Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กามนิต

Description: กามนิต เป็นวรรณกรรมประเภทนวนิยายอิงพระพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงมาก ประพันธ์ใน ค.ศ. 1906 โดยคาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป นักประพันธ์ชาวเดนมาร์ก ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมใน ค.ศ. 1917 หนังสือกามนิตได้รับการยกย่องให้เป็นหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน ฉบับภาษาไทยแปลโดยเสฐียรโกเศศ–นาคะประทีป ในปี พ.ศ. 2473.

Search

Read the Text Version

ฉินพูดว่า “ดีแลว ฉินจะเชื่อ.. เชิญพงแลำกำหนดชอกวาม ไว้ให้ถี่ถวน. ถาท่านมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ในเมือง, ก็คงจะได้ทราบถึง เรองที่เขาจดแจงเฅรียมทหารจะยกออกไปจบโจรในวนพรุ่งนี่ เรื่อง เบนกลอบายจะลวงท่านที่งสํ้น. ที่จริงสาฅาเดียรมีทหารมิาไปท่ สามสิบกน, จะออกจากกรงไปทางประตูทิศใต้ในคืนน ก่อนเวลา เที่ยงคืนสิกช่วโมงหนึ่ง, จะออกจากดงประดู่ลายไปทางขวา แล วกออมไปทางใต้ เพื่อห้กไปทางตะมินออก ไปทางถนนเล็กใน หุบเขา. แสิว่ฉินได้ชแจง แสดงภูมิประเทศให้พ้งอย่างละเอียด ตลอด จนทางซอกเขาที่สาตาเดียรจะผ่านเขาไป ซึ่งเบนระยะทางตอนที่อาจ ฆ่าได้ง่ายดายและแน่นอน. ฉินพูดแสิว่ก็หยุดนึ่ง, รู้สึกว่าช่างเงียบเชียบอึดอดใจเสี กระไร, ไม่ได้ยินเสียงอะไรหมด นอกจากเสียงหายใจแรงของตำเอง กรนเสร็จเรื่องตงใจว่าจะกสิบ แต่ให้รู้สึกว่า ไม่มิกำล่งจะลุกขํ้นลง จากลานไปห้อง. กรนแสิว้องคุลิมาลพูดขนดำยเสียงสุภาพ มีกระแสเครา ๆ ผิด ปกติ กระทำให้ฉินตกตะลึงประหลาดใจ สะดุ้งชะงกขึนมาเอง พดว่าด่งน — “ที'จริง เรื่องจะมิองเกิดขึนเช่นนี. เธอซงเบ่นภริยาที'เสงียม หงิมใจบุญสุนทร ไม่เกยทำร้ายแม้แต่สต'ว์ที่เล็กน้อย ตองมากบคำ ๓ ๓)

สมาคมก้มมนุษย์หยาบชาสามานย์ มือเบอนเบนมลทินควยเส มนุษย์. เมื่อเบนผ้ฆ่าสามีของเธอเอง ก็จะก้องทนทุ?าชทรมานใจค ไป แก้วผลอกุศลกรรมจะตามสนองให้ไปตกไหม้อยู่ในนรก. ถาเธอ ด้พูดอยู่ก้มองคุลิมาลมหา'โจร, ผลจะก้องเบ็่นไปตามนํ้. องคุลิมาณบ็!นอีกกนหนึ่งต่างหากแก้ว.” เมื่อฉินได้ยินดีงนึ่ แทบจะไม่เชื่อหของตนเองว่า ก้าเ เบ็่นใครเล่าที่?าาก้งพูคอยู่. ความจริงเสียงที่พูดก้ องคุลิมาล, ถึงว่าก้กษณะนาเสียงจะเปลี่ยนแปลกไป ก็เบี่นสำเน องคุลิมาลอยู่ช่ด ๆ. ขณะฉไแงยหก้าก้องพิศดูองคุลิมาล ก็ย์งเห องคุลิมาลนายโจรอยู่นนเอง. ทำให้ประหลาคใจอยู่คก้น ๆ คราวก่อน ร์งฉ่นเกยตกใจกก้ว. องคุลิมาลพูดต่อไปว่า “นางผู้เจริญ, เรื่องที่พูดนึ่ เพราะจะไม่เกิดขนเลย, และไม่เกิดขนเลยอย่างแน่นอน ; ไม่ย็งไปก'ว่า จะบอกแก่ก้นไม้.” ก้อยคำเหล่านึ่ ก้นเกิดฉงนสนเท่ห์ ไม่นอยไปกว่าที ตอนก้น. เบ็่นอนเก้า'ไจรำ ๆ ว่า จะเบ็่นดวยเหตุผลอย่างใดอย่าง องคุลิมาลจึ่งกก้บใจ เลิกความคิดในแผนอุบายที่จะแก้มือสาตาเ ก้นหรือ ได้คิดถึงโครงการแก้แก้น เพราะถกก้บกวามทุ เดือดก้อนใจมาสาหส และก็มาอนฅรธานก้มละลายไปในก้นที ๓๘

ไม่ได้อย่างหวง ก็เกิดความน้อยใจฃนเบ็๋นธรรมดา ถึงกบกล่าวบริภาษ อย่างรุนแรงใส่หน้าธงกุลิมาล เรียกเขาว่าเบนผู้รำยหน้าด่านสญช สบปล่บ ไม่มีกวามล่ตยความจริง และอะไรต่ออะไรน้วนสรรเอามาว่า อย่างรายให้สมแคน เจตนาจะให้องคุลิมาลเกิดความโกรธยํ้งโทสะไว้ ไม่อ?รู่ แล่วฆ่าฉ่นให้ตายลงที่น้นเสียรู้แล่วไป. กวนเมื่อฉนค่าเหนื่อยเช่า น้องหยุดหอบ, องคุลิมาลกล'บพูด อย่างสภาพปกติ เลยทำ'ให้ฉํน,นึกละอาย'ใจ-ว่า — “ ทงนี่ทงนน ก็เพราะฉนที่ควรได้รไ]ผรุสวาทจากเธอ แต่ฉไเ ไม่เชื่อว่าเธอจะสามารถทำให้องคุลิมาลเกิดโทสะเหมือนแต่ก่อน แล1ว ฆ่าเธอเสีย ซึ่งล่งเกตดเหมือนเธอ'จะมีความประสงค์เช่นนี่น. ยี่งกว่ ถึงจะกล่าววาจาให้เผ็ดรํอนแซบขํ้นไปกว่านี่ น้นก็คงวางเฉยอยู่ได ปกติ, และชาจะรู้สึกขอบคุณผู้ด่าเสียน้วย เพื่อมีโอกาสพิส ม'นกงใจในกร1งแรก. เพราะพระบรมศาสดาไค้ประทานอนศาสน์แก่น้น ว่า ‘ พั้นพสุธาถูกคนข'ว้างน้อนดินที่สะอาด หรือโสโครกลงไป ก็ ไม่รู้สึกกำเริบหรือขุ่นของฉน้ใด, ท่านจงข่มจิตตนให้สมํ่าเสมอเหมือน ฉะนน.’ วาสิฏิเ1, ที่เธอพูดอยู่นี่ไม่ใช่พูดกไ)โ*ร; แต่ องคลิมาล ผ้เบี่นสาวกพระบรมศาสดา. “สาวกอะไร? พระบรมศาสดาอะไรกน?” นี่เบนกำถามของ ฉํนที่หลดออกมาเองโดยคอยพงใม่ทน'ใ,]1. แต่ว่าถอยกำอนแปลกของ ชายผู้ที่ฉนคิดไม่เห็นว่าเบนคนชนิดไรนี่ ทำให้รู้สึกอยากพื่งฅ่ ไฐจ ๓ 6

องคุลิมาลฅอบกำถามของฉํนว่า “ พระองคซึงเขาขนาน นามว่า พระผ้มีพระภาคสไมาสัมพุทธเว็าน'นแหละ เบี่นพระบร ศาสดาของฉน. ในเวลาน เธอคงวะได้ยินพระนามมาบางแลว กระม’ง ? ” ฉนสนศีรษะ. องคุลิมาลกล่าวต่อไป “ฉนถือว่าฉนไค้บุญมาก คือได้เบนผ กล่าวพระนามพระผู้มีพระภาคเบนกรงแรกแก่ตำเธอ. ถาองคุลิมาล คร1งหนึ่งเมื่อย’ง์เย้น'โจรผู้-รำย ได้ทำบาปไว้ให้แก่เธอมากเ แต่บ’คน ใน3านะที่เบนสาวก ก็วะไค้ทำบุญแผ่กุศลแก่เธอให้สมก ฉะน8น.” ฉ่นถามองคุลิมาล มีอาการตงใจพงจริง ๆ ว่า “ ที่เธอเรียกว่า พระสไ!มาสไพทธเจำน คือใคร ? ท่านทำประการไร ให้เธอกลาย เบนผู้มีกิริยา'วาจาเปลี่ยนแปลก อย่างคิดไม่เห็นดิงน ? และบุญกุศล อะไรที่จะมาได้แก่ฉ่น เมื่อได้ยินถึงนามน1น องคุลิมาลตอบว่า “แม้แต่ไค้ยินพระนามซึงมีผ้ขานว่า ตถาคต, ก็ประหนึ่งว่าได้บ’งเกิดแสงสว่างในกร1งแรกแก่ผ้อย่ ในท แต่ฉ’น-วะเล่าเรื่อง'ให้เธอพงทงหมด ที่พระพุทธเจาทรงพบฉํน และ ได้ทรงเปลี่ยนวิถีทางเดินในชีวิตของฉ่นเบนประการไร. ถาหากว่า เรื่องไม่เกิดขํ้นในวนนแท้ ๆ แล'ว, การณ์ต่อไปก็วะไม่เบนเหมือนอ ที่เย้-น'ใหม่อยู่เดี๋ยวนึ่.” ๒๔0

ถึงแม้ว่ารูปร่างองคุลิมาลย*งมีก้กิษณะคุร่ายอยู่ก็ดี, แต่ว่าก เปลียนแปลกคูเรียบร่อยน่าน*บ่ถือ ท าให้ฉ่นคงประหลาดใจไม่น็อย ทีเดียว. ท1งยี่งเห็นกิริยาท่าทางสงบเสงี่ยม เมื่อน*งลงข็างฅวฉน คลายก*บ่ว่าเบนผู้ร่วมวรรณช8นเดียวก้น ดสง่าผ่าเผยเห็นเด่นสมเบ็๋ ชายชาตรี. ©© สามสิบสิ นรกหอก องคุลิมาลเรี่มเล่าเรึ๋องให้พงว่า - วนนะเวลาร'งแลว ล่วงมาสกสองสามชวโมง ฉนยนอยูท ราวบา จิองคุไปทางหอคอยกรุงโกสไเพี ในใจอ*กิอ่|| วนบอ!่!\" วนI บ2^นอยู่ด้ การคมแกนพยาบาทสาตาเคียร. นึกถามตนเองว่า เธอจะนำข่าวที ก้องการมาให้ทราบได้หรือไม่หนอ. ขณะนน ตามทางที่แล่นออกจาก ประฅุเมืองด้านฅะวํนออกมาสู่มบีชืายาคนนึห่นึ่งนุ่งห่มผ่าสีเห เดินสาวก้าวมาโดดเคี่ยว สองช่างทางมีพวกเลยงปศุสํฅว์ และชาวม่าน นอกกรุงกำล่งสาละวนทำงานหาเลยงชีพก้นอยู่. ฉนสงเกฅเห็นคน เหล่านํ้นที่อ?รู่ใกล้ถนน ตะโกนบอกอะไรแก่.ชายสญจรโดดเคี่ยวกนนึ่น. ส่วนผู้ที่อยู่ห่างถนนลึกเขำ'ไป ก็หยุดทำงานเอามือชีและมองคุชาย 1^๔ด

กนนน. พวกที่อยู่ ใกล้เห็นชาย'โดดเดี่ยวยำเดินต่อ'ไป กวื่งไปบ ให้ห!]ค, บางกนถึงก*บยึดชายผำ'ไว้ไม่ไห้ไป ทำท่าตกใจชีไม้ ทางบา ฉินเกือบจะอ่านกิริยาอาการแห่งพวกนนออกว่า อย่า อย่าเลยเขาไป อย่าเขาไปในบา: องคุลิมาลโจรรายมีซ่องอยู่ใน แต่ชายสญจรก็ยำเดินต่อไป ไม่มีกิริยาหวนหวาค มุ่ง'กรงไป ทางบาท่าเคียว. ปดนี่ฉินเห็นรปร่าง'ไค้กน*ค เบนนกบวชโกนผมศี โล^น อยู่ในนิกายที่เรียกว่าศากยบุตร เบ็่นคนมีอายุ แต่ท่าทางผ ฉินก็คิคว่า แปลก ๆ จริง บนถนนน้ อย่าว่าแต่คนเค ต่อให้สิบกน สามสิบกน หรือยี่งขนไปตงห่าสิบกน รวมกินม อาวุธครบตำ ขืนเดินมาทางนี่เบ็๋นต่องตกอยุ่ในอำนาจเราท1งสํ ไฉ นหนอ นำบวชรูปนี่จึ๋งถึอคี กลาเดินมาแกตล่ผู'า้เยคกียิวบ เบนผู้มีชำชนะ ? ฉินเห็นว่าที่บ่งอาจบุกรุกมาอย่างทะนงเฅทำ่นาีก่ิบลูบคม ดถกกิน จะตองให้เห็นผื่มือเสียบ่าง, และยำนึกอยู่ว่า อ๘า! จเบนคน สืบข่าวที่สาตาเกียรส่งมาก็ไค้. เมื่อคิดตกลงใจ ก็กว่าหอกหย และแล่งสะพายบ่า ออกจากบาขํ้นไปบนถนน คอมุตามนำ รปน1น ซึ่ง'1นขณะนนเขำ’โปถึงบาแล่ว. กรนมาถึงที่เหมาะแห่งห''มน่มึีต่่นไงม้กีดกน ฉิน,ก็,ปลด กินธนออกจากบ่า ขึนลูกจองยิงเล็งให้ถูกตรงสไเหลำดานฃก้ย ให ถึงหำใจ ลูกธนูกินหวือขามศีรษะนำบวชไป. 1®)๔โ®!!)

เมือลูกธนูไม่ดีผิดที่หมาย จึ่งเลือกลูกใหม่ที่เห็นว่าไค้ส่วนสด มีขนนกแผ่กระจายงาม จองยิงให้ถกคอ. แต่ลูกธนูกลบแล่นไปบก ติด?Vน่ไม้ขางซ่ายของนกบวช. ชกลูกยิงใหม่ ทีนึแกว่งไปทางขวา ไม่ลูกที่หมาย : ผิดไปพลาดมาอย่างนํ้จนลูกธนูหมดแล่งเปล่า. ฉนเห็นผิดใจ แปลกประหลาดเหลือเกิน เกยยิงได้แม่นยำ, จะพลิกแพลงยิงอย่างไร ไม่เคยผิดพลาด, ถึงนกอินทรีบินเร็วที่ส ก็?]งยิงลูก. วํนน็มือไม้เบนอะไรไปหนอ ใ ระวางน1น นกบวชเดินขํ้นหนำไประยะ'ใกล, ฉ่นต่องวี่งไล่ฅา หมายจะฆ่าเสียดำยหอก. กรนไล่เขำไปทไเ ใกล้ก*นระยะเพียงหำสิบกำว ก็เขำไปใกล้อีกไม่ได้: จะวี่งให้เร็วที่สุด ก็ไม่เลยระยะน8นเข ส่วนนำบวชรูปนน ดูก็เค้นดามปกติอย่างสบาย ไม่ได้รีบเร่งอะไร. กรนแลวฉนจึ่งนึกว่า น่าประหลาดจริง ๆ, เกิดมาไม่เคยเห็น เช่นน. เกยไล่ช่างไล่กวางที่ว็่งฺหนีไปอย่างรวดเร็วก็ท่น. แต่น รปน1นเค้นตามปกติ และเราวื่งเต็มผื่เท่าดำยซา ทำไมจึ่งไล่ไม เท่าเบ็่นอะไรไปหนอในวนน ? ฉ่นหยด แลำตะโกนล่งนกบวชรูปนนว่า “หยดนา! พร:, หยุด!” นกบวชยำเดินเฉยเรื่อยไป แต่หํนมาบอกว่า องคุลิมาล, เราหยุดแล่ว. ท่านควรหยุดนีงเสียด้วย.” ๓

ฉ*,นประหลาดใจซาลงไปอีก นึกว่า ดีรกิยนำบวชนึกงอาศย สำกิริยาอะไรอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ยิงไม่ถกตำ แคลวกลาดไปหมด กไม่ทน. แต่นี่ไฉนหนอ จึ่งแสรำกล่าวเท็จซึ่ง ๆ หนกิ ว่าฅ อยู่ ทำที่เราเห็นก*บดา'ว่า แกยํงเดินตุ่มๆอยู่—. ส่วนตำเราสิ หอบอยู่ก*บที่ เขกิค่กํบฅนไม้ฅนนึ่ เห็นอยู่โฅำๆ, ยำมีหนกิพูดว่ ไม่ไค้หยุด. กิดดเหมือนนกที่บินอยู่ บอกตนไม้ว่า “ตค้น หยุดนึ่งแลํว, แต่สูท่านยำไม่หยุดนึ่ง.” แปลกจริง ! คง สำอย่างหนึ่งในคำพูดนึ่, บางทีจะมืประโยชน์แก่เรา ที่จ กถาอาคม ไว้ใช้บาง, ดีกว่าจะฆ่าเสีย. นึกแลว จึ่งรองตอบว่า — “ก็ท่านยำเดินอยู่ ทำไมจึ่งบอกว่าหยุดเล่า ใ หยุดแลำ, ท่านไพล่บอกว่ายำเดินอยู่. คก่อนพระ, โปรดอธ พงว่า ที่ว่าท่านหยุดนึ่งอยู่นน เบ็่นอย่าง'ใร, และตำ อยู่ดอกหรือ ปุ’ นกบวชตอบว่า “เราผ้มิไค้ทำเวรภย'ในสรรพสด'ว์ คือหยุด แลำ ไม่เร่ร่อนไปอีก. แต่ตำท่านนน เบ็่นผ้มืใวิมุ่งรกิยต่อสรรพ ทุกขณะจิต ตำงเร่ร่อนเพราะอกุศลกรรม ไม่มีเวลาหยุด ริบทกฃ์ ทรมานจากที่หนึ่งแลำ ตองไปส่อีกที่หนึ่งเรื่อยไป.,, ฉ่นฅอบว่า “ที่'ว่าเราเบ็นผู้เร่ร่อนอยู่เบนนิตย์ เกยได้ยิน. แต่ว่าหยุดนึ่งอยู่ ไม่เร่ร่อนไปอีกนน ยำไม่เข ไซิจ (ร. (3.

ท่านพระ, โปรดชีแจงเหตุผลที่ได้กล่าวรวบยอคสองสามกำเมื่อกน ให้ เขา'ใจแจ่มแจงห้วย. เชิญดู. ข’าพเห้าวางหอกแล1ว, และขอปฏิญญ สาบานที่จะให้อภย่ในชีว่ตท่านเพื่อศานติสช.” นกบวชตอบว่า “องคุลิมาล, ท่านได้กระทำปฏิญญาเบ็,นครํ้ง์ ที่สองแห้ว.” “เป็นศร1งที่สอง ใ “ครํ้งที่หนึ่ง เมื่อกรงให้ห้จกิริยาอนเป็นเท็จ.’’ น่าพิศวงจริง ที่นกบวชน์ก็แห้งกวามล'บกร1งน1น; แฅ่ฉ่นมีสติ ท'น ไม่หยุดชห้กพิศวงให้เบ็นพิรุธ, รีบบองห้นการกระทำ ห้วยอุบาย ที่ฉ่นเห็นว่าเป็นอย่างฉลาดท่นที, ได้ตอบว่า — “ห้าแต่ท่านพระ, วาจาทีให้ห้ฅย่บฏิญญาคร8งนํ้น มีคว สองนย: ห้าแปลกนตามคำที่กล่าวออกไป, ก็ไม่เป็นคำสาบานที่เป็น เท็จ, เป็นแต่ใช้โวหารที่ผู้พงไม่มีเชาวน์แห้ว เขาใจผิดเป็นอย่างอื่ ไปได้. แต่ที่ห้าพเห้าให้ห้ฅย์บฏิญญาครงํ้น์ เป็นความ ตามคำและแปลตามสำนวน ที่ง์สองประการ.” “ไม่ใช่เช่นนน, เพราะท่านจะให้ศานติสุขแก่เราไม่ไค้. ห้า เราจะให้ศานติสุขแก่ท่าน จึ่งจะเป็นการถกห้อง.” เมื่อนกบวชนนพูดคงนั้แห้ว ก็แสดงอาการเป็นมิตรภาพ บอก ให้ฉนเห้าไปหา. ฉนเห้าไปห้วยความเคารพ. (&&

เธอนึงลงตรงร่ม'ไม้ใหญ่ บอกให้ฉํนนงแทบเบองบาท, ก็ฅงํ้ตนสงสอน ถึงเรื่องบุญบาปมีผลตามสนองเบ็!นใปอย่างไร. ชแจงให้พงอย่างง่าย ๆ ช'ดเจน และแจ่มแร่งทุกแง่ทณงอน เ อธิบายแก่เด็ก ๆ. เพราะกวามจริง ฅวฉนไม่เคยเล่าเรียนอรรถธรร มาเลย, ไม่เหมือนก*บศิษย์นกบวชอื่น ๆ ซึ่งตามธรรมคาเบ็่นบุต พราหมณ์ ย่อมไค้ริบการศึกษามีความรุ้ในพระเวทมาแล่ว. ส่วนฅว ฅง์แต่เกิดมา - เคยได้พงความรู้ที่จ่บอกจิบใจไม่หายก็กร1งเด เมี่อกร1งนํงอยู่ปลายบาทวาชศรพที่ในบาคืนหนึ่ง และพ ของท่านผู้น*น ซึ่งคูเหมือนฉ่นได้เกยเอ่ยชื่อแก่เธอมาแล่ว, กร1น มา'ใต้พงกำส่งสอนของน*กบวชรุปนึ่ รู้สึกข8อความสุขุมกินใจทราบ .หลือเกิน. ท่านชแจงว่า ที่บุคคลท่อง'ไปเกิดที่น'นที่นี่ ในโลก มนุษย์บ่าง ในสวรรค์ปาง และในนรกบ่าง เพราะกรรมเท่าน1น เหตุปรงแต่งให้ไปเกิด : หาใช่เพราะอำนาจเด็ดขาดที่มาจากสวร ไม่. กำอธิบายนึ่ผิดกว่าที่วาชศรพได้เกยส่งสอน เบ็่นการฅ วาชศรพพิสูจน์ให้เห็นอย่างง่าย ๆ และอ่างอิงพระคํมภีรี '\"ม่มีนรก, ที่กล่าวถึงนรก'ในพระคมภีร์เบนของกนขลาดแทรกเส เติมขั้นใหม่ เพื่อขู่ให้ผู้มีใจเทขมหาญเกิดกลำ ไม่กลำทำร เบนความคิดชลาดอ่อนแอ. ที่วาชศรพอธิบายอย่างนึ่ ฉํนเองก็ เลื่อมใสเห็นจริงไปท1งหมด. จึ่งเกิดความสงส่ยว่า น*กบวชผ้น สามารถทำให้ฉนเกิดเลื่อมใสได้ละหรือ ? นี่ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่า

กวามเห็นแยงกวามเห็น, ปราชญ์ท่อปราชญ์แยงก้น. ถึงหากว่า นกบวชน จะเบนสาวกสำคบผู้ใคผู้หนึ่งของพระศากยบุตรก็ตามที แฅ่วาชศรพ ก็มีศิษย์ที่น*บถือเลื่อมใสอยู่มาก. ถึงเวลานึ่วาชศรพจะ ซ่บขนธ์ไปแซ่ว, สามญชนก็ย*งเซ่นบุชา ถือว่าเบนผู้สำเร็จผู้หนึ่ง เมื่อเช่นนึ่ใกรเล่า-จะเบ็๋นผู้ฅ*ดสิน ว่าคำส่งสอนของผาย'ไหนผิดและถูก? กำล่งนึกอย่างนํ้ นกบวชผู้นึ่นก็เตือนว่า “องคุลิมาล มิได้ฅํ้ง์ใจพ้งคำที่เราพูด,. กำล่งไปนึกถึงวาชศรพและล*ทธิท รา ของเขา. ฉนฅกตะลึง, ยอมร*บตามความจริงที่นึกอย่างนึ่น์, และถา ว่า “ซ่าแต่อริยะ, ท่านรู้จ'กวาชกรพสหายของซ่าพเซ่าซๆ') ่วยหรือ? “ มีผู้ชให้คูหลุมศพที่นอกประตูเมือง. แค่ก็มีกนเดินทางที่ โง่เขลาไปเซ่นไหว้ออนวอนนบถือ ว่าเบนผู้สำเร็จอรห0น^ ต61์บ . “เช่นนน ไม่ใช่อรหนฅ์ดอกหรือ ?” “ นนแหละ. ซ่าท่านว่าเขาเบี่นอรห*นฅ์ผู้หนึ่ง, ก็ควรจะไป เยี่ยมกรายด ว่า'ในเวลานึ่เสวยผลกวามเบ็นอรหนฅ์อย่าง’ไรซ่าง.” ที'นกบวชพดเช่นนึ่ คูประหนึ่งว่าอาจไปเยี่ยมซ่นไค้ง่ บ่านหนึ่งลู่ซ่านหนึ่ง, ทำให้ฉนจ*งง'ง มองคูน*กบวชนึ่นอย ออกอุทานว่า “ไปเยี่ยมวาชกรพ ? ไปไค้อย่างไรก*น ? ”

\" ก็ยื่น,มือมาให้เรา. เราจะเห้าฌานอินเบ็1นเครื่องช่วยให้ถงว ทีบงคบให้เทวดาและภฅบื่กึาชุมาปรากฏร่างให้เห็นขํ้นในด เราจะได้เดินตามไปโดยวิถีนน จะได้เห็นสี่งที่ท่านห้องการเห็นควย. ฉินยื่นมือให้ น*กบวชรูปนนน*ง้ฅาฅกสงบน็งอยู่ ฅลอคเวลาที่ฉินเองห้งไม่เห็นแปลกประหลาดอย่างไร. ทนใดฉิน คห้ายก”บว่ายน1า ถกผีพรายฉุดแขนขาลงไป. ห้องพาอินเชี่ยว และ ห้นไม้บนด้งที่เกยเห็นก็หายไป. มีคลื่นซ1ดมากลบศีรษะ หน'กเ ทุกทีจนท่วมตำ. ห้า ๆ นาน ๆ มีเปลวแปลบแลบสว่างเบนกราว ๆ อยู่รอบตำ แห้วมีเสียงดงพาสนเปร็ยงใหญ่จนชาหู. ในที่สุด รู้สึกห้วว่าดกอยู่ในที่แห่งหนึ่งคห้ายถามหึมา หมด นอกจากมีแสงสว่างนบไม่ห้วนสายฉายแวบๆอยู่. เมื่อประสา ชินต่อห้กษณะสถานที่นึ่แห้ว จึ่งส*งเกฅเห็นว่าแสงสว่างที่แวบ ๆ อยู่น คือแสงหอกเหล็กน*บจำนวนไม่ห้วน แกว่งไกวกระทบห้นไปมาอยู่ ฉาน เหมือนกองพลในสงครามผีมองไม่เห็นห้วผ้ถือ. ที่ง’ได้ยินเสียง ห้องอออึง ไม่ใช่เสียงห้าเลือดเดือดดุร่ายของเหล่าผ้ที่เห ก*น แด่เบ็่นเสียงครวญกรางดำยรบความทุกขเวทนา เพราะเจ็บปวด, เสียงเหล่านึ่เบื่นของ'ใครมอง'ไม่เห็นตำ, และได้ยินมาห้างใต้ สะเทือนฅรงที่ปลายหอกอนแกว่งไกว. ส่วนบนพนที่น ว่างเปล่ ไม่มีอะไร. ปลื่(ห้

ในสถานที่ว่างเปล่าอยู่น ขณะนํ้นมีรูปคนพุ่ง ช่องมืดฅั้ออยู่ทางขวาสามคน. คนอยู่กลางเบ็!นรปวาชศรพ มีกาย เปลือยสนเที่มกล่ายไข้จบหรือถูกความหนาวอย่างแรงกลำ. ส่วนผู้ ซาขขวาวาชศรพ กายเบนมนษย์ แด่เทำเบ็่นนก กรงเล็บแหลม'โงำ ตนหนึ่งหำเบนปลา อีกฅนหนึ่งหำเบนสนข มือถือหอกภยตาว. หำปลาแนะนำขํ้นก่อนว่า — “ ขาแด่พระอริยเจำ, ที่นํ้คือนรกหอกซึ่งผู้ทำบาปฅกมา ต่อง ทนทุกข์ทรมานถูกแทงคำยหอกที่ชูแกว่งชุลมุนอยู่น เบ็่นเวลาหมื่นมี่ เมื่อเสวยวิบากครบกำหนดแลำ, ก็จะไปเกิดใหม่ในภพอื่นฅามควรแก่ เศษผล. 55 แล่วิภูตหำสน’‘ขพูด'ว่า — “ขาแด่พระอริยเจำ, ล่าปรากฏมีหอกเสียบหำใจสองเล่ม ก็ แสดงกาลกำหนดว่า สฅว์บาปนนได้ร’บโทษทรมานล่วงมาแล่วิสองพน 0บเ!. งา พอพดขาดกำ นายนิริยบาลที่งสองก็1ซดหอกเช่า’ไปบกกา วาชศรพ. ท’น!,คนน กล่ายก*,บว่า การซดหอกเล่มที่หนึ่งน็เบ็๋นอาณ้ฅ สญญาณ, บรรดาหอกที่อยู่รอบดำ ก็เคลื่อนไหวแปลบปลาบพ่งเขา เสียบติดร่างกายวาชศรพชุลมุนทุกคำน, และยำมีฝูงกาปากเหล็กพา กนมาจิกเนอที่งหนำกินซาลงอีก.

เห็นแล้วให้ขนพองสยองเกล้า ทํ้ง์สงสารวาชศรพทีรองคร ครางเพราะความเจ็บปวดรวดเรำ เลยหมดสติไปควย. กรนพ ได้สติแล้ว แลเห็นว่าฅำมานอนอย่ในบืาใต้ล้นไม้ใหญ่แทบ น*กบวชน*น. ท่านถามว่า — องคลิมาล, เห็นแล้วหรือยง ใ ” “ เห็นแล้ว, ผู้เจริญ.” เ I เบนอย่างนั้นหละ. เบํ้องห\"นาแต่ร่างกายท่านสลาย แล้ว, อกุศลกรรมที่ทำไว้ จะสนองผลบ’งก*บให้กรงลงไปเกิดในนิ โลก ถกชำระสะสางลงโทษอย่างเคียวก*น ะ คือนายนิริยบาลจะเอ หอกซ*คต่วท่านใหด้ร*ไบดท้กขรท”บ่รท¬ุกข์ทรมาน. คงนั้ จะสมควรแก่โทษ ท่านก่อสะสมไว้เพียงพอหรืมอไ ? ' ไม่เพียงพอแก่บาปกรรมที่ขำพเจาได้ทำไว้แล้วเลย, เจริญ.” “ก็เมื่อมองเห็นอยู่แล้วล้งนั้, องคุลิมาล, วิถีที่เบน ในเวลาน็ จะควรคำเนินต่อไปหรือไม่ไ” “ไม่บ่งควรเลย, ท่านผู้เจริญ. ขำพเจาไม่ขอเดินทางที่คำเนิ มาแล้วต่อไป. ขำพเจาขอเลิกกวามประพฤติอ*นหยาบขำทารณ และ ขอยึดเอาท่านเบ็่นที่พึ่ง.” “องคุลิมาล. นานมาแล้วกรงหนึ่ง พระยมเห็นความทุ ทรมานของสรรพสฅว์ ก็สลดใจร่าพึงว่า เแท้-จริง ผู้ใคกระทำ กรรมในโลก ย่อมล้องได้รบโทษสนองหลายเท่าทวีคูณ. กระไรห 1®3๕0

เราเพื่งไปเกิดเบ็๋นมนุษย์ ในสม่ย่ที่มีพระส่มมาส'มพุทธเจ่าอุบ ควย. เราพึงได้เผาพระพทธองค์เพื่อพงพระธรรมเทศนา ให้บ*งเกิด ความรู้แจ้งของจริง. พระยมที่กล่าวคำปณิธานน, องคุลิมา ตำท่านนี่เอง. ท่านได้มาเกิดเบี่นมนุษย์ มาเกิดในม*ธ์ยมประเทศ ซึ่ง มีที่รมณียสถานน่อยแห่งนก, แต่ว่ามีบาเขาและลำธารอนเปล่าเปล ก*นดาร กอปรดำยอ*นฅรายมากมาย ฉ่นใดก็ดี ; ส่ฅว์ที่เกิดมา'ใน'โลก มีนอยน่กน่อยหนาที่จะบรรลุถึงมนุษยธรรม, นอกนี่นี่ก็งมงายท่ เปรียบก'บแดนก*นดารอื่น ๆ อ*นกว่างใหญ่ไพศาลเสียเปล่า. อีก อย่างหนึ่ง มนุษย์ที่ได้มีโอกาสพบปะพระพุทธเจ้า ก็เพียงส ชำกนเท่านี่น, มนุษย์นอกนี่นไม่ได้มีโอกาสพบพระพุทธเจ้า มากมายเหลือคณนา, แต่ส่วนตำเธอ ได้เกิดมาเบนมนุษย์ในสม*ยที่มี พระพุทธเจ้ามาตร*ส, ได้พบท่าน ได้เผาท่าน, ก็นบว่าเบนผู้มีวาสนา วิเศษอยู่แลำ.” เมื่อฉน'ได้ยินอภิปรายด่ง้นํ้ ก็ทราบปร ะร์กษ์ว่า ท่านนก คือพระสมมาสมพุทธเจ้า, บ'งเกิดบื่ติอ็มเอิบใจ, ยกมึอขํ้นประสาน ถวายอภิวาท เปล่งอทานว่า — “ขำแด่พระองค์ ผู้ทรงความบริ?เทธอุดมเลิศ, พระองค์นี คือพระอรหนฅสไเมาสมพุทธเจ้าแน่แท้ ทรงพระมหากรุณาแก่สรรพ สต-ว, ขอพระผ้มีพระภาคเจ้าได้ทรงพระกรุณาให้ขำพระองค์ได้ยึดถึอ เบนสรณะดำย.” 120๕๑

“สาธุ! จงพงคำเราต่อไปนํ้- “ ถึงกระนน มนุษย์ที่เกิดมา ได้เห็นพระพุทธเจ่ายิง อยู่แลิว, แต่ผู้ทีได้พ้งพระธรรมของพระองค์น1นมีนํอยกว่ กว่าน ผู้เขาใจในพระธรรมก็ยี่งนอยลงไปอีก. แต่ฅํวท่านมาพบเรา แลว ทงได้พงและรบรสพระธรรมน. มาเถิด, องคุลิมาลผู้สาวก. แลิวพระผ้มีพระภาคเสด็จเช่า’ไปในบา ประดุจด'งนายพร ชำง ขนขี่บนหลิงสารซ'บมน ซึ่งบำราบให้เชื่องแลิว่. พระอ ออกจากบึาอีก ประดุจดงนายพรานชำงออกจากบา มีชำงบาซึ ได้ผกแลิว'ให้เชื่อง ติดตามมาลิวยโดยดีฉะนน.- ลิวยประการฉะน ฉินมาหาเธอวํนนํ้ ไม่ใช่เบนองคุลิมาลโจร ชำย. แต่เบึ่นองคุลิมาลสาวกพระพุทธเชำ. จงดเถิดว่า ฉินได้โยน ที่งหอกและกระบองเสียแลิว, เลิกเชํนการทรมานชำพ้นแลว, ความศานติสุขแก่เพื่อนร่วมโลกเธ็!นเบองหนา. ®®© สามสิบหำ การบูชาอนบร?เทธ ฉินรู้ไม่ได้ว่านานกิมากนอยกว่าฉินจะเบี่ดปากชั้น นานมากอยู่. ฉนนํ่งพ้งมิ ได้ปริปากออกสกคำ ปล่อยให้

เรองโดยลำดบ, สำรวมใจตรองตามไป ยึงฅรองก็ยื่งเกิดความย์ศจรรย์ ใจ. จริงอยู่ ฉนเคยได้ยินได้พงเรื่องราวอินเบ็่นของโบราณว่า ทวยเทพ กระทำปาฏิหาริย์พิลึกพิลน เช่นเรื่ องพระกฤษณ์ครํ้งอวตารม แด่ถาเอามาเทียบกไบทื่องกลิมาลใต้ประสบมาในห่าอินน8น, รู้สึกว่า เรองขององคุลิมาลย์ศวรรย์กว่ามาก. ฉนมารำพึงอยู่ว่า มหาบุรุษใด สามารถบำราบบรมโจ แห่งมหาโจรทารุณหินชาติ ให้กล'บเบนผู้มีใจบุญสุนทร ที่พูดก*บฉ อยู่น สำเร็จในช'วเวลาสองสามช'วโมงเช่นนึ. มหาบุรุษนนก จะบำราบสงดุรำยของส็งดุรายที่สุดแห่งธรรมชาติ ซึ่งมีในสกลจก ได้ง่ายคาย. น*นแปลว่า พระองค์จะสามารถบินดาลให้ดวงใจชองฉน ซึ่งเจ็บปวดรอนรุ่มอยู่เสมอ ให้สงบเย็นได้หรือไม่หนอ ใ จะทรง เมฆในราตรีกาล คือความกลุ้มกล’คเหี่ยวแหงใจ ซึ่งผ่านมาบคบ*ง ปะทะดวงจิต ให้กระจายหายสูญไปเพราะแสงสว่าง คือพระโอวาท จะได้หรือไม่หนอ ? หรือ'ว่าบางทีการกำจดอารมณ์รายให้เหือดหา ได้นํ้ เบนชองยากกว่าการบำราบโจร ซึ่งทื่จริงก็เบี่นบญหาทื่ดูเหม จะพ*นความสามารถแห่งน’กพรตผู้อิกคสิทธที่สุค จะแก้ตกได้. สำหรบฉนเองนึกทอใจ คิดเห็นเสียว่าโรคอย่างฉนเบ็๋นส็งที่ แก้ยาก, แด่ก็ย่งอยากจะให้สบายใจเหมือนเขา จี่งอกซกไม่ได้ว่า น’กบวชที่องคุลิมาลเรียกว่า พระบรมศาสดาน*น์อย่ทีไหน, จะไปขอ กวามช่วยเหลือบางอย่างจะได้หรือไม่. 1©ว(^๓

องคุลิมาลตอบท'นทีว่า \" ถูกแล*ว. เธอควรจะไต่ถามความน เบ็๋นชํอแรกที่สุด. อินที่จริงเมื่อไม่ถามชํอนึ ก็จะถามขอไรเล่ เพราะเหตุชํอนึเองที่ฉนมาหาเธอ. เราทํ้งสองต่างเขาใจกนว สมรู้ร่วมคิดในเรื่องก่อกรรมทำเข็ญ, ก็เบ็1นการสมควรที่'จะเบน ร่วมคิดในเรื่องดีๆแด่บ*คน. พระส*มมาส*มพุทธเจากำล่งเสด็จประทบ อยู่ในธ่ภประดู่ลายซึ่งเธอเกยพูดถึง. รีบไปเผาเสียในว*นพรุ่งน ควรไปในเวลาเย็น: เพราะในเวลานไเ พระภิกษุสงฆ์ออกจา ที่เร็นประชุมก่นอยู่ที่เทวสถานเก่าพระกฤษณ์ เพื่ เทศนา, และผู้อื่น ๆ ก็พาก*นไปพง. เพราะในเวลาน8น มีล้ฅบุรุ ท1งหญิงชายชาวกรุง พาก้นไปเผ้า เพื่อสด*บพระธรรโมวาทอินส รุ่งเรืองปานดวงประทีป. ในเวลาเช่นกล่าวนั้ ขึงนาน'ว*นก็ยงมีสต ไปพงก่นมากขน, บางว*นชุมนุมล้นจนคึกดื่น. เรื่องเหล่าน ฉ*นทรา มาแด่ก่อนอย่างถ็่ก่เวพนร.าะเมอกรงย'งเบนกนมืดโมห*,นธ์ใจบาป หยาบชำอยู่ เคยคิดกะการไว้ว่า จะยกพวกไปปล้นส*ฅบรุษ ชมนุมก*น เพราะเห็นว่าชำวของด่าง ๆ ที่พวกส*ฅบุรษนำไป ภิกษุสงฆ์ ก็มีราคา'ใม่นํอิย ซึ่งไม่ควรจะละเลยเสีย. แด่ช ใจความที่มุ่งหมายจะไปปล้น คือประสงค์จะจ*บล้วคนสำค*'ญ เรียกเ ค่าไถ่เบนจำนวนมาก. ท*งยงนึกหวงไว้ในกราวเดียวก่น ว่าเม มีเหตุอุกฉกรรจ์ขํ้นในที่ใกล้ประตูเมืองเช่นนึ กงจะเ

สาตาเกียรติองออกมานอกเมืองเบ็นแน่. ค^วา\\/]ม&ท' ^กดเวคนิคไว้ เมือก่อนที่ติงไม่ทราบว่า สาตาเกียรมืราชการจะติองออกไปในเวลา ไม่สู้ชาน*ก. ดก่อนนางผู้เจริญ, เธอจงอย่าได้ละเลยไปสู่เทวสถา พระกฤษณ์ในเวลาเย็นพรุ่งนํ้ เพราะจะเบื่นทางปลดเปลองความทุ เธอได้. ฉนจะติองริบกก่บไปเสียแต่เดี๋ยวน นี่ก็ติงไม่แน่ว่าจะไ ท*นพงพระธรรมเทศนาบำงหรือไม่. แต่กระนึ่น, ในกลางคืนเดือน หงายอย่างน่ พระสงฆ์ท่านมกจะชุมนุมสนทนาบญหาธรรมก่นสีกซง ก่นอยู่. และอนุญาตให้ชาวบานพ้งได้.” องคุลิมาลกไ)ลา แก่วก็รีบไปท*นที. รุ่งขนก่อนเที่ยง ฉไชวนเมทินีซึ่งเวลานึ่ไปอยู่ก*บโสมท*ฅต์ ผู้สามี. เมทินีรํบปากว่าจะไปติวย เหมือนที่เคยพาก่นไปเมื่อกรํ้ง์ กระโน่น. ก่นที่จริงเมทินีเกยขอให้สามีพาไปที่น์นในเวลาเย หนึ่ง, แต่เกรงพราหมณ์ที่!ภ้น. จึ่งไม่กลาไป. กราวนึ่มีโอกาส: เพรา ภริยาเสนาบดีมาชวน, พวกพราหมณ์ไม่กสิาขดข์อง. เราพาก่นไปที่ตลาด โสมท*ฅฅคอยอยู่ที่น*นก่อนแก่ว เพี่อจด หาของที่สมควรแก่สมณบริโภคสำหร*บถวายพระภิกษุและภิกษุณี, ไ ซอยาแก้โรคไปควยเบนก่นมาก. จ่ายของเสร็จแก่วกล*บบาน, กน่ทา ภาชนะสำหรบบรรจุนํ้าม่นเนยอย่างดี, นาผง นาตาล และของอื อีกหลายอย่าง. แล'วจ่ดเครื่องหอม มีนาอบ ผงไม้จไทน์ กำยาน,

* และเลือกสรรดอกไม้ในสวนอย่างงาม. เตรียมเสร็จแลำ, ถึงเวลาเย็น ที่กำหนคไว้ ให้คนชนของถวายพระขั้นบนเกวียนเทียมควยลา เราน'งในเกวียนอีกเล่มหนึ่งมีหล’งกา เทียมดำยม้าคู่พนธุสิน สะอาด ซึ่งเลื่ยงดำยข่าวเปลือกกางสามบี!ดำยมือของฉินเอง ; แ เคลื่อนออกประฅูเมืองใป. พระอาทิตย์ตกตาถึงยอดหอคอยของเมืองแลำ ส่องแสงจบ ผงธุลีที่ปลิวพุง’ใปตามทางเห็นเบ็่นปรมาณูทอง. ในทางตลอดไปม ผู้คนเบี!นอ*นมาก พากํนึ่ไปเผาพระพุทธองค์อย่างเดียวก’บเรา. ล่วง ไม่ชำก็ถึงปากทางที่จะเข่าสู่สวนบา, หยุดเกวียนลงเดินไป เข่าชองก็ให้บ่าวไพร่แบกตามหล*ง. จำเดิมแต่คืนที่เราต่องจากก’นไป ณ ที่ฅรงนฉินึไ่ม่ได้ย่าง เหยียบในบ่านึ่อีก, ครำบํคนึ่ได้มาก่บผ้ที่เกยมาดำยก้น. แดนอนร่มรื่น รู้สึกชุ่มชื่นซาบร้งเข่าไปในดวงใจ. คลายกํบว่าคว หอมซึ่งอ*ดเก็บไว้ภายในนานมาแลำ จนกลืนน8นงวดข่น์เข่า เมื ออกมา ก็กลายเบ็๋นกลืนมืพิษ กระทำให้ฉินหยุดนึ่งจ’งง*ง. ความรกของฉิน-จะกลบพนขั้นมาอย่างพร\"นพรูเฅ็มที่แลำ มืศ ความระทมมากนขวางไว้. ฉินยืนรวนเรใจว่าจะเดนต่อไป หรือจ หนหล’งกลบเสียดี ะ เพราะทีมานึ่ไม่ใช่มาพนความรกขอ แต่เพื่อแก้ไขความรกนน กลบมีอาการรีๆรอเช่นนึ่ ว

เมทินเกิดความรำคาญ!จุ เพราะเห็นคนอื่นเขามาทีหลง ขั้นหนำ ไปหมด. อนภูมิภาพในบา เวลาแดดฅอนเย็นส่องมีสีด่งแสงทองอ่อน ๆ ลอดเขามาตามช่องดินไม้, เสียงลมพํคฅิองใบไม้ดํงกระเส่าคลา!)ก กระซิบ, ประกอบทงผ้ย่างเขามาในเขต ก็สงํดเสียงมีกิริยาสงบเสงี่ยม, ตามโคนไม้ มืน์กบวชนุ่งห่มเหลือง นํงข์ดสมาธเจริญภาวนาแน่ ชำๆนานๆ บางรูปก็ลุกขั้น มิไค้เหลียวชำยแลขวา เดินมุ่งไปส เดียวกน: ลกษณะเหล่านึ่ ย์งบี่ดิให้เกิดขั้น เห็นความผ อํนเบ็่นใป ในทางศ’กิดีสิทธื้ บ'งเกิดความเลื่อมใส เกิดกำลงวิงชาเดิน ต่อไปได้, ที่งพระวาจาที่พระบรมศาสดาตริสกะองคุลิมาลว่า มนุษย- ชาติที่เกิดมาล่วงกาลหลายรอยช'วอายุกนนก ที่ ไค้พบพระพุทธเจ่า ตริส'ใน'โลก, และนํอยคนนํกิที่เกิดในสม'ยพุทธกาลจะไค้เห็นพระโฉ และพ้งพระพุทธโอวาทจากพระโอษ4โดยตรง ะ คํงนึ่ เขาไปกรอกอยู่ ในโสตประสาทของฉน ด้งเหมือนระฆํงตีในอาราม. ฉํนรู้สึกว่าจะได้ ประสบมงคลที่ผู้เกิดมาภายหล'งนึก,ริษยา. ครนมาถึงที่ว่างกลางบา ซึ่งมีเทวาลยริากง็เฅห1ง็อนยู่, พระภิกษ ภิกษุณี และคฤหสถ์ มาประชุมกนอยู่เบ็๋นอนมาก, ยืนเบ็่ หมู่อยู่ใกล้บริเวณเทวาล'ยราง ซึ่งเห็นอยู่ตรงหนำ. ณ ที่ใกล้แห่งหน อย่ในทางที่เราจะเขำไป มีพระภิกษุหมู่ใหญ่. ในจำนวนน์ ๒ & ต่)

รูปร่างสูงอวบผิดปกติ เมื่อเห็นเขำก็จำไค้ทนทีว่าเบนใคร. ข ยืนหาโอกาสว่าจะเดินฅ่อไปทางไหนดี, ก็เห็นพระภิกษุสงอายุองค ออกมาจากบา ทรวดทรงผึ่งผายสมเบ็1นเชอชาติกบ'ตริย์ มีล่กษณะส พระพกฅ่ร่อี่มดวยศานฅิ. ทนใดน8น ฉนก็นึกขนทนที่ว กระม'งหนอ คือ พระมุนีศากยบฅร ซึ่งเขาขนานพระนามว่า พระ พุทธเจำ. ในพระห*ตถ์กำใบประดู่ลาย ทรงห'นไปทางหมู่พระภิกษุ ซ ฉินกล่าวเมื่อกั้น, และกร'สว่า — กบใบไม้ที่มีอย “ดูกรภิกษุทวง^ หลาย. อนใบ'ใม้ที่เรากำ'‘เว้น ในบาโนน ขำงไหนจะมากกว่ากน?, 9,' พระภกษๆเหลIาน0น-/ กราบทขลวา เ เ ดุ บVไเ&ม้'ใต นพระหํฅฅ์มีจำนวนน์อยกว่าที่มีอยู่ในป้าโน,น, เจ่าขำ.” ณ บดนึ ฉินทราบแล่ว,ว่า ผู้กล่าวน8น คือ พระพทธเจ่ พระองค์กร*สต่อไปว่า— “ดูก่อนภิกษุทํ้งหลาย, ความจริงก็เช่นน1น. สี่งที่เราฅ ไค้เห็นแจ่ง์แล้ว แต่มิไค้แสดงแก่พวกท่าน ย*งมีมากกว่าท แล่ว, มีอุปมาเหมือนใบประ คู่ลายที่อยู่ในมือเรา ก*บที่มีอยู่ในป้า ฉะนน. คูก่อนภิกษุท8งหลาย, เบ็นไฉนเราจึ่งไม่แสดงให้?ไงที่ ก็เพราะไม่เบ็่นสาระประโยชนเพอความหลดพน, ไม่เบนเบองดท้นเห่

พรหมจรรย, ไม่เบ็่นไปเพื่อความหน่ายในโลกีย์. ไม่เบ็๋นไปเพื่อ จางความรกใคร่ยินดี, ไม่เบ็่นไปเพื่อความเย็นใจ, ไม่เบนไปเพี่ สงบ, ไม่เบ็่นไปเพื่อความรู้แจ้ง, ไม่เบ็๋นไปเพื่อความตื่นเต็มท ในทีสุด ก็ไม่เบ็่นไปเพื่อนิรพาณ.” กามนิฅ ออกอุทานขนว่า “อย่างนแหละ: ฅาขร'วแก่ที่ อธิบาย'ให้ฉ'นิพง ก็พูดถกแลว.” วาสิฬี-ตาข“รำแก่ที่ ไหน ?” กามนิต—“ก็นำบวชแก่ ที่ฉ'นเคยเล่าให้เธอพงว่า เมื่อกร ฉ่นย่งมืชีวิตอยู่ในมนุษยโลก ได้สนทนากนในปานช่างหมอ ใกล้กรง าชคฤหคืนหนึ่ง ได้เบ็!นผู้อธิบายหล่กลํทธิของพระบรมคาสคาให้พง ล่อยคำอธิบาย มีหลายประการที่เหมือนกบเธอเล่านิ. วาสิฏฐี —“บางทีจะเบ็1นพระสาวกองค์ใดองค์หนึ่งแห่งพระ องค์ แลวพระบรมศาสดาตรสต่อไปว่า — “ดก่อนภิกษุที่งทลาย, ก็สี่งใดแล ที่เราได้แสดงแก่ท่าน, ส็่ นนกอ ความจริง. เราได้แสดงแก่ท่านแลำว่า ความทุกข์ คืออ เหฅแห่งทกข คืออะไร ความดบทุกข คออะไร และทางคบทุกข กอ อะไร. เหล่าน เราได้แสคงแล่ว. ภิกษุที่งหลาย, ส์งใดเราได้แสดง แล่วิ ก็เบ็'นอนแสคงจบแล่วิ สี่งใดเราไม่ได้แสดง ก็คงเบ็่นรายย่อย รวมอยู่ในความจริงสี่ประการน.” ๒๕๔

เมื่อพระองค์ตริสคํงนึ่แล*วิ ก็แบพระห'ตถ์ ให้ใบไม้ ใบไม้เหล่านึ่ใบหนึ่ง ปลิวลอยลมหมนดํ้วมาใกล้ทิวฉิ ออกไปร่บใบไม้น8นมาได้ ยิงไม่ทินฅกถึงดิน เบนเสมือนว่า ฅรงจากพระห์ฅถ์. ประกองเก็บแนบไว้ที่ทรวงอก, นบว่าเบนขอ ที่ระลึกหาค่าเปรียบมิได้ ในการที่มาไค้พงพระธรรมเทศนาเฉพาะ พระพกตร์. และใบไม้น จะเบ็นเครื่องหมายที่ระลึกติดทิวอยู่สืบไป กว่าชีวิตจะออกจากร่าง. อาการกิริยาที่ฉนได้กระทำไปน เบ็!นเหตุให้พระบรมศาสด ทรงเหลียวมาทอดพระเนตร. ขณะน1น พระภิกษุองค์ที่สูงใหญ่ราวท ยิกษ ลุกขนถวายอภิวาท แล*,วเข่าไปกราบทูลกระซิบ. พระบรมศาสดา ทรงหินมาทางฉินอีกครํ้งหนึ่ง แลวประทานสญญาณอะไรอย่า แก่ภิกษุองค์นน. เธอก็เข่ามาหาฉิน พูดว่า “ดูก่อนนา พระบรมศาสดาทรงกอยทิอนริบอยู่แล*วิ.” เสียงนึ่ ฉินจำได้ เบ็๋นพระองคุลิมาล. พวกเราทํ้งหมดพาก'นํเข่า’ไปเผา ในระยะอุปจารสองสามก*า ถวายอภิวาทโดยเคารพยี่ง คํวิยเบญจางกประดิษฐ์. ในใจฉินเบ จนตนอก. พระองค์ฅรสว่า “ดูก่อนนางผู้เจริญ, สืงชองที่นำมาบ เบนของมีค่ามาก, ส่วนภิกษุสาวกของเราเบนผู้มกน้อย เบนทายาท ๒๖0

แห่งส'จธรรม หาใช่เบึนทายาทแห่งทริพย่สมบ*ตไม่. แต่ทว่า พร พุทธเช่าในปางก่อน ทรงอนุม*ฅริบเครื่องส*กการบูชาจากล่ฅบุรุษ เลื่อมใสใจบุญ เพื่อจะให้เขาเหล่านี่นมีโอกาสได้บำเพ็ญท กุศล. เพราะถาสฅว์ท1งหลายรู้แช่งซึงผลทาน อย่างที่เราแ แม้มีขาวเหลืออยู่เพียงฟายมือเดียว ก็ย่อมแบ่งเบ็่นทานให้แก่ผู้ที่อํตค กว่า หาไค้บริโภคเสียทํ้งหมดแต่คนเดียวไม่. เมื่อรู้แช่งและประพฤ อยู่อย่างนํ้เบนอาจิณ, มํจิฉริยะ ความตระหนี่ที่รํดรึงดวงจิตให้ แนIนก๘จะคลายหายไป. เพราะฉะนน สกการวรามิสที่นำมาบูชานี่ คณะสงฆ์ย่อมริบไว้ดำยดี. เราเรียกว่าเบี่นการบูชาอนบริสุทธี้; เพร ทายกผู้บริจาคก็มึใจบริสทธื้ และปฏิคาหกผู้ริบก็มีขํนธส*นคานบริสุทธ รองริบถูกส่วนกน.” ครนแลว หนไปดร*สกะพระองคุลิมาลว่า “ท่านจงนำสี่งขอ เหล่านี่ ไปมอบแก่ภ*ตดเทสก็ (ภิกษุเช่าหนำที่แจกของสงฆ์). ที่จะไป จงจดหาที่นํงให้แก่พวกสตบุรุษ เพื่อเราจะไค้แส แก่ผู้ ^ น. เมื่อพระองกุลิมาลพาเราไปหาที่นี่งไค้, พวกเราลาดอาสนะ ตรงขนบนไดเทวาล'ย แลวเอาพวงมาสยสวมตามเสาเชิงบนไคซึ๋งปริก หกพงแล่ว. กรนแล่ว ฉนล่บเมทินีหยิบคอกกุหลาบที่บรรจุอย่ใน ตะกรำจนพูนล่นมากระวากกลีบ โปรยลงบนบ*นไคขนด*นๆ ฅอนที่ พระบรมศาสดาจะเสด็จยืนประท*บแสคงพระธรรมเทศนา ๖๑

ระวางน ส*ตบรษผู้มาพง ก็รวมพวกนํงเบนกลุ่ม ๆ ลอมกน เบนวงอฌวินทร์. อุบาสกอบาสิกาอยู่ทางซไย, พระภิกษุ ภิกษุ ทางขวาของเทวาลไ), พวกชาวบไนที่มาใหม่อยู่ตอนกลางน\"งบนหญไ, ส่วนเราอยู่ขำงเสาที่ปรกหกพํง ห่างจากบ่นไดไปไม่กี่กาว. ผู้มาเผาพงพระธรรมเทศนา มีหมดดไยกนประมาณห่ารอย, ลไนมีกิริยาสงบนึ่งตลอดไป เงียบเชียบปราศจากเสียงค่าง ๆ นอกจาก เสียงลมที่กระพือมาเบนคราวๆ แล้วกระทบใบไม้ส้นกระเส่าอยู่เ ๑๑๏ สามสิบหก พระพุทธและพระกฤษณ์ แสงแดดในเวลาเย็นส่องเบี่นทาง ๆ เขำตามช่องโหรงของหมู่ ไม้ ประดุจว่าอำนวยสวิสดีจากสรวงสถาน มาสู่สํฅบุรุษซึ่ เงียบ ตง์ใจคอยสคืบพระธรรมเทศนาในลำเนาบาอนร่มรี่น. แลลอด ขั้นไปทางช่องว่างระวางยอคไม้ เห็นล้อนเมฆที่คืองแสงแดดวิบ่สล้บ่สี เบ็1นชนๆดุงามตา เลื่อนลอยไปในกลางพ้าสีนาเงิน ปานว่าเทพบ เทพธิดามาชามนจมกนเบนอีกบริฟ้ท่หนื่ง. อ'นเท-วาล'ย ซึ่งมีผนไดำกราดไยความชรา ประหนึ่งว่ายินดี รบเอาแสงแดดกำส่งรอน ๆ จวนจะเลือนหายไปจากพ้า เปรียบคไย '๖ ไ20

ชายชราไค้ดื่มนาทิพย์ แลวกลบพนคืนกวาฆกระชุ่มกระชวยฃํ้นฉะนน- ภายล่างแห่งแสงซึ่งเรืองรอง?■เงทองทา ประสมกบเงาไม้กลายเบ็๋ ม่วง แลคูเฅํน,ระยบไปทุกแห่งหน. ถึงเวลาตอนน ที่ประชุมสงบเสียง เงียบยี่งกว่าเก่า เงียบจนดูเหมือนใบไม้ที่เกยไหวก็หยุดเงียบไปค กร8นแล่วิ พระพุทธองค์เรี่มแสคงพระธรรมเทศนา ประทบ ยืนบนข5นบไ;ไคเทวาลโ] ซึ่งแต่กาลก่อนหลายรอย!เมาแลำ บรรพ- บุรุษของเราเคยพากไเมาบชาพระกญษณ์ เพื่ออนุสรณ์ถึงกิจการ กฤษณ์รํบทุกข์ลำบากมาแล่วใน'เลกน, แล่วิผู้บุชาจะไค้มีใจฅ็านทาน ความตรากฅรำโดยยึดพระองค์เบ็1นแบบอย่าง เมื่อฅายแลวจะได้ไปสู่ สวรรค์เสวยทิพยสุข. แต่บดนึ่พวกเราซึ่งเบี่นผู้สืบสายโลหิตจากท่าน บรรพบุรุษที่กล่าวแล่ว ไค้มาชุมนุมกนเพื่อพงสจธรรมชองจ พร ะโอษ^ พระผู้มีพระภาคเช่า แล่วิศึกษาพิจารณาให้เห็นแช่งทาง ดำเนินชีวิตอ*นหมดจคบริสุทธ,. และ'ในที่สด'ให้มีชยชนะเหนือดำฤษณา คือ ความคนรนทะยานอยากต่อสี่งแปรปรวนไปเสมอไม่เบนของกงที่, บรรลุที่สุดแห่งทุกข์ถึงพระนิพพาน. พระองค์ตรสว่า “ท่านที่งหลาย, จงมองดูรูปหินน1น นา ช่างผื่มือเอกกร1งโบราณนานมาแล่วิ ไค้สลกเบ็่นรูปพระกฤษณ์ต่อสู้ ก*บช่าง,” พลางทรงชไปที่รูปศิลาสล่กิแผ่นใหญ่ ห่างจากฉไเไปไม่กี่ มากนำ]ข ช่างหนึ่งจมลงในกอหญ่า อีกช่างหนึ่งมีเสากาไว้. แสงต ไ) ๓

ครงสุดท1าย่1นเวลา-ๆวนจะกา ฉายพุ่งตรงตองแผ่นศิลาห้นเหน็น รูปสล่กชดและจำได้ท*นที ะ คือ รปชายหนุ่มเหยียบอยู่บนศีร ลไ]ลง งาขำงหนื่งถูกชายหนุ่ม คือ พระกฤษณ์กระชากหำสะบ แล่วทรงเล่ายํอนถึงพญากงศ์ เจ่ากรุงมถรา กษ*ฅริย์โห ทารุณ ออกอบายชำชวนพระกฤษณ์ให้เข่าไปแข่งข*นผี1มือเพ รางวำในพระราชว*ง, และบอกกวามล่บแก่ควาญชำง ให้ปล่อยพลาย ศึกตำคุที่สุดออกจากโรงเพื่อส*งหารพระกฤษณ์ ณ ทางจะเข่าไปส แข่งขน. พระกฤษณ์ประหารชำงนึ่น ห'ก,งาเสียขำงหนึ่ง, ในสนามแข่งข*นมืโลหิตอาบท*วกาย, กระทำ'ให้พญากงศึตกใจเบ อนมาก. พระพุทธเจ่าทรงเล่าต่อไปว่า แม้พระองค์เองก็ถกศ*ตร อุบายให้ชำงทีดุเดือดมาประทุษร้ายเหมือนก*น. เมื่อทอดพระเนต เห็นชำงแล่นแปร๋แปร้นปราดมา กล*บทรงกรุณาม*นนำ เพราะถูก มนุษย์ใจบาปกำชหะเอาหอกที่มแทงตามตำ จนโลหิตโทรมหนำอ มิใช่แต่เท่านึ่น ส*ฅว์นึ่ ตามปกติย่อมกลำหาญมีกำล่งมา ตกเบ็่นเหยื่อแก่โทสะบ่าร้ายไม่รูจำผิดชอบเพราะขาดบญญา, ครนถก คนบาปหยาบชำทำทารุณต่อมนเสมอ จนเกิดบำกล่งดีเดือดแล่ว ล่อนให้มาทำร้ายพระองค์. ดํงนึ่ ควรจะได้ร*บกวามสมเพชยี บ่งเกิดพระกรุณาธิคุณพรหมวิหารเต็ม'ในพระกมลสนคาน, พระ ๔

มิไค้มหฤทยสะดุ้งต่ออนฅรายภายนอก, ทรงรำพึ“งถวา่เราาจก บนดาลให้แสงสว่างแม้แต่ช่อยฉายเช่าไป ทำลายกวามมืดมนอนธการ ในชางนน, ก็-จะเบ็่นบจจํย่เบี่คช่องแก่ความสว่างทวีขํ้น'โดยลำดิบ จน ไค้มีโอกาสไป๓คเบึนมนุษย์ และสค*บพระธรรมของพระพุทธเช่า ซึงกรงหนึ่งไค้พยายามประหาร. และพระธรรมนไเ จะเบนเก'รี่อง ช่วยให้มีนพนทุกข์.’, เมื่อทรงพุทธดำริด”งนึ่, ก็หยดพระดำเนินอยู่กลางทาง ยก พระห์ค้ถ์ประทานอภไเแก่ช่างซึ่งกำลิงมุเดือด และค่อย พระบี่ยวาจาอ่อนหวานประโลมใจ. ช้างราย'ได้ยินก็หยุดชะงก ส่าย ศีรษะรองกองโกญจนาทสองสามหน ชูงวงเร่ร่อนไปมาเสมือนช่างที่ถูก อาวุธกำล'งแสวงหาที่พึ่งฉะน1น. กรนแล่ว่มนค่อยย่างชำ ๆ ตรงเช่าไป ยํงพระองค์, พอเช่าไปใกล้ในระยะสองสามช่าว, ก็เช่าเช่าลงเหม อย่างที่เคยย่อให้เช่าของขั้นนํง, แช่วเดินคุ่มโดยเสด็จเช ซึ่งเบ็่นทางที่จะเสด็จ’ไป, กระทำให้ศตรูของพระองค์พรึงเพริดแลค ช่น- พระพุทธเช่าทรงยกเรี่องขนเปรียบเทียบช่วยประการฉะนึ่ เมื่อช่นได้พ้งเรื่องนึ่ และนึกถึงองคุลิมาลที่เมื่อ เจตนาร่ายต่อพระพุทธเช่า แต่กช่บเบนผู้สํ้นพยศ ถวายตนออก บรรพชาเบนพระภิกษุ และนงมือาช่ปกิริยาเคร่งกรค กลายเบนคน 1®)ไ)๕

4 ละคนอยูฅรงชามฉน, ด้งนี ระให้ฉ่นนึกเห็นเบ็๋นอย่างอื่นได้อย่างไ และคูเหมอนทีพระพุทธเจาฅรสจะมุ่งหมายโปรดฉํนเบี่นพิเศษ. เพ ถาพูดสำหรบกูมาพง5 ยกเวนพระภิกษุภิกบเชีกู้พา/)สดแลํว, ก มแฅฉนคนเคยวทีเขา'1ๆ]Iนประเดีนของเรื่องที่ทรงสาธก. กรไนเลว พระพุทธเร่าดร'สเรื่องพระกฤษณ์ต่อไ!] ผ้มีชา เบนจำนวนหมืนหกพนรอยกน ที่บรรพบรบของเราเคยน'บถือบชา เชนนน ณ เทวาลยนี. ด'งได้ยินมาพระกฤษแเริบทรํพย์ศ ท้ง์หมด จากปราสาททาวนรกาสร. และถึงฤกษ์งามยามดีวนหนึ พระกฤษณ์ ได้เทล่านางพรหม'จาริณีทงหมดเบนชายา และสมสู นางเหล่านีในกราวเดียวได้ทุกคน. นางพรหมจุาริณีเหล่ๅนึ ได้หมืนหกพนรอยคน, อาศยที่พระกฤษณ์แบ่งภาคไปสมสู่อยู่ด้ว่ยท กน, ฅางยอมเขา'1จวาพระกฤษถ1โปรดIปสมกรสงๅๅสด้ปกนด้เดีย เท่านน. พระบรมศาสดาฅรสต่อไปว่า “และด้วยประการเช่นเดียๅ เมอ,รา[ดแสดงสจชารม ดอหนาบรบทส กอ ร)กบ ร)กบเช, อบาสก อุบาสกา, ลวนๆ]งกางพงและดางเชาไๆ)รา พระพา']ชเจา,ดแสดงช[รรม นแกทนกูเกยว. แล0,ศระพท!]เจาทรสเรองพระกฤบรชดอ,ป ดาม ความเชอของบรรพบุรุษเรา นบถือว่าพระกฤษณ์ คือ พระเด้ รกบาและถนอมสกลโลก. ดวยกวามกรณาในสรรพสดๅ พระองค์แบ่ง ภาคอวตารจากสรวงสถานมฺาทรมานพระกายในมนุษยโลก. ฉนใดก็ดี ไช๖ไ)

ผายพระองกกไต้ทรงทรมานพระกายแสวงหาวิโมกษธรรมจนได้บรรล พระสมมาสมโพธิญาณตรสเบน,ถูงค์พร2พุทธเจุๅในช8นแรกที่เ วมุฅฅิสุข พระองกทอพระหฤทย ที่จุกแสคงพระธรรมอ้นลํ้าลึกนแก่ ผู้อน ควยทรงเห็นเหล่าประชากรมวเมาวิมลงในความบิน,เทิงโลกิยสข ยากทีจะกลบ'1วิมาเห็นผลการขำมขนจุากสี่งที่ดิค!จุ'ใน'เลก เพื กวามกระหายดินรนอยากได้ใคร่มี คือ ความเกิด. ถ็าจะทรงแสดง หลกธรรมก็ผนกระแสกิเลสของเขา, จะไม่มีใคร ๆ ยอมพงเห็นแจง ได้ง่าย. กรนแล่วิทรงตรวจคูดิวิยพระญาณวิถีอีกกรงหนึ่ง, ก็ทรงเห็น ปานว่าดอกบำในสระ บางคอกยิงอยู่ใด้นึ่า บางดอกขนมาปรี่ บางดอกโผล่พ็นจากพื่นนึ่าแล่วิ. สรรพนรชนในสงสารโลกก็มีล่กิษณะ เสมือนดอกบิวิ ะ ทฺบญญาตํ่าทรามก็มี ที่พื่นฉลาดพอเขาใจทํนก็มี ที่ ปรีชาเฉียบแหลมเชาวน์ไวก็มี. ถานรชนเหล่านึ่ที่พอโปรดไค้ ไม่ได้ยิน ไค้พงธรรมของพระองค์, ก็จะเลยหลงไปในทางผิด หมดโอกาสถอน ตนขนไค้. ถาไค้ทรงแนะวิถีธรรมให้. บางผู้มีผาบินกำบิง์ฅาเบาบาง อาจเห็นแจํงในพระธรรมได้เหมือนก่น. เนื่องดิวิยพระกรุณาคุณเต เพียบในชาวโลกด้งนึ่ จึ่งอธิษ^านพระหคุทยเลิกจากความเบ ขวนขวายนิอย ปลีกพระองค์เสวย'วิมุตฅิสุช ทรงพระอฅสาหะเสด็จ จารึกประกาศศาสนธรรมแก่เวไนยนิกร. ทีพระพุทธเจาทรงสาธก เรื่องพระกโเษณอวตารจากสวรรคเสวย'ชา,ฅิเมึนมนษย ทำกวามสวสดี แก่โลก ด้วยความยากแคน ซึ่งบรรพบุรุษเกยยึดหน่วงเบ็๋นอนุสรณ์ ไ5

สำหรบกระตุ้นใจให้มีกำล่ง อดทนกวามลำบากต่าง ๆ จะได ทำกวามดีนํน ; ก็เพี่อให้พุทธเวไนยผู้บุตรหลานบรรพบุร ได้รู้สำนึกกวามยากแสนเข็ญ ที่ทรงเผยแผ่พระธรรมอินสุขุมคํม่ภีร แล่วและจะได้เกิดพลอินทรีย์ ตานทานความอ่อนแอจากอำนาจกิเ ต่าง ๆ พยายามบากล่นบำล่คเพลิงราคะ โทสะ โมหห้ละ ่บมอด ประสบแต่ความเย็นใจ คือ พระนิรพาน ควย:วิโมกษธรรม. เมื่อพระองค์ตรีสดอนนึ่ ล่วฉินรู้สึกบื่ฅิอ็่มเอิบใจ, เพรา กงเบ็่นผู้หนึซึ๋่งทง รงเห็นว่าเสมือนดอกบำที่ผดขนล่นพี่นนำ และล่วยพระมหากรุณาคุณ ฉินกงปฏิบ่เตโมกษธรรม บรรลุคว หลุดล่นจากเพลิงทุกข์ได้สํกิวไเหนึ่งในภายหนำ. ต่อไปพระบรมศาสดาทรงพรรณนากิจการแห่งวีรบุรุษ พระกฤษณ์ ที่ได้ปลดเปลองความเดือดรีอินลำเค็ญแห่งโลก ทารุณกรรมจากล่ฅวบาป ยงความศานติสุขให้เกิดแก่บรรดาสรรพ แล่วทรงบรรยายเรื่องพระกฤษณ์ปราบงูนำ ชื่อกาลิยะ ฆ่าอริ ผู้แปลงเบนโก และเธนุกาสูรซึ่งแปลงเบ็่นลา และกำจ่ดล่าวพญา ตงอยู่ในธรรม มีพญากงค์และพญาโปณฑรกเบ็่นล่น ; โลกจึ่งล จากยกเข็ญมิคส'ญญี. แต่ว่าในส่วนพระบรมศาสดา พระองค์มิไค้ทรงต่อสู้กำจด ศํตรูภายนอกล่วยเวรประติเวร, แต่ว่า ทรงล่งสอนให้กำจดล ไ)^

ไค้แก่ความโลภ กวามโกรธ ความหลง. พระองค์มิได้ทรงปลดเปลอง ความทารุณกำขทะอย่างโน*นอย่างนี่ แต่ว่า ทรงปลดเปลั้องทุก หมดสนเชิงเท่าน5น. แล*’วทรงกล่าวถึงความทุกข์ ซึ่งมีอยู่ทิ และติดฅามตนไปเหมือนเงา. ฉ่นรู้สึกเหมือนมีใครค่อยผจงยกเอา ความหนำที่ท่วมท'บหำใจ คือ ความทุกข์ในความรำไปที่งเสีย, เหลือ อยู่แต่ความเบาใจเบนความสุข. เกิดความเห็นว่าตำฉ็นไม่ควรสงวน สิทธิที่รํบความสุขนี่ตลอดกาลแต่ผู้เดียว เมื่อกนอื่น ๆ ยำเพีย ทุกข์อยู่, สมควรเผื่อแผ่แก่กนเช่น เมทินี ซึ่งมือาการงงๆในกระแส พระพุทธโอวาท. ว่าแต่สำหรบฉ่นได้เสพความสุขนี่แลำ : ความสุข นี่ไค้เกิดมีแก่ฉํน, คร8นกลี่คลายขยายตำแลำ ก็คงจะล่วงพ*นไป, ตามนำที่พระองค์ทรงแสดง ว่าสงท่ง์ปวงย่อมมาแต่เหตุ, เมื่อถึง กำหนดสนเหตุก็ล่วงไป ๆ. อ”นความแปรผืน'ไม่คงที่นํ้คือมายา, แต่ ความหลงบี่ดน่งมิให้บุคคลเห็นเลย เบ็่นเหตุก่อทุกข์เดือดรอนใ ตราบใดกวามดํ้นรนเพี่อกวามอยากได้ใคร่เบนอยู่ ยำมิได้ถกท จนกระทิงราก, ตราบนํ้นทุกข์ย่อมติดตามไปดำยทุกขณะ บุคคลจะ หนีทุกข์ไม่พ*น. ตราบใดยำปล่อยให้กวามดํ้นรนนีงอกงามอยู่เ ชวนเกิดความปรารถนาต่อ หรือยกใหม่เรื่อยไป, ตราบนน ทุกข์ก็ ยำคงทบถมหนาแน่นอยู่. เมื่อบุคคลยำติดใจในความเบนโน่นเบ็่นนี่ อย่างไม่จืดจาง, เขาย่อมชื่อว่าเบ็่นเครื่องมือเพี่มกำลำความรึงรำตนใ กระชบแน่นในสงสารวฏ, ยี่งจมดื่งในความทุกข์ลงทุกทีไม่มีทางโผล่พ 0^ 7 ๆจุ ไ) ซึ่

ขนได้. เมอฉนเหนแจงด้งน, เลยไม่บ่นครวญความทุกข์ที่ไ และเมอได้พงพระพุทธโอวาทแล่ว, ก็เกิดความสว่างชั้นในใจว่ นีไปสรรพสตวจะไม่จำเบนก่องเสวยทุกขอยู่เรื่อยไบเ ; เพราะ ชำระควงจิตให้ผ่องแล่วิจากมูลเศริาหมอง พ*นความด้นรนอํนเบ็๋ การณแลว ก็ย่อมบรรลุภูมิสํ้นทกข์ที่ง์หมค. และพระพุทธเจ*า ทรงชแจงทางพนทุกข์จากสงสารว'ฎ ก่วิ วิธีกำจดภพ คือ ความเกิด, กำจํคกวามด้นรนแส่อยาก และความหลง ผิดในมายา, ให้สนแลว ก็บรรลุความคบรอบชำง คือ พระปรินิพพา เบนคำชีแจงอนอศจรรย. นิพพานเปรียบเหมือนเบนเกาะโดดเดี่ยว อยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอนเดือดรอนก่วิยความเกิดมา, มีหน*'าผ แห่งชายเกาะน ถูกคลื่น คือ มฤตยูซ*'คสาดไม่เยือกไหว กล*บกระจาย ตีฟองคืนสู่ทะเลหวงสงสารวฏตามเดิม. ในมหาสมุทรนั้มีเรือ พระธรรมแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า แล่นตดไปส่เกาะนนโดยปล อนตราย แต่ก่องผ่ามรสุม คือ ต*ณหา มานะ ทิ!. และที่ทรงกล่าว สถานบรมสุขนน, มิใช่ตรสตามปรมปรา หรือจากกวีผู้รอยกรอง คามความนึกความผนของตน, แต่ทรงแสดงตามที่ได้ทรงประ ตริ'สรู้มาแล่'วก่วิยพระองค์เอง. จริงอยู่ ธรรมที่พระองค์ทรงปริยาย มีอยู่มาก แก่ฉนไ รบการศึกษาทางธรรมมาก่อน ข่ออรรถพงไม่เข่าใจก็มีไม่น'อย เพราะ เบ็1นของแปลก ที่งสุขุมลึกซํ้ง. แม้ผู้มีภูมิรู้สูงก็ไม่สามารถจะเข่ ไชซว)อ

ง่ายในทนที. มีบางข่อบางความ ที่ฉนยํงเขำ'ใจ’ไม่ไค้ เช่นว่า ความ ความเบน และความไม่มี ฑวามไม่เบน ย่อมมีในคราวหนึ่งกราวเดียว ก*น, ไม่ใช่ชีวิฅ แค่ก็ไม่ใช่ว่า’ไร้ชวิฅ. แค่กระนน ฉไเยิงรู้สึกเหมือน ผ้ไค้พงเพลงใหม่ ซึ่งไม่เหมือนยิบเพลงที่เคยได้ยินมา แค่ว่า เพลงที่อาจเบ้าใจความได้บ้าง. ส่วนรสไพเราะนน ชำแรกแทรกซึ เบ้าไปในดวงจิต กระทำให้เหมือนว่าเบ้าใจความได้ตลอดทุกบ้ ประการ. ก็เพลงนึ่นเบ็เนเพลงอะไรเล่า ใ เบี่นบทเพลงที่แจ่มใส บริสุทธปานดวงแบ้วที่สะอาดหมดจด, ซึ่งเทียบก*บเสียงอี่น เสียงเ ที่ได้ยินนึ่คบ้ายมธุรสที่ได้ยินบ้งเวงอยู่แค่ไกล มาจากสวรรค์ อ*นสูงลิบ, บ'งเกิดความปรารถนาอย่างใหม่ ซึ่งไม่ได้นึกผนขํ้ เท่าก*บคนหล*บ เไเ ที่เดิม และตื่นชน ณ ที่ใหม่รมณียสถานฉะน8น. ขณะนน มืดคํ่าลงแบ้ว พระ'บ้นึทร์อ*นส่องแสงอ่อนๆโผล่เบน ดวง'เตมาทางหบ้งเทวาลไย, ฉายเงาเทวาลยนน พุ่งเบ็่นทางคำยาวไป ตลอดลำเนาท่า. ฉ่นกกเข่าประคองอ*ญชลี สงบใจนึ่งพงพระธ เทศนา, น*ยินตาแหงนฃนสู่ฟากพา ซึ่งมีดวงดาวนอยใหญ่ส่งแสงวะวบ แวมอยู่เหนือยอดไม้อไแบนเงาคำถมึงทีง, เห็นแม่คงกาในสวรรค ผ่านไปในกลางหาว เหมือนแม่นาอนเรืองระย*บไหลผ่านไปฉะนึ่น. ขณะนน ก็พลนกระหวดถึงวนที่เราท1งสอง ได้มาพบปะ ณ ที่เคียวกนนึ ได้ให้สตย์สํใบญาบ้แค่อแม่กงกา'1นสวรรค์— ซึ่งเบนที่หล่อเลํ้ยงสระบว ที่เราได้มาพบกนอีกในแคนสุขาวดีนึ่ เบนสวรรค์อนกอปรบเท้งวยบ'น ]^0 นิว) (.ชิ

สุข ทีบรรพบุรุษของเราเคยออนวอนบชาพระกอุษถ่เ — ขอใ ขืนมาอยู่ ด้งที่พระพุทธเจำได้?ๅร\"สมาแล่ว. เมื่อฉ\"นหวนนึกถึงความหล'งด'ง้นึ กล\"บเกิดความเศรำใจ, ความทะเยอทะยานที่ปรารถนาจะไปเสวยความสุขในแคนสขาวดีนนสิน ไปแล,ว, เพราะมีความปรารถนาที่วิเศษกว่า ซึ่งเล็งเห็นด้วยจ'ก เบนความสว่างแต่ราง ๆ ขํ้นบ็างแลว. ความโทมน\"สกวามด้บแด้นใจ ในเหตุที่ความหวํงในกวามรก อย่างยอดยี่งมากระทบอุปสรรคพล'นละลายไป ในบํคนั้ไม่มีแ ได้ยินพระบรมศาสดาดร\"สว่า— ‘'มีเกิดกิมีฅาย ถึงแก่ความทำลายไปจนสิน ; เหมือนก\"บสวนในโลก และดอกพ้าในสวรรค์ก็ย่อมร่วงโรยไป.,, ©® © สามสิบเจค ดอกพาเหยว วาสิฏเกล่าวเพี่มเติมว่า “ดสิเธอ. เมื่อฉ\"นึได้ยินกำดร\"ส พระพทธเจาด้งกล่าวมาแล,ว, ถาพุดสำหร\"!)เธอ ก็ว่าเบ็่นวาทะ ความหวงเสียหมด. ฉ่นรู้สึกบื่ติยินดีที่เห็น'ว่า กำนํ้นเบ็่ เพราะถึงแม้ในสวรรค์น ก็เบ็๋นมายา'ไม่กงที่ เรา'ได้เห็นประ ในบดน.” ไฐ0 ๓)

ระวางเวลาที่วาสิฏจีเล่าอย่น ความทรุดโทรมในสวรรค์ก็ย เกิดเรี่อขไปไม่ขาดสาย ไค้ดำเนินไปเงียบๆ ไม่มีหยุด เบืนอนไม่มี ขอสงสไ]แล่ว ว่าบรรดาสงที่อย่บนน ดลอดจนสรรพลึงที่แวดล่อมอยู่ ย่อมมีความทรุดโทรมเขากรอบงำ ในที่สดก็จะย่อยยิบสูญสลาย ไม่ผิดจากธรรมดา ซึ่งมีอยู่ทวิทุกแห่งหน. ดอกบ่วิ ณ บดน มีกลีบโรยร่วงลงไปลอยอยู่ในน่ามากกว่า ครึ่งแล่ว; ยิงร่วงลงไปใหม่ก็มี. กระทำให้ผู้อยู่บนดอกบ่วิ ซี่งบกน เหลือแต่ผก บ่งเกิดสลด'ใจ เห็นความอวสานพินาศจะมาสู่ตนอยู่ช่ำ แจ้งแล่ว. บางผู้นงกอพบ, บ่างก็เอียงคอตกไปทางไหล่, กายสน สะทำนกล่ายเบนไข้. ทุกคราวที่มีลมหนาวเฉียบ เรี่มโชยมา, ดวง หน่า'ซึ่งเกยมีรศมีรุ่งเรือง ก็ค่อยจางแสงมำซ่วลงไปทีละนอย ดอกไม้ ที่เกยหอมก็ค่อยกลาย กลายเบนกลื่นที่ทำให้อึดอดงงงวยไป. กามนิฅชไปทางลื่งเหล่าน ที่มีอาการวิปริตไปหมด และพูด “วาสิฏ!, เห็นอยู่แก่ตาอย่างน ใครเล่าจะยินดี?” วาสิฏเตอบว่า “เพราะเหตุน บุกกลจึ่งพอจะรู้สึกยินดีฅ่อลื่ง ที่แลเห็นอยู่นํ้ได้ ล่าหากว่าสภาพที่เบนอยู่นํ้ ไม่มีอา และไม่มีสภาพอื่นที่สูงกว่าน. แต่ความ'จริงหาเบ็่นอย่างน่น'ไม่. ย สภาพที่สูงขนไปกว่าน. เพราะสภาพที่เบ็่นอยู่ย่อมมีความทรุดโทร สภาพที่เหนือนนขนไป หามีความทรุดโทรม หรือมูลเหตุแห่งความ ทรุดโทรมไม่. สภาพที่เบ็,นอยู่เดี๋ยวน พระบรมศาสดาตร ไ2)๓)๓

สภาพแห่งความสขอนไม่คงที่, และเพราะเหตุนํ้ พระองค กำเห็นแจ่ง'ว่า สืงท่งหลายที่เกิดขั้นย่อมถึงความสลายในที่สุก, ก*บ’ได้รู้ถึงสึงที่ไม่เกิด.” กามนิฅได้พ้งดํงคนวํงหนำค่อยแจ่มใส เหมือนดอกไม้ กำล้งจะเหี่ยวเพราะขาคนตำ,องฝนโปรยลงมา กล*บสดชื่นฉะนน ได้พูดว่า — “วาสิฏจี, ขอความสว*สดีจงมีแก่หล่อนเถิด. ฉนจะพนความ ทุกข์ได้ก็เพราะหล่อน. เวลานํรูสึกในความจริงขั้นบำงแล้ว. ผิดมาแล้วแค่เดิมก็ค็วยข็อน คือขอ์ที่ปรารถนาสุขสมปติชนิดที พอ: เราม'วปรารถนาแค่ความสุขฺในสวรรค์ ซึ๋งดามสภาพ ย่อมมี กวามทรุดโทรมและทำลายไป. สึงที่ทรงความเบนอยู่กงที่ เบนจำพวกดาว ซึ่งโคจรไปดามวิถีแห่งกฎที่ยํง้ยืน. ดซิ, วาสิฏฐ สึงทง์หลายที่เห็นอยู่รอบตำเรา ปรากฏว่ามีความทรุดโทรม งำ. แค่'ว่าแม่นำน์อยนน ซึ่งเบ็๋นก็งลำธารของกงกาสวรรค์ ไ สระของเรา มีนำขาวบริสุทธ รุ่งเรืองด'งควงคาว จำนวนนำก บกพร่อง คงมีสมบูรณ์อยู่เสมอ ก็เพราะนำนํไหลมา น่าจะพยาย่ามตงความปรารถนาไปเก๊คอยู่ในหม่เทพประจำคาว เ หนีให้พํนจากโลกที่ตายได้.” วาสิฏิจี — “เหตุไฉนเราจะสามารถไปโลกนํนไม่ไค้ ใ เพรา ฉนได้ยินมาแน่นอน ว่าพระโยคาวจรผู้มีเพียร ทำความบำเพ็

เพ่งเลงต่อพรหมโลก ย่อมไปเกิดในแดนน*นได้. ถึงเวลาน ก็ยงไม่ล่วง เวลาทีเราควรมุ่งหมายไปเกิดในโลกน8น. เพราะในบทล้งคีตของพระ ภควฅ (ภกวดดีตา) มีอย่บทหนึงว่า — “เมื่อปรารถนาภพหนำใด ขณะจะตายจงเพ่งไว้ในใจให้แน่ว แน่, จิตก็จะไปจุติในภพ ตามล้กษณะที่ปรารถนาไว้.” กามนิฅ — “วาสิฏฐี, หล่อนให้สติฉน ให้มีกำล้งใจกล้ อะเรหมด. ขอให้เราต1งควงจิตเพ่ง เพื่อให้ไปเกิดใหม่ในพรหมโ เถิด.” / เมื่อทงสองตกลงใจ ในทินใดน*น มีพายุใหญ่พ่คมาทางสุม พุ่มไม้ และในสระ กระท้าให้ดอกไม้และใบไม้ร่วงหล่นปลิวว่อน. ผ อย่บนผกทิว ก็ช,กเครื่องนึ่งห่มชิดสนิทกาย มีอาการส\"นเทีม. กามนิต และ วาสิฏฐี รู้สึกอึดอืดใจ กล่ายถูกสำลกกลี่นหอมที่ อดแน่นอยู่ในห้อง. กรนแล้วก็รู้สึกชุ่มชึ๋นใจ คล้ายล้กษณะที่เ หนำต่างห้องให้อากาศใหม่เล้าไปสู่, เพราะได้กลี่นอากาศ ที่มาจากผงคงคาสวรรค์ ซึ่งเคยสูดมาแล้วกรงหนึ่ง. วาสิฎเ — “เธอล้งเกตอะไรหรือไม่ ?” กามนต - ไบ็๋นอาการเชอเชิญแห่งคงคาสวรรค์. พงซิเธอ, มาเชิญเราแ2^ล5)้ว.' ขณะที่กามนิตพูด เสียงโอดครวญของผ้อยู่ในสวรรค์ก็หายไป เพราะมีเสียงถึกกองมากลบไว้. เสียงนึ่ เขาท*งสองจำได้เบ็!นอย่างดีว่ - เบนเสียงคงคาสวรรค์.

วาสิฏจีพูดว่า \"ก็ดีแลิว; เรารู้ทางไปอยู่แล่ว. เ อยู่หรือใ\" กามนิฅ — ‘กลำทำไมใ เราไปกนเถิด.” แล่วทงํ้สองก็ลอยลี่วไป, ประดุจนกคู่ผํวตำเมียที่บินแล่น จากรำทวนลมไป ฉะน8น. บรรดาผู้อยู่ในสวรรค์ตะลึงมองเขาท1งสองดำยกวามประห ใจ ที่เห็นว่าทํ้งสองยำมีกำลำกล่าหาญเลื่อนลอยไปได้อีก. ครื่นทํ้งสองเลื่อนลอยผ่าพายไป, ทางกานทลำเกิดพาย บรรลไเยุค หวนพํคหอบเอาสี่งต่างๆ ในแดนสุขาวดี รวมท1งํ้ผู นนถึงความสํ้นลง เพราะความทรุดโทรมเขำครอบงำ รุกเงียบๆ นานแล่ว คำยประการฉะน. ที่งสองเลื่อนลอยสีวๆ ไม่ชำนาน ผ่านดงตาลแล่วเลยไป เห็นทางขำงหนำ เบนผืนนาแห่งแม่นาของแสนโกฏิจกรวาล ขาวด เงินยวง มีชอบเขตจดไปถั๊งขอบสวรรค์อนอยู่ไกลแสนไกล เห็นเบ็น เล่นสีนาเงินแก่. แล่วที่ง์สองลอยขำมนานํ้นไป, ในทิน ซึ่งมีอยู่แต่ในที่นนพคพาไปรวดเร็ว ดำยกวามเร็วแห่งพายที่พํ เมื่อถูกความเร็ววำเบ็่นเครื่องบำกำให้แล่นฉูดไปปานสายพา ประกอบกบไค้ยินเสียงอู้แห่งพายุ ซึ่งดำคลำยเสียงพ้าล่ เสียงระฆำขํ้นในทนทีทนใดไม่ทินจะรู้ตำฉะน ต่างก็สํ้นสมฤดี ปวตฅริฅพรอมกนที่งคู่. ๏๏ โสุอ ส่ไ)

สามสิบแปด พรหมโลก กามนิต และ วาสิฏสิ ก็ถึอปฏิสนธิในพรหมโลก เบ็1นเทพ ประจำดาวแฝด. อาตม“นของกามนิต เข่าไปสิงสถิตรวมประสานก*บ คุณลกษณะแห่งดาวอ*นรุ่งเรืองสมส่วนสนิทสนม กระทำให้ควงดาว นนเหมือนก'บ่มีชีวิฅขํ้น อาศ”ยมโนมยฤทธื้ของกามนิด ผู้มเหสกข์เบื่น เครื่องบ่งคบ ดาวน*นึ่จึ่งหมนรอบดํวยฅนเอง. และอาการเคลื่อนหมุ ไปน คือ ล*กษณะความเบ็่นอยู่แห่งกามนิฅ ในพรหมโลก. อีกประการหนึ่ง รศมีวาสิฏฐีในดาวอีกดวงหนึ่ง เปล่ กระทบดวงคาวกามนิฅ และร*ศมีกามนิดก็ฉายไปจบคาววาสิฏฐี. ถอย ทีค่อยแผดร*ศมืประสานก*น, ดาวแฝดก็หมุนตามก*นไปในจดหมายแนว เดียวกน จนแสงน1นระคนปนก'น เบ็่นส'ญญาณว่าท8ง์สองมีความร'ก ร่วมปฏิพ่ทธ์ต่อกนแน่นแพ้'น มิได้ออกจากกนไปเลย. ควยทิพยานุภาพสม*นฅจํกษุ ทํ้งสองอาจมองดูรอบคานไค้ใน คราวเดียวกน. เมื่อมองดูไปในแดนวิศวากาศอนหาเขตมิได้ ก็เห็ คาวเทพส่องแสงอยู่พร่างพราว มีจำนวนน*บ่ไม่ถ็วน. ในหมู่ดาวเ เหล่านึ่ ต่างรวมก*นเบี่นราศี ปรากฏเบนทอดๆกนไป. ต่างมีทางเ เบ็๋นส่วนๆกนเฉพาะหมู่. กามนิฅและวาสิฏเอา?เยดาวกู่แห่งตน ก็ โคจรไปในวิถีแห่งหมู่คาวทงหลาย เวียนก*นไปรอบๆโดยลำด้บ่ฅาม 1*0 ๓) ๓)

ดารากฅิ คลไยกบข้ดิน*ดกไนไว้. ค่างไม่เดินเข้าไปใกล้ก*นนก หรอเ ห่างไกลกนนก แลดเหมือนจะมีสมานฉํนทฤทธบอกรู้ถึงก่นโดยกระแส มโนญาณ ว่าจะควรมีคติทางไหน จึ่งจะได้ระยะกน. อนทางโคจรที่หมู่ดาวหมุนเวียนกํนนํ้ ย่อมมีจุดที่มุ่งหมายใน การเวียนรอบ คือ ท่าวมหาพรหมผู้สถิตอยู่ท่ามกลางแสนโกฏิจ มีริศมีอํนวดไม่ถึง แม่ซ่านไปสู่หมู่ดาวเทพที่งปวง. หมู่ดาวเหล่าน เบึนค่ง้แว่นฉายอ'นน'บ’ไม่ลิวน ได้รบแสงจากท่าวมหาพรหม แลวก็ ส่งสะท่อนกล*บไปสู่ท่า'วมหาพรหม คือ พระผู้ทรงพลฤทธิมหานภ อ*นหาหมดเปลืองมิ'ได้. อนคาวเทพเคลื่อนเวียนไป ก็ด็วยได้เดชานุ มหิทธิพลาดิศํยมา-จากพระองค์. เพราะฉะน'แ คาวเทพท*งหลาย ได้เวียนรอบท่าวมหาพรหม ห่างเลยออกไปไม่ได้. แม้ว่าดาวเทพที่งหลาย อาศไ)มหิทธานภาพท่าวมหาพรหม บรมมหาฅมนเบนจุดกลาง จึ่งสืบชีพรุ่งเรืองน์บท่วยอสงไขยกลปก็ อยู่, แต่พรหมโลก ซึ่งดประหนึ่งว่าหาเขตมิได้ เมื่อปรากฏ แลํว ก็ย่อมมีสุดสํ้นลงตามธรรมดาวิสย. และโดยเหตุที่ระยะกาลใน พรหมย่อมดำเนินไปเงียบ ๆ, เปรียบดงนาใสสะอาด ที่ไหลเอื่อยไป ตามลำธารโดยราบรื่น ไม่มีสี่งอะไรกีดกนให้ขาดระยะลงกลางคน เลยทำให้เห็นว่าพรหมโลกน่น หากาลกำหนดมิได้. แท้จริง ลํกษ ที่ว่า หากาละไม่ได้นน ก็ลวนเบนมายาที่งเรื่อง. ๏๏๑

สามสิบเกา ความมวมดแห่งโลกานุโลก อยู่มากาลหนึ๋ง ก'โมนิฅบงเกิดความรู้สึกรำคาญใจ เพราะ กวามกทำงเควิงว่างเปล่า ไม่มีอะไรทำ. ความกิดก็หวนไประลึกเองถึ ทำวมหาพรหม ซึ่งเบ็่นมูลแห่งบรรดาความบริบูรณ์. ความรู้สึกน ไม่ได้เบนขนชํวขณะหนึ่ง แล่วิทายไป, แต่ว่า กงทวีย็งชนจนกาลไค้ ล่วงไปแล่วิโดยลำดิบ นํบไค้''หลายอสงไขยวิ,ลป. สมควรที่กามนิฅจะรู้สึกต่อความเบนอยู่ในพรหมโลกคงที่เรื่ เสมอไป เสมือนกระแสธารอนไหลเจํ้อยไม่ขาดสาย. ก็กล่บมา กระทบกึก ประหนื่งลำธารนนเกิดเกาะผดขนกลางนา กระทำให้ กระแสไหลมาปะทะขาดตอน; สะดุดใจเห็นเกาเงื่อนเบนอดีฅ และ อนาคต คือ เบํ้องดินและเบองปลาย ในกาละแท่งพรหมโลก ซึ่งเดิม เทำใจว่าเบ็่นอน'นฅกาล หาเขตตนปลายม่ไค้. แล่วิภามนิตดูเหมือน จะแลเห็นทำวมหาพรหม ในบดนี่ไม่ส่องรศมีรุ่ งเรืองเหมือนแต่ก่ กามนิฅล่งเกฅคูทำวมหาพรหมมาเบนเวลาได้เทำโกฏิบี่ เห็นว ความเบ็่นอยู่แท่งทำวมหาพรหมจะคงที่ก็หาไม่, จึ่ง หนไป วาสิฏ!, ก็เห็นวาสิฏ! ล่งเกตเพ่งดูทำวมหาพรหมอยู่ทำนองเคียว กามนิดให้หวนใจ และเกิดความรู้สึก มีความตรึกนึกเบน'วจีล่งขาร แลวก็เกิดอาการกล่าววาจาออกมาไค้, จึ่งพูดว่า “ว'าสิฏเ, หล่อนก็ ล่งเกฅเห็นควยหรือ นี่ทำวมหาพรหมเกิดเบ็๋นอะไรไป ใ”

ล่วงมาสี่โกฏิบื่ วาสิฏ! ยอนถามว่า “ทำวมหาพ อะไรไป ดูรํศมีมวลง, ทุกที?” ทนใคนน เบนเวลาหาโกฏิบ กามนิตจึ่งกล่าวรบ'ว่า เห็นเบ็่นเช่นนน.” กร1นล่วงมาครู่หนึ่งราวพนล่านโกฏิบี่ กามนิดพ “ฉนดุเหมือนรํศมีทำ'วมหาพรหมกล*บรุ่งเรืองขํ้นอีก.” ล่วงมาเจ็ดโกฏิ!] วาสิฎ! จึ่งได้ตอบว่า “รศมีของทำว พรหมห าได้ทวีขํ้นไม่ กลบจะมวลงทุกที.” กามนิต'จึ่งนี่งอ*นอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งเบ็!นเวลาสอ แล่วกล่าวว่า “ฉนสนเท่ห์ใจนก ว่าที่เบนอย่างน้ จะห อย่างไร ใ” วาสิฏฐีถอนหายใจอยู่เล่าแสน'โกฏิบี!, ตอบว่า “หมาย ว่า รศมีของล่าวมหาพรหม กำล่งตกอยู่ในอไเตราย ที่จะหมดไปโดย ไม่มีเพี่มเติม.” กามนิฅฅกตะลึงไปเจ็ดแสนโกฏิบ, ได้สติขนมา ล่านว่า ไปไม่ได้, วาสิ!)!, เบนไปไม่ไค้. ล่าเช่นน1น, ความสว่างรุ ที่มีอย่ในพรหมโลกนึ่ที่งหมด จะเบนอย่างไรต่อไป ใ” วาสิ!)!หวนนึกถึงความเก่าอยู่แปดพน,โกฏิบี่, กำละหมื่นบีว่า “พระองค์คงจะทรงเห็นความจริงล่อน จึ่งตริสว่า—

“สูงล็่วไปจนถึงความสว่างอนลาเลิศแห่งสวรรค์ มีเกิดแล ก็มีดิบ. ะ ย่อมคบเสีย จงร้ไว้เถิดว่า ความเบน'ไปในอนาคตนนแล จนกระทํงรํศมีมหาพรหม.” ล่วงมาเบนเวลาอีกเล็กนำ)ย ราวสองสามพนโกฏิบี กามนิฅ ถามดำยอาการวิตกว่า ใครเบีนผ้กล่าวกำอนน่ากลำ ทำลายความ หวงของโลกน3นใ” วาสิฏเตอบโดยเร็วในเวลาสามโกฏิบีว่า “ก็จะมีใครอีก นอก จากพระบรมศาสดาพระสพพํญญูสํมมาส'มพุทธ2^เจาๆ') ? กรนแลำ กามนิตก็บงเกิดความตรึก นึกในกำฅรํสของพระ พุทธเจ้า และพิจารณาอยู่เบีนเวลาชานาน ราวแปดแสนโกฏิบี. ก็ ข ร& ลึกถึงเรื่องต่างๆ ได้หลายอย่าง, จึ่งพุดว่า “วาสิฏมี, ครํ้งหนึ่ง เมื่อเรายำอยู่ในสวรรค์สุขาวดี, หล่อน ได้นำพระพุทธวจนะขอหนึ่งมากล่าวให้พง. ความก็สมจริงดิงที่ฅ และเราก็ได้เห็นอยู่กบตาเราเอง; และฉนย่งจำ’ได้ทุกประการ กำฅรสของพระพุทธเจ้า ที่หล่อนนำเอามาเล่า. แต่ก็ไม่ปรากฎว่า หล่อนได้นำประโยคอนมีขอความทำลายความหวงของโลกนึ่ มากล่า ไว้ดำยนี่. หล่อนได้ยินกำตรสของพระพุทธเจ้ามากกว่าที่ แล่วหรือ ?”

ส,กเจ็ดสิบหำโกฏิบี่ วาสิฏฐีตอบว่า “มากท ไค้ไปเผ้าพระพุทธองค์ทกวํน เบ็่นเวลากว่าครึ่งบี1มนุษย์ ไค้พง จนกระทำคำตรำของพระองค์ในกร1งสุคทาย.” กามนิฅจ่องมองควาสิฏจํเคิวยกวามประหลาดใจ และคิวยก เคารพอยู่สองแสนโกฏิ!! แล้วกล่าวว่า — “ล้าเช่นนน และเพราะเหตุนั้เอง ที่ฉินเชื่อว่า หล มีบญญากวามรู้สงสุดยี่งกว่าใคร ๆ ในพรหม'โลกน. เพราะดาวเทพที อยู่รอบคิวเรา มีแสงหลำ ๆ ลง, แม้แด่ทำวมหาพรหมเอง ก็มีรํศมี ออกจะด่านๆไป. เบนลำษณะให้เห็นว่า สี่งท*งปวงก็จะตำงถ ความเสื่อมทำลายไป ฉินเชื่อแล้,วว่า ที่หล่อนกล่าวเบนอ’นถูกคิองแ โปรดเล่าเรื่องพระพุทธเจ่าที่หล่อนยำจำไค้ เพื่อฉินจะได้รู้แจ จริง บำเกิดจิฅญาณเบนปกติแน่วแน่เทม่อนหล่อน. หล่อนได้เล่ ถึงเรื่องที่องคุลิมาลใด้บรรพชาเบ็่นภิกษุ, แด่เรื่องที่องคุลิมา ฉินถึงกรุงอุชเชนี เพราะอะไร ฉินยำไม่ทราบ. ที่องคุลิมาลไปปรากฏ ตนให้เห็นในกรงอุชเชนีกร1งกระน1น เบนเหตุให้ฉินถือเอาซึ่ง แสวงการบุญ ไม่ตกไปในทางผิด จนไค้ขนไปเกิดอยู่ในสว รรค์สุขาวดี. และอาศยกวามช่วยเหลือของหล่อน จึ่งไค้ขั้นมาอยู่บนพิภพชื่นส เสวยความสุขในความเบ็!นมเหสำขเทพ นบเวลาไค้หลายอสงไขยกำป. ฉ่นมีสำหรณ์อยู่ว่า ที่ฉินสละเคหสถาน ถอเอาพรตส*ญจาริก ก็คง เพราะหล่อนเบ็๋นตนเหตุ, เพราะฉะนน จึ่งอยากรู้ความจริงในเรื่องน ไ®อ ^ะ* ไ®จ

นก. และเพราะเหตุไฉน หล่อนเองเบ็!นผู้ช่วยฉนให้ขํ้นอยู่บนสวร สุขาวดี และตำหล่อนกํขํ้นมาอยู่คำย, จึ่งไม่ไค้ไปสู่สวรรคชนที่สูงไป กว่าน1น ?” บ วาสฏฐ^๘กเลIาเร^องเมอกรงย(เง/ เบ๘!นมนุษย เพียงแปดแ อยู่ ต่อไปดั๋ง์น — ๏ ๏๏ นสสิบ ในสุมทุมพู่มไม้พระกฤษณ์ นบแต่เย็นวไแเรกที่ได้ไปเผาพระพุทธเจา ฉํนไม่ละเลยที่ ไปย'งเท'วสถานพระกฤษถ!, ย็งไค้พ้งพระธรรม ซี่งพระองค์เทศนา โปรด หรือพระสาวกองค์ใดองค์หนึ่งแสดง ความเลื่อมใสก็ยี่งเพ็่ม พูนขนน. ระวางที่สามีฉนไม่อยู่ ความที่ประชาชนในกรุงโกสมพีหวาด สะดุ้งกลำองคุลิมาลจอม'โจรก็ย็่งทวีขน. เมื่อ'ไม่ไค้ข่าวคราวองคุลิมาล ว่าไค้ไปปลนสะดมขนใหม่ที่ไหนแลว, ประชาชนก็ปรบทุกข์กนจอก แจก คิดไปต่างๆนานา. ขณะนึ่ มีข่าวกระจายมาว่า องคุลิมาล จะไปบ1ลไเที่สุมทุมพุ่มไม้พระกฤษณ์ในเย็นวนหนึ่ง คองก คนสำคญที่ไปประชุมกน รวมที่งพระพุทธเจำดำย. ถึงตอนนึ่ รา ตื่นเต็นตกใจเบนอลหม่าน, ต่างเบนทุกข์ริอนอย่างยงว่า ถามีเหตุภย ๒๘๓

อะไรขั้นแก่พระพุทธเข่า ปล่อยให้โจรใจทมิฬเข่าไปทำร ใกล้ประตเมืองได้แก่ว. เทวดาจะพิโรธ ลงโทษคนในกรุงวินาศห ประชาชนเบ็๋นจำนวนมาก พากนไปอออยู่ที่ลานห พระราชวง รองทุกข์ ขอ'ให้พระเจาอเทนทรงบำบํคเหตุริายนํ และกำจดองคุลิมาล อย่า'ให้มีความเดือดริอนอุกฉกรรจ์อีกต่อ'ไป. ในว'นรุ่งขั้น สาตาเกียรกก่บมา. พอถึงก็ยกบุญยอกณ ขนานใหญ่ ว่าไค้ริบคำแนะนำอย่างวิเศษจากฉน เขาจึ่งพนภ กลไ]มาถึง!ก้นไค้โดยสวสดี. นางวชิรา ภริยาคนที่สอง อ น*อชมาตอนริบ, แต่สาตาเดียรพุดควยสองสามคำบอกว่ามีธุระ สำคํญที่จะตองพูดกํบฉํน- กรนอยู่ควยกนสองต่อสอง สาตาเกียรก็เริมพูดถึงคว กวามใคร่อีก ซึ่งกลบให้ฉํนรำคาญ ขยะแขยงใจ, ได้บอกว่า ต8ง์แ จากไปให้คิดถึงตลอดทาง พอกก่บมาเห็นหนำก็แสน'จะปลม,ใจ ที่ได้ อยู่ร่วมก่นอีก. กำก่งฉนํจะบอกข่าวที่เกิดตื่นเฅนํขั้นในกรง เพ เรื่องพูด, ก็พอดีคนใช้นำจางวางมหาดเล็กเข่ามาหา บอกว่าพระเข แผ่นดินมีโองการให้เข่าไปเผาเดี๋ยวน. ล่วงมาสกช'วโมง สาตาเกียรกลบ มีอาการกิริยาเบ็่นกนละกน: หนำ'ซีดบุดบํ้งฟ้ามาหาฉํน กระแทกฅวลงบน'เก่าอต่วิตา กรื่าครวญว่า เขาเบ็๋นคนมีทุกข์ริอนที่สุดโนกรงโกสไพี

พลำตกจากตำแหน่งสูงลงไปเบนยาจก, หรือยี่งไปกว่านน จะตองโทษ ข*งกุณขำเครื่องจองจำ, หรือไม่เช่นนนก็ถกเนรเทศ. และตนเหตุที่ จะเบ็๋นขนที่งนึ่ทํ้งน่น ก็เพราะเคราะห์กรรมที่มีความร*กใคร่ปานชีวิฅ ในส่วนตำฉ*น; แฅ่ฉนมิไค้ตอบแทนความรกเขาแม้สกนอย. ฉ’นวิงวอนให้เขาเล่าเหตุการณ์ เบึนหลายกร1งื่หลายหน, จน เขาสงบสติอารมณ์ลงปางแล้ว จึ่งไค้เล่าเรืองที่ไปเผา, พูดพลางแสดง อาการโทมน*สเสียใจ เช็ดเหงื่อที่ ไหลเยํ้มหนำผากไม่หยุดมือ. เรื่องเบ็๋นคํ่งืน่ พอไปถึงและเขำเผ่า พระเจาแผ่นดินมิไค ตำนร*บตามเกย แม้แต่เรื่องที่ไปชำระสะสางกดีที่หมู่ปานวิวาทก ก็ไม่ทรงพง, เรืมขั้นก็ตริส'ให้สาตาเกียรร*บสารภาพเรื่ององตุลิมาล ตามส*ดยจริง มิฉะนนจะลงราชอาญาอย่างหนก. สาตาเกียรเขำตาจน ตำงกราบทูลความจริงโดยชื่นตา. ซามาสารภาพรำผิดฅ่อนํน,คำย โดยไม่สำค*ญกิคแม้นิดหนึ่ง ว่าฉไเทราบมาตีแล้,ว. ลงทายบอกว่า ที่ ทำไปแล้วทงนึ่ ก็เบนเครื่องพิสูจน์ให้เห็นความรกของเขา ว่า แก่ฉนลนเหลือเพียงไร, แล้วพูดข่มความรำที่ฉํนมีอยู่ในเธอ ว่าเบน ความรกเพียงหนุ่มส่าวที่กำล,งแรง ย่อมเบนไปชวแล่นเท่านน. เหตที่เรื่องจะไปทรงทราบถึงพระเนตรพระกรรณพระเล้าอเทน เบ็่นดํง้นึ่ ะ ระวางเวลาที่สาตาเกียรไม่อยู่ในกรุง, เล้าหนำที่ตำรวจจำ พรรคพวกองคุลิมาลได้กนหนึ่ง. เมื่อได้ไต่สวนปากกำกนอย่างถี่ถำน,

จึงได้ความแน่ว่า โจรที่ให้เกิดตื่นเล่นล่นอยู่นี คือ ความจริง องคุลิมาลไม่ได้ถูกทรมานตาย อย่างที่ประธานมนตรี สาตาเกียรเพ็ดทูลไว้ แต่ว่าหนี ไปได้. กบย่งได้สารภา ที่ทราบว่า องคุลิมาลดำริจะไปปล่นเทวาล'ยพระกฤษณ์. พระเจาอ ทรงทราบกวามจรง ก็ทรงพิโรธเบ็่นที่สด เพราะสาตาเกียรจงใ ปล่อย'ให้ผู้รำยสำคญหนีไปได้ เบนขอที่หนึ่ง, แล่วฅํ้ง์'ใจหลอ ท1งกรง ตลอดจนพระเจ่าแผ่นดิน โดยเอาศีรษะปลอมไปเสียบ ว่าเบนศีรษะองคุลิมาล เบ็่นประการที่สอง. พระองค์ไม่ทรงพงกำ ฅำอย่างไรหมด, นอกจากกาดโทษว่า ล่าภายในสามวน ไม่กำจ' องคุลิมาลไค้ด\"งที่ประชาชนล่องการ, สาตาเศียรเบนล่อง’ได้ร\"บ ม่พอพระหฤทํ11อย่างย็ง ย์น่เบนผลที่จะมาสู่ตนอย่างอุก เมื่อสาตาเกียรเล่าเรื่องให้พ้งแลำ, ก็ฅีอกชกตำล่องไห้ กนไม่มีสติ. ฉํนจึ่งพูดว่า “ขอ'ให้ระงบทุกข์รีอนเสียเถิด. ล่ บอก, อย่าว่าแต่สามว\"นเลย, เพียงพรุ่งนเท่าน1น ก็จะก พระเล่าแผ่นดินโปรดปรานอีก และจะมี โชคลาภดียึงขนไปกว่า ดำย.” สาตาเศียรเผยอตำขนน\"งตรง ล่องมองคูฉนกล่ายก*บไค้เ อะไรแปลกผิดปกติ, รีบถามว่า. “ที่ว่าจะแนะน่านน คือให้ทำอย่างไร ?” 1®ส่๖


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook