Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตร หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

หลักสูตร หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Description: หลักสูตรรายวิชา สค23088 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Search

Read the Text Version

41 ดารัสตอบในพระราชหฤทัยวํา \"เราจะไมทํ งิ้ ประชาชน ถ๎าประชาชนไมทํ ง้ิ เรา \" การต้งั พระราชหฤทัย ดังน้ี เสมอื นเป็นการพระราชทานสจั จะ วาํ จะทรงเปน็ รํมบรมโพธิสมภารของพสกนิกรตลอดไป ครั้นตํอมาในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ซง่ึ เปน็ วันทท่ี รงกระทาพระราชพิธีบรมราชาภเิ ษก ไดม๎ ี พระปฐมบรมราชโองการแกพํ สกนิกรท่ัวประเทศวาํ \"เราจะครองแผํนดนิ โดยธรรม เพือ่ ประโยชนส๑ ขุ แหํงมหาชนชาวสยาม\" พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงรักษา สจั จะทไี่ ด๎พระร าชทานใหแ๎ กพํ สกนกิ รทงั้ สองประการ มาอยํางสมบูรณส๑ มา่ เสมอ พระองคไ๑ มเํ คย ทรงทอดทงิ้ พสกนิกร ด๎วยทรงถือเอาความทกุ ข๑เดือดร๎อนของพสกนกิ รเปน็ ความทุกขเ๑ ดอื ดร๎อน ของพระองค๑เอง เหตุนี้เมอื่ เกดิ ความเดือดร๎อน หรือภัยพิบัตใิ นสวํ นใดของประเทศ พระองค๑จะเสดจ็ ฝุาไป ไมํวาํ ระยะทางจะใกลไ๎ กล ทรุ กนั ดารเพยี งใด แดดจะแผดกล๎ารอ๎ นแรง หนทางจะคดเคย้ี ว ข๎ามขุนเขา พงไพรจะรกเรือ้ แฉะช้ืนเต็มไปดว๎ ยตวั ทาก ฝนจะตกกระหนา่ จนเหน็บหนาว นา้ จะทวํ ม เจ่ิงนอง พระองคก๑ ็มไิ ด๎ทรงยอํ ทอ๎ ทีจ่ ะเสด็จไปประทบั เป็นม่งิ ขวัญของพสกนกิ รผู๎ทกุ ขย๑ าก เพอ่ื ทรง สดับความเดอื ดรอ๎ นใหก๎ ลบั กลายเปน็ ความรํมเยน็ นอกจากนยี้ งั ทรงครองแผํนดินดว๎ ยธรรมานภุ าพ ไมํวาํ การสิง่ ใดอันจะนามาซ่งึ ความสงบสุข มาสํูพสกนิกร พระองคจ๑ ะทรงปฏบิ ตั ิ และการส่ิงใดที่ทรง มพี ระราชประสงคใ๑ หพ๎ สกนกิ รประพฤตปิ ฏิบัติตาม จะพระราชทานกระแสพระราชดารัสชีแ้ จงถงึ เหตุ และผลใหเ๎ ขา๎ ใจ พสกนกิ รผู๎ปฏบิ ัตจิ งึ ปฏิบตั ิดว๎ ยเห็นประโยชนแ๑ หํงผลของการปฏิบตั นิ ั้น ปฏบิ ัติด๎วย ความเตม็ ใจและด๎วยความซาบซึง้ ในพระมหากรุณาธคิ ณุ มใิ ชดํ ๎วยความกลัวเกรงพระบรมเดชานุภาพ การครองแผํนดินโดยธรรมของพระองค๑ จงึ ยังประโยชนส๑ ขุ มาสํูมหาชนชาวสยาม สมดังพระราช ปณิธาน คงไมํมีความร๎สู ึกอนั ใดทจ่ี ะวาบหวานและซาบซง้ึ ใจชาวไทย ย่ิงไปกวาํ ความสานกึ ในพระมหา กรุณาธิคณุ ของพระองค๑ พระผ๎ทู รงมพี ระราชอัธยาศัยเปีย่ มไปด๎วยอาชชวะ คือ ความซ่ือตรงตอํ พสกนกิ รและประเทศชาติ ภาพเสด็จกลับไปทรงศกึ ษาตํอในตาํ งประเทศ เมอ่ื วนั ที่ 19 สงิ หาคม พ.ศ.2489

42 ภาพพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก วนั ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 กกกกกกก2. 2.4 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิ ได๎แกํ การดาเนินชีวติ และปฏบิ ัตภิ ารกิจ/หนา๎ ที่ การงานตําง ๆ ดว๎ ยความซ่ือสัตยส๑ ุจริต ไมํคิดคดโกง หรือหลอกลวงผู๎อน่ื เชํน ถา๎ เราขายของ กไ็ มเํ อา ของไมํดไี ปหลอกขายลกู คา๎ เป็นขา๎ ราชการ พนกั งานบริษัท ห๎างร๎าน ก็ไมคํ อรปั ชนั่ ทั้งเวลา ทรพั ยส๑ ิน ของหนวํ ยงานตน เพราะถ๎าทกุ คนเอาเปรยี บหรอื โกงกนิ ขาดความซ่ือสตั ย๑ สจุ รติ จะทาให๎หนวํ ย งาน เสยี หาย เดือดร๎อน แม๎เราจะไดท๎ รพั ย๑สินไปมากมาย แตํเราไมเํ จริญกา๎ วหน๎า ถูกคนรมุ ประณาม และ แม๎คนอนื่ จะไมรํ ู๎ แตํตวั เรายอํ มรอู๎ ยูแํ กํใจ จะไมํมีความสุขกาย สบายใจ เพราะกลัวคนอื่นจะมาร๎ู ความลบั ตลอดเวลา ผท๎ู ่ีประพฤตติ นดว๎ ยความซ่อื ตรง แม๎ไมํรา่ รวยเงินทอง แตกํ ็มคี วามสุขท้ังกาย ใจ กกกกกกก2. 2.5 มัททวะ คือ ความออํ นโยน หมายถึง มีกริ ิยาสุภาพ มีสมั มาคารวะ วาจาออํ นหวาน มคี วามนํุมนวล ไมํเยอํ หยง่ิ ไมํหยาบคาย กกกกกกก2. 2.5 ทศพธิ ราชธรรม ในข๎อมัททวะหรอื ความออํ นโยนน้ี เป็นท่ปี ระจกั ษ๑แกพํ สกนกิ ร มาช๎านานแล๎ววํา พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงมีพระราช อธั ยาศัยอํอนโยนเพียบพร๎อมทุกประการ ไมํวําจะเปน็ ความอํอนโยนในความหมายทางโลก หรอื ความหมายทางธรรม ความอํอนโยนในความหมายทางโลก คอื ความอํอนโยนตํอบุคคลอ่ืนในสังคม อันเป็นมารยาทท่บี ุคคลในสงั คมจะพงึ ปฏิบัติตํอกัน เพื่อผลดใี นทางสังคม ความอํอนโยน ในความหมายนย้ี ํอมช้ีใหเ๎ ห็นชัดไดด๎ ๎วยพระราชจรยิ าวตั รตําง ๆ ในทุกสถานท่ี สํวนความอํอนโยน ในทางธรรมนั้น มีความหมายกวา๎ งขวางมาก คือ หมายถงึ การโอนอํอนผอํ นตาม น๎อมไป หรือ เปล่ยี นไปในทางแหํงความดี ทาใหเ๎ กิดการผสมผสานกันอยํางดใี นทางการงาน และบุคคลทกุ ระดบั พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงเข๎าถึงธรรมะในขอ๎ นเ้ี ป็นอยํางดี และอยาํ งถอํ งถ๎วนทุกระดับขัน้ ขน้ั แรก คือ ความออํ นโยนทางพระวรกาย ทกุ พระอริ ิยาบถท่ีปรากฏ ไมมํ ที ีจ่ ะแสดงถึงความรังเกียจเดยี ดฉันท๑ หรอื ถือพระองคเ๑ ลย จะมีกแ็ ตคํ วามอํอนโยน น่มิ นวล งดงาม เป็นไปด๎วยความบรสิ ทุ ธ์ิพระราชหฤทยั อันสํงผลถงึ ความช่ืนชม โสมนัส และอบอนุํ ใจให๎เกิดแกํ พสกนกิ รโดยทวั่ กนั ข้นั ที่สอง คอื ความออํ นโยนทางพระวาจา อันพงึ เหน็ ได๎จากการทีท่ รงมพี ระราช ปฏสิ ันถารแกํราษฎรซง่ึ เป็นชาวบ๎านธรรมดา ที่มารับเสดจ็ อยาํ งใกล๎ชดิ สนิทสนม ไมํเคยมพี ระวาจา ทกี่ ระด๎าง มแี ตอํ ํอนโยนสุภาพ ละมุนละไม แม๎จะทรงอยูใํ นพระราชฐานะอันสูงสดุ กลับทรงแสดง พระองคเ๑ ปน็ ธรรมดาอยํางท่ีสุด มิไดท๎ รงวางพระองคใ๑ ห๎แตกตาํ งหาํ งไกลจากประชาชนท่ปี ระกอบดว๎ ย

43 ฐานะแตกตาํ งกัน ทางปฏิบตั พิ ระองค๑เปน็ กนั เอง เสมอื นบดิ าปฏบิ ตั ิตอํ บุตรอนั เป็นทร่ี ัก ตรสั พระวาจา สภุ าพออํ นโยน ขั้นทีส่ าม คือ ความออํ นโยนน่มิ นวลทางจติ ใจและสติป๓ญญา พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงบรรลุถงึ มัททวะในขัน้ นอ้ี ยํางแท๎จริง และทรงเขา๎ พระทยั ในธรรมะของชีวิตอยาํ งลึกซ้ึงวาํ แตํละชวี ติ ยอํ มมหี น๎าทหี่ ลายอยาํ ง พระองค๑จงึ ทรงวางพระทยั ใหอ๎ ํอนโยน และทรงวางพระสตปิ ๓ญญาใหโ๎ อนออํ นไปตามสถานภาพได๎อยาํ งเหมาะสม เชนํ ในพระราชฐานะตาํ ง ๆ ในพระบรมราชวงศ๑ มีพระราชฐานะเป็นพระราชโอรส เปน็ พร ะอนุชา เป็นพระบิดา เปน็ พระอัยกา และในพระราชฐานะแหํงพระมหากษตั รยิ าธริ าช ทรงมีสมั มาคารวะ อํอนน๎อมแดํผเู๎ จรญิ โดยวยั และเจรญิ โดยคุณ และมพี ระราชอัธยาศัยอํอนโยนตํอบคุ คลทีเ่ สมอ พระองค๑ และต่ากวาํ ไมํเคยทรงดูหมนิ่ การทที่ รงวางพระองค๑เชํนน้ี จงึ กอํ ใหเ๎ กิดควา มสขุ ความเจรญิ แกบํ า๎ นเมอื ง และความปิติศรทั ธาแกชํ าวไทยอยํางไมมํ อี ะไรจะเปรยี บ ภาพทรงแสดงความสุภาพอํอนโยนตอํ สมเดจ็ พระชนนี ภาพทรงแสดงความสุภาพออํ นโยนแกพํ สกนกิ ร

44 กกกกกกก2. 2.5 หน๎าท่พี ลเมอื งดี มแี นวปฏิบตั ิ ไดแ๎ กํ การทาตัวสภุ าพ นํุมนวล ไมเํ ยํอหยิง่ ถือตัว หรือแสดงกิรยิ าวาจา หยาบคายกับใคร ไมํวําจะเปน็ ผูใ๎ หญํ ผน๎ู อ๎ ยหรือเพ่ือนในระดับเดียวกนั การทาตวั เป็นผ๎ทู มี่ ีความอํอนน๎อม ถอํ มตน จะทาใหไ๎ ปทไี่ หนคนกใ็ ห๎ การต๎อนรบั เพราะอยูใํ กลแ๎ ล๎วสบายใจ ไมํร๎อนรํุม หากบคุ คลแสดงกิรยิ าหยาบคาย กา๎ วรา๎ ว คนกถ็ อยหาํ ง ดังน้นั หลกั ธรรมข๎อน้ี จึงเป็นการ สรา๎ งเสนหํ ๑อยํางหน่ึงให๎แกตํ ัวเราด๎วย กกกกกกก2. 2.6 ตบะ คือ ความเพียร หมายถงึ การเพยี รพยายามไมํให๎ความมวั เมาเข๎าครอบงา จติ ใจ ไมํลํุมหลงกบั อบายมขุ และสง่ิ ชว่ั รา๎ ย ไมหํ มกมุํนกับความสขุ สาราญ กกกกกกก2. 2.6 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ทหี่ ก คอื ตบะ หรือความเพียร เปน็ ทศพธิ ราชธรรมท่มี กี ารตี ความหมายกันไว๎หลายประการ แตไํ มวํ ําจะตคี วามหมายโดยนยั อยํางใด การดารงพระองคข๑ อง พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 กย็ งั คงอยใํู นขอบขาํ ยของพระมหา กษตั รยิ าธริ าช ผูท๎ รงบาเพ็ญตบะบารมอี ยูํนั่นเอง ตบะในความหมายหนึง่ คือความเพียรเป็นเครอ่ื ง แผดเผาความเกยี จคร๎าน โดยความหมายน้ีจะเห็นไดว๎ ํา พระบาทสมเดจ็ พระปรมินมทหราภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงประกอบดว๎ ยพระราชอุตสาหะวริ ยิ ภาพเป็นอยาํ งยิง่ พระองคไ๑ มโํ ปรดท่จี ะประทบั อยเํู ฉย ทรงพอพระราชหฤทัยในการเสดจ็ พระราชดาเนนิ ออกทรงเย่ียมเยียนราษฎรในทอ๎ งถ่ินตาํ ง ๆ แมใ๎ นถิ่นทุรกันดารและหํางไกล ขวางก้ันด๎วยผนื นา้ กว๎างใหญํ ปาุ ทึบ หรอื ภเู ขาสูง เพียงเพอื่ ให๎ ทรงทราบถึงความทกุ ข๑สขุ ของราษฎร ดว๎ ยพระเนตรพระกรรณของพระองค๑เอง เม่ือทรงทราบแล๎วก็ มไิ ดท๎ รงนงิ่ นอนพระราชหฤทยั แตไํ ด๎ทรงมีพระราชดาริริเริ่มส่ิงตําง ๆ เพ่อื ขจัดความทุกขเ๑ ดือดร๎อน ของราษฎรทง้ั ในดา๎ นการอาชพี ชีวิตความเป็นอยูํ สุขภาพอนามัย การศึกษาและ อืน่ ๆ ดว๎ ยพระราช อตุ สาหะ วริ ยิ ะเชํนนี้ พระองคจ๑ ึงทรงขจัดความขัดขอ๎ ง ความยากจนขัดสนทั้งหลาย ใหแ๎ กํราษฎรได๎ โดยท่ัวกัน กกกกกกก2. 2.6 ตบะ ในอีกความหมายหนึ่ง หมายถึง ความตั้งใจกาจัดความเกียจคร๎าน และการ กระทาผดิ หน๎าท่ี มํงุ ทากิจอนั เป็นหน๎าท่ีท่ีพงึ กระทา ซง่ึ เป็นกจิ ทีด่ ที ีช่ อบ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา ภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงบาเพ็ญตบะในความหมายน้ไี ดอ๎ ยาํ งครบถ๎วนเชนํ เดียในวกพันระราชฐานะ แหงํ พระมหกาษตั รยิ าธริ าช ทรงมีหน๎าทีป่ กครองอาณาประชาราษฎรใ๑ หไ๎ ดร๎ ับความรมํ เย็น พระองค๑ได๎ ทรงต้ังพระราชอตุ สาหะวิรยิ ะ ประกอบด๎วยปญ๓ โญภาส ปฏบิ ตั ิพระราชกรณยี กจิ ใหเ๎ ป็นไปด๎วยดไี มํมี ข๎อผดิ พลาด ทรงมพี ระราชดาริรเิ ริม่ โครงการตําง ๆ เพอื่ ประโยชนส๑ ุขของพสกนกิ รโดยไมหํ ยุดย้งั โครงการพระราชดาริ ของพระองค๑จงึ มนี ับพนั ๆ โครงการ ไมเํ พียงเทาํ น้นั พระองคย๑ ังทรงติดตาม กิจการท่ไี ด๎ทรงปฏบิ ัติ หรอื โปรดให๎ปฏิบตั ิโดยใกล๎ชิด โดยเสดจ็ พระราชดาเนินไปทรงทอดพระเนตร ดว๎ ยพระองค๑เอง ไมํวาํ จะทรงลาบากยากพระวรกายเพียงใด แตํดว๎ ยพระราชหฤทยั ทเ่ี ป่ียมไปด๎วย พระมหากรุณาธคิ ณุ จงึ ทรงพอพระราชหฤทยั ทจ่ี ะทรงปฏบิ ตั ิพระราชภารกิจ ด๎วยพระราชอุตสาหะ วริ ยิ ะทกุ วนั และในวันหน่ึง ๆ ทรงปฏบิ ัติพระราชภารกจิ ได๎มากมาย สาหรบั บคุ คลท่ัวไปหากตอ๎ ง ปฏบิ ัติตอ๎ งใช๎เวลาหลายวนั กกกกกกก2. 2.6 ตบะ ในความหมายอกี อยํางหนึง่ คือ ความเพยี รในการละอกศุ ลกรรม เพียรอบรม กุศลบญุ ตําง ๆ ให๎บังเกดิ ขนึ้ โดยความหมายนี้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงเพยี บพร๎อมดว๎ ยพระราชวริ ยิ ะทจ่ี ะทรงเอาชนะความช่วั ตๆําดง๎วยความดอี าณาประชาราษฎร๑

45 ผอู๎ ยูํใตร๎ ํมพระบรมโพธิสมภาร จึงมีแตคํ วามสุขสวัสดว์ิ ฒั นา พ๎นจากควา มเดือดร๎อนนานาประการ ดว๎ ยตบะเดชะบารมีแหงํ พระองค๑ ภาพเสด็จพระราชดาเนินออกทรงเย่ียมเยียนราษฎร

46 กกกกกกก2. 2.6 หน๎าท่พี ลเมอื งดี มีแนวปฏิบตั ิ ไดแ๎ กํ ใหป๎ ฏบิ ตั ิหน๎าท่กี ารงานทีร่ ับผดิ ชอบดว๎ ย ความมุมานะ อดทน ขยนั มงํุ มน่ั และทาแตสํ ่ิงทดี่ ี ความถูกตอ๎ ง ฝุาฟน๓ อปุ สรรคตําง ๆ จนประสบ ความสาเรจ็ ด๎วยความพากเพยี รนจ้ี ะทาใหเ๎ ราภาคภมู ิใจเมื่องานสาเรจ็ และจะทาใหเ๎ รา มีประสบการณเ๑ กงํ กลา๎ ข้นึ นอกจากนี้ ยังสอนให๎เราสู๎ชีวติ ไมยํ อมแพ๎อะไรงําย ๆ กกกกกกก2. 2.7 อกั โกธะ คอื ความไมํโกรธ หมายถึง มีจิตใจมนั่ คง มคี วามสุขุม เยอื กเยน็ อดกล้นั ไมํแสดงความโกรธ หรือความไมพํ อใจใหป๎ รากฏ กกกกกกก2. 2.7 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท9ี่ ได๎ทรงบาเพญ็ อักโกธะ บารมี หรอื ความไมโํ กรธให๎เปน็ ที่ประจักษ๑ใจ ท้งั ในหมปํู ระชาชนชาวไทย และในนานาประเทศมาเปน็ เวลาชา๎ นาน แม๎มเี หตอุ นั ควรใหท๎ รงพระพโิ รธยังทรงขมํ พระทัยให๎สงบไดโ๎ ดยสนิ้ เชิง อยาํ งทีป่ ุถชุ น นอ๎ ยคนนักจะทาได๎ ดังเหตุการณ๑ท่ีเกดิ ขึ้นในปี พ.ศ.2505 และ พ.ศ.2510 เป็นตน๎ ซ่งึ ยงั ตราตรงึ อยูํใน ความทรงจาของผ๎ูตามเสด็จทุกคนวนั น้นั วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2505 เป็นวนั แรกทีท่ รงยํางพระบาท สดํู ินแดนออสเตรเลีย พรอ๎ มดว๎ ยความเหนด็ เหนือ่ ยจากการเสด็จเยือนมาสามประเทศแลว๎ จากรถ พระที่น่ัง…ขณะเสด็จไปยงั ท่ปี ระทับ พระองคไ๑ ดท๎ รงทอดพระเนตรเหน็ ชายคนหนง่ึ ชูปูายเป็นภาษาไทย ขบั ไลพํ ระองค๑ แตํพระองคก๑ ็มไิ ดท๎ รงหวนั่ ไหวด๎วยทรงพิจารณาวําเปน็ การกระทาของคนเพยี งคนเดียว มใิ ชํประชาชนท้งั ประเทศ จึงทรงแยม๎ พระสรวล และโบกพระหตั ถใ๑ ห๎แกปํ ระชาชนอืน่ ๆ ที่โหรํ ๎อง รับ เสดจ็ ไปตลอดทาง ตอํ มาท่นี ครซดิ นยี ๑เหตกุ ารณอ๑ ยํางเดียวกนั ได๎เกิดขน้ึ อีก โดยกลํุมคนทีไ่ ด๎รับการ สนบั สนุนจากลัทธิการเมอื ง ทตี่ อ๎ งการลม๎ ล๎างรัฐบาลไทย เร่ิมจากการชปู าู ยข๎อความขบั ไลผํ ูเ๎ ผดจ็ การ เมอื งไทยในทันทที ่ีรถพระทน่ี งั่ แลนํ เขา๎ สูํศาลากลางเทศบาล ซึ่งจดั ไวเ๎ พ่อื รับเสดจ็ ติดตามดว๎ ยใบปลวิ มีข๎อความขบั ไลผํ ู๎เผด็จการเมืองไทย และกลาํ วหารฐั บาลไทยวําเปน็ ฆาตกรฆําผู๎บรสิ ุทธิ์ ใบปลวิ น้โี ปรย ลงมารอบพระองคข๑ ณะท่ตี รสั ตอบขอบใจนายกเทศมนตรี และประชาชน กลางเวที แตพํ ระองค๑ยงั คง ตรัสตํอไป เสมอื นมิไดม๎ สี ิง่ ใดเกดิ ขึน้ เพยี งเทําน้นั ยงั ไมพํ อ เม่อื เสด็จตํอไปยังเมอื งเมลเบริ น๑ เพอื่ ทรงรับ การถวายปรญิ ญานิติศาสตรดุษฎบี ณั ฑติ กิตตมิ ศักด์ิ พระองคย๑ ังทรงถกู โหํฮาปุาจากกลุํมนักศกึ ษา ซ่งึ ไมํสุภาพ ทัง้ ทําทางและการแตงํ กาย และเมอ่ื อธกิ ารบดกี ลําวสดดุ ีพระเกียรติคุณของพระองค๑ นกั ศึกษากลมุํ เดมิ ไดโ๎ หํฮาปุากลบเสียงสดุดเี สยี แม๎เมอื่ เสดจ็ พระราชดาเนนิ ไปเพือ่ ตรสั ตอบ คนกลํุมนี้ ยังโหํฮาปุาขึน้ อกี แตพํ ระองค๑คงมีสพี ระพักตรเ๑ รยี บเฉย ซา้ ยงั ทรงหันมาเปดิ พระมาลา ทท่ี รงคกํู บั ฉลอง พระองค๑รยุ โคง๎ คานบั คนกลมํุ น้ันอยํางสภุ าพ พรอ๎ มกับตรสั ด๎วยพระสรุ เสียง ทร่ี าบเรยี บมใี จความ วํา \"ขอบใจทํานทง้ั หลายเปน็ อันมากในการต๎อนรับอนั อบอํุน และสภุ าพเรียบรอ๎ ย ทท่ี าํ นแสดงตอํ แขก เมืองของทาํ น\" เสยี งฮาปุาเงียบลงทันที นักศกึ ษากลมํุ นีไ้ ดพ๎ ํายแพ๎แกอํ ักโกธะ หรอื ความไมโํ กรธของ พระองค๑โดยสิ้นเชงิ …ครั้นถึงเวลาเสดจ็ กลบั ทกุ คนในกลมํุ พรอ๎ มใจกันยืนคอยสงํ เสด็จดว๎ ยสีหน๎าเจอ่ื ๆน บา๎ ง ยมิ้ บา๎ ง โบกมือและปรบมอื ใหบ๎ า๎ งจนรถพระท่นี ่ังแลนํ ไปจนลบั ตา ตอํ มาในปี พ.ศ.2510 อันเป็นปที ่ี ชาวอเมริกันเดนิ ขบวนและหนงั สอื พิมพ๑ลงขําวโจมตรี ฐั บาล เรื่องการสงํ ทหารม าชวํ ยรบและเสยี ชวี ติ มากมายในเวียดนามใต๎ ในภาวะอันวิกฤตนีท้ รงเกรงรัฐบาลอเมรกิ ันจะลม๎ เลิกนโยบายชํวยเหลอื เอเชยี อาคเนย๑ ซ่งึ จะเป็นอนั ตรายตอํ ความมั่ นคงของไทย จึงเสด็จไปทรงเจริญสัมพันธไมตรี ในการน้ีจะ ทรงได๎รับปริญญากติ ตมิ ศักดจ์ิ ากมหาวิทยาลัยวลิ เลียมส๑ กอํ นวันแจกปริญญา ทรงทราบวาํ บทความ ท่ไี ด๎รบั รางวัลซงึ่ จะอํานในวันแจกปรญิ ญา เปน็ บทความคัดค๎านนโยบายของรัฐบาล ในการสงํ ทหารมา ชวํ ยรบในเวียด นาม นอกจากนีก้ ลุมํ นกั ศึกษายังเตรียมแจกใบปลิว และเตรียมเดินขบวนออกจาก

47 พธิ ีถวายปริญญาแกพํ ระองค๑ด๎วย …และแลว๎ วันท่ี 11 มิถุนายน พ.ศ.2510 วนั อันนาํ ระทึกใจก็มาถึง เม่อื นกั ศกึ ษาอาํ นบทความท่ีได๎รับรางวัลจบลง พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงปรบพร ะหัตถใ๑ ห๎กบั การใชภ๎ าษาทถี่ กู ต๎องและไพเราะ แมจ๎ ะไมทํ รงเหน็ ด๎วยกบั เนอื้ หาก็ตาม จากน้ันพระองคจ๑ ึงตรสั ขอบใจมหาวิทยาลยั และทรงเตอื นสตินักศกึ ษา \"ให๎ใชป๎ ๓ญญา ไตรํตรองดูเหตผุ ลให๎ถํองแทเ๎ สียกอํ นท่ีจะม่นั ใจเช่อื อะไรลงไป มิใชํสกั แตํวําเชอ่ื เพราะมผี บ๎ู ญั ญัติ ไว๎\" พระราช ดารัสน้เี ปน็ ท่ีชน่ื ชอบมากถึงกับทุกคนลกุ ขน้ึ ยืน และปรบมอื ถวายเปน็ เวลานาน และ เหตุการณ๑รา๎ ยทเี่ กรงกลวั ก็มไิ ด๎เกดิ ขน้ึ การที่ประเทศไทยมีพระมหากษัตรยิ าธริ าชผ๎ูทรงบาเพ็ญ อกั โกธะบารมี หรอื ความไมํโกรธไดอ๎ ยํางม่นั คงเชํนน้ี จึงทาใหป๎ ระเทศไทยสามารถรักษาสัมพนั ธไมตรี อันดีกบั นานาประเทศไว๎ไดต๎ ลอดมา พระเกียรติคุณของพระองค๑ในขอ๎ นีจ้ งึ เปน็ ที่ชน่ื ชมของชาวไทย และชาวตาํ งประเทศยง่ิ นกั ภาพเสดจ็ ประเทศออสเตรเลยี ภาพเสด็จประเทศสหรฐั อเมริกา

48 กกกกกกก2. 2.7 หน๎าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ ฝกึ ฝนควบคมุ อารมณข๑ องตนเอง ไมํให๎เปน็ คนโมโหงําย และพยายามระงับยับย้ังความโกรธอยํูเสมอ แม๎ในหลาย ๆ สถานการณจ๑ ะทาไดย๎ าก แตหํ ากเราสามารถฝกึ ฝน ไมใํ ห๎เป็นคนโมโหงาํ ย และพยายามระงบั ยับยง้ั ความโกรธอยูเํ สมอ จะเปน็ ประโยชน๑ตอํ เราหลายอยําง เชนํ ทาใหเ๎ ราสขุ ภาพ จิตดี หนา๎ ตาผํองใส ขอ๎ สาคญั ทาให๎เรารกั ษา มติ รไมตรหี รือสัมพนั ธภาพกบั ผอู๎ น่ื ไวไ๎ ด๎ อนั มีผลให๎บุคคลน้ันเป็นทร่ี ัก และเกรงใจของคนทตี่ ดิ ตอํ ด๎วย กกกกกกก2. 2.8 อวิหิงสา คอื ความไมเํ บียดเบยี น หมายถงึ ไมํกดข่ขี มํ เหง กล่ันแกลง๎ รังแกคนอน่ื ไมํหลงในอานาจ ทาอันตรายตอํ ราํ งกาย และทรัพยส๑ ินผอ๎ู ืน่ ตามอาเภอใจ กกกกกกก2. 2.8 ทกุ ชวี ติ บนผืนแผนํ ดนิ ไทยได๎รบั ความรมํ เยน็ มคี วามเปน็ อยูํอยํางสุขสงบ ภายใต๎ เบอ้ื งพระยุคลบาทแหงํ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 พระผู๎ทรง บาเพญ็ อวิหงิ สาบารมี คือ ไมเํ บียดเบยี นให๎ผอ๎ู นื่ ลาบาก ไมํกอํ ทกุ ขย๑ ากให๎แกผํ ๎ูใด แมจ๎ นถงึ สรรพสัตว๑ ด๎วยเห็นเป็นของสนุกเพราะอานาจแหํงโมหะหรือความหลง ไมํทาร๎ายรงั แกมนษุ ย๑และสัตว๑เลนํ เพ่ือความบันเทงิ ใจแหํงตน ในการบาเพญ็ อวิหงิ สาบารมีนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ล อดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงบาเพญ็ ได๎โดยบริสุทธ์ทิ กุ สถาน ไมวํ าํ จะเปน็ ทรงพระวรกาย พระวาจา พระราชหฤทยั และไมํวําจะเปน็ การอันทรงปฏิบัติตํอมวลมนษุ ย๑หรอื สรรพสตั ว๑ใด ๆ แมก๎ ารนนั้ จะยงั ความสะดวกสบายมาสํพู ระองค๑ หากเปน็ ความยากลาบากแกทํ วยราษฎรแ๑ ล๎ว พระองค๑จะทรงงด เวน๎ เสีย โดยทรงยอมลาบากตรากตราพระวรกายของพระองคเ๑ องแทน ดงั เหตกุ ารณอ๑ ันเปน็ ทเ่ี ปิดเผย จากวงการตารวจจราจรเม่ือวันที่ 12 ตลุ าคม พ.ศ.2530 วํา พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพล อดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดารวิ าํ ตามปกตเิ วลาท่พี ระองคเ๑ สดจ็ พระราชดาเนนิ ไป ณ ทใ่ี ด เจ๎าหน๎าทจ่ี ร าจรจะปดิ ถนนตลอดเส๎นทางนน้ั ทุกคร้ัง จงึ ทรงมีกระแสพระราชดารัสวํา ไมํต๎องให๎ เจ๎าหนา๎ ทปี่ ดิ การจราจรเวลาเสดจ็ พระราชดาเนินไมวํ ําทใ่ี ด หากการจราจรเกิดตดิ ขัดก็มีพระมหา กรุณาธคิ ุณท่จี ะทรงรํวมอยใํู นสภาวะแหงํ การตดิ ขดั น้ัน เชนํ เดียวกับพสกนกิ รของพระองค๑ การบาเพ็ญอวหิ งิ สาอยาํ งย่ิงยวดของพระองคน๑ ี้ แมจ๎ ะหยบิ ยกมาใหเ๎ ห็นอยํางเดํนชัดเพียงประการเดียว จากพระราชกรณยี กิจอันมากมาย คงเพียงพอทจ่ี ะกลาํ วไดว๎ ําไมํมพี ระมหากษัตริยาธิราช หรอื พระประมขุ หรือประมขุ ประเทศใดในโลกท่ีจะเสมอเหมอื นพระองค๑ ในสํวนทีเ่ ก่ียวกบั สรรพสตั ว๑ พระองค๑ไมเํ คยทรงกระทาการใดใหเ๎ ปน็ ทีท่ ุกขย๑ ากเจ็บปวด ไมํเคยมีแม๎แตํคร้งั เดยี วท่จี ะเสดจ็ ออก ประพาสปาุ ลาํ สัตว๑ตัดชีวติ จะมกี แ็ ตํการพระราชทานชีวิตใหเ๎ ทาํ นัน้ ในรูปของโครงการพระราชดาริ ตาํ ง ๆ ที่เป็นไปเพื่อการอนรุ กั ษป๑ ุา อนุรักษ๑แหลํงนา้ และอนุรกั ษ๑สัตว๑ เชนํ โครงการอนรุ กั ษ๑ปาุ และสัตว๑ปาุ เป็นต๎น การบาเพ็ญอวิหงิ สาบารมีของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมห าภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ซึง่ แผํไพศาลไปท่วั ทุกหนแหงํ จงึ ปกปอู งคุม๎ ครองชวี ติ ไมํวาํ มนษุ ย๑ หรือสรรพสตั วท๑ กุ ชีวิต บนผืนแผนํ ดนิ ไทย จึงดารงอยูํไดด๎ ๎วยความสุขสงบและรมํ เยน็

49 ภาพทรงพระเมตตาตอํ สัตว๑ ภาพทรงขับรถยนต๑ด๎วยพระองคเ๑ อง กกกกกกก2. 2.8 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติ ได๎แกํ การไมเํ บียดเบยี น หรือบีบคั้นกดขผ่ี อ๎ู ื่น รวมไปถึง การไมํใช๎อานาจไปบังคับ หรอื หาเหตุกลน่ั แกลง๎ คนอืน่ ด๎วย เชนํ ไมํไปขมํ เหงรงั แกผูด๎ ๎อยกวํา ไมํไปขมํ ขูํใหเ๎ ขากลัวเรา หรือไปบีบบงั คับเอาของรกั ของหวงมาจากเขา เปน็ ตน๎ นอกจากไมํเบยี ดเบยี น คนดว๎ ยกันแลว๎ เรายังไมคํ วรเบียดเบยี นธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ๎ ม และสตั ว๑อีกด๎วย เพราะมิฉะนั้น ผลรา๎ ย จะย๎อนกลับมาสูเํ รา และสังคม อยาํ งท่เี ห็นในปจ๓ จบุ นั จากภัยธรรมชาตติ าํ ง ๆ กกกกกกก2. 2.9 ขนั ติ คอื ความอดทน หมายถึงการอดทนตอํ สง่ิ ทั้งปวง สามารถอดทนตํองานหนัก ความยากลาบาก ทง้ั อดทน อดกล้ันตํอคาติฉนิ นินทา กกกกกกก2. 2.9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 เปน็ พระมหา กษัตรยิ าธริ าช ผ๎ูทรงมพี ระขนั ตธิ รรมเป็นยอดเยย่ี มอยํางหาผูใ๎ ดเสมอเหมือนมไิ ด๎ จากเหตุการณ๑ ท่ีผาํ นมาท้ังในเมอื งไทย และตํางประเทศ บางคร้งั เปน็ เร่ืองยากยง่ิ สาหรบั พระองคท๑ จี่ ะทรงอดทนได๎ แตํพระองคย๑ งั ทรงอดทนรกั ษาพระราชหฤทัย พระวาจา พระวรกาย และพระอาการใหส๎ งบเรียบรอ๎ ย งดงามไดใ๎ นทกุ สถานการณ๑ ทรงอดทนตอํ โทสะ จากการเบยี ดเบียนหยามดูหมิ่น ดงั เชํน การถูกขับไลํ โดยกลมํุ ชนท่ีไมหํ วงั ดตี ํอเมอื งไทย ซึ่งเป็นเหตุการณ๑ท่เี กดิ ข้ึนในตาํ งประเทศ เมื่อปี พ.ศ.2505 ดังกลําว มาแล๎วขา๎ งต๎น เปน็ ต๎น ทรงอดทนตํอโล ภะ คอื ความอยากไดท๎ กุ ประการโดยส้นิ เชิง ดังจะเหน็ ไดว๎ ํา พระองค๑ไดเ๎ คยมพี ระราชประสงค๑สง่ิ ใดจากผ๎ใู ด แม๎ส่งิ ของทน่ี ามาถวายหากมากเกนิ ไปกม็ ไิ ดท๎ รงรบั

50 เชํน รัฐบาลในสมยั หนึง่ จะถวายรถพระท่นี ่งั คันใหญํเป็นพิเศษเพอ่ื ให๎สมพระเกยี รติยศ แตพํ ระองค๑ กลับมพี ระราชดารวิ ํารถพระท่ีน่งั นาํ จะเป็นรถคันใหญํพอประมาณและราคาไมํแพงนกั เพอื่ จะได๎สงวน เงนิ ไวพ๎ ฒั นาประเทศไดอ๎ ีกสวํ นหนึ่ง เป็นต๎น กกกกกกก2. 2.9 นอกจากน้ยี งั ทรงอดทนตํอโมหะ คอื ความหลง โดยพระองค๑มไิ ด๎ทรงติดขอ๎ งอยใํู น ความสขุ สาราญและความสะดวกสบายตาํ ง ๆ อันพึงหาได๎ในพระราชฐานะแหํงพระมหากษัตรยิ าธิราช ทรงอดทนตํอความทุกขเวทนา ความลาบากตรากตราพระวรกายตําง ๆ เพือ่ ทรงบาบัดทกุ ข๑บารงุ สขุ ใหแ๎ กพํ สกนิกรทุกแหงํ หน ทรงอดทนตอํ ความหวาดหว่นั ภยนั ตรายตํางๆ ดังเหตกุ ารณ๑ทีเ่ กดิ ข้ึนในปี พ.ศ.2510 เปน็ ระยะทีผ่ ก๎ู ํอการรา๎ ยกาลังฮึ กเหิม พระองค๑กม็ ิได๎ทรงทอดท้ิงทหารตารวจ ผู๎ทาหน๎าที่ ปกปูองผืนแผนํ ดนิ ไทย โดยทรงมวี ทิ ยตุ ดิ พระองค๑เพอื่ ทรงรับฟง๓ เหตุการณ๑ตาํ ง ๆ อยูตํ ลอดเวลา ทรงสอบถามเหตกุ ารณท๑ างวทิ ยอุ ยเํู สมอ และหากทรงวํางจากพระราชภารกิจจะรบี เสดจ็ ไปยงั ท่ี เกดิ เหตทุ ันที เพอ่ื ทรงสอบถาม เหตุการณ๑ด๎วยพระองค๑เอง หากทรงทราบวาํ มีทหารตา รวจได๎รับ บาดเจบ็ จะทรงใหเ๎ ฮลิคอปเตอร๑รับผู๎บาดเจบ็ ไปรักษาพยาบาลทนั ที สวํ นในท่บี างแหงํ เชนํ ที่กุยบุรี จงั หวดั ประจวบคีรขี ันธ๑ ซึง่ ขาดแคลนพาหนะในการตรวจทอ๎ งท่ี ทาให๎ทหารตารวจถกู ลอบทารา๎ ย ลม๎ ตายกนั เนอื ง ๆ หลงั จากเสดจ็ ไปทรงเยยี่ มทหารตารวจ แล๎วทรงเห็นความจาเป็นจึงพระราชทาน พระราชทรพั ย๑สวํ นพระองค๑ จานวน 500,000 บาท ซอ้ื รถจ๊ิปพระราชทานแกํทหาร ตารวจ 6 คัน เพือ่ สงวนชวี ติ เจา๎ หนา๎ ทเี่ หลํานไ้ี ว๎ นอกจากน้ีในคราวเกดิ เหตุปะทะทที่ งุํ ช๎าง จังหวัดนําน อนั ขึ้นช่ือวาํ เปน็ สมรภมู ิเลือดนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 มิได๎ทรงกลวั เกรงภยันตรายใด ๆ ไดเ๎ สดจ็ ข้ึนเฮลคิ อปเตอร๑พระทนี่ ่งั ไปบนิ สารวจเหนอื จุดซํองสุมของผกู๎ อํ การร๎าย ซ่ึงเป็นจุดทีเ่ ฮลิคอปเตอร๑ของทางราชการเคยถกู ยิงตกมาแลว๎ ไมเํ พียงเทาํ นั้นยงั ทรงใหเ๎ ฮลคิ อป เตอร๑ รับทหารผู๎บาดเจบ็ ออกมารบั การรกั ษาพยาบาลได๎ทันทํวงทีดว๎ ย พระองค๑มไิ ด๎ทรงหว าดหวัน่ ภยันตรายใด ๆ แม๎ในแหลํงท่ผี ๎ูกอํ การรา๎ ยปฏิบัติการอยํางรุนแรง เชํน ลอบฆําขา๎ ราชการและ ประชาชน ทีบ่ า๎ นนาวง อาเภอเมอื ง จังหวดั พัทลงุ และแม๎ในขณะท่ีพายุฝนกระหน่าอยาํ งหนัก พระองคย๑ งั คงเสด็จฝาุ สายฝนไปเพ่อื ทรงเยย่ี มทหารตารวจ ในสภาวะอนั วกิ ฤตนน้ั ด๎วยขนั ติบารมี ของพระองค๑เชํนน้ี ทาให๎ราษฎรไมํวําจะอยใํู นสภาวะทกุ ขย๑ าก ทรุ กันดาร หรือตกอยูํในภยันตราย เพยี งใด ยงั เกิดความรส๎ู ึกอยูํเสมอวาํ เขามิได๎ถกู ทอดทิ้งใหว๎ า๎ เหวํ ผจญชะตากรรมอยูํเพียงลาพงั หากยัง มีองค๑พระประมุขท่ีจะเสด็จมาประทบั เคียงขา๎ ง และแผํพระบารมีค๎ุมครองใหเ๎ ขารอดพ๎นจาก ภยันตรายท้งั มวล ภาพทรงเสด็จเยย่ี มทหารท่บี าดเจ็บ

51 ภาพทรงรบั ส่งั ใหร๎ บี สงํ ตัวทหารที่บาดเจบ็ เขา๎ โรงพยาบาลดํวน กกกกกกก2. 2.9 หนา๎ ทีพ่ ลเมอื งดี มแี นวปฏิบตั ิ ไดแ๎ กํ ใหเ๎ ราอดทนตํอความยากลาบากทกุ สถานการณ๑ ไมทํ ๎อถอย และไมหํ มดกาลังกาย กาลงั ใจทจี่ ะดาเนินชวี ิต และทาหนา๎ ท่ีการงานตํอไป จนสาเร็จ รวมท้ังอดทนตํอการไมํไดร๎ บั ความสุขสาราญ ไมํได๎รบั ความสะดวกสบาย ความอดทนจะทาให๎ เราชนะอุปสรรคท้งั ปวงไมํวําเลก็ หรือใหญํ และจะทาให๎เราแกรงํ ขนึ้ เขม๎ แข็งขน้ึ กกกกกกก2. 2.10 อวิโรธนะ คอื ความเทยี่ งธรรม หมายถึง ไมํประพฤติผิด ประพฤติปฏิบตั ิตนอยูํใน ความดีงาม ไมํหวัน่ ไหวในเรอื่ งรา๎ ย กกกกกกก2. 2.10 นบั เปน็ บญุ ของชาวไทยเป็นอยํางย่งิ ที่ได๎อยภํู ายใต๎เบ้ืองพระยุคลบาลแหํงพระบาท สมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 พระมหากษตั ริยาธิราช ผู๎ทรงบาเพญ็ อวโิ รธนะ คอื ความเทย่ี งธรรมไดอ๎ ยาํ งสมบรู ณ๑ยิง่ ซง่ึ ความเที่ยงธรรมในที่นี้ หมายถึง ความตรงตามความถกู ตอ๎ ง หรอื ความไมผํ ิดนั่นเอง พระบาทสมเด็จ พระปรมินท รมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงปฏบิ ตั ิ พระองค๑ถูกตอ๎ งตามขตั ติยราชประเพณที กุ ประการ ไมเํ คยทรงประพฤติผิดจากราชจรรยานุวัตร นติ ศิ าสตร๑ และราชศาสตร๑ ทรงปฏิบัติพระองค๑ไดอ๎ ยํางงดงาม ไมํมีความบกพรํองให๎เปน็ ทีเ่ สือ่ มเสีย พระเกียรตยิ ศไดเ๎ ลย พระองค๑ทรงรกั ษาพร ะราชหฤทยั ไดบ๎ รสิ ทุ ธ์ปิ ราศจากกเิ ลสท้งั มวล จึงมไิ ด๎ ทรงหวน่ั ไหวตํออานาจแหงํ อคตใิ ด ๆ อนั มคี วามรกั ความชงั ความโกรธ ความกลัว และความหลง เปน็ ต๎น จึงไมํมีอานาจใดท่ีอาจนอ๎ มพระองคใ๑ หท๎ รงประพฤติทรงปฏบิ ตั ไิ ปในทางที่มัวหมอง ไมสํ มควร หรอื คลาดเคล่อื นไปจากความยุติธ รรม ทรงอปุ ถัมภ๑ยกยํองผู๎ควรอุปถัมภ๑ยกยํอง ทรงบาราบคน มคี วามผดิ ด๎วยเป็นธรรม และในพระราชฐานะแหํงองคพ๑ ระประมขุ ของชาติไทยในระบอบ ประชาธปิ ไตย ซึ่งต๎องมพี รรคการเมอื งทงั้ รัฐบาลและฝุายคา๎ น พระองคไ๑ ดท๎ รงดาริอยํูในความยตุ ธิ รรม ทรงเปน็ หลกั ชัยของพรรคการเมอื งทุกพรรค ในด๎านพระราชภารกิจตาํ ง ๆ ทรงปฏิบตั ไิ ด๎อยาํ งถกู ต๎อง ไมํมผี ิด ดว๎ ยทรงสดบั ตรับฟง๓ ทรงศกึ ษา ทรงแสวงหาความร๎ูความถูกตอ๎ งทั้งจากบุคคล ตารา จากการ ที่ทรงสืบค๎นด๎วยพระองคเ๑ อง และทรงนามาประมวลใครํครวญดว๎ ยพระป๓ญญา ความรูท๎ ี่ทรงได๎จงึ เปน็ ความรู๎ท่ชี ัดแจง๎ และถกู ตอ๎ ง ด๎วยเหตุนีพ้ ระราชกรณยี กิจใด ๆ ทที่ รงมุํงผลให๎บังเกิดเป็นความผาสุก ความเจรญิ แกพํ สกนกิ รอยํางใด กย็ อํ มสาเรจ็ เป็นความผาสกุ และความเจรญิ อยาํ งน้ัน แมว๎ ําจะมี บางส่งิ บางอยํางที่จะต๎องแก๎ไขอันเป็นธรรมดาของการทางานทงั้ ปวง กท็ รงปฏบิ ัตแิ ก๎ไขอยํางรอบคอบ ใหบ๎ งั เกิดผลดแี ละสมบูรณย๑ ิ่งข้นึ ไปตาม ลาดับ พระราชกรณยี กิจของพระองค๑จึงมแี ตคํ วามไมผํ ดิ

52 ดังเชํน ในการพฒั นาประเทศทรงพฒั นาอยาํ งถูกตอ๎ ง คือทรงพฒั นาประเทศไปพรอ๎ ม ๆ กับการพัฒนา ประชาชน โดยทรงแนะนาตรัสสอนดว๎ ยพระองคเ๑ อง และผํานทางโครงการพระราชดารติ าํ ง ๆ เป็นต๎น นอกจากน้ีในการพฒั นาแตํละท๎องถิ่น พระองคย๑ ังได๎ทรงศึกษาถงึ ภมู ปิ ระเทศ ลมฟูาอากาศ ตลอดจน ขนบธรรมเนยี มประเพณี ความเปน็ อยูํ และความตอ๎ งการท่ีแท๎จริงของประชาชน ซึง่ ในแตํละทอ๎ งถ่ิน ยอํ มไมํเหมอื นกนั การพฒั นาของพระองค๑จงึ เป็นการพฒั นาด๎วยความเขา๎ ใจ เหมาะสม และเหมาะแกํ ความจาเปน็ ของท๎องถิน่ นั้น ๆ การพฒั นาโดยวิธที างที่ถูกตอ๎ งนีเ้ อง ทาให๎การพัฒนาประเทศไดผ๎ ล ไมสํ ญู เปลาํ สามารถชํวยให๎ไพรํฟาู หนา๎ ใสได๎โดยทว่ั หน๎ากันสมดงั พระราชประสงค๑ ทงั้ น้กี ็ด๎วย การบาเพ็ญอวโิ รธนะของพระองค๑นเี้ อง ภาพทรงโปรดเกล๎าฯ ให๎ พล.อ.สุจินดา คราประยูร พล.ต.จาลอง ศรเี มอื ง เข๎าเฝูาเพ่ือยุติความขัดแยง๎ ภาพทรงเสดจ็ อาํ งเก็บน้ายางชุม อันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ตาบลหาดขาม อาเภอกยุ บรุ ี จงั หวดั ประจวบคีรขี นั ธ๑ กกกกกกก2. 2.10 หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ ควรกระทาการงาน หรอื ดาเนินชีวิตท่ี ถกู ตอ๎ ง และให๎ความเป็นธรรมกับบคุ คลท่ีเก่ยี วขอ๎ ง ด๎วยความยตุ ิธรรม และเที่ยงธรรม

53 กกกกกกก2. จะเห็นได๎วํา หลักธรรมท้งั 10 ข๎อ หรือทศพิธราชธรรมน้ี มใิ ชขํ อ๎ ปฏบิ ตั ิทยี่ ากจนเกนิ ความสามารถของคนธรรมดาสามญั ที่จะทาตามได๎ หลาย ๆ ขอ๎ กเ็ ป็นสงิ่ ทเี่ ราปฏิบตั อิ ยแูํ ลว๎ จะโดย รต๎ู วั หรือไมกํ ต็ าม แตหํ ากเรามคี วามตัง้ ใจจริง หลกั ธรรมดงั กลาํ วก็จะเป็นทนุ ท่ชี วํ ยหนุนนา ใหเ๎ รา ไดพ๎ ฒั นาชีวิตไปสํูความดี งาม ความม่นั คง และความสาเรจ็ ที่เราปรารถนาทุกประการ ด๎วยการ ประพฤติปฏิบตั ทิ ม่ี คี ุณคําท้งั ตอํ ตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติอีกดว๎ ย การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ กกกกกกก1. บรรยาย กกกกกกก2. กาหนดประเด็นการศึกษาค๎นคว๎ารํวมกนั จากส่ือการเรียนรูท๎ ีห่ ลากหลาย กกกกกกก3. บันทกึ ผลการศึกษาคน๎ ควา๎ ลงในเอกสารการเรียนรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก4. พบกลํุม กกกกกกก5. อภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู๎ กกกกกกก6. วิเคราะหข๑ อ๎ มลู ทไี่ ด๎ และสรุปการเรยี นรร๎ู วมกนั บันทึก สรุปการเรียนร๎ใู นเอกสารการ เรียนร๎ดู ๎วยตนเอง (กรต.) สือ่ และแหล่งเรยี นรู้ กกกกกกก1. สอ่ื เอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความรู๎ เร่ืองท่ี 3 ทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หัวเร่อื งท่ี 3 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ด๎วยทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก1. 1.3 ชื่อหนงั สอื เรยี น สาระการพฒั นาสังคม รายวิชา สค23088 หน๎าทพ่ี ลเมืองตาม รอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่เก๎า 2 กกกกกกก1. 1.4 ช่ือหนังสือ ทศพธิ ราชธรรม ผ๎ูแตงํ ท.กล๎วยไม๎ ณ อยธุ ยา ปที ีพ่ มิ พ๑ พ.ศ.2535 สานกั พิมพ๑ พับลิคบิสเนสพรน้ิ ท๑ กกกกกกก1. 1.5 ช่อื หนงั สือ ราชธรรมจรยิ วัตรพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหูํ วั ภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ผ๎ูแตงํ พระพรหมวชิรญาณ ปที ่พี ิมพ๑ พ.ศ. 2549 สานักพมิ พ๑ รมํ ธรรม กกกกกกก2. ส่ืออิเลก็ ทรอนิกส๑ ไดแ๎ กํ กกกกกกก2. 2.1 ช่อื บทความ ทศพธิ ราชธรรม ผแ๎ู ตํง ทรงพร ศรีสุวรรณ สืบค๎นจาก https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1478247611 กกกกกกก2. 2.2 บทโทรทศั นเ๑ ฉลิมพระเกยี รตพิ ระบาทสมเด็จพระภมู พิ ลมหาราชเนื่องในมหามงคล สมัยเฉลมิ พระชนมพรรษา 5 รอบ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 โดยนางสาววันเพ็ญ เซน็ ตระกูล ฉบบั ไดน๎ ับรางวัลสื่อมวลชนดเี ดํนเพอ่ื เยาวชนประจาปี 2529 – 2530 ประเภทภาพยนตรข๑ าํ วและสารคดี สืบค๎นจาก http://www.dhammajak.met/ratchathum/index.php

54 กกกกกกก2. 2.3 ชอ่ื บทความ “ทศพิธราชธรรม” หลกั ปฏบิ ัติ 10 ประการ ผู๎แตงํ ประชาชาตธิ ุรกิจ ออนไลน๑ สบื ค๎นจาก https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1478247611 กกกกกกก3. สอื่ บคุ คลและภมู ิปญ๓ ญา ได๎แกํ กกกกกกก3. 3.1 เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ๑ กกกกกกก1. 3.2 วิทยากรจากชมรมคนรักในหลวงจังหวัดประจวบคีรขี ันธ๑ กกกกกกก4. สอ่ื แหลงํ เรยี นร๎ูในชมุ ชน ได๎แกํ กกกกกกก1. 4.1 หอ๎ งสมุดประชาชนจงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ กกกกกกก1. 4.2 กศน.ตาบล/เทศบาล ทุกแหํง และศนู ยก๑ ารเรยี นชมุ ชน ในอาเภอเมือง ประจวบคีรขี ันธ๑ การวัดและประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมินความกา๎ วหนา๎ ด๎วยวิธกี าร กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซักถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรยี นร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต. ) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ดว๎ ยวิธีการ กกกกกกก1. 2.1 ตอบแบบทดสอบวดั ความรู๎ หัวเรือ่ งท่ี 3 หน๎าท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลท่ี 9 ด๎วยทศพิธราชธรรม จานวน 3 ข๎อ กกกกกกก1. 2.2 ตอบแบบสอบถามวัดเจตคติตํอวชิ าหนา๎ ท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่เก๎า 2

55 หวั เรอื่ งท่ี 4 หนา้ ทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส สาระสาคญั กกกกกกก1. หน๎าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชดารัส กกกกกกก1. 1.1 สุขกาย จะเกดิ ขึน้ ได๎ พลเมอื งต๎องมสี ภาวะราํ งกายทีม่ คี วามสมบูรณ๑ แข็งแรง เจริญเตบิ โตอยาํ งปกติ มีความต๎านทานโรคได๎ดี ปราศจากโรคภัยไขเ๎ จบ็ รวมถงึ ดูแลสขุ ภาพจติ ดา๎ นการแสวงหาความร๎ใู ห๎มปี ญ๓ ญาร๎ูเทาํ ทนั จะทาใหจ๎ ิตใจดี ควบคุมจติ ได๎ นอกจากนตี้ อ๎ งแสวงหา ความร๎ทู ี่ทาใหเ๎ ขา๎ ใจ สบายใจ หรือร๎เู ทําทนั การเปล่ียนแปลง เพ่ือใหส๎ ามารถดาเนนิ ชีวิตไดอ๎ ยาํ งปกติ รวมถึงทางานไดด๎ ๎วย กกกกกกก1. 1.2 สุขใจ จะเกดิ ขึ้นได๎ พลเมืองต๎องมสี ภาวะของจติ ใจท่ีมคี วามสดชน่ื แจมํ ใส สามารถ ควบคุมอารมณใ๑ ห๎มน่ั คง ปรบั ตวั ให๎เข๎ากบั การเปลี่ยนแปล งทางสงั คม และส่งิ แวดลอ๎ มไดเ๎ ปน็ อยํางดี จากการท่บี คุ คลน้นั ใช๎ความรู๎ที่มีอยํูประกอบกบั มีสัมพนั ธภาพกบั บุคคลอ่ืนอนั ดี และมีรํางกาย ทีแ่ ขง็ แรงจงึ จะทาให๎มีความสุขใจได๎ กกกกกกก1. 1.3 สุขในการอยํรู ํวมกัน จะเกดิ ขึน้ ไดพ๎ ลเมืองตอ๎ งมี ความรกั ความสามัคคควี ามปรองดอง และความสงบสุขในสังคม ทเี่ กดิ จากทุกคนได๎รับความยตุ ธิ รรม กกกกกกก2. หน๎าทพี่ ลเมอื งตามพระราชดารัสเกีย่ วกบั เด็ก นกั เรียนและเยาวชน และนกั ศึกษา กกกกกกก1. 2.1 วัยเดก็ และการปลูกฝง๓ คุณธรรม จะเกดิ ขึน้ ได๎ จากการอบรมเลี้ยงดสู ่ังสอนขดั เกลา ของทุกฝุายท้ังครอบครวั และโรงเรียน ใหเ๎ ห็นคุณคาํ ของความดี ความสุจรติ มคี วามประพฤติเรียบร๎อย มีเหตุผลหรือสติปญ๓ ญานนั้ เอง โดยการเป็นแบบอยํางทีด่ ี เพอื่ ใหเ๎ ดก็ เห็นเปน็ ตวั อยํางและยดึ เปน็ แบบอยํางใหไ๎ ด๎ กกกกกกก1. 2.2 นกั เรียนและเยาวชนตอ๎ งได๎รับการปลกู ฝ๓งถํายทอดความรท๎ู ีแ่ ท๎จริง เพอ่ื ให๎สามารถ รูเ๎ ทําทนั ฉลาดและคดิ สรา๎ งสรรค๑ ทาประโยชนใ๑ หก๎ บั ตนเองและสํวนรวม กกกกกกก1. 2.3 นักศกึ ษาเปน็ ผ๎ทู ีม่ คี วามพร๎อมท้ังวยั วุฒิและคุณวุฒิ ฉะน้นั จงึ ต๎องมคี วามเพยี ร ความอดทน มสี ตปิ ญ๓ ญา รจ๎ู ักใช๎เหตุผล และเลอื กสิง่ ท่ีดีงามมาประยุกตใ๑ ชใ๎ นชวี ติ ของตนเอง กกกกกกก1. 2.4 วัยทางาน และการศึกษา กกกกกกก1. 2.4 2.4.1 วัยทางาน ยํอมเจอป๓ญหาและอุปสรรคเสมอ เมือ่ เจอป๓ญหาให๎หาทางแก๎ไข ถา๎ แก๎คนเดียวไมไํ ด๎ก็ใหค๎ นทีเ่ กีย่ วข๎องชํวยกันคิดหาทางแกไ๎ ข กกกกกกก1. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา สรา๎ งคนใหม๎ คี วามร๎ู ความสามารถ เปน็ พ้ืนฐานทีจ่ าเปน็ ในการ พัฒนาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก1. 2.5 หน๎าท่ี และความรับผดิ ชอบตอํ บา๎ นเมืองของคนในชาติตอ๎ งมีความรัก ความสามคั คี มีเหตุผล มีความรู๎ ชวํ ยกนั สร๎างความเจริญ ปลูกฝง๓ ความดีงามให๎กบั จิตใจของคนในชาติ รวมถงึ รักษา วฒั นธรรมประเพณที ี่เปน็ แบบแผนของไทยใหค๎ งอยูตํ ลอดไป

56 กกกกกกก3. หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามพระราชดารัส ทเี่ กยี่ วขอ๎ งกบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ จะเกดิ ขนึ้ ได๎ โดยร๎ูจกั ตนเอง มคี วามซอ่ื สัตย๑และความเพยี ร เดินทางสายกลาง และพอใจในสงิ่ ท่ตี นมีอยูํ กกกกกกก3. 3.2 ความมเี หตุผล ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมงุํ สอนใหพ๎ ลเมืองไทย มี ความคดิ อยาํ งรอบคอบ โดยพจิ ารณาจากปจ๓ จัยท่ีเก่ยี วข๎องและคานงึ ถึงผลที่จะเกดิ ขึ้ นจากการกระทา น้นั กกกกกกก3. 3.3 ความมีภมู ิค๎ุมกัน คือ เปน็ การเตรียมตวั ให๎พรอ๎ มตํอการเปลี่ยนแปลงในทุกด๎าน ดว๎ ยการวเิ คราะห๑ความเสยี่ ง ใชป๎ ระสบการณ๑เดมิ มาชวํ ยตดั สนิ ใจ และรวบรวมมาใช๎ในโอกาสตอํ ไป กกกกกกก3. 3.4 เงอื่ นไขความร๎ู กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ มีหลายประเภท ไดแ๎ กํ ความรูท๎ ีเ่ กย่ี วข๎องกบั การดาเนนิ ชีวิต การประกอบอาชพี การศึกษา รวมถึงความร๎ทู เ่ี ก่ยี วขอ๎ งกบั การพฒั นาจิตใจ ทาใหบ๎ ุคคลมคี วาม เจริญกา๎ วหน๎าได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลกั วิชา คือ เน้อื หาความร๎ู และหลักวชิ าการ คอื นาความรมู๎ าจัด กระบวนการเรยี นร๎ู กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบรู๎ รอบคอบ และระมัดระวงั เป็นการศกึ ษาหาข๎อมลู กอํ นการปฏิบตั ิ โดยคานึงผลท่จี ะตามมาอยํางรอบคอบ และระมัดระวงั กกกกกกก3. 3.5 เงื่อนไขคณุ ธรรม แบงํ ออกเปน็ 2 ประเภท ได๎แกํ คณุ ธรรมและหน๎าที่ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 คุณธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซ่ือสัตย๑สุจรติ เป็นพ้ืนฐานของความดที กุ อยําง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพียร พากเพียร และอดทน จะเกิดข้ึนได๎จากการฝกึ ฝนจนเกดิ เปน็ นสิ ยั และกระตน๎ุ ให๎เกิดการทางานอยํางจรงิ จังจนสาเรจ็ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ และป๓ญญา เป็นความสามารถในตวั บุคคล ท่จี ะทราบได๎จาก พฤติกรรมทีบ่ คุ คลแสดงออก ระดับของสติป๓ญญาสังเกตไดจ๎ ากการแสดงออกท่มี คี วามคลํองแคลํว รวดเรว็ ความถกู ตอ๎ ง ความสามารถในการคดิ การแกป๎ ๓ญหาและการปรับตวั การใช๎แบบทดสอบวดั สตปิ ๓ญญาจะทาให๎ทราบระดบั สตปิ ๓ญญาชดั เจนข้ึน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไมเํ บียดเบยี น มเี มตตา จะเกิดข้นึ ได๎ โดยการปลกู ฝง๓ คุณธรรมจาก ครอบครวั และสิ่งแวดล๎อม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ตง้ั ใจดี คดิ ดี และทาดี หากคดิ ดีก็จะมีความรสู๎ ึกทดี่ ี เมื่อมีความรส๎ู กึ ทีด่ ี กจ็ ะมคี าพูดท่ดี ี สํงผลให๎มกี ารกระทาทด่ี ีดว๎ ย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรับผดิ ชอบ รบั ผิด และรับชอบ จะแสดงถงึ ความเอาใจใสํมงุํ ม่ัน ตํอภารกิจท่ีทา ทุกคนตอ๎ งมีความรบั ผดิ ชอบตํอหนา๎ ท่ีการงาน การศกึ ษา อ่นื ๆ อยํางเต็ม ความสามารถเพอ่ื ให๎บรรลุผลสาเร็จตามจุดมํงุ หมาย และยอมรบั ผลการกระทาท่จี ะเกิดข้นึ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 หนา๎ ที่ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชนส๑ ํวนรวม ประโยชนส๑ วํ นตน และเสยี สละ การทาประโยชน๑ ใหส๎ วํ นรวม เสยี สละเพ่อื ใหป๎ ระเทศชาตมิ ีความเจริญซึ่งเปน็ ความรับผิดชอบของทกุ คน และไมํเหน็ แกํ ประโยชนส๑ ํวนตน

57 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามคั คี รํวมมอื ปรองดอง เกดิ จากความรํวมมอื รวํ มใจเปน็ อนั หน่งึ อนั เดยี วกนั คุณธรรมน้นี ับวําสาคัญมากในหมคํู ณะ เปน็ คุณธรรมที่กํอให๎เกดิ ความสุขอยํางยิ่ง แกํหมคํู ณะ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสุข ความเจรญิ เกดิ ขน้ึ จาก บุคคลทัง้ หมดมีเจตนากระทาเพื่อใหม๎ ี ความสขุ ความเจริญจะต๎องไมํเบียดเบยี น หรือแกํงแยํงผอ๎ู ื่นมา ตัวช้ีวัด กกกกกกก1. วิเคราะหห๑ น๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส ความสุข ในการดาเนนิ ชีวิตเก่ยี วกับเดก็ นักเรียน และเยาวชน และนกั ศกึ ษา เก่ียวกับปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงตามสถานการณท๑ ่ีกาหนดให๎ได๎ กกกกกกก2. ตระหนักถงึ ความสาคญั ของหน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9ตามพระ ราชดารัส ขอบขา่ ยเน้ือหา กกกกกกก1. หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามพระราชดารสั ความสขุ ในการดาเนนิ ชีวิต กกกกกกก1. 1.1 สขุ กาย 1. 1.2 สุขใจ 1. 1.3 สุขในการอยํูรวํ มกนั กกกกกกก2. หนา๎ ท่พี ลเมอื งตามพระราชดารสั เกี่ยวกบั เด็กนักเรียนและเยาวชน และนกั ศกึ ษา กกกกกกก2. 2.1 วยั เด็กและการปลูกฝง๓ คุณธรรม กกกกกกก2. 2.2 นักเรยี นและเยาวชน กกกกกกก2. 2.3 นกั ศกึ ษา กกกกกกก2. 2.4 วัยทางาน และการศึกษา กกกกกกก2. 2.5 หนา๎ ทีแ่ ละความรบั ผดิ ชอบตํอบ๎านเมือง กกกกกกก3. หน๎าท่ีพลเมอื งตามพระราชดารสั ท่ีเกยี่ วขอ๎ งกบั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตผุ ล กกกกกกก3. 3.3 ความมภี ูมิคุ๎มกัน กกกกกกก3. 3.4 เง่ือนไขความร๎ู กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลักวิชา และหลกั วชิ าการ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบรู๎ รอบคอบ และระมัดระวงั กกกกกกก3. 3.5 เงือ่ นไขคณุ ธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 คุณธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซื่อสัตย๑สจุ ริต

58 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพยี ร พากเพียร และอดทน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ และปญ๓ ญา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไมเํ บียดเบยี น มเี มตตา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ต้ังใจดี คดิ ดี และทาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรบั ผิดชอบ รับผิด และรบั ชอบ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 หน๎าที่ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชนส๑ ํวนรวม ประโยชนส๑ ํวนตน และเสยี สละ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามคั คี รํวมมือ ปรองดอง กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสขุ ความเจริญ เนอื้ หา กกกกกกก1. หน้าทีพ่ ลเมอื งตามพระราชดารัส ความสุขในการดาเนนิ ชีวติ กกกกกกก1. 1.1 สุขกาย หมายถึง “ความสุข” ในมมุ มองนเ้ี ปน็ การสือ่ ความหมายของความสขุ ทางกาย ทางใจ ความสมหวัง และความเปน็ อยทํู ด่ี ี กกกกกกก1. 1.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ยี วกบั สขุ กายเนือ่ งในการฉลองครบรอบ 50 ปี ของสโมสรโรตาร่ีในประเทศไทย ณ อาคารใหมํ สวนอัมพร วนั ท่ี 15 ธนั วาคม พ.ศ. 2523 ดงั นี้ “ ชวี ติ ของแตํละคนจะตอ๎ งประกอบด๎วยส่ิงใด สาหรับให๎มีชีวติ อยูํได๎ ถ๎าเราคิดสกั หนอํ ยวํา เรามรี ํางกายทจ่ี ะต๎องอมุ๎ ชูตนเอง คือหมายความวาํ ทุกวนั นี้ เราจะตอ๎ งหาอาหารมาเลย้ี ง ถา๎ ไมํมอี าหารเล้ียงรํางกายน้ีเปน็ เวลาหนงึ่ ก็ทาให๎ ราํ งกายซบู ผอมและอํอนเพลยี ลงไป ไมมํ ีทางทจ่ี ะทางานทาการใด ๆ หรอื แมจ๎ ะ ทางานทไ่ี มใํ ชเํ ป็นงานคอื เลํนสนกุ อะไรก็ตาม กไ็ มํไดท๎ ั้งนั้ น คดิ อะไรก็ไมํออก ดาเนนิ ชีวติ ไมไํ ด๎ ถา๎ ไมํมอี าหาร ถ๎ามองดใู นแงํนเ้ี พยี งอาหารทม่ี าใสํทอ๎ ง กเ็ ป็ น กิจการทกี่ วา๎ งขวางอยาํ งมาก มาทนี ีพ้ ูดกนั วาํ คนเราต๎องทามาหากิน ดูเป็นของท่ี สาคัญทสี่ ดุ เพราะวําถา๎ ไมํทามาหากนิ ก็ไมมํ ชี ีวิตอยํไู ด๎ หรือมีชวี ติ กแ็ รน๎ แค๎น และ ทุกขท๑ ร มานอยาํ งยิ่ง นอกจากน้กี ย็ งั มีอาหารใจอกี ถ๎าคนเราไมํมอี าหารใจ ไมขํ วนขวายหาความร๎ู จะไมสํ บายใจ และจะไมํเป็นคนที่เจรญิ ฉะนนั้ ทุกคนที่ ต๎องการท่จี ะมีชีวติ อยํู และมชี วี ติ อยอูํ ยาํ งดี ก็ต๎องอุ๎มชูใหอ๎ าหารแกตํ า และหาทาง ท่ีจะมอี าหารของใจด๎วย ”

59 กกกกกกก1. 1.1 กลาํ วโดยสรปุ สุขกายจะเกดิ ข้ึนได๎ พลเมืองตอ๎ งมสี ภาวะราํ งกายท่มี คี วามสมบูรณ๑ แขง็ แรง เจรญิ เตบิ โตอยํางปกติ มีความต๎านทานโรคไดด๎ ี ปราศจากโรคภัยไข๎เจ็บ รวมถึงดูแล สขุ ภาพจิต ด๎านการแสวงหาความร๎ูใหม๎ ีป๓ญญาร๎ูเทาํ ทันจะทาใหจ๎ ิตใจดี ควบคุมจิตได๎ นอกจากนี้ ตอ๎ งแสวงหาความร๎ทู ่ที าให๎เข๎าใจ สบายใจ หรือรูเ๎ ทําทนั การเปล่ยี นแปลง เพอื่ ใหส๎ ามารถดาเนินชวี ติ ได๎ อยํางปกติ รวมถงึ ทางานไดด๎ ๎วย กกกกกกก1. 1.1 หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ การดูแลสขุ ภาพรํางกายให๎แข็งแรง รบั ประทานอาหารที่มปี ระโยชน๑ หมั่นออกกาลังกายอยูเํ ปน็ ประจา และไมใํ ช๎ชีวิตอยูบํ นความประมาท รวมถึงดแู ลสุขภาพจิต ด๎านการแสวงหาความร๎ใู ห๎มปี ญ๓ ญารู๎เทาํ ทนั จะทาให๎จิตใจดคี วบคมุ จติ ได๎ กกกกกกก1. 1.2 สขุ ใจ หมายถึง ความสขุ ทสี่ มั ผัสไดจ๎ ากจติ คอื ความสบายใจ ความสุขใจ ความ อ่ิมใจ ความพอใจ อันเกดิ จากจิตใจที่สงบและเย็น เปน็ ความสขุ ท่สี ะอาด กกกกกกก1. 1.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เกีย่ วกับ สุขใจไวใ๎ ห๎แกํคณะครแู ละนักเรียนโรงเรียนราชวินิต ณ พระตาหนกั จติ รลดา รโหฐาน วนั ท่ี 31 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ดังนี้ “ ความเข๎มแข็งในจิตใจนเ้ี ป็นส่ิงทสี่ าคญั ท่จี ะตอ๎ งฝกึ ฝนแตํเลก็ เพราะวาํ ตอํ ไป ถ๎ามีชีวติ ทลี่ าบาก ไปประสบอปุ สรรคใด ๆ ถา๎ ไมํมีความ เข๎มแขง็ ไมํมีความรู๎ ไมมํ ที างที่จะผํานอปุ สรรคน้นั ได๎ เพราะวาํ ถ๎าไปเจอ อปุ สรรคอะไร ก็ไมํมีอะไรท่ีจะมาชํวยเราได๎ แตํถ๎ามคี วามร๎ู มีอธั ยาศยั ทด่ี ี และ มคี วามเข๎มแข็ง ในกาย ในใจ กส็ ามารถทจี่ ะผาํ นพ๎นอปุ สรรคตาํ ง ๆ นนั้ ได๎ ” กกกกกกก1. 1.2 กลาํ วโดยสรุป สุขใจจะเกิดข้ึนได๎ พลเมืองตอ๎ งมีสภาวะของจิตใจทีม่ ีความสดชื่น แจํมใส สามารถควบคมุ อารมณ๑ใหม๎ ่ันคง ปรบั ตัวใหเ๎ ขา๎ กับการเปลย่ี นแปลงทางสังคม และสิ่งแวดลอ๎ ม ไดเ๎ ป็นอยํางดจี ากการท่ีบุคคลนั้นใชค๎ วามรทู๎ ม่ี ีอยูปํ ระกอบกบั มีสมั พนั ธภาพกับบคุ คลอืน่ อนั ดี และมี ราํ งกายท่แี ขง็ แรง จงึ จะทาใหม๎ คี วามสขุ ใจได๎ กกกกกกก1. 1.2 หนา๎ ที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ได๎แกํ การดูแลสขุ ภาพใจให๎แข็งแรง ดว๎ ยวธิ กี ารทา จิตให๎สดช่ืนแจํมใส ควบคุมอารมณใ๑ หม๎ ่ันคง ค๎นควา๎ หาความรใู๎ ห๎ร๎ูเทาํ ทันการเปลยี่ นแปลง รวมถงึ มสี มั พนั ธภาพทีด่ ีกบั บุคคลอ่ืน และมรี าํ งกายแขง็ แรงดี จะชวํ ยใหบ๎ ุคคลปรับตวั ให๎เขา๎ กบั การเปลี่ยนแปลง ของสงั คม และสามารถเผชิญกบั ป๓ญหาไดเ๎ ปน็ อยาํ งดี กกกกกกก1. 1.3 สขุ ในการอยู่ร่วมกนั หมายถึง การอยูํรวํ มกันในสงั คมอยํางสนั ติสุข จาเป็นอยํางย่ิง ท่ีจะตอ๎ งอาศยั ความมีน้าใจไมตรที ่ดี ตี อํ กนั โดยไมตํ ๎องใช๎เงินทองมากมาย เพยี งแตแํ สดงความเมตตา กรณุ าตํอเพ่อื นมนษุ ย๑ โดยการชวํ ยเหลือเลก็ ๆ น๎อย ๆ เทําน้ัน กเ็ ปน็ การแสดงนา้ ใจได๎

60 กกกกกกก1. 1.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเกย่ี วกับสขุ ในการอยํรู วํ มกัน เนอ่ื งในโอกาสทร่ี องประธานศาลฎีกานาผพ๎ู พิ ากษาประจา กระทรวงเขา๎ เฝาู ฯ ณ พระตาหนกั จิตรลดารโหฐาน วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2537 ดังนี้ “ การท่ีในประเทศใดมีประชาชนทั้งหมดอยรํู วํ มกันโดยสนั ติ กเ็ ป็น ส่งิ ที่ปรารถนาของทกุ คน ไมํมใี ครอยากใหม๎ ีความวุนํ วายในหมูํคณะ ในประเทศชาติ เพราะวาํ ถา๎ มคี วามวุนํ วายนั้นเป็นความทุกข๑ ทกุ คนตอ๎ งการ ความสุข หากความสุขน้นั ก็จะมาจากความปรองดอง และความที่ทุกสงิ่ ทกุ อยาํ งเป็นไปโดยยุติธรรม ” กกกกกกก1. 1.3 กลําวโดยสรุป สุขในการอยูรํ ํวมกนั จะเกิดขนึ้ ไดพ๎ ลเมอื งจะตอ๎ งมีความรัก ความ สามคั คี ความปรองดอง และความสงบสขุ ในสงั คมที่เกดิ จากทกุ คนได๎รับความยตุ ธิ รรม กกกกกกก1. 1.3 หน๎าที่พลเมอื งดี มีแนวปฏิบัตไิ ดแ๎ กํ ใหค๎ วามเมตตา ความรกั ความรวํ มมือในการ ปฏบิ ตั ิภารกิจสํวนรวม รวมถงึ ด๎านความเอื้ออาทร ปรองดอง สมานฉนั ท๑ อยํางเสมอภาค กกกกกกก2. หน้าท่พี ลเมอื งตามพระราชดารั ส เกยี่ วกับเดก็ นกั เรยี น และเยาวชน และนักศึกษา กกกกกกก2. 2.1 วัยเด็กและการปลูกฝังคุณธรรม หมายถงึ การสร๎างแรงจูงใจเปน็ การเปลย่ี น กระบวนความคิดให๎เห็นคุณคํา และประโยชน๑ของการมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม ดว๎ ยการสัง่ สอนอบรม การเหน็ แบบอยําง และให๎รางวัลเมื่อทาความดี กกกกกกก2. 2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสเก่ยี วกับวยั เด็กและการปลกู ฝ๓งคุณธรรม เนือ่ งในโอกาสปีเด็กสากล วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ.2522 ดังนี้ “ เด็กเปน็ ผทู๎ จี่ ะไดร๎ ับชํวงทกุ ส่งิ ทกุ อยาํ งตํอจากผูใ๎ หญํ ดงั น้นั เดก็ ทุกคนจึงสมควรและจาเปน็ ท่จี ะ ตอ๎ งได๎รับ การอบรมเลี้ยงดอู ยํางถูกต๎อง เหมาะสม ใหม๎ ีศรทั ธามั่นคงใน คุณความดี มคี วามประพฤติเรยี บร๎อย สุจรติ และมีปญ๓ ญา ฉลาดแจมํ ใสในเหตผุ ล ” กกกกกกก2. 2.1

61 กกกกกกก2. 2.1 กลําวโดยสรปุ วัยเดก็ และการปลกู ฝง๓ คุณธรรม จะเกดิ ข้นึ ได๎ เกดิ จากการอบรม เลีย้ งดู ส่ังสอน ขดั เกลาของทุกฝาุ ย ทั้งครอบครัวและโรงเรียน ใหเ๎ หน็ คณุ คาํ ของความดี ความสจุ รติ มีความประพฤติเรียบรอ๎ ย มีเหตุผล หรือสตปิ ญ๓ ญานน้ั เอง โดยการเปน็ แบบอยํางทีด่ ี เพอ่ื ใหเ๎ ดก็ เห็น เปน็ ตวั อยําง และยดึ เป็นแบบอยาํ งให๎ได๎ กกกกกกก2. 2.1 หน๎าทพี่ ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิได๎แกํ บคุ คลผ๎เู ปน็ ผูป๎ กครองในครอบครัวตอ๎ งอบรม สงั่ สอนเรื่องของคุณธรรม และจรยิ ธรรมทเ่ี ด็กควรปฏบิ ัตอิ ยํางมเี หตมุ ผี ลใหเ๎ ดก็ เกิดป๓ญญา นอกจากนี้ สถาบนั การศึกษากต็ ๎องชํวยอบรมส่งั สอน และปลกู ฝ๓งเรอ่ื งคุณธรรมจริยธรรมใหก๎ บั เดก็ ดว๎ ย กกกกกกก2. 2.2 นักเรยี น และเยาวชน หมายถงึ ผรู๎ ับการศกึ ษาจากโรงเรียนหรือสถาบัน การศกึ ษา กกกกกกก2. 2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเกยี่ วกับนักเรยี นและเยาวชน เนือ่ งในโอกาสวนั เดก็ แหํงชาตปิ ระจาปี 2532 ณ พระตาหนักจติ รลดารโหฐาน วนั ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2532 ดงั น้ี “ ความรป๎ู ระโยชน๑แท๎จริงของสงิ่ ทั้งหลาย เป็นส่ิงที่ผูใ๎ หญํตอ๎ ง ปลูกฝ๓งใหห๎ ย่ังลกึ ในตวั เด็ก เด็กจักได๎เตบิ โตเปน็ คน ฉลาดเท่ียงตรงและ สามารถสรา๎ งสรรคป๑ ระโยชน๑ท่พี งึ ประสงค๑ ใหแ๎ กํตน แกสํ วํ นรวมได๎แนํนอน มีประสทิ ธภิ าพ ” กกกกกกก2. 2.2 กลําวโดยสรปุ นักเรยี น และเยาวชนต๎องไดร๎ ับการปลูกฝ๓งถํายทอดความร๎ทู ี่แทจ๎ รงิ เพื่อใหส๎ ามารถรเู๎ ทาํ ทัน ฉลาด และคิดสร๎างสรรค๑ทาประโยชน๑ใหก๎ บั ตนเอง และสํวนรวม กกกกกกก2. 2.2 หน๎าท่พี ลเมอื งดี มีแนวปฏิบตั ิได๎แกํ บุคคลในครอบครัว หรือครูอาจารย๑ และผน๎ู า ชมุ ชน ตอ๎ งสนับสนุนให๎นักเรียนและเยาวชนได๎เรียนรูใ๎ นสถาบันการศกึ ษา หรอื แหลงํ เรียนรู๎ในชมุ ชน ตามศกั ยภาพของนักเรียน และเยาวชนให๎ไดม๎ ากทีส่ ุด เพอื่ ใหม๎ คี วามรอู๎ ยํางแท๎จริง มีความฉลาด คิดสร๎างสรรคท๑ าประโยชน๑ตอํ ตนเอง และสงั คมโดยรวม กกกกกกก2. 2.3 นักศึกษา จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ าจากดั ความ หรอื ความหมายของนักศึกษา คอื ผ๎ทู ศ่ี ึกษาอยใูํ นสถาบันอดุ มศกึ ษา หรอื เทียบเทํา กกกกกกก2. 2.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเก่ยี วกบั นักศกึ ษาเนอื่ งในโอกาสเสดจ็ ฯ ทรงดนตรีเปน็ สํวนพระองค๑ ณ หอประชมุ จฬุ าลงกรณม๑ หาวทิ ยาลัย วันท่ี 20 กนั ยายน พ.ศ. 2513 ดังนี้

62 “ ขอสรุปหนา๎ ท่ขี องผูท๎ เี่ ปน็ นสิ ติ นักศกึ ษ าวํา การเป็นนกั ศกึ ษา ไมํใชํอาชีพ เป็นเวลาทจี่ ะฝึกทางวิชาการและก็ทางจติ ใจ เพ่ือท่ี จะมพี ลงั แขง็ แรงทจ่ี ะรับใชช๎ าติ เปน็ พลเมืองดี แล๎วกเ็ ป็นความหวัง และกเ็ ปน็ สิ่งท่ี สาคญั ทีส่ ุดวาํ เมื่อได๎ฝึกในทางจติ ใจเปน็ คนเขม๎ แข็ง ซอื่ ตรง และเป็นคนท่มี ี ความปรารถนาทจ่ี ะสร๎างสรรคแ๑ ลว๎ จะตอ๎ งรักษาอุดมคตินี้ หรือพลงั นี้ หรือ ปณธิ านนี้ไว๎ตลอดชีวิต ” กกกกกกก2. 2.3 กลําวโดยสรปุ นักศึกษาเป็นผท๎ู มี่ คี วามพรอ๎ มทง้ั วยั วุฒแิ ละคุณวฒุ ิ ฉะนนั้ จึงตอ๎ งมี ความเพยี ร ความอดทน มสี ตปิ ๓ญญา รจู๎ ักใชเ๎ หตุผล และเลอื กสง่ิ ที่ดงี ามมาประยุกต๑ใชใ๎ นชีวิตของ ตนเอง กกกกกกก2. 2.3 หน๎าทีพ่ ลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ ต๎องมคี วามเพียร และอดทนและมปี ๓ญญา และเหตุผล รจ๎ู ักวาํ อะไรดี อะไรไมํดี ซึ่งคาวาํ เพียร และคาวาํ อดทนเปน็ คุณสมบตั ิ หรอื คุณธรรม ทีจ่ ะต๎องปฏบิ ตั ิ โดยเฉพาะกับนกั ศึกษา วําการศึกษานี้ หมายความวํา การเรียน การหาความร๎ู ของผ๎ทู ่ศี ึกษากเ็ ป็นสง่ิ ทย่ี ากลาบาก จงึ ต๎องมคี วามเพียรความอดทน เราเปน็ คน เราเปน็ นกั ศกึ ษา หรอื แมจ๎ ะไมํใชํนกั ศกึ ษาก็เรียนอยูเํ สมอ ศกึ ษาอยเํู สมอ คนเรามีปญ๓ ญา ควรจะมปี ๓ญญา หมายความวาํ มีความเข๎าใจ เขา๎ ใจดว๎ ยเหตุผลได๎ ร๎ูจักใช๎เหตุผล รจู๎ กั เลอื กส่ิงทีด่ ีท่งี าม รูว๎ าํ อนั น้ดี ี อันนีไ้ มดํ ี ถูกต๎อง หรือไมถํ กู ต๎อง กกกกกกก2. 2.4 วัยทางาน และการศกึ ษา กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 วยั ทางาน จากพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คา จากดั ความ หรือความหมายของวยั ทางาน คอื วัยทใ่ี ช๎พลังทางราํ งกายและสตปิ ๓ญญาผลติ งานออกมา กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกย่ี วกบั วยั ทางาน เนอ่ื งในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรวิทยาลัย เทคโนโลยแี ละอาชวี ศึกษา วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 ดงั นี้ “ เมอื่ มีโอกาสและมีงานทา ควรเตม็ ใจทาโดยไมํจาเปน็ ตอ๎ ง ตง้ั ขอ๎ แม๎ หรือเงอื่ นไขอันใด ไวใ๎ หเ๎ ปน็ เครือ่ งกดี ข วาง คนทที่ างานได๎จริง ๆ น้นั ไมวํ ําจะจบั งานสงิ่ ใด ยํอมทาได๎เสมอ ถ๎ายง่ิ มีความเอาใจใสํ มคี วามขยนั และ ความซ่ือสตั ยส๑ ุจริต กย็ งิ่ จะชวํ ยใหป๎ ระสบผลสาเรจ็ ในงานท่ที าสูงขึน้ ”

63 กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 กลําวโดยสรุป วยั ทางานยํอมเจอปญ๓ หาและอปุ สรรคเสมอ เม่ือเจอป๓ญหา ใหห๎ าทางแกไ๎ ข ถา๎ แก๎คนเดียวไมํไดก๎ ็ให๎คนทเ่ี กี่ยวขอ๎ งชํวยกันคิดหาทางแก๎ไข กกกกกกก2. 2.4 2.4.1 หนา๎ ท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ไิ ดแ๎ กํ เมอื่ พบบคุ คลมีป๓ญหา ถา๎ เห็นวาํ เขาไมํ สามารถแก๎ไขป๓ญหานน้ั ได๎ ถา๎ เรามีความรคู๎ วามเขา๎ ใจก็เขา๎ ไปชํวยแกไ๎ ขปญ๓ หานั้ นให๎หมดไป ควรให๎ ความรวํ มมือใสํใจชํวยแก๎ไขปญ๓ หาของบคุ คลอ่นื ด๎วย นอกจากนีบ้ คุ คลไมคํ วรปลํอยให๎ปญ๓ หาเกดิ ขนึ้ โดยไมแํ ก๎ไข กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ า จากดั ความ หรอื ความหมายของการศกึ ษา คอื การเลาํ เรียน ฝึกฝน และอบรม กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา หมายถึง การดาเนินการด๎วยกระบวนการทุกอยําง ทท่ี าให๎ บคุ คลพฒั นาความสามารถด๎านตําง ๆ รวมทัง้ ทัศนคติ และพฤติกรรมอน่ื ๆ ตามคํานยิ มและคณุ ธรรม ในสังคม กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 การศึกษา หมายถึง กระบวนการทางสังคม ทที่ าใหบ๎ ุคคลได๎รับอิทธพิ ล จากสิง่ แวดล๎อม ท่คี ดั เลือกและกาหนดไวอ๎ ยํางเหมาะสมโดยเฉพาะโรงเรียน เพื่อพฒั นาบุคคลและ สังคม กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 กลําวโดยสรุป การศึกษา หมายถงึ วิชาชีพอยํางหน่งึ สาหรับครู หรอื การเตรยี ม บคุ คลให๎เป็นครู ซึง่ จัดสอนในสถาบนั อุดมศกึ ษา ป ระกอบด๎วย วชิ าจิตวิทยาการศึกษา ปรัชญา ประวตั ิการศกึ ษา หลักสตู ร หลักการสอน การวดั ผล การบริหาร การนิเทศการศึกษา และวิชาอ่ืน ๆ ทค่ี รูควรร๎ู ทัง้ ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ซงึ่ จะทาใหเ๎ กิดความเจรญิ งอกงามสาหรับครู กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกับการศึกษา เนอ่ื งในพิธีพระราชทานปริญญาบตั ร ณ วิทยาลัย การศึกษาประสานมติ ร วนั ที่ 12 ธนั วาคม พ.ศ. 2512 ดงั นี้ “ งานด๎านการศกึ ษาเป็นงานทีส่ าคัญท่สี ดุ อยาํ งหนงึ่ ของชาติ เพราะความเจรญิ และความเสอ่ื มของชาตินัน้ ข้ึนอยกํู ับการศกึ ษาของ พลเมอื งเป็นขอ๎ ใหญํ จงึ ตอ๎ งจัดการศกึ ษาใหเ๎ ข๎มแข็งขึน้ ” กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 กลาํ วโดยสรุป การศึกษาเป็นสงิ่ สาคญั สร๎างคนใหม๎ ีความร๎ู ความสามารถ เปน็ พ้ืนฐานท่จี าเปน็ ในการพฒั นาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก2. 2.4 2.4.2 หน๎าทีพ่ ลเมอื งดี มีแนวปฏิบัติไดแ๎ กํ การศกึ ษาความร๎ทู างวชิ าการ ความรู๎ ปฏิบัติการ และความรคู๎ ิดอาํ นตามเหตุผลความเปน็ จรงิ มคี วามจริงใจและบริสุทธใ์ิ จตํองาน/ผ๎รู วํ มงาน/ การรักษาระเบยี บแบบแผนความดงี าม หมน่ั สารวจความบกพรํองของตนเอง และแก๎ไขฝึกฝนใหม๎ ี ความสงบหนกั แนํนทง้ั ทางกาย ใจ และวาจา

64 กกกกกกก2. 2.5 หน้าท่แี ละความรบั ผดิ ชอบตอ่ บ้านเมือง กกกกกกก2. 2.5 หน๎าที่ จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ หค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของหนา๎ ท่ี คือ กจิ ทีจ่ ะต๎องทาดว๎ ยความรบั ผดิ ชอบ กกกกกกก2. 2.5 ความรับผิดชอบ จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คา จากัดความ หรือความหมายของความรผู๎ ดิ ชอบ คือ ยอมรบั ผลทั้งทดี่ ีและไมดํ ีในกิจการท่ีตนได๎ทาลง ไปหรอื ที่อยูํในความดูแลของตน เชนํ สมหุ ๑บญั ชรี บั ผดิ ชอบเรือ่ งเกย่ี วกับการเงนิ , รับเป็นภารธรุ ะ เชนํ งานน้เี ขารับผิดชอบเรอ่ื งอาหาร เธอจะไปไหนกไ็ ปเถอะ ฉนั รบั ผิดชอบทกุ อยํางในบา๎ นเอง กกกกกกก2. 2.5 บ๎านเมอื ง จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของบ๎านเมอื ง คือ ประเทศชาติ กกกกกกก2. 2.5 กลําวโดยสรุป หนา๎ ทแ่ี ละความรับผดิ ชอบตอํ บา๎ นเมือง หมายถงึ บคุ คลทอ่ี ยใํู น สังคม มีหนา๎ ที่ และความรบั ผดิ ชอบตอํ สํวนรวม สงั คม และประเทศชาติ กกกกกกก2. 2.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ียวกบั หน๎าทีแ่ ละความรับผดิ ชอบตํอบ๎านเมืองไว๎ เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหมํ 2519 วันท่ี 31 ธนั วาคม 2518 ดงั น้ี “ อันแผํนดินไทยของเรานี้ ถงึ จะเปน็ ท่ีเกดิ ที่อาศัยของคนหลาย เชอ้ื ชาติ หลายศาสนา แตํเราก็อยํรู วํ มกันโดยปกติราบร่นื มาได๎เปน็ เวลาชา๎ นาน เพราะเราตํางสมัครสมานกันอุตสําห๑ชวํ ยกนั สร๎างบ๎านเมอื ง สรา๎ งความเจรญิ สรา๎ งจิตใจ สร๎างแบบแผนท่ีดีขน้ึ เปน็ ของเราเอง ซ่งึ แม๎ นานาประเทศก็นาํ จะนาไปเปน็ แบบฉบับได๎ เพราะฉะนนั้ ถ๎าเราทง้ั หลาย มีสามคั คี มีเหตผุ ลอนั หนักแนนํ และมีความรคู๎ วามเข๎าใจอนั ถกู ตอ๎ งชดั เจน ในสถานการณท๑ เ่ี ป็นจริง ตาํ งคนตาํ งรวํ มมือ รวํ มความคิดกันในอนั ทีจ่ ะ ชวํ ยกันผํอนคลายป๓ญหา และ สถานการณท๑ หี่ นกั ให๎เป็นเบา ไมนํ าเอา ประโยชนส๑ วํ นนอ๎ ยเข๎ามาเกี่ยวขอ๎ ง ใหเ๎ สยี หายถึงประโยชน๑สํวนใหญํ ของชาตบิ ๎านเมอื ง เชอ่ื วําเราจะสามารถรักษาชาตปิ ระเทศ และความผาสุก สงบทเี่ ราได๎สร๎างสมและ รกั ษาสบื ตอํ กันมาชา๎ นานน้นั ไวไ๎ ด๎ ” กกกกกกก2. 2.5

65 กกกกกกก2. 2.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเก่ียวกับหนา๎ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบตํอบ๎านเมอื ง เน่ืองในพิธเี ปดิ งานชมุ นมุ ลกู เสอื แหํงชาติ คร้ังที่ 6 ณ คํายลูกเสอื วชิราวธุ อาเภอศรีราชา จงั หวดั ชลบุรี วนั ท่ี 11 ธันวาคม พ.ศ. 2512 ดงั น้ี “ ในบ๎านเมอื งน้นั มที ัง้ คนดแี ละคนไมดํ ี ไมํมใี ครจะทาให๎คนทุก คนเปน็ คนดไี ด๎ทงั้ หมด การทาใหบ๎ ๎านเมืองมคี วามปกติสุขเรยี บรอ๎ ย จงึ มิใชํ การทาให๎ทุกคนเปน็ คนดี หากแตํอยทํู ่ีการสงํ เสรมิ คนดี ใหค๎ นดีได๎ปกครอง บ๎านเมอื ง และควบคมุ คนไมํดไี มํให๎มีอานาจ ไมใํ ห๎กํอความเดอื ดร๎อนวุํนวาย ได๎ ” กกกกกกก2. 2.5 กกกกกกก2. 2.5 กลาํ วโดยสรุป หน๎าท่แี ละความรบั ผดิ ชอบตอํ บ๎านเมอื งของคนในชาติ ต๎องมคี วาม รัก ความสามัคคี มีเหตผุ ล มีความรู๎ ชวํ ยกนั สรา๎ งความเจริญ ปลูกฝ๓งความดีงามใหก๎ บั จิตใจของคนกก กกกกก2. 2.5 หนา๎ ที่พลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ัติ ได๎แกํ ต๎องมคี วามรัก ความสามคั คี ศึกษาหาความรู๎ เพอ่ื นามาพฒั นาประเทศใหเ๎ จรญิ กา๎ วหนา๎ รวมถงึ ชวํ ยปลูกฝง๓ จรยิ ธรรมให๎กับบคุ คลที่เก่ียวข๎อง และชํวยกันอนรุ ักษว๑ ฒั นธรรมประเพณขี องไทยให๎คงอยํูตลอดไป กกกกกกก3. หน้าทพ่ี ลเมืองตามพระราชดารสั ทีเ่ กีย่ วข้องกบั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ หค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของความพอประมาณ คือ เพียงปานกลาง เชนํ มฐี านะดพี อประมาณ กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ หมายถึง พอประมาณในทุกอยําง ความพอดีไมมํ าก หรอื วํา นอ๎ ยจนเกินไป โดยต๎องไมเํ บยี ดเบียนตนเอง หรอื ผูอ๎ ่นื ใหเ๎ ดือดร๎อน กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ หมายถึง การรจู๎ ักประมาณตน กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีทีไ่ มํนอ๎ ยเกนิ ไป และไมมํ ากเกินไป โดยไมํ เบียดเบียนตนเองและผอ๎ู ื่น เชนํ การผลติ และการบรโิ ภคทอี่ ยใํู นระดับพอประมาณ กกกกกกก3. 3.1 กลาํ วโดยสรุป ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดใี นทกุ อยําง ไมํมากไมนํ ๎อย จนเกินไป เหมาะสม ไมํเบียดเบียนผ๎อู นื่ รจู๎ ักประมาณตน กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระรชาทาน พระราชดารสั เกีย่ วกบั ความพอประมาณเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตดาลยั สวนจิตรลดารโหฐานพระราชวังดุสิต วนั ท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ดังน้ี

66 “ พอเพียงน้ี อาจมีมาก อาจจะมขี องหรูหรากไ็ ด๎ แตํตอ๎ งไมํ เบยี ดเบยี นคนอืน่ ตอ๎ งให๎พอประมาณตามอัตภาพ พดู จาพอเพียง ทาอะไรก็ พอ ปฏิบตั กิ พ็ อเพยี ง ” กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ียวกบั ความพอประมาณเน่ืองในวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ติ ดาลัย วันท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2541 ดังน้ี “ คนเราถ๎าพอในความต๎องการ ก็มีความโลภนอ๎ ย เมอื่ มีความโลภ นอ๎ ย ก็เบียดเบยี นคนอ่นื น๎อย ถ๎าทุกประเทศมคี วามคิด อนั นไ้ี มํใชเํ ศรษฐกจิ มีความคดิ วาํ ทาอะไรต๎องพอเพยี ง หมายความวาํ พอประมาณ ไมสํ ดุ โตํง ไมโํ ลภมาก คนเรากอ็ ยํู เปน็ สุข ” กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสเกี่ยวกับ ความพอประมาณ เนื่องในวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ติ ดาลยั วันท่ี 4 ธนั วาคม 2539 ดงั นี้ “ การเปน็ เสอื นน้ั ไมํสาคัญ สาคัญอยูํทเี่ รามเี ศรษฐกิจแบบ พอมีพอกนิ แบบพอมีพอกินนน้ั หมายความวาํ อม๎ุ ชตู ัวเองได๎ ใหม๎ คี วาม พอเพียงกบั ตัวเอง อันนก้ี ็เคยบอกวาํ ความพอเพยี งนี้ ไมไํ ด๎หมายความวํา ทุกครอบครัวจะต๎องผลติ อาหารของตวั จะตอ๎ งทอผ๎าใสํเอง อยํางน้นั มนั เกนิ ไป แตํวาํ ในหมูบํ ๎าน หรอื ใน อาเภอจะตอ๎ งมคี วามพอเพยี ง พอสมควร บางสง่ิ บางอยํางที่ผลิตได๎มากกวําความต๎องการ กข็ ายได๎ แตขํ ายในทไ่ี มํหํางไกลเทําไหรํ ไมํต๎องเสยี คาํ ขนสํงมากนัก ”

67 กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกี่ยวกบั ความพอประมาณ เน่อื งในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ ณ หอประชมุ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ วันท่ี 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ดังนี้ “ การพัฒนาประเทศจาเปน็ ตอ๎ งทาตา มลาดับข้ัน ต๎องสรา๎ งพนื้ ฐาน คอื ความพอมีพอกิน พอใช๎ของประชาชนสวํ นใหญเํ ป็นเบ้ืองตน๎ กํอน โดยใช๎ วธิ ีการและใชอ๎ ปุ กรณท๑ ปี่ ระหยัด แตํถกู ต๎องตามหลกั วิชา เมอ่ื ไดพ๎ ื้นฐานม่นั คง พร๎อมพอควรและปฏิบัตไิ ดแ๎ ล๎ว จึงคอํ ยสร๎างคํอยเสริมความเจรญิ และฐานะ เศรษฐกจิ ขั้นทสี่ งู ขึ้นโดยลาดับตํอไป หากมงุํ แตํจะทุํมเทสร๎ างความเจรญิ ยกเศรษฐกจิ ขนึ้ ให๎รวดเรว็ แตปํ ระการเดยี ว โดยไมใํ หแ๎ ผนปฏบิ ัติการสมั พนั ธ๑ กับสภาวะของประเทศและของประชาชนโดยสอดคล๎องดว๎ ย ก็จะเกดิ ความ ไมํสมดลุ ในเร่ืองตําง ๆ ขึ้น ซง่ึ อาจกลายเปน็ ความยงุํ ยากล๎มเหลวไดใ๎ นท่ีสุด ” กกกกกกก3. 3.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ียวกับความพอประมาณ เน่อื งในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั วนั ท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ดงั นี้ “ เราไมํเป็นประเทศรา่ รวย เรามพี อสมควร พออยํูได๎ แตไํ มํเป็น ประเทศทีก่ า๎ วหน๎าอยาํ งมาก เราไมํอยากจะเปน็ ประเทศก๎าวหน๎าอยํางมาก เพราะถ๎าเราเปน็ ประเทศกา๎ วหนา๎ อยาํ งมากก็จะมีแตถํ อยกลับ ประเทศ เหลํานั้นทเี่ ปน็ ประเทศ อุตสาหกรรมกา๎ วหน๎า จะมแี ตถํ อยหลังและถอยหลัง อยาํ งนาํ กลวั แตํถา๎ เรามีการบรหิ ารแบบเรยี กวาํ แบบคนจน แบบทไ่ี มตํ ดิ กบั ตารามากเกินไป ทาอยาํ งมีสามัคคนี แ่ี หละคอื เมตตากัน จะอยไํู ดต๎ ลอดไ”ป กกกกกกก3. 3.1 กลาํ วโดยสรุป ความพอประมาณ จะเกิดขึน้ ได๎ โดยรจ๎ู กั ตนเอง มีความซื่อสตั ย๑และ ความเพียร เดินทางสายกลาง และพอใจในสง่ิ ทีต่ นมอี ยูํ

68 กกกกกกก3. 3.1 หน๎าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ กกกกกกก3. 3.1 1. รูต๎ นเองเสมอ วาํ กาลังทาอะไร กกกกกกก3. 3.1 2. มคี วามซ่อื สตั ย๑สจุ ริตและความเพยี ร กกกกกกก3. 3.1 3. ดาเนนิ การตามแนวทางสายกลาง หลีกเลี่ยงการกระทาที่สุดโตํง กกกกกกก3. 3.2 ความมเี หตุผล กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตุผล จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ าจากดั ความ หรอื ความหมายของความมีเหตผุ ล คอื เหตุ, เหตุและผล กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตุผล หมายถงึ การตดั สินใจเก่ยี วกับระดบั ของความพอเพียงนน้ั จะตอ๎ ง เปน็ ไปอยํางมีเหตผุ ล โดยพิจารณาจากเหตุปจ๓ จัยทเี่ กยี่ วข๎อง ตลอดจนคานงึ ถึงผลท่คี าดวาํ จะเกิดขึ้น จากการกระทานนั้ ๆ อยาํ งรอบคอบ กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตผุ ล หมายถงึ มนุษย๑เราใหเ๎ หตุผลสนบั สนนุ ความเชื่อ และเพื่อหาความ จริง หรือข๎อสรปุ ในเรือ่ งท่ีต๎องการศึกษา กกกกกกก3. 3.2 กลาํ วโดยสรุป ความมีเหตุผล หมายถงึ การตดั สนิ ใจอยํางรอบคอบ และมเี หตมุ ีผล โดยพจิ ารณาจากเหตปุ จ๓ จยั ทเ่ี กยี่ วขอ๎ ง กกกกกกก3. 3.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเกี่ยวกบั ความมเี หตผุ ลเนือ่ งในวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั สวนจิตรลดา พระราชวงั ดุสิตฯ วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2548 ดังนี้ “ ถา๎ นา้ มันเชอ้ื เพลิงหมดแลว๎ กใ็ ช๎เชื้อเพลิงอยํางอ่ืนได๎มีแตตํ ๎องขยัน หาวิธที ที่ าให๎เชอ้ื เพลิงเกิดใหมํ เช้ือเพลิงท่เี รยี กวํานา้ มันนนั้ มนั จะหมดภายใน ไมกํ ่ปี หี รอื ไมกํ ่ีสบิ ปกี ็หมด ถา๎ ไมํได๎ทาเชือ้ เพลิงทดแทน เรากเ็ ดือดรอ๎ น ” กกกกกกก3. 3.2 กลาํ วโดยสรุป ความมเี หตผุ ลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง มํุงสอนให๎ พลเมืองไทย มีความคดิ อยํางรอบคอบโดยพจิ ารณาจากปจ๓ จัยท่ีเกี่ยวข๎อง และคานึงถงึ ผลที่จะเกิดขน้ึ จากการกระทาน้ัน กกกกกกก3. 3.2 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ัตไิ ด๎แกํ กํอนการทาสิง่ ใดก็ตาม ควรมกี ารวางแผน อยาํ งรอบคอบ โดยไมํทาให๎ตนเองและสังคมเดอื ดร๎อน กกกกกกก3. 3.3 ความมีภมู คิ ุ้มกนั กกกกกกก3. 3.3 ความมภี ูมิค๎มุ กนั จากพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของความมภี มู ิคม๎ุ กัน คอื สภาพทีร่ าํ งกายมแี รงตอํ ต๎านเชื้อโรคท่เี ข๎าสูํ รํางกาย, ภูมติ ๎านทาน ก็เรยี ก

69 กกกกกกก3. 3.3 ความมีภูมคิ มุ๎ กัน หมายถงึ การเตรยี มตัวใหพ๎ ร๎อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลง ด๎านตาํ ง ๆ ทจี่ ะเกิดขึ้น โดยคา นึงถึงความเปน็ ไปได๎ของสถานการณ๑ ตาํ ง ๆ ทีค่ าดวําจะเกิดขนึ้ ใน อนาคตทัง้ ใกล๎และไกล กกกกกกก3. 3.3 กลาํ วโดยสรุป ความมภี มู ิคมุ๎ กนั หมายถึง การเตรยี มใจให๎พรอ๎ มรับผลกระทบ และความเปล่ียนแปลงท่จี ะเกิดข้ึนในอนาคต โดยภูมิคม๎ุ กันพ้ืนฐานที่ทกุ คนควรมี คอื การจัดสรรปน๓ สวํ นทรพั ย๑สินของเรา เก็บเป็นเงนิ สารองประมาณ 6 เทําของรายจาํ ยเฉลยี่ ของครอบครัว แนะนาเกบ็ ออมในสินทรัพยท๑ ม่ี ีสภาพคลํอง เชนํ เงนิ ฝากออมทรพั ย๑ หรือสนิ ทรัพยท๑ ส่ี ามารถเบิกถอนมาใชไ๎ ด๎ ภายในระยะเวลาสัน้ กกกกกกก3. 3.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสเกย่ี วกบั ความมีภูมคิ ุ๎มกันไว๎ เน่ืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั สวนจิตรลดา พระราชวังดุสติ วันที่ 23 ธนั วาคม พ.ศ. 2542 ดงั นี้ “ ถ๎าไมํมีเศรษฐกจิ พอเพยี งเวลาไฟดับจะพังหมดจะทาอยํางไรท่ี ที่ต๎องใช๎ไฟฟูากต็ อ๎ งแยไํ ป หากมี เศรษฐกจิ พอเพยี งแบบไมเํ ตม็ ท่ี ถ๎าเรามี เครอื่ งป๓่นไฟ ก็ให๎ป๓่นไฟ หรือถ๎าขั้นโบราณกวาํ มืดก็จดุ เทยี น คือมีทางท่ีจะ แกป๎ ๓ญหาเสมอ ฉะนน้ั เศรษฐกจิ พอเพียงนกี้ ็มเี ป็นข้ัน ๆ แตจํ ะบอกวํา เศรษฐกจิ พอเพยี งน้ี ให๎พอเพยี งเฉพาะตัวเองร๎อ ยเปอรเ๑ ซน็ ต๑ น่ีเป็นสิ่งที่ทา ไมํได๎ จะตอ๎ งมีการแลกเปล่ียน ตอ๎ งมีการชํวยกัน พอเพียงในทฤษฎีหลวงน้ี คือ ใหส๎ ามารถทจี่ ะดาเนนิ งานได๎ ” กกกกกกก3. 3.3 กลาํ วโดยสรปุ ความมีภมู ิคม๎ุ กนั เป็นการเตรียมตัวใหพ๎ ร๎อมตอํ การเปลย่ี นแปลงใน ทกุ ดา๎ น โดยการวเิ คราะหค๑ วามเส่ยี ง ใชป๎ ระสบการณเ๑ ดิมมาชวํ ยตัดสินใจ และรวบรวมมาใช๎ในโอกาส ตํอไป กกกกกกก3. 3.3 หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิ `ไดแ๎ กํ กกกกกกก3. 3.3 ข๎อ 1 วเิ คราะห๑ภารกจิ ทกุ แงํมมุ เพื่อลดความเสีย่ ง กกกกกกก3. 3.3 ขอ๎ 2 ใช๎ประสบการณเ๑ ดมิ และข๎อมูลจากบุคคลอื่นมาชวํ ยในการตดั สินใจ กกกกกกก3. 3.3 ข๎อ 3 คน๎ หาและเปรยี บเทียบความเป็นไปได๎ทีเ่ หมือนหรือแตกตํางกัน ประกอบการตดั สินใจ กกกกกกก3. 3.3 ขอ๎ 4 รวบรวมข๎อมูล เรอ่ื งราวตาํ ง ๆ ไว๎ใชใ๎ นโอกาสตอํ ไป

70 กกกกกกก3. 3.4 เงอ่ื นไขความรู้ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู้ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน.ศพ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากัดความ หรอื ความหมายของความรู๎ คือ สิ่งที่สั่งสมมาจากการศึกษาเลําเรยี น การค๎นควา๎ หรือประสบการณ๑ รวมทัง้ ความสามารถเชิงปฏิบัตแิ ละทกั ษะ เชํน ความรเ๎ู รือ่ งประวตั ิศาสตร๑, สงิ่ ที่ได๎รบั มาจากการได๎ยิน ได๎ฟ๓ง การคดิ หรอื การปฏบิ ัติ เชํน ความรูเ๎ ร่ืองสุขภาพ ความร๎เู รอ่ื งนิทานพ้นื บ๎าน กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู หมายถึง ความเขา๎ ใจในเรอื่ งบางเรื่อง หรือสิง่ บางสงิ่ ซึ่งอาจจะรวม ไปถงึ ความสามารถในการนาส่ิงนัน้ ไปใช๎เพอ่ื เปูาหมายบางประการ ความสามารถในการรบ๎ู างอยาํ งน้ี เป็นสง่ิ สนใจหลักของวชิ าปรัชญา (ทีห่ ลายครั้งกเ็ ปน็ เรอ่ื งท่ีมกี ารโต๎เถยี งอยํางมาก) และมีสาขาท่ศี กึ ษา ด๎านน้ีโดยเฉพาะเรยี กวาํ ญาณวทิ ยา (epistemology) ความรใู๎ นทา งปฏิบตั ิมักเป็นสง่ิ ท่ีทราบกันใน กลุํมคน และในความหมายน้เี องทคี่ วามรนู๎ นั้ ถูกปรับเปลยี่ นและจัดการในหลาย ๆ แบบ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ หมายถึง ส่ิงท่สี ัง่ สมมาจากการศกึ ษาเลาํ เรียน การคน๎ คว๎าหรอื ประสบการณ๑ รวมทั้งความสามารถเชงิ ปฏิบัติ และทกั ษะความเข๎าใจ หรอื สารสนเทศทไ่ี ดร๎ ับมาจาก ประสบการณ๑ สิ่งที่ได๎รับมาจากการไดย๎ ิน ได๎ฟ๓ง การคิด หรอื การปฏิบตั อิ งค๑วิชาในแตลํ ะสาขา กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ หมายถงึ เกิดจากการตีความ แปลความ ตามความเขา๎ ใจของแตํ ละคน ซึ่งมาจากประสบการณ๑ ทักษะการเรียน ความเชอ่ื ซง่ึ จะมาเปน็ ตวั ชวํ ยในการตคี วามด๎วย ความรจู๎ ะเกิดมาจากความจาเป็นอนั ดบั แรก แล๎วเข๎าใจจนเกดิ การนาไปใช๎ให๎บรรลเุ ปูาหมาย ความรู๎ เป็นกระบวนการหนึง่ ของการเรียนร๎ู กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ หมายถงึ การเรียนรูท๎ ี่เนน๎ ถึงการจาและการระลกึ ไดถ๎ ึงความคดิ วตั ถุ และปรากฏการณต๑ ําง ๆ ซ่ึงเปน็ ความจาทีเ่ รมิ่ จากส่ิงงําย ๆ ทเี่ ปน็ อสิ ระแกํกัน ไปจนถงึ ความจา ในสง่ิ ทย่ี ุงํ ยากซับซอ๎ น และมคี วามสัมพันธร๑ ะหวํางกัน กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 กลําวโดยสรปุ ความรู๎ หมายถงึ สงิ่ ท่ีทาใหค๎ นเขา๎ ใจ แล๎วนาความเขา๎ ใจน้ัน มาปฏิบตั ิ หรอื ประยกุ ต๑ใหเ๎ กดิ ประโยชน๑ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกบั ความรู๎ใหแ๎ กคํ ณะครูและนักเรยี นโรงเรียนจติ รลดา ณ หอ๎ งประชมุ โรงเรยี นจิตรลดา วันที่ 27 มนี าคม พ.ศ. 2523 ดงั นี้

71 “ ความรู๎ที่สะสมเอาไวใ๎ นตัวเปน็ สิง่ ทส่ี าคัญ เป็นเหมอื นประทีป สาหรับนาทางเราไปในการปฏิบตั ิตนในชีวติ จะเปน็ การศึกษาตอํ กต็ าม หรือจะเป็นการไปประกอบอาชพี การงานกต็ าม ความรู๎นัน้ จะเป็นเครอ่ื ง นาทางไปสูํความเจรญิ ความร๎ทู างวชิ าการก็จะสามารถให๎ประกอบอาชพี การงานที่มีประสิทธิภาพ เทํากบั เปน็ ส่งิ ท่จี ะเลี้ยงตัวเลีย้ งกายเรา ความรู๎ ในทางการประพฤตทิ ด่ี จี ิตใจทีเ่ ขม๎ แข็ง ท่ซี อื่ สัตย๑สจุ รติ นน้ั จะนาเราไป ไดท๎ กุ แหํง เพราะเหตุวําผ๎ทู ่ีมคี วามซอื่ สตั ยส๑ ุจริต ผ๎มู ีความขยันหมัน่ เพยี ร ผู๎มีความตัง้ ใจทีแ่ นํวแนนํ ัน้ ไมํมีทางทจี่ ะลมํ จม ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกับความร๎ู เน่ืองในพิธีพระราชทานธงประจารํนุ ลกู เสือชาวบา๎ น จังหวัดสระบรุ ี ณ วดั หนองเขอื่ นชา๎ ง อาเภอเมืองสระบรุ ี จังหวดั สระบรุ ี วนั ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2519 ดงั นี้ “ ความรน๎ู นั้ แบํงเปน็ 2 อยาํ ง ความรเู๎ กย่ี วขอ๎ ง กับกายและ ความรท๎ู เี่ กีย่ วขอ๎ งกับใจ ความรู๎เกี่ยวขอ๎ งกับกายทีไ่ ด๎ฝึกและทไี่ ด๎มาเรยี นร๎กู ็ คือ วธิ ีทจี่ ะรักษาตวั ใหแ๎ ข็งแรง รกั ษาส่งิ ของของตวั ใหอ๎ ยํู ให๎ดี และ สร๎างสรรคใ๑ หส๎ ิ่งที่ใช๎ หรอื ส่งิ ทีม่ ีใหอ๎ ยํูดแี ละใหด๎ ีขน้ึ และทางจิตใจทกุ คน มีความปรารถนาทจ่ี ะมคี วามสขุ ตอ๎ งมี ความสงบ ตอ๎ งการมีความรู๎ ความสามารถก็ได๎ฝึกได๎เรยี นร๎ู จากการพบปะกันในหมูํลกู เสอื ชาวบ๎าน และ ได๎รับความร๎ูจากวทิ ยากร ความรู๎ท้ังหลายทั้งกาย ทั้งใจนี้ กเ็ กดิ ประโยชน๑ แกํตัว ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกบั ความร๎ูให๎แกํคณะเยาวชนชายหญงิ จากถ่นิ ทุรกนั ดารในเขต ปฏบิ ตั กิ ารของหนํวยพฒั นาการเคลอ่ื นทต่ี าํ ง ๆ รวม 24 จงั หวัด พร๎อมด๎วยพเี่ ลี้ยงและเจ๎าหน๎าท่ี ณ ศาลาดสุ ิดาลยั พระราชวังดุสติ วนั ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2516 ดงั นี้

72 “ ในชีวติ ทกุ วนั ๆ ก็ไดม๎ ีโอกาสเข๎าโรงเรยี น กห็ าความร๎ู แลว๎ มี โอกาสที่จะได๎เหน็ ชวี ิตของตวั เองและของคนอน่ื ขอให๎ถือวาํ เป็นอาหาร ทงั้ นั้น เป็นอาหารสมอง และเม่ือได๎รับอาหารแลว๎ ใหไ๎ ปพิจารณา คอื ไป ไตรตํ รอง ไปคิดใหด๎ ี ถา๎ ทาเชนํ น้แี ล๎ว ทกุ คนจะสามารถทจ่ี ะสรา๎ งตวั เอง ใหแ๎ ข็งแรง เพือ่ ท่จี ะทาประโยชน๑แกตํ นเอง สรา๎ งบา๎ นเมือง สรา๎ งทอ๎ งท่ี ของตวั สร๎างตนเองใหเ๎ จริญตามทที่ กุ คนต๎องการ ” กกกกกกก 3. 3.4 3.4.1 กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 กลาํ วโดยสรปุ ความรม๎ู หี ลายประเภท ได๎แกํ ความร๎ทู เ่ี กยี่ วข๎องกบั การ ดาเนินชวี ติ การประกอบอาชีพ การศกึ ษา รวมถึงความรูท๎ เ่ี กย่ี วขอ๎ งกับการพัฒนาจิตใจ ทาใหบ๎ คุ คล มคี วามเจรญิ ก๎าวหนา๎ ได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ ศกึ ษาหาความรท๎ู ม่ี ีอยอูํ ยํางมากมาย เพื่อนามาใช๎ในการดาเนนิ ชีวิต ประกอบอาชีพ และศึกษาตํอ รวมถงึ นาความรทู๎ ่เี กี่ยวข๎อง กับการ พฒั นาจติ ใจมารํวมพฒั นาทั้งตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และประเทศใหเ๎ จริญกา๎ วหนา๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลักวชิ า และหลักวชิ าการ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 1) หลักวชิ า จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คา จากัดความ หรือความหมายของหลักวิชา คอื ความรู๎ที่เปน็ หลกั ของแตํละวชิ า กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 2) หลกั วิชาการ จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ ให๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของหลกั วชิ า คือ วชิ าความร๎สู าขาใดสาขาหน่งึ หรอื หลายสาขา เชํน บทความวิชาการ สัมมนาวชิ าการ การประชมุ วิชาการ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 ดังนัน้ หลักวชิ า และหลักวิชาการ แตกตาํ งกัน ดังนี้ หลักวชิ า คือ เน้ือหา ความรู๎ และหลักวชิ าการ คือ นาความร๎ูมาจดั กระบวนการเรียนรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกับหลักวิชาเพือ่ เชิญไปอาํ นในงานวนั อาหารโลก ณ สานกั งาน องคก๑ ารอาหารและเกษตรแหงํ สหประชาชาติ สาขาภูมิภาคเอเชยี และแปซฟิ กิ วันท่ี 16 ตลุ าคม พ.ศ. 2537 ดงั นี้ “ การนาหลกั วชิ าการและเทคโนโลยใี ด ๆ มาใช๎งานเกษตรกรรม จึงตอ๎ งพยายามระมดั ระวงั ไมํให๎เปน็ การทาลายธรรมชาติ เพราะจะมผี ลกระทบ เสยี หายแกกํ ารดารงชวี ิตของมนุษย๑โดยตรง ท้ังในป๓จจุบนั และอนาคต ”

73 กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกับหลักวิชาการ เนอื่ งในโอกาสวนั ปดิ ภาคเรยี นของโรงเรยี นจติ รลดา ปกี ารศกึ ษา 2514 ณ ศาลาผกาภิรมย๑ พระราชวังดสุ ติ วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2515 ดงั น้ี “ ความร๎ูในวิชาการเป็นสงิ่ หนง่ึ ทจ่ี ะทาใหส๎ ามารถฟน๓ ฝาุ อุปสรรค ได๎เเละทาให๎เปน็ คนท่มี ีเกยี รติ เปน็ คนทสี่ ามารถเปน็ คนทจ่ี ะมีความพอใจได๎ ในตัววําทาประโยชนเ๑ เกตํ นเอง เเละเเกสํ ํวนรวม นอกจากวิชาความรู๎ ก็จะตอ๎ งฝึกฝนในสิง่ ทีต่ วั จะต๎องปฏิบัติให๎สอดคลอ๎ งกบั สังคม สอดคล๎อง กับสมัย เเละสอดคล๎องกบั ศลี ธรรมที่ดีงาม ถา๎ ได๎ท้งั วิชาการ ทัง้ ความร๎ู รอบตวั เเละความรูใ๎ นชีวิตกจ็ ะทาใหเ๎ ป็นคนทค่ี รบ คนที่จะภูมิใจได๎ ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 กลาํ วโดยสรุป หลกั วชิ า และหลกั วชิ าการดงั น้ี หลกั วิชา คือ เนือ้ หาความรู๎ และหลกั วิชาการ คอื นาความรม๎ู าจัดกระบวนการเรยี นร๎ู กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หนา๎ ท่ีพลเมอื งดี มแี นวปฏบิ ัติ ได๎แกํ ต๎องคานงึ เสมอวาํ ความร๎เู ปน็ เสมือน ไฟ ต๎องเลอื กใช๎ให๎ถกู ตอ๎ ง ฉะน้นั การใช๎ความรคู๎ ือดวงประทปี เปรยี บกนั ได๎หลายทาง ดวงประทปี เปน็ ไฟท่ีสอํ งแสงเพื่อนาทางไป ถ๎าใช๎ไฟนส้ี ํองในทางทถี่ กู ก็จะไปถึงจดุ หมายปลายทางไดโ๎ ดยสะดวก เรยี บรอ๎ ย แตถํ ๎าไมํระวังไฟนั้น อาจเผาผลาญให๎บา๎ นชํองพนิ าศลงได๎ ความรเู๎ ปน็ แสงสวาํ งท่จี ะนาเรา ไปสคูํ วามเจรญิ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวัง กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบร๎ู จากพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความ หรือความหมายของรอบร๎ู คอื รูห๎ ลายอยาํ ง, รู๎กว๎างขวาง, เชํน เขารอบรู๎ในเรอ่ื งกฎหมาย กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบคอบ จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คา จากัดความ หรอื ความหมายของรอบคอบ คือ ทั่ว , ถ๎วนถ่ี , เชํน พจิ ารณาอยํางรอบคอบ , ระวงั เหตุการณ๑ข๎างหน๎าขา๎ งหลังเสมอ, ไมํเผอเรอ, เชํน ดูแลใหร๎ อบคอบ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 ระมดั ระวงั จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของระมัดระวงั คือ ดูแลให๎ปลอดภัย, ดูแลอยาํ งรอบคอบ ไมใํ หพ๎ ลง้ั พลาด , เชํน ระมดั ระวงั ให๎ดเี วลาขา๎ มถนน ระมดั ระวังเร่ืองสายไฟฟูารวั่ ให๎มาก กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 กลําวโดยสรุป รอบรู๎ รอบคอบ และระมดั ระวัง หมายถงึ การศกึ ษาหาข๎อมูล กอํ นการปฏิบตั โิ ดยคานึงผลทีจ่ ะตามมา อยํางรอบคอบและระมดั ระวัง

74 กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกยี่ วกบั รอบร๎ู เน่ืองในพธิ พี ระราชทานปริญญาบตั รและอนปุ รญิ ญา บตั รแกผํ ๎ูสาเรจ็ การศกึ ษาจฬุ า ลงกรณม๑ หาวทิ ยาลัยประจาปีการศึกษา 2515 ณ หอประชุม จุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลยั วนั ท่ี 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 ดงั นี้ “ ทุกคนจาเปน็ ต๎องหมน่ั ใชป๎ ๓ญญาพิจารณา การกระทาของ ตนใหร๎ อบคอบอยเูํ สมอ ระมดั ระวงั ทาการทุกอยํางด๎วยเหตผุ ล ด๎วยความมสี ติ และดว๎ ยความรตู๎ วั เพ่อื เอาชนะความชั่วรา๎ ยทั้งมวลให๎ได๎โดยตลอด และ สามารถก๎าวไปถึงความสาเร็จทีแ่ ท๎จรงิ ทง้ั ในการงานและการครองชวี ิต ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเก่ยี วกับรอบคอบ เนอื่ งในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลัย สวนจติ รลดาฯ พระราชวงั ดสุ ิต วันที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2540 ดงั นี้ “ ฉะนนั้ การที่จะทาโครงการอะไร จะต๎องทาด๎วยความรอบคอบ และอยําตาโตเกินไป คอื บางคนเห็นวาํ มีโอกาสท่จี ะทาโครงการอยํางโนน๎ อยาํ งนี้ และไมไํ ด๎นึกถงึ วาํ ป๓จจัยตําง ๆ ไมํครบ ป๓จจัยหนึ่งคอื ขนาด ของโรงงาน หรือเครอ่ื งจกั รทสี่ ามารถท่จี ะปฏบิ ตั ไิ ด๎ แตขํ อ๎ สาคญั ทสี่ ุด คอื วตั ถดุ บิ ถ๎าไมํสามารถทีจ่ ะใหค๎ ําตอบแทนวตั ถุดิบแกเํ กษตรกร เกษตรกร ก็จะไมผํ ลิต ยง่ิ ถา๎ วัตถดุ บิ สาหรบั ใช๎ในโรงงานนน้ั เป็นวัตถดุ ิบทต่ี ๎องนามาจาก ระยะไกล หรือนาเขา๎ ก็จะยิง่ ยาก เพราะวําวัตถดุ ิบทน่ี าเข๎านั้น ราคา ยงิ่ แพง บางปีวัตถดุ ิบน้ันมบี รบิ ูรณ๑ ราคาอาจจะตา่ ลงมา แตเํ วลาจะขาย สิง่ ของทผี่ ลิตจากโรงงาน กข็ ายยากเหมอื นกัน เพราะวํามมี าก จึงทาให๎ราคา ตก นกี่ เ็ ปน็ กฎเกณฑ๑ที่ตอ๎ งมี”

75 กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกบั ความระมัดระวัง เน่อื งในการแถลงการณ๑ สภาการวิทยุ และโทรทศั นแ๑ หงํ ชาติตามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง (สวชพ .) เร่ือง “การใชเ๎ สรีภาพ เพือ่ ความปรองดองสมานฉนั ท๑ ” ในวนั นกั ขําว วนั ที่ 5 มนี าคม พ.ศ. 2520 ดังนี้ “ การมีเสรภี าพน้นั เปน็ ของดีอยํางยิ่ง แตเํ มอ่ื จะใช๎ จาเปน็ ต๎องใช๎ ดว๎ ยความระมดั ระวงั และความรับผิดชอบ มใิ ห๎ลํวงละเมิดเสรีภาพของผ๎ูอื่น ทีเ่ ขามีอยเํู ทําเทยี มกนั ทั้งมใิ หก๎ ระทบกระเทอื นถึงสวสั ดิภาพ และความ เป็นปกติสขุ ของสํวนรวมด๎วย มิฉะนัน้ จะทาใหม๎ คี วามยงํุ ยาก จะทาสังคม และชาติประเทศตอ๎ งแตกสลายจนสิ้นเชิง ” กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 กลําวโดยสรปุ รอบรู๎ รอบคอบ และระมดั ระวัง ได๎แกํ การศกึ ษาหาข๎อมลู กํอนการปฏบิ ตั โิ ดยคานงึ ผลทีจ่ ะตามมา อยาํ งรอบคอบและระมดั ระวงั กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติ ไดแ๎ กํ การดาเนนิ ชีวติ อยาํ งมีเหตผุ ลรอบคอบ ระมดั ระวัง อยํูรวํ มกบั ผอู๎ ่นื ดว๎ ยความรบั ผิดชอบ ไมํเบยี ดเบยี นผ๎ูอ่ืน เหน็ คณุ คําของทรพั ยากรตาํ ง ๆ มีการวางแผนปูองกันความเส่ยี ง และพร๎อมรบั การเปล่ยี นแปลง กกกกกกก3. 3.5 เงื่อนไขคุณธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 คณุ ธรรม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซ่ือสตั ย์สจุ รติ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) ความซื่อสตั ย๑ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากดั ความ หรอื ความหมายของความซ่ือสัตย๑ คอื ประพฤตติ รงและจริงใจ, ไมคํ ดิ คดทรยศ, ไมคํ ดโกง และไมํหลอกลวง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) สุจริต จากพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คา จากดั ความหรือความหมายของสุจรติ คือ ความประพฤตชิ อบ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) กลําวโดยสรุป ความซ่ือสัตยส๑ จุ รติ หมายถงึ การยดึ มั่นในความสัตย๑ จริงและในสิ่งทถี่ กู ตอ๎ งดงี าม มีความซ่ือตรง และมีเจตนาทีบ่ รสิ ทุ ธ์ิ ปฏบิ ตั ติ ํอตนเองและผ๎อู น่ื โดยชอบ ไมคํ ดโกง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกีย่ วกบั ความซือ่ สัตยส๑ ุจรติ เนือ่ งในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตร ของจุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลัย ณ หอประชุมจฬุ าลงกรณม๑ หาวิทยาลัย วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 ดังนี้

76 “ คนที่ไมํมคี วามสจุ ริต คนที่ไมมํ คี วาม มน่ั คง ชอบแตมํ กั งําย ไมํมี วนั จะสรา๎ งสรรคป๑ ระโยชนส๑ ํวนรวมท่สี าคัญอันใดได๎ ผ๎ทู ี่มีความสุจรติ และ ความมํงุ มัน่ เทาํ น้ัน จงึ จะทางานสาคัญย่งิ ใหญํท่ีเปน็ คุณ เป็นประโยชนแ๑ ท๎จริง ได๎สาเร็จ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) กลําวโดยสรุป ความซอื่ สตั ย๑สจุ รติ เปน็ พ้ืนฐานของความดที ุกอยําง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 1) หน๎าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติ ได๎แกํ ต๎องมีจิตใจท่ีต้งั ม่ัน เที่ยงตรง มงุํ ม่นั ทาความดี และชํวยปลกู ฝง๓ ผเ๎ู กย่ี วข๎องใหต๎ ง้ั ใจทาความดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพยี ร พากเพยี ร และอดทน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความเพียร จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากัดความ หรือความหมายของความเพยี ร คือ ความบากบนั่ , ความกลา๎ แข็ง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความพากเพียร จากพจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความพากเพยี ร คอื บากบ่ัน, พยายาม, มํุงทาไมทํ อ๎ ถอย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) ความอดทน จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของความอดทน คอื บึกบึน, ยอมรบั สภาพความยากลาบาก กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) กลําวโดยสรปุ ความเพยี ร พากเพียร อดทน หมายถึง การปฏิบัติ หนา๎ ท่ีการงานและประกอบอาชพี ท่ีสุจรติ อยํางกระตือรือรน๎ และตง้ั ใจจรงิ ใหส๎ าเร็จดว๎ ยความมานะ อดทน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกบั ความเพยี ร แกคํ ณะบคุ คลตาํ ง ๆ ท่เี ข๎าเฝาู ฯถวายชัยมงคล ในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ณ พระทนี่ งั่ กาญจนาภเิ ษก มณฑลพธิ ที ๎องสนามหลวง เมอื่ วันที่ 9 มถิ นุ ายน พ.ศ.2539 ดังนี้ “ ความเพียรท่ถี ูกตอ๎ งเปน็ ธรรม และพึงประสงค๑นน้ั คอื ความเพยี ร ที่จะกาจดั ความเส่ือมให๎หมดไป และระวังปูองกนั มิใหเ๎ กดิ ขน้ึ ใหมํ อยาํ งหน่ึง กับความเพียรท่ีจะสร๎างสรรคค๑ วามดีงาม ให๎บงั เกดิ ขึ้นและระวังรักษา มิให๎ เสือ่ มสิน้ ไป อยํางหน่งึ ความเพยี รท้งั สองประการนี้ เป็น อุปการะอยํางสาคญั ตํอการปฏิบัติตน ปฏบิ ตั ิงาน ถ๎าทกุ คนในชาติจะไดต๎ ้ังตนตัง้ ใจอยใูํ นความ เพียรดงั กลําว ประโยชน๑และความสุขก็จะบังเกดิ ข้ึนพร๎อม ท้งั แกสํ วํ นตัว และสํวนรวม ”

77 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกยี่ วกับความพากเพียร เนือ่ งในพิธพี ระราชทานปริญญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั รามคาแหง ณ อาคารสวนอมั พร วันที่ 10 ธนั วาคม พ.ศ. 2522 ดังน้ี “ ความเพยี รทจี่ ะเปน็ กาลังได๎ตอ๎ งมีลักษณะแขง็ กล๎า ไมํ ยอํ หยอํ นเสือ่ มคลายด๎วยอปุ สรรค ด๎วยความยากลาบาก เหน็ดเหนือ่ ย ประการใด ๆ หากแตอํ ุตสาหะ พยายามกระทาเรอ่ื ยไปไมถํ อยหลงั แม๎หยุดมือก็ยงั พยายามตดิ ตอํ ไปไมทํ อดธุระ กาลงั ความเพยี ร จึงทาให๎ การงานไมชํ ะงกั ลาํ ช๎ า มแี ตํ ดาเนินรดุ หน๎าเป็นลาดบั ไป จนบรรลุ ความสาเร็จโดยไมํมีสงิ่ ใดจะยบั ยงั้ ขดั ขวางได๎ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกบั ความอดทน เนื่องในพระราชทานแกนํ ักเรียน นักศกึ ษา ครู และอาจารย๑ ในโอกาสเข๎าเฝาู ฯ ณ อาคารใหมํสวนอัมพร วันท่ี 27 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ดงั นี้ “ การสร๎างสรรค๑ตนเอง การสรา๎ งบ๎านเมืองก็ตาม มิใชวํ ําสร๎าง ในวนั เดียว ต๎องใช๎เวลา ต๎องใช๎ความเพยี ร ต๎องใชค๎ วามอดทน เสยี สละ แตสํ าคญั ที่สุดคือความอดทน คอื ไมยํ ํอทอ๎ ไมยํ อํ ท๎อในส่งิ ทด่ี งี าม สงิ่ ท่ีดี งามนน้ั ทามันนําเบ่ือ บางทเี หมอื นวาํ ไมไํ ด๎ผล ไมดํ งั คือดมู ันครทึ าดนี ี่ แตขํ อรับรองวาํ การทาให๎ดไี มํครตึ อ๎ งมคี วามอดทน เวลาข๎างหน๎าจะเหน็ ผล แนํนอน ในความอดทนของตนเอง ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) กลาํ วโดยสรุป ความเพยี ร พากเพียร และอดทน จะเกิดขึน้ ได๎จากการ ฝกึ ฝนจนเกิดเป็นนิสัย และกระต๎ุนให๎เกิดการทางานอยํางจริงจงั จนสาเร็จ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 2) หนา๎ ท่พี ลเมอื งดี มีแนวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ ฝกึ ฝนความเพยี รจนเป็นนิสัย ใหเ๎ ป็นพลงั การทางานใด ๆ การฝึกฝนความเพียร ถึงหากแรก ๆ จะรสู๎ ึกเหน็ดเหนอื่ ยลาบาก แตไํ ด๎ เพยี รจนเปน็ นสิ ัยแล๎ว ก็จะกลับเป็นพลงั อยํางสาคัญที่คอยกระตุ๎นเตือนใหท๎ างานอยาํ งจริงจงั ด๎วยใจ ราํ เรงิ

78 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ และปัญญา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) สติ จากพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัด ความ หรือความหมายของสติ คือ ความร๎ูสกึ , ความรสู๎ กึ ตัว , เชนํ ไดส๎ ติ ฟืน้ คนื สติ สิ้นสติ , ความรู๎สกึ ผดิ ชอบ เชนํ มีสติ ไรส๎ ติ, ความระลกึ ได๎ เชนํ ต้ังสติ กาหนดสติ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) ปญ๓ ญา จากพจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ใหค๎ า จากัดความ หรือความหมายของป๓ญญา คือ ความรอบร๎ู, ความร๎ูทั่ว, ความฉลาดเกดิ แตํเรียนและคิด, เชนํ คนมีป๓ญญา หมดป๓ญญา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) กลาํ วโดยสรปุ สติ และปญ๓ ญา หมายถึง ปญ๓ ญารอบคอบ, ป๓ญญาร๎คู ดิ เชํน เขาเปน็ คนมีสตปิ ๓ญญาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกยี่ วกับสติเน่อื งในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของมหาวทิ ยาลยั รามคาแหง ณ อาคารใหมํสวนอมั พร วนั ท่ี 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ดงั นี้ “ ความบังคบั ตนเองน้นั เกิดขน้ึ ไดจ๎ ากความร๎สู กึ ระลึกได๎วําอะไร เป็นอะไร หรอื เรยี กสั้น ๆ วํา \"สติ\" กลาํ วคอื กํอนทบี่ ุคคลจะทา จะพดู หรอื แม๎แตํจะคิดเรอ่ื งตําง ๆ สตหิ รือความรู๎สึกระลกึ ได๎นัน้ จะทาให๎หยดุ คดิ วาํ สงิ่ ที่จะทานั้นผิดชอบช่ัวดอี ยํางไร จะมีผลเสยี หายหรือจะเป็นประโยชน๑ อยํางไรในระยะยาว เม่อื บุคคลคิดได๎ กจ็ ะสามารถตัดสนิ การกระทาของตน ไดถ๎ ูกต๎อง แล๎วก็จะกระทาแตเํ ฉพาะสง่ิ ทสี่ ุจรติ ทีม่ ีประโยชนอ๑ ันยง่ั ยนื ไมํกระทาสิ่งที่จะเปน็ ความผิดเสียหายทัง้ แกํตนและสวํ นรวม ความมสี ตนิ ัน้ จะชวํ ยใหส๎ ามารถศกึ ษาทกุ ส่ิงทกุ อยํางได๎อยาํ งละเอียดประณีต คอื เมอื่ จะ ศึกษาส่งิ ใด ก็จะพิจารณากลั่นกรองสงิ่ ทมี่ ใิ ชํความถกู ต๎องแท๎จริง ออกเสียกอํ น เพอ่ื ใหไ๎ ด๎มาแตํเนือ้ แท๎ท่ีปราศจากโทษ บณั ฑิ ตทั้งปวงผ๎ูหวงั ความมั่นคงปลอดภยั ท้ังของตนและของชาติบ๎านเมอื ง เม่อื จะทาการงาน ใด ๆ ทสี่ าคัญ ควรอยาํ งยงิ่ ทจ่ี ะหยดุ คิดสักหนอํ ยกอํ นทกุ คร้ัง แล๎วทาํ นจะ ไมํตอ๎ งประสบกับความผิดหวงั และผดิ พลาดในชีวิต ”

79 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกยี่ วกับปญ๓ ญาเน่อื งในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั รมหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร๑ วนั ที่ 1 สงิ หาคม พ.ศ. 2539 ดังนี้ “ ปญ๓ หาทุกอยาํ งไมวํ ําเลก็ หรอื ใหญํ มีทางแก๎ไขไดถ๎ า๎ รจู๎ กั คดิ ใหด๎ ี ปฏิบตั ใิ หถ๎ กู การคดิ ไดด๎ นี นั้ มิใชํการคดิ ไดด๎ ๎วยลูกคดิ หรอื ด๎วยสมองกล เพราะโลกเราในป๓จจบุ ันจะวิวัฒนาการไปมากเพยี งใดกต็ าม ก็ยงั ไมํ มี เครื่องมืออนั วิเศษชนดิ ใดสามารถขบคิดแกไ๎ ขป๓ญหาตาํ ง ๆ ไดอ๎ ยํางสมบูรณ๑ การขบคิดวินจิ ฉยั ปญ๓ หา จึงตอ๎ งใช๎สตปิ ญ๓ ญา คอื คิดดว๎ ยสติรตู๎ ัวอยํูเสมอ เพื่อหยดุ ยั้งและปูองกันความประมาทผดิ พลาดและอคติตาํ ง ๆ มใิ หเ๎ กิดขนึ้ ชวํ ยให๎การใชป๎ ญ๓ ญาพิจารณาป๓ญหาตาํ งๆ เป็นไปอยาํ งเทีย่ งตรง ทา ให๎ เห็นเหตุเหน็ ผล ท่ีเก่ยี วเนอ่ื งกนั เป็นกระบวนการได๎กระจาํ งชัด ทกุ ขนั้ ตอน ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) กลําวโดยสรุป สติ และปญ๓ ญาเปน็ ความสามารถในตวั บคุ คล ท่จี ะ ทราบไดจ๎ ากพฤตกิ รรมที่บุคคลแสดงออก ระดบั ของสตปิ ๓ญญาสงั เกตไดจ๎ ากการแสดงออกทม่ี คี วาม คลํองแคลํว รวดเรว็ ความถูกต๎อง ความสามารถในการคดิ การแก๎ปญ๓ หาและการปรับตัว การใช๎ แบบทดสอบวดั สตปิ ๓ญญาจะทาให๎ทราบระดับสตปิ ๓ญญาชดั เจนขนึ้ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 3) หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ ตอ๎ งหมน่ั แสวงหาความร๎ูอยเูํ สมอ ผปู๎ รารถนาความเจริญในการประกอบกิจการงาน จะตอ๎ งหม่ันเอาใจใสํแสวงหาความร๎ูให๎เพม่ิพนู อยํูเสมอ มฉิ ะนั้น จะกลายเปน็ ผูท๎ ล่ี า๎ สมยั กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไมเ่ บียดเบียน มีเมตตา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) ไมํเบยี ดเบยี น หมายถึง ไมทํ าให๎เดอื ดร๎อน เชนํ โรคภยั ไขเ๎ จบ็ ไมํมา เบยี ดเบยี น หรอื บุคคลผ๎ไู มเํ บยี ดเบียนผอ๎ู นื่ ให๎ได๎รับความเดือดรอ๎ น มแี ตํความปรารถนาดีตํอผ๎อู ื่น ดว๎ ยการเจรญิ เมตตาจติ ปรารถนาสขุ ให๎หมชํู น หรือสังคมอยูํรวํ มกันอยํางเปน็ สขุ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) มีเมตตา จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คา จากดั ความ หรือความหมายของมเี มตตา คือ ความรักและเอน็ ดู ,ความปรารถนาจะให๎ผ๎อู น่ื ไดส๎ ุข , เปน็ ๑ ในพรหมวหิ าร ๔ คอื เมตตา กรณุ า มุทิตา อเุ บกขา กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) กลําวโดยสรุป ไมเํ บยี ดเบยี น มีเมตตา หมายถึง บคุ คลผไ๎ู มํเบยี ดเบียน ผอู๎ ืน่ ให๎ได๎รบั ความเดอื ดร๎อน มแี ตํความปรารถนาจะให๎ผู๎อ่ืนไดส๎ ขุ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เกย่ี วกบั ไมํเบียดเบยี นให๎ แกคํ ณะบุคคลท่เี ขา๎ เฝูาฯ ณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ.2541 ดงั น้ี

80 “ คนเราถ๎าพอใจในความตอ๎ งการ ก็มคี วามโลภนอ๎ ย เมอ่ื มีความ โลภน๎อยกเ็ บยี ดเบยี นคนอ่ืนนอ๎ ย ถ๎าทุกประเทศมคี วามคดิ วําทาอะไรตอ๎ ง พอเพยี ง หมายความวาํ พอประมาณ ไมํสดุ โตํง ไมโํ ลภอยาํ งมาก คนเราก็อยํู เปน็ สขุ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกย่ี วกบั มีเมตตาเนอ่ื งในการเสดจ็ ออกมหาสมาคม ณ สหี ัญชร พระทน่ี ัง่ อนนั ตสมาคม พระราชวงั ดสุ ิต ในพระราชพิธีเฉลิมชนมพรรษา วนั ท่ี 5 ธันวาคม พ.ศ.2555 ดังนี้ “ ความเมตตาปรารถนาดตี อํ กันเป็นปจ๓ จยั อยาํ งสาคัญ ท่ีจะยัง ความพร๎อมเพรียงให๎เกดิ มขี นึ้ ทั้งในหมูํคณะ และในชาตบิ ๎านเมือง และถา๎ คนไทยเรา ยงั มคี ณุ ธรรมข๎อน้ปี ระจาอยจูํ ิตใจ กม็ ีความหวังได๎วํา บา๎ นเมอื งไทยไมํวําจะอยใูํ นสถานการณใ๑ ด ๆ กอ็ ยูํรอดปลอดภยั และดารง ความมน่ั คงตอํ ไปไดต๎ ลอดรอดฝง่๓ อยาํ งแนนํ อน ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) กลาํ วโดยสรปุ ไมํเบียดเบียน มีเมตตา จะเกดิ ข้นึ ได๎ โดยการปลกู ฝง๓ คณุ ธรรมจากครอบครัว และสงิ่ แวดลอ๎ ม กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 4) หนา๎ ทีพ่ ลเมอื งดี มแี นวปฏิบัติ ได๎แกํ การไมํทาใหผ๎ ู๎อน่ื เดอื นรอ๎ น ทง้ั กาย วาจา และใจ มแี ตคํ วามปรารถนาดีตํอผอ๎ู ื่น กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ตัง้ ใจดี คดิ ดี และทาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ต้งั ใจดี จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ า จากดั ความ หรือความหมายของตัง้ ใจดี คือ มํงุ ม่ันท่จี ะทาดี กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) คดิ ดี หมายถงึ การคดิ ทีไ่ มํยอมแพป๎ ๓ญหา และอุปสรรคแลว๎ คดิ วธิ แี ก๎ไข การคดิ ทกี่ ระต๎นุ ใหต๎ ัวเองเกดิ ความกระตือรือรน๎ การมองเหตุการณ๑และผ๎อู ื่นในด๎านดมี ากกวําด๎าน ไมํดี การสรา๎ งความรส๎ู กึ ท่ดี ี แม๎สง่ิ ทเี่ ผชิญอยูํจะทาให๎เครยี ด กังวล กต็ าม

81 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) ทาดี หมายถงึ การปฏิบตั งิ านด๎วยความมุงํ ม่ัน ไมยํ ํอท๎อ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) กลาํ วโดยสรปุ ตั้งใจดี คิดดี และทาดี หมายถงึ ความคิดเป็นสง่ิ สาคญั ทีจ่ ะเปลีย่ นแปลงวิถีชีวติ ของเรา หากคิดดีกจ็ ะมคี วามรูส๎ กึ ทด่ี ี ๆ เมอื่ มีความรสู๎ กึ ดี ก็จะมคี าพูดทด่ี ี ๆ ตามมา สงํ ผลใหม๎ ีการกระทาท่ีดีด๎วย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกับตง้ั ใจดี เน่ืองในพธิ ีพระปฐมบรมราชโองการเนอ่ื งในพระราชพธิ ี บรมราชาภเิ ษก ณ พระที่น่งั ไพศาลทกั ษณิ วนั ท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ดงั น้ี “ เราจะครองแผนํ ดนิ โดยธรรม เพือ่ ประโยชน๑สุขแหํงมหาชนชาวสยาม ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเก่ยี วกบั คิดดี เนอ่ื งในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วันที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2517 ดงั น้ี “ ถา๎ เราคิดดี ทาดี ไมใํ ชแํ ตํปากนะ ทาอยํางดจี รงิ ๆ คอื สรา๎ ง สมส่งิ ทีด่ ี ด๎วยการปฏิบัติในสง่ิ ทเี่ รียกวําดี หมายความวาํ ไมเํ บียดเบยี น ผู๎อ่นื สร๎างสรรค๑ทาใหม๎ ีความเจริญทัง้ วตั ถุทง้ั จิตใจ แล๎วไมํต๎องกลวั ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกย่ี วกับทาดี เนือ่ งในพิธีพระราชทานกระบแี่ ละปรญิ ญาบตั รแกวํ ําที่ร๎อย ตารวจตรโี รงเรียนนายร๎อยตารวจ วันที่ 10 มนี าคม พ.ศ. 2529 ดังนี้ “ การทาความดนี ้ัน โดยมากเปน็ การเดินทวนกระแสความ พอใจและความตอ๎ งการของมนุษย๑ จึงทาได๎ยากและเห็นผลชา๎ แตกํ ็ จาเป็นตอ๎ งทา เพราะหากไมํ ความชวั่ ซ่ึงทางํายจะเข๎ามาแทนที่ แล๎วพอก พนู ข้นึ อยาํ งรวดเร็วโดยไมํร๎ูสกึ ตวั ”

82 กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) กลําวโดยสรุป ต้งั ใจดี คดิ ดี และทาดี หากคิดดีก็จะมคี วามร๎สู ึกทดี่ ี เมื่อมีความรูส๎ ึกทีด่ กี จ็ ะมคี าพดู ทีด่ ี สํงผลใหม๎ กี ารกระทาที่ดดี ๎วย กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 5) หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ ตัง้ ใจดี คดิ ดี ทาดี คอื ตัง้ ใจทาใน สง่ิ ที่ดี ซ่งึ การต้ังใจทาดคี วรมกี ารลงมอื ปฏบิ ัตจิ งึ จะเหน็ ผลอยาํ งแท๎จรงิ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรับผดิ ชอบ รบั ผิด และรบั ชอบ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) ความรบั ผดิ ชอบ หมายถึง ลักษณะของบุคคลทีแ่ สดงออกถงึ ความเอา ใจใสํ จดจอํ ตั้งใจ มุงํ ม่ันตอํ หน๎าทกี่ ารงาน การศกึ ษาเลําเรยี น และการเป็นอยํูของตนเอง และ ผู๎อยใูํ น ความดแู ล ตลอดจนสงั คม อยาํ งเตม็ ความสามารถ เพ่อื ใหบ๎ รรลุผลสาเร็จตามความมํงุ หมายในเวลาที่ กาหนด ยอมรับผลการกระทาทงั้ ผลดีและผลเสยี ท่ีเกิดขนึ้ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) รบั ผดิ หมายถึง การยอมรับวําสิ่งทีต่ นทามขี ๎อใดสวํ นใดผิดพลาด เสยี หาย และเสียหายเพราะเหตใุ ด ขอ๎ นม้ี ีประโยชน๑ ทาใหร๎ ๎ูจักพิจารณาการกระทาของตน พรอ๎ มท้ัง ขอ๎ บกพรอํ งของตนอยํางจริงจัง เปน็ ทางที่จะชวํ ยให๎คดิ หาวธิ ีปฏบิ ัติแกไ๎ ข การกระทาและความ ผดิ พลาดตาํ ง ๆ ใหถ๎ ูกต๎องสมบูรณ๑ได๎ กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) รบั ชอบ หมายถงึ ร๎ูวําสิ่งทต่ี นทามีสํวนใดท่ใี ด ถูกต๎องแลว๎ คือถูกตาม ความมุํงหมาย ตามหลกั วชิ า ตามหลักวธิ ีการ ตามสถานการณแ๑ ล๎ว กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) กลําวโดยสรปุ ความรบั ผดิ ชอบ รับผิด และรบั ชอบ หมายถึง ยอมรบั ผลท้ังที่ดแี ละไมดํ ใี นกิจการทต่ี นได๎ทาลงไป หรือท่ีอยใํู นความดแู ลของตน เชํน สมหุ ๑บัญชรี บั ผดิ ชอบ เรื่องเกยี่ วกบั การเงนิ , รับเปน็ ภารธรุ ะ เชนํ งานนเ้ี ขารบั ผิดชอบเรอ่ื งอาหาร เธอจะไปไหนกไ็ ปเถอะ ฉันรบั ผิดชอบทุกอยํางในบา๎ นเอง กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับความรับผดิ ชอบ เนื่องในพธิ ีถวายพระพรชยั มงคล ณ พระทีน่ งั่ อนนั ตสมาคม วันท่ี 12 มถิ ุนายน พ.ศ. 2549 ดงั น้ี “ การทานบุ ารุงประเทศชาตินั้น มใิ ชํเป็นหน๎าที่ของผ๎ูหน่ึงผู๎ใด โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรบั ผิดชอบของคนไทยทุกคน ที่จะต๎อง ขวนขวายกระทาหนา๎ ที่ของตนให๎ดที ่ีสดุ เพ่ือธารงรักษาและพัฒนาชาติ บ๎านเมอื งให๎เจริญมนั่ คง และผาสกุ รํมเยน็ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาท เกี่ยวกับความรบั ผดิ เนอ่ื งในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตรแกํผ๎สู าเร็จ การศกึ ษาของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ วนั ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ดังนี้

83 “ การรจู๎ ักรบั ผิดหรอื ยอมรบั รวู๎ าํ อะไรผิด อะไรผดิ พลาดเสียหาย และเสยี หายเพราะอะไร เพียงใดนัน้ มปี ระโยชน๑ทาให๎บุคคลรูจ๎ กั พจิ ารณา ตนเอง ยอมรบั ความรบั ผดิ ชอบของตนเองโดยใจจรงิ เป็นทางทจ่ี ะชวํ ยให๎ แกไ๎ ขความผดิ ได๎ และใหร๎ ๎ูวาํ จะปฏิบัติแก๎ไขใหมํ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาท เกี่ยวกบั ความรบั ชอบ เน่ืองในพิธพี ระราชทานปริญญาบตั รแกํผ๎ูสาเรจ็ การศึกษาของมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ วนั ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ดงั นี้ “ สํวนการรจ๎ู ักรบั ชอบหรอื รว๎ู ําอะไรถูก อนั ได๎แกถํ กู ตามความ มุํงหมาย ถกู ตามหลักวชิ า ถกู ตามวธิ กี ารน้นั มีประโยชนท๑ าใหท๎ ราบแจง๎ วํา จะทาใหง๎ านสาเรจ็ สมบูรณ๑อยํางไร จักไดถ๎ ือปฏิบัตติ ํอไป ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) กลาํ วโดยสรปุ ความรับผิดชอบ รับผิด และรับชอบจะแสดงถงึ ความ เอาใจใสํมํุงม่นั ตอํ ภารกิจท่ีทา ทุกคนต๎องมคี วามรบั ผิดชอบตํอหนา๎ ทก่ี ารงาน การศกึ ษา อน่ื ๆ อยาํ งเตม็ ความสามารถเพ่ือให๎บรรลผุ ลสาเร็จตามจุดมํุงหมาย และยอมรบั ผลการกระทาที่จะเกดิ ข้ึน กกกกกกก3. 3.5 3.5.1 6) หนา๎ ที่พลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ไดแ๎ กํ ประชาชนทกุ คนต๎องมีความ รบั ผิดชอบตอํ หนา๎ ทก่ี ารงาน การศกึ ษาเลําเรยี น และการเป็นอยูขํ องตนเอง และ ผูอ๎ ยูํในความดูแล ตลอดจนสงั คม อยํางเต็มความสามารถ เพ่ือใหบ๎ รรลผุ ลสาเรจ็ ตามความมงุํ หมายในเวลาทกี่ าหนด ยอมรับผลการกระทาทัง้ ผลดแี ละผลเสยี ท่เี กิดข้นึ รับผิด คือ การยอมรบั วําส่ิงทีต่ นทามขี ๎อใดสํวนใด ผิดพลาดเสยี หาย และเสียหายเพราะเหตใุ ด ข๎อนีม้ ีประโยชน๑ ทาใหร๎ ูจ๎ กั พจิ ารณาการกระทาของตน พร๎อมทง้ั ขอ๎ บกพรํองของตนอยาํ งจริงจงั เป็นทางทจี่ ะชํวยให๎คดิ หาวิธปี ฏบิ ัติแก๎ไข กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 หนา้ ท่ี กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชน์ส่วนรวม ประโยชนส์ ่วนตน และเสียสละ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชนส๑ ํวนรวม หมายถงึ ผลประโยชนส๑ าธารณะ ยังหมายรวมถงึ หลกั ประโยชน๑ตํอมวลสมาชกิ ในสังคม กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) ประโยชนส๑ วํ นตน หมายถงึ นึกถึงแตํตวั เอง หรือเห็นแกํตวั เชนํ หากพวกเราทางานโดยนกึ ถงึ แตํประโยชนส๑ ํวนตวั องคก๑ รของเราก็จะไมํกา๎ วหน๎า

84 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) เสียสละ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากัดความ หรือความหมายของเสียสละ คอื ให๎โดยยินยอม, ให๎ดว๎ ยความเต็มใจ, เชนํ ทหารเสยี สละ ชวี ติ เพอ่ื ปกปอู งเอกราชของชาติ พํอแมํเสยี สละทกุ สิง่ ทุกอยาํ งได๎เพื่อลกู กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) กลําวโดยสรุป ประโยชน๑สํวนรวม ประโยชน๑สวํ นตน และเสียสละ หมายถงึ การเสียสละเพื่อใหป๎ ระเทศชาตมิ ีความเจรญิ ซ่งึ เปน็ ความรับผดิ ชอบของทกุ คน และไมํเหน็ แกํประโยชนส๑ วํ นตน กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเก่ยี วกับประโยชน๑สวํ นรวมให๎แกํนักศกึ ษามหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร๑ ณ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร๑ วิทยาเขตป๓ตตานี วนั ท่ี 11 กนั ยายน พ.ศ. 2523 ดังนี้ “ การทาเพอื่ ประโยชนส๑ วํ นรวมนั้น ได๎ประโยชนม๑ ากกวาํ ทา เฉพาะประโยชน๑สํวนตวั และบอกไดว๎ าํ คนไหนทาเพ่อื ประโยชน๑สวํ นตวั แท๎ ๆ ล๎วน ๆ เช่อื วาํ ประโยชนน๑ น้ั จะไมไํ ด๎ เทํากบั รวบรวมของหนกั มาวางบนหวั แบกเอาไว๎ตลอดเวลา ซึ่งก็ไมํสบาย กห็ นัก ก็เหนือ่ ย แตถํ ๎าผใ๎ู ดทา เพื่อสวํ นรวม ยิ่งมากย่ิงดี ยง่ิ เบา ยิง่ คลอํ งแคลํววอํ งไว และย่งิ มคี วามสุข ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกย่ี วกบั ประโยชนส๑ วํ นตน เน่ืองในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตร ประกาศนยี บตั ร และอนปุ ริญญาบัตรแกผํ ูส๎ าเร็จการศึกษา สาขาวิชาและวิชาตาํ ง ๆ ของ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหมํ ณ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหมํ วนั ท่ี 16 มกราคม พ.ศ. 2512 ดังน้ี “ ผท๎ู ่ที างานให๎เกิดประโยชน๑แกสํ วํ นรวมยํอมไดป๎ ระโยชนส๑ ํวนตน ดว๎ ย ผูท๎ ่ที างานโดยเห็นแกํตวั เบยี ดเบยี นประโยชนส๑ ํวนรวม ยอํ มบัน่ ทอน ทาลายความมน่ั คงของประเทศชาติ และทสี่ ุดตนเองก็จะเอาตวั ไมรํ อด ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับ ความเสียสละ เน่อื งในพิธพี ระราชทานแกํคณะกรรมการสมาคม หนงั สอื พิมพแ๑ หํงประเทศไทย ณ พระตาหนกั จิตรลดารโหฐาน วนั ท่ี 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ดงั นี้

85 “ การทข่ี อใหท๎ าเพ่ือสวํ นรวมน้ี ก็ใชํวาํ แตลํ ะคนจะต๎องเสยี สละ ให๎เหลือแตํตวั ลํอนจ๎อนเพ่อื สง่ิ ท่เี รยี กวาํ สํวนรวม มิใชอํ ยํางน้นั แตํหมายวาํ สละสง่ิ ใดทสี่ ละได๎เพอ่ื ทจ่ี ะให๎สวํ นรวมอยํูได๎ โดยจุดประสงค๑ทจ่ี ะ สวํ นบุคคลอยูไํ ดเ๎ หมือนกัน เพราะวาํ ถ๎าสวํ นรวมอยํูไมไํ ด๎ สวํ นบคุ คลกอ็ ยํู ลาบาก นอกจากจะเป็นผ๎ทู ีเ่ อาตัวรอดโดยแท๎ และลงท๎ายผ๎ทู ี่เอาตัวรอด เหลํานน้ั กจ็ ะนับวําเอาตวั ไมรํ อด เพราะวําไมมํ ีเกียรตไิ มํมคี วามภมู ิใจในตวั ฉะนน้ั กข็ อรอ๎ งให๎สมาชิกทั้งหลายพยายามที่จะพินจิ เคราะหใ๑ นการกระทา ในการเสนอขาํ วเสนอบทความ ให๎เป็นไปในทางทสี่ รา๎ งสรรค๑ เปน็ ไปในทาง ท่จี ะทาใหส๎ วํ นรวมเป็นปกึ แผํน ให๎สํวนรวมมีความกา๎ วหน๎า มีสิ่งดงี าม ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 1) กลําวโดยสรปุ ประโยชนส๑ ํวนรวม ประโยชนส๑ ํวนตน และ เสยี สละ คอื การทาประโยชน๑ให๎สํวนรวม เสียสละ เพ่ือใหป๎ ระเทศชาติมีความเจรญิ ซึ่งเปน็ ความรับผดิ ชอบของ ทุกคน และไมํเห็นแกปํ ระโยชน๑สวํ นตน กกกกกกก3. 3.5 3 .5.2 1 ) หนา๎ ที่พลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิ ไดแ๎ กํ การที่ทกุ คนสามารถ เข๎ารํวม กจิ กรรมทเ่ี ป็นประโยชนต๑ อํ โรงเรียน ชุมชนและสังคม พฤตกิ รรมท่ีบงํ ชีเ้ ชํน ดูแลรักษาสาธารณสมบัติ และสิง่ แวดล๎อมดว๎ ยความเต็มใจ เข๎ารวํ มกิจกรรมที่เปน็ ประโยชน๑ตอํ โรงเรยี น ชุมชน และสังคม และ เข๎ารวํ มกจิ กรรมเพอ่ื แกป๎ ๓ญหา หรือรํวมสรา๎ งสง่ิ ที่ดีงามของสํวนรวม ตามสถานการณ๑ท่ีเกดิ ข้ึน ด๎วยความกระตือรือร๎น กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามคั คี ร่วมมือ ปรองดอง กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความสามคั คี จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของความสามคั คี คอื ความพรอ๎ มเพรียงกัน, ความปรองดองกนั กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความรวํ มมือ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความรํวมมอื คอื พร๎อมใจชํวยกนั กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) ความปรองดอง จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากัดความหรือความหมายของความปรองดอง คอื ออมชอม, ประนปี ระนอม, ยอมกนั , ไมํแกงํ แยํงกนั , ตกลงกนั ดว๎ ยความไกลํเกล่ีย, ตกลงกนั ดว๎ ยไมตรจี ติ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) กลาํ วโดยสรุปความสามัคคี รวํ มมอื ปรองดอง หมายถึง ความปรองดอง สมานฉนั ท๑ พร๎อมเพรียงกันแหํงหมูํคณะในการดาเนินชีวติ หรอื ในการทากิจการงานโดยชอบธรรม รวํ มกนั กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเก่ยี วกับความสามัคคี ในพิธพี ระราชทานธงประจารนํุ ลูกเสือชาวบา๎ น จงั หวดั นครศรธี รรมราช ณ สนามกีฬาชาติตระการโกศล วันที่ 12 กนั ยายน พ.ศ. 2521 ดังนี้

86 “ ความสามัคคีน้ันเป็นการทที่ กุ คนเหน็ ใ จกัน ซงึ่ กันและกัน และพรอ๎ มเพรียง ก็หมายความวําไมไํ ด๎ทาคนละทีสองทแี ตํทาพรอ๎ มกัน ความสามัคคแี ละความพรอ๎ มเพรียงนี้มผี ลตํอเนอ่ื งอีกอยํางหน่งึ คือทาให๎ ทุกคนมคี วามเข๎มแข็ง แขง็ แรง ซง่ึ จะนามาสํูความสขุ ของแตลํ ะ คน เพราะวาํ คนเรามีทั้งสุขทั้งทุกข๑ เมอื่ เราสขุ ก็อยากใหค๎ นอน่ื สุขดว๎ ยทา ให๎สขุ ของตัวเองใหญํหลวงข้นึ แตํเม่ือมีความทุกขค๑ นอ่นื กจ็ ะชวํ ยทาให๎ ความทกุ ขน๑ ั้นน๎อยลงไป ฉะนน้ั ความสามัคคแี ละความพรอ๎ มเพรยี งน้นั จงึ เปน็ สิ่งทส่ี าคัญ ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกบั รํวมมอื เน่ือง ในโอกาสพระราชทานเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ๑แกํ ขา๎ ราชการ ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2513 ดงั น้ี “ การจะทางานทีม่ น่ั คงและก๎าวหนา๎ น้ัน มใิ ชํวาํ จะก๎มหน๎าก๎มตา ทาหน๎าทข่ี องแตลํ ะคนเทํานั้น จะตอ๎ งมีความรวํ มมอื สัมพนั ธก๑ ันระหวาํ ง หนวํ ยงานทุกหนวํ ย เพ่ือให๎งานรุดหนา๎ ไปพรอ๎ มเพรียงกัน ” กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกับปรองดอง เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั วนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ดังน้ี “ สามัคคหี รอื การปรองดองกันไมไํ ดห๎ มายความวาํ คนหนง่ึ พูด อยาํ งหน่งึ คนอื่นต๎องพูดเหมอื นกันหมด ลงท๎ายชีวิตก็ไมํมีความหมาย ต๎องมี ความแตกตํางกนั แตํต๎องทางานใหส๎ อด คล๎องกัน แมจ๎ ะ ขัดกนั บา๎ งแตํต๎อง สอดคล๎องกนั ”

87 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) กลําวโดยสรปุ ความสามัคคี รํวมมือ ปรองดองเกิดจากความรวํ มมือ รวํ มใจเป็นอนั หนง่ึ อนั เดียวกนั คณุ ธรรมนน้ี ับวําสาคัญมากในหมูคํ ณะเป็นคุณธรรมท่ีกอํ ให๎เกดิ ความสุข อยาํ งย่งิ แกหํ มูคํ ณะ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 2) หน๎าทพ่ี ลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ ประชาชนมคี วามรวํ มมอื รํวมใจ ชํวยเหลือเก้ือกูลซึง่ กันและกัน รํวมแรงรวํ มใจเปน็ อนั หนงึ่ อันเดียวกัน กํอใหเ๎ กดิ ควา มสงบสุขทาให๎ ประเทศไทยอยํูรอดได๎ นัน่ คอื ความสามคั คแี ละความเปน็ ไทย กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสขุ ความเจรญิ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความสขุ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากดั ความหรือความหมายของความสขุ คอื ความสบายกายสบายใจ เชนํ ขอให๎อยูดํ ีมีสขุ เกิดมา ก็มสี ขุ บา๎ งทุกข๑บา๎ ง, มกั ใช๎เข๎าคูํกบั คาเปน็ เชํน ขอให๎อยเํู ยน็ เป็นสขุ ขอใหเ๎ ป็นสขุ ๆ นะ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) ความเจริญ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากัดความ หรอื ความหมายของความเจริญ คอื เติบโต, งอกงาม, ทาให๎งอกงาม, เชํน เจรญิ ทาง พระราชไมตรี เจรญิ สมั พนั ธไมตรี, มากขน้ึ กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) กลําวโดยสรุป ความสขุ ความเจริญ หมายถงึ ความสขุ ความเจรญิ ท่ี บคุ คลแสวงหามาได๎ดว๎ ยความเปน็ ธรรม ท้ังในเจตนา และการกระทา กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานบรมราโชวาทเกี่ยวกบั ความสขุ ความเจริญ เน่ืองในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั ร และอนปุ ริญญาบัตรของจุฬาลงกรณม๑ หาวทิ ยาลยั ณ หอประชมุ จฬุ าลงกร ณม๑ หาวิทยาลยั วันท่ี 10 กรกฎาคม พ.ศ.2518 ดังน้ี “ ความสุขความเจรญิ อนั แท๎จรงิ นั้น หมายถึง ความสขุ ความ เจรญิ ท่บี ุคคลแสวงหามาไดด๎ ว๎ ยความเปน็ ธรรม ทั้งในเจตนาและ การกระทา ไมใํ ชํไดม๎ าดว๎ ยความบงั เอญิ หรือดว๎ ยแกํงแยงํ เบยี ดเบยี น มาจากผ๎ูอนื่ ความเจรญิ ทแี่ ท๎นี้มีลักษณะเป็นการสรา๎ งสรรค๑ เพราะอานวย ประโยชนถ๑ ึงผูอ๎ ืน่ และสวํ นรวมดว๎ ย ตรงกนั ขา๎ มกบั ความเจริญอยําง เท็จเทยี ม ที่เกดิ ขน้ึ มาดว๎ ยความประพฤตไิ มํเป็นธรรมของบคุ คล ซ่ึงมี ลักษณะเปน็ การทาลายลา๎ ง เพราะใหโ๎ ทษบอํ นเบยี นทาลายผ๎อู น่ื และ สํวนรวม การบํอนเบยี นทาลายน้ัน ท่ีสุดก็จะกลับมาทาลายตน ดว๎ ยเหตุท่ี เมื่อสวํ นรวมถกู ทาลายเสียแล๎ว ตนเองกจ็ ะยืนตวั อยไํู มํได๎ จะต๎องลํมจม ลงไปเหมือนกัน ”

88 กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) กลําวโดยสรปุ ความสขุ ความเจริญเกดิ ขนึ้ จากบุคคลท้งั หมดมเี จตนา กระทา เพ่ือใหม๎ ีความสุขความเจรญิ จะตอ๎ งไมํเบยี ดเบียนหรือแกํงแยํงผอู๎ ่ืนมา กกกกกกก3. 3.5 3.5.2 3) หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ไดแ๎ กํ การตง้ั ใจกระทาทกุ สิ่งให๎ตนเองมี ความสขุ ความเจรญิ โดยต๎องไมไํ ปเบียดเบียน หรอื แกงํ แยํงผ๎อู ื่นมา การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ กกกกกกก1. กาหนดประเดน็ การศึกษาค๎นคว๎ารวํ มกนั จากสื่อการเรยี นรูท๎ ห่ี ลากหลาย กกกกกกก2. บันทึกผลการศกึ ษาค๎นควา๎ ลงในเอกสารการเรียนร๎ดู ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก3. พบกลุํม กกกกกกก4. อภิปรายแลกเปลย่ี นเรยี นร๎ู กกกกกกก5. วิเคราะห๑ขอ๎ มลู ทไี่ ด๎ และสรปุ การเรยี นรู๎รวมกนั บนั ทึกสรปุ การเรยี นร๎ูในเอกสารการ เรยี นร๎ดู ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก6. นาสรุปผลการเรียนรทู๎ ีไ่ ดไ๎ ปทดลองปฏิบัติจรงิ ในชีวติ ประจาวนั สอื่ และแหลง่ เรียนรู้ กกกกกกก1. สอื่ เอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความรู๎ เร่ืองที่ 4 ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง เงื่อนไขความรูค๎ ูคํ ุณธรรม กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หัวเร่อื งท่ี 4 หน๎าทีพ่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราช ดารัส กกกกกกก1. 1.3 ชือ่ หนงั สอื เรยี น สาระการพัฒนาสังคม รายวชิ า สค23088 หน๎าทพ่ี ลเมอื งตามรอย พระยุคลบาทรัชกาลที่เกา๎ 2 กกกกกกก1. 1.4 ช่ือหนงั สอื 9 แผํนดนิ ของการปฏริ ปู ระบบราชการ ผู๎แตํง สานกั งานคณะกรรมการ พัฒนาระบบราชการ ปีทีพ่ มิ พ๑ พ.ศ. 2549 สานกั พิมพ๑ วชิ ่ันพริ้นแอนด๑มีเดีย จากดั กกกกกกก1. 1.5 ชื่อหนงั สือ ตามรอยพระยุคลบาทสูํเศรษฐกจิ พอเพียง: มติ ิใหมํของการพฒั นา เศรษฐกิจการเกษ ตร ผแ๎ู ตํง ภาควิชาเศรษฐศาสตรเ๑ กษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร๑ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ ปที ่พี ิมพ๑ พ.ศ. 2554 สานักพิมพ๑ พี.พริ้นต้งิ กรปุ๏ จากัด กกกกกกก1. 1.6 ช่อื หนงั สอื ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดารสั เก่ยี วกับเดก็ และเยาวชน ผแู๎ ตงํ มลู นธิ ิโตโยตา๎ ประเทศไทยและมูลนธิ พิ ระดาบส ปที ี่พิมพ๑ พ.ศ. 2543 สานกั พิมพ๑กรุงเทพฯ กกกกกกก1. 1.7 ชอ่ื หนงั สอื พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554เฉลมิ พระเกียรติ พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยูํหัวเน่อื งในโอกาสพระราชพิธมี หามงคลเฉลมิ พระชน มพรรษา 7 รอบ 5 ธนั วาคม 2554 ผู๎แตํง ราชบณั ฑติ ยสถาน ปที ่ีพมิ พ๑ พ .ศ. 2556 สานกั พมิ พ๑ ศริ วิ ฒั นาอินเตอรพ๑ รน้ิ ท๑ จากัด (มหาชน) กกกกกกก1. 1.8 ชื่อหนังสือ คาพํอสอน ผแู๎ ตงํ กนั ยาบดี ปที ่พี ิมพ๑ พ.ศ. 2555 สานักพิมพไ๑ พลิน

89 กกกกกกก2. ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส๑ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 ชอ่ื บทความ บันทึกตามรอย 84 ตามคาสอนพอํ ผ๎แู ตํง สานกั พมิ พเ๑ นชัน่ บุค๏ สบื คน๎ จาก https://books.google.co.th/books?id=true กกกกกกก3. ส่อื แหลํงเรียนรใู๎ นชุมชน ได๎แกํ กกกกกกก3. 3.1 หอ๎ งสมดุ ประชาชนจงั หวดั ประจวบคีรขี ันธ๑ กกกกกกก3. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทกุ แหงํ และศูนย๑การเรยี นรชู๎ มุ ชน ในอาเภอเมือง ประจวบครี ีขันธ๑ การวดั และประเมินผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความกา๎ วหน๎า ดว๎ ยวิธกี าร กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซกั ถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ดว๎ ยวิธกี าร กกกกกกก2. 2.1 ตอบแบบทดสอบวดั ความร๎ู หัวเรื่องที่ 4 หน๎าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 ตามพระราชดารสั จานวน 10 ข๎อ กกกกกกก2. 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคตติ อํ วชิ าหนา๎ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ เก๎า 2

90 หวั เรือ่ งท่ี 5 หนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน สาระสาคญั กกกกกกก1. หลกั การทรงงาน หมายถึง การปฏิบัตหิ นา๎ ที่ หรือภารกิจ หรอื กจิ กรรมของพระมหากษัตรยิ ๑ ทรงยดึ การดาเนินงานในลกั ษณะทางสายกลางที่สอดคลอ๎ งกับสิ่งทอ่ี ยรํู อบตัว และสามารถปฏิบตั ไิ ด๎จรงิ ทรงมีความละเอยี ดรอบคอบ และทรงคิดคน๎ แนวทางพัฒนา เพ่ือมํุงสํูประโยชน๑ตอํ ประชาชนสงู สุด มี 23 ข๎อ ได๎แกํ (1) ศึกษาขอ๎ มูลอยาํ งเปน็ ระบบ (2) ระเบดิ จากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาที่จุดเลก็ (4) ทาตาม ลาดบั ขั้น (5) ภูมิสงั คม (6) องค๑รวม (7) ไมตํ ิดตารา (8) ประหยัด เรยี บงําย ได๎ประโยชน๑สูงสดุ (9) ทาให๎งาํ ย (10) การมสี ํวนรวํ ม (11) ประโยชนส๑ ํวนรวม (12) บริการรวมทจี่ ดุ เดยี ว (13) ใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลกู ปาุ ในใจคน (16) ขาดทุนคอื กาไร (17) การพ่ึง ตนเอง (18) พออยพูํ อกนิ (19) เศรษฐกิจพอเพียง (20) ความซือ่ สัตย๑สุจริต จริงใจตํอกนั (21) ทางาน อยํางมีความสุข (22) ความเพยี ร และ (23) รู๎ รกั สามคั คี กกกกกกก2. หน๎าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน ท่เี ก่ียวขอ๎ งกบั คณุ ธรรมของการเปน็ พลเมอื งดี มี 9 ข๎อ ได๎แกํ (1) การมสี ํวนรํวม มีสวํ นรํวมและคดิ ถึงสวํ นรวม (2) ตอ๎ งยดึ ประโยชนส๑ วํ นรวม (3) บริการจดุ เดยี ว (4) ขาดทุนคือกาไร (5) การพ่ึงตนเอง (6) ความ ซ่อื สัตยส๑ ุจริต จริงใจตอํ กนั (7) ทางานอยํางมคี วามสุข (8) ความเพียร และ (9) ร๎ู รกั สามัคคี ตวั ชี้วดั กกกกกกก1. วเิ คราะหห๑ นา๎ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน ในสถานการณท๑ กี่ าหนดใหไ๎ ด๎ กกกกกกก2. ตระหนักถงึ ความสาคญั ของหนา๎ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน ขอบขา่ ยเน้อื หา กกกกกกก1. หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน กกกกกกก2. แนวทางการปฏิบัติหน๎าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน