คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิ่งมชี ีวติ 150 8.7 นาเสนอผลการจาแนกพืชตามเกณฑข์ องกลุ่ม (C4) นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ 8.8 จาแนกพืชตามเกณฑ์การมดี อก (S4) และนาเสนอผลการจาแนก (C4) คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว 8.9 รว่ มกนั สรุปผลการจาแนกพชื โดยใชก้ ารมีดอกเป็นเกณฑ์ (S13) คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน 9. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม คดิ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง ดังนี อดทน และรับฟังแนวความคิด 9.1 พืชท่ีนักเรียนสังเกตมีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร ของนกั เรียน (นักเรียนตอบตามข้อมูลที่ค้นพบได้จริง เช่น พืชทุกชนิดมีอวัยวะ เหมือนกัน แต่มีลักษณะของอวัยวะแตกต่างกัน เช่น ใบพืชบางชนิดมี เสน้ ใบเปน็ รา่ งแห บางชนิดมเี ส้นใบไม่เปน็ รา่ งแห และพืชบางชนิดมีผล บางชนดิ ไม่มผี ล พืชบางชนิดตน้ ใหญ่ บางชนดิ ต้นเลก็ ) (S8) 9.2 นักเรียนใช้เกณฑ์ใดบ้างในการจัดกลุ่มพืช (เช่น การมีใบ มีผล มีดอก หรือ ลกั ษณะของใบ ขนาดของต้น) 9.3 เกณฑ์ต่าง ๆ ท่ีนักเรียนกาหนดขึนสามารถจาแนกพืชออกเป็นกลุ่มได้ เหมอื นหรือแตกตา่ งกนั เพราะเหตุใด (แตกต่างกัน เพราะเมื่อใช้เกณฑ์ ที่ต่างกนั ทาให้จาแนกพชื ออกเป็นกลุ่มได้แตกต่างกัน) 9.4 เม่ือใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ จะจัดกลุ่มพืชได้เป็นก่ีกลุ่มอะไรบ้าง (เม่ือ ใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ จะจัดกลุ่มพืชได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มพืชดอก และกลุม่ พชื ไมม่ ีดอก) 10. ครูอาจยกตัวอย่างพืชไม่มีดอกอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากกิจกรรมเพ่ือเป็นการ เพ่มิ ข้อมูลให้แก่นักเรียน ได้ร้จู ักพืชทหี่ ลากหลายขึน 11. ร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าพืชแต่ละชนิดมีลักษณะภายนอก บางอย่างที่เหมือนกันและบางอย่างท่ีแตกต่างกัน เราสามารถนาลักษณะ เหล่านีมาใช้เป็นเกณฑ์ในการจาแนกกลุ่มพืชได้ ซ่ึงหากใช้การมีดอกเป็น เกณฑ์ จะจาแนกพืชได้เป็นพืชดอกและพชื ไม่มดี อก 12. นกั เรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจเพ่ิมเติม คาถาม ในการอภปิ รายเพอ่ื ใหไ้ ดแ้ นวคาตอบทถี่ ูกต้อง 13. ให้นักเรียนสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ในกิจกรรมนี จากนันนักเรียนอ่าน สิ่งท่ีได้ เรยี นรู้ และเปรียบเทียบกบั ข้อสรปุ ของตนเอง 14. นักเรียนตังคาถามใน อยากรู้อีกว่า จากนันครูสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอคาถามของตนเองหน้าชันเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย เกย่ี วกบั คาถามที่นาเสนอ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
151 คู่มอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิง่ มีชวี ิต 15. ครูนาอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง การเตรยี มตวั ล่วงหน้าสาหรบั ครู วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อะไรบ้างและในขันตอนใดบ้าง เพ่อื จดั การเรยี นรูใ้ นครงั้ ถดั ไป จากนันบนั ทกึ ในแบบบันทกึ กิจกรรมหนา้ 60 ในครังถัดไป นักเรียนจะได้เรียน 17. ครูชักชวนนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายคาถามชวนคิด ในหนังสือเรียนหน้า 67 บทท่ี 2 ส่วนต่าง ๆ ของพืชดอก ครู โดยมอบหมายให้นักเรียนไปสืบคน้ ขอ้ มลู เพือ่ หาคาตอบ เตรยี มส่อื เพ่ือจดั การเรียนการสอน ดงั นี 1. ตวั อย่างพชื หรือภาพพชื ทังตน้ 18. นักเรียนอ่าน เกร็ดน่ารู้ ในหนังสือเรียนหน้า 68 และอภิปรายร่วมกัน 2. บัตรคาลักษณะต่าง ๆ ของพืช เช่น เกีย่ วกับไขน่ าและมอส การสืบพันธุ์ การหายใจ การกิน 19. นักเรียนร่วมกันอ่านรู้อะไรในเร่ืองน้ี ในหนังสือเรียน หน้า 69 ครูนา อาหาร การขับถ่าย การเคลื่อนไหว อภิปรายเพ่ือสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ในเร่ืองนี จากนันครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบ การตอบสนองต่อส่งิ เร้า คาถามในช่วงท้ายของเนือเร่ือง ดังนี “ถ้าจาแนกสิ่งมีชีวิตรอบตัวออกเป็น ในบทท่ี 2 กิจกรรมที่ 1.1 นักเรียน กลุ่ม จะจัดได้กี่กลุ่ม อะไรบ้าง ใช้เกณฑ์อะไรในการจัดกลุ่ม” ครูและ จะได้ทากิจกรรม เก่ียวกับหน้าท่ีของราก นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายแนวทางการตอบคาถาม เช่น ถ้าจัดตามเกณฑ์การ และลาต้นของพืชดอก ซ่ึงใช้ต้นเทียนใน เคลื่อนท่ี การสร้างอาหาร จะจัดออกได้เป็นกลุ่มสัตว์ กลุ่มพืช กลุ่มท่ีไม่ใช่ การทากิจกรรม ครคู วรเตรยี มหาต้นเทียน สัตว์และพืช สาหรับกลุ่มสัตว์สามารถใช้เกณฑ์การมีกระดูกสันหลังจาแนก หรือปลูกต้นเทียนไว้ ซ่ึงจะใช้เวลา สัตว์ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีกระดูกสันหลัง และกลุ่มท่ีไม่มีกระดูกสัน ประมาณ 1 เดือน จึงจะเจริญเติบโตได้ หลัง นอกจากนียังใช้เกณฑ์การเคลื่อนที่ การมีลูก ลักษณะของผิวหนัง การ ขนาดทพ่ี อเหมาะตอ่ การทากจิ กรรม เลียงลูกด้วยนานม จาแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนก กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์เลือยคลาน กลุ่มสัตว์สะเทินนาสะเทินบก และ กลุม่ สตั ว์เลียงลกู ด้วยนานม ส่วนพืชถ้าใช้เกณฑ์การมีดอกจะจาแนกกลุ่มพืช ออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ พืชมีดอกและพืชไม่มีดอก ครูควรเน้นให้นักเรียน ตอบคาถามพรอ้ มอธิบายเหตุผลประกอบ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 ส่ิงมีชีวติ 152 แนวคาตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 1. สงั เกต สบื คน้ ข้อมูลและบอกส่วนตา่ ง ๆ ของพืช 2. จาแนกพืชออกเป็นกล่มุ โดยใช้การมีดอกเปน็ เกณฑ์ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
153 คมู่ ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สิ่งมีชีวิต คาตอบขนึ้ อยู่กับการทากจิ กรรมของนกั เรยี น เช่น การมีผล 2 มผี ล มะพรา้ ว สนสองใบ ปรง เข็ม กุหลาบ ลาไย ไมม่ ผี ล มอส เฟนิ 2 มดี อก มะพรา้ ว เขม็ กุหลาบ ลาไย ไมม่ ีดอก มอส เฟิน ปรง สนสองใบ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 สงิ่ มีชีวติ 154 ราก ลาตน้ ใบ (พืชบางชนิดไมม่ รี ากท่แี ทจ้ รงิ แตม่ ีส่วนที่คล้ายรากและทาหน้าท่เี หมือนราก เรยี กวา่ รากเทยี ม) ดอก และผล คาตอบข้นึ อยู่กบั การทากจิ กรรมของนกั เรียน เช่น เหมือนกนั เพราะกลุ่มกาหนด เกณฑก์ ารมีดอก หรือ แตกต่างกัน เพราะกลุ่มใชเ้ กณฑก์ ารมผี ล ทาใหจ้ าแนกพืช ออกเปน็ กลุ่มไดแ้ ตกต่างกัน และรายช่อื พืชในกลุ่มท่ีจาแนกก็แตกต่างกันดว้ ย พชื แตล่ ะชนิดมีลกั ษณะภายนอกบางอย่างท่ี เหมอื นกนั และบางอย่างทีแ่ ตกตา่ งกนั สามารถนา ลักษณะเหลา่ นี้มาใชเ้ ปน็ เกณฑ์ในการจาแนกพชื ออกเป็นกลุ่มได้ ซ่ึงถา้ ใช้การมดี อกเป็นเกณฑ์ จะ จาแนกพชื ไดเ้ ป็นกลมุ่ พืชดอกและกลมุ่ พชื ไม่มีดอก สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
155 ค่มู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 ส่ิงมีชีวติ ถา้ ใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ จะจาแนกพืชได้เป็นพืชดอกและพืชไม่มดี อก คาถามของนกั เรยี นที่ต้ังตามความอยากร้ขู องตนเอง สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มีชีวิต 156 พชื ไม่มีดอกสามารถสืบพันธ์ุได้ โดยจะมีส่วนอ่ืนทไี่ มใ่ ช่ดอก ทาหนา้ ที่สร้างเซลล์ สบื พันธุ์เพศผแู้ ละเซลล์สืบพันธุเ์ พศเมีย เพ่อื ใช้ในการสบื พันธุ์แบบอาศัยเพศ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
157 คู่มือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สง่ิ มีชวี ิต แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมนิ การเรียนรขู้ องนกั เรียนทาได้ ดงั นี 1. ประเมินความร้เู ดิมจากการอภปิ รายในชันเรียน 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนักเรยี นระหวา่ งการจดั การเรยี นรูแ้ ละจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทากิจกรรมของนกั เรียน การประเมนิ จากการทากิจกรรมท่ี 1.4 เราจาแนกพืชได้อยา่ งไร ระดบั คะแนน 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ รหสั สิ่งทป่ี ระเมิน ระดบั คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสังเกต S4 การจาแนกประเภท S6 การจดั กระทาและส่อื ความหมายขอ้ มูล S8 การลงความเหน็ จากขอ้ มูล S13 การตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรุป ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C4 การสือ่ สาร C5 ความร่วมมอื C6 การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ รวมคะแนน สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 สง่ิ มีชีวติ 158 ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดังนี ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) S1 การสังเกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผัส ไ ม่ ส า ม า ร ถ ใ ช้ ร า ย ล ะ เ อี ย ด เก็บรายละเอียดข้อมูลและ เก็บรายละเอียดข้อมูลและ ประสาทสัมผัสเก็บ เก่ียวกับลักษณะ บารรยายเก่ียวกับลักษณะ บรรยายเก่ียวกับลักษณะ รายละเอียดข้อมูล ส่วนตา่ ง ๆ ของพืช ส่วนต่าง ๆ ของพืช ได้ด้วย ส่วนต่าง ๆ ของพืช จาก และบรรยายเกี่ยวกับ ตนเอง โดยไม่เพ่ิมเติม การชีแนะของครูหรือผู้อ่ืน ลักษณะของส่วนต่าง ความคิดเหน็ หรือมีการเพิ่มเติมความ ๆ ของพืชได้ แม้ว่า คดิ เห็น จะได้รับคาชีแนะ จากครหู รอื ผ้อู นื่ S4 การจาแนกประเภท การจาแนกพืช โดย สามารถจาแนกพืช โดยใช้ สามารถจาแนกพชื โดยใช้ ไม่สามารถจาแนก ใช้เกณฑ์การมีดอก เกณฑ์การมีดอกออกเป็น เกณฑ์การมีดอกออกเป็น พืช โดยใช้เกณฑ์การ ออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มพืชดอกและกลุ่มพืช กลุ่มพืชดอกและกลุ่มพืช มีดอกออกเป็นกลุ่ม ไม่มีดอก ได้ถูกต้องตาม ไม่มีดอก ได้อย่างถูกต้อง พืชดอกและกลุ่มพืช ดอกและกลุ่มพืชไม่ เกณฑ์ท่ีกาหนด ได้ด้วย จากการชีแนะของครูหรือ ไม่มีดอกได้ แม้ว่าจะ มดี อก ตนเอง ผู้อนื่ ได้รับคาชีแนะจาก ครหู รอื ผู้อืน่ S6 การจัดกระทาและ นาข้อมูลท่ีได้จาก สามารถนาข้อมูลที่ได้จาก สามารถนาข้อมูลท่ีได้จาก ไม่สามารถนาข้อมูล สื่อความหมายขอ้ มูล การสังเกตและการ การสังเกตและการสืบค้น การสังเกตและการสืบค้น ท่ีได้จากการสังเกต สื บ ค้ น ข้ อ มู ล ข้อมลู เกย่ี วกบั ลักษณะของ ข้อมูลเก่ียวกับลักษณะ และการสืบค้นข้อมูล พืช มาจาแนกพืชออกเป็น ของพืช มาจาแนกพืช เก่ียวกับลักษณะของ เ กี่ ย ว กั บ ลั ก ษ ณ ะ พืชดอก และพืชไม่มีดอก ออกเป็นพืชดอก และพืช พืช มาจาแนกพืช ของพืช มาจาแนก และนาผลการจาแนกมา ไม่มีดอก และนาผลการ อ อ ก เ ป็ น พื ช ด อ ก พชื ออกเป็นพืชดอก จดั กระทาในรูปแบบต่าง ๆ จาแนกมาจัดกระทาใน แ ล ะ พื ช ไ ม่ มี ด อ ก และพืช ไม่มีดอก และส่ือให้ผู้อ่ืนเข้าใจผล รูปแบบต่าง ๆ และสื่อให้ แ ล ะ น า ผ ล ก า ร แ ล ะ น า ผ ล ก า ร การจาแนกพืช ได้ด้วย ผู้อ่ืนเข้าใจผลการจาแนก จาแนกมาจัดกระทา จ า แ น ก ม า จั ด ตนเอง พืช จากการชีแนะของครู ใน รูป แ บบ ต่ าง ๆ กระทาในรูปแบบ ต่าง ๆ และสื่อให้ หรอื ผู้อน่ื และส่ือให้ผู้อื่นเข้าใจ ผ ล ก า ร จ า แ น ก พื ช แม้ ว่ า จ ะ ไ ด้ รั บ ค า สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
159 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สง่ิ มีชวี ิต ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) ผู้อื่นเข้าใจผลการ ชี แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ จาแนกพชื ผู้อนื่ S8 การลงความเห็น ลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก ไ ม่ ส า ม า ร ถ ล ง จากขอ้ มูล ข้อมูลว่าสามารถ ขอ้ มูลไดว้ ่าสามารถจาแนก ข้ อ มู ล ไ ด้ ว่ า ส า ม า ร ถ ความเห็นจากข้อมูล จาแนกพืช โดยใช้ พชื โดยใชเ้ กณฑก์ ารมีดอก จาแนกพืช โดยใช้เกณฑ์ ได้ว่าสามารถจาแนก เกณฑ์การมีดอก ออกเป็นกลุ่มพืชดอกและ การมีดอกออกเป็นกลุ่ม พืช โดยใช้เกณฑ์การ ออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มพืชไม่มีดอกได้อย่าง พืชดอกและกลุ่มพืชไม่มี มีดอกออกเป็นกลุ่ม ดอกและกลุ่มพืชไม่ ถูกต้องและชัดเจน ได้ด้วย ดอกได้อย่างถูกต้องและ พืชดอกและกลุ่มพืช มีดอก ตนเอง ชัดเจน จากการชีแนะ ไม่มีดอกได้ แม้ว่าจะ ของครหู รือผอู้ ื่น ได้รับคาชีแนะจาก ครูหรอื ผอู้ ่นื S13 การ ตีความหมาย ตีความหมายข้อมูล สาม ารถ ตีคว ามห มา ย สามารถตีความหมาย ไ ม่ ส า ม า ร ถ ข้อมูลและลงขอ้ สรปุ จากการสังเกตและ ข้อมูลจากการสังเกตและ ข้อมูลจากการสังเกตและ ตีความหมายข้อมูล การสืบค้นข้อมูลได้ การสืบค้นข้อมูลได้ว่าพืชมี การสืบค้นข้อมูลได้ว่าพืช จากการสังเกตและ ว่าพืชมีทังพืชท่ีมี ทังพืชที่มีดอกและไม่มี มีทังพืชที่มีดอกและไม่มี การสืบค้นข้อมูลได้ ดอกและไม่มีดอก ดอก และลงข้อสรุปได้ว่า ดอก และลงข้อสรุปได้ว่า ว่ า พื ช มี ทั ง พื ช ท่ี มี และลงข้อสรุปได้ว่า สามารถจาแนกพืชโดยใช้ สามารถจาแนกพืชโดยใช้ ดอกและไม่มีดอก สามารถจาแนกพืช การมีดอกเป็นเกณฑ์ออก การมีดอกเป็นเกณฑ์ออก และลงข้อสรุปได้ว่า โดยใช้การมีดอก ได้เป็นกลุ่มพืชดอกและ ได้เป็นกลุ่มพืชดอกและ สามารถจาแนกพืช เป็นเกณฑ์ออกได้ กลุ่มพืชไม่มีดอก ได้ด้วย กลุ่มพืชไม่มีดอก จากการ โดยใช้การมีดอกเป็น เป็นกลุ่มพืชดอก ตนเอง ชแี นะของครหู รอื ผ้อู ื่น เกณฑ์ออกได้เป็น และกลุ่มพืช ไม่มี ก ลุ่ ม พื ช ด อ ก แ ล ะ ดอก ก ลุ่ ม พื ช ไ ม่ มี ด อ ก แม้ ว่ า จ ะ ไ ด้ รั บ ค า ชี แ น ะ จ า ก ค รู ห รื อ ผู้อื่น สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่ิงมชี ีวิต 160 ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ตามระดับความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมนิ ดงั นี ทักษะแห่ง รายการประเมิน ระดับความสามารถ ศตวรรษท่ี 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) C4 การสื่อสาร นาเสนอข้อมูลจาก สามารถนาเสนอข้อมลู สามารถนาเสนอข้อมูลจาก ไม่สามารถนาเสนอข้อมูล การอภปิ ราย จากการอภิปรายเกี่ยวกบั การอภิปรายเกย่ี วกับการ จากการอภปิ รายเก่ียวกับ เกย่ี วกบั การจาแนก การจาแนกพชื โดยใช้ จาแนกพชื โดยใชเ้ กณฑ์การมี การจาแนกพืช โดยใช้ พชื โดยใชเ้ กณฑ์ เกณฑ์การมดี อกออกเปน็ ดอกออกเป็นกลุ่มพชื ดอกและ เกณฑ์การมีดอกออกเป็น การมีดอกออกเป็น พืชดอกและพืชไม่มีดอก กล่มุ พืชไมม่ ีดอกได้อยา่ ง กลุ่มพืชดอกและกลุ่มพืช กลมุ่ พชื ดอกและ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ได้ดว้ ย ถูกต้อง จากการชีแนะของครู ไม่มีดอกได้ แม้ว่าจะได้ กลุ่มพชื ไมม่ ดี อก ตนเอง หรือผูอ้ ื่น รับคาชีแนะจากครูหรือ ผู้อ่ืน C5 ความ ทางานร่วมกับผู้อ่ืน สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืนใน ไมส่ ามารถทางานร่วมกับ รว่ มมอื ในการสังเกต การ ผู้อื่นในการสังเกต การ การสังเกต การนาเสนอ และ ผู้อ่ืนได้ตลอดเวลาที่ทา นาเสนอ และการ นาเสนอ และการแสดง การแสดงความคิดเห็นเพ่ือ กิจกรรม แสดงความคิดเห็น ความคิดเห็นเพื่อจาแนก จาแนกพืช โดยใช้เกณฑ์การมี เพ่ือจาแนกพืช โดย พืช โดยใช้เกณฑ์การมี ดอกออกเป็นกลุ่มพืชดอกและ ใช้เกณฑ์การมีดอก ดอกออกเป็นกลุ่มพืชดอก กลุ่มพืช ไม่มีดอก รว มทั ง ออกเป็ น กลุ่มพื ช แ ล ะ ก ลุ่ ม พื ช ไ ม่ มี ด อ ก ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ดอกและกลุ่มพืชไม่ ร ว ม ทั ง ย อ ม รั บ ค ว า ม บางช่วงเวลาท่ีทากจิ กรรม มี ด อ ก ร ว ม ทั ง คิดเห็นของผู้อ่ืน ตังแต่ ย อ ม รั บ ค ว า ม เร่มิ ตน้ จนสาเรจ็ คดิ เห็นของผอู้ ่นื C6 การใช้ สืบค้นข้อมูลทาง สามารถสืบค้นข้อมูลทาง สามารถสืบค้นข้อมูลทาง ไม่สามารถสืบค้นข้อมูล เ ท ค โ น โ ล ยี อิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต อิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต เ กี่ ย ว กั บ อินเทอร์เน็ตเก่ียวกับลักษณะ ทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับ สารสนเทศ เก่ียว กับ ลักษณะ ลักษณะส่วนต่าง ๆ ของ ส่วนต่าง ๆ ของพืชได้อย่าง ลักษณะของส่วนต่าง ๆ ส่วนตา่ ง ๆ ของพชื พืช ได้อย่างถูกต้องได้ด้วย ถูกต้อง จากการชีแนะของครู ของพืชได้ แม้ว่าจะได้ ตนเอง หรือผ้อู ื่น รับคาชีแนะจากครูหรือ ผ้อู ื่น สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
161 คูม่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิ่งมีชวี ติ กิจกรรมท้ายบทท่ี 1 เรียนรแู้ บบนักวทิ ยาศาสตร์ (1 ช่วั โมง) 1. ครูให้นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้จากบทนี ในแบบบันทึก กจิ กรรม หน้า 61 2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ของตนเองโดยเปรียบเทียบกับผัง มโนทัศน์ในหวั ข้อ รอู้ ะไรในบทนี้ ในหนังสือเรียน หนา้ 73 3. นักเรียนกลบั ไปตรวจสอบคาตอบของตนเองในสารวจความรู้ก่อนเรียน ใน แบบบันทึกกิจกรรม หน้า 34-35 อีกครัง ถ้าคาตอบของนักเรียนไม่ถูกต้อง ให้ขีดเส้นทับข้อความเหล่านัน แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง หรืออาจแก้ไขคาตอบ ด้วยปากกาท่ีมีสีต่างจากเดิม นอกจากนีครูอาจนาคาถามในรูปนาบทใน หนงั สอื เรยี น หนา้ 40 มารว่ มกันอภปิ รายคาตอบอีกครัง ดังนี “ในรูปนาบท มสี ่ิงมีชวี ิตอะไรบา้ ง และแต่ละชนิดจัดอยใู่ นกลุ่มใด” ครูและนกั เรียนร่วมกัน อภิปรายแนวทางการตอบคาถาม เช่น ในรูปมีมอส เห็ด และแมลงเต่าทอง มอสจัดเป็นพืชไม่มีดอก เห็ดจัดเป็นกลุ่มท่ีไม่ใช่สัตว์และพืช ส่วนแมลง เตา่ ทองจดั อยใู่ นกลุ่มสัตวไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั 4. นักเรียนทา แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1 สิ่งมีชีวิตรอบตัว นาเสนอคาตอบหน้า ชันเรียน ถ้าคาตอบยังไม่ถูกต้องครูควรนาอภิปรายหรือให้สถานการณ์ เพมิ่ เตมิ เพอื่ แกไ้ ขแนวคิดคลาดเคลอื่ นให้ถูกต้อง 5. นักเรยี นรว่ มกนั ทากิจกรรม รว่ มคิด รว่ มทา โดยเลือกสัตว์มีกระดูกสันหลัง ท่ีสนใจ 1 ชนิดมาสรา้ งแบบจาลองตัวสัตว์ให้มีกระดูกสันหลังในแบบจาลอง ดว้ ย โดยใชด้ นิ นามันและหลอดดูด จากนันนามาจัดแสดง สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สิง่ มีชีวิต 162 สรปุ ผลการเรยี นรู้ของตนเอง รูปหรือข้อความสรุปส่ิงทไี่ ด้เรียนรจู้ ากบทน้ตี ามความเข้าใจของนกั เรียน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
163 คู่มือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่งิ มีชวี ติ แนวคาตอบในแบบฝึกหัดทา้ ยบท สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 ส่ิงมีชีวิต 164 พชื สตั ว์ 2 7 8 11 4 6 9 10 12 13 14 เป็นสิง่ มชี ีวิตที่สรา้ งอาหาร 15 16 เองได้ แตเ่ คลอ่ื นทีไ่ มไ่ ด้ เปน็ สิง่ มีชีวติ ที่เคลื่อนท่ีได้ แต่สร้างอาหารเองไมไ่ ด้ ทไี่ มใ่ ชพ่ ชื และสัตว์ 135 เป็นสง่ิ มชี ีวติ ที่สร้างอาหาร เองไมไ่ ด้ และเคลอ่ื นทไี่ มไ่ ด้ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
165 คูม่ อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิ่งมีชีวติ มีปกี ไมม่ ปี ีก มคี รบี ไมม่ คี รีบ นกกระจอกเทศ เสือ ปลาทู กง้ิ ก่า อึ่งอา่ ง สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 ส่งิ มีชีวิต 166 ใช้การมดี อกเป็นเกณฑ์ เพราะพชื 2 กลุ่มนี้ แตกตา่ งกันท่กี ารมดี อก ปรง เฟิน มอส เปน็ พชื ไม่มดี อก ส่วนทานตะวัน ชบา บานบรุ ีเป็นพืชดอก สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
167 คู่มือครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่งิ มีชีวิต บทท่ี 2 สว่ นต่าง ๆ ของพืชดอก จุดประสงค์การเรยี นร้ปู ระจาบท เม่ือเรยี นจบบทนี้ นักเรยี นสามารถบรรยายหนา้ ที่ของส่วน ต่าง ๆ ของพชื ดอก ได้แก่ ราก ลาต้น ใบ และดอก แนวคดิ สาคัญ พืชดอกประกอบด้วยราก ลาต้น ใบและดอก โดยแต่ ละส่วนมหี นา้ ทแี่ ตกต่างกนั บทนม้ี อี ะไร เร่ืองท่ี 1 หนา้ ที่ส่วนต่าง ๆ ของพืชดอก คาสาคัญ การสงั เคราะห์ด้วยแสง (photosynthesis) กิจกรรมที่ 1.1 รากและลาต้นของพืชทาหน้าที่ อะไร กจิ กรรมที่ 1.2 ใบของพชื ทาหน้าทอี่ ะไร กิจกรรมที่ 1.3 ดอกของพืชทาหน้าทอ่ี ะไร สื่อการเรยี นร้แู ละแหล่งเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น ป. 4 เลม่ 1 หน้า 77-100 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป. 4 เลม่ 1 หน้า 66-86 สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่งิ มชี ีวิต 168 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 รหสั ทักษะ กจิ กรรมท่ี 1.1 1.2 1.3 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S2 การวัด S3 การใช้จานวน S4 การจาแนกประเภท S5 การหาความสมั พันธ์ระหวา่ ง สเปซกบั สเปซ สเปซกบั เวลา S6 การจดั กระทาและสอ่ื ความหมายข้อมลู S7 การพยากรณ์ S8 การลงความเหน็ จากข้อมลู S9 การตง้ั สมมตฐิ าน S10 การกาหนดนยิ ามเชิงปฏิบัติการ S11 การกาหนดและควบคุมตวั แปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ S14 การสร้างแบบจาลอง ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 C1 การสรา้ งสรรค์ C2 การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ C3 การแกป้ ัญหา C4 การสอ่ื สาร C5 ความรว่ มมอื C6 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
169 คู่มือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิ่งมีชวี ติ แนวคดิ คลาดเคลอ่ื น ครบู ันทึกแนวคิดที่ไดจ้ ากการฟงั การสนทนาและการอภปิ ราย เพ่อื นาไปใช้ในการจดั การเรยี นร้ใู ห้สามารถแก้ไขแนวคดิ คลาดเคลอ่ื นและต่อยอดแนวคิดท่ีถูกต้อง แนวคดิ คลาดเคลอ่ื น แนวคดิ ท่ีถูกตอ้ ง รากพืชดดู อาหารขนึ้ มาจากดิน พชื จงึ จาเป็นต้องเจริญเติบโต รากพชื ดูดน้ามาใชใ้ นการสรา้ งอาหารของพชื ซ่ึงพชื สามารถ อยูใ่ นดิน (Barman et al., 2006) เจริญเติบโตและดารงชีวติ อยู่ได้ทง้ั ที่มดี นิ และไมม่ ีดนิ แตใ่ น บรเิ วณท่ีเจรญิ เติบโตนน้ั ต้องมีน้า ใบมหี นา้ ทดี่ ดู น้าฝน (Barman et al., 2006) ใบมีหน้าท่สี ร้างอาหารโดยการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ปยุ๋ คอื อาหารของพืช (Barman et al., 2006) ปุ๋ยเป็นธาตุอาหารของพืช อาหารของพืชคือน้าตาลที่พืชสร้างขึ้น เอง พชื สังเคราะหด์ ว้ ยแสงตอนกลางวนั และหายใจตอนกลางคืน พืชสงั เคราะหด์ ้วยแสงเม่ือไดร้ ับแสง แต่พืชจะหายใจตลอดเวลาที่ (Barman et al., 2006) พืชมีชีวิตอยู่ พชื หายใจนาแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดเ์ ข้า และหายใจออก พชื ใชแ้ กส๊ ออกซเิ จนในการหายใจและปล่อยแก๊ส ปล่อยแก๊สออกซิเจนออกสสู่ ิง่ แวดลอ้ ม(Barman et al., คารบ์ อนไดออกไซด์ออกมาเหมอื นสงิ่ มีชวี ติ ชนดิ อ่นื ๆ 2006) นา้ จากอากาศจะเข้าสใู่ บพชื ระหวา่ งกระบวนการสังเคราะห์ น้าเขา้ สพู่ ืชผา่ นทางราก และเมือ่ มีการสังเคราะห์ด้วยแสงพืชจะ ดว้ ยแสง (Barman et al., 2006) ปล่อยนา้ สว่ นท่ีเหลอื ออกทางปากใบ การสงั เคราะหด์ ้วยแสงไม่จาเป็นต้องใชน้ ้า (Köse, 2008) การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงต้องใช้น้า พชื ไดร้ ับนา้ และอาหารจากดิน (Köse, 2008) พชื ได้รับน้าจากดินหรอื วัสดทุ ่ีพืชเจริญอยู่ผา่ นทางราก และได้รับ อาหารจากการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง หน้าท่หี ลักของใบ คือ การดูดซบั นา้ จากฝนและอากาศ หน้าท่ีของใบคือสรา้ งอาหารโดยการสังเคราะห์ด้วยแสง (Köse, 2008) หน้าทห่ี ลกั ของใบพชื คอื สร้างแกส๊ ออกซิเจน และแก๊ส หน้าทขี่ องใบคือสรา้ งอาหารโดยการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ซงึ่ การ คารบ์ อนไดออกไซด์ (Köse, 2008) สงั เคราะห์ดว้ ยแสงจาเปน็ ตอ้ งใชแ้ กส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ น้า แสง และคลอโรฟลิ ล์ ไดผ้ ลผลติ เป็นน้าตาล และแกส๊ ออกซิเจน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มีชีวติ 170 บทน้ีเรมิ่ ตน้ อย่างไร (1 ชวั่ โมง) ค รู รั บ ฟั ง เ ห ตุ ผ ล ข อ ง นักเรียนเป็นสาคัญ ครูยังไม่ 1. ครูทบทวนความร้พู น้ื ฐานของนกั เรียนเก่ียวกับส่วนต่าง ๆ ของพืช และการ เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้ ดารงชีวิตของพืช โดยอาจนาตัวอย่างพืชทั้งต้นหรือ รูปพืชทั้งต้นมาให้ หาคาตอบที่ถูกต้องจากกิจกรรม นักเรยี นสงั เกต และใช้คาถามในการอภปิ รายดงั นี้ ตา่ ง ๆ ในบทเรียนนี้ 1.1 พืชประกอบดว้ ยส่วนใดบ้าง (ราก ลาตน้ ใบ ดอก และอาจมีผล) 1.2 พืชมีกิจกรรมใดบ้างในขณะท่ีพืชดารงชีวิตอยู่ (สืบพันธุ์ หายใจ สร้าง อาหาร ขบั ถ่าย เคล่อื นไหว ตอบสนองต่อสิ่งเรา้ ) 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเร่ืองหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ของพืช โดยแจกบัตรคา กิจกรรมต่าง ๆ ที่พืชทาเพ่ือการดารงชีวิต จากน้ันให้นักเรียนนาบัตรคา กิจกรรมท่ีพืชทาติดให้ตรงกับส่วนต่าง ๆ ของพืช ครูตรวจสอบคาตอบของ นักเรียน โดยใช้คาถามในการอภิปรายดงั น้ี 2.1 พืชใช้ส่วนใดในการสืบพันธุ์ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ดอก ใบ ลาตน้ ราก) 2.2 พืชใช้ส่วนใดในการหายใจ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ใบ ลา ต้น ราก) 2.3 พืชใชส้ ่วนใดในการสร้างอาหาร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ใบ ลาต้น) 2.4 พืชใช้ส่วนใดในการขับถ่าย (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ใบ ลา ตน้ ราก) 2.5 พืชใช้ส่วนใดในการตอบสนองต่อส่ิงเร้า (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น ใบ ลาตน้ ) ครูยังไม่เฉลยคาตอบ หากพบว่านักเรียนมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องหรือ คลาดเคลื่อน ให้ครูบันทึกคาตอบเหล่าน้ันไว้เพื่อนากลับมาอภิปรายอีกครั้ง หลงั เรยี นจบกจิ กรรมในบทเรยี นนี้ 3. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเร่ืองการทาหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ของพืช โดยให้ นักเรียน อ่านชื่อหน่วย ช่ือบท และอ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ประจาบท ในหนังสือเรียนหน้า 77 จากน้ันครูใช้คาถามว่า เม่ือจบบทเรียนนักเรียนจะ สามารถทาอะไรได้บ้าง (สามารถบรรยายหน้าท่ีของราก ลาต้น ใบ ดอก ของพชื ดอกได้) 4. นักเรียนอา่ นช่ือบทและแนวคิดสาคัญ ในหนังสือเรียนหน้า 78 และซักถาม ว่าในบทนี้นักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไรบ้าง (ในบทน้ีจะได้เรียนเรื่องหน้าท่ี ส่วนตา่ ง ๆ ของพชื ดอก) สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
171 ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่ิงมีชวี ติ 5. ครูให้นักเรียนสงั เกตรปู และอ่านเนื้อเรื่องในหนงั สอื เรียน หน้า 78 โดยใช้วิธี นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ อ่านตามความเหมาะสม ครูตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอ่านโดยใช้คาถาม คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว ดงั ต่อไปน้ี คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน 5.1 ในรูปนาบทมีพืชอะไรบ้าง (หากนักเรียนตอบไม่ได้ ครูควรให้ข้อมูล คิดอย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง เพิ่มเติม ในรูปน้ีมีพืชท่ีสังเกตได้ชัดเจน คือ ไฮเดรนเยีย กล้วยไม้ เฟิน อดทน และรับฟังแนวความคิด ข้าหลวงหลงั ลาย) ของนักเรียน 5.2 พืชที่เห็นในรูปมีส่วนประกอบใดบ้าง (นักเรียนตอบตามสิ่งท่ีสังเกตได้ คือ ไฮเดรนเยียและกล้วยไม้ มีลาต้น ใบ ดอก ส่วนเฟินมีลาต้นแต่ไม่มี การเตรยี มตัวล่วงหนา้ สาหรบั ครู ดอก) เพอื่ จดั การเรยี นรู้ในครง้ั ถัดไป 5.3 นักเรียนคิดว่าเม่ือเวลาผ่านไป เฟินจะมีดอกหรือไม่ เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามประสบการณ์เดิม เช่น ไม่มีดอก เพราะเฟินเป็นพืช ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได้เรียน ไมม่ ดี อก) เร่ืองท่ี 1 หน้าที่ส่วนต่าง ๆ ของพืชดอก 5.4 พืชที่เราไม่เห็นดอก เป็นพืชไม่มีดอกเสมอไปหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ โดยครจู ดั เตรียมสื่อการสอนเพื่อใช้ในการ เสมอไป เพราะพืชบางชนิดออกดอกเฉพาะช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ได้ออก นาเข้าสู่บทเรียน เช่น ภาพเคลื่อนไหว ดอกตลอดทั้งปี หรือบางชนดิ ใชเ้ วลาหลายปีจึงจะออกดอก) หรอื วีดทิ ัศน์ของต้นกาบหอยแครงท่ีกาลัง 5.5 ดอกของพืชทาหน้าท่ีอะไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ เช่น หุบใบจับสตั ว์ เชน่ แมลง มด เปน็ อาหาร สืบพนั ธ์)ุ 6. ครูชักชวนนักเรียนทากิจกรรมสารวจความรู้ก่อนเรียน โดยซักถามถึงส่ิงที่ นกั เรยี นรู้เกีย่ วกบั หนา้ ท่สี ่วนต่าง ๆ ของพชื ดอก 7. นักเรียนทากิจกรรมสารวจความรกู้ ่อนเรยี น ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หน้า 66 โดยอ่าน ชอื่ หน่วย ช่ือบท 8. นักเรียนอ่านคาถาม จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเก่ียวกับ คาถามแต่ละขอ้ จนแนใ่ จวา่ นกั เรยี นสามารถทาได้ด้วยตนเอง จึงให้นักเรียน ตอบคาถาม โดยคาตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน และคาตอบอาจถูก หรอื ผิดกไ็ ด้ 9. ครูสังเกตการตอบคาถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมีแนวคิด เกี่ยวกับหน้าท่ีส่วนต่าง ๆ ของพืชดอก และอาหารของพืชอย่างไรบ้าง ครู อาจสุ่มให้นักเรียน 2–3 คน นาเสนอคาตอบของตนเอง โดยครูยังไม่ต้อง เฉลยคาตอบท่ีถูกตอ้ ง แต่จะให้นกั เรียนย้อนกลับมาตรวจคาตอบอีกครั้งหลัง เรียนจบบทน้ีแล้ว ทั้งน้ีครูอาจบันทึกแนวคิดคลาดเคล่ือนหรือแนวคิดที่ นา่ สนใจของนักเรยี น แล้วนามาออกแบบการจัดการเรียนการสอนเพ่ือแก้ไข แนวคิดคลาดเคลอ่ื นใหถ้ ูกตอ้ ง และตอ่ ยอดแนวคิดที่น่าสนใจของนกั เรยี น สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มชี ีวิต 172 แนวคาตอบในแบบบันทึกกิจกรรม การสารวจความรกู้ ่อนเรียน นกั เรียนอาจตอบคาถามถกู หรือผิดก็ได้ขนึ้ อย่กู ับความรเู้ ดมิ ของนักเรียน แตเ่ มื่อเรียนจบบทเรียนแล้ว ให้นักเรยี นกลับมาตรวจสอบคาตอบอีกครั้งและแก้ไขให้ถกู ต้อง ดงั ตัวอย่าง ดอก ใบ สืบพันธุ์ สรา้ งอาหารโดยการ สังเคราะหด์ ้วยแสง ราก ดูดนา้ และธาตอุ าหาร ชูกล่ิงากต้าน้ น ใบ ดอก ผล ลาเลียงน้า ธาตอุ าหาร นา้ ตาล และอาหาร สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
173 คู่มือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 สิ่งมีชวี ิต เรอื่ งที่ 1 หนา้ ท่ีสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื ดอก ในเร่ืองน้ีนักเรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับหน้าที่ส่วน สอื่ การเรียนรู้และแหลง่ เรียนรู้ ต่าง ๆ ของพืชดอก ได้แก่รากมีหน้าที่ดูดน้าและธาตุ อาหาร ส่งไปยังลาต้นจากนั้นลาต้นจะลาเลียงข้ึนไปยัง 1. หนังสือเรียน ป.4 เลม่ 1 หน้า 80–96 ส่วนอื่นๆ รวมถึงใบ ใบจะใช้น้าที่ลาเลียงข้ึนมาจากราก 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.4 เล่ม 1 หน้า 67–83 รวมทั้งแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ คลอโรฟิลล์ในใบ และ แ ส ง ม า ใ ช้ ใ น ก า ร สั ง เ ค ร า ะ ห์ ด้ ว ย แ ส ง ท า ใ ห้ ไ ด้ แ ก๊ ส ออกซิเจนและน้าตาลซึ่งเป็นอาหารของพืช ส่วนดอกของ พืชทาหนา้ ทใี่ นการสบื พนั ธุ์ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สังเกต และบรรยายลักษณะและหน้าที่ของรากและ ลาต้นของพชื ดอก 2. สังเกตลักษณะของใบ และบรรยายหน้าท่ขี องใบ 3. สังเกตส่วนประกอบของดอก รวบรวมข้อมูลและ บรรยายหน้าท่ีของสว่ นตา่ ง ๆ ของดอก 4. อ ภิ ป ร า ย แ ล ะ ส รุ ป ก า ร ท า ห น้ า ท่ี ร่ ว ม กั น ข อ ง สว่ นประกอบของดอก เวลา 7 ชัว่ โมง วสั ดุ อปุ กรณ์สาหรับทากจิ กรรม มีดโกน ต้นเทียน น้าสีแดง แก้วน้า จานเพาะเชื้อ ไม้ขีดไฟ ปากคีบ ดินสอสี กระป๋องทราย แป้งมัน สาปะหลัง จานหลุม ท่ีจับหลอดทดลอง หลอดหยด บกี เกอร์ แปง้ ขา้ วโพด แป้งฝุ่น สารละลายไอโอดีน เอ ทานอล ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ หลอดทดลอง ใบพืช ชนิดต่าง ๆ ท่ีเป็นแผ่นบาง เช่น ใบชบา ใบผักบุ้ง ใบ หญา้ ดอกของพืชชนดิ ต่าง ๆ แวน่ ขยาย สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ค่มู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 ส่ิงมีชีวิต 174 แนวการจดั การเรียนรู้ (60 นาท)ี ข้ันตรวจสอบความรู้ (10 นาที) 1. ครูนาภาพเคล่ือนไหวหรือคลิปวีดิทัศน์ของต้นกาบหอยแครงท่ีกาลังหุบ ในการตรวจสอบความรู้ ครู ใบจบั สตั ว์ เชน่ แมลง มด มาใหน้ ักเรียนดู แล้วใช้คาถามเพื่อให้นักเรียน เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียนและ รว่ มกันอภปิ รายเกี่ยวกบั หน้าทข่ี องใบพชื ดงั น้ี ยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ แต่ชักชวน 1.1 นักเรียนรู้จักส่ิงมีชีวิตในคลิปนี้หรือไม่ (นักเรียนอาจรู้จักหรือไม่ ให้นักเรียนไปหาคาตอบด้วยตนเอง รู้จัก ครูเฉลยว่า ส่ิงมีชีวิตท่ีเห็นในคลิปคือพืช เรียกว่าต้นกาบ จากการอา่ นเนอ้ื เรื่อง หอยแครง) 1.2 แผน่ สเี ขียวทจ่ี ับแมลงของตน้ กาบหอยแครงคอื อะไร (นักเรียนตอบ ตามความเขา้ ใจ) 1.3 เพราะเหตุใดต้นกาบหอยแครงจึงต้องจับแมลง (นักเรียนตอบตาม ความเข้าใจ) 2. ครเู ชือ่ มโยงเร่ืองต้นกาบหอยแครงสกู่ ารเรียนเร่อื งหนา้ ท่สี ่วนต่าง ๆ ของ พืช โดยใช้คาถามว่า นักเรียนอยากรู้หรือไม่ว่าส่วนท่ีใช้จับแมลงของต้น กาบหอยแครงคือส่วนใด และเพราะเหตุใดต้นกาบหอยแครงจึงต้องจับ แมลง ขนั้ ฝกึ ทักษะจากการอา่ น (30 นาท)ี 3. นักเรียนอ่าน ชื่อเร่ืองและคาถามคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียนหน้า 80 แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพ่ือหาคาตอบตามความเข้าใจของกลุ่ม ครู บันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานเพ่ือใช้เปรียบเทียบคาตอบ ภายหลังการอ่านเร่ือง 4. นักเรียนอ่านคาใน คาสาคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หาก นักเรียนอ่านไม่ได้ ครูควรสอนการอ่านให้ถูกต้อง และอาจให้นักเรียน อธิบายความหมายตามความเข้าใจ ครชู กั ชวนให้นักเรียนหาความหมาย ของคาสาคัญภายหลงั จากการอ่านเนอ้ื เรอื่ ง 5. นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องตามวิธีการอ่านท่ีเหมาะสมกับความสามารถของ นักเรียน และร่วมกันอภิปรายใจความสาคญั โดยใช้คาถามดงั น้ี ย่อหนา้ ที่ 1 5.1 พชื แตกต่างจากสัตวอ์ ย่างไร (พืชเคลื่อนท่ีไม่ได้แต่สัตว์ เคล่ือนท่ีได้ พืชสรา้ งอาหารเองได้ แตส่ ตั ว์สร้างอาหารไมไ่ ด้) 5.2 สว่ นใดของพืชที่มหี นา้ ทสี่ ร้างอาหาร (ใบ) สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
175 คู่มอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สง่ิ มีชวี ติ 5.3 ใบของพืชสร้างอาหารโดยใช้กระบวนการใด (การสังเคราะห์ด้วย นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ แสง) คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียนคิด 5.4 นอกจากใบแล้วส่วนอื่นๆ ของพืชมีหน้าที่อะไรบ้าง (รากมีหน้าที่ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่างอดทน ยึดลาต้นและดูดน้า ลาต้นมีหน้าที่ชูก่ิง ก้าน ใบ ดอกมีหน้าท่ี แ ล ะ รั บ ฟั ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง สบื พนั ธ)์ุ นกั เรยี น 5.5 ถา้ พชื ไม่มีราก ลาตน้ ใบ ดอก พืชจะดารงชีวิตอยู่ได้หรือไม่ เพราะ อะไร (ไม่ได้ เพราะดดู น้าไม่ได้ สร้างอาหารไมไ่ ด้ สบื พันธไุ์ ม่ได)้ 5.6 นักเรียนคิดว่าราก ลาต้น ใบ ดอก ทาหน้าท่ีอะไรเพื่อให้พืช ดารงชวี ิตอยู่ได้ (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ) ยอ่ หนา้ ท่ี 2 5.7 ถ้าต้นกาบหอยแครงเจริญเติบโตอยู่ในบริเวณที่ขาดแคลนธาตุ อาหารต้นกาบหอยแครงจะดารงชีวิตอยู่ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (ดารงชีวิตอยู่ได้ เพราะต้นกาบหอยแครงมีใบที่ใช้จับแมลงมาย่อย สลายและอาศยั ธาตอุ าหารจากตัวแมลงนน้ั ได้) 5.8 ธาตุอาหารของพืชคืออะไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ครูควร ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า ธาตุอาหารพืช คือ ธาตุท่ีอยู่ในดิน เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ซ่ึงมีประโยชน์ทาให้พืช เจรญิ เติบโตได้อยา่ งปกตไิ มเ่ ปน็ โรค) 5.9 ต้นกาบหอยแครงมใี บหรอื ไม่ (มี) 5.10 ใบของต้นกาบหอยแครงมีลักษณะอย่างไร (มีแผ่นใบ 2 แผ่น ท่ี ขอบใบมีเสน้ คล้ายหวี แผน่ ใบทัง้ สอง สามารถประกบกนั ได)้ 5.11รู้หรือยังวา่ ต้นกาบหอยแครงใช้ส่วนใดในการจบั แมลง (ใบ) 5.12รู้หรือยังว่าเพราะเหตุใดต้นกาบหอยแครงต้องจับแมลง (เพราะ ตอ้ งการธาตุอาหารมาใชใ้ นการเจริญเตบิ โต ให้เปน็ ไปอยา่ งปกติ) 5.13ใบของต้นกาบหอยแครงสร้างอาหารได้หรือไม่ เพราะเหตุใด(ได้ เพราะมีสเี ขยี ว) ขั้นสรปุ จากการอา่ น (20 นาที) 6. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพือ่ ให้ได้ข้อสรุปวา่ ส่วนต่าง ๆ ของพืชมี หน้าท่ีแตกต่างกัน โดยรากมีหน้าที่ดูดน้า ลาต้น มีหน้าท่ีชูก่ิง ก้าน ใบ ใบทาหน้าทสี่ ร้างอาหารโดยการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 7. นกั เรียนตอบคาถามจากเร่ืองท่ีอ่านใน รู้หรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 67 สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คูม่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่งิ มชี ีวิต 176 8. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบคาตอบของนักเรียนใน รหู้ รือยังกับคาตอบท่เี คยตอบในคดิ ก่อนอ่านซงึ่ ครูบนั ทึกไว้บนกระดาน 9. ครูชักชวนนักเรียนลองตอบคาถามท้ายเร่ืองท่ีอ่านว่าอาหารที่พืชสร้าง ขึ้นคืออะไร โดยครูบันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานและชักชวน ให้นกั เรียนหาคาตอบจากการทากิจกรรม การเตรียมตัวลว่ งหน้าสาหรบั ครู เพอ่ื จดั การเรยี นรู้ในครง้ั ถดั ไป ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้ทากิจกรรมท่ี1.1 ราก และลาต้นของพืชดอกทาหน้าที่อะไร โดยการสังเกตการ เคล่ือนที่ของน้าสีแดงในต้นเทียน ครูควรเตรียมส่ือสาหรับ จัดการเรยี นการสอนดังน้ี 1. ภาพพชื ทง้ั ตน้ มีราก ลาตน้ ใบ 2. ภาพพืชทไ่ี ม่มรี าก แต่มลี าต้น และใบ 3. ต้นเทียนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ล้างรากต้นเทียนและผึ่งลมไว้ ประมาณ 1-2 ชัว่ โมงกอ่ นเรยี น สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
177 คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มีชีวิต แนวคาตอบในแบบบันทึกกิจกรรม ส่วนต่าง ๆ ของพืชดอก ประกอบด้วย ราก ลาต้น ใบ และดอก โดยรากมีหน้าที่ ยึดลาต้นและดูดน้า ลาต้นมีหน้าท่ีชูกิ่ง ก้าน ใบ ใบมีหน้าท่ีสร้างอาหารด้วยการ สังเคราะหด์ ้วยแสง ดอกมหี นา้ ทส่ี บื พนั ธ์ุ เพราะส่วนใหญ่ต้นกาบหอยแครงจะอาศัยอยู่ในบริเวณที่ดินขาดธาตุอาหารซึ่ง จาเป็นต่อการเจริญเติบโต ทาให้ต้นกาบหอยแครงต้องหาธาตุอาหารจากแหล่ง อนื่ ซึง่ ได้จากการยอ่ ยสลายสตั ว์ที่ดักจบั ได้โดยการหบุ ใบเขา้ หากนั ได้ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 ส่งิ มชี ีวิต 178 กจิ กรรมท่ี 1.1 รากและลาต้นของ พชื ทาหน้าทีอ่ ะไร กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้สังเกตต้นเทียนและการ เคลอื่ นทข่ี องน้าสเี ขา้ สตู่ น้ เทียน เพื่อบรรยายลักษณะและ หน้าทข่ี องรากและลาต้นของพชื ดอก เวลา 2 ชวั่ โมง จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สงั เกต บรรยายลักษณะและหนา้ ทขี่ องรากและลาตน้ ของพืชดอก วัสดุ อุปกรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม สง่ิ ที่ครตู ้องเตรียม/กลมุ่ 1. มีดโกน 1 เลม่ 2. แว่นขยาย 1-2 อนั 3. ตน้ เทียน 1 ตน้ ส่อื การเรยี นรู้และแหล่งเรียนรู้ 4. ดินสอสี 1 กล่อง 1. หนงั สอื เรียน ป.4 เลม่ 1 หนา้ 82-82 5. นา้ สแี ดง 150 ลู ก บ า ศ ก์ 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม ป.4 เล่ม 1 หน้า 68-73 เซนตเิ มตร 3. ตวั อยา่ งวดี ิทศั น์ปฏิบตั ิการวทิ ยาศาสตรเ์ ร่อื งรากและ 6. แกว้ น้าหรือภาชนะใส 1 ใบ ลาตน้ ของพชื ทาหนา้ ที่อะไรบ้าง ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ http://ipst.me/8052 S1 การสงั เกต S6 การจัดกระทาและส่อื ความหมายข้อมูล S8 การลงความเห็นจากข้อมูล ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 C4 การสือ่ สาร C5 ความรว่ มมือ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
179 คู่มือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 ส่งิ มีชีวิต แนวการจัดการเรยี นรู้ ในการตรวจสอบความรู้ ครู เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียน 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับลักษณะและหน้าที่รากและลาต้นของพืช เป็นสาคัญ และยังไม่เฉลย โดยให้นักเรียนสังเกตภาพพืช 2 ภาพ ภาพที่ 1 เป็นภาพพืชท่ีมีราก ลาต้น คาตอบใด ๆ ให้กับนักเรียน แต่ และใบ ส่วนภาพที่ 2 เป็นภาพพืชที่มีลาต้น มีบ แต่ไม่มีราก จากน้ันให้ ชักชวนนักเรียน ไปหาคาตอบท่ี นักเรียนรว่ มกันอภิปรายโดยใช้คาถามดงั นี้ ถูกต้องจากกิจกรรมต่าง ๆ ใน 1.1 พืชทั้ง 2 ภาพนี้มีส่ิงใดเหมือนกัน และมีสิ่งใดแตกต่างกันบ้าง (มีลาต้น บทเรียนน้ี และใบเหมอื นกัน แตต่ ้นหน่ึงมรี าก อีกต้นไม่มรี าก) 1.2 พืชทั้ง 2 ภาพนี้ต้นใดสามารถดารงชีวิตได้นานกว่า เพราะเหตุใด (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ) 1.3 รากทาหน้าที่อะไร (ดูดน้า) 1.4 ถ้าตัดลาต้นของพืชออกไป พืชจะดารงชีวิตอยู่ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ) 1.5 ลาต้นทาหน้าทอ่ี ะไร (ชกู ิ่ง กา้ น ใบ) 2. ครูใช้คาถามเพื่อเช่ือมโยงความรู้เดิมของนักเรียนเข้าสู่กิจกรรมท่ี 1.1 โดย ถามนกั เรยี นว่ารากดูดนา้ ได้อย่างไร และนอกจากลาต้นจะทาหน้าที่การชูกิ่ง ก้าน ใบ แล้วยังทาหน้าทีอ่ ะไรไดอ้ ีก 3. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น โดยร่วมกันอภิปรายเพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดังน้ี 3.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเ้ รียนเรื่องอะไร (หน้าทข่ี องรากและลาตน้ ) 3.2 นักเรียนจะได้เรียนรเู้ รอ่ื งนี้ดว้ ยวิธีใด (การสังเกต) 3.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (บรรยายลักษณะและหน้าที่ของ รากและลาตน้ ของพชื ) 4. นักเรียนบันทกึ จุดประสงค์ลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม หน้า 68 และ อ่านสิ่งที่ ต้องใช้ ในการทากจิ กรรม และครนู ามาแสดงให้นกั เรียนดทู ลี ะอย่าง 5. นักเรียนอ่าน ทาอย่างไร ทีละข้อ โดยฝึกอ่านตามความเหมาะสม จากนั้น ร่วมกนั อภปิ รายเพ่ือสรุปลาดบั ขั้นตอนการทากจิ กรรม โดยใช้คาถามต่อไปนี้ ครอู าจช่วยเขยี นสรุปเปน็ ขั้นตอนส้นั ๆ บนกระดาน 5.1 พชื ท่ใี ช้ในกิจกรรมนี้คอื ต้นอะไร (เทียนหรือเทียนบา้ น) 5.2 นักเรียนเตรียมต้นเทียนอย่างไร และต้องสังเกตอะไรบ้าง (ล้างรากต้น เทียนใหส้ ะอาด และสงั เกตลกั ษณะของรากและลาต้น) สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 สิง่ มชี ีวิต 180 5.3 นักเรียนบันทึกผลการสังเกตลักษณะของรากและลาต้น ด้วยวิธีใด ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม (วาดภาพระบายส)ี 1. ในกรณีที่ไม่มีต้นเทียนสามารถใช้ 5.4 นักเรียนต้องคาดคะเนเก่ียวกับเรื่องอะไร (คาดคะเนว่าจะเกิดอะไรข้ึน ต้นผักกาดขาวหรือข้ึนฉ่ายฝรั่งที่มี เมอ่ื แชร่ ากและลาต้นของต้นเทียนในน้าสแี ดง) รากแทนได้ 5.5 นักเรยี นต้องแชต่ ้นเทยี นในน้าสีแดงเป็นเวลานานเท่าไร และระหว่างท่ี 2. เ ลื อ ก ต้ น เ ที ย น ที่ มี เ ส้ น ผ่ า น แช่ต้นเทียนในน้าสีแดงนักเรียนต้องทาอะไร (แช่ต้นเทียนในน้าสีแดง ศูนยก์ ลางประมาณ 1 เซนติเมตร นาน 1 ช่ัวโมง และต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงของต้นเทียนเม่ือแช่ใน น้าสีแดงนาน 30 นาที และ 1 ชั่วโมง) 3. ค ว ร ง ด น้ า ต้ น เ ที ย น ก่ อ น ท า กิจกรรมประมาณ 1 วัน เพ่ือให้ 5.6 เม่ือครบ 1 ช่ัวโมงนักเรียนต้องทาอะไร (นาต้นเทียนข้ึนจากน้าสีแดง ต้นเทียนต้องการน้า ทาให้ใช้เวลา ตัดรากและลาต้นของต้นเทียนตามยาวและตามขวาง สังเกตลักษณะ ในการดดู น้าเร็วขน้ึ ภายในของรากและลาต้นด้วยแวน่ ขยาย บันทกึ ผล) 4. เตรยี มน้าสแี ดงโดยใชน้ ้าเปลา่ ผสม 5.7 การตัดรากและลาต้นตามยาวและตามขวางมีวิธีการอย่างไร (นักเรียน กั บ สี ผ ส ม อ า ห า ร สี แ ด ง ใ น ตอบตามความเข้าใจ โดยครูอาจสาธิตวิธีการตัดเน้ือเยื่อ และกาชับให้ อัตราส่วน 10:0.5 ใชใ้ บมดี โกนอยา่ งระมดั ระวงั ) 5.8 เม่ือทากิจกรรมเสร็จแล้ว นักเรียนต้องอภิปรายเก่ียวกับเร่ืองอะไร (อภปิ รายเกี่ยวกับลกั ษณะ และหน้าทีข่ องรากและลาตน้ ของพชื ) 6. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ครูแจกอุปกรณ์ให้ นกั เรยี น และนักเรยี นจะไดป้ ฏบิ ตั ิตามขัน้ ตอน ดังน้ี 6.1 สังเกตลักษณะภายนอกของรากและลาต้นของต้นเทียน บันทึกผล (S1) 6.2 คาดคะเนการเปล่ยี นแปลงของต้นเทียนเมอ่ื นาไปแช่ในน้าสแี ด ง 6.3 แช่ต้นเทียนในน้าสีแดง และสังเกตการเปลี่ยนแปลงของต้นเทียนท่ี เวลา 30 นาที และ 1 ช่วั โมง (S1) 6.4 ตัดรากและลาต้นของต้นเทียนตามยาวและตามขวาง สังเกตลักษณะ ภายในของรากและลาต้น (S1) โดยครูกาชับให้ใช้ใบมีดโกนด้วยความ ระมัดระวัง 6.5 วาดภาพลักษณะภายในของรากและลาต้น (S6) 6.6 อภิปรายหน้าทีข่ องรากพืชจากข้อมูลการสังเกตต้นเทียน และนาเสนอ (C4, C5) 6.7 ร่วมกนั ลงความเห็นเก่ียวกบั หน้าทขี่ องราก (S8) 7. หลังจากทากิจกรรมแล้ว ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดังต่อไปน้ี สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
181 ค่มู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 ส่งิ มีชีวิต 7.1 ก่อนนาตน้ เทยี นแชใ่ นนา้ สแี ดง รากและลาต้นมีลักษณะอย่างไร (รากมี นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ สีขาว ประกอบด้วยเส้นจานวนมาก ส่วนลาต้นมีลักษณะเป็นท่อตรงสี คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว เขียวใส) คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน คดิ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง 7.2 เม่ือนาต้นเทียนไปแช่น้าสีแดง เกิดการเปล่ียนแปลงอย่างไร (น้าสีแดง อดทน และรับฟังแนวความคิด เคลื่อนท่ีเข้าสู่ต้นเทียนผ่านทางราก เคลื่อนท่ีต่อไปที่ลาต้น และ ของนกั เรียน ลาเลียงขึ้นไปจนถึงใบและดอก ซึง่ จะเหน็ เปน็ เส้นสีแดงยาวตดิ ต่อกัน) 7.3 การเปล่ียนแปลงของต้นเทียนหลังจากแช่น้าสีแดงเป็นไปตามท่ี คาดคะเนหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามการคาดคะเนและผลจาก การสังเกต เช่น เป็นไปตามท่ีคาดคะเน คือเมื่อแช่ต้นเทียนในน้าสีแดง น้าสีแดงจะเคล่ีอนท่ีเข้าสู่รากและเคลื่อนท่ีจากรากผ่านลาต้นข้ึนไปยัง สว่ นอื่น ๆ ของตน้ เทียน) 7.4 เม่อื ตัดรากและลาตน้ ตามขวาง นักเรียนสังเกตเห็นอะไร (สงั เกตเห็นว่า รากมีส่วนที่ติดสีแดงเป็นกลุ่มอยู่บริเวณส่วนกลางของราก ส่วนลาต้น จะมีสว่ นทีต่ ิดสแี ดงเขม้ เปน็ กลมุ่ ๆ เรยี งเป็นวงรอบลาต้น) 7.5 เม่ือตัดรากและลาต้นตามยาว นักเรียนสังเกตเห็นอะไร (สังเกตเห็นว่า รากมีส่วนที่ติดสีแดงเป็นเส้นยาวข้ึนไปจนถึงลาต้น ส่วนลาต้นมีส่วนที่ ติดสีแดงเป็นเส้นยาวตลอดความยาวของลาต้น และมีส่วนที่แยกเข้าสู่ กง่ิ และใบ) 7.6 สแี ดงที่ติดเป็นเสน้ ยาวในรากและตาต้นคืออะไร (นา้ สแี ดง) 7.7 นา้ สแี ดงน่าจะแทนส่ิงใดในดิน (นา้ และธาตุอาหารในดิน) 7.8 สรุปได้ว่ารากและลาต้นทาหน้าท่ีอะไร (รากทาหน้าท่ีดูดน้าและธาตุ อาหารจากดิน ส่วนลาต้นทาหน้าท่ีลาเลียงน้าและธาตุอาหาร ไปยัง ส่วนตา่ ง ๆ ของพชื ) 7.9 พืชมีทิศทางในการลาเลียงน้าและธาตุอาหารไปในทิศทางใด (การ ลาเลยี งนา้ และธาตุอาหารมีทศิ ทางจากด้านล่างข้ึนสดู่ ้านบน) 8. ครูสามารถแนะนาให้นักเรียนใช้แอฟลิเคชันสาหรับการสังเกตภาพเสมือน จริง (AR) การดูดและลาเลยี งนา้ สีแดงของต้นเทยี นในหนังสือเรียน หน้า 83 9. ครูอาจให้ข้อมลู เพ่ิมเติมวา่ รากพชื จะมีขนเส้นเล็ก ๆ อยู่บริเวณที่ถัดข้ึนมา จากปลายราก เรียกว่า ขนราก ซ่ึงเป็นการเพ่ิมพื้นที่ในการสัมผัสกับดิน และน้าในดิน ทาให้พืชดูดน้าเข้าสู่รากได้มากขึ้น และส่วนท่ีติดสีแดงใน รากและลาต้น คือ ท่อลาเลียงน้าหรือไซเล็ม (xylem) ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์ท่ี เรยี งต่อกนั เป็นทอ่ จากรากไปสู่สว่ นอนื่ ๆ ท่ัวลาต้น สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 ส่งิ มีชีวิต 182 10. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายและลงขอ้ สรุปวา่ รากของพืชมีหน้าท่ีดูดน้า และธาตุอาหาร และลาเลียงไปยังลาต้น ลาต้นของพืชมีหน้าที่ลาเลียงน้า และธาตุอาหารข้ึนไปยังส่วนอ่นื ๆ ของพชื (S13) 11. นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้คาถาม เพิ่มเตมิ ในการอภปิ รายเพื่อใหไ้ ดแ้ นวคาตอบที่ถูกต้อง 12. นักเรียนสรปุ สิ่งที่ไดเ้ รียนรใู้ นกิจกรรมนี้ จากนั้นครูให้นักเรียนอ่าน สิ่งที่ได้ เรียนรู้ และเปรียบเทียบกบั ข้อสรุปของตนเอง 13. ครกู ระตนุ้ ให้นักเรยี นฝึกต้ังคาถามเกี่ยวกบั เร่อื งท่สี งสัยหรืออยากร้เู พ่ิมเติม ใน อยากรอู้ ีกว่า จากนั้นครอู าจสมุ่ นกั เรยี น 2 -3 คน นาเสนอคาถามของ ตนเองหนา้ ชนั้ เรียน และใหน้ กั เรยี นรว่ มกันอภิปรายเกย่ี วกับคาถามท่ี นาเสนอ 14. ครูนาอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างในข้ันตอนใด แล้วให้ บันทกึ ในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา้ 72 15. ครูอาจชักชวนนักเรียนร่วมกันอภิปรายคาถาม ชวนคิด ในหนังสือเรียน หน้า 84 โดยให้นักเรยี นไปสบื คน้ ข้อมูลจากแหลง่ ตา่ ง ๆ เพอื่ หาคาตอบ การเตรยี มตัวล่วงหน้าสาหรบั ครู เพือ่ จัดการเรยี นรใู้ นครงั้ ถดั ไป ในครั้งถัดไป นักเรียนจะได้ทากิจกรรม 1.2 ใบของพืช ทาหน้าที่อะไร โดยครเู ตรียมส่ือเพื่อจดั การเรยี นการสอน ดังน้ี 1. เตรียมใบพืช 3 ชนิด ที่มีรูปร่างแตกต่างกันให้เพียงพอต่อ การใช้ทากิจกรรมของนักเรียนทุกกลุ่ม โดยใบพืชต้อง ไดร้ บั แสงอย่างนอ้ ย 2-3 ช่ัวโมงก่อนเด็ดมาทากิจกรรม 2. เตรียมตรวจเช็คอุปกรณ์สาหรับต้มและสกัดคลอโรฟิลล์ ออกจากใบพืชให้ใช้งานได้และเพียงพอตอ่ การทากจิ กรรม สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
183 คูม่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 สงิ่ มีชีวติ แนวคาตอบในแบบบันทกึ กิจกรรม สังเกต บรรยายลักษณะและหน้าที่ของรากและลาตน้ ของพชื ดอก รากสีขาว เปน็ เส้นยาว มจี านวนมาก ที่โคนมขี นาดใหญก่ ว่าส่วนปลาย เปน็ สแี ดง ลาต้นกลม ตรง สเี ขียว มกี ง่ิ เห็นเปน็ เสน้ สแี ดงตามแนวยาวของ ลาต้น สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มีชีวิต 184 นา้ สเี ข้าสู่รากพืช เหน็ รากและลาตน้ นา้ สเี ขา้ สรู่ ากพชื เหน็ รากและลาตน้ มเี สน้ สีแดงอย่ภู ายในประมาณครงึ่ ตน้ มีเสน้ สีแดงอย่ภู ายใน และเห็นเสน้ ใบ เป็นสีแดง มเี สน้ สแี ดงอยู่บรเิ วณกลาง มีสแี ดงตดิ เป็นกลุ่มอยบู่ รเิ วณ ราก กลางราก มีเสน้ สีแดงอยู่บริเวณขอบของ มีสแี ดงตดิ อยู่เปน็ กลมุ่ ๆ เรียง ลาต้น เป็นวงรอบลาต้น สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
185 ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิง่ มีชีวติ แตกตา่ งกัน รากมีสีขาว ลกั ษณะเปน็ เสน้ ทโี่ คนจะกว้างกวา่ ส่วนปลาย แต่ลาตน้ มีสีเขียว ลกั ษณะกลมยาว นักเรียนตอบตามการคาดคะเนและผลจากการสงั เกต เช่น เปน็ ไปตามทีค่ าดคะเน คอื เมื่อแช่ตน้ เทียนในน้าสแี ดง นา้ สีแดงจะเคลีอ่ นที่เข้าสรู่ ากและเคล่ือนที่จากราก ผ่านลาตน้ ขึ้นไปยงั ส่วนอื่น ๆ แตกต่างกัน เพราะเมอื่ แช่น้าสีแดง 1 ช่วั โมง จะเห็นว่าเส้นสีแดงในลาตน้ เพิ่มมากขนึ้ และไล่สงู ข้ึนจนถงึ ใบ น้า และธาตุอาหาร เพราะรากดดู นา้ สแี ดงเขา้ ภายใน และลาเลียงต่อไปยังลาตน้ และลาตน้ ลาเลียงข้นึ ไป ยงั ส่วนต่าง ๆ จึงเหน็ วา่ ภายในรากและลาต้นมเี ส้นสแี ดง ภายในรากและลาตน้ จะมที ่อลาเลยี งนา้ ซงึ่ เป็นท่อยาวจากรากไปสู่สว่ นตา่ ง ๆ ของ พชื ซึ่งเป็นทางผ่านของน้าสีแดงขน้ึ ไปยงั ส่วนต่าง ๆ ของตน้ เทยี น สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มีชีวติ 186 รากของพืชมีหนา้ ทีด่ ูดนา้ และธาตอุ าหาร และลาเลียงไปยงั ลาต้น ลาตน้ ของพืชมี หนา้ ที่ลาเลยี งนา้ และธาตุอาหารขึ้นไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช รไู้ ด้จากการสังเกตการ เคลื่อนทขี่ องน้าสแี ดงจากรากผา่ นลาตน้ ไปสใู่ บ รากของพืชมสี ีขาว สว่ นลาต้นมีสเี ขียว เมื่อนาไปแชน่ า้ สแี ดง จะเหน็ ว่ารากและลาต้น มเี สน้ สีแดงอยภู่ ายในยาวตง้ั แต่รากข้นึ ไปจนถึงใบ รากของพืชมีหนา้ ที่ดดู น้าและธาตอุ าหาร และลาเลยี งไปยงั ลาต้น ลาต้นของพชื มี หน้าที่ลาเลยี งนา้ และธาตุอาหารขน้ึ ไปยงั ส่วนตา่ งๆ ของพชื สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
187 คูม่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 สิ่งมีชวี ติ คาถามของนกั เรียนที่ต้ังตามความอยากรขู้ องตนเอง สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 ส่งิ มีชีวติ 188 ได้ เพราะการลาเลียงนา้ และธาตอุ าหารของพชื ไม่ได้ขึ้นอยกู่ ับแรงดึงดูดของโลก แต่ ขน้ึ อยกู่ ับการคายน้าของพืชซึง่ ส่วนใหญ่เกิดขนึ้ ทใ่ี บ ทาให้เมอ่ื นา้ ออกจากใบ พชื จงึ ดูดน้าขนึ้ มาทดแทนจากรากในทศิ ทางจากรากไปยังใบ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
189 คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 ส่งิ มีชวี ิต แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรูข้ องนกั เรียนทาได้ ดงั นี้ 1. ประเมนิ ความรเู้ ดิมจากการอภิปรายในช้นั เรยี น 2. ประเมนิ การเรียนรจู้ ากคาตอบของนกั เรียนระหว่างการจดั การเรยี นรูแ้ ละจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการทากิจกรรมของนกั เรียน การประเมินจากการทากิจกรรมที่ 1.1 รากและลาต้นของพชื ทาหนา้ ท่ีอะไร ระดับคะแนน 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ รหสั สิ่งทีป่ ระเมิน ระดบั คะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสังเกต S6 การจดั กระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C4 การสือ่ สาร C5 ความร่วมมอื รวมคะแนน สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 2 สิง่ มีชีวติ 190 ตาราง แสดงการวิเคราะหท์ ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมิน ดังนี้ ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรงุ (1) ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2) S1 การสงั เกต ก า ร บ ร ร ย า ย สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผัสเก็บ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ใ ช้ ร า ย ล ะ เ อี ย ด เ ก็ บ ร า ย ล ะ เ อี ย ด แ ล ะ รายละเอียดและบรรยาย ประสาทสัมผัสเก็บ เก่ียวกับลักษณะ บรรยายเกี่ยวกับลักษณะ เกี่ยวกับลักษณะของรากและ ร า ย ล ะ เ อี ย ด แ ล ะ รากและลาต้นของ ของรากและลาต้นของพืช ลาต้นของพืชดอกก่อนและ บร ร ยา ย เ กี่ย ว กั บ พืชดอกก่อนและ ดอกก่อนและหลังแช่น้าสี หลังแช่น้าสีแดง จากการ ลักษณะของรากและ หลังแช่น้าสีแดง แดงได้ด้วยตนเอง โดยไม่ ช้ีแนะของครูหรือผู้อ่ืน หรือมี ลาต้นของพืชดอก เพิ่มเติมความคิดเห็น การเพิม่ เติมความคิดเห็น ก่อนและหลังแช่น้าสี แ ด ง แ ม้ ว่ า จ ะ ไ ด้ รับคาชี้แนะจากครู หรือผอู้ ืน่ S6 ก า ร จั ด ก ร ะ ท า นาข้อมูลที่ได้จาก สามารถนาเสนอข้อมูลท่ีได้ สามารถนาเสนอข้อมูลท่ีได้ ไม่สามารถนาเสนอ และสื่อความหมาย การสังเกตและการ จากการสังเกตและการ จากการ สังเก ต และกา ร ข้อมูลท่ีได้จากการ ข้อมูล รวบรวมเกี่ยวกับ รวบรวมเก่ียวกับลักษณะ รวบรวมเก่ียวกบั ลกั ษณะของ สั ง เ ก ต แ ล ะ ก า ร ของรากและลาต้นของพืช รากและลาต้นของพืชก่อน รว บร ว มเ ก่ี ยว กั บ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ร า ก ก่อนและหลังแช่น้าสีแดง และหลังแช่น้าสีแดงมาจัด ลักษณะของรากและ และลาต้นของพืช มาจัดกระทาโดยการเขียน ก ร ะ ท า โ ด ย ก า ร เ ขี ย น ลาต้นของพืชก่อน กอ่ นและหลังแช่น้า แ ผ น ภ า พ แ ล ะ ส่ื อ แผนภาพ และสอื่ ความหมาย และหลังแช่น้าสีแดง สีแดงมาจัดกระทา ความหมายหน้าท่ีของราก หน้าที่ของรากและลาต้นให้ และไมส่ ามารถมาจัด โ ด ย ก า ร เ ขี ย น และลาต้นให้ผู้อื่นเข้าใจได้ ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างถูกต้อง กระทาโดยการเขียน แผนภาพ และสื่อ อย่างถูกต้อง และชัดเจน รวดเร็ว และชัดเจน จากการ แผนภาพ ร่วมท้ังไม่ ใ ห้ ผู้ อื่ น เ ข้ า ใ จ ไดด้ ้วยตนเอง ชีแ้ นะของครหู รือผูอ้ นื่ ส า ม า ร ถ ส่ื อ หน้าที่ของรากและ ค ว า ม ห ม า ย ห น้ า ที่ ของรากและลาต้นให้ ลาต้นของพืชดอก ผู้อ่ืนเข้าใจได้ แม้ว่า จ ะ ไ ด้ รั บ ค า ช้ี แ น ะ จากครูหรือผูอ้ นื่ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
191 คูม่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สิ่งมีชวี ิต ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร์ พอใช้ (2) S8 การลงความเห็น ลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก ไ ม่ ส า ม า ร ถ ล ง จากขอ้ มลู ข้อมูลได้ว่ารากทา ข้อมูลได้ว่ารากทาหน้าท่ี ข้อมูลได้ว่ารากทาหน้าที่ดูด ความเห็นจากข้อมูล หน้าที่ดูดน้า และ ดูดน้า และลาต้นมีหน้าที่ น้ า แ ล ะ ล า ต้ น มี ห น้ า ที่ ได้ว่ารากทาหน้าท่ี ล า ต้ น มี ห น้ า ที่ ลาเลียงน้าจากการสังเกต ลาเลียงน้าจากการสังเกต ดูดน้า และลาต้นมี ลาเลียงน้าจากการ การเคล่ือนท่ีของน้าสีใน การเคลื่อนท่ีของน้าสีในราก หนา้ ท่ีลาเลียงน้าจาก สงั เกตการเคลื่อนท่ี รากและลาต้น ได้อย่าง และลาต้นได้อย่างถูกต้อง ก า ร สั ง เ ก ต ก า ร ข อ ง น้ า สี ใ น ร า ก ถูกต้องและชัดเจน ได้ด้วย และชัดเจน จากการช้ีแนะ เคล่ือนที่ของน้าสีใน และลาต้น ตนเอง ของครูหรอื ผูอ้ ่นื รากและลาต้น แม้ว่า จ ะ ไ ด้ รั บ ค า ชี้ แ น ะ จากครูหรือผอู้ ืน่ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 2 สง่ิ มชี ีวิต 192 ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมิน ดงั น้ี ทักษะแห่ง รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ศตวรรษที่ 21 C4 การสื่อสาร ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) C5 ความร่วมมือ นาเสนอข้อมลู จาก สามารถนาเสนอข้อมูล สามารถนาเสนอข้อมลู จาก ไม่สามารถนาเสนอข้อมูล การสงั เกตและ จากการสังเกตและ การสงั เกตและอภปิ ราย จ า ก ก า ร สั ง เ ก ต แ ล ะ อภิปรายเก่ยี วกับ อภปิ รายเก่ยี วกบั หนา้ ที่ เก่ยี วกับหน้าที่ของรากและลา อภิปรายเกี่ยวกับหน้าที่ หนา้ ท่ีของรากและ ของรากและลาตน้ ของพืช ตน้ ของพชื ดอกในรูปแบบ ของรากและลาต้นของ ลาตน้ ของพืชดอก ดอกในรูปแบบแผนภาพ แผนภาพหรอื รูปแบบอน่ื ๆ พื ช ด อ ก ใ น รู ป แ บ บ ในรปู แบบแผนภาพ หรอื รูปแบบอ่นื ๆ ใหผ้ อู้ น่ื ใหผ้ ูอ้ ืน่ เข้าใจได้อย่างถูกต้อง แผนภาพหรือรูปแบบอ่ืน หรอื รปู แบบอื่น ๆ เข้าใจได้อย่างถูกต้อง ได้ จากการชแ้ี นะของครูหรือผอู้ ่ืน ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจ แม้ว่าจะ ให้ผู้อื่นเขา้ ใจ ด้วยตนเอง ไ ด้ รั บ ค า ชี้ แ น ะ จ า ก ค รู หรอื ผ้อู ื่น ทางานร่วมกับผู้อื่น สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืนใน ไมส่ ามารถทางานร่วมกับ ในการสังเกต การ ผู้อ่ืนในการสังเกต การ การสังเกต การนาเสนอ และ ผู้อ่ืนได้ตลอดเวลาที่ทา นาเสนอ และการ นาเสนอ และการแสดง การแสดงความคิดเห็นเพื่อ กิจกรรม แสดงความคิดเห็น ความคิดเห็นเพื่อบรรยาย บรรยายลักษณะและหน้าท่ี เ พ่ื อ บ ร ร ย า ย ลักษณะและหน้าที่ของ ของรากและลาต้นของพืช ลักษณะและหน้าท่ี รากและลาต้นของพืชดอก ดอก รวมท้ังยอมรับความ ของรากและลาต้น ร ว ม ทั้ ง ย อ ม รั บ ค ว า ม คิดเห็นของผู้อื่น บางช่วงเวลา ของพืชดอก รวมท้ัง คิดเห็นของผู้อ่ืน ต้ังแต่ ทที่ ากจิ กรรม ย อ ม รั บ ค ว า ม เร่มิ ต้นจนสาเร็จ คดิ เหน็ ของผ้อู ่ืน สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
193 คู่มือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยที่ 2 สิ่งมีชีวติ กิจกรรมท่ี 1.2 ใบของพืชทาหนา้ ที่อะไร กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้สังเกตใบพืช และการ เปลีย่ นแปลงของสารละลายไอโอดีนเมื่อหยดลงบนใบพืชท่ี สกดั คลอโรฟลิ ล์ออกแล้ว เพือ่ บรรยายหน้าที่ของใบ เวลา 2 ช่วั โมง จุดประสงค์การเรยี นรู้ สังเกตลกั ษณะของใบ และบรรยายหนา้ ทข่ี องใบ วัสดุ อปุ กรณส์ าหรบั ทากจิ กรรม ส่งิ ท่คี รูต้องเตรียม/กล่มุ สิ่งท่คี รตู ้องเตรยี ม/ห้อง 1. ไม้ขดี ไฟ 1 กลกั 2. สารละลายไอโอดีน 1 ขวด ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3. เอทานอล 1 ขวด สิ่งทคี่ รูตอ้ งเตรยี ม/กลุ่ม S1 การสงั เกต S6 การจัดกระทาและสอ่ื ความหมายข้อมลู 1. จานเพาะเช้อื 3 ใบ S8 การลงความเหน็ จากข้อมูล S13 การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ 2. ปากคบี 1 อนั 3. ดนิ สอสี 1 กล่อง 4. กระป๋องทราย 1 ใบ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 5. แป้งมนั สาปะหลงั 1 ช้อนเบอร์ 1 6. แปง้ ข้าวโพด 1 ช้อนเบอร์ 1 C4 การสอ่ื สาร C5 ความร่วมมอื 7. แปง้ ฝุ่น 1 ชอ้ นเบอร์ 1 C6 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 8. จานหลมุ 1 ใบ 9. ท่จี บั หลอดทดลอง 1 อนั สื่อการเรียนรู้และแหลง่ เรียนรู้ 10. หลอดหยด 1 หลอด 1. หนังสือเรยี น ป.4 เล่ม 1 หน้า 85-90 11. บีกเกอรข์ นาด 250 cm3 1 ใบ 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.4 เล่ม 1 หนา้ 74-78 12. ชุดตะเกยี งแอลกอฮอล์ 1 ชดุ 3. ตัวอย่างวีดิทัศน์ปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เรื่องใบของพืช 13. หลอดทดลองขนาดใหญ่ 1 หลอด ทาหน้าทอี่ ะไร http://ipst.me/8047 14. ใบพืชชนดิ ตา่ ง ๆ ท่ีเป็นแผน่ บาง เชน่ ใบชบา ใบผกั บ้งุ ใบหญา้ ดอกของพชื ชนิดตา่ ง ๆ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 2 ส่งิ มีชีวติ 194 แนวการจัดการเรียนรู้ ในการทบทวนความรู้พื้นฐาน คุณครูควรให้เวลานักเรียนคิดอย่าง 1. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเร่ืองหน้าท่ีของใบ โดยใช้แนวคาถามในการ เหมาะสม รอคอยอย่างอดทน อภิปรายดังต่อไปนี้ นักเรียนต้องตอบคาถามเหล่านี้ได้ 1.1 ใบของพืชมีรูปร่างลักษณะอย่างไร (ใบพืชมีรูปร่างแตกต่างกัน ใบของ ถูกต้อง หากตอบไม่ได้หรือลืมครู พืชบางชนิดมีรูปกลม บางชนิดยาว บางชนิดเป็นวงรีปลายแหลม ใบ ต้องใหค้ วามรู้ทถ่ี กู ต้องทันที สว่ นใหญ่มีลกั ษณะเปน็ แผ่นบาง มีสีเขยี ว) 1.2 ใบของพชื มีหน้าทีอ่ ะไร (สรา้ งอาหารโดยการสงั เคราะหด์ ้วยแสง) ในการตรวจสอบความรู้ ครู เพียงรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น 2. ครตู รวจสอบความรูเ้ ดิมของนักเรียนเกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช สาคัญ และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ โดยนาใบพืชที่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างกัน 2 ใบ มาให้นักเรียนสังเกต แล้ว ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนนักเรียน ใช้คาถามในการอภปิ รายดังน้ี ไปหาคาตอบท่ีถูกต้องจากกิจกรรม 2.1 ใบพืชทั้ง 2 ใบนี้มีรูปร่างลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ตา่ ง ๆ ในบทเรียนน้ี (นักเรียนตอบตามลักษณะที่สังเกตได้ เช่น มีสีเขียวเหมือนกัน แต่ รูปร่างแตกต่างกนั ) 2.2 นักเรียนคิดว่าใบพืชท้ัง 2 ใบนี้จะสร้างอาหารได้เหมือนกัน หรือไม่ เพราะเหตุใด (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ) 2.3 เพราะเหตใุ ดใบพืชจงึ สร้างอาหารได้ (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ) 2.4 อาหารท่ีพืชสรา้ งข้นึ คอื อะไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ) 3. ครเู ชอ่ื มโยงความรเู้ ดมิ ของนักเรยี นเข้าสู่กิจกรรมท่ี 1.2 โดยชักชวนนักเรียน ไปหาคาตอบว่าพืชท่ีมีใบรูปร่างแตกต่างกันจะสร้างอาหารได้เหมือนกัน หรอื ไม่ และอาหารของพืชคอื อะไร 4. นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรม และ ทาเป็นคิดเป็น จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพ่ือ ตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์ในการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ดงั น้ี 4.1 กจิ กรรมนี้นกั เรียนจะได้เรียนเร่อื งอะไร (หนา้ ท่ีของใบ) 4.2 นักเรยี นจะได้เรียนร้เู ร่ืองน้ดี ว้ ยวิธใี ด (การสงั เกต) 4.3 เมอ่ื เรยี นแลว้ นกั เรยี นจะทาอะไรได้ (บรรยายหน้าที่ของใบพืช) นกั เรยี นบนั ทกึ จดุ ประสงคล์ งในแบบบันทกึ กจิ กรรม หน้า 74 5. นักเรียนอ่านสิ่งท่ีต้องใช้ในการทากิจกรรม ครูยังไม่แจกวัสดุอุปกรณ์ให้ นกั เรียน แต่นาวสั ดอุ ปุ กรณ์มาแสดงใหน้ ักเรยี นดทู ีละอยา่ ง 6. นกั เรยี นอา่ น ทาอยา่ งไร ทีละข้อ โดยฝึกการอ่านตามความเหมาะสม แล้ว ร่วมกันอภิปรายเพ่ือสรุปลาดับขัน้ ตอนการทากิจกรรมตามความเขา้ ใจ ครู สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
195 ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 2 สงิ่ มีชวี ิต นาอภิปรายตามแนวคาถามดังต่อไปน้ี ครูอาจชว่ ยเขียนสรุปเปน็ ขัน้ ตอนสั้น ๆ บนกระดาน เพื่อใหน้ กั เรยี นใช้เปน็ แนวทางในการทากจิ กรรม 6.1 นักเรียนต้องสังเกตส่ิงใดเปน็ อนั ดับแรก (สงั เกตลกั ษณะของแป้งในจาน หลุม) 6.2 นกั เรยี นต้องสังเกตแป้งก่ีชนิด อะไรบ้าง (3 ชนิด คือ แป้งฝุ่น แป้งมัน- สาปะหลงั แป้งข้าวโพด) 6.3 สังเกตลักษณะของแป้งแล้วต้องทาอะไรต่อ (หยดสารละลายไอโอดีน ลงบนแปง้ แต่ละชนดิ สงั เกตและบันทึกผล) 6.4 นกั เรียนตอ้ งใช้ใบพชื ก่ชี นดิ ในการทากิจกรรม (3 ชนิด) ครูอาจเตรียมใบพืชมาให้นักเรียน หรือให้นักเรียนเตรียม โดยครู ตรวจดูใบพืชทีน่ กั เรยี นเตรียมมา ซึ่งต้องเป็นใบพืชท่ีมีลักษณะแตกต่าง กันท้งั 3 ชนิด และตอ้ งมีสเี ขียวทงั้ ใบ 6.5 นกั เรียนบันทึกลักษณะของใบพชื อย่างไร (วาดรปู แลว้ ระบายสี) 6.6 วิธีการทดสอบสารในใบพืชมีข้ันตอนอย่างไร (ต้มใบพืชในน้าร้อน และ ต้มต่อในแอลกอฮอล์จนใบซีดขาว แล้วนามาล้างน้า จากน้ันหยด สารละลายไอโอดนี ลงบนใบพชื สงั เกตการเปลีย่ นแปลงของสารละลาย ไอโอดีนบนใบพชื วาดภาพส่ิงทสี่ งั เกตได้ และระบายส)ี 6.7 การทดสอบสารในใบพืช นักเรียนต้องระมัดระวังในเรื่องใดบ้าง (ไม่จุด ไม้ขีดไฟเล่น ดับไม้ขีดไฟในกระป๋องทราย ไม่เอียงตะเกียงแอลกอฮอล์ เวลาจุดตะเกียง ไม่เติมแอลกอฮอล์ในตะเกียงมากเกินไป ห้ามนา แอลกอฮอล์เขา้ ใกล้ไฟ ถา้ มไี ฟไหม้ให้ดับไฟโดยใช้ผ้าชุบน้าคลุมเปลวไฟ และระวังนา้ รอ้ นลวกรา่ งกาย) 6.8 เม่ือทดสอบแป้งชนิดต่าง ๆ และทดสอบสารในใบพืชแล้วนักเรียนต้อง ทาอะไรตอ่ ไป (เปรียบเทียบผลทเ่ี กดิ ข้ึนเมอื่ ทดสอบสารละลายไอโอดีน บนแปง้ และบนใบพชื ) 6.9 นักเรียนอ่านใบความรู้เรื่องอะไร จากหน้าใด (อ่านใบความรู้เรื่อง หน้าทขี่ องใบพชื หน้า 89) 7. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการทากิจกรรมในทาอย่างไรแล้ว ครูแจกวัสดุและ อปุ กรณแ์ ก่นักเรยี น นักเรยี นปฏบิ ตั ติ ามข้นั ตอน ดงั นี้ 7.1 สงั เกตลักษณะของแป้งฝุ่น แป้งมันสาปะหลัง และแป้งข้าวโพด บันทึก ผล (S1, S6) 7.2 สังเกตลักษณะของแป้งแต่ละชนิด หลังหยดสารละลายไอโอดีนลงบน แปง้ (S1) สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่ิงมชี ีวิต 196 7.3 ร่วมกันลงความเห็นเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นเม่ือหยด ข้อเสนอแนะเพม่ิ เตมิ สารละลายไอโอดีนลงบนแปง้ ชนิดตา่ งๆ (S8) (C5) 1. ค รู เ ตื อ น นั ก เ รี ย น ใ ห้ 7.4 สังเกตลกั ษณะของใบพชื 3 ชนดิ และวาดรปู ระบายสี (S1, S6) ระมัดระวังในการถือและใช้ ครูอาจเตรียมใบพืชมาให้นักเรียน หรือมอบหมายให้นักเรียนเตรียมมาเอง ตะเกียงแอลกอฮอล์ หาก โดยครูตรวจดูใบพืชที่นักเรียนเตรียมมา ใบพืชต้องมีลักษณะแตกต่างกันทั้ง เกิดไฟไหม้ห้ามใช้น้าดับไฟที่ 3 ชนดิ และตอ้ งมสี เี ขียวทง้ั ใบ เกิดจากแอลกอฮอล์ แต่ให้ 7.5 การทดสอบสารในใบพืช นาใบพืชต้มในน้าร้อน และต้มต่อใน ใช้ผา้ ชุบน้าคลมุ เพือ่ ดับไฟ แอลกอฮอล์จนใบซีดขาว แล้วนามาล้างน้า จากน้ันหยดสารละลาย 2. ครูควรเตือนให้นักเรียน ไอโอดีนลงบนใบพืช สังเกตการเปล่ียนแปลงของสารละลายไอโอดีน จัดเก็บวัสดุ อุปกรณ์ใ ห้ บนใบพชื วาดภาพสง่ิ ทส่ี งั เกตได้ และระบายสี (S1, S6) เรียบร้อย เมื่อเสร็จส้ินการ ครูต้องเน้นย้าเรื่องความระมัดระวังในการใช้ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์ และ ทากจิ กรรม เดินดูนักเรียนตามกลุ่มต่าง ๆ เพื่อคอยแนะนา และแก้ปัญหาท่ีอาจเกิดข้ึน ไดท้ นั เวลา 3. ควรเก็บใบพืชในตอนสาย 7.6 นาเสนอผลการทดสอบใบพืชด้วยสารละลายไอโอดนี (C4) หรือบ่ายในวันท่ีทากิจกรรม 7.7 ร่วมกันเปรียบเทยี บลงความเห็นเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นเม่ือ เ พ่ื อ ใ ห้ ใ บ พื ช มี ก า ร หยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบพืช (S8) (C5) สั ง เ ค ร า ะ ห์ ด้ ว ย แ ส ง ก่ อ น 7.8 อ่านใบความร้เู ร่ืองหนา้ ที่ของใบพืช นามาใชท้ ากจิ กรรม 7.9 ร่วมกนั ลงความเหน็ เกี่ยวกบั อาหารทีพ่ ชื สรา้ งขน้ึ (S8) 7.10รว่ มกันลงขอ้ สรปุ เกยี่ วกบั หน้าทข่ี องใบพชื (S13) 4. ครูอาจให้น้าร้อนสาหรับต้ม 8. หลงั จากทากิจกรรมแลว้ ครูนาอภปิ รายผลการทากิจกรรม โดยใช้คาถาม ใบพืช ท้ังนี้เพ่ือลดเวลาใน ดังตอ่ ไปนี้ การทากจิ กรรม 8.1 แป้งมันสาปะหลังกับแป้งข้าวโพด เหมือนหรือแตกต่างจากแป้งฝุ่น อย่างไร (แป้งมันสาปะหลังและแป้งข้าวโพดเป็นแป้งท่ีมาจากพืช ส่วน 5. เติมเอทานอลลงในหลอด แป้งฝุน่ เปน็ แป้งท่ปี ระกอบด้วยสารท่ีสงั เคราะหข์ ึน้ ) 8.2 เม่ือหยดสารละลายไอโอดีนบนแป้งทั้ง 3 ชนิดแล้วเกิดการ เปล่ียนแปลงอย่างไร (เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแป้งมันและ แปง้ ข้าวโพด สารละลายไอโอดนี เปล่ียนสีจากสีน้าตาลเป็นสีน้าเงิน แต่ เมอื่ หยดลงบนแปง้ ฝ่นุ สารละลายไอโอดนี ไมม่ ีการเปลีย่ นแปลง) 8.3 เพราะเหตุใดเม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแป้งมันและแป้ง ข้าวโพดสารละลายไอโอดีนจึงเปลี่ยนสีจากสีน้าตาลเป็นสีน้าเงิน (เพราะแปง้ ทง้ั 2 ชนิดน้ี เป็นแป้งที่มาจากพืช) สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
197 คู่มือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 เลม่ 1 | หน่วยที่ 2 ส่ิงมีชีวิต 8.4 เพราะเหตุใดเม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแป้งฝุ่นสารละลาย นักเรียนอาจไม่สามารถตอบ ไอโอดีนจึงไม่เกิดการเปล่ียนแปลง (เพราะแป้งฝุ่นไม่ใช่แป้งท่ีมาจาก คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนว พืช) คาตอบ ครูควรให้เวลานักเรียน คดิ อย่างเหมาะสม รอคอยอย่าง 8.5 เม่ือหยดสารละลายไอโอดีนบนใบพืชทั้ง 3 ใบ สีของสารละลายไอโอดีน อดทน และรับฟังแนวความคิด จะมกี ารเปลี่ยนแปลงอย่างไร (สารละลายไอโอดีนบนใบพืชทั้ง 3 ชนิด ของนกั เรยี น เปล่ยี นจากสนี ้าตาลเป็นสนี ้าเงนิ เข้ม) 8.6 เพราะเหตุใดเม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบพืชทั้ง 3 ชนิดแล้ว สารละลายไอโอดีนบนใบพืชจึงเปล่ียนจากสีน้าตาลเป็นสีน้าเงินเข้ม (เพราะในใบพืชมีแป้ง) 8.7 อาหารที่พืชสร้างขึ้น น่าจะเป็นส่งิ ใด (แป้ง) 8.8 แป้งในใบพืชเกิดขึ้นได้อยา่ งไร (การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง) 8.9 พื ช ใ ช้ ส่ิ ง ใ ด บ้ า ง ใ น ก า ร สั ง เ ค ร า ะ ห์ ด้ ว ย แ ส ง ( แ ส ง แ ก๊ ส คารบ์ อนไดออกไซด์ นา้ และสารสีเขียว) 8.10 ส่ิงท่ีเกิดข้ึนจากการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช คืออะไร (น้าตาลและ แกส๊ ออกซิเจน) 8.11 แป้งในใบพืชเกิดข้ึนได้อย่างไร (แป้งเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของ น้าตาล) 8.12 เพราะเหตุใดลาต้นของพืชบางชนิดท่ีมีสีเขียวจึงสามารถเกิดการ สังเคราะห์ด้วยแสงได้ (เพราะสารสีเขียวเป็นหน่ึงในสิ่งท่ีทาให้เกิดการ สังเคราะห์ด้วยแสงของพชื ) 8.13การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชมีความสาคัญอย่างไร (การสังเคราะห์ ด้วยแสงเป็นการผลิตอาหารคือน้าตาล ซ่ึงพืชจะนาไปใช้เป็นพลังงาน ในการดารงชีวิต และบางส่วนพืชสะสมไว้ตามส่วนต่าง ๆ ในรูปของ แป้งและสารอื่น ๆ นอกจากนี้ในการสังเคราะห์ด้วยแสง พืชยังปล่อย แก๊สออกซิเจนท่ีสิ่งมีชีวิตทุกชนิดใช้ในการหายใจ และช่วยลดปริมาณ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซดใ์ นอากาศ) 9. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบหรือซักถามในส่ิงท่ีอยากรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับ หน้าท่ีของใบ จากนั้นร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าใบของพืชที่มีสีเขียว มหี น้าท่ใี นการสร้างอาหารโดยการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 10.นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้คาถามเพ่ิมเติม ในการอภปิ รายเพ่ือใหไ้ ด้แนวคาตอบทถี่ ูกต้อง 11. นักเรียนสรปุ สง่ิ ที่ไดเ้ รียนรใู้ นกิจกรรมนี้ จากนั้นนักเรียนอ่าน สิ่งท่ีได้เรียนรู้ และเปรียบเทยี บกบั ขอ้ สรุปของตนเอง สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 2 สงิ่ มชี ีวิต 198 12. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตั้งคาถามเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู้เพ่ิมเติม ใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่มนักเรียน 2 -3 คน นาเสนอคาถามของ ตนเองหน้าชั้นเรียน และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับคาถามท่ี นาเสนอ 13. ครูนาอภิปรายเพ่ือให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อะไรบ้างและในขั้นตอนใด แล้ว ใหบ้ ันทึกในแบบบันทึกกจิ กรรมหน้า 78 การเตรยี มตวั ลว่ งหน้าสาหรับครู เพอื่ จดั การเรยี นรใู้ นครงั้ ถดั ไป ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได้ทากิจกรรม 1.3 ดอกของพืชทาหน้าที่อะไร โดยการสังเกตส่วนต่าง ๆ ของดอกส่ิงทีค่ รูตอ้ งเตรยี มมดี งั นี้ 1. ดอกของพืชที่มีส่วนประกอบครบท้ัง 4 ส่วน คือ กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย เช่น ดอกชบา หรอื ดอกตอ้ ยติ่ง 2. ดอกของพืชท่ีมีส่วนประกอบไม่ครบ 4 ส่วน คือ ขาดส่วนเกสรเพศผู้หรือเกสรเพศเมียอย่างใดอย่างหน่ึง เช่น ดอกฟักทอง ดอกมะละกอ ดอกบวบ ดอกตาลึง ครูอาจเตรียมทั้งดอกที่เป็นดอกเพศผู้ และดอกที่เป็น ดอกเพศเมยี สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
199 คูม่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.4 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 2 สง่ิ มีชวี ิต แนวคาตอบในแบบบันทึกกิจกรรม สังเกตลักษณะของใบ และบรรยายหนา้ ท่ขี องใบ ลกั ษณะเปน็ ผงสีขาว ผงแปง้ ท่ีผสมกบั สารละลาย ลกั ษณะเปน็ ผงสขี าว ไอโอดีนเปลย่ี นเป็นสีน้าเงินเขม้ ลักษณะเป็นผงสีขาว ผงแป้งท่ีผสมกบั สารละลาย ไอโอดีนเปลยี่ นเป็นสนี ้าเงนิ เขม้ ผงแป้งที่ผสมกบั สารละลาย ไอโอดีนมีสนี ้าตาลเหมือนสี ของสารละลายไอโอดนี สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379