Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาชีววิทยา 6 (ว30256)

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาชีววิทยา 6 (ว30256)

Published by Rawat Yukerd, 2021-07-17 09:24:59

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาชีววิทยา 6 (ว30256) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนสรรพยาวิทยา จัดทำโดย นายเรวัตร อยู่เกิด

Search

Read the Text Version

ก สารบญั หน้า สารบัญ.................................................................................................................................................................. ก แผนการจดั การเรียนรู้ เรื่อง ความหลากหลายทางชวี ภาพ..................................................................................1 แผนการจัดการเรยี นรู้ เร่อื ง อาณาจกั รมอเนอรา และอาณาจกั รโพรทิสตา .......................................................5 แผนการจัดการเรยี นรู้ เรอ่ื ง อาณาจกั รฟังไจ....................................................................................................30 แผนการจดั การเรียนรู้ เรื่อง อาณาจกั รพชื .......................................................................................................36 แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาณาจกั รสัตว์......................................................................................................44 แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง จำนวนประชากร และความหนาแน่นของประชากร...........................................64 แผนการจดั การเรยี นรู้ เรอ่ื ง ปัจจัยท่มี ผี ลต่อการเปล่ยี นแปลงขนาดประชากร ................................................74 แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ความสัมพนั ธ์ระหว่างสง่ิ มีชวี ติ กบั ปจั จัยทางกายภาพ .........................................79 แผนการจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง โซอ่ าหารและสายใยอาหาร .................................................................................84 แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง พรี ะมดิ ทางนิเวศวิทยา.........................................................................................90 แผนการจดั การเรียนรู้ เรื่อง วัฏจกั รคาร์บอน ...................................................................................................95 แผนการจัดการเรยี นรู้ เรอ่ื ง วัฏจักรไนโตรเจน .............................................................................................. 101 แผนการจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง วัฏจักรฟอสฟอรัส ............................................................................................. 106 แผนการจัดการเรียนรู้ เร่อื ง ไบโอมบนบก ..................................................................................................... 111 แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ไบโอมในน้ำและระบบนเิ วศในนำ้ ..................................................................... 116 แผนการจดั การเรยี นรู้ เรอ่ื ง การเปลี่ยนแปลงแทนทขี่ องระบบนิเวศ............................................................ 121 แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ทรพั ยากรธรรมชาติ .......................................................................................... 127 แผนการจดั การเรยี นรู้ เรอ่ื ง สิ่งแวดล้อม........................................................................................................ 134 แผนการจดั การเรยี นรู้ เรอ่ื ง ความสำคญั ของทรัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ ม...................................... 143 แผนการจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง ปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม และทรพั ยากรธรรมชาติ..................................................... 148 แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การใช้ทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างยั่งยนื .............................................................. 155 ภาคผนวก ก แบบประเมินผลการเรียนรู้ ....................................................................................................... 161 เกณฑ์ประเมินทักษะการสร้างผังกราฟิก ................................................................................................... 162 เกณฑก์ ารประเมินการสรปุ บทเรยี น........................................................................................................... 164 เกณฑป์ ระเมนิ ทักษะการสรา้ งโปสเตอร์..................................................................................................... 165 เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ด้านความมงุ่ มั่นในการทำงาน............................................ 166 เกณฑป์ ระเมินทกั ษะการทำงานเป็นกลมุ่ ................................................................................................... 167

บนั ทึกขอ้ ความ ส่วนราชการ โรงเรยี นสรรพยาวทิ ยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ๑๗๑๕๐ ที่ วนั ท่ี เดือน พ.ศ. 2563

เ ร่ื อ ง ข อ อ นุ ญ า ต ใ ช้ แ ผ น ก า ร ส อนรายวิชาชีววทิ ยา 6 รหสั วิชา ว30256

เรียน ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นสรรพยาวทิ ยา ตามท่ีข้าพเจ้า นายเรวัตร อยู่เกิด ตำแหน่ง ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเรียนการสอน ภาคการศึกษาปลาย ประจำปีการศึกษา 2563 รายวิชาชีววิทยา 6 รหสั วิชา ว30256 ในการน้ีเพ่ือให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล พัฒนาผู้เรียนให้มีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นสูงขึ้น และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานพทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ข้าพเจ้าจึงได้จัดเตรียมการจัดการเรียนการสอนตามกระบวนการ และหลักวิชา โดยดำเนินการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงขออนุญาตใช้แผน การจัดการเรียนรู้ ดังรายละเอียดทแ่ี นบมาพร้อมน้ี จึงเรยี นมาเพอ่ื โปรดพิจารณา (นายเรวตั ร อยู่เกดิ ) ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ความคิดเห็นหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. (นางศริ ิลกั ษณ์ ไทยพงษธ์ นาพร) หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ความคิดเห็นรองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

(นางสาวเครอื วลั ล์ เท่ยี งพลบั ) รองผ้อู ำนวยการโรงเรยี นสรรพยาวทิ ยา ความคดิ เหน็ ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. (นายสมชาย บษุ บงค์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนสรรพยาวิทยา

โรงเรยี นสรร กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ย แผนการจดั การเรยี นรู้ เรอ่ื ง ค ภาคการศกึ ษาปลาย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6/พ และ 6/1 สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบน ดีเอ็นเอ หลักฐานข้อมูล และแนวคดิ เก่ียวกับวิวัฒนาการของสง่ิ มีชวี กำเนิดของส่งิ มีชีวิต ความหลากหลายของสิง่ มชี ีวิต และอนุกรมวิธาน ผลการเรยี นรู้ ม.6/1 อภิปรายความสำคญั ของหลากหลายทางชวี ภาพ และความเช หลากหลายของระบบนเิ วศ

1 รพยาวทิ ยา ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ความหลากหลายทางชีวภาพ รายวชิ า ชวี วิทยา6 ว30256 ผ้สู อน นายเรวัตร อย่เู กดิ นโครโมโซม สมบัติ และหน้าท่ีของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทาง วิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ น รวมทงั้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ชอ่ื มโยงระหว่างความหลากหลายทางพันธุกรรม ความหลากหลายทสี่ ปีชสี ์ และความ

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ นักเรยี นสามารถ ด้านความร้(ู K) ขั้นระบุปัญหา 1. อธิบาย ความหมายของ ความหลากหลายทางชีวภาพ 1. ครูแสดงภา ความหลากหลาย ทางชวี ภาพได้ (K) หมายถึง การมีชนิดพันธ์ุของสิ่งมีชีวิต ส่งิ มชี ีวิตท่ีอาศยั อ 2. ระบรุ ะดบั ของ หลากหลายชนิดมาอยู่ร่วมกัน ณ สถานที่ ความหลากหลาย ทางชีวภาพได้ (P) หนึ่งหรอื ระบบนิเวศใดระบบนเิ วศหน่ึง ความ 3. ทำงานร่วมกัน หลากหลายทางชีวภาพมี 3 ระดบั เป็นกลมุ่ ได้ (A) ความหลากหลายของระบบนิเวศ ภาพที่ 1 ภาพแสดง ความแตกต่างของระบบนเิ วศ หรือไบโอม แบบตา่ ง ๆ ท่ีมีทัง้ ไบโอมบนบกและไบโอมใน จากนัน้ ครูใชค้ ำ น้ำ โดยระบบนิเวศแตล่ ะแห่งต่างก็มสี ิ่งมีชวี ิต 1.1 จากภาพ ท้ังพืชและสัตว์อาศัยอยู่หลากหลาย และมี (ทงุ่ หญา้ และใตท้ ความแตกต่างกันท้ังทางด้านชนิดและจำนวน 1.2 จากภาพ โดยสิ่งมีชวี ิตตา่ ง ๆ ลว้ นมคี วามสัมพันธ์ซึ่งกัน สง่ิ มีชีวติ ชนิดใดบ และกนั 1.3 จากภาพ ชนิดใดบา้ ง (ปะก ความหลากหลายของสปชี สี ์ 1.4 นักเรียน ส่ิงมีชีวิตบนโลกของเรามีมากมายหลาย ชนิด โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ประมาณการไว้ จากทั้ง 2 ภาพน ว่ า ใน โล ก น้ี มี ส่ิ ง มี ขี วิ ต อ ยู่ ป ร ะ ม า ณ อาศัยอยู่ในแต่ละ 10-50 ล้านชนดิ 1.5 นั ก เรีย

2 กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ และอุปกรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรียนรู้ 1. กระดาษ A4 1. ประเมนิ การอธิบาย าพสิ่งมีชีวิตท่ีอาศัยอยู่บนบกและ ความหมายของความ อยู่ในทะเล (สิง่ เรา้ ) 2. ปากกาสี หลากหลายทางชวี ภาพ จากการจดบันทึกลงในสมุด 3. สอื่ นำเสนอ ประจำรายวชิ า พาวเวอร์พ้อย เร่อื ง ความ 2. ประเมนิ การระบรุ ะดบั งสิ่งมชี ีวิตท่อี าศยั อยบู่ นบกและสง่ิ มีชวี ิตท่ี หลากหลายทาง ของความหลากหลายทาง อาศัยอย่ใู นทะเล ชวี ภาพ ชวี ภาพจากการ ำถาม ดงั น้ี (สงั เกต) ทำ. ใบงาน เรอื่ ง ความ พมีสภาพแวดล้อมอะไรบ้าง 2. วดี ทิ ัศน์ เร่อื ง หลากหลายทางชีวภาพ ทะเล) ความหลากหลาย พบริเวณทุ่งหญ้านักเรียนสังเกตเห็น ทางชีวภาพ 3. ประเมินทกั ษะการ บา้ ง (กวาง ม้าลาย ควาย) ทำงานกล่มุ โดยใช้แบบ พใต้ทะเลนกั เรียนสงั เกตเห็นสง่ิ มีชีวิต 3. ใบงาน เรื่อง ประเมินทกั ษะการทำงาน การัง ปลาการต์ ูน) ความหลากหลาย กลมุ่ นสังเกตเห็นความแตกต่างอะไรบ้าง ทางชวี ภาพ น้ี (ส่ิงแวดลอ้ มแตกต่างกนั สิง่ มีชวี ิตท่ี ะส่งิ แวดล้อมกแ็ ตกตา่ งกัน) ย น ท ราบ ห รือ ไม่ ว่าก ารที่ เรามี

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรยี นรู้ ความหลากหลายทางพนั ธกุ รรม สิง่ แวดล้อมท่ีแตก สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ที่มีอยู่ประมาณ เราเรยี กสง่ิ เหล่าน 10-50 ล้านชนิดบนโลกนั้น ในส่ิงมีชีวิต คำถามสำคญั คว เดี ย ว กั น ก็ มี ก าร แ ส ด งอ อ ก ข อ งลั ก ษ ณ ะ ท่ี ขน้ั แสวงหาสา แตกต่างกัน ทำให้เราทราบว่าประชากร 1. ครูแบ่งนัก สงิ่ มีชีวิตเดียวกันก็ยังมีความหลากหลายทาง 3-4 คน จากนั้นค พนั ธุกรรม ประกอบไปดว้ ย ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) 1.1 กระดาษ 1. ความสามารถในการในการสอ่ื สาร 1.2 ปากกาส (การพูด) 2. ค รู ให้ นั ก เ 2. ความสามารถในการคิด หลากหลายทาง (การวเิ คราะห)์ ประเดน็ ท่จี ะใหน้ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 2.1 ความหล (กระบวนการกล่มุ ) 2.2 ความหล 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ระดบั อะไรบ้าง (-) 2.3 ความสัม ชีวภาพในแตล่ ะร 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี จากน้ันบันทึก (สบื คน้ ขอ้ มลู ทางอนิ เทอร์เนท็ ) กระดาษ A4 ที่ค ข้ันสรา้ งความร

3 กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ และอปุ กรณ์ ประเมินผลการเรียนรู้ การเรียนรู้ กต่างกัน มสี ิ่งมีชีวติ หลากหลายแบบ น้นั ว่าอะไร (สงสยั และสมมติฐาน) วามหลากหลายทางชวี ภาพคอื อะไร ารสนเทศ กเรียนออกเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ ครแู จกอปุ กรณใ์ นการทำกจิ กรรมซึ่ง (วางแผน) ษ A4 จำนวนกล่มุ ละ 1 แผน่ สี เรีย น ช ม วี ดิ ทั ศ น์ เรื่ อ ง ค วา ม ชีวภาพ โดยต้ังคำถามเพ่ือกำหนด นักเรยี นศึกษา ดงั น้ี (วิเคราะห์) ลากหลายทางชีวภาพหมายถึงอะไร ลากหลายทางชีวภาพแบ่งออกเป็นก่ี มพันธ์ระหว่างความหลากหลายทาง ระดับ ก ข้ อ มู ล ที่ ไ ด้ จ า ก ก า ร สื บ ค้ น ล ง ใ น ครูแจกให้ รู้

วตั ถุประสงคก์ าร สาระการเรยี นรู้ ก เรียนรู้ ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) 1. ครูและนักเร ทักษะกระบวนการทำงานเปน็ กลุม่ การชมวีดิทัศน์ หลากหลายทางช 2. ค รูส รุป ค ว หลากหลายทาง เร่อื ง ความหลาก ขั้นส่ือสาร 1. ครูให้นักเรีย กลุ่มใกล้เคียง จา ละประเด็นจากก ให้มีการบันทึกข กลุ่มตนเอง 2. จากนั้นคร ออกมาอธิบายข ดว้ ยวาจา โดย 1 ข้ันตอบแทนสังค 1. ครูมอบหมา จาการทำกิจกร คำถามในใบงาน

4 กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอุปกรณ์ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การเรยี นรู้ รียนร่วมกันอภิปรายข้อมูลที่ได้จาก ใ น ป ร ะ เด็ น ที่ เกี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ค ว า ม ชวี ภาพ (สื่อความหมาย) วาม รู้ท่ี ถู ก ต้ อ งเก่ี ย วกั บ ค ว าม งชีววภาพ โดยใช้สื่อพาวเวอร์พ้อย กหลายทางชวี ภาพ (สรุป) ยนแต่ละกลุ่มจับคู่กลุ่มตนเองและ ากน้ันแลกเปล่ียนคำตอบที่ได้ในแต่ การชมวีดิทัศน์ พร้อมทั้งเปิดโอกาส ข้อมูลเพ่ิมเติมหรือแก้ไขข้อมูลของ รู สุ่ ม ตั ว แ ท น นั ก เ รี ย น แ ต่ ล ะ ก ลุ่ ม ข้อสรุปประเด็นที่ได้จากการศึกษา 1 กลมุ่ อธบิ าย 1 ประเดน็ คม ายใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนนำความรู้ที่ได้ ร ร ม ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ม า ใช้ ต อ บ เรื่อง ความหลากหลายทางชวี ภาพ

โรงเรยี นสรร กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทย แผนการจดั การเรียนรู้ เร่ือง อาณาจัก ภาคการศกึ ษาปลาย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6/พ และ 6/1 สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบน ดีเอน็ เอ หลักฐานข้อมูล และแนวคดิ เกี่ยวกับวิวัฒนาการของส่ิงมีชวี กำเนิดของสง่ิ มชี วี ติ ความหลากหลายของส่ิงมีชวี ติ และอนกุ รมวธิ าน ผลการเรยี นรู้ ม.6/3 อธบิ ายลักษณะสำคญั และยกตัวอย่างสงิ่ มชี ีวติ กลมุ่ แบคทีเรีย

5 รพยาวิทยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรมอเนอรา และอาณาจกั รโพรทิสตา รายวชิ า ชีววิทยา6 ว30256 ผู้สอน นายเรวตั ร อยู่เกดิ นโครโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทาง วิต ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกดิ สปีชสี ์ใหม่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ น รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ย สงิ่ มีชีวติ กลุ่มโพรทิสต์ สิ่งมีชวี ติ กลุ่มพชื สิง่ มีชวี ติ กล่มุ ฟงั ไจ และส่งิ มชี ีวติ กลุ่มสัตว์

วัตถุประสงคก์ าร เนอ้ื หาสาระ กิจ เรียนรู้ อาณาจกั รมอเนอรา (Kingdom ขั้นนำ (10 นา นักเรียนสามารถ 1. อธบิ ายลกั ษณะ Monera) 1. ครูนำผลิตภัณ สำคญั ของสงิ่ มีชีวติ ใน อาณาจักรมอเนอรา ส่งิ มชี ีวิตในอาณาจักรมอเนอรา เช่น นมเปร้ียว โย และโพรตสิ ตาได้(K) 2. บอกการจดั (Kingdom Monera) หรือเรียกสิ่งมชี วี ิต ใชค้ ำถาม ดงั นี้ จำแนกสง่ิ มชี ีวติ ใน อาณาจักรมอเนอรา ในอาณาจักรนวี้ ่าแบคทเี รยี แบคทเี รยี 1.1 ผลติ ภัณฑ และโพรทิสทาได(้ K) เปน็ สิ่งมีชีวติ เซลลเ์ ดยี วทีม่ ขี นาดเล็ก มี โยเกิร์ต) ผนังเซลล์เป็นสารประกอบเพปทิโดไกล 1.2 นกั เรยี นท แคนภายในเซลลไ์ มม่ เี ยอ่ื หมุ้ สารพันธุ ไดม้ าจากกระบวน กรรมและออร์แกเนลทีม่ เี ยื่อห้มุ แบคทเี รีย ทำใหม้ แบคทเี รียทีพ่ บส่วนใหญ่มี เซลลเ์ ดยี วหรือ 1.3 นักเรยี นท อาจอยู่รวมกนั เป็นกลุ่มหรอื เปน็ สายมีทง้ั อะไร (คำถามปล รปู ทรงกลม (coccus) รูปทรงท่อน 2. จากนั้นครูกล (bacillus) และรูปทรงเกลียว(spirillum) ในอาณาจักมอเน เราจะจำแนกแบคทีเรียออกเป็น 2 กลมุ่ ของสง่ิ มชี วี ติ บนโ ใหญ่คอื อาณาจกั รย่อยอาร์เคยี แบคทีเรยี มนุษยน์ ำสิง่ มีชีวิต (Subkingdom Archaebacteria) และ หลากหลาย” อาณาจักรย่อยยู แบคทีเรยี (Subkingdom Eubacteria) อาณาจกั รย่อยอาร์เคยี แบคทเี รีย ขน้ั สอน(80 น อารเ์ คยี แบคทเี รีย เป็นแบคทเี รียที่ผนัง 1. ครทู บทวนค เซลล์ไมม่ เี พปทิโดไกลแคน สามารถ ส่ิงมีชีวิตจากกลุ่ม ดำรงชีวติ ในสภาพแวดลอ้ มทส่ี ิง่ มชี ีวติ กลมุ่

6 จกรรมการเรียนรู้ ส่ือและอปุ กรณ์การ การวดั และการประเมนิ ผล เรยี นรู้ การวัด การประเมิน าท)ี 1. สื่อ 1. การมี 1. การ ณฑ์ทอี่ าศยั แบคทีเรยี ในการผลิต Powerpoint เรื่อง สว่ นร่วม ประเมินการ ยเกริ ต์ มาให้นักเรยี นดู จากนั้น อาณาจักรมอเนอรา และตอบ ตอบคำถาม และอาณาจกั รโพ คำถามใน ในช้นั เรยี น ฑท์ ่ีเห็นอยู่น้ีคอื อะไร (นมเปร้ียว รตสิ ตา ช้นั เรยี น 2. ก า ร 2. วีดทิ ัศน์ เรอ่ื ง 2. การ ประเมินการ ทราบหรอื ไม่ว่าผลิตภณั ฑ์เหล่านี้ Paramecium Cilia บนั ทกึ ข้อมลู บันทึกข้อมูล นการใด (นมทน่ี ำมาหมกั ดว้ ย ลงในสมดุ ล ง ใ น แ บ บ มคี วามเปน็ กรดเพิม่ ข้นึ ) สมุด ถูกต้อง ทราบหรอื ไมว่ า่ แบคทเี รยี คือ อ ย่ า ง น้ อ ย ลายเปดิ ) รอ้ ยละ 80 ล่าววา่ “แบคทีเรยี เป็นสง่ิ มีชีวิต นอรา ซงึ่ เปน็ หน่งึ ในอาณาจักร โลก ทคี่ วรจะศึกษาเนื่องจาก ตเหล่านมี้ าใช้ประโยชนอ์ ยา่ ง นาที) ความรูเ้ รื่องการจัดหมวดหมขู่ อง มใหญ่ไปกลมุ่ ย่อยตา่ ง ๆ ดงั ภาพ

วตั ถุประสงคก์ าร เน้อื หาสาระ กิจ เรยี นรู้ อื่นอาจไมส่ ามารถดำรงชีวิตอยไู่ ด้ เชน่ ภาพที่ 1 ภาพแ บรเิ วณที่มคี วามเค็มจดั รอ้ นจดั เปน็ ต้น ภาพท่ี 2 ภา อาณาจักรย่อยยูแบคทเี รีย 2. ครแู สดงภาพ ยูแบคทเี รียแบ่งเปน็ กลมุ่ ใหญ่ๆ ไดด้ งั นี้ 1). กลุ่มโพรทโี อแบคทเี รยี (Proteobacteria) เปน็ ยูแบคทเี รยี แกรม ลบที่พบมากทสี่ ุด บางกลุ่มสามารถ สงั เคราะหด์ ้วยแสงได้บางกลมุ่ สามารถใช้ ไฮโดรเจนซัลไฟต์ (H2S)และใหซ้ ัลเฟอร์ใน กระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสง บางกล่มุ มีบทบาทช่วยตรึงแก๊สไนโตรเจนใน อากาศ 2). กลุ่มคลาไมเดยี (Chlamydias) เป็นยแู บคทีเรยี แกรมลบทเ่ี ป็นปรสติ ใน เซลล์และทำใหเ้ กดิ โรคตดิ ต่อทาง เพศสมั พันธ์ เช่น โรคโกโรเรียหรอื หนอง ใน เปน็ ต้น 3). กลุม่ สไปโรคีท(Spirochetes) เป็น ยูแบคทเี รยี แกรมลบที่มรี ูปทรงเกลียว มี ความยาวประมาณ 0.25 มลิ ลเิ มตร ยู แบคทีเรียในกล่มุ น้ีมีทง้ั ดำรงชีวติ แบบ อสิ ระและบางสปชี สี ์เป็นสาเหตุของโรค

จกรรมการเรียนรู้ 7 สอ่ื และอปุ กรณก์ าร การวดั และการประเมินผล เรยี นรู้ การวดั การประเมนิ แสดงการจดั หมวดหม่ขู องสิ่งมีชวี ติ าพแสดงอาณาจกั รของส่งิ มีชีวิต พแบคทีเรยี

วตั ถุประสงคก์ าร เนื้อหาสาระ กจิ เรยี นรู้ ซิฟลิ สิ โรคฉีห่ นู เปน็ ต้น 4). แบคทเี รยี แกรมบวก (Gram- Positive Bacteria) เป็นยแู บคทีเรยี ทีพ่ บ แพร่กระจายท่ัวไปในดิน อากาศ บางสปี ชีสส์ ามารถผลติ กรดแลกติกได้ จึงนำมาใช้ ในอุตสาหกรรมอาหารหลายชนิด เช่น การทำเนย ผกั ดอง ภาพท 5. ไซยาโน จากนัน้ ใชค้ ำถา แบคทีเรยี (Cyanobacteria) เปน็ ยู 2.1 จากภาพ แบคทีเรยี ทสี่ ามารถสังเคราะหด์ ้วยแสงได้ เซลลช์ นดิ ใด (โพร มีสารสีเช่น คลอโรฟิลล์ เอ แคโร 3. ครใู หค้ วามร ทนี นอยด์และไฟโคบิลนิ อย่ภู ายในถงุ เนอรา “สง่ิ มีชวี ติ แบนๆ ท่ีเยื่อหมุ้ เซลล์ หรอื เรยี กส่ิงมชี วี ติ อาณาจักรโพรทสิ ตา (Kingdom เป็นสิ่งมชี วี ิตเซลล Protista) เป็นสารประกอบ โพรทิสตเ์ ปน็ ยูคาริโอตกลมุ่ แรกทมี่ ี ภายในเซลล์ไม่มเี วิวฒั นาการมาจากเซลลโ์ พรคาริโอตโพรทิ แกเนลทม่ี ีเย่อื หุ้ม สตม์ ีขนาดแตกต่างกันตั้งแต่สง่ิ มชี ีวติ เดยี ว 4. ครูแสดงภาพ ขนาดเดยี วจนถงึ ส่ิงมชี ีวิตหลายเซลล์ แบคทีเรีย ขนาดใหญเ่ ชน่ สาหร่ายทะเล เคลอื่ นทีโ่ ดยใช้ซิเลยี แฟลเจลลมั และเทา้ เทยี ม และสบื พันธุ์ได้ทง้ั อาศยั เพศและไม่

จกรรมการเรยี นรู้ 8 สือ่ และอปุ กรณก์ าร การวัดและการประเมนิ ผล เรยี นรู้ การวดั การประเมนิ ท่ี 3 ภาพแสดงแบคทีเรยี าม ดงั นี้ พนกั เรียนคิดว่าแบคทเี รยี เป็น รคาริโอตกิ เซลล์) รูเ้ พิ่มเตมิ เกีย่ วกับอาณาจักรมอ ตในอาณาจกั รมอเนอรา ตในอาณาจกั รนี้ว่าแบคทเี รี ล์เดียวที่มีขนาดเล็ก มผี นงั เซลล์ บเพปทโิ ดไกลแคน เยอื่ หุ้มสารพันธุกรรมและออร์ ม” พรูปร่างแบบตา่ ง ๆ ของ

วตั ถุประสงคก์ าร เน้อื หาสาระ กจิ เรยี นรู้ อาศัยเพศ โพรทสิ ตม์ คี วามหลากหลาย มากและมผี ูศ้ กึ ษาเกี่ยวกับโพรทสิ ต์นอ้ ย ทำใหก้ ารจัดหมวดหมู่ของโพรทสิ ต์มกี าร เปลยี่ นแปลงและจำแนกเป็นไฟลัมใหม่ๆ อยู่เสมอเมื่อมกี ารศึกษาเพิ่มเตมิ เกี่ยวกบั ภาพท่ี 4 ภาพ โพรทสิ ต์ ดังนั้นจึงแบ่งโพรทสิ ตอ์ อกเปน็ กล่มุ ๆ ดังนี้ จากน้ันใชค้ ำถา 1). ดิโพลโมนาดิดา(Diplomonadida) 4.1 จากภาพ และพาราบาซาลา(Parabasala)เป็นกลุ่ม (3 แบบ) ของโพรทิสต์ที่เป็นเซลล์ยูคาริโอตท่ียังไม่มี 4.2 แบคทเี รีย ออรแ์ กเนลล์ คอื ไม่มไี มโทคอนเดรีย อยา่ งไร (สี รปู ร่า ร่างแหเอนโดพลาสมกิ เรติคลู มั กอลจิคอม 4.3 รปู ร่างขอ เพลก็ ซ์และเซนทริโอล เป็นตน้ โดย ดิโพล อย่างไร (รูปรา่ งก โมแนด(diplomonads) มแี ฟลเจลลา 4.4 ครกู ลา่ วว หลายเส้น มีนิวเคลยี ส 2 อันพาราบาซา รปู ร่างของแบคท ลิต(parabasalids) มแี ฟลเจลลาเปน็ คู่ ประเภท ไดแ้ ก่ ก และผิวเย่อื หุ้มเซลล์มีลักษณะเป็นรอย 5. ครูแสดงภาพ หยักคล้ายคล่ืน ใหน้ ักเรยี นศึกษา 2). ยูกลโี นซวั (Euglenozoa) เปน็ 5.1 จากภาพ โพรทิสตก์ ลุ่มทเี่ คลื่อนที่โดยใชแ้ ฟลเจลลา ใดในการจดั จำแน เช่นยูกลีนาเป็น โพรทสิ ต์เซลล์เดียวท่มี ี รา (คำถามปลาย สารสีแคโรทนี และคอลโรฟลิ ล์ จึงสามารถ 6. ครใู ห้ความร

จกรรมการเรยี นรู้ 9 สอื่ และอุปกรณก์ าร การวัดและการประเมินผล เรยี นรู้ การวดั การประเมนิ พแสดงรูปรา่ งของเซลล์แบคทีเรีย าม ดังนี้ พนักเรียนคิดว่ามแี บคทเี รยี ก่แี บบ รยในภาพมีความแตกตา่ งกัน าง) องแบคทีเรียทั้ง 3 แตกตา่ งกัน กลม รูปร่างเกลยี ว รปู ร่างแทง่ ) ว่า “รูปร่างทน่ี ักเรยี นเหน็ คือ ทีเรยี โดยทัว่ ไป ซึง่ แบ่งออกเปน็ 3 กลม แทง่ และเกลยี ว” พความหลากหลายของแบคทเี รยี า จากน้นั ใช้คำถาม ดังนี้ พ นักเรียนคดิ วา่ เราจะใชเ้ กณฑ์ นกแบคทเี รยี ในอาณาจกั รมอเนอ ยเปิด) รูเ้ กี่ยวกบั การจำแนกแบคทเี รยี ได้

วตั ถุประสงคก์ าร เนื้อหาสาระ กิจ เรยี นรู้ ดำรงชวี ติ เป็นผ้ผู ลิตเมื่อมีแสงและเมื่อไมม่ ี เป็น 2 อาณาจกั ร แสงดำรงชวี ติ เป็นผู้ บริโภคมอี ายสปอต เคียแบคทีเรียและ (eye spot) ในการตอบสนองต่อแสง “อาร์เคยี แบคท 3). แอลวีโอลาตา (Alveolata) เป็น มเี พปทิโดไกลแค โพรทิสตเ์ ซลล์เดียวท่ีมลี กั ษณะร่วมกนั คอื สภาพแวดลอ้ มทส่ี มีช่องวา่ งเลก็ ๆใต้เย่อื หมุ้ เซลลท์ ีเ่ รยี กว่า ดำรงชีวติ อย่ไู ด้” แอลวีโอไล(alveoli) ซงึ่ ยังไมท่ ราบหน้าท่ี 7. ครใู หค้ วามร ที่ชัดเจน โพรทิสต์ในกลุ่มนปี้ ระกอบด้วย แบคทเี รีย “ยแู บค 3.1 ไดโนแฟลเจลเลต แบคทีเรียแกรมบ (dinoflagellate) ยาโนแบคทีเรีย โ เป็นโพรทสิ ตเ์ ซลล์เดียวทม่ี แี คโรทีนและ ออกไดเ้ ป็นกลุ่ม ๆ คลอโรฟลิ ล์ เคล่ือนที่โดยอาศัยแฟลเจลลา กลุม่ คลาไมเดยี ก 2 เส้น ในแนวขวางและแนวดิ่ง บางชนิด 8. ครแู สดงภาพ มแี ผ่นเซลลูโลสหลายๆ แผ่นประกอบกนั แบคทเี รียแกรมบ คลา้ ยเกราะมลี วดลายสวยงาม บางชนิดมี การสะสมสารพษิ ในตวั เม่ือน้ำทะเลมสี ารอนิ ทรยี ์จากมลภาวะ ซงึ่ เป็นแหล่งอาหารของไดโนแฟลเจลเลต ได โนแฟลเจลเลตจงึ มีการเพม่ิ จานวนอย่าง รวดเร็ว ทำให้นำ้ ทะเลมีสีแดง ภาพที่ 5 ภาพเปรีย เกิดปรากฎการณ์ท่เี รยี กว่า ปรากฏการณ์ บวกแ ขีป้ ลาวาฬ (red tide) เพม่ิ ปรมิ าณ จากน้ันครูใช้คำ

10 จกรรมการเรยี นรู้ ส่อื และอปุ กรณ์การ การวดั และการประเมนิ ผล เรยี นรู้ การวดั การประเมนิ รย่อย คอื อาณาจักรยอ่ ย อาร์ ะอาณาจกั รย่อยยแู บคทเี รยี ทีเรยี เปน็ แบคทีเรยี ทผี่ นังเซลล์ไม่ คน สามารถดำรงชีวิตใน ส่งิ มชี วี ติ กลุ่มอน่ื อาจไม่สามารถ รเู้ ก่ียวกบั อาณาจกั รยอ่ ยยู คทเี รยี แบ่งเปน็ กล่มุ ใหญ่ๆ เป็น บวก แบคทีเรยี แกรมลบ และไซ โดยแบคทีเรียแกรมลบจะแบง่ ๆ ไดแ้ ก่ กลมุ่ โพรทโี อแบคทีเรยี กลุ่มสไปโรคีท” พความแตกต่างของผนงั เซลล์ บวกและแกรมลบ ยบเทียบผนงั เซลลข์ องแบคทเี รยี แกรม และแบคทเี รียแกรมลบ ำถาม ดังนี้

วตั ถุประสงคก์ าร เน้อื หาสาระ กิจ เรยี นรู้ สารพษิ ของโซ่อาหารในทะเลเปน็ อนั ตราย 8.1 จากภาพน ตอ่ สตั วน์ ำ้ เป็นจำนวนมาก (ความหนาของชั้น 3.2 เอพิคอมเพลซา (Apicomplexa) รมลบมีเย่อื หมุ้ ด้า เป็นโพรทสิ ตท์ ม่ี ขี นาดเล็ก สว่ นใหญ่ แบคทเี รียแกรมบ ดำรงชีวติ เป็นปรสิต มีโครงสร้างสำหรบั อย่รู ะหว่างชนั้ เปป แทงผา่ นเซลล์ ไมม่ ีโครงสรา้ งในการ 8.2 ครูให้ความ เคลื่อนที่ ยกเวน้ ในเซลล์สบื พันธ์เุ พศผู้ แบคทีเรยี แกรมล ตวั อย่างของโพรทสิ ต์กลุ่มน้ไี ดแ้ ก่ พลาส ทำใหแ้ บคทีเรียส โมเดียม (Plasmodium) ทำใหเ้ กิดโรค โดยแบคทเี รยี แกร มาลาเรยี ในคนและสัตวอ์ ื่นๆ โดยมี Violet และแบคท ยงุ กน้ ปลอ่ งเปน็ พาหะ Safranin O” 3.3 ซลิ เิ อต (ciliates) เป็นโพรทิสตท์ ่ีใช้ซเิ ลยี ในการเคลอ่ื นท่ี 9. ครูแสดงภาพ อาศยั อย่ใู นสภาพแวดลอ้ มท่ีมีนา้ หรือมี ความชื้นสงู ตัวอย่างเชน่ พารามีเซียม (Paramecium) วอรต์ ิเซลลา(Vorticella 4). สตรามโี นพิลา (Stramenopila) เป็นโพรทสิ ตท์ ี่สว่ นใหญ่มีกระบวนการ ภพท่ี 6 ภ สังเคราะห์ดว้ ยแสงจึงเรยี กโพรทสิ ต์กล่มุ นี้ วา่ สาหรา่ ยลกั ษณะรว่ มกนั คอื เซลล์ จากนั้นครูใหค้ ว สบื พันธ์ุมแี ฟลเจลลาทีม่ ีขนและไม่มขี น โอแบคทีเรีย(Pro สาหรา่ ยสนี ำ้ ตาล (brown algae) มี

11 จกรรมการเรียนรู้ สือ่ และอปุ กรณ์การ การวดั และการประเมนิ ผล เรียนรู้ การวดั การประเมนิ นักเรยี นเห็นความแตกตา่ งใดบา้ ง นเปปทิโดไกลแคน, แบคทเี รยี แก านนอก(Outer membrane), บวกมีสารTeichoic acid แทรก ปทิโดไกลแคน) มรเู้ รื่องแบคทีเรียแกรมบวกและ ลบ “จากความแตกตา่ งดังกลา่ ว สองชนดิ ยอ้ มตดิ สีทแ่ี ตกต่างกนั รมบวกจะย้อมติดสี Crystal ทเี รยี แกรมลบยอ้ มติดสี พRhizobium sp. ภาพแสดง Rhizobium sp. วามรู้เรอ่ื งแบคทเี รยี กลมุ่ “โพรที oteobacteria) เป็นยูแบคทเี รยี

วตั ถุประสงคก์ าร เน้อื หาสาระ กิจ เรยี นรู้ ความสำคญั ต่อส่งิ มีชีวติ ทอี่ าศัยอยู่ในนำ้ แกรมลบท่พี บมา โดยเป็นแหล่งอาหาร ทีอ่ ยู่อาศยั และใช้ใน สังเคราะห์ดว้ ยแส การหลบภยั เชน่ สาหรา่ ยเคลป์ (kelp) ไฮโดรเจนซลั ไฟต ไดอะตอม (Diatoms) เปน็ สาหรา่ ยท่ี กระบวนการสังเค มีสารสชี นิดเดียวกับที่พบในสาหรา่ ยสี บทบาทชว่ ยตรึงแ นำ้ ตาลมีผนงั เซลลป์ ระกอบดว้ ยซิลิกา 10. ครแู สดงภา 5). โรโดไฟตา (Rhodophyta) หรอื เรยี กโพรทสิ ตก์ ล่มุ น้ีว่าสาหรา่ ยสี แดง (red algae) มสี ารสไี ฟโคอรี ีทรนิ (phycoerythrin) ส่วนใหญ่พบในทะเล บรเิ วณเขตรอ้ นหรือในแหลง่ น้ำจืดทีร่ ู้จกั ภาพที่ 7 ภาพแส กนั ดีคือ จีฉา่ ย หรอื พอรไ์ ฟ รา (Porphyra sp.) นำมาทำเป็นอาหาร ครูให้ความรูเ้ กย่ี 6). คลอโรไฟตา(Chlorophyta) หรอื เดยี “เป็นแบคท เรยี กโพรทิสตก์ ลุ่มนว้ี า่ สาหร่ายสเี ขียว Peptidoglycan (green algae) มี ลกั ษณะคล้ายพชื ท้งั ใน โรคติดตอ่ ทางเพศ แงโ่ ครงสรา้ งผนงั เซลล์และสว่ นประกอบ 11. ครูแสดงภา ของสารสี คือ คลอโรฟิลล์ เอ คลอโรฟิลล์ บแี ละแคโรทีน ส่วนใหญจ่ ะพบในแหล่ง น้ำจดื สาหร่ายสีเขียวท่สี ำคญั ไดแ้ ก่คลอ เรลลา(Chlorella sp.) เป็นสาหรา่ ยสี เขียวเซลลเ์ ดยี วท่ีมโี ปรตีนสงู นิยมนำมา

12 จกรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณก์ าร การวัดและการประเมินผล เรียนรู้ การวดั การประเมนิ ากทสี่ ดุ บางกลมุ่ สามารถ สงได้บางกลุม่ สามารถใช้ ต์ (H2S)และให้ซลั เฟอร์ใน คราะหด์ ้วยแสง บางกลมุ่ มี แกส๊ ไนโตรเจนในอากาศ” าพ Neisseria gonorrhoeae สดง Neisseria gonorrhoeae ยวกับแบคทเี รียกลุ่มคลาไม ทเี รยี แกรมลบท่ไี มม่ ีชั้น เป็นปรสติ ในเซลลท์ ำใหเ้ กดิ ศสัมพนั ธ์ เช่น หนองใน” าพ Treponema pallidum

วตั ถุประสงคก์ าร เนื้อหาสาระ กิจ เรยี นรู้ ผลติ เป็นอาหารเสรมิ สาหร่ายไฟ(Chara ภาพที่ 8 ภาพแ sp.) มลี กั ษณะคลา้ ยพชื เชอื่ กันวา่ มี ครใู หค้ วามรูเ้ กยี่ ว ความสมั พนั ธ์ทีใ่ กล้ชดิ กันทางวิวฒั นาการ ลกั ษณะเปน็ เกลีย กับพืช บางสปชี ีสเ์ ปน็ สา 7. ไมซโี ทซัว(Mycetozoa) หรือเรียก 12. ครูแสดงภา โพรทิสต์กลุ่มน้ีวา่ ราเมือกพบในบริเวณที่ บวก ชืน้ แฉะและตามขอนไม้ ม2ี กลมุ่ คอื รา เมือกชนิดพลาสโมเดียม(plasmodial slime molds) ซึง่ เปน็ เซลล์ท่ีมีหลาย นิวเคลยี ส และราเมือกชนดิ เซลลลู าร์ (cellular slime molds) เป็นเซลล์ทม่ี ี 1 ภาพท่ี 9 ภาพแส นิวเคลียส ครูให้ความรเู้ ก่ยี นอกจากนนั้ ยัง มีโพรทสิ ตอ์ ีกกล่มุ หนึง่ ท่ี แบคทเี รยี ที่พบแพ มีการศกึ ษาเก่ียวกับวิวัฒนาการนอ้ ยมาก บางสปีชีสส์ ามาร ทำใหน้ ักวทิ ยาศาสตรไ์ ม่สามารถจดั อยใู่ น ในอุตสาหกรรมอ สายววิ ฒั นาการของโพรทิสต์กลุ่มใด กลุม่ หน่งึ ได้ ไดแ้ ก่ ไรโซโพดา(Rhizopoda) ผกั ดอง แต่กม็ ีบา ปอดบวม โรคAn เปน็ โพรทสิ ตท์ ม่ี ีการเคลอ่ื นท่หี รือกิน 13. ครแู สดงภา อาหารโดยการสรา้ งเท้าเทียม เชน่ อะมีบา อาศัยอยู่ไดท้ ัง้ ในดนิ แหล่งน้ำจืด และแหล่งน้ำเค็ม ส่วนใหญด่ ำรงชวี ิตแบบ

13 จกรรมการเรยี นรู้ ส่อื และอปุ กรณ์การ การวดั และการประเมินผล เรียนรู้ การวัด การประเมนิ แสดง Treponema pallidum วกับแบคทีเรียกล่มุ สไปโรคที “มี ยว ดำรงชีวติ แบบอิสระและ าเหตขุ อง โรคซิฟลิ ิส โรคฉีห่ นู” าพการยอ้ มสแี บคทีเรียแกรม สดงการย้อมตดิ สขี องแบคทีเรียแกรม บวก ยวกบั แบคทีเรยี แกรมบวก “เปน็ พรก่ ระจายทั่วไปในดนิ อากาศ รถผลติ กรดแลกตกิ ได้ จงึ นำมาใช้ อาหารหลายชนิด เช่น การทำเนย างชนดิ ท่กี ่อให้เกิดโรคได้ เชน่ โรค nthraxหรอื โรคกาลี” าพ Anabaena sp.

วตั ถุประสงคก์ าร เน้ือหาสาระ กิจ เรยี นรู้ อสิ ระแต่บางสปีชีสเ์ ป็นปรสติ ทีส่ ำคญั เชน่ Entamoeba histolytica เปน็ สาเหตุ ของโรคบดิ ในคน เป็นต้น ภาพท่ี 10 ครูใหค้ วามรเู้ กย่ี ว “แบคทีเรยี ทส่ี าม สีเชน่ คลอโรฟลิ ล ลนิ ” ขนั้ สรุป(10 นา ครูนำนักเรียนส ราโดยอาศัยผงั มโ

จกรรมการเรยี นรู้ 14 สอื่ และอุปกรณก์ าร การวดั และการประเมินผล เรยี นรู้ การวัด การประเมนิ 0 ภาพแสดงAnabaena sp. วกบั ไซยาโนแบคทีเรีย มารถสังเคราะหด์ ้วยแสงได้ มสี าร ล์ เอ แคโรทีนนอยดแ์ ละไฟโคบิ าที) สรปุ ความรูเ้ ร่อื งอาณาจักรมอเนอ โนทัศน์ ดงั น้ี

วตั ถปุ ระสงคก์ าร เนื้อหาสาระ กจิ เรยี นรู้ ภาพท่ี 11 ภาพผน ภาพที่ 12 ภาพผน ข้นั นำ (10 นา 1. ครแู สดงภาพ ภาพที่ 1 จากน้นั ครูใช้คำ 1.1 นกั เรียนคดิ อย่างไร (ทอ้ งเสีย

15 จกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื และอุปกรณ์การ การวัดและการประเมนิ ผล เรยี นรู้ การวัด การประเมนิ นังมโนทัศน์สรปุ ความรเู้ รอ่ื งอาณาจักร มอเนอรา นังมโนทศั น์สรปุ ความรูเ้ รือ่ งอาณาจกั ร มอเนอรา าท)ี พผ้ปู ่วยอาการท้องร่วง 13 ภาพแสดงผู้ปว่ ยทอ้ งเสีย ำถาม ดังน้ี ดว่าผ้หู ญิงในภาพมีอาการปว่ ย ย)

วตั ถปุ ระสงค์การ เน้อื หาสาระ กิจ เรยี นรู้ 1.2 นกั เรียนทร เกดิ ข้ึนได้อยา่ งไร 1.3 ครกู ลา่ วว่า อาการท้องเสียยัง กายไดร้ ับเช้อื บาง เป็นส่ิงมชี วี ิตในอา อาณาจกั รท่เี ราจะ ภาพท่ี 14 ภ ขน้ั สอน 40 น 1. ครูให้ความร สิง่ มีชวี ติ ในอาณา ในประเด็น ดังนี้ 1.1 เป็นได้ทงั้ ส เซลล์

16 จกรรมการเรียนรู้ สื่อและอปุ กรณก์ าร การวัดและการประเมินผล เรียนรู้ การวัด การประเมนิ ราบหรอื ไม่ว่าอาการทอ้ งเสีย ร (คำถามปลายเปิด) า “นอกจากสาเหตขุ า้ งตน้ แลว้ งสามารถเกดิ ไดจ้ ากการทีร่ ่าย งชนดิ เช่น Giardia lamblia ซ่งึ าณาจักรโปพรทิสตา ซง่ึ เป็น ะทำการศึกษากันในคาบนี้” ภาพแสดง Giardia lamblia นาที รู้เรือ่ ง ลักษณะสำคัญของ าจักรโพรทสิ ตา ส่ิงมชี ีวติ เซลล์เดียวและหลาย

วตั ถุประสงคก์ าร เนื้อหาสาระ กจิ เรียนรู้ ภาพท่ี 15 เปรียบเ หลายเซลล์ข 1.2 วงชวี ติ ทไ่ี ม ภาพท่ี 16 ภาพแส อ 1.3 การเคล่ือนท และเทา้ เทยี ม

จกรรมการเรยี นรู้ 17 สอ่ื และอุปกรณ์การ การวัดและการประเมินผล เรยี นรู้ การวดั การประเมนิ เทยี บการเป็นสิ่งมีชวี ิตเซลลเ์ ดียวและ ของสงิ่ มีชีวติ ในอาจกั รโพรตสิ ตา ม่มรี ะยะเอ็มบรโิ อ สดงตัวอยา่ งวงจรชวี ติ ของสงิ่ มีชวี ติ ใน อาณาจกั รโพรตสิ ตา ที่ มีทง้ั ใช้ ซีเลีย แฟลกเจลลมั

วตั ถุประสงคก์ าร เนื้อหาสาระ กจิ เรียนรู้ ภาพที่ 17 โครงสร้างที่ ของ อ 1.4 การสบื พนั เพศและไม่อาศัยเ ภาพท่ี 18 ตวั อย ส่งิ มชี ีว 2. ครนู ำนกั เรยี ของส่งิ มชี วี ิตในอา ความหลากหลาย โพรทสิ ตน์ อ้ ย ทำ สต์มีการเปล่ยี นแ อยเู่ สมอ ดังนั้นจงึ

18 จกรรมการเรียนรู้ ส่อื และอุปกรณ์การ การวัดและการประเมินผล เรียนรู้ การวดั การประเมนิ ภาพแสดง ใชใ้ นการเคล่ือนท่ี ส่งิ มชี ีวิตใน อาณาจกั รโพรทสิ ตา นธุ์ มที ้ังการสบื พันธ์แุ บบอาศัย เพศ ยา่ งการสืบพันธุ์แบบไมอ่ าศยั เพศของ วติ ในอาณาจกั รโพรทสิ ตา ยนเข้าสู่หัวขอ้ ความหลากหลาย าณาจักรโพรทิสตา “โพรทิสตม์ ี ยมากและมีผศู้ กึ ษาเกี่ยวกับ ำให้การจัดหมวดหมขู่ องโพรทิ แปลงและจำแนกเป็นไฟลัมใหมๆ่ งแบง่ โพรทสิ ตอ์ อกเปน็ กลุ่ม ๆ 7

วตั ถปุ ระสงค์การ เนื้อหาสาระ กจิ เรียนรู้ กล่มุ ดังนี้ ดโิ พลโ โนซัว แอลวีโอลา ตา คลอโรไฟตา แ 3. ครูแสดงรปู ส พาราบาซาลดิ รูปที่ 19 รูปแส 3.1 ครใู ห้ความ เซลลย์ คู ารโิ อตท่ยี ลาหลายเส้น มีนิว รูปที่ 20 รปู แส 3.2 ครูใหค้ วา เซลล์ยูคาริโอต ม เซลล์มลี กั ษณะเป 4. ครแู สดงรูปภ sp.

19 จกรรมการเรียนรู้ สื่อและอุปกรณก์ าร การวัดและการประเมินผล เรียนรู้ การวดั การประเมนิ โมนาดดิ าและพาราบาซาลา ยูกลี าตา สตรามีโนพลิ า โรโดไฟ และไมซโี ทซวั ” สิ่งมชี วี ิตในกลมุ่ ดิโพลโมแนดและ สดงส่งิ มีชีวติ ในกลมุ่ ดโิ พลโมแนด มรเู้ กี่ยวกบั ดิโพลโมแนด “เป็น ยงั ไมม่ ีออร์แกเนลล์ มแี ฟลกเจล วเคลียส 2 อัน” สดงส่ิงมชี วี ิตในกลุ่มพาราบาซาลิด ามรู้เก่ียวกบั พาราบาซาลดิ “เป็น มีแฟลเจลลาเปน็ คู่และผิวเยอ่ื ห้มุ ป็นรอยหยกั คล้ายคลน่ื ” ภาพยูกลีนาและTrypanosoma

วตั ถุประสงคก์ าร เนื้อหาสาระ กิจ เรียนรู้ ภาพที่ 21 ภาพแส จากนั้นใช้คำถา 4.1 จากภาพน สงิ่ มีชีวติ ทงั้ 2 ชน ครูให้ความรู้เกย่ี “เปน็ โพรทิสต์กล 5. ครูแสดงภาพ กลุ่มแอลวีโอลาต ภาพที่ 22 ครกู ล่าววา่ “ลกั คอื มชี ่องวา่ งเลก็ โอไล(alveoli)”

จกรรมการเรียนรู้ 20 สื่อและอุปกรณก์ าร การวดั และการประเมินผล เรียนรู้ การวัด การประเมนิ สดงยกู ลีนาและTrypanosoma sp. าม ดงั นี้ นกั เรยี นคิดวา่ โครงสร้างใดท่ี นิดมเี หมอื นกนั (Flagellum) ยวกับสง่ิ มีชวี ติ ในกลุ่มยกู ลโี นซัว ลุม่ ท่ีเคล่อื นท่ีโดยใชแ้ ฟลกเจลลา” พลกั ษณะสำคัญของสง่ิ มชี วี ติ ใน ตา 2 ภาพแสดงช่องแอลวีโอไล กษณะสำคญั ของส่ิงมีชวี ิตกลุ่มน้ี กๆใต้เยอื่ หมุ้ เซลล์ทเ่ี รยี กว่าแอลวี

วตั ถปุ ระสงค์การ เนื้อหาสาระ กิจ เรียนรู้ 5.1 จากนั้นครใู ปรากฎการณ์ ขี้ป ภาพที่ 23 ภา จากน้นั ครูใชค้ ำ - จากภาพนัก ปรากฎการ (ปรากฎกา 5.2 ครูใหค้ วาม ปลาวาฬ “ปรากฏ สาหรา่ ยสะพร่งั เ กเจลเลตอยา่ งรว อาหารเพ่ิมข้ึน ทำ แฟลกเจลเลทน้เี ป แอลวโี อลาตา” 5.3 ครใู หค้ วาม โนแฟลกเจลเลท

จกรรมการเรยี นรู้ 21 ให้นักเรยี นสงั เกตภาพ ส่อื และอุปกรณก์ าร การวัดและการประเมินผล ปลาวาฬ เรียนรู้ การวดั การประเมนิ าพแสดงปรากฎการณ์ข้ีปลาวาฬ ำถาม ดงั นี้ กเรียนทราบหรือไม่วา่ รณด์ ังกลา่ วคือปรากฎการณอ์ ะไร ารณข์ ปี้ ลาวาฬ) มรู้เกีย่ วกบั ปรากฏการณ์ข้ี ฏการณ์ขปี้ ลาวาฬ ปรากฏการณ์ เปน็ การเพิม่ ข้ึนของไดโนแฟล วดเร็วเนอ่ื งจากสารอินทรีย์ทเี่ ปน็ ำให้นำ้ ทะเลมีสแี ดง ซึง่ ไดโน ปน็ กลุม่ ยอ่ ยของโพรทสิ ต์ในกลุ่ม มร้เู ก่ียวกบั ลกั ษณะสำคญั ของได “โพรทิสต์เซลล์เดยี วที่มีแคโรทีน

วตั ถุประสงคก์ าร เนื้อหาสาระ กิจ เรียนรู้ และคลอโรฟลิ ล์ เ เส้น ในแนวขวาง ภาพที่ 24 ภาพแ 6. ครใู หน้ กั เรยี น ภาพท่ี 25 ภาพ 6.1 จากนัน้ คร - จากภาพนักเร มาลาเรยี (ยุงก้นป - นกั เรยี นทราบ ท่กี ่อให้เกิดโรคมา 6.2 ครูให้ความ เดยี มเปน็ โปรติสท กลุม่ ยอ่ ยของโพร

22 จกรรมการเรยี นรู้ สื่อและอุปกรณก์ าร การวดั และการประเมินผล เรียนรู้ การวัด การประเมนิ เคลอ่ื นท่ีโดยอาศยั แฟลเจลลา 2 งและแนวด่งิ ” แสดงลักษณะของสิ่งมวี ติ ในกลมุ่ ไดโน แฟลกเจลเลท นสังเกตภาพพาดหัวขา่ ว พพาดหัวข่าวพาหะนำโรคมาลาเรีย รใู ช้คำถาม ดังน้ี รยี นคิดว่าอะไรเป็นพาหะนำโรค ปลอ่ ง) บหรอื ไม่ว่าส่ิงมชี ีวิตใดคือเช้อื โรค าลาเรีย มรเู้ รื่องพลาสโมเดียม “พลาสโม ทใ์ นกลุ่ม เอพคิ อมเพลซา ซงึ่ เปน็ รติสแอลวโี อลาตา เป็นโพรทสิ ต์ท่ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook