Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Rupasittini

Rupasittini

Published by arthit0882811191, 2019-12-22 23:32:32

Description: เพื่อศึกษาคัมภีร์ไวยากรณ์บาลี

Keywords: ชินวจนยุตฺตํ หิ

Search

Read the Text Version

ชอ่ื หนังสือ : รูปสทิ ธทิ ีปนี เลม่ ๒ น�มกณั ฑ์ [แสดงขัน้ ตอนและวิธกี �รทำ�ตวั รปู ในคมั ภีรป์ ทรูปสทิ ธิ] ISBN : .......................................... รวบรวมและเรียบเรียง : พระมห�ธติ พิ งศ ์ อุตฺตมปฺโ คอมพิวเตอร/์ จัดรูปเล่ม : พระมห�ธิติพงศ์ อตุ ฺตมปฺโ ตรวจท�น : พระมห�พิรยิ ะ ภรู ิ�โณ พระมห�ทรงพล รตนโชโต พระมห�สงั คีต สงฺคีตวโร พระมห�ธีรวฒั น์ โอภ�โส พระพันศกั ด ์ิ ปภสสฺ โร พระสุวทิ ย์ ปิยธมโฺ ม พระมงคลรัตน ์ กนตฺ สโี ล พระจรุณ จ�รวุ ณโฺ ณ พระภัทรธนี ันท ์ ติสฺสวโำ ส ออกแบบปก : คุณชยั โย ทองหมน่ื ไวย์ วนั /เดือน/ปีพิมพ์ : พฤษภ�คม พ.ศ. ๒๕๕๘ จำ�นวนพมิ พ ์ : จ�ำ นวน ๑,๐๐๐ เล่ม จัดพมิ พ์เผยแพร่เป็นธรรมท�น โดย ส�ธชุ นรว่ มกนั เปน็ เจ้�ภ�พพิมพ์ สถ�นทพ่ี ิมพ ์ : พิมพท์ ่ ี สหมิตรพรนิ้ ต้งิ แอนด์พับลิสชิ่ง จ�ำ กัด ๕๙/๔ ซอยวัดพระเงนิ ถนนก�ญจน�ภิเษก ต�ำ บลบ�งม่วง อ�ำ เภอบ�งใหญ่ จงั หวดั นนทบรุ ี โทรศัพท ์ ๐ ๒๙๐๓ ๘๒๕๗-๙ โทรส�ร ๐ ๒๙๒๑ ๔๕๘๗

ค�ำ น�ำ พระพุทธพจน ์ ซึง่ บรรจุไวใ้ นพระไตรปฎิ ก คือพระธรรมคำ�ส่ังสอนขององค์สมเดจ็ พระสัมม�สมั พทุ ธ เจ้� ที่เปน็ มรดกตกทอดแก่พทุ ธศ�สนกิ ชนม�จวบจนทกุ วันนี ้ ค�ำ ส่งั สอนเหล�่ นน้ั ถูกบันทกึ ไว้ดว้ ยภ�ษ�บ�ล ี ซงึ่ เป็นภ�ษ�ด้ังเดมิ ทพ่ี ระพทุ ธเจ้�ทุกพระองค์ทรงใชเ้ ทศน�สัง่ สอนเวไนยสตั ว์ ฉะน้นั พทุ ธบรษิ ทั ผปู้ ระสงค์ จะศกึ ษ�พระธรรมค�ำ สงั่ สอน จึงควรจะศึกษ�กฎเกณฑ์ของภ�ษ�บ�ลีทีเ่ รียกว�่ “ไวย�กรณ”์ ให้เข้�ใจอย�่ งดี เสียก่อน ก�รศึกษ�พระไตรปฎิ กจงึ จะส�ม�รถท�ำ ได้สะดวกย่งิ ขน้ึ วธิ ีท�ำ ตัวรปู น�มบทน้ี เป็นส่วนหนง่ึ ในไวย�กรณ์บ�ลี ซึง่ ว่�ด้วยเรื่องบท ๔ คอื น�มบท อ�ขย�ต บท อุปสคั บท และนิบ�ตบท ประเด็นสำ�คัญในก�รศกึ ษ� “น�มบท” คอื ก�รท�ำ คว�มเข�้ ใจเร่อื งวิภัตตนิ �ม ปทม�ล� ซึง่ ได้ม�จ�กขน้ั ตอนก�รส�ำ เรจ็ ตัวรูป เมือ่ เข�้ ใจขน้ั ตอนเหล่�นีอ้ ย�่ งดีแลว้ ก�รตีคว�มหม�ยของ “น�มบท” ทปี่ ร�กฏในประโยคภ�ษ�บ�ล ี ก็จะทำ�ไดง้ ่�ยและชดั เจนถูกตอ้ ง ซึง่ น้ีคอื เป�้ หม�ยหลักในก�รศึกษ� พระธรรมค�ำ สัง่ สอนในพระพุทธศ�สน� เมอื่ ผู้ศึกษ�ส�ม�รถเข้�ใจคว�มหม�ยของภ�ษ�บ�ลีในพระพุทธพจน์ ไดอ้ ย�่ งถอ่ งแท้ จะเป็นปัจจัยให้ก�รปฏิบัติบรรลุต�มสมควรแก่เหตปุ จั จยั ของแตล่ ะท่�น หัวใจของภ�ษ�บ�ลี คือ วภิ ตั ตแิ ละปัจจยั วภิ ตั ติม ี ๒ ประก�ร คอื วภิ ัตตนิ �มและวภิ ตั ติอ�ขย�ต บททีป่ ระกอบดว้ ยวิภัตติน�ม มใี ช้ม�กทีส่ ุดในแต่ละประโยค ฉะนั้น ก�รทำ�คว�มคุน้ เคยและเข้�ใจในเร่ืองดงั กล่�วไดร้ วดเรว็ ม�กเท่�ใด ก็จะเปน็ เหตุเปน็ ปจั จัยใหก้ �รแปลบ�ลไี ดเ้ ร็วยงิ่ ข้ึน สว่ น นักศึกษ�ทสี่ นใจท�งด�้ นภ�ษ� ก็หวังเปน็ อย�่ งยิ่งว�่ รปู สิทธิทีปน ี เล่มที่ ๒ น�มกัณฑน์ ี้ จะช่วย เป็นเครอื่ งมอื ใหเ้ ข�้ ใจกฎเกณฑ์เกย่ี วกับ “น�มบท” ไดง้ �่ ยและสะดวกขึน้ พระมห�ธติ ิพงศ์ อตุ ตฺ มปโฺ  ๒๕ หมู ่ ๖ วดั พกิ ุลทอง ต.วดั ชลอ อ.บ�งกรวย จ.นนทบรุ ี ๑๑๑๓๐

อนุโมทน�กถ� หนังสือรูปสิทธทิ ีปนเี ล่มนี้ เกดิ ขน้ึ เพร�ะคว�มคิดทจ่ี ะอนุโมทน�บุญแก่ญ�ติโยมผู้มสี ่วนในก�รอปุ ถัมภ์ปัจจยั เม่อื ครั้งจะศึกษ�ต่อระดับปรญิ ญ�โทในปี พ.ศ.๒๕๔๕ โดยมีคุณโยมสนุ ีรตั น ์ ปณิ ฑวริ จุ น ์ เป็นผนู้ �ำ ในก�รชักชวน ญ�ตมิ ิตร ม�แจง้ คว�มประสงค์ว่� จะขอมีส่วนร่วมถว�ยปัจจยั ทจ่ี �ำ เปน็ ท่ีตอ้ งใชใ้ นก�รศกึ ษ�ครัง้ น้ี ข้�พเจ้�พิจ�รณ� แลว้ เหน็ ว�่ คณุ โยมสุนีรตั น์และญ�ตมิ ิตรมคี ว�มตง้ั ใจอันด ี และเปน็ ผ้เู ข้�ใจในคว�มสำ�คัญของก�รศกึ ษ� จึงตอบรับก�ร อปุ ถัมภใ์ นคร้ังนั้น เพื่อจะเป็นก�รปฏิก�รคุณแกญ่ �ตโิ ยมเหล�่ น้ี จึงไดป้ ร�รภกบั คณุ โยมสนุ รี ตั น์ว�่ จะเขียนหนงั สืออนั เปน็ ประโยชนแ์ ก่พระศ�สน�สักเลม่ หนึ่ง และก็เป็นขณะเดียวกนั กับไดร้ บั มอบหม�ยจ�กคณะ ๒๕ วัดมห�ธ�ตุ ท�่ พระ จันทร์ กรงุ เทพฯ ใหร้ ับผดิ ชอบสอนคัมภรี ์ปทรปู สิทธิพอดี ระยะนี้เอง ข�้ พเจ้�ได้จดั ท�ำ เอกส�รประกอบก�รศกึ ษ�วชิ � นขี้ ้ึนใชแ้ ตล่ ะกณั ฑๆ์ จนครบทงั้ สน้ิ ๗ กัณฑ์ เปน็ เอกส�รทรี่ วบรวมเอ�ประเดน็ หลักๆ ในคัมภีร์ปทรูปสทิ ธมิ �แสดง ไว้โดยสงั เขป และมตี ัวอย�่ งก�รแสดงก�รสำ�เรจ็ ตวั รูป ซงึ่ เปน็ ก�รง่�ยตอ่ ผศู้ กึ ษ�จะใชเ้ ปน็ คมู่ อื เพือ่ ท�ำ คว�มเข�้ ใจ ถึงโครงสร�้ งของคัมภรี ์นี ้ กอ่ นทจ่ี ะศึกษ�คมั ภีรป์ ทรปู สทิ ธโิ ดยละเอยี ดตอ่ ไป ซง่ึ น่ันตรงกบั เจตน�รมณ์ของข�้ พเจ�้ ท่ปี ระสงค์จะจดั ทำ�หนงั สือทส่ี �ม�รถให้ส�ระประโยชน์แก่ผู้จะนำ�ไปใช ้ ดงั น้นั จงึ ได้จดั ก�รรวบรวมเอกส�รชุดนี้ จัดพิมพ์ ข้ึนเปน็ เลม่ และส�ำ เรจ็ ลลุ ่วงม�ด้วยดี ด้วยเหตผุ ลข้�งต้นน ้ี จงึ ใครจ่ ะขออนโุ มทน�บุญแกญ่ �ตโิ ยมผ้มู ีอปุ ก�รคณุ ในก�รศึกษ�ตอ่ ระดบั ปริญญ�โท และผู้มสี ว่ นในคว�มสำ�เร็จของหนงั สือเล่มน้ที ุกๆ ท่�น มีคณุ โยมสุนีรตั น ์ ปณิ ฑวิรุจน์ คุณโยมก�ญจนี ปิณฑวริ จุ น์ ดร.พัฒน ี อุดมกะว�นชิ และครอบครวั คุณโยมสกรณ ์ ชณุ หะโสภณ คุณแมป่ ระโยค และคุณโยมจวงจนั ทน์ เหมะ รชตะ คณุ โยมเปรมจิตต ์ วัฒนะประเสรฐิ คุณวรรณ� เกษมธนกุล คุณสุร�งค์รัตน์ และคุณสจุ ินด� คุณโยมสวุ รรณ ตันตระเธียร คณุ อัจฉร� มงคลรัตน ์ และคุณอ�รี วงศศ์ รี อุปถัมภ์ปัจจัยและถว�ยเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ นอกจ�กน ี้ ยังมีอกี หล�ยท�่ นท่ีจะต้องเอ่ยน�ม คอื พระอ�จ�รยส์ รุ ัช ปฺ �ธโิ ก พระศรธี ร กตกสุ โล คณุ ปรชี � หลักโคตร คณุ อนุ่ คำ� แสงมณวี รรณ คุณสัจจ� มงคลรัตน์ ผชู้ ่วยดูแลเรื่องคอมพวิ เตอร์ พระมห�พิริยะ ภรู ิ�โณ พระมห�ทรงพล รตนโชโต พระมห�สงั คีต สงฺคีตวโร พระมห�ธรี วฒั น์ โอภ�โส พระพนั ศักด์ิ ปภสสฺ โร พระสุวทิ ย ์ ปิยธมโฺ ม พระมงคลรตั น ์ กนฺตสโี ล พระจรณุ จ�รุวณโฺ ณ พระภทั รธนี ันท ์ ติสสฺ วำโส ผู้ช่วยในก�รตรวจท�น และทีส่ �ำ คัญ คือ พระอ�จ�รย์ภทั ทันตธัมม�นนั ทมห�เถระ อดตี พระอ�จ�รย์ใหญว่ ดั ท�่ มะโอ พระอ�จ�รย์ ภทั ทนั ตนันทเถระ พระอ�จ�รย์มห�ประวตั ิ ถ�วรจติ โฺ ต โยมอ�จ�รย์บญุ ถนอม นพโสภณ พระครวู รปญั ญ�คุณ เจ�้ คณะ ๒๕ วดั มห�ธ�ต ุ ใหค้ ำ�แนะน�ำ และชว่ ยเหลืออนเุ คร�ะห ์ คุณโยมพอ่ ฟกั คุณโยมแมป่ นุ่ เข็มสนั เทยี ะ คุณนวลมณ ี ก�ญจนพิบูลย ์ คุณเพญ็ ศรี บญุ ญรัตน์ คณุ วไิ ล สีสรรพ์ ครอบครวั โอว�ทวรัญู คณุ ไตรรงค์ ม�ล�ภิรมย์ คณุ ศุภร ญ�ตโิ ยมช�ววัดพกิ ุลทอง ญ�ติโยมช�ววัดจ�กแดง นกั ศึกษ�คัมภรี ป์ ทรปู สทิ ธ ิ และผู้ที่มสี ่วนชว่ ยในก�รท�ำ หนังสือรูปสทิ ธทิ ีปนีเลม่ น้ีให้สำ�เร็จทุกท�่ น ขออ�ำ น�จบญุ กุศลที่ไดท้ ำ�ร่วมกันในคร้ังน ี้ จงเป็นพลวปจั จัยสง่ ผลให้ทุกๆ ท่�น ประสบแต่คว�มสขุ คว�มเจรญิ ปร�ศจ�กภยนั ตร�ย และไดบ้ รรลุมรรค-ผล-นพิ พ�นด้วยเถิด พระมห�ธิตพิ งศ์ อุตฺตมปโฺ 

นำ�เข�้ สู่หนงั สือรปู สทิ ธทิ ีปนี หนังสอื รูปสิทธิทปี นีเล่มนี้ เป็นการนำาเนอื้ หาสาระจากคมั ภีร์ปทรูปสทิ ธิมาเรยี บเรียงเปน็ ภาษาไทยอยา่ ง สังเขป โดยมีตัวอย่างการทำาตวั รปู ประกอบอยูด่ ว้ ย นอกจากนีย้ ังนาำ กฎเกณฑ์ที่สาำ คญั ๆ จากคมั ภรี ์อน่ื มาประกอบ ไว้ เพ่ือใหเ้ นอ้ื หาสมบูรณ์ย่ิงข้นึ ฉะน้ัน เนอ้ื หาสาระของหนังสือรูปสิทธิทปี น ี จึงแบ่งเปน็ ประเด็นตา่ งๆ กัน อยูถ่ งึ ๑๒ ประการ ดังน้ี ๑. บทนาำ เฉพาะกณั ฑ์ๆ เพ่อื ใหน้ ักศกึ ษาไดเ้ ห็นโครงสร้างของแต่ละกณั ฑ์วา่ อะไรคือส่วนสำาคญั สำาหรับการ ศึกษาทำาความเข้าใจ ๒. สูตร เรียงลำาดบั ตามคมั ภีร์ปทรูปสิทธิ ๓. การแปลสูตร ซ่งึ มอี ย ู่ ๒ แบบ คือ (๑) แปลโดยพยัญชนะยกศพั ท์ และ(๒) แปลโดยอรรถ ถอดใจความ เป็นภาษาไทย ๔. แสดงการตัดบทของสูตร ๕. แสดงประเภทหรอื ลักษณะของสตู ร ๖. แสดงอรรถของ จศัพท์ วาศพั ท ์ หรอื ตศุ ัพท ์ และจาำ พวกศัพทท์ ี่เกินมาในสูตร เชน่ อนตฺ ศพั ท์ การศัพท์ ภาวนิเทศ และการใช้พหวุ จนะเปน็ ตน้ ทีใ่ ช้หรือมสี ่วนสำาคญั ในการทาำ ตัวรปู พร้อมอทุ าหรณ์ ๗. แสดงการแบ่งสูตร(โยควิภาคะ) พร้อมอุทาหรณ์ ๘. การให้คำาจำากดั ความของศัพท์ทส่ี ำาคัญ ๙. แสดงกฎเกณฑ์หรือปริภาสา และหลักการท่สี ำาคญั ในการทำาตัวรูป ๑๐. แสดงวิธที าำ ตัวรปู ซง่ึ เปน็ อทุ าหรณส์ ำาหรับผูศ้ ึกษาจะใช้เป็นแม่แบบในการทำาตวั รปู อุทาหรณต์ ัวอ่นื ๆ ๑๑. ลักษณะพิเศษของแต่ละกณั ฑ์ (๑) สนธกิ ัณฑ ์ มกี ารแสดงตัดบท/ต่อบท (๒) นามกณั ฑ์ มกี ารทำาตัวรูป ของนามบทในแต่ละวิภตั ต ิ และการแจกปทมาลา (๓) การกกณั ฑ ์ การลงวิภตั ตใิ นอรรถต่างๆ (๔) สมาสกณั ฑ ์ มีการ วเิ คราะหค์ าำ ศัพท์[บท+บท] (๕) ตัทธิตกัณฑ ์ มกี ารวเิ คราะหค์ ำาศพั ท[์ บท+ปจั จยั ] (๖) อาขยาตกัณฑ์ มกี ารทำาตัวรูป และ การแจกปทมาลากริ ยิ าบท และ (๗) กพิ พธิ านกัณฑ์ มกี ารวเิ คราะห ์ บอกรปู และสาธนะของคาำ ศัพท์ ๑๒. แบบฝกึ หัดทา้ ยกัณฑข์ องแตล่ ะกัณฑ์ใหน้ กั ศึกษาได้ฝกึ ทกั ษะ เพอื่ เป็นการประเมนิ ผลการศกึ ษา ของ นกั ศึกษาแต่ละท่าน วา่ สมั ฤทธผิ์ ลมากน้อยแคไ่ หน หลงั จากศกึ ษาจบกณั ฑน์ นั้ ๆ แล้ว โครงสร้�งหนงั สือรปู สิทธทิ ปี นี เนอ้ื หาสาระของหนงั สือรูปสทิ ธิทปี นนี ้ี แบ่งออกเป็น ๗ กณั ฑ์ โดยองิ อาศัยเนอ้ื หาสาระจากคัมภีร์ปทรปู สิทธิ มาเปน็ ต้นแบบในการเรียบเรยี ง ว่าด้วยกณั ฑ์ต่างๆ ดงั นค้ี ือ ๑. สนธกิ ัณฑ์ ว่าด้วยการเรียกชื่อ และการตัดบท การต่อบท ๒. น�มกณั ฑ์ ว่าดว้ ยการประกอบวิภัตตนิ าม และการแจกปทมาลา

(ฆ) รูปสิทธิทีปนี ๓. ก�รกกณั ฑ์ ว่าดว้ ยการลงวิภัตตใิ นอรรถตา่ งๆ และความสมั พันธข์ องบทตา่ งๆ ในประโยค ๔. สม�สกณั ฑ์ วา่ ด้วยการย่อบทต้งั แต่ ๒ บทขนึ้ ไป เข้าเป็นบทเดยี วกนั โดยมีการตง้ั วเิ คราะหศ์ พั ท์ก่อน จะแสดงรปู สาำ เรจ็ เพ่ือใหเ้ หน็ บทเดิม กับบทที่สำาเร็จเป็นสมาสแลว้ ๕. ตทั ธติ กัณฑ์ วา่ ดว้ ยการสร้างคาำ ศัพทใ์ หม ่ โดยมีการยอ่ ศัพท์นามกับปจั จยั เข้าด้วยกนั รวมทัง้ มีการ ต้ังวิเคราะห์ศัพท์ เพ่ือใหเ้ หน็ ศพั ท์เดิมและอรรถของปัจจยั ก่อน เช่นเดียวกบั สมาส ๖. อ�ขย�ตกัณฑ ์ วา่ ดว้ ยการสร้างคาำ ศัพท์กริ ยิ า โดยมีส่วนประกอบหรอื เครื่องปรงุ ๓ ประการ คอื ธาต ุ ปัจจัย และวภิ ตั ติ รูปสำาเร็จเปน็ กริ ยิ า มีการแจกปทมาลา และฝึกประกอบโยคะ(ประธานในประโยค) ๗. กิพพิธ�นกณั ฑ์ ว่าด้วยการใหค้ าำ กาำ จัดความของคาำ ศพั ท ์ โดยมกี ารต้ังวเิ คราะห ์ บอกรูป และสาธนะ องคป์ ระกอบแต่ละกณั ฑ์ของคัมภีรป์ ทรปู สทิ ธิ หนงั สือรูปสทิ ธิทีปนีนอี้ งิ อาศัยคัมภีร์ปทรูปสิทธ ิ ซึ่งโครงสร้างของคมั ภรี ์ปทรปู สิทธปิ ระกอบดว้ ยองคป์ ระกอบ ทส่ี าำ คญั ๓ ประการ คอื สูตร วุตต ิ และอุทาหรณ์ ดงั น้ี ๑. สตู ร คอื กฎเกณฑข์ อ้ บงั คับ มีวิเคราะห์วา่ “อตฺถ ำ อภสิ เวตีต ิ สุตฺต”ำ ยอ่ มไหลออก ซงึ่ ประโยชน ์ เพราะ เหตนุ น้ั ชอ่ื ว่าสูตร สตู รในคัมภีรป์ ทรูปสทิ ธิน้ีนำามาจากคมั ภีร์กัจจายนะ แต่มกี ารเรียบเรยี งใหม่ตามเนือ้ หา และการ สำาเรจ็ รูปของแต่ละศัพท์เป็นสำาคญั นับรวมสูตรทแ่ี สดงไว ้ ๒ คร้ัง คอื ในนามและในการก มที ั้งหมด ๖๘๔ สูตร โดยเพิม่ เขา้ มาอกี ๒ สตู ร คือ (๑) โอภาโว กฺวจ ิ โยสุ วการสฺส (๒) ภทนฺตสสฺ ภทฺทนฺตภนเฺ ต ซ่งึ ทง้ั สองสตู รน้ ี ไม่ปรากฏในคมั ภีร์ กจั จายนะ และมีการตัดบางสูตรออก โดยไมน่ าำ มาแสดงในคมั ภีรป์ ทรูปสิทธิ ๗ สูตร คอื (๑) โส วา, (๒) อิตถฺ ิปมุ นปำุสก สงฺขยฺ ,ำ (๓) สมาเส จ วิภาสา, (๔) กาเล (นามกณั ฑ์), (๕) อนฺเต นิคคฺ หตี ,ำ (๖) อรหสกฺกาทหี ิ ตำ ุ และ (๗) สจชาน ำ กคา ณา นุพนเฺ ธ ๒. วุตติ คือ คาำ อธบิ ายสูตร มวี เิ คราะห์ว่า “สตุ ตฺ ตถฺ ำ วจตีต ิ วุตตฺ ”ิ ย่อมกล่าว เนอื้ ความของสตู ร เพราะเหตนุ ัน้ ชื่อวา่ วุตติ (บอกความหมายของสตู ร) หรือวิเคราะห์ว่า “อตฺโถ วจุ ฺจติ เอตายาต ิ วตุ ฺต”ิ เนือ้ ความ ย่อมถูกกลา่ ว ดว้ ยคาำ อธบิ ายสูตรน ้ี เพราะเหตนุ น้ั ช่ือวา่ วตุ ต ิ (เปน็ เครอ่ื งอธิบายเนอ้ื ความของสตู ร) ซึง่ วุตตนิ ี ้ ม ี ๓ ประเภท ได้แก่ ๒.๑ สตุ ตวตุ ติ วตุ ตทิ ่มี อี ยู่ในสูตร ๒.๒ อนุวตั ตนวตุ ต ิ วตุ ติท่ีตามมาจากสตู รอื่น ๒.๓ ปกั ขปิ นวตุ ต ิ วตุ ติทีใ่ ส่เข้ามาเพอ่ื อธิบายความหมายของสตู รให้ชดั เจนยง่ิ ขน้ึ ๓. อุท�หรณ ์ คือ ตัวอย่าง เพื่อให้เหน็ ถึงวิธีการสร้างคาำ ศัพท ์ หรือองค์ประกอบของคำาประเภทต่างๆ ในคัมภรี ไ์ ดอ้ ยา่ งเป็นรูปธรรมชดั เจนยงิ่ ขึน้ ซง่ึ ตวั อย่างดังกลา่ วน้นั ก็นาำ มาจากพระบาล ี อรรถกถา ฎีกา นั่นเอง ประเภทหรอื ลักษณะของสตู ร มี ๖ ประก�ร ๑. สญฺญาสุตฺต สูตรสำาหรับต้ังชื่อ เช่น “อกขฺ ราปาทโย เอกจตฺตาลีส”ำ ต้งั ชอ่ื วัณณะ ๔๑ ตัว มี อ เป็นตน้ ชอ่ื ว่าอักษร

น�ำ เข้�สู่หนงั สือรปู สทิ ธิทีปนี (ง) ๒. ปริภ�ส�สตุ ตฺ สตู รทก่ี ล่าวกาำ หนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ๒.๑ สญญฺ งคฺ ปริภาสา ปรภิ าสาเก่ียวกับชื่อ เช่น “ปรสมญญฺ า ปโยเค” เมือ่ มกี ารประกอบท่ี สมควร ชือ่ ในคัมภรี ส์ นั สกฤตหรือไวยากรณข์ องอาจารย์เหล่าอน่ื ย่อมถูกนำามาใช้แมใ้ นคัมภีร์กัจจายนะนี้ หมายความวา่ จะยืมชอื่ ต่างๆ ทีค่ มั ภีร์กัจจายนะไม่ม ี นาำ มาใชใ้ นคมั ภรี ก์ จั จายนะนด้ี ้วย ๒.๒ วิธยฺ งฺคปรภิ �ส� ปริภาสาเกย่ี วกบั วิธกี ารทำาตัวรูป เชน่ “ปุพพฺ มโธ€ติ มสฺสรำ สเรน วโิ ยชเย” นกั ศึกษาพงึ แยกพยญั ชนะตัวหนา้ ออกจากสระ ให้ต้ังอย่ขู า้ งหนา้ ไม่ใหม้ สี ระ เปน็ การบอกวธิ ีการทาำ ตัวรปู วา่ กอ่ นจะ แปลง หรอื จะลบอักษรเปน็ ตน้ ใหแ้ ยกออกมาจากกนั เสียก่อน แลว้ จึงจะทำาข้ันตอนต่อไป ๒.๓ อนงคฺ ปริภ�ส� ปริภาสาทัว่ ไป เช่น “อตฺโถ อกขฺ รสญฺญาโต” เน้อื ความอนั บคุ คลหมายร้ไู ด ้ ด้วยอักษร เป็นการพูดคลุมเนื้อหาท้งั หมดวา่ เราจะทราบความหมายได้ ก็ต้องอาศยั อกั ษรเปน็ ตวั ส่ือ ๓. วธิ ิสุตฺต สตู รที่แสดงวธิ ีทาำ ตัวรปู ม ี ๘ วิธี คอื ๓.๑ โลปวธิ ิสุตฺต สตู รท่ีแสดงวธิ กี ารลบ เชน่ “สรา สเร โลป”ํ เพราะสระหลงั ลบสระหน้า ๓.๒ อ�เทสวิธิสุตตฺ สูตรทแ่ี สดงวิธีการแปลง เช่น “อพโฺ ภ อภิ” เพราะสระหลงั แปลง อภิอุปสคั เปน็ อพภฺ ๓.๓ อ�คมวิธิสตุ ฺต สูตรทีแ่ สดงวิธกี ารลงอาคม คอื การลงอักษรใหม ่ เชน่ “ยวมทนตรลา จาคมา” เพราะสระหลงั ลงอกั ษรอาคม ๘ ตวั คือ ย, ว, ม, ท, น, ต, ร และ ล ตามสมควรแก่อุทาหรณ์ในพระบาลี ๓.๔ ทฆี วิธสิ ุตตฺ สูตรทแี่ สดงวธิ ีการทาำ ทีฆะ คือการทาำ สระเสียงสัน้ ใหเ้ ปน็ สระเสยี งยาว เช่น “ทฆี ำ” เมอ่ื ลบสระหนา้ แลว้ ทฆี ะสระหลัง บ้าง ๓.๕ รสฺสวิธสิ ุตฺต สูตรทแี่ สดงวธิ กี ารทาำ รัสสะ คอื การทาำ สระเสยี งยาว ใหเ้ ป็นสระเสยี งสน้ั เชน่ “รสสฺ ”ำ เพราะพยญั ชนะหลัง รสั สะสระหนา้ บา้ ง ๓.๖ นเิ สธวิธสิ ุตตฺ สูตรทแี่ สดงวิธีการห้ามทาำ หรือใหเ้ ป็นปกติ เช่น “อตสิ ฺส จนตฺ สสฺ ” ห้ามแปลง ต ิ อนั เปน็ ท่สี ุดของ อติอปุ สัค เป็น จ บ้าง ๓.๗ วิภตตฺ ิวิธิสุตฺต สูตรที่แสดงวธิ ีการลงวภิ ตั ต ิ เช่น “ลงิ คฺ ตฺเถ ป€มา” ลงปฐมาวภิ ตั ติ ในอรรถ แหง่ ลิงค์ ๓.๘ ปจจฺ ยวธิ สิ ตุ ตฺ สตู รทีแ่ สดงวธิ ีการลงปจั จยั เช่น “กวฺ จิ โต ปญฺจมยฺ ตฺเถ” ลง โตปัจจยั ในอรรถปญั จมีวภิ ตั ติ บา้ ง ๔. นยิ มสุตฺต สูตรท่ใี ชก้ ำาหนด เชน่ “วคเฺ ค โฆสาโฆสานํ ตติยป€มา” ในฐานะอันสมควร พยญั ชนะตวั ที่ ๑ ซอ้ นหนา้ พยญั ชนะตวั ท่ ี ๒ และพยัญชนะตวั ท ่ี ๓ ซอ้ นหน้าพยญั ชนะตวั ที่ ๔ ในวรรคท้ังห้า ๕. อตเิ ทสสตุ ตฺ สูตรสาำ หรับช้แี จงวธิ กี ารให้สำาเร็จรปู ม ี ๖ อยา่ ง คอื ๕.๑ พฺยปเทส�ติเทสสตุ ตฺ สตู รทีช่ ้ีแจงช่ือ เช่น ตทธฺ ิตสมาสกิตกา นามำวา ตเวตนุ าทสี ุ จ. สูตรน ้ี ให้ตงั้ ตัทธติ สมาส และกิตก์ เว้น ตเว และตนุ ปัจจัยเป็นตน้ มีชื่อวา่ นาม ๕.๒ นิมิตตฺ �ติเทสสุตตฺ สตู รทช่ี ี้แจงนิมติ คอื เหตทุ ท่ี ำาให้เกิดการเปล่ยี นแปลง เช่น ตถา กตฺตร ิ จ.

(จ) รูปสทิ ธิทีปนี สตู รนบี้ อกให้แปลงพยญั ชนะทีส่ ุดธาตุ กับ ยปจั จยั ในอรรถกัตตา โดยทาำ นองทแ่ี ปลงในอรรถกรรม ๕.๓ ตำรปู �ตเิ ทสสุตฺต สตู รท่ีชแ้ี จงการเปลี่ยนรูปอย่างหนง่ึ ให้เปน็ อีกอย่างหนึ่ง เช่น อมหฺ ตมุ ฺห นตฺ รุ าชพรฺ หฺมตตฺ สขสตถฺ ุปติ าทีหิ สมฺ า นาว. สตู รนีบ้ อกให้ทำาการเปลีย่ นรูป สฺมาวภิ ัตต ิ ที่อยหู่ ลงั จาก อมหฺ , ตุมฺห, นฺตุ ปัจจัย, ราช, พฺรหมฺ , อตตฺ , สข, สตฺถ ุ และปติ ศุ ัพท์เป็นต้น เป็นเหมอื น นาวิภตั ติ ๕.๔ ตสำ ภ�ว�ติเทสสตุ ฺต สตู รทช่ี แี้ จงการเปล่ียนแปลงจากสภาพหนึ่งไปเปน็ อกี สภาพหนึง่ เช่น อติ ฺถิยำ ภาสิตปมุ ติ ถฺ ี ปุมาว เจ. สูตรน ี้ ใหต้ ้งั ศพั ทว์ เิ สสนะในอิตถลี ิงคท์ เ่ี คยเป็นปงุ ลงิ ค ์ ใหเ้ ปน็ เหมอื นปงุ ลิงค์ ๕.๕ สตุ ตฺ �ติเทสสุตตฺ สตู รทช่ี ้ีแจงสตู รเก่ียวกับวธิ ตี ่างๆ ทกี่ ล่าวมาแล้ว เชน่ อนุปทฏิ ฺ€านํ วุตตฺ โยคโต. สตู รนี้แนะนำาใหใ้ ช้สตู รท่ผี า่ นมาแลว้ ในการทาำ ตัวรปู ของตัวอย่างทีไ่ มไ่ ด้แสดงไว้ ๕.๖ ก�ริย�ติเทสสุตตฺ สตู รทช่ี ี้แจงเก่ียวกบั วธิ ที าำ ตัวรูป เช่น เสเสสุ นฺตวุ . สูตรน้ ี บอกวธิ ที ำาตวั รูปว่า ในวภิ ัตติที่เหลือ กใ็ ห้ต้งั นตฺ ปจั จัย เหมือน นตฺ ปุ ัจจยั เม่ือตั้งเหมือน นตฺ ปุ ัจจยั แลว้ กใ็ หท้ าำ ตวั รปู เหมอื นศพั ทท์ ีม่ ี นฺตุปัจจัยเปน็ ทีส่ ดุ ๖. อธกิ �รสุตฺต สูตรสาำ หรบั ตามไปส่สู ูตรอ่นื เชน่ “ชินวจนยตุ ฺตำ ห”ิ สูตร วตุ ติ และอุทาหรณ์ ตอ้ งสมควร ตอ่ พระพุทธพจน์เทา่ นั้น สาำ หรบั อธิการนยั นี้ มี ๓ อย่าง คือ ๖.๑ สหี คติกอธิก�รนย นัยแหง่ การตามไปเหมือนการไปของราชสหี ์ หมายความว่า ราชสีห์น ้ี ตามปกติ สามารถทีจ่ ะไปขา้ งหนา้ ก็ได ้ เหลยี วหลงั ก็ได ้ ฉะน้ัน การตามไปน้มี ุ่งหมายเอาการตามไปข้างหนา้ ท่ขี ้ามสตู ร เป็นจาำ นวนมาก และอทุ าหรณ์ทีป่ รากฏโดยมาก มงุ่ เอาการตามไปทีเ่ ปน็ การตามไปแบบยอ้ นกลบั โดยจะเป็นสูตร ติดตอ่ กัน หรือข้ามสตู รหลายๆ สตู รกไ็ ด ้ การทีจ่ ะรู้วา่ ตามไปข้างหนา้ หรือย้อนกลบั น้ ี ให้ดูตามสตู รในคมั ภรี ์กจั จายนะ เช่น “อศุ ัพท”์ จากสตู ร “วโมททุ นตฺ านำ” (สูตรท่ี ๑๘) ย้อนกลับมา โดยข้ามถึงสามสตู ร ตามมาสู่สูตร “กวฺ จาสวณณฺ ำ ลุตฺเต” (สูตรท่ี ๑๔), “วาศพั ท”์ จากสตู ร “นฺตสสฺ เส วา”(สตู รท่ี ๑๒๓) ย้อนกลับมาสู่สตู ร “นฺตุสฺส นฺโต” (สตู รท่ี ๑๒๒) และ “ลิงคฺ ศพั ท”์ จากสูตร “ลงิ ฺคญจฺ นิปฺปจจฺ เต”(สูตรท่ี ๕๓) ข้ามไปสู่สตู ร “วา ณปจฺเจ”(สตู รที ่ ๓๔๔) ขา้ มไปไกลถึง ๒๙๐ สูตร เป็นต้น ๖.๒ มณฑฺ กู คติกอธิก�รนย นยั แหง่ การตามไปเหมอื นการไปของกบ หมายความวา่ กบน้นั มี ปกติกระโดดไปขา้ งหน้าเพยี งอยา่ งเดียว ซ่งึ ไมเ่ หมอื นราชสีห์ที่สามารถเหลียวหลงั ได้ และการตามไปนี ้ จะข้ามเพยี ง สตู รเดียว หรือหลายสตู รกไ็ ด ้ แตต่ อ้ งไปข้างหน้าเท่าน้ัน เชน่ “อสรูเป” จากสูตร “วา ปโร อสรูปา”(สูตรที่ ๑๓) ตามไป สสู่ ตู ร “อวิ ณโฺ ณ ยำ นวา”(สตู รท ี่ ๒๑) การตามไปนี ้ เป็นการตามไปท่ีมีการเปลยี่ นวิภตั ติ จากเดมิ “อสรปู า” เปน็ ปัญจมี วิภัตติ แตเ่ ม่อื ตามไป มรี ปู เปน็ “อสรเู ป” เป็นสตั ตมวี ภิ ตั ติ และอีกตวั อย่างเชน่ “วาศัพท”์ จากสูตร “สพพฺ สฺส โส ทามฺหิ วา” (สตู รท ่ี ๒๖๐) ข้ามไปแปดสตู ร ตามไปสู่สตู ร “ยวต ำ ตลนทการาน ำ พฺยญฺชนาน ิ จลญชการตฺต”ำ (สตู รท ี่ ๒๖๙) ๖.๓ นทโี สตคตกิ อธิก�รนย นยั แห่งการตามไปเหมือนการไหลของกระแสนำ้ เปน็ ไปตามลาำ ดับ โดยไปข้างหน้า สตู รทจี่ ะตามไปน ้ี ตอ้ งอยตู่ ดิ กัน หรือเรียกอกี ชอื่ หนง่ึ ว่า “ยถ�นปุ ุพฺพกิ คตกิ อธิก�รนย” นัยแหง่ การ ตามไปตามลำาดบั เชน่ “นตฺ ุสฺส” จากสูตร “นฺตุสสฺ นโฺ ต โยส ุ จ”(สตู รท่ี ๙๒) ตามไปสสู่ ูตร “สพพฺ สสฺ วา อำเสส”ุ (สูตรท ่ี ๙๓) เป็นตน้

น�ำ เข้�สู่หนงั สือรปู สิทธทิ ีปนี (ฉ) ก�รท�ำ ตัวรปู /วิธที ใี่ หส้ �ำ เรจ็ ตวั รูป การทำาตวั รูป เพอ่ื ให้สาำ เรจ็ รูปตามอุทาหรณ์ที่ต้งั ไว้ วิธีการที่ใชก้ ็มหี ลากหลายวิธีด้วยกนั บางรปู ใชว้ ธิ เี ดียว บางรูปกท็ าำ ได้หลายวธิ ี และในการทาำ ตัวรปู แต่ละตัวนน้ั ต้องอาศัยวธิ กี ารทแ่ี ตกต่างกันไป พอสรุปไดด้ ังน้ี ๑. ใชส้ ูตรโดยตรง เชน่ เพราะสระหลงั แปลงนคิ หติ เป็น ม และ ท ใชส้ ูตรวา่ “มทา สเร” เชน่ “ตมห”ำ มาจาก “ต ำ + อห”ำ , “เอตทโวจ” มาจาก “เอตำ + อโวจ” เป็นต้น ๒. ใชว้ ธิ กี ารแบง่ สตู ร เรียกว่า “โยควิภาคะ” เช่นสูตรว่า “มทา สเร” ด้วยสตู รโดยตรง นมิ ิตเป็นเพราะสระ หลงั เมอ่ื แบง่ สตู รวา่ “มทา” ตดั คำาว่า “สเร” ท้ิงไป นิมติ ก็ไม่จาำ กัดอย่เู ฉพาะสระแลว้ ฉะนั้น เพราะพยญั ชนะหลงั กส็ ามารถแปลงนิคหิต เปน็ ม ได ้ เช่น “พุทฺธม ฺ สรณม ฺ คจฺฉามิ” มาจาก “พุทฺธำ สรณำ คจฺฉาม”ิ ๓. ใช ้ จศพั ท์, วาศัพท,์ ตุศัพท,์ หรอื อนฺตศัพท ์ เปน็ ตน้ เช่น จศพั ท์ในสูตรว่า “โท ธสสฺ จ” สามารถแปลง ธ เปน็ ห ได้ เชน่ “สาหุ ทสฺสนำ” มาจาก “สาธุ ทสสฺ น”ำ , วาศพั ท์ในสูตรวา่ “วคคฺ นฺตำ วา วคเฺ ค” สามารถแปลงนิคหติ เปน็ ล ฺ ได ้ เช่น “ปลุ ลฺ งิ ฺค”ำ มาจาก “ปุม + ลิงฺค”ำ , ตุศพั ทใ์ นสตู รวา่ “พฺรหฺมโต ต ุ สฺมึ นิ” สามารถแปลง สมฺ ึวิภัตติ เปน็ น ิ ได ้ แมห้ ลงั จากกมฺมศพั ท ์ จมมฺ ศัพท ์ และมทุ ธฺ ศพั ทเ์ ปน็ ต้น เช่น “กมฺมนิ” มาจาก “กมมฺ + สฺม”ึ , “จมฺมน”ิ มาจาก “จมฺม + สมฺ ”ึ และ “มุทฺธนิ” มาจาก “มทุ ธฺ + สมฺ ึ” เปน็ ต้น, อนตฺ ศพั ท์ในสูตรวา่ “ปมุ นฺตสสฺ า สิมหฺ ิ” เพราะสิวิภตั ต ิ สามารถแปลงท่ีสุด ของ มฆวศพั ท ์ และยวุ ศัพทเ์ ป็นตน้ พร้อมกบั สิวิภตั ตเิ ป็น อา ได้ เชน่ “มฆวา” มาจาก “มฆว + สิ” เป็นตน้ ๔. ใช้วิธีท่ีแสดงนัยในสตู ร เช่น ภาวนเิ ทศ, แสดงรปู พหวุ จนะ เชน่ “กาสตฺต”ภาวนเิ ทศในสตู รวา่ “กรสสฺ กาสตฺตมชฺชตนิมฺห”ิ ลง สฺอาคม เช่น “อคมาส”ิ มาจาก “อ + คม ุ + สฺ + อี”, ด้วยการแสดงเปน็ พหุวจนะว่า “มหต”ำ ในสูตรวา่ “มหตำ มหา ตลุ ฺยาธกิ รเณ ปเท” สามารถแปลง มหนตฺ ศัพท ์ เป็น มห ได ้ เช่น “มหพฺภยำ” มาจาก “มหนตฺ + ภย” เป็นตน้ ๕. ใชน้ ปิ าตนะ วธิ กี ารทำาตัวรูปโดยใช้รูปสาำ เร็จทมี่ ีปรากฏอยูใ่ นสูตร เชน่ แปลง อิม เปน็ อิ ด้วยอนิ ปิ าตนะ ในสูตรว่า “อิยตมกเิ อสานมนฺตสสฺ โร ทีฆ ำ กวฺ จ ิ ทิสสสฺ คุณำ โทรำ สกขฺ ี จ” เชน่ “อที ิโส” ศัพทเ์ ดิมมาจาก “อมิ สททฺ ปู ปท + ทิสธาต ุ + กวฺ ิปจั จยั ” เป็นต้น ๖. ในกรณีทไ่ี มม่ สี ตู รทำาจรงิ ๆ ก็จะใช้มหาสูตร ซ่ึงเปน็ สูตรท่มี หี น้าทมี่ าก มอี ยู่ ๔ สตู ร คอื ๖.๑ เตสุ วทุ ธฺ โิ ลปาคมวกิ ารวปิ รีตาเทสา จ. (รปู สิทธ.ิ ตทั ธติ สตู รท ่ี ๓๗๐) ๖.๒. ยทนปุ ปนฺนา นิปาตนา สชิ ฺฌนตฺ .ิ (รปู สทิ ธิ. ตทั ธิต สูตรที ่ ๔๒๓) ๖.๓. กวฺ จิ ธาตวุ ิภตฺติปปฺ จจฺ ยาน ำ ทีฆวิปรตี าเทสโลปาคมา จ. (รปู สิทธ.ิ อาขยาต สูตรท ี่ ๔๘๘) ๖.๔. ปจฺจยา ทนฏิ €ฺ า นปิ าตนา สชิ ฌฺ นตฺ .ิ (รูปสิทธิ. กิพพธิ าน สูตรท่ ี ๖๒๔) แนะนำ�ก�รศกึ ษ�หนงั สือรปู สทิ ธทิ ีปนี หนังสือรูปสทิ ธิทีปนี มี ๗ กัณฑ์ คอื (๑) สนธกิ ัณฑ ์ (๒) นามกัณฑ ์ (๓) การกกัณฑ ์ (๔) สมาสกณั ฑ์ (๕) ตัทธิตกณั ฑ์ (๖) อาขยาตกัณฑ ์ และ(๗) กิพพธิ านกัณฑ ์ แตเ่ วลาศึกษาควรศึกษาตามความสมั พันธข์ องการนาำ ไปใช้ เพือ่ ให้การศึกษาเกดิ ประสิทธภิ าพ ฉะน้ัน จงึ ควรแบ่งการศกึ ษาออกเปน็ ๓ ชว่ ง ดังน้ี

(ช) รูปสิทธิทปี นี ชว่ งท ่ี ๑ สนธิกัณฑ์ / นามกณั ฑ์ / อาขยาตกณั ฑ์ ช่วงที ่ ๒ กิพพิธานกัณฑ ์ / สมาสกัณฑ ์ / ตัทธิตกัณฑ์ ชว่ งที ่ ๓ การกกณั ฑ์ การศึกษาในชว่ งต้น (๑) ศึกษาสนธกิ ัณฑ์ เพอื่ ให้ผู้ศกึ ษาได้ทราบเร่ืองอกั ษร ช่อื ตา่ งๆ และการตัดบท การตอ่ บท (๒) ศกึ ษานามกณั ฑ์ เพื่อให้นกั ศกึ ษาไดท้ ราบเก่ยี วกับบทนามและวธิ ีประกอบวิภตั ตินาม และ(๓) ศกึ ษาอาขยาต กัณฑ์ เพ่ือให้นักศึกษารจู้ ักการสร้างคาำ ศัพท์กิริยา ซึง่ การศึกษาช่วงแรกน ี้ เป็นการศกึ ษาเพ่ือปพู ื้นฐานใหแ้ กน่ กั ศกึ ษา ได้เรียนรเู้ กย่ี วกับโครงสร้างของประโยคส้ันๆ ที่มปี ระธานกับกิริยาคุมพากย์เปน็ องค์ประกอบหลกั การศึกษาในชว่ งที่ ๒ เปน็ การศกึ ษาเกี่ยวกับการสร้างคำาศัพทช์ นั้ ที่หนง่ึ เปน็ เร่ืองของกิตก์ และช้นั ท่ีสอง/ ชน้ั ทีส่ าม เปน็ เรือ่ งของสมาสและตทั ธติ ซึ่งท้ังสามกัณฑ์นี้เปน็ การศึกษาการต้งั วิเคราะห์ และบทวิเคราะห์เหล่านน้ั ก็คือการใหค้ ำาจำากัดความของคาำ ศพั ท์แต่ละศพั ท์ท่ปี รากฏอยใู่ นบทท้ังสาม สาเหตุทีต่ ้องศกึ ษาเร่อื งกิตก์กอ่ น เพราะ การตัง้ วิเคราะห์น้นั ต้องอาศยั กริ ยิ าอาขยาตมาต้งั รปู วิเคราะห์ และกติ กเ์ องกเ็ ปน็ การสรา้ งคาำ ศัพทท์ ี่มธี าต ุ เปน็ ส่วนประกอบสาำ คัญเหมอื นอาขยาต อีกประการหนึ่ง ในประโยคขยายตอ้ งอาศัยกิรยิ ากิตกเ์ ปน็ ตวั เชอ่ื ม เรียกว่า กริ ิยาในระหวา่ ง สว่ นสมาสและตัทธติ เอง ก็ตอ้ งอาศยั บทตา่ งๆ ซ่งึ ส่วนใหญส่ ำาเรจ็ มาจากกติ ก ์ นาำ มาสรา้ งเป็นสมาส และตัทธิตดว้ ย ฉะน้นั การศึกษากิตก์ตอ่ จากอาขยาต แล้วจงึ ศึกษาสมาสและตทั ธิต จึงช่วยใหผ้ ้ศู กึ ษาสะดวกทจี่ ะ ทาำ ความเขา้ ใจในเร่ืองข้ันตอนการสรา้ งคาำ ศัพทใ์ นกลมุ่ นี ้ การศกึ ษาในช่วงท่ ี ๓ ศกึ ษาเร่ืองของวภิ ัตตใิ นอรรถตา่ งๆ ซึ่งมีความสมั พันธ์กับหนา้ ทข่ี องบทเหล่าน้ัน ท่ีมตี อ่ โครงสรา้ งของประโยคด้วย เมอ่ื เขา้ ใจเกย่ี วกับธาตุและปจั จัยทมี่ อี ยูใ่ นอาขยาตและกติ กแ์ ลว้ การศกึ ษาองคร์ วม ท้ังประโยค วา่ แต่ละบททาำ หน้าที่เชื่อมโยงซ่งึ กนั และกันอย่างไร กจ็ ะสามารถทาำ ใหเ้ ข้าใจประโยคไดง้ า่ ยยิ่งขึ้น และน่คี อื สาเหตุท่นี ำาการกกณั ฑ์มาศกึ ษาในช่วงสุดท้าย ในการศกึ ษาแต่ละชว่ งนน้ั เพอื่ ให้เกดิ การเรียนรูเ้ ก่ยี วกับโครงสร้างของประโยค โดยเรม่ิ ตง้ั แตป่ ระโยคส้นั ๆ ที่มเี ฉพาะประธานกับกิรยิ าก่อน รวมท้ังฝกึ แตง่ และแปลไปดว้ ยในชว่ งแรก ตอ่ มาในชว่ งท ี่ ๒ จึงฝกึ แต่งและแปล ประโยคขยายท่มี กี ริ ิยากิตกเ์ ป็นตวั เช่ือม อนั มรี ายละเอียดของลาำ ดบั เหตกุ ารณท์ ่ีปรากฏอยใู่ นประโยคมากข้นึ ส่วนช่วง สดุ ทา้ ย จะเนน้ ถึงเหตผุ ลในการใชว้ ิภัตตนิ ามท่มี ีอรรถตา่ งๆ กนั และเมื่อนาำ มาประกอบในบทแตล่ ะบทแล้ว จะทำาให้ บทเหล่าน้ันมีหน้าท่แี ละความสัมพนั ธ์เชงิ โครงสรา้ งท่ปี รากฏอยใู่ นประโยคในรปู แบบท่ีตา่ งกนั ไป การศกึ ษาที่แบง่ เป็น ๓ ชว่ งดงั กลา่ ว เพอ่ื ใหผ้ ้ศู ึกษาเรียนรู้ไวยากรณ์ควบคู่ไปกับฝึกทักษะในการนาำ ไวยากรณไ์ ปใช้ในการอา่ น การเขียน และการแปลไปพรอ้ มๆ กันเลย ซง่ึ วิธีการน้จี ะช่วยผูศ้ กึ ษาสามารถนำาความร้ทู ไี่ ดม้ าปรบั ใช้เพ่อื หาประสบการณ์ตรง ในการฝึกใช้ภาษามคธของตัวนักศึกษาเอง เชื่อวา่ มีผศู้ กึ ษาภาษามคธจาำ นวนไมน่ อ้ ย ตอ้ งการนำาความรทู้ ไี่ ด้จากการศึกษาไปใช้เป็นอุปกรณใ์ นการศกึ ษา คน้ คว้า ทาำ ความเข้าใจหลักธรรมคาำ สัง่ สอนขององคส์ มเด็จพระสัมมาสมั พทุ ธเจ้าที่ปรากฏอย ู่ ในพระไตรปฎิ ก อรรถกถา และฎกี าต่างๆ ฉะนัน้ จงึ หวังเปน็ อย่างยงิ่ ว่า หนงั สอื รปู สทิ ธิทีปนนี ี ้ จะเปน็ อปุ กรณ์อกี ช้นิ หนง่ึ ที่จะชว่ ยอาำ นวยความ สะดวกใหแ้ กน่ กั ศึกษาไดบ้ รรลตุ ามวัตถุประสงค์ดงั กล่าวนน้ั ด้วยดี

กจฺจายนสตุ ฺตปาฐ นโม ตสสฺ ภควโต อรหโต สมมฺ าสมฺพุทฺธสฺส ____________ ๑ - สนธฺ กิ ณฺฑ ๑.๑ - สนธฺ กิ ปฺป ป€มกณฺฑ ๑ : ๑.* อตฺโถ อกฺขร-สฺ าโต. ๒ : ๒. อกขฺ รา'ปา'ทโย เอกจตฺตาลสี ํ. ๓ : ๓. ตตโฺ ถ'ทนตฺ า สรา อฏ€ฺ . ๔ : ๔. ลห-ุ มตตฺ า ตโย รสสฺ า. ๕ : ๕. อเฺ  ทฆี า. ๖ : ๘. เสสา พฺยชฺ นา. ๗. : ๙. วคคฺ า ปฺจ-ปจฺ โส มนตฺ า. ๘ : ๑๐. อํอติ ิ นิคคฺ หีต.ํ ๙ : ๑๑. ปร-สมฺ า ปโยเค. ๑๐ : ๑๒. ปพุ พฺ 'มโธ€ติ 'มสสฺ รํ สเรน วโิ ยชเย. ๑๑ : ๑๔. นเย ปรํ ยุตฺเต. อติ ิ สนฺธกิ ปฺเป ป€โม กณโฺ ฑ. ๑.๒ - สนธฺ ิกปฺป ทตุ ิยกณฑฺ ๑๒ : ๑๓. สรา สเร โลปํ. ๑๓ : ๑๕. วา ปโร อสรปู า. ๑๔ : ๑๖. กฺวจา'สวณฺณํ ลุตเฺ ต. ๑๕ : ๑๗. ทีฆํ. ๑๖ : ๑๘. ปพุ ฺโพ จ. ๑๗ : ๑๙. ย'เมทนฺตสสฺ า'เทโส. ๑๘ : ๒๐. ว'โมทุทนฺตานํ. ๑๙ : ๒๒. สพฺโพ จํ ติ. __________________ *หมายเหตุ : เลขแถวหนา้ เปน็ ลำดบั ในคัมภีรก์ ัจจายนะ สว่ นเลขแถวหลัง เปน็ ลำดับในคมั ภรี ์ปทรปู สทิ ธิ

(2) กจฺจายนสตุ ฺตปาฐ ๒๐ : ๒๗. โท ธสฺส จ. ๒๑ : ๒๑. อิวณโฺ ณ ยํ นวา. ๒๒ : ๒๘. เอวาทิสฺส ริ ปพุ ฺโพ จ รสโฺ ส. อิติ สนฺธิกปฺเป ทตุ ิโย กณฺโฑ. ๑.๓ - สนฺธกิ ปปฺ ตตยิ กณฺฑ ๒๓ : ๓๖. สรา ปกติ พฺยชฺ เน. ๒๔ : ๓๕. สเร กฺวจิ. ๒๕ : ๓๗. ทีฆํ. ๒๖ : ๓๘. รสฺสํ. ๒๗ : ๓๙. โลปฺจ ตตฺรา'กาโร. ๒๘ : ๔๐. ปร เทวฺ ภาโว €าเน. ๒๙ : ๔๒. วคฺเค โฆสาโฆสานํ ตติย-ป€มา. อิติ สนฺธิกปเฺ ป ตติโย กณฺโฑ. ๑.๔ - สนฺธิกปฺป จตุตถฺ กณฑฺ ๓๐ : ๕๘. อํ พฺยฺชเน นิคฺคหตี .ํ ๓๑ : ๔๙. วคคฺ นฺตํ วา วคฺเค. ๓๒ : ๕๐. เอเห .ํ ๓๓ : ๕๑. ส เย จ. ๓๔ : ๕๒. ม-ทา สเร. ๓๕ : ๓๔. ย-ว-ม-ท-น-ต-ร-ลา จา'คมา. ๓๖ : ๔๗. กฺวจิ โอ พฺยฺชเน. ๓๗ : ๕๗. นคิ คฺ หตี ฺจ. ๓๘ : ๕๓. กฺวจิ โลปํ. ๓๙ : ๕๔. พยฺ ชฺ เน จ. ๔๐ : ๕๕. ปโร วา สโร. ๔๑ : ๕๖. พฺยชฺ โน จ วิสฺโโค. อติ ิ สนฺธกิ ปฺเป จตุตฺโถ กณฺโฑ.

นามกณฺฑ (3) ๑.๕ - สนฺธิกปฺป ปฺจมกณฑฺ ๔๒ : ๓๒. โค สเร ปถุ สสฺ า'คโม กวฺ จิ. ๔๓ : ๓๓. ปาสสฺ จ'นฺโต รสฺโส. ๔๔ : ๒๔. อพโฺ ภ อภิ. ๔๕ : ๒๕. อชฺโฌ อธ.ิ ๔๖ : ๒๖. เต น วา อิวณเฺ ณ. ๔๗ : ๒๓. อติสสฺ จ'นตฺ สฺส. ๔๘ : ๔๓. กวฺ จิ ปฏิ ปติสฺส. ๔๙ : ๔๔. ปถุ สฺสุ พยฺ ชฺ เน. ๕๐ : ๔๕. โอ อวสฺส. ๕๑ : ๕๙. อนุปทฏิ €ฺ านํ วุตฺต-โยคโต. อิติ สนฺธกิ ปฺเป ปฺจโม กณโฺ ฑ. สนฺธิสตุ ฺตํ นิฏฺ€ติ .ํ ____________ ๒ - นามกณฺฑ ๒.๑ - นามกปปฺ ป€มกณฑฺ ๕๒ : ๖๐. ชนิ -วจน-ยตุ ฺตํ ห.ิ ๕๓ : ๖๑. ลงิ ฺคฺจ นปิ ปฺ จฺจเต. ๕๔ : ๖๒. ตโต จ วภิ ตตฺ โิ ย. ๕๕ : ๖๓. ส-ิ โย-อ-ํ โย-นา-หิ-ส-น-ํ สฺมา-หิ-ส-นํ-สมฺ ึ-สุ. ๕๖ : ๖๔. ต'ทนุปโรเธน. ๕๗ : ๗๑. อาลปเน สิ คสฺโ. ๕๘ : ๒๙. อิวณฺณุวณณฺ า ฌ-ลา. ๕๙ : ๑๘๒. เต อติ ถฺ ิขยฺ า โป. ๖๐ : ๑๗๗. อา โฆ. ๖๑ : ๘๖. สาคโม เส. ๖๒ : ๒๐๖. สํสาเสฺว'กวจเนสุ จ. ๖๓ : ๒๑๗. เอติมาส'มิ. ๖๔ : ๒๑๖. ตสสฺ า วา.

(4) กจจฺ ายนสตุ ตฺ ปาฐ ๖๕ : ๒๑๕. ตโต สสฺส สฺสาย. ๖๖ : ๒๐๕. โฆ รสฺสํ. ๖๗ : ๒๒๙. โน จ ทวฺ าทิโต นมํ หฺ ิ. ๖๘ : ๑๘๔. อ'มา ปโต สฺม-ึ สมฺ านํ วา. ๖๙ : ๑๘๖. อาทโิ ต โอ จ. ๗๐ : ๓๐. ฌ-ลาน'มิยุวา สเร วา. ๗๑ : ๕๐๕. ย-วการา จ. ๗๒ : ๑๘๕. ปสฺ สฺส จ. ๗๓ : ๑๗๔. คาว เส. ๗๔ : ๑๖๙. โยสุ จ. ๗๕ : ๑๗๐. อวํมฺหิ จ. ๗๖ : ๑๗๑. อาวสสฺ ุ วา. ๗๗ : ๑๗๕. ตโต น'มํ ปตมิ ฺหา'ลุตฺเต จ สมาเส. ๗๘ : ๓๑. โอ สเร จ. ๗๙ : ๔๖. ตพฺพิปรีตปู ปเท พยฺ ฺชเน จ. ๘๐ : ๑๗๓. โคณ นํมฺหิ วา. ๘๑ : ๑๗๒. สุ-ห-ิ นาสุ จ. ๘๒ : ๑๔๙. อํ-โม นิคฺคหีตํ ฌ-ล-เปหิ. ๘๓ : ๖๗. สรโลโป'มาเทสปฺปจฺจยาทิมฺหิ สรโลเป ตุ ปกติ. ๘๔ : ๑๔๔. อโฆ รสฺส'เมกวจนโยสวฺ 'ปิ จ. ๘๕ : ๑๕๐. น สสิ ฺม'ิ มนปสํุ กานิ. ๘๖ : ๒๒๗. อภุ าทโิ ต น'มินนฺ ํ. ๘๗ : ๒๓๑. อิณณฺ 'มณิ ณฺ นนฺ ํ ตีหิ สงขฺ ยฺ าหิ. ๘๘ : ๑๔๗. โยสุ กต-นกิ าร-โลเปสุ ทีฆํ. ๘๙ : ๘๗. สุ-นํ-หสิ ุ จ. ๙๐ : ๒๕๒. ปจฺ าทีน'มตฺต.ํ ๙๑ : ๑๙๔. ปตสิ ฺสิ'นมี ฺหิ. ๙๒ : ๑๐๐. นฺตุสฺส'นฺโต โยสุ จ. ๙๓ : ๑๐๖. สพฺพสสฺ วา อ-ํ เสส.ุ ๙๔ : ๑๐๕. สมิ หฺ ิ วา. ๙๕ : ๑๔๕. อคคฺ สิ สฺ ิ'น.ิ

นามกณฑฺ (5) ๙๖ : ๑๔๘. โยสวฺ 'กตรสโฺ ส โฌ. ๙๗ : ๑๕๖. เว-โวสุ โล จ. ๙๘ : ๑๘๙. มาตุลาทนี 'มานตฺต'มีกาเร. ๙๙ : ๘๑. สฺมา-หิ-สฺมึนํ มหฺ า-ภ-ิ มหฺ ิ วา. ๑๐๐ : ๒๑๔. น ติเมหิ กตากาเรหิ. ๑๐๑ : ๘๐. สุหิสวฺ 'กาโร เอ. ๑๐๒ : ๒๐๒. สพพฺ นามานํ นํมฺหิ จ. ๑๐๓ : ๗๙. อโต เนน. ๑๐๔ : ๖๖. โส. ๑๐๕ : ๐. โส วา. ๑๐๖ : ๓๑๓. ทีโฆ'เรห.ิ ๑๐๗ : ๖๙. สพพฺ -โย-นีน'มาเอ. ๑๐๘ : ๙๐. สฺมา-สมฺ ึนํ วา. ๑๐๙ : ๓๐๔. อาย จตตุ เฺ ถ'กวจนสสฺ ตุ. ๑๑๐ : ๒๐๑. ตโย เนว จ สพพฺ นาเมห.ิ ๑๑๑ : ๑๗๙. ฆโต นาทีนํ. ๑๑๒ : ๑๘๓. ปโต ยา. ๑๑๓ : ๑๓๒. สขโต คสฺเส วา. ๑๑๔ : ๑๗๘. ฆเต จ. ๑๑๕ : ๑๘๑. น อมมฺ าทิโต. ๑๑๖ : ๑๕๗. อ-กตรสฺสา ลโต ยฺวา'ลปนสฺส เว-โว. ๑๑๗ : ๑๒๔. ฌ-ลโต สสสฺ โน วา. ๑๑๘ : ๑๔๖. ฆ-ปโต จ โยนํ โลโป. ๑๑๙ : ๑๕๕. ลโต โวกาโร จ. อติ ิ นามกปเฺ ป ป€โม กณโฺ ฑ. ๒.๒ - นามกปฺป ทุตยิ กณฺฑ ๑๒๐ : ๒๔๓. อมฺหสฺส มมํ สวภิ ตฺติสฺส เส. ๑๒๑ : ๒๓๓. มยํ โยมฺหิ ป€เม. ๑๒๒ : ๙๙. นฺตุสฺส นฺโต.

(6) กจจฺ ายนสุตฺตปาฐ ๑๒๓ : ๑๐๓. นฺตสฺส เส วา. ๑๒๔ : ๙๘. อา สมิ ฺหิ. ๑๒๕ : ๑๙๘. อํ นปุํสเก. ๑๒๖ : ๑๐๑. อวณฺณา จ เค. ๑๒๗ : ๑๐๒. โต-ติ-ตา ส-สมฺ -ึ นาส.ุ ๑๒๘ : ๑๐๔. นมํ หฺ ิ ตํ วา. ๑๒๙ : ๒๒๒. อิมสฺสิ'ท'มสํ สิ ุ นปํุสเก. ๑๓๐ : ๒๒๕. อมุสสฺ า'ทุํ ๑๓๑ : ๐. อิตฺถ-ิ ปมุ -นปสุํ ก-สงฺขยฺ .ํ ๑๓๒ : ๒๒๘. โยสุ ทวฺ ินฺนํ เทวฺ จ. ๑๓๓ : ๒๓๐. ต-ิ จตนุ นฺ ํ ติสฺโส-จตสฺโส-ตโย-จตตฺ าโร-ตณี ิ-จตฺตาร.ิ ๑๓๔ : ๒๕๑. ปจฺ าทีน'มกาโร. ๑๓๕ : ๑๑๘. ราชสฺส รโฺ -ราชิโน เส. ๑๓๖ : ๑๑๙. รฺ ํ นมํ หฺ ิ วา. ๑๓๗ : ๑๑๖. นามหฺ ิ รฺ า วา. ๑๓๘ : ๑๒๑. สมฺ มึ ฺหิ รฺเ-ราชนิ ิ. ๑๓๙ : ๒๔๕. ตุมหฺ 'มฺหากํ ตยิ-มยิ. ๑๔๐ : ๒๓๒. ตวฺ 'มหํ สมิ หฺ ิ จ. ๑๔๑ : ๒๔๑. ตว-มม เส. ๑๔๒ : ๒๔๒. ตยุ ฺหํ-มยหฺ ฺจ. ๑๔๓ : ๒๓๕. ตํ-ม'มมํ หฺ .ิ ๑๔๔ : ๒๓๔. ตว-ํ มมจฺ นวา. ๑๔๕ : ๒๓๘. นามหฺ ิ ตยา-มยา. ๑๔๖ : ๒๓๖. ตุมฺหสสฺ ตุวํ-ตวฺ 'มํมฺหิ. ๑๔๗ : ๒๔๖. ปทโต ทตุ ยิ า-จตุตถฺ ี-ฉฏ€ฺ สี ุ โว-โน. ๑๔๘ : ๒๔๗. เต-เม'กวจเนสุ จ. ๑๔๙ : ๒๔๘. น อํมหฺ ิ. ๑๕๐ : ๒๔๙. วา ตติเย จ. ๑๕๑ : ๒๕๐. พหุวจเนสุ โว-โน. ๑๕๒ : ๑๓๖. ปุมนฺตสสฺ า สิมหฺ .ิ ๑๕๓ : ๑๓๘. อ'มาลปเน'กวจเน.

นามกณฺฑ (7) ๑๕๔ : ๐. สมาเส จ วภิ าสา. ๑๕๕ : ๑๓๗. โยสฺ'วาโน. ๑๕๖ : ๑๔๒. อาเน สมฺ ึมหฺ ิ วา. ๑๕๗ : ๑๔๐. หิวิภตฺตมิ หฺ ิ จ. ๑๕๘ : ๑๔๓. สุสฺมิ'มา วา. ๑๕๙ : ๑๓๙. อุ นามหฺ ิ จ. ๑๖๐ : ๑๙๗. อ กมมฺ นตฺ สฺส จ. อิติ นามกปฺเป ทตุ ิโย กณโฺ ฑ. ๒.๓ - นามกปฺป ตตยิ กณฺฑ ๑๖๑ : ๒๔๔. ตมุ หฺ 'มเฺ หหิ น'มาก.ํ ๑๖๒ : ๒๓๗. วา ยวฺ 'ปฺป€โม. ๑๖๓ : ๒๔๐. สสฺส.ํ ๑๖๔ : ๒๐๐. สพฺพนามการเต ป€โม. ๑๖๕ : ๒๐๘. ทวฺ นทฺ ฏฺ€า วา. ๑๖๖ : ๒๐๙. น'าฺ ํ สพพฺ นามกิ .ํ ๑๖๗ : ๒๑๐. พหุพพฺ หี มิ หฺ ิ จ. ๑๖๘ : ๒๐๓. สพพฺ โต นํ สํ-สาน.ํ ๑๖๙ : ๑๑๗. ราชสฺส ราชุ ส-ุ น-ํ หิสุ จ. ๑๗๐ : ๒๒๐. สพฺพสสฺ 'ิ มสฺเส วา. ๑๗๑ : ๒๑๙. อนมิ ิ นามฺหิ จ. ๑๗๒ : ๒๑๘. อ-นปํสุ กสฺส'ายํ สิมหฺ ิ. ๑๗๓ : ๒๒๓. อมุสฺส โม ส.ํ ๑๗๔ : ๒๑๑. เอต-เตสํ โต. ๑๗๕ : ๒๑๒. ตสฺส วา นตฺตํ สพฺพตถฺ . ๑๗๖ : ๒๑๓. ส-สฺมา-สมฺ ึ-สํ-สาสวฺ 'ตตฺ ํ. ๑๗๗ : ๒๒๑. อิมสททฺ สฺส จ. ๑๗๘ : ๒๒๔. สพพฺ โต โก. ๑๗๙ : ๒๐๔. ฆ-ปโต สฺมึ-สานํ ส-ํ สา. ๑๘๐ : ๒๐๗. เน'ตาหิ สมฺ 'ิ มาย-ยา.

(8) กจจฺ ายนสตุ ตฺ ปาฐ ๑๘๑ : ๙๕. มโนคณาทโิ ต สฺมึ-นาน'มิ-อา. ๑๘๒ : ๙๗. สสสฺ โจ. ๑๘๓ : ๔๘,๓๘๖. เอเตส'โม โลเป. ๑๘๔ : ๙๖. ส สเร วา'คโม. ๑๘๕ : ๑๑๒. สนตฺ สทฺทสสฺ โส เภ โพ จ'นฺเต. ๑๘๖ : ๑๐๗. สมิ ฺหิ คจฉฺ นฺตาทีนํ นตฺ สทโฺ ท อ.ํ ๑๘๗ : ๑๐๘. เสเสสุ นฺต'ุ ว. ๑๘๘ : ๑๑๕. พรฺ หฺม'ตตฺ -สข-ราชาทโิ ต อ'มานํ. ๑๘๙ : ๑๑๓. ส'ฺ ยา จ. ๑๙๐ : ๑๑๔. โยน'มาโน. ๑๙๑ : ๑๓๐. สขโต จา'โย-โน. ๑๙๒ : ๑๓๕. สมฺ 'ิ เม. ๑๙๓ : ๑๒๒. พรฺ หมฺ โต คสสฺ จ. ๑๙๔ : ๑๓๑. สขนตฺ สสฺ ิ โน-นา-น-ํ เสส.ุ ๑๙๕ : ๑๓๔. อาโร หิมฺหิ วา. ๑๙๖ : ๑๓๓. สุ-น'มํสุ วา. ๑๙๗ : ๑๒๕. พรฺ หฺมโต ตุ สฺมึ นิ. ๑๙๘ : ๑๒๓. อุตฺตํ ส-นาสุ. ๑๙๙ : ๑๕๘. สตถฺ -ุ ปิตาทนี 'มา สสิ มฺ ึ สโิ ลโป จ. ๒๐๐ : ๑๕๙. อฺเสฺ'วารตตฺ ํ. ๒๐๑ : ๑๖๓. วา นํมฺหิ. ๒๐๒ : ๑๖๔. สตฺถุน'ตฺตจฺ . ๒๐๓ : ๑๖๒. อุ สสฺมึ สโลโป จ. ๒๐๔ : ๑๖๗. สกมนธฺ าตาทนี จฺ . ๒๐๕ : ๑๖๐. ตโต โยน'โม ต.ุ ๒๐๖ : ๑๖๕. ตโต สมฺ 'ิ มิ. ๒๐๗ : ๑๖๑. นา อา. ๒๐๘ : ๑๖๖. อาโร รสสฺ 'มิกาเร. ๒๐๙ : ๑๖๘. ปติ าทีน'มสิมฺห.ิ ๒๑๐ : ๒๓๙. ตยา-ตยนี ํ ตกาโร ตวฺ ตฺตํ วา. อติ ิ นามกปฺเป ตติโย กณโฺ ฑ.

นามกณฺฑ (9) ๒.๔ - นามกปปฺ จตุตถฺ กณฑฺ ๒๑๑ : ๑๒๖. อตตฺ 'นโฺ ต หสิ ฺมิ'มนตตฺ .ํ ๒๑๒ : ๑๒๙. ตโต สฺมึ นิ. ๒๑๓ : ๑๒๗. สสฺส โน. ๒๑๔ : ๑๒๘. สฺมา นา. ๒๑๕ : ๑๔๑. ฌ-ลโต จ. ๒๑๖ : ๑๘๐. ฆ-ปโต สฺมึ ยํ วา. ๒๑๗ : ๑๙๙. โยนํ นิ นปสุํ เกหิ. ๒๑๘ : ๑๙๖. อโต นจิ จฺ ํ. ๒๑๙ : ๑๙๕. สึ. ๒๒๐ : ๗๔. เสสโต โลปํ คสิปิ. ๒๒๑ : ๒๘๒. สพฺพาส'มาวุโส'ปสคฺค-นปิ าตาทีหิ จ. ๒๒๒ : ๓๔๒. ปมุ สฺส ลงิ คฺ าทสี ุ สมาเสสุ. ๒๒๓ : ๑๘๘. อํ ย'มีโต ปสฺ โต. ๒๒๔ : ๑๕๓. นํ ฌโต กตรสสฺ า. ๒๒๕ : ๑๕๑. โยนํ โน. ๒๒๖ : ๑๕๔. สฺมึ นิ. ๒๒๗ : ๒๗๐. กิสสฺ ก เว จ. ๒๒๘ : ๒๗๒. กุ หึ-หํสุ จ. ๒๒๙ : ๒๒๖. เสเสสุ จ. ๒๓๐ : ๒๖๒. ตรฺ -โต-เถสุ จ. ๒๓๑ : ๒๖๓. สพพฺ สฺเส'ตสฺสา'กาโร วา. ๒๓๒ : ๒๖๗. เตฺร นจิ จฺ ํ. ๒๓๓ : ๒๖๔. เอ โต-เถสุ จ. ๒๓๔ : ๒๖๕. อิมสสฺ ิ ถ-ํ ทานิ-ห-โต-เธสุ จ. ๒๓๕ : ๒๘๑. อ ธุนามฺหิ จ. ๒๓๖ : ๒๘๐. เอต รหมิ หฺ ิ. ๒๓๗ : ๑๗๖. อิตฺถยิ 'มโต อาปจจฺ โย. ๒๓๘ : ๑๘๗. นทาทิโต วา อี. ๒๓๙ : ๑๙๐. ณว-ณิก-เณยยฺ -ณ-นฺตหู ิ.

(10) กจจฺ ายนสตุ ฺตปาฐ ๒๔๐ : ๑๙๓. ปติ-ภกิ ฺขุ-ราชี'การ'นเฺ ตหิ อิน.ี ๒๔๑ : ๑๙๑. นตฺ ุสสฺ ต'มกี าเร. ๒๔๒ : ๑๙๒. ภวโต โภโต. ๒๔๓ : ๑๑๐. โภ เค ตุ. ๒๔๔ : ๗๒. อการ-ปิตาท'ฺ ยนฺตาน'มา. ๒๔๕ : ๑๕๒. ฌ-ล-ปา รสสฺ .ํ ๒๔๖ : ๗๓. อากาโร วา. อิติ นามกปเฺ ป จตุตฺโถ กณฺโฑ. ๒.๕ - นามกปปฺ ปจฺ มกณฺฑ ๒๔๗ : ๒๖๑. ตฺวาทโย วิภตฺติ-สฺาโย. ๒๔๘ : ๒๖๐. กวฺ จิ โต ปฺจมยฺ ตฺเถ. ๒๔๙ : ๒๖๖. ตรฺ -ถ สตตฺ มยิ า สพฺพนาเมหิ. ๒๕๐ : ๒๖๘. สพฺพโต ธิ. ๒๕๑ : ๒๖๙. กสิ มฺ า โว. ๒๕๒ : ๒๗๑. ห-ึ หํ-หิ จฺ นํ. ๒๕๓ : ๒๗๓. ตมหฺ า จ. ๒๕๔ : ๒๗๔. อิมสมฺ า ห-ธา จ. ๒๕๕ : ๒๗๕. ยโต หึ. ๒๕๖ : ๐. กาเล. ๒๕๗ : ๒๗๖. กึ-สพฺพ'ฺเ'ก-ย-กุหิ ทา-ทาจน.ํ ๒๕๘ : ๒๗๘. ตมหฺ า ทานิ จ. ๒๕๙ : ๒๗๙. อมิ สฺมา รหิ-ธุนา-ทานิ จ. ๒๖๐ : ๒๗๗. สพพฺ สฺส โส ทามฺหิ วา. ๒๖๑ : ๓๖๙. อวณฺโณ เย โลปจฺ . ๒๖๒ : ๓๙๑. วุฑฒฺ สสฺ โช อยิ ฏิ เฺ €สุ. ๒๖๓ : ๓๙๒. ปสตถฺ สฺส โส จ. ๒๖๔ : ๓๙๓. อนฺตกิ สสฺ เนโท. ๒๖๕ : ๓๙๔. พาฬหฺ สฺส สาโธ. ๒๖๖ : ๓๙๕. อปปฺ สสฺ กณฺ. ๒๖๗ : ๓๙๖. ยุวานฺจ.

การกกณฑฺ (11) ๒๖๘ : ๓๙๗. วนตฺ ุ-มนฺตุ-วนี จฺ โลโป. ๒๖๙ : ๔๑. ยวตํ ต-ล-น-ท-การานํ พฺยฺชนานิ จ-ล--ช-การตตฺ .ํ ๒๗๐ : ๑๒๐. อมหฺ -ตุมหฺ -นฺต-ุ ราช-พฺรหมฺ 'ตฺต-สข-สตถฺ -ุ ปติ าทีหิ สมฺ า นา'ว. อิติ นามกปเฺ ป ปฺจโม กณฺโฑ. นามสุตตฺ ํ นิฏ€ฺ ติ .ํ ____________ ๓ - การกกณฑฺ ๒๗๑ : ๘๘ (๓๐๘)* ยสฺมา'ทเปติ ภย'มาทตฺเต วา ต'ทปาทานํ. ๒๗๒ : ๓๐๙. ธาตุ-นามาน'มุปสคฺค-โยคาทีสฺวปิ จ. ๒๗๓ : ๓๑๐. รกฺขณตถฺ าน'มิจฺฉติ .ํ ๒๗๔ : ๓๑๑. เยน วา'ทสสฺ นํ. ๒๗๕ : ๓๑๒. ทูร'นตฺ กิ 'ทฺธ-กาล-นิมมฺ าน-ตฺวาโลป-ทิสาโยค-วภิ ตตฺ 'ารปปฺ โยค-สุทธฺ ป-ฺ ปโมจน-เหตุ-ววิ ิตฺตปฺ-ปมาณ-ปุพฺพโยค-พนฺธน-คณุ วจน-ปณหฺ -กถน- โถกา'กตฺตสู ุ จ. ๒๗๖ : ๘๔ (๓๐๒) ยสสฺ ทาตกุ าโม โรจเต ธารยเต วา ตํ สมฺปทาน.ํ ๒๗๗ : ๓๐๓. สลิ าฆ-หน-ุ €า-สป-ธาร-ปหิ -กุธ-ทุห'ิ สโฺ ส'สยู -ราธกิ ขฺ -ปจจฺ าสุณ-อนุปติ คณิ -ปุพพฺ กตตฺ า'โรจนตถฺ -ตทตถฺ -ตุมตฺถา'ลมตฺถ-มฺ า'นาทร'ปปฺ าณินิ คตยฺ ตฺถกมมฺ นิ อาสสี ตฺถ-สมมฺ ุติ-ภิยยฺ -สตตฺ มฺยตเฺ ถสุ จ. ๒๗๘ : ๙๓ (๓๒๐) โย'ธาโร ต'โมกาส.ํ ๒๗๙ : ๘๒ (๒๙๒) เยน วา กยิรเต ตํ กรณํ. ๒๘๐ : ๗๕ (๒๘๕) ยํ กโรติ ตํ กมมฺ .ํ ๒๘๑ : ๗๗ (๒๙๔) โย กโรติ ส กตตฺ า. ๒๘๒ : ๒๙๕. โย กาเรติ ส เหต.ุ ๒๘๓ : ๙๑ (๓๑๖) ยสสฺ วา ปรคิ คฺ โห ตํ สามี. ๒๘๔ : ๖๕ (๒๘๓) ลงิ คฺ ตฺเถ ป€มา. ๒๘๕ : ๗๐. อาลปเน จ. ๒๘๖ : ๘๓ (๒๙๑) กรเณ ตติยา. ๒๘๗ : ๒๙๖. สหาทิโยเค จ. _______________________ *หมายเหตุ : สตู รท่ีมีเลขในวงเลบ็ คมั ภรี ์ปทรปู สิทธแิ สดงไว้ ๒ แห่ง คอื นามและการก

(12) กจจฺ ายนสตุ ตฺ ปาฐ ๒๘๘ : ๗๘ (๒๙๓) กตตฺ ริ จ. ๒๘๙ : ๒๙๗. เหตฺวตฺเถ จ. ๒๙๐ : ๒๙๘. สตฺตมยฺ ตเฺ ถ จ. ๒๙๑ : ๒๙๙. เยน'งคฺ วกิ าโร. ๒๙๒ : ๓๐๐. วเิ สสเน จ. ๒๙๓ : ๘๕ (๓๐๑) สมฺปทาเน จตุตฺถี. ๒๙๔ : ๓๐๕. นโม-โยคาทีสฺวปิ จ. ๒๙๕ : ๘๙ (๓๐๗) อปาทาเน ปจฺ มี. ๒๙๖ : ๓๑๔. การณตฺเถ จ. ๒๙๗ : ๗๖ (๒๘๔) กมมฺ ตเฺ ถ ทตุ ยิ า. ๒๙๘ : ๒๘๗. กาลทฺธาน'มจจฺ นตฺ -สํโยเค. ๒๙๙ : ๒๘๘. กมฺมปฺ-ปวจนีย-ยุตฺเต. ๓๐๐ : ๒๘๖. คต-ิ พุทธฺ -ิ ภชุ -ป€-หร-กร-สยาทีนํ การิเต วา. ๓๐๑ : ๙๒ (๓๑๕) สามสิ มฺ ึ ฉฏฺ€.ี ๓๐๒ : ๙๔ (๓๑๙) โอกาเส สตฺตม.ี ๓๐๓ : ๓๒๑. สามิสฺสราธปิ ต-ิ ทายาท-สกฺขิ-ปตภิ -ู ปสูต-กสุ เลหิ จ. ๓๐๔ : ๓๒๒. นิทฺธารเณ จ. ๓๐๕ : ๓๒๓. อนาทเร จ. ๓๐๖ : ๒๘๙. กฺวจิ ทุติยา ฉฏฺ€ีน'มตฺเถ. ๓๐๗ : ๒๙๐. ตตยิ า-สตฺตมีนฺจ. ๓๐๘ : ๓๑๗. ฉฏฺ€ี จ. ๓๐๙ : ๓๑๘. ทุติยา-ปจฺ มนี จฺ . ๓๑๐ : ๓๒๔. กมมฺ -กรณ-นิมติ ฺตตเฺ ถสุ สตฺตมี. ๓๑๑ : ๓๒๕. สมปฺ ทาเน จ. ๓๑๒ : ๓๒๖. ปจฺ มฺยตฺเถ จ. ๓๑๓ : ๓๒๗. กาล-ภาเวสุ จ. ๓๑๔ : ๓๒๘. อปุ ธ'ฺ ยาธกิ สิ ฺสร-วจเน. ๓๑๕ : ๓๒๙. มณฺฑติ 'ุ สสฺ ุกฺเกสุ ตติยา จ. อิติ นามกปฺเป การกกปโฺ ป ฉฏฺโ€ กณโฺ ฑ. การกสตุ ฺตํ นิฏฺ€ิตํ. ____________

สมาสกณฑฺ (13) ๔ - สมาสกณฺฑ ๓๑๖ : ๓๓๑. นามานํ สมาโส ยตุ ตฺ ตฺโถ. ๓๑๗ : ๓๓๒. เตสํ วิภตตฺ ิโย โลปา จ. ๓๑๘ : ๓๓๓. ปกติ จ'สฺส สรนฺตสฺส. ๓๑๙ : ๓๓๐. อปุ สคคฺ -นปิ าต-ปพุ ฺพโก อพฺยยีภาโว. ๓๒๐ : ๓๓๕. โส นปสุํ ก-ลงิ ฺโค. ๓๒๑ : ๓๔๙. ทิคสุ เฺ ส'กตตฺ .ํ ๓๒๒ : ๓๕๙. ตถา ทฺวนฺเท ปาณิ-ตรู ยิ -โยคคฺ -เสน'งฺค-ขทุ ทฺ ชนตฺ กุ -ววิ ิธวริ ุทธฺ - วิสภาคตฺถาทนี ฺจ. ๓๒๓ : ๓๖๐. วภิ าสา รุกฺข-ติณ-ปส-ุ ธน-ธฺ -ชนปทาทีนฺจ. ๓๒๔ : ๓๓๙. ทฺวปิ เท ตุลยฺ าธิกรเณ กมฺมธารโย. ๓๒๕ : ๓๔๘. สงขฺ ฺยา-ปุพโฺ พ ทิคุ. ๓๒๖ : ๓๔๑. อเุ ภ ตปปฺ ุริสา. ๓๒๗ : ๓๕๑. อ'มาทโย ปร-ปเทภ.ิ ๓๒๘ : ๓๕๒. อฺ-ปทตเฺ ถสุ พหุพพฺ ีหิ. ๓๒๙ : ๓๕๗. นามานํ สมจุ จฺ โย ทวฺ นฺโท. ๓๓๐ : ๓๔๐. มหตํ มหา ตลุ ยฺ าธกิ รเณ ปเท. ๓๓๑ : ๓๕๓. อติ ฺถยิ ํ ภาสติ -ปุมิตฺถี ปมุ า'ว เจ. ๓๓๒ : ๓๔๓. กมฺมธารย-สเฺ  จ. ๓๓๓ : ๓๔๔. อตฺตํ นสสฺ ตปฺปรุ ิเส. ๓๓๔ : ๓๔๕. สเร อนฺ. ๓๓๕ : ๓๔๖. กทฺ กสุ ฺส. ๓๓๖ : ๓๔๗. กา'ปปฺ ตเฺ ถสุ จ. ๓๓๗ : ๓๕๐. กวฺ จิ สมาสนฺต-คตาน'มการนฺโต. ๓๓๘ : ๓๕๖. นทมิ หฺ า จ. ๓๓๙ : ๓๕๘. ชายาย ตุทํ-ชานิ ปตมิ หฺ .ิ ๓๔๐ : ๓๕๕. ธนุมหฺ า จ. ๓๔๑ : ๓๓๖. อํ วภิ ตฺตนี 'มการนฺตา อพยฺ ยภี าวา. ๓๔๒ : ๓๓๗. สโร รสโฺ ส นปํสุ เก.

(14) กจจฺ ายนสตุ ตฺ ปาฐ ๓๔๓ : ๓๓๘. อฺสฺมา โลโป จ. อติ ิ นามกปเฺ ป สมาสกปโฺ ป สตฺตโม กณโฺ ฑ. สมาสสตุ ตฺ ํ นฏิ €ฺ ติ .ํ ____________ ๕ - ตทฺธิตกณฺฑ ๓๔๔ : ๓๖๑. วา ณ'ปจเฺ จ. ๓๔๕ : ๓๖๖. ณายน-ณาน วจฉฺ าทโิ ต. ๓๔๖ : ๓๖๗. เณยโฺ ย กตฺติกาทหี ิ. ๓๔๗ : ๓๖๘. อโต ณิ วา. ๓๔๘ : ๓๗๑. ณโว'ปควฺ าทีหิ. ๓๔๙ : ๓๗๒. เณร วธิ วาทโิ ต. ๓๕๐ : ๓๗๓. เยน วา สสํ ฏ€ฺ ํ ตรติ จรติ วหติ ณโิ ก. ๓๕๑ : ๓๗๔. ต'มธีเต เตนกตาทิ-สนฺนธิ าน-นโิ ยค-สปิ ฺป-ภณฺฑ-ชวี ิกตเฺ ถสุ จ. ๓๕๒ : ๓๗๖. ณ ราคา ตสฺเส'ท'มฺตเฺ ถสุ จ. ๓๕๓ : ๓๗๘. ชาตาทีน'มิมยิ า จ. ๓๕๔ : ๓๗๙. สมหู ตฺเถ กณฺ-ณา. ๓๕๕ : ๓๘๐. คาม-ชน-พนฺธุ-สหายาทีหิ ตา. ๓๕๖ : ๓๘๑. ต'ทสฺส €าน'มโิ ย จ. ๓๕๗ : ๓๘๒. อปุ มตฺถา'ยติ ตตฺ .ํ ๓๕๘ : ๓๘๓. ตนนฺ สิ สฺ ติ ตฺเถ โล. ๓๕๙ : ๓๘๔. อาลุ ตพฺพหเุ ล. ๓๖๐ : ๓๘๗. ณฺย-ตฺต-ตา ภาเว ต.ุ ๓๖๑ : ๓๘๘. ณ วสิ มาทีห.ิ ๓๖๒ : ๓๘๙. รมณียาทโิ ต กณ.ฺ ๓๖๓ : ๓๙๐. วิเสเส ตร-ตม'ิ สิกิ'ยฏิ ฺ€า. ๓๖๔ : ๓๙๘. ตทสฺสตฺถีติ วี จ. ๓๖๕ : ๓๙๙. ตปาทโิ ต ส.ี ๓๖๖ : ๔๐๐. ทณฑฺ าทโิ ต อกิ -อ.ี ๓๖๗ : ๔๐๑. มธฺวาทโิ ต โร. ๓๖๘ : ๔๐๒. คณุ าทโิ ต วนฺตุ.

ตทฺธติ กณฑฺ (15) ๓๖๙ : ๔๐๓. สตฺยาทหี ิ มนฺตุ. ๓๗๐ : ๔๐๕. สทฺธาทิโต ณ. ๓๗๑ : ๔๐๔. อายุสสฺ ุ'การา'ส มนฺตมุ ฺห.ิ ๓๗๒ : ๓๘๕. ตปฺปกติ-วจเน มโย. ๓๗๓ : ๔๐๖. สงขฺ ฺยา-ปูรเณ โม. ๓๗๔ : ๔๐๘. ส ฉสฺส วา. ๓๗๕ : ๔๑๒. เอกาทิโต ทสสสฺ .ี ๓๗๖ : ๒๕๗. ทเส โส นจิ จฺ ฺจ. ๓๗๗ : ๐. อนเฺ ต นิคฺคหีตจฺ . ๓๗๘ : ๔๑๔. ติ จ. ๓๗๙ : ๒๕๘. ล ท-รานํ. ๓๘๐ : ๒๕๕. วสี ต-ิ ทเสสุ พา ทฺวิสสฺ ต.ุ ๓๘๑ : ๒๕๔. เอกาทิโต ทส ร สงฺขฺยาเน. ๓๘๒ : ๒๕๙. อฏ€ฺ าทิโต จ. ๓๘๓ : ๒๕๓. เทฺวกฏฺ€าน'มากาโร วา. ๓๘๔ : ๔๐๗. จตุจฺ-เฉหิ ถ-€า. ๓๘๕ : ๔๐๙. ทฺว-ิ ตหี ิ ติโย. ๓๘๖ : ๔๑๐. ตเิ ย ทุ-ตาปิ จ. ๓๘๗ : ๔๑๑. เตส'มฑฺฒู'ปปเทน อฑฺฒฑุ ฒฺ -ทิวฑฺฒ-ทยิ ฑฒฺ 'ฑฒฺ ตยิ า. ๓๘๘ : ๖๘. สรูปาน'เมกเสสฺว'สกึ. ๓๘๙ : ๔๑๓. คณเน ทสสฺส ทฺว-ิ ต-ิ จต-ุ ปจฺ -ฉ-สตตฺ -อฏ€ฺ -นวกานํ วี-ติ-จตฺตาร- ปฺ า-ฉ-สตตฺ า'ส-นวา โยสุ โยนจฺ สี 'มาส-ํ €-ิ ริ-ตีตตุ .ิ ๓๙๐ : ๒๕๖. จต'ู ปปทสสฺ โลโป ต'ุ ตฺตร-ปทาทจิ สฺส จุ-โจปิ นวา. ๓๙๑ : ๔๒๓. ย'ทนปุ ปนนฺ า นิปาตนา สชิ ฌฺ นฺติ. ๓๙๒ : ๔๑๘. ทวฺ าทิโต โก'เนกตเฺ ถ จ. ๓๙๓ : ๔๑๕. ทส-ทสกํ สตํ ทสกานํ สตํ สหสฺสจฺ โยมฺห.ิ ๓๙๔ : ๔๑๖. ยาว ต'ทตุ ฺตริ ทส-คณุ ิตจฺ . ๓๙๕ : ๔๑๗. สกนาเมห.ิ ๓๙๖ : ๓๖๓. เตสํ โณ โลป.ํ ๓๙๗ : ๔๒๐. วิภาเค ธา จ. ๓๙๘ : ๔๒๑. สพพฺ นาเมหิ ปการ-วจเน ตุ ถา.

(16) กจฺจายนสุตตฺ ปาฐ ๓๙๙ : ๔๒๒. กิ'มเิ มหิ ถํ. ๔๐๐ : ๓๖๔. วุทธฺ า'ทสิ รสสฺ วา'สโํ ยคนตฺ สฺส สเณ จ. ๔๐๑ : ๓๗๕. มา ยนู 'มาคโม €าเน. ๔๐๒ : ๓๗๗. อาตตฺ ฺจ. ๔๐๓ : ๓๕๔. กฺวจา'ทิมชฺฌุตฺตรานํ ทฆี -รสสฺ า ปจจฺ เยสุ จ. ๔๐๔ : ๓๗๐. เตสุ วทุ ธฺ ิ-โลปา'คม-วิการ-วิปรตี า'เทสา จ. ๔๐๕ : ๓๖๕. อ-ยุวณฺณานฺ'จา'โย วุทธฺ ี. อิติ นามกปเฺ ป ตทธฺ ติ กปโฺ ป อฏ€ฺ โม กณฺโฑ. ตทธฺ ิตสตุ ตฺ ํ นิฏ€ฺ ิต.ํ ____________ ๖ - อาขฺยาตกณฺฑ ๖.๑ - อาขฺยาตกปปฺ ป€มกณฺฑ ๔๐๖ : ๔๒๙. อถ ปพุ ฺพานิ วภิ ตตฺ นี ํ ฉ ปรสสฺ ปทานิ. ๔๐๗ : ๔๓๙. ปราณ'ฺ ยตตฺ โนปทาน.ิ ๔๐๘ : ๔๓๑. เทวฺ เทฺว ป€ม-มชฺฌมิ ุตฺตม-ปรุ สิ า. ๔๐๙ : ๔๔๑. สพฺเพส'เมกาภธิ าเน ปโร ปุริโส. ๔๑๐ : ๔๓๒. นามมฺหิ ปยชุ ชฺ มาเนปิ ตลุ ฺยาธกิ รเณ ป€โม. ๔๑๑ : ๔๓๖. ตุมฺเห มชฺฌโิ ม. ๔๑๒ : ๔๓๗. อมเฺ ห อตุ ฺตโม. ๔๑๓ : ๔๒๗. กาเล. ๔๑๔ : ๔๒๘. วตตฺ มานา ปจฺจปุ ปฺ นฺเน. ๔๑๕ : ๔๕๑. อาณตยฺ า'สิฏฺเ€'นตุ ฺตกาเล ปจฺ มี. ๔๑๖ : ๔๕๔. อนุมต-ิ ปริกปปฺ ตฺเถสุ สตตฺ ม.ี ๔๑๗ : ๔๖๐. อปจจฺ กฺเข ปโรกขฺ า'ตเี ต. ๔๑๘ : ๔๕๖. หิยโฺ ย-ปภตุ ิ ปจฺจกฺเข หยิ ฺยตตฺ น.ี ๔๑๙ : ๔๖๙. สมีเป'ชฺชตน.ี ๔๒๐ : ๔๗๑. มา-โยเค สพฺพกาเล จ. ๔๒๑ : ๔๗๓. อนาคเต ภวสิ ฺสนฺตี. ๔๒๒ : ๔๗๕. กฺรยิ าตปิ นเฺ น'ตเี ต กาลาตปิ ตตฺ ิ.

อาขยฺ าตกณฑฺ (17) ๔๒๓ : ๔๒๖. วตฺตมานา ติ-อนฺติ-ส-ิ ถ-ม-ิ ม-เต-อนฺเต-เส-วฺเห-เอ-มเฺ ห. ๔๒๔ : ๔๕๐. ปฺจมี ต-ุ อนตฺ -ุ ห-ิ ถ-ม-ิ ม-ต-ํ อนตฺ ํ-สฺส-ุ วโฺ ห-เอ-อามเส. ๔๒๕ : ๔๕๓. สตฺตมี เอยยฺ -เอยฺย-ํุ เอยยฺ าสิ-เอยยฺ าถ-เอยฺยามิ-เอยฺยาม-เอถ-เอรํ-เอโถ- เอยฺยาวฺโห-เอยฺย-ํ เอยยฺ ามฺเห. ๔๒๖ : ๔๕๙. ปโรกฺขา อ-อ-ุ เอ-ตถฺ -อ-ํ มฺห-ตฺถ-เร-ตโฺ ถ-วโฺ ห-อ-ึ มเฺ ห. ๔๒๗ : ๔๕๕. หิยยฺ ตตฺ นี อา-อ-ู โอ-ตฺถ-อ-ํ มหฺ า-ตถฺ -ตถฺ -ํุ เส-วหฺ ํ-อ-ึ มฺหเส. ๔๒๘ : ๔๖๘. อชฺชตนี อ-ี อุ-ํ โอ-ตฺถ-อ-ึ มฺหา-อา-อ-ู เส-วฺหํ-อํ-มฺเห. ๔๒๙ : ๔๗๒. ภวิสฺสนตฺ ี สฺสต-ิ สฺสนฺติ-สสฺ ส-ิ สสฺ ถ-สฺสามิ-สฺสาม-สฺสเต-สฺสนฺเต-สสฺ เส-สฺสวเฺ ห- สสฺ ํ-สสฺ ามฺเห. ๔๓๐ : ๔๗๔. กาลาตปิ ตฺติ สฺสา-สสฺ สํ -ุ สเฺ ส-สสฺ ถ-สสฺ -ํ สฺสามฺหา-สฺสถ-สฺสสิ -ุ สสฺ เส-สฺสวฺเห- สฺสึ-สฺสามฺหเส. ๔๓๑ : ๔๕๘. หิยยฺ ตตฺ นี-สตฺตม-ี ปจฺ มี-วตตฺ มานา สพฺพธาตุกํ. อิติ อาขยฺ าตกปฺเป ป€โม กณฺโฑ. ๖.๒ - อาขยฺ าตกปฺป ทุติยกณฑฺ ๔๓๒ : ๓๖๒. ธาต-ุ ลิงเฺ คหิ ปรา ปจฺจยา. ๔๓๓ : ๕๒๘. ตชิ -คุป-กติ -มาเนหิ ข-ฉ-สา วา. ๔๓๔ : ๕๓๔. ภชุ -ฆส-หร-สุ-ปาทหี ิ ตุ'มิจฉฺ ตฺเถสุ. ๔๓๕ : ๕๓๖. อาย นามโต กตตฺ ปู มานา'ทาจาเร. ๔๓๖ : ๕๓๗. อียู'ปมานา จ. ๔๓๗ : ๕๓๘. นามมหฺ า'ตฺติจฺฉตเฺ ถ. ๔๓๘ : ๕๔๐. ธาตหู ิ เณ-ณย-ณาเป-ณาปยา การติ านิ เหตวฺ ตเฺ ถ. ๔๓๙ : ๕๓๙. ธาตรุ ูเป นามสมฺ า ณโย จ. ๔๔๐ : ๔๔๕. ภาว-กมฺเมสุ โย. ๔๔๑ : ๔๔๗. ตสฺส จวคฺค-ยการ-วการตฺตํ สธาตฺวนฺตสสฺ . ๔๔๒ : ๔๔๘. อิวณณฺ าคโม วา. ๔๔๓ : ๔๔๙. ปุพพฺ รปู จฺ . ๔๔๔ : ๕๑๑. ตถา กตฺตริ จ. ๔๔๕ : ๔๓๓. ภูวาทิโต อ. ๔๔๖ : ๕๐๙. รุธาทิโต นคิ ฺคหีต ปุพฺพจฺ . ๔๔๗ : ๕๑๐. ทิวาทิโต โย.

(18) กจจฺ ายนสตุ ตฺ ปาฐ ๔๔๘ : ๕๑๒. สฺวาทิโต ณุ-ณา-อณุ า จ. ๔๔๙ : ๕๑๓. กยิ าทิโต นา. ๔๕๐ : ๕๑๗. คหาทิโต ปปฺ -ณหฺ า. ๔๕๑ : ๕๒๐. ตนาทโิ ต โอ-ยิรา. ๔๕๒ : ๕๒๕. จรุ าทิโต เณ-ณยา. ๔๕๓ : ๔๔๔. อตฺตโนปทานิ ภาเว จ กมฺมนิ. ๔๕๔ : ๔๔๐. กตตฺ ริ จ. ๔๕๕ : ๕๓๐. ธาตปุ ฺปจจฺ เยหิ วิภตตฺ โิ ย. ๔๕๖ : ๔๓๐. กตฺตริ ปรสสฺ ปทํ. ๔๕๗ : ๔๒๔. ภวู าทโย ธาตโว. อติ ิ อาขยฺ าตกปฺเป ทตุ ิโย กณโฺ ฑ. ๖.๓ - อาขยฺ าตกปฺป ตติยกณฑฺ ๔๕๘ : ๔๖๑. กฺวจา'ทิวณณฺ าน'เมกสสฺ รานํ เทวฺ ภาโว. ๔๕๙ : ๔๖๒. ปุพฺโพ'พฺภาโส. ๔๖๐ : ๕๐๖. รสโฺ ส. ๔๖๑ : ๔๖๔. ทตุ ยิ -จตุตฺถานํ ป€ม-ตตยิ า. ๔๖๒ : ๔๖๗. กวคคฺ สฺส จวคโฺ ค. ๔๖๓ : ๕๓๒. มาน-กติ านํ ว-ตตตฺ ํ วา. ๔๖๔ : ๕๐๔. หสสฺ โช. ๔๖๕ : ๔๖๓. อนตฺ สสฺ 'ิ วณณฺ 'ากาโร วา. ๔๖๖ : ๔๘๙. นคิ ฺคหตี ฺจ. ๔๖๗ : ๕๓๓. ตโต ปา-มานานํ วา-มํ เสส.ุ ๔๖๘ : ๔๙๒. €า ติฏฺโ€. ๔๖๙ : ๔๙๔. ปา ปโิ พ. ๔๗๐ : ๕๑๔. าสฺส ชา-ช-ํ นา. ๔๗๑ : ๔๘๓. ทสิ สฺส ปสสฺ -ทิสฺส-ทกฺขา วา. ๔๗๒ : ๕๓๑. พฺยฺชนนฺตสฺส โจ ฉปฺปจจฺ เยสุ จ. ๔๗๓ : ๕๒๙. โก เข จ. ๔๗๔ : ๕๓๕. หรสฺส คี เส. ๔๗๕ : ๔๖๕. พฺรู-ภูน'มาห-ภูวา ปโรกฺขาย.ํ

อาขฺยาตกณฑฺ (19) ๔๗๖ : ๔๔๒. คมิสฺส'นฺโต จฺโฉ วา สพพฺ าสุ. ๔๗๗ : ๔๗๙. วจสฺส'ชฺชตนิมฺหิ มกาโร โอ. ๔๗๘ : ๔๓๘. อกาโร ทีฆํ ห-ิ ม-ิ เมส.ุ ๔๗๙ : ๔๕๒. หิ โลปํ วา. ๔๘๐ : ๔๙๐. โหติสฺสเร'โหเห ภวสิ ฺสนฺติมหฺ ิ สฺสสสฺ จ. ๔๘๑ : ๕๒๔. กรสฺส สปฺปจฺจยสฺส กาโห. อิติ อาขฺยาตกปเฺ ป ตตโิ ย กณฺโฑ. ๖.๔ - อาขฺยาตกปปฺ จตตุ ถฺ กณฑฺ ๔๘๒ : ๕๐๘. ทา'ทนฺตสสฺ ํ ม-ิ เมสุ. ๔๘๓ : ๕๒๗. อสโํ ยคนฺตสสฺ วทุ ธฺ ิ การเิ ต. ๔๘๔ : ๕๔๒. ฆฏาทีนํ วา. ๔๘๕ : ๔๓๔. อฺเสุ จ. ๔๘๖ : ๕๔๓. คหุ -ทุสานํ ทฆี ํ. ๔๘๗ : ๔๗๘. วจ-วส-วหาทนี 'มุกาโร วสฺส เย. ๔๘๘ : ๔๘๑. ห-วปิ ริยโย โล วา. ๔๘๙ : ๕๑๙. คหสฺส เฆ ปเฺ ป. ๔๙๐ : ๕๑๘. หโลโป ณหฺ ามฺหิ. ๔๙๑ : ๕๒๓. กรสฺส กาสตฺต'มชฺชตนมิ ฺห.ิ ๔๙๒ : ๔๙๙. อสสฺมา มิ-มานํ มฺหิ-มหฺ า'นฺตโลโป จ. ๔๙๓ : ๔๙๘. ถสสฺ ตฺถตตฺ .ํ ๔๙๔ : ๔๙๕. ติสสฺ ตถฺ ติ ฺตํ. ๔๙๕ : ๕๐๐. ตสุ สฺ ตฺถุตฺต.ํ ๔๙๖ : ๔๙๗. สิมหฺ ิ จ. ๔๙๗ : ๔๗๗. ลภสมฺ า อี-อึนํ ตฺถ-ตฺถ.ํ ๔๙๘ : ๔๘๐. กสุ สมฺ า ที จฺฉ.ิ ๔๙๙ : ๕๐๗. ทาธาตุสสฺ ทชฺช.ํ ๕๐๐ : ๔๘๖. วทสฺส วชฺช.ํ ๕๐๑ : ๔๔๓. คมิสสฺ ฆมฺมํ. ๕๐๒ : ๔๙๓. ยมหฺ ิ ทา-ธา-มา-€า-หา-ปา-มห-มถาทีน'มี. ๕๐๓ : ๔๘๕. ยชสฺสา'ทิสฺสิ.

(20) กจจฺ ายนสตุ ฺตปาฐ ๕๐๔ : ๔๗๐. สพฺพโต อํุ อสึ .ุ ๕๐๕ : ๔๘๒. ชร-มรานํ ชรี -ชยี ฺย-มียฺยา วา. ๕๐๖ : ๔๙๖. สพฺพตถฺ า'สสสฺ า'ทโิ ลโป จ. ๕๐๗ : ๕๐๑. อสพฺพธาตเุ ก ภ.ู ๕๐๘ : ๕๑๕. เอยฺยสสฺ าโต อิยา-า. ๕๐๙ : ๕๑๖. นาสฺส โลโป ยการตตฺ ํ. ๕๑๐ : ๔๘๗. โลป'ฺ เจตฺต'มกาโร. ๕๑๑ : ๕๒๑. อตุ ฺต'โมกาโร. ๕๑๒ : ๕๒๒. กรสสฺ า'กาโร จ. ๕๑๓ : ๔๓๕. โอ อว สเร. ๕๑๔ : ๔๙๑. เอ อย. ๕๑๕ : ๕๔๑. เต อาวายา การิเต. ๕๑๖ : ๔๖๖. อิการาคโม อสพพฺ ธาตกุ มหฺ ิ. ๕๑๗ : ๔๘๘. กฺวจิ ธาต-ุ วภิ ตตฺ ิปฺ-ปจจฺ ยานํ ทฆี -วิปรีตา'เทส-โลปา'คมา จ. ๕๑๘ : ๔๔๖. อตฺตโนปทานิ ปรสสฺ ปทตตฺ .ํ ๕๑๙ : ๔๕๗. อการาคโม หิยยฺ ตตฺ น-ี อชชฺ ตน-ี กาลาติปตฺตสี ุ. ๕๒๐ : ๕๐๒. พฺรูโต อี ตมิ หฺ .ิ ๕๒๑ : ๔๒๕. ธาตุสฺส'นโฺ ต โลโป'เนกสฺสรสฺส. ๕๒๒ : ๔๗๖. อสิ ุ-ยมูน'มนฺโต จโฺ ฉ วา. ๕๒๓ : ๕๒๖. การิตานํ โณ โลป.ํ อติ ิ อาขฺยาตกปฺเป จตตุ ฺโถ กณฺโฑ. อาขยฺ าตสตุ ฺตํ นิฏฺ€ิต.ํ ____________ ๗ - กิพฺพิธานกณฺฑ ๗.๑ - กิพพฺ ิธานกปปฺ ป€มกณฺฑ ๕๒๔ : ๕๖๑. ธาตยุ า กมฺมาทิมหฺ ิ โณ. ๕๒๕ : ๕๖๕. สฺาย'มน.ุ ๕๒๖ : ๕๖๗. ปเุ ร ททา จ อึ. ๕๒๗ : ๕๖๘. สพฺพโต ณฺวุ-ตวฺ า'วี วา.

กิพฺพธิ านกณฺฑ (21) ๕๒๘ : ๕๗๗. วิส-รุช-ปทาทโิ ต ณ. ๕๒๙ : ๕๘๐. ภาเว จ. ๕๓๐ : ๕๘๔. กวฺ ิ จ. ๕๓๑ : ๕๘๙. ธราทีหิ รมโฺ ม. ๕๓๒ : ๕๙๐. ตสสฺ ลี าทสี ุ ณ-ี ตฺวา'วี จ. ๕๓๓ : ๕๙๑. สททฺ -กุธ-จล-มณฺฑตฺถ-รจุ าทีหิ ย.ุ ๕๓๔ : ๕๙๒. ปาราทคิ มมิ ฺหา ร.ู ๕๓๕ : ๕๙๓. ภกิ ขฺ าทิโต จ. ๕๓๖ : ๕๙๔. หนตยฺ าทนี ํ ณโุ ก. ๕๓๗ : ๕๖๖. นุ นิคคฺ หีตํ ปทนเฺ ต. ๕๓๘ : ๕๙๕. สหํ น'ฺาย วา โร โฆ. ๕๓๙ : ๕๕๘. รมฺหิ ร'นฺโต ราทิ โน ๕๔๐ : ๕๔๕. ภาว-กมเฺ มสุ ตพฺพา'นียา. ๕๔๑ : ๕๕๒. ณโฺ ย จ. ๕๔๒ : ๕๕๗. กรมหฺ า รจิ จฺ . ๕๔๓ : ๕๕๕. ภูโต'พพฺ . ๕๔๔ : ๕๕๖. วท-มท-คม-ุ ยชุ -ครหา'การาทหี ิ ชฺช-มฺม-คคฺ -ยฺเห'ยยฺ า คาโร วา. ๕๔๕ : ๕๔๘. เต กิจจฺ า. ๕๔๖ : ๕๖๒. อเฺ  กติ .ฺ ๕๔๗ : ๕๙๖. นนฺทาทหี ิ ย.ุ ๕๔๘ : ๕๙๗. กตตฺ ุ-กรณ-ปเทเสสุ จ. ๕๔๙ : ๕๕๐. รหาทโิ ต ณ. อิติ กพิ พฺ ิธานกปเฺ ป ป€โม กณฺโฑ. ๗.๒ - กิพฺพธิ านกปฺป ทตุ ยิ กณฺฑ ๕๕๐ : ๕๔๖. ณาทโย เตกาลกิ า. ๕๕๑ : ๕๙๘. สฺ ายํ ทา-ธาโต อ.ิ ๕๕๒ : ๖๐๙. ติ กจิ ฺจา'สิฏเฺ €. ๕๕๓ : ๕๙๙. อิตถฺ ยิ 'ม-ติ-ยโว วา. ๕๕๔ : ๖๐๑. กรโต ริรยิ . ๕๕๕ : ๖๑๒. อตีเต ต-ตวนตฺ -ุ ตาวี.

(22) กจฺจายนสตุ ฺตปาฐ ๕๕๖ : ๖๒๒. ภาว-กมเฺ มสุ ต. ๕๕๗ : ๖๐๖. พธุ -คมาทติ เฺ ถ กตฺตร.ิ ๕๕๘ : ๖๐๒. ชิโต อิน สพฺพตฺถ. ๕๕๙ : ๖๐๓. สุปโต จ. ๕๖๐ : ๖๐๔. อีสํ-ทุ-สหู ิ ข. ๕๖๑ : ๖๓๖. อิจฉฺ ตฺเถสุ สมาน-กตฺตุเกสุ ตเว-ตํุ วา. ๕๖๒ : ๖๓๘. อรห-สกกฺ าทสี ุ จ. ๕๖๓ : ๖๓๙. ปตฺตวจเน อล'มตฺเถสุ จ. ๕๖๔ : ๖๔๐. ปพุ ฺพกาเล'กกตฺตุกานํ ตุน-ตวฺ าน-ตวฺ า วา. ๕๖๕ : ๖๔๖. วตฺตมาเน มาน'นตฺ า. ๕๖๖ : ๕๗๔. สาสาทหี ิ รตฺถ.ุ ๕๖๗ : ๕๗๕. ปาทิโต ริต.ุ ๕๖๘ : ๕๗๖. มานาทหี ิ ราตุ. ๕๖๙ : ๖๑๐. อาคมา ตุโก. ๕๗๐ : ๖๑๑. ภพฺเพ อกิ . อติ ิ กิพฺพธิ านกปฺเป ทตุ ิโย กณฺโฑ. ๗.๓ - กิพพฺ ิธานกปฺป ตตยิ กณฑฺ ๕๗๑ : ๖๒๔. ปจจฺ ยา'ทนิฏ€ฺ า นปิ าตนา สิชฺฌนตฺ .ิ ๕๗๒ : ๖๒๕. สาส-ทสิ โต ตสฺส ริฏโฺ € จ. ๕๗๓ : ๖๒๖. สาทิ สนฺต-ปจุ ฉฺ -ภนชฺ -หนสฺ าทหี ิ ฏโฺ €. ๕๗๔ : ๖๑๓. วสโต อตุ ถฺ . ๕๗๕ : ๖๑๔. วสสฺ วา วุ. ๕๗๖ : ๖๐๗. ธ-ฒ-ภ-เหหิ ธ-ฒา จ. ๕๗๗ : ๖๒๘. ภนชฺ โต คฺโค จ. ๕๗๘ : ๕๖๐. ภชุ าทีน'มนโฺ ต โน ทฺวิ จ. ๕๗๙ : ๖๒๙. วจ วา ว.ุ ๕๘๐ : ๖๓๐. คุปาทนี ฺจ. ๕๘๑ : ๖๑๖. ตราทหี ิ อิณโฺ ณ. ๕๘๒ : ๖๓๑. ภิทาทิโต อินฺน-อนนฺ -อณี า วา. ๕๘๓ : ๖๑๗. สุส-ปจ-สกโต กขฺ -กฺกา จ.

กพิ ฺพธิ านกณฑฺ (23) ๕๘๔ : ๖๑๘. ปกฺกมาทหี ิ นโฺ ต จ. ๕๘๕ : ๖๑๙. ชนาทีน'มา ติมหฺ ิ จ. ๕๘๖ : ๖๐๐. คม-ขน-หน-รมาทีน'มนฺโต. ๕๘๗ : ๖๓๒. รกาโร จ. ๕๘๘ : ๖๒๐. €า-ปาน'มิ-อี จ. ๕๘๙ : ๖๒๑. หนฺเตหิ โห หสสฺ โฬ วา อ-ทห-นหาน.ํ อติ ิ กพิ ฺพธิ านกปเฺ ป ตติโย กณโฺ ฑ. ๗.๔ - กิพฺพธิ านกปปฺ จตุตฺถกณฺฑ ๕๙๐ : ๕๗๙. ณมฺหิ รนชฺ สฺส โช ภาว-กรเณสุ. ๕๙๑ : ๕๔๔. หนสสฺ ฆาโต. ๕๙๒ : ๕๐๓. วโธ วา สพพฺ ตฺถ. ๕๙๓ : ๕๖๔. อาการนฺตาน'มาโย. ๕๙๔ : ๕๘๒. ปรุ -ส'มุป-ปรีหิ กโรติสฺส ข-ขรา วา ตปจฺจเยสุ จ. ๕๙๕ : ๖๓๗. ตเว-ตุนาทีสุ กา. ๕๙๖ : ๕๕๑. คม-ขน-หนาทีนํ ตํุ-ตพพฺ าทีสุ น. ๕๙๗ : ๖๔๑. สพเฺ พหิ ตนุ าทีนํ โย. ๕๙๘ : ๖๔๓. จ-น'นฺเตหิ รจฺจํ. ๕๙๙ : ๖๔๔. ทิสา สฺวาน-สฺวา'นตฺ โลโป จ. ๖๐๐ : ๖๔๕. ม-ห-ท-เภหิ มฺม-ยฺห-ชชฺ -พภฺ -ทฺธา จ. ๖๐๑ : ๓๓๔. ตทฺธติ -สมาส-กิตกา นามํ'วา'ตเวตุนาทสี ุ จ. ๖๐๒ : ๖. ทุมหฺ ิ ครุ. ๖๐๓ : ๗. ทีโฆ จ. ๖๐๔ : ๖๘๔. อกฺขเรหิ การ. ๖๐๕ : ๕๔๗. ยถาคม'มกิ าโร. ๖๐๖ : ๖๔๒. ท-ธ'นตฺ โต โย กฺวจิ. อิติ กพิ พฺ ิธานกปเฺ ป จตตุ ฺโถ กณโฺ ฑ.

(24) กจจฺ ายนสุตฺตปาฐ ๗.๕ - กิพฺพธิ านกปฺป ปจฺ มกณฺฑ ๖๐๗ : ๕๗๘. นคิ คฺ หีต สโํ ยคาทิ โน. ๖๐๘ : ๖๒๓. สพฺพตถฺ เค คี. ๖๐๙ : ๔๘๔. สทสฺส สีทตตฺ .ํ ๖๑๐ : ๖๒๗. ยชสสฺ สรสฺสิ ฏฺเ€. ๖๑๑ : ๖๐๘. ห-จตตุ ถฺ าน'มนตฺ านํ โท เธ. ๖๑๒ : ๖๑๕. โฑ ฒกาเร. ๖๑๓ : ๕๘๓. คหสสฺ ฆร เณ วา. ๖๑๔ : ๕๘๑. ทหสฺส โท ฬ.ํ ๖๑๕ : ๕๘๖. ธาตวฺ นฺตสฺส โลโป กวฺ ิมหฺ .ิ ๖๑๖ : ๕๘๗. วิทนฺเต อ.ู ๖๑๗ : ๖๓๓. น-ม-ก-ราน'มนฺตานํ นิยุตตฺ -ตมหฺ .ิ ๖๑๘ : ๕๗๑. น ก-คตตฺ ํ จ-ชา ณวฺ มุ หฺ .ิ ๖๑๙ : ๕๗๓. กรสฺส จ ตตฺตํ ตสุ มฺ ึ. ๖๒๐ : ๕๔๙. ตํุ-ตุน-ตพฺเพสุ วา. ๖๒๑ : ๕๕๓. การิตํ วยิ ณานุพนโฺ ธ. ๖๒๒ : ๕๗๐. อน'กา ยุ-ณฺวูนํ. ๖๒๓ : ๕๕๔. ก-คา จ-ชาน.ํ อติ ิ กิพฺพิธานกปฺเป ปจฺ โม กณโฺ ฑ. กิพฺพธิ านสตุ ตฺ ํ นิฏ€ฺ ติ ํ. ____________ ๘ - อณุ าทิกณฑฺ ๖๒๔ : ๕๖๓. กตฺตริ กติ .ฺ ๖๒๕ : ๖๐๕. ภาว-กมเฺ มสุ กิจจฺ -กฺต-ข'ตถฺ า. ๖๒๖ : ๖๓๔. กมฺมนิ ทุตยิ ายํ กฺโต. ๖๒๗ : ๖๕๒. ขฺยาทีหิ มนฺ ม จ โต วา. ๖๒๘ : ๖๕๓. สมาทีหิ ถ-มา. ๖๒๙ : ๕๖๙. คหสสฺ ุ'ปธสฺเส วา. ๖๓๐ : ๖๕๔. มสสุ สฺ สุสสฺ จฉฺ ร-จเฺ ฉรา.

อณุ าทิกณฺฑ (25) ๖๓๑ : ๖๕๕. อา-ปพุ พฺ -จรสสฺ จ. ๖๓๒ : ๖๕๖. อล-กล-สเลหิ ล-ยา. ๖๓๓ : ๖๕๗. ยาณ-ลาณา. ๖๓๔ : ๖๕๘. มถสิ ฺส ถสฺส โล จ. ๖๓๕ : ๕๕๙. เปสา'ตสิ คคฺ -ปตฺตกาเลสุ กจิ จฺ า. ๖๓๖ : ๖๕๙. อวสฺสกา'ธมเิ ณสุ ณี จ. ๖๓๗ : ๐. อรห-สกฺกาทหี ิ ต.ุํ ๖๓๘ : ๖๖๐. วชาทหี ิ ปพพฺ ชฺชาทโย นิปฺปจฺจนฺเต. ๖๓๙ : ๕๘๕. กวฺ ิโลโป จ. ๖๔๐ : ๐. ส-จ-ชานํ ก-คา ณานุพนเฺ ธ. ๖๔๑ : ๕๗๒. นุทาทหี ิ ยุ-ณฺวูน'มนา'นนา'กา'นนกา สการเิ ตหิ จ. ๖๔๒ : ๕๘๘. อิ-ย-ต-ม-ก-ิ เอสาน'มนตฺ สฺสโร ทีฆํ กฺวจิ ทสิ สฺส คณุ ํ โท รํ สกขฺ ี จ. ๖๔๓ : ๖๓๕. ภยฺ าทีหิ มต-ิ พธุ ิ-ปูชาทีหิ จ กโฺ ต. ๖๔๔ : ๖๖๑. เวปุ-สี-ทว-วม-ุ กุ-ทา-ภ-ู หฺวาทหี ิ ถ-ุ ตฺติม-ณมิ า นิพพฺ ตฺเต. ๖๔๕ : ๖๖๒. อกโฺ กเส นมฺหา'นิ. ๖๔๖ : ๔๑๙. เอกาทโิ ต สกสิ สฺ กขฺ ตตฺ ุํ. ๖๔๗ : ๖๖๓. สุนสสฺ 'ุ นสโฺ ส'ณ-วานวุ านูนนุ ขุณานา. ๖๔๘ : ๖๖๔. ตรณุ สฺส สุสุ จ. ๖๔๙ : ๖๖๕. ยวุ สฺสุ'วสฺส'ุ วุวานนุ ูนา. ๖๕๐ : ๖๕๑. กาเล วตตฺ มานา'ตีเต ณฺวาทโย. ๖๕๑ : ๖๔๗. ภวสิ สฺ ติ คมาทหี ิ ณี-ฆณิ .ฺ ๖๕๒ : ๖๔๘. กรฺ ยิ ายํ ณฺวุ-ตโว. ๖๕๓ : ๓๐๖. ภาววาจิมฺหิ จตุตฺถี. ๖๕๔ : ๖๔๙. กมมฺ นิ โณ. ๖๕๕ : ๖๕๐. เสเส สฺส-ํ นตฺ ุ-มานา'นา. ๖๕๖ : ๖๖๖. ฉทาทีหิ ต-ตรฺ ณฺ. ๖๕๗ : ๖๖๗. วทาทหี ิ ณติ ฺโต คเณ. ๖๕๘ : ๖๖๘. มทิ าทหี ิ ตฺต-ิ ตโิ ย. ๖๕๙ : ๖๖๙. อุสุ-รนชฺ -ทสํ านํ ทสํ สฺส ทฑโฺ ฒ ฒ-€า จ. ๖๖๐ : ๖๗๐. สวู สุ าน'มวู สุ าน'มโต โถ จ. ๖๖๑ : ๖๗๑. รนฺชุทาทหี ิ ธ-ทิททฺ -ก'ิ รา กวฺ จิ ช-ทโลโป จ.

(26) กจฺจายนสตุ ตฺ ปาฐ ๖๖๒ : ๖๗๒. ปฏโิ ต หสิ ฺส เหรณฺ-หรี ณฺ. ๖๖๓ : ๖๗๓. กฑยฺ าทหี ิ โก. ๖๖๔ : ๖๗๔. ขาทา'ม-คมานํ ขนธฺ 'นธฺ -คนธฺ า. ๖๖๕ : ๖๗๕. ปฏาทีหฺ'ยล.ํ ๖๖๖ : ๖๗๖. ปถุ สสฺ ปถุ ุ-ปถา'โม วา. ๖๖๗ : ๖๗๗. สสวฺ าทหี ิ ตุ-ทโว. ๖๖๘ : ๖๗๘. จยฺ าทีหิ อวี โร. ๖๖๙ : ๖๗๙. มนุ าทีหิ จิ. ๖๗๐ : ๖๘๐. วทิ าทหี ฺ'ยูโร. ๖๗๑ : ๖๘๑. หนาทีหิ ณุ-นุ-ตโว. ๖๗๒ : ๖๘๒. กฏุ าทหี ิ โ€. ๖๗๓ : ๖๘๓. มน-ุ ปรู -สุณาทีหิ อสุ ฺส-นสุ 'ิ สา. อติ ิ กิพพฺ ิธานกปเฺ ป อณุ าทิกปฺโป ฉฏโฺ € กณฺโฑ. อุณาทสิ ตุ ฺตํ นิฏ€ฺ ิตํ. กจจฺ ายนสุตตฺ ํ นฏิ €ฺ ติ .ํ ____________ สุตตฺ สงฺคหคาถา สนฺธิมหฺ ิ เอกปฺ าสํ นามมฺหิ ทฺวสิ ตํ ภเว อฏ€ฺ ารสาธกิ เฺ จว การเก ปจฺ ตาลีสํ สมาเส อฏฺ€วีสฺจ ทวฺ าสฏ€ฺ ิ ตทธฺ เิ ต มตํ อฏ€ฺ ารสสตาขยฺ าเต กิเต สุตตฺ สตํ ภเว อุณาทมิ หฺ ิ จ ปฺ าสํ สุตตฺ เภทํ ปกาสติ .ํ ____________ (การกิ า)

สารบญั หนา้ คาำ นาำ ........ ........ ........ ........ ........ ก อนโุ มทนากถา ........ ........ ........ ........ ........ ข นาำ เข้าสู่หนงั สือรปู สิทธิทีปนี ........ ........ ........ ........ ........ [ค-ช] กจฺจายนสตุ ฺตปาฐ ........ ........ ........ ........ ........ [๑-๒๖] บทนำานาม ........ ........ ........ ........ ........ ๑ ก. ความหมายของนาม ........ ........ ........ ........ ........ ๑ ข. ประเภทของนาม ........ ........ ........ ........ ........ ๑ ๑. นามมี ๒ ประเภท ........ ........ ........ ........ ........ ๑ ๒. นามมี ๓ ประเภท ........ ........ ........ ........ ........ ๑ ๓. นามม ี ๓ ประเภท ........ ........ ........ ........ ........ ๑ ๔. นามม ี ๔ ประเภท ........ ........ ........ ........ ........ ๒ ค. สว่ นประกอบทส่ี ำาคญั ของบทนาม ........ ........ ........ ........ ๒ ๑. ลิงค ์ ........ ........ ........ ........ ........ ๒ ๒. การันต ์ ........ ........ ........ ........ ........ ๒ ๓. วิภตั ติ ........ ........ ........ ........ ........ ๔ ๔. วจนะ ........ ........ ........ ........ ........ ๔ ง. จดุ ประสงคใ์ นการศึกษาเรื่องนาม ........ ........ ........ ........ ๔ ๒. นามกณั ฑ์ ........ ........ ........ ........ ........ ๕ ๒.๑ ปุงลงิ คนาม ........ ........ ........ ........ ........ ๕ ๒.๑.๑ อการันต ์ ปรุ ิสศัพท์ ........ ........ ........ ........ ........ ๕ ๒.๑.๒ อาการันต ์ สาศพั ท์ ........ ........ ........ ........ ........ ๖๗ ๒.๑.๓ อกิ ารนั ต์ อคฺคิศพั ท์ ........ ........ ........ ........ ........ ๖๙ ๒.๑.๔ อกี ารนั ต์ ทณฺฑศี พั ท ์ ........ ........ ........ ........ ๗๓ ๒.๑.๕ อุการันต ์ ภกิ ขฺ ุศัพท์ ........ ........ ........ ........ ........ ๗๖ ๒.๑.๖ อูการันต ์ อภภิ ศู พั ท ์ ........ ........ ........ ........ ........ ๘๙ ๒.๑.๗ โอการนั ต ์ โคศพั ท์ ........ ........ ........ ........ ........ ๙๒ ๒.๒ อิตถีลงิ คนาม ........ ........ ........ ........ ........ ๙๙ ๒.๒.๑ อาการนั ต ์ กฺาศพั ท์ ........ ........ ........ ........ ๙๙

๒.๒.๒ อกิ ารันต์ รตตฺ ิศัพท ์ ........ ........ ........ ........ ........ ๑๐๗ ๒.๒.๓ อกี ารนั ต์ อติ ถฺ ศี ัพท์ ........ ........ ........ ........ ........ ๑๑๓ ๒.๒.๔ อุการนั ต ์ ยาคศุ ัพท์ ........ ........ ........ ........ ........ ๑๓๕ ๒.๒.๕ อูการันต ์ ชมฺพศู พั ท ์........ ........ ........ ........ ........ ๑๓๙ ๒.๒.๖ โอการันต์ โคศพั ท ์ ........ ........ ........ ........ ........ ๑๔๐ ๒.๓ นปุงสกลงิ คนาม ........ ........ ........ ........ ........ ๑๔๑ ๓.๑.๑ อการนั ต์ จิตตฺ ศัพท์ ........ ........ ........ ........ ........ ๑๔๑ ๓.๑.๒ อาการันต ์ อสสฺ ทธฺ าศพั ท ์ ........ ........ ........ ........ ๑๕๓ ๓.๑.๓ อิการันต์ อฏฺ€ศิ ัพท์ ........ ........ ........ ........ ๑๕๖ ๓.๑.๔ อกี ารันต ์ สุขการีศัพท์ ........ ........ ........ ........ ๑๕๘ ๓.๑.๕ อกุ ารนั ต์ อายศุ พั ท์ ........ ........ ........ ........ ........ ๑๖๐ ๓.๑.๖ อูการนั ต ์ โคตฺรภศู พั ท์ ........ ........ ........ ........ ๑๖๒ ๓.๑.๗ โอการันต ์ จติ ตฺ โคศพั ท์ ........ ........ ........ ........ ๑๖๓ ๒.๔ สัพพนาม ........ ........ ........ ........ ........ ๑๖๕ ๒.๔.๑ สพั พนาม ไตรลงิ ค ์ ........ ........ ........ ........ ........ ๑๖๕ ๒.๔.๒ สัพพนาม อลงิ คนาม ........ ........ ........ ........ ๒๔๑ ๒.๕ วภิ ัตตปิ จั จยวธิ าน ........ ........ ........ ........ ........ ๒๖๓ ๒.๖ อุปสัคบท ........ ........ ........ ........ ........ ๒๗๘ ๒.๗ นิบาตบท ........ ........ ........ ........ ........ ๒๙๐ แบบฝกึ หัดในนามกณั ฑ ์ ........ ........ ........ ........ ........ ๓๑๒ บรรณานกุ รม ........ ........ ........ ........ ........ ๓๑๔ ปทานกุ รม ........ ........ ........ ........ ........ ๓๑๕ -----------------

บทนำ�น�ม ก. ความหมายของนาม คำ�ว่� “น�ม” แปลว่� ช่ือ (Nouns) เป็นชอ่ื ของคน สัตว ์ ที่ สิ่งของ เปน็ ตน้ มวี เิ คร�ะหว์ ่� “อตฺถ ำ นมตีต ิ นาม.ํ ยอ่ มน้อมไปสู่คว�มหม�ย เพร�ะเหตนุ ัน้ จงึ ช่อื ว่�น�ม”. ต�มวเิ คร�ะหน์ ้ีพงึ เหน็ ตวั อย่�ง เช่น ปุรสิ ศัพท์ ย่อมนอ้ มไป สูท่ ัพพะ คอื บรุ ุษ หม�ยคว�มว่� เม่อื กล่�วคำ�ว�่ “ปรุ สิ ” กท็ ำ�ใหน้ ึกถงึ รปู ร่�งลกั ษณะของผชู้ �ย หรอื วเิ คร�ะห์ว�่ “อตฺตนิ อตฺถ ำ น�เมตตี ิ นามํ. (นมุ+เณ+ณ) ยอ่ มยังคว�มหม�ยใหน้ อ้ มม�ในตน เพร�ะเหตนุ น้ั จึงชอ่ื ว�่ น�ม”. ต�ม วิเคร�ะห์นี้ พึงเหน็ ตัวอย�่ ง เชน่ ปรุ สิ ศัพทน์ ี้ ย่อมดงึ เอ�คว�มหม�ยของบรุ ษุ ม�ไว้ในตน หม�ยคว�มว�่ คำ�ว�่ “ปุรสิ ” น ้ี ส�ม�รถอธิบ�ยลักษณะของบรุ ษุ ได้ทั้งหมด เพร�ะคว�มหม�ยของบรุ ษุ อยู่ใน “ปุริสศพั ท”์ ข. ประเภทของนาม ๑. น�มมี ๒ ประเภท คอื (ก) อนฺวตฺถน�ม คือน�มทเ่ี ป็นไปต�มอรรถ หรอื ต�มคว�มเปน็ จรงิ เช่น ปุริโส. คำ�ว่�“ปุรโิ ส”นี ้ แปลว�่ “บรุ ุษ,ผ้ชู �ย” มีวเิ คร�ะหว์ ่� “ม�ต�ปิตนู ำ หทย ำ ปเู รตีต ิ ปุรโิ ส. บุคคลใด ยอ่ มยงั ใจของบดิ �ม�รด�ให้เต็ม เพร�ะ เหตนุ ัน้ บุคคลน้ัน ชอ่ื ว�่ ปรุ สิ (บุรุษ)” จริงอย่�งน้นั พ่อแม่ย่อมอิ่มเอิบใจ เม่อื ได้ลกู ช�ย ฉะนัน้ คำ�ว�่ “ปุริโส” จงึ เปน็ อนวตั ถน�ม (ข) รฬุ หฺ นี �ม คือน�มท่ตี ง้ั ข้นึ ม�ส�ำ หรบั เรยี กข�นเท�่ นั้น โดยไม่ค�ำ นงึ ถึงคว�มหม�ย เช่น สิริวฑโฺ ฒ ชื่อสิริวฑั ฒ ์ แปลว่� ผู้เจรญิ ด้วยสริ ิ แตเ่ ปน็ ชอื่ ของคนใช ้ ๒. น�มมี ๓ ประเภท คือ (ก) ปลุ ฺลงิ ฺคน�ม น�มทีบ่ ่งถึงเพศช�ยของศพั ท์ เชน่ รุกฺโข ตน้ ไม้ (ข) อติ ถฺ ิลงิ คฺ น�ม น�มทบี่ ่งถึงเพศหญงิ ของศพั ท์ เช่น ม�ล� ระเบียบ (ค) นปุงสฺ กลงิ ฺคน�ม น�มท่ีไม่ระบุเพศช�ยและเพศหญงิ ของศพั ท์ เชน่ ธนำ ทรพั ย์ ๓. น�มมี ๓ ประเภท คอื ๓.๑ สทุ ฺธน�ม หรอื น�มน�ม คือน�มทีล่ ว้ นๆ ที่ใชเ้ ปน็ ประธ�นของประโยค ม ี ๒ อย�่ ง คือ (ก) ส�ธ�รณน�ม น�มทวั่ ไปไม่เจ�ะจง เชน่ นครำ เมือง (ข) อส�ธ�รณน�ม น�มทไ่ี ม่ท่วั ไป เจ�ะจง เช่น ส�วตถฺ ี เมอื งส�วตั ถี ๓.๒ คณุ น�ม น�มทแี่ สดงลักษณะพิเศษของสุทธน�มหรอื น�มน�มว่�ดหี รือชัว่ ข�วหรือดำ�เปน็ ตน้ มี ๓ ช้ัน คอื ๓.๒.๑ ชน้ั ปกติ เชน่ ป�โป ผชู้ ัว่ ๓.๒.๒ ชั้นวิเศษ เช่น ป�ปตโร, ป�ปโิ ย, ป�ปสิ โิ ก ผ้ชู ั่วกว�่ ๓.๓.๓ ช้ันอตวิ เิ ศษ เชน่ ป�ปตโม, ปาปฏิ โฺ € ผู้ชัว่ ที่สุด

2 รปู สทิ ธทิ ปี นี [ ๒. นาม ๓.๓ สพฺพน�ม น�มทใ่ี ชแ้ ทนชื่อคน สัตว์ ท่ ี ส่ิงของท่กี ล�่ วม�แล้ว ม ี ๒ อย่�ง คือ (ก) ปรุ ิสสพพฺ น�ม น�มทใ่ี ชเ้ ป็นประธ�นในประโยคได้ ม ี ๓ บุรษุ คอื ๑) ปฐมบรุ ุษ หม�ยถงึ บุคคลทเ่ี ร�กล่�วถงึ ได้แก่ ตศพั ท์ (โส, เต. ส�, ต�. ตำ, ต�นิ) ๒) มชั ฌมิ บรุ ุษ หม�ยถงึ บุคคลทเี่ ร�พดู ดว้ ย ได้แก่ ตุมฺหศัพท ์ (ตฺวำ, ตุมเฺ ห = ท�่ น) ๓) อตุ ตมบุรุษ หม�ยถงึ ตัวเร�เอง ได้แก ่ อมหฺ ศพั ท์ (อห,ำ มย ำ = ข�้ พเจ้�) (ข) วเิ สสนสพฺพนาม สัพพนามทที่ ำหนา้ ที่เปน็ ตัวขยายสทุ ธนาม มี ๒๕ ตวั คอื สพฺพ, กตร, กตม, อุภย, อิตร, อฺ , อฺตร, อฺตม, ปุพฺพ, ปร, อปร, ทกฺขณิ , อตุ ตฺ ร, อธร, ย, ต, เอต, อิม, อมุ, ก,ึ เอก, อุภ, ทวฺ ิ, ติ และ จตศุ พั ท.์ [หม�ยเหต ุ :- เฉพ�ะ ตศัพท ์ เปน็ ได้ทงั้ ปุริสสพั พน�มและวเิ สสนสัพพน�ม และกึศึพท์ มใี ช้ เป็นประธ�นได้] ๔. น�มมี ๔ ประเภท คือ (ก) สามฺ นาม คือน�มทีม่ สี ภ�พเหมือนๆ กนั หรือชื่อท่ัวไป เชน่ รุกโฺ ข ต้นไม้ (ข) คณุ น�ม คอื น�มทแ่ี สดงลักษณะพิเศษของคน สัตว์ สงิ่ ของ เปน็ ต้น ให้รู้ว�่ ดีหรือชว่ั ข�วหรอื ด�ำ เปน็ ต้น เช่น นีโล สเี ขียว (ค) กริ ิย�น�ม คือน�มทีแ่ สดงกิริย�อ�ก�ร เชน่ ป�จโก ผู้หุง (ง) ยทจิ ฉฺ �น�ม คือน�มทต่ี ้ังขึ้นม�ต�มคว�มพอใจ มิไดม้ งุ่ เอ�คว�มหม�ย เช่น สริ ิวฑโฺ ฒ ช่ือท�ส รบั ใชว้ ่�สิรวิ ฑั ฒ์ ค. สว่ นประกอบทสี่ ำ�คัญของบทน�ม สว่ นประกอบท่สี �ำ คญั ของบทน�ม คอื ลงิ ค์ ก�รันต์ และวิภตั ต ิ ดงั นี้ ๑. ลิงค์ คอื เพศของศัพท ์ หรือปกตศิ ัพท ์ เข้�ไปอยูใ่ นทุกๆ บทท่เี ป็นน�ม ดงั มีวิเคร�ะหว์ ่� “ลงิ ฺเคต ิ คเมต ิ โพเธตีติ ลงิ ฺค”ำ ย่อมให้ร้วู ่�เปน็ ผูช้ �ยเป็นต้น เพร�ะเหตุน้นั ชื่อว่�ลิงค.์ ลงิ คน์ น้ั ม ี ๓ ลงิ ค ์ คือ ๓.๑ ปงุ ลงิ ค์ ได้แกเ่ พศช�ย เชน่ ปรุ โิ ส เปน็ ต้น ๓.๒ อิตถลี ิงค์ ได้แกเ่ พศหญิง เชน่ อติ ถฺ ี เปน็ ต้น ๓.๓ นปงุ สกลิงค์ ได้แกไ่ ม่ใชเ่ พศช�ยไมใ่ ช่เพศหญิง เช่น กลุ ำ เปน็ ตน้ ก�รจัดลิงคข์ องศัพท์ มี ๒ ประก�ร คอื ๑. ลิงค์ต�มคว�มเป็นจริง เชน่ ปรุ โิ ส แปลว่� บรุ ษุ เป็นปุงลงิ ค ์ เปน็ ตน้ ๒. ลิงค์โดยสมมติ เช่น ท�โร แปลว�่ ภรรย� สมมตใิ หเ้ ป็นปงุ ลิงค์ เปน็ ต้น ๒. ก�รนั ต์ คำ�ว่� “ก�รันต”์ ม�จ�ก “ก�ร + อนตฺ ”. การ แปลว่� อกั ษร, อนฺต แปลว่� ท่ีสดุ . ไดแ้ ก่อกั ษรทส่ี ดุ ของศพั ท์ม ี ๘ ก�รันต์ คอื (๑) อก�รนฺต น�มทม่ี ี ออักษรเป็นท่สี ุด เชน่ ปุริสศัพท์

กณั ฑ์ ] บทนำ�น�ม 3 (๒) อ�ก�รนฺต น�มท่ีม ี อ�อักษรเป็นทส่ี ุด เช่น ส�ศพั ท์ (๓) อิก�รนฺต น�มท่มี ี อิอกั ษรเป็นท่ีสุด เชน่ อคคฺ ิศพั ท์ (๔) อกี �รนฺต น�มท่มี อีอกั ษรเปน็ ทส่ี ุด เช่น ทณฑฺ ีศัพท์ (๕) อุก�รนตฺ น�มท่มี ี อุอกั ษรเป็นที่สุด เชน่ ภิกขฺ ุศพั ท์ (๖) อกู �รนฺต น�มทีม่ ี ออู ักษรเปน็ ทส่ี ดุ เชน่ อภิภศู พั ท์ (๗) โอก�รนตฺ น�มที่ม โออักษรเปน็ ท่ีสุด เช่น โคศพั ท์ (๘) นิคฺคหีตนฺต น�มทมี่ นี คิ หิตเป็นทส่ี ุด ได้แก่ กศึ ัพท์ จดั ก�รันตต์ �มลงิ ค์ท้งั ส�ม ดงั นี้ ๑. ปุงลิงคน�ม มี ๗ ก�รนั ต ์ คอื ๑.๑ อก�รนั ต์ ม ี ปุริสศพั ท์ เป็นแมแ่ บบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว่� ปรุ สิ �ทคิ ณ ๑.๒ อ�ก�รันต์ มี ส�ศัพท ์ เปน็ แมแ่ บบในก�รแจกปทม�ล� เรยี กว่� ส�ทคิ ณ ๑.๓ อิก�รนั ต ์ ม ี อคคฺ ิศัพท์ เป็นแมแ่ บบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว่� อคฺคยิ �ทิคณ ๑.๔ อกี �รันต์ ม ี ทณฺฑศี พั ท ์ เปน็ แม่แบบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว�่ ทณฑฺ ยิ �ทิคณ ๑.๕ อกุ �รันต์ มี ภกิ ฺขุศพั ท์ เปน็ แมแ่ บบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว�่ ภกิ ฺขวฺ �ทคิ ณ ๑.๖ อกู �รันต ์ มี อภภิ ศู พั ท์ เป็นแม่แบบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว�่ อภิภ�ทคิ ณ ๑.๗ โอก�รันต ์ ไดแ้ ก่โคศพั ท์ ๒. อติ ถีลงิ คน�ม ม ี ๖ ก�รนั ต ์ คอื ๒.๑ อ�ก�รนั ต์ ม ี กฺ าศัพท ์ เป็นแมแ่ บบในก�รแจกปทม�ล� เรยี กว�่ กฺ าทคิ ณ ๒.๒ อกิ �รนั ต์ มี รตฺติศัพท ์ เป็นแม่แบบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว่� รตฺติย�ทคิ ณ ๒.๓ อกี �รันต ์ มี อติ ถฺ ศี พั ท ์ เป็นแมแ่ บบในก�รแจกปทม�ล� เรยี กว�่ อติ ถฺ ยิ �ทคิ ณ ๒.๔ อกุ �รันต์ ม ี ย�คศุ พั ท์ เป็นแมแ่ บบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว่� ย�คอุ �ทิคณ ๒.๕ อูก�รันต ์ มี ชมฺพศู พั ท์ เป็นแม่แบบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว่� ชมฺพูอ�ทิคณ ๒.๖ โอก�รนั ต ์ ได้แก่โคศพั ท ์ ๓. นปงุ สกลงิ คน�ม มี ๗ ก�รันต ์ คือ ๓.๑ อก�รันต ์ ม ี จิตตฺ ศัพท ์ เป็นแมแ่ บบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว่� จติ ฺต�ทคิ ณ ๓.๒ อ�ก�รันต ์ อสฺสทฺธ�ศัพท์ เปน็ แมแ่ บบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว่� อสฺสทฺธ�ทิคณ ๓.๓ อกิ �รันต์ อฏ€ฺ ิศพั ท ์ เป็นแมแ่ บบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว่� อฏฺ€ิยาทคิ ณ ๓.๔ อีก�รนั ต ์ สขุ ก�รศี ัพท ์ เป็นแม่แบบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว�่ สขุ ก�รยิ �ทคิ ณ ๓.๕ อุก�รันต ์ อ�ยศุ ัพท ์ เปน็ แม่แบบในก�รแจกปทม�ล� เรียกว�่ อ�ยุอ�ทิคณ ๓.๖ อูก�รนั ต ์ โคตฺรภศู พั ท์ เปน็ แม่แบบในก�รแจกปทม�ล� เรยี กว�่ โคตฺรภูอ�ทิคณ ๓.๗ โอก�รันต์ ไดแ้ กจ่ ิตฺตโคศพั ท์

4 รปู สทิ ธิทปี นี [ ๒. นาม ๓. วภิ ัตติ คำ�ว�่ “วิภัตต”ิ แปลว่� จ�ำ แนก หรอื แจกแจงอรรถของลงิ คม์ อี รรถกรรมเป็นตน้ และคว�มเปน็ เอกพจน์ หรือพหพู จน์ มวี เิ คร�ะหว์ ่� “กมมฺ �ทวิ เสน เอกตตฺ �ทิวเสน จ ลิงฺคตถฺ ำ วิภชนตฺ ีติ วภิ ตฺติโย” ยอ่ มจำ�แนก อรรถของลิงค์ มกี รรมเป็นตน้ และมคี ว�มเปน็ ของสิ่งเดยี วเป็นตน้ เพร�ะเหตนุ นั้ จึงชือ่ ว่�วิภัตติ. หรือวเิ คร�ะหว์ ่� “ป� วภิ ชฺชเต เอต�ย�ต ิ วิภตฺต”ิ เนอื้ คว�มของป�ฏิปทิกบท ย่อมถกู จำ�แนก ด้วยวิภัตตนิ ้ี เพร�ะเหตุนั้น ช่ือ ว�่ วิภัตติ. ได้แก่วภิ ตั ติน�ม ม ี ๑๔ ตัว คือ ส ิ โย, อ ำ โย, น� ห,ิ ส นำ, สฺม� หิ, ส น,ำ สมฺ ึ สุ. วิภตั ติ ๗ หมวดและคําแปล วิภตั ติ ล�ำ ดบั ท่ี เอกวจนะ พหุวจนะ อ�ยตนิบ�ต (ค�ำ แปลซ่งึ เป็นคำ�เชือ่ มต่อศัพท์) ปฐม� ท ี่ ๑ สิ โย อนั ว�่ ..... (อ.), อนั ว่�.....ทั้งหล�ย (อ. ...... ท.) ทุติย� ท่ ี ๒ อำ โย ซึ่ง, สู,่ ยงั , ส้นิ , ตลอด, กะ, เฉพ�ะ. ตตยิ � ที่ ๓ น� หิ ดว้ ย, โดย, อนั , ต�ม, (ข�้ ง, ท�ง), เพร�ะ, มี, ด้วยทั้ง. จตุตถี ท่ ี ๔ ส นำ แก,่ เพ่อื , ตอ่ . ปัญจม ี ที่ ๕ สมฺ � หิ แต,่ จ�ก, กว�่ , เหตุ, เพร�ะ. ฉฏั ฐี ที่ ๖ ส นำ แหง่ , ของ, เม่อื . สตั ตมี ท ่ี ๗ สมฺ ึ สุ ใน, ใกล,้ ท,่ี ครั้นเมอ่ื , ในเพร�ะ, เหนือ, บน, ณ. อ�ลปนะ ค�ำ รอ้ งเรียก สิ โย แนะ่ , ดกู อ่ น, ข�้ แต่. ๔. วจนะ หรือพจน์ ค�ำ ว�่ “วจนะ” หรอื “พจน์” เปน็ ค�ำ พูดท่ีแสดงจ�ำ นวนของสิ่งทพ่ี ดู ถึงว�่ มจี �ำ นวนม�กหรอื น้อย มี ๒ อย่�ง คอื (ก) เอกวจนะ หรอื เอกพจน์ แสดงจำ�นวนของสงิ่ ที่พดู ว่�มอี ย�่ งเดียว (ข) พหุวจนะ หรอื พหูพจน์ แสดงจำ�นวนของสิง่ ทพี่ ูดมจี �ำ นวนม�ก ตั้งแตส่ องอย�่ งขนึ้ ไป ก�รทีเ่ ร�จะทร�บว่�เป็นเอกวจนะ หรือพหวุ จนะได้นนั้ วิภัตตทิ ้ัง ๑๔ ตวั เปน็ ตัวบอกใหท้ ร�บ ง. จดุ ประสงคใ์ นก�รศกึ ษ�เรื่องน�ม ๑. เพื่อใหน้ ักศึกษ�ได้ทร�บลิงค์ของน�มศพั ท์ ๒. เพ่อื ใหน้ กั ศึกษ�ไดท้ ร�บก�รนั ต์ ๓. เพ่อื ใหน้ กั ศกึ ษ�ได้ทร�บวิภัตต ิ ๔. เพ่อื ใหน้ ักศึกษ�ได้ทร�บวจนะหรือพจน์ ๕. เพ่อื ให้นักศึกษ�ไดท้ ร�บวธิ ีท�ำ ตวั รปู และแจกปทม�ล�

๒. น�มกัณฑ์ ----------- ๒.๑ ปุงลิงคน�ม ๒.๑.๑ อก�รนั ต์ ปงุ ลงิ ค์ ปรุ ิสศพั ท์ ๖๐. ชินวจน-ยตุ ฺตำ ห.ิ ปุพฺพ�ปรำ สพพฺ สุตตฺ วตุ ตฺ ิอุท�หรณำ อ.สูตร วุตติ อุท�หรณ์ทั้งปวง อันมอี ยู่ท้ังข�้ งหน้�และข้�งหลงั ชินวจนยตุ ตฺ ำ หิ เปน็ ของสมควรตอ่ พระพทุ ธพจนน์ ัน่ เทียว ภเว พงึ เปน็ . (สตู ร วุตติ และอทุ �หรณ์ท้ังหมดทีม่ ีอยทู่ ้งั ข�้ งหน้�และข้�งหลัง สมควรต่อพระพทุ ธพจนเ์ ท�่ นัน้ ) สูตรนม้ี ี ๒ บท คอื ชินวจนยุตฺตำ, หิ. เปน็ อธกิ �รสตู ร สูตรส�ำ หรบั ต�มไปสูส่ ูตรอ่ืนทัง้ หมด. หศิ ัพท์ : มีอรรถ สนฺนฏิ €ฺ านาวธารณ ตดั สินลงไปเลยว�่ ท้งั สตู ร วุตต ิ และอุท�หรณท์ ั้งหมดท่มี อี ยู่ในคัมภรี ก์ ัจจ�ยนะน ้ี ตอ้ งเป็นของ สมควรตอ่ พระพุทธพจน์คือพระไตรปฎิ กเท�่ น้นั ๖๑. ลิงคฺ จฺ นปิ ฺปจฺจเต. ลิงฺคจฺ อ.ลงิ คด์ ว้ ย ธ�ตุ จ อ.ธ�ตุดว้ ย ชนิ วจนยตุ ตฺ ำ หิ อันสมควรต่อพระพทุ ธพจนน์ ่ันเทยี ว นปิ ปฺ จจฺ เต ย่อมถกู ใหต้ ง้ั ไว้. (ต้งั ลงิ คแ์ ละธ�ตทุ ่ีสมควรต่อพระพทุ ธพจนเ์ ท่�นัน้ ) สตู รนีม้ ี ๓ บท คือ ลิงคฺ ำ, จ, นปิ ฺปจฺจเต. เป็น ปรภิ �ส�สูตร สูตรทีเ่ ปน็ คำ�ส่ัง ให้ตง้ั ปกตริ ูปไว้ โดยท้งั ลิงค์และ ธ�ตุ ต้องให้มสี ระเป็นทสี่ ดุ . จศพั ท์ : มีอรรถ อวุตตฺ สมจุ จฺ ย รวบรวมเอ�อรรถทไ่ี มไ่ ดก้ ล่�วไวใ้ นสูตรนี้ คือ รวบรวมเอ� ธ�ตดุ ้วย ฉะนั้น จึงต้องตง้ั ธ�ตุว่� ภู, คมุ เป็นตน้ โดยมสี ระเป็นที่สุด ๖๒. ตโต จ วภิ ตตฺ โิ ย. วภิ ตฺติโย อ.วภิ ัตต ิ ท. โหนฺติ ยอ่ มลง ปรำ ในเบอื้ งหลงั ตโต (ลงิ ฺเคห)ิ จ�กลิงค์ ท.เหล่�น้นั จ ด้วย. (ลงวภิ ัตต ิ หลังจ�กลงิ ค์เหล�่ นนั้ ) สตู รนม้ี ี ๓ บท. เป็น วภิ ัตตวิ ิธิสตู ร คอื วธิ ีลงวิภตั ติ ม ี สิวิภตั ตเิ ปน็ ต้น. จศัพท ์ : มีอรรถ อวตุ ฺตสมุจจฺ ย รวบรวมเอ�อรรถท่ไี มไ่ ด้กล�่ วไว้ในสตู รน ี้ คอื แมห้ ลังจ�กนิบ�ตท่ีม ี ตเว และตุนปัจจัยเป็นต้นเปน็ ที่สุด เช่น ก�ตเว, ก�ตนุ , กตฺว�, กตฺว�น เปน็ ต้น ให้ลงวิภตั ต ิ ด้วย จศัพท์ในสูตรนี.้

6 รูปสิทธิทีปนี [ ๒. นาม ๖๓. สิ-โย-อํ-โย-นา-ห-ิ ส-น-ํ สมฺ า-หิ-ส-นํ-สฺมึ-สุ. สิ-โย-อำ-โย-น�-ห-ิ ส-นำ-สฺม�-ห-ิ ส-น-ำ สมฺ -ึ สุ อันว�่ ส ิ โย, อำ โย, น� ห,ิ ส น,ำ สมฺ � หิ, ส นำ และ สฺมึ ส ุ ทั้งหล�ย วิภตฺติโย มีชือ่ ว�่ วภิ ตั ติ โหนตฺ ิ ย่อมเป็น. (ตง้ั สิ โย, อำ โย, น� ห,ิ ส น,ำ สมฺ � ห,ิ ส นำ และสฺมึ สุ ชอ่ื ว�่ วภิ ตั ติ) สูตรนมี้ ีบทเดียว. เป็น สญั ญ�สตู ร. วิภตั ติ ๗ หมวดและคาํ แปล ไวย�กรณ์ อรรถกถ� เอกวจนะ พหวุ จนะ อ�ยตนบิ �ต (ค�ำ แปลซึง่ เปน็ คำ�เชื่อมต่อศพั ท์) ปฐมา ปจฺจตตฺ ส ิ โย อันว�่ ..... (อ.), อนั ว่�.....ท้ังหล�ย (อ. ...... ท.) อ�ลปน อ�ลปน สิ โย แน่ะ, ดกู อ่ น, ข้�แต.่ ทตุ ยิ � อปุ โยค อ ำ โย ซ่ึง, สู่, ยงั , สิ้น, ตลอด, กะ, เฉพ�ะ. ตติย� กรณ น� หิ ด้วย, โดย, อนั , ต�ม, (ข้�ง, ท�ง), เพร�ะ, ม,ี ด้วยทัง้ . จตตุ ถฺ ี สมฺปท�น ส น ำ แก,่ เพอื่ , ต่อ. ปฺจมี นสิ ฺสกฺก สฺม� หิ แต,่ จ�ก, กว่�, เหต,ุ เพร�ะ. ฉฏฺ€ี ส�มี ส นำ แหง่ , ของ, เม่ือ. สตฺตม ี ภมุ มฺ สมฺ ึ ส ุ ใน, ใกล้, ท่,ี คร้ันเม่ือ, ในเพร�ะ, เหนือ, บน, ณ. หม�ยเหตุ :- ถ้�เป็นพหวุ จนะ ใหเ้ พ่ิมค�ำ ว่� “ท้งั หล�ย (ท.) ข�้ งท�้ ยด้วย, ปฐม�วิภัตติกับอ�ลปนะ ใช้ ส ิ กับ โย วิภตั ติเหมือนกัน แตอ่ อกส�ำ เนยี งอ�ยตนิบ�ตต่�งกัน ค�ถ�สรปุ ค�ำ เรยี กวิภตั ติทีใ่ ชใ้ นอรรถกถ� ปจจฺ ตตฺ มุปโยคฺจ กรณํ สมปฺ ทานยิ ํ นสิ สฺ กฺกํ สามิวจนํ ภมุ มฺ าลปนมฏฺ€ม.ํ ปจั จตั ตะ (ปฐม�วิภัตต)ิ , อปุ โยคะ (ทตุ ิย�วิภัตติ), กรณะ (ตติย�วภิ ตั ติ), สมั ปท�น (จตตุ ถวี ิภตั ต)ิ , นสิ สกั กะ (ปัญจมวี ิภตั ติ), ส�มี (ฉัฏฐวี ิภตั ต)ิ , ภุมมะ (สตั ตมวี ภิ ตั ต)ิ และอ�ลปนะ เป็นท่แี ปด ๖๔. ตทนุปโรเธน. ลิงคฺ ำ อ.ลงิ ค์ นิปฺปจจฺ เต ยอ่ มถกู ให้ส�ำ เรจ็ ตทนุปโรเธน โดยไม่ขัดแย้งตอ่ พระพทุ ธพจน์นัน้ จ ด้วย. (ลงิ คแ์ ละธ�ตุยอ่ มถกู ให้สำ�เร็จโดยไมข่ ดั แย้งตอ่ พระพุทธพจน์)

กณั ฑ์ ] ปงุ ลิงค์ อการันต์ 7 สูตรนี้มีบทเดียว. เป็น ปรภิ �ส�สูตร สตู รที่เป็นคำ�สงั่ ให้สำ�เรจ็ รูป โดยท้ังน�มและอ�ขย�ต มีเพียง ๒ วจนะ เท่�น้นั คือ เอกวจนะ และพหวุ จนะ แตข่ องสนั สกฤต มี ๓ วจนะ คือ เอกวจนะ ทวิวจนะ และพหุวจนะ. จศพั ทท์ ่ีต�มม� : มีอรรถ อวตุ ฺตสมุจฺจย รวบรวมเอ�อ�ขย�ตดว้ ย ฉะนัน้ แมอ้ �ขย�ตก็พึงให้สำ�เรจ็ รปู โดยไม่ ขัดตอ่ พระพทุ ธพจน์เช่นเดียวกบั น�มบท. ๖๕. ลงิ ฺคตเฺ ถ ป€มา. ปฐมา อ.ปฐม�วภิ ัตต ิ โหติ ย่อมลง ลิงคฺ ตเฺ ถ ในอรรถแห่งลงิ ค์. (ลงปฐม�วภิ ตั ติ ในอรรถแหง่ ลิงค์) สูตรนม้ี ี ๒ บท. เปน็ วภิ ตั ติวธิ สิ ตู ร. ๖๖. โส. สิ อ.สิวิภตั ต ิ ปรำ อนั เปน็ เบ้ืองหลัง อโต จ�กลงิ ค์อนั มอี อกั ษรเป็นที่สุด โอ แปลงเปน็ โอ โหต ิ ยอ่ มเปน็ . (หลังจ�กลิงค์ทีเ่ ป็นอก�รันต์ แปลง สิวภิ ตั ต ิ เป็น โอ) สตู รนีม้ ี ๒ บท คอื สิ, โอ. เป็น อ�เทสวิธิสูตร. ๖๗. สรโลโป’มาเทสปฺปจฺจยาทิมหฺ ิ สรโลเป ตุ ปกต.ิ อม�เทสปฺปจฺจย�ทิมฺหิ ในเพร�ะอวำ ิภัตต ิ ตัวทแ่ี ปลงและปจั จัยเปน็ ต้น สรโลโป อ.ก�รลบสระหน�้ โหติ ยอ่ มมี, สรโลเป ครัน้ เมอื่ ก�รลบสระหน�้ กเต ถูกกระท�ำ แลว้ , ปกติ อ.คว�มเป็นปกตสิ ระหลงั โหติ ยอ่ มม ี ต ุ ห้�ม ลบสระหน�้ บ�้ ง. (เพร�ะอำวภิ ตั ต ิ ตวั อ�เทศและปัจจัยเป็นตน้ ลบสระหน�้ ปกติสระหลงั ห�้ มลบสระหน้�บ้�ง) สูตรนีม้ ี ๕ บท คือ สรโลโป, อม�เทสปฺปจฺจย�ทมิ ฺหิ, สรโลเป, ต,ุ ปกต.ิ เปน็ โลปวธิ ิสตู ร. ตศุ ัพท์ : มอี รรถ นิวตตฺ �ปน�วธ�รณ ห้�มลบสระหน้�ในอทุ �หรณ์ว่� ภกิ ฺขุน ี (ภิกขฺ ุ + อินี)เป็นตน้ . ท�ำ ตวั รปู ปุริโส ศพั ท์เดมิ คอื = ปรุ สิ หลัง ปุรสิ ลง สิ ปฐม�วิภตั ติ ปุริส + สิ = ลงิ คฺ ตฺเถ ป€มา. = โส. หลงั จ�กอก�รันต์ แปลง สิ เป็น โอ ปุริส + ส ิ โอ = ปุพพฺ มโธฐติ มสฺสรํ สเรน วิโยชเย. แยกพยัญชนะ ส ฺ ออกจ�กสระ อ ปรุ ิส ฺ อ + โอ = สรโลโปม�เทสปฺปจฺจย�ทมิ ฺหฯิ = นเย ปร ำ ยตุ เฺ ต. ลบสระหน�้ เพร�ะสระหลังๆ เป็นปกต ิ ปุรสิ ฺ อ + โอ นำ�พยญั ชนะ ส ฺ ไปประกอบกบั สระ โอ ปรุ โิ ส ส�ำ เร็จรปู เป็น ปรุ โิ ส. (อ.บุรุษ, อ.บุคคล)

8 รปู สทิ ธิทีปนี [ ๒. นาม ๖๘. สรูปาน’เมกเสสวฺ ’สกึ. เอกเสโส อ.ก�รทำ�ใหเ้ หลือไว้เพยี งศัพทเ์ ดียว สรูป�นำ (ปทพยฺ ญฺชน�น)ำ แห่งบทและพยญั ชนะ ท. อนั มี สภ�พเหมือนกัน โหติ ยอ่ มมี อสกึ ในทไ่ี ม่ใช่ครั้งเดียว. (ในท่ีไมใ่ ชค่ ร้ังเดยี ว ทำ�เอกเสสเหลอื ไว้เพียงศัพทเ์ ดยี ว แห่งบทและพยญั ชนะทม่ี สี ภ�พเหมือนกัน) สตู รนีม้ ี ๓ บท คือ สรปู �นำ, เอกเสโส, อสก.ึ เปน็ โลปวธิ สิ ูตร. ด้วยก�รแบ่งสตู ร(ทฺวธิ �กรณโยควภิ �ค)ว�่ “เอกเสสฺวสก”ึ ส�ม�รถลบศพั ทท์ ่ไี ม่เหมือนกนั ใหเ้ หลอื หน่งึ ศัพท์ได้ เช่น ม�ต� จ ปติ � จ ปิตโร เป็นต้น ในท่นี ้ ี รูปส�ำ เร็จ เหลือ “ปิตโร” ไว ้ แปลว่� “ม�รด�และบิด�ทัง้ หล�ย”. เอกเสส คือ ส่งิ ท่ีเหมอื นกนั เหลอื ไว้เพียงศัพทเ์ ดียว มี ๒ อย่�ง ๑. สรูเปกเสส เหลือไวเ้ พยี งศพั ท์เดยี วในทีม่ รี ูปหรืออรรถเหมอื นกัน ม ี ๓ อย�่ ง คือ ๑.๑ สททฺ สรเู ปกเสส ศัพทเ์ หมือนกัน อรรถต�่ งกัน เหลอื ไว้ศัพท์เดียว เชน่ ม�โส จ ม�โส จ ม�ส�. เดอื นดว้ ย ถัว่ ร�ชม�สดว้ ย ช่อื ว่�ม�ส�. (เดือนและถั่วร�ชม�ส) ๑.๒ อตถฺ สรูเปกเสส ศัพทต์ ่�งกนั แตอ่ รรถเหมือนกนั เหลอื ไว้เพยี งศพั ท์เดียว เช่น วงโฺ ก จ กุฏโิ ล จ กฏุ ลิ �. คดดว้ ย โกงด้วย ช่ือว�่ กฏุ ิล�. (คดและโกง) ๑.๓ สททฺ ตถฺ สรเู ปกเสส ท้ังศัพทแ์ ละอรรถเหมอื นกัน ก็เหลอื ไวเ้ พยี งศัพท์เดียวเช่นกัน เชน่ ปรุ ิโส จ ปุรโิ ส จ ปรุ สิ �. บรุ ุษดว้ ย บุรุษด้วย ชื่อว�่ ปุริส�. (บุรุษและบุรษุ ) ๒. วริ ูเปกเสส เหลอื ไวเ้ พยี งศพั ทเ์ ดยี ว ในที่มรี ปู ไม่เหมือนกนั มี ๒ อย่�ง คอื ๒.๑ ปุพฺพวิรูเปกเสส เหลอื ไว้ศัพทเ์ ดียว ในทีม่ รี ูปไม่เหมือนกนั โดยลบศพั ท์หลัง เหลอื ศพั ท์หน�้ ไว้ เชน่ ส�ริปตุ โฺ ต จ โมคคฺ ลลฺ �โน จ ส�รปิ ตุ ตฺ �. พระส�รบี ุตรดว้ ย พระโมคคัลล�นะด้วย ชือ่ ว�่ ส�ริปตุ ฺต�. (พระส�รีบุตร และพระโมคคลั ล�นะ) ๒.๒ ปรวริ ูเปกเสส เหลอื ไว้ศัพทเ์ ดียว ในท่มี ีรปู ไม่เหมอื นกัน โดยลบศพั ทห์ น้� เหลอื ศพั ทห์ ลงั ไว ้ เช่น ม�ต� จ ปติ � จ ปติ โร. ม�รด�ด้วย บิด�ดว้ ย ชอื่ ว�่ ปิตโร. (ม�รด�และบิด�) ค�ถ�สรปุ สรูเปกเสส ๓ สรูปสเฺ สว สททฺ ตถฺ - สทฺทตฺถ�นำ สภ�วโต, ตพิ พฺ ธิ ตฺตำ ยถ� ม�ส� กุฏิล� ปุริส�ติ จ. (สัททตั ถเภทจินต�) สรเู ปกเสส ม ี ๓ อย่�ง คอื (๑) สัททสรูเปกเสส เช่น ม�ส� (๒) อัตถ สรเู ปกเสส เชน่ กุฏิล� (๓) สัททัตถสรเู ปกเสส เช่น ปุรสิ �.

กัณฑ์ ] ปงุ ลิงค์ อการันต์ 9 ๖๙. สพพฺ -โยนีน’มาเอ. อ�เอ อ.ก�รแปลงเปน็ อ�และเอ ท. สพพฺ โยนนี ำ แหง่ โย,น ิ ปฐม�และโย,น ิ ทุตยิ �ทง้ั ตัว ท. ปเรสำ อนั เป็น เบื้องหลัง อโต จ�กอก�รันต(์ ในปุงลงิ คแ์ ละนปงุ สกลงิ ค)์ โหนฺติ ยอ่ มม ี ว� บ้�ง. (หลังจ�กอก�รันต์ แปลง โย,น ิ ปฐม�วิภัตติ เปน็ อ� และโย,นิ ทตุ ยิ �วิภัตติ เป็น เอ บ�้ ง) สูตรน ้ี มี ๒ บท คอื สพฺพโยนนี ำ, อ�เอ. เปน็ อ�เทสวธิ สิ ูตร. ขอ้ กำ�หนดในก�รแปลง มดี ังน้คี อื ในปุงลิงค์ แปลง โยปฐม� เปน็ อ� และแปลง โยทตุ ิย� เป็น เอ, ส่วนในนปงุ สกลงิ ค์ แปลง โย เปน็ น ิ ก่อน แล้วจึงแปลง นิปฐม� เปน็ อ� และแปลง นทิ ุติย� เป็น เอ. ท�ำ ตัวรปู ปรุ ิโส จ ปุรโิ ส จ ปุริสา ศัพท์เดิมคอื = ปรุ ิส จ ปรุ สิ จ หลงั ปุริส ลง สิ ปฐม�วภิ ัตต ิ ปรุ สิ + สิ, ปุรสิ + ส ิ = ลิงคฺ ตเฺ ถ ป€มา. หลังจ�กอก�รนั ต ์ แปลง ส ิ เปน็ โอ ปรุ ิส+ สิ โอ,ปรุ ิส+ สิ โอ = โส. แยกพยัญชนะ สฺ ออกจ�กสระ อ ปุรสิ ฺ อ + โอ, ปรุ ิส ฺ อ + โอ = ปพุ ฺพมโธ€ิตมสฺสรํ สเรน วโิ ยชเย. ลบสระหน้� เพร�ะสระหลงั ๆ เปน็ ปกต ิ ปุริส ฺ อ + โอ, ปรุ ิสฺ อ + โอ = สรโลโปม�เทสปปฺ จจฺ ย�ทิมหฺ ิฯ นำ�พยญั ชนะ สฺ ไปประกอบกับสระ โอ ปรุ ิโส, ปรุ โิ ส = นเย ปร ำ ยุตฺเต. หลัง จศพั ทท์ ง้ั สอง ลง สิ ปฐม�วิภัตต ิ จ + ส,ิ จ + สิ = ลิงคฺ ตเฺ ถ ป€มา. หลังจ�กนิบ�ต ลบ สิวภิ ัตต ิ จ + ส,ิ จ + ส ิ = สพพฺ �สม�วโุ สปสคคฺ นิป�ต�ทหี ิ จ. ปุริโส จ อ.บุรษุ ด้วย ปุรโิ ส จ อ.บุรุษด้วย อิติ อตฺเถ ในอรรถน้ี บทตดิ ตอ่ กันและชือ่ ทวนั ทสม�ส ปุริโสจปุรโิ สจ = น�ม�น ำ สมุจฺจโย ทฺวนฺโท. ตั้งเปน็ ยุตตตั ถสม�ส ปุรโิ สจปรุ โิ สจ = น�ม�น ำ สม�โส ยตุ ฺตตโฺ ถ. ลบวภิ ตั ติทงั้ หล�ย ปรุ สิ + ส,ิ จ, ปรุ สิ + ส,ิ จ = เตสำ วิภตฺติโย โลป� จ. เปน็ ปกต ิ ปรุ สิ จปรุ ิสจ = ปกต ิ จสสฺ สรนฺตสสฺ . ลบ จศัพทท์ ้ังสอง ปรุ ิส จ ปุรสิ จ = วุตฺตตถฺ �นมปปฺ โยโค. ลบ ปุริสศัพทห์ น�้ (เป็นสรูเปกเสส) ปรุ ิส ปรุ สิ = สรปู �นเมกเสสวฺ สก.ึ ตัง้ ปรุ ิส เป็นน�ม ปุรสิ = ตทธฺ ิตสม�สกิตก� น�มำว�ฯ หลงั ปรุ ิส ลง โย ปฐม�วภิ ัตติ ปรุ สิ + โย = ลิงคฺ ตเฺ ถ ป€มา. หลังจ�กอก�รันต ์ แปลง โย เป็น อ� ปรุ สิ + โย อ� = สพพฺ โยนีนม�เอ. แยกพยัญชนะ สฺ ออกจ�กสระ อ ปุรสิ ฺ อ + อ� = ปพุ ฺพมโธ€ติ มสสฺ รํ สเรน วิโยชเย. ลบสระหน�้ เพร�ะสระหลังๆ เปน็ ปกต ิ ปรุ ิสฺ อ + อ� = สรโลโปม�เทสปฺปจฺจย�ทมิ หฺ ิฯ นำ�พยัญชนะ ส ฺ ไปประกอบกบั สระ อ� ปรุ ิส� = นเย ปร ำ ยุตเฺ ต. สำ�เร็จรูปเป็น ปุริสา. (อ.บรุ ุษท้งั หล�ย, อ.บคุ คลท้งั หล�ย)

10 รูปสิทธทิ ปี นี [ ๒. นาม ทำ�ตวั รปู ปรุ สิ า ศัพทเ์ ดิมคอื = ปรุ สิ หลัง ปรุ สิ ลง โย ปฐม�วิภัตติ ปุริส + โย = ลิงคฺ ตเฺ ถ ป€มา. หลงั จ�กอก�รันต ์ แปลง โย เปน็ อ� ปรุ สิ + โย อ� = สพฺพโยนีนม�เอ. แยกพยัญชนะ สฺ ออกจ�กสระ อ ปุริสฺ อ + อ� = ปพุ พฺ มโธ€ติ มสสฺ รํ สเรน วิโยชเย. ลบสระหน�้ เพร�ะสระหลังๆ เป็นปกต ิ ปุริสฺ อ + อ� = สรโลโปม�เทสปฺปจฺจย�ทิมฺหิฯ นำ�พยัญชนะ ส ฺ ไปประกอบกับสระ อ� ปุรสิ � = นเย ปร ำ ยุตเฺ ต. ส�ำ เรจ็ รูปเป็น ปรุ สิ า. �ย, อ.บุคคลท้งั หล�ย ๗๐. อาลปเน จ. ป€มา อ.ปฐม�วภิ ตั ติ โหต ิ ย่อมลง อ�ลปเน ในอรรถอ�ลปนะ จ ดว้ ย. (ลงปฐม�วิภตั ต ิ ในอรรถอ�ลปนะ) สตู รนีม้ ี ๒ บท. เป็น วิภตั ตวิ ิธิสูตร. จศัพท์ : มีอรรถ อนุกฑฒฺ น ดึงบทว่� “ป€มาวภิ ตตฺ ”ิ หรอื มีอรรถ วตุ ตฺ สมุจจฺ ย รวบรวมก�รลงปฐม�วิภัตติ ในอรรถอ�ลปนะด้วย. ๗๑. อาลปเน สิ คสฺโ. สิ อ.สวิ ภิ ัตต ิ อ�ลปเน ในอรรถอ�ลปนะ คสฺโ มชี ่อื ว่� ค โหต ิ ยอ่ มเปน็ . (ตง้ั สอิ �ลปนะ ช่อื ค). สตู รนี้ม ี ๓ บท. เปน็ สญั ญ�สตู ร. ๗๒. อการ-ปติ าทฺยนฺตาน’มา. เค ในเพร�ะสิวภิ ัตตอิ ันมีชือ่ ว่�ค อ� อ.ก�รแปลงเปน็ อ� อก�รปติ �ทฺยนฺต�นำ (สร�นำ) แหง่ สระ ท. อันเปน็ ที่สดุ ของอก�รนั ตศัพท ์ และปติ ศุ พั ทเ์ ป็นต้น โหต ิ ย่อมม.ี (เพร�ะสอิ �ลปนะชื่อค แปลงสระทส่ี ดุ ของอก�รนั ตศพั ท์และปติ ุศพั ท์เป็นตน้ เป็น อ�) สูตรนี้ม ี ๒ บท คือ อก�รปติ �ทฺยนตฺ �น,ำ อ�. เป็น อ�เทสวิธิสตู ร. อ�ทิศพั ท์ ใน ปติ �ทิ หม�ยเอ� สตถฺ ุศัพท.์ ๗๓. อากาโร วา. เค ในเพร�ะคเบอ้ื งหลงั อ�ก�โร อ.อ�อกั ษร อ�ปชฺชเต ยอ่ มถึง รสฺสำ ซง่ึ คว�มเป็นรสั สะ ว� บ้�ง. (เพร�ะคหลงั รสั สะ อ� เปน็ อ บ�้ ง). สตู รนมี้ ี ๒ บท. เป็น รสั สวิธสิ ตู ร. อ�ลปนะ แปลว่� ก�รร้องเรยี ก ม ี ๒ อย่�ง คือ (๑) ร้องเรยี กในทไ่ี กล ตอ้ งใชเ้ สียงย�ว ใช้รปู เปน็ ทีฆะ และ(๒) ร้องเรยี กในท่ใี กล้ ใชเ้ สียงสน้ั (รัสสะ) ต้องท�ำ รัสสะดว้ ยสตู รน้ี.

กัณฑ์ ] ปุงลงิ ค์ อการันต์ 11 ๗๔. เสสโต โลปํ ค’สิป.ิ โค อ.สอิ �ลปนะอันมชี ื่อว�่ คดว้ ย สปิ ิ อ.สิลิงคตั ถะด้วย ปโร อันเป็นเบ้อื งหลัง เสสโต จ�กลิงค์อันเหลอื จ�กลิงคท์ ่ีถกู แสดงดว้ ยสูตรว่� “ส,ึ โส, สฺย� จ” เปน็ ตน้ อ�ปชชฺ เต ย่อมถึง โลปํ ซึง่ ก�รลบ. (ลบสิปฐม�วิภตั ติ และสอิ �ลปนะท่ชี ือ่ ค ท่เี หลือจ�กลิงค์ท่ถี กู แสดงด้วยสตู รว่� “สึ, โส, สฺย� จ เป็นต้น) สูตรนม้ี ี ๔ บท คือ เสสโต, โลป,ํ คสิ, อปิ. เป็น โลปวิธิสตู ร. อปิศัพท์ : มอี รรถ สมฺปิณฑฺ น รวบรวม สิปฐม� วิภัตต ิ ซง่ึ เปน็ อรรถท่ีสอง. ทำ�ตวั รูป ปุรสิ ศัพท์เดมิ คอื = ปุรสิ = อ�ลปเน จ. หลัง ปุริส ลง สิ อ�ลปนะ ปุรสิ + สิ = อ�ลปเน ส ิ คสโฺ . = ปพุ ฺพมโธ€ติ มสฺสรํ สเรน วโิ ยชเย. ต้งั สิอ�ลปนะ ช่อื ค ปุริส + ส ิ ค = อก�รปิต�ทยฺ นฺต�นม�. = อ�ก�โร ว�. แยกพยัญนะ ส ฺ ออกจ�กสระ อ ปุริส ฺ อ + สิ = เสสโต โลป ํ คสปิ .ิ = นเย ปร ำ ยุตฺเต. เพร�ะสิที่ชอ่ื ค แปลง อ เป็น อ� ปรุ สิ ฺ อ อ� + ส ิ เพร�ะสิท่ชี อ่ื ค รัสสะ อ� เปน็ อ ปรุ สิ ฺ อ� อ + ส ิ ลบ สิ อ�ลปนะทชี่ อ่ื ค ปุริส ฺ อ + ส ิ น�ำ พยญั ชนะ ส ฺ ไปประกอบกับสระ อ ปรุ สิ สำ�เร็จรปู เปน็ ปรุ ิส. (แนะ่ , ดกู ่อน, ข�้ แต่บุรษุ ) ทำ�ตวั รูป ปรุ สิ า ศพั ทเ์ ดมิ คือ = = อ�ลปเน จ. หลัง ปุรสิ ลง ส ิ อ�ลปนะ ปรุ ิส + ส ิ = อ�ลปเน ส ิ คสฺโ. ตัง้ สอิ �ลปนะ ชอื่ ค ปรุ สิ + ส ิ ค = ปุพพฺ มโธ€ิตมสสฺ รํ สเรน วิโยชเย. = อก�รปติ �ทฺยนฺต�นม�. แยกพยญั นะ ส ฺ ออกจ�กสระ อ ปุริสฺ อ + สิ = เสสโต โลป ํ คสปิ .ิ = นเย ปรำ ยุตเฺ ต. เพร�ะสิทช่ี อ่ื ค แปลง อ เป็น อ� ปุริสฺ อ อ� + ส ิ ลบ สอิ �ลปนะที่ชื่อ ค ปุริส ฺ อ� + ส ิ น�ำ พยัญชนะ สฺ ไปประกอบกบั สระ อ� ปุรสิ � สำ�เร็จรูปเปน็ ปุรสิ า. (แนะ่ , ดูกอ่ น, ข้�แตบ่ รุ ษุ ) ทำ�ตวั รูป ปรุ สิ า ศัพทเ์ ดมิ คอื = ปรุ สิ หลงั ปุรสิ ลง โย อ�ลปนะ ปรุ สิ + โย = อ�ลปเน จ. หลงั จ�กอก�รันต ์ แปลง โย เป็น อ� ปรุ ิส + โย อ� = สพฺพโยนีนม�เอ. แยกพยญั ชนะ ส ฺ ออกจ�กสระ อ ปรุ ิสฺ อ + อ� = ปพุ พฺ มโธ€ิตมสฺสรํ สเรน วโิ ยชเย. ลบสระหน้� เพร�ะสระหลงั ๆ เป็นปกต ิ ปุรสิ ฺ อ + อ� = สรโลโปม�เทสปปฺ จฺจย�ทมิ ฺหิฯ น�ำ พยญั ชนะ ส ฺ ไปประกอบกบั สระ อ� ปรุ ิส� = นเย ปร ำ ยุตเฺ ต. ส�ำ เรจ็ รูปเปน็ ปุรสิ า. (แน่ะ, ดกู อ่ น, ข้�แต่บรุ ษุ ทัง้ หล�ย)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook