สูง พระธรรมาจารยอ์ ้นิ ซุ่น เจา้ สำ� นกั ท่านเป็นผูร้ อบรูแ้ ตกฉานในพระไตรปิฎก เป็นนกั เทศนท์ ม่ี ชี ่อื เสยี ง มผี ลงาน หนงั สอื หลายเลม่ อธบิ ายธรรมะทง่ี า่ ยต่อการศึกษาในสมยั รฐั บาลกก๊ หมนิ ตงั๋ ของจอมพล เจยี งไคเชค็ ภรยิ าของ ท่านนบั ถอื ครสิ ตศ์ าสนา ทำ� ใหก้ ารเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาไมไ่ ดร้ บั การสนบั สนุนจากรฐั บาล แต่กม็ พี ระภกิ ษุหนุ่ม อกี รูปหน่ึง คอื พระธรรมาจารยซ์ งิ หวนิ ไดป้ ระกาศธรรมตงั้ แต่เหนือจรดใต้ท่านรเิ ร่มิ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา แนวใหม่ คือ เดมิ พระจะเทศนใ์ นวดั แต่ท่านจดั ใหม้ วี งประสานเสยี ง และใหค้ นใชเ้ คร่ืองเสยี งป่าวประกาศ ตามหมบู่ า้ นต่าง ๆ เพอ่ื ใหค้ นมาฟงั ธรรม ต่อมา เมอ่ื ศิษยานุศิษยม์ ากข้นึ จงึ ไดก้ ่อตงั้ วดั ฝอกวงซนั เผยแผ่ ธรรมะออกไปทวั่ โลก ระยะเวลาไลเ่ ลย่ี กนั ภกิ ษุณีรูปหน่ึงชอ่ื วา่ พระธรรมาจารยเ์ จ้งิ เหยยี น ไดฝ้ ากตวั เป็นศิษย์ กบั พระธรรมาจารยอ์ ้นิ ซุ่น ท่านเป็นผูน้ ำ� มหาชนช่วยเหลอื เพอ่ื นมนุษยแ์ ละมศี านุศิษยม์ ากมาย ท่านสถาปนา มูลนิธิฉือจ้ี สรา้ งโรงเรียนและโรงพยาบาล  ต่อมาสำ� นกั ท่มี ชี ่ือเสยี ง มเี พ่มิ ข้นึ อีก ๒ แห่ง คือ วดั ฝากู่ซนั ของพระธรรมาจารยเ์ ซง่ิ เหยยี น ไดเ้รยี นจบปรญิ ญาเอกทางพระพทุ ธศาสนาทญ่ี ป่ี ่นุ เมอ่ื กลบั มาไตห้ วนั ท่านตงั้ สถาบนั วจิ ยั พระพทุ ธศาสนาจงฮวา ซง่ึ โดดเด่นดา้ นการศึกษา และงานวจิ ยั ทางพระพทุ ธศาสนา และวดั จงไถฉาน โดยพระธรรมาจารยเ์ หวยเจวยี๋ แต่ก่อน ท่านเก็บตวั ปฏบิ ตั ธิ รรมอยู่หลายปี ต่อมามญี าตโิ ยมเดนิ ทางไปท่องป่า พบท่านและฟงั เทศนจ์ ากท่านจงึ ช่ืนชอบนิมนตท์ ่านมาเทศนแ์ ก่สาธุชน จนกระทงั่ ไดส้ รา้ งวดั จงไถฉานข้นึ เป็น ศูนยก์ ลางการปฏบิ ตั ธิ รรมในไตห้ วนั 06. - 6 (188-239).indd 214 5/10/2022 12:58:14 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 215 ๖.๕.๓ บทบาทพระสงฆใ์ นไตห้ วนั พระพทุ ธศาสนาในไตห้ วนั เจรญิ ร่งุ เรอื งกวา่ ยุคทผ่ี า่ นมา เพราะมคี ณาจารยแ์ ละอบุ าสกทเ่ี ป็นปญั ญาชนจาก จนี แผ่นดนิ ใหญ่ ตดิ ตามมากบั รฐั บาลคณะชาติ เป็นกำ� ลงั สำ� คญั ในการเผยแผ่ ชาวพทุ ธจงึ เพม่ิ ข้นึ เร่อื ย ๆ ปจั จบุ นั มี ๔ วดั ใหญ่คอยผลกั ดนั งานเผยแผ่พระพทุ ธศาสนามหายานใหก้ วา้ งไกลไปทวั่ โลก คอื 13 ๑) วดั ฝอกวงซนั ปฐมเจา้ อาวาสวดั ฝอกวงซนั คือ พระธรรมาจารยซ์ งิ หวนิ ไดเ้ คยเดนิ ทางมาวดั พระธรรมกายและเซน็ สญั ญาเป็นวดั พว่ี ดั นอ้ งกบั คุณครูไม่ ใหญ่ ในวนั มาฆบูชาปี พ.ศ.๒๕๓๗ ปจั จบุ นั เป็นวดั ท่ี มคี วามสามารถในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา ไดผ้ ลดที ส่ี ุดในไตห้ วนั มนี กั บวช ๑,๒๐๐ รูป จดั ตงั้ สมาคม พทุ ธประทปี ซง่ึ มศี ูนยส์ าขาถงึ ๒๕๐ แหง่ ทวั่ โลก จดั ตง้ั มหาวทิ ยาลยั หนานฮวา มหาวทิ ยาลยั ฝอกวง สถานโี ทรทศั น์ ช่องเหรนิ เจยี น และหนงั สอื พมิ พเ์ หรนิ เจยี นฝูเป้า ๒) องคก์ รพทุ ธฉือจ้ี มบี ทบาทเด่นดา้ นการสงั คมสงเคราะห์ มสี มาชกิ ทำ� บญุ มากทส่ี ุด เป็นประจำ� ทกุ เดอื น มากถงึ ๕ ลา้ นคน ปจั จบุ นั มศี ูนยส์ าขาทง้ั ในและต่างประเทศ ๑๑๗ แห่ง ก่อตงั้ โรงเรยี น โรงพยาบาล และสถานโี ทรทศั นต์ า้ อา้ ย เพอ่ื เผยแผ่ธรรมะ ๓) วดั ฝากู่ซนั มคี วามโดดเด่นทางดา้ นการศึกษาวชิ าการในพระพทุ ธศาสนาเป็นอย่างมาก มสี ุดยอด ของอาจารยเ์ ก่ง ๆ วชิ าเฉพาะทาง มหี อสมดุ พระพทุ ธศาสนาทใ่ี หญ่ทส่ี ุดในเอเชยี และมกี ารจดั ตง้ั “มหาวทิ ยาลยั ฝากู่” ซง่ึ รวบรวมคมั ภรี พ์ ระพทุ ธศาสนาหลากหลายนกิ ายไว้ และจดั ทำ� พระไตรปิฎกซดี รี อม มศี ูนยส์ าขาทวั่ โลก ๒๔ แห่ง ๔) วดั จงไถฉาน มนี กั บวช ๑,๕๐๐ รูป เนน้ การนงั่ สมาธแิ บบเซน็ วดั ไดจ้ ดั การเรยี นการสอน ๒ ระบบ หากเป็นนกั บวชจะเรยี นในวทิ ยาลยั สงฆต์ งั้ แต่ระดบั ปรญิ ญาตรถี งึ ปรญิ ญาโท หากเป็นฆราวาสจะเรยี นในโรงเรยี น ฝู่ไถ ตงั้ แต่ระดบั ประถมถงึ มธั ยม ในอนาคตจะเปิดถงึ ระดบั อุดมศึกษา มนี กั เรียน ๑,๒๐๐ คน ลว้ นเป็น บตุ รหลานของผูม้ ฐี านะ เพราะค่าเรยี นเทอมละ ๑๖๐,๐๐๐ บาท เป็นโรงเรยี นกนิ นอนทไ่ี ดม้ าตรฐาน สอน ๕ ภาษา คอื ภาษาจนี องั กฤษ ญ่ปี ่นุ สเปน และฝรงั่ เศส มชี วั่ โมงสมาธแิ ละใหท้ กุ คนทานอาหารเจ ขณะน้ีมศี ูนยส์ าขา ทวั่ โลก ๑๐๘ แห่ง ไตห้ วนั เป็นประเทศทม่ี อี สิ ระในการนบั ถอื ศาสนา มชี ่องโทรทศั นข์ องศาสนา ๘ ช่อง คือ พทุ ธศาสนา ๖ ช่อง ครสิ ตศ์ าสนา ๑ ช่อง และลทั ธเิ ตา๋ อกี ๑ ช่อง สถานโี ทรทศั นเ์ ซงิ มง่ิ เต้ยี นซอ่ื ไถ (LIFE TV) เป็น ๑ ใน ๖ ของสถานชี ่องพทุ ธศาสนาซง่ึ เป็นของพระธรรมาจารยไ์ หเ่ ทา ไดน้ ำ� รายการ DMC ออกเผยแพร่สูส่ ายตาชาวไตห้ วนั และประเทศใกลเ้คยี ง เป็นทช่ี ่นื ชอบของคนจนี ในขณะน้ีโดยเฉพาะ Case study และมโหสถบณั ฑติ แมเ้กาะ แห่งน้ี จะมคี วามหลากหลายทางวฒั นธรรมและศาสนา แต่ทกุ วดั ต่างร่วมแรงร่วมใจกนั ทำ� งานเผยแผ่พระพทุ ธ- ศาสนา เพอ่ื ยงั สนั ตสิ ุขใหเ้กิดข้นึ แก่โลกอย่างแทจ้ ริง และปจั จบุ นั มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั 13 คณาจารย์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ฉบบั ปรบั ปรุง, หนา้ ๑๙๓. 06. - 6 (188-239).indd 215 5/10/2022 12:58:14 PM

216 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ไดเ้ปิดสถาบนั สมทบ มหาวทิ ยาลยั สงฆช์ งิ จู เปิดสอน ๑ สาขา คอื สาขาวชิ ามหายานศึกษา ทอ่ี ยู่ ๗๖ kuang The Temple A-Lien Hownship Kao-Hsiung Taiwan, ๘๒๒๐๔14 พบวา่ ลกั ษณะสำ� คญั ของพระพทุ ธ- ศาสนามหายานในไตห้ วนั นอกเหนือจากเป็นสถาบนั การศึกษาทม่ี บี ทบาทใหก้ ารฝึกฝนอบรมพฒั นาคนเช่นเดยี ว กบั มหายานในจีน เกาหลแี ละญ่ีปุ่นแลว้ บทบาทสำ� คญั ประการหน่ึงคือดา้ นการสงั คมสงเคราะห์ นอกจากน้ี งานดา้ นการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในไตห้ วนั ทก่ี ำ� ลงั ดำ� เนินการอยู่กน็ ่าสนใจ สรปุ บทบาทพระสงฆใ์ นไตห้ วนั บทบาทพระสงฆท์ เ่ี ดน่ ชดั ในไตห้ วนั คอื บทบาทดา้ นการศกึ ษา และบทบาท ดา้ นสงั คมสงเคราะห์ กลา่ วคอื นอกจากเป็นภกิ ษุสงฆ์ และภกิ ษุณีสงฆ์ ผูใ้ หส้ ถานทว่ี ดั เป็นสถานทใ่ี หก้ ารศึกษาแลว้ ภกิ ษุและภกิ ษุณียงั สามารถเป็นผูบ้ ริหาร อาจารย์ เจา้ หนา้ ท่ี และระดมทุนในการสนบั สนุนการศึกษาอกี ดว้ ย ซง่ึ กไ็ ดร้ บั ความยอมทงั้ จากภาครฐั บาล และภาคเอกชน ทเ่ี หน็ ดว้ ยกบั บทบาทของพระสงฆพ์ รอ้ มใหก้ ารสนบั สนุน มาทกุ ยุคทกุ สมยั ๖.๕.๔ อทิ ธพิ ลและแนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในไตห้ วนั ชาวไตห้ วนั ถอื วา่ มหายานเป็นหน่งึ ในศาสนาหลกั ของไตห้ วนั ชาวไตห้ วนั สว่ นใหญ่ปฏบิ ตั ธิ รรมพทุ ธศาสนา มหายาน หลกั การขงจ้อื การปฏบิ ตั ใิ นทอ้ งถน่ิ และประเพณีลทั ธเิ ตา๋ บทบาทของผูเ้ชย่ี วชาญทางศาสนาทงั้ จากทาง พทุ ธศาสนาและลทั ธเิ ตา๋ มอี ยู่ในโอกาสพเิ ศษ เช่น การคลอดบตุ รและงานศพ ในจำ� นวนน้ีมจี ำ� นวนนอ้ ยเจาะจง มากข้นึ โดยเฉพาะกบั คำ� สอนและสถาบนั ทางพระพทุ ธศาสนาของจีนโดยไม่จำ� เป็นตอ้ งละเวน้ การปฏบิ ตั ิจาก ประเพณีเอเชยี อน่ื ๆ ประมาณรอ้ ยละ ๓๕ ของประชากรเชอ่ื ในคำ� สอนพระพทุ ธศาสนา ชาวไตห้ วนั ไดป้ ฏบิ ตั ติ ามหลกั การทางจรยิ ธรรมแบบดงั้ เดมิ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั ศาสนาดงั้ เดมิ ของจนี ซง่ึ องิ กบั พระพทุ ธศาสนามหายาน ผูท้ น่ี บั ถอื ศาสนาพทุ ธทน่ี บั ถอื ตนเองอาจเป็นผูส้ นบั สนุนความเชอ่ื ทม่ี ลี กั ษณะเฉพาะ เช่น Yiguandao ซง่ึ เนน้ ยำ�้ ใหเ้หน็ ถงึ รูปแบบของพทุ ธ เช่น Guanyin หรอื Maitreya และเป็นผูส้ นบั สนุนการกนิ เจ ลกั ษณะเด่นของพทุ ธศาสนาชาวไตห้ วนั คอื การเนน้ การฝึกมงั สวริ ตั อิ ทิ ธพิ ลของมนุษยนิยมและความโดดเด่น ขององคก์ รทางพทุ ธศาสนาทม่ี ขี นาดใหญ่ สพ่ี ระพทุ ธศาสนาทก่ี ่อตงั้ สถาบนั ทม่ี คี วามสำ� คญั โดยเฉพาะอย่างย่งิ เรยี กวา่ “สร่ี าชาธปิ ไตยของพทุ ธศาสนาชาวไตห้ วนั ” หน่ึงสำ� หรบั แต่ละทศิ ทางสำ� คญั กบั สถาบนั ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกนั ของ พวกเขาเรยี กวา่ “สเ่ี ทอื กเขาทย่ี ง่ิ ใหญ่” พวกเขา คอื ๑) นอรท์ (Jinshan) : นาย Sheng-yen ของ Dharma Drum Mountain ๒) ภาคใต้ (Dashu) : นาย Hsing Yun ของ Fo Guang Shan ๓) East (ฮวั เหลยี น) : Master Cheng Yen ของมลู นิธิ Tzu Chi ๔) เวสต์ (หนานทง) : นาย Wei Chueh ของ Chung Tai Shan ตวั เลขเหลา่ น้ีหลายคนไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากความเหน็ อกเหน็ ใจพระพทุ ธศาสนาของอาจารยห์ ยนิ ชนุ ซง่ึ เป็น วธิ กี ารทางศาสนศาสตรท์ ท่ี ำ� ใหศ้ าสนาพทุ ธของไตห้ วนั แตกต่างออกไป ในความเป็นจรงิ Yin Shun เป็นทป่ี รกึ ษา 14 เร่อื งเดยี วกนั , หนา้ ๑๙๕. 06. - 6 (188-239).indd 216 5/10/2022 12:58:14 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 217 โดยตรงของ Master Cheng Yen และมอี ทิ ธพิ ลต่อเจา้ นายคนอน่ื ๆ ดว้ ยเช่นกนั เจา้ นายทม่ี ชี อ่ื เสยี งเหลา่ น้ี มอี งคก์ รทท่ี รงอทิ ธพิ ลทม่ี สี าขาทวั่ โลก ชาวพทุ ธไตห้ วนั เหลา่ น้ีมบี ทบาทสำ� คญั ในการฟ้ืนฟูพระพทุ ธศาสนาในจนี แผ่นดนิ ใหญ่ แนวคดิ เรอ่ื ง ‘Humanistic Buddhism’ น้สี ง่ เสรมิ ความสมั พนั ธโ์ ดยตรงระหวา่ งชมุ ชนชาวพทุ ธและสงั คม ในวงกวา้ ง ยงั เป็นท่รี ูจ้ กั กนั ในนามของพทุ ธศาสนาท่เี ก่ียวขอ้ งกบั สงั คมโดยม่งุ เนน้ การพฒั นาสงั คมโดยการมี ส่วนร่วมในดา้ นต่าง ๆ เช่น การอนุรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม ดงั ทไ่ี ดก้ ลา่ วมาก่อนแลว้ ว่าสดั ส่วนของสถาบนั หลกั ทาง พระพทุ ธศาสนาส่วนใหญ่เนน้ วธิ กี ารน้ี ท่านอาจารย์ Taixu (1890-1947) มสี ่วนร่วมในแนวทางน้ีอย่างมากเน่ืองจากรูส้ กึ ผดิ หวงั กบั การใหค้ วาม สำ� คญั กบั พธิ กี รรมและพธิ กี ารอย่างต่อเน่ือง Taixu มอี ทิ ธพิ ลสำ� คญั ต่อ Master Ying Shun และไดใ้ หก้ าร สนบั สนุนการมสี ่วนร่วมโดยตรงกบั สงั คมผ่านทางชมุ ชนชาวพทุ ธ ในความเป็นจรงิ เขามเี ป้าหมายสามประการ เพ่ือเผยแพร่ศาสนาพุทธผ่านชุมชนวดั วาอารามกระตุน้ ใหช้ าวบา้ นปฏิบตั ิตามคำ� สอนของพระพุทธศาสนา เพอ่ื นำ� มาตรสั รูช้ วี ติ ของตนเองและเพอ่ื สรา้ งพทุ ธศาสนานิกายมหายานเป็นองคป์ ระกอบสำ� คญั ไม่เพยี ง แต่ใน ประเทศเท่านน้ั แต่ยงั เป็นสากลอกี ดว้ ย นาย Hsing Yun ไดร้ บั แรงบนั ดาลใจโดยตรงจาก Tenerable Taixu แนวโนม้ สถาบนั ทางพระพทุ ธศาสนาในปจั จบุ นั มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อสนิ คา้ สาธารณะมากมาย เช่น วทิ ยาลยั และโรงพยาบาล รวมถงึ การบรรเทาภยั พบิ ตั ิ วธิ กี ารน้ีถกู กรองไปยงั คนรุ่นปจั จบุ นั และไดร้ บั การสนบั สนุนอย่าง กวา้ งขวาง ในความเป็นจรงิ วธิ ี Taixu สามารถนำ� มาประกอบกนั โดยตรงกบั การเตบิ โตอย่างรวดเรว็ ในพทุ ธศาสนา ท่มี ปี ระสบการณ์ในช่วงสองสามทศวรรษท่ผี ่านมาในไตห้ วนั มคี วามแตกต่างบางอย่างระหว่างสถาบนั เฉพาะ เก่ยี วกบั บทบาทของพระพทุ ธศาสนาควรมบี ทบาทในเวทกี ารเมอื ง โดยทวั่ ไปแลว้ สมาชกิ ของสถาบนั ศาสนาพทุ ธ จะไดร้ บั การแนะนำ� ใหเ้ขา้ ร่วมในทางการเมอื ง ตวั อยา่ งเช่นสมาชกิ ของโรงเรยี นพทุ ธมณฑลฉาน ไดร้ บั การสนบั สนุน ใหส้ ่งเสริมคุณค่าสมยั ใหม่ เช่น ความเท่าเทยี มเสรีภาพและเหตุผล แต่ความห่วงใยไม่ควรน�ำไปสู่การบุกรุก ในดา้ นการเมอื ง นอกจากน้ียงั มขี อ้ สงั เกตว่าหลายคนของสถาบนั หลกั ทางพระพุทธศาสนาเหล่าน้ีไดม้ าจาก ชนชน้ั กลาง กลุ่มชนในสงั คมชาวไตห้ วนั จำ� นวนมากชนชน้ั กลางไดร้ บั ประโยชนอ์ ย่างมากจากความสำ� เร็จทาง เศรษฐกจิ ของไตห้ วนั ดว้ ยเวลาวา่ งทส่ี มาชกิ ในสงั คมเหลา่ น้ีพยายามทจ่ี ะมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมทใ่ี หค้ วามหมาย กบั ชวี ติ ของพวกเขาและสำ� หรบั สถาบนั พทุ ธหลายแห่งสามารถใหส้ ง่ิ น้ีได้ นอกจากน้โี รงเรยี นพระพทุ ธศาสนายงั มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมทางวฒั นธรรมและการปฏบิ ตั โิ ดยการเผยแพร่ เน้ือหาการอ่านและโดยการจดั ใหม้ ชี นั้ เรียนสำ� หรบั การประดิษฐต์ วั อกั ษรการฟ้อนรำ� และศิลปะ สถาบนั พทุ ธ ไมเ่ พยี งแต่มสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งโดยตรงกบั สงั คม แต่ดูเหมอื นวา่ จะฝงั ตวั อยูใ่ นชวี ติ ของคนเป็นจำ� นวนมากดว้ ยการเนน้ วฒั นธรรม ช่วยใหป้ ระชาชนทกุ คนรวมพทุ ธศาสนาเขา้ ดว้ ยกนั และขจดั อปุ สรรคระหว่างพระและแม่ชที ป่ี ฏบิ ตั ิ พธิ กี รรมในวดั วาอารามทห่ี ่างไกลและความตอ้ งการในชวี ติ ประจำ� วนั สง่ิ น้ีจะสรา้ งความรูส้ กึ ถงึ ความเป็นตวั ตน และอตั ลกั ษณภ์ ายในสงั คมไตห้ วนั ช่วยเผยแพร่พระพทุ ธศาสนามาหลายชวั่ อายุคน 06. - 6 (188-239).indd 217 5/10/2022 12:58:14 PM

218 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา สรุปอิทธิพลพระพุทธศาสนาในไตห้ วนั ในอดีตท่ีผ่านมาพระพุทธศาสนามอี ิทธิพลต่อวถิ ชี ีวติ สงั คม เศรษฐกจิ และการเมอื งของไตห้ วนั เป็นอย่างมาก ปจั จบุ นั มบี ทบาทความรบั ผดิ ชอบต่อสนิ คา้ ต่าง ๆ และงานดา้ น สาธารณะมากมาย เช่นโรงเรยี น วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั และโรงพยาบาล รวมถงึ ศูนยก์ ารบรรเทาภยั พบิ ตั ิ เป็นตน้ และแนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในไตห้ วนั นอกจากมบี ทบาทส่วนเหลอื สงั คมดงั กลา่ ว บคุ ลากรทางศาสนายงั เขา้ ไป มบี ทบาทในทางการเมอื งมากข้นึ เช่นเขา้ ไปเป็นสมาชกิ พรรคการเมอื ง หรอื ร่วมรณรงคค์ วามเท่าเทยี ม และสทิ ธิ เสรภี าพของคนในสงั คมมากยง่ิ ข้นึ ซง่ึ นบั ไดว้ า่ เป็นกา้ วย่างทน่ี ่าสนใจเป็นอย่างยง่ิ ๖.๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในมองโกเลยี ๖.๖.๑ สภาพทวั่ ไปของมองโกเลยี มองโกเลยี (Mongolia) มองโกเลยี ดงั้ เดมิ เรยี กวา่ “มงกลอลุ สุ ” (Mongol Uls) แปลวา่  ชาตมิ องโกล” หรอื รฐั มองโกเลยี เป็นประเทศในทวปี เอเชยี ทไ่ี ม่มที างออกสู่ทะเลทใ่ี หญ่เป็นอนั ดบั ท่สี องของโลกรองจากประเทศ คาซคั สถาน มพี รมแดนทางเหนอื ตดิ กบั ประเทศรสั เซยี และทางใตต้ ดิ กบั ประเทศจนี มพี ้นื ทท่ี ส่ี ามารถใชส้ ำ� หรบั การเกษตรไดน้ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละหน่ึง มองโกเลยี มปี ระชากรเพยี ง ๓ ลา้ นกวา่ คน แต่มพี ้นื ทใ่ี หญ่กวา่ ประเทศไทยถงึ กวา่ ๓ เท่า ซง่ึ ทำ� ใหป้ ระเทศ มองโกเลยี เป็นหน่ึงในประเทศทม่ี คี วามหนาแน่นของประชากรนอ้ ยทส่ี ุดในโลก ประชากรส่วนมากนบั ถอื ศาสนา พทุ ธนกิ ายวชั รยานแบบทเิ บต และประชากรรอ้ ยละ ๓๘ อาศยั อยู่ในเมอื งหลวงอูลานบาตาร์ ศาสนาในประเทศมองโกเลยี มศี าสนาสำ� คญั คอื ศาสนาพทุ ธนิกายวชั รยานและลทั ธเิ ชมนั แบบมองโกเลยี เพราะเป็นศาสนาหลกั ทช่ี าวมองโกลนบั ถอื ในอดตี จกั รวรรดมิ องโกลเคยไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากศาสนาครสิ ต์ (นกิ าย เนสโตเรียน และโรมนั คาทอลกิ ) และศาสนาอสิ ลาม กระนน้ั ศาสนาเหล่าน้ีกลบั ไม่มอี ำ� นาจครอบงำ� รฐั ไดเ้ ลย ในยุคสาธารณรฐั ประชาชนมองโกเลยี (พ.ศ. ๒๔๖๗-๒๕๓๕) ซง่ึ เป็นยุคสงั คมนิยม ศาสนาทกุ ศาสนาถกู ระงบั มใิ หค้ นนบั ถอื แต่เมอ่ื มกี ารเปลย่ี นแปลงระบอบการปกครองเป็นแบบรฐั สภา สถาบนั ศาสนาจงึ ไดร้ บั การฟ้ืนฟู กลบั คนื มาอกี ครงั้ หน่ึง จากการสำ� รวจสำ� มะโนครวั ประชากรเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๕๓-ปจั จบุ นั พบวา่ ประชากรส่วนใหญ่นบั ถอื ศาสนา พทุ ธนกิ ายวชั รยาน รอ้ ยละ ๕๓.๒ ทไ่ี มน่ บั ถอื ศาสนาใด ๆ รอ้ ยละ ๓๘.๔ นบั ถอื ศาสนาอสิ ลามรอ้ ยละ ๓ นบั ถอื ลทั ธเิ ชมนั แบบมองโกเลยี รอ้ ยละ ๒.๙ นบั ถอื ศาสนาครสิ ตร์ อ้ ยละ ๒.๒ และมผี ูน้ บั ถอื ศาสนาอน่ื ๆ รอ้ ยละ ๐.๔15 บางแหลง่ ขอ้ มลู อา้ งวา่ มผี ูน้ บั ถอื ลทั ธเิ ชมนั แบบมองโกเลยี เพม่ิ ข้นึ อย่างมนี ยั สำ� คญั คดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๘.๖16 15 2010 Population and Housing Census of Mongolia, Data recorded in Brian J. Grim et al, (Yearbook of International Religious Demography BRILL, 2014), p. 152. 16 Association of Religion Data Archives : Mongolia: Religious Adherents, 2010. Data from the World Christian Database, [Online] Available : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8 [29/11/2021] 06. - 6 (188-239).indd 218 5/10/2022 12:58:14 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 219 ๖.๖.๒ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาของมองโกเลยี ประมาณกลางพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ ชนเผา่ มองโกล ซง่ึ มเี จงกสี ขา่ นเป็นประมขุ ไดเ้รอื งอำ� นาจข้นึ และรกุ ราน ดนิ แดนต่าง ๆ แผ่อำ� นาจออกไปอย่างกวา้ งขวาง ตงั้ จกั รพรรดขิ องมองโกลข้นึ สามารถชนะจนี ทเิ บต และยงั ได้ แผ่อำ� นาจไปยงั ยุโรปตะวนั ออก จกั รพรรดอิ งคท์ ่ี ๔ ช่ือกุบไลข่านยา้ ยนครหลวงจากมองโกเลยี ไปตง้ั ท่ปี กั ก่ิง เมอ่ื พ.ศ. ๑๘๐๓ และตง้ั ราชวงศม์ องโกลของตนข้นึ เรยี กวา่ “ราชวงศห์ งวนหรอื หยวน” พระพทุ ธศาสนาจงึ เร่มิ เขา้ สู่มองโกเลยี ตงั้ แต่ครงั้ นน้ั โดยกบุ ไลขา่ นไดห้ นั มานบั ถอื พระพทุ ธศาสนาแบบลามะของทเิ บต ประมาณ พ.ศ. ๒๑๒๒-๒๒๗๒ สมยั พระเจา้ อลั ตนั ขา่ น พระองคท์ รงอาราธนา สอดนมั ยาโส ประมขุ สงฆท์ เิ บตรูปท่ี ๓ ไปยงั ประเทศมองโกเลยี ทรงเลอ่ื มใสในจรยิ าวตั รของลามะรูปน้ีมาก ถงึ กบั เช่อื วา่ เป็นอาจารยข์ องกบุ ไลขา่ นกลบั ชาติ มาเกดิ จงึ เรยี กท่านวา่ ทะไลลามะ ขนุ นางในราชสำ� นกั ออกบวชในพระพทุ ธศาสนาเป็นจำ� นวนมากมผี ูศ้ ึกษาเป็น ปราชญม์ ากข้นึ สามารถช่วยกนั แปลคมั ภรี จ์ ากภาษาทเิ บตและสนั สกฤตเป็นภาษามองโกล ทำ� ใหภ้ าษาและวรรณคดี ทส่ี ำ� คญั ของมองโกลรุ่งเรอื งมากในยุคน้ี และทรงประกาศใหพ้ ระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจำ� ชาตขิ องมองโกล ใน พ.ศ. ๒๑๒๐ ครนั้ ต่อมา ทะไลลามะองคท์ ่ี ๓ มรณภาพลง ปรากฏวา่ พระนดั ดา(หลาน)ของพระเจา้ อลั ตนั ขา่ น ไดร้ บั การคดั เลอื กเป็นชาตใิ หมข่ ององคท์ ะไลลามะนน้ั ขอ้ น้ีทำ� ใหค้ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคณะสงฆเ์ กลกุ ปะของทเิ บตกบั ชาวมองโกลแน่นแฟ้นยง่ิ ข้นึ และในระยะใกล ้ ๆ กนั นน้ั กไ็ ดเ้กดิ มตี ำ� แหน่ง “พระพทุ ธเจา้ องคท์ ่ยี งั ทรงชีพ” ข้นึ มฐี านะเป็นประมขุ ทางศาสนา และเป็นผูน้ ำ� ของรฐั สถติ ณ เมอื งอูรคา (ปจั จบุ นั เป็นเมอื งหลวงของสาธารณรฐั ประชาชนมองโกเลยี เปลย่ี นช่อื เป็นอูลานบาเตอร)์ มฐี านะสูงนบั เป็นอนั ดบั ท่ี ๓ ในพระพทุ ธศาสนานิกายลามะ รองจากทะไลลามะ และปนั เชนลามะ ข้นึ ตรงต่อองคท์ ะไลลามะในทเิ บต มอี ำ� นาจมาก มกี ฎหมายทรพั ยส์ นิ และ การปกครองของตนเอง เป็นอสิ ระดจุ เป็นประเทศ หรอื รฐั ทซ่ี อ้ นอยู่ภายในอกี ประเทศหรอื อกี รฐั หน่ึง และไดม้ ผี ู ้ เขา้ บวชเป็นลามะจำ� นวนมาก เมอ่ื ไมน่ านมาน้ีมผี ูป้ ระมาณวา่ ลามะมจี ำ� นวนถงึ ๑ ใน ๓ ของจำ� นวนพลเมอื งทเ่ี ป็น ชายทงั้ หมด คอื มลี ามะอยู่ประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ รูป (ใน พ.ศ.๒๔๖๘ มองโกเลยี นอกมปี ระชากรราว ๖๑๕,๗๐๐ คน) นอกจากนนั้ ยงั มคี นรบั ราชการใน “พระพทุ ธเจา้ องคท์ ย่ี งั ทรงชพี ” นน้ั อกี ราว ๑๕๐,๐๐๐ คน เท่ากบั คณะสงฆ์ มอี ำ� นาจปกครองประชาการเกอื บคร่งึ หน่งึ ของประเทศ เร่มิ แต่จกั รวรรดสิ ลาย ดนิ แดนทเ่ี ป็นประเทศมองโกลเลยี กแ็ ตกแยกลดนอ้ ยลงไป ส่วนทเ่ี ป็นมองโกเลยี ในกต็ กไปเป็นส่วนหน่ึงของประเทศจนี ส่วนทเ่ี ป็นมองโกเลยี นอก ไดต้ กเป็นดนิ แดนของโซเวยี ตไปบา้ ง ส่วนทเ่ี หลอื อยู่ก็ไดเ้ปลย่ี นแปลงการปกครองเป็นสงั คมนิยมแบบทไ่ี ดร้ บั อทิ ธพิ ลและความคุม้ ครองจากโซเวยี ต เรยี กวา่ สาธารณรฐั ประชาชนมองโกเลยี ปจั จบุ นั ตำ� แหน่ง “พระพทุ ธเจา้ องคท์ ย่ี งั ทรงชพี ” ไดข้ าดตอนไปแลว้ และจำ� นวนลามะทวั่ ประเทศลดลงเหลอื เพยี งประมาณ ๒๐๐ องค์ พระพทุ ธ- ศาสนายงั มอี ยู่ในมองโกเลยี เพยี งแต่อยู่ในความควบคุมของรฐั เท่านน้ั อย่างไรกต็ ามพระพทุ ธศาสนาจะเจรญิ ได้ ตอ้ งอาศยั ฝ่ายอาณาจกั รอปุ ถมั ภท์ ำ� งานร่วมกนั พระพทุ ธศาสนาจงึ จกั ยงั อยู่และเจรญิ รุ่งเรอื งต่อไป 06. - 6 (188-239).indd 219 5/10/2022 12:58:14 PM

220 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ๖.๖.๓ บทบาทพระสงฆใ์ นมองโกเลยี พระพทุ ธศาสนาในมองโกเลยี เป็นพระพทุ ธศาสนาแบบมหายาน นิกายวชั รยาน นบั ถอื พระพทุ ธศาสนา แบบธิเบต บทบาทพระสงฆส์ ่วนใหญ่จะทำ� หนา้ ท่รี กั ษาและบูรณะวดั ใหเ้ ป็นบุญสถาน ดูแลสถาบนั สำ� คญั ทาง พระพทุ ธศาสนา และประกอบพธิ กี รรมทางศาสนาสำ� หรบั พทุ ธศาสนกิ ชน นอกจากน้ีพระสงฆย์ งั มบี ทบาทอบรม สงั่ สอนประชาชนตามวดั และศูนยศ์ ึกษาพระพทุ ธศาสนาต่างๆ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ พฤภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ชาวพทุ ธมองโกเลยี รฐั บาล และคณะสงฆ์ ร่วมกบั มลู นิธสิ นั ตจิ ติ ตงั (Peaceful mind Foudation) วดั ภาวนามองโกเลยี (Dhammakaya meditation center of Mongolia) มลู นธิ ิ พลงั ปญั ญา (Wisdom Power Foudation) มลู นิธิธรรมกาย ประเทศไทย (Dhammakaya Foudation) ร่วมกบั คณะสงฆว์ ชั รยานและเครอื ขา่ ยองคก์ รนกั ศึกษาจากมหาวทิ ยาลยั ชนั้ นำ� ต่าง ๆ อาทิ มหาวทิ ยาลยั แห่งชาติ มองโกเลยี (National University of Mongolia) มหาวทิ ยาลยั วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยแี ห่งชาตมิ องโกเลยี (Mongolian University os Science and Technology) มหาวทิ ยาลยั วทิ ยาศาสตรก์ ารแพทยแ์ หง่ ชาตมิ องโกเลยี (Mongolian National University of Medical Sciences) เป็นตน้ ไดจ้ ดั โครงการจดุ วสิ าขประทปี และ ลอยโคมเพอ่ื ถวายเป็นพทุ ธบูชา ครง้ั ท่ี ๑๑ เน่ืองในวนั วสิ าขบูชาโลกประจำ� ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ สนามกฬี าประจำ� จงั หวดั กลาง (Central province; Төв аймаг : Tuv aimag :) ณ กรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลยี ๖.๖.๔ อทิ ธพิ ลและแนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในมองโกเลยี นบั ตง้ั แต่พระพทุ ธศาสนาจงึ เร่มิ เขา้ สู่มองโกลเลยี ตง้ั แต่ครงั้ นนั้ โดยกบุ ไลข่ านไดห้ นั มานบั ถอื พระพทุ ธ- ศาสนาตงั้ แต่แบบลามะทเิ บตประมาณ ๒๑๑๑-๒๒๗๗ พระองคท์ รงหนั มานบั ถอื พระพทุ ธศาสนา ทรงเลอ่ื มใสใน จรยิ าวตั รของพระลามะ และต่อมาพระเจา้ อลั ตนั ขา่ น พระองคก์ ส็ ่งเสรมิ ใหข้ า้ ราชบรพิ ารและขนุ นางในราชสำ� นกั ออกบวชในพระพทุ ธศาสนาเป็นจำ� นวนมาก จนทำ� ใหเ้กดิ นกั ปราชญ์ นกั ปรชั ญาศาสนาเป็นจำ� นวนมาก แต่ใน ปจั จบุ นั ค่อย ๆ เสอ่ื มลง และอยู่ในความควบคุมของรฐั บาลเท่านน้ั อย่างไรกต็ าม พระพทุ ธศาสนาจะตอ้ งอาศยั ฝ่ายอาณาจกั รเป็นผูอ้ ปุ ถมั ภมั โ์ ดยการทำ� งานร่วมกนั พระพทุ ธศาสนาจงึ จกั ยงั อยู่และเจรญิ รุ่งเรอื งต่อไป แนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในมองโกเลยี บรรดานกั วชิ าการทางพระพทุ ธศาสนา17 เช่อื วา่ มองโกเลยี เป็น แหลง่ ขมุ ทรพั ยค์ มั ภรี โ์ บราณทางพทุ ธศาสนาทใ่ี หญ่ทส่ี ุดในโลก โดยถกู เก็บรวบรวมไวท้ ห่ี อสมดุ แห่งชาติ จนถงึ ปจั จบุ นั กย็ งั ไมท่ ราบจำ� นวนทแ่ี น่นอน หอสมดุ แหง่ ชาติ ประเทศมองโกเลยี ตงั้ อยูย่ ่านใจกลางเมอื งหลวง “อูลานบาตอร”์ เป็นสถานทเ่ี กบ็ รวบรวม คมั ภรี ์ เอกสารและหนงั สอื ทางพทุ ธศาสนามากกวา่ ๑ ลา้ นเลม่ ในจำ� นวนน้มี ที ง้ั ช้นิ งานทเ่ี ป็นของมองโกเลยี ดง้ั เดมิ และทเ่ี ป็นฉบบั สำ� เนาเน้ือหาเก่ยี วกบั หลกั พทุ ธศาสนาแบบทเิ บตในยุคแรก ๆ ทห่ี าไดย้ าก 17 บญุ สติ า, มองโกเลยี เป็นแหลง่ ขมุ ทรพั ยค์ มั ภรี โ์ บราณทางพทุ ธศาสนาทใ่ี หญ่ทส่ี ุดในโลก, นติ ยสารธรรมลลี า ฉบบั ท่ี ๑๔๗ มนี าคม ๒๕๕๖, [ออนไลน]์ , แหลง่ ขอ้ มลู : https://mgronline.com/dhamma/detail/9560000026704 [๒๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔] 06. - 6 (188-239).indd 220 5/10/2022 12:58:14 PM

221 คมั ภรี ท์ เิ บตดงั้ เดมิ จำ� นวนมากสูญหายหรอื ถกู ทำ� ลายในช่วงทจ่ี นี เขา้ รุกรานทเิ บตในปี ๑๙๕๐ แต่ยงั นบั วา่ โชคดที ่มี องโกเลยี มสี ายสมั พนั ธอ์ นั ดกี บั ทเิ บตมานานหลายศตวรรษ จงึ เช่ือไดว้ ่า ยงั พอมคี มั ภรี ท์ เิ บตดงั้ เดมิ หลงเหลอื อยู่ในมองโกเลยี ความเชอ่ื มโยงระหวา่ งมองโกเลยี กบั พทุ ธศาสนาแบบทเิ บตนน้ั เรม่ิ ข้นึ ในศตวรรษท่ี ๔ และต่อมาในปี ค.ศ. ๑๕๘๗ ผูป้ กครองมองโกลในยุคนน้ั ไดม้ อบพระนาม “ทะไล ลามะ” (ทะไล เป็นภาษามองโกล แปลวา่ มหาสมทุ ร ส่วน ลามะ เป็นภาษาทเิ บต แปลวา่ ผูร้ ู)้ ให้“โซนมั เกยี ตโซ” ผูน้ ำ� จติ วญิ ญาณแห่งทเิ บตองคท์ ส่ี าม จากนน้ั “ทะไล ลามะ” กไ็ ดก้ ลายเป็นช่อื ทใ่ี ชเ้รยี กผูน้ ำ� จติ วญิ ญาณแห่งทเิ บตทไ่ี ดร้ บั การสบื ทอดต่อๆมา ในช่วงหลายศตวรรษทผ่ี ่านมา มกี ารนำ� คมั ภรี ท์ เิ บตศกั ด์สิ ทิ ธ์ิเขา้ มาในมองโกเลยี จำ� นวนหลายแสนเลม่ เพอ่ื แปลเป็นภาษามองโกลหรือถวายใหแ้ ก่วดั ต่าง ๆ และนอกจากคมั ภรี โ์ บราณของทเิ บตและมองโกเลยี แลว้ ยงั มคี มั ภรี โ์ บราณท่ีเขยี นดว้ ยลายมอื เป็นภาษาสนั สกฤตซ่ึงหายาก รวมทงั้ บทกลอน ๘๐๐ บทท่ีเขยี นโดย นาคารชุน (นกั ปราชญช์ าวอินเดยี ในศตวรรษท่ี ๒ เป็นผูก้ ่อตง้ั พทุ ธปรชั ญาสำ� นกั มธั ยมกิ ะ (ทางสายกลาง) ในนกิ ายมหายาน) จารกึ บนเปลอื กไมเ้บริ ช์ เกบ็ รวมอยู่ในหอสมดุ แห่งน้ีดว้ ย “คมั ภรี เ์ หลา่ น้ีไมใ่ ช่เป็นเพยี งสมบตั ขิ องชาติ แต่เป็นสมบตั ขิ องโลก มนั ไมไ่ ดเ้ก่ยี วขอ้ งกบั ประวตั ศิ าสตร์ ทเิ บตหรอื มองโกเลยี เท่านนั้ แต่มนั เป็นส่วนหน่ึงของประวตั ศิ าสตรม์ นุษยชาต”ิ ชลิ าจาฟ ไคดาฟ ผูอ้ ำ� นวยการ หอสมดุ แห่งชาติ กลา่ ว นมั โมเชยี ร์ กอนชอก นกั วชิ าการดา้ นพระพทุ ธศาสนา กลา่ วว่า การทห่ี อสมดุ แห่งชาตไิ ดค้ มั ภรี เ์ หลา่ น้ี มาอยู่ในครอบครอง จนกลายมาเป็นมรดกพทุ ธศาสนาของชาตนิ น้ั เป็นเร่อื งน่ายนิ ดพี อ ๆ กบั เป็นความทรงจำ� อนั เจบ็ ปวดรวดรา้ วในยุคทม่ี องโกเลยี ถกู ปกครองดว้ ยลทั ธคิ อมมวิ นสิ ต์ ในช่วงปี ค.ศ. ๑๙๓๐ ทหารโซเวยี ตไดส้ งั่ กวาดลา้ งพระพุทธศาสนาในมองโกเลยี ฆ่าพระสงฆก์ ว่า ๓๐,๐๐๐ รูป และร้อื ถอนทำ� ลายวดั ประมาณ ๗๐๐ แห่ง เมอ่ื ขา่ วการกวาดลา้ งน้ีแพร่สะพดั ออกไป ชาวมองโกล ทวั่ ประเทศซง่ึ ส่วนใหญ่นบั ถอื ศาสนาพทุ ธ จงึ พากนั นำ� คมั ภรี แ์ ละโบราณวตั ถทุ างพระพทุ ธศาสนาไปแอบซ่อนไว้ และช่วยกนั คน้ หาโบราณวตั ถทุ ย่ี งั หลงเหลอื จากซากวดั ต่าง ๆ ทถ่ี กู ทำ� ลายมาเกบ็ ไว้ คมั ภรี ท์ ถ่ี กู เกบ็ ซ่อนไว้ เร่มิ ทยอยนำ� ออกมาในช่วงยุค ๑๙๖๐ เมอ่ื สถาบนั วทิ ยาศาสตรแ์ ห่งชาตไิ ดก้ ่อตง้ั กองมองโกเลยี และทเิ บตศึกษาข้นึ ในปี ค.ศ. ๑๙๘๕ ทนั ทที ช่ี าวบา้ นเช่อื ว่าจะมกี ารอนุรกั ษค์ มั ภรี พ์ ทุ ธศาสนา จงึ พรอ้ มใจกนั นำ� คมั ภรี โ์ บราณมาบรจิ าค ในปี ค.ศ. ๑๙๙๙ Asian Classic Input Project (ACIP) ทต่ี ง้ั อยู่ในนครนิวยอรก์ สหรฐั อเมรกิ า ซ่งึ เป็นโครงการท่ไี ม่แสวงผลกำ� ไร มจี ุดม่งุ หมายเพอ่ื คน้ หาคมั ภรี โ์ บราณภาษาทเิ บตและสนั สกฤตท่ลี ำ�้ ค่าและ หายาก จดั เกบ็ เป็นบญั ชรี ายช่อื อนุรกั ษล์ งในรูปแบบดจิ ติ อล และเผยแพร่โดยไมค่ ดิ มลู ค่า ไดเ้ขา้ มาช่วยเหลอื โดยเร่มิ จดั ทำ� บญั ชรี ายช่อื คมั ภรี ท์ เ่ี กบ็ อยู่ในหอ้ งสมดุ แต่การดำ� เนนิ งานไดส้ ะดุดหยุดลงในปี ๒๐๐๘ 06. - 6 (188-239).indd 221 5/10/2022 12:58:14 PM

222 กอนชอก บอกวา่ อปุ สรรคในการอนุรกั ษค์ มั ภรี โ์ บราณของ ACIP มาจากการทค่ี นทวั่ ไปรบั รูว้ ่าคมั ภรี ์ เหลา่ น้ตี มี ลู ค่าเป็นเงนิ ได้รวมทงั้ เกดิ ความคลางแคลงใจในหมเู่ จา้ หนา้ ทท่ี อ้ งถน่ิ ถงึ สาเหตทุ ต่ี ่างชาตใิ หค้ วามสนใจ ในคมั ภรี ์ “ผูค้ นคิดว่าคมั ภรี เ์ หล่าน้ีสามารถขายไดเ้ ป็นเงนิ จำ� นวนมาก แต่คุณค่าท่แี ทจ้ ริง อยู่ท่เี น้ือหาในคมั ภรี ์ ต่างหาก ความรูท้ ป่ี ระเมนิ ค่ามไิ ดน้ ้ี เป็นสง่ิ ทเ่ี ราตอ้ งเขา้ ใจและอนุรกั ษไ์ ว”้ อย่างไรก็ตาม หลงั จากโครงการอนุรกั ษค์ มั ภรี โ์ บราณไดห้ ยุดดำ� เนินการไปนานเกอื บ ๕ ปี ACIP ก็ได้ กลบั มาร้อื ฟ้ืนโครงการอกี ครงั้ ในเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ ค.ศ. ๒๐๑๓ ดว้ ยเงนิ สนบั สนุนชวั่ คราวจาก Global Institute For Tomorrow (GIFT) ทต่ี งั้ อยู่ในสงิ คโปร์ และ Think-Tank ซง่ึ คาดวา่ จะใชเ้งนิ ๑.๑ ลา้ นดอลลารส์ หรฐั (ราว ๓๓ ลา้ นบาท) “มนั เป็นงานทเ่ี ดนิ ไปอย่างชา้ ๆ และเป็นแบบแผน” งาวงั เกยี ตโซ ชาวทเิ บตทอ่ี าศยั อยู่ในอนิ เดยี และเป็น ผูด้ ูแลการจดั ทำ� บญั ชรี ายชอ่ื ใหห้ อสมดุ กลา่ ว คมั ภรี แ์ ต่ละหนา้ ตอ้ งศึกษาอย่างระมดั ระวงั ว่า ใชว้ สั ดุชนิดใด มแี หลง่ กำ� เนิดจากไหน รวมถงึ รูปแบบ ตวั หนงั สอื และการพมิ พ์ ตรายางประทบั ของวดั รายละเอยี ดเหลา่ น้ีจะช่วยใหต้ ดั สนิ ไดว้ า่ เอกสารถกู ทำ� ข้นึ ทไ่ี หน เมอ่ื ไร หลงั จากนนั้ ตอ้ งแปลงชอ่ื คมั ภรี เ์ ป็นตวั อกั ษรละตนิ และบนั ทกึ รายละเอยี ดของคมั ภรี ล์ งในฐานขอ้ มลู ผูอ้ ำ� นวยการหอสมดุ แหง่ ชาตยิ อมรบั วา่ มคี มั ภรี จ์ ำ� นวนมากอยู่ในสภาพชำ� รุดทรุดโทรมอย่างหนกั และถกู เกบ็ ในสภาพทไ่ี มเ่ หมาะสม เน่อื งจากสถานทเ่ี กบ็ คบั แคบ จงึ ตอ้ งวางเป็นกอง ๆ ซอ้ นกนั ในหอ้ งเกบ็ ของ แมร้ ฐั บาล จะใหง้ บประมาณในการวจิ ยั และอนุรกั ษค์ มั ภรี ม์ องโกลโบราณ แต่กเ็ พง่ิ ดำ� เนินการไปเพยี งเลก็ นอ้ ย ทงั้ น้ี ACIP ไดป้ รบั ปรุงฮารด์ แวรใ์ หท้ นั สมยั และเผยวา่ ดว้ ยงบประมาณทเ่ี พยี งพอ จะสามารถจดั ทำ� บญั ชี รายช่อื คมั ภรี ท์ ง้ั หมดในหอสมดุ ไดส้ มบูรณภ์ ายใน ๓ ปี ดงั นนั้ แนวโนม้ พระพทุ ธศาสนา น่าจะเป็นแหลง่ ศึกษาเรียนรูแ้ ละแปลคมั ภรี พ์ ระพทุ ธศาสนามหายาน ทใ่ี หญ่ทส่ี ุดในโลก เพราะมองโกเลยี เป็นสถานทเ่ี กบ็ และเป็นคลงั คมั ภรี พ์ ระพทุ ธศาสนาทใ่ี หญ่ทส่ี ุดในโลก ๖.๗ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในทเิ บต ๖.๗.๑ สภาพทวั่ ไปของทเิ บต เขตปกครองตนเองทเิ บต ทเิ บตมเี มอื งหลวงช่อื ลาซา (Lhasa) เป็นเขตปกครองตนเองของชาวทเิ บต มพี ระเป็นผูน้ ำ� ของเขตปกครองพเิ ศษน้ี ชนพวกน้ีนบั ถอื ศาสนาพทุ ธนิกายวชั รยาน คลา้ ยกบั ประเทศภฏู าน ทเิ บต ตง้ั อยู่บนเทอื กเขาหมิ าลยั เป็นทร่ี าบสูงทส่ี ูงทส่ี ุดในโลก จนไดร้ บั ฉายาวา่ หลงั คาโลก ทเิ บตมอี ากาศทห่ี นาวเยน็ มาก และมคี วามกดอากาศและออกซเิ จนทต่ี ำ�่ ฉะนนั้ ผูท้ จ่ี ะมาในทเิ บตจะตอ้ งปรบั สภาพร่างกายก่อน และดว้ ยเหตนุ ้ี ประชากรทอ่ี าศยั อยู่ในทเิ บตจงึ นอ้ ย 06. - 6 (188-239).indd 222 5/10/2022 12:58:14 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 223 พลเมอื งชายของทเิ บตกว่าคร่ึงบวชเป็นพระ ก่อนท่จี นี จะผนวกทเิ บตเป็นเขตปกครองตนเอง ทเิ บตมี สามเณรกิ ามากทส่ี ุดในโลก ในทเิ บต เคยมคี มั ภรี ม์ ากมาย พลเมอื งนบั ถอื ศาสนาอย่างเคร่งครดั จนไดร้ บั ฉายาวา่ “แดนแห่งพระธรรม” (land of dharma) ทศิ เหนือ ตดิ ต่อกบั เขตปกครองตนเอง ชนิ เจยี งอยุ กูรแ์ ละมณฑลชงิ ไห่ (ประเทศจนี )ทศิ ใต้ ตดิ ต่อกบั ประเทศเนปาล ประเทศภฏู าน มณฑลยูนนาน (ประเทศจนี ) รฐั อสั สมั รฐั นาคาแลนด์ (ประเทศอนิ เดยี ) ในปจั จบุ นั บริเวณท่มี เี ขตติดต่อกบั ประเทศอินเดียน้ี ยงั เป็นบริเวณพ้นื ท่พี พิ าทระหว่างจีนกบั อินเดีย ซ่งึ อินเดียไดอ้ า้ ง กรรมสทิ ธ์เิ ขา้ มาปกครอง และเรยี กดนิ แดนบรเิ วณน้ีวา่ อรุณาจลั ประเทศของอนิ เดยี ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ต่อกบั มณฑลเสฉวนของจนี ส่วนทศิ ตะวนั ตก ตดิ ต่อกบั รฐั ชมั มแู ละแคชเมยี รข์ องอนิ เดยี และประเทศปากสี ถาน ก่อนครสิ ตศ์ กั ราช ชนชาตทิ เิ บตอาศยั อยู่ทร่ี าบสูงชงิ ไห่-ทเิ บต มกี ารไปมาหาสู่กนั กบั ชนชาตฮิ นั่ ทอ่ี าศยั อยู่ ในแผน่ ดนิ ใหญ่จนี ผา่ นระยะเวลาอนั ยาวนาน เผา่ ชนต่าง ๆ ของทร่ี าบสูงชงิ ไห-่ ทเิ บตกค็ ่อย ๆ รวมกนั เป็นเอกภาพ และกลายเป็นชนชาตทิ เิ บตในปจั จบุ นั ตน้ คริสตศ์ ตวรรษท่ี ๗ สภาพแบ่งแยกปนั่ ป่วนในภูมภิ าคกลางของจนี ทด่ี ำ� เนินมาเป็นเวลานาน ๓๐๐ กวา่ ปีไดส้ ้นิ สุดลง ขณะเดยี วกนั วรี บรุ ุษ ซงจนั้ กนั ปู้ของชนชาตทิ เิ บตไดส้ ถาปนาราชวงคถ์ ปู่ วั อย่างเป็นทางการข้นึ และตงั้ เมอื งหลวงทน่ี ครลาซา ในช่วงปกครองประเทศ กษตั รยิ ซ์ งจน้ั กนั ปู้ไดศ้ ึกษาเทคโนโลยที างการผลติ และ ผลงานทางการเมอื งและวฒั นธรรมท่ที นั สมยั ของราชวงคถ์ งั และมคี วามสมั พนั ธฉ์ นั มติ รในดา้ นต่าง ๆ กบั ราชวงคถ์ งั ไมว่ า่ จะเป็นดา้ นการเมอื ง เศรษฐกจิ และวฒั นธรรม ในช่วงกลางครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๓ หลงั จากทเิ บตไดร้ วมเขา้ เป็นดนิ แดนส่วนหน่ึงของจนี เป็นตน้ มา แมว้ า่ จนี จะมหี ลายราชวงคท์ ผ่ี ลดั เปลย่ี นกนั ข้นึ ปกครองประเทศ และเปลย่ี นอำ� นาจรฐั หลายครง้ั แต่ทเิ บตกอ็ ยู่ภายใต้ การควบคุมของรฐั บาลกลางมาโดยตลอดไมว่ า่ ราชวงคใ์ ด หลงั จากราชวงศช์ งิ ไดส้ ถาปนาข้นึ ในปี พ.ศ. ๒๑๘๗ (ค.ศ. ๑๖๔๔) ไดใ้ หค้ วามสำ� คญั เป็นอย่างยง่ิ ในการ ปกครองควบคมุ ทเิ บตอย่างใกลช้ ดิ ทำ� ใหอ้ ำ� นาจการบรหิ ารปกครองของรฐั บาลกลางเป็นไปอย่างมรี ะบบระเบยี บ ยง่ิ ข้นึ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๒๗๐ (ค.ศ. ๑๗๒๗) ราชวงคช์ งิ ไดส้ ่งเสนาบดไี ปประจำ� ทเิ บต เพอ่ื เป็นตวั แทนของส่วนกลาง กำ� กบั ดูแลกจิ กรรมบรหิ ารส่วนทอ้ งถน่ิ ของทเิ บต ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๕๕ ราชอาณาจกั รทเิ บตประกาศแยกตวั เป็นเอกราชจากจนี แต่จนี ยงั มอี ทิ ธพิ ลต่อการเมอื ง ภายในทเิ บตและยงั มอี ำ� นาจปกครองทเิ บตในคามและอมั โด จนถงึ พ.ศ. ๒๕๐๑ จนี บุกเขา้ ทเิ บตและก่อตง้ั เขตปกครองพเิ ศษข้นึ ส่วนผูน้ ำ� ทางจติ วญิ ญาณและผูน้ ำ� สูงสุดของชาวทเิ บตคอื องคท์ ะไลลามะ องคป์ จั จบุ นั ๖.๗.๒ การแผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในธเิ บต ชาวทเิ บตก่อนจะมานบั ถอื พระพทุ ธศาสนาไดน้ บั ถอื คตผิ สี างเทวดาทเ่ี รยี กวา่ “ลทั ธปิ อนโป”18 ต่อมากษตั รยิ ์ แหง่ ทเิ บตชอ่ื สรองคมั โป ไดอ้ ภเิ ษภสมรสกบั เจา้ หญงิ เนปาลและเจา้ หญงิ จนี พระพทุ ธศาสนาจงึ ไดเ้รม่ิ เขา้ สูป่ ระเทศ 18 ทเิ บต บางทเ่ี ขยี นวา่ ธเิ บต ภาษาองั กฤษเขยี นวา่ Tibet 06. - 6 (188-239).indd 223 5/10/2022 12:58:15 PM

224 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ทิเบตเป็นยุคแรก พระมหากษตั ริยอ์ งคท์ ่ี ๕ นบั จากพระเจา้ สรองสนั คมั โป ไดอ้ าราธนาพระศานตรกั ษิต แห่งมหาวทิ ยาลยั นาลนั ทา มาเผยแผ่หลกั ธรรม แต่เวลานน้ั เกดิ มภี ยั ธรรมชาตแิ ละโรคระบาด ประชาชนทงั้ หลาย จงึ เหน็ วา่ เป็นอาเพศเพราะลทั ธผิ ดิ แปลกเขา้ มาสงั่ สอน พระศานตรกั ษติ ตอ้ งกลบั ไปอนิ เดยี และไดแ้ กไ้ ขเหตกุ ารณ์ ดว้ ยการแนะนำ� ใหอ้ าราธนาพระปทั มสมั ภวะผูส้ งั่ สอนพระพทุ ธศาสนาแบบตนั ตระ และถกู อธั ยาศยั ของประชาชน จนเหตุการณ์สงบเรียบรอ้ ยแลว้ พระศานตรกั ษิต จึงกลบั มาทเิ บตและไดป้ ฏบิ ตั ิศาสนกิจเผยแผ่พทุ ธธรรม แปลคมั ภรี จ์ นถงึ มรณภาพในทเิ บต กษตั ริยท์ เิ บตพระองคต์ ่อ ๆ มาแทบทุกพระองคท์ รงมพี ระราชศรทั ธา ในพระพทุ ธศาสนา บางองคท์ รงเป็นปราชญร์ อบรูธ้ รรมลกึ ซ้งึ วรรณคดพี ทุ ธศาสนา ไดเ้จรญิ มากข้นึ มกี ารจดั ทำ� พจนานุกรมภาษาสนั สกฤตทเิ บตฉบบั แรก เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. ๑๓๕๗ มกี ารเขยี นประวตั ศิ าสตรท์ เิ บตฉบบั แรก ในรชั กาลพระเจา้ ราลปาเชน เป็นตน้ เฉพาะกษตั ริยอ์ งคห์ ลงั น้ีทรงมพี ระราชศรทั ธาแรงกลา้ ถงึ กบั ทรงสยาย พระเกศารองเป็นอาสนะใหพ้ ระสงฆน์ งั่ ลอ้ มแสดงธรรมถวายแด่พระองค์ แต่ต่อมามเี หตุรา้ ยพระองคถ์ ูกลอบ ปลงพระชนม์ และกษตั ริยผ์ ูเ้ป็นปฏปิ กั ษต์ ่อพระพทุ ธศาสนาข้นึ ครองราชยไ์ ดท้ ำ� ลายวดั กำ� จดั เนรเทศพระสงฆ์ เป็นตน้ เป็นเหตใุ หเ้กดิ ความเครยี ดแคน้ อย่างมากจนถกู ลอบปลงพระชนม์ เมอ่ื พ.ศ. ๑๓๘๔ ครน้ั แลว้ พระสงฆ์ ทห่ี ลบล้หี นภี ยั กก็ ลบั คนื สู่ทเิ บต คราวน้ีอำ� นาจของพระสงฆก์ ลบั เขม้ แขง็ มนั่ คงมากกวา่ ครง้ั ใด ๆ ในกาลก่อน กาลลว่ งมาถงึ พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๖ พระอตศี ะ หรอื ทปี งั กรศรชี ญาณ แห่งมหาวทิ ยาลยั วกิ รมศีลาในแควน้ พหิ าร ไดร้ บั อาราธนาเขา้ มาเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในทเิ บต เหตกุ ารณ์ครงั้ น้ีนบั ว่าเป็นการนำ� พระพทุ ธศาสนา จากอนิ เดยี เขา้ สู่ทเิ บตคราวใหญ่ อนั ทำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาประดษิ ฐานมนั่ คงเป็นศาสนาประจำ� ชาติของทเิ บต และมนี กิ ายต่าง ๆ แยกกระจายออกไป นกิ ายเก่าทน่ี บั ถอื พระปทั มสมั ภวะนน้ั ต่อมาไดม้ ชี ่อื กำ� หนดแยกจำ� เพาะ ออกไปว่า “นิกายหมวกแดง” ส่วนคำ� สอนของพระอตศี ะเป็นแบบโยคาจารทผ่ี สมผสานคำ� สอนทง้ั ฝ่ายหนี ยาน และมหายานเขา้ ดว้ ยกนั บงั คบั พระสงฆใ์ หถ้ อื พรหมจรรย์ และไมส่ นบั สนุนไสยศาสตรต์ ่าง ๆ ต่อมาไดม้ นี กั ปฏริ ูป ผูย้ ่ิงใหญ่ของทเิ บต ช่ือตสองขะปะ (เกิด พ.ศ. ๑๙๐๑) อาศยั หลกั คำ� สอนน้ี ตง้ั นิกายเกลุกปะหรือนิกาย หมวกเหลอื งข้นึ และไดส้ ะสางพระพทุ ธศาสนาใหห้ มดจดจากลทั ธิพธิ ีต่าง ๆ ส่วนในดา้ นวรรณคดกี ็ไดม้ กี าร รวบรวมผลงานในดา้ นการแปลคมั ภรี เ์ ป็นภาษาทเิ บตข้นึ เมอ่ื พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๙ โดยจดั แบ่งคมั ภรี เ์ หลา่ นน้ั ออกเป็น ๒ หมวด คอื หมวดพทุ ธพจน์ มผี ลงานแปล ๑๐๐ เลม่ กบั หมวดอรรถวรรณนามผี ลงานแปล ๒๒๕ เลม่ คมั ภรี เ์ หลา่ น้ีตกทอดมาจนถงึ ทกุ วนั น้ี เรยี กกนั วา่ “พระไตรปิฎก” หรอื คมั ภรี พ์ ระพทุ ธศาสนาฉบบั ทเิ บต วภิ าษวธิ ี เป็นการโตว้ าทที างธรรมโดยใชห้ ลกั ตรรกะ เพอ่ื ใหม้ คี วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั หลกั ธรรมในพทุ ธศาสนา ดขี ้นึ ขจดั ความเหน็ ผดิ วธิ กี ารของตรรกวภิ าษจะประกอบดว้ ยผูถ้ ามและผูต้ อบ ก่อนเรม่ิ ตน้ ทงั้ ๒ ฝ่ายจะสวดมนต์ บูชาพระมญั ชศุ รโี พธสิ ตั ว์ ทถ่ี อื วา่ เป็นพระโพธสิ ตั วแ์ ห่งปญั ญาจากนน้ั จงึ เร่มิ ถามตอบ พระพทุ ธศาสนาลทั ธติ นั ตระ เป็นการฝึกจติ เพอ่ื ใหจ้ ติ อยู่ในสภาวะประภสั สร เพอ่ื เขา้ ถงึ สุญตาการปฏบิ ตั ิ ตามแบบตนั ตระ แบง่ เป็น ๔ ขน้ั คอื (๑) กรยิ าตนั ตระ ใหค้ วามสำ� คญั กบั ท่ามทุ ราต่าง ๆ และการท่องมนต์ (๒) จรรยาตนั ตระ ใหค้ วามสำ� คญั กบั ทา่ ทางไปพรอ้ ม ๆ กบั การฝึกจติ เนน้ การทำ� สมาธิ เขา้ เงยี บ (๓) โยคะตนั ตระ 06. - 6 (188-239).indd 224 5/10/2022 12:58:15 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 225 เนน้ การฝึกภายในมากกวา่ ท่าทางภายนอก (๔) อนุตรโยคะตนั ตระ เนน้ การฝึกจติ ภายในอย่างเดยี ว เพอ่ื เขา้ ถงึ รากฐานของจติ ประภสั สร โดยขบั พลงั หยาบของจติ ออกไป ซง่ึ จะทำ� ใหเ้ขา้ ถงึ สุญญตาในทส่ี ุด ประวตั ยิ คุ เร่มิ ตน้ ใน พ.ศ. ๙๗๖ พระเจา้ ลาโธ โธรี เยน็ เซ เป็นกษตั รยิ ท์ เิ บตองคแ์ รก ทน่ี บั ถอื พระพทุ ธ- ศาสนา ไดร้ บั เคร่อื งบรรณาการจากตวั แทนชาวอนิ เดยี โดยนำ� คมั ภรี พ์ ระพทุ ธศาสนา และพระพทุ ธรูปเขา้ มาใน ทเิ บต ถอื วา่ เป็นครง้ั แรกทค่ี นทเิ บตไดร้ ูจ้ กั กบั พระพทุ ธศาสนา แต่ก็ยงั ไมเ่ ป็นทแ่ี พร่หลายเท่าใดนกั เพราะชาว ทเิ บต ยงั นบั ถอื ความเช่อื ทอ้ งถน่ิ แบบดง้ั เดมิ คือ ลทั ธิบอน (Bon) ท่สี ำ� เนียงทเิ บตออกเสยี งว่า “เพนิ ” (หรือ ยุงตรุงเพนิ (Yung drung Bon) หรอื เรยี กอกี อย่างหน่ึงวา่ “ลทั ธปิ อนโป” (Porn-po)19 ซง่ึ มคี วามเชอื่ เรือ่ งภตู ผี ปีศาจอย่มู าก หรือเชอื่ ผสี างเทวดา20 ชาวทเิ บต เป็นชนชาตทิ ช่ี อบสงคราม ไมม่ อี ารยธรรมชนั้ สูงเหมอื นชนชาวเขา ทวั่ ไป แต่ดว้ ยอทิ ธพิ ลของพทุ ธศาสนา จงึ ทำ� ใหท้ เิ บต กลายเป็นผูใ้ ฝ่สนั ตสิ ุข และเป็นชาวเขาทม่ี อี ารยธรรมสูงส่ง จนถงึ มอี กั ขระพเิ ศษเพอ่ื พระศาสนา โดยนำ� แบบอย่างมาจากอกั ษรอนิ เดยี จากนนั้ มาพระพทุ ธศาสนาจากอนิ เดยี กเ็ ขา้ ถงึ ทเิ บตครงั้ แรกเมอ่ื ราวพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๒ และประดษิ ฐานมนั่ คงในพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๖ ยคุ ประวตั ศิ าสตร์ใน พ.ศ. ๑๑๗๓ ถอื วา่ เป็นยุคประวตั ศิ าสตรท์ แ่ี ทจ้ รงิ ของทเิ บต “พระเจา้ ซรอนซนั กมั โป” หรือ “สรองคมั โป” พระองคอ์ ภเิ ษกสมรสกบั เจา้ หญิง ๒ พระองค์ คือ เจา้ หญิงเนปาล กบั เจา้ เจา้ หญิงจีน ทรงสนบั สนุนใหม้ กี ารศึกษาพทุ ธศาสนา จากคมั ภรี ท์ น่ี ำ� เขา้ มาตงั้ แต่ยุคตน้ (พ.ศ. ๙๗๖) พรอ้ มดำ� เนินการปฏริ ูป ศรทั ธาทเิ บต ต่อมาประกาศใหพ้ ระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจำ� ชาติ โดยการสนบั สนุนของพระมเหสี ๒ พระองค์ คือ พระนางเหวนิ เฉิง พระธิดาของจกั รพรรดถิ งั ไท่จง แห่งจนี และ พระนางภริคตุ ิเทวี พระธิดาของพระเจา้ อมั สุวารมา แห่งเนปาล มเหสที งั้ ๒ พระองค์ ทรงนบั ถอื พระพทุ ธศาสนามหายาน อย่างเคร่งครดั จงึ ไดน้ ำ� พระพทุ ธรูปมาดว้ ย21 ทง้ั ๒ พระองค์ คอื เจา้ หญงิ เหวนิ เฉิง นำ� พระพทุ ธรูปช่อื โจโว มาประดษิ ฐานทว่ี ดั ซลิ ลากงั ในกรงุ ลาซา และ เจา้ หญงิ ภรคิ ตุ เิ ทวี ไดน้ ำ� พระพทุ ธรูปศากยมนุ ี ทส่ี ำ� คญั มาประดษิ ฐานทว่ี ดั ราโมเช ซง่ึ เป็นวดั หลวง และ มคี วามสำ� คญั รองเป็นอนั ดบั สองในกรุงลาซา ช่วงน้ีไดม้ ชี าวทเิ บตเช้อื พระวงศ์ และขา้ ราชการชนั้ ผูใ้ หญ่ไป ศึกษาในจนี และ พระภกิ ษุชาวจนี กม็ าศึกษาในทเิ บตเพอ่ื แปลพระคมั ภรี แ์ ละพระสูตรจำ� นวนมาก 19 ลทั ธปิ อนโป คำ� วา่ “โป” (Po) หรอื “โบ” (Bo) เป็นสอ่ื แห่งศิวลงึ ค์ สำ� หรบั บรุ ุษเพศ 20 ความเช่อื เดมิ ของชาวธเิ บตนนั่ คอื ลทั ธบิ อน (Bon Doctrine) ลทั ธบิ อน นบั ถอื ธรรมชาตริ อบขา้ งวา่ มเี ทพเจา้ อารกั ขา อยู่ทงั้ ส้นิ การกระทำ� ใดทม่ี นุษยก์ ระทำ� อาจทำ� ใหพ้ ระเจา้ พโิ รธ จนก่อใหเ้กดิ การเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาติ ดงั นนั้ ในยุคโบราณ ของธเิ บต มกี ารสรา้ งรูปเคารพเป็นเทพเจา้ ต่าง ๆ มากหลาย ภายหลงั เมอ่ื พระพทุ ธศาสนาเขา้ ไปยงั ธเิ บต กไ็ ดเ้ปลย่ี นความเช่อื ของ ชาวธเิ บตไปหนั ไปนบั ถอื พระพทุ ธศาสนาแบบตนั ตระแทน แต่ดว้ ยความทศ่ี าสนาเดมิ หยงั่ รากลกึ ชาวธเิ บต จงึ มกี ารนำ� ความเช่อื เดมิ ผสมผสานกบั แนวคดิ ทางพทุ ธโดยใหเ้ทพยดาทง้ั หลาย ทเ่ี คยนบั ถอื ยงั ดำ� รงคงอยู่ แต่ยกใหพ้ ระพทุ ธองคเ์ ป็นผูย้ ง่ิ ใหญ่เหนอื เทพเจา้ ใด ๆ เรยี กวา่ “อตเิ ทพ” ทรงเป็นผูอ้ ยู่เหนอื โลกยี ว์ สิ ยั เป็นผูห้ ลดุ พน้ แลว้ โดยแท้ 21 คณาจารย์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ประวตั ศิ าสตรพ์ ระพทุ ธศาสนา, (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๕๘), หนา้ ๑๙๖. 06. - 6 (188-239).indd 225 5/10/2022 12:58:15 PM

226 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา ในยุคน้ี พระเจา้ ซรอนซนั กมั โป ไดท้ รงส่งทูตช่ือ ทอนมี สมั โภตะ ไปศึกษาท่มี หาวทิ ยาลยั นาลนั ทา แลว้ กลบั ทเิ บต ท่านไดเ้ร่มิ งานประดษิ ฐอ์ กั ษร และเขยี นไวยากรณส์ อนชาวทเิ บต โดยใชอ้ กั ษรพราหมี ทน่ี ิยมใช้ กนั ในกศั มรี ์ (แคชเมยี ร)์ และดำ� เนนิ งานเผยแผ่พทุ ธศาสนาทำ� ใหป้ ระชาชนเลอ่ื มใส นบั วา่ พทุ ธศาสนา มบี ทบาท สำ� คญั ในการทำ� ใหช้ าวทเิ บต มวี ฒั นธรรมดา้ นภาษา แต่ก็ยงั ไมเ่ ป็นทแ่ี พร่หลาย เพราะไดร้ บั ความตา้ นทานจาก ความเช่อื เดมิ การท่ภี าษาทเิ บตทม่ี รี ากฐานมาจากอนิ เดยี ทำ� ใหร้ กั ษาความหมายในการแปลคมั ภรี พ์ ทุ ธศาสนา สนั สกฤตเป็นทเิ บตไดด้ ี หากตน้ ฉบบั สนั สกฤตสูญหาย กใ็ ชต้ น้ ฉบบั ของทเิ บตเทยี บเคยี งของเดมิ ไดด้ ที ส่ี ุด ครุ ุรนิ โปเช เผยแผ่หลกั ธรรม พระปทั มสมั ภวะ หรอื คุรุรนิ โปเช ผูเ้ผยแผ่พระพทุ ธศาสนา จนเป็นทก่ี วา้ งขวางในหมชู่ นชาวทเิ บต ในช่วง พ.ศ. ๑๒๙๘-๑๓๔๐ กษตั รยิ อ์ งคท์ ่ี ๕ นบั จากพระเจา้ ซรอนซนั กมั โป ไดไ้ ปอาราธนา พระศานต- รกั ษติ ท่เี คยศึกษาอยู่ท่มี หาวทิ ยาลยั นาลนั ทา มาเผยแผ่หลกั คำ� สอนอนั บริสุทธ์ิ แต่ก็ไม่ประสบความสำ� เร็จ เน่ืองจากท่านสอนแต่หลกั ธรรม แต่ไมส่ อนเวทมนตรค์ าถา ซง่ึ แต่เดมิ ชาวทเิ บต มคี วามเชอ่ื เร่อื งอำ� นาจภตู ผขี อง ลทั ธบิ อน และขณะนน้ั เกดิ โรคระบาด และภยั ธรรมชาติ ทำ� ใหป้ ระชาชนเชอ่ื วา่ ทา่ นพระศานตรกั ษติ รูปน้ี เป็นผูน้ ำ� เหตกุ ารณร์ า้ ยอปุ ทั ทวะต่าง ๆ เหลา่ น้ีเขา้ มาดว้ ย พระศานตรกั ษติ ไดก้ ลบั ไปอนิ เดยี แลว้ อาราธนาพระปทั มสมั ภวะ (Guru Padmasambhava) หรอื ทช่ี าวธเิ บตเรยี กในเวลาต่อวา่ ครุ ู ริมโปเซ (Guru Rinpoche) ผูเ้ป็นพระราชโอรสของพระเจา้ อนิ ทรภมู ิ แหง่ แควน้ อทุ ยาน ซง่ึ ปจั จบุ นั อยู่ในประเทศอฟั กานสิ ถาน ใหไ้ ปเผยแผ่พทุ ธศาสนาลทั ธิตนั ตระ ซง่ึ ถกู กบั จรติ และอธั ยาศยั ของประชาชนเป็นอย่างมาก ท่านมคี วามชำ� นาญในเร่อื งไสยศาสตร์ (Mantra of Guru Padmasambhava) สามารถปราบปีศาจ และทำ� ใหภ้ ูตผปี ีศาจทง้ั หลายกลบั มาสนบั สนุนปกป้องพระพทุ ธศาสนาดว้ ย เหตุการณ์ เร่อื งรา้ ยต่าง ๆ จงึ กลบั สงบเรยี บรอ้ ยอกี ครง้ั ประชาชนฝ่ายขา้ ราชการ และฝ่ายราชสำ� นกั ต่างกย็ อมรบั นบั ถอื ท่าน วา่ เป็น ครุ ุรินโปเช คอื พระอาจารยใ์ หญ่ของพวกเขา ทา่ นปทั มสมั ภวะ ไดส้ รา้ งวดั ในพทุ ธศาสนาแหง่ แรกของทเิ บต ในนาม วดั สมั เย (Samye Monastery)22 ตามความเชอ่ื ของอนิ เดยี ทม่ี เี ขาพระสุเมรุอยู่ตรงกลาง มอี ารามอยู่ ๔ ทศิ และมอี ารามดา้ นนอกอกี แปดทศิ เป็นสญั ลกั ษณข์ องทปี ในจกั รวาล มอี กี วดั ทางตะวนั ออก และตะวนั ตก 22 วดั สมั เย (Samye Monastery) ห่างจากนครลาซาไปทางตะวนั ตกเฉียงใตร้ าว ๓๘ กโิ ลเมตร บนฝงั่ แมน่ ำ�้ ยารล์ งุ หรอื ทร่ี ูจ้ กั ในนาม แม่นำ�้ พรหมบตุ ร เป็นทต่ี งั้ ของอารามซมั เย่ (Samye Monastery) วดั แห่งแรกของศาสนาพทุ ธนิกายวชั รยาน ในทเิ บต, ในรชั สมยั ของพระเจา้ ตรซี ง เตเซน กษตั รยิ อ์ งคท์ ่ี ๕ (ค.ศ. ๗๔๒-๗๙๘) มกี ารสงั คายนาพทุ ธศาสนาทน่ี ครลาซา พระเจา้ ตรซี ง เตเซน ทรงนิมนตพ์ ระศานตริ กั ษติ และคุรุปทั มสมภพ จากอนิ เดยี เขา้ มาเพอ่ื เผยแผ่พระธรรม และไดท้ รงจดั นกั ปราชญช์ าวทเิ บตเขา้ ร่วมในการแปลพระธรรมเป็นภาษาทเิ บตดว้ ย, ครุ ุปทั มสมภพเป็นทเ่ี ลอ่ื มใสศรทั ธาของชาวทเิ บตอย่างมาก เป็น ‘กูรูรมิ โปเช’ (ครูผูป้ ระเสรฐิ ) ท่านเป็นผูเ้ลอื กสถานทส่ี รา้ งอารามซมั เย่ มกี ารอปุ สมบทพระภกิ ษุชาวทเิ บตข้นึ เป็นครง้ั แรก อารามซมั เย่ สรา้ งตามความเช่อื ทางอนิ เดยี คือ มวี หิ ารหลกั เปรียบดงั เขาพระสุเมรุ ศูนยก์ ลางของจกั รวาล มอี าราม ๔ ทศิ เปรียบเสมอื นทวปี ทงั้ ส่ี และมอี ารามดา้ นนอกอกี แปดทศิ เป็นสญั ลกั ษณ์ของประทปี ในจกั รวาล มสี ถูปทางทศิ เหนือและใต้ แทนพระอาทติ ยแ์ ละพระจนั ทร์ ฯลฯ 06. - 6 (188-239).indd 226 5/10/2022 12:58:15 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 227 เฉียงเหนือเป็นสญั ลกั ษณพ์ ระจนั ทร์ และพระอาทติ ย์ ในวดั น้ีมหี อ้ งสมดุ หอ้ งนงั่ สมาธิ โดยอาจารยส์ อนสมาธิ จากจนี และในเวลาทเ่ี ร่อื งเลวรา้ ยต่างๆ สงบลง ท่านพระศานตรกั ษติ จงึ ไดก้ ลบั มาธเิ บตอกี ครงั้ และไดป้ ฏบิ ตั ิ ศาสนกจิ เผยแผ่พระพทุ ธศาสนา แปลคมั ภรี ต์ ่าง ๆ จนมรณภาพในธเิ บต ฯ พระพทุ ธศาสนาลทั ธิตนั ตระ เจริญรุ่งเรืองเร่ือยมาจนถงึ พทุ ธศตวรรษท่ี ๑๖ ต่อมาพระศานตรกั ษิต ไดก้ ลบั ทเิ บตเพอ่ื ปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ อกี ครงั้ จนมรณภาพทน่ี นั่ ท่านไดแ้ ปลพระคมั ภรี ์ และเป็นอปุ ชั ฌายบ์ วชใหแ้ ก่ ชายหนุ่มทเิ บต ๕ คน เพอ่ื วางรากฐานการบวชสายทเิ บต ตามพระราชดำ� รขิ อพระเจา้ ตรสิ องเดซนั อปุ สมบทกรรม ทน่ี นั่ มพี ระนกิ ายสรวาทสตวิ าท ร่วมดว้ ย ๑๒ รูป พระภกิ ษุ ๕ รูป ทไ่ี ดร้ บั การอปุ สมบทนนั้ ไดเ้ผยแผ่หลกั ธรรม ประสบความสำ� เรจ็ อย่างยง่ิ เน่ืองจากวา่ อปุ ชั ฌาย์ คอื ท่านศานตรกั ษติ เป็นอนุรกั ษนิยม และ มพี ระนกิ ายสรวาท ทม่ี หี ลกั ธรรมเหมอื นกบั เถรวาทมากทส่ี ุดในบรรดาทใ่ี ชค้ มั ภรี ภ์ าษาสนั สกฤต จงึ ทำ� ใหม้ ปี ญั ญาชน ทส่ี นใจหลกั คำ� สอนอนั บรสิ ุทธ์ไิ มเ่ จอื ไสยศาสตรเ์ ขา้ มาบวชถงึ ๓๐๐ คน พระพทุ ธศาสนาในยุคน้ี ไดร้ บั การอปุ ถมั ภจ์ ากกษตั ริยท์ เิ บตเป็นอย่างดี บางองคเ์ ป็นนกั ปราชญร์ อบรู้ พทุ ธธรรมลกึ ซ้งึ บางพระองคท์ รงเป็นปราชญม์ คี วามรอบรูธ้ รรมอย่างลกึ ซ้งึ จนเกิดมวี รรณคดีพทุ ธศาสนา มากมายข้นึ คอื พระเจา้ เสนาเล ซง่ึ ทรงสละราชสมบตั อิ อกผนวชเป็นภกิ ษุ ใน พ.ศ. ๑๓๕๗ ไดม้ กี ารทำ� พจนานุกรม ภาษาสนั สกฤต-ทเิ บต และในรชั สมยั ของพระเจา้ ราลปาเชน (พ.ศ. ๑๓๕๙) มกี ารเขยี นประวตั ิศาสตรท์ เิ บต เป็นฉบบั แรก กษตั รยิ พ์ ระองคน์ ้ี มพี ระราชศรทั ธาอย่างแรงกลา้ ถงึ กบั สยายพระเกศารองเป็นอาสนะใหพ้ ระสงฆ์ นงั่ ลอ้ มแสดงธรรมถวายพระองค์ พระสงฆไ์ ดร้ บั สทิ ธิพเิ ศษเป็นราชครู มพี ระรูปหน่ึงจะตอ้ งมผี ูถ้ วายอาหาร เจด็ ครอบครวั มกี ารลงโทษผูท้ ไ่ี มเ่ คารพพระสงฆ์ ต่อมากม็ เี หตรุ า้ ย คอื สุดทา้ ยมกี ารลอบปลงพระชนม์ เน่ืองจาก พระองคท์ รงแต่งตง้ั ชาวพทุ ธใหด้ ำ� รงตำ� แหน่งทางการบรหิ าร หรอื สนบั สนุนพทุ ธศาสนาเกนิ ไป จากนนั้ พระเจา้ ลางทรมา ทท่ี รงถอื ลทั ธบิ อน (Bon) อนั เป็นลทั ธดิ งั้ เดมิ ของทอ้ งถน่ิ ชาวธเิ บต กข็ ้นึ ครองราชย์ พระองคท์ รงตง้ั ตน เป็นปรปกั ษต์ ่อพทุ ธศาสนาอยู่หลายปี ไดท้ ำ� ลายวดั วาอารามทส่ี ำ� คญั ๒ แห่ง ในนครลาซา กำ� จดั พระสงฆโ์ ดยให้ ลาสกิ ขา และขบั ไลเ่ นรเทศภกิ ษุอกี จำ� นวนมากทไ่ี มเ่ หน็ ดว้ ยและต่อตา้ น ต่อมามพี ระสงฆแ์ ต่งตวั ดว้ ยชดุ ดำ� ทามา้ สดี ำ� สวมหมวกสดี ำ� เขา้ มาปะปนกบั ประชาชน ลอบปลงพระชนมพ์ ระเจา้ ลางทรมา จนสำ� เรจ็ ในปี พ.ศ. ๑๓๘๔ เป็นทม่ี าของฉากร่ายรำ� ของพระทเิ บต เรยี กวา่ “การร่ายรำ� ชดุ หมวกดำ� ” ถอื วา่ ส้นิ สุดการทำ� ลายลา้ งพระพทุ ธศาสนา ครนั้ แลว้ พระสงฆท์ ห่ี ลบหนีล้รี าชภยั ก็พากนั กลบั คนื สู่ประเทศธเิ บต คราวน้ีอำ� นาจพระสงฆก์ ลบั เขม้ แขง็ มนั่ คง มากกวา่ ครง้ั ใด ๆ ในกาลทผ่ี ่านมา23 ในพุทธศตวรรษท่ี ๑๖ พ.ศ. ๑๖๐๐ ถอื ว่าเป็นยุคท่พี ระพุทธศาสนาจากอินเดียเขา้ สู่ทเิ บตโดยตรง ประดษิ ฐานมนั่ คง เป็นศาสนาประจำ� ชาตคิ รง้ั ใหญ่สุดทา้ ย และ มนี ิกายแตกแยกออกไปมาก โดยมพี ระทปี งั กร- ศรชี ญาณ หรอื พระอตศิ ะ จากมหาวทิ ยาลยั วกิ รมศาลาในแควน้ พหิ าร (University of Vikamasila in Bihar 23 คณาจารย์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา, หนา้ ๑๙๗. 06. - 6 (188-239).indd 227 5/10/2022 12:58:15 PM

228 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา State of India) ไดเ้ ขา้ มาเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในทเิ บตครงั้ ย่งิ ใหญ่ ทำ� ใหช้ าวทเิ บต จงึ นบั ถอื พระอตีศะ รองจากพระปทั มสมั ภวะ โดยมชี อ่ื เรยี กวา่ “โจโวเจ” ซง่ึ มคี วามหมายวา่ ท่านอาจารยท์ เ่ี คารพ คำ� สอนของท่าน เป็นแบบโยคาจารทผ่ี สมผสานกนั ระหวา่ งมหายาน และหนิ ยาน บงั คบั ใหพ้ ระสงฆถ์ อื พรหมจรรย์ และไมส่ นบั สนุน ไสยศาสตร์ ๆ จนทำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาประดษิ ฐานมนั่ คงเป็นศาสนาประจำ� ชาตใิ นธเิ บต และมนี กิ ายต่าง ๆ กระจาย ออกไป สำ� หรบั นิกายเก่าท่นี บั ถอื ท่านคุรุปทั ทมสมภพ นน้ั ต่อมามกี ารกำ� หนดแยกจำ� เพาะออกไปว่า “นิกาย เนียงนา คอื นกิ ายหมวกแดง” กำ� เนิดนิกายเกลกุ มนี กั ปฏวิ ตั ผิ ูย้ ง่ิ ใหญ่ ของธเิ บต ช่อื “ตสองขปะ (Tsong-kha-pa)” เกดิ ในปี พ.ศ. ๑๙๐๑ ทเ่ี มอื งสองขะ แควน้ อมั โด รบั ศีลอบุ าสกจากอาจารยร์ อลเปดอร์ เจ กรรมะปะองคท์ ่ี ๔ กงุ กะนงิ โป ตง้ั แต่ อายุ ๓ ขวบ บวชเป็นสามเณรเม่อื อายุ ๗ ขวบ ไดฉ้ ายาว่า ลอบซงั ดรกั ปะ เขา้ รบั พธิ ีอภเิ ษกของเหรุกะ ยมานตกะและเหวชั ระ คุรุตสองขะปะ (Guru Tsong-kha-pa) ออกเดินทางเพ่อื แสวงหาความรูจ้ ากอาจารยน์ ิกายต่าง ๆ ทงั้ เรียนเร่ืองจติ ตรสั รู้ และมหามทุ ราจากอาจารยเ์ ซนงะ โชกบี เจลโป เรียนการแพทยจ์ ากอาจารยค์ อนซอ็ ก และไปศึกษาพระวนิ ยั ปรากฏการณว์ ทิ ยา การรบั รูท้ ถ่ี กู ตอ้ ง มาธยมกิ คุยหสมาช ทว่ี ดั สกั ยะ ไดร้ บั ถ่ายทอด คำ� สอนของนโรปะ กาลจกั ร มหามทุ รา มรรควถิ ี และผล จกั รสมั ภวะ ครุ ุตสองขะปะ24 ไดน้ ำ� ความรูน้ ้มี าถา่ ยทอด ใหล้ ูกศิษย์ ซง่ึ ต่อมาไดพ้ ฒั นาเป็นนิกายเกลกุ หรือนิกายลามะหมวกเหลอื ง, และไดส้ ะสางพทุ ธศาสนาใหห้ มดจด จากลทั ธติ ่าง ๆ ในดา้ นวรรณคดกี ไ็ ดม้ กี ารรวบรวมผลงานในดา้ นการแปลคมั ภรี เ์ ป็นภาษาธเิ บตข้นึ ในพทุ ธศตวรรษ ท่ี ๙ โดยจดั แบง่ คมั ภรี เ์ หลา่ นนั้ ออกเป็น ๒ หมวด คอื หมวดพจนม์ ผี ลงานแปล ๑๐๐ เลม่ กบั หมวดอรรถวรรณนา มผี ลงานแปล ๒๒๕ เลม่ คมั ภรี เ์ หลา่ น้ี ตกทอดมาจนถงึ ทกุ วนั น้ี เรยี กกนั วา่ พระไตรปิฎกหรอื คมั ภรี พ์ ระพทุ ธ- ศาสนา ฉบบั ธิเบต25 ท่าน “คุรุตสองขะปะ” ถงึ แก่กรรมเมอ่ื อายุ ๖๐ พรรษา ท่านไดย้ กตำ� แหน่งเจา้ อาวาส วดั กานเดน็ ใหเ้จลซบั เจ ซง่ึ เป็นการเร่มิ ตน้ สบื ทอดผูน้ ำ� สายนิกายเกลกุ คุรุตสองขะปะ น้ีเอง เป็นผูน้ ำ� ในการชำ� ระพทุ ธธรรมเป็นพระไตรปิฎกฉบบั ทเิ บต ทใ่ี ชม้ าจนถงึ ปจั จบุ นั หลงั จากนน้ั ปลายยุคน้ี ทา่ นตะสองขะปะ (พ.ศ. ๑๙๑๘) ซง่ึ เป็นนกั ปฏริ ูปผูย้ ง่ิ ใหญ่ของทเิ บต ไดอ้ าศยั หลกั คำ� สอนน้ีแลว้ ตงั้ นิกาย “นิกายเกลกุ หรอื เกลกุ ปะ หรอื หมวกเหลอื ง” ข้นึ นิกายน้ีองคด์ าไลลามะปจั จบุ นั สงั กดั อยู่ และมอี ทิ ธพิ ลในภาคกลางของทเิ บต ทา่ นไดช้ ำ� ระหลกั พทุ ธธรรมใหบ้ รสิ ุทธ์จิ ากลทั ธพิ ธิ ตี ่าง ๆ มกี ารรวบรวมคมั ภรี ์ 24 พธิ กี รรมทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง : พธิ กี านเด็นตนั ตระ เป็นพธิ กี รรมท่ี “ตสองขะปะ” รเิ ร่มิ ข้นึ โดยจะเร่มิ พธิ ใี นวนั ท่ี ๓-๑๕ ของ เดอื นท่ี ๒ ตามปฏทิ นิ ทเิ บต เป็นพธิ ฉี ลองเทพเจา้ ทส่ี ำ� คญั ฝ่ายวชั รยาน เช่น จกั รสงั วร กาลจกั ร วชั รปาณี ฯ พธิ กี านเด็นงาซอด จดั ข้นึ ในวนั ท่ี ๒๕ ของเดอื นท่ี ๑๐ ตามปฏทิ นิ ทเิ บต เป็นการฉลองวนั มรณภาพของท่าน “ตสองขะปะ” โดยทง้ั พระและฆราวาส จะจดุ ตะเกยี งนำ�้ มนั เพอ่ื รำ� ลกึ ถงึ ตสองขะปะ ทะไลลามะจะทำ� พธิ นี ้ีโดยเฉพาะในพระราชวงั โปตาลา 25 คณาจารย์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา, หนา้ ๑๙๗. 06. - 6 (188-239).indd 228 5/10/2022 12:58:15 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 229 ทไ่ี ดแ้ ปลแลว้ นน้ั ออกเป็น ๒ หมวด คอื พทุ ธพจน์ ๑๐๐ เลม่ และอรรถกถา ๒๒๕ เลม่ คมั ภรี เ์ หลา่ น้ีเรยี กวา่ พระไตรปิฎก หรอื คมั ภรี พ์ ระพทุ ธศาสนาฉบบั ทเิ บต ซง่ึ ตกทอดมาถงึ ปจั จบุ นั 26 นกิ ายเกลกุ หรอื นกิ ายเกลกุ ปะ หรอื นกิ ายหมวกเหลอื ง พฒั นามาจากนกิ ายกดมั ทอ่ี าจารยค์ รุอตศี ะ (หรอื ทปี งั กร ศรชี ญาณ) วางรากฐาน และท่าน ครุตสองขะปะ เป็นผูป้ ฏริ ูปหลกั คำ� สอนของนิกายหมวกแดงแลว้ ตง้ั นิกายใหม่ข้นึ เมอ่ื นิกายเกลุกปะ หรือนิกายหมวกเหลอื งเมอ่ื ท่านมรณภาพไดส้ บื ทอดตำ� แหน่งเจา้ อาวาส วดั กานเดน็ ให้ เจล ซบั เจ ถอื เป็นจดุ เร่มิ ตน้ การสบื ทอดผูน้ ำ� ของสายนิกายเกลกุ ผูน้ ำ� นิกายเกลกุ ในปจั จบุ นั คอื ผูด้ ำ� รงตำ� แหน่งดาไล ลามะหรอื ทะไล ลามะ ซง่ึ เป็นผูน้ ำ� ทางจติ วญิ ญาณของทเิ บตดว้ ย พระสงฆใ์ นนิกายน้ีไดร้ บั การยกย่องนบั ถอื จากผูป้ กครองมองโกลวา่ เป็นผูน้ ำ� ทางจติ วญิ ญาณ และต่อมา ถอื วา่ เป็นผูป้ กครองบา้ นเมอื งดว้ ย ในรชั สมยั ของพระเจา้ อลั ตนั ขา่ น พระองคไ์ ดพ้ บประมขุ สงฆอ์ งคท์ ่ี ๓ ของนิกายเกลกุ ปะช่อื สอดนมั ยาโส พระองคเ์ กดิ ความเชอ่ื วา่ พระสอดนมั ยาโสน้เี ป็นอาจารยข์ องพระองคใ์ นชาตกิ ่อนจงึ เรยี กพระสอดนมั ยาโสวา่ ทะเล หรอื ทะไล (Dalai) ตง้ั แต่นนั้ มาประมขุ สงฆข์ องทเิ บตจะถกู เรยี กวา่ ดาไลลามะ หรอื ทะไล ลามะ ยคุ มองโกล ใน พ.ศ. ๒๐๘๙-๒๑๓๐ มกี ษตั รยิ ม์ องโกล นามวา่ อลั ตลั ขา่ น (Altalkan) ไดพ้ บกบั ประมขุ สงฆข์ องนกิ าย เกลกุ ทช่ี อ่ื วา่ “สอดนมั ยาโส” (Sodnumyaso) แลว้ เลอ่ื มใส เน่อื งจากทา่ นสบื เช้อื สายมาจากพทุ ธนกิ ายสกั ยะ และ พกั โมดรุ ซง่ึ เป็นตระกูลทม่ี อี ทิ ธพิ ลในทเิ บต มกี ารดดั แปลงวดั ทน่ี กิ ายอน่ื อ่อนแอในการปกครอง และท้งิ ใหร้ า้ งให้ เป็นวดั นกิ ายเกลกุ (หมวกเหลอื ง) นกิ ายน้ี เรยี บงา่ ย เคร่งครดั ในพระธรรมวนิ ยั ไมย่ ุ่งเก่ยี วกบั การเมอื ง ชาวบา้ น จงึ นิยมมาก อกี อย่างหน่ึงกษตั รยิ ม์ องโกล ทรงเช่อื วา่ ประมขุ สงฆน์ ้ี เคยเป็นอาจารยข์ องพระองคใ์ นชาตกิ ่อน เมอ่ื พระองคเ์ สวยพระชาติเป็นกุบไลข่าน จงึ ถวายตำ� แหน่ง “ทะเล” แต่ทเิ บตออกเสยี งเป็น “ทะไล” (Dalai) ในความหมายของไทยก็คือทะเลเช่นกนั (คำ� ว่า ทะไลลามะ ‘ทะไล’ เป็นภาษามองโกล แปลว่า ทะเล หรือ กวา้ งใหญ่ “ลามะ” หมายถงึ พระหรือคฤหสั ถท์ ม่ี คี วามรูค้ วามชำ� นาญ หรือ คำ� ว่า ลามะ แปลว่าผูป้ ระเสริฐ 26 ทเิ บตคอื ดนิ แดนแห่งศาสนา ในยุคดงั้ เดมิ ลทั ธบิ อน (Bon Doctrine, Bona -Ideology) มบี ทบาทและอทิ ธพิ ล ต่อวถิ ชี วี ติ ชาวทเิ บต ในยุคต่อมาพระพทุ ธศาสนาเขา้ ไปมสี ่วนร่วมในวถิ ชี วี ติ ชาวทเิ บต ทำ� ใหม้ สี สี นั แห่งศาสนาหลากหลายยง่ิ ข้นึ แนวคดิ พ้นื ฐานวฒั นธรรมทเิ บตมวี า่ “ชวี ติ คอื ศาสนา ศาสนาคอื ชวี ติ ” แนวคดิ แบบน้ที ำ� ใหว้ ถิ ชี วี ติ ของชาวทเิ บตเรยี บงา่ ย ไมห่ รูหรา ฟ่มุ เฟือย แมธ้ รรมชาตจิ ะโหดรา้ ยรุนแรง แต่ดว้ ยจติ ใจทก่ี ลา้ แกร่ง ทำ� ใหด้ ำ� รงอยู่ไดอ้ ย่างมสี ุข ฯ ทเิ บตมจี ำ� นวนประชากรทงั้ ส้นิ ๒,๖๑๐,๐๐๐ คน (หลกั ฐานบางแห่งบอกวา่ มี ๒,๔๐๐,๐๐๐ คน) เป็นชาวทเิ บตประมาณ ๙๒.๒ เปอรเ์ ซน็ ต์ ทเ่ี หลอื ประมาณ ๗.๘ เปอรเ์ ซน็ ต์ เป็นชนกลมุ่ ต่างๆ ทเิ บตรบั พระพทุ ธศาสนาจากอนิ เดยี และจนี เรยี กวา่ พระพทุ ธศาสนาตนั ตรยานหรอื มหายาน แบบทเิ บตนนั่ เอง ฯ พระพทุ ธศาสนาทม่ี บี ทบาทสำ� คญั ในปจั จบุ นั เป็นพระพทุ ธศาสนาแบบตนั ตระ มนี ิกายหลกั ๔ นกิ าย คอื (๑) นกิ ายเนยี งมา่ (นกิ ายหมวกแดง) (๒) นกิ ายเกลกุ (นิกายหมวดเหลอื ง) (๓) นิกายการจ์ ู (นิกายหมวกขาว) (๔) นิกายศากยะ ส่วนนกิ ายทไ่ี ดร้ บั ความนิยมมากทส่ี ุดในธเิ บต คอื นิกายเกลกุ (นิกายเหลอื ง) 06. - 6 (188-239).indd 229 5/10/2022 12:58:15 PM

230 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา รวมความแลว้ เรยี ก ทะไลลามะ แปลวา่ ผูป้ ระเสรฐิ ดุจดงั ทอ้ งทะเล,27 แต่ชาวทเิ บตนิยมใชค้ ำ� วา่ “คยาวา รมิ โปเช” คอื ชยั รตั นะ) นบั วา่ เป็นตน้ กำ� เนดิ ทะไลลามะครงั้ แรก และท่านสอดนมั วงั ยาโส กไ็ ดถ้ วายตำ� แหน่ง “ธรรมราชา ทรงความบรสิ ทุ ธ์”ิ แก่อลั ตนั ขา่ น เป็นการตอบแทน ท่านสอดนมั วงั ยาโส ถอื วา่ ตนเองเป็นทะไลลามะ องคท์ ่ี ๓ เพราะทา่ นไดถ้ วายตำ� แหน่งยอ้ นข้นึ ไปแก่อวตารในสองชาตแิ รกของทา่ นดว้ ย ในขณะทท่ี า่ นมพี ระชนมช์ พี ทา่ นได้ สรา้ งวดั พระพทุ ธรูปหน่ึงพนั องค์ ไดเ้ผยแผ่พระศาสนาสู่มองโกเลยี และ ทเิ บตตะวนั ออก ซง่ึ เคยเป็นดนิ แดน อิทธิพลของลทั ธิบอน จนท่านไดต้ ำ� แหน่งพเิ ศษจากราชวงศห์ มงิ ของจีน ถงึ ยุคทะไลลามะองคท์ ่ี ๔ นิกาย หมวกเหลอื ง กย็ งั เจรญิ รุ่งเรอื งเพราะมที หารมองโกลหนุนหลงั อยู่ ยคุ ทะไลลามะครองอำ� นาจ ในยุคของโลซงั กยตั โส ทะไลลามะองคท์ ่ี ๕ (พ.ศ. ๒๑๕๘-๒๒๒๓) ชาวมองโกลในทเิ บตไมม่ เี อกภาพ ทำ� ใหเ้จา้ เมอื งซงั อนั ซง่ึ เป็นแควน้ หน่ึงของทเิ บตชงิ บลั ลงั กล์ าซาไปได้ ทะไลลามะองคน์ ้ีซง่ึ มมี องโกลสนบั สนุน จงึ ขอความช่วยเหลอื ไปยงั กชุ รขี า่ น ผูน้ ำ� มองโกลใหม้ ายดึ อำ� นาจคนื สำ� เร็จ และมอบอำ� นาจการปกครองทเิ บต ทงั้ หมด คอื ฝ่ายอาณาจกั ร และ ศาสนจกั รใหแ้ ก่ทะไลลามะ และ เป็นครงั้ แรกทท่ี ะไลลามะไดอ้ ำ� นาจสูงสุดทงั้ หมด จากนนั้ ท่านก็ไดย้ า้ ยทป่ี ระทบั ทพ่ี ระราชวงั โปตาลา นครลาซา ชาวทเิ บตมคี วามเช่อื วา่ ทะไลลามะเป็นอวตารของ พระอวโลกิเตศวรพระโพธิสตั วผ์ ูก้ รุณา และเช่ือว่าปนั เชนลามะ ผูม้ อี ำ� นาจรองจากทะไลลามะเป็นอวตารของ พระอมติ าภะ แต่ทะไลลามะนงั่ สมาธแิ บบเนยี งมา พลอยทำ� ใหน้ กิ ายเนยี งมาเจรญิ ไปดว้ ย แต่นกิ ายโจนงั หลงั จาก ท่านตารนาถ ซง่ึ เป็นนกั ประวตั ศิ าสตรม์ ชี อ่ื เสยี งแลว้ ถกู ยดึ วดั ทงั้ หมด ถอื วา่ นกิ ายเกลกุ พฒั นารุ่งเรอื งตามคำ� สอน ของพระนาคารชนุ ะ พระอสงั คะ เป็นตน้ แมล้ ทั ธบิ อนกย็ งั นำ� ไปพฒั นาตนเองของตนเอง จนทะไลลามะสวรรคต ชาวทเิ บตจงึ ถวายพระนามวา่ “มหาปญั จะ” เพอ่ื แสดงความยง่ิ ใหญ่ของพระองค์ แมพ้ ระองคจ์ ะเสดจ็ สวรรคตแลว้ ยงั มผี ูอ้ า้ งวา่ ทะไลลามะเสดจ็ เขา้ สมาธริ ะยะยาว แลว้ สำ� เรจ็ ราชการแทนพระองค์ โดยปิดขา่ วการสวรรคตนานถงึ ๑๓ ปี เพอ่ื งานฟ้ืนฟูวงั โปตาลาต่อไป จากนน้ั มกี ารแต่งตง้ั ทะไลลามะองคท์ ่ี ๖ แต่พระองคโ์ ปรดการแต่งกวี และสนใจผูห้ ญงิ ไมส่ นใจบรหิ ารประเทศ จงึ ถกู เนรเทศไปจนี แต่ส้นิ พระชนมร์ ะหวา่ งทาง จนี คอมมิวนิสตย์ ดึ ทเิ บต จนถงึ พ.ศ. ๒๓๕๑-๒๔๐๑ คาลซงั กยตั โส ไดข้ ้นึ เป็นทะไลลามะองคท์ ่ี ๗ โดยการสนบั สนุนของราชวงศ์ ชงิ ของจนี ซง่ึ จนี เคยมบี ทบาทต่อตำ� แหน่งปนั เชนลามะ หรือบณั ฑติ เซน็ โป แปลว่า นกั วชิ าการใหญ่ จากนน้ั มสี งครามกลางเมอื ง ฝ่ายทะไลลามะแพ้ตอ้ งหนีภยั จากเมอื ง ทำ� ใหน้ ิกายเกลกุ อบั อายครงั้ แรกในประวตั ศิ าสตร์ จากนนั้ มา มผี ูส้ ำ� เรจ็ ราชการเป็นลามะเกลกุ มรี ฐั มนตรเี ป็นลามะ และฆราวาสดว้ ย ทะไลลามะอกี ๔ พระองค์ ต่อมา ก็มพี ระชนมส์ น้ั ทงั้ หมด บางองคก์ ็ถกู ลอบปลงพระชนม์ และในยุคของทะไลลามะท่ี ๗ น้ี ก็มนี กั บวช คริสตศ์ าสนาเดนิ ทางเขา้ ไป ความสมั พนั ธก์ บั ประเทศอนิ เดยี ก็ไดจ้ างหาย และขณะเดยี วกนั คณะสงฆเ์ ดมิ 27 คณาจารย์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา, หนา้ ๑๙๗. 06. - 6 (188-239).indd 230 5/10/2022 12:58:15 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 231 ในอนิ เดยี กเ็ สอ่ื มไป ธเิ บตจงึ เขา้ สู่ยุคของการปิดประตู อยู่โดดเดย่ี ว ประสบความฝนั ผวนและการเปลย่ี นแปลง ต่าง ๆ นานา ตามประวตั ศิ าสตรย์ ุคปจั จบุ นั จนถงึ องคท์ ะไลลามะองคท์ ่ี ๑๓ เขา้ มาบรหิ ารประเทศ ทรงหลกี เลย่ี งตดิ ต่อกบั องั กฤษ โดยอาศยั จนี ตดิ ต่อ กบั รสั เซยี จนมคี วามผนั ผวนทางการเมอื ง องคท์ ะไลลามะจงึ ล้ภี ยั ไปจนี เมอ่ื จนี รุกรานกล็ ้ภี ยั ไปอนิ เดยี เมอ่ื จนี ปฏวิ ตั ทิ ่านกก็ ลบั ทเิ บต แลว้ มคี วามสมั พนั ธก์ บั องั กฤษ จากนนั้ เหลา่ มชิ ชนั นารชี าวครสิ ตเ์ ขา้ ไป ความสมั พนั ธก์ บั อนิ เดยี ค่อย ๆ เลอื นรางไป พระสงฆจ์ ากทเ่ี คยมาจากอนิ เดยี กเ็ สอ่ื มไปต่อมาทเิ บตกป็ ิดประเทศโดดเดย่ี ว พอใจ กบั อำ� นาจทน่ี ิกายเกลุกดำ� รงอยู่ตดิ ต่อกนั จนสวรรคตในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ก็มผี ูส้ ำ� เร็จราชการปกครองประเทศ อกี ๑๘ ปีต่อมา จนี แดงยดึ ทเิ บต ภกิ ษุลดลงอย่างมาก เน่ืองจากจนี ใหล้ งทะเบยี น ตามรายงานของวดั เดรปงั บอกวา่ มพี ระสงฆจ์ ำ� นวน ๗,๗๐๐ – ๑๐,๐๐๐ รูป เมอ่ื เดอื นมนี าคม พ.ศ. ๒๕๐๒ รฐั บาลทเิ บตสลายตวั มคี ณะ กรรมการคณะหน่ึงข้นึ มาบรหิ าร โดยมปี นั เชนลามะ เป็นประมขุ ปจั จบุ นั ทะไลลามะองคท์ ่ี ๑๔ ท่านเทนซนิ กยตั โส ไดล้ ้ภี ยั ไปทธ่ี รรมศาลา รฐั หมิ าจลั ประเทศ ประเทศ อนิ เดยี และจดั ตง้ั รฐั บาลพลดั ถน่ิ ของทเิ บตทน่ี ่ี ต่อมาก็เป็นศูนยร์ วมใจชาวทเิ บตในต่างแดน ชาวทเิ บตในจนี ช่วงแรกทำ� ถนนทำ� ใหเ้สยี ชวี ติ เป็นจำ� นวนมาก เน่ืองจากไมค่ ุน้ เคยกบั สภาพอากาศ จนบางคนเป็นวณั โรค บางคน เป็นโรคทางเดนิ หายใจ ต่อมากม็ าคา้ ขายเส้อื ผา้ ทอ่ี นิ เดยี และไดข้ ยายไปตง้ั นิคมอยู่ทร่ี ฐั มโิ ซรมั ประเทศอนิ เดยี ในยุคน้ีมกี ารเผยแผ่พทุ ธศาสนาแบบทเิ บตไปทวั่ โลกทงั้ ๔ นิกาย ไดแ้ ก่ นกิ ายเนยี งมา นิกายกาจู นิกายสกั ยะ และนกิ ายเกลกุ ในอเมรกิ า มชี าวพทุ ธทเิ บตประมาณ ๕ ลา้ นคนและสว่ นใหญ่เป็นของนกิ ายหมวกเหลอื ง ทะไลลา มะยงั ต่อสูเ้พอ่ื เอกราชของตนโดนสนั ตวิ ธิ ี พรอ้ มกบั รกั ษาจติ วญิ ญาณของชาวพทุ ธไวอ้ ย่างมงั่ คง ภกิ ษุณีปลั โม ภกิ ษุณีชาวองั กฤษทเ่ี ขา้ บวชในนิกายกาจู ถอื เป็นภกิ ษุณีสงฆอ์ งคแ์ รก ๆ นอกเขตทเิ บต ภกิ ษุณีในทเิ บต ไมเ่ คยมกี ารประดษิ ฐานภกิ ษุณีสงฆใ์ นประวตั ศิ าสตร์ มแี ต่พระภกิ ษุสงฆ์ หรอื ลามะ และสามเณรี เท่านนั้ ดงั ท่ี ปีเตอร์ สกลี ลงิ ผูเ้ช่ยี วชาญทเิ บต และบาลสี นั สกฤต ช้แี จงว่า “ในหมิ าวนั ตประเทศ ไดม้ ภี กิ ษุ นิกายมลู สรวาทสตวิ าทนิ เขา้ มาเผยแผ่หลกั ธรรม ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๘ (ประมาณ พ.ศ. ๑๓๐๐) แต่ไม่มี หลกั ฐานปรากฏวา่ ไดจ้ ดั พธิ อี ปุ สมบทภกิ ษุณีสงฆเ์ ลย” ทง้ั น้ีเพราะเหตผุ ลทางภมู ศิ าสตร์ การเดนิ ทางไปทเิ บตนนั้ ยากลำ� บากมากตามทอ่ี งคท์ ะไลลามะกลา่ วไวท้ ำ� ใหก้ ารบรรพชาอปุ สมบทภกิ ษุณี ทต่ี อ้ งมปี วตั ตนิ ี (ปวตั ตนิ ี คอื เป็น อปุ ชั ฌายใ์ นฝ่ายภกิ ษุณีสงฆ)์ และกรรมวาจาจารย์ รวมทงั้ ภกิ ษุณีสงฆ์ และภกิ ษุสงฆอ์ กี ฝ่ายละ ๑๐ รูป ในการ บวชภกิ ษุณีอย่างนอ้ ยตอ้ งมี ๒๒ รูปข้นึ ไป จงึ จะทำ� พธิ อี ปุ สมบทกรรมได้ แต่สามเณรใี นทเิ บตมมี านานแลว้ ทงั้ มี ระบบการศึกษาพทุ ธธรรมทเ่ี ขม้ ขน้ อกี ดว้ ย แมอ้ งคด์ าไลลามะท่ี ๑๔ แห่งทเิ บต ทล่ี ้ภี ยั ในอนิ เดยี ในปจั จบุ นั ยงั ได้ กลา่ วไวใ้ นคราวประชมุ ศากยธดิ า สมาคมสตรขี องชาวพทุ ธนานาชาตคิ รง้ั แรก ในเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ณ พทุ ธคยา ประเทศอนิ เดยี “เน่ืองจากการเดนิ ทางในอดตี ลำ� บากมากภกิ ษุณีจงึ ไมส่ ามารถเดมิ ทางไปทเิ บตได้ และเพราะไม่มภี กิ ษุณีวงศใ์ นทเิ บต พระสงฆท์ เิ บต จงึ ไม่ตอ้ งอาบตั ขิ อ้ ทเ่ี ก่ียวกบั ภกิ ษุณีตลอดไป น้ีถอื ว่าเป็น 06. - 6 (188-239).indd 231 5/10/2022 12:58:16 PM

232 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา อานิสงสท์ เ่ี ราไดจ้ ากการไม่มภี กิ ษุณีในทเิ บต” แต่นอกเขตทเิ บตอย่างประเทศเนปาล, ภูฏาน และบางส่วนของ อนิ เดยี มกี ารบวชเป็นภกิ ษุณีสงฆใ์ นศาสนาพทุ ธแบบทเิ บตดว้ ย ๖.๗.๓ บทบาทของพระสงฆใ์ นธเิ บต พระสงฆไ์ ดร้ บั ความยกย่องนบั ถอื จากผูป้ กครองมองโกลว่าเป็นผูน้ �ำทางจิตใจ และต่อมาถอื ว่าเป็น ผูป้ กครองบา้ นเมอื งดว้ ยคราวทส่ี ำ� คญั ก็คือในรชั กาลกษตั รยิ ม์ องโกลช่อื อลั ตนั ข่าน พระองคไ์ ดพ้ บประมขุ สงฆ์ องคท์ ่ี ๓ ของนิกายน้ี ชอ่ื สอดนมั ยาโส (พ.ศ.๒๐๘๙-๒๑๓๐) กษตั รยิ อ์ ลั ตนั ขา่ นเกดิ ความเช่อื วา่ ท่านประมขุ สงฆ์ ผูน้ ้ีเป็นอาจารยข์ องพระองคใ์ นชาติก่อนเมอ่ื พระองคเ์ สวยพระชาติเป็นกุบไลข่าน จึงเรียกท่านยาโสว่า ทะเล (ตรงกบั คำ� ทใ่ี ชเ้ รยี กของทเิ บตบดั น้ีว่า ทะไล หรอื Dalia แปลเป็นไทยมเี สยี งตรงกบั คำ� เดมิ คือแปลว่าทะเล) ส่วนคำ� วา่ ลามะ แปลวา่ ผูป้ ระเสรฐิ แต่นน้ั มากเ็ รยี กประมขุ สงฆว์ า่ ทะไลลามะ แปลความวา่ ผูป้ ระเสรฐิ สุดดงั ทอ้ งทะเล ทะไลลามะองคท์ ่ี ๕ ไดร้ บั มอบอำ� นาจจากผูน้ ำ� มองโกลใหป้ กครองทเิ บตทง้ั หมด พระพทุ ธศาสนาและ วฒั นธรรมไดเ้จรญิ ววิ ฒั นาการสบื มา สมยั ทะไลลามะองคท์ ่ี ๗ มนี กั บวชครสิ ตศ์ าสนาเดนิ ทางเขา้ ไป ความสมั พนั ธ์ กบั ประเทศอินเดียก็ไดจ้ างหายและคณะสงฆเ์ ดิมในอินเดียก็เส่อื มไป ทเิ บตจึงเขา้ สู่ยุคของการปิดประตูอยู่ โดดเดย่ี ว ประสบความผนั ผวนและการเปลย่ี นแปลงต่าง ๆ ตามประวตั ศิ าสตรย์ ุคปจั จบุ นั พระพทุ ธศาสนาแบบทเิ บต (Tibetan Buddhism) คอื พระพทุ ธศาสนาแบบหน่ึงซง่ึ ถอื ปฏบิ ตั ใิ นทเิ บต และปจั จบุ นั ไดแ้ พร่หลายไปในหลายประเทศ ดนิ แดนทเิ บตในอดตี มคี วามร่งุ เรอื งทางพระพทุ ธศาสนามาก พระพทุ ธศาสนาแบบทเิ บตมเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะ คอื เป็นการผสมผสานระหวา่ งพระพทุ ธศาสนานกิ ายมหายานทงั้ จากอนิ เดยี และจนี ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากพระพทุ ธ- ศานานิกายตนั ตระของอินเดีย จนเกิดเป็นนิกายวชั รยานข้นึ ประชาชนใฝ่ธรรมะ เม่อื มงี านบุญ ประชาชน จะเดนิ ทางไปแสวงบญุ แมจ้ ะไกลสกั เพยี งใด ซง่ึ ปจั จบุ นั กม็ ใี หเ้หน็ อยู่มากมาย แต่เมอ่ื ตกอยู่ในการปกครองของ จนี วดั นบั พนั แห่งทวั่ นครลาซา เหลอื ไมถ่ งึ หน่ึงรอ้ ยแห่งในปจั จบุ นั จนแทบไมเ่ หลอื ความเจรญิ รุ่งเรอื งในอดตี ลกั ษณะเฉพาะพระพทุ ธศาสนาแบบทเิ บต จะมกี ารศึกษาแบ่งเป็น ๓ ระดบั คือ ระดบั ตน้ จะศึกษา เถรวาท ระดบั กลาง ศึกษามหายาน และ ระดบั สูง ศึกษาวชั รยาน และมนตรยาน ภกิ ษุถอื ปาตโิ มกขต์ ามนกิ าย มลู สรวาสตวิ าท มสี กิ ขาบท ๒๕๓ ขอ้ มคี วามเชอ่ื เกย่ี วกบั พระพทุ ธเจา้ ต่างจากนกิ ายเถรวาทคอื นบั ถอื พระธยาน-ิ พทุ ธะ ๕ พระองค์ ไดแ้ ก่ พระไวโรจนพทุ ธะ พระอกั โษภยพทุ ธะ พระอมติ าภพทุ ธะ พระอโมฆสทิ ธพิ ทุ ธะ และ พระรตั นสมั ภวพทุ ธะ นอกจากน้ี ยงั นบั ถอื พระโพธสิ ตั วอ์ กี หลายพระองค์ เช่น พระอวโลกเิ ตศวรโพธสิ ตั วแ์ ละ พระชายาคอื พระนางตารา พระมญั ชศุ รโี พธสิ ตั ว์ และพระวชั รปาณีโพธสิ ตั ว์ เป็นตน้ ลกั ษณะเด่นอน่ื ๆ ของพระพทุ ธศาสนาแบบทเิ บต ไดแ้ ก่ ลามะ ตรรกวภิ าษ และการปฏบิ ตั แิ บบตนั ตระ ลามะ (Lama) เป็นคำ� นำ� หนา้ ช่อื สำ� หรบั พระภกิ ษุชาวทเิ บต มคี วามหมายคลา้ ยกบั คำ� ในภาษาสนั สกฤต วา่ “ครุ ุ” (Guru) ในอดตี คำ� น้ีใชส้ ำ� หรบั อาจารยผ์ ูท้ น่ี ่านบั ถอื ในทางจติ วญิ ญาณหรอื หวั หนา้ ของพระราชวงศใ์ น ทเิ บต ปจั จบุ นั ใชก้ บั พระภกิ ษุ แมช่ ี หรอื ผูท้ ไ่ี ดฝ้ ึกฝนจติ ใจจนบรรลกุ ารยกระดบั ทางจติ วญิ ญาณแลว้ ยงั ใชเ้ป็น 06. - 6 (188-239).indd 232 5/10/2022 12:58:16 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 233 ส่วนหน่ึงของชอ่ื เช่น องคด์ าไลลามะ ปนั เชนิ ลามะ อนั เก่ยี วเน่ืองกบั การกลบั ชาตมิ าโปรดในนกิ ายวชั ยาน, คำ� วา่ ลามะ จงึ หมายถงึ ผูฝ้ ึกและผูเ้ชย่ี วชาญในการปฏบิ ตั ิ ผูป้ รารถนาความสำ� เรจ็ ในการฝึกฝนพทุ ธโยคี หรอื ผูเ้ชย่ี วชาญ และไดฝ้ ึกฝนการใชว้ ธิ ที างโยคะ, ถา้ นำ� ไปใชก้ บั ผูน้ ำ� สูงสุดฝ่ายศาสนจกั ร เรยี กคำ� ต่อทา้ ยชอ่ื เช่น ดาไลลามะวา่ เป็นผูเ้สรฐิ , ผูส้ ูงสุด (–ลามะ) โดยทง้ั หมดเก่ยี วเน่ืองกบั การปฏบิ ตั แิ ละมงุ่ เนน้ ไปในการปฏบิ ตั ิ ซง่ึ มคี วามหมาย แตกต่างจากคำ� วา่ “ครุ ุ” ทม่ี งุ่ ไปทางการศึกษา โดยทวั่ ไปแลว้ คำ� วา่ ลามะ หมายถงึ อาจารย์ ในการปฏบิ ตั ธิ รรมในทเิ บต ใหค้ วามสำ� คญั กบั อาจารยม์ าก โดยความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอาจารยก์ บั ศิษยม์ ผี ลต่อความสำ� เร็จของศิษยใ์ นการปฏบิ ตั ติ ามสายตนั ตระ โดยถอื วา่ ลามะเป็นตวั แทนของพระพทุ ธองค์ โดยเมอ่ื กลา่ วสรณคมน์ ศิษยจ์ ะระลกึ ถงึ ลามะเป็นทพ่ี ง่ึ ดว้ ย ๖.๗.๔ อทิ ธพิ ลและแนวโนม้ พระพทุ ธศาสนาในธเิ บต พระพทุ ธศาสนามอี ทิ ธพิ ลต่อวถิ ชี วี ติ ชาวทแิ บตในทกุ ดา้ นของชวี ติ ทง้ั ในดา้ นสงั คม ประเพณี วฒั นธรรม การเมอื ง เศรษฐกจิ เป็นตน้ นบั ตง้ั แต่พระพทุ ธศาสนาแผ่ขยายเขา้ สู่ทเิ บตโดยตรงอย่างมนั่ คง และเป็นศาสนา ประจำ� ชาติในท่สี ุด มนี ิกายแตกออกไปมากมาย โดยมพี ระทปี งั กรศรีชญาณ หรือพระอติศร ท่เี ดนิ ทางจาก มหาวิทยาลยั วิกรมศาลาจากแควน้ พิหารเขา้ ไปเผยแผ่จนท�ำใหพ้ ระพุทธศาสนาเจริญและมนั่ คงในทิเบต เพราะอทิ ธพิ ลของพทุ ธแบบทเิ บตนน้ั มเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั เป็นพทุ ธแบบผสมผสานระหวา่ งพทุ ธมหายานทงั้ จาก อนิ เดยี และจนี และไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากนกิ ายตนั ตระของอนิ เดยี จนกลายเป็นนกิ ายวชั รยานข้นึ ประชาชนชาวทเิ บต ใฝ่ธรรมะ มวี ถิ ชี วี ติ ผูกพนั อยู่กบั พระพทุ ธศาสนาตง้ั แต่เกดิ จนถงึ ตาย ปจั จบุ นั ทเิ บตตกอยู่ในการปกครองของจนี ซง่ึ มกี ารปกครองแบบคอมมวิ นสิ ต์ ซง่ึ มนี โยบายในการเปลย่ี นทเิ บตใหเ้ป็นวฒั นธรรมจนี โดยอาศยั การกลมกลนื วฒั นธรรมทเิ บตแลว้ ทดแทนดว้ ยวฒั นธรรมแบบจนี พระพทุ ธศาสนามหายานและลทั ธบิ อน นนั้ มอี ทิ ธพิ ลต่อขนมธรรมเนยี มประเพณีและวถิ ชี วี ติ ของชาวทเิ บต ทกุ ช่วงวยั ตงั้ แต่เกดิ จนถงึ ตายเป็นเวลาหลายรอ้ ยปี โดยแสดงออกใหเ้หน็ ทางวถิ ชี วี ติ จากการ “ดูฤกษย์ ามมหาวนั ทด่ี ที ส่ี ุด” ในการจดั งานต่าง ๆ ไมว่ า่ จะเป็นงานตงั้ ช่อื เดก็ พธิ แี ต่งงาน งานศพ การไมท่ านสตั วเ์ ลก็ โดยเฉพาะ สตั วน์ ำ�้ อย่างปลาหรอื กงุ้ เน่ืองจากความเช่อื ตามพระพทุ ธศาสนาทไ่ี มฆ่ ่าสตั ว์ ตดั ชวี ติ ทกุ ชวี ติ มคี ่าเท่ากนั ดงั นน้ั ชาวทเิ บตจงึ เลอื กทจ่ี ะทานสตั วใ์ หญ่อย่างจามรี เพราะชวี ติ หน่ึงสามารถทานกนั ไดท้ ง้ั ครอบครวั และเกบ็ ไวไ้ ดท้ าน หลายวนั แต่จะไมท่ ำ� รา้ ยอแี รง้ เพราะถอื วา่ เป็นสตั วศ์ กั ด์สิ ทิ ธ์ทิ ช่ี ่วยทำ� ใหว้ ญิ ญาณผูต้ ายออกจากร่างได้ แต่ว่าทเิ บตจะถูกปกครองโดยจีนในปจั จุบนั ก็ตาม แต่ชาวทเิ บตก็ยงั นิยมใหบ้ ุตรชายไดบ้ วชเป็นภกิ ษุ เพราะชาวทเิ บตมคี วามเช่อื วา่ แต่ละครอบครวั จะตอ้ งอทุ ศิ บตุ รชายอย่างนอ้ ย ๑ คนใหบ้ วชเป็นพระตลอดชวี ติ ในทรรศนะชาวทเิ บตศาสนามใิ ช่เป็นเพยี งกฎเกณฑท์ ใ่ี หค้ นคอยปฏบิ ตั ติ ามเท่านน้ั แต่เป็นศาสนาทเ่ี ป็นส่วนหน่ึง ของชวี ติ ผสมผสานอยู่ในชวี ติ ประจำ� วนั ดงั ทท่ี ่านพระสงั ฆรกั ขติ ะ กลา่ ววา่ “พระพทุ ธศาสนาในทเิ บตคอื วถิ ชี วี ติ ทงั้ ชวี ติ ของชาวทเิ บตคอื พระพทุ ธศาสนา สภาพแวดลอ้ มคอื พระพทุ ธศาสนา ทกุ อณูของพ้นื แผ่นดนิ ทเิ บต” ดงั ได้ วา่ ชาวทเิ บตนน้ั นยิ มสวดมนตม์ าก โดยเฉพาะบทสวดทค่ี นุ้ เคยกนั คอื “โอม มณี ปทั เท ฮมุ ” (Om Mani Padme 06. - 6 (188-239).indd 233 5/10/2022 12:58:16 PM

234 ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนา Hum)28 อนั เป็นมนต์ หรอื มนั ตระแห่งความกรุณา ทช่ี าวทเิ บตเชอ่ื กนั วา่ ถา้ สวดไดถ้ งึ ๖๐๐,๐๐๐ จบ จะทำ� ให้ บรรลุนิพพาน แต่ละคนจะมปี ระคำ� ๑๐๘ ลูกประจำ� ตวั เพ่อื เป็นอุปกรณ์ช่วยในการสวดมนต์ และจะเดิน โครา (Kora) หรอื เดนิ ทกั ษณิวรรตรอบสง่ิ ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ เช่น สถปู เจดยี ์ ภเู ขา หรอื ทะเลสาบศกั ด์สิ ทิ ธ์โิ ดยจะหมนุ กงลอ้ มนต์ (Prayer Whell) หรอื นบั ลูกประคำ� ไปพรอ้ มกบั สวดมนตไ์ ปดว้ ย โดยในกงลอ้ มนตน์ น้ั จะมกี ระดาษท่ี เขยี นมนตใ์ ส่ไวด้ า้ นใน การหมนุ กงลอ้ มนตก์ ็เท่ากบั เป็นการสวดมนตโ์ ดยปกติ จะทำ� การหมนุ ตามเขม็ นาฬกิ า แต่จะมบี างนกิ ายเดนิ ทวนเขม็ นาฬกิ า ชาวทเิ บตจงึ สวดมนตต์ ลอดเวลา เพราะเชอ่ื วา่ หากสวมดนตแ์ หง่ ความกรณุ า แลว้ ในทส่ี ุดจะไดเ้ขา้ ถงึ อมตะนิพพาน นอกจากน้ีชาวทเิ บต ยงั นิยมผา้ คาตะ (Khata) เป็นผา้ ไหมทข่ี าวทอแบบ หลวม ๆ ยนื ยาวใหแ้ ก่แขกผูม้ าเยอื น และผูท้ ่จี ะเดนิ ทางไกลเพอ่ื เป็นการทกั ทายและอวยพรมอบใหผ้ ูอ้ าวุโส ในคราวไปเยย่ี นท่าน และถวายแก่ลามะผูใ้ หญ่ และมอบพระพทุ ธรูปเพอ่ื แสดงความเคารพ ผา้ คาตะ เป็นสญั ลกั ษณข์ องความบรสิ ุทธ์ิและความเมตตาและสวมใส่หรอื นำ� เสนอดว้ ยธูปในโอกาสพธิ ี หลายอย่างรวมถงึ การเกิดงานแต่งงานงานศพ การสำ� เร็จการศึกษา และการมาถงึ หรือออกจากผูเ้ขา้ พกั อาศยั เป็นตน้ นอกจากน้ใี นทกุ เชา้ ชาวทเิ บต ยงั นยิ มเผา “กง่ิ จนู เิ ปอร”์ (ไมช้ นดิ หน่งึ เมอ่ื เผามกี ลน่ิ หอม) เพอ่ื สวดออ้ นวอน ต่อเทพเจา้ และจะแหวนธงมนต์ (Prayer Flag) ทเ่ี รยี กวา่ Lung Ta ซง่ึ แปลวา่ Wind Horse ตามสถานท่ี ศกั ด์สิ ทิ ธ์ติ ่าง ๆ เช่น สถปู ช่องภเู ขา เพอ่ื เป็นการสกั กการะบูชา โดยปกตธิ งมนตจ์ ะมสี หี า้ สี โดยสเี หลอื งแทน ธาตดุ นิ สหี นา้ เงนิ แทนธาตนุ ำ�้ สขี าวแทนธาตลุ ม สแี ดงแทนธาตไุ ฟ และสเี ขยี วแทนชวี ติ บนธงแต่ละพนื จะเขยี น มนตรากำ� กบั ไวด้ ว้ ย โดยเช่ือว่าเม่ือลมพดั มา มนตราท่ีเขยี นอยู่บนธงจะลอยไปตามสายลมเปรียบไดก้ บั พระสทั ธรรมคำ� สอนของพระพทุ ธเจา้ จะแผ่กระจายไปทวั่ ไมม่ วี นั หยุดเหมอื นสายลม อทิ ธพิ ลพระพทุ ธศาสนาดา้ นเศรษฐกจิ ต่อสงั คมทเิ บต ในการพฒั นาเศรษฐกจิ แบบทเิ บต ตง้ั แต่มี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๒ เขตปกครองตนเองพเิ ศษทเิ บต มสี ถติ กิ ารเตบิ โตของผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ หรอื จดี พี ี (GDP) ในระดบั เลขสองหลกั ตดิ ต่อกนั มานาน ๒๔ ปี และคาดวา่ ในปีถดั ๆ ไป การเจรญิ เตบิ โตทางดา้ นเศรษฐกจิ จะขยายผลเพม่ิ ข้นึ แสดงใหเ้หน็ วา่ ชาวทเิ บตไดม้ พี ฒั นาการความเป็นอยูท่ เ่ี ชอ่ื มกบั สงั คมภายนอกมากยง่ิ ข้นึ ไมใ่ ช่ ต่างคนต่างอยู่และประกอบกจิ เฉพาะในครวั เรอื นของตนเองเหมอื นกบั วถิ ชี วี ติ ของชาวทเิ บตในอดตี อกี ต่อไปแลว้ ตลอดระยะเวลา ๖๐ กว่าปีท่ผี ่าน รฐั บาลกลางจนี ไดล้ งทุนมากว่า ๑๐,๐๐๐ ลา้ นหยวน เพอ่ื บูรณ- ปฏสิ งั ขารณว์ งั บูตารา วดั ตา้ เจา และโบราณสถานอน่ื ๆ รายการทางวฒั นธรรม ๖๑ รายการของทเิ บต รวมทง้ั หตั ถกรรมโบราณ วจิ ติ รศิลป์ภาคประชาชน ง้วิ ทเิ บต เป็นตน้ ไดร้ บั การคดั เลอื กจดั เขา้ ไปในรายช่อื อนุรกั ษม์ รดก วฒั นธรรมทไ่ี มใ่ ช่วตั ถแุ หง่ ประเทศจนี ทำ� ใหท้ เิ บตไดป้ ระสบความสำ� เรจ็ อนั ยง่ิ ใหญ่ในสายตาทวั่ โลก แต่ยงั คงตอ้ ง 28 แปลความวา่ “ขออญั เชญิ พทุ ธธรรมคำ� สอนอนั ลำ�้ เลอค่าดงั่ มณี มาสถติ ในดวงใจอนั บรสิ ุทธ์ดิ งั่ ดอกบวั ของขา้ เทอญ” และจงึ มสี ถานะเป็นทง้ั บทสวดสรรเสรญิ เพอ่ื ขอพรจากพระโพธสิ ตั วอ์ วโลกเิ ตศวร เป็นคำ� ปฏญิ าณวา่ จะปฏบิ ตั ติ ามคำ� สอนของ พระพทุ ธเจา้ และยงั เป็นคาถาอาคมสยบสง่ิ ชวั่ รา้ ยทง้ั หลายทง้ั ปวง 06. - 6 (188-239).indd 234 5/10/2022 12:58:16 PM

บทท่ี ๖ ประวตั พิ ระพทุ ธศาสนาในเอเชยี ตะวนั ออกไกล 235 เผชญิ หนา้ กบั ปญั หาสำ� คญั ในการพฒั นาเศรษฐกจิ และความเป็นอยูข่ องประชาชน ทเิ บตปจั จบุ นั ยงั เป็นมณฑลหน่งึ ทย่ี งั ลา้ หลงั ของจนี นายจงบู ชเิ รนิ โตเจ ผูอ้ ำ� นวยการสถาบนั วจิ ยั ยคุ ปจั จบุ นั ของสภาวทิ ยาศาสตรส์ งั คมเขตปกครอง ตนเองทเิ บต ใหค้ วามเหน็ ว่า “ทเิ บตตอ้ งการพฒั นาแบบกา้ วกระโดด” และอกี ครงั้ นายจงบู ตอบคำ� ถามของ ศิษยช์ าวฝรงั่ เศสว่า “พวกคุณชาวฝรงั่ เศสใชช้ ีวติ แบบสมยั ใหม่ แลว้ ทำ� ไมพวกเราชาวธิเบตตอ้ งใชช้ ีวติ อยู่ใน พพิ ธิ ภณั ฑห์ ละ”29 ในทรรศนะดา้ นศาสนาของชาวทเิ บตมองวา่ ศาสนาเป็นส่วนหน่ึงของชวี ติ ผสมผสานอยู่ในชวี ติ ประจำ� วนั ชาวทเิ บตจงึ นิยมบวชเป็นพระภกิ ษุ พระพทุ ธศาสนาในทเิ บต เป็นส่วนหน่ึงของนิกายมหายาน แต่ภายหลงั ไดแ้ ตกจากมหายานเป็นวชั รยาน สามารถฉนั อาหารได้ ๓ ม้อื โดยประกอบอาหารกนั เอง มโี รงครวั อยู่ในวดั บางวดั ปลูกพชื ผกั สวนครวั เพอ่ื เอา ผลผลติ ไปปรุงอาหาร พระทเิ บตจะถอื พรหมจรรยอ์ ย่างเคร่งครดั ครองตวั เป็นโสด ไมส่ ามารถแต่งงานได้ซง่ึ การ บวชเป็นพระส่วนใหญ่จะบวชตง้ั แต่ตอนเดก็ ๆ ตามขนบธรรมเนียมประเพณี และทส่ี ำ� คญั คือ เมอ่ื ตดั สนิ ใจ บวชแลว้ ไม่สามารถสกึ ได้ เน่ืองจากเป็นจุดม่งุ หมายดง้ั เดมิ ของคนท่บี วช คือผูท้ ่ลี ะท้งิ บา้ นเรือน เป็นผูท้ ่สี ละ ความสุขทางโลก ทรพั ยส์ มบตั ทิ ง้ั หลาย ออกมาใชช้ วี ติ นกั บวชสำ� หรบั การประพฤติ ปฏบิ ตั ธิ รรม สมาธิ ภาวนา เพอ่ื นำ� ไปสู่ความพน้ ทกุ ข์ ซง่ึ ในโลกน้ีมเี พยี งประเทศไทยประเทศเดยี วเท่านนั้ ทบ่ี วชแลว้ สกึ ได้ แต่ปจั จบุ นั กม็ ลี าว กบั กมั พชู าไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากไทยดว้ ยเช่นกนั สำ� หรบั รูปแบบพธิ กี รรมทางศาสนาพทุ ธของชาวทเิ บตนนั้ จะค่อนขา้ งมสี สี นั เหลอื บ ๆ ไปทางวฒั นธรรมจนี มกี ารตกี ลอง ตฉี ่ิง ตหี วั ปลาไม้ ร่วมกบั การประกอบพธิ ี ส่วนการสวดมนตข์ องพระทเิ บตนน้ั จะมตี ้วิ หมนุ อยู่ เดนิ สวดไปหมนุ ต้วิ ไป ซง่ึ ภายในต้วิ ทห่ี มนุ จะบรรจพุ ระไตรปิฎก คาดวา่ เป็นสญั ลกั ษณ์ เมอ่ื หมนุ ๑ รอบกเ็ ท่า กบั วา่ ทอ่ งพระไตรปิฎกจบไป ๑ จบ เป็นรูปแบบหน่งึ ของพธิ กี รรม และการกราบไหวพ้ ระกแ็ ปลกแตกต่างจากไทย เพราะทเิ บตจะมกี ารไหว้๘ ทา่ ไหวแ้ ลว้ ยดื แขนยดื ขาลงไปนอนกบั พ้นื แบบทา่ ซปุ เปอรแ์ มนกำ� ลงั เหาะ แต่ไทยไหว้ เบญจางคประดษิ ฐ์ พธิ กี ารทำ� ศพของชาวพทุ ธในทเิ บตวา่ เมอ่ื มคี นตาย ญาตกิ จ็ ะนำ� ศพมาไวท้ ว่ี ดั เพอ่ื ใหพ้ ระสงฆป์ ระกอบ พธิ กี รรมทางศาสนา จากนนั้ สปั เหร่อจะยกศพแบกข้นึ ภเู ขาไปท้งิ เอาไว้ เพอ่ื ใหแ้ รง้ ลงมาจกิ กนิ ซากศพ เน่ืองจาก ทเิ บตมคี วามเชอ่ื อนั แรงกลา้ ในเรอ่ื งการกลบั ชาตมิ าเกดิ ใหม่ พวกเขาเชอ่ื วา่ เมอ่ื คนตายไปแลว้ วญิ ญาณจะออกจาก ร่างและยงั มคี วามห่วงร่างกายอยู่ ชาวทเิ บตจงึ มคี วามเช่อื วา่ ยง่ิ แรง้ กนิ ซากศพหมดเท่าไหร่ ญาตกิ จ็ ะยง่ิ ดใี จมาก เท่านนั้ เพราะวญิ ญาณทเ่ี ป็นห่วงร่างกายจะไดส้ บายใจ เพอ่ื จะไดก้ ลบั ไปเกดิ แบบหมดห่วง อย่างไรกต็ าม ชาวทเิ บตไดพ้ ฒั นาทางดา้ นวฒั นธรรมทม่ี เี อกลกั ษณะเฉพาะตวั ข้นึ มาหลายอย่าง ทงั้ ยงั ได้ มพี ฒั นาการทางดา้ นสตปิ ญั ญาและจติ ใจ ไดแ้ ก่ การมภี าษาทโ่ี ดดเด่น มวี รรณกรรมอนั ยง่ิ ใหญ่ และมผี ลงาน 29 หลวิ กาง เตอ๋ จ็ (สำ� นกั ขา่ วพเิ ศษแห่งประเทศจนี ), ขอ้ มลู จาก พระครูปรยิ ตั กิ ติ ตธิ รรมวงศ,์ ผศ.ดร., พระพทุ ธศาสนา ในโลกปจั จุบนั , หนา้ ๔๓๑. 06. - 6 (188-239).indd 235 5/10/2022 12:58:16 PM


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook