Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงสร้างหลักสูตร แก้ไข ครั้งที่ 2

โครงสร้างหลักสูตร แก้ไข ครั้งที่ 2

Published by Martin Meefia, 2021-09-01 15:58:32

Description: โครงสร้างหลักสูตร แก้ไข ครั้งที่ 2

Search

Read the Text Version

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กระทรวงศึกษาธกิ าร

สารบัญ หนา้ คำนำ.................................................................................................................................... ๑ คำสงั่ กระทรวงศึกษาธกิ าร ที่ สพฐ ๒๙๓/๒๕๕๑ ลงวนั ท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ๓ เรือ่ ง ให้ใช้หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ๓ ความนำ.............................................................................................................................. ๓ วิสยั ทัศน์ ............................................................................................................................. ๔ หลกั การ............................................................................................................................... ๔ จุดหมาย............................................................................................................................... ๕ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค.์ .............................................. ๕ ๖ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น................................................................................. ๗ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์................................................................................... ๙ ๑๖ มาตรฐานการเรยี นรู้............................................................................................................. ๑๗ ตัวชวี้ ดั ................................................................................................................................. ๑๗ สาระการเรยี นร.ู้ .................................................................................................................. ๑๘ สาระและมาตรฐานการเรยี นร.ู้ ............................................................................................ ๑๙ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน.......................................................................................................... ๒๐ ระดบั การศึกษา.................................................................................................................... ๒๒ การจดั เวลาเรยี น................................................................................................................... ๒๓ โครงสร้างเวลาเรียน............................................................................................................. ๒๔ การจัดการศึกษาสำหรบั กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ...................................................................... ๒๘ การจัดการเรยี นรู้.................................................................................................................. ๒๘ สือ่ การเรียนร.ู้ ...................................................................................................................... ๒๙ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนร.ู้ ........................................................................................ ๓๐ ๓๑ เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการเรียน........................................................................... ๔๗ เอกสารหลักฐานการศกึ ษา ........................................................................................... ๗๕ การเทียบโอนผลการเรียน............................................................................................. ๑๑๔ การบรหิ ารจัดการหลักสูตร................................................................................................. ๑๔๖ มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้ีวัด......................................................................................... - ภาษาไทย............................................................................................................ - คณติ ศาสตร.์ ....................................................................................................... - วิทยาศาสตร.์ ...................................................................................................... - สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม.................................................................... - สุขศึกษาและพลศกึ ษา........................................................................................

- ศิลปะ.................................................................................................................. ๑๖๔ - การงานอาชพี และเทคโนโลยี.............................................................................. ๑๘๐ - ภาษาต่างประเทศ................................................................................................ ๑๙๐ เอกสารอา้ งองิ ....................................................................................................................... ๒๐๙

ความนำ กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ให้เป็น หลักสูตรแกนกลางของประเทศ โดยกำหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและ กรอบทิศทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีขีดความสามารถ ในการแข่งขนั ในเวทีระดับโลก (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๔) พร้อมกันน้ีได้ปรับกระบวนการพัฒนาหลกั สูตร ให้มีความสอดคล้องกับเจตนารมณ์แห่งพระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่แี ก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ท่ีมุ่งเน้นการกระจายอำนาจทางการศึกษาให้ท้องถิ่นและสถานศึกษาได้มีบทบาท และมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพ และความต้องการของท้องถ่ิน (สำนกั นายกรัฐมนตร,ี ๒๕๔๒) จากการวิจัย และติดตามประเมินผลการใช้หลักสูตรในช่วงระยะ ๖ ปีที่ผา่ นมา (สำนักวิชาการและ มาตรฐานการศึกษา, ๒๕๔๖ ก., ๒๕๔๖ ข., ๒๕๔๘ ก., ๒๕๔๘ ข.; สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, ๒๕๔๗; สำนักผู้ตรวจราชการและติดตามประเมินผล, ๒๕๔๘; สุวิมล ว่องวาณิช และนงลักษณ์ วิรัชชัย, ๒๕๔๗; Nutravong, ๒๐๐๒; Kittisunthorn, ๒๐๐๓) พบว่า หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ มจี ุดดหี ลายประการ เชน่ ชว่ ยส่งเสรมิ การกระจายอำนาจทางการศกึ ษาทำใหท้ ้องถ่นิ และสถานศึกษา มีส่วนร่วมและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้อง กับความต้องการของท้องถ่ิน และ มแี นวคิดและหลักการในการส่งเสริมการพัฒนาผเู้ รียนแบบองค์รวมอย่างชดั เจน อยา่ งไรกต็ าม ผลการศึกษา ดังกล่าวยังได้สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นที่เป็นปัญหาและความไม่ชัดเจนของหลักสูตรหลายประการ ท้ังในส่วนของเอกสารหลักสูตร กระบวนการนำหลักสตู ร สู่การปฏิบัติ และผลผลติ ที่เกดิ จากการใช้หลกั สตู ร ได้แก่ ปัญหาความสับสนของผู้ปฏิบัติในระดับสถานศึกษาในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา สถานศึกษา ส่วนใหญ่กำหนดสาระและผลการเรียนรู้ที่คาดหวังไว้มาก ทำให้เกิดปัญหาหลักสูตรแน่น การวัดและ ประเมินผลไม่สะท้อนมาตรฐาน ส่งผลต่อปัญหาการจัดทำเอกสารหลักฐานทางการศึกษาและการเทียบโอน ผลการเรียน รวมท้ังปัญหาคุณภาพของผู้เรียนในด้านความรู้ ทักษะ ความสามารถและคุณลักษณะ ทพ่ี ึงประสงคอ์ ันยังไม่เป็นทน่ี ่าพอใจ นอกจากนั้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๐ ( พ.ศ. ๒๕๕๐ – ๒๕๕๔) ได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับเปล่ียนจุดเน้นในการพัฒนาคุณภาพคนในสังคมไทยให้ มีคุณธรรม และมีความรอบรู้อย่างเท่าทัน ให้มีความพร้อมท้ังด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และศีลธรรม สามารถ กา้ วทันการเปลีย่ นแปลงเพื่อนำไปสู่สังคมฐานความรู้ได้อย่างม่นั คง แนวการพัฒนาคนดังกลา่ วมงุ่ เตรียมเด็ก และเยาวชนใหม้ ีพื้นฐานจติ ใจท่ีดีงาม มจี ติ สาธารณะ พร้อมท้ังมีสมรรถนะ ทกั ษะและความรู้พื้นฐานทีจ่ ำเป็น ในการดำรงชีวิต อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศแบบยั่งยืน (สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ๒๕๔๙) ซึ่งแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนของชาติ เข้าสู่โลกยุคศตวรรษที่ ๒๑ โดยมุ่งส่งเสริมผู้เรียนมีคุณธรรม รักความเป็นไทย ให้มีทักษะการคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ มีทักษะด้านเทคโนโลยี สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมโลก ไดอ้ ย่างสนั ติ (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๕๑) จากข้อค้นพบในการศึกษาวิจัยและติดตามผลการใช้หลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ที่ผ่านมา ประกอบกับข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๐ เกี่ยวกับ แนวทางการพัฒนาคนในสังคมไทย และจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนสู่ศตวรรษ ที่ ๒๑ จึงเกิดการทบทวนหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๔๔ เพ่อื นำไปสกู่ ารพัฒนาหลกั สูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ท่ีมีความเหมาะสม ชัดเจน ท้ังเป้าหมายของหลักสูตร ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และกระบวนการนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติในระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา

และสถานศึกษา โดยได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้วี ัดทีช่ ัดเจน เพ่ือใช้เป็นทิศทางในการจัดทำหลักสูตร การเรียน การสอนในแต่ละระดับ นอกจากนั้นได้กำหนดโครงสร้างเวลาเรียนข้ันต่ำของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ในแต่ละช้ันปีไว้ในหลักสูตรแกนกลาง และเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเพิ่มเติมเวลาเรียนได้ตามความพร้อม และจุดเน้น อีกท้ังได้ปรับกระบวนการวัดและประเมินผลผู้เรียน เกณฑ์การจบการศึกษาแต่ละระดับ และเอกสารแสดงหลักฐานทางการศึกษาให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ และมีความชัดเจน ต่อการนำไปปฏิบัติ เอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ น้ี จัดทำข้ึนสำหรับท้องถิ่น และสถานศึกษาได้นำไปใช้เป็นกรอบและทิศทางในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา และจัดการเรียน การสอนเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยทุกคนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานให้มีคุณภาพด้านความรู้ และทักษะท่ีจำเป็นสำหรับการดำรงชีวติ ในสงั คมที่มกี ารเปลี่ยนแปลง และแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนือ่ งตลอดชีวิต มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในเอกสารน้ี ช่วยทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในทุกระดับเห็นผลคาดหวังที่ต้องการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนท่ีชัดเจนตลอดแนว ซึ่งจะสามารถ ช่วยให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องในระดับท้องถ่ินและสถานศึกษาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่างม่ันใจ ทำให้ การจัดทำหลักสูตรในระดับสถานศึกษามีคุณภาพและมีความเป็นเอกภาพยิ่งข้ึน อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความ ชัดเจนเรื่องการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ และช่วยแก้ปัญหาการเทียบโอนระหว่างสถานศึกษา ดังนั้น ในการพัฒนาหลักสูตรในทุกระดับตั้งแต่ระดับชาติจนกระทั่งถึงสถานศึกษา จะต้องสะท้อนคุณภาพตาม มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดท่ีกำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน รวมทั้งเป็น กรอบทิศทางในการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ และครอบคลุมผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมายในระดับการศึกษา ข้ันพื้นฐาน การจัดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังได้ ทุกฝ่าย ทีเ่ กีย่ วขอ้ งท้ังระดับชาติ ชมุ ชน ครอบครัว และบุคคลต้องร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกันทำงานอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง ในการวางแผน ดำเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนา เยาวชนของชาตไิ ปสคู่ ณุ ภาพตามมาตรฐานการเรยี นรทู้ ่กี ำหนดไว้ วิสยั ทัศน์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน ซ่ึงเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่น ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมท้ัง เจตคติ ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียน เป็นสำคญั บนพนื้ ฐานความเชื่อว่า ทกุ คนสามารถเรียนรูแ้ ละพัฒนาตนเองไดเ้ ตม็ ตามศักยภาพ หลักการ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน มหี ลกั การที่สำคญั ดังน้ี ๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐาน ของความเปน็ ไทยควบคกู่ ับความเป็นสากล ๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค และมคี ุณภาพ

๓. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอำนาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ให้สอดคล้องกบั สภาพและความต้องการของท้องถนิ่ ๔. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีมีโครงสร้างยืดหยุ่นทั้งด้านสาระการเรียนรู้ เวลาและการจัด การเรยี นรู้ ๕. เปน็ หลักสตู รการศกึ ษาท่เี นน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ ๖. เป็นหลกั สูตรการศึกษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุม ทุกกล่มุ เปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรียนรู้ และประสบการณ์ จุดหมาย หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มศี ักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ จงึ กำหนดเป็นจดุ หมายเพอื่ ให้เกิดกบั ผ้เู รยี น เมอ่ื จบการศึกษา ขน้ั พ้นื ฐาน ดงั น้ี ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตน ตามหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาที่ตนนับถอื ยดึ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒. มีความรู้ ความสามารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแก้ปัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี และมที กั ษะชีวติ ๓. มสี ุขภาพกายและสุขภาพจิตทีด่ ี มสี ขุ นสิ ัย และรกั การออกกำลงั กาย ๔. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและ การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข ๕. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มจี ติ สาธารณะท่ีมุ่งทำประโยชน์และสรา้ งส่งิ ท่ดี งี ามในสงั คม และอยู่รว่ มกันในสงั คมอยา่ งมคี วามสุข สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ในการพฒั นาผู้เรียนตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน มงุ่ เน้นพฒั นาผู้เรียนให้มคี ณุ ภาพ ตามมาตรฐานท่กี ำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผเู้ รียนเกดิ สมรรถนะสำคัญและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดงั น้ี สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน มงุ่ ใหผ้ ้เู รียนเกดิ สมรรถนะสำคญั ๕ ประการ ดงั น้ี ๑. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร และประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและ ลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอด จนการเลอื กใช้วิธีการส่อื สาร ทีม่ ีประสทิ ธิภาพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบท่มี ตี ่อตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ สารสนเทศเพอ่ื การตัดสนิ ใจเกยี่ วกับตนเองและสงั คมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ท่ีเผชิญ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณ ธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้ มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดข้ึน ต่อตนเอง สงั คมและส่งิ แวดลอ้ ม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ ในการดำเนินชีวิตประจำวนั การเรยี นรู้ด้วยตนเอง การเรียนร้อู ยา่ งต่อเนอื่ ง การทำงาน และการอยู่ร่วมกัน ในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยง พฤติกรรมไมพ่ งึ ประสงค์ที่ส่งผลกระทบตอ่ ตนเองและผ้อู น่ื ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่ือให้ สามารถอยรู่ ว่ มกับผู้อ่ืนในสังคมได้อยา่ งมีความสุข ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒. ซือ่ สัตยส์ จุ รติ ๓. มีวินยั ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. อยู่อยา่ งพอเพยี ง ๖. มุ่งม่ันในการทำงาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มจี ติ สาธารณะ นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพ่ิมเติมให้สอดคล้องตามบริบท และจุดเนน้ ของตนเอง มาตรฐานการเรียนรู้ การพัฒนาผู้เรยี นให้เกดิ ความสมดุล ต้องคำนึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหปุ ัญญา หลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน จึงกำหนดใหผ้ ูเ้ รยี นเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ดงั น้ี ๑. ภาษาไทย ๒. คณติ ศาสตร์ ๓. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔. สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๕. สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๖. ศลิ ปะ

๗. การงานอาชพี ๘. ภาษาต่างประเทศ ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนา คุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้ระบุส่ิงที่ผู้เรียนพึงรู้ ปฏิบัติได้ มีคุณธรรมจริยธรรม และค่านิยม ท่ีพึงประสงค์เม่ือจบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน นอกจากนั้ นมาตรฐานการเรียนรู้ยังเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคล่ือนพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรู้จะสะท้อนให้ทราบว่าต้องการอะไร จะสอนอย่างไร และประเมนิ อย่างไร รวมทั้งเป็นเคร่อื งมือในการตรวจสอบเพ่ือการประกันคณุ ภาพการศกึ ษา โดยใช้ระบบการประเมินคุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก ซ่ึงรวมถึงการทดสอบ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และการทดสอบระดับชาติ ระบบการตรวจสอบเพื่อประกันคุณภาพดังกล่าว เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสะท้อนภาพการจัดการศึกษาว่าสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามที่มาตรฐาน การเรียนรู้กำหนดเพยี งใด ตวั ชีว้ ัด ตัวชี้วัดระบุสิ่งท่ีนักเรยี นพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละระดับช้ัน ซ่ึงสะท้อน ถึงมาตรฐานการเรียน รู้ มีความเฉพ าะเจาะจงและมีความเป็ น รูปธรรม น ำไปใช้ ในการกำหนดเน้ือหา จัดทำหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับการวัด ประเมนิ ผลเพอื่ ตรวจสอบคุณภาพผู้เรยี น ๑. ตัวชี้วัดช้ันปี เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนแต่ละชั้นปีในระดับการศึกษาภาคบังคับ (ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓) ๒. ตัวชี้วัดชว่ งชั้น เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (มัธยมศึกษา ปที ่ี ๔- ๖) หลักสูตรได้มีการกำหนดรหัสกำกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั เพื่อความเข้าใจและให้ส่ือสาร ตรงกัน ดงั น้ี ว ๑.๑ ป. ๑/๒ ตวั ชี้วดั ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ข้อท่ี ๒ ป.๑/๒ สาระที่ ๑ มาตรฐานข้อที่ ๑ ๑.๑ ว กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ต ๒.๒ ม.๔-๖/ ๓ ตัวชี้วดั ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ขอ้ ที่ ๓ ม.๔-๖/๓ สาระที่ ๒ มาตรฐานขอ้ ที่ ๒ ๒.๓ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ต

สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ประกอบด้วย องค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ซ่ึงกำหนดให้ผู้เรียนทุกคนในระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานจำเป็นต้องเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น ๘ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ดังน้ี ภาษาไทย : ความรู้ ทกั ษะ คณิตศาสตร์ : การนำ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี : และวฒั นธรรมการใช้ภาษา ความรู้ทกั ษะและกระบวนการ การนำความรแู้ ละกระบวนการทาง เพื่อ การส่ือสาร ความชื่นชม ทางคณิตศาสตรไ์ ปใชใ้ น วทิ ยาศาสตรไ์ ปใช้ในการศึกษา ค้นควา้ การเหน็ คุณค่าภมู ิปญั ญาไทย การแก้ปญั หา การดำเนินชวี ิต หาความรู้ และแก้ปัญหาอย่างเปน็ และภมู ใิ จในภาษาประจำชาติ และศึกษาตอ่ การมเี หตุมีผล ระบบ การคดิ อยา่ งเปน็ เหตเุ ป็นผล มีเจตคติท่ดี ีตอ่ คณิตศาสตร์ คิดวเิ คราะห์ และการใช้เทคโนโลยี ภาษาต่างประเทศ : พัฒนาการคดิ อย่างเป็นระบบ คิดสรา้ งสรรค์ และจิตวทิ ยาศาสตร์ ความรทู้ ักษะ เจตคติ และ และสรา้ งสรรค์ วัฒนธรรม การใช้ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ภาษาตา่ งประเทศในการสอ่ื สาร องคค์ วามรู้ ทักษะสำคญั : การอยรู่ ่วมกนั ในสังคมไทยและ การแสวงหาความรู้ และคณุ ลักษณะ สงั คมโลกอยา่ งสนั ติสุข การเปน็ และการประกอบอาชพี พลเมืองดี ศรทั ธาในหลักธรรมของ ในหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา ศาสนา การเห็นคุณคา่ ของ การงานอาชีพ: ความรู้ ทกั ษะ ขัน้ พน้ื ฐาน ทรพั ยากรและสิ่งแวดลอ้ ม ความรัก และเจตคตใิ นการทำงาน การ ชาติ และภมู ใิ จในความเปน็ ไทย จัดการ การดำรงชีวติ การ ประกอบอาชีพ ศิลปะ : ความรแู้ ละทกั ษะ สุขศกึ ษาและพลศึกษา : ในการคิดริเริม่ จินตนาการ ความรู้ ทกั ษะและเจตคติในการ สรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะ สรา้ งเสริมสุขภาพพลานามัยของ สนุ ทรยี ภาพและการเหน็ ตนเองและผู้อ่ืน การป้องกนั และ คณุ ค่าทางศิลปะ ปฏบิ ตั ติ อ่ ส่ิงต่าง ๆ ทม่ี ีผลต่อ สุขภาพอย่างถูกวิธีและทักษะใน การดำเนนิ ชีวติ

ความสัมพันธข์ องการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน วสิ ยั ทศั น์ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน มุง่ พัฒนาผู้เรยี นทุกคน ซ่ึงเป็นกำลงั ของชาติให้เป็นมนุษย์ ที่มีความสมดุลทั้งด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะ พืน้ ฐาน รวมทั้ง เจตคติ ที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวติ โดยมุ่งเน้น ผเู้ รียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชอ่ื วา่ ทกุ คนสามารถเรียนรแู้ ละพฒั นาตนเองได้เตม็ ตามศักยภาพ จดุ หมาย ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติ ตนตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนบั ถอื ยึดหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒. มีความรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ เทคโนโลยแี ละมีทักษะชวี ิต ๓. มีสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตท่ีดี มสี ุขนิสัย และรักการออกกำลังกาย ๔. มีความรักชาติ มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมขุ ๕. มีจิตสำนกึ ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพฒั นาสิ่งแวดล้อม มจี ิตสาธารณะท่ีม่งุ ทำประโยชน์และสร้างส่ิงที่ดงี ามในสังคม และอยู่ร่วมกนั ใน สังคม๑อ. ยา่คงสวมามคีมรวสราาถมมนสาะขุรสถำใคนัญกาขรอสงอื่ ผส้เู ารรียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒. ซื่อสัตยส์ จุ รติ ๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๓. มีวนิ ัย ๔. ใฝ่เรยี นรู้ ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง ๖. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน ๗. รักความเปน็ ไทย ๘. มจี ิตสาธารณะ มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชี้วัด ๘ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน ๑. ภาษาไทย ๒. คณิตศาสตร์ ๓. วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๑.กจิ กรรมแนะแนว ๔. สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๕. สุขศึกษาและพลศึกษา ๒.กิจกรรมนักเรียน ๓. กิจกรรมเพอื่ สงั คมและ ๖. ศิลปะ ๗. การงานอาชพี ๘. ภาษาต่างประเทศ สาธารณประโยชน์ คุณภาพของผ้เู รยี นระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน

สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ใน ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ จำนวน ๖๗ มาตรฐาน ดงั นี้ ภาษาไทย สาระที่ ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคดิ เพ่อื นำไปใชต้ ดั สินใจ แก้ปญั หา ในการดำเนินชวี ติ และมีนิสยั รกั การอ่าน สาระท่ี ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี น เขยี นสื่อสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรูปแบบตา่ งๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้า อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรสู้ ึกในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณ และสร้างสรรค์ สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษา ภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่าง เหน็ คณุ คา่ และนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจรงิ คณติ ศาสตร์ สาระท่ี ๑ จำนวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การเนนิ การของ จำนวนผลทเี่ กดิ ขนึ้ จากการดำเนนิ การ สมบตั ิของการดำเนินการ และนำไปใช้ มาตรฐาน ค ๑.๒ เขา้ ใจและวิเคราะห์แบบรปู ความสัมพันธ์ ฟงั กช์ นั ลำดับและอนุกรม และ นำไปใช้ มาตรฐาน ค ๑.๓ ใชน้ พิ จน์ สมการ และอสมการ อธิบายความสัมพนั ธห์ รือช่วยแกป้ ัญหาที่ กำหนดให้ สาระท่ี ๒ การวัดและเรขาคณิต มาตรฐาน ค ๒.๑ เขา้ ใจพ้นื ฐานเกีย่ วกบั การวดั วดั และคาดคะเนขนาดของสิ่งที่ตอ้ งการวดั และนำไปใช้ มาตรฐาน ค ๒.๒ เขา้ ใจและวเิ คราะหร์ ูปเรขาคณิต สมบัตขิ องรปู เรขาคณติ ความสัมพันธ์ ระหว่างรูปเรขาคณติ และทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และนำไปใช้ สำระที่ ๓ สถติ แิ ละความน่าจะเปน็ มาตรฐาน ค ๓.๑ เขา้ ใจกระบวนการทางสถิติ และใชค้ วามร้ทู างสถติ ิในการแก้ปญั หา มาตรฐาน ค ๓.๒ เขา้ ใจหลักการนบั เบื้องต้น ความนา่ จะเป็น และนำไปใช้

วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสัมพนั ธ์ระหว่าง สิง่ ไมม่ ีชีวิตกับสิง่ มชี วี ติ และ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิ มชี วี ติ กบั ส่งิ มีชวี ติ ตา่ งๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลงั งาน การ เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปญั หาและผลกระทบทมี่ ตี ่อ ทรพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อม แนวทางในการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแกไ้ ข ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มรวมทัง้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชวี ิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวติ การลาเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของ โครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และ มนุษย์ท่ีทางานสมั พันธก์ ัน ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้างและหน้าทข่ี องอวัยวะต่างๆ ของพชื ทที่ ำงานสัมพนั ธก์ นั รวมทัง้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อส่ิงมีชีวิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและววิ ัฒนาการ ของสิง่ มชี ีวติ รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการ เปลยี่ นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ติ ประจำวัน ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลื่อนที่แบบ ต่างๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของ คลื่น ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกับเสียง แสง และคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสุริยะ รวมท้ังปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่สง่ ผล ต่อสิง่ มชี ีวติ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจองคป์ ระกอบ และความสัมพนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลีย่ นแปลงภายใน โลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและ ภมู อิ ากาศโลก รวมท้ัง ผลตอ่ สิง่ มีชีวิตและส่งิ แวดล้อม สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดำรงชีวิตในสังคมท่ีมีการเปล่ียนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และศาสตร์ อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบ ตอ่ ชวี ิต สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ ม

มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชวี ิตจริงอย่างเปน็ ข้ันตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หาได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม สาระที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาท่ีตนนับถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดมั่น และปฏิบัติตาม หลกั ธรรม เพอ่ื อยรู่ ่วมกนั อย่างสนั ตสิ ุข มาตรฐาน ส ๑.๒ เขา้ ใจ ตระหนักและปฏบิ ัติตนเป็นศาสนิกชนท่ดี ี และธำรงรกั ษาพระพุทธศาสนา หรือศาสนาท่ตี นนับถอื สาระท่ี ๒ หน้าทีพ่ ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดำเนินชีวติ ในสงั คม มาตรฐาน ส ๒.๑ เข้าใจและปฏิบัตติ นตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมืองดี มคี ่านยิ มทด่ี ีงาม และ ธำรงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทย และ สงั คมโลกอยา่ งสนั ติสุข มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยึดมั่น ศรัทธา และธำรง รกั ษาไวซ้ ึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข สาระท่ี ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ เขา้ ใจและสามารถบริหารจดั การทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใช้ ทรพั ยากรท่มี ีอยูจ่ ำกัดไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและคุ้มค่า รวมทง้ั เขา้ ใจหลกั การ ของเศรษฐกิจพอเพียง เพือ่ การดำรงชวี ิตอยา่ งมดี ลุ ยภาพ มาตรฐาน ส ๓.๒ เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และ ความจำเป็นของการร่วมมอื กันทางเศรษฐกจิ ในสังคมโลก สาระที่ ๔ ประวัตศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้ วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์มาวิเคราะหเ์ หตกุ ารณต์ ่างๆ อย่างเป็นระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถงึ ปจั จุบัน ในด้านความสัมพันธ์และการ เปล่ียนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเน่ือง ตระหนักถึงความสำคัญและสามารถ วเิ คราะห์ผลกระทบท่ีเกิดขึน้ มาตรฐาน ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒ นธรรม ภูมิปัญ ญ าไทย มีความรัก ความภูมใิ จและธำรงความเปน็ ไทย สาระท่ี ๕ ภูมศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ เข้าใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพันธ์ของสรรพส่ิงซ่ึงมีผล ต่อกัน และกันในระบบของธรรมชาติ ใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ในการค้นหา วิเคราะห์ สรปุ และใช้ขอ้ มลู ภูมิสารสนเทศอย่างมีประสทิ ธิภาพ มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพท่ีก่อให้เกิด การสร้างสรรค์วัฒนธรรม มีจิตสำนึก และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรและ สง่ิ แวดลอ้ ม เพ่อื การพฒั นาทีย่ งั่ ยนื

สุขศกึ ษาและพลศึกษา สาระท่ี ๑ การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ เข้าใจธรรมชาติของการเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของมนุษย์ สาระที่ ๒ ชวี ิตและครอบครวั มาตรฐาน พ ๒.๑ เข้าใจและเห็นคุณคา่ ตนเอง ครอบครวั เพศศกึ ษา และมีทักษะในการดำเนนิ ชีวิต สาระที่ ๓ การเคล่ือนไหว การออกกำลงั กาย การเลน่ เกม กฬี าไทย และกีฬาสากล มาตรฐาน พ ๓.๑ เขา้ ใจ มที ักษะในการเคล่ือนไหว กิจกรรมทางกาย การเลน่ เกม และกฬี า มาตรฐาน พ ๓.๒ รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำอย่าง สม่ำเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณใน การแขง่ ขัน และชน่ื ชมในสนุ ทรยี ภาพของการกฬี า สาระที่ ๔ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค มาตรฐาน พ ๔.๑ เห็นคุณค่าและมีทกั ษะในการสรา้ งเสริมสุขภาพ การดำรงสุขภาพ การป้องกันโรค และการสร้างเสรมิ สมรรถภาพเพ่อื สุขภาพ สาระที่ ๕ ความปลอดภัยในชีวติ มาตรฐาน พ ๕.๑ ปอ้ งกนั และหลกี เลยี่ งปจั จยั เสย่ี ง พฤตกิ รรมเสย่ี งตอ่ สขุ ภาพ อบุ ตั ิเหตุ การใช้ ศลิ ปะ ยาสารเสพตดิ และความรุนแรง สาระที่ ๑ ทัศนศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะ อยา่ งอสิ ระ ชนื่ ชม และประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจำวนั มาตรฐาน ศ ๑.๒ เขา้ ใจความสมั พันธ์ระหว่างทศั นศิลป์ ประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คุณคา่ งาน ทศั นศลิ ป์ทเ่ี ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภมู ิปัญญาท้องถ่นิ ภูมปิ ญั ญาไทยและสากล สาระที่ ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ ใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของ ดนตรที ี่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปัญญาทอ้ งถนิ่ ภูมิปญั ญาไทยและสากล สาระที่ ๓ นาฏศิลป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ คณุ ค่านาฏศิลป์ ถา่ ยทอดความรู้สกึ ความคดิ อยา่ งอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ใน ชวี ติ ประจำวนั มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข้าใจความสมั พันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวตั ศิ าสตร์และวัฒนธรรม เหน็ คณุ คา่ ของ นาฏศลิ ป์ที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ภูมิปัญญาไทยและสากล

การงานอาชีพ สาระท่ี ๑ การดำรงชีวติ และครอบครัว มาตรฐาน ง ๑.๑ เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะ การจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกัน และทักษะ การแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม และลักษณะนิสัยในการทำงาน มีจิตสำนึก ในการใชพ้ ลงั งาน ทรัพยากร และสงิ่ แวดล้อม เพ่อื การดำรงชีวติ และครอบครวั สาระที่ ๔ การอาชีพ มาตรฐาน ง ๔.๑ เขา้ ใจ มีทักษะทีจ่ ำเปน็ มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพใชเ้ ทคโนโลยี เพื่อพฒั นาอาชีพ มคี ณุ ธรรม และมเี จตคติที่ดีต่ออาชีพ ภาษาต่างประเทศ สาระท่ี ๑ ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร มาตรฐาน ต ๑.๑ เข้าใจและตคี วามเร่ืองทีฟ่ งั และอา่ นจากสื่อประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตผุ ล มาตรฐาน ต ๑.๒ มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ และ มาตรฐาน ต ๑.๓ ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่างๆ โดยการพดู และการเขียน สาระที่ ๒ ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ มาตรฐาน ต ๒.๒ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ เข้าใจความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของ ภาษากบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใชอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม สาระท่ี ๓ ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรอู้ ื่น มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็น พืน้ ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทศั นข์ องตน สาระที่ ๔ ภาษากบั ความสมั พนั ธก์ บั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ ่างๆ ทั้งในสถานศกึ ษา ชมุ ชน และสงั คม มาตรฐาน ต ๔.๒ ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเคร่ืองมือพ้ืนฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนรูก้ ับสงั คมโลก

กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น มงุ่ ให้ผเู้ รียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พฒั นาอย่างรอบด้านเพอ่ื ความ เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได้ และอยู่ร่วมกับผอู้ นื่ อย่างมีความสุข กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน แบ่งเปน็ ๓ ลักษณะ ดังน้ี ๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตทั้งดา้ นการเรยี น และอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากน้ียังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมท่ีช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครอง ในการมสี ่วนรว่ มพัฒนาผูเ้ รียน ๒. กิจกรรมนกั เรยี น เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำผู้ตามท่ีดี ความรับผิดชอบ การทำงานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอ้ืออาทร และสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและ ปรับปรุงการทำงาน เน้นการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะ ของผเู้ รียน บริบทของสถานศกึ ษาและท้องถ่นิ กจิ กรรมนักเรยี นประกอบด้วย ๒.๑ กจิ กรรมลกู เสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ และนกั ศกึ ษาวชิ าทหาร ๒.๒ กิจกรรมชุมนุม ชมรม ๓. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถิ่น ตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มจี ิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพฒั นาตา่ ง ๆ กจิ กรรมสร้างสรรคส์ ังคม

ระดบั การศึกษา หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน จัดระดับการศึกษาเป็น ๓ ระดบั ดงั นี้ ๑. ระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๖) การศึกษาระดับน้ีเป็นช่วงแรกของการศึกษา ภาคบังคับ มุ่งเน้นทักษะพ้ืนฐานด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ ทักษะการคิดพื้นฐาน การติดต่อส่ือสาร กระบวนการเรียนรู้ทางสังคม และพ้ืนฐานความเป็นมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่าง สม บู รณ์ และ สมดุลทั้ งใน ด้าน ร่างก าย สติ ปัญ ญ า อ ารมณ์ สังคม และวัฒ น ธรรม โด ยเน้ น จดั การเรยี นรูแ้ บบบรู ณาการ ๒. ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ – ๓) เป็นช่วงสุดท้ายของการศึกษาภาคบังคับ มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้สำรวจความถนัดและความสนใจของตนเอง ส่งเสริมการพัฒนาบุคลิกภาพส่วนตน มีทักษะ ในการคิดวจิ ารณญาณ คิดสร้างสรรค์ และคิดแกป้ ัญหา มีทักษะในการดำเนินชีวติ มีทักษะการใช้เทคโนโลยี เพอื่ เป็นเคร่ืองมือในการเรยี นรู้ มคี วามรบั ผิดชอบต่อสังคม มีความสมดลุ ทงั้ ด้านความรู้ ความคิด ความดีงาม และมีความภมู ิใจในความเป็นไทย ตลอดจนใชเ้ ปน็ พืน้ ฐานในการประกอบอาชพี หรือการศกึ ษาตอ่ การจดั เวลาเรยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กำหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียนข้ันต่ำสำหรบั กลุ่มสาระ การเรียนรู้ ๘ กลุ่ม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซ่ึงสถานศึกษาสามารถเพิ่มเติมได้ตามความพร้อมและจุดเน้น โดยสามารถปรบั ใหเ้ หมาะสมตามบรบิ ทของสถานศึกษาและสภาพของผูเ้ รียน ดงั น้ี ๑. ระดับช้ันประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖) ให้จัดเวลาเรียนเป็นรายปี โดยมีเวลาเรียน วนั ละ ไมเ่ กนิ ๕ ชัว่ โมง ๒. ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓) ให้จัดเวลาเรียนเป็นรายภาค มีเวลาเรียน วันละไม่เกิน ๖ ช่ัวโมง คิดน้ำหนักของรายวิชาที่เรียนเป็นหน่วยกิต ใช้เกณฑ์ ๔๐ ช่ัวโมงต่อภาคเรียน มีคา่ นำ้ หนกั วชิ า เท่ากับ ๑ หน่วยกิต (นก.)

โครงสร้างเวลาเรียน หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนนครไทยวทิ ยาคม พุทธศกั ราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 เวลาเรยี น ระดบั ประถมศกึ ษา ระดับมัธยมศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้ / กจิ กรรม ป.1- ป.1 ป.2 ป.3 ป.4-6 ป.4 ป.5 ป.6 ม.1-3 ม.1 ม.2 ม.3 3 ชม./ สัปดา ์ห ชม./ปี ชม./ปี ชม./ปี ชม./ ัสปดา ์ห ชม./ปี ชม./ปี ชม./ปี ชม./ ัสปดา ์ห ชม./ปี ชม./ปี ชม./ปี 1) สาระการเรียนรู้ 5 200 200 200 4 160 160 160 3 120 120 120 ภาษาไทย 5 200 200 200 4 160 160 160 3 120 120 120 คณิตศาสตร์ 2 80 80 80 3 120 120 120 4 160 160 160 วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 3 120 120 120 3 120 120 120 4 160 160 160 สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 1 40 40 40 1 40 40 40 1 40 40 40 ประวัตศิ าสตร์ ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม 2 80 80 80 2 80 80 80 3 120 120 120 หนา้ ท่ีพลเมอื ง วฒั นธรรม และการ ดำเนินชวี ิต 1 40 40 40 2 80 80 80 2 80 80 80 เศรษฐศาสตร์ 1 40 40 40 2 80 80 80 2 80 80 80 ภมู ิศาสตร์ 1 40 40 40 1 40 40 40 1 40 40 40 สขุ ศกึ ษา และพลศึกษา 3 120 120 120 2 80 80 80 3 120 120 120 21 840 840 840 21 840 840 840 22 880 880 880 ศลิ ปะ/ดนตรี 5 200 200 200 1 40 40 40 5 200 200 200 5 200 200 200 5 200 200 160 5 200 200 200 การงานอาชพี 1 30 30 30 1 30 30 30 1 30 30 30 ภาษาตา่ งประเทศ 10 10 10 10 10 10 10 10 10 รวมเวลาเรียน ( พื้นฐาน ) 2) รายวชิ าเพิ่มเติม รวมเวลาเรียน ( รายวชิ าเพ่มิ เติม ) 3) กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ กิจกรรมนกั เรียน ( ลูกเสอื -เนตรนารี ) 1 40 40 40 1 40 40 40 1 40 40 40 กิจกรรมชมรม( กลุ่มสนใจ ) 1 40 40 40 1 40 40 40 1 40 40 40 รวมเวลาเรียน ( กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ) 3 120 120 120 3 120 120 120 3 120 120 120 4) กิจกรรมเสริมหลักสูตร(ลดเวลาเรยี นเพม่ิ เวลารู้) กิจกรรมสวดมนต์ไหวพ้ ระ สง่ คุณธรรม 1 40 40 40 1 40 40 40 1 40 40 40 จรยิ ธรรม รวมกิจกรรมเสรมิ หลกั สตู ร 1 40 40 40 1 40 40 40 1 40 40 40 รวมเวลาเรียนทงั้ หมด 30 1200 1200 1200 30 1200 1200 1200 30 1200 1200 1200

โครงสรา้ งเวลาเรยี น หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นนครไทยวทิ ยาคม พทุ ธศักราช 2564 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 จำนวนชวั่ โมงเรยี น/ปี ระดับประถมศึกษา โรงเรยี นนครไทยวทิ ยาคม อำเภอนครไทย สำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา พษิ ณโุ ลก เขต 3 ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 รายวิชา เวลาเรียน เวลาเรยี น ครผู สู้ อน (ชัว้ โมง / ปี) (ชว้ั โมง/สปั ดาห์) 130 รายวชิ าพ้ืนฐาน 840 21 5 ท 11101 ภาษาไทย 200 5 2 ค 11101 คณิตศาสตร์ 200 2 1 ว 11101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 1 1 ส 11101 สังคมศึกษา 80 1 3 ส 11102 ประวตั ิศาสตร์ 40 5 1 พ 11101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 40 1 2 ศ 11101 ศลิ ปะ 40 1 3 ง 11101 การงานอาชีพ 40 1 1 อ 11101 ภาษาอังกฤษ 120 1 1 รายวิชาเพมิ่ เติม 200 1 30 ส 11231 หนา้ ท่ีพลเมือง 40 ส 11201 ป้องกันการทุจรติ 40 อ 11201 ภาษาอังกฤษเพอ่ื การสื่อสาร 80 จ 11202 ภาษาจีนเพอ่ื การสอ่ื สาร 40 กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน 120 แนะแนว 40 ลกู เสอื /เนตรนารี 40 ชุมนมุ /กิจกรรมเพ่ือสังคมสาธารณประโยชน์ 40 กจิ กรรมเสริมหลักสูตร(ลดเวลาเรยี นเพมิ่ เวลาร)ู้ 40 สวดมนต์ไหวพ้ ระ 40 รวมเวลาเรียนทง้ั สิ้น 1200

โครงสร้างเวลาเรยี น หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนนครไทยวทิ ยาคม พุทธศกั ราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 จำนวนชวั่ โมงเรยี น/ปี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรยี นนครไทยวทิ ยาคม อำเภอนครไทย สำนกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา พิษณโุ ลก เขต 3 ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 2 รายวชิ า เวลาเรยี น เวลาเรยี น ครผู สู้ อน (ช้วั โมง / ป)ี (ช้วั โมง/สัปดาห)์ รายวชิ าพน้ื ฐาน 840 21 5 ท 12101 ภาษาไทย 200 5 2 ค 12101 คณติ ศาสตร์ 200 2 1 ว 12101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 1 1 ส 12101 สงั คมศกึ ษา 80 1 3 ส 12102 ประวัติศาสตร์ 40 5 1 พ 12101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 40 1 2 ศ 12101 ศิลปะ 40 1 3 ง 12101 การงานอาชพี 40 1 1 อ 12101 ภาษาอังกฤษ 120 1 1 รายวชิ าเพม่ิ เติม 200 1 30 ส 12232 หน้าทพี่ ลเมือง 40 ส 12201 ปอ้ งกนั การทุจรติ 40 อ 12201 ภาษาอังกฤษเพือ่ การสือ่ สาร 80 จ 12202 ภาษาจนี เพ่ือการสื่อสาร 40 กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน 120 แนะแนว 40 ลูกเสอื /เนตรนารี 40 ชุมนมุ /กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมสาธารณประโยชน์ 40 กจิ กรรมเสริมหลักสูตร(ลดเวลาเรยี นเพม่ิ เวลาร้)ู 40 สวดมนต์ไหว้พระ 40 รวมเวลาเรยี นท้ังสน้ิ 1200

โครงสร้างเวลาเรยี น หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นนครไทยวทิ ยาคม พทุ ธศักราช 2564 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 จำนวนชวั่ โมงเรยี น/ปี ระดับประถมศึกษา โรงเรยี นนครไทยวิทยาคม อำเภอนครไทย สำนกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษา พษิ ณุโลก เขต 3 ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 3 รายวชิ า เวลาเรยี น(ชว้ั โมง เวลาเรยี น(ชวั้ โมง/ ครผู สู้ อน / ปี) สัปดาห)์ รายวชิ าพน้ื ฐาน 840 21 ท 13101 ภาษาไทย 200 5 ค 13101 คณติ ศาสตร์ 200 5 ว 13101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80 2 ส 13101 สงั คมศกึ ษา 80 2 ส 13102 ประวัติศาสตร์ 40 1 พ 13101 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 40 1 ศ 13101 ศิลปะ 40 1 ง 13101 การงานอาชพี 40 1 อ 13101 ภาษาอังกฤษ 120 3 รายวชิ าเพม่ิ เติม 200 5 ส 13233 หน้าทพี่ ลเมือง 40 1 ส 13201 ปอ้ งกนั การทุจรติ 40 1 อ 13201 ภาษาอังกฤษเพือ่ การสอื่ สาร 80 2 จ 13202 ภาษาจนี เพ่ือการสื่อสาร 40 1 กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน 120 3 แนะแนว 40 1 ลูกเสอื /เนตรนารี 40 1 ชุมนมุ /กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมสาธารณประโยชน์ 40 1 กจิ กรรมเสริมหลักสูตร(ลดเวลาเรยี นเพิ่มเวลาร)ู้ 40 1 สวดมนต์ไหว้พระ 40 1 รวมเวลาเรยี นท้ังสน้ิ 1200 30

โครงสรา้ งเวลาเรียน หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นนครไทยวิทยาคม พุทธศกั ราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 จำนวนชั่วโมงเรียน/ปี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรยี นนครไทยวทิ ยาคม อำเภอนครไทย สำนักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษา พษิ ณุโลก เขต 3 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 รายวิชา เวลาเรียน เวลาเรียน ครูผ้สู อน (ชว้ั โมง / ปี) (ชั้วโมง/สปั ดาห์) รายวิชาพืน้ ฐาน 840 21 ท 14101 ภาษาไทย 160 4 ค 14101 คณิตศาสตร์ 160 4 ว 14101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 120 3 ส 14101 สังคมศกึ ษา 80 2 ส 14102 ประวัตศิ าสตร์ 40 1 พ 14101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 80 2 ศ 14101 ศลิ ปะ 80 2 ง 14101 การงานอาชีพ 40 1 อ 14101 ภาษาอังกฤษ 80 2 รายวิชาเพิ่มเติม 200 5 ส 14234 หนา้ ทีพ่ ลเมอื ง 40 1 ส 14201 ป้องกนั การทุจริต 40 1 อ 14201 ภาษาองั กฤษเพ่อื การสอื่ สาร 80 2 จ 14202 ภาษาจนี เพื่อการสื่อสาร 40 1 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 120 3 แนะแนว 40 1 ลูกเสอื /เนตรนารี 40 1 ชมุ นมุ /กิจกรรมเพื่อสงั คมสาธารณประโยชน์ 40 1 กจิ กรรมเสริมหลักสูตร(ลดเวลาเรียนเพ่มิ เวลาร)ู้ 40 1 สวดมนตไ์ หว้พระ 40 1 รวมเวลาเรยี นทั้งสนิ้ 1200 30

โครงสรา้ งเวลาเรยี น หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนนครไทยวิทยาคม พุทธศกั ราช 2564 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 จำนวนชั่วโมงเรียน/ปี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรียนนครไทยวทิ ยาคม อำเภอนครไทย สำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษา พษิ ณโุ ลก เขต 3 ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 5 รายวิชา เวลาเรียน(ช้วั โมง เวลาเรยี น(ชว้ั โมง/ ครูผสู้ อน / ป)ี สปั ดาห์) รายวิชาพืน้ ฐาน 840 21 ท 15101 ภาษาไทย 160 4 ค 15101 คณิตศาสตร์ 160 4 ว 15101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 120 3 ส 15101 สังคมศกึ ษา 80 2 ส 15102 ประวัตศิ าสตร์ 40 1 พ 15101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 80 2 ศ 15101 ศลิ ปะ 80 2 ง 15101 การงานอาชพี 40 1 อ 15101 ภาษาอังกฤษ 80 2 รายวิชาเพิ่มเติม 200 5 ส 15235 หนา้ ทีพ่ ลเมือง 40 1 ส 15201 ป้องกนั การทุจริต 40 1 อ 15201 ภาษาองั กฤษเพอ่ื การส่อื สาร 80 2 จ 15202 ภาษาจนี เพื่อการสื่อสาร 40 1 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 120 3 แนะแนว 40 1 ลูกเสอื /เนตรนารี 40 1 ชมุ นมุ /กิจกรรมเพื่อสงั คมสาธารณประโยชน์ 40 1 กจิ กรรมเสริมหลักสูตร(ลดเวลาเรยี นเพิม่ เวลารู)้ 40 1 สวดมนตไ์ หว้พระ 40 1 รวมเวลาเรยี นทั้งสนิ้ 1200 30

โครงสรา้ งเวลาเรียน หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นนครไทยวิทยาคม พทุ ธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 จำนวนชวั่ โมงเรยี น/ปี ระดับประถมศึกษา โรงเรยี นนครไทยวทิ ยาคม อำเภอนครไทย สำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษา พิษณุโลก เขต 3 ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 รายวิชา เวลาเรียน(ช้ัวโมง เวลาเรียน(ชว้ั โมง/ ครผู ู้สอน / ป)ี สปั ดาห)์ รายวิชาพ้ืนฐาน 840 21 ท 16101 ภาษาไทย 160 4 ค 16101 คณติ ศาสตร์ 160 4 ว 16101 วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 120 3 ส 16101 สงั คมศึกษา 80 2 ส 16102 ประวตั ศิ าสตร์ 40 1 พ 16101 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 80 2 ศ 16101 ศลิ ปะ 80 2 ง 16101 การงานอาชพี 40 1 อ 16101 ภาษาองั กฤษ 80 2 รายวิชาเพม่ิ เตมิ 160 4 ส 16236 หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง 40 1 ส 16201 ป้องกันการทุจรติ 40 1 อ 16201 ภาษาองั กฤษเพอ่ื การสอื่ สาร 80 2 กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น 120 3 แนะแนว 40 1 ลูกเสือ /เนตรนารี 40 1 ชุมนมุ /กจิ กรรมเพ่อื สงั คมสาธารณประโยชน์ 40 1 กิจกรรมเสริมหลกั สูตร(ลดเวลาเรยี นเพมิ่ เวลาร้)ู 80 2 สวดมนต์ไหว้พระ 40 1 คณติ คิดสนกุ 40 1 รวมเวลาเรียนทั้งสน้ิ 1200 30

โครงสร้างเวลาเรยี น หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นนครไทยวทิ ยาคม พุทธศักราช 2564 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนนครไทยวิทยาคม สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษา พิษณโุ ลก เขต 3 ภาคเรยี นที่ 1 (หน่วยกติ /ชม.) ภาคเรยี นที่ 2 (หนว่ ยกิต/ชม.) รวมท้ังป/ี ชม. รวมวิชา รายวิชาพนื้ ฐาน รายวชิ าพ้ืนฐาน พ้ืนฐาน/ปี ท21101 ภาษาไทย 11(440) 11(440) 120 ค21101 คณติ ศาสตร์ 120 880 ว21101 วิทยาศาสตร์ 1.5(60) ท21102 ภาษาไทย 1.5(60) 120 200 ว21102 วิทยาการ 1.5(60) ค21102 คณติ ศาสตร์ 1.5(60) 40 คำนวณ 1.5(60) ว21103 วทิ ยาศาสตร์ 1.5(60) 120 ส21101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 0.5(20) ว21104 เทคโนโลยี 0.5(20) 40 และการออกแบบ 40 ส21102 ประวัตศิ าสตร์ 40 พ21101 สขุ ศึกษา 1.5(60) ส21103 สังคมศึกษา 1.5(60) 40 พ21102 พลศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 ศ21101 ทศั นศิลป์ 40 ศ21102 ดนตรี 0.5(20) ส21104 ประวตั ิศาสตร์ 0.5(20) 120 ง21101 การงานอาชพี อ21101 ภาษาองั กฤษ 0.5(20) พ21103 สุขศกึ ษา 0.5(20) 40 80 รายวิชาเพม่ิ เตมิ 0.5(20) พ21104 พลศกึ ษา 0.5(20) 40 อ21201 อังกฤษเพมิ่ เตมิ ง21201 งานชา่ ง 0.5(20) ศ21103 ทัศนศิลป์ 0.5(20) 40 ส21231 หนา้ ทีพ่ ลเมอื ง 1 ส21201 ปอ้ งกันการ 0.5(20) ศ21104 ดนตรี 0.5(20) ทุจรติ 1 0.5(20) ง21102 การงานอาชพี 0.5(20) 1.5(60) อ21102 ภาษาองั กฤษ 1.5(60) 2.5(100) รายวิชาเพ่มิ เตมิ 2.5(100) 0.5(20) อ21202 องั กฤษเพ่ิมเตมิ 0.5(20) 1.0(40) ง21202 งานชา่ ง 1.0(40) 0.5(20) ส21232 หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง 2 0.5(20) 0.5(20) ส21202 ปอ้ งกนั การทจุ รติ 0.5(20) 2

โครงสร้างเวลาเรยี น หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนนครไทยวทิ ยาคม พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนนครไทยวทิ ยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษา พิษณโุ ลก เขต 3 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 60 กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 60 - กิจกรรมแนะแนว 20 - กิจกรรมแนะแนว 20 40 - กจิ กรรมนกั เรยี น 20 - กิจกรรมนกั เรียน 20 40 ลกู เสอื /เนตรนารี ลกู เสือ/เนตรนารี 120 ชุมนมุ ชมุ นมุ - กจิ กรรมเพื่อสังคมและ 20 - กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและ 20 40 สาธารณประโยชน์ สาธารณประโยชน์ รวมเวลาเรียนภาคเรียนท่ี 600 รวมเวลาเรียนภาคเรยี นท่ี 600 1 2 รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด 1,200 ชว่ั โมง

โครงสรา้ งเวลาเรียน หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นนครไทยวิทยาคม พุทธศักราช 2564 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรยี นนครไทยวทิ ยาคม สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา พิษณุโลก เขต 3 ภาคเรยี นท่ี 1 (หน่วยกติ /ชม.) ภาคเรยี นที่ 2 (หนว่ ยกติ /ชม.) รวมทั้งป/ี ชม. รวมวิชา รายวชิ าพืน้ ฐาน รายวิชาพื้นฐาน พ้นื ฐาน/ปี ท22101 ภาษาไทย 11(440) 11(440) 120 ค22101 คณิตศาสตร์ 120 880 ว22101 วิทยาศาสตร์ 1.5(60) ท22102 ภาษาไทย 1.5(60) 120 200 ว22102 วิทยาการ 1.5(60) ค22102 คณติ ศาสตร์ 1.5(60) 40 คำนวณ 1.5(60) ว22103 วทิ ยาศาสตร์ 1.5(60) 120 ส22101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 0.5(20) ว22104 เทคโนโลยแี ละ 0.5(20) 40 การออกแบบ 40 ส22102 ประวตั ิศาสตร์ 40 พ22101 สขุ ศกึ ษา 1.5(60) ส22103 สังคมศกึ ษา 1.5(60) 40 พ22102 พลศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 ศ22101 ทศั นศิลป์ 40 ศ22102 ดนตรี 0.5(20) ส22104 ประวตั ศิ าสตร์ 0.5(20) 120 ง22101 การงานอาชีพ อ22101 ภาษาองั กฤษ 0.5(20) พ22103 สขุ ศึกษา 0.5(20) 40 80 รายวชิ าเพ่ิมเติม 0.5(20) พ22104 พลศกึ ษา 0.5(20) 40 อ22203 คณิตศาสตร์ ง22203 งานชา่ ง3 0.5(20) ศ22103 ทศั นศิลป์ 0.5(20) 40 ส22233 หน้าท่พี ลเมือง 3 ส22203 ปอ้ งกันการ 0.5(20) ศ22104 ดนตรี 0.5(20) ทุจรติ 3 0.5(20) ง22102 การงานอาชีพ 0.5(20) 1.5(60) อ22102 ภาษาองั กฤษ 1.5(60) 2.5(100) รายวชิ าเพม่ิ เตมิ 2.5(100) 0.5(20) อ22204 คณิตศาสตร์ 0.5(20) 1.0(40) ง22204 งานชา่ ง 1.0(40) 0.5(20) ส22234 หนา้ ที่พลเมือง 4 0.5(20) 0.5(20) ส22204 ป้องกันการทุจรติ 0.5(20) 4

โครงสร้างเวลาเรยี น หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนนครไทยวทิ ยาคม พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรียนนครไทยวทิ ยาคม สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษา พิษณโุ ลก เขต 3 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 60 กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น 60 - กิจกรรมแนะแนว 20 - กิจกรรมแนะแนว 20 40 - กจิ กรรมนกั เรยี น 20 - กิจกรรมนกั เรียน 20 40 ลกู เสอื /เนตรนารี ลกู เสอื /เนตรนารี 120 ชุมนมุ ชมุ นมุ - กจิ กรรมเพื่อสังคมและ 20 - กิจกรรมเพื่อสังคมและ 20 40 สาธารณประโยชน์ สาธารณประโยชน์ รวมเวลาเรียนภาคเรียนท่ี 600 รวมเวลาเรยี นภาคเรียนที่ 600 1 2 รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด 1,200 ชั่วโมง

โครงสรา้ งเวลาเรียน หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนนครไทยวทิ ยาคม พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรียนนครไทยวทิ ยาคม สำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษา พิษณโุ ลก เขต 3 ภาคเรยี นท่ี 1 (หน่วยกติ /ชม.) ภาคเรียนท่ี 2 (หน่วยกิต/ชม.) รวมท้ังป/ี ชม. รวมวิชา รายวิชาพืน้ ฐาน รายวชิ าพื้นฐาน พ้ืนฐาน/ปี ท23101 ภาษาไทย 11(440) 11(440) 120 ค23101 คณติ ศาสตร์ 120 880 ว23101 วิทยาศาสตร์ 1.5(60) ท23102 ภาษาไทย 1.5(60) 120 200 ว23102 วทิ ยาการ 1.5(60) ค23102 คณิตศาสตร์ 1.5(60) 40 คำนวณ 1.5(60) ว23103 วทิ ยาศาสตร์ 1.5(60) 120 ส23101 สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 0.5(20) ว23104 เทคโนโลยแี ละ 0.5(20) 40 การออกแบบ 40 ส23102 ประวตั ิศาสตร์ 40 พ23101 สขุ ศกึ ษา 1.5(60) ส23103 สังคมศึกษา 1.5(60) 40 พ23102 พลศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 ศ23101 ทศั นศิลป์ 40 ศ23102 ดนตรี 0.5(20) ส23104 ประวัติศาสตร์ 0.5(20) 120 ง23101 การงานอาชีพ อ23101 ภาษาองั กฤษ 0.5(20) พ23103 สขุ ศกึ ษา 0.5(20) 40 80 รายวชิ าเพิม่ เติม 0.5(20) พ23104 พลศกึ ษา 0.5(20) 40 ง23205 อังกฤษเพ่ิมเตมิ ง23205 งานช่าง 0.5(20) ศ23103 ทัศนศิลป์ 0.5(20) 40 ส23235 หน้าท่พี ลเมอื ง 5 ส23205 ป้องกนั การ 0.5(20) ศ23104 ดนตรี 0.5(20) ทจุ ริต 5 0.5(20) ง23102 การงานอาชีพ 0.5(20) 1.5(60) อ23102 ภาษาองั กฤษ 1.5(60) 2.5(100) รายวชิ าเพม่ิ เติม 2.5(100) 0.5(20) ง23206 อังกฤษเพิม่ เติม 0.5(20) 1.0(40) ง23206 งานชา่ ง 1.0(40) 0.5(20) ส23236 หน้าที่พลเมอื ง 6 0.5(20) 0.5(20) ส23206 ปอ้ งกนั การทุจรติ 0.5(20) 6

โครงสร้างเวลาเรยี น หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนนครไทยวทิ ยาคม พทุ ธศกั ราช 2564 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 โรงเรียนนครไทยวทิ ยาคม สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษา พิษณโุ ลก เขต 3 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 60 กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น 60 - กิจกรรมแนะแนว 20 - กิจกรรมแนะแนว 20 40 - กจิ กรรมนกั เรยี น 20 - กิจกรรมนกั เรียน 20 40 ลกู เสอื /เนตรนารี ลกู เสอื /เนตรนารี 120 ชุมนมุ ชมุ นมุ - กจิ กรรมเพื่อสังคมและ 20 - กิจกรรมเพื่อสังคมและ 20 40 สาธารณประโยชน์ สาธารณประโยชน์ รวมเวลาเรียนภาคเรียนท่ี 600 รวมเวลาเรยี นภาคเรียนที่ 600 1 2 รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด 1,200 ชั่วโมง

การกำหนดโครงสร้างเวลาเรยี นพนื้ ฐาน และเพิม่ เตมิ สถานศกึ ษาสามารถดำเนนิ การ ดงั น้ี ระดับประถมศึกษา สามารถปรับเวลาเรียนพ้ืนฐานของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้ตาม ความเหมาะสม ท้ังนี้ ต้องมีเวลาเรียนรวมตามที่กำหนดไว้ในโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐาน และผู้เรียนต้องมี คณุ ภาพตามมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชีว้ ดั ท่ีกำหนด ระดับมัธยมศึกษา ต้องจัดโครงสร้างเวลาเรียนพื้นฐานให้เป็นไปตามท่ีกำหนดและสอดคล้องกับ เกณฑ์การจบหลักสตู ร สำหรับเวลาเรียนเพิ่มเติม ทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ให้จัดเป็นรายวิชาเพ่ิมเติม หรือกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน โดยพจิ ารณาใหส้ อดคล้องกับความพร้อม จุดเน้นของสถานศกึ ษาและเกณฑ์การ จบหลักสูตร เฉพาะระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑-๓ สถานศึกษาอาจจัดให้เป็นเวลาสำหรับสาระการเรียนรู้ พนื้ ฐานในกลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทยและกลุม่ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท่ีกำหนดไว้ในช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ปีละ ๑๒๐ ช่ัวโมงน้ัน เป็นเวลาสำหรับปฏิบัติกิจกรรม แนะแนวกิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ ในส่วนกจิ กรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ใหส้ ถานศึกษาจัดสรรเวลาให้ผู้เรียนได้ ปฏิบัติกิจกรรม ดงั นี้ ระดับประถมศกึ ษา (ป.๑-๖) รวม ๖ ปี จำนวน ๖๐ ชว่ั โมง ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ (ม.๑-๓) รวม ๓ ปี จำนวน 30 ชัว่ โมง การจัดการศกึ ษาสำหรบั กล่มุ เปา้ หมายเฉพาะ การจัดการศึกษาบางประเภทสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษา สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย สามารถนำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม กับสภาพและบริบท ของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย โดยให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ท้ังนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่กี ระทรวงศึกษาธกิ ารกำหนด การจัดการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคญั และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ของผเู้ รียน เป็นเป้าหมายสำหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชน ใน ก ารพั ฒ น าผู้เรียน ให้มีคุณ สมบั ติตามเป้ าห มายห ลัก สูตร ผู้สอ น พ ยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระ การเรียนรู้ รวมท้ังปลูกฝังเสริมสรา้ งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อันเป็นสมรรถนะสำคัญ ให้ผู้เรยี นบรรลุตามเป้าหมาย ๑. หลกั การจดั การเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะ สำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามท่ีกำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยดึ หลักวา่ ผู้เรยี นมีความสำคัญที่สุด เชอื่ ว่าทุกคนมีความสามารถเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองได้ยึดประโยชน์ ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติ

และเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสำคัญ ท้ังความรู้ และคุณธรรม ๒. กระบวนการเรยี นรู้ การจดั การเรยี นรู้ทเ่ี น้นผ้เู รียนเป็นสำคญั ผเู้ รยี นจะตอ้ งอาศัยกระบวนการเรียนรทู้ ่ีหลากหลาย เป็นเคร่ืองมือท่ีจะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรยี นรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการ ปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพฒั นาลักษณะนสิ ัย กระบวนการเหลา่ นี้เปน็ แนวทางในการจัดการเรียนรู้ท่ีผ้เู รียนควรได้รบั การฝึกฝน พัฒนา เพราะ จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนร้ไู ด้ดี บรรลเุ ป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอนจงึ จำเป็นต้องศึกษา ทำความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพ่ือให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่าง มปี ระสทิ ธิภาพ ๓. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะ สำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณา ออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลอื กใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผล เพอ่ื ให้ผ้เู รียนไดพ้ ฒั นาเตม็ ตามศกั ยภาพและบรรลตุ ามเป้าหมายทก่ี ำหนด ๔. บทบาทของผูส้ อนและผเู้ รยี น การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผ้เู รียนมีคุณภาพตามเปา้ หมายของหลกั สูตร ทั้งผู้สอนและผ้เู รียนควร มีบทบาท ดงั น้ี ๔.๑ บทบาทของผสู้ อน ๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน การจัดการเรยี นรู้ ท่ที ้าทายความสามารถของผู้เรียน ๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดข้ึนกับผู้เรียน ด้านความรู้ และทักษะ กระบวนการ ทเ่ี ปน็ ความคดิ รวบยอด หลกั การ และความสัมพันธ์ รวมท้งั คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล และพัฒนาการทางสมอง เพอ่ื นำผเู้ รยี นไปสู่เป้าหมาย ๔) จดั บรรยากาศท่ีเอ้อื ตอ่ การเรียนรู้ และดแู ลช่วยเหลือผเู้ รยี นให้เกิดการเรียนรู้ ๕) จัดเตรียมและเลือกใช้ส่ือให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยที ่เี หมาะสมมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนการสอน ๖) ประเมนิ ความก้าวหน้าของผูเ้ รียนดว้ ยวธิ ีการท่ีหลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติ ของวชิ าและระดบั พัฒนาการของผ้เู รียน ๗) วเิ คราะห์ผลการประเมนิ มาใช้ในการซ่อมเสรมิ และพัฒนาผเู้ รยี น รวมทั้งปรับปรุง การจดั การเรยี นการสอนของตนเอง

๔.๒ บทบาทของผเู้ รียน ๑) กำหนดเปา้ หมาย วางแผน และรับผดิ ชอบการเรียนรู้ของตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถงึ แหลง่ การเรยี นรู้ วิเคราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ ความรู้ ต้ังคำถาม คดิ หาคำตอบหรอื หาแนวทางแก้ปัญหาด้วยวธิ กี ารต่าง ๆ ๓) ลงมอื ปฏบิ ตั ิจริง สรปุ ส่ิงทไ่ี ดเ้ รยี นรดู้ ้วยตนเอง และนำความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ช้ ในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ๔) มปี ฏสิ ัมพนั ธ์ ทำงาน ทำกจิ กรรมรว่ มกบั กลุ่มและครู ๕) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรยี นรู้ของตนเองอยา่ งต่อเนอื่ ง สอื่ การเรยี นรู้ สอ่ื การเรียนรเู้ ป็นเคร่ืองมอื สง่ เสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผูเ้ รียนเข้าถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้ มีหลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ ส่ือสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่ายการเรียนรู้ต่างๆ ท่ีมีในท้องถ่ิน การเลือกใช้สื่อควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียน รู้ ทห่ี ลากหลายของผู้เรยี น การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาข้ึนเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้ อย่างมีคุณภาพจากส่ือต่างๆ ท่ีมีอยู่รอบตัวเพ่ือนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ท่ีสามารถส่งเสริมและ สื่อสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพ่ือพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง สถานศึกษา เขตพ้ืนที่การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่ จัดการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ควรดำเนนิ การดังนี้ ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย การเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพท้ังในสถานศึกษาและในชุมชน เพ่ือการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์การเรียนรู้ ระหวา่ งสถานศึกษา ทอ้ งถ่นิ ชมุ ชน สงั คมโลก ๒. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทง้ั จดั หาส่ิงทีม่ อี ยู่ในทอ้ งถ่ินมาประยกุ ต์ใชเ้ ปน็ สอื่ การเรยี นรู้ ๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กบั วธิ กี ารเรียนรู้ ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลของผู้เรียน ๔. ประเมนิ คณุ ภาพของสื่อการเรียนร้ทู ่ีเลือกใช้อย่างเป็นระบบ ๕. ศึกษาคน้ ควา้ วจิ ยั เพอื่ พฒั นาสอ่ื การเรียนร้ใู ห้สอดคล้องกบั กระบวนการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น ๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้ส่ือ การเรียนรเู้ ปน็ ระยะๆ และสม่ำเสมอ ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณ ภาพสื่อการเรียน รู้ท่ีใช้ในสถาน ศึกษา ควรคำนึงถึงหลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เน้ือหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใช้ภาษาท่ีถูกต้อง รปู แบบการนำเสนอท่ีเข้าใจง่าย และนา่ สนใจ

การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ก า ร วั ด แ ล ะ ป ร ะ เมิ น ผ ล ก า ร เรี ย น รู้ ข อ ง ผู้ เรี ย น ต้ อ ง อ ยู่ บ น ห ลั ก ก า ร พ้ื น ฐ า น ส อ ง ป ร ะ ก า ร คื อ การประเมินเพ่ือพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสำเรจ็ นนั้ ผเู้ รียนจะต้องได้รบั การพัฒนาและประเมินตามตัวชีว้ ัดเพอื่ ใหบ้ รรลุตามมาตรฐานการ เรยี นรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผ้เู รยี นซ่ึงเป็นเปา้ หมายหลักในการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการ ประเมินเปน็ ข้อมลู และสารสนเทศทีแ่ สดงพฒั นาการ ความกา้ วหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ตอ่ การสง่ เสริมให้ผูเ้ รยี นเกดิ การพฒั นาและเรียนรอู้ ย่างเต็มตามศกั ยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นทกี่ ารศึกษา และระดับชาติ มีรายละเอียด ดงั นี้ ๑. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผสู้ อนดำเนินการเป็นปกตแิ ละสม่ำเสมอ ในการจดั การเรียนการสอน ใชเ้ ทคนคิ การประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาส ให้ผู้เรียนประเมิน ตนเอง เพอ่ื นประเมินเพื่อน ผู้ปกครองรว่ มประเมิน ในกรณีทไี่ มผ่ ่านตวั ชว้ี ัดใหม้ กี ารสอนซอ่ มเสรมิ การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒ นาการความก้าวหน้า ในการเรียนรู้ อนั เปน็ ผลมาจากการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มสี ิ่งทีจ่ ะตอ้ ง ได้รับการพัฒ นาปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุง การเรยี นการสอนของตนดว้ ย ท้ังนี้โดยสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชว้ี ดั ๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เปน็ การประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพ่อื ตดั สนิ ผลการเรียน ของผู้เรยี นเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมนิ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพ่ือให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ว่าส่งผล ต่อการเรียนรขู้ องผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียน ของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูล และสารสนเทศเพ่ือการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจน เพอื่ การจดั ทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา ตามแนวทางการประกนั คุณภาพการศึกษาและ การรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ผู้ปกครองและชมุ ชน ๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนที่ การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐาน ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการ โดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพ้ืนท่ี การศึกษา หรือด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัด ในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากน้ี ยังได้ จากการตรวจสอบทบทวนข้อมลู จากการประเมนิ ระดับสถานศึกษาในเขตพน้ื ที่การศึกษา ๔. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐาน การเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียน ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ และช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๖

เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพ่ือนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจ ในระดบั นโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน พัฒนาคุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาท่ีจะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรงุ แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพ่ือให้ผเู้ รียนไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศักยภาพบนพื้นฐาน ความแตกตา่ งระหว่าง บุคคลที่จำแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนท่ีมีความสามารถ พิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นต่ำ กลุ่มผ้เู รียนทีม่ ปี ญั หาดา้ นวินยั และพฤตกิ รรม กลุ่มผูเ้ รียน ที่ปฏิเสธโรงเรียน กลุ่มผู้เรียนท่ีมีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รียนได้รับการพัฒนาและประสบความสำเรจ็ ในการเรยี น สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวดั และประเมินผล การเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกำหนด ของหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน เพ่ือให้บุคลากรทเ่ี ก่ยี วขอ้ งทกุ ฝ่ายถือปฏบิ ตั ิร่วมกนั เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรยี น ๑. การตัดสิน การให้ระดบั และการรายงานผลการเรยี น ๑.๑ การตัดสนิ ผลการเรยี น ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนน้ัน ผู้สอนต้องคำนึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแต่ละคน เป็นหลัก และต้องเกบ็ ข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเนอื่ งในแต่ละภาคเรียน รวมท้ังสอนซ่อม เสริมผเู้ รยี นให้พัฒนาจนเตม็ ตามศกั ยภาพ ระดับประถมศกึ ษา (๑) ผู้เรยี นต้องมเี วลาเรยี นไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด (๒) ผู้เรียนต้องได้รบั การประเมินทกุ ตวั ชวี้ ัด และผ่านตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากำหนด (๓) ผู้เรยี นต้องได้รับการตัดสินผลการเรยี นทุกรายวชิ า (๔) ผู้เรยี นต้องไดร้ บั การประเมนิ และมผี ลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กำหนด ในการอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น ระดบั มัธยมศึกษา (๑) ตัดสนิ ผลการเรียนเปน็ รายวชิ า ผเู้ รียนตอ้ งมีเวลาเรยี นตลอดภาคเรียนไม่น้อย กวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทง้ั หมดในรายวิชาน้ัน ๆ (๒) ผูเ้ รยี นต้องไดร้ ับการประเมนิ ทกุ ตวั ชีว้ ัด และผ่านตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษา กำหนด (๓) ผู้เรียนต้องไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรียนทกุ รายวชิ า (๔) ผู้เรยี นต้องไดร้ ับการประเมิน และมีผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กำหนด ในการอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น

การพิจารณาเล่ือนช้ันท้ังระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่อง เพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลพินิจ ของสถานศกึ ษาท่ีจะผอ่ นผันใหเ้ ล่ือนช้ันได้ แตห่ ากผู้เรยี นไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมาก และมแี นวโน้มวา่ จะเป็น ปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูงข้ึน สถานศึกษาอาจต้ังคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำช้ันได้ ท้งั นี้ให้คำนงึ ถงึ วฒุ ภิ าวะและความร้คู วามสามารถของผเู้ รยี นเป็นสำคญั ๑.๒ การให้ระดบั ผลการเรยี น ระดับประถมศึกษา ในการตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษาสามารถ ใหร้ ะดับผลการเรียนหรอื ระดบั คุณภาพการปฏบิ ัติของผเู้ รียน เป็นระบบตวั เลข ระบบตวั อักษร ระบบรอ้ ยละ และระบบทีใ่ ชค้ ำสำคัญสะทอ้ นมาตรฐาน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให้ระดับ ผลการประเมินเป็น ดีเยีย่ ม ดี และผา่ น การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ กิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด และให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผ่าน และไม่ผ่าน ระดับมัธยมศึกษา ในการตัดสินเพ่ือให้ระดับผลการเรียนรายวิชา ใหใ้ ช้ตัวเลขแสดงระดับ ผลการเรยี นเปน็ ๘ ระดบั การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให้ระดับ ผลการประเมินเป็น ดเี ยย่ี ม ดี และผา่ น การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ กิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด และให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผ่าน และไม่ผา่ น ๑.๓ การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรียนเป็นการสื่อสารให้ผู้ปกครองและผู้เรี ยนทราบความก้าวหน้า ในการเรียนรู้ของผเู้ รียน ซง่ึ สถานศกึ ษาต้องสรปุ ผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผ้ปู กครองทราบ เปน็ ระยะ ๆ หรอื อยา่ งนอ้ ยภาคเรียนละ ๑ ครง้ั การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนที่สะท้อน มาตรฐานการเรียนรู้กลุม่ สาระการเรียนรู้ ๒. เกณฑ์การจบการศกึ ษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน กำหนดเกณฑ์กลางสำหรับการจบการศึกษาเป็น ๓ ระดับ คอื ระดับประถมศกึ ษา ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ และระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ๒.๑ เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียน ทหี่ ลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐานกำหนด (๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่สถานศึกษา กำหนด

(๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ตามท่สี ถานศึกษากำหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามที่สถานศกึ ษากำหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามท่สี ถานศึกษากำหนด ๒.๒ เกณฑ์การจบระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐานและเพ่ิมเติมไม่เกิน ๘๑ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน ๖๓ หน่วยกติ และรายวิชาเพ่มิ เติมตามทส่ี ถานศึกษากำหนด (๒) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๗๗ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พื้นฐาน ๖๓ หน่วยกติ และรายวชิ าเพิม่ เติมไมน่ ้อยกว่า ๑๔ หน่วยกติ (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่าน เกณฑ์ การประเมินตามทสี่ ถานศกึ ษากำหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามที่สถานศึกษากำหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามที่สถานศึกษากำหนด สำหรับการจบการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสำหรับ ผู้มีความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส การศึ กษาตามอัธยาศัย ให้คณะกรรมการของสถานศึกษา เขตพ้ืนท่ีการศึกษา และผู้ที่เก่ียวข้อง ดำเนินการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ตามหลกั เกณฑใ์ นแนวปฏิบตั ิการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ันพ้ืนฐานสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เอกสารหลักฐานการศึกษา เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญท่ีบันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศ ทเี่ กีย่ วขอ้ งกับพัฒนาการของผ้เู รียนในดา้ นตา่ ง ๆ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดงั นี้ ๑. เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศกึ ษาธกิ ารกำหนด ๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ ผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูล และออกเอกสารนี้ให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษา ปีท่ี ๖) จบการศึกษาภาคบังคับ(ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓) จบการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน(ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖) หรือเม่ือลาออกจากสถานศกึ ษาในทุกกรณี ๑.๒ ประกาศนียบัตร เป็นเอกสารแสดงวุฒิการศึกษาเพ่ือรับรองศักด์ิและสิทธ์ิของ ผู้จบการศึกษา ที่สถานศึกษาให้ไว้แก่ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ และผู้จบการศึกษาขั้นพ้ืนฐานตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน

๑.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชื่อ และข้อมูลของผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖) ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ (ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓) และผู้จบการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน (ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖) ๒. เอกสารหลักฐานการศึกษาที่สถานศกึ ษากำหนด เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ เกีย่ วกับผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนกั เรยี น แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และ เอกสารอ่นื ๆ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้ การเทียบโอนผลการเรียน สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การเปล่ียนรูปแบบการศกึ ษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลบั เข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษา จากต่างประเทศและขอเข้าศกึ ษาต่อในประเทศ นอกจากน้ี ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์ จากแหล่งการเรียนรู้อ่ืนๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจัด การศกึ ษาโดยครอบครวั การเทียบโอนผลการเรียนควรดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก ท่ีสถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ท้ังน้ี ผู้เรียนที่ได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่อง ในสถานศึกษาที่รับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศึกษาที่รับผู้เรียนจากการเทียบโอน ควรกำหนดรายวชิ า/จำนวนหน่วยกิตที่จะรับเทยี บโอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทยี บโอน สามารถดำเนินการได้ ดงั นี้ ๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอ่ืน ๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถ ของผเู้ รียน ๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบด้วยวิธีการต่าง ๆ ท้ังภาคความรู้ และภาคปฏบิ ตั ิ ๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏิบตั ิในสภาพจริง การเทยี บโอนผลการเรยี นใหเ้ ปน็ ไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏบิ ตั ิ ของกระทรวงศึกษาธกิ าร การบรหิ ารจัดการหลักสตู ร ในระบบการศึกษาท่ีมีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนา หลักสูตรนั้น หน่วยงานต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน จนถึงระดับ สถานศึกษา มีบทบาทหน้าท่ี และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนา หลักสูตรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้การดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและ การจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน บรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรู้ทกี่ ำหนดไว้ในระดบั ชาติ ระดับท้องถ่ิน ได้แก่ สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอ่ืน ๆ เป็นหน่วยงาน ท่ีมีบทบาทในการขับเคล่ือนคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางที่จะเชื่อมโยงหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขัน้ พ้ืนฐานที่กำหนดในระดับชาติใหส้ อดคล้องกบั สภาพและความต้องการของท้องถนิ่ เพ่ือนำไปสู่ การจัดทำหลักสูตรของสถานศึกษา ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้ประสบ ความสำเร็จ โดยมีภารกิจสำคัญ คือ กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดับ ท้องถิ่นโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน

ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถ่ิน รวมท้ังเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลกั สูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพฒั นาบคุ ลากร สนบั สนนุ ส่งเสรมิ ตดิ ตามผล ประเมินผล วิเคราะห์ และรายงานผลคุณภาพของผู้เรยี น สถานศึกษามีหน้าทสี่ ำคญั ในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้หลักสูตร การเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตร จัดทำ ระเบียบการวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน และรายละเอยี ดท่เี ขตพน้ื ท่ีการศึกษา หรอื หนว่ ยงานตน้ สังกดั อื่นๆ ในระดับ ท้องถ่ินได้จัดทำเพ่ิมเติม รวมท้ัง สถานศึกษาสามารถเพ่ิมเติมในส่วนท่ีเก่ียวกับสภาพปัญหาในชุมชน และสังคม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน และความต้องการของผู้เรยี น โดยทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา หลกั สตู รสถานศกึ ษา

มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวช้วี ดั

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ทำไมตอ้ งเรียนภาษาไทย ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและ เสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเคร่ืองมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้าง ความเข้าใจและความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน ทำให้สามารถประกอบกิจธุระ การงาน และดำรงชีวิตร่วมกัน ในสังคมประชาธปิ ไตยได้อย่างสันติสขุ และเป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งขอ้ มูล สารสนเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาความรู้ พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์ให้ทัน ตอ่ การเปลย่ี นแปลงทางสังคม และความก้าวหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนำไปใช้ในการพฒั นา อาชีพให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นส่ือแสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ด้านวัฒนธรรม ประเพณี และสุนทรียภาพ เป็นสมบัติล้ำค่าควรแก่การเรียนรู้ อนุรักษ์ และสืบสาน ให้คงอยู่คู่ชาติไทย ตลอดไป เรยี นรู้อะไรในภาษาไทย ภาษาไทยเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนจนเกิดความชำนาญในการใช้ภาษาเพ่ือการสื่อสาร การเรียนรู้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ และเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง • การอ่าน การอ่านออกเสียงคำ ประโยค การอ่านบทร้อยแก้ว คำประพันธ์ชนิดต่างๆ การอ่านในใจเพื่อสร้างความเข้าใจ และการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้จากสิ่งท่ีอ่าน เพื่อนำไป ปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวัน • การเขียน การเขียนสะกดตามอักขรวิธี การเขียนส่ือสาร โดยใช้ถ้อยคำและรูปแบบต่างๆ ของการเขียน ซ่ึงรวมถึงการเขียนเรียงความ ย่อความ รายงานชนิดต่างๆ การเขียนตามจินตนาการ วิเคราะห์วิจารณ์ และเขยี นเชิงสร้างสรรค์ • การฟัง การดู และการพูด การฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ การพูดแสดงความคิดเห็น ความรู้สกึ พูดลำดับเร่อื งราวต่างๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผล การพูดในโอกาสต่างๆ ทั้งเป็นทางการและไมเ่ ป็น ทางการ และการพูดเพื่อโน้มน้าวใจ • หลักการใชภ้ าษาไทย ธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของภาษาไทย การใชภ้ าษาให้ถกู ต้องเหมาะสม กบั โอกาสและบุคคล การแตง่ บทประพนั ธป์ ระเภทตา่ งๆ และอิทธิพลของภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย • วรรณคดีและวรรณกรรม วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือศึกษาข้อมูล แนวความคิด คุณค่าของงานประพันธ์ และความเพลิดเพลิน การเรียนรู้และทำความเข้าใจบทเห่ บทร้องเล่นของเด็ก เพลงพื้นบ้านทเ่ี ป็นภูมปิ ัญญาท่มี ีคุณค่าของไทย ซ่ึงได้ถ่ายทอดความร้สู ึกนกึ คดิ คา่ นิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี เรื่ องราวของสั งคมใน อดี ต และความงดงามของภาษ า เพ่ื อ ให้ เกิ ด ค ว าม ซ าบ ซ้ึ ง แ ล ะ ภู มิ ใจ ในบรรพบุรษุ ท่ไี ด้สั่งสมสบื ทอดมาจนถึงปจั จบุ นั

คณุ ภาพผเู้ รียน จบชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ • อ่านออกเสียงคำ คำคล้องจอง ข้อความ เรื่องส้ันๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ ได้ถูกต้อง คล่องแคล่ว เขา้ ใจความหมายของคำและขอ้ ความท่ีอ่าน ต้ังคำถามเชิงเหตผุ ล ลำดับเหตุการณ์ คาดคะเน เหตุการณ์ สรุปความรู้ข้อคิดจากเรื่องท่ีอ่าน ปฏิบัติตามคำส่ัง คำอธิบายจากเรื่องที่อ่านได้ เข้าใจ ความหมายของข้อมูลจากแผน ภาพ แผน ท่ี และแผน ภู มิ อ่ าน หนังสือ อย่างสม่ำเสมอ และ มีมารยาทในการอา่ น • มีทักษะในการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนบรรยาย บันทึกประจำวัน เขียนจดหมาย ลาครู เขยี นเรอื่ งเก่ียวกบั ประสบการณ์ เขยี นเรือ่ งตามจนิ ตนาการและมมี ารยาทในการเขียน • เล่ารายละเอียดและบอกสาระสำคัญ ต้ังคำถาม ตอบคำถาม รวมทง้ั พูดแสดงความคดิ ความรสู้ ึก เกี่ยวกับเร่ืองที่ฟังและดู พูดส่ือสารเล่าประสบการณ์และพูดแนะนำ หรือพูดเชิญชวนให้ผู้อ่ืนปฏิบัติตาม และมีมารยาทในการฟัง ดู และพูด • สะกดคำและเข้าใจความหมายของคำ ความแตกต่างของคำและพยางค์ หน้าที่ของคำ ในประโยค มีทักษะการใช้พจนานุกรมในการคน้ หาความหมายของคำ แต่งประโยคง่ายๆ แต่งคำคล้องจอง แต่ง คำขวัญ และเลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิน่ ได้เหมาะสมกบั กาลเทศะ • เข้าใจและสามารถสรุปข้อคิดท่ีได้จากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมเพ่ือนำไปใช้ใน ชวี ิตประจำวัน แสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีทีอ่ ่าน รู้จักเพลงพื้นบ้าน เพลงกล่อมเด็ก ซ่ึงเป็นวัฒนธรรม ของท้องถิ่น ร้องบทร้องเล่นสำหรับเด็กในท้องถิ่น ท่องจำบทอาขยานและบทร้อยกรอง ท่ีมีคุณค่าตามความ สนใจได้ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ • อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะได้ถูกต้อง อธิบายความหมาย โดยตรงและความหมายโดยนัยของคำ ประโยค ขอ้ ความ สำนวนโวหาร จากเรื่องที่อ่าน เขา้ ใจคำแนะนำ คำอธิบายในคู่มือตา่ งๆ แยกแยะข้อคดิ เห็นและข้อเท็จจริง รวมทั้งจับใจความสำคัญของเร่อื งท่ีอ่านและนำ ความรู้ความคิดจากเรื่องท่ีอ่านไปตัดสินใจแก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตได้ มีมารยาทและมีนิสัยรักการอ่าน และเหน็ คุณค่าสงิ่ ที่อา่ น • มีทักษะในการคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดและคร่ึงบรรทัด เขียนสะกดคำ แต่งประโยคและ เขียนข้อความ ตลอดจนเขียนสื่อสารโดยใช้ถอ้ ยคำชัดเจนเหมาะสม ใชแ้ ผนภาพ โครงเรือ่ งและแผนภาพ ความคิด เพื่อพัฒนางานเขียน เขียนเรียงความ ย่อความ จดหมายส่วนตัว กรอกแบบรายการต่างๆ เขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็น เขียนเร่ืองตามจินตนาการอย่างสร้างสรรค์ และมีมารยาท ในการเขียน • พูดแสดงความรู้ ความคิดเกี่ยวกับเร่ืองที่ฟังและดู เล่าเรื่องย่อหรือสรุปจากเร่ืองที่ฟัง และดู ต้ังคำถาม ตอบคำถามจากเร่ืองท่ีฟังและดู รวมท้ังประเมินความน่าเชื่อถือจากการฟังและ ดูโฆษณาอย่างมีเหตุผล พูดตามลำดับขั้นตอนเร่ืองต่างๆ อย่างชัดเจน พูดรายงานหรือประเด็นค้นคว้า จากการฟงั การดู การสนทนา และพดู โน้มนา้ วไดอ้ ย่างมีเหตผุ ล รวมทง้ั มมี ารยาทในการดแู ละพดู

• สะกดคำและเขา้ ใจความหมายของคำ สำนวน คำพังเพยและสุภาษิต รู้และเข้าใจ ชนิดและ หน้าที่ของคำในประโยค ชนิดของประโยค และคำภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ใช้คำราชาศัพท์และคำสุภาพ ได้อย่างเหมาะสม แต่งประโยค แตง่ บทร้อยกรองประเภทกลอนส่ี กลอนสุภาพ และกาพย์ยานี ๑๑ • เข้าใจและเห็นคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน เล่านิทานพ้ืนบ้าน ร้องเพลงพ้ืนบ้าน ของท้องถ่ิน นำข้อคิดเห็นจากเรอื่ งทีอ่ า่ นไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จริง และท่องจำบทอาขยานตามที่กำหนดได้ จบชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ • อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะได้ถูกต้อง เข้าใจความหมาย โดยตรงและความหมายโดยนัย จับใจความสำคัญและรายละเอียดของสิ่งท่ีอ่าน แสดงความคิดเห็นและ ขอ้ โต้แย้งเก่ียวกับเร่ืองที่อ่าน และเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด ย่อความ เขียนรายงานจากสิ่งที่อ่านได้ วิเคราะห์ วิจารณ์ อย่างมีเหตุผล ลำดับความอย่างมีข้ันตอนและความเป็นไปได้ของเร่ืองท่ีอ่าน รวมท้ัง ประเมินความถกู ต้องของข้อมูลที่ใชส้ นบั สนุนจากเรือ่ งท่ีอ่าน • เขียนส่อื สารดว้ ยลายมือท่ีอา่ นงา่ ยชดั เจน ใช้ถ้อยคำได้ถกู ต้องเหมาะสมตามระดบั ภาษาเขียนคำ ขวัญ คำคม คำอวยพรในโอกาสต่างๆ โฆษณา คตพิ จน์ สุนทรพจน์ ชีวประวตั ิ อัตชีวประวตั ิและประสบการณ์ ต่างๆ เขียนย่อความ จดหมายกิจธุระ แบบกรอกสมัครงาน เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ หรือโต้แยง้ อยา่ งมเี หตผุ ล ตลอดจนเขยี นรายงานการศึกษาคน้ คว้าและเขียนโครงงาน • พูดแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินสิ่งที่ได้จากการฟังและดู นำข้อคิด ไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นท่ีได้จากการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบ มศี ิลปะในการพูด พูดในโอกาสต่างๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และพูดโน้มนา้ วอยา่ งมีเหตุผลน่าเชื่อถอื รวมทั้ง มมี ารยาทในการฟัง ดู และพูด • เข้าใจและใช้คำราชาศัพท์ คำบาลสี ันสกฤต คำภาษาต่างประเทศอื่นๆ คำทับศัพท์ และศัพท์ บัญญัติในภาษาไทย วิเคราะห์ความแตกต่างในภาษาพูด ภาษาเขียน โครงสร้างของประโยครวม ประโยคซ้อน ลักษณะภาษาที่เป็นทางการ กึ่งทางการและไม่เป็นทางการ และแต่งบทร้อยกรองประเภท กลอนสภุ าพ กาพย์ และโคลงส่ีสภุ าพ • สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน วิเคราะห์ตัวละครสำคัญ วิถีชีวิตไทย และคุณค่า ทีไ่ ดร้ ับจากวรรณคดวี รรณกรรมและบทอาขยาน พร้อมท้ังสรุปความรขู้ อ้ คดิ เพื่อนำไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จริง

สาระท่ี ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคิด เพ่อื นำไปใช ตัวช้ีว ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ๑. อ่านออกเสยี ง ๑. อ่านออกเสยี ง ๑. อ่านออก ๑. อา่ นออก ๑. อ่านออกเส คำ คำคล้อง คำ คำคล้อง เสียงคำ เสยี ง บทรอ้ ยแก้วแ จอง จอง ข้อความ บทรอ้ ยแก้ว บทรอ้ ยกรอง และข้อความ ขอ้ ความ และ เรื่องสัน้ ๆ และ และบทรอ้ ย ไดถ้ กู ตอ้ ง สนั้ ๆ บทร้อยกรอง บทร้อยกรอง กรอง ๒. อธบิ าย ๒. บอก ง่ายๆ ได้ถกู ต้อง ง่ายๆ ได้ ได้ถูกตอ้ ง ความหมายข ความหมายของ ๒. อธบิ าย ถูกต้อง ๒. อธิบาย คำ ประโยคแ คำ และ ความหมายของ คล่องแคล่ว ความหมาย ขอ้ ความที่เป็น ข้อความ คำ และ ๒. อธบิ าย ของ การบรรยาย ท่ีอ่าน ข้อความ ความหมาย คำ ประโยค และการ ๓. ตอบคำถาม ที่อ่าน ของ และสำนวน พรรณนา เกย่ี วกบั เรื่องที่ ๓. ต้ังคำถาม คำ และ จากเรอ่ื งที่ ๓. อธิบาย และตอบคำถาม ขอ้ ความ อา่ น ความหมาย อา่ น ๔. เลา่ เรอื่ งย่อ เกีย่ วกบั ที่อ่าน ๓. อา่ นเรือ่ ง โดยนยั จากเรื่องที่อ่าน เรอ่ื งที่อา่ น ๓. ตัง้ คำถาม สั้นๆ ตามเวลา จากเรื่องท่ี ๕. คาดคะเน ๔. ระบใุ จความ และตอบ ทก่ี ำหนด อ่านอย่าง เหตกุ ารณ์ สำคัญและ คำถาม และตอบ หลากหลาย จากเรื่องทอ่ี า่ น รายละเอยี ดจาก เชิงเหตผุ ล คำถาม ๔. แยก ๖. อ่านหนงั สือ เร่ืองทอ่ี า่ น เกย่ี วกับเรือ่ งท่ี จากเร่อื งที่ ขอ้ เท็จจริง ตามความสนใจ ๕. แสดงความ อา่ น อ่าน และข้อคิดเหน็ อยา่ งสมำ่ เสมอ คดิ เห็นและ ๔. ลำดบั ๔. แยก จากเรอ่ื งทอ่ี า่ และนำเสนอ คาดคะเน เหตุการณ์และ ขอ้ เท็จจริง ๕. วิเคราะห์

ใชต้ ดั สินใจ แก้ปญั หาในการดำเนนิ ชวี ติ และมีนสิ ยั รักการอ่าน วัดชน้ั ปี ป. ๖ ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ สียง ๑. อ่านออกเสยี ง ๑. อ่านออกเสยี ง ๑. อ่านออกเสียง ๑. อ่านออกเสยี ง และ บทร้อยแกว้ และ บทร้อยแก้ว บทร้อยแก้วและบท บทรอ้ ยแกว้ และ ง บทรอ้ ยกรอง และบท รอ้ ยกรอง บทรอ้ ยกรองได้ ได้ถูกตอ้ ง รอ้ ยกรอง ได้ถกู ตอ้ ง ถูกต้องและ ๒. อธิบาย ไดถ้ กู ตอ้ ง ๒. จบั ใจความ เหมาะสมกับเรือ่ ง ของ ความหมายของ เหมาะสม สำคญั ท่อี ่าน และ คำ ประโยคและ กับเร่ืองท่อี า่ น สรุปความ ๒. ระบุความ น ข้อความทเี่ ป็น ๒. จบั ใจความ และอธบิ าย แตกต่างของคำ โวหาร สำคญั จากเร่ือง รายละเอยี ด ทีม่ คี วามหมาย ๓. อ่านเร่อื ง ทีอ่ ่าน จากเรอ่ื งทีอ่ ่าน โดยตรง และ สน้ั ๆ อยา่ ง ๓. ระบเุ หตุ ๓. เขยี น ความหมาย หลากหลาย และผล และ ผงั ความคิด โดยนัย โดยจับเวลา ขอ้ เท็จจรงิ เพ่อื แสดงความ ๓. ระบุใจความ แล้วถามเก่ียวกับ กับขอ้ คดิ เหน็ เข้าใจในบทเรยี น สำคัญและ เรอื่ งท่ีอา่ น จากเรอ่ื งทีอ่ า่ น ตา่ งๆ รายละเอียด ๔. แยก ๔. ระบุ ท่ีอา่ น ของขอ้ มลู ข้อเท็จจริงและ และอธบิ าย ๔. อภิปรายแสดง ที่สนับสนนุ จาก ขอ้ คิดเห็น คำเปรียบเทียบ ความคิดเหน็ เรอ่ื งท่อี ่าน จากเรอื่ งท่ีอ่าน และคำทม่ี ี และข้อโต้แย้ง ๔. อา่ นเรอ่ื ง น ๕. อธิบายการ หลาย เกี่ยวกบั เร่ืองที่อา่ น ตา่ งๆ แล้วเขียน าน นำความรู้และ ความหมาย ๕. วิเคราะห์ กรอบแนวคดิ ความคิด ในบริบทต่างๆ และจำแนก ผงั ความคิด

ตวั ชวี้ ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ เรอื่ งทอ่ี า่ น เหตุการณ์จาก คาดคะเน และขอ้ คิดเหน็ และแสดงควา ๗. บอก เรือ่ งทีอ่ า่ น เหตกุ ารณจ์ าก จากเรอ่ื งท่ี คิดเหน็ ความหมาย ๖. อา่ นหนังสือ เร่ืองท่อี า่ นโดย อ่าน เกี่ยวกับเร่ือง ของเคร่อื งหมาย ตามความสนใจ ระบุเหตุผล ๕. คาดคะเน ท่ีอา่ นเพอื่ หรอื สัญลกั ษณ์ อย่างสมำ่ เสมอ ประกอบ เหตกุ ารณ์จาก นำไปใช้ในกา สำคญั ทีม่ กั พบ และนำเสนอ ๕. สรปุ ความรู้ เร่อื งทอ่ี า่ น ดำเนินชีวติ เหน็ ใน เรือ่ งที่อ่าน และข้อคดิ โดยระบุ ๖. อา่ นงาน ชวี ิตประจำวัน ๗. อา่ นข้อเขียน จากเร่อื งท่ี เหตุผล เขียนเชงิ อธบิ ๘. มีมารยาท เชิงอธิบาย และ อ่าน ประกอบ คำสงั่ ขอ้ แนะน ในการอ่าน ปฏบิ ัติตามคำสั่ง เพอ่ื นำไปใช้ใน ๖. สรปุ ความรู้ และปฏบิ ัติตา หรอื ขอ้ แนะนำ ชวี ิตประจำวนั และข้อคิดจาก ๗. อ่านหนังส ๘. มีมารยาท ๖. อา่ น เรอ่ื งท่อี ่าน ทม่ี คี ุณค่าตาม ในการอา่ น หนังสือตาม เพ่อื นำไปใชใ้ น ความสนใจ ความสนใจ ชีวติ ประจำวัน อย่างสม่ำเสม อย่าง ๗. อ่าน และแสดงควา สมำ่ เสมอและ หนงั สอื คดิ เห็นเกี่ยวก นำเสนอเรือ่ งที่ ที่มคี ณุ ค่าตาม เร่อื งทอี่ า่ น อ่าน ความสนใจ ๘. มมี ารยาท ๗. อา่ น อยา่ ง ในการอ่าน ขอ้ เขียน สม่ำเสมอ เชงิ อธิบาย และแสดง และปฏิบัติ ความ ตามคำสัง่ หรือ คดิ เหน็ ขอ้ แนะนำ เกย่ี วกับ

วัดช้นั ปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ป. ๖ จากการอา่ น ข้อเทจ็ จริง บันทึก ยอ่ ความ าม จากเร่อื งทอี่ า่ น ๕. ตีความคำยาก ข้อมูลสนบั สนุน และรายงาน ไปตดั สนิ ใจ ๕. วิเคราะห์ ในเอกสารวิชาการ และขอ้ คดิ เห็น วจิ ารณ์ และ ง แกป้ ัญหา ประเมินเรื่อง ในการดำเนนิ โดยพจิ ารณา จากบทความ ทีอ่ า่ นโดยใช้ กลวธิ ีการ าร ชีวิต จากบรบิ ท ท่ีอ่าน เปรียบเทียบ ๖. อา่ นงาน เพื่อให้ผอู้ า่ น เขยี นเชงิ อธิบาย ๖. ระบุ ๖. ระบุ เขา้ ใจได้ดขี ้ึน ๖. ประเมิน บาย คำสงั่ ขอ้ แนะนำ ขอ้ สงั เกต ข้อสงั เกต ความถกู ตอ้ ง ะนำ และปฏบิ ัติตาม ของข้อมูล าม ๗. อธิบาย และความ การชวนเชอื่ ท่ีใช้สนับสนนุ สอื ความหมาย ในเรือ่ งท่ีอ่าน ม ของขอ้ มูล สมเหตุสมผล การโน้มนา้ ว หรอื ๗. วจิ ารณค์ วาม สมเหตุสมผล จากการอ่าน ของงานเขียน ความสมเหตุสมผล การลำดบั ความและ มอ แผนผงั แผนที่ าม แผนภมู ิ ประเภทชักจูง ของงานเขียน ความเป็นไปได้ กับ และกราฟ ของเรอื่ ง โน้มน้าวใจ ๗. อ่านหนงั สอื ๘. วิเคราะหเ์ พื่อ ๘. อ่านหนงั สือ แสดงความ ท ตามความสนใจ ๗. ปฏบิ ัตติ าม บทความหรอื คดิ เห็นโต้แย้ง และอธิบาย คู่มอื แนะนำ คำประพันธ์ เกีย่ วกับเร่ืองท่ี คุณค่าทไี่ ด้รบั ๙. มีมารยาท วิธกี ารใชง้ าน อย่างหลากหลาย ในการอา่ น ของเคร่ืองมอื และประเมนิ หรอื เคร่อื งใชใ้ น คณุ ค่าหรือ ระดบั ที่ยากขนึ้ แนวคดิ ท่ไี ด้ ๘. วเิ คราะห์คณุ จากการอา่ น คา่ ท่ีไดร้ ับจาก เพือ่ นำไปใช้ การอ่าน แก้ปญั หาในชีวติ งานเขยี นอยา่ ง ๘. มมี ารยาท หลากหลาย ในการอ่าน เพ่อื นำไปใช้

ตวั ชีว้ ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ๘. อธบิ าย เร่ืองทอี่ า่ น ความหมาย ๘. มีมารยาท ของข้อมลู ในการอา่ น จากแผนภาพ แผนท่ี และ แผนภูมิ ๙. มมี ารยาท ในการอา่ น สาระท่ี ๒ การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสือ่ สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และ รายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตัวชีว้ ัดช ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ป. ๑. คัด ๑. คดั ๑. คดั ๑. คดั ลายมอื ๑. คดั ลายมอื ๑. คัดลาย ลายมอื ตวั ลายมือตวั ลายมอื ตัวบรรจง ตวั บรรจง ตัวบรรจง บรรจง บรรจง ตวั บรรจง เตม็ บรรทัด เตม็ บรรทดั เตม็ บรรท เตม็ เต็ม เตม็ บรรทดั และคร่ึงบรรทัด และครึ่งบรรทดั และครงึ่ บ บรรทัด บรรทดั ๒ เขยี น ๒. เขียนสื่อสาร ๒. เขยี นส่อื สาร ๒. เขียนส ๒. เขยี น ๒. เขยี น บรรยาย โดยใช้คำได้ โดยใชค้ ำได้ โดยใชค้ ำไ สอ่ื สาร เรอ่ื ง เกี่ยวกับส่งิ ถูกตอ้ ง ชัดเจน ถูกตอ้ ง ชัดเจน ถกู ต้อง ช ดว้ ยคำ สนั้ ๆ ใด และเหมาะสม และเหมาะสม และเหมา

วัดชั้นปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ป. ๖ แกป้ ญั หาใน อ่าน ชวี ิต ๙. ตคี วามและ ๙. มมี ารยาท ประเมนิ คณุ คา่ ในการอา่ น และแนวคิด ทีไ่ ด้ จากงานเขยี น อย่างหลากหลาย เพ่อื นำไปใช้ แกป้ ัญหาในชีวติ ๑๐ มีมารยาทใน การอ่าน ะเขียนเรอื่ งราวในรปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและ ดช้ันปี ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ๖ ๑. คัดลายมอื ๑. คดั ลายมือ ๑. คัดลายมอื ตัวบรรจง ตัวบรรจง ตวั บรรจงครึง่ บรรทดั ยมอื คร่งึ บรรทดั ครึ่งบรรทดั ๒. เขียนขอ้ ความ โดยใช้ ง ๒. เขยี นสอ่ื สาร ๒. เขียน ถอ้ ยคำได้ถูกตอ้ งตาม ทัด โดยใช้ถอ้ ยคำ บรรยาย ระดบั ภาษา บรรทัด ถูกต้อง ชัดเจน และพรรณนา ๓. เขยี นชวี ประวัตหิ รือ สือ่ สาร เหมาะสม และ ๓. เขียน อัตชีวประวตั โิ ดยเลา่ ได้ สละสลวย เรยี งความ เหตุการณ์ ข้อคิดเห็น ชัดเจน าะสม

ป. ๑ ป. ๒ ป. ๓ ป. ๔ ป. ๕ ตัวชี้วัดช ป. และ เกยี่ วกับ ส่งิ หน่ึงได้ ๓. เขียน ๓. เขยี น ประโยค ประสบกา ๓. เขียนแ ง่ายๆ รณ์ อย่าง แผนภาพ แผนภาพ โครงเรอื่ ง ๓. มี ๓. เขยี น ชัดเจน โครงเรื่อง โครงเรอ่ื ง และแผนภ มารยาท เรอื่ ง ๓. เขียน และแผนภาพ และแผนภาพ ความคดิ เพ ในการ สัน้ ๆ ตาม บันทกึ ความคิดเพ่ือใช้ ความคดิ เพ่ือใช้ พัฒนางาน เขียน จนิ ตนากา ประจำวนั พัฒนางานเขียน พฒั นางานเขยี น ๔. เขียน ร ๔. เขียน ๔. เขยี น ๔. เขยี น เรยี งความ ๔. มี จดหมายลา ยอ่ ความ ย่อความจาก มารยาท ครู จากเรอื่ งสัน้ ๆ เร่ืองที่อา่ น ๕. เขยี น ในการ ๕. เขียน ๕. เขยี น ๕. เขียน ยอ่ ความ เขยี น เรือ่ ง จดหมาย จดหมาย จากเร่ืองท ตาม ถึงเพ่ือน ถึงผ้ปู กครอง ๖. เขียนจ จนิ ตนาการ และบิดามารดา และญาติ สว่ นตัว ๖. มี ๖. เขยี นบนั ทึก ๖. เขียนแสดง ๗. กรอกแ มารยาท และเขยี น ความร้สู ึกและ รายการตา่ ในการเขยี น รายงาน ความคิดเห็นได้ ๘. เขยี นเร จากการศกึ ษา ตรงตามเจตนา ตามจนิ ตน คน้ ควา้ ๗. กรอกแบบ และสร้างส ๙. มีมารย ๗. เขยี นเรื่อง รายการตา่ งๆ ในการเขีย ตามจนิ ตนาการ ๘. เขยี นเรื่อง ๘. มมี ารยาท ตามจนิ ตนาการ ในการเขยี น ๙. มมี ารยาท ในการเขียน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook