นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ท้ังน้ีการเลิกสัญญาหม้ันด้วยความยินยอมทั้งสองฝ่าย ย่อมท�าได้โดยไม่ต้องท�าเป็น หนงั สอื มพี ยานลงลายมอื ชอื่ เมอ่ื เลกิ สญั ญากนั แลว้ กก็ ลบั คนื สฐู่ านะเดมิ ฝา่ ยหญงิ ตอ้ งคนื ของหมนั้ ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู และถา้ มสี นิ สอดก็ต้องคนื แกฝ่ ่ายชาย ห มนั้ 1หรือสนิ สถอ้าดค2น่หู น้ั ม ั้นไมฝ่วา่ ่ายชหานย่ึงหตราอื ยหกญอ่ นิงตสามยร สห ญอีกิงฝห่ารยือหฝน่ายึง่ หจะญเรงิ ยีไมกร่ตอ้้องงคค่านื ทใหดแแ้ ทก่ฝนา่ไมยชไ่ ดา ้ยส ใ่วนนกขรอณงี 7. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันเก่ียวกับความ ทมี่ เี หตสุ า� คญั อนั เกดิ แกห่ ญงิ คหู่ มนั้ ทา� ใหช้ ายไมส่ มควรสมรสกบั หญงิ นน้ั ชายมสี ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญา สําคัญและประโยชนของกฎหมายวาดวยเร่ือง หม้ันได้ และให้หญิงคืนของหม้ันแก่ชาย แต่ในกรณีมีเหตุส�าคัญอันเกิดแก่ชายคู่หม้ันท�าให้หญิง ของการหมนั้ วา มอี ะไรบาง ไมส่ มควรสมรสกบั ชาย หญิงมสี ทิ ธิบอกเลิกสญั ญาหมัน้ ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งคนื ของหมั้นแก่ชาย 8. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั ยกกรณตี วั อยา ง ซง่ึ แสดง ๒) การสมรส หมายถงึ การทช่ี ายและหญงิ สมัครใจเข้ามาอยกู่ ินกันฉันสามีภรรยา ถึงกรณีที่เปนเหตุใหฝายหญิงตองคืนสินสอด โดยไม่เก่ียวข้องทางชู้สาวกับบุคคลอ่ืนใดอีก การสมรสที่สมบูรณ์จะต้องจดทะเบียนสมรสกับ แกฝ า ยชาย หรอื กรณที เ่ี ปน การผดิ สญั ญาหมนั้ พนักงานเจ้าหน้าท่ีซ่ึงเป็นนายทะเบียน หากชายและหญิงไม่ยินยอมสมรสกัน การสมรสน้ันเป็น โดยอีกฝายสามารถเรียกรองใหรับผิดชอบใช โมฆะ ในการสมรสนนั้ คสู่ มรสฝา่ ยหนงึ่ ตอ้ งเปน็ ชายและอกี ฝา่ ยหนง่ึ ตอ้ งเปน็ หญงิ บคุ คลเพศเดยี วกนั คาทดแทนได จากน้ันอภิปรายแสดงความ จะสมรสกันไม่ได้ คดิ เหน็ รว มกัน เง่อื นไขการสมรส มีดงั นี้ ๑. ชายและหญงิ จะท�าการสมรสกนั ได้เมือ่ มีอายคุ รบสิบเจ็ดปีบรบิ รู ณ ์ ในกรณีที่ 9. ครูถามคําถามเพื่อเปนการอธิบายความรูและ ผเู้ ยาวจ์ ะท�าการสมรสกนั นนั้ จะตอ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมจากบดิ ามารดาหรอื ผรู้ บั บตุ รบญุ ธรรม หรอื สงเสริมทกั ษะการนาํ ไปใชเพม่ิ เติม เชน ผู้ปกครองตามค�าส่ังของศาลซึ่งมีเง่ือนไขเช่นเดียวกับเง่ือนไขการหมั้น ข้อ ๑.๑) ในกรณีที่มี • การสมรสหมายถึงส่ิงใด และเงอื่ นไขท่ี เหตุอนั สมควร ศาลอาจอนญุ าตให้ท�าการสมรส เกีย่ วกับการสมรสครอบคลุมถงึ ส่ิงใดบาง ก่อนน้นั ก็ได้ (แนวตอบ ในทางกฎหมาย การสมรส หมายถงึ ๒. ชายหรอื หญงิ จะตอ้ งไมเ่ ปน็ การท่ีชายและหญิงสมัครใจเขามาอยูกิน คบนุคไครล้คววิกาลมจสราิตมหารรือถ3เป็นบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็น กันฉันสามี ภริยา โดยไมเกี่ยวของทาง ชูสาวกับบุคคลอ่ืนใดอีก สําหรับเกี่ยวกับ การสมรส เชน คูสมรสจะตองไมเปนบคุ คล วกิ ลจรติ ผรู บั บตุ รบญุ ธรรมและบตุ รบญุ ธรรม จะสมรสกนั ไมได) ๓. ชายและหญงิ จะตอ้ งไมเ่ ปน็ ญาตสิ บื สายโลหติ โดยตรงขน้ึ ไปหรอื ลงมา ไมเ่ ปน็ พ่ีน้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือ มารดาเดยี วกัน ๔. ผรู้ บั บตุ รบญุ ธรรมและบตุ ร บุญธรรมจะสมรสกันไมไ่ ด้ การแต่งงานเป็นการที่ชายหญิงตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิต ๕. ชายหรือหญิงจะท�าการ ร่วมกนั การแต่งงานจะสมบรู ณ์ก็ต่อเมื่อมกี ารจดทะเบียน สมรสในขณะทต่ี นมีคูส่ มรสอยู่ไมไ่ ด้ สมรสอย่างถูกตอ้ งตามกฎหมาย 3๒ นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 ของหมั้น ทรัพยสินท่ีฝายชายไดสงมอบหรือโอนใหแกฝายหญิง เพื่อเปน ขอใดกลาวถงึ เงื่อนไขการสมรสไดถ กู ตอ ง หลักฐานวาจะสมรสกับหญงิ น้ัน ของทส่ี ามารถใชเปนของหมนั้ ได เชน เงิน ทอง 1. ชายและหญงิ เปน ญาตพิ ่นี อ งกนั แหวนเพชร ซ่ึงถาหากตอมาภายหลังฝายหญิงไมยอมสมรสกับชายคูหมั้น 2. ชายและหญิงมอี ายุครบ 15 ปบ ริบูรณ ฝา ยหญงิ ตอ งคนื ของหมนั้ ใหกบั ฝา ยชาย แตห ากฝา ยชายไมยอมสมรส กใ็ หของ 3. ชายและหญงิ มอี ายคุ รบ 17 ปบริบรู ณ และไดร บั ความยินยอม หมนั้ ตกเปนของฝายหญิง โดยที่ฝา ยหญิงจะคืนของหมั้นใหฝา ยชายหรือไมก ไ็ ด 2 สนิ สอด ทรพั ยสนิ ทีฝ่ า ยชายมอบใหแ กบิดามารดา ผรู บั บตุ รบุญธรรม หรอื จากบดิ ามารดา ผูปกครองฝายหญิง แลวแตกรณี เพื่อเปนการตอบแทนท่ียินยอมใหฝายหญิง 4. ผรู ับบุตรบญุ ธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสไดเ ม่ือไดร ับ สมรส ตามธรรมเนยี มแลว สนิ สอดจะตกเปน สทิ ธขิ องบดิ ามารดา หรอื ผปู กครอง ของฝา ยหญิงทันทแี มยังไมไ ดจดทะเบยี นสมรสกันกต็ าม ความยินยอมจากศาล 3 ไรค วามสามารถ ในทางกฎหมาย คนไรค วามสามารถ คือ บคุ คลวิกลจรติ ซงึ่ ศาลไดส ง่ั ใหเ ปน คนไรค วามสามารถ และใหอ ยใู นความอนบุ าล หรอื ความดแู ล (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. การท่ีชายและหญิงมีอายุครบ ของผูอนุบาล คนไรค วามสามารถทาํ นิตกิ รรมใดๆ ถอื เปนโมฆยี ะเสมอ ผมู สี ิทธิ 17 ปบ รบิ รู ณ และบดิ ามารดา ผปู กครองใหค วามยนิ ยอม ถอื เปน หนง่ึ รองขอตอศาลใหสั่งบุคคลวิกลจริตเปนคนไรความสามารถ เชน คูสมรสของ ในเงื่อนไขการทาํ การสมรสกนั สว นขอ อ่นื กลา วไมถ ูกตอง) ผูว ิกลจรติ บพุ การี ผูสืบสันดาน ผปู กครอง T36
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๖. หญิงท่สี ามีตายหรือทกี่ ารสมรสส้นิ สดุ ลงด้วยประการอืน่ จะท�าการสมรสใหม่ ขนั้ สอน ตอ่ เมอื่ การสน้ิ สดุ แหง่ การสมรสไดผ้ า่ นพน้ ไปแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ สามรอ้ ยสบิ วนั เวน้ แตค่ ลอดบตุ รแลว้ ในระหวา่ งนน้ั หรอื สมรสกบั คสู่ มรสเดมิ หรอื มใี บรบั รองแพทยซ์ ง่ึ เปน็ ผปู้ ระกอบการรกั ษาโรคสาขา ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู เวชกรรมไดต้ ามกฎหมายวา่ หญิงน้นั ไมไ่ ด้มีครรภ ์ หรอื มคี า� ส่งั ของศาลให้สมรสกันได้ • มรดกคอื อะไร และสง่ิ ทถี่ อื เปน มรดก รวมถงึ ๓) มรดก หรอื กองมรดก ไดแ้ ก ่ ทรพั ยส์ นิ ทกุ ชนดิ ของผตู้ าย รวมทง้ั สทิ ธแิ ละหนา้ ท ่ี สง่ิ ทีไ่ มถ ือเปนมรดกไดแกส ่ิงใด (แนวตอบ มรดก คือ ทรัพยสินของผูตาย ตลอดจนความรบั ผิดตา่ ง ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สนิ เช่น หนี้สนิ เป็นต้น เว้นแต่ตามกฎหมายหรอื โดย ทกุ ชนดิ เชน บา น รถยนต เงนิ รวมไปถงึ สทิ ธิ สภาพแลว้ เปน็ การเฉพาะตวั ของผตู้ ายโดยแท ้ เชน่ สทิ ธใิ นการไปสมคั รสอบ สทิ ธใิ นการมอี าวธุ ปนื หนา ท่ี และความรบั ผดิ ชอบตา งๆ ทเ่ี กยี่ วกบั กรณีท่ีบุคคลใดตาย ถ้าท�าพินัยกรรมไว้ มรดกจะตกทอดแก่บุคคลท่ีผู้ตายระบุไว้ใน ทรัพยสิน สวนสิ่งที่ไมถือเปนมรดก เชน พนิ ยั กรรม หากไมไ่ ดท้ า� พนิ ยั กรรมไวม้ รดกจะตกแกบ่ คุ คลทเี่ ปน็ ทายาทและคสู่ มรส ซง่ึ ทายาทตาม สิทธิในการไปสมัครสอบ สิทธิครอบครอง กฎหมายสามารถแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คอื อาวุธปน) ๑. ทายาทโดยธรรม หมายถึง ทายาททม่ี สี ทิ ธติ ามกฎหมาย ได้แก ่ ญาติ และ คู่สมรส ซ่ึงทายาทท่ีเปน็ ญาติสามารถแบ่งเปน็ ๖ ล�าดบั คือ ผูส้ บื สันดาน บิดามารดา พ่นี ้องร่วม ขน้ั สรปุ บดิ ามารดาเดยี วกนั พีน่ อ้ งร่วมบิดาหรอื ร่วมมารดาเดียวกัน ปู ่ ย่า ตา ยาย และลุง ปา้ นา้ อา ซึ่งสทิ ธิได้รบั มรดกและส่วนแบ่งท่จี ะได้รับจะลดลงตามล�าดับความหา่ งของญาตินน้ั ๆ ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ ทัง้ นีต้ ามกฎหมายถอื วา่ ค่สู มรสทม่ี ีชวี ติ อยูน่ นั้ เป็นทายาทโดยธรรม ซึ่งก่อนท่ีจะ มกี ารแบง่ มรดกถา้ คสู่ มรสมสี นิ สมรสกต็ อ้ งแบง่ ทรพั ยส์ นิ ทเี่ ปน็ สนิ สมรสนน้ั ใหแ้ กค่ สู่ มรสทม่ี ชี วี ติ อยู่ 1. ครูใหนักเรยี นทําใบงานท่ี 2.2 เรือ่ ง กฎหมาย ครึ่งหนึ่งก่อน ส่วนท่ีเหลือจะตกมาเป็นกองมรดกเพื่อจัดแบ่งให้แก่ทายาทต่อไป และคู่สมรสจะมี ทเี่ กย่ี วของกบั ตนเองและครอบครัว สิทธิรับมรดกในฐานะท่ีเป็นทายาทโดยธรรมตามสัดส่วนโดยได้รับมรดกเท่ากับทายาทช้ันท่ีหน่ึง คือผสู้ ืบสันดาน 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่ ตราบใดที่มีทายาทซง่ึ มชี วี ติ อยู่ในลา� ดับแรก ๆ ท่รี ะบไุ ว้ดงั กล่าวนั้น ทายาทและ พลเมืองฯ ม.2 เกี่ยวกับเรื่อง กฎหมายที่ ผทู้ อี่ ยใู่ นลา� ดบั ถดั ไปไมม่ สี ทิ ธริ บั มรดกของผตู้ ายเลย เวน้ แตบ่ ดิ ามารดายงั มชี วี ติ อย ู่ ใหบ้ ดิ ามารดา เก่ียวของกบั ตนเองและครอบครัว ไดส้ ว่ นแบง่ เสมอื นทายาทชั้นบุตร คอื บิดามารดาและบุตรไดค้ นละสว่ นเท่ากัน ๒. ทายาทตามพนิ ยั กรรม เปน็ ทายาทมสี ทิ ธติ ามพนิ ัยกรรม พนิ ยั กรรม ได้แก ่ ขน้ั ประเมนิ คา� สง่ั ยกทรพั ยส์ นิ หรอื แบง่ ทรพั ยส์ นิ หรอื วางขอ้ กา� หนดใด ๆ อนั เกยี่ วกบั ทรพั ยส์ นิ ของตนเมอื่ ตาย แลว้ หรอื ในการอ่นื ๆ ทกี่ ฎหมายรบั รองซึง่ มผี ลเม่ือตายแล้ว เชน่ การตงั้ ผปู้ กครองเด็ก และต้อง ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล ทา� ใหถ้ กู ต้องตามทีก่ ฎหมายกา� หนดไว้ดว้ ย จึงจะมีผลเป็นพินัยกรรมตามกฎหมาย 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ ๔) การรับรองบุตร บุตรซ่ึงเกิดจากหญิงที่เป็นภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก สมรรถนะฯ หนาทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 เป็นบตุ รท่ชี อบด้วยกฎหมายของหญงิ แต่เปน็ บตุ รนอกกฎหมายของชาย กฎหมายไดเ้ ปดิ โอกาส ใหช้ ายจดทะเบียนรับรองบตุ รได้ ซึง่ ทา� ให้เด็กเปน็ บตุ รท่ชี อบดว้ ยกฎหมายของชาย และถอื วา่ เป็น 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม บุตรท่ชี อบด้วยกฎหมายนบั ต้ังแตว่ ันจดทะเบียน ถ้าเปน็ กรณีบุตรนอกสมรส แต่ต่อมาชายหญงิ ได้ การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน จดทะเบยี นสมรสกนั ก็ไมต่ อ้ งจดทะเบยี นรับรองบตุ รอกี หนาชน้ั เรยี น 33 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ หนา ที่พลเมืองฯ ม.2 ขอ สอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล นายสมชายเปนเจาของโรงงานอุตสาหกรรมแหงหนึ่ง มีฐานะ ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง กฎหมายท่ีเกี่ยวของ ร่ํารวยและมีทรัพยสินจํานวนมาก นายสมชายไดทําพินัยกรรม กบั ตนเองและครอบครวั ไดจ ากการสบื คน และนาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ เรยี น โดย ยกอาคารพาณิชยจํานวน 2 คูหา ใหนายสุชาติซ่ึงเปนคนขับรถ ศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลจากแบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงานทแี่ นบมา เพราะเห็นวานายสุชาติมีความกตัญูและมีความซ่ือสัตยสุจริต ทา ยแผนการจดั การเรยี นรหู นว ยท่ี 2 เรอ่ื ง กฎหมายกบั การดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั ในกรณีน้ี นายสุชาติถือเปนทายาทประเภทใดตามกฎหมาย เพราะเหตใุ ด แบบประเมินการนาเสนอผลงาน (แนวตอบ ในทางกฎหมาย นายสุชาติถือเปนทายาทตาม คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี พนิ ยั กรรม เพราะนายสชุ าตไิ มไ ดเ ปน ญาตขิ องนายสมชาย แตไ ดร บั ตรงกบั ระดับคะแนน มรดกเพราะนายสมชายทาํ พินยั กรรมยกมรดกให) ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา 2 การลาดับขนั้ ตอนของเรื่อง 3 วิธีการนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในกลมุ่ รวม ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ T37
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (5Es Instructional Model) ๕) การรับบุตรบญุ ธรรม1 มหี ลกั เกณฑท์ ีค่ วรรู้ ดงั นี้ ขน้ั ที่ 1 กระตนุ ความสนใจ ๑. บคุ คลจะรับผอู้ นื่ เป็นบุตรบุญธรรมได้จะต้องมีอายไุ มต่ �่ากวา่ ยีส่ บิ หา้ ปบี รบิ ูรณ ์ และต้องมอี ายุแก่กว่าผทู้ ีจ่ ะเป็นบุตรบญุ ธรรมอย่างน้อยสิบหา้ ปี 1. ครูนําภาพมาใหนักเรียนวิเคราะหรวมกัน ๒. การรบั บตุ รบญุ ธรรม ถา้ ผทู้ จี่ ะเปน็ บตุ รบญุ ธรรมมอี ายไุ มต่ า�่ กวา่ สบิ หา้ ปบี รบิ รู ณ์ เชน ภาพคนไปเสยี ภาษอี ากร แรงงานชุมนมุ ผ้ทู ่ีจะเป็นบตุ รบญุ ธรรมน้นั ต้องให้ความยินยอมดว้ ย ประทว งนายจาง คนรว มกันปลกู ปา ๓. การรบั ผเู้ ยาวเ์ ปน็ บตุ รบญุ ธรรมจะกระทา� ไดต้ อ่ เมอ่ื ไดร้ บั ความยนิ ยอมจากบดิ า มารดาของผทู้ จ่ี ะเปน็ บตุ รบญุ ธรรม ในกรณที บี่ ดิ าหรอื มารดาคนใดคนหนง่ึ ตายหรอื ถกู ถอนอ�านาจ 2. ครูสุมนักเรียนใหออกมาเขียนกฎหมายที่ ปกครองต้องได้รับความยินยอมจากมารดาหรอื บดิ าซึ่งมอี า� นาจปกครอง เกี่ยวของกับชุมชนและประเทศชาติที่นักเรียน ถ้าไม่มีผู้มีอ�านาจดังกล่าวข้างต้นให้ความยินยอม หรือมีแต่บิดาหรือมารดา รจู ัก คนละ 1 กฎหมาย คนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคน ไม่สามารถแสดงเจตนาให้ความยินยอมได้หรือไม่ให้ความยินยอม ซ่ึงการไม่ให้ความยินยอมนั้นปราศจากเหตผุ ลอนั สมควร และเป็นปฏปิ ักษ์ตอ่ สขุ ภาพ ความเจริญ 3. ครูนําขาวจากส่ือตางๆ ที่มีเนื้อหาเก่ียวกับ หรอื สวสั ดภิ าพของผเู้ ยาว ์ มารดาหรอื บดิ า หรอื ผปู้ ระสงคจ์ ะขอรบั บตุ รบญุ ธรรม หรอื อยั การสามารถ กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ งกบั ชมุ ชนและประเทศชาติ ร้องขอตอ่ ศาลให้มคี �าสง่ั อนุญาตแทนการให้ความยนิ ยอมกไ็ ด้ มาใหน ักเรยี นดู จากน้ันรวมกนั วิเคราะหสาระ ๔. การรับบุตรบญุ ธรรมจะสมบรู ณ์ตอ่ เมือ่ ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย สําคัญ ตลอดจนผลกระทบของขาวดังกลาว ๕. ผจู้ ะรบั บตุ รบญุ ธรรมหรอื ผทู้ จี่ ะเปน็ บตุ รบญุ ธรรม ถา้ มคี สู่ มรสอยจู่ ะตอ้ งไดร้ บั เพอ่ื เปน การกระตนุ ความสนใจ ความยินยอมจากคูส่ มรสก่อน ๖. บุตรบุญธรรมย่อมมีฐานะอย่างเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตร ขนั้ สอน บุญธรรมน้ัน แตไ่ ม่สญู สทิ ธิและหน้าทใี่ นครอบครวั ทไ่ี ด้กา� เนดิ มา ๗. ผรู้ บั บตุ รบญุ ธรรมไมม่ สี ทิ ธริ บั มรดกของบตุ รบญุ ธรรมในฐานะทายาทโดยธรรม ขน้ั ที่ 2 สาํ รวจคน หา ๘. ผทู้ เี่ ปน็ บตุ รบญุ ธรรมของบคุ คลใดอย ู่ จะเปน็ บตุ รบญุ ธรรมของผอู้ น่ื อกี ในขณะ เดียวกันไมไ่ ด ้ เวน้ แตเ่ ป็นบุตรบุญธรรมของคู่สมรสผู้รบั บตุ รบญุ ธรรม ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 5-7 คน ศกึ ษา คน ควา เกย่ี วกบั กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ งกบั ชมุ ชนและ ๔. กฎหมายท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ชมุ ชนและประเทศชาติ ประเทศชาติ จากหนงั สือเรียน สังคมศกึ ษาฯ ม.2 หรือจากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน หนังสือใน กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับชุมชนและประเทศชาติ เป็นกฎหมายที่เก่ียวข้องกับความสงบสุข หองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ตามประเด็น และความม่ันคงของประเทศชาติ โดยกฎหมายส�าคัญทีค่ วรร ู้ ไดแ้ ก ่ กฎหมายภาษีอากร กฎหมาย ทกี่ าํ หนด ดังนี้ แรงงาน กฎหมายปกครอง และกฎหมายเกี่ยวกบั การอนรุ กั ษธ์ รรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม • กฎหมายภาษอี ากร ๔.๑ กฎหมายภาษีอากร • กฎหมายแรงงาน • กฎหมายปกครอง ภาษีอากร คือ เงินท่ีรัฐหรือทอ้ งถ่นิ ได้รับมอบหมายอ�านาจรฐั เรียกเก็บจากบคุ คล เพอื่ น�า • กฎหมายเก่ียวกบั การอนรุ กั ษธ รรมชาติ ไปใชจ้ า่ ยในการบริหารประเทศหรอื ทอ้ งถน่ิ เช่น ภาษเี งนิ ได้ ภาษีบ�ารุงทอ้ งท ่ี ภาษโี รงเรอื นและ ท่ดี นิ ภาษีมูลคา่ เพิ่ม ภาษสี รรพสามติ อากรแสตมป ์ เป็นต้น และส่งิ แวดลอม 3๔ นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 การรับบุตรบุญธรรม เม่ือผูรับบุตรบุญธรรมตายหรือมีการเลิกรับบุตร นายสมชายมีอายุ 23 ปบริบูรณ ตองการจะรับเด็กหญิงมาลี บญุ ธรรม ถา บตุ รบญุ ธรรมยงั ไมบ รรลนุ ติ ภิ าวะ ใหบ ดิ ามารดาโดยกาํ เนดิ กลบั มามี ซึ่งมีอายุ 10 ปบริบูรณเปนบุตรบุญธรรม ในกรณีนี้นายสมชาย อาํ นาจปกครองนบั แตเ วลาทผี่ รู บั บตุ รบญุ ธรรมตาย หรอื นบั แตเ วลาทจ่ี ดทะเบยี น สามารถดาํ เนินการไดหรือไม เพราะเหตุใด เลกิ การรับบตุ รบุญธรรมตามบทบญั ญตั ขิ องกฎหมาย เวนแตศ าลเหน็ สมควรสั่ง เปนอยา งอ่ืน หรอื นบั แตเวลาทศ่ี าลมคี าํ พิพากษาถงึ ท่สี ุดใหเ ลกิ (แนวตอบ ไมสามารถทําได เพราะกฎหมายกําหนดไววา บุคคลท่ีจะรับผูอ่ืนเปนบุตรบุญธรรมไดจะตองมีอายุไมตํ่ากวา ส่ือ Digital 25 ปบริบูรณ และตองมีอายุแกกวาผูที่จะเปนบุตรบุญธรรม อยางนอ ย 15 ป ซ่ึงในกรณนี ี้ นายสมชายมีอายไุ มถึง 25 ปบริบรู ณ ศึกษาคน ควา ขอ มลู เพ่มิ เติมเก่ียวกับการรบั บุตรบญุ ธรรม ไดที่ และแกก วา เด็กหญงิ มาลี เพยี ง 13 ปเ ทานน้ั ) http://www.adoption.dsdw.go.th/adoption-02-01.html T38
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ การเสยี ภาษอี ากรใหร้ ฐั เปน็ หนา้ ทส่ี า� คญั ของพลเมอื ง เพราะเปน็ การมอบรายไดห้ รอื ทรพั ยส์ นิ ขนั้ สอน ส่วนหน่ึงของตนให้แก่รัฐหรือท้องถิ่น เพ่ือน�าไปใช้ท�าประโยชน์แก่ชุมชนส่วนรวมต่อไป ซึ่งภาษี อากรทร่ี ฐั หรอื ท้องถนิ่ เรยี กเก็บอยใู่ นปัจจบุ นั นีม้ ีหลายประเภทด้วยกนั ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู ภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา มรี ายละเอียดพอสงั เขป ดงั นี้ ภาษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา คอื ภาษีท่ีจดั เก็บจากบุคคลทว่ั ไปหรอื จากหน่วยภาษที ่ีมลี ักษณะ 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก พิเศษตามท่ีกฎหมายก�าหนด และมีรายได้เกิดขึ้นตามเกณฑ์ที่ก�าหนด โดยปกติจะจัดเก็บเป็น การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรกู ัน รายปี รายได้ที่เกิดขึ้นในปีใด ๆ ผู้มีรายได้มีหน้าท่ีต้องน�าไปแสดงรายการตนเองตามแบบแสดง รายการภาษที ่ีกา� หนด ภายในเดือนมกราคมถึงมนี าคมของปถี ัดไป 2. จากน้ันสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล บุคคลผู้มหี น้าท่ีเสียภาษีเงินได้บคุ คลธรรมดา ไดแ้ ก ่ ท่ีนาํ เสนอเพ่ือใหไดขอ มูลทถ่ี กู ตอ ง ๑. บคุ คลธรรมดา ๒. ห้างหุ้นส่วนสามัญหรอื คณะบุคคลที่มใิ ชน่ ิติบคุ คล 3. นักเรียนกลุมกฎหมายภาษีอากรสงตัวแทน ๓. ผ้ถู ึงแกค่ วามตายระหว่างปภี าษี นาํ เสนอขอมูลหนา ชน้ั เรยี นตามประเดน็ ๔. กองมรดกทย่ี งั ไม่ได้แบง่ ๕. วิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะท่ีเป็น 4. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางภาษีประเภทตางๆ ห้างหุ้นสว่ นสามัญ หรือคณะบคุ คลทไ่ี ม่ใช่นติ บิ ุคคล ของประเทศไทยใหไดมากที่สุด แลวอธิบาย ลกั ษณะของภาษเี งินไดบ้ ุคคลธรรมดา พอสังเขป ของบุคคลท่ไี ด๑ร้. ับภในาษปีเหี งนินึง่ไ ดๆ้ รหามยาไยดถ้ดึงงั กภลา่าวษนีท้ีตี่ราัฐมเรกียฎกหเกม็บายจาเรกยี บกุควคา่ ล “โเดงยินคได�าพ้นวงึ ณปรอะัตเมรานิ จ1”ากรายได้ ๒. เงินไดพ้ งึ ประเมนิ หมายถงึ ตวั เงิน ทรัพยส์ ิน หรือประโยชนท์ ่ีอาจคิดคา� นวณเป็น 5. ครูและนักเรียนอภิปรายเก่ียวกับภาษีเงินได เงิน หรือท้ังตวั เงินและทรัพย์สิน หรือประโยชน์ปะปนกนั โดยไดร้ ับระหว่างวันท ี่ ๑ มกราคม ถงึ บคุ คลธรรมดา ประกอบการถามคาํ ถาม เชน ๓๑ ธันวาคม ของปเี ดยี วกนั • ภาษเี งนิ ไดบ ุคคลธรรมดามีหลักเกณฑ การคา� นวณเสยี ภาษีเงินไดบ้ คุ คลธรรมดา สามารถกระทา� ได้ ดังนี้ การจดั เกบ็ อยางไร (แนวตอบ ตามกฎหมายไดก าํ หนดไวว า เงนิ ได ค า่ ลดหย่อน2 ด๑งั)น ี้การค�านวณเงินได้สุทธิ โดยน�าเงินได้พึงประเมินมาหักด้วยค่าใช้จ่ายและ ทตี่ อ งเสยี ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา เรยี กวา เงนิ ไดพ งึ ประเมนิ หมายถงึ เงนิ ไดข องบคุ คล ใดๆ หรือหนวยภาษีใดขางตนที่เกิดข้ึน ระหวา งวนั ที่ 1 มกราคม ถงึ 31 ธนั วาคมของ ปใดๆ หรือเงินไดที่เกิดข้ึนในปภาษี ไดแก เงิน ทรัพยสนิ ที่อาจคดิ คาํ นวณไดเ ปนเงินที่ รบั จรงิ ประโยชนซ ง่ึ อาจคดิ คาํ นวณไดเ ปน เงนิ เงินภาษีอากรที่ผูจายหรือผูอื่นออกใหแทน และเครดติ ภาษีตามท่กี ฎหมายกําหนด) เงนิ ได้สุทธ ิ = เงินไดพ้ งึ ประเมิน - (คา่ ใช้จา่ ย + ค่าลดหย่อน) ๑.๑) การหักค่าใช้จ่ายบุคคล ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ ร้อยละ ๕๐ ของเงินได้พงึ ประเมิน แตต่ อ้ งไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒) การหักคา่ ลดหยอ่ น สามารถกระท�าไดใ้ นหลายกรณ ี ทส่ี �าคญั ดังน้ี ๑. บคุ คลผมู้ เี งนิ ได ้ สามภี รรยา และบตุ ร โดยบคุ คลผมู้ เี งนิ ไดม้ สี ทิ ธหิ กั คา่ ลดหย่อนได้ ๖๐,๐๐๐ บาท ถ้ามีสามหี รอื ภรรยาทีไ่ มม่ เี งนิ ได้ หกั ค่าลดหยอ่ นได้อีก ๖๐,๐๐๐ บาท บุตรให้หกั คา่ ลดหย่อนคนละ ๓๐,๐๐๐ บาท 35 กิจกรรม สรา งเสริม นักเรียนควรรู ใหนักเรียนอธิบายความสําคัญของการเสียภาษีเงินไดบุคคล 1 เงินไดพึงประเมิน กฎหมายภาษีอากรมีการกําหนดเงินไดพึงประเมิน ธรรมดาและประโยชนท่ีเกิดข้ึนจากการเสียภาษีท้ังตอตนเองและ ที่ไดรับการยกเวนภาษีในกรณีตางๆ เชน เงินไดเทาที่ไดจายเปนคาซื้อหนวย สงั คม แลวนาํ สงครผู สู อน ลงทนุ ในกองทนุ รวมเพอื่ การเลยี้ งชพี เบยี้ ประกนั ชวี ติ คา ซอื้ อาคาร อาคารพรอ ม ทดี่ นิ หรอื หอ งชดุ เพอื่ เปน ทอ่ี ยอู าศยั เงนิ ผลประโยชนท ไี่ ดจ ากการขายหนว ยลงทนุ กิจกรรม ทา ทาย คนื ใหแกก องทุนรวมเพื่อการเล้ียงชพี 2 คาลดหยอน สิทธิประโยชนทางภาษีอยางหนึ่งท่ีชวยทําใหเสียภาษีนอยลง ใหนักเรียนคนควาขอมูลที่เปนประโยชน และมีประเด็นที่ เมอ่ื คาํ นวณภาษี หรอื อาจชว ยใหไ ดเ งนิ คนื ภาษเี พม่ิ ขนึ้ สาํ หรบั รายการทน่ี าํ มาใช นาสนใจเกี่ยวกับการเสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา โดยนําขอมูล ลดหยอนได เชน คาลดหยอนบดิ ามารดา คาลดหยอ นบุตร คา ลดหยอนคสู มรส ทไี่ ดม าสรปุ สาระสาํ คญั แลว นาํ เสนอโดยใชโ ปรแกรม PowerPoint คา ลดหยอ นผพู ิการหรือทุพพลภาพ เบย้ี ประกันชวี ติ เงินประกันสังคม ดอกเบ้ยี กยู มื เพอ่ื ซอ้ื ท่อี ยูอาศยั T39
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน จ รงิ แต่ไม่เกิน ๑๐ ๐,๐๐๐๒๓ ..บ เเางบทนิ ี้ย สโปดะรสยะมกกทรันมจ่ีชธา่ ีวยริตรเ ขมา้ใป์ หกร้บอะงุคกทคันนุลชสผีวา�ิตู้ม1รนีเอง้นังินเตลไ้อดย้ี ง้หงมชักีกพีล�า2 ดหบหนคุ ยคด่อลเวนผลไมู้ ดาเีต้ตง้งันิาแมไตดจ่ ม้�า๑สีน๐ทิว นปธหิทขี กั้ึน่ีจล่าไปดย หย่อนเงินสะสมไดต้ ามจ�านวนเงนิ ทจ่ี ่ายจรงิ ซ่งึ ไม่เกินรอ้ ยละ ๑๕ ของค่าจ้าง ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู ๔. ดอกเบย้ี เงนิ กเู้ พอื่ ซอ้ื เชา่ ซอ้ื หรอื สรา้ งอาคารทอ่ี ยอู่ าศยั บคุ คลผมู้ เี งนิ ได ้ มสี ทิ ธหิ กั ลดหยอ่ นดอกเบยี้ เงนิ กยู้ มื ทจี่ า่ ยใหแ้ กธ่ นาคาร หรอื สถาบนั การเงนิ อนื่ ตามจา� นวนทจ่ี า่ ยจรงิ 6. ครใู หน กั เรยี นนาํ เงนิ ไดส ทุ ธติ อ ปข องผปู กครอง แต่ไมเ่ กนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาท หรือบคุ คลทร่ี จู กั หรือสมมติตัวเลขรายไดและ ๕. เงินบรจิ าค บคุ คลผมู้ เี งนิ ไดม้ ีสิทธหิ ักลดหย่อนเงนิ บริจาคเกย่ี วกับการ คาลดหยอนมาคํานวณตามอัตราภาษีเงินได กุศลสาธารณะได้เท่าจ�านวนท่ีบริจาคจริง แต่ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินไดห้ ลังหักค่าใช้จ่าย บุคคลธรรมดา เม่ือไดผลลัพธจึงใหตัวแทน หักคา่ ลดหยอ่ นตา่ งๆ แลว้ นักเรียนออกมาอธิบายวิธีการคํานวณหนา ช้นั เรยี น ขั้นเงินได้สุทธิตงั้ แต่ ตารางอตั ราภาษีเงนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา เงนิ ไดส้ ทุ ธจิ า� นวน เงินไดส้ ทุ ธิ อัตราภาษี เงนิ ไดส้ ุทธิ ภาษีในแต่ละ ภาษสี ะสม สงู สดุ ของขน้ั แตล่ ะขั้น ร้อยละ แต่ละขนั้ ขน้ั เงินได้ สงู สดุ ของข้ัน ๐ ถงึ ๑๕๐,๐๐๐ ๑๕๐,๐๐๐ ไดร้ บั -๐ การยกเวน้ ๑๕๐,๐๐๑ ถึง ๓๐๐,๐๐๐ ๑๕๐,๐๐๐ ๗,๕๐๐ ๗,๕๐๐ ๓๐๐,๐๐๑ ถึง ๕๐๐,๐๐๐ ๒๐๐,๐๐๐ ๕ ๒๐,๐๐๐ ๒๗,๕๐๐ ๕๐๐,๐๐๑ ถึง ๗๕๐,๐๐๐ ๒๕๐,๐๐๐ ๑๐ ๓๗,๕๐๐ ๖๕,๐๐๐ ๑๕ ๕๐,๐๐๐ ๑๑๕,๐๐๐ ๗๕๐,๐๐๑ ถงึ ๑,๐๐๐,๐๐๐ ๒๕๐,๐๐๐ ๒๐ ๒๕๐,๐๐๐ ๓๖๕,๐๐๐ ๑,๐๐๐,๐๐๑ ถึง ๒,๐๐๐,๐๐๐ ๑,๐๐๐,๐๐๐ ๒๕ ๙๐๐,๐๐๐ ๑,๒๖๕,๐๐๐ ๒,๐๐๐,๐๐๑ ถึง ๕,๐๐๐,๐๐๐ ๓,๐๐๐,๐๐๐ ๓๐ ๕,๐๐๐,๐๐๑ บาทข้นึ ไป ๓๕ รวม ท่มี า : ศูนยส์ ารนเิ ทศสรรพากร พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒) การน�าเงินได้สุทธิมาค�านวณภาษี ให้น�าเอาเงินได้สุทธิมาค�านวณตามบัญชี หรือตารางอตั ราภาษเี งนิ ได้บคุ คลธรรมดา ดังนี้ ๑. เงนิ ไดส้ ทุ ธ ิ ๑๕๐,๐๐๐ บาทแรกนัน้ ได้รบั การยกเวน้ ภาษี ๒. เงนิ ได้สทุ ธิ ๑๕๐,๐๐๑ - ๓๐๐,๐๐๐ บาท ใหน้ า� มาคา� นวณภาษเี งินได้ในอตั รา รอ้ ยละ ๕ ๓. เงินได้สุทธิตั้งแต่ ๓๐๐,๐๐๑ - ๕๐๐,๐๐๐ บาท ให้น�ามาค�านวณภาษีเงินได ้ ในอตั ราร้อยละ ๑๐ ๔. เงนิ ได้สทุ ธิตัง้ แต่ ๕๐๐,๐๐๑ - ๗๕๐,๐๐๐ บาท ใหน้ �ามาคา� นวณภาษีเงินได ้ 3ใ6นอตั ราร้อยละ ๑๕ นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด 1 กรมธรรมป ระกนั ชวี ิต คอื สญั ญาตา งตอบแทนทีค่ ูสัญญาฝา ยหน่งึ เรียกวา สุเมธเปน หวั หนา งานในบริษทั แหงหนงึ่ มีเงนิ ไดส ุทธทิ ห่ี ัก “ผูเอาประกัน” มีหนาท่ีตองจายเบี้ยประกันใหกับคูสัญญาอีกฝายหนึ่ง เรียกวา คาใชจายกบั คาลดหยอ นแลว เดือนละ 55,000 บาท ดงั น้ัน “บรษิ ทั ประกนั ชวี ติ ” โดยบรษิ ทั ประกนั ชวี ติ มหี นา ทตี่ อ งจา ยผลตอบแทน เรยี กวา ในการคํานวณภาษี จะตอ งคาํ นวณในอัตราเทา ใด “ทุนประกันชีวิต” ใหแกผูเอาประกันหรือผูรับผลประโยชนตามกรมธรรมเม่ือ ผเู อาประกนั เสียชวี ติ หรืออยคู รบตามสญั ญาของกรมธรรม 1. อตั รารอยละ 15 2 กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ กองทุนที่ลูกจางและนายจางรวมกันจัดตั้งข้ึน 2. อตั รารอยละ 20 ดว ยความสมคั รใจ โดยมีวัตถุประสงค เชน 3. อัตรารอ ยละ 30 4. อัตรารอ ยละ 37 • สงเสรมิ การออมระยะยาว เพอื่ เปน ประโยชนในยามชราภาพของลกู จา ง • เปนหลักประกันของครอบครัวกรณีลูกจางออกจากงาน เกษียณอายุ (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะสเุ มธมีรายไดส ุทธิเดือนละ 55,000 บาท ดงั นน้ั รายไดส ทุ ธใิ น 1 ป คอื 55,000 x 12 = 660,000 ออกจากกองทุน หรือเสียชีวติ บาท ซง่ึ ตามทกี่ ฎหมายกาํ หนดไวว า ผทู มี่ เี งนิ ไดส ทุ ธหิ ลงั จากทห่ี กั • เปนการสรา งความสัมพันธที่ดรี ะหวางนายจางและลกู จา ง เพม่ิ แรงจูงใจ คา ใชจ า ยกบั คา ลดหยอ นแลว ตง้ั แต 500,001 - 750,000 บาท ใหน าํ มาคํานวณภาษีในอัตรารอ ยละ 15) ใหล กู จางอยูกับนายจา งนานข้ึน T40
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๕. เงินไดส้ ทุ ธติ ั้งแต่ ๗๕๐,๐๐๑ - ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้น�ามาคา� นวณภาษเี งินได้ ขน้ั สอน ในอตั รารอ้ ยละ ๒๐ ๖. เงนิ ไดส้ ทุ ธติ งั้ แต ่ ๑,๐๐๐,๐๐๑ - ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ใหน้ า� มาคา� นวณภาษเี งนิ ได ้ ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู ในอตั รารอ้ ยละ ๒๕ ๗. เงนิ ไดส้ ทุ ธติ งั้ แต ่ ๒,๐๐๐,๐๐๑ - ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ใหน้ า� มาคา� นวณภาษเี งนิ ได้ 7. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางความผิด หรือบท ในอตั รารอ้ ยละ ๓๐ ลงโทษผูที่หลบเลี่ยงการเสียภาษีเงินไดบุคคล ๘. เงนิ ไดส้ ทุ ธติ ง้ั แต ่ ๕,๐๐๐,๐๐๑ บาทขนึ้ ไป ใหน้ า� มาคา� นวณภาษเี งนิ ไดใ้ นอตั รา ธรรมดาจะไดร บั จากน้ันครอู ธบิ ายคาํ ตอบให ร้อยละ ๓๕ กับนกั เรยี นเพิ่มเติม ท้ังน้ี เฉพาะเงินได้สุทธิ (เงินได้พึงประเมิน หักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน) (แนวตอบ หากผูมีเงินไดไมชําระภาษีตาม จากการคา� นวณภาษเี งนิ ไดต้ ามมาตรา ๔๘ (๑) แห่งประมวลรษั ฎากรเทา่ นนั้ กําหนดเวลา จะตอ งไดร บั โทษ ดงั นี้ ในการเสยี ภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา อาจจะมกี ารเปลยี่ นแปลงเมอ่ื มกี ารแกไ้ ขกฎหมาย 1. กรณีไมชําระภาษีภายในกําหนดเวลา ซง่ึ เปน็ หนา้ ทขี่ องประชาชนทจ่ี ะตอ้ งรแู้ ละปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ดงั นน้ั นกั เรยี นควรจะไดต้ ดิ ตามให้ แตยังไมไดรับหมายเรียก จะตองเสียเงิน มีความรเู้ ป็นปัจจุบนั อยูเ่ สมอ เพ่ิมรอยละ1.5 ตอ เดอื น นบั แตว ันพน กาํ หนด กา� หนดเวลาและสถานที่ยนื่ แบบและชา� ระภาษ ี มดี ังนี้ เวลาการย่ืนรายการจนถึงวันชําระภาษี เวน แตก รณีท่ไี ดรบั อนมุ ัตจิ ากอธบิ ดกี รมสรรพากร ๑) ก�าหนดเวลาย่ืนแบบแสดงรายการ ผู้มีเงินได้ต้องย่ืนแบบแสดงรายการภาษี ใหขยายกําหนดเวลาชําระภาษีได เงินท่ีตอง เสยี เพ่ิมจะเปนรอ ยละ 0.75 ตอเดอื น เงินได้ภายในวันที ่ ๓๑ มนี าคมของทุก ๆ ปี ท่ถี ัดจากปที ี่มรี ายได้ 2. กรณีที่เจาพนักงานตรวจสอบออกหมาย เรยี กแลว ปรากฏวา ผมู เี งนิ ไดม ไิ ดย นื่ แบบแสดง ๒) สถานท่ยี น่ื แบบและชา� ระภาษี มีดงั นี้ รายการไว หรอื มไิ ดช าํ ระภาษี นอกจากจะตอ ง รับผิดชําระเงนิ เพม่ิ ตามขอ 1. แลว ยงั จะตอง • สา� นกั งานสรรพากรพน้ื ทส่ี าขา (ส�านักงานสรรพากรเขตหรอื อา� เภอเดิม) รบั ผิดเสียเบี้ยปรบั อกี 1 เทา หรอื 2 เทาของ • ธนาคารพาณชิ ยไ์ ทย เงนิ ภาษที ่ตี องชําระ แลวแตก รณี) • ทท่ี า� การไปรษณยี ์ โดยส่งทางไปรษณยี ์ลงทะเบียน • บริการยื่นแบบช�าระภาษีผ่านระบบอินเทอร์เน็ตท่ีเว็บไซต์ ของกรมสรรพากร http://www.rd.go.th ในการยนื่ แบบแสดงรายการเสยี ภาษ ี (ภ.ง.ด.) ผนู้ น้ั ตอ้ งชา� ระภาษที ตี่ นจะตอ้ งเสยี พร้อมกนั ด้วย ถ้าผ้มู เี งินได้ย่ืนรายการเสยี ภาษีพน้ กา� หนดภายในวนั ที ่ ๓๑ มนี าคมของทกุ ๆ ป ี ห รือไม่ช�าระภาษีตามก�า๑ห.น ดกเรวณลไีาม ผช่ ู้นา� รั้นะตภ้อางษไภีดาร้ ยบั ใโนทกษา� หดนงั นดเ้ี วลา แตย่ งั ไมไ่ ดร้ บั หมายเรยี ก1 จะตอ้ ง เสียเงินเพ่ิมร้อยละ ๑.๕ ต่อเดือน นับแต่วันพ้นก�าหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันช�าระภาษี เว้นแต่กรณีที่ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร ให้ขยายก�าหนดเวลาช�าระภาษีได้ เงินท่ีต้อง เสียเพิม่ จะเปน็ รอ้ ยละ ๐.๗๕ ต่อเดือน ๒. กรณีที่เจา้ พนกั งานตรวจสอบออกหมายเรยี ก แล้วปรากฏว่าผูม้ ีเงนิ ได้ มิได้ยื่นแบบแสดงรายการไว้ หรือไม่ได้ช�าระภาษี นอกจากจะต้องรับผิดช�าระเงินเพ่ิมตามข้อ ๑ แลว้ ยังจะตอ้ งรับผิดเสียเบย้ี ปรบั อกี ๑ เท่า หรอื ๒ เท่าของเงนิ ภาษที ตี่ อ้ งช�าระ แลว้ แตก่ รณี 37 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ในการย่ืนแบบและชําระภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา สามารถ 1 หมายเรยี ก เปน เอกสารทก่ี รมสรรพากรแจง เตอื นใหผ เู สยี ภาษรี บี ดาํ เนนิ การ ทําไดโดยวิธีใด และถาหากไมย่ืนชําระภาษีภายในกําหนดเวลา เสียภาษี เนอ่ื งจากพนกาํ หนดเวลาทกี่ รมสรรพากรระบุไว และถาหากผเู สียภาษี จะตองไดร บั โทษอยา งไร ยงั ไมดาํ เนนิ การจะตองเสียคา ปรับตามอัตราท่ีกาํ หนด (แนวตอบ สามารถยน่ื แบบและชาํ ระภาษไี ดท ส่ี าํ นกั งานสรรพากร สื่อ Digital พ้ืนที่ทุกสาขา ธนาคารพาณิชย ที่ทําการไปรษณีย หรือผาน ระบบอินเทอรเน็ตท่ีเว็บไซตของกรมสรรพากร หากไมยื่นชําระ ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยกเวนภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา ภาษีภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกป แตยังไมไดรับหมายเรียก ไดที่ http://www.rd.go.th/publish ตองรับโทษโดยการเสียเงินเพ่ิมรอยละ 1.5 ตอเดือน นับแตวัน พนกําหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชําระภาษี เวนแตไดรับ อนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรใหขยายกําหนดเวลาชําระภาษีได ตอ งเสยี เพิ่มเปนรอ ยละ 0.75 ตอ เดอื น) T41
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน เสริมสาระ ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู ตวั อยา ง วธิ กี ารคาํ นวณภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา ๑. ตง้ั ตวั เลขเงนิ ได้พึงประเมิน 8. ครูนาํ ปายโฆษณาหรอื ส่ือประชาสัมพันธ ท่ใี ห ๒. น�าจา� นวนคา่ ใช้จ่ายท่กี ฎหมายยอมให้หัก หกั ออกจากเงินได้พึงประเมิน ความรเู กยี่ วกบั เรอื่ งภาษแี ละวธิ กี ารคาํ นวณเงนิ ๓. น �าจา� นวนเงนิ ค่าลดหยอ่ นทกี่ ฎหมายยอมใหห้ ัก หกั ออกจากเงินได้พึงประเมินที่หักคา่ ใชจ้ ่ายแล้วยัง เพอื่ การเสียภาษเี งินไดบ คุ คลธรรมดา จากสื่อ ตางๆ มาใหน ักเรยี นดู แลวใหนกั เรียนรวมกัน เหลอื อกี เทา่ ใดเรยี กวา่ เงนิ ไดส้ ทุ ธ ิ แลว้ นา� ไปคา� นวณหาจา� นวนภาษตี ามอตั ราทกี่ า� หนดในบญั ชอี ตั รา อภิปรายวา หากเปนนักเรยี นจะออกแบบปา ย ภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา โฆษณาหรอื สอ่ื ประชาสมั พนั ธด งั กลา วอยา งไร ใหส วยงามและเขาใจงา ย ตวั อยา่ ง นายไตรมภี รรยาทไ่ี มม่ รี ายไดแ้ ละมบี ตุ รอาย ุ ๑๔ ป ี และ ๑๒ ป ี กา� ลงั เรยี นอยใู่ นระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษา นายไตรมเี งนิ เดอื น เดอื นละ ๔๗,๕๐๐ บาท เขาตอ้ งชา� ระเบยี้ ประกนั ชวี ติ ปลี ะ ๑๐,๕๐๐ บาท ชา� ระดอกเบยี้ เงนิ กเู้ พอื่ ซอ้ื บา้ นทอ่ี ยอู่ าศยั รวมปลี ะ ๗,๕๐๐ บาท นายไตรจะตอ้ งเสยี ภาษเี งนิ ไดเ้ ปน็ จา� นวนเทา่ ใด วธิ ีคา� นวณ ๑. เงนิ ไดพ้ ึงประเมิน ๔๗,๕๐๐ × ๑๒ = ๕๗๐,๐๐๐ บาท ๒. หกั คา่ ใชจ้ า่ ยเปน็ การเหมา ๕๐% (แตไ่ ม่เกนิ ๑๐๐,๐๐๐) = ๑๐๐,๐๐๐ บาท คงเหลือเงินไดห้ ลังหกั คา่ ใช้จา่ ย = ๔๗๐,๐๐๐ บาท ๓. หักค่าลดหย่อน หกั คา่ ลดหยอ่ นสว่ นตัวของนายไตร = ๖๐,๐๐๐ บาท หกั คา่ ลดหย่อนภรรยา = ๖๐,๐๐๐ บาท หักคา่ ลดหย่อนบตุ ร ๒ คน คนละ ๓๐,๐๐๐ บาท = ๖๐,๐๐๐ บาท หกั ค่าลดหยอ่ นเบีย้ ประกนั ชีวิต = ๑๐,๕๐๐ บาท หกั คา่ ลดหยอ่ นดอกเบ้ยี เงินกยู้ ืม = ๗,๕๐๐ บาท รวมค่าลดหย่อน = ๑๙๘,๐๐๐ บาท เงินไดส้ ทุ ธ ิ = เงนิ ได้พงึ ประเมิน - (ค่าใช้จา่ ย + คา่ ลดหย่อน) = ๕๗๐,๐๐๐ - (๑๐๐,๐๐๐ + ๑๙๘,๐๐๐) = ๒๗๒,๐๐๐ บาท นายไตรจะต้องน�าเงินไดส้ ุทธ ิ ๒๗๒,๐๐๐ บาท ไปค�านวณเสียภาษ ี เงนิ ไดส้ ุทธิ ๒๗๒,๐๐๐ บาท ได้รับยกเว้น ๑๕๐,๐๐๐ บาท คงเหลอื เงนิ ได้สุทธ ิ ๑๒๒,๐๐๐ บาท เสยี ภาษี ๕% = ๖,๑๐๐ บาท ดงั นัน้ นายไตรผมู้ เี งินได้สทุ ธ ิ ๑๒๒,๐๐๐ บาท ตอ้ งเสยี ภาษีเป็นจา� นวนเงนิ ๖,๑๐๐ บาท ในปภี าษนี ้ี 3๘ เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสรมิ ครอู าจนาํ กรณตี วั อยา ง โดยการสมมตริ ายไดข องบคุ คลวา มรี ายรบั รา ยจา ย ใหนักเรียนดูตัวอยางการคํานวณภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา และคา ลดหยอนตา งๆ แลว ใหนกั เรียนทดลองนาํ มาคาํ นวณตัวเงนิ ทีจ่ ะตองเสยี ในหนา 38 จากน้ันยกตัวอยางบุคคลผูมีรายได โดยเขียนลงใน ภาษเี งินไดบุคคลธรรมดา ตามวธิ กี ารทีอ่ ยใู นหนังสอื เรียน หนา 38 สมดุ บันทกึ บอกรายละเอยี ดวา บุคคลผนู ั้นมีบตุ รกี่คน มีเงินเดือน เดือนละเทาใด มีคาใชจายตอเดือนเทาใด และมีคาใชจายอะไร สื่อ Digital ทีส่ ามารถนํามาลดหยอ นภาษไี ด ศึกษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกีย่ วกบั วธิ ีการคํานวณเงินที่จะเสียภาษเี งนิ ได กิจกรรม ทาทาย บุคคลธรรมดา ไดที่ http://www.rd.go.th/publish/38054.0.html ใหน กั เรยี นนาํ กรณตี วั อยา งบคุ คลผมู รี ายไดท เ่ี ขยี นลงในสมดุ T42 บนั ทกึ มาคาํ นวณภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดา ตามวธิ ใี นหนงั สอื เรยี น หนา 38 โดยเขียนวิธีการคํานวณใหถูกตอง แลวสรุปวาบุคคลที่ นักเรียนยกตัวอยางนั้นตองเสียภาษีเงินไดบุคคลธรรมดาเปน จํานวนเงินเทาใด
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ การปฏิบตั ิตนตามกฎหมายภาษีอากร จะสง่ ผลดตี ่อตนเอง สงั คม และประเทศชาติ ขนั้ สอน ใ นหลาย ๆ ด้า๑น. ดดา้ังนนกี้ ารคมนาคม รฐั นา� เงนิ ภาษที เ่ี กบ็ จากประชาชนไปจดั สรรเปน็ งบประมาณ1แก่ กระทรวงคมนาคมไปซ่อมแซมปรับปรุงถนนและเส้นทางคมนาคมอื่น ๆ ให้ได้มาตรฐาน สะดวก ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู ต่อการเดนิ ทา๒ง.แ ลดะ้ากนารสขานธสา่งรสณินูปคา้โขภอคง2 ปรรัะฐชนา�าช นมากขน้ึ เงินภาษีที่เก็บจากประชาชนไปจัดสรรเป็น 9. ครูใหนักเรียนพิจารณาชองทางเสียภาษี งบประมาณช่วยเหลือในด้านการไฟฟ้า ประปา แลวใหเลือกชองทางที่นักเรียนคิดวาสะดวก โทรศพั ท์ ให้สะดวก รวดเรว็ และเปน็ ประโยชน์ รวดเร็วที่สุด จากนั้นอธิบายวาชองทางที่ ตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ของประชาชนสว่ นรวม นักเรียนเลือกมีความสะดวกอยางไร และมี ๓. ดา้ นสาธารณสขุ รฐั นา� เงนิ ภาษี ขั้นตอนในการเสียภาษีอยา งไรบาง 10. ครูใหนักเรียนอธิบายสรุปรวมกันวา การ ปฏบิ ตั ติ นตามกฎหมายภาษอี ากร สง ผลดตี อ ตนเอง สังคม และประเทศชาติอยางไรบาง พรอมทั้งยกตัวอยางผลดีที่เกิดขึ้นในแตละ ดา นเพม่ิ เตมิ ทจี่ ดั เกบ็ จากประชาชนไปจดั สรรเปน็ งบประมาณ ในการพฒั นาบคุ ลากรและเทคโนโลยที เี่ กย่ี วขอ้ ง ทางด้านการแพทย์และการบริการพยาบาล ซึ่ง จะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั่วไปและ รัฐจะน�าเงินภาษีที่เก็บจากประชาชนไปจัดสรรเป็น ผูเ้ ข้ารบั บรกิ ารทางการแพทย์ งบประมาณ เพ่อื ช่วยในการปรับปรงุ การคมนาคมภายใน ประเทศให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขนึ้ ๔. ดา้ นการศกึ ษา รฐั นา� เงนิ ภาษที เ่ี กบ็ จากประชาชนไปจดั สรรเปน็ งบประมาณในการ พัฒนาด้านการศึกษา เร่ิมต้ังแต่การสร้างโรงเรียน จัดซ้ืออุปกรณ์การเรียน วัสดุและเทคโนโลยี ทางการศึกษา ซง่ึ จะเป็นประโยชนอ์ ยา่ งมากตอ่ การพฒั นาคุณภาพชีวิตของประชาชน ๕. ดา้ นการรักษาความสงบม่นั คงของประเทศ รฐั น�าเงนิ ภาษีทเี่ กบ็ จากประชาชนไป จดั สรรเป็นงบประมาณในการจัดซือ้ อปุ กรณ์ท่ีใช้ในการรักษาความสงบ และปลอดภยั ของประเทศ ตลอดท้ังมีงบประมาณสนับสนุนบุคลากรให้มีจ�านวนเพียงพอต่อการรักษาความสงบมั่นคงของ ประเทศ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงตัวอย่างจากผลประโยชน์ท่ีได้รับจากการเสียภาษีอากร ของประชาชนให้แก่รัฐ เพ่ือท่ีรัฐบาลจะได้น�าเงินรายได้เหล่าน้ีมาเป็นส่วนหน่ึงของงบประมาณ ในการพฒั นาประเทศ ดังน้ัน จึงมีความจ�าเป็นท่ีประชาชนชาวไทยทุกคนพึงปฏิบัติตนตามกฎหมายภาษี อากร เพื่อประโยชนต์ ่อการพฒั นาประเทศ หากหลกี เลีย่ งการเสียภาษียอ่ มท�าใหเ้ งนิ รายได้ของรัฐ ลดน้อยลง ท�าให้การพัฒนาประเทศทุกด้านต้องล่าช้าลง บางโครงการต้องหยุดชะงักไป ซ่ึงจะ สง่ ผลเสยี ตอ่ ประชาชน และท�าให้การพฒั นาประเทศไม่เป็นไปตามเปา้ หมายทีต่ ้งั ไว้ 39 กิจกรรม เสริมสรางคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค นักเรียนควรรู นักเรียนสืบคนขอมูลประโยชนจากเงินภาษีที่เก็บจากประชาชน 1 งบประมาณ เปน แผนเกยี่ วกบั การใชจ า ยของรฐั บาล รวมถงึ การจดั หารายรบั ผลจากการไมเสียภาษี และบทลงโทษผูที่ฝาฝนไมปฏิบัติตาม ใหเพียงพอตอการใชจายในแตล ะป โดยมีสํานักงบประมาณคอยดูแลการจดั ทาํ กฎหมายเก่ียวกับภาษี สรุปสาระสําคัญในรูปแบบของแผนผัง งบประมาณของแตล ะกระทรวง จากน้นั จงึ สง ตอใหค ณะรฐั มนตรี ซึง่ จะทําการ ความคดิ นําขอ มูลท่ไี ดมาออกแบบแผนพบั เพอื่ ใหทกุ คนตระหนัก พจิ ารณาคาํ ของบประมาณของแตล ะกระทรวงวา มคี วามเหมาะสมหรอื ไมอ ยา งไร ในความสําคัญของการเสียภาษี และผลกระทบตอประเทศหาก แลวจึงนาํ เสนอตอรัฐสภาเพอื่ พิจารณาอนุมตั ิงบประมาณตอไป คนไทยไมเสยี ภาษีและมาตรการลงโทษ 2 สาธารณูปโภค เปนสิ่งอํานวยความสะดวกขั้นพ้ืนฐาน ซ่ึงรัฐจะตองจัดให มีขึ้นเพ่ือความสะดวกตอการดําเนินชีวิตของคนในสังคม เชน ไฟฟา ประปา โทรศัพท โดยรัฐจะนําเงินภาษีอากรท่ีเก็บจากประชาชนมาเปนงบประมาณใน การพัฒนาสาธารณูปโภคตางๆ T43
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๔.๒ กฎหมายแรงงาน ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู กฎหมายแรงงาน หมายถึง ข้อบังคับที่รัฐได้บัญญัติขึ้นเพ่ือก�าหนดความสัมพันธ์ระหว่าง นายจา้ งกบั ลกู จา้ งเก่ียวกบั การจ้างและการท�างาน องค์กรของฝา่ ยนายจา้ งและลูกจา้ ง การเจรจา 11. นักเรียนกลุมกฎหมายแรงงาน สงตัวแทน สตห่อภรอางพเแกร่ียงวงกาับน1ส ภตาลพอดกจานรจก้าางร กก�าหารนรดะแงับละขค้อุ้มพคิพราอทงเแพร่ืองคงาวนาม ปกาลรอนดัดภหัยยในุดกงาารนท �าปงิดานงาขนอ งลงดูกจจ้า้างง นําเสนอขอมูลหนาชั้นเรียนตามประเด็นที่ การจัดหางาน การสงเคราะห์อาชีพ และการส่งเสริมการท�างาน เพ่ือสร้างเสริมประสิทธิภาพ ศึกษา ในการท�างานใหเ้ พิม่ พนู มากย่งิ ขึ้น กฎหมายแรงงาน เป็นกฎหมายท่ีก�าหนดความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างและ 12. ครูนําขาวจากหนังสือพิมพหรืออินเทอรเน็ต ก�าหนดคุ้มครองความปลอดภยั แก่ลูกจ้างในการทา� งานให้กับนายจ้าง ดงั นัน้ กฎหมายแรงงานจงึ ท่ีมีประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานมาให สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็นหลายประเภท เชน่ พระราชบญั ญตั ิแรงงานสัมพนั ธ ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ แก้ไข นักเรียนดู แลวรวมกันสรุปสาระสําคัญของ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๔ พระราชบัญญตั ิเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ พระราชบัญญตั ิคุ้มครองแรงงาน ขาว และตอบวาในขาวนั้นมีความเกี่ยวของ พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัตคิ วามปลอดภัยอาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทา� งาน พ.ศ. กบั กฎหมายแรงงานอยา งไร ๒๕๕๔ ซงึ่ สาระส�าคญั ของกฎหมายแรงงาน มดี ังนี้ 13. ครูใหนักเรียนสมมติวาตนเองเปนผูประกอบ ๑) การปฏิบัติตนระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง นายจ้างและลูกจ้างพึงปฏิบัติตาม การรายหน่ึงท่ีจะตองมีการจางคนงาน แลว อธิบายวา ในฐานะท่ีนักเรียนเปนนายจาง บทบัญญัติของกฎหมายคมุ้ ครองแรงงาน ดงั นี้ นักเรียนจะตองปฏิบัติอยางไรตอลูกจาง ๑. ให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างให้ถูกต้องตามสิทธิและหน้าท่ีท่ีก�าหนดไว้ใน เพ่ือใหถูกตองตามพระราชบัญญัติคุมครอง ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย ์ เว้นแต่กฎหมายคมุ้ ครองแรงงานจะกา� หนดไวเ้ ปน็ อย่างอ่นื แรงงาน พ.ศ. 2560 ๒. ใหน้ ายจา้ งปฏบิ ตั ติ อ่ ลกู จา้ งชายและหญงิ ในการจา้ งงานโดยเทา่ เทยี มกนั เวน้ แตล่ กั ษณะหรอื สภาพของงานไมอ่ าจปฏบิ ตั เิ ชน่ นนั้ ได ้ เวน้ แตก่ ฎหมายคมุ้ ครองแรงงานจะกา� หนด ไว้เปน็ อยา่ งอ่นื ๓. ให้นายจ้างประกาศเวลาทา� งานปกตใิ หล้ ูกจ้างทราบ โดยกา� หนดเวลาเรม่ิ ต้น และเวลาสนิ้ สดุ ของการทา� งานแตล่ ะวนั ของลกู จา้ งไดไ้ มเ่ กนิ เวลาทา� งานของแตล่ ะประเภทงาน ตาม บทบญั ญตั ขิ องกฎหมาย แตต่ อ้ งไมเ่ กนิ แปดชวั่ โมงตอ่ วนั เวน้ แตง่ านทอ่ี าจเปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ และความปลอดภัยของลูกจ้าง โดยเวลาทา� งานปกตติ ้องไมเ่ กินเจด็ ชัว่ โมงตอ่ วนั ๔. ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างท�างานล่วงเวลาในวันท�างาน เว้นแต่ได้รับความ ยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราว ๆ ไป ในกรณีที่ลักษณะหรือสภาพของงานต้องท�าติดต่อกันไป ถา้ หยดุ จะเสยี หายแกง่ าน หรอื เปน็ งานฉกุ เฉนิ นายจา้ งอาจใหล้ กู จา้ งทา� งานลว่ งเวลาไดเ้ ทา่ ทจ่ี �าเปน็ ๕. ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างท�างานในวันหยุด เว้นแต่ในกรณีท่ีลักษณะหรือ สภาพของงานต้องทา� ติดตอ่ กนั ไป ถา้ หยดุ จะเสียหายแก่งานหรอื เปน็ งานฉกุ เฉิน นายจา้ งอาจให้ ลูกจ้างทา� งานในวนั หยุดไดเ้ ทา่ ทจี่ า� เป็น ๔0 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 สหภาพแรงงาน เปนองคกรของลูกจางทร่ี วมตวั กนั จดั ตง้ั ข้นึ ตามกฎหมาย กฎหมายใดท่ีใหค วามม่ันคงแกผ ูใ ชแ รงงานในสถานประกอบ เพ่ือใหเกิดประโยชนรวมกันระหวางลูกจางและนายจาง มีเปาหมายสําคัญให การตา งๆ ลูกจางเขาใจถึงหลักการและวัตถุประสงคของนายจาง ในขณะท่ีนายจางตอง เขา ใจ ยอมรบั และเปด โอกาสใหล กู จา งไดเ ขา มามสี ว นรว มในการคดิ เพอ่ื ปอ งกนั 1. กฎหมายมหาชน และแกไ ขปญ หาขอ ขดั แยง ทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ สหภาพแรงงานมกี ารดาํ เนนิ งานเพอ่ื ให 2. กฎหมายปกครอง บรรลวุ ตั ถุประสงคต ามพระราชบญั ญัตแิ รงงานสัมพันธ พ.ศ. 2518 ดงั น้ี 3. กฎหมายประกันสงั คม 4. กฎหมายประกนั ภัยบคุ คล 1. แสวงหาและคมุ ครองผลประโยชนเ กีย่ วกบั สภาพการจา ง เชน เง่อื นไข การจา งหรอื การทาํ งาน กาํ หนดวันและเวลาทํางาน คาจา ง สวัสดกิ าร (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะกฎหมายประกนั สังคม คือ การเลิกจาง หรือประโยชนอ่ืนของนายจางหรือลูกจางอันเกี่ยวกับ กฎหมายท่ใี หความชวยเหลอื ในดานสวสั ดกิ ารและการเงินแกผ ูใ ช การจา งหรือการทาํ งาน แรงงานในกรณีตางๆ เชน การคลอดบุตร การสงเคราะหบุตร การเจบ็ ไขไ ดป ว ย การประสบอบุ ตั ิเหตจุ ากการทํางาน) 2. สง เสรมิ ความสมั พนั ธอนั ดีระหวา งนายจางกับลูกจา ง 3. สง เสริมความสัมพนั ธอ ันดรี ะหวา งลกู จางดวยกัน T44
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ นายจ้างอาจให้ลูกจ้างท�างานในวันหยุดได้ส�าหรับกิจการโรงแรม สถานมหรสพ ขน้ั สอน งานขนส่ง ร้านขายอาหาร รา้ นขายเคร่อื งดม่ื สโมสร สมาคม สถานพยาบาล เปน็ ตน้ ๖. ในวนั ท่มี ีการทา� งาน ใหน้ ายจ้างจัดให้ลกู จ้างมีเวลาพักระหว่างการทา� งานใน ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู วนั หนึง่ ไมน่ ้อยกวา่ หน่ึงชว่ั โมง หลงั จากที่ลูกจ้างท�างานมาแลว้ ไม่เกินหา้ ช่วั โมงตดิ ต่อกนั นายจ้าง และลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าให้มีเวลาพัก 14. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนขาวท่ี ครึง่ หน่งึ น้อยกวา่ หนงึ่ ช่วั โมงได้ แตเ่ ม่อื รวมกนั เกย่ี วขอ งกบั กรณนี ายจา งปฏบิ ตั ติ อ ลกู จา งผดิ แล้ววนั หน่งึ ตอ้ งไมน่ ้อยกว่าหนงึ่ ชวั่ โมง พระราชบัญญัติคุมครองแรงงาน พ.ศ. 2560 ๗. ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมี แลว วเิ คราะหประเดน็ ของขา วรวมกนั 15. ครูใหนักเรียนศึกษาเรื่องนารูที่เก่ียวของกับ นิยามศัพทตามกฎหมายคุมครองแรงงาน จากหนงั สือเรยี น สงั คมศกึ ษาฯ ม.2 แลว ให นักเรยี นรวมกนั วเิ คราะหข อ มลู เพมิ่ เตมิ วนั หยดุ ประจา� สัปดาห์ สปั ดาหห์ นึ่งไม่นอ้ ยกว่า หน่ึงวัน โดยวันหยุดประจ�าสัปดาห์ต้องมีระยะ ห่างกันไม่เกินหกวัน นายจ้างและลูกจ้างอาจ ตกลงกันล่วงหน้าก�าหนดให้มีวันหยุดประจ�า สปั ดาห์วนั ใดก็ได้ ๘. ใหน้ ายจา้ งประกาศกา� หนด วันหยุดตามประเพณีให้ลูกจ้างทราบ เป็นการ ก ฎหมายแรงงานเป็นกฎหมายที่ก�าหนดคุ้มครองความ ลว่ งหนา้ ปหี นงึ่ ไมน่ อ้ ยกวา่ สบิ สามวนั โดยรวมวนั ปลอดภยั แก่ลกู จ้างในการทา� งานใหก้ ับนายจา้ ง แรงงานแหง่ ชาต ิ การกา� หนดวนั หยดุ ตามประเพณใี หพ้ จิ ารณาจากวนั หยดุ ราชการประจา� ป ี วนั หยดุ ทางศาสนาหรือขนบธรรมเนยี มประเพณีแหง่ ท้องถิ่น ๙. ลูกจ้างซึ่งท�างานติดต่อกันมาแล้วครบหน่ึงปีมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจ�าปีได้ โดยไมน่ อ้ ยกว่าหกวนั ทา� งานต่อปี เรอ่ื งนา่ รู้ นยิ านมาศยพั จทา้ งต์ หามมากยฎถงึหผมซู้ า่งึ ยตคกลุม้ งครบัรลอกูงจแา้ รงเงขง้าาทน�า งานโดยจา่ ยคา่ จา้ ง1ให้ และหมายรวมถึงผซู้ ึ่งไดร้ ับมอบหมาย ใหท้ า� งานแทนนายจา้ ง ผมู้ อี า� นาจกระทา� การแทนนติ บิ คุ คล และในกรณที ผี่ ปู้ ระกอบกจิ การไดว้ า่ จา้ งดว้ ยวธิ เี หมา คา่ แรง โดยมอบใหบ้ คุ คลหนง่ึ บคุ คลใดรบั ชว่ งไปควบคมุ ดแู ลการทา� งาน และรบั ผดิ ชอบจา่ ยคา่ จา้ งใหแ้ กล่ กู จา้ ง อีกทอดหนงึ่ ใหถ้ ือว่าผู้ประกอบกิจการเปนนายจา้ งของลูกจ้างดังกลา่ วด้วย ลูกจ้าง หมายถึง ผซู้ ง่ึ ตกลงท�างานใหน้ ายจา้ งโดยรับคา่ จ้างไม่ว่าจะเรยี กช่ือว่าอย่างไร เช่น อาจเรียกวา่ ลกู จา้ งชวั่ คราว ลกู จา้ งประจา� ลกู จา้ งทดลองงาน ลกู จา้ งซงึ่ กา� หนดเวลาจา้ งไวไ้ มแ่ นน่ อน ลกู จา้ งทท่ี า� งานไมเ่ ตม็ เวลา ๔๑ ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู ขอใดกลา วถงึ การปฏิบัตติ นระหวา งนายจา งกับลกู จา งไม ถกู ตอง 1 คาจาง เงินที่นายจางและลูกจางตกลงกันจายเปนคาตอบแทนในการ 1. ใหล ูกจางมวี ันหยดุ สัปดาหล ะ 1 วนั ทํางานตามสัญญาจาง สาํ หรบั ระยะเวลาการทาํ งานปกติเปน รายชว่ั โมง รายวนั 2. ใหล ูกจา งมีวนั หยดุ ตามประเพณีไมน อยกวา 13 วนั ตอป รายสัปดาห รายเดือน หรือตามที่ตกลง โดยคํานวณตามผลงานทลี่ กู จา งทาํ ได 3. ใหล กู จา งมีเวลาพกั ระหวา งงานอยา งนอ ย 1 ชั่วโมงตอวนั ในเวลาปกติของวนั ทํางาน รวมถึงเงินที่นายจางจา ยใหแ กลกู จา งในวันหยดุ และ 4. ใหลูกจางมีสิทธิหยุดพักผอนประจําปไดเมื่อมีอายุงานครบ วันลาทลี่ กู จางมิไดท าํ งาน แตลกู จางมสี ทิ ธิไดร ับ 6 เดือน สื่อ Digital (วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. เพราะลกู จา งท่มี ีสิทธิหยดุ พักผอน ศกึ ษาคน ควา ขอมลู เพม่ิ เติมเก่ยี วกบั กฎหมายแรงงาน ไดที่ ประจําปไ ดนน้ั ตอ งทํางานตดิ ตอกนั มาแลวครบ 1 ป จงึ จะมสี ิทธิ http://www.labour.go.th/th/index.php/labour-laws หยุดพักผอนไดไมนอ ยกวา 6 วนั ตอป) T45
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๑๐. หา้ มมใิ หน้ ายจา้ งใหล้ กู จา้ งทา� งานลว่ งเวลาหรอื ทา� งานในวนั หยดุ ในงานทอ่ี าจ เป็นอันตรายตอ่ สุขภาพ และความปลอดภัยของลูกจา้ ง ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู ๑๑. ใหล้ กู จา้ งมสี ทิ ธลิ าปว่ ยไดเ้ ทา่ ทป่ี ว่ ยจรงิ การลาปว่ ยตง้ั แตส่ ามวนั ทา� งานขน้ึ ไป นายจา้ งอาจให้ลกู จา้ งแสดงใบรบั รองแพทยแ์ ผนปัจจบุ ันชน้ั หน่ึง หรอื ของสถานพยาบาลของทาง 16. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนขาวท่ี ราชการ เกี่ยวของกับกรณีการวาจางแรงงานเด็กและ การวา จา งแรงงานหญงิ ทผ่ี ดิ ตอ พระราชบญั ญตั ิ คุมครองแรงงาน พ.ศ. 2560 แลววิเคราะห ประเด็นของขา วรว มกัน ๒) การว่าจ้างแรงงานเด็ก เด็กจะได้รับการคุ้มครองเก่ียวกับการใช้แรงงานตาม กฎหมายคุ้มครองแรงงาน ดงั นี้ ๒๑.. หห้า้ามมใใชชแ้แ้ รรงงงงาานนเเดด็กก็ ออาายยุตตุ ่า�่�ากกวว่าา่ สสบิบิ หแป้าปดทีปา�ี ใงนากนิจโดกยาเรดบ็ดาขงปาดระเภท1 เชน่ งามป๊ัม โลหะ งานเก่ียวกับสารเคมีที่เป็นอันตราย งานเกี่ยวกับวัตถุมีพิษ วัตถุระเบิด หรือวัตถุไวไฟ งานทใี่ ชเ้ ลอื่ ยเดนิ ดว้ ยพลงั ไฟฟา้ หรอื เครอื่ งยนต ์ งานทเี่ กยี่ วกบั กมั มนั ตภาพรงั ส ี และหา้ มใชแ้ รงงาน เดก็ ท่มี อี ายุต่า� กวา่ ๑๘ ปี ท�างานระหว่างเวลา ๒๒.๐๐ - ๐๖.๐๐ น. ท�างานวันหยุด และทา� งาน ลว่ งเวลา แ ละสถานที่อืน่ 2 เช๓น่ . โหร้างมฆใ่าชส้แตั รวง ์ งสาถนาเนดท็ก่ีเอลา่นยกุตา�่ารกพวน่าสนั ิบแปดปีในสถานเต้นร�า ร�าวง หรือรองเง็ง ๔. ใหล้ กู จา้ งเดก็ ทอ่ี ายตุ า�่ กวา่ สบิ แปดป ี มสี ทิ ธลิ าเพอ่ื รบั การอบรม สมั มนา ทจี่ ดั โดยสถานศึกษา หรอื หน่วยงานของรัฐ โดยไดร้ บั ค่าจ้างแตไ่ มเ่ กนิ สามสิบวันตอ่ ปี ๕. การว่าจ้างแรงงานเด็กอายุต่�ากว่าสิบแปดปี ต้องแจ้งพนักงานตรวจแรงงาน ภายในสบิ หา้ วัน นับตงั้ แตว่ นั ทเ่ี ด็กเข้าท�างาน ๓) การว่าจ้างแรงงานหญิง แรงงานหญิงจะได้รับการคุ้มครองเก่ียวกับการใช้ แรงงานตามกฎหมายคมุ้ ครองแรงงาน ดงั น้ี ๑. การใช้แรงงานหญิง ห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างหญิงท�างานตามท่ีก�าหนดใน กฎหมาย เชน่ งานเหมอื งแรห่ รอื งานกอ่ สรา้ งทต่ี อ้ งทา� ใตด้ นิ งานผลติ หรอื ขนสง่ วตั ถรุ ะเบดิ เปน็ ตน้ ๒. ห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างท่ีมีครรภ์ท�างานในระหว่างเวลา ๒๒.๐๐ - ๐๖.๐๐ น. ท�างานล่วงเวลา ท�างานในวันหยดุ หรอื ท�างานอย่างหน่ึงอย่างใด เช่น งานเก่ยี วกบั เครื่องจกั รหรือ เครอื่ งยนตท์ ี่มคี วามส่นั สะเทอื น งานขบั เคล่อื นหรือติดไปกับยานพาหนะ ๓. หา้ มนายจ้างเลกิ จา้ งลกู จ้างหญงิ เพราะเหตมุ ีครรภ์ ๔. ให้แรงงานหญิงมสี ิทธิลาเพื่อคลอดบตุ ร ครรภ์หนง่ึ ไมเ่ กินเกา้ สบิ วนั ๕. ห้ามนายจ้าง หัวหน้างาน ผู้ควบคมุ งาน หรือผตู้ รวจงาน ล่วงเกนิ ทางเพศ ต่อแรงงานหญงิ หรอื เดก็ ๔๒ นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด 1 กิจการบางประเภท เชน งานประเภทหลอม เปา หลอ หรือรีดโลหะ การกระทาํ ในขอ ใดของนายจา งถือวาผิดพระราชบัญญตั ิ งานปมโลหะ หรืองานเกี่ยวกับความรอน ความเย็น งานที่ใชเล่ือยเดินดวย คุมครองแรงงาน พ.ศ. 2560 พลงั งานไฟฟา หรอื เครอื่ งยนต งานทตี่ อ งทาํ ใตด นิ ในอโุ มงค งานเกย่ี วกบั สารเคมี งานท่ตี องทําบนนง่ั รา นท่สี ูงกวาพื้นดินตง้ั แต 10 เมตรข้ึนไป 1. จางหญงิ มคี รรภเขาทาํ งาน 2 สถานที่อ่ืน เชน โรงฆาสัตว สถานที่เลนการพนัน สถานที่มีอาหาร สุรา 2. จา งเด็กอายุ 12 ป ทาํ งานในโรงงาน หรอื เครอื่ งดม่ื อยา งอนื่ จาํ หนา ย โดยมผี บู าํ เรอ ปรนนบิ ตั ิ บรกิ ารลกู คา หรอื โดยมี 3. ใหล กู จา งมีวันหยุดสปั ดาหล ะ 2 วนั ทสี่ าํ หรบั พกั ผอ นนอนหลบั หรอื มบี รกิ ารนวดใหแ กล กู คา แมว า ลกู จา งจะสมคั รใจ 4. ใหลูกจา งลาคลอดบตุ รเปน เวลา 2 เดอื น ทํางาน นายจางก็จะมีความผิด ระวางโทษจําคุกไมเกิน 6 เดือน ปรับไมเกิน 100,000 บาท หรือท้งั จําท้ังปรับ (วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะตามพระราชบญั ญตั คิ มุ ครอง แรงงาน พ.ศ. 2560 หมวด 4 มาตรา 44 บัญญตั ิไววา หามมใิ ห นายจางจางเดก็ อายตุ ํ่ากวา 15 ป เปน ลูกจาง) T46
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ สรปุ สาระสําคัญของกฎหมายแรงงาน ขน้ั สอน การปฏบิ ัตติ นระหว่างนายจา้ งกบั ลกู จ้าง สทิ ธิวันหยดุ และวนั ลา ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู นายจ้างตอ้ งให้ สิทธิในวนั หยดุ 17. ครูถามคําถามนักเรียนเกี่ยวกับกฎหมาย ลกู จา้ งพักไมน่ อ้ ยกวา่ แรงงานเพิ่มเตมิ เชน เวลาพัก ๑ ชม. หลังจากท่ี หยุดประจา� สปั ดาห์ หยดุ พักผ่อน หยุดตามประเพณี • หากนายจางและลูกจางปฏิบัติตนตาม ลูกจา้ งท�างานมาแล้ว กฎหมายคุมครองแรงงาน จะกอใหเกิด 11 12 1 ไมเ่ กนิ ๕ ชม. ตดิ กัน ๑ ไมน่ ้อยกวา่ ๖ไมน่ ้อยกว่า ๑๓ไมน่ ้อยกวา่ ผลดอี ยางไร 10 2 วัน : สปั ดาห์ วนั : ปี วัน : ปี (แนวตอบ สงผลใหนายจางและลูกจาง สามารถอยรู วมกนั ไดอยา งสนั ติสขุ รว มมือ 93 ลาปว่ ย1 รว มใจกนั ทาํ งานอยา งเตม็ ประสทิ ธภิ าพ ซงึ่ สง ผลใหง านมคี ณุ ภาพ อนั จะนาํ มาซง่ึ รายได 8 8.00-17.00 4 ท่ีมั่นคงของนายจางและลูกจาง ตลอดจน 765 เศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศ) • สาระสําคัญของกฎหมายแรงงานวาดวย นายจา้ งตอ้ งปฏบิ ตั ติ อ่ ลกู จา้ งชายและหญงิ ลาได้เท่าที่ ๓๐จ่ายเงินให้ เร่ืองอะไรบา ง โดยเทา่ เทียมกนั ในการจา้ งงาน ป่วยจรงิ วนั : ปี (แนวตอบ วาดวยความสัมพันธระหวาง นายจางกับลูกจางเก่ียวกับการจางและ เวลาทา� งานปกติ นายจ้างจะตอ้ งประกาศเวลาทา� งาน ลาคลอด2 ๔๕จ่ายเงนิ ให้ การทํางาน องคกรของฝายนายจางและ ปกติให้ลูกจา้ งทราบ วัน : ปี ลูกจาง สิทธิของนายจางและลูกจาง การ งานปกต ิ ไมเ่ กินวนั ละ ๘ ชม. ๙๐ลาได้ ระงับขอ พพิ าทแรงงาน การคมุ ครองความ สัปดาหห์ น่ึงไม่เกนิ ๔๘ ชม. วนั : ปี ปลอดภัยในการทํางานของลูกจาง การ งานอันตราย ไม่เกินวนั ละ ๗ ชม. จดั หางาน การสงเคราะหอาชพี เปน ตน ) สปั ดาห์หนึ่งไม่เกนิ ๔๒ ชม. ข้อจ�ากัดในการใช้แรงงานหญงิ และเด็ก แรงงานหญงิ ห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างหญิงท�างานตอ่ ไปนี้ ใต้น�้า ใตด้ นิ เหมืองแร่ วตั ถุระเบิด ห้ามนายจา้ งเลกิ จา้ งลกู จ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ แรงงานเด็ก 1ด5- หา้ มนายจ้าง จา้ งเด็กอายตุ า�่ กวา่ ๑๕ ป ี เป็นลกู จ้าง 1ด8- หา้ มนายจา้ ง ใหล้ ูกจ้างที่มีอายุตา่� กว่า ๑๘ ปีทา� งาน ดงั ตอ่ ไปนี้ ! ใต้นา�้ ใต้ดนิ เหมอื งแร่ วัตถรุ ะเบิด • ถา้ ตอ้ งการจ้างเด็กอายุต�่ากวา่ ๑๘ ปี ให้นายจา้ งแจ้งพนกั งานตรวจแรงงานทราบ • หา้ มนายจ้างให้ลกู จ้างซ่งึ เปน็ เด็กอายตุ ่า� กวา่ ๑๘ ป ี ท�างานในระหวา่ งเวลา ๒๒.๐๐ - ๐๖.๐๐ น. ✓ 1ด8+ จ้างได้ตามกฎหมายแรงงาน ๔3 ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู ฟาอายุ 19 ป ชวนเด็กชายโตงอายุ 13 ป ไปสมัครทํางาน 1 ลาปวย ลูกจางสามารถลาปวยไดเทาที่ปวยจริง การลาปวยต้ังแต 3 วัน ลา งจานในรา นอาหารเลก็ ๆ แหง หนง่ึ เจา ของรา นรบั ฟา เขา ทาํ งาน ทาํ งานขนึ้ ไป นายจา งอาจใหล กู จา งแสดงใบรบั รองของแพทยแ ผนปจ จบุ นั ชนั้ หนง่ึ แตไมรับโตง ดวยเหตผุ ลในขอ ใด หรอื ของสถานพยาบาลของทางราชการได หากลกู จา งไมอ าจแสดงไดใ หล กู จา ง ชแ้ี จงใหน ายจา งทราบ วนั ทลี่ กู จา งไมอ าจทาํ งานไดเ นอ่ื งจากประสบอนั ตรายหรอื 1. เพราะโตงเปน เด็ก อาจทํางานไมเ รยี บรอ ย เจบ็ ปว ยซึ่งเกดิ จากการทาํ งาน หรือวันลาเพอ่ื คลอดบุตร ไมถ ือเปนวันลาปวย 2. เพราะรานอาหารขนาดเลก็ ยอมใชแรงงานไมมาก 2 ลาคลอด ลกู จางหญงิ มีครรภล าเพื่อคลอดบตุ รไดครรภห น่ึงไมเ กิน 90 วัน 3. เพราะกฎหมายหามใชแรงงานเดก็ อายุตาํ่ กวา 15 ป โดยนบั รวมวนั หยดุ 4. เพราะการวาจางเดก็ อายุต่ํากวา 15 ป ตองขออนุญาตจาก เจา พนกั งาน (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ตามกฎหมายคุมครองแรงงาน หามนายจางจางเด็กอายุต่ํากวา 15 ป เปนลูกจางทํางานโดย เดด็ ขาด ดวยเหตนุ ี้ เจา ของรานจึงไมร บั เดก็ ชายโตงเขาทํางาน) T47
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๔) ความปลอดภยั ในการทา� งาน พระราชบญั ญตั คิ วามปลอดภยั อาชวี อนามยั และ ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู สภาพแวดลอ้ มในการทา� งาน พ.ศ. ๒๕๕๔ มสี าระสา� คญั เกยี่ วกบั ความปลอดภยั ในการทา� งาน ดงั น้ี ๑. ให้มคี ณะกรรมการคณะหน่ึง เรยี กวา่ “คณะกรรมการความปลอดภยั อาชวี - • ความปลอดภัยในการทํางานท่ีนายจางพึง อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการทา� งาน” ประกอบดว้ ย ปลดั กระทรวงแรงงานเปน็ ประธานกรรมการ ปฏิบัติตอลูกจา งไดแ กส ่งิ ใด เพราะเหตุใด อธบิ ดกี รมควบคมุ มลพษิ อธบิ ดกี รมควบคมุ โรค อธบิ ดกี รมพฒั นาฝมี อื แรงงาน อธบิ ดกี รมโยธาธกิ าร (แนวตอบ เชน การจัดใหมีเครื่องปองกัน และผังเมือง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน และอธิบดี เสียง แวนตา สําหรับผูท่ีทํางานเปน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นกรรมการ กับผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง พนกั งานในโรงงาน เพราะลกู จา งในโรงงาน ฝ่ายละแปดคน และผู้ทรงคุณวุฒิอีกห้าคนซ่ึงรัฐมนตรีแต่งต้ังเป็นกรรมการ ให้ข้าราชการกรม ตองทํางานอยูกับเคร่ืองจักรที่มีอันตราย สวสั ดิการและค้มุ ครองแรงงานซ่ึงรฐั มนตรแี ตง่ ต้งั เปน็ เลขานกุ าร สูงและมีมลภาวะทางเสียงมาก ทั้งน้ีเพื่อ ๒. ให้คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการ ปอ งกันอันตรายท่ีอาจเกดิ ข้นึ กบั ลูกจา ง) ทา� งาน มอี า� นาจหนา้ ทใี่ นการเสนอความเหน็ ตอ่ รฐั มนตรเี กย่ี วกบั นโยบาย แผนงาน หรอื มาตรการ ขควอางมรปัฐลเกอี่ยดวภกยั ับ อกาาชรวี สอ่งนเาสมรยัิม คแลวะากมาปรลพอฒั ดนภาัยส ภอาพาชแีววดอลนอ้ ามมใัยน1 กแารลทะา�สงภาานพ ใหแค้วดวาลม้อเมหน็ในแกกาห่ รนทว่ �ายงงาานน ตลอดจนปฏิบตั ิการอื่นใดตามท่ีพระราชบญั ญตั นิ หี้ รือกฎหมายอื่นบญั ญัตใิ ห้เป็นอา� นาจหนา้ ทขี่ อง คณะกรรมการความปลอดภยั อาชวี อนามยั และสภาพแวดลอ้ มในการท�างาน หรอื ตามทร่ี ฐั มนตรี มอบหมาย ๓. ใหน้ ายจา้ งจดั ใหม้ เี จา้ หนา้ ทคี่ วามปลอดภยั ในการทา� งาน บคุ ลากร หนว่ ยงาน หรือคณะบุคคลเพ่ือด�าเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการตามหลักเกณฑ ์ วธิ กี ารและเงื่อนไขท่กี �าหนดในกฎกระทรวง ๔. ให้นายจ้างจัดให้ผู้บริหาร หัวหน้างาน และลูกจ้างทุกคนได้รับการฝึกอบรม ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทา� งาน เพ่ือใหบ้ รหิ ารจัดการ ดา� เนินการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการทา� งานได้อย่างปลอดภยั นอกจากน ้ี เนอื่ งจากในปจั จบุ นั ประเทศไทยมกี ารวา่ จา้ งแรงงานตา่ งดา้ วเขา้ มาทา� งาน มากขนึ้ ดังน้ัน นักเรียนควรเรยี นรูเ้ กย่ี วกบั การว่าจา้ งแรงงานต่างด้าวในบางประการดว้ ย ดงั น้ี ๑. ในกรณีท่ีนายจ้างเป็นผู้น�าคนต่างด้าวมาท�างานกับตนในประเทศต้องได้รับ อนุญาตจากอธิบดี และนายจ้าง ต้องวางหลักประกันไว้กับอธิบดีเพ่ือประกันความเสียหายที่อาจ เกดิ จากการทน่ี ายจา้ งไดน้ า� คนตา่ งดา้ วมาทา� งานกบั ตนในประเทศ ทงั้ น ้ี หลกั ประกนั ดงั กลา่ วไมอ่ ยู่ ในความรบั ผดิ แหง่ การบังคับคด ี ตราบเทา่ ทนี่ ายจา้ งยงั มคี วามรับผิดที่ต้องชดใช้ ๒. ห้ามนายจ้างเรียกหรือรับเงินหรือทรัพย์ใด ๆ จากคนต่างด้าวในการน�า คนตา่ งด้าว มาท�างานกบั ตนในประเทศ ๔๔ นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด 1 อาชีวอนามัย องคการอนามัยโลก (WHO) และองคการแรงงานระหวาง ขอ ใดเปน ลกั ษณะของนายจา งทด่ี ีท่ีปฏิบตั ติ อ ลกู จางโดยคาํ นึง ประเทศ (ILO) ไดก ําหนดงานดานอาชวี อนามยั ไว 5 ประการ ดงั น้ี ถงึ ความปลอดภยั ในการทํางาน 1. การสงเสริม (Promotion) การสงเสริมใหแรงงานทุกอาชีพมีสุขภาพ 1. ใหค า ตอบแทนทํางานลวงเวลา รา งกายและจติ ใจทส่ี มบรู ณ มคี วามเปน อยใู นสงั คมทด่ี ตี ามสถานะทพี่ งึ 2. จัดหาเครือ่ งด่ืมชกู าํ ลังไวบรกิ ารลูกจา งฟรี มีได 3. ใหล ูกจางทาํ งาน 7 วนั ตอ สัปดาห โดยเพมิ่ คาจางให 4. จัดใหมีเคร่อื งปองกนั เชน เครอ่ื งปองกนั เสยี ง แวน ตา 2. การปองกัน (Prevention) หมายถึง งานดานปองกันแรงงานไมใหมี สขุ ภาพอนามยั เสอ่ื มโทรม อนั มสี าเหตมุ าจากสภาพการทาํ งานทผ่ี ดิ ปกติ สําหรบั พนกั งานในโรงงาน 3. การปอ งกนั คมุ ครอง (Protection) การปกปอ งคนงานในสถานประกอบการ (วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. เพราะลกู จา งในโรงงานตอ งทาํ งาน ไมใ หท ํางานที่เสยี่ งอนั ตรายจนเปนสาเหตุสําคญั ท่ที าํ ใหเ กดิ อุบตั ิเหตุ อยูกับเคร่ืองจักรที่มีอันตรายสูงและมีมลภาวะทางเสียงมาก นายจางจะตองจัดใหมีเคร่ืองปองกันคุณภาพสูง เพื่อปองกัน 4. การจัดการงาน (Placing) การจัดสภาพตางๆ ของการทํางาน และ อนั ตรายท่ีอาจเกดิ ขึ้นกบั ลูกจาง) ปรับสภาพแรงงานใหทํางานในสิ่งแวดลอมของการทํางานท่ีเหมาะสม กับความสามารถของรางกายและจติ ใจของแตละคน 5. การปรับงานใหกับคนและปรับคนใหกับงาน (Adaptation) หมายถึง การปรบั สภาพของงานและของคนใหสามารถทาํ งานไดอ ยางเหมาะสม T48
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓. ผใู้ ดประสงคจ์ ะจา้ งคนตา่ งดา้ วซง่ึ อยนู่ อกราชอาณาจกั รเขา้ มาทา� งานในกจิ การ ขน้ั สอน ของตนในราชอาณาจักรให้ย่ืนค�าขออนุญาตท�างานต่อนายทะเบียนและช�าระค่าธรรมเนียมแทน คนต่างด้าว การขออนุญาตท�างานแทนคนต่างด้าวและการออกใบอนุญาตท�างานตามวรรคหน่ึง ขนั้ ท่ี 3 อธิบายความรู ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑ ์ วิธกี าร และเงอ่ื นไขท่ีก�าหนดในกฎกระทรวง จากท่ีได้กล่าวมาข้างต้น แสดงให้เห็นว่าหากนายจ้างและลูกจ้างทุกคนปฏิบัติตนให้ 18. นักเรียนกลุมกฎหมายปกครอง สงตัวแทน อยู่ในขอบเขตของกฎหมายคุ้มครองแรงงานก็จะส่งผลให้นายจ้างและลูกจ้างสามารถอยู่ร่วมกัน นําเสนอขอมูลหนาช้ันเรียนตามประเด็นที่ ไดอ้ ยา่ งสันติสุข รว่ มมือกนั ท�างาน ร่วมมือกนั พัฒนาคุณภาพของงานให้บรรลุเป้าหมาย สง่ ผลให้ ศึกษา เกิดรายไดท้ ่ีมัน่ คงทง้ั นายจา้ งและลกู จ้าง ซงึ่ จะเกิดประโยชนต์ ่อสังคมและประเทศชาติ 19. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงความ ๔.3 กฎหมายปกครอง หมายและความสาํ คัญของกฎหมายปกครอง จากนั้นครูใหนักเรียนชวยกันบอกกฎหมาย กฎหมายปกครอง คือ กฎหมายทั้งหลายท่ีเก่ียวกับการจัดระเบียบองค์กรฝ่ายปกครอง ปกครองทน่ี ักเรยี นรจู กั เพม่ิ เตมิ การดา� เนนิ งานของฝา่ ยปกครอง และความเกย่ี วพนั ในทางปกครองระหวา่ งฝา่ ยปกครองกบั เอกชน กฎหมายปกครองประกอบด้วยเน้ือหาส�าคัญครอบคลุมการจัดระเบียบองค์กรฝ่ายปกครอง 20. ครนู าํ ขา วทมี่ เี นอื้ หาเกยี่ วกบั กฎหมายปกครอง บุคลากรและเจ้าหน้าท่ีฝา่ ยปกครอง ทรพั ย์สนิ ของแผ่นดิน อา� นาจหนา้ ทแ่ี ละวธิ กี ารจัดท�ากิจการ จากสื่อตางๆ มาใหนักเรียนดู และรวมกัน ของฝ่ายปกครอง ความรับผดิ ชอบของหน่วยงานของรัฐและเจา้ หนา้ ท ่ี รวมตลอดถงึ รูปแบบและ อภิปรายถึงสาระสําคัญของขาว ตลอดจน วิธีการควบคุมฝ่ายปกครอง ไม่ว่าจะเป็นการร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม หรือการพิจารณาคดี วเิ คราะหว า ขาวดงั กลา วมคี วามเก่ียวของกบั ปกครองของศาลปกครอง ส�าหรับในประเทศไทย การจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินเป็น กฎหมายปกครองอยางไร รสว่วมนอหา� นน่ึงาขจ1แอลงะกกฎรหะจมาายยอปา� กนคาจร2ใอนงกทาี่สร�าปคกัญคร อโงดปยรยะึดเทถศือแนวทางการผสมผสานระหว่างหลักการ การจดั ระเบยี บบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ของไทยในปจั จบุ นั แบง่ ออกเปน็ ๓ สว่ น คอื ระเบยี บ บริหารราชการส่วนกลาง ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค และระเบียบบริหารราชการส่วน ทอ้ งถนิ่ โดยสว่ นภมู ภิ าคจะใชพ้ ระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครองทอ้ งท ี่ พทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗ รว่ มดว้ ย ๑) ระเบยี บบรหิ ารราชการสว่ นกลาง คอื การทร่ี ฐั บาลไดจ้ ดั หนว่ ยราชการขน้ึ เพอื่ สนองความต้องการแกป่ ระชาชนโดยสว่ นรวมทั้งประเทศ เช่น การปอ้ งกนั ประเทศ การคมนาคม เป็นต้น การบริหารราชการส่วนกลางจะมีหน้าท่ีรับผิดชอบในการวางนโยบายและควบคุมบังคับ บัญชาการปฏิบตั ริ าชการทัว่ ประเทศ สามารถแบง่ ออกได้ ดังน้ี ๑.๑) สา� นกั นายกรฐั มนตร ี มฐี านะเปน็ กระทรวง มนี ายกรฐั มนตรเี ปน็ ทงั้ หวั หนา้ รฐั บาล เปน็ ผบู้ ังคับบญั ชาข้าราชการ และก�าหนดนโยบายของสา� นักนายกรัฐมนตรใี ห้สอดคลอ้ ง กับนโยบายท่ีคณะรัฐมนตรีก�าหนดหรืออนุมัติ รวมทั้งรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของส�านัก นายกรฐั มนตร ี โดยมรี องนายกรฐั มนตรหี รอื รฐั มนตรปี ระจ�าสา� นกั นายกรฐั มนตร ี หรอื มที งั้ รองนายก รฐั มนตรแี ละรฐั มนตรปี ระจา� สา� นกั นายกรฐั มนตรเี ปน็ ผชู้ ว่ ยสงั่ หรอื ปฏบิ ตั ริ าชการแทนนายกรฐั มนตร ี และมีปลัดส�านักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบบังคับบัญชาข้าราชการของส่วนราชการในส�านัก นายกรัฐมนตรเี ชน่ เดียวกับปลดั กระทรวง ๔5 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู องคการหรือหนวยงานราชการในขอใดมีลักษณะของการ 1 รวมอํานาจ การปกครองแบบรวมอํานาจปกครอง คือ การจัดระเบียบ ปกครองแบบรวมอาํ นาจไวท สี่ วนกลาง การปกครอง โดยรวมอํานาจการปกครองท้ังหมดไวท่ีสวนกลาง ซึ่งพนักงาน เจาหนาที่ทั้งในสวนกลางและตางจังหวัดจะไดรับแตงต้ัง ถอดถอน และบังคับ 1. เมอื งพัทยา บัญชาจากสวนกลาง เพื่อดําเนินการตามนโยบายที่สวนกลางกําหนด เชน 2. จังหวัด อําเภอ กระทรวง กรม 3. กรุงเทพมหานคร 2 กระจายอํานาจ การปกครองแบบกระจายอํานาจปกครอง คือ การจัด 4. สํานกั นายกรัฐมนตรี ระเบียบการปกครอง โดยยกฐานะทองถิ่นขึ้นเปนนิติบุคคล แลวใหดําเนินการ ปกครองตนเองโดยสวนกลางไมเขาไปควบคุม แตจะคอยดูแลใหดําเนินการ (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะหลกั การปกครองแบบรวม เปน ไปตามวตั ถปุ ระสงคใ นขอบเขตของกฎหมายจดั ตงั้ ทอ งถน่ิ เชน การปกครอง อํานาจจะจัดระเบียบการปกครองโดยรวมอํานาจไวท่ีสวนกลาง ของเทศบาล องคก ารบรหิ ารสวนจังหวดั เพอ่ื กาํ หนดนโยบายและควบคมุ การปฏบิ ตั งิ านราชการทวั่ ประเทศ ซงึ่ ประเทศไทยไดจ ดั ระเบยี บการบรหิ ารราชการสว นกลางไว ไดแ ก สาํ นกั นายกรฐั มนตรี กระทรวง และกรม) T49
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ๑.๒) กระทรวง ในแต่ละกระทรวงมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชา ขา้ ราชการ กา� หนดนโยบายของกระทรวงใหส้ อดคลอ้ งกบั นโยบายทคี่ ณะรฐั มนตรกี า� หนด รบั ผดิ ชอบ ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู ในการปฏิบัติราชการของกระทรวง โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติ ราชการ และมีปลัดกระทรวงเป็นผู้รับผิดชอบบังคับบัญชาข้าราชการประจ�าในกระทรวงรองจาก 21. ครูใหนักเรียนรวมกันอธิบายเพ่ิมเติมถึงการ รัฐมนตรี กระทรวงจะมีอ�านาจหน้าที่ต่าง ๆ ตามที่กฎหมายก�าหนด เช่น กระทรวงศึกษาธิการ บริหารราชการสวนภูมิภาค และการบริหาร มีอา� นาจหน้าท่ดี า้ ๑น.ก๓า)ร ศกึกรษม1า ห เรปือน็ สต่วน้นราชการทมี่ ีฐานะเป็นกรม เปน็ สว่ นราชการท่แี บ่งย่อยลงมา ราชการสวนทองถิ่นวา มีความแตกตางกัน จากกระทรวง มีอธิบดีเป็นผู้บังคับบัญชาขา้ ราชการ และรบั ผิดชอบในการปฏบิ ตั ิราชการของกรม อยา งไร มกี ารแบง สว นราชการอยา งไร พรอ มทง้ั และมีรองอธิบดีหรือผูช้ ่วยอธิบดีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการรองจากอธิบดี แต่ละกรมอาจมีการ ยกตัวอยางบุคลากรที่มีบทบาทหนาท่ีใน แบ่งสว่ นราชการเป็นสา� นกั งานเลขานุการกรมหรอื กอง หนวยงานบริหารราชการสวนภูมิภาคและ สวนทอ งถิ่น ๒) ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค คือ การแบ่งอ�านาจการปกครองจาก 22. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางการบริหาร ส่วนกลางไปปฏิบัติยังท้องท่ีต่าง ๆ โดยให้เจ้าหน้าท่ีส่วนกลางของกระทรวงหรือกรมไปประจ�า จัดการภายในอําเภอ ซ่ึงเปนระเบียบบริหาร เพือ่ ปฏิบตั งิ านตามนโยบายของส่วนกลางให้เหมาะสมกับท้องท่ีนั้น ๆ ราชการสวนภูมิภาค ถึงระบบระเบียบ การบรหิ ารราชการส่วนภูมภิ าค แบง่ ส่วนราชการออกเปน็ ดังนี้ หลักเกณฑ หรือมีกิจการใดบางที่เปนการ ๒.๑) จงั หวัด จัดต้ังขน้ึ โดยพระราชบัญญตั ิ โดยรวมท้องทีห่ ลาย ๆ อา� เภอตง้ั ขน้ึ พัฒนาภายในอําเภอ เป็นจังหวัด มีฐานะเป็นนิติบุคคล ในแต่ละจังหวัดจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับนโยบายและ ค�าสั่งจากส่วนกลางมาปฏิบัติให้เหมาะสมกับท้องท่ีและประชาชน และเป็นหัวหน้าบังคับบัญชา ขา้ ราชการทปี่ ฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ นเขตจงั หวดั นน้ั นอกจากน ้ี ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ยงั กา� กบั ดแู ลการบรหิ าร ราชการสว่ นท้องถ๒่นิ .ใ๒น)จ อังหา� เวภัดอต2 เาปมน็ กหฎนหว่ มยารยาชการบรหิ าร รองจากจงั หวดั มนี ายอา� เภอเปน็ หวั หนา้ ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการในอ�าเภอและรับผิดชอบงานบริหารราชการของอ�าเภอให้เป็นไป ตามกฎหมายและระเบยี บแบบแผนทางราชการ นอกจากน ี้ นายอา� เภอยงั ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามคา� แนะนา� และค�าช้แี จงของผวู้ ่าราชการจังหวดั และก�ากบั ดแู ลการบรหิ ารราชการส่วนท้องถิ่นในอ�าเภอตาม กฎหมาย ๓) ระเบยี บบรหิ ารราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ คอื การบรหิ ารราชการโดยกระจายอา� นาจ การปกครองไปยังท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนมีสว่ นร่วมในการปกครองทอ้ งถ่ินนั้น ๆ ให้เป็นไปตาม หลักการกระจายอ�านาจการปกครอง ภายใต้เง่ือนไขและกฎเกณฑ์ของกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง และ ภายใตก้ ารอ�านวยการและความรับผิดชอบของรฐั บาล การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นเป็นส่วนที่แยกไปจากการบริหารราชการส่วนกลาง ตลอดจนไมเ่ ปน็ สาขาของการบรหิ ารราชการสว่ นกลางเหมอื นอยา่ งการบรหิ ารราชการสว่ นภมู ภิ าค ๔6 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 กรม ปจจุบันมีสวนราชการที่มีฐานะเปนกรม แตไมสังกัดกระทรวง เชน ขอใดอยใู นการจดั ระเบยี บบริหารราชการสว นกลางทั้งหมด สํานักงานตํารวจแหงชาติ สํานักงานราชบัณฑิตยสภา ที่อยูภายใตการบังคับ 1. สาํ นักนายกรัฐมนตรี สภากรงุ เทพมหานคร สภาเมืองพทั ยา บัญชาของนายกรัฐมนตรี 2. สาํ นกั นายกรฐั มนตรี กระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง 2 อําเภอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเปนจงั หวดั เดียวที่ไมม ีอาํ เภอเมือง แตม ี 3. สภากรุงเทพมหานคร ศาลาวาการจังหวัดนนทบุรี เทศบาล อาํ เภอพระนครศรอี ยุธยาแทน (เดมิ ชอ่ื อําเภอรอบกรุง ตอ มาเปลีย่ นเปนอาํ เภอ กรงุ เกา กอนจะมาใชช ื่อในปจ จบุ ัน) เมอื งคลองหลวง 4. กระทรวงกลาโหม องคก ารบรหิ ารสวนจงั หวดั ขอนแกน ส่ือ Digital สํานักงานตาํ รวจแหงชาติ ศึกษาคนควาขอ มูลเพม่ิ เติมเก่ียวกบั องคกรและหนว ยงานบรหิ ารราชการ สว นกลาง ไดท่ี http://www.opm.go.th/opminter/mainframe.asp (วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะการจัดระเบียบบริหาร ราชการสวนกลางของไทยในปจจุบันแบงออกเปน 3 ลําดับขั้น T50 ไดแก สํานักนายกรฐั มนตรี กระทรวง และกรม)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓.๑) องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั 1 จดั ตงั้ ขนึ้ ในจงั หวดั ตามพระราชบญั ญตั อิ งคก์ าร ขน้ั สอน บริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ ซ่ึงมีการแก้ไขเพิ่มเติมจนถึงฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อจัด กจิ การสว่ นจังหวดั ภายในเขตจังหวดั โดยมงี บประมาณทรัพยส์ ิน รายได ้ และเจา้ หนา้ ที่ของตนเอง ข้นั ที่ 3 อธิบายความรู มสี ภาองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ประกอบด้วย สมาชกิ ซง่ึ มาจากการเลอื กตั้งของประชาชน และ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซ่ึงมาจากการเลือกต้ังของประชาชนเช่นกันเป็นผู้ด�าเนินการ 23. ครูสุมนักเรียนใหเลือกหนวยงานท่ีถือเปน ทั้งนอ้ี ย่ใู นการก�ากบั ดูแลของผู้ว่าราชการจงั หวดั องคกรปกครองสว นทอ งถ่นิ 1 แหง แลวนํา ๓.๒) เทศบาล เทศบาลแบง่ เปน็ ๓ ประเภท คือ เทศบาลนคร เทศบาลเมอื ง มาอธิบายวาเปนหนวยงานอะไร มีบทบาท และเทศบาลตา� บล เทศบาลแต่ละแหง่ มีทรพั ยส์ นิ รายได ้ และเจา้ หนา้ ทขี่ องตนเอง อาํ นาจหนา ทตี่ ามทกี่ ฎหมายบญั ญตั ไิ วอ ยา งไร เทศบาล ประกอบดว้ ย สภาเทศบาล ซ่งึ มีสมาชกิ สภาทีม่ าจากการเลือกตงั้ ของ ประชาชน และมนี ายกเทศมนตรที มี่ าจากการเลอื กตงั้ ของประชาชนเชน่ กนั เปน็ ผกู้ า� หนดนโยบาย 24. ครูใหนักเรียนรวมกันจัดทําแผนผังความคิด และรับผิดชอบในการบริหารราชการของเทศบาล โดยมีปลัดเทศบาลเป็นผู้บังคับบัญชารองจาก แสดงการจัดระเบียบบริหารราชการสวน ทองถิ่นวามีโครงสรางการกระจายอํานาจ การปกครองอยางไร โดยจัดทําบนกระดาน หนา ชน้ั เรยี น และอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ รว มกนั นายกเทศมนตรี และรับผิดชอบงานประจ�าทั่วไปของเทศบาล ๓.๓) องค์การบริหารส่วนต�าบล ประกอบด้วยสภาองค์การบริหารส่วนต�าบลที่ สมาชิกสภามาจากการเลือกต้ังของประชาชนในแต่ละหมู่บ้านในต�าบลนั้น และมีนายกองค์การ บริหารสว่ นตา� บลท่ีมาจากการเลอื กต้งั ของประชาชน เปน็ ผู้ก�าหนดนโยบายและรบั ผดิ ชอบในการ บ ริหารราชการขอ๓งอ.๔ง)ค ก์กาารรบปรกหิ คารรอสง่วทนอ้ ตงา�ถบนิ่ ลร ปู ทแั้งบนบ้ีอพยเิใู่ ศนษก2 าไรดกแ้ �ากก ่ กบั รขงุ อเทงนพามยหอา�านเภคอรและเมอื งพทั ยา ๑. กรุงเทพมหานคร เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินรูปแบบพิเศษ ประกอบด้วยสภากรุงเทพมหานคร ซึ่งสมาชิก สภามาจากการเลือกต้ังของประชาชน และมี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มาจากการ เลือกต้ังของประชาชน มีบทบาทหน้าที่เป็น ผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบบริหารงาน ราชการกรงุ เทพมหานคร อยภู่ ายใตก้ ารควบคมุ ดูแลของสภากรุงเทพมหานคร และมีปลัด กรุงเทพมหานครท�าหน้าท่ีเป็นผู้รับผิดชอบงาน ประจา� ท่วั ไปของกรงุ เทพมหานคร กรุงเทพมหานครเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รูปแบบพิเศษของไทย มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้รับผิดชอบดูแล บริหารจัดการเพ่ือการพัฒนา กรุงเทพมหานคร ๔7 กจิ กรรม สรางเสรมิ นักเรียนควรรู ใหนักเรียนจัดทําแผนภูมิโครงสรางการบริหารจัดการของ 1 องคการบริหารสว นจังหวดั หรอื อบจ. เปน การบริหารราชการสว นทอ งถน่ิ กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา โดยใหใชคอมพิวเตอรชวย ในจังหวัดทอี่ ยนู อกเขตเทศบาล มีอํานาจหนาท่ี เชน ตราขอบญั ญัตโิ ดยไมข ัด ในการจัดทําแผนภูมิ จากน้ันพิมพผลงานออกมา แลวนําสงครู หรือแยงกับกฎหมาย จัดทําแผนพัฒนาสนับสนุนสภาตําบลและราชการ ผูสอน สว นทอ งถน่ิ อน่ื ในการพฒั นาทอ งถนิ่ จดั การศกึ ษา จดั การสงิ่ แวดลอ ม และมลพษิ ตา งๆ ปอ งกันบรรเทาสาธารณภยั กิจกรรม ทาทาย 2 การปกครองทองถ่ินรูปแบบพิเศษ บริเวณที่จะพิจารณาใหมีการปกครอง ทองถ่ินรูปแบบพิเศษจะตองเปนทองถ่ินท่ีมีลักษณะเฉพาะ เชน มีความเจริญ ใหน ักเรียนหาขาวจากหนงั สือพิมพ อนิ เทอรเน็ต หรือจากสื่อ ทางเศรษฐกิจ มีประชากรอาศัยอยูหนาแนน มีสถานท่ีทองเที่ยวที่มีชื่อเสียง อนื่ ๆ ทเ่ี กยี่ วกบั การทาํ หนา ทขี่ องกรงุ เทพมหานครและเมอื งพทั ยา ซึ่งการใชรูปแบบการบริหารจัดการแบบองคกรปกครองทองถิ่นทั่วไปอาจไม โดยนําขา วมาตดิ ลงในกระดาษ A4 เขยี นอธบิ ายสรุปสาระสาํ คัญ เหมาะสม แลว นาํ สง ครูผสู อน T51
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ด ว้ ยสภาเมอื งพทั ยา1ซง่ึ ส๒มา. ชเกิมสือภงพามัทายจาา กเกปา็นรอเลงอืคก์กตรงั้ปจกาคกรรอาษงสฎ่วรนผทมู้ ้อสี งทิ ถธ่ินเิ ลรอืูปกแตบงั้ บในพเิเขศตษเม ปอื งรพะกทั อยบา มีนายกเมืองพัทยามาจากการเลือกตั้งโดยตรง ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู จากราษฎรผู้มีสิทธิเลือกต้ังในเขตเมืองพัทยา เป็นผู้ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหาร 25. ครูนําขาวที่มีเน้ือหาเก่ียวกับการบริหาร กิจการของเมืองพัทยา และมีปลัดเมืองพัทยา จัดการ การพัฒนา หรือการมีสวนรวมใน เป็นผู้บังคับบัญชารองจากนายกเมืองพัทยา กิจกรรมตางๆ ของประชาชนในเขตการ ดแู ลรับผิดชอบราชการประจ�าของเมืองพัทยา ปกครองทองถ่ินรูปแบบพิเศษ จากส่ือตางๆ มาใหนักเรียนดู และรวมกันอภิปรายถึง สาระสําคัญของขาว ตลอดจนวิเคราะหวา ขาวดังกลาวมีความเกี่ยวของกับกฎหมาย ปกครองอยา งไร จากที่กล่าวมาท้ังหมดเก่ียวกับ กฎหมายการปกครองมีท่ีมาจากระเบียบการ บริหารจัดการแผ่นดิน ซึ่งสรุปได้ตามแผนผัง เมืองพัทยาเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ดงั นี้ มนี ายกเมืองพัทยาเป็นผู้รับผิดชอบดแู ล การจดั ระเบยี บบรหิ ารราชการแผน ดนิ ระเบียบบริหาร สา� นกั กระทรวง กรทมี่ม หีฐราอืนสะเว่ ปน็นรกาชรมการ ราชการส่วนกลาง นายกรัฐมนตรี ระเบยี บบริหาร จงั หวดั อา� เภอ ราชการสว่ นภูมภิ าค ระเบยี บบริหาร องคก์ ารบรหิ าร เทศบาล องสคว่ก์ นาตรบา� บรหิลาร ราชการส่วนท้องถ่ิน ส่วนจงั หวดั การปกครองท้องถน�ิ รูปแบบพเิ ศษ (กรงุ เทพมหานครและเมอื งพัทยา) การบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพน้ัน ทุกฝ่าย จะตอ้ งมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ทแี่ ละเปน็ ไปตามบทบญั ญตั ขิ องกฎหมายทงั้ ผทู้ เี่ ปน็ เจา้ หนา้ ทขี่ อง รัฐในทุกต�าแหน่ง ตลอดท้ังประชาชนทุกคนจะต้องรู้บทบาทหน้าที่ของตน และปฏิบัติตนตาม กฎหมายท้งั ในระดับประเทศและระดับท้องถน่ิ อยา่ งเคร่งครดั ๔๘ นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 สภาเมอื งพัทยา ทาํ หนา ทฝี่ ายนติ บิ ัญญตั ิ ประกอบดว ยสมาชกิ สภาจํานวน ปจ จยั ใดทท่ี ําใหเ มอื งพัทยามีการปกครองทอ งถ่นิ รูปแบบพเิ ศษ 24 คน ซึ่งมาจากการเลือกต้ังของประชาชนชาวเมืองพัทยา โดยอายุของสภา 1. เปน แหลง ทองเทีย่ วสาํ คัญท่มี รี ายไดส งู เมืองพทั ยามีกําหนดวาระละ 4 ป นับตงั้ แตวันเลือกตัง้ 2. อยใู นเขตพน้ื ทีต่ ะเขบ็ ชายแดนของไทย 3. มีจาํ นวนประชากรตอตารางกโิ ลเมตรตํ่า สื่อ Digital 4. ตั้งอยูในภาคตะวนั ออกและติดทะเลอาวไทย ศกึ ษาคนควา ขอมูลเพม่ิ เติมเก่ยี วกับเมืองพทั ยา ไดท ี่ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. การพจิ ารณาพนื้ ทใี่ หม กี ารปกครอง http://www.pattaya.go.th/city-information ทองถิน่ รปู แบบพิเศษจะพิจารณาจากลกั ษณะตางๆ ไดแ ก เขตท่ี เปนเมืองหลวง เขตพื้นท่ีชายแดน เขตแหลงทองเท่ียว และเขต T52 พื้นที่เปนเกาะและชนบท ในกรณีของเมืองพัทยานั้นเปนแหลง ทอ งเทย่ี วทส่ี าํ คญั มกี ารจดั เกบ็ รายไดเ ขา เปน จาํ นวนมหาศาล และ มนี กั ทอ งเทยี่ วจากทวั่ ทกุ มมุ โลกเดนิ ทางเขา มา จงึ เหมาะสมทจี่ ะมี การปกครองทองถนิ่ รูปแบบพเิ ศษ)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๔.๔ กฎหมายเก่ยี วกับการอนรุ ักษ์ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม ขนั้ สอน กฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม มีอยู่ด้วยกันหลายฉบับ ส�าหรับ ปกฎ่าสหงมวานยแเหก่ง่ียชวากตับ1ิ กพา.รศอ.น ๒ุร๕ัก๐ษ๗์ธ รรพมรชะราาตชิแบลัญะสญ่ิงัตแิสวดงวลน้อแมลทะ่ีนคักุ้มเครรียอนงคสวัตรวร์ปู้ ่าไ ดพ้แ.กศ่ . พ๒ร๕ะ๓ร๕าช บรัวญมญถัตึง ิ ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู 26. นักเรียนกลุมกฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม สง ตวั แทนนาํ เสนอ ขอ มลู หนาชั้นเรียนตามประเดน็ ท่ีศึกษา พระราชบัญญัติสง่ เสริมและรกั ษาคุณภาพสง่ิ แวดลอ้ มแหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑) พระราชบัญญัติปา่ สงวนแหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๐๗ (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๙) เป็นกฎหมายที่จะช่วยอนุรักษ์ ทรัพยากรป่าไม้ ป้องกันการบุกรุกและท�าลาย ป่าไม้ เพราะจะส่งผลท�าให้เกิดความแห้งแล้ง พืน้ ดินพงั ทลาย ลา� น�า้ ต้นื เขิน หรือเกิดอุทกภัย อันเป็นผลเสียหายแก่การเกษตรและเศรษฐกิจ ของประเทศ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ ได้ก�าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการควบคุมดูแล รักษาป่าสงวน ซ่ึงสามารถสรุปสาระส�าคัญ พอสังเขปได ้ ดงั นี้ การก�าหนดพ้ืนที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นการอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตติ ามบทบัญญัติของกฎหมาย ๑.๑) หา้ มบคุ คลใด ๆ เขา้ ยดึ ถอื ครอบครองท�าประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในท่ีดิน กอ่ สรา้ ง แผว้ ถาง เผาปา่ ทา� ไม ้ เกบ็ หาของปา่ ในเขตปา่ สงวนแหง่ ชาต ิ หรอื กระทา� ดว้ ยประการใด ๆ อนั เปน็ การเส่อื มเสียแกส่ ภาพปา่ สงวนแห่งชาติ ยกเวน้ ในกรณตี ่าง ๆ ดังนี้ ๑. ได้รับอนุญาตจาก อธิบดีกรมป่าไม้ (โดยความเห็นชอบจากคณะ กรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่า สงวนแห่งชาติ) ให้บุคคลหน่ึงบุคคลใดเข้าท�า ประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ คราวละไม่น้อยกว่าห้าปี แต่ไม่เกินระยะเวลา สามสิบปี แต่ท้ังน้ีถ้าเป็นการเข้าท�าประโยชน์ เกยี่ วกบั การทา� เหมอื งแรต่ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยแร่ จะเข้าท�าประโยชน์หรืออยู่อาศัยได้คราวละ ไมเ่ กนิ สบิ ปี การทา� กจิ การเหมอื งแร่ในเขตปา่ สงวนแหง่ ชาต ิ กฎหมาย ว่าดว้ ยแร ่ กา� หนดใหท้ �าไดค้ ราวละไม่เกินสบิ ปี ๔9 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู การเขา ไปทาํ ประโยชนใ นปา สงวนโดยไดร บั อนญุ าตในกรณใี ด 1 ปาสงวนแหงชาติ คือ ปาที่พระราชบัญญัติคุมครองและสงวนปา พ.ศ. ท่ีกฎหมายใหร ะยะเวลาไมเกิน 10 ป 2481 ประกาศวาเปนปาสงวนและปาคุมครอง สวนปาสงวนอีกประเภทหนึ่ง เปนปาซึ่งรัฐมนตรีวาการกระทรวงเกษตรและสหกรณออกกฎกระทรวงใหเปน 1. แผวถางปา ปาสงวนแหงชาติ โดยพิจารณาจากความจําเปนเพื่อการรักษาสภาพปาหรือ 2. การอยูอ าศัย ทรัพยากรธรรมชาติอื่น และในกฎกระทรวงดังกลาวจะตองมีแผนที่แสดง 3. การทําเหมอื งแร แนวเขตของปา สงวนไว ซง่ึ พน้ื ทน่ี น้ั ตอ งไมเ ปน ทด่ี นิ ของเอกชนทมี่ สี ทิ ธคิ รอบครอง 4. การเก็บของปา อยกู อ นแลว แตเปน ทร่ี กรา ง หรอื เปนท่ีอยูใ นความครอบครองของรัฐ (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะพระราชบัญญัติปาสงวน ส่ือ Digital แหง ชาติ พ.ศ. 2507 ไดก าํ หนดไวว า ในกรณผี ทู จ่ี ะเขา ไปทาํ กจิ กรรม เหมืองแรนั้นตองทําการขออนุญาต ซ่ึงกฎหมายจะพิจารณาให ศึกษาคนควาขอมูลเพมิ่ เตมิ เกีย่ วกับพระราชบัญญัติปา สงวนแหงชาติ อนุญาตประกอบกจิ กรรมเหมอื งแรไดค ราวละไมเ กนิ 10 ป สว น ไดท่ี http://www.forest.go.th/forestry_law ในกรณขี องการแผว ถางปา การเขา อยอู าศยั และการเกบ็ ของปา กฎหมายใหก ระทําไดไมน อ ยกวา 5 ป แตไมเ กนิ ระยะเวลา 30 ป) T53
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๒. ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าท่ี พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอ�านาจ อนญุ าตใหบ้ คุ คลใด ๆ ท�าไม้หรือเกบ็ หาของป่าในเขตปา่ สงวนแห่งชาตไิ ด้ ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู ๓. ในกรณที ปี่ า่ สงวนแหง่ ชาตทิ ง้ั หมด หรอื บางสว่ นมสี ภาพเปน็ ปา่ ไรร่ า้ ง เก่า หรือทุ่งหญ้า หรือเป็นป่าท่ีไม่มีไม้มีค่าข้ึนอยู่เลย หรือมีไม้มีค่าที่มีลักษณะสมบูรณ์เหลืออยู่ 27. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางบทบัญญัติของ ดเปงั ็นกลสา่่ววนนนน้ั ้อเยป น็ แปลา่ ะเสปอื่่ามนโ้ันทยรามก เทม่ีจอื่ ะจกา� ลเปับน็ฟตืนอ้ คงืนปตราบั มปธรรงุ รฟมนื ชฟาสู ตภิ าใพหป้ถา่ือเวส่าอ่ื ปม่าโสทงรวมน1 ใแหหร้ ่งฐั ชมานตติใรนปี บรระิเกวาณศ พระราชบญั ญัตปิ า สงวนแหงชาติ พ.ศ. 2507 กา� หนดพ้ืนทเ่ี ขตปา่ เสื่อมโทรมทง้ั หมดหรือบางส่วนใหเ้ ปน็ เขตปรบั ปรงุ ปา่ สงวนแหง่ ชาติ ในหมวดท่ีเก่ียวกับการควบคุมและรักษา ๑.๒) การเขา้ ไปทา� ประโยชนใ์ นเขตปรบั ปรงุ ปา่ สงวนแหง่ ชาต ิ ประชาชนจะเขา้ ไป ปาสงวนแหงชาติ แลวนําขอมูลมาอภิปราย อยูอ่ าศยั หรือท�าประโยชนใ์ นเขตปรบั ปรุงป่าสงวนแห่งชาตไิ ด้ ในกรณตี ่อไปนี้ รว มกนั ช้ันเรียน ๑. ถา้ บคุ คลใดไดเ้ ขา้ ทา� ประโยชนห์ รอื อยอู่ าศยั ในเขตดงั กลา่ วอยแู่ ลว้ จนถงึ (แนวตอบ บทบัญญัติท่ีเกี่ยวกับการควบคุม วันท่ีประกาศก�าหนดให้เป็นเขตปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อบุคคลดังกล่าวร้องขอ และอธิบดี และรกั ษาปา สงวนแหง ชาติ เชน มาตรา 14 ใน หรอื ผู้ซง่ึ อธิบดมี อบหมาย เหน็ ว่าบุคคลดงั กลา่ วนั้นยังมีความจ�าเป็นเพอ่ื การครองชีพ ก็มอี �านาจ เขตปา สงวนแหง ชาติ หา มมใิ หบ คุ คลใดยดึ ถอื อนญุ าตเปน็ หนงั สอื ใหบ้ คุ คลดงั กลา่ วทา� ประโยชนแ์ ละอยอู่ าศยั ตอ่ ไปในทที่ ไ่ี ดท้ า� ประโยชนห์ รอื อาศยั ครอบครอง ทําประโยชนหรืออยูอาศัยใน ท่ดี นิ กอสราง แผวถาง เผาปา ทาํ ไม เก็บหา ของปา หรอื กระทําดว ยประการใดๆ อนั เปน การเส่ือมเสยี แกส ภาพปา สงวนแหง ชาติ) อยูแ่ ลว้ นัน้ ได้ แต่ต้องไม่เกินยส่ี บิ ไรต่ อ่ หนงึ่ ครอบครัว และมกี า� หนดเวลาคราวละไม่น้อยกวา่ ห้าปี แตไ่ ม่เกนิ สามสิบปี ทั้งนี้บุคคลดังกล่าวอาจขออนุญาตปลูกป่าหรือไม้ยืนต้นในที่ดินท่ีตนเคย ทา� ประโยชน ์ หรอื อยอู่ าศยั ในเขตปรบั ปรงุ ปา่ สงวนแห่งชาติเพ่ิมเตมิ จากท่ีไดร้ บั อนุญาตแลว้ โดย พิสูจน์ให้เห็นว่าตนมีความสามารถและมีเครื่องมืออุปกรณ์ที่จะปลูกป่าหรือไม้ยืนต้นตามที่ขอเพิ่ม นน้ั ได ้ อธบิ ดหี รอื ผซู้ งึ่ อธบิ ดมี อบหมายมอี า� นาจ อนุญาตเป็นหนังสือให้ปลูกป่าไม้ยืนต้นได้ แต่ ตอ้ งไม่เกินสามสิบห้าไร่ต่อหนึ่งครอบครวั และ มกี า� หนดเวลาคราวละไมน่ อ้ ยกวา่ หา้ ปแี ตไ่ มเ่ กนิ สามสบิ ปี การไดร้ บั อนุญาตนีม้ ใิ ห้ถือว่าเปน็ การ ไดม้ าซง่ึ สทิ ธใิ นทดี่ นิ ตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ ๒. การขออนุญาตเข้าไป ในเขตปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติเพ่ือประโยชน์ ในการศึกษาหรือวิจัยทางวิชาการ อธิบดีมี อ�านาจอนุญาตเป็นหนังสือแก่กระทรวง ทบวง กรม หรือบุคคลอื่นใดให้กระท�าการอย่างหน่ึง ถ้าบุคคลผู้ ใดฝ่าฝืนพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาต2ิ อยา่ งใดในเขตป่าสงวนแห่งชาติได้ ต้องได้รบั โทษตามกฎหมาย 50 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 ฟนฟสู ภาพปา เสื่อมโทรม พน้ื ท่ีปา ทีถ่ กู ทําลายจนเหลอื จํานวนชนดิ พนั ธไุ ม จุดมงุ หมายสําคัญของพระราชบัญญตั ปิ า สงวนแหง ชาติ อยนู อ ยมาก ทําใหพ ื้นทป่ี าน้นั ไมอาจทําหนา ทไ่ี ดโ ดยสมบูรณ และไมอ าจฟนตัว พ.ศ. 2507 คอื อะไร โดยเร็วไดเองตามธรรมชาติ จาํ เปนตองไดรบั การฟน ฟโู ดยการปลกู ชนดิ พนั ธไุ ม ในจาํ นวนทเ่ี หมาะสมตอ พนื้ ทแ่ี ละสภาพเดมิ ของแตล ะแหง เพอ่ื ใหส ภาพปา กลบั (แนวตอบ เปนกฎหมายที่ปองกันการบุกรุก การทําลายปา ฟน คนื ซงึ่ จะชว ยอนรุ กั ษท รพั ยากรปา ไม รกั ษาแหลง นา้ํ ใหม คี วามสมบรู ณ 2 ฝาฝนพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ ผูที่ฝาฝนตองระวางโทษจําคุก บคุ คลจะเขา ไปกระทาํ การตา งๆ เชน แผว ถาง เกบ็ ของปา อยอู าศยั ตัง้ แต 1-10 ป ปรบั ตั้งแต 20,000-200,000 บาท ผูที่กระทาํ การบุกรกุ ปาสงวน ไมไ ด เวน แตจ ะไดรับการอนุญาตจากทางการ) มีเนื้อท่ีเกิน 25 ไร หรอื กอใหเ กดิ ความเสยี หายแกไ มสัก ไมยาง ไมสนเขา ซง่ึ มี จํานวนตนหรือทอนรวมเกิน 20 ตนหรือทอน หรือกระทําตอตนนํ้าลําธาร ตองระวางโทษจําคุกตั้งแต 4-20 ป ปรบั ต้งั แต 200,000-2,000,000 บาท T54
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓. ในกรณีที่ป่าสงวนแห่งชาติใดมีสภาพเป็นป่าเส่ือมโทรม ให้อธิบดีโดย ขนั้ สอน ความเหน็ ชอบของคณะกรรมการพจิ ารณาการใชป้ ระโยชนใ์ นเขตปา่ สงวนแหง่ ชาตมิ อี า� นาจอนญุ าต เป็นหนังสือให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดท�าการบ�ารุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าหรือไม้ยืนต้นในเขตป่า ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู เสื่อมโทรมได้ ภายในระยะเวลาและตามเง่ือนไขท่ีก�าหนดในหนังสืออนุญาตโดยเสียค่าตอบแทน ตามทรี่ ฐั มนตรปี ระกาศกา� หนด ถา้ หากเกนิ ๑,๐๐๐ ไร ่ ตอ้ งไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการ 28. ครูนําภาพสัตวปาสงวนหรือสัตวปาคุมครอง พจิ ารณาการใช้ประโยชนใ์ นเขตปา่ สงวนแหง่ ชาติและได้รับอนมุ ัติจากคณะรฐั มนตรี ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุมครอง สัตวปา พ.ศ. 2535 (แกไขเพิ่มเติมฉบับท่ี 3 ฉ หรบือบั สทัต ี่ ว๓์ป พ่าค.๒ศุ้ม.) ค ๒พร๕อร๕งะ2 ร๗หา)ช ้าไบมดัญมย้ ิงบี ญสทัตัตบวิสญั ์ปงญ่าว ตันเิหแก้าลยี่ มะวคเกกบัุ้ม็บกค ารรทอห�างา้อสมันัตมตวใิ รห์ปาผ้่าย ู้ใ ดพหล.า่รศหือ.รม ๒อื ีไพ๕วย้ค๓าร๕ยอา บม(คแลรกา่ อส้ ไงตัขซวเ่ึงป์พรา่ ิ่มังสขเงตวอิมนง1 พ.ศ. 2557) มาใหนกั เรยี นรว มกนั ศกึ ษา และ อภิปรายวาเปนสัตวชนิดใด และหากมีการ สตั วป์ า่ สงวนหรอื ซากของสตั วป์ า่ คมุ้ ครอง หา้ มมไี ว ้ในครอบครองซง่ึ สตั วป์ า่ สงวน สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง ลาหรือครอบครองสัตวเหลาน้ีจะตองไดรับ ซากของสัตว์ป่าสงวนหรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่จะได้รับการยกเว้น หรือรับอนุญาต โทษอยางไร ตามบทบญั ญตั ขิ องกฎหมาย รวมทงั้ หา้ มมใิ หผ้ ู้ใดคา้ สตั วป์ า่ สงวน สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง ซากสตั วป์ า่ สงวน ซากของสตั ว์ป่าคมุ้ ครอง หรือผลิตภัณฑท์ ี่ท�าจากซากของสัตวป์ า่ ดังกลา่ ว เวน้ แต่ไดร้ ับการยกเว้น ตามบทบัญญัติของกฎหมายในสตั วป์ ่าคมุ้ ครองบางชนิด แมวลายหนิ ออ่ น พะยนู นกแต้วแล้วทอ้ งด�า เก้งหม้อ สัตวป์ ่าเปน็ ทรัพยากรธรรมชาตทิ นี่ บั วนั ใกลจ้ ะสูญพันธุ ์ เราจงึ ควรอนุรักษ ์ให้อยคู่ ู่ธรรมชาติสืบไป 5๑ กจิ กรรม สรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู ใหน กั เรยี นหาขอ มลู สตั วป า สงวนของไทยวา มสี ตั วป ระเภทใด ครูอาจเชิญผูเช่ียวชาญที่มีความรูทางดานกฎหมายอนุรักษธรรมชาติและ บาง และหากมีสัตวปาเหลาน้ันไวในครอบครองจะมีความผิด สิ่งแวดลอมมาเปนวิทยากรบรรยายเพื่อใหความรูเพ่ิมเติม โดยเปดโอกาสให และไดร บั โทษอยา งไรตามกฎหมาย นกั เรยี นไดสนทนาซักถามเพ่อื แลกเปลยี่ นความรู กิจกรรม ทา ทาย นักเรียนควรรู ใหนักเรียนวิเคราะหผลดีที่เกิดขึ้นจากการมีพระราชบัญญัติ 1 สัตวปาสงวน เปนสัตวปาที่หายาก ใกลสูญพันธุหรืออาจจะสูญพันธุได สงวนและคมุ ครองสตั วป า พ.ศ. 2535 วา มีอะไรบา ง เชน แรด กระซู กปู รี ควายปา ละองหรือละม่ัง สมัน เลยี งผา และกวางผา นกเจา ฟา หญงิ สริ นิ ธร นกแตว แลว ทอ งดาํ นกกระเรยี น แมวลายหนิ ออ น สมเสรจ็ เกง หมอ พะยูน 2 สัตวปาคุมครอง สัตวปาท่ีหามลา หามคา หามสงออก หามครอบครอง รวมถึงซากของสัตวปา เวนแตการกระทําโดยทางราชการเพื่อการศึกษา วิจัย และเพาะพนั ธุ เชน กระทงิ กวาง เกง ชะมด นกยูง นกเงอื ก T55
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน แนวปฏิบตั ิในเขตรักษาพนั ธ์สุ ตั ว์ปา่ มดี ังต่อไปนี้ ๒.๑) หา้ มมใิ หผ้ ู้ใดลา่ สตั วป์ า่ ไมว่ า่ จะเปน็ สตั วป์ า่ สงวนหรอื สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง หรอื ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู มไี ว ้ หรอื เกบ็ หรอื ทา� อนั ตรายแกร่ งั ของสตั วป์ า่ เวน้ แตจ่ ะกระทา� เพอ่ื การศกึ ษาหรอื วจิ ยั ทางวชิ าการ และไดร้ บั อนญุ าตเปน็ หนงั สอื จากอธบิ ดกี รมอทุ ยานแหง่ ชาต ิ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื หรอื อธบิ ดกี รม- 29. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายสาระสําคัญ ประมงทเี่ กยี่ วกบั สัตว์นา�้ โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ปา่ แห่งชาติ และประโยชนของพระราชบัญญัติสงวนและ ๒.๒) ห้ามมิให้ผู้ ใดเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก คุมครองสัตวปา พ.ศ. 2535 (แกไขเพิ่มเติม พนักงานเจ้าหน้าท่ี ยกเว้นพนักงานเจ้าหน้าท่ี หรือพนักงานอ่ืนใดซึ่งต้องเข้าไปปฏิบัติการตาม ฉบบั ที่ 3 พ.ศ. 2557) หน้าท่ีผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ก�าหนดใน (แนวตอบ พระราชบัญญัติสงวนและคุมครอง กฎกระทรวง สัตวปา พ.ศ. 2535 (แกไขเพ่ิมเติมฉบับที่ 3 ๒.๓) ห้ามมิให้ผู้ ใดยึดถือหรือครอบครองที่ดิน หรือปลูก หรือก่อสร้างส่ิงหน่ึง พ.ศ. 2557 มีวัตถุประสงคเพื่อปองกันการ สงิ่ ใด หรอื ตดั โคน่ แผว้ ถาง เผา หรอื ท�าลายต้นไมห้ รือพฤกษชาตอิ ่ืน หรือขดุ หาแร ่ ดิน หนิ หรอื สูญพนั ธขุ องสตั วป า หายาก และชวยปกปอ ง เล้ยี งสตั ว์ปา่ หรอื ปลอ่ ยสตั ว์ปา่ หรือเปลยี่ นแปลงทางน้า� หรอื ทา� ใหน้ า�้ ในลา� นา�้ ลา� หว้ ย หนอง บงึ ใหสัตวปาเหลานั้นไดอาศัยอยูในสภาพปาที่ ท่วม หรอื เหอื ดแหง้ เปน็ พิษ หรือเปน็ อนั ตรายต่อสตั วป์ า่ เหมาะสม รอดพน จากการถกู ลา ชว ยใหร ะบบ นเิ วศสมบรู ณ และเปน ประโยชนต อ การศกึ ษา วิจยั ดานสัตวป า และชีววิทยา) ๒.๔) การก�าหนดเขตห้ามล่าสัตว์บริเวณสถานท่ีท่ีใช้ ในราชการ หรือใช้เพื่อ สาธารณประโยชน์ หรือประชาชนใชเ้ ป็นประโยชน์ร่วมกนั แหง่ ใด รัฐมนตรีโดยความเหน็ ชอบของ คณะกรรมการสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ แหง่ ชาต ิ จะกา� หนดใหเ้ ปน็ เขตหา้ มลา่ สตั วป์ า่ โดยประกาศ ในราชกจิ จานเุ บกษา ๒.๕) ห้ามมิให้ผู้ ใดล่าสัตว์ป่า หรือมีไว้เพ่ือเก็บ หรือท�าอันตรายแก่รังของ สัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่า คุ้มครอง ในบริเวณวัดหรือในบริเวณสถานท่ีท่ี จัดไวเ้ พื่อใชเ้ ป็นท่ีประกอบพิธกี รรมทางศาสนา นอกจากน้ี พระราชบัญญัติสงวน และคมุ้ ครองสตั วป์ า่ พ.ศ. ๒๕๓๕ ยงั มบี ทบญั ญตั ิ ของกฎหมายเกีย่ วกับการเพาะพนั ธุ ์ โดยวธิ กี าร และข้อก�าหนดอย่างเหมาะสม เพื่อประโยชน์ ในกิจการสวนสัตว์สาธารณะ ซ่ึงกล่าวได้ว่า คณะกรรมการสงวนและคมุ้ ครองสตั วป์ า่ แหง่ ชาติ มบี ทบาทหนา้ ทใี่ นการควบคมุ และดา� เนนิ การให้ การลา่ สตั วป์ า่ สงวนหรอื สตั วป์ า่ คมุ้ ครอง เปน็ การกระทา� ผดิ เป็นไปตามบทบญั ญัติของกฎหมาย ทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครอง 5๒ สตั ว์ปา่ เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครูอาจนําสารคดีที่เกี่ยวกับปาสงวนและเขตรักษาพันธุสัตวปาใน คณะกรรมการสงวนและคุม ครองสตั วป าแหง ชาติมีบทบาท ประเทศไทยมาใหนักเรียนดู เพ่ือใหนักเรียนเห็นความสําคัญและประโยชน หนาทอี่ ยางไรบาง ท่ีเกดิ ขนึ้ จากการปฏบิ ัตติ ามกฎหมายอนรุ ักษธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม (แนวตอบ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุมครองสัตวปา ส่ือ Digital พ.ศ. 2535 ไดกําหนดใหคณะกรรมการสงวนและคุมครอง สัตวปาแหงชาติมีหนาที่ในดานตางๆ เชน กําหนดกิจการอันพึง ศกึ ษาคนควา ขอ มลู เพิ่มเติมเกีย่ วกับเขตรกั ษาพันธสุ ัตวปา ไดที่ กระทําเพื่อประโยชนในการบํารุงรักษาเขตรักษาพันธุสัตวปา http://www.dnp.go.th/wildlifednp/index.php และเขตหามลาสัตวปา รวมถึงใหความเห็นชอบเกี่ยวกับการออก พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวงและระเบียบ เพื่อปฏิบัติการตาม พระราชบัญญตั ิ กาํ หนดหลกั เกณฑใ นการตรวจสอบ และติดตาม การปฏิบัติการใหเปนไปตามพระราชบัญญัติ ปฏิบัติการอ่ืนใด ที่กฎหมายกาํ หนดใหเ ปน หนา ท่ีของคณะกรรมการฯ) T56
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ การปฏิบัติตนตามกฎหมายเก่ียวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติส่งผลให้ประชาชนและ ขน้ั สอน องคก์ รตา่ ง ๆ มสี ว่ นรว่ มในการสง่ เสรมิ และรกั ษาธรรมชาตแิ ละคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ ม มกี ารจดั ระบบ บรหิ ารงาน ก�าหนดอ�านาจหนา้ ท่ขี องสว่ นราชการ รฐั วิสาหกิจ และราชการส่วนท้องถ่ินใหเ้ กิดการ ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู ประสานงาน และร่วมกนั ส่งเสรมิ รกั ษา อนุรกั ษ์ ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม กลา่ วไดว้ า่ กฎหมาย 30. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายถงึ แนวทางการ เกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติน้ันมีประโยชน์ สง เสรมิ ใหค นในสงั คมตระหนกั ถงึ การอนรุ กั ษ หลายประการ ไดแ้ ก่ สัตวปา ตามสาระสําคัญและประโยชนของ หรือม๑ีร. ะพบ้ืนบทนิี่เซวึ่งศม1ตีลาักมษธรณระมเชปา็นตติ ้นหนรือ้�า พระราชบัญญัติสงวนและคุมครองสัตวปา ล�าธาร พ.ศ. 2535 (แกไ ขเพมิ่ เตมิ ฉบบั ที่ 3 พ.ศ. 2557) พนื้ ทที่ มี่ คี ณุ คา่ ทางธรรมชาตคิ วรแกก่ ารอนรุ กั ษ ์ (แนวตอบ แนวทางการสง เสรมิ เพอื่ การอนรุ กั ษ ได้รับการประกาศเป็นเขตอนุรักษ์ ส่งผลต่อ สตั วปาสามารถทําไดห ลายวธิ ี เชน มกี ารเผย คุณภาพของธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม อันจะ แพรความรูผานส่ือตางๆ เพื่อใหประชาชน เป็นผลดีตอ่ การด�ารงชีวิตของมนุษย์ ไดรับทราบถึงความสําคัญของสัตวปาและ ๒. ท�าให้ทุกคนเห็นความส�าคัญ ผลเสียท่ีจะเกิดข้ึนจากการปลอยใหสัตวปา หรือประโยชน์ของป่าไม้ และเกรงกลัวต่อโทษ ประชาชนทุกคนควรมีส่วนร่วม ในการอนุรักษ์ทรัพยากร สูญพันธุ ในสวนของกฎหมายก็จะตองมีบท ทางธรรมชาติด้วยการร่วมกันปลูกป่าทดแทน เพื่อรักษา ลงโทษผูท่ีทําลายสัตวปาอยางเด็ดขาดและ ของการฝา่ ฝนื กฎหมาย ไมก่ ระทา� การทเี่ ปน็ การ ตน้ น�า้ และลดภาวะโลกรอ้ น จะตองมีการนําไปบังคับใชอยางเขมงวด บุกรุก ท�าลายป่าไม้ท่ีรัฐได้สงวนคุ้มครองไว้ ซึ่งจะมีส่วนในการรักษาป่าไม้อันเป็นบริเวณต้นน�้า นอกจากนี้ สถาบันครอบครัวและสถาบัน ลา� ธาร ป้องกนั การเกิดความแหง้ แลง้ พื้นดนิ พังทลาย ลา� น้�าตืน้ เขนิ การเกิดอุทกภัย อันจะเกดิ ก า ร ศึ ก ษ า ค ว ร มี บ ท บ า ท ใ น ก า ร ป ลู ก ฝ ง จิตสํานึกแกเยาวชนเพื่อใหเกิดการปฏิบัติที่ ชวยอนุรักษธรรมชาตแิ ละสัตวป า เชนกัน) ความเสียหายทางการเกษตรและเศรษฐกิจของประเทศ ๓. ทา� ใหท้ กุ คนเหน็ ความสา� คญั และเกรงกลวั ตอ่ โทษของการฝา่ ฝนื กฎหมาย ไมก่ ระทา� การใดที่จะเป็นการท�าลายสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งจะท�าให้จ�านวนสัตว์ป่าที่เป็น ทรพั ยากรธรรมชาตอิ นั มคี า่ ของประเทศไม่ลดลงหรอื สูญพนั ธ์ุไป อันจะเปน็ ผลดตี อ่ ธรรมชาติและ สงิ่ แวดล้อม ระบบนเิ วศ การทอ่ งเทย่ี ว ตลอดจนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ดังน้ัน ประชาชนทุกคนจึงควรมีส่วนร่วมและปฏิบัติตนตามกฎหมายเกี่ยวกับการ อนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อความสมดลุ ทางธรรมชาติ อันจะกอ่ ให้เกิดสภาพแวดลอ้ มทีด่ ี ๓) พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มแหง่ ชาต ิ พ.ศ. ๒๕๓๕ (แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ฉบบั ท ี่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๑) มีบทบัญญัติเพ่ือเป็นแนวปฏิบัติให้ประชาชนทุกคน องค์กรเอกชน หน่วยงานของรฐั และผูท้ มี่ หี นา้ ทเ่ี กีย่ วขอ้ งได้ร่วมมือกนั เพอื่ ป้องกัน แกไ้ ข และ บพทัฒบนาาทสสภา� าคพญั แใวนดกลา้อรมดใา� หเน้อนิยกู่ในารเกใหณ้เฑปน็์มไาปตตราฐมานก ฎซหึ่งมสา่งยผ ลคดือีต ค่อณกาะรกดร�ารรมงกชาีวริตสขิง่ อแงวมดนลอุ้ษมยแ์ หโดง่ ยชผาตู้ท2ิ่ีมี 53 ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู การอนุรักษธรรมชาติและส่ิงแวดลอมใหประสบผลสําเร็จเปน 1 ระบบนิเวศ (Ecosystem) เปนโครงสรางความสัมพันธระหวางสิ่งมีชีวิต หนา ท่ีของใคร ตา งๆ กับบรเิ วณแวดลอมทส่ี ่งิ มีชีวติ นั้นดาํ รงอยู แบงออกเปน 2 ประเภท ไดแก ระบบนิเวศบนบกกับระบบนิเวศในน้ํา ทั้งน้ี ระบบนเิ วศทม่ี ีขนาดใหญทส่ี ุด คอื 1. กรมปา ไม ชวี าลยั (bioshere) ที่รวมเอาช้นั บรรยากาศ รวมถึงสิง่ ตางๆ ทง้ั หมดทอี่ ยูบน 2. คนไทยทกุ คน พืน้ โลกและพน้ื น้ําเขา ไวด ว ยกัน 3. เจาหนา ทพ่ี ทิ กั ษปา 4. กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอม 2 คณะกรรมการส่ิงแวดลอมแหงชาติ มีอํานาจหนาท่ีในการพิจารณา นโยบาย แผน และมาตรการในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. หากคนไทยทุกคนปฏิบัติตาม สิ่งแวดลอมของประเทศ ประกอบดวย กฎหมายอนุรักษธรรมชาติและสิ่งแวดลอม รวมถึงชวยดูแล • นายกรัฐมนตรเี ปนประธาน ทรพั ยากรธรรมชาติ กจ็ ะสง ผลใหป ระเทศไทยมคี วามอดุ มสมบรู ณ • รองนายกรัฐมนตรที ี่ไดร บั มอบหมาย และมสี ่งิ แวดลอมท่ดี )ี • รัฐมนตรีวาการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมและ ปลัดกระทรวง รฐั มนตรวี า การกระทรวงที่เก่ียวของ • ผทู รงคณุ วฒุ ดิ านสิ่งแวดลอ ม T57
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน คณะกรรมการส่ิงแวดล้อมแห่งชาติมีอ�านาจหน้าท่ีในการเสนอนโยบายและแผนการ สง่ เสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสง่ิ แวดลอ้ มแหง่ ชาต ิ กา� หนดมาตรฐานคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม พจิ ารณาให้ ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู ความเหน็ ชอบในแผนจดั การคุณภาพสง่ิ แวดล้อมทีร่ ัฐมนตรเี สนอ และเสนอแนะใหแ้ ก้ไขเพ่มิ เติม หรือปรบั ปรงุ กฎหมายเกีย่ วกับการสง่ เสรมิ และรกั ษาคุณภาพสิ่งแวดลอ้ มตอ่ คณะรัฐมนตรี 31. ครนู าํ ขา วทมี่ เี นอ้ื หาเกย่ี วกบั กฎหมายเกยี่ วกบั การอนรุ กั ษธ รรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม จากสอ่ื บทบัญญัติของกฎหมายส่งเสริม ตางๆ มาใหน ักเรียนดู และรวมกนั อภปิ ราย จแัดลตะรั้งักกษอางทคุณุนสภ่ิงาแพวสด่ิงลแ้อวมด1ใลน้อกมระ ทไดรว้กง�ากหานรดคใลหัง้ ถึงสาระสําคญั ของขาว ตลอดจนใหนักเรยี น ประกอบดว้ ยเงนิ และทรพั ยส์ นิ ทไ่ี ดม้ าจากแหลง่ รวมกันแสดงความคิดเห็นถึงประโยชนของ ต่าง ๆ เพ่ือวัตถุประสงค์ให้ใช้จ่ายในการลงทุน กฎหมายที่เก่ียวกับการอนุรักษส่ิงแวดลอม และด�าเนินงานเก่ียวกับระบบบ�าบัดน�้าเสียรวม ตามประเดน็ เน้อื หาจากขา วเพ่มิ เตมิ หรอื ระบบกา� จดั ของเสยี รวม ตลอดจนการจดั หา จดั ซอื้ ทด่ี นิ วสั ด ุ อปุ กรณ ์ เครอื่ งมอื และเครอ่ื งใช้ ท่ีจ�าเป็นส�าหรับการด�าเนินงานและบ�ารุงรักษา ระบบดงั กลา่ ว ซงึ่ อยใู่ นความดแู ลรบั ผดิ ชอบของ การรณรงค ์ใหป้ ระชาชนหนั มาใชร้ ถจกั รยานในการเดนิ ทาง สว่ นราชการหรอื ราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ นอกจากน ี้ ถือเปน็ แนวทางหน่ึงในการรกั ษาคณุ ภาพส่งิ แวดลอ้ ม ยังให้ราชการส่วนท้องถิ่นหรือรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนเอกชนกู้ยืมเพ่ือจัดให้มีระบบบ�าบัดอากาศเสียหรือน�้าเสีย ระบบก�าจัดของเสีย เพ่ือ ควบคมุ บ�าบัดหรือขจัดมลพิษท่ีเกิดจากกิจกรรมหรอื การด�าเนินกจิ การของตนเอง สมาชกิ ในสงั คมประชาธปิ ไตยทกุ คนมหี นา ทที่ จี่ ะตอ งปฏบิ ตั ติ นเปน พลเมอื งดขี องสงั คม และประเทศชาติ ซึ่งการปฏบิ ตั ติ นตามกฎหมายถอื เปน สิ่งสําคัญประการหนง่ึ เพราะกฎหมาย คอื กฎกติกาท่ีสังคมกําหนดข้นึ มาเพอ่ื ใชเปนเครอื่ งมอื ควบคมุ หรือจดั ระเบียบทางสังคม โดย กฎหมายไดว างแนวทางสาํ หรบั การอยรู ว มกนั และกาํ หนดบทบาท สทิ ธิ และหนา ทข่ี องแตล ะคน ในสงั คมไวต ้ังแตเกิดจนตาย ดังน้ัน ในฐานะสมาชิกของสังคมจึงมีความจําเปนท่ีจะตองศึกษาและทําความเขาใจ ในกระบวนการตรากฎหมาย และกฎหมายตา ง ๆ ทสี่ ําคญั โดยเฉพาะกฎหมายทเี่ กยี่ วขอ งกบั ตนเองและครอบครัว เชน กฎหมายแพงเก่ียวกบั ครอบครวั และกฎหมายที่เก่ียวขอ งกับชมุ ชน และประเทศชาติ เชน กฎหมายแรงงาน กฎหมายภาษีอากร กฎหมายปกครอง กฎหมาย เกีย่ วกบั การอนรุ กั ษธ รรมชาติและส่งิ แวดลอ ม เปน ตน เพ่อื นาํ ความรแู ละความเขา ใจเกีย่ วกบั กฎหมายมาใชในการดําเนินชีวิตประจําวัน เพอื่ การอยูรวมกนั ในสังคมเปนไปอยางปกตสิ ขุ 5๔ นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด การปฏบิ ตั ใิ นขอ ใดตอ ไปนมี้ คี วามสอดคลอ งกบั พระราชบญั ญตั ิ 1 กองทนุ สงิ่ แวดลอ ม เปน มาตรการทางการเงนิ เพอื่ สนบั สนนุ การแกไ ขปญ หา สงเสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอมแหง ชาติ พ.ศ. 2535 ส่ิงแวดลอมโดยความรวมมือของทุกภาคสวนในการจัดใหมีระบบบําบัดอากาศ เสีย นํ้าเสีย เพื่อควบคุมมลพิษ ซึ่งการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดลอมอาจมี 1. ชาวบา นในชมุ ชนมีการเผาขยะทกี่ อสารพิษ ทั้งในลกั ษณะของเงนิ อดุ หนนุ และเงินกูดอกเบีย้ ต่าํ 2. โรงงานอตุ สาหกรรมแหงนม้ี รี ะบบบาํ บัดน้าํ เสียกอ นปลอ ย ส่ือ Digital ลงสแู มน้ํา 3. ผใู ชร ถยนตล ะเลยการตรวจสภาพเครอื่ งยนต ทาํ ใหร ถยนต ศึกษาคนควาขอมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับพระราชบัญญัติสงเสริมและรักษา คุณภาพสิ่งแวดลอมแหงชาติ พ.ศ. 2535 ไดท่ี www.pcd.go.th/download/ ปลอยควันดาํ จํานวนมาก regulation.cfm?task=s 4. เด็กนักเรียนคนหนง่ึ มีพฤตกิ รรมชอบท้ิงขยะไมเ ปน ท่ี T58 เปน ทางและชอบทําลายตนไมส าธารณะ (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะโรงงานอตุ สาหกรรมมีการ บรหิ ารจดั การสง่ิ แวดลอ มทด่ี ี มกี ารควบคมุ มลพษิ โดยจดั ใหม รี ะบบ บําบัดน้ําเสียกอนปลอยลงสูแมน้ํา ซึ่งเปนไปตามจุดประสงคของ พระราชบัญญัติสงเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดลอมแหงชาติ พ.ศ. 2535)
นาํ สอน สรุป ประเมนิ เสริมสาระ ขน้ั สรปุ โครงการพระราชดําริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชดา นปา ไม ขนั้ ที่ 4 ขยายความเขา ใจ โครงการพฒั นาอนั เนอื่ งมาจากพระราชดา� ริ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลย- 1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและทบทวน เดช มอี ยมู่ ากมายหลายประเภทแตกตา่ งกนั ไปตาม ความรู โดยรว มกนั สรปุ สาระสาํ คญั หรอื ใช PPT ลกั ษณะและวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการนน้ั ๆ ซงึ่ สว่ น สรปุ สาระสาํ คัญของเนือ้ หาทไี่ ดศ กึ ษามา มากจะเป็นการแกไ้ ขปญั หาและพฒั นาดา้ นการทา� มาหากนิ ของประชาชนเปน็ สา� คญั ดงั นนั้ โครงการ 2. ครูใหนกั เรยี นทาํ ใบงานที่ 2.3 เร่ือง กฎหมาย อันเน่ืองมาจากพระราชด�าริจึงเกี่ยวข้องกับการ ทเี่ ก่ยี วขอ งกับชมุ ชนและประเทศชาติ พัฒนาปจั จยั การผลติ ต่าง ๆ เช่น ดนิ น�า้ ทท่ี า� กิน เกษตรกรรม การอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ 3. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่ สิง่ แวดล้อม เป็นตน้ พลเมอื งฯ ม.2 เกยี่ วกบั เรอ่ื ง กฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ ง โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�าริต่าง ๆ จะค�านึงถึงความสอดคล้องเกื้อกูลกันระหว่างการ กับชุมชนและประเทศชาติ พัฒนาและการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มอย่างเครง่ ครดั มาตลอด ซงึ่ จะขอยกตัวอย่าง โครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชด�าริในดา้ นการอนรุ ักษ์ปา่ ไม้ ดังนี้ ขนั้ ประเมนิ ๑. ป่า ๓ อยา่ ง ประโยชน ์ ๔ อยา่ ง ป่าไม้ ๓ อยา่ งเปน็ แนวคดิ ของการผสมผสานความต้องการ ในการอนุรักษ์และฟืนฟูทรัพยากรป่าไม้ควบคู่ไปกับความต้องการด้านเศรษฐกิจและสังคม กล่าวคือ ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล เพื่อปอ้ งกนั มิให้เกษตรกรบกุ รุกทา� ลายปา่ ไม้ เพ่อื นา� มาใชป้ ระโยชน ์ จงึ ใหด้ �าเนนิ การปลกู ปา่ ๓ อยา่ ง เพื่อประโยชน์ ๔ อยา่ ง คือ ป่าสา� หรบั ไมใ้ ชส้ อย ปา่ ไมส้ �าหรับเป็นไมผ้ ล และป่าส�าหรับเปน็ เชอ้ื เพลงิ ปา่ 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ หรอื สวนปา่ เหล่านี้นอกจากเป็นการเกอ้ื กลู และอา� นวยประโยชน ์ใน ๓ อย่างนน้ั แลว้ ปา่ ไม้ไม่ว่าจะเป็น ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก ชนิดใดก็จะอ�านวยประโยชน์ในการอนุรักษ์ดินและน�้าและคงความชุ่มช้ืนเอาไว้ อันเป็นการอ�านวย สมรรถนะฯ หนาทีพ่ ลเมอื งฯ ม.2 ประโยชน์อย่างท่ ี ๔ ซงึ่ เปน็ ผลพลอยได้ ๒. ฝายชะลอความชมุ่ ชน้ื เปน็ แนวคดิ หนง่ึ ทเี่ กดิ จากพระปรชี าสามารถอนั ยงิ่ ใหญข่ องพระองคท์ ี่ 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน ได้ทรงคิดคน้ ข้ึน เพือ่ เป็นวธิ ีการในการสรา้ งความชุม่ ชืน้ ใหก้ ับพืน้ ท่ปี ่าไมด้ ้วยวิธีงา่ ย ๆ ประหยดั และได้ (รวบยอด) หนงั สอื เลม เลก็ เร่ือง กฎหมายกบั ผลด ี นนั่ คอื การสรา้ งฝายเลก็ ๆ ใหส้ อดคลอ้ งไปกบั สภาพธรรมชาต ิ โดยการใชว้ สั ดธุ รรมชาตทิ ห่ี าไดง้ า่ ย การดําเนนิ ชวี ติ ประจาํ วัน ในท้องถนิ่ ฝายชะลอความชุ่มชืน้ มอี ยู่ ๒ ประเภท คือ ฝายตน้ น�้าลา� ธาร ส�าหรบั กกั กระแสน�้าไว้ ให ้ไหลช้า 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบวดั ฯ หนา ทพี่ ลเมอื งฯ ม.2 ลง และสามารถซมึ ลงใต้ผิวดิน เพ่อื สร้างความชมุ่ ช้นื ในบริเวณน้นั และอกี ประเภทหนงึ่ คอื ฝายดัก เร่ือง กฎหมายกับการดําเนินชีวิตประจําวัน ตะกอนดนิ และทรายไมใ่ หไ้ หลสแู่ หลง่ นา�้ เบอื้ งลา่ ง ฝายทงั้ ๒ ประเภท สามารถสรา้ งความชมุ่ ชน้ื และชะลอ เพือ่ ทดสอบความรทู ี่ไดศกึ ษามา ความชุม่ ชน้ื และระบบวงจรนา้� ทอี่ า� นวยประโยชนใ์ นการฟนื ฟูและอนุรกั ษป์ ่าไม้ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ดีย่ิง ตัวอย่างเช่น โครงการฝายชะลอความชุ่มช้ืนภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อ�าเภอ 4. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย ดอยสะเก็ด จังหวัดเชยี งใหม่ เปน็ ต้น การเรียนรูท่ี 2 เรื่อง กฎหมายกับการดําเนิน ชีวิตประจําวัน ทม่ี า : ส�านกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดา� ร ิ (ส�านกั งาน กปร.) 5. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม 55 การทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงาน 6. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบฝก สมรรถนะฯ และแบบวดั ฯ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล ใหนักเรียนทํากิจกรรม “อนุรักษสัตวปา” โดยใหยกตัวอยาง ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เรื่อง กฎหมายท่ีเกี่ยวของ สตั วป า ทต่ี นเองชอบ หรอื สตั วป า คมุ ครอง หรอื สตั วป า สงวน 1 ชนดิ กับชุมชนและประเทศชาติ ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และ แลวทํากิจกรรม ดงั นี้ การนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก แบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยท่ี 2 1. สืบคืนขอ มลู สถานการณปจจบุ ันของสตั วป า เชน ลักษณะ เร่ือง กฎหมายกับการดําเนนิ ชีวิตประจาํ วัน เฉพาะ แหลง ทอ่ี ยูอาศัย การดํารงชวี ติ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน 2. วางแผนเพื่อการอนุรักษสัตวปา โดยบอกวิธีการอนุรักษ และบทลงโทษสําหรับผูท่ีไมปฏิบัติตามหรือฝาฝนพระราชบัญญัติ คาช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี คุม ครองสัตวป า ตรงกบั ระดับคะแนน 3. ทาํ ปา ยรณรงคเพือ่ การอนุรกั ษสตั วป า ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 4. นําเสนอผลงานในรูปแบบตา งๆ เชน PowerPoint รายงาน 32 คลปิ วดิ ีโอ 1 ความถกู ตอ้ งของเนือ้ หา 2 การลาดบั ข้นั ตอนของเรื่อง 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์ 4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ 5 การมสี ่วนรว่ มของสมาชกิ ในกลมุ่ รวม ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง T59
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ เฉลย คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรียนรู คÓถาม ประจÓหน่วยการเรยี นรู้ ๑. กระบวนการในการตราพระราชบัญญตั ิมขี ัน้ ตอนอย่างไร 1. สภาผูแทนราษฎรจะรางพระราชบัญญัติแลว ๒. ประชาชนเข้ามามสี ่วนรว่ มในกระบวนการตรากฎหมายอย่างไรบ้าง ทําการพิจารณา จากน้ันนําสงใหวุฒิสภา ๓. ก ฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับตนเองและครอบครัวมีกฎหมายอะไรบ้าง ให้ยกตัวอย่างกฎหมาย พิจารณาตอ หากวุฒิสภามีมติเห็นชอบ ก็ใหนายกรัฐมนตรีนําขึ้นทูลเกลาฯ ถวาย มา ๑ เรือ่ ง พระมหากษัตริยเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธย ๔. ก ฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับชุมชนและประเทศชาติ มีกฎหมายอะไรบ้าง โดยให้ยกตัวอย่าง แลวประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อใหมี ผลบงั คับใช กฎหมายมา ๑ เร่ือง ๕. เ หตุใดนักเรียนจึงควรเรียนรู้และท�าความเข้าใจกฎหมายที่เก่ียวข้องกับตนเอง ครอบครัว 2. ประชาชนผูมีสิทธิเลือกตั้งจํานวนหน่ึงหมื่น คนข้ึนไป มีสิทธิย่ืนเสนอรางพระราชบัญญัติ ชมุ ชน และประเทศชาติ ไดเ ฉพาะเร่ืองในหมวด 3 และหมวด 5 ของ รฐั ธรรมนูญ กิจกรรม สรา้ งสรรคพ์ ฒั นาการเรียนรู้ 3. กฎหมายที่เก่ียวของกับตัวนักเรียนและ กิจกรรมท ่ี ๑ ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม ศึกษากระบวนการตราพระราชบญั ญตั ิดังต่อไปน้ี ครอบครัวของนกั เรยี นท่ีสาํ คญั เชน กฎหมาย บัตรประจําตัวประชาชน ซ่ึงเมื่อมีอายุครบ ๑. กรณวี ุฒสิ ภาเห็นชอบกบั สภาผ้แู ทนราษฎร 7 ปบริบูรณ จะตองย่ืนขอมีบัตรประจําตัว ๒. กรณีวุฒสิ ภาไมเ่ ห็นชอบกบั สภาผูแ้ ทนราษฎร ประชาชน ๓. กรณีวฒุ สิ ภามีความเห็นให้มกี ารแก้ไขเพิ่มเตมิ และร่วมกนั จัดนิทรรศการเกยี่ วกับกระบวนการตรากฎหมายในช้นั เรยี น 4. กฎหมายท่ีเกี่ยวของกับชุมชนและประเทศ มีเปนจํานวนมาก เชน กฎหมายภาษีอากร กิจกรรมที ่ ๒ ให้นักเรียนยกตัวอย่างข่าวหรือเหตุการณ์การคุ้มครองแรงงานตามกฎหมาย ซึ่งมีความสําคัญตอการพัฒนาประเทศเปน อยางมาก และการเสียภาษีอากรยังถือเปน แรงงาน แลว้ ร่วมกันอภปิ รายถึงเหตกุ ารณ์ดังกล่าว สรปุ ลงกระดาษรายงาน หนาทขี่ องพลเมอื งดที ี่พงึ ปฏิบตั ิ กิจกรรมที่ ๓ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ศึกษาข้ันตอนกระบวนการตราข้อบัญญัติองค์กรปกครอง 5. เพราะการปฏิบัติตนตามกฎหมายอยาง เครงครัด จะชวยใหเราดําเนินชีวิตประจําวัน สว่ นท้องถน่ิ ในท้องถิ่นท่ีนักเรยี นอาศยั อยู่ โดยจัดทา� เปน็ แผนภูมิ ไดอยางมีความสุข สังคมก็จะมีความสงบ เรยี บรอ ย และประเทศชาตมิ ีความเจริญ กิจกรรมท ่ี ๔ ใ ห้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเร่ืองกฎหมายท่ีเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมวา่ มคี วามส�าคัญอยา่ งไร โดยให้เหตุผลประกอบ 56 เฉลย แนวทางประเมินกจิ กรรมพัฒนาทักษะ ประเมนิ ความรอบรู • ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเร่ืองตางๆ โดยทั่วไป ซง่ึ เปนงานหรือช้ินงานท่ใี ชเวลาไมนาน สําหรบั ประเมินรูปแบบนอี้ าจเปน คาํ ถามปลายเปดหรอื ผังมโนทัศน นิยมสําหรบั ประเมินผูเรียนรายบคุ คล ประเมนิ ความสามารถ • ใชในการประเมินความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือชิ้นงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช ในชีวติ ประจําวนั ในฐานะพลเมอื งทด่ี ขี องสังคม อาจเปนการประเมนิ จากการสงั เกต การเขียน การตอบคําถาม การวิเคราะห การแกป ญ หา ตลอดจน การทาํ งานรวมกนั ประเมินทกั ษะ • ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองท่ีดีของสังคม ท่ีมีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางยั่งยืน เชน ทักษะในการสื่อสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ ผลการปฏบิ ัติงานตอผูเก่ียวของหรือตอสาธารณะ สงิ่ ทต่ี อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผี่ เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทต่ี อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน T60
Chapter Overview แผนการจดั สือ่ ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ อันพึงประสงค์ แผนฯ ท่ี 1 - หนังสอื เรียน 1. วิเคราะห์เหตกุ ารณ์ การจัดการ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1. มวี ินยั เหตุการณ์และ สังคมศกึ ษาฯ ม.2 ส�ำคัญทีม่ ีผลต่อ เรียนรแู้ บบ - ตรวจการทำ� แบบฝกึ สมรรถนะ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ การเปลย่ี นแปลง - แบบฝึกสมรรถนะ การเมืองการปกครอง รว่ มมอื : และการคิดหน้าท่ีพลเมอื งฯ 3. มงุ่ มน่ั ในการ สำ�คญั ของ และการคดิ ไทยได้ (K) เทคนิคการ ม.2 ท�ำงาน ระบอบการ หนา้ ทพ่ี ลเมืองฯ ม.2 ต่อเรอื่ งราว - ตรวจใบงานที่ 3.1 ปกครองไทย 2. จำ� แนกและลำ� ดับ - แบบทดสอบก่อนเรียน เหตกุ ารณ์สำ� คญั ท่มี ผี ล (jigsaw) - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน - PowerPoint ตอ่ การเมอื งการ - สงั เกตพฤติกรรม 2 - ใบงานท่ี 3.1 ปกครองไทยได้ (P) การท�ำงานรายบุคคล 3. เห็นคุณค่าของการ - สงั เกตพฤติกรรม ชั่วโมง ศกึ ษาเหตกุ ารณส์ �ำคัญ การท�ำงานกล่มุ ทมี่ ผี ลต่อการเมืองการ - ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ปกครองไทยเพมิ่ อนั พงึ ประสงค์ มากขน้ึ (A) T61
แผนการจดั สอ่ื ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลกั ษณะ การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั แผนฯ ที่ 2 - หนงั สือเรียน 1. วเิ คราะห์สถานการณ์ สืบเสาะ - ต รวจการทำ� แบบฝกึ - ทักษะการ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ สถานการณ์ สงั คมศึกษาฯ ม.2 การเมอื งไทยในปจั จบุ นั หาความรู้ สมรรถนะและการคิด วิเคราะห์ 3. มุ่งมั่นในการ การเมอื งของ - แบบฝกึ สมรรถนะ ได้ (K) (5Es หน้าท่พี ลเมอื งฯ ม.2 ทำ� งาน ประเทศไทยและ และการคิด 2. วเิ คราะห์ขอ้ มลู ข่าวสาร Instructional - ต รวจการทำ� แบบวดั และ การเลือกรบั หน้าทพ่ี ลเมืองฯ ม.2 ทางการเมอื งการ Model) บนั ทึกผลการเรียนรู้ ข้อมลู ข่าวสาร - แบบทดสอบกอ่ นเรียน ปกครองไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง หนา้ ทีพ่ ลเมืองฯ ม.2 เกยี่ วกับ - PowerPoint (K) - ตรวจใบงานที่ 3.2 การเมอื งการ - ใบงานท่ี 3.2 3. จ�ำแนกและล�ำดบั - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน ปกครองของ สถานการณ์การเมอื ง - สงั เกตพฤติกรรม ไทยในสังคม ไทยในปจั จบุ ันได้ (P) การท�ำงานรายบุคคล ปัจจุบัน 4. เหน็ คุณค่าของการ - สงั เกตพฤติกรรม ศกึ ษาสถานการณ์ การท�ำงานกลุ่ม 3 การเมอื งไทยในปจั จบุ นั - ป ระเมินคณุ ลกั ษณะ เพมิ่ มากขึ้น (A) อนั พงึ ประสงค์ ชัว่ โมง - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน T62
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ๓หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ เหตกุ ารณแ ละการเปลย่ี นแปลง ขนั้ นาํ (:วเิธทีสคอนนคิ โกดายรกตาอรจเรัด่อื กงารราเวรีย(jนigรsแู aบwบ) สาํ คญั ของระบอบการปกครองไทย ·èÕ¼‹Ò¹ÁÒà˵ءÒó รวมมือ áÅСÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ ¤ÃéѧÊíÒ¤ÑÞ·Ò§¡ÒÃàÁ×ͧ 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอนโดยการ Ê‹§¼ÅÍ‹ҧäõ‹Í จัดการเรียนรูแบบรวมมือ : เทคนิคการตอ ¡ÒÃàÁ×ͧ¡Òû¡¤Ãͧ เร่ืองราว (jigsaw) ช่ือเรื่องที่จะเรียนรู ?¢Í§ä·Â จุดประสงคก ารเรยี นรู และผลการเรยี นรู นับต้ังแต่การเปล่ียนแปลงระบอบการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็น 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน ระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุขใน พ.ศ. ๒๔๗๕ การเมอื งการปกครอง หนวยการเรียนรูที่ 3 เรื่อง เหตุการณและ ของไทยเกิดเหตุการณ์ส�าคัญหลายเหตุการณ์ และส่งผลให้เกิดความเปล่ียนแปลงในหลายด้าน ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง สํ า คั ญ ข อ ง ร ะ บ อ บ ก า ร การศึกษาเหตุการณ์ทางการเมืองการปกครองของไทย ต้ังแต่หลัง พ.ศ. ๒๔๗๕ ถึงปัจจุบัน ปกครองไทย ยอ่ มจะมสี ว่ นชว่ ยทา� ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจในพฒั นาการทางการเมอื งการปกครองของไทยและเขา้ มา มีสว่ นรว่ มมากยิง่ ข้ึน 3. ครูใหนักเรียนดูภาพอนุสาวรียประชาธิปไตย แลวนาํ สนทนาเกยี่ วกบั ภาพดังกลาว และถาม คําถามเพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียน เชน • อนุสาวรียประชาธิปไตยมีความสําคัญ ทางการเมืองอยา งไร (แนวตอบ เปนอนุสรณที่ระลึกถึงการที่ ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย มี ก า ร ป ก ค ร อ ง ใ น ร ะ บ อ บ ประชาธิปไตยมาต้ังแต พ.ศ. 2475 ซ่ึงมัก ถูกใชเปนสถานท่ีชุมนุมรวมตัวกันประทวง หรอื เรียกรองประชาธปิ ไตย) ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ส ๒.๒ ม.๒/๒ วเิ คราะห์ขอ้ มลู ข่าวสาร ทางการเมอื ง • เ หตุการณ์และการเปลี่ยนแปลงส�าคัญของระบอบการ การปกครองที่มีผลกระทบต่อสังคมไทยสมยั ปจั จุบนั ปกครองของไทย • หลักการเลือกขอ้ มลู ขา่ วสาร เพ่อื นา� มาวิเคราะห์ ๕๗ เกร็ดแนะครู การเรียนเรื่องเหตุการณและการเปล่ียนแปลงสําคัญของระบอบการปกครองไทยมีจุดมุงหมายสําคัญเพื่อใหนักเรียนไดรับรูเหตุการณทางการเมือง ของประเทศไทย ตัง้ แตยุคเปลีย่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถงึ ปจ จบุ ัน รวมถึงสามารถติดตามขอ มูลขา วสารทางการเมอื งการปกครองของไทยจากส่อื ตา งๆ แลวนําขอ มลู มาวเิ คราะหไดอ ยา งถกู ตอง ซึ่งครูควรจัดการเรียนรูโดยใหนกั เรยี นทํากจิ กรรม ดงั นี้ • ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู จากแหลง การเรยี นรตู า งๆ เกย่ี วกบั เหตกุ ารณแ ละการเปลยี่ นแปลงสาํ คญั ของระบอบการปกครองไทย ตง้ั แตย คุ เปลย่ี นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึงปจจบุ นั • อธบิ ายเหตุการณสําคญั ทีเ่ กยี่ วกับการเมอื งการปกครองของไทย วเิ คราะหส าเหตแุ ละผลของเหตกุ ารณท ีม่ ีตอ ระบบการเมอื งการปกครองของไทย T63
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขรวนั้ มนมาํ ือ(:วเธิ ทสี คอนนคิ โกดายรกตาอรจเรดั ่ือกงารราเวรีย(jนigรsูแaบwบ) ๑. เ หตุการณ์และการเปลี่ยนแปลงสÓคัญของระบอบการเมือง การปกครองของไทย 4. ครูนําขาวการเมืองจากหนังสือพิมพ หรือ รายการโทรทศั นม าสนทนากบั นกั เรยี น จากนนั้ ๑ภา.๑ยห ลกังากรารเปปฏลิรียู่ปกนาแรปปกลครงอรงะ1 บแลอะบกากราปรฏเิรมูปกอื างรกศึกาษราปในกสคมัยรรอัชงก าพลท.ศี่ ๕. ๒ ไ๔ด้ม๗ีก๕ระแส ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเหตกุ ารณท เี่ กดิ ขน้ึ 5. ครูนําภาพเหตุการณสําคัญทางการเมืองการ ความคิดท่ีจะให้ประเทศไทยเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็น ปกครองไทยมาใหนักเรียนดู แลวใหนักเรียน ระบอบการปกครองทมี่ รี ฐั ธรรมนญู เปน็ กฎหมายสงู สดุ ในการปกครองประเทศ แตค่ วามคดิ ดงั กลา่ ว ชว ยกนั ตอบวา เปนภาพจากเหตุการณใ ด ขน้ั สอน กม็ ิได้บรรลุผล ต นเองวในา่ ส“มคณยั ขะอรงาพษฎระรบ2” าไทดสย้ มดึ เอดา� จ็ นพารจะเปปกลเย่ี กนลแา้ ปเจลา้ งอกยาหู่ รวัป ก(พค.รศอ. ง๒จ๔าก๖ร๘ะ -บ ๒อบ๔ส๗ม๗บ) รูคณณาะญบาคุ สคทิลธทริ เี่ ารชยี กย์ 1. ครูใหนักเรียนดูวีดิทัศนประกอบคําบรรยาย สู่ “การปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญท่ีมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขของชาติ” เม่ือวันท ่ี เรื่อง เหตุการณและการเปลี่ยนแปลงสําคัญ ๒๔ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๕ โดยคณะบุคคลทีไ่ ด้รับการศกึ ษามาจากประเทศตะวนั ตก ประกอบดว้ ย ของระบอบการเมืองการปกครองของไทย ฝ่ายทหารบก ทหารเรือ ต�ารวจ และพลเรือน โดยมีพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นผู้น�า ฝ่ายทหาร และนายปรดี ี พนมยงค ์ หรือหลวงประดษิ ฐม์ นูธรรมเปน็ ผนู้ า� ฝ่ายพลเรอื น 2. ครูแบงนักเรียนเปนกลมุ กลมุ ละ 4 คน คละ คณะราษฎรให้เหตุผลท่ีต้องท�าการเปล่ียนแปลงการปกครองว่า “ต้องการให้ประเทศไทยมี ตามความสามารถ โดยใหแตละกลุมกําหนด ความเจรญิ กา้ วหนา้ มากขน้ึ ระบอบการปกครองทเี่ ปน็ อยแู่ ตเ่ ดมิ นนั้ ลา้ สมยั แลว้ จงึ ตอ้ งเปลยี่ นแปลง หมายเลขประจําตัว ต้ังแตหมายเลข 1-4 เสียใหม่ เพ่ือให้ระบอบการปกครองของประเทศไทยทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ” โดย เรียกกลมุ นี้วา กลมุ บา น คณะราษฎรได้ประกาศ “หลัก ๖ ประการของ คณะราษฎร” หรอื เทยี บไดก้ บั ปจั จบุ นั คอื นโยบาย 3. สมาชิกกลุมบานแตละหมายเลขแยกยายกัน น่ันเอง ซง่ึ มีดงั น้ี ไปรวมกลุมใหม เรียกวา กลุมผูเช่ียวชาญ ๑. หลักเอกราช ไดแ้ ก่ การรักษา โดยหมายเลขเดียวกันจะอยกู ลุม เดยี วกนั ความเป็นเอกราชของชาต ิ ศาล และเศรษฐกจิ ของประเทศใหม้ น่ั คง 4. สมาชกิ แตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาความรเู กยี่ วกบั ๒. หลกั ความสงบ ไดแ้ ก ่ การรกั ษา เหตุการณและการเปล่ียนแปลงสําคัญของ ความปลอดภัยในประเทศ ระบอบการเมืองการปกครองของไทย จาก ๓. หลกั เศรษฐกจิ ไดแ้ ก ่ การบา� รงุ หนงั สอื เรยี น สงั คมศกึ ษาฯ ม.2 หนงั สอื คน ควา ความสขุ สมบรู ณข์ องราษฎร เพมิ่ เตมิ หอ งสมดุ และแหลง ขอ มลู สารสนเทศ ตามประเด็นทก่ี าํ หนด (ซา้ ย) พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ผ้นู า� คณะราษฎร ๔. หลักความเสมอภาค ได้แก่ ฝา่ ยทหาร (ขวา) หลวงประดษิ ฐม์ นธู รรม ผนู้ า� คณะราษฎร การให้ราษฎรไดร้ บั สทิ ธเิ สมอภาคทดั เทยี มกนั ฝ่ายพลเรือน ๕8 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 การปฏิรูปการปกครอง เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลท่ี 5 โดยพระองคตองการ บุคคลกลุม ใดเปนผูมคี วามคิดรเิ ริ่มเรื่องการปกครองโดยมี ปฏริ ปู บา นเมอื งใหท นั สมยั เพอ่ื ใหส ามารถรบั มอื กบั ภยั คกุ คามจากจกั รวรรดนิ ยิ ม พระมหากษัตริยภ ายใตร ัฐธรรมนูญ ตะวันตก สิ่งท่ีเกิดข้ึนจากการปฏิรูป เชน การเลิกทาส การจัดต้ังโรงเรียน การจดั ระเบยี บการปกครองท่แี บง ออกเปน 3 สว น ไดแ ก การปกครองสวนกลาง 1. พระมหากษตั ริย การปกครองสว นภูมิภาค และการปกครองสว นทองถน่ิ 2. นายทหารระดับสูง 2 คณะราษฎร บุคคลคณะหน่ึงที่ไดรวมมือกันเปล่ียนแปลงการปครองจาก 3. เจา นายและขนุ นาง ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยมาเปนระบอบประชาธิปไตย เมื่อ พ.ศ. 2475 4. ชนชัน้ กลางและปญ ญาชน สมาชิกประกอบดวยขาราชการ ทหาร และพลเรอื น (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ชนชนั้ กลางและปญ ญาชนเปน กลมุ บุคคลสําคัญที่มีความคิดริเริ่มการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซง่ึ ไดร บั อทิ ธพิ ลจากการเปลยี่ นแปลงการปกครองของชาตใิ นเอเชยี ขณะนน้ั และแนวคดิ เกย่ี วกบั สทิ ธทิ างการเมอื งการปกครองตนเอง ของประชาชนจากชาติตะวันตกทพ่ี วกตนสาํ เร็จการศึกษามา) T64
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๕. หลกั เสรีภาพ ได้แก ่ การใหร้ าษฎรได้รับเสรีภาพ มคี วามเปน็ อสิ ระตามกฎหมาย ขนั้ สอน ๖. หลักการศึกษา ไดแ้ ก ่ การใหก้ ารศึกษาอย่างเตม็ ที่แกร่ าษฎร เพือ่ เป็นกา� ลงั ของ ประเทศชาตติ ่อไป 5. สมาชิกแตละหมายเลขในกลุมผูเชี่ยวชาญ คณะราษฎรไดท้ �าการยดึ อา� นาจการปกครองจากพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หัวเป็น รวมกันอภิปรายและตรวจสอบความถูกตอง ผลสา� เรจ็ ขณะประทบั อย่ทู พี่ ระราชวงั ไกลกังวล จงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ ์ เมอื่ วนั ท ่ี ๒๔ มิถนุ ายน ของการสรุปประเด็นสําคัญของเหตุการณที่ พ.ศ. ๒๔๗๕ โดยมิต้องเสียเลือดเนื้อแต่ประการใด พระองค์ทรงยอมรับการเปลี่ยนแปลงการ กลมุ ไดรบั ปกครองครัง้ นี้และเสดจ็ กลับสู่พระนคร ภายหลังจากการยึดอ�านาจการปกครองแล้ว คณะราษฎรได้น�าร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก 6. สมาชิกกลุมผูเชี่ยวชาญแยกยายกันกลับไปยัง มีช่ือว่า “พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช ๒๔๗๕” กลุม บานหรือกลุมเดมิ ขึ้นทลู เกล้าฯ ถวายพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยหู่ วั เพ่อื ทรงลงพระปรมาภไิ ธย เมอ่ื วนั ท ่ี ๒๗ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๕ และมพี ิธเี ปดิ ประชุมสภาผแู้ ทนราษฎรเป็นคร้ังแรกเม่อื วนั ที่ ๒๘ มิถุนายน 7. สมาชิกกลุมบานแตละหมายเลขผลัดกันเลา พ.ศ. ๒๔๗๕ โดยมพี ระยามโนปกรณ์นิติธาดา (กอ้ น หุตะสิงห)์ เปน็ นายกรัฐมนตรี ผลการศึกษาของตนใหส มาชิกคนอน่ื ฟง ต่อมารัฐสภาได้จัดต้ังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อใช้ปกครองประเทศแทนพระราช- บัญญัติธรรมนญู การปกครองแผน่ ดนิ สยามชวั่ คราว พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕ โดยน�าขน้ึ ทลู เกลา้ ฯ เพอื่ 8. ครูใหนักเรียนวิเคราะหเพิ่มเติมวา เหตุการณ ใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงลงพระปรมาภไิ ธย เมอื่ วนั ท ่ี ๑๐ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 สงผล เรียกวา่ “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พทุ ธศักราช ๒๔๗๕” อยางไรตอการเมืองการปกครองไทยในยุค จากเหตุการณก์ ารเปลยี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ สง่ ผลกระทบต่อสถานภาพของ ปจ จบุ นั สถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นการสิ้นสุดพระราชอ�านาจในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่ง (แนวตอบ เปนจุดเริ่มตนของการปกครองใน พระมหากษัตริยม์ ิได้ทรงบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ด้วยพระองคเ์ องเหมอื นดังแต่กอ่ น ระบอบประชาธิปไตยของไทย ซึ่งนับจาก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเปล่ียนแปลงการปกครองครั้งใหญ่ในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. พ.ศ. 2475 จนถึงปจจุบัน ประเทศไทยตอง น๒า๔ย๗ท๕ห าแรอลกี้วห ลหาลยังคจราง้ัก นเชั้นน่ก ็ไดก้มบีเฏหแตมุกนาฮรตัณต์กนั า1 รใเนป ลพ่ีย.นศแ. ๒ปล๔ง๙ท๔า งนกา�าโรดเยมกือลงมุ่กนาราปยทกหคราอรเงรโอื ดมยงุ่คหณวงัะ เผชิญกับเหตุการณสําคัญทางการเมืองหลาย จะยดึ อา� นาจจอมพล ป. พบิ ูลสงคราม แตไ่ มส่ า� เร็จ และ พ.ศ. ๒๕๐๐ จอมพล สฤษด์ ิ ธนะรชั ต ์ เหตกุ ารณ ซง่ึ ในแตล ะเหตกุ ารณย อ มใหข อ คดิ ยึดอา� นาจจากจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นต้น และเปนบทเรียนสําคัญในการพัฒนาระบอบ ใน พ.ศ. ๒๕๐๑ จอมพล สฤษด ์ิ ธนะรชั ต ์ ไดย้ ดึ อา� นาจการปกครองจากรฐั บาลจอมพล ถนอม การเมืองการปกครองไทยในปจ จุบนั ) กติ ตขิ จร และมกี ารยกเลกิ รฐั ธรรมนญู เมอ่ื จอมพล สฤษดถ์ิ งึ แกอ่ นจิ กรรมใน พ.ศ. ๒๕๐๖ จอมพล ถนอมได้เข้ารับต�าแหน่งนายกรัฐมนตรี ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ใน พ.ศ. ๒๕๑๑ ซ่ึงให้ อ�านาจกับรัฐบาลมาก แต่เมอื่ ต้องเผชญิ กับการคดั คา้ นของฝ่ายรัฐบาลเอง ทา� ใหจ้ อมพล ถนอม นา� คณะปฏวิ ตั ยิ ดึ อา� นาจการปกครองในวนั ท ี่ ๑๗ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๑๔ และประกาศใช ้ “ธรรมนญู การปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๕๑๕” ตามรูปแบบเผด็จการอ�านาจนยิ มเชน่ เดียวกับ ๕9 กิจกรรม เสรมิ สรางคุณลักษณะอันพงึ ประสงค นักเรียนควรรู ครูสนทนารวมกับนักเรียนถึงแนวคิดและการดําเนินการ 1 กบฏแมนฮตั ตนั เปน เหตุการณท่ที หารเรือกลุม หนึ่งพยายามยดึ อํานาจจาก เปล่ียนแปลงการปกครองของคณะราษฎร แลวใหนักเรียนแสดง จอมพล ป. พิบลู สงคราม ซ่งึ ดาํ รงตาํ แหนงนายกรฐั มนตรีในขณะนัน้ เหตุการณ ความคิดเห็นในประเดน็ ตางๆ ที่เกย่ี วของกบั การเปลย่ี นแปลงการ เกิดขึ้นเมื่อวันท่ี 29 มิถุนายน พ.ศ. 2494 ในพิธีรับมอบเรือขุดสันดอนของ ปกครองของคณะราษฎรที่สําคญั ดังนี้ สหรัฐอเมริกาที่ช่ือวา แมนฮัตตัน โดยคณะทหารเรือทําการจับกุมตัวจอมพล ป. พิบลู สงคราม ซง่ึ เปน ประธานในพธิ ีไวเปนตวั ประกัน แตสุดทายฝา ยรัฐบาล • จดุ มุงหมายของคณะราษฎร กเ็ ขา ควบคุมสถานการณไ วไ ด • ความสาํ เร็จของการปกครองระบอบประชาธิปไตยในสังคม ส่ือ Digital ไทย จากนน้ั ใหน กั เรยี นสรปุ แนวทางการสง เสรมิ การปกครองระบอบ ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั เหตกุ ารณก ารเปลยี่ นแปลงการปกครอง ประชาธปิ ไตยอยา งแทจ รงิ เพอ่ื ประโยชนข องประชาชนและประเทศ 24 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2475 ไดท่ี http://wiki.kpi.ac.th/ ชาติ T65
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน สมัยรัฐบาลจอมพล สฤษด์ิ ธนะรัชต์ ส่งผลให้ประชาชน นิสิตนักศึกษารวมตัวประท้วงเพ่ือ เรยี กรอ้ งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยและเรยี กรอ้ งใหร้ ฐั บาล จอมพล ถนอม กติ ตขิ จร ประกาศ 9. ครูสุม นกั เรียนออกมายกตัวอยางบคุ คลสาํ คญั ใชร้ ฐั ธรรมนญู ทเ่ี ปน็ ประชาธปิ ไตยอยา่ งแทจ้ รงิ โดยเรว็ โดยมกี ารประทว้ งอยา่ งรนุ แรงจากประชาชน ทอ่ี ยใู นเหตกุ ารณม หาวปิ โยค (14 ตลุ าคม 2516) และนิสิตนักศึกษาท่ีบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และน�าไปสู่เหตุการณ์ท่ีเรียกกันต่อมาว่า จากน้นั ครูต้ังคาํ ถามใหน กั เรียนตอบ เชน “เหตุการณ์มหาวิปโยค (๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖)” • การชุมนุมของนักศึกษาและประชาชนใน เหตุการณมหาวิปโยค (14 ตุลาคม 2516) ๑.๒ เ หตุการณม์ หาวปิ โยค (๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖) มจี ุดมุงหมายสาํ คัญอยา งไร เหตกุ ารณม์ หาวปิ โยค (๑๔ ตลุ าคม ๒๕๑๖) เกดิ ขนึ้ ภายหลงั จากรฐั บาลจอมพล ถนอม กติ ตขิ จร (แนวตอบ ตอ ตา นอาํ นาจเผดจ็ การทางทหาร ได้ท�าการรัฐประหารยึดอ�านาจของตนเอง (พ.ศ. ๒๕๑๔) ยกเลิกรัฐธรรมนูญ หันไปใช้อ�านาจ และตองการใหรัฐบาลมีรัฐธรรมนูญเปน เผด็จการปกครอง ท�าให้เกิดกระแสต่อต้านรฐั บาล นสิ ติ นกั ศกึ ษาตา่ งเหน็ วา่ การแกไ้ ขปญั หาของ หลักในการปกครองบานเมืองตามแนวทาง บ้านเมืองควรท่ีจะต้องมีรัฐธรรมนูญเป็นหลักในการปกครองประเทศ จึงได้มีการรวมตัวของนิสิต ประชาธปิ ไตย) นถกูกั ตศง้ัึกขษอ้ าหแาลวะา่นเกัปกน็ ฎกหบมฏ1า จยงึจเ�ากนดิ วกนา ร๑ร๓วม คตนวั ข ปอรงะนกสิ าติ ศนเรกั ยี ศกกึ รษ้อางเรรัฐยี ธกรรรอ้ มงนใหญู ป้ ลแอ่ตยท่ ตงั้ วหั บมคุดคถลูกทจง้ัับ ก๑ุม๓แ คลนะ2 • เหตุการณมหาวิปโยค (14 ตุลาคม 2516) การชมุ นมุ ขยายตวั ออกไปอยา่ งกวา้ งขวาง รฐั บาลใชก้ า� ลงั ปราบปรามดว้ ยวธิ ที ร่ี นุ แรง ทา� ให้ มผี ลตอ การพฒั นาประชาธปิ ไตยในประเทศ เหตกุ ารณ์ลุกลามใหญโ่ ต เกิดการนองเลือดตามมา ซึง่ ในวันท่ ี ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๖ มีนิสิต ไทยอยา งไร นกั ศกึ ษาและประชาชนเสยี ชวี ติ เปน็ จา� นวนมาก เหตกุ ารณม์ หาวปิ โยค (๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖) สนิ้ สดุ (แนวตอบ ประชาชนมคี วามสนใจในการเมอื ง ลงเมอื่ จอมพล ถนอม กติ ตขิ จร ลาออกจากตา� แหนง่ นายกรฐั มนตรแี ละเดนิ ทางออกนอกประเทศ การปกครองมากขึ้น มีความตระหนักถึง ในชว่ งหวั คา่� ของวนั ท ี่ ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. การมีสวนรวมในกิจกรรมทางการเมือง ๒๕๑๖ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ล การปกครอง และมีสิทธิเสรีภาพในการ แสดงออกทางการเมอื งไดมากขึน้ ) อดลุ ยเดช ทรงมกี ระแสพระราชดา� รสั แกช่ าวไทย ทง้ั ประเทศ ขอใหท้ กุ ฝา่ ยระงบั เหตรุ นุ แรงดว้ ยการ ตั้งสติ เพ่ือให้บ้านเมืองคืนสู่สภาพปกติ ท�าให้ เหตกุ ารณค์ วามรนุ แรงสงบลง หลงั จากเหตกุ ารณ์ สน้ิ สดุ ลง พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ล อดลุ ยเดช ไดม้ ีพระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ แต่งต้ังให้นายสัญญา ธรรมศักด์ิ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในขณะน้ัน เข้าด�ารง ต�าแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีการเสนอร่าง รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ภาพเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงของนสิ ิตนกั ศึกษา และ ๒๕๑๗ ซึ่งถือเป็นรัฐธรรมนูญท่ีมีความเป็น ประชาชนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริเวณถนน ประชาธิปไตยมากที่สุดฉบับหน่ึง เพราะเป็น ราชดา� เนนิ เมอ่ื วันท่ ี ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๖ ๖0 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด อา นขอ ความเกย่ี วกบั เหตกุ ารณม หาวปิ โยคตอ ไปนี้ 1 กบฏ เปนการกระทําที่เปนภัยตอความม่ันคงของชาติ เชน ใชกําลังเพ่ือ ก. จบั กมุ ผชู มุ นมุ 13 คน ลม ลางหรอื เปล่ียนแปลงรฐั ธรรมนูญ การแบงแยกราชอาณาจกั ร การยดึ อาํ นาจ ข. นายสัญญา ธรรมศกั ดิ์ ดาํ รงตําแหนงนายกรัฐมนตรี การปกครอง ถือเปนการกระทําผิดฐานเปนกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา ค. จอมพล ถนอม กิตตขิ จร ทํารฐั ประหารรฐั บาลของตนเอง มาตรา 113 ตองระวางโทษประหารชวี ิตหรอื จาํ คุกตลอดชีวติ ง. การชุมนมุ ของนิสิต นกั ศกึ ษาและประชาชน ขยายตัวอยา ง 2 บุคคลท้ัง 13 คน ประกอบดวยนักศึกษา อาจารย นกั การเมือง ท่อี อกเดิน กวางขวาง แจกใบปลิวเพ่ือเรียกรองรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลของจอมพล ถนอม กิตติขจร จากขอความดานบน ขอใดเรียงลาํ ดบั เหตุการณไดถ ูกตอง ซ่ึงถูกจับและถูกกลาวหาวาเปนกบฏ เปนสาเหตุหนึ่งที่นําไปสูเหตุการณ 1. ก. ข. ง. ค. 2. ค. ก. ง. ข. มหาวปิ โยค (14 ตลุ าคม 2516) 3. ง. ข. ก. ค. 4. ข. ก. ค. ง. (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2.จอมพลถนอมกติ ตขิ จรทาํ รฐั ประหาร T66 ตนเอง ทําใหเกดิ การรวมตวั ตอ ตานของบุคคล 13 คน ซึง่ ถูกจบั และต้ังขอหาเปนกบฏ ทําใหเกิดการชุมนุมตอตานลุกลาม จนเกดิ ความรุนแรง ทําใหจอมพล ถนอม กติ ติขจร ลาออกจาก ตําแหนง และนายสัญญา ธรรมศักด์ิ เขาดํารงตําแหนงนายก- รัฐมนตรีคนตอ ไป)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ รัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้คนกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม ได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร ขนั้ สอน บา้ นเมอื ง ผา่ นการเลอื กตง้ั ระบบพรรคการเมอื ง มกี ารควบคมุ ตรวจสอบ และมกี ารถว่ งดลุ อา� นาจ ระหวา่ งฝา่ ยนติ ิบญั ญตั แิ ละฝา่ ยบริหาร ไม่ถูกผูกขาดโดยคนกลุ่มใดกลมุ่ หนึง่ เช่นท่ีผา่ นมา 10. ครูใหนักเรียนแตละกลุมวิเคราะหขอมูล ผลจากเหตุการณ์มหาวิปโยค (๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖) ท�าให้ประชาชนเกิดความต่ืนตัวทาง เพิ่มเติมเก่ียวกับเหตุการณ 6 ตุลาคม พ.ศ. การเมือง และสา� นกึ ทางการเมอื งสงู ขนึ้ อยา่ งไมเ่ คยมมี ากอ่ น มกี ารจดั ตงั้ กลมุ่ รว่ มรณรงคเ์ รยี กรอ้ ง 2519 ถึงปจ จยั ทเ่ี ปนสาเหตุใหเ กิดเหตุการณ สทิ ธขิ องตนอยา่ งกวา้ งขวาง มกี ารรวมตวั เพอ่ื ตอ่ รองผลประโยชน์ เชน่ มกี ารจดั ตงั้ สหพนั ธน์ กั ศกึ ษา และผลจากเหตุการณดังกลาว ประกอบการ เสรแี ห่งประเทศไทย ศูนยก์ ลางนกั ศึกษาอาชวี ะแหง่ ประเทศไทย สหพนั ธ์กรรมกร ตอบคาํ ถามตามประเด็น เชน • เหตกุ ารณ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เกิดข้ึน ๑.๓ เหตุการณ ์ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑9 จากสาเหตใุ ดบาง (แนวตอบ เกิดจากกลุมนักศึกษารวมตัว ผลสืบเน่ืองจากบรรยากาศทางการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กันชุมนุมตอตานการกลับเขาประเทศของ พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๗ ทก่ี ล่มุ นกั ศกึ ษา ประชาชน และกลุ่มชาวนาชาวไร่ เกิดความสา� นกึ และต่นื ตวั กลุมบุคคลท่ีเคยใชอํานาจเผด็จการในการ ทางการเมือง สังคมไทยมีบรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตยสูง มีการแข่งขันทางการเมือง ปกครองประเทศ) ระหวา่ งพรรคการเมอื งที่มมี ากถงึ ๑๒ พรรค โดยแตล่ ะพรรคจะอยภู่ ายใต้การสนบั สนนุ ของกลมุ่ • จากเหตุการณ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 มี ทุนที่เจริญก้าวหน้าข้ึนมาจากยุคส่งเสริมการลงทุนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑ ส่ิงใดบางท่ีแสดงใหเห็นถึงความไมเปน จนกระทั่งจอมพล ถนอม กิตติขจร อดีตผู้น�าประเทศ ได้เดินทางกลับมาประเทศไทย จึงเป็น ประชาธปิ ไตย สาเหตุให้นสิ ติ นักศกึ ษาและประชาชนจา� นวนมากลุกขึ้นมาตอ่ ตา้ นการกลับมาของจอมพล ถนอม (แนวตอบ การใชความรุนแรงในการแก กิตติขจร และเรียกรอ้ งประชาธิปไตยอกี ครง้ั ดว้ ยการรวมตวั กันชมุ นมุ ประทว้ งการกลบั มาของผ้นู า� ปญ หาจนทาํ ใหผ คู นบาดเจบ็ ลม ตาย การใช คนดงั กลา่ ว เมือ่ วนั ที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ท่ีบริเวณมหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ในสมัยรัฐบาล อํานาจทหารเขาแทรกแซง และการทํา ของ ม.ร.ว.เสนยี ์ ปราโมช รฐั ประหาร) สถานการณข์ องประเทศไทยในขณะนนั้ ประชาชนมแี นวคดิ แบง่ แยกเปน็ ฝา่ ยขวา - ฝา่ ยซา้ ย ระหว่างกลุ่มลูกเสือชาวบ้านกับขบวนการนิสิตนักศึกษาท่ีถูกโจมตีว่าเป็นพวกฝ่ายซ้ายฝักใฝ่ลัทธิ คอมมิวนสิ ต ์ เรียกร้องใหร้ ฐั บาลเนรเทศจอมพล ถนอม กิตติขจร ออกนอกประเทศจนเกิดความ รุนแรง นา� ไปสเู่ หตุการณ์สลายการชุมนมุ ในมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรแ์ ละบริเวณท้องสนามหลวง ใจนา� นตวอนนมเชาก้า ตทรู่ขา� ใอหงเ้ วกันดิ กทาี่ ร๖ท า� ตรฐัุลปารคะมห ารพใ.นศน. า๒ม๕ข๑อ๙ง “ทค�าณใะหป้มฏีนริ ิสปู ิตกนารักปศกึกคษราอแงแลผะนป่ ดระนิ ช1” ามชพีนลเสเรียอื ชเอีวิกต รสฐังธัดร รชมลนอูญอแยหู่ ่งเรปา็นชหอัวาณหนาจ้าักครณไทะ ยโ ดพยุทคธณศักะปราฏชิร ูป๒ก๕า๑ร๙ป ก(คฉรบอับงทแี่ ผ๑่น๑ด) ินมไนี ดา้ดย�าธเานนินินกทารร์ ปกรระัยกวาิเชศยีใชร2้ ดา� รงตา� แหน่งนายกรัฐมนตรี การยดึ อา� นาจของคณะปฏริ ปู การปกครองแผน่ ดนิ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความขดั แยง้ ทางความคดิ ท�าให้นิสิตนักศึกษาส่วนหนึ่งหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย ๖๑ กิจกรรม สรา งเสรมิ นักเรียนควรรู ใหน กั เรยี นเขยี นขอ คดิ ทไ่ี ดจ ากเหตกุ ารณ 6 ตลุ าคม พ.ศ. 2519 1 คณะปฏิรูปการปกครองแผนดิน จากเหตุการณความไมสงบในวันที่ วามีอะไรบาง โดยใหเขียนเปนผังความคิดลงในสมุดบันทึก 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ท่เี กิดการลกุ ลาม จนรัฐบาลในขณะนนั้ ไมสามารถควบคมุ จากน้ันออกมาอธิบายหนาชั้น แลวเปดโอกาสใหเพ่ือนในช้ัน สถานการณไ ด คณะปฏริ ปู การปกครองแผน ดนิ อนั ประกอบดว ย คณะนายทหาร ซกั ถามและแสดงความคดิ เห็น 3 เหลาทัพ และอธิบดีกรมตํารวจ จึงเขายึดอํานาจการปกครอง เพื่อควบคุม สถานการณท งั้ หมด กิจกรรม ทา ทาย 2 นายธานินทร กรัยวิเชียร เขาดํารงตําแหนงนายกรัฐมนตรีหลังจากการ ทํารฐั ประหารของพลเรอื เอก สงดั ชลออยู ซึง่ ไดเปรยี บเทียบรัฐบาลของตนวา ใหนกั เรยี นเขยี นแสดงความรสู กึ และความคิดเห็นของตนเอง เปนรัฐบาลหอย หมายถึง การท่ีรัฐบาลมีนายกรัฐมนตรีท่ีเปนพลเรือน และมี ที่มีตอเหตุการณ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 รวมถึงวิเคราะหวา คณะทหารคอยควบคมุ อยูเ บือ้ งหลัง เหตุการณ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 สงผลในดานใดบา ง ตอ การเมือง การปกครองไทยในยุคตอ มา T67
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตอ่ มาในวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ คณะนายทหารในคณะปฏิรูปการปกครองแผน่ ดิน ชุดเดิมได้ท�าการรัฐประหารอีกครั้ง โดยอ้างความแตกแยกในหมู่ข้าราชการกับประชาชน และ 11. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเหตุการณ แตง่ ตงั้ ใหพ้ ลเอก เกรยี งศกั ด ์ิ ชมะนนั ทน ์ เปน็ นายกรฐั มนตร ี และประกาศใช ้ “ธรรมนญู การปกครอง สําคัญท่ีเกิดข้ึนหลังเหตุการณ 6 ตุลาคม ราชอาณาจกั ร พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๐” และตอ่ มาไดป้ ระกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหม ่ คอื “รฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2519 จากนน้ั ครถู ามคาํ ถาม เชน แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๑” อนั เปน็ รฐั ธรรมนญู ฉบบั ท ี่ ๑๓ ซง่ึ อนญุ าตใหข้ า้ ราชการ • การประกาศคาํ สง่ั นายกรฐั มนตรที ี่ 66/2523 ป ระจา� รหะลดงั บั จสางูก นทน้ั ัง้ สทถหาานรกแาลระณพต์ลา่เรงือ ๆน เสรามิ่ มคาลรคี่ ถลดา�ายร งเมตา�อ่ื แรฐหั บนาง่ ลนอาอยกกกรฎัฐมหนมตายรีไนดริ ้โทษกรรม1 กลมุ่ นสิ ติ สงผลอยางไรตอสถานการณทางการเมือง นักศึกษาท่ีหลบหนีเข้าป่าเร่ิมทยอยกลับออกมา และรัฐบาลได้มีนโยบายในการปราบปรามพวก ในขณะนั้น คอมมิวนิสต์ทก่ี ระจายอยู่ท่วั ไปตามต่างจังหวดั โดยการประกาศคา� ส่งั นายกรฐั มนตรที ี่ ๖๖/๒๕๒๓ (แนวตอบ สงผลใหประเทศมีความเปน เม่ือเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๒๓ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ โดยใช ้ ประชาธิปไตยมากข้ึน เนื่องจากการใช ความพยายามในการแกป้ ญั หาดว้ ยวธิ กี ารทเี่ รยี กวา่ “หลกั การเมอื งนา� การทหาร” โดยงานการทหาร นโยบายการเมืองนําการทหาร ทหารลด จะต้องสนับสนุนให้บรรลุภารกิจงานการเมืองเป็นส�าคัญ นโยบายดังกล่าวประกาศใช้ในสมัย การแทรกแซงทางการเมือง และมีบทบาท พลเอก เปรม ตณิ สูลานนท ์ เป็นนายกรฐั มนตรี ทางการเมืองนอยลง นอกจากน้ี ยังเปน หลังจากที่พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประกาศวางมือทางการเมือง เม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๙ แนวทางท่ีชวยแกไขปญหาคอมมิวนิสต พลเอก ชาตชิ าย ชุณหะวัณ ก็ได้เขา้ รบั ตา� แหนง่ นายกรฐั มนตรแี ทน ในทางหน่งีึ ) ๑.๔ เหตกุ ารณพ์ ฤษภาทมฬิ พ.ศ. ๒๕๓๕ รฐั บาลภายใตก้ ารบรหิ ารประเทศของพลเอก ชาตชิ าย ชณุ หะวณั บรหิ ารประเทศไดร้ ะยะหนง่ึ กถ็ ูกคณะนายทหารซง่ึ เรียกตัวเองวา่ “คณะรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยแหง่ ชาต”ิ (รสช.) มพี ลเอก สนุ ทร คงสมพงษ ์ เปน็ หวั หนา้ คณะทา� การรฐั ประหารยดึ อา� นาจในวนั ท ี่ ๒๓ กมุ ภาพนั ธ ์ พ.ศ. ๒๕๓๔ พร้อมท้ังประกาศใช้ “ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๕๓๔” (ฉบับท่ี ๑๔) และได้ก�าหนดระยะเวลาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยไว้ พร้อมกับแต่งตั้งคนกลาง คือ นายอานันท์ ปนั ยารชุน เปน็ นายกรัฐมนตรี จดั ตัง้ รฐั บาลบรหิ ารราชการแผ่นดินด้วยนโยบายเปิด เสรที างเศรษฐกิจ และปิดชอ่ งทางการทุจรติ คอร์รปั ชันของนักการเมืองและเจา้ หน้าทรี่ ัฐใหแ้ คบลง ต่อมาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไดม้ ปี ระกาศให้มกี ารรา่ งรัฐธรรมนญู ฉบบั ถาวรข้นึ ใหม ่ ซงึ่ ได้ประกาศใช้อย่างเปน็ ทางการ เม่ือวันที่ ๙ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ และถูกวพิ ากษ์วิจารณ์อยา่ ง มากว่าเป็นรัฐธรรมนูญทเี่ ปิดโอกาสให้คณะ รสช. สืบทอดอ�านาจตอ่ ไป เพราะรัฐธรรมนญู ฉบบั นี้ มไิ ด้มีบทบัญญตั หิ ้ามมใิ หบ้ คุ คลท่มี ิไดเ้ ป็นสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรรับตา� แหน่งนายกรฐั มนตรีได้ ๖๒ เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรางเสริม ครูหาภาพเหตุการณ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 และเหตกุ ารณพฤษภาทมิฬ ครใู หน กั เรยี นจดั ทาํ เสน เวลา (timeline) ลาํ ดบั เหตกุ ารณส าํ คญั พ.ศ. 2535 มาใหน ักเรยี นดูประกอบการอธิบายเหตุการณท างการเมืองท่เี กดิ ข้นึ ท่ีเกิดข้ึนในชวงเหตุการณพฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 ตกแตงให โดยอาจชใ้ี หเ หน็ ถงึ ความสญู เสยี จากการใชค วามรนุ แรงในการแกป ญ หา เพอ่ื ให สวยงาม พรอ มสรปุ แงค ดิ ทไ่ี ดจ ากเหตกุ ารณท างการเมอื งดงั กลา ว นกั เรยี นเกดิ ความเขา ใจ ตระหนกั และหลกี เลย่ี งการใชค วามรนุ แรงและใชเ หตผุ ล ลงกระดาษ A4 แลวนําสงครผู ูส อน ในการแกปญ หาภายในสังคม นักเรียนควรรู 1 นิรโทษกรรม ในทางกฎหมายอาญา หมายถึง การลบลางการกระทํา ความผดิ อาญาทบ่ี คุ คลไดก ระทาํ มาแลว โดยมกี ฎหมายทอ่ี อกภายหลงั การกระทาํ ความผดิ กําหนดใหการกระทํานน้ั ไมผ ดิ หรอื ไมตองรบั โทษ T68
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ เมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๓๔ ดังกล่าวแล้ว ขน้ั สอน การเลือกต้ังท่ัวไปก็เกิดขึ้นในวันท่ี ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซ่ึงความวุ่นวายทางการเมืองใน ระบบรัฐสภาก็ได้เกิดข้ึนหลังจากการเลือกต้ังส้ินสุดลงนั่นเอง โดยเกิดปัญหาการจัดต้ังรัฐบาลใน 12. ครูเชื่อมโยงถึงเหตุการณพฤษภาทมิฬ พ.ศ. สสุจัดนิส่วดนา ขอคงรพาปรรรคะยกรูา รหเมนอื่งึ ใงน สผ่งูน้ ผา� ลคใณหม้ะ กี ราสรชส.1 ืบขทน้ึ อดอา� นาจของคณะ รสช. โดยมอบหมายให้พลเอก 2535 แลวสุมนักเรียนใหบอกชื่อบุคคลท่ี ดา� รงตา� แหนง่ นายกรฐั มนตร ี ทงั้ ทแี่ ตเ่ ดมิ ไดเ้ คย มีความเก่ียวของกับเหตุการณ จากนั้น ประกาศไวว้ า่ จะไมด่ า� รงตา� แหนง่ นายกรฐั มนตรี ครถู ามคาํ ถาม เชน ด้วยเหตุนี้บรรดานิสิตนักศึกษาและ • เหตกุ ารณพ ฤษภาทมฬิ พ.ศ. 2535 มสี าเหตุ ประชาชนไดร้ วมตวั กนั ทบ่ี รเิ วณถนนราชดา� เนนิ มาจากอะไรบา ง เพ่อื ประทว้ งรฐั บาล ต้ังแต่เดือนเมษายน พ.ศ. (แนวตอบ การเขา รบั ตาํ แหนง นายกรฐั มนตรี ๒๕๓๕ เหตุการณ์ได้ยืดเย้ือมาจนถึงวันที่ ๑๗ ของผูนําในคณะ รสช. ทาํ ใหนสิ ิตนักศึกษา พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐบาลจึงได้ใช้ก�าลัง และประชาชนออกมาชุมนุมประทวงจน ปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าว ท�าให้มีผู้เสีย กลายเปน เหตกุ ารณค วามรนุ แรง) ชวี ติ และสูญหายเป็นจ�านวนมาก จึงได้มผี เู้ รยี ก เหตกุ ารณค์ รง้ั นวี้ า่ “พฤษภาทมฬิ ” ซงึ่ เหตกุ ารณ์ การชุมนุมของนักศึกษาและประชาชนบริเวณอนุสาวรีย์ ดงั กล่าวได้ยตุ ิลงเมอื่ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ประชาธิปไตยในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๒๕๓๕ ดว้ ยพระบารมแี ละพระมหากรณุ าธคิ ณุ ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทา� ใหเ้ หตกุ ารณส์ งบลง และพลเอก สุจินดา คราประยรู ไดข้ อลาออกจากตา� แหน่งนายกรฐั มนตรี เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนต้องการให้ประเทศไทยปกครอง ด้วยระบอบประชาธิปไตยอยา่ งแท้จริง โดยใหร้ ฐั สภาเป็นเวทขี องการแสดงความคิดเหน็ และเป็น ตัวแทนของประชาชนผ่านการเลือกต้ังของประชาชน มิใช่ปล่อยให้คณะบุคคลยึดอ�านาจการ ปกครองไปเปน็ ของตนเอง ในช่วงเวลาเดียวกัน สังคมโลกเปล่ียนแปลงเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ แนวคิดทุนนิยม เสรี ประชาธปิ ไตยแพรข่ ยายไปทว่ั โลก จงึ มสี ว่ นผลกั ดนั ทางความคดิ ของคนในสงั คมไทยใหม้ กี ารปฏริ ปู การเมอื งการปกครอง เพอ่ื ความเปน็ ประชาธปิ ไตยเพม่ิ มากขนึ้ ดงั นน้ั บรรดาชนชนั้ นา� ทางการเมอื ง และนักวิชาการจึงได้ร่วมกันแก้ไขและเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๓๔ ให้มีบทบัญญัติเพ่ือเป็นแนวทางสู่การปฏิรูปการเมืองไทยให้เข้ากับยุคสมัยของสังคมโลก ในเวลานนั้ ดว้ ยการจดั ตง้ั สมาชกิ สภารา่ งรฐั ธรรมนญู ทปี่ ระชาชนมสี ว่ นรว่ มในการยกรา่ งรฐั ธรรมนญู ทั้งฉบับเป็นคร้ังแรก และเกิดผลสัมฤทธ์ิในเวลาต่อมา คือ “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐” เปน็ รัฐธรรมนูญฉบับท ่ี ๑๖ ของไทย ๖๓ ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู พัฒนาการของการเมืองไทยต้งั แต พ.ศ. 2475 - ปจ จุบนั เปน 1 คณะ รสช. คณะรักษาความสงบเรยี บรอยแหง ชาติ ประกอบดวยทหารบก อยา งไร ทหารเรือ ทหารอากาศ เจาหนาท่ีตํารวจ และพลเรือน ภายใตการนําของ นายทหารผใู หญ 5 คน ไดแ ก พลเอก สนุ ทร คงสมพงษ พลเอก สจุ นิ ดา คราประยรู (แนวตอบ ภายหลังเหตุการณการเปล่ียนแปลงการปกครอง พลเรอื เอก ประพัฒน กฤษณจนั ทร พลอากาศเอก เกษตร โรจนนลิ และพลเอก พ.ศ. 2475 ประเทศไทยไดเปล่ียนการปกครองจากระบอบ อิสระพงษ หนุนภักดี เขายึดอํานาจการปกครองจากรัฐบาลพลเอก ชาติชาย สมบรู ณาญาสทิ ธริ าชยม าเปน ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหา- ชุณหะวัณ ยกเลิกรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 และ กษัตริยเปนประมุขภายใตรัฐธรรมนูญ ซึ่งเปนกฎหมายสูงสุดใน ทลู เกลา ฯ เสนอนายอานนั ท ปนยารชุน เปนนายกรฐั มนตรี การปกครองประเทศ ภายหลังเกดิ การรฐั ประหารยดึ อํานาจหลาย คร้ังจนนําไปสูเหตุการณทางการเมืองท่ีสําคัญ เชน เหตุการณ มหาวปิ โยค (14 ตุลาคม 2516) เหตุการณ 6 ตลุ าคม พ.ศ. 2519 เหตุการณพฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 หลังจากนั้นการเมืองไทยได กา วสคู วามเปนประชาธิปไตยตามรฐั ธรรมนูญมากขึน้ ตามลําดบั ) T69
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ จัดท�าข้ึนมาจากความคิดของ ประชาชนทม่ี คี วามตน่ื ตวั ทางการเมอื ง ดว้ ยการรวบรวมแนวคดิ ความเปน็ ประชาธปิ ไตยจากประเทศ 13. นกั เรยี นรว มกนั วเิ คราะหเ พมิ่ เตมิ วา เหตกุ ารณ ท่ีมีความเป็นประชาธปิ ไตยที่พัฒนาแลว้ มาก�าหนดเป็นบทบัญญัติในรฐั ธรรมนูญฉบับน ้ี และมกี าร พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 มีผลกระทบตอ กระจายอ�านาจสู่ท้องถ่ิน อันเป็นรากฐานสา� คัญของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในระดบั ชาต ิ การเมอื งการปกครองไทยในปจจบุ ันอยา งไร สง่ ผลให้สงั คมไทยได้รบั การพัฒนาทางการเมอื งการปกครองทีส่ �าคัญ ๓ ประการ คือ ๑. ทา� ให้การเมืองเป็นของพลเมอื ง ดว้ ยการเพิ่มพูนสทิ ธ ิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ศกั ดศ์ิ รคี วามเป็นมนษุ ย์ โดยไม่มกี ารเลือกปฏิบตั ิ รวมถึงสง่ เสรมิ การมสี ่วนร่วมของประชาชนใน ทางการเมอื งมากยิ่งขน้ึ ๒. ทา� ใหร้ ะบบการเมืองและระบบราชการมคี วามโปรง่ ใส ซ่ือสตั ย ์ สจุ รติ และมีความ ไทชดอุก้จบดดั ธ้าตนร้ังรออมยงใ่าคนง์กกเปราอร็นใสิ รชรูป้อะธต�ารนารมามจรด ฐั ้วธดยร้วกรยมาวรนิธจญูีกัดา ตรเั้งชตศ่นราว ลจคเสณพอิ่มะบกข รึ้นคร มวไบกดคา้แรุมกกก่ าารศรเาใลชลอื ้อรกัฐ�าตธน้งัรา ร2จคมทณนุกะูญรกะ1 รดศรับมา ลกแปาลรกะปคค้อรรงออกงบนั คแแลลลุมะะ ปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ เป็นต้น ๓. ทา� ใหร้ ฐั บาลมเี สถยี รภาพ พรรคการเมอื งเขม้ แขง็ เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาของบา้ นเมอื ง อยา่ งแทจ้ รงิ รฐั สภามอี า� นาจในทางนติ บิ ญั ญตั ิ ควบคมุ ฝา่ ยบรหิ ารใหบ้ รหิ ารราชการแผน่ ดนิ ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายและนโยบายที่คณะรัฐมนตรไี ด้แถลงต่อรัฐสภา การปฏริ ปู การเมอื งการปกครองของไทยตามบทบญั ญตั ริ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ ไดร้ บั การพสิ จู นโ์ ครงสรา้ งอา� นาจทางการเมอื งตามเจตนารมณข์ องรฐั ธรรมนญู อยา่ งเปน็ รปู ธรรมมาไดร้ ะยะเวลาหนงึ่ จนกระทงั่ ถงึ เดอื นกมุ ภาพนั ธ ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ซงึ่ ตรงกบั รฐั บาล ในสมยั พนั ต�ารวจโท ทกั ษิณ ชนิ วตั ร ได้เกิดความขดั แย้งทางการเมอื งในระบบรัฐสภาขน้ึ อกี ครั้ง เนื่องด้วยกระแสความไม่ชอบธรรมในทางเมืองถูกหยิบยกขึ้นมาสู่สังคมไทย รัฐบาลจึงตัดสินใจ ยุบสภาเพ่ือให้มีการเลอื กตัง้ ทว่ั ไปของสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรเมอ่ื วนั ท่ี ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ผลการเลอื กตงั้ ไดน้ า� ไปสกู่ ารฟอ้ งรอ้ งตอ่ ศาลรฐั ธรรมนญู และศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉยั ใหก้ ารเลอื กตงั้ น้นั เป็น “โมฆะ” นอกจากนี้ ยังมีปัญหาทางการเมืองอ่นื ตามมาจนนา� ไปสู่การยุบพรรคการเมือง เกิดกระแสการแทรกแซงองค์กรอสิ ระตามรฐั ธรรมนญู เกิดการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาล ขณะ เดียวกันก็เกิดการชุมนุมสนับสนุนรัฐบาลด้วยเช่นกัน สถานการณ์ดังกล่าวได้น�าไปสู่ “เหตุการณ์ ยึดอ�านาจการปกครอง เม่ือวันท่ี ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙” โดยคณะปฏิรูปการปกครองใน ระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข (คปค.) และการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจักรไทย (ฉบบั ชัว่ คราว) พุทธศกั ราช ๒๕๔๙ ๖๔ นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 ศาลรัฐธรรมนญู มอี าํ นาจหนา ทีใ่ นการวนิ ิจฉยั ชี้ขาดวา กฎหมาย ขอ บังคับ ใหน ักเรยี นพจิ ารณาสัญลกั ษณขององคก ร ดังนี้ ระเบยี บ หรอื การกระทาํ ใดๆ ของรฐั หรอื บคุ คลขดั หรอื แยง กบั รฐั ธรรมนญู หรอื ไม ก. ข. เชน การวินจิ ฉยั กรณพี รรคการเมอื งทําผดิ พ.ร.บ. เลอื กตัง้ หรือวนิ จิ ฉัย พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญวา ขัดหรอื แยง ตอบทบญั ญัติของรัฐธรรมนญู หรือไม ค. ง. 2 คณะกรรมการการเลอื กต้ัง รฐั ธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย กําหนดให คณะกรรมการการเลอื กตงั้ มวี าระดาํ รงตาํ แหนง 7 ป และดาํ รงตาํ แหนง ไดค รง้ั เดยี ว ขอ ใดเปน สัญลักษณขององคกรทเี่ กดิ ข้นึ จากรัฐธรรมนญู แหง โดยประกอบไปดว ย บคุ คลทกี่ รรมการสรรหา 5 คน และทปี่ ระชมุ ใหญก บั ศาลฎกี า ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 สรรหา 2 คน โดยจะตองเปนผูซ่ึงมีความเปนกลางทางการเมือง และมีความ ซื่อสัตยส จุ รติ เปนทป่ี ระจกั ษ มีอาํ นาจหนาท่เี ปนผคู วบคุม ดําเนนิ การจัด หรอื 1. ก. ค. 2. ก. ง. 3. ข. ค. 4. ค. ง. จัดใหมีการเลือกต้ังสมาชิกสภาผูแทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภา (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เนอ่ื งจากรฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจกั ร ทอ งถน่ิ และผบู รหิ ารทอ งถนิ่ รวมทงั้ การออกเสยี งประชามตใิ หเ ปน ไปโดยสจุ รติ ไทย พ.ศ. 2540 ไดก าํ หนดใหม อี งคก รอสิ ระขน้ึ เชน คณะกรรมการการ และเทีย่ งธรรม เลอื กตง้ั (สญั ลกั ษณ ขอ ค.) และคณะกรรมการปอ งกนั และปราบปราม การทจุ รติ แหง ชาติ (สญั ลักษณ ขอ ง.)) T70
นาํ สอน สรปุ ประเมิน ๑.๕ เ หตกุ ารณ์ยึดอาํ นาจการปกครอง ๑9 กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔9 ขนั้ สอน เหตุการณ์ยดึ อา� นาจการปกครองในวันท่ ี ๑๙ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ เปน็ ผลสบื เนื่องมาจาก ความขัดแย้งทางการเมืองในขณะน้ัน ท�าให้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี 14. ครูเช่ือมโยงถึงการปฏิรูปการยึดอํานาจการ พระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ มีพลเอก สนธิ ปกครอง 19 กันยายน พ.ศ. 2549 จากน้ันให บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกในขณะน้ัน นักเรียนรวมกันสนทนาวาเหตุการณดังกลาว เป็นหัวหน้าท�าการยึดอ�านาจการปกครองจาก สง ผลอยางไร จากนั้นครถู ามคําถาม เชน คณะรัฐบาล พันต�ารวจโท ทักษิณ ชินวัตร • ภายหลังเหตุการณการยึดอํานาจการ โดยอา้ งสาเหตใุ นการปฏริ ปู การปกครองครง้ั นว้ี า่ ปกครอง 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ไดเ กิด ๑. รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้ เหตุการณอะไรบาง ก่อใหเ้ กิดปญั หาความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย ทา� ลาย (แนวตอบ มกี ารประกาศยกเลกิ ใชร ฐั ธรรมนญู ความสามัคคีของคนในชาติอย่างไม่เคยปรากฏ แหงราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 อนั นาํ มากอ่ นในประวตั ศิ าสตร ์ และมงุ่ เอาชนะกนั ดว้ ย ไปสูการรางรัฐธรรมนูญฉบับใหม โดยมี วิธีการหลากหลายรูปแบบและมีแนวโน้มจะทวี การเผยแพรร า งรฐั ธรรมนญู ใหป ระชาชนรบั ความรนุ แรงมากขนึ้ ทราบและใหประชาชนออกเสียงลงมติ ซง่ึ เหตุการณ์ยึดอา� นาจการปกครอง เมอื่ วันที่ ๑๙ กันยายน คนสวนใหญเห็นชอบกับรางรัฐธรรมนูญนี้ ๒. บริหารราชการส่อไปในทาง พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ จึงไดมีการประกาศใชรัฐธรรมนูญแหงราช ทจุ รติ ประพฤตมิ ชิ อบ เออื้ ประโยชนต์ อ่ พวกพอ้ ง ประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ (คปค.) อาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 ในเวลาตอ มา) อยา่ งกว้างขวาง ๓. มีพฤติกรรมแทรกแซงการท�างานและอ�านาจขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 15. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 3.1 เร่ือง จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีเพอ่ื แกไ้ ขปัญหาของชาตไิ ด้ สถานการณก ารเมืองไทย ผลจากการยึดอ�านาจการปกครองครั้งนี้ได้มีการประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราช- อาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับ 16. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมเกี่ยวกับเหตุการณ ชว่ั คราว) พทุ ธศักราช ๒๕๔๙ (ฉบับท ี่ ๑๗) โดยให้สภารา่ งรัฐธรรมนญู ท�าการยกรา่ งรฐั ธรรมนูญ และการเปล่ียนแปลงสําคัญของระบอบ ขึ้นใหม่ แล้วเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนทราบ และจัดให้มีการออกเสียงประชามติ การเมืองการปกครองของไทย ในแบบฝก ผลปรากฏวา่ ประชาชนส่วนใหญ่เหน็ ชอบ และได้ประกาศใช้เม่อื วนั ท ี่ ๒๔ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ สมรรถนะฯ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 (ฉบบั ท ี่ ๑๘) แตห่ ลงั จากประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู ฉบบั นแ้ี ลว้ ปญั หาทางการเมอื งของไทยกย็ งั ไมย่ ตุ ิ เพราะประชาชนบางสว่ นและนกั การเมอื งยงั มคี วามคดิ เหน็ ทไี่ มต่ รงกนั ตอ่ บทบญั ญตั บิ างมาตราใน ขน้ั สรปุ รฐั ธรรมนญู ฉบบั น ้ี จงึ มคี วามคดิ เหน็ ทางการเมอื งทแี่ ตกตา่ งกนั นกั การเมอื งแบง่ เปน็ ฝา่ ย นา� ไปสู่ เหตกุ ารณว์ นุ่ วายทางการเมอื ง มกี ารชมุ นมุ ประทว้ ง การเรยี กรอ้ งใหม้ กี ารแกไ้ ขรฐั ธรรมนญู เปน็ ตน้ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ เหตกุ ารณแ ละการเปลยี่ นแปลงสาํ คญั ของระบอบ ๖๕ การเมอื งการปกครองของไทย หรือใช PPT สรปุ สาระสําคัญของเน้ือหา ตลอดจนความสําคัญ ทม่ี ีผลตอการดาํ เนินชีวติ ประจําวนั ขนั้ ประเมนิ 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ หนาทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 ขอ สอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล ขอใดคือสาเหตสุ ําคญั ทที่ าํ ใหเกิดการรัฐประหารใน พ.ศ. 2549 ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เรื่อง เหตุการณและ 1. เศรษฐกิจตกต่ํา การเปลยี่ นแปลงสาํ คญั ของระบอบการเมอื งการปกครองของไทย ไดจ ากการตอบ 2. ความเหลอ่ื มลํ้าทางสงั คม คาํ ถาม การรว มกนั ทาํ งาน และการนาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑ 3. ความขัดแยงทางการเมือง การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ีแนบมาทาย 4. การแขงขนั กันเขาสกู ารเมอื ง แผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 3 เร่ือง เหตุการณและการเปล่ียนแปลงสําคัญ ของระบอบการปกครองไทย (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. ชวงเวลาดังกลาวเกิดความขัดแยง ทางการเมืองภายในประเทศ จนเหตุการณรุนแรงขึ้น เกิดความ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ไมสงบภายในบา นเมือง จงึ มกี ารทาํ รัฐประหารจากฝายทหาร) คาชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องท่ี ตรงกับระดบั คะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเนอ้ื หา 2 การลาดับขัน้ ตอนของเร่ือง 3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์ 4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมสี ่วนรว่ มของสมาชิกในกลมุ่ รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ T71 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (5Es Instructional Model) ๑.๖ สถานการณก์ ารเมืองของประเทศไทยในปัจจุบนั ขน้ั ที่ 1 กระตนุ ความสนใจ ปัจจบุ นั อปารจะกชลา่าชวนไมดีค้วว่า ามกตารืน่ เตมวั ือ งมขจี อิตงสป�ารนะึกเททศาไงทกยารในเมปอื ัจงจ1 ุบแันลมะมีกสีารว่ เนปรล่ว่ียมนทแาปงกลางรจเามกือองดมีตา กโขดึ้นย ใมนี การเผยแพรข่ า่ วสารการเมอื งอยา่ งกวา้ งขวางโดยสอ่ื มวลชนทกุ ประเภท ทง้ั ทางหนงั สอื พมิ พ ์ วทิ ย ุ 1. ครแู จง ใหน กั เรยี นทราบถงึ วธิ สี อนแบบสบื เสาะ โทรทัศน์ และอินเทอร์เน็ต ท�าให้ประชาชนสนใจและเข้าใจการเมืองมากยิ่งขึ้น แต่ท้ังน้ีระบอบ หาความรู ชอ่ื เรอื่ งที่จะเรยี นรู จุดประสงคการ การเมืองและกลไกทางการเมืองที่ผ่านมา ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้อย่างมี เรยี นรู และผลการเรยี นรู ประสิทธิภาพ ดังจะเห็นได้ว่า ภายหลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ สถานการณ์ทางการเมอื งของไทยยงั คงมีความผนั ผวน และเกดิ ความคดิ เหน็ 2. ครูเลือกขาวการเมืองในปจจุบันท่ีมีประเด็น ท่ีแตกต่างทางการเมืองนา� ไปส่คู วามขดั แย้งกนั ทา� ใหเ้ กิดการแบง่ ฝักแบง่ ฝา่ ยมาอย่างต่อเนือ่ ง นาสนใจมา 1 ขาว จากน้ันใหนักเรียนแสดง จนกระท่งั ในวนั ท ี่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ คณะทหารที่ใชช้ อ่ื วา่ คณะรักษาความสงบ ความคดิ เหน็ เกีย่ วกบั ขา วดังกลา วรว มกนั แหง่ ชาต ิ หรือ คสช. ซ่ึงนา� โดย พลเอก ประยุทธ์ จนั ทร์โอชา ทา� การยดึ อา� นาจการปกครองจาก รฐั บาลในขณะนน้ั ภายหลงั จากการยดึ อา� นาจ ไดป้ ระกาศยกเลกิ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย ขน้ั สอน พุทธศักราช ๒๕๕๐ และประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับช่ัวคราว) พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ ซ่งึ ตอ่ มาในวันที ่ ๒๔ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทร- ขั้นท่ี 2 สํารวจคนหา มหาภมู ิพลอดุลยเดชไดม้ พี ระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตง้ั พลเอก ประยุทธ ์ จันทรโ์ อชา เปน็ นายกรฐั มนตรี คนที่ ๒๙ ของประเทศไทย 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขาวการเมือง ตอ่ มามกี ารประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ เพอื่ มงุ่ พฒั นา ในปจจุบันที่มีประเด็นนาสนใจมากลุมละ ประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าและมีความสงบเรียบร้อย มีการก�าหนดยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อ 1 ขาว จากน้ันใหนักเรียนวิเคราะหและสรุป ก�าหนดเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ มีการรบั รองสทิ ธิของประชาชนมากมายเพ่อื การเขา้ มามี สาระสําคัญของขาวดังกลาว โดยบันทึกผล สว่ นร่วมทางการเมอื ง เช่น ก�าหนดให้ผมู้ ีสทิ ธิเลอื กตงั้ จา� นวนไมน่ อ้ ยกว่า ๕๐,๐๐๐ คน สามารถ การสบื คน ลงในใบงานที่ 3.2 เรอ่ื ง สถานการณ เขา้ ชอื่ เสนอแกร้ ฐั ธรรมนญู ได ้ มกี ารปฏริ ปู ประเทศดา้ นการเมอื งเพอ่ื ใหป้ ระชาชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม การเมืองของไทยและการเลือกรับขอมูล ทางการเมอื ง ตรวจสอบการทา� งานของพรรคการเมอื งใหม้ กี ารทา� งานดว้ ยความสจุ รติ และมคี ณุ ธรรม ขาวสารในปจจุบัน จากหนังสือเรียน สังคม สถานการณ์การเมืองของประเทศไทยในปัจจุบนั ทีเ่ ห็นได้อย่างเดน่ ชัด มดี ังน้ี ศกึ ษาฯ ม.2 หรอื จากแหลง การเรยี นรอู น่ื ๆ เชน ๑. การมีส่วนร่วมทางการเมืองของภาคประชาชน เห็นได้จากการมีส่วนร่วมของ หนังสอื ในหองสมุด เวบ็ ไซตใ นอินเทอรเ น็ต ประชาชนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ รวมถึงรัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ มาจนถงึ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่เช่ือถือได ๒๕๖๐ ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกเสียงประชามติ และมีบทบัญญัติที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม ใหก บั นกั เรียนเพิม่ เติม ทางการเมืองภาคประชาชน รวมถึงการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนวทางที่เป็น ประโยชนต์ ่อการพัฒนาชมุ ชน สังคม และประเทศชาติ ๒. การเมืองไทยยังมีการทุจริตคอร์รัปชัน โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ด�ารงต�าแหน่งทาง การเมืองและข้าราชการบางกลุ่ม เพราะระเบียบ กฎเกณฑ์ กฎหมาย ยังมีช่องว่างที่จะน�าไปสู่ ชอ่ งทางของการแสวงหาผลประโยชน์ ๖๖ นักเรียนควรรู กจิ กรรม ทาทาย 1 จติ สาํ นกึ ทางการเมอื ง เปน ลกั ษณะของการทคี่ นในสงั คมเหน็ ถงึ ความสาํ คญั การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองท่ีเกิดขึ้นในประเทศไทยแตละ ของการเมอื งการปกครอง และแสดงออกโดยวธิ ตี า งๆ เชน สนใจตดิ ตามขา วสาร ครั้งสงผลกระทบตอประชาชนและพัฒนาการทางประชาธิปไตย บานเมือง มีสวนรวมในกิจกรรมทางการเมือง ติดตามการทํางานของรัฐบาล ดังน้ัน ครูใหนักเรียนรวมกันเสนอแนวทางปองกันไมใหเกิด แสดงความคิดเหน็ ทางการเมอื ง เหตุการณดังเชนในอดีต โดยการใชกระบวนการประชาธิปไตย และหลักธรรมาภิบาลมาปองกันไมใหเกิดความขัดแยง แลวสรุป วิธกี ารปฏิบัตติ นตามแนวทางดังกลาวลงสมดุ บนั ทกึ สง ครผู สู อน T72
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๓. การแข่งขันเข้าสู่การเมือง นักการเมืองบางคนต้องการอ�านาจ เงินทอง และ ขนั้ สอน การยกย่องจากผู้อ่ืน จึงมีการแข่งขันกันเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง เพ่ือการได้มาซ่ึงต�าแหน่ง ในหลายครั้งเกิดการแข่งขันนอกกฎเกณฑ์ เช่น การท�าผิดกฎหมายเลือกต้ังด้วยวิธีการซ้ือเสียง ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู เป็นต้น รวมทั้งพรรคการเมืองยงั ไมเ่ ข้มแข็งพอทจ่ี ะถือได้วา่ เป็นพรรคของมวลชนท่ีแท้จริง ๔. การมสี ว่ นรว่ มทางการเมือง เศรษฐกิจ สงั คม และวัฒนธรรม ของภาคพลเมือง 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก ยังมีน้อย เพราะประชาชนยังกังวลกับปัญหาปากท้องมากกว่า โดยเฉพาะคนในชนบทส่วนใหญ ่ การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ท่ียังประสบปญั หาการขาดแคลนสง่ิ จา� เปน็ ขนั้ พน้ื ฐาน ระหวา งกัน ๕. ความผันผวนทางการเมือง ท�าให้มีเหตุการณ์การเปล่ียนแปลงทางการเมือง บ่อยคร้ัง รัฐบาลแต่ละชุดอยู่ไม่นาน ท�าให้การเมืองไทยไม่พัฒนาเท่าท่ีควร ขาดความต่อเน่ือง 2. จากนนั้ สมาชกิ ในกลมุ ชว ยกนั คดั เลอื กขอ มลู ท่ี ในการพฒั นา ส่งผลให้สถานภาพทางการเมอื งของไทยไมม่ ั่นคงเท่าทคี่ วร นาํ เสนอเพ่ือใหไ ดขอ มูลที่ถูกตอง ๖. ความขดั แยง้ ทางการเมอื งระหวา่ งพรรคการเมอื งตา่ ง ๆ และกลมุ่ บคุ คล ซงึ่ ความ ขัดแยง้ ทางการเมอื งดังกลา่ ว เป็นอุปสรรคตอ่ การพัฒนาการเมอื งการปกครองของไทย 3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล สถานการณ์ทางการเมืองการปกครองของไทยยังคงมีประเด็นปัญหาในหลายด้านท่ี หนาช้ันเรียนตามประเด็นท่ีศึกษา อภิปราย ตอ้ งเรง่ แกไ้ ขเพอ่ื ใหร้ ะบบการปกครองดา� เนนิ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ซงึ่ รฐั บาลกไ็ ดม้ คี วามพยายาม และตอบคําถามรว มกนั ท่ีจะก�าหนดนโยบายต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม และดา� เนนิ การตา่ ง ๆ ใหบ้ รรลตุ ามเปา้ หมายตามนโยบายทว่ี างไว ้ อยา่ งไรกต็ าม ประชาชนชาวไทย 4. ครนู าํ ขา วจากสอ่ื หลายประเภท เชน หนงั สอื พมิ พ ก็เป็นพลังส�าคัญอีกส่วนหน่ึงที่ช่วยให้การเมืองการปกครองของไทยมีความเข้มแข็งมากข้ึน และ อินเทอรเน็ต ฯลฯ มาใหนักเรียนพิจารณา สามารถพัฒนาตามแนวทางประชาธิปไตยได้โดยมีความส�านึกทางการเมืองการปกครอง สนใจ แลวเชื่อมโยงถึงวิธีการสืบคนขาวของนักเรียน ตดิ ตามข่าวสารบา้ นเมอื งอย่างมีวิจารณญาณ มีส่วนรว่ มในกจิ กรรมต่าง ๆ ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ ่อการ จากน้ันครูต้ังประเด็นคําถามใหนักเรียน พัฒนาประเทศตามระบบประชาธิปไตย การเมืองการปกครองของไทยก็จะพัฒนาก้าวหน้าไปได้ อภปิ รายรว มกนั เชน อยา่ งรวดเรว็ • นักเรียนรับขอมูลขาวสารทางการเมือง การปกครองไทยจากสอ่ื ประเภทใดบา ง ๒. กขอารงเไลทอื ยกใรนบั สขัง้อคมมูลปขจั า่ จวบุ สนั ารเก่ียวกับการเมืองการปกครอง • โดยปกตนิ กั เรยี นมวี ธิ เี ลอื กรบั ขอ มลู ขา วสาร ทางการเมอื งอยา งไร รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย กา� หนดไว้วา่ “บคุ คลย่อมมีเสรีภาพในการสอ่ื สารถึงกัน • นักเรียนคิดวาขอมูลขาวสารทางการเมือง ไม่ว่าในทางใด ๆ” รวมทั้ง “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน ที่นาเชอ่ื ถอื จะตองมลี ักษณะอยา งไร การพมิ พ์ การโฆษณา และการสอื่ ความหมายโดยวธิ อี นื่ การจ�ากดั เสรภี าพดงั กลา่ วจะกระท�าไมไ่ ด้ เวน้ แตโ่ ดยอาศยั อา� นาจตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายทตี่ ราขนึ้ เฉพาะเพอื่ รกั ษาความมนั่ คงของรฐั เพือ่ คุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบคุ คลอ่ืน เพือ่ รกั ษาความสงบเรยี บร้อย หรือศลี ธรรมอนั ดีของ ประชาชน หรือเพ่อื ป้องกนั สขุ ภาพของประชาชน” เชน่ ยุคปัจจบุ ันท่มี ีความเจริญกา้ วหนา้ ทางส่ือ อิเล็กทรอนิกส์ แต่บุคคลพยายามใช้ประโยชน์ตอบสนองความต้องการของตนมากกว่าประโยชน์ สาธารณะ และสรา้ งความเสียหายแกส่ ่วนรวม เปน็ ต้น ๖๗ ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู การกระทําในขอใดสอดคลองกับหลักการปกครองในระบอบ ครูควรอธิบายใหนักเรียนเห็นถึงความหลากหลายของขาวสารขอมูลใน ประชาธปิ ไตย ยุคปจจุบัน ซึ่งจําเปนตองใชวิจารณญาณและเหตุผลในการเลือกรับขาวสาร และควรเชิญผูท่ีมีความเชี่ยวชาญทางดานขอมูลขาวสารทางการเมือง เชน 1. กลมุ ผชู มุ นมุ ประทว งรฐั บาลปด ประตหู า มขา ราชการเขา -ออก นักหนงั สือพิมพ ผูสื่อขา ว บรรณาธกิ ารขาว มาเปน วทิ ยากรใหความรูเ กย่ี วกับ 2. “พรรคการเมืองเทิดไทย” ประกาศนโยบายตอตานรัฐบาล แนวทางการเลือกรบั ขา วสารทางการเมืองไทยในปจ จบุ ัน ทุกรปู แบบ T73 3. หนงั สอื พมิ พ “ถน่ิ ไทย” ลงขา ววจิ ารณก ารทาํ งานของรฐั บาล อยา งตรงไปตรงมา 4. “พรรคการเมืองเทิดไทย” ประกาศไมยอมรับคําตัดสิน ของตลุ าการศาลรฐั ธรรมนูญในกรณียุบพรรค (วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. เพราะเปนสิทธิ เสรีภาพตามที่ รฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2550 ไดบ ญั ญตั ไิ วว า “บคุ คล ยอ มมสี ิทธิ เสรภี าพในการแสดงความคดิ เห็น การพดู การเขยี น การพิมพ การโฆษณา และการส่ือความหมายโดยวธิ ีอน่ื ”)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ยังได้ก�าหนดเกี่ยวกับว่า “การจะเข้าไปจ�ากัดเสรีภาพ เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวนั้นจะกระท�ามิได้ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เฉพาะ ข้ันท่ี 3 อธิบายความรู เพ่อื รกั ษาความมนั่ คงของรัฐ เพอื่ คมุ้ ครองสิทธิ เสรภี าพ เกียรติยศ ชื่อเสยี ง สิทธใิ นครอบครวั หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพ่ือรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของ 5. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนศึกษาคนควา ประชาชน หรอื เพอ่ื ป้องกนั หรอื ระงับความเส่อื มทรามทางจิตใจหรือสขุ ภาพของประชาชน” รฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจกั รไทยฉบบั ปจ จบุ นั ขณะเดียวกัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ยังก�าหนดไว้อีกว่า บุคคลซ่ึงประกอบ ในมาตราท่ีเกี่ยวกับสิทธิดานการรับรูขาวสาร วชิ าชพี สอื่ มวลชนยอ่ มมเี สรภี าพในการนา� เสนอขา่ วสาร หรอื การแสดงความคดิ เหน็ ตามจรยิ ธรรม ขอมูลของประชาชน จากน้ันอภิปรายแสดง แหง่ วชิ าชพี การส่ังปิดกิจการหนงั สอื พมิ พห์ รือส่ือมวลชนอ่ืนเพือ่ ลดิ รอนเสรีภาพจะกระทา� มไิ ด้ ความคดิ เห็นรวมกนั ทงั้ น ี้ พนกั งานหรอื ลกู จา้ งของเอกชนทปี่ ระกอบกจิ การหนงั สอื พมิ พ ์ วทิ ยกุ ระจายเสยี ง วทิ ยุ โทรทศั น ์ หรอื สอ่ื มวลชนอนื่ ยอ่ มมเี สรภี าพในการเสนอขา่ วและแสดงความคดิ เหน็ ภายใตข้ อ้ จา� กดั 6. ครูสุมนักเรียนใหออกมาเขียนแนวทางการ ตามรัฐธรรมนญู โดยไม่ตกอยู่ภายใตอ้ าณตั ิของหนว่ ยราชการ หน่วยงานของรฐั รฐั วสิ าหกจิ หรือ เลือกรับขอมูลขาวสารท่ีถูกตองบนกระดาน เจา้ ของกจิ การนัน้ แต่ตอ้ งไมข่ ัดต่อจรยิ ธรรมแห่งการประกอบอาชพี และมีสทิ ธิจดั ตง้ั องค์กรเพือ่ คนละ 1 ตัวอยาง ปกปอ้ งสทิ ธิเสรภี าพและความเป็นธรรม รวมทัง้ มกี ลไกควบคมุ กนั เองขององคก์ ารวชิ าชพี 7. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําใบงานท่ีไดจัดทํา ๑) แนวทางการเลอื กรบั ขอ้ มูลข่าวสาร ทา� ได ้ ดังนี้ มาตรวจสอบ ตลอดจนอภิปรายเชื่อมโยง รวมกันเก่ียวกับการเลือกรับขอมูลขาวสาร ๑. ใช้วจิ ารณญาณในการอา่ น รบั ชม และรบั ฟงั ข่าวสารทางการเมอื งดว้ ยใจเป็น ทางการเมืองการปกครองของไทยในสังคม กลาง มเี หตแุ ละผล โดยรบั ขอ้ มลู ขา่ วสารจากหลาย ๆ แหลง่ มาทา� การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ความนา่ เชอื่ ถอื ปจจุบันตามแนวทางท่ีถูกตอง ปรับปรุงแกไข ๒. เลือกรับข่าวสารจากแหล่งข่าวท่ีเช่ือถือได้ เช่น จากหน่วยงานภาครัฐ และแสดงความคดิ เห็นรว มกนั การพิจารณาข้อมูลข่าวสารจากหลายแหล่งข้อมูลที่เช่ือถือได้ ยืนยันตรงกัน หรือคล้ายคลึงกัน เพราะแหล่งข่าวท่ีเชื่อถือได้จะมีบทบาทในกระบวนการตัดสินใจทางสังคม ช่วยเป็นส่ือการเรียนรู้ 8. ครอู ธิบายเพ่มิ เติมและถามคําถาม เชน และชว่ ยใหก้ ารศกึ ษากบั ประชาชน ซง่ึ เปน็ สงิ่ ทสี่ งั คมประชาธปิ ไตยใหก้ ารยกยอ่ ง และเปน็ แนวทาง • การวิเคราะหขอมูลขาวสารมีความสําคัญ ในการพฒั นาสังคม อยางไร (แนวตอบ มีความสําคญั เนือ่ งจากในปจ จุบัน ๒) การวิเคราะหข์ ้อมลู ข่าวสาร คือ การรวบรวมเอาขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เทา่ ท่มี อี ยนู่ ้นั มีขอมูลขาวสารตามส่ือตางๆ จํานวนมาก มีท้ังท่ีเช่ือถือไดและไมได การที่เรารับ มาตคี วาม แลว้ ตดั สนิ ใจ เพอ่ื นา� ไปสขู่ อ้ สรปุ และนา� ไปใชป้ ระโยชน ์ในดา้ นตา่ ง ๆ ตอ่ ไป ความสามารถ ขอมูลขาวสารจากหลายๆ แหลงแลวนํา ในการคิดวิเคราะห์ ในสังคมยุคปัจจุบันถือว่าเป็นทักษะที่จ�าเป็น และมีความส�าคัญต่อทุกสาขา มาวิเคราะห จะทําใหเราทราบขอเท็จจริง วชิ าชพี เพราะเราสามารถนา� ผลทไี่ ดจ้ ากการคดิ วเิ คราะหม์ าใชต้ ดั สนิ ใจ หรอื เปลย่ี นเปน็ การกระท�า และสามารถนํามาใชประโยชนในการ ท่ีเหมาะสมต่อไปได้ ดําเนนิ ชีวติ ประจําวนั ได) ข้ันตอนในการวเิ คราะหข์ อ้ มูลข่าวสารทีส่ �าคัญ มีดังน้ี ๑. รวบรวมขอ้ มูลข่าวสารจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ท่นี ่าเชือ่ ถือ เชน่ หนงั สอื พิมพ ์ สอื่ อเิ ล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ๒. จดั ประเภทของข้อมูลข่าวสาร แลว้ นา� มาจา� แนกแบง่ กลมุ่ ย่อยในระดบั ตา่ ง ๆ ๖เ8พื่อให้ง่ายตอ่ การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ข่าวสาร และแยกแยะความน่าเช่ือถอื ของขอ้ มูลขา่ วสาร บูรณาการอาเซียน กจิ กรรม สรา งเสรมิ ครคู วรเนน ยา้ํ ใหน กั เรยี นสนใจตดิ ตามขา วสารการเมอื งการปกครองทงั้ ของ ใหน กั เรยี นทาํ การตดิ ตามขอ มลู ขา วสารทางการเมอื งเปน เวลา ประเทศไทยและประเทศอ่นื ๆ เพ่อื รบั รูสถานการณตางๆ ทเ่ี กิดขึน้ ถือเปน การ 1 สปั ดาห ซงึ่ ในแตล ะวนั ใหเ ขยี นบนั ทกึ ลงในตาราง โดยบอกวา ได เตรยี มความพรอ มอยา งหนงึ่ ในฐานะพลเมอื งอาเซยี น เพราะในอนาคตจะตอ งมี ติดตามขาวสารทางการเมืองในหัวขอขาวอะไร เวลาใด จากสื่อ การติดตอ สอื่ สารกันระหวา งประเทศ ทงั้ ในดานการเมือง เศรษฐกิจ และสงั คม อะไร จากนั้นนําตารางมาแลกเปล่ียนกันดู พรอ มกบั บอกเลา ขา ว พลเมืองอาเซียนจึงจําเปนตองมีทักษะในการรับสื่อ เพ่ือนําขอมูลมาใชใหเกิด ใหเพอื่ นฟงเพอ่ื สนทนาแลกเปลยี่ นแสดงความคดิ เหน็ รว มกนั ประโยชนต อ การดาํ เนนิ ชวี ติ โดยครอู าจแนะนาํ ใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรม เชน หาขา ว ทเี่ กยี่ วกบั ประเทศสมาชกิ อาเซยี น แลว นาํ มารว มกนั อภปิ ราย สนทนาวา มปี ระเดน็ กจิ กรรม ทา ทาย หรือเหตุการณใดที่นาสนใจ หรืออาจใหนักเรียนจัดทําสมุดรวบรวมภาพขาว ทเี่ กยี่ วกบั ความเคลอื่ นไหวในอาเซยี น ใหนักเรียนสรุปความสําคัญและประโยชนของการรับขอมูล ขาวสารดานการเมืองการปกครองไทยในปจจุบันวามีอะไรบาง T74 โดยอธบิ ายสรปุ ในรูปแบบแผนผังความคดิ แลวนาํ สง ครูผสู อน
นาํ สอน สรปุ ประเมิน ๓. วิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารตามประเด็นที่ได้จ�าแนกแบ่งกลุ่มย่อยไว้แล้ว โดย ขนั้ สรปุ วเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บ หาความแตกตา่ งของขอ้ มลู ขา่ วสาร เพอ่ื หาขอ้ สรปุ ของขอ้ มลู ขา่ วสารตา่ ง ๆ ทไ่ี ด้รบั ข้นั ที่ 4 ขยายความเขา ใจ ๔. ถ่ายทอดขอ้ มลู ข่าวสารดังกล่าวสู่ผอู้ ื่นได้อยา่ งถกู ต้องและชัดเจน 1. ครูใหนักเรียนจัดสัมมนากลุมเพ่ืออภิปราย ๓) การตรวจสอบความถกู ตอ้ งของข้อมูลขา่ วสาร ทา� ได ้ ดงั น้ี และแสดงความคิดเห็นในประเด็นแนวทาง ๑. เลอื กรบั ขอ้ มลู ขา่ วสาร และการเกบ็ เกยี่ วขอ้ มลู ขา่ วสารทนี่ า่ เชอื่ ถอื สงิ่ ส�าคญั สงเสริมการรับขอมูลขาวสารทางการเมือง คือการตัง้ ค�าถามให้กบั ตนเองขน้ึ มาก่อนว่า จะเลือกรบั ข้อมลู อะไรทเี่ ป็นประโยชนต์ ่อตวั เราจริง ๆ สําหรับสังคมไทย สรุปผลและจัดทาํ รายงาน โดยอาจก�าหนดเป็นหัวขอ้ ข้ึนมา วา่ เป็นหวั ข้อท่ีอยากร ู้ หรือหวั ขอ้ ทตี่ ้องการเพิ่มพนู ความรกู้ ไ็ ด้ ๒. น�าข้อมลู มาวิเคราะห ์ โดยการจัดการแยกแยะประเดน็ เปน็ หวั ขอ้ ยอ่ ย เพื่อให้ 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่ ขอ้ มลู มคี วามชดั เจน แลว้ ท�าการพิจารณาขอ้ มูลตามประเดน็ ตา่ ง ๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ มเี หตผุ ล พลเมืองฯ ม.2 อยบู่ นพนื้ ฐานของขอ้ เทจ็ จรงิ เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ ง มีความน่าเช่ือถือ สามารถน�าไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ ในด้านต่าง ๆ ทงั้ ตอ่ ตนเองและสังคมสว่ นรวม ขนั้ ประเมนิ ๓. ประมวลข้อมูลจากแหล่ง ข้อมูล หรือจากสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เพื่อ ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล สรา้ งขอ้ สรุปจากขอ้ มลู นนั้ ขึน้ มาใหม ่ ซ่งึ จะช่วย เสรมิ ความรเู้ พมิ่ เตมิ จากความรทู้ นี่ กั เรยี นกา� ลงั 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ ศึกษาอยูใ่ นชน้ั เรยี น ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก ๔. การเรยี บเรยี งขอ้ มลู ขา่ วสาร สมรรถนะฯ หนา ท่พี ลเมอื งฯ ม.2 ออกมาเป็นค�าพดู หรอื ขอ้ เขยี นทีเ่ ป็นประโยชน์ ต่อสงั คมใหผ้ ู้อ่นื เขา้ ใจได้ 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําช้ินงาน/ภาระ ปจั จบุ นั สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ สถ์ อื เปน็ แหลง่ ขอ้ มลู ขา่ วสารสา� คญั งาน (รวบยอด) PPT เรอ่ื ง เหตุการณและการ ท่ีประชาชนเข้าถึงได้ง่าย ท้ังน้ีควรใช้วิจารณญาณในการ เปลี่ยนแปลงสําคัญของระบอบการปกครอง ๕. การสร้างเป็นองค์ความรู้ รับรูข้ อ้ มลู ขา่ วสารดงั กลา่ วด้วย ไทย ขึน้ มาใหม่ เช่น การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเกย่ี วกบั ชุมชนของตนเอง 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบวดั ฯ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 เพ่อื ทดสอบความรทู ไ่ี ดศึกษามา สถานการณ์สังคมไทยในปัจจุบัน การใช้ข้อมูลข่าวสารมีแง่มุมช่องทางท่ีหลากหลาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสังคมทั้งผลดีและผลเสีย โดยเฉพาะต่อสถานการณ์การเมือง 4. ครใู หนกั เรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน การปกครองที่อาจน�าไปสู่ความแตกแยกทางสังคมจากการน�าเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างเสรี หนวยการเรียนรูท่ี 3 ในปจั จบุ ันได ้ ดงั นน้ั จึงเปน็ สิง่ สา� คญั อยา่ งย่ิงส�าหรับเยาวชนผเู้ ปน็ อนาคตของชาต ิ ควรจะได้ เรียนรู้ ฝึกฝนจนเกิดทักษะในการเลือกรับข้อมูลข่าวสารในทางที่ถูกต้อง ที่เป็นประโยชน์ต่อ 5. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม ตนเอง และสังคม ท้ังในปัจจบุ ันและอนาคต การทาํ งาน และการนําเสนอผลงาน 6. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบฝก สมรรถนะฯ หนา ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 และแบบวดั ฯ หนาที่พลเมอื งฯ ม.2 ๖9 กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล นกั เรยี นเลาขา วเหตุการณทางการเมอื งในปจจุบนั โดยนาํ ขาว ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขาใจเนอ้ื หา เร่ือง สถานการณการเมือง มาจากหนงั สอื พมิ พ หรอื สอ่ื ออนไลนต า งๆ มา 1 ขา ว แลว วเิ คราะห ของประเทศไทยและการเลือกรับขอมูลขาวสารเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง แสดงความคิดเห็น โดยครูใหคาํ แนะนําเพ่มิ เตมิ ในประเด็น เชน ของไทยในสังคมปจจุบัน ไดจากการสืบคนและนําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานท่ี • สาระสําคัญของขาว แนบมาทา ยแผนการจดั การเรยี นรหู นว ยที่ 3 เรอื่ ง เหตกุ ารณแ ละการเปลยี่ นแปลง • บคุ คลทเี่ ปนขา ว สาํ คัญของระบอบการปกครองไทย • สถานการณในขาว จากนน้ั ใหน กั เรยี นสบื คน ขา วนท้ี แ่ี ชรต อ ๆ กนั ในเวบ็ ไซตต า งๆ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน อา นกระทแู สดงความคดิ เหน็ เพอื่ ตรวจสอบและเปรยี บเทยี บเนอื้ หา ของขาว วิเคราะหความนา เช่ือถือจากขอมลู หลายแหลง คาช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา 2 การลาดบั ขัน้ ตอนของเรื่อง 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ 5 การมสี ว่ นรว่ มของสมาชิกในกลุม่ รวม ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ............/................./................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ T75 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ เฉลย คาํ ถามประจาํ หนวยการเรียนรู คÓถาม ประจÓหนว่ ยการเรียนรู้ ๑. ใ ห้นักเรียนอธิบายสาเหตุการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ จากระบอบ 1. มสี าเหตมุ าจากกลมุ นกั เรยี นไทยในตา งประเทศ ไดรับแนวคิดประชาธิปไตยจากตะวันตก สมบรู ณาญาสทิ ธิราชยม์ าเปน็ ระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ และตองการใหประเทศไทยมีการปกครองใน ๒. จ ากเหตกุ ารณ์การปฏริ ูปการปกครองเมื่อวันท่ี ๑๙ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ มีผลต่อสถานการณ์ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย ทรงเปนประมุข จึงไดม ีการรวมตวั กนั และนาํ การเมืองการปกครองของไทยในปจั จบุ ันอยา่ งไร ไปสูการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ๓. ข้อมูลขา่ วสารทางการเมอื งการปกครองในปจั จบุ ันมผี ลกระทบตอ่ สังคมไทยอยา่ งไร ๔. นักเรียนควรมีหลกั การเลอื กรับข้อมูลข่าวสารทางการเมอื งการปกครองอย่างไร 2. มกี ารประกาศใชร ฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจกั ร ๕. ก ารวเิ คราะหข์ อ้ มลู ขา่ วสารทางการเมอื งการปกครองมคี วามสา� คญั ตอ่ สงั คมไทยในสมยั ปจั จบุ นั ไทย พ.ศ. 2550 ซึ่งภายหลังมคี วามพยายาม จะแกไขบทบัญญัติในบางมาตราจนเกิดการ อยา่ งไร โตแ ยง จากหลายฝาย กิจกรรมสร้างสรรค์พฒั นาการเรยี นรู้ 3. ขาวสารบางสวนมีการนําเสนอท่ีคลาดเคลื่อน จากความเปนจริง และอาจนําไปสูประเด็น กจิ กรรม สรา้ งสรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้ ความขดั แยงในสงั คมไทยได กิจกรรมท ่ี ๑ ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ แลว้ รว่ มกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั “เหตกุ ารณแ์ ละการเปลย่ี นแปลง 4. ควรรับฟงขาวจากหลายแหลง ใชเหตุผล ในการวิเคราะหขาว มีจิตใจเปนกลาง และ ส�าคัญของระบอบการปกครองของไทย” ว่าส่งผลต่อสถานการณ์การเมืองการ สนทนาแลกเปลย่ี นกบั ผทู ี่มคี วามรอู ยเู สมอ ปกครองของไทยในปจั จบุ นั อยา่ งไร แลว้ สรปุ ผล การอภปิ รายลงกระดาษรายงาน สง่ ครผู สู้ อน 5. มีความสําคัญ เพราะการวิเคราะหทําใหเรา รับทราบขอมูลและความเคล่ือนไหวทางการ กิจกรรมท่ี ๒ ครผู สู้ อนนา� ขา่ วหรอื บทความเกย่ี วกบั สถานการณก์ ารเมอื งการปกครองของไทย เมอื งอยา งแทจ รงิ ชว ยใหเ ราสามารถมสี ว นรว ม ทางการเมืองซ่ึงจะพัฒนาประชาธิปไตยได ในปัจจุบัน จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ มาให้นักเรียนในชั้นเรียนร่วมกันวิเคราะห์ อยา งย่งั ยืน โดยใชห้ ลักการวิเคราะหข์ อ้ มลู ขา่ วสารอยา่ งมวี จิ ารณญาณ แลว้ อภปิ รายร่วมกนั ในช้ันเรียน กจิ กรรมท่ี ๓ ใหน้ กั เรยี นวเิ คราะหว์ า่ การปฏริ ปู ทางดา้ นการเมอื งการปกครองและดา้ นเศรษฐกจิ มคี วามสา� คัญต่อการพัฒนาประเทศอยา่ งไร โดยเขียนสรปุ ผลการวเิ คราะหล์ งใน สมดุ บนั ทึก แล้วนา� ส่งครูผูส้ อน ๗0 เฉลย แนวทางประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาทักษะ ประเมนิ ความรอบรู • ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยทั่วไป ซึ่งเปนงานหรือชิน้ งานท่ใี ชเวลาไมน าน สาํ หรับประเมินรปู แบบนี้อาจเปน คําถามปลายเปด หรือผังมโนทศั น นยิ มสาํ หรับประเมินผเู รยี นรายบุคคล ประเมนิ ความสามารถ • ใชในการประเมินความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือช้ินงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช ในชีวติ ประจําวนั ในฐานะพลเมอื งทด่ี ขี องสังคม อาจเปนการประเมินจากการสงั เกต การเขียน การตอบคาํ ถาม การวเิ คราะห การแกปญ หา ตลอดจน การทํางานรวมกนั ประเมนิ ทกั ษะ • ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองท่ีดีของสังคม ที่มีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางย่ังยืน เชน ทักษะในการส่ือสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ ผลการปฏิบัตงิ านตอ ผเู กย่ี วขอ งหรอื ตอสาธารณะ สงิ่ ทต่ี อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผ่ี เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซง่ึ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทต่ี อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน T76
Chapter Overview แผนการจัด สอ่ื ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ การเรยี นรู้ อนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั แผนฯ ที่ 1 - หนังสอื เรียน 1. วเิ คราะห์ความหมาย การจดั การ - ตรวจการทำ� แบบฝึก - ทักษะการ 2. ใฝ่เรียนรู้ ความหมายและ สังคมศกึ ษาฯ ม.2 และความสำ� คัญของ เรียนรู้แบบ สมรรถนะและการคิด วิเคราะห์ 3. มงุ่ มั่นในการ ความสำ�คัญ - แบบฝึกสมรรถนะ สถาบันทางสงั คมได้ รว่ มมือ : หนา้ ที่พลเมืองฯ ม.2 ทำ� งาน ของสถาบัน และการคดิ (K) เทคนิคคู่คิด ทางสังคม หนา้ ท่ีพลเมืองฯ ม.2 2. จำ� แนกความสำ� คญั ของ - ต รวจการทำ� แบบวดั และ 1. มีวินัย - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น สถาบนั ทางสงั คมได้ (P) บันทึกผลการเรียนรู้ 2. ใฝ่เรียนรู้ 1 - PowerPoint 3. เหน็ คุณคา่ ของการ หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม.2 3. มงุ่ มน่ั ในการ - ใบงานที่ 4.1 ศกึ ษาบทบาทและ ทำ� งาน ช่วั โมง ความสำ� คญั ของ - ตรวจใบงานท่ี 4.1 - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน สถาบันทางสังคม - สงั เกตพฤติกรรม เพมิ่ มากขึน้ (A) การทำ� งานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำ� งานกลุม่ - ป ระเมนิ คณุ ลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สอื เรยี น 1. วเิ คราะหค์ วามหมาย สบื เสาะ - ตรวจการทำ� แบบฝึก - ทักษะการ บทบาทของ สังคมศึกษาฯ ม.2 และความสำ� คญั ของ หาความร้ ู สมรรถนะและการคิด วิเคราะห์ สถาบนั ทางสงั คม - แบบฝกึ สมรรถนะ สถาบนั ทางสงั คมได้ (5Es หนา้ ทีพ่ ลเมืองฯ ม.2 และการคดิ (K) Instructional - ตรวจการท�ำแบบวัดและ หน้าท่ีพลเมอื งฯ ม.2 2. จำ� แนกความสำ� คญั ของ Model) บันทกึ ผลการเรยี นรู้ 1 - แบบทดสอบกอ่ นเรียน สถาบนั ทางสงั คมได้ (P) หนา้ ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 - PowerPoint 3. เหน็ คณุ คา่ ของการ - ตรวจใบงานที่ 4.2 ช่วั โมง - ใบงานท่ี 4.2 ศกึ ษาบทบาทและ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน ความส�ำคัญของ - สังเกตพฤตกิ รรม สถาบันทางสงั คม การท�ำงานรายบุคคล เพม่ิ มากขึน้ (A) - สงั เกตพฤติกรรม การทำ� งานกลมุ่ - ป ระเมินคุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน T77
แผนการจัด สอ่ื ท่ีใช้ จุดประสงค์ วิธสี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ การเรียนรู้ อนั พงึ ประสงค์ แผนฯ ที่ 3 - หนังสือเรยี น 1. วเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธ์ โดยเน้น - ตรวจการทำ� แบบฝกึ - ทกั ษะการ 1. มีวนิ ยั ความสมั พันธ์ สงั คมศกึ ษาฯ ม.2 ของสถาบนั ทางสังคม กระบวนการ : สมรรถนะและการคดิ วิเคราะห์ 2. ใฝ่เรยี นรู้ ของสถาบนั - แบบฝกึ สมรรถนะ ได้ (K) กระบวนการ หนา้ ท่พี ลเมืองฯ ม.2 3. มุ่งม่นั ในการ ทางสงั คม และการคดิ 3. จ�ำแนกความสัมพันธ์ เรียนความรู้ - ต รวจการท�ำแบบวดั และ ท�ำงาน หนา้ ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 ของสถาบันทางสงั คม ความเขา้ ใจ บนั ทกึ ผลการเรียนรู้ 1 - แบบทดสอบก่อนเรยี น ได้ (P) หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม.2 - PowerPoint 3. เห็นคุณคา่ ของการ - ตรวจใบงานที่ 4.3 ชว่ั โมง - ใบงานที่ 4.3 ศกึ ษาความสมั พันธ์ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน ของสถาบันทางสงั คม - สังเกตพฤติกรรม เพม่ิ มากขนึ้ (A) การทำ� งานรายบุคคล - สงั เกตพฤตกิ รรม การทำ� งานกลุ่ม - ประเมินคณุ ลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน T78
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ๔ สถาบนั ทางสงั คมหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸¢Í§ ขรนวั้ มนมาํ ือ(ว: ิธเทีสคอนนคิ โคดคู ยดิ ก)ารจัดการเรียนรูแบบ ʶҺѹ·Ò§Êѧ¤Á ÁÕ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞµ‹Í¡Òà 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอนโดยการ ´íÒà¹Ô¹ªÕÇÔµ¢Í§¤¹ จัดการเรียนรูแบบรวมมือ : เทคนิคคูคิด ชื่อเรื่องท่ีจะเรียนรู จุดประสงคการเรียนรู ?ã¹Êѧ¤ÁÍ‹ҧäà และผลการเรยี นรู คนเราไม่อาจด�ารงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเองเพียงล�าพัง จ�าเป็นต้องอาศัยอยู่ร่วมกับผู้อ่ืน 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน เป็นสังคม และมีความสัมพันธ์ต่อกันภายใต้กฎระเบียบของสังคมและวัฒนธรรมเดียวกัน หนว ยการเรยี นรูท่ี 4 เร่อื ง สถาบนั ทางสังคม ดงั นน้ั สงั คมจงึ ถอื กา� เนดิ ขนึ้ มาจากการทคี่ นอาศยั อยรู่ ว่ มกนั และสรา้ งความสมั พนั ธข์ น้ึ ระหวา่ งกนั ซึ่งความสัมพันธ์ของคนในสงั คมจะเชอ่ื มโยงกนั ไปมาเสมือนเป็นแบบแผนทม่ี น่ั คง 3. ครเู กรน่ิ นาํ เกยี่ วกบั สถาบนั ทางสงั คมวา มคี วาม หากจัดแบง่ ความสมั พนั ธ์ดงั กล่าวออกเป็นเรือ่ ง ๆ เราจะเห็นกล่มุ ความสมั พันธ์ทีม่ ลี ักษณะ สาํ คญั อยา งไร จากนน้ั ครตู งั้ คาํ ถามวา สถาบนั คลา้ ยคลงึ กัน เชน่ ความสัมพนั ธท์ เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ครอบครวั การศกึ ษา ศาสนา เศรษฐกิจ การเมือง ทางสังคมไดแ กสถาบันอะไรบา ง การปกครอง นันทนาการ และสื่อสารมวลชน ซึง่ เราจะเรียกกลมุ่ ความสัมพนั ธเ์ หล่าน้วี ่า “สถาบนั (แนวตอบ สถาบันทางสังคม ไดแก สถาบัน ทางสงั คม” ครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา สถาบนั เศรษฐกจิ สถาบนั การเมอื งการปกครอง สถาบนั นนั ทนาการ และสถาบนั สอื่ สารมวลชน) 4. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นรวมกัน เพิ่มเติมวา ภาพหนาหนวยที่ 4 มีความ เก่ยี วขอ งกับสถาบันทางสังคมใดบาง อยางไร ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรูแ กนกลาง ส ๒.๑ ม.๒/๓ วิเคราะห์บทบาท ความส�าคัญ และความ • บ ทบาท ความส�าคัญ และความสัมพันธ์ของสถาบันทาง สมั พันธ์ของสถาบันทางสงั คม สังคม เช่น สถาบนั ครอบครัว สถาบนั การศกึ ษา สถาบัน ศาสนา สถาบนั เศรษฐกิจ สถาบันการเมอื งการปกครอง 7๑ เกร็ดแนะครู การเรียนเร่ืองสถาบันทางสังคม มีเปาหมายสําคัญใหนักเรียนทราบถึงบทบาทหนาที่ของสถาบันทางสังคมตางๆ ที่มีผลตอการดําเนินชีวิตของเรา รวมถึง ลักษณะความสมั พนั ธของแตล ะสถาบันทางสังคม ซง่ึ จะชว ยใหน กั เรียนปฏบิ ตั ิตนไดอยางเหมาะสมเมอ่ื ตอ งเกีย่ วของกบั สถาบนั ทางสงั คมตา งๆ ดังน้ัน ครคู วร จัดกจิ กรรมการเรยี นรโู ดยใหนักเรยี นทํากจิ กรรม ดังน้ี • สบื คนขอ มลู เกี่ยวกับบทบาท ความสําคญั และความสัมพันธข องสถาบันทางสังคม • อธิบายบทบาทและความสาํ คญั ของสถาบันทางสังคม โดยใชวธิ กี ารหรอื สื่อตา งๆ ชว ยในการนําเสนอขอมูล • จดั ทํารายงานเพอ่ื สรุปความสมั พันธของสถาบนั ทางสังคมในลักษณะตา งๆ T79
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ñ. ความหมายáÅะความสÓคัÞของสถาบันทางสังคม1 1. ครูนําภาพที่เกี่ยวของกับสถาบันทางสังคม ๑.๑ ความหมาย ตาง ๆ เชน ภาพครอบครัว ภาพโรงเรียน พจนานกุ รมไทย ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน ภาพการประชมุ สภา ภาพการประกอบศาสนพธิ ี พ.ศ. ๒๕๕๔ ไดใ้ หค้ วามหมายของ “สถาบนั ” วา่ ภาพการเลนคอนเสิรต ฯลฯ มาใหนักเรียนดู หมายถงึ ส่งิ ที่คนในสังคมจดั ตัง้ ให้มขี ้ึน เพราะ แลวใหนักเรียนชวยกันตอบวาเปนภาพที่ เห็นประโยชน์ว่ามีความต้องการและจ�าเป็นแก่ เก่ียวกับสถาบันทางสังคมใด และมีความ วิถีชีวิตของคน และความหมายของ“สังคม” ว่า สาํ คญั อยา งไร หมายถึง คนจ�านวนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ ต่อเนื่องกันตามระเบียบกฎเกณฑ์โดยมี 2. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกบุคคลท่ีมีบทบาท วัตถุประสงค์ส�าคัญร่วมกัน จากความหมาย หนาที่ในสถาบันทางสังคม โดยใหอธิบายวา ข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า สถาบันทางสังคม เปนบุคคลที่อยูในสถาบันทางสังคมใด และมี ทหม่ีเปา็นยถไปงึ ตราปู มแบบรบรพทฤัดตฐกิ ารนร2ม ขระอเงบสียมบา ชแกิ ใบนบสแงั ผคนม บทบาทหนา ทีอ่ ยา งไร เชน สถาบันทางสังคมช่วยก�าหนดรูปแบบความสัมพันธ์ของ • พอ อยใู นสถาบันครอบครัว มีหนาที่ทาํ งาน มนุษย์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางสังคมและตอบสนอง หาเล้ียงครอบครัว ใหความรักความอบอุน หรอื แนวทางปฏบิ ตั อิ ยา่ งเปน็ ระเบยี บ ระบบ เปน็ ความต้องการของมนุษย์ในดา้ นต่าง ๆ แกสมาชกิ ในครอบครัว ทยี่ อมรบั ของคนสว่ นใหญใ่ นสงั คมอยา่ งเปน็ ทางการ เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการและการดา� รงอยู่ • ครู อยใู นสถาบนั การศกึ ษา มหี นา ทถ่ี า ยทอด ของสงั คม วิชาความรู อบรมส่ังสอนใหนักเรียนเปน คนดี ๑.๒ ความสาํ คญั สถาบันทางสังคมเป็นองค์ประกอบหนึ่งของโครงสร้างทางสังคม ซ่ึงแต่ละสถาบันก็มี 3. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั บทบาทห น้าทแ่ี ตกต่างกันไป สา� หรับความส�าคัญของสถาบนั ทางสงั คม สรุปไดด้ ังน้ี ตามความสามารถ ไดแก เกง ปานกลาง คอ นขา งเกง ปานกลางคอ นขางออ น และออ น ๑. ช่วยหล่อหลอมพฤติกรรม โดยใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาความรู ของมนุษย์ใหเ้ ปน็ สมาชกิ ที่ดขี องสงั คม เรื่อง ความหมายและความสาํ คญั ของสถาบัน ๒. ชว่ ยตอบสนองความตอ้ งการ ทางสงั คม จากหนงั สอื เรยี น สงั คมศกึ ษาฯ ม.2 ด้านตา่ ง ๆ ร่วมกันของสมาชกิ ในสังคม หรือจากแหลงการเรียนรูอ่ืนๆ เชน หนังสือ ๓. เป็นเครื่องมือในการควบคุม ในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต โดยครู คนในสังคมโดยการก�าหนดกฎกติกา ระเบียบ แนะนําเพมิ่ เติม แบบแผนท่เี ป็นมาตรฐานในสงั คม ซงึ่ จะยึดโยง สถาบันต่าง ๆ เขา้ ไว้ดว้ ยกนั มนษุ ยเ์ ปน็ สตั วส์ งั คม เพราะตา่ งตอ้ งเกยี่ วขอ้ งและสมั พนั ธก์ นั ๔. ช่วยให้สังคมโดยรวมธ�ารง เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการตา่ ง ๆ ทเี่ ปน็ พนื้ ฐานของชวี ติ อยไู่ ด้และพฒั นาสงั คมให้มคี วามเจริญก้าวหนา้ 7๒ นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 สถาบนั ทางสงั คม มหี นา ทต่ี อบสนองความจาํ เปน ของมนษุ ย จดั การปญ หา สถาบันทางสังคมในขอใดถือวาเปนสถาบันพ้ืนฐานแรกสุดของ ท่ีสังคมเผชิญทั้งปญหาภายในและปญหาภายนอก ผลิตประชากร ผลิตสินคา สงั คม และใหบริการดานตางๆ รักษาความสงบเรียบรอย ใหความมั่นคงดานจิตใจ 1. สถาบนั เศรษฐกจิ ใหค วามรแู ละถา ยทอดวฒั นธรรม ฯลฯ เพอื่ ตอบสนองความตอ งการของสมาชกิ 2. สถาบันครอบครวั ในสังคม 3. สถาบันนันทนาการ 2 บรรทัดฐาน เปนระเบียบแบบแผน พฤติกรรม กฎเกณฑหรือคตินิยม 4. สถาบนั สอื่ สารมวลชน ที่สังคมกําหนดไวเพื่อเปนแนวทางใหบุคคลเปนสมาชิกที่ดีของสังคม บรรทัดฐานมีทั้งแนวทางท่ีใหกระทําและงดกระทํา แบงออกเปน 3 ประเภท (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะสถาบันครอบครัวถือเปน ไดแก วถิ ปี ระชา จารีต และกฎหมาย สถาบนั แรกเริม่ ของมนุษย มีหนาท่ใี หก ําเนดิ มนษุ ย รวมถึงคอยเลยี้ งดู อบรมส่ังสอน และปลูกฝงแนวทางการปฏิบัติตนใหถูกตองตาม T80 บรรทดั ฐานของสงั คม หากครอบครวั มีความรกั ความอบอุน ก็สงผลให มนุษยมีการพัฒนาทง้ั ทางรา งกายและจติ ใจ นําไปสูการเปนพลเมืองดี ของสงั คมตอไป)
นาํ สอน สรุป ประเมนิ เสริมสาระ ขน้ั สอน ปจ จยั ทที่ าํ ใหเ กดิ สถาบนั ทางสงั คม 4. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางสถาบันทางสังคม ในการด�าเนินชีวิตประจ�าวันของเรา ย่อมต้องมีความเกี่ยวข้อง กลุมละ 1 สถาบัน จากน้ันใหอธิบายความ สมั พนั ธ์กันกับสถาบันทางสงั คมอย่างหลีกเลย่ี งไมไ่ ด้ตั้งแต่เกิดจนตาย สาํ คญั พรอมทง้ั บอกบทบาทหนาท่ี และความ การท่ีมนษุ ย์สร้างสถาบนั ทางสังคมตา่ ง ๆ ข้ึนมานั้น เกิดจาก เกี่ยวของที่มีตอตนเอง แลวอภิปรายแสดง ปจั จยั ส�าคัญซ่ึงสามารถสรุปเปน็ ประเด็นได้ ดงั นี้ ความคดิ เหน็ รวมกนั ๑. มนุษยมีความตองการในดานตาง ๆ มีความต้องการมากมายท้ังด้านร่างกาย เช่น 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมจับคูกันทําใบงาน ต้องการอาหาร เส้ือผ้า ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ท่ี 4.1 เรื่อง ความหมายและความสําคญั ของ รวมถงึ ความต้องการทางจติ ใจ เช่น ต้องการความ สถาบนั ทางสงั คม รกั ความอบอนุ่ ความเพลดิ เพลนิ ใจ ดงั นน้ั มนษุ ย์ จงึ ต้องมกี ารรวมตัวกันเปน็ สถาบนั ทางสังคม เพื่อ มนษุ ยม์ รี ะยะของทารกยาวนาน จงึ จา� เปน็ ตอ้ งพงึ่ พาอาศยั 6. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมเรอื่ ง ความหมายและ ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ ผู้อ่นื ในวยั เยาว ์ เพราะไมส่ ามารถชว่ ยเหลือตวั เองได้ ความสําคญั ของสถาบนั ทางสงั คม ในแบบฝก ได้อย่างเหมาะสม สมรรถนะฯ หนาทพี่ ลเมืองฯ ม.2 ๒. มนษุ ยม สี ตปิ ญ ญาเปน เลศิ มนษุ ยส์ ามารถ ขน้ั สรปุ คิดไตร่ตรอง พิจารณา ถึงการตอบสนองความ ตอ้ งการของตนเองอยา่ งลกึ ซง้ึ และมขี นั้ ตอน ทา� ให้ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ เกดิ การสรา้ งสถาบนั ทางสงั คมทมี่ แี บบแผนในการ ความหมายและความสาํ คญั ของสถาบนั ทางสงั คม ปฏบิ ตั อิ ยา่ งเป็นระบบ และการดา� เนนิ การไดอ้ ย่าง หรอื ใช PPT สรปุ สาระสาํ คญั ของเนอ้ื หา ตลอดจน มีประสทิ ธภิ าพ ความสาํ คัญตอ การดําเนนิ ชีวิตประจําวนั ๓. มนษุ ยม แี บบแผนในการดาํ เนนิ ชวี ติ มนษุ ย์ มีแบบแผนของพฤติกรรมอันเป็นวัฒนธรรมท่ี ขน้ั ประเมนิ สถาบันทางสังคมช่วยก�าหนดแบบแผน พฤติกรรมของ สืบทอดกันมาจากร่นุ สูร่ ุน่ จนเป็นท่ียอมรับ มนษุ ย์ มนุษย์ เพอ่ื ให้อยรู่ ่วมกันอย่างมรี ะเบียบและสงบสขุ จงึ สรา้ งสถาบนั ทางสงั คมทมี่ แี บบแผนในการปฏบิ ตั ิ 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม ของสมาชิกด้านต่าง ๆ การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน ๔. มนษุ ยจ ําเปน ตอ งมีบรรทดั ฐานในการอยูรว มกัน การทม่ี นษุ ยอ์ าศยั อยูร่ ่วมกนั จา� เป็นจะตอ้ งมี หนา ช้ันเรยี น บรรทดั ฐานเพอ่ื การอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสงบ สถาบนั ทางสงั คมมสี ว่ นสา� คญั ในการจดั ระเบยี บทางสงั คม ชว่ ย ให้มนุษยอ์ ยูร่ ่วมกันไดอ้ ยา่ งมีความสขุ 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก ๕. สงั คมมนษุ ยม กี ารขยายตวั และพฒั นาอยเู สมอ เมอื่ สงั คมมนษุ ยม์ กี ารพฒั นาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ความ สมรรถนะฯ หนา ท่พี ลเมืองฯ ม.2 ตอ้ งการของมนุษย์ย่อมเปล่ยี นไป มนษุ ยจ์ งึ ตอ้ งสร้างสถาบนั ทางสังคมเพือ่ ให้สามารถตอบสนองได้ทัน กับความต้องการของมนุษย์ 7๓ กิจกรรม สรางเสริม แนวทางการวัดและประเมินผล ใหนักเรียนเขียนบันทึกวา ในชีวิตประจําวันของนักเรียน ครูสามารถวัดและประเมินความเขา ใจเนื้อหา เรื่อง ความหมายและความ มคี วามเกี่ยวขอ งกบั สถาบนั ทางสงั คมใดบาง เขียนสรุปแลว นาํ สง สําคญั ของสถาบันทางสังคม ไดจ ากการสืบคนและนาํ เสนอผลงานหนาช้ันเรยี น ครผู ูสอน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน ท่ีแนบมาทายแผนการจัดการเรยี นรหู นวยท่ี 4 เรื่อง สถาบันทางสังคม กิจกรรม ทา ทาย แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ใหนักเรียนหาภาพท่ีแสดงถึงคานิยมอันดีงามในสังคมไทยมา คนละ 1 ภาพ นาํ มาติดลงในกระดาษ แลว เขยี นบรรยายใตภ าพ คาชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในช่องที่ วาเปนคานิยมในเร่ืองใด จากน้ันนํามาแลกเปลี่ยนกันดูภายใน ตรงกบั ระดบั คะแนน ช้ันเรยี น ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเน้อื หา 2 การลาดับข้นั ตอนของเร่ือง 3 วิธีการนาเสนอผลงานอยา่ งสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ 5 การมสี ว่ นรว่ มของสมาชิกในกลมุ่ รวม ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง T81
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (5Es Instructional Model) ๒. บทบาทของสถาบนั ทางสงั คม ได้แก่ สถาบันครอบครัว1 สถาบัน ขนั้ ที่ 1 กระตนุ ความสนใจ ในแต่ละสังคมมีสถาบันทางสังคมเป็นพ้ืนฐานส�าคัญ การศกึ ษา สถาบนั ศาสนา สถาบนั เศรษฐกจิ สถาบนั การเมอื งการปกครอง สถาบนั นนั ทนาการ และ 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่องท่ี สถาบนั ส่ือสารมวลชน ซง่ึ ในแตล่ ะสถาบันมบี ทบาทท่ีส�าคญั ดังน้ี จะเรียนรู จุดประสงคการเรียนรู และผลการ เรยี นรู ๒.๑ สถาบันครอบครัว สถาบันครอบครัว เป็นแบบแผนพฤติกรรมของคนที่ติดต่อเกี่ยวข้องกันในเร่ืองเกี่ยวกับ 2. ครูเกริ่นนําถึงบทบาทของสถาบันทางสังคม ครอบครวั และเครอื ญาติ สมาชิกในครอบครวั มคี วามสมั พนั ธก์ ันทางสายโลหิต เช่น พอ่ แม่ พ่ีน้อง ในแตละสถาบัน จากนั้นใหนักเรียนชวยกัน หรอื โดยการสมรส เช่น สามีภรรยา เขย สะใภ ้ หรือการรับไวเ้ ป็นญาติ เชน่ บุตรบญุ ธรรม เป็นตน้ ยกตัวอยาง คนละ 1 ตวั อยาง ความสมั พนั ธ์ของสมาชิกในครอบครัวจะแน่นแฟ้นม่ันคง มีความรักและปรารถนาดีตอ่ กนั ขนาดของครอบครัวอาจแตกต่างกนั ออกไป บางครอบครัวเป็นลกั ษณะครอบครัวเด่ียว คือ 3. ครนู ําขา วที่นาสนใจ 2-3 ขา ว มาใหน กั เรยี น ครอบครัวที่ประกอบด้วยบิดา มารดา บุตร หรือสามีภรรยา แต่บางครอบครัวมีลักษณะเป็น ดู แลวใหชวยกันตอบถึงความเกี่ยวของและ ครอบครัวขยาย มีสมาชกิ หลายล�าดบั ชนั้ เช่น พอ่ แม ่ ปู ่ ย่า ตา ยาย ในอดีตครอบครวั ของสงั คม บทบาทของสถาบนั ทางสังคมนั้น ไทยจะมีลักษณะเป็นครอบครัวขยาย คนในครอบครวั มีความใกล้ชิดผูกพนั กันของบคุ คลหลายรนุ่ ปัจจบุ นั เราจะพบครอบครวั ใหญ่ในสงั คมชนบทมากกว่าในสงั คมเมือง ขนั้ สอน สถาบนั ครอบครวั มบี ทบาททส่ี �าคญั คอื การใหก้ า� เนดิ สมาชกิ ใหมก่ บั สงั คมและเลย้ี งดสู มาชกิ ของครอบครวั ใหเ้ จรญิ เตบิ โตอยา่ งมคี ณุ ภาพ เพราะครอบครวั เปน็ สถาบนั พนื้ ฐานแรกสดุ ทที่ า� หนา้ ท่ี ขัน้ ท่ี 2 สํารวจคนหา ในการอบรมขดั เกลาสมาชกิ ใหเ้ ปน็ คนดที งั้ กาย วาจา และใจ เพอื่ ใหอ้ ยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ ออกเปน 7 กลมุ ศกึ ษา สถาบนั ครอบครวั มบี ทบาทสา� คญั ในการใหก้ า� เนดิ สมาชกิ ใหมก่ บั สงั คมและสง่ เสยี เลย้ี งดสู มาชกิ ของครอบครวั ใหเ้ จรญิ เตบิ โต คนควาเก่ียวกับบทบาทของสถาบันทางสังคม อย่างมีคณุ ภาพ จากหนังสือเรียน สังคมศึกษาฯ ม.2 หรือจาก แหลงการเรียนรูอ่ืนๆ ตามประเด็นที่กําหนด 74 โดยครูแนะนาํ เพ่ิมเติม ข้นั ที่ 3 อธิบายความรู 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวม มาอธบิ ายแลกเปลย่ี นความรกู นั 2. สมาชกิ ในกลมุ ชว ยกนั คดั เลอื กขอ มลู ทนี่ าํ เสนอ เพื่อใหไ ดขอมลู ท่ีถูกตอง 3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอขอมูล หนาชั้นเรียนตามประเด็นท่ีศึกษา อภิปราย โดยเร่ิมจากกลุมสถาบันครอบครัว และตอบ คําถามรวมกัน นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 สถาบันครอบครัว เปนสถาบันทางสังคมที่มีความสําคัญในฐานะที่เปน การแกป ญ หาในสงั คมทไ่ี ดผ ลจะตอ งเรมิ่ ตน อยา งไรเปน อนั ดบั แรก สถาบนั แรกเรมิ่ ของมนษุ ย เปนสถาบนั พ้ืนฐานของสงั คม เปนสถาบันที่มีความ 1. ยกยอ งผูกระทําความดใี หปรากฏ ผูกพันกับมนุษยยาวนานท่ีสุด สถาบันครอบครัวมีความสําคัญอยางยิ่งตอการ 2. สรา งความสมั พนั ธท่ีดีในครอบครวั พัฒนาประเทศ เพราะเปนสถาบันแรกท่ีทําหนาที่เสมือนครูคนแรกของสมาชิก 3. แกไ ขภาพลกั ษณท ไ่ี มด ีของประเทศ ในสงั คม ใหการอบรมขดั เกลาสมาชิกตัง้ แตว ยั เดก็ กอ นเขา โรงเรยี น เร่ือยไปจน 4. ปรับเปลยี่ นวฒั นธรรมตามแบบตะวนั ตก ตลอดชีวิตของมนษุ ย (วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. เพราะครอบครวั ถอื เปน สถาบนั ทาง สงั คมลาํ ดบั แรกของมนษุ ยท มี่ คี วามสาํ คญั อยา งยง่ิ หากสมาชกิ ใน ครอบครัวมีความรักความอบอุน เด็กก็สามารถเจริญเติบโตเปน ผใู หญท ม่ี ีคุณภาพและเปนคนดขี องสงั คม) T82
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ นอกจากนี้ สถาบันครอบครัวยังท�าหน้าที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้แก่สมาชิกใหม่ท่ีก�าเนิด ขน้ั สอน ขนึ้ มาในสงั คม ก�าหนดแนวปฏิบัติเกย่ี วกบั ความสัมพนั ธข์ องสมาชิกในครอบครัว เช่น การเลอื กคู่ การหมนั้ การแต่งงาน เปน็ ต้น ตลอดจนก�าหนดสถานภาพทางสังคมและบทบาทที่สอดคลอ้ งกนั ขัน้ ที่ 3 อธบิ ายความรู ใหแ้ กส่ มาชกิ ในสงั คม เชน่ สถานภาพเปน็ บตุ รตอ้ งมบี ทบาทหนา้ ทเ่ี ชอ่ื ฟงั คา� สง่ั สอนของบดิ ามารดา 4. นักเรียนกลุมสถาบันการศึกษา สงตัวแทน เปน็ ลกู ท๒ดี่ .ชี๒่ว ยสเหถลาอื บกันิจกกรารมรใศนึกบ้าษนา 1เปน็ ตน้ นําเสนอขอมูลหนาชั้นเรียนตามประเด็นท่ี ศึกษา อภิปราย และตอบคําถามรว มกนั เชน สถาบนั การศกึ ษา เปน็ แบบแผนการคดิ การกระทา� ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การใหก้ ารศกึ ษาแกส่ มาชกิ • สถาบันการศกึ ษามีความสําคัญอยา งไร ในสังคม สถาบันการศึกษาเป็นสถาบันที่ครอบคลุมในเรื่องท่ีเกี่ยวกับการเรียนการสอน การฝึก (แนวตอบ เปนแหลงรวบรวมความรูอันเปน อบรมในดา้ นตา่ ง ๆ ประกอบด้วยองค์กรตา่ ง ๆ เช่น โรงเรยี น วทิ ยาลยั ดังน้ัน จึงมคี วามส�าคญั ตอ่ ประโยชนต อ การดาํ เนนิ ชวี ติ ของคนในสงั คม การพฒั นาเศรษฐกจิ การเมอื ง และสงั คม เพราะบคุ คลทมี่ กี ารศกึ ษาดยี อ่ มมคี วามคดิ ความสามารถ ซงึ่ มกี ารจดั การเรยี นการสอนอยา งเปน ระบบ ในการแกไ้ ขปัญหาต่าง ๆ ได้เปน็ ผลสา� เร็จ และบา� เพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชนต์ ่อสังคมโดยรวม อีกท้ังยังเปนท่ีอบรมบมนิสัยแกเยาวชนเพ่ือ สถาบันการศกึ ษามบี ทบาทท่ีส�าคญั คือ สง่ เสรมิ ใหส้ มาชิกในสงั คมเกิดความเจริญงอกงาม ใหสามารถนําความรูไปใชใหเกิดประโยชน ในดา้ นตา่ ง ๆ เช่น ด้านวิทยาศาสตร์ ดา้ นการวิจัย ด้านวฒั นธรรม เปน็ ตน้ และน�าความรู้ท่ีไดร้ บั ทง้ั ตอตนเองและสงั คมสว นรวม) จากสถาบนั การศกึ ษานน้ั ไปประกอบอาชพี และพฒั นาอาชพี เพอ่ื สนองความตอ้ งการของสงั คมตอ่ ไปได ้ ส่งเสรมิ ใหเ้ ปน็ คนด ี มศี ลี ธรรม มีคา่ นิยมท่ีดีงาม รจู้ กั ระเบียบแบบแผนของสงั คม ประพฤติ และปฏบิ ตั ติ นเหมาะสม รจู้ กั สทิ ธหิ นา้ ทท่ี ต่ี นพงึ ปฏบิ ตั ติ อ่ สงั คมและประเทศชาต ิ รวมทงั้ สง่ เสรมิ ให้ เกดิ การพัฒนาความเจริญก้าวหนา้ ดา้ นต่าง ๆ แกส่ ังคม สถาบนั การศึกษา เป็นสถาบนั ท่คี รอบคลุมในเร่ืองที่เก่ยี วกบั การเรียนการสอน ฝึกอบรมในด้านตา่ งๆ 75 กิจกรรม เสรมิ สรางคุณลักษณะอันพึงประสงค นักเรียนควรรู นักเรียนผลัดกันเลาประสบการณของตนเองใหเพ่ือนฟง และ 1 สถาบนั การศกึ ษา มคี วามสาํ คญั ตอ การพฒั นาทกั ษะ ความรคู วามสามารถ จดบนั ทกึ เกยี่ วกบั ความภาคภมู ใิ จในการปฏบิ ตั หิ นา ทข่ี องตนเองใน ของคนในสงั คม อีกทงั้ สง เสริมใหมนษุ ยนาํ ความรูไปประกอบอาชพี และพฒั นา ฐานะสมาชิกของสถาบันการศึกษา ในกิจกรรมหรืองานตา งๆ ท่ีได ประเทศชาติ นอกจากนี้ ยงั เปนสถาบันทป่ี ลกู ฝงความคดิ คานยิ ม และแนวทาง รับมอบหมาย ในประเดน็ ตอไปนี้ ปฏิบัตติ นอันนําไปสกู ารเปนพลเมอื งดีของสงั คม สถาบนั การศึกษาจึงมบี ทบาท สําคัญอยางมากตอการพฒั นาทรัพยากรมนุษยอ อกสสู งั คม • สิ่งท่นี ักเรยี นภาคภมู ใิ จ • วธิ ีการปฏบิ ัติ • ผลจากการปฏบิ ตั ิทีเ่ ปนประโยชนต อ ตนเองและสังคม T83
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ๒.๓ สถาบนั ศาสนา1 ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู สถาบันศาสนา เป็นแบบแผนการคิดการกระท�าที่ก�าหนดแนวทางการปฏิบัติของสมาชิก ในสังคม สถาบันศาสนามีรูปแบบท่ีสา� คญั ได้แก่ หลักค�าสอน พิธีกรรม สัญลักษณ์แห่งศาสนา 5. นกั เรยี นกลมุ สถาบนั ศาสนา สง ตวั แทนนาํ เสนอ สิง่ สักการบชู า หลักความเชอ่ื หรือหลักธรรม นกั บวช และศาสนิกชน ซึ่งแตล่ ะสงั คมกอ็ าจนบั ถอื ขอ มลู หนา ชนั้ เรยี นตามประเดน็ ทศี่ กึ ษา อภปิ ราย ศาสนาแตกตา่ งกันไป และมกี ารปฏิบัติตามพิธีกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถือ เชน่ พระพุทธศาสนา และตอบคาํ ถามรว มกัน เปน็ ศาสนาสา� คัญท่สี ังคมไทยส่วนใหญน่ ับถือ มหี ลกั ธรรมความเชอ่ื หลายหลกั ธรรม แต่หลักธรรม ที่เปน็ โอวาทสงู สุดของพระพุทธศาสนา คือ การท�าความด ี การละเวน้ ความช่วั และการทา� จิตใจ 6. ครูใหนักเรียนอธิบายความสําคัญของสถาบัน ใหผ้ ่องใส ศาสนาท่ีมีตอสังคมไทย แลวยกตัวอยางวา สัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาก็คือเครื่องหมายธรรมจักรและกวางหมอบ ส่ิงสักการบูชา ในการดําเนินชีวิตประจําวันของนักเรียนมี ไดแ้ ก่ พระพทุ ธรูป ซงึ่ เป็นตัวแทนของพระพทุ ธเจ้า ศาสนสถาน เชน่ วดั โบสถ ์ พิธกี รรม เชน่ ความเกย่ี วของกบั สถาบนั ศาสนาอยา งไรบาง พธิ ีท�าบุญ พธิ ีเวยี นเทียนในวันส�าคญั ทางพระพุทธศาสนา พธิ อี ปุ สมบท เปน็ ต้น การนับถือศาสนาจะเกี่ยวพันกับการด�าเนินชีวิตของคนในสังคมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ 7. ครูใหนักเรียนสํารวจตนเองเพ่ิมเติมวาเคย ในโอกาสสา� คัญต่าง ๆ ของชวี ิต เชน่ ตอนเกดิ เขา้ สู่วยั ร่นุ แตง่ งาน เป็นตน้ เขารวมกิจกรรมตางๆ ท่ีเก่ียวของกับสถาบัน สถาบันศาสนามีบทบาทท่ีส�าคัญ คือ เป็นศูนย์รวมความศรัทธา ควบคุมมาตรฐานความ ศาสนาอะไรบาง และแตละกิจกรรมน้ันมี ประพฤตขิ องสมาชกิ ในสงั คมนอกเหนอื จากการควบคมุ โดยกฎหมาย ชว่ ยใหส้ มาชกิ มคี วามสงบสขุ ประโยชนอยางไร จากน้ันแสดงความคิดเห็น ในจิตใจ ไม่คิดฟงุ้ ซ่าน มีความมัน่ คงทางอารมณ์ สามารถแกป้ ญั หาและตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง รว มกัน ฝึกให้สมาชิกทุกคนมีระเบียบวินัย สามารถจัดระเบียบชีวิตของตนได้ ตลอดจนช่วยปลูกฝัง ค่านิยมท่ีดงี ามแกส่ มาชิกในสังคม พิธีกรรมเป็นส่วนประกอบทส่ี ะทอ้ นไดถ้ งึ ลกั ษณะสถาบันศาสนา เชน่ พิธเี วยี นเทียน ในพระพุทธศาสนา 76 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 สถาบันศาสนา เปนสถาบันทางสังคมท่ีเปนแบบแผนของความเช่ือและ สถาบันการศึกษาและสถาบันศาสนามีบทบาทหนาท่ีเชื่อมโยง พฤติกรรมของมนุษย เกี่ยวของกับความสัมพันธระหวางมนุษยกับธรรมชาติ สอดคลอ งกนั อยา งไร เปนท่ียึดเหนี่ยวจิตใจเพ่ือใหสมาชิกในสังคมเกิดความรูสึกมั่นคง หนาที่สําคัญ ของสถาบันศาสนา เชน เผยแผห ลักธรรมคําสอน สรา งคา นยิ มและบรรทัดฐาน (แนวตอบ สถาบันการศึกษาและสถาบันศาสนาในสังคมไทย ทางศลี ธรรมอนั ดีใหแ กส งั คม สงเสรมิ การจัดระเบยี บทางสงั คม มีความเชื่อมโยงกันมาชานาน ดังจะเห็นไดจากในอดีต วัดเปน ศูนยกลางของสังคมไทย ผูจะศึกษาหาความรูตองเขาเรียนที่วัด แมวาปจจุบันเมื่อมีสถาบันการศึกษาอยางเปนระบบแลว แตวัด ยังคงใหความรูใหการศึกษาแกคนในสังคมอยู ซ่ึงทั้งสองสถาบัน ยงั มีบทบาทในบางดา นท่ีคลายคลึงกัน เชน การปลกู ฝง อบรมให สมาชิกในสังคมเปน คนด)ี T84
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ๒.4 สถาบนั เศรษฐกิจ ขนั้ สอน ก ารแขสง่ ขถันาบ กันาเศรผรษลิตฐกสิจิน คเ้าปแ็นลแะบบรบกิ แาผร1น กกาารรคแิดลกกเาปรลกย่ีระนทส�านิ ทคี่เ้ากแ่ียลวะกบับรเิกราื่อรง ขจอ�างหกนลา่ไยกแกจากรตจา่ลยาสดินแคลา้ะ และการให้บริการต่าง ๆ รวมทง้ั การบรโิ ภคของสมาชกิ ทอ่ี าศยั อยู่ร่วมกันในสังคม เพ่ือก่อให้เกิด ข้ันท่ี 3 อธิบายความรู การกินสดถอี ายบู่ดนัขี ทอางงปเรศะรชษาฐชกนจิ ยงั รวมถงึ กฎเกณฑข์ อ้ บงั คบั ทล่ี กู จา้ ง นายจา้ ง ผปู้ ระกอบการ ธนาคาร2 ผผู้ ลติ สนิ คา้ และบรกิ าร รวมถงึ องคก์ รตา่ ง ๆ เชน่ โรงงาน บรษิ ทั หา้ งรา้ น จะตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม แมแ้ ต่ 8. นักเรียนกลุมสถาบันเศรษฐกิจ สงตัวแทนนํา ผู้ประกอบการอิสระและเกษตรกรก็ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของการประกอบอาชีพที่ดี ตลอดจน เสนอขอมูลหนาชั้นเรียนตามประเด็นท่ีศึกษา สถาบันทางเศรษฐกิจถือเป็นองค์ประกอบที่ส�าคัญในการสร้างรากฐานทางการเมืองให้มีความ อภปิ ราย และตอบคาํ ถามรวมกัน เชน แข็งแกร่งอีกด้วย สถาบันเศรษฐกิจมีบทบาทท่ีส�าคัญ คือ สร้างแบบแผนและเกณฑ์ในการผลิตสินค้าให้ได้ 9. ครนู าํ ขา วทเ่ี กยี่ วขอ งกบั สถาบนั เศรษฐกจิ มาให มาตรฐาน เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการของสมาชกิ ทอี่ าศยั อยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม กา� หนดกลไกราคา นกั เรยี นรว มกนั วเิ คราะหเพิ่มเตมิ วา มสี ถาบัน ทเี่ หมาะสม กระจายสนิ ค้าและบริการแก่สังคมอยา่ งทั่วถงึ โดยมตี ลาดเปน็ พน้ื ที่แลกเปลี่ยนสินคา้ เศรษฐกิจใดบางที่เกี่ยวของตามเนื้อหาขาว ผลิตเครื่องอุปโภคบริโภคและเทคโนโลยี เพ่ือน�าไปแลกเปล่ียนกับของชนิดอ่ืน ๆ ที่ไม่ได้ผลิต สถาบนั นั้นเขามามบี ทบาทอยา งไร และสงผล ข้ึนเอง ซึง่ กระบวนการแลกเปลี่ยนเป็นหวั ใจส�าคญั ของความสัมพันธ์ของคนในสงั คม ด้วยการใช้ อยางไรตอสังคม แลวอภิปรายขอมูลจากขาว สินค้าและบริการเป็นส่ือกลางของความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมปัจจุบัน นน้ั รวมกัน ท่ีกลไกของการแลกเปล่ียนมีความสะดวกและรวดเร็ว โดยใช้ส่ือกลาง คือ “เงินตรา” ในการ แลกเปล่ยี นสนิ ค้า ธนาคารเป็นสว่ นหนึง่ ของสถาบนั เศรษฐกิจที่จะช่วยพฒั นาเศรษฐกิจของสงั คมใหเ้ จริญก้าวหน้า 77 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ขอ ใดไมใ ช ความสาํ คญั ของสถาบนั เศรษฐกจิ ทม่ี ผี ลตอ ความอยู 1 การผลติ สนิ คา และบรกิ าร ปจ จยั ทส่ี าํ คญั ในการผลติ สนิ คา และบรกิ าร ไดแ ก รอดของมนุษย ท่ีดนิ แรงงาน ทุน และผปู ระกอบการ หากมีการบริหารจัดการปจ จยั การผลิต อยางถูกตองเหมาะสม ก็จะชวยใหการผลิตสินคาและบริการดําเนินไปอยาง 1. การผลิต ราบร่นื 2. การลงทุน 2 ธนาคาร เปนสถาบันเศรษฐกิจท่ีมีบทบาทตอการดําเนินชีวิตประจําวัน 3. การบรกิ าร ของเราอยางมาก โดยเฉพาะอยางย่ิงธนาคารพาณิชย ท่ีปจจุบันมีผูใหบริการ 4. การบริโภค หลายราย มีการขยายสาขาไปทั่วประเทศ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทํา ธุรกรรมทางการเงิน โดยทั่วไปธนาคารพาณิชยมีหนาท่ีสําคัญ เชน การรับ (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เน่ืองจากสถาบันเศรษฐกิจเปน ฝากเงนิ การถอนเงนิ ใหแ กผ ฝู าก การใหก ยู มื เงนิ รวมถงึ การใหบ รกิ ารทางการเงนิ สถาบันที่มีความสําคัญตอความอยูรอดของมนุษย ประกอบดวย อืน่ ๆ เชน การโอนเงิน การลงทุนในหลักทรพั ย การเรียกเกบ็ เงินตามตราสาร การผลิต การบริการ และการบริโภค ดังน้ัน การลงทุนจึงไม ไมว าจะเปนเชค็ ตั๋วแลกเงิน (ดราฟต) เกีย่ วกับความอยูรอดของมนษุ ย) T85
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360