Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กามนิต

Description: กามนิต เป็นวรรณกรรมประเภทนวนิยายอิงพระพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงมาก ประพันธ์ใน ค.ศ. 1906 โดยคาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป นักประพันธ์ชาวเดนมาร์ก ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมใน ค.ศ. 1917 หนังสือกามนิตได้รับการยกย่องให้เป็นหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน ฉบับภาษาไทยแปลโดยเสฐียรโกเศศ–นาคะประทีป ในปี พ.ศ. 2473.

Search

Read the Text Version

นีหรือพรุ่งน ซึ่งแนวที่กนเขตสายดาของเรา ผูไ้ใดคิดแต่ขบบ้ญหา อย่างของท่านเหล่าน, ก็มีลกษณะทวงจะลถเหึมงือนคนเดินทาง หวังจะไปให้ถึงขอบพ้าฉะนึ่น.” กามนิฅ ผงกศีรษะ ตริตรองแล่วกล่าวต่อ'ใบ่-ว่า — “ กรนมาวันหนึ่ง เวลาเมื่อเงาไม่ยืดยาวออกไปมากแล่ว ขำพเวัาไปถึงอาศรมแห่งหนึ่งในลำเนาบา, ได้เห็นชายหนุ่ม นุ่งห่มขาวกำลิงรีดนมโกอย่ก็มี กำลิงผ่าพน หรือลไงลิงอยู่ทีพุลำ ก็มี. ในหอกลางของอาศรม มีพราหมณ์สูงอายุคนหนึ่งนํ่งอยู่ และชายหนุ่มเหล่า-นึ่นคงเบ็่นศิษย์เรียนลิทธิศาสนาอยู่ด้วย. พราห นวไดไ]ราศร'ยิปฏิลิน่ถารขไพเจไฉนใมตรี, บอกว่าระยะทางจากที่น”น, ไปถึงบไนหมู่แรก ก็เบนเวลาเดินไม่ถึงซ”วโมง, แต่ขอเชิญให้ ร'บประทานอาหารพกแรมลิกคืนหนึ่ง. ขำพเจไเต็ม'ใจร้บคำเชิญลิวย รู้สึกขอบคุณ. ก่อนที่ขำพเจไจะนอนหล”บ ได้ยินคำสอนของพราหมณ์ ผู้นนที'ดีและน่าคิดก็หลายขอ. “รุ่งขํ้น เมื่อขำพเจไจะ’ลาไป, พราหมณ์ผู้นนไต่ถามว่า ‘ขำแ ท่านผู้จารึกแสวงบุญ, ใครเบนศาสดาของท่าน ? ผู้แนะนำให้ท่านออก แสวงหากวามจริง ชื่อไร ? ’ ขไพเจไก็ตอบอย่างที่ได้ตอบท่านผู้เจร นึ่. พราหมณ์พูดว่า ‘ท่านลุถึงความจริงใต้ไฉน เมื่อท่านเร่ร่อนไป แต่ผู้เดียวเหมือนนอแรด, ไม่เอาเยี่ยงชไงบาที่ไปเบนโขลง มีหำหน ที่เฉลียวฉลาคชำนาญทางเบนผู้นำ ?’ ๑๓ซา)

( '‘เมื่อพูดถึงคำว่าโขลง แกมองดูพวกชายหนุ่ม ๆ ที ขำง, แต่เมื่อถึงคำว่าหำหนำ ปรากฏว่ายํ้มดืวยความอี่มเอม'ใจ. ‘ที่เกพูดต่อไปว่า ‘เรื่องอย่างนึมีสภาพสูงและลึกซึ ความคิดของบุกคลโดยลำพงจะคะเนเห็นได. ขำไม่มีอาจารยเบ็่นผู้บอก ก็เบนเหมือนตำราที่ไม่ ได้เบื่ดออกด. อีกประการหนึ่ง ใ ตามที่ท่านเศวตเกตุสอนไว้. ว่า ‘ดูก่อน เก่าผู้เป็นที่รก, เปรียบเหมื บุรุษผูกผ่าพไเตาไว้, มืผ้พาจากแคนก่นธาระ แลํว์ไปปล่อยไว้ในแด มรุกก่นดาร, ก็จะงมหาทางกลไไปเบองตะก่นออกห่างไกลออกไปปาง หรือ'ไปทางเหนือเลยเถิด'โปขำง หรือสุ่มไปทางทิศใต้เริคไปบา เพราะถกบดตาพาไปแล่วจื่งเบี่ดตาในทีใหม่ ก็ย่อมจะหาทางกลบ ต่อผู้ที่ไม่ได้ถกปดตามาบอกทางให้ ว่าทางน'นแน่ ไปแกก่นก่นธาร ก็จะไปตามทางที่เขาบอก แลำถามตามหมู่ปานที่ระทางมา ก็จะ ได้ความรู้โดยตรง เกิดสติบญญามากขั้นอีก. เรื่องนึ่มือปมาฉ่ บุกกลที่มืครูแนะทางให้ ก็มือุปไมยฉํนนึ่น.'’ “ขำพเก่าเห็นได้ทนทีว่า ที่พราหมณ์พูดนึ่ จะเกลํ้ย ฝากตนเบ็่นศิษย์, ช่อที่แกทำทีชกชวน กลบทำลายความนไถือแห ขำพเจา. เพราะความในพระเวทบทหนึ่งที่ย่งเจนใจขำพเก่ามี ย่อมไม่กระหายอยากได้ศิษย์ ; แต่ศิษย์ต่องกระหายอยากได้ศาสดาเอง.’ ตามนึ่ ซึงผิดกนตรงกนขามจากลกษณะพราหมณ์คนนึ่นึ่กระไร. แต่ท่านผู้เจริญ, ขาพเจาอยากได้ศาสดาผู้พนแลวจากความร่าน เช่นนน.” ด๓๘

แ๘ ที่ท่านยกย่องกระหายอยากให้เบี่นศาสดา ? มี ก็ใครเล่า นามว่าอย่างไ55ร ? “ ขำแต่ภราดา, ผู้ซึ่งขำพเขำอยากได้เป็นศาสดานน คอพระ สมณ,โกคมศากยบฅร ผู้สละสมบิตแห่งศากยราชออกบรรพชาแลว. พระสมณโคดมพระองค์นํ้ มีเกียรติศพท์อํนดีงามเพึองพุงท่วไป เป็นพระผู้ซึ่งไม่มีผู้อื่นยี่งกว่า, เป็นพระอรห่นต์, เป็นผู้บริสุทธื ในสี่งที่งปวง, เป็นพระศาสดาชองเทวดาและมนุษย์, เป็นผู้ฅรํสร้ มีปรีชาสามารถ. คือพระพทธเขำ. ที่ขำพเขำเดินทางมาน ก็เพื่อจะ เผ้าพระผู้'ซึ่งไม่มีผู้อื่นย็งกว่า และถวายฅนเป็นศิษย์.” “ดูก่อนผู้จารีกฺแสวงบุญ, ก(ะ็5พ\\/ระI (ผะา 2ู^ ^้ซึงไม่มีผู๘้!อืน^ยึงกว่า ฅรสรู้แล่วน1น บดนอยู่ณที่ไหน?” “ขำแต่ภราดา, อยู่ไกลไปทางเหนือ ในขํงหวดสาขํฅถีแคขํน โกศล. ถดกรุงสาขํฅถีออกไปหน่อย มีสวนเชฅวนอุดมควยบา'โม้ ร่มรื่น ห่างไกลจากเสียงเกรียวกราวหนวกหูต่าง ๆ สมควรผู้ทำ กวามเพียรจะบำเพ็ญภาวนาได้, สระมีนํ้าใสปานแกวส่งละอองไอขั้น มาให้สไเผ่สกวามชื่นเย็นแ, ละตอนที่เป็นท่ง ก็เขียวชะลุ่มเดียรดาษ ควยคอกไม้ต่าง ๆ สลางสี นไ]ไม่ถวนอย่าง. หลายบี๋มาแล่ว เศรษพี ชื่ออนาถบิณฑิก ซอสวนนจากเขำเชฅ ควยราคาเงินเป็นอนมาก ถวายเป็นพุทธนิวาสนสถาน. ณ เชตวนอนร่มรื่นมีพุ่งว่าง ด๓ลิ่

ปราชญ์ผู้มีสฅิบญญาเบี่นอนมาก ได้เกยผ่านเขาไปแลวน พระพุทธองค์ประทไ]อยู่. และขำพเจาก็หวํงอยู่ว่า ถา เดินทางจากที่นี่ในเวลาราวส'กสี่สํ’ปดาหะ ก็จะถึงจงหวดสาวฅถี จะไค้เขำเผาแทบเบํ้องพระบาทมูล.” “ ดก่อนผ้จารึกแสวงบญ, ท่านเคยเห็นพระผู้มีพระภาคน'น มาแถ้วหรือ? ถ้าท่านเห็น, จะจำได้หรือไม่?” ภราดา, ขำพเจ่ายำไม่เกยเห็นพระผู้มีพระภาคเจำ. ถ้า ขำพเจ2^ำเ๘ ห็น, ๘ ก็Vก! งไ1 ม่ร้จกพระองค์.” กร8นแถ้วพระศาสดา ทรงรำพึงว่า “ผู้-จารึกแสว เดินทางจะไปหาเรา ได้ตงใจอุทิศตำจะมาเบ็่นสาวกของเรา ถ้ากระไร เราพึงเทศนาหลกพระธรรม'ให้พึงบ่าง, แม้อินทรีย์ยำไม่แก่กถ้า ก เบนอุปนิสไ];” แลำห่นพระพำตร์ฅรงมายำกามนิฅ ตรำว่า — “ ควงเดือนเพี่งจะขํ้นมาตรงมุขบาน, เวลากลางคืนย นาน. การนอนมากนกย่อมทำให้เชื่อมซึม. เพราะฉะน8น ความรำเกียจ, เราจะแสดงธรรมของพระพุทธเจำน8น เบ็๋นปฏิกา แก่ประวํตที่ท่านเล่าให้พง.” “ ขำแต่ภราดา, ขำพเจำฅองการอย่างนํ้นอยู่แลำ. แสดงเถิด.” ๑๔อ

ดูก่อนผู้จารึกแสวงบุกำกญ,ระนน จงสดบธรรมที่จะแสดง กระทาIนเจเห้ดีเถิค.” © @® สบเกา พระศาสดา และพระพุทธองค์ก็ดร*สิว่า “ดูก่อนภราดา, พระผู้มีพระภาค สมมาสมพุทธะนน ได้ยํงจกรแห่งธรรมอนประเสริ1ฐให้หมน ใกล้ อิสิบดนะในมฤคทายวินจงหวิดพาราณสี. ก็แหละจกรแห่งธรรมน1น อินสมณะหรือพราหมณ์, เทวดาหรือมารพรหม, หรือผฺใดผู้หนึ่งใน โลกนึ่ ไม่พึงขดขวางไว้มิให้หมุนไค้. “ พระธรรมที่ทรงบ่ระกาศ คือ ธรรมอินให้เห็นแจงความจริง อย่างยี่ง สี่บ่ระการ. สี่ประการนน คืออะไร ใ ได้แก่ ความจริง อย่างยี่ง คือทุกข์, ความ,จริงอย่างยี่ง คือเหตุของทุกข์, ความ อย่างยี่ง คือการด’บ่ทุกข์ทํ้ง์สํ้น, และความจริงอย่างยี่ง คือทางท ถึงกวามด'บทุกข์ทงสี่น. “คก่อนภราดา, ความจริงอย่างยื่ง คือ ทุกข์นน อย่างไร? ได้แก่ความเกิดมานึ่เบนทุกข์, ความที่ชีวิตล่วงไปๆเบ็่นทุกข์, ความ เจ็บบ่,วยเบึ๋นทกข์, ความตายเบี่นทุกข ; ความอาลย ความกรำครวญ (5) (&. 6)

ความทนลำบาก กวามเสียใจ และกวามก'บ้ใจ ลิวนเบนทุกข ; ความพลิดพรากจากสื่งที่รก เบ็่าเทกข์, ความประจวบ เบนทุกข์ กวามที่ไม่ได้สมประสงค์ เบ็!นทุกข์ : รวมก ลิกษณะต่าง ๆ เพื่อความยึดถือผูกพนย่อมนำทุกข์มาให้ท8งนน ดูก ภราคา, น็แหละ ความจริงอย่างยึงคือ ทุกข์. 4 & ก(*0็แหละความจริงอย่างย็ง คือ เหตุของทุกข์นน อ ด้แก่ความกระหาย'ซึ่งทำ'ให้เกิดมีสงด่าง ๆ อนความเพลิดเพล และความร่านเกิดตามไปคำย เพลิดเพลินนำ'ในอารมณ์นํ้น ๆ ค กระหายอยากให้มิไว้บ้าง กระหายอยากให้กงอยู่บ้าง กระ ให้พ\"แไปบ้าง. คูก่อนภราคา, นแหละความจริงอย่างย็่ง คือ ทฺกข์. “ก็แหละความจริงอย่างยี่ง คือ การด'บทุกข์ทงสํ้ ได้แก่ความดบ้สนิทแห่งความกระหายนเองไม่ใช่อื่น กวามสละเสียได้ ความปลดเสียได้ กวามปล่อยเสียได้ ซึ่งค'วามกระหายน8นแหละ และ การที่ความกระทายนนไม่ติดพำพํนํอยู่. คุก่อนภราคา’, นแหละกวา จริงอย่างย็่ง คือการคบทุกข์ทงสน. “ ก็แหละ ความจริงอย่างยี่งกือทางไปถึงกวามบ้บ นน อย่างไร ? ได้แก่ทางอนประเสริฐมีองค์แปด คือ ความเห็นชอ กวามดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ เลยงชีวิฅชอบ ความเพ ด๔!®)

ชอบ ระลึกชอบ ตงใจุชอบ. คก่อนภราตๆ, นแหละความจริงอย่าง ยิง คือทาง'ไปถึงกวามติบทุกฃ์ที่งลน.” เมือพระศาสดา มีพระพุทธบรรหารห้ายอริยล้จุเย้นเบองห้น ปานว่าได้ประดิบ ^านหห้กศิลาขั้นสี่มมห้วยประการห้งนื่แห้ ยกพระธรรมท่งมวลขั้นต*งประกอบ โดยอบายให้เบนดงเรือนยอด สำหรบเย้นที่อาห้ยแห่งควงจิตผู้สาวก. ทรงจำแนกแยกอรรถออก เบนตอนเน้อความ แลํวทรงชแจงกำกบก่น,ไป. เสมือนด'งบกกลดค แท่งศิลาออกเย้นชน ๆ แล้ว และห้ดเกลาฉะน*น. ทรงเชื่อมตอน เนั้อกวามต่อเนอกวาม, เสมือนบุกคลไค้ลำค*บซอนแท่งศิลาเหล่านน ผจงจดดุจเย้นรากให้ร'บกไแองแน่นหนา มีสมพํน้ธ์เนื่องถึงก้นต เรียบห้อย. ทรงนำหล'กความเห้นแห้งวา สงที่งปวงย่อมแปรปรวน เขาประกอบกบหล'กความเห็นแห้งว่า สื่ง'ที่งปวงเบนทุกข์ แห้วเชื่อม หล'กที่ง์สองนเบนดงซุ้มทวาร ห้วยเครื่องประสาน คือมนสิการ ห แน่นแพนทิวา สภา'วธรรมที่ง์ป'วงห้วนเย้นอน'‘ตตา — เลือกเอาไม่ได้. ทรงนำสาวกเขาสู่ทวารอนมนกงกนราวละขนเย้นลำห้บไป แล*ว ห้อนลงห้อนขั้นหลายกรงหลาโยดลยงขานบนไคอนสร้างไว้มนคงแห้า คือปฏิจจสมปบาท หล'กธรรมอ”น'มีเหตุผลอาศํยิก,นํเอง เกิดขั้นเย้'น ขนๆ สืบเนื่องห้งลูกโซ่, ซึ่งมนคงเต็มที่อยู่ทวไป อน-ว่า นายช่างผู้เชี่ยวชาญ ก่อสห้างปราสาทมโหฬาร ย่ เพี่มรูปศิลาจำหล\"กิไว้1นที่ส-มกว'ร1กามทำนอง มิใช่ขิะใช้เย ๑๔๓

ประกบเท่านไ; แห่!?ง์ใช้เบ็!นประโยชน์รองร*บหรือกำ'จุนทีบางแ ไว้คิวย, ความขอนอุปมาฉนใด. พระศาสดาในบางกราวย่อมทรงชก เอาเรื่องเปรียบเทียบเบึนภาษิตที่น่าพง และสมคิวยกาลสมยฃึนแ ก็อุปไมยฉไแดียวกิน. เพราะทรงเห็นว่า เทศนาวิธีที่ชํกิอุทาหรณ ขํ้นสาธกเปรียบเทียบ ย่อมกระทำให้พระธรรมอไเประณีกลึกซ็ง ทรงสำแดงหลายข์อ์ ให้แจ่มแจํง์ขนได้แก่บางเวไนยชน. ในทำยแห่งเทศนา พระองค์ทรงประมวลพระธรรมบรรยา 5^ ^ เสมือนคิวยเรือนอไเตะล่อมขํ้นคิวยยอด ท0ง-/ หมดศเนกราวเดียวกไเ เด่น เห็นสง่างามรุ่งเรืองได้แด่ไกล คิวยพระวาจาว่าคิงนํ้ อาคินตุกะผู้แสวงบุญ, ความเกาะเกี่ยวใคร่กระทายต่อความเกิด ย่อม เบี่นเหตุให้ถึงความเกิด. หากคิดความใคร่กระหายเช่นน1นเสียไ ท่านก็ย่อมไม่เกิดในภพไร ๆ อีก. “ อไเภิกษุ ผ้พน่รากความเกาะเกี่ยวยึดถือพึงใคร่ในอาร ไร ๆ แลว ย่อมบง'เกิดญาณความรีแจงขึนภายในจิตอํนสงบแจ่ม ปราศจากอวิชชากวามมืดมว ว่า ‘วิมุตติความหลุดพนนน บํดน่เบ็่ ผลประจกษ์แล็วิ. นคือ ความเกิดเบนครํง์ที่สุด. สนความเกิ ในภพโนนแคิว.’ 44 ภิกษุผู้บรรลุธรรมปานนั้ ย่อมได้รบผลตอบแทนคือ รสอไเลาเลิศ. ดูก่อนอาคนตุกะผู้แสวงบุญ, ก็ธรรมรสอินลาเลิศน1น (ก)^(ร.

กออะไร? ไค้แก่ “ญาณ,อินรู้'ว่าทุกข์ทํ้งปวงคบหมดแต้ว.” ผู้ใ รบรสพระธรรมนี, ก็ย่อมพบความหลุดพีนอํนเบ็๋นผลเที่ยงไม่แปรฝน. เพราะสง'ไค้ไร้สาระเบ็นอยู่ชํวขณะ สี่งนนไม่ใช่ของจริง. สี่ง'ใดมี กงทีถาวร, ส์งนํ้นเบ็๋นของจริงและเบนที่สดแห่งสี่งมายาทํ้ “ผู้ใดจำเดิมแต่ตนมาทีเคียว ดกอยู่ในความเกิด ในความ สืบ ชีวิตเปลี่ยนไปๆในก.วามตาย และบิดนไค้กำหนดรู้ไว้ดีแล้ว ซึ่ง ล้กษณ,ะแห่งสภาพอ’นเบ็่นพิษนั้, ผู้น่น์ย่อมชนะต่วยตนเองแล้ว ถึง ซึ่งกวามพ่นภํยในความเกิด ความแก่ และกวามตาย และเขาซึ่ง เกยตกอยู่ในโรคาคูร ในมลทินกิเลสในบาป, ผู้น่น ณ บ*คน ไค้ความ ริบรองแน่นอนแล้วว่า ไม่มีพิการแปรฝน อไแบนผลสะอาดหมดวิด และเบ๘!นบุญ — ความหลดพนได้ประวิกษ์แลว. ชาติหยุดอยู่ (.เ เราพนแน่ว. เพียงนแล*'วิ. กรณียะของเราสำเร็จแล้ว. โลกนั้หยุดอยู่แก่เราไ ต่ออีกแล้ว.” “ คูก่อนอาคนดูกะผู้แสวงบุญ, นรชนมีญาณทรรศนะเช่นน ชื่อว่าผู้สำเร็จแล้ว เพราะเขาเสร็จสนธุระ และถึงที่สุดบรรดาคว ทกข์ยากทงปวง.” “ ดก่อนอากนฅุกะผู้แสวงบุญ, นรชนมีญาณทรรศนะเช่นน ชื่อว่าผู้ได้ขวิดแล้ว เพราะเขาได้ขวิดแล้ว ซึ่งอุปทาน (ความออ ว่า “ ฅ่วเรา ” และ ของเรา. 6)(3ะ.&

แ ดุก่อนอาคืนฅุกะผู้แสวงบุญ. นรชนมญาณทรรศนะเช่นน ชอว่าผู้ถอนแลว เพราะเขาได้ถอนแล้ว ซึงคืนไม้ คือ กวามม เบ็่น ตลอดกระทงรากมิให้เหลือเชอเกิดขนได้อีก. 11 บกกลมีล้กษณะเช่นนี่ ตราบเท่าที่ย่งมีร่ มนุษย์คงเห็นได้ ; แต่เมื่อร่างสลายเพราะความตายแล้ว, เทวดาและ มนุษย์มิได้เห็นต่อไป, แม้แต่ธรรมดาผู้เห็นได้ตลอด ก็ไม่เห็นเขา คนนนอีก. ผู้น1นได้ทำให้ธรรมคาถึงความบอดแล้ว. เขาพินจากมา แล้ว ได้ข8ามห็วงมหรรณพที่ตองแวกว่ายวนเกิดเวียนตาย ถึงเกา ย์นิเบี่นแหล่งเดียวที่ผดพนเหนือกวามเกิดความตาย กล่าวคือ อมฤตมหานิรพาณ.” ๏๏๏ ยี่สิบ เดกดอ เมื่อพระพุทธเล้าทรงแสดงพระธรรมจบลงแล้ว. กามนิดช อาคืนตกะกงนงนี่งอรู่นาน, ดวงจิฅเกิดบนบวนรวนเร ควยค สนเท่ห์สงสยหนกใจหลายพนนย, ถอนหายใจยาวกล่าวถามว่า “ท่า ได้อธิบายถึงความที่ภิกษุในเมื่อคืงมีชีวิตอยู่ ว่าควรจะตดคว เสียได้มากพออยู่แล้ว. ก็แหละเมื่อร่างกายผู้นนจมลงในท กวามตาย กลบคืนไปสู่สภาพซึ่งเบนธาตุเดิม ; นบแต่นนไป เท ๑

และมนุษย์ หรือตลอดจนธรรมคา ก็ไม่เห็นเขาอีก. แต่ท่านยิงมิไค้ กล่าวให้แห้งว่าผ้นึ่นตายแห้ว เบ็่นอย่างไรต่อไป. และเรื่องสวรรค อํนเบนสถานบรมสุขที่ผ้ไค้ขนไปอยู่จะไม่รู้จกตาย ขำพเจ*าห้งไม่ไค้พง สกให้อย. ก็พระพุทธเห้าไม่ฅร”สเรื่องนบางดอกหรือ ใ” “เบนคงนํ้น, เบนคืงนน, ภราคา. พระศาสดามิไค้ร”บรอง่ เรื่องนํ้เลย.” “ เช่นน1นก็หมายความว่าพระพุทธเห้าไม่ทรงทราบเรื่อง อนสำกญที่สุดแห่งบรรดาเรื่องอื่น ๆ ทีเ่บงหนมอดน,ไม่ดีไปกว่า ห้าพเห้า.” “ท่านเห็นเช่นนํ้นหรือ? ดูก่อนอาคไเคุกะ, จงพ้งหน่อย, ณ ท่าไม้ประดู่ลาย* ในจํงหวดโกสไ]พี ท่าน.กบ'วาสิฏศีให้ปฏิญญากน ว่า จะกรองห้ฅย์ไว้เบนนิร”นคร และส”ญญาว่าจะได้พบปะก”นอีกที่บน สวรรค์แดนสุขาวดี. ณ ที่นน สมยหนึ่งพระพุทธเห้าเกยอยู่. วนหน พระองค์ออกจากท่าไม้ประดู่ลาย กำใบประดู่ลายไปห้วย, ตร”'สกะ บรรดาสาวกว่า ‘ ดูก่อนภิกษุทํ้งหลาย, อนใบไม้ที่เรากำไว้นึ่กบใบไม้ ที่มีอยู่ในท่าโนน ห้างไหนจะมากกว่ากน?’ บรรดาสาวกทลฅอบทนที ว่า ‘ใบไม้ในพระหฅถ์มีจำนวนนอยกว่าที่มีอยู่ในท่าโนน, พระเห้ พระพุทธเห้าตรส'ว่า ‘ดูก่อนภิกษุที่งหลาย, ความจริงก็เช่นนน. * สึสปาว,น, ในอภิทานนไ]ปทีบกา ๔๗๑ แปลว่า ประค่ลาย. ในบทแปฤ ที่แลไเมา แปลว่า ไม้สีเสียค, ขอแก้เบนประดู่ลายที่งหมค. ด๔(ป)

ที่เราตถาคตเห็นแร่งแล‘ว แต่มิได้แสดงให้แก่พวกท่านย่อมมี ทีได้แสดงแลำ, มีอปมาเหมีอน'ใบประค่ลายที่อยู่ในมือเรา กบ ในท่าฉะนิน. คูก่อนภิกษุที่งหลาย, เบนไฉนเราจึงไม่แสคงให ทงหมด ? ก็เพราะ'ไม่เบนสาระประโยชน์เพื่อความหลุดท์น, เบํ้องต่นิแห่งพรหมจรรย์ ไม่เบ็่นไปเพื่อความหน่ายใน ไปเพื่อจืดจางกวามรํกใคร่ยินดี ไม่เบนไปเพื่อความ^เมย็่นเบใจ็่,น ไปเพื่อความสงบ, ไม่เบ็๋นไปเพื่อกวามรู้แจนิ, ไม่เบนไปเพื ดื่นเต็มที่, และในที่สุดก็ไม่เบนไปเพื่อนิรพาณ.” กามนิด ะ “กำพระศาสดาได้ฅร่สด'งนี่นในท่าประดู กรงโกสไ)พี, เรื่องก็ฃ1ารนิยหน์ก. เพราะกำเช่นน1น, ก็หมายควา ที่พระองค์ทรงนี่งเลียไม่แยมพรายเรื่องสวรรค์ คงเพื่อจะ เกิดกวามท์อ์ถอยวนิเหว่ใจในการพยายามหาความหลุดพํนิ เพื่อคว สญ นินเอง. ขำพเจนิคิดเห็นว่าที่ไม่ทรงอธิบายกงเท่นคำยลไเธ ประสงค์ต่ง้ที่ท่านแสดงมาชดแจนิอยู่แล่ำ. ก็เมื่ออินทรีย์ทง์หก ชองไม่เที่ยงไม่มีอาดมนฅำฅน ควรละวางเสีย เพราะลำนเบนเหฅ ให้เกิดทุกข์ ะ คงนี่จะมีชํ้นอะไรเหลืออยู่อีกเล่า ที่จะเบนเ เหนี่ยวกํนิฅ่อไป ? ขนิแต่ท่านอริยะ, ฅามหล,กล*ทธิที่ท่านแสด ขำพเจนิจะต่องเขนิใจว่า ภิกษุผู้พนแลำจากบาปมลทินทํ้ง์สั เบนเหยื่อแห่งกวามสูญ ในเมื่อร่างกายสลายแลำ, คือดายแลำก็สูญ ไปเท่านน ะ ไม่มีความเกิดความเบนอีก.” ๑๔ ๘

เ: คูกI่อน อาคํนฅุกะ, ท่านได้บอกเราแล่วมิใช'หรือ ว่าภาย ในหนึงเคือน ท่านจะไปเผ้าแทบบาทมูลพระพุทธเจำ ณ เชฅวน จำหวดสาวฅถี ? ” “ ขำพเจำหวำไว้เช่นนน, ท่านผู้เจริญ. เหตุ’ไฉนท่าน'จ ถาม ? ๆ') “ กระน*น เมื่อท่านได้เผ้าแทบบาทมูลพระศาสดา ทานจ คิดว่าอย่างไร เมื่อได้เห็นพระรูปกาย ? และเพียงอาจถูกถ้องพระกา เท่าน1น หรือ ที่รู้ว่าพระองค์คือพระพุทธเจา?” หามิได้, ท่านผู้เจริญ.” หร^ือบางที, เมื่อพระศาสดาฅรํสกะท่าน, ตำท่านรู้สึกถ้วย จ. และความที่ตำท่านเห็นขั้นในดวงจิตนํ้น เช่า'ใจ-ว่าเบนพระพุทธ หรือ?” ‘'หามิได้, ท่านผู้เจริญ.” (4 ถาเช่นน*น, รปและนามหรือกายและใจรวมกิน คือ พร พทธเจำ ? ” “ ขำพเจำไม่เห็นเช่นนํนเลย, ท่านผู้เจริญ. “ ถ้าเช่นนน, ท่านคิดหรือเปล่า ว่าพระพุทธเจำมีความเบี่น อยู่นอกเหนือจากพระกายหรือพระมนส, หรือว่านอกเหนือทำสอง ประการ? สหาย, ความเห็นชองท่าน ถ้งนืหรือ?”

‘ พระพุทธเจ้า, ตามที่ขำพเจ้าคิดเห็น, ย่อมเบึ่นส่วนหนึง ฅIางหากจากส๘ง*ท!กล1าว. ภาวะแห่งพระองค์ไม่พึงเห็นได้ เหลIาน. 1'^. VI ^ 0^ เ;เช่นนน ลำกาย ยินมีลกษณะที่จะให้เกิดความร้ขั๊นได ไม่เบ็่นเหตุให้ท่ านรู้'ว่าพระพุทธเจ้าแลํว, ก็มีอำนาจอย่างอื ที่จะทำให้ท่านเห็นแจ้งในพระ4อง5ค) ์ ? “ ท่านผ้เจริญ7 อำนาจอื่นคํงที่ว่า ขาพเจายอมร มม —VI I เ^ ')') ดูก่อน สหายกามนิต, ถาเช่นน8น, ในโลกที่เห็นอย่น ความจริง ท่านก็ไม่สามารถเห็นพระกายยินแท้ของพระพุทธเจ้าไ แลวท่านจะควรกล่าวละหรือ ว่าพระพุทธเจ้าหรือภิกษุที่หลดพน จากบาปมลทินท*ง์ป'วงน8น เมื่อตายแลํวก็สูญ คือ ไม่มีอะไรเบน ได้อีกต่อไป ในเมื่อท่านไม่มีอำนาจญาณทรรศนะที่จะเห็นพระสาร ยินแท้จริงของพระองค์ได้ ? ” กามนิฅนํงนึ่งกไศีรษะอึดอดใจอยู่ครู่ใหญ่ แลำเกิ ขนมาแวบหนึ่ง, ตอบว่า - “ แม้ถึงข้าพเจ้าจะไม่มีสิทธิเพื่อกล่าวเช่นน1น!,ด้ก็จร ก็ยิงเห็นความที่พระพุทธเจ้าทรงนึ่งมิได้แสดงนนได้ชไว่า ลำพ มีสื่งที่'จะทรงแสดง'ให้ยิงเกิดกวามบึ๋ติเบ็๋นบำเหน็จ’ได้แล่ว, ๑๕ฮ

ไม่ทรงนี่งอยู่เท่านํน. เพราะภิกษซึ่งชนะความทุกข์ ถาแวิงว ไปแลวไม่สูญ จะตบิงได้ร?บรมสุขเบนนิร้นดรไซร้, ก็ย่อมวิะเกิดบื่ เบนเกรองหล่อเลั้ยงนี่าใวิชุ่มชื่นยี่งขน ไม่แหงแล่งเสียทีเดียว, หนาทำความเพียร.” “สหาย, ท่านคิดเช่นนไเหรือ? ล่าหากว่าพระพุทธเจามิไค้ ชกวามดิบทุกข์ว่า เบ็่นสุดทางปฎิบิฅ หรือมิได้สอนให้กำหนดรู้คว ทุกข์ เบนปากทางปฏิบิตก่อน, เอาแต่พรํ่าด้วยวิธียกสมบิต ในชาติหนำมาชมเพื่อล่อใวิว่า เมื่อตายแล่วิวิะไปเกิดใหม่ในสิบ ชนพา ได้เสวยศฤงคารสมบ?]สวรรค์น1น มีแฅ่ความสุขไค้อย่างใจ 1 ^11 !0ทกประการ. เพียงเท่านี่วิะมีผลเบนอย่างไร ? คงมีสาวกอเนกอนํ นี่ นี่นี่ นี่ มีความเชอถือยินดีรบรอ์งกำสอนไว้โดยเร็ว และคงเพียรพยายาม เพื่อความหลดพ5นํจากโลกมนุษย์ด้วยความเต็มใจ. แต่หารู้สึกไม่ว่า ความเพียรเพี่อหลด1ล่น แต่เบ็่นไปในอาการเช่นนี่ ย่อมเบี่นการ เอาติณ.หา คือ ความร่านกระหายติดไปด้วยกนก”บิตนอย่างแน่นหนา, ตองวนไปเวียนมาในเหตุแห่งความทุกข์ แล่วิก็ได้รบผล คือ ความทุก วิะหลดทุกข์ไปไม่พนเลย. เปรียบเหมือนสุนกข์เผาบ้าน ผูกล่ามไว กบเสา, พยายามจะให้หลดพไแกรีองล่ามไป, แต่ก็รงเอาเครื่องล่าม น*น,ไปด้วยรอบ ๆ เสา, ก็หาหลุดไปได้ไม่, อุปมาฉนใด ; ภิกษุผู ต5]ความเพียรเพียงไรก็ตาม แต่เมื่อร1งเอาดิบิเหาด้นเหตุทุกข์มาเพลิน 6)6)

ใจไว้ควย ก็ส่องวนเวียนรํบทกข์แข่วทกข์เล่า ไม่ออกจากภพ ภพใหญ่ไปได้ มีอุปไมยอย่างเคียวกน.” '‘ข่อน ข่าพเจำยอมร'บว่าเบ็่นอนตรายฅ่อการหลุดพ1นอยู่ เพ อาจไปรบทุกข์. แต่ก็ยํงเห็น'ว่า ล'ทธิที่มาชแจงเสียอย่างน ย์นฅรายรำยกว่า เพราะทำให้กวามเพียรที่บำเพ็ญมาแฅ่ข่น หมดอยากล งไป เพราะถาตายก็สญ ไม่ได้ไปเกิดในสถานบรมสุข ะ ไม่ได้รํบบำเหน็จที่ลงทุนเพียรเหนื่อยยากมา.” “สหาย, ถาเรื่องจะเบ็1นอย่างต่อไปนื่ ท่านจะสำกญอย่ ต่างว่าไฟกำส่งไหม้บาน, บ่าววีงเข่าไปปลุกนาย ว่า ‘ลุกขั้นเถิดท่ รีบหนีไปโดยเร็ว: ไฟกำส่งไหม้บ่าน.’ ขณะน8นหล'งคาและไม้ ถกไฟไหม้กำส่งจะร่วงตกลงมาอยู่แลว; ส่านายจะตอบบ่าวว่ ออกไปดก่อน ว่าข่างนอกบ่านฝนตกหรือเปล่า มีพายุหรือ เดือนมืดหรือเปล่า ; ต่อฝนไม่ตก พายุไม่มี เดือนไม่มีด ข่าจึ่ง ออกจากบ่านไป.” “ข่าแต่ท่านผู้เจริญ, ไฉนผู้เบนนายจะกล่าวแก่ เพราะบ่าววีงเข่ามาปลกส่วยความตกใจ บอกว่าให้หนีออกจาก เพราะไฟไหม้ถึงเกร่า และหส่งคากำส่งจะตกลงมาอยู่แข่ “ข่าหากว่า ผู้เบนนายจะตอบว่า ‘เข่าออกไปดก่อน นอกข่านฝนตกหรือเปล่า มีพายุหรือเปล่า เดือนมืดหรือเปล่ ฝนไม่ตก พายุไม่มี เดือนไม่มืด. ขาจึงจะออกจากบานไป’ ส่งนื ๑(^1๑)

ท่านกงจะเหนว่าเรื่องที่บ่าวอินชื่อล้คย์ ได้มาบอกว่า กำล่งเกิดภย รายแรงอยู่ในบานนํน ผู้เบึนนายคงพงไม่เขา'1จุ'ไม่ใช่หรือ ?” “ท่านผู้เจริญ, ล้าพเล้าก็ย่อมจะลงความเห็นเบนเช่นนึ่น เพ คิดไม่เห็นเลยว่า นายไหนจะเบนบ้าพอถึงกบจะตอบอย่างล้น.” “ถกแล้ว, อากนตุกะ ตำท่านในเวลานํ้ก็เหมือนกบมีเพลิ ธืออยู่รอบศีรษะ เพราะบานของท่านกำล้งถกไฟไหม้. บ้านอะไร โลกนํ้ก็คือบ้านของท่านเอง. ถกไพ่อะไรไหม้ ? ถกไพ่หรือความรก ยินดีไฟคือโทสะ และไพ่ คือความหลงมาเผาอยู่. สกลโลกย่อม ถกไพ่นเผาผลาญอยู่, สกล'โลกอดแน่นอยู่ดำยค'ม้นไพ่น, และสกลโลก ก็สะบ้านไหวจนถึงราก เพราะฤทธไพ่นพลุ่ง'เพลงเต็มกำล้งแรง. เมื่อพระพทธเบ้าตร*สอธิบายค\"งน, กามนิดมีอาการ0เI/สน^เทม คล้ายลูกแหง่ที่ได้ยินเสียงบรรลือแห่งราชสีห์ในพุ่มไม้ใก กายยวบ ศีรษะตกพ่บอก, น่ง'แงคอดนเบนครู่ใหญ่ คร8นระบายลม หายใจได้บ้างแล้ว ก็กล่าวดำยเสียงล้นแต่กระล้างว่า “ตามที่อธิบาย มานํ้ อย่าง'ไรก็ย'ง่ไม่เบ็!นทางที่ขำพเล้าพอ'ใจ. พระพุทธเล้าช่างไ แสดงเรื่องที่ล้าพเล้าอยากจะทราบเสียเลย- ถึงแล้พระองค์สามารถจ ทรงชแจงได้ แต่มิได้ทรงแสดงให้เบนที่ชื่นใจก็ดี, หรือทรง•แงเสีย เพราะทรงเห็น'ว่าจะ'ไม่เบนเหตุ'ให้,พน,ทุกข์'ก็-ดี, หรือว่าพระองค์ไม่ทรง ทราบเลยก็ดี; เหล่าน, จะล้วยอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดาม, ล้าพเล้

ได้พอ'ใจคิวยท*งนี่น. เพราะกวามกิดและความพยายามของมนุษย มุ่งหากวามสุขความบินเทิง ; เมื่อไม่มีชํ้นอะไร ล่อใจให้หวงเสียก่อน, ก็ไม่พยายามเท่าน5น ว่าบินทำไมมี. แสะเมื่อมีพยายามย่อม แต่นี่พยายามไปหากวามหมดหวํง เราจะไม่ต่องทำความพยายา ให้ลำบากมิคีหรือ ? เพราะความสขก'วามบินเทํงเบืนมูลแห่ ไม่ว่าส*ฅวหรือมนุษย์. และเพื่อให้สมตามนี่ ช่าพเจาได ของพราหมณ์ว่าดงนี่ — '‘ต่างว่า ชายหนุ่มคนหนึ่ง เบ็นผู้สามารถรกความรู แข็งแรง มีอำนาจยี่งกว่าชายหนุ่มทงหลาย โลกพรอมควยขุมท ที่มีอยู่ก็ฅกเบ็นสมบิตของชายหนุ่มกนนี่ ะ นี่คือความบินเท่ แก่มนุษยชาติ. แต่ความบินเทิงสุขของมนุษย์นี่ริ!)ยเท่า เ บินเทํงสุขของบุพพะเปฅะบุรุษบนสวรรค์. ความบินเท่งสุข เปตะบุรุษในสวรรค์รอยเท่า เบ็๋นความบินเทิงสุขของเท ความบินเทิงสุขของเทวดาสาม*ญรอยเท่า เบนความบินเทิงสุขข อินทร์. ความบินเทิงสุขของพระอินทร์รอยเท่า เบืนความบ ของพระประชาบดี, ความบนเทิงสุขของพระประชาบดีรอยเท่า ความบิแทิงสุขของพระพรหม. นี่คือ ความบนเทิงสขอนเลิศ, นี่ค วิถีไปสู่ความบิแท่งสุขอนเลิศ.” พระพุทธเจ1ไ: “ดูก่อน อาก*นี่ตกะ, ทํ้ง์นี่ก็เช่ เดียงสากนหนึ่งกำล่งยืนอยู่. เด็กคนนี่ปวคพ้นเจ็บรำว'ไ ©(^(ร-

แพทยผูมกวามรูเชียวชาญ ฑวี่งไปหา และบอกถึงความทกขให้พ้งว่ ขาพเจาขอกวามกรุณา'ให้ 1ช้ความรู้ของท่าน ช่วยทำ'ให้ร้สึกเกิดบี!ติส แทนความเจบปวคทีมีอยู่ในขณะนี.’ แพทย์คอบว่า 'ความร้ที่มีอย่ ก็คือถอนเหตุเจ็บปวคนํนเสีย ; ที่จะทำให้เกิดความสชทงๆไม่ถอน เหตุเจบปวดเสียก่อนย่อมไม่ไค้’ แต่เด็กนํ้นไม่พอใจ กรํ่าครวญว่า 4 VI ค้ทนความเจ็บปวดรวดเราที่พ้นมานานแจึ๋งลค้วรวไ ด้ริบรสแห่ง ความบ*นเทิงสุขแทน. และก็ ไค้ทราบว่ามีแพทย์วิเศษที่สามารถทำใ เกิดความสุขได้โดยไม่ท่องถอนพ้นที่เจ็บออก : เขาใจว่าท่านคือแพ วิเศษที่อาจทำไค้ เมื่อท่านไม่สามารถจะทำได้ ก็ท่องไปหาแพทย ว่าแท่วิเด็กกนน8นก็ไป. มีแพทย์เถื่อนทำปาฏิหาริย์เล่นกลได้ มาจาก แควนก่นธาระ ฅีกลองรองโฆษณาว่า ‘ความไม่มีโรคเบนลาภอย่างยี่ง. ความไม่มีโรคเบ็่นที่มุ่งของมนุษย์. ผู้ใดมีความเจ็บบวยทนทุกขเวทนา รายแรงเพียงไร ก็อาจริกษาให้กลบเบ็่นผู้มีแต่ ความสุข ความบนเทิง ท'วทํงสรรพางค์กายได้ โดยเสยค่ารกษาอนย่อมเยา. เดกเจึบพนว ไปหาแพทย์เล่นกล และขอให้ช่วยเปลี่ยนความทุกข์ให้เบ็่นความบํ เทิงสุขท่วิย. แพทย์เล่นกลก็อวดอ่าง และริบรองว่าฅนมีความรู ชำนาญในทางน, ว่าแล่วเรียกเงินค่ารกหาเสียก่อน, เอานํ้วแตะที่พ เสกกถาอาคมตามพิธ, เดกน้นรูสกหายเจบปวค, วงกลบบานโดย กวามแช่มชื่นรื่นเริงเบนความสุ'ข- 6) &

“ต่อมาไม่ช็า ครํ้นความร้สึกเบ็1นความสุขนนค่อยจืดจางล ง ความเจ็บปวดก็มาแทนที่อีก. ท1งนึ่เพราะอะไร ? ก็เพราะไ ตนเหฅุแห่งความปวดนนออกเสียก่อน. “คูก่อน อาคินฅุกะ, แต่ต่างว่า ชายคนหนึ่งเจ็บพ้นป แฅ่เบั้นผู้มีความคิด, ได้ ไปหาแพทย์ผ้มีความรู้ชำนาญ. แพทย จะตองจ'ดการที่ฅรงพ้นปวดจึ่งจะได้. ชายคนนนบอกว่า การอย่างนน์ แพทย์'จึ่งตรวจคูที่พ้น, เห็นตินเหตุว่าที่ปว เหงือกอไแสบ, ได้แนะนำให้เอาปลิงเกาะคูดเลือดรายออกมาเสี แล้วเอายาพอก. ชายผ้นึ่นทำตามแนะนำ. ความเจ็บปวดก ม่กล้บมาอีก. ทงํ้นึ่เพราะอะไร ? ก็เพราะถอนเอาตินเหตุแห เจ็บปวดออกเสีย.” เมื่อพระศาสดาทรงชกอทาหรณ์ขั้นเปรียบเทียบติงน น”1งนึ่งคอตกหมดปฏิภาณไม่ทราบว่าจะโต้อย่างไร, แต่ก็ยํงไม จะเบ็่นเหมือนเด็กไม่เดียงสาในอุทาหรณ์, ในที่สุด สงบอาร บวนบั้นได้แล้ว ก็ถามเสียงกระเส่า ๆ ว่า “ขาแต่ท่านผู้เจริญ, ที่กล่าวมาที่งนึ่ ท่านได้ยินมาจากพระโอษ^พระศาสดาสไมาส คิวยตนเองหรือ ติ’ พระพุทธเจ้าทรงยํ้มน์อ์ย ๆ ซึ่งพระอาการอย่างนํ้นาน ๆ สกกรงหนึ่ง, ตรสตอบว่า “คูก่อน ภราดา, เราบอกไม่ไค้ว่ จากโอษ1พระศาสดาเอง.” ๑๕๖

เมือกามนิดได้พ้งด่งนี ก็มือาการโล่งใหจขู่หายหดห่ตํว มีดวงดา แจ่มใสขน เสียงก็หายกระเส่า, ออกอทานว่า- น,นน่ะซี ! ขำพเจ่าไม่แน่ใจในคำกล่าวของท่านมาก่อนแล่ บดนีรู้แจงว่าคำอธิบายที่ท่านกล่าว หาใช่ล่อยคำของพระพุทธเ แต่เบนโวหารอิอมล่อมที่ท่านนึกเฉลยเอาเองโดยความเช่าใจผิด. แท้ จริงธรรมของในท่ามกลาง และในที่สุด ? อิงนึ ใครจะอาจกล่าวห หลำธรรมอินน1นไค้ว่า มิ ได้อำนวยผลบํน่เทิงสุขอย่างยอดเยี่ยม'ให้ อย่าง'ไรก็ดี ในอีกสองสามสไ]คาห์ ขำพเจ่าก็จะได้เผาพระศาสดาแทบ พระบาทมล แล่วรํบเอาซึ่งพระธรรมเพื่อหลุดพน'โดยตรงจากพระ- โอษ1ฐ์เอง เหมือนคงทารกที่ไค้ดูดส็งโอชาอนชุ่มชื่นจากอกมารดา ฉะน8น. และท่านก็จะได้ไปเผ้าด่วย แล่วร*บเอาพระธรรมอินแท้จริ ตำท่านก็จะเปลี่ยนความเช่าใจอินกอิดแกว่งนั้เสียไค้. เชิญท จ'น่ทร์อินแหว่งที่เลื่อนลอย'ไปถึงแนวชายคาหอน่งแลำ : คงเบนเว 4 คึกมากอย่. ควรที่เราจะพกผ่อนนอนกนเถิด.” พระพุทธเจ่าฅร่สว่า ดีแล่ว, พลางทรงชำพระอุตราสงค์คลุม พระกายแนบแน่นเบ็1นปริมณ'คล, เอนองกลงเหนือพระสนถตในอาการ สีหไสยา ะ พระห่ตถขวาหนุนพระเศียร พระบาทซายซอนเหลือม พระบาทขวา, ทรงกำหนคเวลาทจะเสทา]ทนบรรทม คารงพระสฅ สมปช*ญญะเขำส่ภจ่ง์คนิทรารมณ- ๏ ๏๏ ด ๕! ฟ่

ยี่สิบเฒ ในท่ามกลางความเบ็,นไป เมื่อพระศาสดาตื่นบรรทมเวลาเขาตรู่ ทอดพระเนฅ กามนิดตื่นอยู่ก่อนแล,ว กำล่งม๎ว์นเสื่อ เอานาเท่าขนสะ กวาดตามองหา’ใม่เท่ก้ซึ่งเดิมวางพิง'ไว้ที่มุมหอง แต่เลื่อนลไ]อย ซึงไม่ก่งเกตเห็น, ขณะที่มองหาอยู่น1น มีกิริยาอาการรีบรอนมาก พระพุทธเจ้าประท*บนงตรํสปราศร\"ยว่า “คูก่อน ภราดา, น ท่านจะไปเที่ยวหรือ ?” กามนิต ตอบด้วยอาการตื่นเท่น่ว่า ‘'แน่นอน, ขอ คูเกิด จะ'ว่าขบข้นก็ขํน่เหลือ' จะว่าประหลาดก็ประหลาดจริง เชื่อว่าจะมีโชกเบนพิเศษด้งน. คือ เมื่อสกครู่น ขไพเจาต คอแห้งผาก เพราะสนทนาก่นเมื่อคืนนินาน, ไม่มีอะไรจะทำ จึ่งลกข ไปที่สระ ถ,ดทางโน่น ไปใต้ตนมะขามน่น, พบหญิงสาวกนหน ตกนา. ท่านทราบหรือไม่ว่าขาพเจไได้ข่าวอะไรจากหญิงคนนึ่น ? ได้ทราบว่า พระศาสดามิได้ประทบอยู่ ณจํงหวดสาว'ตถีแล ละท่านว่า พระองก่เสด็จประทบอยู่ที่ไหน? เมื่อวาน พระพุทธเจไ มีกล่าวสรรเสริญกนไว้แก่วมิใช่หรือว่า มีคณให้ บนเทิงสุขในเบํ้องตน พรีอมดวยสาวกสามรอย ไค้เสด็จมา ราชคฤหนิ, และขณะนิประทบอยู่ที่สวนมะม่วงถดออก'ไปนอ โนน. ในเวลาอีกช'วโมงเดียว หรือบางที-จะเร็วกว่านึ่นควยซา ขำพ ๑๕ ๘

จะได้เผาพระองค์, ผิดคาดหมายที่นึกไว้ว่าจะได้พบพระองค์ต่อเวลา ต่งสีสปดาหะ. เห็นอย่างไรละท่าน, อีกช'วโมงเดียวเท่านํ้น ? หญิงต บอกว่า ถาไม่ไปทางถนนใหญ่ แต่ลดตรอกซอกถนนต”คข์ามออกไป ทางประตูคานฅะวํนตก เพียงครึ๋งช่วโมงเท่าน8นก็จะถึง. ไม่เค เลย ใจรอนเร่งเต็มที. ขอลาท่านละ. ท่านเบ็่นผ้มืกวามหวงดีในตำ ขำพเจ่า. ขำพเจ่าไม่ลืมกล”บ่มาพาท่านไปเผาพระศาสดาคำย. ขอลาที จะชกชำอยข่อึกไม่ได้.” วงไปตามถนน กล่าวแลำ กามนิฅก็ขมืขมันออกจากบำนไป, โดยเร็ว. กร8นใปถึงประตูกำแพงกรุงราชคฤห ยงไม่ถึงเวลาเบี่ด, กามนิฅจำฅํองรอคอยอยู่เบนครู่หนึ่ง ซึ่งรู้สึกว่านานต1งก”ล่ป เดือดพลุ่งพล่านเบ็๋นอ'นมาก, ได้ใชไวลาที่รอคอย ถามหาความร หญิงแก่ ซึ่งนำผ่กจะเขำไปขายในเมือง แต่ตองน”งคอยอยู่เหมือนกน ว่าทางล”ดที่ใกล้ที่สดไปทางไหน จนได้ความรู้ดี; พอดืถึงเวลาเบี่ด ประตเมือง กามนิฅก็วี่งเขำไปตามทางที่หญิงแก่บอกไว้, อารามจะไป ให้ถึงเร็ว ไม่ได้ดเหนือใต้ พุ่งไปชนเด็กหกล่มสองสามคน, แลำโดน หญิงกนหนึ่งกำล่งลำงชามอยู่ขำงถนน จนชามกลํ้งตกแตก, ถดจาก นํ้นไปโดนกนหาบนา. ถกใครต่อใครตะโกนด่าว่าอย่าง!กรธจด, แต่ กามนิตจะได้ยินก็หาไม่ เพราะกำล่งตื่นปลํ้มในลาภที่จะ พทธเจ่าในเวลาอนเร็ว ผิดความกาดหมายมาก. บ่งเกิดบี!ตซาบซ่านว่า ''ช่างโชคดีจริงหนอ! กว่าพระพุทธ จะมาตร”สส่กองค์หนึ่งก็เบนเวลาหลายขํวอา,ยุ,กน, ถึงว่าในรุ่นอายสม 6)

ทพระพุทธเจ่ามาตร\"ส ผ้า]ะ'ใต้เห็นพระองค์ก็นอยน\"ก. บ่'ดินีกว เราจะได้เผ้าพระพุทธเจ่า เบนของแน่แลำ. หวน ๆ อยู่ว่าจะตองเด ทางไปไกล เผชิญอินตรายฅลอดทางคิวย'[จรและสํตว์รำย จ ไม่มีโอกาสได้เผ้าพระองค์. แต่คราวน เบ็1นอ'น่สมประสงค์เที เมื่อกามนิฅวี่งเลย'วล*คเชำ'ไปทางตรอกทื่แกบที่สุด ตื่นมุ่งอยู่อย่างนั้ จนไม่ไค้สำเกตเห็นโกบำฅำหนึ่ง กระจายมาขางหนำ. ต่างหนีว่งเขำไปในบ่านบำง, หลบซ่อ บี่นหนีขั้นไปอยู่บนกำแพงบ่าง. หญิงคนหนึ่งอยู่ บอกให้ระวิงตำ. แต่กามนิตก็มิไค้ยิน ตาจ่องอยู่ที่ยธค เบ็่นที่มุ่งหมายอยู่ตรงหนำ เพื่อมิให้เลยวผิดทาง, กว่า พอดีโคบ่ากรากเขามาถึงตำเสียแลำ หนีไม่ทน. บ่นใดน1น โกก กามนิต รองเสียงโอยล่มลงอยู่ริมกำแพง. ส่วนโกเมื่อขวิดกามนิตแล ก็ว็งเลยหายไปในอีกทางหนึ่ง. ขณะนน มีผู้คนวี่งกนมาสอๆ บางกนเพียงมาด, แต่บา ก็มาซวยเหลือ. หญิงคนที่ตะโกนบอกให้ระวิงตำ เอานาชำระบาด ให้, ฉีกเอาผ่าที่กามนิตห่มมา พนมคบาดแผล เพราะโ ออกมาราวนึ่าพุ. ในขณะนน กามนิต ยำไม่สนสติทีเดียว แต่คะเนร้ตำแน่ อย่างไรเสียฅนก็จะล่องตอนายค.วามตายหรือความเจ็บปวดอยู่ ทำ'ให้กามนิตรู้สึกหวาดหวเบนนทุกขเวทนามาก เท่ากไ]ที่วิฅก ๑๖๐

ได้เผาพระพุทธเจา. ถึงลิบขอริองผู้ที่อยู่ใกล้ โดยมีเสียงอนส'นเครือ ให้ช่วยพาเอาไปเผ้าพระพุทธเจ้า ที่บามะม่วงดำย ะ แท่านสหายที่งหลาย, ขำพเจ้าเดินทางมาไกล จนจวนจะ ทีมุ่งหมายแล*'ว. กรุณาช่วยพาขำพเจ้าไปเดี๋ยวนั้เถิก, อย่าได้ช'กช ไม่ฅํองวิตกถึงความเจ็บปวด หรือกลำว่าขำพเจ้าจะกาย. ข ย*ง'ไม่ยอมฅาย จนกว่าท่านจะช่วยวางขำพเจ้าไว,แทบพระบาทพระ พุทธเจ้า, แลำจึ่งจะตายควยความสุข และไปเกิดมีความสุขใหม่.” กนที่อยู่น'น บางคนจึ่งไปหาเสื่อ หาคานหาม. ส่วนหญิง นํ้น เอายาชูกำลิง],ห้กามนิตดื่มสองสามชํอนพอให้ชุ่มชื่น. พ น8นกำลิงออกความเห็นโต้แย่'งกน ถึงเรื่องว่าจะไปทางไหนดีจึ่งจะใกล้ ที่สุด ถ้าไปผิดทาง ชำเพียงถ้าวเดียวจะไม่ทนการ เพราะกามนิด กำล่งมีอาการทรุดลงรวดเร็ว. ขณะนน ชายคนหนึ่ง เอามือชั้ไปทางถนนเล็กรองว่า “น’น แน่ สาวกของพระพทธเจ้า. ท่านกงจะบอกให้ทราบได้ว่าไปทางไหน จังจะ‘เห.1ม'าะ,. , - อนที'จริงเวลานน มีพระภิกษุหลายองค์ห่มคลุมถ้วยกาสาวพีสตร์ มืออุ้มบาตรเดินมา. พระภิกษุเหล่านึ่ลิวนมีอายุอยู่ในวยหนุ่ม, แต่ ขำงหนำมีพระภิกษุผู้แก่'อายุ'I'สสององ1ค์ ะ องค์หนึ่งเล่นผมห ท่าทางมีสง่าผ่าเผย บอกว่าทรงความเฉียบขาดสามารถ, อีกองค์หนึ่งมี อายุอยู่ในม'ชฌิมวย ท่าทางสงบเสงี่ยม ลิงเกฅดูลิกษณะราวกบเบ็่ (5) \\) 6)

มอายุอยู่ในว*ยฅํน. พระภึกษสององค์น ถึงผ้ที่ไม่ชำนาญดูลกษ กอาจทราบได้ว่า องค์แก่กงเบนวรรณพราหมณ์ ส่วนองกหนุ่มอยู วรรณกษํฅริย์. เมื่อหมู่พระภิกษุหยุคลงที่ฝูงชนออก่นอยู่, ก็มีผู้แย่ง เรื่อง'ให้พงแทบ'ไม่เบนศ*พที่ แล็วว่ากำลงจะหามชายอาก*นฅุกะที ขวิคกนน ไปยงบามะม่วง เพี่อเผาพระพทธเ'จ่าตามความประสงค์ยี่ง ใหญ่ของเขา, จึ่งอยากจะขอให้ช่วยชทางที่จะไปเผาพระพุทธเจ*า ใกล้ที่สุค. พระภิกษุองค์ที่สูงอายุคอบว่า '‘เวลานพระศาสดาไม่ได้ประท อยู่ที่บามะม่วง. และพวกอาดมาก็ย*งไม่ทราบว่าเสด็จไปประ ที่ ไหน.” พอกามนิดได้ยินดงน ก็ถอนหายใจยาว มีอาการเสียใจว่า หมดหวง พระภิกษุองคท้มีอายุรองลงมา กล่าวว่า “แต่เห็นจะไม อยู่ไกลจาทที่นี่น*ก, เพราะก่อนหน*าที่จะเสด็จมากรุงนํ้ ร*บส ภิกษุบวชใหม่ล่วงหนามาก่อน ส่วนพระองค์เสด็จกามหล*งมาลำพ*งแ เมื่อวานน. บางทืจะเสด็จมาถึงเบนเวลาเย็นมาก คงจะประทบ อยู่ในที่ใดที่หนึ่ง บางทีจะในเขตชายกรุงนึ่เอง. ที่อาดมาพ ก็เพื่อฅามมาเผา. ’ ๑๖1®)

กามนิต ริองวิงวอนว่า “ขอได้โปรดตามหาด็วยเถิด, ท่าน เจาชา.” พระภิกษุองค์สูงอายุว่า “ถึงหากจะตามหาจนพบว่าเสด็จ ประทบอยู่ที่ไหน ก็จะหอบหํ้วกนไข้ไปไม่ได้, เพราะจะกระเทื ให้อาการทรุดลงเร็ว เมื่อไปถึงอาจจะสนสติเสียแลว กงไม่สามารถพ้ พระโอวาทได้. ควรจะช่วยก*นรีบหาหมอเสียเดี๋ยวนํ้ เพีง ่อแก้ไ ไปพลางก่อนดีกว่า บางทืจะมีทางพี่นกำลวิ3พอด้ไพ้งพระพุทธ'โอวาท.” แต่กามนิต เอามือชไปที่เปลหาม พูดขาดระยะเบนห์วิงๆว่ “อย่าชำ—จวนตาย—โปรดนำ-เผาพระองค์—ถกต่อง-ตายเบ็่นสุข— โปรดเร็ว—” พระภิกษุสูงอายุยกไหล่ (ตามวาสนาที่ตดไม่ขาด) ห*นไปพ ก\"บเพื่อนภิกษุต่วยก่น'ว่า “ชายกนน อึดถือพระพุทธเจำเบนสฺง้รูปบูชา, นึกว่าเมื่อได้ สมผสแลำก็พนบาป.” องค์ที่มีอายรองลงมาพูดว่า “ท่านสารีบุตร, ชายผู้นเส ในพระศาสดา แม้ว่าจะย*งขาดความเขาใจในหลกธรรมอนสูง;” แล,ว กมไปพิจารณากามนิด เพื่อให้ทราบว่า จะมีกำล'งอยู่บางหรือ’ไม่ พดว่า “น่าจะลองพยายามดู. น่าสมเพชอยู่. ถาช่วยเหลืออย ไม่ได้, พยายามลองสกหน่อยจะเบนไร-” ทามนิต แลดเบนทีรู้สึกขอบคุณ ทีได้พงความเหนน. ชิ1ว๓

พระสารีบุตร คล*อยตามว่า “ลองดซี, ท่านอานนท. ขณะนน มีชายกนหนึ่งเดินปราคมาในทางท่กามนิตมาแล ชายน1น คือ ช่างหม้อ์ทนหม*อต่างๆมาตะกร้า'ใหญ่, กรนเห็นเขากำล ยกกามนิฅลงในเปลหามอย่างบรรจง แฅ่ก็ยิงท่า'ให้กามนิตเจ น*อย, ก็หยดชะง*กกึก'เข้นที, หมอที่ทูนไว้พลํคตกแตกกระจาย,จองค ด*ว่ยความตกใจ. “ตายจริง! นี่เกิดเหตุอะไรกน? ชายอากนตุกะคนนี่ไค้ อาศ*ยพ*กนอนอยู่ที่บ*านเมือคืนนี่ พร’อมก*บพระภิกษุองค์หนึ เหมือนท่านภิกษุเหล่านี่.” พระสารีบุตร- “พระภิกษุองคืนนมีอายุสูง และรูปร่ ควยหรือเปล่า ?” ชายบนหมอ— “อย่างนน, ท่านผู้เจริญ, และคเหมื รปลกษณะไม่ผิดจากท่าน.” พระภิกษุทง์หลายก็ทราบ’ได้ใน'ขณะน1น ว่าไม่ต*องไปต พระพุทธเจาที่ไหนอีก. พระศาสดากงได้เสด็จแรมอยู่ในบ*านช่างห เพราะสาวกที่มีรูปลกษณะกลำยพระพุทธเจา ก็คือพระสารีบฅร ใคร ๆ ทราบกนอยู่. พระอานนท์มองดูกามนิฅ ซึ่งในขณะนี่นไม่ได้สติแล’ว แ ไม่ร้สึกถึงนายช่างบน เพราะถูกยกขืนเปลหามได้ร’บกวามเจ็บป ๑V)๔

อนทุกขเวทนาครอบงำมาก, แล็วพูดว่า “หรือบางทีชายผู้'แ เผาพระศาสดาอยู่แอ่วดลอดคืน โดยไม่รู้สึกแม้สกนอยว่าเบนพร พทธเจา ?” พระสารีบดร — “ ผู้โง่เขลาเบาบญญาก็เช่นนนค.วรพาไป VIเค2^แลว. พระอานนท์ - “ประเดี๋ยวก่อน เวทนากลาจนสินสฅิเส แลว.” ยินที่จริง ที่กามนิดลืมดาโพลงนึ่นแสดงว่า ไม่รู้สึกถึงเหต ที่เบนอยู่รอบฅวในเวลานน. ดวงฅาช่กมืดลงๆ กงเห็นแต่ทองพาชาว ในเวลาเช่า - เบ็นทางอยู่ในระวางกำแพง ซี่ง,ให้กามนิดรู้สึกอยู่บาง, แต่เข้าใจไปว่าเบ็!นทางช่างเผือกที่ผ่านในอากาศอนมืดในเวลาเที่ย ริมผี'ปากขมบขมิบแลิว่ค่อย ๆ เๆยอพูดออกมาว่า “แม่คงคา.'’ พระอานนท์ — “ เพ'อแล'ว.” ผ้ยืนอยู่ใกล้หลายกน ไค้ยินกามนิดพูดไค้ถนค, ตีความหมา ของกามนิดว่า “เห็นจะฅองการให้พาไปยํงํผืงแม่คงคาณบดนึ่ ชำระลางบาปมลทินควยนาศกคสิทธนน. แต่แม่คงคาอยู่ไกลมาก, ใครจะหามไปถึงได้ ? ” ทวใดนน กามนิดค่อยมีสติขน ดวงตาสดใส มีอาการยม ดประหนึ่งว่าอีพ่มใยจา,ยามจะลุกขน ; พระอานนท์เข้าประกอง. ๑๖๕

“ แม่กงกาในสวรรค์ ! ” กามนิฅกระซิบเสียงแผ่วแต่แจ่ เอามือขวาชไปบนพาเหนือศีรษะ, พกว่า “แม่คงคาในสวรรค— ได้ปฏิญญา — แทบกระแสคลี่น — วาสิฏ^ — ” กามนิตกล่าวได้เท่านั้ ตำสนเที่ม กระอกโลหิ สั้นเสียง สั้นใจ อยู่ในวงแขนพระอานนท์. ล่วงต่อมาไม่ท่นืถึงครึ่งขำโมง พระสารีบุตรและพร พร’อมคำยพระภิกษุที่งหลาย ก็ไปถึงบ่านช่างหม่อ, เข้าไปเผ มีพระภาคเข้า ถวายอภิวาทแล่ว น'ง ณ ที่ควรมีส่วนสุดข้างหนึ่ง. พระศาสดาตรีส่สํมโมทนืยกถาท่กทายตามอาค'น,ตกวฅรแลำ ตรสถามว่า “สำแดงสารีบุตร, ตำท่านกบพวกภิกษุใหม่ผู ท่านเดินทางไกลมาถึงที่นึ่เรียบรีอยดี หรือว่าประสบเหตุการณ์อะ บาง ใ อาหารและเภส*ชสำหรบภิกษุที่อาพาธลงกลางทางขาดแคลน บางหรืออย่างไร ? บรรดาสานุศิษย์มีความสบาย และท่าความเพ ขยํนข้นแข็งดีอยู่หรือ ? ” “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ, ข้าพระองค์มีความยินดีที่จ ได้ว่า ไม่มีกวามขากแคลนประการไร, และภิกษุใหม่ก็มีกวามเพีย แข็งแรงดี แต่มีความปรารถนาย็งอยู่อย่างเคียว คือเพื่อมาเผ่ หนุ่มเหล่านึ่ ได้ร้แจ่งและมนในพรหมจรรย์แล่ว, ข้าพระ มนผ่ามํไค้ขำช้า.” ด’๖ไว

* ขณะน’นภิกษุหนุ่มสามองค์ลุกขนรากที่นำ ประคองอ*ญชลี ถวายอภิวาทพระศาสดา. พระองค์ทรงร*บอภิวาทนน์แลิว มีพระ พุทธาพุญาฅให้นํงลงตามปกติได้. “ ขาแต่พระศาสดาเรา, พระองค์ได้เสด็จมาถึงที่นํ้แต่เมี๋อวาน นี ทรงเหน็ดเหนื่อยเมื่อยลำหรือประสบอปสรรกสถาน'ไรบ่าง ? และ ได้เสด็จปร ะทโ.!แรมอยู่ในบานช่างหม่อน หรือพระเช่าชำ ? ” “เออ! ภิกษุท1งหลาย, เราตถากฅมาถึงเย้นเวลาเย็นมืดลง แล่ว ถึงว่าระรู้สึกเหนื่อยมากก็จริง แต่ไม่ประสบอุปสรรคอย่า ตลอดทางไค้พ’กแรมคืนในนึ่ ก’บชายอาคไเตกะกนหนึ่ง เรียบร้อยดี อยู่.” พระสารีบุตร— “ชายอาคํนฅุกะกนนึ่น บํด้นึ่กระทำกาล กิริยาเสียแล่ว โดยถูกโคขวิดที่ในกรุงราชคฤห.” พระอานนท์— “และที่งเขาไม่นึกเฉลียวดำยว่า ผู้ที่แร คืนอยู่?'โบตนนนเบน'โกร. ความประสงค์ของผู้นนมีอย่างเดียว ใคร่จะเผาพระองค์.” พระสารีบุตร — “แล่วล่วงมาไม่ชำ ขอให้พาไปที่แม่คงคา.” พระอานนท์ กาน “ทามิได้” ท่านสารีบุตร. เพราะพอ เขาพูดถึงแม่กงคาในสวรรค์ ก็มีสีหนำอาการสดใสชั้น ดูเหมือนระ ระลึกถึงขอปฏิญญาอะไรอย่างห'นึ่ง, แล่วิก็ออกชื่อผู้หญิง ดูเหมือน ชื่อวาสิฏฐ็, แลวกสินใจ. ๑ ไ)

พระสารีบฅร— 11เมื๋อจิตดิบไป มีชื่อผู้หญิงตดอยู่ทีรม ดิวข ใจกงเศฑ้หมอง. นี่จะไปเกิดในภพไหนหนอ?” พระพุทธเจ่า— \"อาดินตกะ กามนิฅ เบี่นผู้ทีโง่หล ศลำยเด็กที่คํ้อ. คก่อนภิกษุท8งหลาย, ชายอาคนตุกะผู้นี่สื เพื่อจะขอเบ็๋นสาวกศึกษาหลกธรรม. เราตถาคตเล็งเห็นอุปนิสยแล จึ่งแสคงหล*กธรรมพอ'เบ็๋นบจจํย. ในที่สุดก็สมเหตุ คือ เขาแสดงค ไม่พอใจ คนรนใผิมุ่งอยู่ในกามสุขทิพยารมณ์. และเพราะจิตยึด หน่วงเอาตถาคตเบ็1นอารมณ์ค่กํนใปดิวย ณ, บ*คนี่! ไค้ไปเกิดอยู่ใ สุขาวดีแดนสวรรค์ตะว*น่ฅกแดิว, และจะเสวยกามาพจรสุขอยู่ในนน น*บเวลาได้หลายโกฏิบี!.,’ (จบภาคหนง บนด้น) ๑ ไว ๘

ได้ส่งวรรณนาเน้'อความในกามนิตสูตร สำแดงประวต บนดินอินเบนบุรพภาค ก็่สํนสูดลงควยประการฉะน. สมควร จะดำเนินกระแสความในทุติยภาค พรรณนาสวรรคสมมติ สโาปรายภพพอฌนเครองประดิบสดิบญญา ตามสมควรแก่อุป¬ นส่ยส์บวารอรรถสาธกต่อไป ณ กาลบ่ดม.



ภาคซ์)อ'ง บนสวร๕รค ยี่'สิบสอง ภูมิสุขาวด ขณะเมื่อพระศาสดาเจาตรสถอยคำเหล่านน อยู่กบพระสาวก ณ หอนงนายช่างหมิอจํงหวิดราชคฤหนํ้น, กามนิดชายอาดินตกะผู จารึกแสวงบุญ ดิบจิตแลไไปตื่นขน ณ สวรรค์สุขาวดี. อ'น'ว่าสุคติภูมิที่สำกญยี่งนก คือมหาสระปทุมทิพยสถาน เบ็่น อุบัติภพสำหริบรองริบวิญญาณแห่งบรรดาสาธุชน ผู้ประกอบกุศล จรรยา มีใจผ่องแผ้วสุจริต ให้ถือเอาซึ่งปฏิสนธิจิฅ เบ็่นอุปะปาดิก ชาฅย์โดยธรรมนิยม แลวและเสวยสุขารมณ์เกษมศานตื่โสมนิ เบ็๋นศภผลสนองกลยาณสมบัติที่ประพฤติไว้ในไตรทวาร. ซึ่งกามนิดผู้ตื่นขน ณ สระมโหฬารรุจิราลํยนั้ บังเกิดมี พยพห่อหุ้มดิว้ยรตฅกไพลวิภูษิต มีเชิงชายระบายวิจิตรรุ่งเ ตา หอยยํอยเบนระยำระยาบอยู่รอบดํว สีสคชื่นเฉกกลีบบัวบาน และอ่อนละมุนเบี่นอนดี. ส่วนอาการวิธีมีผิดแผกจากกรรภไศยกะสํฅว์ กล่าวคือ กำล'งนงบัดสมาธิบัลบัก์อยู่บนดอกบัวอ\"นส่งสีริบก'บผ นน ชกานลอยเด่นเบ็่นสำบัญกลางสระใหญ่กวางขวาง. ก็และ ด ต) ๑

คอกบวอย่างที่กามนิฅ สถิตนิสีทนาการ ย่อมมีอยู่ไสว!นสร เหลือคณนา ทรงสีบ้ณ1ฐานต่างกินดามเวลาชำหรือเร็วทียงเกิด เบ็๋นผลบุญบ้นประเสริ^แห่งบ้ลยาณชน ข็นไปอบ'ตคอยท เมื่อถึงกราว บ้างแคง บ้างเขียว บ้างขาว ที่เพี่งผลิแต่ย'งฅูมอยู่ก็ม มี, ชนิดขยายกลีบเต็มที่แบ้วเหมือนอย่างคอก ซึ่งกามนิ ก็นบไม่บ้วน, แต่ละดอกบ้วนมืสขมสรีระทรงพ'สตราภรณ์งดงาม าจ ตา ปรากฏอินทรีย์โผล่ออกมาจากกลีบบ้วที่เบิกบาน. ณ พั๊นชานฅลีงอไเลาดเอนขนไป เบนลานหฟ้าผืน ราบรื่นขจีเขียว ระดะดาดบ้วยไม้ดอกบ้าง กอบ้าง ชะลูด พรรณ ชูช่อบุปผชาติเบ็่นช1น ๆ สบ้บสีสดชดช่อยอรชร เสม รตนากรกองแกวมณี บรรดาสีหลากประหลาดในมนุษย์โลกท1งให ฟ้อย และมาลอยขนไปรวมสลอน ณ ลานน*น แลสบ้าง แต่ทว่าควา แขนแข็งกระบ้างแห่งดอกไม้ ดุจบ้กษณะที่มนุษย์ร้อยู่ ของอ่อนละมุนแบ้นสำลีนุ่มนี่มน่าบ้มผ'ส ส่งกลีนอบ ยี่งกว่าความหอมแห่งนาหอมวิเศษที่บรรจุไว้ในภาชนะแบ้วเจ และทรงความหอมตามธรรมชาติดอกไม้อินสดชื่นบริบุรณีทุก บ้คชายตลีงปานว่าเนรมิตไว้นํ้ และมองเลยขนไป ความเพลิดเพลินมิร้เบื่อ มีบื่า‘โม้เบน'ชน*ด'ไปทางเหนือสะพรึบพ พฤกษชาติดาษคา มียอดเยี่ยมพ้า บ้างใบหนาเบื่นพุ่มใหญ่ บ้าง ด(?5)1๑)

เรียว มีใบเขียวอย่างมรกตสดสะอาดเย็นนํยนํตา บางแตกดอกออก ช่อตามสาขา ดูด'งดวงมณี เชิดเด่นเบ็่นช่อ ๆ บางทีก็โนไ]เช่ารวมกน เบนกลุ่มใหญ่ แอ้วก็แหวกเบนช่องเบ็1นแนวทางในกลางวนํนดร แ เห็นโล่งโปร่งตลอดตอนไปกระทิงถึงภเขาอ้นงามยวนตายวนใจเหลือ พรรณนา กอปรท่วยแอ้วมณีศิลาอ่อนขาวสะอาด มีพรรณไม้อ้นเตย ๆ ขนเบ็๋นพืดเพียงว่าอากาศเบื่นผืนผ้าม่านเนอบาง มีบุปผชาติเบนดอ ดวงปกคลุมอยู่. แด่ในที่ตอนหนึ่ง อ'นเช่นว่างจากสุมทุมพุ่ และหินผาปานว่าจะแหวกทางไว้ให้แก่กํน, ที่ตอนน1นคือ แม่นามี กระแสไหลเอื่อย ๆ เบนทางไป คลายแสงคาวเดียรดาษในท่องพ้า ทอดลำลงไปสู่สระมหามณฑล เบํ้องบนแคนอ'นตระการ เบ็๋นท่องพ้าโก่งคลำยกรอบไว้ก่ว เพดานสีนาเงิน ซึ่งค่อยจ'ดเช่าเมื่อถึงตอนขอบพา. และภ2^าฟย่' ใฅพา ครอบนึ่ มีอ้อนเมฆสีขาวสะอาดเบ็๋นเงินยวงอ้อนนอย ๆ ท่อยยอย เบนกลุ่ม ๆ เกลื่อนคคนไพร แด่ละกอนมีอบ1สรทรงโฉมวิลาสสถิต เอนอิงช่บสงคีตทิพยดนตรี, เสียงไพเราะเสนาะมี หวานซ่านกะครีม ไปท่งแคนนน- อ'นบนท่องพา หามีดวงสุรย็ส่องแสงไม่, อ้นทีจริงก็ไม่จำเบน ท่องมี. เพราะที่ก่อนเมฆ, ทีเทพอปสร, ทีภเขาและดอกไม้, ทนำ และดอกบ'ว, ที'พ'สตราภรณ1',ของผู้อยู่ ในแดนนํนํ, ตลอดจนควงหนำ *

เทพบุกกล, ล้วนมีร”ศมีฉายแสงสว่างรุ่งเรืองยี่งกว่าแสงสูรยแ บาดฅา. ทํ้งอากาศที่อบอุ่น ก็มีละอองนึ่าอนหอมชื่นมาปรุงโป โชยให้สคชี่นรึ๋นเริงสำราญใจ, ซึ่งใาเมนุษยพิภพหาท เมV] ' VIเค้. เมธกามนิฅค่อยรู้สึกคุ้นก”บอารมณ์ในสุคติภูมิอ*นสง่างามน สร่างความพิศวงงงงวย มีความรู้สึกเบ็่นปกติแล้ว, มองดูเหล่า อ”นมีลกษณะคล้ายกบฅน ซึ่งนงิอยู่บนบ*ล้ล่งก์ในคอกบำที่ล ส*งเกฅเห็นว่าผู้ที่มีเครื่องนุ่งห่มแดงเบ็๋นเทพบฅร ส่วนที่นุ่งห เบนเทพธิดา พวกที่นุ่งห่มเบนสีนาเงินก็มีบาง แค่ว่าเบ็่นชาย หญิงก็มาก : ทิพยบคกลเหล่านึ่ล้วนอขู่ในวยหนุ่มสาวท8งนํ เบนผู้มีใจดีท”วไป. ผู้อย่ใกล้กามนิตผู้หนึ่งสวมเครื่องสีนาเงินมีกิริยาอาการ ว่า น่าจะปราศร*ยเบ็่นมิฅรกนไค้. กามนิฅก็เกิดความกระหายที สนทนาค็วย จึ งคิดว่า “นี่เราควรจะไต่ถามผู้มีสุขคนนึ่นดีหรือไม่ เพราะอยากจะรู้เหล้อเกินว่า เวลานึ่เราอยู่ที่ไหน ท'นใดนน กามนิดเกิดความประหลาดใจเบ็่นที่สุด เพราะมี๘? 2- คำตอบ ซึงไม่ปรากฏเสียงหรืออาการเกลื่อนไหวแห่งริมผี!ปากของ สวมเครื่องสีนํ้าเงิน ว่า ดูก่อนผู้นฤบุกข, ท่านน'นอยู่ในสวรรค์สขาวดีแดนบรมส ด นิา) ๔

กามนึฅเผลอตำนึกถามต่อไปว่า “ ดก่อนท่านผู้ทรงบริสุทธ ยี่ง เมอขำพเจำลืมตาชน ก็ได้เห็นท่านท*นทีอยู่ในที่นั้แลิว. ท่าน ลืมฅาฅน'1นคราวเดียวกบขำเพเจำ หรือว่าอยู่ที่นี่มานานแล่ว ? ” “ ขำพเจำอยู่ที่นี่มานานจนจำไม่ได้. ล่าไม่ได้เห็นดอกบวบาน และมีผู้เกิดมาใหม่อยู่เนือง ๆ และถาไม่ได้กล่นหอมแห่งดอกปาริชาต ขำพเจำก็กงเชื่อว่า ได้มาอยู่นไ]เวลาเบนอน่นตกาลแล่ว.” แ กล๙ืนหอมอะไรนะ ที่ท่านกล่าว?” แ ท่Iานจะพบและทราบเองในไม่ขำ. ปาริชาต เบนล่นไม้น่า พิศวงยี่ง'ใหญ่ มีอยู่ในสวรรค์นี่.” เสียงดนตรีทิพย์แห่งนางเทพอไ]สร ซึ่งพงเหมาะเจาะเขำกไ] การสนทนาที่ปราศจากปากพูดนี่จริง ๆ เบ็๋นเสียงที่กอยผสานรไ]ให้ เขำก'บจํงหวะสนทนาทุกประโยค กระทำให้การไต่ถามและตอบมี ความหมายเขาใจลึกซั้ง ะ อนวาจาสาม'ญมิสามารถจะทำได้. เบ็๋นเหต ให้ กามนืฅ นึกสาวถึงความหล่งได้เงา ๆ แต่ก็ไม่สามารถจะระลึกได้ ตลอดอยู่ที่, ได้หยุดนึกไปครู่หนี่ง แล่วก็นึกพูดว่า “สี ยี่ง'ใหญ่คือลืงไหน ? ขำพเจำคิดว่าบรรดาสีงน่าพิศวงที่งหมดซึ่ ที่นี่ อะไรไม่น่าพิศวงที่สุดเท่ากระแสลำธารอนงาม ที่ไหลลงส่สระ ของเรานี่.” เทพบุตรเครื่องนี่าเงิน — “ คงคาสวรรค์.” ๑๙^

กามนิฅนึกพคคล่อยดาม กล่ายความผนว่า “คงคาสวรรค แลวเหมือนจะนึกถึงความหล*งขํ้นได้, แต่แล่วเกาเงื่อนกกลบ หมด นึกไม่ออก. เสียงดนตรีทำ'ให้-ซาบซ็งกล*,าย ๆ จะนึกไค้ แล*วก็เลือน ๆ ไป. ๑๑๑ ยี่สิบสาม การค่อนริบแห่งชาวสวรรค์ ขณะน1น กามนิด อำปากค่างตกตะลึง ต่วยเห็นกายทิพย สวมเครื่องขาวอยู่บนดอกบำไม่สู้ห่างไกลนี่น์ ดเหมือนเจริ ทนที, พสฅราภรณ์ซี่งพบซอนกนเบ็๋นกลีบเบื่นมุม ค่อยเลื่อนลง บ่า มากองอยู่จนถึงขอบชายที่เบึนทอง, ส่วนร่างในเวลาน8นใม่กร ถูกต่องกบกลีบบ่าอีกต่อไป ค่อยเลื่อนลอยออกจากสระไปสู่ผืง ห ไปใ นระวาง หมู่ไม้. กามนิด นึกว่า “ช่างน่าดูจริงหนอ! ดูๆก็ง่ายไม่ ติดขด แต่ว่าทำเช่าจริงเห็นจะยากไม่ใช่นอย. ไฉนเราจะเร ไปอย่างนนไค้บ่าง ใ ” เสียงเทวดาเครื่องนาเงินที่เคยพูดกน บอกว่า “เบนอย่แล ๙, ๘0 ๘ ?ๆ ล่าท่านผ้นฤทุกข์ปรารถนาก็สำเร็จผล. 6)ส่^

ทนใคนน กามนิฅรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรยกตำให้ลอยขน แลว ลวกวางๆขำมสระไปสู่ผึง ใน’ใม่ชำก็ถึงท่ามกลางแคนดินไม้. กามนิฅ มองไปคู ไม่ว่านึกอยากเห็นในทางใด ตำก็ลอยไปทางนน จะให้เร็ว หรือชาได้ดามประสงค์. ได้เห็นสระบำอื่น ๆ มีความงามสมเสมอก'บ สระที่ตนได้เห็นมาแลำ, ได้เร่ร่อนไปตามสุมทุมพุ่มไม้ที่น่าเที่ยว. นกสีด่าง ๆ จบอยู่ตามกึง ส่งเสียงรองวิเวกหวานประสานโ)บเสียง กระเส่าเบาๆ ของยอค'ไม้เมี่อลม'ใยก กามนิดลอยเลื่อนไปตามหบเขา อํนเดียรคาษดำยคอกไม้ มีเนึอทรายลำพองกระโดดโลดเดินตามสบาย ห ม่ฅื่นกลำกามนิฅเลย. กามนิฅเลือนอลย'ต่อไป ในที่สุดลดตำลง ย*ง'ไหล่เขาที่ลาดแต่น์อย ๆ. ระวางดินไม้ดิบพุ่มไม้ซึ่งกำ กามนิฅเห็นสระมีนํ้าส่องแสงเลื่อมพรายอยู่รอบดอกบำขนาคใหญ่. บน ดอกบำมีผ้เสวยสุขสถิตอยู่ก็หลายดอก, แต่ที่บานเต็มที่แลำก็มีมาก ซึ่งมีผู้สถิตประจำอยู่ในที่น,น. ขณะนนเห็นได้แจำว่าเบ็๋นกวามบนเทิงสุขอยู่ทวิไป. พอเวลา สาย\"ณห์ในกิมหฤดูเปลี่ยนเบนกามีดลงแล่ว, เหล่าห็งห็อยบินวบ ๆ แวม ๆ อยู่ใต้ดินไม้ใหญ่ บางบินรอบ ๆ ตามพุ่มไม้แลพราวตา. ณ บริเวณเหล่าน ผู้เสวยสุขเฅร็จเตร่แต่ลำพำบำง ฑั-เคู่หรือรวมดิน เบนหม่บาง ไปตามสมทใมพุ่มไม้หรือขอะบ,ไหล่เขา. ในขณะเดียวดินนํ้ ข๊ สามารถจะมองคูกิริยาหให้าฅาชองพวกเหล่า,นน ว่ากำลำสนทนาร่าเริง กน'โดยมิดิองออกเสียง. ด๓)๓)

กามนิฅมีอาการชุ่มชื่นใจ แต่กระดากอาย กลายก'วามผน. ในขณะทีทอดท*ศนาการภาพอินบ่นเทีงเหล'านี จนรู้สึกขนเบนลำคบ ใคร่จะสนทนาปราศรทักบผ้เสวยสุขเหล่านึ่บทัง. พอนึกก็ท่นทีมีผู้พากนมาปราศร่ยท่กทายกามนิด อาการอินอ่อนหวาน ใน^านที'เบนผู้มา,ใหม่ และเพึงตื่นขั้น กามนิฅประหลาดใจมาก, สอบถามว่าเบ็่นไฉนในเรื่องทีตน มานึ จึ่งทราบไค้ท่วใปในแดนสุขาวดี. “ก็เพราะ เมื่อบทัดอกใดบาน ดอกบ*วอึ่นๆที่ในสร สุขาวดีก็เกลื่อนไหว. พวกที่อยู่แล่วที่งบ่วงก็รู้สึกอินท่วว มาเสวยสุขอยู่คทัยผู้หนึ่ง.” “ ก็ท่านทราบไค้อย่างไร ว่าขาพเจทัเพึงมาใหม่ ? ” เหล่าผู้ที่ลอยร่อนอยู่รอบฅทักามนิด ก็ยํ้มอย่างน่าร “ เพราะท่านยิง,ไม่ไค้เบี่นผู้ที่ตื่นแล่วอย่างบ'ริบรณ์ ท่านมองดพวกเรา มีอาการกล่ายผู้เห็นรูปในความผน หอินเก ส็่งที่ไค้เห็นจะสูญหายไปในท*นทีทนใด แลํวจะกล*บเห็นแฅ่สึงอ*น สถุลสรีระที่เกยเห็นมาแต่ก่อนอีก.” กามนิดสนศีรษะ— “ขทัพเจายงไม่เขทัใจ: รฺปในกวามผน คืออะไร ? ” ด ๓) ฝ1

เทพธิดาเกรองขาวผู้หนี่งดอบว่า “ เพราะยิงไม่ไค้ไ ปาริชาฅ. 55 เปล่า, ยิงไม่ไค้ไปที่นน. แด่ก็ไค้ยินมาแลำ เพี่ร อนในส ที่อยู่ใก ล้ขาพเจาเคยบอกถึง ว่าปาริชาดน1นเบ็่นดินไม้ประหลาด. มี อะไรหรือที่ดินไม้น1น, ใ ” พวกเหล่านนด่างยั๊มมีอาการเบ็นน'ย มองดก*นแลํวสํนศีรษะ. “ข่าพเจำอยากไปที่นนเสียทนทีจริง ๆ. จะไม่มีใครชทางให้ไป บางหรือ ? ” “ เมื่อถึงเวลาแลํว ท่านก็หาทางไปถกเอง.” กามนิฅเอามือทาบหนำผาก หวนถึงความหล*งและพูดทวน ชา ๆ ะ “ยิงมีสี่ป้ประหลาดที่ผ้นึ่นไค้บอกอีกอย่างหนึ่ง อยู่แดนน ออ ! นึกออกแล่ว คือ คงคาสวรรค์ ซึ่งมีกระแสไหลลงมาเลยงสระ ของเราอยู่. ของท่านก็เช่นเดียวก*นมิใช่หรือ ? ” เทพธิดาเครื่องขาวชไปที่แม่นานํอย แลเห็นนาใสขาว ไหล ลดเลยวไปฅามไหล่เขา แลวหกวกไปสู่สระ. “ ที่นนแหละเย้นที,เลั้ยงนา'ในสระ. สายนาอย่างนํ้มีจำนวน นบไม่ถ่วน ผ่านระกะไปในแดนเหล่านึ่. และที่ท่านเห็นอยู่นํ้ กระแสสายหนึ่ง แต่ว่าเย้นสายขนาดใหญ่สกหน่อย. ส่วนกงกาสวรรค์ สายใหญ่นน โอบรอบแดนสุขาวดีนึ่งหมด.”

\" ท่านเคยเห็นเหมือนกนหรือ ?” 1ทพธิดาเครื่องขาวสนศีรษะ. แ ถ้าเช่นนน ไปดูไม่ได้หรือ?” อ๋อ(( + ! ไปก็ได้. แต่พวกเรายิง'เไม่มีใครไป. นอกจากนี่ ค' จะไปทำไมกน ? เพราะคงไม่งดงามยี่งไปกว่าที่นี่. ผู้ที่เคย'ไปแล หลายท่าน แต่ไปหนหนึ่งแลว ก็ไม่ติดใจไปอีก.” (( เพราะอะไร ? ” เทพธิดาเครื่องขาวชไปทางสระ— “ท่านที่ทรงเครื่องแดงนิน อยู่เกือบทางผึงโน์น เคยไปครํ้ง์หนึ่งแต่นมนานมาแถ หรือว่า ได้ไปถึงผึงคงคาอีกหรือไม่.” เทพบุฅรเครื่องแดงตอบทไเทีว่า “ไม่ได้ไปอีกเลย.” เพรา ะอะ!ร? ” แ ก๘็ไปเองเถิด, แถ้วก็ทราบเอง.” (I เราพาก'นิไปหรือ ไ ข*าพเจำจะลองไปก'บท่าน.” ขาพเจาก็อยากไป แต่ไม่ใช่เวลานี่.” ฅรงสุมทุมถดไป มีผู้เสวยสุขเลือนลอยมาอีกหมู่หนึ่ง กไเมาเบ็นแถวเลยวพุ่มไม้ที่ในทุ่ง ผู้อยู่สุดท่ายทรงเครื่องส ยื่นมือมาจบเทพธิดาเครื่องขาว. ส่วนเทพธิดาเครื่องขาวยื่นมือม ให้กามนิฅจํบอีกต่อหนึ่ง. ชิ) 0

กามนิฅยมแสดงกวามขอบใจ แก่สนศีรษะนอย ตอบว่า— “ ข์าพเจำย'งดองการเบ็่นผู้ดูอยู่ก่อน.” “ก็จริง จะได้พ*กผ่อนและอื่นให้สนิทเสีย. เวลานขอลาไปที” ว่าแลวเทพธิดาเครื่องขาวก็เลื่อนลอยตามเทวดาเครื่องสีนํ้าเงินอ่อน เบึ๋นลำดิบร”บทอดต่อ ๆ ดินไป. ส่วนผู้อื่นที่ไม่ได้เขำร*บทอดดำย ก็แสดงอาการลาอ*นร่าเริง แลวเลื่อนลอยไป เพื่อปล่อยให้กามนิฅมีความสงบใจแต่ลำพํงผู้ ไปก่อน. ©๏ ยสิบส ตนปาริชาต กามนิด มองดามพวกเหล่านน และเลื่อนลอยไปแส่วก็ให้ พิศวง'ในลื่งที่น่าพิศวง ะ “สงต่าง ๆ ทกอย่าง ณ ที่นํ้ ซึ่งดรู้สึกว่าแปลกประหลาดมาก เกิดขั้น'ได้ดิวยเหตุผลเบน'ไฉนหนอ ใ ถาว่าเราเบนผู้อยู่ในทีนี ก็ เหตุไรสี่งด่าง ๆ ทกอย่างจึงดไม่เหมือนธรรมตา ? ไค้เหนสิงใดขืนใ ทกคราวไป ก็ทำให้ประหลาดใจฉงนสนเท่ห์เสมอ, เช่นกลื่นหอม อะไรที่ผ่านมาเดี๋ยวน หอมผิดกว่ากลื่นดอกไม้อื่น,ซึ่งมือยู่)ใน © ^ (5)

หอมยี่งชวนให้สูด แต่ว่าทำให้บนบวนใจ. กลื่นนํ้มาจากอ และตำเราเล่าก็มาจากไหน ใ รู้สึกว่าเพี่งมาอยู่เบนเวลาได้ เท่านน. หรือ'ว่ามีชีวิตขํ้น, แต่ทว่ามีมาจากไหน ? และเพราะอาการ อยางไรจึ่งมาอยู่ที่นี่ ใ ” ขณะ กามน้ต คิคถึงบญหาเหล่าน ร่างกายเลื่อนลอยไปโดยตน เองไม่สำเกฅรู้สึก. เลื่อนลอยชนจากทุ่ง ลอยสูงขนทุกที แต่ไม ไปในทางที่ผู้อื่น'ใป. ครนลอยขั้นไปในช่องระวางยอคเขาแห่ ได้กลื่นหอมอย่างใหม่และอย่างแรง. แต่กามนิตยำเลื่อนลอยขั้ ต่อไป. ผ่านพนภูเขาไป, รู้สึกว่าภูมิประเทศทรามกวามงามลงไปบาง ดอกไม้ที่เดียรดาษก็น์อยลง สุมทุมพุ่มไม้แน่นหนาทึบเขา หินผ น่าดซํ้าสูงเก็งกำงกว่าเก่า มีเนึ่อทรายกำลำกินหญำเบี เสวยสุขในที่น่ มีนอยจำนวน และมํกจะอยู่โดดเคี่ยว. หุบเขาที่กามนิดผ่านไปค่อยแคบเขำ ในที่สดเบน ถึงกรงน์กลื่นหอมยื่งจดขั้น. ลื่วๆ ลอยต่อมาโดยเร็ว, หินผา ล่นโล่งและสูงขั้นทุกทีคลำยก็บเบ็1นกำแพงกนเม้จนมองไม่เห็นช กร1ใ.เแลำช่องเขาก็เลื่ยวหกมุมสองสามแห่ง และในทนใดน์น เบ็่นช่องว่างขั้น. ดบริเวณรอบตำ เห็นเบึนหุบเขาลึก มีหิ สะก็ดก\"น'ไว้ดวยยอดสูงลิวดูเหมอน'จดขอบสวรรค. กลางหบเขาม ประหลาดตนหนึ่ง ลำตนและกึ่งเรียบรื่นเบ็่นสีแดงดํงแก ใบแกมเหลืองแก่มีดอกแดงเขมส่งสีรุ่งโรจน์ราวก็บจะลุกไหม้. ๑๘!ซี)

เหนือยอดชะง่อนผาและยอดตนไม้นึ่นเบ็่นทองพีาสีน่า จะหาเมฆสกก่อนก็ไม่มี เสียงทิพยคนฅรีไม่แล่นมาถึงไค้พอ. แต่ล่า ในอากาศย์งสะเทือนอยู่ ประหนึ่งล่าเบ็๋นกระเล็นกระสายของคลื ดนตรีที่เคยได้ยินมานานแล่ว แต่ระลึกเสียงไค้ราง ๆ. นหุบเขาน1น มีสีสรรก็เพียงสาม กือสีน่าเงินแก่ของท่องท้า สีเขียวของหิน และสีแดงประพาฬของตนไม้, และมีกลี่นหอม'เบน กลี่นเดียว กลื่นหอมอินน่าพิศวงไม่เหมือนกลื่นหอมอื่น ๆ เบนกลน มาจากดอกไม้สีแดงจด ซึ่งเท่าก่บดูคดึงให้กามนิตมา. ในทน'ใดน่นล่ก่ษณะประหลาดแห่งกลื่นหอมก็เรี่มสำแดงอาก กล่าวคือ ขณะกามนิฅสดกลื่น ซึ่งตลบพิงอยู่ทวหุบเขานน, ควา รู้สึกระลึกเรี่องหนหล่งไค้ดูแล่นพรูเข็ามาสู่ใจโดยเร็ว ทำลายทะลุผา มืดมวที่กำบํงไว้ ฅํ้ง์แต่ตื๋นชั้น'ในสระ'จนบดนื. กามนิฅ ระลึกถึงความเบนไปใน^อดV]ี^ตไค้ตลอด : เห็นหอน่งในท่านชายบนหมอ ซึ่งตนเกยนงสนทนาก่บ พระภิกษุองค์หนึ่ง. เห็นตรอกในกรุงราชคฤห ซึ่งตนกำล่งวื่งรีบ ไป. เห็นโกมาชวิด. เห็นภาพของคนที่ตกใจมามุงดูตน รวมทงเหล่า พระภิกษุนุ่งห่มสีเหลือง. เห็นบาและถนนหนทาง'ในละแวกท่านที่ตน ผ่านจารึกมา. เห็นคฤหาสน์อนิโอฬารของตน. เห็นภริยาท1งสอง. เห็นเหล่านางคณิกาในกรุงอุชเชน. เห็นพวกโจร เห็นสุมทุมพุ่ม ๑๘๓

พระกฤษณ. เห็นลานอโศก, และวาลิฏฐี. เห็นบานบิคา. และเห็น หองของลูก. ถดจากช เฅิที่ติดต่อมานํ้ ระลึกเห็นชาติเหนือ ๆ ขืนไป ลำคบ โนชาติใกล้ ๆ พอเห็นช'ดเจนดี แต่ที่ห่าง ๆ ออกไปเห็นรว เลือน ๆ ลงทกที จนไกลลิบก็เห็นเบ็่นกล่มเดียว ไม่สามารถบนเบ ชาติๆไค้ เปรียบเหมือนดินไม้สองฟากถนนนอกเมือง ท้ใกล้ก็เห็น จะแจ้งทีละดิน ที่ถ*ดไปก็เห็นจางออกไป จนในที่สุดเห็นเบ็่นทิว กงน^ หมค. คอนนื กวามกิคกามนิฅก็หมุนวุ่น. แล ะในทนใดนึ่น์ มาอยู่ในซอกหินอีก มีล*กษณะดิงใบไม้ที่ถูกลมพ้ดิลอยคจ้างๆ เพร กลื่นหอมแห่งคอกปาริชาดไม่มีใคร ๆ ทนสดในกร8งแรกได้นาน. ความ นึกที่จะริกษาตน ในขณะที่รู้สึกวิงเวียนในกราวแรก เบ็่นเครื่อง ให้พํนจากที่นํ้นไป. ส*กกรู่หนึ่ง เมื่อกามนิดเลื่อนลอยเงียบ ๆ มาในหุบเขา ใหญ่ ก็รำพึงว่า บ*คนํ้เขาใจแลว่ว่าทำไมเทพธิดาเครื่องชาวจึ เบน,ทีว่า เราเห็นจะยงไม่ได้ไปที่ดินปาริชาด และเวลานึ่น'จึ่งย'ง เขาใจกำที่เขาพุดถึง 4รูปที่คลายความผน’ แด่บดนึ่รู้แลว ก็ได้เห็นเบนเช่นนึ่นในชาติก่อน. และก็ย*งรู้ดิวยว่า เพราะเห เรา'จึ่งมาอยุ่ที่นี่. เราปรารถนาจะไปเผาพระพุทธเจ้าที่สว ชิ/ (^ 0ข็-

จงหวคราชคฤห. แต่ความปรารถนานํ้นใม่สำเร็จประสงค์ เพราะตอง เสียชีวิตไปในบจจุบ่นทินด่วน. อาศไเกศลเจตนาที่มืกวามปรารถนา จึงส่งผลขืนมาในแคนบรมสุฃนํ้ เสมอไค้เผาอยู่แทบพระบาทมูลพระ- พุทธเจำ. และเมื่อตายก็ได้ยึดเอาพระกณไว้แลิว. เหตุฉะน้ การที่เรา จารึกแสวงบุญก็เบนอินไม่ไร้ผลเลย.” ในไม่ชำ กามนิตกลิบมาถึงสระ ลงสู่คอกบ่วแดงย์นิเบ็นที สถิตของตน เสมือนนกคืนมาสู่รึง ฉะน1นแล. ๏ ยสบทา บ่วบาน ทิน,ใดนน กามนิตรู้สึกคูเหมือนว่า มืชีวิตินทรียึอย่างหนึ่ เคลื่อนไหวอยู่ใต้พนสระ, มองคูนาซึ่งใสปานแกว เห็นอะไรเบ็่นเงาๆ ขยบเขยํ้อน นํำเดือดพล่านพลุ่งเบนฟองปุดโต ๆ. ปรากฏดอกบำแดง ชนาดใหญ่ พ่งสูงลอยอยู่เหนือนา ด'ง'ว่าปลาผุดแล้วกระ'โคดขํ ว่ายลอยอยู่. ที่ผิวนาเบ็่นลูกกลื่นขนลงขยายปริมแเทลแผ่กวางออก'ไป ทกที แลวก็สงบ คงเกลื่อนไหวเพียงรํ้ว ๆ เบ็๋นแสงแวววาวราวลิบ นาเพชร, ฉายเอาเงาแห่งดอกบวเสอผาและ'วงพร้าตรึของผู้เสวยสุข ลงไปเบ็่นรูปจำลองเห็นวาบ ๆ แว3ง ๆ- ๑^๕

I ส่วนกามนิตเองก็ให้มีใจตื่นเฅนวํบๆ วาบๆ ราวกบ ป็ติสขของวิเศษ, หด้ห้นไปถามเทวดาเครื่องนาเง/ชิ่ นI ดทุ ีอ2ย^ู่ใI กลแ้ว่^าน เกิคอะไรกน ใ ” แ ลึกลงไปขางล่าง ในมนษยโลกอนมีดกรื่ม มีมนุษยผู้หนึ จิตปรารถนามุ่งมาเกิดในแคนสขาวคีที่นี่อีก. เราควรกอยคูว่าดอก นิน จะงามดีอยู่จนกระทํงบานบริบรณ์หวือไม่. เพราะมีมนุษยหล ที่มุ่งแคนบรมสุขอไพริสุทธน แต่มิสามารถจะอยู่ได้ดีงปรารถนา, ซา ตรงกนขาม เข็าไปติดอยู่ในบ่วงดีณหาความร่านกระหายซึ่งถ ฅกเป็นเหยื่อในกามคุณ มีกิเลสมลทินเครื่องเศร่าหมองในโลกร่ ไว้. เป็นเช่นน้แลิว คอกบวนนย่อมเหี่ยวแห้งไปในที่สุคก็ กร1ง์นตามที่ท่านเห็นอยู่ เป็นวิญญาณผู้ชาย จะถือปฏิสนธิ. วิญญาณของเพศนมํกิจะมาปฏิสนธิในทางสวรรค์ได้นิอย เพราะเมื่ มีชีวิตอยู่ในโลก มกประพฤติตนไปในทางอบายมุขทุจริตล่วงเบ็ญจเวร เป็นอาทิ เหตุผลในขอน มีอยู่ที่จำนวนผู้ทรงเครื่องขาวและแด ท่านจะส่งเกฅเห็นได้ว่า แม้มีจำนวนไล่เลี่ยกน, แต่ในหมู่ผู้ท สีนาเงินอ่อนนํ้น จำนวนผู้หญิงมากกว่าจำนวนผู้ชายหลายเท่าน กามนิคได้พงคำอธิบายอย่างน รู้สึกใจสนผิดปกติ ดปร ว่าความสุขและความทุกข์เขำมาระดมกน. ตาเพ่งคูดอกบํว บาน กส่ายกบจะตีขํอปริศนาอะไรฉะนน, แส่วถามว่า “ เมื่อค ๑๘๖


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook