Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตร หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

หลักสูตร หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Description: หลักสูตรรายวิชา สค23088 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Search

Read the Text Version

141 กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ผลการดาเนินงานทีส่ าคญั ของศูนยก๑ ารศกึ ษาพัฒนาพิกุลทองอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ จงั หวัดนราธิวาส มดี งั นี้ กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ขอ๎ 1 แกล๎งดิน “ดินทางานแลว๎ ดนิ จะหายโกรธ” กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ข๎อ 2 น้ามนั ปาล๑มพิกุลทอง รปู แบบการจัดหาพลงั งานทดแทนสูภํ มู คิ ุม๎ กัน ดา๎ นพลงั งาน กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ขอ๎ 3 การพัฒนาอาชพี ท่ีสาคัญ ไดแ๎ กํ (1) การเลย้ี งปลาในบํอดนิ เปร้ียว (2) การเลี้ยงสัตว๑ (3) การแปรรูปเส๎นใยพชื (4) การปลูกผกั เพาะเห็ด และการปลกู พืชแซมยาง (5) วิธกี ารขุดยกรํองท่เี หมาะสมในพืน้ ที่ดนิ เปรยี้ ว และ (6) การศึกษาการจัดการดินเปรย้ี วจัด เพื่อการ ปลกู พชื กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ข๎อ 4 ไบโอดีเซล กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ขอ๎ 5 การเผยแพรํและการใชป๎ ระโยชน๑ กกกกกกก2. 2.3 2.3.6 ข๎อ 6 ผลสาเร็จและการขยายผล ไดแ๎ กํ แปลงเกษตรทฤษฏใี หมํ ภายใน ศูนยศ๑ กึ ษาการพัฒนาพิกุลทอง ภาพ ศนู ยศ๑ กึ ษาการพฒั นาพิกลุ ทองอนั เน่อื งมาจาพระราชดาริ จังหวดั นราธวิ าส กกกกกกก2. 2.3 หน๎าท่ีพลเมืองท่ีดีมแี นวปฏิบตั ิ (1) ควรศกึ ษาเรยี นร๎ูกระบวนการในการทางาน ของศนู ย๑พฒั นาทอี่ ยใูํ กล๎บ๎าน หรือชมุ ชนนามาปรับใช๎ในชวี ิตประจาวัน เพอ่ื ชํวยพัฒนาคุณภาพชวี ิต ของตนเอง หรอื ชวํ ยพัฒนาชุมชน สังคม ใหเ๎ ข๎มแขง็ (2) ชํวยกันอนุรกั ษ๑ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละ ส่งิ แวดล๎อมใหเ๎ ป็นประโยชน๑ตอํ สํวนรวม (3) นาแนวทางการปฏิบัติงานรํวมกนั ของทกุ ฝาุ ย ในศนู ย๑ ศกึ ษาการพฒั นาอันเนื่องมาจากพระราชดารมิ าปรบั ใช๎ในเรือ่ งการทางานเป็นทมี เปน็ คณะตอ๎ งรร๎ู ัก สามัคคี และ (4) ควรยึดหลักการพึ่งพาตนเอง ลดการพงึ่ พาภายนอก และดาเนนิ ชวี ติ แบบพอเพียง การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ กกกกกกก1. บรรยาย กกกกกกก2. กาหนดประเด็นการศึกษาคน๎ ควา๎ รํวมกันจากสื่อการเรยี นร๎ูที่หลากหลาย กกกกกกก3. บนั ทึกผลการศกึ ษาคน๎ ควา๎ ลงในเอกสารการเรียนรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.)

142 กกกกกกก4. พบกลํุม กกกกกกก5. อภปิ รายแลกเปลย่ี นเรียนร๎ู กกกกกกก6. วเิ คราะหข๑ ๎อมูลทไ่ี ด๎ และสรุปการเรยี นรร๎ู วมกนั บนั ทกึ สรปุ การเรยี นร๎ูในเอกสารการ เรียนร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้ กกกกกกก1. ส่อื เอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความรู๎ เรอ่ื งท่ี 6 ศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาหว๎ ยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวดั เพชรบรุ ี กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หวั เรอ่ื งท่ี 6 หน๎าท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วตั ร และพระราชกรณยี กิจ กกกกกกก1. 1.3 ชื่อหนงั สือเรียน สาระการพัฒนาสงั คม รายวชิ า สค23088 หนา๎ ท่พี ลเมืองตาม รอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่เี กา๎ 2 กกกกกกก1. 1.4 ชอ่ื หนังสือ รอยพระยคุ ลบาท ผ๎ูแตงํ วสษิ ฐ เดชกุญชร ปที ่ีพิมพ๑ พ.ศ. 2559 สานักพิมพ๑ มตชิ น กกกกกกก1. 1.5 ชือ่ หนังสือ สร๎างเด็กดี มีคณุ ธรรมตามคาสอน “พอํ ” ผู๎แตงํ ธ.ธรรมรกั ษ๑ และ จติ ตวชริ ะ ปที ีพ่ มิ พ๑ พ.ศ. 2554 สานกั พมิ พ๑ ริช กกกกกกก1. 1.6 ชอ่ื หนงั สอื ธรรมดที ่ีพํอทา ผแู๎ ตํง ดนยั จันทร๑เจา๎ ฉาย ปีที่พมิ พ๑ พ.ศ. 2555 สานกั พิมพด๑ เี อ็มจี กกกกกกก1. 1.7 ช่ือหนังสอื 3 ทศวรรษ กปร. ผูแ๎ ตงํ สานกั งานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสาน งานโครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร .) ปีท่ีพมิ พ๑ พ .ศ. 2559 สานักพมิ พ๑ สานักงานคณะกรรมการพเิ ศษเพื่อประสานงานโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) กกกกกกก1. 1.8 ชือ่ หนงั สอื ทศพิธราชธรรมกบั พระมหากษตั รยิ ๑ไทย ผแู๎ ตํง สถาบนั พระปกเกล๎า ปที ่ีพิมพ๑ พ.ศ. 2551 สานักพิมพ๑ ส เจรญิ การพิมพ๑ กกกกกกก1. 1.9 ชือ่ หนังสอื ร๎อยเรือ่ งเลาํ : เกรด็ การทรงงาน ผ๎ูแตงํ สานกั งานคณะกรรมการ พเิ ศษเพอ่ื ประสานงานโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร .) ปีท่ีพมิ พ๑ พ .ศ. 2557 สานกั พมิ พ๑ สานักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่อื ประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) กกกกกกก1. 1.10 ชื่อหนงั สอื พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยูํหัวพระอจั ฉรยิ ภาพในการบริหารจดั การ ผแู๎ ตงํ สานักงานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (สานกั งาน ก .พ.ร.) ปีท่ีพิมพ๑ พ .ศ. 2549 สานักพมิ พ๑ บรษิ ัท วิช่ัน พริ้น แอนด๑ มเี ดยี จากัด

143 กกกกกกก1. 1.11 ช่อื หนังสอื 50 ปี แหํงการพฒั นาตามโครงกาอนั เนือ่ งมาจากพระราชดาริของ พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหํู วั ผู๎แตงํ สานกั งานคณะกรรมการพิเศษเพอ่ื ประสานงานโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร.) ปีท่ีพมิ พ๑ พ.ศ. 2538 สานกั พมิ พ๑ บริษัท โอ .เอส. พริ้นต้งิ เฮา๎ ส๑ จากัด กกกกกกก1. 1.12 ช่ือหนงั สือ 32 ปี ผลสาเร็จศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ผูแ๎ ตํง สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (สานกั งาน ก .พ.ร.) ปีทพี่ มิ พ๑ พ .ศ. 2555 สานักพมิ พ๑ บรษิ ัท จดุ ทอง จากดั กกกกกกก2. ส่ืออเิ ล็กทรอนกิ ส๑ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 รายการวิทยโุ ทรทศั น๑ เรอ่ื ง สารคดีเฉลิมพระเกยี รติ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 เนอ่ื งในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวลั ยราชสมบตั ิ ครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 \"เอกกษตั รยิ อ๑ คั รศลิ ปิน\" ของสถานี Yes Announcer สบื คน๎ จาก https://www.youtube.com/watch?v=9XT3Y05Vv08 กกกกกกก2. 2.2 ชอื่ บทความ “89 เร่อื งของในหลวง แรงบันดาลใจของพสกนกิ รไทยทง้ั ชาติ” ผแู๎ ตงํ นติ ยสารแพรว สบื คน๎ จาก http://www.praew.com/60005/king-of-thailand/ inspiration-89-story-thailands-king-bhumibol กกกกกกก2. 2.3 ชื่อบทความ “หลกั ธรรม หลกั ทา ตามรอยพระยคุ ลบาท” ผแ๎ู ตงํ ดร.สเุ มธ ตันติ เวชกลุ เลขาธิการมูลนิธชิ ยั พัฒนา สืบคน๎ จาก http://www.geozigzag.com/the_king/content1. html กกกกกกก2. 2.4 ชอ่ื บทความ ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ผู๎แตํง ศนู ยศ๑ ึกษา การพัฒนาฯ -สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอื่ ประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) สืบค๎นจาก rdpb.go.th/StudyCenter กกกกกกก2. 2.5 ชอื่ บทความ “ศนู ยศ๑ กึ ษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ” ผูแ๎ ตงํ สรรพ ศิลปศาสตราธริ าช ศูนยศ๑ กึ ษาการพฒั นาอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ สบื ค๎นจาก https://web.ku.ac.th/king72/center/center.htm กกกกกกก2. 2.6 ชอ่ื บทความ ศูนย๑ศกึ ษาการพฒั นาห๎วยฮอํ งไครอ๎ ันเนือ่ งมาจากพระราชดาริ ผู๎แตํง สานกั งานคณะกรรมการพิเศษเพอื่ ประสานงานโครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร.) สบื ค๎นจาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_96_1.htmlกก กกกกกกก2. 2.7 ชอื่ บทความ ศนู ยศ๑ ึกษาการพฒั นาเขาหนิ ซ๎อนอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ผแู๎ ตงํ สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร.) สืบค๎นจาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_99_1.htmlกก กกกกกกก2. 2.8 ชอ่ื บทความ ศนู ยศ๑ กึ ษาการพฒั นาภพู านอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ ผูแ๎ ตงํ สานักงานคณะกรรมการพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ (สานักงาน กปร.) สืบคน๎ จาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_98_1.htmlกก กกกกกกก2. 2.9 ชอื่ บทความ ศูนย๑ศกึ ษาการพฒั นาอําวคง๎ุ กระเบนอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ผ๎ู แตํง สานักงานคณะกรรมการพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) สบื คน๎ จาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_100_1.html

144 กกกกกกก2. 2.10 ชือ่ บทความ ศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาห๎วยทรายอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ผ๎แู ตงํ สานกั งานคณะกรรมการพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) สืบค๎นจาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_95_1.html กกกกกกก2. 2.11 ช่ือบทความ ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอนั เนือ่ งมาจากพระราชดาริ ผ๎แู ตงํ สานกั งานคณะกรรมการพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) สบื ค๎นจาก http://www.rdpb.go.th/rdpb/visit2/100project/100project_97_1.html กกกกกกก3. ส่อื แหลํงเรียนร๎ใู นชุมชน ได๎แกํ กกกกกกก3. 3.1 หอ๎ งสมุดประชาชนจังหวัดประจวบครี ขี ันธ๑ กกกกกกก3. 3.2 พิพธิ ภณั ฑจ๑ ังหวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ กกกกกกก3. 3.3 กศน.ตาบล/เทศบาล ทุกแหํง และศูนยก๑ ารเรียนชมุ ชน ในอาเภอเมือง ประจวบครี ขี นั ธ๑ กกกกกกก3. 3.4 ศูนยว๑ จิ ยั และพฒั นาประมงชายฝ๓่งประจวบคีรขี ันธ๑ กกกกกกก4. สือ่ บุคคลและภูมปิ ๓ญญา ไดแ๎ กํ กกกกกกก4. 4.1 นายคงณฐั โชติภัทรศรี ภูมปิ ญ๓ ญาท๎องถนิ่ ดา๎ นเศรษฐกิจพอเพียง การวดั และประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความก๎าวหนา๎ ด๎วยวิธีการ กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซักถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. ประเมินผลรวม ด๎วยวิธีการ กกกกกกก2. 2.1 ตอบแบบทดสอบวดั ความร๎ู หวั เร่ืองท่ี 6 หนา๎ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ี 9 ตามพระราชจรยิ วัตร และพระราชกรณียกจิ จานวน 10 ข๎อ กกกกกกก2. 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคติตอํ วิชาหนา๎ ที่พลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลทเี่ กา๎ 2

145 หวั เรอื่ งท่ี 7 การประยุกต์ใชห้ นา้ ทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลที่ 9 ในชีวิตประจาวนั สาระสาคัญ กกกกกกก1. การนอ๎ มนาทศพิธราชธรรมไปใชใ๎ นชีวิตประจาวนั สามารถใช๎กคบั รอบครัว ท่ีประกอบดว๎ ย หวั หนา๎ ครอบครวั สมาชกิ ในครอบครัว และเครือญาติ การศกึ ษา ประกอบด๎วย เพอื่ นผเ๎ู รียน หรือ นักศึกษา และครบู าอาจารย๑ การประกอบอาชีพการงาน ประกอบด๎วย เพือ่ นรํวมอาชพี และนายจ๎าง หรือผบู๎ ังคบั บญั ชา และการพฒั นาชุมชน ท้องถนิ่ และสังคม ประกอบดว๎ ย สมาชิกในชุมชน และ ผนู๎ า ไดเ๎ ป็นอยํางดี คอื ทาน ดว๎ ยการให๎บรจิ าคสิง่ ของ ทรัพย๑ หรอื แรงกาย ชวํ ยเหลือกิจกรรม หรอื ภารกิจท่เี กีย่ วขอ๎ ง ให๎คาแนะนา หรอื ความรู๎ที่เกีย่ วขอ๎ ง และให๎อภัยเมื่อได๎รบั ความร๎ูสึก หรือการ กระทาทีไ่ มถํ ูกต๎องกบั ตนเอง ศลี คอื การละเวน๎ ในสงิ่ ทีเ่ ป็นขอ๎ หา๎ มของศลี 5 ให๎ประพฤตใิ นสิ่ง ทด่ี ีงาม ปริจจาคะ คอื การเสียสละ สํวนที่เก่ียวข๎องกบั ตนเองเพ่อื ประโยชนข๑ องสวํ นรวม อาชชวะ คือ ความซื่อตรง ใหป๎ ฏบิ ัติงานหรือภารกิจท่ีเก่ียวขอ๎ งทงั้ ตอํ หน๎าและลับหลงั ด๎วยความซอื่ สตั ย๑สุจริต มัททวะ คือ ความอํอนโยน ให๎คานึงถงึ อายุ ถา๎ เปน็ ผอ๎ู าวุโสต๎องปฏบิ ตั ดิ ๎วยความออํ นนอ๎ มถํอ มตัว ให๎การเคารพ สวํ นผ๎ูทีม่ อี ายุเสมอกนั หรือออํ นกวาํ ให๎ปฏิบตั ิดว๎ ยความสุภาพออํ นโยน ตบะ คอื ความเพียร ความอดทน ใหป๎ ฏบิ ตั ิภารกจิ ด๎วยความขยนั มงุํ มน่ั อดทน ตั้งใจใหส๎ าเรจ็ ลุลํวง อกั โกธะ คอื ความไมโํ กรธ ต๎องควบคมุ อารมณ๑ของตนเองใหส๎ งบ มสี ตติ ลอดเวลา เพ่ือแสดงออก ถงึ พฤตกิ รรม ที่เหมาะสมกับ กาลเทศะทุกสถานการณ๑ อวิหิงสา คือ ความไมํเบียดเบยี น ไมํเอารดั เอา เปรียบ ดว๎ ยการไมํเอาทรัพยส๑ นิ หรือสิง่ ของสํวนรวม หรอื ของผอ๎ู ืน่ มาใช๎เพ่ือสวํ นตน ไมํพดู จา หรือมีกริ ิยา สอํ เสยี ด เบียดเบยี นผอู๎ ื่น ทัง้ ทางกาย วาจา และใจ ขนั ติ คอื ความอดทน ตอ๎ งมีความอดทน ในภารกจิ ทีม่ อบหมาย หรอื อดทนตอํ สถานการณ๑ทไี่ มพํ งึ ประสงค๑ ไมํยํอท๎อ ไมํท๎อถอย และ อวโิ รธนะ คอื ความเทยี่ งธรรม ให๎วางตัวเปน็ กลาง ไมํเอนเอียงไปท่ีบุคคลใดหรือกลมุํ ใดกลมุํ หนง่ึ ไมํหวั่นไหว ไปกับคาพูด การกระทา ใหม๎ ีความยตุ ิธรรม เที่ยงตรง กกกกกกก2. การน๎อมนาพระราชดารัสไปใช๎ในชีวติ ประจาวนั ครอบครวั ตอ๎ งใหค๎ วามสาคญั กับการ อบรมเลีย้ งดบู ุตรหลานให๎เปน็ คนดี มีคณุ ธรรม มีสติปญ๓ ญาเฉลียวฉลาด และมเี หตมุ ผี ล การศกึ ษ า ตอ๎ งอบรม นักเรยี น นักศกึ ษา และบณั ฑติ ท่เี พ่งิ จบหรือศิษยเ๑ กาํ ทจี่ บไปนานแล๎วใหม๎ คี วามรู๎ วิชาการ และคณุ ธรรม การประกอบอาชพี การงาน ทกุ อาชพี ตอ๎ งเน๎นการพัฒนาอาชพี ตัง้ ใจ ศกึ ษาพฒั นา อาชีพ ประกอบอาชพี ดว๎ ยความร๎ู ความสามารถ ประกอบอาชพี ด๎วยความพอเพยี ง ประหยัด พ่งึ ตนเอง รอบคอบ คอํ ย ๆ พัฒนาตามลา ดับเพือ่ ปอู งกันความผดิ พลาด ใชข๎ อ๎ มูลหรอื สอ่ื สารท่เี ปน็ ประโยชน๑ และต๎องมคี ณุ ธรรมในอาชพี ของตนเอง และการพัฒนาชมุ ชน ท้องถิ่นและสังคม ตอ๎ งมี วชิ าการ และผู๎ปฏิบัติรวํ มมอื กนั พฒั นาดว๎ ยดี ต๎องพัฒนาใหส๎ อดคลอ๎ งกับบริบทแตลํ ะพนื้ ท่ี เน๎นความ เข๎มแข็งของชมุ ชน ทอ๎ งถิน่ ด๎วยการอาศยั การแลกเปลีย่ นเรยี นรก๎ู บั บคุ คล หรือองค๑กรภายนอก ชุมชน เขา๎ มามสี วํ นรวํ ม พัฒนาดว๎ ยความรกั ความสามคั คี กระบวนการพฒั นาตอ๎ งเป็นลาดับข้ันตอน ประหยัด ถกู หลกั วิชา เพื่อปูองกนั ความล๎มเหลวจากการพฒั นา

146 กกกกกกก3. การน๎อมนาหลกั การทรงงานไปใชใ๎ นชีวิตประจาวนั ครอบครวั ใช๎ได๎ 10 ขอ๎ คอื (1) การมสี วํ นรํวม (2) ประโยชนส๑ วํ นรวม (3) ขาดทนุ คือกาไร (4) การพึ่งตนเอง (5) พออยพูํ อกิน (6) เศรษฐกจิ พอเพยี ง (7) ความซ่อื สตั ย๑ สจุ ริต จริงใจตอํ กัน (8) ทางานอยาํ งมคี วามสขุ (9) ความเพยี ร และ (10) ร๎ู รกั สามคั คี การศึกษา ใช๎ได๎ 21 ขอ๎ คือ (1) ศกึ ษาขอ๎ มูลอยํางเปน็ ระบบ (2) ระเบดิ จาก ข๎างใน (3) แกป๎ ๓ญหาทจี่ ดุ เลก็ (4) ทาตามลาดับขัน้ (5) ภมู ิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยดั เรียบงําย ได๎ประโยชนส๑ ูงสุด (9) ทาใหง๎ ําย (10) การมสี ํวนรํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บริการรวมทจ่ี ุดเดยี ว (13) ปลูกปุาในใจคน (14) ขาดทนุ คอื กาไร (15) การพ่ึงตนเอง (16) พออยํู พอกิน (17) เศรษฐกจิ พอเพยี ง (18) ความซ่อื สตั ย๑ สุจรติ จรงิ ใจตอํ กัน (19) ทางานอยํางมีความสุข (20) ความเพียร และ (21) ร๎ู รัก สามคั คี การประกอบอาชีพการงาน ใช๎ได๎ 22 ขอ๎ (1) ศึกษาข๎อมูล อยาํ งเป็นระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แกป๎ ๓ญหาที่จดุ เลก็ (4) ทาตามลาดับขน้ั (5) ภมู ิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํตดิ ตารา (8) ประหยัด เรยี บงําย ไดป๎ ระโยชน๑สูงสุด (9) ทาให๎งาํ ย (10) การมสี ํวนรวํ ม (11) ประโยชนส๑ วํ นรวม (12) บรกิ ารรวมทจ่ี ุดเดยี ว (13) ใช๎ธรรมชาติ ชวํ ยธรรมชาติ (14 ) ปลกู ปุาใน ใจคน (15) ขาดทนุ คือกาไร (16) การพึง่ ตนเอง (17) พออยูพํ อกนิ (18) เศรษฐกจิ พอเพยี ง (19) ความ ซอื่ สตั ย๑ สุจรติ จรงิ ใจตํอกนั (20) ทางานอยาํ งมีความสุข (21) ความเพียร และ (22) รู๎ รกั สามคั คี และการพฒั นาชุมชนทอ้ งถิ่นและสงั คม สามารถใชห๎ ลกั การทรงงาน ใช๎ได๎ 23 ข๎อ คอื (1) ศกึ ษา ขอ๎ มลู อยํางเป็นระบบ (2) ระเบดิ จากข๎างใน (3) แก๎ปญ๓ หาที่จดุ เลก็ (4) ทาตามลาดับขนั้ (5) ภมู ิสงั คม (6) องคร๑ วม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยดั เรยี บงําย ไดป๎ ระโยชน๑สงู สุด (9) ทาให๎งําย (10) การมี สํวนรํวม (11) ประโยชนส๑ ํวนรวม (12) บรกิ ารรวมทีจ่ ดุ เดยี ว (13) ใชธ๎ รรมชาติ ชวํ ยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปาุ ในใจคน (16) ขาดทนุ คือกาไร (17) การพึ่งตนเอง (18) พออยูํ พอกนิ (19) เศรษฐกจิ พอเพียง (20) ความซอื่ สตั ย๑ สุจรติ จริงใจตอํ กนั (21) ทางานอยาํ งมีความสุข (22) ความเพยี ร และ ( 23) รู๎ รกั สามคั คี มาใชใ๎ นการพัฒนาชมุ ชน ท๎องถิ่น และสงั คม ใหเ๎ จริญ กา๎ วหนา๎ ได๎ ตวั ชว้ี ดั กกกกกกก1. ปฏิบตั หิ น๎าที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ในชีวิตประจาวันได๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั เห็นคุณคําของการประยกุ ต๑ใช๎หน๎าทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยุคล บาทรชั กาลท่ี 9 ในชีวิตประจาวนั ขอบขา่ ยเนื้อหา กกกกกกกการประยกุ ต๑ใช๎หน๎าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ในชีวิตประจาวันมีขอบขาํ ย เนือ้ หา ดังนี้ กกกกกกก1. การนอ๎ มนาทศพิธราชธรรมไปใช๎ในชวี ติ ประจาวัน กกกกกกก2. การน๎อมนาพระราชดารสั ไปใช๎ในชวี ติ ประจาวนั กกกกกกก3. การน๎อมนาหลกั การทรงงานไปใชใ๎ นชวี ติ ประจาวนั

147 เนอ้ื หา กกกกกกก1. การนอ้ มนาทศพิธราชธรรมไปใช้ในชีวิตประจาวัน กกกกกกก1. หลกั ทศพิธราชธรรม เป็นหลักธรรมสาคญั ในการปกครอง กลาํ วคอื เป็นหลกั ธรรมท่ี พระราชา หรอื สิง่ ที่ควรประพฤติ และสามารถทจี่ ะนาไปประยุกตใ๑ ชใ๎ นชีวติ ประจาวันได๎เป็นอยาํ งดียงิ่ โดยมีหลกั ทศพธิ ราชธรรมทีเ่ กยี่ วข๎อง ดงั นี้ กกกกกกก1. 1.1 ทศพธิ ราชธรรมที่ใช๎ในครอบครัว ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 1 ทาน คอื การให๎ ผ๎ทู ีเ่ ป็นผน๎ู าครอบครัว ได๎แกํ บิดามารดา ควรมีบทบาทในการใหท๎ านกับบุตรธิดา ด๎วยการอบรมส่งั สอน การให๎กาลงั ใจ การใหอ๎ ภัย การใหค๎ วามรกั กบั เครอื ญาติ ด๎วยการให๎ความเออ้ื เฟอ้ื เผื่อแผํ ชํวยเหลอื ยามลาบาก และใหก๎ าลังใจ สํวนบุตรธิดา ควรใหท๎ านกบั บุคคลในครอบครวั ดว๎ ยการใหค๎ วามเคารพนบั ถอื เชือ่ ฟ๓งคา สั่งสอนของ บดิ ามารดา และญาติผใ๎ู หญํ พร๎อมทั้งเอาใจใสรํ ับผิดชอบชวํ ยงานบ๎านเพือ่ แบงํ เบาภาระของทาํ น และ ใหค๎ วามสนบั สนนุ แกํผท๎ู ที่ าคณุ งามความดี เปน็ การให๎รางวัลเพือ่ เปน็ กาลังในการเรียน ไมํทอด ท้งิ ยาม ทกุ ข๑ยาก เขา๎ ลกั ษณะที่วาํ ยามปกติ กเ็ รยี กใช๎ ยามเจบ็ ไข๎กร็ ักษา ยามตอ๎ งการคาแนะนาปรกึ ษา ก็ชํวย ให๎แสงสวําง แนะคือ บอกอุบายใหร๎ ๎ู นา คอื ทาให๎ดูเป็นแบบอยาํ ง แม๎จากผนู๎ อ๎ ยผดิ พลาดไปบา๎ ง โดย มิต้งั ใจ ผู๎ใหญํก็ต๎องรูจ๎ กั ใหโ๎ อกาส แก๎ไข ใหอ๎ ภัย มีนา้ ใจ กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ไดใ๎ หข๎ อ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 1 ทาน ไปใชใ๎ นครอบครัว ด๎วยการ (1) บดิ า มารดา ควรปฏิบัติดว๎ ยการบาบดั ทกุ ข๑ บารุงสุขคนในครอบครัว การให๎สิ่งของ การใหว๎ ิชาความ ร๎ู การใหส๎ ิ่งท่ตี อ๎ งการ ตลอดจนการอบรมแนะนาเพ่อื จะได๎ใช๎เปน็ เครื่องยังชีพ และสร๎างสรรค๑ ชวี ติ ใหม๎ ี ความผาสุกตามควรแกอํ ัตภาพ (2) บตุ รธิดา ควรปฏบิ ัติดว๎ ยการปฏิบัติตนเปน็ คนดีใหค๎ นในครอบครัว เกิดความผาสกุ และ (3) เครือญาติ ควรปฏบิ ตั ิใหค๎ วามรวํ มมือกบั คนในครอบครัวทกุ ๆ ดา๎ น กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 กลําวโดยสรปุ หน๎าทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วย หวั หนา๎ ครอบครวั สมาชกิ ใน ครอบครัว และเครอื ญาตขิ องครอบครวั ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 1 ทาน คือ การให๎ ไปใชก๎ ับ ครอบครัว และเครอื ญาติ ดว๎ ยการให๎ ทานในเร่อื ง ส่ิงของ การเสีย สละทรพั ย๑ สง่ิ ของบารุงเลยี้ งดู ชํวยเหลอื เกื้อกลู ให๎ธรรมทานด๎านการให๎คาแนะนาในการปฏบิ ัติดี ปฏบิ ัตชิ อบ และให๎อภัยทาน ด๎วยการ ใหอ๎ ภยั เม่ือมีการกระทาผดิ หรือละเมิดกนั และกัน กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 2 ศลี คือ การตงั้ อยใํู นศลี ซ่งึ สามารถปฏิบตั ิตามศีล5 คอื ไมํฆาํ สัตว๑ตัดชีวิต ไมํลักขโมยของของผอ๎ู ่นื ไมํลวํ งละเมดิ ลูกเมยี เขา ไมํพดู โกหก หรือพูดสํอเสยี ด ยุยงให๎คนเขาทะเลาะเบาะแวง๎ กนั และควรทาตนใหห๎ ํางไกลจากเหลา๎ บหุ รี่ หรืออบายมขุ ตาํ ง ๆ เพราะส่ิงเหลําน้ี นอกจากจะทาให๎เราเสียเงนิ แล๎ว ยังเสยี สุขภาพกายและใจทั้ งของตัวเราเอง และคน ใกล๎ชดิ เราด๎วย ผู๎ทเ่ี ป็นผูน๎ าครอบครวั ได๎แกํ บดิ า มารดา ควรปฏบิ ัตศิ ีล 5 ทุกขอ๎ เป็นแบบอยํางกบั สมาชิกในครอบครวั หรอื เครือญาติ ดังตวั อยําง มีบทบาท การปฏิบัตศิ ลี ข๎อท่ี 3 กบั คสูํ มรส ด๎วยการมี ความประพฤติทดี่ ี ไมํลวํ งละเมดิ ลูกเมยี ผอู๎ ื่น ศลี ขอ๎ ที่ 4 ไมํพูดโกหกหลอก ลวง ไมพํ ูดจาสํอเสียด ใหเ๎ กียรตซิ งึ่ กันและกนั กับ สมาชิกครอบครวั และ เครือญาติ ด๎วยการมคี วามประพฤติทด่ี ี ไมํพูด จา สอํ เสยี ด ให๎เกียรตซิ ึง่ กนั และกนั สวํ นบุตรธิดา ควรปฏิบัติตามแบบอยํางที่ดขี องพํอแมํ เรอ่ื งศีล 5 ในการดาเนนิ ชีวติ

148 กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบครี ฝีขาุ นั ยธธ๑ รรมยตุ ได๎ใหข๎ ๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 2 ศีล ไปใชใ๎ นครอบครวั ด๎วยการ (1) บดิ ามารดา ควรปฏบิ ัติ ตอ๎ งรกั ษาระเบยี บกติกา และปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบียบของบา๎ นเชนํ เดยี วกับสมาชกิ คนอ่ืน ๆ โดยไมํมี ข๎อยกเว๎น ผ๎ูนาครอบครวั ต๎องไมทํ าตวั ให๎อยํูเหนือกฎระเบียบ เพราะถือตัววาํ มอี านาจเบด็ เสรจ็ (2) บุตรธิดา ควรปฏิบตั ิดว๎ ยการทาตนใหม๎ คี วามประพฤติที่ดที ้งั ทางกาย วาจา ใจ และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏิบตั ิวางตนใหอ๎ ยูํในความดีงามท้ังทางกาย วาจา ใจ ใหส๎ ะอาดปราศจากโทษอันควรครหา กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 กลําวโดยสรุปหน๎าทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วยหัวหนา๎ ครอบครวั สมาชิกใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 2 ศีล คือ การต้ังอยใูํ นศลี ไปใชก๎ บั ทกุ คนใน ครอบครัว โดยเฉพาะบิดามารดา ควรปฏบิ ตั ติ นเปน็ ตวั อยาํ งที่ดีให๎แกํคนในครอบครวั ท้ังด๎านความ ประพฤติและการปฏบิ ตั ติ น สํวนสมาชกิ ในครอบครัวกค็ วรปฏบิ ตั ติ ามแบบอยาํ งของบิดามารดา กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 3 ปริจจาคะ คอื การเสียสละ ผ๎ูที่เป็นผ๎ูนาครอบครัว ได๎แกํ บดิ า มารดา ควรมบี ทบาทในการเสียสละกับบุตรธิดา ดว๎ ยการเสียสละความสุขสวํ นตน เพอื่ ความสุขหรอื ประโยชนข๑ องสวํ นรวม คอยใหค๎ าปรึกษา ใหก๎ าลังใจ ดูแล และเข๎าใจในทกุ เรอ่ื ง ท่ีเกยี่ วข๎องกบั ครอบครวั ปกปอู งและใหค๎ วามอบอุํนโดยไมํเกรงกลัวตํอภยนั ตรายใด ๆ เพอ่ื ให๎ ทกุ คน ในครอบครัวอยํูอยํางสุขสบาย เชนํ พํอเสยี สละความสขุ สํวนตัวด๎วยการเลิกด่มื เหลา๎ ทาให๎ลกู เมีย มีความสขุ และสละทรพั ยส๑ ่งิ ของบารุงเลี้ยงดู ชวํ ยเหลอื เกื้อกลู กับเครือญาติ ด๎วยการให๎ความ ชํวยเหลอื เกือ้ กลู และคอยใหค๎ าปรกึ ษา ให๎กาลังใจ และยนื หยดั อยํเู คียงข๎ าง สํวนบุตรธิดาควรให๎การ เสียสละกับบุคคลในครอบครวั ดว๎ ยการตงั้ ใจศึกษาเลําเรยี น และเพยี รพยายามจนสาเรจ็ รวมถึง เสียสละแรงกายและเวลาในการชํวยภารกิจของครอบครัวตามโอกาส กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบคีรฝขี ุานั ยธธ๑ รรมยตุ ไดใ๎ หข๎ ๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 3 ปริจจาคะ ไปใชใ๎ นครอบครัว ดว๎ ยการ (1) บิดามารดา ควร ปฏิบตั ติ นใหม๎ คี วามรับผดิ ชอบมาก ต๎องดแู ลทกุ ขส๑ ุขของคนทว่ั ไป ต๎องพยายามหาหนทางทาให๎สมาชิก ในครอบครวั ได๎รับความสุขพน๎ จากความทุกข๑ จึงจาเป็นทผ่ี ู๎เปน็ นกั ปกครอง จะต๎องอทุ ศิ กาลังกาย กาลงั ใจ และกาลงั ความคิดให๎แกํสวํ นรวม (2) บตุ รธิดา ควรปฏบิ ัติควรสนองตอบตํอความปรารถนาดี ของผ๎ูปกครอง และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏบิ ตั ดิ ๎วยการเสยี สละเพือ่ สนองตํอกฎระเบียบของครอบครัว หรือความปรารถนาดขี องคนในครอบครวั เชํน เมอ่ื ถงึ คราวอด เรากอ็ ดด๎วยกนั เมือ่ ถงึ คราวควรออมก็ ออมด๎วยกัน กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 กลําวโดยสรปุ หน๎าท่ีพลเมืองดี ประกอบด๎วยหัวหน๎าครอบครัว สมาชิกใน ครอบครัวและเครอื ญาติ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 3 ปริจจาคะ คอื การเสียสละไปใชก๎ ับครอบครัว ด๎วยการมีความเสยี สละในเรอื่ งของสวํ นตน เพอื่ ประโยชน๑สวํ นรวมของคนในครอบครัว กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 4 อาชชวะ คอื ความซื่อตรง ผ๎ทู ่ีเป็นผู๎นาครอบครัว ไดแ๎ กํ บดิ ามารดา ควรมบี ทบาทในอาชชวะ ด๎วยการแสดงความซ่อื ตรงใหเ๎ ปน็ แบบอยาํ งกบั บุตรธดิ า ด๎วยการสัง่ สอนใหล๎ กู ๆ มคี วามซือ่ สัตย๑สุจรติ มีความซอื่ ตรงไมํคดโกง หรอื หลอกลวงผู๎อื่นกบั เครอื ญาติ ด๎วยการซอ่ื สัตย๑ จรงิ ใจ ไมํคดิ คดโกง หรอื หลอกลวง สํวนบุตรธดิ าควรใหอ๎ าชชวะ ด๎วยการมคี วาม ซอื่ ตรงกับบคุ คลในครอบครัวดว๎ ยการปฏิบัตติ นในส่งิ ทถี่ ูกต๎อง ดีงามทง้ั กาย วาจา และใจ ทั้งตอํ หนา๎ และลบั หลงั เชํน ไมพํ ดู โกหกหลอกลวง ไมํลักขโมย ไมํเอาของผ๎ูอืน่ มาเปน็ ของตน

149 กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวขบนั คธีร๑ ฝี ุายธรรมยุต ได๎ให๎ขอ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 4 อาชชวะ ความซอ่ื ตรง ไปใชใ๎ นครอบครวั ดว๎ ยการ (1) บดิ า มารดา ควรปฏบิ ัติตนซอ่ื ตรงตอํ หนา๎ ที่ และซอื่ ตรงตํอความถกู ความควร (2) บตุ รธิดา ควรปฏบิ ัตติ น ใหร๎ ๎ูจกั การตรงตอํ เวลา ความซ่อื สตั ย๑ในหน๎าทีข่ องตน และไมํโกหกบคุ คลในครอบครแวั ละ(3) เครือญาติ ควรปฏิบตั ิตนให๎ซ่ือตรงตํอหน๎าที่ของตน โดยไมํยอํ ท๎อตํออุปสรรค กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 กลาํ วโดยสรุปหน๎าทพ่ี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยหวั หนา๎ ครอบครัว สมาชกิ ใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 4 อาชชวะ คอื ความซอื่ ตรง ไปใช๎กบั ครอบครวั ดว๎ ยการดาเนนิ ชีวิตด๎วยความซอื่ สัตยส๑ ุจริต ด๎วยความซอ่ื ตรง ไมพํ ูดโกหก ไมหํ ลอกลวง และให๎ความ จริงใจแกํคนในครอบครัวทงั้ ตํอหนา๎ และลับหลงั กกกกกกก1. 1.1 1.1.5 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 5 มัททวะ คือ ความออํ นโยน ผูท๎ เี่ ป็นผ๎นู าครอบครวั ได๎แกํ บดิ า มารดา ควรมบี ทบาทในการสอนเรือ่ งความอํอนโยนใหก๎ บั บตุ รธิดา ด๎วยการสอนใหร๎ ๎จู กั การเคารพผ๎ูท่มี อี ายุสูงกวํา ไมเํ ยอํ หยง่ิ ไมถํ อื ตัว และรู๎จักความอํอนนอ๎ มถํอมตน กับเครือญาติ ด๎วยการให๎ความเคารพนบนอ๎ ม ร๎ูจกั เอาใจเขามาใสํใจ เรา สวํ นบุตรธิดาควรมมี ัททวะกบั บุคคล ในครอบครัว ด๎วยการมีสัมมาคารวะ รจ๎ู กั กลาํ วคาขอบคุณ ขอโทษ รจู๎ กั การให๎ความเคารพ การไหว๎ ผูใ๎ หญํ ประพฤตติ นตามกฎระเบยี บของครอบครวั ตํอบิดา มารดาและญาตผิ ๎ูใหญํ จะทาให๎ไปที่ไหน คนกใ็ ห๎การตอ๎ นรบั เพราะอยํูใกล๎แลว๎ สบายใจ ไมรํ อ๎ นรุมํ หากบุคคลแสดงกิ ริยาหยาบคาย ก๎าวร๎าว คนก็ถอยหําง กกกกกกก1. 1.1 1.1.5 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบครี ฝขี าุ ันยธธ๑ รรมยตุ ไดใ๎ ห๎ข๎อมลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ท่ี 5 มัททวะ ไปใช๎ในครอบครัวดว๎ ยการ (1) บิดามารดา ควร ปฏิบัติ ให๎เปน็ คนที่มีเหตุและมีผล และควรมอี ัธยาศยั ออํ นโยน กิรยิ าสุภาพนมํุ นวล ละมนุ ละไม (2) บุตร ธิดา ควรปฏิบัติตนใหม๎ ีสัมมาคารวะตํอผูใ๎ หญํ หรือบคุ คลในครอบครัวและออํ นโยนตอํ บุคคล ท่ีเสมอกันและตา่ กวาํ เชนํ พ่ีนอ๎ ง หรอื ญาตทิ อี่ ายรุ นุํ ราวคราวเดียวกัน และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏบิ ัติ ตนให๎เคารพในเหตุผลที่ควร กกกกกกก1. 1.1 1.1.5 กลําวโดยสรุปหน๎าท่ีพลเมืองดี ประกอบดว๎ ยหวั หนา๎ ครอบครวั สมาชิกใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 5 มทั ทวะ คอื ความอํอนโยนไปใช๎กับครอบครัว ดว๎ ยการทาตัวใหม๎ กี ิริยาสภุ าพนํมุ นวล ละมนุ ละไม ไมเํ ยอํ หยิ่งถอื ตัว หรอื แสดงกิ รยิ าวาจา หยาบคาย กับใคร ทาตัวเป็นผูท๎ ่ีมคี วามออํ นน๎อมถอํ มตวั กับผู๎ที่มคี วามอาวุโสกวํา และออํ นโยนกบั บุคคลทเ่ี สมอกนั กกกกกกก1. 1.1 1.1.6 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 6 ตบะ คอื ความเพยี ร ผู๎ท่เี ปน็ ผนู๎ าครอบครัว ไดแ๎ กํ บดิ ามารดา ควรมบี ทบาทในเร่อื งของตบะกบั บตุ รธดิ า ดว๎ ยการเปน็ ตวั อยาํ งที่ดี มคี วามมมุ านะ อดทน ขยัน มุงํ ม่นั ในการสรา๎ งครอบครัว ใหม๎ คี วามเป็นอยทํู ่ีสขุ สบาย กับเครือญาติ ด๎วยการมีความอดทน พากเพียร เอาใจใสบํ คุ คลในครอบครวั สวํ นบตุ รธิดาควรมตี บะกับบุคคลในครอบครัว ด๎วย การมีความ มมุ านะ อดทน ขยนั มํงุ มนั่ พากเพียรในการเรยี นหนังสอื ใหป๎ ระสบผลสาเรจ็ เป็นท่ชี ืน่ ชมใหก๎ บั บคุ คล ในครอบครวั รวมถงึ มุงํ ม่ัน พากเพยี รในภารกิจท่ไี ดร๎ ับมอบหมายจากครอบครวั ให๎สาเรจ็ ตามทก่ี าหนดไว๎ กกกกกกก1. 1.1 1.1.6 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมเลจี า๎ คณะจงั หวดั ประจวบครี ีขนัฝธาุ ๑ยธรรมยตุ ไดใ๎ ห๎ข๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 6 ตบะ ไปใช๎ในครอบครวั ด๎วยการ (1) บดิ ามารดา ควร ปฏบิ ตั ิมีความมานะบากบน่ั ไมํยอํ ท๎อ ก๎าวหน๎าไมถํ อยหลงั ในหนา๎ ทท่ี ่จี ะตอ๎ งรบั ผดิ ชอบตาํ ง ๆ ภายใน

150 ครอบครัว มีความทุํมเททาอยํางสดุ ความสามารถ ไมเํ สรจ็ เปน็ ไมํยอมเลกิ รา (2) บตุ รธดิ า ควรปฏบิ ัติ ด๎วยการตั้งใจกาจัดความเกียจคร๎าน หรือการทาผิดหน๎าท่ี มงุํ ทากิจอันเป็นหนา๎ ที่ท่พี งึ ทา อันเป็นกจิ ดี กิจชอบ ใหส๎ ม่าเสมอ และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏบิ ตั ิตนดว๎ ยการมคี วามอดทน ปราศจากความเกยี จคร๎าน กกกกกกก1. 1.1 1.1.6 กลาํ วโดยสรปุ หน๎าทีพ่ ลเมอื งดี ประกอบด๎วยหัวหนา๎ ครอบครัว สมาชิกใน ครอบครัวและเครอื ญาติ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 6 ตบะ คือ ความเพียร ไปใชก๎ ับครอบครวั ด๎วยการปฏิบัตหิ นา๎ ทท่ี ี่รบั ผิดชอบดว๎ ยความมุมานะ อดทน ขยนั มุงํ ม่นั และทาแตสํ ิง่ ทด่ี ี ความถูกต๎อง ฝาุ ฟ๓นอปุ สรรคตาํ ง ๆ จนประสบความสาเรจ็ นอกจากน้ี ยังสอนให๎เราสู๎ชวี ิตไมยํ อมแพ๎อะไรงําย ๆ กกกกกกก1. 1.1 1.1.7 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 7 อกั โกธะ คือ ความไมํโกรธ ผท๎ู ี่เปน็ ผ๎ูนาครอบครัว ไดแ๎ กํ บดิ ามารดา ควรมีบทบาทในอกั โกธะกบั บตุ รธิดา ด๎วยการควบคุมอารมณข๑ องตนเอง ไมใํ ห๎เป็น คนโมโหงําย และพยายามระงับยับยั้งความโกรธอยูํเสมอ กับเครือญาติดว๎ ยการ รกั ษามติ รไมตรี หรือ สัมพันธภาพของคนในครอบครัว สวํ นบุตรธดิ าควรมอี กั โกธะกบั บุคคลในครอบครัว ด๎วยการไมํแสดง ความโกรธ หรือความไมํพอใจให๎ปรากฏ ตอ๎ งฝกึ ฝนควบคุ มอารมณ๑ของตนเองไมํใหเ๎ ป็นคนโมโหงาํ ย แม๎ในหลาย ๆ สถานการณจ๑ ะทาได๎ยาก แตํหากเราสามารถฝึกฝนไมใํ ห๎เป็นคนโมโหงําย และพยายาม ระงับยับยงั้ ความโกรธอยํูเสมอจะเป็นประโยชน๑ตํอเราหลายอยาํ ง เชนํ ทาให๎เราสุขภาพจิตดี หนา๎ ตา ผํองใส ข๎อสาคญั ทาใหเ๎ รารักษามติ รไมตรี หรือสัมพนั ธภาพกับผ๎อู นื่ ไวไ๎ ด๎ อันมีผลใหบ๎ คุ คลนัน้ เป็นท่ีรัก และเกรงใจของคน กกกกกกก1. 1.1 1.1.7 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบคีรฝีขาุ นั ยธธ๑ รรมยุต ได๎ให๎ข๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 7 อักโกธะ ไปใช๎ในครอบครัว ดว๎ ยการ (1) บิดามารดา ควร ปฏิบัติตนด๎วยการร๎จู กั การควบคมุ อารมณ๑ ไมโํ กรธงาํ ย ตอ๎ งร๎ูจั กเหตุ ร๎จู กั ผล มเี มตตาประจาใจ ไมํ เกร้ียวกราดปราศจากเหตุผล ต๎องกระทาดว๎ ยจติ อันสขุ มุ เยอื กเยน็ ละเอียดรอบคอบท่สี าคญั ตอ๎ งมี พรหมวหิ าร 4 คือ เมตตา กรุณา มทุ ติ า และอเุ บกขา (2) บตุ ร ธิดา ควรปฏิบัติให๎ร๎ูจกั คดิ และควบคมุ อารมณ๑ของตน เชํน เมื่อพํอแมํ วํากลาํ วตกั เตือนกค็ วรจะรบั ฟ๓งและนาไปแก๎ไขตนเอง ไมคํ วรโกรธ ทพ่ี ํอแมํวาํ กลาํ ว และ (3) เครอื ญาติ ควรมีไมตรี เยือ่ ใยตํอกัน ปรารถนาให๎มีความสขุ ไมทํ า ให๎บุคคล รอบขา๎ งเกิดความลาบากใจ กกกกกกก1. 1.1 1.1.7 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี ประกอบด๎วยหวั หนา๎ ครอบครวั สมาชิกใน ครอบครัวและเครอื ญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 7 อักโกธะ คือ ความไมํโกรธ ไปใช๎กบั ครอบครัว ด๎วยการฝึกฝนควบคุมอารมณข๑ องตนเอง ไมํให๎เป็นคนโมโหงาํ ย และพยายามระงับยบั ยงั้ ความโกรธ อยํูเสมอในทกุ สถานการณ๑ กกกกกกก1. 1.1 1.1.8 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 8 อวหิ งิ สา คือ ความไมํเบียดเบียน ผ๎ูทเ่ี ป็นผ๎นู า ครอบครวั ได๎แกํ บดิ ามารดา ควรมีบทบาทของอวิหิงสา กบั บุตรธดิ า ด๎วยการไมใํ ช๎อานาจไปบงั คับ และใหค๎ วามชํวยเหลือในดา๎ นตาํ ง ๆ กบั เครอื ญาติ ด๎วยการใหค๎ วามเทําเทียมกนั เหมือนกันเสมอภาคกนั ไมทํ ะเลาะวิวาท ไมบํ าดหมางกัน หมั่นนาขอ๎ คิดเห็นทแี่ ตกตํางมาพูดคยุ สรา๎ งความเขา๎ ใจกนั การนา ความคิดเห็นทแี่ ตกตํางกันมาสร๎างความสามคั คี บตุ รธดิ าควรมีอวิหงิ สา คอื ความไมเํ บยี ดเบียนกบั บคุ คลในครอบครัว ด๎วยการไมํทะเลาะวิวาท บาดหมางกนั หากมีเรือ่ งคลางแคลงใจควรหันหน๎าพูดคยุ กนั

151 กกกกกกก1. 1.1 1.1.8 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบคีรฝีขาุ นั ยธธ๑ รรมยุต ได๎ใหข๎ ๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 8 อวิหงิ สา ไปใชใ๎ นครอบครัว ดว๎ ยการ (1) บดิ า มารดา ควรปฏบิ ตั ติ นดว๎ ยการไมวํ างอานาจขมํ ขํู หรอื พูดจาบงั คับใหบ๎ ุคคลในครอบครวั ปฏิบตั ิตาม (2) บุตร ธดิ า ควรปฏิบัติตนด๎วยการหลีกเลีย่ งความรุนแรง ไมเบียดเบียนผูอน่ื เคารพในกฎระเบียบ กติกาของ บุคคลในครอบครัว และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏบิ ตั ิตนให๎มีความสขุ ทั้งทางกาย วาจา ใจ ไมํทะเลาะ วิวาท ไมํบาดหมางกนั ในครอบครวั กกกกกกก1. 1.1 1.1.8 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทีพ่ ลเมอื งดี ประกอบด๎วยหวั หน๎าครอบครวั สมาชิกใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 8 อวิหิงสา คอื ความไมํเบียดเบียนไปใชก๎ บั ครอบครัว ด๎วยการไมํใชอ๎ านาจกิริยาวาจา ขมํ ขํู เบียดเบยี นสมาชกิ ในครอบครัว ใหม๎ ีความเทําเทียมกนั เสมอภาคกัน เคารพในกฎหมาย ไมํทะเลาะวิวาทบาดหมาง กกกกกกก1. 1.1 1.1.9 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 9 ขนั ติ คือ ความอดทน ผูท๎ ีเ่ ปน็ ผน๎ู าครอบครัว ไดแ๎ กํ บดิ ามารดา ควรมีบทบาทในขนั ติ กบั บตุ รธิดา ด๎วยการมีความอดทนตํอสูก๎ บั ความเหนือ่ ยยากลาบาก ในการเล้ยี งดบู ุตรธดิ าของตน กบั เครือญาติ ดว๎ ยการมอี ดทนตอํ ความยากลาบาก ไมทํ ๎อถอยและไมํหมด กาลังกาย กาลังใจ ท่ีจะดาเนินชีวิตเพ่อื ใหค๎ รอบครวั น้ันอยูอํ ยาํ งสขุ สบาย สวํ นบุตรธดิ า ควรมีขนั ติ กับบุคคลในครอบครัว ด๎วยการอดทนตํอการทางานที่ไดร๎ ับมอบหมาย อดทนตํอคาพูดกิ ริยา ทาํ ทาง ของบุคคลในครอบครวั ทตี่ นเองไมํชอบ รวมทัง้ ไมํยํอทอ๎ ตอํ การทาคุณงามความดี ความอดทนจะทาให๎ เราชนะอุปสรรคท้งั ปวงไมํวาํ เล็กหรือใหญํ และจะทาให๎เราแกรํงขึ้น เข๎มแข็งขน้ึ กกกกกกก1. 1.1 1.1.9 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบคีรฝขี ุานั ยธธ๑ รรมยตุ ได๎ใหข๎ ๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 9 ขนั ติ ไปใชใ๎ นครอบครวั ดว๎ ยการ (1) บิดามารดา ควร ปฏิบัติตนให๎มีความอดทนอตุ สาหะ ในการปกครองคนในครอบครวั ด๎านอารมณ๑ ดา๎ นวาจา (2) บตุ ร ธิดา ควรปฏบิ ัตติ นด๎านความอดทนตํอสงิ่ ยั่วยุกเิ ลสตําง ๆ ทจ่ี ะเข๎ามาทาลายชวี ติ ทาใหส๎ มาชกิ ในครอบครวั ไมํมีความสขุ และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏบิ ัติดว๎ ยการประพฤตติ นเป็นทปี่ รึกษาทีด่ ีให๎แกํ ครอบครัว อดทนตอํ กเิ ลส โทสะตาํ ง ๆ ท่ีไมดํ ี กกกกกกก1. 1.1 1.1.9 กลําวโดยสรปุ หน๎าทีพ่ ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยหวั หน๎าครอบครวั สมาชิกใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 9 ขนั ติ คอื ความอดทน ไปใชก๎ ับครอบครัว ดว๎ ยการใหเ๎ ราอดทนตอํ ความยากลาบาก ไมทํ อ๎ ถอย และไมํหมดกาลงั กาย อดทนตํอภาระท่ตี อ๎ ง ปฏิบัติให๎สาเรจ็ อดทนตอํ กิริยา วาจา สงิ่ ย่วั ยุตําง ๆ ที่ทาให๎ท๎อถอย หมดกาลงั ใจในการดาเนนิ ชีวิต กกกกกกก1. 1.1 1.1.10 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 10 อวิโรธนะ คอื ความเท่ียงธรรม ผท๎ู ี่เป็นผูน๎ า ครอบครัว ได๎แกํ บิดา มารดา ควรมบี ทบาทใน อวโิ รธนะ กบั บุตรธดิ า ดว๎ ยการ ให๎ความยตุ ธิ รรม หนักแนนํ ถอื ความถกู ตอ๎ ง เที่ยงธรรมเปน็ หลกั ไมเํ อนเอียงหวน่ั ไหวด๎วยคาพูดอารมณ๑ กบั เครอื ญาติ ด๎วยการใหค๎ วามยตุ ธิ รรมแกเํ ครือญาติ และไมํลาเอียง สวํ นบุตรธิดา ควรมีอวโิ รธนะกับบุคคล ในครอบครวั ด๎วยการปฏิบัติตนใหเ๎ ป็นกลาง เชอื่ ฟ๓งคาส่งั สอนของคนในครอบครวั ไมํเอนเอยี ง หวัน่ ไหวดว๎ ยคาพูดอารมณ๑ กกกกกกก1. 1.1 1.1.10 จากการสัมภาษณ๑พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบคีรฝีขุานั ยธธ๑ รรมยุต ได๎ใหข๎ อ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 10 อวิโรธนะ ไปใชใ๎ นครอบครัว ดว๎ ยการ (1) บิดามารดา ควรปฏิบัตติ นให๎อยใํู นทานองคลองธรรม ให๎เป็นแบบอยาํ งใหก๎ บั บคุ คลในครอบครวั (2) บตุ รธดิ า

152 ควรปฏิบัติตนเปน็ คนดี เปน็ ลกู ที่นาํ รักของพอํ แมํ รจู๎ ักผดิ ชอบชัว่ ดี และ (3) เครือญาติ ควรปฏบิ ัตติ น ใหถ๎ ูกทานองคลองธรรม เป็นท่ปี รกึ ษาให๎กบั คนในครอบครวั ชํวยเหลือแบํงเบาภาระของกันและกัน กกกกกกก1. 1.1 1.1.10 กลําวโดยสรปุ หน๎าทพ่ี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ย หัวหนา๎ ครอบครัว สมาชกิ ในครอบครัว และเครอื ญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 10 อวิโรธนะ คือ ความเท่ียงธรรมไปใชก๎ ับ ครอบครัว ดว๎ ยการมีความหนกั แนํน ไมมํ คี วามเอนเอียง หวนั่ ไหว ยดึ มั่นในสิง่ ทถี่ กู ตอ๎ งดีงาม มีความ เท่ยี งธรรม ในการดาเนินชีวิตได๎มากท่สี ดุ กกกกกกก1. 1.2 ทศพธิ ราชธรรมทีใ่ ช๎ในการศกึ ษา ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 1 ทาน คือ การให๎ ผู๎เรียนหรือนักศึกษาควรมแี นว ปฏบิ ัติในการใหท๎ านแกํเพ่อื นผเ๎ู รียน หรือนักศึกษา ดว๎ ยการชวํ ยเหลือเพอื่ นในการใหค๎ วามรก๎ู บั เพื่อนที่ ออํ นหรอื ด๎อยกวํา และกบั ครูบาอาจารย๑ ควรมแี นวปฏบิ ัติใหท๎ าน ด๎วยการชํวยเหลอื ครบู าอาจารย๑ ตามโอกาส และความสามารถของตนเอง ดว๎ ยการให๎ข๎อมลู ที่จาเปน็ หรือความร๎ูท่จี าเปน็ แกํครูบา อาจารย๑ เพ่ือนาไปชํวยเหลอื เพ่ือนผู๎เรียน หรือเพ่ือนนกั ศึกษาด๎วยกันไดถ๎ กู ตอ๎ ง กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 จากการสัมภาษณ๑พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ฝีขุาันยธธ๑ รรมยุต ได๎ให๎ขอ๎ มลู การนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 1 ทาน ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กบั เพ่อื นผ๎ูเรยี น หรือ เพื่อนนักศกึ ษา ควรมแี นวปฏบิ ตั ิ คือ การใหก๎ าลังใจแกํเพ่ือนท่ีตกอยใํู นห๎วงทกุ ข๑ ให๎ข๎อแนะนาทเี่ ปน็ ความร๎ู ใหร๎ อยยิ้ม และปิยวาจาแกเํ พื่อนฝูง รวมถงึ บคุ คลทีม่ ารบั บริการจากเรา และ (2) กับครู บาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติใหท๎ านดว๎ ยการใหค๎ วามรู๎ ความคดิ และขอ๎ แนะนาอันเปน็ ประโยชน๑ ตอํ นักศึกษา กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ท่พี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ย เพ่ือนผูเ๎ รยี นและครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 1 คือ ทานมาใช๎ในการศึกษา ด๎วยการรูจ๎ ักการใหค๎ วามชํวยเหลอื เพือ่ น ในการใหค๎ วามรก๎ู บั เพ่อื นท่ีออํ นหรอื ดอ๎ ยกวํา พร๎อมทัง้ รูจ๎ กั การตอบแทนครูบาอาจารย๑ด๎วยการให๎ ข๎อมลู หรอื ความร๎ทู เ่ี กีย่ วข๎องกับเพื่อนผูเ๎ รียนหรอื เพื่อนนักศกึ ษา เพือ่ จะได๎ใหก๎ ารชํวยเหลอื ตามโอกาสท่เี หมาะสม กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 2 ศลี คอื การตั้งอยใํู นศลี ผเ๎ู รยี นหรอื นกั ศกึ ษาควรมี แนวปฏบิ ตั แิ กเํ พ่อื นผ๎ูเรียน หรือนักศึกษา ดว๎ ยการใหก๎ าลงั ใจเพ่อื น สํงเสรมิ ในทุก ๆ ดา๎ นทางที่ถกู ที่ควร ไมํอิจฉาริษยาเพ่อื น ไมชํ ักชวนให๎กระทาในทางทผ่ี ิด หรอื ทาลายเพื่อน ไมใํ สรํ า๎ ยเพือ่ นใหไ๎ ดร๎ ับ ความเสยี หาย และกบั ครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏบิ ตั มิ ีศลี ด๎วยการประพฤตติ นเรยี บร๎อย ไมํเกเร กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 จากการสัมภาษณ๑พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบคีรฝขี ุานั ยธธ๑ รรมยุต ได๎ให๎ขอ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 2 ศีล ไปใช๎ในการศกึ ษาด๎วยการ (1) กับเพือ่ นผ๎ูเรยี น หรอื เพ่อื นนักศึกษา ควรมีการปฏบิ ตั ิ คือการชํวยเหลือเพ่อื นในยามท่ีต๎องการชวํ ยเหลอื แนะนาแตํสิ่งทีด่ งี าม ชกั ชวนเพอ่ื นทาแตํส่งิ ทดี่ งี าม ไมพํ ดู โกหก พูดจาสอํ เสยี ดจนเกดิ การทะเลาะวิวาท และ (2) กบั ครู บาอาจารย๑ ควรมแี นวปฏิบัติมศี ลี ด๎วยการปฏบิ ัติตนเป็นคนดี ตง้ั ใจศกึ ษาเลาํ เรียน เช่ือฟ๓งคาสง่ั สอน ไมเํ กเร ไมํสรา๎ งความวนํุ วาย หรอื ทะเลาะววิ าทกับเพอ่ื นจนทาให๎เสียการเรียน กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 กลาํ วโดยสรุปหน๎าที่พลเมอื งดี ประกอบด๎วยเพ่อื นผเู๎ รียน และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 2 คือ ศลี มาใชใ๎ นการศึกษา ด๎วยการปฏบิ ัตใิ หอ๎ ยใํู นหลักธรรมของ ศีล 5 คอื มีความประพฤตทิ ด่ี ี ตอ๎ งไมเํ กเร ไมใํ หร๎ า๎ ยผู๎อน่ื ทงั้ กบั เพือ่ นผเ๎ู รียน และกับครูบาอาจารย๑

153 กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 ทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 3 ปริจจาคะ คือ การเสยี สละ ผ๎เู รยี นหรือนกั ศึกษา ควรมีแนวปฏิบตั ิในปรจิ จาคะ แกํเพ่ือนผ๎ูเรียนหรอื นกั ศกึ ษา ดว๎ ยการยอมสละเวลาเพ่อื สํวนรวม คอื การชํวยกันทาความสะอาดห๎องเรยี นหลังเลกิ เรยี น หรือการเสยี สละเวลาสอนหนงั สอื กับเพ่อื น ที่ออํ นกวํา และกับครบู าอาจารย๑ ควรมแี นวปฏบิ ัตดิ ๎วยการเสยี สละเวลาชวํ ยครู ถือของเวลาที่เหน็ ครเู ดนิ ถอื ของจานวนมากมาคนเดยี ว และการมีจติ สาธารณะ กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 จากการสมั ภาษณ๑พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบคีรฝขี าุ ันยธธ๑ รรมยตุ ได๎ใหข๎ อ๎ มลู การนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 3 ปริจจาคะ ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพอ่ื นผูเ๎ รยี น หรือเพ่อื นนกั ศึกษา ควรมแี นวปฏบิ ตั ติ นในการชวํ ยเหลือเพอื่ นรวํ มหอ๎ ง หรือเพือ่ นรวํ มชน้ั ในการทา ความสะอาด หรอื ชวํ ยกันทาสงิ่ ดี ๆ เพอื่ สวํ นรวม และ (2) กบั ครูบาอาจารย๑ ควรมแี นวปฏบิ ตั ดิ ๎วยการ เสียสละความสขุ ในเรอ่ื งสํวนตัว หันกลับมาตั้งใจศึกษาเลําเรียนให๎ประสบผลสาเรจ็ เพื่อในอนาคต จะไดเ๎ ป็นคนดีทาใหค๎ รู และพอํ แมํ ญาติพีน่ ๎อง ภูมิใจและมคี วามสุข กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 กลําวโดยสรุปหน๎าท่พี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนผูเ๎ รียน และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 3 คือ ปริจจาคะ มาใชใ๎ นการศึกษา ดว๎ ยการมีจิตสาธารณะ คือ เห็นแกํ ประโยชนข๑ องสํวนรวม ยอมเสียผลประโยชน๑สํวนตนเพอ่ื ผอู๎ ื่น ทงั้ กับเพ่ือนผูเ๎ รียนและกับครูบาอาจารย๑ หรอื สงั คมโดยรวมไดร๎ ับประโยชนจ๑ ากการกระทาของตน กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 4 อาชชวะ คอื ความซื่อตรง ผเ๎ู รียนหรอื นกั ศึกษา ควรมแี นวปฏิบัติในอาชชวะแกเํ พอ่ื นผูเ๎ รยี น หรือนกั ศึกษา ด๎วยการมีความซื่อสัตย๑ ไมหํ ลอกลวง ไมเํ อาเปรยี บผู๎อนื่ ลั่นวาจาวาํ จะทางานสง่ิ ใดก็ต๎องทาให๎สาเร็จ ไมกํ ลบั กลอก มคี วามจริงใจตํอทกุ คน และกับครบู าอาจารย๑ ควรมแี นวปฏิบัตมิ อี าชชวะ ดว๎ ยการปฏิบตั ติ น ทางกาย วาจา จติ ใจ ทต่ี รงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกง ไมํหลอกลวง กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ฝีขาุ นั ยธธ๑ รรมยตุ ไดใ๎ หข๎ อ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ท่ี 4 อาชชวะ ไปใชใ๎ นการศึกษาดว๎ ยการ (1) กับเพ่ือนผ๎เู รียน หรอื เพอื่ นนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัตคิ ือ มีความจริงใจ ไมํหลอกลวง และไมํพูดกลาํ วหาผอ๎ู น่ื ท้ังทางกาย วาจา ใจให๎รูส๎ ึกไมดํ ี ร๎จู กั เอาใจเขามาใสํใจเรา และ (2) กบั ครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติ อาชชวะ ด๎วยการไมปํ ฏบิ ตั ติ น ออกนอกลนูํ อกทาง เปน็ คนดีของสังคม ไมโํ กหก หรอื หลอกลวงจนเกดิ ความเสยี หาย กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 กลําวโดยสรปุ หน๎าทีพ่ ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพ่ือนผ๎ูเรยี น และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 4 คอื อาชชวะ มาใชใ๎ นการศึกษา ดว๎ ยความซื่อสตั ย๑ มกี ารปฏิบตั ติ น ทางกาย วาจา จิตใจที่ตรงไปตรงมา ไมแํ สดงความคดโกง ไมํหลอกลวง ไมํเอาเปรียบเพอื่ น ลัน่ วาจา วาํ จะทางานส่ิงใดก็ต๎องทาให๎สาเร็จ ไมํกลบั กลอก มคี วามจรงิ ใจตํอทกุ คน ทง้ั กบั เพื่อนผเ๎ู รยี น และกบั ครูบาอาจารย๑ กกกกกกก1. 1.2 1.2.5 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 5 มัททวะ คือ ความอํอนโยน ผ๎ูเรียนหรอื นกั ศกึ ษา ควรมีแนวปฏบิ ัตใิ นมทั ทวะ แกเํ พ่ือนผ๎ูเรยี น หรอื นกั ศกึ ษา ดว๎ ยการใหเ๎ กยี รติเพ่ือนในเร่ืองของคาพดู และการกระทาทอ่ี อํ นโยน ไมเํ ยอํ หยิ่ง ไมํหยาบกระด๎าง และกับครบู าอาจารย๑ ควรมีแนวปฏบิ ัติ มัททวะ ดว๎ ยการเชอื่ ฟง๓ คาส่ังสอนดว๎ ยดี ไมํดอ้ื ร้ัน ถือทิฏฐิมานะ ยอมรับคาแนะนา ตักเตอื นด๎วยความ ตัง้ ใจ มีความออํ นน๎อมถํอมตัว กับครบู าอาจารย๑

154 กกกกกกก1. 1.2 1.2.5 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบคีรฝีขาุ นั ยธธ๑ รรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 5 มทั ทวะ ไปใชใ๎ นการศกึ ษาดว๎ ยการ (1) กบั เพอื่ นผูเ๎ รยี น หรอื เพอื่ นนกั ศึกษา ควรมแี นวปฏบิ ัติ คือ การรู๎จกั เอือ้ เฟอ้ื เผือ่ แผํ มีอธั ยาศยั ท่ดี กี ับเพือ่ นรอบข๎าง และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัตมิ ทั ทวะ ด๎วยการไมํด้ือรน้ั ไมถํ ือทิ ฐิมานะ ยอมรับฟง๓ ความคดิ เหน็ และคาแนะนาดว๎ ยความต้งั ใจ มีสมั มาคารวะ ออํ นนอ๎ มถอํ มตัว กกกกกกก1. 1.2 1.2.5 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ท่ีพลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพ่ือนผ๎ูเรยี น และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 5 คือ มทั ทวะ มาใชใ๎ นการศึกษา ดว๎ ยการปฏบิ ตั ิตนใหม๎ ีความประพฤตดิ ี สุภาพอํอนโยน ใหเ๎ กยี รตผิ ู๎อน่ื ไมแํ สดงกริ ิยาที่ไมเํ หมาะสม มีการเปดิ ใจยอมรบั ความคดิ เห็นของเพ่อื น หรอื กับครบู าอาจารย๑ มคี วามอํอนนอ๎ มถํอมตวั กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 6 ตบะ คอื ความเพียร ผ๎ูเรียนหรอื นักศกึ ษาควรมี แนวปฏิบตั ิในตบะแกํเพ่อื นผเู๎ รยี นหรือนักศึกษา ดว๎ ยการเป็นกาลังใจให๎เพอ่ื น ไมยํ อํ ทอ๎ ตอํ การศึกษา เลําเรียน แม๎บางครง้ั บทเรียนน้ันจะยาก หรือมีอุปสรรคตาํ ง ๆ บางอยํางก็มานะชวนกันทาจนสาเร็จ เมือ่ มเี วลาวาํ งชกั ชวนกันใช๎เวลาวํางนนั้ ใหเ๎ ปน็ ประโยชนต๑ อํ การศึกษาเลําเรียนของตน โดยอาํ นหนงั สือ ศึกษาค๎นควา๎ จากแหลํงความรู๎ตาํ ง ๆ เพมิ่ เตมิ ทบทวนบทเรียนท่ีเรียนทกุ วนั และกบั ครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏบิ ตั ติ บะ ด๎วยการแสดงความตัง้ ใจมํงุ ม่ันศกึ ษาเลําเรียน ตง้ั ใจฟ๓งครูสอน ไมฟํ ูงุ ซาํ น หรือ น่ังหลับ แมเ๎ ม่อื เลิกเรยี นกลับบา๎ นก็เอาใจใสํทบทวนบทเรยี นทเ่ี รยี น คอยหม่ันตรวจตราวาํ ครสู ง่ั ให๎ทา การบ๎านอะไรบา๎ ง ต้งั ใจทางานท่ีครูสงั่ ใหเ๎ รียบร๎อย กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยตุ ไดใ๎ หข๎ อ๎ มลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 6 ตบะไปใชใ๎ นการศกึ ษาด๎วยการ (1) กับเพอ่ื นผูเ๎ รยี น หรอื เพ่อื นนักศกึ ษา ควรมีแนวปฏิบตั ติ นด๎วยความเพยี รพยายามทาหน๎าท่ีเปน็ นกั เรยี น นักศกึ ษาทด่ี ี อยํางเดด็ เดี่ยวรํวมกนั แกป๎ ๓ญหา หารอื กบั เพอ่ื นในวิชาที่ไมเํ ขา๎ ใจ หรือวํายากเกนิ ไป ให๎ผาํ นพ๎นไปได๎ ดว๎ ยดี และ (2) กับครบู าอาจารย๑ ควรมแี นวปฏิบัตติ บะด๎วยการแสดงความมุํง มั่นฝึกฝนตนเองใหร๎ ๎ูจัก ความเพียรพยายาม และเอาใจใสทํ จ่ี ะทางานท่ไี ด๎รับมอบหมายหรือเรียนให๎สาเรจ็ กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ทพี่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่อื นผ๎ูเรียน และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 6 คือ ตบะ มาใชใ๎ นการศกึ ษา ดว๎ ยการมคี วามตง้ั ใจ มงํุ มนั่ ศกึ ษาเลําเรียน ทง้ั กอํ นเรียน ขณะเรยี น และหลังเลิกเรยี น ด๎วยความพยายาม พากเพยี ร สํวนกบั ครบู าอาจารยก๑ ็ มงํุ ม่ันทางานทีไ่ ดร๎ ับมอบหมายจากครูบาอาจารย๑ พากเพียรใหส๎ าเร็จลลุ วํ งตามทีก่ าหนดไว๎ กกกกกกก1. 1.2 1.2.7 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 7 อักโกธะ คอื ความไมโํ กรธ ผ๎เู รียนหรอื นกั ศกึ ษา ควรมแี นวปฏิบัตใิ นอกั โกธะแกํเพอื่ นผเู๎ รยี น หรือนักศกึ ษา ดว๎ ยการระงับความโกรธ เมอื่ เพ่ือน กลั่นแกล๎ง หรอื บางคนอาจตักเตอื นเพื่อนใหน๎ าขอ๎ ผิดพลาดมาปรับปรงุ แก๎ไข และกับครูบาอาจารย๑ ควรมแี นวปฏิบตั มิ ีอกั โกธะ ดว๎ ยการตอ๎ งร๎จู กั ยอมรบั ข๎อผดิ พลาดมาปรับปรงุ แก๎ไข และพฒั นา เชนํ เมอ่ื อยูํโรงเรียนครวู าํ กลําวตักเตือน ตอ๎ งรูจ๎ กั การระงับความโกรธ และนาขอ๎ ผิดพลาดไปปรบั ปรุงแก๎ไข และเมื่อเพ่อื นกลั่นแกล๎งต๎องระงบั ความโกรธใหไ๎ ด๎จะทาให๎อยูํในสังคมได๎อยาํ งมีความสขุ กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ใหข๎ อ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 7 อกั โกธะไปใชใ๎ นการศึกษา ด๎วยการ (1) กบั เพ่ือนผ๎เู รยี น หรือเพื่อนนกั ศึกษา ควรมแี นวปฏิบตั ิตนด๎วยการรูจ๎ ักใชเ๎ หตผุ ล ไมํยดึ อคติกบั เพือ่ น ระงบั และขมํ ใจ

155 ตนเองไมํใหล๎ ุํมหลงไปกบั คากลาํ ว หรือใหร๎ ๎ายเพ่ือน และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบตั ิ อกั โกธะด๎วยความไมํโกรธ ไมมํ งํุ ร๎ายแมจ๎ ะถกู ครูลงโทษก็ทาตามเหตผุ ล เป็นไปด๎วยความเท่ียงธรรม ปราศจากอคติ ไมทํ าด๎วยอานาจความโกรธ กกกกกกก1. 1.2 1.2.7 กลําวโดยสรปุ หน๎าทพ่ี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนผ๎ูเรียน และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 7 คือ อกั โกธะมาใชใ๎ นการศึกษา ดว๎ ยการควบคุมอารมณ๑ของตนเองไมํให๎ เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงบั ยับย้ังความโกรธ ท้งั กับเพ่ือนผ๎ูเรียน และกบั ครูบาอาจารย๑ ในทกุ สถานการณ๑ กกกกกกก1. 1.2 1.2.8 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 8 อวหิ ิงสา คือ ความไมํเบยี ดเบยี ผนเู๎ รยี นหรือนักศึกษา ควรมแี นวปฏบิ ตั ิ อวหิ ิงสา แกเํ พื่อนผ๎ูเรียน หรือนกั ศกึ ษา ดว๎ ยการไมเํ อารัดเอาเปรียบเพ่ือนในการทา กจิ กรรม หรือภารกจิ ที่ไดร๎ บั มอบหมาย และกับครูบาอาจาร ย๑ ควรมแี นวปฏิบตั ิ อ วหิ ิงสา ด๎วยการ ไมพํ ดู จาที่ไมํดีงามถึงครูบาอาจารย๑ กบั ผู๎อน่ื หรอื ขอส่ิงของทจ่ี าเปน็ ของครบู าอาจารย๑มาใช๎ ในงาน สวํ นตวั ของผูเ๎ รียน กกกกกกก1. 1.2 1.2.8 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบคีรฝีขาุ นั ยธธ๑ รรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 8 อวหิ ิงสา ไปใชใ๎ นการศกึ ษาดว๎ ยการ (1) กบั เพ่อื นผเู๎ รยี น หรือเพ่อื นนกั ศึกษา ควรมแี นวปฏิบัติด๎วยการไมเํ อารดั เอาเปรยี บเพือ่ น มกี ารแบงํ ป๓นกนั ต๎องมคี วาม เมตตา กรุณากับเพือ่ นในยามทล่ี าบาก หรือตอ๎ งการความชํวยเหลอื และ (2) กบั ครบู าอาจารย๑ ควรมี แนวปฏิบัติ อวหิ งิ สา ดว๎ ยการไมพํ ูดจาเพอ๎ เจอ๎ จนทาใหค๎ รูไมํเจรญิ กา๎ วหน๎าในหนา๎ ท่ีการงาน กกกกกกก1. 1.2 1.2.8 กลาํ วโดยสรุปหน๎าที่พลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนผ๎เู รยี น และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 8 คอื อวหิ ิงสา มาใช๎ในการศกึ ษา ดว๎ ยการไมเํ อารดั เอาเปรยี บเพ่อื นผูเ๎ รยี น ดว๎ ยกนั และกับครบู าอาจารย๑ ดว๎ ยการไมพํ ูดจาเบียดเบียนให๎เสียหาย หรอื เอาทรพั ย๑สนิของครบู าอาจารย๑ มาใชใ๎ นเร่อื งสํวนตัวของผูเ๎ รยี น กกกกกกก1. 1.2 1.2.9 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 9 ขนั ติ คือ ความอดทน ผเ๎ู รียนหรือนกั ศึกษาควรมี แนวปฏบิ ตั ิในขันตแิ กํเพอ่ื นผ๎เู รียน หรือนกั ศกึ ษา ดว๎ ยการมีสติ และความสามารถควบคมุ อารมณ๑ กริ ิยามารยาทในสถานการณท๑ ่ไี มพํ ึงประสงค๑ได๎ และมีความอดทนกับความไมํชอบในขณะศึกษาอยูํ และกบั ครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏบิ ัตมิ ีขนั ติด๎วยการ ความอดทนในการเรยี น และการปฏบิ ัตงิ าน ทไี่ ด๎รับมอบหมาย กกกกกกก1. 1.2 1.2.9 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบคีรขี ันธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ได๎ใหข๎ อ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 9 ขนั ติ ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพื่อนผเู๎ รียน หรอื เพ่ือนนกั ศกึ ษา ควรมแี นวปฏบิ ัติดว๎ ยการอดทนตํอความโกรธท่ีมากระทบกระทง่ั เพราะบุคคลทุกคน จะอยคํู นเดียวลาพังไมไํ ด๎ ต๎องอาศยั อยูรํ วํ มกนั เปน็ หมูคํ ณะ เป็นครอบครวั ตลอดถงึ เป็นประเทศชาติ บคุ คลผ๎ูอยํูรวํ มกันเชนํ น้ี บางครั้งอาจมคี วามกระทบกระท่งั กัน ทะเลาะววิ าทบาดหมางกนั บ๎าง เพราะ ตํางกม็ กี ิเลสอยูํด๎วยกันทั้งน้นั ถา๎ หากฝุายใดฝาุ ยหนง่ึ ขาดความอดทนแลว๎ ความทะเลาะววิ าท บาด หมางกจ็ ะแตกแยกแผํขยายกว๎างออกไป จนทาใหเ๎ สียหนา๎ ท่กี ารศกึ ษาได๎ และ (2) กบั ครู บาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏบิ ตั ขิ นั ติ ดว๎ ยการรจู๎ กั อดทนตํอสิ่งทเี่ ราไมชํ อบทาแตํจาเปน็ ต๎องทา ตามโอกาสและความถูกตอ๎ ง

156 กกกกกกก1. 1.2 1.2.9 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่ือนผ๎ูเรยี น และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 9 คอื ขันตมิ าใช๎ในการศกึ ษา ดว๎ ยการมีความอดทนตอํ อปุ สรรคทเ่ี ข๎ามา ระหวํางทศี่ กึ ษา และกบั เพอื่ นผเ๎ู รยี น หรือตอํ ภารกิจทีไ่ ด๎รับมอบหมายจากครบู าอาจารย๑ ใหผ๎ ําน พ๎นอปุ สรรคไปได๎ด๎วยดี กกกกกกก1. 1.2 1.2.10 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 10 อวโิ รธนะ คือ ความเท่ยี งธรรผม๎ูเรียนหรือนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบตั ิ อวิโรธนะ แกเํ พอื่ นผ๎ูเรยี นหรือนกั ศกึ ษา ด๎วยการมคี วามยุติธรรมหนักแนนํ ถือความ ถกู ต๎อง ไมํเอนเอยี ง หว่ันไหว ดว๎ ยคาพดู อารมณ๑ ของเพื่อนผ๎ูเรยี นด๎วยกัน และกับครบู าอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัตดิ ว๎ ย การเช่อื ฟ๓งคาสง่ั สอนของครบู าอาจารย๑ ที่จะต๎องวางตน ใหเ๎ ป็นกลาง ในทํามกลางสงั คม ท่ตี นเองเป็นสมาชกิ อยูํ ไมเํ อนเอยี ง หวั่นไหว ด๎วยคาพูด อารมณ๑ทไี่ ดร๎ ับรู๎ก กกกกกก1. 1.2 1.2.10 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบครี ฝีขาุ นั ยธธ๑ รรมยตุ ได๎ใหข๎ ๎อมลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ท่ี 10 อวโิ รธนะ ไปใช๎ในการศึกษาดว๎ ยการ (1) กับเพอ่ื นผู๎เรียน หรือเพอ่ื นนักศกึ ษา ควรมีแนวปฏบิ ัตดิ ๎วยการแนะนา สนบั สนนุ และตักเตือนเพื่อนให๎ทาแตํสงิ่ ที่ ถกู ต๎อง เป็นธรรมแกผํ ๎เู กย่ี วข๎อง และ (2) กบั ครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติ อวโิ รธนะ ดว๎ ยการมี ความยตุ ิธรรม ไมมํ คี วามเอนเอียงตํอคาพูดของผอู๎ ื่น มคี วามหนักแนนํ เทีย่ งธรรมในการปฏิบตั ิหนา๎ ท่ี กกกกก1. 1.2 1.2.10 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพอ่ื นผเ๎ู รียน และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 10 คอื อวิโรธนะ มาใชใ๎ นการศกึ ษา ด๎วยการมีความหนักแนํน ไมํมคี วาม เอนเอยี งหวน่ั ไหว ยึดมั่นในส่งิ ทีถ่ ูกตอ๎ งดีงามในการดาเนินชวี ติ ได๎มากทส่ี ุด ท้ังกับเพ่ือนผู๎เรียน กับครู บาอาจารย๑ และการเปน็ สมาชิกของสงั คมนนั้ ๆ กกกกกกก1. 1.3 ทศพธิ ราชธรรมที่ใช๎ในอาชีพการงาน ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.3 1.3.1 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 1 ทาน คอื การให๎ ควรมกี ารใหท๎ าน ส่งิ ของทจ่ี าเปน็ ท่เี พอื่ นรวํ มอาชีพยงั ขาดแคลนอยูํ ใหท๎ านความรเ๎ู กี่ยวกบั อาชพี เพือ่ ใหเ๎ พอื่ นสามารถนาไปประกอบ อาชีพได๎ และให๎อภยั ทาน เม่อื เพื่อนรํวมอาชีพปฏิบัติตนไมถํ ูกตอ๎ ง หรอื ละเมดิ เพอ่ื นรวํ มอาชีพดว๎ ยกนั สวํ นสาหรบั นายจา๎ งหรอื ผบู๎ ังคบั บญั ชา ควรใหท๎ าน ด๎วยการชํวยทางานในเวลาเรงํ ดํวนทีน่ ายจา๎ ง หรอื ผบ๎ู ังคบั บญั ชาตอ๎ งการความชวํ ยเหลือ ให๎ทานความร๎ูหรอื ขอ๎ มูลทจี่ าเปน็ ในอาชพี กบั นายจ๎าง และให๎ อภยั เมอ่ื นายจา๎ งทาใหเ๎ ราไมสํ บายใจ หรือเสียใจ กกกกกกก1. 1.3 1.3.1 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มเลจี า๎ คณะจงั หวัดประจวบคีรขี ันฝธาุ ๑ยธรรมยตุ ไดใ๎ หข๎ อ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ท่ี 1 ทาน ไปใชด๎ ๎านอาชพี การงานดว๎ ยการ (1) เพอ่ื นรวํ มงาน หรือเพ่อื นรวํ มอาชพี ดว๎ ยการให๎ธรรมหรือความร๎ู ใหส๎ ติป๓ญญา ใหก๎ าลังใจ ใหอ๎ ภยั ใหค๎ วามรกั ใหค๎ วามเอ้อื เฟือ้ ให๎ความเมตตา และ (2) นายจา๎ งหรอื ผู๎บังคบั บญั ชาด๎วยการใหโ๎ อกาส ใหก๎ าลังใจ มีความเออื้ เฟอื้ แบงํ ปน๓ กับลูกน๎อง กกกกกกก1. 1.3 1.3.1 กลําวโดยสรุปหน๎าทพี่ ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพอ่ื นรวํ มอาชีพการงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 1 คอื ทานมาใชใ๎ นอาชพี การงาน ทั้งกับเพื่อนรวํ มอาชพี และกบั นายจ๎าง ดว๎ ยการใหส๎ ิง่ ของ หรอื เวลาเม่ือมคี วามจาเปน็ ใหค๎ วามร๎ู เพอื่ ใหส๎ ามารถประกอบอาชพี ได๎ และให๎อภยั เม่ือมีความรูส๎ กึ ไมํดีจากการกระทาของเพ่อื นรวํ มอาชพี และนายจา๎ ง

157 กกกกกกก1. 1.3 1.3.2 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 2 ศีล คอื การตั้งอยํูในศีล ควรมีศีลกับเพื่อนรํวมงาน หรอื เพ่ือนรวํ มอาชพี ด๎วยการไมซํ บุ ซบิ นินทา อยาํ พูดถึงผอู๎ ื่นในทางเสยี หาย หรอื วํารา๎ ยตอ๎ งให๎ความ เคารพกับสทิ ธสิ ํวนตัวของเพื่อนรํวมงาน และทีส่ าคัญตอ๎ งลกุ ขน้ึ ปกปอู งความลับของตน สาหรับ นายจา๎ งหรอื ผบ๎ู ังคับบั ญชา ควรมกี ารประพฤตติ นให๎อยใูํ นกฎ ระเบยี บของสถานประกอบการหรือ องค๑กร ไมํพูดนินทาวาํ รา๎ ยนายจา๎ ง หรอื ผบ๎ู งั คับบญั ชาให๎เกิดความเสยี หาย ไมลํ กั ขโมยสง่ิ ของในสถาน ประกอบการ เป็นต๎น กกกกกกก1. 1.3 1.3.2 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ฝีขาุ ันยธธ๑ รรมยตุ ไดใ๎ หข๎ ๎อมลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ท่ี 2 ศลี ไปใชด๎ ๎านอาชพี การงานด๎วยการ (1) เพ่อื นรํวมงาน หรือเพอื่ นรํวมอาชีพดว๎ ยการไมซํ ุบซิบนินทา ไมพํ ดู ถึงผูอ๎ ื่นในทางเสียหาย หรือวําร๎ายต๎องใหค๎ วาม เคารพกับสิทธสิ วํ นตวั ของเพ่อื นรวํ มงาน และ (2) นายจา๎ งหรือผู๎บังคับบัญชา ด๎วย การเปน็ บุคคลที่มี ระเบยี บวนิ ยั เครํงครดั ระมัดระวงั ควบคุมตนเองได๎ จะต๎องร๎ูจกั บรหิ ารคน บริหารงาน และบริหาร บ๎านเมืองดว๎ ยศลี ธรรม กกกกกกก1. 1.3 1.3.2 กลาํ วโดยสรุปหน๎าท่พี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนรํวมอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 2 คือ ศลี มาใช๎ในอาชพี การงาน ด๎วยการไมํพูดซบุ ซบิ นินทา ไมพํ ดู ถงึ ผ๎ูอน่ื ในทางเสียหาย หรอื วาํ รา๎ ย ใหค๎ วามเคารพกับสิทธสิ วํ นตัวของเพ่อื นรํวมงาน เคารพกฎเกณฑ๑ ทน่ี ายจา๎ งกาหนดไว๎ ในขณะทนี่ ายจ๎างต๎องบริหารงานใหม๎ ีศลี ธรรม กกกกกกก1. 1.3 1.3.3 ทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 3 ปริจจาคะ คอื การเสียสละควรมปี ริจจาคะกบั เพอื่ น รวํ มงานหรือเพอ่ื นรํวมอาชพี ดว๎ ยการเสยี สละเวลาชวํ ยเพอื่ นทางาน เมอ่ื เพ่ือนต๎องการความชวํ ยเหลือ สํวนสาหรับนายจา๎ งหรือผบู๎ ังคับบัญชา ควรมีปรจิ จาคะคือ ตอ๎ งอุทิศกาลังกาย กาลังใจและกาลงั ความคิดให๎แกสํ วํ นรวม ทางานจนสาเร็จลุลํวงไปได๎ นายจา๎ งหรือผ๎ูบังคับบัญชา มีภาระหน๎าท่ี และความรับผดิ ชอบมาก นายจ๎างหรอื ผู๎บังคับบญั ชาดูแลสมาชกิ ใหอ๎ ยํูเย็นเปน็ สขุ ต๎องเอาใจใสํ รับร๎ู ป๓ญหาของสงั คม ต๎องไมเํ ห็นแกํตัว ต๎องเหน็ แกํประโยชน๑สวํ นรวมมากกวาํ สวํ นตน หรือสวํ นใหญํ มากกวํา สํวนนอ๎ ย ต๎องพยายามหาทางทาให๎สงั คมเจริญรํุงเรือง นายจ๎างหรอื ผูบ๎ ังคบั บัญชา จงึ จาเปน็ ตอ๎ งเสยี สละทรพั ย๑ เสียสละเวลา เสยี สละกาลงั กาย กาลังใจ กาลังความคดิ และ กาลังสตปิ ๓ญญา รวมทงั้ เสยี สละความสุขให๎แกํสํวนรวม น่นั คอื ผ๎ูนาตอ๎ งอุทศิ ตนในทุก ๆ ดา๎ น เพอื่ พัฒนาคน และองค๑กรใหส๎ งบสุข กกกกกกก1. 1.3 1.3.3 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบครี ฝีขุาันยธธ๑ รรมยุต ได๎ใหข๎ ๎อมลู การนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 3 ปริจจาคะ ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานดว๎ ยการ (1) เพือ่ น รวํ มงานหรือเพือ่ นรํวมอาชีพดว๎ ยการต๎องไมํเหน็ แกํตัว ตอ๎ งเหน็ แกปํ ระโยชนส๑ ํวนรวมมากกวําสวํ นตน หรอื สวํ นใหญํมากกวําสํวนนอ๎ ย และ (2) นายจ๎างหรอื ผูบ๎ ังคับบญั ชาด๎วยการตอ๎ งปกครองดูแลสมาชิก ในสงั คมใหอ๎ ยเูํ ยน็ เปน็ สขุ ต๎องเอาใจใสรํ บั ร๎ูปญ๓ หาของสงั คม ต๎องไมํเหน็ แกํตัว กกกกกกก1. 1.3 1.3.3 กลาํ วโดยสรปุ หน๎าทพ่ี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนรํวมอาชีพการงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 3 คอื ปริจจาคะ ใช๎ในอาชพี การงาน ท้งั เพอื่ นรวํ มงานหรอื เพอื่ น รวํ มอาชพี และนายจา๎ ง ต๎องมีความเสียสละความสุขเพ่ือประโยชนข๑ องตนเพ่ือสังคมสํวนรวม กกกกกกก1. 1.3 1.3.4 ทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 4 อาชชวะ คือ ความซ่ือตรง ควรมีอาชชวะกบั เพื่อนรํวมงานหรือเพอื่ นรวํ มอาชพี ด๎วยการมคี วามจรงิ ใจ ปากกบั ใจตรงกัน ไมทํ าตนเปน็ คนเจา๎ เลํห๑

158 ไมกํ ลับกลอก ไมํพูดลับหลงั อยาํ งหน่งึ ตํอหน๎าอยาํ งหนง่ึ สํวนสาหรบั นายจ๎างหรือผ๎ูบงั คับบัญชา ควรมี อาชชวะเก่ยี วกับความซ่อื ตรง ไมํฉอ๎ ฉลหลอกลวง ไมทํ จุ รติ คอรัปชน่ั เพราะความซอ่ื ตรงเปรียบเหมอื น เกราะปอู งกันมิให๎ผ๎ใู ดกล๎าใสํร๎ายปูายสี กกกกกกก1. 1.3 1.3.4 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบคีรขี ฝนั าุ ธย๑ธรรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 4 อาชชวะ ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานดว๎ ยการ (1) เพ่อื นรํวมงาน หรอื เพอ่ื นรํวมอาชพี ดว๎ ยการมคี วามจริงใจตํอกนั และ (2) นายจา๎ งหรือผูบ๎ งั คบั บญั ชาดว๎ ยการมคี วาม ซอื่ สัตย๑สจุ รติ ก็จะพาให๎ผูต๎ ามมีความซือ่ สัตย๑สจุ ริตไปด๎วย กกกกกกก1. 1.3 1.3.4 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี ประกอบด๎วยเพอ่ื นรวํ มอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 4 อาชชวะ คอื ความซือ่ ตรง มาใช๎ในอาชพี การงาน ท้ังเพือ่ น รวํ มงานหรอื เพอื่ นรวํ มอาชพี และนายจ๎าง ควรปฏิบัตกิ ารงานด๎วยความซอ่ื สตั ยส๑ จุ รติ ไมํหลอกลวง มคี วามจริงใจ โดยเฉพาะนายจา๎ งต๎องเปน็ แบบอยํางของความซื่อสตั ย๑ ให๎กบั เพือ่ นรํวมงานหรือเพ่อื น รํวมอาชีพ กกกกกกก1. 1.3 1.3.5 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 5 มทั ทวะ คือ ความอํอนโยน ดว๎ ยการมีอธั ยาศัยสภุ าพ อํอนโยนตํอคนทุกชนชน้ั ทกุ เพศ ทกุ วัย ความสภุ าพอํอนโยนน้ี ในทางปฏิบตั จิ ริงในชีวิตประจาวนั ยอํ มมกี ารปรบั ใช๎ตามเหตุ และตามความเหมาะสมแกํบคุ คลและกาลเทศะ เชนํ เมอ่ื ใชก๎ บั บคุ คล ทว่ี ยั วุฒสิ ูงกวํา ความสุภาพอํอนโยนก็คอื ความมสี ัมมาคารวะ เมื่ออยูํกับคนทอ่ี อํ นวัยวุฒคิ วามสุภาพ อํอนโยนก็จะแปลเปน็ ความเอน็ ดหู รอื ความกรุณา เป็นตน๎ คนท่ีมคี วามสภุ าพออํ นโยนจะเปน็ คนท่ี เข๎ากบั บคุ คลอ่ืนไดง๎ าํ ยและไดด๎ ี มกั จะเปน็ ผ๎ทู ไี่ ด๎รับการยอมรับจากคนอนื่ ถ๎าเปน็ ผ๎ใู หญกํ จ็ ะเป็ นคน นํานบั ถือ คนเสมอกันกน็ ําคบหาสมาคม คนต่ากวํากเ็ ป็นคนนาํ รกั เอ็นดู ควรมมี ัททวะกบั เพ่ือน รวํ มงานหรือเพื่อนรํวมอาชพี ด๎วยการมคี วามสุภาพอํอนโยน และชํวยกนั ปฏิบัติทั้งหน๎าทท่ี างกาย ทง้ั หน๎าทท่ี างใจ อยาํ งเคารพกนั และกนั สวํ นสาหรบั นายจ๎างหรือผ๎ูบงั คับบัญชา ควรมมี ทั ทวะ ด๎วยการ มีความอํอนน๎อมถํอมตัวตํอผู๎ทีอ่ าวโุ สกวํา ไมวํ างอานาจ เยอํ หย่งิ สวํ นกับผท๎ู มี่ ีอายุน๎อยกวาํ ก็ควรให๎ เกียรติ ด๎วยการพูดจาดว๎ ยความสภุ าพออํ นโยน กกกกกกก1. 1.3 1.3.5 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบครี ฝีขุานั ยธธ๑ รรมยตุ ได๎ใหข๎ ๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ท่ี 5 มัททวะไปใชด๎ า๎ นอาชพี การงานดว๎ ยการ (1) เพอื่ นรวํ มงาน หรือเพือ่ นรวํ มอาชีพด๎วยการไมเํ ยํอหยิ่ง ทระนง ตัว รับฟ๓งความคดิ เหน็ ของเพ่ือน และ (2) นายจา๎ ง หรือผบู๎ ังคบั บญั ชา ดว๎ ยการปฏบิ ตั ติ นใหม๎ ีความออํ นโยนนุํมนวล ไมํหยาบคาย ไมํแข็ งกระด๎าง ไมํเยํอหยง่ิ ยโสโอหัง ท่บี ังอาจทาตนเป็นเหมือน “คางคกข้นึ วอ” ใหล๎ ดมานะละทิฐิ กกกกกกก1. 1.3 1.3.5 กลําวโดยสรปุ หน๎าท่พี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพอื่ นรวํ มอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 5 มทั ทวะ คอื ความออํ นโยน มาใช๎ในอาชพี การงาน โดยถา๎ เป็นเพอ่ื นรวํ มงาน หรือเพอ่ื นรวํ มอาชพี ควรมีความสุภาพอํอนโยนตอํ กนั สวํ นนายจา๎ ง ควรมคี วาม ออํ นนอ๎ มถอํ มตัว กบั เพื่อนรวํ มงานท่มี คี วามอาวโุ สกวาํ และเพ่อื นรวํ มงานทม่ี อี าวโุ สน๎อยกวาํ กค็ วรแสดงความสุภาพออํ นโยน กกกกกกก1. 1.3 1.3.6 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 6 ตบะ คอื ความเพยี ร ควรมีความเพยี รกับเพื่อนรํวมงาน หรอื เพื่อนรวํ มอาชพี ด๎วยการตั้งใจชํวยกันทางานทต่ี นได๎รบั มอบหมายใหส๎ าเรจ็ ไมํลดละ และ เบอ่ื หนาํ ยกับงานของตน สวํ นสาหรับนายจา๎ งหรือผู๎บงั คับบัญชา ควรมตี บะดว๎ ยการมสี ติระลึก

159 อยเํู สมอวําตนมีหน๎าทอี่ ะไร มีความรับผิดชอบตอํ ประชาชนอยํางไร จะตอ๎ งมงุํ มน่ั ตอํ หน๎าที่น้นั ไมปํ ลํอยใหห๎ ลงในความสขุ สาราญ จนลมื หน๎าที่ ลมื ตัว และหลงผิด กกกกกกก1. 1.3 1.3.6 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ฝขี าุ นั ยธธ๑ รรมยุต ได๎ใหข๎ อ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 6 ตบะไปใช๎ดา๎ นอาชพี การงานดว๎ ยการ (1) เพื่อนรํวมงาน หรอื เพอ่ื นรวํ มอาชีพดว๎ ยการมีจิตใจมน่ั คง เดด็ เด่ยี วในอนั ทจี่ ะพากเพยี รปฏิบตั ิหน๎าทใี่ ห๎จนบรรลุ ผลสาเรจ็ และ (2) นายจา๎ งหรือผู๎บงั คบั บัญชา ด๎วยการมคี วามเพียรพยายามขจดั กิเลสตณั หาไมํให๎ เขา๎ ครอบงาจติ ใจ สามารถบังคับควบคมุ ตนเองมใิ หล๎ ํมุ หลงหม กมํนุ ในความสขุ สาราญจนเป็นเหตุ ใหเ๎ สยี การงานได๎ ผูน๎ าหรอื ผูป๎ กครองทดี่ ตี อ๎ งมสี ตริ ะลกึ อยูํเสมอวําตนมหี นา๎ ทอ่ี ะไร มคี วามรบั ผิดชอบ ตอํ ประชาชนอยํางไร จะตอ๎ งมํุ งม่นั ตํอหน๎าที่น้นั ไมํปลํอยใจใหห๎ ลงใหลในความสขุ สาราญทีม่ ี ผเู๎ สนอสนองมาให๎ดว๎ ยวิธกี ารตาํ ง ๆ จนลมื หน๎าท่ี ลืมตัว และหลงผดิ กกกกกกก1. 1.3 1.3.6 กลําวโดยสรปุ หน๎าท่ีพลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพ่ือนรํวมอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 6 คอื ตบะ มาใช๎ในอาชพี การงานท้ังเพ่อื นรวํ มงานหรอื เพอื่ นรวํ ม อาชพี และนายจา๎ ง ต๎องปฏบิ ตั ิหนา๎ ที่การงานท่ีรับผิดชอบดว๎ ยความมมุ านะ อดทน ขยัน มงุํ ม่นั และ ทาแตํสง่ิ ทีด่ ี ฝาุ ฟน๓ อุปสรรคตาํ ง ๆ จนประสบความสาเรจ็ ดว๎ ยความพากเพียร กกกกกกก1. 1.3 1.3.7 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 7 อักโกธะ คอื ความไมํโกรธควรมีอกั โกธะกับเพื่อรนํวมงาน หรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการรจ๎ู กั ระงบั ยบั ยั้งความโกรธ เชํน เพือ่ นอาจจะพดู อะไรท่ีไมถํ กู ใจ ให๎ขํมใจ ไวไ๎ มแํ สดงความโกรธออกมา มเิ ชนํ นัน้ จะเกิดผลเสยี คอื การทะเลาะวิวาทกัน แมใ๎ นหลาย ๆ สถานการณจ๑ ะทาไดย๎ าก แตํหากเราสามารถฝกึ ฝน ไมใํ ห๎เป็นคนโมโหงาํ ย และพยายามระงับยบั ย้งั ความโกรธอยํเู สมอ จะเป็นประโยชนต๑ อํ เราหลายอยาํ ง เชํน ทาใหเ๎ ราสขุ ภาพจติ ดี หนา๎ ตาผอํ งใส สวํ นสาหรับนายจ๎างหรือผ๎ูบงั คับบญั ชา ควรมอี กั โกธะ ดว๎ ยการสร๎างความสขุ สงบ เยือกเยน็ เห็นตน เห็นคน เหน็ งาน เห็นองค๑กรทีแ่ จมํ ใสไมํขนุํ มวั กกกกกกก1. 1.3 1.3.7 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบคีรฝีขุาันยธธ๑ รรมยุต ได๎ให๎ขอ๎ มูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 7 อักโกธะไปใชด๎ ๎านอาชีพการงาน ด๎วยการ (1) เพอื่ นรํวมงาน หรือเพือ่ นรวํ มอาชีพ ดว๎ ยการรูจ๎ กั การยับยง้ั ช่ังใจ ขมํ ใจไมใํ หเ๎ อาแตํใจตนเอง รักษาน้าใจเพื่อน เหน็ แกํ สวํ นรวมมากกวําสํวนตน และ (2) นายจา๎ งหรือผู๎บงั คับบัญชา ด๎วยการฝกึ ไมใํ ห๎เป็นคนโมโหงาํ ย และ พยายามระงับยบั ยง้ั ความโกรธอยเํู สมอ จะเป็นประโยชน๑ตอํ เราหลายอยําง เชนํ ทาใหเ๎ ราสขุ ภาพจิตดี หน๎าตาผอํ งใส ขอ๎ สาคัญทาให๎เรารกั ษามติ รไมตรกี บั ผ๎ูอืน่ ไวไ๎ ด๎ กกกกกกก1. 1.3 1.3.7 กลําวโดยสรปุ หน๎าท่พี ลเมอื งดี ประกอบด๎วยเพอ่ื นรวํ มอาชีพการงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 7 คือ อักโกธะ มาใช๎ในอาชีพการงานท้ังเพอ่ื นรํวมงาน หรือเพ่ื อน รวํ มอาชพี และนายจ๎าง ดว๎ ยการฝึกฝนควบคุมอารมณ๑ของตนเอง ไมํใหเ๎ ปน็ คนโมโหงาํ ย และพยายาม ระงับยับยั้งความโกรธอยูํเสมอ กกกกกกก1. 1.3 1.3.8 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 8 อวิหงิ สา คือ ความไมเํ บยี ดเบยี น ควรมอี วิหิงสากับ เพอื่ นรํวมงานหรือเพอ่ื นรวํ มอาชีพ ด๎วยการไมกํ ดข่ขี มํ เหงรังแกผอู๎ ่นื สํวนสาหรบั นายจา๎ ง หรือ ผบ๎ู งั คับบญั ชา ควรมีอวหิ งิ สา ดว๎ ยการ ตอ๎ งไมหํ ลงระเริงในอานาจ ใช๎อานาจทาอนั ตรายตํอราํ งกาย และทรพั ย๑สินผูอ๎ ่ืนตามอาเภอใจ ต๎องคอยชวํ ยเหลอื ประคับประคองผทู๎ ีด่ อ๎ ยกวํา หรือผทู๎ ท่ี กุ ข๑ยาก เดอื ดร๎อน นายจ๎างหรือผ๎ูบงั คบั บญั ชาเปน็ ผมู๎ อี านาจ มีกาลงั กาย มที รพั ย๑มากกวําผอ๎ู ืน่ และมีโอกาส

160 ทีจ่ ะเลือกปฏิบตั อิ ยาํ งท่ีตนพอใจเหนอื กวําผู๎อนื่ เพราะไมมํ ีใครกลา๎ ทดั ทานหรอื ห๎ามปราม หากนายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชาใช๎อานาจ และอภสิ ทิ ธ์ิดังกลาํ วไปกดขข่ี มํ เ หงผูท๎ ดี่ อ๎ ยกวาํ สังคมจะมี แตํความยงํุ เหยงิ ระส่าระสาย ดังน้ันผ๎นู าท่ีดีตอ๎ งไมํหลงระเริงในอานาจ ใชอ๎ านาจทาอนั ตราย ตํอราํ งกายและทรัพยส๑ ินผู๎อน่ื ตามอาเภอใจ ต๎องคอยชํวยเหลอื ประคับประคองผทู๎ ี่ด๎อยกวาํ หรือผู๎ที่ ทกุ ข๑ยากเดอื ดรอ๎ น นายจา๎ งหรอื ผู๎บงั คบั บญั ชาท่ียดึ ทศพิธราชธรรมขอ๎ นี้ยอํ มสร๎างพระคณุ มากกวํา พระเดช ยอํ มเป็นทีร่ ักใครํ เคารพนับถือของลกู นอ๎ ง หรือผใ๎ู ต๎บงั คบั บญั ชา กกกกกกก1. 1.3 1.3.8 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบครี ีขันธ๑ ฝุายธรรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 8 อวิหงิ สา ไปใช๎ด๎านอาชพี การงานดว๎ ยการ (1) เพื่อนรํวมงาน หรือเพือ่ นรํวมอาชีพ ดว๎ ยการไมํรงั แกเพอื่ นรํวมงานทั้งทางกาย วาจา และใจ และ (2) นายจ๎าง หรือ ผู๎บังคบั บญั ชา ด๎วยการไมกํ ดขข่ี มํ เหง หรือใชอ๎ านาจบังคับขเํู ขญ็ ลูกน๎อง หรือผู๎ทอี่ ยํูใตบ๎ งั คับบญั ชา กกกกกกก1. 1.3 1.3.8 กลําวโดยสรุปหน๎าท่พี ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพื่อนรวํ มอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 8 คอื อวิหิงสา มาใชใ๎ นอาชีพการงานทงั้ เพื่อนรวํ มงาน หรือเพอื่ น รํวมอาชีพ และนายจา๎ ง ดว๎ ยการไมกํ ดข่ขี ํมเหงรงั แกผ๎ูอน่ื ใหเ๎ ดือดร๎อนลาบาก ทงั้ กาย วาจา และใจ กกกกกกก1. 1.3 1.3.9 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 9 ขนั ติ คอื ความอดทน ควรมีขันตกิ บั เพือ่ นรํวมงาน หรอื เพ่ือนรวํ มอาชพี ดว๎ ยการระงบั อารมณใ๑ ห๎ได๎ เชนํ เมือ่ เจอสถานการณไ๑ มถํ กู ใจ จะแสดงอารมณ๑ ทไ่ี มนํ ําพอใจเขา๎ ก็อาจจะแสดงกริ ยิ าอาการอันไมํงาม ไมนํ าํ ชมออกมาไดท๎ ุกเวลา ทกุ โอกาส สถานที่ และเมื่อเปน็ เชํนน้ี การคบหาสมาคมกันก็ยํอมจะถงึ กาลเส่อื มเสียไป สํวนสาหรับนายจ๎าง หรือ ผ๎บู ังคับบัญชา ควรมขี ันติ ดว๎ ยการ ต๎องมีความอดทน เขม๎ แขง็ ไมํทอ๎ ถอยตอํ ความเหนด็ เหนื่ อย ยากลาบาก แมม๎ อี ุปสรรคก็สามารถฟน๓ ฝุาจนผํานพน๎ ไปได๎ ผูน๎ าเชํนนจ้ี ะไดร๎ ับการยกยํองนบั ถือ ความไว๎วางใจจากผท๎ู ่อี ยํใู นความดแู ล กกกกกกก1. 1.3 1.3.9 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบครี ฝีขุาันยธธ๑ รรมยตุ ได๎ใหข๎ อ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 9 ขันติ ไปใชด๎ ๎านอาชีพการงาน ด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงาน หรือเพื่อนรํวมอาชีพ ดว๎ ยการท่มี ีความอดทน คอื รอได๎ คอยได๎ ไมกํ ระวนกระวายใจ ถา๎ ไมมํ ีความ อดทนมนั ก็เหมอื นกบั ทรมานตวั เอง จะมีฉลาดเฉลยี ว ป๓ญญาวเิ ศษอยาํ งไร ถา๎ ไมํรอได๎ ทน ได๎ มันก็จะ เปลําประโยชน๑ เพราะประโยชน๑มันไมอํ อกมาทนั ที มนั ต๎องมโี อกาสตามเวลาแหงํ ความสาเร็จ ตอ๎ งรอได๎ ทนไดเ๎ หมือนกับทานา มนั ต๎องรอได๎จนกวําจะออกเป็นขา๎ ว และ (2) นายจา๎ งหรือผ๎บู งั คบั บัญชา ด๎วยการทีม่ ีสติ หนกั เอาเบาสู๎ ไมทํ อ๎ ถอย หรือเกรงกลัวตอํ งานหนกั เป็นแบบอยํางท่ดี ใี หแ๎ กลํ กู น๎อง กกกกกกก1. 1.3 1.3.9 กลําวโดยสรปุ หน๎าทพ่ี ลเมอื งดี ประกอบด๎วยเพื่อนรํวมอาชพี การงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 9 คอื ขันติ มาใช๎ในอาชีพการงานทงั้ เพ่อื นรวํ มงานหรือเพ่ือน รวํ มอาชีพ และนายจา๎ ง ตอ๎ งมี ความเขม๎ แข็ง ไมทํ ๎อถอย สามารถอดทนตํอ งานหนัก ความเหนือ่ ย ยากลาบาก หรอื แม๎กระทัง่ สามารถทนตํอความเจบ็ ใจท่เี กดิ จากสาเหตุตําง ๆ ได๎ กกกกกกก1. 1.3 1.3.10 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 10 อวโิ รธนะ คอื ความเทย่ี งธรรคมวรมีการใหอ๎ วิโรธนะ กับเพื่อนรํวมงานหรือเพื่อนรวํ มอาชพี ดว๎ ยการรับฟง๓ ข๎อมลู ของผรู๎ ํวมงานดว๎ ยความเปน็ ธรรม ไมลํ าเอียง หรอื ปฏิบัตภิ ารกิจด๎วยความเทีย่ งธรรม กับทุกคนท่ีรวํ มงาน สวํ นสาหรบั นายจ๎าง หรือ ผบู๎ งั คับบญั ชา ควรมีอวโิ รธนะ ดว๎ ยการประพฤตติ นให๎ตัง้ มัน่ อยใํู นความเท่ียงตรง ไมเํ อียงเอน หรือ เชอ่ื คาพดู ของผ๎ูอน่ื มกี ารพิจารณาถงึ ความถกู ตอ๎ งเสมอ

161 กกกกกกก1. 1.3 1.3.10 จากการสมั ภาษณ๑พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบครี ฝขี ุาันยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 10 อวิโรธนะ ไปใชด๎ า๎ นอาชพี การงานด๎วยการ (1) เพอ่ื น รํวมงานหรอื เพอื่ นรํวมอาชีพดว๎ ยการมีความยุติธรรม ตง้ั มนั่ อยูํในศลี ธรรมทาตัวเป็นกลาง และ (2) นายจา๎ งหรือผูบ๎ งั คบั บญั ชา ดว๎ ยการไมมํ ีความเอนเอยี ง หวนั่ ไหว วางตัวเปน็ กลาง ต๎องตง้ั มนั่ อยใูํ นธรรมทงั้ สวํ นยตุ ิธรรม คอื ความเทย่ี งธรรม และนิติธรรม คอื ระเบยี บแบบแผน หลักการ ปกครอง กกกกกกก1. 1.3 1.3.10 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ที่พลเมอื งดี ประกอบด๎วยเพื่อนรํวมอาชพี การงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 10 คอื อวิโรธนะ มาใช๎ในอาชพี การงาน ทงั้ เพอื่ นรํวมงาน หรือ เพ่อื นรวํ มอาชีพ และนายจา๎ ง ต๎องมคี วามยุติธรรม หนกั แนนํ มน่ั คง ไมํเอนเอยี งไปกับบคุ คลใดบุคคลหนง่ึ กกกกกกก1. 1.4 ทศพิธราชธรรมทใ่ี ช๎ในชมุ ชน ท๎องถ่ินและสงั คม ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.4 1.4.1 ทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 1 ทาน คือ การให๎ กบั ชมุ ชนทอ๎ งถ่ิน และสังคม สมาชิกชุมชนควรปฏบิ ัติ ดว๎ ยการใหท๎ านสิ่งของ เงินทอง หรอื แรงกาย ตามโอกาสอันควร เพื่อปฏบิ ัติ กิจกรรมของชมุ ชนรํวมกนั ให๎คาแนะนาเปน็ ความรแ๎ู กํผ๎ูรวํ มงาน และใหอ๎ ภัย ด๎วยการใหร๎ อยย้ิม และ ปยิ วาจาแกํสมาชกิ ชุมชน กกกกกกก1. 1.4 1.4.1 จากการสัมภาษณ๑พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อท่ี 1 ทาน ไปใชก๎ ับชมุ ชน ท๎องถนิ่ และสังคม ควรปฏิบตั ดิ ว๎ ยการ สละทรพั ยห๑ รอื สง่ิ ของ เพอื่ ชํวยเหลือสมาชิกของหมํคู ณะที่ด๎อย และอํอนแอกวําผ๎อู ่ืน กกกกกกก1. 1.4 1.4.1 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบดว๎ ยสมาชิกชุมชน ทอ๎ งถนิ่ ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 1 คอื ทานมาใชก๎ บั ชุมชน ทอ๎ งถ่นิ และสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการ ให๎บรจิ าคสงิ่ ของ เงนิ ทอง หรอื แรงกาย แกชํ ุมชนท๎องถ่ินและสงั คมบ๎านเกิดตามโอกาสอันควร ใหค๎ าแนะนาความร๎ู ท่ีเปน็ ประโยชนต๑ ํอการพฒั นา รวมถึงการใหอ๎ ภยั กบั สมาชิกในชุมชน ที่ทาให๎ ร๎สู ึกไมํดี หรอื ไมไํ ด๎รบั การยอมรบั กกกกกกก1. 1.4 1.4.2 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 2 ศีล คอื การต้ังอยํูในศลี กับชมุ ชนท๎องถน่ิ และสังคม สมาชิกชุมชนควรปฏิบัติตามศีล 5 คอื ไมฆํ ําสัตว๑ตัดชวี ิต ไมํลักขโมยของของผ๎อู ่ืน ไมลํ ํวงละเมิดลกู เมยี เขา ไมพํ ูดโกหก หรือพดู สอํ เสียดยุยง และควรทาตนใหห๎ ํางไกลจากเหล๎า บหุ รี่ หรอื อบายมุขตําง ๆ นอกจากนี้ให๎นาศลี 5 ที่ยึดถือปฏบิ ัตไิ ปควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ใหเ๎ คารพกฎหมายของบา๎ นเมอื ง อยํางเครงํ ครัด ก็จะชวํ ยใหส๎ งั คมไทยอยํรู วํ มกนั ได๎อยํางมคี วามสขุ หรือปฏิ บัตติ าม หลกั ธรรม ตามศาสนาท่ตี นเองนบั ถือ กกกกกกก1. 1.4 1.4.2 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบครี ฝีขาุ นั ยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ ห๎ข๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 2 ศลี ไปใชก๎ ับชุมชน ทอ๎ งถน่ิ และสงั คม ควรปฏบิ ัตดิ ๎วยการ ประพฤติในสิ่งทด่ี งี าม งดเว๎นจากการทาชัว่ เสยี หาย ไมํทาอะไรที่เป็นการไมํเหมาะสม ไมํควร กลําวโดยสรุปหน๎าทีพ่ ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยสมาชิกชมุ ชน ท๎องถนิ่ ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 2 คือ ศลี มาใช๎กับชุมชน ทอ๎ งถิ่นและสงั คมบา๎ นเกดิ ด๎วยการประพฤติส่งิ ทด่ี ีงาม ตามหลกั ศาสนาของตน

162 กกกกกกก1. 1.4 1.4.3 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 3 ปริจจาคะ คอื การเสยี สละ กบั ชุมชน ทอ๎ งถ่นิ และ สังคม สมาชกิ ชมุ ชนควรปฏิบตั ิ ดว๎ ยการเสียสละประโยชนส๑ ุขของตน เพอ่ื ประโยชนส๑ ุขของสํวนรวม และความสงบเรียบร๎อยของชมุ ชนนัน้ หากเห็นแกปํ ระโยชนต๑ นก็เปน็ คนเห็นแกํตวั ไมํสามารถทางาน ให๎ชุมชนได๎อยํางกว๎างขวาง เพราะคนเหน็ แกตํ นเองมากกวาํ สํวนรวม เปน็ คนมจี ิตใจคับแคบ ยอํ มไมํได๎ รับความรวํ มมือจากทกุ ฝาุ ย และอาจนาความเสยี หายมาสํสู งั คม และประเทศชาติได๎มาก แตหํ าก ชมุ ชน ท๎องถิ่นและสงั คมมคี นเสียสละ มจี ิตสาธารณะจานวนมาก ชุมชน ท๎องถน่ิ และสังคมก็จะมคี วาม เจริญก๎าวหนา๎ อยาํ งตอํ เน่อื ง กกกกกกก1. 1.4 1.4.3 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบครี ฝขี าุ ันยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ หข๎ อ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 3 ปรจิ จาคะ ไปใช๎กับชุมชน ทอ๎ งถ่นิ และสงั คม ควรปฏบิ ตั ิ ดว๎ ยการยอมเสียสละเพือ่ ประโยชน๑ที่ย่งิ กวํา ยอมสละประโยชนส๑ ํวนตนเพ่อื ประโยชน๑สวํ นรวม กกกกกกก1. 1.4 1.4.3 กลําวโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมอื งดี ประกอบด๎วยสมาชิกชุมชน ทอ๎ งถน่ิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 3 คือ ปริจจาคะ มาใช๎กับชมุ ชน ท๎องถน่ิ และสังคมบา๎ นเกิด ด๎ วยการการเสยี สละ ความสขุ สาราญของตนเพอื่ ประโยชน๑สุขของหมูํคณะ กกกกกกก1. 1.4 1.4.4 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 4 อาชชวะ คือความซอื่ ตรง กบั ชมุ ชนท๎องถิน่ และสงั คม สมาชกิ ชมุ ชนควรปฏบิ ัติ มคี วามตรงไปตรงมา ผ๎ูนาหรอื ผป๎ู กครองต๎องเปน็ แบบอยาํ งเปน็ ตวั อยาํ งทดี่ ี แกํสังคม หากผ๎ูนาขาดความซอื่ ตรง มเี ลํหเ๑ หลีย่ ม คดในข๎องอในกระดกู ฉอ๎ ราษฎร๑บังหลวงปากพดู อยาํ ง ทาอีกอยําง และคดิ ไปอีกอยาํ ง ยอํ มจะไมไํ ดร๎ ับความเช่อื ถือ ความไว๎วางใจจากค นในสังคม จะตดั สิน ป๓ญหาใด ๆ กไ็ มไํ ด๎รบั ความสะดวก ทกุ คนไมยํ อมรบั กกกกกกก1. 1.4 1.4.4 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบคีรฝีขุานั ยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ หข๎ อ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 4 อาชชวะ ไปใชก๎ ับชุมชน ทอ๎ งถิน่ และสงั คม ควรปฏิบัติ การงานด๎วยความซอ่ื สัตยส๑ ุจริต ไมํหลอกลวงประชาชน แตผํ นู๎ าไมซํ อ่ื ตรงแล๎ว สังคมและหมํคู ณะนั้น จะระสา่ ระสาย และป่น๓ ปุวนอยํางที่สดุ เพราะสังคมและหมคูํ ณะขาดท่พี ึ่ง ขาดหลกั ทีจ่ ะยึดเหนย่ี ว หากคนทัว่ ไปไมมํ ศี รัทธาในตวั ผู๎นาแล๎วความสงบสขุ จะมไี ด๎ยาก กกกกกกก1. 1.4 1.4.4 กลาํ วโดยสรปุ หน๎าทพี่ ลเมอื งดี ประกอบด๎วยสมาชกิ ชุมชน ท๎องถิน่ ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 4 คอื อาชชวะ มาใชก๎ บั ชุมชน ท๎องถน่ิ และสงั คมบ๎านเกดิ สมาชิกชมุ ชนควรมี ความซื่อสัตยส๑ จุ รติ มีความจริงใจ ไมกํ ลบั กลอก กกกกกกก1. 1.4 1.4.5 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 5 มทั ทวะ คอื ความอํอนโยน มาใช๎กับชมุ ชนทอ๎ งถิน่ และสังคม สมาชิกชมุ ชนควรปฏบิ ัติ ด๎วยการสุภาพออํ นโยนกบั ผูท๎ ีม่ อี ายุรุนํ ราวคราวเดียวกนั หรือ ออํ นกวํา สํวนสมาชกิ ชุมชนทเ่ี ปน็ ผู๎อาวโุ ส ควรได๎รับการแสดงออก ดว๎ ยความเคารพ ออํ นน๎อมถอํ มตวั กกกกกกก1. 1.4 1.4.5 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบคีรฝขี าุ ันยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ ห๎ขอ๎ มลู การนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ท่ี 5 มัททวะ ไปใช๎กับชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ และสังคม ควรปฏบิ ัตดิ ว๎ ย การมกี ริ ยิ าสุภาพ วาจาอํอนหวาน ไมหํ ยาบคาย มคี วามนุมํ นวล ผอู๎ ่นื อยูใํ กล๎กม็ ีแตคํ วามสบายใจ แตํความอํอนโยนมิไดห๎ มายความวําอํอนแอ ความออํ นโยนนน้ั แฝงไวด๎ ว๎ ยความสงํางามได๎ ผูน๎ าทด่ี ี จะตอ๎ งมีทง้ั ความอํอนโยนและเขม๎ แขง็ ในเวลาเดยี วกัน ซ่งึ เป็นสงิ่ ทเี่ ป็นไปได๎ เพราะความเขม๎ แข็ง มิใชํความแขง็ กระด๎าง ความออํ นโยนเป็นลักษณะท่สี าคัญของผ๎นู าเพราะชํวยให๎ผู๎คนเกดิ ความรัก ความชนื่ ชมยินดี ทจี่ ะให๎ความรํวมมือในกจิ การตําง ๆ นักปกครองท่หี ยาบกระดา๎ งพูดจากดถู ูก

163 เหยียดหยามคน แม๎จะมคี วามสามารถและต้งั ใจทางาน แตกํ ็ไมอํ าจโนม๎ นา๎ วใจให๎คนอืน่ รวํ มมอื ได๎ มากเทาํ ท่ีควร กกกกกกก1. 1.4 1.4.5 กลําวโดยสรปุ หน๎าท่พี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยสมาชกิ ชุมชน ทอ๎ งถ่ิน ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 5 คอื มัททวะ มาใช๎กับชมุ ชน ท๎องถ่ิน และสงั คมบา๎ นเกิด สมาชกิ ชุมชนควรมี ความสภุ าพอํอนโยนกบั เพอ่ื นสมาชิกที่มีรุนํ ราวคราวเดียวกนั หรือผ๎ทู ่มี อี ายุนอ๎ ยกวาํ สํวนผู๎สูงอายุกวํา ควรใหค๎ วามเคารพ และแสดงความอํอนน๎อมถํอมตัว กกกกกกก1. 1.4 1.4.6 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 6 ตบะ คอื ความเพยี ร มาใชก๎ ับชมุ ชน ทอ๎ งถิน่ และ สงั คม สมาชิกชุมชนควรปฏบิ ัติตน ในเรือ่ งการพยายามขจัดกิเลสตณั หาไมใํ ห๎เขา๎ ครอบงาจิตใจ สามารถบงั คับควบคุมตนเองมิให๎ลํุมหลง หมกมุํนในความสขุ สาราญ จนเป็นเหตุใหเ๎ สียการงานได๎ ผนู๎ า หรอื ผูป๎ กครองทด่ี ตี ๎องมสี ติระลกึ อยเูํ สมอวาํ ตนมีหน๎าทอ่ี ะไร มคี วามรบั ผิดชอบตํอประชาชนอยาํ งไร จะต๎องมุงํ มน่ั ตํอหน๎าทน่ี ้นั ไมํปลอํ ยใจใหห๎ ลงใหลในความสขุ สาราญทม่ี ีผเ๎ู สนอสนองมาใหด๎ ว๎ ยวิธกี าร ตําง ๆ จนลมื หนา๎ ท่ี ลืมตวั และหลงผิด ผูน๎ าที่เหน็ หน๎ าที่สาคัญกวําความสุขสาราญ ยอํ มจะสร๎าง ความก๎าวหน๎ามน่ั คงและความสงบสุขแกสํ งั คม ผนู๎ าทมี่ ตี บะจะกํอให๎เกดิ ความรู๎สึกเกรงขามและความ ศรัทธาเลอื่ มใสแกํผ๎ูท่ีพบเหน็ กกกกกกก1. 1.4 1.4.6 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบคีรฝขี ุานั ยธธ๑ รรมยตุ ได๎ให๎ขอ๎ มลู การนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 6 ตบะ ไปใชก๎ ับชุมชน ท๎องถิ่น และสังคม ควรปฏิบัติดว๎ ยการ บังคบั ตนเองมใิ ห๎ลํุมหลงหมกมํนุ กับความสุขสาราญ จนเปน็ เหตุใหเ๎ สียการงาน เปน็ คนท่ีมี ชีวิตเรียบงําย ไมมํ ัวเมากับอบายมขุ และสง่ิ ช่ัวรา๎ ยทง้ั หลาย ผน๎ู าท่ดี ีจะตอ๎ งระลกึ อยํูเสมอวาํ ตนมหี น๎าที่อะไร มคี วาม รบั ผดิ ชอบตอ๎ งมงํุ ม่ันตอํ หน๎าที่ มิใชํมํุงม่นั ตํอความสาราญ ปถุ ชุ นโดยท่ัวไปน้ันบางคร้ังอาจตอํ ส๎ู กบั ส่งิ เยา๎ ยวนได๎แลว๎ สงั คมจะขาดหลกั ยดึ เหนย่ี ว และไมํอาจก๎าวหนา๎ ไปสํคู วามเจริญได๎ กกกกกกก1. 1.4 1.4.6 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ท่พี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยสมาชิกชุมชน ท๎องถนิ่ ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 6 คือ ตบะมาใชก๎ บั ชุมชน ท๎องถิ่น และสังคมบ๎านเกดิ ดว๎ ยการเพียรพยายาม ปฏิบัติหน๎าทีก่ ารงานทร่ี บั ผิดชอบด๎วยความมมุ านะ อดทน ขยนั มงุํ มั่น และทาแตสํ งิ่ ทด่ี ี มคี วาม ถูกตอ๎ ง ฝุาฟ๓นอปุ สรรคตําง ๆ จนประสบความสาเรจ็ ดว๎ ยความพากเพียรน้ี กกกกกกก1. 1.4 1.4.7 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 7 อกั โกธะ คอื ความไมโํ กรธ มาใช๎กับชมุ ชน ทอ๎ งถ่ิน และสังคม สมาชกิ ชมุ ชนควรระงบั ความโกรธ ควบคมุ อารมณ๑ของตนเอง เม่อื ผูน๎ าชุมชนไมํสามารถ ตอบสนองความต๎องการของสมาชิกได๎ สวํ นผู๎นาจะต๎องมจี ติ ใจมน่ั คง สุขุมเยอื กเยน็ สามารถอดกลัน้ ความไมพํ อใจไวไ๎ ด๎ ไมแํ สดงโทสะ ดาํ วําเกรีย้ วกราด แม๎บางครัง้ จะถกู ตฉิ นิ นนิ ทา หรือวพิ ากษ๑ วิจารณ๑ โดยไมมํ ีมลู ความจรงิ ก็ขํมใจไวไ๎ ด๎ แสดงปฏกิ ิริยาโตต๎ อบดว๎ ยอารมณ๑ แตํใช๎เหตุผลพูดจากัน หรือแม๎ บางครัง้ มอบหมายงานผู๎ใตบ๎ ังคับบญั ชา เขาทางานบกพรํองเสียหาย ผ๎ูเปน็ หวั หน๎าตอ๎ งใจเย็น โมโห ฉนุ เฉียว หรอื ลงโทษเขาโดยไรเ๎ หตผุ ล ถา๎ เม่ือใดผ๎ูนาหรือผู๎เปน็ หวั หน๎าไ มํอาจระงบั ยบั ยั้ง ความหงดุ หงิด แคน๎ เคอื งได๎ ปลํอยให๎กาเรบิ ขึน้ มา ความเสียหายเกดิ ขึ้นแกกํ ารบริหารแนํนอน ตัวของ ผ๎ูบรหิ ารเองก็เสียหายด๎วย น่นั คอื เสยี บุคลกิ ภาพ ผ๎ใู ต๎บงั คับบัญชากเ็ ขด็ ขยาดไมกํ ลา๎ เข๎าหนา๎ ยังผล เสยี หายในภาพรวมเกิดตามมามากเกนิ กวําท่จี ะคาดคิด

164 กกกกกกก1. 1.4 1.4.7 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบคีรฝขี าุ ันยธธ๑ รรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 7 อกั โกธะ ไปใชก๎ บั ชุมชน ท๎องถิ่นและสังคม ควรปฏิบตั ิ ดว๎ ยการมคี วามเมตตาตอํ คนท่ัวไป ไมํตกอยํใู ตอ๎ านาจของความโกรธ ไมใํ ชอ๎ านาจบาตรใหญํ มีความสขุ ทีไ่ ดพ๎ บปะประชาชนทว่ั ไปอยํางใกล๎ชดิ กกกกกกก1. 1.4 1.4.7 กลําวโดยสรุปหน๎าทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชิกชุมชน ท๎องถน่ิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 7 คอื อักโกธะ มาใช๎กบั ชุมชน ท๎องถิ่นและสังคมบา๎ นเกดิ ด๎วยการมีจิตใจมัน่ คง มีความสุขมุ เยือกเย็น อดกลนั้ ไมํแสดงความโกรธ หรือความไมํพอใจ กกกกกกก1. 1.4 1.4.8 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 8 อวหิ งิ สา คือ ความไมํเบยี ดเบียน มาใชก๎ ับชมุ ชน ท๎องถ่ินและสังคม สมาชกิ ชุมชนควรปฏบิ ัติดว๎ ยการไมเํ บยี ดเบียนเอาทรัพยส๑ นิ ของชมุ ชน ท๎องถ่ิน และ สงั คม มาใชเ๎ ปน็ ของสํวนตัว สํวนผูน๎ าทีด่ ตี อ๎ งไมํหลงระเริงในอานาจ ใช๎อานาจทาอันตรายตอํ รํางกาย และทรัพย๑สินผู๎อน่ื ตามอาเภอใจ ตอ๎ งคอย ชํวยเหลอื ประคบั ประคองผู๎ที่ด๎อยก วํา หรอื ผ๎ูที่ทุกขย๑ าก เดือดร๎อน ผนู๎ าท่ยี ดึ ทศพิธราชธรรมข๎อนีย้ อํ มสรา๎ งพระคณุ มากกวําพระเดช ยํอมเป็นท่รี กั ใครํ เคารพ นบั ถือของผูใ๎ ต๎บงั คับบญั ชา และบุคคลท่ัวไป รวมทง้ั สามารสรา๎ งสรรค๑สงั คมให๎เกดิ ความสงบสุข กกกกกกก1. 1.4 1.4.8 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มเลจี า๎ คณะจังหวัดประจวบครี ีขันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ใหข๎ อ๎ มลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 8 อวิหิงสา ไปใชก๎ บั ชุมชน ทอ๎ งถ่ินและสงั คม ควรปฏิบัตดิ ๎วย การมคี วามกรุณาตํอผอ๎ู ่นื ไมํหาเรือ่ งกดข่ขี มํ เหง หรอื ลงอาญาแผนํ ดนิ โดยปราศจากเหตอุ นั ควร สงสาร หวน่ั ใจเม่อื เห็นความทกุ ขข๑ องผ๎ูอื่น และหาหนทางท่จี ะดับทุกข๑เขญ็ ของพวกเขา กกกกกกก1. 1.4 1.4.8 กลาํ วโดยสรุปหน๎าที่พลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชิกชุมชน ทอ๎ งถน่ิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 8 คอื อวหิ งิ สา มาใชก๎ ับชุมชน ทอ๎ งถนิ่ และสงั คมบ๎านเกดิ ดว๎ ยการ ไมํเบยี ดเบยี น ทรัพย๑สนิ สวํ นรวมมาใช๎เพ่อื สวํ นตน หรือบบี คั้นกดข่ีผูอ๎ ่นื รวมไปถงึ การไมํใชอ๎ านาจไปบงั คบั หรอื หาเหตุกลั่นแกลง๎ คนอืน่ ด๎วย กกกกกกก1. 1.4 1.4.9 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 9 ขนั ติ คอื ความอดทน มาใชก๎ บั ชมุ ชน ท๎องถ่นิ และ สงั คม สมาชกิ ชมุ ชนควรปฏบิ ัติ ดว๎ ยการเป็นผูข๎ ยันหมนั่ เพียร ทางานให๎เหมาะสมกับหน๎าที่ ไมทํ อดทงิ้ การงานที่ได๎รบั มอบหมาย แตคํ วรเพียรพยายามทาให๎เต็มกาลงั ความสามารถและสตปิ ญ๓ ญา การประกอบอาชีพการงานน้ัน ยอํ มประสบกับอุปสรรค ทํานทม่ี ปี ญ๓ ญาสามารถ ตอ๎ งการที่จะไดร๎ บั ประโยชนแ๑ ละความสขุ ก็ไมํควรทอดทง้ิ หรือทอ๎ ถอย ควรใช๎ความอดทนเปน็ เบ้อื งหน๎า ก็จะสาเร็จลลุ วํ ง ไปได๎ กกกกกกก1. 1.4 1.4.9 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธิโมลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ฝขี ุานั ยธธ๑ รรมยุต ได๎ให๎ข๎อมลู การนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 9 ขันติ ไปใช๎กับชุมชน ทอ๎ งถ่ินและสังคม ควรปฏบิ ัติดว๎ ยการ มีความอดทน สามารถควบคมุ อารมณข๑ องตนได๎ดีในทกุ สถานการณ๑ คอื การใชค๎ วามสงบสยบความ เคลอ่ื นไหว กกกกกกก1. 1.4 1.4.9 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยสมาชิกชุมชน ทอ๎ งถน่ิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ขอ๎ 9 คือ ขนั ติ มาใช๎กับชมุ ชน ท๎องถิ่นและสงั คมบ๎านเกดิ ด๎วยการสามารถเผชญิ กบั ความยากลาบา กได๎อยาํ งเข๎ มแข็ง เม่ือพบอปุ สรรคในการทางาน กย็ ่งิ เขม๎ แขง็ เดด็ เดย่ี ว ไมทํ ๎อแท๎ มีความอดทนอยํางตํอเนื่องจนกวาํ ป๓ญหาได๎รบั การแกไ๎ ข หรอื ภารกจิ เสรจ็ ลุลวํ ง

165 กกกกกกก1. 1.4 1.4.10 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 10 อวิโรธนะ คือ ความเท่ียงธรรม กบั ชุมชนท๎องถ่ิน และสังคม สมาชิกชมุ ชน ควรปฏิบตั กิ ารวางตัวเปน็ หลักหนกั แนํน มั่นคง ไมํเอนเอียงไป เพราะอานาจ ของความลาเอียงอยํางใดอยํางหน่งึ ไดแ๎ กํ เพราะรัก เพราะชงั เพราะหลง และเพราะกลัว หรอื เพรา ะ อานาจของโลกธรรม ได๎แกํ ลาภ ยศ สรรเสริญ ความเสือ่ มจากลาภ ความเสอ่ื มจากยศ นนิ ทา และ ความทกุ ข๑ กกกกกกก1. 1.4 1.4.10 จากการสมั ภาษณ๑พระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ฝขี าุ นั ยธธ๑ รรมยุต ไดใ๎ หข๎ อ๎ มลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 10 อวโิ รธนะ ไปใชก๎ บั ชุมชน ทอ๎ งถิ่นและสงั คม ควรปฏบิ ตั ิ ด๎วยความตง้ั ม่นั ในธรรม ไมหํ วน่ั ไหวในเรอื่ งดี เร่ืองรา๎ ย ประพฤติปฏบิ ตั ติ นอยใํู นความดีงาม ไมํประพฤติผดิ ทานองคลองธรรม กกกกกกก1. 1.4 1.4.10 กลาํ วโดยสรุปหน๎าท่ีพลเมอื งดี ประกอบด๎วยสมาชิกชุมชน ทอ๎ งถิ่น ควรนา ทศพิธราชธรรม ขอ๎ 10 คอื อวิโรธนะ มาใชก๎ ับชุมชน ทอ๎ งถน่ิ และสงั คมบา๎ นเกิด สมาชิกชมุ ชน และ ผ๎ูนาควรวางตวั เป็นกลาง มคี วามหนักแนนํ มัน่ คง ความยุตธิ รรม ไมลํ าเอยี ง ไปกบั บคุ คลใด หรือกลมํุ ใด กลํมุ หนึ่ง เพือ่ รํวมกันพฒั นาชุมชน ท๎องถิ่น และสังคม กกกกกกก2. การนอ้ มนาพระราชดารสั ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั กกกกกกก2. 2.1 พระราชดารสั ทเ่ี กีย่ วข๎องกบั ครอบครวั กกกกกกก2. 2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั ท่เี กี่ยวข๎องกับครอบครัวไวใ๎ หป๎ ระชาชนชาวไทย ได๎น๎อมนามาปรบั ใช๎ในครอบครวั ของ ตนเอง ท่ีสาคัญ ๆ มีดังน้ี “ เดก็ เป็นผู๎ที่จะได๎รับชํวงทุกสิ่งทกุ อยาํ งตอํ จากผ๎ใู หญํ รวมท้งั การรับผิดชอบ ในการธารงรักษาอสิ รภาพ และความสงบสุข ทงั้ ภาระรับผิดชอบ ในการธารง อิสรภาพ และความสงบสขุ ของบ๎านเมอื ง ดังนั้นเด็กทุกคนจงึ สมควร และจาเป็น ทีจ่ ะต๎องไดร๎ ับการอบรมเลี้ยงดูอยาํ งถกู ต๎องเหมาะสม ใหม๎ ีความสามารถ สร๎างสรรค๑ประโยชนต๑ ําง ๆ พรอ๎ มทั้งการฝกึ หดั ขดั เกลาความคดิ จติ ใจใหป๎ ระณตี ให๎มศี รทั ธามน่ั คงในคุณความดี มีความประพฤติเรยี บร๎อย สุจริต และมปี ๓ญญา ฉลาด แจมํ ใสในเหตุในผล หนา๎ ท่นี เี้ ปน็ ของทุกคนท่ีจะต๎องรวํ มมอื กัน กระทา โดยพร๎อมเพรยี งสม่าเสมอ ผ๎ูทเ่ี กิดกํอน ผํานชวี ติ มากอํ น จะตอ๎ ง สงเคราะห๑อนเุ คราะห๑ ผเ๎ู กดิ ตามมาภายหลงั ด๎วยการถํายทอดความร๎คู วามดี และประสบการณอ๑ ันมีคํา ทง้ั ปวงให๎ด๎วยความเมตตาเอน็ ดู และดว๎ ยความบรสิ ทุ ธใ์ิ จในเดก็ ได๎ทราบ ได๎เขา๎ ใจ และสาคัญทสี่ ดุ ให๎รูจ๎ กั คดิ ดว๎ ยเหตุผลที่ถูกต๎อง จนสามารถเห็นจรงิ ดว๎ ยตนได๎ ในความเจริญและความเส่ือมท้งั ปวง” พระราชดารสั พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช พระราชทานในโอกาสปีเดก็ สากล วนั ท่ี 1 มกราคม 2522

166 \". \" เดก็ เปน็ อันมาก มคี วามรักดีมาแตกํ าเนดิ จะเรียนจะเลํนจะทาสง่ิ ใด กม็ ํุงม่นั ทาให๎ดเี ดํน ไมมํ ีปญ๓ หาอุปสรรคหรอื ความลาบากยากแคน๎ ใด ๆ จะกีดก้นั ไว๎ได๎ เด็กเหลาํ นี้ ผใู๎ หญคํ วรสนใจและแผํเมตตาเกอ้ื กูลประคับประคอง ให๎ได๎มีโอกาส พฒั นาไป ในทางทถ่ี กู ท่ีดี ท้งั ด๎านการศึกษาและจิตใจ เขาจักไดเ๎ จรญิ เติบโต เป็นคนดพี ร๎อม และเป็นตัวอยาํ งแกเํ ยาวชนท่ัวไป\" พระราชดารสั พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช พระราชทานพระตาหนกั จติ รลดารโหฐาน วนั ที่ 13 มกราคม 2533 “ผ๎ใู หญํเรามกั พากนั ละท้งิ วธิ ีการเกํา ๆ ในการอบรมฝึกฝนคุณธรรม และความสภุ าพ เรียบร๎อยในกาย วาจา ใจเยาวชน โดยมิไดห๎ าวธิ กี ารทีเ่ หมาะสม มาทดแทนใหเ๎ พียงพอ ทั้งนี้ เหน็ จะเป็นเพราะโดยมากเราไมคํ ํอยจะคดิ ถงึ เรอ่ื งนี้ กนั นัก ดว๎ ยเหตุที่ มวั สนใจ และตืน่ เตน๎ กับวิชาการอยาํ งใหมํกนั หมด ประการหน่ึง และดว๎ ยเหตทุ เี่ สยี หายมไิ ด๎เกดิ ข้นึ ฉบั พลันทนั ที หากแตํ คํอย ๆ เกดิ ข้นึ ทลี ะเล็กละนอ๎ ย อีกประการหนง่ึ จงึ ปลอํ ยกันมา เรื่อย ๆ จนบดั น้ผี ลเสียหายท่เี กดิ ข้ึนน้นั ได๎กลายเป็น ป๓ญหาที่เกือบจะแก๎กันไมตํ ก ตามท่ี ทํานเห็นกับตาและทราบแกใํ จอยูแํ ลว๎ ไมํจาเป็น จะต๎องพดู ให๎ยาวความไป ความจรงิ เยาวชนทม่ี พี ้นื จติ ใจดอี ยูํแลว๎ และปรารถนาจะทาตัวให๎ดี ใหเ๎ ป็นประโยชนน๑ ัน้ มีอยูํ เป็นอนั มาก แตํการทาความดีโดยลาพงั ตนเอง เปน็ ของยาก จาเปน็ ตอ๎ งอาศัยผ๎ูใหญํ เป็นท่พี ึง่ หรือเป็นผ๎ูนาน่นั เอง ผ๎ูใหญํจึงต๎องถือ เปน็ หน๎าทีแ่ ละความจาเปน็ ทจ่ี ะตอ๎ ง ชํวยเหลอื เขา” พระราชดารัสพระราชทานแกํผบู๎ ังคับบัญชาลูกเสือในโอกาสเขา๎ เฝูาทูลละออง ธุลีพระบาทและรบั พระราชทานเหรยี ญลกู เสือสดดุ ี วนั ท่ี 6 กรกฎาคม 2521

167 \"...เด็ก ๆ นอกจากจะต๎องเรยี นความรแู๎ ล๎ว ยงั ต๎องหดั ทา การงานและทาความดีดว๎ ย เพราะการทางานจะชวํ ยให๎ มีความสามารถ มีความขยัน อดทน พึ่งตนเองได๎ และการทาดี นั้นจะชวํ ยใหม๎ คี วามสุขความเจริญทงั้ ปอู งกันตนไวไ๎ มใํ ห๎ ตกตา่ ...\" พระบรมราโชวาท พระราชทานเนือ่ งในวนั เดก็ แหงํ ชาติ ประจาปี 2530 กกกกกกก2. 2.1 จากพระราชดารสั ดังกลาํ วขา๎ งตน๎ ครอบครวั ควรปฏิบตั ิ (1) บดิ ามารดาจึงตอ๎ งสอน บตุ รธดิ า พีจ่ งึ ตอ๎ งสอนน๎อง คนรุํนใหญจํ งึ ตอ๎ งสอนคนรุํนเล็ก ใหม๎ ีความรูค๎ วามดี มคี วามเจรญิ งอกงาม มีเหตมุ ีผล และเมือ่ คนรํนุ เลก็ เปน็ ผใ๎ู หญํขน้ึ จึงต๎องสัง่ สอนคนรํุนหลงั ตอํ ๆ ไปไมใํ ห๎ขาดสาย ใหม๎ ี ความรู๎ ความดี มคี วามเจรญิ งอกงาม มีเหตผุ ล (2) การสอนลกู ใหเ๎ ป็นเด็กดีมีการพัฒนา สนบั สนนุ และสํงเสริมให๎ลูกเตบิ โตข้ึนเปน็ คนดี และตวั อยาํ งของสังคม (3) การสอนใหเ๎ ยาวชนท่มี ีพนื้ จิตใจดี อยแํู ล๎ว และปรารถนาจะทาตวั ใหด๎ ใี หเ๎ ปน็ ประโยชน๑ แตกํ ารทาความดโี ดยลาพงั ตนเองมคี วามยาก จาเป็นตอ๎ งอาศยั หลักเกณฑ๑ และแบบฉบับทดี่ ีอยาํ งใดอยํางหน่ึงเป็นทีย่ ึดเหนย่ี ว จงึ จะกระทาได๎ โดยถกู ตอ๎ งเหมาะสม และไมํเปลอื งเวลา กลําวคือต๎องอาศัยผู๎ใหญเํ ปน็ ที่พง่ึ หรอื เปน็ ผ๎นู าน่นั เอง ผใ๎ู หญจํ งึ ตอ๎ งถือเปน็ หนา๎ ที่ และความจาเ ป็นทีจ่ ะตอ๎ งชวํ ยเหลอื เขา และ (4) การสอนให๎เดก็ มี ความขยนั ทางานอยาํ งมคี วามสขุ มีความตง้ั อกตง้ั ใจทาจรงิ เหน็ คุณคาํ ของส่งิ ทท่ี า และอดทน ตํออปุ สรรค กกกกกกก2. 2.1 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมอื งดี ควรนอ๎ มนาพระราชดารัสท่ีเกย่ี วขอ๎ งกับครอบครวั มาใช๎ ด๎วยการทีพ่ ํอแมํอบรมสั่งสอนให๎ลกู ได๎รับการเรยี นร๎ูท่ีสร๎างสรรค๑ และปลูกฝ๓งส่ิงที่ดีงามตําง ๆ ท้งั ดา๎ นราํ งกาย จติ ใจ อารมณ๑ สงั คม สติปญ๓ ญา คุณธรรม และจริยธรรม พรอ๎ มท้งั พฒั นาให๎เปน็ ผ๎ทู ่มี ี ความร๎ูความสามารถใช๎สติปญ๓ ญาวิเคราะหอ๑ ยํางมีเหตผุ ล เพ่ือใหเ๎ ติบโตขึ้นอยาํ งมีคุณภาพ กกกกกกกกก 2.2 พระราชดารสั ท่ีเกีย่ วข๎องกับการศึกษา กกกกกกกกก 2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั ทเ่ี กย่ี วข๎องกับการศกึ ษาไวใ๎ ห๎สถาบนั การศกึ ษา นกั เรียน นสิ ิตและนักศึกษา และบัณฑิต ที่จบการศกึ ษา ได๎นอ๎ มนามาใชท๎ สี่ าคญั ๆ มดี งั น้ี “การศกึ ษาในมหาวิทยาลยั กลําวตามหลกั ควรจะไดแ๎ กกํ ารสร๎างเสริม ความสามารถ และความเจริญงอกงามของบคุ คลในทางวชิ าการสวํ นหน่ึง ในทาง ความคิดอกี สวํ นหน่ึง ซ่งึ เมื่อรวมกันแล๎วจะทาให๎บคุ คลมีพละกาลงั สามารถนาไปใช๎ ปฏิบัติงานใหญํ ๆ ของสํวนรวมใหส๎ าเรจ็ ได๎” พระบรมราโชวาทพระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวทิ ยาลยั รามคาแหง วันท่ี 26 ตุลาคม 2521

168 “ ในสํวนของนกั เรยี นเองนน้ั ก็จงสาเหนียกให๎มากวํา การท่ีเราศึกษาวิชา ความรนู๎ ั้น ความจรงิ ไมํใชํเพือ่ ใครเลย แตเํ พือ่ ตวั เราเอง ในการท่จี ะดาเนนิ ชีวติ ตํอไปในวันหน๎า ถา๎ เรยี นดกี จ็ ะไดใ๎ ชค๎ วามรู๎ทเ่ี รียนมาประกอบกจิ การให๎เป็น ประโยชน๑ เป็นทพ่ี ่งึ แกตํ น และเปน็ ที่ชืน่ ชมตอํ วงศ๑ตระกูลตํอไปด๎วย ” พระบรมราโชวาทในพระราชพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรนักเรียนวชริ าวธุ วทิ ยาลยั วันที่ 16 กุมภาพันธ๑ 2500 “ ขอให๎นักเรียนทง้ั หลายต้งั ใจรับความรู๎ทค่ี รูสอน เพราะโอกาสเชํนน้ีน้นั หายาก ถ๎าไมํเอาใจใสํ พยายามเรียนกจ็ ะหาโอกาสไมไํ ดอ๎ ีก เพราะเวลาทีเ่ ปน็ เดก็ น้นั มีนอ๎ ย จงึ ต๎องขอให๎ใชเ๎ วลาให๎ถูกตอ๎ ง สะสมความรูท๎ างหลักวชิ า และความรู๎ ท่ัวไปใหม๎ าก และดที ส่ี ุดแลว๎ จะไมตํ ๎องเสยี ใจ เมื่อโตข้นึ กจ็ ะสามารถทาหนา๎ ทข่ี อง ตน คอื ทามาหาเลีย้ งชวี ติ ตน และชวํ ยสํวนตวั และชวํ ยสวํ นรวม ให๎อยํูไดด๎ ๎วย ความกา๎ วหน๎า และดว๎ ยความรํมเยน็ ” พระบรมราโชวาท พระราชทานแกํคณะครูนกั เรยี น โรงเรยี นวังไกลกงั วล วันท่ี 28 พฤษภาคม 2512 “ ขอ๎ สรปุ หนา๎ ที่ของผู๎ทีเ่ ปน็ นสิ ิตนกั ศึกษาวาํ การเปน็ นักศกึ ษา ไมมํ อี าชีพเปน็ เวลาท่จี ะฝกึ ทางวิชาการและกท็ างจติ ใจ เพ่อื ทจ่ี ะมีพลังแข็งแรงท่ีจะ รับใชช๎ าติ เป็นพลเมืองดแี ล๎วก็เปน็ ความหวัง และกเ็ ป็นส่งิ ที่สาคัญทีส่ ดุ วํา เมื่อได๎ฝกึ ในทางจิตใจเปน็ คนเข๎มแข็ง ซอ่ื ตรง และเป็นคนทีม่ ีความปรารถนาที่จะสรา๎ งสรรค๑ แลว๎ จะตอ๎ งรักษาอุดมคตนิ ี้ หรือพลงั น้ี หรือปณิธานนไ้ี ว๎ตลอดชวี ิต ” พระบรมราโชวาทเนื่องในโอกาสเสดจ็ ฯ ทรงดนตรี เปน็ การสํวนพระองค๑ ณ หอประชมุ จฬุ าลงกรณ๑มหาวทิ ยาลยั วันท่ี 20 กันยายน 2514

169 “ ถ๎ามาพิจารณาดูจรงิ ๆ จะดหี รือท่จี ะให๎พลังของนักศึกษาทั้งมวล เป็นพลังมดื ความจริงถ๎าเป็นพลังสวําง หมายความวาํ เปน็ พลังท่ีจะใหแ๎ สงสวําง แกํบา๎ นเมือง กจ็ ะนําชืน่ ชมนํายนิ ดยี ง่ิ ขึ้น จุดประสงคท๑ แี่ ท๎จริงของนักศกึ ษา ความสวาํ งสาหรับใหผ๎ ๎ูที่กาลังศกึ ษาก็สวาํ งขน้ึ หมายถึงผูท๎ ่ีขัดสนหรือผู๎ทีเ่ คราะหร๑ า๎ ย ไดม๎ ีแสงสวาํ งท่ีจะเรียนได๎แลว๎ กใ็ ห๎แสงสวํางแกํผ๎ทู ี่ไมใํ ชํนักศึกษาผ๎ูท่ไี มมํ ีโอกาส เป็นนกั ศกึ ษา ให๎มีแสงสวําง หมายถึง บา๎ นเมอื งใหก๎ า๎ วหนา๎ ใหด๎ ี ให๎เป็นที่นําช่ืนชม จะเปน็ พลังสวําง เป็นพลงั ทีน่ าํ ช่ืนชมนําภมู ใิ จได๎ ” พระบรมราโชวาทพระราชทานแกสํ มาคมบริการนักศึกษานานาชาติ แหงํ ประเทศไทย ผ๎ูแทนนสิ ติ นักศกึ ษาระดับปรญิ ญาตรี จากทกุ คณะ ทกุ สถาบันทัว่ ประเทศ และคณะกรรมการจัดงานวันบริการนกั ศึกษา วนั ที่ 25 กนั ยายน 2512 “ บรรดาผส๎ู าเร็จการศึกษาตามหลักสตู รของมหาวทิ ยาลัยก็เปรียบเหมือน ไดก๎ ญุ แจท่จี ะไขไปสชูํ ีวิตท่เี จริญตํอไปในวนั ข๎างหน๎าแตํขอเตอื นวําการดาเนินชีวติ โดยใชว๎ ชิ าการอยาํ งเดยี วยงั ไมเํ พียงพอ จะต๎องอาศยั ความรรู๎ อบตัว และหลัก ศลี ธรรม ประกอบดว๎ ย ผ๎ูท่ีมคี วามรู๎ดี แตขํ าดความยง้ั คิด นาความร๎ูไปใช๎ในทาง มิชอบก็เทาํ กบั เป็นบคุ คลที่เปน็ ภัยแกสํ งั คม และของมนุษย๑ ฉะนัน้ ขอให๎ทกุ คน จงดารงชวี ติ และประกอบอาชพี โดยอาศัยวิชาความรทู๎ ่ไี ดร๎ ับ มาประกอบดว๎ ย ความยงั้ คิดชง่ั ใจ และศลี ธรรมอนั ดีงาม เพ่อื ความเจริญก๎าวหนา๎ ของตนเอง และของประเทศชาติ ” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร ของมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร๑ วนั ท่ี 18 กันยายน 2504

170 “ การศกึ ษาเป็นเรื่องใหญแํ ละสาคญั ยงิ่ ของมนษุ ย๑ คนเราเมือ่ เกดิ มากไ็ ด๎รบั การสงั่ สอนจากบิดามารดา อนั เป็นความรู๎เบื้องตน๎ เมอ่ื เจรญิ เตบิ โตข้นึ กเ็ ป็น หนา๎ ทข่ี องครู และอาจารยส๑ ั่งสอนใหไ๎ ด๎รับวิชาความรส๎ู งู และอบรมจิตใจใหถ๎ ึง พร๎อมด๎วยคณุ ธรรม เพื่อจะไดเ๎ ปน็ พลเมอื งดีของชาตสิ บื ตอํ ไป ” พระบรมราโชวาทพระราชทานปรญิ ญาบัตรแกนํ สิ ติ และนกั ศึกษา วิทยาลยั วชิ าการศกึ ษา วันที่ 13 ธันวาคม 2505 “ บณั ฑิตผส๎ู าเรจ็ การศกึ ษาไปแลว๎ จะทาการสง่ิ ใดใหพ๎ ิจารณาให๎ รอบคอบเสยี กอํ น อยําทระนงตัววาํ เราเป็นบัณฑิตแลว๎ เราต๎องเกงํ กวาํฉลาดกวํา ผอู๎ นื่ อยาํ ลมื วําฉลาดแตอํ ยาํ งเดียวเทํานน้ั ไมพํ อ ตอ๎ งเฉลียวดว๎ ย ต๎องทัง้ เฉลยี ว และฉลาด ทํานทั้งหลายคงจะรู๎จักนทิ านเรอ่ื ง กระตํายแขํงกับเตํา กระตําย มีฝีเท๎าดี ทระนงตนวาํ ไมมํ ีผู๎ใดวง่ิ เรว็ เสมอเหมอื นย่ิง เตํานั้นก็เปน็ คนละชั้น แตํความที่ทระนงตัววําตวั เองเกํง วง่ิ ไปยังไมํทนั ถึงท่ีหมายไปนอนหลับเสยี ปลอํ ยให๎เตาํ ซงึ่ เดินชา๎ กวํามากไปถึงที่หมายไดก๎ ํอน ” พระบรมราโชวาทในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั รแกนํ สิ ิต จฬุ าลงกรณ๑มหาวิทยาลัย วันที่ 5 กรกฎาคม 2505 กกกกกกกกก 2.2 จากพระราชดารัสดงั กลาํ วข๎างตน๎ โดยสถาบนั การศกึ ษาจงึ ควรปฏิบัติ ในเร่อื ง ของการถาํ ยทอดวิชาการ และฝึกหัดอบรมนักศกึ ษาใหม๎ ปี ระสทิ ธภิ าพ จะต๎องชํวยเหลือเขา ด๎วยหลกั วิชาและความสามารถ ทกุ คนไดเ๎ รยี นวิชาการแนะแนวมาแล๎ว ควรจะได๎นาหลักการมาปฏิบตั ิ เพื่อใหเ๎ ยาวชนไดร๎ บั ประโยชนอ๑ ันแทจ๎ ริง โดยเฉพาะอยํางยิง่ การแนะแนวทางความประพฤตแิ ละจติ ใจ ซ่ึงสาคญั มาก ขอให๎เพียรพยายาม ปลกู ฝ๓งความรู๎ ความคิดท่ีปราศจากโทษให๎แกเํ ขาโดยเสมอ แนะนา อบรมดว๎ ยเหตุผล และดว๎ ยความจริงใจ ประกอบดว๎ ยความเมตตาปรานี สงเคราะห๑ อนเุ คราะห๑ และนาพาไปสํูทางทถ่ี กู ทเ่ี จรญิ เยาวชนกจ็ ะเกดิ มคี วามมน่ั ใจ และมกี าลังใจทจ่ี ะทาความดี เพื่อจกั ไดม๎ ี อนาคตที่มน่ั คง สาหรับนักเรยี น นสิ ติ นักศึกษา ควรมีความขยั นขนั แข็ง หมั่นเพยี รในการศกึ ษา เลาํ เรียนอยํางเต็มท่ี ตระหนักไวว๎ าํ มีหนา๎ ทีเ่ รียนหนังสือ แสวงหาความรเ๎ู ปน็ หลกั ใหญํ แล๎วก็จงทา หนา๎ ท่ีของตนให๎ดที ่สี ุด เพ่อื สร๎างความเจริญและความสาเรจ็ ของชีวติ และสาหรับบณั ฑติ ที่จบ การศกึ ษา ควรปฏิบัติ ดว๎ ยการไมํทระนงตวั วาํ วเิ ศษกวําผ๎อู ื่นอยําอวดเกํงเกินไป จะทาการสิ่งใด จงไตรตํ รองใหร๎ อบคอบ ถา๎ เปน็ เรอ่ื งเล็ก โทษของความไมรํ อบคอบกน็ อ๎ ย แตถํ า๎ เปน็ เร่อื งใหญํ

171 เป็นเรือ่ งของชาตบิ า๎ นเมือง กจ็ ะเป็นผลเสียหายแกชํ าตบิ ๎านเมืองได๎ ฉะนัน้ จะกระทาส่งิ ใด จงใชส๎ มอง ไตรตํ รอง ดคู วามรอบคอบเสียกอํ น กกกกกกกกก 2.2 กลําวโดยสรุปหนา๎ ท่พี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ย สถาบันการศึกษา ครบู าอาจารย๑ นกั เรียน นักศึกษา และบณั ฑติ ท่ีเพ่ิงจบ หรือบณั ฑิตศิษยเ๑ กาํ ทจ่ี บการศกึ ษานานแลว๎ ควรนอ๎ มนา พระราชดารัสมาปรบั ใช๎ ด๎วยการที่สถาบนั มํุงสัง่ สอน นักเรียน นกั ศึกษา และบัณฑติ ใหม๎ ีความร๎ู และมี คุณธรรม ใหเ๎ ป็นคนเกงํ และเป็นคนดี สาหรับนักเรียน นักศกึ ษา ควรต้ังใจศกึ ษาเลําเรยี น ให๎มี ทง้ั ความรู๎ ทั้งวิชาการ ความร๎ทู ั่วไป เพ่อื สรา๎ งความเจริญและความสาเรจ็ ของชีวิต ประพฤติในสิ่งที่ ดงี าม และบัณฑิตทีเ่ พ่งิ จบการศึกษา หรอื จบการศกึ ษานานแล๎ว ควรนอ๎ มนาพระราชดารัสไปปรบั ใช๎ ดว๎ ยการใชส๎ ติป๓ญญา พิจารณาทุกเร่อื งอยาํ งรอบคอบ และไมํประมาท กกกกกกกกก 2.3 พระราชดารัสทเี่ ก่ยี วขอ๎ งกับอาชพี การงาน กกกกกกกกก 2.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสท่เี กีย่ วขอ๎ งกับอาชพี การงานท่สี าคญั ๆ มีดังนี้ “… การชํวยเหลือสนับสนนุ ประชาชนในการประกอบอาชีพและต้ังตวั ใหม๎ คี วามพอกนิ พอใช๎กอํ นอื่นเป็นพ้นื ฐานน้ัน เปน็ สง่ิ สาคญั อยํางย่ิงยวด เพราะ ผู๎ท่ีมอี าชีพและฐานะเพยี งพอ ท่ีจะพงึ่ ตนเอง ยํอมสามารถสร๎างความเจริญก๎าวหนา๎ ระดบั ท่สี ูงขนึ้ ตํอไปได๎โดยแนํนอน สวํ นการถือหลักที่จะสํงเสรมิ ความเจริญ ใหค๎ อํ ย เป็นไปตามลา ดับ ด๎วยความรอบคอบ ระมดั ระวัง และประหยดั น้นั ก็เพือ่ ปูองกนั ความผิดพลาดล๎มเหลว และเพ่ือให๎บรรลผุ ลสา เร็จไดแ๎ นนํ อน บริบูรณ๑ เพราะหากไมํ กระทาดว๎ ยความระมัดระวัง ยํอมจะหวงั ผลเตม็ เมด็ เตม็ หนวํ ยไดโ๎ ดยยาก ยกตวั อยําง เชนํ การปราบศตั รพู ชื ถ๎าทมุํ เททา ไปโดยไมํมีจังหวะทถี่ ูกต๎อง และโดยมไิ ดศ๎ ึกษา ขอ๎ มลู ตําง ๆ ให๎กระจํางชดั อยํางทั่วถงึ ก็อาจสนิ้ เปลืองแรงงาน ทนุ ทรัพย๑ วสั ดุ อุปกรณ๑ ทีล่ ๎วนมีราคาไป โดยไดร๎ บั ผลไมํคมุ๎ คํา ยิ่งกวาํ นนั้ การทาลายศัตรพู ืช ยังอาจทา ลาย ศตั รขู องพืชที่มอี ยํูบ๎าง แลว๎ ตามธรรมชาติ และทา อนั ตรายแกํชวี ติ คนชวี ิตสัตวเ๑ ล้ียง อกี ด๎วย การพฒั นาอยาํ งถกู ตอ๎ ง ซ่งึ หวงั ผลอนั ยง่ั ยืนไพศาล จึงต๎องวางแผนงาน เปน็ ลา ดับข้นั อยาํ งถถี่ ว๎ นทว่ั ถึง ใหอ๎ งคป๑ ระกอบของแผนงานทกุ สํวนสมั พันธ๑ และ สมดุลย๑กันโดยสอดคล๎อง …” พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ วนั ท่ี 19 กรกฎาคม 2517

172 “ การเกษตรนัน้ ถือไดว๎ ําเปน็ ท้ังรากฐานและชวี ิตสาหรบั ประเทศ ของเรา เพราะคนไทย เราสวํ นใหญเํ ปน็ ผ๎ูมอี าชพี ทางการเกษตรกรรม ข๎าพเจา๎ จึงมีความเห็นเสมอ มาวาํ วิธีการพัฒนาทเี่ หมาะสมแกปํ ระเทศเราอยํางย่ิง ก็คอื จะต๎องทานุบารงุ เกษตรกรรม ทกุ สาขาให๎พฒั นากา๎ วหน๎า เพื่อยกระดับฐานะ ความเปน็ อยขํู องเกษตรกรทกุ ระดบั ให๎สงู ขึ้น” พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ ณ อาคารจักรพันธเ๑ พญ็ ศริ ิ วันที่ 23 กรกฎาคม 2541 \" ผูท๎ ม่ี ีหนา๎ ที่สื่อขําวท่ีดี หรอื มหี นา๎ ท่ีประสานความเข๎าใจระหวํางคน หลายชาติหลายชั้นกด็ ี ควรสานกึ อยเูํ สมอวํางานของเขาเปน็ งานสาคัญ และมี เกยี รติสงู เพราะหมายถึงความรบั ผิดชอบอนั ย่ิงใหญํในการรวํ มกนั สรา๎ งสนั ติ สุขให๎แกโํ ลก การแพรขํ าํ วโดยขาดความระมัดระวงั หรือแม๎แตํคาพูดงําย ๆ เพยี งนดิ เดยี วก็สามารถจะทาลายงานทีผ่ ูม๎ คี วามปรารถนาดีท้ังหลายพยายาม สรา๎ งไวด๎ ว๎ ยความยากลาบากเปน็ เวลาแรมปีหากจะแกต๎ ัววําการพูดพลอํ ย ๆ เพียงสองสามคาน้เี ป็นเร่ืองเล็ก ไมนํ าํ จะเก็บมาถือเปน็ เรอ่ื งใหญเํ ลยกไ็ มํถกู เหมือนฟองอากาศนดิ เดยี วถ๎าเข๎าไปอยํูในเสน๎ เลอื ด กจ็ ะสามารถปลิดชีวิ ตคน ไดท๎ ัง้ คน และนา้ ตาลหวาน ๆ กอ๎ นเล็กนดิ เดยี ว ถา๎ ใสํลงไปในถังนา้ มนั รถกจ็ ะ ทาใหเ๎ ครื่องจกั รดี ๆ ของรถเสียได๎โดยสนิ้ เชงิ \" พระราชดารัสพระราชทาน แกนํ ักธุรกจิ และนกั หนังสอื พิมพ๑ ณ พพิ ธิ ภัณฑ๑เมโทรโปลิตนั นครนวิ ยอรก๑ อเมริกา วันที่ 8 มถิ นุ ายน 2510

173 \"การงานทกุ อยํางทุกอาชีพ ยํอมจะมีจรรยาบรรณของตนเอง จรรยาบรรณนัน้ จะบัญญัติเปน็ ลายลกั ษณอ๑ ักษรหรือไมํก็ตาม แตํเปน็ สิ่งทยี่ ดึ ถือกนั วําเปน็ ความดีงาม ท่คี นอาชพี น้นั พงึ ประพฤตปิ ฏิบัติ หากผ๎ใู ดลวํ งละเมดิ ก็อาจกํอใหเ๎ กิดความเสียหาย ทงั้ แกํบคุ คล หมูํคณะ และสวํ นรวมได๎ \" พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหํู ัว ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร ของมหาวิทยาลัยมหดิ ล ณ อาคารใหมํ สวนอัมพร วันที่ 4 กรกฎาคม 2540 “… การทางานทกุ อยาํ ง คอื การพัฒนาตวั เอง เรามกั ไดย๎ ินคากลาํ วอ๎าง ของคนบางคนวาํ ไมพํ อใจทา งานอยํางนั้นอยาํ งน้ี เพราะเป็นงานท่ีไมตํ รกงบั วฒุ ิ หรอื ตา่ ต๎อยดอ๎ ยกวาํ วิทยฐานะ ของตน ทง้ั ๆ ทบี่ างทกี ็กาลังวาํ งงานอยํู การประพฤตอิ ยาํ งนเ้ี รยี กวําเลอื กงาน หรอื ไมํสู๎งานซึ่งเป็นการถํวงตวั เองไว๎ ไมํใหด๎ ขี น้ึ ได๎ ไมํให๎กา๎ วหนา๎ ตํอไปได๎ จงึ อยากจะเตอื นบณั ฑิตทกุ ๆ คนวําอยาํ ทาตัวเปน็ คนเลอื กงาน เมอื่ มโี อกาสและมีงานใหท๎ ากค็ วรเตม็ ใจทา โดยไมํจา ตอ๎ งตงั้ ข๎อแม๎ หรอื เงื่อนไขอันใดไว๎ใหเ๎ ปน็ เครื่องกีดขวาง ขอใหค๎ ดิ กันเสยี ใหมํ วําคนที่ทางานไดจ๎ ริง ๆ น้นั ไมํวําจะจับงานสิง่ ใดยํอมทาได๎เสมอ ถา๎ ยิ่งมีความ เอาใจใสํ มีความขยนั มคี วามสังเกตจดจาดี กย็ ่ิงจะชํวยให๎ประสบผลสาเร็จ ในงานที่ทาสงู ขนึ้ ทง้ั น้เี พราะประสบการณ๑ทีไ่ ด๎รบั จากการทางานแตลํ ะครง้ั แตํละวนั จะคํอย ๆ เพิ่มพูนขึน้ เปน็ ลาดับ สํงเสรมิ ให๎มีความสามารถจดั เจน มคี วามเจริญกา๎ วหน๎าสมวิทยฐานะ หรือเจริญขึน้ เกินกวาํ ทคี่ าดหวังไว๎มากมาย ก็ได๎ จึงกลําวได๎เต็มปากวําการทางานด๎วยความรูค๎ วามสามารถ ด๎วยความต้งั ใจ และเอาใจใสํศกึ ษานนั้ เป็นการพฒั นาบุคคลใหม๎ คี ุณภาพสูงข้ึนโดยแท๎ และ บุคคลทมี่ คี ุณภาพอนั พัฒนาแล๎วยํอมสามารถจะพฒั นางานสํวนรวมของชาติ ให๎เจรญิ ก๎าวหนา๎ ได๎ดงั ประสงค๑..…” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของวทิ ยาลัยเทคโนโลยแี ละอาชวี ศึกษา วนั ที่ 8 กรกฎาคม 2530

174 \"..สมาชิกทงั้ หลาย ไดท๎ าหน๎าท่ีเป็นตวั แทนของ ปวงชนชาวไทย มสี ํวนสาคญั ในการปกครอง ประเทศชาติ จึงขอให๎พิจารณาดาเนนิ งาน ดว๎ ยความละเอยี ด รอบคอบ และขอให๎ปฏบิ ัตติ รงตามปรารถนาของประชาชน เป็นสํวนรวม อยาํ งแทจ๎ รงิ ...\" ความตอนหนง่ึ ในพระราชดารัสในพิธีเปิดประชุมรฐั สภา ณ พระทน่ี ั่งอนันตสมาคม วันที่ 24 มถิ นุ ายน 2501 กกกกกกกกก 2.3 จากพระราชดารสั ดังกลําวข๎างตน๎ เกษตรกรทเี่ ป็นอาชีพที่สาคัญของชาตไิ ทย ตอ๎ งดาเนนิ ชวี ติ ประกอบอาชพี แบบพอเพียง พง่ึ ตนเอง คอํ ย ๆ สร๎างความเจรญิ กา๎ วหนา๎ ให๎กับตนเอง ด๎วยความรอบคอบ ระมัดระวัง ประหยดั เพอื่ ปูองกนั ขอ๎ ผิดพลาดลม๎ เหลว สํวนอาชีพผู๎ส่ือขาํ ว ต๎องระมดั ระวงั ในการเผยแพรํขาํ วสาร เพียงเพราะการใช๎คาพูดไมํถกู ตอ๎ ง ยอํ มสํงผลตอํ ผตู๎ งั้ ใจ ปฏบิ ัติงานมาด๎วยความลาบากได๎ และสาหรับผ๎ูแทนราษฎร ควรปฏบิ ตั ิงานดว๎ ยความละเอียด รอบคอบ ทาให๎ตรงตอํ ความต๎องการของประชาชน และเพื่อประโยชนส๑ ํวนรวม โดยทกุ อาชีพต๎องมี จรรยาบรรณ ต๎องมีหรอื มีคุณธรรม ในการประกอบอาชพี ทุกอาชีพต๎องมีการพฒั นาอาชพี ของตนเอง ควรตงั้ ใจศกึ ษาพฒั นาอาชพี ด๎วยการตง้ั ใจศกึ ษาพฒั นาอาชีพ และทางานดว๎ ยความรู๎ ความสามารถ ของตนเอง กกกกกกกกก 2.3 กลําวโดยสรุปหนา๎ ท่ีพลเมืองดี ควรน๎อมนาพระราชดารสั ท่ีเกยี่ วข๎องกับอาชีพการงาน มาปรับใช๎ ด๎วยการพัฒนาตนเองในการประกอบอาชีพการงาน ตง้ั ใจศึกษาหาความรู๎ ใช๎ความรู๎ ความสามารถในการประกอบอาชีพ ควบคกํู บั มคี ุณธรรมในอาชีพทต่ี นเองประกอบอาชพี อยํู มคี วาม พอเพียง พงึ่ ตนเอง คํอย ๆ สรา๎ งความเจริญก๎าวหน๎า ของอาชพี ท่ตี นทาอยดํู ๎วยความรอบคอบ ประหยัด ปูองกนั ความลม๎ เหลว รวมถงึ การระมัดระวังคาพดู ท่ีใช๎ในการสื่อสาร ตลอดจนคานึงถึง ผลประโยชน๑ของประชาชนสํวนใหญํ พงึ ได๎รับจากการประกอบอาชพี นัน้ ๆ กกกกกกกกก 2.4 พระราชดารสั ทีเ่ กี่ยวขอ๎ งกบั ชุมชน ทอ๎ งถิ่นและสังคม กกกกกกกกก 2.4 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั ทเี่ กี่ยวขอ๎ งกบั ชุมชน ท๎องถิน่ และสงั คม ไวใ๎ ห๎ประชาชนชาวไทยไดน๎ ๎อมนามาใช๎ในการ พัฒนาชมุ ชนทอ๎ งถ่นิ และสังคม ท่ีสาคัญ ๆ มีดังนี้

175 “ งานพฒั นาบา๎ นเมอื งน้นั ต๎องอาศยั บคุ คลส องประเภท คือ นกั วชิ าการ กบั ผ๎ูปฏิบตั ิ นกั วชิ าการเป็นผู๎วางโครงการ เปน็ ผู๎นาผ๎ูช้ที างเปน็ ทีป่ รึกษา ของผปู๎ ฏิบัติ สํวนผู๎ปฏิบตั ินั้นเปน็ ผ๎ลู งมอื ลงแรงกระทางาน งานจะได๎ผลหรือไมํเพยี งไร ข้นึ อยกูํ ับ ความสัมพนั ธ๑ระหวํางบคุ คลสองฝุายนี้ ถ๎ามีความเข๎าใจและรวํ มงานกนั กไ็ มมํ อี ุปสรรค ได๎ผลงานเตม็ เมด็ เต็มหนวํ ย แตถํ ๎าไมเํ ข๎าใจกัน กเ็ กดิ อปุ สรรคลําชา๎ ซึ่งมกั ปรากฏ อยูํเสมอ และจาเปน็ จะตอ๎ งแก๎ไข ” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชมุ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ วันท่ี 16 กรกฎาคม 2513 “ ในการพฒั นาประเทศนนั้ จาเปน็ ต๎องทาตามลาดบั ขั้น เรม่ิ ดว๎ ย การสรา๎ งพ้ืนฐาน คอื ความมีกินมีใช๎ของประชาชนกํอนดว๎ ยวิธกี ารทปี่ ระหยดั ระมัดระวงั แตถํ ูกตอ๎ งตามหลกั วชิ า เมอ่ื พน้ื ฐานเกดิ ขน้ึ ม่ันคง พอควรแลว๎ จึงคอํ ยสร๎างเสริมความเจรญิ ข้ันทีส่ งู ขึ้นตามลาดับตอํ ไป กเ็ พ่อื ปอู งกนั ความผิดพลาดล๎มเหลว และเพือ่ ให๎บรรลุผลสาเรจ็ แนํนอนบริบรู ณ๑ ” พระบรมราโชวาทในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบัตร ของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ วนั ที่ 19 กรกฎาคม 2517 “…การพัฒนาทเ่ี หมาะกบั ประเทศไทยเรา กค็ อื จะตอ๎ งทานบุ ารุงเกษตรกรรม ทุกสาขาให๎พัฒนาก๎าวหนา๎ เพ่ือยกระดับฐานะของเกษตรกร ซึ่งเป็น ประชาชน สวํ นใหญขํ องประเทศให๎สงู ขนึ้ อันจะสํงผลให๎ฐานะทางเศรษฐกิจโดย สํวนรวม ของประเทศมีความเข๎มแข็งมนั่ คงขนึ้ ด๎วย…” คัดตัดตอนจากพระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ วันที่ 24 กรกฎาคม 2541

176 “พวกเราทงั้ หลายจึงตอ๎ งร๎ูจัก รว๎ู าํ แตํละชุมนุมชนอยูไํ ด๎ดว๎ ยตนเอง และถา๎ อยากอยํูใหด๎ ขี น้ึ ให๎มีความเจริญ ให๎มคี วามอยูํดกี นิ ดขี ้นึ มีรายได๎มากขนึ้ จะต๎อง แลกเปล่ียนระหวาํ งชมุ นมุ ชน ระหวาํ งหมบํู ๎าน ระหวํางจงั หวดั ระหวาํ งประเทศ จะตอ๎ งมีความสามัคคี ความสามคั คปี รองดองกันระหวาํ งบุคคลในประเทศ จึงเป็นความสาคัญ เพ่ือใหแ๎ ตลํ ะคน ไดส๎ ามารถทจี่ ะทามาหากิน มคี วามก๎าวหนา๎ เครอื่ งหมายผ๎ูนาเยาวชน จึงมีสง่ิ ที่สาคัญทสี่ ุด คอื ธงชาติอยํูในเคร่ืองหมาย และเปน็ สํวนใหญทํ ส่ี ดุ อนั น้ีมไี ว๎ เพราะต๎องทราบวําชาติน้ี เป็นสงิ่ สาคัญ สาหรบั ทุกคนและต๎องรวํ มกนั สร๎าง ไมใํ ชวํ ําแตํละคนตํางอยูํ ทุกคนไดร๎ บั ความร๎ู ในทางวชิ าการ ได๎รบั ความรู๎ในทางความสามัคคีวําตอ๎ งรวบรวมกาลงั ต๎องรวํ มแรงกัน เพอ่ื ท่ีจะ สร๎างความเจรญิ แกบํ ๎านเมือง” พระบรมราโชวาท พระราชทานแกผํ ู๎นาเยาวชนจากจังหวัดตาํ ง ๆ 36 จังหวดั ท่ีปรึกษาผ๎ูนาเยาวชน และเจา๎ หน๎าที่ดาเนนิ การฝกึ อบรม ณ ศาลาดสุ ดิ าลัย วันท่ี 30 สิงหาคม 2514 ก กกกกกกกก 2.4 จากพระราชดารัสดงั กลําวขา๎ งต๎น ในฐานะที่ทกุ คนเป็นสมาชกิ ของชุมชน ท๎องถ่นิ และสังคม เกย่ี วขอ๎ งกบั การพัฒนาบ๎านเมือง ชุมชน ท๎องถิ่น ตอ๎ งมีทงั้ นกั วชิ าการ และผ๎ปู ฏบิ ตั ิ ทีม่ คี วามสัมพันธอ๑ นั ดี รวํ มมอื กนั พัฒนา โดยการพฒั นาตอ๎ งเหมาะสมกบั บริบทของพ้นื ท่ี น้นั ๆ ชุมชน ท๎องถ่นิ จะเข๎มแข็งได๎ ตอ๎ งมีการติดตอํ แลกเปล่ียนกับบคุ คลหรอื องค๑กรภายนอก ภายใตก๎ ารมี สมั พันธภาพทดี่ ี มคี วามรกั ใครปํ รองดอง และสามัคคกี ัน ตลอดจนมีกระบวนการพฒั นาชุมชน ทอ๎ งถิ่น ตามลาดบั ขัน้ ประหยัด ถกู หลกั วชิ า เพือ่ ปูองกันความลม๎ เหลว กกกกกกกกก 2.4 กลําวโดยสรุปหนา๎ ทพี่ ลเมืองดี ควรน๎อมนาพระราชดารัสทเี่ กีย่ วข๎องกับการพฒั นา ตอ๎ งอาศยั ความรํวมมอื ทั้งฝุายวิชาการและผูป๎ ฏบิ ัติ ตอ๎ งพฒั นาใหเ๎ หมาะสมกบั สภาพพืน้ ทบ่ี ริบท ตอ๎ งอาศยั บุคคลภายนอก หรอื องค๑กรภายนอกเขา๎ มามีสวํ นรวํ มแลกเปลยี่ นสร๎างความเข๎มแข็ง ให๎กบั ชุมชน ทอ๎ งถนิ่ โดยตอ๎ งทาตามขน้ั ตอนถูกตอ๎ งตามหลกั วิชา เพ่ือปูองกันความผดิ พลาดที่เกิดข้นึ กกกกกกก3. การน้อมนาหลักการทรงงานไปใชช้ ีวติ ประจาวนั กกกกกกก3. 3.1 การน๎อมนาหลกั การทรงงานไปใช๎ในครอบครวั กกกกกกก3. 3.1 หลกั การทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท9่ี ทสี่ าคัญ ท่คี รอบครัวชาวไทย ควรน๎อมนาไปใช๎ในชีวติ ประจาวัน ได๎แกํ

177 กกกกกกก3. 3.1 3.1.1 การมีสํวนรวํ ม และคิดถงึ สํวนรวม สมาชิกในครอบครัว ควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการเปิดโอกาสให๎ ทกุ คนในครอบครัวรวํ ม แสดงความคิดเห็น เปิดใจใหก๎ ว๎าง รับฟ๓งความคิดเห็น แล๎วนามาปรบั ใชใ๎ นการดารงชีวติ ของครอบครวั รวํ มกันทากจิ กรรม หรือภารกจิ ของครอบครวั และ เมือ่ ได๎รับมอบหมาย ก็รวํ มกันทาความตัง้ ใจให๎สาเรจ็ ลลุ วํ ง กกกกกกก3. 3.1 3.1.2 ประโยชนส๑ วํ นรวม สมาชกิ ในครอบครัว ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการมคี วาม เสียสละ ความสุขสวํ นตน เพอ่ื ประโยชน๑สํวนรวมของคนในครอบครัว เพื่อใหค๎ รอบครวั อยรํู วํ มกัน อยาํ งมคี วามสขุ กกกกกกก3. 3.1 3.1.3 ขาดทุนคือกาไร สมาชกิ ในครอบครัว ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการคานงึ ถงึ ผลประโยชนข๑ องคนสวํ นรวมภายในครอบครัว มากกวาํ ผลสาเร็จท่เี ป็นตวั เลข อนั เปน็ ผลประโยชน๑ ของตนเองทีเ่ ป็นสวํ นหนงึ่ ของสมาชกิ ครอบครัว กกกกกกก3. 3.1 3.1.4 การพง่ึ ตนเอง สมาชิกในครอบครวั ควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการพึง่ พาตนเอง ปฏิบัติภารกิจสํวนตวั ให๎สาเร็จ เพราะสมาชกิ ในครอบครัวตํางมีภารกจิ ท่ีต๎องรับผิดชอบ กกกกกกก3. 3.1 3.1.5 พออยํู พอกนิ สมาชิกในครอบครัว ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการใชข๎ องใช๎ หรือบริโภคสิง่ ของทม่ี อี ยแูํ ล๎ว ใหค๎ ๎ุมคํา ประหยดั และเรียบงําย กกกกกกก3. 3.1 3.1.6 เศรษฐกิจพอเพยี ง สมาชิกในครอบครวั ควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการดารงอยํู และดาเนินชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งอยาํ งรู๎เทําทัน ปรับตวั ได๎ตามสภาพเศรษฐกจิ และสงั คมทเี่ ปลี่ยนไป กกกกกกก3. 3.1 3.1.7 ความซอ่ื สตั ย๑สุจริต จรงิ ใจตํอกนั สมาชกิ ในครอบครวั ควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการปฏบิ ัติตนท้งั ทางกาย วาจา จิตใจ ที่ตรงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกงไมํหลอกลวงไมเํ อาเปรียบ สมาชิกคนอนื่ ๆ ในครอบครวั ทั้งตํอหนา๎ และลบั หลงั กกกกกกก3. 3.1 3.1.8 ทางานอยาํ งมคี วามสขุ สมาชิกในครอบครัว ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการ ทางาน หรอื ปฏบิ ตั ภิ ารกิจของครอบครัวอยาํ งมคี วามสขุ กกกกกกก3. 3.1 3.1.9 ความเพียร สมาชกิ ในครอบครวั ควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการเริม่ ตน๎ ทางาน หรือภารกจิ ของครอบครัวท่ีได๎รบั มอบหมาย ด๎วยความมุํงมน่ั เพียรพยายามให๎สาเรจ็ ลลุ ํวง กกกกกกก3. 3.1 3.1.10 รู๎ รัก สามัคคี สมาชกิ ในครอบครวั ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการตอ๎ งมี ความรูใ๎ นงานท่ีตนเองได๎รับมอบหมายจากครอบครัวเปน็ อยาํ งดี ตํอจากนั้นให๎ทางานท่ไี ดร๎ ับ มอบหมายจากครอบครวั ด๎านความรส๎ู ึกที่ดี ชอบในงานทีป่ ฏบิ ัติ ในกรณที ี่ลงมอื ปฏบิ ตั แิ ลว๎ ไมํสามารถทาได๎สาเรจ็ ด๎วยตนเองตามลาพงั ก็ตอ๎ งใช๎สมาชิกคนอ่ืน ๆ ในครอบครัวมาชํวยทารํวมกนั อยาํ งมีความสามคั คี กกกกกกก3. 3.2 การน๎อมนาหลกั การทรงงานมาใชก๎ บั การศึกษา กกกกกกก3. 3.2 3.2.1 ศกึ ษาขอ๎ มลู อยาํ งเป็นระบบ ผู๎เรยี นหรอื นกั ศกึ ษาควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการ มกี ารวางแผนศึกษาคน๎ ควา๎ ขอ๎ มูลที่เกย่ี วขอ๎ งกับการเรยี น เรอื่ งนน้ั ๆ ให๎ครอบคลุม แลว๎ นามาวิเคราะห๑ ขอ๎ มลู จัดลาดับความสาคญั ของข๎อมูลทไี่ ด๎ศึกษาวํา ควรปฏบิ ตั เิ รอ่ื งใดกอํ นหลัง โดยการศึกษาของตน วาํ ควรจะต๎องทาสงิ่ ไหนกอํ น ให๎เรียงระดบั ตรวจดูวําส่ิงทีท่ ามีผลดี หรอื ผลเสีย หากเกิดผลเสีย เราก็ นามาปรบั ปรุงแกไ๎ ขให๎ดีข้ึน

178 กกกกกกก3. 3.2 3.2.2 ระเบดิ จากขา๎ งใน ผ๎เู รยี นหรอื นักศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการพจิ ารณา ถงึ คุณคาํ ความสาคัญ หรือประโยชนข๑ องเรอ่ื งท่ีกาลังศกึ ษาอยํู ถ๎ารับร๎ูได๎กจ็ ะเกิดแรง บันดาลใจ หรือ ความปรารถนาของผูเ๎ รยี น หรือนกั ศกึ ษาใหอ๎ ยากเรียนรู๎ จนสาเรจ็ ลลุ วํ ง กกกกกกก3. 3.2 3.2.3 แกป๎ ญ๓ หาท่ีจุดเล็ก ผ๎เู รียนหรือนักศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการแก๎ไข ปญ๓ หาเฉพาะหน๎าซงึ่ เปน็ ป๓ญหาใกลต๎ วั หรอื ปญ๓ หาจุดเล็ก ๆ ท่สี ามารถแกไ๎ ขได๎ดว๎ ยตนเองกํอน ซง่ึ เมื่อ ได๎แก๎ไขจดุ เลก็ ๆ ได๎แลว๎ จงึ คํอย ๆ ไปแก๎ไขปญ๓ หาอน่ื ของผ๎ูเรียน หรือนักศกึ ษาตามลาดบั กกกกกกก3. 3.2 3.2.4 ทาตามลาดบั ข้ัน ผเ๎ู รียนหรอื นกั ศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการเรมิ่ ต๎นทา จากเรอ่ื งหรอื งานที่ไดร๎ ับมอบหมายตามลาดับกอํ นหลัง ทตี่ ๎องสงํ อาจารยผ๑ ูส๎ อนกํอน เพื่อให๎สามารถ ปฏบิ ตั ิตามทีอ่ าจารย๑กาหนดไว๎ กกกกกกก3. 3.2 3.2.5 ภมู ิสงั คม ผเู๎ รียนหรือนักศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการคานึงถึงความ แตกตาํ งระหวาํ งบคุ คล ของเพือ่ นนกั ศึกษา ครูบาอาจารย๑ ที่มีสังคม วฒั นธรรม การหลํอหลอม ความคดิ กฎระเบยี บมาแตกตาํ งกนั เคารพความแตกตําง และปรบั ตวั ให๎เหมาะสมตามบรบิ ท กกกกกกก3. 3.2 3.2.6 องค๑รวม ผเ๎ู รยี นหรอื นกั ศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการเชื่อมโยง องคค๑ วามร๎ู จากวชิ าตาํ ง ๆ ที่เรยี นรู๎ ใหเ๎ ป็นองค๑รวมสมั พนั ธก๑ นั จะชํวยใหก๎ ารเรยี นร๎ูมมี ุมมองท่กี ว๎างขวาเงกดิ ความคิด ทีส่ รา๎ งสรรค๑ กกกกกกก3. 3.2 3.2.7 ไมตํ ดิ ตารา ผเู๎ รยี นหรอื นักศกึ ษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการ ไมํยึดตดิ กับ วชิ าการอยาํ งเดียว แตคํ วรผสมผสานกับความร๎ูปฏบิ ตั ิที่มอี ยํใู นชีวิตจรงิ หรอื วถิ ชี วี ติ กกกกกกก3. 3.2 3.2.8 ประหยัด เรยี บงําย ได๎ประโยชนส๑ ูงสุด ผเ๎ู รยี นหรอื นกั ศกึ ษาควรนอ๎ ม นา มาใช๎ ด๎วยการรู๎จักใช๎วสั ดุการศึกษาที่ประหยดั เรยี บงาํ ย ราคาถูก สามารถใช๎ประโยชนใ๑ นการศึกษา ไดส๎ ูงสุด กกกกกกก3. 3.2 3.2.9 ทาให๎งาํ ย ผูเ๎ รยี นหรอื นักศกึ ษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการวางแผนออกแบบ คน๎ หาวธิ กี ารดาเนินงาน หรือภารกจิ การเรยี นทไ่ี ด๎รับมอบหมายใหเ๎ ข๎าใจชัดเจน ใช๎ภาษาที่อํานงาํ ย พรอ๎ มที่จะให๎อาจารย๑ผสู๎ อนตรวจ กกกกกกก3. 3.2 3.2.10 การมีสวํ นรวม ผเู๎ รยี นหรอื นกั ศกึ ษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการ เปดิ โอกาส ให๎เพอื่ นนกั ศกึ ษาแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟง๓ ดว๎ ยความหนักแนํน ปราศจากอคติ แลว๎ นามาประยุกต๑ใช๎ หรือมสี วํ นรํวมในกจิ กรรมกบั เพอื่ นนักศกึ ษา หรือกับสถาบนั การศึกษาตามโอกาสอนั ควร กกกกกกก3. 3.2 3.2.11 ประโยชนส๑ ํวนรวํ ม ผ๎ูเรยี นหรอื นกั ศกึ ษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการ จะต๎องมีความเสียสละสํวนตนเพอ่ื ผลประโยชน๑สวํ นรวม หรือของกลุมํ เพ่อื นนกั ศึกษาท่ีทากจิ กรรม รวํ มกัน ให๎สาเรจ็ ลุลวํ ง ตลอดจนชํวยกนั รักษาผลประโยชน๑ หรอื ภาพลกั ษณข๑ องสถานศกึ ษาทีต่ นเอง ได๎มสี วํ นเรยี นรู๎ กกกกกกก3. 3.2 3.2.12 บรกิ ารรวมท่ีจุดเดยี ว ผ๎เู รียนหรอื นักศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการ ปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมในการ เรียน จากการท่ตี าํ งคนตาํ งทา มาสํูการประสานงาน กจิ กรรมทท่ี ากบั เพอื่ นท่ีเกยี่ วขอ๎ ง ซึ่งจะเหน็ ผลงานท่ชี ัดข้ึน กกกกกกก3. 3.2 3.2.13 ปลูกปาุ ในใจคน ผ๎เู รยี นหรือนกั ศกึ ษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการตอ๎ ง ชวํ ยกนั รณรงคใ๑ ห๎ทกุ ภาคสํวนเห็นความสาคัญของการอนุรกั ษ๑ธรรมชาตขิ องสง่ิ แวดลอ๎ ม

179 กกกกกกก3. 3.2 3.2.14 ขาดทุนคือกาไร ผู๎เรยี นหรือนักศึกษาคว รน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการคานึงถึง ผลประโยชน๑ของสถาบนั การศึกษา หรือกลํุมเพอื่ นนักศึกษา สํวนรวม มากกวําผลสาเร็จทีเ่ ปน็ ตวั เลข หรอื มีผลการเรียนทด่ี ี แตํผลงานกลํมุ ไมดํ ี หรอื สถาบนั การศึกษาเสียหายจากการกระทาของนักศกึ ษา บางคนทีม่ งุํ ประโยชน๑ตนเอง กกกกกกก3. 3.2 3.2.15 การพ่ึงตนเอง ผเ๎ู รียนหรอื นกั ศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการพัฒนาการ เรยี นของตนเองให๎สาเรจ็ ลุลวํ งดว๎ ยตนเอง มากกวํารอความชวํ ยเหลือจากเพ่อื นนักศกึ ษา หรอื ครู บาอาจารย๑ กกกกกกก3. 3.2 3.2.16 พออยูํพอกนิ ผ๎ูเรยี นหรอื นกั ศกึ ษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการ ดาเนินชวี ติ ขณะศกึ ษาเลาํ เรียนด๎วยความประหยดั เรียบงาํ ย ต๎องตระหนกั วําใชเ๎ งินของพํอแมํในการศกึ ษา กกกกกกก3. 3.2 3.2.17 เศรษฐกจิ พอเพยี ง ผเู๎ รยี นหรอื นกั ศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการเรยี นร๎ู ความรวู๎ ชิ า การ ควบคูกํ บั การเขา๎ รํวมกิจกรรม พฒั นาคุณธรรมทีส่ ถาบันการศึ กษาจดั ขึน้ ใชช๎ ีวติ การศึกษาแบบเรียบงําย ไมฟํ ุงู เฟูอ มีเหตุผล รจู๎ ักปฏิเสธเพือ่ นทจ่ี ะชักชวนเราไปในทางทผี่ ดิ กกกกกกก3. 3.2 3.2.18 ความซอื่ สตั ย๑ สุจรติ จรงิ ใจตํอกนั ผูเ๎ รียนหรือนักศกึ ษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการปฏบิ ัติภารกจิ การเรยี นดว๎ ยความซ่ือสัตย๑ สุจรติ ไมลํ อกการบา๎ นเพือ่ นมาสงํ อาจารย๑ผส๎ู อน ทาข๎อสอบดว๎ ยความสามารถ ไมลํ อกข๎อสอบของเพ่อื น หรือพูดแตํเรื่องทถ่ี กู ต๎อง ตรงไปตรงมา เปน็ ตน๎ กกกกกกก3. 3.2 3.2.19 ทางานอยาํ งมคี วามสุข ผูเ๎ รยี นหรือนกั ศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการ ตง้ั ใจศึกษาเลําเรยี นอยํางมคี วามสขุ ปฏบิ ตั ิงานท่ไี ดร๎ ับมอบหมายจากเพ่ือนนักศึกษา หรือครู ดว๎ ย ความรูส๎ กึ ท่มี คี วามสุขจะชวํ ยให๎การศกึ ษาสนุก และผลการเรียนดขี น้ึ ได๎ กกกกกกก3. 3.2 3.2.20 ความเพียร ผเู๎ รยี นหรอื นกั ศกึ ษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการ มงุํ มนั่ ต้งั ใจ เพียรพยายาม ศึกษาเลาํ เรียนในหลกั สูตรใหส๎ าเร็จ กกกกกกก3. 3.2 3.2.21 ร๎ู รัก สามคั คี ผเ๎ู รยี นหรือนกั ศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการต๎องมี ความร๎ใู นเร่อื งทีต่ นเองศกึ ษากํอน ทาดว๎ ยความรัก ในเรื่องทศี่ กึ ษา และทางานเป็นทีมดว๎ ยความ สามัคคี กกกกกกก3. 3.3 การนอ๎ มนาหลักการทรงงานมาใช๎ในอาชีพการงาน กกกกกกก3. 3.3 3.3.1 ศกึ ษาข๎อมลู อยาํ งเปน็ ระบบ ผ๎ปู ระกอบอาชีพการงาน ควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการทางานอยาํ งมีขั้นตอน เชํน มกี ารวางแผน การออกแบบ เมื่อเสร็จสิน้ แลว๎ มีการวิเคราะหผ๑ ล ประเมินผลแลว๎ พจิ ารณาหาวธิ กี ารแก๎ไขในงานที่ทา กกกกกกก3. 3.3 3.3.2 ระเบิดจากขา๎ งใน ผ๎ปู ระกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการ ต๎อง มงุํ ให๎ตนเอง และเพ่อื นรวํ มอาชีพ เหน็ คณุ คาํ และประโยชน๑ของการประกอบอาชีพรํวมกัน กกกกกกก3. 3.3 3.3.3 แกป๎ ๓ญหาทีจ่ ุดเล็ก ผปู๎ ระกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการ แก๎ไขปญ๓ หาเฉพาะหนา๎ ท่ีเกิดข้ึนเรงํ ดํวน และผป๎ู ระกอบอาชพี มีความสามารถในการแก๎ไขป๓ญหาน้ีได๎ ดว๎ ยตนเอง กกกกกกก3. 3.3 3.3.4 ทาตามลาดับขน้ั ผป๎ู ระกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ด๎วยการ วาง ลาดับขนั้ ของส่งิ ทจี่ ะต๎องทา แล๎วคอํ ย ๆ ลงมือทาไปทลี ะขน้ั ระหวาํ งทที่ าก็พจิ ารณาผลที่เกดิ ข้นึ วาํ เปน็ ไปตามทคี่ วรจะเปน็ หรอื ไมํ ถา๎ เปน็ ไปตามส่ิงที่คาดไว๎ก็ลงมือทาข้นั ถดั ไป ถา๎ ไมํเป็นดังท่ีคาดกต็ อ๎ ง

180 พิจารณาหาขอ๎ ผิดพลาด เพือ่ ที่จะเรียนรแ๎ู ละหาทางแก๎ไข โดยอาจมกี ารปรบั ขน้ั ตอนได๎ การทางาน อยาํ งเป็นระบบยํอมเกดิ ข้นึ ไดจ๎ ากคนทีค่ ิดสิ่งตําง ๆ อยํางเปน็ ระบบ กกกกกกก3. 3.3 3.3.5 ภมู สิ งั คม ผ๎ปู ระกอบอาชีพการงานควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการปรับตัวให๎เขา๎ กับเพอื่ นรวํ มอาชีพ หรอื เคารพความแตกตาํ งของเพือ่ นรวํ มอาชพี และผ๎ูรับบรกิ ารที่มาตดิ ตํอด๎วย กกกกกกก3. 3.3 3.3.6 องค๑รวม ผ๎ูประกอบอาชีพการงานควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วย การมองอยาํ งครบ วงจร คอื คิดตัง้ แตํเริ่มทางานอาชพี จนถงึ ผลผลิต ผลลพั ธ๑ และผลกระทบ ทห่ี ยงั่ คาดถงึ เหตุการณ๑ทจ่ี ะ เกิดข้นึ และแนวทางแกไ๎ ขอยํางเชอื่ มโยงกนั จากน้นั จงึ วางแผนงาน ให๎รดั กมุ ความรอบคอบ ลดการ สญู เสยี รายได๎ หรืออันตรายท่ีอาจจะเกดิ ขึน้ กับตนเอง หรือเพอื่ นรํวมอาชีพ กกกกกกก3. 3.3 3.3.7 ไมํตดิ ตารา ผู๎ประกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการท่ยี อมรบั เปดิ ใจกวา๎ ง ตอํ ความรป๎ู ฏิบัตใิ นอาชีพทม่ี ที าตอํ ๆ กนั มาหลายชํวงระยะเวลา และนาความร๎ูวิชาการ สมยั ใหมํ ผนวกเขา๎ ไปเสริมใหก๎ ารปฏบิ ัตหิ รือผลติ ผล หรอื ผลติ ภัณฑ๑ หรอื สนิ ค๎าของอาชีพน้นั มคี ุณภาพตรงกับความตอ๎ งการของผู๎รับบรกิ าร หรือผ๎ูบริโภค กกกกกกก3. 3.3 3.3.8 ประหยัด เรียบงําย ไดป๎ ระโยชน๑สูงสดุ ผปู๎ ระกอบอาชพี การงานควรนอ๎ ม นามาใช๎ ดว๎ ยการ ต๎องรจ๎ู ักใชท๎ รพั ยากร วตั ถุดบิ ในอาชีพ นน้ั อยาํ งฉลาด คือไมนํ ามาทํมุ เทใชใ๎ ห๎ ส้นิ เปลอื งไปโดยไรป๎ ระโยชน๑ หรอื ได๎รบั ประโยชน๑ไมคํ มุ๎ คํา หากแตํระมัดระวงั ใชด๎ ว๎ ยความประหยดั รอบคอบ กกกกกกก3. 3.3 3.3.9 ทาให๎งําย ผ๎ปู ระกอบอาชพี การงานควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการวางแผน ออกแบบ ผลิตภณั ฑ๑ หรือผลติ สนิ ค๎า หรือค๎นหา วธิ กี ารดาเนินงาน ผลิตสินค๎า ทม่ี ลี กั ษณะเรียบงาํ ย ไมํยุํงยากซับซ๎อน ใชเ๎ ทคโนโลยที เี่ รยี บงําย แตํได๎ผลผลิต หรือสนิ ค๎าที่มีคณุ ภาพจาหนาํ ยได๎ราคาทดี่ ี กกกกกกก3. 3.3 3.3.10 การมีสํวนรวํ ม ผูป๎ ระกอบอาชพี การงานควรนอ๎ มนามาใชด๎ ๎วยการเปิด โอกาสให๎ผ๎ูบรโิ ภค หรอื เพอื่ นรํวมงานได๎มโี อกาสแสดงความคดิ เหน็ ในการผลิตสินคา๎ หรอื ผลติ ภัณฑ๑ ท่มี ีคณุ ภาพตรงความต๎องการของผ๎ูบรโิ ภคเปน็ สาคัญ นอกจากน้ีในการผลิตสินคา๎ หรือผลิตภณั ฑ๑ จานวนมาก ต๎องอาศยั การมสี ํวนรวํ มของเพือ่ นรํวมอาชพี ทเ่ี ราควรใหค๎ วามสาคัญด๎วย กกกกกกก3. 3.3 3.3.11 ประโยชนส๑ วํ นรวม ผป๎ู ระกอบอาชพี การงานควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการ คานงึ ถึงผลประโยชน๑ของผู๎บริโภคเปน็ หลกั มากกวํา ประโยชนท๑ ี่ตนเองจะได๎รบั กกกกกกก3. 3.3 3.3.12 บริการรวมที่จุดเดียว ผู๎ประกอบอาชีพการงานควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการ นาเสนอตง้ั แตขํ น้ั ตอนการเตรียมวตั ถุดิบ กระบวนผลติ การใสบํ รรจุภณั ฑ๑ ให๎ผบ๎ู ริโภคได๎เหน็ เพอื่ เพิ่ม ความม่นั ใจ ในผลติ ภณั ฑท๑ ่สี ดสะอาด นําซ้อื ไปใช๎ หรอื เพ่อื การบริโภค กกกกกกก3. 3.3 3.3.13 ใช๎ธรรมชาติ ชวํ ยธรรมชาติ ผป๎ู ระกอบอาชีพการงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการใชว๎ ตั ถดุ ิบที่มาจากธรรมชาติ ในการผลิตสนิ ค๎า ใชส๎ ารทีม่ าจากธรรมชาติในการแก๎ไ ขกลิน่ สี ของผลติ ภณั ฑ๑ หรอื สินค๎าที่ประกอบอาชพี ใช๎พชื ผักสมนุ ไพร มาชวํ ยกาจัดศตั รพู ืช หรือดับกลิ่นทเ่ี กิด จากการประกอบอาชพี กกกกกกก3. 3.3 3.3.14 ปลกู ปาุ ในใจคน ผ๎ปู ระกอบอาชพี การงานควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการ ชวํ ยกันดูแลทรัพยากรปาุ ไมท๎ ่เี ป็นต๎นนา้ ลาธาร ใหผ๎ ๎ปู ระกอบอาชีพ และประชาชนทั่วไปได๎ใชเ๎ พ่อื การ บรโิ ภค และอปุ โภค

181 กกกกกกก3. 3.3 3.3.15 ขาดทุนคือกาไร ผู๎ประกอบอาชีพการงานควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการ คานึงถึงผลประโยชน๑ของผบู๎ รโิ ภค หรือผ๎ูรบั บริการสํวนรวมมากกวาํ ผลสาเรจ็ ท่เี ปน็ ตวั เลขผลกาไรที่ผู๎ ประกอบอาชีพจะไดร๎ ับ กกกกกกก3. 3.3 3.3.16 การพ่ึงตนเอง ผูป๎ ระกอบอาชพี การงานควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการผลติ สินคา๎ ทมี่ วี ตั ถุดบิ ทตี่ นเองผลิตไดม๎ ากทส่ี ดุ เพื่อลดการพ่ึงพาจากภายนอก หรอื ใหบ๎ ริการด๎วยตนเอง เพือ่ ลดการพ่ึงพาเพ่อื นรวํ มงานทอี่ าจจะต๎องจาํ ยคําใช๎จําย หรือคาํ ตอบแทนให๎ กกกกกกก3. 3.3 3.3.17 พออยูํพอกนิ ผ๎ูประกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการผลิต สนิ คา๎ ให๎ตนเองได๎ใชห๎ รอื บรโิ ภค เมื่อเหลอื จึงจาหนํ ายให๎มีรายได๎เพมิ่ เพ่ือดารงชีวิตแบบเรยี บงําย ประหยัด กกกกกกก3. 3.3 3.3.18 เศรษฐกจิ พอเพยี ง ผูป๎ ระกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วย การ ดาเนนิ ชวี ิตและประกอบอาชีพ ดว๎ ยการบรหิ ารความเสี่ยง มีการออมไว๎ใชใ๎ นยามจาเป็นฉกุ เฉิน มคี ณุ ธรรมในอาชพี มคี วามพอประมาณ คิดเป็น มคี วามร๎ู และพฒั นาความรูข๎ องตนเอง เพอ่ื ให๎อาชพี นน้ั มคี วามเขม๎ แข็ง และมั่นคง กกกกกกก3. 3.3 3.3.19 ความซื่อสตั ย๑ สุจริต จริงใจตํอกัน ผ๎ปู ระกอบอาชพี การงานควรนอ๎ ม นามาใช๎ ดว๎ ยการใชว๎ ตั ถดุ ิบ กระบวนการผลติ ทถี่ กู ต๎อง มีคณุ ภาพ ท่ซี อ่ื สัตย๑ตอํ ผบู๎ ริโภค หรอื ผร๎ู บั บริการ กกกกกกก3. 3.3 3.3.20 ทางานอยาํ งมคี วามสุข ผู๎ประกอบอาชพี การงานควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ย การในขณะทางานประกอบอาชพี ต๎องมคี วามสขุ ดว๎ ย หรอื จะทางานประกอบอาชพี โดยคานงึ ถงึ ความสุขทีผ่ ๎ูบริโภค หรอื ผ๎รู ับบริการไดร๎ ับมีความพึงพอใจในสนิ คา๎ หรือบริการ กกกกกกก3. 3.3 3.3.21 ความเพยี ร ผปู๎ ระกอบอาชพี การงานควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการมุงํ มั่น พากเพยี ร ประกอบอาชพี ใหส๎ าเรจ็ ลลุ ํวง เป็นทพ่ี ึงพอใจของผบู๎ ริโภค หรอื ผ๎ูรับบริการ กกกกกกก3. 3.3 3.3.22 ร๎ู รกั สามัคคี ผป๎ู ระกอบอาชีพการงานควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการตอ๎ งมี ความรู๎ในงานอาชีพท่ตี นเองทาเป็นอยํางดีกํอน ตํอจากน้นั ใหท๎ างานอาชพี ด๎วยความรักและเมอื่ ลงมอื ปฏบิ ตั ิ ถา๎ ทาคนเดยี วไมสํ าเรจ็ ก็ตอ๎ งใช๎เพอ่ื นรํวมอาชีพเขา๎ มาชํวยรํวมกันทาอยาํ งมีความสามัคคี กกกกกกก3. 3.4 การนอ๎ มนาหลักการทรงงานมาใช๎ในการพัฒนาชุมชน ทอ๎ งถน่ิ และสังคม กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ศกึ ษาข๎อมลู อยาํ งเป็นระบบ สมาชิกชมุ ชน ท๎องถน่ิ และสงั คม ควรนอ๎ ม นามาใช๎ ดว๎ ยการวางแผน เกบ็ รวบรวมข๎อมูล การออกแบบเกบ็ รวบรวมข๎อมลู วเิ คราะหข๑ ๎อมูล ประเมนิ ผลขอ๎ มูล แลว๎ คดิ หาวิธีการแก๎ไขในงานท่ีทา กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 ระเบดิ จากข๎างใน สมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถ่นิ และสังคม ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วย การสร๎างความเข๎มแขง็ ให๎คนในชุมชนทเ่ี ราเขา๎ ไปพัฒนา ให๎มสี ภาพพร๎อมท่ีจะรับการพัฒนาเสียกอํ น แล๎วจงึ คํอยออกมาสูสํ งั คมภายนอก มิใชํการนาเอาความเจริญหรือบคุ คลจากสัง คมภายนอกเข๎าไปหา ชมุ ชนหรอื หมูบํ า๎ นท่ยี ังไมํทนั ไดม๎ โี อกาสเตรยี มตวั หรือต้ังตวั กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 แกป๎ ญ๓ หาทจ่ี ดุ เล็ก สมาชกิ ชมุ ชน ทอ๎ งถนิ่ และสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการแก๎ไขป๓ญหาเฉพาะหน๎าเรงํ ดํวนกอํ น ซงึ่ เมอื่ ไดแ๎ กไ๎ ขจุดเล็ก ๆ ไดแ๎ ลว๎ จึงคํอย ๆ แก๎ไขปญ๓ หาอืน่ ตามลาดบั

182 กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 ทาตามลาดับขนั้ สมาชิกชมุ ชน ท๎องถิ่นและสังคม ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วย การเริม่ ทาจากความจาเปน็ กอํ น ส่ิงที่ขาดคือสิง่ ท่ีจาเป็น เชนํ ประชาชนต๎องแกป๎ ญ๓ หาเรอื่ งสขุ ภาพ กํอน จากน้ันกไ็ ปแก๎ทส่ี าธารณปู โภค แล๎วตอํ ดว๎ ยการประกอบอาชพี ถา๎ ทาเปน็ ขนั้ เป็นตอน กจ็ ะทาให๎ สาเร็จไดง๎ าํ ย เชนํ งานยาเสพติด รักษา สํงเสริม ฟนื้ ฟู กลบั อยํูในสังคมปกติ เป็นคนดีของ ชุมชน ทอ๎ งถ่ิน และสงั คม กกกกกกก3. 3.4 3.4.5 ภมู สิ งั คม สมาชกิ ชมุ ชน ท๎องถ่ินและสังคม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการ ทางานทกุ อยาํ ง ตอ๎ งคานึงถึงภมู ศิ าสตรว๑ าํ อยแํู ถบไหน อากาศเป็นอยาํ งไร ตดิ ชายแดน ติดทะเล และ สงั คมของเราเปน็ อยาํ งไร นับถือศาสนาอะไร คนนสิ ยั ใจคอเปน็ อยํางไร รวมไปถงึ พวกเรากันเองดว๎ ย ถา๎ ไมํรเู๎ ขา รู๎เราจะรบชนะไดอ๎ ยํางไร สั่งทาโครงการท่วั ประเทศไมํได๎ ต๎องดูเฉพาะพ้นื ท่ี กระทรวง สาธารณสขุ ออกแบบสถานอี นามัยเหมือนกนั กบั ชมุ ชน ท๎องถนิ่ และสงั คม บางครั้งก็ไมดํ ีนกั กกกกกกก3. 3.4 3.4.6 องคร๑ วม สมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถิ่นและสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการคดิ ความเช่อื มโยงมองเหตกุ ารณ๑ทเ่ี กดิ ขึ้น และคน๎ หาวธิ กี ารแก๎ไขเช่ือมโยงเป็นองค๑รวมครบวงจร กกกกกกก3. 3.4 3.4.7 ไมตํ ิดตารา สมาชิกชุมชน ทอ๎ งถน่ิ และสังคม ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการใช๎ ป๓ญญาในการนาไปใช๎แกป๎ ๓ญหา เมือ่ เกดิ ป๓ญหาก็ไมํโทษวาํ หรือเอาตาราใด ๆ มารับผิด หากแตใํ ช๎ สมรรถนะคดิ หาหนทางในการปรับตัวเพอื่ รับมอื กับปญ๓ หา ลดผลเสยี ทเี่ กิดขึน้ ใชก๎ ารรวํ มมอื เข๎ามา ชวํ ยใหส๎ ามารถฝาุ ฟ๓นกบั ป๓ญหาตํอไป แลว๎ แสวงหาความร๎ู ความคิดเห็น คาแนะนาตําง ๆ มาใช๎คิด ด๎วยศักยภาพของป๓ญญามนษุ ยจ๑ ะทาให๎ได๎พบคาตอบของป๓ญหาได๎ การพฒั นาจงึ มีการลงมอื ปฏิบตั ิ ด๎วยป๓ญญาทม่ี ลี ักษณะของความยดื หยุํน ไหลลน่ื และสอดคล๎องไปกบั วถิ ีทางในการบรรลุเปูาหมาย ของการพัฒนา คอื การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของประชาชนเพ่อื ความผาสุกของ ชุมชน ท๎องถน่ิ และ สังคม กกกกกกก3. 3.4 3.4.8 ประหยดั เรียบงาํ ย ได๎ประโยชน๑สูงสุด สมาชกิ ชุมชน ท๎องถิน่ และสังคม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการตอ๎ งร๎จู กั ใชท๎ รัพยากรน้นั อยาํ งฉลาด คือไมนํ ามาทํมุ เท ใชใ๎ หส๎ นิ้ เปลืองไป โดยไรป๎ ระโยชน๑ หรือไดป๎ ระโยชนไ๑ มคํ ุม๎ คํา หากแตรํ ะมดั ระวงั ใช๎ดว๎ ยความประหยัดรอบคอบ ประกอบ ดว๎ ยความคิดพิจารณาตามหลกั วชิ า เหตุผล และความถกู ต๎องเหมาะสม โดยมํุงประโยชน๑ แทจ๎ ริงท่ีจะเกิดกบั ชุมชน ท๎องถิ่นและสังคม กกกกกกก3. 3.4 3.4.9 ทาใหง๎ าํ ย สมาชกิ ชุมชน ท๎องถ่นิ และสงั คม ควรน๎อมนามาใชด๎ ๎วยการ วางแผน ออกแบบ ค๎นหาวธิ กี ารดาเนนิ งานที่มลี ักษณะเรียบงาํ ย ไมยํ ุํงยากซับซอ๎ น อาศัยการมีสวํ น รํวม ไมํติดตารา ยดึ ภมู ปิ ๓ญญาเดมิ ผสมเทคโนโลยใี หมํ กกกกกกก3. 3.4 3.4.10 การมสี ํวนรวํ ม สมาชิกชมุ ชน ท๎องถนิ่ และสังคม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ย การปฏบิ ัติภารกิจสวํ นรวม ทกุ คนควรเข๎าไปมสี ํวนรํวม รํวมคิด รํวมทา เพอ่ื ใหภ๎ ารกิจน้ันสาเร็จลลุ ํวง ถึงแมว๎ าํ บางครง้ั การคดิ ของแตลํ ะคนอาจจะไมํตรงกนั กต็ าม แตํเราตอ๎ งปฏิบตั ิตามถา๎ เปน็ มติ ความคิดเห็นของสํวนใหญํ กกกกกกก3. 3.4 3.4.11 ประโยชนส๑ ํวนรวม สมาชิกชมุ ชน ท๎องถ่นิ และสงั คม ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการที่ทุกคนมนี า้ ใจ ยอมรับความคิดเห็นของผอู๎ ่นื การแนะนาในสิง่ ทีเ่ ปน็ ประโยชน๑ โดยไมํหวงแหน แนะนาหลกั การดาเนินชวี ิต โดยอาศยั หลกั ธรรมและประสบการณ๑ ดว๎ ยความบริสทุ ธิใ์ จ การเสียสละ สขุ และผลประโยชนส๑ ํวนตน เพือ่ สุขและประโยชน๑สํวนรวม การเสยี สละส่ิงท่ไี มํเปน็ ประโยชนเ๑ ล็กน๎อย

183 เพอื่ ประโยชน๑ทีม่ ากกวาํ การสละประโยชนส๑ ํวนตนเพื่อชํวยเหลือ และหรอื ทาประโยชนใ๑ หแ๎ กบํ ุคคล อ่ืนหรือสงั คม โดยการสละกาลงั กาย ทรัพยส๑ ่งิ ของ สตปิ ๓ญญา เวลา และความสุขสบายสวํ นตวั ซ่งึ เปน็ สวํ นสาคญั ในการสํงเสริมการมจี ติ สาธารณะ โดยสํงเสริมการรวมกลมํุ เพ่อื ทากจิ กรรมตาํ ง ๆ ท่เี กดิ จาก ความรกั และเออื้ อาทรตํอกัน สํงเสรมิ ความคดิ ท่จี ะแจกจํายแบงํ ปน๓ ให๎ผ๎อู ื่ น ซ่งึ จะทาใหไ๎ ด๎เพื่อน และเกิดเปน็ วัฒนธรรมทดี่ ที ่ีจะชํวยลดความเหน็ แกตํ วั และสรา๎ งความพอเพียงใหเ๎ กิดขนึ้ ในจิตใจ กกกกกกก3. 3.4 3.4.12 บรกิ ารรวมท่ีจดุ เดยี ว สมาชกิ ชมุ ชน ท๎องถิน่ และสงั คม ควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการที่มีพลเมอื งหลากหลายอาชพี ซ่งึ มคี วามรู๎และประสบการณ๑ท่ีแตกตาํ งกนั การรํวมกนั แก๎ไข ป๓ญหาหรือการบริการรวํ มกนั ณ จุดเดียวกนั เพ่ือใหส๎ มาชิกในสังคมไดร๎ บั บรกิ ารเบด็ เสรจ็ กกกกกกก3. 3.4 3.4.13 ใช๎ธรรมชาติ ชวํ ยธรรมชาติ สมาชกิ ชุมชน ท๎องถน่ิ และสงั คม ควรนอ๎ ม นามาใช๎ ดว๎ ยการควรนอ๎ มนามาใช๎ในการดแู ล ทรัพยากรธรรมชาติปุาไม๎ ใหข๎ ้นึ เองตามธรรมชาติ ไมํไป บุกรกุ ทาลายปุากจ็ ะทาให๎มีปุา ซึ่งเปน็ ต๎นน้าใหก๎ ับชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ และสงั คม ใช๎ในการบริโภค อปุ โภค กกกกกกก3. 3.4 3.4.14 ใช๎อธรรมปราบอธรรม สมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถิ่นและสังคม ควรนอ๎ ม นามาใช๎ในการพฒั นาสิง่ แวดลอ๎ มอาจต๎องใชส๎ ่ิงที่มอี ยทํู ่ไี มํเป็นประโยชนต๑ อํ ชมุ ชน มาจดั การกบั สงิ่ ทไี่ มํ เป็นประโยชน๑ พบเห็นอยูใํ นชุมชน เชํน ใช๎ผกั ตบชวากาจดั น้าเสียในชมุ ชน กกกกกกก3. 3.4 3.4.15 ปลกู ปาุ ในใจคน สมาชิกชุมชน ทอ๎ งถ่นิ และสังคม ควรนอ๎ มนามาใช๎ด๎วย การปลูกจติ สานกึ ให๎สมาชิกชุมชน ท๎องถ่นิ และสงั คม รักและหวงแหนส่งิ นน้ั กํอนแล๎วพวกเขาจะหัน กลบั มาดูแลสิง่ นน้ั ดว๎ ยตนเอง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาตปิ ุาไม๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.16 ขาดทนุ คือกาไร สมาชกิ ชมุ ชน ทอ๎ งถ่นิ และสังคม ควรน๎อมนามาใช๎ด๎วย การเสียสละผลประโยชน๑ทีต่ นเองจะได๎รบั ใหก๎ บั สํวนรวมแทน เพราะเมือ่ สวํ นรวมไดร๎ ับผลประโยชนน๑ ้ี เราในฐานะเปน็ สํวนหนึง่ ของสมาชกิ สังคมก็ไดร๎ บั ผลประโยชนด๑ ว๎ ย กกกกกกก3. 3.4 3.4.17 การพ่งึ ตนเอง สมาชกิ ชมุ ชน ทอ๎ งถ่นิ และสงั คม ควรน๎อมนามาใช๎ดว๎ ยการ พยายามพ่งึ ตนเองให๎มากทีส่ ดุ ลดการพงึ่ พาภายนอกจะทาให๎สามารถแก๎ไขป๓ญหาของชมุ ชน ท๎องถน่ิ และสังคมในเบื้องต๎นได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.18 พออยพํู อกนิ สมาชิกชุมชน ท๎องถิ่นและสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการ ผลิตสินค๎าทางการเกษตร ใหพ๎ อกินในครวั เรอื นของสมาชกิ ชุมชนกํอน ทเ่ี หลอื จงึ จาหนาํ ยให๎มีรายได๎ ดาเนินชีวติ ได๎ แล๎วจึงคอํ ยขยบั ขยาย ดว๎ ยการรวมกลุํมจาหนําย ตํอรอง ขายไดใ๎ นราคาทสี่ งู ขน้ึ กกกกกกก3. 3.4 3.4.19 เศรษฐกจิ พอเพียง สมาชกิ ชุมชน ท๎องถน่ิ และสงั คม ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการดารงอยํู และปฏิบตั ติ นของประชาชนในทุกระดบั ต้ังแตํระดับครอบครัว ระดบั ชุมชน จนถึง ระดับรัฐ ทงั้ ในการพฒั นาและบริหารประเทศให๎ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการ พฒั นา เศรษฐกิจเพือ่ ให๎ก๎าวทนั ตํอโลกยุคโลกาภิวัฒน๑ กกกกกกก3. 3.4 3.4.20 ความซ่อื สัตยส๑ จุ ริต จรงิ ใจตํอกัน สมาชกิ ชมุ ชน ท๎องถน่ิ และสังคม ควร น๎อมนามาใช๎ ดว๎ ย การปฏบิ ตั ิตนทางกาย วาจา จิตใจทต่ี รงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกง ไมํหลอกลวง ไมํเอาเปรียบผอ๎ู ื่น ล่ันวาจาวาํ จะทางานสิ่งใดก็ตอ๎ งทาใหส๎ าเร็จเปน็ อยํางดี ไมกํ ลับกลอก มีความจรงิ ใจตํอทุกคนจนเปน็ ที่ไว๎วางใจของคนทกุ คน

184 กกกกกกก3. 3.4 3.4.21 ทางานอยาํ งมคี วามสุข สมาชกิ ชมุ ชน ท๎องถ่นิ และสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการขณะทางานตอ๎ งมคี วามสุขดว๎ ย ถ๎าเราทาอยํางไมํมีความสขุ เราจะแพ๎ แตํถ๎าเรามคี วามสขุ เรา จะชนะ สนุกกับการทางานเพียงเทาํ นั้น ถอื วําเราชนะแลว๎ หรือจะทางานโดยคานงึ ถึงความสุขท่เี กิด จากการไดท๎ าประโยชนใ๑ ห๎ผ๎ูอนื่ ในชุมชน ท๎องถนิ่ และสงั คมก็สามารถทาได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.22 ความเพยี ร สมาชิกชุมชน ท๎องถนิ่ และสงั คม ควรน๎อมนามาใช๎ดว๎ ยการ เริ่มตน๎ ทางาน หรอื ทาสิ่ งใดนั้นอาจ ไมมํ ี ความพรอ๎ ม แตํต๎องอาศัยความอดทนและความมํุงมน่ั เพยี รพยายาม ใหง๎ านน้นั สาเรจ็ ลุลวํ งไปได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.23 ร๎ู รกั สามัคคี สมาชิกชมุ ชน ท๎องถิน่ และสงั คม ควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการ ตอ๎ งมคี วามร๎ใู นงานทตี่ นเองทาเปน็ อยํางดีกอํ น ตอํ จากนั้นให๎ทางานด๎วยความรัก และเมอ่ื ลงมือปฏบิ ตั ิ ถ๎าทาคนเดียวไมํสาเร็จกต็ อ๎ งใช๎บคุ คลอืน่ ในชมุ ชน ท๎องถิน่ และสงั คม มาชํวยทารํวมกนั อยํางมี ความสามคั คี การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ กกกกกกก1. กาหนดประเดน็ การศกึ ษาคน๎ คว๎ารํวมกนั จากสื่อการเรยี นรูท๎ ห่ี ลากหลาย กกกกกกก2. บันทึกผลการศกึ ษาค๎นคว๎าลงในเอกสารการเรยี นรูด๎ ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก3. พบกลมุํ กกกกกกก4. อภปิ รายแลกเปล่ียนเรยี นร๎ู กกกกกกก5. วิเคราะหข๑ อ๎ มูลท่ไี ด๎ และสรปุ การเรยี นร๎ูรวํ มกนั บันทึก สรุปการเรยี นร๎ใู นเอกสาร การเรียนรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก6. นาสรปุ ผลการเรียนร๎ดู ๎วยทศพธิ ราชธรรม ตามพระราชดารสั และหลักการทรงงาน ทีไ่ ด๎ ไปทดลองปฏิบัติจรงิ ในชีวิตประจาวนั กกกกกกก7. เขียนเอกสารรายงานผลการนาหนา๎ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 จรงิ ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม ตามพระราชดารสั และตามหลักการทรงงาน สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้ กกกกกกก1. ส่อื เอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ใบความรู๎ เรอ่ื งท่ี 7 หลกั การทรงงานในศูนยศ๑ กึ ษาการพัฒนา ห๎วยทรายอันเนอื่ ง มาจากพระราชดาริ จังหวัดเพชรบุรี กกกกกกก1. 1.2 ใบงาน หัวเร่อื งท่ี 7 การประยกุ ตใ๑ ชห๎ น๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาล ท่ี 9 ในชีวิตประจาวัน กกกกกกก1. 1.3 หนงั สอื เรยี น สาระการพฒั นาสังคม รายวชิ า สค23088 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอย พระยุคลบาทรัชกาลท่เี ก๎า 2 กกกกกกก1. 1.4 ชื่อหนังสอื พระราชดารสั ตรัสเลํา ผแู๎ ตํง พวงรตั น๑ วิเวกกานนท๑ ปีท่พี มิ พ๑ ม .ป.ป. สานกั พมิ พ๑ประสานมติ ร จากัด

185 กกกกกกก1. 1.5 ช่ือหนงั สอื คาพอํ สอน : ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดารัสเก่ยี วกับเด็ก และเยาวชน ผแู๎ ตํง มลู นธิ โิ ตโยตา๎ ประเทศไทยและมูลนิธิพระดาบส ปีที่พิมพ๑ พ.ศ. 2550 สานกั พิมพ๑ กรุงเทพ กกกกกกก1. 1.6 ช่อื หนังสอื คาพอํ สอน : ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดารัสเกยี่ วกับ ความสุขในการดาเนินชวี ิต ผแ๎ู ตํง สานกั งานกองทนุ สนับสนุนการสร๎างเสริมและ มลู นธิ ิสดศร–ี สฤษด์วิ งศ๑ ปที ีพ่ ิมพ๑ พ.ศ.2550 สานักพมิ พก๑ รุงเทพ กกกกกกก2. สื่ออเิ ลก็ ทรอนกิ ส๑ ไดแ๎ กํ กกกกกกก2. 2.1 ช่ือบทความ บนั ทกึ ตามรอย 84 ตามคาสอนพอํ ผแู๎ ตํง สานักพิมพ๑เนช่นั บ๏ุค สบื คน๎ จาก https://books.google.co.th/books?id=true กกกกกกก2. 2.2 ชอื่ บทความ 69 พระราชดารัสในหลวง ครองแผนํ ดนิ โดยธรรม ผูแ๎ ตํง ดร.จนิ ตนนั ท๑ ชญาตร๑ ศภุ มิตร สบื คน๎ จาก http://www.thaimonarch.org/?p=429 กกกกกกก2. 2.3 ช่ือบทความ “ 9 พระบรมราโชวาทและพระราชดารัส ” ผ๎ูแตงํ มารุต ชุํมขุนทด สืบค๎นจาก https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1477557926 กกกกกกก3. สือ่ บุคคลและภมู ิปญ๓ ญา ได๎แกํ กกกกกกก2. 3.1 เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ีขนั ธ๑ กกกกกกก3. 3.2 เจา๎ คณะตาบลตาํ ง ๆ ในอาเภอเมืองประจวบครี ขี นั ธ๑ กกกกกกก2. 3.3 นายกฤษฏา นุตะโร วิทยากรชมรมคนรักในหลวงจงั หวดั ประจวบครี ีขันธ๑ ก กกกกกกก4. สอื่ แหลงํ เรียนร๎ใู นชมุ ชน ไดแ๎ กํ กกกกกกก2. 4.1 หอ๎ งสมดุ ประชาชนจังหวดั ประจวบคีรขี ันธ๑ กกกกกกก2. 4.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแหงํ และศนู ย๑การเรยี นชุมชน ในอาเภอเมอื ง ประจวบครี ีขนั ธ๑ การวัดและประเมนิ ผล กกกกกกก1. ประเมนิ ความกา๎ วหนา๎ ดว๎ ยวธิ ีการ กกกกกกก1. 1.1 การสงั เกต กกกกกกก1. 1.2 การซกั ถาม และตอบคาถาม กกกกกกก1. 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก1. 1.4 เอกสารรายงานผลการปฏบิ ตั หิ น๎าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่ 9 จริง ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม ตามพระราชดารัส และตามหลกั การทรงงาน กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ดว๎ ยวธิ ีการ กกกกกกก2. 2.1 ตอบแบบทดสอบวัดความร๎ู หวั เรือ่ งที่ 7 การประยุกตใ๑ ชห๎ น๎าที่พลเมอื งตามรอย พระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 ในชีวติ ประจาวนั จานวน 10 ขอ๎ กกกกกกก2. 2.2 ตอบแบบสอบถามวดั ทักษะการนาไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั กกกกกกก2. 2.3 ตอบแบบสอบถามวดั เจตคตติ อํ วชิ าหนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลทเ่ี ก๎า 2

186 บรรณานุกรม

187 บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2539). พระราชกรณยี กจิ พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยูํหัว. กกกกกกกกรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์คุรุสภาลาดพรา๎ ว. กลุํมงานผลติ เอกสาร สานกั ประชาสัมพันธ์ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผูแ๎ ทนราษฎร. (2556). กกกกกกกสิทธิเสรภี าพ และหนา๎ ทขี่ องพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย. กรุงเทพมหานคร : กกกกกกกโรงพมิ พ์สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผ๎แู ทนราษฎร. คณะอาจารย์ กศน. (2548). คูมํ อื การเรยี นรสู๎ าระการเรยี นรู๎หมวดวิชาพัฒนาสังคมและชุมชน กกกกกกกระดบั ประถมศกึ ษา. โรงพิมพไ์ ผํ มเี ดยี เซน็ เตอร์. คานณู สทิ ธิสมาน. (2542). ทฤษฎีใหมํในหลวง ชวี ติ ทพี่ อเพียง. กรุงเทพมหานคร : กกกกกกกโรงพมิ พ์รวํ มด๎วยชวํ ยกนั . จารุนนั ท์ อ้งึ ภาภรณ์. (ม.ป.ป.). ในหลวงกบั เดก็ และเยาวชน. กรุงเทพมหานคร : ม.ป.พ. ชสู ิทธิ์ ชชู าต.ิ (2553). โครงการหลวงพระราชกรณียกิจนวมนิ ทรมหาราชาเพื่อปวงประชาราษฎร กกกกกกกเชยี งใหมํ : โรงพมิ พ์วนิดาการพิมพ์. ชสู ทิ ธิ์ ชูชาต.ิ (2554). หลักการทรงงานตามรอยพระยุคลบาท. เชยี งใหมํ : โรงพิมพว์ นดิ าการพมิ พ์. ทองตํอ กล๎วยไม๎ ณ อยธุ ยา. (2535). ทศพธิ ราชธรรม. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์พบั ลคิ เนสพร้นิ ท.์ พรหมมาตร์ ชายสิม. (2554). 84 คาสอนของพํอ. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์คิดด.ี พระภิกษปุ รชั ญา. (2539). พระราชประวตั ิ พระราชกรณยี กิจ พระราชธรรม พระบาทสมเดจ็ พระกกก กกกกกกกเจ๎าอยํูหวั ภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ธรรมสภา. พุทธทาส. (2559). โชคดีมโี อกาสไดต๎ ามรอยพระยุคบาทโดย ทศพิธราชธรรม. กรงุ เทพมหานคร : กกกกกก โรงพมิ พ์อมรินทร์พริ้นติง้ แอนด์พบั ลิชชง่ิ จากดั . พุทธทาสภกิ ข.ุ (ม.ป.ป.). เราจะครองแผํนดนิ โดยธรรมตามรอยพระยุคลบาทด๎วยทศพธิ ราชธรรม. กกกกกกกกรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ธรรมสภา. มลู นธิ ชิ ยั พฒั นา. (ม.ป.ป.). ตามรอยเบ้ืองพระยคุ ลบาทดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม และหลักการทรงงาน กกกกกกกจัดพมิ พเ์ ผยแพรเํ พ่ือเฉลิมพระเกียรติเน่ืองในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระ กกกกกกกชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธนั วาคม 2550. กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.พ. มูลนธิ ิโตโยต๎าประเทศไทยและมลู นิธิพระดาบส. (2543). ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชกก กกกกกกกดารัสเกี่ยวกบั เด็กและเยาวชน. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์กรงุ เทพฯ. ราชบัณฑติ ยสถาน. (2556). พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลิมพระเกียรติ กกกกกกกพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหูํ ัวเน่ืองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา กกกกกกก7 รอบ 5 ธันวาคม 2554. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พศ์ ิรวิ ัฒนา อินเตอร์พริ้นต์จากัด. สถาบนั บันลือธรรม. (2551). 209 คาสอนพอ เศรษฐกิจพอเพยี ง. กรุงเทพมหานคร : กกกกกกกโรงพมิ พ์ธรรมสถานศนู ย์หนงั สอื พระพทุ ธศาสนา. สมพร เทพสิทธา. (2546). การเดนิ ทางตามรอยพระยุคลบาท เศรษฐกิจพอเพียง ชวํ ยแก๎ปญั หาความ กกกกกกกยากจนและการทุจริต. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ศรีเมอื งการพิมพ.์

188 สมบัติ จาปาเงิน. (ม.ป.ป.). รชั กาลท่ี 9 พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยํูหัวภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช. กกกกกกก กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์เอกพมิ พไ์ ทย. สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สวุ ฑฒฺ โน). (2550). ทศพธิ ราชธรรม ของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหูํ ัว. กกกกกกก กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์กระทรวงวัฒนธรรม. สิทธา มชี อบธรรม. (2547). หนงั สอื เรยี นพฒั นาสงั คมและชมุ ชน ระดบั ประถมศึกษา. กกกกกกกกรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพป์ ยิ มิตร. สานักงานกองทุนสนับสนนุ การสรา๎ งเสรมิ สขุ ภาพ. (2549). 9 ตามยาํ งรอยเทา๎ พอํ คูํมอื สร๎างแรง กกกกกกกบันดาลใจ จากในหลวง ถงึ เยาวชน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพส์ านกั งาน กกกกกกกกองทุนสนบั สนนุ การสร๎างเสริมสขุ ภาพ สานกั งานกองทุนสนับสนุนการสรา๎ งเสรมิ สขุ ภาพ และมลู นิธิสดศรี-สฤษดว์ิ งศ์. (2550). คาพํอสอน. กกกกกกกพมิ พ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์กรุงเทพฯ. สานกั งานพัฒนาสังคม. (2549). ชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดาริ. กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.พ. สานกั งานสํงเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. (2559). หนังสอื เรียนรายวิชา กกกกกกกศาสนาและหน๎าท่ีพลเมอื งระดบั ประถมศึกษา. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พป์ ิยมติ ร. สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหํงชาติ. (ม.ป.ป.). เรียนรห๎ู ลักการทรงงาน กกกกกกกในพระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยหูํ วั . กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพส์ านกั งานคณะกรรมการ กกกกกกกพฒั นาการเศรษฐกิจ สานักสงํ เสริมกจิ การการศึกษา สานักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (ม.ป.ป.). โครงการเรยี นร๎ูตามรอย กกกกกกกพระยุคลบาท. กรุงเทพมหานคร : ม.ป.พ. อธิบดกี รมการปกครอง. (2553). เย็นศิระเพราะพระบรบิ าล. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์อาสารัก กกกกกกกดนิ แดน ความหมายของคนดี. ผ๎ูเขียน ทักษ์ดนยั สรอ๎ ยคา Retired from กกกกกกกสบื คน๎ จาก http:// www.gotoknow.org2posts2244587 กกกกกกกวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560. บันทึกตามรอย 84 ตามคาสอนพํอ.สานักพิมพ์เนชั่นบค๏ุ กกกกกกกสืบคน๎ จาก https://books.google.co.th/books?id= true กกกกกกกวันท่ี 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560. พระราชกรณียกจิ ด๎านความสัมพนั ธร์ ะหวํางประเทศ. ผเ๎ู ขียน News Chaopraya. กกกกกกกสืบค๎นจาก http://www.News Chaopraya.com กกกกกกกวันท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 พลเมือง ชื่อผู๎เขียน สานกั งานราชบัณฑติ ยสภา กกกกกกกสบื ค๎นจาก http://www.royin.go.th/?knowledges กกกกกกกวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560. พลเมืองดีของประเทศชาติและสงั คมโลก ผ๎เู ขียน พมิ พ์ พมิ พ์นภัทร กกกกกกกสบื คน๎ จาก https://www.academia.edu/8265830 กกกกกกกวันท่ี 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560.

189 พลเมอื งดตี ามวิถีประชาธิปไตย. ผ๎เู ขยี น ปณิตา ปตตาทานัง Retired from กกกกกกกสบื คน๎ จาก http://www.thistudyfocas.com/สังคมศึกษา/หน๎าทีพ่ ลเมือง กกกกกกกวนั ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 โครงการพัฒนาในตํางประเทศ. ผเู๎ ขยี น มลู นธิ ิแมฟํ ูาหลวง. กกกกกกกสืบคน๎ จาก http://www.maefahluang.org/indax.php กกกกกกกวันท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 โครงการในพระราชดาริ. ผ๎เู ขียน มูลนิธิแมํฟาู หลวง. กกกกกกกสบื คน๎ จาก http://www.thaisavannaket.com กกกกกกกวนั ท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 “ ศาสตรพ์ ระราชา” แผไํ พศาล ตามรอยเสน๎ ทางพัฒนาใน “ เยนนั ซอง ”. ผ๎เู ขียน ไทยรฐั . กกกกกกกสบื คน๎ จาก http://www.thairath.co.th กกกกกกกวนั ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

190 ภาคผนวก