Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครูสังคม ม.2

คู่มือครูสังคม ม.2

Published by K. Klompanya, 2021-11-02 06:42:55

Description: คู่มือครูสังคม ม.2

Search

Read the Text Version

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๒.5 สถาบันการเมอื ง1การปกครอง ขั้นที่ 3 อธิบายความรู สถาบนั การเมอื งการปกครอง เปน็ แบบแผนการคดิ การกระทา� ทกี่ า� หนดระบบอา� นาจในการ จดั ระเบียบภายในสงั คม และอา� นาจในการปอ้ งกันความมน่ั คงจากสังคม หรอื ศัตรภู ายนอก ดงั นั้น 10. นักเรียนกลุมสถาบันการเมืองการปกครอง สถาบนั การเมอื งการปกครองจงึ เปน็ สถาบนั ทที่ า� หนา้ ทค่ี วบคมุ สงั คมใหส้ มาชกิ ในสงั คมสามารถอยู่ สงตัวแทนนําเสนอขอมูลหนาชั้นเรียนตาม รว่ มกันไดอ้ ย่างสันตสิ ุข ประเด็นท่ีศึกษา อภิปราย และตอบคําถาม สถาบันการเมืองการปกครองในแต่ละสังคมจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปรัชญาความเช่ือ รว มกัน พน้ื ฐานของสมาชกิ ในสงั คมวา่ ตอ้ งการจะใหส้ งั คมของตนมกี ารปกครองตามระบอบเสรปี ระชาธปิ ไตย หรือสมบูรณาญาสิทธริ าชย์ หรือคอมมวิ นิสต ์ เม่อื ไดเ้ ลอื กระบอบการปกครองแลว้ กต็ อ้ งจดั การ 11. ครสู มุ ใหน กั เรยี นออกมาเขยี นสถาบนั การเมอื ง บริหารการปกครองให้เป็นไปตามปรัชญาการเมืองแบบน้ัน ๆ หรืออาจมีการปรับเปล่ียนใหม่ การปกครองท่นี กั เรียนรจู กั คนละ 1 สถาบนั หากใช้แล้วเกิดปัญหา หรือมกี ารพฒั นาลา่ ชา้ ไม่เปน็ ไปตามท่สี ังคมต้งั เปา้ หมายไว้ และบอกวาสถาบนั น้ันมีบทบาทอยา งไร สถาบนั การเมอื งการปกครองมบี ทบาททสี่ า� คญั คอื การสรา้ งความมนั่ คงใหแ้ กส่ งั คม รกั ษา ความปลอดภยั แกป่ ระเทศชาต ิ และใหบ้ รกิ ารสาธารณะตา่ ง ๆ กลมุ่ บคุ คลสา� คญั ของสถาบนั น ี้ ไดแ้ ก่ 12. ครูใหนักเรียนอภิปรายรวมกันวา สถาบัน กลมุ่ บคุ คลทที่ า� หนา้ ทฝี่ า่ ยบรหิ าร ฝา่ ยนติ บิ ญั ญตั ิ และฝา่ ยตลุ าการ โดยสถาบนั การเมอื งการปกครอง การเมืองการปกครองมีความสําคัญอยางไร เป็นสถาบันท่ีก�าหนดบทบาทในการจัดการทางสังคม การสร้างระเบียบกฎเกณฑ์ให้สังคมสงบสุข บา ง และมคี วามเกีย่ วขอ งกบั การดําเนินชีวติ การด�าเนนิ งานเพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการของสงั คม ทง้ั ทางดา้ นเศรษฐกิจ การบรกิ ารสาธารณะ ของคนในสงั คมอยางไร และสวัสดิการต่าง ๆ การรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม ความมั่นคงของชาติ ตลอดจนการแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดข้ึนในสังคม รวมถึงปกป้องคุ้มครองเสรีภาพของบุคคลจาก ภัยต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก  รฐั สภาประกอบดว้ ยสมาชิกสภาท่รี ว่ มกันทา� หนา้ ท่ีก�ากบั ดแู ลและควบคุมการบรหิ ารงานของคณะรัฐมนตรหี รือรฐั บาล 78 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 การเมือง หมายถึง กระบวนการที่กลมุ ใดกลมุ หนึง่ ของประชาชนสามารถ กลมุ ของสถาบนั การเมอื งการปกครองในขอ ใดมบี ทบาทสมั พนั ธก นั กําหนดตัวผูนํารัฐบาลและนโยบายการปกครองได หรือกระบวนการในการ 1. รฐั สภา - ตดั สนิ คดี แปรความขดั แยง ระหวา งกลมุ ตา งๆ ของประชาชนใหก ลายมาเปน ขอ ตกลงและ 2. ศาล - ออกกฎหมาย นโยบาย หรือกระบวนการแขง ขนั หรือตอ สูเพอ่ื ใหไดมาซ่งึ อํานาจในการกําหนด 3. คณะรฐั มนตรี - บริหารราชการแผน ดิน หรือแตงตั้งตัวบุคคลหรือคณะบุคคล เพื่อทําหนาท่ีปกครองและการกําหนด 4. พรรคการเมือง - พจิ ารณางบประมาณแผนดิน นโยบายของรัฐบาล (วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะประเทศไทยปกครองดวย ส่ือ Digital ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยทรงเปนประมุขภายใต รัฐธรรมมนูญ มีอํานาจอธิปไตยเปนอํานาจสูงสุดในการปกครอง ศึกษาคน ควาขอมลู เพ่ิมเติมเกยี่ วกับสถาบันการเมอื งไทย ไดท ่ี ประเทศ แบง เปน 3 ฝา ย ไดแ ก ฝา ยนติ บิ ญั ญตั ิ คอื รฐั สภา มอี าํ นาจ https://www.parliament.go.th หนาท่ีในการตรากฎหมายและควบคุมตรวจสอบการทํางานของ รัฐบาลฝายบริหาร คือ คณะรัฐมนตรี มีอํานาจในการกําหนด T86 นโยบายและบรหิ ารประเทศใหเ ปน ไปตามนโยบายทกี่ าํ หนดไว และ ฝา ยตลุ าการ คอื ศาล มหี นา ทบ่ี รหิ ารจดั การคดคี วามและพพิ ากษา คดคี วามตางๆ ตามท่กี ฎหมายบัญญตั ิ)

นาํ สอน สรุป ประเมิน ๒.6 สถาบนั นันทนาการ ขน้ั สอน สถาบนั นนั ทนาการ เปน็ แบบแผนการคดิ การกระทา� ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การพกั ผอ่ นหยอ่ นใจของ สมาชกิ ในสังคม สถาบันนนั ทนาการท�าใหเ้ กดิ การสร้างสรรค์ผลงานการแสดง ละคร ดนตรี กีฬา ขัน้ ท่ี 3 อธิบายความรู เช่น การเล่นตะกร้อ ร�าวง ล�าตัด เพลงโคราช เป็นต้น คา� ว่า “นันทนาการ” หมายถงึ กิจกรรมท่บี ุคคลสมัครใจเข้ารว่ มกระท�า เพ่อื ใช้เวลาวา่ งให้ 13. นักเรียนกลุมสถาบันนันทนาการและสถาบัน เปน็ ประโยชน์ และเมื่อกระทา� แล้วเกิดความสขุ กาย สบายใจ สนกุ สนาน และมีความสุข สื่อสารมวลชน สงตัวแทนนําเสนอขอมูล สถาบันนันทนาการมีบทบาทที่ส�าคัญ หนาชั้นเรียนตามประเด็นที่ศึกษา อภิปราย คือ การท�าให้คนในสังคมใช้เวลาว่างให้เป็น และตอบคําถามรว มกนั ประโยชน์ในทางสร้างสรรค์ ผ่อนคลายความ ตึงเครียด เพิ่มพูนสุขภาพท่ีดี ตลอดจนสนอง 14. ครูใหนักเรียนสํารวจตนเองวา ใน 1 วัน ตอบความต้องการทางสังคมในรูปแบบความ มีความเก่ียวของกับสถาบันนันทนาการและ บันเทิงต่าง ๆ เช่น ศิลปะ การละเล่น กีฬา สถาบันส่อื สารมวลชนอยางไร เป็นต้น โดยผลที่ตามมานอกจากความผ่อน คลาย ความเพลดิ เพลนิ ใจแกค่ นในสงั คมแลว้ ยงั ขน้ั สรปุ ทา� ใหเ้ กดิ การแสดงในรปู แบบตา่ ง ๆ ตามมาดว้ ย เช่น ละคร ภาพยนตร์ โขน การแสดงดนตรี ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขาใจ ฟ้อนร�า มหรสพต่าง ๆ เป็นต้น ซ่ึงการแสดง ตา่ ง ๆ เหลา่ นม้ี คี วามสา� คญั ตอ่ สงั คมปจั จบุ นั ทม่ี ี  การแสดงฟอ้ นรา� ของไทย นอกจากจะใหค้ วามบนั เทงิ แลว้ 1. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานท่ี 4.2 เร่ือง แต่ความตงึ เครียดเป็นอย่างมาก ยงั เปน็ การอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมอนั ดงี ามของชาตอิ กี ทางหนง่ึ บทบาทของสถาบนั ทางสงั คม 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาท่ี พลเมืองฯ ม.2 เรื่อง บทบาทของสถาบัน ทางสังคม ขนั้ ประเมนิ ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ ตอบคาํ ถาม ทาํ ใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ หนาท่ีพลเมอื งฯ ม.2 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การทาํ งาน และการนําเสนอผลงาน 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ หนา ทีพ่ ลเมืองฯ ม.2  การออกก�าลังกายเปน็ กิจกรรมนันทนาการทสี่ ร้างสรรค์และมปี ระโยชน์ตอ่ สุขภาพ 79 ขอ สอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล การกระทําของผูใดเกี่ยวขอ งกบั สถาบันนันทนาการโดยตรง ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เร่ือง บทบาทของสถาบัน 1. แววเขารวมกิจกรรมเลือกประธานนกั เรียน ทางสังคม ไดจากการตอบคําถาม การรว มกันทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงาน 2. ตอ ยเขาชมการแสดงละครเวทที ่ีโรงละครแหง ชาติ หนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการ 3. กอยอา นขาวเศรษฐกจิ ในหนงั สอื พมิ พท ุกเชากอนทํางาน นําเสนอผลงานท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยท่ี 4 เร่ือง สถาบัน 4. ออมเขารว มการประกอบพิธกี รรมทางพระพุทธศาสนาทีว่ ัด ทางสังคม (วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการแสดงละครเวทชี วยสรา ง แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ความบนั เทงิ ใหแ กผ รู บั ชม ซงึ่ เปน หนา ทส่ี าํ คญั ของสถาบนั นนั ทนาการ และยังชวยสงเสริมใหคนทํากิจกรรมในยามวางที่เปนประโยชน คาชแ้ี จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ รปู แบบหนึ่ง) ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 ความถกู ตอ้ งของเนือ้ หา 2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเรื่อง 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมสี ว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่ รวม ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............/................./................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ T87

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (วิธสี อนโดยเนนกระบวนการ : ๒.7 สถาบันส่ือสารมวลชน กระบวนการเรยี นความรูความเขา ใจ) สถาบนั สอ่ื สารมวลชน เปน็ แบบแผนการคดิ การกระทา� ในเรอ่ื งของการตดิ ตอ่ หรอื สง่ ขา่ วสาร 1. ครแู จง ใหน กั เรยี นทราบถงึ วธิ สี อน ชอ่ื เรอื่ งทจี่ ะ ขอ้ มลู ประสบการณ ์ บทบาทของสงั คมในดา้ นต่าง ๆ ไปสู่ประชาชน รวมทั้งใหค้ วามรู้และความ เพลดิ เพลินแกบ่ คุ คลในสังคม เรยี นรจู ดุ ประสงคก ารเรยี นรู และผลการเรยี นรู คา� วา่ “สอื่ สารมวลชน” หมายถึง กระบวนการส่งข่าวสาร ความร้สู ึกนกึ คดิ ไปยงั คนจา� นวน 2. ครูนําขาวที่มีเน้ือหาเก่ียวกับการทําหนาที่ของ มาก ตรงกับค�าในภาษาองั กฤษวา่ “mass communication” บทบาททสี่ �าคัญของสถาบนั สือ่ สารมวลชน คือ การสง่ ขา่ วสาร นา� เสนอความคิดเหน็ ของ สถาบันทางสังคมตางๆ มาเลาใหนักเรียนฟง ประชาชนออกไปสู่สาธารณชน เพื่อใหร้ ับร้ขู ่าวสารทันกับความเปล่ียนแปลงของสังคม ถา่ ยทอด แลว ใหช ว ยกนั ตอบวา ตามเนอื้ ขา วนน้ั มสี ถาบนั วัฒนธรรม ให้ความบนั เทงิ ชว่ ยพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตแก่ผรู้ ับสาร ตลอดจนใหค้ วามรแู้ กป่ ระชาชน ทางสังคมใดท่สี ัมพันธก นั บาง ในรูปแบบต่าง ๆ เชน่ หนงั สอื พิมพ์ วิทย ุ โทรทัศน์ ภาพยนตร ์ ส่อื อิเลก็ ทรอนกิ ส ์ เป็นตน้ อย่างไรก็ตาม การจ�าแนกสถาบันออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ดังท่ีกล่าวมาข้างต้น เพื่อให้ ขนั้ สอน สามารถท�าความเข้าใจสังคมได้ชัดเจนมากย่ิงข้ึน แต่ในสภาพความเป็นจริง สถาบันทางสังคม ขน้ั ท่ี 1 สังเกต ตระหนัก ท๓กุ .ส ถคาวบนัาลมว้ นสผมั ูกพพนั นั กันธเป์ขน็ อองงคสร์ วถมา แบลันะเชท่อื ามงโยสงกงั ันคเปม็นโ1ครงสร้างของสังคม 1. ครใู หน กั เรยี นชว ยกนั ยกตวั อยา งบทบาทหนา ท่ี สถาบนั ทางสงั คมถอื เปน็ องคป์ ระกอบหนง่ึ ของโครงสรา้ งทางสงั คม แตล่ ะสถาบนั มสี ว่ นรว่ ม ของสถาบันทางสังคมที่มีการกระทําท่ีแสดง ในการก�าหนดรปู แบบพฤติกรรมของสมาชิกในสงั คมให้เป็นไปตามบรรทัดฐาน ระเบยี บ แบบแผน ถึงความรวมมือกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของ หรือแนวทางปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ให้เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่และสามารถด�าเนินชีวิตอยู่ สมาชิกในสังคม ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข โดยทุกสถาบันจะมีการด�าเนินงานตามวัตถุประสงค์ที่มีลักษณะ เฉพาะแตกตา่ งกัน แต่ทุกสถาบนั จะมีความสัมพนั ธ์โยงใยต่อกันได ้ และส่งผลกระทบซ่งึ กันและกัน 2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม รวมกันศึกษาเรื่อง เช่น เม่ือมนุษย์ทุกคนถือก�าเนิดข้ึนก็ถือเป็นบุคคลหนึ่งในสถาบันครอบครัว ท่ีได้รับการดูแลจาก ความสัมพันธข องสถาบนั ทางสังคม พอ่ แม ่ ผปู้ กครอง ซงึ่ มหี นา้ ทปี่ ระกอบอาชพี เพอื่ นา� เงนิ รายไดม้ าจดั หาเครอื่ งอปุ โภคบรโิ ภค สา� หรบั เล้ียงดูบุตรหลาน อันมีความเก่ียวข้องกับสถาบันเศรษฐกิจ และเม่ือผู้ปกครองส่งบุตรหลานไป 3. ครูอภิปรายประกอบการต้ังคําถามเกี่ยวกับ โรงเรียนให้ได้รับการศึกษา และอยู่ภายใต้การอบรมส่ังสอนของครู ก็จะมีการแลกเปล่ียนข้อมูล ความสัมพนั ธข องสถาบันทางสงั คม ปฏิสมั พันธก์ นั ระหวา่ งผปู้ กครองและครู เพอ่ื พฒั นาศักยภาพของนักเรยี น ก็จะเปน็ ความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งสถาบนั ครอบครวั สถาบนั การศกึ ษา และสถาบนั เศรษฐกจิ จากการจดั ซอ้ื อปุ กรณก์ ารเรยี น 4. ครูมอบหมายใหสมาชิกแตละกลุมรวมกัน และช�าระค่าเล่าเรยี น หรือสถาบนั การศึกษามคี วามสมั พันธ์กับสถาบันเศรษฐกิจ โดยสถาบนั การ วเิ คราะหภาพในใบงานท่ี 4.3 ศึกษาจดั ท�าหลกั สูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกบั ความต้องการของตลาดแรงงาน นอกจากน ้ี บคุ คลตา่ ง ๆ ในสงั คมมกั มคี วามเกยี่ วขอ้ งกบั หลายสถาบนั ทางสงั คม ตามความ ขัน้ ที่ 2 วางแผนปฏบิ ตั ิ ต้องการในการด�าเนนิ ชีวติ ประจ�าวัน เช่น จากการติดตอ่ ข้อมูลขา่ วสาร จากสถาบันสือ่ สารมวลชน แตล ะกลมุ แบง กนั วเิ คราะหล กั ษณะสาํ คญั ของ 80 ภาพและบรรยายใตภาพในใบงานที่ 4.3 เร่ือง ความสัมพันธของสถาบนั ทางสังคม เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูอาจจัดกิจกรรมโดยใหนักเรียนรวมกันแสดงบทบาทสมมติเปนสถาบัน ขอใดตอไปนก้ี ลา วถกู ตอง ทางสงั คมตา งๆ ทท่ี าํ หนา ทเี่ ชอื่ มโยงสมั พนั ธก นั ในแตล ะสถาบนั โดยทคี่ รคู อยให 1. สถาบันทางสังคมตอ งอยอู ยา งโดดเด่ยี ว คาํ อธิบายเพ่มิ เติมเพื่อชวยเสรมิ ความเขาใจของนกั เรยี น 2. สถาบันทางสงั คมแยกออกจากกนั อยา งสนิ้ เชิง 3. สถาบนั ทางสังคมยอ มมคี วามเช่ือมโยงสมั พนั ธก ัน นักเรียนควรรู 4. สถาบันทางสงั คมมีความสัมพันธกนั ทางออมเทา นนั้ 1 ความสัมพันธของสถาบันทางสังคม แมวาในแตละสถาบันทางสังคม (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ในแตละสถาบันทางสังคมยอมมี จะมีบทบาทหนาท่ีของตนเองชัดเจน แตมิไดหมายความวาในแตละสถาบัน บทบาทหนา ทแ่ี ตกตา งกนั ไป แตท กุ ๆ สถาบนั ยอ มมคี วามสมั พนั ธก นั จะแยกตัวอยูอยางโดดเด่ียว หากแตทุกสถาบันยอมมีการติดตอส่ือสารและ ทง้ั ทางตรงและทางออ ม ความสมั พนั ธข องสถาบนั ทางสงั คมนจี้ ะชว ย ประสานงานกันเพื่อดําเนินกิจกรรมทางสังคมในดานตางๆ ใหบรรลุเปาหมาย ใหส งั คมมกี ารขบั เคลอ่ื น มกี ารพฒั นาอนั นาํ ไปสคู วามเจรญิ กา วหนา ตามท่ีตองการ ซึ่งเปนกระบวนการทางสังคมที่มีผลตอการพัฒนาประเทศชาติ ความสมั พนั ธข องสถาบนั ทางสงั คม เชน สถาบนั ครอบครวั มหี นา ท่ี อยา งมาก สาํ คญั ในการอบรมเลย้ี งดลู กู เมอ่ื ลกู อายถุ งึ เกณฑ กต็ อ งสง เสรมิ ให ไดร บั การศกึ ษาในสถาบนั การศกึ ษา การศกึ ษาในสถาบนั การศกึ ษา T88 นนั้ กต็ อ งดาํ เนนิ ตามหลกั สตู รและกฎระเบยี บของกระทรวงศกึ ษาฯ ซึง่ เปนหนวยงานหนง่ึ ในสถาบนั การปกครอง)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ การชมการแสดง ภาพยนตร ์ ดนตรี จากสถาบันนนั ทนาการ การเคารพและปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ขน้ั สอน กบั สถาบนั การเมอื งการปกครอง หรอื การมสี ง่ิ ยึดเหนี่ยวจติ ใจจากสถาบนั ศาสนา ความสมั พนั ธข์ องสถาบนั ทางสงั คมยงั มใี นรปู แบบของการเปน็ แบบแผนทางสงั คม ทคี่ นใน ขัน้ ท่ี 3 ลงมือปฏิบัติ สงั คมทง้ั ทอี่ ยใู่ นพน้ื ทบ่ี รเิ วณเดยี วกนั และตา่ งพนื้ ทบ่ี รเิ วณกนั ยดึ ถอื ในรปู แบบความสมั พนั ธเ์ ดยี วกนั เชน่ การนบั ถือศาสนา การปฏิบัตติ ามกฎหมาย การศกึ ษา การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ฯลฯ 1. สมาชกิ ในกลุม บรรยายภาพตามทต่ี นไดร ับ จงึ กลา่ วไดว้ า่ ความสมั พนั ธข์ องบคุ คลในสงั คมกบั สถาบนั ทางสงั คมจะเกยี่ วพนั กนั เชงิ ลกู โซ่ 2. แตละคนผลัดกันอธิบายผลงานของตน เป็นตาข่ายของความสัมพนั ธ์ทค่ี รอบคลมุ เชอ่ื มโยงกนั ไปท่วั ท้ังสงั คม ดงั แผนผัง ขน้ั ที่ 4 พฒั นาความรู ความเขาใจ แผนผังเเสดงความสัมพันธของสถาบนั ทางสงั คม 1. แตละกลุมรวมกันสรุปคําบรรยายภาพ และ คสรอถาบบคันรวั ศสถาสาบนนัา สอ่ื สสาถรามบวนั ลชน เชื่อมโยงความสมั พนั ธของสถาบนั ทางสงั คม เศสรถษาบฐกันิจ สถกาาบรนั ป กกาครรเอมงอื ง 2. ครูใหนักเรียนรวมกันทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาทีพ่ ลเมืองฯ ม.2 เร่อื ง ความสัมพนั ธของ สถาบนั ทางสงั คม สถาบนั ทางสงั คม กสารถศาบกึ ันษา นันสทถนาบากนั าร ขน้ั สรปุ กลา วโดยสรปุ สถาบนั ทางสงั คมมคี วามเกย่ี วขอ งกบั การกาํ หนดกฎ ระเบยี บ มาตรฐาน ขน้ั ท่ี 5 สรุป และแนวทางความประพฤติของคนในสงั คมใหปฏบิ ตั ิตาม โดยมคี า นิยม ความเชื่อ ศาสนา และ ภูมิปญญา ซ่ึงเปนหัวใจในการกําหนดกรอบบรรทัดฐานที่สมาชิกใชกระทําตอบโตกัน ดังนั้น 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู หรอื ใช PPT การศกึ ษาเกยี่ วกบั บทบาท ความสาํ คญั และความสมั พนั ธข องสถาบนั ทางสงั คม จะทาํ ใหเ ขา ใจ สรุปสาระสาํ คัญของเน้ือหา โครงสรา งสงั คมไดอ ยางชดั เจนมากยงิ่ ขึ้น 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน 8๑ (รวบยอด) แผนพบั เร่อื ง บทบาท ความสําคัญ และความสัมพันธของสถาบันทางสงั คม 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบวดั ฯ หนา ทพี่ ลเมอื งฯ ม.2 เร่ือง สถาบันทางสงั คม เพอ่ื ทดสอบความรู ขนั้ ประเมนิ 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การทํางาน และการนําเสนอผลงาน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบฝก สมรรถนะฯ และแบบวดั ฯ หนา ทพี่ ลเมอื งฯ ม. 2 3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวยการเรยี นรทู ่ี 4 เร่ือง สถาบนั ทางสังคม กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล นกั เรยี นยกตวั อยา งบคุ คลตน แบบทป่ี ระสบความสาํ เรจ็ ในชวี ติ ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง ความสัมพันธของ ทตี่ นเองชน่ื ชอบ ทาํ การสมั ภาษณ หรอื สบื คน ประวตั ิ เพอ่ื ศกึ ษาเรยี นรู สถาบันทางสงั คม ไดจากการตอบคาํ ถาม การรวมกันทํางาน และการนาํ เสนอ รูปแบบการใชช ีวิต ชีวติ สว นตวั การอยูรวมกนั ในครอบครวั วธิ ีคดิ ผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบ เปาหมายในชีวิต การสรางแรงบันดาลใจใหตนเอง ผูที่สนับสนุน ประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 4 หรอื ทปี่ รกึ ษา และกา วตอไปในชวี ิตของเขาจะทาํ อะไร เพอื่ คนหา เรือ่ ง สถาบนั ทางสังคม แรงบันดาลใจและผูทีเ่ ปน เบอื้ งหลังความสาํ เรจ็ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน บันทึกขอมูลจากการสัมภาษณแลววิเคราะหถึงบทบาทหนาท่ี ของสถาบันทางสังคม ที่เปนแรงผลักดันใหประสบความสําเร็จ คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ ในชวี ติ นําขอมลู ท่ีไดมาอภปิ รายแลกเปล่ียนในชนั้ เรียน ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 ความถกู ต้องของเนือ้ หา 2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเร่ือง 3 วิธีการนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ 5 การมสี ่วนรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม รวม ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง T89

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ เฉลย คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู คÓถาม ประจÓหนว่ ยการเรียนรู้ ๑. สถาบันทางสงั คมมคี วามส�าคญั ตอ่ สงั คมอย่างไร 1. เปนโครงสรางทางสังคมในลักษณะหน่ึงท่ีมี ๒. ปัจจัยใดบ้างท่ีกอ่ ให้เกิดสถาบันทางสังคมที่ปรากฏในสังคมไทย การกําหนดบทบาทหนาท่ีของแตละสถาบัน ๓. วิเคราะหค์ วามสมั พนั ธข์ องสถาบันทางสังคมแต่ละสถาบนั มาพอสงั เขป อยางชัดเจน แตทุกสถาบันจะมีความเชื่อม ๔. ส ถาบันทางสังคมใด ที่มีบทบาทส�าคัญที่สุดต่อการปลูกฝังค่านิยมในเร่ืองความกตัญญูกตเวที โยงเก่ียวของกัน ทําใหสังคมสามารถดํารง อยไู ด ซง่ึ เปรยี บไดก บั โครงสรา งหลกั ของสงั คม ใหแ้ กส่ มาชิกในสงั คม และสถาบนั ดังกล่าวมลี กั ษณะและบทบาทอยา่ งไร ๕. สถาบนั ทางสังคมมคี วามสมั พันธ์กับโครงสรา้ งสงั คมอย่างไร 2. บทบาทหนาท่ีในเรื่องที่เปนสิ่งสําคัญพื้นฐาน ทางสงั คม เชน การเมืองการปกครอง ระบบ กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ เศรษฐกิจ ระบบการศึกษา ทําใหสังคม สามารถขับเคลื่อนและพัฒนาตอไปได กิจกรรมท่ี ๑ น กั เรียนแบ่งกลมุ่ อภปิ รายร่วมกนั ว่า “สถาบันทางสงั คม” มคี วามสา� คญั ต่อสังคม กิจกรรมที่ ๒ ไทยในปัจจบุ ันอย่างไร แลว้ ใหส้ ่งตวั แทนออกมาสรปุ ขอ้ มูลที่หนา้ ชน้ั เรียน 3. เชน สถาบันครอบครัวมีหนาท่ีอบรมส่ังสอน บุตรใหเปนคนดี เมื่อถึงเวลาก็จะตองสงบุตร นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ศกึ ษาข้อมลู เกีย่ วกับสถาบนั ทางสงั คมทสี่ า� คญั ของไทย ไดแ้ ก่ ใหไดเขารับการศึกษาจากสถาบันการศึกษา สถาบนั ครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบนั ศาสนา สถาบันเศรษฐกิจ สถาบัน ซึ่งสถาบันการศึกษาก็จะมีระบบการเรียน การเมอื งการปกครอง สถาบันนนั ทนาการ และสถาบันส่ือสารมวลชน จากนั้นให้ การสอน หลักสูตร หรือหลักเกณฑตางๆ นกั เรยี นอภปิ รายร่วมกนั ตามหวั ข้อตอ่ ไปนี้ ท่ีดําเนินตามกฎหมายการศึกษาที่บัญญัติ ๒.๑ ความส�าคญั โดยสถาบนั การเมืองการปกครอง ๒.๒ บทบาทหนา้ ท่ี ๒.๓ ความสมั พันธก์ บั สถาบนั อนื่ ๆ ในสงั คม 4. สถาบนั ครอบครวั เนอ่ื งจากเปน สถาบนั แหง แรก ท่ีจะทําหนาท่ีขัดเกลา ปลูกฝงแบบแผนใน การดําเนินชีวิต และแนวทางการปฏิบัติตน ใหถ ูกตอ งตามบรรทดั ฐานทางสังคม 5. สถาบันทางสังคมถือเปนโครงสรางหลักของ สังคม หากสถาบันทางสังคมมีความเขมแข็ง ก็จะสงผลใหสังคมมีความเจริญกาวหนา สมาชิกในสังคมก็สามารถอยูรวมกันไดอยาง สงบสุข 8๒ เฉลย แนวทางประเมินกิจกรรมพฒั นาทกั ษะ ประเมินความรอบรู • ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยท่ัวไป ซง่ึ เปนงาน หรือช้ินงานท่ีใชเ วลาไมนาน สาํ หรับประเมนิ รปู แบบนอ้ี าจเปนคาํ ถามปลายเปด หรอื ผังมโนทัศน นิยมสาํ หรับประเมนิ ผเู รยี นรายบคุ คล ประเมนิ ความสามารถ • ใชในการประเมินความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือช้ินงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช ในชวี ิตประจําวันในฐานะพลเมอื งท่ดี ีของสังคม อาจเปน การประเมินจากการสังเกต การเขียน การตอบคําถาม การวิเคราะห การแกป ญ หา ตลอดจน การทํางานรว มกนั ประเมินทักษะ • ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองท่ีดีของสังคม ท่ีมีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางยั่งยืน เชน ทักษะในการสื่อสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ ผลการปฏิบัติงานตอผเู กีย่ วของหรือตอ สาธารณะ สงิ่ ทตี่ อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผ่ี เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทต่ี อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน T90

Chapter Overview แผนการจัด สอื่ ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คณุ ลักษณะ การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์ แผนฯ ที่ 1 - หนงั สือเรียน 1. อธบิ ายแหลง่ ทมี่ าของ สบื เสาะ - ต รวจการทำ� แบบฝกึ - ทกั ษะการ 1. ใฝ่เรยี นรู้ ท่มี าของ สังคมศกึ ษาฯ ม.2 วฒั นธรรมทส่ี ำ� คญั ได้ หาความรู้ สมรรถนะและการคิด เปรียบเทียบ 2. มงุ่ ม่นั ในการ วฒั นธรรม - แบบฝึกสมรรถนะ (K) (5Es หนา้ ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 และการคดิ 2. จ�ำแนกแหลง่ ทม่ี าของ Instructional - ตรวจการทำ� แบบวัดและ ทำ� งาน 1 หน้าท่พี ลเมอื งฯ ม.2 วัฒนธรรมทสี่ ำ� คัญได้ Model) บนั ทึกผลการเรียนรู้ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น (P) หน้าทพ่ี ลเมืองฯ ม.2 1. ใฝ่เรียนรู้ ชว่ั โมง - PowerPoint 3. เหน็ คณุ คา่ ของการ - ตรวจใบงานที่ 5.1 2. ม ่งุ มน่ั ในการ - ใบงานที่ 5.1 ศึกษาแหลง่ ที่มาของ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน ท�ำงาน วัฒนธรรมท่ีสำ� คญั - สังเกตพฤตกิ รรม เพ่มิ มากขึ้น (A) การทำ� งานรายบคุ คล - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานกล่มุ - ป ระเมนิ คุณลกั ษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สือเรียน 1. ลักษณะของวฒั นธรรม การอภปิ ราย - ต รวจการทำ� แบบฝกึ - ทกั ษะการ ลกั ษณะของ สงั คมศกึ ษาฯ ม.2 ไทยได้ (K) สมรรถนะและการคิด เปรยี บเทียบ วัฒนธรรมไทย - แบบฝกึ สมรรถนะ 2. จำ� แนกความแตกตา่ ง หนา้ ท่พี ลเมอื งฯ ม.2 และการคดิ ของลักษณะของ - ต รวจการท�ำแบบวัดและ 1 หน้าทีพ่ ลเมืองฯ ม.2 วฒั นธรรมไทยได้ (P) บันทกึ ผลการเรียนรู้ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 3. เหน็ คณุ คา่ ของการ หนา้ ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 ชั่วโมง - PowerPoint - ใบงานท่ี 5.2 ศึกษาลักษณะของ - ตรวจใบงานที่ 5.2 วัฒนธรรมไทย - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน เพ่มิ มากขน้ึ (A) - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�ำงานรายบคุ คล - สังเกตพฤตกิ รรม การทำ� งานกล่มุ - ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ T91

แผนการจัด สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลกั ษณะ การเรยี นรู้ อนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ แผนฯ ที่ 3 - หนังสือเรยี น 1. วเิ คราะหค์ วามคลา้ ยคลงึ การจัดการ - ต รวจการท�ำแบบฝกึ - ทกั ษะการ 2. มุ่งมัน่ ในการ ความคล้ายคลงึ สังคมศกึ ษาฯ ม.2 และความแตกต่างของ เรียนรแู้ บบ สมรรถนะและการคิด เปรยี บเทยี บ ทำ� งาน และความ - แบบฝกึ สมรรถนะ วัฒนธรรมไทยและ รว่ มมอื : หน้าทพี่ ลเมืองฯ ม.2 แตกตา่ งระหวา่ ง และการคิด - ตรวจการทำ� แบบวัดและ วัฒนธรรมไทย หน้าทพี่ ลเมืองฯ ม.2 วฒั นธรรมของประเทศ เทคนิคคู่คิด บันทกึ ผลการเรียนรู้ กับวฒั นธรรม ในภมู ิภาคเอเชียได้ (K) หนา้ ทีพ่ ลเมอื งฯ ม.2 ของประเทศใน - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. วเิ คราะหว์ ัฒนธรรมท่ี - ตรวจใบงานที่ 5.3 ภมู ภิ าคเอเชีย - PowerPoint เป็นปจั จัยสำ� คญั ในการ - ใบงานที่ 5.3 สรา้ งความสัมพนั ธ์ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน อันดรี ะหว่างประเทศ - สังเกตพฤตกิ รรม 2 ได้ (K) การท�ำงานรายบคุ คล 3. จำ� แนกความคล้ายคลึง - สงั เกตพฤตกิ รรม ชวั่ โมง และความแตกตา่ งของ การท�ำงานกลุม่ - ป ระเมนิ คุณลักษณะ วัฒนธรรมไทยและ อนั พึงประสงค์ วฒั นธรรมของประเทศ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น ในภมู ภิ าคเอเชยี ได้(P) 4. เหน็ คุณคา่ ของการ ศกึ ษาความคลา้ ยคลึง และความแตกตา่ งของ วฒั นธรรมไทย และ วฒั นธรรมของประเทศ ในภมู ิภาคเอเชีย เพื่อ น�ำไปส่คู วามเขา้ ใจอนั ดี ระหวา่ งกันเพมิ่ มากขึน้ (A) T92

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๕หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ วฒั นธรรมของไทยและวฒั นธรรม ขนั้ นาํ (5Es Instructional Model) ของประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ¶Ö§¤ÇÒÁ ขัน้ ที่ 1 กระตนุ ความสนใจ ¤ÅŒÒ¤ÅÖ§áÅФÇÒÁ ᵡµ‹Ò§¢Í§ÇѲ¹¸ÃÃÁ 1. ครแู จง ใหน กั เรยี นทราบถงึ วธิ สี อนแบบสบื เสาะ ã¹ÀÙÁÔÀÒ¤àÍàªÕ หาความรู ชอ่ื เรอ่ื งทจ่ี ะเรยี นรู จดุ ประสงคก าร ?ÁÕ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞÍ‹ҧäà เรียนรู และผลการเรียนรู เมื่อผู้คนมาอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นสังคม สมาชิกทุกคนในสังคมต่างร่วมกันสรรค์สร้าง 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย วัฒนธรรมขึ้น เพ่ือตอบสนองการด�ารงชีวิตอยู่ในสังคมน้ัน ๆ วัฒนธรรมจึงกลายเป็นส่ิงส�าคัญยิ่ง การเรียนรูท่ี 5 เร่ือง วัฒนธรรมของไทยและ ต่อมนุษย์ต้งั แต่เกิดจนตาย และเป็นแบบแผนการด�าเนนิ ชวี ิตที่แต่ละชนชาติได้สร้างสรรค์ข้ึน วัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชยี ประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชียล้วนมีประเพณีและวัฒนธรรมของตนเอง ซ่ึง 3. ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวยการเรียนรูที่ 5 ประเพณีและวัฒนธรรมเหล่าน้ี มีทั้งท่ีคล้ายคลึงและแตกต่างกันออกไป อันเป็นผลมาจากปัจจัย เร่ือง วัฒนธรรมของไทยและวัฒนธรรมของ ตา่ ง ๆ ซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ เปน็ วฒั นธรรมเฉพาะของแตล่ ะชนชาตขิ นึ้ ดว้ ยเหตนุ ี้ เราจงึ ควรเรยี นรวู้ ฒั นธรรม ประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี แลวใหนกั เรยี นชว ย ในสังคมของตนเองและสังคมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพื่อประโยชน์ในการน�าวัฒนธรรมไป กันตอบวาเปนภาพอะไร และมีความโดดเดน เสริมสรา้ งความเขา้ ใจอนั ดรี ะหวา่ งกนั ได้ อยางไร (แนวตอบ เปนภาพการแสดงโขน มีความ โดดเดน คือ เปนศิลปะการแสดงท่ีเกาแก มีการใชเพลงท่ีมีทวงทํานองไพเราะประกอบ การแสดง ฯลฯ) 4. ครสู มุ นกั เรยี นยกตวั อยา งวฒั นธรรมในภมู ภิ าค เอเชยี ทนี่ กั เรยี นรจู กั โดยใหบ อกวา เปน วฒั นธรรม อะไร และเปนของชนชาติใด ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ส ๒.๑ ม.๒/๔ อธบิ ายความคลา้ ยคลงึ และความแตกตา่ งของ • ความคล้ายคลงึ และความแตกตา่ งของวฒั นธรรมไทย และ วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย วัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย วัฒนธรรมที่เป็น เพือ่ น�าไปสคู่ วามเข้าใจอันดรี ะหวา่ งกัน ปจั จยั ส�าคัญในการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน 8๓ เกร็ดแนะครู การเรียนเรื่องวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย มีเปาหมายใหนักเรียนมีความเขาใจถึงความคลายคลึงและความแตกตาง ทางวฒั นธรรมของแตล ะประเทศ อีกท้งั ทราบถงึ แนวทางท่ีนาํ ไปสูการสรางความเขา ใจอันดตี อ กนั ครจู งึ ควรจดั กจิ กรรมการเรยี นรู ดังนี้ • ศกึ ษาคน ควาขอ มูลเกย่ี วกบั วฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมในภูมภิ าคเอเชีย • สรุปวเิ คราะหความคลา ยคลึงและความแตกตางของวัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมของประเทศในภมู ิภาคเอเชยี • จัดทาํ สือ่ เผยแพรความรเู กีย่ วกบั วฒั นธรรมที่เปน ปจจยั สาํ คญั ในการสรางความเขา ใจอันดตี อ กัน T93

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ (5Es Instructional Model) ñ. ความรู้เกèียวกºั วัฒนธรรม ขน้ั ที่ 1 กระตนุ ความสนใจ วฒั นธรรม มคี วามหมายครอบคลมุ ถงึ ทกุ สงิ่ ทมี่ นษุ ยส์ รา้ งขน้ึ และนา� มาใชใ้ นชวี ติ ประจา� วนั โดยได้ถ่ายทอดสืบสานจากบรรพบุรุษต่อมายังคนรุ่นหลัง วัฒนธรรมจึงเป็นเหมือนทุกสิ่งที่เรียนรู้ 5. ครูสุมนักเรียนใหบอกถึงความหมายของ มาจากการติดต่อสื่อสารระหว่างกันของคน วัฒนธรรมในความรูความเขาใจของนักเรียน ในสังคม หมายรวมถึงภาษา ขนบธรรมเนียม จาน้นั ครจู ดคาํ ตอบของนักเรียนบนกระดาน ประเพณี และสถาบันทางสังคม รวมท้ังอาชีพ และเทคโนโลยี หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ เป็น 6. ครยู กตวั อยา งวฒั นธรรมทไ่ี ดจ ดไวบ นกระดาน แบบอย่างของพฤติกรรมท้ังหลายที่ได้มาทาง นาํ มาอธบิ ายลกั ษณะของวฒั นธรรมพอสงั เขป สังคม และถ่ายทอดไปทางสังคม โดยอาศัย จากน้ันครูต้ังคาํ ถาม เชน สัญลักษณ์ วัฒนธรรมจึงเป็นลักษณะเด่นและ • วัฒนธรรมมีความสําคัญตอการดําเนินชีวิต เป็นสากลส�าหรับสงั คมมนษุ ย์ ของเราอยา งไร เม่ือผู้คนอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นสังคม (แนวตอบ มีความสาํ คญั เพราะเปนแบบแผน สมาชกิ ในสงั คมตา่ งรว่ มกนั สรรคส์ รา้ งวฒั นธรรม ในการประพฤติ ปฏบิ ัติ เพือ่ การอยูรว มกัน 1 ขนึ้ เพอื่ ตอบสนองการดา� รงชวี ติ อยใู่ นสงั คมนน้ั ๆ ในสงั คม และวฒั นธรรมยงั ตอบสนองความ ตอ งการในดานตางๆ ของมนษุ ยอ ีกดวย)  วฒั นธรรมอนั ดงี าม เช่น การไหว้ของคนไทย ควรมกี าร อบรมสง่ั สอน ปลกู ฝงั จากชนรุ่นหนงึ่ สชู่ นอกี รนุ่ หนึง่ วฒั นธรรมดงั กลา่ ว ไดแ้ ก่ สง่ิ ของทเ่ี ปน็ วตั ถุ เชน่ ขนั้ สอน ดบ�า้าเนนเินรือชนวี ิตเสขือ้ นผบา้ ธยรรามรกัเนษียามโรปคระแเลพะณวัฒี ภนูมธิปรญัรมญทา่เี2ปเ็นปอน็ วตตั น้ ถุมเชน่นุษยคไ์ ่าดน้สิยรรมคคส์ รว้าางมวเัฒชือ่ นธแรบรบมแขผน้ึ นแกลาระ มีการส่งั สม สบื ทอด ตอ่ ยอด และสรรคส์ รา้ งขึ้นมาใหม่ เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกับยุคสมยั เรอ่ื ยมา ขน้ั ที่ 2 สาํ รวจคน หา ดังน้ัน สมาชิกใหม่ของสังคมจึงจ�าเป็น ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมของสังคมตนเอง เพ่ือให้ ครใู หนักเรียนแบง กลมุ ศกึ ษาคน ควาเกี่ยวกับ เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อจะได้ ประเด็นความรูท่ัวไปเกี่ยวกับวัฒนธรรมและที่มา สามารถนา� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจา� วนั และ ของวัฒนธรรม จากหนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.2 หรอื จากแหลง การเรียนรอู ื่นๆ เชน หนังสือ ในหอ งสมดุ เว็บไซตในอินเทอรเ น็ต ปรับใช้เพ่ือสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันของ คนในสังคมได้ อนึ่ง สังคมของเรามิได้ตั้งอยู่ อยา่ งโดดเดยี่ ว แตย่ งั ตอ้ งเกย่ี วขอ้ งกบั สงั คมและ กับประเทศอนื่ ๆ ทั้งทีต่ ัง้ อยใู่ นภูมภิ าคเดียวกัน และต่างภูมิภาคกันทั่วโลก เราจึงจ�าเป็นต้อง  ปราสาทโอซะกะ ในประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นวัฒนธรรม สนใจศึกษาวัฒนธรรมของสังคมอ่ืน ๆ ด้วย ประเภทวตั ถทุ ม่ี นุษย์สรรคส์ ร้างข้นึ เพ่ือน�าไปสคู่ วามเขา้ ใจอนั ดีระหว่างกัน 8๔ นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 การไหว เปนการแสดงความเคารพโดยการประนมมือ แลวยกมือทั้งสอง ขอใดตอ ไปนถี้ ือเปน วัฒนธรรม ข้ึนจรดใบหนา ใหเห็นวาเปนการแสดงความเคารพอยางสูง การไหวแบบไทย 1. ธารนา้ํ รอ นบอ คลงึ แบง ออกเปน 3 ระดับ ไดแ ก ระดับท่ี 1 การไหวพ ระ ระดบั ท่ี 2 การไหวผทู ่มี ี 2. หนิ งอก หินยอ ยภายในถํ้า พระคุณและผูท ่ีมอี ายมุ าก และระดับที่ 3 การไหวบุคคลท่วั ๆ ไป 3. น้าํ มันดบิ ในทะเลอาวไทย 2 ภูมิปญญา เปนองคความรู ความคิด ความสามารถ และทักษะท่ีเกิด 4. เครือ่ งปนดนิ เผาดา นเกวียน จากการสั่งสมประสบการณที่ผานกระบวนการเลือกสรร เรียนรู และถายทอด สืบตอกันมาเพื่อใชแกปญหา และพัฒนาวิถีชีวิตใหสมดุลกับสภาพแวดลอม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะเคร่ืองปนดินเผาเปน และเหมาะสมกับยุคสมัย ภูมิปญญาที่มนุษยสรางข้ึนจากองคความรูเพื่อนํามาใชประโยชน ในชีวิตประจาํ วนั สว นธารนา้ํ รอ น หินงอก หินยอย และนํา้ มันดิบ เปน สง่ิ ที่เกิดขน้ึ เองตามธรรมชาติ มนษุ ยไมไดเ ปนผูสรางสรรคข ้ึน จงึ ไมถอื วาเปนวัฒนธรรม) T94

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ò. ทมีè าของวัฒนธรรม ขน้ั สอน ว่ามีวัฒจนาธกรทรกี่ มลทา่ ้ังวสม้ินาขา้โงดตยน้ เฉแลพว้ าวะา่อวยฒั่างนยธิ่งรวรัฒมมนเีธฉรพรามะทในี่ตสองั บคสมนมอนงษุ คยว์ าทมกุ ตส้องั คงมกทารว่ั พโล้ืนกฐจาะนป1ราเชกฏ่น ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู วฒั นธรรมทเ่ี กย่ี วกบั อาหาร เครอ่ื งนงุ่ หม่ ทอี่ ยอู่ าศยั ยารกั ษาโรค ครอบครวั การเมอื งการปกครอง ขนบธรรมเนยี มประเพณี ลทั ธคิ วามเชอ่ื โดยวฒั นธรรมของแตล่ ะชนชาตจิ ะมที ม่ี าจากหลายแหลง่ 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก ด้วยกนั แหล่งท่มี าดงั กลา่ วจะกลายเป็นปัจจัยทีม่ อี ทิ ธพิ ลต่อวัฒนธรรมทส่ี �าคัญ ดังน้ี การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลย่ี นความรูกนั ๑) ลกั ษณะสภาพแวดล้อมทาง ภมู ิศาสตร์ วฒั นธรรมได้รับการสร้างสรรค์ขึ้น 2. สมาชิกชว ยกันคัดเลอื กขอ มลู ทีน่ าํ เสนอ ตามส่ิงแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ท่ีสังคมต้ังอยู่ 3. นักเรยี นแตล ะกลมุ สง ตัวแทนนาํ เสนอขอมลู ดังนั้น มนุษย์จึงใช้ทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่ 4. ครูรวมสนทนากับนักเรียน โดยใหชวยกัน มาสร้างเปน็ วัฒนธรรม เพอ่ื ใช้ในการดา� รงชีวติ ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ ม เชน่ ประเทศไทย บอกความหมาย ความสําคัญของวัฒนธรรม ต้ังอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มี โดยเชื่อมโยงเขากับการดําเนินชีวิตประจําวัน สภาพภมู อิ ากาศแบบรอ้ นชนื้ และพนื้ ทสี่ ว่ นใหญ่ จากนนั้ ครูตง้ั คาํ ถาม เชน เป็นพื้นท่ีราบลุ่มแม่น�้า ประชากรส่วนใหญ่ • แหลง ทม่ี าของวฒั นธรรมมอี ะไรบา ง และใน จึงประกอบอาชีพเกษตรกรรม และมีแบบแผน การดา� เนนิ ชวี ติ ทเ่ี กย่ี วกบั อาชพี ทางเกษตรกรรม แตละแหลงที่มากอใหเกิดวัฒนธรรมอะไร  ชาวญี่ปุ่นนิยมด่ืมชา ท�าให้มีการปลูกท่ัวไปตามบริเวณ ยกตวั อยา งพอสังเขป ๒) อิทธิพลทางศาสนาและ เนินเขาและน�าไปสู่พิธีชงชาท่ีสืบทอดกันมาเป็นเวลา (แนวตอบ วฒั นธรรมมที ม่ี าจากลกั ษณะสภาพ ความเชื่อ ศาสนามีอิทธิพลอย่างมากต่อการ ยาวนานจากอดตี จนถึงปัจจุบนั แวดลอ มทางภมู ศิ าสตร อทิ ธพิ ลทางศาสนา สร้างสรรคว์ ฒั นธรรมดา้ นตา่ ง ๆ ของสงั คม โดยเฉพาะดา้ นความคดิ ความเชอ่ื คา่ นยิ ม แนวทางการ และความเชื่อ ภูมิหลังทางประวัติศาสตร ดา� เนนิ ชวี ติ ประเพณี พิธีกรรม การกอ่ สรา้ ง ศิลปกรรม วรรณกรรม แบบแผนของสงั คม ศาสดา การรับเอาวัฒนธรรมอ่ืนมาปรับใช รวมถึง ของแตล่ ะศาสนาเปน็ ผทู้ ร่ี อบรแู้ ละคน้ พบสจั ธรรมชวี ติ ของมนษุ ย์ คา� สอนของทา่ นจงึ เปน็ ทย่ี อมรบั การประดิษฐคิดคน สรา งสรรค) 5. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนภาพ วฒั นธรรมของประเทศสมาชกิ อาเซยี น จากนนั้ ครสู มุ นักเรยี นเพื่อนําเสนอ นับถือและปฏิบัติตาม แม้ว่าสังคมเหล่าน้ันจะมีความแตกต่างกันทางด้านสภาพแวดล้อมทาง ภูมศิ าสตร์ก็ตาม ๓) เชือ้ ชาติและภมู ิหลังทางประวัตศิ าสตร์ การกอ่ ตวั เปน็ สังคมและประเทศชาติ เปน็ ผลมาจากการถอื กา� เนิดของกลุ่มชนทีร่ วมกนั สร้างเปน็ สังคมขน้ึ มา กอ่ ให้เกิดความรัก ความ สามัคคี ความภูมิใจในชาติ และความรู้สึกเป็นพวกพ้องเดียวกัน ต่อมาเมื่อมีการแบ่งเขตแนว พรมแดนของแต่ละประเทศขน้ึ จึงได้รวมกลุ่มคนเหล่านัน้ เข้าด้วยกันเปน็ รฐั ชาติ (nation state) สรา้ งความรสู้ กึ ของความเปน็ ชาตริ ว่ มกนั ขนึ้ มา โดยไดน้ า� ภมู หิ ลงั ทางประวตั ศิ าสตร์ วฒั นธรรมเดน่ ของกลมุ่ ชนใหญ่มาเป็นแบบแผนในการดา� เนินชวี ิต มภี าษากลางใช้กันทง้ั ประเทศ มีศาสนาหลกั มกี ารจัดระบบการศกึ ษาเปน็ รูปแบบเดียวกนั และจัดระบบการเมอื งการปกครองมาจากศูนยก์ ลาง กอ่ ใหเ้ กดิ ความเปน็ ปก แผน่ ของชาตบิ า้ นเมอื งขนึ้ ทา� ใหเ้ กดิ วฒั นธรรมชาตไิ ทย ลาว เมยี นมา เปน็ ตน้ 85 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู คํากลาวที่วา “ถาชาติใดขาดวัฒนธรรมที่เปนของชาติตนเอง 1 ความตอ งการพนื้ ฐาน มนษุ ยท กุ คนยอ มมคี วามตอ งการขน้ั พนื้ ฐานสาํ หรบั แลว ชาตนิ นั้ ไมส ามารถดํารงอยูได” จากคํากลาวนแี้ สดงใหเหน็ การดําเนินชีวิต ซ่ึงทฤษฎีลําดับข้ันความตองการของมาสโลว (Maslow’s ถงึ อะไร Hierarchy of Needs) อธิบายวา มนุษยมีความตองการข้ันพ้ืนฐานติดตัวมา ตง้ั แตเ กดิ ซงึ่ ความตอ งการขนั้ พน้ื ฐานของมนษุ ยแ บง ออกเปน 5 ขน้ั ดงั นี้ 1. เอกลกั ษณท างวฒั นธรรม 2. วัฒนธรรมทาํ ใหคนมีระเบยี บ ขนั้ ที่ 1 ความตอ งการทางดา นรา งกาย 3. วัฒนธรรมชวยใหค นมีความสามคั คี ขนั้ ที่ 2 ความตอ งการความปลอดภยั 4. วัฒนธรรมเปนเครือ่ งกาํ หนดวถิ ชี วี ิตของคนในสงั คม ขน้ั ที่ 3 ความตอ งการความรกั และความเปน เจา ของ ขนั้ ท่ี 4 ความตอ งการไดร บั การยอมรบั นบั ถอื (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. วัฒนธรรมเปนสิ่งที่แสดงถึง ขนั้ ท่ี 5 ความตอ งการทจี่ ะเขา ใจตนเองอยา งแทจ รงิ เอกลกั ษณค วามเปน ชาตินัน้ ๆ ทคี่ วรภาคภูมิใจ ถา ไมมวี ัฒนธรรม จะไมส ามารถบอกถงึ ความแตกตา งของชาตนิ นั้ ๆ จากชาตอิ น่ื ได) T95

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน อย่างไรก็ตาม ชนแต่ละกลุ่มหรือชนกลุ่มย่อยอื่น ๆ อาจยังคงรักษาวัฒนธรรมของ กลุ่มชาติพันธุ์ของตนไว้และด�าเนินชีวิตอย่างสมานฉันท์กับกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ในแต่ละประเทศ ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู กลายเปน็ วัฒนธรมทอ้ งถนิ่ ทม่ี ีอยตู่ ามภมุ ภิ าคตา่ ง ๆ ท่ัวประเทศ 6. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงวัฒนธรรมที่ ๔) การรับวัฒนธรรมอ่ืนมา พบในสงั คมไทยทม่ี าจากการรบั เอาวฒั นธรรม ปรบั ใช้ นอกจากวฒั นธรรมดงั้ เดมิ ทใ่ี ชใ้ นสงั คม อ่นื มาปรับใช จากน้ันครูบันทกึ ผล และแสดง ความคิดเหน็ รว มกัน แลว้ การตดิ ต่อกันระหว่างสังคมตา่ ง ๆ ทีต่ ้ังอยู่ รอบขา้ งและทอี่ ยหู่ า่ งออกไปทง้ั ในและตา่ งประเทศ 7. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางวัฒนธรรมที่เปน จนเกดิ เปน็ ความเกยี่ วพนั กนั ระหวา่ งสงั คมแตล่ ะ ส่ิงประดิษฐ การคิดคน หรือการสรางสรรค สงั คม ทา� ใหเ้ กดิ การเลอื กรบั วฒั นธรรมภายนอก ผลงานทเ่ี ปน ฝม อื ของคนไทย จากนนั้ อภปิ ราย เข้ามาปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบททางสังคม แสดงความคดิ เห็นรว มกัน ตนเองอย่างต่อเน่อื ง เช่น การนา� วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และคอมพิวเตอร์จากชาติตะวันตก ขนั้ สรปุ เข้ามาปรับใช้ในการผลิต การศึกษา และการ ดา� เนนิ ชวี ติ ในสงั คม ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ ๕) การประดษิ ฐแ์ ละสรา้ งสรรค์ 1. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั ทาํ ใบงานที่ 5.1 เรอื่ ง ทม่ี า การประดษิ ฐค์ ดิ คน้ ประดษิ ฐกรรมใหม่ ๆ เพอ่ื น�า ของวฒั นธรรม โดยครแู นะนําเพิ่มเตมิ  คอมพิวเตอร์เป็นเทคโนโลยีจากชาติตะวันตก ท่ีเข้ามา มาใช้ในการพฒั นาสงั คมใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ ไมว่ า่ มบี ทบาทส�าคญั ในสังคม โดยเฉพาะดา้ นการศกึ ษา จะเปน็ ประดษิ ฐกรรมดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาท่ี พลเมอื งฯ ม.2 เกย่ี วกบั เรอ่ื ง ทมี่ าของวฒั นธรรม ทางการแพทย์ นอกจากนี้ ยงั มีการสร้างสรรค์ แนวคิดใหม่ ๆ โดยเมอื่ มีการยอมรบั ส่ิงเหลา่ นี้ ขน้ั ประเมนิ มาใช้ในสังคม ก็ถือเป็นวัฒนธรรมท่ีก่อให้เกิด คณุ ประโยชนต์ ่อสมาชิกในสงั คมตอ่ ไป ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า วัฒนธรรมมีอยู่ในสังคมมนุษย์เท่าน้ัน เพราะ 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ มนุษย์มีความสามารถในการสร้างสัญลักษณ์ ตอบคาํ ถาม ทาํ ใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ อันเป็นรากฐานของการปรับเปล่ียน โดย หนาที่พลเมืองฯ ม.2 วัฒนธรรมมีที่มาจากหลายแหล่ง และต่างได้ 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การทาํ งาน และการนําเสนอผลงาน 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ หนาท่พี ลเมืองฯ ม.2 ผ่านการวิเคราะห์ ให้เข้ากับบริบทของสังคม น้ัน ๆ ก่อให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะทาง  การประดิษฐ์คิดค้นอย่างสร้างสรรค์ก่อให้เกิดนวัตกรรม วฒั นธรรมข้ึน ท่คี นท่วั ไปยอมรับและมปี ระโยชนต์ อ่ คนในสงั คม 86 แนวทางการวัดและประเมินผล กจิ กรรม ทา ทาย ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เร่ือง ที่มาของวัฒนธรรม ใหนักเรียนอภิปรายรวมกันในหัวขอ อิทธิพลของวัฒนธรรม ไดจากการสบื คน และนาํ เสนอผลงานหนาช้ันเรยี น โดยศกึ ษาเกณฑการวดั และ ตา งชาตทิ สี่ ง ผลตอ สงั คมไทย พรอ มบอกแนวทางการปฏบิ ตั ติ นใน ประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบมาทายแผนการจัดการ การเลอื กรบั วฒั นธรรมตา งชาตใิ หเ หมาะสมกบั วถิ ชี วี ติ ของคนไทย เรยี นรูหนวยท่ี 5 เรื่อง วัฒนธรรมของไทยและวฒั นธรรมของประเทศในภูมภิ าค โดยไมใหถ ูกกลนื ทางวัฒนธรรม เอเชยี แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนื้อหา 2 การลาดับข้นั ตอนของเรื่อง 3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีสว่ นร่วมของสมาชิกในกลุม่ รวม ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ T96 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓. ลกั ษณะของวฒั นธรรมไทย ขน้ั นาํ (วธิ สี อนโดยการอภปิ ราย) วัฒนธรรมไทย เป็นสิ่งดีงามที่คนไทยสร้างขึ้นมานับแต่บรรพบุรุษและได้หล่อหลอมให้ 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอนโดยการ คนไทยทกุ หมเู่ หลา่ เปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั ประชาชนไดย้ ดึ ถอื และน�ามาปฏบิ ตั ใิ ชเ้ พอ่ื เปน็ แนวทาง อภิปราย ชอื่ เรอื่ งทจี่ ะเรยี นรู จุดประสงคก าร ในการด�าเนนิ ชวี ติ กอ่ ใหเ้ กดิ ความภาคภมู ใิ จ และเปน็ เครอ่ื งยดึ เหนย่ี วใหค้ นในชาตมิ คี วามรสู้ กึ เปน็ เรียนรู และผลการเรียนรู พวกพอ้ งเดียวกนั 2. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย ลกั ษณะท่สี า� คัญของวฒั นธรรมไทย มีดงั น้ี แลวใหนักเรียนยกตัวอยางวัฒนธรรมไทยท่ี ๑. วฒั นธรรมไทยเปน็ ผลผลติ ทบี่ รรพบรุ ษุ นกั เรียนรจู กั ของไทยได้สร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีตบรรจง และได้ผ่านการแต่งแต้มและคัดสรรให้เป็น 3. ครูนําภาพวัฒนธรรมไทยมาใหนักเรียนดู ผลงานทางสงั คมทม่ี คี ณุ คา่ ดงั นน้ั วฒั นธรรมไทย จากนั้นครูต้ังคําถามเพื่อกระตุนความสนใจ จงึ เปน็ ผลผลติ ตามสภาพแวดลอ้ มทางภมู ศิ าสตร์ เชน และประวตั ศิ าสตรท์ ีเ่ ปน็ ของสงั คมไทยเอง • เม่ือกลาวถึงวัฒนธรรมไทย นักเรียนนึกถึง ๒. วฒั นธรรมไทยเปน็ แบบแผนการดา� รง สง่ิ ใดบา ง ชวี ติ ทม่ี าจากคา่ นยิ ม บรรทดั ฐาน หรอื ปทสั ถาน (แนวตอบ เชน พธิ กี รรมทางพระพทุ ธศาสนา ทางสงั คม ทหี่ ลอมรวมใหค้ นทอี่ าศยั อยใู่ นสงั คม การเคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย เปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั วฒั นธรรมไทยจงึ บง่ บอก  การบูชาแม่โพสพ เป็นวัฒนธรรมไทยท่ีแสดงให้เห็นถึง ความมีนํ้าใจ ความเอ้ือเฟอเผ่ือแผ การทํา ถงึ แนวทางการแสดงพฤตกิ รรม ภาษา มารยาท ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งมนุษย์กบั สิง่ แวดลอ้ ม เกษตรกรรม) และการปฏบิ ตั ติ ่อสมาชกิ ในสังคมไทยไดอ้ ยา่ งดยี ง่ิ ๓. วฒั นธรรมไทยเกย่ี วโยงกบั ความคดิ ความเชอ่ื ดา้ นความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมนษุ ยก์ บั จกั รวาล ขนั้ สอน มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม และมนุษย์กับมนุษย์ ที่หลอมรวมกัน ดังจะ1เห็นได้จาก ขนบธรรมเนียม ประเพณตี า่ ง ๆ ของไทย เชน่ การคา� นวณ วนั เดอื น ปี ตามจนั ทรคติ การประกอบพธิ ที า� ขวญั ขา้ ว ขนั้ ที่ 1 เตรียมการอภิปราย การแสดงความเทดิ ทนู ตอ่ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ เป็นต้น ซึง่ สง่ิ เหล่าน้สี ะท้อนใหเ้ หน็ ถงึ วถิ ชี วี ติ ของสงั คมไทยได้เปน็ อย่างดี 1. ครูซักถามนักเรียนถึงความเขาใจเกี่ยวกับ จากลกั ษณะทกี่ ลา่ วมาขา้ งตน้ เราสามารถจา� แนกวฒั นธรรมไทยทส่ี า� คญั และโดดเดน่ ออกได้ ลักษณะของวัฒนธรรมไทย เปน็ ๓ กลมุ่ ดังน้ี 2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเกี่ยวกับ ๑) วัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ ลักษณะของวัฒนธรรมไทย จากหนังสือเรียน สังคมศึกษาฯ ม.2 หรือจากแหลงการเรียนรู เปน็ องคพ์ ระประมขุ ทเ่ี ปน็ ศนู ยร์ วมจติ ใจของคนไทยทงั้ ชาติ ชนชาวไทยทงั้ ผองตา่ งแซซ่ อ้ ง สรรเสรญิ อนื่ ๆ ในประเดน็ ท่ีกําหนด และเทิดทูนพระมหากรุณาธิคุณท่ีทรงพระราชทานแก่ปวงไพร่ฟ้าให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ตลอดมา ดังน้ัน ราชประเพณีที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์จึงได้รับ การยดึ ถอื และปฏิบัติตามกนั มาอยา่ งยาวนาน วฒั นธรรมท่ีเกยี่ วข้องกับพระมหากษัตรยิ ์ เช่น 87 กิจกรรม สรางเสริม เกร็ดแนะครู ใหนักเรียนสืบคน สัมภาษณผูรูหรือผูอาวุโสในทองถ่ิน ครูอาจนําสารคดี หรือภาพขาวบันทึกเทป การประกอบพระราชพิธี เกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรมในทองถ่ินของตน แลวนํามา ที่เกี่ยวของกับพระมหากษัตริย เชน พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัล สนทนาแลกเปล่ียนความคิดเห็น สรุปความรูลงกระดาษ A4 แรกนาขวัญ มาเปดใหนักเรียนดูประกอบคําอธิบาย เพ่ือชวยเสริมความเขาใจ สงครผู ูสอน ย่งิ ขนึ้ นักเรียนควรรู 1 จันทรคติ การนับชวงเวลาโดยยึดการโคจรของดวงจันทรรอบโลก เมื่อ ดวงจนั ทรโ คจรรอบโลกทําใหเกดิ ปรากฏการณข างขน้ึ ขางแรม วนั ทางจันทรคติ จึงเรยี กวา วันข้นึ วนั แรม โดยดจู ากลกั ษณะของดวงจันทร T97

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เปนพระราชพิธีเกาแกมาแต โบราณ จัดขึ้นเพ่ือเสริมสรางขวัญและกําลังใจแกเกษตรกรของชาติ พระราชพิธีพืชมงคลจรด- ขนั้ ที่ 2 ดาํ เนนิ การอภปิ ราย พระนงั คัลแรกนาขวัญในปจ จุบันประกอบดว ยพระราชพธิ ี ๒ พธิ ีรวมกัน คอื พระราชพิธีพชื มงคล อันเปนพิธีสงฆกับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอันเปนพิธีพราหมณ โดยในวันแรกจะ 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก ประกอบพระราชพิธีภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สวนในวันรุงขึ้นจะประกอบ การรวบรวม มาอธบิ ายแลกเปลี่ยนความรูกนั พระราชพธิ ี ณ มณฑลพธิ ที อ งสนามหลวง โดยพระราชพธิ นี พ้ี ระมหากษตั รยิ จ ะเสดจ็ พระราชดาํ เนนิ ไปเปน องคป ระธานในพระราชพธิ หี รอื สง ผูแทนพระองคไ ปเปนประธานทกุ ป 2. สมาชกิ ในกลมุ ชว ยกนั คดั เลอื กขอ มลู ทนี่ าํ เสนอ ซงึ่ เปนระยะเหมาะพสรมะทราจ่ี ชะพเริธิ่มีพตืชน มกงาครทลจาํ นรดาพอระนั นเปังคนัลอแาชรกพี นหาลขกั วขัญอกงคําหนนไทดยขึ้นพในระเดยือาแนรหกกนขาอ1งไทดุกแ ปก เพือ่ ใหไ ดขอ มลู ทถ่ี ูกตอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณโ ดยตาํ แหนง สวนเทพีท้งั ๔ ไดพิจารณาคดั เลอื กจากขาราชการ หญงิ ทย่ี งั มไิ ดส มรสในสงั กดั กระทรวงเกษตรและสหกรณท ม่ี ตี าํ แหนง ตงั้ แตข า ราชการพลเรอื นสามญั 3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล ชัน้ โทข้นึ ไป พชื พันธธุ ัญญาหารทีจ่ ะใชทําขวญั ไดแก ขา ว พชื จําพวกถวั่ งา และเมลด็ พชื ตา ง ๆ หนา ชนั้ เรยี นตามประเด็นทก่ี ําหนด รวม ๔๐ อยา ง แตละอยางบรรจุถุงในผาขาวกับเผือกมันตาง ๆ พนั ธุพ ืชเหลาน้เี ปนพนั ธพุ ืชท่ปี ลกู งอกไดท ้ังส้นิ 4. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพิ่มเติมถึง วฒั นธรรมทม่ี คี วามเกยี่ วขอ งกบั พระมหากษตั รยิ  นอกจากน้ี ขาวเปลือกท่ีหวานในพิธีแรกนาจะบรรจุกระบุงทองคูหนึ่งและเงิน คหู นงึ่ เปน ขา วพนั ธดุ จี ากแปลงนาทดลองในโครงการสว นพระองคภ ายในเขตพระตาํ หนกั จติ รลดา 5. ครสู นทนาเชอื่ มโยงใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ ราย รโหฐานและพระราชทานมาเขา พธิ มี งคล พนั ธขุ า วพระราชทานนจี้ ะใชห วา นใน เพ่ิมเติมถึงคุณคาของพระราชพิธีพืชมงคล พระราชพธิ แี รกนาสว นหน่ึง อกี สว นหนึง่ ที่เหลือทางผจู ดั งานจะนาํ ไปบรรจุซอง จรดพระนงั คลั แรกนาขวญั จากนนั้ แสดงความ แลว สงไปแจกจา ยแกชาวนาและประชาชนในจงั หวดั ตา งๆ ใหเปนมิ่งขวญั คิดเหน็ รว มกัน โดยครแู นะนําเพม่ิ เติม และเปนสริ มิ งคลแกพืชผลท่จี ะเพาะปลูกในปน ้นั ๆ (แนวตอบ พระราชพธิ จี รดพระนงั คลั แรกนาขวญั เปนพระราชพิธีที่สืบทอดกันมาแตโบราณ ซ่ึง แสดงถึงเอกลักษณในการประกอบอาชีพของ คนไทย คือ การทํานาปลูกขาว อันเปนสิ่ง สะทอ นใหค นไทยมคี วามภาคภมู ใิ จในการเปน ประเทศเกษตรกรรม และใหความสําคัญ กับเกษตรกรท่ีสรางผลผลิตเลี้ยงคนภายใน ประเทศและคนทวั่ โลก)  พระราชพธิ พี ชื มงคลจรดพระนงั คลั แรกนาขวญั เปน พระราชพธิ สี าํ คญั ทส่ี ะทอ นถงึ การเปน สงั คมเกษตรกรรม ๘๘ นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 พระยาแรกนา ในพระราชพธิ พี ืชมงคลจรดพระนังคลั แรกนาขวัญ พระยา พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญสะทอนถึง แรกนาจะทําพิธีเส่ียงทายผา นงุ 3 ผืน โดยผานุงแตล ะผืนจะมคี วามยาวตา งกัน ลักษณะสําคญั ของสงั คมไทยอยา งไร คอื ผา 4 คบื ผา 5 คบื และผา 6 คบื พระยาแรกนาจะหยิบผา นุงข้ึนมา 1 ผนื แลว ดวู าไดผา มคี วามยาวเทาใด โดยมคี าํ พยากรณ ดังนี้ 1. เปน สังคมเกษตรกรรม 2. ใหค วามเคารพผูอาวโุ ส ผา 4 คบื พยากรณว า นาํ้ จะมาก นาในทด่ี อนไดผ ลบริบูรณดี นาในท่ีลุม 3. มคี วามรกั ถนิ่ ฐานบานเกดิ อาจเสยี หายบา ง ไดผ ลไมเ ตม็ ท่ี 4. มพี ระพทุ ธศาสนาเปน ศาสนาหลกั ผา 5 คบื พยากรณวา นา้ํ จะมีปรมิ าณพอดี ขาวกลาในนาจะไดผลบริบูรณ (วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. พระราชพธิ พี ชื มงคลจรดพระนงั คลั ผลาหาร มงั สาหาร จะอดุ มสมบรู ณ แรกนาขวญั จดั ขึ้นเพ่ือสรางขวัญและกาํ ลังใจใหก ับเกษตรกร โดย ในพระราชพิธีจะมีการทํานายฝนฟาอากาศ และผลผลิตท่ีได ผา 6 คบื พยากรณวา นํ้าจะนอ ย นาในท่ลี ุมจะไดผ ลบริบรู ณ นาในที่ดอน ในชวงฤดูเก็บเก่ียวของปนั้น นอกจากน้ี เกษตรกรท่ีเขารวมใน จะเสยี หายบาง ไดผ ลไมเต็มที่ พระราชพิธียังมีโอกาสไดรับพระราชทานเมล็ดพันธุพืชเพ่ือนํา ไปเพาะปลูก ถือเปนสิริมงคลและสรางขวัญกําลังใจในการทํา T98 เกษตรกรรม)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๒) วัฒนธรรมทเ่ี กย่ี วข้องกับศาสนา ศาสนาและลทั ธิความเชอื่ ได้กา� หนดคา่ นิยม ขน้ั สอน แนวความคดิ และบรรทัดฐานทางสังคม ดงั นั้น พระพทุ ธศาสนา ครสิ ต์ศาสนา ศาสนาอสิ ลาม และศาสนาฮินดู ซึ่งเป็นศาสนาหลักของประเทศ จึงได้กลายมาเป็นบ่อเกิดของประเพณีและ ขัน้ ท่ี 2 ดําเนินการอภปิ ราย วัฒนธรรมต่าง ๆ ของไทย ๒.๑) ประเพณแี ละวฒั นธรรม 6. ครูใหนักเรียนดูภาพวัฒนธรรมที่เก่ียวของ ท่ีเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เช่น วันวิสาขบูชา กับศาสนา แลวอภิปรายแสดงความคิดเห็น วทันอมดากฆฐนิบูชปาระปเพระณเพีถวณาีตยักสบลาากตภรเัตท1โเวปน็ ปตร้นะเพโดณยี รว มกนั เกี่ยวกับภาพดงั กลาว 7. ครูใหนักเรียนเลาประสบการณการมีสวน รวมในประเพณีหรือวัฒนธรรมที่เกี่ยวของกับ ศาสนา รวมถึงบอกประโยชนท่ีไดรับจากการ เขา รวม มรี ายละเอยี ดของประเพณีบางประเพณี ดังน้ี ๑. ประเพณวี นั วสิ าขบชู า วนั วสิ าขบชู า หมายถงึ การบชู าในวนั เพญ็ เดอื น วสิ าขะ หรอื เดือนหก เนือ่ งในโอกาสคลา้ ยวนั ท่ี พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธ- ปรินิพพาน การประกอบพระราชพิธีวิสาขบูชา ในเมืองไทยเร่ิมท�ามาต้ังแต่สมัยสุโขทัยเป็น  งานประเพณรี บั บัวของชาวอ�าเภอบางพลี จงั หวัด สมุทรปราการ ทีจ่ ดั ขึ้นเพ่ือการแสดงถึงความสามคั คี ราชธานี แตไ่ มป่ รากฏหลกั ฐานวา่ ไดม้ กี ารประกอบ และความยึดมัน่ ในพระพทุ ธศาสนา พระราชพิธวี ันวสิ าขบูชาในสมัยอยธุ ยา สมัยธนบุรี และสมัยรตั นโกสินทรต์ อนต้น จนมาถึงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะส่งเสริม วันส�าคัญทางพระพุทธศาสนา จึงให้ประชาชนประกอบพิธีวันวิสาขบูชาขึ้นมาใหม่ และยังฟนฟู และถอื ปฏิบัตมิ าจวบจนกระทัง่ ปจั จุบัน เม่ือถึงวันวิสาขบูชา พุทธศาสนิกชนจะพากันไปบา� เพ็ญกุศล ท�าบุญ ตักบาตร และไปปฏิบัติธรรมที่วัด รักษาศีล ไหวพ้ ระ ฟงั ธรรม เวยี นเทยี น และเจรญิ วปิ สั สนา ๒. ประเพณีตักบาตร เทโว ตักบาตรเทโว คือ การตกั บาตรในวนั แรม ๑ ค่�า เดือน ๑๑ “เทโว” เป็นค�าย่อมาจาก “เทโวโรหณะ” หมายถึง การเสด็จลงมาจาก เทวโลกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลัง  การท�าบญุ ตกั บาตรและไปปฏบิ ตั ธิ รรมทวี่ ัด เปน็ กิจกรรม ทพ่ี ทุ ธศาสนกิ ชนในประเทศไทยกระทา� กนั ในวนั สา� คญั ทาง จากทรงแสดงพระอภธิ รรมโปรดพระพทุ ธมารดา ศาสนา ณ สวรรคช์ ัน้ ดาวดงึ ส์ 89 ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู วัฒนธรรมทีเ่ กย่ี วขอ งกับศาสนาของไทย มคี วามคลายคลงึ กบั 1 สลากภัต บางแหงเรียก ตานกวยสลาก เปนประเพณีการทําบุญที่สําคัญ วฒั นธรรมทางศาสนาของประเทศใดในอาเซยี นมากทีส่ ุด ของชาวลานนา โดยทั่วไปจะเริ่มในเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายนของ 1. ลาว 2. ฟล ิปปนส ทุกป เอกลักษณของประเพณีน้ี คือ การที่ชาวบานเตรียมของไทยทานเพ่ือ 3. อนิ โดนีเซีย 4. บรูไนดารสุ ซาลาม ถวายพระจดั ใสล งในกว ย ซง่ึ มลี กั ษณะเปน ตะกรา หรอื ชะลอมขนาดเลก็ สานดว ย ไมไผ บางแหงอาจบรรจุสิ่งของตาง ๆ ลงในหมอดิน หรืออาจใชถังพลาสติก (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะประเทศลาวมพี ระพทุ ธศาสนา บรรจุ แตละอันจะมีสลากหมายเลขติดไว จากนนั้ จะมกี ารจบั สลากวาพระสงฆ นิกายเถรวาทเปนศาสนาหลักเชนเดียวกับประเทศไทย จึงมี รูปใดไดกว ยสลากอันไหน ชาวบานกจ็ ะนํากว ยสลากของตนไปถวายพระรปู นน้ั ประเพณีและวัฒนธรรมท่ีเกิดมาจากอิทธิพลของพระพุทธศาสนา คลายคลึงกัน เชน การบรรพชาอุปสมบท การประกอบพิธี ส่ือ Digital เนอื่ งในวนั สาํ คญั ทางศาสนา เชน การทอดผา ปา การทาํ บญุ ตกั บาตร คติความเช่ือตางๆ สวนประเทศฟลิปปนส ประชากรสวนใหญ ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับประเพณีและวัฒนธรรมไทย ไดที่ นับถือคริสตศาสนา ประเทศอินโดนีเซียและบรูไนดารุสซาลาม http://www.ffi inearts.go.th/กรมศิลปากร ประชากรสวนใหญน ับถอื ศาสนาอิสลาม) T99

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน มีประวัติว่าเมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วได้เสด็จ ประกาศพระศาสนาทว่ั ดินแดนชมพทู วปี (ประเทศอนิ เดีย ปากสี ถาน บงั กลาเทศ เนปาล ภฏู าน ขนั้ ที่ 2 ดาํ เนนิ การอภปิ ราย และอฟั กานสิ ถานในปจั จบุ นั ) เปน็ เวลา ๗ พรรษา ตอ่ มาพระองคไ์ ดเ้ สดจ็ ขนึ้ ไปจา� พรรษาบนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ ทรงเทศนาพระอภิธรรมปิฎกโปรด 8. ครสู นทนาเชอื่ มโยงใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ ราย พระพทุ ธมารดาอยู่ ๑ พรรษา ครั้นออกพรรษา เพ่ิมเติมถึงประเพณีและวัฒนธรรมที่เก่ียวกับ แลว้ วนั แรม ๑๕ คา�่ เดอื น ๑๑ จึงเสด็จลงจาก ศาสนาอน่ื ๆ แลว ใหน กั เรยี นรว มกนั ยกตวั อยา ง สวรรค์ช้ันดาวดึงส์ลงมาประทับท่ีเมืองสังกัสสะ จากน้นั ครตู ้งั คําถาม เชน มีประชาชนไปเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อท�าบุญ • การศกึ ษาประเพณหี รอื วฒั นธรรมทเ่ี กยี่ วกบั ตกั บาตรอย่างหนาแน่น เพราะถือเปน็ วนั คล้าย ศาสนาอ่นื ๆ สง ผลดีอยา งไร วันท่ีพระพุทธเจ้าเสด็จจากเทวโลกลงมาสู่เมือง (แนวตอบ ทาํ ใหเ กดิ ความเขา ใจในวฒั นธรรม มนษุ ย์ ทางศาสนาซ่ึงกันและกัน นํามาสูการอยู จากประวัติดังกล่าวข้างต้น รวมกนั ไดอ ยา งสนั ติสุข แมจะมแี นวคิดหรอื พุทธศาสนิกชนไทยได้น�ามาปฏิบัติและยืดถือ ความเชอ่ื ที่แตกตา งกนั กต็ าม แตท กุ ศาสนา  พธิ ีบพั ตศิ มา (ศลี ล้างบาป) เป็นพธิ กี รรมทผ่ี ้จู ะเป็นครสิ ต์ เป็นประเพณีตักบาตรเทโวที่กระท�ากันในวัดท่ัว ยอมสอนใหคนทําความดี มีความเอ้ือเฟอ ศาสนิกชนต้องรบั เพือ่ ช�าระกายและใจให้บรสิ ทุ ธ์ิ ทกุ ภมู ภิ าคของประเทศ อนั เปน็ การเฉลิมฉลอง เผอ่ื แผต อ กนั ) ท่พี ระภิกษสุ งฆ์ไดอ้ อกมาบณิ ฑบาตนอกวัดอกี คร้งั เมอ่ื ออกพรรษาแลว้ 9. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายยกตัวอยาง ๒.๒) ประเพณแี ละวฒั นธรรมทเ่ี กยี่ วกบั ศาสนาอนื่ ๆ เชน่ พธิ บี พั ตสิ มา (Baptism) ประเพณแี ละวฒั นธรรมทเ่ี กยี่ วกบั ศาสนาตา งๆ แห่งคริสต์ศาสนา เปน็ การล้างบาปท่ีไดท้ �าไปแล้ว เพราะครสิ ต์ศาสนาถือว่ามนุษย์ทกุ คนทเี่ กิดมา ใหไดมากที่สุด โดยระบุวาเปนประเพณีหรือ มีบาปตดิ ตัว ดังนน้ั เดก็ ท่เี กดิ มาหรอื ผทู้ ่ีเข้ามานับถือคริสตศ์ าสนาใหมต่ อ้ งทา� พิธีบัพติสมากอ่ น วัฒนธรรมของศาสนาใด และมีความสําคัญ อยางไรพอสังเขป โดยครูบันทึกขอมูลใน รูปแบบตารางบนกระดานหนาช้ันเรียน ประเพณกี ารเกดิ ของชาวมสุ ลมิ ถอื ปฏบิ ตั กิ นั มานาน มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ใหม้ ารดา และทารกมีสุขภาพสมบูรณ์และปลอดภัยจากการคลอด เมื่อคลอดแล้วจะเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ทด่ี ี มชี วี ติ อยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ เหน็ ไดจ้ ากหลงั คลอดจะทา� พธิ อี ะซานทห่ี ขู วาและอกิ อมะฮ์ ท่หี ซู า้ ย เพ่อื ให้เปน็ มุสลิมท่ีสมบรู ณ์ พระราชพิธีตรียัมปนอวากยจา-กตนรี้ีปยวังามยปี1รทะเี่ปพรณะกแี อลบะขวัฒ้ึนตนาธมรรหมลทักี่เคกวีย่ าวมกเบัชศื่อาขสอนงาศพาสรานหามพณรา์ -หฮมนิ ณด์ ู-ไฮดิน้แดกู่ ท่ีว่า พระอิศวรจะเสด็จลงมาเยี่ยมโลกปีละ ๑ ครั้ง ซ่ึงถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของพราหมณ์ - ฮินดู ดงั น้นั จึงตอ้ งประกอบพระราชพิธนี ้ีข้นึ เพ่ือรบั การเสดจ็ ของพระอศิ วร ในการประกอบพระราชพธิ ี จะมกี ารโล้ชิงช้า โดยมีพราหมณ์เปน็ ผู้ดา� เนนิ การตั้งแต่เรมิ่ จนจบ 90 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 พระราชพิธีตรียัมปวาย-ตรีปวาย เปน พิธี 2 พิธตี อ กนั คือ พิธตี รียมั ปวาย ขอใดตอ ไปนเ้ี ปนประเพณีและพธิ ีกรรมท่ีเกยี่ วขอ งกับ เปนพิธีฝายพระอิศวร และพิธีตรีปวายเปนพิธีฝายพระนารายณ แบงการ พระพทุ ธศาสนา พระราชพธิ ีออกเปน 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1. พธิ ีบูชาพอแก ตอนแรก เปน พธิ ี “เปด ประตศู วิ าลยั ไกรลาส” อญั เชญิ เทพเจา ลงสโู ลกมนษุ ย 2. พิธตี รียมั ปวาย เพ่ือทรงประทานพร จากนนั้ เปนพธิ โี ลช ิงชา 3. ประเพณีตกั บาตรดอกไม 4. พระราชพิธถี ือนา้ํ พระพิพฒั นสตั ยา ตอนท่ีสอง เปนพิธีกลาวสรรเสริญเทพเจา ถวายขาวตอกดอกไมและ โภชนาหาร เม่ือถวายแดเทพเจาแลวจะนําไปแจกจายใหแกมวลมนุษยเพ่ือ (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. ประเพณีตักบาตรดอกไม เปน ความสวสั ดมิ งคล ประเพณีทางพระพุทธศาสนาท่ีสําคัญของชาวสระบุรี จัดข้ึนใน วันเขาพรรษา คือ วันแรม 1 ค่ํา เดือน 8 ของทุกป โดย ตอนที่สาม เปนพิธีสรงนํ้าเทพเจา เสร็จแลวอัญเชิญเทพเจาข้ึนสูหงส พุทธศาสนิกชนจะนําดอกไมมาตักบาตรพระที่มารับบิณฑบาต ซงึ่ เปนพาหนะนาํ องคเ ทพเจากลับสูวมิ าน สวนพิธีบูชาพอแก พิธีตรียัมปวาย และพระราชพิธีถือน้ํา พระพพิ ฒั นสตั ยาเปนพธิ กี รรมของศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู) T100

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓) วัฒนธรรมท่ีเกี่ยวข้องกับอาชีพ ตั้งแต่อดีตกาลเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก ขนั้ สอน ของคนในสังคมไทย โดยมีการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์เพ่ือใช้บริโภคในครัวเรือน และจ�าหน่าย จา่ ยแจกหากมีผลผลิตมากเกินความต้องการ วถิ ีชวี ติ ของคนไทยจึงมีความผกู พันกับเกษตรกรรม ขนั้ ที่ 2 ดาํ เนินการอภปิ ราย อย่างมาก จึงท�าให้เกิดประเพณี วัฒนธรรม ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั อาชพี ดา้ นการเกษตรขนึ้ มากมาย 10. ครูนําภาพวัฒนธรรมที่เก่ียวกับอาชีพมาให ในเวลาตอ่ มา เมอ่ื มกี ารเปลย่ี นแปลง นักเรียนดู แลวใหนักเรียนชวยกันตอบวา เข้าสู่สังคมอุตสาหกรรม จึงเกิดวัฒนธรรมท่ี เปนวัฒนธรรมประเพณีอะไร และมีความ เก่ียวกับอาชีพนอกเกษตรกรรมข้ึน เช่น งาน เกี่ยวของกับอาชีพนั้นอยางไร จากน้ันครูตั้ง ทา� บญุ เปดิ บรษิ ทั งานเลี้ยงฉลองเล่ือนตา� แหน่ง คําถาม เชน นอกจากนี้ ยังมีวัฒนธรรมสากลเข้ามาผสม • ประเพณีการทําขวัญขาวมีความเกี่ยวของ ผสานดว้ ย เช่น การแต่งกายด้วยชดุ เครอ่ื งแบบ กับอาชีพใด และมคี วามสําคัญอยางไร การบรหิ ารจัดการองค์กรแบบสากล การตดิ ตอ่ (แนวตอบ เปน ประเพณที เ่ี กย่ี วกบั ชาวนา เพอ่ื สือ่ สารภายในองค์กรผา่ นเคร่ืองมอื ทท่ี ันสมยั บูชาพระแมโพสพ โดยเช่ือวาเปนเทพธิดา ประเพณแี ละวฒั นธรรมทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ประจําขาวและเปนการเรียกขวัญขาวเพื่อ กับอาชีพทีส่ �าคัญ เชน่ ใหขาวเจริญงอกงาม มผี ลผลติ ทด่ี ี) ๓.๑) ประเพณกี ารทาํ ขวญั ขา้ ว  ประเพณีการท�าขวัญข้าว เป็นความเชื่อของชาวนาว่าจะ • ประเพณีบุญวันสารทสะทอนใหเห็นถึง ท�าใหข้ า้ วออกรวงมาก และเปน็ การแสดงความเคารพตอ่ การประกอบอาชพี ของคนไทยอยา งไร ใขในห้าแ้ขวต้ามว่ล1ีขใะนนปนาี ดาชงใาหอวกญนงา่โาจตมะมทอาุดา� กพมเธิสมีมื่อเบรคยีูรรกณั้งขโ์บวแรัญลาขะณาเพกวาื่อเลไพม่ือ่ใตห่อ้ขม้าาวมแหมีคนโ่ พนีไสปไพดจ้ใโาดชกย้ไทเปมุ่งน็ ้ทนธุรบารตมเเีเพนมยี ร็ดมาขทะปี่้ตาฏวาิบมัตทติสืบ�า�าตนใอ่หาก้นแันมกมาล่โชพ่า้าวสนวาพน่า2 (แนวตอบ สะทอนใหเห็นถึงวัฒนธรรมดาน (เทพธิดาประจ�าข้าว) โกรธ พากันหนไี ปอยตู่ ามป่า ถา�้ หว้ ย หนอง คลองบงึ จนเปน็ เหตุให้ผูค้ น อาชีพ คอื คนไทยสว นใหญป ระกอบอาชพี อดขา้ วตายเปน็ เวลานานนับหนึ่งแสนปี ดงั นนั้ เมื่อปลูกข้าวในท้องทุ่ง จงึ ตอ้ งท�าพิธีดงั กล่าวเพือ่ เกษตรกรรม ซึ่งเมื่อเกษตรกรทําการเก็บ แสดงความเคารพต่อแม่โพสพและเป็นการสร้างขวัญก�าลังใจในการประกอบอาชีพของเกษตรกร เกี่ยวผลผลิตคร้ังแรก ก็จะนําผลผลิตที่ได การเรยี กขวญั ขา้ ว โดยทวั่ ไปจะทา� ๒ ระยะ คอื ชว่ งทขี่ า้ วตงั้ ทอ้ งกอ่ นขา้ วออกรวง มาทําบุญ ถวายพระ หรือการนําพืชพรรณ ธัญญาหารมาทําขนมกระยาสารทเพื่อ เตรียมไวใ สบ าตร) และเมื่อขา้ วออกรวงพรอ้ มเกบ็ เกย่ี ว แตป่ ระเพณีเรียกขวญั ขา้ วช่วงหลงั เกบ็ ข้าวข้ึนยงุ้ แลว้ ไม่ค่อย มีการท�ากัน ส่วนการเรียกขวัญข้าวตอนก่อนข้าวออกรวงยังท�ากันอยู่อย่างกว้างขวางในภูมิภาค ต่าง ๆ ท่ัวประเทศไทย การเรียกขวัญข้าวจะนิยมกระท�ากันในช่วงระยะหลังออกพรรษา ต้ังแต่ แรม ๑ ค่า� เดือน ๑๑ เป็นตน้ ไป ๓.๒) ประเพณีบุญวันสารท สารทไทย หมายถึง เทศกาลท�าบุญสิ้นเดือนสิบ ของไทย ชาวบา้ นจะนา� โภชนาหาร พรอ้ มทง้ั กระยาสารทและกลว้ ยไขไ่ ปตกั บาตรทวี่ ดั เพอื่ เฉลมิ ฉลอง ทีพ่ ชื พนั ธุธ์ ญั ญาหาร และผลไม้ทีเ่ พาะปลูกไวก้ า� ลงั ให้ผลเป็นครั้งแรกในฤดูนี้ อนึ่ง เมอ่ื เกษตรกร ได้เริม่ เก็บเกี่ยวผลผลิตเป็นคร้งั แรกและจะน�าผลผลิตเหล่าน้นั มาบูชาส่ิงศักดิ์สทิ ธิท์ ต่ี นนับถือก่อน 91 กิจกรรม สรา งเสรมิ นักเรียนควรรู ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับประเพณีการทําขวัญขาว 1 ขา ว เปน พชื ผลทางการเกษตรทม่ี คี วามสาํ คญั ตอ สงั คมไทย ดงั จะเหน็ ไดว า แลวเขียนอธิบายข้ันตอนในการประกอบพิธีวามีอะไรบาง โดย คนไทยสวนใหญของประเทศประกอบอาชีพทํานา จากการสํารวจพบวา พ้ืนที่ บันทึกลงในสมุดบันทึก แลวนําภาพมาติดประกอบใหสวยงาม ของประเทศไทยกวา 60 ลา นไร เปนท่เี พาะปลูกขาว สามารถผลติ ขาวไดปละ นําสงครผู ูสอน ประมาณ 30 ลานตันขาวเปลือก เปนประเทศผูสงออกขาวรายใหญของโลก โดยสง ออกไดปละประมาณ 8 -10 ลานตนั ขาวสาร สรางรายไดใ หป ระเทศเปน กิจกรรม ทา ทาย จํานวนมาก 2 แมโพสพ เปนเทวดาประจําพืชพันธุธัญญาหารทั้งปวง เปนท่ีเคารพ ใหน กั เรยี นสบื คน วฒั นธรรมทเ่ี กย่ี วขอ งกบั อาชพี ของไทยใหไ ด กราบไหวมาต้ังแตโบราณของชาวไทย ลาว และบริเวณลุมแมนํ้าเจาพระยา มากที่สุด จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาจัดทําเปนแผนผังความคิด บูชาเพ่ือขอความอุดมสมบูรณของพืชพันธุธัญญาหารท่ีเพาะปลูกตามฤดูกาล โดยใหมีภาพและคําอธิบายสรุปวาเปนวัฒนธรรมอะไร มีความ โดยจะทําพธิ ีบูชาแมโพสพดว ยอาหาร เชน ขาวปากหมอ กลว ย ออย เกี่ยวของกับอาชีพอะไร แลวนําผลงานมาแลกเปล่ียนเรียนรูกัน ในช้นั เรียน T101

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน เมื่อใกล้วันสารท ชาวบ้านจะกวนขนม ท่ีเรียกว่า “กระยาสารท” กระยาสารท เปน็ ขนมทที่ า� ขนึ้ จากขา้ วเมา่ ขา้ วตอก ถว่ั งา และมะพรา้ ว โดยกวนกบั นา้� ตาลเพอ่ื ใหเ้ หนยี วหนดื ขน้ั ท่ี 2 ดาํ เนนิ การอภปิ ราย เกาะติดกันเปน็ ปก จากน้ันกต็ ัดแบง่ ออกเปน็ ชิ้น ๆ ห่อดว้ ยใบตองเตรียมไวเ้ พื่อใสบ่ าตร จะเห็นได้ว่า สังคมไทยมี 11. ครูต้ังคําถามประกอบการอภิปรายขอมูล ขนบธรรมเนียมประเพณีที่เก่ียวกับพระมหา- เก่ียวกับลกั ษณะของวัฒนธรรมไทย เชน กษัตริย์ ศาสนาประจ�าชาติ และการประกอบ • เพราะเหตุใดขนบธรรมเนียมประเพณีทาง อาชีพ ซ่ึงเป็นสิ่งท่ีหล่อหลอมคนไทยให้เป็น พระพุทธศาสนาจึงไดรับการยกยองและ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั และมลี กั ษณะทางวฒั นธรรม ปฏบิ ตั ิตาม ทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั เชน่ ยกยอ่ งผมู้ บี คุ ลกิ (แนวตอบ เน่ืองจากพระพุทธศาสนาเปน อ่อนน้อมถ่อมตน และให้ความเคารพผู้ใหญ่ ศาสนาท่คี นไทยสว นใหญนบั ถอื ท้งั ยงั เปน ภทาม่ี ษวี ายั ทวมี่ฒุ ที แิ ง้ัลบะทครณุ อ้ วยฒุแกสิ ว้งู กบวทา่ รวอ้ ฒัยกนรธอรงรมคา�เกปยี่รวศิ กนบัา1 บอ เกดิ ของคา นยิ ม ความเชอื่ แนวความคดิ ภาษิตสอนใจต่าง ๆ วัฒนธรรมเก่ียวกับอาหาร และบรรทดั ฐานทางสงั คมของชนชาตไิ ทย)  ชาวบ้านก�าลังกวนขนมกระยาสารท ซึ่งเป็นขนมหวาน ขนม และสมุนไพร และวัฒนธรรมในวัน • วฒั นธรรมไทยมีความสาํ คญั อยา งไร ชนิดหนึ่งของไทย เพื่อเตรียมไว้ใส่บาตรในช่วงเทศกาล นักขัตฤกษ์ เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ (แนวตอบ วัฒนธรรมไทยมีความสําคัญใน งานประเพณบี ุญวนั สารท เป็นตน้ การใชตอบสนองความตองการของสมาชิก และใชเปนแนวทางและวิถีปฏิบัติตอกัน ในสงั คม โดยไดส ง่ั สม หลอ หลอม สืบสาน และพัฒนาจนเปนเอกลักษณเฉพาะตัวของ สงั คมไทย)  วันสงกรานต์หรอื วันขนึ้ ปีใหมข่ องไทย จดั เปน็ วัฒนธรรมในวันนักขตั ฤกษ์ มกี ารสรงน�้าพระ รดน�้าผูใ้ หญ่ และมกี ารละเล่น ทีส่ นุกสนานร่ืนเริงอีกดว้ ย 9๒ นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 คําปริศนา หรือการบอกใบ ทายคํา มีลักษณะการใชภาษาอยางมีศิลปะ เพราะเหตุใดภูมิปญญาไทยจึงเปนสมบัติของชาติท่ีคนไทย โดยใชคําคลองจอง และมักข้ึนตนประโยคดวยคําวา อะไรเอย ตัวอยาง ทุกคนจะตอ งอนุรกั ษสง เสรมิ และเผยแพรใ หค นในชาตไิ ดเ รยี นรู คําปริศนา เชน อะไรเอยไกกับงูอยูหางกันแควา (กวาง) อะไรเอยภายนอก มีหนาม คนตามหาซื้อ ขางในนะหรือสีเหลืองกนิ ได (ทุเรยี น) (แนวตอบ พราะภูมิปญญาไทยเกิดจากประสบการณ และ องคความรทู ี่ไดจ ากการดาํ เนนิ ชีวิตของคนไทย ซ่งึ มกี ารถายทอด บูรณาการอาเซียน จากรนุ สรู นุ เปน การแสดงถงึ เอกลกั ษณเ ฉพาะของวถิ ชี วี ติ ทเี่ ปรยี บ ไดกับมรดกของชาต)ิ ครูควรใหน กั เรยี นไดม กี ารวเิ คราะหเ ปรยี บเทยี บวฒั นธรรมที่เก่ยี วกับอาชีพ ของประเทศสมาชิกอาเซียนกับวัฒนธรรมของไทยวา มีความคลายคลึงหรือ แตกตา งกันอยางไร จากนัน้ ใหน ักเรยี นสรปุ ผลการวเิ คราะห แลวนํามาอธิบาย โดยอาจนาํ เสนอในรูปแบบตางๆ เชน สมดุ ภาพ แผนผงั ความคดิ PowerPoint T102

นาํ สอน สรปุ ประเมิน เสริมสาระ ขน้ั สอน ประเพณบี ชู าแมย า นางเรอื ขน้ั ท่ี 3 สรปุ การอภปิ ราย ในประเทศไทยโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ทางภาคใต้ มกี ารประกอบอาชพี ประมงอยา่ งแพรห่ ลาย ซงึ่ สะทอ้ น ถึงวิถีชีวิตท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวประมงไทยตั้งแต่อดีต 1. ครสู ุมตวั แทนกลุม แตละกลุม เพ่อื ออกมาสรปุ จนถึงปจั จุบัน สาระสาํ คญั ของการอภปิ รายเรอื่ ง ลกั ษณะของ คนไทยมีความเคารพในธรรมชาติ ถ่ินท่ีอยู่อาศัย รวมถึงอาชีพของตน จึงก่อให้เกิดวัฒนธรรม วฒั นธรรมไทย และประเพณที เี่ กยี่ วกบั อาชพี ในทกุ ภาคของประเทศไทย ชาวประมงไทยกเ็ ปน็ กลมุ่ ผปู้ ระกอบอาชพี หนง่ึ ที่มีความส�าคัญ มีความผูกพันกับสังคมไทย และมีประเพณีความเชื่อท่ีเก่ียวกับการประกอบอาชีพ คือ 2. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานท่ี 5.2 เร่ือง ประเพณบี ชู าแมย่ า่ นางเรือ ลกั ษณะของวัฒนธรรมไทย คติความเชื่อ ชาวประมงไทยมีความเชื่อว่า 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมเกย่ี วกบั ลกั ษณะของ เรอื ประมงแตล่ ะลา� มสี ง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธท์ิ เี่ รยี กวา่ แมย่ า่ นาง วฒั นธรรมไทย ในแบบฝก สมรรถนะฯ หนาท่ี สิงสถิตอยู่ ดังน้ัน ชาวประมงจะต้องเคารพบูชา พลเมืองฯ ม.2 การประกอบพิธีกรรมบูชาแม่ย่านางเรือจึงถือเป็น สริ มิ งคล เมอ่ื ออกเรอื หาปลากจ็ ะไดป้ ลาจา� นวนมาก ขนั้ สรปุ และปลอดภัยจากจากคล่ืนลมและพายุ ซ่ึงเป็น พิธีกรรมท่ีช่วยสร้างขวัญก�าลังใจในการประกอบ ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ อาชีพประมง ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ  ผ า้ สที ผี่ กู ไวท้ โี่ ขนเรอื ประมงแสดงถงึ ความเชอื่ ทวี่ า่ เรอื ประมง ลกั ษณะของวฒั นธรรมไทย หรอื ใช PPT สรปุ สาระ มแี มย่ า่ นางสงิ สถิตอยู่ สําคัญของเน้ือหา ตลอดจนความสําคัญตอการ ดําเนินชีวิตประจาํ วัน การประกอบพธิ ีกรรม ชาวประมงจะประกอบ พธิ บี ชู าแมย่ า่ นางเรอื ทกุ ครง้ั กอ่ นจะออกเรอื หาปลา ขน้ั ประเมนิ โดยจะมกี ารจัดส�ารับอาหารคาว หวาน หลายชนดิ เพื่อถวายแด่แม่ย่านางเรือ มีการจุดธูปเทียนบูชา ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล และอธษิ ฐานขอใหแ้ มย่ า่ นางเรอื คมุ้ ครองใหป้ ลอดภยั 1. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั  การประกอบพธิ บี ชู าแมย่ า่ นางเรอื ของชาวประมงในภาคใต้ ทาํ งาน และการนําเสนอผลงาน 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 9๓ กิจกรรม เสริมสรา งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค แนวทางการวัดและประเมินผล ครใู หนักเรยี นสาํ รวจวฒั นธรรมประเพณี หรอื ภมู ิปญ ญาทอ งถิ่น ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเนอื้ หา เรอื่ ง ลกั ษณะของวฒั นธรรม ในชมุ ชนของตนเอง โดยบอกชอื่ วฒั นธรรมประเพณี หรอื ภมู ปิ ญ ญา ไทย ไดจากการตอบคําถามและการนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษา นน้ั ลกั ษณะความสาํ คญั แนวทางการอนรุ กั ษแ ละวธิ กี ารสบื ทอดเพอื่ เกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบ ใหวฒั นธรรมประเพณี หรือภมู ิปญญาดงั กลา วอยคู กู บั ชุมชนสบื ไป มาทายแผนการจัดการเรยี นรหู นว ยท่ี 5 เรอ่ื ง วฒั นธรรมของไทยและวัฒนธรรม ของประเทศในภูมิภาคเอเชยี แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 32 1 ความถกู ต้องของเนื้อหา 2 การลาดบั ข้นั ตอนของเร่ือง 3 วิธีการนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชกิ ในกลุม่ รวม ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี T103 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (วิธีสอนโดยการจัดการเรยี นรูแบบ ô. ค วามคล้ายคลÖงáละความáµกµา่ งระหว่างวัฒนธรรมไทยกºั วฒั นธรรมของประเทÈãนÀมู Àิ าคเอเªีย รว มมอื : เทคนคิ คคู ดิ ) 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่องท่ี ภูมิภาคเอเชียเป็นภูมิภาคที่มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล มีจ�านวนประชากรมากท่ีสุด ซ่ึง ประกอบด้วยคนหลากหลายเผ่าพันธุ์ ภาษา และวัฒนธรรม และยงั เป็นแหล่งกา� เนิดอารยธรรมท่ี จะเรียนรู จุดประสงคการเรียนรู และผลการ เกา่ แก่ เปน็ รากฐานของสงั คมโลกทงั้ ในอดตี และปจั จบุ นั รวมทงั้ เปน็ ภมู ภิ าคทเ่ี ปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ เรียนรู 2. ครูนําภาพวัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาค ภมู ภิ าคเอเชยี เปน็ ภมู ภิ าคทจี่ ดั เปน็ แหลง่ อารยธรรมเกา่ แกข่ องโลก จนไดร้ บั การขนานนาม เอเชียมาใหน ักเรยี นดู แลวชวยกนั ตอบวา เปน ว่าเป็นโลกเก่า แหล่งวัฒนธรรมที่ส�าคัญของภูมิภาคเอเชียล้วนตั้งอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้�าท้ังสิ้น วฒั นธรรมอะไร และเปนของชาติใด เพราะผคู้ นจะมาอยรู่ วมกันเปน็ ชมุ ชนในบรเิ วณท่ีอดุ มสมบูรณ์ท่สี ดุ เหมาะแกก่ ารทา� เกษตรกรรม 3. ครูสุมนักเรียน 3-5 คน ใหออกมาเลาถึง คมนาคมขนส่ง และพาณชิ ยกรรม วัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชียท่ี ได้แก่ แบหริเลว่งณวัฒลุ่มนแธมรร่นม้�าหส�าวคางัญเหขออ1งแภลูมะลิภุ่มาแคมเอ่นเ้�าชฉียาทงี่ไเดจ้รียับงกปารรพะเัฒทศนจาใีนห้เใปน็นภแูมหิภลา่งคอเาอรเยชธียรตระมวสัน�าอคอัญก ตนเองรูจัก คนละ 1 วัฒนธรรม จากนั้นครู บริเวณลมุ่ แมน่ �้าสินธแุ ละลมุ่ แมน่ ้�าคงคา ประเทศอินเดียและปากสี ถาน ในภูมิภาคเอเชียใต้ และ รวมสนทนาและเปด โอกาสใหน ักเรียนซกั ถาม บรเิ วณลมุ่ แมน่ า้� ไทกรสิ - ยเู ฟรทสี หรอื เมโสโปเตเมยี ประเทศอริ กั ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต้ 4. ครูสอบถามนักเรียนวา เหตุใดวัฒนธรรมใน ซึ่งต่อมาเม่ือพวกอาหรับ ซ่ึงนับถือศาสนาอิสลามเข้ามามีอิทธิพลเหนือดินแดนแถบนี้ จึงเรียก ภูมิภาคเอเชียจึงมีความหลากหลาย และ วัฒนธรรมอาหรบั มาจนถึงปจั จุบันน้ี ถูกจัดใหเปนแหลง วัฒนธรรมเกา แกของโลก (แนวตอบ เพราะทวีปเอเชียมีขนาดกวางใหญ วฒั นธรรมทงั้ สามแหลง่ นมี้ คี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งไดแ้ พรก่ ระจายเขา้ ไปยงั บรเิ วณตา่ งๆ ของเอเชยี มีลักษณะทางภูมิศาสตรที่หลากหลายและมี รวมถงึ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ มกี ารหลอมรวมและปรบั ใชร้ ว่ มกบั วฒั นธรรมดง้ั เดมิ กอ่ ใหเ้ กดิ ความ จํานวนประชากรมากท่ีสุดในโลก สงผลให คลา้ ยคลึงและความแตกต่างของวฒั นธรรมขน้ึ ในหม่ชู นชาตติ ่าง ๆ ของทวีปเอเชยี วัฒนธรรมมีความแตกตางหลากหลายเปน อยางมาก รวมถึงวัฒนธรรในภูมิภาคนี้มีการ สืบทอดมาเปนเวลาชานานจนถึงปจจุบัน เราจึงสามารถพบเห็นวัฒนธรรมด้ังเดิมและ วัฒนธรรมท่ีมีการผสมผสานกันไดดีในแตละ ประเทศของภูมภิ าคเอเชีย) 2  เมืองโมเฮนโจ - ดาโร ประเทศปากีสถาน แสดงใหเ้ ห็นถงึ ความเจริญร่งุ เรืองของอารยธรรมลุม่ แมน่ ้า� สนิ ธุไดเ้ ป็นอย่างดี 9๔ นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 แมน้ําหวางเหอ หรือแมนํ้าเหลือง เปนแมนํ้าที่มีขนาดใหญเปนอันดับที่ 2 เพราะเหตใุ ด เมอื งโมเฮนโจ-ดาโร ประเทศปากีสถาน จึงเปน ของประเทศจนี รองจากแมน า้ํ แยงซี มคี วามยาวทง้ั หมดมากกวา 5,400 กโิ ลเมตร แหลง อารยธรรมทมี่ คี วามเจรญิ รงุ เรอื งอยา งยงิ่ ในแถบลมุ แมน าํ้ สนิ ธุ ไหลจากฝง ตะวนั ตกมายงั ฝง ตะวนั ออก ผา นมณฑลชงิ ไห เสฉวน กานซู หนงิ เซย่ี หยุ มองโกเลยี ใน ชานซี เหอหนาน และชานตง 1. มพี ัฒนาการท่ีทันสมยั 2 เมืองโมเฮนโจ-ดาโร เปน แหลงอารยธรรมยุคสํารดิ ซึ่งเปน อารยธรรมแรก 2. มกี ารวางผังเมืองดีเยีย่ ม ของอนิ เดยี (ประมาณ 2,600 - 1,900 ป กอ นครสิ ตกาล) มกี ารขดุ พบเมอื งฮารปั ปา 3. มีสภาพแวดลอมเหมาะสม และเมืองโมเฮนโจ-ดาโร ซึ่งมีการวางผังเมืองและระบบชลประทานที่กาวหนา 4. มีรากฐานของความเจรญิ ในอดีต อยา งมากในยคุ นนั้ (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เนือ่ งจากเมอื งโมเฮนโจ-ดาโร เปน T104 ศูนยกลางทางวัฒนธรรมแถบลุมแมน้ําสินธุ พบวามีความเจริญ อยางยิ่งในดานการวางผังเมืองท่ีดีเยี่ยม เพราะมีการวางผังเมือง อยางเปนระเบียบ มีระบบทอระบายน้ํา มีที่อาบนํ้าสาธารณะ มียุงฉางสําหรับเก็บผลผลิตทางการเกษตร และมีหลักฐานการ ตดิ ตอคา ขายกบั ดินแดนเมโสโปเตเมยี อกี ดวย)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๔.1 ลกั ษณะวัฒนธรรมของประเทศในภมู ิภาคเอเชยี ขนั้ สอน ๑) วฒั นธรรมจนี มตี น้ กา� เนดิ อยทู่ บี่ รเิ วณลมุ่ แมน่ า้� หวางเหอและลมุ่ แมน่ า้� ฉางเจยี ง 1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม คละกันตามความ จากน้ันได้แพร่กระจายไปยังประเทศเกาหลีและญ่ีปุ่น ก่อเกิดเป็นบริเวณวัฒนธรรมที่มีลักษณะ สามารถ โดยใหนักเรียนแตละกลุมจับสลาก เดน่ เฉพาะขนึ้ วฒั นธรรมจนี ผา่ นการปรบั ปรงุ เปลยี่ นแปลงมาหลายยคุ หลายสมยั และเกดิ การสรา้ ง เพื่อแบงคูกันภายในกลุม จากนั้นใหแตละคู วัฒนธรรมท่ีโดดเด่นมากมาย ดงั นี้ รวมกันศึกษาเร่ือง ลักษณะวัฒนธรรมของ ประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี โดยเรมิ่ จากวฒั นธรรม ๑. ดา้ นศาสนาและลัทธิความเชือ่ ลทั ธขิ งจอื๊ ของจีนเปน็ ลทั ธิความเชือ่ ที่เน้น จนี จากหนงั สือเรียน สังคมศึกษาฯ ม.2 หรอื หลกั ความรคู้ คู่ ณุ ธรรม เปน็ ลทั ธคิ วามเชอื่ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในจนี เชน่ เชอื่ วา่ ปญั ญา จากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ ประกอบการตอบ ความรู้ ความสามารถทไ่ี ดร้ บั การอบรมมาจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การปกครอง คําถามตามใบงานที่ 5.3 เรื่อง วัฒนธรรม บ้านเมือง และการสร้างฐานะช่ือเสียงให้ครอบครัวและวงศ์ตระกูลได้รับ ในภมู ภิ าคเอเชีย ตอนที่ 1 ขอ 1-9 ความนยิ มนบั ถอื จากผคู้ นทว่ั ไปในเอเชยี ตะวนั ออก และกลายเปน็ สว่ นหนง่ึ ของวิถชี วี ติ และวฒั นธรรมของชาวจนี วดั ขงจอ๊ื แหงไถหนาน บนเกาะ 2. ครูสุมนักเรียนใหออกมาเขียนวัฒนธรรมจีน ไตหวนั ไดร บั อิทธิพลจากลัทธิขงจือ๊ ที่นักเรียนรูจักบนกระดานเพ่ิมเติม คนละ 1 วัฒนธรรม แลวครูเลือกอธิบายพอสังเขป ๒. ดา้ นอาหาร อาหารจนี เปน็ อาหารทป่ี ระกอบขน้ึ ตามวฒั นธรรมของชาวจนี ตม่ิ ซาํ เปน อาหารจนี ทรี่ จู กั กนั ทวั่ ไป จากนนั้ ครตู ้ังคําถาม เชน ซง่ึ รวมท้ังจีนแผน่ ดินใหญ่ ไต้หวัน และฮอ่ งกง จึงมีหลากหลายชนดิ ตาม • วัฒนธรรมจีนท่ีโดดเดนและเกาแกเปนที่ แตล่ ะทอ้ งถน่ิ โดยทว่ั ไปชาวจนี นยิ มรบั ประทานอาหารประเภทผกั และธญั พชื แพรห ลายไปท่วั โลกมีวฒั นธรรมอะไรบา ง เชน่ ถว่ั เหลอื ง ลกู เดอื ย เปน็ หลกั อาหารจนี ทรี่ จู้ กั กนั ทวั่ ไป เชน่ กว ยเตย๋ี ว (แนวตอบ วัฒนธรรมที่โดดเดนของจีน เชน หฉู ลาม กระเพาะปลา และวฒั นธรรมการใชต้ ะเกยี บในการรบั ประทานอาหาร การประดิษฐตัวอักษรจีน กระดาษ ดินปน ตราประทบั ดอกไมไฟ เขม็ ทศิ การฝงเข็ม ๓. ด้านการแต่งกาย ชาวจีนต่างชาติพันธุ์ต่างมีเคร่ืองแต่งกายของตนเอง ชดุ ก่เี พา เปนเครอื่ งแตงกาย รกั ษาโรค การด่ืมชา) แต่ชุดประจ�าชาติที่เป็นเอกลักษณ์ท่ีคนทั่วโลกรู้จัก ได้แก่ “ชุดกี่เพา สําหรับสตรีชาวจีน (ฉีผาว)” ซึ่งมีสีสันและการตัดเย็บสวยงาม ชุดก่ีเพ้าเป็นเครื่องแต่งกาย 3. ครูใหนักเรียนรวมกันอธิบายเพิ่มเติมวา มี สา� หรับสตรชี าวจนี ลักษณะเหมอื นเส้ือ มีชายยาวปกคลมุ ทอ่ นขา ขนาด วัฒนธรรมใดบางที่เปนปจจัยนําไปสูการสราง พอดตี ัว ดา้ นขา้ งมตี ะเขบ็ ผา่ เพ่ือใหก้ ้าวขาไดส้ ะดวก ความสัมพันธอันดีระหวางไทยและจีน พรอม ยกตวั อยางประกอบ ๔. ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ภาษาประจา� ชาตขิ องจนี คอื จนี แมนดารนิ ซง่ึ เป็นภาษาเขียน สว่ นภาษาพดู จะมหี ลากหลายสา� เนยี งตามกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุ ทง้ั นจี้ นี ถอื ไดว้ า่ เปน็ ชาตแิ รกทค่ี ดิ คน้ ตวั อกั ษรจนี และกระดาษกอ่ นประเทศอน่ื ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออก ทา� ใหจ้ นี มวี รรณกรรมทเี่ กดิ ขน้ึ เปน็ จา� นวนมาก จีนเปนชาติแรกในภมู ภิ าค เชน่ สามกก ไซอวิ๋ เอเชยี - ตะวนั ออก ทคี่ ดิ คน ตวั อกั ษร ๕. ด้านศิลปะและสถาปตยกรรม หยกเป็นวัตถุท่ีส�าคัญ คนจีนนิยมใช้เป็น พระราชวงั ตอ งหา ม เปน สงิ่ กอ สรา ง เครอื่ งประดบั เพราะเชอื่ วา่ เปน็ สญั ลกั ษณข์ องการมคี ณุ ธรรม เปน็ ศริ มิ งคล ท่ียงิ่ ใหญของประเทศจีน รา่� รวย นอกจากนม้ี สี ถาปตั ยกรรมทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั พระพทุ ธศาสนาและรปู แบบ กขา�อแงพทงพี่ เมกั อืองาจศนี 1ัยพโรดะยรผาชลวงงัาตนอ้ ดง้าหนา้ มสถหาอปบตั ชู ยากฟรา้ รเทมยีทนมี่ ถชี าอ่ืนเสจตยีั รงุ สัเปเทน็ ยีทนร่ี อจู้ นักั เหเชมน่นิ 95 ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู วัฒนธรรมจีนเขามามีอิทธิพลตอการดําเนินชีวิตของคนใน 1 กาํ แพงเมืองจีน หรอื กําแพงหมนื่ ลี้ (The Great Wall) ซ่งึ ไดร ับการยกยอ ง สังคมไทยอยางไร วา เปน หนงึ่ ในเจด็ สงิ่ มหศั จรรยข องโลกยคุ กลางทเ่ี กดิ จากฝม อื มนษุ ย มคี วามยาว ท้ังสิ้น 8,852 กิโลเมตร เปนผลงานสถาปตยกรรมแหงเดียวในโลกที่สามารถ (แนวตอบ วัฒนธรรมจีนสามารถพบเห็นไดท่ัวไปในสังคมไทย มองเห็นไดจากนอกโลก ซึ่งเขามามีบทบาทในการดําเนินชีวิตประจําวันหลายดาน เชน ดา นภาษา มคี าํ จากภาษาจนี หลายคาํ ทคี่ นไทยนาํ มาใช เชน คาํ วา เกา อ้ี ยหี่ อ เถา แก ดา นอาหาร อาหารจนี แพรห ลายในประเทศไทย มาเปนเวลานาน จนทุกวันนี้ไดถูกปรับปรุงใหถูกปากคนไทยมาก ยิ่งข้ึน อาหารจีนหลายชนิดที่เปนที่นิยม เชน กวยเต๋ียว ต่ิมซํา กระเพาะปลา) T105

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๒) วัฒนธรรมอินเดีย อินเดียเปนสังคมท่ีมีความหลากหลายทางดานเช้ือชาติ 4. ครูใหนักเรียนคูเดิมศึกษาเร่ือง ลักษณะ ศาสนา ภาษา จากหลักฐานทางโบราณคดีพบวา มีผูคนตั้งบานเรือนอาศัยอยูกันเปนปกแผน วัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย : และมวี ฒั นธรรมทเี่ จรญิ กา วหนา มาก จนกลายเปน แหลง อารยธรรมสาํ คญั ของโลก วฒั นธรรมอนิ เดยี วัฒนธรรมอินเดีย จากหนังสือเรียน สังคม มีการเผยแพรเขามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใตมาเปนเวลาเน่ินนาน โดยเฉพาะไทย ศกึ ษาฯ ม.2 หรอื จากแหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน ซ่งึ วัฒนธรรมอินเดียท่ีสําคัญ มีดงั นี้ เวบ็ ไซตใ นอนิ เทอรเ นต็ โดยครแู นะนาํ เพม่ิ เตมิ ประกอบการตอบคาํ ถามตามใบงานท่ี 5.3 เรอ่ื ง ๑. ดา นศาสนาและลทั ธคิ วามเชอื่ อนิ เดยี เปน แหลง กาํ เนดิ ศาสนาสาํ คญั ของโลก อักษร “โอม” เปนสัญลักษณ วฒั นธรรมในภมู ภิ าคเอเชยี ตอนท่ี 1 ขอ 10-17 ไดแก ศาสนาพราหมณ-ฮินดู ซงึ่ มีคนอินเดียนับถือกวารอยละ ๘๓ เปน ของศาสนาพราหมณ-ฮินดู ศาสนาทนี่ บั ถอื เทพเจา ไดแ ก พระศวิ ะ พระพรหม และพระนารายณ คมั ภรี  5. ครูใหนักเรียนอภิปรายรวมกันวา วัฒนธรรม หลัก คือ คัมภีรพระเวท ทําใหคนอินเดียบางสวนหันไปนับถือศาสนา อินเดียท่ีสามารถพบเห็นไดในสังคมไทยมี ดังกลาว ปจจบุ นั มีผูนับถือศาสนาอสิ ลามและพระพุทธศาสนาราวรอยละ อะไรบาง และวัฒนธรรมอินเดียที่มีความ ๑.๓ และ ๐.๘ ตามลําดับ คลายคลึงกับวัฒนธรรมไทยมีวัฒนธรรมใด และมีความสาํ คญั อยา งไร ๒. ดา นอาหาร อาหารอนิ เดยี มรี สชาตทิ เี่ ปน เอกลกั ษณ เพราะมกี ารใชเ ครอื่ งเทศ ในการปรงุ อาหารเปน หลกั เครอื่ งเทศทใี่ ชใ นการปรงุ อาหารจะเปน ของแหง เชน กระเทยี ม ลูกผกั ชี พริกไทย ขงิ ใบกระวาน ลกู กระวาน อบเชย โรตีเปน หน่งึ ในอาหาร กานพลู เปน ตน โดยหนง่ึ ในอาหารประจาํ ชาติข้นึ ช่ือของอนิ เดยี คอื โรตี ประจําชาตขิ องอินเดีย ซึ่งทําจากแปงสาลี วัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนอินเดียน้ัน ผหู ญิงพ้ืนเมืองของอินเดยี โดยสว นใหญจ ะใชม อื ในการรบั ประทาน จะนยิ มนงุ สา หรี ๓. ดานการแตงกาย ผหู ญิงชาวพื้นเมืองจะนุงสา หรสี สี ันสดใส มีผายาวคลุม ไหลด า นหนงึ่ และพนั รอบเอว หรอื กระโปรงจบี ดอกสแี ดง หรอื กางเกงขาว ขายาวสวนผูชายนุงกางเกงขายาวใสเส้ือแขนยาว ผาที่ใชตัดเย็บจะเปน สีสวา ง สดใส ไวหนวดเครา โพกผา ๔. ดานภาษาและวรรณกรรม อินเดียใชภาษาฮินดีและภาษาอังกฤษเปน วรรณคดีเรื่องรามายณะ ภาษาราชการ ในขณะที่คนในประเทศมีภาษาพูดแตกตางกันมากมาย แสดงถึงความสามารถทางดาน นบั รอยภาษา อินเดยี มวี รรณคดีท่ีมชี ือ่ เสียงทวั่ โลกเปนจํานวนมาก เชน มหาภารตะ รามายณะ (รามเกยี รต)์ิ หโิ ตปเทศ นิทานเวตาล เปน ตน ภาษาของชาวอนิ เดีย ถา้ํ อชันตาเปนสถาปตยกรรมท่ีมี ๕. ดานศิลปะและสถาปตยกรรม มีพื้นฐานมาจากศาสนาท่ีสรางความ ความสวยงามของประเทศอินเดีย ศกาลสมนกสลถืนารนะหเชวน างคอหู ดาีตวกิหับารปทจถ่ี จา้ํุบคันหู าผขอานงโงขาดนเแขกาทะสอี่ ลชักันแตลา1ะเงอาลนโลกรอาสแรลาะง บาดามิ หรอื ทชั มาฮลั ทเ่ี ปน สถาปต ยกรรมทม่ี คี วามสมบรู ณม าก สว นศลิ ปะ ดภาานรตดนนาตฏรยแี ัมละกกถารักฟกอาฬน2ร แําขลอะมงชณาีปวุรอะินเดีย แบงออกไดเปน ๓ แบบ คือ ๙๖ นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 อชนั ตา เปน สถาปต ยกรรมทมี่ ชี อ่ื เสยี งแหง หนง่ึ ของประเทศอนิ เดยี สรา งโดย ขอ ความใดตอ ไปนแี้ สดงถงึ อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมอนิ เดยี ทม่ี ตี อ การเจาะภเู ขาหนิ เขา ไปใหเ ปน ถ้าํ ใชเ ปนหอ งโถงสาํ หรบั สวดมนตแ ละประกอบ สังคมไทย ศาสนกจิ รวมถงึ เปน ทพี่ าํ นกั ของพระสงฆ ภายในถา้ํ ประกอบดว ยงานจติ รกรรม ฝาผนงั ซง่ึ เปน ภาพแกะสลักนูนตาํ่ แสดงเรื่องราวเก่ียวกับพทุ ธประวัติ 1. ประเทศไทยเปน สังคมเกษตรกรรม 2 กถักกาฬ (Kathakali) เปนหน่ึงในนาฏศิลปอินเดีย เปนการแสดงที่เลน 2. คนไทยสว นใหญเปนพทุ ธศาสนิกชน เปนเรื่องราวเหมือนการแสดงละคร เรื่องที่นํามาแสดงสวนใหญเกี่ยวเนื่อง 3. ประเทศไทยมรี ะบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม กับพระผูเปนเจาหรือเทพเจาฮินดู ผูแสดงจะแตงหนาเหมือนกับใสหนากาก 4. คนไทยรกั ความเปนอสิ ระและมเี สรีภาพสว นบคุ คล เปนการแสดงที่ใชดวงตาในการสื่อสาร สายตาจะบงบอกถึงการใชอารมณและ ความรูส ึก (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะพระพทุ ธศาสนามตี น กาํ เนดิ มาจากประเทศอินเดียและไดมีการเผยแผศาสนาไปท่ัวโลก ซ่ึง ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเปนศาสนาหลักของชาติ เนอื่ งจาก ประชากรไทยสว นใหญ (ประมาณรอ ยละ 95) นบั ถอื พระพทุ ธศาสนา เปนเคร่อื งนําทางชวี ติ ) T106

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓) วฒั นธรรมอสิ ลาม เปน็ การดา� เนนิ ชวี ติ ของผนู้ บั ถอื ศาสนาอสิ ลาม ซง่ึ เปน็ ศาสนา ขนั้ สอน ท่ีมีผู้นับถือมากในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ หรือคาบสมุทรอาหรับ วัฒนธรรมอิสลาม 6. ครใู หน กั เรยี นคเู ดมิ ศกึ ษาเรอื่ ง ลกั ษณะวฒั นธรรม มสี ว่ นผกู พนั กบั ขอ้ ปฏบิ ตั ทิ างศาสนาอสิ ลามอยา่ งใกลช้ ดิ มที งั้ วฒั นธรรมทม่ี กี า� หนดในคมั ภรี อ์ ลั กรุ อาน ของประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี : วฒั นธรรมอสิ ลาม แวันละลมะา๕จาเกวคลา� าสอกนารแถลือะศจีลรยิอาดวใตันรเดขอือนงทเรา่ านะศมาะสฎดอานม1ฮุ เปมั ็นมตดั ้นเปวฒัน็ ขนอ้ ธบรรงั มคบัอิสลเชา่นมทกสี่ า�ารคทญั �าพมิธดี ีลังะนหี้ มาด จากหนงั สือเรียน สังคมศึกษาฯ ม.2 หรือจาก แหลง การเรยี นรอู นื่ ๆ เชน เวบ็ ไซตใ นอนิ เทอรเ นต็ ๑. ดา้ นศาสนาและลัทธิความเชือ่ ศาสนาอิสลามมแี หล่งก�าเนิดทนี่ ครเมกกะ ผูคนที่นับถอื ศาสนาอสิ ลาม โดยครแู นะนาํ เพม่ิ เตมิ ประกอบการตอบคาํ ถาม ประเทศซาอดุ อี าระเบยี ดงั นน้ั ในแตล่ ะปจี ะมผี จู้ ารกิ แสวงบญุ จากทตี่ า่ ง ๆ จะเดินทางมาแสวงบญุ ที่ ตามใบงานที่ 5.3 เรื่อง วฒั นธรรมในภูมิภาค เดินทางเข้ามาประกอบศาสนกิจกันเป็นประจ�าที่นครเมกกะ มะดีนะห์ นครเมกกะ เปน ประจาํ ทุกป เอเชยี ตอนท่ี 1 ขอ 18-22 (เมดนิ า) เยรซู าเลม และนาซาเร็ธ เปน็ จ�านวนมาก 7. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางวัฒนธรรม ๒. ดา้ นอาหาร ชาวมสุ ลมิ มวี ฒั นธรรมการกนิ โดยเลอื กบรโิ ภคเฉพาะอาหาร อิสลามที่พบไดในประเทศไทย โดยครูเขียน ท่ีเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หรืออาหารฮาลาล นยิ มรบั ประทานเนื้อสัตว์ ตวั อยา งของนกั เรยี นลงบนกระดาน และแสดง เปน็ หลกั กบั ถวั่ หรอื ผลไมแ้ หง้ ขนมปงั อาหารทมี่ ชี อื่ เสยี งของชาวอาหรบั ความคิดเหน็ รวมกนั ไดแ้ ก่ ฟาลาเดล เคบับ ขนมปงั พิตา เป็นต้น (แนวตอบ วัฒนธรรมอิสลาม เชน วรรณกรรม เร่ืองอาหรับราตรี พิธีกรรมละหมาด การถือ ศลี อด คัมภีรอ ัลกุรอาน วันฮารีรายอ ฯลฯ) เคบับ ถอื เปนอาหารทีม่ ชี ื่อเสยี ง ของชาวอาหรบั ๓. ด้านการแต่งกาย การแต่งกายท่ีเป็นเอกลักษณ์ของชาวอาหรับ คือ การ ชายชาวอาหรับในกลุม ประเทศ สวมเสอื้ คลมุ ยาวผา่ หนา้ ตลอด ตดั เยบ็ โดยไมม่ แี ขน แตใ่ ชว้ ธิ เี ปดิ ดา้ นขา้ ง แถบคาบสมทุ รอาหรบั จะนิยม เอาไวส้ า� หรบั สอดมอื ออกเวลาสวมใส่ หรอื มีลกั ษณะเปน็ เสือ้ ยาวกรอมเท้า สวมใสเสอื้ โตบหรอื ดิชดาชะฮุ แขนยาวทรงกระบอก มีท้ังคอกลมและคอปก ท�าจากผ้าฝ้ายสีขาวและ ผา้ ขนสตั วซ์ งึ่ เหมาะกบั การเดนิ ทางในทะเลทราย ๔. ด้านภาษาและวรรณกรรม ภาษาอาหรับเป็นแหล่งของค�าศัพท์ที่ใช้ใน วรรณกรรมเรือ่ งอาหรับราตรี ภาษาเปอรเ์ ซยี ภาษามาเลย์ ภาษาอนิ โดนเี ซยี ภาษาตรุ กี สว่ นวรรณกรรม เปน วรรณกรรมทมี่ ีชื่อเสียง ทงั้ ของอาหรบั และเปอรเ์ ซยี นนั้ มมี ากมายหลากหลายไปตามกลมุ่ ตามเผา่ เร่ืองหน่งึ ของชาวอาหรบั ทั้งตา� นาน บทกวี ร้อยแก้ว เชน่ เรอ่ื ง พนั หนึ่งทวิ า อาหรับราตรี เปน็ ตน้ ๕. ด้านศิลปะและสถาปตยกรรม วัฒนธรรมด้านศิลปะและสถาปัตยกรรม ของชาวมุสลมิ ส่วนใหญไ่ ด้รบั อิทธิพลมาจากศาสนา เชน่ วิหารทองแห่ง นครเยรูซาเลม กลางนครเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล เป็นตน้ วหิ ารทอง นครเยรูซาเลม ประเทศอสิ ราเอล เปน สถาปต ยกรรมท่ี ไดรับอทิ ธพิ ลมาจากศาสนาอสิ ลาม 97 ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู สถานท่แี หงใดมีความเกยี่ วของกับศาสนาอสิ ลามมากทีส่ ดุ 1 เราะมะฎอน ชอ่ื เดอื นที่ 9 ตามปฏทิ นิ อิสลาม ซ่ึงมี 29 หรือ 30 วัน เปน 1. 2. เดือนถือศีลอด เปนเดือนที่อัลลอฮประทานโองการคัมภีรอัลกุรอานแกศาสดา มุฮมั มดั เปนครัง้ แรก การกาํ หนดเดอื นเราะมะฎอนในสมยั ศาสดามฮุ ัมมดั ใชวิธี 3. 4. ดูดวงจนั ทรใ นวันที่ 29 ของเดอื น 8 ถา ตะวนั ลับฟาแลวยงั มีดวงจันทรคา งอยกู ็ ถอื วา เปน วนั เรม่ิ ตน ของเดอื นเราะมะฎอน แตถ า ไมเ หน็ ดวงจนั ทรก ถ็ อื วา เดอื น 8 (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปน ภาพของวหิ ารอลั กะอบ ะฮ นัน้ มี 30 วนั หลงั จากน้นั ก็จะเปน วันเริม่ ตน ของเดือนเราะมะฎอน นครเมกกะหรือมักกะฮ ในประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งชาวมุสลิม ถือวาเปนสถานท่ีศักดิ์สิทธิ์ ในทุกๆ ป ชาวมุสลิมจากท่ัวโลกจะ เดินทางมาประกอบพิธีฮจั ญ) T107

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน เสริมสาระ 8. ครใู หน กั เรยี นคเู ดมิ ศกึ ษาเรอื่ ง ลกั ษณะวฒั นธรรม วฒั นธรรมเดนของประเทศในภูมิภาคเอเชยี ของประเทศในภูมิภาคเอเชีย : วัฒนธรรม วฒั นธรรมเวียดนาม เวียดนาม จากหนังสือเรียน สังคมศึกษาฯ ม.2 หรอื จากแหลง การเรยี นรอู นื่ ๆ เชน เวบ็ ไซต ประเทศเวียดนาม เรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม” (Socialist ในอินเทอรเ น็ต Republic of Vietnam) ตง้ั อยใู่ นภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ มเี นอ้ื ท่ี ๓๓๗,๙๑๒ ตร.กม. เมอื งหลวง คือ ฮานอย ดินแดนแห่งน้ีตกอยู่ใต้อิทธิพลของจีนมาเป็นเวลานาน ท�าให้ศิลปวัฒนธรรมของประเทศ 9. ครูสุมนักเรียนใหออกมาเลาถึงวัฒนธรรม เวยี ดนามส่วนใหญม่ คี วามคล้ายคลงึ กบั ประเทศจนี ซง่ึ ตัวอยา่ งวฒั นธรรมทสี่ า� คญั ของเวียดนาม เช่น เวยี ดนามที่นักเรียนรูจักหนาชนั้ เรียน จากน้ัน ครตู ั้งคําถาม เชน ด้านอาหาร • วัฒนธรรมเวียดนามอะไรบางที่เปนที่รูจัก อาหารเวยี ดนามเปน็ อาหารทคี่ นไทยรจู้ กั อยา่ งใกลช้ ดิ และไดรับความนิยมอยางแพรหลายใน เปน็ อาหารทม่ี ผี กั เปน็ เครอื่ งแกลม้ และไมค่ อ่ ยมไี ขมนั เนน้ ประเทศไทย เพราะเหตใุ ด หนักไปทางแป้ง รสชาติอาหารค่อนข้างจืด เช่น เฝอ (แนวตอบ วฒั นธรรมดา นอาหารของเวยี ดนาม (กวยเต๋ยี วญวน) ข้าวเกรียบปากหมอ้ ชะกา่ (Cha ca) ซ่ึง ไดรับความนิยมอยางมากในประเทศไทย เป็นอาหารทคี่ นเวียดนามจะรับประทานในมือ้ เย็นเท่านัน้ ดังจะเห็นไดจากในปจจุบันมีรานอาหาร เวียดนามเกิดข้ึนมากมาย เหตุที่อาหาร ด้านการแต่งกาย เวียดนามไดรับความนิยม เนื่องจากเปน เครื่องแต่งกายประจ�าชาติของเวียดนามคล้ายคลึงกับเคร่ืองแต่งกาย อาหารเพอื่ สขุ ภาพ มคี ณุ คา ทางโภชนาการสงู ของจนี โดยมชี ่อื เรียกชดุ ประจ�าชาตขิ องสตรวี า่ “ชดุ อาว หญ่าย” (Ao dai) ซงึ่ โดยสว นใหญจ ะเนน ในการประกอบอาหาร มลี ักษณะเป็นชดุ คลมุ ยาว ผ่าขา้ งสงู คอตงั้ อาจมีแขนหรือแขนกุด กางเกง อาหารเวียดนามที่ข้ึนช่ือ เชน แหนมเนือง ขายาวหรือกระโปรงมักเป็นสีขาว หรอื สเี ดียวกับชุดคลุม เฝอ ขนมเบ้ืองญวน ขาวเกรียบปากหมอ กุง พันออย) ดา้ นศิลปะและสถาปต ยกรรม ศลิ ปะพน้ื บา้ นทโี่ ดดเดน่ ของเวยี ดนามจะมลี กั ษณะคลา้ ยกบั ของไทย เชน่ เครอื่ งจกั สาน เครอื่ งปนั ดนิ เผา เป็นต้น ศิลปะด้านการแสดงที่มีชื่อเสียง เช่น การแสดงหุ่นกระบอกน้�า เป็นต้น ด้านสถาปัตยกรรมของ เวยี ดนามสว่ นใหญย่ งั คงมรี ปู ทรงและการตกแตง่ แบบจนี ตวั อยา่ งสถาปตั ยกรรมทโ่ี ดดเดน่ ของเวยี ดนาม เชน่ สสุ านพระเจา้ ไคดงิ ห์ (Khai dinh) ทเ่ี มืองฮอยอัน เปน็ ต้น ประเทศเวยี ดนามมคี วามสมั พนั ธก์ บั จนี มาตง้ั แตก่ อ่ นการปฏวิ ตั ริ ะบบการปกครอง จงึ ทา� ใหม้ คี วามเชอื่ ศลิ ปะ วถิ กี ารดา� รงชวี ติ ลทั ธคิ วามเชอ่ื และพธิ กี รรม ตลอดจนประเพณแี ละวฒั นธรรมมคี วามใกลเ้ คยี งกบั จนี อกี ทงั้ พลเมอื งของประเทศสว่ นหนง่ึ กย็ งั คงรกั ษาขนบธรรมเนยี มประเพณดี ง้ั เดมิ สบื ทอดมาจนถงึ ปจั จบุ นั 98 บูรณาการอาเซียน ขอสอบเนน การคิด วฒั นธรรมถอื เปน ปจ จยั สาํ คญั ทชี่ ว ยสรา งความสมั พนั ธอ นั ดรี ะหวา งประเทศ พฤติกรรมใดตอไปน้ีไดรับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมของ นกั เรยี นจงึ ควรศกึ ษาหาความรเู กยี่ วกบั วฒั นธรรมตา งๆ ของภมู ภิ าคเอเชยี โดย ประเทศสมาชิกอาเซียน เฉพาะอยางย่ิงวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกอาเซียน เพราะการรวมกันเปน ประชาคมอาเซียน สังคมไทยจะเปดกวางมากขึ้น ตองมีการติดตอส่ือสารกับ 1. โอมดม่ื ชาเขยี วทกุ วัน ประเทศสมาชิกตางๆ ที่มีวัฒนธรรมหลากหลายที่เผยแพรเขามา ซึ่งในฐานะ 2. จมุ ศึกษาวรรณคดเี ร่ืองรามายณะ ของพลเมืองอาเซียน เราจะตองเขาใจในความคลายคลึงและความแตกตาง 3. เดือนชอบรบั ประทานกงุ พันออย ทางวัฒนธรรมของแตล ะชาติเพอื่ ใหส ามารถอยูรวมกนั ไดอยางมีความสุข และ 4. นยุ มกั ใชตะเกยี บในการรบั ประทานอาหาร รว มพฒั นาประชาคมอาเซียนไปสคู วามเจริญกา วหนา (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะกุงพันออยเปนอาหาร T108 ของประเทศเวียดนาม ซึ่งเปนประเทศสมาชิกอาเซียน สวนใน ขออื่นๆ นั้นเปนวัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชียแตไมได เปน สมาชกิ อาเซยี น โดยชาเขยี วเปน วฒั นธรรมของญป่ี นุ วรรณคดี เรื่องรามายณะ เปนวัฒนธรรมของอินเดีย และตะเกียบเปน วัฒนธรรมของจีน)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ วฒั นธรรมญ่ปี ุน ขน้ั สอน ประเทศญปี่ นุ่ มีพ้นื ทีป่ ระมาณ ๓๗๗,๘๗๓ ตารางกิโลเมตร ล้อมรอบไปดว้ ยทะเล ประเทศญี่ปุน่ มี ๔๗ 10. ครูใหนักเรียนคูเดิมศึกษาเรื่อง ลักษณะ จงั หวดั แบง่ ออกเปน็ ๘ เขต ตามลกั ษณะทางภมู ศิ าสตรแ์ ละประวตั ศิ าสตร์ ดงั นี้ ฮกไกโด โทโฮซุ คนั โต ชบู ุ วัฒนธรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย : คันไช ชูโงขุ ชิโกะกุ กิวชิวและโอะกินะวะ โดยแต่ละเขตมีภาษาท้องถ่ิน ขนบธรรมเนียมประเพณี และ วัฒนธรรมญ่ีปุน จากหนังสือเรียน สังคม วัฒนธรรมเก่าแกข่ องตนเอง เป็นเอกลักษณ์ของแตล่ ะท้องถ่นิ ซง่ึ ตวั อยา่ งวฒั นธรรมทสี่ า� คัญของญีป่ ุ่น เช่น ศึกษาฯ ม.2 หรือจากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน เว็บไซตในอินเทอรเน็ต โดยครูแนะนํา ด้านอาหาร เพิ่มเติมประกอบการตอบคําถามตามใบงาน คา� วา่ “อาหาร” ในภาษาญ่ปี นุ่ เรยี กวา่ “โกฮัง” หมายความว่า ขา้ วสวย ที่ 5.3 เรื่อง วัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชีย ซ่ึงเป็นอาหารส�าคัญของชาวญ่ีปุ่น อาหารหน่ึงมื้อของชาวญ่ีปุ่นจะประกอบไป ตอนที่ 1 ขอ 23-25 ดว้ ยขา้ วเปลา่ หนงึ่ ถว้ ย พรอ้ มกบั ขา้ วจานหลกั หนง่ึ จาน (ปลาหรอื เนอ้ื สตั วอ์ น่ื ) เครอ่ื งเคยี งหนง่ึ อยา่ ง (สว่ นมากเปน็ ผกั ทผี่ า่ นการตม้ แลว้ ) ซปุ (สว่ นมากเปน็ 11. ครูใหนักเรียนรวมกันเลือกวัฒนธรรมญ่ีปุน ซุปเต้าหู้) และผักดอง ข้าวของชาวญี่ปุ่นเม่ือหุงเสร็จจะมีความเหนียว ดา นอาหาร ดา นการแตง กาย หรอื ดา นศลิ ปะ ส�าหรับอาหารท่ีเป็นเอกลักษณ์ส�าคัญของประเทศญ่ีปุ่น ได้แก่ ข้าวปัน และสถาปตยกรรม มา 1 อยาง จากน้ัน ปลาดิบ กวยเต๋ยี ว (โซบะ) และชาเขยี ว อาหารท่วั ไปประกอบดว้ ยข้าว ผัก ซปุ ท่ีปรงุ จากเตา้ เจ้ียวญปี่ ุ่น รวมกันอธิบายในประเด็นความโดดเดน ผักดอง ปลาและเน้ือ มีซอสถ่ัวเหลอื งเปน็ เคร่อื งปรงุ รส รวมท้ังสาหรา่ ย เอกลักษณ และความสําคัญ โดยครูอธิบาย ด้านการแตง่ กาย เสริมเพมิ่ เติม ชดุ ประจ�าชาตขิ องญีป่ นุ่ คือ กโิ มโน ซงึ่ ปกตติ ัดเยบ็ ด้วยผา้ ไหม แขนกวา้ ง และยาวคลมุ เทา้ มผี า้ คาดเอว เรยี กวา่ “โอบ”ิ ปจั จบุ นั คนญปี่ นุ่ จะสวมใสช่ ดุ กโิ มโน 12. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหเพ่ิมเติมถึง เฉพาะในโอกาสพเิ ศษเทา่ นน้ั เชน่ งานแตง่ งาน งานรบั ปรญิ ญา เปน็ ตน้ นอกจากนี้ ความคลายคลึงและความแตกตางระหวาง ชว่ งฤดรู อ้ นชาวญป่ี นุ่ จะสวมใสก่ โิ มโนชนดิ ไมเ่ ปน็ ทางการ เรยี กวา่ “ยกู าตะ” ในโอกาส วฒั นธรรมญ่ีปนุ กบั วัฒนธรรมไทย ไปงานเทศกาลต่าง ๆ เช่น งานแสดงดอกไม้ไฟ เปน็ ต้น สว่ นในชีวติ ประจ�าวนั นนั้ ผชู้ ายจะสวมสูท ผหู้ ญงิ สวมเสอื้ และกระโปรงท่ีทันสมยั ไปทา� งาน ดา้ นศิลปะและสถาปต ยกรรม เชน่ ละญคปี่รคนุ่ าเบปกูน็ 1ิปลระะคเทรศโนหนเคงึ่ ทียมี่วเชี งอื่น็ เสแยี ลงะดลา้ ะนคศรลิหปุ่นะบตุนา่ งระๆขไุ มสว่ว่ า่นจศะิลเปปน็ะเศกลิ ่าปแะกก่อา่นื รๆแสเดชงน่ เกา่พแธิ กีชท่ งส่ีชบืาทซอง่ึ ดเกปนั็นมวธิาี การเตรียมชาเขียวอย่างมีแบบแผน การจัดดอกไม้แบบญ่ีปุ่น (อิเคบะนะ) ท่ีมีในญ่ีปุ่นมานานกว่า ๗ ศตวรรษ เปน็ ตน้ ปัจจุบันสังคมญ่ีปุ่นได้ก้าวไปสู่สังคมทันสมัยอย่างรวดเร็ว และเจริญก้าวหน้าเท่าเทียมกับประเทศ ตะวันตก ซึ่งความทันสมัยของญ่ีปุ่นได้แพร่กระจายไปท่ัวโลกในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าและ วฒั นธรรมญป่ี นุ่ 99 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ปจ จยั สาํ คญั ในขอ ใดทที่ าํ ใหว ฒั นธรรมตา งชาตแิ พรห ลายเขา สู 1 ละครคาบกู ิ ละครญป่ี นุ รูปแบบดัง้ เดิม มีช่ือเสยี งในฐานะทเ่ี ปนหนึ่งในสาม สงั คมไทยมากขึ้น การแสดงละครแบบคลาสสิกท่ีสําคัญ มีการแตงกายที่สวยงามประณีต การแตงหนาที่โดดเดน และการใสวิกผมท่ีแปลกตา ไดรับการยกยองจาก 1. ความกา วหนาดา นเทคโนโลยสี ื่อสาร ยเู นสโกใหเปน มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จบั ตอ งไมได 2. คนไทยชอบทดลองเรยี นรูส่ิงแปลกใหม 3. วฒั นธรรมตางชาติมีความเขมแขง็ กวา T109 4. คนไทยนยิ มเดินทางไปทอ งเทีย่ วตางประเทศ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. ความกา วหนาของเทคโนโลยดี า น การสอื่ สารโทรคมนาคม สง ผลทาํ ใหข อ มลู ขา วสาร และวฒั นธรรม ตางชาติเขาสูสังคมไทยไดอยางสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งสังคม ไทยเปนสังคมเปดกวาง พรอมรับส่ิงตางๆ นํามาปรับใชในการ ดาํ เนนิ ชวี ติ จงึ มผี ลทาํ ใหว ฒั นธรรมมกี ารผสมผสานกนั โดยเฉพาะ อยา งยงิ่ วฒั นธรรมทเ่ี กย่ี วกับอาหาร ภาษา และการแตง กาย)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๔.๒ ค วามคลา้ ยคลึงและความแตกตา่ งของวฒั นธรรมไทยกับ วัฒนธรรมของประเทศในภมู ภิ าคเอเชีย 13. ครูนําภาพวัฒนธรรมดานตางๆ เชน ที่อยู อาศยั อาหาร ภาษา วรรณคดี การแตงกาย วฒั นธรรมของประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี มที ง้ั ทค่ี ลา้ ยคลงึ และแตกตา่ งกบั วฒั นธรรมของไทย ของชาตติ า งๆ ในภมู ภิ าคเอเชยี มาเปรยี บเทยี บ กบั ภาพวฒั นธรรมไทย แลว ใหน กั เรยี นชว ยกนั โดยสรปุ ใหเ้ หน็๑เ)ปน็วัภฒานพธรวรมรคมวดา้ามนคลทา้ ่ีอยยคูล่องึาแศลัยะ1ควเนาม่ือแงตจกาตกา่สงภขาอพงวอฒัากนาธศรแรมลใะนสแภตาล่ พะภดาู้มนิปไรดะ้ ดเทงั นศ้ี ตอบวา วฒั นธรรมในภาพเปน ของชาตใิ ดและ มีความคลายคลึงหรือแตกตางกับวัฒนธรรม ท่ีแตกตา่ งกนั ท�าให้ท่ีอยูอ่ าศยั ของประชากรในภูมิภาคเอเชียแตกต่างกนั ด้วย เชน่ กรณเี รอื นไทย ไทยอยา งไร จะมลี กั ษณะโดดเดน่ ตามแต่ละภูมภิ าค มักสรา้ งด้วยไม้ มีหลงั คาทรงสูง เพ่อื ช่วยในการระบายน�้า มีพ้ืนท่ีบริเวณใต้ถุน มีนอกชาน มีลักษณะเป็นเรือนขยาย และมีการยึดเรือนไว้โดยไม่ใช้ตะปู 14. ครูสุมใหนักเรียนยกตัวอยางวัฒนธรรมของ แต่จะใช้เทคนิคการเข้าเดือยไม้ ต่อมาเมื่อมีการรับวัฒนธรรมจากต่างประเทศ การปลูกสร้าง ประเทศสมาชิกอาเซียนท่ีมีความคลายคลึง จึงถูกประยุกต์ให้เข้ากับประโยชน์ใช้สอย รูปทรงของบ้านปลี่ยนไปตามแบบตะวันตกมากข้ึน กับประเทศไทย จากนั้นครูตั้งคาํ ถาม เชน ในขณะท่ีคนอาหรับท่ีอาศัยอยู่ในบริเวณทะเลทรายจะสร้างบ้านท่ีมีฝาผนังทึบ เพื่อป้องกันมิให้ • สงิ่ ใดเปน ปจ จยั ทที่ าํ ใหเ กดิ ความคลา ยคลงึ ความรอ้ นและความหนาวเยน็ เขา้ ไปภายในบา้ น รวมถงึ ชว่ ยปอ้ งกนั ฝุน่ และทะเลทราย และความแตกตางของวัฒนธรรมไทยและ วัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชีย ๒) วฒั นธรรมอาหาร อาหารของประชากรในภมู ภิ าคเอเชยี สว่ นใหญป่ ระกอบดว้ ย (แนวตอบ ปจ จยั ทีท่ าํ ใหเ กดิ ความคลา ยคลงึ และความแตกตาง เชน สภาพภมู ิประเทศ เขคา้ รวือ่ เงนเท้อื ศส2ตัตวา่ ง์ แๆละเพปืชน็ ผตักน้ โดดงัยจจะะเมหวี ็นิธไกี ดาจ้ ราทกา� สแว่ ลนะปใชร้เะคกรอ่ือบงแปลระงุ วรธิสีกทา่ีใรกปลร้เคุงอยี างหกาันรเขชอน่ งแนต�้าล่ปะลปารนะเ้�าทตศาทล่ี ความเช่ือ ภูมิหลังทางประวัติศาสตรของ มีความคล้ายคลงึ กับคนไทย เชน่ จนี เวยี ดนาม ลาว กัมพูชา เปน็ ตน้ สว่ นประเทศในภูมิภาค แตละประเทศ ซึ่งสิ่งเหลานี้เปนปจจัย เอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใตจ้ ะรบั ประทานอาหารทแ่ี ตกตา่ งจากคนไทย เชน่ คนอาหรบั เพราะจะนงึ่ ขา้ ว สําคัญท่ีจะทําใหมนุษยที่อาศัยอยูในพ้ืนท่ี ผสมกับผกั หลากหลายชนดิ นยิ มบริโภคกบั เนอื้ แกะและนมแพะ เปน็ ตน้ ของประเทศตางๆ สรางวัฒนธรรมข้ึน เพ่อื ตอบสนองการดําเนนิ ชีวติ ประจาํ วันได อยางเหมาะสม ซ่ึงอาจมีท้ังวัฒนธรรมที่ คลายคลึงและแตกตางกับวัฒนธรรมไทย)  (ซา้ ย) อาหารไทย (กลาง) อาหารญ่ปี ุน่ (ขวา) อาหารอินเดีย เปน็ ตัวอย่างอาหารพื้นเมืองในภูมภิ าคเอเชยี 100 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 วัฒนธรรมดานที่อยูอาศัย เปนสิ่งท่ีสะทอนใหเห็นถึงทักษะความสามารถ วฒั นธรรมดา นทอ่ี ยอู าศยั ของคนไทยสมยั กอ นจะคลา ยคลงึ กนั และภมู ปิ ญ ญาของคนในแตล ะพนื้ ที่ โดยสว นใหญก ารสรา งทอี่ ยอู าศยั ของคนจะ โดยมกั สรา งบา นเรอื นใตถ นุ สงู มหี ลงั คาลาดชนั เพราะสาเหตใุ ด มคี วามสัมพนั ธกบั ลักษณะภมู ิประเทศและภูมอิ ากาศ เชน บานทรงไทยโบราณ จะมีใตถุนสูง มีหลังคาทรงจ่ัวสูง เพ่ือใหอากาศถายเทไดสะดวกและระบาย 1. อปุ นิสยั ใจคอ นํ้าฝนไดดี 2. อิทธิพลดา นความเช่ือ 2 เครื่องเทศ เปนสวนประกอบสําคัญอยางหนึ่งของอาหารในภูมิภาคเอเชีย 3. ภูมิหลงั ทางประวัติศาสตร ซ่ึงแตละประเทศก็จะมีการใชเครื่องเทศท่ีแตกตางกัน จึงทําใหอาหารมีรสชาติ 4. สภาพแวดลอมทางภมู ิศาสตร เปน เอกลกั ษณเ ฉพาะตวั เชน ประเทศไทยมกั ใชพ รกิ กระเทยี ม หอมแดง รากผกั ชี ในการประกอบอาหาร สว นประเทศอนิ เดยี มกั ใชผ งกะหร่ี ลกู ผกั ชี และลกู กระวาน (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะมนุษยจ ะสรางทอ่ี ยอู าศยั ให สอดคลองกับลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศเปนสําคัญ เชน บานของคนไทยในสมัยกอนมักมีหลังคาลาดชันเพื่อใหระบาย น้ําฝนไดด ี แสดงใหเ หน็ วา ประเทศไทยต้ังอยใู นเขตทม่ี ีฝนตกชกุ ) T110

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓) วัฒนธรรมด้านภาษาและวรรณคดี ประชากรในภูมิภาคเอเชีย มีภาษาพูด ขนั้ สอน และภาษาเขยี นมากมาย โดยเฉพาะประเทศทม่ี ขี นาดใหญ่ เชน่ จนี อนิ เดยี อนิ โดนเี ซยี หรอื แมแ้ ต่ ประเทศท่ีมีขนาดกลางและเล็ก เช่น เมียนมา ไทย ลาว ต่างก็มีกลุ่มชาติพันธุ์ท่ีหลากหลาย 15. ครสู ุมประเทศในภมู ิภาคเอเชียมา 5 ประเทศ มาอาศัยอยู่ร่วมกัน ท�าให้มีภาษามากกว่าหน่ึงภาษาในการติดต่อส่ือสาร เมื่อมีการตั้งเป็น จากนนั้ ใหน กั เรยี นรว มกนั อธบิ ายวา ในแตล ะ ประเทศขน้ึ จะมกี ารกา� หนดใหใ้ ชภ้ าษาหนง่ึ เปน็ ภาษากลางทใ่ี ชก้ นั ทวั่ ประเทศ กลายเปน็ วฒั นธรรม ประเทศมีวัฒนธรรมทางภาษาและวรรณคดี ทางดา้ นภาษาทปี่ ระชากรในชาตหิ ลอมรวมเป็นอันหนง่ึ อันเดียวกนั เช่น ประเทศศรีลังกาใช้ภาษา อะไรทเี่ ปน ผลงานอันมชี ือ่ เสยี ง แลว อภิปราย สงิ หล ประเทศลาวใชภ้ าษาลาว ส่วนภาษาของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์อืน่ ๆ กจ็ ะกลายเป็นภาษาถิน่ ไป ความคดิ เห็นรว มกัน ส�าหรับวัฒนธรรมด้านวรรณคดีนัน้ จดั เปน็ งานศิลปะที่มงุ่ ให้ความเพลิดเพลินทางใจ 16. ครูใหนักเรียนรวมกันอธิบายวัฒนธรรมดาน และใหอ้ ารมณแ์ กผ่ อู้ า่ น โดยภาษาทใ่ี ชจ้ ะมคี วามประณตี งดงาม ประเทศทถ่ี อื เปน็ ออู่ ารยธรรมและ การแตงกายของประชากรในภูมิภาคเอเชีย มมหวี รารภณารคตดะที1รีม่ าีชมอ่ื าเยสณียงะ และแพร่หลายไปยังประเทศอนื่ ๆ เช่น สามกก ไซอ๋ิว ซึ่งเปน็ วรรณคดจี ีน แลวใหนักเรียนรวมกันเปรียบเทียบความ (รามเกยี รต)ิ์ ซงึ่ เปน็ วรรณคดอี นิ เดยี ในขณะทแี่ ตล่ ะประเทศกจ็ ะมวี รรณคดี คลา ยคลงึ หรอื ความแตกตา งของลกั ษณะการ แตง กายชดุ พน้ื เมอื งของสตรใี นประเทศเพอื่ น บา นกับการแตงกายของสตรีในประเทศไทย พน้ื ถิน่ เป็นของตนเองด้วย เช่น ขนุ ช้างขุนแผน สงั ข์ทอง ซึ่งเปน็ วรรณคดีไทย ๔) วัฒนธรรมด้านการแต่งกาย การแต่งกายของประชากรในภูมิภาคเอเชีย ในปจั จบุ ันหากไมส่ วมใส่ชุดพ้ืนเมือง หรอื ชดุ ประจา� ชาตแิ ลว้ ลักษณะการแต่งกายกจ็ ะไม่แตกตา่ ง กันมากนัก เพราะโดยส่วนใหญ่จะแต่งกายตามแบบสากล คือ ผู้ชายนิยมสวมเสื้อกับกางเกง ลส้ว่วนนมผเีู้หอญกลิงกัสษวมณเเ์สฉ้ือพกาับะตกัวางเเชกน่ งหชรุดือไทกยระชโปดุ รกง่ีเพทา้ ขั้งอนง้ีชจุดนี ปชรดุะจก�าิโมชโานต2ขิขอองงญปี่ประุ่นเทชศุดใฮนนั ภบูมกิภขอาคงเเกอาเหชียลี ชุดส่าหรีของอนิ เดีย ชุดนิกอบ หรอื บรุ กา (Burqa) ของสตรีมุสลมิ เป็นตน้  ลักษณะการแต่งกายชุดพ้ืนเมอื งของสตรีในประเทศเพ่อื นบ้าน (ซา้ ย) เกาหลี (กลาง) อนิ เดีย (ขวา) ญ่ีปุ่น 101 ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู ชุดประจาํ ชาติในขอใดตอ ไปนีม้ ีความคลา ยคลึงกันมากที่สุด 1 มหาภารตะ เปน มหากาพยเรอื่ งหนง่ึ ของประเทศอินเดีย ซึง่ เปน มหากาพย 1. ชดุ สาหรี ชุดฮนั บก ท่ีมีความยาวที่สุดในโลก มีเนื้อหาเก่ียวกับความขัดแยงของพ่ีนองสองตระกูล 2. ชดุ อา วหญาย ชดุ กเี่ พา คือ ตระกูลเการพและตระกูลปาณฑพ ซึ่งความขัดแยงน้ีไดนําไปสูการเกิด 3. ชุดลองยี ชดุ ราชปะแตน มหาสงครามตอสูกัน การดําเนินเรื่องมีการสอดแทรกความรูเก่ียวกับศาสนา 4. ชดุ กโิ มโน ชดุ บารองตากาล็อก การเมือง วิถชี วี ิต และขนบธรรมเนียมประเพณขี องอินเดียยุคโบราณดว ย 2 ชุดกิโมโน การแตงชุดกิโมโนของชาวญี่ปุน จะมีลักษณะบางอยางท่ี (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะชุดอาวหญายของเวียดนาม แตกตา งกัน คอื ชดุ กโิ มโนของหญิงท่เี ปนโสดจะมีแขนยาวและนิยมใชลายดอก จะตัดเย็บดวยผาไหมพอดีตัว มีรูปทรงคลายคลึงกับชุดกี่เพาของจีน ซากุระ สวนผูหญิงท่ีแตงงานแลวจะนิยมชุดกิโมโนแขนสั้น มีสีสันไมฉูดฉาด อยา งมาก) มากนัก ชดุ อาวหญาย ชดุ กี่เพา T111

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๕) วฒั นธรรมดา้ นการนับถือศาสนาและพธิ กี รรม อทิ ธิพลของศาสนาของโลก 17. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหเพ่ิมเติมถึง ไดแ้ พรก่ ระจายเขา้ ไปในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตต้ ามกาลเวลาและตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ วฒั นธรรมดา นการนบั ถอื ศาสนาและพธิ กี รรม ในอัตราที่ต่างกัน และเม่ือหลอมรวมเข้ากับความเชื่อพ้ืนบ้าน หรือลัทธินับถือผีหรือวิญญาณ ของประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี วา ประกอบดว ย ก่อใหเ้ กิดเป็นวฒั นธรรมด้านศาสนาและพธิ กี รรมทเี่ ปน็ เอกลักษณ์ และมลี ักษณะคล้ายคลึงกนั กับ ศาสนาหรือนิกายใดบาง ตลอดจนมีรูปแบบ ประเทศรอบขา้ ง โดยมีศาสนาและลัทธิสา� คญั เชน่ การประกอบพิธีกรรมอยา งไร ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดแู ละพระพทุ ธศาสนา มแี หลง่ กา� เนดิ ทปี่ ระเทศอนิ เดยี ไดเ้ ผยแผ่ เขา้ สู่ภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ ทัง้ บนผนื แผ่นดินใหญ่และภาคพ้นื สมทุ ร ต่อมาได้กลายเป็น ศาสนาหลกั ของประเทศบนผนื แผน่ ดนิ ใหญจ่ นถงึ ปจั จบุ นั ในขณะทศ่ี าสนาอสิ ลามไดเ้ ขา้ มามอี ทิ ธพิ ล บริเวณภาคพ้ืนสมุทรแทนท่ีพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ผู้คนจึงเปลี่ยนไปนบั ถอื ศาสนาอสิ ลามลทัจนธิขกงลจาื๊อย1แเปลน็ ะศลาทั สธนิเตาปา รมะจแี า� หชลาง่ตกขิ �าอเงนปดิ รทะป่ีเทรศะอเทนิ ศโดจนีนเี ซเขยี า้ มมาาเมลอีเซิทยี ธิพแลลบะบรริเวไู ณน ประเทศ เวียดนามต้ังแต่ในอดีต และแพร่หลายไปยังสังคมต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท่ีมี ผู้อพยพชาวจีนเข้าไปอาศยั อยู่ อิทธิพลด้านการนับถือศาสนายังได้น�ามาซ่ึงประเพณีและพิธีกรรมทางศาสนาต่าง ๆ เชน่ ประเพณีลอยกระทง ประเพณตี รุษจนี พระราชพิธีพชื มงคลจรดพระนงั คลั แรกนาขวัญ ฯลฯ ๖) วฒั นธรรมดา้ นศลิ ปะและสถาปต ยกรรม ศลิ ปะเปน็ ผลงานทม่ี นษุ ยส์ รา้ งสรรคข์ นึ้ เพอ่ื สุนทรียะทางด้านอารมณ์และความรสู้ กึ แบง่ ออกเปน็ ๒ ลกั ษณะ คอื งานศลิ ปะท่มี ลี ักษณะเปน็ รูปธรรม เชน่ สถาปตั ยกรรม จิตรกรรม และ ศิลปะท่ีไม่เป็นรูปธรรม เช่น ดนตรี นาฏศิลป์ เป็นต้น โดยในแต่ละชนชาติก็จะมีศิลป- วัฒนธรรมท่ีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง เช่น ศิลปะและสถาปัตยกรรมของประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลโดยตรงจากอินเดีย ตามแบบฉบับของพระพุทธศาสนาและศาสนา อสิ ลาม เชน่ พระพุทธรูป โบสถ์ วหิ าร เจดีย์ จิตรกรรม ซ่ึงจะคล้ายคลึงกับประเทศอื่นๆ ใน  พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่ถ�้าหลงเหมินในมณฑลเหอหนาน ภูมิภาคเอเชยี ทน่ี บั ถือศาสนาเดยี วกัน เป็นต้น ประเทศจีน เป็นพระพุทธรูปท่ีได้รับอิทธิพลจากศิลปะ คปุ ตะของอินเดยี 10๒ นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด ประเพณีและพิธกี รรมในขอ ใดแสดงถึงการไดร บั อิทธพิ ลมา 1 ลทั ธขิ งจอ๊ื หลักคาํ สอนของขงจอ๊ื ประมวลอยูในคมั ภีรต า งๆ ดงั ตอ ไปนี้ จากศาสนาพราหมณ-ฮินดู 1. ตาสุยหรือตาเซว สาระสําคัญของคัมภีรน้ี คือ การปลูกฝงนิสัยตัวเอง 1. พระราชพิธตี รียัมปวาย โดยบอกวิธีกําหนดคุณคาการปลูกฝงนิสัยตัวเองแทนวัตถุประสงคทางสังคมที่ 2. ประเพณีงานบญุ บง้ั ไฟ ยอมรบั นบั ถอื กนั ซง่ึ อาจไมถูกตอ งก็ได 3. เทศกาลสารทเดือนสบิ 4. ประเพณลี อยกระทงสาย 2. จุงยุงหรือจงุ หยุง หมายถงึ ทางสายกลาง ช้ีใหเ ห็นความรูจ ักประมาณ (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. พระราชพิธีตรียัมปวาย หรือพิธี ความสมดลุ และความเหมาะสม โลช งิ ชา ไดร บั อทิ ธพิ ลมาจากศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู โดยมคี วามเชอื่ วา พระอศิ วรจะเสดจ็ ลงมาเย่ียมโลกมนุษยป ล ะ 1 ครัง้ ในเดือนย่ี 3. ลุนยูหรือลุนยื๊อ ประกอบดวยคําภาษิตหรือคํากลอนส้ันๆ ที่เก่ียวกับ ครง้ั หนง่ึ มกี าํ หนด 10 วนั คอื จะลงมาในวนั ขนึ้ 7 คา่ํ คณะพราหมณ ชีวติ ประจาํ วนั ของขงจื๊อ จึงไดจัดพิธีตอนรับในระยะเวลาดังกลาว เพื่อความเปนสิริมงคล แกพ ระนคร) T112

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๔.๓ วัฒนธรรมที่เปนปจจัยสําคัญในการสรา้ งความสมั พนั ธอ นั ดี ขน้ั สอน ปัญหาขอ้ ขัดแยง้ ระหว่างกลมุ่ คน สงั คม และประเทศสว่ นหนงึ่ เป็นผลมาจากความแตกตา่ ง ทางด้านวัฒนธรรมซึ่งมักก่อให้เกิดความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน มีอคติต่อคนท่ีมีวัฒนธรรม 18. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั ตอบวา มวี ฒั นธรรมใดบา ง ไม่เหมือนเรา การกระทบกระท่ังระหวา่ งชนต่างวัฒนธรรมนา� ไปสปู่ ญั หาระหว่างกนั ทัง้ ท่ีไมร่ นุ แรง ท่ีเปนปจจัยสําคัญในการสรางความสัมพันธ ไปจนถงึ การท�าร้ายรา่ งกาย หรือการทา� สงครามระหว่างกนั ได้ อนั ดีตอกันระหวา งประเทศในภูมิภาคเอเชยี จึงกล่าวได้ว่า วัฒนธรรมมีความส�าคัญยิ่งท้ังที่จะน�าไปสู่ปัญหาข้อขัดแย้งดังท่ีได้กล่าวไว้ 19. ครูนําภาพขาวการทํากิจกรรมที่เก่ียวกับการ ข้างต้น ในทางกลับกันหากน�าไปใช้ในทางสันติจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการช่วยเสริมสร้าง ใชวัฒนธรรมในการสรางความสัมพันธอันดี ความเข้าใจอันดีระหว่างชนต่างวัฒนธรรม ความผาสุกและความม่ันคงก็จะเกิดขึ้น รวมทั้ง ตอกันระหวางประเทศในภูมิภาคเอเชียมา จะกลายเป็นพลงั ในการสรา้ งสรรค์ความเจรญิ รงุ่ เรืองในทุกมติ ขิ องมวลมนษุ ยชาติ ใหนักเรียนดู เชน ภาพขาวการจัดโครงการ นักศึกษาแลกเปล่ียน การสงนักกีฬาไป ๑) วัฒนธรรมทางด้านศาสนาและขนบธรรมเนียมประเพณี ทุกศาสนาต่างมี แขงขันตางประเทศ การลงนามรวมกันใน ขอตกลงระหวางประเทศ การจัดงานแสดง หลักธรรมค�าสอนทคี่ ลา้ ยคลงึ กนั คือ สอนใหท้ ุกคนเปน็ คนดี มีเมตตา ละเว้นความช่วั เพ่อื ใหอ้ ยู่ ศิลปวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกอาเซียน ร่วมกนั ในสังคมได้อยา่ งสันตสิ ขุ ดงั นัน้ การศกึ ษาเร่ืองราวของศาสนาอืน่ ท่ีแตกตา่ งไปจากศาสนา จากน้ันใหนักเรียนชวยกันตอบวาเปนการใช ที่เรายึดถือ จะท�าให้เกิดความเข้าใจในหลักค�าสอน สามารถประพฤติปฏิบัติตนให้สอดคล้อง วัฒนธรรมดานใดในการสรางความสัมพันธ หรือไม่กระท�าสงิ่ ทเ่ี ปน็ ขอ้ ห้าม และใชศ้ าสนาเป็นเคร่อื งนา� ทางในการสร้างความสามคั คี ความสุข อันดีตอกัน ตลอดจนความประทบั ใจในพิธกี รรมและขนบธรรมเนียมประเพณีร่วมกนั ๒) วัฒนธรรมด้านภาษาและการศึกษา เน่ืองจากภาษาเป็นเครื่องมือส่ือสารให้ เกดิ ความเขา้ ในระหวา่ งกนั ทถ่ี กู ตอ้ ง จงึ มคี วามสา� คญั ทต่ี อ้ งเรยี นรภู้ าษาของประเทศอน่ื ๆ อนั จะเปน็ การสรา้ งความสมั พนั ธอ์ ันดีต่อกนั ก่อให้เกดิ การสร้างหลักสตู รทางด้านภาษาและศนู ย์ศึกษาแต่ละ ประเทศหรอื กลมุ่ ประเทศขน้ึ ในสถาบนั การศกึ ษาในระดบั มธั ยมศกึ ษาและอดุ มศกึ ษาในทกุ ประเทศ  การจัดกิจกรรมค่ายยุวทูตอาเซียน1 เป็นตัวอย่างหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันโดยการศึกษาแลกเปลี่ยน องค์ความร้ทู างดา้ นวัฒนธรรม เศรษฐกจิ การเมือง และประวตั ศิ าสตรข์ องแตล่ ะประเทศในภูมิภาคอาเซียน 10๓ กิจกรรม สรา งเสริม นักเรียนควรรู ใหนักเรียนยกตัวอยางวัฒนธรรมไทยที่นักเรียนคิดวามีความ 1 คายยุวทูตอาเซียน เปนโครงการของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ- นา สนใจและสามารถชว ยสรา งความสมั พนั ธอ นั ดรี ะหวา งประเทศ ราชวิทยาลัย โดยนาํ เดก็ และเยาวชนจาก 10 ประเทศอาเซียน ญี่ปุน จีน และ ในภมู ภิ าคเอเชยี โดยใหห ารปู ภาพวฒั นธรรมมาแสดงหนา ชน้ั และ เกาหลีใต (อาเซียน+3) มาเรียนรูและปฏิบัติจริงตามหลักสูตรสันติศึกษา อธบิ ายประกอบวา วฒั นธรรมนน้ั ชว ยสรา งความสมั พนั ธอ นั ดตี อ กนั ท้ังการเรียนรูเรื่องความสามัคคี การฝกการทํานารวมกันเพื่อเขาใจที่มาของ ไดอ ยา งไร รวงขาว 10 รวงทเ่ี ปน สญั ลักษณของอาเซยี น รวมท้ังกิจกรรมอื่นๆ อกี มากมาย กิจกรรม ทา ทาย ใหนักเรียนเขียนแผนการใชวัฒนธรรมเพื่อชวยในการสราง ความสมั พนั ธอ นั ดรี ะหวา งประเทศสมาชกิ อาเซยี น โดยใหอ ธบิ ายวา นกั เรยี นจะใชว ฒั นธรรมดา นใด และมขี นั้ ตอนการดาํ เนนิ งานอยา งไร จากน้ันพมิ พค าํ อธบิ ายพรอมรูปภาพประกอบ แลวนําสงครูผสู อน T113

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน สถาบนั การศกึ ษาของไทยในปจั จบุ นั ไดเ้ ปดิ สอนภาษาจนี ภาษาญปี่ นุ่ ภาษาเกาหลี ภาษาฮนิ ดี และภาษาอาหรบั รวมทง้ั ภาษาของประเทศในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ เพอื่ ใหน้ กั เรยี น 20. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางเพิ่มเติม นกั ศกึ ษาไดเ้ รยี นรภู้ าษาอนื่ นอกเหนอื จากภาษาองั กฤษ มกี ารตงั้ ศนู ยศ์ กึ ษาทม่ี งุ่ เนน้ สรา้ งองคค์ วามรู้ เกี่ยวกับวัฒนธรรมดานอาหาร กีฬา หรือ ทางสงั คม วฒั นธรรม เศรษฐกจิ การเมอื ง และประวตั ศิ าสตรข์ องประเทศเพอ่ื นบา้ น เชน่ ศนู ยจ์ นี ศกึ ษา เนติธรรม ทสี่ ามารถสรา งความสัมพันธอันดี ศนู ย์อาหรบั ศกึ ษา ศูนย์มสุ ลมิ ศึกษา ศนู ย์อินเดียศกึ ษา และศูนยอ์ าเซยี นศึกษา นอกจากน้ยี งั ได้ ระหวางประเทศในภูมิภาคเอเชีย พรอมท้ัง น�าผลงานการค้นคว้าวิจัยในสังคมอื่นออกเผยแพร่ ผ่านทางสื่อต่าง ๆ เช่น เอกสารสิ่งพิมพ์ บอกวา เปน วฒั นธรรมอะไร และสามารถสรา ง ส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์ ความสัมพนั ธอ นั ดไี ดอยางไร ท้งั น้ี ยงั ได้มีการแลกเปล่ียนเยาวชน นกั เรียน นกั ศกึ ษา นักวชิ าการ และสอ่ื มวลชน 21. ครใู หน กั เรยี นกลมุ เดมิ สลบั คภู ายในกลมุ แลว ระหว่างประเทศ เป็นช่องทางที่รัฐบาลต่างสนับสนุนเพ่ือให้ผู้แลกเปลี่ยนมีประสบการณ์ตรง รวมกันทําใบงานท่ี 5.3 เร่ือง วัฒนธรรมใน และนา� สง่ิ ทพี่ บเหน็ ไปบอกกลา่ วแกส่ มาชกิ คนอนื่ ในสงั คมของตน เปน็ การสรา้ งความสมั พนั ธอ์ นั ดี ภมู ภิ าคเอเชยี ตอนที่ 2 โดยครแู นะนาํ เพมิ่ เตมิ ต่อกนั ทมี่ ีประสิทธิภาพยง่ิ 22. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมเก่ียวกับความ ๓) วฒั นธรรมดา้ นอาหาร แตล่ ะประเทศในทวปี เอเชยี ตา่ งมวี ฒั นธรรมดา้ นอาหาร คลายคลึง และความแตกตางระหวาง วัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมของประเทศใน ทเี่ ปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะ อาหารจงึ เปน็ วฒั นธรรมทมี่ คี ณุ คา่ ของแตล่ ะประเทศ เนอ่ื งจากเกดิ จากการ ภูมภิ าคเอเชีย ในแบบฝกสมรรถนะฯ หนา ท่ี สั่งสมภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในการน�าทรัพยากรท้องถ่ินมาปรุงเป็นอาหารส�าหรับใช้บริโภค พลเมืองฯ ม.2 ในครัวเรือนและชุมชน อาหารจึงเป็นท้ังศาสตร์และศิลป์ของแต่ละชุมชน วัฒนธรรมอาหาร นับเปน็ หนึ่งในจุดแข็งทางวฒั นธรรมของแต่ละประเทศท่ีมีเอกลกั ษณเ์ ฉพาะตน ดงั นั้น การขยาย ผลต่อยอดและถ่ายทอดจึงเป็นสิ่งส�าคัญ เพื่อให้ชาวต่างชาติหรือผู้คนต่างวัฒนธรรมได้มีโอกาส เรียนรวู้ ฒั นธรรมอาหารซงึ่ กันและกนั ๔) วัฒนธรรมด้านกีฬา การแข่งขันกีฬานับเป็นตัวอย่างที่ดีท่ีแสดงให้เห็นถึง ความร่วมมือของมนุษยชาติในโลก เพราะทุกชาติไม่ว่าจะเป็นชาติที่พัฒนาแล้วหรือก�าลังพัฒนา ชาติมหาอา� นาจหรอื ชาติที่อ่อนแอ ชาติทกุ ผิวสี จะมาร่วมแขง่ ขันและผลดั เปล่ียนกนั เป็นเจ้าภาพ ดงั นัน้ วัฒนธรรมด้านกีฬาจงึ เปน็ สง่ิ ทแี่ สดงใหเ้ ห็นถึงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบคุ คลโดยใช้ กีฬาเป็นส่อื กลาง เพือ่ ใหเ้ กดิ ความสมั พันธอ์ ันดแี ละมีนา้� ใจต่อกัน รู้จกั แพ้ ชนะ และให้อภัยตอ่ กนั ๕) วัฒนธรรมด้านเนตธิ รรม หรอื วัฒนธรรมดา้ นกฎหมาย เน่ืองจากปัจจบุ ันโลก มีการติดต่อกนั ท้งั ระดับรฐั บาลและระดับประชาชนมาก จึงมีความจ�าเป็นตอ้ งศึกษากฎหมายของ ตแต้อล่งะตปรระะหเนทักศแเพลอ่ื ะใปหฏค้ ิบวัตามิตสามัมพนัหธลร์ักะนหิตวิธา่ งรกรมนั 1เเปปน็็นไวปัฒตนามธครรรมรลทอี่แงสขดองงถกึงฎกหามรายยึดหทลชี่ ักนรต่วา่ มงวกฒั ันนในธกรรามร ก�าหนดแนวทางการประพฤติปฏิบัติทางสังคม ซึ่งหลักนิติธรรมมีลักษณะเป็นสากล คือ มีความ คล้ายคลึงกันในทุกสังคม แต่จะมีข้อแตกต่างหรือลักษณะพิเศษของแต่ละสังคม ดังนั้น จึงต้อง ตระหนกั และใหค้ วามสนใจเปน็ พิเศษ 10๔ นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด การกระทําในขอใดชวยสงเสริมใหเกิดความเขาใจอันดีตอกัน 1 หลักนิติธรรม เปนหลักพื้นฐานของกฎหมาย ซ่ึงแนวคิดนี้มีมาต้ังแตสมัย ทางดา นวัฒนธรรมระหวางประเทศ กรีกโบราณ เนนไปในหลักการปกครองประเทศดวยความถูกตองเปนธรรม โดยทกุ คนตอ งอยภู ายใตก ฎหมาย ดงั นน้ั ในความคดิ ของนกั ปกครองสมยั กลาง 1. ยึดถือวา วัฒนธรรมตนเองดที ีส่ ุด ในยุโรปจะใหความหมายไปในหลักการปกครองท่ีดี คือ การปกครองโดย 2. เขาใจและยอมรับความแตกตา งของวฒั นธรรมชาติอน่ื กฎหมาย ไมใชการปกครองโดยคน และหมายถึงหลักการที่เปนกฎกติกาของ 3. เขา ไปมีสว นรว มในกิจกรรมทเี่ ปนวฒั นธรรมของตนเทา นั้น กฎหมายท่ีผูบ ญั ญัติกฎหมายตองยึดถือและปฏิบตั ติ าม 4. เปรยี บเทยี บจดุ เดน และจดุ ดอ ยของแตล ะวฒั นธรรมอยเู สมอ (วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการเปด ใจยอมรบั วฒั นธรรม ของประเทศตา งๆ จะทาํ ใหเ ราทราบถงึ ความเปน มาทางวฒั นธรรม ซึ่งอาจมีทั้งความคลายคลึงและความแตกตาง แตก็สามารถอยู รว มกนั ไดอ ยา งมคี วามสขุ เพราะไมม อี คตแิ ละไมเ หน็ วา วฒั นธรรม ของชาตติ นเหนือกวาชาติอืน่ ๆ) T114

นาํ สอน สรปุ ประเมิน ๖) วัฒนธรรมด้านศิลปะ อาจกล่าวได้ว่าวัฒนธรรมด้านศิลปะมีความโดดเด่น ขน้ั สรปุ ในการสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีกับชนต่างวัฒนธรรม รวมทั้งผู้คนในสังคมเดียวกัน ทั้งนี้เพราะงาน 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ หรือวัฒนธรรมทางศิลปะถือเป็นงานท่ีผู้สร้างต้องการแสดงให้คนรู้ว่าตนมีความรู้สึกอย่างไร ความคลายคลึงและความแตกตางระหวาง ต่องานน้ัน และสร้างความพึงพอใจ ความ วัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมของประเทศใน ประทับใจแก่ผู้พบเห็นผลงาน ซ่ึงอาจจ�าแนก ภูมิภาคเอเชีย หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญ ประเภทออกไดห้ ลายประเภท เชน่ ศิลปกรรม ของเนื้อหา ตลอดจนความสําคัญตอการ หตั ถกรรม ประตมิ ากรรม ศลิ ปะการแสดงตา่ ง ๆ ดาํ เนนิ ชวี ิตประจาํ วนั ศิลปะเป็นสิ่งส�าคัญประการหน่ึงที่คนในสังคม มักจะใช้แทนค่าความเช่ือและค่านิยมที่มีอยู่ 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําช้ินงาน/ภาระงาน ในสังคม เป็นสื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่าง (รวบยอด) PPT เรื่อง วัฒนธรรมของไทย สมาชกิ ของสังคมแตล่ ะประเทศ และวฒั นธรรมของประเทศในภมู ิภาคเอเชยี การจัดมหกรรมด้านวัฒนธรรม 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบวดั ฯ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 นทิ รรศการแสดงภาพวาด ตลอดจนการสง่ คณะ  งานแสดงวัฒนธรรมอาเซียน เป็นตัวอย่างหน่ึงของการ เร่ือง วัฒนธรรมของไทยและวัฒนธรรมของ นาฏศลิ ปอ์ อกไปแสดงยงั ตา่ งประเทศ เปน็ ความ ช่วยเสรมิ สร้างความสมั พนั ธร์ ะหว่างมติ รประเทศ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพื่อทดสอบความรู พยายามในการใช้ศิลปวัฒนธรรมเป็นเคร่ืองมือในการสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ เพ่ือให้ ท่ไี ดศึกษามา ชาตติ ่าง ๆ ได้มีโอกาสชื่นชมเอกลกั ษณ์ความเป็นชาติ มองเหน็ ความคลา้ ยคลึงและความแตกต่าง ดา้ นศลิ ปวัฒนธรรมซึ่งกนั และกนั ทัง้ น้ี ความเจรญิ กา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี การสอ่ื สารทร่ี วดเร็ว ขนั้ ประเมนิ ทา� ใหก้ ารเรยี นรวู้ ฒั นธรรมตา่ ง ๆ เปน็ ไปไดง้ า่ ยและสะดวกขนึ้ การตดิ ตอ่ สอ่ื สารทไ่ี รพ้ รมแดน และ การส่งออกสินค้าทางวัฒนธรรมเป็นไปได้อย่างแพร่หลาย ท�าให้ผู้คนเข้าใจวัฒนธรรมของสังคม 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม เอเชียอน่ื ๆ ไดง้ ่ายขน้ึ การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชนั้ เรยี น กล่าวโดยสรุปได้ว่า วัฒนธรรมมีความส�าคัญอย่างยิ่งในสังคมมนุษย์ มนุษย์ได้สร้าง วฒั นธรรมขน้ึ มาเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการดา้ นตา่ ง ๆ จงึ จา� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งเรยี นรใู้ หเ้ กดิ ความ 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานและแบบวดั ฯ เขา้ ใจในวฒั นธรรมของตนเองอย่างถอ่ งแท้ และเน่อื งจากประเทศไทยและประเทศเพ่อื นบ้าน หนาทีพ่ ลเมอื งฯ ม. 2 ต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียล้วนมีวัฒนธรรมท้ังคล้ายคลึงและแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้เราจึงควร เรียนรู้วัฒนธรรมของตนเองและวัฒนธรรมของประเทศเพ่ือนบ้านในภูมิภาคเอเชีย เพ่ือน�า 3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย ประโยชนจ์ ากการศกึ ษาวฒั นธรรมเสรมิ สรา้ งความสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ งกนั ใหม้ คี วามสนทิ สนม การเรียนรูท่ี 5 เรื่อง วัฒนธรรมของไทยและ แน่นแฟ้นมากย่ิงข้ึน วฒั นธรรมของประเทศในภมู ภิ าคเอเชีย 105 กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสมมติสถานการณใหนักเรียนไดมีโอกาสตอนรับเพื่อนชาว ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง ความคลายคลึงและ ตา งชาติ 5 ประเทศในทวีปเอเชีย ซึ่งครูกําหนดให (เชน อินเดีย ความแตกตา งระหวา งวฒั นธรรมไทยกบั วฒั นธรรมของประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี เกาหลีใต ญ่ีปุน อินโดนีเซีย เมียนมา) โดยแตละประเทศตองมี ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนา ความแตกตา งกันทางดานวัฒนธรรม ความคิด วิถชี ีวติ การนับถือ ช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอ ศาสนา จากนั้นใหนักเรียนบอกขอมูลพ้ืนฐานของวัฒนธรรมนั้นๆ ผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรหู นว ยท่ี 5 เร่อื ง วัฒนธรรมของไทย และวิธีการปฏิบัติตนตอกันท่ีถูกตองเพ่ือการสรางความเขาใจอันดี และวัฒนธรรมของประเทศในทวปี เอเชีย ตอ กัน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน คาช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถกู ตอ้ งของเนือ้ หา 2 การลาดบั ขน้ั ตอนของเรื่อง 3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์ 4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลุ่ม รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ T115 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ เฉลย คาํ ถามประจําหนวยการเรียนรู คÓถาม ประจÓหนว่ ยการเรียนรู้ ๑. วัฒนธรรมมีความสา� คญั ต่อสังคมอยา่ งไร 1. วฒั นธรรม คือ แบบแผนในการดาํ รงชวี ิตของ ๒. บอ่ เกดิ ทีม่ าของวัฒนธรรมเกดิ มาจากอะไรบ้าง ยกตวั อยา่ งประกอบ มนุษย เพ่ือใหอยูรวมกันไดในสังคม และยัง ๓. แหล่งวฒั นธรรมส�าคัญของภมู ิภาคเอเชียอยู่ในบริเวณใดบ้าง ให้อธบิ ายมาพอสงั เขป เปนส่ิงที่ตอบสนองความตองการของมนุษย ๔. วฒั นธรรมไทยกบั วฒั นธรรมประเทศเพอ่ื นบา้ นในภมู ภิ าคเอเชยี มคี วามคลา้ ยคลงึ หรอื แตกตา่ งกนั ในดา นตา งๆ อยา่ งไร 2. ท่ีมาของวัฒนธรรมนั้นมาจากหลายแหลง ๕. การเรยี นรวู้ ฒั นธรรมประเทศเพอ่ื นบา้ นในภมู ภิ าคเอเชยี จะชว่ ยนา� ไปสคู่ วามเขา้ ใจอนั ดรี ะหวา่ ง เชน สภาพแวดลอมทางภูมิศาสตร อิทธิพล ทางศาสนาและความเชื่อ ภูมิหลังทาง กันได้ นักเรียนเหน็ ด้วยหรือไม่ จงแสดงเหตผุ ล ประวัติศาสตร การรับเอาวัฒนธรรมอ่ืน มาปรับใช ตัวอยางหน่ึงท่ีเห็นไดชัดเจนใน กิจกรรม สร้างสรรคพ์ ฒั นาการเรยี นรู้ ปจ จบุ นั คอื การใชค อมพวิ เตอรใ นการทาํ งาน ดานตางๆ ซึ่งเปนลักษณะของการรับเอา กจิ กรรมที่ ๑ นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู จากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ เกยี่ วกบั วฒั นธรรม วัฒนธรรมตะวันตกมาปรบั ใช กจิ กรรมที่ ๒ ทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณ์ในภมู ภิ าคเอเชยี แลว้ นา� ขอ้ มลู ที่ไดม้ าอภปิ รายในชนั้ เรยี น พรอ้ ม กิจกรรมท่ี ๓ จดั เปน็ นิทรรศการ 3. แหลง อารยธรรมหลกั 3 แหง ไดแ ก อารยธรรม ครูผู้สอนสรุปเน้ือหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมท่ีน�าไปสู่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ลุมแมน้ําหวางเหอในประเทศจีน อารยธรรม แล้วให้นักเรียนยกตัวอย่างและร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับวัฒนธรรมท่ีช่วยสร้าง ลุมแมนํ้าสินธุในประเทศปากีสถาน และ ความสมั พันธอ์ ันดีระหวา่ งกัน โดยครูผสู้ อนชว่ ยสรปุ ประเด็นสา� คญั ในตอนท้าย อารยธรรมใสโปเตเมีย บริเวณลุมแมนํ้า ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชีย จากแหล่ง ไทกริส-ยเู ฟรทีสในประเทศอิรกั ขอ้ มูลตา่ ง ๆ แลว้ นา� ข้อมลู ท่ีไดไ้ ปจดั แสดงยงั ปา้ ยนเิ ทศ 4. มีท้ังความคลายคลึง เชน วัฒนธรรมดาน 106 อาหารไทยในภาคใต มีความคลายคลึงกับ อาหารมาเลเซยี อนิ โดนเี ซีย ซึง่ ในการปรงุ จะ นิยมใชเ ครอ่ื งเทศตางๆ เชน ขมน้ิ กระเทยี ม ลูกผักชี สวนความแตกตาง เชน ประเทศไทย มีชุดไทยพระราชนิยมเปนชุดประจําชาติ ขณะท่ีประเทศเวียดนามมีชุดอาวหญายเปน ชดุ ประจาํ ชาติ 5. เหน็ ดวย เพราะวฒั นธรรมของแตล ะประเทศ ชวยใหเราเขาใจวิถีการดําเนินชีวิตของคนใน สังคม รูถึงความเปนมาและภูมิหลังทาง ประวัติศาสตรของแตละประเทศ อันนํามาสู ความเขา ใจอนั ดีตอ กัน เฉลย แนวทางประเมนิ กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู ประเมนิ ความรอบรู • ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพ้ืนฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยทั่วไป ซงึ่ เปน งานหรอื ชิ้นงานที่ใชเวลาไมน าน สาํ หรับประเมนิ รปู แบบนีอ้ าจเปนคําถามปลายเปดหรือผังมโนทศั น นยิ มสําหรับประเมนิ ผเู รียนรายบุคคล ประเมนิ ความสามารถ • ใชใ นการประเมินความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป ญ หา ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต และความ สามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือชิ้นงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใชในชีวิต ประจําวันอันมีความเกี่ยวของกับหลักการและความสามารถทางเศรษฐศาสตรท่ีมีความจําเปนตอการใชชีวิตในสังคมปจจุบัน อาจเปนการประเมิน จากการสงั เกต การเขียน การตอบคาํ ถาม การวเิ คราะห การแกป ญหา ตลอดจนการทํางานรวมกนั ประเมินทักษะ • ใชในการประเมินการแสดงทกั ษะของผูเ รยี น ในฐานะการเปน สมาชกิ ของสงั คมทีต่ อ งมีความเก่ียวของกับหลักการทางเศรษฐศาสตร ท่มี คี วามซับซอ น และกอเกดิ เปนความชาํ นาญในการนํามาเปน แนวทางปฏบิ ตั ิจรงิ ในชีวติ ประจาํ วันอยางย่งั ยืน เชน ทกั ษะในการส่ือสาร ทกั ษะในการแกป ญหา ทักษะ ชีวิตในดา นตางๆ โดยอาจมีการนาํ เสนอผลการปฏิบตั งิ านตอ ผูเกย่ี วของหรอื ตอสาธารณะ สง่ิ ทต่ี อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผี่ เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทตี่ อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน T116

Chapter Overview แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ การเรยี นรู้ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 - หนังสอื เรียน 1. อ ธิบายความหมายและ สบื เสาะ - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น - ทักษะการ 1. มวี ินัย การออม สงั คมศกึ ษาฯ ม.2 ความสำ� คญั ของการออม หาความรู้ - ตรวจการท�ำแบบฝกึ รวบรวมขอ้ มูล 2. ใฝ่เรยี นรู้ - แบบฝกึ สมรรถนะ ทมี่ ผี ลตอ่ ระบบเศรษฐกจิ (5Es สมรรถนะและการคดิ - ท กั ษะการ 2 และการคดิ ได้ (K) Instructional เศรษฐศาสตร์ ม.2 วิเคราะห์ เศรษฐศาสตร์ ม.2 2. อธบิ ายการบริหาร Model) - ตรวจใบงานท่ี 6.1 - ทกั ษะการสร้าง ชั่วโมง - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น จัดการเงนิ ออมของ - ประเมินการนำ� เสนอผลงาน ความรู้ - PowerPoint - ใบงานที่ 6.1 ภาคครัวเรือนได้ (K) - สงั เกตพฤตกิ รรม 3. วเิ คราะหป์ จั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การท�ำงานรายบคุ คล การออมได้ (P) - สงั เกตพฤติกรรม 4. วเิ คราะหป์ ญั หาของ การทำ� งานกลุ่ม การออมในสงั คมไทยได้ - ประเมนิ คุณลกั ษณะ (P) อันพงึ ประสงค์ 5. เหน็ คณุ ค่าของการออม ทม่ี ผี ลตอ่ ระบบเศรษฐกจิ และการด�ำเนนิ ชวี ิต ประจำ� วนั ได้ (A) T117

แผนการจัด สอื่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์ แผนฯ ที่ 3 การลงทุน - หนังสือเรยี น 1. อธบิ ายความหมายและ สบื เสาะ - ต รวจการท�ำแบบฝึก - ทกั ษะการสื่อสาร 1. มีวนิ ัย สังคมศกึ ษาฯ ม.2 ความสำ� คัญของการ หาความรู้ สมรรถนะและการคดิ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ 2. ใฝ่เรียนรู้ 2 - แบบฝึกสมรรถนะ ลงทุนทม่ี ีผลต่อระบบ (5Es เศรษฐศาสตร์ ม.2 - ทกั ษะการคดิ อยา่ ง และการคดิ เศรษฐกจิ ได้ (K) Instructional - ตรวจการท�ำแบบวดั และ มีวจิ ารณญาณ ชว่ั โมง เศรษฐศาสตร์ ม.2 2. อ ธบิ ายแหลง่ เงนิ ทนุ Model) บนั ทกึ ผลการเรียนรู้ - ทกั ษะกระบวนการ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน และการบริหารจดั การ เศรษฐศาสตร์ ม.2 คิดตดั สินใจ - PowerPoint เงินทุนของภาค - ตรวจใบงานท่ี 6.2 - ทักษะการ - ใบงานที่ 6.2 ครวั เรอื นได้ (K) - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน ประยุกตใ์ ช้ความรู้ 3. วิเคราะหป์ ัจจยั ทีม่ ผี ล - สังเกตพฤติกรรม - ทกั ษะการเชอื่ มโยง ตอ่ การลงทุนได้ (P) การท�ำงานรายบุคคล 4. วเิ คราะหป์ ัญหาของ - สงั เกตพฤตกิ รรม การลงทุนในสงั คมไทย การท�ำงานกลมุ่ ได้ (P) - ประเมินคณุ ลกั ษณะ 5. เห็นคุณคา่ ของการ อันพึงประสงค์ ลงทนุ ทมี่ ผี ลตอ่ ระบบ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน เศรษฐกจิ และการ ดำ� เนินชวี ติ ประจ�ำวันได้ (A) T118

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๖ การออมและการลงทนุหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ขนั้ นาํ (5Es Instructional Model) ¡ÒÃÍÍÁáÅСÒÃŧ·Ø¹ ÁÕ»ÃÐ⪹µ‹Í¡Òà ขั้นท่ี 1 กระตุน ความสนใจ ´íÒà¹Ô¹ªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ ¢Í§àÃÒÍ‹ҧäà 1. ครแู จง ใหน กั เรยี นทราบถงึ วธิ สี อนแบบสบื เสาะ ? หาความรู ชอ่ื เรือ่ งทจี่ ะเรยี นรู จดุ ประสงคก าร เรยี นรู และผลการเรยี นรู โดยทั่วไปบุคคลต่าง ๆ ในระบบเศรษฐกิจ เมื่อประกอบอาชีพหารายได้ก็มักจะแบ่งรายได้ ออกเปน็ ๒ สว่ น รายไดส้ ว่ นหนงึ่ จะนา� ไปจบั จา่ ยใชส้ อยเพอื่ การบรโิ ภคในชวี ติ ประจา� วนั และรายได้ 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย อีกส่วนหน่งึ กจ็ ะเกบ็ ออมเพอื่ ใชจ้ ่ายในอนาคต การเก็บออมในสมัยโบราณอาจเกบ็ ไว้ในบา้ นเรือน การเรียนรูท่ี 6 เรือ่ ง การออมและการลงทุน ซ่ึงไม่ได้ก่อให้เกิดผลประโยชน์งอกเงยข้ึน แต่ในปัจจุบันนิยมน�าเงินออมไปฝากไว้กับธนาคาร พาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่น ๆ น�าเงินไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซ้ือหุ้นของธุรกิจต่าง ๆ หรือซ้ือ 3. ครูยกสถานการณเศรษฐกิจในปจจุบันซ่ึงมี หลักทรัพย์อ่ืน ๆ เพื่อหวังผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย เงินปันผล และก�าไร ส�าหรับเงินออม คาครองชีพสูง สินคาราคาแพง ใหนักเรียน ดงั กลา่ วสถาบนั การเงนิ ตา่ ง ๆ กจ็ ะนา� ไปลงทนุ แสวงหาผลประโยชน ์ ขยายธรุ กจิ การคา้ และรฐั บาล รว มกนั อภปิ ราย แสดงความคิดเห็น และถาม ก็จะน�าไปใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาประเทศ เงินออมของบุคคลในระบบเศรษฐกิจก็จะถูกน�าไปใช้ คําถามตามประเดน็ เชน เพอื่ การลงทุนให้เกดิ ประโยชนต์ อ่ เศรษฐกิจต่อไป • ถานักเรียนเปนผูใหญที่สามารถหาเลี้ยงชีพ ตนเองได นักเรียนจะวางแผนการใชจาย ในสภาพเศรษฐกจิ เชน น้อี ยางไร • การออมมคี วามสําคัญตอ ครอบครัวอยา งไร และจะมีวิธีการออมอยางไรจึงจะกอใหเกิด ผลงอกเงยไดมากข้ึน 4. ครูใหนักเรียนท่ีมีเงินออมเลาวิธีการบริหาร รายรบั -รายจา ยของตนเอง จนสามารถมเี งนิ ออม จากน้ันครตู ้งั คาํ ถามกระตุน ความสนใจ ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ส ๓.๑ ม.๒/๑ วิเคราะห์ปจั จัยทม่ี ผี ลต่อการลงทุน • ความหมายของการลงทนุ และการออมต่อระบบเศรษฐกิจ และการออม • การบริหารจดั การเงินออมและการลงทุนภาคครวั เรอื น • ป จั จัยของการลงทนุ และการออมคอื อตั ราดอกเบยี้ รวมทง้ั ปจั จยั อน่ื ๆ เชน่ คา่ ของเงนิ เทคโนโลย ี การคาดเดาเกย่ี วกบั อนาคต • ป ัญหาของการลงทนุ และการออมในสังคมไทย ๑0๗ เกร็ดแนะครู การเรยี นเก่ียวกับการออมและการลงทนุ เพอื่ ใหน กั เรยี นมีความรเู กี่ยวกบั สถานการณก ารออมและการลงทนุ ในภาคครวั เรอื นและภาคธุรกิจ เพือ่ ใหน ักเรยี น ไดต ระหนกั ในความสําคัญของการออม การสรางนสิ ยั การออม มีการบริหารจัดการเงนิ ออมอยางมีประสทิ ธภิ าพและแสวงหาชองทางในการลงทนุ เพื่อใหเ งนิ ออม งอกเงย และเขาใจสถานการณก ารลงทุนของประเทศ ดงั นนั้ ครคู วรจดั การเรยี นการสอน ดังน้ี • นาํ สถติ ิการออมภาคครัวเรือนมาใหน กั เรยี นวิเคราะหส ถานการณการออมของคนไทย • นําขา วเศรษฐกจิ มาใหน ักเรียนวิเคราะหส ถานการณท างเศรษฐกิจดานการลงทุนของประเทศและระหวางประเทศ • ใหนักเรยี นจัดทาํ บันทึกรายรบั -รายจา ย เงินออมของตนเองและจัดทําบญั ชคี รัวเรือน • อภปิ รายถึงปญ หาการออมและการลงทุนของไทยพรอมเสนอแนะแนวทางการแกป ญหา T119

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ñ. การÍÍÁ ขน้ั ท่ี 2 สาํ รวจคน หา ๑.๑ ความหมายและความส�าคญั ของการออม ๑) ความหมายของการออม หรอื การออมทรพั ย ์ หมายถงึ รายไดส้ ว่ นทเ่ี หลอื จาก 1. ครใู หนกั เรยี นแบง กลุม ศกึ ษาคนควาเกยี่ วกบั การออม จากหนังสือเรียน สงั คมศึกษาฯ ม.2 การใช้จา่ ย เชน่ นายสมชายมีเงนิ เดอื นจากการทา� งานในบรษิ ัทแหง่ หนึง่ ๒๑,๐๐๐ บาท และมี หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือ รายจา่ ยในแต่ละเดอื นเทา่ กับ ๒๐,๐๐๐ บาท ดงั นัน้ นายสมชายจะมเี งินออมเดอื นละ ๑,๐๐๐ บาท ในหอ งสมดุ เวบ็ ไซตใ นอนิ เทอรเ นต็ ตามประเดน็ โดยทวั่ ไปการออมจะเกดิ ขน้ึ กต็ อ่ เมอื่ บคุ คลมรี ายไดม้ ากกวา่ รายจา่ ย ทางทจ่ี ะเพม่ิ เงนิ ดังนี้ ออมให้กับบุคคลต่าง ๆ อาจท�าได้โดยความพยายามท่ีจะเพ่ิมรายได้ ให้กับตนเองให้มากขึ้น เช่น • ความหมายและความสาํ คัญของการออม การใช้เวลาว่างในการหารายได้พิเศษ การปรับปรุงระบบการท�างานให้มีประสิทธิภาพ เพ่ือให้ • ปจจยั ของการออมเงนิ มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นก็อาจท�าได้ด้วยการลดรายจ่ายในชีวิตประจ�าวัน เช่น ใช้ทรัพย์สิน • เปา หมายของการออม ต่าง ๆ อยา่ งประหยดั ลดการใช้จา่ ยทีไ่ มจ่ �าเปน็ ใชเ้ งินซ้อื สนิ ค้าให้คมุ้ ค่า เป็นต้น • การบรหิ ารจดั การเงนิ ออมของภาคครวั เรอื น ในระบบเศรษฐกิจย่ิงมีเงินออมมากเท่าใด เงินออมดังกล่าวก็สามารถน�าไปใช้ลงทุน • หลกั เกณฑที่ควรพิจารณาในการออม และใชใ้ นการพฒั นาประเทศให้เจรญิ รุ่งเรอื งไดม้ ากขน้ึ • ปญหาการออมในสังคมไทย แผนผังแสดงการบรหิ ารรายได้ของบคุ คล 2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเชื่อถือ ใหกบั นกั เรยี นเพม่ิ เติม ใชจ้ า่ ย ฝากไว้กบั ธนาคารพาณิชย1์ ผลตอบแทน ดอกเบ้ีย เพ่อื การบรโิ ภค รายไดข้ อง และสถาบันการเงนิ บคุ คลตาง ๆ ซ้ือหุ้นของธุรกจิ ตา่ ง ๆ ผลตอบแทน เงนิ ปนั ผล และดอกเบี้ย ซื้อพันธบัตรรัฐบาล ผลตอบแทน ดอกเบยี้ เงนิ ออม ซอ้ื ทรพั ยส์ ินตา่ ง ๆ ผลตอบแทน กา� ไร ของบคุ คล ผลตอบเเทนคืนสู่ผ้อู อมทรพั ย์ในรูปเเบบตา่ ง ๆ ๑0๘ นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 ธนาคารพาณชิ ย สถาบนั การเงินทาํ หนา ท่ใี นการรบั ฝากเงนิ จากประชาชน ขอ ใดมีความสอดคลองกบั การออมมากท่ีสดุ แลวใหดอกเบ้ียเปนการตอบแทนผูฝากเงิน และจะตองจายเงินคืน นอกจากนี้ 1. แตงกวามีเงินเหลอื จากการใชจายเดือนละ 3,000 บาท ยังนําเงินที่รับฝากจากประชาชนไปลงทุนและปลอยกูใหกับภาคธุรกิจ 2. สมโอไดรับเงินเดือน 15,000 บาท มีรายจายเพ่ือการลงทุน หนว ยงาน องคก รตา งๆ และประชาชนทว่ั ไป โดยไดร บั ผลตอบแทนเปน ดอกเบยี้ การบริการเงินฝากของธนาคารพาณิชยในปจจุบัน เชน เงินฝากออมทรัพย 14,000 บาท เงินฝากแบบประจํา เงินฝากกระแสรายวัน และเงินฝากประเภทอ่ืนๆ 3. ชมพนู าํ เงนิ ทเ่ี หลอื เกบ็ ไปลงทนุ เปด รา นอาหาร ตอ มาเกดิ ปญ หา นอกจากนี้ ยังใหบริการซื้อ-ขาย หรือเก็บเงินตามต๋ัวแลกเงิน บริการอ่ืนๆ เชน การใชบัตรเครดิต รับชําระคาบัตรเครดิต บริการชําระคาสาธารณูปโภค สภาพคลองตองปด กิจการ ใหค าํ แนะนาํ ดา นการลงทนุ รบั แลกเงนิ ตราตา งประเทศ ตวั อยา งธนาคารพาณชิ ย 4. นอ ยหนา ใชจ า ยอยา งประหยดั และทาํ งานพเิ ศษหารายไดเ สรมิ เชน ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย เพอ่ื ใหเ พียงพอกบั คา ใชจา ยในครอบครัว (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะการออม คอื รายไดที่เหลือ จากการใชจ า ยในชีวิตประจาํ วนั โดยทั่วไปการออมจะเกิดขน้ึ เมือ่ รายไดม ีมากกวา รายจา ย) T120

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๒) ความส�าคัญของการออม การออมทรัพย์จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ออม ขนั้ สอน ครอบครัว และประเทศ ดงั น้ี ๒.๑) ช่วยให้ครัวเรือนมคี วามมั่นคง เมือ่ บคุ คลตา่ ง ๆ ในครวั เรอื นมงี านทา� และ ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู มีรายได้ก็จะน�าไปจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจ�าวันส่วนหนึ่ง และส่วนหน่ึงที่เหลือก็เก็บออมไว ้ 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก เงนิ ทีเ่ ก็บออมไวก้ เ็ พอ่ื สร้างความมั่นคงให้กับครวั เรือน เช่น การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ยี นความรูก ัน ๑. เพอ่ื เป็นค่าใช้จ่ายฉกุ เฉินของครอบครวั ในกรณที ่ีสมาชกิ ในครอบครวั เจบ็ ปวย ประสบอุบตั ิเหตุ หรอื ตกงาน 2. แตละกลมุ ชว ยกนั คัดเลือกขอมลู ทีถ่ ูกตอง ๒. เพอื่ เปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยในการพฒั นาสมาชกิ ในครอบครวั เปน็ การออมทรพั ย์ 3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล เพ่ือเป็นค่าใช้จ่ายในการให้การศึกษาแก่สมาชิกในครอบครัว ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพ การสันทนาการ และการหาความรอู้ น่ื ๆ หนา ชน้ั เรยี นตามประเดน็ ทศ่ี กึ ษา โดยเรม่ิ จาก ๓. เพอ่ื สะสมทรพั ยส์ นิ ใหแ้ กส่ มาชกิ ของครอบครวั หลงั จากหวั หนา้ ครวั เรอื น กลุมที่ 1 ความหมายและความสําคัญของ ปลดเกษียณ ไมไ่ ดท้ า� งานหรือถงึ แก่กรรม กจ็ ะไม่ท�าใหส้ มาชิกในครัวเรอื นเดอื ดรอ้ นมากนัก การออม ฝไดาร้กับธผนลาปคารระโแยลชะนส๒์ใถน.า๒รบ)ปู ันขชกอ่วางรยดเใงอหนิ ก้ค เกบราัยี้วร เซรเงือ้ือินพนปนัมันธีรผบาลัตย รไแรดลฐั ้ะมบกาา�ากลไ1 ขรก2 ้ึนซา ร่งึ ซผกอ้ืลาหตรนุ้ออบใอนแมธททุรนกรดัจิพังตยกา่ ์โลงด า่ๆยว จกจะะาททร�านา� ใใ�าหหเ้ร้ผงาิู้อนยอไไมปด้ 4. ครูนําขาวหรือเหตุการณท่ีเกิดขึ้นในสังคม ของผู้ออมเพ่มิ มากขึน้ ได้อีกทางหน่ึง ทสี่ รา งความเสยี หายตอ ชวี ติ และทรพั ยส นิ เชน เหตุการณภัยธรรมชาติ มาเลาใหนักเรียนฟง แลวใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหเชื่อมโยงถึง ความสําคัญของการออมตอการดําเนินชีวิต ในชวงเวลาดังกลา ว 5. ครูนําสนทนาประกอบการตั้งคําถามเพิ่มเติม เชน • นักเรียนคิดวา สมาชิกในครอบครัวจะตอง ปฏบิ ตั ติ นอยา งไร เพอื่ ใหไดม าซ่งึ เงนิ ออม (แนวตอบ เชน สมาชิกในครอบครัวที่เปน วยั ทาํ งานจะตอ งทาํ งานเพอื่ ใหไ ดม าซง่ึ รายได สว นสมาชกิ ทไ่ี มอ ยใู นวยั ทาํ งานกต็ อ งใชจ า ย อยา งประหยดั มวี นิ ยั ในการใชเ งนิ และสรา ง นิสัยการออม เพ่ือเก็บเงินไวใชจายในยาม จําเปน หรือเพื่อความม่ันคงของครอบครัว ในอนาคต)  การออมทรัพย์ท�าให้ผอู้ อมมฐี านะและความเปน็ อยทู่ ดี่ ีในอนาคต ๑09 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู การออมในขอ ใด กอใหเ กิดประโยชนงอกเงยมากทส่ี ดุ ครูควรเนนย้ําใหนักเรียนเห็นความสําคัญของการออมเงิน และแนะนํา 1. นําเงินออมทส่ี ะสมไวไปซ้อื เสอื้ ผา วิธีการออมเงินแบบงายๆ เพ่ือใหนักเรียนสามารถนําไปใชในชีวิตประจําวัน 2. นําเงนิ ออมที่สะสมไวไปซ้ือทีอ่ ยอู าศัย พรอ มทงั้ กระตนุ นกั เรยี นในการออมเงนิ สรา งแรงจงู ใจใหน กั เรยี นเหน็ ความสาํ คญั 3. นําเงินออมท่สี ะสมไวไ ปซ้อื โทรศัพทเ คล่อื นทรี่ นุ ใหม ของการออมเงิน เชน แรงจงู ใจจากดอกเบี้ย ความม่ันคงในอนาคต 4. นาํ เงนิ ออมทส่ี ะสมไวไ ปงานเลย้ี งสงั สรรคก ับเพือ่ นอยเู สมอ นักเรียนควรรู (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การนําเงินออมไปซ้ือท่ีอยูอาศัย นอกจากเปนปจจัยพ้ืนฐานที่จําเปนในการดํารงชีวิตแลว ยัง 1 พนั ธบตั รรฐั บาล ตราสารทางการเงนิ ทอ่ี อกโดยรฐั บาล เพอ่ื เปน การระดมทนุ สามารถนาํ ไปขายตอ หรอื ขายเพอื่ การเกง็ กาํ ไรในอนาคตไดอ กี ดว ย ในระยะยาวเกนิ กวา 1 ปข น้ึ ไป ซงึ่ รฐั บาลจาํ หนา ยใหก บั ประชาชน ใหผ ลตอบแทน นับเปน การลงทุนอยา งหนึง่ ) ในรูปของอัตราดอกเบ้ีย เพื่อนําเงินไปใชจายในดานตางๆ ของรัฐบาล หรือ เพ่อื ลดการใชจา ยฟมุ เฟอ ยของประชาชน 2 กําไร เปนผลตอบแทนจากการดําเนินธุรกิจ ซ่ึงผลกําไรไดมาจากรายได หักดว ยตน ทนุ ถาธรุ กจิ มีรายไดสูงกวาตน ทนุ ธุรกิจกจ็ ะมีกาํ ไร T121

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๒.๓) ช่วยยกระดับมาตรฐานการครองชีพ1ให้สูงข้ึน ผู้ออมอาจน�าเงินออมไป ซอื้ บา้ น รถยนต ์ เฟอรน์ เิ จอร ์ อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ตา่ ง ๆ เชน่ โทรทศั น ์ วทิ ย ุ แอร ์ เครอื่ งซกั ผา้ ตู้เยน็ ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู เป็นต้น ซ่ึงสนิ ค้าตา่ ง ๆ ดังกล่าวจะชว่ ยอ�านวย ความสะดวกสบายในชีวิตประจ�าวัน ช่วยท�าให้ 6. ครูนําสถิติการออมภาคครัวเรือนของคนไทย มาตรฐานการครองชพี ของผอู้ อมสงู ขน้ึ เชน จากสาํ นกั งานสถติ แิ หง ชาติ สาํ นกั นโยบาย ๒.๔) ช่วยในการพฒั นา การออมและการลงทุน มาสนทนาแสดง เศรษฐกิจของประเทศ เงินออมของประชาชน ความคิดเห็นถึงสถานการณการออมของครัว ในประเทศจากการฝากไว้กับสถาบันการเงิน เรอื นไทย จากน้นั ครูถามคําถาม เชน ซ้ือพันธบัตรรัฐบาลและซ้ือหุ้นจากธุรกิจ จะถูก • นกั เรียนคิดวา สถาบนั การเงนิ ตา งๆ จะนาํ น�าไปใช้ในการลงทุนของภาคธุรกิจและภาครัฐ เงินออมของประชาชนไปใชเพื่ออะไรบา ง ใช้ในการสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจขั้นพ้ืนฐาน (แนวตอบ เชน เปนแหลง เงินกูใหก ับรัฐบาล เปน แหลง เงนิ ทนุ หรอื สนิ เชอื่ ใหก บั ภาคธรุ กจิ และภาคครัวเรอื น) เช่น สนามบิน ท่าเรือ ถนน ไฟฟ้า ประปา เปน็ ตน้ ซง่ึ จะชว่ ยใหเ้ กดิ การจา้ งงาน สรา้ งรายได้  เงนิ ออมของประชาชน ส่วนหน่งึ รฐั บาลจะนา� ไปใชพ้ ัฒนา ให้แก่ประชาชน ท�าให้เศรษฐกิจของประเทศ ประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น สร้างถนนเพ่ือความสะดวก ขยายตัวได้อย่างตอ่ เน่อื ง ชว่ ยท�าใหส้ งั คมมกี าร ในการคมนาคมขนสง่ พฒั นาแ2ละเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขนึ้ ๒.๕) ชว่ ยลดปญั หาการพง่ึ พาตา่ งประเทศ จากอดตี ถงึ ปจั จบุ นั คนไทยยงั ออมทรพั ย์ อยู่ในระดับต่�า แต่ความต้องการใช้เงินลงทุนเพ่ือขยายธุรกิจและพัฒนาประเทศมีมาก ท�าให้เกิด ปญั หาเงนิ ออมไมเ่ พยี งพอในการนา� ไปใชใ้ นการพฒั นา หรอื เรยี กกนั ทวั่ ไปวา่ เกดิ ชอ่ งวา่ งของการออม ทา� ใหร้ ฐั บาลและธรุ กจิ ภาคเอกชนตอ้ งขอกยู้ มื เงนิ จากตา่ งประเทศเขา้ มาใช ้ และต้องเสียดอกเบี้ย สว่ นหนง่ึ ใหต้ า่ งประเทศ ระบบเศรษฐกจิ จงึ ยงั คงพง่ึ พาตา่ งประเทศ การพยายามสง่ เสรมิ การออมทรพั ย์ อขกีอทงปางรหะชนาง่ึ ช รนวไมททยง้ั แชลว่ ะยคสรง่ ัวเสเรรือมิ นคตว่าางม มๆ เี สกถ็จยี ะรชภ่วายพลทดาปงัญเศหราษกฐากรจิ พ3แ่ึงลพะลาเดงผินลลกงรทะุนทจบาจกาตก่าคงวปารมะผเนัทผศวไดน้ จากวิกฤตการณ์ในตลาดการเงนิ โลก ๑.๒ ปจั จัยของการออมเงิน การออมเป็นผลมาจากการบริหารจัดการรายได้ท่ีดี มีการวางแผนการใช้เงิน การออม นบั เปน็ สง่ิ ทดี่ ที จ่ี ะชว่ ยแกป้ ญั หาความเดอื ดรอ้ นทางการเงนิ ทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ อยา่ งคาดไมถ่ งึ ของบคุ คล และครวั เรอื น เงนิ ออมชว่ ยสรา้ งเสรมิ รายไดใ้ นอนาคตและชว่ ยทา� ใหเ้ ศรษฐกจิ ของประเทศขยายตวั แตก่ ารออมจะมากหรือน้อยเพยี งใดขน้ึ อยกู่ ับปจั จยั ต่าง ๆ ดงั นี้ ๑๑0 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 ยกระดับมาตรฐานการครองชีพ ภาครัฐสามารถทําไดโดยการพัฒนาการ การออมมีสวนชวยพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศไดอยางไร ศกึ ษา ใหป ระชาชนไดรับการศกึ ษาในระดับสงู ๆ อยา งทัว่ ถึง พัฒนาอาชพี เพอ่ื 1. ชว ยใหเ กิดการลงทนุ ภาคธรุ กิจ ใหม กี ารจา งงาน สง เสรมิ การเขา รบั การอบรมในการประกอบอาชพี เพอ่ื สามารถ 2. ชวยใหเ กิดการบริโภคสนิ คาท่หี ลากหลาย สรางอาชพี ใหก บั ตนเองได จัดสวัสดกิ าร ลดความเหล่อื มล้าํ ในสังคม สนับสนุน 3. ชว ยใหเกดิ การจางแรงงานตา งดาวมากขึ้น งบประมาณในการพัฒนาทองถน่ิ อยา งท่วั ถงึ ทาํ ใหป ระชากรมีความอยูดกี ินดี 4. ชว ยใหเกดิ การสรางเงินสรา งงานทว่ั ประเทศ 2 การพงึ่ พาตา งประเทศ มหี ลายรปู แบบ เชน การขอกยู มื เงนิ จากตา งประเทศ การขอความชว ยเหลอื ทางวชิ าการในการกอสรางสาธารณปู โภค (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะการออมมีสวนชวยใหเกิด 3 เสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ เสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ ภายในประเทศเปน ภาวะ การลงทุน จะทาํ ใหว งจรเศรษฐกจิ ของประเทศเขมแขง็ โดยเมอ่ื มี ที่ไมเกิดภาวะเงินเฟอ เงินฝด และการวางงาน สวนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เงนิ ออม สถาบนั การเงนิ กจ็ ะนาํ เงนิ ออมของประชาชนมาปลอ ยกใู ห ระหวางประเทศเปนภาวะท่ีไมเกิดปญหาดุลการคาและดุลการชําระเงินขาดดุล กับภาคธรุ กิจ ทําใหเกดิ การลงทุนของภาคธุรกจิ กอ ใหเกดิ รายได หรอื เกนิ ดุล ซ่ึงจะชวยใหเกิดการจางงาน สรางรายไดใหแกประชาชน ทําให เศรษฐกิจขยายตัว มีการบริโภคสินคามากข้ึน เพราะประชาชน T122 มีกําลังซือ้ สังคมมกี ารพัฒนาและเปลยี่ นแปลงไปในทางที่ดีข้ึน)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๑) รายได้สุทธิส่วนบุคคล คือ รายได้ของบุคคลที่ได้หักภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ขน้ั สอน ออกแล้ว ผ้ทู ม่ี รี ายได้สทุ ธสิ ่วนบคุ คลสงู เชน่ ผู้บริหารระดับสงู ในภาคธรุ กิจ ขา้ ราชการระดับสูง นักธุรกิจรายใหญ่ ย่อมมีโอกาสออมเงินสูงกว่า ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู ชผราน้ัทู้ ยผม่ี ยนู้รี ่อาอ้ ยยย2 ไ ดพซส้ นึ่งทุ บกั ธงุคสิาคว่นลนรกบฐั ลวคุ ุ่สิมคานลหี้นจกะอ้ จิมย1 ีรล เากูชยจน่ ไา้ ดขง้เสา้ กุรทษาธชตินกร้อกายรร ท�าใหม้ กี ารออมน้อยตามไปด้วย 7. นักเรียนกลุมที่ 2 ปจจัยของการออมเงิน สงตัวแทนนําเสนอขอมูลหนาชั้นเรียนตาม ๒) ผลตอบแทนท่ีผู้ออมได้รับ ประเดน็ ทีศ่ กึ ษา จากการออม อาจอยใู่ นลกั ษณะใดลกั ษณะหนง่ึ หรือในหลายลักษณะ เช่น ดอกเบยี้ เงนิ ปนั ผล 8. ครูใหนักเรียนสํารวจเงินออมของตนเองวา และก�าไร ถ้าผลตอบแทนที่ได้รับอยู่ในอัตราสูง ขณะนมี้ เี ทา ใด และปจ จยั ใดบา งทม่ี ผี ลตอ การ ก็จะเป็นแรงจูงใจให้มีการออมทรัพย์เพิ่มขึ้น ออมเงนิ ของนกั เรยี น จากนนั้ ครถู ามคาํ ถาม เชน เชน่ ถา้ ธนาคารพาณชิ ยแ์ ละสถาบนั การเงนิ ปรบั • ปจจัยท่ีมีผลตอการออมเงินของคนไทยมี อตั ราดอกเบย้ี เงนิ ฝากเพม่ิ ขน้ึ กจ็ ะเปน็ การจงู ใจ อะไรบาง และมผี ลตอ บคุ คลอยา งไร ใหม้ ผี นู้ า� เงนิ ออมไปฝากมากขน้ึ ปรมิ าณเงนิ ออม  การวางแผนในการใชเ้ งินจะท�าให้มเี งินออมและเกบ็ ไว้ซ้ือ (แนวตอบ ปจจัยที่มีผลตอการออมเงินของ จงึ เพมิ่ สูงข้นึ หรือถ้าเงินปนั ผลจากธรุ กจิ ตา่ ง ๆ ส่งิ ของที่ตอ้ งการได้ คนไทย เชน รายได คา ใชจา ยทจี่ าํ เปน วินัย ในการใชเงิน การวางแผนในการใชเ งนิ ) สูงข้นึ ก็จะจงู ใจใหผ้ มู้ ีเงนิ ออมนา� เงนิ ไปซื้อหุ้นจากธุรกจิ มากขน้ึ การออมทรพั ยโ์ ดยรวมกเ็ พิม่ ข้ึน • ปจจัยใดที่ทําใหคนไทยมีโอกาสในการออม เงนิ ไมเทากัน จนทาํ ใหเกิดชองวา งระหวา ง ๓) คา่ ของเงนิ หรอื อา� นาจซอ้ื ของเงนิ ในปจั จบุ นั จะสง่ ผลตอ่ ปรมิ าณการออม ผอู้ อม คนรวยกบั คนจน (แนวตอบ เชน รายไดของบคุ คลที่ไมเทากนั ความจําเปนในการใชจาย หรือวินัยในการ วางแผนทางการเงนิ ของแตล ะคนไมเ หมอื นกนั ) จะตัดสินใจท�าการออมมากขึ้นภายหลังจากการพิจารณาถึงอ�านาจซ้ือของเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันว่า ไม่มคี วามแตกต่างจากมูลค่าของเงินในอนาคตมากนกั เปน็ ต้นว่าเงินจา� นวน ๑๐๐ บาท สามารถ ซือ้ สินคา้ และบรกิ ารได้ ในจ�านวนใกล้เคยี งหรือเท่ากับการใชเ้ งิน ๑๐๐ บาท ซอ้ื สินค้าและบริการ ในอกี ๒ - ๓ ป ี ขา้ งหนา้ หรอื มากกว่านั้น ในทางตรงกนั ขา้ ม ผ้อู อมจะตัดสนิ ใจออมน้อยลงหรือรีบ ใช้เงินซื้อสินค้าและบริการในปัจจุบัน ถ้าคาดว่าค่าของเงินหรืออ�านาจซื้อของเงินในปัจจุบันจะ ลดลงอย่างมากในอนาคต ๔) การใชจ้ า่ ยในสง่ิ ทจ่ี า� เปน็ ตามลกั ษณะนสิ ยั สว่ นบคุ คล บคุ คลแตล่ ะคนอาจมี นิสัยการใช้เงินที่แตกต่างกัน บางคนมีนิสัยใช้จ่ายฟุมเฟอย เม่ือมีสินค้าและบริการรุ่นใหม่ ๆ ออกมาจา� หนา่ ยกจ็ ะเลอื กซอ้ื ไปใชบ้ รโิ ภค ทา� ใหม้ กี ารออมนอ้ ย สว่ นบคุ คลทม่ี นี สิ ยั ประหยดั มธั ยสั ถ์ ก็จะมีการออมไว้เพือ่ อนาคต มากกวา่ การใช้จ่ายเงนิ ไปกบั การซื้อสินคา้ ฟุม เฟอย ๑๑๑ ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู นิดามีนิสัยชอบยืมเงินเพ่ือนมาซ้ือสินคาแบรนดเนมประเภท 1 รฐั วสิ าหกจิ กจิ การทเี่ ปน ของรฐั ทง้ั หมด เชน การไฟฟา การประปา องคก าร เสอื้ ผา โทรศัพทเ คล่ือนท่ี กระเปาถอื นาฬกา มาใชเพ่ือความโกเก ตลาดเพือ่ เกษตรกร กบั กิจการท่รี ฐั มีหนุ อยูด วยเกนิ กวารอ ยละ 50 เชน บริษัท จนทําใหม หี นีส้ ินมากมาย แสดงวานิดาเปน คนเชนไร ปตท. จาํ กัด (มหาชน) บรษิ ัท การบนิ ไทย จาํ กัด (มหาชน) 1. ก้ิงกา ไดท อง 2. กระเชอกนรั่ว 2 เกษตรกรรายยอย เกษตรกรที่มีที่ดินทํากินนอยหรือเปนผูเชาที่ดินทํากิน 3. ฝนทงั่ ใหเปนเข็ม 4. เก็บเลก็ ผสมนอ ย โดยมรี ายไดน อ ย ทําใหม ีเงินออมต่าํ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะนิดาใชเงนิ สรุ ุยสรุ า ยในการ T123 ซือ้ สินคาและบรกิ ารรนุ ใหมๆ หาเงนิ มาไดก ใ็ ชจ า ยไป โดยไมรูจกั เก็บออมเงินไวเพื่ออนาคต เปรียบไดกับกระเชอซ่ึงเปนภาชนะ ชนิดหน่ึงคลายกระจาดขนาดเล็ก ทรงสูงกนสอบ สานดวยไมไผ ใชสําหรับใสเงินเบี้ย หรือเส้ือผา ของใชของประดับชิ้นเล็กๆ ใช กระเดยี ด ถา กน กระเชอรวั่ ของในกระเชอจะรวั่ ออกหมด จงึ อปุ มาวา คือ การใชจายสรุ ุยสุราย ไมรจู กั เกบ็ หอมรอมรบิ และสตรโี บราณ ทมี่ ลี ักษณะแบบนจ้ี ะเรียกวา แมก ระเชอกน รวั่ )

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน รฐั บาลจะเพมิ่ ๕อ)ัตรกาาภราคษาตี ด่างค ๆะเ นเชเน่ก ่ียภวากษับีมภลู คาวา่ เะพเศมิ่ 1ร ภษาฐษกเีิจงในิ นไดอส้นว่ านคบตคุ คถล้า2 ปภราะษชีสานิ ชคน้าคฟาุม ดเคฟะอเนย3วให่า้ สงู ขน้ึ ประชาชนบางส่วนอาจรีบซอื้ สนิ คา้ ต่าง ๆ ทนั ที เพราะเกรงวา่ สินคา้ ในอนาคตจะสูงข้นึ เป็น ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู ผลท�าให้การออมในปจั จุบันลดลง ในทางตรงกนั ขา้ ม ถา้ คาดวา่ รฐั บาล • นกั เรยี นคดิ วา ปจ จยั ใดมผี ลตอ การออมของ จะลดภาษตี า่ ง ๆ ในอนาคต ประชาชนบางส่วน คนไทยมากท่สี ุด ก็อาจออมเงินในปัจจุบันไว้เพื่อน�าไปใช้จ่ายใน (แนวตอบ รายได เพราะหากมีรายไดมาก อนาคตก็ได้ หรือจากการคาดการณ์ภาวะ โอกาสในการออมก็มีมาก ในขณะท่ีหากมี เศรษฐกิจว่า จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจไปท่ัวโลก รายไดนอยก็ทําใหโอกาสในการออมมีนอย การค้า การลงทนุ ขยายตวั น้อย รวมถงึ ประเทศ ซึ่งในปจจุบันคนสวนใหญของประเทศมี ไทยก็จะได้รับผลกระทบด้วย การคาดการณ์ รายไดท จี่ าํ กดั แกก ารครองชพี ทาํ ใหไ มส ามารถ เชน่ นจ้ี ะท�าใหค้ นส่วนหน่งึ ใชจ้ ่ายน้อยลง เพราะ ออมเงินหรือออมไดนอย ในขณะเดียวกัน เกิดความวิตกกับภาวะเศรษฐกิจ อาจท�าให้ คนบางกลมุ ขาดความตระหนกั ถงึ ความสาํ คญั  การวางแผนการออมทด่ี จี ะชว่ ยใหส้ ามารถสรา้ งครอบครวั ตนเองมรี ายไดน้ อ้ ยลง จงึ เลอื กทจี่ ะเกบ็ ออมเงนิ ของการออมเพอ่ื อนาคต ทาํ ใหเ กดิ เปน ปญ หา ที่ม่นั คงได้ ในทางตรงกนั ขา้ ม ถา้ รฐั บาลประเมนิ สถานการณ์ การออมของคนไทย) ทางเศรษฐกิจว่าแนวโน้มขยายตัว เศรษฐกิจโดยรวมดี ประชาชนก็จะเกิดความมั่นใจ และเกิด • นักเรียนคิดวา อุปสรรคในการออมของ การใชจ้ ่ายเพม่ิ ขน้ึ ตามภาวะเศรษฐกจิ ท่ขี ยายตวั เป็นตน้ ตนเองและครอบครัวมีอะไรบาง (แนวตอบ อปุ สรรคในการออมเงนิ ของตนเอง ๖) เทคโนโลยขี องการใหบ้ รกิ ารทางการเงนิ ปจั จบุ นั ธนาคารพาณชิ ยไ์ ดน้ า� ระบบ เชน มีรายไดแคเพียงพอกับการใชจาย เทคโนโลยอี เิ ลก็ ทรอนกิ สม์ าใชใ้ นการใหบ้ ริการทางการเงนิ แกล่ ูกค้ามากขึ้น เชน่ บริการเบิกถอน ในชีวิตประจําวัน ไมเหลือเปนเงินเก็บ เงนิ อตั โนมตั ิ (Automatic Teller Machine : ATM) บรกิ ารบตั รเครดิต ซง่ึ มีสว่ นท�าให้การใช้จ่าย ไมค อ ยมคี วามรเู กยี่ วกบั การจดั การเงนิ ออม ของลูกค้าธนาคารมคี วามคล่องตวั มากขนึ้ ประชาชนจงึ มีการใชจ้ ่ายเงินสะดวกขึน้ ทา� ใหก้ ารออม สําหรับอุปสรรคการออมเงินของครอบครัว ทรัพยน์ อ้ ยลง เชน สมาชิกในครอบครัวมีรายไดเพียง คนเดียว ในขณะที่สมาชิกคนอ่ืนๆ ใน ๗) ระบบการให้สวัสดิการหลังการเกษียณอายุ ประเทศใดท่ีมีระบบการให้ ครอบครัวไมมีรายได กําลังอยูในวัยเรียน มีคาใชจายสูง ทําใหไมม เี งนิ เก็บออม) สวสั ดกิ ารหลงั เกษียณอายทุ ี่ด ี เช่น นโยบายการให้บ�านาญ บา� เหนจ็ เงินชดเชย เป็นตน้ จะทา� ให้ ประชาชนบางสว่ นมกี ารออมเงนิ ไวใ้ ชใ้ นวยั ชราไมส่ ูงนกั เนือ่ งจากคาดว่าจะไดร้ ับเงนิ บางส่วนจาก ภาครัฐ แต่ถ้าประเทศใดท่ีมีระบบการให้สวัสดิการหลังเกษียณอายุในวัยชราน้อย ประชาชน บางสว่ นกจ็ ะเพ่ิมการออมในช่วงวัยทา� งานมากขึน้ เพ่ือเกบ็ สะสมไวใ้ ช้หลังเกษียณจากการทา� งาน และในวัยชรา ๑๑๒ นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด เทคโนโลยใี นการใหบ รกิ ารทางการเงนิ ทที่ นั สมยั สะดวก รวดเรว็ 1 ภาษมี ลู คา เพม่ิ หรอื VAT เปน ภาษที เี่ กบ็ จากมลู คา เพมิ่ ของสนิ คา และบรกิ าร ของธนาคารพาณิชยในปจจุบัน มีผลตอการออมภาคประชาชน ในแตละขั้น กอนที่สินคาและบริการจะไปถึงมือผูบริโภค โดยผูประกอบการ อยา งไร จะเก็บจากผูบรโิ ภค ปจจบุ ันประเทศไทยเกบ็ ในอตั รารอยละ 7 ของราคาสินคา และบริการ 1. ทําใหก ารออมลดลง 2 ภาษีเงินไดสวนบุคคล ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลท่ัวไปที่มีรายไดเกิดขึ้น 2. ทําใหก ารออมเพิ่มขน้ึ ตามเกณฑท่ีกําหนด โดยปกติจะจัดเก็บเปนภาษีรายไดที่เกิดข้ึนในปน้ันๆ ผูมี 3. ทําใหการออมหยุดน่งิ อยกู บั ท่ี รายไดมีหนาที่ตองนําไปแสดงรายการตามแบบแสดงรายการภาษีที่กําหนด 4. ทาํ ใหการออมเคลอื่ นไหวตลอดเวลา ภายในเดือนมกราคม-มนี าคม ของปถ ัดไป สามารถไปยน่ื ชําระภาษีทสี่ รรพากร (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. การใหบ รกิ ารทางการเงนิ ทท่ี นั สมยั เขต หรือสถานท่ที ีก่ รมสรรพากรกาํ หนด เชน ธนาคารพาณชิ ย ไปรษณยี  หรือ สะดวก รวดเรว็ เชน ใหบริการผานระบบอนิ เทอรเ นต็ โทรศพั ท ย่ืนชําระผานระบบอินเทอรเน็ต ผูท่ีไมชําระตามกําหนดจะไดรับโทษ เชน เคล่ือนที่ บริการตูกดเงินดวน ATM บัตรเครดิต ทําใหการออม ตอ งเสียคา ปรบั ของประชาชนลดลง เนื่องจากบริการเหลานี้ทําใหการใชจายเงิน 3 ภาษีสินคาฟุมเฟอย จะมีการจัดเก็บเฉพาะอยางและมีอัตราสูงกวาภาษี สะดวกและรวดเร็ว ถึงแมไมมีเงินสดก็สามารถใชจายผานบัตร สินคา ทวั่ ไป เชน เบยี รเ กบ็ ในอตั รารอ ยละ 60 เครดิตได กระตุนใหเกิดการใชจายคลองตัวย่ิงขึ้น จึงมีผลทําให การออมลดลง) T124

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๑.๓ เปาหมายของการออม ขน้ั สอน การออม๑เง. นิ กขาอรงอแอตม่ลเะพค่ือนปมรเี ปะโา้ ยหชมนา์รยะทยีแ่ ะตสกั้นต1 า่ ซง่ึงกในั นอรอะกยไะปส ้ันซองึ่ าอจาจมแีคบว่งาไมดจ้ ๒�าเ ปลกั็นษตณ้องะใ ไชด้เแ้งินก ่ ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู เชน่ เพอ่ื รกั ษาพยาบาลสมาชกิ ในครวั เรอื น ใหก้ ารศกึ ษาแกบ่ ตุ รหลาน จดั หาทอี่ ยอู่ าศยั พกั ผอ่ น ประจา� เ ดอื น เปน็๒ต. น้ ก าจรงึ อคอวมรเเกพบ็ อ่ื รปารยะไโดยส้ ชว่ นนร์ หะนยง่ึะเยพาอื่ว2ใ ชเจ้ปา่ น็ ยเรงะนิ ยอะอสมน้ั ทค่ี อ่ ย ๆ สะสมทลี ะเลก็ ทลี ะนอ้ ย 9. นักเรียนกลุมที่ 3 เปาหมายของการออม เปน็ เวลายาวนาน เพอื่ ไวใ้ ชจ้ า่ ยในอนาคต เชน่ เพอ่ื ความมนั่ คงของชวี ติ ไวใ้ ชจ้ า่ ยเมอื่ ออกจากงาน สงตัวแทนนําเสนอขอมูลหนาชั้นเรียนตาม รวมถงึ ดา� รงชวี ติ เมอื่ ยามชรา เปน็ ตน้ ประเดน็ ที่ศกึ ษา ท้งั น้ี เปา้ หมายการออมขน้ึ อยกู่ ับวยั อาย ุ เพศ การศึกษา และปัจจัยอื่น ๆ เชน่ ประชากร ในวัยเร่ิมต้นเข้าท�างาน อาจมีเป้าหมายของการออมเพ่ือน�าไปซื้อรถยนต์ เป็นทุนการศึกษาต่อ 10. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเปาหมายใน แต่งงาน ซื้อท่ีอยู่อาศัย ส่วนประชากรในวัยกลางคนอาจมีเป้าหมายของการออมเพื่อเป็น การออมของคนทวั่ ไป จากนน้ั ครถู ามคาํ ถาม ทุนการศึกษาบุตร เก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉินและเจ็บไข้ได้ปวย เก็บไว้ใช้หลังเกษียณอายุจากการ เชน ทา� งานแลว้ สว่ นประชากรในวยั ชรา อาจมเี ปา้ หมายของการออมเพอื่ ไวร้ กั ษาตวั ยามเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว ย • ชวงอายุมีผลตอเปาหมายของการออม ใช้จ่ายในชวี ิตประจา� วัน หรอื ซอ่ มแซมทอี่ ยู่อาศัย เป็นต้น อยางไร (แนวตอบ อายุมีผลตอเปาหมายการออม เชน เปาหมายของการออมในวัยทํางาน มักเปนการออมเพื่อความสุขของตน เพื่อ การอํานวยความสะดวกใหกับตนเอง เชน ซ้ือรถ ซ้ือบาน ใชจายตามความตองการ สวนการออมในวัยกลางคนมักเพ่ือไวใชใน ยามฉุกเฉนิ เจ็บไขไ ดป ว ยหรือหลงั เกษียณ อายุจากการทํางาน) เใพนอ่ื วใยั ชชจ้ รา่ าย เพอื่ ใคนวกาามรสเะดดินวทกาสงบาย เปา หมาย การออมของฉนั ขเพอือ่งบกุตารรศหกึ ลษานา เพอื่ ซื้อ ทอี่ ยู่อาศยั ๑๑๓ ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู การนําเงินออมไปใชในเรื่องใดท่ีสงผลตอการพัฒนาเศรษฐกิจ 1 การออมเพ่ือประโยชนระยะส้ัน เชน การฝากเงินประเภทออมทรัพย ของประเทศมากท่ีสุด เผอื่ เรยี กกบั ธนาคารพาณชิ ย ซงึ่ เบกิ ถอนไดส ะดวกและไดด อกเบยี้ เปน ผลตอบแทน 2 การออมเพ่ือประโยชนระยะยาว เชน การฝากเงินแบบประจํากับธนาคาร 1. ซื้อท่ีอยูอาศยั พาณชิ ย การลงทุนกับกองทุนรวม การลงทุนในตราสารหนี้ ซื้อพนั ธบตั รรัฐบาล 2. ซือ้ พันธบตั รรัฐบาล ซ่ึงจะไดรับผลตอบแทนสูงกวาการฝากบัญชีประเภทออมทรัพย หรือสามารถ 3. ซื้อสลากกนิ แบงรัฐบาล นาํ เงนิ ออมมาลงทนุ ในทดี่ นิ และอสงั หารมิ ทรพั ยต า งๆ ซงึ่ ไดร บั ผลตอบแทนเปน 4. ฝากธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณการเกษตร คาเชาหรือกาํ ไรจากการขายตอ (วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการออมในแตละขอมี เปาหมายทแี่ ตกตา งกนั โดยการออมในขอ 2. เพ่อื รบั ผลตอบแทน สื่อ Digital ในรูปของดอกเบ้ีย โดยรัฐบาลจะนําเงินสวนนี้ไปพัฒนาประเทศ ใชจายการลงทนุ ในโครงสรา งพนื้ ฐานตางๆ สว นในขอ 1. เพอื่ ให ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับการออม ไดที่ https://www.1213. เกิดประโยชนสนองตอบความตองการของตน ขอ 3. เพื่อเส่ียง or.th/th/moneymgt/save/Pages/save.aspx ศูนยคุมครองผูใชบริการทาง โชค และขอ 4. เพ่ือชว ยเหลือเกษตรกรผูตองการเงินทุนและจา ย การเงนิ ธนาคารแหงประเทศไทย ผลตอบแทนใหใ นรปู ของดอกเบย้ี (เกดิ ประโยชนก บั กลมุ เกษตรกร) T125

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๑.๔ การบรหิ ารจัดการเงนิ ออมของภาคครวั เรือน ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู หากฝากกเางรนิ อไอวกม้ บัสสาถมาาบรนัถกเพาร่ิมเงพนิ ูนแรลาะยมไคี ดว้ใาหม้แปกล่อเรดาภไยัด1 ้ แเลชะ่นเน อ่ืใหงจ้ผาลกตกอารบอแอทมนเงในินมรูทีปง้ัขออองมดรอะกยะเบสนั้ี้ย และระยะยาว ดังน้ัน จึงต้องมีการบริหารจัดการเงินออมของภาคครัวเรือนให้มีประสิทธิภาพ 11. นักเรียนกลมุ ที่ 4 การบริหารจัดการเงนิ ออม ซง่ึ ควรดา� เนินการเปน็ ลา� ดับขนั้ ดังน้ี ของภาคครัวเรอื น นาํ เสนอขอ มูล ๑) การก�าหนดเป้าหมายของการออมอย่างชัดเจน โดยสมาชิกในครอบครัว 12. ครูนําสนทนาใหนักเรียนตระหนักถึงความ สําคัญของการออมเงินและรูจักการบริหาร จะต้องก�าหนดให้ชัดเจนว่าครัวเรือนต้องการออมเงินไว้เพ่ืออะไร จ�านวนเท่าใด ในช่วงเวลาใด เงนิ ออม แลว้ ทา� เปน็ เปา้ หมายของการออมไว ้ 13. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั ศกึ ษาเปา หมายของการ ตัวอย่างการวางแผนออมเงินของเด็กหญิงสมฤดี อายุ ๑๔ ปี ซึ่งมีเป้าหมาย ออมของเด็กหญิงสมฤดี จากหนังสือเรียน การออม ดงั น้ี สงั คมศกึ ษาฯ ม.2 จากนน้ั แสดงความคดิ เหน็ รวมกนั ตัวอยา่ งการก�าหนดเป้าหมายการออมของเดก็ หญิงสมฤดี เปา้ หมายของการออม จา� นวนเงิน (บาท) ปีท่กี �าหนด ๑. เพ่อื ศกึ ษาต่อในอนาคต ๒. เพ่อื ซื้อสลากออมเงนิ ................................................... ................................................. ๓. เพ่อื ซอ้ื ของใชส้ ่วนตัว ๔. เพือ่ เปน็ ค่าเรยี นพิเศษ ................................................... ................................................. ๕ . เคพ่า่อืราเปยน็งาคนา่ ใชจ้ า่ ยวัสดอุ ปุ กรณ์การเรียน เชน่ ๖. เพ่ือเปดิ บัญชเี งินฝาก ................................................... ................................................. ๗. เพือ่ ท่องเที่ยว พักผอ่ น ๘. เพอ่ื แบง่ เบาภาระค่าใชจ้ า่ ยของครอบครวั ................................................... ................................................. ๙. อ่นื ๆ ................................................... ................................................. ................................................... ................................................. ................................................... ................................................. ................................................... ................................................. ................................................... ................................................. ๒) การจัดท�ารายรับและรายจ่ายในแต่ละเดือน1 ครัวเรือนควรมีการวางแผน การใชจ้ ่ายเงินในแต่ละเดอื นทร่ี ัดกุม เพ่อื ทจี่ ะควบคมุ การใชจ้ า่ ยเงนิ อย่างมเี หตุมผี ล และท่ีสา� คญั ต้องมีเป้าหมายในการออมทรพั ยใ์ นแตล่ ะเดอื นดว้ ย เพอื่ ใหเ้ งนิ ออมทร่ี วบรวมไดส้ ามารถนา� ไปใช้ ตามแผนทกี่ า� หนดไวอ้ ยา่ งรดั กุม รายรับและรายจา่ ยแต่ละเดอื นสามารถท�าได้งา่ ย ๆ ดังน้ี ๑๑๔ นักเรียนควรรู กิจกรรม เสริมสรางคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค 1 ความปลอดภยั ความปลอดภัยของเงนิ ออม คือ การออมเงินไวกบั สถาบัน ครูใหนักเรียนเสนอความคิดเห็นเก่ียวกับการปลูกฝงนิสัยรัก การเงินท่ีม่ันคง หรือนําไปซื้อหลักทรัพยตางๆ ซึ่งจะตองทําใหเงินเกิดมูลคา การออม และรวมกนั สรปุ แนวทางที่เหมาะสม เชน เพ่มิ ขึน้ และไมสูญหายหรือมปี ริมาณลดลง 2 การจัดทํารายรับและรายจายในแตละเดือน โดยการจัดทําบัญชีครัวเรือน • ซ้ือกระปุกออมสินมาวางไวในท่ีคุนเคย เพ่ือจะไดยํ้าเตือน คือ บัญชีรายรับ-รายจายของครัวเรือนท่ีเกิดข้ึนในแตละวัน เพื่อใหครัวเรือน ในการหยอดกระปกุ ทกุ วนั สามารถวางแผนการใชจา ยเงินไดอ ยางเหมาะสม • แยกแยะระหวางความจําเปนกับความอยากได เพราะของ ส่ือ Digital ทกุ อยางมคี วามจําเปนไมเทา กัน ใหซื้อของเพราะความจําเปน ศึกษาคนควาขอมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับตัวอยางบัญชีครัวเรือนของ ธ.ก.ส. • ทาํ บันทึกรายรบั -รายจาย เปนสมดุ พกเลมเล็กๆ ไดท่ี http://www.baac.or.th • นําเงินไปฝากธนาคารแบบฝากประจํา เพื่อเก็บออมเงินใน ระยะยาว T126

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตัวอย่างการทา� บัญชีครัวเรือน/รายรบั - รายจา่ ย ประจ�าเดือน ขน้ั สอน รายรบั (บาท) รายจ่าย (บาท) ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู ๑. เงนิ เดอื นประจา� .......................................................... ๑. ค่าใชจ้ ่ายในครัวเรอื น .................................................. 14. ครูใหนักเรียนสํารวจตนเองอยางคราวๆ คา่ เชา่ บา้ น .................................................................. เก่ียวกับพฤติกรรมการออม จากนั้นครูสุม คา่ พาหนะ .................................................................. นกั เรียนใหต อบคาํ ถามตามประเด็น เชน ค่าน�้าประปา .............................................................. • รายรบั -รายจา ยของตนเองมคี วามเหมาะสม ค่าไฟฟา้ ..................................................................... กันหรอื ไม คา่ โทรศพั ท ์ ............................................................... 15. ครูถามคาํ ถามนกั เรียนเพิม่ เติม เชน ๒. รายได้พิเศษ ๒. คา่ อาหาร ........................................................................ • ถานักเรียนเก็บเงินออมมาไดจํานวนหน่ึง ทา� งานนอกเวลา ..................................................... นักเรียนจะมีวิธีการเพิ่มพูนเงินออมน้ัน ค่านายหนา้ ขายที่ดิน ............................................. อยางไร (แนวตอบ เชน นําเงินออมไปฝากธนาคาร ๓. รายไดจ้ ากการรบั จา้ งทา� บญั ช ี ................................. ๓. ค่าเลา่ เรยี นบุตร ............................................................ แบบออมทรพั ย เพราะทาํ ใหไ ดค า ตอบแทน เปนดอกเบี้ย และมีความปลอดภยั ซ่งึ หาก ๔. ............................................................................................ ๔. ค่ารักษาพยาบาล ......................................................... ตองการใชเงินก็สามารถไปเบิกถอนมาใช ไดส ะดวก หรอื นาํ เงนิ ออมไปซอื้ สลากออมสนิ ๕. ๕. คา่ เส้ือผา้ ............................................................................................ ........................................................................ เพราะมีโอกาสถูกรางวัล และไดดอกเบ้ีย ขณะทฝ่ี าก) ๖. ............................................................................................ ๖. ค่าใชจ้ ่ายอ่ืน ๆ ............................................................... รวมเปน็ เงนิ ............................................................................... รวมเปน็ เงนิ ............................................................................... ๓) การน�าเงินออมแต่ละเดือนไปท�าให้เกิดประโยชน์เพ่ิมขึ้น โดยผู้ออมเงิน จะต้องวางแผนว่าจะน�าเงินออมไปท�าให้เกิดผลประโยชน์ได้อย่างไร เป็นต้นว่าน�าไปฝากธนาคาร พาณิชยแ์ ละสถาบนั การเงินอื่น ๆ เชน่ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพอื่ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เปน็ ต้น เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลตอบแทนในรปู ของดอกเบี้ย การน�าเงนิ ไปซื้อห้นุ ของธุรกิจ ก็เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลตอบแทนในรูปของเงนิ ปันผล การน�าเงนิ ไปซอ้ื พนั ธบตั รรฐั บาล เกชเ็ นพ่ อื่ กใาหรไ้ซดอื้ผ้ สลลตาอกบอแอทมนสในิ น1 รกปูารขออองมดอทกรพัเบยยี้ ใ์ หนรรอปืู กขาอรงนก�าาไรปปแรสะกวนงั หชาวี ปติ ร กะโายรชซนอ้ื อ์หนื่นุ้ ขๆอ ตงาสมหทกผ่ีรณอู้ ออ์ มอตมอ้ ทงรกพั ายร ์ เป็นตน้ เป็นข้อสังเกตว่าในปัจจุบันมีสถาบันการเงินเกิดข้ึนมากมาย มีการระดมเงินทุน หลากหลายรปู แบบ เชน่ การชกั ชวนใหป้ ระชาชนเข้าร่วมโครงการออมเงินในรปู แบบตา่ ง ๆ และ ใหผ้ ลตอบแทนท่ีสูง เช่น ทา� ประกนั อุบตั ิเหตอุ ัตราดอกเบย้ี สูง ชกั ชวนลงทนุ ในธุรกิจต่าง ๆ โดย คกาวราหมาเสสยี่มงา2จชากิ ก กเปารน็ นต�าน้ เง นิ ดอังอนมั้นไ ปเรลางจทะตุนอ้ งศึกษาขอ้ มูลของสถาบันการเงินทีเ่ ราลงทนุ เพ่อื ป้องกนั ๑๑5 กจิ กรรม สรา งเสริม นักเรียนควรรู ใหนักเรียนจัดทําบันทึกรายรับ-รายจายของตนเอง ในชวง 1 สลากออมสนิ ออกโดยธนาคารออมสนิ เมอื่ ฝากครบตามระยะเวลาทกี่ าํ หนด ระยะเวลา 1 เดอื น แลว สรปุ ประโยชนจากการทําบันทึกคาใชจ า ย ผูฝากจะไดรับเงินตนครบพรอมดอกเบ้ีย และมีสิทธิถูกรางวัลตามท่ีธนาคาร กําหนด โดยไมตอ งเสยี ภาษี กจิ กรรม ทาทาย 2 ความเสยี่ ง ความเสย่ี งจากการลงทนุ เชน ความเสยี่ งจากความผนั ผวนของ ราคาหลกั ทรพั ย ความเสยี่ งจากลกั ษณะการดาํ เนนิ ธรุ กจิ ของผอู อกตราสาร หาก ใหนักเรียนสํารวจรายรับ-รายจายของครอบครัวในแตละวัน ผอู อกตราสารมคี วามไมแ นน อนของรายได ความเสย่ี งทเี่ กดิ จากการเปลย่ี นแปลง และศึกษาการทําบัญชีครัวเรือนของหนวยงานตางๆ เชน จาก ของอัตราดอกเบี้ยในตราสารท่ีสัญญาจะชําระดอกเบี้ยในอัตราคงที่ตลอดอายุ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร เพ่ือนํามาจัดทํา ของตราสาร บญั ชคี รวั เรอื นของตนเองเปน เวลา 1 เดอื น จากนน้ั ทาํ การวเิ คราะห เปรียบเทยี บรายรับ-รายจา ยและเงนิ ออมของครอบครวั เพอ่ื นาํ มา T127 วางแผนการใชจ า ยและการออมของครอบครวั

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๑.5 หลกั เกณฑ์ทีค่ วรพิจารณาในการออม ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู ในปจั จบุ นั มหี นว่ ยงานตา่ ง ๆ ทงั้ ของภาครฐั และเอกชนทรี่ บั ฝากเงนิ ออมหรอื ชกั ชวนใหน้ า� เงนิ ออมมาลงทนุ ดงั นน้ั เราจะตอ้ งศกึ ษาขอ้ มลู ของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ใหเ้ ขา้ ใจชดั เจน เพราะมฉิ ะนน้ั 16. นักเรยี นกลุมท่ี 5 หลกั เกณฑทีค่ วรพิจารณา อาจเกดิ ความเสย่ี งกบั เงนิ ออมได ้ ดงั นนั้ เมอ่ื บคุ คลและครวั เรอื นไดต้ ดั สนิ ใจและวางแผนเพอ่ื การ ในการออม สงตัวแทนนําเสนอขอมูลหนา เกบ็ ออมแลว้ ควรคา� นงึ ถงึ หลกั เกณฑ ์ ดังนี้ ชั้นเรียนตามประเด็นที่ศกึ ษา การสะสมเงนิ ออม เราสามารถ 17. ครนู าํ สนทนาเกยี่ วกบั แหลง ระดมเงนิ ทนุ หรอื ของเราปลอดภัย นา� เงนิ ออมทส่ี ะสมได้ เงินออมตางๆ ถึงการเลือกใชบริการ โดย สอบถามนักเรียนเพ่ิมเติมวา หากนักเรียน หรอื ไม่ มาใช้ในยามท่ี จะนําเงินไปออม จะพิจารณาหลักเกณฑใน ตอ้ งการได้หรอื ไม่ การออมขอใดเปน อันดบั แรก เพราะเหตุใด หลกั เกณฑ์พจิ ารณา เราสามารถได้ผล เราจะต้องมี ในการออม ตอบแทนจากการออม คา่ ใช้จ่ายอะไรจาก ในอตั ราทมี่ ากพอหรือไม่ คดิ ดอกเบีย้ อย่างไร การออมบา้ ง ๑) ความปลอดภัยของเงินออม การท่ีจะน�าเงินไปแสวงหาผลประโยชน์โดย ฝากเงินกับธนาคารพาณชิ ย์และสถาบนั การเงินอืน่ ๆ หรือการซือ้ พนั ธบตั รรฐั บาล การซ้ือหุ้นหรอื หลักทรัพย์ หรือการไปลงทุนอ่ืน ๆ ผู้ออมจะต้องค�านึงถึงความปลอดภัยของเงินว่าจะไม่เส่ียงต่อ การขาดทนุ การสญู หาย และไดผ้ ลตอบแทนทไ่ี ม่เหมาะสม เพราะการน�าเงนิ ไปลงทุนในกจิ การที่ ได้รับผลตอบแทนสงู ก็ย่อมจะต้องมีความเสีย่ งสูงเช่นเดียวกัน ๒) สภาพคล่องของเงนิ ออม หมายความวา่ เงินทนี่ า� ไปออมน้นั โอกาสทจี่ ะเบิก เป็นเงินสดมาใช้ในคราวท่ีตอ้ งการมีความสะดวกรวดเรว็ ทันกับความตอ้ งการหรอื ไม ่ เพียงใด ๓) ความสะดวก หมายถึง ระเบียบพิธีการ ตลอดจนเงื่อนไขในการออมมีความ สะดวกรวดเรว็๔ )หรออื ัตมรีเงาอ่ื ผนลไขตยองุ่ บยแากท นซับ ซห้อมนา ยจถนึงท �าอใหัตเ้รสายี ดเวอลกาเแบกี้ย1ผ่ หอู้ รอือมเงินปันผลจากเงินออม ควรจะต้องมีความเหมาะสมกบั ระยะเวลาและความเสี่ยง เช่น การฝากเงินระยะยาวยอ่ มตอ้ งได้รับ ดอกเบ้ียสูงกว่าเงินฝากระยะสั้น การลงทุนในธุรกิจที่มีความเส่ียงมากจะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ธุรกิจที่เสี่ยงน้อยกว่า แตโ่ อกาสทจ่ี ะขาดทนุ กม็ มี ากกว่า เปน็ ตน้ ๕) ภาษีท่ีต้องเสีย หมายถึง ผลตอบแทนจากเงินออมจะต้องมีการเสียภาษี จหะรตอื อ้ไมงเ่ สเียสภยี าในษ2อี สัต่วรนาเกทาา่รใฝดา กวเิธงีกนิ าปรรเะสเียภภทาอษอเี มปท็นรอพัยยา่ งห์ ไรรือ เเผชอ่ื่นเ รยีกการไฝมาต่ กอ้ ปงเรสะียจภา� กาบัษธี เนปาน็ คตาน้รพาณชิ ย์ ๖) บริการอ่ืน ๆ ที่ได้รับจากการออม เช่น การเป็นเจ้าของธุรกิจ การได้รับ ๑๑บ6ตั รเครดิตโดยไม่เสยี ค่าบริการรายป ี เป็นต้น นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 อัตราดอกเบ้ีย เปนอัตราดอกเบ้ียรอยละตอปที่สถาบันการเงินจายใหกับ นายธนวัฒนขายท่ีดินไดรับเงิน 5,500,000 บาท เขาควรทํา ผูฝากเงิน เพ่ือเปนคาตอบแทนผูฝากเงินกับสถาบันการเงิน โดยอัตราดอกเบ้ีย อยางไรเพ่ือใหเงินจํานวนนี้มีความปลอดภัยมากท่ีสุดและไดรับ เงนิ ฝากมหี ลายประเภท หลายอตั รา ขนึ้ อยกู บั ระยะเวลาการฝากเงนิ และเงอ่ื นไข ผลตอบแทนเพมิ่ ข้นึ การถอนเงิน เชน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในบัญชีออมทรัพยท่ีสามารถถอนได ตลอดเวลา ตํ่ากวาอัตราดอกเบ้ียเงินฝากประจํา หรือในบางชวงท่ีธนาคาร 1. นําเงินไปฝากกบั ธนาคารออมสนิ พาณิชยตองการเงินออมก็จะแขงขันกันเสนออัตราดอกเบี้ยใหกับผูฝากเงิน 2. นาํ เงนิ ไปปลอยกูกับบุคคลท่สี นิทและไวใ จได แตท้งั นตี้ องไมต ํ่ากวาอัตราดอกเบ้ียเงนิ ฝากทีธ่ นาคารแหง ประเทศไทยกําหนด 3. นําเงินไปฝากกับธนาคารแลนดแอนดเ ฮาสเพื่อรายยอย 2 การฝากประจํากับธนาคารพาณิชยจะตองเสียภาษี เชน ฝากประจํา 4. นาํ เงนิ ไปลงทนุ ซอ้ื หุนผา นโบรกเกอรใ นตลาดหลกั ทรพั ย 3 เดอื น 6 เดอื น 12 เดอื น โดยธนาคารจะคดิ ดอกเบยี้ เงนิ ฝากตามอตั ราทป่ี ระกาศไว เปน ชว งเวลา เชน ฝากประจาํ 3 เดอื น ธนาคารกจ็ ะคดิ อตั ราดอกเบยี้ ทกุ ๆ 3 เดอื น (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะธนาคารออมสินมีฐานะเปน แตถ า หากมกี ารเบกิ ถอนกอ นฝากครบ 3 เดอื น กจ็ ะไมไ ดด อกเบยี้ ในรอบ 3 เดอื น รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง โดยรัฐบาลเปนผูค้ําประกัน นนั้ และดอกเบยี้ ของเงนิ ฝากประจาํ ตอ งเสยี ภาษใี นอตั รารอ ยละ 15 ของดอกเบย้ี เงินฝาก จึงมีความนา เช่อื ถอื และมคี วามปลอดภัยมากท่สี ุด) ที่ไดร ับ สวนดอกเบย้ี เงินฝากประเภทออมทรัพย เผอ่ื เรียก ไมตอ งเสียภาษี T128

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ เรอ่ื งนา รู ขนั้ สอน ขอดีของการออมเงินโดยฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู ๑. การฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์มีความเส่ียงต�่า เพราะเงินที่ฝากไวจะไมสูญหายไปไหน แมวา 18. นักเรียนกลุมที่ 6 ปญหาการออมในสังคม ธนาคารที่รบั ฝากตอ งปด กิจการไป กส็ ามารถไปเรียกเงินจากสถาบนั คุมครองเงนิ ฝาก ซึง่ มีหนาท่ีคมุ ครองเงนิ ไทย สงตัวแทนนําเสนอขอมูลหนาชั้นเรียน ฝากใหแ กผ ฝู าก ตามพระราชบัญญัติคุมครองเงินฝาก พ.ศ. ๒๕๕๑ แตด อกเบ้ยี เงนิ ฝากของธนาคารจะไมส งู นกั ตามประเด็น เมอ่ื เปรียบเทียบกับการนาํ เงินไปออมกบั สถาบนั การเงินอ่นื ๆ ๒. มีสภาพคลองสูง แมวาเงินฝากธนาคารพาณิชยจะมีอยูหลายประเภท แตในทุกประเภทก็สามารถ 19. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับรายไดสวนใหญของ ถอนออกไดท ันทที ีต่ องการเงิน แตบางประเภทอาจมกี ารเสยี ดอกเบีย้ ไปบา ง เชน การฝากประเภทประจาํ ประชากรในประเทศของคนอาชีพตางๆ ๓. มีความสะดวกในการฝาก - ถอน และการใหบริการดานอ่ืนๆ ปจจุบันธนาคารพาณิชยได จากน้ันใหนักเรียนตอบคําถามรวมกันใน เปดสาขาอยูในอําเภอตางๆ ท่ัวประเทศ และมีการนําเอาระบบคอมพิวเตอรมาใชในการจัดการของธนาคาร ประเดน็ เชน • นักเรียนคิดวา อาชีพหลักของคนไทยคือ พบราิกณาชิ รยแ ลทกาํ ใเปหลเ กีย่ ดินคเงวนิามตสราะดตวา กงปในระกเาทรศฝาบกร-กิ าถรอขนา วแสลาะรธทนาางคเศารรพษาฐณกจิชิ ยบย รงัิกใาหรบ รรับกิ ฝาารกดขา อนงอมนื่คี ๆา1บอรกี กิหาลราบยัตดรา เนครเชดนติ อาชีพใด (แนวตอบ เกษตรกรรม) เปนทป่ี รึกษาการลงทนุ เปนตน • เกษตรกรไทยมักประสบปญหาอะไร และ สง ผลตอการออมอยางไร ๑.6 ปัญหาการออมในสงั คมไทย (แนวตอบ เชน ผลผลิตราคาถูก ในขณะท่ี ปัญหาการออมในสังคมไทยสรปุ ได้ ดังนี้ ตนทุนในการผลิตเพ่ิมสูงข้ึน รวมถึงกรณี สภาพอากาศทไ่ี มเ ออ้ื อาํ นวยตอ การทาํ การ ๑) ประชากรไทยส่วนใหญ่มรี ายได้ตา่� เนอ่ื งจากประชากรไทยสว่ นใหญม่ ีอาชีพ เกษตร ทําใหไ ดผลผลติ นอย สงผลกระทบ ใหเ กดิ ปญ หาตามมา เชน ปญ หาความยากจน เป็นเกษตรกร นอกจากน้ี ยังมีผู้ท่ีประกอบอาชีพเป็นพนักงานในหน่วยงาน รวมถึงผู้ใช้แรงงาน เพราะเมอื่ รายไดข องประชาชนอยใู นระดบั ตาํ่ ซ่ึงมีรายได้จากการประกอบอาชีพค่อนข้างต�่า ยอมสงผลกระทบตอการออม ทําใหออม ในขณะเดียวกันก็มีภาระค่าใช้จ่ายในการ ไดน อ ยลงหรอื ไมส ามารถออมเงนิ ได) ดา� เนนิ ชวี ติ ประจา� วนั หลายอยา่ ง เชน่ คา่ อาหาร คา่ ท่อี ย่อู าศัย ค่าน�า้ คา่ ไฟ จากปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ หากประชากร ไทยมีความรู้ความเข้าใจในหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงและน�ามาปรับใช้ในการ ดา� เนนิ ชวี ติ กจ็ ะชว่ ยใหส้ ามารถลดรายจา่ ยและมี เงนิ ออมเพ่ิมข้ึนได้ ในขณะเดยี วกนั รัฐก็ควรมี นโยบายทส่ี ง่ เสรมิ การสรา้ งงาน สรา้ งอาชพี และ สรา้ งโอกาสเพ่ือให้ประชาชนมรี ายได้ทีเ่ พยี งพอ  ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตรกรรม ซ่ึงมีรายได้ต�่า ต่อการดา� เนนิ ชวี ติ อยา่ งมีคณุ ภาพ ทา� ใหไ้ ม่สามารถเกบ็ ออมเงนิ ได้ หรือออมเงินได้น้อย ๑๑๗ ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู การออมเงินวธิ ใี ดมคี วามเสยี่ งต่าํ และไดรบั ผลตอบแทนต่ํา ครคู วรนาํ สถติ กิ ารออมของคนไทยในชว ง 4-5 ป จากหนว ยงานภาครฐั และ 1. เกบ็ เงินสดไวท บ่ี าน จากสํานักงานสถิติแหงชาติ ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น 2. นาํ เงนิ ออมไปใหผ ูอ่นื กูยมื เกยี่ วกบั สถานการณก ารออมเงนิ ของคนไทย เปรยี บเทยี บการออมในชว งปท ผี่ า น 3. นาํ เงนิ ออมไปฝากธนาคาร มากับปจจุบัน แลวใหนักเรียนระดมสมองรวมกันอภิปรายถึงสาเหตุท่ีคนไทย 4. นาํ เงินออมไปซอื้ ประกันชวี ิต มีการออมอยูในเกณฑตํ่า ผลกระทบจากการมีอัตราการออมตํ่า พรอมทั้ง เสนอแนะแนวทางการแกปญหา (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะการออมเงนิ ดว ยการฝากเงนิ กับธนาคารมีความเส่ียงตํ่า เพราะเงินท่ีฝากไวจะไมสูญหาย นักเรียนควรรู (แมวาธนาคารที่รับฝากตองปดกิจการไป แตก็มีสถาบันประกัน เงินฝากซึ่งจะคุมครองเงินฝาก) มีสภาพคลอง แตไดรับผล 1 บริการรับฝากของมีคา ปจจุบันธนาคารพาณิชยใหบริการรับฝากของมีคา ตอบแทนในอัตราดอกเบ้ยี ต่าํ ) เชน มีบริการรบั ฝากตูน ิรภัย เพ่อื รับฝากของมีคา เชน เพชร ทอง โฉนดทีด่ นิ โดยผทู ีน่ ําของไปฝากจะตองเสียคาบรกิ ารตามทธี่ นาคารกําหนด T129

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๒) ประชากรขาดความรู้ในเรอื่ งการออมและการลงทนุ โดยครวั เรอื นสว่ นใหญ่ ขาดความรใู้ นเรอื่ งของการวางแผนการจดั ทา� บญั ชคี รวั เรอื น ไมม่ แี ผนการใชจ้ า่ ยและเกบ็ ออมเงนิ ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู ทแี่ นน่ อน และครวั เรอื นจา� นวนมากยงั มกี ารเลยี นแบบการบรโิ ภคจากครวั เรอื นอนื่ ๆ ซอ้ื สนิ คา้ ตาม ผู้อน่ื โดยไม่ค�านงึ ถงึ รายได้ของตนเอง ทา� ใหต้ ้องมีหนส้ี นิ เปน็ จา� นวนมาก 20. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สนทนาเกย่ี วกบั ปญ หา นอกจากนี้ ยังขาดความรู้ ในการน�าเงินออมไปแสวงหารายได้ให้มากข้ึน ส่วนใหญ่ การออมของคนในประเทศเพิ่มเติม จากนั้น จะนา� เงนิ ไปฝากธนาคารพาณชิ ย ์ ซงึ่ ใหผ้ ลตอบแทนในรปู ของดอกเบยี้ ทคี่ อ่ นขา้ งตา่� ทา� ใหข้ าดแรง ใหนักเรียนตอบคําถามรวมกันในประเด็น จงู ใจในการออม เชน ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่�า รัฐบาลมักด�าเนินนโยบายอัตราดอกเบ้ียต่�า1 • นกั เรยี นคดิ วา ทางออกในการแกป ญ หาการ ๓) ออมของคนไทยสามารถทําไดอยา งไร คเพรอ่ืัวเกรรือะนตขนุ้ าใหดแป้ รรงะจชงูาใชจนในนกา� เางรนิ ออออมก เไงปินใอชอจ้ า่มยใน เพสถอ่ื าใหบเ้ันกกดิ าเรมเด็งินเงจนิ งึ หมมีนนุ อ้ เยวใยี นนชใ่วนงรภะบาวบะเเศศรรษษฐฐกกจิ ิจ ตทกา� ตใหา�่ 2้ (แนวตอบ เชน ปญ หาความยากจน แกป ญ หา นอกจากน้ี ช่องทางในการลงทุนในชนบทยังมีน้อย ขาดความรู้ในช่องทางการลงทุน ครัวเรือน โดยการสนับสนุนสงเสริมใหประชาชน สว่ นใหญจ่ งึ มกั เกบ็ สะสมเงนิ ออมไวก้ บั ตวั หรอื ฝากเงนิ กบั สถาบนั การเงนิ ทจี่ า่ ยดอกเบยี้ ในอตั ราตา่� นําแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใชในการ ซง่ึ ถ้าหากร้จู กั นา� เงนิ ไปลงทนุ ตอ่ ยอดอย่างถกู วธิ ีก็จะเกดิ ประโยชนม์ ากกว่า ดาํ เนนิ ชีวติ เพื่อใหป ระชาชนมอี าชีพเสริม สามารถชวยเหลือตนเองไดอยางมั่นคง ๔) ประเทศไทยยังประสบปัญหาช่องว่างของการออม กล่าวคือ ปริมาณของ และปญหาประชาชนขาดความรูในการ เงนิ ออมยงั มนี อ้ ยเมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั ปรมิ าณเงนิ ทตี่ อ้ งการลงทุนในแตล่ ะปี ดังน้ัน ผูล้ งทนุ จึงตอ้ ง ออมและการลงทุน สามารถแกไขไดโดย แสวงหาเงินทุนจากภายนอกเข้ามาใช้ในแต่ละปีเป็นจ�านวนมาก และท�าให้ต้องเสียดอกเบี้ย การใหความรูแกประชาชนผานทางสื่อ ตา งๆ ที่ประชาชนสามารถเขาถึงได) ส่วนหนึง่ ใหก้ บั เงนิ ทนุ จากตา่ งประเทศ แทนทจี่ ะ น�าเงินดังกล่าวมาจ่ายให้กับเจ้าของเงินออม ในประเทศ ดงั นน้ั การออมของครวั เรอื นมไิ ด้ เพียงแค่ช่วยครัวเรือนให้มีฐานะดีขึ้นในอนาคต เทา่ นนั้ แตย่ งั ชว่ ยประเทศในการลดชอ่ งวา่ งของ การออม ส่งผลให้ประชากรส่วนใหญ่มีฐานะที่ มนั่ คง และมคี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ี ลดปญั หาหนส้ี นิ ในสงั คม กอ่ ใหเ้ กดิ เงนิ ทนุ นา� ไปลงทนุ ในกจิ การ ตา่ ง ๆ มากขนึ้ ประชากรจะมีงานท�า มรี ายได้ และในทส่ี ดุ จะทา� ใหเ้ ศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศ ขยายตัวเพ่ิมขนึ้  ภาวะการว่างงาน นับว่าเป็นสาเหตุหนึ่งท่ีท�าให้คนไทย มีเงินออมน้อย ๑๑๘ เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครูเพ่ิมเติมขอมูลวา ในปจจุบันการออมภาคครัวเรือนของคนไทยลดลง ขอ ใดเปน ปญ หาสาํ คญั ท่ีสุดของการออมในสังคมไทย สว นหนงึ่ มาจากพฤตกิ รรมการบรโิ ภคทเี่ ปลย่ี นไปสกู ารใชจ า ยทม่ี ากขนึ้ การเปด 1. ประชากรสวนใหญมีรายไดนอย โอกาสใหประชาชนกูยืมไดงายข้ึน ในขณะท่ีรายไดไมเพิ่มข้ึน และพฤติกรรม 2. ประชากรขาดความรูเรอื่ งการออม ผูบรโิ ภคสว นหน่งึ ทใี่ ชก อ นออมทีหลัง มีรายจา ยสูงกวา รายได เชน การใชจ าย 3. สถาบันการเงินกระจุกตวั อยใู นเมอื ง เรอ่ื งบาน รถยนต และสนิ คา ฟมุ เฟอย เชน โทรศัพทเ คล่ือนที่ น้าํ หอม 4. เงนิ ฝากธนาคารมีอัตราดอกเบย้ี ตา่ํ เกนิ ไป นักเรียนควรรู (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. ทุกขอเปนปญหาของการออม ในสังคมไทย แตปญหาประชากรมีรายไดนอยเปนปญหาสําคัญ 1 นโยบายอัตราดอกเบ้ียตํ่า รัฐบาลใชนโยบายอัตราดอกเบี้ยตํ่าในโอกาส ที่สุด เพราะคนไทยสวนใหญประกอบอาชีพเกษตรกรรม รับจาง ตางๆ เชน กระตนุ เศรษฐกจิ ฟน ฟูเศรษฐกจิ ของประเทศ ผใู ชแรงงาน มรี ายไดน อ ย และยงิ่ ปจจบุ นั คา ครองชพี สงู จึงทาํ ให 2 ภาวะเศรษฐกิจตกต่ํา เปนชวงท่ีภาวะเศรษฐกิจของประเทศมีอัตราการ มีเงนิ ออมไมมากนัก หรอื ไมสามารถออมเงนิ ได) ขยายตวั ของรายไดประชาชาติตา่ํ ภาวะการบริโภค การลงทนุ ลดลง เกิดปญ หา Tการจา งงานลดลง 130

นาํ สอน สรุป ประเมิน จึงกล่าวได้ว่าการออมมีความส�าคัญต่อครัวเรือนและคนไทยทุกคน เพราะถือเป็น ขน้ั สรปุ การวางแผนในการสร้างความม่ันคงในอนาคต ความสามารถของการออมขึ้นอยู่กับการฝึกฝน จนเปน็ นสิ ยั มากกวา่ ทจ่ี ะขน้ึ อยกู่ บั รายไดเ้ พยี งอยา่ งเดยี ว บางคนมรี ายไดน้ อ้ ยแตส่ ามารถเกบ็ ออม ข้นั ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ ไดอ้ ย่างสม่า� เสมอ ความสามารถในการออมจงึ ขน้ึ อยกู่ บั ความพยายามและความต้ังใจของบุคคล มากกวา่ ถา้ หากตง้ั ใจและฝกึ ฝนจนเปน็ นิสัยแล้ว การออมยอ่ มเกดิ ขึ้นได้ 1. ครใู หนกั เรียนรวมกนั ทาํ ใบงานที่ 6.1 เร่อื ง การฝึกฝนนิสัยการออมควรจะฝึกต้ังแต่วัยเยาว์ และฝึกฝนเป็นประจ�าจนเป็นนิสัย การออม โดยครแู นะนําเพม่ิ เติม โดยทา� ไดไ้ ม่ยาก ดังนี้ 2. ครูใหน กั เรียนทาํ แบบฝกสมรรถนะฯ การฝกึ ฝนนสิ ัย ใช้จ่าย วางแผน เศรษฐศาสตร ม.2 เก่ยี วกบั เร่ือง การออม การออม อยา่ งประหยัด การออม ทัง้ ระยะส้ัน ขนั้ ประเมนิ และระยะยาว ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล หาวิธกี าร นกึ ถึง ปลูกฝงั เพ่มิ รายได้ การออมทกุ ครัง้ คา่ นยิ มการออม 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ ท่ีมีการใช้จา่ ย ให้กับสมาชกิ ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก ในครอบครัว สมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร ม.2 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาช้ันเรยี น 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ เศรษฐศาสตร ม.2 การบริหารจัดการรายได้ เพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับรายจ่ายและเงินออม สามารถ ทา� ไดด้ ว้ ยการฝึกฝนนสิ ยั การออม โดยจะตอ้ งเร่ิมตน้ ด้วยการใช้จ่ายอยา่ งประหยดั มกี ารวางแผน การใช้จ่ายทุกคร้ัง ซ้ือแต่สิ่งของท่ีจ�าเป็นในการด�าเนินชีวิต โดยค�านึงถึงรายได้ที่มีอยู่เป็นส�าคัญ และครัวเรือนจะต้องปลูกฝังค่านิยมการออมให้กับสมาชิกทุกคน เพื่อให้ทุกคนช่วยกันประหยัด ค่าใช้จ่าย เพ่ือให้สามารถใช้ชีวิตในปัจจุบันได้อย่างมีความสุข สร้างความม่ันคงให้กับอนาคต เมอื่ มคี วามจา� เปน็ ตอ้ งใชเ้ งนิ อยา่ งเรง่ ดว่ นกส็ ามารถนา� เงนิ เกบ็ มาใชไ้ ด ้ นอกจากน ้ี จะตอ้ งหาวธิ กี าร เพ่ิมรายไดเ้ พื่อให้เงินออมเพิ่มพนู เชน่ น�าไปฝากธนาคารเพอื่ จะไดด้ อกเบ้ีย ซ้อื สลากออมสนิ กบั ธนาคารออมสนิ ซงึ่ นอกจากจะเปน็ การฝากเงนิ รปู แบบหนง่ึ แลว้ ยงั มโี อกาสถกู รางวลั ดว้ ย นอกจากนี้ ยงั สามารถน�าไปซื้อส่งิ ของทม่ี ีมูลคา่ อย่เู สมอ เช่น ซ้ือทองค�าเก็บไวใ้ นช่วงทีม่ รี าคาถกู เมื่อทองค�า มรี าคาแพงเรากส็ ามารถนา� ไปขายกจ็ ะไดเ้ งนิ เพมิ่ มากขนึ้ หรอื ในคราวทเ่ี รามคี วามจา� เปน็ ตอ้ งใชเ้ งนิ ก็สามารถน�าไปขายได้ เปน็ ต้น ๑๑9 ขอสอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล นกั เรียนควรสรางนิสัยในการออมอยา งไร ครสู ามารถวัดและประเมินความเขา ใจเนอื้ หา เรือ่ ง การออม ไดจ ากการ สืบคนและนําเสนอผลงานหนาชนั้ เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑการวดั และประเมนิ ผล (แนวตอบ การสรางนิสัยการออมที่ดี เชน มีการวางแผนการ จากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรียนรู ใชจายเงิน ใชจายอยางประหยัด ซื้อแตสิ่งของที่มีความจําเปน หนว ยที่ 6 เรอ่ื ง การออมและการลงทนุ ในการดําเนินชีวิต และมีการจดบันทึกรายรับ-รายจายทุกครั้ง มีการเก็บออมเงินอยางสมํ่าเสมอทุกวัน มีการวางแผนการออม แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ทง้ั ระยะสน้ั และระยะยาว เพอ่ื ความมน่ั คงในอนาคต) คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนอ้ื หา 2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเรื่อง 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์ 4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชกิ ในกล่มุ รวม ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............/................./................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ T131 ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (5Es Instructional Model) ๒. การลงทุน ขน้ั ที่ 1 กระตนุ ความสนใจ ๒.๑ ความหมายและความสา� คญั ของการลงทุน ๑) ความหมายของการลงทุน การลงทนุ สามารถพิจารณาได้เปน็ ๒ ระดบั คอื 1. ครูนําสนทนาเกี่ยวกับการลงทุน โดยการยก ตัวอยางทใี่ กลตัวนักเรียนประกอบ การลงทุนในภาคครัวเรือน และการลงทุนในระบบเศรษฐกิจโดยรวม ซ่ึงมีลักษณะที่คล้ายคลึง และแตกต่างกันไป 2. ครสู มุ นกั เรยี นทค่ี รอบครวั มกี ารลงทนุ ทาํ ธรุ กจิ ออกมาเลาธุรกิจของครอบครัวใหเพ่ือนฟง ๑.๑) การลงทนุ ในครวั เรอื น เปน็ การลงทนุ โดยใชเ้ งนิ ออมของครวั เรอื น เปน็ ทาง หนา ชนั้ เรยี น จากนนั้ ครตู ้งั คําถามเพ่อื กระตนุ เลอื กในการใชเ้ งนิ ออมของภาคครวั เรอื น โดยการนา� เงนิ ทเ่ี กบ็ ออมไปสรา้ งผลตอบแทนใหง้ อกเงย ความสนใจ เชน เชน่ นา� เงนิ ออมไปลงทนุ ในพนั ธบตั รรฐั บาล นา� ไปลงทนุ ซอื้ หนุ้ หรอื หลกั ทรพั ยต์ ่าง ๆ ของธุรกิจ • ในธุรกิจขนาดใหญ มีแหลงเงินทุนมาจาก ซงึ่ การลงทุนในแหล่งทต่ี า่ งกนั จะไดร้ ับผลตอบแทนและความเสยี่ งทตี่ า่ งกนั ดว้ ย ทใี่ ด ผลติ สินคา้ และบริก๑า.๒รต) ่ากงา ๆร ลจง�าทหุนนใน่ายรใะหบ้เบกเิดศผรษลฐตกอจิบโแดทยนรวแมก น่ หักมลางยทถนุงึ กซา่ึงรเนรา�ียเกงนิวา่ไป ลเปงน็ทกนุ าเพรล่อื งกทานุ ร1 (แนวตอบ มาจากการขอสินเชอ่ื จากธนาคาร แโดลยะตกร�างไ รกจบั ากกาสร่วนนา� ตเง่านิ งไขปอซงอ้ืราหคลากั หทลรักพั ทยรข์ ัพอยง์ ธรุเรกียจิ กตวา่ ่าง ๆเ ปเพ็นอื่ กแาสรวลงงหทาุนเงทนิ าปงอนั ้อผมล2 จาซกึ่งกในารชด้ันา� นเนี้กนิลธ่าวรุ กถจิึง พาณิชย ซ่ึงธนาคารเหลาน้ันไดเงินมาจาก การลงทนุ โดยใช้เงินออมของครัวเรอื นเปน็ ส�าคัญ เงินออมของประชาชน โดยผูประกอบการ จะตอ งจา ยดอกเบย้ี เปน การตอบแทน ซง่ึ ผล แผนผงั แสดงเสน้ ทางการลงทนุ ตอบแทนเหลา นนั้ จะกลบั ไปเปน ดอกเบยี้ ให รายได้ เงินเดือน กบั เจาของเงนิ ออม) ครวั เรอื น เงนิ ออม เงนิ กู้ เงินลงทุน ภาคธรุ กิจ ขนั้ สอน ดอกเบีย้ เงนิ ปันผล เงนิ ต้น ดอกเบ้ยี ขน้ั ท่ี 2 สาํ รวจคน หา ธนาคาร 1. ครใู หน กั เรียนแบง กลุม ศึกษาคนควา เก่ยี วกบั รายจา่ ย ซอ้ื สนิ คา้ และบรกิ าร การลงทุน จากหนังสือเรียน สังคมศึกษาฯ ม.2 หรอื จากแหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน หนงั สอื ๒) ความสา� คญั ของการลงทนุ การลงทนุ จะกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ ทง้ั ผอู้ อม ธรุ กจิ ในหองสมดุ เวบ็ ไซตในอนิ เทอรเนต็ และประเทศ ดงั น้ี 2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเช่ือถือ ๒.๑) ท�าให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทน การน�าเงินออมไปลงทุนอย่างถูกต้อง ใหก บั นกั เรียนเพม่ิ เติม และเหมาะสม จะก่อให้เกิดผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนทั้งในรูปของดอกเบี้ย เงินปันผล และก�าไร เปน็ การทา� ใหเ้ งนิ ออมไดน้ า� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นทางธรุ กจิ และการพฒั นาประเทศ ขณะเดยี วกนั ผลู้ งทนุ ๑๒ก0จ็ ะได้รับผลตอบแทนสงู กว่าเงินออมอีกดว้ ย นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด 1 การลงทุนโดยตรง ผูลงทุนนําเงินลงทุนไปประกอบกิจการเอง โดยซ้ือ ถา พจิ ารณาตามหลักเศรษฐศาสตร ขอ ใดเปนการลงทนุ ทางตรง ทรพั ยากร ปจ จยั การผลติ อนื่ ๆ หรอื จา งแรงงานเพอ่ื สรา งผลผลติ ในรปู แบบตา งๆ 1. การซ้อื สลากออมสนิ โดยเจา ของกจิ การมอี าํ นาจในการควบคมุ กจิ การ ตดั สนิ ใจในการแกป ญ หาตา งๆ 2. การตั้งโรงสขี า วขนาดเลก็ เชน บริษัทญ่ีปุนเขามาประกอบกิจการในประเทศไทยโดยต้ังเปนโรงงานหรือ 3. การลงทุนในตลาดหลกั ทรัพย สํานักงาน เรียกวา การลงทุนทางตรงจากตางประเทศ ธุรกิจที่มีการลงทุน 4. การฝากเงนิ กบั ธนาคารไทยพาณชิ ย ทางตรงในตางประเทศและมเี งินทุนขนาดใหญ เรยี กวา บรรษัทขา มชาติ 2 การลงทุนทางออม เปน การลงทุนผา นตลาดการเงนิ อยใู นรูปของตราสาร (วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะมีการนําเงินไปลงทุนเพื่อ ทางการเงนิ ประเภทตา งๆ เชน พนั ธบตั ร หนุ กู หนุ ทนุ กองทนุ รวมโดยทน่ี กั ลงทนุ ผลิตสินคาและบริการตา งๆ มกี ารสรางโรงงาน ซอื้ เครือ่ งจักรและ ไมจําเปนตอ งเขา ไปลงทนุ ดวยตนเองเหมือนเชนการลงทนุ ทางตรง วตั ถดุ บิ โดยผลู งทนุ เปน เจา ของกจิ การและมสี ว นรว มในการบรหิ าร ธุรกิจนน้ั ๆ) T132

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๒.๒) ชว่ ยใหธ้ รุ กจิ ต่าง ๆ ขยายกิจการและด�าเนนิ การผลิตได้มากขึน้ โดยทว่ั ไป ขนั้ สอน ธรุ กจิ ตา่ ง ๆ อาจมเี งนิ ทนุ ไมเ่ พยี งพอในการดา� เนนิ การผลติ และการขยายกจิ การ จงึ จา� เปน็ ตอ้ งอาศยั เงินออมจากบุคคลและครัวเรือนต่าง ๆ มาใช้ ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู เป็นทุนในการด�าเนินการ ถ้าประชาชนใน ประเทศน�าเงินออมมาใช้ในการลงทุนด้วยการ 1. สมาชกิ ในกลุมนําขอมลู มาแลกเปลี่ยนกัน ซื้อหุ้นหรือหลักทรัพย์ของธุรกิจ จะท�าให้ธุรกิจ 2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล น�าไปขยายกิจการผลิตได้ตามเป้าหมายท่ีต้ังไว้ ท�าให้เกิดการผลิตและการจ้างงานเพ่ิมมากขึ้น ท่นี าํ เสนอเพอ่ื ใหไดขอ มลู ทถ่ี กู ตอง เศรษฐกิจโดยส่วนรวมของประเทศก็จะมีการ 3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล ขยายตวั เพ่มิ ขนึ้ ๒.๓) ช่วยให้รัฐบาลมีเงินทุน โดยเริ่มจากกลุมที่ 1 ความหมายและความ นไปา� เใงชนิ ้ใงนบปกราะรมพาัณฒ1ทนม่ี าาปจราะกเกทาศรเ กบโ็ ดภยาทษี่ไีรปัฐใบชา้ในล สาํ คัญของการลงทนุ การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานทางเศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ  รกฐัาบรศาลกึ นษา�า2เ งเนิพออื่ อใหมค้ขนอไงทปยระไชดรา้ บชั นกาสรว่ ศนกึหษนางึ่ อไปยา่พงฒั เทนา่ าเททายี งมดกา้ นัน 4. ครูสนทนาเพ่ิมเตมิ จากนนั้ ครตู งั้ คําถาม เชน • เพราะเหตุใดผูมีเงินออมจึงควรนําเงินออม เช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา รถไฟฟ้า ซ่งึ อาจมเี งนิ ไม่เพียงพอ ดงั นัน้ จงึ จ�าเปน็ ต้องอาศยั เงนิ ออม หรือเงินลงทุนของครัวเรือนด้วย โดยการจ�าหน่ายพันธบัตรให้กับผู้ต้องการลงทุนในพันธบัตร นั้นมาลงทนุ ของรัฐบาล เมอื่ รฐั บาลไดเ้ งนิ ทนุ ไปแลว้ กจ็ ะนา� ไปใชล้ งทนุ ตามเป้าหมายทีก่ �าหนดไว ้ ทา� ให้เกดิ การ (แนวตอบ เพราะการลงทุนทําใหเงินออม จา้ งงาน สรา้ งรายไดใ้ หแ้ กบ่ คุ คลกลมุ่ ตา่ ง ๆ ไดม้ าก และสาธารณปู โภคตา่ ง ๆ ทร่ี ฐั บาลสรา้ งขนึ้ กจ็ ะเปน็ งอกเงย ซง่ึ การลงทนุ อยา งถกู วธิ แี ละมคี วามรู ประโยชนโ์ ดยตรงและโดยออ้ มแกป่ ระชาชนในประเทศ ขณะเดยี วกนั ผลู้ งทนุ ในพนั ธบัตรของรัฐบาล ความเขาใจอยางถูกตอง จะชวยใหผูมีเงิน กจ็ ะไดร้ ับผลตอบแทนในรูปของดอกเบ้ยี ตามท่ไี ดก้ �าหนดไว้ ออมมโี อกาสไดร บั ผลตอบแทนทสี่ งู ขนึ้ และ ๒.๒ แหลง ทม่ี าของเงนิ ลงทนุ สามารถสรางความม่ันคงในชีวิตไดอยาง เงินส�าหรบั น�ามาลงทุนอาจมาจากหลายแหล่งดว้ ยกนั สามารถแบง่ ออกเป็นระดบั ได ้ ดังนี้ รวดเรว็ ) • การลงทุนในภาคครัวเรือนมีความสําคัญ ๑) แหล่งเงินทุนภายในครัวเรือน มาจากการบริหารจัดการทางการเงินภายใน อยา งไร ครัวเรือน ซงึ่ สามารถท�าไดห้ ลายวธิ ี เรมิ่ จากการจดั ทา� บญั ชีครัวเรอื นเพื่อใหท้ ราบรายรบั -รายจา่ ย (แนวตอบ เพื่อสรางรายไดใหกับครอบครัว ในแต่ละเดอื น แล้ววางแผนเพ่อื ปรบั พฤตกิ รรมการใช้จา่ ยใหเ้ หมาะสมกบั รายรับ การรูจ้ ักประหยัด เพื่อความม่ันคงและความเปนอยูท่ีดีของ โดยไมใ่ ชจ้ า่ ยในสง่ิ เกนิ กา� ลงั ฐานะ เชน่ ไมใ่ ชเ้ สอ้ื ผา้ หรหู ราราคาแพง ลดการรบั ประทานอาหารนอก สมาชิกในครอบครัว หรือคนที่นําเงินออม บ้านโดยหันมาท�าอาหารรบั ประทานเองภายในครอบครวั ไมห่ มดเปลืองไปกบั อบายมขุ เช่น สุรา มาลงทนุ เปน การสรา งผลตอบแทนเพมิ่ เตมิ ใหกับเงินออมนั้น ทําใหมีเงินหมุนเวียน ในระบบเศรษฐกจิ ) 5. นักเรียนกลุมท่ี 2 แหลงที่มาของเงินลงทุน สง ตวั แทนนาํ เสนอขอมลู ตามประเดน็ ทีศ่ กึ ษา การพนัน ใช้น้�า ไฟ และของใช้ภายในบ้านอย่างรู้คุณค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุด การปฏิบัติ เหลา่ นจ้ี ะชว่ ยลดคา่ ใชจ้ า่ ยลงไดม้ ากและมเี งนิ เหลอื ทจ่ี ะนา� ไปใชใ้ นการลงทนุ ได ้ นอกจากน ้ี สมาชกิ ภายในครอบครวั อาจหารายไดเ้ สรมิ จากกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทต่ี นเองถนดั เชน่ การเพาะเลยี้ งตน้ ไมข้ าย การรับจา้ งพิมพ์รายงาน การแปลเอกสาร การทา� ขนม หรอื งานประดิษฐ์ขาย ๑๒๑ ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู การลงทุน มคี วามสาํ คญั อยา งไร 1 งบประมาณ เปนแผนเกี่ยวกับการใชจายของรัฐบาลและการจัดหารายได ใหเพียงพอกับการใชจายในรอบระยะเวลาหน่ึง โดยปกติมีระยะเวลา 1 ป (แนวตอบ การลงทุนเปนการนําเงินออมไปสรางผลตอบแทน ดงั นั้น จงึ เรียกวา งบประมาณแผน ดินประจําป ซ่ึงจะเริม่ ตนในวนั ท่ี 1 ตุลาคม เพ่ิมขึ้น โดยการนําเงินไปลงทุนในรูปแบบตางๆ เชน นําเงินไป ของป ไปจนถึงวันท่ี 30 กันยายนของปถัดไป โดยมีสํานักงบประมาณเปน ซอื้ ขายหลกั ทรพั ย ซอื้ พนั ธบตั ร หนุ กู หนุ ทนุ กองทนุ รวม ซอื้ ทองคาํ หนว ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบจดั ทาํ งบประมาณแผน ดนิ และนาํ เสนอรฐั สภาเพอ่ื พจิ ารณา ทีด่ นิ ลงทุนในการทํากิจการตางๆ โดยผลู งทนุ ไดรับผลตอบแทน เมื่อไดรับอนุมัติแลวจึงตราออกมาเปนพระราชบัญญัติงบประมาณประจําป ในรูปของกําไร ดอกเบ้ีย เงินปนผล การลงทุนชวยใหเงินออม เพอื่ ใชบังคับตอ ไป ถูกนําไปใชป ระโยชนในธุรกจิ ตา งๆ เชน จากการมผี ูล งทุนซอ้ื หนุ 2 พัฒนาทางดานการศึกษา ปจจุบันรัฐไดจัดใหคนไทยไดรับการศึกษาภาค ซ้ือหลักทรัพยของธุรกิจ ทําใหธุรกิจมีเงินทุนในการประกอบการ บงั คับ 12 ป และการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน 15 ป อยา งเทาเทยี มกัน โดยรัฐไดจัดสรร และขยายธุรกิจ หรือการท่ีมีผูลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาล ทําให งบประมาณทไ่ี ดม าจากการจดั เกบ็ ภาษีจากประชาชนมาใชในการจดั การศกึ ษา รัฐบาลมีเงนิ ทนุ ในการพัฒนาประเทศ) T133

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๒) แหล่งเงินทนุ ในระบบเศรษฐกจิ ในระบบเศรษฐกจิ ประกอบดว้ ยธรุ กิจ การคา้ การลงทุนมากมาย ซ่ึงแหล่งเงินทุนท่ีผู้ประกอบการน�ามาใช้เพื่อลงทุนในธุรกิจของตนมีที่มาจาก ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู หลายแหล่ง เช่น ทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ประกอบการสามารถน�ามาใช้เป็นเงินทุนเพ่ือตั้งต้น ทา� ธรุ กิจได ้ ในกรณีที่ธุรกจิ ด�าเนินไปไดด้ ว้ ยดยี ่อมก่อใหเ้ กดิ ผลก�าไร ซึ่งผลกา� ไรนเ้ี ป็นแหล่งเงนิ ทุน 6. ครูนําขาวเก่ียวกับสถานการณการลงทุนของ ที่สามารถน�าไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจให้มีความเจริญเติบโต แต่ถ้าหากผู้ประกอบการไม่มีเงินทุน บคุ คล ภาคครวั เรอื น หรอื การลงทนุ ของประเทศ เพียงพอในการท�าธุรกิจ ก็ยังมีแหล่งสินเช่ือเพื่อการลงทุนของธนาคารพาณิชย์ท่ีให้บริการอยู่ มาใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหสถานการณ มากมาย ทง้ั นผี้ ปู้ ระกอบการตอ้ งพจิ ารณาอตั ราดอกเบยี้ เงนิ กแู้ ละความสามารถในการผอ่ นชา� ระหนี้ เพม่ิ เติม อย่างรอบคอบ เพ่ือใหเ้ งนิ ทนุ ท่ีกยู้ ืมมาเกิดประโยชนส์ ูงสุดต่อการด�าเนนิ ธรุ กจิ 7. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายถงึ ทมี่ าของเงนิ นอกจากน ้ี ยงั มแี หลง่ เงนิ ทนุ ทมี่ าจากการสง่ เสรมิ ของรฐั บาล โดยรฐั บาลจะมโี ครงการ ลงทุน และรว มกันแสดงความคิดเห็นวา ทีม่ า ชว่ ยเหลอื ใหผ้ ปู้ ระกอบการสามารถเขา้ ถงึ แหลง่ เงนิ ทนุ ไดโ้ ดยงา่ ย เชน่ การสนบั สนนุ เงนิ กใู้ นอตั รา ของเงนิ ลงทุนมาจากแหลงใดบาง ดอกเบ้ยี ตา่� ให้แก่ผปู้ ระกอบการ SMEs การสนับสนุนเงนิ ทนุ ให้แกผ่ ู้ประกอบธุรกจิ ด้านซอฟตแ์ วร์ (แนวตอบ เชน มาจากเงินออมภาคครัวเรือน ท่ีรัฐเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถขอยื่นกู้ได้ในอัตราดอกเบ้ียต่�าและในระยะแรกของการ จากการใชจายที่ประหยัด ทําใหสามารถนํา ดา� เนนิ ธรุ กจิ หากมกี า� ไรกไ็ มต่ อ้ งเสยี ภาษปี ระจา� ปเี พอ่ื จะไดน้ า� เงนิ ไปพฒั นาธรุ กจิ ใหม้ คี วามเขม้ แขง็ เงนิ ออมน้นั มาลงทนุ ได) ๓) แหลง่ เงนิ ทนุ ในระดบั ประเทศ ในการพฒั นาประเทศจา� เปน็ ตอ้ งใชเ้ งนิ ทนุ จา� นวน 8. นักเรียนกลุมที่ 3 ประเภทของการลงทุน สง ตัวแทนนําเสนอขอมูลหนาช้ันเรียนตาม ประเดน็ ทศ่ี กึ ษา และแสดงความคดิ เหน็ รว มกนั มหาศาลเพอื่ ลงทนุ ในโครงสรา้ งพ้นื ฐาน เช่น ถนน เส้นทางรถไฟ ไฟฟ้า ประปา ระบบส่ือสาร โทรคมนาคม ซึ่งแหล่งเงินทุนที่รัฐสามารถน�ามาใช้มาจากหลายแหล่ง เช่น เงินคงคลัง ซึ่งเป็นรายได้ของรัฐท่ีมาจากการจัดเก็บภาษี การขายสิ่งของและบริการ รวมถึงรายได้จากการ ดา� เนนิ การของหนว่ ยงานรฐั นอกจากน ี้ รฐั ยงั สามารถหาเงนิ ทนุ เพมิ่ เตมิ จากการจา� หนา่ ยพนั ธบตั ร ต๋ัวสญั ญาใช้เงิน ตัว๋ เงินคงคลัง รวมถงึ การกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ ๒กา.ร๓ลง ปทนุรแะบเง่ภเปทน็ ขปอระงเภกทาใรหลญง ่ ๆท ไนุด ้ ๓ ประเภท ไดแ้ ก ่ การลงทนุ เพอ่ื การบรโิ ภค1 การลงทนุ ในธุรกจิ และการลงทนุ ในหลักทรพั ย์ ๑) การลงทนุ เพอื่ การบรโิ ภค เปน็ การลงทนุ ในการซอื้ สนิ คา้ หรอื ทรพั ยส์ นิ ประเภท คงทนถาวร เชน่ ท่ีดิน บา้ น คอนโดมเิ นียม ทองคา� โดยผูล้ งทนุ จะพยายามซื้อทรัพยส์ นิ ตา่ ง ๆ ดังกลา่ วไว้ในช่วงทม่ี รี าคาต�่า และเม่อื ทรัพย์สินมีราคาสูงขน้ึ ก็อาจนา� มาขาย เพอื่ ต้องการกา� ไรใน รปู ของตวั เงินในลกั ษณะท่ีซือ้ ถกู -ขายแพง และตอ้ งการความพอใจจากการใชท้ รพั ยส์ นิ เหลา่ นัน้ ๒) การลงทนุ ในธรุ กจิ บคุ คลหรอื ครวั เรอื นอาจตดั สนิ ใจเลอื กลงทนุ ในธรุ กจิ ขนาดเลก็ โดยเป็นเจ้าของและด�าเนินกิจการด้วยตนเอง เพราะถือเป็นอาชีพอิสระ ไม่ต้องเป็นลูกจ้างผู้อื่น มีความรับผดิ ชอบด้วยตนเอง ผลตอบแทนจากการลงทนุ ในธุรกิจกค็ ือ กา� ไร ๑๒๒ นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด 1 การลงทุนเพ่ือการบริโภค การลงทุนในลักษณะนี้ไมไดหวังกําไรในรูปของ ขอ ใดเปนการลงทนุ ทางตรงจากตางประเทศ ตัวเงิน แตผูลงทุนหวังความพอใจในการใชสินทรัพยเหลานั้นมากกวา เชน 1. ชาวฝรั่งเศสซอื้ พนั ธบัตรรัฐบาลไทย การซ้ือบานเปนที่อยูอาศัย ถือไดวาเปนการลงทุนอยางหน่ึงของผูบริโภค หรือ 2. ชาวญี่ปนุ ซ้ือบริษทั ธรุ กิจของคนไทย ท่ีเรียกวา ลงทุนในอสังหาริมทรัพย เงินท่ีจายซื้อเปนเงินที่ไดจากการออม 3. ชาวอเมริกันซอื้ รถยนตทผ่ี ลิตในไทย การซ้ือบานเปนที่อยูอาศัยนอกจากจะใหความพอใจแกเจาของแลว ในกรณี 4. ชาวสงิ คโปรซ ื้อหุนในตลาดหลักทรพั ยแหง ประเทศไทย ทอ่ี ปุ สงคใ นที่อยอู าศยั เพม่ิ ขึน้ มากกวา อปุ ทาน มลู คาของบา นทีซ่ ื้อไวอ าจสูงขน้ึ หากขายจะไดกําไรซึ่งถือวา เปนผลพลอยได (วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะชาวตา งประเทศเขา มาลงทนุ ประกอบกิจการ โดยการต้งั โรงงาน บริษทั ในประเทศไทย เพ่ือ T134 ดาํ เนนิ การผลติ สนิ คา หรอื บรกิ ารรปู แบบตา งๆ มกี ารนาํ ปจ จยั การ ผลติ มาผา นกระบวนการผลติ เพอื่ ใหอ อกมาเปน สนิ คา และบรกิ าร กอ ใหเ กดิ การผลติ ในระบบเศรษฐกจิ เกดิ การจา งงาน สรา งรายได โดยผปู ระกอบการชาวตา งชาตมิ อี าํ นาจในการควบคมุ ดแู ลบรหิ าร จดั การสว นขอ 1, 3, และ 4 เปน การลงทนุ ทางออ มจากตา งประเทศ เพราะไมกอใหเกิดผลผลิต เปนเพียงการนําเงินเขามารวมลงทุน เทา น้นั )

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ พันธบตั รรฐั บ๓าล) กหานุ้ รกล1ู้ งหทุน้ นุ ทในุ น2 หกลากัรลทงรทพั ุนยใน ์ เลปกัน็ ษกณาระลนงี้เทปนุ น็ ซกอื้าสรลนิ งททรนุพั ทยาใ์ นงอรปูอ้ หมลซกังึ่ ทแตรพักตยต์่างา่ จงา ๆก เกชาน่ร ขน้ั สอน ลงทนุ ในธรุ กิจ โดยผู้มีเงินออมไม่ต้องการจะเป็นผ้ดู �าเนินธรุ กิจเอง เนื่องจากมเี งนิ ทุนไมเ่ พยี งพอ ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู ขาดความสามารถในการบริหารหรือมีความ เสย่ี งในการบริหาร ผ้ลู งทนุ อาจน�าเงนิ ท่อี อมไว้ 9. นักเรียนกลุมที่ 4 หลักเกณฑท่ีควรคํานึง จะมากหรือน้อยก็ตามไปซื้อหลักทรัพย์ที่ ในการลงทุน สงตัวแทนนําเสนอขอมูล ต้องการจะลงทุน โดยจะได้รับผลตอบแทนใน หนาชั้นเรียนตามประเด็นทีศ่ ึกษา รูปของดอกเบี้ยในกรณีที่น�าเงินไปลงทุน ซื้อพันธบัตรและหุ้นกู้ แต่ถ้าเป็นการลงทุนใน 10. ครยู กตวั อยางบุคคล นักลงทนุ หรือนักธุรกิจ หุ้นทุนก็จะได้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล รุนใหมที่ประสบความสําเร็จ มาอภิปราย นอกจากน ้ี ผลู้ งทนุ ในหนุ้ ทนุ อาจไดร้ บั ผลตอบแทน ถึงวิธีคิด มุมมองหลักในการตัดสินใจลงทุน ในรปู ของกา� ไร เมอ่ื ขายหนุ้ ทนุ ไปในราคาทสี่ งู กวา่ การวางแผนการลงทุน หรือใหนักเรียนดู ราคาท่ีซื้อมา หรือในบางกรณีก็อาจขาดทุน  การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนจะต้องศึกษา วีดิทัศนการสัมภาษณบุคคลดังกลาวและ เม่ือขายหนุ้ ทนุ ไปในราคาที่ต่�ากวา่ ราคาท่ีซอื้ มา ขอ้ มลู เปน็ อย่างดเี พอ่ื ปอ้ งกนั ความเส่ยี งจากการลงทนุ สรปุ ขอ คดิ ท่ีไดรบั ๒.๔ หลักเกณฑ์ท่ีควรค�านึงในการลงทุน จุดมุ่งหมายหลักของผู้ลงทุน คือ เพ่ือให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงสุด ณ ระดับ ความเสี่ยงหนง่ึ หรอื เพ่ือลดความเสยี่ งใหต้ �่าท่ีสดุ ณ ระดับอตั ราผลตอบแทนหนงึ่ ทัง้ น ี้ ถือกันว่า ผู้ลงทุนเป็นผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสูง ไม่ชอบความเสี่ยง ถ้าหากการลงทุนใดมีความเสี่ยงสูง ก็จะต้องมีการศึกษาข้อมูลเป็นอย่างดี หากการลงทุนใดมีความเสี่ยงน้อยแม้อัตราผลตอบแทน ไม่มากนกั ผ้ลู งทนุ กอ็ าจยอมรบั ได้ การตัดสินใจว่าจะเลือกลงทุนประเภทใด ควรจะพิจารณาหลักเกณฑ์ต่อไปน้ีเป็นแนวทาง ในการเลือกลงทนุ ๑) ความปลอดภยั ของเงนิ ลงทนุ โดยตอ้ งคา� นงึ ถงึ โอกาสทจ่ี ะไดร้ บั เงนิ ตน้ คนื ทไ่ี ด้ ลงทนุ ไปพรอ้ มทงั้ ผลตอบแทนทค่ี าดคะเนไว ้ เชน่ การลงทนุ บางประเภทไดม้ กี ารกา� หนดผลตอบแทน และก�าหนดคืนเงินต้นจ�านวนท่ีแน่นอน เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ เป็นต้น แต่การลงทุน บางประเภท เช่น หนุ้ ทนุ การซื้อขายทดี่ นิ ร้านค้า ไมส่ ามารถก�าหนดผลตอบแทนที่แนน่ อนได ้ และยังมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนเช่นกัน ดังน้ัน ผู้มีเงินออมจะต้องศึกษาข้อมูลของสถาบัน การเงนิ ผลตอบแทน ความเสี่ยงของการลงทนุ ให้ละเอียดรอบคอบก่อนตดั สินใจลงทุน ๑๒๓ กิจกรรม สรา งเสรมิ นักเรียนควรรู ใหนักเรียนสืบคนขอมูลนักลงทุนไทยที่ประสบความสําเร็จที่ 1 หนุ กู คอื ต๋ัวสญั ญาใชเงนิ ระยะยาวท่อี อกโดยผกู ู ซึ่งระบวุ าผูก ไู ดกยู มื เงิน นักเรียนชื่นชอบ 1 ทา น ในประเด็น จํานวนหน่ึงจากผซู ้อื หรอื ผูถอื หนุ กู โดยสญั ญาวา จะจา ยคืนเงินจํานวนดงั กลาว ในอนาคต และจา ยดอกเบย้ี เปน รายงวดตามวนั ทกี่ าํ หนดไวต ลอดอายหุ นุ กู ผถู อื • ประวัติชีวิต ความสําเร็จของธุรกิจ แนวทางหรือกลยุทธ หนุ กจู ะมสี ภาพเปน เจา หนี้ของบริษทั ท่ีออกหนุ กนู ้นั หุนกูจดั เปน หลกั ทรพั ยทใ่ี ห ในการบริหารธรุ กจิ คติ ขอคิดประจําใจในการบริหาร รายไดประจํา เน่ืองจากการจายดอกเบ้ียและชําระคืนเงินตนไดระบุไวแนนอน บนั ทกึ สาระสาํ คัญ แลว นําเสนอในช้นั เรยี น ทําใหผูถือหุนกูทราบถึงกระแสเงินสดในอนาคตที่จะไดรับนับจากวันที่ซื้อจนถึง วันครบกาํ หนดไถถ อน กจิ กรรม ทา ทาย 2 หนุ ทนุ หรือหนุ สามัญ คือ ตราสารทุนที่บอกถงึ การมีสวนรวมเปนเจา ของ ใหนักเรียนสืบคนประวัติและความสําเร็จของนักธุรกิจ ในบริษัท ซ่ึงออกโดยบริษัทมหาชนจํากัดที่ตองการระดมเงินทุนจากประชาชน ชาวตางชาติ 1 ทาน หรือธุรกิจของชาวตางชาติในประเทศไทย เพื่อใหประชาชนไดเขาไปมีสวนรวมเปนเจาของในธุรกิจน้ันๆ เชน การมีสิทธิ 1 ธรุ กิจ ในประเด็น เขาประชุมและลงคะแนนเสียงในที่ประชุม มีสิทธิรวมตัดสินใจปญหาสําคัญใน ท่ีประชุมผูถือหุน ผูซื้อหุนจะไดรับผลตอบแทนเปนเงินปนผลจากกําไรในธุรกิจ • ประวตั ิ ความสาํ เรจ็ ของธุรกิจ แนวทางหรือกลยทุ ธใ นการ ตามอตั ราที่กําหนด ซง่ึ ขน้ึ อยกู บั ผลการดําเนนิ งานของบริษัท บริหารธุรกิจ คติ ขอ คดิ ประจําใจในการบริหาร T135


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook