Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตร หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

หลักสูตร หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Description: หลักสูตรรายวิชา สค23088 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Search

Read the Text Version

191 ภาคผนวก ก. ใบความรู้

192 ใบความรู้ เร่ืองท่ี 1 สิทธิและหนา้ ที่พลเมือง วตั ถปุ ระสงค์ กกกกกกก1. เพอื่ ใหน๎ ักศึกษามีความรู๎ความเข๎าใจเรื่องสทิ ธิและหนา๎ ท่ีพลเมือง กกกกกกก2. เพอ่ื ใหน๎ ักศึกษามีทักษะการแสวงหาความร๎เู รอ่ื งสิทธิและหน๎าที่พลเมือง กกกกกกก3. เพือ่ ให๎นักศึกษามคี วามตระหนักถึงความสาคญั เรอื่ งสิทธิและหนา๎ ท่ีพลเมือง เนื้อหา กกกกกกก1. ความหมายของพลเมือง พลเมอื ง หมายถึง พลังหรือกาลังคนของประเทศ ซึง่ อยูํในฐานะเป็นเจา๎ ของ ประเทศ ท่ีมีสัญชาติของประเทศน้ัน ๆ มีสิทธิและหน๎าท่ี ตามกฎหมายของประเทศนั้นมีคํานิยม มีสํวนรํวม ทางการเมือง เปน็ ผ๎ูสนบั สนุนผปู๎ กครอง ในการควบคุมดูแลบคุ คลในประเทศให๎อยูํรวํ มกันอยาํ ง มคี วามสขุ พลเมืองมีความหมายตํางจากบุคคล ซึ่งหมายถึง ส่ิงซึ่งมีสิทธิและหน๎าท่ีตามกฎหมาย ซง่ึ ได๎แกํ บคุ คลธรรมดาและนติ บิ ุคคล เม่ือกลําวถึงพลเมืองของประเทศใด ยํอมหมายถึงบุคคลท้ังหลายท่ีมีสัญชาติของ ประเทศนั้น ๆ ตามกฎหมายของแตํละประเทศ เชํน เม่ือกลําวถึงพลเมืองของประเทศไทยยํอม หมายถึง คนทั้งหลายท่ีมีสัญชาติไทยตามกฎหมายไทย พลเมืองของแตํละประเทศยํอมมีสิทธิและ หน๎าท่ีตามกฎหมายของประเทศน้ัน บุคคลตํางสัญชาติท่ีเข๎าไปอยูํอาศัยซึ่งเรียกวําคนตํางด๎าว ไมํมีสิทธิเทําเทียมกับพลเมือง และมีหน๎าท่ีแตกตํางออกไป เชํน อาจมีหน๎าท่ีเสียภาษี หรือ คาํ ธรรมเนียมเพมิ่ ข้นึ ตามที่กฎหมายของแตํละประเทศบัญญัติไว๎ สิทธิและหน๎าที่เป็นสิ่งคํูกัน เม่ือมีสิทธิก็ต๎องมีหน๎าที่ พลเมืองของทุกประเทศมีท้ังสิทธิ และหน๎าที่ แตํจะมีมากน๎อยเพียงใดขึ้นอยํูกับกฎหมายของประเทศน้ัน ๆ และแนํนอนวําประเทศ ที่ปกครองด๎วยระบอบประชาธิปไตย ประชาชนมสี ทิ ธิมากกวําการปกครองในระบอบอ่ืน เพราะมีสิทธิ ทสี่ าคัญท่ีสุด คือ สิทธิในการปกครองตนเอง กกกกกกกกก พลเมืองดี หมายถึง ผ๎ูที่ปฏิบัติหน๎าที่พลเมืองได๎ครบถ๎วน ท้ังกิจที่ต๎องทา และกิจท่ีควร ทา พลเมอื งดีมหี น๎าท่ตี ๎องปฏิบตั ติ ามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาติคาสั่ง สอนของพอํ แมํ ครู อาจารย์ มีความสามคั คี เออื้ เฟื้อเผ่ือแผํซึ่งกันและกัน ร๎ูจักรับผิดชอบช่ัวดีตามหลัก จริยธรรม และหลักธรรมของศาสนา มีความรอบร๎ู มีสติปัญญา ขยันขันแข็ง สร๎างความเจริญก๎าวหน๎า ให๎แกํตนเอง ครอบครัว สงั คม และประเทศชาติ

193 กกกกกกก2. ความหมายของคาวํา “สิทธิ” “เสรภี าพ” และ “หน๎าที่” กกกกกกก2. 2.1 สิทธิ หมายถึง อานาจหรือผลประโยชน์ของบุคคลท่ีกฎหมายให๎ความ คุ๎มครอง เชนํ สทิ ธเิ ลือกต้ัง กฎหมายกาหนดให๎บุคคลที่มีอายุ 18 ปบี รบิ ูรณม์ ีคุณสมบตั ิถูกต๎องตาม กฎหมายมสี ทิ ธิเลือกสมาชิกสภาผูแ๎ ทนราษฎร กกกกกกก2. 2.1 คาวาํ “สทิ ธิ” และ “เสรีภาพ” เปน็ คาทีม่ ักอยูํควบคํูกนั โดยรัฐธรรมนูญ ทุกฉบับท่ีผํานมาได๎กาหนดเรื่องสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทยไว๎อยํางชัดเจน ท้ังน้ีคาวํา “สิทธิ” มีคา คูํกันอยคูํ ือ “หน๎าท่ี” ไมํวาํ เรื่องใด ๆ ก็ตาม เมื่อมี“สิทธิ” ก็ยํอมมี “หน๎าที่” คูํกันเสมอ เมื่อเราเกิดมา เป็นคนไทยมีสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญไทยกาหนด เราก็ยํอมมีหน๎าที่ที่จะต๎องปฏิบัติในฐานะเป็น คนไทยดว๎ ยเชํนกนั ดงั น้นั เพอ่ื ใหเ๎ กดิ ความเขา๎ ใจท่ถี กู ตอ๎ ง และเห็นความสาคัญของการปฏิบัติตนเป็น พลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตย เราจึงควรมาทา ความเข๎าใจความหมายท่ีแท๎จริงของคาท่ีเกี่ยวข๎อง เหลําน้ีกันเสียกํอนในเบื้องต๎น “สิทธิ” คือ ประโยชน์หรืออานาจของบุคคลท่ีกฎหมายรับรอง และค๎ุมครองมิให๎มีการละเมิด รวมทั้งบังคับการให๎เป็นไปตามสิทธิ ในกรณีท่ีมีการละเมิดด๎วย เชํน สิทธิในครอบครัว สิทธิความเป็นอยํูสํวนตัว สิทธิในเกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในการเลือกอาชีพ ถน่ิ ที่อยูํ การเดินทาง สทิ ธใิ นทรพั ย์สิน เปน็ ต๎น กกกกกกก2. 2.2 เสรีภาพ หมายถึง ความมีอิสระในการกระทาของบุคคลที่อยูํในขอบเขตของ กฎหมาย เชนํ เสรีภาพในการพูด การเขียน เป็นต๎น กกกกกกก2. 2.2 เสรีภาพ เปน็ คาท่ถี ูกใชเ๎ คียงคํูกับคาวํา “สทิ ธิ” เสมอวํา “สทิ ธิเสรีภาพ” จนเข๎าใจวํามีความหมายอยํางเดียวกัน ท้ังท่ีแท๎จริงแล๎วคาวํา “เสรีภาพ” หมายถึง อานาจตัดสินใจ ด๎วยตนเองของมนุษย์ ท่ีจะเลือกดาเนินพฤติกรรมของตนเอง โดยไมํมีบุคคลอ่ืนใด อ๎างหรือใช๎อานาจ แทรกแซงเกี่ยวข๎องกับการตัดสินใจนั้น และเป็นการตัดสินใจด๎วยตนเองท่ีจะกระทา หรือไมํกระทา การส่ิงหน่ึงส่ิงใดอันไมํเป็นการฝุาฝืนตํอกฎหมาย แตํการที่มนุษย์ดารงชีวิตอยูํในสังคมแล๎ว แตํละคน จะตัดสินใจกระทาการ หรือไมํกระทาการส่ิงใดนอกเหนือนอกจากต๎องปฏิบัติตามกฎหมายแล๎ว ยอํ มตอ๎ งคานงึ ถงึ กฎเกณฑต์ ําง ๆ ของสงั คม ขนบธรรมเนยี ม และวฒั นธรรม กกกกกกก2. 2.3 หน๎าที่ หมายถงึ กิจที่ต๎องทา หรือควรทา เปน็ สง่ิ ที่กาหนดใหท๎ า หรือหา๎ มมิให๎ กระทา ถ๎าทาก็จะกํอให๎เกิดผลดี เกิดประโยชน์ตํอตนเอง ครอบครัว หรือสังคมสํวนรวมแล๎วแตํกรณี ถ๎าไมํทาหรือไมํละเว๎นการกระทาตามท่ีกาหนดจะได๎รับผลเสียโดยตรง คือ ได๎รับโทษ หรือถูกบังคับ เชนํ ปรับ จาคกุ หรือประหารชีวติ เป็นต๎น โดยท่วั ไปส่งิ ทรี่ ะบกุ ิจท่ตี อ๎ งทา ได๎แกํ กฎหมาย เป็นต๎น กกกกกกก2. 2.2 คาวํา “หนา๎ ท่ี” ตามพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2544 หมายถึง กิจท่ีจะต๎องทาด๎วยความรับผิดชอบ แตํเม่ือนาคาวํา “หน๎าท่ี” รวมกับคาวํา “ชนชาวไทย” เป็น “หนา๎ ท่ีของชนชาวไทย” ดังที่ปรากฏในหมวด 4 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ได๎ให๎ความหมาย วํา คือภาระและความรับผิดชอบท่ีรัฐธรรมนูญกาหนด บังคับให๎บุคคลซ่ึงเป็นชนชาวไทยต๎องปฏิบัติ หรือกระทาให๎เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย เมื่อรัฐธรรมนูญกาหนดวําการกระทาใดเป็น หน๎าทข่ี องพลเมืองแลว๎ ถา๎ หากผูใ๎ ดไมปํ ฏบิ ัติ หรือละเว๎นการปฏิบัติถือวําเป็นการฝุาฝืนกฎหมายและ จะถูกลงโทษ อยํางไรก็ตามหน๎าท่ีของชนชาวไทยถือวําเป็นภาระและความรับผิดชอบของประชาชน ชาวไทยทุกคนที่ต๎องยึดถือปฏิบัติน่ันเอง สิทธิและหน๎าท่ีจึงเป็นสิ่งคูํกัน เมื่อมีสิทธิก็ต๎องมีหน๎าท่ี

194 ประชาชนของทุกประเทศมีทั้งสิทธิและหน๎าที่แตํจะมีมากน๎อยเพียงใดขึ้นอยํูกับกฎหมายของประเทศ น้ัน ๆ และแนํนอนวําประเทศท่ีปกครองด๎วยระบอบประชาธิปไตย ประชาชนยํอมมีสิทธิมากกวํา การปกครองในระบอบอ่ืน เพราะมสี ิทธทิ ี่สาคัญทสี่ ุด คือ สทิ ธิในการปกครองตนเอง กกกกกกก3. สิทธิและเสรภี าพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ได๎นา เร่ืองการคุ๎มครองสิทธิ และเสรีภาพของประชาชนมาบัญญัติไว๎ เป็นคร้ังแรกวํา “บุคคลยํอมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือ ศาสนาหรือลัทธิใด ๆ และมีเสรีภาพในการปฏิบัติพิธีกรรมตามความเช่ือถือของตน เมื่อไมํเป็น ปฏิปักษ์ตํอหน๎าที่ของพลเมือง และไมํเป็นการขัดตํอความสงบเรียบร๎อยหรือศีลธรรมของประชาชน” และ “ภายในบังคับแหํงกฎหมาย บุคคลยํอมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในรํางกาย เคหสถาน ทรัพย์สิน การพูด การเขียน การโฆษณา การศึกษาอบรม การประชุม โดยเปิดเผย การตั้งสมาคมการอาชีพ” แมว๎ าํ จะวางหลกั ไว๎อยาํ งกว๎าง ๆ เพือ่ เปน็ แนวทางปฏิบัติ แตใํ นเมอื่ ไมํมกี ฎหมายมารองรับ ในบางเร่ือง จึงมีการละเมิดจนเกิดผลเสียตํอการปกครองบ๎านเมือง เชํน การตั้งสมาคมคณะราษฎร ท่ีมีกิจกรรม ในทางการเมืองประหนึ่ง เป็นพรรคการเมืองท่ีมํุงเน๎นสํงผ๎ูสมัครรับเลือกต้ัง จนกระทั่งนาไปสํูความ ขัดแย๎งทางการเมืองระหวํางคณะราษฎรกับขุนนางชั้นสูง เป็นต๎น นับแตํนั้นมาในการจัดทา รัฐธรรมนูญแตํละฉบับ ผู๎ที่เกี่ยวข๎อง จะคานึงถึงการคุ๎มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเป็น ประการสาคัญเสมอ เพราะมองวําสิทธิและเสรีภาพเป็นเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และประเทศท่ีปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย หากละเลยหรอื ไมคํ ม๎ุ ครองเรือ่ งเหลํานี้ ยํอมสํงผลตํอ เกียรติภูมิของประเทศชาติอีกด๎วย ดังจะเห็นได๎จากในการจัดทารัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 สภารํางรัฐธรรมนูญได๎กาหนด กรอบการจัดทาไว๎วํา “...มีสาระสาคัญเป็นการ สํงเสริมค๎ุมครองสิทธิ และเสรีภาพของประชาชน ให๎ประชาชนมีสํวนรํวมในการปกครองและ ตรวจสอบการใช๎อานาจรัฐเพิ่มขึ้น...” และในการจัดทารัฐธรรมนูญ แหํงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สภารํางรัฐธรรมนูญก็ได๎ ยึดกรอบดังกลําว และได๎ขยายขอบเขตการค๎ุมครองสิทธิ เสรีภาพ ให๎กว๎างขวางขึ้น พร๎อมทั้งได๎กาหนดออกมาเป็นสํวน ๆ เพื่อความเข๎าใจของประชาชน ผไู๎ ด๎รบั การคม๎ุ ครองโดยรัฐธรรมนูญ กกกกกกก4. สทิ ธขิ องปวงชนชาวไทย 4.1 สิทธใิ นครอบครวั และความเปน็ อยํูสวํ นตัว ชาวไทยทกุ คนยํอมไดร๎ ับความคุม๎ ครอง เกยี รตยิ ศ ช่อื เสยี ง และความเป็นอยสํู วํ นตัว 4.2 สิทธอิ นรุ ักษฟ์ ื้นฟจู ารีตประเพณี บคุ คลในท๎องถ่ินและชุมชนต๎องชํวยกันอนุรักษ์ ฟนื้ ฟูจารีตประเพณี วฒั นธรรมอันดีงาม ภูมปิ ัญญาท๎องถิน่ เพือ่ รักษาไว๎ให๎คงอยูตํ ลอดไป 4.3 สิทธิในทรพั ย์สิน บคุ คลจะได๎รับการค๎ุมครองสิทธิในการครอบครองทรัพย์สินของ ตนและการสืบทอดมรดก 4.4 สทิ ธิในการรับการศึกษาอบรม บุคคลยํอมมีความเสมอภาคในการเข๎ารับ การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน 12 ปี อยํางมีคณุ ภาพและทั่วถึง โดยไมเํ สยี คําใชจ๎ าํ ย 4.5 สิทธิในการรับบรกิ ารทางด๎านสาธารณสุขอยํางเสมอภาค และได๎มาตรฐาน สาหรบั ผ๎ยู ากไร๎จะได๎รบั สทิ ธใิ นการรักษาพยาบาลจากสถานบรกิ ารสาธารณสขุ ของรัฐ โดยไมํเสีย คําใชจ๎ าํ ย

195 4.6 สิทธิท่ีจะได๎รับการคุ๎มครองโดยรัฐ เด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลในสังคมที่ได๎รับ การปฏิบัตอิ ยํางรุนแรง และไมเํ ป็นธรรมจะได๎รบั การค๎ุมครองโดยรัฐ 4.7 สทิ ธทิ ่ีจะได๎รบั การชวํ ยเหลือจากรัฐ เชํน บุคคลท่ีมีอายเุ กินหกสิบปี และรายได๎ไมํ พอตํอการยังชพี รัฐจะให๎ความชวํ ยเหลอื เป็นต๎น 4.8 สิทธทิ ี่จะไดส๎ ่ิงอานวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ โดยรัฐจะใหค๎ วามชํวยเหลือ และอานวยความสะดวกอนั เปน็ สาธารณะแกํบุคคลในสงั คม 4.9 สิทธิของบคุ คลท่ีจะมสี ํวนรํวมกบั รฐั และชมุ ชน ในการบารุงรักษาและการได๎ ประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาติ 4.10 สทิ ธิทจ่ี ะได๎รับทราบข๎อมลู ขาํ วสารจากหนวํ ยงานของรฐั รัฐวสิ าหกจิ หรือราชกา สวํ นท๎องถน่ิ อยํางเปดิ เผย เว๎นแตํการเปดิ เผยข๎อมลู น้ันจะมีผลตอํ ความมั่นคงของรฐั หรอื ความ ปลอดภยั ของประชาชนสวํ นรวม หรอื เป็นสํวนไดส๎ ํวนเสียของบคุ คลซึ่งมสี ิทธิได๎รบั ความค๎มุ ครอง 4.11 สทิ ธเิ สนอเรอ่ื งราวร๎องทุกข์โดยไดร๎ บั แจ๎งผลการพจิ ารณาภายในเวลาอนั ควร ตามบทบัญญัตขิ องกฎหมาย 4.12 สทิ ธิทีบ่ ุคคลสามารถฟูองร๎องหนํวยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ราชการ สํวนท๎องถิน่ หรือองค์กรของรัฐทเี่ ปน็ นติ ิบุคคลให๎รบั ผิดชอบการกระทาหรือละเว๎นการกระทา ตามกฎหมายของเจ๎าหน๎าที่ของรัฐภายในหนวํ ยงานนัน้ กกกกกกก5. การปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมืองดี กกกกกกก5. บคุ คลจะเป็นพลเมืองดขี องสังคมน้นั ตอ๎ งตระหนักถึงบทบาทหน๎าท่ี ท่ีจะต๎องปฏบิ ัติ และมํงุ ม่ันเพ่ือให๎บรรลเุ ปูาหมาย ด๎วยความรับผิดชอบอยํางเต็มท่ี สอดคล๎องกับหลักธรรม วัฒนธรรม ประเพณี และรฐั ธรรมนญู ที่กาหนดไว๎ รวมทงั้ บทบาททางสังคมที่ตนดารงอยูํ เพื่อให๎เกิดประสิทธิภาพ สูงสุด และได๎ประสิทธิผลทั้งในสํวนตนและสังคม เมื่อสามารถปฏิบัติหน๎าท่ีได๎อยํางถูกต๎องสมบูรณ์ ยอํ มเกิดความภาคภูมิใจ และเกดิ ผลดีทัง้ ตอํ ตนเอง และสังคม ดว๎ ยการเปน็ พลเมอื งดที ี่เคารพกฎหมาย เคารพสิทธิเสรีภาพของผอู๎ ่นื มคี วามกระตอื รอื ร๎นทีจ่ ะเข๎ามามีสํวนรํวมในการแก๎ปัญหาของชุมชนและ สังคม มีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นหลักในการดาเนินชีวิตอยํางผาสุก พลเมืองดี มีหน๎าท่ีต๎องปฏิบัติ ดังนี้ กกกกกกก5. 5.1 หนา๎ ทขี่ องพลเมืองดตี ํอประเทศชาติ กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 จงรกั ภกั ดีและรกั ษาไวซ๎ ึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ เป็นสถาบนั สูงสดุ ของชาติ เป็นทเี่ คารพสักการะบูชา ของประชาชน ชาวไทยทุกคนนอกจากนสี้ ถาบันดังกลําว ยงั เปน็ เอกลกั ษณ์ของชาติไทยดว๎ ย ดังน้ันตราบใดท่ีสถาบัน ทั้งสามยงั คงอยํูคนไทยกจ็ ะดารงอยไํู ด๎ กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 1) การรกั ษาชาติ บุคคลมหี นา๎ ทร่ี ักษาไว๎ซ่ึงชาติ มหี นา๎ ท่ีรักษา กต็ อ๎ งดแู ล และปูองกนั ชาติ มใิ ห๎ผ๎ูใดใช๎ขอ๎ อ๎างใด ๆ เพ่อื แบํงแยกแผํนดินไทย ด๎วยเหตุผลทางการเมือง การปกครอง หรือศาสนา เพราะรัฐธรรมนูญกาหนดวํา “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่ง อันเดียวจะแบํงแยกมิได๎” ดังนั้น ผ๎ูใดจะมาชักจูง โน๎มน๎าวเราด๎วยเหตุผลใด ๆ ถือวําเป็นผ๎ูทาลาย ประเทศชาติ คนไทยทุกคนมหี น๎าที่รักษาชาตใิ หม๎ เี สถยี รภาพ ม่ันคงถาวรและเปน็ เอกภาพตลอดไป

196 กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 2) การรักษาศาสนา เนอ่ื งจากประเทศไทยให๎เสรีภาพในการนับถอื ศาสนา และสามารถประกอบพิธีกรรมตามศาสนาได๎ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภ์ คอื ทรงอุปถมั ภ์ทุกศาสนาในประเทศไทย รัฐธรรมนูญจึงกาหนดให๎เป็นหน๎าที่ที่เราทุกคนต๎องรักษาไว๎ ซึง่ ศาสนา ซึ่งนาํ จะหมายถึง การบารงุ รักษาและเสริมสร๎างศรัทธา เพ่ือให๎ศาสนาคงอยํูคํูบ๎านเมืองและ เป็นหลักยึดเหน่ียวในด๎านคุณธรรมสืบไป คนไทยทุกคนต๎องชํวยกันสอดสํองดูแล ท้ังฆราวาสและ บรรพชติ ให๎มีวตั รจรยิ าอนั เหมาะสมตํอศาสนา หรือลทั ธิของตนจะอาศัยพระวินัย หรือนักบวชแตํเพียง อยํางเดยี วไมไํ ด๎ กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 3) การรักษาพระมหากษัตริยแ์ ละการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุข ภารกจิ น้เี ปน็ หน๎าที่ยิง่ ใหญํของคนไทยทุกคน เพราะประเทศไทย ดารงอยํูได๎ และคนไทยอยูํอยํางรํมเย็นเป็นสุขยืนยงมาทุกวันน้ี ด๎วยพระบารมีของพระมหากษัตริย์ ทุกพระองค์ปกอยูํเหนือเกล๎าฯ ชาวไทยทุกคน เพราะแตํละพระองค์จะครองราชย์สมบัติ ดูแลบ๎านเมืองอยํูได๎นานกวําประมุขที่มาจากการเลือกต้ัง ทั้งมีความร๎ูสึกผูกพัน ตั้งแตํโบราณกาลถึง ปัจจุบัน ยํอมจารึกอยูํในดวงใจของชาวไทยท้ังประเทศ ฉะน้ันจึงเป็นหน๎าที่ที่คนไทยต๎องดูแลรักษา และเทิดทูนสถาบันและองค์พระมหากษัตริย์ไว๎ด๎วยชีวิต อีกท้ังต๎องปูองกันภัยพาลอันเกิดจากวาจา หรือความคดิ ท่ไี มสํ ุจรติ ทั้งปวง การปกครองของไทยจึงเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ เปน็ ประมุข แนวํ แนมํ ่ันคงเพราะพระองค์ คอื สญั ลักษณ์แหํงคณุ ธรรมและสนั ติสุข กกกกกกก5. 5.1 5.1.2 รักษาไวซ๎ ึง่ การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยปกครองโดย ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของ ประเทศไทย ประชาชนทุกคนจึงมีหน๎าท่ีรักษาไว๎ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย และ รัฐธรรมนูญของชาติก็ได๎กาหนดไว๎วํา เป็นหน๎าที่ของคนไทยทุกคนท่ีจะต๎องดารงรักษาไว๎ซึ่งการ ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 1) การปฏบิ ัติตามกฎหมาย บุคคลมหี น๎าทีป่ ฏบิ ตั ิตามกฎหมาย ซึง่ รัฐธรรมนญู ไดร๎ ะบุไวก๎ วา๎ ง ๆ แตํมีความหมายครอบคลุมกฎหมายทกุ ประเภท ไมํวําจะเป็นกฎหมาย เอกชน มหาชน หรือกฎหมายระหวํางประเทศ รวมทั้งกฎหมายระดับตําง ๆ เชํน พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง เป็นต๎น เมื่อเราต๎องเก่ียวข๎อง หรือสัมพันธ์กับกฎหมายใด ก็ต๎อง ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายนัน้ ๆ อยาํ งเครงํ ครดั เพราะกฎหมายแตํละฉบับน้ันได๎มีการรํางและประกาศใช๎ใน ราชกิจจานุเบกษาอยํางเปิดเผยตํอสาธารณชน จึงเป็นหน๎าที่ของชาวไทยทุกคนท่ีจะต๎องศึกษา และทาความเขา๎ ใจเร่อื งกฎหมาย เพอื่ ไมํใหเ๎ สียเปรียบ หรอื ไดร๎ ับโทษโดยรเู๎ ทําไมถํ ึงการณ์ กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 2) การไปใช๎สทิ ธเิ ลอื กตัง้ บคุ คลมหี นา๎ ท่ีไปใช๎สทิ ธิเลือกตงั้ การใชส๎ ิทธิ เลือกต้ังมีท้ังในประเทศท่ีปกครองด๎วยระบอบประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ที่ถือเสียงข๎างมากเป็นสาคัญ แตํก็เคารพสิทธิเสรีภาพของเสียง ขา๎ งนอ๎ ย ในระบอบประชาธิปไตยจงึ มกี ารเลือกตงั้ ผ๎แู ทนไปปฏิบัติหน๎าท่ีแทนประชาชน ซึ่งอาจจะเป็น การเลือกผู๎แทนเข๎าไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ หรืออาจเป็นการเลือกผู๎แทนไปเป็นหัวหน๎าฝุาย บริหารโดยตรงก็ได๎ แล๎วแตํรูปแบบการปกครองของแตํละประเทศ ที่กาหนดไว๎ในรัฐธรรมนูญ การเลือกต้ังจึงถือเป็นกิจกรรมที่จาเป็นอยํางหน่ึงในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย การได๎มี

197 โอกาสใช๎สิทธใิ นการเลอื กตง้ั จึงเป็นความภาคภมู ใิ จของประชาชนที่อยูํในประเทศประชาธิปไตย การมี สวํ นรํวมของประชาชนทส่ี าคัญคือ การเลือกตง้ั ดังน้ัน ประชาชนควรภาคภูมิใจท่ีจะไปใช๎สิทธิเลือกตั้ง โดยเสรี ดงั น้ันการเลอื กต้งั จงึ เปน็ หนา๎ ท่ีทส่ี าคัญของคนไทย บุคคลใดท่ีไมํไปเลือกต้ังโดยไมํแจ๎งเหตุอัน สมควรท่ีทาให๎ไมํอาจไปเลือกตง้ั ได๎ยํอมเสียสิทธติ ามกฎหมาย กกกกกกก5. 5.1 5.1.3 ชวํ ยกนั ปูองกันประเทศ ประเทศชาตเิ ป็นของประชาชนไทยทุกคน ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นสํวนหน่ึงของประเทศ จึงต๎องมีหน๎าที่รักษาไว๎ซ่ึงความเป็นเอกราช และความ ม่นั คงของชาติ โดยการปูองกันประเทศชาตใิ หพ๎ น๎ จากภยั อนั ตรายตาํ ง ๆ ซ่ึงเกดิ จากศัตรูท้ังภายในและ ภายนอกประเทศ เม่ือมีเหตุร๎ายขึ้นในประเทศ ตํางก็ต๎องชํวยกันปราบปรามให๎ความรํวมมือกับ เจ๎าหน๎าที่ของบ๎านเมืองอยํางเต็มท่ี โดยเฉพาะอยํางยิ่งเป็นงานโดยตรงท่ีชายไทยทุกคนจะต๎องเข๎ารับ ราชการ 1) การปูองกนั ประเทศ เป็นหนา๎ ทขี่ องคนไทยทุกคน กกกกกกก5. 5.1 5.1.1 2) การรบั ราชการทหาร พระราชบญั ญตั กิ ารตรวจเลือกรับราชการ พ.ศ.2497 กาหนดให๎เป็นหน๎าที่ของชายไทยทุกคนต๎องไปรับการตรวจเลือก หรือท่ีเรียกวํา เกณฑ์ทหาร เม่ืออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ แตํผ๎ูอยูํในวัยศึกษาเลําเรียนสามารถผํอนผันได๎ โดยผู๎ท่ี ขอผํอนผันต๎องไปรายงานตัวทุกปี เมื่อมีการเกณฑ์ทหาร จนกวําจะสาเร็จการศึกษา และเม่ือสาเร็จ การศึกษาแล๎วก็ต๎องไปเข๎ารับการคัดเลือกตามท่ีกฎหมายกาหนดไว๎ สาหรับผู๎ฝุาฝืนไมํไปเข๎ารับการ ตรวจเลือก หรือหนีทหาร จะได๎รบั โทษทางอาญาสถานเดยี ว คอื จาคกุ ต้งั แตํ 1 เดือน ถงึ 3 ปี กกกกกกก5. 5.1 5.1.4 ปฏิบัตติ ามกฎหมายบา๎ นเมอื งอยาํ งเครํงครัด กฎหมายบา๎ นเมือง หมายถึง กติกาหรือระเบียบกฎเกณฑ์ที่วางไว๎ให๎ประชาชนทุกคนปฏิบัติ เพื่อความสงบเรียบร๎อยของ บ๎านเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ได๎กาหนดให๎ประชาชนทุกคนมีสํวนรํวมในการ พิจารณาเห็นชอบและกาหนดกฎหมายข้ึนใช๎ในประเทศ โดยการเลือกต้ังผู๎แทนตน เพ่ือไปปฏิบัติ หน๎าท่ีออกกฎหมายในสภานิติบัญญัติจึงเทํากับวําประชาชนทุกคนรํวมกันตรากฎหมายออกมาใช๎ รํวมกนั ประชาชนทุกคนจงึ ควรปฏิบตั ิอยํางเครงํ ครดั เพื่อความสงบเรียบร๎อยและความผาสกุ รํวมกนั กกกกกกก5. 5.1 5.1.5 ให๎ความรํวมมอื ชวํ ยเหลือแกํราชการ เจา๎ หนา๎ ท่เี ปน็ ตัวแทนของรัฐบาลใน การทจ่ี ะให๎บริการแกํประชาชน และปฏิบัติงานให๎เป็นไปตามกฎหมายของบ๎านเมืองชํวยเป็นหูเป็นตา แกํเจ๎าหน๎าที่บ๎านเมือง เพ่ือชํวยปูองกันปราบปรามโจรผู๎ร๎าย หรือผู๎เป็นภัยตํอความสงบสุขของ บ๎านเมือง เมื่อประชาชนทุกคนตํางให๎ความรํวมมือกัน รักษาความสงบเรียบร๎อยของบ๎านเมือง ประเทศชาติกจ็ ะอยํอู ยํางสงบสุขและปลอดภยั จากศตั รทู ้ังภายในและภายนอก กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 เสยี ภาษีอากรตามที่กฎหมายบัญญัติไว๎ ประเทศชาติจะรํุงเรืองและ ประชาชนจะมีความสงบสขุ อยูไํ ด๎ ก็ต๎องอาศัยการบริหารราชการแผนํ ดินของรฐั บาล เป็นหนา๎ ทีส่ าคญั ทีป่ ระชาชนชาวไทยจะต๎องชํวยกนั เสียภาษอี ากร เพื่อเราจะไดม๎ กี าลงั ทหารไว๎ปูองกนั เอกสารของชาติ มถี นนทางดี ๆ ไวใ๎ ช๎ มีโรงเรยี นใหล๎ ูกหลานได๎ศึกษาเลําเรียน มโี รงพยาบาลสาหรับรักษาเม่อื เราเจ็บไข๎ ไดป๎ ุวย โดยจะต๎องภาษี ตามทีก่ ฎหมายกาหนดไวด๎ งั น้ี กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 1) ภาษีเงินได๎บุคคลธรรมดา เป็นภาษีที่รัฐเก็บจากประชาชนทุกคนที่มี รายได๎

198 กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 2) ภาษีเงินได๎นิติบุคคล เปน็ ภาษีท่รี ัฐเก็บจากบรษิ ทั หา๎ งร๎านทีเ่ ปน็ นติ บิ ุคคล องคก์ ารของรฐั บาลตาํ งประเทศ กจิ การรวํ มคา๎ มลู นิธิและสมาคม กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 3) ภาษีการค๎า เป็นภาษีที่รัฐเก็บจากผ๎ูประกอบการค๎า หรือผู๎ที่ถือวํา ประกอบการค๎าตามอัตราท่ีกาหนดไว๎ ภาษีผ๎ูประกอบการค๎าสามารถผลักภาระให๎ผู๎บริโภครับภาระ ภาษีนไ้ี ด๎ โดยรวมไว๎ในราคาสินค๎า เชนํ ภาษมี ูลคาํ เพ่มิ (VAT) กกกกกกก5. 5.1 5.1.6 4) คําอากรแสตมป์ เป็นการเก็บภาษีชนิดหนึ่ง ซ่ึงกฎหมายกาหนดให๎มี การปิดอากรแสตมป์บนตราสินค๎าบางอยําง โดยเอามูลคําของตราสารเป็นตัวต้ังในการคานวณ คาํ อากร กกกกกกก5. 5.2 หนา๎ ท่ขี องพลเมอื งดีตํอสังคม กกกกกกก5. 5.2 5.2.1 ด๎านกฎหมาย คือ เป็นกฎเกณฑ์ ข๎อบังคับที่ใช๎ควบคุมความประพฤติของ มนุษย์ในสังคม กฎหมาย มีลักษณะเป็นคาส่ัง ข๎อห๎าม ที่มาจากผู๎มีอานาจสูงสุดในสังคมใช๎บังคับได๎ ทั่วไป ใครฝุาฝืนจะต๎องได๎รับโทษ หรือสภาพบังคับอยํางใดอยํางหนึ่ง พลเมืองทุกคนต๎องปฏิบัติตาม กฎ ระเบยี บ ข๎อบงั คับของสังคม และบทบัญญตั ิของกฎหมาย เชนํ ไมํลํวงละเมิดสิทธิของผู๎อื่น หรือไมํ กระทาความผดิ ตามทกี่ ฎหมายกาหนด ก็จะทาให๎รฐั ไมํต๎องเสียงบประมาณในการปูองกัน ปราบปราม และจับกุมผ๎ูที่กระทาความผิดมาลงโทษ นอกจากน้ียังทาให๎สังคมมีความเป็นระเบียบสงบสุข ทุกคนอยูํรํวมกันอยํางสมานฉันท์ ไมํหวาดระแวงคิดร๎ายตํอกัน พลเมืองดีต๎องเคารพกฎหมายและ ทาตามกฎหมายรฐั ธรรมนญู กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 ดา๎ นวฒั นธรรม คอื แบบแผนการกระทา หรอื ผลการกระทาท่พี ฒั นาจาก สภาพเดิมตามธรรมชาติให๎ดีงามยั่งยืนจนเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม เชํน กิริยา มารยาท การพูด การแตํงกาย การรับประทานอาหาร เป็นต๎น วัฒนธรรมการไหว๎ เป็นวัฒนธรรมภายนอกที่มักได๎รับ การตอบสนองจากผ๎ูได๎รับด๎วยการไหว๎ตอบ นอกจากน้ี ยังมีวัฒนธรรมไทยอื่น ๆ ท่ีงดงาม เชนํ การกราบ การทาบญุ ตักบาตร การแตํงกายแบบไทย เป็นต๎น กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 1) พลเมืองดียอํ มเปน็ ทตี่ ๎องการของสงั คมทุกสงั คม สถาบัน และสถานะ ของตนเอง ดังนั้น พลเมืองดีจึงต๎องได๎รับการปลูกฝังวัฒนธรรมสิ่งท่ีดีงาม โดยเฉพาะสังคมแรก คือ ครอบครัว ต๎องอบรมให๎คนไทยมีสัมมาคารวะตํอผู๎อาวุโส มีความเสียสละ ซื่อสัตย์สุจริต ตรงตํอ เวลา เป็นตน๎ กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 2) สอนให๎เยาวชนร๎ูจักและปฏิบัติตนตามสถานภาพและบทบาทของ ตนเองโดยมีความรับผดิ ชอบ รับฟงั ความคดิ เห็นของผ๎ูอนื่ เคารพกฎหมาย ปฏิบัตติ ามขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมการปลกู ฝังสง่ิ ที่ดีงาม กกกกกกก5. 5.2 5.2.2 3) พลเมืองดที กุ คนต๎องปฏบิ ัติตามวฒั นธรรมของสงั คมท่ีตนเองเป็น สมาชิก กกกกกกก5. 5.2 5.2.3 ดา๎ นประเพณีไทย คือ กจิ กรรมที่สืบทอดตํอกนั มายาวนานและ สงั คมยอมรับวาํ เปน็ ส่ิงท่ีดีงาม สง่ิ ที่งดงามของแตลํ ะสังคมอาจเหมือนกัน คล๎ายกัน หรือแตกตํางกันได๎ และส่งิ ท่งี ดงามของสงั คมหนงึ่ เมอื่ เวลาผาํ นไปสังคมอาจเป็นสิง่ ที่ไมํงดงามได๎ ดังนั้นประเพณีไทยอาจ

199 มีการปรับปรุงเปล่ียนแปลงไปกับสภาพสังคม พลเมืองดีจึงควรรักษาประเพณี แตํถ๎าพบวําประเพณี มีความลา๎ หลัง ไมํทันสมัยก็สามารถปรับปรุงใหเ๎ หมาะสมกับสภาพสงั คมท่ีเปลีย่ นไป กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 ดา๎ นสิทธิหน๎าท่ตี าม ระบอบประชาธิปไตย การเป็นสมาชิกท่ีดขี องสงั คม ตามสทิ ธหิ น๎าทตี่ ามระบอบประชาธิปไตย มี 4 ระดับ ดังนี้ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) ระดบั ครอบครวั หนา๎ ที่ของครอบครวั ผลิตสมาชกิ ให๎แกํสังคม อบรม บํมเพาะคํานิยมท่ีดีงาม ปลูกฝังขนบธรรมเนียม แบบแผนทางสังคม และกลํอมเกลาให๎สมาชิกใน ครอบครัว เพ่ือเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมตํอไป ให๎ความอบอุํนแกํสมาชิกในครอบครัว เพ่ือให๎สมาชิกผ๎ู นั้นเข๎าสูํสังคม และเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคม ให๎การศึกษาแกํสมาชิกของครอบครัว ซ่ึงหน๎าท่ีของ สมาชิกในครอบครัว หลักสาคัญตามระบอบประชาธิปไตยมี 7 ขอ๎ คือ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) ให๎ความเคารพเช่ือฟังผูน๎ าในครอบครัว กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) ดูแลครอบครัวให๎สามารถอยไูํ ด๎ทั้งด๎านเศรษฐกจิ และความเป็นอยํู อื่น ๆ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) ไมสํ ร๎างความแตกแยก แกํครอบครวั กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (4) ไมํสรา๎ งความเดือดรอ๎ นแกคํ รอบครัว กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (5) เคารพกฎเกณฑ์ของครอบครวั และแบบแผนทางสังคม กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (6) สร๎างอาชีพและรายไดใ๎ หเ๎ พยี งพอกับสมาชิกในครอบครวั กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (7) ทานบุ ารุงครอบครัว ดแู ลสมาชกิ ที่ เจ็บปวุ ย และสมาชกิ ที่ ชํวยเหลือตัวเองไมํได๎ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 2) ระดับโรงเรียน เป็นสถานที่ทใ่ี หค๎ วามรซ๎ู ่งึ เราตอ๎ งอยํูรวํ มกับคน อืน่ ๆ อีกมากมาย ดังน้ันเราจึงจาเปน็ ตอ๎ งปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบของห๎องเรยี นและโรงเรยี น เพ่ือท่ีจะ ได๎อยรูํ ํวมกันอยาํ งมีความสขุ และเกดิ ความเปน็ ระเบียบเรียบรอ๎ ย บทบาทหนา๎ ที่ตามระบอบ ประชาธปิ ไตยในโรงเรียนมดี ังน้ี กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) เมือ่ มาโรงเรียน เราต๎องปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน เชนํ แตํงกายใหถ๎ ูกต๎องตามระเบียบ มาให๎ทนั เข๎าแถวเคารพธงชาติในตอนเช๎า กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) เมอ่ื อยูใํ นโรงเรยี น เราตอ๎ งชํวยกันรกั ษาความสะอาดในหอ๎ งเรียน และในบรเิ วณตาํ ง ๆ ของโรงเรียน ทงิ้ ขยะลงในถงั ขยะทโ่ี รงเรียนจัดให๎ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) ใหค๎ วามเคารพเช่ือฟังครอู าจารย์ ตง้ั ใจเรียนหนังสือ รวมทง้ั ทางานตาํ ง ๆ ที่ครูมอบหมายดว๎ ยความตั้งใจและเอาใจใสํ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (4) ปฏบิ ตั ใิ นการเปน็ ผ๎ูนาและผูต๎ ามท่ีดใี นห๎องเรียนและโรงเรียน ต๎องรูว๎ ําเม่ือเราเปน็ ผู๎นาในการทากิจกรรมตําง ๆ ควรปฏิบัติตนอยาํ งไร และเม่อื เป็นผ๎ูตามควรปฏิบตั ิ ตนอยํางไร กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (5) รู๎จักแสดงความคิดเหน็ ตามสิทธิของตนเองในหอ๎ งเรียนและ โรงเรียน รวมทั้งรู๎จกั รบั ฟังความคดิ เห็นของผู๎อ่ืน และเคารพข๎อตกลงของคนสวํ นใหญํ

200 กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (6) ถา๎ เกิดข๎อขดั แย๎งกนั ในหอ๎ งเรยี นและโรงเรยี น ให๎แก๎ปญั หาด๎วย หลักเหตุผล ไมใํ ชอ๎ ารมณ์หรอื พละกาลังในการแก๎ปัญหา เพราะไมํใชํวธิ แี ก๎ปญั หาท่ีถกู ต๎อง แตํกลับจะ ทาใหเ๎ กิดปัญหาอ่นื ๆ ตามมา กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (7) ในการแขํงขันทากิจกรรมตําง ๆ ของโรงเรียน เชํน การแขงํ กีฬา การประกวดในดา๎ นตาํ ง ๆ ต๎องฝึกฝนตนเองใหเ๎ ป็นผ๎ูรู๎จกั แพ๎ ชนะ และให๎อภัย รวมท้งั ยอมรบั ในคา ตดั สินของคณะกรรมการ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 3) ระดับท๎องถนิ่ การปฏิบัติตนในฐานะสมาชิกของชุมชน บคุ คล สามารถปฏิบตั ติ นเองตามระบอบประชาธปิ ไตยได๎หลายวธิ ี ดังนี้ กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) ปฏิบตั ติ นตามกฎระเบียบของชมุ ชน เชํน ปฏิบตั ติ ามกฎจราจร โดยขา๎ มถนนตรงทางม๎าลาย หรอื สะพานลอย ไมวํ ิ่งข๎ามถนนตดั หนา๎ รถ ไมํทงิ้ ขยะลงในที่สาธารณะ ไมํทาลายส่งิ ของทเ่ี ปน็ ของสาธารณะ และทรพั ยส์ นิ สวํ นตวั ของผ๎ูอ่ืนให๎ได๎รับความเสยี หายเพราะความ สนกุ สนานของตนเอง กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) เขา๎ รํวมกิจกรรมของชุมชน เพื่อชวํ ยรักษาและเผยแพรํวฒั นธรรม ประเพณีของชุมชนไว๎ ในแตํละชุมชนจะมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา เชนํ ประเพณีการทาบุญเมอื่ ถึงวันสาคญั ทางศาสนา ประเพณีวนั สงกรานต์ ประเพณีวนั ลอยกระทง กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) บาเพ็ญประโยชนต์ อํ ชุมชน เชํน ชํวยเก็บเศษขยะท่ีพบเหน็ ใน บริเวณตําง ๆ ชวํ ยดแู ลต๎นไม๎ ดอกไม๎ในสวนสาธารณะของชุมชน กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (4) รํวมกันอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล๎อมในชุมชน โดยให๎ทุกคนในชุมชนมีจิตสานึกในการรักษาส่ิงแวดล๎อม เชํน ชุมชนที่มีปุาชายเลน ควรจะรํวมใจกัน อนุรักษ์ปุาชายเลน เพื่อให๎เป็นที่อยูํของสัตว์ตําง ๆ รวมท้ังยังเป็นแหลํงหลบภัยของลูกสัตว์น้า และชมุ ชนที่อยตูํ ิดชายทะเล ควรรวํ มใจกนั รักษาความสะอาดของชายหาด เพื่อให๎เป็นแหลํงทํองเที่ยว ท่ีย่ังยืนของชุมชน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อมในชุมชนควรเป็นความรํวมมือกัน หลายฝุายระหวาํ งบา๎ น โรงเรยี น และชมุ ชน กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 4) ระดบั ประเทศ บุคคลปฏบิ ัตติ นในการเปน็ สมาชิกท่ีดีของประเทศตาม ระบอบประชาธิปไตย ดว๎ ยการมีสํวนรํวมในกิจกรรมทางการเมืองการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย ประชาชนสามารถมีสํวนรํวมได๎ ดงั น้ี กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (1) การใช๎สิทธิในการเลือกต้ังระดบั ตําง ๆ เมื่ออายุครบ 18 ปี บริบูรณ์ทุกคนต๎องไปใช๎สิทธิเลือกตั้งท้ังในระดับประเทศ เชํนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู๎แทนราษฎร การเลือกตัง้ สมาชิกวฒุ ิสภา และการเลอื กต้งั ระดับท๎องถิน่ เชํน การเลือกตั้งผว๎ู าํ กรงุ เทพมหานคร การเลือกตง้ั สมาชิกองค์กรสํวนท๎องถิ่น เปน็ ต๎น เพ่ือเลือกตัวแทนไปทาหน๎าทบ่ี ริหารประเทศ หรอื ท๎องถิ่นทวั่ ไป กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (2) การมสี ํวนรํวมในการตรวจสอบการใชอ๎ านาจรัฐ ในการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยน้ัน ประชาชนทุกคนต๎องมีสํวนรํวมในการชํวยกันสอดสํองดูแลการบริหาร ราชการแผํนดินของรัฐบาล หรือตรวจสอบการทางานของเจ๎าหน๎าท่ีในองค์กรตําง ๆ เพ่ือไมํให๎ใช๎ อานาจไปในทางทไ่ี มํถูกตอ๎ ง

201 กกกกกกก5. 5.2 5.2.4 1) (3) การเป็นแกนนาปลุกจิตสานกึ ให๎แกํผ๎ูอื่นในการรํวมกิจกรรม ทางการเมอื งการปกครอง ได๎แกํ การใชส๎ ทิ ธิเลือกต้ังและการมีสํวนรํวมในการตรวจสอบอานาจของรัฐ โดยการเป็นแกนนานั้น สามารถปฏบิ ัตไิ ดห๎ ลายอยําง เชํน ประกาศโฆษณาประชาสมั พันธ์ การเข๎าไป ชแี้ จงเป็นรายบุคคล การจดั ให๎มีการประชุมเพ่ือแสดงความคดิ เห็นตอํ ประเด็นที่มผี ลกระทบตอํ สงั คม กกกกกกก6. คุณธรรมของการเปน็ พลเมืองดี มี 8 ข๎อ ได๎แกํ กกกกกกก6. 6.1 ความจงรักภกั ดีตํอชาติ ศาสนา และพระมหากษตั ริย์ หมายถงึ การทบี่ ุคคล มีความนึกถึงความสาคัญของความเป็นคนไท ย มีจิตใจฝักใฝุศาสนา และตระหนักถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตนในการผดุงรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตรยิ ์ใหค๎ งอยํูคสํู งั คมไทย ตลอดไป กกกกกกก6. 6.2 การยึดมั่นในหลกั ธรรมของศาสนาที่ตนเองนบั ถือ ทุกศาสนามหี ลักศีลธรรมท่ีชวํ ย สร๎างจิตใจของคนให๎กระทาดี ไมํเบียดเบียนกัน มีใจเอ้ือเฟ้ือเผื่อแผํแกํกัน สมาชิกในสังคมสมควร ศรทั ธาในศาสนาทต่ี นนับถือ แล๎วปฏบิ ัตติ ามหลกั ศลี ธรรมของศาสนาท่ตี นนบั ถืออยาํ งสมา่ เสมอ กกกกกกก6. 6.3 ความซื่อสัตย์ หมายถงึ การกระทาทีถ่ ูกต๎องตรงไปตรงมา ไมํยดึ เอาส่ิงของผ๎ูอื่น มาเปน็ ของตน บคุ คลควรซื่อสตั ยต์ ํอตนเอง คือ กระทาตนใหเ๎ ป็นคนดี และบคุ คลควรซื่อสัตย์ตํอบุคคล อื่น ๆ หมายถงึ กระทาดี และถกู ตอ๎ งตามหนา๎ ท่ีตํอผอ๎ู ื่น กกกกกกก6. 6.4 ความเสยี สละ หมายถงึ การคานงึ ถงึ ประโยชน์ของสงั คมสํวนรวมมากกวํา ประโยชนส์ ํวนตน และยอมเสียสละประโยชน์สํวนตนเพ่อื ประโยชน์แกผํ อ๎ู ่ืนและสวํ นรวม กกกกกกก6. 6.5 ความรบั ผิดชอบ หมายถึง การยอมรับการกระทาของตนเอง หรือการทางานตาม หน๎าทีท่ ่ไี ดร๎ บั มอบหมายให๎สาเร็จลลุ วํ ง กกกกกกก6. 6.6 การมีระเบียบวินยั หมายถงึ การกระทาท่ีถกู ต๎องตามกฎเกณฑ์ที่สงั คมกาหนดไว๎ กกกกกกก6. 6.7 การตรงตอํ เวลา หมายถึง การทางานหรอื ทาหน๎าที่ทไี่ ด๎รบั มอบหมายใหส๎ าเร็จ ลุลวํ ง ทันตรงตามเวลาทีก่ าหนดโดยใชเ๎ วลาอยํางค๎มุ คาํ กกกกกกก6. 6.8 ความกลา๎ หาญทางจริยธรรม หมายถึง การกระทาที่แสดงออกในทางท่ถี กู ท่คี วร โดยไมํเกรงกลัว อิทธพิ ลใด ๆ ความกล๎านีไ้ มใํ ชกํ ารอวดดี แตเํ ปน็ การแสดงออกอยาํ งมีเหตุผล เพ่ือความถูกตอ๎ ง สรปุ กกกกกกกพลเมืองดี จึงเปน็ ผ๎ทู ี่ประพฤติปฏบิ ัติตน ตามหลกั กฎหมายทีเ่ ป็นกฎระเบียบหรือ ข๎อบังคับ ให๎พลเมืองของสังคมนั้นได๎ถือปฏิบัติรํวมกัน ตลอดจนรู๎จักบทบาทหน๎าที่ของตนเอง เคารพความคิดเห็นของผู๎อ่ืน และดารงตนเป็นประโยชน์ตํอสังคม ซึ่งพลเมืองยํอมมีสิทธิและหน๎าที่ ตามกฎหมายของประเทศนั้น บุคคลตํางสัญชาติ ที่เข๎าไปอยูํอาศัย ซ่ึงเรียกวํา คนตํางด๎าว ไมํมีสิทธิ เทําเทียมกับพลเมือง และมีหน๎าที่แตกตํางกันออกไป เชํน อาจมีหน๎าที่เสียภาษี หรือ คําธรรมเนียม เพิ่มขึ้น ตามที่กฎหมายแตํละประเทศบัญญัติไว๎ ซึ่งประชาชน ในประเทศจะต๎องฝึกฝนและพัฒนา ตนเองเพื่อความเป็นพลเมือง ซึ่งมีความเข๎าใจและตระหนักถึงบทบาทหน๎าที่ของตนในสังคมด๎วย

202 ความรับผิดชอบอยํางเตม็ ที่ รวมทง้ั มีความกระตอื รือร๎นในการรักษาสิทธิตําง ๆ ของตนและชุมชนของ ตนเองอยาํ งเข๎มแขง็ ทสี่ าคัญคอื ประชาชนควรเข๎ามามีสํวนรํวมทางการเมือง ด๎วยความเต็มใจโดยการ แสดงออกซ่ึงสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอยํางเสรี มีเหตุมีผล เพ่ือสร๎างสรรค์และ จรรโลงสังคม โดยรวม ตลอดจนยึดหลักการพ้ืนฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็น แนวทางในการดาเนินชีวิตในสังคม มีการปฏิบัติตนตามกฎหมายอยํางเครํงครัด และยึดมั่นในหลัก ศีลธรรมและคุณธรรม ของศาสนาควบคูํกันไปด๎วยพร๎อม ๆ กับดารงตนเป็นประโยชน์ ตํอสังคม สํวนรวม โดยมีการชํวยเหลือเกื้อกูลกันอยํางจริงใจ อันจะกํอให๎เกิดการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ตอํ ไป

203 ใบความรู้ เรือ่ งท่ี 2 การเรียนรูต้ ามรอยพระยุคลบาท วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือให๎นกั ศึกษามีความรู๎ความเขา๎ ใจ เรื่อง การเรยี นรต๎ู ามรอยพระยคุ ลบาท 2. เพ่ือให๎นกั ศกึ ษามีทักษะการแสวงหาความรู๎ เรื่อง การเรียนรต๎ู ามรอยพระยุคลบาท 3. เพ่ือใหน๎ ักศึกษามีความตระหนักถึงความสาคญั เร่อื ง การเรยี นร๎ูตามรอยพระยุคลบาท เน้อื หา การเรยี นรตู๎ ามรอยพระยุคลบาท หมายถงึ การเรยี นรเ๎ู พ่ือการปฏบิ ตั ิ การปฏิบตั ิของคนใน สังคมตามพระราชปฏิญญาพระบรมราโชวาท และหลักปฏิบัติพระราชภารกิจของพระบาทสมเด็จ พระเจ๎าอยหูํ วั เพ่ือเป็นแนวทางปฏบิ ัติตน และปฏบิ ตั ภิ ารกิจหน๎าท่ี การงานอันนาไปสํูทศพิธราชธรรม หรือการบริหารกิจการบ๎านเมืองท่ีดี สํงผลให๎บังเกิดความเจริญรุํงเรือง ความสงบเรียบร๎อยของสังคม ความผาสกุ ของประชาชน และความมน่ั คงของประเทศชาติ 1. ดา๎ นหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หมายถงึ เป็นปรัชญาชถ้ี ึงแนวทางการดารงอยูํ และปฏบิ ัตติ นของประชาชนในทุกระดบั ตั้งแตํระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการ พฒั นาและบรหิ ารประเทศให๎ดาเนนิ ไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อก๎าวทันตํอ โลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึง ความจาเป็นที่จะต๎องมีระบบภูมิคุ๎มกันในตัวที่ดีพอสมควร ผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการ เปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งน้ีจะต๎องอาศัย ความรอบรู๎ ความรอบคอบ และความ ระมัดระวัง อยํางยิ่ง ในการนาวิชาการตําง ๆ มาใช๎ในการวางแผน และการดาเนินการทุกข้ันตอน และขณะเดียวกันจะตอ๎ งเสริมสรา๎ งพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ๎าหน๎าท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนกั ธุรกิจในทุกระดับ ให๎มีสานึกในคุณธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต และให๎มีความรอบรู๎ ที่เหมาะสม ดาเนนิ ชีวติ ด๎วยความอดทน ความเพยี ร มีสติปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให๎สมดุล และพร๎อมการ รองรับการเปล่ียนแปลงอยํางรวดเร็ว และกว๎างขวางท้ังด๎านวัตถุ สังคม ส่ิงแวดล๎อม และ วัฒนธรรม จากโลกภายนอกได๎เป็นอยํางดี และได๎ทรงเน๎นย้าแนวทางการพัฒนา ที่ตั้งอยูํบนพ้ืนฐานของทาง สายกลาง และความไมํประมาท โดยคานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร๎างภูมิค๎ุมกัน ในตัวท่ีดี ตลอดจนใช๎คุณธรรม ความร๎ู และดาเนินชีวิตด๎วยความเพียร เพื่อปูองกันตนเองให๎รอดพ๎น จากวิกฤต และสามารถดารงอยํูได๎อยํางม่ันคงและยั่งยืน ภายใต๎กระแสโลกาภิวัตน์แล ะการ เปลยี่ นแปลงตําง ๆ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ แนวทางการดาเนนิ ชวี ิต และวถิ ปี ฏบิ ตั ินาสํคู วามสมดลุ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีตํอความจาเปน็ และเหมาะสมกับฐานะของตนเอง อนั สํงผลใหม๎ ีความสุขอยาํ งยั่งยืน โดยมีองค์ประกอบสาคัญ ดังนี้ สงั คมส่ิงแวดลอ๎ มรวมทง้ั วัฒนธรรม ในแตํละท๎องถนิ่ ไมํมากเกินไป ไมํนอ๎ ยเกินไป และต๎องไมเํ บยี ดเบียนตนเองและผ๎ูอ่ืน

204 ความมีเหตผุ ล หมายถึง การตัดสินใจดาเนนิ การอยาํ งมเี หตุผล ตามหลกั วิชาการ หลักกฎหมาย หลักคุณธรรม และวัฒนธรรมที่ดีงาม โดยคานึงถึงปัจจัยท่ีเกี่ยวข๎องอยํางถ๎วนถ่ี “รู๎จุดอํอน จุดแข็ง โอกาส อุปสรรค” และคาดการณ์ผลท่ีจะเกิดขึ้นอยํางรอบคอบ “รู๎เขา ร๎ูเรา ร๎ูจัก เลอื กนาสิ่งท่ดี ี และเหมาะสมมาประยกุ ต์ใช๎” การมภี ูมคิ ุ๎มกนั ในตวั ท่ีดี หมายถงึ การเตรยี มตวั ให๎พรอ๎ มรบั ผลกระทบและการ เปลี่ยนแปลงด๎านเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล๎อม และวัฒนธรรมจากท้ังในและตํางประเทศ เพ่ือให๎สามารถบริหารความเส่ียง ปรับตัว และรับมือได๎อยํางทันทํวงที การปฏิบัติเพ่ือให๎เกิดความ พอเพยี งนัน้ จะตอ๎ งเสรมิ สร๎างใหค๎ นในชาติมีพื้นฐานจติ ใจในการปฏิบัตติ น มคี ุณธรรม ท้งั น้ีบุคคล ครอบครัว องค์กร และชมุ ชน ที่จะนาปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปใช๎ ต๎องนาระบบคุณธรรม และความซ่ือสัตย์สุจริตมาประพฤติปฏิบัติกํอน โดยเริ่มจาก การอบรมเล้ียงดูในครอบครัว การศึกษาอบรมในโรงเรียน การส่ังสอนศีลธรรมจากศาสนา ตลอดจน การฝึกจติ ขมํ ใจของตนเอง ใช๎หลกั วชิ า-ความร๎ู โดยนาหลักวชิ าและความร๎เู ทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช๎ ท้งั ในขัน้ การ วางแผนและปฏบิ ัติ ด๎วยความดาเนินชวี ิตด๎วยความเพียร ความอดทน มสี ติปัญญา และความ รอบคอบ รอบรู๎ และระมัดระวงั อยาํ งย่งิ พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วนั ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 “การพัฒนาประเทศจาเป็นต๎องทาตามลาดับขั้นตอน ต๎องสรา๎ งพืน้ ฐาน คือ ความพอมี พอ กิน พอใช๎ ของประชาชนสํวนใหญเํ ป็นเบือ้ งต๎นกํอน เม่ือได๎พ้นื ฐานมัน่ คงพร๎อมพอควรและปฏบิ ัติได๎ แล๎ว จงึ คอํ ยสร๎าง คํอยเสรมิ ความเจรญิ และฐานะเศรษฐกิจชั้นท่ีสงู ขึน้ โดยลาดับตํอไป” 2. ด๎านความเจรญิ หมายถึง ความงอกงาม ความเพม่ิ พูนมากขนึ้ และคาวํา “รงุํ เรือง” ก็หมายความถึงความอุดมสมบูรณ์ เมื่อรวมคาวําเจริญ และรํุงเรืองเข๎าด๎วยกันเป็น “ความ เจริญรุํงเรือง” แล๎ว ณ ที่น้ี จึงหมายถึง ความงอกงามไพบูลย์ ความเพิ่มพูน ความอุดมสมบูรณ์ แหํงมนุษยสมบัติ เคร่ืองปลื้มใจของมนุษย์ได๎แกํ รูปสมบัติ 1 น้ีรวมทั้งบุคลิกภาพ กิริยามารยาทท่ีดี งาม และยศถาบรรดาศักด์ิด๎วย เป็นต๎น ทรัพย์สมบัติ 1 ได๎แกํ ทรัพย์สินเงินทอง เครื่องใช๎สอย เครอื่ งอานวยความสะดวกท่ีชอบใจ เป็นต๎น บริวารสมบัติ 1 ได๎แกํ พวกพ๎อง บริษัท บริวาร ญาติมิตร ท่ีดีอีกด๎วย และคุณสมบัติ 1 คือ ความร๎ู สติปัญญา ความสามารถ และคุณธรรม ให๎เจริญถึงสวรรค์ สมบัติ ท่ีละเอียดประณีตกวํามนุษยสมบัติและให๎ถึงมรรคผล นิพพาน ชื่อวํานิพพานสมบัติที่ส้ินสุด แหงํ ทกุ ขท์ ง้ั ปวง และทเ่ี ปน็ บรมสขุ 2. พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของวิทยาลัยเทคโนโลยีและ อาชวี ศึกษา ณ อาคารใหมํ สวนอมั พร วนั ท่ี 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 2. “ความเจริญของบ๎านเมืองน้ัน แท๎จริงเกิดจากความเจริญของบุคคลแตํละคนประกอบ กันขึ้น เพราะฉะนั้น ผ๎ูท่ีมีความร๎ูความสามารถทั้งหลายควรจะได๎ถือเป็นภาระรับผิดชอบสาคัญ ที่จะต๎องต้ังใจพยายามทางานของตนให๎ประสบผลสาเร็จและเจริญก๎าวหน๎า ความเจริญของแตํละคน จักได๎ประกอบเกื้อกูลกัน สํงให๎บ๎านเมืองมีความเจริญมั่นคงข้ึนด๎วย วันนี้จึงใครํแนะนาหลักการ ปฏิบัติงานแกํทุก ๆ คน เบ้ืองต๎นจะทางานสิ่งใด ไมํวําใหญํหรือเล็ก ขอให๎พิจารณาจุดมํุงหมายและ

205 ประโยชน์ของงานนั้นเห็นได๎ชัด จนเกิดความม่ันใจ และพอใจท่ีจะกระทา เม่ือมั่นใจแล๎วจึงกาหนด ขน้ั ตอนทางานให๎เหมาะแกกํ ารปฏิบัติ และลงมือปฏบิ ัติให๎ได๎ครบถว๎ นตามข้นั ตอนนั้น ๆ โดยสม่าเสมอ จนกวําจะสาเร็จ ขณะที่ปฏิบัติเอาใจใสํจดจํอไมํวางมือให๎ลําช๎าเสียหายท้ังพยายามให๎ความพินิจ พิจารณา ปรับปรุงการปฏิบัติให๎เหมาะสม และก๎าวหน๎าอยํูตลอดเวลา เพ่ือให๎บรรลุผลท่ีสมบูรณ์ ทํานทั้งหลายทาได๎อยํางน้ีก็จะได๎ช่ือวําเป็นนักปฏิบัติที่ดี ท่ีกระทาการงานทุกอยํางด๎วยหลักวิชาด๎วย ความสามารถ ด๎วยความพากเพียรเอาใจใสํ และด๎วยวิธีการอันแยบคายซึ่งจะชํวยให๎ประสบ ความสาเรจ็ ความเจริญทกุ สง่ิ ได๎ตามประสงค์” 3. ความดี หมายถงึ การทาใหเ๎ กิดผลดีอยํางมคี ุณคาํ ตํอผู๎อ่นื ตํอสํวนรวม รวมถงึ ตอํ ตนเอง พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรแกผํ ส๎ู าเร็จการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วนั ท่ี 20 ตลุ าคม พ.ศ. 2520 “ บัณฑิตทั้งหลายคงจะมีความหวังตั้งใจอยํูเต็มเปี่ยมที่จะออกไปทางานด๎วยความรู๎ ความสามารถ ด๎วยความบริสุทธ์ิใจ และด๎วยความเพียรเข๎มแข็ง เพื่อให๎บังเกิดความเจริญก๎าวหน๎าแกํ ชาติบา๎ นเมือง แตบํ างคนกอ็ าจกาลังคดิ อยูดํ ว๎ ยวาํ ถ๎าเราทาดีแล๎วคนอ่นื เขาไมทํ าด๎วยจะมิเสียแรงเปลํา หรือ ความร๎ู ความตงั้ ใจ ความอตุ สาหะพากเพียรของเราท้ังหมดจะมีประโยชน์อันใด ข๎าพเจ๎าขอให๎ทุก คนทาความเข๎าใจเสียใหมํให๎ชัดแจ๎งตั้งแตํต๎นน้ีวํา การทาความดีน้ันสาคัญท่ีสุดอยูํที่ตัวเอง ผ๎ูอื่นไมํ สาคัญและไมมํ คี วามจาเป็นอันใดท่ีจะตอ๎ งเปน็ หํวง หรือต๎องรอคอยเขาด๎วย เมื่อได๎ลงมือลงแรงกระทา แลว๎ ถงึ แมจ๎ ะมีใครรํวมมอื ดว๎ ยหรือไมํก็ตาม ผลดที ี่ทาจะต๎องเกิดข้ึนแนํนอนและย่ิงทามากเข๎า นานเข๎า ย่ังยืนเข๎า ผลดีก็ยิ่งเพิ่มพูนมากข้ึน และแผํขยายกว๎างออกไปทุกที คนที่ไมํเคยทาดี เพราะเขาไมํเคย เห็นผลกจ็ ะได๎เห็น และหันเข๎ามาอยํางเต็มหลักประกันสาคัญในการทาดีจึงอยูํท่ีวําแตํละคนต๎องทาใจ ให๎ม่ันคง ไมํหวั่นไหวกับส่ิงแวดล๎อมที่เห็นอยํู ทราบอยูํมากเกินไปจนเกิดความท๎อถอย เมื่อใจมั่นคง แล๎วก็ขอให๎ต้ังอกตั้งใจสร๎างนิมิต และคํานิยมใหมํข้ึนสาหรับตัวตามท่ีพิจารณาเห็นดี ด๎วยเหตุผลอัน ถกู ตอ๎ งเท่ียงตรงแล๎ว แล๎วมุํงหน๎าปฏิบัติดาเนินไปให๎เต็มกาลังจนบรรลุผลสาเร็จในท่ีสุด ความดีความ เจริญทีป่ รารถนาก็จะเกิดทวีขึ้น และจะเอาชนะความเส่ือมทรามตําง ๆ ได๎ไมนํ านเกนิ รอ” 4. ด๎านความร๎ู หมายถึง สิ่งที่ส่ังสมมาจากการศึกษาเลําเรียน การค๎นคว๎าหรือจาก ประสบการณ์ รวมท้ังความสามารถเชิงปฏิบัติ และทักษะความเข๎าใจ หรือสารสนเทศที่ได๎รับมาจาก ประสบการณอ์ งค์วชิ าในแตํละสาขา พระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตรแกบํ ัณฑิตมหาวิทยาลัยศรนี ครนิ รวโิ รฒ ณ สวนอมั พร วนั ที่ 22 มถิ ุนายน พ.ศ. 2524 “ความร๎ูน้ันสาคัญย่ิงใหญํ เพราะเป็นปัจจัยให๎เกิดความฉลาดสามารถ และความ เจริญก๎าวหน๎า มนุษย์จึงใฝุศึกษากันอยํางไมํรู๎จบสิ้น เมื่อพิเคราะห์ดูแล๎ว การเรียนความร๎ูแม๎มากมาย เพยี งใดบางทีก็ไมํชํวยให๎ฉลาด หรอื เจรญิ ไดเ๎ ทาํ ใดนัก ถ๎าหากเรียนไมํถูกถ๎วน ไมํรู๎จริงแท๎ การศึกษาหา ความรจ๎ู ึงสาคญั ตรงทวี่ าํ ตอ๎ งศึกษา ความฉลาดรู๎ คือ ร๎แู ลว๎ สามารถนามาใช๎ประโยชน์ได๎จริง ๆ โดยไมํ เป็นพิษเป็นโทษ การศึกษาเพ่ือความฉลาดรู๎ มีข๎อปฏิบัติท่ีนําจะยืดเป็นหลักอยํางน๎อยสองประการ ประการแรก เม่ือจะศึกษาสิ่งใดให๎รู๎จริงควรจะศึกษาให๎ตลอดครบถ๎วนทุกแงํทุกมุม ไมํใชํเรียนร๎ูแตํ เพียงบางสํวนบางตอน หรือเพํงเล็งเฉพาะแตํบางสํวนบางมุม อีกประการหน่ึงซ่ึงจะต๎องปฏิบัติ ประกอบพร๎อมกันไปด๎วยเสมอ คือ ต๎องพิจารณาศึกษาเร่ืองน้ัน ๆ ด๎วยความคิดจิตใจท่ีตั้งม่ัน

206 เป็นปรกติ และเท่ียงตรง เป็นกลาง ไมํยอมให๎รู๎เห็น และเข๎าใจตามอานาจความเหน่ียวนาของอคติ อคตฝิ ุายชอบหรือฝาุ ยชงั มฉิ ะน้นั ความร๎ูสึกท่ีเกิดข้ึนจะไมํเป็นความรู๎แท๎ หากเป็นแตํความร๎ูท่ีอาพราง ไว๎ หรือที่คลาดเคล่ือนวิปริตไปตําง ๆ จะนาไปใช๎ให๎เป็นประโยชน์จริง ๆ โดยปราศจากโทษไมํได๎ บัณฑิตท้ังหลายได๎ช่ือวําเป็นผู๎มีปัญญาเป็นนักศึกษาค๎นคว๎า ขอให๎มีหลักในการเรียนรู๎อยํางน๎อยก็ ตามท่ีได๎กลําว คือ จะศึกษาสิ่งใดก็พิจารณาศึกษาให๎หมดจดทุกแงํทุกมุมด๎วยจิตใจที่เท่ียงตรงเป็น กลางจึงจะไดร๎ บั ประโยชน์จากการศึกษาค๎นควา๎ สมบรู ณ์บริบรู ณ์ดงั ที่พึงประสงค์” 5. ด๎านความสามัคคี หมายถึง ความพร๎อมเพรียงกัน ความกลมเกลียวเป็นน้าหนึ่งใจ เดียวกัน ไมํทะเลาะเบาะแว๎ง วิวาทบาดหมางซึ่งกันและกัน ความสามัคคี มีด๎วยกัน 2 ประการ 1) ความสามัคคีทางกาย ได๎แกํ การรํวมแรงรํวมใจกันในการทางาน 2) ความสามัคคีทางใจ ได๎แกํ การรํวมประชุมปรกึ ษาหารือกันในเมือ่ เกิดปัญหาข้นึ พระราชดารสั ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธเี ฉลมิ พระชนมพรรษา พุทธศักราช 2535 วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2535 “คนไทย แม๎จะมีนิสัยรักความสะดวกสบาย และมักทาตามใจตัวกันเป็นปรกติ แตํในสํวน ลึก กเ็ ป็นคนมีเหตุผล มีความจริงใจ และความสานึกในชาติบ๎านเมืองอยํูด๎วยกันแทบทุกตัวตน เราจึง รวมกนั อยูํได๎เหนยี วแนนํ มชี าติ มีประเทศอันต้ังม่นั เปน็ อิสรเสรมี าช๎านาน ท้ังสามารถสร๎างสรรค์ความ ดีความเจริญตําง ๆ ไว๎เป็นสมบัติของชาติมากมาย ปัจจุบันนี้ร๎ูสึกวําบ๎านเมืองมีปัญหาและความ ขัดข๎องเกิดข้ึนไมํสรํางซาเกือบทุกวงการ เป็นเครื่องบํงบอกชัดเจนวําถึงเวลาแล๎วท่ีทุกคนทุกฝุาย จะตอ๎ งลดความถอื ดี และการทาตามใจตัวเองแลว๎ หันมาหาเหตุผล ความถูกต๎อง และความรับผิดชอบ ตํอสํวนรวมกันอยํางจริงจัง เพ่ือกาจัดอคติ และสร๎างเสริมความเมตตาสามัคคีในกันและกัน จักได๎ สามารถรํวมกันเรงํ รดั ปฏิบตั สิ รรพกิจการงานให๎ประสานสอดคล๎อง และปรองดองเกือ้ กูลกันให๎สัมฤทธ์ิ ประโยชนส์ งู สุดในการธารงรกั ษาอสิ รภาพอธิปไตย และความเปน็ ไทยให๎ยืนยงม่ันคงอยตูํ ลอดไป” สรปุ กกกกกกกการเรยี นรู๎ตามรอยพระยุคลบาท คือ การเรียนรเ๎ู พ่ือการปฏิบัติ การปฏบิ ตั ิของคนในสงั คม ตามพระราชปฏิญญาพระบรมราโชวาท และหลักปฏิบัติพระราชภารกจิ ของพระบาทสมเด็จ พระเจ๎าอยํูหัวเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติตน และปฏิบัติภารกิจหน๎าที่การงานอันนาไปสูํทศพิธราชธรรม หรือการบริหารกิจการบ๎านเมืองที่ดีสํงผลให๎บังเกิดความเจริญรํุงเรือง ความสงบเรียบร๎อยของสังคม ความผาสุกของประชาชน และความม่ันคงของประเทศชาติ การเรียนรู๎ตามรอยพระยุคคลบาท สามารถนาไปปฏบิ ตั ิได๎หลายวิธี เชํน ด๎านปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด๎านความเจริญ ด๎านความดี ดา๎ นความรู๎ และด๎านความสามคั คี เป็นต๎น

207 ใบความรู้ เรือ่ งที่ 3 ทศพธิ ราชธรรม วัตถปุ ระสงค์ กกกกกกก1. เพอ่ื ใหน๎ ักศึกษามีความรู๎ความเข๎าใจเรื่อง ทศพิธราชธรรม กกกกกกก2. เพ่อื ใหน๎ ักศึกษามีทักษะการแสวงหาความรูเ๎ ร่ือง ทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก3. เพ่อื ใหน๎ ักศึกษามีความตระหนกั ถึงความสาคัญเรื่อง ทศพธิ ราชธรรม เนือ้ หา กกกกกกกความหมาย “ทศพธิ ราชธรรม” กกกกกกกทศพิธราชธรรม หรอื ราชธรรม 10 คอื จรยิ วตั ร 10 ประการท่ีพระเจ๎าแผํนดินทรงประพฤติ เป็นหลักธรรมประจาพระองค์ หรือเป็นคุณธรรมประจาตนของผ๎ูปกครองบ๎านเมือง ให๎มีความเป็นไป โดยธรรม และยังประโยชน์สุขให๎เกิดแกํประชาชน จนเกิดความชื่นชมยินดี ซ่ึงความจริงแล๎วไมํได๎ จาเพาะเจาะจง สาหรับพระเจ๎าแผํนดิน หรือผู๎ปกครองแผํนดินเทํานั้น บุคคลธรรมดาที่เป็นผู๎บริหาร ระดบั สูงในทุกองคก์ รก็พงึ ใช๎หลักธรรมเหลําน้ี กกกกกกกทศพิธราชธรรม มี 10 ประการ คือ กกกกกกก1. ทาน คอื การให๎ หมายถงึ การสละทรัพย์ สิ่งของ เพือ่ ชํวยเหลือคนทีด่ ๎อยและ ออํ นแอกวาํ กกกกกกก2. ศีล คอื การตัง้ อยํูในศลี หมายถงึ มคี วามประพฤติดีงาม เป็นตัวอยาํ งที่ดแี กํคนท่ัวไป กกกกกกก3. ปริจจาคะ คือ บรจิ าค หมายถึง การเสียสละความสุขสาราญของตนเพ่ือประโยชน์สุข ของหมูํคณะ กกกกกกก4. อาชชวะ คอื ความซอ่ื ตรง หมายถงึ มีความซอ่ื สตั ย์สุจริต มีความจริงใจ ไมกํ ลับกลอก กกกกกกก5. มัททวะ คือ ความอํอนโยน หมายถงึ มีกริ ยิ าสุภาพ มสี มั มาคารวะ วาจาอํอนหวาน มีความนํุมนวล ไมเํ ยํอหย่ิง ไมํหยาบคาย กกกกกกก6. ตบะ คือ ความเพยี ร หมายถึง การเพยี รพยายามไมํใหค๎ วามมัวเมาเข๎าครอบงาจิตใจ ไมลํ มุํ หลงกบั อบายมุขและส่งิ ช่ัวรา๎ ย ไมหํ มกมํุนกบั ความสุขสาราญ กกกกกกก7. อกั โกธะ คือ ความไมโํ กรธ หมายถึง มจี ติ ใจมั่นคง มคี วามสุขมุ เยือกเยน็ อดกลน้ั ไมแํ สดงความโกรธ หรือความไมพํ อใจใหป๎ รากฏ กกกกกกก8. อวหิ ิงสา คือ ความไมํเบียดเบยี น หมายถงึ ไมกํ ดข่ีขมํ เหง กลน่ั แกลง๎ รงั แกคนอื่น ไมํหลงในอานาจ ทาอนั ตรายตอํ รํางกาย และทรัพย์สินผู๎อื่นตามอาเภอใจ กกกกกกก9. ขันติ คือ ความอดทน หมายถึง การอดทนตํอสง่ิ ทงั้ ปวง สามารถอดทนตํองานหนกั ความยากลาบาก ท้ังอดทน อดกลั้นตํอคาติฉินนินทา กกกกกกก10. อวิโรธนะ คอื ความเที่ยงธรรม หมายถึง ไมํประพฤตผิ ิด ประพฤติปฏบิ ัติตนอยํใู น ความดงี าม ไมหํ วัน่ ไหวในเรื่องดีเร่อื งร๎าย

208 กกกกกกกทศพิธราชธรรม ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 กกกกกกกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงข้ึนครองราชย์เป็นรัชกาลท่ี 9 แหํง ราชวงศ์จักรี เมื่อวันท่ี 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 ตํอมาทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเม่ือวันท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 และพระองค์ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการวํา “เราจะครองแผํนดิน โดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแหํงมหาชนชาวสยาม” โดยคาวํา “ครองแผํนดินโดยธรรม” หมายถึง “ครองแผํนดนิ โดยทศพิธราชธรรม” ซง่ึ “ทศพิธราชธรรม” มี 10 ประการคอื กกกกกกก1. ทาน คือ การให๎ การเสียสละ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเสียสละพระราชทรัพย์เพ่ือบาเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทั้งในด๎านบารุงพระพุทธ ศาสนา และบรรเทาความยากไร๎ ให๎ประชาชนอยูํเป็นกิจวัตร ทั้งยังทรงเป็นผู๎นาในการบริจาค พระราชทรัพย์เพื่อชํวยเหลือผู๎ตกทุกข์ได๎ยาก จากภัยธรรมชาติหลายตํอหลายครั้ง นอกจาก ทรัพย์แล๎ว ทาน ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ยังหมายถึง พระราชทานความร๎ู เพื่อประชาชนจะได๎ใช๎เป็นเคร่ืองมือเล้ียงชีพได๎อยํางย่ังยืน กกกกกกก2. ศีล คือ ความประพฤติดีงาม เป็นความดีงามของกาย วาจา ใจ ท่ีประชาชนจะ เห็นได๎ในทุกพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทั้งกาย วาจา และพระราชหฤทัยของพระองค์ทํานเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน ทั้งยัง หมายถึง ศีลในการปกครองอันได๎แกํ กฎหมายและนิติราชประเพณี และในทางศาสนาท่ี พระองค์ทรงออกผนวชเพื่อศึกษาและปฏิบัติพระธรรมวินัย ทั้งอุทิศพระราชกุศลพระราชทาน แกํปวงชนชาวไทย กกกกกกก3. ปริจจาคะ คือ การเสียสละความสุขสํวนตน เพื่อความสุขสํวนรวม เสียสละ ความสุขสํวนพระองค์ เพื่อประชาชนมีความสุข ในพระราชกรณียกิจที่เป็นไปเพื่อแก๎ปัญหา ความเดือดร๎อนของประชาชนนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ต๎องเสียสละความสุขสํวนพระองค์ ต๎องทนลาบากในการเดินทาง อดทนตํอความแปรปรวนของ อากาศ ความร๎อนหนาว ก็เพื่อสร๎างความสุขให๎ประชาชนท้ังส้ิน กกกกกกก4. อาชชวะ คือ ความซ่ือตรงสุจริต ส่ิงนี้สะท๎อนให๎เห็นผํานความแนํวแนํตํอพระราช ดารัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่เคยตรัสไว๎ อันเป็น ปฐมบรมราชโองการเมื่อทรงครองราชย์ เราจะครองแผํนดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแหํง มหาชนชาวสยาม ซึ่งพระองค์ทรงกระทาตามพระราชดารัสเสมอมา รวมถึงความสุจริตตํอมิตร ประเทศ พระราชวงศ์ ข๎าทูลละอองธุลีพระบาท กกกกกกก5. มัททวะ คือ ความสุภาพ อํอนโยนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเป็น พระมหากษัตริย์ที่ไมํถือพระองค์ โดยเฉพาะกับประชาชน ทรงมีสัมมาคารวะตํอพระสงฆ์ ตํอผู๎เจริญโดยวัยและโดยคุณ ทรงรับฟังปัญหา คาชี้แนะ และแก๎ไขด๎วยเหตุผล ด๎วยความเมตตาและอํอนโยน

209 กกกกกกก6. ตบะ คือ ความเพียร ความอุตสาหะ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ล อดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีความอุตสาหะวิริยะในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจด๎วยความ อดทน ปราศจากความเกียจคร๎าน เพื่อประโยชน์ของประชาชนและบ๎านเมือง ไมํยํอท๎อ แม๎บางขณะจะทรงพระประชวร แม๎ในบางพื้นที่บางเหตุการณ์จะเต็มไปด๎วยอันตราย ซึ่งสิ่งนี้ สะท๎อนให๎เห็นจากพระราชนิพนธ์เร่ือง พระมหาชนก ที่พระราชทานให๎ปวงชนชาวไทย กกกกกกก7. อักโกธะ คือ ความไมํโกรธ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระนิสัยที่ไมํโกรธ ทั้งทรงสามารถระงับความโกรธด๎วยมีพระเมตตาเป็นที่ตั้ง ทาให๎ทรงทอดพระเนตรเห็นปัญหา และหนทางแก๎ไขปัญหานั้นได๎โดยสงบ ทั้งยังไมํทรงใช๎ พระราชอานาจเพื่อมุํงร๎ายผ๎ูอื่น แตํทรงใช๎เพ่ือพระราชทานอภัยโทษตามควรแกํเหตุ กกกกกกก8. อวิหิงสา คือ ความไมํเบียดเบียน ด๎วยพระราชอัธยาศัยของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่เปี่ยมไปด๎วยพระเมตตา พระองค์จึงทรงตั้งอยํู ด๎วยการไมํเบียดเบียนทั้งราชวงศ์และข๎าพระบาท รวมถึงประชาชน ให๎ต๎องเดือดร๎อนด๎วยเหตุ อันไมํควร กกกกกกก9. ขันติ คือ ความอดทน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาล ที่ 9 ทรงมีความอดทน ตํอความทุกข์อันเกิดจากความยากลาบากในการเข๎าหาประชาชนในถิ่น ทุรกันดาร ทรงอดทนตํอความไมํสบายพระวรกาย ทรงอดทนตํอทุกข์อันเกิดจากโรคภัย ไมํให๎ เป็นอุปสรรคตํอการชํวยเหลือประชาชน กกกกกกก10. อวิโรธนะ คือ ความหนักแนํน เที่ยงธรรม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงรักษาความเที่ยงธรรม และความยุติธรรมไมํให๎เบี่ยงเบนไปจาก ความถูกต๎อง ทั้งในพระราชจริยวัตรและพระราชวินิจฉัย ไมํเอนเอียงหวั่นไหว ไมํยินดียินร๎าย ตํออคติทั้งปวง ไมํประพฤติผิดไปจากพระราชประเพณี กกกกกกกด๎วย ทศพิธราชธรรม เชํนน้ีเองที่ทาให๎ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดช รัชกาลท่ี 9 มิใชํจะทรงครองแผํนดินเทํานั้น แตํยังทรงครองหัวใจคนทั้งปวงเอาไว๎อีกด๎วย กกกกกกก“ทศพิธราชธรรม : ธรรมของพระราชา ข้อปฏิบัตทิ คี่ นธรรมดาก็ทาได้” กกกกกกกเม่อื เอํยถึง ทศพธิ ราชธรรม อันมคี วามหมายถึง ราชธรรม หรือธรรมของพระราชา ซงึ่ มอี ยูํ ดว๎ ยกัน 10 ขอ๎ หลายคนอาจจะรูส๎ กึ วาํ ธรรมดังกลาํ วเป็นของสูง หรือไกลตวั และควรจะเป็นเรื่องของ พระราชา หรือผนู๎ าในระดับสงู เทาํ นั้น แตํโดยแทจ๎ ริงแล๎ว แม๎ทศพิธราชธรรมจะได๎ชื่อวําเป็นหลักธรรม หรือคุณสมบัติท่ีผู๎เป็นใหญํในแผํนดิน ต้ังแตํพระมหากษัตริย์ ผ๎ูปกครองรัฐ หรือผ๎ูนาประเทศจะพึง ปฏบิ ตั ิ แตํบุคคลธรรมดากส็ ามารถนาไปปฏิบัติได๎ในชีวิตประจาวัน เพราะนอกจากจะเป็นหนทางไปสูํ ความเจริญกา๎ วหนา๎ ในชวี ิตแล๎ว ยังได๎ช่ือวาํ ไดด๎ าเนนิ รอยตามเบ้อื งยุคลบาท ดังที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธกิ ารมลู นิธิชยั พฒั นา ได๎เชญิ ชวนให๎ประชาชนชาวไทยปฏิบัติ ตามพระราชจริยวัตรของพระบาท สมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ซึง่ แนวทางในการปฏบิ ตั ิตามทศพิธราชธรรมใน ระดับประชาชน มดี ังตํอไปน้ี

210 กกกกกกก1. ทาน คอื การให๎ นอกเหนอื จากการบริจาคเปน็ ทรพั ย์สนิ หรอื สงิ่ ของแกํผยู๎ ากไร๎ ผู๎ด๎อยโอกาส และผ๎ูตกทุกข์ได๎ยากตามท่ีเราทาอยูํเสมอแล๎ว เราก็อาจจะให๎น้าใจแกํผู๎อ่ืนได๎ เชนํ ให๎กาลังใจแกผํ ู๎ตกอยใํู นห๎วงทุกข์ ให๎ข๎อแนะนาที่เปน็ ความรแู๎ กผํ ๎รู ํวมงาน หรือผูใ๎ ต๎บังคับบัญชา ให๎ รอยยม้ิ และ ปิยวาจาแกญํ าติพน่ี ๎อง เพือ่ นฝูง รวมถงึ บคุ คลทม่ี ารับบรกิ ารจากเรา เปน็ ต๎น กกกกกกก2. ศีล คอื ความประพฤตทิ ่ีดงี าม ตามหลักศาสนาของตน อยาํ งน๎อยก็ขอให๎เราไดป๎ ฏบิ ัติ ตามศลี 5 คือ ไมํฆําสตั ว์ตัดชีวิต ไมลํ กั ขโมยของของผ๎อู ื่น ไมลํ วํ งละเมดิ ลกู เมียเขา ไมํพูดโกหก หรือพูด สํอเสียดยุยงให๎คนเขาทะเลาะเบาะแว๎งกัน และควรทาตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหรี่ หรืออบายมุข ตําง ๆ เพราะส่ิงเหลํานี้ นอกจากจะทาให๎เราเสียเงินแล๎ว ยังเสียสุขภาพกายและใจทั้งของตัวเราเอง และคนใกลช๎ ดิ เราดว๎ ย กกกกกกก3. ปรจิ จาคะ คือ ความเสียสละ หมายถึง การเสียสละความสุขสวํ นตนเพ่ือความสขุ หรอื ประโยชน์ของสํวนรวม ซึ่งอาจจะเป็นครอบครัว หนํวยงาน หรือเพื่อนรํวมงานของเราก็ได๎ เชํน ครอบครัว พํอบ๎านเสียสละความสุขสํวนตัวด๎วยการเลิกด่ืมเหล๎า ทาให๎ลูกเมียมีความสุข และ เพอ่ื นบ๎านก็สุขด๎วย เพราะไมตํ ๎องฟงั เสยี งอาละวาด ดาํ ทอทุบตีกัน หรือเราอาจจะเสียสละเวลาอยํูเย็น ชวํ ยเพอื่ นทางาน หรือไปเข๎าคาํ ยพฒั นาชนบท อาสาไปดูแลเด็กในสถานเล้ียงเด็กกาพร๎าเป็นคร้ังคราว หรอื เสยี สละราํ งกาย /อวัยวะหลังตายแล๎วเพื่อการศึกษา เป็นต๎น ซึ่งการเสียสละดังกลําวถือวําได๎บุญ มากเพราะมิใชํจะสละกันไดง๎ ําย ๆ โดยทัว่ ไป การเสียสละไมวํ ําสิ่งใดก็ตาม ถือเป็นการลดความเห็นแกํ ตวั ซึง่ ลว๎ นมีสํวนชํวยให๎สังคมดขี ึ้นทงั้ ส้ิน กกกกกกก4. อาชชวะ คอื ความซื่อตรง หมายถึง ดาเนินชีวิตและปฏิบัตภิ ารกจิ /หน๎าท่กี ารงานตาํ ง ๆ ด๎วยความซื่อสัตย์สุจริต ไมํคิดคดโกง หรือหลอกลวงผ๎ูอื่น เชํน ถ๎าเราขายของ ก็ไมํเอาของไมํดีไป หลอกขายลูกค๎า เป็นข๎าราชการ พนักงานบริษัท ห๎างร๎าน ก็ไมํคอรัปช่ันทั้งเวลา ทรัพย์สินของ หนํวยงานตน เพราะถ๎าทุกคน เอาเปรียบหรือโกงกิน นอกจากจะทาให๎หนํวยงานเราไมํเป็นที่ นําเชอ่ื ถือของผ๎ูเกยี่ วข๎องแลว๎ ในระยะยาว อาจทาให๎หนํวยงานเราล๎ม ผ๎ูท่ีเดือดร๎อนก็คือเรา แม๎เราจะ ได๎ทรัพย์สินไปมากมาย แตํเงินบาปท่ีได๎ก็จะเป็นส่ิงอัปมงคลท่ีทาให๎เราไมํเจริญก๎าวหน๎า ถูกคนรุม สาปแชํง และแม๎คนอ่ืนจะไมํรู๎ แตํตัวเรายํอมรู๎อยูํแกํใจ และไมํมีวันจะมีความสุขกาย สบายใจ เพราะ กลัวคนอ่ืนจะมารู๎ความลับตลอดเวลา ผ๎ูท่ีประพฤติตนด๎วยความซื่อตรง แม๎ไมํร่ารวยเงินทอง แตํจะ มงั่ คงั่ ดว๎ ยมิตรท่จี ริงใจ ตายกต็ ายตาหลบั ลูกหลานก็ภาคภมู ิใจ เพราะไมํต๎องแบกรับความอับอายทม่ี ี บรรพบุรุษข้ีโกง กกกกกกก5. มัททวะ คือ ความสุภาพอํอนโยน มอี ธั ยาศยั ไมตรี กลาํ วคอื การทาตวั สุภาพ นมุํ นวล ไมเํ ยอํ หยิง่ ถือตวั หรือหยาบคายกบั ใคร ไมํวาํ จะเป็นผ๎ูใหญํ ผน๎ู อ๎ ย หรือเพ่ือนในระดับเดียวกัน การทา ตัวเป็นผู๎ท่ีมีความอํอนน๎อมถํอมตน จะทาให๎ไปท่ีไหนคนก็ต๎อนรับ เพราะอยํูใกล๎แล๎วสบายใจ ไมํร๎อนรมุํ หากเราหยาบคาย ก๎าวรา๎ ว คนก็ถอยหาํ ง ดงั นั้น หลักธรรมขอ๎ นี้ จงึ เป็นการสร๎างเสนํห์อยําง หนง่ึ ให๎แกตํ ัวเราด๎วย กกกกกกก6. ตบะ คือ ความเพียร เปน็ หลักธรรมท่ีสอนให๎เราไมํยํอท๎อ แตใํ ห๎ปฏบิ ตั ิหน๎าท่ีการงาน ด๎วยความมุมานะ ฝุาฟันอุปสรรคตําง ๆ จนประสบความสาเร็จ ซ่ึงความพากเพียรน้ีจะทาให๎เรา ภาคภูมิใจเมื่องานสาเร็จ และจะทาให๎เรามีประสบการณ์เกํงกล๎าขึ้น นอกจากนี้ ยังสอนให๎เราส๎ูชีวิต ไมยํ อมแพอ๎ ะไรงาํ ย ๆ

211 กกกกกกก7. อกั โกธะ คือ ความไมํโกรธ แมใ๎ นหลาย ๆ สถานการณจ์ ะทาไดย๎ าก แตํหากเราสามารถ ฝึกฝน ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับยั้งความโกรธอยํูเสมอ จะเป็นประโยชน์ตํอเรา หลายอยาํ ง เชํน ทาใหเ๎ ราสุขภาพจิตดี หน๎าตาผํองใส ข๎อสาคัญ ทาให๎เรารักษามิตรไมตรีกับผู๎อ่ืนไว๎ได๎ อันมผี ลใหค๎ นรักและเกรงใจ กกกกกกก8. อวหิ ิงสา คอื การไมํเบียดเบยี น หรือบีบค้ันกดขี่ผอู๎ นื่ รวมไปถึงการไมํใชอ๎ านาจไปบงั คบั หรือหาเหตกุ ลั่นแกลง๎ คนอืน่ ด๎วย เชํน ไมํไปขํมเหงรังแกผ๎ูด๎อยกวํา ไมํไปขํมขูํให๎เขากลัวเรา หรือไปบีบ บังคับเอาของรักของหวงมาจากเขา เป็นต๎น นอกจากไมํเบียดเบียนคนด๎วยกันแล๎ว เรายังไมํควร เบียดเบยี นธรรมชาติ ส่งิ แวดล๎อม และสตั ว์อกี ด๎วย เพราะมฉิ ะนัน้ ผลร๎ายจะยอ๎ นกลบั มาสเํู รา และ สงั คม อยํางที่เหน็ ในปัจจบุ นั จากภยั ธรรมชาติตําง ๆ กกกกกกก9. ขันติ คอื ความอดทน หมายถึง ใหเ๎ ราอดทนตํอความยากลาบาก ไมํทอ๎ ถอย และ ไมํหมดกาลังกาย กาลังใจที่จะดาเนินชีวิต และทาหน๎าที่การงานตํอไปจนสาเร็จ รวมท้ังไมํยํอท๎อตํอ การทาคุณงามความดี ความอดทนจะทาให๎เราชนะอุปสรรคท้งั ปวงไมํวําเลก็ หรือใหญํ และจะทาให๎เรา แกรํงข้ึน เขม๎ แขง็ ขน้ึ กกกกกกก10. อวิโรธนะ คอื ความยตุ ิธรรม หนกั แนนํ ถือความถูกต๎อง เที่ยงธรรมเป็นหลัก ไมํเอนเอียงหวั่นไหวด๎วยคาพูด อารมณ์ หรือลาภสักการะใด ๆ ท้ังในทางนิติธรรม คือ ระเบียบแบบ แผนหลักปกครอง หรอื ในเรือ่ งขนบธรรมเนยี มประเพณีทด่ี ีงาม ก็ไมํประพฤติ ให๎ผดิ ทานองคลองธรรม กลาํ วคือ ใหท๎ าอะไรด๎วยความถกู ต๎อง มิใชํด๎วยความถกู ใจ กกกกกกกจะเหน็ ไดว๎ ํา หลกั ธรรมทง้ั 10 ข๎อ หรอื ทศพธิ ราชธรรม น้ี มใิ ชขํ ๎อปฏบิ ัติท่ียาก จนเกนิ ความ สามารถของคนธรรมดาสามัญที่จะทาตามได๎ หลาย ๆ ข๎อก็เป็นสิ่งท่ีเราปฏิบัติอยํูแล๎ว จะโดยร๎ูตัวไมํ ก็ตาม แตํหากเรามีความตั้งใจจริง หลักธรรมดังกลําวก็จะเป็นทุนท่ีชํวยหนุนนาให๎เราได๎พัฒนาชีวิต ไปสคูํ วามดีงาม ความม่ันคง และความสาเร็จท่ีเราปรารถนาทุกประการ สรุป กกกกกกกทศพิธราชธรรม เปน็ หลกั ธรรมสาหรับพระมหากษัตริยจ์ ะพงึ ถอื ปฏิบัติมาแตโํ บราณกาล ซึ่งคนธรรมดาสามญั ท่จี ะทาตามได๎ หลกั ทศพิธราชธรรม มี 10 ประการ ดงั นี้ กกกกกกก1. ทาน หมายถงึ การให๎ การเสียสละ นอกจากเสยี สละทรพั ย์สงิ่ ของแลว ยงั หมายถงึ การ ให๎นา้ ใจแกผํ ู๎อ่ืนดว๎ ย กกกกกกก2. ศีล หมายถึง ความประพฤติทีด่ ีงาม ทัง้ กาย วาจา และใจ ใหป๎ ราศจากโทษทง้ั ในการ ปกครอง อันไดแก กฎหมายและนิติราชประเพณี และในทางศาสนา กกกกกกก3. ปรจิ จาคะ (บริจาค) หมายถึง การเสียสละความสุขสํวนตน เพ่ือความสขุ สํวนรวม กกกกกกก4. อาชชวะ หมายถงึ ความซื่อตรงในฐานะทเ่ี ป็นผ๎ูปกครอง ดารงอยํูในสตั ย์สจุ รติ กกกกกกก5. มทั ทวะ หมายถงึ การมีอัธยาศยั ออนโยน เคารพในเหตผุ ลทคี่ วร มสี มั มาคารวะตอ ผูอาวุโส และออนโยนตอบุคคลทเี่ สมอกนั และตา่ กวา กกกกกกก6. ตบะ หมายถึง มคี วามอุตสาหะในการปฏิบตั ิงาน โดยปราศจากความเกยี จคราน

212 กกกกกกก7. อักโกธะ หมายถึง ความไมแสดงความโกรธให๎ปรากฎ ไมมุงรายผูอื่น แมจะลงโทษ ผูทาผดิ ก็ทาตามเหตุผล กกกกกกก8. อวิหิงสา หมายถึง การไมเบยี ดเบยี นหรือบีบคนั้ ไมกอทุกขหรือเบียดเบยี นผ๎ูอ่ืน กกกกกกก9. ขันติ หมายถงึ การมีความอดทนตอสิง่ ทัง้ ปวง รกั ษาอาการกาย วาจา ใจ ใหเรยี บรอย กกกกกกก10. อวิโรธนะ หมายถงึ ความหนักแนน ถือความถกู ตอง เทย่ี งธรรมเปนหลัก ไมเอนเอียง หวั่นไหวดวยคาพูด อารมณหรอื ลาภสักการะใด ๆ

213 ใบความรู้ เร่ืองท่ี 4 ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเง่อื นไขความร้คู คู่ ุณธรรม วตั ถุประสงค์ 1. เพ่อื ใหน๎ กั ศึกษามีความรู๎ความเขา๎ ใจเร่ือง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเงือ่ นไขความรู๎ คคูํ ณุ ธรรม 2. เพอ่ื ให๎นักศกึ ษามีทกั ษะการแสวงหาความร๎ูเร่ืองปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเงอื่ นไข ความรค๎ู ูคํ ุณธรรม 3. เพ่ือใหน๎ ักศกึ ษามีความตระหนักถึงความสาคญั เรือ่ งปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เงอ่ื นไขความร๎ูคคํู ุณธรรม เนอ้ื หา กกกกกกกปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ ปรชั ญาท่ีพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา ภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 พระราชทานพระราชดารชิ แ้ี นะแนวทางการดาเนินชวี ติ แกํพสกนกิ ร ชาวไทยในทุกระดับ ตั้งแตํระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหาร ประเทศให๎ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพ่ือให๎ก๎าวทันตํอโลกยุค โลกาภวิ ฒั น์ กกกกกกกหลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ ปรชั ญาทีย่ ึดหลักการเดินทางสายกลาง ท่ีชี้แนะแนวทางการดารงอยูํ และปฏิบัติของประชาชนในทุกระดับ ประกอบด๎วย 3 หํวง 2 เง่ือนไข คือ ความพอประมาณ ความมเี หตุผล ความมภี มู คิ ๎ุมกนั เงอื่ นไขความร๎ู และ เง่ือนไขคณุ ธรรม กกกกกกกความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีท่ีไมนํ ๎อยเกินไป และไมมํ ากเกินไป โดยไมํ เบยี ดเบยี นตนเอง และไมทํ าให๎ผ๎อู ืน่ เดอื ดร๎อน เชํน การผลิต และการบริโภคท่ีอยใํู นระดับพอประมาณ กกกกกกกความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสนิ ใจเก่ียวกบั ระดบั ความพอเพยี งนั้น จะต๎องเปน็ ไปอยาํ ง มเี หตผุ ล โดยพิจารณาจากปจั จัยทเ่ี ก่ยี วขอ๎ ง ตลอดจนคานงึ ถึงผลท่ีคาดวําจะเกดิ ขึ้น ในอนาคตทง้ั ใกล๎ และไกล กกกกกกกการมภี ูมคิ ๎ุมกันในตัว หมายถึง การเตรยี มตัวรบั ผลกระทบ และการเปลีย่ นแปลง ดา๎ นตาํ ง ๆ ทจ่ี ะเกิดขึน้ โดยคานึงถึงความเปน็ ไปได๎ของสถานการณต์ ํางๆ ทค่ี าดวําจะเกิดขน้ึ ใน อนาคตท้งั ใกลแ๎ ละไกล กกกกกกกเง่อื นไขความร๎ู หมายถงึ ความร๎ูเก่ียวกบั วชิ าการตาํ ง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข๎องอยํางรอบดา๎ น ความรอบคอบที่จะนาความรเ๎ู หลาํ น้นั มาพจิ ารณาใหเ๎ ชื่อมโยงกนั เพ่ือประกอบการวางแผน และความ ระมดั ระวงั ในข้ันตอนการปฏิบัติ กกกกกกกเงือ่ นไขคณุ ธรรม หมายถึง การยึดถือคณุ ธรรมตําง ๆ อาทิ ความซื่อสัตยส์ จุ ริต ความ อดทน ความเพยี ร การมงํุ ตํอประโยชน์สวํ นรวมและการแบํงปัน

214 กกกกกกกพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 มพี ระบรมราโชวาท เกย่ี วกับ “เงื่อนไขความรู๎” ในปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง โดยมเี น้ือความท่สี าคัญตอนหน่งึ วํา “ความร๎ู น้ันเป็น หลักของการงาน ผู๎ท่ีจะทางานอยํางใดจาต๎องมีความรู๎ในเรื่องน้ันกํอนในเบ้ืองต๎น สํวนความคิดเป็นเคร่ืองชํวยความร๎ู คือ ชํวยให๎ใช๎ความรู๎ให๎ถูกต๎อง เชํน จะใช๎อยํางไร ท่ีไหน เม่ือใด เมอื่ มีความรู๎ สาหรบั งานมคี วามคิดสาหรับพิจารณาใช๎ความร๎ูให๎ถูกต๎องแล๎ว ยํอมทางานได๎ผลสมบูรณ์ ดี ยากท่ีจะผดิ พลาด ความรูก๎ ับความคดิ จึงไมคํ วรแยกจากกัน” กลาํ วได๎วํา ความร๎ูที่จาเป็นสาหรับการ ดาเนนิ ชวี ติ อาจแบํงออกได๎เป็น 2 ประเภทหลกั ๆ คอื ความร๎ูสาหรบั การทางาน และความร๎สู าหรบั การจัดการทรัพยส์ ินของตนเอง กกกกกกกความรส๎ู าหรบั การทางาน นอกจากความรจ๎ู ากการศึกษาเลําเรียนในโรงเรยี น หรอื มหาวทิ ยาลัย ท่ีเราจะนามาใช๎ในการทางาน หรืออาชีพของเราแล๎ว การศึกษาหาความรู๎เพ่ิมเติมก็เป็น สิง่ สาคัญ อยํางเชํน ใครที่ทางานประจา หรือเป็นพนักงานบริษัท ประสบการณ์ความรู๎ใหมํ ๆ จะชํวย ใหเ๎ ราก๎าวหน๎าในตาแหนํงหน๎าท่ีการงานได๎ หรือใครท่ีทาธุรกิจสํวนตัว มีกิจการเป็นของตนเอง ก็ควร หาความรู๎เพิ่มเติม วําจะทาอยํางไรให๎กิจการของเราอยูํรอด หรือจะทาอยํางไรให๎กิจการเติบโตอยําง ย่ังยืน เป็นต๎น ซ่ึง การหาความรู๎เพ่ิมเติมสามารถทาได๎หลากหลายวิธีไมํวําจะเป็นการเข๎ารํวมงาน อบรมสมั มนาตําง ๆ การอาํ นหนังสอื รวมถึงการพูดคยุ แลกเปล่ยี นประสบการณก์ บั ผอ๎ู น่ื ก็ชวํ ย เพมิ่ พูนความร๎ูได๎ กกกกกกกความรูส๎ าหรับการจัดการทรัพยส์ ินของตนเอง จากบทความเรื่อง “เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั ความพอประมาณ” ที่ได๎แนะนาการจัดการเงินโดยการออมใช๎ มีการสารองเงินเพ่ือใช๎จํายยามจาเป็น และร๎ูจักบริหารเงินให๎งอกเงยขึ้น ซ่ึงวิธีการทท่ี าให๎เงนิ งอกเงยข้นึ นัน่ คอื การลงทุน การศึกษาทา ความเข๎าใจจะชวํ ยลดความเส่ียงจากการลงทนุ ได๎ กกกกกกกสาหรับเงอื่ นไขคุณธรรม นั้น พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาล ท่ี 9 มพี ระบรมราโชวาทเก่ียวกับคณุ ธรรมโดยมีใจความสาคัญวํา “คุณธรรมท่ีทุกคนควรจะศึกษาและ น๎อมนามาปฏิบัติมีอยํู 4 ประการ ประการแรกคือ การที่ทุกคนคิด พูด ทา ด๎วยความเมตตา มุํงดี มํุงเจริญตํอกัน ประการท่ีสอง คือ การที่แตํละคนชํวยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสาน ประโยชน์กัน ให๎งานที่สาเร็จผล ท้ังแกํตนเอง แกํผู๎อ่ืน และกับประเทศชาติ ประการท่ีสาม คือ การที่ ทกุ คนประพฤตปิ ฏิบตั ิตนอยํใู นความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ ในกฎกตกิ า และในระเบยี บแบบแผน โดยเทําเทียม เสมอกนั ประการท่สี ่ี คือ การท่ีตํางคนตํางพยายาม ทาความคดิ ความเห็นของตนให๎ถูกต๎อง เที่ยงตรง และมั่นคงอยํูในเหตุในผล หากความคิด จิตใจ และการประพฤติปฏิบัติที่ลงรอยกันในทางท่ีดี ” คุณธรรมทั้งสี่ประการน้ันเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรน๎อมนามาปฏิบัติในการดาเนินชีวิต เน่ืองจากการมี เจตนา การพูด การกระทาที่มํุงดี มีเมตตา และมํุงชํวยเหลือเกื้อกูลตํอผู๎ที่เราติดตํอด๎วย ยํอมทาให๎ผู๎ท่ี มีปฏิสมั พันธ์กับเราน้ันรับร๎ูได๎ถึงความจริงใจท่ีเราสื่อออกไป นอกจากน้ี การที่เราประกอบการงานอยํู ในความสัตย์สุจริต และพยายามมีหลักการสาหรับความคิดเห็นของตนเองให๎ถูกต๎อง มีเหตุผล จะนามาซงึ่ ความไว๎วางใจจากเพื่อนรํวมงาน หัวหน๎างาน สังคม และประเทศชาติ จะทาให๎งานแตํละ อยํางสาเร็จลุลํวงไปได๎ด๎วยดี ไมํเกิดความเสียหาย ทุกคนที่เกี่ยวข๎องยํอมมีความสุขความเจริญกัน ถว๎ นหน๎า เปน็ การใช๎ความรข๎ู องตนเองยกระดบั สงั คมให๎นําอยดูํ ๎วยการมีคุณธรรมประจาใจ

215 กกกกกกกการมีความรูแ๎ ตํเพียงอยํางเดยี ว ยังไมํพอท่ีจะทาใหง๎ านสาเร็จลุลํวงไปดว๎ ยดี ต๎องมี คณุ ธรรมประกอบด๎วย เปรยี บดงั ทีว่ าํ เงื่อนไขความรูเ๎ หมือนกับเป็นแรงผลักดัน ให๎ประสบความสาเร็จ แตํเง่ือนไขคุณธรรมน้ันจะเป็นเหมอื นเข็มทิศนาทางใหม๎ ุงํ ไปสทํู างที่ถูกทีค่ วร สรุป เศรษฐกจิ พอเพียง คือ หลักการดาเนินชวี ติ ท่ีจรงิ แทท๎ ส่ี ดุ กรอบแนวคิดของหลักปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพียงมํงุ เน๎นความมน่ั คง และความยั่งยนื ของการพฒั นา อนั มคี ณุ ลกั ษณะทีส่ าคัญ คอื สามารถประยุกต์ใช๎ในทุกระดับ ตลอดจนให๎ความสาคัญกับคาวําพอเพยี ง ทีป่ ระกอบดว๎ ย ความ พอประมาณ ความมเี หตุ มผี ล มภี มู ิค๎ุมกันที่ดใี นตวั ภายใตเ๎ ง่อื นไขของการตัดสนิ ใจ และการดาเนิน กจิ กรรมท่ีตอ๎ งอาศัยเง่ือนไขความร๎ู และเงอ่ื นไขคณุ ธรรม

216 ใบความรู้ เร่ืองท่ี 5 หลักการทรงงานของรัชกาลท่ี 9 วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให๎นกั ศึกษามีความรูค๎ วามเขา๎ ใจเรื่องหลกั การทรงงานของรชั กาลที่ 9 2. เพอ่ื ให๎นกั ศกึ ษามีทักษะการแสวงหาความรเู๎ รอ่ื งหลักการทรงงานของรัชกาลที่ 9 3. เพอื่ ให๎นกั ศกึ ษามีความตระหนักถึงความสาคัญเรื่องหลกั การทรงงานของ รชั กาลที่ 9 เน้อื หา กกกกกกก1. หลกั การทรงงาน 1.1 ความหมายของหลกั การทรงงาน การปฏิบัติหน๎าที่ หรอื ภารกจิ หรอื กจิ กรรมของพระมหากษัตรยิ ท์ รงยึดการ ดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล๎องกับส่ิงท่ีอยูํรอบตัว และสามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบ และทรงคิดค๎นแนวทางพัฒนา เพ่ือมุํงสํูประโยชน์ตํอประชาชนสูงสุด ซึ่งพระมหากษัตริย์ในที่นี้คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ผูม๎ ีคุณปู การตํอประชาชนชาวไทย และประชาคมโลก 1.2 หลักการทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาล ท่ี 9 มี 23 ขอ๎ คือ 1.2.1 ศึกษาข๎อมลู ให๎เป็นระบบ 1.2.1 การทีจ่ ะพระราชทานโครงการใดโครงการหนึง่ จะทรงศกึ ษาข๎อมูล รายละเอียดอยํางเป็นระบบ ท้ังจากข๎อมูลเบ้ืองต๎นจากเอกสาร แผนท่ีสอบถามจากเจ๎าหน๎าที่ นักวิชาการและราษฎรในพื้นท่ี ให๎ได๎รายละเอียดที่ถูกต๎อง เพ่ือท่ีจะพระราชทานความชํวยเหลือได๎ อยํางถกู ตอ๎ ง รวดเรว็ ตรงตามความต๎องการของประชาชน 1.2.1 การศึกษาข๎อมูลอยาํ งเป็นระบบ ดว๎ ยวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ ศลิ ปวัฒนธรรมของชมุ ชน ฐานข๎อมลู ดังกลาํ วชวํ ยใหพ๎ ระราชกรณียกิจตาํ ง ๆ ดาเนินสจูํ ดุ ประสงค์ “เพ่ือประโยชน์สขุ แหงํ มหาชนชาวสยาม” 1.2.2 ระเบิดจากภายใน 1.2.1 พระองค์ทรงมงํุ เน๎น เร่อื งการพฒั นาคนใหเ๎ กิดความร๎ูความเขา๎ ใจ และ มองเห็นผลประโยชน์ของการพัฒนาวํามตี ํอตนเองและสงั คมอยํางไร เม่ือคนเข๎าใจเกิดความตอ๎ งการ อยํางเหมาะสม คนในชุมชนก็พรอ๎ มทจี่ ะรํวมดาเนินการพัฒนา

217 1.2.1 ดังนน้ั ความพร๎อมในการเตรียมชมุ ชนจงึ เปน็ สง่ิ สาคัญ ความพรอ๎ ม การยอมรบั ของชุมชนต๎องเกดิ จากภายในชมุ ชน มใิ ชํภายนอกยัดเยยี ด หรอื ตอ๎ งระเบิดจากข๎างใน แตกํ ารระเบดิ ข๎างใน ก็ต๎องแตกตํางกันตามหลักภูมิสังคม หรือแตกตํางตามสภาพภูมิศาสตร์และสังคม วัฒนธรรม ของแตํละพื้นท่ี แตํละกลุํมคน ภูมิปัญญาเดิมมีความสาคัญในการพัฒนาจากข๎างในไมํใชํ เอาทฤษฎใี หมมํ าทาลายทฤษฎีเกาํ 1.2.3 แก๎ปญั หาจากจดุ เล็ก 1.2.1 ควรมองปญั หาภาพรวมกอํ นเสมอ แตเํ มื่อจะลงมือแก๎ปัญหาน้ัน ควรมอง ในส่งิ ท่คี นมักจะมองข๎าม แล๎วเริ่มแก๎ปญั หาจากจดุ เล็ก ๆ เสียกอํ น เม่ือสาเรจ็ แล๎วจึงคํอย ๆ ขยับขยาย แก๎ไปเร่ือย ๆ ทีละจุด เราสามารถเอามาประยุกต์ใช๎กับการทางานได๎ โดยมองไปท่ีเปูาหมายใหญํของ งานแตลํ ะชน้ิ แลว๎ เร่ิมลงมือทาจากจดุ เลก็ ๆ กํอน คอํ ย ๆ ทา คํอย ๆ แก๎ไปทีละจุด งานแตํละชิ้นก็จะ ลุลํวงไปได๎ตามเปูาหมายที่วางไว๎ “ ถ๎าปวดหัวคดิ อะไรไมํออก กต็ ๎องแก๎ไขการปวดหัวนี้กํอน มันไมํได๎ แก๎อาการจรงิ แตํต๎องแกป๎ ัญหาที่ทาใหเ๎ ราปวดหวั ให๎ไดเ๎ สยี กอํ น เพอ่ื จะให๎อยํูในสภาพท่ีดไี ด๎… ” 1.2.4 ทาตามลาดับข้นั 1.2.4 ในการทรงงาน พระองค์จะทรงเร่ิมต๎นจากส่งิ ท่จี าเป็นของประชาชน ที่สุดกํอน ได๎แกํ สาธารณสุข เมื่อมีรํางกายสมบูรณ์แข็งแรงแล๎ว ก็จะสามารถทาประโยชน์ด๎านอ่ืน ๆ ตํอไปได๎ จากนนั้ จะเปน็ เร่อื งสาธารณูปโภคข้ันพ้ืนฐาน และส่ิงจาเป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหลํงน้าเพ่ือการเกษตร การอุปโภคบริโภค ท่ีเอ้ือประโยชน์ตํอประชาชน โดยไมํทาลาย ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให๎ความร๎ูทางวิชาการ และเทคโนโลยีท่ีเรียบงําย เน๎นการปรับใช๎ ภูมิปญั ญาทอ๎ งถนิ่ ท่รี าษฎรสามารถนาไปปฏบิ ตั ิได๎ และเกิดประโยชน์สูงสุด ดังพระบรมราโชวาทความ ตอนหนง่ึ วํา 1.2.4 “...การพัฒนาประเทศจาเป็นต๎องทาตามลาดับขั้น ต๎องสร๎างพื้นฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช๎ของประชาชนสํวนใหญํเป็นเบ้ืองต๎นกํอน ใช๎วิธีการและอุปกรณ์ท่ีประหยัด แตํถูกตอ๎ งตามหลักวชิ าการ เม่ือได๎พืน้ ฐานที่มน่ั คงพร๎อมพอสมควรและปฏิบัติได๎แล๎ว จึงคํอยสร๎างคํอย เสริมความเจริญ และฐานะเศรษฐกิจข้ันท่ีสูงขึ้นโดยลาดับตํอไป หากมุํงแตํจะทํุมเทสร๎างความเจริญ ยกเศรษฐกจิ ให๎รวดเร็วแตํประการเดียว โดยไมํให๎แผนปฏิบัติการสัมพันธ์กับสภาวะของประเทศ และ ของประชาชน โดยสอดคล๎องด๎วย ก็จะเกิดความไมํสมดุลในเร่ืองตําง ๆ ข้ึน ซ่ึงอาจกลายเป็นความ ยุํงยากล๎มเหลวได๎ในท่ีสุด ดังเห็นได๎ท่ีอารยประเทศกาลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอยํางรุนแรงใน เวลานี้ การชํวยเหลือสนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพ และต้ังตัวให๎มีความพอกิน พอใช๎ กอํ นอน่ื เป็นพนื้ ฐานน้ัน เป็นสิ่งสาคัญอยํางยิ่งยวด เพราะผ๎ูที่มีอาชีพ และฐานะเพียงพอที่จะพ่ึงตนเอง ยํอมสามารถสร๎างความเจริญก๎าวหน๎าระดับที่สูงได๎ตํอไปโดยแนํนอน สํวนการถือหลักท่ีจะสํงเสริม ความเจริญให๎คํอยเป็นไปตามลาดับ ด๎วยความรอบคอบระมัดระวังและประหยัดนั้น ก็เพ่ือปูองกัน ความผดิ พลาดล๎มเหลวและเพื่อใหบ๎ รรลผุ ลสาเรจ็ ไดแ๎ นํนอนบริบรู ณ์...” 1.2.5 ภูมสิ งั คม ภูมศิ าสตร์ สังคมศาสตร์ 1.2.5 ภมู ิ หมายความถึง ลกั ษณะของภูมิประเทศ ซงึ่ ก็คือสภาพแวดล๎อมที่อยูํ รอบ ๆ ตัวเรานนั่ เอง พดู แบบชาวบ๎านกค็ ือ ดิน นา้ ลม ไฟ นนั่ เอง เพราะสภาพภมู ิประเทศในแตํละ

218 ภมู ิภาคน้นั แตกตาํ งกนั ไปมาก ตัวอยาํ งเชนํ อุณหภูมคิ วามหนาวรอ๎ น ความแห๎งแล๎ง และชุํมฉา่ แตกตํางกันไป อยํางในประเทศไทย ภาคเหนือสวํ นใหญํเป็นภเู ขา ทางใต๎เป็นพน้ื ที่พรุ ภาคกลางเปน็ ท่ี ราบลํุม สวํ นภาคตะวันออกเฉียงเหนอื เปน็ ทีร่ าบสูงแห๎งแลง๎ ในบางสํวน เป็นต๎น 1.2.5 สังคม คือ สภาพแวดลอ๎ มทางวัฒนธรรม จารีตประเพณี วิถชี ีวติ แนวคดิ ทศั นคติ ท่ีแตกตํางกนั และอยูลํ อ๎ มรอบผู๎คนท่ีมีชีวิตอยูํในพืน้ ที่น้นั นกั วางแผนพัฒนาจะต๎องไมํ ประเมนิ หรอื คาดการณว์ าํ ผูค๎ นในพนื้ ทใี่ ดพ้นื ที่หน่งึ จะมีวัฒนธรรม คาํ นยิ ม และการชอบ หรอื ไมํชอบ สิง่ ใดเหมือนกันไปหมดเปน็ บรรทัดฐาน เราจะต๎องไมไํ ปตัดสินใจแทนเขาในเร่อื งของความต๎องการและ ความพงึ พอใจตามแนวคดิ ท่ีผูกพันอยํูกับเรา 1.2.5 การพฒั นาใด ๆ ต๎องคานึงถึงสภาพภมู ิประเทศของบรเิ วณนั้นวาํ เป็นอยํางไร และสังคมวิทยาเก่ียวกับลักษณะนิสัยใจคอของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีแตํละ ท๎องถนิ่ ทม่ี ีความแตกตํางกนั 1.2.6 ทางานแบบองค์รวม 1.2.5 ทรงมีวธิ ีคิดอยาํ งองค์รวม (Holistic) หรอื มองอยํางครบวงจร ในการทจ่ี ะ พระราชทานพระราชดาริเกี่ยวกับโครงการหนึ่งนั้น จะทรงมองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และแนวทาง แกไ๎ ขอยํางเชอ่ื มโยง ดงั เชนํ กรณีของ “ทฤษฎีใหม”ํ ท่ีพระราชทานใหแ๎ กปํ วงชนชาวไทย เป็นแนวทาง ในการประกอบอาชีพแนวทางหนึ่งที่พระองค์ทรงมองอยํางองค์รวม ตั้งแตํการถือครองท่ีดินโดยเฉลี่ย ของประชาชนคนไทย ประมาณ 10 - 15 ไรํ การบริหารจัดการท่ีดินและแหลํงน้า อันเป็น ปจั จัยพน้ื ฐานท่ีสาคัญในการประกอบอาชีพ เมื่อมนี ้าในการทาเกษตรแล๎ว จะสงํ ผลให๎ผลผลิตดีข้ึนและ หากมีผลผลิตเพิ่มมากข้ึน เกษตรกรจะต๎องร๎ูจักวิธีการจัดการและการตลาด รวมถึงการรวมกลุํมรวม พลังชุมชนให๎มีความเข๎มแข็ง เพ่ือพร๎อมที่จะออกสูํการเปลี่ยนแปลงของสังคมภายนอกได๎อยํางครบ วงจรน่ัน คอื ทฤษฎีใหมํ ขัน้ ที่ 1, 2 และ 3 1.2.7 ไมตํ ดิ ตารา 1.2.5 เมื่อเราจะทาการใดนั้น ควรทางานอยํางยืดหยุํนกับสภาพและสถานการณ์ น้ัน ๆ ไมใํ ชํการยึดตดิ อยกูํ บั แคํในตาราวิชาการ เพราะบางท่ี ความรูท๎ ํวมหัว เอาตัวไมํรอด บางคร้ังเรา ยึดติดทฤษฎีมากจนเกินไปจนทาอะไรไมํได๎เลย ส่ิงที่เราทาบางคร้ังต๎องโอบอ๎อมตํอสภาพธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อม สังคม และจิตวทิ ยาดว๎ ย 1.2.8 ประหยัด เรยี บงําย ได๎ประโยชนส์ งู สุด 1.2.5 ในเร่อื งของความประหยดั น้ี ประชาชนชาวไทยทราบกนั ดวี ําเร่ืองสํวน พระองค์ก็ทรงประหยัดมากดังที่เราเคยเห็นวํา หลอดยาสีพระทนต์น้ัน ทรงใช๎อยํางคุ๎มคําอยํางไร หรือฉลองพระองค์แตํละองค์ทรงใช๎อยูํเป็นเวลานาน ดังท่ีนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัย พัฒนา เคยเลําวํา “...กองงานในพระองค์โดยทํานผู๎หญิงบุตรี วีระไวทยะ บอกวําปีหนึ่งพระองค์เบิก ดนิ สอ 12 แทงํ เดอื นละแทํง ใช๎จนกระทั่งกดุ ใครอยําไปท้ิงของทํานนะ จะกริ้วเลย ประหยัดทุกอยําง เป็นต๎นแบบทุกอยําง ทุกอยํางน้ีมีคําสาหรับพระองค์หมด ทุกบาททุกสตางค์จะใช๎อยํางระมัดระวัง จะสั่งให๎เราปฏิบัติงานด๎วยความรอบคอบ...” ขณะเดียวกันการพัฒนาและชํวยเหลือราษฎร ทรงใช๎ หลักในการแก๎ไขปัญหาด๎วยความเรียบงํายและประหยัด ราษฎรสามารถทาได๎เองหาได๎ในท๎องถิ่น

219 และประยุกต์ใช๎สิ่งที่มีอยูํในภูมิภาคนั้น ๆ มาแก๎ไขปัญหาโดยไมํต๎องลงทุนสูง หรือใช๎เทคโนโลยีที่ไมํ ยํุงยากนกั 1.2.9 ทาให๎งาํ ย 1.2.5 ดว๎ ยพระอจั ฉรยิ ภาพและพระปรีชาสามารถในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทาให๎การคิดค๎น ดัดแปลง ปรับปรุง และแก๎ไขงานการ พัฒนาประเทศตามแนวพระราชดาริดาเนินไปได๎โดยงําย ไมํยุํงยากซับซ๎อน และท่ีสาคัญอยํางย่ิง คอื สอดคล๎องกับสภาพความเป็นอยแูํ ละระบบนิเวศโดยสํวนรวม ตลอดจนสภาพทางสังคมของชุมชน น้ัน ๆ ทรงโปรดที่จะทาสิ่งท่ียากให๎กลายเป็นงําย ทาส่ิงที่สลับซับซ๎อนให๎เข๎าใจงําย อันเป็นการ แก๎ปัญหาด๎วยการใช๎กฎแหํงธรรมชาติเป็นแนวทางนั่นเอง แตํการทาส่ิงยาก ให๎กลายเป็นงํายนั้นเป็น ของยาก ฉะนั้นคาวํา “ทาให๎งําย” หรือ “Simplicity” จึงเป็นหลักคิดสาคัญท่ีสุดของการพัฒนา ประเทศในรูปแบบของโครงการอนั เนือ่ งมาจากพระราชดาริ 1.2.10 การมสี ํวนรวํ ม มีสวํ นรํวมและคดิ ถึงสํวนรวม 1.2.10 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงเป็น นักประชาธปิ ไตย จงึ ทรงนา “ประชาพิจารณ์” มาใชใ๎ นการบริหารเพอื่ เปิดโอกาสใหส๎ าธารณชน ประชาชน หรอื เจ๎าหน๎าทท่ี ุกระดับได๎มารํวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั เรอ่ื งท่ีจะต๎องคานงึ ถงึ ความ คดิ เห็นของประชาชน หรอื ความตอ๎ งการของสาธารณสขุ ดังพระราชดารัสตอนหนึ่งวาํ 1.2.10 “...สาคัญทส่ี ดุ จะตอ๎ งหัดทาใจใหก๎ ว๎างขวางหนกั แนนํ รจู๎ กั รับฟงั ความ คิดเห็น แม๎กระท่ังความวิพากษว์ ิจารณจ์ ากผ๎ูอื่นอยาํ งฉลาด เพราะการร๎ูจกั รบั ฟังอยาํ งฉลาดนนั้ แท๎จรงิ คือ การระดมสตปิ ัญญาและประสบการณ์อันหลากหลาย มาอานวยการปฏิบัตบิ รหิ ารงานให๎ประสบ ความสาเร็จที่สมบรู ณ์น่ันเอง...” 1.2.11 ตอ๎ งยึดประโยชน์สํวนรวม 1.2.10 การปฏิบตั พิ ระราชกรณียกจิ และการพระราชทานพระราชดารใิ นการ พัฒนาและชํวยเหลือพสกนิกร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงระลึกถึงประโยชน์ของสํวนรวมเป็นสาคัญ ดังพระราชดารัสความตอนหน่ึงวํา “...ใครตํอใครบอก วําขอให๎เสียสละสํวนตัวเพื่อสํวนรวม อันน้ีฟังจนเบื่อ อาจจะราคาญด๎วยซ้าวํา ใครตํอใครมาก็บอกวํา ขอใหค๎ ิดถงึ ประโยชนส์ ํวนรวม อาจมานึกในใจวํา ให๎ ๆ อยํูเร่ือยแล๎วสํวนตัวจะได๎อะไร ขอให๎คิดวําคน ท่ีให๎เพื่อสํวนรวมนั้น มิได๎ให๎สํวนรวมแตํอยํางเดียว เป็นการให๎เพื่อตัวเองสามารถท่ีจะมีสํวนรวมที่จะ อาศัยได๎...” 1.2.12 บริการรวมทีจ่ ดุ เดยี ว 1.2.12 การบริการรวมทีจ่ ุดเดยี ว เป็นรปู แบบการบรกิ ารแบบเบ็ดเสรจ็ หรือ One Stop Services ท่ีเกิดข้ึนเป็นครั้งแรกในระบบบริหารราชการแผํนดินของประเทศไทย โดยทรงให๎ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดาริเป็นต๎นแบบในการบริการรวมที่จุดเดี ยว เพื่อประโยชน์ตํอประชาชนที่มาขอใช๎บริการ จะประหยัดเวลาและคําใช๎จําย โดยมีหนํวยงานราชการ ตําง ๆ มารํวมดาเนินการและให๎บริการประชาชน ณ ที่แหํงเดียว ดังพระราชดารัสความตอนหนึ่งวํา 1.2.12 “...กรม กองตําง ๆ ที่เก่ียวข๎องกับชีวิตประชาชนทุกด๎านได๎สามารถ แลกเปล่ียนความคิดเห็น ปรองดองกัน ประสานกันตามธรรมดาแตํละฝุายต๎องมีศูนย์ของตน แตํวํา

220 อาจจะมีงานถือวําเป็นศูนย์ของตัวเอง คนอื่นไมํเกี่ยวข๎อง และศูนย์ศึกษาการพัฒนาเป็นศูนย์ท่ี รวบรวมกาลังทัง้ หมดของเจ๎าหน๎าที่ทกุ กรม กอง ทั้งในดา๎ นเกษตร หรือในด๎านสังคม ท้ังในด๎านหางาน การสงํ เสรมิ การศึกษามาอยูดํ ว๎ ยกัน กห็ มายความวาํ ประชาชน ซงึ่ จะตอ๎ งใช๎วิชาการทั้งหลายก็สามารถ ท่ีจะมาดู สํวนเจ๎าหน๎าที่จะให๎ความอนุเคราะห์แกํประชาชนก็มาอยํูพร๎อมกันในท่ีเดียวกัน เหมือนกัน ซ่งึ เป็นสองด๎าน กห็ มายถงึ วาํ ท่สี าคัญปลายทางคอื ประชาชนจะไดร๎ ับประโยชน์และต๎นทางของผู๎เป็น เจ๎าหนา๎ ที่จะให๎ประโยชน์...” 1.2.13 ใช๎ธรรมชาตชิ วํ ยธรรมชาติ 1.2.13 การเขา๎ ใจถงึ ธรรมชาติ และต๎องการให๎ประชาชนใกล๎ชดิ กับธรรมชาติ ทรง มองอยํางละเอียดถึงปัญหาของธรรมชาติ หากเราต๎องการแก๎ไขธรรมชาติจะต๎องใช๎ธรรมชาติเข๎า ชํวยเหลือ เชํน การแก๎ไขปัญหาปุาเสื่อมโทรม โดยพระราชทานพระราชดาริ การปลูกปุาโดยไมํต๎อง ปลูก (ต๎นไม๎) ปลํอยให๎ธรรมชาติชํวยในการฟื้นฟูธรรมชาติ และต๎องการให๎ประชาชนใกล๎ชิดกับ ธรรมชาติ ทรงมองอยํางละเอียดถึงปัญหาธรรมชาติ หากเราต๎องการแก๎ไขธรรมชาติ จะต๎องใช๎ ธรรมชาติเข๎าชํวยเหลือ อาทิ การแก๎ไขปัญหาปุาเสื่อมโทรมได๎พระราชทานพระราชดาริ การปลูกปุา โดยไมํต๎องปลูก ปลํอยให๎ธรรมชาติชํวยในการฟ้ืนฟูธรรมชาติ หรือแม๎กระทั่ง การปลูกปุา 3 อยําง ประโยชน์ 4 อยาํ ง ได๎แกํ ปลูกไม๎เศรษฐกิจ ไม๎ผล และไม๎ฟืน นอกจากได๎ประโยชน์ตามช่ือของไม๎แล๎ว ยังชวํ ยรกั ษาความชุมํ ช้ืนให๎แกํพ้ืนดินด๎วย จะเห็นได๎วําทรงเข๎าใจธรรมชาติ และมนุษย์อยํางเก้ือกูลกัน ทาให๎คนอยูํรํวมกับปุาได๎อยํางยั่งยืน เชํน การแก๎ไขปัญหาปุาเสื่อมโทรมได๎ พระราชทาน พระราชดาริ การปลกู ปุา 1.2.14 ใช๎อธรรมปราบอธรรม 1.2.14 นอกเหนือจากการ “ทาให๎งําย” แล๎ว ยังทรงนาความจริงในเร่ืองความ เปน็ ไปแหงํ ธรรมชาติ และกฎเกณฑข์ องธรรมชาติมาเป็นหลักการ แนวปฏิบัติท่ีสาคัญในการแก๎ปัญหา และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาวะที่ไมํปรกติ ให๎เข๎าสํูระบบท่ีเป็นปรกติ เชํน การนาน้าดีขับไลํน้าเสีย หรือเจือจางน้าเสียให๎กลับเป็นน้าดี ตามจังหวะการข้ึนลงตามธรรมชาติของน้า การบาบัดน้าเนําเสีย โดยใชผ๎ กั ตบชวา ซ่ึงมีตามธรรมชาติให๎ดูดซับส่ิงสกปรกปนเปื้อนในน้าดังพระราชดารัสวํา “ใช๎อธรรม ปราบอธรรม” แนวพระราชดาริท่ีพระราชทานในด๎านสิ่งแวดล๎อม ซึ่งเร่ืองใกล๎ชิดประชาชนมากท่ีสุด คือ การแก๎ไขปัญหาขยะ และน้าเสีย ท่ีนับวันจะกํอตัวและทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในเขต ชุมชนเมือง ที่มีกิจกรรมการผลิตหลากหลาย เชํน อาคาร ห๎างร๎าน โรงงานอุตสาหกรรม บ๎านเรือน ภาคการเกษตร ล๎วนมีสํวนทาให๎เกิดน้าเสีย และขยะจนกลายเป็นปัญหาใหญํของหลายเมือง ท้ังใน ด๎านของสถานที่กาจัดขยะ ความรู๎และเทคโนโลยีการจัดการ รวมถึงงบประมาณที่ใช๎ในปริมาณสูง 1.2.15 ปลกู ปาุ ในใจคน 1.2.15 ต๎องปลูกปุาท่ีจติ สานึกกอํ น ตอ๎ งใหเ๎ ห็นคุณคํากํอนท่ีจะลงมอื ทา การดูแลปัญหายาเสพติด ถ๎าคนทาหน๎าที่น้ียังทา เพราะเป็นหน๎าที่งานสาเร็จได๎ยาก แตํถ๎าทาด๎วย ความดีใจท่ีได๎ชํวยลูกเขาให๎กลับคืนสูํอ๎อมอกพํอแมํได๎เพียงหนึ่งคน ซ่ึงคุ๎มคํากวําได๎เงินทองเป็นล๎าน แสดงวําพลังตํอส๎ูกับยาเสพติดได๎เกิดขึ้นในใจของทํานแล๎ว จงปลุกสิงโตทองคาในหัวใจ ใหต๎ ืน่ ขนึ้ มาให๎ได๎กํอน เป็นการปลูกปุาลงบนแผํนดินด๎วย ความต๎องการอยูํรอดของมนุษย์ ทาให๎ต๎อง มีการบริโภคและใช๎ทรัพยากรธรรมชาติอยํางสิ้นเปลือง เพ่ือประโยชน์ของตนเอง และสร๎างความ

221 เสียหายให๎แกํสิ่งแวดล๎อม ปัญหา ความไมํสมดุลจึงบังเกิดขึ้น ดังนั้น ในการท่ีจะฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติให๎กลับคืนมา จะต๎องปลูกจิตสานึกในการรักผืนปุาให๎แกํคนเสียกํอน ดังพระราช ดารสั ความตอนหน่ึงวาํ “...เจา๎ หน๎าทป่ี าุ ไม๎ควรจะปลูกต๎นไม๎ ลงในใจคนเสียกํอน แล๎วคนเหลํานั้นก็จะ พากันปลกู ตน๎ ไม๎ลงบนแผํนดินและรักษาตน๎ ไม๎ด๎วยตนเองกํอน” 1.2.16 ขาดทนุ คอื กาไร 1.2.15 “...ขาดทนุ คอื กาไร Our loss is our gain...การเสียคือ การได๎ ประเทศชาติกจ็ ะกา๎ วหน๎า และการที่คนอยูํดีมีสุขน้ันเป็นการนับที่เป็นมูลคําเงินไมํได๎...” จากพระราช ดารัสดังกลําว คือ หลักการในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่มีตํอ พสกนิกรไทย “การให๎” และ “การเสียสละ” เป็นการกระทาอันมีผลเป็นกาไร คือความอยํูดีมีสุขของ ราษฎร ซ่ึงสามารถสะท๎อนให๎เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนได๎ ถ๎าอยากให๎ประชาชนอยูํดี กินดี ก็ต๎องลงทุน ต๎องสร๎างโครงสร๎าง ซึ่งต๎องใช๎เงิน เป็นร๎อย พัน หมื่นล๎าน ถ๎าทาไปเป็นการจํายเงินของรัฐบาล แตํใน ไมํช๎าประชาชนจะได๎รับผล ราษฎรอยํูดี กินดี ราษฎรได๎กาไรไป ถ๎าราษฎรมีรายได๎ รัฐบาลก็เก็บภาษี ได๎สะดวก เพ่ือให๎รัฐบาลได๎ทาโครงการตํอไป เพื่อความก๎าวหน๎าของประเทศชาติ ถ๎ารู๎รัก สามัคคี รู๎เสียสละ คือ การได๎ประเทศชาติก็จะก๎าวหน๎า และการท่ีคนอยํูดีมีสุขน้ันเป็นการนับท่ีเป็นมูลคําเงิน ไมไํ ด๎ 1.2.17 การพึ่งตนเอง 1.2.15 การพฒั นาตามแนวพระราชดารัส เพ่ือแก๎ไขปญั หาในเบ้ืองตน๎ ด๎วยการ แก๎ไขปัญหาเฉพาะหนา๎ เพื่อให๎มีความแข็งแรง พอท่จี ะดารงชีวติ ไดต๎ ํอไป แลว๎ ข้นั ตอํ ไป ก็คือการ พัฒนาให๎ประชาชนสามารถอยูใํ นสงั คมไดต๎ ามสภาพแวดล๎อมและสามารถ “พ่ึงตนเองได๎” ในทส่ี ุด หลกั การพ่งึ ตนเองตอ๎ งมีความพอดี 5 ประการ 1.2.15 1. ความพอดีด๎านจติ ใจต๎องเข๎มแข็ง พง่ึ ตนเองได๎ มีจติ สานึกทด่ี ี เออ้ื อาทรและนกึ ถงึ ประโยชนส์ ํวนรวม 1.2.15 2. ความพอดดี ๎านสงั คมต๎องชํวยเหลือเกอื้ กลู กนั สร๎างความเขม๎ แข็งให๎ ชุมชนรจู๎ กั ผนึกกาลงั และมีกระบวนการเรยี นร๎ทู เ่ี กิดจากรากฐานทมี่ นั่ คงและแข็งแรง 1.2.15 3. ความพอดีด๎านทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล๎อม ร๎ูจักใชแ๎ ละ จดั การอยํางฉลาดรอบคอบ เพ่ือให๎เกดิ ความยง่ั ยืนสงู สดุ และใชท๎ รัพยากรในประเทศเพ่ือพฒั นา ประเทศใหม๎ ัน่ คงอยเํู ป็นขั้นเป็นตอนตอํ ไป 1.2.15 4. ความพอดีด๎านเทคโนโลยี รู๎จักใชเ๎ ทคโนโลยีท่ีเหมาะสมและ สอดคลอ๎ งกบั ความต๎องการ และควรพฒั นาเทคโนโลยจี ากภูมปิ ัญญาชาวบา๎ นของเราเอง เพ่อื สอดคล๎องและเป็นประโยชนต์ อํ สภาพแวดลอ๎ มของเราเอง 1.2.15 5. ความพอดดี ๎านเศรษฐกิจ เพ่ือรายได๎ ลดรายจําย ดารงชวี ติ อยําง พอควร 1.2.18 พออยูํพอกนิ 1.2.18 เปน็ แนวทางในการดาเนินชีวติ ประจาวัน ใหส๎ ามารถอยูํรํวมกับคนใน หนวํ ยงานไดอ๎ ยํางมคี วามสขุ การพออยํูพอกินจะทาให๎เรามีความสุข และประหยัดเงินเอาไว๎ใช๎ในยาม จาเป็น การใช๎เงินอยํางสุรุํยสุรํายจะทาให๎เราไมํมีเงินเก็บ การท่ีจะต๎องการเงินมาใช๎ก็ไมํมีจะต๎องไป หยิบยืมจากผ๎ูอ่ืน ทาให๎ผ๎ูอ่ืนเดือดร๎อนไปด๎วย และถ๎าก๎ูเงินก็จะโดนดอกเบ้ียทาให๎เราต๎องหาเงินเพ่ิม

222 มากกวําที่ตัวเองไปก๎ูเค๎ามา ทาให๎ตัวเองเป็นทุกข์ ยึดความประหยัด ตัดทอนคําใช๎จํายท่ีไมํจาเป็น ความฟมุ เฟือย รู๎จกั คาวาํ “พอ” 1.2.18 พออยํู คือ การท่เี ราปลูกปุาท่ีใหไ๎ ม๎พืช ท่จี าเป็นตํอการนามาใช๎ทาที่อยูํ อาศยั ตาํ ง ๆ เชนํ ไม๎ทาเสา ไม๎ทาพื้น ไม๎ทาฝา ไมท๎ าโครงสร๎างบา๎ นตําง ๆ เปน็ ต๎น ครนั้ เมื่อเหลือใช๎ เรากแ็ บงํ จําย แจก ขาย เป็นรายได๎เสริมให๎ครอบครวั ได๎ 1.2.18 พอกิน คือ การทเี่ ราปลูกปาุ เพือ่ ใหไ๎ ด๎พืชทเี่ ราจะนามาใชก๎ นิ ได๎ อยาํ งพอเพียง เชํน ข๎าว ผกั ฯลฯ เมื่อเหลือกินแล๎ว เราก็แบํงออกขายหารายไดเ๎ สรมิ ได๎เราจะตอ๎ งใชใ๎ น ชวี ติ ประจาวนั เชํน ยา ขนม ผลไม๎ เคร่ืองปรุง เปน็ ต๎น ครั้นเม่อื เราใช๎ไดอ๎ ยํางพอเพยี งแล๎ว เรากแ็ บงํ ออกขายหารายไดใ๎ ห๎แกํครอบครัวได๎ 1.2.18 พอใช๎ คือ การปลูกปาุ ให๎มพี ชื ทเ่ี ราจะต๎องใชใ๎ นชีวติ ประจาวัน เชํน ยา ขนม ผลไม๎ เคร่ืองปรุง เป็นต๎น คร้ันเมื่อเราใช๎ได๎อยํางพอเพียงแล๎ว เราก็แบํงออกขายหารายได๎ แกคํ รอบครวั ได๎ 1.2.18 พอมพี อกิน กแ็ ปลวํา เศรษฐกจิ พอเพียงน่ันเอง ถ๎าแตํละคนมีพอมีพอกิน ก็ใช๎ได๎ ย่ิงถา๎ ทงั้ ประเทศพอมีพอกินก็ยิง่ ดี 1.2.19 เศรษฐกิจพอเพยี ง ยึดแนวคดิ ประหยัด เรยี บงําย ประโยชน์สูงสดุ 1.2.19 เศรษฐกิจพอเพยี ง คือ พระราชปรชั ญาซงึ่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาพระราชทานแกพํ สกนกิ รชาวไทย เพื่อให๎สังคมไทยมี ชีวติ ดารงอยไํู ด๎อยํางมัน่ คงและยง่ั ยนื ไมํวําเมือ่ ต๎องเผชญิ กับวิกฤตการณ์ หรอื การเปล่ยี นแปลงใด ๆ บนพนื้ ฐานวถิ ชี วี ิตด้งั เดิมของสงั คมไทยนามาประยุกต์ใช๎ 1.2.19 “ความพอเพยี ง” หมายถงึ ความพอประมาณอยาํ งมเี หตผุ ลโดยสร๎าง ภูมิค๎ุมกันในตัวที่ดีพอสมควร เพ่ือที่จะรองรับการเปล่ียนแปลงที่รวดเร็ว กว๎างขวาง ท้ังทางด๎านวัตถุ สงั คม สงิ่ แวดลอ๎ ม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกไดเ๎ ป็นอยาํ งดี โดยอาศยั ความรอบรู๎ รอบคอบ และ ความระมัดระวังในการนาวิชาการตําง ๆ มาใช๎วางแผน และดาเนินการทุกข้ันตอน ควบคูํไปกับการ สร๎างพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติทุกระดับให๎สานึกในคุณธรรม ความซ่ือสัตย์สุจริต ดาเนินชีวิตด๎วย ความอดทน ความเพียร ความมีสติปัญญา และความรอบคอบ มีเหตุผล โดยท่ีความพอประมาณน้ัน หมายถึง ความพอดีที่ไมํน๎อยเกินไป และไมํมากเกินไป ไมํเบียดเบียนตนเองและผู๎อื่น การนาหลัก เศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช๎นั้นข้ันแรกต๎องยึดหลัก “พ่ึงตนเอง” คือพยายามพึ่งตนเองให๎ได๎กํอนในแตํละ ครอบครวั มกี ารบริหารจัดการอยํางพอดี ประหยัด ไมํฟุมเฟือย สมาชิกในครอบครัวแตํละคนต๎องรู๎จัก ตนเอง เชํน ข๎อมูล รายรับ-รายจําย ในครอบครัวของตนเองสามารถรักษาระดับการใช๎จํายของตน ไมํให๎เปน็ หนี้ และร๎ูจักดงึ ศกั ยภาพในตัวเองในเร่ืองของปัจจัยสใี่ หไ๎ ด๎ในระดับหน่ึง การพัฒนาตนเองให๎ สามารถ “อยูํได๎อยํางพอเพียง” คือ ดาเนินชีวิตโดยยึดหลักทางสายกลางให๎อยํูได๎อยํางสมดุล คือ มีความสขุ ที่แท๎ ไมํให๎ร๎สู ึกขาดแคลน จนตอ๎ งเบียดเบียนตนเอง หรือดาเนนิ ชีวิตอยาํ งเกินพอดี 1.2.20 ความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ จริงใจตอํ กัน 1.2.20 ซื่อสตั ยส์ จุ รติ มีความหมายวํา ความประพฤติดี ความประพฤติ ชอบ ประพฤติตรง และจริงใจ ไมคํ ดิ คดทรยศ ไมํคดโกง และไมหํ ลอกลวง คนจะไดช๎ ่ือวํามีความ

223 ซื่อสตั ย์ ต๎องมีความจริง 5 ประการ คือ 1.2.20 1. จรงิ ตอํ การงาน หมายถึง ทาอะไรทาจริง มุํงใหง๎ านสาเร็จเกิด ประโยชน์สํวนตน หรือสวํ นรวมไดจ๎ ริง ๆ 1.2.20 2. จริงตํอหน๎าที่ หมายถึง ทาจรงิ ในงานท่ีไดร๎ บั มอบหมาย ซงึ่ เรยี กวํา หน๎าที่ทางานเพ่ืองาน ทางานใหด๎ ีที่สดุ ไมํเลินเลอํ ไมํหละหลวม ไมหํ ลีกเลี่ยง บิดพล้วิ คือ หลีกเลยี่ งไมปํ ฏิบัติตามหนา๎ ท่ีตอ๎ งเอาใจใสํหนา๎ ทีใ่ หง๎ านสาเร็จเกดิ ผลดี 1.2.20 3. จรงิ ตอํ วาจา หมายถงึ การพูดความจริง ไมํกลบั กลอก รักษาวาจา สตั ยอ์ ยาํ งเครงํ ครดั พูดจรงิ ทาจริงตามที่พดู 1.2.20 4. จริงตํอบคุ คล หมายถึง มคี วามจริงใจตํอคนที่เกี่ยวข๎อง ตอํ มิตร และผู๎รํวมงาน จรงิ ใจตํอเจา๎ นายของตน เรียกวํา มคี วามจงรกั ภกั ดี จรงิ ใจตอํ ผู๎มพี ระคุณ เรยี กวาํ มคี วามกตัญญกู ตเวที 1.2.20 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 พระราชทานพระราชดารัส เรอื่ ง ความซื่อสตั ย์สุจรติ จริงใจตอํ กันอยํางตํอเนื่องตลอดมา เพราะทรง เหน็ วําหากคนไทยทุกคนไดร๎ วํ มมือกนั ชํวยชาติ พัฒนาชาตดิ ๎วยความซื่อสตั ย์สุจรติ จรงิ ใจตํอกนั แล๎ว ประเทศไทยจะเจรญิ ก๎าวหน๎าอยํางมาก 1.2.21 ทางานอยํางมีความสขุ 1.2.21 ทางานต๎องมีความสขุ ดว๎ ย ถ๎าเราทาอยาํ งไมมํ ีความสุข เราจะแพ๎ แตํถา๎ เรามีความสุข เราจะชนะ สนุกกับการทางานเพียงเทํานั้น ถือวําเราชนะแล๎ว หรือจะทางานโดย คานึงถึงความสุขท่ีเกิดจากการได๎ทาประโยชน์ให๎กับผ๎ูอื่นก็สามารถทาได๎ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงเกษมสาราญ และทรงมีความสุขทุกคราที่จะ ชวํ ยเหลือประชาชน 1.2.22 ความเพียร 1.2.21 ความเพยี ร หมายถึง ความก๎าวไปข๎างหน๎า ความดาเนินไป ความบากบั่น ความพยายาม ความอุตสาหะ ความหม่ัน ความออกแรง ความไมํถอยหลัง ความทรงไว๎ ความไมํยํอ หยํอน ความไมํทอดทิ้ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงริเริ่ม ดาเนินงานโครงการตําง ๆ ในระยะแรกที่ไมํได๎มีความพร๎อมในการดาเนินงานมากนัก และทรงใช๎พระ ราชทรัพย์สํวนพระองค์ท้ังส้ิน แตํพระองค์ก็มิได๎ท๎อพระราชหฤทัย ทรงอดทน และมํุงม่ันดาเนินงาน นัน้ ๆ ใหส๎ าเร็จลุลวํ ง จากตัวอยาํ งบทพระราชนพิ นธ์พระมหาชนก พระมหาชนกเพียรวํายน้าอยํู 7 วัน 7 คืน แม๎จะมองไมํเห็นฝั่งแตํยังคงวํายตํอไป ไมํจมลง จนกลายเป็นอาหารของปลา และได๎รับความ ชวํ ยเหลือจน ถงึ ฝงั่ ได๎ในที่สุด 1.2.23 รู๎ รกั สามัคคี คิ ด เ พ่ื อ ง า น 1.2.21 คดิ เพอ่ื งาน ร๎ู = ต๎องร๎ูปจั จัย รปู๎ ัญหา รท๎ู างออกของปญั หา รัก = เมื่อรู๎แลว๎ ต๎องเกิดความอยากในทางท่ดี กี ํอน คอื ฉันทะเหน็ วําเปน็ ประโยชน์ตํอ ประเทศชาติ ภูมิใจ อยากทา

224 1.2.21 สามัคคี = ลงมือปฏิบตั ิ ต๎องรํวมมือเพ่ือเกิดพลงั แยกกนั ไรค๎ ํา รวมกัน ไร๎เทียมทาน คิดเพื่อตัวเราเอง ร๎ู = ร๎จู กั ทกุ คนทั้งหนา๎ ที่การงาน ชีวติ ครอบครัวทาอยํางไร จึงจะร๎จู ัก ใหด๎ ไี ด๎ รูจ๎ ดุ อํอน จดุ แขง็ โดยเฉพาะผบ๎ู ังคบั บัญชา รกั = เน๎นความดี ใสใํ จกนั และกันมองกนั ในแงดํ ี สามัคคี = จึงจะเกดิ กกกกกกกจากหลกั การทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จานวน 23 ข๎อขา๎ งตน๎ เมื่อวิเคราะห์ในสวํ นท่ีเกย่ี วข๎องกบั คุณธรรมของพลเมืองดี มี 9 ขอ๎ ซึ่งพลเมือง ดีควรนาไปปฏิบตั ิใหเ๎ ป็นรปู ธรรม คอื กกกกกกกข๎อท่ี 10 การมีสํวนรํวม มสี วํ นรวํ มและคิดถงึ สํวนรวม กกกกกกกขอ๎ ที่ 11 ตอ๎ งยดึ ประโยชน์สวํ นรวม กกกกกกกขอ๎ ท่ี 12 บริการจดุ เดยี ว กกกกกกกข๎อที่ 16 ขาดทุนคือกาไร กกกกกกกข๎อท่ี 17 การพึง่ ตนเอง กกกกกกกข๎อที่ 20 ความซ่ือสัตย์สุจรติ จริงใจตอํ กนั กกกกกกกขอ๎ ท่ี 21 ทางานอยาํ งมคี วามสขุ กกกกกกกข๎อที่ 22 ความเพียร กกกกกกกข๎อท่ี 23 รู๎ รกั สามัคคี กกกกกกก2. แนวทางการปฏิบตั หิ น้าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน 2.1 การมสี ํวนรํวม มีสํวนรวํ มและคดิ ถงึ สํวนรวม หน๎าทพ่ี ลเมืองทีด่ มี ีแนวปฏิบตั ิ คือ ภารกิจสวํ นรวม ทกุ คนควรเขา๎ ไปมสี วํ นรวํ ม คดิ รํวมทาเพื่อใหภ๎ ารกจิ น้นั สาเรจ็ ลุลํวง ถึงแมว๎ ําบางครัง้ การคิดของแตลํ ะคนอาจจะไมํตรงกนั กต็ าม แตํเราต๎องปฏิบัตติ ามถ๎าเป็นมติความคดิ เห็นของสวํ นใหญํ 2.2 ต๎องยึดประโยชนส์ วํ นรวม หน๎าทพี่ ลเมืองทด่ี ีมแี นวปฏบิ ตั ิ คอื จะต๎องมคี วามเสยี สละ ในเรอ่ื งทจี่ าเป็น เพ่ือผลประโยชน์ของสํวนรวมและรักษาไว๎ซ่ึงสังคมประชาธิปไตย เป็นการสํงผลตํอความมั่นคงและ ความก๎าวหน๎าขององค์กร ซึ่งสุดท๎ายแล๎วผลประโยชน์ดังกลําวก็ย๎อนกลับมาสํูสมาชิกของสังคม เชํนการไปใช๎สิทธิเลือกต้ัง ถึงแม๎วําเราจะมีอาชีพบางอยํางที่มีรายได๎ตลอดเวลา เชํนค๎าขาย แตํก็ยอม เสียเวลาค๎าขายเพ่ือไปลงสิทธิเลือกตั้ง บางคร้ังเราต๎องมีน้าใจชํวยเหลือกิจกรรมสํวนรํวม เชํน การสมัครเปน็ กรรมการเลอื กตัง้ หรอื สมาคมบาเพญ็ ประโยชน์สํวนรวม เปน็ ต๎น 2.3 บริการจดุ เดยี ว หน๎าที่พลเมืองที่ดีมีแนวปฏิบัติ คือ พลเมืองหลากหลายอาชีพซึ่งมีความรู๎และ ประสบการณ์ที่แตกตํางกัน การรํวมกันแก๎ไขปัญหาหรือการบริการรํวมกัน ณ จุดเดียวกัน เพ่ือให๎ สมาชกิ ในสงั คมไดร๎ บั บรกิ ารเบ็ดเสร็จ

225 2.4 ขาดทุนคือกาไร หน๎าท่ีพลเมอื งทีด่ ีมีแนวปฏิบตั ิ คือ การเสยี สละผลประโยชนท์ ีต่ นเองจะไดร๎ บั ให๎ กันสํวนรวมแทน เพราะเม่ือสํวนรวมไดร๎ บั ผลประโยชน์น่ี เราในฐานะเปน็ สวํ นหนึ่งของสมาชิกสงั คมก็ ไดร๎ บั ผลประโยชน์ด๎วย 2.5 การพ่ึงตนเอง หน๎าทพ่ี ลเมืองทด่ี มี ีแนวปฏบิ ตั ิ คอื พยายามพ่งึ ตนเองให๎มากท่สี ุด ลดการพึง่ พา ภายนอก จะทาใหส๎ ามารถแก๎ไขปัญหาในเบอื้ งต๎นได๎ 2.6 ความซื่อสัตยส์ ุจริต จรงิ ใจตํอกัน หน๎าท่ีพลเมืองที่ดีมีแนวปฏิบัติ คือ การปฏิบัติตน ทางกาย วาจา จิตใจ ที่ตรงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกงไมํหลอกลวง ไมเํ อาเปรยี บผู๎อ่ืน ล่ันวาจาวําจะทางานส่ิงใดก็ต๎องทาให๎สาเร็จเป็น อยํางดี ไมํกลบั กลอก มคี วามจริงใจตํอทุกคน จนเปน็ ทีไ่ วว๎ างใจของคนทกุ คน 2.7 ทางานอยํางมีความสขุ หนา๎ ที่พลเมืองทีด่ มี ีแนวปฏิบัติ คอื ขณะทางานต๎องมีความสขุ ด๎วย ถา๎ เราทาอยําง ไมํมีความสุข เราจะแพ๎ แตถํ ๎าเรามีความสุข เราจะชนะ สนุกกับการทางานเพียงเทํานั้น ถอื วาํ เราชนะ แลว๎ หรือจะทางานโดยคานงึ ถึงความสุขทีเ่ กิดจากการไดท๎ าประโยชนใ์ หก๎ ับผอู๎ ่ืนกส็ ามารถทาได๎ 2.8 ความเพยี ร หนา๎ ท่ีพลเมืองทีด่ ีมีแนวปฏิบัติ คือ การเริ่มตน๎ ทางาน หรอื ทาสง่ิ ใดนนั้ อาจไมํมี ความพร๎อมแตํต๎องอาศัยความอดทนและความมุงํ มั่น เพยี รพยายามให๎งานน้นั สาเรจ็ ลุลวํ งไปได๎ 2.9 ร๎ู รัก สามคั คี หน๎าท่ีพลเมืองทด่ี ีมีแนวปฏิบตั ิ คือ ต๎องมีความร๎ใู นงานที่ตนเองทาเป็นอยํางดกี ํอน ตอํ จากนัน้ ใหท๎ างานดว๎ ยความรกั และเม่อื ลงมอื ปฏบิ ัติ ถ๎าทาคนเดยี วไมสํ าเร็จกต็ ๎องใชบ๎ ุคคลอืน่ มาชํวย ทารํวมกนั อยํางมีความสามัคคี สรปุ กกกกกกกหลกั การทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 มีจานวน 23 ข๎อ ได๎แกํ (1) ศึกษาข๎อมูลให๎เป็นระบบ (2) ระเบิดจากภายใน (3) แก๎ปัญหาจากจุดเล็ก (4) ทาตามลาดับขั้น (5) ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ (6) ทางานแบบองค์รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชน์สูงสุด (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม มีสํวนรํวมและคิดถึง สํวนรวม (11) ต๎องยึดประโยชน์สํวนรวม (12) บริการรวมจุดเดียว (13) ใช๎ธรรมชาติชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคือกาไร (17) การพ่ึงตนเอง (18) พออยํพู อกนิ (19) เศรษฐกิจพอเพียง ยึดแนวคิดประหยัด เรียบงําย ประโยชน์สูงสุด (20) ความ ซือ่ สตั ย์สจุ รติ จรงิ ใจตอํ กัน (21) ทางานอยํางมีความสขุ (22) ความเพียร (23) รู๎ รกั สามัคคี

226 ใบความรู้ เรื่องที่ 6 ศนู ย์การศึกษาพัฒนาหว้ ยทรายอนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เพชรบุรี วัตถปุ ระสงค์ กกกกกกก1. เพือ่ ให๎นักศึกษามคี วามร๎ูความเข๎าใจเรอื่ ง ศนู ย์ศึกษาการพฒั นาหว๎ ยทราย อันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริจังหวัดเพชรบรุ ี กกกกกกก2. เพื่อใหน๎ ักศึกษามที ักษะการแสวงหาความรเู๎ รอื่ ง ศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาห๎วยทราย อันเน่อื งมาจากพระราชดาริจังหวดั เพชรบรุ ี กกกกกกก3. เพื่อใหน๎ ักศึกษามคี วามตระหนักถงึ ความสาคญั เรือ่ ง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาหว๎ ยทราย อนั เนือ่ งมาจากพระราชดาริจังหวดั เพชรบรุ ี เนือ้ หา กกกกกกกศูนย์ศึกษาการพัฒนาหว๎ ยทรายอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เพชรบุรี กกกกกกก1. ประวตั คิ วามเป็นมาของศูนย์ศึกษาการพฒั นาหว๎ ยทรายอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เพชรบรุ ี กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดเ๎ สด็จพระราช ดาเนินทรงเยี่ยมราษฎรในพ้ืนที่จังหวัดเพชรบุรี เม่ือวันท่ี 5 เมษายน 2526 ทรงพบเห็นสภาพปัญหา ตํางๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย จึงมีพระราชดาริให๎จัดต้ังศูนย์ศึกษาศึกษาการพัฒนาห๎วยทรายอัน เน่ืองมาจากพระราชดาริขึ้นในเขตพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ต.สามพระยา อ.ชะอา จ.เพชรบุรี อัน เปน็ พืน้ ที่ ซ่งึ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล๎าเจา๎ อยหํู วั ได๎มปี ระกาศพระบรมราชโองการให๎เป็นที่หลวง เมอื่ ปี 2466 และ ปี 2467 เดิมพน้ื ทีแ่ หํงน้ีมสี ภาพปาุ ไม๎เป็นทอ่ี ุดมสมบูรณ์ มีสตั วป์ ุาประเภทเน้ือทราย อยูํเป็นจานวนมาก จึงได๎ช่ือวํา “ห๎วยทราย” ปัจจุบันพื้นท่ีรับผิดชอบทั้งหมดของโครงการจานวน 22,627 ไรํ กกกกกกก1. ตอํ มาราษฎรไดเ๎ ข๎ามาอาศัยทากินบุกรุกแผ๎วถางปาุ และได๎ประกอบอาชีพ ตามยถากรรมภายในเวลาไมํถึง 40 ปี ปุาไม๎ได๎ถูกทาลายโดยสิ้นเชิง ทาให๎ฝนไมํตกต๎องตามฤดูกาล และมีปริมาณลดน๎อยลงจนมีลักษณะเป็นพื้นที่อับฝน ดินขาดการบารุงรักษาจนเกิดความไมํสมดุลย์ ทางธรรมชาติ การพังทลายของผิวดินคํอนข๎างสูง ประกอบกับราษฎรสํวนใหญํปลูกสับปะรด ซ่ึงต๎องใช๎สารเคมีมาก ทาให๎คุณภาพของดินตกต่าลงไปอีก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดารัสวํา “หากปลํอยท้ิงไว๎จะกลายเป็นทะเลทรายในที่สุด” เม่ือวันท่ี 5 เมษายน 2526 ได๎พระราชทานพระราชดาริกับหมํอมเจ๎าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ องคมนตรีและ

227 นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการสานักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงาน โครงการ อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร.) ให๎พัฒนาเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาด๎านปุาไม๎ เอนกประสงค์ จัดให๎ราษฎรท่ีทากินอยูํเดิมมีสํวนรํวมในการดูแลรักษาปุาไม๎ ได๎ประโยชน์และ ไมํทาลายปุาไม๎อีกตํอไป มุํงที่จะศึกษารูปแบบการพัฒนาเกษตรควบคํูไปกับการปลูกปุา จัดหาแหลํง น้า ศกึ ษาวิธกี ารและระบบปูองกันไฟไหมป๎ าุ ใน “ระบบปุาเปียก” ใหร๎ าษฎรสรา๎ งรายได๎จากผลิตผลปุา ไม๎และปลูกพืชชนิดตํางๆ ควบคํูไปด๎วย และให๎ราษฎรท่ีเข๎ามาทากินโดยมิชอบได๎เข๎ารํวมกิจกรรม เพ่ือทจี่ ะได๎รบั พระราชทานทด่ี นิ ทากนิ ตํอไป กกกกกกก1. แนวพระราชดาริเริ่มโครงการในระยะเร่ิมต๎นในปี 2526 มีสาระสาคัญให๎พัฒนาพ้ืนท่ี แหํงนี้เป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาด๎านเกษตรกรรมเน๎นการฟ้ืนฟูปุาไม๎ควบคํูกับการเพาะปลูก โดยจัด ระเบยี บการใชท๎ ่ดี ินภายในโครงการใชท๎ ดี่ นิ ภายในโครงการให๎เหมาะสม และให๎ราษฎรได๎เข๎าอยํูอาศัย ทากินและมสี ํวนรวํ มในกิจกรรมตํางๆ ของศูนย์ฯ เพ่ือจะได๎ไมํบุกรุกทาลายปุาตํอไป ท้ังนี้เพ่ือให๎บรรลุ จุดมุํงหมายในการเป็น “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติท่ีมีชีวิต” เหมือนกับศูนย์ศึกษาฯแหํงแรกเขาหินซ๎อน ให๎ประชาชนทัว่ ไปได๎มาศึกษาดูงาน และนาตัวอยํางไปประยุกต์ใช๎ในท๎องถ่ินของตนเองตํอไป ในระยะ ตํอมาทรงมีแนวพระราชดาริเพิ่มเติมในการพัฒนาด๎านตํางๆ มีสาระสาคัญประกอบด๎วย ด๎านการ อนุรักษด์ นิ และน้า ตลอดจนการฟืน้ ฟรุ ะบบนิเวศ ให๎มีการสร๎างฝายเก็บน้า (ฝายชุมฉ่า) ตามรํองน้าใน ชํองเขาตาํ ง ๆ และ ทาระบบกระจายนา้ กระจายความชุํมชื้นไปในดินซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการปลูก ฟ้ืนฟูปุาในรูปแบบ “ปุาเปียก” หรือ “ภูเขา” ให๎มีการทดลองการปลูกหญ๎าแฝก เพื่อปูองกันการ ชะลา๎ งพังทลาย ของดินในลักษณะของ “เขอื่ นท่มี ีชีวิต” ในพ้ืนที่ตํางๆ กกกกกกก2. องค์ความรู๎ของศูนยศ์ กึ ษาการพฒั นาห๎วยทรายอันเน่อื งมาจากพระราชดาริ จงั หวัดเพชรบรุ ี กกกกกกก2. 2.1 แฝกดนิ ดาน ที่มาขององค์ความร๎ู ศูนย์ศึกษาการพัฒนาหว๎ ยทรายอนั เนอื่ งมาจาก พระราชดาริ ได๎ทาการศึกษาทดลอง วิจัย และดาเนินการตามแนวพระราชดาริ ซึ่งจากการพัฒนา ฟืน้ ฟูสภาพดินซึ่งเป็นดินปนทรายในชุดดินหุบกะพง มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่า และดินชั้น ลํางมีสภาพแข็งเป็นดาน พบวํา โดยคุณสมบัติทางกายภาพของดิน เนื่องจากเน้ือดินเป็นทรายจัด ทา ให๎ความสามารถในการอ๎มุ น้าตา่ เก็บกกั น้าไมคํ อํ ยอยูํ ดินจะแห๎งเร็วในชํวงที่ฝนท้ิงชํวง และดินจะแห๎ง จัดในชํวงฤดูแล๎ง เนื่องจากพื้นที่ของโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห๎วยทรายอันเนื่องมาจาก พระราชดาริ มีความลาดเทไปสูํชายฝั่งทะเลด๎านทิศตะวันออกของพ้ืนท่ีประกอบกับเนื้อดินเป็นทราย จัด จึงงํายตํอการชะล๎างพังทลายของดิน พื้นท่ีบางแหํงสูญเสียหน๎าดินจนหมด ดินช้ันลํางซ่ึงมีสภาพ แขง็ เปน็ ดานจงึ ปรากฏข้ึน ดงั น้นั การปรับปรงุ คุณสมบตั ทิ างด๎านกายภาพ จะต๎องชํวยเพิ่มอินทรียวัตถุ ให๎แกดํ ิน ซึ่งจะทาใหด๎ นิ เกาะตวั กันเปน็ ก๎อน ทาใหด๎ นิ มีโครงสรา๎ งดีขึ้น และทาให๎ดินอ๎ุมน้าไว๎ได๎มากข้ึน และในพืน้ ทท่ี ่ดี ินมีสภาพแขง็ เปน็ ดานจดั การพัฒนาโครงสร๎างทาได๎ยาก การกักเก็บตะกอนดินเพ่ือให๎ มีหนา๎ ดินใหมํ หรอื การเตมิ หนา๎ ดิน จากการยอํ ยสลายของซากพืชกิ่งไม๎และใบไม๎ จึงเป็นส่ิงจาเป็น แตํ อยํางไรก็ดีทุกวิธีการ หากไมํสามารถปูองกันการชะล๎างพังทลายของดินไปพร๎อมๆกันด๎วย ก็เป็นการ ยากท่ีจะพัฒนาให๎ดินกลับมามีความอุดมสมบูรณ์ การพัฒนาดินท่ีแข็งเป็นดานโดยการปลูกหญ๎าแฝก ถ๎าดินไมํแข็งมากหญ๎าแฝกจะทาการพัฒนาท้ังโครงสร๎างของดิน และกักเก็บตะกอนดิน แตํถ๎าดินท่ีมี

228 ความแขง็ มากหญา๎ แฝกจะไมํสามารถพัฒนาโครงสร๎างของดินโดยตรง แตํก็สามารถเติมหน๎าดินขึ้นมา ใหมํจากตะกอนดิน เศษก่ิงไม๎และใบไม๎ โดยหญ๎าแฝกเป็นกาแพงธรรมชาติที่มีชีวิตดักเก็บเก็บไว๎ใน พน้ื ท่ี และการปลกู หญ๎าแฝกสามารถประยกุ ต์ใช๎ในการปลกู หญ๎าแฝกกบั ดินลูกรัง ศิลาแลง หรือดินที่มี หินหรือกรดปนอยํูมาก เชํน ดินตามภูเขาหรือเนินเขาบางแหํง หรือดินที่จับ ตัวเป็นก๎อน เชํน ดนิ เหนยี ว กกกกกกก2. 2.2 การสร๎างระบบกระจายความชํุมช้นื ตามแนวพระราชดาริ ทมี่ าขององคค์ วามรู๎ พ้ืนที่โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห๎วยทรายอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ กํอนทาการพัฒนาน้ันเป็น พน้ื ทเี่ สอ่ื มโทรมบางครั้งแห๎งแลง๎ บางครั้งฝนตกมากเกนิ ไป ดังนัน้ จึงมีความจาเป็นท่ีจะต๎องเก็บน้าฝน ท่ีตกลงมาให๎อยใูํ นพืน้ ดินให๎มากทส่ี ุด ซ่งึ การทจี่ ะทาใหน๎ า้ มโี อกาสซึมลงไปในพื้นดินได๎มากท่ีสุดจะต๎อง ให๎น้าอยูํในพ้ืนท่ีให๎นานที่สุดด๎วย เชํนกัน น้าจะต๎องไมํไหลบําไปโดยเร็ว วิธีการสร๎างสิ่งกีดขวางทิศ ทางการไหลของน้าผิวดิน จะชํวยชะลอการไหลบําของน้าผิวดิน ซ่ึงจะชํวยให๎น้ามีเวลาซึมลงไปในดิน ได๎นานข้ึน และกจ็ ะไดน๎ า้ ในดนิ มากขน้ึ นอกจากน้ี ยังชวํ ยลดการชะล๎างพังทลายของดินให๎น๎อยลงเม่ือ ฝนตกหนกั กกกกกกก2. 2.3 การสร๎างฝายกักเก็บน้า ท่ีมาขององคค์ วามรู๎ จากการดาเนนิ การสรา๎ งฝายกักเกบ็ น้าขึน้ ตามแนวพระราชดาริ ซึ่งปจั จบุ ันเรียกกนั หลายช่ือ เชํน ฝายต๎นน้าขนาดเล็ก ฝายชะลอความชํุม ชื้น ฝายแม๎ว หรือ Check Dam เป็นต๎น พบวําฝายจะชํวยชะลอความเร็วของน้าให๎ไหลลงไปสูํเบ้ือง ลําง สังเกตได๎จากการกัดเซาะตามรํองน้าตํางๆลดลง ในระยะแรกนั้นเมื่อฝนหยุดตกน้าจะขังอยูํหลัง ฝายได๎ไมํนานนัก น้าจะซึมผํานผนังของฝายที่สร๎างจากวัสดุธรรมชาติ และซึมลงไปในดินจนหมดแตํ เมื่อมีการดูแลให๎มีความแข็งแรงอยํางตํอเนื่องในปีตํอๆมา จะมีน้าขังอยูํในฝายมากข้ึนและอยํูในฝาย เปน็ เวลานานขึน้ น้าจะไมซํ มึ ผํานผนงั ของฝาย ท้ังนี้ เน่อื งจาก มีตะกอนดนิ และเศษกิ่งไมใ๎ บไมท๎ ่ีสะสม เพ่ิมขึน้ ในแตลํ ะปีแทรกเขา๎ ไปอยํใู นผนงั ของฝาย นา้ จะซึมลงในดินช๎าๆ กกกกกกก2. 2.4 การสรา๎ งคันดนิ กนั้ นา้ (Terracing) ทีม่ าขององค์ความรู๎ เลอื กพน้ื ที่รับน้า จากนั้น ทาการขยายให๎กวา๎ งและลึกขึ้นเพื่อเพ่ิมปริมาณในการกักเก็บ โดยดนิ ทข่ี ุดขึน้ จะต๎องไมํไปเปลีย่ นแปลง หรอื ขวางทางน้าท่ีไหลเข๎ามาตามธรรมชาติ กกกกกกก2. 2.5 การสร๎างคนั ดินเบนนา้ (Diversion) ทม่ี าขององคค์ วามร๎ู เปน็ การเช่ือมตํอคนั ดนิ กกั นา้ (Terracing) ที่สามารถเช่อื มตํอเขา๎ ดว๎ ยกันเปน็ แนวขวางทางน้าในพ้ืนท่ี บริเวณใดเป็นพ้ืนท่ีต่าก็ ใช๎ดินถมเสริมข้ึนเป็นคันดิน บริเวณใดเป็นพื้นท่ีสูงก็ใช๎วิธีขุดรํอง ท้ังน้ี โดยมีการใช๎กล๎องหาระดับ ทา การจัดระดับให๎น้าไหลถํายเทเข๎าหากันจากการดาเนินการตามแนวพระราชดาริ ทาให๎เกิดการชะลอ การไหลของนา้ ฝนทไี่ หลบําในพน้ื ทีท่ ั้งระบบ ตัง้ แตํภเู ขา พนื้ ทีเ่ ชงิ เขา และพ้ืนท่ีราบลํุม ทาให๎น้ามีเวลา อยํูในพ้ืนท่ีมากข้ึนกํอนไหลออกไปนอกพื้นที่ ซ่ึงก็จะทาให๎น้าได๎ซึมลงไปในดินได๎มากขึ้น ดินสามารถ สะสมความชื้นได๎เพิ่มขึ้น และเม่ือมีการจัดสร๎างโดยการวางระดับและระยะท่ีเหมาะสม น้าจะถูก กระจายออกไปครอบคลุมพื้นที่ได๎มากข้ึนแทนที่จะไหลอยํูในแนวรํองน้าแตํเพียงอยํางเดียว ทาให๎ ความชุํมช้ืนกระจายครอบคลุมพ้ืนที่มากขึ้นมีผลเก้ือกูลกับการปลูกปุาเพ่ือฟ้ืนฟูสภาพปุา นอกจากนี้ ยังเป็นแนวชํวยปูองกันการชะล๎างพังทลายของดินอีกทางหน่ึงด๎วย การจัดวางแนว คันดินกักน้า (Terracing) และคันดินเบนน้า (Diversion) ที่เหมาะสมจะมีความคล๎ายคลึงกับแนวรํองสวนของ ชาวสวน การสร๎างคนั ดินกกั น้าประกอบกับคันดนิ เบนน้า สามารถประยุกต์ใช๎เพ่ือให๎น้าฝนถูกรวบรวม

229 ไหลเข๎าสระน้า โดยขุดสระน้าในท่ีลํุมของพื้นท่ี ใช๎แนวคันดินกักน้าไมํให๎ออกไปจากพ้ืนท่ีและใช๎แนว คันดนิ เบนน้าเขา๎ มายงั สระน้า เม่ือนา้ เต็มสระน้าก็ล๎นไปตามทางระบายน้า นอกจากน้ัน ยังสามารถใช๎ กักน้าและเบนน้าจากพื้นท่หี น่ึงไมํใหไ๎ หลเข๎าไปยังอกี พ้นื ทห่ี น่งึ ได๎ กกกกกกก2. 2.6 การบรหิ ารจัดการน้าและการพฒั นาแหลงํ น้าด๎วยระบบเครือขํายอาํ งเกบ็ น้าตาม แนวพระราชดาริ ทีม่ าขององคค์ วามร๎ู การฟื้นฟูธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ๎ ม ในพ้ืนที่ซ่ึงฝนไมํตกต๎องตาม ฤดูกาล บางคร้ังแห๎งแล๎งบางครั้งฝนตกมากเกินไป โดยอาศัยฝนเพียงอยํางเดียวคงเป็นการยาก ถึงแม๎นวําจะมีแนวกาแพงหญ๎าแฝกคอยชํวยเก็บความชุํมช้ืนให๎กับพื้นดิน หรือมีระบบการกระจาย ความชุํมชื้นท่ีผสมผสาน Check Dam คันดินก้ันน้า (Terracing) คันดินเบนน้า (Diversion) เขา๎ ด๎วยกัน เพอ่ื ท่ีจะชํวยเกบ็ และกระจายความชุํมชื้นให๎กับพ้ืนที่ ดังนั้น การจัดหาน้ามาเพื่อใช๎ในการ ฟื้นฟูธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อมจึงเป็นสิ่งจาเป็น ในระยะแรกจึงมีการสร๎างอํางเก็บน้าขึ้นในพื้นท่ี ได๎แกํ อํางเก็บน้าห๎วยตะแปด อํางพักน้าเขากระปุก อํางเก็บน้าห๎วยทราย และอํางเก็บน้าหนองไทร โดยอํางเกบ็ นา้ หลกั คอื อํางเกบ็ นา้ ห๎วยตะแปด มคี วามจุ 4 ล๎านลกู บาศกเ์ มตร กกกกกกก2. 2.7 การฟน้ื ฟูสภาพปุาไม๎ ที่มาขององค์ความรู๎ จากสภาพปุาไมท๎ ่ีสมบูรณ์ แตไํ ด๎ถูก ทาลายจนส้ินสภาพของความเป็นปุาซ่ึงเป็นยิ่งกวําสภาพของปุาเสื่อมโทรมนั้น แตํจากการดาเนินการ ฟ้ืนฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม ท่ีดาเนินการอยํางสอดคล๎องกันไปในหลายด๎านซ่ึงกํอให๎เกิดการ เกื้อกูลกัน ตั้งแตํการใช๎หญ๎าแฝกในการปูองกันการชะล๎างพังทลายของดิน การกักเก็บหน๎าดินและ ความชมํุ ช้ืนให๎กับพ้ืนดิน การสร๎างฝายชะลอความชํมุ ช้นื ลดความเรว็ ของนา้ ตามรํองน้า เพ่ือลดการกัด เซาะและกักเก็บน้าไว๎ท้ังบนผิวดินและใต๎ดินสร๎างความชํุมช้ืนให๎กับพ้ืนดิน การสร๎างคันดินกั้นน้าและ คันดินเบนน้าเพ่ือดักน้าและตะกอนดิน รวมทั้งทาหน๎าท่ีในการกระจายน้าและความชุํมช้ืนให๎ ครอบคลุมพ้ืนท่ีเสริมด๎วยระบบเครือขํายอํางเก็บน้า โดยได๎ดาเนินการ ปลูกปุาด๎วย “ปุาสามอยําง เพื่อประโยชน์สี่อยําง” ตามแนวพระราชดาริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซ่ึงได๎แกํ ปุาไม๎สร๎างบ๎านหรือไม๎ที่มีคําทางเศรษฐกิจ ปุาไม๎ฟืนหรือไม๎ใช๎สอยโตเร็ว และปุาไม๎ผล ซ่ึงประโยชน์ที่ได๎รับสามอยํางแรกเป็นไปตามชื่อของไม๎นั้นๆ สาหรับประโยชน์อยํางท่ีสี่ท่ีได๎รับคือมี ประโยชน์ในการอนุรักษ์ดินและน้า กลําวคือ ปุาจะชํวยชะลอน้า ลดความเร็วของน้าที่ไหลผํานทาให๎ ความรนุ แงจากหารไหลของน้าลดลง อันจะสํงผลให๎การชะล๎างหน๎าดินและการพังทลายของดินลดลง ในขณะเดียวกันน้าจะอยูํในพื้นที่นานขึ้นทาให๎น้ามีโอกาสซึมลงไปสะสมอยํูในพ้ืนดินมากขึ้นกํอให๎เกิด ความชุํมชื้นใหก๎ บั พ้ืนดิน รมํ เงาของปาุ จะกํอใหเ๎ กดิ ความรํมเยน็ ปอู งกนั การระเหยของน้าใต๎ดิน ก่ิงก๎าน และใบของตน๎ ไมจ๎ ะรวํ งลนํ มาทับถมกนั และเกิดการยํอยสลาย กลายเป็นหน๎าดินใหมํที่อุดมสมบูรณ์ไป ดว๎ ยอินทรียวัตถุ กกกกกกก2. 2.8 ปลูกปาุ ดว๎ ยใจ ทีม่ าขององคค์ วามรู๎ ในการทากจิ กรรมปลกู ปาุ ทกุ ครั้งผ๎ูทจี่ ะปลูก ต๎องระลกึ อยเูํ สมอวําต๎องปลูกด๎วยใจ กลาํ วคือ ตอ๎ งคิดเสมอวําจะกลับมาดูต๎นไม๎ท่ีปลูกน้ันเจริญเติบโต ซึ่งจะเป็นผลให๎มีการปลูกที่มีความประณีต เร่ิมต้ังแตํการหยิบจับเคลื่อนย๎ายกล๎าไม๎ท่ีมีความ ระมดั ระวงั ไมใํ ห๎กล๎าไม๎เกดิ ความชอกช้า หือถ๎าจะเกิดก็ให๎เกิดความชอกช้าน๎อยที่สุดการนาถุงเพาะชา ออกจากกล๎าไม๎ที่มีความระมัดระวังไมํให๎ดินที่หํอหุ๎มรากหลุดแยกออก ท้ังน้ี โดยการบีบถุงเพาะชาให๎ แนํนกํอนถอดถุงออก ระมัดระวังไมํให๎รากของกล๎าไม๎ขาด กํอนจะนากล๎าไม๎ปลูกลงในหลุมต๎องเอา หัวใจรองไวก๎ น๎ หลุมเสียกํอน กลาํ วคอื ต๎องปรบั ความตื้นลึกของหลุมให๎เหมาะสมกับขนาดของกล๎าไม๎ที่

230 จะนาลงปลูก ซึ่งถ๎าหากทุกคนสามารถปลูกปุาด๎วยใจได๎อยํางแท๎จริง ปุาไม๎ท่ีหายไปก็จะกลับคืนมาได๎ อยํางแนํนอน ปัจจัยอ่ืนๆ อันเป็นองค์ประกอบในการปลูกปุา นอกจากที่จะต๎องปลูกปุาด๎วยใจแล๎ว การเลือกกล๎าไม๎ท่ีเหมาะสมเพ่ือปลูกในพ้ืนท่ีก็เป็นสํวนประกอบท่ีจะฟื้นฟูสภาพปุาด๎วย กลําวคือ การเลือกไม๎สามอยาํ งเพอ่ื ประโยชน์สี่อยําง ต๎องเลือกให๎เหมาะสมกับระบบนิเวศของพื้นท่ีท่ีจะปลูกใน ขณะน้นั เพาระการท่ีพื้นที่ถูกทาลาย ระบบนิเวศก็จะเส่ือมถอย เชํน โครงสร๎างของดิน ความสมบูรณ์ ของแรธํ าตใุ นดนิ ความชมํุ ช้ืนของพ้นื ท่ี เปน็ ต๎น กกกกกกก2. 2.9 การฟ้นื ฟูสภาพปุาไมบ๎ นพนื้ ท่ภี ูเขาด๎วยระบบปาุ เปยี กหรือภูเขาปุา ท่ีมาของ องค์ความร๎ู ในการฟื้นฟูสภาพปุาไม๎บนภูเขาในพ้ืนท่ีของ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห๎วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดาริ ซ่ึงเป็นภูเขาโดดๆมิใช๎เทือกเขา ขาดแหลํงน้าในพ้ืนท่ีด๎านบนภูเขา การปลูกตน๎ ไมข๎ ้นึ มาใหมํโดยปลกู กระจายใหเ๎ ตม็ พื้นท่ขี องภูเขาเป็นเรื่องที่กระทาได๎ยาก เน่ืองจากขาด ความชุํมช้ืน ซ่ึงเม่ือวันท่ี 3 มิถุนายน 2529 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มพี ระราชดาริ “ใหส๎ รา๎ งฝายชะลอความชุมํ ช้นื ตามรํองนา้ บนภูเขา เพื่อสร๎างความชํุมชื้นในสองฝ่ังของ รํองน้า” และ ยังมีพระราชดาริ ให๎ปลูกปุาด๎วยระบบ “ปุาเปียก” หรือ “ภูเขาปุา” ซึ่งในคร้ังแรกได๎ เริ่มดาเนินการในพ้ืนท่ีของเขาเสวยกะปิ โดยได๎จัดต้ังสถานีสูบน้าด๎วยพลังงานแสงอาทิตย์ สูบน้าจาก ระบบชลประทานของระบบเครือขํายอํางเก็บน้าสํงขึ้นไปบนเขาเสวยกะปิในระดับท่ีสูงท่ีสุดเทําที่จะ สามารถสงํ ขนึ้ ไปได๎ และได๎สรา๎ งบํอพกั นา้ ไว๎ ณ จดุ ที่สามารถสงํ น้าขนึ้ ไปถึง พร๎อมกับสร๎างระบบทํอให๎ น้าไหลลงมาทางด๎านลําง พร๎อมกับติดตั้งหัวจํายน้าแบบสปริงเกอร์ เป็นระบบกระจายน้าเพ่ือสร๎าง ความชํุมชนื้ ให๎กบั พนื้ ทีท่ ต่ี อ๎ งการ จากนน้ั ในระยะเร่ิมแรกได๎ทาการปลูกต๎นไม๎หลากหลายชนิดรอบบํอ พักน้าโดยเลือกต๎นไม๎ที่มีเมล็ด จัดเจ๎าหน๎าท่ีคอยดูแลรักษาประคับประคองให๎ต๎นไม๎เหลําน้ันเติบโต เมื่อมีเมล็ดๆ จะรํวงหลํนลงมาด๎านลําง เมล็ดใดที่รํวงหลํนลงมาในที่ที่เหมาะสมกับต๎นไม๎ชนิดนั้นๆ ก็จะงอกข้ึนและเจริญเติบโตได๎เอง ต๎นไม๎ใหมํที่งอกขึ้นเองด๎วยวิธีการน้ีจะมีความแข็งแรงและมีอัตรา ความอยูํรอดสูงเนื่องจากการที่ข้ึนเองในท่ีเหมาะสม ซ่ึงนับได๎วําเป็นวิธีการใช๎ธรรมชาติเอฟ้ืนฟู ธรรมชาตอิ ยํางแท๎จริง กกกกกกก3. ผลสาเร็จและการขยายผลของ ศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาห๎วยทรายอันเนื่องมาจาก พระราชดาริ จงั หวดั เพชรบรุ ี กกกกกกก3. การฟ้นื ฟูทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ๎ ม ศนู ย์ศึกษาการพฒั นาหว๎ ยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดาริได๎ดาเนินการปลูกหญ๎าแฝกขวางตามแนวระดับให๎กอชิดติดกันตามความ เหมาะสมของพ้ืนท่ีลาดชัน เพื่อชํวยลดความเร็วของกระแสน้า ท่ีเกิดจากการชะล๎างของหน๎าดินใน บริเวณรํองน้า แนวของหญ๎าแฝกชํวยเก็บกักตะกอนเป็นกาแพงปูองกันดินตามธรรมชาติล๎อมดินไว๎ เพื่อสร๎างหน๎าดินขึ้นมาใหมํโดยทาการปลูกปุาเสริมลงไปในพ้ืนท่ี สํวนบริเวณแหลํงน้า รากของหญ๎า แฝกยงั ชวํ ยดูดซับสารเคมี ซง่ึ เปน็ วธิ กี ารใช๎หญา๎ แฝกเพ่อื การอนุรกั ษด์ ินและนา้ กกกกกกก3. การฟน้ื ฟูสภาพปาุ ไม๎ การปลกู ปาุ สามอยาํ งประโยชน์ส่อี ยาํ ง ประโยชนอ์ ยาํ งที่ 1 การปลูกไม๎โตเร็ว เพื่อพัฒนาและสร๎างหน๎าดินขึ้นใหมํ และยังสามารถนาไม๎มาใช๎เป็นเช้ือเพลิงได๎ ประโยชน์อยํางท่ี 2 การปลูกไม๎ด้ังเดิมท่ีมีอยํูในพื้นที่ เน่ืองจากไม๎ด้ังเดิมมีความแข็งแรงและทนตํอ สภาพของดินฟูาอากาศได๎เป็นอยํางดี ประโยชน์อยํางที่ 3 การปลูกไม๎เศรษฐกิจหรือไม๎ผล เพื่อนา

231 ไม๎มาใช๎ประโยชน์ในอนาคต ประโยชน์อยํางท่ี 4 เป็นการอนุรักษ์ดินและน้า ชํวยสร๎างความชํุมช้ืน ใหก๎ บั พนื้ ท่ี กกกกกกก3. ปุาชายเลน เนื่องจากปรมิ าณน้าท่ไี หลจากพื้นทีต่ อนบนของศูนย์ศกึ ษาการพฒั นา ห๎วยทรายฯ จะไหลเข๎าสํูระบบฝายชะลอความชํุมช้ืน หรือฝายแม๎ว หรือCheck dam คันดินกั้นน้า และคันดินเบนน้า สํวนท่ีเหลือจะไหลลงสูํแหลํงน้าตอนลํางแล๎วออกสูํทะเล เป็นคลองที่เชื่อมตํอกับ คลองบางกราใหญํและบางกราน๎อย ซ่ึงพื้นที่ดังกลําวมีสภาพเป็นปุาชายเลนและปุาชายหาด ในเขต พื้นท่ีของกองกากับการ 1 กองบังคับการฝึกพิเศษคํายพระรามหก ทาให๎เกิดความสมดุลในระบบ นิเวศน์มากขนึ้ ซึ่งมคี วามเหมาะสมทจี่ ะเป็นแหลํงเพาะและขยายพันธ์ุน้า แหลํงอนุบาลสัตว์น้าวัยอํอน เมอ่ื เจริญเตบิ โตก็จะออกสูํทะเลเป็นแหลํงอาหารของประชาชนตอํ ไป กกกกกกก3. ด๎านการสํงเสริมอาชีพ สํงเสริมให๎เกษตรกรประกอบอาชีพ โดยยึดหลักการตามแนว พระราชดาริ เชํน การทาเกษตรโดยใช๎ ทฤษฎีใหมํ เกษตรแบบผสมผสาน และระบบวนเกษตร ตลอดจนการเลีย้ งสตั ว์ ประมง เปน็ ต๎น โดยมี เกษตรกรเป็นแกนนากลุํมตัวอยําง ทั้งน้ีเป็นไปตามแนว พระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว เร่ือง เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทาให๎เกษตรกรมีความ เป็นอยํูท่ีดีข้ึน ดาเนินชีวิตแบบ เรียบงําย ประหยัด พอมีพอกิน พอใช๎จํายในครัวเรือนสามารถพึ่งพา ตนเองได๎ ซ่งึ การประกอบอาชีพทางการเกษตรกรรมน้ี ทางศูนย์ฯ ได๎เน๎นให๎เกษตรกรใช๎หญ๎าแฝกปลูก สลับเป็นแถบกับแปลงของพืช ซง่ึ ระบบรากของหญ๎าแฝกจะลงลึกในแนวด่ิงไมํแผํกระจาย จึงสามารถ ปลูกรํวมกับพืชชนิดตํางๆ ได๎ ไมํวําจะเป็นพืชผัก ไม๎ผลตลอดจนพืชไรํ และไมํเกิดผลกระทบตํอการ เจริญเติบโตของพืชแตํอยํางใด ใบของหญ๎าแฝกใช๎เป็นวัสดุ คลุมหน๎าดิน ปูองกันการระเหยของน้า รักษาความชํุมชนื้ ยํอยสลายตัวงาํ ย ให๎ธาตุอาหารและอินทรียวัตถุ แกํพืชได๎เป็นอยํางดี สนับสนุนการ ใชป๎ ุย๋ พืชสด ปยุ๋ หมัก กกกกกกก3. ด๎านสุขภาพอนามัย สํงเสริมให๎ชุมชนได๎รับความร๎ูด๎านสุขภาพอนามัยแกํราษฎรใน พ้นื ทโี่ ครงการ ใหค๎ วามร๎ใู นกลํุมบคุ คลท่วั ไป แมํและเด็ก ตลอดจนท้ังคนชรา จัดให๎มีการตรวจสุขภาพ อนามัย เบ้ืองต๎นการวางแผนครอบครัว ตลอดจนการสํงเสริมสุขภาพ คือการปูองกันสุขภาพให๎ดีขึ้น โดยไมํต๎องเข๎ารับการรักษา โดยมีสถานีกาชาด อาเภอหัวหินและสาธารณสุขอาเภอชะอาเป็น ผู๎ดาเนินการ เป็นไปตามเกณฑม์ าตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข กกกกกกก3. ดา๎ นการศกึ ษา สนบั สนนุ วทิ ยากรใหก๎ ับโรงเรยี นในพ้นื ทีเ่ พอื่ ให๎ความรู๎ทง้ั ในและ นอกโรงเรียน ตลอดจนในพ้ืนที่ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทั้งด๎านวิชาการและการประกอบอาชีพ ปัจจบุ นั มโี รงเรยี นอยูํในความรับผิดชอบ จานวน 10 โรงเรียน กับ 1 ศูนย์เด็กกํอนวัยเรียน เพื่อเตรียม ความพร๎อมให๎กับเดก็ นกั เรียน ตลอดจนการดูแลด๎านสขุ ภาพอนามัย ด๎านโภชนาการ

232 ภาพ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาห๎วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวัดเพชรบุรี สรปุ กกกกกกกพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได๎เสดจ็ พระราชดาเนินทรงเย่ียมราษฎร ในพืน้ ทจี่ งั หวัดเพชรบุรี ทรงพบเห็นสภาพปัญหาตํางๆ จึงมีพระราชดาริให๎จัดต้ังศูนย์ศึกษาศึกษาการ พัฒนาห๎วยทรายอันเนือ่ งมาจากพระราชดารขิ ึ้น กกกกกกกแนวพระราชดาริ มีสาระสาคัญให๎พัฒนาพื้นท่ีแหํงนี้เป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาด๎าน เกษตรกรรมเนน๎ การฟ้นื ฟปู าุ ไมค๎ วบคูํกบั การเพาะปลกู การพฒั นาปุาไม๎อเนกประสงค์ การทดลองการ ปลูกหญา๎ แฝก กกกกกกกผลสาเรจ็ และการขยายผล การฟ้นื ฟูทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ๎ ม การปลกู หญ๎าแฝก การฟ้ืนฟูสภาพปุาไม๎ การปลูกปุาสามอยํางประโยชน์ส่ีอยําง ปุาชายเลน ทาให๎เกิดความ สมดุลในระบบนิเวศน์มากข้ึน ด๎านการสํงเสริมอาชีพ เกษตรทฤษฎีใหมํ เกษตรแบบผสมผสาน ดา๎ นสุขภาพอนามยั จัดให๎มกี ารตรวจสุขภาพอนามยั การวางแผนครอบครัว ด๎านการศึกษา สนับสนุน วิทยากรให๎กบั โรงเรยี นในพื้นที่เพ่ือใหค๎ วามร๎ูทงั้ ในและนอกโรงเรียน กกกก

233 ใบความรู้ เรือ่ งท่ี 7 หลักการทรงงานในศูนยศ์ ึกษาการพัฒนาหว้ ยทราย อันเนอื่ งมาจากพระราชดาริ วตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื ใหน๎ ักศกึ ษามีความรู๎ความเข๎าใจเร่ือง หลกั การทรงงานในศูนย์ศึกษาการพฒั นา อันเนอื่ งมาจากพระราชดารหิ ๎วยทราย 2. เพ่ือใหน๎ กั ศึกษามีทกั ษะการแสวงหาความร๎ูเรือ่ ง หลักการทรงงานในศูนย์ศกึ ษา การพฒั นาอันเน่ืองมาจากพระราชดารหิ ๎วยทราย 3. เพ่ือใหน๎ ักศกึ ษามีความตระหนกั ถึงความสาคัญเรือ่ ง หลกั การทรงงานในศูนย์ศึกษา การพัฒนาอนั เนื่องมาจากพระราชดารหิ ๎วยทราย เนือ้ หา กกกกกกก1. กระบวนการพัฒนาตามหลักการทรงงานในศนู ย์ศกึ ษาการพัฒนาอันเนือ่ งมาจาก พระราชดารหิ ้วยทราย กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงงานในศนู ยศ์ ึกษา การพฒั นาอันเนื่องมาจากพระราชดาริห๎วยทราย จนประสบผลสาเรจ็ ใหป๎ ระชาชนไทยไดศ๎ ึกษา เรียนร๎ู โดยพระองค์ทาํ นมแี นวทางการทรงงาน ตามลาดับข้นั ตอํ ไปนี้ กกกกกกก1. วันที่ 5 เมษายน 2526 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชรชั กาลท่ี 9 ไดพ๎ ระราชทานพระราชดาริ สรปุ ความวาํ กกกกกกก1. พ้ืนทน่ี ีม้ ีความเส่ือมโทรม ฝนไมํตกต๎องตามฤดูกาล เกรงวาํ หากปลํอยทิง้ ไว๎จะกลายเปน็ ทะเลทรายในที่สุด ให๎พัฒนาพ้ืนท่ีนี้ เป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาด๎านปุาไม๎เอนกประสงค์และ เกษตรกรรม ให๎ราษฎรที่ทากินอยูํเดิม มีสํวนรํวมดูแลรักษาปุาไม๎ ได๎ประโยชน์และอาศัยผลผลิตจาก ปาุ ไม๎ โดยไมตํ ๎องบกุ รกุ เขา๎ ทาลายปุาไมอ๎ กี ตํอไป กกกกกกก1. วนั ที่ 9 มกราคม 2528 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 ไดพ๎ ระราชทานพระราชดาริ เกี่ยวกบั การจัดสรรที่อยูํอาศยั สรุปได๎ดังนี้ กกกกกกก1. ควรพจิ ารณาจัดสรรที่ดนิ ใหค๎ รอบครวั ละ 1 ไรํ เปน็ ทอ่ี ยํูอาศัย แบงํ ออกเป็น 2 กลํมุ คือ กกกกกกก1. กลมํุ ที่ 1 กลุํมหมูบํ า๎ นใหมํ ควรตัง้ อยบูํ ริเวณพ้นื ท่ีท๎ายอําง ฯ ห๎วยทราย ตดิ กับคลอง ชลประทานสายหัวหนิ กกกกกกก1. กลุํมที่ 2 กลํุมบา๎ นเดมิ มี 2 สํวน คือ กกกกกกก1. สวํ นที่ 1 กลมุํ ไทยมุสลิม บ๎านที่อยกํู ระจดั กระจายควรนามารวมกลํุมกบั หมูบํ ๎านเดมิ ซึ่งปลูกสรา๎ งถาวรอยูแํ ลว๎ แลว๎ จัดระเบียบใหมํ ให๎เหมาะสม เพอื่ ความสะดวก แกํการใหบ๎ รกิ ารของรัฐ

234 กกกกกกก1. สวํ นท่ี 2 กลุํมไทยพุทธ (บ๎านหว๎ ยทรายใต๎) ในขน้ั ต๎นนีย้ งั ไมคํ วรจัดระเบียบ รอจนกวาํ ราษฎรจะเหน็ ความสาคญั และเข๎ามารํวมมือกบั การดาเนนิ งานของศูนยฯ์ กกกกกกก1. ควรจัดทท่ี ากนิ ให๎ราษฎรโดยแบํงออกเป็น 2 สวํ นคอื สวํ นท่ี 1 อยใํู นพน้ื ที่ซ่ึงมีระบบ ชลประทานสมบรู ณ์ จัดใหค๎ รอบครัวละ 5 ไรํ เพ่ือใหร๎ าษฎรเพาะปลกู ขา๎ วและพืชไรํ โดยให๎สานักงาน ทรัพยส์ นิ สํวนพระมหากษัตริย์ ออกเอกสารสิทธิทากินให๎ราษฎรมีสิทธิ ทากินตกทอดถึงทายาทได๎ แตํ ซือ้ ขายหรอื โอนสทิ ธิกันเองไมํได๎ สํวนที่ 2 อยํูในทีข่ องศนู ย์แตนํ อกเขตชลประทานสมบูรณ์ ควรจัดให๎มี ครอบครัวละ 7 ไรํ โดยมีเงื่อนไข ใหป๎ ลกู ปุาเพ่ืออุตสาหกรรมเผําถํานจานวน 3.5 ไรํ หรืออาจมากกวํา เล็กนอ๎ ยกไ็ ด๎ การปลกู ปุา และพชื ไรํ ในพื้นทนี่ ้ีตอ๎ งอยูภํ ายใต๎การวางแผนของศูนย์ฯ ในการจัดระเบียบ ชุมชนควรพิจารณาถึงสาธารณูปโภค และส่ิงอานวยความสะดวกท่ีจะจัดให๎ด๎วยตามความเหมาะสม พรอ๎ มทั้งควรพจิ ารณาวางแผนลํวงหนา๎ ไว๎รองรับการขยายตวั ของชุมชนด๎วย กกกกกกก1. วนั ที่ 9 มกราคม 2528 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชรชั กาลท่ี 9 พระราชทานพระราชดาริ เกีย่ วกบั การชดเชยทดี่ ินและพืชผล สรุปได๎ดงั น้ี กกกกกกก1. สมควรชดเชยให๎แตไํ มํควรชดเชยโดยตีราคาเปน็ เงิน ควรคานวณราคาสมมุติ (ให๎เป็นคะแนน ) เปรียบเทียบ ท่ีดินราษฎรเดิมกับท่ีดินที่จะจัดสรรให๎ใหมํ ซึ่งจะรวมคําลงทุนตําง ๆ เชํน แหลํงน้าถนน และเครื่องอานวย ความสะดวกอื่นๆ รวมท้ังด๎านวิชาการและการชํวยเหลือด๎าน สํงเสรมิ อาชีพด๎านตาํ งๆ ลกั ษณะนีจ้ ะทาให๎ คะแนนของทด่ี นิ ที่จัดสรรจะสูงกวําทีด่ นิ เดิมมากแล๎วนามา เปรียบเทียบกัน (ตัวอยํางเชํน พ้ืนที่จัดสรร 10 ไรํ ซึ่งได๎รับการพัฒนาแล๎วอาจมีคํามากกวําพื้นท่ี 45 ไรํ ที่มีอยูํเดิม) การพัฒนาแหลํงน้าควรพิจารณาจัดวางระบบสํงน้าจากอํางเก็บน้าท่ีจะสร๎างตาม แผนให๎เหมาะสมและสอดคล๎อง กับพ้ืนที่ที่จะจัดสรรให๎ราษฎร เพ่ือให๎มีใช๎ในการบริโภคและการ เพาะปลูกอยาํ งไมํขาดแคลน โดยในระยะแรก นําจะพิจารณาทาบํอและฝายขนาดเล็กๆ แบบช่ัวคราว เพอ่ื แก๎ปัญหาการขาดแคลนนา้ เฉพาะหน๎าไปพลาง กํอนจนกวําระบบใหญจํ ะสรา๎ งเสร็จ กกกกกกก1. 1. ปาุ ธรรมชาติท่อี นรุ กั ษไ์ ว๎นั้น ควรทยอยปลกู ปาุ เทําทีจ่ ะทาไดค๎ ือ ปลูกเฉพาะในทีด่ นิ ซึง่ ไมํมปี ญั หา สาหรับสํวนท่เี ปน็ ไรสํ บั ปะรดควรรอให๎เก็บเกีย่ วเสยี กอํ น เพอื่ เปน็ การประหยดั คําชดเชย กกกกกกก1. 2. ปาุ ไมโ๎ ตเรว็ ที่จะทาการศึกษาเพ่ือทาอุตสาหกรรมเผาถําน ควรวางแผนการปลกู ใน พื้นท่ีนอกเขต ชลประทานสมบูรณ์ ซึ่งจัดให๎ชาวบ๎านเพ่ือปลูกปุาและพืชไรํ โดยพิจารณาปลูกปุาเป็น แนวสลับกับการปลูกพืชไรํ เพื่อทดลองการใช๎แนวพืชไรํเป็นแนวปูองกันไฟไหม๎ปุาแบบที่เรียกวํา “ระบบเปยี ก” โดยกรมปาุ ไมผ๎ ลิตกล๎า และให๎ความร๎ทู างดา๎ นวชิ าการ โดยใหร๎ าษฎรเปน็ ผูป๎ ลูกเองและ ควรจัดเตรียมสถานที่ต้ังเตาเผาถํานและวาง ระบบถนนให๎สามารถขนย๎ายไม๎มายังที่ตั้งเตาเผาถํานได๎ สะดวก กกกกกกก1. 3. ในระยะแรกควรสํงเสรมิ ใหร๎ าษฎรปลูกข๎าวเพือ่ เกบ็ ไวบ๎ ริโภค และอาจจะสรา๎ งโรงสี ขนาดเลก็ ๆ แบบงาํ ยๆ ไว๎สกี นิ เอง โดยเปน็ โรงสีแบบชาวบา๎ นทวั่ ไปท่สี ีข๎าวแล๎วมีเศษรากระเดน็ ออกมา ใหไ๎ กจํ ิกกนิ ได๎ กกกกกกก1. 4. รวมทั้งให๎มกี ารปลกู ปุาไมโ๎ ตเร็ว เพอื่ การอุตสาหกรรมเผาถํานซึ่งจะเป็นอาชีพท่ีจะ ศกึ ษาทดลอง เพ่ือทารายได๎ให๎กับประชาชนอีกทางหนึ่งดว๎ ย ด๎านปศุสตั ว์ แทจ๎ รงิ แล๎วโครงการนไ้ี มํมี วตั ถุประสงค์ดา๎ นการเลี้ยงสัตว์ แตเํ นอื่ งจากปัจจบุ ันมรี าษฎร บางรายในพ้ืนทีน่ ี้เลีย้ งโคนมอยูํแล๎ว ก็ให๎ เลยี้ งโคนมตอํ ไปได๎ตามเดิม

235 กกกกกกก1. วนั ท่ี 17 พฤษภาคม 2528 พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยหํู ัว ได๎พระราชทานพระราชดาริ สรปุ ได๎ดังน้ี กกกกกกก1. 1. พน้ื ทีข่ องสมเด็จพระศรีฯ พฒั นาเป็นศนู ยศ์ ึกษาการพัฒนา ประกอบด๎วย การ ชลประทานสรา๎ งเรือน เพาะชากล๎าไม๎ และกจิ กรรมอนื่ ๆ ตามความจาเปน็ โดยจัดราษฎรทีท่ ากนิ อยูํ พนื้ ท่นี ้ีแล๎วให๎เข๎าเป็นสมาชกิ โครงการดว๎ ย กกกกกกก1. 2. พ้ืนท่ีบริเวณใต๎เขากระปุก ควรสารวจการถอื ครองและการใชป๎ ระโยชน์ทดี่ นิ เพ่ือ ปอู งกันการบกุ รุก กกกกกกก1. 3. จัดสรรทใ่ี หน๎ ายสมนึก ดวงทอง ซง่ึ ที่ดนิ ถูกนา้ ในอํางฯ หว๎ ยตะแปดทวํ มหมด กกกกกกก1. 4. จดั สรรทดี่ ินโดยมเี ง่อื นไขวําราษฎรทเี่ พาะปลกู พชื ไว๎แลว๎ ให๎รอเก็บเก่ียวกอํ น ยกเวน๎ คลองสงํ น้าต๎องทาทันที กกกกกกก1. 5. พฒั นาบ๎านอํางหนิ ใหเ๎ ป็นหมูํบ๎านตวั อยําง กกกกกกก1. 6. พน้ื ท่ที ๎ายอํางหว๎ ยทรายฯ ยกเลกิ การจดั ตั้งหมบูํ า๎ นและการกอํ สรา๎ งระบบสงํ นา้ ตาม แผนเดิมไว๎กํอน จนกวําชาวบา๎ นจะมคี วามตอ๎ งการและใหค๎ วามรวํ มมอื กกกกกกก1. 7. ราษฎรไทยมุสลมิ ท่สี นบั สนนุ โครงการ จัดสรรทีด่ นิ ท่ีทากนิ และทอี่ ยูํอาศยั ให๎ สอดคลอ๎ งกับธรรมชาติ ทาการพัฒนาใหเ๎ ปน็ กรณพี ิเศษ สาหรับราษฎรท่ีให๎ความรวํ มมือ กกกกกกก1. 8. พ้ืนท่ขี องสมเด็จพระศรฯี จดั ระบบสงํ น้าจากอํางฯ ห๎วยตะแปด ให๎ทัว่ ถงึ กกกกกกก1. 9. พน้ื ทบ่ี รเิ วณใต๎เขากระปุก เรํงกํอสร๎างอํางเกบ็ นา้ เขากระปกุ ควบคํไู ปกับการ กอํ สร๎างคลองสงํ น้าจาก อํางเก็บน้าเขากระปุก กกกกกกก1. 10. พื้นทที่ ๎ายอาํ งหว๎ ยตะแปดฯ พจิ ารณาทาระบบสํงนา้ ให๎กบั โรงเรยี นและอนามัย บา๎ นอํางหิน รวมทง้ั สนับสนุนการเพาะปลกู ของราษฎรดว๎ ย ในกรณีทร่ี าษฎรให๎ความรวํ มมอื เปน็ อยํางดี ให๎พจิ ารณากํอสรา๎ ง ประปาให๎ตํอไป กกกกกกก1. 11. พืน้ ท่ที ๎ายอาํ งฯ ห๎วยทรายฯ ยกเลิกการกํอสรา๎ งระบบสํงน้าตามแผนเดิมไว๎กํอน จนกวําชาวบ๎านจะ มคี วามต๎องการและใหค๎ วามรวํ มมือ พจิ ารณาสงํ นา้ ให๎เฉพาะพนื้ ที่ 400 ไรํ ซึ่ง ประกอบด๎วย เรอื นเพาะชากลา๎ ไม๎ และพนื้ ท่เี พาะปลกู ของราษฎรไทยมสุ ลิมที่สนบั สนนุ โครงการ กก กกกกกกก1. พน้ื ท่ปี ลูกปาุ ซง่ึ ประกอบด๎วยพ้ืนทีร่ อบๆ อํางเกบ็ น้าทัง้ หมด พ้ืนท่ีปุาสงวนเหนอื ทีด่ ิน ของสมเด็จพระศรฯี พนื้ ที่บนเขาเหนอื ระบบสงํ นา้ กกกกกกก1. 1. ปลกู ปาุ ไมผ๎ ล เชนํ มะมํวงหมิ พานต์ บรเิ วณเนินเขาตาํ งๆ หากได๎ผลดีอาจพจิ ารณา ตัง้ โรงงาน กะเทาะเมลด็ มะมํวงหิมพานตท์ ่บี รเิ วณศูนยฯ์ หรือหบุ กะพง กกกกกกก1. 2. ปลูกไมส๎ ามอยาํ ง บรเิ วณรอบๆ อาํ งเกบ็ น้าเพือ่ ประโยชน์ในการเผาถาํ นและทาฟนื รวมทงั้ อนรุ ักษ์ ไว๎ดว๎ ย ควรเลอื กพันธุไ์ ม๎ทต่ี ๎องการนา้ น๎อยเป็นหลัก กกกกกกก1. 3. ปลกู ปาุ อนุรกั ษใ์ นเขตปาุ สงวน เหนือทดี่ ินของสมเดจ็ พระศรฯี กกกกกกก1. วนั ท่ี 3 มิถุนายน 2529 พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัว ได๎พระราชทานพระราชดาริ สรุปไดด๎ งั นี้ กกกกกกก1. เคร่ืองสูบน้าดว๎ ยพลงั แสงอาทิตย์ ไดพ๎ ระราชทาน ให๎กรมชลประทานติดต้งั สบู นา้ จาก คลองสํงน้าของ อํางเก็บน้าห๎วยตะแปดข้ึนไปยังบํอพักน้าคอนกรีตเสริมเหล็ก บนเขาเสวยกะปิ และสามารถสูบน้าได๎เต็มถังในเวลา 8 ชั่วโมง ในวันที่แสงแดดปกติ และสํงน้าจากถังพักน้าไปตามทํอ

236 เพ่ือสนับสนุนการปลูกปุาไม๎บริเวณ ท่ีลาดเชิงเขาเสวยกะปินั้น ในวันที่แสงแดดดีจะมีพลังงานเหลือ นอกจากนั้นในชํวงที่ไมไํ ด๎สูบน้ากจ็ ะมพี ลงั งาน เหลอื เชํนกนั กกกกกกก1. 1. จึงควรพิจารณาตดิ ต้ังเครอื่ งสบู นา้ ไฟฟาู จากถังพักน้าแรกน้ีขน้ึ ไปบนเขา สูงขน้ึ ไปอีก 20 เมตร หรือ 45 เมตร ตามความเหมาะสม แล๎วตอํ ทํอสงํ น้าจากอาํ งพักนา้ หรอื บํอพกั น้า เพ่ือสงํ นา้ สนับสนุนการ ปลูกปาุ บนเขาเสวยกะปแิ ละเขารงั แร๎งตอํ ไป กกกกกกก1. 2. สาหรับระบบทจ่ี ะสํงน้าให๎กบั การปลูกปุาควรพจิ ารณาใชร๎ ะบบทํอไมไ๎ ผํเจาะรูตํอ จากทํอสํงน้าของ ถังพักน้า โดยวางไปตามแนวสันเนินตํางๆ เพ่ือกระจายน้าด๎วยระบบรูของทํอไม๎ไผํ ให๎กับต๎นไม๎ท่ีปลูกไว๎ใน ระยะแรกๆ ตลอดปี โดยเฉพาะในระยะท่ีฝนทิ้งชํวงและในชํวงฤดูแล๎ง เมอ่ื ต๎นไมอ๎ ายุประมาณ 3-4 ปแี ล๎ว อาจไมจํ าเป็นตอ๎ งใชน๎ า้ ชลประทานก็สามารถถอนระบบสํงน้าไปใช๎ งานบริเวณอืน่ ๆ ตอํ ไปได๎ กกกกกกก1. 3. ปลายคลองสํงนา้ สายใหญํฝัง่ ขวาของอาํ งเก็บน้าห๎วยตะแปดทีน่ า้ ไหลลงบํอพักน้า เขากระปุกนน้ั หากมคี วามสงู พอเหมาะสม ควรติดตัง้ เคร่ืองสูบน้าพลงั น้า เพื่อสบู น้าขึ้นไปไวบ๎ นถังพัก น้าทีเ่ ขารงั แร๎ง และ สงํ น้าให๎กบั การปลูกปุาบรเิ วณนัน้ ดว๎ ย กกกกกกก1. 4. ทอํ สํงน้าทา๎ ยอาํ งเก็บน้าห๎วยตะแปดและทอํ สงํ นา้ ท๎ายบอํ พักน้าเขากระปุก ซงึ่ มี ความสูงของนา้ เหมาะสม ควรตดิ ตัง้ เคร่ืองสูบนา้ พลังน้า เพ่ือสํงน้าสนับสนนุ การปลกู สร๎างภูเขาปาุ ตาม ความเหมาะสม กกกกกกก1. 5. ควรดาเนนิ การกํอสร๎างอาํ งเก็บนา้ บริวารของอํางเกบ็ น้าหว๎ ยตะแปดสองแหงํ ตาม ความเหมาะสม เพ่ือจัดหาน้าสนับสนุนพื้นท่ีนอกโครงการอํางเก็บน้าห๎วยตะแปด พื้นท่ีประมาณ 100 ไรํ กกกกกกก1. 6. การปลูกปุาบนภูเขาตํางๆ ในพ้นื ท่ีโครงการศนู ยศ์ กึ ษาการพัฒนาหว๎ ยทรายฯ ควร ดาเนินการโดย วิธีท่ีเรียกวํา “ปุาเปียก” หรืออาจเรียกวํา “ภูเขาปุา” ก็ได๎ แตํในปัจจุบันฝนตกน๎อย จึงจาเป็นต๎องจัดสร๎าง ระบบสํงน้าด๎วยวิธีสูบน้าขึ้นไปพักในบํอพักน้าบนภูเขา แล๎วทาระบบกระจาย น้าชํวยการปลกู ปาุ แบบกึ่งถาวร คือประมาณ 3-4 ปี เม่อื ไมโ๎ ตพอสมควรก็จะมีความชํุมช้ืนและจะชํวย ดดู ความช้นื จากธรรมชาตดิ ว๎ ย จากนน้ั จงึ ยา๎ ยระบบสํงน้าดงั กลาํ วไปชํวยพ้นื ทใี่ หมํตอํ ไปอกี กกกกกกก1. 7. รํองนา้ ตามชอํ งภูเขาตาํ งๆ ในเขตโครงการศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาห๎วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดาริ และภูเขาบริเวณใกล๎เคียง ซึ่งกรมปุาไม๎มีแผนงานจะปลูกสร๎างเป็น ภูเขาปุา โดยเฉพาะเขาเสวยกะปิ เขารังแร๎ง เขากระปุก เขาน๎อย เขาทอง เขาบํอขิง เขาเตาปูน เขาหนอกวา๎ เขาหุบสบํู และเขาพุหวาย ควรสร๎างฝายเก็บกักน้าในรํองน้าตามชํองเขาตํางๆ เป็นข้ันๆ ตามความเหมาะสม โดยใชว๎ สั ดุท๎องถน่ิ เชํน หนิ เพื่อให๎น้าได๎ มีโอกาสขังอยํูในรํองน้าและซึมเข๎าไปใน ดินเพอ่ื ให๎เกิดความชุํมช้ืนของดินสองฝั่งรํองน้าให๎นานข้ึน และใช๎ ทํอไม๎ไผํเจาะรู เพื่อรับน้าจากเหนือ ฝายเก็บน้าดังกลําว กระจายน้าไปตามสันเนินสองฝั่งรํองน้าตํางๆ ทาให๎ สภาพปุาเป็นปุาเปียก อยูํเสมอปูองกันไฟปุาได๎ และสนบั สนุนโครงการปลูกสรา๎ งภูเขาปาุ ใหไ๎ ด๎ผลอยํางสมบูรณ์ กกกกกกก1. 8. การปลูกปุาบนภเู ขาตาํ งๆ ในพนื้ ที่โครงการศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาห๎วยทรายฯ ควรดาเนินการโดยวิธี ที่เรียกวํา “ปุาเปียก” หรืออาจเรียกวํา “ภูเขาปุา” ก็ได๎ แตํในปัจจุบันฝนตก น๎อย จึงจาเป็นต๎องจัดสร๎าง ระบบสํงน้าด๎วยวิธีสูบน้าข้ึนไปพักในบํอพักน้าบนภูเขา แล๎วทาระบบ กระจายน้าชํวยการปลูกปุาแบบกึ่งถาวร คือประมาณ 3-4 ปี เม่ือไม๎โตพอสมควรก็จะมีความชุํมชื้น

237 และจะชํวยดูดความช้ืนจากธรรมชาติด๎วย จากน้ันจึงย๎ายระบบสํงน้าดังกลําวไปชํวยพ้ืนท่ีใหมํ ตํอไปอีก กกกกกกก1. 9. พืน้ ที่ทคี่ วรปลกู ปาุ เป็นการเรํงดํวนควรเป็นพ้ืนทีบ่ นภูเขาเพราะถา๎ ปลูกในทรี่ าบ ก็ตอ๎ งแยงํ ชิงกับชาวบ๎าน และอาจจะถูกตัดท้ิงหรือเผา ดังนั้น ควรวางแผนนาชาวบ๎านเข๎ามารํวมปลูก ปุาด๎วย ปุาท่ีจะให๎ชาวบ๎านปลูก ก็ควรเป็นไม๎ใช๎สอยท่ีให๎ชาวบ๎านสามารถตัดไปใช๎ประโยชน์ได๎ เชํน ไม๎ไผํ ฯลฯ พันธ์ุไม๎ท่ีควรปลูกควรเป็นไม๎ ที่มีอยูํตามธรรมชาติ เชํน มะคํา เต็ง รัง ไม๎ไผํ เป็นต๎น สาหรับต๎นยูคาลิปตัส ถ๎าดินพอปลูกไม๎ชนิดอ่ืนได๎ ก็ไมํควรปลูกยูคาลิปตัส ถ๎าดินเลวมากก็ปลูก ยูคาลิปตัสได๎ กกกกกกก1. วันที่ 26 มิถุนายน 2532 พระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยหํู ัว เสดจ็ พระราชดาเนนิ ณ พ้ืนท่ีอํางเก็บนา้ หว๎ ยตะแปด จงั หวัดเพชรบุรี พระราชทานพระราชดาริ เกี่ยวกับกิจกรรมภายใน สวนสมเด็จฯ สรปุ ได๎ดงั นี้ กกกกกกก1. 1. สวนสมเด็จฯ นส้ี ามารถขยายพน้ื ที่เพาะปลูกได๎เพมิ่ ขึน้ อีก เพราะยังมีพ้ืนทีท่ ไ่ี มไํ ด๎ทา ประโยชน์หาก มกี ารบรหิ ารน้าและใช๎น้าอยํางมีระบบ รวมทัง้ การจดั หานา้ มาเพิม่ ขน้ึ เชํน การตดิ ตั้ง เคร่อื งสูบนา้ ดว๎ ยพลงั น้า เพือ่ นาน้าจากอํางเกบ็ น้าไปสูํท่สี งู บนเขา แลว๎ คอํ ยๆ ปลํอยนา้ เข๎ามาสพํู ื้นท่ี โครงการฯ โดยทาบํอพักนา้ ไว๎ดว๎ ย และจากบํอพักนา้ นค้ี วรทารอํ งหรือฝายเลก็ ๆ ตามความเหมาะสม สาหรบั ปลํอยใหน๎ ้าไหลลงตลอดเวลา ท้งั น้ี ควรสารองน้าไว๎ในบอํ พกั น้ี รอ๎ ยละ 10 กกกกกกก1. 2. บํอพกั น้าแบบกระเบ้ืองโคง๎ ซึ่งบริษัท ปูนซเิ มนต์ไทย จากดั ไดด๎ าเนินการน้ัน นําจะทาบํอลกั ษณะ นเี้ พิ่มขึน้ ตามจดุ ตาํ งๆ เพือ่ จะไดก๎ ระจายนา้ ไดอ๎ ยํางสมบรู ณ์ กกกกกกก1. 3. ใหพ๎ ิจารณาการสร๎างอาํ งเก็บนา้ ขนาดเลก็ บรเิ วณปลายเขื่อนด๎านซา๎ ยเหนอื สวน สมเดจ็ พระศรี นครนิ ทร์ฯ เพื่อสงํ น้าไปชํวยบริเวณพ้นื ทท่ี าการเพาะปลกู พชื ไรแํ บบผสมผสาน อาํ งดงั กลําวน้ีจะมีลักษณะ เป็นอาํ งบริวารรบั น้าจากอาํ งเก็บนา้ หว๎ ยตะแปด กกกกกกก1. 4. ในสํวนของอาํ งเก็บน้าหว๎ ยตะแปดนน้ั ถา๎ คาดวาํ นา้ จะมีน๎อยไมํพอใช๎กส็ ามารถ ยกระดบั คนั ดินตรง ทางระบายนา้ ล๎น (SPILLWAY) ให๎สงู ข้ึน ก็จะเพ่ิมปริมาณการกกั เกบ็ นา้ ได๎มากขน้ึ กกกกกกก1. 5. สวนสมเด็จฯ พ้ืนท่วี นเกษตรขอใหร๎ ักษาสภาพปาุ ดว๎ ยการปลูกปาุ โดยใช๎ไมพ๎ ันธเุ์ ดิม ที่สามารถดารง อยํูไดต๎ ามธรรมชาติ และ การปลกู ไมผ๎ ลนีค้ วรขยายออกไปแทนท่ีไม๎ยูคาลปิ ตัส เพ่อื ให๎ คอํ ยๆ ลดจานวนลง และนาไปใช๎เผาถาํ น เพราะไม๎ยคู าลิปตัสทตี่ ํางประเทศปลูกเพื่อใชท๎ าฟนื และผลติ พลังไฟฟูาน้นั ไมสํ ๎ูจะได๎ ผลและต๎องการบารงุ รักษาเชนํ ไม๎ทว่ั ๆ ไปด๎วย ดงั น้ัน จงึ ควรปลูกไม๎ผลจะ ดีกวํา กกกกกกก1. วนั ท่ี 26 มถิ นุ ายน 2532 พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูหํ วั เสด็จพระราชดาเนิน ณ พื้นท่ี อาํ งเก็บน้าหว๎ ยตะแปด จังหวัดเพชรบรุ ี พระราชทานพระราชดาริ พระราชทานพระราชดาริ เกีย่ วกับ ปุาไม๎ สรปุ ไดด๎ ังน้ี กกกกกกก1. 1. พนื้ ทบ่ี ริเวณเขาเสวยกะปิการปลูกปุาด๎วยน้าชลประทาน ซง่ึ ดาเนนิ การอยูแํ ล๎ว ได๎ผลดีน้ันให๎ดาเนิน การสืบตํอไปพยายามปลูกบนที่สูงกวําเดิม และใช๎น้าชลประทานที่สูบขึ้นไปใน ระดับประมาณ 1500 เมตร แล๎วคํอยๆ ปลํอยลงมาเลี้ยงปุาที่จะปลูกเพ่ิมข้ึนบริเวณเขาเสวยกะปิ ชวํ งบน

238 กกกกกกก1. 2. สาหรับต๎นไมท๎ ่จี ะปลูกบริเวณภเู ขาน๎อยและภเู ขาทอง หรือภเู ขาอ่นื ๆ ทไี่ มใํ ชํภูเขาที่ เปน็ ตน๎ น้าลาธารนัน้ จะปลกู ไมช๎ นิดใดก็ได๎ แตํภเู ขาทเ่ี ป็นต๎นนา้ ลาธารโดยเฉพาะด๎านเหนือโครงการให๎ ปลกู ไม๎ทเี่ ป็นไมด๎ ้ังเดมิ ของพ้ืนทนี่ ั้นๆ เป็นหลกั กกกกกกก1. 3. การปลกู ปุาโดยการปลกู มะมํวงหิมพานต์ท่ดี าเนนิ การไปแลว๎ ประมาณ 1,000 ไรํนัน้ นับวาํ เป็น จานวนมากพอท่จี ะมผี ลผลติ ปอู นเข๎าโรงงานไดแ๎ ล๎ว จึงควรท่ีจะพิจารณาตั้งโรงงานกะเทาะ เปลือกขึ้น และให๎ ชาวบ๎านที่ปลูกเข๎ามาเป็นสมาชิก โดยดาเนินงานในลักษณะคล๎ายกับสหกรณ์ โดยศูนย์ฯ อาจเป็นคนกลาง ในการจัดการเองและการรับเมล็ดมะมํวงหิมพานต์เข๎าโรงงานน้ี อาจรับมาจากท่ีอน่ื ภายนอกโครงการดว๎ ยก็ได๎ กกกกกกก1. 4. ในพ้นื ทที่ ย่ี ังมีปญั หา เชนํ บริเวณเขาน๎อย ซึง่ ราษฎรมีความประสงค์จะปลกู ปุาเอง กไ็ มํขดั ข๎อง แตํตอ๎ งปลูกตามแผนการทท่ี างราชการกาหนดและวางแผนไว๎ เชนํ ใหร๎ าษฎรปลกู มะมวํ ง หิมพานตแ์ ลว๎ ราษฎร กส็ ามารถเกบ็ เกยี่ วผลประโยชนไ์ ด๎ แตํไมํมีกรรมสิทธิ์ในทีด่ ินนน้ั ๆ กกกกกกก1. 5. เร่อื งการเผาถาํ น หากมีพนื้ ท่เี หมาะสมก็ควรศึกษาเร่ืองนีด้ ว๎ ย เพราะศูนยฯ์ น้ีเป็น ศูนย์ศึกษาการพัฒนา อยูํแล๎ว แตํการปลูกปุาเพ่ือการน้ีต๎องทาเป็นแปลงๆ และระหวํางแปลงน้ัน ก็ปลูกพืชไรํ โดยพยายามให๎น้า และให๎พ้ืนที่มีความชํุมช้ืนอยํูเสมอ มิฉะนั้นอาจจะเกิดปัญหาเรื่อง ไฟปาุ ได๎ กกกกกกก1. 6. กิจกรรมท่ดี าเนินการในสวนสมเดจ็ ฯ เชนํ การเลย้ี งไกบํ นบํอปลา การปลูกพชื แบบ ผสมผสาน ระหวํางพืชสวน พืชไรํ ซง่ึ มีไม๎ผลเป็นหลัก การเพาะเห็ด การเล้ียงผึ้ง การปลูกพืชสมุนไพร การปลูกไม๎ตัดดอก บํอแก๏สชีวภาพ การทาระบบวนเกษตรนั้น นับวําดีแล๎วและถูกต๎องตรงกับ วัตถุประสงค์ที่วางไว๎ โดยเฉพาะการใช๎ เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับท๎องถ่ินนั้น ควรที่จะให๎นักวิชาการ และประชาชนเข๎ามาศึกษาดูงาน และขยายผลตํอไป อยํางไรก็ดีการขยายผลไปสํูราษฎรในพ้ืนที่ ใกลเ๎ คยี งนั้น ควรขยายในลกั ษณะคํอยเป็นคํอยไป โดยการจัดตั้งเป็น กลุํมยํอยๆ และด๎วยความสมัคร ใจของราษฎรเองกํอน พนื้ ท่ใี ดทม่ี ปี ัญหาและราษฎรไมํสมัครใจก็จะไมํมีการ บังคับ ตํอเมื่อราษฎรเห็น ตัวอยํางที่ดีแล๎วก็จะเข๎ามารํวมเองในภายหลัง สํวนราษฎรที่สมัครใจ เชํน หมูํบ๎าน ชาวไทยมุสลิมน้ัน ก็ใหค๎ วามชํวยเหลอื เตม็ ที่ กกกกกกก1. 7. สาหรับการเลีย้ งผึ้งโพรง กน็ บั วําเปน็ รายได๎เสริมแบบงาํ ยๆ ให๎แกเํ กษตรกร อีกทางหน่ึง แตํถ๎าหาก ทาเป็นงานหลักอาจไมํเหมาะสม เนื่องจากจะมีปัญหาเร่ืองอาหารเล้ียงผ้ึง เพราะดอกไมท๎ ่จี ะเล้ียงผงึ้ ไมํมี ตลอดปี จึงควรคํอยๆ ทาการศกึ ษาตํอไปตามความเหมาะสม กกกกกกก1. 8. สวนสมเดจ็ ฯ นส้ี ามารถขยายพ้ืนทเ่ี พาะปลกู ไดเ๎ พมิ่ ขนึ้ อีกเพราะยังมีพ้นื ทที่ ไี่ มไํ ด๎ทา ประโยชน์ หากมีการบริหารน้าและใชน๎ า้ อยํางมรี ะบบ รวมทั้งการจดั หาน้ามาเพมิ่ ข้ึน อยํางไรก็ดี การจัดการเรื่องน้านี้ จาเป็นต๎องจัดทีด่ ินให๎เรยี บรอ๎ ยเสยี กอํ น กกกกกกก 9. สาหรับการทาระบบน้าหยดนัน้ ต๎องทดลองเป็นขัน้ ๆ ไป เพราะระบบนี้บางคร้งั ก็ เปน็ ปัญหาเกย่ี วกบั การ ที่น้าหยดมากไปหรืออาจน๎อยไป และอาจใช๎ได๎เฉพาะพน้ื ท่ีบางพ้ืนท่ที ี่ เหมาะสมเทํานั้น กกกกกกก1. 10. พ้ืนที่วนเกษตรขอใหร๎ ักษาสภาพปาุ ดว๎ ยการปลูกปุาโดยใชไ๎ ม๎พันธ์เุ ดิมที่สามารถ ดารงอยํูได๎ตามธรรมชาติ และปลูกไมผ๎ ลเพ่ิมให๎มากขนึ้ และการปลกู ไม๎ผลนคี้ วรขยายออกไปแทนท่ีไม๎

239 ยูคาลปิ ตัส เพอ่ื ใหค๎ ํอยๆ ลดจานวนลงและนาไปใชเ๎ ผาถําน เพราะไมย๎ ูคาลปิ ตัสที่ตํางประเทศปลูกเพ่ือ ใช๎ทาฟืนและผลติ พลังไฟฟูานั้น ไมํสู๎ จะไดผ๎ ลและต๎องการบารุงรักษาเชํนไม๎ทว่ั ๆ ไปด๎วย ดังน้ัน จึงควรปลูกไมผ๎ ลจะดีกวาํ กกกกกกก1. 11. เร่ืองการผสมพนั ธุ์พืชสองช้ันใหเ๎ อาพนั ธ์ุพืช เชํน พวกแตงตํางๆ ให๎คัดเลอื ก เฉพาะทก่ี ลายพันธ์ุ เปน็ พวกพันธเุ์ ลว เอามาขยายพนั ธุ์หลายๆ ครัง้ เพ่ือใหไ๎ ด๎พันธุ์ท่ีจะไมํกลายพันธุอ์ กี ตํอไป หลังจากน้ันคํอย ขยายข๎ามสายพนั ธ์ุใหมํที่เปน็ พนั ธุข์ องไทยโดยเฉพาะ ไมํใชํพนั ธแุ์ ตงทไ่ี ดจ๎ าก ตาํ งประเทศที่ทาอยํูในขณะนี้ หลกั การสาคัญคอื การกลับไปสูขํ องเดิม และเปน็ ของเดมิ ท่ีไมํกลาย พนั ธแ์ุ ล๎ว กกกกกกก1. ให๎กรมประมงหาพนั ธปุ์ ลาซึ่งอาจเป็นปลานิลก็ได๎ไปเล้ยี งในบํอน้า (แปลง) ที่ใช๎เลย้ี ง กุ๎งกุลาดา เพื่อให๎ ปลากินของเสียในบํอกุ๎งอันเป็นการขจัด POLLUTION ในน้าให๎ดีข้ึน โดยไมํให๎ อาหารอื่นแกํปลาอีก และ เมื่อสภาพน้าดีข้ึนแล๎วก็ใช๎หมุนเวียนไปเล้ียงกุ๎งตํอไป สํวนปลาท่ีได๎ไมํควร ทาเป็นอาหารของคน แตํให๎ไป ทาเป็นปลาปุนแทน ก็จะเป็นการเพ่ิมผลผลิต และเป็นการลดต๎นทุน การเล้ียงก๎ุงกุลาดาได๎ ซงึ่ ขอให๎ทดลอง ศกึ ษาเรอ่ื งนด้ี ๎วย เอาปลานลิ ไปขจัดของเสยี ในบํอเลย้ี งกุง๎ กกกกกกก1. 1. ทางโครงการจะไมเํ ขา๎ ไปดาเนนิ งานในสํวนที่อยํูนอกพืน้ ทีโ่ ครงการ ยกเว๎นเมอ่ื ราษฎรสมัครใจและ ร๎องขอใหโ๎ ครงการเขา๎ ไปชวํ ยเหลือ จงึ จะเขา๎ ไปดาเนนิ งานให๎ กกกกกกก1. 2. การสรา๎ งสวนสตั วเ์ ปดิ ควรใชพ๎ ืน้ ทบ่ี ริเวณเขาเสวยกะปิ เนอ่ื งจากมีความเหมาะสม เพราะสามารถ แยกพ้นื ทอี่ อกเปน็ สัดสวํ นเฉพาะได๎ กกกกกกก1. 3. พนื้ ทีเ่ หนอื อาํ งเก็บน้าห๎วยตะแปด ซึ่งมีขําววาํ ได๎มีเอกชนเข๎ามาซอ้ื ท่ีดินเพื่อทา สถานทพ่ี ักผํอน หยํอนใจ และทาสนามกอล์ฟนั้น ก็ไมํนาํ เป็นปัญหาตํอโครงการน้ี และนับวําเปน็ การ ปรับปรุงพนื้ ที่อีกทางหนึ่ง แตคํ วรตกลงกันใหด๎ ีในเรื่องการบริหารจดั การนา้ ซึ่งนําจะให๎เอกชนจัดทาท่ี เก็บน้าของตนเองไว๎ใช๎ หากจาเป็นต๎องใช๎นา้ จากอํางเก็บน้า กจ็ ะต๎องเป็นไปในลักษณะซ้ือนา้ จากทาง ราชการด๎วย นอกจากนี้ ควรปลกู ต๎นไม๎ไวร๎ อบๆ บริเวณและดูแลรกั ษาใหด๎ ี เมื่อเปน็ เชนํ นกี้ จ็ ะเป็น ประโยชนแ์ กํทกุ ฝุายท้งั ฝุายราชการและฝาุ ย เอกชน กกกกกกก1. พระราชทานพระราชดาริ เก่ยี วกับการพัฒนาภายในศูนยศ์ ึกษาการพัฒนาหว๎ ยทรายอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ สรุปไดด๎ ังน้ี กกกกกกก1. 1. ในเร่อื งกังหันลมนนั้ (กังหนั ลมสูบนา้ ) กใ็ หพ๎ ิจารณาแกไ๎ ขสวํ นสึกหรอตํางๆ ของตวั กังหนั ใหส๎ ามารถ ใชง๎ านได๎อยํางมปี ระสิทธภิ าพ กกกกกกก1. 2. ทดลองพิจารณาวําในขณะท่ลี มหมนุ กังหันอยูนํ ั้น จะสามารถทาให๎ผลิตเปน็ กระแสไฟฟูา บรรจุอยูํ ในแบตเตอรไี่ ด๎หรือไมํ ถา๎ ทาได๎ เมื่อลมหมดกังหนั ไมํสามารถหมนุ ได๎ ก็จะใช๎ ไฟฟาู ที่เก็บไวใ๎ นแบตเตอรี่ นามาใชห๎ มุนกังหนั ได๎ตํอไป ก็จะทาให๎สามารถดาเนินงานไดอ๎ ยาํ งตอํ เนื่อง จึงเห็นสมควรให๎สถาบนั วิจยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หงํ ประเทศไทย ประสานงานกับสถาบนั ทางวชิ าการตาํ งๆ ทาการศกึ ษา วิจยั และทดลองในเรอื่ งน้ีดว๎ ย กกกกกกก1. 3. ดา๎ นการพัฒนาปาุ ไม๎ ไมํวาํ จะเป็นเรื่องการจดั หมบํู า๎ นไม๎หรือการปลกู ปุาก็ดีจะมี ลักษณะท่ีจ๎างราษฎร เป็นลูกจ๎างของทางราชการ โดยให๎มีหน๎าท่ีในการปลูกปุาและบารุงดูแลรักษา ต๎นไมใ๎ หเ๎ จรญิ เตบิ โตราษฎร จงึ ขาดความสานึกท่ีจะรักปาุ ไม๎และบารุงดูแลให๎ต๎นไม๎เจริญเติบโต เพราะ ถ๎าต๎นไม๎ท่ีปลูกเจริญเติบโตเต็มที่แล๎ว ทางราชการก็จะปลดลูกจ๎างเหลํานั้นออกไป ราษฎรที่เป็น

240 ลูกจ๎างจึงไมํพยายามท่ีจะให๎ต๎นไม๎โตเร็ว เพราะ จะถูกเลิกจ๎างตามไปด๎วย จึงเห็นสมควรให๎เปลี่ยน วิธีการใหมํ เป็นการดาเนินงานในรูปแบบ “ปุาไม๎หมูํบ๎าน” คือให๎ราษฎรดาเนินการเอง เป็นเจ๎าของเอง ปลูกปุาและบารุงดูแลรักษาต๎นไม๎เอง โดยในระยะแรกให๎ หนํวยราชการจัดทา เรือนเพาะชา เพื่อสาธิตและแนะนาให๎ราษฎรร๎ูจักการเพาะต๎นกล๎า และสอนให๎ราษฎร ทาเรือน เพาะชาเป็นของตนเอง เพาะต๎นกล๎าไม๎มาขายให๎หนํวยราชการ หนํวยราชการจะรับซื้อต๎นกล๎าจาก ราษฎรในระยะแรก เพ่ือให๎ราษฎรสามารถฝึกหัดและเล้ียงตัวเองได๎กํอน ตํอจากนั้นก็สํงเสริมให๎ ราษฎรมี ความรู๎ความชานาญมากข้ึน สามารถเพาะต๎นกล๎าเพื่อนาไปจาหนํายยังตลาดภายนอกได๎ ซึ่งอาจจะมีท้ัง การเพาะต๎นไม๎ดอก ไม๎ประดับ หรือไม๎ผลท่ีมีราคาดี ก็จะเป็นการสํงเสริมรายได๎ให๎แกํ ราษฎรอีกทางหนึ่ง ด๎วย และตํอไปราษฎรท่ีเป็นเจ๎าของเรือนเพาะชา ก็สามารถผลิตต๎นกล๎าได๎เอง ก็จะนาไปปลูกเป็นปุาไม๎ใน พ้ืนที่ท่ีได๎จัดสรรไว๎ให๎ ราษฎรก็จะต๎องดูแล รักษาและหวงแหนปุาไม๎ เหลํานั้นให๎เจริญเติบโตเป็นปุาไม๎ของชุมชน ท่ีราษฎรสามารถเข๎าไปหากินได๎ สามารถตัดต๎นไม๎ท่ี เจริญเติบโตเต็มท่ีแล๎วไปใช๎ประโยชน์และดาเนินการ ปลูกปุาทดแทนตํอไป ถ๎าสามารถทาได๎ดังนี้ ราษฎรกจ็ ะไมํไปบกุ รุกปุาสงวนแหํงชาติในทอ่ี ื่นๆ ตอํ ไปอกี กกกกกกก1. 4. การฟ้นื ฟสู ภาพปาุ ไม๎บนภเู ขา กใ็ หด๎ าเนินการแบบเขาเสวยกะปิ โดยการสบู นา้ ด๎วย เครื่องสูบน้า กังหันน้าขึ้นไปเก็บไว๎ท่ีฝุายเก็บกักน้า ซ่ึงได๎สร๎างปิดก้ันรํองน้าตามชํองเขาตําง ๆ เป็นช้ัน ๆ ตามความเหมาะสม พร๎อมกับตํอทํอกระจายน้าไปตามลาดเขา เป็นการทดลองสร๎างภูเขา ปุาในระดับสูงด๎วยระบบน้าชลประทาน ท่ีบริเวณเขาเสวยกะปิแหํงน้ี ให๎มีสภาพสมบูรณ์และ ดาเนินการปลูกปุาประเภทไม๎โตเร็วคนกินได๎ สัตว์กินได๎ ไม๎ สวยงาม ตลอดจนไม๎ทาฟืนตามบริเวณ ลาดเขาตําง ๆ เมอ่ื สามารถปลูกปุาไม๎ไดเ๎ จริญเติบโตได๎ผลดีแล๎ว ก็ ให๎นารูปแบบเดียวกันนี้ไปขยายผล การดาเนินงานไปยังภูเขาลูกอื่นๆ ก็จะชํวยให๎พ้ืนที่มีสภาพปุาไม๎ที่อุดม สมบูรณ์และมีความชุํมชื้น ตลอดไปดว๎ ย กกกกกกก 5. ในพื้นทด่ี นิ เสื่อมสภาพ ไมสํ ามารถปลกู พืชอยาํ งอนื่ ได๎ เมื่อได๎ทดลองปลูกต๎น ยูคาลิปตัสแล๎วก็ลอง คานวณวําใช๎เวลาปลูกนานเทําไร ได๎ผลผลิตเป็นไม๎จานวนเทําใด ตํอจากน้ันก็ ทดลองนามาเผาถํานและ คานวณดูวําได๎ถํานออกมาเป็นจานวนเทําใด มีมูลคําเทําไร ถ๎าหากมีการ นาไปเปรยี บเทยี บกบั การปลกู ไม๎ ชนดิ อื่นแล๎ว อยํางไหนจะสามารถให๎ผลประโยชน์มากกวาํ กนั กกกกกกก1. 6. ในการทาการประมงนั้น ให๎ราษฎรมารวมกันเปน็ กลํุมสหกรณ์การเลย้ี งปลา กกกกกกก1. 7. การดาเนนิ งานของศูนย์ศึกษาการพฒั นาห๎วยทรายฯ น้ี ในทา๎ ยทีส่ ุดจะไมไํ ดท๎ าเพยี ง การศึกษา วิจัย เทํานั้น ในโอกาสตํอไปศูนย์ฯ จะกลายสภาพเป็นชุมชนที่แข็งแรง มีการจัดสรรท่ีดิน ให๎กับราษฎร ราษฎร จะมีที่ดินเป็นของตนเอง มารํวมกันทากิจกรรมและพัฒนาให๎เกิดประโยชน์สุข รํวมกัน โดยเฉพาะในอีก 50-100 ปีข๎างหน๎า จะมีราษฎรมากข้ึน ราษฎรจะสามารถเป็นเจ๎าของท่ีดิน ได๎น๎อยลง แตํในพ้ืนที่ที่จากัดนั้น จะสามารถใช๎ท่ีดินอยํางเหมาะสมและได๎ประโยชน์สูงสุด ศูนย์ศึกษา การพัฒนาฯ จะเป็นศูนยก์ ลางในการ ชวํ ยประสานให๎ราษฎรสามารถทากจิ กรรมตํางๆ ตามที่โครงการ ได๎กาหนดไว๎อยํางครบถ๎วนสมบูรณ์แบบราษฎร ก็จะสามารถอาศัยอยูํรํวมกัน ได๎ประโยชน์รํวมกัน อยาํ งมคี วามสุขไดต๎ ลอดไป กกกกกกก1. วันท่ี 22 มถิ นุ ายน 2534 พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยหํู ัว พระราชทานพระราชดาริ สรปุ ไดด๎ ังน้ี