Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore EDUCON 2018

EDUCON 2018

Published by kawintec, 2018-06-24 04:32:19

Description: EDUCON 2018

Search

Read the Text Version

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018 การประชมุ วชิ าการงานวจิ ัยในนช้นั เรยี นชา่ งอตุ สาหกรรมของนกั ศึกษา ในการฝึกปฏบิ ตั ิการสอนในสถานศกึ ษา

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018 การประชุมวชิ าการงานวิจยั ในนช้นั เรยี นชา่ งอตุ สาหกรรมของนกั ศกึ ษา ในการฝึกปฏบิ ัติการสอนในสถานศึกษาวันท่ี 11-13 มนี าคม พ.ศ. 2561ณ อาคาร13 Technical Education Computerมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแกน่

รายงานสืบเนอื่ งการประชุมวิชาการงานวิจยั ในชน้ั เรียนชา่ งอุตสาหกรรม นักศกึ ษาฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษา ระดบั ปริญญาตรี วนั ท่ี 11 - 13 มนี าคม พ.ศ. 2561 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018====================================================================================== รายชื่อผู้ทรงคุณวฒุ ิ1. ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.จิรพนั ธุ์ ศรีสมพนั ธุ์ ภาควิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ2. ผูช้ ่วยศาสตราจารยก์ ิตติ ทูลธรรม สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น3. ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.จารุวรรณ ทูลธรรม สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น4. ผูช้ ่วยศาสตราจารยอ์ รอนงค์ วิริยานุรักษ์นคร สาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสุวรรณภูมิ-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ก RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018====================================================================================== สารบญั หนา้รายชื่อผ้ทู รงคณุ วฒุ .ิ .............................................................................................................................. กสารบัญ.................................................................................................................................................. ขSession 1การแต่งกายผดิ ระเบยี บของนักศึกษาสาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหกรรมการเชอ่ื มประกอบ............... 1-4 คณุ สิรยิ ากร ปัญญาคาพฤติกรรมนกั ศึกษาพฤตกิ รรมการไว้หนวดเครา............................................................................... 5-11 คุณเกยี รตศิ ักด์ิ สฤษฎีชัยกลุการปรับพฤตกิ รรมในการไมก่ นิ ขา้ วเช้ากอ่ นมาเรยี น......................................................................... 12-15 คุณยุทธพงศ์ พลศริ ิการกนิ อาหารในหอ้ งเรยี นของนักศึกษา…………………………………………………………………..…………… 16-21 คณุ ณัฐพงษ์ ทัพธานีการวิเคราะหแ์ บบประเมินมาตรฐานวชิ าชพี ระดบั ประกาศนยี บตั รวิชาชพี ชนั้ สงู สาขาวชิ าชา่ งโยธา…………………………………………………………………………………………………………………...…………… 22-28 คุณพชรพล คุณุรตั น์การสรา้ งส่อื การสอน ชา่ งก่อสรา้ ง.................................................................................................... 29-34 คณุ ภาณพุ ล เศิกศิริการพฒั นาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน เร่อื งลอจกิ เกตพ้ืนฐาน วชิ าวงจรดิจิตอลโดยการใชช้ ุดฝกึ ตอ่ ใชง้ าน IC ลอจิกเกต……………………………………………………………………………………………………………….….. 35-39 คุณอภิสทิ ธ์ิ การรี ัตน์พฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน เร่อื งการใช้งานวงจรวงจร R-L-C ขนานและอนุกรม โดยชดุ ฝึกวงจรR-L-C ขนานและอนกุ รม................................................................................................................. 40-44 คุณธนาชล ชะพนิ ใจการพฒั นาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน เรอ่ื งวงจรเรยี งกระแสเตม็ คลื่นแบบบรดิ จ์ วชิ าอปุ กรณอ์ ิเลก็ ทรอนกิ ส์และวงจร โดยการใช้ชุดฝึกวงจรเรยี งกระแสเต็มคล่นื แบบบริดจ์.................................................... 45-50 คณุ ไชยยงค์ ชรากาหมุดการสร้างชุดทดลองไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino เรื่องการเชือ่ มต่อกบั RTC Module GY Moduleเร่อื งการควบคมุ Stepper Motor Servo Motor และเรอื่ งการเช่อื มต่อกบั RFID Module ……. 51-60 คณุ นวพล ยอดเพชรพฤตกิ รรมการขาดเรยี นนักศึกษา.................................................................................................. 61-65 คุณวรี ะยุทธ มงคะวริ ะ-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ข RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018====================================================================================== สารบัญ(ต่อ) หน้าการศกึ ษาความเครียดในการเรยี นของนักศึกษา............................................................................. 66-70 คุณวีรพล มานะดีการออกแบบและสรา้ งชดุ เครือ่ งช่วยจบั บัดกรขี ัว้ ต่อสายนาสญั ญาณและเช็คสายนาสัญญาณ........ 71-81 คณุ ภาณุพงศ์ แวงวรรณพฤติกรรมการกลา้ แสดงออกหน้าชนั้ เรียน..................................................................................... 82-85 คุณนลธวชั คาควรพฤตกิ รรมการทิ้งขยะในชนั้ เรยี น................................................................................................... 86-88 คุณจกั รพล คงจาพฤติกรรมพูดคาหยาบในชนั้ เรียน................................................................................................. 89-92 คณุ จตรุ ง บุญตาพฤติกรรมนักศกึ ษาไมส่ ่งงาน/การบ้านตามกาหนด...................................................................... 93-96 คณุ วริ ะนยั สถานสุขการศึกษาสาเหตุการหลบั ในห้องเรียนของนักศึกษาชนั้ ปีที่ 4 สาขาวชิ าเชือ่ มประกอบ หอ้ ง TIW 4 Rมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น........................................................ 97-102 คุณทศพล สิงหาสารพฤติกรรมของนกั ศึกษาทีต่ ดิ F ................................................................................................... 103-106 คุณสเุ มธ นามจนั ดาสภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมในหอ้ งเรยี น…………………………………………………………………………….. 107-112 คณุ วศนิ วรรณสินธ์Session 2ความสมั พนั ธข์ องการเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวทิ ยาเขตขอนแกน่ กับรูปแบบการจัดกจิ กรรมของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น................................................................................. 113-118 คุณพสิ ษิ ฐ์ ศรสี มเขียวเปรยี บเทยี บพฤติกรรมการใชส้ มารท์ โฟนระหว่างนักศึกษาทีม่ ผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นสูงและมผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนตา่ ………………………………………………………………………………………………………….…. 119-123 คุณวราพร พระนคร-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ฃ RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018====================================================================================== สารบัญ(ตอ่ ) หนา้ปจั จัยทสี่ ง่ ผลต่อผลสัมฤทธทิ์ างการศึกษาในรายวิชาโครงสร้างขอ้ มลู และอลั กอรทิ มึ ของนกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรชี นั้ ปท่ี ่ี 3 สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลยัเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแกน่ ในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2560................... 124-127 คณุ ภมู ศิ ริ ิ เถาว์พนั ธ์ปจั จัยท่ีสง่ ผลกระทบต่อผลสมั ฤทธทิ์ างการสอนของนกั ศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชพี ระหวา่ งเรยี นสาขาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแกน่ ....................................................................................................................... 128-133 คุณลีญา เสยี งเพราะปัจจัยทส่ี ง่ ผลตอ่ ความสาเร็จของโครงงานวิศวกรรมระดบั ปริญญาตรี คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรมสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์......................................................................................................... 134-139 คุณอดิสรณ์ ปู่หลุน่ความพงึ พอใจของนกั ศึกษาทม่ี ตี อ่ การให้บรกิ ารของเจา้ หน้าท่ฝี ่ายทะเบียน ของมหาวิทยาลยัเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น……………………………………………………………..….… 140-144 คณุ กวิน จิตศักด์ิการเปรยี บเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการจดั การอาชีพ 3001-2001ระหวา่ งผ้ทู สี่ าเรจ็ การศึกษาระดบั มัธยมตอนปลายกบั ผู้ทส่ี าเร็จการศึกษาระดบั ประกาศนียบัตรวิชาชีพวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี.............................................................................................................. 145-151 คุณบษุ บง เยน็ ย่ิงปจั จยั ท่ีสง่ ผลตอ่ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนของนักศึกษาชัน้ ปีที่ 1 และชนั้ ปีท่ี 2 สาขาวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแกน่ .......... 152-157 คุณศุภชยั ไอทาปัจจัยท่ีสง่ ผลให้นกั ศึกษาหญิง คณะครศุ าสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ขาดทกั ษะการซ่อมบารุงคอมพวิ เตอร์.......................................................................................... 158-163 คุณประภาศิริ แซ่เล้าศึกษาผลสมั ฤทธิ์การจัดการเรียนร้โู ดยวธิ สี าธติ การเข้าหัว RJ-45 ในรายวิชาระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์รหสั วิชา 3128-2005 ระดบั ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพช้ันสงู ปที ี่ 2 ................................................ 164-167 คุณสภุ าดา ทองสมบัติ-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ค RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018====================================================================================== สารบญั (ต่อ) หน้าการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั ศึกษาช้นั ประกาสนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) ปี1ในรายวิชาคอมพวิ เตอร์และการบารงุ รกั ษา 2204-2005 ระหวา่ งเรียนโดยใช้หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารคอมพวิ เตอรท์ ่มี ีการเชือ่ ตอ่ ระบบเครอื ข่าย กับห้องปฏิบัตกิ ารทไ่ี ม่มรี ะบบเครือข่าย................... 168-171 คุณเถลงิ ศักด์ิ ชา่ งปรงุศกึ ษาปจั จัยทสี่ ง่ ผลต่อพฤตกิ รรมการขาดเรียนของนกั ศกึ ษาทล่ี งทะเบียนเรียนในรายวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจัดการอาชพี (3001-2001)........................................................... 172-176 คุณจรี ะภา ศรสี ุพัฒน์การปรับพฤตกิ รรมด้านความรับผดิ ชอบ วชิ าคอมพิวเตอรแ์ ละการบารุงรกั ษา ของนกั ศึกษาปวช.1/3 วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแกน่ โดยใชแ้ บบประเมินพฤตกิ รรม....................................... 177-180 คณุ อภิชาติ พงษาปจั จยั ท่ีสง่ ผลต่อผลสมั ฤทธท์ิ างการศกึ ษาในรายวชิ าแคลคูลสั พนื้ ฐานวิศวกรรม ของนกั ศึกษาระดบั ปริญญาตรีชนั้ ปท่ี ่ี 1 สาขาวิศวกรรมคอมพวิ เตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ในภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2559..................... 181-184 คณุ วัชรวฒุ ิ เอือ้ ไพบูลยท์ รัพย์แก้ปัญหานกั ศึกษาที่ไม่ผา่ นเกณฑ์เรื่องการปรับแต่งสไลดด์ ว้ ยมัลตมิ เี ดยี ในรายวิชาการใชง้ านคอมพิวเตอร์และโปรแกรมสาเร็จรูป โดยใช้สือ่ วิดโี อ YouTube บทเวบ็ ไซต์ ของนักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชพี ชน้ั สงูปที ่ี 1 สาขาวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 วิทยาลัยเทคนิคศรสี ะเกษ 185-189 คุณศกณุ ตลา ศรีบญุ เรอื งเปรยี บเทียบความพงึ พอใจของนักศกึ ษาเกี่ยวกบั การจดั การเรยี นการสอนในรายวิชาทฤษฎีและรายวิชาปฏบิ ตั ทิ ี่สอนโดยนกั ศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชพี ครู.................................................... 190-194 คุณนริสรา แสงโยธาการพฒั นาทกั ษะการพิมพภ์ าษาไทย โดยใชโ้ ปรแกรมฝกึ พมิ พอ์ อนไลน์ Thaiedu ดว้ ยการจดั การเรยี นการสอนแบบสาธิตรว่ มกบั การสอนแบบบรรยายและลงมือปฏบิ ตั ิ ของนักศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรี สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น……………………………………………………………………………………………………...… 195-199 คุณชลวรรษ สะบู่แก้ว-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ฅ RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018====================================================================================== สารบัญ(ต่อ) หนา้การพัฒนาทักษะการใชอ้ อสซิลโลสโคปของนกั ศกึ ษา สาขาวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น ด้วยวธิ ีการสอนแบบสาธติ ร่วมกบั การลงมอื ปฏิบัติ....................................................................................................... 200-204 คณุ นาวนิ บญุ ราชสุวรรณการพัฒนาทักษะพน้ื ฐานการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดว้ ยวิธกี ารสอนแบบสาธติ ของนักศกึ ษาชั้นปที ี่ 3 สาขาวิชาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น.............................................................................................. 205-209 คุณศภุ รดา บุบผาปจั จยั ท่สี ง่ ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนรายวชิ าการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขัน้ พ้ืนฐาน คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์.................................................................................... 210-214 คุณสราวุธ นากดุ นอกSession 3ปัจจัยทส่ี ง่ ผลตอ่ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นรายวชิ าวงจรไฟฟา้ ของนกั ศกึ ษาระดบั ปริญญาตรีสาขาวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแก่น......................................................................................................................... 215-220 คุณกรรณิการ์ จอมหงส์ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปจั จัยในการเลือกสาขาทีเ่ รียนกบั ปัจจัยในการเลอื กประกอบอาชพี ของนักศกึ ษาคณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม สาขาวศิ วกรรมคอมพวิ เตอร์ หลกั สูตร 5 ปี มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแกน่ ............................................................................................... 221-226 คุณสิรนิ ภา หมนื่ กันยาการพฒั นาทกั ษะการประกอบคอมพวิ เตอร์ โดยใช้สอื่ วดิ โี อสาธติ การประกอบคอมพวิ เตอร์สาหรบั นักศึกษาประกาศนียบัตรวชิ าชพี ชนั้ สูงช้นั ปีท่ี 1/1 สาขาวิชาคอมพิวเตอรธ์ ุรกจิวทิ ยาลัยการอาชพี นวมนิ ทราชนิ ีมกุ ดาหาร........................................................................................ 227-232 คณุ ณฐั วุฒิ สมชั พงษ์-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ฆ RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018====================================================================================== สารบัญ(ต่อ) หนา้การพัฒนาทักษะการซอ่ มบารงุ คอมพิวเตอรข์ องนักศึกษาหญิงสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ช้ันปที ่ี 4 โดยรูปแบบการสอนแบบปฏบิ ัติจริง............................................................................... 233-238 คณุ กาพล จันทภมู ิการวิจยั เพอ่ื แก้ปญั หาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนต่ากวา่ เกณฑ์ในรายวิชาพนื้ ฐานการสร้างเวบ็ ไซต์ เรื่องการใชง้ าน แทก็ HTML เบ้ืองตน้ โดยใชบ้ ทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนผ่านเวบ็ สาหรบั นกั ศึกษาระดับประกาศนียบัตรวชิ าชพี ปที ี่ 1 สาขางานเทคนิคคอมพิวเตอร์ ภาควิชาเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์วทิ ยาลยั เทคนคิ มหาสารคาม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560......................................................... 239-243 คณุ เกยี รตศิ กั ดิ์ ไหมทองศึกษาปัจจัยทสี่ ่งผลกระทบตอ่ การขาดส่งการบา้ นของนักเรียนในรายวชิ า คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชพี สาขาช่างยนต์ ห้อง 3,4 วิทยาลยั เทคนคิ ยโสธร..................................... 244-249 คุณธีรยทุ ธ ตาลทรพั ย์การพัฒนาทกั ษะ เรือ่ ง การประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูปดา้ นงานเอกสารด้วยโปรแกรม Microsoft Wordดว้ ยส่อื วดิ ีโอการสอน สาหรับนกั ศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชพี ชน้ั สงู ระดบั ช้นั ปที ่ี 1/2 สาขาวชิ าโยธา และระดับชน้ั ปที ี่ 2/2 สาขาวชิ าไฟฟา้ กาลัง วทิ ยาลัยการอาชพี นวมนิ ทราชนิ ีมุกดาหาร……………..… 250-255 คณุ วัชรวทิ ย์ พิมพ์พรหมปจั จัยทส่ี ง่ ผลใหน้ ักเรยี นขาดสง่ การบา้ น วชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการจัดการอาชีพ ของนกั เรียนระดับชนั้ ปวส.1 ภาควชิ าเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ วทิ ยาลัยเทคนคิ มหาสารคาม.......................... 256-261 คุณกานต์ สาขามลุ ะความพงึ พอใจของนกั ศึกษาเกย่ี วกับการให้บริการระบบสารสนเทศ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแก่น........................................................................................................................ 262-266 คุณพัชฌาชาวี เขียวสดอมรกลุการพัฒนาผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น วิชาการเขยี นโปรแกรมโดยใชเ้ ครอ่ื งมอื กราฟกิ โหมด เรื่องการพฒั นาโปรแกรมทางธรุ กจิ อยา่ งงา่ ย ของนกั ศกึ ษาประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชนั้ ปีที่ 3สาขาคอมพวิ เตอร์ธรุ กิจ วทิ ยาลยั เทคนคิ สารภี โดยใชส้ ือ่ ออนไลน์บนยูทูป.................................. 267-272 คณุ กฤตพิ ันธ์ จนั ทร์เขียว-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ง RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018====================================================================================== สารบัญ(ต่อ) หน้าการพัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น วิชาการเขียนโปรแกรมโดยใช้เครื่องมือกราฟิกโหมดเรอื่ ง การพัฒนาโปรแกรมทางธรุ กจิ อยา่ งงา่ ย ของนกั ศึกษาประกาศนียบัตรวชิ าชพี ชนั้ ปที ี่ 3สาขาคอมพวิ เตอร์ธุรกิจ วิทยาลยั เทคนิคสารภี โดยใชส้ อ่ื ออนไลนบ์ นยูทูป.................................. 267-272 คณุ กฤติพนั ธ์ จันทร์เขียวการศึกษาพฤตกิ รรมการใชโ้ ทรศพั ท์มอื ถอื ในห้องเรยี นของนักศึกษาประกาศนยี บตั รวชิ าชพีชัน้ ปที ี่ 1 แผนกวชิ าชา่ งยนต์ วทิ ยาลยั เทคนิคเลย......................................................................... 273-278 คุณณัฐวุฒิ แก้วมงคลการศึกษาปญั หาผู้เรียนชั้น ปวช.3 ไม่สามารถอ่านและตอ่ วงจร วชิ างานนวิ แมติกสแ์ ละไฮดรอลกิ สเ์ บอ้ื งตน้โดยวิธีการเรยี นแบบเพื่อนช่วยเพอ่ื น นกั เรยี น (ปวช.) ชัน้ ปที ี่ 3 ................................................. 279-282 คณุ ณฐั วุฒิ ศรีจนั ทาการพฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น วชิ างานบารกั ษารถยนต์ เรอ่ื งการบารุงรักษาและบริการแบตเตอรรี่ ถยนต์............................................................................................................... 283-285 คุณเกรยี งศกั ด์ิ กองนา้การหาประสิทธภิ าพเอกสารประกอบการสอน วิชางานวดั ละเอยี ดชา่ งยนต์................................ 286-288 คุณสุวจิ กั ขณ์ อศั วพัฒนชนิเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิร์ ะหวา่ งภาคเรยี น ของนักเรียนชั้นประกาศนยี บตั รวิชาชีพ ชัน้ ปีท่ี 1/2รายวิชางานจักยานยนต์ ของนกั เรียนระดบั ชั้น ปวช.ชย. 1/2 สาขาวชิ าช่างยนต์ ประจาภาคเรยี นท่ี2/2560 โดยการใช้แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรยี น.............................................................. 289-294 คุณวริ ิยะ ภคู งน้าการพัฒนาทักษะการใช้เครือ่ งมอื ชา่ งยนต์ของนกั ศึกษา ระดบั ปวช. 1 แผนกวิชาชา่ งยนต์ วทิ ยาลยั การอาชพี กุมภวาปี โดยใชก้ ิจกรรมจับคฝู่ ึกปฏิบตั ิ............................................................................... 295-300 คณุ ชยั ณรงค์ กองศรีผิวการหาประสิทธิภาพเอกสารประกอบการสอน วชิ างานตังถังและพน่ สีรถยนต์............................. 301-305 คุณธนากร เรืองเทศปัญหาในการใชส้ ่ือการสอนของครผู สู้ อน วิชางานถอดประกอบเครื่องกลเบื้องต้น....................... 306-311 คณุ ฤทธไิ กร จรญู ภาคย์ปัจจยั ทม่ี ีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางการเรียนของนกั เรียน ปวช.1-3 ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม 312-314 คุณทัศวิทย์ แก้วมงคล-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จ RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การแต่ง กายผิด ระเบีย บของนัก ศึก ษา ส าขาวิชาวิศวกรรม อุตส าหก รรม การเชื่อมประกอบ สริ ยิ ากร ปัญญาคา1 บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์ ศึกษาพฤติกรรมการแต่งตัวผิดระเบียบของนักศึกษา สาขาวิชาวิศวกรรม อตุ สาหกรรมการเช่อื มประกอบ วา่ ส่งผลต่อการเรยี นในระดบั ใด ปรบั ปรุงและแก้ไขพฤติกรรมการแต่งตัวผดิ ระเบียบ ของนักศึกษา สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหกรรมการเช่ือมประกอบ วิธีการศึกษาวิจัยประกอบด้วยการวิจัยเอกสาร หนังสือ ตารา บทความทางวิชาการ เอกสารต่างๆท่ีเก่ียวข้องกับหัวข้อการวิจัย นอกจากนี้ยังประกอบด้วยการใช้ แบบสอบถามเพ่ือเก็บข้อมูลเพ่ิมเติม การศึกษาสังเกต การสัมภาษณ์ ท้ังท่ีเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพ่ือทจ่ี ะให้ข้อมูลทสี่ มบรู ณ์ ผลการวิจัยพบว่าพฤติกรรมการแต่งตัวผิดระเบียบของนักศึกษา สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหกรรมการ เชื่อมประกอบ ไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียนในด้านส่วนตัว ด้านครอบครัว ด้านสังคมและส่ิงแวดล้อม แต่ส่งผล กระทบตอ่ การเรียนในด้านครู อาจารย์และการณ์สอน สาหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมการแต่งตัวผิดระเบียบของนักศึกษา สาขาวิชาวิศวกรรม อุตสาหกรรมการเชื่อมประกอบ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันตั้งแต่ตัวของนักศึกษาตลอดจนครู อาจารย์ผู้สอน มีการ กาหนดนโยบายหรอื มาตรการทจ่ี ดั เจนเปน็ รปู ธรรมกาหนดผู้รับผิดชอบ มอบหมายอานาจให้แกป้ ัญหาต่อไป Abstract This research aims to: Study of student behavior Department of Industrial Engineering, Welding What impact does learning have on any level? Improve and correct student behavior patterns. Department of Industrial Engineering, Welding Research methods include research, documents, books, textbooks, academic articles. Documents related to research topics. It also includes the use of questionnaires to collect additional information. The study observes both formal and informal interviews in order to provide complete information. The results of the study revealed that the behavior of the students. Department of Industrial Engineering, Welding Does not affect the personal, family, social and environmental aspects. But the impact on learning in the teacher. Teachers and teaching For guidance on problem solving behavior of students. Department of Industrial Engineering, Welding All parties must cooperate from the student body as well as the teacher. Teacher The policy or measures that determine concrete. Assign the power to the next solution. 1คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแกน่ *E-mail : siriyakrpayyakha@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== บทนา ในปัจจุบันยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการแต่งการ การอยู่ร่วมกันในสังคม การดาเนินชีวิตที่ เปลี่ยนแปลงไป มนุษย์ในปัจจุบันจึงต้องทาตามสังคมและวัฒนธรรมเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเทคโนโลยี สมัยใหม่กน็ าพามนุษย์ให้ได้พฒั นาสงิ่ ต่างๆมากมายทั้งดีและไม่ดี เน่ืองด้วยนักศึกษาบางมหาวิทยาลัยรวมถึงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น แตง่ กายไม่เรยี บร้อยกันมากข้ึน จึงทาให้เกิดปัญหาท่ีว่านักศึกษาเรียนแบบมาจากไหนหรือแต่งตามแฟช่ันสมัยนิยม ด้วยว่านักศึกษาอยู่ในวัยท่ีอยากรู้อยากลอง จึงเกิดการทดลองสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาจึงทาให้แต่งการตามบุคคลท่ี ชอบและปัจจุบันส่ือมีอิทธิพลต่อวัยรุ่นอย่างมากจนทาให้วัยรุ่นสมัยนี้แต่งการตามสื่อจนเกิดปัญหาและผลกระทบ มายังมหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ผูส้ อน เพราะแบบนม้ี หาลัยจงึ ต้องทาตามกฎอย่างเค้งคัด การที่จะแก้ไขปัญหาการแต่งกายผิดระเบียบของนักศึกษาท่ีมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย นน้ั จะต้องมกี ารศึกษาพฤติกรรมท่ีมีผลกระทบตอ่ การแต่งกายผิดระเบยี บของนกั ศกึ ษา ไม่ใช้เพราะว่าแค่คิดปัญหานี้ ผ่านการแกไ้ ขโดยกฎระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับเทา่ น้ัน เพราะในปัจจุบันปัญหาที่เกิดข้ึนไม่ใช้แค่ใครคนใดคนหน่ึง เท่านั้นแต่ปัญหาที่เกิดข้ึนจากหลายเหตุผล ดังนั้นเพื่อให้ทราบถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการแต่งกายผิดระเบียบ ของนักศกึ ษาและการปอ้ งกันปญั หาอ่ืนๆทจ่ี ะเกิดขน้ึ ตอ่ ไป วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย 1.2.1 ศกึ ษาพฤตกิ รรมการแต่งกายผิดระเบยี บของนกั ศึกษาสาขาวชิ าวศิ วกรรมอุตสาหกรรมการเชอื่ ม ประกอบ 1.2.2 ปรับปรงุ แก้ไขพฤตกิ รรมการแต่งกายผดิ ระเบียบของนักศกึ ษาสาขาวชิ าวศิ วกรรมอุตสาหกรรมการ เชอื่ มประกอบ วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการ เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นงานวิจัย แบบสอบถาม ขัน้ ตอนการออกแบบการดาเนนิ การ 1. วิเคราะหข์ ้อมลู พื้นฐานของนักศึกษา การวเิ คราะหผ์ เู้ รยี นไดก้ าหนดไว้ดังนี้ ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือนักศึกษาระดับปริญญาตรี ห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือม คณะครุศาสตร์ อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น จานวน 28 คน 2. วิเคราะหส์ าเหตุของการแต่งกายผิดระเบียบของนักศกึ ษาโดยการหาคา่ ร้อยละ ขั้นออกแบบแบบสอบถาม (Design) ผวู้ จิ ัยดาเนนิ การสรา้ งแบบสอบถามเพ่อื สาเหตุของการแต่งกายผิดระเบียบของนักศึกษาตามกาหนดโดยมี ลาดบั ข้นั ตอนการสรา้ งดังน้ี 1. ศกึ ษาเทคนิคการสรา้ งแบบสอบถามจากเอกสารตา่ งๆ 2. สรา้ งแบบสอบถามเพื่อวัดพฤตกิ รรมของนักศึกษาเพ่ือหาสาเหตุในสาเหตุของการแต่งกายผิดระเบียบ ของนักศึกษากาหนดของนักศึกษาห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือม จานวน 15 ข้อ โดยให้นักเรียนใส่หมายเลขลาดับ สาเหตุของการไมส่ ง่ งาน/การบา้ นตามกาหนด จากลาดับมากท่ีสุด ( ) ไปจนถงึ ลาดับน้อยท่สี ุด ( )---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 2 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ขนั้ ดาเนนิ การ ในการวิจยั ครง้ั น้ี ผวู้ จิ ยั ไดม้ ีการดาเนินการดงั นี้ 1.นาแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤตกิ รรมการแต่งกายผิดระเบียบของนักศึกษากาหนดของนักศึกษาจานวน 28 คน เพื่อหาสาเหตุของการแตง่ กายผิดระเบียบของนักศกึ ษาตามกาหนด และทาการบนั ทกึ คะแนน 2.ดาเนินการหาคา่ รอ้ ยละของแตล่ ะขอ้ สาเหตุ ขนั้ วิเคราะหข์ อ้ มลู 1.วเิ คราะหข์ ้อมลู - วเิ คราะหผ์ ลจากคะแนนทีไ่ ดจ้ ากการทาแบบสอบถามเพ่อื ศกึ ษาพฤติกรรม 2.สถติ ทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 4.2.1 การหาค่าร้อยละ คา่ ร้อยละ = X x 100 N เมอื่ X = คะแนนท่ไี ด้ N = จานวนนักเรยี นท้งั หมดผลการประเมินแบบสอบถามของนักศกึ ษาในเรื่องการไม่ส่งงาน/การบ้านตามกาหนด เก่ียวกับการหาสาเหตุที่ไม่ส่งงาน/การบา้ นของนกั ศกึ ษาตาราง ผลการประเมนิ แบบสอบถามของนกั ศึกษาถึงสาเหตุของการแต่งกายผิดระเบยี บของนักศึกษา สาเหตุของการแต่งกายผดิ ระเบียบของนักศกึ ษา ลาดบั ที่ ร้อยละด้านส่วนตัว1.มปี ญั หาเกยี่ วกับสขุ ภาพ 6 21.52.การแต่งกายตามเพอ่ื น 7 18.53.การแตง่ กายตามเพ่ือน 11 144.การแตง่ กายตามกระแสสงั คม 12 145.หารแต่งกายตามโลกโซเซยี ว 13 14ด้านครอบครัว6.ผู้ปกครองอนุญาตให้แต่งกายผดิ ระเบียบ 1 307.ผปู้ กครองไมเ่ ห็นความสาคญั ของการแต่งการผดิ ระเบยี บ 3 25.58.ผปู้ กครองมีความรู้สกึ วา่ เปน็ เรื่องสว่ นตัว 8 17.59.ผูป้ กครองขาดการดแู ลเอาใจใสต่ อ่ บุตร 10 15ดา้ นคร-ู อาจารย์และการสอน10.ครูตาหนิวา่ กลา่ วในการแต่งกาย 14 14---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 3 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================11.ครใู หน้ ักศึกษาไปเปลี่ยนการแต่งกาย 9 1712.ครูหกั คะแนนจติ พสิ ยั และคะแนนเรียน 5 2013.ครไู ม่เอาใจใส่เรื่องการแตง่ กาย 3 24.5ด้านสงั คมและสงิ่ แวดล้อม 4 22.614.เพอื่ นชกั ชวนใหก้ ารแตง่ กายผดิ ระเบยี บ 2 29.615.พีน่ ้องในบา้ นชกั ชวนใหแ้ ตง่อภิปรายงานวิจยั จากการสร้างแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมสาเหตุของการแต่งกายผิดระเบียบของนักศึกษากาหนดของนักศกึ ษาระดับปริญญาตรี หอ้ ง 4R สาขาวศิ วกรรมการเชื่อม ในคร้งั นส้ี ามารถอภิปรายผลได้ดังน้ีพบว่าแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมของนักศึกษาระดับปริญญาตรีห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือมในสาเหตุของการแต่งกายผิดระเบียบของนักศึกษากาหนดได้ทาให้ทราบถึงสาเหตุท่ีสาคัญมากท่ีสุด จนถึงสาเหตุท่ีน้อยท่ีสุดสาเหตุของการแต่งกายผิดระเบียบของนักศึกษากาหนด ผู้ปกครองอนุญาตให้แต่งกายผิดระเบียบ พี่น้องในบ้านชกั ชวนให้แตง่ ผ้ปู กครองไมเ่ หน็ ความสาคัญของการแตง่ การผดิ ระเบียบสรปุ ผลงานวจิ ยั จากการศึกษาและวิเคราะห์แบบสอบถามเพื่อศึกษาผู้ปกครองไม่เห็นความสาคัญของการแต่งการผิดระเบียบตามกาหนดของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น แสดงให้เห็นว่า ผู้ปกครองไม่เห็นความสาคัญของการแต่งการผดิ ระเบยี บ ลาดับที่ 1 คือ การบา้ นมากเกนิ ไป นกั เรียนเลือก 6 คน คิดเปน็ ร้อยละ 21.48 อันดับท่ี 2 ให้เวลานอ้ ยเกนิ ไป นกั เรยี นเลือก 5 คน คิดเป็นร้อยละ 17.85 อันดับที่ 3 ไม่เข้าใจคาสั่ง นักเรียนเลือก 4 คน คิดเป็นร้อยละ 14.28 โดยคิดจากนกั เรยี น 28 คน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 4 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== พฤติกรรมนกั ศกึ ษาพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเครา เกียรตศิ ักด์ิ สฤษฎชี ัยกุล1 บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์ (1) ศึกษาพฤติกรรมการไว้หนวดเคราของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ อตุ สาหกรรมสาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการเชื่อมประกอบว่าสง่ ผลต่อการเรยี นในระดบั ใด (2) ปรบั ปรงุ และแก้ไขพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราของนักศึกษาคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชาวิศวกรรมอุต สาหการเชื่อมประกอบ วธิ ีการศกึ ษาวิจยั ประกอบด้วยการวิจัยเอกสาร (Documentary Research) หนังสือ ตารา บทความทางวิชาการ เอกสารต่างๆท่ีเกี่ยวข้องกับหัวข้อการวิจัย นอกจากนี้ยังประกอบด้วยการใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เพื่อเก็บข้อมูลเพ่ิมเติม การศึกษาสังเกต (Observation) การสัมภาษณ์ (Interview) ทั้งที่เป็น ทางการและไม่เป็นทางการเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ยิ่งข้ึน การวิจัยที่ใช้แบบสอบถาม นักศึกษาท่ีเป็นประชากรคือ นักศกึ ษาชายคณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรมสาขาวชิ าวิศวกรรมอุตสาหการเชือ่ มประกอบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแกน่ และ สมุ่ กลุ่มตวั อย่าง 50 คน ผลวิจัยพบว่าพฤติกรรมการไว้หนวดเคราของนักศึกษาคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมสาขาวิชาวิศวกรรมอุต สาหการเชื่อมประกอบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่นไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียนใน ด้านสว่ นตัว ด้านครอบครวั ด้านสังคมและสภาวะแวดลอ้ ม แต่สง่ ผลกระทบตอ่ การเรยี นในด้านครู อาจารย์ และการ สอน สาหรับแนวทางการแก้ปัญหาพฤติกรรมการไว้หนวดเคราของนักศึกษา ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ต้ังแต่ตัว นกั ศกึ ษาตลอดจนครู อาจารยผ์ สู้ อน มีการกาหนด นโยบายหรอื มาตรการทจ่ี ดั เจนเปน็ รูปธรรม กาหนดผู้รับผิดชอบ มอบหมายอานาจให้แก้ไขปญั หาตอ่ ไป 1คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น *E-mail : keattisuksaritdeechaikul6@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 5 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== Abstract This study aims to (1) independent research (from: Master Thesis (from: the Graduate School of KU and KU library) Master Thesis (2) Master Thesis (from: the Graduate School of KU and KU library)Research methods include documentary research, books, textbooks, academic articles. Documents related to research topics. It also includes the use of questionnaires. (Questionnaire) to collect additional information. Observation study Observation Interviews are both informal and informal to obtain more complete information. Research using questionnaires. The student population is the male student Faculty of Industrial Education. Rajamangala University of Technology Isan Khon Kaen campus and a random sample of 50 people The research found that the beard behaviors of students in Faculty of Industrial Education, Rajamangala University of Technology Isan Khon Kaen campus has no impact on personal, family, social and environmental aspects. But the impact on teachers, teachers and teaching. The problem solving behavior of beard students. All parties must cooperate. From students to teachers. The instructor has set policies or measures that are concrete. Responsible person Authorize to resolve the issue. บทนา ในปัจจุบันทุกยุคทุกสมัยมีการเปล่ียนแปลงวัฒนธรรมการแต่งกาย การอยู่ร่วมกันในสังคม การ ดาเนินชวี ติ ท่ีเปลี่ยนแปลงไป มนุษย์ในปัจจุบันจึงต้องทาตามสังคมและวัฒนธรรมเพ่ือการอยู่ร่วมกันอย่างมี ความสุข เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็นาพามนุษย์ให้ได้พัฒนาสิ่งต่างๆมากมายท้ังดีและไม่ดี ดังน้ันมนุษย์เราควร แยกแยะว่าสิ่งไหนดี ส่ิงไหนไมด่ เี พอ่ื สงั คมและเพ่ือนมนษุ ย์ เนอื่ งด้วยนักศกึ ษาบางมหาวิทยาลยั รวมไปถึงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขต ขอนแกน่ แต่งกายไม่เรียบร้อยกันมากข้ึน อีกทั้งไว้หนวดเคราจึงทาให้เกิดปัญหาที่ว่านักศึกษาเลียนแบบมา จากไหน หรือแต่งตามแฟช่นั สมัยนิยม ดว้ ยนักศกึ ษาอยูใ่ นชว่ งวัยอยากรู้อยากลอง จึงเกิดการทดลองสง่ิ ใหมๆ่ อยูต่ ลอดเวลาจึงทาใหเ้ ลยี นแบบบุคคลท่ีชื่นชอบและเคารพดว้ ยปัจจบุ ันสอื่ มีอทิ ธิพลตอ่ วัยรนุ่ อยา่ งมากจนทา ให้วยั ร่นุ สมยั นแ้ี ต่งกายตามสื่อน้นั จนเกดิ ปัญหาและผลกระทบมายังมหาวทิ ยาลยั ครู อาจารย์ผู้สอน ในการ ที่นักศกึ ษาไวห้ นวดเคราซง่ึ ผดิ ต่อระเบียบของมหาวิทยาลัยและยังทาให้ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยและตัว นักศึกษาเองลดลงอีกด้วย นักศึกษาไม่คานึงผลกระทบที่จะเกิดข้ึนจึงเป็นปัญหาต่อครู อาจารย์ผู้สอน ท่ี จะต้องเข้มงวดใหน้ ักศกึ ษาทาตามกฎมหาวิทยาลัยอยา่ งเข้มงวด การท่ีจะแก้ไขปัญหาการแต่งกายของนักศึกษา ท่ีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยน้ัน จะตอ้ งมกี ารศกึ ษาพฤติกรรมทีม่ ีผลกระทบตอ่ การไว้หนวดเคราของนักศกึ ษา ไม่ใช่แคค่ ดิ วา่ ปัญหาน้ผี ่านการ แก้ไขได้โดยกฎระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับเท่าน้ัน เพราะในปัจจุบันปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกิดจากใครคนใด คนหนึง่ เท่าน้นั แต่ปัญหาท่ีเกดิ ข้ึนเกิดจากหลายเหตุผล การแก้ไขปญั หาอยา่ งใดอย่างหน่ึง อาจส่งผลกระทบ ใหเ้ กดิ ผลหลายๆอย่าง ตดิ ตามมา ดังน้ันจึงมีความจาเปน็ ท่ีจะต้องทาวิจัย---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 6 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== เพื่อให้ทราบพฤติกรรมการไว้หนวดเคราของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขต ขอนแก่น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิชา วิศวกรรมอุตสาหการเชื่อม เพื่อให้ทราบแนวทางแก้ไข ปญั หาการไว้หนวดเคราของนักศึกษาและการปอ้ งกนั ปญั หาอ่นื ๆทจี่ ะเกิดขึ้นต่อไป วัตถปุ ระสงค์ของการวิจัย - ศกึ ษาพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราของนักศึกษาคณะครศุ าสตร์อตุ สาหกรรมสาขาวชิ าวศิ วกรรมอุตสา หการเชื่อมวา่ ส่งผลต่อการเรียนในระดบั ใด - ปรับปรงุ และแกไ้ ขพฤติกรรมการไวห้ นวดเคราของนักศึกษาคณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม สาขาวชิ า วศิ วกรรมอตุ สาหการเชอ่ื ม ขอบเขต ประชากร ในการศกึ ษาคน้ คว้าเป็นนกั ศึกษาคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวชิ า วิศวกรรมอตุ สา หการเชือ่ มประกอบ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น จานวน 50 คน ตวั แปรทศี่ กึ ษา ตวั แปรอสิ ระ คอื พฤติกรรมการไวห้ นวดเครา ตวั แปรตาม คือ พฤติกรรมการทาตามระเบียบมหาวิทยาลัยโดยการโกนหนวดเครา วัสดุ อุปกรณ์ และวธิ กี าร เครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นงานวจิ ัย แบบสอบถาม ขั้นตอนการออกแบบการดาเนนิ การ 1.วิเคราะหข์ อ้ มลู พื้นฐานของผู้เรียน การวิเคราะหผ์ เู้ รยี นไดก้ าหนดไวด้ ังนี้ ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือนักศึกษาระดับปริญญาตรี ห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเชื่อม คณะครุศาสตร์ อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแกน่ จานวน 50 คน 2.วเิ คราะหส์ าเหตขุ องพฤติกรรมนกั ศกึ ษาพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราของนักศึกษาโดยการหาค่ารอ้ ยละ ขน้ั ออกแบบแบบสอบถาม (Design) ผู้วิจัยดาเนินการสร้างแบบสอบถามเพื่อวัดพฤติกรรมนักศึกษาพฤติกรรมการไว้หนวดเคราข้ันตอนการ สรา้ งดังนี้ 1.ศกึ ษาเทคนคิ การสรา้ งแบบสอบถามจากเอกสารต่างๆ 2.สรา้ งแบบสอบถามเพอ่ื วดั พฤติกรรมของนกั ศึกษาเพอ่ื หาสาเหตุพฤติกรรมนกั ศกึ ษาพฤตกิ รรมการไว้ หนวดเคราของนกั ศึกษาหอ้ ง 4R สาขาวศิ วกรรมการเช่ือม จานวน 4 ด้าน โดยให้นักเรยี นใสห่ มายเลขลาดบั สาเหตุ ของพฤตกิ รรมนกั ศกึ ษาพฤตกิ รรมการไว้หนวดเคราจากลาดบั มากทส่ี ดุ ( ) ไปจนถงึ ลาดับนอ้ ยทส่ี ุด (4 )ด้าน ขน้ั ดาเนินการ ในการวิจยั คร้ังนี้ ผวู้ จิ ยั ได้มีการดาเนินการดังน้ี 1.นาแบบสอบถามเพ่ือศึกษาพฤติกรรมนักศึกษาพฤติกรรมการไว้หนวดเคราของนักศึกษาจานวน 50 คน เพื่อหาสาเหตุของพฤตกิ รรมนักศึกษาพฤติกรรมการไวห้ นวดเครา และทาการบันทกึ คะแนน 2.ดาเนินการหาค่าร้อยละของแตล่ ะข้อสาเหตุ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 7 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================ขัน้ วเิ คราะห์ขอ้ มูล 1.วิเคราะห์ขอ้ มูล - วิเคราะหผ์ ลจากคะแนนทีไ่ ดจ้ ากการทาแบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤตกิ รรม 2.สถิตทิ ใ่ี ช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู 4.2.1 การหาค่าร้อยละ ค่าร้อยละ = X x 100 N เมอ่ื X = คะแนนท่ีได้ N = จานวนนกั เรยี นทง้ั หมด ผลการประเมินแบบสอบถามของนกั ศกึ ษาในเร่ืองพฤตกิ รรมนักศกึ ษาพฤตกิ รรมการไว้หนวดเคราเกี่ยวกับการหาสาเหตุพฤตกิ รรมนักศกึ ษาพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราของนกั ศกึ ษาตาราง ผลการประเมินแบบสอบถามของนกั ศึกษาถึงสาเหตทุ ผ่ี ู้เรียนพฤติกรรมนกั ศกึ ษาพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเครา ระดบั ทสี่ ่งผลตอ่ การเรยี นคดิ เป็น เปอร์เซ็นต์สาเหตุ มาก มาก ปาน นอ้ ย น้อย ทีส่ ดุ กลาง ทีส่ ดุ รวม1.ด้านส่วนตัว 10 14 16 24 36 100มีปญั หาเกย่ี วกบั สขุ ภาพ 10 10 24 26 30 100ไวห้ นวดเคราตามเพอื่ น 16 20 16 18 30 100ไวห้ นวดเคราตามกระแสสังคม 20 12 18 18 32 100ไว้ตามหนวดเคราตามโลกโซเชยี ล2. ด้านครอบครวั 12 16 18 16 38 100ผูป้ กครองอนุญาตใหไ้ ว้หนวดเครา 14 14 20 26 26 100ผปู้ กครองไม่เห็นความสาคญั ของการไว้หนวดเครา 12 14 18 26 30 100ผู้ปกครองมคี วามรสู้ กึ ว่าเปน็ เรื่องสว่ นบุคคล 10 16 14 34 26 100ผปู้ กครองขาดการเอาใจใสต่ ่อการดูแลบตุ ร3. ด้านครู - อาจารย์ และการสอน 20 24 26 14 16 100ครูตาหนิ วา่ กลา่ ว ในการไวห้ นวดเครา 24 28 20 16 12 100ครูให้นักศึกษาไปโกนหนวกเครา 40 30 14 12 4 100ครหู ักคะแนนจติ พิสัยและคะแนนมาเรยี น 14 16 20 26 24 100ครูไมเ่ อาใจใส่และจูงใจให้นกั ศึกษาไวห้ นวดเครา4. ดา้ นสงั คม และสภาวะแวดลอ้ ม---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 8 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================เพื่อนชกั ชวนใหไ้ ว้หนวดเครา 6 14 24 26 30 100พ,่ี นอ้ ง,ในละแวกบ้านชักชวนใหไ้ ว้หนวดเครา 8 16 14 34 28 100ไวห้ นวดเคราตามสภาพที่เปน็ อยู่ 10 12 26 28 10 100สรุปผลวิจัยจากแบบสอบถาม ผลจากการวเิ คราะหแ์ บบสอบถามปัจจยั ทีม่ ผี ลต่อพฤติกรรมการไวห้ นวดเคราของนักศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวทิ ยาเขตขอนแกน่ คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม สาขาวชิ าวิศวกรรม อุตสาหกรรมการเชอ่ื มและส่งผลตอ่ การเรียนหรือไม่ สามารถจาแนกตามระดับความคดิ เหน็ ของผ้ตู อบแบบสอบถามดงั ตอ่ ไปนี้ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทั่วไปเกี่ยวกบั ผตู้ อบแบบสอบถาม จานวนผู้ตอบแบบสอบถามรวมท้ังส้นิ 50 คน โดยการส่มุ จากนักศึกษาชายทง้ั 154 คน เปน็ นกั ศกึ ษาชายชัน้ ปที ่ี 1 ถึง ช้ันปที ่ี 5 ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวทิ ยาเขตขอนแกน่ คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมสาขาวชิ าวิศวกรรม อตุ สาหกรรมการเช่อื มประกอบอายเุ ฉล่ียอยู่ 20 ปี ถงึ 23 ปี คิดเปน็ รอ้ ยละ 100 เปอร์เซน็ ต์ตอนท่ี 2 ความคดิ เห็นเกย่ี วกบั พฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราในด้านตา่ งๆวา่ ส่งผลตอ่ การเรียนหรือไม่ระดบั ความคดิ เห็นระดบั มากถงึ มากท่สี ดุ ด้านสว่ นตัว ความคดิ เหน็ ว่าพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราส่งผลต่อการเรียนในระดับมากคา่ เฉลี่ยอยูท่ ่ี 14เปอรเ์ ซน็ ต์ และ ระดบั มากที่สุด ค่าเฉล่ยี อยทู่ ี่ 14 เปอร์เซ็นต์ ดา้ นครอบครวั ความคิดเห็นว่าพฤติกรรมการไวห้ นวดเคราส่งผลตอ่ การเรียนในระดบั มากค่าเฉลีย่ อยู่ที่15 เปอรเ์ ซ็นต์ และ ระดบั มากทส่ี ุดคา่ เฉลย่ี อยู่ท่ี 12 เปอรเ์ ซ็นต์ ด้านครู - อาจารย์ และการสอน ความคดิ เห็นวา่ พฤติกรรมการไวห้ นวดเคราส่งผลต่อการเรยี นในระดบัมากค่าเฉล่ยี อย่ทู ่ี 24.5 เปอรเ์ ซน็ ต์ และ ระดบั มากทสี่ ดุ ค่าเฉล่ียอยทู่ ่ี 24.5 เปอร์เซน็ ต์ ด้านสังคม และสภาวะแวดล้อม ความคิดเห็นวา่ พฤติกรรมการไว้หนวดเคราส่งผลต่อการเรียนในระดบั มากค่าเฉล่ียอย่ทู ี่ 10.5 เปอรเ์ ซ็นต์และ ระดบั มากทส่ี ดุ คา่ เฉลยี่ อยู่ท่ี 6 เปอรเ์ ซน็ ต์ระดับความคดิ เห็นระดับปานกลาง ด้านส่วนตัว ความคดิ เหน็ วา่ พฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราสง่ ผลตอ่ การเรียนในระดบั ปานกลางค่าเฉล่ียอยู่ที่ 18.5 เปอรเ์ ซ็นต์ ดา้ นครอบครวั ความคดิ เห็นว่าพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราส่งผลตอ่ การเรียนในระดบั ปานกลางค่าเฉล่ยีอย่ทู ่ี 17.5 เปอร์เซน็ ต์ ด้านครู - อาจารย์ และการสอน ความคดิ เห็นว่าพฤติกรรมการไว้หนวดเคราสง่ ผลต่อการเรยี นในระดับปานกลางคา่ เฉลย่ี อยู่ที่ 20 เปอรเ์ ซน็ ต์ ด้านสงั คม และสภาวะแวดลอ้ ม ความคดิ เหน็ ว่าพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราส่งผลต่อการเรียนในระดบัปานกลางคา่ เฉล่ยี อยทู่ ่ี 21.34 เปอรเ์ ซ็นต์ระดบั ความคดิ เห็นระดบั นอ้ ยถึงนอ้ ยท่สี ดุ ดา้ นสว่ นตวั ความคดิ เห็นว่าพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราสง่ ผลตอ่ การเรยี นในระดับน้อยทส่ี ดุ คา่ เฉลยี่ อยทู่ ี่32 เปอร์เซ็นต์ และ ระดับน้อยคา่ เฉลยี่ อย่ทู ่ี 21.5 เปอร์เซน็ ต์ ดา้ นครอบครวั ความคิดเหน็ ว่าพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราสง่ ผลตอ่ การเรยี นในระดบั น้อยทสี่ ดุ ค่าเฉลย่ี อยู่ท่ี 30 เปอร์เซ็นต์ และ ระดับน้อยค่าเฉล่ยี อย่ทู ่ี 25.5 เปอรเ์ ซ็นต์---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 9 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ดา้ นครู - อาจารย์ และการสอน ความคดิ เห็นวา่ พฤติกรรมการไวห้ นวดเคราส่งผลตอ่ การเรยี นในระดับ นอ้ ยทีส่ ุดค่าเฉลีย่ อยทู่ ่ี 14 เปอร์เซน็ ต์ และ ระดับน้อยคา่ เฉลี่ยอยู่ท่ี 17 เปอร์เซน็ ต์ ดา้ นสงั คมและสภาวะ แวดล้อม ความคดิ เหน็ ว่าพฤติกรรมการไวห้ นวดเคราส่งผลต่อการเรียนในระดับนอ้ ยท่สี ดุ คา่ เฉลยี่ อยทู่ ี่ 22.67 เปอร์เซน็ ต์ และ ระดบั นอ้ ยคา่ เฉลีย่ อยทู่ ่ี 29.34 เปอร์เซ็นต์ การสังเกต การมีสว่ นร่วมและการสัมภาษณเ์ พิม่ เติม ผลจากการสงั เกตพบวา่ นกั ศกึ ษาสาขาวิชาครศุ าสตร์อุตสาหกรรมการเชือ่ มประกอบจะมพี ฤติกรรมการไว้ หนวดเคราก็ตอ่ เม่ือมีการเรียนการสอนในภาควิชาปกติและจะมีพฤตกิ รรมการโกนหนวดเคราในชว่ งท่มี กี ารสอบ กลางภาคและปลายภาคจากการสงั เกตและสุม่ สัมภาษณน์ ักศึกษาสาขาวิชาครศุ าสตร์อตุ สาหกรรมการเช่ือม ประกอบที่มีพฤติกรรมการไว้หนวดเครา อภิปรายผล จากการวจิ ยั พบว่า พฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราของนักศึกษา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวิทยา เขตขอนแกน่ คณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม สาขาวิชาวิศวกรรม อตุ สาหกรรมการเชอ่ื มประกอบ ส่วนใหญ่จะไมม่ ีการ ไว้หนวดเครา และ บางส่วนจะมกี ารไวห้ นวดเครา ส่วนนักศกึ ษาทไี่ วห้ นวดเคราจะโกนกต็ ่อเมื่อมกี ารสอบกลางภาค และปลายภาคเพราะถ้าไม่ทาตามกฎระเบียบมหาวิทยาลยั ครปู ระจาห้องสอบก็จะไมใ่ หเ้ ข้าหอ้ งสอบ พฤติกรรมการไว้หนวดเคราส่งผลต่อการเรยี นในด้านสว่ นตวั จะเหน็ ว่าในระดบั นอ้ ยทสี่ ดุ มคี ่าเฉลยี่ อยทู่ ี่ 32 เปอรเ์ ซ็นต์ จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมการไว้หนวดเคราไมส่ ง่ ส่งผลต่อการเรยี นในด้านส่วนตัว ดา้ นครอบครัวในระดับ น้อยที่สุดมคี ่าเฉลย่ี อยทู่ ี่ 30 เปอร์เซ็นต์ จะเห็นได้ว่าพฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราไมส่ ง่ สง่ ผลต่อการเรยี นในด้าน ครอบครัว ดา้ นครู - อาจารย์ และการสอนในระดบั มากและมากที่สดุ มีค่าเฉลยี่ อยทู่ ี่ 24.5 เปอรเ์ ซน็ ต์ และ อย่ทู ี่ 24.5 เปอร์เซน็ ต์ ตามลาดบั จะเห็นไดว้ ่าจะเห็นไดว้ า่ พฤตกิ รรมการไวห้ นวดเคราส่งสง่ ผลต่อการเรยี นในดา้ นครู - อาจารย์ และการสอน และ ดา้ นสงั คมและสภาวะแวดลอ้ มในระดบั นอ้ ยทีส่ ุดมคี ่าเฉลย่ี อยูท่ ่ี 22.67 เปอรเ์ ซน็ ต์ จะ เหน็ ได้ว่าพฤติกรรมการไวห้ นวดเคราไมส่ ่งส่งผลต่อการเรียนในดา้ นสงั คมและสภาวะแวดลอ้ ม แนวทางการแกไ้ ขปัญหาพฤตกิ รรมการไว้หนวดเคราของนกั ศกึ ษา 1. ครอู าจารย์หักคะแนนจติ พสิ ัย 2. ถา้ นักศึกษาไมโ่ กนหนวดเคราให้เรียบรอ้ ยกอ่ นมาเรยี น ไม่ใหน้ กั ศึกษาเข้าห้องเรียน 3. จดั กิจกรรมเกี่ยวกับการดูแลสขุ ภาพ 4. อาจารย์ท่ีปรึกษาควรดูแลเอาใจใส่ อบรม ตกั เตือน ใกล้ชิดใหม้ ากข้นึ 5. ทุกฝ่ายรว่ มมอื กนั ตัง้ แต่นกั ศกึ ษาจนถงึ ครูอาจารย์ 6.ทางมหาวิทยาลยั ควรตัง้ คณะตรวจสอบการแตง่ กายและการไวห้ นวดเคราของนกั ศึกษาเพื่อความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อยและภาพลักษณท์ ่ีดีของมหาวิทยาลยั ขอ้ เสนอแนะ 1.อาจารยผ์ สู้ อนแตล่ ่ะรายวิชา ควรให้ความสนใจ และตักเตือนเกย่ี วกับพฤติกรรมการไวห้ นวดเคราของ นกั ศึกษาอย่างสมา่ เสมอ 2.ควรทาระเบยี บการไว้หนวดเคราของนกั ศกึ ษาในการเข้าห้องเรยี น ห้องสอบ โดยมขี นั้ ตอนปฏิบัติที่ ชัดเจน---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 10 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ัยตอ่ ไป 1.ควรวจิ ัยการแต่งกายของนักศกึ ษา 2.ควรวจิ ัยการปฏบิ ัตติ ามระเบียบของมหาวิทยาลยั---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 11 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การปรับพฤติกรรมในการไม่กนิ ข้าวเชา้ ก่อนมาเรยี น Adjusting the behavior of not eating breakfast before school. ยุทธพงศ์ พลศิริ1 บทคัดยอ่ การศึกษาวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมของนักศึกษา แผนกวิศวกรรมการเชื่อมประกอบ ระดับ ปรญิ ญาตรี ปี 4 มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล อิสาน (วิทยาเขตขอนแก่น) ผู้วิจัยได้จัดแบบสอบถามเพื่อ ศึกษาสาเหตขุ องการไม่กนิ ขา้ วเชา้ ก่อนมาเรยี นของนกั ศกึ ษาจานวน3ดา้ นโดยใหน้ ักศึกษาเรียงลาดบั สาเหตกุ ารไม่กนิ ขา้ วเชา้ กอ่ นมาเรยี น ตามลาดบั ที่มากท่ีสดุ จนถึงน้อยทสี่ ดุ จากลาดับ5 – 1และได้ทาการนาผลของแต่ละสาเหตุมาหา ค่าสถิติ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานแล้วนาข้อมูลมาวิเคราะห์และหาข้อสรุป พร้อมทั้งนาเสนอในรูปของตารางประกอบคาบรรยายเพ่ือศึกษาพฤติกรรมของนักศึกษา ในเร่ืองการไม่กินข้าวเช้า กอ่ นมาเรยี น สาเหตุการไมก่ ินขา้ วเช้ากอ่ นมาเรียนของนกั ศึกษาแผนกวศิ วกรรมการเชอ่ื มประกอบ ระดับ ปริญญาตรี ปี 4 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (วิทยาเขตขอนแก่น) ท่ีเรียนในรายวิชาวิศวกรรมการเช่ือม 2 ในภาคเรียนท่ี 1/2560จานวน 15 คน มีพฤตกิ รรมการไม่กนิ ข้าวเช้าก่อนมาเรยี นด้วยเหตุผลส่วนตัวเป็นหลักโดยพฤติกรรมการตื่น สายมจี านวนมากทส่ี ดุ รองลงมาคือ ยังไม่หวิ Abstract This research aims to study the behavior of students in welding engineering department Bachelor's Degree 4 Rajamangala University of Technology Isan (Khon Kaen Campus) The researcher conducted a questionnaire to study the causes of non-eating morning meal there are 3 main reasons why students do not eat breakfast before school in order from highest to lowest, from 5 to 1 the results of each of the causes for the statistics frequency, percentage, mean, and standard deviation were used to analyze data and conclusions and presented in the form of a table description of student behavior. I do not eat breakfast before school. Cause not to eat breakfast before the students of the welding engineering students bachelor's Degree 4 Rajamangala University of Technology Isan (Khon Kaen Campus) Study in Welding Engineering 2 in the semester 1/2560 number 15 people do not eat breakfast before school for a reasonPersonally, the highest number of wake-up behaviors was followed by hunger. 1คณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น *E-mail: yutthaphong088@hotmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 12 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== บทนา ปัจจุบนั เทคโนโลยีบนโลกนเ้ี ปน็ สิง่ ใกลต้ ัวเราและใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลายซ่ึงส่งผลใหค้ นเราเข้าถึงไดง้ า่ ย เชน่ สอ่ื โซเชยี ลมีเดยี และ สอื่ อินเตอร์เนต็ ซึ่งเปน็ ที่นิยมในหมวู่ ยั รุน่ นกั เรยี น และ นักศกึ ษา ซงึ่ ทาใหค้ นทีใ่ ช้สือ่ โซเชียล มเี ดยี และ อินเตอรเ์ น็ต นีเ้ ปน็ คนทนี่ อนดึกโดยเฉพาะนกั เรยี น และ นักศึกษา ทต่ี อ้ งมีภาระหนา้ ท่ใี นการมาเรยี นใน ตอนเชา้ ในการมาเรียนตอนเช้าของนกั ศึกษาซง่ึ สว่ นใหญ่จะนอนดึกและต่ืนสายเลยทาใหไ้ ม่มเี วลาในการกนิ ขา้ วเช้า กอ่ นการมาเรยี นส่งผลกระทบต่อการเรยี นการศึกษา ทไ่ี มเ่ ตม็ ประสทิ ธภิ าพ และปัญหาอีกหลายๆ ด้านท่ีจะตามมา จากปญั หาทเ่ี กดิ ขึ้นผู้วิจัยทาการศกึ ษาเกยี่ วกับพฤตกิ รรมการไม่กนิ ขา้ วเชา้ ก่อนการมาเรยี น ทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบ จากการนอนดกึ และตนื่ สายของนกั ศกึ ษาแผนกวิชาวศิ วกรรมการเชื่อมประกอบ ระดบั ปรญิ ญาตรี ปี 4 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล อสี าน (วทิ ยาเขตขอนแกน่ ) นั้น เพ่ือให้สามารถทาการวเิ คราะห์ถึงผลกระทบท่ี เกิดขนึ้ จากการไม่กินข้าวเชา้ ก่อนมาเรยี นให้ถูกตอ้ งจงึ ไดจ้ ดั ทาวจิ ยั ในเร่ืองนข้ี ้ึน วัตถปุ ระสงค์โครงการ เพื่อศึกษาสาเหตขุ องการไมก่ ินข้าวเชา้ ก่อนมาเรียน เพอื่ ศึกษาผลกระทบของการไม่กนิ ขา้ วเช้ากอ่ นมาเรียน วสั ดุ อปุ กรณ์ และวธิ ีการ เคร่ืองมอื ท่ใี ชใ้ นงานวิจยั แบบสอบถาม ขนั้ ตอนการออกแบบการดาเนนิ การ 1.วเิ คราะหข์ อ้ มูลพนื้ ฐานของผู้เรยี นการวิเคราะห์ผเู้ รียนไดก้ าหนดไว้ดงั น้ี ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือนักศึกษาระดับปริญญาตรี ห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเช่ือม คณะครุศาสตร์ อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแกน่ จานวน 15 คน 2.วเิ คราะห์สาเหตุของการไม่รบั ประทานอาหารเช้ากอ่ นมาเรียนของนกั ศกึ ษาโดยการหาคา่ รอ้ ยละ ขั้นออกแบบแบบสอบถาม (Design) ผวู้ จิ ยั ดาเนินการสรา้ งแบบสอบถามเพื่อวดั พฤตกิ รรมการไม่รับประทานอาหารเชา่ ก่อนมาเรียนโดยมลี าดับ ข้นั ตอนการสร้างดังน้ี 1.ศกึ ษาเทคนคิ การสรา้ งแบบสอบถามจากเอกสารต่างๆ 2.สรา้ งแบบสอบถามเพ่อื วดั พฤติกรรมของนักศึกษาเพ่ือหาสาเหตุในการไม่รับประทานอาหารเช้าก่อนมา เรยี นนกั ศกึ ษาห้อง 4R สาขาวิศวกรรมการเชอ่ื มจานวน 8 ข้อ ขัน้ ดาเนนิ การ ในการวิจัยคร้งั นี้ผูว้ ิจยั ไดม้ ีการดาเนินการดงั น้ี 1.นาแบบสอบถามเพือ่ ศกึ ษาพฤติกรรมการไม่รับประทานอาหารเชา้ ก่อนมาเรียนของนักศกึ ษาจานวน 15 คนเพ่ือหา สาเหตขุ องการไม่รับประทานอาหารเช้ากอ่ นมาเรียน 2.ดาเนนิ การหาคา่ ร้อยละของแตล่ ะข้อสาเหตุ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 13 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ขัน้ วิเคราะหข์ ้อมลู 1.วิเคราะห์ข้อมลู - วิเคราะหผ์ ลจากคะแนนทไ่ี ด้จากการทาแบบสอบถามเพอ่ื ศึกษาพฤติกรรม 2.สถิตทิ ่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมลู 4.2.1 การหาค่าร้อยละที่ สาเหตุของการไมก่ ินข้าวกอ่ นมาเรยี น X S.D. แปลคา่ดา้ นส่วนตัว 4 0.85 มาก1 ต่ืนสาย 3.67 0.90 มาก2 เรง่ รีบ 3.87 0.92 มาก3 ยงั ไม่หิว 2.47 1.19 น้อย4 เบือ่ หน่ายไมอ่ ยากกิน 3.50 0.15 มากรวมดา้ นครอบครัว 2.87 1.13 ปานกลาง1 ผู้ปกครองไม่เห็นความสาคญั 3.80 0.94 มาก2 ที่บ้านไมไ่ ดเ้ ตรียม,ไม่มีใหก้ นิ 3.33 0.13 ปานกลางรวมดา้ นคร-ู อาจารย์ และการสอน 2.20 1.08 น้อย1 ครูมเี จตคตทิ ไี่ ม่ดตี ่อนักศกึ ษา 2.53 1.19 ปานกลาง2 ครไู มเ่ อาใจใส่และไมจ่ ูงใจนกั ศึกษา 2.37 0.07 นอ้ ยรวมคา่ ร้อยละ = X x 100 Nเมือ่ X = คะแนนท่ไี ด้ N = จานวนนักเรียนทงั้ หมดความคดิ เห็นเกย่ี วกับสาเหตุในการไมก่ นิ ขา้ วกอ่ นมาเรยี นของนกั เรียนในดา้ นตา่ งๆ โดยเจาะจงนักศึกษาที่ไม่กินข้าวก่อนมาเรยี นของนกั ศกึ ษาแผนกวชิ าวศิ วกรรมการเชอื่ มประกอบระดบั ปริญาตรี ปี4---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 14 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== จากตารางท่ี แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาเหตุในการไม่กินข้าวก่อนมาเรียนของนักเรียนในด้านต่าง ๆ ที่มีความ คดิ เห็นทแ่ี ตกตา่ งกนั ในแตล่ ะด้าน พบวา่ ด้านส่วนตัว พบวา่ ปญั หาทเี่ ปน็ สาเหตใุ นการไม่กนิ ข้าวเช้ากอ่ นมาเรยี นดา้ นส่วนตัวของนกั เรยี นนักศึกษาโดยภาพรวมมี เกณฑ์คา่ เฉลย่ี อยู่ในระดับมากคอื (X= 3.50, SD = 0.15)รายข้อพบว่าการตื่นสายมีเกณฑ์ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก( X= 4, SD = 0.85)รองลงมา คือ เร่งรีบมีเกณฑ์ค่าเฉล่ียอยู่ในระดับมาก( X= 3.67, SD = 0.90)รองลงมา คือ ยังไม่ หิวมีเกณฑ์ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก( X= 3.87, SD = 0.92) และเบื่อหน่ายไม่อยากกินมีเกณฑ์ค่าเฉล่ียอยู่ในระดับ นอ้ ย (X= 2.47, SD = 1.19) ด้านครอบครัว พบว่าปัญหาท่ีเป็นสาเหตุในการไม่กินข้าวเช้าก่อนมาเรียนด้านครอบครั วของนักเรียนนักศึกษาโดย ภาพรวมมเี กณฑค์ า่ เฉลยี่ อยู่ในระดับปานกลางคือ (X= 3.33, SD = 0.13)รายข้อพบวา่ ผูป้ กครองไม่เห็นความสาคัญ มีเกณฑ์คา่ เฉลี่ยอยใู่ นระดับปานกลาง(X= 2.87, SD = 1.13) และท่ีบ้านไม่ได้เตรียม,ไม่มีให้กินมีเกณฑ์ค่าเฉลี่ยอยู่ ในระดบั มาก(X= 3.80, SD = 0.94) ดา้ นครู – อาจารย์ และการสอน พบวา่ ปัญหาทเี่ ป็นสาเหตุในการไมก่ นิ ขา้ วเช้ากอ่ นมาเรียนด้านครู– อาจารย์ และการสอน ของนักเรยี นนกั ศึกษาโดยภาพรวมมีเกณฑ์ค่าเฉลี่ยอย่ใู นระดับน้อยคือ ( X= 2.37, SD = 0.07)รายข้อพบว่าครูมีเจต คติที่ไม่ดีต่อนักศึกษามีเกณฑ์ค่าเฉล่ียอยู่ในระดับน้อย( X= 2.20, SD = 1.08) และครูไม่เอาใจใส่และไม่จูงใจ นักศึกษามีเกณฑค์ า่ เฉลีย่ อยู่ในระดับปานกลาง(X= 2.53, SD = 1.19) สรปุ ผลงานวจิ ัย จากผลการตอบแบบสอบถามเรือ่ งความประพฤติของนักศึกษาแผนกวิชาวิศวกรรมการเช่ือม ระดับปริญญา ตรี ปี 4 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน (วิทยาเขตขอนแก่น)จานวน 15 คนพบว่าสาเหตุท่ีไม่กินข้าวเช้า ก่อนเรียนมากท่ีสุดอันดับที่ 1 คือ ตื่นสายมีเกณฑ์ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ( X= 4, SD = 0.85) รองลงมาคือ ยังไม่ หิวมีเกณฑ์ค่าเฉล่ียอยู่ในระดับมาก ( X= 3.87, SD = 0.92) ซ่ึงสาเหตุนี้เราก็มองได้หลายมุม ว่านักศึกษา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล อีสาน (วิทยาเขตขอนแก่น) เป็นนักศึกษาชายยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น อาจมาจากนิสัย ของนักเรียนเองที่ขาดความรับผิดชอบในหน้าท่ี ความกระตือรือร้น หรือท่ีเรียกว่าขาดความพึงพอใจในการทางาน ของตน ซึ่งเป็นพฤติกรรมท่ีแก้ไขได้ยากข้ึนกับความตระหนักในหน้าที่ของตนเองและการมีวินัยรู้จักยับย้ังช่ังใจของ แตล่ ะบุคคลแตค่ รูผู้สอนสามารถแนะนาวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นหรือสร้างแรงจูงใจให้เกิดการสนใจเรียนให้มากข้ึน ซ่งึ การจงู ใจนส้ี อดคล้องกับ ไมเคิล คอมแจน (Domjan1996: 199) อ้างถึงในฝ่ายพัฒนาวิชาการ รายงานวิจัยในชั้น เรยี น: 2555 อธบิ ายว่าการจงู ใจเปน็ ภาวะในการเพ่มิ พฤตกิ รรมการกระทากิจกรรมของบุคคลโดยบุคคลจงใจกระทา พฤติกรรมนั้นเพอื่ ให้บรรลุเปา้ หมายที่ต้องการ และการใช้สิทธ์ิในการขาดเรียนได้ไม่เกิน 4 ครั้งซ่ึงข้อน้ีเป็นข้อตกลง เริ่มต้นของการเรียนการสอนระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนดังนั้นครูผู้สอนควรแก้ไขโดยการสร้างแ รงจูงใจโดยการให้ คะแนนพิเศษสาหรับผู้ไม่ขาดเลย หรือการกล่าวยกย่องชมเชยซึ่ง สอดคล้องกับ ทฤษฎีลาดับขั้นความต้องการ (Maslow’s Hierarchical Theory of Motivation) ท่ีบอกว่าความต้องการของมนุษย์อีกข้ันคือการได้รับยกย่อง สรรเสริญ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 15 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การกินอาหารในห้องเรียนของนกั ศกึ ษา Eating in the Student's Classroomณัฐพงษ์ ทัพธานี1บทคดั ยอ่งานวจิ ัยนมี้ วี ัตถุประสงค์เพ่ือ(1) ศึกษาสาเหตุการกินอาหารในห้องเรียนของนักศึกษาสาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหการเชื่อมประกอบหอ้ ง TIW 4 R มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแกน่ ปกี ารศกึ ษา 2560(2) ศึกษาตวั ประกอบที่สมั พนั ธ์กบั แนวโน้มในการกินอาหารในห้องเรียนของนักศึกษาสาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหการเช่ือมประกอบ ห้อง TIW 4 R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา2560 ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ นักศึกษาสาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหการเช่ือมประกอบ ห้องTIW 4 Rมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแก่น ปีการศึกษา 2560จานวน 27คน คิดเป็นร้อยละ 100.0เก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยแบบสอบถามจานวน 27คน สถติ ทิ ี่ใช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ กลุ่มตัวอย่างที่กินอาหารในห้องเรยี นซ่ึงเป็นผูต้ อบแบบสอบถามเก่ยี วกับสาเหตุการกินอาหารในห้องเรียน เป็นเพศชายและหญิง โดยแยกช่วงอายุของนักศึกษา ช่วงอายุต่ากว่า 20 -24 ปีข้ึนไป และปัญหาท่ีเป็นสาเหตุของการกินอาหารในห้องเรียนของนักศึกษามี 4 ด้าน คือ ปัญหาด้านส่วนตัว ด้านครอบครัว ด้านครู – อาจารย์ เก่ียวกับการเรียนการสอน และปัญหาด้านสังคม และสภาวะแวดลอ้ ม ผ้ตู อบแบบสอบถามเปน็ นกั ศึกษา ประจาสาขาช่างเชื่อม พบว่าสาเหตุท่ีนักศึกษากินอาหารในห้องเรียน คือ มีปัญหาในการตามเพื่อนและแบ่งเวลาไม่เหมาะสม อยู่ในระดับมากรองลงมา คือ ครูไมเ่ อาใจใสแ่ ละจงู ใจนักศกึ ษา การคบเพ่ือนไม่ดี ผู้ปกครองขาดการเอาใจใส่ต่อนักศึกษา กิจกรรมการเรียนการสอนไมน่ า่ สนใจ ปัญหาในการเดินทางมาเรียน และอย่ใู นระดับปานกลางตามลาดบั 1คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแก่น *E-mail: natthaphong191995@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 16 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== Abstract This research aims to (1) study the causes of food consumption in the classroom of industrial education students connecting TIW 4 R room, Rajamangala University of Technology Isan, Khon Kaen Campus, academic year 2016 (2) Factors related to food trends in the classroom of industrial education students connecting room TIW 4 R Rajamangala University of Technology Isan Khon Kaen Campus Academic year 2016 The study population consisted of TIW 4 R, Rajamangala University of Technology Isan, and Khon Kaen University. Data were collected by 27 questionnaires. The data used in the data analysis were the percentage of the sample who ate the food in the classroom, who were the respondents about the cause of eating in the classroom. Male and female By separating the age range of students. Over the age of 20 -24 years, the problem of eating in the classroom of students is four. This is a personal problem in the family. Teachers - Teachers about teaching. And social issues. And environment Respondents are students. Welding Engineer Find out why students eat in the classroom I have trouble with my friends and I do not have time. In the second level, the teacher is not caring and motivating the students. Not good friends Parents lack attention towards students. Teaching activities are not interesting. Problems in traveling And moderately, respectively. บทนา การศึกษาเป็นกิจกรรมอย่างหน่ึงท่ีมนุษย์ถ่ายทอดส่ิงที่มีอยู่ให้แก่กัน โดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์แก่ ผรู้ ับ การศึกษาเปน็ กระบวนการท่ชี ว่ ยพฒั นาหรือปรบั ปรงุ จิตใจ อุปนิสัย และคุณสมบัติทางกายภาพของมนุษย์ให้ดี ขึ้น และการศกึ ษาเปน็ กระบวนการที่ต่อเนื่องกันจนตลอดชีวิต โดยมีจุดมุ่งหมายให้มนุษย์มีชีวิตท่ีดีดังนั้นการศึกษา จึงกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนามนุษย์ เพราะการศึกษาทาให้มนุษย์ มีสังคมท่ีดีมีความเป็นอยู่ดี มนุษย์ สามารถดัดแปลงวิธีการตา่ ง ๆ มาใช้ในชวี ติ วธิ กี ารท่ีเคยพบมาชว่ ยแก้ปัญหาตา่ ง ๆ ให้ลุล่วงจึงดารงชีวิตอย่างเป็นสุข การศึกษาเป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้การฝึกการ อบรมการสืบสานทางวัฒนธรรมการสร้างสรรค์ความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจาก สภาพแวดล้อม สงั คมแหง่ การเรยี นรแู้ ละปัจจัยเก้ือหนนุ ให้บคุ คลเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต การจัดการ ศึกษาต้องเป็นไปเพ่ือพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ท้ังร่างกายและจิตใจ สติปัญญา ความรู้คุณธรรม จริยธรรมและวฒั นธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยูร่ ว่ มกับผู้อ่ืนได้อยา่ งมีความสขุ เพอื่ ให้การใชห้ ลกั สูตรการศึกษา พระราชบัญญัติการศกึ ษาบรรลตุ ามเป้าหมายที่กาหนดไวส้ ถานศึกษาต้องมีการประสาน ประชาสัมพันธ์และร่วมมือ กับบิดามารดาผู้ปกครองและบุคคลในชุมชนในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สาขาวชิ าครุศาสตรอ์ ตุ สาหการเช่อื มประกอบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น ห้อง TIW 4 R ซ่งึ มีจานวนทัง้ หมด 27 คน เป็นนักศกึ ษาชายแลหญิงในจานวนนี้ยังมีนักศึกษาอีกหลายคนที่ยังละเลย ไม่เอาใจ ใส่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของ มหาวิทยาลัยฯ และท่ีสาคัญปัญหาที่เกิดข้ึน เช่น การกิน อาหารในห้องเรยี น การกนิ อาหารในห้องเรียนเป็นปัญหาทส่ี าคัญในการจะส่งผลให้นักศึกษา ไม่ต้ังใจเรียน และการ ไม่เข้าใจ ดังนั้น นกั ศกึ ษากลมุ่ นี้ทีจ่ ะเปน็ ปญั หาใหก้ บั มหาวิทยาลัยฯ และกลมุ่ เพือ่ นในหอ้ งเรยี นและยังจะส่งผลให้ไม่---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 17 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================สามารถท่ีจะศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจในที่ จากสาเหตุดังกล่าวเป็นสาเหตุที่ทาให้ผู้วิจัยมีความสนใจท่ีจะศึกษาเก่ยี วกับสาเหตกุ ารกินอาหารในห้องเรยี นของนกั ศึกษาในระดบั ปีท่ี 4 ห้อง TIW 4 R สาขาวชิ าครศุ าสตรอ์ ุตสาหการเช่ือมประกอบมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น เพ่ือหาแนวทางแก้ไขปัญหา และหาแนวทางป้องกันปัญหาการกินอาหารในห้องเรียนของนักศึกษา ผลท่ีได้จากการวิจัยนี้จะเป็นข้อมูลพ้ืนฐาน และแนวทางในการปรบั ปรุงการเรียนการสอน อันจะเปน็ ประโยชนต์ ่อผสู้ อนวัตถปุ ระสงคโ์ ครงการการศึกษาน้ีมีเป้าหมายท่ีจะทาการศึกษาเก่ียวกับสาเหตุการกินอาหารในห้องเรียนของนักศึกษา ในระดับช้ันปีที่ 4สาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหการเชื่อมประกอบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นโดยมีวัตถุประสงค์ดงั ตอ่ ไปน้ี 1เพ่ือศึกษาหาสาเหตุการกินอาหารในห้องเรียนของนักศึกษาสาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหการเชื่อมประกอบ หอ้ ง TIW 4 R มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแกน่ 2เพื่อศึกษาแนวโน้มในการกินอาหารในห้องเรียนของนักศึกษาที่เรียนใน สาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหการเชอ่ื มประกอบ ห้อง TIW 4 Rมหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่น 3 เพ่ือลดอตั ราการกินอาหารในห้องเรียนของนักศึกษา สาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหการเชื่อมประกอบห้อง TIW 4 Rมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแกน่แบบสอบถามขนั้ ตอนการออกแบบการดาเนินการ การศกึ ษาเรอ่ื งน้มี ุ่งศกึ ษาเกยี่ วกับเกย่ี วกบั สาเหตุการการกินอาหารในหอ้ งเรยี นของนักศึกษาสาขาวชิ าครุศาสตร์อุตสาหการเช่ือมประกอบ ห้องTIW4R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแก่นปีการศกึ ษา 2560 ในครงั้ นผี้ ศู้ ึกษาได้ดาเนินการตามขั้นตอนดงั ต่อไปน้ี 1. ขอบเขตของการวจิ ัย 2. เครือ่ งมอื ท่ีใชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู 3. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 4. การตรวจสอบข้อมลู 5. การวิเคราะห์ข้อมลู 6. นาเสนอขอ้ มลู การวิเคราะหข์ ้อมลู ผู้ศึกษาทาการท าการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป SPSS ForWindows โดยวเิ คราะหข์ ้อมูลสาเหตใุ นการกนิ อาหารในห้องเรยี นของนกั ศึกษาจากกลุ่มตวั อย่าง นกั ศึกษาสาขาวิชาครศุ าสตรอ์ ตุ สาหการเช่ือมประกอบ หอ้ ง TIW 4 R มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอสี านวิทยาเขตขอนแก่นโดยใช้สถิติค่ารอ้ ยละคา่ เฉล่ียและ ค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน ตามเกณฑ์การวิเคราะห์ โดยมีเกณฑ์ ดังน้ีค่าร้อยละ (Percent tile)N x 100 N = แทนจานวนข้อมูลn n = แทนผลรวมของขอ้ มูลท้งั หมด---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 18 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================เกณฑก์ ารวดั ค่าเฉล่ยีคะแนนเฉลย่ี 4.51 – 5.00 หมายถึง ระดับทจ่ี ะมีผลต่อการมาเรียนสายมากทสี่ ุดคะแนนเฉล่ยี 3.51 – 4.50 หมายถึง ระดับท่ีจะมผี ลตอ่ การมาเรยี นสายมากคะแนนเฉลยี่ 2.51 – 3.50 หมายถึง ระดับท่จี ะมีผลตอ่ การมาเรียนสายปานกลางคะแนนเฉล่ยี 1.51 – 2.50 หมายถงึ ระดบั ทจี่ ะมผี ลตอ่ การมาเรียนสายน้อยคะแนนเฉล่ีย 1.00 - 1.50 หมายถึง ระดบั ท่ีจะมผี ลต่อการมาเรยี นสายน้อยท่สี ดุค่าเฉลีย่ X =  x n เม่ือ X = แทน คา่ เฉลี่ย X = แทนผลรวมของข้อมูลทั้งหมด N = แทนจานวนขอ้ มลูสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน มสี ตู รคานวณ ดังน้ีS.D. = n X2 - (X)2 n(n – 1) เมอ่ื S = แทน สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน X = แทน ผลรวมของคะแนน n = แทนขนาดของกลมุ่ ตัวอยา่ งความคิดเห็นเก่ียวกับสาเหตุในการกินอาหารในห้องเรียนของนักเรียนในด้านต่าง ๆ โดยเจาะจงนักศึกษาท่ีกินอาหารในห้องเรียนของนักเรียนในระดับช้ันปีที่ 4 สาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหกรรมเชื่อมประกอบ ห้อง TIW 4 Rมหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแก่น ปกี ารศกึ ษา 2560ที่ สาเหตุ X S.D. แปลว่าด้านส่วนตวั1 ตนื่ สาย 4 0.85 มาก2 มาเรียนตามเพอ่ื น 3.69 1.20 มาก3 แบง่ เวลาไมเ่ มาะสม 4.14 1.16 มาก4 ปัญญาดา้ นการเดนิ ทางมาเรียน 3.06 1.45 ปานกลางดา้ นครอบครัว1 ผูป้ กครองไม่เห็นคามสาคัญของการเรยี น 2.86 1.45 ปานกลาง---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 19 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================2 ผ้ปู กครองไมเ่ อาใจใส่ หรือ อบรมสั่งสอน 2.94 1.45 ปานกลางดา้ นครู - อาจารย์ และการสอน1 ครูมีเจตคตทิ ่ีไม่ดตี อ่ นักศึกษา 2.60 1.35 ปานกลาง2 ครูไม่เอาใจใสแ่ ละจงู ใจนกั ศกึ ษา 2.74 1.31 ปานกลาง3 การเรยี นการสอนไมน่ ่าสนใจ 2.97 1.17 ปานกลางดา้ นสังคม และสภาวะแวดล้อม1 การขาดมนุษยส์ ัมพนั ธ์ 2.69 1.23 ปานกลาง2 การคบเพ่ือนไม่ดี 2.63 1.14 ปานกลางจากตาราง แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับสาเหตุในการกินอาหารในห้องเรียนของนักเรียนในด้านต่าง ๆ ท่ีมีความคดิ เห็นทแ่ี ตกตา่ งกนั ในแต่ละด้าน พบว่าด้านสว่ นตัว พบวา่ ปญั หาทีเ่ ป็นสาเหตุในการกนิ อาหารในหอ้ งเรียนด้านส่วนตัวของนักเรียนนักศึกษา คือ ต่ืนสาย แบ่งเวลาไม่เหมาะสม และมาเรียนตามเพื่อน อยู่ในระดับมาก ( X = 3.51- X = 4.50) รองลงมา คือ การเดินทางมาเรยี น อยใู่ นระดบั ปานกลาง ( X = 2.51 - X = 3.50)ด้านครอบครวั พบว่าปัญหาท่ีเป็นสาเหตุในการกินอาหารในห้องเรียน ของนักเรียนนักศึกษา คือ ผู้ปกครองไม่เห็นความสาคัญ และ ผปู้ กครองขาดการเอาใจใส่ของนักศึกษา อยใู่ นระดับปานกลาง( X = 2.51 - X = 3.50)ด้านครู – อาจารย์ และการสอน พบว่าปัญหาที่เป็นสาเหตุในการกินอาหารในห้องเรียน ด้านครู – อาจารย์และการสอนของนักเรียนนกั ศึกษา คอื ปัญหาครูมีเจตคติที่ไม่ดีต่อนักศึกษา และ ครูไม่เอาใจใส่และจูงใจนักศึกษา และการเรียนการสอนไม่น่าสนใจ อยใู่ นระดบั ปานกลาง คอื ( X = 2.51 - X = 3.50)ด้านสังคม และสภาวะแวดลอ้ ม พบว่าปัญหาท่ีเป็นสาเหตุในการกินอาหารในห้องเรียนด้านสังคม และสภาวะแวดล้อม ของนักเรียนนกั ศึกษาซ่งึ มปี ัญหาการขาดมนษุ ยส์ มั พันธ์ และ การคบเพอ่ื น อยใู่ นระดบั ปานกลาง คือ ( X = 2.51 - X = 3.50สรปุ ผล จากการศึกษาวิจัย เรื่อง สาเหตุการกินอาหารในห้องเรียนของนักศึกษาช้ันปีท่ี 4สาขาวชิ าครศุ าสตร์อุตสาหการเชื่อมประกอบ ห้อง TIW 4 R มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตขอนแกน่ สรุปผลได้ดงั น้ี---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 20 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ตอนที่ 1 จากการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างท่ีมาเรียนสายซ่ึงเป็นผู้ตอบแบบสอบถามเก่ียวกับสาเหตุ การมาเรยี นสาย จานวน 27คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100.0โดยแยกช่วงอายุของนักศึกษา ช่วงอายุ20 – 24 ปี และผู้ตอบแบบสอบถามเป็นนักศึกษาในช้ันปีท่ี 4 สาขาวิชาครุศาสตร์อุตสาหการเชื่อมประกอบ ห้อง TIW 4 R มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลอสี านวทิ ยาเขตขอนแก่น ตอนท่ี 2 ความคิดเห็นเก่ียวกับสาเหตุในการกินอาหารในห้องเรียนของนักเรียนในด้านต่าง ๆ โดย เจาะจงนักศึกษาที่กนิ อาหารในห้องเรียน ด้านส่วนตัว ด้านส่วนตัวพบว่าปัญหาที่เป็นสาเหตุในการกิน อาหารในห้องเรียนด้านส่วนตัวของนักเรียนนักศึกษา คือ มีแบ่งเวลาไม่เหมาะสม มาเรียนตามเพื่อน อยู่ในระดับมาก ( X = 3.51- X = 4.50) รองลงมา คือ การเดินทางมาเรียน อยู่ในระดับปาน กลาง (X = 2.51 - X = 3.50)ด้านครอบครัว พบว่าปัญหาท่ีเป็นสาเหตุในการกินอาหารในห้องเรียน ด้านครอบครัวของนักเรียนนักศึกษา คือปัญหาผู้ปกครองไม่เห็นความสาคัญ และ ผู้ปกครองขาดการ เอาใจใส่ต่อการเรียนของนักศึกษา อยู่ในระดับปานกลาง ( X = 2.51 - X = 3.50) ด้านครู – อาจารย์ และการสอน พบว่าปัญหาที่เป็นสาเหตุในการกินอาหารในห้องเรียน ด้านครู – อาจารย์และ การสอนของนกั เรียนนกั ศกึ ษา คอื ปัญหาคอื ครมู เี จตคติทีไ่ ม่ดีต่อนกั ศึกษา และ ครูไม่เอาใจใส่ และจูง ใจนักศึกษา และการเรียนการสอนไม่น่าสนใจ อยู่ในระดับปานกลาง คือ ( X = 2.51 - X = 3.50) ด้านสังคม และสภาวะแวดล้อม พบว่าปัญหาท่ีเป็นสาเหตุในการกินอาหารในห้องเรียน ด้านสังคม และสภาวะแวดล้อม ของนักเรียนนักศึกษาซ่ึงมีปัญหาการขาดมนุษย์สัมพันธ์ และ การคบเพ่ือนไม่ดี อยู่ในระดับปานกลาง คอื ( X = 2.51 - X = 3.50)---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 21 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การวิเคราะห์แบบประเมินมาตรฐานวิชาชีพระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง สาขาวิชาชา่ งโยธา Analysis of Professional Standards Assessmant for Diploma of Vocational Education สุบรร ผลกะสิ 1* คะนึงนิตย์ จับใจเหมาะ 2 นงลักษณ์ พรหมราช 3 พชรพล คุณุรัตน์ 4 และพรมพร พรหมเมตตา 5 บทคดั ย่อ การวิเคราะห์แบบประเมนิ มาตรฐานวชิ าชพี (ภาคทฤษฎ)ี หลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชพี ชนั้ สูงประจาปี การศกึ ษา 2559 ประเภทวชิ าช่างอตุ สาหกรรมสาขาวชิ าช่างโยธา เพื่อหาคุณภาพของ แบบประเมนิ ผลวิชาชพี ใน ระดับประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ช้ันสงู ช่างโยธาการวเิ คราะห์ตวั แปรไดแ้ ก่ ระดับความยากง่าย อานาจการจาแนก อานาจตวั ลวงและคา่ ความเชอ่ื มั่น ผลการวิเคราะห์มีดงั นี้ ระดบั ความยากง่ายพบว่าขอ้ สอบทคี่ วรปรบั ปรงุ มจี านวน 28 ขอ้ ค่าอานาจจาแนกพบวา่ มีข้อสอบที่ควรปรบั ปรุงจานวน 53 ขอ้ อานาจตัวลวงพบวา่ มอี านาจตวั ลวงทีไ่ มด่ ี มากกวา่ อานาจตวั ลวงที่ดี คา่ ความเช่อื มั่นของแบบทดสอบทง้ั 3 แบบพบว่ามีคา่ ความเชอื่ ม่นั ใกลเ้ คยี งกนั ท้ัง 3 แบบ โดยภาพรวมของแบบประเมนิ ทัง้ หมดพบว่าจานวนแบบประเมินแยกตามรายวิชามคี า่ แตกต่างกนั มากส่วนใหญ่อยู่ใน เกณฑท์ ่ีควรปรบั ปรุง ขอ้ สอบควรจะมีข้อยากข้อง่ายสลบั กันไป ควรเพมิ่ ประสิทธภิ าพตัวลวงให้ดขี ึน้ คาสาคัญ: ระดบั ความยากงา่ ย ค่าอานาจการจาแนก อานาจตวั ลวง ค่าความเชื่อมนั่ ของแบบทดสอบ 1 อาจารยส์ บุ รร ผลกะสิ สาขาวชิ าวศิ วกรรมโยธา คณะครศุ าสตร์อุตสาหกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน วิทยาเขต2ขอนแกน่ 40000 2 อาจารย์ คะนงึ นิตย์ จับใจเหมาะ สาขาวศิ วกรรมหลงั การเกบ็ เกยี่ วและแปรสภาพ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วทิ ยาเขตขอนแก่น 40000 3 นักศึกษาสาขาวิศวกรรมโยธา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขต ขอนแกน่ 40000 3 Lecturer, Departmant of Postharvest and Processing Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Isan, Khonkhan Campus Khonkhan 40000 *Corresponding auther. E-mail: nongluk0202@gmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 22 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== Abstract This research project aimed to investigate the quality of an examination for Diploma students of Civil Technology Program to select the qualified question items and prepare for the professional assessment of Diploma graduates. The research instruments included an assessment form of professional autonomy (Theoretical Section) for Diploma students of Civil Technology, who enrolled in academic year 2016. The data were analysed to identify the level of difficulty, discrimination power, distracter efficiency, and the reliability. The findings showed that 28 items of the examination needed improvements in terms of level of difficulty, and 53 items revealed problems of discrimination power. In this study, the item reliability was examined in three ways: Split-half Reliability, Kuder-Richardson Formula, and Cronbach’s Alpha; and the results showed consistent reliability scores of the test obtained from the three formulas. When examining the chance that the exam items allowed students for guessing, The findings from this research study reflected the need of improvements for most of the exam items. Especially, the balance between easy and difficult questions should be created; and the efficiency of distracters should be improved. Keywords: Level of Difficulty, Discrimination Power, Distractors, Reliability บทนา กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง พุทธศักราช 2557 พร้อมทั้ง ระเบียบกระทรวงศึกษาธกิ ารวา่ ด้วยการจัดการศึกษาและการประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรได้กาหนดหลักการ ในการประเมินผลการเรียน โดยให้หน่วยงานต้นสังกัดร่วมกับสถานศึกษาดาเนินการส่งเสริมคุณภาพและควบคุม มาตรฐานการอาชีวศึกษาการประเมินผลการเรียนผู้เรียนต้องรับการประเมินมาตรฐานวิชาชีพเมื่อผู้เรียนได้ ลงทะเบียนเรียนครบทุกรายวิชาตามหลักสูตรแต่ละประเภทวิชา สาขาวิชา หรือตามระยะเวลาท่ีคณะกรรมการ ประเมนิ มาตรฐานวิชาชพี เหน็ สมควร คณะครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรมมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ซ่ึงได้จัดการเรียน การสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ป.วส.) ได้จัดทาแบบประเมินมาตรฐานวิชาชีพระดับ ป.วส. ท้ัง ภาคทฤษฎีและปฏิบัติตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ เพ่ือยกระดับมาตรฐานวิชาชีพชองผู้จบการศึกษาให้ สูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบเพ่ือทดสอบว่า ข้อสอบขอ้ ใดเหมาะสมที่จะนาไปเป็นข้อสอบมาตรฐานจึ่งมคี วามสาคญั เปน็ อย่างยิง่ ดังนั้นในการศึกษาคร้ังน้ีจึงมีวัตถุประสงค์ เพ่ือวิเคราะห์แบบประเมินมาตรฐานวิชาชีพ (ภาคทฤษฎี) หลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูงเพ่ือนาผลการวเิ คราะหม์ าเปน็ แนวทางปรับปรงุ แบบประเมินมาตรฐานวชิ าชีพ ในปีถัดไป วิธกี ารศกึ ษา ศกึ ษาข้อมลู และเนอ้ื หาท่เี กย่ี วขอ้ งและศึกษาทฤษฎีและวิธีการวิจยั การวเิ คราะหข์ ้อสอบ ตัวอยา่ งทใี่ ช้ใน การวจิ ัยเพือ่ หาคณุ ภาพของข้อสอบที่ใช้ในการทดสอบ ข้อสอบแบบประเมนิ มาตรฐานวชิ าชีพ (ภาคทฤษฎี) หลักสตู ร---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 23 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพช้ันสงู ประจาปีการศกึ ษา 2559 ประเภทวิชาชา่ งอุตสาหกรรม สาขาวิชาช่างโยธามหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแก่น คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรม สาขาวชิ าช่างโยธา เปน็ขอ้ สอบปรนัยท้งั หมด 100 ข้อ ข้อ โดยมผี ู้เข้าสอบ จานวน 53 คน เครอื่ งมอื ที่ใชใ้ นการวจิ ยั เพอ่ื หาคณุ ภาพของขอ้ สอบทีใ่ ชใ้ นการทดสอบ มีดังน้ี ค่าอานาจการจาแนกของข้อสอบ ระดบั ความยากงา่ ย อานาจตัวลวง ความเชอ่ื มัน่ของแบบทดสอบ รวบรวมข้อมลู ข้อสอบแบบประเมินมาตรฐานวชิ าชีพ (ภาคทฤษฎี) หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชน้ั สงู ประจาปกี ารศกึ ษา 2559 ประเภทวชิ าชา่ งอุตสาหกรรมสาขาวิชาช่างโยธา ลาดับท่ีสองจัดแบ่งขอ้ มลูเนือ้ หาขอ้ สอบตามรายวชิ าและลาดับท่สี ามนาผลการตรวจข้อสอบตามรายวชิ าไปทาการวเิ คราะห์ทฤษฎแี ละงานวิจยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษากระทรวงศึกษาธกิ าร(สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษากระทรวงศึกษาธกิ าร, 2557) ไดก้ ลา่ วไว้วา่ การประเมินมาตรฐานวชิ าชีพ คณุ ภาพของการอาชีวศึกษาในสว่ นของการประเมนิ มาตรฐานวชิ าชีพ หมายถึง การทดสอบความรู้ความสามารถและทกั ษะตลอดจนลักษณะนิสยั ในการปฏบิ ตั ิงานตามมาตรฐานวิชาชีพโดยใช้เครื่องมือที่เหมาะสม ซ่ึงกาหนดเกณฑก์ ารตดั สินไวช้ ดั เจน พร้อมท้งั จัดการดาเนินการประเมนิ ภายใตเ้ งือ่ นไขท่ีเป็นมาตรฐาน ภัทรา นิคมานนท์ (นคิ มานนท,์ 2535) ได้กลา่ วไว้ว่าคา่ ความยากง่าย (P) คอื ค่าระดับความยากเป็นตัวเลขอยรู่ ะหว่าง 0-1.00 หรอื 0.00-1.00 ข้อทดสอบขอ้ ใดมคี า่ P สูง แสดงว่ามนี กั เรยี นทาขอ้ นน้ั ถกู มากเป็นข้อทดสอบงา่ ย ข้อทดสอบขอ้ ใดมีคา่ P ต่า แสดงว่ามนี กั เรียนทาขอ้ นนั้ ถูกน้อยเป็นข้อทดสอบยากคานวณหาไดด้ ังน้ี P  H L (1) Nตารางที่ 1 เกณฑก์ ารแปลความหมายค่าความยากง่ายค่าความยากง่าย ความหมาย0.81-1.00 งา่ ยมาก (ควรปรบั ปรุง)0.60-0.80 ค่อนข้างงา่ ย (ด)ี0.40-0.59 ยากพอเหมาะ (ดมี าก)0.20-0.39 คอ่ นขา้ งยาก (ดี)0-0.19 ยากมาก (ควรปรับปรงุ )ที่มา: เอกสารการหาคุณภาพของเครอื่ งมอื วัดและประเมินผล, 2559: 9 วทิ ร วภิ าหสั น์(วภิ าหสั น,์ การวดั และประเมินผลทางเทคนคิ ) ไดก้ ล่าวไว้ว่าคา่ อานาจการจาแนก(r) คอืประสิทธภิ าพของขอ้ ทดสอบขอ้ น้นั มีความสามารถในการแบง่ นกั เรยี นออกเป็นกลมุ่ คนเก่ง และคนอ่อนไดม้ ากน้อยเพยี งใดคานวณหาไดด้ ังนี้ r  HL (2) N2---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 24 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================ตารางท่ี 2 เกณฑ์การแปลความหมายค่าอานาจการจาแนกค่าอานาจการจาแนก ความหมาย0.60-1.00 ดีมาก0.40-0.59 ดี0.20-0.39 พอใช้0.10-0.19 ต่า (ควรปรบั ปรุง)-1.00-0.09 ตา่ มาก(ควรปรบั ปรุง)ท่ีมา: เอกสารการหาคณุ ภาพของเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล, 2559: 9 โกวิท ประวาลพฤกษ์ สมศักดิ์ สินธุระเวชญ์(สนิ ธรุ ะเวชญ,์ 2527) ได้กกกล่าวไวว้ า่ อานาจตัวลวง คอืตัวเลือกอ่นื ที่ไมใ่ ช่ตวั ถกู เรยี กว่า ตวั ลวง ตัวลวงทม่ี ี H น้อยกวา่ L คอื จานวนในกลมุ่ สงู เลือกตัวลวงนน้ั ๆ น้อยกวา่ คนในกลมุ่ ตา่ คือ ตวั ลวงควรจะลวงคนไม่เกง่ สว่ นคนเก่งจะไมต่ ามตวั ลวงนั้น และถ้าตวั ลวงใดไมม่ ใี ครเลอื กเลยตวั ลวงน้นั ควรปรบั ปรงุ เตือนใจ เกตุษา(เกตษุ า, การประเมนิ ผลการสอน, 2532) ได้กลา่ วไวว้ ่าค่าความเชอื่ มัน่ ของแบบทดสอบ คอืค่าความคงที่ของคะแนนท่ีไดจ้ ากการนาแบบทดสอบ Richardson การหาความเช่ือม่นั โดยวิธนี ี้ เป็นการหาความสมั พันธข์ องคะแนนจากการใชแ้ บบฉบับเดียวและสอบเพียงครงั้ เดยี วโดยนาผลการสอบมาคานวณคา่ ความเชื่อมน่ั ของแบบทดสอบโดยวธิ ีวิธแี บ่งคร่งึ ทดสอบ (Split-half) rtt  2r 12 12 (3) 1 r 12 12คานวณค่าสัมประสิทธ์โิ ดยใชส้ ตู รของ Kuder-Richadson rtt  n  X(nX) n1  nσ 2x  (4) วิธกี ารหาค่าความเชอ่ื ม่ันของแบบทดสอบโดยวธิ ปี ระมาณ สามารถคานวณหาไดด้ งั นี้อันดบั แรกต้องหาค่าเฉลย่ี ( ̅)และความเบยี่ งเบนมาตรฐาน (SD) และจานวนขอ้ สอบท่ีใชท้ ดสอบ ลาดบั ต่อไปหาสดั ส่วนทที่ าข้อสอบถูก และหาสดั สว่ นค่าความเบยี่ งเบนมาตรฐานตอ่ จานวนขอ้ สอบ จากน้ันดตู ารางสาเรจ็ ค่าสมั ประสิทธ์คิ วามเชือ่ ม่ัน ซึ่งเปน็ การปรบั ปรงุ มาจากสตู ร Kuder-Richardsonตารางที่ 3 คา่ ประมาณของความเช่อื มัน่ ของแบบทดสอบท่ีค่อนขา้ งง่าย (ท่ที าถูก 70% ถึง 90%) จานวนของขอ้ สอบ(n) 20 30 40 50 60 70 80 90 100 ถ้า SD เปน็ 0.10 n 0.21 0.48 0.62 0.69 0.75 0.78 0.81 0.83 0.85 ถา้ SD เปน็ 0.15 n 0.68 0.80 0.84 0.88 0.90 0.91 0.92 0.93 0.94 ถา้ SD เปน็ 0.20 n 0.80 0.90 0.92 0.94 0.95 0.96 0.97 0.97 0.97ทมี่ า: การประเมนิ ในชั้นเรยี น, 2527: 247---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 25 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================ตารางที่ 4 ค่าประมาณของความเชื่อมัน่ ของแบบทดสอบที่ค่อนขา้ งยาก (ทท่ี าถกู 50% ถงึ 70%) 90 100 จานวนของขอ้ สอบ (n) 20 30 40 50 60 70 80 0.74 0.77 ถ้า SD เปน็ 0.10 n - 0.21 0.41 0.53 0.61 0.66 0.71 0.89 0.90 ถา้ SD เปน็ 0.15 n 0.49 0.67 0.75 0.80 0.84 0.86 0.88 0.94 0.95 ถ้า SD เปน็ 0.20 n 0.74 0.83 0.87 0.90 0.92 0.93 0.94ที่มา: การประเมินในชั้นเรยี น, 2527: 247 ระดบั ความยากงา่ ย คานวณหาไดจ้ ากสมการท่ี (1) คา่ อานาจจาแนกของข้อสอบ คานวณหาไดจ้ ากสมการที่(2) อานาจตัวลวง คอื ตวั ลวงทีม่ ี H นอ้ ยกว่า L คือจานวนในกลุม่ สงู เลือกตวั ลวงน้ันๆ นอ้ ยกวา่ คนในกลมุ่ ตา่ คอื ตัวลวงควรจะลวงคนไมเ่ ก่ง ส่วนคนเกง่ จะไมต่ ามตัวลวงนน้ั และถา้ ตัวลวงใดไมม่ ีใครเลอื กเลยตวั ลวงนนั้ ควรปรับปรงุความเชอ่ื มน่ั ของแบบทดสอบคือ คา่ ความคงท่ขี องคะแนนทไี่ ดจ้ ากการนาแบบทดสอบวธิ แี บ่งครึง่ ทดสอบ (Split-half) ถา้ แบบทดสอบมีท้งั หมด 100 ขอ้ ก็จะเปน็ ข้อหมายเลขคี่ และหมายเลขคู่ อยา่ งละ 50 ข้อเท่ากัน แล้วนาแบบทดสอบนไ้ี ปใหน้ ักเรียนตอบคราวเดยี วท้ัง 100 ขอ้ คานวณหาไดจ้ ากสมการ ที่ (3) วิธหี าความเช่ือม่ันของแบบทดสอบอีกวธิ หี น่ึง โดยใชส้ ูตรของ Kuder-Richardson ดงั ต่อไปนคี้ านวณหาได้จากสมการ วธิ หี าความเชื่อม่ันของแบบทดสอบโดยวธิ ปี ระมาณหาค่าเฉลยี่ ( ̅) และความเบย่ี งเบนมาตรฐาน (SD) และจานวนข้อสอบทีใ่ ชท้ ดสอบลาดบั ต่อไปหาสดั ส่วนท่ที าข้อสอบถกู และหาสัดสว่ นค่าความเบยี่ งเบนมาตรฐานตอ่ จานวนขอ้ สอบ จากน้ันดูตารางสาเรจ็ ค่าสมั ประสทิ ธิ์ความเช่ือม่นัผลการศึกษา แบ่งเนื้อหาขอ้ สอบตามรายวชิ าเป็น 17 วิชา ดังนี้รายวิชากฎหมายและการก่อสร้าง,การทดสอบวัสดุ,การออกแบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก,การออกแบบโครงสร้างไม้และเหล็ก,กาลังวัสดุ,เขียนแบบ,ความรู้ท่ัวไป,คอนกรีตเทคโนโลยี,ทฤษฎีโครงสร้าง,ท่อและสุขภัณฑ์,เทคนิคการก่อสร้าง,ปฏิบัติการงานโยธา,ปฐพีกลศาสตร์,ประมาณราคา,วิเคราะหโ์ ครงสรา้ ง,วิศวกรรมการทาง,สารวจเพื่อการก่อสรา้ ง ผลการคานวณหาระดับความยากง่ายวเิ คราะห์แล้วได้ผลดังนี้ ขอ้ สอบดีมาก จานวน 24 ข้อ ขอ้ สอบดีจานวน 48 ข้อ และขอ้ สอบทคี่ วรปรบั ปรงุ จานวน 28 ขอ้ คา่ อานาจการจาแนกวเิ คราะห์แล้วไดผ้ ลดงั นี้ ขอ้ สอบดีจานวน 14 ขอ้ ขอ้ สอบพอใช้ จานวน 33 ขอ้ ขอ้ สอบต่า จานวน 29 ข้อ และขอ้ สอบต่ามาก จานวน 24 ข้อ อานาจตัวลวงวิเคราะห์ได้ผลดงั นี้ตัวลวงท่ีดี มี 18 ข้อ ตวั ลวงทีค่ วรปรบั ปรงุ มี 82 ค่าความเช่ือมัน่ วเิ คราะหแ์ ลว้ ไดผ้ ลดงั น้ีค่าความเชอ่ื มั่นของแบบทดสอบ วิเคราะหแ์ ลว้ ไดผ้ ลดังนี้ตารางที่ 5 แสดงการเปรียบเทียบค่าความเช่อื ม่ันของแบบทดสอบ 0.67 วธิ ีแบ่งคร่ึงทดสอบ (Split-half) 0.49 วิธขี อง Kuder-Richardson 0.77 วิธีประมาณ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 26 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================อภปิ รายผล จากผลการศกึ ษาพบวา่ ข้อสอบส่วนใหญอ่ ยใู่ นเกณฑท์ คี่ วรปรบั ปรุง ข้อสอบควรจะมขี ้อยากข้อง่ายสลบั กันไป ในจานวนทเ่ี หมาะสมตามจานวนข้อสอบและควรเพ่ิมประสิทธภิ าพตวั ลวงให้ดีขึ้น ดังนนั้ ควรปรบั ปรงุ ข้อสอบในคร้ังถดั ไปสรปุ จากการนาข้อสอบแบบประเมินมาตรฐานวิชาชีพ (ภาคทฤษฎ)ี หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพชน้ั สงูประจาปกี ารศกึ ษา 2559 ประเภทวิชาชา่ งอตุ สาหกรรม สาขาวชิ าช่างโยธา เป็นข้อสอบปรนัยจานวน 100 ข้อ และผเู้ ข้าสอบจานวน 53 คน ทาใหท้ ราบค่าต่างๆจากเครือ่ งมอื ท่ีเลอื กใช้ดังนี้ ผลทไี่ ดจ้ ากการวเิ คราะหพ์ บว่าคา่ ความยากง่าย ข้อสอบท่ีควรปรบั ปรุงมจี านวน 28 ข้อ คา่ อานาจการจาแนกส่วนมากอยู่ในระดับท่ีควรปรบั ปรุงจานวน 53ข้อ ซงึ่ ระดับความยากง่ายและคา่ อานาจการจาแนก มขี ้อสอบท่ีควรปรบั ปรุงซา้ กันอยู่จานวน 19 ขอ้ อานาจตวั ลวงมีอานาจตัวลวงทไ่ี ม่ดมี ากกว่าอานาจตวั ลวงที่ดีคา่ ความเชือ่ ม่ันของแบบทดสอบท้ัง 3 แบบ ปรากฏว่ามีคา่ ความเช่ือม่ันใกล้เคยี งกันทง้ั 3 แบบ แสดงว่าแบบทดสอบฉบับนี้ จะทาการทดสอบกีค่ ร้งั กต็ ามคะแนนท่ไี ดจ้ ะคงที่คาขอบคณุ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน งานวิจัยนีไ้ ดร้ บั การสนับสนนุ จากคณะครศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรมวิทยาเขตขอนแก่น ทใ่ี ห้การสนบั สนุนทนุ ในการศกึ ษาครั้งน้ีบรรณารุกรมโกวทิ ประวาลพฤกษ์, สมศกั ด์ิ สินธรุ ะเวชญ์, 2527. การประเมนิ ในชั้นเรยี น.กรงุ เทพมหานคร:ไทยวัฒนาพาณชิ .ดรุณี ณ ลาปาง, 2553. การวเิ คราะห์ข้อสอบกระบวนวชิ า ม.บร.103: การเขา้ ถึงทรพั ยากรสารนเิ ทศและการเขยี นรายงาน. จงั หวดั เชียงใหม่:มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่.บรรณารกั ษศาสตร์-ข้อสอบ.ปราณี หลาเบ็ญสะ, 2559. การหาคุณภาพของเครอื่ งมือวดั และประเมินผล. สาขาการวดั และ ประเมนิ ผล คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ยะลา.เตือนใจ เกตษุ า, 2532. การประเมินผลการสอน.กรงุ เทพมหานคร: สานักพมิ พม์ หาวิทยาลยั รามคาแหง.บญุ เชดิ ภญิ โญอนนั ตพงษ์, 2525.การวัดและการประเมนิ ผลการศกึ ษาทฤษฎแี ละการประยกุ ต์.กรุงเทพมหานคร: ศกึ ษาเจริญทัศน.์บญุ ธรรม กจิ ปรตี าบริสุทธ์ิ, 2535.ปราณี หลาเบ็ญสะ, 2559. การหาคุณภาพของเคร่ืองมือวัดและประเมินผล. สาขาการวัดและประเมินผล คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลยั ราชภัฏยะลา.ปรีชา ต.ตระกูล, บุญเรียง ขจรศิลป์, 2536. การพัฒนาโปรแกรมสาเร็จรูปคอมพิวเตอร์ เพ่ือใช้ในการวิเคราะห์ข้อสอบ.กรงุ เทพมหานคร: มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะศกึ ษาศาสตร์.พนมพร แฉล้มเขตต์,แนวทางการประเมนิ มาตรฐานวชิ าชพี . สานกั งานมาตรการอาชวี ะศึกษาและวิชาชพี .ภทั รา นิคมานนท์, 2522.การประเมนิ ผลและการสร้างแบบทดสอบ.กรุงเทพมหานคร: บรษิ ัทมวลชน.วชิ าญ เพชรมณี, ขจรศักด์ิ พงศธ์ นา, 2557. รายงานการวิจยั การวเิ คราะหข์ อ้ สอบเข้าศกึ ษาตอ่ ของปกี ารศกึ ษา. สงขลา: มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ชิ ยั วิศวกรรมศาสตรบ์ ณั ฑติ .วิทร วภิ าหัสน์, การวัดและการประเมินทางเทคนิค. คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบนั เทคโนโลยีราชมงคลวรี ะพันธ์ พรหมบตุ ร, 2536. การศกึ ษาความสมั พันธร์ ะหวา่ งค่าพารามเิ ตอร์ท่ไี ด้จากการวิเคราะห์ขอ้ สอบทฤษฎดี ้งั เดมิ กบั ทฤษฎีการ ตอบสนองขอ้ สอบ. พษิ ณโุ ลก: มหาวทิ ยาลัยนเรศวร.สถาบันเทคโนโลยรี าชมงคล.---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 27 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล, 2532. การวเิ คราะห์ข้อสอบคดั เลอื ก วิชาพ้นื ฐานของคณะวชิ าชพี .สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล. กรุงเทพมหานคร:สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล คณะศลิ ปะศาสตร์ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. สยมภู รกั ษส์ ังข์, 2547.การศึกษาความสมั พันธ์ของผลการวเิ คราะห์ขอ้ สอบแบบทฤษฎีมาตรฐานเดิม(CTT)และทฤษฎกี ารตอบขอ้ สอบ (IRT).กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรว์ โิ รฒ. สรุ ยี ์ ชูประทปี , สุกัญญา มเี อยี ด, ปรชี า ล่ามช้าง, 2554. การวิเคราะหข์ อ้ สอบกระบวนวชิ าสถิตเิ บ้อื งตน้ ปกี ารศึกษา 2551.เชียงใหม.่ สวุ ิมล ว่องวาณิช, 2533. การสารวจสภาพการวดั และประเมินผลการเรียนในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั : รายงานการวิจัย. กรุงเทพมหานคร. สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากระทรวงศกึ ษาธิการ. 2557. หลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการในการประเมนิ มาตรฐานวชิ าชพี . สุวิมล อังควานิช, 2532. รายงานการวิจัยเร่ืองการวิเคราะห์ข้อสอบของมหาวิทยาลัย รามคาแหงศึกษาความเปล่ียนแปลง คา่ พารามิเตอร์ เม่อื มีการปรับปรงุ คุณลกั ษณะของประชากร.กรงุ เทพมหานคร: มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง สานักบรกิ ารทางวชิ าการและทดสอบ ประเมนิ ผล. หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมอาชีวศกึ ษา, 2523. การวัดผลการศึกษา. อนันต์ ศรโี สภา, 2540. การศึกษาผลการวเิ คราะหข์ ้อสอบตามทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบเม่อื ใชข้ นาดกลุ่มตัวอย่างและจานวนข้อสอบ ต่างกัน. มหาสารคาม: มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม.---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 28 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 29 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 30 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 31 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 32 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 33 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 34 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== การพัฒนาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน เรื่องลอจิกเกตพ้ืนฐาน วิชาวงจรดิจิตอลโดยการใช้ ชดุ ฝึกตอ่ ใช้งาน IC ลอจกิ เกต อภสิ ิทธิ์ การีรัตน์ 1 บทคัดย่อ การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา วงจรดิจิตอลโดยการใช้ใชช้ ุดฝึกต่อใช้งาน IC ลอจิกเกต โดยมีกลุ่ม ตัวอย่างเป็นนักศึกษา ปวช.1/2 แผนกอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยการอาชีพร้อยเอ็ดภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 จานวน 1 หอ้ งเรียน 15 คน โดยแบง่ ออกเป็น 2 ช่วงเวลา ก่อนและหลังใช้ชุดฝึกต่อใช้งาน IC ลอจิกเกต เนื้อหาที่ใช้ ในการวจิ ยั คอื เนื้อหาในวชิ าวงจรวงจรดิจติ อลจากหนังสอื วิชาวงจรวงจรดจิ ิตอลตามหลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2556 ของสานกั งานคณะกรรมการอาชวี ศึกษาเครื่องมอื ทใ่ี ช้คือแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรอื่ งลอจกิ เกตพ้ืนฐานแบบปรนัยเลอื กตอบ 5 ตวั เลือกจานวน 5 ข้ออัตนยั อกี จานวน 5 ข้อ ที่ผา่ นการตรวจสอบจาก ผู้เช่ียวชาญและหาคุณภาพเคร่ืองมือตามขั้นตอนแล้วใช้สถิติพ้ืนฐานในการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยและค่าเบ่ียงเบน มาตรฐานส่วนการทดสอบสมมุติฐานสาหรับกลุ่มตัวอย่างท่ีไม่เป็นอิสระต่อกันใช้ค่า t-test for Dependent Sample ผลของการวิจยั หลังการทดสอบพบว่า ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนโดยการใช้ชุดฝึกกับไม่ใช้ชุดฝึกแตกต่างกัน ที่ระดับนัยสาคญั ท่ี .05 แสดงให้เหน็ วา่ การใช้ชุดฝกึ ทาให้ผเู้ รียนมผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นทสี่ ูงขึน้ Abstract Development of learning achievement. Digital Circuits by Using Clampper Training Kit. The second semester of academic year 2560 is divided into 2 periods, before and after using the IC instruction set. The logic used in this research is the content of digital circuits. The Digital Circuit Course is based on the Vocational Education Curriculum BE 2556 of the Vocational Education Commission. The instrument used is the achievement test. The gear Multiple choice logic questions. Five options were selected, five of which were subjected to expert review, and one was based on qualitative methods. The basic statistics were used to analyze the mean and standard deviation. Hypothesis testing for non-independent samples using t-test for Dependent Sample The results of the research after the test showed that. Learning Achievement by Using Training Kit with No Different Training Package At the .05 level, it was shown that the use of training kits resulted in higher learning achievement. 1คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอีสาน วทิ ยาเขตขอนแกน่ * Correspondingc E-mailc : markapisit_040@hotmail.com---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 35 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== บทนา ปัจจบุ นั แผนกวิชาอเิ ล็กทรอนกิ สห์ ลักสตู ร ปวช. พ.ศ 2556 ได้มีการจดั การเรียนการสอนในราย วิชาวงจร ดจิ ติ อล ซึ่งเป็นรายวิชาท่ีสาคัญเป็นอย่างมาก และในหน่วยการเรียนของวิชาวงจรดิจิตอลได้มีการเรียนการสอนใน เรอื่ ง ลอจกิ เกตพ้ืนฐาน ซึ่งมีความสาคญั ทต่ี อ้ งใหน้ ักเรยี นฝึกหัดให้ชานาญ เนอ่ื งดว้ ยพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 มุ้งเน้นให้มีการจัดการเรียนการสอนทฤษฎีควบคู่ไป กับปฎิบัติ และเน่ืองจากการเรียนการสอนในเร่ือง ลอจิกเกตพ้ืนฐาน จาเป็นต้องนาส่ือจริงเข้ามาช่วยในการ ประกอบการเรยี นการสอนเพอื่ ให้นกั เรียนได้ทดลองและมองเห็นสภาพการต่อใช้งานจริง จากการสอบถามอาจารย์ ในแผนกวชิ าอเิ ลก็ ทรอนกิ สพ์ บวา่ ชุดฝกึ ทใี่ ช้ในการตอ่ ทดลอง ลอจกิ เกตพื้นฐาน มีไม่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการ สอน จากความสาคัญและปัญหาทางผู้จัดทาจึงได้จัดทาชุดฝึกต่อใช้งาน IC ลอจิกเกต มาใช้ในประกอบการ จัดการเรียนการสอนในราย วิชาวงจรดิจิตอล เพ่ือให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในการต่อวงจรลอจิกเกตพ้ืนฐาน มากข้นึ และเพ่ือพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เร่ืองลอจกิ เกตพื้นฐาน ในรายวิชาวงจรดิจิตอล วิธีดาเนินการศึกษา การวิจยั ศกึ ษาเร่ือง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวงจรดิจิตอล โดยใช้ชุดฝึกชุดฝึกต่อใช้งาน IC ลอจิกเกต ผู้วิจัยได้ศึกษาทฤษฎแี ละงานวิจยั ทเ่ี กี่ยวข้องเพ่อื นามาใชเ้ ป็นแนวทางในการวิจยั ดงั น้ี 1 ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง 2 เครื่องมือท่ีใช้ในการวจิ ยั 3 การเก็บรวบรวมข้อมูล 4 การวเิ คราะหข์ ้อมลู 5 สถติ ทิ ่ใี ช้ในการวจิ ยั 1 ประชากรและกลุม่ ตวั อยา่ ง การศกึ ษาเร่ือง การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาวงจรดิจิตอล โดยใช้ชุดฝึกต่อใช้งาน IC ลอจิกเกต ได้ศกึ ษาทฤษฎแี ละงานวิจยั ทเี่ ก่ียวข้องเพื่อนามาใชเ้ ป็นแนวทางในการวิจัย ดงั น้ี 1.1 กล่มุ ประชากร ของการวิจัยคร้งั นค้ี ือ นกั ศึกษาระดับประกาศนียบัตรวชิ าชีพชน้ั ปที ่ี 1 แผนกอเิ ล็กทรอนกิ ส์ จานวน 28 คน 1.2 กลุ่มตัวอย่าง ของการวิจัยครั้งนี้คือ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีท่ี 1/2 แผนก อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ จานวน 15 คน 2. เครือ่ งมอื ท่ีใชใ้ นการวิจยั 2.1 เน้อื หาวิชา วงจรดิจิตอล ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกี่ยวกับลอจิกเกตพน้ื ฐาน เนื้อหาวชิ าวงดจิ ิตอล เรื่อง ลอจิกเกตพนื้ ฐาน - เนื้อหาทฤษฎขี องหน่วยเรยี น เร่อื ง ลอจกิ เกตพื้นฐาน - ใบงาน, แบบทดสอบ - การต่อใช้งาน 3. วธิ กี ารสรา้ งเครอื่ งมือ 3.1 ข้ันวางแผนศึกษาข้อมลู เนื้อหาแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพ่อื นามาสรา้ งใบงานการทากิจกรรมของผเู้ รยี น 3.2 ข้ันการสรา้ งแบบทดสอบ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 36 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== ขนั้ ที่ 1 ศึกษาวธิ ีการสร้างแบบทดสอบใหส้ อดคลอ้ งกับวัตถปุ ระสงค์ เนอื้ หาวิชาดิจิตอล ขน้ั ที่ 2 สร้างแบบทดสอบกอ่ นและหลังเรยี น 3.3 ข้ันการตรวจสอบเคร่อื งมอืผู้วจิ ยั ไดท้ าการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือที่ไดส้ รา้ งขึน้ ดงั นี้ ข้ันที่ 1 การประเมนิ คุณภาพของเน้ือหาทฤษฎีวชิ าวงจรดจิ ติ อล เร่ือง ลอจิกเกตพ้นื ฐาน โดยให้ผู้เช่ียวชาญประเมิน ให้คะแนนในแตล่ ะส่วนของชดุ ฝึกแล้วนามาหาคะแนนเฉลย่ี ดังนี้ แสดงระดบั ความคดิ เหน็ ของผปู้ ระเมิน ระดับ 5 หมายถงึ มากที่สดุ ระดับ 4 หมายถงึ มาก ระดับ 3 หมายถงึ ปานกลาง ระดับ 2 หมายถึง นอ้ ย ระดับ 1 หมายถงึ นอ้ ยท่สี ดุ ขน้ั ท่ี 2 การประเมินความสอดคล้องระหว่างข้อคาถามกับวัตถุประสงค์ของวิชาวงจรดิจิตอล เร่ือง ลอจิกเกตพ้ืนฐานโดยใหผ้ ูเ้ ช่ียวชาญประเมิน ให้คะแนนในแต่ละส่วนของชุดฝึกแล้วนามาหาคะแนนเฉล่ียอยู่ระหว่าง 0.6 -1.04. วิธกี ารเกบ็ ข้อมูล เม่ือได้ใบงานเนื้อหาวิชาวงจรดิจิตอล เร่ือง ลอจิกเกตพื้นฐาน ที่ได้มาทดสอบกับกลุ่มตัวอย่าง ตามข้ันตอนดังนี้ 4.1ทาการสอนโดยวิธกี ารสอนบรรยายการสอนแบบปฏบิ ตั แิ ละการสอนแบบถามตอบ 4.2แบง่ นักศึกษาออกเป็น 2 ช่วง ก่อนใช้ชุดฝึกและหลงั ใชช้ ดุ ฝึก 4.3ทาแบบทดสอบ 4.3ทาการเกบ็ ผลทาแบบทดสอบหลงั จากการทาแบบทดสอบ5. การวเิ คราะห์ขอ้ มูล 5.1 การวิเคราะห์ขอ้ มลู เพอื่ หาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน โดยวิเคราะหจ์ ากคะแนนกลุม่ ที่ใช้ชุดฝกึ และกลุ่มท่ีไม่ใชช้ ดุ ฝกึ แล้วใชส้ ถิติ t-test ในการวิเคราะห์ 5.2 นาข้อมูลทีไ่ ด้จากการทดสอบมาวเิ คราะห์ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นทใี่ ช้ชุดฝึกและทไ่ี มใ่ ช้ชดุ ฝึก6. สถิติท่ีใช้ในการวิจัย 6.1 การหาคา่ สถิตพิ ืน้ ฐานการหาคะแนนเฉล่ีย (Mean) nสตู รX  xi  x1  x2  x3  ...  xn i 1 nnการหาคา่ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) nn  n xi2  ( xi )2สตู ร S.D  i1 i 1 n(n 1)---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 37 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018=====================================================================================================เมอื่ X = ค่าเฉลยี่ หรือค่าตวั กลางเลขคณติ S.D = สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน คา่ ของขอ้ มลู ตัวที่ i n = คา่ ของขอ้ มูลตัวที่ i ยกกาลงั สอง xi = จานวนข้อมลู ทเ่ี ก็บรวบรวมได้จากตวั อย่างท้งั หมด = i 1 n xi2 i 1n 6.2 การหาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น การหาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน จากการจดั การเรียนการสอนด้วยใบงาน เป็นการเปรยี บเทยี บผลคะแนนจากการสอบของผูเ้ รยี น หลงั จากท่เี รยี นดว้ ยการจัดการเรียนการสอนบรรยาย การสอนแบบปฏิบัติและการสอนแบบถามตอบโดยการใช้ ชุดฝึก ประกอบ ว่าสูงกว่าผลคะแนนสอบแบบไม่ใช้ชุดฝึก มีผลทาให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นสงู ขนึ้ สถิตทิ ี่ใช้ในการวิเคราะห์หาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนแบบใช้ชุดฝกึ และไม่ใชช้ ดุ ฝกึ เปน็สถิตแิ บบไมอ่ สิ ระ (t-test dependent) ซงึ่ ใช้สตู รดงั น้ี สตู ร t  D n (D2 )  ( D)2 n 1เมอ่ื t =คา่ สถิติทใี่ ช้เปรยี บเทยี บกบั คา่ วิกฤตเพอ่ื หาค่านยั สาคญั  D = การนาเอาผลตา่ งระหวา่ งคะแนนกอ่ นเรยี นและหลังเรยี นของผ้เู รยี นแตล่ ะคนมารวมกนั  D2 = การนาเอาผลตา่ งระหวา่ งคะแนนกอ่ นเรยี นและหลังเรยี นของผเู้ รียนแต่ละคนมารวมกนั แล้ว ยกกาลงั 2 n = จานวนผู้เรยี นหมายเหตคุ า่ t ท่ีคานวณไดจ้ ะมีการเปรยี บเทยี บค่าวกิ ฤตของ tในตารางทร่ี ะดับนยั สาคัญ 0.05ผลการวิจัย คะแนนการทาแบบทดสอบของนักศึกษาหลังใช้ชุดฝึก ( มีคะแนนเฉลี่ย 8.46) (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน1.06) คะแนนการทาแบบทดสอบของนักศึกษาก่อนใช้ชุดฝึก(มีค่าเฉลี่ย 7.00) (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.30)สาหรับกลุม่ ตวั อย่างที่ไมเ่ ป็นอิสระตอ่ การวิเคราะหด์ งั กล่าวบทสรุป ผลการวิจัย สรปุ ไดด้ งั น้ีเนื้อหาในวิชาวงจรดิจิตอล เรื่อง ลอจิกเกตพ้ืนฐานโดยการใช้ชุดฝึกและไม่ใช้ชุดฝึกของนักศึกษา ปวช1/2แผนกอิเล็กทรอนิกส์ วทิ ยาลยั การอาชีพร้อยเอ็ด ซ่ึงสามารถสรุปได้ว่าวิธีการทดสอบ โดยการใช้ชุดฝึกมีผลสัมฤทธิ์สูงกว่าผลสัมฤทธิข์ องคะแนนทดสอบแบบไมใ่ ชช้ ดุ ฝกึ อย่างมีนยั สาคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั .05---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 38 RMUTI EDUCON 2018

Proceeding RMUTI Education Research Conference 2018===================================================================================================== กติ ติกรรมประกาศ การวิจัยเรอ่ื งการพัฒนาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น วชิ า วงจรดิจิตอลโดยใช้ชุดฝึกต่อใช้งาน IC ลอจิกเกต ได้ สาเร็จลลุ ่วงมาจนถงึ บัดนนี้ ัน้ เน่อื งจากไดร้ ับคาแนะนาและการให้คาปรกึ ษาเป็นอยา่ งดจี ากคณะครู-อาจารย์ในแผนก วิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ได้นาความรู้ท่ีได้รับมาลงมือปฏิบัติจริงในการ การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชา วงจร ดจิ ติ อล ทาให้มคี วามเขา้ ใจมากขนึ้ ซึ่งตลอดระยะเวลาการทาวิจัยนั้นได้รับความช่วยเหลือแนะนาและให้คาปรึกษา อย่างดีย่ิงจากคณะครู-อาจารย์เพ่ือนร่วมงานซึ่งทาให้มีกาลังใจท่ีจะพัฒนางานต่อไปรวมท้ังได้รับความร่วมมือเป็น อย่างดีจากนักศึกษา ปวช.1/2 แผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยการอาชีพร้อยเอ็ดท่ีทาให้เกิดความมุ่งม่ันใน การสรา้ งผลงานการวิจยั ในชน้ั เรียนได้ประสบผลสาเร็จดงั ท่ีม่งุ หวังคุณค่าของผลงานการวิจัยในช้ันเรียนนี้ขอมอบแด่ ผูม้ ีพระคุณทุกท่านและหวังใหม่เกิดประโยชน์อย่างย่ิงต่อการพัฒนาผู้เรียนซึ่งเป็นเยาวชนอันสาคัญของชาติและยัง ส่งผลตอ่ ผ้สู นใจทจ่ี ะสร้างผลงานการวจิ ัยในชัน้ เรียนใหมแ่ พร่หลายย่ิงขน้ึ ตอ่ ไป บรรณานกุ รม กานดา พลู ลาภทวี. 2549. สถิตเิ พ่อื การวิจัย. ฟสิ กิ เซ็นเตอร.์ กรงุ เทพมหานคร. หน้า 72 – 219 บญุ ชม ศรีสะอาด. 2541. การวจิ ยั เบือ้ งต้น. กรงุ เทพฯ: วงกมล โพรดกั ชัน่ . บญุ ชม ศรีสะอาด. 2540. การวิจยั เบอ้ื งตน้ . มหาสารคาม : อภิชาตการพมิ พ์. บุญชม ศรสี ะอาด. 2540. การวิจยั ทางการวัดผลและประเมนิ ผล. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. พวงรัตน์ ทวีรัตน์. 2542. วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. พิมพ์คร้ังที่ 7. กรุงเทพฯ: สานัก ทดสอบทางการศกึ ษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทร์วิโรฒ ประสานมติ ร. ระวิวรรณ ชนิ ะตระกูล. 2547. วิธีวิจยั ทางการศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร. ภาพพมิ พ์. หน้า 237 สุชนิ ชินสหี ์. 2545. วงจรดจิ ิตอล ศูนย์สง่ เสริมอาชวี ะ. กรงุ เทพมหานคร. หน้า 57 สถติ วงศส์ วรรค.์ 2542. จติ วทิ ยาการศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร. รวมสาส์น.---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 39 RMUTI EDUCON 2018


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook