Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตร หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

หลักสูตร หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Description: หลักสูตรรายวิชา สค23088 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Search

Read the Text Version

91 เนอ้ื หา กกกกกกก1. หลกั การทรงงาน กกกกกกก1. 1.1 ความหมายของหลักการทรงงาน กกกกกกก1. 1.1 หลักการ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2554 ใหค๎ วามหมายวํา สาระสาคัญทีย่ ึดถือเป็นแนวปฏบิ ัติ เชํน คณะกรรมการลงมติรบั หลักการตามท่มี ีผูเ๎ สนอ กกกกกกก1. 1.1 งาน จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2554 ให๎ความหมายวาํ สิ่งหรือ กิจกรรมท่ที า กกกกกกก1. 1.1 การงาน แรงท่ีกระทาตํอวตั ถแุ ลว๎ ทาใหว๎ ัตถุเคลอ่ื นทไ่ี ปตามทิศทางของแนวแรง ถา๎ เราออกแรงกระทาตํอวตั ถุแลว๎ วัตถุไมํเคล่อื นท่ี แสดงวาํ ไมํเกดิ งาน กกกกกกก1. 1.1 การงาน หมายถึง การทามาหากนิ ที่เกดิ จากกจิ กรรมหรอื บริการใด ๆ ทีก่ อํ ให๎เกดิ ผลผลติ และรายได๎ ซึ่งเปน็ งานประจาทส่ี ุจริต ไมผํ ิดศลี ธรรม กกกกกกก1. 1.1 หลักการทรงงาน ในพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงทุํมเทพระ วรกายตรากตราและมงํุ มน่ั เพอ่ื แก๎ไขป๓ญหาความเดอื ดรอ๎ นใหแ๎ กํพสกนกิ รไมวํ ําจะเชื้อชาตใิ ด ศาสนา ใด อยูํหาํ งไกลสักเพยี งใด กม็ ิทรงยอํ ทอ๎ เขา๎ ไปชวํ ยเหลือราษฎร ท้ังด๎านสาธารณสขุ การศึกษา สาธารณปู โภคขัน้ พน้ื ฐาน การเกษตร การฟื้นฟูทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ๎ ม ท้งั ดนิ นา้ ปาุ ไม๎ และพลงั งาน หรือแมก๎ ระท่ังการจราจร ทรงคิดคน๎ หาแนวทางแก๎ไข ปญ๓ หาไดอ๎ ยํางแยบยล กกกกกกก1. 1.1 การทรงงานในพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงยดึ ดาเนนิ งาน ในลกั ษณะทางสายกลางทีส่ อดคลอ๎ งกบั ส่งิ ที่อยรํู อบตัว และสามารถปฏบิ ตั ิไดจ๎ ริงทรง มีความละเอยี ด รอบครอบ ทรงคดิ ค๎นหาแนวทางพฒั นา เพอื่ มํงุ ประโยชน๑ตอํ ประชาชนสูงสุด มีคณุ คาํ และควรยดึ เปน็ แบบอยํางในการเจริญรอยตามเบอ้ื งพระยคุ ลบาท นามาปฏบิ ตั เิ พอ่ื ให๎บงั เกดิ ผลตอํ ตนเอง สงั คม และ ประเทศชาตติ ลอดไป กกกกกกก1. 1.1 กลาํ วโดยสรปุ หลกั การทรงงาน คอื การปฏบิ ัติหน๎าท่หี รอื ภารกิจหรือกิจกรร มของ พระมหากษตั ริย๑ทรงยึดการดาเนนิ งานในลกั ษณะทางสายกลางทส่ี อดคล๎องกบั สง่ิ ท่ีอยรูํ อบตัวและ สามารถปฏิบตั ิไดจ๎ รงิ ทรงมีความละเอยี ดรอบคอบและทรงคดิ คน๎ แนวทางพฒั นาเพือ่ มงํุ สปํู ระโยชน๑ ตํอประชาชนสงู สดุ ซงึ่ พระมหากษัตริย๑ในท่ีนีค้ ือ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุ ลยเดช รชั กาลท่ี 9 ผม๎ู คี ุณูปการตํอประชาชนชาวไทยและประชาคมโลก กกกกกกก1. 1.2 หลักการทรงงานของรชั กาลท่ี 9 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มี 23 ข๎อ คือ กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 ศกึ ษาข๎อมลู อยํางเป็นระบบ กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานขอ๎ น้โี ดย นาโครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริทุกโครงการที่เกิดจากกระบวนการ ศึกษาข๎อมลู ต้งั แตํเรม่ิ ตน๎ โดยทรงศึกษาพ้นื ท่ีเปาู หมายจากขอ๎ มูลเอกสาร แผนที่ การสารวจพื้นท่ี เปาู หมายโดยใชว๎ ธิ กี ารสังเกต สัมภาษณ๑ การปรกึ ษาหารอื บางครั้งทรงปฏิบัติจริงจนได๎ผลดีแลว๎ นาไป เผยแพรํสปํู ระชาชน หลังจากประชาชนปฏบิ ัตจิ รงิ แลว๎ มกี ารวิเคราะหผ๑ ล ประเมินผลแล๎วทรง พิจารณาหาวิธกี ารแก๎ไข ดังตัวอยําง การศึกษาขอ๎ มูลอยํางเป็นระบบในเร่อื งการวางแผนชวํ ยเหลือ

92 ความยากลาบากของราษรฎ ทปี่ ระสบปญ๓ หา บ๎านหว๎ ยมงคล ตาบลหนิ เหลก็ ไฟ อาเภอหัวหิน จังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ๑ พไดร๎ ะราชทาน ความชวํ ยเหลือในเร่ืองการสร๎างถนนห๎วยมงคล เพื่อระบบการขนสงํ ภาพทรงศกึ ษาขอ๎ มูลจากประชาชนอยาํ งเป็นระบบ กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 ระเบิดจากข๎างใน กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานข๎อนโี้ ดย มุํงเนน๎ การพฒั นาคน มีพระราชดารัสวาํ \"ต๎องระเบิดจากข๎างใน \" นน้ั หมายความวาํ ต๎องมุํงพัฒนาเพ่อื สร๎างความเข๎มแข็งให๎คนและครอบครวั ในชมุ ชนท่เี ขา๎ ไปพัฒนา ให๎มี สภาพพร๎อมทจ่ี ะรับการพฒั นาเสียกอํ น แลว๎ จงึ คํอยออกมาสูํสังคมภายนอก มิใชํการนาเอาความเจริญ จากสงั คมภายนอกเขา๎ ไปหาชุมชนและหมบํู า๎ น ซงึ่ หลายชมุ ชนยังไมํทันได๎มโี อกาสเตรียมตัวหรือตั้งตัว จงึ ไมํสามารถปรบั ตวั ได๎ทนั กับกระแสการเปลีย่ นแปลงและนาไปสคํู วามลํมสลายได๎

93 ภาพทรงเตรียมความพร๎อมของประชาชนทีจ่ ะได๎รับการพัฒนา กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 แกป๎ ๓ญหาจากจดุ เลก็ กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎ หลกั การทรงงานข๎อนีโ้ ดย การแก๎ไขป๓ญหาที่พบอยูดํ ว๎ ยการแกไ๎ ขท่ีจดุ เล็กของปญ๓ หาเร่อื งนนั้ ๆ กอํ น เปน็ เบื้องตน๎ เปน็ การแก๎ไขป๓ญหาเฉพาะหน๎า ซ่ึงเมื่อได๎แก๎ไขจุดเล็ก ๆ ไดแ๎ ล๎วจึงคอํ ยๆแกไ๎ ขปญ๓ หาอ่นื ตามลาดบั ความสาคัญตํอไป ดงั ตวั อยําง ปลกู พชื เมืองหนาวของโครงการหลวงในปี พ .ศ.2511 , 2512 ป๓ญหา คือ พืชที่ปลกู เมอื งหนาวในเขตหว๎ ยคอกมา๎ ดอกปุย ตาบลสุเทพ อาเภอเมอื ง จังหวดั เชยี งใหมํ อากาศไมํหนาวเยน็ พอ จึงหาพน้ื ทใ่ี หมํซึ่งสงู ระหวําง 1,400 เมตร – 1,700 เมตร เหนอื ระดบั นา้ ทะเล ปานกลางท่ดี อยอํางขาง อาเภอฝาง จังหวดั เชียงใหมํ ทดลองปลูกพืชเมืองหนาวใน พ .ศ.2512 จนประสบความสาเรจ็ ตอํ จากน้นั ทรงทดลองสํงเสริมการปลกู กาแฟทศ่ี ูนย๑พฒั นาโครงการหลวงแมํ หลอด ในปี พ.ศ. 2517 จนประสบความสาเรจ็ และได๎พัฒนาขยายออกไปพืน้ ทอี่ ืน่ ๆ

94 ภาพทรงแกไ๎ ขปญ๓ หาที่จุดเลก็ ด๎วยการปลกู พชื เมืองหนาว กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 ทาตามลาดับขนั้ กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานขอ๎ นี้โดย การดาเนนิ งานทค่ี านงึ ถงึ ทุกป๓จจัยและเงอื่ นเวลา ใหม๎ ีความพอดี สมดลุ รอบคอบ และสอดคลอ๎ งกับลักษณะของสังคมและภมู สิ งั คม มใิ ชกํ ารดาเนนิ งานในลกั ษณะ \"ก๎าวกระโดด\" หรือในแนวทางอ นรุ ักษนยิ มสุดโตงํ เชํน การไมํเรํงรัดนาความเจริญเข๎าไปสชูํ ุมชนใน ภมู ภิ าคที่ยังมไิ ดท๎ ันตงั้ ตัว แตใํ หม๎ ีการเตรียมความพร๎อมเพือ่ ใหม๎ คี วามสามารถในการรบั แรงปะทะจาก สถานการณ ข๑ องโลกภายนอกได๎ ดังตวั อยําง เรื่อง “หญา๎ แฝก ” เพอื่ การอนุรกั ษด๑ นิ และฟนื้ ฟพู น้ื ท่ี เสอ่ื มโทรม ได๎เริ่มต๎นเป็นคร้ังแรกเมอ่ื วันที่ 22 มิถุนายน 2534 ไดพ๎ ระราชทานพระราชดารใิ ห๎ เลขาธิการสานกั งาน กปร. (ดร.สเุ มธ ตันตเิ วชกลุ ) ทาการทดลองปลกู หญ๎าแฝก เพ่ือปูองกันการชะ ล๎างพงั ทลายของดิน และอนรุ ักษ๑ความชมํุ ชืน้ ในดนิ ผลการทดลองปลกู หญา๎ แฝก ท่ศี นู ย๑ศึกษาการ พฒั นาเข าหนิ ซ๎อน จงั หวัดฉะเชิงเทราไดข๎ ยายไปสูศํ ูนย๑ศกึ ษาการพฒั นาห๎วยทรายอันเนื่องมาจาก พระราชดารจิ ังหวดั เพชรบรุ ี

95 ภาพทรงแก๎ไขปญ๓ หาการปลูกหญา๎ แฝกท่เี ปน็ ไปตามลาดบั ข้นั กกกกกกก1. 1.2 1.2.5 ภูมสิ งั คม กกกกกกก1. 1.2 1.2.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลกั การทรงงานข๎อนโ้ี ดย การพัฒนาใดๆ ตอ๎ งคานงึ ถึงสภาพภมู ปิ ระเทศของบริเวณน้นั วําเป็นอยาํ งไร และสังคม วทิ ยาเกี่ยวกับลกั ษณะนิสัยใจคอของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณใี นแตํละท๎ องถน่ิ ทม่ี ี ความแตกตํางกนั ดงั พระราชดารัส ความตอนหนึ่งวาํ “การพัฒนาจะตอ๎ งเปน็ ไปตาม ภูมิประเทศทาง ภมู ศิ าสตร๑ และภมู ิประเทศ ทางสังคมศาสตร๑ ในสังคมวิทยา คือ นิสยั ใจคอ ของคนเรา จะไปบงั คบั ให๎ คนอื่นคดิ อยาํ งอืน่ ไมไํ ด๎ เราตอ๎ งแนะนา เราเขา๎ ไปชวํ ยโดยท่จี ะคดิ ให๎เขาเข๎า กบั เราไมไํ ด๎ แตถํ ๎าเราเข๎า ไปแลว๎ เราเข๎าไปดวู าํ เขาตอ๎ งการอะไรจรงิ ๆ แลว๎ กอ็ ธิบายให๎เข๎าเข๎าใจหลกั การของการพฒั นานกี้ ็จะ เกิดประโยชนอ๑ ยาํ งยงิ่ ดังตวั อยาํ ง กลํุมชาตพิ นั ธ๑ุ มง๎ ปะหลอํ ง ลําหํู เยา๎ เปน็ กลมํุ ชาติพันธ๑ุ โดยปกติ แล๎วอยํูในเขตพ้ืนท่สี งู กวาํ กะเหร่ียงและคนไทย เขตพนื้ ที่สูงมีความถนดั ในการปลูกพชื ไรํ ปลูกผัก ปลกู ไม๎ดอก โครงการหลวง จงึ สํงเสริมใหม๎ ง๎ ปะหลํอง ปลูกพชื ผักและไม๎ดอกเมืองหนาวเปน็ หลกั

96 ภาพทรงพัฒนาทีค่ านงึ ถึงภมู ิสงั คม กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 องคร๑ วม กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานข๎อนโี้ ดย การมองอยํางครบวงจรในการปฏบิ ัตงิ านหรือโครงการ จะทรงมอง เหตุการณท๑ ี่จะเกดิ ขน้ึ และนาแนวทางมาแก๎ไขอยํางเช่ือมโยง ดังตวั อยํางทฤษฎใี หมํ ทพี่ ระราชทาน ให๎แกํปวงชนชาวไทย เป็นแนวทางในการประกอบอาชพี แนวทางหน่ึง ท่พี ระองคท๑ รงมองอยาํ งองค๑ รวม ต้งั แตํการถอื ครองท่ีดิน โดยเฉลีย่ ของประชาชนคนไทยประมาณ 10 – 15 ไรํ การบริหารจดั การ ที่ดนิ และแหลํงน้า อนั เปน็ ป๓จจยั พนื้ ฐานทส่ี าคัญในการประกอบอาชพี เมอ่ื มีน้าในการทาการเกษตร แลว๎ จะสงํ ผลใหผ๎ ลผลิตดีขน้ึ และหากมผี ลผลติ เพิ่มมากข้ึนเกษตรกรจะต๎องร๎ูจกั วธิ ีการจดั การและ การตลาด รวมถงึ การรวมกลํุมรวมพลงั ชุมชนใหม๎ คี วามเขม๎ แข็ง เพอื่ พร๎อมทจี่ ะออกสูกํ ารเปลี่ยนแปลง ของสงั คมภายนอกไดอ๎ ยํางครบวงจร นน่ั คือทฤษฎี 3 ข้นั ดงั นี้ กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 ขนั้ ท่ีหนึ่ง ทฤษฎใี หมขํ ัน้ ต๎น : การจัดสรรพน้ื ท่อี ยํูอาศัยและท่ีทากิน ให๎แบงํ พน้ื ท่อี อกเป็น 4 สวํ น ตามอตั ราสํวน 30:30:30:10 ซึ่งหมายถึง กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 พ้นื ทส่ี วํ นท่ี 1 ประมาณ 30% ใหข๎ ดุ สระกกั เก็บนา้ เพือ่ ใช๎กักเก็บนา้ ฝน ในฤดูฝนและใช๎เสริมการปลูกพชื ในฤดูแล๎ง ตลอดจนการเลยี้ วสตั ว๑น้าและพีชน้าตาํ งๆ กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 พน้ื ที่สํวนที่ 2 ประมาณ 30% ให๎ใชป๎ ลูกข๎าวในฤดฝู นเพอ่ื ใชเ๎ ป็นอาหาร ประจาวนั สาหรบั ครอบครวั ใหเ๎ พยี งพอตลอดปี เพอื่ ลดคาํ ใช๎จํายและสามารถพง่ึ ตนเองได๎ กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 พนื้ ทสี่ วํ นท่ี 3 ประมาณ 30% ให๎ปลกู ไม๎ผล ไมย๎ นื ตน๎ พืชผัก พืชไรํ พชื สมุนไพร ฯลฯ เพ่ือใชเ๎ ป็นอาหารประจาวัน หากเหลบื ริโภคกน็ าไปจาหนําย กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 พื้นทส่ี วํ นที่ 4 ประมาณ 10% เปน็ ทอ่ี ยูอํ าศัย เล้ียงสัตว๑และโรงเรอื นตาํ งๆ

97 ภาพทรงมองอยํางองค๑รวมโดยใชห๎ ลกั เกษตรทฤษฎีใหมํ กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 ข้นั ท่สี อง ทฤษฎใี หมขํ ั้นกลาง : ให๎เกษตรกรรวมพลงั กันในรปู กลมํุ หรือ สหกรณ๑ รํวมแรง รํวมใจกันดาเนินการในด๎านตอํ ไปนี้ กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 (1) การผลติ (พนั ธพ๑ุ ชื เตรียมดนิ ชลประทาน ฯลฯ) คอื เกษตรกรจะต๎อง รํวมมอื ในการผลิตโดยเริ่มตั้งแตํ ข้นั เตรียมดิน การหาพนั ธพ๑ุ ชื ปุย๋ การหานา้ และอืน่ ๆ เพ่อื การเพาะปลูก กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 (2) การตลาด (ลานตากขา๎ ว ย๎งุ เครอ่ื งสีขา๎ ว การจาหนํายผลผลิต) คอื เม่ือมีผลผลติ แล๎วจะตอ๎ งเตรียมการตํางๆเพอ่ื การขายผลผลติ ให๎ไดป๎ ระโยชนส๑ ูงสุด เชํน การเตรยี มลาน ตากข๎าวรวํ มกันตลอดจนการรวมกนั ขายผลผลติ ใหไ๎ ด๎ราคาดีและลดคําใชจ๎ ํายลงด๎วย กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 (3) ความเป็นอยํู (กะปิ น้าปลา อาหาร เครื่องนงุํ หมํ ฯลฯ) คือ ตอ๎ งมี ความเป็นอยทํู พ่ี อดีพอควร โดยมปี ๓จจยั พื้นท่ใี นการดารงชวี ติ เชนํ อาหารการกินตาํ งๆที่เพียงพอ กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 (4) สวัสดิการ (สารธารณสขุ เงนิ กู๎) คอื ชุมชนควรมสี วัสดภิ าพและบริการ ที่จาเป็น เชนํ มีสถานีอนามัยเมือ่ ยามเจ็บปุวยหรือมกี องทนุ ไว๎กย๎ู ืมเพื่อประโยชนใ๑ นกจิ กรรมตํางๆของ ชุมชน กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 (5) การศึกษา (โรงเรยี น ทุนการศกึ ษา ) คือ ชมุ ชนควรมีบทบาทในการ สงํ เสริมการศกึ ษา เชํน มีกองทนุ เพ่ือการศกึ ษาเลําเรียนให๎แกํเยาวชนของชมุ ชนเอง กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 (6) สงั คมและศาสนา คือ ชุมชนควรเป็นที่รวมในการพฒั นาสงั คมและ จติ ใจ โดยมีศาสนาเปน็ ทยี่ ึดเหนยี่ ว ภาพทรงเปดิ สหกรณโ๑ คนมทีจ่ งั หวดั ราชบุรี

98 กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 ขน้ั ท่สี าม ทฤษฎีใหมขํ ั้นกา๎ วหนา๎ เม่อื ดาเนนิ การผํานพน๎ ขัน้ ท่สี องแลว๎ เกษตรกรหรือกลํมุ เกษตรกรกค็ วรพฒั นาก๎าวหนา๎ ไปสํขู ้นั ทส่ี ามตํอไป คอื ติดตอํ ประสานงานเพ่อื จัดหา ทุน หรอื แหลํงเงนิ ทนุ เชนํ ธนาคารหรอื บริษัท หา๎ งร๎านเอกชน มาชํวยในการลงทุนและพฒั นา คณุ ภาพชวี ติ ท้งั นี้ ทัง้ ฝุายเกษตรกรและฝุายธนาคารและบรษิ ทั จะไดป๎ ระโยชน๑ รํวมกัน กลาํ ว คอื เกษตรกรขายของในราคาสงู (ไมํถูกกดราคา ) ธนาคารกับบริษทั สามารถซื้อขา๎ วบรโิ ภคในราคาตา่ (ซ้ือข๎าวเปลือกตรงจากเกษตรกรและนามาสเี อง) เกษตรกรซือ้ เครอื่ งอปุ โภคบรโิ ภคในราคาต่า เพราะ รวมกันซ้อื เป็นจานวนมาก (เปน็ ร๎านสหกรณ๑ ราคาขายสํง ) ธนาคารกบั บรษิ ัทจะสามารถกระจาย บุคลากรเพือ่ ไปดาเนนิ การในกิจกรรมตาํ งๆ ใหเ๎ กดิ ผลดียง่ิ ขึ้น ภาพทรงพฒั นาโดยใช๎หลักเกษตรทฤษฎีใหมํ ขนั้ ก๎าวหนา๎ กกกกกกก1. 1.2 1.2.7 ไมตํ ิดตารา กกกกกกก1. 1.2 1.2.7 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานขอ๎ นีโ้ ดย การพัฒนาที่อนโุ ลมและรอมชอมกบั สภาพธรรมชาตสิ ง่ิ แวดลอ๎ มและสภาพ ของสังคม จิตวิทยาแหํงชมุ ชน คือ ไมผํ กู มัดติดกับวชิ าการและเทคโนโลยีท่ีไมํเหมาะสมกับสภาพชีวติ ความเป็นอยํูท่แี ท๎จรงิ ของคนไทยปกติเขา๎ สรํู ะบบทเี่ ปน็ ปกติ ดงั ตวั อยาํ ง การนาน้าดขี ับไลนํ ้าเสียหรือ เจอื จางนา้ เสียใหก๎ ลับเป็นนา้ ดี ตามจังหวะการขึ้นลงตามธรรมชาตขิ องน้าหรอื การบาบัดน้าเนําเสีย โดยให๎ผกั ตบชวา

99 ภาพทรงพฒั นาแกไ๎ ขสภาพธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ๎ ม กกกกกกก1. 1.2 1.2.8 ประหยัด เรยี บงําย ได๎ประโยชนส๑ งู สุด กกกกกกก1. 1.2 1.2.8 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎ หลกั การทรงงานข๎อนโี้ ดย ทรงการกระทาโดยการประหยัด เรียบงาํ ย ไดป๎ ระโยชน๑สู งสดุ จากการใช๎ วสั ดแุ รงงานในท๎องถน่ิ ใหส๎ อดคล๎องกับภมู สิ ังคม ขณะเดยี วกันการพัฒนาและชวํ ยเหลือราษฎรทรงใช๎ หลักการแก๎ป๓ญหาด๎วยความเรียบงาํ ย ประหยัด ราษฎรสามารถทาเองได๎ หาได๎ในทอ๎ งถน่ิ และ ประยุกต๑ใชส๎ ่งิ ทีม่ ีอยํูในภูมิภาคนน้ั ๆมาแก๎ไขป๓ญหาโดยไมํต๎องลงทนุ หรอื ใช๎เทคโน โลยที ไี่ มยํ งํุ ยากนัก ดังตัวอยาํ ง เรอื่ งการทาฝายนา้ ลน๎ โดยใช๎วัสดุในทอ๎ งถน่ิ เชํน ไม๎ หนิ กรวด ทราย ก้นั ทางน้าไวแ๎ ตํตอ๎ ง ใหน๎ า้ ไหลผาํ นจากหมูํบา๎ นต๎นนา้ สกํู ลางน้า และปลายน้าได๎ เพือ่ แบํงปน๓ ในการอุปโภค บรโิ ภค

100 ภาพทรงแกไ๎ ขปญ๓ หาน้าโดยการทาฝายนา้ ลน๎ โดยใช๎วสั ดใุ นทอ๎ งถน่ิ กกกกกกก1. 1.2 1.2.9 ทาใหง๎ าํ ย กกกกกกก1. 1.2 1.2.9 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลกั การทรงงานขอ๎ นี้โดย การวางแผน ออกแบบ คน๎ หาวธิ กี ารดาเนินงานทีม่ ีลักษณะเรียบงําย ไมํยงุํ ยากสลับซบั ซอ๎ น คาวาํ ทาให๎งําย คือ เขา๎ ใจ รแ๎ู จง๎ และพร๎อมนาไปใช๎ วิธกี ารทาใหง๎ ํายตอ๎ งอาศยั การมสี วํ นรํวม ไมตํ ดิ ตารา ยึดภูมปิ ๓ญญาเดมิ ผสมผสานเทคโนโลยใี หมํ ดั งตวั อยาํ ง ในเรอื่ ง การปลูก หญา๎ แฝก ตามแนวลาดเอียงของพื้นดนิ ขนานไปตามแนวยาวเป็นช้นั ๆ ปอู งกันการพงั ทลายของหนา๎ ดิน การใช๎ผักตบชวา ชํวยบาบดั น้าเสียเป็นวิธีงํายๆอยํางหน่ึง การตํอยอด ตํอตา ตน๎ ท๎อและมะเขอื เทศ ก็เปน็ วธิ กี ารงํายๆใชเ๎ ทคโนโลยที เ่ี หมาะสมกับภูมิป๓ญญาช าวบา๎ นและต๎นทนุ ทางสงั คมเกิด นวตั กรรมท่ใี หม๎ ูลคาํ เพม่ิ

101 ภาพทรงวางแผนการปลูกหญา๎ แฝกตามแนวลาดเอียงของพน้ื ดิน กกกกกกก1. 1.2 1.2.10 การมสี วํ นรํวม กกกกกกก1. 1.2 1.2.10 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานขอ๎ นีโ้ ดย การมสี วํ นรวํ มของชมุ ชนเปน็ กจิ กรรมทส่ี าคญั อยํางยิง่ ในการดาเนนิ งาน การมีสํวนรํวมต๎องกระทาอยาํ งครบถว๎ นตลอดกระบวนการ ต้งั แตกํ ารวางแผน (Plan) การปฏบิ ัติ (Do) การตรวจสอบประเมินผล (Check) และการแกไ๎ ขปรบั ปรงุ (Act) กกกกกกก1. 1.2 1.2.10 การมีสํวนรวํ มทาให๎ชมุ ชนเกิดความเป็นเจ๎าของโครงการ การแกป๎ ๓ญหา ตํางๆเกดิ จากสาเหตทุ ปี่ ระชาชนตอ๎ งการให๎แกไ๎ ข และวธิ ีการแกไ๎ ขกร็ ับฟ๓งความคดิ เหน็ ของประชาชน เพ่อื จะไดค๎ วามรวํ มมอื จากประชาชน ดงั พระราชดารัสต อนหนง่ึ วาํ “สาคัญที่สดุ จะต๎องทาใจให๎ กว๎างขวาง หนกั แนนํ ร๎จู กั รับฟง๓ ความคิดเหน็ แมก๎ ระทงั้ ความวพิ ากษ๑วจิ ารณ๑จากผู๎อ่ืนอยาํ งฉลาด เพราะการรูจ๎ ักรบั ฟง๓ อยํางฉลาดนั้นแทจ๎ รงิ คอื การระดมสติปญ๓ ญาและประสบการณอ๑ นั หลากหลาย มาอานวยประโยชน๑ในการปฏบิ ัติบรหิ ารงานให๎ประสบความสาเรจ็ ทส่ี มบรู ณน๑ น้ั เอง” ภาพทรงดาเนินงานอยาํ งครบถ๎วนตลอดกระบวนการมีสวํ นรํวม

102 กกกกกกก1. 1.2 1.2.11 ประโยชนส๑ ํวนรวม กกกกกกก1. 1.2 1.2.11 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎ หลกั การทรงงานขอ๎ น้โี ดย ทรงระลกึ ถึงประโยชนส๑ ํวนรวมเปน็ สาคัญ ดังพระราชดารัสความตอนหน่งึ วํา “ ใครตํอใครบอกวําขอให๎เสยี สละสวํ นตวั เพ่อื สํวนรวม อนั นฟ้ี ง๓ จนเบอื่ อาจจะราคาญดว๎ ยซา้ วํา ใครตอํ ใครมาก็บอกวําขอให๎คดิ ถงึ ประโยชน๑สํวนรวม อาจมานกึ ในใจวําให๎ๆอยูเํ รอ่ื ยแล๎วสวํ นตวั จะได๎ อะไร ขอให๎คิดวาํ คนทีใ่ ห๎เพอื่ สวํ นรวมน้ันมิได๎ใหส๎ ํวนรวมอยาํ งเดยี วเปน็ การให๎เพอื่ ตัวเอง สามารถที่จะ มีสวํ นรวมท่จี ะอาศยั ได๎ ” ภาพทรงระลกึ ถึงประโยชน๑สํวนรวมเปน็ สาคัญ กกกกกกก1. 1.2 1.2.12 บรกิ ารรวมทจี่ ดุ เดยี ว กกกกกกก1. 1.2 1.2.12 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎ หลกั การทรงงานขอ๎ น้ีโดย การดาเนินงาน ที่มุํงเนน๎ การแก๎ป๓ญหาในรูปแบบของ \"การพฒั นาแบบ ผสมผสาน\" ทีใ่ ห๎ผลเป็นการ \"บริการรวมทจี่ ุดเดยี ว\" เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการบรหิ ารงาน จากการที่ตาํ งคนตาํ งทา มาสกํู ารประสานงานระหวาํ งหนํวยงานทเี่ กยี่ วขอ๎ ง ซง่ึ ปรากฏเปน็ รปู ธรรม ชดั เจน ดังตัวอยาํ ง ทรงให๎ศูนยพ๑ ฒั นาอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ เปน็ ตน๎ แบบในการบรกิ ารทจ่ี ุดเดยี ว คือ การบรกิ ารแบบเบด็ เสร็จ เพอ่ื ใหป๎ ระชาชนทีม่ าขอใช๎บริการ ประหยัดเวลาและคําใชจ๎ ําย โดยมี หนวํ ยงานราชการตาํ งๆมารวํ มดาเนนิ การและให๎บรกิ ารประชาชน ณ ทแี่ หํงเดยี ว มีพระราชดารสั วํา ประชาชนซ่งึ จะต๎องใชว๎ ิชาการทงั้ หลายกส็ ามารถที่จะมาดู สํว นเจ๎าหนา๎ ท่ีจะใหค๎ วามอนเุ คราะห๑แกํ

103 ประชาชน กม็ าอยพูํ รอ๎ มกนั ในท่ีเดยี วกนั เหมอื นกนั ท่ีสาคัญปลายทางคือประชาชนไดร๎ บั ประโยชน๑ และตน๎ ทางของผู๎เปน็ เจา๎ หน๎าที่จะใหป๎ ระโยชน๑ ภาพทรงมํงุ เน๎นการแกป๎ ญ๓ หาในรูปแบบของการบริการท่จี ุดเดยี ว กกกกกกก1. 1.2 1.2.13 ใชธ๎ รรมชาตชิ ํวยธรรมชาติ กกกกกกก1. 1.2 1.2.13 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้โดย การใหป๎ ระชาชนใกล๎ชิดกับธรรมชาติ ทรงมองอยาํ งละเอียดถงึ ปญ๓ หา ธรรมชาติ หากเราต๎องการแกไ๎ ขธรรมชาติ จะตอ๎ งใชธ๎ รรมชาตเิ ขา๎ ชวํ ยเหลือ ดังตวั อยําง การแก๎ไข ปญ๓ หาปุาเสื่อมโทรมได๎ พระราชทานพระราชดาริ การปลูกปุาโดยไมตํ ๎องปลูก ปลอํ ยใหธ๎ รรมชาติชํวย ในการฟ้นื ฟูธรรมชาติหรอื แม๎กระทั่ง การปลูกปาุ 3 อยาํ ง ประโยชน๑ 4 อยาํ ง ได๎แกํ ปลกู ไมเ๎ ศรษฐกจิ ไมผ๎ ล และไมฟ๎ ืน นอกจากไดป๎ ระโยชน๑ตามช่อื ของไม๎แล๎ว ยังชํวยรักษาความชมํุ ชื้นให๎แกํพ้นื ดินด๎วย เหน็ ไดว๎ ํา ทรงเขา๎ ใจธรรมชาติและมนษุ ยอ๑ ยาํ งเกอื้ กลู กัน ทาใหค๎ นอยํูรวํ มกับปาุ ไดอ๎ ยํางยั่งยนื

104 ภาพทรงมองอยํางละเอยี ดถึงปญ๓ หาธรรมชาติโดยใชธ๎ รรมชาติชํวยธรรมชาติ กกกกกกก1. 1.2 1.2.14 ใชอ๎ ธรรมปราบอธรรม กกกกกกก1. 1.2 1.2.14 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลกั การทรงงานขอ๎ นโี้ ดย การนาความจริงในเรื่อง ความเป็นไปแหํงธรรมชาติ และกฎเกณฑ๑ของ ธรรมชาติมาเปน็ หลักการ แนวปฏิบัติที่สาคญั ในการแก๎ปญ๓ หาและปรบั ปรงุ เปลีย่ นแปลงสภาวะทไ่ี มํ ปกติ เขา๎ สํูระบบท่เี ปน็ ปกติ คอื ทรงใช๎ส่งิ ของที่มอี ยแูํ ล๎วแตขํ าดประโยชน๑หรือไมเํ กิดประโ ยชน๑ (ไมดํ ี) ใหม๎ ีประโยชน๑ (ดีขน้ึ ) ดังตวั อยําง การนานา้ ดี ขับไลํน้าเสีย หรือ เจอื จางน้าเสยี ให๎กลับเปน็ น้าดี ตาม จังหวะการขึน้ ลงตามธรรมชาติของนา้ การบาบดั นา้ เนาํ เสยี โดย ใชผ๎ กั ตบชวาซง่ึ มีตามธรรมชาติ ใหด๎ ูด ซมึ สงิ่ สกปรกปนเปอ้ื นในน้า ดังพระราชดารัสความวาํ “ใช๎อธรรม ปราบอธรรม” ภาพทรงมองความจรงิ โดยใชผ๎ กั ตบชวาบาบัดน้าเสยี

105 กกกกกกก1. 1.2 1.2.15 ปลกู ปุาในใจคน กกกกกกก1. 1.2 1.2.15 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎ หลกั การทรงงานขอ๎ นโ้ี ดย การปลกู ปุาในใจคน คือ การกระต๎ุนจติ สานึก และรือ้ ฟน้ื วัฒนธรรมใหค๎ น อนุรักษร๑ ะบบนเิ วศปุาและอยูํรวํ มกบั ปุาอยํางม่นั คง และพึ่งพิงองิ กัน “ใช๎นา้ อนุรกั ษ๑น้า ใชป๎ าุ (ดิน) อนรุ ักษ๑ปาุ ดังน้ัน “การปลูกปาุ โดยไมตํ ๎องปลกู ” ปลํอยใหป๎ าุ ขน้ึ เองธรรมชาติ กเ็ ปน็ พระราชดาริอยาํ ง หนึ่ง “เจา๎ หนา๎ ที่บ๎านเมือง ควรจะปลกู ต๎นไม๎ ลงในใจคนเสยี กํอน แลว๎ คนเหลาํ น้นั ก็จะพากนั ปลูก ต๎นไม๎ลงบนแผนํ ดนิ และรักษาตน๎ ไมด๎ ๎วยตนเอง” ภาพทรงปลูกปุาเพือ่ ใหไ๎ ด๎ใจคน กกกกกกก1. 1.2 1.2.16 ขาดทนุ คอื กาไร กกกกกกก1. 1.2 1.2.16 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานข๎อนโ้ี ดย การดาเนินงานท่ียดึ ผลสาเร็จแหงํ ความ \"ค๎มุ คาํ \" มากกวํา \"คุ๎มทนุ \" คานึงถงึ ผลประโยชน๑ของคนสวํ นรวมมากกวาํ ผลสาเร็จทีเ่ ป็นตัวเลขอันเป็นผลประโยช น๑ของกลุํมคนสํวนน๎อย เล็งเหน็ ผลทไี่ ดจ๎ ากการลงทนุ เพ่อื ประโยชน๑แกํคนสํวนใหญํ อนั ได๎แกํ ความอยูดํ มี ีสุขของประชาชนซง่ึ ตี คาํ เป็นตัวเงินไมํได๎ ซง่ึ ถ๎าหากพิจารณาตามหลักเศรษฐศาสตร๑ แล๎วอาจจะถอื วาํ เป็นการลงทนุ ที่ ขาดทนุ หรอื ไมคํ ุ๎มทนุ ดงั ตัวอยาํ ง การลงทนุ สรา๎ ง ถนน ไฟ ฟูา ประปา เข่อื น ฝุายคลองสงํ นา้ ระบบ การเก็บขยะ ระบบบาบดั นา้ เสีย เป็นต๎น ปจ๓ จยั พ้ืนฐานการผลิตเหลําน้ตี ๎องลงทุน แตผํ ลตอบแทนท่ี ประชาชนไดร๎ บั คอื การพัฒนาอยาํ งย่ังยืน ท้งั ทางดา๎ นเศรษฐกจิ สังคมและสง่ิ แวดล๎อม

106 ภาพทรงดาเนินงานโดยยดึ ผลสาเร็จค๎มุ คาํ มากกวาํ คม๎ุ ทนุ กกกกกกก1. 1.2 1.2.17 การพงึ่ ตนเอง กกกกกกก1. 1.2 1.2.17 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎ หลกั การทรงงานขอ๎ น้ีโดย การแก๎ไขป๓ญหาเฉพาะหนา๎ เพือ่ ให๎ประชาชนมคี วามแขง็ แรง พอทจ่ี ะ ดารงชีวิตตอํ ไป แลว๎ ข้ันตอํ ไปก็คอื การพัฒนาใหป๎ ระชาชนสามารถอยใํู นสงั คมไดต๎ ามสภาพแวดล๎อม และสามารถ พง่ึ พาตนเองได๎ ดังพระราชดารสั ตอนหน่ึงวาํ “การชํวยเหลอื สนับสนนุ ประชาชนในการ ประกอบอาชพี และตง้ั ตัวใหม๎ ีความพอกนิ พอใช๎กํอนอ่นื เป็นส่ิงสาคัญย่งิ ยวด เพราะผม๎ู ีอาชีพและ ฐานะเพยี งพอทจี่ ะพงึ่ พาตนเองได๎ ยํอมสามารถสร๎างความเจริญในระดบั สงู ขัน้ ตอํ ไป”

107 ภาพทรงแก๎ไขปญ๓ หาเฉพาะหนา๎ ให๎ประชาชนมกี ารพง่ึ ตนเอง กกกกกกก1. 1.2 1.2.18 พออยูพํ อกิน กกกกกกก1. 1.2 1.2.18 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานข๎อน้โี ดย การสร๎างความ \"พออยูํ\" \"พอกนิ \" พออยูํ คือ การทีเ่ ราปลูกปาุ ท่ใี หไ๎ ม๎ พชื ทจี่ าเป็นตํอการนามาใชท๎ าที่อยูํอาศยั ตาํ งๆ เชนํ ไมท๎ าเสา ไมท๎ าพ้ืน ไมท๎ าฝา ไม๎ทาโครงสรา๎ งบ๎าน ตํางๆ เปน็ ตน๎ ครั้นเม่อื เหลอื ใช๎ เราก็แบงํ จํายแจก ขาย เปน็ รายไดเ๎ สริ มให๎ครอบครวั ได๎ พอกนิ คอื การทีเ่ ราปลกู ปาุ เพ่อื ให๎ได๎พชื ท่เี ราจะนามาใชก๎ นิ ได๎อยาํ งพอเพยี ง เชนํ ข๎าว ผกั ฯลฯ เม่ือเหลือกนิ แลว๎ เราก็แบํงออกขายหารายไดเ๎ สรมิ ไดเ๎ ราจะต๎องใชใ๎ นชวี ติ ประจาวนั เชํน ยา ขนม ผลไม๎ เคร่อื งปรงุ เปน็ ตน๎ ครน้ั เมอื่ เราใชไ๎ ดอ๎ ยํางพอเพียงแลว๎ เรากแ็ บํงออกขายหารายไดใ๎ ห๎แกคํ รอบครวั ได๎ใหก๎ บั คนสํวน ใหญํของประเทศ ใหป๎ ระชาชนสามารถอยอํู ยําง “พออยูพํ อกนิ ” ใหไ๎ ดเ๎ สียกํอน แลว๎ จึงคํอยขยบั ขยาย ให๎มีขีดสมรรถนะที่ก๎าวหนา๎ ตํอไป ภาพทรงสร๎างความพออยูพํ อกนิ โดยการปลกู พืชผกั สวนครัว

108 กกกกกกก1. 1.2 1.2.19 เศรษฐกจิ พอเพียง กกกกกกก1. 1.2 1.2.19 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้โดย ช้ีถงึ แนวการดารงอยูํ และปฏบิ ัตติ นของประชาชนในทกุ ระดับ ตั้งแตํระดบั ครอบครวั ระดบั ชุมชน จนถงึ ระดับรฐั ทง้ั ในการพัฒนาและบรหิ ารประเทศใหด๎ าเนนิ ไปในทางสาย กลาง โดยเฉพาะการ พฒั นาเศรษฐกิจเพื่อใหก๎ ๎าวทนั ตอํ โลกยคุ โลกาภิวัตน๑ ความพอเพยี ง หมายถงึ ความพอ ประมาณ ความมีเหตผุ ล รวมถงึ ความจาเปน็ ทีจ่ ะตอ๎ งมีระบบภมู ิคุม๎ กันในตวั ทดี่ ีพอสมควร ตอํ การมผี ลกระทบใดๆ อันเกดิ จากการเปลี่ยนแปลงท้งั ภายนอกและภายใน ทัง้ นี้ จะตอ๎ งอาศัยความ รอบรู๎ ความรอบคอบและความระมดั ระวงั อยํางยง่ิ ในการนาวิชาการตาํ งๆ มาใช๎ในการวางแผนและ การดาเนนิ การทกุ ขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต๎องเสรมิ สรา๎ งพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะ เจ๎าหนา๎ ที่ของรฐั นกั ทฤษฎี และนกั ธรุ กจิ ในทกุ ระดบั ใหม๎ ีสานกึ ในคุณธรรม ความซอื่ สตั ย๑สุจรติ และ ใหม๎ ีความรอบรทู๎ เี่ หมาะสม ดาเนินชีวิตด๎วยความอดทนความเพียร มสี ติปญ๓ ญาและความรอบคอบ เพอ่ื ใหส๎ มดลุ และพรอ๎ มตอํ การรองรบั การเปลี่ยนแปลงอยาํ งรวดเร็ว และกว๎างขวางทง้ั ด๎านวตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดล๎อม และวัฒนธรรม จากโลกภายนอกไดเ๎ ป็นอยาํ งดี ภาพทรงเสด็จเยีย่ มราษฎรดาเนินชีวิตแบบเศรษฐกจิ พอเพียง กกกกกกก1. 1.2 1.2.20 ความซื่อสัตยส๑ ุจรติ จริงใจตอํ กนั กกกกกกก1. 1.2 1.2.20 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานขอ๎ นโี้ ดย ผปู๎ ฏิบัติงานต๎องมคี วามรคู๎ วบคคํู ณุ ธรรม ความซ่ือสัตย๑ สุจริต จรงิ ใจตอํ กัน คอื องค๑ประกอบอยํางหนึ่งของคณุ ธรรมในการปฏิบัตงิ านใหก๎ า๎ วหน๎า และการอยํรู ํวมกนั อยาํ งมี ความสุขดงั พระราชดารสั ตอนหนึ่งวํา “ผู๎ทม่ี คี วามซือ่ สัตย๑สจุ รติ และบริสทุ ธิ์ใจ แมจ๎ ะมคี วามรนู๎ ๎อยก็

109 ยอํ มทาประโยชนใ๑ ห๎แกสํ ํวนรวมไดม๎ ากกวาํ ผ๎ูมีความรูม๎ ากแตํไมมํ ีความสจุ รติ ไมํมีความบริสุทธใิ์ จ ” ดงั ตัวอยําง คร้ังหนง่ึ ในการแขํงขันเรอื ใบ ทรงเรือใบออกจากฝ๓่งไปไดไ๎ มํนานก็ทรงแลนํ กลับฝง๓่ และ ตรัสกับผูท๎ ี่คอยมาเฝูาฯ วาํ เสดจ็ กลับฝ่ง๓ เพราะเรือแลนํ ไปโดนทํุนเขา๎ ซึง่ ในกติกาแขงํ เรือใบถอื วาํ ผิด กติกา (ฟาวส๑) ท้งั ๆทไ่ี มํมใี ครเห็นหากทรงไมํบอกใคร ก็ไมมํ ใี ครทราบ การแขํงขนั ก็ ดาเนนิ ตํอไป และ ทํานอาจจะเป็นผ๎ชู นะก็ไดแ๎ ตํก็ทรงยึดตามกติกาทกุ อยําง ทาตามกตกิ าทุกประการ เอาความซื่อสตั ย๑ เป็นท่ตี ้งั เพื่อให๎การแขํงขนั ยตุ ิธรรม ภาพทรงแสดงความซื่อสตั ย๑ตํอกฎกตกิ า กฬี าเรอื ใบ กกกกกกก1. 1.2 1.2.21 ทางานอยาํ งมีความสุข กกกกกกก1. 1.2 1.2.21 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานขอ๎ นีโ้ ดย ความสขุ ในการทางาน สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี มจี ิตใจรกั งาน หรือ ยดึ หลกั อิทธิบาทส่ี คือ ฉนั ทะ (ใจรักงาน) วิรยิ ะ (ความเพียร) จิตตะ (เอาใจฝ๓กใฝุ ) วมิ ังสา (ใช๎ปญ๓ ญา ไตรตํ รอง) พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยํูหัวรชั กาลท่ี 9 ทรงเกษมสาราญและทรงมีความสขุ ทุกคราที่จะ ชํวยเหลือประชาชน ซ่ึงมีพระราชดารสั ครง้ั หน่ึงความวาํ “ทางานกบั ฉนั ฉนั ไมมํ อี ะไรจะให๎ นอกจาก การมีความสขุ รวํ มกันในการทาประโยชนใ๑ ห๎กบั ผู๎อ่ืน”

110 ภาพทรงเกษมสาราญและมคี วามสขุ กับในการทางาน กกกกกกก1. 1.2 1.2.22 ความเพียร กกกกกกก1. 1.2 1.2.22 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลกั การทรงงานขอ๎ น้ีโดย ทรงรเิ ริม่ ดาเนนิ งานโครงการตํางๆในระยะแรกทไ่ี มํไดม๎ คี วามพร๎อมในการ ดาเนินงานมากนัก และทรงใช๎พระราชทรพั ย๑สํวนพระองคท๑ งั้ สิ้น แตํพระองคก๑ ม็ ิได๎ท๎อพระราชหฤทยั ทรงอดทนและมุํงมัน่ ดาเนินงานนัน้ ๆให๎สาเร็จลุลํวง ดังตวั อยําง พระราชนพิ นธ๑ “พระมหาชนก ” ซ่ึง พระองค๑ทรงใช๎เวลาคอํ นขา๎ งนานในการคิดประดิษฐ๑ถอ๎ ยคาให๎เขา๎ ใจงาํ ย และปรับเปลีย่ นให๎เขา๎ กบั สภาพสังคมป๓จจุบัน เพ่อื ใหป๎ ระชาชนชาวไทยปฏิบัตติ ามรอยพระมหาชนก กษัตริยผ๑ ๎ูเพยี รพยายามแม๎ จะไมเํ ห็นฝง๓่ กจ็ ะวาํ ยนา้ ตอํ ไปเพราะถา๎ ไมเํ พียรวํายก็จะตกเป็นอาหารปู และไมไํ ดพ๎ บกบั เทวดาที่ ชํวยเหลือมิใหจ๎ มนา้ ภาพทรงมไิ ด๎ท๎อพระราชหฤทัย ทรงอดทนและมงุํ ม่ันทางาน

111 กกกกกกก1. 1.2 1.2.23 รู๎ รัก สามัคคี กกกกกกก1. 1.2 1.2.23 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานขอ๎ นโี้ ดย มพี ระราชดารัสในเรือ่ ง “รู๎ รัก สามคั คี” มาอยํางตอํ เนอื่ ง ซึ่งเปน็ คาสามคา ทมี่ ีคําและมีความหมายลึกซงึ้ พร๎อมทัง้ สามารถปรบั ใชไ๎ ด๎กับทุกยคุ ทกุ สมยั ร๎ู : การทเ่ี ราจะลงมือทาสง่ิ ใดนนั้ จะตอ๎ งรเ๎ู สียกํอน ร๎ูถึงปจ๓ จัยท้ังหมด ร๎ูถึงปญ๓ หาและรู๎ถงึ วธิ ีการแก๎ปญ๓ หา รัก : คอื ความรัก เมือ่ เราร๎คู รบถว๎ นกระบวนการแลว๎ จะตอ๎ งมีความรักการพจิ ารณาทจ่ี ะเข๎าไปลงมอื ปฏิบตั แิ ก๎ไขปญ๓ หา นน้ั ๆ สามคั คี : การท่จี ะลงมือปฏบิ ตั ิน้นั ควรคานึงเสมอวํา เราจะทางานคนเดียวไมํได๎ ตอ๎ งทางานรํวม รํวมใจเป็นองค๑กร เป็นหมํูคณะจงึ จะมีพลังเขา๎ ไปแก๎ป๓ญหาใหล๎ ุลํวงไปได๎ดว๎ ยดี ดังพะราชดารสั ตอน หนงึ่ วาํ “คนเราถ๎าไมสํ ามัคคีกัน สํวนรวมก็ไมํได๎รับประโยชน๑ งานไมไํ ป สวํ นตวั ก็อาจจะเสียหายได๎” ภาพความรู๎ รัก สามัคคขี องพสกนกิ รชาวไทยท่มี ีตํอ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลท่ี 9 กกกกกกก1. จากหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 จานวน 23 ข๎อข๎างต๎น เม่อื วิเคราะห๑ในสวํ นทเ่ี กี่ยวขอ๎ งกับคุณธรรมของพลเมอื งดี มี 9 ข๎อ ซ่ึงพลเมือง ดคี วรนาไปปฏิบตั ิให๎เป็นรปู ธรรม คอื กกกกกกก1. ขอ๎ ที่ 10 การมสี ํวนรํวม กกกกกกก1. ขอ๎ ท่ี 11 ประโยชนส๑ วํ นรวม กกกกกกก1. ขอ๎ ท่ี 12 บริการรวมท่ีจุดเดียว กกกกกกก1. ขอ๎ ท่ี 16 ขาดทนุ คอื กาไร

112 กกกกกกก1. ขอ๎ ที่ 17 การพงึ่ ตนเอง กกกกกกก1. ข๎อท่ี 20 ความซ่ือสตั ย๑สุจรติ จริงใจตํอกนั กกกกกกก1. ขอ๎ ท่ี 21 ทางานอยาํ งมีความสขุ กกกกกกก1. ข๎อที่ 22 ความเพียร กกกกกกก1. ขอ๎ ที่ 23 รู๎ รกั สามคั คี กกกกกกก2. แนวทางการปฏบิ ัติหนา้ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน กกกกกกก2. 2.1 การมีสํวนรวํ ม กกกกกกก2. 2.1 หนา๎ ท่ีพลเมืองที่ดีมแี นวปฏิบัติ คอื ภารกจิ สวํ นรวม ทุกคนควรเขา๎ ไปมีสํวนรวํ ม คดิ รํวมทาเพือ่ ใหภ๎ ารกิจนัน้ สาเร็จลลุ ํวง ถึงแม๎วาํ บางครัง้ การคดิ ของแตลํ ะคนอาจจะไมตํ รงกนั ก็ตาม แตํเราตอ๎ งปฏบิ ัตติ ามถ๎าเปน็ มติความคิดเห็นของสํวนให ญํ กกกกกกก2. 2.2 ประโยชน๑สวํ นรวม กกกกกกก2. 2.2 หนา๎ ทพี่ ลเมอื งที่ดมี แี นวปฏบิ ตั ิ คือ จะต๎องมคี วามเสียสละ ในเรื่องที่จาเป็น เพอื่ ผลประโยชนข๑ องสํวนรวมและรักษาไว๎ซึ่งสังคมประชาธปิ ไตย เปน็ การสํงผลตอํ ความมั่นคง และ ความก๎าวหน๎าขององคก๑ ร ซ่งึ สุดท๎ายแลว๎ ผลประโยชนด๑ ังกลาํ วก็ย๎อนกลบั มาสสํู มาชกิ ของสังคม เชํน การไปใชส๎ ิทธเิ ลอื กต้ัง ถงึ แมว๎ ําเราจะมอี าชพี บางอยาํ งท่มี รี ายไดต๎ ลอดเวลา เชํนคา๎ ขาย แตํก็ยอม เสยี เวลาค๎าขายเพื่อไปลงสทิ ธเิ ลอื กตัง้ บางคร้งั เราตอ๎ งมีน้าใจชํวยเหลือกิจกรรมสํวนรํวม เชํน การ สมคั รเปน็ กรรมการเลือกต้งั หรอื สมาคมบาเพญ็ ประโยชน๑สํวนรวม เป็นต๎น กกกกกกก2. 2.3 บรกิ ารรวมท่ีจดุ เดยี ว กกกกกกก2. 2.2 หนา๎ ที่พลเมืองทด่ี มี แี นวปฏบิ ตั ิ คือ พลเมอื งหลากหลายอาชีพซึง่ มีความรู๎และ ประสบการณท๑ ่ีแตกตํางกนั การรํวมกนั แก๎ไขปญ๓ หาหรอื การบริการรวํ มกนั ณ จดุ เ ดียวกนั เพื่อให๎ สมาชกิ ในสงั คมได๎รบั บรกิ ารเบด็ เสร็จ กกกกกกก2. 2.4 ขาดทนุ คอื กาไร กกกกกกก2. 2.2 หน๎าทพี่ ลเมืองท่ีดีมแี นวปฏบิ ตั ิ คือ การเสยี สละผลประโยชนท๑ ี่ตนเองจะได๎รบั ให๎ กันสํวนรวมแทน เพราะเมือ่ สํวนรวมได๎รับผลประโยชน๑นี่ เราในฐานะเปน็ สวํ นหน่ึงของสมาชกิ สังคมก็ ไดร๎ ับผลประโยชน๑ดว๎ ย กกกกกกก2. 2.5 การพงึ่ ตนเอง กกกกกกก2. 2.2 หนา๎ ท่พี ลเมืองที่ดีมีแนวปฏบิ ัติ คือ พยายามพงึ่ ตนเองใหม๎ ากท่สี ดุ ลดการพ่งึ พา ภายนอก จะทาให๎สามารถแก๎ไขป๓ญหาในเบือ้ งตน๎ ได๎ กกกกกกก2. 2.6 ความซื่อสตั ย๑สุจริต จรงิ ใจตํอกัน กกกกกกก2. 2.2 หนา๎ ท่ีพลเมอื งท่ดี มี ีแนวปฏิบัติ คือ การปฏิบตั ิตน ทางกาย วาจา จิตใจ ที่ ตรงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกงไมํหลอกลวง ไมํเอาเปรยี บผอ๎ู ืน่ ลัน่ วาจาวาํ จะทางานส่ิงใดกต็ อ๎ ง ทาให๎สาเร็จเปน็ อยาํ งดี ไมกํ ลบั กลอก มคี วามจริงใจตอํ ทกุ คน จนเป็นทไ่ี วว๎ างใจของคนทุกคน

113 กกกกกกก2. 2.7 ทางานอยํางมีความสุข กกกกกกก2. 2.2 หนา๎ ทีพ่ ลเมอื งที่ดมี ีแนวปฏิบัติ คือ ขณะทางานต๎องมีความสุขด๎วย ถ๎าเราทาอยาํ ง ไมํมคี วามสขุ เราจะแพ๎ แตํถ๎าเรามีความสขุ เราจะชนะ สนกุ กบั การทางานเพยี งเทาํ น้นั ถอื วําเราชนะ แลว๎ หรอื จะทางานโดยคานึงถงึ ความสุขท่ีเกิดจากการได๎ทาประโยชน๑ให๎กบั ผ๎ูอน่ื ก็สามารถทาได๎ กกกกกกก2. 2.8 ความเพียร กกกกกกก2. 2.2 หนา๎ ท่พี ลเมืองทด่ี ีมแี นวปฏบิ ัติ คือ การเร่ิมตน๎ ทางาน หรือทาสง่ิ ใดนั้นอาจไมํมี ความพรอ๎ มแตํต๎องอาศยั ความอดทนและความมงํุ มน่ั เพียรพยายามให๎งานน้ันสาเรจ็ ลุลวํ งไปได๎ กกกกกกก2. 2.9 ร๎ู รกั สามัคคี กกกกกกก2. 2.2 หนา๎ ทีพ่ ลเมอื งท่ีดมี แี นวปฏบิ ัติ คือ ตอ๎ งมคี วามร๎ใู นงานท่ตี นเองทาเปน็ อยํางดกี อํ น ตอํ จากนนั้ ให๎ทางานดว๎ ยความรกั และเม่ือลงมือปฏิบัติ ถ๎าทาคนเดยี วไมํสาเร็จก็ต๎องใชบ๎ ุคคลอน่ื มาชํวย ทารํวมกันอยาํ งมคี วามสามคั คี การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ กกกกกกก1. บรรยาย กกกกกกก2. กาหนดประเดน็ การศกึ ษาค๎นควา๎ รวํ มกันจากส่อื การเรียนร๎ูทีห่ ลากหลาย กกกกกกก3. บนั ทึกผลการศึกษาค๎นควา๎ ลงในเอกสารการเรียนร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก4. พบกลมํุ กกกกกกก5. อภิปรายแลกเปลีย่ นเรยี นรู๎ กกกกกกก6. วเิ คราะห๑ข๎อมูลที่ได๎ และสรุปการเรียนรูร๎ วํ มกัน บันทกึ สรปุ การเรียนร๎ูในเอกสารการ เรยี นร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ กกกกกกก1. สือ่ เอกสาร ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความร๎ู เรือ่ งที่ 5 หลกั การทรงงานของรัชกาลที่ 9 กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หวั เร่ืองที่ 5 หนา๎ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน กกกกกกก1. 1.3 ช่อื หนังสอื เรียน สาระการพัฒนาสงั คม รายวิชา สค23088 หนา๎ ที่พลเมืองตาม รอยพระยุคลบาทรชั กาลทเี่ กา๎ 2 กกกกกกก1. 1.4 ช่อื หนังสือ หลักการทรงงานตามรอยพระยคุ ลบาท ผ๎แู ตงํ ชูสทิ ธ์ิ ชูชาติ ปีทีพ่ ิมพ๑ พ.ศ. 2554 โรงพมิ พ๑ วนิดาการพิมพ๑ กกกกกกก1. 1.5 ชอ่ื หนังสอื ตามรอยเบือ้ งพระยุคลบาทด๎วยทศพธิ ราชธรรมและหลักการทรงงาน ผู๎แตงํ มลู นธิ ชิ ยั พฒั นา ปที พี่ ิมพ๑ พ.ศ. 2550 โรงพมิ พ๑ มลู นธิ ชิ ัยพฒั นา กกกกกกก1. 1.6 ชือ่ หนงั สือ เรียนร๎หู ลักการทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยํหู วั ผแ๎ู ตํง สานกั งานคณะกรรมการการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงํ ชาติ ปที ่พี มิ พ๑ ม.ป.ป. โรงพมิ พ๑ สานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจ

114 กกกกกกก2. ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส๑ ไดแ๎ กํ กกกกกกก2. 2.1 ชอื่ บทความ หลกั การทรงงาน \"พระมหากษัตรยิ น๑ ักพฒั นาเพอื่ ประโยชน๑สขุ สํปู วง ประชา\" ธนั วาคม 2554 ผแ๎ู ตงํ สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ สบื ค๎นจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/phra-dhamma/2013/06/13/entry-1 กกกกกกก2. 2.2 ช่อื บทความ \"หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยหํู ัว\" ผู๎แตํง สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพ่ือประสานงานโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ (กปร.) สืบคน๎ จาก http://www.rakbankerd.com/agriculture/ page.php?id กกกกกกก3. ส่ือแหลงํ เรยี นรใ๎ู นชุมชน ไดแ๎ กํ กกกกกกก3. 3.1 หอ๎ งสมุดประชาชนจงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ๑ กกกกกกก3. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแหงํ และศูนย๑การเรยี นชุมชน ในอาเภอเมือง ประจวบคีรขี ันธ๑ การวัดและประเมินผล กกกกกกก1. ประเมินความกา๎ วหน๎า ดว๎ ยวิธกี าร กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซักถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนรูด๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ดว๎ ยวิธกี าร กกกกกกก2. 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความร๎ู หวั เร่อื งท่ี 5 หน๎าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน จานวน 3 ขอ๎ กกกกกกก2. 2.2 ตอบแบบสอบถามวัดเจตคติตอํ วชิ าหนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลท่เี กา๎ 2

115 หวั เรือ่ งที่ 6 หน้าทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลท่ี 9 ตามพระราชจริยวัตร และพระราชกรณยี กิจ สาระสาคัญ กกกกกกก1. หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชจริยวัตร ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 ครอบครวั กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 ในฐานะบุตร ควรเชือ่ ฟง๓ คาสงั่ สอนของบิดามารดาโดยเฉพาะในเรอ่ื งของ ความรับผิดชอบ ควรมีการนาไปปฏิบัตอิ ยาํ งเครงํ ครดั นอกจากนใ้ี นฐานะบุตรตอ๎ งมคี ว ามกตญั ๒ตู อํ บิดามารดา และควรแสดงความรกั เคารพตอํ บิดามารดาอยํางสมา่ เสมอ กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 ในฐานะพํอ ต๎องอบรมสัง่ สอนบุตรให๎เปน็ คนดี มคี วามเสียสละ รบั ผิดชอบ หนา๎ ที่ทตี่ อ๎ งปฏบิ ัติให๎ดี โดยเฉพาะในวยั เยาวต๑ อ๎ งตัง้ ใจศึกษาเลาํ เรยี นและทางานที่พอํ แมํหรือครู มอบหมายใหท๎ าเปน็ อยํางดี นอกจากน้พี อํ แมํตอ๎ งสํงเสริมใหบ๎ ตุ รได๎ออกกาลังกาย เพอื่ ให๎รํางกาย แขง็ แรง ใช๎เวลาวํางให๎เปน็ ประโยชน๑ รวมถึงแนะนาสํงเสรมิ ใหบ๎ ตุ รไดเ๎ รยี นร๎ู ศิ ลปะ ดนตรี เพือ่ ขัดเกลา จิตใจใหอ๎ อํ นโยน กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 ในฐานะสามี ต๎องเปน็ สภุ าพบุรุษต๎องใหเ๎ กียรตสิ ุภาพสตรี ดแู ลคคูํ รองดว๎ ย ความรกั ให๎เกยี รตกิ ันและกัน เม่อื พบป๓ญหาตอ๎ งรํวมกนั ตดั สนิ ใจแก๎ไขป๓ญหาอยาํ งตง้ั มน่ั ในความ ซอื่ สตั ย๑สจุ รติ และความปรารถนาดี กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 ในฐานะผูน๎ าครอบครวั ต๎องเปน็ แบบอยาํ งในการปฏบิ ัตดิ ี ปฏิบตั ิชอบ ให๎ บตุ รได๎เหน็ และทาตาม รวมถึงสง่ั สอนให๎บุตรทางานที่เป็นบทบาทของตัวเองให๎ดที ี่สุด กกกกกกก1. 1.2 ความออํ นนอ๎ มถํอมตัว ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 กับประชาชนทั่วไป ควรให๎การเคารพออํ นนอ๎ มถํอมตัวกับผ๎ูท่ีมีอาวุโสกวาํ และแสดงความสุภาพออํ นโยนกับผ๎ูทีม่ ีอาวโุ สเทํากนั หรือนอ๎ ยกวํา กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 กับพระสงฆ๑ เม่ือพบพระสงฆ๑ควรยกมือไหว๎ เพอ่ื แสดงความเคารพ ในฐานะ ทพี่ ระสงฆเ๑ ปน็ ผูส๎ ืบทอดพระพทุ ธศาสนาใหค๎ งอยํูคํกู ับคนไทย กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 กับญาตพิ ่ีน๎อง ตอ๎ งดแู ลญาติพีน่ อ๎ ง และใหค๎ วามเคารพญาตผิ ทู๎ มี่ ีอาวุโสกวาํ ด๎วยความอํอนน๎อมถํอมตัว และผท๎ู ่มี ีอาวโุ สเทาํ กัน หรอื นอ๎ ยกวําก็แสดงความสุภาพอํอนโยน กกกกกกก2. หน๎าทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชกรณียกิจ กกกกกกก2. 2.1 โรงเรยี น ถ๎าพลเมืองมีฐานะหรอื มเี งนิ เหลอื เกบ็ ก็สามารถสงเคราะหเ๑ งนิ ดงั กลาํ ว สนับสนุนกจิ ก รรมการศกึ ษาของโรงเรยี น หรือสถา บนั การศึกษาในชมุ ชนทต่ี วั เองเป็นสมาชิกอยํู ในกรณที ี่ไมํมเี งินสามารถชวํ ยเหลือด๎านแรงกายกบั ภารกิจท่โี รงเรยี นตอ๎ งการให๎ชวํ ยเหลือกไ็ ด๎ กกกกกกก2. 2.2 ท๎องถนิ่ ต๎องมีสํวนรวํ มในการพฒั นาทอ๎ งถิน่ ของตวั เองทกุ ดา๎ น ท้ังดา๎ นแรงกาย หรอื เงินตามโอกาสอนั ควร

116 กกกกกกก2. 2.3 ประเทศ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ท่เี ก่ียวขอ๎ งกับการพัฒนาระดบั ประเทศ ได๎แกํ ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาอนั เนื่องมาจาก พระราชดาริ จานวน 6 แหํง คือ (1) ศูนย๑ศกึ ษาการพัฒนาหว๎ ยฮํองไคร๎อันเนื่องมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เชยี งใหมํ ตง้ั อยํูในภาคเหนอื (2) ศนู ยศ๑ ึกษาการพฒั นาภูพานอั นเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ จงั หวดั สกลนคร ต้ังอยใูํ นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื (3) ศนู ยศ๑ ึกษาการพัฒนาเขาหนิ ซ๎อน อันเนอื่ งมาจาก พระราชดาริ จังหวดั ฉะเชิงเทรา ตั้งอยํูในภาคตะวนั ออก (4) ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาอาํ วคุ๎งกระเบน อนั เนื่องมาจากพระราชดาริ จงั หวัดจนั ทบุรี ตัง้ อยูใํ นภาคตะวนั ออก (5) ศนู ยศ๑ กึ ษาการพัฒนาหว๎ ยทราย อนั เนื่องมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เพชรบุรี ตง้ั อยูํในภาคตะวันตก และ(6)ศูนยศ๑ กึ ษาการพฒั นาพกิ ทลุ อง อนั เนือ่ งมาจากพระราชดาริ จังหวัดนราธวิ าส ตงั้ อยํูในภาคใต๎ ตัวชีว้ ดั กกกกกกก1. วเิ คราะห๑หนา๎ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจริยวตั ร และ พระราชกรณยี กิจ ในสถานการณ๑ทก่ี าหนดให๎ได๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของหนา๎ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระ ราชจริยวตั ร และพระราชกรณยี กิจ ขอบขา่ ยเน้ือหา กกกกกกก1. หน๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชจริยวัตร กกกกกกก1. 1.1 ครอบครัว กกกกกกก1. 1.2 ความอํอนนอ๎ มถอํ มตัว กกกกกกก2. หนา๎ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชกรณยี กจิ กกกกกกก2. 2.1 โรงเรียน กกกกกกก2. 2.2 ท๎องถิ่น กกกกกกก2. 2.3 ประเทศ เนอ้ื หา กกกกกกก1. หนา้ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชจริยวัตร กกกกกกก1. 1.1 ครอบครัว กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 ในฐานะบุตร (พระโอรส) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ในฐานะเปน็ บตุ ร (พระโอรส ) ทรงเช่ือฟง๓ ในคาสง่ั สอนของสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี เปน็ อยาํ งยิ่ง ทรงจดบันทึกคาส่ังสอนแล๎วนามาปฏบิ ตั ิ ดงั พระราโชวาทหนง่ึ ท่ีมีความวํา “ในครอบครัวเรา ความรบั ผิดชอบเปน็ ของที่ไมตํ ๎องคดิ เป็นธรรมชาติ สิ่งท่ีสอนอนั แรกคือ เราจะทา อะไรใหเ๎ มืองไทย ถา๎ ไมมํ คี วามรับผดิ ชอบจะไปชวํ ยเมอื งไทยไดอ๎ ยํางไร ” ในทกุ คร้ังทสี่ มเดจ็ ยํา หรอื สมเด็จพระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนี ตรัสสอนไมวํ ําเรอื่ งใด ในหลวงจะทรงนากระดาษมาจด

117 และมีพระราชดารสั ตอบวํา “อยากฟง๓ แมํสอนอกี ” อยเํู สมอ นอกจากนีพ้ สกนกิ รชาวไทย ยงั ไดเ๎ หน็ ภาพ ความประทบั ใจของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาล ท่ี 9 ไดแ๎ สดงความรัก ความกตัญ๒ู ด๎วยการเอาใจใสดํ ูแลให๎สมเดจ็ ยาํ ไดร๎ บั ความสะดวกสบายอยํูเป็นนิจ รวมถึงภาพ แสดงออกถงึ ความรกั ท่ีมีตอํ สมเดจ็ พระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนี เป็นที่ประจั กษ๑อยํางตอํ เนอ่ื ง สมา่ เสมอทุกคร้ังที่ได๎พบกับสมเด็จพระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนี ภาพทรงจดและจาทกุ ครั้งทสี่ มเด็จพระชนนีสอน ภาพทรงดูแลเอาพระทัยใสสํ มเดจ็ พระชนนดี ว๎ ยความเตม็ ใจ ภาพในฐานะลกู ทรงกอด หอม และบอกรักแมทํ กุ คร้ัง

118 กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 หน๎าท่พี ลเมืองทดี่ ี มีแนวปฏบิ ตั ิ ในฐานะลูก ควรเชือ่ ฟง๓ คาสงั่ สอนของบิดา มารดา โดยเฉพาะในเรอื่ งของความรบั ผิดชอบ ควรมีการนาไปปฏิบตั ิอยํางเครํงครดั นอกจากนี้ ในฐานะบุตรตอ๎ งมีความกตัญ๒ตู อํ บดิ ามารดา และควรแสดงความรกั เคารพตอํ บิด ามารดา อยํางสมา่ เสมอ กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 ในฐานะพํอ (พระราชบิดา) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงอมุ๎ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ไวใ๎ นออ๎ มพระกรข๎างหน่ึง อีกขา๎ งหน่ึงทรงอิเล็กโทน พระราชนิพนธเ๑ พลง LULLABY และพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 โปรดใหพ๎ ระราชโอรส พระราชธิดาทอดพระเนตรโทรทศั นเ๑ ฉพาะวนั หยุด เรยี น สํวนวนั หยดุ โปรดให๎เสดจ็ ออกกลางแจง๎ เพอื่ รับอากาศบริสทุ ธิ์ รับแสงแดด และเมือ่ ถงึ เวลา ออกกาลังกาย สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชนิ นี าถ ในรชั กาลที่ 9 โปรดให๎พระราชโอรสพระราชธิดา หัดกายบริหาร เม่อื มีเวลาวํางท้งั สองพระองคท๑ รงพาพระราชโอรส และพระราชธิดานั่งรถไปพักผอํ น ดังท่ี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร รัชกาลที่ 10 ทรงเลาํ วํา “เม่อื ทูลกระหมอํ ม พํอขับรถไป สมเด็จแมกํ จ็ ะทรงเลําประสบการณ๑ทีพ่ ระองคไ๑ ด๎พบเห็นในตาํ งประเทศ ในตํางแดน ทรงเลําถงึ พระองค๑เองเมื่อครั้งทรงพระเยาว๑ เมือ่ ตดิ ตามทํานพอํ ของพระองค๑ซง่ึ เสดจ็ ไปเป็นทูตไทย ประจาประเทศตาํ ง ๆ ในยุโรป ตลอดเวลาที่ลูก ๆ ได๎ฟง๓ กต็ ื่นเตน๎ กนั มาก” ภาพทรงอภิบาลพระราชโอรส (สมเด็จพระเจา๎ อยํูหวั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู รัชกาลท่ี 10) ภาพทรงอ๎ุมและทรงจับพระหัตถพ๑ ระราชธิดา

119 กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 แม๎มีพระราช กรณียกิจมากมายและทรงงานอยาํ งหนกั แตํพระองค๑ทรงอบรมดแู ลพระราชโอรส และพระราชธิดา ทั้ง 4 พระองค๑ดว๎ ยความรัก โดยมีพระราชประสงคใ๑ นการอบรมทุกพระองคใ๑ หร๎ จ๎ู ักชีวิตของคนสามญั มากที่สุด ไมทํ รงตอ๎ งการให๎พระราชโอรส พระราชธิดาถือตัววําเป็นลูกเจ๎า ดังพระราชดารสั ในสมเด็จ พระนางเจ๎าฯ พระบรมราชนิ นี าถ ในรชั กาลที่ 9 ไดพ๎ ระราชทานใหแ๎ กคํ ณะบุคคลตําง ๆ ทีม่ าเขา๎ เฝาู ฯ ถวายพระพรชยั มงคลในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั พระราชวังดุสติ เมอ่ื วนั ท่ี 12 สิงหาคม พ.ศ. 2522 ความวํา “พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัวทรงสอนลกู ๆ ทุกคน สอนข๎าพเจา๎ กํอน และกส็ อนลูกวํา เม่ือคนเขายกยอํ งนับถอื ให๎เป็นประมขุ เทําไร เราตอ๎ งรู๎ สกึ วาํ เราตอ๎ งทางานให๎หนัก กวาํ ทกุ คน ตอ๎ งมีความรับผิดชอบ มีความเสยี สละ ข๎อสาคัญเป็นคนดใี ห๎รจู๎ กั เสยี สละ ย่งิ เกิดมา ในตาแหนํงของลูกของประมขุ แลว๎ ก็ยง่ิ ต๎องเสียสละมากขึน้ ตอ๎ งทงั้ เรียน และต๎องทางานไปดว๎ ย และก็ ต๎องพยายามทาใหไ๎ ด๎ดี” กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 นอกจากน้พี ระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ยงั ไดท๎ รงส่ังสอนปลูกฝ๓งให๎พระราชโอรส และพระราชธดิ าใหไ๎ ด๎เรยี นรูเ๎ รอื่ งศิลปะ ดนตรี การออกกาลังกาย การใช๎เวลาวาํ งใหเ๎ ป็นประโยชน๑จากประสบการณ๑ทพี่ ระองค๑ได๎พบเห็นในตาํ งประเทศ โดยมสี มเดจ็ พระนางเจ๎าฯ พระบรมราชนิ นี าถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงเปน็ ผูร๎ ํวมถํายทอดประสบการณ๑ของพระองค๑ ทํานใหพ๎ ระราชโอรส และพระราชธิดาได๎ทรงรับฟ๓ง ดงั ท่ี สมเด็จพระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกุมาร (รัชกาลท่ี10) ทรงเลาํ วาํ “เม่ือทลู กระหมํอมพอํ ขบั รถไป สมเด็จแมกํ จ็ ะทรงเลาํ ประสบการณท๑ พี่ ระองค๑ได๎พบเห็นในตาํ งประเทศ ในตาํ งแดน ทรงเลําถึงพระองค๑เองเม่อื ครง้ั ทรงพระเยาว๑ เมือ่ ตดิ ตามทาํ นพอํ ของพระองคซ๑ ่ึงเสด็จไปเป็นทูตไทยประจาประเทศตําง ๆ ในยุโรป ตลอดเวลาที่ ลกู ๆ ไดฟ๎ ๓งก็ตน่ื เตน๎ กนั มาก ” และดังภาพทีพ่ สกนิกรได๎เหน็ พระบาทสมเด็จพระปรมิน ทรมหา ภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงอุม๎ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไวใ๎ นออ๎ ม พระกรข๎างหนงึ่ อีกข๎างหนึง่ ทรงอเิ ลก็ โทน เพลงพระราชนิพนธ๑ LULLABY และพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 โปรดใหพ๎ ระราชโอรส พระราชธดิ าทอดพ ระเนตร โทรทัศนเ๑ ฉพาะวนั หยุดเรียน สํวนวนั หยดุ โปรดให๎เสดจ็ ออกกลางแจ๎งเพอ่ื รับอากาศบริสุทธิ์ รบั แสงแดดและเมือ่ ถงึ เวลาออกกาลังกาย สมเดจ็ พระนางเจา๎ ฯ พระบรมราชินนี าถ ในรชั กาลท่ี 9 โปรดให๎พระราชโอรส พระราชธิดาหัดกายบรหิ าร เม่ือมีเวลาวํางท้งั สองพระองค๑ทรง พาพระราชโอรส และพระราชธิดาน่ังรถไปพักผอํ น ภาพทรงสอนพระราชธดิ าให๎รู๎จกั ชีวิตของคนสามัญมากที่สดุ และทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กิจ

120 กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 หนา๎ ทีพ่ ลเมอื งทีด่ ี มแี นวปฏบิ ัติ ต๎องอบรมสงั่ สอนบตุ รใหเ๎ ป็นคนดีมีความ เสียสละ รบั ผดิ ชอบหนา๎ ท่ที ต่ี ๎องปฏิบตั ิให๎ดี โดยเฉพาะในวยั เยาวต๑ ๎องตงั้ ใจศกึ ษาเลําเรยี นและทางาน ทพ่ี อํ แมํ หรือครูมอบหมายใหท๎ าเปน็ อยาํ งดี นอกจากนพ้ี ํอแมตํ อ๎ งสงํ เสรมิ ให๎บตุ รได๎ออกกาลังกาย เพ่ือใหร๎ ํางกายแข็งแรง ใชเ๎ วลาวํางใหเ๎ ป็นประโยชน๑ รวมถึงแนะนาสํงเสริมให๎บุตรได๎ เรยี นรู๎ ศลิ ปะ ดนตรี เพือ่ ขดั เกลาจติ ใจใหอ๎ อํ นโยน กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 ในฐานะสามี (พระสวามี) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ในฐานะพระสวามสี มเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชนิ นี าถ ในรัชกาลที่ 9 ได๎ทรงให๎เกียรติ ต้งั แตํวันที่มีพระราชพธิ รี าชาภิเษกสมรสโปรดใหม๎ ีการจดทะเบียนสมรส นอกจากนีย้ ังทรงดูแล ในฐานะสามตี ๎องดแู ลภรรยา เมอ่ื ปฏิบตั ิงาน หรือปฏบิ ัตพิ ระราชกรณยี กิจเยีย่ มราษฎร ภาพที่ พสกนกิ รไดพ๎ บเห็นมักจะเป็นภาพทีพ่ ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ยืนพระกร (แขน) หรอื พระหัตถ๑ (มือ) ใหส๎ มเดจ็ พระนางเจา๎ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ ในรชั กาลที่ 9 ไดจ๎ ับ ขณะทรงเดนิ ไปในทตี่ าํ ง ๆ ของแผํนดินไทย รวมถงึ การให๎เกยี รตใิ นฐานะภรรยา เม่อื มพี ระราช อาคันตุกะไดเ๎ ขา๎ เฝาู พสกนิกรมกั ทรงไดเ๎ ห็นภาพให๎สมเดจ็ พระนางเจา๎ ฯ พระบรมราชนิ นี าถในรชั กาลท9ี่ น่งั เคยี งข๎างหรือทรงประทับยนื เคียงคูํกันปฏบิ ตั พิ ระราชกรณียกจิ ตลอดจนบางครั้งทั้งสองพระองค๑ สัมผัสพระหัตถใ๑ หก๎ าลงั พระราชหฤทัยซึ่งกันและกนั ดว๎ ย ภาพวนั พระราชพธิ รี าชาภเิ ษกสมรส ภาพใบทะเบียนสมรส

121 ภาพทรงเป็นสภุ าพบรุ ษุ ดูแลสุภาพสตรี ภาพขณะทรงต๎อนรับพระราชอาคันตกุ ะรวํ มกบั สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชนิ ีนาถ ภาพแสดงความรักที่มใี หก๎ ับสมเดจ็ พระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินนี าถ กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 หนา๎ ท่ีพลเมืองที่ดี มีแนวปฏบิ ตั ิ โดยสามใี นฐานะเปน็ สุภาพบุรุษตอ๎ งใหเ๎ กียรติ สภุ าพสตรี ดแู ลคํคู รองดว๎ ยความรัก ให๎เกยี รตกิ ันและกัน เมือ่ พบปญ๓ หาต๎องรํวมกนั ตดั สนิ ใจแก๎ไขป๓ญหา อยาํ งต้ังมัน่ ในความซอื่ สัตย๑สจุ รติ และความปรารถนาดี

122 กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 ในฐานะผน๎ู าครอบครวั พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงเปน็ ผู๎นาครอบครวั ท่ีดี พระองค๑ทรงเปน็ แบบอยํางให๎สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรม ราชินนี าถ ในรัชกาลท่ี 9 พระราชโอรส และพระราชธิดาในการทรงงานเพ่ือประโยชนส๑ ุขของพสกนิกร ชาวไทยมาโดยตลอด นอกจากน้ีพระองคย๑ งั ไดท๎ รงส่ังสอนทุกพระองคใ๑ หท๎ รงงานดว๎ ยความมํงุ มั่น เสยี สละ และชวํ ยพสกนิกรใหพ๎ ๎นจากความทกุ ขย๑ ากลาบาก พสกนิกรจึงไดเ๎ หน็ ทกุ พระองค๑ได๎รํวมกนั ทางาน บาบัดทกุ ข๑บารงุ สุขใหก๎ บั ราษฎรมาอยํางตํอเนอ่ื ง นอกจากน้ีพระองค๑ทํานยังไดท๎ รงประทาน พระราโชวาทใหก๎ ับประชาชนอยาํ งตอํ เนื่องในฐานะผ๎ูนาครอบครัวของชนชาวไทย เพอื่ ใหส๎ ามารถ ดาเนินชวี ติ ได๎อยํางมคี วามสขุ ภาพพระบรมวงศานุวงศ๑ ภาพทรงขบั รถไถนากบั สมเดจ็ พระเจ๎าอยูหํ ัวมหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู รัชกาลท่ี 10

123 ภาพทรงสอนสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี . ภาพทลู กระหมอํ มหญงิ อบุ ลรตั นราชกญั ญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงไดร๎ บั การดูแลใกลช๎ ดิ จากพระราชบดิ า ภาพสมเดจ็ พระเจ๎าลูกเธอ เจา๎ ฟาู จุฬาภรณวลยั ลกั ษณ๑ อัครราชกมุ ารี ทรงไดร๎ บั การดูแลใกล๎ชดิ จากพระราชบดิ า

124 ภาพทรงปฏบิ ตั ิพระราชกรณยี กิจกบั ครอบครวั กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 หนา๎ ท่ีพลเมืองท่ีดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ในฐานะผ๎ูนาครอบครวั ตอ๎ งเป็นแบบอยาํ ง ในการปฏิบตั ดิ ี ปฏิบัตชิ อบ ใหบ๎ ุตรได๎เห็นและทาตาม รวมถึงส่งั สอนใหบ๎ ุตรทางานที่เป็นบทบาทของ ตัวเองให๎ดที ่ีสุด กกกกกกก1. 1.2 ความออํ นน๎อมถํอมตัว กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 กบั ประชาชน พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎เสดจ็ ฯ เยย่ี มราษฎร ภาพทพี่ สกนกิ รเห็นคุน๎ ตาเสมอ คอื พระองค๑ทรงโน๎มพระวรกายหา ประชาชน ดว๎ ยการคกุ เขาํ หน๎าประชาชน ถามทกุ ข๑สขุ ปรึกษาหารอื กับประชาชนเป็นชั่วโมง ๆ บางครง้ั ประชาชนนั่งพบั เพยี บ พระองคท๑ าํ นก็ทรดุ พระวรกายนัง่ พับเพียบเสมอ บนพนื้ ดินเดยี วกนั อยาํ งเรียบงาํ ย พระองคท๑ รงมีความออํ นน๎อมถํอมตัวกบั ผ๎รู ํวมงาน ดังภาพท่ีพสกนิกรได๎พบเห็น พระองค๑ทาํ นจะทรงประทบั กับพ้นื ดินหรือพื้นหอ๎ งทางาน โดยมีคณะทางาน นง่ั นงั่ ล๎อมวงเฝูาอยาํ งไมํ ถอื พระองค๑ ไมตํ ๎องมโี ตะ๏ เก๎าอี้ กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 นอกจากนพ้ี ระองค๑ยังทรงใหค๎ าแนะนากับคณะทางาน โดยเฉพาะ กับแพทย๑ ได๎ทรงแนะนาผปู๎ วุ ย หรอื ญาติผู๎ปุวยอยาํ งสุภาพอํอนน๎อม เพอ่ื ชํวยลดปญ๓ หาการขดั แยง๎ ระหวํางผป๎ู ุวย หรอื ญ าติผป๎ู วุ ย กับแพทย๑ ผใ๎ู ห๎ การรักษา สะท๎อนให๎เหน็ วําพระองคท๑ รงเปน็ ผู๎ที่มีความอํอนน๎อม ถํอมตัวอยาํ งแทจ๎ ริงทั้ง ๆ ทพี่ ระองค๑เปน็ ถึงองคพ๑ ระประมุขของชาติ ภาพพระองคท๑ รงโน๎มพระวรกายลงไปหาประชาชน

125 ภาพทรงคุกเขาํ หน๎าประชาชน ภาพทรงพดู คยุ กับประชาชนอยํางเรยี บงาํ ยเป็นกันเอง ภาพทรงใหค๎ าแนะนากับแพทย๑ทรี่ ักษาคนไข๎ กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 หนา๎ ท่พี ลเมอื งท่ดี ี มแี นวปฏิบตั ิ ควรใหก๎ ารเคารพอํอนนอ๎ มถํอมตวั กบั ผู๎ท่ีมี อาวุโสกวํา และแสดงความสุภาพอํอนโยนกบั ผ๎ูท่มี อี าวุโสเทาํ กนั หรอื นอ๎ ยกวาํ กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 กบั พระสงฆ๑ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 พระองค๑ทรงเป่ียมไปดว๎ ยพระราชจริยวตั รท่สี ุขมุ คัมภีรภาพ มีพระราชปฏิสันถารกับพสกนิกร อยํางเปน็ กนั เอง และไมํทรงถือพระองค๑ ถงึ แม๎บคุ คลผ๎ูนัน้ จะตาํ งช้ันชน หรือมฐี านะยากจนสกั เพยี งไร โดยเฉพาะอยาํ งยิ่งพระภกิ ษุสงฆ๑ หรอื นักบวชในแตํละศาสนา พระองค๑จะทรงให๎เกยี รติเป็นอยํางมาก

126 ดังเชํน ตอนทอี่ งค๑กรพุทธศาสนาฝาุ ยฆราวาสในประเทศไทย ได๎นิมนต๑ภกิ ษสุ งฆ๑จากตํางประเทศ เข๎ามาถ วายพระพร ในพิธนี ี้พระเถระชั้นผ๎ูใหญเํ ขา๎ มาเปน็ ประธานในพิธีดว๎ ย กลาํ วคือ สมเด็จ พระญาณสงั วรและสมเด็จพระมหาวีรวงศ๑ ทาํ มกลางเถรานุเถระมากมาย พระองคท๑ รงพระดาเนิน เข๎าไปตรงที่ประทบั ของสมเด็จพระสงั ฆราช พรอ๎ มทรงคกุ เขาํ ลงนมสั การ หลงั จากเสร็จสิ้นพธิ กี าร เถรานุเถระทงั้ หลายตํางสรรเสรญิ ชน่ื ชมในพระราชจริยวตั รอนั ออํ นโยนวํา “เกดิ มาไมํเคยเหน็ พระเจา๎ แผํนดินทท่ี รดุ พระองคล๑ งกราบพระภกิ ษุ ทบ่ี า๎ นเมืองเขาไมํเคยเห็น เป็นที่ประทับใจมาก” ภาพทรงสุภาพอํอนโยนกับพระภกิ ษุเปน็ อยาํ งมาก ภาพทรงกราบพระภกิ ษุ ภาพพระองค๑ทรงเปีย่ มไปด๎วยพระราชจริยวัตรทส่ี ุภาพออํ นโยน

127 กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 หน๎าทพ่ี ลเมืองท่ดี ี มแี นวปฏบิ ัติ เม่อื พบพระสงฆ๑ควรยกมือไหว๎ เพื่อแสดง ความเคารพ ในฐานะทพี่ ระสงฆ๑เป็นผสู๎ บื ทอดพระพุทธศาสนาใหค๎ งอยคํู กํู ับคนไทย กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 กับพระประยูรญาติ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงให๎ความเคารพพระประยรู ญาติชัน้ ผูใ๎ หญเํ ปน็ อยํางมาก ดังทีพ่ สกนิกรเคยพบเห็นดัง ภาพ สมเด็จพระพันวสาอยั ยกิ าเจ๎า พระเจา๎ บรมวงศเ๑ ธอ พระองค๑เจา๎ วาปบี ุษบากร สมเด็จพระเจา๎ พ่ี นางเธอ สมเดจ็ พระเจ๎าภคินีเธอ เจ๎าฟูาเพชรรัตนราชสดุ า สิรโิ สภาพณั ณวดี ในฐานะพระประยูรญาติ ช้นั ผใู๎ หญํ และ เจา๎ ฟาู กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทร๑ ภาพทรงกราบพระพันวัสสาอัยยกิ าเจา๎ ในฐานะพระประยูรญาติชน้ั ผูใ๎ หญํ ภาพทรงเข๎าพบพระองค๑เจ๎าวาปบี ุษบากรดว๎ ยความนอบนอ๎ ม ภาพสมเด็จพระเจา๎ พีน่ างเธอ เจ๎าฟูากลั ยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร๑

128 กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 หน๎าที่พลเมอื งทด่ี ี มแี นวปฏบิ ตั ิ ตอ๎ งดูแลญาติพีน่ อ๎ ง และให๎ความเคารพ ญาติผ๎ทู มี่ อี าวโุ สกวาํ ด๎วยความออํ นน๎อมถอํ มตัว และผ๎ทู ม่ี อี าวโุ สเทาํ กนั หรอื นอ๎ ยกวาํ กแ็ สดงความ สุภาพออํ นโยน กกกกกกก2. หน้าที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ตามพระราชกรณียกจิ กกกกกกก2. 2.1 โรงเรยี น กกกกกกก2. 2.1 2.1.1 โรงเรียนในพระบรมราชปู ถมั ภ๑ เป็นโรงเรยี นท่พี ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา ภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงใหก๎ ารอปุ ถัมปใ์ นด๎านตาํ ง ๆ เชนํ ทรงพระราชทาน พระราชทรัพย๑ ชํวยเหลอื ใหค๎ าแนะนา รวมทั้งเสดจ็ พระราชดาเนินไปเยย่ี มเยยี น และพระราชทานพระบรมราโชวาท เพ่ือสนับสนุน และเป็นกาลังใจแกํครูและนกั เรยี นของโรงเรยี น โรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ๑ มีทง้ั โรงเรียนรัฐบาล และโรงเรยี นเอกชน ไดแ๎ กํ 1) โรงเรียนจิตรลดา 2) โรงเรียนราชวินิต 3) โรงเรยี น วงั ไกลกังวล 4) โรงเรยี นราชประชาสมาสัย 5) โรงเรยี น ภ .ป.ร. ราชวิทยาลยั ในพระบรมราชู ปถมั ภ๑ 6) โรงเรยี นเพอื่ ลูกหลานชนบท 7) โรงเรยี นรํมเกล๎า 8) โรงเรยี นสงเคราะห๑เด็กยากจน และ 9) โรงเรียนทต่ี ๎องการความชวํ ยเหลือตามความจาเปน็ เรงํ ดวํ น ภาพโรงเรียนวังไกลกังวล อาเภอหวั หิน จังหวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ภาพทรงพระราชดาเนนิ ไปเยี่ยมเยียนและทรงพระราชทานพระบรมราโชวาท

129 ภาพการศกึ ษาด๎วยระบบทางไกลผํานดาวเทียม (ครตู ๎ู) กกกกกกก2. 2.1 2.1.2 ทนุ การศึกษาพระราชทาน พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงทราบดวี ําเดก็ และเยาวชนของไทยมิได๎ขาดสติปญ๓ ญาหากแตดํ ๎อยโอกาส และขาดทุนทรัพย๑ สาหรับการศึกษา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา๎ โปรดกระหมํอมพระราชทานพระราชทรพั ย๑ สํวนพระองค๑ เพื่อกอํ ตง้ั กองทนุ การศกึ ษาหลายชน้ั หลายทุน ต้งั แตํระดับประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา อดุ มศึกษา และนสิ ิตนักศกึ ษา ได๎แกํ 1) ทุนมลู นธิ ิอา นนั ทมหิดล 2) ทนุ เลําเรียนหลวง 3) ทนุ มูลนธิ ิ ภมู ิพล 4) ทุนการศึกษาสงเคราะห๑ในมูลนิธริ าชประชานุเคราะห๑ 5) ทนุ มลู นิธริ าชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถมั ภ๑ 6) มลู นธิ โิ รงเรยี นราชประชาสมาสัย 7) ทุนนวฤกษ๑ และ 8) ทนุ การศึ กษา พระราชทานแกนํ ักเรยี นเฉพาะกรณี ภาพทรงพระราชทานทนุ การศกึ ษา ภาพทรงพระราชทานอุปกรณ๑การเรยี น

130 กกกกกกก2. 2.1 2.1.3 โครงการสารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน เริ่มดาเนนิ งานเมอ่ื ปี พ .ศ. 2551 โดยคณะกรรมการผูท๎ รงคณุ วุฒใิ นสาขาวิชาตําง ๆ เพ่ือเปน็ การสนองพระราชดาริของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ป๓จจบุ ันโครงการสารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน ได๎ จดั ทาหนังสือสารานุกรมไทย ท่บี รรจุความรู๎ใน 7 สาขาวิชา คอื 1) วทิ ยาศาสตร๑ 2) เทคโนโลยี 3) สังคมศาสตร๑ 4) มนุษยศาสตร๑ 5) เกษตรศาสตร๑ 6) แพทยศาสตร๑ และ 7) คณิตศาสตร๑ โดยแตลํ ะ เลํมไดจ๎ ดั แบํงเนอ้ื หาของแตลํ ะเรอื่ งออกเปน็ สามระดับ เพือ่ ที่จะให๎เยาวชนสามารถศกึ ษาคน๎ คว๎าหา ความร๎ไู ดต๎ ามพ้นื ฐานของตัว ภาพสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน กกกกกกก2. 2.1 2.1.4 พธิ ีพระราชทานปริญญาบัตรแกํผส๎ู าเรจ็ การศึกษา ในทกุ ๆ ปี พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 สมเดจ็ พระนางเจ๎าฯ พระบรมราชนิ นี าถ และพระบรม วงศานุวงศ๑ จะเสดจ็ พระราชดาเนินไปยังสถาบันอุดมศึกษาของรฐั เพือ่ พระราชทานปริญญาบตั ร แกํผส๎ู าเรจ็ การศกึ ษา แมพ๎ ระราชกรณยี กจิ น้จี ะเปน็ ภาระแกํพระองค๑ และพระบรมวงศานุวงศม๑ าก แตพํ ระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 กม็ พี ระราชกระแสรบั สงั่ ให๎คงพิธี พระราชทานปรญิ ญาบตั ร ในปจ๓ จุบนั มมี หาวทิ ยาลยั เอกชนเพิ่มข้นึ เปน็ จานวนมาก จงึ ทรงพระกรณุ า โปรดเกลา๎ โปรดกระหมอํ มใหพ๎ ระบรมวงศานวุ งศ๑เสดจ็ พระราชทานแทนพระองค๑ (เฉพาะมหาวิทยาลัย เอกชน) ภาพพระราชทานปรญิ ญาบตั ร

131 กกกกกกก2. 2.1 หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งทดี่ ี มีแนวปฏบิ ัติ ถ๎าพลเมอื งมีฐานะ หรือมเี งินเหลือเก็บก็สามารถ สงเคราะ ห๑เงนิ ดังกลําว สนับสนนุ กิจกรรม การศึกษาของโรงเรียน หรอื สถาบันการศึกษาในชมุ ชน ท่ีตวั เองเปน็ สมาชกิ อยูํ ในกรณีท่ไี มํมีเงนิ สามารถชํวยเหลือดา๎ นแรงกายกบั ภารกจิ ท่ีโรงเรยี นตอ๎ งการ ใหช๎ ํวยเหลอื กไ็ ด๎ กกกกกกก2. 2.2 ท๎องถน่ิ กกกกกกก2. 2.2 2.2.1 ด๎านสาธารณปู โภค พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงวางแผนสรา๎ งถนนเพ่ือความม่นั คงของประเทศและพฒั นาบา๎ นเมือง เสน๎ ทางข๎ามภูเขา ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคเหนอื ภาคใต๎ โดยเฉพาะเสน๎ ทางสายนําน- ป๓ว-ทงุํ ช๎าง- ปอน-ห๎วย โกร๐น ในพ้ืนทีอ่ นั ตรายท่ผี ๎กู ํอการร๎ายขดั ขวาง ท้ังทรงแกป๎ ญ๓ หาจราจรด๎วยระบบเครือขาํ ย ได๎แกํ ถนน วงแหวนรัชดาภเิ ษก กาญจนาภิเษก โครงขาํ ยถนนจตุรทิศเหนือ- ใต๎ ตะวันออก- ตะวันตก รองรับ การจราจร ขา๎ มกรงุ เทพฯ ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม สะพานขนาดใหญํ ขา๎ มแมนํ ้าเจา๎ พระยาสองชวํ ง ทโ่ี ดดเดํนสงาํ งาม สะพานแขวนพระราม 8 ทางคขูํ นานลอยฟาู ถนนบรมราชชนนี อีกทงั้ โครงการ อนั เน่ืองมาจากพระราชดารดิ ๎านการคมนาคมโครงการแรก คือ การกอํ สร๎าง ถนนเข๎าสหูํ มูํบา๎ น หว๎ ยมงคล ตาบลหินเหล็กไฟ อาเภอหัวหนิ จังหวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ในปี พ.ศ. 2495 ภาพถนนเข๎าสหูํ มูํบา๎ นหว๎ ยมงคลในอดีต ภาพถนนห๎วยมงคลในป๓จจุบัน

132 กกกกกกก2. 2.2 2.2.2 ดา๎ นการเกษตร พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดรชัชกาลท9่ี ทรงเน๎นในเรอื่ งของการค๎นควา๎ ทดลอง และวิจยั หาพันธ๑ุพืชใหมํ ๆ ทั้งพชื เศรษฐกิจ พืชสมนุ ไพร รวมถงึ การศกึ ษาเกีย่ วกับแมลงศตั รูพชื และพันธุ๑สัตว๑ตําง ๆ ทเี่ หมาะสมกับสภาพทอ๎ งถ่นิ นั้น ๆ ซ่งึ แตลํ ะโครงการจะเนน๎ ให๎สามารถนาไปปฏบิ ตั ไิ ด๎จรงิ มรี าคาถกู ใช๎เทคโนโลยงี ําย ไมํสลบั ซบั ซ๎อน เกษตรกรสามารถดาเนนิ การเองได๎ นอกจากน้ี ยังทรงพยายามไมใํ ห๎ เกษตรกรยึดตดิ กับพืชผล ทางการเกษตรเพียงอยาํ งเดยี ว แตํเกษตรกรควรจะมรี ายไดจ๎ ากดา๎ นอน่ื นอกเหนอื ไปจากการเกษตร เพิม่ ขึน้ ด๎วย ภาพทรงให๎คาแนะนากบั ประชาชนเก่ียวกับเกษตรทฤษฎีใหมํ ภาพทรงเนน๎ ในเร่อื งของการค๎นคว๎า ทดลอง และวิจัย เกยี่ วกับดิน กกกกกกก2. 2.2 2.2.3 ด๎านสาธารณสุข พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลรยัชเดกชาลท9ี่ ทรงตระหนักถึงสุขภาพอนามัยประชาชน กาจดั โรคระบาดท่ีคุกคามบ่ันทอนชวี ิตราษฎร ไดแ๎ กํ โรคเร้อื น วัณโรค โปลโิ อ และโรคติดตอํ ร๎ายแรง สงเคราะหผ๑ ปู๎ ระสบสาธารณภยั ทุกวาระอยาํ งทนั เหตุการณ๑ ฟน้ื ฟูท้งั ราํ งกายและจิตใจ โดยจดั ต้ังหนํวยงานแพทย๑หลวง หนํวยแพทย๑พระราชทาน ทง้ั ทางบกและทางน้า หนํวยทันตกรรมเคลือ่ นที่พระราชทาน กอํ ต้ังมูลนิธริ าชประชาสมาสัย และ มลู นธิ ริ าชประชานเุ คราะหด๑ าเนินงานชวํ ยเหลอื ใ นโอกาสตาํ ง ๆ โดยเฉพาะกอํ ตั้งมูลนิธิชัยพฒั นา ดาเนนิ การชํวยเหลือประชาชนไดร๎ วดเร็ว ในด๎านการแพทย๑สํงเสรมิ ใหท๎ นุ นายแพทย๑สาขาตําง ๆ ไปศึกษาเพิ่มเตมิ ในตาํ งประเทศ เพอื่ นาวิทยาการทเ่ี จรญิ มาพฒั นาประเทศ

133 ภาพหนํวยแพทย๑พระราชทาน ภาพทรงพระราชทานนามทุน “อานันทมหดิ ล” แกํผูส๎ าเรจ็ การศึกษาวิชาแพทยศาสตร๑ กกกกกกก2. 2.2 2.2.4 ดา๎ นส่งิ แวดล๎อม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กา9ลที่ ทานุบารงุ และปรบั ปรุงสภาพทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ๎ ม ใหด๎ ีขึ้นในด๎านตาํ ง ๆ โดยในด๎าน การแกไ๎ ขป๓ญหาสง่ิ แวดล๎อมน้ัน และทรงเน๎นงานการอนรุ กั ษ๑ และฟ้นื ฟูสภาพสงิ่ แวดล๎อม โดยเฉพาะ อยาํ งยง่ิ ในเร่อื งของป๓ญหานา้ เนําเสยี พร๎อมท้งั พระราชทานทุนการศกึ ษาแกํนกั เรยี นไทยไปศกึ ษา ตอํ ตํางประเทศ เพื่อนากลบั มาพฒั นาประเทศ โดยทรงมีพระราชดาริให๎มกี ารอนรุ ักษ๑พรอ๎ มกบั การฟื้นฟทู รัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล๎อม ภาพทรงคดิ วางแผนปรับปรงุ สภาพทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อม

134 กกกกกกก2. 2.2 2.2.5 ดา๎ นเทคโนโลยี พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชรัชกาลท9่ี ทรงเลง็ เห็นความสาคัญ และสนับสนนุ การค๎นควา๎ ทางด๎านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยพระองค๑ไดท๎ รง ศกึ ษาคดิ ค๎นและนาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศมาสนบั สนนุ พระราชภารกจิ มากมาย มีการค๎นคว๎า ในทางวิทยาการคอมพวิ เตอร๑ พระองค๑ทรงศึกษาคดิ คน๎ สร๎างโปรแกรมคอมพวิ เตอร๑เพื่อการ ประมวลผลขอ๎ มลู ตํ าง ๆ ดว๎ ยพระองคเ๑ อง ทรงประดษิ ฐ๑รปู แบบตวั อกั ษรไทยทมี่ ลี กั ษณะงดงาม เพ่ือแสดงผลบนจอคอมพิวเตอร๑ และเคร่อื งพิมพ๑ ทรงใชเ๎ ครื่องคอมพวิ เตอร๑เพ่อื ประดษิ ฐ๑บตั ร ส .ค.ส. พระราชทานพรแกพํ สกนกิ รชาวไทย ในโอกาสวนั ขน้ึ ปใี หมเํ ปน็ ประจาทุกปี ภาพโครงการฝนหลวง ภาพกงั หันน้าชยั พัฒนา กกกกกกก2. 2.2 หน๎าท่ีพลเมืองทีด่ ี มแี นวปฏบิ ัติ ตอ๎ งมีสํวนรํวมในการพฒั นาท๎องถ่ินของตวั เองทุก ด๎าน ท้งั ดา๎ นแรงกายหรือเงนิ ตามโอกาสอันควร กกกกกกก2. 2.3 ประเทศ กกกกกกก2. 2.3 พระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ทีเ่ กยี่ วกับการพฒั นาในระดับประเทศทีส่ าคญั ได๎แกํ ศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราช ดาริ 6 แหงํ ที่ต้ังอยูํในภมู ิภาคของประเทศไทย ดังนี้

135 กกกกกกก2. 2.3 2.3.1 ศูนยศ๑ กึ ษาการพัฒนาห๎วยฮํองไคร๎อันเน่อื งมาจาก พระราชดารจิ งั หวัดเชียงใหมํ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงโปรดใหจ๎ ดั ต้ังศูนย๑นี้ขน้ึ เม่อื วันท่ี 11 ธันวาคม พ.ศ. 2525 ณ ภาคเหนือของประเทศไทย มกี ารศกึ ษาทดลองเก่ียวกบั (1) การพัฒนาลาน้า และแหลงํ น้า (2) การพฒั นาปุาไม๎ และ (3) การพัฒนาอาชีพเกษตรและอตุ สาหกรรมการเกษตร กกกกกกก2. 2.3 2.3.1 วตั ถปุ ระสงค๑ของศนู ยก๑ ารศึกษาพฒั นาห๎วยฮอํ งไคร๎ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ จงั หวัดเชียงใหมํ มดี งั น้ี กกกกกกก2. 2.3 2.3.1 ข๎อ 1 เพ่อื ใชเ๎ ปน็ สถานที่สาหรบั ศกึ ษาทดสอบถึงวิธกี ารพัฒนาตาํ ง ๆ เมือ่ ได๎ผลประการใดแลว๎ ก็จะสาธติ และเผยแพรํ ให๎เจา๎ หนา๎ ท่ีของสํวนราชการ เกษตรกร และ ประชาชนท่วั ไป เข๎าไปศึกษาหรอื โดยการเผยแพรํ กกกกกกก2. 2.3 2.3.1 ข๎อ 2 เพอ่ื การกอํ สร๎างฝายเกบ็ กกั น้าลาธาร มีประโยชนใ๑ นดา๎ นการชํวยให๎ พืน้ ทใ่ี กล๎รํองน้ามีความชุํมชื้น ทาให๎ปุาไมบ๎ รเิ วณน้นั เจริญเตบิ โตดี พฒั นาปุาไม๎ดว๎ ยน้าชลประทาน และพน้ื ทที่ วั่ ไป กกกกกกก2. 2.3 2.3.1 ขอ๎ 3 เพ่ือพิจารณาจดั พื้นทส่ี ํวนหนึง่ ในเขตพน้ื ทีพ่ ัฒนาปาุ ไม๎ด๎วยน้าชลประทาน ให๎เป็นพนื้ ทสี่ าหรบั การศึกษาการพัฒนาเบด็ เสร็จ กกกกกกก2. 2.3 2.3.1 ผลการดาเนนิ งานท่ีสาคัญของศูนยก๑ ารศกึ ษาพัฒนาหว๎ ยฮอํ งไคร๎ อันเนื่อง มาจากพระราชดาริ จงั หวดั เชยี งใหมํ มีดงั น้ี กกกกกกก2. 2.3 2.3.1 ข๎อ 1 ฝายต๎นน้าลาธาร เพ่อื การฟ้ืนฟนู ิเวศลุํมน้าตามแนวพระราชดารไิด๎แกํ (1) ฝายผสมผสาน (2) ฝายก่ึงถาวร และ (3) ฝายถาวร กกกกกกก2. 2.3 2.3.1 ข๎อ 2 การเลยี้ งปลานา้ จืดในกระชงั และบํอซีเมนตก๑ ลม ไดแ๎ กํ(1) การเพาะเลย้ี ง ปลานลิ ในกระชงั (2) การเพาะเลี้ยงปลากดหลวงในบอํ ซีเมนต๑กลมระบบนา้ ไหลผําน (3)การเลี้ยงปลาดุก บกิ๊ อุย ในบอํ ซเี มนต๑กลม กกกกกกก2. 2.3 2.3.1 ขอ๎ 3 การเพาะเห็ดเศรษฐกจิ และตน๎ ทนุ ได๎แกํ (1) ชนดิ ของเห็ดเศรษฐกจิ (2) การเพาะเหด็ ในถุงพลาสตกิ และ (3) ผลสาเรจ็ ของชุมชนในการพัฒนาอาชีพการเพาะเห็ดเศรษฐกิจ ภาพ ศูนย๑ศึกษาการพฒั นาห๎วยฮอํ งไคร๎อันเนอื่ งมาจากพระราชดาริ จงั หวัดเชยี งใหมํ

136 กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ศูนยศ๑ กึ ษาการพฒั นาภพู านอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ จังหวดั สกลนคร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงโปรดให๎จัดตั้งศนู ย๑น้ีข้ึน เม่ือวนั ท่ี 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2525 ณ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทย มีการศึกษาทดลองเกีย่ วกบั (1) การพฒั นาปุาไม๎ในเขตปริมณฑลของศนู ย๑ศึกษาการพฒั นา ดว๎ ยระบบชลประทาน ฝายต๎นนา้ ลาธาร และฝายชลประทานในลาน้าธรรมชาติ (2) การพัฒนาแหลงํ น้าเพ่ือการเกษตรและอุปโภค บรโิ ภค (3) ข๎าว (4) พชื ไรํ (5) พชื สวน (6) หมํอนไหม (7) ระบบเกษตรผสมผสาน (8) ปศุสตั ว๑ และ (9) แปรรปู ผลผลิตทางการเกษตร กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 วตั ถปุ ระสงคข๑ องศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาภพู านอันเนือ่ งมาจาก พระราชดาริ จังหวัดสกลนคร มีดงั นี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ขอ๎ 1 เพื่อการศกึ ษา ทดลอง งานพัฒนาการเกษตรสาขาตําง ๆ บนพื้นดิน ซ่ึงเปน็ ดนิ ปนทราย เคม็ ขาดแคลนนา้ และนาผลการศกึ ษาทดลองทป่ี ระสบผลสาเรจ็ แลว๎ เปน็ แบบอยาํ งให๎ราษฎรนาไปปฏิบตั ใิ นทีด่ นิ ของตน กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ขอ๎ 2 เพอ่ื ให๎ความรเ๎ู กีย่ วกับอาชพี อุตสาหกรรมในครวั เรือน กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ข๎อ 3 เพื่อพฒั นาอาชพี ของราษฎรภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ให๎ดขี ้ึน กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ผลการดาเนินงานทีส่ าคัญของศนู ย๑การศกึ ษาพฒั นาภพู านอันเนอ่ื งมาจาก พระราชดาริ จงั หวัดสกลนคร มีดงั นี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ขอ๎ 1 ด๎านแหลงํ น้า ไดแ๎ กํ (1) การพัฒนาแหลงํ น้าตามศักยภาพของลํมุ นา้ ฝายผสมผสาน (2) บริหารจดั การน้าท่มี คี ุณภาพดีใหก๎ ับผู๎ใช๎น้าทกุ ประเภทอยาํ งมปี ระสทิ ธิภาพ และ (3) ให๎ประชาชน ชมุ ชนและหนํวยงานที่เกีย่ วข๎องมีสวํ นรวํ มในกระบวนการพัฒนาและบริหาร.2 กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ข๎อ 2 ด๎านปาุ ไม๎ ไดแ๎ กํ (1) ให๎จัดหาพ้ืนทีป่ ุาไมท๎ ี่ถูกราษฎรบกุ รุกแผ๎วถางปุา จดั เปน็ สถานท่สี าธติ การปลูกปุา (2) ใหม๎ ีการพัฒนาปุาด๎วยระบบชลประทาน (3) ใหม๎ ีการสาธิตการปลกู ปาุ 3 อยําง คือ ไมผ๎ ล ไมเ๎ ศรษฐกจิ และไม๎ใชส๎ อย กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ขอ๎ 3 ดา๎ นปศุสัตว๑ ไดแ๎ กํ (1) การเลีย้ งโคเน้ือทาจมิ ะภูพาน (2) การเลีย้ งไกํ ดาภูพาน และ (3) การเล้ยี งสุกรภูพาน กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ขอ๎ 4 ดา๎ นการเกษตร ได๎แกํ (1) ข๎าวพันธส๑ุ กลนคร (2) การปลูกข๎าวขาว ดอกมะลิ 105 (3) ล้นิ จ่ี นพ .1 (4) การเพาะเหด็ เศรษฐกิจและเห็ดพื้นเมอื ง และ (5) หมํอนพนั ธุ๑ สกลนคร และไหมพนั ธ๑นุ างตุํยสกลนคร กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ขอ๎ 6 ด๎านประมง ไดแ๎ กํ (1) การเล้ยี งปลานิลแดงรํวมกบั เปด็ บาบาร่ลี ูกผสม ในบํอครัวเรอื น และ (2) การเลยี้ งปลาดุกในบํอซีเมนต๑ กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ขอ๎ 7 ด๎านการพฒั นาท่ดี นิ กกกกกกก2. 2.3 2.3.2 ข๎อ 8 การปลูกยางพารา

137 ภาพ ศูนยศ๑ กึ ษาการพฒั นาภพู านอันเน่อื งมาจากพระราชดาริ จงั หวดั สกลนคร กกกกกกก2. 2.3 2.3.3 ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาเขาหนิ ซ๎อนอันเนอ่ื ง มาจากพระราชดาจรังิ หวัดฉะเชิงเทรา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงโปรดใหจ๎ ัดต้งั ศูนยน๑ ข้ี ้ึนเมอื่ วันที่ 8 สงิ หาคม พ.ศ. 2522 ณ ภาคตะวนั ออกของประเทศไทย มกี ารศกึ ษาทดลองเกย่ี วกับ (1) ฟืน้ ฟปู าุ ไม๎ (2) พัฒนาแหลํงนา้ (3) บารงุ ผืนดิน และ (4) สรา๎ งอาชพี เสริมทางเลอื ก กกกกกกก2. 2.3 2.3.3 วัตถุประสงคข๑ องศนู ย๑ศกึ ษาการพัฒนาเขาหนิ ซ๎อน อนั เนื่องมาจากพระราชรดิ า จังหวัดฉะเชิงเทรา มีดงั นี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.3 ข๎อ 1 เพอื่ ดาเนนิ การพฒั นาทางด๎านการเกษตรอยาํ งสมบรู ณ๑แบบโดยเน๎น การปรับปรุงและฟ้ืนฟทู รัพยากรของดิน และนา้ ให๎มีความสมบูรณ๑ กกกกกกก2. 2.3 2.3.3 ขอ๎ 2 เพอ่ื ใหเ๎ กษตรกรสามารถนาไปใช๎ในการประกอบอาชีพได๎อยํางย่ังยืน โดยใช๎วชิ าการในหลาย ๆ ด๎านประกอบกนั เปน็ การดาเนนิ การแก๎ไขในลกั ษณะผสมผสาน กกกกกกก2. 2.3 2.3.3 ผลการดาเนนิ งานที่สาคัญของศนู ยก๑ ารศกึ ษาพฒั นาเขาหินซ๎อนอัน เนอื่ งมาจากพระราชดาริ จงั หวัดฉะเชิงเทรา มดี ังนี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.3 ข๎อ 1 การปรับปรงุ ดนิ ทราย ไดแ๎ กํ (1) การพลกิ ฟ้นื ดินทรายสคูํ วามอดุ ม สมบูรณ๑ ปลกู หญา๎ แฝก และ (2) การดาเนนิ งานขยายผลสหูํ มูบํ า๎ นรอบศูนย๑ศึกษาฯ วางระบบอนุรกั ษ๑ ดินและนา้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.3 ข๎อ 2 การพัฒนาแหลงํ นา้ ไดแ๎ กํ (1) การกํอสรา๎ งอาํ งเกบ็ น้า (2) การ กํอสรา๎ งฝายทดน้าและฝายชะลอนา้ และ (3) การขดุ สระเก็บน้าประจาไรํนาและบอํ น้าตื้น กกกกกกก2. 2.3 2.3.3 ขอ๎ 3 การสํงเสริมศลิ ปาชีพหตั ถกรรมพื้นบา๎ น และอตุ สาหกรรมในครวั เรือน ไดแ๎ กํ (1) การจักสานและการประดษิ ฐ๑จากใบหญา๎ แฝก (2) การทอผา๎ และ (3) การตีเหล็ก กกกกกกก2. 2.3 2.3.3 ข๎อ 4 โรงสขี า๎ วพระราชทาน

138 ภาพ ศูนยศ๑ กึ ษาการพัฒนาเขาหนิ ซอ๎ นอันเน่อื งมาจากพระราชดาริ จังหวัดฉะเชิงเทรา กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ศูนย๑ศึกษาการพฒั นาอําวคุง๎ กระเบนอันเนอื่ งมาจา กพระราชดาริ จงั หวดั จนั ทบรุ ี พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงโปรดให๎จดั ตัง้ ศูนยน๑ ขี้ ึน้ เมื่อวนั ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2524 ณ ภาคตะวนั ออกของประเทศไทย มกี ารศกึ ษาทดลองเกย่ี วกบั (1) การอนุรกั ษ๑ปาุ ไม๎ ดิน และน้า ในบริเวณพนื้ ท่ีสงู (2) การสํงเสริมและพัฒนาอาชพี การเกษตรในพื้นท่ี รอยตํอเชงิ เขาและปาุ ชายเลน (3) การสํงเสริมการเพาะเลย้ี งสตั ว๑นา้ ชายฝ๓ง่ และ (4) ผลสาเรจ็ และการ ขยายผล กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 วัตถุประสงค๑ของศนู ย๑การศกึ ษาพัฒนา อาํ วคุง๎ กระเบนอันเน่อื งมาจาก พระราชดาริ จงั หวัดจันทบรุ ี มีดงั นี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ขอ๎ 1 เพื่อศกึ ษาทดลอง คน๎ คว๎า และปรบั ปรุงสภาพแวดล๎อมดา๎ นประมง ชายฝ่ง๓ กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ขอ๎ 2 เพอื่ ให๎บริการทางวิชาการแกํเกษตรกรผูเ๎ พาะเลีย้ งสัตว๑นา้ ชายฝง่๓ โดยเฉพาะการเล้ยี งก๎ุงทะเล กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ขอ๎ 3 เพอื่ สํงเสรมิ ใหเ๎ กิดการจัดตงั้ กลมุํ อาชพี ตามความสนใจและความถนัด และดาเนินชวี ติ ตามหลักปรัชญาพน้ื ฐานของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ผลการดาเนินงานทส่ี าคัญของศูนยก๑ ารศึกษาพัฒนาอําวคุง๎ กระเบนอนั เนือ่ ง มาจากพระราชดาริ จังหวัดจนั ทบุรี มีดงั น้ี กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ข๎อ 1 อนรุ ักษ๑ดนิ น้า และปุาไม๎บนพน้ื ท่ีสงู ไดแ๎ กํ (1) การพัฒนาและฟนื้ ฟู ระบบนิเวศปาุ ไม๎ และ (2) การจัดทาฝายชะลอความชมํุ ชื้น กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ข๎อ 2 การสงํ เสริมและพฒั นาอาชีพการเกษตรในพื้นท่รี อยตํอเชิงเขาและ ปุาชายเลน ไดแ๎ กํ (1) การสํงเสริมเกษตรอินทรีย๑ (2) การปลกู ผกั แบบประณตี (3) การเพาะเหด็ เศรษฐกจิ ระบบถงุ และ (4) สงํ เสรมิ จดั ตงั้ กลมุํ อาชีพเกษตรกรรม กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ขอ๎ 3 การอนุรักษ๑และฟ้ืนฟปู ุาชายเลน ไดแ๎ กํ (1) การอนุรกั ษแ๑ ละฟืน้ ฟูปุา ชายเลน (2) การสํงเสรมิ และประชาสมั พนั ธ๑ และ (3) การเผยแพรแํ ละการนาไปใชป๎ ระโยชน๑

139 กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ขอ๎ 4 การเพาะเล้ยี งสตั ว๑นา้ ชายฝ๓่ง ไดแ๎ กํ (1) การเตรยี มบํอ (2) การจัดการ คุณภาพนา้ เพ่ือการเพาะเล้ยี งสัตว๑นา้ (3) อาหารสัตว๑ (4) การปูองกันและรักษาโรคสัตว๑น้า (5) การใช๎ ยาและสารเคมี (6) ระบบการเล้ยี งสตั ว๑น้า (7) ชนิดสตั วน๑ า้ ท่เี ล้ยี ง และ (8) การบันทึกขอ๎ มลู การเลีย้ ง และการทาบัญชีฟาร๑ม กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ขอ๎ 5 การจัดการระบบชลประทานน้าเค็มเพ่อื การเลีย้ งสตั ว๑น้าชายฝง๓่ ไดแ๎ กํ (1) การจดั การระบบนา้ และ (2) บทเรยี นจากโครงการ กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ขอ๎ 6 การผลิตปยุ๋ หมกั จากดนิ เลนนาก๎ุง กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ข๎อ 7 การเพาะเล้ียงปลาการ๑ตูนเพอื่ ทดแทนการจับจากธรรมชาติ กกกกกกก2. 2.3 2.3.4 ข๎อ 8 การอนุรักษ๑ฟ้นื ฟทู รพั ยากรสตั ว๑นา้ ไดแ๎ กํ (1) การเพิม่ ทรพั ยากรสัตว๑ น้าชายฝ๓่ง (2) การอนุรกั ษ๑หญา๎ ทะเล และ (3) การประมงชายฝ๓ง่ อยาํ งยั่งยืน ภาพ ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาอําวคงุ๎ กระเบนอนั เนอ่ื งมาจา กพระราชดาริ จังหวัดจนั ทบุรี กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาหว๎ ยทรายอันเนอ่ื งมาจา กพระราชดาริ จังหวดั เพชรบรุ ี พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงโปรดใหจ๎ ดั ตัง้ ศนู ยน๑ ีข้ น้ึ เมอื่ วนั ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2526 ณ ภาคตะวันตกของประเทศไทย มีการศกึ ษาทดลองเกี่ยวกบั (1) งานพัฒนาปาุ ไม๎ (2) การทาเกษตรผสมผสาน (3) การเพาะ เลีย้ งและขยายพันธ๑ุ สตั วป๑ ุา และ (4) การปลูกหญ๎าแฝก เพ่อื การอนุรกั ษ๑ดนิ และนา้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 วัตถปุ ระสงคข๑ องศนู ย๑การศึกษาพัฒนาหว๎ ยทรายอนั เนื่องมาจาก พระราชดาริ จังหวดั เพชรบุรี มดี ังนี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ขอ๎ 1 เพื่อเปน็ ศนู ย๑การศกึ ษาเพอื่ พฒั นาอันเนื่องมาจากพระราชดาริ ดา๎ น ปาุ ไม๎เอนกประสงค๑ ศึกษารูปแบบการพัฒนาเกษตรกรรมทเี่ หมาะสม ควบคูํกับการอนุรกั ษ๑ และปลกู ปุาจดั หาแหลํงนา้ โดยเนน๎ การปลกู ปาุ เพ่อื ฟื้นฟสู ภาพปุาไม๎ให๎มคี วามอุดมสมบูรณ๑ดงั เดมิ กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ขอ๎ 2 เพ่ือศกึ ษาการฟืน้ ฟูสภาพปุาเส่อื มโทรมและสรา๎ งแนวปอู งกันไฟปุา โดยใชร๎ ะบบเปยี ก กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ข๎อ 3 เพื่อสํงเสริมและพัฒนาความเปน็ อยูํและอาชพี ของราษฎรให๎สามารถ พึง่ ตนเองได๎

140 กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ผลการดาเนินงานทีส่ าคัญ ศนู ย๑การศึกษาพัฒนาหว๎ ยทรายอันเน่ืองมาจาก พระราชดาริ จงั หวัดเพชรบรุ ี มีดังนี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ข๎อ 1 แฝกดานดิน กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ข๎อ 2 การสรา๎ งระบบกระจายความชํมุ ชน้ื ตามแนวพระราชดาริ ได๎แกํ (1) การสรา๎ งฝายกักเก็บนา้ (2) การสรา๎ งคันดนิ กน้ั นา้ (3) การสรา๎ งคนั ดนิ เบนน้า และ (4) การบรหิ าร จดั การน้าและพฒั นาแหลงํ น้าด๎วยระบบเครือขํายอํางเก็บน้าตามแนวพระราชดาริ กกกกกกก2. 2.3 2.3.5 ข๎อ 3 การฟื้นฟสู ภาพปาุ ได๎แกํ (1) การปลูกปุาด๎วยใจ และ (2) การฟื้นฟู สภาพปาุ ไม๎บนพน้ื ทภ่ี เู ขาด๎วยระบบปาุ เปยี กหรือภูเขาปุา ภาพ ศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาห๎วยทรายอันเน่ืองมาจาพระราชดาริ จงั หวัดเพชรบรุ ี กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ศนู ยศ๑ กึ ษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนอื่ งมาจาพระราชดาริ จังหวัดนราธิวาส พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงโปรดให๎จัดต้ังศนู ย๑น้ีขนึ้ เมอื่ วันท่ี 6 มกราคม พ .ศ. 2525 ณ ภาคใต๎ของประเทศไทย มกี ารศกึ ษาทดลองเกยี่ วกับ (1) แก๎ไขปญ๓ หา ดนิ เปร้ียวใหส๎ ามารถใชป๎ ระโยชนไ๑ ดอ๎ ีก (2) การใช๎น้าจืดชะลา๎ งกรดออกจากดิน (3) การศึกษาการปลูก ไมโ๎ ตเร็วในพน้ื ที่พรุ (4) การพัฒนาระบบปลูกพืช (5) การคดั เลือกพันธ๑ุ ไม๎ท่ีมคี วามเหมาะสมในสงั คม ปุาพรุ (6) การปรับปรงุ และบารุงรักษาปาุ (7) การทาสวนยางครบวงจร (8) การสํงเสรมิ การ เลี้ยงสัตว๑ และ (9) การสงํ เสรมิ และพัฒนาอาชีพ กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 วัตถปุ ระสงค๑ของศูนย๑การศกึ ษาพัฒนาพิกุลทองอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ จงั หวดั นราธิวาส มดี ังนี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ขอ๎ 1 เพ่ือศึกษา คน๎ ควา๎ วจิ ัย ทดลอง และพฒั นาดนิ อนิ ทรียแ๑ ละดินทมี่ ี ป๓ญหาอนื่ ๆ กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ข๎อ 2 เพอ่ื นามาใช๎ประโยชนท๑ างดา๎ นการเกษตร รวมท้งั แสวงหาแนวทาง และวิธีการพฒั นา ดา๎ นการเกษตร การเล้ยี งสตั ว๑ และการเกษตรอุตสาหกรรมกกกกกกกกก2. 2.3 กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ขอ๎ 3 เพ่อื ให๎เปน็ ต๎นแบบแหงํ ความสาเรจ็ ใหก๎ ับพ้นื ทอี่ น่ื ๆ