Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตร หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

หลักสูตร หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Description: หลักสูตรรายวิชา สค23088 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Search

Read the Text Version

241 กกกกกกก1. 1. ให๎ศกึ ษา ทดลองการปลูกหญา๎ แฝกเพื่อปูองกนั การพังทลายของดินในพ้นื ทีข่ อง ศนู ยศ์ ึกษาการ พัฒนาและพื้นท่ีอืน่ ๆ ท่ีเหมาะสมอยํางกว๎างขวาง โดยเฉพาะศูนย์ศึกษาการพฒั นา หว๎ ยทรายอันเนื่องมาจาก พระราชดาริ และศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ๎อนเนื่องมาจากพระราชดาริ กกกกกกก1. 2. การดาเนนิ การศึกษาทดลองการปลูกหญ๎าแฝกให๎พิจารณาลกั ษณะของภมู ิประเทศ ซง่ึ แบํงได๎ 2 ลักษณะของพนื้ ที่ ดงั นี้ กกกกกกก1. 2. 2.1 การปลกู หญา๎ แฝกบนพ้นื ท่ภี เู ขาให๎ปลกู หญ๎าแฝกตามแนวขวางของความลาด ชนั และ ในรอํ งน้าภูเขา เพ่ือปูองกนั การพังทลายของหน๎าดิน และชวํ ยเกบ็ ความชืน้ ในดนิ ไว๎ด๎วย กกกกกกก1. 2. 2.2 การปลูกหญา๎ แฝกบนพนื้ ทรี่ าบให๎ดาเนินการในลกั ษณะดงั น้ี กกกกกกก1. 2. 2.2 2.2.1 ป ลกู โดยรอบแปลง กกกกกกก1. 2. 2.2 2.2.2 ปลกู ในแปลงๆ ละ 1 หรือ 2 แนว 3 สาหรบั แปลงพชื ไรใํ ห๎ปลูกตามรอํ ง สลบั กบั พชื ไรํ กกกกกกก1. 2. 2.2 2.2.3 ผลของการศกึ ษาทดลอง ควรเกบ็ ข๎อมลู ท้งั ทางดา๎ นการเจรญิ เติบโตของ ลาตน๎ และราก ความสามารถ ในการอนุรักษ์ ความสมบูรณ์ของดนิ และการเกบ็ ความช้ืนในดนิ และ เรอื่ งพันธห์ุ ญ๎าตํางๆ ดว๎ ย กกกกกกก1. วนั ท่ี 5 กรกฎาคม 2534 พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยูหํ ัว พระราชทานพระราชดาริ การ อนุรกั ษห์ น๎าดนิ ด๎วยวิธีทางธรรมชาติ สรปุ ไดด๎ ังนี้ กกกกกกก1. 1. ศกึ ษาวิธีการอนุรกั ษห์ นา๎ ดินโดยวธิ ีธรรมชาติมานานแล๎ว และได๎เห็นวธิ ีการผิด ๆ ในแตํละพน้ื ที่ ซึ่งมกั จะเปดิ หน๎าดิน (ปอกเปลือก) เปลอื ยดนิ แลว๎ ทาการเกษตร ตัวอยํางในศนู ยฯ์ หว๎ ยทรายทท่ี าการ ยกรํองพรวนดนิ ซง่ึ ยงั ถือวาํ เปน็ วิธกี ารท่ีผดิ ธรรมชาติซ่ึงจะเกดิ ปัญหาในอนาคต จงึ ทรงแนะนาใหศ๎ นู ย์ฯ หว๎ ยทราย ทาการเกษตรอยาํ งไมํทาลายธรรมชาติ เชนํ การไมไํ ถพรวนเปิด หนา๎ ดนิ (ปอกเปลือก) เปลือยดิน เป็นตน๎ โดยใหท๎ ุกโครงการในศนู ย์ฯ ห๎วยทรายทาเปน็ ตัวอยํางแลว๎ หาทางแนะนาให๎ราษฎรทาตามตอํ ไป กกกกกกก 2. ศกึ ษาเอกสารของธนาคารโลก เกย่ี วกับการอนรุ ักษห์ น๎าดินดว๎ ยหญา๎ แฝก จงึ ให๎ ศนู ยฯ์ ห๎วยทราย ทาการศึกษาทดลองปลกู หญ๎าเพื่ออนุรักษ์หน๎าดิน โดยปลูกและขยายพันธุ์หญ๎าแฝก ในพ้ืนที่รูปแบบตํางๆ เชํน ขอบรํองน้า แปลงมะมํวงหิมพานต์ บริเวณท่ีลาดชัน หรือตามรํองน้า ธรรมชาติ นาหินไปก้ันเป็นฝายเล็กๆ แล๎วปลูกหญ๎าแฝกด๎านหน๎าหรือในพ้ืนท่ีทาการเกษตร เชํน แปลงปลูกข๎าวโพด เป็นต๎น ท้ังนี้ ให๎บันทึกภาพ กํอนดาเนินการและหลังดาเนินการไว๎เป็นหลักฐาน และให๎ทุกโครงการในศูนย์ฯ ห๎วยทรายทาเป็นตัวอยําง การเผาถําน ให๎ดาเนินการศึกษาทดลอง การเผาถาํ นโดยใช๎ไมโ๎ ตเรว็ ประเภทตาํ งๆ ทป่ี ลูกในศนู ยฯ์ และรวบรวมข๎อมลู ไว๎ 2 ดา๎ น คอื กกกกกกก1. 1. ขอ๎ มูลดา๎ นการลงทุนปลกู ไม๎โตเร็ว และรายไดจ๎ ากการจาหนาํ ยถําน กกกกกกก1. 2. ข๎อมูลทางวิชาการเกี่ยวกบั ความรอ๎ นท่ไี ด๎จากถํานไมป๎ ระเภทตาํ งๆ ของแตํละพื้นท่ี นอกจากนี้ ถ๎าจะทดลองหาข๎อมูลการปลูกอ๎อยเพื่อทาแอลกอฮอล์ด๎วยก็ได๎ เพ่ือเปรียบเทียบกับการ เผาถํานวําอยํางไหนจะเป็นไปได๎ในเชิงธุรกิจมากกวํากัน ควรทาเพื่อใช๎ในภาคธุรกิจการทํองเที่ยว เทํานั้นจึงจะคุ๎ม หากนาไปใช๎ทางการเกษตรนําจะมีปัญหา คําจัดการในระยะยาวและจะไมํคุ๎มคํา นอกจากน้ี ยังจะต๎องคานึงถึงผลกระทบตํอสภาพแวดล๎อมอีกด๎วย ศูนย์ฯ ห๎วยทรายไมํควรจัดทาเอง แตคํ วรแนะนาภาคธุรกิจดาเนนิ การเองในขนาดเลก็

242 กกกกกกก1. วันที่ 22 กรกฎาคม 2535 พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยหํู ัว พระราชทานพระราชดาริ การจัดหาแหลํงน้าเพิ่มเติม สรุปไดด๎ งั นี้ กกกกกกก1. เนือ่ งจากปริมาณน้าในอํางเก็บน้าหว๎ ยทรายมีน๎อย แตอํ ํางฯ นี้สามารถเก็บ กกั นา้ ได๎ มาก จงึ ควรพจิ ารณาจัดหาน้าจากแหลงํ อน่ื ๆ มาเกบ็ ไวใ๎ นอาํ งๆ ห๎วยทราย โดยให๎กรมชลประทาน รํวมกบั กรมแผนท่ีทหาร (พนั เอกโสมนสั เอย่ี มสรรพางค์) เพ่ือพิจารณาพ้ืนทีต่ ํางๆ ดงั น้ี กกกกกกก1. 1. พจิ ารณาวางแนวทํอสํงนา้ จากอํางเก็บนา้ หว๎ ยตะแปดมายังอํางเกบ็ นา้ ห๎วยทรายใน กรณที ่รี ะดบั ความสูงไมํพอที่นา้ จะไหลมาเองได๎ ก็ควรพจิ ารณาติดต้ังเครือ่ งสูบน้าตามความเหมาะสม ซงึ่ ถา๎ ทาไดจ๎ ะเป็น ตวั อยํางท่ีนาํ ดูมาก กกกกกกก1. 2. พิจารณาจดั สรา๎ งแหลงํ น้าเพ่ิมเตมิ ในพ้ืนทีท่ ี่อยูํสูงกวําอํางเก็บน้าหว๎ ยตะแปดและ อํางเก็บน้าห๎วยทราย เพอื่ เกบ็ น้าสารองไวเ๎ ติมใหแ๎ กํอาํ งฯ หว๎ ยทราย ควรพิจารณานาตารวจท่ี ฝึกอบรมอยํใู นคํายพระราม 6 ออกไปชวํ ยทางานพฒั นาในศูนยศ์ กึ ษาการพฒั นา ห๎วยทรายฯ เพื่อให๎ ตารวจได๎เรยี นร๎ู และนาความร๎ไู ปชํวยเหลือประชาชนในพน้ื ทีอ่ นื่ ๆ ตํอไป กกกกกกก1. วนั ที่ 6 สงิ หาคม 2539 พระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยํหู ัว พระราชทานพระราชดาริ สรุปไดด๎ ังนี้ กกกกกกก1. 1. ต๎นยคู าลิปตัสให๎ปลกู ในท่ีที่ปลกู อะไรไมํได๎ ถ๎าปลกู ตน๎ ไมอ๎ นื่ ได๎ ก็ไมํควรปลูก ยูคาลิปตัส และนามา ใชท๎ าฟืน เผาถําน ถา๎ ปลกู ไว๎หลายปีทาไสไ๎ มไ๎ ด๎ กกกกกกก1. 2. ให๎ทาเตาเผาถํานโดยออกทุนคาํ เตาเผาให๎ชาวบ๎าน เก็บเงินคาํ เผาถาํ นจากชาวบา๎ น แล๎วเก็บไว๎เป็น สมบตั ิของสหกรณ์ใชเ๎ ผาถาํ นได๎ทั้งปี กกกกกกก1. 3. ให๎ปลกู มะกอก รวมทงั้ ไม๎ 3 อยําง ตามแนวพระราชดาริ ซ่งึ จะได๎ประโยชน์ในเชงิ อนุรกั ษ์ด๎วย กกกกกกก1. 4. ทาแนวด๎านถนน by-pass ไมํรกุ ล้าเข๎ามาในพื้นที่โครงการฯ โดยปลูกต๎นไม๎กนั้ ไว๎ เป็นแนวยาว กกกกกกก1. 5. ขดุ ดินทาเป็นรํองตามแนว contour เพื่อรับนา้ และตะกอนจากภูเขาจะชวํ ยทาให๎ ดินปลูกตน๎ ไม๎ได๎ กกกกกกก1. 6. การปลกู หญ๎าแฝกรอบโคนไม๎ผลแบบวงกลม ถา๎ ปลกู ใกลต๎ ๎นไมม๎ ากเกินไปจะทาให๎ ต๎นไมข๎ าดนา้ เพราะรากหญ๎าแฝกจะดูดซับน้าไปหมด สํวนท่ปี ลูกแบบครึ่งวงกลมและกอชดิ กนั นัน้ ถกู ต๎องแล๎ว กกกกกกก1. 7. ให๎เรงํ รัดปลูกหญ๎าแฝกเพ่มิ เติมในแนวหญ๎าแฝกทีเ่ ป็นชอํ งวาํ ง เพื่อใหแ๎ ฝกมี ประสิทธิภาพจะชวํ ย ทาใหด๎ นิ ดยี ่ิงขน้ึ ซงึ่ ถา๎ ดนิ ดีและมีนา้ จะสามารถปลูกพชื เศรษฐกิจและพืชผักซ่ึง จะเป็นรายได๎แกํเกษตรกรตอํ ไป กกกกกกก1. 8. ศึกษา ทดลองการปลูกหญา๎ แฝกในหลุมท่ีเจาะลงไปในดนิ ดานท่เี ป็นวตั ถุตน๎ กาเนดิ ดินในระดับที่ ความลกึ ที่แตกตํางกัน เพื่อศึกษาผลกระทบของรากหญ๎าแฝก กับการสลายตัวของวัตถุ ตน๎ กาเนดิ ดิน กกกกกกก1. 9. ปลกู แฝกใหเ๎ ตม็ ทแ่ี ละตอํ ขยายแนวแฝกออกไป ตามแนว contour เพือ่ เปน็ การ พัฒนาดินให๎ปลูกตน๎ ไม๎

243 กกกกกกก1. วันท่ี 3 เมษายน 2540 พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหูํ ัว พระราชทานพระราชดาริ งานอนรุ กั ษด์ นิ และน้าบรเิ วณลมุํ นา้ เขาบํอขงิ สรุปไดด๎ ังน้ี กกกกกกก1. เพือ่ ดาเนนิ การฟ้ืนฟรู ะบบนิเวศบริเวณลุมํ น้าเขาบอํ ขงิ โดยทาคันดินเบนน้า (Diversion) ซง่ึ เป็นการผสมผสานระหวํางคนั ดนิ เกบ็ กักนา้ (Check Dam) กับคันดนิ กนั้ นา้ (Terracing) สามารถเกบ็ กักน้าเพื่อสร๎างความชมํุ ชน้ื แกํดนิ และปูองกันการชะลา๎ งพงั ทลายของดนิ กกกกกกก1. 1. ใหป๎ ลกู ปาุ และหญ๎าแฝกตามแนว contour เม่อื เวลาฝนตกลงมาจะพัดพาเศษไม๎ ใบไม๎มาติดอยํู ที่แนวหญ๎าแฝกเปน็ การทาให๎ดินมีความอุดมสมบูรณ์ โดยกรมปุาไม๎มหี น๎าที่ปลูกปุาและ กรมพัฒนาท่ดี นิ มหี น๎าท่ปี ลูกหญ๎าแฝก ซึง่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห๎วยทรายอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริ จะเป็นหนํวยงานกลาง ทใี่ หท๎ ้ัง 2 หนํวยงานรํวมกนั ประสานดาเนินการ กกกกกกก1. 2. ใหท๎ ดลองนาเอาตะกอนดนิ ที่ไหลมาลงอาํ งเล็กๆ ตามแนว Check Dam มาใช๎ ประโยชน์เป็นปุ๋ย ให๎ศึกษาทดลองปลูกยูคาลิปตัส โดยทดลองปลูกเป็นแปลงๆ แล๎วตัดสาง ริดกิ่ง หมุนเวียนสาหรับให๎ ชาวบ๎านนามาเผาถํานใช๎ในครอบครัวได๎ตลอดท้ังปี โดยคานวณดูวํากี่ปีจะหมด ต๎นพอสาหรับตัดทาฟืนรวม ท้ังศึกษาทดลองทาเตาเผาถํานในรูปแบบท่ีชาวบ๎านสามารถจะนาไปใช๎ ประโยชน์ได๎ งานศึกษาทดลองการใช๎ประโยชน์หญ๎าแฝกเพ่ือพัฒนาดินดานท๎ายอํางเก็บน้าห๎วยทราย เพื่อดาเนินการ ศึกษาทดลองการสลายโครงสร๎างของดินดานแตํละประเภทในรูปแบบตํางๆ รวมท้ัง ศึกษาทดลองการปลกู หญา๎ แฝกเพ่ือพฒั นาดนิ ดานในรูปแบบตํางๆ กกกกกกก1. 2. 2.1 ใหห๎ าวิธเี จาะลงไปในช้ันดนิ ดาน แล๎วนาดินท่มี ีความรวํ นซยุ ใสํลงไปในหลมุ สาหรับปลกู หญ๎าแฝก เพ่ือให๎รากหญา๎ แฝกสามารถทะลชุ น้ั ดินดานไปได๎ หญา๎ แฝกจะนาความชน้ื ไป ระเบิดดนิ ให๎รํวนซยุ มากข้ึน กกกกกกก1. 2. 2.2 ให๎ทดลองปลกู หญ๎าแฝกเป็นแถวตามแนว contour ระยะหาํ งระหวาํ งต๎น ประมาณ 5 ซม. เพ่ือ ปูองกันการชะล๎างของหน๎าดิน และชํวยทาใหเ๎ กดิ หน๎าดนิ มาทบั ถมกนั บริเวณ แนวรัว้ หญ๎าแฝก ซงึ่ ตํอไปจะ ใชด๎ นิ ทาการเพาะปลกู ได๎ กกกกกกก1. 2. 2.3 การปลูกหญา๎ แฝกล๎อมรอบตน๎ ไม๎ควรปลกู แบบฮวงซุย๎ (ครึง่ วงกลม) เพ่ือชวํ ย เก็บกกั ความชนื้ ให๎ แกํต๎นไม๎ ให๎สมาชิกหมูํบ๎านชาวไทยมุสลิมและราษฎรหมูํบ๎านไทยพุทธรํวมมือรํวม ใจกันดาเนินงานโครงการ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห๎วยทรายฯ การท่ีนับถือศาสนาตํางกันก็สามารถอยํู รํวมกนั โดยสันติ หากมปี ญั หาใดๆ ขอให๎แจง๎ ผว๎ู าํ ราชการจงั หวดั เพชรบรุ ี ซง่ึ มหี น๎าท่ีในการดูแลทุกข์สุข ของราษฎรในพื้นที่อยูํแลว๎ กกกกกกก1. วนั ที่ 14 กรกฎาคม 2541 พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหวั พระราชทานพระราชดาริ สรุปไดด๎ ังน้ี กกกกกกก1. ระบบการผนั น้าจากอํางเก็บนา้ บ๎านทํุงขามมาเตมิ ในอาํ งเก็บน้าห๎วยตะแปด หากยงั มนี า้ อยํูในอํางเก็บ น้าห๎วยตะแปดพอสมควรก็ไมํจาเป็นจะต๎องนามาเติม หากน้ามีน๎อยจึงนาน้ามาเติมแตํ ไมํควรจะให๎เต็มอําง เพราะต๎องเผ่ือไว๎ในกรณีท่ีฝนตกด๎วย การปลูกปุาต๎องไมํตัดไม๎พ้ืนลํางจนทาให๎ พืน้ ทเี่ ตยี นโลํง จะตอ๎ งรักษาไม๎พนื้ ลาํ งตาํ งๆ เอาไว๎ด๎วย เพื่อให๎ เกิดการพึ่งพาเก้ือหนุนซึ่งกันและกันใน กกกกกกก1. 1. ให๎ศึกษาสารวจรูปรํางของภูมิประเทศ ตลอดจนศึกษาการเกิดรํองน้าและการ แพรํกระจายของรํอง น้าอันเป็นผลมาจากการชะล๎างพังทลายของดินในบริเวณพื้นที่โครงการฯ เพื่อ นามาใช๎ประกอบเป็นข๎อมูล ในการแกไ๎ ขปญั หา ซ่ึงจะสามารถกระทาได๎ โดยใช๎หญ๎าแฝกปลูกตามแนว

244 ระดับเพอื่ ชะลอการไหลบาํ ของน้าและชวํ ยปูองกนั การเกิดการชะล๎างพังทลายของดิน รวมทั้งจะได๎ปุ๋ย ท่ีเป็นเศษไม๎ใบไม๎จากภูเขามาทับถม หน๎าแนวรั้วหญ๎าแฝก ซึ่งจะสามารถสร๎างดินดีข้ึนมาจนสามารถ ใช๎ปลกู ต๎นไม๎ได๎ ด๎วยวธิ กี ารทางธรรมชาติ ท้ังนี้ในการดาเนินการจะต๎องรํวมมือกันระหวํางพัฒนาท่ีดิน ปาุ ไม๎ ชลประทานและหนวํ ยงานอ่นื ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ๎ ง จึงจะสาเร็จ กกกกกกก1. 2. พ้ืนทดี่ ินเลว (BAD LAND) ทีม่ กี ารชะลา๎ งพังทลายอยํางรุนแรง และมีช้ันดานแขง็ ให๎ นาหญ๎าแฝก และพันธุ์ไม๎ที่สามารถขึ้นได๎ในพื้นท่ีมาปลูก โดยทาการเจาะหลุมปลูกแล๎วเอาดินท่ีมี อาหารใสํในหลุม แล๎วเพิ่ม ความชื้นลงไป รวมท้ังพยายามสร๎างแหลํงน้าจากธรรมชาติเพิ่มเติม เพื่อ ชํวยรักษาความชุมํ ชื้นให๎ผวิ ดิน ซึง่ จะทาใหห๎ ญา๎ แฝกและพันธุ์ไม๎ท่ีปลูกเจริญเติบโตได๎ ท้ังน้ีความช้ืนท่ี สรา๎ งขนึ้ จะชวํ ยสลายโครงสรา๎ งดนิ ดาน ทาให๎เกดิ การสร๎างดนิ ทอี่ ุดมสมบรู ณ์ข้นึ มาใหมํโดยธรรมชาติ กกกกกกก1. 3. ให๎ศกึ ษาทดลองหาวิธีที่จะพฒั นาทีด่ ินดานเคม็ ในพืน้ ท่ีโครงการฯ ให๎สามารถ นามาใชป๎ ลกู พืชได๎ กกกกกกก1. 4. ใหศ๎ กึ ษา ทดลองประสทิ ธภิ าพของหญา๎ แฝกวําจะสามารถทนเค็มได๎ในระดบั ใด กกกกกกก1. 5. แนวทางการพฒั นาท่ีดินท่ีถกู ต๎อง คือจะต๎องพัฒนาดิน โดยไมํทาการปอกเปลือกดิน กกกกกกก1. พระราชทานพระราชดาริ เก่ียวกับการดาเนินงานภายในสวนสมเดจ็ พระศรีนครนิ ทราบ รมราชชนนี สรปุ ได๎ดังนี้ กกกกกกก1. 1. การทาทฤษฎีใหมํ ต๎องสามารถยืดหยนุํ ได๎ สามารถปรับสดั สวํ นการใช๎พ้ืนที่ให๎มี ความเหมาะสม ตามสภาพพื้นท่ี เชนํ พืน้ ทีท่ มี่ ีระบบชลประทานเข๎าถึง แปลงทฤษฎีใหมํกท็ าบํอเกบ็ นา้ ใหเ๎ ล็กลงแลว๎ ไปเพม่ิ ท่ีปลูกไม๎ผล พชื ไรํ พชื ผักแทน สวํ นพื้นทที่ ไ่ี มํมีระบบชลประทาน ก็ต๎องทาบํอ เกบ็ น้าใหม๎ ีขนาดใหญํข้นึ เพราะตอ๎ งรับนา้ ฝนมาเก็บไว๎ใชท๎ ากินตลอดปี เปน็ ตน๎ กกกกกกก1. 2. หลักการของทฤษฎใี หมํอยทูํ ี่วาํ ในบริเวณท่ดี นิ ตอ๎ งมีหลายอยาํ ง คอื พชื ผัก พชื ผล ตน๎ ไมต๎ ํางๆ โดยเฉพาะขา๎ ว และบํอเก็บน้า โดยจะดาเนินกิจกรรมการปลูกเพื่อการบรโิ ภคในครัวเรอื น และมเี หลือขาย เพ่อื ท่จี ะไปซ้ือในสวํ นท่ีขาดแคลนหรือในสํวนทที่ าเองไมํได๎ เชนํ เส้อื ผ๎า ยารักษาโรค เปน็ ต๎น กกกกกกก1. 3. ต๎องทาบญั ชแี สดงการลงทุน-ผลกาไร โดยคานวณให๎เหน็ วํามีความพอเพยี งท้ังใน สวํ นของ การบรโิ ภคและการมีชีวิตอยูํ ซ่งึ จะต๎องรวมเอาคาํ ใชจ๎ าํ ยท่ซี อํ นเร๎น เชํน คํารัฐสงเคราะห์ คานวณรวมเขา๎ ไปดว๎ ย รายได๎ที่เกิดข้ึนทั้งหมดให๎สามารถนามาหมนุ เวยี น นามาลงทนุ เพ่ิมเติมลงใน พ้นื ทไ่ี ดอ๎ ยํางตอํ เนื่อง เพื่อไมํ ตอ๎ งเป็นภาระให๎กบั สํวนรวมหรอื ทางราชการ กกกกกกก1. 4. การบรหิ ารการจัดการนา้ ในบํอเก็บนา้ จะตอ๎ งมนี า้ เอาไวใ๎ ห๎สามารถใช๎ในการปลกู พืชได๎ใน ชํวงหนา๎ แล๎งหรือฝนท้ิงชํวง โดยจะปรบั ระบบการปลูกพืชให๎เหมาะสมกับฤดูกาล เชํน หนา๎ ฝนปลูกขา๎ วหน๎าแล๎ง กเ็ ปลี่ยนมาปลูกพืชตระกูลถวั่ ตํางๆ หรอื พชื ที่ต๎องการน้านอ๎ ย เปน็ ต๎น กกกกกกก1. 5. การจะนา เอาทฤษฎใี หมํไปทาในพ้ืนที่ตํางๆ จะตอ๎ งศึกษาเรื่องของทรัพยากรนา้ ด๎วย ทั้งปริมาณ นา้ ฝนและระบบน้าชลประทาน กกกกกกก1. 6. บรเิ วณแปลงสาธิตทฤษฎีใหมํ (ระบบนา้ ฝน) ใหพ๎ จิ ารณาปรบั รปู แบบพนื้ ทีแ่ ปลง พืชผกั สวนครัว ท่ปี ลกู หญ๎าแฝกไวร๎ อบขอบแปลงใหม๎ ีความเหมาะสม เพ่อื ลดการส้นิ เปลืองทีด่ นิ และ หญา๎ แฝก โดยให๎ลด แถวแฝก หรือเพม่ิ ปริมาณท่ดี ินให๎สามารถใชป๎ ระโยชน์ในการปลกู พืชชนิดอ่นื ได๎ มากขนึ้

245 กกกกกกก1. พระราชทานพระราชดาริ เก่ียวกบั หมํูบ๎านไทย - พทุ ธ สรปุ ได๎ดังน้ี กกกกกกก1. 1. การสํงเสรมิ การรวมกลมํุ ผลติ ผักปลอดภัยจากสารพิษในรูปแบบของโครงการเกษตร รวมตัว สามคั คีจะต๎องรวมกลุํมใหม๎ คี วามสามัคคี และให๎เกิดการรวมพลงั ท่เี ข๎มแขง็ กกกกกกก1. 2. การบรหิ ารจัดการระบบจาหนํายผลผลิตผกั ปลอดภยั จากสารพษิ จะต๎องนาเงนิ สํวน ทเี่ ปน็ ผลกาไร ทไี่ ด๎จากการขายผลผลติ ออกสตํู ลาด สวํ นหนงึ่ แบงํ ให๎แกสํ มาชกิ กลุมํ และอีกสํวนหนง่ึ ใหน๎ ามาเกบ็ รวบรวมไวเ๎ ป็น เงินสวํ นกลางของกลํมุ เพื่อหมุนเวียนนาไปใชป๎ ระโยชน์ ซง่ึ หากทาได๎จะ ทาใหร๎ าษฎรมฐี านะความเป็นอยทํู ดี่ ีขนึ้ ได กกกกกกก1. เม่ือวนั ท่ี 20 เมษายน 2553 พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยํหู ัว พระราชทานพระราชดาริ สรปุ ได๎ดงั น้ี กกกกกกก1. 1. ขอให๎ทางกรมชลประทานตรวจสอบวาํ สนามกอลฟ์ เลคววิ ได๎ฝงั ทํอลอดขา๎ มถนน มีการนานา้ จาก อํางเกบ็ น้าห๎วยตะแปดไปใชจ๎ รงิ หรอื ไมํ พร๎อมหาแนวทางปอู งกันการนาน้าไปใช๎ตํอไป กกกกกกก1. 2. เครื่องสูบกังหนั น้า บริเวณทา๎ ยทํอสงํ นา้ สายใหญฝํ ังขวาของอาํ งเก็บนา้ หว๎ ยตะแปด เพ่ือชํวยเหลือการปลูกปุาบนเขาเสวยกะปิ ขอให๎ตรวจสอบสภาพของเครื่องสูบน้าหากชารุดเสียหาย ขอใหร๎ บี ดาเนินการ ซํอมแซมให๎ใช๎งานได๎ตามปกติ เพ่ือเป็นการประหยัดคํากระแสไฟฟูาจากเครื่องสูบ น้าดว๎ ยไฟฟูา ถึงแม๎จะต๎อง สูญเสียปริมาณน้ามากลงคลองสํงน้าก็ตาม พร๎อมพิจารณาปรับปรุงระบบ ทอํ สํงนา้ ภเู ขาปุาเขาเสวยกะปทิ ่ี ยังไมํสมบูรณ์ โดยเรงํ ดวํ นตํอไป กกกกกกก1. 3. ใหพ๎ จิ ารณาความเหมาะสมการไหลของน้าชํวงท่ฝี นตกหนักบรเิ วณพืน้ ทีห่ มบูํ า๎ น ไทย - พุทธ โดยเฉพาะ บํอเลย้ี งปลาของเกษตรกร (นายยิน แหยมสกุล) ทถี่ ูกนา้ ทวํ มและปลาได๎วําย หนไี ปพร๎อมกับน้าหมด พรอ๎ มหาแนวทางแก๎ไขระบบระบายนา้ ตอํ ไปถ๎า ชลประทานแก๎ไขปัญหาน้า ทํวมแลว๎ งานประมงก็จะได๎เลี้ยงปลาตอํ ไป บริเวณพืน้ ที่ทม่ี ีการกัดกรํอนมาก (BAD LAND) ด๎านทศิ ใต๎ ของเขาบํอขิง กกกกกกก1. 3. 3.1 กอํ นปลกู ต๎นไม๎ใหใ๎ ชเ๎ ครอ่ื งวดั ความช้ืน เจาะดิน วัดความชน้ื ตามแผนท่ีทาง นา้ ไหล (กรมพัฒนาทด่ี นิ ดาเนินการ) เพื่อดคู วามช้นื ในดินวําลึกถงึ ระดับใด แล๎วจงึ ปลกู ต๎นไมท๎ ่ี เหมาะสม กกกกกกก1. 3. 3.2 ตอ๎ งรกั ษาตน๎ ไม๎เดิมและความเปน็ ธรรมชาตดิ ้งั เดิมเอาไวเ๎ ปน็ สาคัญ กกกกกกก1. 3. 3.3 สภาพพนื้ ทเ่ี ดมิ มีไม๎โมกขนึ้ อยํู ใหท๎ ดลองปลูกไมโ๎ มกในบรเิ วณพ้ืนท่ีนี้ เพ่อื นาไปทาประดษิ ฐกรรม สงํ เสรมิ อาชีพ กกกกกกก1. 3. 3.4 ควรทดลองปลกู ตน๎ ไม๎ยูคาลิปตสั ดีกลป๏ุ ตา๎ กกกกกกก1. 3. 3.5 ใหท๎ ดลองปลกู ไมส๎ าธรรํวมกับหญา๎ แฝกตอํ ไป และทาการศกึ ษากับไม๎ชนิดอน่ื วําชนดิ ใดจะเหมาะสม กับพ้นื ทด่ี นิ ดานได๎ดี กกกกกกก1. 3. 3.6 ภาพรวมการจัดแบงํ ระบบนิเวศของปุาเขา ควรจดั แบงํ พนื้ ทภี่ ูเขาถึงพ้ืนท่ีราบ เป็น 3 สํวน กกกกกกก1. 3. 3.6 สํวนท่ี 1 บนเขาเปน็ พชื พรรณไมป๎ ุาเพอ่ื รักษาระบบนเิ วศตามธรรมชาติ กกกกกกก1. 3. 3.6 สํวนที่ 2 ชนั้ ตํอมาในสํวนของพ้ืนที่ลาดเขาเป็นไม๎เศรษฐกิจ โดยมีการปลกู หญ๎าแฝก เพ่ือการ ฟน้ื ฟูดินเสือ่ มโทรมดว๎ ย กกกกกกก1. 3. 3.6 สํวนท่ี 3 พืน้ ท่ีราบเปน็ พ้นื ที่ทาการเกษตร

246 กกกกกกก1. 3. 3.6 บรเิ วณพนื้ ที่ท่มี ีการกัดกรอํ นมาก (BAD LAND) ดา๎ นทศิ ใต๎ของเขาบอํ ขงิ กกกกกกก1. 3. 3.6 1. แปลงทดลองแก๎ปัญหาดินเลว กกกกกกก1. 3. 3.6 1. 1.1 ให๎จัดพน้ื ที่สาธิตสภาพดนิ เลวดง้ั เดิมกํอนแก๎ไข กกกกกกก1. 3. 3.6 1. 1.2 ให๎จัดพ้ืนทสี่ าธิตสภาพพื้นทดี่ ินเลวหลังการแก๎ไข เพือ่ เป็นสถานท่ี ศึกษาดูงาน กกกกกกก1. 3. 3.6 2. แก๎ไขดินเลวโดยวธิ ีธรรมชาติ กกกกกกก1. 3. 3.6 1. 2.1 ปลกู หญา๎ แฝกเพื่อให๎ดนิ ดานแตกตวั จะทาให๎น้าซึมผาํ นไปได๎ กกกกกกก1. 3. 3.6 1. 2.2 ปลูกตน๎ ไม๎ควบคํกู บั หญ๎าแฝกตน๎ ไมจ๎ ะเจริญเตบิ โตในดินดานได๎ เน่ืองจากแฝกใหน๎ ้าและชวํ ยดงึ ไนโตรเจน กกกกกกก1. 3. 3.6 1. 2.3 ควรปลูกตน๎ ไมห๎ ลายชนดิ เพอื่ เปรียบเทยี บกันวาํ ไม๎ชนิดไหนจะโตใน พืน้ ทน่ี น้ั ๆ กกกกกกก1. 3. 3.6 1. 2.4 เมอื่ ดินดานแก๎ไขไดแ๎ ลว๎ ต๎องใชค๎ วามเพยี รดาเนินการไปเรอื่ ยๆ จะทา ใหด๎ ินดานใช๎ทาการ เกษตรกรรมไดเ๎ ป็นวิธีทางธรรมชาติที่ใช๎จาํ ยน๎อย กกกกกกก1. 3. 3.6 3. ภาพรวมการจดั แบํงระบบนิเวศของปาุ เขา ควรจัดแบงํ พน้ื ท่ีภูเขา ถึงพนื้ ทรี่ าบ เป็น 3 สํวน กกกกกกก1. 3. 3.6 1. สวํ นท่ี 1 บนเขาเปน็ พชื พรรณไมป๎ าุ กกกกกกก1. 3. 3.6 1. สวํ นท่ี 2 ช้ันตอํ มาในสวํ นของพื้นทล่ี าดเขาเปน็ ไมเ๎ ศรษฐกิจโดยมกี ารปลกู หญา๎ แฝกเพ่ือการฟนื้ ฟู ดินเสอ่ื มโทรมดว๎ ย กกกกกกก1. 3. 3.6 1. สํวนที่ 3 พ้นื ท่ีราบเป็นพ้ืนที่ทาการเกษตร ซ่งึ เปน็ พื้นท่ที ี่รองรับนา้ และ ปยุ๋ จากบนภเู ขา กกกกกกก1. พระราชทานพระราชดาริ เกีย่ วกบั ปญั หาการขาดแคลนน้าภายในศนู ย์ศึกษาการพัฒนา หว๎ ยทราย สรุปความวาํ มคี วามมัน่ ใจวําวธิ กี ารแก๎ไขปัญหาที่ไดท๎ ดลองทาทเ่ี ขาเสวยกะปิและอาํ งเกบ็ น้าหว๎ ยตะแปดโดยใหป๎ ลกู ต๎นไม๎หรือหาวิธที าใหต๎ น๎ ไม๎เจริญเติบโตมากๆเมอื่ มคี วามชุํมช้ืนฝนจะตกลง ท่อี ํางเก็บน้าเองอยาํ งไรกต็ าม ในชวํ งนเี้ พือ่ ใหเ๎ กิดกาลงั ใจแกผํ ๎ปู ฏิบตั ิและราษฎรทเ่ี ข๎ารวํ มโครงการควร ประสานกับหนํวยฝนหลวงใหด๎ าเนิน การไปกํอนท้ังนี้จะต๎องวางแผนอานวยการให๎รอบคอบและทา ตามแผนท่ีกาหนดมฉิ ะนนั้ ฝนจะไมํตกในจดุ ที่ ตอ๎ งการทรงเชือ่ ม่นั วาํ ในบริเวณนี้ความชุํมชนื้ ในอากาศ มเี พียงพอทจ่ี ะทาฝนได๎ กกกกกกก1. พระราชทานพระราชดาริ เกยี่ วกบั การปลกู หญา๎ แฝกเพื่อการพฒั นาดิน สรุปไดด๎ งั น้ี กกกกกกก1. 1. ควรเรงํ ปลกู หญา๎ แฝกให๎มากๆเพราะหญ๎าแฝกมคี ุณสมบัติพเิ ศษในการพฒั นาดิน หลายประการ หญ๎าแฝกมีรากแขง็ แรง สามารถเจาะลงในดนิ ดานได๎ลึก ปลูกงําย ลักษณะกอหนาแนํน เป็นกาแพงธรรมชาติท่ีมีชีวิตชํวยหยุดย้ังการชะล๎างการพังทลายของหน๎าดิน ชะลอความเร็วของน้าท่ี ไหลบํา น้าจะซึมลงไปเก็บไว๎ ในดินได๎มาก ทาให๎ดินมีความชํุมชื้น และใบแฝกก็ยังใช๎คลุมดิน เพื่อรักษาความชื้น และเพิ่มปุ๋ยให๎ดินมี ความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ดังพระราชกระแสตอนหน่ึงวํา “...ดนิ แข็งอยํางน้ีใช๎งานไมํได๎ แตํถ๎าเราทาแนวปลูกแฝก ที่เหมาะสม มีฝนลงมา ความชื้นจะอยูํในดิน รากแฝกมนั ลกึ มาก ถงึ ให๎เปน็ เขือ่ นกนั้ แทนที่จะขดุ แลว๎ ปูซีเมนต์ พืชนจ่ี ะเป็นเข่ือนที่มีชีวิต แล๎วในท่ีสุด เนื้อท่ีตรงนี้ก็จะเกิดเป็นดินผิวได๎ เมื่อเกิดผิวดินเราจะปลูกอะไรก็ได๎ ปลูกต๎นไม๎ก็ได๎ ปลูกผัก

247 ปลูกหญ๎าแฝกก็ได๎ท้ังนั้น ระยะแรกรัฐควรออกคําใช๎จํายให๎กํอนเพราะราษฎรยัง ไมํมีทุนเพียงพอใน ระยะตํอไป เมื่อราษฎรสามารถเพาะปลูกพืชและมีรายได๎มากข้ึนราษฎรก็จะเห็นประโยชน์ และ สามารถดาเนินการปลกู แฝก เพือ่ พัฒนาดนิ ดว๎ ยตนเอง...” กกกกกกก1. 2. สาหรบั แนวแฝกท่ปี ลกู บรเิ วณแปลงสาธิตท๎ายอํางเก็บนา้ ห๎วยทราย ซ่ึงมี วตั ถปุ ระสงคห์ ลักท่ี จะปลกู ไม๎ผลน้ันก็ถูกต๎องแล๎ว แตํถ๎าจะให๎ประหยัดแฝกก็ควรให๎แตํละแถวหํางกัน มากข้ึน (ประมาณ 1 - 2 เมตรตามแนวดิ่ง) และระยะหํางระหวํางต๎นหญ๎าแฝกในแถวเดียวกันน้ันควร ปลูกชิดๆ กัน แฝกจะทางาน ไดเ๎ รว็ ในกรณบี างพนื้ ทีท่ ่มี คี วามลาดเอยี งไมมํ าก แนวหญ๎าแฝกจะหํางกัน มาก ถา๎ จะปลูกไมผ๎ ลเราอาจปลูกแฝก เปน็ รูปวงกลมลอ๎ มต๎นไม๎ผลเหมือน “ฮวงซุ๎ย” ก็ได๎ และในกรณี ที่ฝนไมํตกควรให๎น้าชํวยจนกวําต๎นหญ๎าแฝก จะตั้งตัวได๎ สาหรับบริเวณท๎ายอํางเก็บน้าห๎วยทรายนี้ นอกจากพื้นท่ีท่ีปลูกแฝกไปแล๎วนี้ก็ควรจะปลูกเพ่ิมเติม อีกสองพ้ืนท่ี คือ พ้ืนที่แรก บริเวณเชิงเขา เตาปูนด๎านลํางของถนนจอมพล ซ่ึงลักษณะพ้ืนท่ีเป็นดินดานเสียสํวนใหญํไมํมี หน๎าดิน พ้ืนท่ีน้ีควร เจาะรํองแล๎วปลูกหญ๎าแฝกพร๎อมกับให๎น้าจนกวําแฝกจะต้ังตัวได๎ เพ่ือทดลองให๎ราษฎร เห็นวํา แฝกสามารถสร๎างหน๎าดินข้ึนมาใช๎ประโยชน์ในการเพาะปลูกพืชชนิดตํางๆ ได๎ พ้ืนที่ท่ีสอง บริเวณ เหนือคลองสํงน้าซ่ึงทางทิศเหนือของแปลงสาธิตการปลูกหญ๎าแฝกพื้นที่ประมาณ 4 ไรํ ควรปลูกแฝก เพ่ือสร๎างความอุดมสมบูรณข์ องดนิ เตรยี มไวส๎ าหรบั การขยายตวั ของหมบํู ๎านในอนาคต กกกกกกก1. พระราชทานพระราชดาริ เกี่ยวกบั การปลกู หญา๎ แฝกเพ่ือปูองกันตะกอนหินและดดู ซบั สารเคมี สรุปความวํา กกกกกกก1. ควรปลูกหญ๎าแฝกบริเวณเหนอื แหลงํ น้าตาํ งๆ เชํน ลาห๎วย และอาํ งเกบ็ นา้ เปน็ ตน๎ เพื่อใช๎หญ๎าแฝก เป็นแนวปูองกันตะกอนและดูดซับสารเคมีตลอดจนของเสียตํางๆ ท่ีไหลลงในแหลํง น้า โดยเฉพาะสารไนเตรท ที่ไหลมาจากสนามกอล์ฟ เพราะหญ๎าแฝกนอกจากจะชํวยปูองกันตะกอน ดินแล๎วยังจะดูดซับสารเคมีตํางๆ เชํน ไนเตรท และสารพิษตํางๆ ไว๎ในรากและลาต๎นได๎นานจน สารเคมนี น้ั สลายตัว และไมเํ ป็นอันตรายตอํ คนข๎างลาํ งทรงรับสั่งวาํ “...หนกั ใจเรือ่ งสารเคมีเขาต๎องใสํ ปุ๋ยและเคมีไนเตรทฝนตกก็ละลายไปลงในนา้ อาจไปผสมกับข๎างลําง เป็นพิษลงไปในอําง ในบํอน้าต้ืน ท่ีเขาไว๎ใช๎กิน ถ๎าทาหญ๎าแฝกนี่ ไนเตรทจะถูกกักไว๎ แล๎วยังเป็นปุ๋ยใต๎ดิน ถ๎ายาพิษน้ันเขาไปอยํูในต๎น ซงึ่ เวลานานๆ ไปยากจ็ ะสลายพรอ๎ มกับต๎นแฝกสลายตัว เป็นปุ๋ยตกลงต๎นแฝกน่ีก็จะเป็นปุ๋ยสาหรับพืช ตอํ ไป โดยท่ียาฆาํ แมลงนนั้ ไมํเปน็ พษิ สลายตวั ...” กกกกกกก1. กลาํ วโดยสรุป พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช มีหลกั การทรงงานใน ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดาริห๎วยทราย มี 23 ข๎อ คือ (1) ศึกษาข๎อมูลอยํางเป็น ระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ปัญหาท่ีจุดเล็ก (4) ทาตามลาดับขั้น (5) ภูมิสังคม (6) องค์รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชน์สูงสุด (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม (11) ประโยชน์สํวนรวม (12) บริการรวมท่ีจุดเดียว (13) ใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรม ปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคือกาไร (17) การพ่ึงตนเอง (18) พออยูํพอกิน (19) เศรษฐกิจพอเพียง (20) ความซื่อสัตย์ สุจริต จริงใจตํอกัน (21) ทางานอยํางมีความสุข (22) ความเพยี ร และ (23) รู๎ รกั สามคั คี

248 กกกกกกก2. การดาเนนิ งานในกจิ กรรมท่ีสาคญั ก กกกกกกก2. ศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาหว๎ ยทรายอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ ดาเนินการสนอง พระราชดาริ ในกิจกรรมสาคัญ สรุปได๎ดังน้ี ฟื้นดิน มีการดาเนินกิจกรรมพัฒนาท่ีดิน โดยวางแผน การใช๎ประโยชน์ วางระบบ อนุรักษ์ดินและน้า โดยทดลองปลูกหญ๎าแฝกรูปแบบตํางๆ การสาธิต ปรับปรุงดินโดย ใช๎ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยคอก เป็นต๎น รวมทั้งเก็บข๎อมูลการเจริญเติบโตของหญ๎าแฝก ต๎นไม๎ การเพิ่มข้ึนของหน๎าดิน ความสมบูรณ์และความชํุมชื้นของดินคืนปุา อนุรักษ์ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล๎อม โดยได๎ทาการปลูกฟื้นฟู และบารุงรักษาปุาไม๎ ปลูกหญ๎าแฝกเพื่อ อนุรักษ์ต๎นน้ารูปแบบตํางๆ พัฒนาแหลํงน้า และระบบชลประทาน สร๎างฝายชะลอน้าในรํองเขา เพื่ออนุรักษ์ดินและน้า รวมท้ังจัดทา คันดินเบนน้าซึ่งจะชํวยเพิ่มความชํุมช้ืนในดินมากย่ิงขึ้น พัฒนา แหลํงน้า โดยสร๎างอํางเกบ็ น้า ห๎วยตะแปด เขากระปุก และห๎วยทราย และระบบสํงน้า สร๎างความชุํม ชื้น พร๎อมกับฟ้ืนฟูปุาแบบภูเขาปุาบริเวณเขาเสวยกะปิและเขากระปุก โดยการสูบน้า โดยใช๎พลัง แสงอาทิตย์ขึ้นไปเก็บไว๎บนยอดเขาแล๎วคํอยๆ ปลํอยน้าลงมาสร๎างความ ชุํมชื้นให๎แกํปุาไม๎ รวมทั้ง ขุดลอกลาห๎วยตํางๆ เพื่อเป็นแหลํงกักเก็บน้า นอกจากนี้ ยังดาเนินการพัฒนาปุาไม๎ ได๎แกํ ศึกษาทดลองปลูกพันธุ์ไม๎ดั้งเดิมสร๎างจิตสานึกใน การอนุรักษ์ทรัพยากรปุาไม๎ เพาะเลี้ยงและ ขยายพันธุ์สัตว์ปุา เชํน เนื้อทราย ละอง ละมั่ง เก๎ง นกยูง ไกํฟูาชนิดตํางๆ ซึ่งสัตว์ปุาสามารถ ขยายพันธุ์เพ่มิ จานวนมากขึน้ กกกกกกก พฒั นาคุณภาพชีวิต เพื่อสงํ เสริมและพฒั นาคุณภาพชีวิต และสภาพแวดล๎อมใหก๎ บั ราษฎรในพ้ืนท่ีเปูาหมายให๎มีคุณภาพ ชีวิตและสภาพแวดล๎อมที่ดีขึ้น โดยจะดาเนินการตามแนว พระราชดาริ เพ่ือสํงเสริมและพัฒนาความเป็นอยํูและอาชีพของ ราษฎรให๎สามารถพ่ึงตนเองได๎ ขยายผลและถํายทอดเทคโนโลยี โดยนาผลการศึกษาทดลองที่ประสบผลสาเร็จถํายทอดออกสํู ราษฎรหมูํบ๎านรอบศนู ย์ จานวน 29 หมํูบ๎าน และประชาชน ทว่ั ไป เพ่ือให๎มีรูปแบบการดาเนินชีวิตใน ลักษณะท่ีสามารถ พึ่งพาตนเองได๎ ได๎แกํ การสํงเสริมปลูกพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ สํงเสริม การเลี้ยง ปลาชนดิ ตํางๆ การสํงเสริมการเล้ียงกบ การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมเยาวชน การสํงเสริมการเลี้ยงปศุสัตว์ เชํน โคนม ซ่ึงสามารถรวมกลํุมเป็นสหกรณ์เลี้ยงโคนมที่เข๎มแข็ง มีตลาดที่แนํนอน นอกจากน้ี ยังได๎สํงเสริมการเล้ียงโคเนื้อ แพะ แกะ สุกร ไกํพ้ืนเมือง ไกํเนื้อ ไกํไขํ เป็ด และกระตําย ฝึกอบรม ใหค๎ วามร๎ูดา๎ นการปรบั ปรุงดนิ ดว๎ ยอินทรียวตั ถุ การทาน้าหมัก ชีวภาพ ปุ๋ยหมัก สารไลํแมลง ฮอร์โมน พืช ด๎านเกษตรผสม ผสาน แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร การขยายพันธุ์และใช๎ ประโยชน์จากหญ๎า แฝก สงํ เสรมิ พนั ธุ์ไมผ๎ ลพันธ์ดุ แี กเํ กษตรกร และสํงเสรมิ อาชพี เจยี ระไนพลอยกกก กกกก

249 ภาคผนวก ข. ใบงาน

250 ใบงาน หวั เรอ่ื งท่ี 1 ความรพู้ ้ืนฐานเก่ยี วกบั หน้าท่ีพลเมอื ง คาชแ้ี จง 1. ใบงานน้จี ัดทาขนึ้ เพ่ือให๎นักศึกษามีความร๎แู ละประสบการณ์ท่ศี ึกษา เร่ืองท่ี 1 ความร๎ู พื้นฐานเก่ียวกับหนา๎ ที่พลเมือง ใหน๎ กั ศึกษาปฏิบตั ิตามขนั้ ตอนตํอไปน้ี 2. ให๎นักศึกษาปฏิบัตติ ามข้ันตอนตํอไปน้ี 2.1 ให๎นักศกึ ษาค๎นควา๎ ประเดน็ ความร๎พู ้ืนฐานเก่ยี วกบั หนา๎ ทีพ่ ลเมอื ง เรอ่ื งสทิ ธิ และหน๎าท่ีพลเมือง จากสื่อการเรียนร๎ู เอกสาร หนังสือ จานวน 2 เลํม จากสื่ออินเทอร์เน็ต จานวน 2 เว็บไซต์ หนังสือที่เก่ียวข๎องจากห๎องสมุดประชาชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จานวน 1 เลํม และใบความร๎ูเรือ่ งท่ี 1 สิทธแิ ละหน๎าทพี่ ลเมือง 2.2 ให๎นกั ศกึ ษารวบรวมขอ๎ มูลที่ศึกษาคน๎ คว๎าได๎จาก ขอ๎ 2.1 บนั ทึกลงในเอกสาร การเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) สํงครผู สู๎ อน เมอ่ื มาพบกลุํมตามนัดหมายเสร็จสนิ้ 2.3 นาข๎อค๎นพบท่ีไดจ๎ ากบันทกึ ในข๎อ 2.2 มาอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู๎ ขณะพบกลํุม คิด วิเคราะหข์ ๎อมลู สรปุ การเรียนรู๎ที่ได๎ลงในเอกสารการเรยี นร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) 2.4 นาผลสรุปการเรยี นรูท๎ ไ่ี ด๎ไปฝกึ ปฏิบตั จิ ริงในชีวติ ประจาวันและตอบแบบฝึกหัดใน ใบงานนี้ จานวน 4 ข๎อ แล๎วเขยี นคาตอบลงในเอกสารการเรยี นรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) 2.5 สํงเอกสารการเรยี นรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) ที่ได๎จากการทาใบงานนเี้ สร็จส้นิ ขณะพบกลุมํ แกํครูผส๎ู อน แบบฝกึ หัด กกกกกกก1. พลเมอื งดี หมายถึง คาตอบ ............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก2. หน๎าท่พี ลเมือง มีอะไรบ๎างจงยกตัวอยํางมา 5 ข๎อ คาตอบ ............................................................................................................................. .......................................................................................................... ...................................................... กกกกกกก3. สทิ ธิและหนา๎ ทีเ่ ปน็ ส่ิงคกูํ ัน เมื่อมีสทิ ธกิ ็ต๎องมีหนา๎ ท่ีเพราะอะไร จงอธบิ ายมาพอสังเขป คาตอบ ............................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...................................

251 กกกกกกก4. ถา๎ คนในชมุ ชนของเราไมปํ ฏิบัตติ ามหนา๎ ที่ของตนเองอยํางถูกต๎องเหมาะสมแล๎ว นกั ศกึ ษาคิดวาํ จะเกดิ ปัญหาในชมุ ชนอยาํ งไรบา๎ งจงเขยี นเป็นแผนผงั ความคดิ (Mind Mapping) คาตอบ ........................................................................................................................... ............................................................................................................................................ ...................

252 ใบงาน เรือ่ งท่ี 2 ความหมายและความสาคัญของหนา้ ที่พลเมอื ง ตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 คาชแ้ี จง กกกกกกก1. ใบงานน้จี ดั ทาขึ้นเพอ่ื ใหน๎ ักศึกษามีความรแ๎ู ละประสบการณ์ที่ศึกษาเร่อื ง ความหมาย และความสาคญั ของหน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 2. ใหน๎ ักศึกษาปฏบิ ตั ติ ามข้ันตอนตอํ ไปนี้ 2.1 ให๎นักศึกษาค๎นคว๎าประเด็นหน๎าท่ีพลเมืองดีตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 จากสื่อการเรียนร๎ู เอกสาร 2 เลํม จากส่ืออินเตอร์เน็ต จานวน 2 เว็บไซต์ จากสื่อห๎องสมุดประชาชน จงั หวัดประจวบครี ีขนั ธ์ จานวน 1 เลมํ สอื่ เอกสารท่ีเกี่ยวข๎องและใบความร๎ู เร่ืองที่ 2 ความหมายและ ความสาคญั ของหน๎าทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 2.2 ให๎นักศึกษารวบรวมข๎อมูลท่ีศึกษาค๎นคว๎าได๎จาก ข๎อ 2.1 บันทึกลงในเอกสาร การเรยี นรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) สงํ ครผู ส๎ู อน เม่ือมาพบกลุมํ 2.3 นักศึกษานาข๎อค๎นพบท่ีได๎จากบันทึกในข๎อ 2.2 มาอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนร๎ู ตอ๎ งวเิ คราะห์ ขอ๎ มลู และสรุปการเรียนร๎ูทไ่ี ด๎ลงในเอกสารการเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) 2.4 นาผลสรุปการเรียนรู๎ท่ีได๎ตอบแบบฝึกหัดในใบงานนี้ จานวน 4 ข๎อ แล๎วเขียน คาตอบลงในเอกสารการเรยี นรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) 2.5 รวบรวมสํงเอกสารการเรียนร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) ที่ได๎จากการทาใบงานนี้เสร็จ ส้นิ แกคํ รูผู๎สอน แบบฝกึ หดั 1. ให๎นักศึกษาคน๎ คว๎าขอ๎ มลู หน๎าท่ีพลเมืองดีตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 มเี ร่ือง อะไรบ๎าง คาตอบ ........................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................... 2. ใหน๎ กั ศึกษาอธิบายหน๎าท่ีพลเมอื งดตี ามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 เรื่องของการมี จิตสาธารณะ คาตอบ........................................................................................................................ .... .................................................................................................. ..............................................................

253 3. นกั ศึกษาอธิบายหน๎าท่ีพลเมอื งในเรือ่ งของจิตสาธารณะมาใช๎ในชวี ิตประจาวันอยาํ งไร คาตอบ…...................................................................................................................... .......................................................................................... ..................................................................... 4. นกั ศึกษาตอบความหมายของการเรียนรตู๎ ามรอยพระยุคลบาท คืออะไร คาตอบ ......................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................

254 ใบงาน หวั เรอื่ งที่ 3 หน้าทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ด้วยทศพธิ ราชธรรม คาชแี้ จง กกกกกกก1. ใบงานนจ้ี ดั ทาข้ึนเพื่อให๎นักศึกษามคี วามร๎แู ละประสบการณ์ศึกษา เร่ือง หนา๎ ท่ีพลเมือง ตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ดว๎ ยทศพธิ ราชธรรม กกกกกกก2. ใหน๎ กั ศึกษาปฏิบตั ิตามขน้ั ตอนตํอไปน้ี 2.1 ให๎นกั ศึกษาค๎นควา๎ ประเด็น เร่อื ง ทศพิธราชธรรม จากสือ่ การเรยี นร๎ู เอกสาร หนงั สอื จานวน 2 เลมํ จากส่อื อนิ เทอรเ์ น็ต จานวน 2 เวบ็ ไซต์ หนังสือท่เี ก่ียวข๎องจากห๎องสมดุ ประชาชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หรือบา๎ นหนงั สือชุมชน จานวน 1 เลมํ และใบความรเ๎ู รอ่ื งที่ 3 ทศพธิ ราชธรรม 2.2 ให๎นักศึกษารวบรวมข๎อมูลที่ศึกษาค๎นคว๎าได๎จาก ข๎อ 2.1 บันทึกลงในเอกสาร การเรียนร๎ดู ๎วยตนเอง (กรต.) สํงครผู ส๎ู อน เม่ือมาพบกลมํุ ตามนัดหมายเสร็จสนิ้ 2.3 นาขอ๎ คน๎ พบทไี่ ด๎จากบันทกึ ในข๎อ 2.2 มาอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนร๎ูขณะ พบกลํุม คิดวิเคราะห์ ขอ๎ มูล สรุปการเรยี นร๎ูทีไ่ ดล๎ งในเอกสารการเรียนรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) 2.4 นาผลสรปุ การเรยี นรท๎ู ไ่ี ด๎ตอบแบบฝกึ หัดในใบงานนี้ จานวน 4 ข๎อ แล๎วเขยี น คาตอบลงในเอกสารการเรยี นร๎ดู ๎วยตนเอง (กรต.) 2.5 สํงเอกสารการเรยี นรด๎ู ว๎ ยตนเอง (กรต.) ท่ไี ด๎จากการทาใบงานนเ้ี สร็จสน้ิ ขณะพบกลมํุ แกํครูผส๎ู อน แบบฝึกหัด กกกกกกก1. นักศกึ ษาได๎นาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 2 ศลี ไปใช๎ในชีวติ ประจาวนั ตามบทบาทอยํางไร คาตอบ............................................................................................................................. . ............................................................................................ .................................................................... กกกกกกก2. นักศกึ ษาได๎นาทศพิธราชธรรม ข๎อ 5 มทั ทวะ ไปใชใ๎ นชวี ิตประจาวนั ตามบทบาท อยาํ งไร คาตอบ............................................................................................ .................................. ............................................................................................................................. ................................... กกกกกกก3. นกั ศึกษาไดน๎ าทศพิธราชธรรม ขอ๎ 7 อักโกธะ ไปใช๎ในชีวิตประจาวันตามบทบาท อยาํ งไร คาตอบ............................................................................................................................. . ............................................................................................. ...................................................................

255 กกกกกกก4. นักศกึ ษาไดน๎ าทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 9 ขันติ ไปใชใ๎ นชีวิตประจาวนั ตามบทบาทอยํางไร คาตอบ............................................................................................ .................................. ............................................................................................................................. ...................................

256 ใบงาน หัวเร่ืองที่ 4 หนา้ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส คาชแ้ี จง 1. ใบงานนี้จดั ทาข้นึ เพ่ือใหน๎ ักศึกษามีความรูแ๎ ละประสบการณ์ศึกษา เร่อื ง หน๎าที่ พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชดารสั 2. ใหน๎ กั ศึกษาปฏิบตั ิตามข้ันตอนตํอไปนี้ 2.1 ให๎นักศึกษาค๎นคว๎าประเด็น หน๎าท่ีพลเมืองตามพระราชดารัสท่ีเกี่ยวข๎องกับ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากส่ือการเรียนรู๎เอกสาร หนังสือ จานวน 2 เลํม จากสื่ออินเทอร์เน็ต จานวน 2 เวบ็ ไซต์ หนังสือที่เกย่ี วข๎องจากหอ๎ งสมดุ ประชาชนจงั หวดั ประจวบคีรีขันธ์ หรือบ๎านหนังสือ ชุมชน จานวน 1 เลํม และใบความร๎ูเร่ืองท่ี 4 หน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตาม พระราชดารสั 2.2 ให๎นักศึกษารวบรวมขอ๎ มูลทีศ่ กึ ษาค๎นคว๎าได๎จาก ข๎อ 2.1 บันทึกลงในเอกสารการ เรยี นรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) สํงครูผ๎สู อน เมือ่ มาพบกลุํมตามนดั หมายเสร็จสนิ้ 2.3 นาข๎อคน๎ พบท่ไี ด๎จากบันทึก ในข๎อ 2.2 มาอภิปรายแลกเปลีย่ นเรยี นร๎ูขณะ พบกลมํุ คิดวิเคราะห์ ข๎อมลู สรุปการเรยี นรู๎ท่ไี ด๎ลงในเอกสารการเรียนรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) 2.4 นาผลสรุปการเรยี นร๎ูที่ได๎ตอบแบบฝกึ หัดในใบงานนีจ้ านวน 4 ข๎อ แล๎วเขียน คาตอบลงในเอกสารการเรียนร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) 2.5 สํงเอกสารการเรยี นร๎ดู ๎วยตนเอง (กรต.) ท่ีได๎จากการทาใบงานนเี้ สร็จสิ้นขณะ พบกลุมํ แกคํ รผู ส๎ู อน แบบฝกึ หัด กกกกกกก1. ทาํ นไดน๎ าปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใชใ๎ นชวี ิตประจาวนั ตามบทบาทอยาํ งไร คาตอบ……………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. กกกกกกก2. ทาํ นได๎นาปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เรื่อง ความมีเหตผุ ล `ไปในชวี ิตประจาวนั ตาม บทบาทอยํางไร คาตอบ……………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. กกกกกกก3. ทํานได๎นาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เรอ่ื ง ความมภี มู ิคุ๎มกนั ไปใช๎ในชวี ติ ประจาวัน ตามบทบาทอยาํ งไร คาตอบ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..

257 กกกกกกก4. ทาํ นได๎นาปรชั ญาของเศรษฐกจิ เรอ่ื ง เง่ือนไขความร๎ู ไปใช๎ในชวี ิตประจาวนั ตาม บทบาทอยํางไร คาตอบ……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..

258 ใบงาน หัวเร่อื งท่ี 5 หนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน คาช้ีแจง(มาจากการจดั ประสบการณ์การเรียนรู๎) 1. ใบงานนี้จัดทาข้ึนเพื่อให๎นักศึกษามีความรแู๎ ละประสบการณ์ศึกษา เร่ือง หน๎าที่ พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน 2. ให๎นักศกึ ษาปฏิบัติตามขนั้ ตอนตํอไปนี้ 2.1 ให๎นกั ศกึ ษาคน๎ ควา๎ ประเดน็ หนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน โดยเลอื กหลักการทรงงาน ทเี่ ก่ยี วข๎องมา 9 ข๎อ จากสอื่ การเรียนรู๎หลักการ ทรงงาน 9 ข๎อ จากสอื่ อินเทอร์เน็ต จานวน 2 เว็บไซต์ หนังสือที่เกีย่ วข๎องจากหอ๎ งสมุดประชาชน จังหวดั ประจวบครี ขี ันธ์ หรอื บา๎ นหนงั สอื ชุมชน จานวน 1 เลมํ และใบความร๎ูหลักการทรงงานของ รชั กาลที่ 9 2.2 ให๎นักศึกษารวบรวมข๎อมลู ทศ่ี ึกษาค๎นคว๎าได๎จาก ข๎อ 2.1 บนั ทึกลงในเอกสารการ เรียนรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) สงํ ครผู ู๎สอน เม่อื มาพบกลุํมตามนัดหมายเสร็จส้ิน 2.3 นาขอ๎ คน๎ พบที่ไดจ๎ ากบันทึก ในขอ๎ 2.2 มาอภิปรายแลกเปล่ียนเรยี นรู๎ขณะพบกลุํม คิดวเิ คราะห์ขอ๎ มูล สรปุ การเรียนรท๎ู ไี่ ดล๎ งในเอกสารการเรยี นรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) 2.4 นาผลสรุปการเรียนรทู๎ ี่ได๎ไปฝกึ ปฏิบัตจิ ริงในชีวติ ประจาวนั และตอบแบบฝึกหัดใน ใบงานน้จี านวน ....4...ข๎อ แล๎วเขียนคาตอบลงในเอกสารการเรยี นรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) 2.5 สงํ เอกสารการเรียนร๎ดู ๎วยตนเอง (กรต.) ท่ไี ด๎จากการทาใบงานนี้เสรจ็ ส้ินขณะพบ กลํมุ แกํครูผ๎ูสอน แบบฝึกหดั กกกกกกกก1. ทาํ นได๎นาหลกั การทรงงานท่ีศึกษาค๎นควา๎ ขอ๎ ที่ 17 การพึ่งตนเอง ไปใชใ๎ นการดาเนิน ชวี ิตอยาํ งไร ในฐานะหนา๎ ที่พลเมืองดี คาตอบ.............................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. ................................... 3. ทาํ นไดน๎ าหลกั การทรงงานที่ศึกษาคน๎ คว๎า ขอ๎ ท่ี 19 เศรษฐกิจพอเพยี ง ยดึ แนวคิด ประหยดั เรียบงาํ ย ประโยชน์สูงสดุ ไปใชใ๎ นการดาเนนิ ชีวิตอยาํ งไรในฐานะหน๎าที่พลเมืองดี คาตอบ.......................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... .....

259 3. ทาํ นไดน๎ าหลกั การทรงงานทศ่ี กึ ษาค๎นควา๎ ข๎อที่ 20 ความซอ่ื สัตย์สจุ ริต จรงิ ใจตํอกัน ไปใช๎ในการดาเนินชีวิตอยํางไร ในฐานะหน๎าท่ีพลเมืองดี คาตอบ.......................................................................................................................... ............................................................................................................... ................................................. 4. ทาํ นไดน๎ าหลกั การทรงงานทศ่ี กึ ษาคน๎ คว๎า ข๎อที่ 22 ความเพยี ร ไปใช๎ในการดาเนิน ชีวิตอยํางไร ในฐานะหน๎าทพ่ี ลเมืองดี คาตอบ................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ...................................

260 ใบงาน หัวเร่อื งที่ 6 หน้าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจริยวัตร และพระราชกรณียกิจ คาชี้แจง กกกกกกก1. ใบงานนจี้ ดั ทาขึ้นเพื่อใหน๎ ักศึกษามีความร๎ูและประสบการณ์ศกึ ษา เรอ่ื ง หน๎าท่ี พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลที่ 9 ตามพระราชจริยวัตร และพระราชกรณยี กจิ กกกกกกก2. ใหน๎ ักศกึ ษาปฏบิ ตั ติ ามขัน้ ตอนตอํ ไปน้ี กกกกกกก2. 2.1 ใหน๎ ักศกึ ษาคน๎ ควา๎ ประเดน็ หน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วตั รในครอบครัว และพระราชกรณียกิจในทอ๎ งถิ่น จากสอ่ื การเรียนร๎ู เอกสาร หนงั สอื จานวน 2 เลํม จากสอ่ื อนิ เทอร์เน็ต จานวน 2 เว็บไซต์ หนังสอื ทีเ่ กี่ยวขอ๎ งจากห๎องสมุด ประชาชนจงั หวัดประจวบคีรีขนั ธ์หรอื บ๎านหนังสอื ชุมชน จานวน 1 เลํม และใบความรู๎เร่ืองท่ี 6 หน๎าท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ี 9 ตามพระราชจริยวตั ร และพระราชกรณียกิจ กกกกกกก2. 2.2 ให๎นกั ศึกษารวบรวมขอ๎ มลู ท่ีศึกษาค๎นคว๎าไดจ๎ าก ข๎อ 2.1 บันทึกลงในเอกสาร การเรยี นรูด๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) สํงครูผูส๎ อน เมือ่ มาพบกลุํมตามนัดหมายเสรจ็ สิน้ กกกกกกก2. 2.3 นาขอ๎ ค๎นพบที่ได๎จากบันทึก ในขอ๎ 2.2 มาอภปิ รายแลกเปลย่ี นเรียนร๎ูขณะ พบกลมํุ คิด วเิ คราะห์ขอ๎ มลู สรปุ การเรียนรูท๎ ี่ไดล๎ งในเอกสารการเรียนรูด๎ ๎วยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.4 นาผลสรุปการเรยี นรท๎ู ไ่ี ด๎ไปปฏบิ ัตจิ รงิ ในชวี ิตประจาวัน ตอบแบบฝึกหดั ใน ใบงานนี้จานวน 4 ข๎อ แล๎วเขียนคาตอบลงในเอกสารการเรียนรูด๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก2. 2.5 สํงเอกสารการเรียนรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) ทีไ่ ด๎จากการทาใบงานนเี้ สร็จส้ินการ พบกลมุํ แกคํ รูผู๎สอน แบบฝกึ หดั กกกกกกก1. ให๎นักศึกษาสบื ค๎นขอ๎ มลู ศนู ย์การศกึ ษาพฒั นาหว๎ ยทรายอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ จงั หวัดเพชรบุรี และสรุปบทเรียนท่ีไดใ๎ นฐานพลเมืองดตี ๎องปฏิบตั อิ ะไรบ๎าง กกกกกกก1. คาตอบ…………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. กกกกกกก2. นกั ศกึ ษาได๎นาสรุปบทเรียนท่ไี ด๎ในข๎อ 1 มาใช๎ในการดาเนนิ ชวี ติ กกกกกกก1. คาตอบ…………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. กกกกกกก3. นกั ศกึ ษาไดน๎ าสรปุ บทเรียนทไ่ี ด๎ในข๎อ 1 มาใชใ๎ นในการประกอบอาชีพของนกั ศกึ ษา อยํางไร กกกกกกก1. คาตอบ…………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….

261 กกกกกกก4. นกั ศกึ ษาได๎นาสรุปบทเรียนที่ได๎ในข๎อ 1 มาใชใ๎ นในครอบครวั ของตนเองอยํางไร กกกกกกก1. คาตอบ…………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….

262 ใบงาน หวั เร่ืองท่ี 7 การน้อมนาหลักการทรงงานไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน คาชแ้ี จง กกกกกกก1. ใบงานน้จี ดั ทาขึ้นเพอื่ ใหน๎ ักศึกษามีความรแ๎ู ละประสบการณท์ ่ีศกึ ษา เร่อื ง การน๎อมนา หลกั การทรงงานไปใช๎ในชีวติ ประจาวัน กกกกกกก2. ใหน๎ ักศึกษาปฏิบตั ิตามขัน้ ตอนตํอไปน้ี กกกกกกก 2.1 ใหน๎ ักศึกษาคน๎ คว๎าประเดน็ หลกั การทรงงานในศนู ย์ศึกษาการพฒั นา อนั เนอื่ งมาจากพระราชดารหิ ๎วยทราย จากสื่อการเรยี นรู๎ เอกสารหนงั สอื จานวน 2 เลํม จากสื่อ อินเทอร์เนต็ จานวน 2 เว็บไซต์ และสมั ภาษณ์จากส่ือบุคคล ไดแ๎ กํ เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบคีรขี ันธ์ เจ๎าคณะตาบล จานวน 1 รูป หรอื นายกฤษฏา นุตะโร จานวน 1 คน รวมถงึ ศกึ ษาค๎นควา๎ หนังสอื ทเี่ กี่ยวข๎องจากห๎องสมดุ ประชาชนจงั หวัดประจวบครี ขี ันธ์ จานวน 1 เลํม และใบความร๎ู เร่อื งท่ี 7 หลกั การทรงงานในศูนย์ศกึ ษาการพฒั นาอนั เนื่องมาจากพระราชดาริหว๎ ยทราย กกกกกกก 2.2 ใหน๎ กั ศึกษารวบรวมขอ๎ มูลทีศ่ ึกษาคน๎ คว๎าไดจ๎ าก ข๎อ 2.1 บันทึกลงในเอกสารการ เรียนรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) สํงครูผู๎สอน เม่ือมาพบกลุมํ ตามนัดหมายเสร็จสิ้น กกกกกกก 2.3 นาข๎อค๎นพบท่ีได๎จากบนั ทกึ ในขอ๎ 2.2 มาอภปิ รายแลกเปลี่ยนเรียนรข๎ู ณะพบกลมํุ คดิ วิเคราะห์ขอ๎ มูล สรปุ การเรียนร๎ูทไี่ ดล๎ งในเอกสารการเรยี นร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต.) กกกกกกก 2.4 นาผลสรปุ การเรียนรท๎ู ี่ได๎ไปฝกึ ปฏิบตั จิ รงิ ในชวี ิตประจาวันและตอบแบบฝึกหัดใน ใบงานจานวน 4 ข๎อ แล๎วเขยี นคาตอบลงในเอกสารการเรยี นร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) ตลอดจนเขียนเปน็ เอกสารรายงานผลการปฏบิ ัติหนา๎ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชกาลท่ี 9 จริงด๎วย ทศพิธราชธรรม ตามพระราชดารัส และหลกั การทรงงาน ในครอบครวั การศึกษา อาชีพการงาน และ การพฒั นาชุมชน ท๎องถ่นิ และสังคม กกกกกกก 2.5 สํงเอกสารการเรียนรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) ท่ีไดจ๎ ากการทาใบงานเสรจ็ ส้ินขณะพบ กลํมุ แกํครผู ูส๎ อน และสงํ เอกสารรายงานผลการปฏบิ ัตหิ น๎าท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รชั กาล ที่ 9 จรงิ ดว๎ ยทศพิธราชธรรม ตามพระราชดารสั และหลักการทรงงาน แบบฝึกหดั 1. ทาํ นได๎การน๎อมนาหลักการทรงงานของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา ภมู ิพลอดุลยเดช ทศี่ ึกษาค๎นคว๎าไปใช๎ในการดาเนินชวี ิตด๎านการศกึ ษาอยํางไร กกกกกกก1. คาตอบ…………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. ทาํ นได๎การน๎อมนาหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช ที่ศึกษาคน๎ ควา๎ ไปใช๎ในการดาเนินชีวติ ดา๎ นครอบครัวอยํางไร กกกกกกก1. คาตอบ…………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….

263 3. ทํานไดก๎ ารน๎อมนาหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช ที่ศึกษาค๎นควา๎ ไปใชใ๎ นการดาเนินชีวติ ดา๎ นการพฒั นาชุมชน ท๎องถ่ิน และสังคม อยาํ งไร กกกกกกก1. คาตอบ…………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. ทาํ นได๎น๎อมนาทศพธิ ราชธรรม และพระราชดารสั ไปใช๎ในครอบครวั การศึกษา อาชพี การงานและพฒั นาชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ และสงั คมอยํางไรบ๎าง ให๎เขียนเปน็ เอกสารรายงานผลการ ปฏิบตั ิหน๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 จริงด๎วยทศพิธราชธรรม ตามพระราชดารสั และหลกั การทรงงาน กกกกกกก1. คาตอบ…………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….

264 ภาคผนวก ค. เครื่องมอื วดั ความก้าวหนา้

265 แบบตรวจเอกสารการเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) ใบงานหวั เรอื่ งท่ี 1 ความร้พู นื้ ฐานเกี่ยวกับหนา้ ท่ีพลเมอื ง คาชีแ้ จง 1. แบบประเมนิ ฉบับน้ีจัดทาขน้ึ เพื่อให๎ครผู สู๎ อนใช๎ตรวจเอกสารการเรียนร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต.) ของนักศกึ ษาตามใบงานทีค่ รูผู๎สอนได๎มอบหมายให๎นักศึกษาไดฝ๎ ึกปฏบิ ัติ 2. ใหค๎ รผู ส๎ู อนตรวจเอกสารการเรยี นรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) โดยมรี ายการตรวจสอบและ เกณฑ์การให๎คะแนนดงั นี้ 2.1 การศกึ ษาค๎นควา๎ ในประเด็นท่ีกาหนด ต๎องมีความหลากหลายครบถ๎วนตามใบงาน ทมี่ อบหมายใหน๎ ักศึกษาปฏบิ ตั ิ โดยถา๎ นักศึกษาปฏิบัติได๎ครบถ๎วนตามใบงาน ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติ ได๎บ๎างไมํครบถ๎วน ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎อยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัติเลย ให๎ 0 คะแนน 2.2 การตรวจข๎อมูลการบันทึกผลตดิ ตาม การปฏิบัตติ ามใบงานในเอกสารการเรยี นร๎ู ดว๎ ยตนเอง (กรต.) มีแนวทางการตรวจดังน้ี 2.2.1 การบันทึกผลสรุปการศึกษาค๎นคว๎า ถ๎ามีข๎อมูลครบถ๎วนตามท่ีใบงาน มอบหมายให๎ค๎นคว๎าได๎ ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎บ๎าง ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎เพียงอยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถา๎ ไมํปฏิบตั ิเลยให๎ 0 คะแนน 2.2.2 การบนั ทึกผลการเรยี นร๎ูท่ีได๎จากการอภิปรายแลกเปลยี่ นเรียนรู๎ขณะ พบกลุมํ ถา๎ บันทึกได๎ตรงกับข๎อสรุปทไี่ ด๎ ให๎ 1 คะแนน ถ๎าไมํบนั ทึกหรือบนั ทกึ ไดไ๎ มตํ รง ให๎ 0 คะแนน 2.2.3 การตอบคาถามแบบฝกึ หดั ในใบงาน 1) ถา๎ ตอบได๎ถกู ต๎องครอบคลุม ให๎ 2 คะแนน 2) ถ๎าตอบได๎ถูกต๎องแตํไมํครอบคลมุ ให๎ 1 คะแนน 3) ถ๎าตอบไมถํ ูกตอ๎ งไมคํ รอบคลุม หรือครอบคลุมแตไํ มํถูกต๎อง หรอื ไมํทาเลย (ไมํตอบ) ให๎ 0 คะแนน

266 รายการตรวจสอบ คะแนนเตม็ ผลการให้คะแนน 3 ................................ 1. ผลการศึกษาคน๎ คว๎าในประเดน็ ท่ีกาหนด 2. ผลการตรวจเอกสารการเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) 3 ................................ 1 ................................ 2.1 ผลการบนั ทึกข๎อมลู ค๎นคว๎า 8 ………………………….. 2.2 ผลการบันทึกการสรปุ การเรียนรู๎ 15 ................................ 2.3 ผลการตอบคาถามในใบงาน รวม หมายเหตุ การแปลคะแนนท่ีไดจ๎ ากการตรวจเอกสารการเรียนรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) มีแนวทางดงั นี้ คะแนนท่ีได๎ = 40 X X 105 X คะแนน หมายถงึ คะแนนรวมของการตรวจเอกสารการเรียนรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) ในใบงานของหัวเร่ืองน้นั ๆ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน กกกกกกก1. ถา๎ ไดค๎ ะแนน 9 คะแนนข้ึนไป (60% ข้ึนไปของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถือวาํ ผาํ น กกกกกกก2. ถา๎ ได๎คะแนน ต่ากวาํ 9 คะแนนลงมา (60% ลงมาของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถอื วาํ ไมํผําน

267 แบบตรวจเอกสารการเรียนรดู้ ้วยตนเอง (กรต.) ใบงานหัวเร่ืองที่ 2 ความหมายและความสาคญั ของหน้าทพี่ ลเมือง ตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 คาชี้แจง 1. แบบประเมินฉบบั น้จี ดั ทาข้นึ เพื่อให๎ครูผ๎สู อนใชต๎ รวจเอกสารการเรยี นร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต.) ของนักศกึ ษาตามใบงานที่ครูผส๎ู อนไดม๎ อบหมายให๎นักศกึ ษาได๎ฝึกปฏิบตั ิ 2. ใหค๎ รผู สู๎ อนตรวจเอกสารการเรยี นรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) โดยมรี ายการตรวจสอบและ เกณฑ์การให๎คะแนนดังนี้ 2.1 การศึกษาคน๎ ควา๎ ในประเด็นท่ีกาหนด ต๎องมีความหลากหลายครบถ๎วนตามใบงาน ท่ีมอบหมายใหน๎ ักศึกษาปฏิบตั ิ โดยถา๎ นักศึกษาปฏิบัติได๎ครบถ๎วนตามใบงาน ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติ ได๎บ๎างไมํครบถ๎วน ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎อยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัติเลย ให๎ 0 คะแนน 2.2 การตรวจขอ๎ มลู การบนั ทกึ ผลตดิ ตาม การปฏิบตั ติ ามใบงานในเอกสารการเรยี นร๎ู ด๎วยตนเอง (กรต.) มีแนวทางการตรวจดังนี้ 2.2.1 การบันทึกผลสรุปการศึกษาค๎นคว๎า ถ๎ามีข๎อมูลครบถ๎วนตามที่ใบงาน มอบหมายให๎ค๎นคว๎าได๎ ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎บ๎าง ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎เพียงอยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏบิ ตั ิเลยให๎ 0 คะแนน 2.2.2 การบันทึกผลการเรยี นร๎ูทไ่ี ดจ๎ ากการอภปิ รายแลกเปลย่ี นเรียนร๎ขู ณะ พบกลุํมถ๎าบันทึกได๎ตรงกับขอ๎ สรปุ ท่ีได๎ ให๎ 1 คะแนน ถา๎ ไมํบันทกึ หรือบันทกึ ไดไ๎ มตํ รง ให๎ 0 คะแนน 2.2.3 การตอบคาถามแบบฝึกหัดในใบงาน 1) ถา๎ ตอบได๎ถูกต๎องครอบคลุม ให๎ 2 คะแนน 2) ถ๎าตอบได๎ถกู ต๎องแตํไมํครอบคลมุ ให๎ 1 คะแนน 3) ถา๎ ตอบไมํถูกต๎องไมํครอบคลุม หรือครอบคลุมแตํไมํถูกต๎อง หรือ ไมทํ าเลย (ไมตํ อบ) ให๎ 0 คะแนน

268 รายการตรวจสอบ คะแนนเตม็ ผลการให้คะแนน 3 ................................ 1. ผลการศึกษาคน๎ คว๎าในประเดน็ ท่ีกาหนด 2. ผลการตรวจเอกสารการเรียนรู๎ด๎วยตนเอง (กรต.) 3 ................................ 1 ................................ 2.1 ผลการบนั ทึกข๎อมลู ค๎นคว๎า 8 ………………………….. 2.2 ผลการบันทึกการสรปุ การเรียนรู๎ 15 ................................ 2.3 ผลการตอบคาถามในใบงาน รวม หมายเหตุ การแปลคะแนนท่ีไดจ๎ ากการตรวจเอกสารการเรียนรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) มีแนวทางดงั นี้ คะแนนท่ีได๎ = 40 X X 105 X คะแนน หมายถงึ คะแนนรวมของการตรวจเอกสารการเรียนรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) ในใบงานของหัวเร่ืองน้นั ๆ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน กกกกกกก1. ถา๎ ไดค๎ ะแนน 9 คะแนนข้ึนไป (60% ข้ึนไปของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถือวาํ ผาํ น กกกกกกก2. ถา๎ ได๎คะแนน ต่ากวาํ 9 คะแนนลงมา (60% ลงมาของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถอื วาํ ไมํผําน

269 แบบตรวจเอกสารการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.) ใบงานหัวเรอ่ื งที่ 3 หน้าท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รัชกาลท่ี 9 ดว้ ยทศพิธราชธรรม คาชีแ้ จง กกกกกกก1. แบบประเมนิ ฉบับนี้จดั ทาขึ้นเพ่อื ให๎ครผู สู๎ อนใชต๎ รวจเอกสารการเรยี นรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) ของนกั ศกึ ษาตามใบงานที่ครูผ๎สู อนได๎มอบหมายให๎นักศึกษาไดฝ๎ ึกปฏบิ ัติ กกกกกกก2. ให๎ครผู ส๎ู อนตรวจเอกสารการเรยี นรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) โดยมรี ายการตรวจสอบและ เกณฑ์การให๎คะแนนดังน้ี 2.1 การศกึ ษาคน๎ ควา๎ ในประเด็นที่กาหนด ต๎องมีความหลากหลายครบถ๎วนตามใบงาน ทมี่ อบหมายใหน๎ ักศึกษาปฏบิ ัติ โดยถ๎านักศึกษาปฏิบัติได๎ครบถ๎วนตามใบงาน ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติ ได๎บ๎างไมํครบถ๎วน ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎อยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัติเลย ให๎ 0 คะแนน 2.2 การตรวจข๎อมลู การบันทึกผลการปฏบิ ัตติ ามใบงานในเอกสารการเรยี นรูด๎ ว๎ ย ตนเอง (กรต.) มีแนวทางการตรวจดงั น้ี 2.2.1 การบนั ทกึ ผลสรุปการศึกษาค๎นควา๎ ถ๎ามขี ๎อมูลครบถว๎ นตามทใี่ บงาน มอบหมายใหค๎ น๎ คว๎าได๎ ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบตั ไิ ดบ๎ ๎าง ให๎ 2 คะแนน ถา๎ ปฏิบตั ิได๎เพยี งอยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัตเิ ลยให๎ 0 คะแนน 2.2.2 การบนั ทึกผลการเรียนร๎ูทไี่ ด๎จากการอภปิ รายแลกเปลี่ยนเรียนร๎ู ขณะพบ กลํุม ถา๎ บนั ทึกได๎ตรงกับขอ๎ สรุปทไ่ี ด๎ ให๎ 1 คะแนน ถ๎าไมํบันทกึ หรือบันทกึ ได๎ไมตํ รง ให๎ 0 คะแนน 2.2.3 การตอบคาถามแบบฝึกหดั ในใบงาน 1) ถา๎ ตอบได๎ถูกต๎องครอบคลุม ให๎ 2 คะแนน 2) ถ๎าตอบได๎ถกู ตอ๎ งแตํไมํครอบคลมุ ให๎ 1 คะแนน 3) ถา๎ ตอบไมํถูกต๎องไมํครอบคลุม หรือครอบคลุมแตํไมํถูกต๎อง หรือไมํทา เลย (ไมตํ อบ) ให๎ 0 คะแนน

270 รายการตรวจสอบ คะแนนเตม็ ผลการใหค้ ะแนน 3 ................................ 1. ผลการศึกษาคน๎ คว๎าในประเด็นท่ีกาหนด 2. ผลการตรวจเอกสารการเรยี นรูด๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) 3 ................................ 1 ................................ 2.1 ผลการบนั ทึกข๎อมลู ค๎นคว๎า 8 ………………………….. 2.2 ผลการบันทึกการสรปุ การเรียนรู๎ 15 ................................ 2.3 ผลการตอบคาถามในใบงาน รวม หมายเหตุ การแปลคะแนนท่ีไดจ๎ ากการตรวจเอกสารการเรียนรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) มีแนวทางดังนี้ คะแนนท่ีได๎ = 40 X X 105 X คะแนน หมายถงึ คะแนนรวมของการตรวจเอกสารการเรียนรดู๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) ในใบงานของหัวเร่ืองน้นั ๆ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน กกกกกกก1. ถา๎ ได๎คะแนน 9 คะแนนข้ึนไป (60% ข้ึนไปของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถือวาํ ผาํ น กกกกกกก2. ถา๎ ได๎คะแนน ต่ากวาํ 9 คะแนนลงมา (60% ลงมาของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถอื วาํ ไมํผําน

271 แบบตรวจเอกสารการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.) ใบงานหัวเรอ่ื งที่ 4 หนา้ ทพี่ ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส คาชแี้ จง กกกกกกก1. แบบประเมินฉบบั นจี้ ัดทาขน้ึ เพือ่ ใหค๎ รูผ๎ูสอนใช๎ตรวจเอกสารการเรียนร๎ูดว๎ ยตนเอง (กรต.) ของนกั ศกึ ษาตามใบงานทคี่ รูผู๎สอนไดม๎ อบหมายใหน๎ ักศึกษาได๎ฝึกปฏิบตั ิ กกกกกกก2. ให๎ครผู ูส๎ อนตรวจเอกสารการเรยี นร๎ดู ๎วยตนเอง (กรต.) โดยมรี ายการตรวจสอบและ เกณฑ์การให๎คะแนนดังน้ี 2.1 การศึกษาค๎นควา๎ ในประเด็นที่กาหนด ต๎องมีความหลากหลายครบถ๎วนตามใบงาน ทม่ี อบหมายให๎นกั ศกึ ษาปฏบิ ัติ โดยถ๎านกั ศึกษาปฏิบัติได๎ครบถ๎วนตามใบงาน ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติ ได๎บ๎างไมํครบถ๎วน ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎อยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัติเลย ให๎ 0 คะแนน 2.2 การตรวจข๎อมลู การบนั ทึกผลการปฏิบัติตามใบงานในเอกสารการเรียนร๎ูดว๎ ย ตนเอง (กรต.) มีแนวทางการตรวจดังน้ี 2.2.1 การบนั ทกึ ผลสรุปการศึกษาคน๎ ควา๎ ถ๎ามขี ๎อมลู ครบถว๎ นตามท่ใี บงาน มอบหมายใหค๎ น๎ คว๎าได๎ ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏบิ ตั ิไดบ๎ ๎าง ให๎ 2 คะแนน ถา๎ ปฏิบัติได๎เพยี งอยาํ งเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏบิ ัติเลยให๎ 0 คะแนน 2.2.2 การบนั ทกึ ผลการเรยี นรู๎ทไ่ี ด๎จากการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรยี นรู๎ ขณะพบ กลมํุ ถ๎าบนั ทึกได๎ตรงกบั ขอ๎ สรุปที่ได๎ ให๎ 1 คะแนน ถ๎าไมํบันทกึ หรือบนั ทึกได๎ไมํตรง ให๎ 0 คะแนน 2.2.3 การตอบคาถามแบบฝึกหดั ในใบงาน 1) ถ๎าตอบได๎ถูกต๎องครอบคลุม ให๎ 2 คะแนน 2) ถ๎าตอบได๎ถูกต๎องแตํไมํครอบคลมุ ให๎ 1 คะแนน 3) ถ๎าตอบไมํถูกตอ๎ งไมํครอบคลมุ หรือครอบคลุมแตํไมถํ ูกตอ๎ ง หรอื ไมํทา เลย (ไมํตอบ) ให๎ 0 คะแนน

272 รายการตรวจสอบ คะแนนเตม็ ผลการให้คะแนน 3 ................................ 1. ผลการศึกษาคน๎ คว๎าในประเดน็ ท่ีกาหนด 2. ผลการตรวจเอกสารการเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) 3 ................................ 1 ................................ 2.1 ผลการบนั ทึกข๎อมลู ค๎นคว๎า 8 ………………………….. 2.2 ผลการบันทึกการสรปุ การเรียนรู๎ 15 ................................ 2.3 ผลการตอบคาถามในใบงาน รวม หมายเหตุ การแปลคะแนนท่ีไดจ๎ ากการตรวจเอกสารการเรียนรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) มีแนวทางดังนี้ คะแนนท่ีได๎ = 40 X X 105 X คะแนน หมายถงึ คะแนนรวมของการตรวจเอกสารการเรียนรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) ในใบงานของหัวเร่ืองน้นั ๆ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน กกกกกกก1. ถา๎ ไดค๎ ะแนน 9 คะแนนข้ึนไป (60% ข้ึนไปของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถือวาํ ผาํ น กกกกกกก2. ถา๎ ได๎คะแนน ต่ากวาํ 9 คะแนนลงมา (60% ลงมาของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถอื วาํ ไมํผําน

273 แบบตรวจเอกสารการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง (กรต.) ใบงานหัวเรือ่ งท่ี 5 หน้าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน คาชี้แจง กกกกกกก1. แบบประเมินฉบับน้ีจัดทาข้นึ เพือ่ ให๎ครผู ส๎ู อนใชต๎ รวจเอกสารการเรยี นร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) ของนกั ศกึ ษาตามใบงานทคี่ รูผูส๎ อนได๎มอบหมายให๎นักศึกษาไดฝ๎ กึ ปฏบิ ัติ กกกกกกก2. ใหค๎ รูผ๎สู อนตรวจเอกสารการเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) โดยมีรายการตรวจสอบและ เกณฑ์การให๎คะแนนดังนี้ 2.1 การศกึ ษาคน๎ ควา๎ ในประเด็นที่กาหนด ต๎องมีความหลากหลายครบถ๎วนตามใบงาน ท่ีมอบหมายใหน๎ ักศกึ ษาปฏิบัติ โดยถา๎ นกั ศึกษาปฏิบัติได๎ครบถ๎วนตามใบงาน ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติ ได๎บ๎างไมํครบถ๎วน ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎อยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัติเลย ให๎ 0 คะแนน 2.2 การตรวจขอ๎ มลู การบนั ทึกผลการปฏิบัตติ ามใบงานในเอกสารการเรยี นร๎ดู ว๎ ย ตนเอง (กรต.) มแี นวทางการตรวจดงั น้ี 2.2.1 การบนั ทึกผลสรปุ การศึกษาคน๎ คว๎า ถา๎ มขี ๎อมลู ครบถ๎วนตามที่ใบงาน มอบหมายให๎คน๎ คว๎าได๎ ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎บ๎าง ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบตั ไิ ด๎เพียงอยาํ งเดียว ให๎ 1 คะแนน และถา๎ ไมํปฏบิ ัติเลยให๎ 0 คะแนน 2.2.2 การบนั ทึกผลการเรียนร๎ูทไี่ ดจ๎ ากการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู๎ ขณะพบ กลุํม ถ๎าบันทึกได๎ตรงกบั ขอ๎ สรุปที่ได๎ ให๎ 1 คะแนน ถ๎าไมํบันทึกหรอื บนั ทึกไดไ๎ มตํ รง ให๎ 0 คะแนน 2.2.3 การตอบคาถามแบบฝกึ หัดในใบงาน 1) ถ๎าตอบได๎ถูกต๎องครอบคลุม ให๎ 2 คะแนน 2) ถา๎ ตอบได๎ถูกต๎องแตํไมํครอบคลมุ ให๎ 1 คะแนน 3) ถ๎าตอบไมํถกู ต๎องไมคํ รอบคลมุ หรือครอบคลุมแตไํ มํถูกต๎อง หรือไมํทา เลย (ไมตํ อบ) ให๎ 0 คะแนน

274 รายการตรวจสอบ คะแนนเตม็ ผลการให้คะแนน 3 ................................ 1. ผลการศึกษาคน๎ คว๎าในประเดน็ ท่ีกาหนด 2. ผลการตรวจเอกสารการเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) 3 ................................ 1 ................................ 2.1 ผลการบนั ทกั ข๎อมลู ค๎นคว๎า 8 ………………………….. 2.2 ผลการบันทึกการสรปุ การเรียนรู๎ 15 ................................ 2.3 ผลการตอบคาถามในใบงาน รวม หมายเหตุ การแปลคะแนนท่ีไดจ๎ ากการตรวจเอกสารการเรียนรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) มีแนวทางดงั นี้ คะแนนท่ีได๎ = 40 X X 105 X คะแนน หมายถงึ คะแนนรวมของการตรวจเอกสารการเรียนรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) ในใบงานของหัวเร่ืองน้นั ๆ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน กกกกกกก1. ถา๎ ไดค๎ ะแนน 9 คะแนนข้ึนไป (60% ข้ึนไปของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถือวาํ ผาํ น กกกกกกก2. ถา๎ ได๎คะแนน ต่ากวาํ 9 คะแนนลงมา (60% ลงมาของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถอื วาํ ไมํผําน

275 แบบตรวจเอกสารการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง (กรต.) ใบงานหัวเรอื่ งที่ 6 หนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจริยวตั ร และพระราชกรณียกจิ คาชแ้ี จง กกกกกกก1. แบบประเมินฉบับน้ีจดั ทาข้ึนเพอื่ ให๎ครูผ๎สู อนใช๎ตรวจเอกสารการเรยี นรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) ของนักศึกษาตามใบงานท่ีครูผ๎ูสอนได๎มอบหมายใหน๎ ักศกึ ษาไดฝ๎ กึ ปฏิบัติ กกกกกกก2. ใหค๎ รูผ๎ูสอนตรวจเอกสารการเรยี นรูด๎ ว๎ ยตนเอง (กรต.) โดยมรี ายการตรวจสอบและ เกณฑ์การให๎คะแนนดงั น้ี 2.1 การศึกษาค๎นคว๎าในประเด็นท่ีกาหนด ต๎องมีความหลากหลายครบถ๎วนตามใบงาน ทมี่ อบหมายใหน๎ กั ศกึ ษาปฏิบัติ โดยถ๎านักศึกษาปฏิบัติได๎ครบถ๎วนตามใบงาน ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติ ได๎บ๎างไมํครบถ๎วน ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎อยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัติเลย ให๎ 0 คะแนน 2.2 การตรวจขอ๎ มลู การบนั ทกึ ผลการปฏิบัติตามใบงานในเอกสารการเรยี นร๎ดู ว๎ ย ตนเอง (กรต.) มีแนวทางการตรวจดังนี้ 2.2.1 การบนั ทึกผลสรุปการศกึ ษาค๎นควา๎ ถา๎ มขี ๎อมูลครบถว๎ นตามที่ใบงาน มอบหมายใหค๎ น๎ ควา๎ ได๎ ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัตไิ ด๎บ๎าง ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏบิ ตั ิไดเ๎ พียงอยํางเดยี ว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมปํ ฏบิ ัติเลยให๎ 0 คะแนน 2.2.2 การบันทึกผลการเรยี นร๎ูทไ่ี ด๎จากการอภปิ รายแลกเปลยี่ นเรยี นร๎ู ขณะพบ กลุํม ถ๎าบันทึกได๎ตรงกบั ขอ๎ สรุปทไ่ี ด๎ ให๎ 1 คะแนน ถ๎าไมํบันทึกหรอื บนั ทกึ ไดไ๎ มํตรง ให๎ 0 คะแนน 2.2.3 การตอบคาถามแบบฝกึ หัดในใบงาน 1) ถา๎ ตอบได๎ถูกต๎องครอบคลุม ให๎ 2 คะแนน 2) ถ๎าตอบได๎ถูกต๎องแตํไมํครอบคลมุ ให๎ 1 คะแนน 3) ถ๎าตอบไมํถกู ต๎องไมํครอบคลุม หรือครอบคลุมแตไํ มํถูกต๎อง หรือไมํทา เลย (ไมตํ อบ) ให๎ 0 คะแนน

276 รายการตรวจสอบ คะแนนเตม็ ผลการให้คะแนน 3 ................................ 1. ผลการศึกษาคน๎ คว๎าในประเดน็ ท่ีกาหนด 2. ผลการตรวจเอกสารการเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) 3 ................................ 1 ................................ 2.1 ผลการบนั ทึกข๎อมลู ค๎นคว๎า 8 ………………………….. 2.2 ผลการบันทึกการสรปุ การเรียนรู๎ 15 ................................ 2.3 ผลการตอบคาถามในใบงาน รวม หมายเหตุ การแปลคะแนนท่ีไดจ๎ ากการตรวจเอกสารการเรียนรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) มีแนวทางดงั นี้ คะแนนท่ีได๎ = 40 X X 105 X คะแนน หมายถงึ คะแนนรวมของการตรวจเอกสารการเรียนรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) ในใบงานของหัวเร่ืองน้นั ๆ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน กกกกกกก1. ถา๎ ไดค๎ ะแนน 9 คะแนนข้ึนไป (60% ข้ึนไปของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถือวาํ ผาํ น กกกกกกก2. ถา๎ ได๎คะแนน ต่ากวาํ 9 คะแนนลงมา (60% ลงมาของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถอื วาํ ไมํผําน

277 แบบตรวจเอกสารการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (กรต.) ใบงานหัวเร่อื งที่ 7 หนา้ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 การประยกุ ตใ์ ชห้ นา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาท รัชการท่ี 9 ในชวี ติ ประจาวนั คาช้แี จง กกกกกกก1. แบบประเมนิ ฉบบั น้จี ัดทาขนึ้ เพ่อื ใหค๎ รูผส๎ู อนใช๎ตรวจเอกสารการเรียนรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) ของนักศกึ ษาตามใบงานท่ีครผู ๎ูสอนได๎มอบหมายให๎นักศกึ ษาได๎ฝกึ ปฏิบตั ิ กกกกกกก2. ใหค๎ รผู ู๎สอนตรวจเอกสารการเรียนร๎ูด๎วยตนเอง (กรต.) โดยมรี ายการตรวจสอบและ เกณฑ์การให๎คะแนนดังน้ี 2.1 การศกึ ษาค๎นควา๎ ในประเด็นท่ีกาหนด ต๎องมีความหลากหลายครบถ๎วนตามใบงาน ท่มี อบหมายใหน๎ ักศกึ ษาปฏิบตั ิ โดยถา๎ นักศึกษาปฏิบัติได๎ครบถ๎วนตามใบงาน ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏิบัติ ได๎บ๎างไมํครบถ๎วน ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัติได๎อยํางเดียว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัติเลย ให๎ 0 คะแนน 2.2 การตรวจข๎อมลู การบันทึกผลการปฏิบตั ิตามใบงานในเอกสารการเรยี นร๎ูด๎วย ตนเอง (กรต.) มีแนวทางการตรวจดงั นี้ 2.2.1 การบนั ทึกผลสรุปการศกึ ษาค๎นควา๎ ถ๎ามขี ๎อมูลครบถ๎วนตามทใ่ี บงาน มอบหมายให๎คน๎ ควา๎ ได๎ ให๎ 3 คะแนน ถ๎าปฏบิ ัตไิ ดบ๎ ๎าง ให๎ 2 คะแนน ถ๎าปฏิบัตไิ ด๎เพยี งอยํางเดยี ว ให๎ 1 คะแนน และถ๎าไมํปฏิบัตเิ ลยให๎ 0 คะแนน 2.2.2 การบันทกึ ผลการเรยี นรู๎ที่ได๎จากการอภปิ รายแลกเปล่ยี นเรยี นรู๎ ขณะพบ กลมุํ ถ๎าบนั ทึกได๎ตรงกบั ขอ๎ สรุปทีไ่ ด๎ ให๎ 1 คะแนน ถ๎าไมํบันทึกหรือบันทึกได๎ไมํตรง ให๎ 0 คะแนน 2.2.3 การตอบคาถามแบบฝกึ หัดในใบงาน 1) ถ๎าตอบได๎ถูกต๎องครอบคลุม ให๎ 2 คะแนน 2) ถ๎าตอบได๎ถูกตอ๎ งแตํไมํครอบคลุม ให๎ 1 คะแนน 3) ถ๎าตอบไมํถกู ต๎องไมคํ รอบคลุม หรือครอบคลุมแตํไมํถูกต๎อง หรอื ไมํทาเลย (ไมตํ อบ) ให๎ 0 คะแนน

278 รายการตรวจสอบ คะแนนเตม็ ผลการใหค้ ะแนน 3 ................................ 1. ผลการศึกษาคน๎ คว๎าในประเดน็ ท่ีกาหนด 2. ผลการตรวจเอกสารการเรียนรู๎ดว๎ ยตนเอง (กรต.) 3 ................................ 1 ................................ 2.1 ผลการบนั ทกั ข๎อมลู ค๎นคว๎า 8 ………………………….. 2.2 ผลการบันทึกการสรปุ การเรียนรู๎ 15 ................................ 2.3 ผลการตอบคาถามในใบงาน รวม หมายเหตุ การแปลคะแนนท่ีไดจ๎ ากการตรวจเอกสารการเรียนรดู๎ ๎วยตนเอง (กรต.) มีแนวทางดงั นี้ คะแนนท่ีได๎ = 40 X X 105 X คะแนน หมายถงึ คะแนนรวมของการตรวจเอกสารการเรียนรด๎ู ๎วยตนเอง (กรต.) ในใบงานของหัวเร่ืองน้นั ๆ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน กกกกกกก1. ถา๎ ไดค๎ ะแนน 9 คะแนนข้ึนไป (60% ข้ึนไปของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถือวาํ ผาํ น กกกกกกก2. ถา๎ ได๎คะแนน ต่ากวาํ 9 คะแนนลงมา (60% ลงมาของคะแนนเต็ม 15 คะแนน) ถอื วาํ ไมํผําน

279 แบบตรวจเอกสารรายงาน ผลการปฏิบัติหนา้ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลที่ 9 จริง ด้วยทศพิธราชธรรม ตามพระราชดารสั และตามหลักการทรงงาน คาชีแ้ จง กกกกกกกโปรดทาเครื่องหมายถกู () ลงในชํองหลังรายการตรวจสอบเอกสารรายงานทท่ี ํานได๎ ตรวจพบจรงิ โดยมรี ะดบั คุณภาพดงั น้ี กกกกกกกดีมาก หมายถงึ รายการตรวจสอบเร่ืองน้มี ีคุณภาพดีมาก เทาํ กบั 5 คะแนน กกกกกกกดี หมายถงึ รายการตรวจสอบเรือ่ งน้มี ีคณุ ภาพดี เทํากับ 4 คะแนน กกกกกกกพอใช๎ หมายถงึ รายการตรวจสอบเรื่องนมี้ ีคุณภาพพอใช๎ เทาํ กบั 3 คะแนน กกกกกกกไมํดี หมายถึง รายการตรวจสอบเรือ่ งนีม้ ีคณุ ภาพไมดํ ี เทํากับ 2 คะแนน กกกกกกกไมดํ ีอยํางย่ิง หมายถงึ รายการตรวจสอบเร่อื งนม้ี ีคณุ ภาพไมดํ อี ยํางยิง่ เทาํ กับ 1 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี พอใช้ ไม่ดี ไม่ดี ข้อ รายการตรวจสอบ 5 4 3 2 อยา่ งยง่ิ 1 1. ทศพธิ ราชธรรม 1.1 นักศกึ ษาใชท๎ ศพิธราชธรรมใน ครอบครัวได๎.............................................. .......... .......... .......... .......... …………….. 1.2 นักศกึ ษาใช๎ทศพิธราชธรรมใน การศกึ ษาเลาํ เรยี นได๎................................ .......... .......... .......... .......... …………….. 1.3 นกั ศึกษาใช๎ทศพิธราชธรรมในอาชีพ การงานได๎................................................. .......... .......... .......... .......... …………….. 1.4 นักศกึ ษาใชท๎ ศพิธราชธรรมในการ พัฒนาชมุ ชน ท๎องถน่ิ และสังคมของ ตนเองได๎.................................................... .......... .......... .......... .......... ……………..

280 ระดับคุณภาพ ดีมาก ดี พอใช้ ไมด่ ี ไม่ดี ขอ้ รายการตรวจสอบ 5 4 3 2 อยา่ งยง่ิ 1 2. พระราชดารสั 2.1 นกั ศกึ ษาใชพ๎ ระราชดารัสของ รัชกาลท่ี 9 ในการพฒั นาครอบครัว ของตนเองได๎………………………………………………… .......... .......... .......... .......... …………….. 2.2 นกั ศกึ ษาใช๎พระราชดารัสของ รชั กาลที่ 9 ในการศึกษาเลาํ เรยี นของ ตนเองได๎…………………………………………………… .......... .......... .......... .......... …………….. 2.3 นกั ศึกษาใชพ๎ ระราชดารัสของ รัชกาลที่ 9 ในการพฒั นาอาชีพการงาน ของตนเองได๎............................................. .......... .......... .......... .......... …………….. 2.4 นักศึกษาใช๎พระราชดารัสของ รชั กาลที่ 9 ในการพัฒนาชุมชน ทอ๎ งถิน่ และสังคมของตนเองได๎............................. .......... .......... .......... .......... …………….. 3. หลกั การทรงงาน 3.1 นักศึกษาใช๎หลกั การทรงงาน ของรัชกาลท่ี 9 ในการพัฒนาครอบครัว ของตนเองได๎................................................. .......... .......... .......... .......... …………….. 3.2 นกั ศึกษาใช๎หลักการทรงงาน ของรัชกาลท่ี 9 ในการพัฒนาการศกึ ษา ของตนเองได๎............................................ .......... .......... .......... .......... …………….. 3.3 นกั ศกึ ษาใช๎หลกั การทรงงาน ของรชั กาลที่ 9 ในการพฒั นาอาชพี การงานของตนเองได๎................................ .......... .......... .......... .......... …………….. 3.4 นักศึกษาใช๎หลกั การทรงงาน ของรชั กาลที่ 9 ในการพัฒนาชุมชน ทอ๎ งถน่ิ และสังคม ของตนเองได๎............... .......... .......... .......... .......... ……………..

281 หมายเหตุ การแปลคะแนนทีไ่ ด๎จากการตรวจเอกสารรายงานฉบบั นี้ xคะแนนทไ่ี ด๎ = 20  60 X คะแนน หมายถงึ คะแนนรวมการตรวจเอกสารรายงานที่ได๎บันทกึ ลงในแบบตรวจ เอกสารรายงานฉบบั นี้

282 ภาคผนวก ง. เครื่องมอื วดั ผลรวม

283 แบบทดสอบความรู้ วชิ า สค23088 วิชาหนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลทเี่ กา้ 2 คาช้แี จง 1. แบบทดสอบฉบบั นจ้ี ัดทาข้ึนเพื่อวัดความรู๎หรอื ความสามารถทางสตปิ ัญญา ของนักศึกษาท่ีได๎ศกึ ษาเรียนรูว๎ ชิ าน้ี 2. แบบทดสอบฉบับนม้ี ลี ักษณะเป็นปรนยั 4 ตัวเลือก จานวน 40 ข๎อ ให๎นักศกึ ษาเลือก ข๎อที่ ถูกต้องทส่ี ุดเพยี งข้อเดียว โดยให๎ทาเคร่ืองหมายกากบาท (x) ทับตัวอักษรในแผํนกระดาษ คาตอบ ที่แจกใหเ๎ ทํานนั้ หา้ มขีดเขยี นข๎อความใด ๆ ลงในเอกสารข๎อสอบ 3. เวลาท่ีใชท๎ าแบบทดสอบฉบับนใ้ี ชเ๎ วลา 1 ชว่ั โมง 4. เมื่อนักศกึ ษาทาแบบทดสอบฉบับนเี้ สร็จส้ิน ใหส๎ งํ เอกสารข๎อสอบ พร๎อมแผนํ กระดาษ คาตอบสงํ คนื ครผู ส๎ู อนท่ีคมุ สอบหรอื ผ๎ูคุมสอบ 5. กอํ นลงมือทาแบบทดสอบฉบบั น้ีใหเ๎ ขยี นช่ือสกลุ รหสั ประจาตวั ของนักศึกษาในแผนํ กระดาษคาตอบกํอนลงมือทา 1. ขอ๎ ใดไมใํ ชคํ วามหมายของพลเมืองในประเทศไทย ก. คนท่ีเกดิ ในประเทศไทย ข. คนที่มีพอํ แมํเป็นคนไทย ค. คนทอ่ี พยพเขา๎ มาอยูํในประเทศไทย ง. คนไทยที่ตั้งบ๎านเรอื นอยูํในประเทศไทย 2. พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย หมายถงึ ขอ๎ ใด ก. คนทอ่ี ยูํรวมกันและเคารพสิทธผิ ู๎อืน่ ข. พลเมอื งท่ที าตามแบบอยาํ งคนอ่ืนๆ ทุกอยําง ค. ชักชวนคนใหเ๎ ลอื กญาตติ นเองเป็นผแ๎ู ทนราษฎร ง. คนที่ทาให๎คนอนื่ ยอมรับความคดิ ของตนเองได๎ทุกเร่ือง 3. พลเมืองดี มลี ักษณะอยํางไร ก. มีอานาจบารมี ข. มชี ่อื เสยี งทางสังคม ค. มคี วามรับผิดชอบตอํ สังคม ง. มฐี านะดีเป็นท่ยี อมรับตอํ สังคม 4. ถา๎ นักศกึ ษาไมรํ ับผิดชอบตอํ หนา๎ ที่ของตนองผลจะเป็นอยาํ งไร ก. เรยี นไมํดี ข. ครูลงโทษ ค. พํอแมเํ สยี ใจ ง. เพือ่ น ๆ รังเกียจ

284 5. ขอ๎ ใดไมํใชํ คุณธรรมของการเปน็ พลเมืองทด่ี ี ก. ความเสยี สละ ข. ความรบั ผิดชอบ ค. ความมีระเบยี บวินัย ง. สนับสนนุ พรรคพวกเปน็ ผนู๎ า 6. ข๎อใด ไมใํ ชํ ความหมายของคาวาํ หนา๎ ที่พลเมือง ก. การเคารพกฎหมาย ข. การไปใช๎สทิ ธิเลือกต้ัง ค. การนาเอาวฒั นธรรมตาํ งประเทศมาประยกุ ต์ใช๎ ง. การอนรุ กั ษ์หวงแหนวัฒนธรรมและประเพณีไทย 7. นาย ป. เป็นประธานนกั ศึกษา ได๎ชวนเพื่อนๆ มาพัฒนาศนู ย์ การเรยี นชุมชนใน วันหยดุ แสดงวาํ นาย ป. มที ศพิธราชธรรมในข๎อใด ก. อกั โกธะ ข. อาชชวะ ค. อวหิ งิ สา ง. ปรจิ จาคะ 8. ครู ก. โมโหลูกศษิ ยท์ ่ที าการบา๎ นไมํได๎แตํคดิ ไดว๎ าํ เราเป็นครูต๎องสอนเข๎าให๎เข๎าใจ จงึ ไมํตลี ูกศิษย์ ครู ก. มที ศพธิ ราชธรรมในข๎อใด ก. ทมะ ข. ขนั ติ ค. จาคะ ง. สจั จะ 9. การท่พี ระมหากษัตรยิ ์ทรงปฏบิ ัตพิ ระราชกรณียกจิ ดว๎ ยความช่ือตรงสอดคล๎องกับ ทศพิธราชธรรมในข๎อใด ก. ตบะ ข. มทั วะ ค. อาชวะ ง. อวหิ ิงสา 10. ครบู ญุ ธรรม เป็นครทู ม่ี ีนิสัยสุภาพ อํอนโยน มมี นษุ ยสัมพนั ธต์ รงกับหลัก ทศพิธราชธรรมในขอ๎ ใด ก. ตบะ ข. มทั วะ ค. อาชวะ ง. อวหิ ิงสา

285 11. “ความสุขใจ” ตามแนวพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภมู ิพลอดลุ ยเดช คอื ข๎อใด ก. ความรา่ รวย ข. การไดก๎ ินอาหารดี ค. การมีรํางกายทแี่ ขง็ แรง ง. การได๎ชวํ ยเหลอื ผ๎ทู อี่ ํอนแอกวาํ 12. ความสขุ กาย คือ อะไร ก. การมสี ขุ ภาพที่แข็งแรง ข. การไดอ๎ ยูํกบั บุคคลที่รกั ` ค. การมคี วามเป็นอยทํู ี่ดกี วาํ บุคคลอ่นื ง. การบรจิ าคสงิ่ ของตาํ งๆ ใหค๎ นยากจน 13. ข๎อใด คือคุณธรรมทคี่ วรปลกู ฝงั ในวัยเด็กมากทส่ี ดุ ก. ความคดิ สร๎างสรรค์ ข. ความอํอนน๎อมถอํ มตน ค. ความรับผิดชอบตํอสังคม ง. ความสามัคคีและปรองดอง 14. ขอ๎ ใดคอื หน๎าทพี่ ลเมืองดีตามพระราชดารสั พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ในด๎านการทางาน ก. หน่ึง มปี ญั หากับเพ่ือนรํวมเสมอ ข. ดาว ท๎อแท๎ทุกครั้งที่งานมปี ญั หา ค. ปิน่ มักเก็บปัญหาไว๎คนเดียวเสมอ ง. ฟูา ใหค๎ วามรวํ มมือในการทางานกับองค์กร 15. กันต์ จัดทาบัญชรี ายรบั รายจํายของตนเองแสดงวาํ กันตป์ ฏบิ ตั ิหน๎าทต่ี าม พระราชดารัสหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งในข๎อใด ก. ความมเี หตผุ ล ข. ความมคี ณุ ธรรม ค. ความมีภูมคิ มุ๎ กนั ง. ความพอประมาณ 16. น๎ยุ เกบ็ เงนิ ได๎พรอ๎ มนาสํงเจา๎ หน๎าทีต่ ารวจ เพ่อื ตามหาเจา๎ ของ น๎ุยปฏิบัตหิ นา๎ ที่ ตามพระราชดารสั หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงในข๎อใด ก. เง่ือนไขความรู๎ ข. ความมีเหตุผล ค. เงอื่ นไขคุณธรรม ง. ความพอประมาณ

286 17. ข๎อใด คือ ความสาคญั ของหน๎าที่พลเมืองดีตํอบา๎ นเมืองในดา๎ นความเจรญิ ก. การเสียภาษอี ากร ข. การเปน็ สมาชกิ พรรคการเมือง ค. ให๎ความชวํ ยเหลือผท๎ู ่ีอํอนแอกวํา ง. รํวมชุมนุมทางการเมืองอยํางสงบ 18. “ การทานบุ ารงุ ประเทศชาตินน้ั มใิ ชเํ ป็นหน๎าท่ีของผ๎ูหน่งึ ผใู๎ ดโดยเฉพาะ หากเปน็ ความรับผิดชอบของคนไทยทุกคน ” พระราชดารสั ของพระบาททสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 จากข๎อความดงั กลาํ ว แสดงถึงความสาคัญ ของหน๎าท่พี ลเมืองในข๎อใด ก. ความรํวมมอื ปรองดอง ข. ความเสียสละและมีน้าใจ ค. เหน็ แกปํ ระโยชน์สํวนรํวม ง. ความรบั ผดิ ชอบของทกุ คน 19. “ การทาเพ่ือประโยชน์สํวนรวมนน้ั ได๎ประโยชน์ มากกวํา ทาเฉพาะประโยชน์ สํวนตัว ” ความตอนหน่ึงในพระราชดารสั ของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 จากข๎อความดังกลําวจะสร๎างความตระหนักในหนา๎ ท่ีพลเมอื ง ตามข๎อใด ก. ความสามคั คีในหมํูคณะ ข. เหน็ แกประโยชน์สวํ นรวม ค. ความรบั ผดิ ชอบตํอบา๎ นเมอื ง ง. การเห็นแกํประโยชนข์ องบา๎ นเมือง 20. ข๎อใดสาคัญทส่ี ดุ ที่ควรนามาใช๎ในการแกป๎ ัญหาความไมํสงบในภาคใต๎ ก. ความรบั ผดิ ชอบ ข. ตง้ั ใจดี คิดดี ทาดี ค. เหน็ แกปํ ระโยชน์สํวนรวม ง. คมสามคั คี เข๎าใจ เข๎า พฒั นา 21. “ ให๎ปลูกปาุ โดยไมตํ ๎องปลูก ปลอํ ยให๎ขนึ้ เองตามธรรมชาติ จะไดป๎ ระหยดั งบประมาณ ” พระราชดารสั ของในหลวง สะท๎อนถึงหลักการทรงงาน ก. องคร์ วม ข. ทาใหง๎ ําย ค. ระเบิดจากขา๎ งใน ง. ประโยชนส์ วํ นรวม

287 22. โครงการตามพระราชดาริ ข๎อใดตรงกับหลกั บริการรวมที่จุดเดียว ก. แกม๎ ลิง ข. ฝนหลวง ค. ฝายชะลอนา้ ง. ศนู ยก์ ารพัฒนาชุมชน 23. ขาดทุนคือกาไร การให๎คือการได๎ การให๎และการเสียสละของในหลวงทาใหเ๎ กดิ ผล อยาํ งไร ก. ความอยูํดีมีสขุ ของราษฎร ข. รางวลั ทที่ รงไดร๎ บั ค. เศรษฐกิจเจรญิ ง. ไมมํ ขี อ๎ ถกู 24. ถ๎าต๎องการเปน็ บุตรที่ดตี ามพระราชจริยวตั รของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ต๎องทาอยํางไร ก. ไมํถกเถียงเม่ือแมํสอน ข. วาดภาพตามแมํสอนทุกคร้งั ค. รับฟงั คาส่ังสอนอยํางเครงํ ครัด ง. เช่ืองฟงั คาสอนและนาไปปฏบิ ัติ 25. ในฐานะพํอ ตามพระจริยวตั รของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ควรปฏบิ ัตเิ ชํนใด ก. ให๎ภรรยาเป็นผู๎ตดั สนิ ใจทุกคร้ัง ข. ในวันหยดุ จะพาลูกๆ ไปเทยี่ วทกุ ครงั้ ค. อบรมลกู ทกุ คนให๎ร๎ูจักชวี ติ ของคนสามัญ ง. หนา๎ ท่ดี แู ลลูกๆ ทกุ คนคือ หนา๎ ท่ีของผเู๎ ป็นแมํ 26. ขอ๎ ใดถือเปน็ การอํอนน๎อมถํอมตนตํอประชาชนที่สดุ ก. น่งั พับเพยี บบนพ้นื ดิน ข. คุกเขําตํอหน๎าประชาชน ค. น๎อมพระวรกายไปหาประชาชน ง. มวี ินัยควบคมุ พระวรกายทัง้ หมด 27. การเป็นแบบอยํางทด่ี ีของลกู ๆตามพระจริยวัตรของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 อยํูในฐานะใด ก. ในฐานะพํอ ข. ในฐานะบตุ ร ค. ในฐานะสามี ง. ในฐานะผน๎ู าครอบครัว

288 28. ข๎อใดสอดคล๎องกับความออํ นน๎อมถํอมตนกบั พระสงฆ์ ก. ทรงปฏบิ ัตสิ มาธเิ ป็นประจา ข. พระองคจ์ ะเสด็จเข๎าห๎องสวดมนต์ ค. ทรงมคี วามสนพระราชหฤทัยในธรรมะช้นั สูง ง. พระองค์ทรงคุกเขําลงนมัสการสมเด็จพระสังฆราช 29. โรงเรยี นวงั ไกลกังวล สร๎างข้นึ เพ่ือมวี ตั ถปุ ระสงค์อะไร ก. เพอื่ สรา๎ งได๎อีกหนงึ่ ทาง ข. เพอ่ื สร๎างโอกาสให๎ประชาชนไดร๎ ับความร๎ู ค. เพอ่ื การศึกษาแหํบุตรหลานของเจา๎ หน๎าทผี่ ๎ูรกั ษาวังไกลกังวล ง. เพอ่ื ใหร๎ าษฎรทด่ี ๎อยโอกาส ไมํได๎รบั การศึกษาในโรงเรียน ได๎มีโรงเรยี นศึกษา 30. ขอ๎ ใดไมํสอดคลอ๎ งกบั โครงการถนนหว๎ ยมงคล ก. ต้งั อยูใํ จกลางเมอื ง ข. รถพระทน่ี ัง่ ตกหลํม ค. ไมํมีถนนเข๎าไปในหมํูบ๎าน ง. โครงการพระราชดาริแหํงแรก 31. ถา๎ นักศึกษามปี ัญหาเรอื่ งท่ีดินทากินไมํได๎คุณภาพในจังหวัดประจวบครี ีขนั ธ์ควรไป ปรกึ ษาท่ีศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาอนั เนื่องมาจากพระราชดารแิ หํงใด ก. ศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาภพู าน ข. ศนู ย์ศกึ ษาการพัฒนาพกิ ลุ ทอง ค. ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาห๎วยทราย ง. ศนู ยศ์ ึกษาการพัฒนาอําวคุง๎ กระเบน 32. ศนู ยก์ ารศึกษาพัฒนาอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาริใดเก่ียวขอ๎ งกนั มากที่สดุ ก. ศนู ยก์ ารศึกษาการพัฒนาพกิ ุลทอง – ดินพ*ุ ข. ศนู ย์การศกึ ษาการพัฒนาภพู าน – ประมงชายฝ่ัง ค. ศนู ยก์ ารศกึ ษาการพัฒนาเขาหนิ ซ๎อน – เน้อื ทราย ง. ศูนย์การศกึ ษาการพัฒนาอํางคุ๎งกระเบน – ขยายพันธ์ไุ มด๎ อกไม๎ผล 33. ศนู ย์การศึกษาพัฒนาห๎วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดาริเก่ียวกบั ปัญหาดา๎ นใด ก. สร๎างแหลํงเก็บกักนา้ ข. พัฒนาปาุ ไม๎เอนกประสงค์ ค. พฒั นาขยายพนั ธุด์ อกไม๎ผล ง. พัฒนาการเกษตรทเ่ี หมาะสมแกทํ ๎องถ่นิ

289 34. การนาพระบรมราโชวาทมาประยุกต์ใช๎ในการทางานอยํางไร ก. ประโยชนส์ ํวนรวม ข. เกดิ ความภาคภูมิใจ ค. ทางานตาํ งๆ ได๎มากขึน้ ง. ใช๎เวลาวาํ งใหเ๎ กิดประโยชน์ 35. การสร๎างพ้นื ฐานจติ ใจของคนในชาติใหม๎ คี วามซอื่ สัตย์สจุ รติ ร๎ูรักสามคั คี สอดคล๎อง กบั ข๎อใด ก. มเี หตผุ ล ข. พอประมาณ ค. เงอื่ นไขคณุ ธรรม ง. เง่ือนไขชวี ติ และหลกั วิชา 36. พระบรมราโชวาทนี้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงมีพระราชประสงค์ในข๎อใดเปน็ ประการสาคัญทีส่ ุด ก. ทรงชใ้ี หเ๎ หน็ วาํ การทางานต๎องพบปญั หา เกิดขนึ้ ข. ทรงแนะวธิ แี กป๎ ัญหาทีจ่ ะเกิดขน้ึ ในระหวาํ งปฏบิ ัติงาน ค. ทรงชีใ้ ห๎เห็นผลร๎ายในการไมํนาวิชาความรู๎ของตนไปใช๎ ง. ทรงตกั เตือนใหน๎ ิสติ นกั ศึกษามีความพร๎อมและความมัน่ ใจทป่ี ฏิบตั ิงาน 37. พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงสํงเสริมใหช๎ าวไทยรัก ภาษาไทย เพราะภาษาไทยเปน็ มรดกทีเ่ กย่ี วกบั อะไร ก. ประเพณีไทย ข. วัฒนธรรมไทย ค. ภูมปิ ญั ญาไทย ง. ศลิ ปะและวรรณกรรมไทย 38. พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงแนะนาวธิ ดี าเนนิ การให๎ ชุมชนมีความเข็มแขง็ และดาเนนิ การไปตามรปู แบบของครอบครัว เปน็ การสบื ทอดและ สรา๎ งสรรค์เกย่ี วกับอะไร ก. วัฒนธรรม ข. ประเพณีไทย ค. ภูมิปญั ญาไทย ง. ขนบธรรมเนียม 39. ในภาวะทีป่ ระเทศไทยประสบปัญหาด๎านเศรษฐกิจ ในหลวงทรงพระราชทานแนวคิด อยาํ งไรในการดารงชวี ิต ก. โครงการชมุ ชนเขม็ แข็ง ข. แนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ค. การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ง. ความเพียรพยายามไมํยํอท๎อในชีวติ

290 40. ขอ๎ ใดคือผลท่ีคาดวําจะได๎รับการจากนาปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาประยกุ ต์ใช๎ ในการดาเนินชวี ิต ก. ชวี ิตอยูเํ ยน็ เป็นสขุ ข. ความม่ันคงในชีวติ และการงาน ค. การมสี านึกในคุณธรรมของคนในชาติ ง. ความรับผิดชอบ ความซอ่ื สัตย์