Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

(2) เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม

Published by agenda.ebook, 2019-11-12 00:09:58

Description: เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม จำนวน 5 เรื่อง

Search

Read the Text Version

๒.๑ องคป์ ระกอบของศาลรฐั ธรรมนญู 4 ศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจ�ำนวนเก้าคนซ่ึงพระมหากษัตริย์ทรงแต่งต้ัง ร๒าย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี จากบคุ คล ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งด�ำรงต�ำแหน่งไม่ต่�ำกว่าผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกามาแล้ว ไมน่ ้อยกว่าสามปี ซ่งึ ไดร้ บั คัดเลอื กโดยทปี่ ระชุมใหญศ่ าลฎกี า จ�ำนวนสามคน (๒) ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งด�ำรงต�ำแหน่งไม่ต�่ำกว่าตุลาการศาลปกครองสูงสุดมาแล้ว ไม่นอ้ ยกวา่ หา้ ปี ซึง่ ได้รบั คัดเลือกโดยที่ประชมุ ใหญ่ตลุ าการในศาลปกครองสงู สดุ จ�ำนวนสองคน (๓) ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ซึ่งได้รับการสรรหาจากผู้ด�ำรงต�ำแหน่งหรือเคยด�ำรงต�ำแหน่ง ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี และยังมีผลงานทางวิชาการ เป็นทปี่ ระจกั ษ์ จ�ำนวนหน่ึงคน (๔) ผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ซ่ึงได้รับการสรรหาจากผู้ด�ำรงต�ำแหน่งหรือ เคยดำ� รงต�ำแหนง่ ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลยั ในประเทศไทยมาแล้วเป็นเวลาไมน่ ้อยกว่าหา้ ปีและยังมีผลงาน ทางวิชาการเป็นที่ประจกั ษ์ จำ� นวนหนง่ึ คน (๕) ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับการสรรหาจากผู้รับหรือเคยรับราชการในต�ำแหน่งไม่ต่�ำกว่าอธิบดีหรือ หัวหนา้ สว่ นราชการทีเ่ ทียบเท่า หรือต�ำแหนง่ ไม่ต่ำ� กว่ารองอยั การสงู สุดมาแลว้ ไม่น้อยกว่าห้าปี จ�ำนวนสองคน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บทเฉพาะกาล มาตรา ๒๗๓ ให้ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ซ่ึงด�ำรงต�ำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ยังคงอยู่ในต�ำแหน่งเพ่ือปฏิบัติหน้าที่ ต่อไป และเม่ือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญท่ีเก่ียวข้องท่ีจัดท�ำขึ้นตามมาตรา ๒๖๗ ใช้บังคับแล้ว การด�ำรงต�ำแหน่งต่อไปเพียงใดให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว ในระหว่างเวลา ท่ียังไม่มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญท่ีจัดท�ำข้ึนตามมาตรา ๒๖๗ การพ้นจากต�ำแหน่งของตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญหรอื กฎหมายทเ่ี กย่ี วข้อง ๒.๒ หนา้ ทแ่ี ละอำ� นาจของศาลรฐั ธรรมนญู รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ไดบ้ ญั ญตั ใิ หศ้ าลรฐั ธรรมนญู มหี นา้ ทแี่ ละอำ� นาจ ในการพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของกฎหมายหรอื รา่ งกฎหมาย พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ปญั หาเกยี่ วกบั หน้าท่ีและอ�ำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ และมีหน้าท่ีและ อ�ำนาจตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ทั้งน้ี อาจแบ่งหน้าท่ีและอ�ำนาจของศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ได้เป็น ๘ กลุม่ ดงั น้ี (๑) การพิจารณาวนิ จิ ฉัยความชอบด้วยรฐั ธรรมนญู ของรา่ งกฎหมายและกฎหมาย (๒) การพิจารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของเงื่อนไขการตราพระราชก�ำหนด (๓) การพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอ�ำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอสิ ระ (๔) การคุ้มครองสทิ ธแิ ละเสรีภาพของประชาชน (๕) การพิทักษร์ ัฐธรรมนญู ระบอบการปกครอง และความมน่ั คงแห่งรัฐ ศาลรฐั ธรรมนูญ

5 (๖) การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั หนงั สอื สญั ญาระหวา่ งประเทศตอ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากรฐั สภากอ่ นหรอื ไม่ (๗) การพิจารณาวินิจฉยั คุณสมบตั ิและลกั ษณะตอ้ งหา้ มของผ้ดู ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี (๘) การพิจารณาวินิจฉัยกรณีอ่ืนที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอ่ืนก�ำหนดให้อยู่ ในอ�ำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๘๘ และมาตรา ๒๑๐ วรรคสอง ยังบัญญัติให้การพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลต้องด�ำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และ ในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ โดยมีอิสระในการพิจารณาวินิจฉัยคดีตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ให้เป็นไปโดยรวดเร็ว เป็นธรรม และปราศจากอคติทั้งปวง ตลอดจนการยื่นค�ำร้องและเงื่อนไขการย่ืนค�ำร้อง การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั การทำ� คำ� วนิ จิ ฉยั และการดำ� เนนิ งานของศาลรฐั ธรรมนญู นอกจากทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนญู แลว้ ให้เปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หนา้ ทแ่ี ละอำ� นาจของศาลรัฐธรรมนญู ทั้ง ๘ กลุม่ ดังกล่าวขา้ งต้น มรี ายละเอยี ด ดังนี้ ๑. การพจิ ารณาวนิ ิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างกฎหมายและกฎหมาย ๑.๑ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของรา่ งพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู (รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๑๓๒ ประกอบมาตรา ๑๔๘) รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๐ บญั ญตั ใิ หม้ พี ระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญ จำ� นวน ๑๐ ฉบับ คอื (๑) พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยการเลอื กต้ังสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร (๒) พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการไดม้ าซึง่ สมาชิกวฒุ ิสภา (๓) พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (๔) พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมือง (๕) พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยผตู้ รวจการแผ่นดนิ (๖) พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ (๗) พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยการตรวจเงนิ แผ่นดนิ (๘) พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยวิธีพจิ ารณาของศาลรัฐธรรมนญู (๙) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำ� รงต�ำแหน่ง ทางการเมือง (๑๐) พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยคณะกรรมการสทิ ธิมนุษยชนแห่งชาติ ในการพจิ ารณารา่ งพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู นนั้ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๒ ไดบ้ ญั ญตั ใิ หก้ ระทำ� เชน่ เดยี วกบั พระราชบญั ญตั ิ และไดบ้ ญั ญตั ใิ หภ้ ายใน ๑๕ วนั นบั แตว่ นั ทรี่ ฐั สภาใหค้ วามเหน็ ชอบรา่ งพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ขา้ งตน้ ใหร้ ฐั สภาสง่ รา่ งพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู ไปยงั ศาลฎกี า ศาลรฐั ธรรมนญู หรอื องคก์ รอสิ ระทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เพอื่ ใหค้ วามเหน็ ซงึ่ หากศาลฎกี า ศาลรฐั ธรรมนญู หรอื องคก์ รอสิ ระทเ่ี กย่ี วขอ้ ง แลว้ แตก่ รณี ไมม่ ขี อ้ ทกั ทว้ งภายใน ๑๐ วนั นบั แตว่ นั ทไี่ ดร้ บั รา่ งดงั กลา่ ว กใ็ หร้ ฐั สภาดำ� เนนิ การตอ่ ไป แตห่ ากศาลฎกี า ศาลรฐั ธรรมนญู หรอื องคก์ รอสิ ระทเี่ กย่ี วขอ้ งเหน็ วา่ รา่ งพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู ทรี่ ฐั สภาใหค้ วามเหน็ ชอบดงั กลา่ ว มขี อ้ ความใดขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู หรอื ทำ� ใหไ้ มส่ ามารถ ศาลรฐั ธรรมนญู

ปฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี หถ้ กู ตอ้ งตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู กใ็ หเ้ สนอความเหน็ นนั้ ไปยงั รฐั สภาและใหร้ ฐั สภาประชมุ รว่ มกนั 6 เพอ่ื พจิ ารณาแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ตามขอ้ เสนอของศาลฎกี า ศาลรฐั ธรรมนญู หรอื องคก์ รอสิ ระทเี่ กย่ี วขอ้ งตามทเ่ี หน็ สมควรได้ โดยใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน ๓๐ วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั ความเหน็ ดงั กลา่ ว และเมอ่ื ดำ� เนนิ การเสรจ็ แลว้ ใหร้ ฐั สภาดำ� เนนิ การตอ่ ไป ร๒าย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี อยา่ งไรกด็ ี รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๘ บญั ญตั วิ า่ กอ่ นท่ี นายกรฐั มนตรจี ะนำ� รา่ งพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ขนึ้ ทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายเพอ่ื พระมหากษัตรยิ ์ ทรงลงพระปรมาภิไธย หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกัน มีจ�ำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจ�ำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภาเสนอความเห็นต่อประธาน สภาผแู้ ทนราษฎร ประธานวฒุ สิ ภา หรอื ประธานรฐั สภา แลว้ แตก่ รณี หรอื นายกรฐั มนตรี เหน็ วา่ รา่ งพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือตราข้ึนโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ แหง่ รฐั ธรรมนญู กใ็ หส้ ง่ ความเหน็ เชน่ วา่ นน้ั ไปยงั ศาลรฐั ธรรมนญู เพอื่ วนิ จิ ฉยั ๑.๒ การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างพระราชบัญญัติ (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๘) ร่างพระราชบัญญัติใดท่ีรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ก่อนท่ีนายกรัฐมนตรีจะน�ำขึ้นทูลเกล้า ทลู กระหมอ่ มถวายเพอ่ื พระมหากษตั รยิ ท์ รงลงพระปรมาภไิ ธย หรอื รา่ งพระราชบญั ญตั ใิ ดทร่ี ฐั สภาลงมตเิ หน็ ชอบและ กอ่ นทนี่ ายกรฐั มนตรจี ะนำ� รา่ งพระราชบญั ญตั ดิ งั กลา่ วขน้ึ ทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายอกี ครงั้ หนง่ึ นนั้ ถา้ (๑) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกัน มีจ�ำนวน ไม่น้อยกว่าหน่ึงในสิบของจ�ำนวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มขี อ้ ความขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู หรอื ตราขนึ้ โดยไมถ่ กู ตอ้ งตามบทบญั ญตั แิ หง่ รฐั ธรรมนญู ใหเ้ สนอความเหน็ ตอ่ ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ประธานวฒุ สิ ภา หรอื ประธานรฐั สภา แลว้ แตก่ รณี แลว้ ใหป้ ระธานแหง่ สภาทไี่ ดร้ บั ความเห็นดงั กลา่ วสง่ ความเห็นนั้นไปยังศาลรฐั ธรรมนูญเพื่อวนิ ิจฉยั และแจ้งใหน้ ายกรัฐมนตรที ราบโดยไมช่ ักชา้ (๒) นายกรฐั มนตรี เห็นวา่ ร่างพระราชบัญญัตดิ ังกลา่ ว มีขอ้ ความขดั หรอื แย้งตอ่ รฐั ธรรมนญู หรอื ตราขนึ้ โดยไมถ่ กู ตอ้ งตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู ใหส้ ง่ ความเหน็ เชน่ วา่ นน้ั ไปยงั ศาลรฐั ธรรมนญู เพอ่ื วนิ จิ ฉยั และแจ้งใหป้ ระธานสภาผแู้ ทนราษฎรและประธานวุฒสิ ภาทราบโดยไม่ชักชา้ ถา้ ศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั วา่ รา่ งพระราชบญั ญตั นิ น้ั มขี อ้ ความขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู หรอื ตราขนึ้ โดยไมถ่ กู ตอ้ งตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู และขอ้ ความดงั กลา่ วเปน็ สาระสำ� คญั ใหร้ า่ งพระราชบญั ญตั นิ นั้ เปน็ อนั ตกไป ถา้ ศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั วา่ รา่ งพระราชบญั ญตั นิ น้ั มขี อ้ ความขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู แต่ไม่เป็นสาระส�ำคัญ ให้ข้อความท่ีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป และร่างพระราชบัญญัติน้ัน ยังคงสามารถประกาศใชบ้ ังคับได้ ๑.๓ การพิจารณาวินิจฉัยร่างข้อบังคับการประชุมของฝ่ายนิติบัญญัติไม่ให้ขัดหรือแย้ง ต่อรัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๙) รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอ�ำนาจพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ของร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ร่างข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา และร่างข้อบังคับการประชุม รฐั สภาทส่ี ภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา หรอื รฐั สภา ไดใ้ หค้ วามเหน็ ชอบแลว้ แตย่ งั มไิ ดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ศาลรัฐธรรมนญู

7 ว่ามีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือตราข้ึนโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ โดยผู้มีสิทธิ เขา้ ชอ่ื เสนอความเหน็ ใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ไดแ้ ก่ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา หรอื สมาชกิ รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี ของท้ังสองสภารวมกันมีจ�ำนวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในสิบของจ�ำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา เสนอความเหน็ ตอ่ ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ประธานวฒุ สิ ภา หรอื ประธานรฐั สภา แลว้ แตก่ รณี แลว้ ใหป้ ระธาน แหง่ สภาทไี่ ดร้ บั ความเหน็ ดงั กลา่ วสง่ ความเหน็ นนั้ ไปยงั ศาลรฐั ธรรมนญู เพอื่ วนิ จิ ฉยั ๑.๔ การพิจารณาวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติที่เสนอต่อรัฐสภามีหลักการอย่างเดียวกันหรือ คลา้ ยกันกบั หลักการของรา่ งพระราชบัญญตั ิทีต่ ้องยับยงั้ ไว้หรือไม่ (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๓๙) รฐั ธรรมนญู ไดบ้ ญั ญตั กิ ระบวนการตราพระราชบญั ญตั วิ า่ ตอ้ งเรมิ่ ตน้ เสนอใหส้ ภาผแู้ ทนราษฎร พจิ ารณากอ่ น เมอ่ื สภาผแู้ ทนราษฎรลงมตเิ หน็ ชอบแลว้ ใหเ้ สนอรา่ งพระราชบญั ญตั นิ น้ั ตอ่ ไปยงั วฒุ สิ ภาเพอื่ พจิ ารณา ใหค้ วามเหน็ ชอบ อยา่ งไรกด็ ี ในขนั้ ตอนการพจิ ารณาของวฒุ สิ ภา หากวฒุ สิ ภาไมเ่ หน็ ชอบดว้ ยกบั สภาผแู้ ทนราษฎร ใหถ้ อื วา่ วฒุ สิ ภาไดย้ บั ยงั้ รา่ งพระราชบญั ญตั นิ น้ั ไวก้ อ่ นและสง่ รา่ งพระราชบญั ญตั ดิ งั กลา่ วคนื ไปยงั สภาผแู้ ทนราษฎร หรอื หากวฒุ สิ ภาแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ รา่ งพระราชบญั ญตั นิ น้ั แตส่ ภาผแู้ ทนราษฎรไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั การแกไ้ ขและตอ่ มาไดม้ ี การตงั้ คณะกรรมาธกิ ารรว่ มกนั เพอื่ พจิ ารณาแลว้ แตส่ ภาใดสภาหนง่ึ ไมเ่ หน็ ชอบดว้ ยกบั รา่ งของคณะกรรมาธกิ าร รว่ มกนั ในกรณนี กี้ ถ็ อื วา่ มกี ารยบั ยงั้ รา่ งพระราชบญั ญตั ไิ วก้ อ่ นเชน่ กนั และระหวา่ งทม่ี กี ารยบั ยง้ั รา่ งพระราชบญั ญตั ิ ดงั กลา่ ว สภาผแู้ ทนราษฎรจะยกขนึ้ พจิ ารณาไดก้ ต็ อ่ เมอ่ื พน้ ระยะเวลา ๑๘๐ วนั เวน้ แตจ่ ะเปน็ รา่ งพระราชบญั ญตั ิ เกย่ี วกบั การเงนิ สภาผแู้ ทนราษฎรสามารถยกขนึ้ พจิ ารณาใหมไ่ ดก้ ต็ อ่ เมอื่ พน้ ระยะเวลา ๑๐ วนั ดงั นน้ั ในระหวา่ ง ที่มีการยับย้ังร่างพระราชบัญญัติ ห้ามมิให้คณะรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอร่างพระราชบัญญัติ ทมี่ หี ลกั การอยา่ งเดยี วกนั หรอื คลา้ ยกนั กบั หลกั การของรา่ งพระราชบญั ญตั ทิ ตี่ อ้ งยบั ยง้ั ไว้ กรณีท่ีสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติที่เสนอหรือส่งให้พิจารณานั้น เปน็ รา่ งพระราชบญั ญตั ทิ มี่ หี ลกั การอยา่ งเดยี วกนั หรอื คลา้ ยกนั กบั หลกั การของรา่ งพระราชบญั ญตั ทิ ตี่ อ้ งยบั ยงั้ ไว้ ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาส่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นร่างพระราชบัญญัติท่ีมีหลักการอย่างเดียวกันหรือคล้ายกันกับหลักการของ รา่ งพระราชบญั ญตั ทิ ต่ี อ้ งยบั ยงั้ ไว้ ใหร้ า่ งพระราชบญั ญตั นิ นั้ เปน็ อนั ตกไป ๑.๕ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั วา่ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา หรอื กรรมาธกิ าร กระทำ� การใด เพื่อใหต้ นมสี ่วนโดยตรงหรอื โดยอ้อมในการใช้งบประมาณรายจา่ ย หรือไม่ (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๔๔) รัฐธรรมนูญได้บัญญัติมาตรการเพื่อตรวจสอบกระบวนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจา่ ยประจำ� ปงี บประมาณ รา่ งพระราชบญั ญตั งิ บประมาณรายจา่ ยเพม่ิ เตมิ และรา่ งพระราชบญั ญตั ิ โอนงบประมาณรายจา่ ยวา่ มกี ารเสนอ การแปรญตั ติหรอื การกระทำ� ดว้ ยประการใดๆ ทม่ี ผี ลใหส้ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายหรือไม่ โดยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา มีจ�ำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจ�ำนวนสมาชิกทั้งหมด เทา่ ทมี่ อี ยขู่ องแตล่ ะสภา สามารถเสนอความเหน็ เพอื่ ใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการกระท�ำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญดังกล่าว ให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระท�ำดังกล่าวเป็นอันสิ้นผล และถ้าผู้กระท�ำการดังกล่าวเป็นสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรหรอื สมาชกิ วฒุ สิ ภา ใหผ้ กู้ ระทำ� การนน้ั สนิ้ สดุ สมาชกิ ภาพและใหเ้ พกิ ถอนสทิ ธสิ มคั รรบั เลอื กตงั้ ของ ผู้น้ันนับแต่วันท่ีศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำวินิจฉัย แต่ถ้าผู้กระท�ำการดังกล่าวเป็นคณะรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนูญ

อนมุ ตั ใิ หก้ ระทำ� การ หรอื รวู้ า่ มกี ารกระทำ� ดงั กลา่ วแลว้ แตม่ ไิ ดส้ ง่ั ยบั ยง้ั ใหค้ ณะรฐั มนตรพี น้ จากตำ� แหนง่ ทง้ั คณะ 8 และใหเ้ พกิ ถอนสทิ ธสิ มคั รรบั เลอื กตงั้ ของรฐั มนตรที พ่ี น้ จากตำ� แหนง่ นน้ั นบั แตว่ นั ทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู มคี ำ� วนิ จิ ฉยั และ ใหผ้ กู้ ระทำ� การดงั กลา่ วตอ้ งรบั ผดิ ชดใชเ้ งนิ นนั้ คนื พรอ้ มดว้ ยดอกเบยี้ ร๒าย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี นอกจากนี้ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผใู้ ดจดั ทำ� โครงการ หรอื อนมุ ตั โิ ครงการ หรอื จดั สรรเงนิ งบประมาณ โดยรู้ว่ามีการด�ำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้น้ันได้บันทึก ข้อโต้แย้งไว้เป็นหนังสือ หรือมีหนังสือแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ ใหเ้ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผนู้ นั้ พน้ จากความรบั ผดิ ในกรณที ค่ี ณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาตไิ ดร้ บั แจง้ เปน็ หนงั สอื จากเจา้ หนา้ ที่ ของรัฐท่ีรู้ว่ามีการกระท�ำอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติด�ำเนินการสอบสวนในทางลับโดยพลัน และเม่ือสอบสวนแล้วเห็นว่ามีมูลให้เสนอความเห็น ต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว และให้ศาลรัฐธรรมนูญด�ำเนินการต่อไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ พิจารณาวินิจฉัยให้ผู้กระท�ำความผิดสิ้นสุดสมาชิกภาพและให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกต้ังของผู้น้ัน กรณีท่ี ผู้กระท�ำความผิดเปน็ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรอื สมาชกิ วุฒิสภา ให้ผู้กระท�ำความผิดน้ันพน้ จากต�ำแหน่งและ เพกิ ถอนสทิ ธสิ มคั รรบั เลอื กตงั้ กรณที ผ่ี นู้ น้ั เปน็ คณะรฐั มนตรี และใหผ้ กู้ ระทำ� การดงั กลา่ วตอ้ งรบั ผดิ ชดใชเ้ งนิ นน้ั คนื พรอ้ มดว้ ยดอกเบยี้ ๑.๖ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีใดขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญหรอื ไม่ (รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๒๑๒) การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับ แก่คดีตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๒ บัญญัติไว้ จะต้องเป็นกรณีที่มีคดีเกิดข้ึนในศาลก่อน ไม่ว่าจะเกิดขึ้น ในศาลยตุ ธิ รรม ศาลปกครอง หรอื ศาลทหาร และไมว่ า่ คดนี น้ั จะอยรู่ ะหวา่ งการพจิ ารณาในศาลใดกต็ าม หากศาล เหน็ เองหรอื คคู่ วาม (โจทกห์ รอื จำ� เลย) หรอื คกู่ รณี (ผฟู้ อ้ งคดหี รอื ผถู้ กู ฟอ้ งคด)ี ในคดนี นั้ โตแ้ ยง้ พรอ้ มดว้ ยเหตผุ ลวา่ บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีน้ันขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และยังไม่มีค�ำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญในส่วนท่ีเกี่ยวกับบทบัญญัตินั้น ให้ศาลส่งความเห็นหรือค�ำโต้แย้งพร้อมด้วยเหตุผลดังกล่าว ผา่ นทางสำ� นกั งานศาลยตุ ธิ รรม สำ� นกั งานศาลปกครอง หรอื กรมพระธรรมนญู แลว้ แตก่ รณี เพอื่ สง่ ไปศาลรฐั ธรรมนญู พิจารณาวินิจฉัย ซ่ึงกรณีนี้ศาลที่ส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญยังสามารถพิจารณาคดีต่อไปได้ แต่ต้อง ใหร้ อการพพิ ากษาคดไี วเ้ ปน็ การชว่ั คราวจนกวา่ จะมคี ำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลรฐั ธรรมนญู นอกจากนี้ คำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลรฐั ธรรมนญู ใหใ้ ชไ้ ดใ้ นคดที ง้ั ปวง แตไ่ มก่ ระทบตอ่ คำ� พพิ ากษาของศาล อนั ถงึ ทส่ี ดุ แลว้ เวน้ แตใ่ นคดอี าญาใหถ้ อื วา่ ผซู้ ง่ึ เคยถกู คำ� พพิ ากษาวา่ กระทำ� ความผดิ ตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมาย ทศี่ าลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั วา่ ไมช่ อบดว้ ยรฐั ธรรมนญู เปน็ ผไู้ มเ่ คยกระทำ� ความผดิ ดงั กลา่ ว หรอื ถา้ ผนู้ นั้ ยงั รบั โทษอยู่ กใ็ หป้ ลอ่ ยตวั ไป แตท่ ั้งนี้ ไมก่ อ่ ให้เกิดสิทธิที่จะเรียกรอ้ งค่าชดเชยหรือค่าเสยี หายใดๆ ส�ำหรับบทบัญญัติที่ศาลจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย หมายถึง กฎหมายระดับ พระราชบญั ญตั ซิ งึ่ ตราขนึ้ โดยองคก์ รทใี่ ชอ้ ำ� นาจนติ บิ ญั ญตั หิ รอื รฐั สภา หรอื กฎหมายทใ่ี ชบ้ งั คบั ดงั เชน่ พระราชบญั ญตั ิ เชน่ พระราชกำ� หนดทไี่ ดร้ บั การพจิ ารณาอนมุ ตั จิ ากรฐั สภาแลว้ เปน็ ตน้ ศาลรัฐธรรมนญู

9 ๑.๗ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทผี่ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ เป็นผู้เสนอ (รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๒๓๑ (๑)) รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี การควบคุมกฎหมายมิให้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญโดยผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้เสนอให้ ศาลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๓๑ (๑) ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งเปน็ คดใี นศาลกอ่ น อยา่ งไรกด็ ี การเสนอเรอ่ื งเพอ่ื ใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั โดยผตู้ รวจการแผน่ ดนิ จะเปน็ กรณที ผี่ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ เหน็ วา่ บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายใดมปี ญั หาเกย่ี วกบั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ อาจเสนอเรอื่ งพรอ้ มดว้ ย ความเหน็ ตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู ทงั้ น้ี วธิ กี ารในการดำ� เนนิ การดงั กลา่ วเปน็ ไปตามทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบ รฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู ส�ำหรับบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณานั้น หมายถงึ กฎหมายในระดบั พระราชบญั ญตั ซิ ง่ึ ตราขนึ้ โดยองคก์ รทใ่ี ชอ้ ำ� นาจนติ บิ ญั ญตั หิ รอื รฐั สภา หรอื กฎหมาย ทใี่ ชบ้ งั คบั ดงั เชน่ พระราชบญั ญตั ิ เชน่ พระราชกำ� หนดทไี่ ดร้ บั การพจิ ารณาอนมุ ตั จิ ากรฐั สภาแลว้ เปน็ ตน้ ๒. การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของเงอื่ นไขการตราพระราชกำ� หนด (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๗๓) การตราพระราชกำ� หนดใหใ้ ช้บงั คบั ดงั เช่นพระราชบัญญตั ินน้ั รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๑๗๒ ได้บัญญัติ เง่ือนไขไว้ว่าจะต้องเป็นการตราข้ึนเพื่อประโยชน์ในอันท่ีจะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัย สาธารณะ ความมนั่ คงในทางเศรษฐกจิ ของประเทศ หรอื ปอ้ งปดั ภยั พบิ ตั สิ าธารณะ อยา่ งไรกด็ ี การตราพระราชกำ� หนดให้กระท�ำได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มี ความจำ� เป็นรบี ด่วนอันมอิ าจจะหลกี เล่ียงได้ เมอื่ พระราชกำ� หนดมผี ลใชบ้ งั คบั แลว้ รฐั ธรรมนญู บญั ญตั ใิ หค้ ณะรฐั มนตรจี ะตอ้ งเสนอพระราชกำ� หนดนน้ั ต่อรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภาอนุมัติหรือไม่อนุมัติพระราชก�ำหนดน้ันต่อไป และในระหว่างท่ีสภาผู้แทนราษฎรและ วุฒิสภายังไม่ได้อนุมัติพระราชก�ำหนดนั้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา จ�ำนวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้า ของจำ� นวนสมาชกิ ทง้ั หมดเทา่ ทมี่ อี ยขู่ องแตล่ ะสภามสี ทิ ธเิ ขา้ ชอื่ เสนอความเหน็ ตอ่ ประธานสภาแหง่ ทต่ี นเปน็ สมาชกิ วา่ พระราชกำ� หนดนน้ั ไมเ่ ปน็ ไปตามเงอื่ นไขวา่ เปน็ การตราขนึ้ เพอื่ ประโยชนใ์ นอนั ทจี่ ะรกั ษาความปลอดภยั ของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความม่ันคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ และให้ ประธานสภานั้นส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญภายใน ๓ วันนับแต่วันท่ีได้รับความเห็นเพ่ือพิจารณาวินิจฉัย และให้รอการพิจารณาพระราชก�ำหนดนนั้ ไว้ก่อนจนกวา่ จะได้รบั แจง้ คำ� วนิ ิจฉยั ของศาลรัฐธรรมนญู ทงั้ น้ี ศาลรฐั ธรรมนญู ตอ้ งมคี ำ� วนิ จิ ฉยั ภายใน ๖๐ วนั นบั แตว่ นั ทไี่ ดร้ บั เรอื่ ง และใหแ้ จง้ คำ� วนิ จิ ฉยั นนั้ ไปยังประธานแห่งสภาที่ส่งความเห็นนั้นมา ในกรณีท่ีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพระราชก�ำหนดใดไม่เป็นไปตาม เงือ่ นไขดงั กลา่ ว ให้พระราชกำ� หนดนั้นไมม่ ผี ลใช้บงั คบั มาแตต่ ้น ๓. การพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอ�ำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรฐั มนตรี หรอื องคก์ รอิสระ (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐ วรรคหนึง่ (๒)) นอกจากหน้าท่ีและอ�ำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือ รา่ งกฎหมายแลว้ รฐั ธรรมนญู ยงั บญั ญตั ใิ หศ้ าลรฐั ธรรมนญู มหี นา้ ทแ่ี ละอำ� นาจในการพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ปญั หาเกย่ี วกบั หนา้ ที่และอ�ำนาจของสภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ ิสภา รฐั สภา คณะรัฐมนตรี หรอื องคก์ รอิสระด้วย ทั้งน้ี รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ หมวด ๑๒ ไดบ้ ัญญัติใหม้ ี “องคก์ รอิสระ” ซึง่ เปน็ องคก์ รทจ่ี ัดตัง้ ขนึ้ ศาลรัฐธรรมนญู

ให้มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต เที่ยงธรรม ปราศจากอคติในการใช้ดุลพินิจ และเป็นไปตาม 10 รัฐธรรมนูญและกฎหมาย ได้แก่ คณะกรรมการการเลือกต้ัง ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผน่ ดนิ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหง่ ชาติ ๒ราย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี ปญั หาเกย่ี วกบั หนา้ ทแ่ี ละอำ� นาจดงั กลา่ วจะตอ้ งเปน็ ปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว้ และกรณที ปี่ ญั หานน้ั เกดิ ขนึ้ กบั หนว่ ยงานใดกใ็ หห้ นว่ ยงานนนั้ เปน็ ผมู้ สี ทิ ธยิ น่ื หนงั สอื ขอใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั แตถ่ า้ เปน็ กรณที เี่ ปน็ ปญั หา โต้แยง้ ระหวา่ งหน่วยงาน กใ็ หห้ นว่ ยงานท่ีเกย่ี วขอ้ งมีสทิ ธิยนื่ หนังสอื เพ่อื ขอให้ศาลรฐั ธรรมนูญพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ๔. การคุม้ ครองสิทธแิ ละเสรีภาพของประชาชน ๔.๑ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั กรณที ปี่ ระชาชนหรอื ชมุ ชนฟอ้ งหนว่ ยงานของรฐั เพอ่ื ใหไ้ ดร้ บั ประโยชน์ ตามรฐั ธรรมนญู หมวด ๕ หนา้ ท่ขี องรฐั (รัฐธรรมนญู มาตรา ๕๑) รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ หมวด ๕ หนา้ ทข่ี องรฐั ไดบ้ ญั ญตั ใิ หร้ ฐั มหี นา้ ทตี่ อ้ งดำ� เนนิ การเพอื่ ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กป่ ระชาชน และยงั ใหส้ ทิ ธปิ ระชาชนและชมุ ชนในการตดิ ตามและเรง่ รดั ใหร้ ฐั ดำ� เนนิ การ รวมทง้ั มสี ทิ ธฟิ อ้ งรอ้ งหนว่ ยงานของรฐั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เพอ่ื จดั ใหป้ ระชาชนหรอื ชมุ ชนไดร้ บั ประโยชนน์ น้ั ๔.๒ การพิจารณาวนิ จิ ฉยั กรณที ผ่ี ู้ถกู ละเมิดสทิ ธหิ รอื เสรภี าพท่รี ัฐธรรมนญู คุ้มครองไว้ร้องขอว่า การกระทำ� นน้ั ขดั หรอื แยง้ ต่อรัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๓) รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ไดบ้ ญั ญตั ใิ หบ้ คุ คลซงึ่ ถกู ละเมดิ สทิ ธหิ รอื เสรภี าพทรี่ ฐั ธรรมนญู คมุ้ ครองไวม้ สี ทิ ธยิ นื่ คำ� รอ้ งตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู เพอ่ื มคี ำ� วนิ จิ ฉยั วา่ การกระทำ� นนั้ ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู ๕. การพทิ กั ษ์รัฐธรรมนญู ระบอบการปกครอง และความม่ันคงแหง่ รัฐ ๕.๑ การพิจารณาวินิจฉัยการร้องขอให้เลิกการกระท�ำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ (รฐั ธรรมนูญ มาตรา ๔๙) รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ในหมวด ๓ สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ว่าบุคคลใด จะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพ่ือล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้ และหากผู้ใดทราบว่ามีการกระท�ำดังกล่าว ย่อมมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพ่ือร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สั่งการให้เลิกการกระท�ำดังกล่าวได้ อย่างไรก็ดี หากอัยการสูงสุดมีค�ำส่ังไม่รับด�ำเนินการตามท่ีร้องขอ หรือ ไม่ด�ำเนินการภายใน ๑๕ วันนับแต่วันท่ีได้รับค�ำร้อง ผู้ร้องจะยื่นค�ำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ ทั้งน้ี การดำ� เนนิ การดงั กลา่ วไมก่ ระทบตอ่ การดำ� เนนิ คดอี าญาตอ่ ผกู้ ระทำ� การลม้ ลา้ งการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ๕.๒ การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๕๖ (๙)) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๕๕ ได้บัญญัติให้การแก้ไข เพม่ิ เตมิ รฐั ธรรมนญู ทเ่ี ปน็ การเปลยี่ นแปลงการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ หรอื เปลย่ี นแปลงรปู แบบของรฐั จะกระทำ� มไิ ด้ นอกจากน้ี หากการแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ รฐั ธรรมนญู เปน็ การแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ หมวด ๑ บททว่ั ไป หมวด ๒ พระมหากษตั รยิ ์ หรอื หมวด ๑๕ การแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ รฐั ธรรมนญู หรอื เรอ่ื งทเี่ กยี่ วกบั คณุ สมบตั หิ รอื ลกั ษณะตอ้ งหา้ มของผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ตา่ งๆ ตามรฐั ธรรมนญู หรอื เรอ่ื งทเ่ี กยี่ วกบั หนา้ ทห่ี รอื อำ� นาจ ของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องท่ีท�ำให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติหน้าที่หรืออ�ำนาจได้ จะต้องจัด ศาลรฐั ธรรมนูญ

11 ใหม้ ีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าดว้ ยการออกเสยี งประชามติเสยี กอ่ น ทัง้ น้ี รัฐธรรมนูญยงั ไดก้ �ำหนด หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารในการแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ รฐั ธรรมนญู ไวอ้ ยา่ งชดั เจนดว้ ย รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี อย่างไรก็ดี ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะน�ำความกราบบังคมทูลเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลง พระปรมาภไิ ธยรา่ งรฐั ธรรมนญู แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร หรอื สมาชกิ วฒุ สิ ภา หรอื สมาชกิ ของทง้ั สอง สภารวมกนั มจี ำ� นวนไมน่ อ้ ยกวา่ หนงึ่ ในสบิ ของสมาชกิ ทง้ั หมดเทา่ ทมี่ อี ยขู่ องแตล่ ะสภา หรอื ของทง้ั สองสภารวมกนั แลว้ แตก่ รณี มสี ทิ ธเิ ขา้ ชอ่ื กนั เสนอความเหน็ ตอ่ ประธานแหง่ สภาทตี่ นเปน็ สมาชกิ หรอื ประธานรฐั สภา แลว้ แตก่ รณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมท่ีได้รับการลงมติเห็นชอบแล้วเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมที่เป็นการเปล่ียนแปลง การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเปล่ียนแปลงรูปแบบของรัฐ หรือมี ลกั ษณะทเี่ ปน็ การแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ หมวด ๑ บททวั่ ไป หมวด ๒ พระมหากษตั รยิ ์ หรอื หมวด ๑๕ การแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ รัฐธรรมนูญ หรือเรื่องท่ีเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือ เร่ืองท่ีเก่ียวกับหน้าที่หรืออ�ำนาจของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องที่ท�ำให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติ หนา้ ทหี่ รอื อำ� นาจได้ และใหป้ ระธานแหง่ สภาทไ่ี ดร้ บั เรอื่ งดงั กลา่ วสง่ ความเหน็ ไปยงั ศาลรฐั ธรรมนญู เพอื่ วนิ จิ ฉยั และ ใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน ๓๐ วนั นบั แตว่ นั ทไี่ ดร้ บั เรอ่ื ง โดยในระหวา่ งการพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ของ ศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะน�ำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพ่ือ พระมหากษตั รยิ ท์ รงลงพระปรมาภไิ ธยมไิ ด้ ๖. การวินิจฉัยหนังสือสัญญาใดต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนหรือไม่ (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๘) รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ไดบ้ ญั ญตั ิใหห้ นงั สือสัญญาใดท่ปี ระเทศไทย ท�ำกับนานาประเทศหรือกับองค์การระหว่างประเทศต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา โดยหนังสือสัญญา ดงั กลา่ ว ไดแ้ ก่ (๑) หนงั สือสญั ญาทม่ี ีบทเปลีย่ นแปลงอาณาเขตไทย (๒) หนังสือสัญญาที่มีบทเปล่ียนแปลงเขตพ้ืนที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือ มเี ขตอ�ำนาจตามหนังสอื สัญญาหรอื กฎหมายระหวา่ งประเทศ (๓) หนงั สือสญั ญาท่จี ะต้องออกพระราชบญั ญตั เิ พอ่ื ให้การเปน็ ไปตามหนังสือสัญญา (๔) หนงั สอื สญั ญาอน่ื ทอี่ าจมผี ลกระทบตอ่ ความมนั่ คงทางเศรษฐกจิ สงั คม หรอื การคา้ หรอื การลงทนุ ของประเทศอย่างกว้างขวาง อันได้แก่ หนังสือสัญญาเก่ียวกับการค้าเสรี เขตศุลกากรร่วม หรือการให้ใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ หรอื ทำ� ให้ประเทศตอ้ งสูญเสียสิทธใิ นทรพั ยากรธรรมชาติทั้งหมดหรอื บางส่วน หรอื หนงั สือ สัญญาอนื่ ตามท่ีกฎหมายบัญญัติ ในกรณีท่มี ปี ัญหาว่า หนงั สือสญั ญาใดตอ้ งไดร้ ับความเห็นชอบจากรฐั สภากอ่ นหรือไม่ คณะรัฐมนตรี จะขอให้ศาลรฐั ธรรมนญู วินิจฉัยกไ็ ด้ ๗. การพิจารณาวนิ ิจฉยั คณุ สมบัตแิ ละลักษณะต้องห้ามของผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง ๗.๑ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั การสน้ิ สดุ สมาชกิ ภาพหรอื คณุ สมบตั ขิ องสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรหรอื สมาชิกวฒุ ิสภา (รฐั ธรรมนญู มาตรา ๘๒) รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๘๒ ไดบ้ ญั ญตั เิ หตแุ หง่ การสนิ้ สดุ สมาชิกภาพของสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรคนใดคนหนึง่ ดงั ตอ่ ไปนี้ ศาลรัฐธรรมนญู

(๑) ลาออก (มาตรา ๑๐๑ (๓)) 12 (๒) ขาดคณุ สมบัติของการมสี ทิ ธสิ มคั รรับเลือกตัง้ เป็นสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร (มาตรา ๙๗) (๓) มลี กั ษณะตอ้ งหา้ มมใิ หใ้ ชส้ ทิ ธสิ มคั รรบั เลอื กตงั้ เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (มาตรา ๙๘) ร๒าย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี (๔) การกระท�ำอนั เปน็ การขดั กันแห่งผลประโยชน์ (มาตรา ๑๘๔ หรือ มาตรา ๑๘๕) (๕) ลาออกจากพรรคการเมอื งท่ีตนเป็นสมาชิก (มาตรา ๑๐๑ (๘)) (๖) พน้ จากการเป็นสมาชกิ ของพรรคการเมอื งท่ีตนเปน็ สมาชิกตามมติของพรรคการเมืองนนั้ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคการเมืองและ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรคการเมืองนั้น ในกรณีเช่นนี้ ถ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้นั้นมิได้เข้าเป็น สมาชิกของพรรคการเมืองอื่นภายใน ๓๐ วันนับแต่วันท่ีพรรคการเมืองมีมติ ให้ถือว่าสิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่ วนั ทพ่ี น้ ๓๐ วนั ดงั กล่าว (มาตรา ๑๐๑ (๙)) (๗) ขาดจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง แต่ในกรณีที่ขาดจากการเป็นสมาชิกของ พรรคการเมอื งเพราะมคี ำ� สง่ั ยบุ พรรคการเมอื งทสี่ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรผนู้ น้ั เปน็ สมาชกิ และสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ผนู้ ั้นไม่อาจเขา้ เปน็ สมาชกิ ของพรรคการเมืองอน่ื ได้ภายใน ๖๐ วันนบั แต่วนั ท่ีมีคำ� สง่ั ยบุ พรรคการเมือง ในกรณี เช่นนี้ ใหถ้ อื ว่าสิ้นสดุ สมาชิกภาพนบั แตว่ ันถดั จากวนั ท่คี รบกำ� หนด ๖๐ วนั น้นั (มาตรา ๑๐๑ (๑๐)) (๘) ขาดประชุมเกินจ�ำนวนหน่ึงในสี่ของจ�ำนวนวันประชุมในสมัยประชุมที่มีก�ำหนดเวลา ไมน่ ้อยกว่า ๑๒๐ วนั โดยไมไ่ ด้รบั อนุญาตจากประธานสภาผูแ้ ทนราษฎร (มาตรา ๑๐๑ (๑๒)) รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๘๒ ไดบ้ ญั ญตั เิ หตแุ หง่ การสนิ้ สดุ สมาชกิ ภาพของสมาชกิ วฒุ สิ ภาคนใดคนหนงึ่ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ลาออก (มาตรา ๑๑๑ (๓)) (๒) ขาดคุณสมบัตหิ รือมลี กั ษณะตอ้ งห้ามของการเปน็ สมาชิกวฒุ สิ ภา (มาตรา ๑๐๘) (๓) ขาดประชุมเกินจ�ำนวนหน่ึงในสี่ของจ�ำนวนวันประชุมในสมัยประชุมท่ีมีก�ำหนดเวลา ไม่นอ้ ยกวา่ ๑๒๐ วันโดยไมไ่ ดร้ บั อนุญาตจากประธานวุฒสิ ภา (มาตรา ๑๑๑ (๕)) (๔) กระทำ� การอนั เปน็ การฝกั ใฝห่ รอื ยอมตนอยใู่ ตอ้ าณตั ขิ องพรรคการเมอื งใดๆ (มาตรา ๑๑๓) หรือกระท�ำการอันเปน็ การขดั กันแห่งผลประโยชน์ (มาตรา ๑๘๔ หรอื มาตรา ๑๘๕) ในกรณดี งั กลา่ วขา้ งตน้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรหรอื สมาชกิ วฒุ สิ ภา จำ� นวนไมน่ อ้ ยกวา่ หนงึ่ ในสบิ ของจ�ำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกว่า สมาชกิ ภาพของสมาชกิ คนใดคนหนง่ึ แหง่ สภานน้ั สน้ิ สดุ ลงดว้ ยเหตดุ งั กลา่ วขา้ งตน้ และใหป้ ระธานแหง่ สภาทไี่ ดร้ บั ค�ำร้องส่งค�ำร้องนั้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่ นอกจากนี้ กรณีท่ีคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา คนใดคนหนงึ่ สน้ิ สดุ ลงเพราะเหตุดังกล่าว ใหส้ ่งเร่อื งไปยงั ศาลรัฐธรรมนูญเพอ่ื วนิ จิ ฉยั ได้ด้วย ๗.๒ การพจิ ารณาวินจิ ฉยั ความเป็นรัฐมนตรีสน้ิ สดุ ลงหรอื ไม่ (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐) รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๐ ไดบ้ ญั ญตั เิ หตทุ คี่ วามเปน็ รัฐมนตรีสน้ิ สดุ ลงเฉพาะตัวไว้ดงั ต่อไปนี้ (๑) ลาออก (มาตรา ๑๗๐ (๒)) (๒) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามของผูด้ �ำรงตำ� แหน่งรฐั มนตรี (มาตรา ๑๖๐) ศาลรัฐธรรมนูญ

13 (๓) กระท�ำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (มาตรา ๑๘๖) หรือกระท�ำการต้องห้าม ในการเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทต่อไป รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี ตามจ�ำนวนทีก่ ฎหมายบัญญตั ิ และเปน็ ลูกจา้ งของบุคคลใด (มาตรา ๑๘๗) (๔) ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเน่ืองจากด�ำรงต�ำแหน่งรวมกันแล้ว เกิน ๘ ปี (มาตรา ๑๕๘ วรรคสี)่ ในกรณดี งั กลา่ วขา้ งตน้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรหรอื สมาชกิ วฒุ สิ ภา จำ� นวนไมน่ อ้ ยกวา่ หนง่ึ ในสบิ ของจ�ำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาท่ีตนเป็นสมาชิกว่า ความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งส้ินสุดลงด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น และให้ประธานแห่งสภา ทไ่ี ดร้ บั คำ� รอ้ งสง่ คำ� รอ้ งนน้ั ไปยงั ศาลรฐั ธรรมนญู เพอ่ื วนิ จิ ฉยั วา่ ความเปน็ รฐั มนตรขี องรฐั มนตรผี นู้ น้ั สน้ิ สดุ ลงหรอื ไม่ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังบัญญัติให้คณะกรรมการการเลือกตั้งสามารถส่งเร่ืองให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณคี วามเป็นรฐั มนตรีของรฐั มนตรีคนใดคนหนึ่งสิน้ สดุ ลงหรือไมไ่ ด้ดว้ ย ๘. การพิจารณาวินิจฉัยกรณีอ่ืนที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นก�ำหนดให้อยู่ใน อำ� นาจของศาลรัฐธรรมนูญ ๘.๑ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั เกยี่ วกบั คำ� รอ้ งคดั คา้ นมติคำ� สงั่ และประกาศของคณะกรรมการการเลอื กตง้ั และการยุบพรรคการเมอื ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ (๑) การพิจารณาวินิจฉัยค�ำร้องคัดค้านมติของคณะกรรมการการเลือกต้ังที่ไม่รับจดทะเบียน จัดต้ังพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑ วรรคสอง และวรรคส่ี พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ บัญญตั ิให้ผู้ท่ีได้ รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เป็นผู้ยื่นค�ำขอจดทะเบียนจัดต้ังพรรคการเมืองต่อนายทะเบียน พรรคการเมอื ง โดยคำ� ขอจดทะเบยี นจดั ตงั้ พรรคการเมอื งจะตอ้ งประกอบดว้ ยเอกสารและหลกั ฐานตามทกี่ ฎหมาย กำ� หนด อยา่ งไรกด็ ี ภายหลงั จากการยน่ื คำ� ขอจดทะเบยี นจดั ตง้ั พรรคการเมอื งแลว้ หากนายทะเบยี นพรรคการเมอื ง เหน็ วา่ ค�ำขอจดทะเบียนจัดต้ังพรรคการเมืองไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายก�ำหนด ให้นายทะเบียน พรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกต้ังมีหนังสือแจ้งให้ผู้ย่ืนค�ำขอจดทะเบียนจัดตั้ง พรรคการเมืองทราบพรอ้ มดว้ ยเหตุผลเพือ่ แกไ้ ขให้แล้วเสรจ็ ภายใน ๖๐ วันนบั แตว่ นั ทไ่ี ด้รับหนังสอื น้ัน และเมือ่ พน้ กำ� หนดระยะเวลาดงั กลา่ วแลว้ ไมม่ กี ารแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งหรอื ไมค่ รบถว้ น ใหน้ ายทะเบยี นพรรคการเมอื งรายงาน คณะกรรมการการเลือกต้ังเพื่อพิจารณาและมีมติไม่รับจดทะเบียนจัดต้ังพรรคการเมือง และให้นายทะเบียน พรรคการเมอื งแจง้ มตดิ งั กลา่ วใหผ้ ยู้ น่ื คำ� ขอจดั ตง้ั พรรคการเมอื งทราบภายใน ๗ วนั นบั แตว่ นั ทค่ี ณะกรรมการมมี ติ ภายหลงั จากทรี่ บั ทราบมตไิ มร่ บั จดทะเบยี นจดั ตงั้ พรรคการเมอื งแลว้ ผยู้ นื่ คำ� ขอจดทะเบยี น จดั ตงั้ พรรคการเมอื ง มสี ทิ ธยิ นื่ คำ� รอ้ งคดั คา้ นมตขิ องคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู ไดภ้ ายใน ๓๐ วนั นบั แต่วนั ที่ได้รบั หนังสือแจ้งมตขิ องคณะกรรมการการเลือกตงั้ (๒) การวนิ จิ ฉยั คำ� รอ้ งคดั คา้ นมตขิ องคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ทมี่ มี ตใิ หเ้ พกิ ถอนขอ้ บงั คบั ของ พรรคการเมอื ง ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗ วรรคสาม และวรรคส่ี ศาลรัฐธรรมนญู

พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ บญั ญตั ใิ หข้ อ้ บงั คบั 14 พรรคการเมืองนอกจากจะต้องมีรายการตามท่ีกฎหมายก�ำหนดแล้ว จะต้องมีลักษณะท่ีไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและต้องไม่เปล่ียนแปลงรูปแบบของรัฐ ๒ราย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี ไมข่ ดั ตอ่ ความสงบเรยี บร้อยและศีลธรรมอันดขี องประชาชน ไมก่ อ่ ใหเ้ กิดความแตกแยกระหวา่ งคนในชาติ และ ไมค่ รอบง�ำหรอื เปน็ อปุ สรรคต่อการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยอิสระของสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรตามรัฐธรรมนญู อย่างไรก็ดีหากปรากฏภายหลังว่า ข้อบังคับของพรรคการเมืองท่ีได้ยื่นต่อนายทะเบียน พรรคการเมือง ไม่มีรายการตามที่กฎหมายก�ำหนดหรือมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ให้นายทะเบียน พรรคการเมอื งรายงานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ เพอื่ พจิ ารณาและมมี ตใิ หเ้ พกิ ถอนขอ้ บงั คบั นนั้ และใหแ้ จง้ มตขิ อง คณะกรรมการการเลือกต้ังให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองทราบภายใน ๗ วันนับแต่วันท่ีมีมต ิ ในการนี้ คณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งตอ้ งดำ� เนนิ การแกไ้ ขขอ้ บงั คบั ใหถ้ กู ตอ้ งหรอื ครบถว้ นภายใน ๖๐ วนั นับแต่วันท่ีได้รับหนังสือแจ้ง และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วหากไม่มีการแก้ไขหรือยังแก้ไขไม่ถูกต้อง หรือครบถ้วน ให้พรรคการเมอื งน้ันสนิ้ สภาพความเป็นพรรคการเมือง ภายหลงั จากทร่ี บั ทราบมตดิ งั กลา่ วแลว้ หวั หนา้ พรรคการเมอื งนน้ั มสี ทิ ธยิ นื่ คำ� รอ้ งคดั คา้ นมติ ใหเ้ พกิ ถอนขอ้ บงั คบั พรรคการเมอื งของคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู ไดภ้ ายใน ๓๐ วนั นบั แตว่ นั ทไี่ ดร้ บั หนังสอื แจ้งมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (๓) การวนิ จิ ฉัยค�ำร้องคัดคา้ นคำ� สัง่ ของคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ทใี่ หค้ ณะกรรมการบรหิ าร พรรคการเมอื งพน้ จากตำ� แหนง่ ทง้ั คณะ ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๒ วรรคห้า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ บัญญัติให้ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีหน้าที่ควบคุมและก�ำกับดูแลไม่ให้ สมาชิกกระท�ำการอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ รวมท้ังระเบียบ ประกาศ และค�ำสั่งของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง และเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือให้มี การเลอื กสมาชกิ วฒุ สิ ภา คณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งและกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื ง มหี นา้ ทค่ี วบคมุ และกำ� กบั ดแู ลมใิ หส้ มาชกิ หรอื ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ในพรรคการเมอื งกระทำ� การในลกั ษณะทอี่ าจทำ� ใหก้ ารเลอื กตง้ั หรอื การเลือกไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรืออาจเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด ซ่ึงสมคั รเข้ารับเลอื กเปน็ สมาชิกวุฒสิ ภา ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หากความปรากฏตอ่ คณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งหรอื กรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื ง หรอื เมอ่ื คณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งไดร้ บั แจง้ จากนายทะเบยี นพรรคการเมอื งวา่ สมาชกิ ของพรรคการเมอื ง กระทำ� การอนั เปน็ การฝา่ ฝนื ดงั กลา่ วขา้ งตน้ ใหค้ ณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งมมี ตหิ รอื สง่ั การใหส้ มาชิกผู้นน้ั ยุติการกระท�ำโดยพลนั และกำ� หนดมาตรการหรือวธิ กี ารท่ีจำ� เป็นเพอื่ มิให้เกิดการกระท�ำดงั กล่าวอีก แลว้ แจง้ ให้ นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายใน ๗ วันนับแต่วันที่มีมติ อย่างไรก็ดี หากความปรากฏต่อนายทะเบยี น พรรคการเมอื งวา่ คณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งมไิ ดม้ มี ตหิ รอื สง่ั การใหส้ มาชกิ ยตุ กิ ารกระทำ� ทเี่ ปน็ การฝา่ ฝนื ตามทก่ี ฎหมายกำ� หนด ใหน้ ายทะเบยี นพรรคการเมอื งเสนอเรอื่ งตอ่ คณะกรรมการการเลอื กตง้ั เพอ่ื พจิ ารณามีคำ� ส่ังให้ คณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งนนั้ พน้ จากตำ� แหนง่ ทงั้ คณะ และหา้ มมใิ หก้ รรมการบรหิ ารพรรคการเมอื ง ซง่ึ พน้ จากตำ� แหนง่ เพราะเหตดุ งั กลา่ วดำ� รงตำ� แหนง่ ในพรรคการเมอื งจนกวา่ จะพน้ เวลา ๒๐ ปนี บั แตว่ นั ทพ่ี น้ จากตำ� แหนง่ ศาลรฐั ธรรมนญู

15 ทงั้ นี้ กรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งทพ่ี น้ จากตำ� แหนง่ โดยคำ� สงั่ ของคณะกรรมการการเลอื กตง้ั มสี ทิ ธยิ นื่ คำ� รอ้ งคดั คา้ นคำ� สง่ั ดงั กลา่ วตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู ไดภ้ ายใน ๓๐ วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั หนงั สอื แจง้ คำ� สง่ั ดงั กลา่ ว รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี (๔) การวินิจฉัยค�ำร้องคัดค้านประกาศของคณะกรรมการการเลือกต้ังท่ีให้พรรคการเมือง สิ้นสภาพความเปน็ พรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๑ วรรคสาม พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ ไดบ้ ญั ญตั เิ กย่ี วกบั เหตุแห่งการสิ้นสภาพของพรรคการเมืองไว้หลายประการ อาทิ พรรคการเมืองไม่แก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้อง หรือครบถ้วนภายในระยะเวลาท่ีก�ำหนด หรือมีจ�ำนวนสมาชิกเหลือไม่ถึงตามจ�ำนวนที่ก�ำหนดไว้ภายหลังจาก ท่ีได้รับการจดทะเบียนพรรคการเมือง หรือไม่มีการประชุมใหญ่หรือไม่มีการด�ำเนินกิจกรรมทางการเมือง เปน็ ระยะเวลาตดิ ตอ่ กนั หนง่ึ ปโี ดยไมม่ เี หตอุ นั จะอา้ งไดต้ ามกฎหมาย หรอื พรรคการเมอื งเลกิ ตามขอ้ บงั คบั เปน็ ตน้ ซ่ึงเม่ือปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองหรือมีผู้แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าพรรคการเมืองใด สิ้นสภาพด้วยเหตุดังกล่าว ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าเห็นว่ามีกรณีที่เป็นเหตุให้ พรรคการเมืองส้ินสภาพ ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเพ่ือพิจารณา ถ้าคณะกรรมการการเลือกต้ังเห็นว่ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น ก็ให้ประกาศการสิ้นสภาพของพรรคการเมือง ในราชกิจจานุเบกษา และให้พรรคการเมืองน้ันส้ินสภาพตั้งแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา นอกจากนี้ ให้ถือวา่ การสิน้ สภาพของพรรคการเมืองดงั กล่าวเปน็ การถูกยบุ พรรคการเมอื งด้วย อย่างไรก็ดี หากหัวหน้าพรรคการเมืองท่ีถูกประกาศส้ินสภาพไม่เห็นด้วยกับการประกาศ ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ยื่นค�ำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพ่ือพิจารณาวินิจฉัยภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา (๕) การวินิจฉัยขอให้ยุบพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ ได้บัญญัติเหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองในกรณีท่ีคณะกรรมการการเลือกตั้งมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมอื งใดกระทำ� การอนั เปน็ การลม้ ลา้ งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ หรือกระท�ำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอ�ำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซ่ึงมิได้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญ หรือกระท�ำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเปน็ ประมขุ หรอื พรรคการเมอื งกระทำ� การฝา่ ฝนื บทบญั ญตั ขิ องกฎหมาย หรอื มเี หตอุ นั จะตอ้ งยบุ พรรคการเมอื ง ตามทกี่ ฎหมายกำ� หนด คณะกรรมการการเลอื กตง้ั สามารถยนื่ ตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู เพอื่ ใหม้ คี ำ� สงั่ ยบุ พรรคการเมอื งนน้ั ได้ และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญด�ำเนินการไต่สวนแล้วมีหลักฐานว่าพรรคการเมืองได้กระท�ำการตามเหตุดังกล่าว ใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู สง่ั ยบุ พรรคการเมอื งและเพกิ ถอนสทิ ธสิ มคั รรบั เลอื กตง้ั ของคณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งนน้ั นอกจากน้ี พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๙๓ ก�ำหนดว่า เมื่อความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่าพรรคการเมืองใดกระท�ำการอันเป็น เหตแุ ห่งการยบุ พรรคการเมอื งตามมาตรา ๙๒ คณะกรรมการการเลอื กตงั้ จะย่นื คำ� ร้องเอง หรือจะมอบหมายให้ นายทะเบยี นพรรคการเมอื งเปน็ ผยู้ น่ื คำ� รอ้ งและดำ� เนนิ คดแี ทนกไ็ ด้ และเพอ่ื ประโยชนใ์ นการดำ� เนนิ คดี นายทะเบยี น ศาลรัฐธรรมนญู

พรรคการเมืองโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกต้ังจะขอให้อัยการสูงสุดช่วยเหลือด�ำเนินการ 16 ในชนั้ การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนญู จนกว่าจะเสร็จส้ินก็ได้ (๖) การวินิจฉัยกรณีพรรคการเมืองไม่เห็นด้วยกับค�ำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ๒ราย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี เก่ียวกับการด�ำเนินการในเร่ืองท่ีบัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๑ บทเฉพาะกาลของพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๐ ได้บัญญัติให้พรรคการเมืองที่จัดต้ังหรือเป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๕๐ และยงั ดำ� รงอยใู่ นวนั กอ่ นวนั ทพ่ี ระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ใช้บังคับ เป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ด�ำรงต�ำแหน่งอยู่ก่อนวันที่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ ใชบ้ งั คบั ยงั คงเปน็ คณะกรรมการบรหิ าร พรรคการเมืองเพื่อด�ำเนินการตามมาตรา ๑๔๑ ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยใหถ้ อื วา่ พรรคการเมอื งดงั กลา่ วมสี มาชกิ ตามทป่ี รากฏในทะเบยี นสมาชกิ พรรคการเมอื งตามทป่ี รากฏ ในทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองท่ีส�ำนักงานจัดให้มีข้ึนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๕๐ นอกจากน้ี พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๑ ได้ก�ำหนดให้พรรคการเมืองต้องด�ำเนินการในเรื่องและภายในระยะเวลาท่ีก�ำหนด เช่น การแจ้ง เปลยี่ นแปลงสมาชกิ ทแี่ ตกตา่ งจากทปี่ รากฏในทะเบยี นสมาชกิ พรรคการเมอื งใหน้ ายทะเบยี นพรรคการเมอื งทราบ หรอื ดำ� เนนิ การใหม้ สี มาชกิ ใหค้ รบหา้ รอ้ ยคน หรอื จดั ใหม้ ที นุ ประเดมิ จำ� นวนหนงึ่ ลา้ นบาท และแจง้ ใหน้ ายทะเบยี น พรรคการเมอื งทราบ หรอื จดั ใหม้ กี ารประชมุ ใหญเ่ พอ่ื แกไ้ ขขอ้ บงั คบั และจดั ทำ� คำ� ประกาศอดุ มการณท์ างการเมอื ง ของพรรคการเมืองและนโยบายของพรรคการเมืองให้ถูกต้อง และเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ตามข้อบังคบั ของพรรคการเมืองทีแ่ กไ้ ขใหม่ เป็นต้น การวินิจฉัยเรื่องใดๆ ดังกล่าวท่ีมีผลกระทบต่อพรรคการเมือง พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ บัญญตั ใิ ห้เป็นอำ� นาจของคณะกรรมการการเลือกตงั้ ที่จะวินิจฉัย ในกรณีที่พรรคการเมืองไม่เห็นด้วยกับคำ� วินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกต้ัง ให้พรรคการเมืองย่ืนคำ� ร้องต่อ ศาลรฐั ธรรมนญู เพือ่ วินจิ ฉัยไดภ้ ายใน ๖๐ วนั นบั แตว่ ันที่ไดร้ ับทราบค�ำวนิ ิจฉยั ของคณะกรรมการการเลอื กต้ัง ๘.๒ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั เกยี่ วกบั มตคิ ณะรฐั มนตรหี รอื การดำ� เนนิ การของคณะรฐั มนตรเี ปน็ การ ปฏิบัตหิ นา้ ที่โดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัตกิ ารจัดทำ� ยทุ ธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติการจัดท�ำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๙ ได้บัญญัติให้ในกรณีที่ การด�ำเนินการของหน่วยงานของรัฐไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติหรือแผนแม่บท อันเป็นผลมาจากมติ คณะรัฐมนตรี หรือเป็นการด�ำเนินการของคณะรัฐมนตรีโดยตรง ให้คณะกรรมการจัดท�ำยุทธศาสตร์ชาติแจ้งให้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและวุฒิสภาทราบ และให้วุฒิสภาด�ำเนินการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการ ปฏิรูปประเทศ เพอื่ ให้บรรลุเป้าหมายตามท่บี ญั ญตั ิไว้ในรฐั ธรรมนญู และการจัดท�ำและด�ำเนนิ การตามแผนการ ปฏิรูปประเทศ ศาลรฐั ธรรมนูญ

17 ในกรณที วี่ ฒุ สิ ภาเหน็ วา่ กรณเี ปน็ ปญั หาวา่ มตคิ ณะรฐั มนตรหี รอื การดำ� เนนิ การของคณะรฐั มนตรี เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ให้วุฒิสภามีมติเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพ่ือวินิจฉัย รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี โดยเรว็ ซง่ึ หากศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั วา่ มตคิ ณะรฐั มนตรหี รอื การดำ� เนนิ การของคณะรฐั มนตรี เปน็ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี โดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย ใหค้ ณะกรรมการจดั ทำ� ยทุ ธศาสตรช์ าตสิ ง่ เรอ่ื งใหค้ ณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปราม การทจุ รติ แหง่ ชาตดิ ำ� เนนิ การตามหนา้ ทแี่ ละอำ� นาจโดยเรว็ ทง้ั นี้ ขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ กฎหมายในการพจิ ารณาของ คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาตใิ หร้ บั ฟงั ตามทปี่ รากฏในคำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลรฐั ธรรมนญู นอกจากนี้ ศาลรฐั ธรรมนญู และประธานศาลรฐั ธรรมนญู ยงั มหี นา้ ทแ่ี ละอำ� นาจทนี่ อกเหนอื จาก การวินจิ ฉัยคดีรัฐธรรมนญู ดงั น้ี ๑. การเสนอแนะความเห็นต่อร่างกฎหมายและพิจารณาแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการสรรหา ผ้ดู ำ� รงต�ำแหน่งในองคก์ รอสิ ระ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีหน้าท่ีและอ�ำนาจที่ไม่เกีย่ วกบั การพจิ ารณาวินิจฉยั คดี โดยเปน็ หนา้ ท่แี ละอ�ำนาจในการเสนอแนะความเห็นตอ่ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งภายหลังจากท่ีรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๒ (๒) ก�ำหนดให้รัฐสภาส่ง ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนั้นไปให้องค์กรที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู ดงั กลา่ ว ซงึ่ ในกรณขี องศาลรฐั ธรรมนญู นนั้ รฐั สภาจะตอ้ งสง่ รา่ งพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. .... ท่ีผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาแล้วไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ ใหค้ วามเหน็ วา่ มขี อ้ ความใดขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู หรอื ทำ� ใหไ้ มส่ ามารถปฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ หถ้ กู ตอ้ งตามบทบญั ญตั ิ ของรฐั ธรรมนูญไดห้ รือไม่ และรัฐสภามีอ�ำนาจท่ีจะแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ร่างพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วย วธิ พี ิจารณาของศาลรฐั ธรรมนูญ พ.ศ. .... ตามความเห็นและขอ้ สังเกตของศาลรัฐธรรมนญู นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญและกฎหมายอ่ืน ยังบัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และ อ�ำนาจในการแต่งต้ังบุคคลเป็นกรรมการสรรหาผู้ด�ำรงต�ำแหน่งในองค์กรอิสระ และร่วมกับองค์กรอิสระอ่ืน ในการกำ� หนดมาตรฐานทางจรยิ ธรรม เพอื่ ใชบ้ งั คบั กบั ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู และผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ในองคก์ รอสิ ระ รวมท้งั ผู้ว่าการตรวจเงนิ แผน่ ดินและหวั หน้าหน่วยงานธรุ การของศาลรัฐธรรมนูญและองคก์ รอสิ ระ ทัง้ น้ี จะต้อง ด�ำเนินการให้มีมาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าวภายในหน่ึงปีนับแต่วันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ตามท่ีบัญญัติไว้ ในรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๗ มาตรา ๒๑๙ และมาตรา ๒๗๖ นอกจากนี้ พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และก�ำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และ กจิ การโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และทีแ่ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔ ยงั บญั ญัตใิ หต้ ุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งได้รับเลือกจากท่ีประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จ�ำนวนหนึ่งคน ท�ำหน้าที่เป็น คณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทศั น์ และกจิ การโทรคมนาคม (กสทช.) ดว้ ย ๒. หนา้ ทแ่ี ละอำ� นาจของประธานศาลรัฐธรรมนูญตามบทบัญญัติของกฎหมาย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๙๓ บัญญัติให้ แต่ละศาล ยกเว้นศาลทหาร มหี นว่ ยงานธุรการรับผดิ ชอบงานธุรการทม่ี คี วามเป็นอิสระในการบรหิ ารงานบคุ คล การงบประมาณ และการดำ� เนนิ การอนื่ โดยใหม้ หี วั หนา้ หนว่ ยงานคนหนง่ึ เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชาขน้ึ ตรงตอ่ ประธานของ แต่ละศาล ในกรณีนี้ พระราชบัญญัติส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ บัญญัติให้ส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนญู

ศาลรัฐธรรมนูญมีเลขาธิการส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญคนหนึ่งรับผิดชอบการปฏิบัติงานของส�ำนักงาน 18 ศาลรัฐธรรมนูญข้ึนตรงต่อประธานศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและลูกจ้างของส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนญู โดยจะใหม้ รี องเลขาธิการส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนญู เปน็ ผ้ชู ่วยส่ังและปฏิบตั ิราชการด้วยกไ็ ด้ ร๒าย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี นอกจากนี้ พระราชบัญญัติส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ (๑) บัญญัติให้การบรรจุและแต่งต้ังให้บุคคลด�ำรงต�ำแหน่งเลขาธิการส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญและรองเลขาธิการ สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู เปน็ อำ� นาจของประธานศาลรฐั ธรรมนญู โดยความเหน็ ชอบของคณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู เป็นผู้มีอ�ำนาจส่ังบรรจุ และมาตรา ๑๖ บัญญัติให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ สำ� นกั งานศาลรัฐธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๔๒ ๒.๓ วธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๐ วรรคสอง บัญญัติว่า “การยื่น ค�ำรอ้ งและเงื่อนไขการยื่นค�ำร้อง การพจิ ารณาวนิ ิจฉัย การทำ� คำ� วนิ ิจฉยั และการด�ำเนนิ งานของศาลรัฐธรรมนญู นอกจากท่ีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา ของศาลรัฐธรรมนูญ” ซ่ึงปัจจุบันพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ประกาศใชบ้ ังคับแลว้ (ราชกิจจานเุ บกษา เลม่ ๑๓๕ ตอนที่ ๑๒ ก วนั ที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๑) กระบวนพิจารณาคดีของศาลรฐั ธรรมนญู มขี ้ันตอนดังนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๒๗ วรรคแรก ก�ำหนดให้ การพจิ ารณาคดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ใหใ้ ชร้ ะบบไต่สวน โดยให้ศาลมอี �ำนาจคน้ หาความจรงิ ไมว่ า่ จะเปน็ คณุ หรอื เปน็ โทษแกฝ่ า่ ยใดฝา่ ยหนงึ่ ได้ และในการวนิ จิ ฉยั ปญั หาขอ้ เทจ็ จรงิ ใหศ้ าลรบั ฟงั พยานหลกั ฐาน ได้ทุกประเภท เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติห้ามรับฟังไว้โดยเฉพาะ ไม่ว่าการไต่สวนพยานหลักฐานนั้นจะมี ขอ้ ผดิ พลาดคลาดเคลอ่ื นไปจากขน้ั ตอน วธิ กี าร หรอื กรอบเวลาทกี่ ฎหมายกำ� หนดไว้ ถา้ ศาลไดใ้ หโ้ อกาสแกค่ กู่ รณี ฝา่ ยอนื่ ในการนำ� สบื พยานหลกั ฐานหกั ลา้ งแลว้ กใ็ หศ้ าลรบั ฟงั ได้ ทงั้ น้ี เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ เทจ็ จรงิ ทถี่ กู ตอ้ งตรงตามความจรงิ ทีเ่ กิดข้นึ ในคดนี ้นั นอกจากนี้ยังก�ำหนดให้ในการพิจารณาของศาลจะต้องเป็นไปโดยความรวดเร็วตามที่ก�ำหนดใน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ และข้อก�ำหนดของ ศาลรัฐธรรมนูญ และในการปฏิบัติหน้าท่ี ศาลมีอ�ำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เก่ียวข้องจากบุคคลใดหรือ เรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยค�ำ ตลอดจนขอใหศ้ าลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลทหาร หน่วยงานของรัฐหรือพนกั งาน สอบสวน ดำ� เนนิ การใดเพ่ือประโยชน์แห่งการพิจารณาได้ ๑. การยื่นค�ำรอ้ งตอ่ ศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๒ คำ� รอ้ งตอ้ งทำ� เปน็ หนงั สอื ใชถ้ อ้ ยคำ� สภุ าพ มรี ายการครบถว้ นตามแบบทก่ี ำ� หนดในขอ้ กำ� หนด ของศาล ซ่งึ อยา่ งนอ้ ยตอ้ งระบุ (๑) ชื่อและทีอ่ ยู่ของผู้ร้อง (๒) เร่ืองหรือการกระท�ำท้ังหลายอันเป็นเหตุให้ต้องขอให้ศาลมีค�ำวินิจฉัยพร้อมท้ังข้อเท็จจริงหรือ พฤติการณ์ท่เี กย่ี วข้อง (๓) มาตราของรฐั ธรรมนญู และกฎหมายท่เี กี่ยวข้องกบั เหตใุ นคำ� รอ้ ง ศาลรฐั ธรรมนญู

19 (๔) คำ� ขอทรี่ ะบคุ วามประสงคจ์ ะใหศ้ าลดำ� เนนิ การอยา่ งใดพรอ้ มทง้ั เหตผุ ลสนบั สนนุ โดยชดั แจง้ การย่ืนค�ำร้องตามวรรคหน่ึง ให้คู่กรณีจัดท�ำส�ำเนาย่ืนต่อศาลตามจ�ำนวนท่ีก�ำหนดในข้อก�ำหนด รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี ของศาลด้วย คำ� รอ้ งใดมรี ายการไมค่ รบถว้ นตามวรรคหนง่ึ หรอื ไมช่ ดั เจน หรอื ไมอ่ าจเขา้ ใจได้ ใหห้ นว่ ยงานทรี่ บั ผดิ ชอบ งานศาลใหค้ ำ� แนะนำ� แกผ่ รู้ อ้ งเพอ่ื ดำ� เนนิ การแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ คำ� รอ้ งนน้ั ใหถ้ กู ตอ้ ง ในการด�ำเนินกระบวนการพิจารณา ผู้ร้องจะด�ำเนินการท้ังปวงด้วยตนเองหรือจะมอบฉันทะ ให้ทนายความหรือบุคคลอื่นย่ืนค�ำร้องหรือด�ำเนินคดีแทนผู้ร้องได้ ผู้รับมอบฉันทะต้องบรรลุนิติภาวะแล้วและ มคี วามรคู้ วามสามารถทอ่ี าจดำ� เนนิ การแทนผมู้ อบฉนั ทะได้ ๒. การแจ้งผ้รู อ้ งและส่งสำ� เนาคำ� ร้องใหแ้ ก่ผถู้ ูกรอ้ ง เมอ่ื ศาลรฐั ธรรมนญู มคี ำ� สง่ั รบั คำ� รอ้ งทมี่ คี กู่ รณไี วพ้ จิ ารณาวนิ จิ ฉยั แลว้ ใหส้ ง่ สำ� เนาคำ� รอ้ งแกผ่ ถู้ กู รอ้ ง หรือมีค�ำสั่งแจ้งให้ผู้ถูกร้องมารับส�ำเนาค�ำร้องภายในระยะเวลาที่ศาลก�ำหนด เม่ือผู้ถูกร้องได้รับส�ำเนาค�ำร้อง ให้ยื่นค�ำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่ได้รับส�ำเนาค�ำร้อง หรือภายในระยะเวลาที่ศาลก�ำหนด และใหน้ ำ� ความในมาตรา ๔๒ เกย่ี วกบั รายละเอยี ดของคำ� รอ้ งมาใชบ้ งั คบั กรณผี ถู้ กู รอ้ งไมย่ น่ื คำ� ชแี้ จงแกข้ อ้ กลา่ วหา ภายใน ๑๕ วนั นบั แตว่ นั ทไี่ ดร้ บั สำ� เนาคำ� รอ้ ง ใหถ้ อื วา่ ผถู้ กู รอ้ งไมต่ ดิ ใจทจ่ี ะยนื่ คำ� ชแ้ี จงแกข้ อ้ กลา่ วหา และใหศ้ าล ด�ำเนินกระบวนพจิ ารณาต่อไป ๓. องค์คณะและการพจิ ารณาคดี พระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธพี ิจารณาของศาลรัฐธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔ ได้นิยามความหมายของค�ำว่า “การพิจารณาคดี” คือ “การด�ำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ รวมถึงการไต่สวน การประชุมปรึกษาเพ่ือพิจารณาและวินิจฉัย หรือการนั่งพิจารณา” ในขณะท่ีค�ำว่า “กระบวนพิจารณา” หมายความว่า “การกระท�ำใดๆ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเก่ียวกับคดีซึ่งกระทำ� โดยคู่กรณี หรือโดยศาล หรือตามค�ำสั่งศาล ไม่ว่าการน้ัน จะเปน็ โดยค่กู รณีฝ่ายหนึง่ กระท�ำตอ่ ศาล หรือตอ่ ฝา่ ยใดฝ่ายหนึ่ง หรือศาลกระทำ� ตอ่ คกู่ รณฝี ่ายหน่ึงหรอื ทกุ ฝ่าย รวมถึงการส่งค�ำร้องและเอกสารอ่ืนๆ การพิจารณาคดี และการลงมติ ตลอดจนการปฏิบัติตามหน้าท่ีและ อ�ำนาจตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอ่ืน” และค�ำว่า “การน่ังพิจารณา” หมายความว่า การที่ศาลออกน่ังเก่ียวกับการพิจารณาคดีโดยคู่กรณีมีสิทธิมาอยู่ต่อหน้าศาล นอกจากน้ี พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ ยงั ไดก้ ำ� หนดรายละเอยี ด ที่เก่ียวข้องกับการพจิ ารณาคดขี องศาลไว้ดังนี้ ๓.๑ การพจิ ารณาคดโี ดยเปดิ เผย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๙ ก�ำหนดให้การนั่งพิจารณาของศาลให้กระท�ำโดยเปิดเผย เว้นแต่ศาลเห็นเป็นการสมควรเพื่อรักษา ความเรียบร้อยในบริเวณที่ท�ำการศาล หรือเพ่ือคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ศาลมีอ�ำนาจก�ำหนดบุคคลท่ีอยู่ ในหอ้ งพจิ ารณาคดไี ด้ และเมอื่ ศาลประกาศกำ� หนดวนั นดั ไตส่ วนครงั้ แรก ใหส้ ง่ สำ� เนาประกาศแกค่ กู่ รณไี มน่ อ้ ยกวา่ ๑๕ วันก่อนวันนัด ส่วนก�ำหนดวันนัดไต่ส่วนคร้ังต่อไป ให้เป็นไปตามท่ีศาลก�ำหนด และให้ปิดประกาศก�ำหนด นดั ดงั กลา่ วไว้ ณ ทที่ ำ� การศาลดว้ ย ศาลรฐั ธรรมนญู

๓.๒ การใหโ้ อกาสคกู่ รณแี สดงพยานหลกั ฐาน 20 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๐ และมาตรา ๖๑ กำ� หนดใหค้ กู่ รณจี ะอา้ งตนเอง บคุ คล และหลกั ฐานอน่ื เปน็ พยานหลกั ฐานได้ และมสี ทิ ธิ ๒ราย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี ขอตรวจพยานหลกั ฐานและขอสำ� เนาพยานหลกั ฐานของตนเองหรอื ของคกู่ รณอี กี ฝา่ ยหนง่ึ ในเวลาทำ� การได้ และ เพอ่ื ใหก้ ารพจิ ารณาคดเี ปน็ ไปดว้ ยความรวดเรว็ และเปน็ ธรรม ศาลอาจกำ� หนดใหม้ กี ารตรวจพยานหลกั ฐานกอ่ นกไ็ ด้ แตต่ อ้ งแจง้ ใหค้ กู่ รณที ราบลว่ งหนา้ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๕วนั กอ่ นวนั นดั ตรวจพยานหลกั ฐานอยา่ งไรกด็ ใี นการอา้ งพยานหลกั ฐานนน้ั ใหค้ กู่ รณยี นื่ บญั ชรี ะบพุ ยานหลกั ฐาน และวธิ กี ารทจ่ี ะไดม้ าซง่ึ พยานหลกั ฐานดงั กลา่ ว โดยอาจยน่ื บญั ชรี ะบพุ ยานหลกั ฐาน เพมิ่ เตมิ ได้ แตต่ อ้ งยน่ื เสยี กอ่ นวนั ทศ่ี าลกำ� หนดวา่ จะมคี ำ� วนิ จิ ฉยั ไมน่ อ้ ยกวา่ ๗ วนั นอกจากน้ี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๒ กำ� หนดใหใ้ นการไตส่ วนพยานบคุ คล ไมว่ า่ จะเปน็ พยานทฝี่ า่ ยใดอา้ งหรอื ทศี่ าลเรยี กมาเอง ใหศ้ าลมอี ำ� นาจสอบถามพยานบคุ คลเอง แลว้ ใหพ้ ยานเบกิ ความในขอ้ นนั้ โดยวธิ แี ถลงดว้ ยตนเองหรอื ตอบคำ� ถามศาล ศาลอาจถามพยานเกยี่ วกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ใดๆ ทเี่ กย่ี วเนอื่ งกบั คดี แมจ้ ะไมม่ ฝี า่ ยใดยกขนึ้ อา้ งกต็ าม และเพอื่ ประโยชน์ แหง่ ความยตุ ธิ รรม ศาลอาจอนญุ าตใหค้ กู่ รณซี กั ถามพยานเพม่ิ เตมิ ตามประเดน็ และขอ้ เทจ็ จรงิ ทศ่ี าลกำ� หนดไวก้ ไ็ ด้ โดยใหฝ้ า่ ยทอี่ า้ งพยานเปน็ ผซู้ กั ถามกอ่ น การถามพยานของศาลใชค้ ำ� ถามนำ� กไ็ ด้ หลงั จากคกู่ รณถี ามพยานแลว้ หา้ มมใิ ห้ คกู่ รณฝี า่ ยใดถามพยานอกี เวน้ แตจ่ ะไดร้ บั อนญุ าตจากศาล ๓.๓ การใหโ้ อกาสคกู่ รณสี บื พยานทอ่ี ยู่ นอกทที่ ำ� การศาล นอกเหนอื จากการไต่สวนพยานหลกั ฐานภายในศาลแล้ว พระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญ วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๓ กำ� หนดใหศ้ าลอาจอนญุ าตใหม้ กี ารไตส่ วนพยาน ทอี่ ยนู่ อกทท่ี ำ� การศาลตามทคี่ กู่ รณฝี า่ ยใดฝา่ ยหนงึ่ หรอื ทงั้ สองฝา่ ยรอ้ งขอ โดยอาจใชร้ ะบบการประชมุ ทางจอภาพ ตามข้อก�ำหนดของศาลได้ และให้ถือว่ากระท�ำในห้องพิจารณาของศาล โดยให้ฝ่ายที่ร้องขอเป็นผู้ด�ำเนินการ เพอ่ื จดั ใหม้ รี ะบบดงั กลา่ วและเปน็ ผเู้ สยี คา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ หมด ในกรณที ศ่ี าลเหน็ สมควร หรอื ในกรณที คี่ กู่ รณฝี า่ ยทอี่ า้ งพยานนน้ั รอ้ งขอและศาลอนญุ าต ศาลอาจ ก�ำหนดให้พยานบุคคลหรือพยานผู้เช่ียวชาญท่ีต้องมาเบิกความเสนอบันทึกถ้อยค�ำยืนยันข้อเท็จจริงหรือ ความเห็นล่วงหน้าต่อศาลตามประเด็นท่ีศาลก�ำหนดหรือที่ศาลอนุญาตให้คู่กรณีฝ่ายที่ร้องขอก�ำหนด โดยให้ส่ง ต้นฉบับบันทึกถ้อยค�ำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้าต่อศาล และส�ำเนาแก่คู่กรณีฝ่ายอื่นทราบก่อน วนั นดั สบื พยานบคุ คลหรอื พยานผเู้ ชย่ี วชาญนน้ั ไมน่ อ้ ยกวา่ ๗ วนั อยา่ งไรกด็ หี ากคกู่ รณที ต่ี ดิ ใจคดั คา้ นขอ้ เทจ็ จรงิ ในบันทึกถ้อยค�ำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้าดังกล่าวในประเด็นใด ให้ท�ำค�ำคัดค้านเป็นหนังสือ ยนื่ ตอ่ ศาลกอ่ นวนั นดั สบื พยานบคุ คลหรอื พยานผเู้ ชยี่ วชาญนนั้ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๓ วนั มฉิ ะนน้ั ใหถ้ อื วา่ ไมต่ ดิ ใจคดั คา้ น ในวันไต่สวนพยาน ให้พยานรับรองบันทึกถ้อยค�ำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้า แล้วตอบข้อซักถามเพิ่มเติมของศาลและคู่กรณีฝ่ายอ่ืนตามประเด็นที่เสนอต่อศาลและศาลอนุญาต หากพยาน ไมม่ าศาล หรอื มาศาลแตไ่ มย่ อมตอบขอ้ ซกั ถาม ใหศ้ าลปฏเิ สธทจี่ ะรบั ฟงั บนั ทกึ ถอ้ ยคำ� ยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ความเหน็ ล่วงหน้าของพยานบุคคลหรือพยานผู้เชี่ยวชาญนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดี เว้นแต่มีเหตุจ�ำเป็นหรือสมควร เพอ่ื ประโยชนแ์ หง่ ความยตุ ธิ รรม ศาลจะรบั ฟงั บนั ทกึ ถอ้ ยคำ� ยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ความเหน็ ลว่ งหนา้ ของพยานบคุ คล หรือพยานผ้เู ชี่ยวชาญนน้ั ประกอบพยานหลักฐานอื่นก็ได้ พยานบคุ คลหรือพยานผเู้ ชีย่ วชาญใดย่นื บนั ทึกถอ้ ยค�ำ ยนื ยนั ข้อเทจ็ จรงิ หรอื ความเหน็ ลว่ งหน้าตามวรรคหน่งึ ตอ่ ศาลแล้วจะขอถอนบนั ทกึ ถอ้ ยคำ� ยนื ยันขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ศาลรฐั ธรรมนูญ

21 ความเหน็ ลว่ งหนา้ นนั้ มไิ ด้ และเมอื่ พยานรบั รองบนั ทกึ ถอ้ ยคำ� ยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ความเหน็ ลว่ งหนา้ แลว้ ใหถ้ อื วา่ บนั ทกึ ถอ้ ยคำ� ยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ความเหน็ ลว่ งหนา้ นนั้ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของการใหถ้ อ้ ยคำ� ของพยาน ทง้ั น้ี เปน็ ไปตาม รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๔ ในระหวา่ งการไตส่ วนของศาล ใหศ้ าลบนั ทกึ รายงานการพจิ ารณาคดรี วมไวใ้ นสำ� นวน และจดั ให้ คกู่ รณีและพยานลงลายมือชือ่ ไว้เปน็ หลกั ฐาน หากคู่กรณหี รอื พยานลงลายมือชอ่ื ไม่ได้ หรอื ไมย่ อมลงลายมอื ชือ่ ให้ศาลท�ำรายงานจดแจ้งเหตุท่ีไม่มีลายมือช่ือเช่นนั้นแทนการลงลายมือช่ือ และให้ศาลบันทึกการให้ถ้อยค�ำของ พยานในการไตส่ วนรวมไวใ้ นสำ� นวนดว้ ย โดยใชอ้ ปุ กรณบ์ นั ทกึ เสยี งหรอื อปุ กรณบ์ นั ทกึ ภาพและเสยี ง หรอื วธิ กี ารอนื่ ใด ตามขอ้ กำ� หนดของศาลรฐั ธรรมนญู ทงั้ นี้ เปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของ ศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๖ ๓.๔ การใหโ้ อกาสคกู่ รณรี อ้ งขอใหม้ กี ารแถลงการณเ์ ปดิ คดหี รอื ปดิ คดี คกู่ รณฝี า่ ยหนงึ่ ฝา่ ยใดหรอื ทงั้ สองฝา่ ยมสี ทิ ธริ อ้ งขอใหม้ กี ารแถลงการณเ์ ปดิ คดหี รอื ปดิ คดขี องตนได้ ตามท่ีศาลเห็นสมควรและภายในเวลาท่ีศาลก�ำหนด การแถลงการณ์เปิดคดีหรือปิดคดีของคู่กรณีต้องท�ำเป็น หนงั สอื เวน้ แตศ่ าลเหน็ สมควรใหก้ ระทำ� ดว้ ยวาจา โดยหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และระยะเวลาในการแถลงการณเ์ ปดิ คดี หรือปิดคดี ให้เป็นไปตามข้อก�ำหนดของศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากน้ีคู่กรณี พยานในส่วนที่เกี่ยวกับค�ำเบิกความ ของตนหรอื บคุ คลภายนอก ผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี โดยชอบหรอื มเี หตผุ ลอนั สมควรกด็ ี มสี ทิ ธขิ อตรวจดู ขอคดั สำ� เนา และ ขอสำ� เนาทม่ี คี ำ� รบั รองความถกู ตอ้ งของเอกสารในสำ� นวนได้ ทง้ั น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขทกี่ ำ� หนด ไวใ้ นขอ้ กำ� หนดของศาลรฐั ธรรมนญู โดยจะกำ� หนดใหต้ อ้ งเสยี คา่ ธรรมเนยี มดว้ ยกไ็ ด้ ทงั้ น้ี เปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๖๗ และมาตรา ๖๘ ๔. การทำ� คำ� วนิ ิจฉยั หรอื ค�ำสั่ง พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๕ ก�ำหนดให้ในการวินิจฉัยคดี ตุลาการซ่ึงเป็นองค์คณะทุกคนต้องท�ำความเห็นส่วนตนเป็นหนังสือ พร้อมท้ังแถลง ดว้ ยวาจาตอ่ ทปี่ ระชมุ และใหท้ ป่ี ระชมุ ปรกึ ษาหารอื รว่ มกนั กอ่ นแลว้ จงึ ลงมติ ดงั นน้ั จงึ ถอื เปน็ หนา้ ทข่ี องตลุ าการ ทกุ คนทจ่ี ะตอ้ งรว่ มนงั่ พจิ ารณาและรว่ มทำ� คำ� วนิ จิ ฉยั เวน้ แตม่ เี หตถุ กู คดั คา้ นหรอื มเี หตจุ ำ� เปน็ อนื่ อนั ไมอ่ าจหลกี เลย่ี งได้ นอกจากนค้ี วามเห็นสว่ นตนของตุลาการ ใหท้ ำ� โดยสังเขปและต้องเผยแพร่ตอ่ สาธารณะตามขอ้ กำ� หนดของศาล นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๒ กำ� หนดใหอ้ งคค์ ณะของศาลในการนงั่ พจิ ารณาและในการทำ� คำ� วนิ จิ ฉยั ตอ้ งประกอบดว้ ย ตุลาการไม่น้อยกว่า ๗ คน และตุลาการซึ่งมิได้ร่วมในการพิจารณาในเน้ือหาคดีใด ย่อมไม่มีอ�ำนาจในการท�ำ ค�ำวินิจฉัยนั้น หากมีปัญหาว่าตุลาการคนใดร่วมในการพิจารณาในเนื้อหาคดีนั้นหรือไม่ ให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัย กอ่ นทจ่ี ะด�ำเนนิ กระบวนพิจารณาตอ่ ไป เว้นแตก่ ารไม่รว่ มท�ำคำ� วนิ ิจฉยั จะท�ำใหม้ ีองค์คณะเหลือไมถ่ งึ เจด็ คน ในการทำ� คำ� วนิ จิ ฉยั ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๕ วรรคสาม กำ� หนดให้ องคค์ ณะอาจมอบหมายใหต้ ลุ าการคนหนง่ึ คนใด เปน็ ผจู้ ดั ทำ� คำ� วนิ จิ ฉยั ตามมตขิ องศาลกไ็ ด้ และคำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลใหป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาภายใน ๓๐ วนั นบั แตว่ นั ทม่ี คี ำ� วนิ จิ ฉยั ในส่วนของผลของค�ำวินิจฉัย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๖ ก�ำหนดให้ ค�ำวินิจฉัยของศาลให้มีผลในวันอ่าน และในกรณีที่ ศาลมีค�ำวนิ จิ ฉยั ท่มี ีคกู่ รณี ถา้ ค่กู รณฝี ่ายใดฝา่ ยหนงึ่ หรือทัง้ สองฝ่าย แล้วแตก่ รณี ทราบนดั โดยชอบแลว้ ไมม่ าให้ ศาลรฐั ธรรมนูญ

ศาลบันทึกไว้และให้ถือว่าค�ำวินิจฉัยน้ันได้อ่านโดยชอบแล้ว หรือในกรณีท่ีศาลมีค�ำวินิจฉัยคดีท่ีไม่มีผู้ถูกร้องให้ 22 ศาลแจ้งคำ� วนิ จิ ฉัยของศาลแก่ผรู้ อ้ งหรือผู้มีหนงั สอื ขอให้ศาลพจิ ารณาวินิจฉัย และให้ถือว่าวนั ทีศ่ าลลงมติซึง่ เปน็ วนั ทปี่ รากฏในคำ� วนิ ิจฉยั เป็นวันอ่าน ๒ราย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี ในกรณีที่ศาลมีค�ำวินิจฉัยคดีเก่ียวกับการพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของเง่ือนไข การตราพระราชก�ำหนด (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๓) การพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาล จะใชบ้ งั คบั แกค่ ดใี ดขดั หรอื แยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู หรอื ไม่(รฐั ธรรมนญู มาตรา ๒๑๒) การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั กรณที ผ่ี ถู้ กู ละเมดิ สิทธิหรือเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ร้องขอว่าการกระท�ำน้ันขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๓) หรอื การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายตามทผี่ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ เป็นผู้เสนอ (รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๓๑ (๑)) ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบงานธุรการของศาลจัดท�ำประกาศ ผลแห่งค�ำวินิจฉัยของศาลส่งไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาโดยเร็ว ส่วนการแจ้งให้คู่กรณีมาฟังค�ำวินิจฉัยและ การอา่ นคำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลและการแจง้ คำ� วนิ จิ ฉยั ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารตามขอ้ กำ� หนดของศาลรฐั ธรรมนญู นอกจากน้ี ในกรณีที่ศาลมีค�ำส่ังไม่รับค�ำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยและจ�ำหน่ายคดี ค�ำส่ังดังกล่าว จะตอ้ งประกอบดว้ ยความเปน็ มาโดยยอ่ ของคดี เหตผุ ลในการมคี ำ� สงั่ ความเหน็ ประกอบ และบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู และกฎหมายทยี่ กขน้ึ อา้ งองิ และเมอื่ จดั ทำ� คำ� สง่ั เสรจ็ แลว้ ใหแ้ จง้ คกู่ รณที ราบ พรอ้ มปดิ ประกาศไว้ ณ ทที่ ำ� การศาล ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๕ วนั ทง้ั นี้ คำ� สงั่ ของศาลดงั กลา่ วใหม้ ผี ลในวนั ทศ่ี าลลงมตซิ งึ่ เปน็ วนั ทปี่ รากฏในคำ� สง่ั ทง้ั น้ี เปน็ ไปตาม พระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗๗ ๓. สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๐ วรรคสาม บัญญตั วิ า่ “ให้นำ� ความ ในมาตรา ๑๘๘ มาตรา ๑๙๐ มาตรา ๑๙๑ และมาตรา ๑๙๓ มาใชบ้ งั คับแกศ่ าลรฐั ธรรมนูญด้วยโดยอนโุ ลม” ประกอบกับมาตรา ๑๙๓ บัญญัติว่า “ให้แต่ละศาล ยกเว้นศาลทหาร มีหน่วยงานท่ีรับผิดชอบงานธุรการท่ีมี ความเปน็ อสิ ระในการบรหิ ารงานบคุ คล การงบประมาณ และการดำ� เนนิ การอน่ื โดยใหม้ หี วั หนา้ หนว่ ยงานคนหนง่ึ เปน็ ผ้บู ังคับบญั ชาขน้ึ ตรงต่อประธานของแต่ละศาล ทง้ั น้ีตามท่กี ฎหมายบัญญตั ”ิ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมีอิสระในการบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการด�ำเนินการอื่น ทั้งน้ี ตามท่ีกฎหมายบัญญัติ” และตามพระราชบัญญัติส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓ ให้มี ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเป็นส่วนราชการท่ีเป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญมีฐานะเป็นกรมตามกฎหมาย ว่าด้วยระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดนิ ๓.๑ อำ� นาจหนา้ ทขี่ องสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู พระราชบญั ญตั สิ ำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๔๒ กำ� หนดใหส้ ำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู เปน็ สว่ นราชการ ท่ีเป็นหน่วยงานอิสระ มีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มีอ�ำนาจหน้าท่ี ตามมาตรา ๔ ดังนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ

23 “มาตรา ๔ สำ� นักงานศาลรัฐธรรมนญู มอี �ำนาจหน้าที่ดงั ต่อไปนี้ (๑) รบั ผิดชอบงานธุรการของศาลรฐั ธรรมนญู รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี (๒) ศึกษาและรวบรวมข้อมูล ค�ำสั่ง และค�ำวินิจฉัยต่างๆ เก่ียวกับงานของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรฐั ธรรมนญู (๓) สนบั สนุนใหม้ ีการศกึ ษาวิจยั และเผยแพรก่ จิ การของศาลรัฐธรรมนญู (๔) ปฏบิ ตั ิการอน่ื ตามท่ีคณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนูญมอบหมาย” ๓.๒ พนั ธกจิ ของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู (๑) ศกึ ษา วเิ คราะหด์ า้ นคดแี ละกฎหมายเพอื่ สนบั สนนุ การปฏบิ ตั ภิ ารกจิ หนา้ ทขี่ องคณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู (๒) ด�ำเนนิ งานอำ� นวยการของศาลรฐั ธรรมนูญตามกระบวนการพิจารณาวนิ จิ ฉยั ของศาลรัฐธรรมนญู (๓) สนับสนุนด้านการศึกษาวิจัยทางวิชาการ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจหน้าที่ของคณะตุลาการ ศาลรัฐธรรมนญู ตลอดจนสรา้ งและพัฒนาองคค์ วามรใู้ หม่เกี่ยวกบั รฐั ธรรมนญู และงานศาลรัฐธรรมนญู (๔) พฒั นาระบบบรหิ ารจัดการสำ� นักงานและบุคลากร เพื่อส่งเสริม สนบั สนุนการปฏบิ ตั ภิ ารกิจหน้าทข่ี อง คณะตุลาการศาลรฐั ธรรมนญู (๕) เผยแพร่ ให้บริการข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ การศึกษาต่อสาธารณะเก่ียวกับรัฐธรรมนูญ งานศาลรฐั ธรรมนญู และการด�ำเนินกิจการของศาลรัฐธรรมนญู ๓.๓ โครงสรา้ งสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู โครงสร้างและหน้าท่ีความรับผิดชอบของส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญตามประกาศศาลรัฐธรรมนูญ เรอ่ื ง การแบง่ สว่ นราชการภายในและอำ� นาจหนา้ ทขี่ องสว่ นราชการในสงั กดั สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๕๕ (ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เล่มท่ี ๑๒๙ ตอนที่ ๓๖ ลงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๕) ประกอบด้วย (๑) กล่มุ งานผเู้ ชี่ยวชาญ (๒) กลมุ่ งานตรวจสอบภายใน (๓) ส�ำนักประธานศาลรฐั ธรรมนญู (๔) ส�ำนกั บรหิ ารกลาง (๕) ส�ำนักคดี ๑ (๖) สำ� นกั คดี ๒ (๗) ส�ำนักคดี ๓ (๘) สำ� นกั คดี ๔ (๙) ส�ำนกั คดี ๕ (๑๐) ส�ำนกั พัฒนาระบบบริหาร (๑๑) สำ� นกั เทคโนโลยสี ารสนเทศและประชาสัมพนั ธ์ (๑๒) สถาบันรัฐธรรมนูญศกึ ษา ศาลรัฐธรรมนูญ

แผนภาพที่ ๑ โครงสรา้ งและการแบง่ สว่ นราชการภายในสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ ทปี่ รึกษา ศาลรฐั ธรรมนูญ รวม ตุลาการศาลรัฐธรรมนญู ๑๖๙ อตั รา ๑ สำ� นักงานศาลรัฐธรรมนญู สำ� นกั งาเนลศขาาลธรกิ ฐั าธรรรมนญู ผทู้ รงคุณวฒุ ิ/ผู้เช่ยี วชาญ ๑ ๙ ด้านคดี สรอำ� นงเักลงขาานธศกิ าาลรรัฐธรรมนญู 24 ผู้ทรงคณุ วฒุ ิ/ผเู้ ช่ียวชาญ (ดา้ นคดี) ๒ราย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี ๕ ดา้ นบรหิ าร ๑ สรอ�ำนงเกั ลงขาานธศิกาาลรรัฐธรรมนูญ ส�ำนักประธาน ๑๑ ส�ำนกั คดี ๑ (ด้านบรหิ าร) ๙ ศาลรัฐธรรมนูญ ๑ ๒๒ ส�ำนักบรหิ ารกลาง ๓ กลุ่มงานผเู้ ชย่ี วชาญ ๑๑ สำ� นกั คดี ๒ ๑๖ สำ� นกั พฒั นาระบบบรหิ าร ๓ กลมุ่ งานตรวจสอบภายใน ๑๑ ส�ำนกั คดี ๓ ๑๑ สำ� นกั คดี ๔ ส�ำนกั เทคโนโลยีสารสนเทศ ๑๗ และประชาสัมพันธ์ ๒๒ สถาบันรฐั ธรรมนญู ศกึ ษา ๑๕ ส�ำนกั คดี ๕ ศาลรฐั ธรรมนูญ

25 ส่วนราชการภายในส�ำนกั งานศาลรัฐธรรมนูญมฐี านะและอ�ำนาจหนา้ ท่ี ดังน้ี (๑) กล่มุ งานผู้เชี่ยวชาญ มีอำ� นาจหน้าท่ี ดงั น้ี รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี (ก) ตรวจสอบ และกลั่นกรองสรุปย่อค�ำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและบรรทัดฐานค�ำวินิจฉัยของ ศาลรฐั ธรรมนญู (ข) วเิ คราะห์ ตรวจสอบ และกลนั่ กรองคำ� แถลงการณแ์ ละใหค้ วามเหน็ เกยี่ วกบั คดรี ฐั ธรรมนญู ตามท่ี ไดร้ บั มอบหมาย (ค) ค้นคว้า วิเคราะห์ ให้ความเห็นและจัดท�ำเอกสารทางวิชาการในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับ งานคดรี ฐั ธรรมนญู การบรหิ ารงานของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู หรอื งานอนื่ ใดตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย (ง) วเิ คราะหผ์ ลกระทบทเี่ กดิ ขน้ึ จากผลแหง่ คำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลรฐั ธรรมนญู ตามทไี่ ดร้ บั มอบหมาย (จ) ให้การสนับสนุนและให้ค�ำแนะน�ำในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับงานด้านบริหารทั่วไปของส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนูญ รวมท้ังวิเคราะห์ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นจากการบริหารงานดังกล่าวและผลกระทบอื่น ที่อาจเกิดขึ้น ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย (ฉ) ใหค้ ำ� ปรกึ ษาและแนะนำ� เกย่ี วกบั ระบบงานของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู (ช) ศกึ ษาวเิ คราะหก์ ฎหมาย ระเบยี บ คำ� สง่ั และขอ้ บงั คบั รวมทงั้ นโยบายทมี่ ผี ลกระทบตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ตามทไี่ ดร้ บั มอบหมาย (ซ) ใหค้ ำ� ปรกึ ษา ตรวจสอบ กลน่ั กรอง การยกรา่ งกฎหมาย ระเบยี บ คำ� สงั่ และขอ้ บงั คบั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง กบั การบรหิ ารงานของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย (ฌ) ปฏบิ ัติหน้าท่ีอ่นื ๆ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย กลุ่มงานผู้เช่ียวชาญมีผู้อ�ำนวยการกลุ่มงานเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติ ราชการในฐานะหัวหน้าส่วนราชการระดับกองหรือสูงกว่ากอง มีอ�ำนาจหน้าท่ีในการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ ของทปี่ รึกษาสำ� นักงานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้เชย่ี วชาญด้านคดีและวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญดา้ นการบริหาร (๒) กลุม่ งานตรวจสอบภายใน มีอำ� นาจหนา้ ท่ี ดังนี้ (ก) ศกึ ษา วเิ คราะหแ์ ละพฒั นาองคค์ วามรเู้ กย่ี วกบั การตรวจสอบภายใน เพอ่ื เสรมิ สรา้ งประสทิ ธภิ าพ ของหนว่ ยรบั ตรวจ (ข) ตรวจสอบดา้ นการเงนิ และการบญั ชขี องสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู (ค) ดำ� เนนิ การตรวจสอบและประเมนิ ระบบควบคมุ ภายในและการบรหิ ารความเสยี่ งของหนว่ ยรบั ตรวจ (ง) ปฏบิ ตั หิ นา้ ทอ่ี น่ื ๆ ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย (๓) ส�ำนักประธานศาลรัฐธรรมนูญ มีผู้อ�ำนวยการส�ำนักเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบ ในการปฏบิ ตั ิราชการในฐานะหัวหน้าสว่ นราชการทส่ี งู กว่ากอง มีอ�ำนาจหน้าที่ ดงั นี้ (ก) เสนอความเหน็ เพอื่ ประกอบการพจิ ารณาสง่ั การของประธานศาลรฐั ธรรมนญู ในการกำ� หนดนโยบาย การบรหิ ารงานของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู รวมทงั้ ตดิ ตามผลการดำ� เนนิ งานตามนโยบายของ ประธานศาลรฐั ธรรมนญู (ข) สนบั สนนุ การปฏบิ ตั งิ านของคณะผสู้ นบั สนนุ การปฏบิ ตั งิ านของประธานศาลรฐั ธรรมนญู และตลุ าการ ศาลรฐั ธรรมนญู ศาลรฐั ธรรมนญู

(ค) ประสานงานคณะรัฐมนตรี รัฐสภา และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งองค์กรและ 26 สถาบนั ตา่ งๆ เพอ่ื ใหก้ ารบรหิ ารงานของศาลรฐั ธรรมนญู ดำ� เนนิ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย (ง) ด�ำเนินการเก่ียวกับการต้อนรับ และอ�ำนวยความสะดวกให้แก่การเยือนของอาคันตุกะ ร๒าย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี ตา่ งประเทศ (จ) ปฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ น่ื ๆ ตามทไี่ ดร้ บั มอบหมาย (๔) ส�ำนักบริหารกลาง มีผู้อ�ำนวยการส�ำนักเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติ ราชการในฐานะหัวหน้าสว่ นราชการที่สูงกวา่ กอง มีอ�ำนาจหนา้ ที่ ดังน้ี (ก) ดำ� เนนิ การเกย่ี วกบั งานสารบรรณและงานธรุ การทว่ั ไปของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู (ข) สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้บริหาร ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และการรักษาความปลอดภัยประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และ ผู้บริหารสำ� นักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ค) ด�ำเนินการเก่ียวกับงานการเงิน งานบัญชี งานพัสดุของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงาน ศาลรฐั ธรรมนูญ และควบคุมการใชจ้ า่ ยงบประมาณ (ง) บ�ำรุงรักษาอาคารสถานที่และยานพาหนะของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และด�ำเนินการจัดท�ำแผนแม่บทการรักษาความปลอดภัยอาคาร สถานที่ บุคคล และเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญ และส�ำนักงานศาลรฐั ธรรมนูญ (จ) ด�ำเนินการทางด้านนิติการท่ีเก่ียวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึง การศึกษา วิเคราะห์ สนับสนุน และพัฒนาการจัดท�ำกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานของศาลรัฐธรรมนูญและ สำ� นกั งานศาลรัฐธรรมนญู (ฉ) ปฏิบัติราชการท่ัวไปของส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมิได้ก�ำหนดให้เป็นอ�ำนาจหน้าที่ของ ส่วนราชการใดโดยเฉพาะ (ช) ปฏบิ ตั ิหน้าที่อื่นๆ ตามทไี่ ด้รับมอบหมาย (๕ – ๘) ส�ำนักคดี ๑ – ๔ มผี อู้ ำ� นวยการสำ� นกั เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชาขา้ ราชการและรบั ผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ิ ราชการในฐานะหวั หน้าส่วนราชการท่สี ูงกว่ากอง มอี ำ� นาจหน้าท่ี ดังน้ี (ก) ด�ำเนินงานด้านกฎหมายเพ่ือสนับสนุนการพิจารณารับค�ำร้องของตุลาการประจ�ำคดี รวมถึง ปฏบิ ัติหน้าที่เปน็ ฝ่ายเลขานุการของตลุ าการประจ�ำคดี (ข) ด�ำเนินงานด้านกฎหมายเพื่อสนับสนุนการพิจารณาวินิจฉัยคดีรัฐธรรมนูญ รวมท้ังเป็นหน่วยงาน ผู้รบั ผดิ ชอบคดีตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย (ค) ปฏิบัติหน้าท่เี ป็นหนว่ ยงานทางด้านคดแี ละวชิ าการประจำ� ตลุ าการศาลรัฐธรรมนญู (ง) ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์และจัดท�ำเอกสารทางวิชาการและคู่มือปฏิบัติงานในส่วน ท่ีเกีย่ วขอ้ งกับงานคดรี ฐั ธรรมนญู (จ) ใหค้ �ำแนะน�ำ ค�ำปรกึ ษา หรอื ความคดิ เหน็ ในเชิงวชิ าการเก่ียวกับงานคดีรฐั ธรรมนญู (ฉ) ปฏบิ ตั ิหน้าท่ีอ่นื ๆ ตามทไี่ ด้รับมอบหมาย ศาลรัฐธรรมนญู

27 (๙) ส�ำนกั คดี ๕ มผี ู้อำ� นวยการสำ� นกั เป็นผู้บงั คับบญั ชาข้าราชการและรบั ผิดชอบในการปฏบิ ัติราชการ ในฐานะหัวหน้าสว่ นราชการที่สูงกว่ากอง มีอำ� นาจหน้าท่ี ดังนี้ รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี (ก) ตรวจสอบ กลนั่ กรอง วเิ คราะห์ เสนอแนะผลกระทบและจดั ทำ� ความเหน็ ในสำ� นวนคดขี องสำ� นกั คดี ผู้รบั ผิดชอบเสนอตอ่ คณะตุลาการศาลรฐั ธรรมนูญ (ข) ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาค�ำวินิจฉัย และจัดท�ำบรรทัดฐาน คำ� วนิ จิ ฉยั ของศาลรัฐธรรมนูญ (ค) ศกึ ษา วเิ คราะห์ วิจยั และศึกษาเปรียบเทียบคดรี ฐั ธรรมนญู ของไทยและต่างประเทศ เพอ่ื พฒั นา กระบวนการพจิ ารณาคดรี ฐั ธรรมนญู และระบบงานคดรี ฐั ธรรมนญู (ง) ตรวจสอบ ตดิ ตาม และดำ� เนินการเพอื่ ให้มกี ารปฏิบัติตามคำ� วนิ ิจฉัยของศาลรฐั ธรรมนญู (จ) ตรวจสอบ กล่ันกรอง และให้ค�ำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดท�ำคู่มือการปฏิบัติงาน และเอกสาร ทางวชิ าการท่เี กย่ี วกับกระบวนการวนิ จิ ฉยั คดีรัฐธรรมนูญของศาลรฐั ธรรมนูญ (ฉ) ด�ำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการรับค�ำร้องที่เข้ามาสู่ศาลรัฐธรรมนูญ และด�ำเนินการในส่วน ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับการจา่ ยส�ำนวน การเก็บรักษาสำ� นวน รวมถงึ การประกาศราชกจิ จานุเบกษา (ช) งานเลขานกุ ารการประชมุ คณะตลุ าการศาลรัฐธรรมนญู (เชงิ คดี) (ซ) ปฏิบัติราชการทั่วไปของส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมิได้ก�ำหนดให้เป็นอ�ำนาจหน้าท่ีของ ส�ำนักคดโี ดยเฉพาะ (ฌ) ปฏบิ ัติหนา้ ทอ่ี ื่นๆ ตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย (๑๐) สำ� นกั พฒั นาระบบบรหิ าร มผี อู้ ำ� นวยการสำ� นกั เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชาขา้ ราชการและรบั ผดิ ชอบในการ ปฏบิ ตั ิราชการในฐานะหัวหนา้ สว่ นราชการท่ีสงู กวา่ กอง มอี ำ� นาจหน้าท่ี ดงั น้ี (ก) ศึกษา วิเคราะห์เพื่อจัดวางระบบการบริหารการพัฒนาศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงาน ศาลรฐั ธรรมนญู และดำ� เนนิ การเกย่ี วกบั การจดั ทำ� แผนยทุ ธศาสตรข์ องศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู การพัฒนาโครงสร้างการบริหารราชการและการก�ำหนดอ�ำนาจหน้าท่ีของส่วนราชการภายในส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนูญและการพฒั นาระบบงานท่วั ไป เพื่อเสนอต่อคณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู (ข) ด�ำเนินกระบวนการจัดท�ำงบประมาณรายจ่ายประจ�ำปีของศาลรัฐธรรมนูญ ส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพ่อื เสนอต่อคณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู (ค) ด�ำเนินกระบวนการเก่ียวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะแนวนโยบายในการก�ำหนดแผนอัตราก�ำลัง การสร้างระบบ ความมั่นคงของทรัพยากรบุคคลและแนวทางในการพัฒนาบุคลากรของส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญต่อคณะตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ และสำ� นักงานศาลรฐั ธรรมนญู (ง) ด�ำเนินการเก่ียวกับกระบวนการทางวินัย การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ของบุคลากรของส�ำนักงาน ศาลรัฐธรรมนญู ศาลรฐั ธรรมนูญ

(จ) ปฏบิ ัตหิ น้าท่อี นื่ ๆ ตามที่ได้รบั มอบหมาย 28 (๑๑) สำ� นกั เทคโนโลยสี ารสนเทศและประชาสมั พนั ธ์ มผี อู้ ำ� นวยการสำ� นกั เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชาขา้ ราชการและ รับผิดชอบในการปฏบิ ตั ิราชการในฐานะหัวหน้าสว่ นราชการที่สูงกว่ากอง มีอำ� นาจหนา้ ที่ ดงั นี้ ๒ราย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี (ก) ดำ� เนนิ การเกย่ี วกบั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ท้ังในด้านการจัดหา ควบคุมและบ�ำรุงรักษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ือสนับสนุนการบริหารงานของ ศาลรัฐธรรมนญู และสำ� นักงานศาลรฐั ธรรมนูญ (ข) ด�ำเนินการเกี่ยวกับการจัดท�ำฐานข้อมูลค�ำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไทยและต่างประเทศ รวมถงึ ฐานขอ้ มลู รฐั ธรรมนญู ไทยและตา่ งประเทศ และฐานขอ้ มลู กฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ภารกจิ ของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ทงั้ ไทยและตา่ งประเทศ เพอื่ สนบั สนนุ การปฏบิ ตั งิ านของตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู และ บุคลากรในสงั กดั ส�ำนักงานศาลรฐั ธรรมนญู (ค) ด�ำเนินการเกี่ยวกับการคัดเลือก จัดหา และให้บริการระบบทรัพยากรสารนิเทศด้านกฎหมาย รฐั ธรรมนญู กฎหมายมหาชน และกฎหมายอนื่ ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ภารกจิ ของศาลรฐั ธรรมนญู และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู (ง) ด�ำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรักษาเอกสาร และสิ่งของที่ส�ำคัญที่เก่ียวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญและ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพอ่ื จัดเกบ็ ไว้ในพิพิธภณั ฑแ์ ละหอจดหมายเหตุศาลรัฐธรรมนญู (จ) ด�ำเนินการเก่ียวกับการประชาสัมพันธ์ เพ่ือเผยแพร่ความรู้เก่ียวกับคดีรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญและการค้มุ ครองสทิ ธิและเสรีภาพของประชาชน รวมถงึ การเสรมิ สร้างภาพลกั ษณ์และความเชือ่ มัน่ ตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู (ฉ) ปฏิบตั หิ น้าทอ่ี ืน่ ๆ ตามที่ไดร้ บั มอบหมาย (๑๒) สถาบนั รฐั ธรรมนญู ศกึ ษา มผี อู้ ำ� นวยการสถาบนั เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชาขา้ ราชการและรบั ผดิ ชอบในการ ปฏบิ ัติราชการในฐานะหวั หนา้ ส่วนราชการทส่ี งู กว่ากอง มอี ำ� นาจหน้าท่ีดังน้ี (ก) ศึกษา วิเคราะห์ เพื่อก�ำหนดประเด็นในการวิจัยท่ีมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ คดีรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญ เพ่ือพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ คดีรัฐธรรมนูญ และ ศาลรฐั ธรรมนูญ (ข) จัดทำ� เอกสารทางวชิ าการทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั กฎหมายรฐั ธรรมนญู ศาลรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอ่ืนๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพ่ือเผยแพร่ต่อสาธารณะ ท้ังในรูปแบบ ภาษาไทยและภาษาตา่ งประเทศ (ค) ด�ำเนินการเก่ียวกับการประสานความร่วมมือกับศาลรัฐธรรมนูญต่างประเทศ หน่วยงานยุติธรรม ระหว่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงการสร้างเครือข่ายพันธมิตรความร่วมมือทางวิชาการและ การสง่ เสรมิ ความสมั พันธ์ระหว่างประเทศ (ง) ด�ำเนินการเกี่ยวกับหลักสูตรการฝึกอบรมเก่ียวกับรัฐธรรมนูญ กฎหมายมหาชน ศาลรัฐธรรมนูญ การพัฒนาประชาธิปไตย และการส่งเสริมหลักนิติธรรม รวมถึงการด�ำเนินเกี่ยวกับกระบวนการจัดการศึกษา ตามหลกั สตู รดังกล่าว ศาลรฐั ธรรมนูญ

29 (จ) ด�ำเนินการเก่ียวกับการจัดการสัมมนาทางวิชาการเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ คดีรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญ โดยความร่วมมือระหว่างศาลรัฐธรรมนูญ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญและ รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี หนว่ ยงานอ่ืน (ฉ) ด�ำเนินการเก่ียวกับการสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและประสานงานกับหน่วยงาน ในกระบวนการยตุ ิธรรมหรอื หน่วยงานอื่นในภูมิภาค ในภารกจิ ของศาลรฐั ธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรฐั ธรรมนญู (ช) ปฏิบัติหน้าที่อน่ื ๆ ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย ๓.๔ แผนยทุ ธศาสตรศ์ าลรฐั ธรรมนญู ศาลรัฐธรรมนูญได้มีแผนยุทธศาสตร์ศาลรัฐธรรมนูญเป็นกรอบทิศทางการบริหารราชการของ ศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการด�ำเนินงานการอ�ำนวย ความยุติธรรมในภารกิจของศาลรัฐธรรมนูญตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญตลอดจนการพัฒนาหลักนิติธรรม ในสังคมไทย การสร้างบรรทัดฐานการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพของประชาชนและการรกั ษาไวซ้ งึ่ ประโยชนส์ าธารณะอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยแผนยทุ ธศาสตร์ มรี ายละเอยี ดดังน้ี แผนยทุ ธศาสตร์ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔ การจัดท�ำแผนยุทธศาสตร์ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ มุ่งเน้นให้ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มกี รอบทศิ ทางในการปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งเตม็ ศกั ยภาพและประสทิ ธภิ าพ สามารถสนองตอ่ วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เปา้ หมาย วัตถุประสงค์ของศาลรัฐธรรมนูญและเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญ ตลอดจนภารกิจหลักของศาลรัฐธรรมนูญ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และสภาพแวดล้อมที่เปล่ียนแปลงไป รวมไปถึงการเสนอทิศทางและเป้าหมาย เพ่ือยกระดบั ศาลรฐั ธรรมนูญให้เปน็ องคก์ รทีม่ ขี ีดสมรรถนะสงู (High Performance Organization) นอกจากนี้ได้น�ำเสนอทิศทางและเป้าหมายเพ่ือยกระดับศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นองค์กรที่มี ขดี สมรรถนะสงู (High Performance Organization) โดยด�ำเนนิ การวิเคราะหแ์ ละเปรียบเทยี บการดำ� เนินงาน ตามภารกจิ ดา้ นตา่ งๆ ของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู กบั หนว่ ยงานภายในประเทศหรอื ตา่ งประเทศ โดยใชก้ ารเทยี บ วดั ผลการดำ� เนนิ งาน ประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล หรอื สมรรถนะขององคก์ ร โดยใชห้ ลกั Benchmark และวเิ คราะห์ หาชอ่ งวา่ ง (GAP Analysis) ของผลการดำ� เนนิ งาน ประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล หรอื สมรรถนะ เพอื่ ระบทุ ศิ ทางและ เปา้ หมายในการยกระดบั ศาลรฐั ธรรมนญู ใหเ้ ปน็ องคก์ รทม่ี ขี ดี สมรรถนะสงู (High Performance Organization) จากกรอบแนวคิดในการจัดท�ำแผนยุทธศาสตร์ท่ีกล่าวมาข้างต้น น�ำมาสู่การจัดท�ำแผนยุทธศาสตร์ ศาลรัฐธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔ รายละเอียดดังน้ี ศาลรฐั ธรรมนญู

แผนยทุ ธศาสตรศ์ าลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ วิสัยทศั น์ ศาลรัฐธรรมนูญเป็นสถาบันหลักที่คุ้มครองความเป็นกฎหมายสูงสุด (Vision) ของรฐั ธรรมนญู ตามหลกั นติ ธิ รรม สรา้ งความเชอื่ มน่ั แกป่ ระชาชน โดยมกี ลไก สนบั สนุนงานทมี่ ีประสิทธภิ าพและมีมาตรฐานเปน็ ที่ยอมรับ พันธกจิ ๑. รักษาความชอบธรรมของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี 30 (Mission) พระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข เป้าประสงค์ ๒. รักษาความเป็นกฎหมายสงู สดุ ของรัฐธรรมนญู ๒ราย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี (Goals) ๓. รกั ษาความสมดลุ ในระบบการเมอื ง ๔. สรา้ งความเช่อื ม่ันต่อภารกจิ ของศาลรัฐธรรมนูญ ๕. สรา้ งความถูกตอ้ งเป็นธรรมตามหลักนิติธรรม ๖. สรา้ งบรรทัดฐานในการคมุ้ ครองสทิ ธิและเสรภี าพใหแ้ กป่ ระชาชน เพื่อให้บรรลุพันธกิจดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญได้ก�ำหนดเป้าหมายของการ ดำ� เนนิ งานไว้ ดังน้ี ๑. ยกระดบั คณุ ภาพและมาตรฐานการพจิ ารณาคดีสรู่ ะดับสากล ๒. เสริมสร้างและพัฒนาระบบบริหารจัดการภายในองค์กรมีความเข้มแข็ง บุคลากรมีความสามารถควบคู่คุณธรรมและจริยธรรม ๓. เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความศรัทธาเช่ือม่ันของประชาชนต่อ ศาลรฐั ธรรมนญู คา่ นิยม “ยึดหลักนติ ิธรรม ค�ำ้ จนุ ประชาธิปไตย ห่วงใยสทิ ธิเสรภี าพของประชาชน” (ศาลรฐั ธรรมนูญ) ค่านิยม RIGHT “องค์กรแหง่ ความถูกตอ้ งและยตุ ิธรรม” (สำ� นกั งาน R: Righteousness มคี ุณธรรมยึดม่นั ในความถกู ต้อง ศาลรัฐธรรมนูญ) I: Intelligence มุง่ พฒั นาตนเอง G: Good will มีไมตรีจิตตอ่ ทกุ คน H: Harmony มีความรักความสามคั คี T: Teamwork มงุ่ ม่นั ท�ำงานเปน็ ทมี ศาลรัฐธรรมนูญ

31 รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี ศาลรฐั ธรรมนญู วสิ ยั ทศั น์ แผนภาพท่ี ๒ แผนทย่ี ทุ ธศาสตร์ (Strategy map) “ศาลรฐั ธรรมนญู เปน็ สถาบันหลกั ทค่ี มุ้ ครองความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญตามหลกั นติ ธิ รรม สร้างความเช่ือมน่ั แก่ประชาชน โดยมกี ลไกสนบั สนนุ งานทีม่ ีประสิทธิภาพและมมี าตรฐานเป็นที่ยอมรับ” พนั ธกจิ ๑ . รกั ษาความชอบธรรม ๒ . รกั ษาความเป็น ๓ . รกั ษาความสมดลุ ๔ . สรา้ งความเชอ่ื มนั่ ๕ . สรา้ งความถกู ตอ้ ง ๖. สรา้ งบรรทัดฐาน ของการปกครองใน กฎหมายสูงสุดของ ในระบบการเมอื ง ตอ่ ภารกจิ ของ เปน็ ธรรมตามหลกั ในการคมุ้ ครองสทิ ธิ ระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนญู ศาลรัฐธรรมนูญ นติ ิธรรม และเสรภี าพให้แก่ อนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ ประชาชน ทรงเป็นประมขุ เปา้ ประสงค์ ๑ . ยกระดบั คณุ ภาพและมาตรฐาน ๒. เสรมิ สรา้ งและพฒั นาระบบบรหิ ารจดั การ ๓ . เสรมิ สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจ และความศรทั ธา ภายในองค์กรมีความเข้มแข็งบุคลากร เชอื่ มนั่ ของประชาชนตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู การพจิ ารณาคดสี รู่ ะดับสากล มคี วามสามารถควบคคู่ ณุ ธรรมและจรยิ ธรรม ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ (ภารกจิ /งาน) ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ (ระบบ/เทคโนโลย)ี ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๓ (บคุ ลากร) ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๔ (เครอื ขา่ ย/ประชาสมั พนั ธ)์ ยกระดบั คณุ ภาพและมาตรฐานงาน เสรมิ สรา้ งระบบฐานขอ้ มลู พฒั นาเทคโนโลยี บคุ ลากรมสี มรรถนะสงู และไดร้ บั การพฒั นา ส่งเสริมความร่วมมือและประชาสัมพันธ์ ดา้ นงานคดี งานบรหิ าร งานวชิ าการ ดิจิทัลท่ีเหมาะสมกับบุคลากรและองค์กร เรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรม กับเครือข่ายด้านการจัดการความรู้ท้ัง เ พ่ื อ ส นั บ ส นุ น ค ณ ะ ตุ ล า ก า ร เ พ่ิ ม ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น องคก์ ร ภายในประเทศและตา่ งประเทศ ศาลรฐั ธรรมนญู ใหก้ า้ วหนา้ ทนั สมยั และเปน็ มาตรฐานสากล กลยุทธ์ท่ี ๓.๑ ปรับปรุงโครงสร้าง ระบบงาน กลยทุ ธท์ ี่ ๔.๑ สง่ เสรมิ และขยายการพัฒนางาน กลยทุ ธท์ ี่ ๑.๑ ขอ้ มลู และงานวจิ ยั มคี ณุ ภาพ กลยทุ ธท์ ี่ ๒.๑ พฒั นาเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เพอ่ื สนบั สนนุ กรอบอตั รากำ� ลงั และกำ� หนดสมรรถนะ ใหม้ คี วาม ใ ห้ ค ร อ บ ค ลุ ม ต า ม ข้ อ ต ก ล ง ค ว า ม ร่ ว ม มื อ สามารถใช้สนับสนุนงานศาลรัฐธรรมนูญ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี องคณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู เ ห ม า ะ ส ม แ ล ะ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ภ า ร กิ จ ง า น ข อ ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศท้ังท่ีมีอยู่ในปัจจุบัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยพัฒนา ใหม้ คี วามสะดวก รวดเรว็ โปรงใส และใหก้ ารปฏบิ ตั งิ าน ศาลรฐั ธรรมนญู ในอนาคต และเพ่ิมขน้ึ ในอนาคต มาตรฐานการปฏิบัติงานของส�ำนักงาน ของเจ้าหน้าท่ีของส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กลยุทธ์ท่ี ๓.๒ บุคลากรมี ความรู้ ทักษะ กลยุทธท์ ี่ ๔.๒ พฒั นางานเครอื ขา่ ยดา้ นประชาสมั พนั ธ์ ศาลรฐั ธรรมนญู เป็นมาตรฐานทัดเทียมกับสถาบนั เทยี บเท่า ความเช่ียวชาญ รวมถึงมีความพร้อมด้านภาษา ใหค้ รอบคลมุ ประชาชนทกุ ระดบั ทกุ พ้ืนท่ี กลยุทธ์ที่ ๑.๒ การปรับปรุงและพัฒนา กลยทุ ธท์ ี่ ๒.๒ พฒั นาระบบบรหิ ารจดั การองคค์ วามรู้ ต่างประเทศและระบบเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมี กลยทุ ธท์ ี่ ๔.๓ พัฒนาองคค์ วามรแู้ ละความรว่ มมอื ระบบบริหารความเส่ียง และระบบ เชอ่ื มโยงเขา้ กบั ระบบ e-Library ทง้ั ภายในประเทศ การจดั ระดบั การพฒั นา การประเมนิ และการออกแบบ ดา้ นวชิ าการ ก า ร ค ว บ คุ ม ภ า ย ใ น เ พ่ื อ ใ ช ้ เ ป ็ น และตา่ งประเทศ ใหส้ อดคลอ้ งกบั บคุ ลากรภายใน กลยทุ ธ์ที่ ๔.๔ ย ก ร ะ ดั บ ส ถ า น ท่ี แ ล ะ คุ ณ ภ า พ กรอบการบรหิ ารงานตามภารกจิ กลยทุ ธท์ ่ี ๒.๓ พฒั นาระบบการตดิ ตามการปฏบิ ตั งิ าน กลยุทธ์ท่ี ๓.๓ ปรับปรุงทัศนคติมุ่งให้บุคลากร การให้บริการห้องสมุดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ควบคไู่ ปกบั การสรา้ งความโปรง่ ใส และมาตรฐานใน ภายในมคี า่ นยิ มวฒั นธรรมองคก์ รรว่ มกนั มคี วาม พิพิธภัณฑ์ศาลรัฐธรรมนูญ หอจดหมายเหตุ การปฏบิ ตั งิ าน เปน็ ทมี ศาลรัฐธรรมนูญ และวิทยาลัยศาลรัฐธรรมนูญ กลยุทธ์ที่ ๓.๔ จัดท�ำข้อตกลงในการประเมินผล ตลอดจนการเตรยี มความพรอ้ มและความเหมาะสม การปฏบิ ตั งิ านตามแผนยทุ ธศาสตร์ ใหค้ รอบคลมุ ท า ง ด้ า น ส ถ า น ท่ี ท� ำ ง า น ข อ ง ศ า ล รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ บคุ ลากรทกุ ระดบั และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ในอนาคต กลยทุ ธท์ ี่ ๓.๕ บรู ณาการแผนการพัฒนาบคุ ลากร รว่ มกบั หน่วยงานท่เี ก่ยี วข้องเพ่ือประสทิ ธภิ าพใน การบรหิ ารงบประมาณไดอ้ ยา่ งคมุ้ คา่

๓.๕ อตั รากา� ลงั ของสา� นกั งงาานนศศาาลลรรฐั ฐั ธธรรรรมมนนญู ญู นับตง้ั แต่มกี ารจัดตัง้งสสา� �านนักกั งงาานนศศาาลลรรฐั ัฐธธรรรรมมนนูญูญ ป ป ี พี พ.ศ.ศ. .๒ ๒๕๕๔๔๒๒ ส สา� า�นนกั กั งงาานนศศาาลลรรฐั ัฐธธรรรมมนนญู ูญ ไ ดได้ ด้า� เ�านเนิ ินกการาร สรรหาบุคลากรเพ่ือรองรับภาารรกกิจิจใในนกกาารรสสนนับับสสนนุนุนงงาานนดด้า้านนพพิจิจาารรณณาาววินินิจิจฉฉัยัยคคดดี แี แลละะงงาานนบบรริหิหาราดรด้าน้านตต่าง่าๆงๆ ขขอองง ศาลรฐั ธรรมนญู และสา� นกั งานนศศาาลลรรฐั ฐั ธธรรรรมมนนญู ญู ททม่ี ม่ี ปี ปี รรมิ มิ าาณณเพเพม่ิ ม่ิ ขขน้ึ นึ้ ททกุ กุ ปป ี จ ี จนนถถงึ งึปปจั จั จบุ บุ นั นั ( ณ(ณ ว วนั นัทท ี่ ๓ ่ี ๓๐๐ ก กนั นัยยายายนน ๒ ๒๕๕๖๖๑๑) ) มอี ตั รากา� ลังรวมทง้ั สน้ิ ๒๒๒๒ ออัตตั รราา ปปรระะกกออบบดด้วว้ ยย ๑) ขา้ ราชการสา� นกักงงาานนศศาาลลรรฐั ฐั ธธรรรรมมนนญู ญู จ จา� า� นนววนน ๑ ๑๖๖๙๙ อ อตั ตั รราา ( ม(มขี ขี า้ า้รราาชชกกาารรดดา� า�รรงตงตา� แา� แหหนนง่ อง่ อยยจู่ จู่รงิร งิจ าจ� นา� นวนวน ๑๕๙ อัตรา) ๒) อตั รากา� ลงั ของลลกูกู จจา้า้ งงปปรระะจจา� า� จจา� า� นนววนน ๓ ๓๓๓ อ อตั ตั รราา ( ม(มลี ลี กู กู จจา้ า้งงปปรระะจจา� า�ดดา� า�รรงงตตา� าแ� แหหนนง่ อง่ อยยจู่ จ่รู งริ งิจ จา� นา� นวนวน ๓ ๓๒๒ อ ตอั รตั าร)า ) ๓) อตั รากา� ลงั ของลลกูกู จจา้า้ งงชชวั่ว่ั คครราาวว จ จา� า� นนววนน ๒ ๒๐๐ อ อตั ตั รราา ( ม(มลี ลี กู กู จจา้ า้งงชชว่ั วั่คครราาววดดา� า�รรงตงตา� าแ� แหหนนง่ อง่ อยยจู่ จรู่ งิร งิจ จา� นา� นวนวน ๑ ๑๒๒ อ ตอั รตั าร)า) รายละเอียดดงั น้ี ตารางท่ี ๑ แสดงจา� นวนอตัตรราากกา� า� ลลงั งั ขขา้ า้ รราาชชกกาารรแแลละะลลกู กู จจา้ า้ งงตตาามมโคโครรงงสสรรา้ า้งงขขอองงสสา� า�นนกั กั งงาานนศศาลาลรรฐั ฐัธธรรรมมนนญู ญู จจา� า� นนววนนขขา้ ้ารราาชชกกาารร จจ�า�านนววนนลลกู กู จจา้ ้างงปปรระจะจา� �า จจ�าน�านวนวนลลกู กูจ้าจงา้ ชงั่วชคั่วครารวาว ส�านกั /กลมุ่ งานน ((คคนน)) (ค(คนน)) (ค(คนน) ) ผบู้ ริหารส�านักงานศาลรัฐธธรรรรมมนนญู ูญ ๓๓ ๐๐ ๐๐ ทป่ี รึกษาดา้ นวิชาการ ๑๑ ๐๐ ๐๐ กลุ่มงานผูเ้ ช่ียวชาญ ๑๑๗๗ ๑๑ ๒๒ กลุ่มงานตรวจสอบภายในน ๓๓ ๐๐ ๐๐ สา� นกั ประธานศาลรัฐธรรมมนนูญญู ๙๙ ๒๒ ๑๑ 3322 ส�านักบริหารกลาง ๒๒๒๒ ๒๒๐๐ ๓๓ ร๒ร๒าาย๕ร๒ย๕างง๖ยา๕๖านงน๑๖ปา๑ปนรร๑ปะะจรจา� ะำป�จปีา� ี ปี สา� นักคดี ๑ ๑๑๑๑ ๐๐ ๐๐ สา� นักคดี ๒ ๑๑๑๑ ๐๐ ๐๐ ส�านักคดี ๓ ๑๑๑๑ ๐๐ ๐๐ ส�านักคดี ๔ ๑๑๑๑ ๐๐ ๐๐ สา� นกั คดี ๕ ๑๑๕๕ ๔๔ ๒๒ ส�านกั พฒั นาระบบบริหาร ๑๑๖๖ ๓๓ ๓๓ สา� นกั เทคโนโลยีสารสนเททศศแแลละะ ๑๑๗๗ ๒๒ ๕๕ ประชาสัมพันธ์ สถาบันรฐั ธรรมนญู ศกึ ษาา ๒๒๒๒ ๑๑ ๔๔ รวม ๑๑๖๖๙๙ ๓๓๓๓ ๒๒๐๐ แผนภมู ทิ ่ี ๑ แสดงจา� นวนอตัตรราากกา� า� ลลงั งั ขขา้ า้ รราาชชกกาารรแแลละะลลกู กู จจา้ า้ งงตตาามมโคโครรงงสสรรา้ า้งงขขอองงสสา� า�นนกั กั งงาานนศศาลาลรรฐั ฐัธธรรมรมนนญู ญู ๑๑๖๖๙๙คคนน ขข้าา้ รราาชชกกาารร ๗๗๖๖%% ลลูกูกจจา้ ้างงปปรระจะจา� า� ลลูกูกจจ้าา้ งงชชั่วว่ั คครราาวว ๓๓๑๑๓๓๕๕ค%ค%นน ๒๒๙๐๙๐%ค%คนน ศศศาาลาลลรรัฐรฐั ธฐัธรธรรรมรมนมนญูนูญูญ

แผนภมู ทิ ี่ ๒ แสดงจำ� นวนอตั รากำ� ลงั ขา้ ราชการและลกู จา้ งจำ� แนกตามตำ� แหนง่ ทม่ี อี ยจู่ รงิ ของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู อัตราก�ำลงั ของขา้ ราชการและลูกจา้ งทีม่ ีอยู่จรงิ ๒๕๐ ๒๐๐ ๒๐๓ ๑๕๐ ๑๐๐ ๔๓ ๕๙ ๓๒ ๑๒ ๒๔๒ ๕๐ ๐ ๑๔ ๒ ๑๗ ๑๓ ๐๓ ันกผู้ ันผู้ันบอ� ันเกอ�ำกิรวิ้จกำวินหผู้าิวชนชวา �อาหชวารยำ่ทีากน้งยกกนาาาปกากาวราึรี่ทรนารรยตกรศศศสครกาาาสษาาวาาลีดลลยรจัรัรัรรัย้ดงสสงฐฐฐฐาาาาอธธธธนนยนรรรรบวิวิงรรรรบชชภาาาริมมมมานกหกนูนูนูนูยคใาาาญนญญรรรญีดจ�ำนวน (คน) นักวิชากาลูรกลูค ้จกอา ้จมงาช่ัิพงววปนิเคร ิตตะรกอา�จวำรร์ รวม 33 ท้ังน้ี สามารถจ�ำแนกบุคลากรของส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจ�ำแนกตามเพศ แบ่งออกเป็น เพศชาย จำ� นวน ๑๐๒ คน เพศหญิง จำ� นวน ๑๐๑ คน ดงั แผนภูมทิ ่ี ๓ รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี แผนภมู ทิ ่ี ๓ แสดงจำ� นวนบคุ ลากรของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู จำ� แนกตามเพศ ๑๒๐ ๘๓ ๒๑ ๕๗ ๑๐๒ ๑๐๑ ๑๐๐ ๗๖ ๑๑ ๘๐ ลกู จ้างชวั่ คราว รวม ๖๐ ข้าราชการ ลูกจ้างประจ�ำ ๕ ๑๐๒ ๔๐ ๗๖ ๒๑ ๗ ๑๐๑ ๒๐ ๘๓ ๑๑ ๐ ชาย (คน) หญงิ (คน) ๓.๖ งบประมาณรายจา่ ยประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ไดร้ บั งบประมาณตามพระราชบญั ญตั งิ บประมาณรายจา่ ยประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำ� นวน ๒๖๑,๖๕๗,๗๐๐ บาท พบว่า รายการคา่ ใชจ้ ่ายที่ไดร้ ับการจัดสรรงบประมาณมากที่สดุ คอื คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นบคุ ลากร จำ� นวน ๑๕๗,๖๑๔,๔๐๐ บาท (รอ้ ยละ๖๐.๒๔) รองลงมาเปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นการดำ� เนนิ งาน จ�ำนวน ๗๖,๐๔๓,๓๐๐ บาท (ร้อยละ ๒๙.๐๖) และค่าใช้จ่ายด้านครุภัณฑ์ ที่ดิน และส่ิงก่อสร้าง จ�ำนวน ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ร้อยละ ๑๐.๗๐) ดังตารางท่ี ๒ และแผนภมู ทิ ี่ ๔ ศาลรฐั ธรรมนูญ

ตารางท่ี ๒ การจดั สรรงบประมาณจำ� แนกตามรายการคา่ ใชจ้ า่ ยทไี่ ดร้ บั การจดั สรรงบประมาณประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รายการ จ�ำนวน ร้อยละ ๑. ค่าใช้จา่ ยดา้ นบุคลากร ๑๕๗,๖๑๔,๔๐๐ ๖๐.๒๔ ๑.๑ ค่าตอบแทนคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและคณะสนับสนุน ๔๘,๘๒๖,๖๐๐ ๑๘.๖๖ การปฏบิ ัติงานของคณะตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู ๑๐๘,๗๘๗,๘๐๐ ๑.๒ คา่ ตอบแทนขา้ ราชการ ลกู จา้ ง และเจา้ หนา้ ทสี่ ำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ๔๑.๕๘ ๒๙.๐๖ ๒. ค่าใชจ้ า่ ยดา้ นการด�ำเนินงาน ๗๖,๐๔๓,๓๐๐ ๒.๕๒ ๒.๑ ค่าตอบแทน ๖,๖๐๔,๔๐๐ ๒๒.๖๘ ๒.๒ คา่ ใช้สอย ๕๙,๓๕๓,๔๐๐ ๑.๑๘ ๒.๓ คา่ วสั ด ุ ๓,๐๘๐,๐๐๐ ๒.๖๘ ๒.๔ คา่ สาธารณูปโภค ๗,๐๐๕,๕๐๐ ๑๐.๗๐ ๑๐.๗๐ ๓. ค่าใชจ้ า่ ยดา้ นครุภณั ฑ์ ท่ีดนิ และสิ่งกอ่ สรา้ ง ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ ๑๐๐.๐๐ ๓.๑ ครภุ ณั ฑย์ านพาหนะและขนสง่ ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ รวม ๒๖๑,๖๕๗,๗๐๐ แผนภมู ทิ ี่ ๔ แสดงสดั สว่ นงบประมาณรายจา่ ยประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำ� แนกตามประเภทรายการคา่ ใชจ้ า่ ย ทไ่ี ดร้ บั จดั สรร คา่ ใชจ้ ่ายด้านบคุ ลากร คา่ ใชจ้ า่ ยด้านบุคลากร 34 ๑๕๗,๖๑๔,๔๐๐ บาท คา่ ใชจ้ ่ายด้านการด�ำเนินงาน คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นครุภณั ฑ์ ๒ราย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี ๖๐.๒๔% ที่ดนิ และสง่ิ ก่อสรา้ ง ค่าใช้จา่ ยด้านการด�ำเนินงาน คา่ ใชจ้ ่ายด้านครภุ ณั ฑ์ ๗๖,๐๔๓,๓๐๐ บาท ๒๙.๐๖% ท่ดี ินและส่งิ ก่อสรา้ ง ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑๐.๗๐% ๓.๗ ความเชอ่ื มโยงแผนยทุ ธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี สแู่ ผนยทุ ธศาสตรศ์ าลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ ศาลรัฐธรรมนูญและส�ำนกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ไดม้ แี ผนยทุ ธศาสตร์ศาลรฐั ธรรมนญู ทใี่ ช้กำ� หนดทิศทาง และแนวทางต่างๆ ในการปฏิบัติงาน ท่ีมีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ แผนการปฏิรูปประเทศ และร่างแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕ ดังรายละเอยี ดตามแผนภาพที่ ๓ ศาลรัฐธรรมนญู

35 รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี ศาลรฐั ธรรมนญู แผนภาพที่ ๓ ความเชอ่ื มโยงแผนยทุ ธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี แผนแมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าติ แผนการปฏริ ปู ประเทศ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ และอนื่ ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง ยทุ ธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๑ ด้านความม่นั คง ยุทธศาสตรท์ ี่ ๒ ด้านการสร้างความ ยทุ ธศาสตร์ที่ ๖ ดา้ นการปรบั สมดลุ และพฒั นาระบบการบริหารจดั การภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ๔.๑.๓ การพฒั นาและเสรมิ สรา้ งการเมอื ง สามารถในการแขง่ ขนั ๔.๑ ภาครัฐท่ียึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตอบสนองความต้องการ และให้บริการอย่างสะดวก ในระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ ๔.๔.๔ พฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานเทคโนโลยี รวดเรว็ โปรง่ ใส แผนแม่บท ทรงเปน็ ประมขุ ทมี่ เี สถยี รภาพและมธี รรมาภบิ าล สมยั ใหม่ ๔.๒ ภาครฐั บรหิ ารงานแบบบรู ณาการโดยมยี ทุ ธศาสตรช์ าตเิ ปน็ เปา้ หมายและเชอ่ื มโยงการพฒั นา ภายใตย้ ุทธศาสตร์ชาติ เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่า ในทกุ ระดบั ทกุ ประเดน็ ทกุ ภารกจิ และทกุ พน้ื ที่ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐ ประโยชนส์ ว่ นตน ประเดน็ การวจิ ัยและพัฒนานวัตกรรม ๔.๓ ภาครฐั มขี นาดเลก็ ลง เหมาะสมกบั ภารกจิ สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนและทกุ ภาคสว่ นมสี ว่ นรว่ มใน แผนพัฒนาเศรษฐกจิ - แผนยอ่ ยการวจิ ยั และพฒั นานวตั กรรม การพฒั นาประเทศ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ ประเดน็ กฎหมายและกระบวนการยตุ ธิ รรม ดา้ นสงั คม ๔.๔ ภาครฐั มคี วามทนั สมยั พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ - แผนยอ่ ยการพฒั นากฎหมาย ยุทธศาสตรท์ ่ี ๘ : การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ ๔.๕ บคุ ลากรภาครฐั เปน็ คนดแี ละเกง่ ยดึ หลกั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม มจี ติ สำ� นกึ มคี วามสามารถสงู แผนการปฏิรูปประเทศ - การพฒั นากระบวนการยตุ ธิ รรม เทคโนโลยี วจิ ยั และนวัตกรรม มงุ่ มน่ั และเปน็ มอื อาชพี พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕ ๓ .๓ พฒั นาสภาวะแวดลอ้ มของการพฒั นา ๔.๖ ภาครฐั มคี วามโปรง่ ใส ปลอดการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๖ : การบรหิ ารจดั การในภาครฐั วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วจิ ยั และนวตั กรรม ๔.๗ กฎหมายมคี วามสอดคลอ้ งเหมาะสมกบั บรบิ ทตา่ งๆ และมเี ทา่ ทจี่ ำ� เปน็ รา่ งแผนแมบ่ ท การป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบและ ๓ .๓.๓ ดา้ นการบรหิ ารจดั การ ๔.๘ กระบวนการยตุ ธิ รรมเคารพสทิ ธมิ นษุ ยชนและปฏบิ ตั ติ อ่ ประชาชนโดยเสมอภาค การบรหิ ารงานยตุ ธิ รรมแห่งชาติ ธรรมาภบิ าลในสงั คมไทย แผนการปฏริ ูปดา้ นกระบวนการยุตธิ รรม ๓.๖ ปฏริ ปู กฎหมายและกระบวนการยตุ ธิ รรม ๑. การก�ำหนดระยะเวลาด�ำเนินงานใน ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๑ ฉบบั ที่ ๓ ใหม้ คี วามทนั สมยั เปน็ ธรรมและสอดคลอ้ งกบั ทกุ ขนั้ ตอนของกระบวนการยตุ ธิ รรมทชี่ ดั เจน การเสรมิ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจ พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕ ขอ้ บงั คบั สากลหรอื ขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศ เพ่ือให้ประชาชนได้รับความยุติธรรม โดย และการมสี ว่ นรว่ มดา้ นกฎหมาย ๓.๖.๒ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้มี ไม่ล่าช้า ประสทิ ธภิ าพ ๒. การพัฒนากลไกช่วยเหลือและเพิ่ม กระบวนการยตุ ธิ รรม ศักยภาพเพ่ือให้ประชาชน เข้าถึง แผนการปฏริ ปู ดา้ นกฎหมาย กระบวนการยตุ ิธรรม ๖. มกี ลไกใหป้ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� ๙. การเสรมิ สรา้ งและพฒั นาวฒั นธรรม และเสนอรา่ งกฎหมายหรอื กฎทมี่ คี วามสำ� คญั องค์กรต่างๆ ที่เก่ียวข้องในกระบวนการ และจัดให้มีกลไกช่วยเหลือประชาชนในการ ยุติธรรมเพ่ือมุ่งอ�ำนวยความยุติธรรม จดั ทำ� และเสนอรา่ งกฎหมาย รวมทง้ั การให้ แก่ประชาชนโดยสะดวกและรวดเร็ว ความชว่ ยเหลอื ทางกฎหมายแกป่ ระชาชน ๑๐. ก า ร พั ฒ น า ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ข อ ง ๗. มีกลไกให้ประชาชนเข้าถึงกฎหมาย กฎ กระบวนการยุติธรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพ โดยสะดวกและเขา้ ใจกฎหมายไดง้ า่ ยรวมทงั้ ในการแขง่ ขนั ของประเทศ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลของกฎหมาย คำ� พพิ ากษา คำ� วนิ จิ ฉยั หรอื การตคี วาม ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๕ กฎหมายหรอื กฎใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ ไดโ้ ดยสะดวก การขบั เคลอ่ื นกระบวนการยตุ ธิ รรม ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๓ การพฒั นากฎหมายและ ระบบบรหิ ารงานยตุ ธิ รรม ดว้ ยดจิ ทิ ลั แผนยุทธศาสตร์ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๑ : ยกระดับคุณภาพและ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ : เสริมสร้างระบบฐานข้อมูล ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๓ : บุคลากรมีสมรรถนะสูง ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ : สง่ เสรมิ ความรว่ มมอื และ ศาลรฐั ธรรมนญู มาตรฐานงาน ด้านงานคดี งานบริหาร พั ฒ น า เ ท ค โ น โ ล ยี ดิ จิ ทั ล ที่ เ ห ม า ะ ส ม กั บ และได้รับการพัฒนาเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง ประชาสมั พนั ธก์ บั เครอื ขา่ ยดา้ นการจดั การ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) งานวิชาการ เพ่ือสนับสนุนคณะตุลาการ บุคลากรและองค์กร เพ่ือประสิทธิภาพ สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมองคก์ ร ความรทู้ งั้ ภายในประเทศและตา่ งประเทศ ศาลรฐั ธรรมนญู ในการปฏบิ ตั งิ านใหก้ า้ วหนา้ ทนั สมยั และเปน็ มาตรฐานสากล

แผนภาพที่ ๓ ความเชอ่ื มโยงแผนยทุ ธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี แผนแมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าติ แผนการปฏริ ปู ประเทศ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ และอน่ื ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง (ตอ่ ) ศแผาลนรยฐั ทุ ธธรศรามสนตูญร์ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ : ยกระดบั คณุ ภาพและ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ : เสรมิ สรา้ งระบบฐานขอ้ มลู ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๓ : บคุ ลากรมสี มรรถนะสงู ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๔ : ส่งเสริมความร่วมมือ มาตรฐานงาน ดา้ นงานคดี งานบรหิ าร พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลท่ีเหมาะสมกับ และไดร้ บั การพฒั นาเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และประชาสัมพันธ์กับเครือข่ายด้าน งานวชิ าการ เพอ่ื สนบั สนนุ คณะตลุ าการ บคุ ลากรและองคก์ ร เพอื่ ประสทิ ธภิ าพใน สอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมองคก์ ร การจดั การความรทู้ งั้ ภายในประเทศและ ศาลรฐั ธรรมนญู การปฏิบัติงานให้ก้าวหน้า ทันสมัย และ ตา่ งประเทศ เปน็ มาตรฐานสากล ๑. โครงการศกึ ษาวจิ ยั จำ� นวน ๓ เรอ่ื ง ๑. งานบ�ำรุงรักษาระบบถอดเสียง ๑. โครงการบรู ณาการการบรหิ ารงาน ๑. โครงการสมั มนาทางวชิ าการระหวา่ ง ไดแ้ ก่ อตั โนมตั ภิ าษาไทย อยา่ งเปน็ องคร์ วม ศาลรฐั ธรรมนญู กบั มหาวทิ ยาลยั บรู พา (๑) ศาลรัฐธรรมนูญกับแนวคิด ๒. งานบำ� รงุ รกั ษาเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ ๒. โครงการอบรมสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ๒. โครงการสร้างความร่วมมือทาง ประชาธปิ ไตยทป่ี กปอ้ งตนเองได้ แมข่ า่ ยและลกู ขา่ ยและระบบโสตทศั นปู กรณ์ เพื่อเสริมสร้างทักษะการให้ค�ำปรึกษาและ วิชาการระหว่างศาลรัฐธรรมนูญกับ ๓. งานบ�ำรุงรักษาและปรับปรุงระบบ สรา้ งเครอื ขา่ ยดา้ นองคค์ วามรเู้ กย่ี วกบั วธิ ี มหาวทิ ยาลยั วลยั ลกั ษณ์ (๒) สทิ ธขิ องประชาชนและชมุ ชนในการ สารสนเทศเพอื่ การบรหิ ารองคก์ ร(e-Office) พจิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู ๓. โครงการเสรมิ สรา้ งความรดู้ า้ นกฎหมาย ฟอ้ งรอ้ งหนว่ ยงานของรฐั ใหป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ๔. งานบำ� รงุ รกั ษาเวบ็ ไซตศ์ าลรฐั ธรรมนญู ๓. โครงการแลกเปล่ียนเรียนรู้การ และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย และสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู บรหิ ารองคก์ ร ๔. โครงการสร้างความร่วมมือทาง พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๑ และ ๕. งานใหบ้ รกิ ารเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ๔. โครงการพัฒนาระบบงานคดี วิชาการระหว่างศาลรัฐธรรมนูญกับ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ รฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหม่ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาลรฐั ธรรมนญู ๕. โครงการปฐมนเิ ทศและการพฒั นา ๕. โครงการหลักนิติธรรมสู่การ 36 พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๔๕ ศกั ยภาพสำ� หรบั ขา้ ราชการบรรจใุ หม่ บูรณาการกระบวนการยตุ ธิ รรม (๓) อ�ำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ๖. โครงการพัฒนาระบบงานธุรการ ๖. โครงการสมั มนาทางวชิ าการ เรอื่ ง ร๒าย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี ในการวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู งานคดตี ามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย “ศาลรัฐธรรมนูญกับหลักนิติธรรม” กับ ของการกระท�ำตามรัฐธรรมนูญแห่ง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ และพระราชบญั ญตั ิ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณา ๗. การเดนิ ทางไปราชการตา่ งประเทศ มาตรา๒๑๓และพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบ ของศาลรฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ เพอ่ื เขา้ รว่ มประชมุ ระดบั นานาชาติ รฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยวธิ พี จิ ารณาของศาล ๗. โ ค ร ง ก า ร สั ม ม น า ป ร ะ เ ด็ น ๘. การรบั รองการเขา้ เยย่ี มคารวะและ รฐั ธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๖๑ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ร ะ ห ว ่ า งท่ี ป รึ ก ษ า แล ะ ก า ร รั บ ร อ ง ก า ร ศึ ก ษ า ดู ง า น ณ ผู ้ เ ชี่ ย ว ช า ญ ป ร ะ จ� ำ ค ณ ะ ตุ ล า ก า ร ศาลรฐั ธรรมนญู ศาลรฐั ธรรมนญู ๙. โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ยุ ว ช น ๘. โครงการพัฒนากระบวนการเพื่อ ศาลรฐั ธรรมนญู เสริมสร้างประสิทธิภาพการตรวจร่าง ๑๐. การใหบ้ รกิ ารทางวชิ าการดา้ นการ ค�ำวินิจฉัยของศาลและความเห็นส่วนตน ศกึ ษาดงู าน ณ ศาลรฐั ธรรมนญู ของตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู ๑๑. ความรว่ มมอื ในการจดั นทิ รรศการ ๙. โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ เพ่ือเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับหน้าท่ีและ ของข้าราชการและลูกจ้างส�ำนักงาน อ�ำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ตลอดจน ศาลรฐั ธรรมนญู ความรู้ด้านกฎหมายให้กับประชาชน ๑๐. โครงการแลกเปลย่ี นเรยี นรสู้ สู่ ากล รว่ มกบั หนว่ ยงานอนื่ ๆ ณ สาธารณรฐั เกาหลี ๑๒. โครงการเก่ียวกับการจัดพิมพ์ส่ือ ๑๑. โครงการแลกเปล่ียนเรียนรู้และ สง่ิ พมิ พแ์ ละผลติ สอื่ ประชาสมั พนั ธเ์ พอ่ื เผย ประสบการณเ์ พอื่ พฒั นาศกั ยภาพบคุ ลากร แพรป่ ระชาสมั พนั ธ์ ผปู้ ฏบิ ตั งิ านดา้ นคดรี ฐั ธรรมนญู ๑๓. โครงการสมั มนาทางวชิ าการ เรอื่ ง “การคมุ้ ครองสทิ ธแิ ละเสรภี าพของประชาชน โดยองค์กรในกระบวนการยุติธรรมและ องคก์ รอสิ ระตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู ” ๑๔. การประชุมทางวิชาการเร่ือง “ศาลรฐั ธรรมนญู ผพู้ ทิ กั ษห์ ลกั นติ ธิ รรม” เ นื่ อ ง ใ น โ อ ก า ส ศ า ล รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แหง่ ราชอาณาจกั รไทย ครบรอบ ๒๐ ปี ๑๕. โครงการอบรมหลกั สตู ร“หลกั นติ ธิ รรม เพอื่ ประชาธปิ ไตย” (นธป.) ศาลรัฐธรรมนูญ

37ส่วนท่ี ๒รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี ภาพรวม การเปรยี บเทยี บผลการ ด�ำเนนิ งานของส�ำนกั งาน ศาลรฐั ธรรมนูญ ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ศาลรัฐธรรมนูญ

๒ ภาพรวมการเปรยี บเทียบผลการดำ�เนนิ งาน ของสำ�นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ประจำ�ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑. การเปรยี บเทยี บการจดั สรรงบประมาณประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๑ ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับจัดสรรงบประมาณรวมทั้งส้ิน จ�ำนวน ๒๖๑,๖๕๗,๗๐๐ บาท (เพิ่มข้ึน 38 จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำ� นวน ๑๔,๓๐๖,๘๐๐ บาท คดิ เป็นร้อยละ ๕.๗๘) โดยมคี ่าใช้จา่ ยดา้ นบคุ ลากร จำ� นวน๑๕๗,๖๑๔,๔๐๐บาท(เพม่ิ ขน้ึ จากปงี บประมาณพ.ศ.๒๕๖๐จำ� นวน๗,๖๖๗,๘๐๐บาทคดิ เปน็ รอ้ ยละ๕.๑๑) ๒ราย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี ค่าใช้จ่ายด้านการด�ำเนินงาน จ�ำนวน ๗๖,๐๔๓,๓๐๐ บาท (ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จ�ำนวน ๑๓,๓๑๘,๔๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๑๔.๙๐) และค่าใช้จ่ายด้านครุภัณฑ์ ท่ีดิน และสิ่งก่อสร้าง จ�ำนวน ๒๘,๐๐๐,๐๐๐บาท (เพม่ิ ขน้ึ จากปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำ� นวน ๑๙,๙๕๗,๔๐๐ บาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๒๔๘.๑๕) สำ� หรบั การเปรยี บเทยี บการจดั สรรงบประมาณของสำ� นกั งานศาลรฐั ธรรมนญู ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๑ รายละเอยี ดดงั ตารางท่ี ๓ และแผนภูมิที่ ๕ ศาลรฐั ธรรมนูญ

ตารางท่ี ๓ การเปรยี บเทยี บการจดั สรรงบประมาณประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๑ รายการ ปงี บประมาณ ปงี บประมาณ เพิม่ ขน้ึ /ลดลง พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๖๑ จากปกี อ่ น จำ� นวน ร้อยละ จ�ำนวน ร้อยละ จำ� นวน รอ้ ยละ ๑. คา่ ใช้จา่ ยดา้ นบคุ ลากร ๑๔๙,๙๔๖,๖๐๐ ๖๐.๖๒ ๑๕๗,๖๑๔,๔๐๐ ๖๐.๒๔ ๗,๖๖๗,๘๐๐ ๕.๑๑ ๑.๑ ค่าตอบแทนคณะตุลาการ ๔๕,๐๔๒,๗๐๐ ๑๘.๒๑ ๔๘,๘๒๖,๖๐๐ ๑๘.๖๖ ๓,๗๘๓,๙๐๐ ๘.๔๐ ศาลรัฐธรรมนูญและคณะสนับสนุน ๓,๘๘๓,๙๐๐ ๓.๗๐ การปฏิบัติงานของคณะตุลาการ ศาลรฐั ธรรมนญู ๑.๒ ค่าตอบแทนข้าราชการ ๑๐๔,๙๐๓,๙๐๐ ๔๒.๔๑ ๑๐๘,๗๘๗,๘๐๐ ๔๑.๕๘ ลูกจ้าง และเจ้าหน้าที่ส�ำนักงาน ศาลรฐั ธรรมนูญ ๒. คา่ ใช้จา่ ยดา้ นการด�ำเนินงาน ๘๙,๓๖๑,๗๐๐ ๓๖.๑๓ ๗๖,๐๔๓,๓๐๐ ๒๙.๐๖ -๑๓,๓๑๘,๔๐๐ -๑๔.๙๐ ๒.๑ ค่าตอบแทน ๑๒,๖๓๘,๕๐๐ ๕.๑๑ ๖,๖๐๔,๔๐๐ ๒.๕๒ -๖,๐๓๔,๑๐๐ -๔๗.๗๔ ๒.๒ คา่ ใชส้ อย ๖๖,๐๐๐,๗๐๐ ๒๖.๖๙ ๕๙,๓๕๓,๔๐๐ ๒๒.๖๘ -๖,๖๔๗,๓๐๐ -๑๐.๐๗ ๒.๓ คา่ วัสดุ ๓,๗๑๗,๐๐๐ ๑.๕๐ ๓,๐๘๐,๐๐๐ ๑.๑๘ -๖๓๗,๐๐๐ -๑๗.๑๔ ๒.๔ คา่ สาธารณปู โภค ๗,๐๐๕,๕๐๐ ๒.๘๓ ๗,๐๐๕,๕๐๐ ๒.๖๘ - - 39 ๓. คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นครภุ ณั ฑ์ ทด่ี นิ และ ๘,๐๔๒,๖๐๐ ๓.๒๕ ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ ๑๐.๗๐ ๑๙,๙๕๗,๔๐๐ ๒๔๘.๑๕ สงิ่ กอ่ สรา้ ง รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี ๓.๑ ครภุ ัณฑส์ �ำนกั งาน - ----- ๓.๒ ครภุ ณั ฑย์ านพาหนะและขนสง่ - - ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ ๑๐.๗๐ - ๑๐๐ ๓.๓ ครภุ ณั ฑ์ไฟฟา้ และวิทยุ ๑,๗๖๕,๐๐๐ ๐.๗๑ - - - -๑๐๐ ๓.๔ ครุภณั ฑค์ อมพวิ เตอร์ ๖,๒๗๗,๖๐๐ ๒.๕๔ - - - -๑๐๐ รวม ๒๔๗,๓๕๐,๙๐๐ ๑๐๐.๐๐ ๒๖๑,๖๕๗,๗๐๐ ๑๐๐.๐๐ ๑๔,๓๐๖,๘๐๐ ๕.๗๘ ศาลรัฐธรรมนูญ

แผนภมู ทิ ่ี ๕ การเปรยี บเทยี บการจดั สรรงบประมาณประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๑ ล้านบาท ๒๔๗ ๒๖๒ ๓๐๐ ๒๕๐ ๒๐๐ ๑๕๘ ๑๕๐ ๑๕๐ ๑๐๐ ๘๙ ๗๖ ๕๐ ๘ ๒๘ ๐ ค่าใชจ้ า่ ยดา้ นการ ค่าใช้จ่ายด้านครภุ ณั ฑ์ รวม ค่าใชจ้ า่ ยดา้ นบุคลากร ด�ำเนนิ งาน ทด่ี นิ และสิง่ กอ่ สรา้ ง ๒๔๗,๓๕๐,๙๐๐ ๒๕๖๐ ๑๔๙,๙๔๖,๖๐๐ ๘๙,๓๖๑,๗๐๐ ๘,๐๔๒,๖๐๐ ๒๖๑,๖๕๗,๗๐๐ ๒๕๖๑ ๑๕๗,๖๑๔,๔๐๐ ๗๖,๐๔๓,๓๐๐ ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ 40 ๒ราย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี ศาลรฐั ธรรมนูญ

๒. งกบาปรรเปะมรายี ณบเทพยี .ศบง.บ๒ป๕ร๖ะม๑าณทไ่ี ดร้ บั จดั สรรและการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณประจำ� ปี ส�ำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำนวน ๒๖๑,๖๕๗,๗๐๐ บาท โดยมีผลการเบิกจ่ายงบประมาณ จ�ำนวน ๒๒๕,๕๔๑,๓๘๗.๑๙ บาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๒๐ คงเหลอื งบประมาณ จ�ำนวน ๓๖,๑๑๖,๓๑๒.๘๑ บาท คิดเป็นรอ้ ยละ ๑๓.๘๐ ประกอบดว้ ยคา่ ใช้จ่าย ดา้ นบคุ ลากร คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นการดำ� เนนิ งาน และคา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นครภุ ณั ฑ์ ทด่ี นิ และสง่ิ กอ่ สรา้ ง โดยมรี ายละเอยี ด ดงั นี้ ตารางท่ี ๔ การเปรยี บเทยี บงบประมาณทไี่ ดร้ บั จดั สรรและการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณ ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รายการ งบประมาณ ผลการเบกิ จ่ายเงนิ คงเหลอื ๑. คา่ ใชจ้ า่ ยด้านบุคลากร ที่ไดร้ ับจดั สรร ๑๕๗,๖๑๔,๔๐๐ งบประมาณ (รอ้ ยละ) งบประมาณ (รอ้ ยละ) (บาท) (บาท) ๑๕๔,๒๖๖,๘๓๙.๕๘ ๙๗.๘๘ ๓,๓๔๗,๕๖๐.๔๒ ๒.๑๒ 41 ๒. คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นการดำ� เนนิ งาน ๗๖,๐๔๓,๓๐๐ ๔๔,๔๐๒,๕๔๗.๖๑ ๕๘.๓๙ ๓๑,๖๔๐,๗๕๒.๓๙ ๔๑.๖๑ ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ ๒๖,๘๗๒,๐๐๐ ๙๕.๙๗ ๑,๑๒๘,๐๐๐ ๔.๐๓ รายงา๒นป๕ระ๖จำ๑�ปี ๓. ค่าใช้จ่ายด้านครภุ ัณฑท์ ่ดี ิน และส่งิ ก่อสรา้ ง ๒๖๑,๖๕๗,๗๐๐ ๒๒๕,๕๔๑,๓๘๗.๑๙ ๘๖.๒๐ ๓๖,๑๑๖,๓๑๒.๘๑ ๑๓.๘๐ รวมเงินงบประมาณ หมายเหต:ุ งบประมาณคงเหลอื เปน็ งบประมาณในโครงการต่อเนื่องซ่ึงจะเบกิ จา่ ยในปีงบประมาณถดั ไป จากตารางที่ ๔ แสดงการเปรยี บเทยี บงบประมาณทไี่ ดร้ บั จดั สรร และการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณ ประจำ� ปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบดว้ ย ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จ�ำนวน ๑๕๗,๖๑๔,๔๐๐ บาท มีผลการเบิกจ่าย งบประมาณ จ�ำนวน ๑๕๔,๒๖๖,๘๓๙.๕๘ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๘๘ คงเหลืองบประมาณ จ�ำนวน ๓,๓๔๗,๕๖๐.๔๒ บาท คิดเป็นรอ้ ยละ ๒.๑๒ ค่าใช้จ่ายด้านการด�ำเนินงาน ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จ�ำนวน ๗๖,๐๔๓,๓๐๐ บาท มีผล การเบิกจ่ายงบประมาณ จำ� นวน ๔๔,๔๐๒,๕๔๗.๖๑ บาท คดิ เปน็ ร้อยละ ๕๘.๓๙ คงเหลืองบประมาณ จำ� นวน ๓๑,๖๔๐,๗๕๒.๓๙ บาท คิดเปน็ ร้อยละ ๔๑.๖๑ ค่าใช้จา่ ยด้านครุภัณฑ์ ที่ดนิ และสง่ิ กอ่ สรา้ ง ไดร้ ับการจดั สรรงบประมาณ จ�ำนวน ๒๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท มผี ลการเบิกจ่ายงบประมาณ จ�ำนวน ๒๖,๘๗๒,๐๐๐ บาท คิดเปน็ รอ้ ยละ ๙๕.๙๗ คงเหลืองบประมาณ จ�ำนวน ๑,๑๒๘,๐๐๐ บาท คิดเปน็ ร้อยละ ๔.๐๓ ศาลรฐั ธรรมนูญ

แผนภมู ทิ ี่ ๖ การเปรยี บเทยี บงบประมาณทไี่ ดร้ บั จดั สรรและการใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณ ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ลา้ นบาท ๓๐๐ ๒๖๒ ๒๕๐ ๒๒๖ ๒๐๐ ๑๕๘ ๑๕๔ ๑๕๐ ๑๐๐ ๗๖ ๕๐ ๔๕ ๒๘ ๒๗ ๐ ด้านการด�ำเนินงาน ดา้ นครุภัณฑ์ รวม ด้านบุคลากร จัดสรร ทด่ี นิ และสง่ิ กอ่ สรา้ ง จา่ ยจริง 42 ร๒าย๕ง๖าน๑ประจำ�ปี ศาลรฐั ธรรมนญู

สว่ นท่ี43 ๓รายงา๒นป๕ระ๖จ�ำ๑ปี ผลการด�ำเนินงาน ของศาลรัฐธรรมนูญ และสำ� นักงาน ศาลรัฐธรรมนญู ศาลรัฐธรรมนูญ

๓ ผลการดำ�เนินงานของศาลรัฐธรรมนญู และสำ�นักงานศาลรฐั ธรรมนูญ ๑. ผลการด�ำเนนิ งานดา้ นคดี ความสอดคลอ้ งเชอ่ื มโยงยทุ ธศาสตร์ 44 ๑) ความสอดคล้องกับยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปี ร๒าย๕ง๖าน๑ประจ�ำ ปี ยุทธศาสตร์ท่ี ๖ ด้านการปรบั สมดุลและพฒั นาระบบการบริหารจดั การภาครัฐ ประเด็นยทุ ธศาสตร์ท่ี ๔.๗ กฎหมายมคี วามสอดคลอ้ งเหมาะสมกบั บรบิ ทต่างๆ และมเี ทา่ ท่จี ำ� เปน็ ประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี ๔.๘ กระบวนการยุติธรรมเคารพสิทธิมนุษยชนและปฏิบัติต่อประชาชน โดยเสมอภาค ๒) ความสอดคลอ้ งกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๑๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๖ การบรหิ ารจดั การในภาครฐั การปอ้ งกนั การทจุ รติ ประพฤตมิ ชิ อบและธรรมาภบิ าล ในสังคมไทย แนวทางการพัฒนาที่ ๓.๖ ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้มีความทันสมัย เป็นธรรม และสอดคลอ้ งกบั ขอ้ บงั คบั สากลหรอื ขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศ ๓.๖.๒ ปฏริ ปู กระบวนการยตุ ิธรรมใหม้ ีประสทิ ธิภาพ ๓) ความสอดคลอ้ งกับแผนการปฏริ ูปประเทศ แผนปฏริ ูปประเทศ ดา้ นกฎหมาย เปา้ หมายหรอื ผลอนั พงึ ประสงคท์ ี่ ๖ มกี ลไกใหป้ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำ� และเสนอรา่ งกฎหมาย หรือกฎท่ีมีความส�ำคัญ และจัดให้มีกลไกช่วยเหลือประชาชนในการจัดท�ำและเสนอร่างกฎหมาย รวมทั้งการให้ ความช่วยเหลอื ทางกฎหมายแกป่ ระชาชน เป้าหมายหรือผลอนั พึงประสงคท์ ี่ ๗ มกี ลไกให้ประชาชนเข้าถงึ กฎหมาย กฎ โดยสะดวกและเข้าใจ กฎหมายไดง้ า่ ยรวมทงั้ การพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู ของกฎหมาย คำ� พพิ ากษา คำ� วนิ จิ ฉยั หรอื การตคี วามกฎหมาย หรอื กฎให้ประชาชนเขา้ ถงึ ได้โดยสะดวก ๔) ความสอดคล้องกับยทุ ธศาสตรศ์ าลรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานงาน ด้านงานคดี งานบริหาร งานวิชาการ เพื่อสนับสนนุ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนญู กลยุทธ์ที่ ๑.๑ ข้อมูลและงานวิจัยมีคุณภาพ สามารถใช้สนับสนุนงานศาลรัฐธรรมนูญได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพและช่วยพัฒนามาตรฐานการปฏิบตั งิ านของส�ำนกั งานศาลรฐั ธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ

แผนงานที่ ๑.๑.๒ การพฒั นาระบบงานคดี งานบรหิ าร งานวชิ าการ เพอื่ สนบั สนนุ คณะตลุ าการ ศาลรฐั ธรรมนูญ สว่ นทหี่ นงึ่ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั คดขี องศาลรฐั ธรรมนญู แผนภมู ทิ ี่ ๗ สรปุ สถติ คิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนญู (ระหวา่ งปปี ฏทิ นิ พ.ศ. ๒๕๕๒ – ๒๕๖๑) จ�ำนวน รอ้ ยละ ๑๕๐ ๑๐๐.๐๐ ๙๐.๐๐ ๑๒๕ ๘๐.๐๐ ๗๐.๐๐ ๑๐๐ ๖๐.๐๐ ๕๐.๐๐ ๗๕ ๔๐.๐๐ ๓๐.๐๐ ๕๐ ๒๐.๐๐ ๑๐.๐๐ ๒๕ ๐.๐๐ ๐ ๒๕๕๓ ๒๕๕๔ ๒๕๕๕ ๒๕๕๖ ๒๕๕๗ ๒๕๕๘ ๒๕๕๙ ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ๒๕๕๒ ๑๓๐ ๑๓๑ ๙๑ ๔๙ ๙๔ ๗๕ จ�ำนวนค�ำร้อง ๑๒๙ ๓๗.๖๙ ๗๑.๗๖ ๑๒๓ ๑๒๑ ๙๖ ๓ ๘ ๗๖ ๘๒.๔๒ ผลด�ำเนนิ การรวม ๖๗ ๑๐๙ ๘๔ ๙๖ ๑ ๘ ๖๑ 45 รอ้ ยละ ๕๑.๙๔ ๘๘.๖๒ ๖๙.๔๒ ๑๐๐.๐๐ ๓๓.๓๓ ๑๐๐.๐๐ ๘๐.๒๖ รายงา๒นป๕ระ๖จ�ำ ๑ปี จ�ำนวนค�ำร้อง ผลด�ำเนนิ การรวม รอ้ ยละ แผนภมู ทิ ่ี ๘ สรปุ สถติ คิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนญู (ระหวา่ งปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๑) จ�ำนวน รอ้ ยละ ๑๕๐ ๑๐๐.๐๐ ๙๐.๐๐ ๑๒๕ ๘๐.๐๐ ๗๐.๐๐ ๑๐๐ ๖๐.๐๐ ๕๐.๐๐ ๗๕ ๔๐.๐๐ ๓๐.๐๐ ๕๐ ๒๐.๐๐ ๑๐.๐๐ ๒๕ ๐.๐๐ ๐ ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ๕๒ ๙๑ ๔๖ ๗๕ จ�ำนวนค�ำร้อง ๘๘.๔๖ ๘๒.๔๒ ผลด�ำเนนิ การรวม รอ้ ยละ ศาลรัฐธรรมนญู

ต้งั แต่วนั ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถึงวนั ที่ ๓๐ กนั ยายน ๒๕๖๑ มีคดอี ยใู่ นการพจิ ารณาของศาลรัฐธรรมนญู 46 จำ� นวน ๙๑ เร่ือง จ�ำแนกรายละเอยี ดไดด้ ังนี้ ๑. คดีท่ีค้างพิจารณามาจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จ�ำนวน ๖ เร่ือง แยกเป็นคดีตามรัฐธรรมนูญ ๒ราย๕ง๖าน๑ประจ�ำ ปี แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓๑ จ�ำนวน ๔ เรอ่ื ง และคดีประเภทอื่น จ�ำนวน ๒ เร่ือง ๒. คดีท่ีมีการย่ืนเข้ามาใหม่ในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำนวน ๘๕ เรื่อง แยกเป็นคดี ตามรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ จำ� นวน ๖๕ เรอ่ื งและคดีประเภทอื่น จำ� นวน ๒๐ เรอ่ื ง ๓. คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเสร็จและมีค�ำวินิจฉัยแล้วจ�ำนวน ๖ เร่ือง โดยเป็นคดีท่ีมิใช่กรณี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ ทั้งสน้ิ ๔. คดที ีศ่ าลรัฐธรรมนญู มีคำ� ส่ังไม่รับดำ� เนินการ/จำ� หน่ายคดี/ยกค�ำรอ้ ง จ�ำนวน ๖๙ เรอื่ ง แยกเป็นคดี ตามรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ จำ� นวน ๖๓ เรื่อง และคดีประเภทอนื่ จำ� นวน ๖ เรอ่ื ง ๕. คดีท่ียังคงค้างพิจารณาอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ยกไปด�ำเนินการต่อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำ� นวน ๑๖ เรอื่ ง แยกเปน็ คดตี ามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ จำ� นวน ๖ เรอ่ื ง และคดีประเภทอ่นื จำ� นวน ๑๐ เรอ่ื ง ๑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ บัญญัติว่า “บุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพท่ีรัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้มี สทิ ธยิ น่ื คำ� ร้องต่อศาลรัฐธรรมนญู เพอื่ มีค�ำวินจิ ฉยั ว่าการกระท�ำนนั้ ขัดหรอื แย้งต่อรฐั ธรรมนูญ ทัง้ นี้ ตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงือ่ นไขท่ีบญั ญัติไว้ใน พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยวธิ พี ิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ” ศาลรฐั ธรรมนูญ

47 รายงา๒นป๕ระ๖จ�ำ ๑ปี ศาลรฐั ธรรมนญู ตารางท่ี ๕ สรปุ สถติ คิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำแนกตามประเภทคดี เรือ่ งคา้ งพจิ ารณา เรื่องทีม่ าสู่ เรอื่ งทศี่ าลรฐั ธรรมนญู เรอื่ งคา้ งพิจารณายกไป ยกมาจาก ศาลรฐั ธรรมนูญ เรอ่ื งทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู มคี �ำสัง่ ไมร่ ับ ด�ำเนนิ การต่อใน ประเภทคดี ปงี บประมาณ ในระหวา่ งปงี บประมาณ มีค�ำวนิ ิจฉัย ด�ำเนินการ/ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำหน่ายคด/ี ยกค�ำรอ้ ง พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑. คดเี กยี่ วกบั ความชอบดว้ ยรัฐธรรมนูญของ - กฎหมายหรือร่างกฎหมาย ๓๓ - - ๑.๑ การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วย - รัฐธรรมนูญของร่างพระราชบัญญัติประกอบ - --- - รัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย - ๑๓ - ๔ ๙ พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๒ ประกอบ - มาตรา ๑๔๘) ๑๑ - - ๑.๒ การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วย รฐั ธรรมนญู ของรา่ งพระราชบญั ญตั ิ (รฐั ธรรมนญู แหง่ --- - ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๘) ๑.๓ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่ง กฎหมายทศี่ าลจะใชบ้ งั คบั แกค่ ดใี ด ขดั หรอื แยง้ ตอ่ รัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๒) ๑.๔ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นผู้เสนอ (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๓๑ (๑)) ๑.๕ การพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วย รัฐธรรมนูญของเง่ือนไขการตราพระราชก�ำหนด (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๓)

ตารางที่ ๕ สรปุ สถติ คิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำแนกตามประเภทคดี (ตอ่ ) เรอ่ื งค้างพจิ ารณา เร่อื งที่มาสู่ เรอื่ งทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู เรือ่ งคา้ งพิจารณายกไป ยกมาจาก ศาลรัฐธรรมนูญ เรอ่ื งทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู มคี �ำสัง่ ไม่รับ ด�ำเนนิ การต่อใน ประเภทคดี ปีงบประมาณ ในระหวา่ งปงี บประมาณ มีค�ำวนิ ิจฉัย ด�ำเนนิ การ/ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำหนา่ ยคด/ี ยกค�ำร้อง พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. ค ดี เ ก่ี ย ว กั บ ห น ้ า ท่ี แ ล ะ อ� ำ น า จ ข อ ง ๑ ๑-๒ - สภาผแู้ ทนราษฎร วฒุ สิ ภา รฐั สภา คณะรฐั มนตรี หรอื องคก์ รอสิ ระ (รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๐ วรรคหนึ่ง (๒)) ๓. คดีเก่ียวกับการร้องขอให้เลิกการกระท�ำ - --- - ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันม ี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๔๙) ๔. คดีที่ประชาชนหรือชุมชนฟ้องหน่วยงาน - --- - ของรัฐเพ่ือให้ได้รับประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ --- - หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ (รัฐธรรมนูญแห่ง --- - ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๕๑) ๕. คดีเก่ียวกับการสิ้นสุดสมาชิกภาพของ - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา (รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยพทุ ธศกั ราช๒๕๖๐ มาตรา ๘๒) ๖. คดีเก่ียวกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติ - ท่ีมีหลักการอย่างเดียวกันหรือคล้ายกันกับ หลักการของร่างพระราชบัญญัติที่ต้องยับย้ังไว ้ (รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยพทุ ธศกั ราช๒๕๖๐ มาตรา ๑๓๙) 48 ๒ราย๕ง๖าน๑ประจ�ำ ปี ศาลรฐั ธรรมนญู

49 รายงา๒นป๕ระ๖จ�ำ ๑ปี ศาลรฐั ธรรมนญู ตารางท่ี ๕ สรปุ สถติ คิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำแนกตามประเภทคดี (ตอ่ ) เรอื่ งคา้ งพิจารณา เรือ่ งที่มาสู่ เรอ่ื งทศี่ าลรฐั ธรรมนญู เร่ืองคา้ งพจิ ารณายกไป ยกมาจาก ศาลรฐั ธรรมนญู เรอื่ งทศี่ าลรฐั ธรรมนญู มีค�ำสั่งไม่รับ ด�ำเนนิ การตอ่ ใน ประเภทคดี ปีงบประมาณ ในระหวา่ งปงี บประมาณ มคี �ำวินิจฉัย ด�ำเนนิ การ/ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำหนา่ ยคด/ี ยกค�ำรอ้ ง พ.ศ. ๒๕๖๒ ๗. คดีเก่ียวกับการเสนอ การแปรญัตติหรือ - --- - การกระท�ำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้สมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา หรอื กรรมาธกิ าร มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในการ ใช้งบประมาณรายจ่าย (รัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๔) ๘. คดีเก่ียวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของ - --- - ร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร รา่ งขอ้ บงั คบั การประชมุ วฒุ สิ ภา และรา่ งขอ้ บงั คบั การประชมุ รฐั สภา(รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๙) ๙. คดเี กย่ี วกบั การสน้ิ สดุ ลงของความเปน็ รฐั มนตร ี - ๑- - ๑ (รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยพทุ ธศกั ราช๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๐) ๑ ๐. คดีเก่ียวกับหนังสือสัญญา ท่ีต้องได้รับ - ๑๑ - - ความเห็นชอบจากรัฐสภา (รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗๘)

ตารางท่ี ๕ สรปุ สถติ คิ ดขี องศาลรฐั ธรรมนญู ประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำแนกตามประเภทคดี (ตอ่ ) เรอื่ งค้างพิจารณา เรือ่ งทม่ี าสู่ เรอื่ งทศ่ี าลรฐั ธรรมนญู เร่อื งคา้ งพจิ ารณายกไป ยกมาจาก ศาลรฐั ธรรมนญู เรอ่ื งทศี่ าลรฐั ธรรมนญู มีค�ำสงั่ ไมร่ ับ ด�ำเนินการตอ่ ใน ประเภทคดี ปงี บประมาณ ในระหวา่ งปงี บประมาณ มคี �ำวินจิ ฉัย ด�ำเนนิ การ/ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำหนา่ ยคด/ี ยกค�ำร้อง พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑๑. คดีท่ีผู้ถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพท ี่ ๔ ๖๕ - ๖๓ ๖ รฐั ธรรมนญู คุ้มครองไว้ รอ้ งขอวา่ การกระทำ� น้นั ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ (รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓) ๑ ๒. คดเี กยี่ วกบั ความชอบดว้ ยรฐั ธรรมนญู ของ - - - - - ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติม (รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๕๖ (๙)) ๑ ๓. คดีอ่ืนท่ีรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบ รฐั ธรรมนญู หรอื กฎหมายอน่ื กำ� หนดใหอ้ ยใู่ นเขต อ�ำนาจของศาลรฐั ธรรมนูญ ๑๓.๑ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั เกยี่ วกบั คำ� รอ้ งคดั คา้ น ๑ - ๑๒ - - มติ คำ� สงั่ และประกาศของคณะกรรมการการเลอื กตง้ั - และการยุบพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑๓.๒ การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั เกยี่ วกบั มตคิ ณะรฐั มนตรี - - - - หรือการด�ำเนินการของคณะรัฐมนตรีว่าเป็นการ ปฏิบัติหน้าท่ีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ก า ร จั ด ท� ำ ยุ ท ธ ศ า ส ต ร ์ ช า ติ พ.ศ. ๒๕๖๐ 50 ๒ราย๕ง๖าน๑ประจ�ำ ปี ศาลรฐั ธรรมนญู รวม ๖ ๘๕ ๖ ๖๙ ๑๖ ๒ คำ� วินจิ ฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๒/๒๕๖๐ เป็นการวนิ ิจฉัยตามพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๕๐

51 สว่ นทส่ี อง บรรทดั ฐานค�ำวนิ จิ ฉยั และค�ำสงั่ ศาลรฐั ธรรมนญู รายงา๒นป๕ระ๖จ�ำ ๑ปี ก. ค�ำวินจิ ฉัยศาลรัฐธรรมนญู ตง้ั แต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถงึ วันท่ี ๓๐ กนั ยายน ๒๕๖๑ ศาลรฐั ธรรมนูญพิจารณาคดีแลว้ เสร็จ และมีค�ำวินิจฉัยแล้ว จ�ำนวน ๖ ค�ำวินิจฉัย ดังต่อไปน้ี โดยทั้งหมดเป็นคดีท่ีมิใช่กรณีตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๑๓ ๑. คำ� วนิ จิ ฉัยศาลรฐั ธรรมนญู ที่ ๒/๒๕๖๐ วันท่ี ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เรอื่ ง นายทะเบียนพรรคการเมืองขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำสั่งยุบพรรค เพื่อประชาชนไทย ผลค�ำวนิ จิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนญู มคี ำ� สงั่ ยบุ พรรคเพอ่ื ประชาชนไทยตามพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๙๓ ประกอบมาตรา ๘๒ และให้ผู้ซ่ึงเคยด�ำรงต�ำแหน่งกรรมการ บริหารพรรคผู้ถูกร้องจะจดแจ้งการจัดต้ังพรรคการเมืองข้ึนใหม่ หรอื เปน็ กรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื ง หรอื มสี ว่ นรว่ มในการจดแจง้ การจดั ตง้ั พรรคการเมอื งขนึ้ ใหมอ่ กี ไมไ่ ดภ้ ายในกำ� หนดหา้ ปนี บั แตว่ นั ที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำส่ังให้ยุบพรรคผู้ถูกร้อง ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๙๗ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ผู้ถูกร้องมีก�ำหนดเวลาห้าปีนับแต่วันท่ีศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำส่ังให้ ยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๙๘ บรรทดั ฐานค�ำวินิจฉัย คดีนี้เป็นกรณีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีค�ำสั่งยุบพรรคการเมืองด้วย เหตุพรรคการเมืองไม่จัดท�ำรายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุน ของพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทินให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๕๐ แตใ่ นปจั จบุ นั มกี ารประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ปิ ระกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งไม่มีบทบัญญัติ ใหย้ บุ พรรคการเมอื งกรณพี รรคการเมอื งไมจ่ ดั ทำ� รายงานการใชจ้ า่ ยเงนิ สนับสนุนของพรรคการเมืองในรอบปีปฏิทินให้ถูกต้อง ตามความเปน็ จรงิ อกี ตอ่ ไป จงึ ไมอ่ าจนำ� คำ� วนิ จิ ฉยั นม้ี าเปน็ บรรทดั ฐานได้ ๒. คำ� วนิ จิ ฉยั ศาลรฐั ธรรมนูญท่ี ๓/๒๕๖๐ วันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เร่ือง คณะรัฐมนตรีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา๑๗๘วรรคหา้ วา่ รา่ งบนั ทกึ ความเขา้ ใจวา่ ดว้ ยการผา่ นแดนสนิ คา้ ระหว่างกรมศุลกากรแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมศุลกากรและ ศาลรัฐธรรมนญู

สรรพสามิตแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นหนังสือสัญญาเก่ียวกับ การค้าเสรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๘ วรรคสาม ที่ต้องได้รับ ความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง หรอื ไม่ ผลคำ� วินิจฉยั ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการผ่าน แดนสนิ คา้ ระหวา่ งกรมศลุ กากรแหง่ ราชอาณาจกั รไทยและกรมศลุ กากร และสรรพสามติ แหง่ ราชอาณาจกั รกมั พชู าเปน็ หนงั สอื สญั ญาเกย่ี วกบั การคา้ เสรตี ามรฐั ธรรมนญู มาตรา ๑๗๘ วรรคสาม แตไ่ มเ่ ปน็ หนงั สอื สัญญาท่ีอาจมีผลกระทบต่อความม่ันคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือ การค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง จึงไม่ต้องได้รับ ความเห็นชอบของรฐั สภาตามรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง บรรทัดฐานคำ� วินจิ ฉยั ๑) “หนงั สอื สญั ญา”หมายถงึ ความตกลงระหวา่ งประเทศทกุ ประเภท ทจี่ ดั ทำ� ขน้ึ ระหวา่ งประเทศไทยกบั ตา่ งประเทศหรอื องคก์ ารระหวา่ ง ประเทศในรปู แบบทเ่ี ปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร โดยมเี จตนากอ่ ใหเ้ กดิ พนั ธะ ผกู พนั ทางกฎหมาย และอยภู่ ายใตบ้ งั คบั ของกฎหมายระหวา่ งประเทศ ไมว่ า่ จะถกู บนั ทกึ ไวใ้ นเอกสารฉบบั เดยี วหรอื หลายฉบบั ทเี่ กย่ี วพนั กนั และไม่วา่ จะเรียกช่ือว่าอยา่ งไร อันเปน็ ความหมายที่ตรงกนั กบั ค�ำว่า 52 “treaty” ตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ร๒าย๕ง๖าน๑ประจ�ำ ปี ค.ศ. ๑๙๖๙ และอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ระหว่างรัฐกับองค์การระหวา่ งประเทศหรอื ระหว่างองค์การระหวา่ ง ประเทศ ค.ศ. ๑๙๘๖ (ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามแนวค�ำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญที่ ๑๑/๒๕๔๒, ท่ี ๓๓/๒๕๔๓ และท่ี ๖ - ๗/๒๕๕๑) แม้จะระบุชื่อว่าเป็นการจัดท�ำข้ึนระหว่างหน่วยงานระดับกรมของ ทั้งสองประเทศแต่เม่ือพิจารณาจากผู้มีอ�ำนาจลงนามในร่างบันทึก ความเข้าใจฯ ท่ีเป็นการลงนามในฐานะผู้แทนของรัฐบาล โดย รา่ งบนั ทกึ ความเขา้ ใจฯ ดงั กลา่ วมสี าระสำ� คญั เปน็ การกำ� หนดใหภ้ าคี แตล่ ะฝา่ ยตอ้ งปฏบิ ตั ิแสดงถงึ เจตนาทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กดิ ผลผกู พนั ตามกฎหมาย ระหวา่ งกนั ภายใตบ้ งั คบั ของกฎหมายระหวา่ งประเทศจงึ เขา้ ลกั ษณะเปน็ “หนังสอื สัญญา” ตามรฐั ธรรมนูญ มาตรา ๑๗๘ ๒) รา่ งบนั ทกึ ความเขา้ ใจ ฯ น้ี เปน็ หนงั สอื สญั ญาทม่ี เี นอ้ื หาเกยี่ วกบั การผา่ นแดนของสนิ คา้ ระหวา่ งประเทศทม่ี งุ่ ขจดั การกดี กนั ทางการคา้ อนั เปน็ ลกั ษณะของการคา้ เสรี จงึ เปน็ หนงั สอื สญั ญาเกย่ี วกบั การคา้ เสรี ตามรัฐธรรมนญู มาตรา ๑๗๘ วรรคสาม ศาลรัฐธรรมนูญ

๓) รา่ งบนั ทกึ ความเขา้ ใจฯ นี้ เปน็ เพยี งความตกลงทท่ี ง้ั สองประเทศ ท�ำความตกลงในเร่ืองวิธีการและหลักปฏิบัติเกี่ยวกับการอ�ำนวย ความสะดวกในการขนสง่ สนิ คา้ ผา่ นแดนภายใต้ GATT ไมไ่ ดม้ เี นอ้ื หาสาระ ทเ่ี กยี่ วกบั การกำ� หนดพกิ ดั อตั ราภาษศี ลุ กากรทมี่ ผี ลโดยตรงตอ่ ราคา สินค้าหรือการจ�ำกัดปริมาณการน�ำเข้าสินค้าท่ีส่งผลกระทบต่อ การคา้ เสรอี ยา่ งกวา้ งขวาง อนั จะสง่ ผลกระทบตอ่ โครงสรา้ งทางสงั คม หรอื ทางเศรษฐกจิ หรอื สง่ ผลตอ่ การคา้ การลงทนุ ในระดบั ชาติ รวมถงึ ไมไ่ ดม้ หี ลกั เกณฑใ์ นการผา่ นแดนของสนิ คา้ ทแี่ ตกตา่ ง หรอื นอกเหนอื ไปจากพนั ธกรณที ป่ี ระเทศไทยและประเทศกมั พชู ามอี ยแู่ ลว้ ตามขอ้ ๕ ของ GATT แตป่ ระการใด อกี ทง้ั การยกเวน้ ภาษศี ลุ กากรสนิ คา้ ผา่ นแดน ก็เป็นไปตามหลักการและข้อผูกพันเดิมภายใต้ GATT ประกอบกับ ประเทศไทยก็มีพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ อนุวัติการ พันธกรณีดังกล่าวแล้วนอกจากน้ีผลที่จะเกิดขึ้นจากร่างบันทึก ความเข้าใจฯ ดงั กลา่ ว คือ จะทำ� ให้เกิดความมัน่ ใจและคาดหมายได้ ต่อนักลงทุนของทั้งสองประเทศ และเป็นการส่งเสริมบทบาทของ ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค ทั้งยัง 53 สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลท้ังสองประเทศที่มุ่งพัฒนาพื้นที่ ชายแดนและสง่ เสรมิ ความเชอื่ มโยงระหวา่ งกนั และจะเปน็ ประโยชน์ รายงา๒นป๕ระ๖จ�ำ ๑ปี ตอ่ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศไทยกบั ประเทศกมั พชู าในภาพรวม ดงั นนั้ รา่ งบนั ทกึ ความเขา้ ใจฯ ดงั กลา่ วจงึ เปน็ หนงั สอื สญั ญาเกยี่ วกบั การค้าเสรีที่ไม่มผี ลกระทบตอ่ ความมนั่ คงทางเศรษฐกิจ สังคม หรอื การค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ๓. คำ� วนิ ิจฉยั ศาลรฐั ธรรมนูญท่ี ๑/๒๕๖๑ วันท่ี ๙ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เร่ือง ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติส่งความเห็นของสมาชิก สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาตขิ อใหศ้ าลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั ตามรฐั ธรรมนญู มาตรา๑๔๘วรรคหนง่ึ (๑)ประกอบมาตรา๒๖๓วา่ รา่ งพระราชบญั ญตั ิ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. .... มาตรา ๑๘๕ มขี อ้ ความขดั หรือแยง้ ต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ผลค�ำวินจิ ฉัย ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ด้วยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. .... มาตรา ๑๘๕ ในส่วนท่ีมิให้น�ำลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๑ (๑) และ (๑๘) มาใช้บังคับนัน้ ไม่ขัดหรือแย้งตอ่ รัฐธรรมนญู ศาลรัฐธรรมนูญ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook