Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กามนิต

Description: กามนิต เป็นวรรณกรรมประเภทนวนิยายอิงพระพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงมาก ประพันธ์ใน ค.ศ. 1906 โดยคาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป นักประพันธ์ชาวเดนมาร์ก ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมใน ค.ศ. 1917 หนังสือกามนิตได้รับการยกย่องให้เป็นหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน ฉบับภาษาไทยแปลโดยเสฐียรโกเศศ–นาคะประทีป ในปี พ.ศ. 2473.

Search

Read the Text Version

“ขอให้เธอกลไ]ไปเผา ทูลเชิญเสด็จไปยิงบืาประดู่ลาย ที่อ พไเประตูเมืองให้จงได้. เมื่อไปถึงแลว ให้เสด็จเขาเผาพระพุทธ ที่เทวาลํยโบราณ แล,'วทูลถาม ขอพระอนุเคราะห์จากพระพุทธองค์ ส่วนอะไรๆ นอกนน ก็จะเบ็๋นไปตามเรื่องเอง.” ''หล่อนเบ็นหญิงที่มีบญญามาก. จะอย่าง'!รก็ตาม คำแนะนำ ของหล่อนน์บว่าประเสริฐอย่างยี่ง. เพราะพระพุทธเจา เขาลือกน เบ็1นผู้ทรงพระบญญายอดเยี่ยมยี่งกว่ามนุษย์ท1งหลาย. ถึงจะไม่ได้ผล อะไร ก็น่าจะลองค.” “สำหรบผลที่จะได้ ขอร้บรองส่วยเกียรติยศของฉิน.” สาตาเกียรลุกขนจบมือฉน พลางพุดว่า “วาสิฏฐี, ฉินเชื่ หล่อน มือย่างที่ไหนจะไม่เชื่อ? หล่อนเบนหญิงวิเศษแท้ๆ. เดี๋ ฉินมารู้สึกว่า เดิมฉินเขำใจผิดถนด เพราะเวลาน1นยิงหนุ่ม มีความ คิดนอย แท่ก็เบ็๋น?!วยบุพเพสนนิวาส ที่จำเพาะเจาะจงเลือกเธอใน หมู่นางงามของกรุงโกสมพี. ถึงว่าเธอไม่สู้มีมิตรจิตแก่ฉิน, ที่ฉินจะ เหินห่างจากความรกในฅว่เธอต่อไป เบนไม่มีอีกแส่ว.” อาการกิริยาที่เขาแสดงกวามชมเชย ให้ออกรำคาญเกือบนึก เสียใจ ที่ไม่ควรจะแนะนำให้อย่างน. แต่ถอยกำที่เขาพุดต่อไป ทำ ให้ฉินค่อยโล่งใจ เพราะเขาแสดงความขอบคุณใม่มีที่สั้นสด จะ อะไรเบนยอมให้ทํ้งนน. เพื่อพิสูจน์วาจาที่พุดนํ้. ฉ 1*0๘(ส์

มีสื่งที่จะขออยู่อย่างหนึ่ง. ส่าให้, ก็เบ็่นเครื่องพิสูจน์ เพียงพอ.” “ บอกมาเดี๋ยวน์ไค้. ถึงจะขอรองให้ส่งวชิรากบล ไปอยู่บ้านเดิมของเขา ก็ยินดียอมทำฅามท*นที.” “ ฉนขอสงที่เบ็่นธรรม, หาใช่อย่างเห้ยมโหดไม่. แฅ อยากขอต่อเมื่อกำแนะนำของฉ่นสำเร็จผลไค้แน่นอนโดยบริบูรณ์ เธอควรจะรีบไปเผาทลเชิญเสด็จพระราชกำเนินเสียเดี๋ยวน์เ เขาออกไปไม่ช่าก็กลไ]มา มีสีทนำยี่มแยไ), บอกว่า “พ เจไแผ่นดินเต็มพระหฤทยเสด็จพระราชกำเนิน โดยมีรบส่งว่ แนะนำน์ไม่ใช่ออกจากหล่อน ก็ไม่ยอมเสด็จเบ็่นอไเขาด. แ พระองค์ทรงพระกรุณาหล่อน, จึ่งโปรดเสด็จฅามที่แนะนำ. ทรงเชื่อถือในสฅิบ้ญญาของหล่อน, เกียรติยศแท้ ๆ.” นบว่า ฉไเมีภริยาที่น่าปลั้มน่ายิ ส่อยกำเหล่าน์ และส่อยกำอื่น ๆ ในชนิดเดียวกํนที่สาตาเดี สรรเอามากล่าวในเวลาปลํ้มใจมากมาย ดูเหมือนไม่ร้จกหมด แต่ว่า เบ็นส่อยที่ยวให้ฉนเกียดแคนเสียจริง ๆ. ส่าไม่มีความมุ่งหมา คิดไว้, ก็เห็นจะเดือดดาลยี่งกว่าน. แลวเราพากนไปในพระราชส ซึ่งในขณะนน เจาหนาทีเตรียมการเสด็จพระราชกำเนินไว้พรไ]มสรร แส่ว.

พอแสงแคดอ่อนลงบาง พระเจำอุเทนเสด็จขนนางพญา ภทรวติกา พระกริณีคชาธารตำลือชื่อ. ชำงทรงนึ่มีอายุมากแล่'ว จึงใช้แต่ในกราวมีงานสำก็ญ. ผายเราพรำมคำยจางวางมหาดเล็ก ขุนคลำ ขุนเสนา และมขมนตรีช1นผู้ใหญ่ นำเกวียนตามเสด็จมาใน กลางกระบวน มีขุนอำดรนำกองอำวานึกตามเสด็จทํ้งหนำและทำย กระบวน กองละสองรอย. ถึงราวบาอุปจารเทวาล*ย โปรดให้หยุดกระบวนแลวเสด็จลง จากช่างพระที่น,ง, ส่วนพวกที่ตามเสด็จลงจากเกวียน. พระเจำอุเทน ทรงดำเนินควยพระบาทไปสู่เทวาล่ยพระกฤษณ์ ซึ่งพระพุทธเจา ประก็บกอยร*บเสด็จอยู่ เพราะมีผู้ทูลทรงทราบล่วงหนำไว้แล่ว. พระผู้มีพระภากเจำโดยที่ใด, พระเจ’าอุเทนเสด็จเช่า'ใปใกล โดยที่น1น, ครนเขำไปใกล้แลำ ทรงอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ่าแล่ว ประท*บนง ณ ที่ควรขำงหนึ่ง. พระผู้มีพระภาคเจำฅร*สสไ)โมทนียกถา กะพระเจ่าอุเทนผู้ประทํบน่ำ ณ ที่ควรขำงหนึ่ง แล่วฅร*สถาม'ว่า “ ดก่อนมหาราช, พระองค์เสด็จมาดำยพระธุระสำก'ญอะไร, หรือว่า พระเจากรุงพาราณสี หรือเจำสามนดประเทศ กรีฑาก็พมาเพื่อ พระราชสงกราม 1 ” พระเจำอุเทน— ขำแต่พระผู้มีพระภาคเจำ, พระเจ่ากรุง พาราณสีหรือเจ่าสามนฅประเทศ มิไค้ยกรพลมารบกวน. แค่บ*ดนํ้ม มหาโจรในดินแดนขำพเจำอยู่คนหนึ่งชื่อ องคุลิมาล เบนอำยเสือคุราย ๘6

หยาบชำทารุณ,ร!าผู้พนกนไม่เลือกหนำ ปล1นิสะคมเผาผลาญบ้าน อาณาประชาราษฎร ทำให้รกรางพินาศอย่ทํ่วไป ; ได้ฆ่าก นิวแม่มือรอยเบี่นมาลาสวมกอ. ด้วยส้นคานทารณของม*น มนกำล่ง กะการจะมาปล่นที่นํ้ แล่วชํบพระองค์และสาวกไป. ประชาชน พลเมืองฅกใจกนอลหม่าน ไปรองทกข์ชำพเจาถึงหนำพระลาน แทบจะถล่มทลายพระราชวิง - คาดด้นให้กำจ'คองคุลิมาลเสียจงไ ต่อชำพเจาร”บปากคำแล่ว, จึ่งกวะจายกล’บกํนิไปโดยสงบ. ที่ชำพเช มาเผ้าก็เพราะเรื่องน.” “ คุก่อนมหาราช, หากพระองค์ทอดพระเนตรเห็นองคุลิมาล ปลงผมและหนวด นุ่งห่มกาสาวพ”สตร์ ละเลิกการฆ่าพนปล่นสะดม ได้เด็ ดขาด ถือม”กน็อยบริโภคอาหารแต่มอเดียว ประพฤติอยู่ใน ที่ชอบ มุ่งแต่ทางบุญกุศล: ด้งน, พระองค์จะทรงทำประการไร?” “ชำแต่พระผ้มีพระภาค, ชำพเชำจะทำการเคารพน”บถ ลุกขั้นต่อนร*บ, นิมนต์ให้เธอนง ; แล่วถวายบจชํยอ”นควรแก่ บริโภค, จ”ติหาที่อยู่อาศํยบองกนวิยที่จะมีมาสู่เธอ. ชำแต พระภาคเชำ, ไฉนบุคคลที่มีใจทมิฬหินชาติ จะกลบเบ็่นกนเรียบ เห็นแก่ธรรมได้เล่า ? ” ขณะน”น องคุลิมาลซึงมืผู้เกรงกลวกนมาก น”งเผ้าอย่ไม่ส้ ห่าง'จากพระพุทธเชำน”ก. พระพุทธเชำยกพระห”ติถขวาทรงชไป องคุลิมาล, แล่วฅรสบอกพระเชำอุเทนว่า - 1ฐ0ชิ่อ

แ บพิตร, นี่คือ องคุลิมาล.” ท*นIค'นี่นี่ พระเจ*าอุเทนแลตะลึงตกพระท*ยกล,วิจนพระพกฅร เผือค แต่ที่ตกใจยี่งกว่าพระเจ่าอุเทนหลายเท่า คือ สาตาเกียร, ลูก ถลนคลำยจะประทออกมา ผมลุกช*น เหงื่อไหลอาบหนำผากไม่ขาด สาย, รองออกมาว่า “ตายจริง ! องคุลิมาลแน่เสียดวย. เคราะห์รำย เหลือประมาณ ที่พาเสด็จมาให้ตกในอำนาจม*น.” สาตาเกียร ร่องพลางต่วสํนเทํ้มหน*ก์ขนทุกที เพราะเขาใจ ตกเข่าในเงํ้อมมือศ*ตรุต่วิฉกาจแลํวิ. และพูดต่อไปว่า “อำยคนช แสนอุบาทว์นี่มํนลวงเราหมดทุกกนจนกระทํง้พระพุทธเจ่า แล ภริยาขำพเจ่า ^ ซึง๘เ! ป็นกนเชื่อง่ายตาม-น-ิ-ลํยผู้หญิง. ตกลงเรา*ที่ง'โขยง พากนไหลเข่ามาหาก*บที่มไเด*กเอาไว้เอง.” สาตาเกียรมองกวาดรอบ ๆ บริเวณ คลำยกบตรวจเห็นพวก โจรซุ่มซ่อนอยู่ตามต่นไม้ต8งครึ่งก่อนโหล ปากสน มือสน ทุ,ลพร อุเทนให้รีบเสด็จหนีโจรภ*ยไปเสียทนที. ทนใคน*นํ ฉนเขำไป จ่บต*วสาตาเกียรสนและพูดว่า — “ ขอให้เธอสงบสติอารมณ์เถิด. ฉนอาจแสดงให้เห็นไค้ว่า ไม่มีการดกกบหรืออํนตรายอย่าง’ไรขนเลย.” แลํวิฉนก็เล่าถึงเรื่องที่องคุลิมาลกบฉิน เกยปรึกษาหารือ จะฆ่าสาตาเกียร, แต่ความคิคนนเบนอันลมเลิกไป เพราะต่วิยกู่คิด ของฉนกลบใจในเวลาหวดหวิด.

เมื่อสาตาเกียรไค้ทราบเรื่องว่าตนจ*กแหล่นถึงกวามตาย เบ็๋นลมแทบลมพบ ถึงก*บเกาะแขนจางวางมหาคเล็กไว้แน่น. ฉินกราบลงเฉพาะพระเจ่าแผ่นดิน ทูลขออภ,ยโทษสามี ความผิคที่พลาคมาแลํว, ต่ง้ที่ฉินเกยยกโทษมาแลิว และกราบ ชแจงต่อไปว่า ที่ง์นึ่เบนเพราะสามีถกความ'โง่เขลาเบาบญญาเ ครอบงำ ไม่รู้สึกผลดีอยู่ประการหนึ่ง ที่โจรใจร็ายไม่ต่องถ แต่กลบเบ็่นผู้สำเร็จขน. เมื่อพระเจ้าอเทนประทานอภไ!แก่สามีฉิน และทรงฅงไว้ ตำแหน่งเค็ม, ฉินก็หนมาพูดกะสาตาเกียร ว่า— “ ฉินไค้จ'คทำไปตามส*ญญาแล่ว, เพราะฉะน1นขอให้เธอทำ ตามส*ฌญาที่ไค้ให้ไว้แก่ฉินบาง : คือฉินขออนุญาตออ เบนภิกษุณี ในพระพุทธศาสนา.” สาตาเกียรจำให้อนุญาตต่วยอาการต่มศีรษะดุษณี เพราะ เขาจะปฏิเสธเบ็!นอย่างอื่นหาไค้ไม่. กรนแลิว่พระเต่าอุเทน ซึ่ง'ในบคนทรงแน่พระหฤท*ยว่า'ไม เหฅเภทภยอะไรแลิว ก็เสด็จเขาไปหาองคุลิมาล, ตรสประทานอภ*ย และอารกขา แก่องคลิมาล, แลวเสด็จเขาไปถวายอภิวาทแทบเบํ้อง บาทพระพุทธเจำกราบทูลว่า— “ ข็าแต่พระผู้มีพระภาค, เบนการมหัศจรรย์น่าพิศวงน*'กหนา ที่พระองค์ทรงผึ1กผู้ไม่น่าเชื่องให้เชื่องไค้. เพราะองกลิมาล 1®ชิ่!ดุ)

ไม่สามารถบำราบได้คิวยทณีฑกรรม, แต่พระองค์ทรงบำราบเสียได้ โดยไม่ต่องใช้ทํณฑกรรมอย่างไร. ขำพเจ้าขออุทิศสถานที่นึ่ อนมี กวามศกดสิทธื้ชนถึงสามกรง ให้เบ็่นสำนกที่บำเพ็ญพรหมวิรรย์ของ พระภิกษุสงฆ์แต่วนนั้เบ็่นคินไป. อีกประการหนึ่ง ขำพเจ้าขอประ พุทธานญาฅจ้คสรำงสถานสงฆนิวาสขั้นในที่นึ่ เพื่อประโยชน์แห พระภิกษุ และภิกษุณี.” พระพุทธเจ้าทรงอนุโมทนาราชบรรณาการนึ่. พระเจ้าอุเท กราบทลลา เสด็วิกืนสู่พระราชวง พรอมคิวยราชบริพาร. ส่วนคิ กงอยู่ต่อไปในที่นึ่น ณ ภิกษุณีอบสสย, และในวไเรุ่งขั้น ก็ถว บรรพชาทีเคียว. ๏©๏ ส์สิบเอ็่ด โอวาทอย่างง่าย ๆ บ่ดนึ่ ฉนเบนภิกษุณีในพระพุทธศาสนาแส่ว. เช้าตรู่ บิณฑบาตในกรุงโกฒัพี แวะห่านนึ่ไปห่านนึ่น์ วินได้อาหารพ เยียวยา. อนที่จริง สาตาเกียรยินคีอยากจะวิดอาหารส่ง จะได้ไม เดินบิณฑบาตให้ลำบาก. เช้าวนหนึ่ง ฉนยีนกอยรบบิณฑบาตอยู่ที่หน่ร้าห่านสาต เพื่อปฏิห่ฅตามกำแนะนำของภิกษุณีที่เวิริญพรรษา ต่องการ ๓

หห้าอดทน. ขณะน8นสาตาเกียรโผล่ออกมาตรงประคูใหญ่ มองเห็น ฉินแลํวิก็ชะงกแลวหลบหนำ มีอาการเศรำ ๆ. สกกร่ห นงคนใช้ดู แล บานออกมา มีอาการรองไห้, และขอรองว่า จะส่งเกรี่องอาหารการ บริโภคทุกสี่งทกอย่างที่ตห้)งการทกว่นไปย'งสำนํก ไม่ฅองลำ เช้า. แค่ฉินปฏิเสธบอกว่า จะตองทำตามวฅรปฏิบฅที่มีพุ หเว^้. เมื่อฉไเกลโม่จากบิณฑบาฅ และเสร็จภ็ฅฅกิจเรียบรอยแล็ว ก ศึกษาพระธรรมวินไเ ณ สำน*กภิกษุณีผุ้แก่พรรษา. ถึงเวลาเย็นใน ประชุมสงรา ฉินไปพงธรรมของพระพุทธเจ็า หรือบางคราวก็พง พระสาวก เช่น พระสารีบฅรหรือพระอานนท์เบ็่นผู้แสดง. เมื่อเสร็จ การพงธรรมแลวิ โดยปกฅิ พวกภิกษุณีไปชุมนุม ณ ธรรมสภา ธรรมกนตามอํธยาศไ]. ความเบ็่นไปที่ได้อบรมฅนในที่แจง์อากาศปลอดโปร่ง ปฏิบ้ ธรรมอยู่สมํ่าเสมอ และสนทนาแลกเปลี่ยนความคิด ก็ดํวิยเรื่องธรรม เบนเหตุให้ไม่ไค้โอกาสคิดถึงเรื่องความทุกข์โทมน์สที่ คิดเรื่องที่มีสาระ ซึ่ง'ในที่นนเรียกว่า วิสภาการมณี; เบนอนว่าไค เผยอฅน ชำระมลทินความขุ่นมวในดวงจิตให้เบาบางลง. กระทำใ กำล่งใจกลำแข็ง ดานทานเครื่องเศรำหมองอึดอห้าได้อย่างประหลาด1 รู้สึกได้รบชีวิตใหม่ อนเบ็่นชีวิตที่กอปรดวยศานติสุขปลอดโปร่งจริ (2.

ซึ่งก่อนหนานึเพียงสองสามส!เดาหะ ฉิน[ม่เคยพบอารมณ์ประณีต เห็นปานน. กรนเข่าฤดูฝน ที่อาศํยของภิกษุณี ซึ่งพระเข่าอุเทนโปรด สราง ก็เสร็จเรียบข่อย, มีห่องกลางกวางขวางเบ็่นทื่บ่ระชม และมี หองน4อยเฉพาะภิกษุณีอา{ๆยตามลำพงรปละหอง. สามีฉินและเกีรษ3 หลายกนทื่ในกรุง ซึ่งเบ็๋นญาติเกี่ยวข่องหรืออบฏฐากแห่งภิกษุณี เอาพรมเจียมและข่าวของบางอย่างทื่ควรอปโภคบริโภคมาถวาย เ!!น อไเว่าไม่ขาดแคลนในอติเรกลาภเหล่าน แต่ไม่ถึงกบพุมรเพ&V 0๐ีI 0}่อย. เวลาที่จำพรรษาอย่น ได้ล่วงไปราบรื่นตามควรแก่อตภาพ มีปก คือ บำเพ็ญภาวนา หรือสนทนาไต่ถามข่ออรรถธรรม, ตกเพลาเย็น ถาอาก าศโปร่ง ก็พากไเไปพ้งธรรมที่พระพุทธเข่า และบางทีก็มี พระสาวกมาแสดงในที่ประชุมของเรา. กรนสินฤดฝน ตนไม้ในบา ซึงเบึนที่ประทบสำราญแห่ง พระพุทธเข่ากำส่งแตกดอกออกช่อลออตา. พระภิกษุ ภิกษุณีซึ จำพรรษาอยู่ในเสนาสนะของตน ต่างก็มาชุมนุมกนในที่แข่ง ได้ข่าว อนควรจะอาล'ย ว่าพระศาสดาเตรียมจะเสด็จจารึกไปยงแกวนแคน ตะวนออก. จริงอยู่ ไม่มีใครจะนึกหว่งว่าพระองค์คงเสด็จประทบอย จงหวดโกสไ)พีตลอดไป, และเราก็ไม่บํงควรจะเกิดความเสียใจเพราะ เหตุน. ๒6๕

คิวยประการฉะนั้ ฅกเวลาบ่ายว*นหนึ่ง พวกเราพาก*นไปส เท'วาล'ยพระกฤษณ์ เพึ๋อพ้งพระบ่จฉิมเทศนาในระยะนึ่ นานอีกหลายบี่ กว่าจะไค้พ้งใหม่และท1งเพื่อซะส่งเสด็จคิ พระศาสดาเสด็จจากพระกนธกุฎี มาประทบยืนอยู่บนข อ้นไคเทวสถาน ตริสเทศนาถึงความไม่กงที่แห่งบรรคาสี่งที่ม่ความเก ตรสถึงความดบไปแห่งสีงที่งปวงที่ธรรมชาติปครรุง*สแลตึง่งชํ้ ล*กษณะความล่วงไปเรื่อย เบนกระแสนึ่าแห่งบรรคารูปแล สรรพส*งขารธรรมด่วนเบ็๋นของไม่กงที่ เลือกเอาอย่างใจไม่ไค้ทง แลวทรงแสกงให้เห็นว่า ความปรารถนาเพื่อเกิดในภพใหม่โคๆ น1น ๆ ย่อมไม่ถาวรคงที่อยู่ไค้เลย ; แส่วทรงกล่าวประโยคที่เธ ว่าเบนการทำลายกวามหว่งเสียหมด แต่ก็เบ็๋นความจริงที่ประจกษ์อ ในขณะนึ่ คือ — แ สงลิเวไปจนถึงกวามสว่างไสวอ้นลาเลิศแห่งสวรรมคีเก์ิด แส่'วก็มีคิบ. จงรู้ไว้เถิดว่า กวามเบน'ไปในอนาคตน*นึ่แล ย่อมคิบเสียจน กระท\"งริศมีมหาพรหม.” พระสาวกองค์หนง ไค้ประกาศแก่เราเหล่าภกษณีว่า เมื พระธรรมเทศนาแส่ว ให้เราเขาไปเผาถวายอภิวาทคราวละกน เพื รบพระพุทธวจนะ สำหร*บเบ็นเครื่องใส่ใจภาวนาต่อไปในเบํ้อง'หนำ,

ส่วนฅำฉํนมีอาวโสนำยจึ่งอยู่สดทำยแถว. เมือฉินเขาไปถวายอภิวาท แทบเบํ้องพระบาท, พระพทธเจาทอดพระเนตรมาทีฉน, รู้สึกว่า แววพระเนฅรฉาย,ชง อ่านเขาไปในดวงจิต. พระองคตรสว่า— “วาสิฏเ, เราขอให้ภาวนาบทธรรมนไว้คอ ที่ใคมื ความรก, ที่นํ้นมีความทุกข์.” เท่าน8นหรือพระเจาขำ ? ” “ เท่านน พอแก่กา๔รย์2แ^ ลำ55. “ เมื่อขำพระองค์เขำใจในพระโอวาทนํ้ดีแลำ, จะประทาน อนญาตให้ขำพระองค์จารึกไปเผา เพื่อรไ]พระโอวาทสูงขํ้นไปอ หรือไI ม่ 55 ใ “ถำเห็นจำเบน, ก็อนุญาต.” “ ขำแต่พระผู้มีพระภาค, ไฉนขำพระองค์จะรู้สึกว่าจำเบน หรือไม่ ใ ก็พระองค์ไม่ใช่เบนที่พึ่งของพวกขำพระองค์ดอกหรือ ?” “ จงถือเอาตนเองเบ็่นที่พึ่ง จงถือเอาพระธรรมเบ็่นที่พึ่ง, เท่าน8น. วาสิฏฐี, จงทำในใจซึ่งวจนะของเรานั้ให้จงดี.” ขณะน พอดีพระเจำแผ่นดินพรำมคำยราชบริพารมากมาย เข*ามาเผาเบนการส่งเสด็จพระพุทธเจ5า. ส่วนตำ\"ฉินถอยออกไปอยู่ ในที่ชมนุม ห่างไกลไปทางขำงหลงที่สุด ไม่มีแก่ใจคูเหตุการณ์ที่มีอย ต่อไปในเย็นวนนน เพราะฉินปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้สึกนำยใจในขำที่ ใ®0 ลิ่ 0า)

ไต้รบพระโอวาทอย่างง่าย ๆ ตาตน. ส่วนภิกษุณีใต้ร*บพระโอ ทีมีนำหนก'ในการภาวนาตีกว่านํ้ ก็มีอยู่หลายท่าน. แต่มานึกตร ให้ซง ก็ออกจะเห็นว่า พระพทธเจำคงมีพระญาณหย่งเห็นความในใจ ของฉินอยู่ จึ่งประทานอนุศาสน์ขํอนึ เพื่อกำจํดก-วามรก เกรอะกร*งใจฉไเอยู่จริง ๆ ให้หมดไป. สำนึกไค้อย่างน ก็เกิดมานะที่ จะภาวนาธรรมขอนึไว้ให้เจนใจ. และเมื่อสามารถร้แจํงโอวาทนึ่ค จะไปเผาทูลขอขำปฏิบ้ตใหม่ให้สูงขั้นไปกว่านึ่อีกเมื่อไร ฉินตรองเห็นแน่ชดอย่างนึจึ่งไปส่งเสด็จในวนรุ่งขั้นเวล เชา, ไค้เห็นพระพุทธเจำเสด็จออกเดินทางจารึก มีพระสาวกทลายองค เบนบริวาร รวมที่งพระอานนท์ซึ่งเบ็่นพุทธอุบฏ1ฐากกอยปฏิบ้ฅไม่ ไกลดำยองค์หนึ่ง. พระอานนท์องค์นึ่ เกยมีความกรุณา พิเศษมาก, ฉินจึ่งเสียคายคำย ดเหมือนจะเสียดายยี่งไปกว่า พ สารีบตรเสียอีก. อไเที่จริงพระสารีบดรก็ไค้เคยช่วยเหลือแสด อรรถธรรมอนลึกซ็งให้ฉินพงเช่าใจได้ง่าย ๆ. ณ บำนึ่ ฉินเบน อยู่ลำพ*งตน และฅำงพึ่งตนเอง. เมื่อฉินกล*บจากบิณฑบาต และกระทำอาหารกิจเสร็จแล ก็ไปสู่ควงไม้ใหญ่กลางทุ่งนำขในบา เพื่อถือเอาความวิ ภาวนาให้สะดวก. ฉนไต้ดำเนินกาวปฏิบํฅภาวนาพระโอวาทที่ ประทานไว้, ถึงเวลาเย็นกล*บสู่หำงประชุม. ให้รู้สึกว่ายำไม่พอใจ ผลที่ทำมาตลอดวน เพราะไม่เช่าใจกวามุหมายในพระพุทธวจนะบท

นน. รุ่งขั้นอีกว*นก็ไปประพฤติสมณธรรมเช่นเดียวกน, เมื่อสินเวลา กลบสู่ห้อง ตอนนึจึ่งรู้แจ้ง!,นพระพุทธวจนะบทนํ้น ว่ามีความทรง มุ่งหมายไว้อย่างไร. ฉ1น) เซือแน่แก่ใจ'ว่า ได้เดินสู่ทางตรงแห่งศานติลุขแลำ เพร ได้ข่มความริกความอาลไ)ที่กลุ้มรุม'ใจ,/างหมด,ให้เซาลงแลำ. แค่ที่-จริง กวามรำซึ่งเบ็ณเจ้าหำใจหาอะไรมาเปรียบไม่ได้นึน, ไม่ใช่จ ะยอมห หายไปได้ ง่าย ะ เมื่อเห็นว่า ฉ*นดำเนินตนอย่างใหม่, มว้แก็หนีหลบ ไปอยู่กไเบงสุดหำใจชำขณะหนี่ง รอให้จนกว่าจะมีลาดเลาออกมาทำ ฤทธอีก. ความประสงกของพระพุทธเจ้า ซึ่งทรงรู้แจ้งในข’อนํ้คือ รงความรำที่ซ่อนเร่นดองหมำในหำใจออกมาให้เด่น แลำพยายาม ประหารมน ขยม*น กำจดมนให้จงไค้. แฅ่ฑีน กรนความรำก็ออกมา เด่นจริงแลำ, กลไงทำให้อารมณ์:แนบ!วนรวนเรหนำชนไปได้, ฅกล การที่จะเอาชนะความรำไม่เบนการกระทำได้ง่ายๆเลย. อนข่าวซึ่งไม่นึกกาด คือที่ได้ทราบ'ว่า คนที่รำของฉน ถูกฆ่าตายไม่ ย*งคงมีชีวิตอยู่ในโลกเดียวกบฉน. ณ บ*ค่นํ้ เบนเวลาท ได้ทราบมาเกินกว่าครึ่งขวบบื่แลำ. อดีตอารมณ์ที่ไค้เห็นอ เบี่นบี่ศาจขั้นมาบนลานบาน ก็ผุดขนในมโนวิถีชองฉนอีก, เห็น ความคิดแคนพยาบาท, เห็นองคุลิมาลกลายเบ็๋นพระภิกษุ, เห็นตำ ฉน'ไค้พงพระธรรมของพระพุทธเจ้า บ*งเกิคก-วามเลื่อมใส, เห็นความ

ไม่กง ที่แห่งสรรพสี่งในโลก ซึ๋งมีเกิดแลํวก็มีตาย : อารมณ์ เกิดขนแล่นมารวดเร็วโดยล่าค*บแลำหวนกลบมาคิดถึงกู่รกทียง ชีวิต'ใน'โลกน แต่ว่าอยู่ห่างไกลก*น. บทพระธรรมพุทธโอวา ประทานให้ท่องไว้ เลยหายไปหมด!. เขายำมีชีวิตอยู่ใน'โลกนืจริงหรือ ? และเขายงกงรกเราอยู หรือไม่หนอ ? ความผกใจใผผนในบั้ญหาขางต่นนื ก่อย ๆ เพื่มกำลงความรก ความกิคถึง กลุ้มรมใจยี่งขั้น, แลว้ก็จืคจางการบำเพ็ญภาวน หมกมุ่นครุ่นคิดอยู่แต่เรืเล่ยอเมง่รมี*ทกิ,างบรรเลยุคไวามเห็นแจํงซึ่ ความดบทุกขตามความมุ่งหมายเดิม. อาการร*ญจวนบวนบั้นน คงไม่ซ่อนเรํนอยู่ภายในใจ น่าจะ ปรากฏให้เพื่อนภิกษุณีเห็น ถึงก*บโพนทะนาก่นว่า — “ภิกษุณีวาสิฎเ เดิมเบ็๋นภริยาประธานมนตรี ซึ่งพระสารี ผู้เคร่งกรดในพระวิน*ย สรรเสริญอยู่เนืองๆ ว่าเบั้นผู้มีเชาวน์บั เข่าใจขออรรถธรรมอนลึกซีงไตฉบไว ; บคนืสิ ไม่สามารถยึดหน เอา มาตรว่าพระโอวาทเพียงขอเคียว และง่าย ๆ.” คำกรหาน ทำให้ฉนเกิดความอ*บอาย จนท่อถอยทอดธระ พรหมจรรย์ ในที่ลุดก็เหลือที่'จะทนทานต่ออาการที่รุ่นง่ ๏๏ ๓วอ

1 สสิบสธง ภิกษุณอาพาธ ในตอนน็ มีพระภิกษุมาแสคงธรรมแก่พวกเราสไ]ดาหะละคร8ง. ล่วงมาส,กหน่อย ก็ถึงเวรพระองคุลิมาลมาแสดง. ฉไเไม่ได้ไปน่อง ประชุมในคราวนํ้ เบ็๋นแต่นอนแซ่-วอยู่ในห์องของตน, และขอร่อ ภิกษุณีเพื่อนช่างน่องบอกแก่พระองคุลิมาลว่า วาสิฏสิภิกษุ มาพ้งธรรมที่น่องประชุมไม่ไค้, เมื๋อเสร็จแสดงธรรมแล่ว, นิมน ไปโปรดวาสิฏเไนน่องเบนพิเศษควย. สกครู่ใหญ่ พระองคุลิมาลก็มา, เมื่อท่กทายไค่ถามอาการ คามธรรมเนียมแถว, ท่านก็น'งลง. 7 ฉนพุดขํ้นว่า “ที่ท่านมาเห็นอยู่น่ เบ็๋นสี่งที่ไม่ พบ คือ ภิกษุณีบวยเพื่อเหฅความรก. และที่บืวย่กร8ง์นํ้ ก็เพราะท่ เบ็1นดนเหคุกระทำผิด’ไว้ ที่พรากกู่รำเขาให้จากก่นไป. จริงอยู่ ตำท ก็เบ็่นผู้นำฉนมาหาแพทย์อนประเสริฐ หรกษ เโรคใจที่มีอย่แล่ว แต่ถึงพระพุทธองค์เบ็1นแพทย์วิเศษก๘,V! มIสามารถจะทร งบำบดโ เงฉไเให้หายชาดล งเห ป1Vเเ^คค^เ'ว'0ยล*าพง'0อานาจพระองก๙. แฅพระองค ทรงทราบต่วยพระปรีชาญาณในเรื่องนํ้ ได้ตี, จึ่งประทานโอสถแก้ ไว้ให้ฉ่นรกษาเอาเอง โดยอาศยให้โรคนนเลิดขนจนถึงขีดหนำ จะได้ กำจดม่นถน่ดมือ. แต่ความจริง ผลกลบเบื่นเช่นท่านเห็นอยู่เดี ๓อด

ไข้รกมีกำล*งเพียบ สุดวิส่ยที่ฉินจะให้บรรเทาได้. ฉินจงท่องก ถึงส*ญญาที่ท่านออกปากให้ไว้มากร8งหนึ่ง คือ ในกืนที่ท่านชวน ให้เบนพรรคพวกสมรู้ร่วมคิดการทุจริต, แต่ความคิดท่องเลิกลมไ เพราะพระบรมศาสดาเบ็่นเหต. ในกรงน1น ท่านส*ญญาว่าจะไปถึงกรุง อชเชนี เพื่อนำข่าวกามนิตมาให้ทราบ ว่าเขาย่โงมีชีวิฅอยู่ห ไร. ช่อที่นายโจรในกรงหนึ่งไค้ให้ส'ญญาไว้, ณ บดนึ่ ฉ เรียกรองจากพระภิกษุให้ทำตามสญญานน, เพราะฉินอยากจะทราบ แทบใจจ ะขาด ว่ากามนิตเบนอย่างไร!กัง. ท่ายิงมีชีวิตอยู่, ไค้ดำเน ตนอย่างไร. ตราบใดยิงไม่ทราบความเหล่านึ่ให้แน่ใจ, ต ไม่มีแก่1เจเปลี่ยนเรื่องคิดเบนอย่างอื่น, ท8งจะเบ็!นเหตุมิให้ฉ คืบบำเพ็ญพรหมจรรย์เพื่อความพ่นทุกข์ต่อ’ไป แม้แต่กาวเดียว. เพ ฉะน1น จึ่งสมควรเบ็๋นหนำที่ชองท่านจะกรุณาจ*คการเรื่องนึ่ จากโรคคลุ้มคลงใจ โดยนำข่าวที่ท่องการมาบอกให้ทราบบกัง เท่ ไค้เสพคฺลานบจจยวิเศษขนานหนึ่ง.” พอฉินพูดท่งนึ่แลว, พระองคุลิมาลก็ผลดลุกขั้น บอกว “เมื่อท่องการเช่นนึ่น, ก็จะจดการให้;” กล่าวแท่วก็กม เดินออกประตู ตรงไปห้องตน เช่าเครื่องบริขาร มีบาตรเบนตน แล ในช'วโมงเคียวกนน1น พระองคุลิมาลตุ่มออกจากบาประดู่ลายไป ซึ่ง ใครๆ เช่าใจว่า คงจารึกโดยเสด็จพระพุทธเจกั แต่ฉินผู้เดี กวามจริง. ๓อ120

เมื่อเรื่มจดการตามที่นึกหมายไว้นึ่แลว, อารมณ์ที่พลุ่งพล่ ค่อยเบาบางลง. อำที่จริงควรจะฝากความคิดถึงไปยำคู่รก, แต่มาน อีกทีก็ออกจะเกินไป ไม่บำควรจะใช้พระภิกษุในทางเช่นนน. อย่างไร ก็คี เมื่อพระองคุลิมาลไปสำเร็จประสงค์ ไค้พบปะกามนิด. ฉนก็น หวงอยู่ว่า ท่านคงจะใช้บญญ่าตามกาละเทศะ บอกเรืองแก่กู่ร*ก,ให้ ทราบคิวยเบ็่นแน่. “ฉนจะไปกรุงอชเชนีเอง และจะพาตำกามนิฅมาให้ไดท้้ ไม่ใ มีอำตรายอย่างใดอย่างหนึ่ง;” ถอยคำเหล่านึ่ยำสะเทือนดวง พระองค์คุลิมาลจะทำ ตามสำ]ญาที่ ให้ ไว้ เมีอ คร5งยง เบนโจรไหมหนอ ? ทำไมท่านจะไม่ทำตามสำ!ญา, ถาท่านเห็นว่าเบนความจำเบน ที่เรา มีท8งสองควรจะได้พบปะพูดจากำ ใ เมื่อเกิด ความคิดใหม่:ขํ้นอย ก็นึกเห็นเบนความหวงอย่างที่ไม่เคยนึกเคยผ้นขํ้น มีอาก เหม่องงงวย แล่วเลยชกกระหยื่มในใจ. หากคู่รำเของฉำไค้มาเห็น หนา, ก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะกีดขวางมิให้ลาเพศภิกษุณีไปเบ็๋นภริยาเข เมื่อยงนึกคิกคิกใจเตลิดจนลอยเหลิง ความเริงอารมณ์ยี่ง ในดวงจิต โลหิตฉีดขนหน่าเพราะละอายใจ ยกมือขนบี่ดหน่าตำเอ กล่ำจะมีใครในขณะนนมาสำเกฅเห็น จะเกิดเบ็่นฺการอดสูไม่น่าด เบน ทีว่า อาศยผาเหลืองเบนสะพาน จากการแต่งงานที่.ปราศจากความริก ชามไปสู่การแต่งงาน ซึ่งมีความรกอย่างดคคื่ม. อาการกิริยาของฉำนึ่ อาจเบนบจจ่ยให้กนอื่นดีความหมายไปไค้หลายสถาน. แต่เมื่อสำเร็จ ๓0๓

แลก็ฅามประสงค์, ใครจะเห็นอย่างไวก็ไม่น่าจะปรารมฆ์ เพราะ อุบาสิกาที่มีกวามศกิทธามนกงในคณะสงฆ์ ก็ย่งคืกว่าเบ็,นภิ คณะสงฆ์ ซึ่งม่ว่กิดพล่านแค่นอกหนำที่. ล่าพระองค์กุลิมาลนำข มาบอกได้มนเหมาะว่า กามนิฅของฉนยิงมีชีวิตอขู่, และได้ทราบควา จากการที่พระองกลิมาลกบค่รก็ของฉไเ ได้พบปะสนทนากิน ว่าเขายิง ซื่อตรงในความรก็ที่มีต่อกนอขู่, ยินก็อาจ'ไปกรฺงธุชเชนีได้แน เมื่อเพลิดเพลินในความกิดยินถกอารมณ์เรื่อยเจํ้อยเช่นน, เลยเกิดเบ ภาพขั้นในดวงจิต ว่าเช่า'ยินหนึ่ง ฉก็,เดินทางจารึกถึงกรุงอุชเช ยืนกิบอาหารบิณฑบาตหน์าประตูยิานเธอ. เธอออกมาจะใส่ แล’ว่ก็จำยินได้; ต่างกนมีความปลาบปลื่มเหลือที่จะกล่าว แล่ว ยินที่จริง ระยะทางไปถึงกรุงธุชเชนีนนไกลมาก ไม่สมควรที ภิกษุณีจะไปโดยลำพ”,ง, แต่การที่จะแสวงหาเพื่อนเดินทาง การยากเย็นอะไร เพราะ'โนระวางที่กิด'วุ่น'ว่าใจอขู่นํ โสมยิตค์เก เบนถึงแก่ความตายไปอย่างน่าอนาถ. กล่าวคือ เขาเบนยิกเลงส หลงใหลเล่นสะกา จนทรพย่สมบิตย่อยยิบหมดยิว แล่วก็ไปโ ตายที่ในแม่กงคา. เมทินีเสียใจเศร้าโศกเบนอนมาก, ในที่สด ตนออกบรรพชาเบนภิกษุณี. ที่เมทินีเบนภิกษุณี ไม่ใช่เพ ศรทธาเลื่อมใสนก็, ที่งก-วามเบนภิกษุณี ย่อมเข่ากรอบวินไ)เขมงวด มาก. ที่ออกบรรพชา ก็ประสงค์จะมาอขู่ใกล้ยิน เพราะเราที่ รก็'ใคร่สนิทสนมกนมาต8งแต่เด็กแล่ว. และยินเชื่อว่า ยิาเบี่ค ๓ว^

กวามลบเรื่องที่จะไปกรุงอชเชน็ ก็คงยินดีไปอิวย; หรือยี่ จะไปจนสดโลก, เมทินีก็กงพอใจไปควย. อินที่จริง เมื่อเมทินีมาอยู่ ควย ทำให้ฉินมีใจกระดือรืออินขนอีกมาก ส่วนฉินก็ช่วยเล่าโลมใจ ให้สร่างคลายทุกข์โศกที่อิอิงเสียสามีไป. กรนถึงเวลาใกล้เช่ามา ที่พระองคุลิมาลบอกกำหนดกลบ, ฉิน ไปกอยรบที่ชายบ่าทางอิานดะอินตกเฉียงใต้ ทุกเวลาบ่าย ไปน, บนเนินใต้อินใม้ใหญ่.ใบงาม เพื่อจะไค้มองดูไปตามถนนไต้ไ เพราะพระองคุลิมาลจะตองมาทางน1น, และคาคว่าท่านกงกลบถึงใน ตอนเย็น. ฉินเพียรตงตาคอยอยู่หลายเวลา, ถาจำเบนจะอิองเผากอยอ ตงเดือนก็ยินดี. พยายามเทียวไปจนถึงอินที่แปด. เมื่อพระอาทิตย์ ตกฅํ่าอยู่แส่ว, ฉินบ่องหนามองไป เห็นคนเดินเอิามาทางบ่าไค้แ ไกล. บดเดี๋ยวใจก็เห็นแววผำเหลือง เมื่อผู้เดินทางกนน1นสวนอ กนอิดไม้ ซึ่งกำล่งจะกลบบำน, อิงเกตว่ารุปร่างขนาดสูงใหญ ก็-จำ’ได้ทนที'ว่า ผิดจากพระองคุลิมาลแอิว ไม่มีใกรที่มีรูปร่างอย่างน ท่านมิไค้พากามนิดของฉินโดยไม่มีภยอนตรายอย่างไรมาอิวยอิบท่าน แต่ก็ไม่เบน’ไร, อิาท่านรบรองและบอกไค้ว่า คนที่ฉินรกอิงมีชีวิตอยู ฉินก็พยายามไปหาเขาเองได้เหมือนก’น. เมื่อพระองคุลิมาลมาถึง, กรนจะตรงถามเอาแต่เรื่องของตน ก็นึกกระดาก จึ่งทำเบนใจเย็น อิกทายปราศรยถึงการเดินทางก่อน. ๓ 0 (^

พระองคุลิมาลเล่าว่า “ในการจารึกนไเ แม้ทางจะไกลถึงไหน กฅาม ฉนิเคยบุกบาผ่าคง ผ่านกามนิคมชนบทราชธานี โดยอา ปลนสะดมมาจนชินแล่ว จึ่งมิใด้ย่อทอปลกเปลยเลย ทงขาไปและข กลบ. แต่ล่อที่ลำบากตามทางอยู่บท้งนึ่น คือ อาหาร, เพร ทางกนการ กว่าจะได้พบ!ท้นแต่ละหมู่ละทล่งกาเรือน เบนการยาก แล่ว มิหนำซา บางม่านเมื่อเห็นท่าทางจะใจบุญ ฉนได้ไปยืนบิณ บาตที่หนำบท้น. เจท้บท้นก็ใจบุญจริงอย่างกาด ถืออาหารออกมา, ล่งเกดจำหนท้ฉนได้ ก็ตกใจผวากลไ) บี่ดประตบท้นห'บประตเรือน ชีด้ลี่มตอกสล่กโครมกราม เตรียมการบองกนอย่างตื่นเตนิ. เบนเช น, บางล่นก็อคเลย จะได้อาหารบท้ง ก็จากผู้ ไม่รู้จํกนํนิเท่าน คราวหนึ่ง เกิดเหตุกาหลใหญ่: ฉนิไปยืนที่หนำบานผ้มีอรินจะก ประตสิก ๖-๗ กาว. เด็กๆในบท้นแลเห็น ก็เดินล่อมไปทางหล่งเรื ซึ่งฉรินเหลือบเห็นตามรํ้วไม้โปร่งช่องหนึ่ง คะเน'ว่าคง’ไปบอก ใหญ่ทราบ. สกกร่หญิงครรภ์แก่คนหนึ่ง ถือภาชนะอาหาร ประตูบท้นเดินตรงออกมาจะใส่บาตร, พอเช่าใกล้'จำหนท้ฉน’ใค้ด ขว'ญ หนำ'ซีดเผือดลงVทันที รองกรีดตะโกนจนสุดเสียงว่า ‘ธงคลิมาล! ไค้เพียงกำเดียว แลวต่อไปพูดไม่ออก ยืนตะลึงงไ•เสนสติ ต่ อาหารหล่นจากมือลงโครม แตกกระจาย จึ่งตื่นจากจงล่ง, ผล่วะผ ห่นิหส่งกลบ ออกได้วงเต็มผี,เทท้, กราวนึ่หาเขาทางประตที่ออกมา’ไม่ พล่เล่าไปทางช่องรวนน พุ่งหำบกลงล่างใน สองมือยไเดิน ติดท ๓0ไว

อยู่กรงทำ เทำท*งํ้สองเชิด ดั้นถีบลมอยู่กระแด่ว ๆ. ฉนสงสารเบน อย่างย้ง จะเขำไปช่วยแหวกช่องริวให้ ก็กล่วจะตกใจดีผือหนำขั้น .ม่เห็นทางอึ๋น นอกจากวิธีที่ฉนเคยนบถือว่าขล่งนก กล่าวคือ ทำ สำกิริยา, ไส้ตงสำจาธิษฐานดงๆให้ได้ยิน ว่า ยโต, หํ ภคน อริยาย ชาติยา ชาโต, นาภิชานามิ สณฺหฺจ ปาลเ ช'วิตา โวโรเปตา, เตน ล'จุเจน โสฅฺถ, เต โหต โสตฺถ' คพภสุถ* พอสนเสียงสำจาธิษฐาน ลูกก็ผลุดจากครรภ์โดยสวิสดภาพ** แม่ก็ทายฅกใจ มีขวิญอยู่กบตำเบนปกติ ยอนออกมา'ไหว้ฉินดำย มือสนๆ ย่ำไม่สู้ไว้ใจนก รีบขมีขม่นอุ้มลกเช่า'ไปทางประตู.ฉน ต่องเลยไปบิณฑบาตขำงหนำ....” เมื่อพระองคุลิมาลกำล่งเล่าการเดินทางเพลินอยู่, ฉนขอล ตรงไปถามข่าวกราวก่รํก เพราะไม่เบ็๋นอ‘นพงเรื่องอึ่นๆ ใจรอน จอง จ่ออยู่แด่เรื่องที่อยากทราบทุกขณะจิต หำใจเด่นแรงดำยกำลำยิ ได้ข่าวดี ระคนกบวิตกจะไม่สมหวิง. * ส,”จจาธิษ;ฐานน โบราณนไ.เถือว่าเบนมนฅ์ขลงบทหนึ่ง ใช้เสกนามนท์ ให้หญิงมีกรรภ์คึ่มเสมอบไง เสกแล*วเบาบนกระหม่อมหญิงผู้เจ็บครรภ์บาง, และ รวมเข่า,ไว้ในบทสวกมนต์ เรียกว่า องคุลิมาลปรดร สำหรบสวคในการมงคล เช่น ขนบานใหม่ หรือแท่งงาน เพื่ออำนวยสวสคีแก่แม่เท่าเรือน. ** สถานที่ฅรงนึ่ พระโบราณพารย์ยกว่าเบน กไ]บฏ3ายิ-มหา-เคช ทวิเศษศกต์สิทธึ๋ฅลอคกํล!]. หญิงมีครรภคนใค’ไค้ ไปที่นึน ก็คลอคลกสะควกคาย9 สขสบายท่งแม'ท่งลกทกราย. ๓0ส่

องคุลิมาล บอกว่า “กามนิตล่งมืซีวิฅอย่ศี เบ็นเศรษฐ มาก ฉินไค้พบก*บเขาล่ายฅนเอง.” ท่านเล่าให้พ้งฅ่อไปว่า เล่าล่นหนึ่ง เมื่อไปถึงล เบ็่นคฤหาสน์ใหญ่ไพศาล, พวกภริยาเธอออกมาด่าว่าท่ แล่วเธอออกมา, ไล่ภริยากลบเๆท้บ้าน, วิงวอนขอโทษท่านด่าง ๆ ต่อไปท่านเล่าเรื่องโดยตลอดอย่างละเอียด เหมือนที่เธอเล่าให้ ท่านเล่าเสร็จแล่ว ก็ล่มศีรษะหนกล่บไปอีกทางหนึ่ง แด่มิไ ในบาป ระคู่ลาย. ฉินประหลาดใจ ถามท*นทีว่า ไม่เล่าไปใน คอกหรือ. ท่านตอบว่า “ฉินได้จดการตามที่ล่องการให้ฉิน ผลเรียบล่อยทุกอย่างแล่ว, เบนอน์ได้เปลํ้องปฏิญญา แล มาเบ็๋นเครื่องกีดขวางแก่การที่ฉินจะเดินทางไปทิศตะล่นออก รอยพระบาทพระพุทธเล่าสู่กรุงพาราณสี และกรงราชคฤห, ซึ่งฉ คงจะติดตามไปจนพบพระองค์.” พอพุดจบ พระภิกษุผู้มีกำล่งพลกายเบ็่นพิเศษ ก็มิได้หยดพ อีกต่อไป รีบรุดออกเดินสาวล่าวยาวมุ่งหล่าไปตามทางในชา ฉินจองดูพระองคุลิมาลอยู่เบนนาน. ดวงตะล่นในเวลา จวนจะตก ฉายกายท่านเบ็่นเงายาวไปทางไหล่เขา ซึ่งอยู่ล่ เบ็๋นทิวพืดจนรดขอบพา ดประหนึงว่ามีไจอนเร่งรอนออกไปก่อน ๓ดส่

ทีเดินดามไป ไม่ทน. ส่วนตำฉำยืนตะลึงอาง^วม็่มีจางุดกวาม มุ่งหมายที่วะส่งความคิดไปที่เทนแม้แต่นอย. หำใจผิ,*นหมดหวงเสียแลำ ความที่ใผืผนไว้เบนอำสํ้นไปแลำ ที่เกยไค้ยินนำพรตผู้หนึ่งกล่าวว่า “ มุมบานของหญิงปาก รำย ความเบ็๋นไปของครอบครำ ะ” ความขอน เข่าไปปรากฏในควงใจ อ*นเหี่ยวแห้ง ตรึกนึกทบไปทวนมาอยู่หลายทน. ความรกของฉำ บนลานอโศกอำงาม ภายใต้ควงคาวและแสงเดือน. ฉำกงไม่โง่พอ ที่จะแร่ไปหากวามเบ็นอยู่แห่งครอบกรำในกรุงธุชเชนี เพื่อ เกียรติยศลงเกลือกกลํ้งทะเลาะกำหญิงปากรำยภริยาเธอ. ฉำกลานกลบไปสู่ห้องคำยกวามลำบาก ไปถึงก็ละเหี่ยห กำลำ นอนทอกอาลำอยู่บนที่นอน. ความหวำที่มุ่งหมายไว้อย่าง ปลาบปลํ้มมาพล*นละลายไปในท*นทีท*นใก ห่ง้นึ่ เหลือวิสำที่จะหาอะไ- มาห่านทานพิษไข้ใจ ซึ่งรุมรึงอยู่แลวมิให้กำเริบชน. เมท ประกบประคองพยาบาลฉำ ' ซึ่งกำล่งเจ็บหนำอยู่ตลอดที่งกลางวน กลางคืน นำว่ามีนาใจรำใคร่ฉำจริง ๆ การพยาบาลเบ็่นอย่างดี เม''กินี และที่คอยเลาโลมเอาใจอยู่เสมอ กระทำให้ฉนสงบความทุกข โศกปฏิฆะ มีอารมณ์เบ็!นปกติไค้คีขน เจ็บปวดสร่างเบาไปตามดำย. ฉ่ำเกิดมีความคิดชนใหม่ที่จะจารึกเดิน ทาง!ปอีกทางหนึ่ง, ไม่ใช่ทางที่ฉนขอรองให้พระองคุลิมาลไป, แห่ เบึนทางเดียวกบที่พระองคุลิมาลไปเองก่อนหนำนนแลำ. ฉนจะ ๓อลิ่

โดยเสด็จฅามรอยพระบาทพระพทธเจำ จนกว่าจะพบพระองค์. ยงจะไม่ร้สำนึกอยู่อีกหรือ ว่าถากวามรกยํงหนาแน่นมาก ความทุก โทมนนิก็ยี่งทํบถมหนิกควย. และต่วยเหตุฉะนึ ฉนนึกหว เมื่อตามไปจนได้เผ้าพระพุทธเจำแลวิ, พระองค์คงจะทรงพระกรุณา ประทานความมีชีวิตใหม่ให้แก่ฉ่น เพี่อสามารถรีบเร่งถอนตนด ไปสู่วิมุตติหลุดพินิจากกวามอาล่ยพิวิพินิในโลก. ฉนิบอกความดำริไว้นแก่เมทิน้. เขาก็เห็นพิอ์งต่องใจด โดยฉนิเองก็ไม่นึกกาดว่า จะง่ายถึงเช่นนน. เพราะดเขาบื ถึงก*บเขียนภาพขํ้นในใจกส่ายเด็ก ๆ ว่าจะได้ร่อนเร่ไปในแดนต่ ตามอาเ.,ภอ'ใจ เสมือนนกที่ถือเอาอากาศ เบนท๘า'งโคจรไปแคน ประเทศไกล ตามฤดูกาลโดยเสรีภาพ. แต่การที่ดกลงจะไปนั้ ต่องรอจนกว่าฉ*นิจะหายเบ็นปก มีแรงพอเสียก่อน. แต่กร1นค่อยมีกำลงว\"งชาขนบาง ก็พอดีถืงฤดฝน, ต่องเลื่อนเวลานานออกไปอีก. ในกราวที่ทรงแสดงพระธรรมเทศนาทำยฤดูฝน พระพทธเจำ เคยตร*,สว่า “ดูก่อนภิกษุที่งหลาย, กรนถึงเดือนสดทำยใน่ฤดูฝ ฅะจํนิฉายแสงกำจํดเมฆทีอุ้มนำ'ไว้ให้กระจายหาย’1ป, แล’วแผด อยู่สงกลางโพยม เผาหมอกหมดสนไป, ปรากฎความสว่างจำ มี อุปมาฉนใด ; ความมีชีวิตอยู่เบ็่นภิกษุสงฆ ก็มีอุปไมยฉนิน1น.,, ๓(5)0

กรนสนฤดูฝนแล,ว เราสองกนออกจากสุมทุมพุ่ม'ไม้พระกฤษณ ทีอยู่ทางประฅโกสไ)พี, เลยวไปทิศตะล่นออก ม่งทางซึ่งปานประห ดวงสุริยะในบรรดาสีงศกดสัทธ คือ องค์พระบรมศาสดาสถิตอยู่. ®® สส์บสาม มทาปรินิพพาน ฉไเยิงมีกํไล่งนํอยอยูเ่ดินทางไกลเรื่อยทุกวนไปไม่ไหว จำเบึนตองหยุดพำในบางวน เพราะฉะนิน จึ่งรอนแรมมาต1งหนึ่ง เดือน กว่าจะถึงเมืองเวสาลี, ได้ทราบว่า พระพุทธเจาประทบอย่เมือง นึ่ชำนาน แต่ได้เสด็จออกจากเมืองไป เมื่อล่วงมาสกหกสไ]ดาห์นึ่เอง. ก่อนหนำน!.ลึกนำย ได้ยินข่าวจากชาวบานตำบลหนึ่ง ซึ่ง เบนพุทธบริษํทว่า พระสาริบุตรและพระโมกคลลานนิพพานเสียแล เมื่อมาได้ทราบข่าวพระอกรสาวกท1งสอง ซึ่งเรานบถือว่าเบ็๋นผู้ยอด เยี่ยมในลทธิธรรม ไม่ได้อยู่ในโลกนึ่ต่อไปแล่ว, ใจก็สลดผอยลง. อนที่จริงมิใช่ไม่รู้ว่า พระอกรสาวกหรือองคสมเด็จพระศาสดา พระกายพระชีพเบ็๋นมนุษย์อย่างเรา, แต่เรื่องที่ว่าจะล่องละโลก เบนธรรมดา เราไม่ได้เกยนึกถึง. พระสารืบุตร ซึ่งเบนผู้เคยอ ชีออรรถธรรมอนลึกซึ่งให้ฉนพงเช่าใจแจ่มแล่งอยู่บ่อย ๆ แล่ว, ท่านมีรูปล่กษณะกล่ายพระพุทธเล่ามาก และมีชนมาย 00©(3)

แปคสิบพรรษา เสมอควยพระชนมายพระพทธเจา. นีพระพุทธองก จะมิจวนเสด็จปรินิพพานอยู่แล'วหรือ ? บางทีจะเบื่นเพราะความไม่สบายใจที่คดวิตกไปอย่างนื่ เร้อร*ง,ในกาย1ซึ่งยง'ไม่หายขาด กบ้บกำเริบขนอีก. จะอย่างไรก็ ยิงพยายามมาถึงเมืองเวสาลีไค้, แต่ทว่ามีอาการเหนื่อยอ่อนทรุดลง ในเมืองเวสาลีมืเศรษเนีกนหนึ่ง เบ็๋นพุทธบริษทรบ้อุบ้ฏ1ฐา พิเศษแก่บรรดาภิกษุ ภิกษุณี ที่จารึกผ่านมา. เมื่อได้ทราบว่ามีภิกษุณ อาพาธเดินทางมาถึง, นางก็รีบไปหาทนที, นำเมทินีและฉนไปพ*ก ที่บ้าน, ช่วยเหลือพยาบาลอย่างเต็มใจควยความเลื่อมใส. บ้นรู้สึกในความกรุณาแห่งเศรษเนีผู้นื่เบึนอนมาก. ต่อมา ไม่บ้า ฉนแสดงความในใจให้พง ถึงเรื่องวิตกว่า พระพุทธเบ้าก็มี พระชนมายุเท่ายิบพระสารีบุตร จะมิจวนเสด็จปรินิพพาน หรือ ?. พคถึงเรื่องนื่ เศรษเนีคนนน์ก็บ้อง’ให้นาตา’ใหล ตอบ มีเสียงกระเส่าสะอํ้นว่า— “ท่านยิงไม่ทราบ. เมื่อสองเดือนที่ล่วงมา กรงพระองกํยิ เสด็จประทํบอยู่ในเมืองเวสาลีนั้ ทรงพระปรารภว่า ปรินิพพาน ในกำหนดราวสามเดือนบ้างหบ้า. ขอให้กิคคฺเถิด บ้าพระอานนที่มีเชาวน์แล่นพอ และกล่าวกำในขณะที่ควรกล่ 00๑เข้)

ทีพุดนั้กีจะไม่เกิดขน และพระพุทธเจ้าก็กงจะดำรงอยู่ต่อไปในโลกน จนสินกลณ์” ฉไเถามว่าเรื่องเบนอย่างไร. หญิงน8นเล่าว่า - “ เรื่องเบ็่นอย่างนื ะ วนหนึ่ง พระพุทธเจ่าเสด็จ!]ระทบอ พระอานนท์นอกเมืองนึ่ ณ จปลเทวาล'!]* ในขณะที่สนทนากน มี พระพุทธฎีกาว่า ผ้ใดเจริญอิทธิบาทสี่ประการบริบูรณ์แล ความปรารถนาก็ย่อมอยู่ในโลกนั้ไค้จนสินก*ล!). ที่พระพุทธเจ้าด ไอภาสอย่างน, ล่าพระอานนท์จะปรารภเหกุ อาราธนาให้พระพุทธเจ้ เสด็จอยู่ในโลกจนดลอดก'ล!)กืจะไค้. แต่จะเบนคำยถูกพญามารเข่า กรอบงำหรืออย่างไรไม่ทราบ, ท่านจึ่งไม่ปรารภเรื่องนึ่แต่ก่อนเสียเลย มำรีรอมาจนพ่นเวลาเสียแล่ว,” ฉนถามวา “ ร*ูเไดอ้อยย่างเไรรวว่าพนเวลามาเสยียแแลลว่ว เพรา พระพุทธเจ้าก็ยงดำรงพระชนม์อยู่ ? ” นางตอบว่า “ เรื่องเบ็๋นล่งนึ่ ; เมื่อหำสิบ!!ที่ล่วงมา พระองกแสวงหาวิโมกษธรรม ณ อุรุเวลา, ทรงทำทกรกิริยาเบน เวลาถึงเจ็ดบี1 จนบรรลุโพธิญาณ ตรำเบี่นพระสไ!มาล่มพุทธเจ เสวยวิมุตติสุขอยู่ควงไม้นิโครธของนายย์ชบาลพญามารว่นจ้าใ เกรงอำนาจฅนจะเสื่อมถอย ก็มาท้าการกีคขวาง เพื่อมิให้ประกาศ พระอมฤตธรรม, ไค้กราบทลว่า 4 พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีมา * ปาวาลเา)ค4๗ี4 ยํ ๓๑๓

เพอปรารถนาพระส''พพ'ญฌฅญาณ. บ”คน ก็สำเร็จมโนประณิธานแล'ว และจะกระทำประโยชน์แก่สํตวโลกให้ลำบากพระกายไปไยเล่า, เข่าสู่พระปรินิพพานเสียเถิด, พระพทธเข่าตริสิว่า ก‘ดู ผู้ 1จบาป, ต่อเมื่อบริษํทของดถาคด คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และ อุบาสิกา เบ็่นพหสฅอ\"นฉลาด อาจทรงไว้ไค้ซึ่งพระธรรมวินไแเลว ปฏิบิฅศึกษาเล่าเรียนบอกกล่าวสืบต่อกนไป และสำแดงธรรมเทศน โปรดเวไนยนิกรสิตว์ เทวดา มนุษย์ ไห้สำเร็จมรรคผลลุอมฤตม นิพพานไค้ ยงคาสนมรรคพรหมจรรย์ ให้แผ่ไพศาลไปท'วโลกธาตุ แล8ว, ตถาคตจึ่งร\"'บอาราธนาเข่าสู่พระปรินิพพานในกาลเมื่อนิ “ เมื่อพระพุทธเข่าข่งประท''บอยู่ในเมืองคใ้ฅรํสสนทนา กะพระอานนท์อย่างที่เล่าให้ทานพง. แต่พระอานนท์มืไค้เฉลี กราบทูลขอให้เสด็จอยู่ในโลกต่อไป, และย'งออกไปอยู่เสีย ณ สถานรกขมูลแห่งหนึ่งในภายนอก. ขณะนินิ พญามารไค้โอกาสก็เ ไปเผากราบทูลเดือนว่า - ‘ ข่าแต่พระองค์ผู้เจริญ, ถึงเวลาแข่วที่พระองค์จะเสด็ พระปรินิพพาน ดงที่ไค้ฅร'ส'ไว้แต่ปางก่อน ภายใต้ควงไม้นิโ ของนายอชบาล ณ อุรุเวลา ว่าจะเสด็จเข่าพระปรินิพพานนินิ. เพร พระศาสนธรรมก็ถึงซึ่งความมนคงแลว. ข่าพระองค์หข่งว่าจะไค้ สู่พระปรินิพพานเสียแต่บิดนึ่.’ พระพุทธองค์จึ่งฅรํสํตอบพญาม

ดก่อนมารใจบาป, ท่านไม่ควรวิตก. แค่นไปอีกสามเตือน เราตถาคต จะปรินิพพาน., ‘เ เมื่อฅรโ-!(ดิงน, แผ่นดินก็ไหว ซึ่งบางทีท่านคงจะสงเกฅ ร้มาล่างแล่ว.” ความจริง เมื่ออยู่กรุงโกสไ)พี ก่อนหนำที่จะออกเดินทาง ราวหนึ่งเตือน เราก็รู้สึกว่ามีแผ่นดินไหวที่น์นแต่เบา ๆ จึ่งได รบรอง. หญิงนนพคต่อไป มีอาการอ้นตื่นเตไว่า “เห็นหรือไม่, ท่าน ? หวํนไหวไปทวิทุกแห่ง ทวยเทพตกตะลึงโทมล่ส ในเหตุที่พระองค ทรงริบกำมาร ที่จะไม่เสด็จอยู่ในโลกต่อไป. น่าเสียใจ! ล่าพระอานนท์ ไหวล่น ชิงทูลอาราธนาเสียก่อนหนำมาร, ก็จะไม่เบนอย่างนึ่. ก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวแล่,วสี ท่านจึ่งรู้สึกกราบทูลปรารภเหฅ ขอให้คำร พระชนม์อยู่ต่อไป. แต่พระองค์ทรงปฏิเสธเสีย.” ตามกำบอกเล่าของเศรษเนีผู้มีศรทธา แต่กระเตืยดไปในทาง เหฅล่กดสิทธื้อยู่ล่างดิงนึ่ เบนอ้นได้กวามว่า เมื่อพระพุ ประล่บอยู่ในเมืองเวสาลี, ทรงรู้สึกพระองค์ว่าจวนจะปรินิพพานแล และกงจะทรงแล่งเรื่อง‘แแก่บรรดาพระสาวก. เพราะฉะนน ล่นจะรอ ชำอยู่ในล่านหญิง'ใจตืนึ่ต่อ'ไปไม่ได้แล่ว ; จะล่องรีบไป ก่อนปรินิพพานให้จงไค้. ความมุ่งหมายล่นใหญ่ยี่งอยู่ท ๓ 5) (^

มีแก่พระองค์'ท่านน ที่อาจทำลายกวามพลุ่งพล่านเดือดรอนในค ไค้. มีแต่พระองค์เท่านน ที่สามารถประทานความสุขสงบใจคืนมาไค คือ ความสุขสงบ'ใจอย่างที่ฉ‘นรู้สึกมาแล่ว กร8ง์ไค้เผาอยู่แทบพระบา ณ เทวาลไ)เก่าพระกฤษณ์ในบ่าประดู่ลายกรุงโกสำพี แก่ขณะนเส หายไปแล่ว. ดำยประการฉะน เมื่อล่วงมาไค้สิบล่น พอฉนมีกำล่งพอจะ เดินทางไค้ก่อไป เราก็ออกเดินทาง. เจาของบำนใจดีไม่เต็มใจจะให้ไป เพราะเห็นว่า ฉินยิงกะปลกกะเปลยอยู่, แก่ฉินริบรองให้หายวิต ไม่เบนไร และสญญาว่า เมื่อไค้เผ้าแล่วิ จะกราบทูลถึงที่แกข อภิวาทมาแทบพระบาทดำย. เราไค้เดินมุ่งใปทางทิศตะล่นตกเฉ เหนือ สืบถามทางที่พระพุทธเล่าเสด็จไปโดยลำดำ). กร1นไปถึงอำพคน* , VI 1ค^้ทราบว่า ไค้เสด็จออกจากที่นน แล่วิราวแปดวน. กรนตามไปถึงบาริง**เมืองโภคนคร, ก็ได้ทราบว่า เสด็จไปเมืองปาวา ก่อนหนาที่เราไปถึงโภคนกรไค้สามวน. เพลาบ่ ลงนดหนอ,ยในล่นหนึ่ง เราถึงเมืองปาวา ระทวยใจเหนื่อยอ่อน เต็มที. บานแรกที่เราพบ เบนบานนายช่างทองแคงเห็นเครื่อง อไ]พปาลีวน ซึงนางอมพปาลีคณิกาถวายเบนส,งฆาราม กฏาการศาลา บามหาวน ใ จนทกไ]มารบฅร. ๓๑๖

ภาชนะรูปภ*ณจ่าที่ทำขั้นไว้ เรียงอยู่ตามผนง่หองมากมายหลายอย่ แต่ไม่ไค้ยินเสียงสูบเบาแล่น, คูเหมือนกนในบ่านหยดพกในเวลาฅรษ สารทอะไรอย่างหนึ่ง. ที่บ่อในบริเวณบ่าน พวกกนใช้กำลงลำงช จานกนอยู่ ท่าทางมีพิธีแต่งงานเพ็งจะเสร็จไปใหม่ ๆ. ทนใดนน มีชายร่างเล็กนุ่งห่มผาใหม่ เขามาขอทำบุญใ บาตร และพุกแถมว่า “ลำท่านมาเร็วกว่านึ่ลํกสองสามช'วโมง ก็จะเบน การดี ได้มีโอกาสท่อนร’บ, เพราะพระพุทธเจาพร,อมค็วยพระสาวก เสด็จประท'บเสวยกระยาหารที่บานขาพเจาในว*!แนึ่” “ เช่นนน พระพุทธเจ้ากืย*งเสด็จอยู่ในเมืองปาวากระมํง “หามิได้. เมื่อเสวยเสร็จ, ก็ประชวรมีพระอาการเจ็บปวด เบนที่สด เกือบจะทรงวิส*ญญี, ทำให้ข้าพเจ้าและกนอื่น ๆ ตกใ อลหม่าน ; แต่แลํวิก็พ็นพระองค์ และเสด็จไปถึงเมืองกสินารา ลํกช่วโมงล่วงมานึ่เอง.” ฉํนสะ!กรจะรีบตามไปทนที เพราะตามคำบอกเล่าของนายช่าง ทองแดงถึงเรื่องประชวรก็เห็นว่าเบ็่นที่น่าวิตกมาก.แต่จำท่องอยู่ บริโภคอาหาร และพํกเหนื่อยพอมืกำล'งเสียบ่างเล็กนอยก่อน. ทางจากเมืองปาวาถึงกุสินาราไปมาไค้ง่าย. ในไม่ชำเรากืเด้น ชำมทุ่งนาท่ดบ่าหญาสูง. เมื่อผ่านลำธารสายหนึ่ง สงไปชำระส รู้สึกชุ่มชื่นขํ้น, หยุดพกอยู่สกกรู่ แชํวเดินทางต่อไป เวลา โพล้เพล้แลว, ฉินแทบหมดกำล*ง เดินอีกไม่ไหว. ๓®ต)

เมทินีพยายามเอาใจ ชวน'ให้หาที่พ*กแรมคืน ณ กวงไเม่ เนพื อนสูงสกหน่อย บอกว่าไม่จำเบื่นจะรีบรอนห*'กโหมกำลงให้๓ น ด้พูด'ว่า แ ฉินคาดว่า เมืองกุสินารากงอยู่ไม่ไกลไปกว่าระยะอีกหมู่ บ่านหนึ่ง. และดเหมือนเบ็๋นเมืองที่อยู่กลางบา, ไฉนพระพุทธเจ จะเลือกเสด็จเจ่าพระปรินิพพานในเมืองนํ้ ? พระองค์ควรจะเ ปรินิพพานในสวนบืาเชฅว่น วิงหวิดสาวิดถี หรือไม่เช่นนนก็ท สวนบาวิงหวิดราชคฤห. พระองค์กงจะไม่ปรินิพพานที่เมืองกิน อย่างนิ. ใกรเกยได้ยินออกชื่อเมืองกุสินารากินบ่าง ?” “ แต่ประชาชนกงจะได้ยินชื่อเสียงเมืองกสินารา ต่อไปในว'น นิ,” ฉินพูดตอบแลํวิเดินทางต่อไป. ในไม่ชาก็ละเหี่ยหมดกำล่ ต่องฅะเกียกคะกายขั้นไปบนเน้นสูงที่ไม่มืต่นไม้ เพื่อชะเ จะถึงกสินาราหรือยิง, มิฉะ นนิจะต่องต่างคืนอยู่ในที่ไม่มี อ*นฅรายจากส*ฅว์รำยงูเงยว และจะต่องกระทบอากาศซึ่งเบนพิษทำให เจ็บไข้. ครนขนไปถึงยอดเนิน มองโดยรอบไม่พบหมู่บ่านที่ไห แห่งเดียว, ดเบ็่นบาสลางแลเบ็๋นพืดเรื่อยไป. เห็นแต่ต่นไม้ใหญ่ สงชะลด, แผ่กีงกค้นบ่งแสงแดดภายล่าง จนรกเรื่ยวเบ็่นบาดิบสลบ ซ*บซอนกนขั้นไป. ถดไปในที่แห่งหนงเบ็่นชะเวิกลำธาร คือ ลำธาร เดียวก*บที่เราลง'ใปสนานกายก่อนหนานีสกคร่. ๓ ซี) ๘’

อากาศตลอดทงบ้นอบบ้าว ทองพาพย'บ แต่มาในตอนนั้ มีลมพคฉิว ๆ บ้างแล,ว. อากาศเรื่มปลอดโปร่งเห็นภูมิประเทคได้ชด ขนบ้าง. เห็นภเขากนเบ็๋นกำแพงใหญ่ และตระหง่านชั้นเหนือยอดไม บนยอดเขามีบ้นไม้ขนสลำง มองคูแต่ไกลคลำยสนามหฟ้าเขียวชะอุ่ อยู่หลายแห่ง. ยอดที่สูงสุดพุ่งหายชั้นไปในบ้องพา. มีเมฆสีแดงเ อยู่บ้อนเดียวลอยผ่านเบ็่นพืดยาวอยู่ไกลลิบ. ขณะเพ่งมองคเมฆบ้อนนํ้ บ้นสอคลีอย่างแปลก. เลยหวน ระลึกถึงความหลํง. กรงที่ ได้เห็นบิดาเอาคีมคีบทองคำที่หลอมเหลือ เนํ้อบริสุทธื้แบ้วออกจากเตาท1งเบ้!. เมื่อเนอทองเย็นลง, ก็เอาไปวาง ไว้บนเบาะแพรสีนืาเงินอ่อน. ล'กษณะสีที่ว้านื ช่างเหมือนกไ!ล ที่แลเห็นอยู่ในขณะนืเลียจริงๆ และค่อยๆเปลี่ยนสีไปแปลกๆ. ที่แลเห็นเบี่นเมฆเปลี่ยนลีอย่างงามตาน่าดนี หาใช่เบนเมฆ ม.VI I ว เมทินืมีอาการตื่นเบ้นคบ้ายตกใจอะไร มือส'นเบ้ามาจไ!แขน ฉิน กระซิบบอกว้า “ น\"นีกือเขาทิมพาน.” จริงอย่างว้า. เห็นสูงตระหง่านอยู่บ้างหบ้า คือ ขนเขาแ เขาที่ใ3หลาย. เบ็!นสถานที่อยู่แห่งหิมะไม่มีขาด คือ ทิมาบ้ข, เบนท สถิตแห่งทวยเทพ และเบนสำนกของฤษีมุนีผู้สำเร็จ. เภูเขาทิมพาน’ ชึ่อนีแม้แต่เมื่อฉินบ้งเด็กอยู่ ก็นบถือว่าเบนนามศ*กดสิทธ กระทำให้ ๓ดป

รู้สึกทิงเการพทํ้งเกรงอย่างซงใวิอย่างไรพูดไม่ถก. อ*ใ-;เรื่อง คำยขุนเขาน็ มีมากมายและเกยไค้ยินอยู่บ่อยๆ เช่นว่า เ;แต่ บ่าหิมพาน ประพฤติพรฅเบ่นฤษี.” ไค้เกยมีผู้บ่ายบ่นเขานมาแล แต่กาลก่อน น’บจำนวนเบ่นเรือนพน เพื่อหากวามเบ่นไปในที'สง วิเวก ให้บรรลุภูมิความสุขโคยการบำเพ็ญฅบะโยกง ยินเบ็นทาง หลุดพํน. ต่างผู้ต่างแสวงทางวิโมกษ ฅามวิธีที่เห็นว่าถก, เข้นมายา เช่า'โซผิดทงนึ่น. แต่บดนพระผู้มีพระภาคเช่า ไค้เสด ใกล้แดนนแลำ. พระองค์เท่านํ้นที่ล่วงพ่นมายากวามหลงผิด — ผ้ร์งเรา'โดยเสด็วิดามรอยพระบาทมา'ในขณะน. ขณะฉไเยืนนึกเพลินอยู่ รูปที่เห็นเบ็นสีรุ่งเรืองก็เล ประหนึ่งว่าโพยมสวรรค์หรบลงมากลมเสียหมดไม่ให้แเหฅเ็มน.อ ไค้เห็นมาแลำ ก็พอทำให้มีใวิชุ่มชื่น เกิดกำลิงกระปร้กระเปร่าชั้ ฉไเพูดกะเมทินีว่า “ ถึงหากพระพุทธเจำจะเสด็จขำมขุน น3น เพื่อไปสู่ภูมิแดนอ*น,สงสุดถึงไหนก็ตาม, ฉไแบ่นขอตามเสด็จไป พบจนไค้.” เมื่อมีมานะเช่นนึ่ ฉินก็เดินต่อ'ไป. ไม่ทินถึงครึงก่็งหชม่ดำโม แดนบ่าไม้ที'รณรยว, เช่าเขตไร่นาช่างหนำเรื่อยไป. เวลานํ้นมืคลง แลว, พระจนทร์กำลิงชั้นปรากฏควงโตอยู่เหนือยอดไม้ ตรง ที่ซึ่งเราไปถึงแลำ คือ เมืองกสินารา. ๓1^)0

ดินที่จริง เมืองกสินารากไม่ใหญโตย็่งไปกว่าหมู่บ่า มลละ, มีบานและกำแพงเมือง ใช้ไม้สานเอาดินทา. เห็น”1นคร'งแรก ก็เขาใจว่า คงจะมีโรคระบาดอะไรอย่างหนึ่งเกิดขํ้นแก่เมืองนอย ๆ จนผู้กนเบาบางไบ่, ฅามประตม่าน มีกนชราและกนเจ็บนํง้ร็องไห้ กนอยู่เซ็งแซ่. เราเขำไปถามว่า เกิดอะไรขํ้น. พวกนนบิดไม้บิดมือตอบว่า “ พระศาสดาจะด่วนเสด็จเขำ ปรินิพพานเสียแลว. ในเวลานึ่เอง ดวงประทีปของโลกจะดิบแสงไป. พวกม่ลละพาดินไปที่บาร'ง เพื่อไปเผาถวายบูชาแด่พระองค์ผู้ทรง พระภาก, เพราะเมื่อก่อนหน้าจะมืดกํ่านึ่เล็กน้อย พระอานนท์ม ในเมือง ตรงไปที่ตลาด ซี่งเบึนที่ชุมนุม. กำดิงพวกมลละประชุม โต้เถียงดินดิวยเรื่องการเมือง, เมื่อพระอานนท์ไปถึง ได้บอกว่า ‘ดก่อน พวกมลละ, ในวนนึ่ก่อนเวลาเที่ยงคืน พระพุทธเจ่าจะเสด เขาพระปรินิพพาน. ท่านจงรีบพากนไปเผา, เพราะพระพุทธองค์จะได้ เสด็จเขาพระปรินิพพานในเมืองท่าน เบนโอกาสที่พวกท่านจะไค้เผา ครํ้ง์สุดท่าย ’ เมื่อพวกม*ลละ’ได้ทราบคํงนึ่ ก็ปริเทวนาการดิว่ยกวา เสียใจ, พาบุตรภริยารีบไปที่บาร'ง. ส่วนพวกขำพเจ่าที่เหล เบี่นกนชราและพิการเดินเหินไม่ไหว *จ3 งจ0าต2อ^ งแกรIวอยI ูก^บท(ะดิ VI 1 ม สามารถไปบชาพระศาสดาในครํงสุดน้ายได้.” ๓ ใ53 ๑

เมึ๋อไค้กวามด'งนึ่, เราก็รีบออกประตเมือง ตรงไปยงบ่ารง ทนที ซึงชาวบ่านเหล่านึ่นชทางให้. ไปตามทาง เห็นพวกมลละกล มาเบนหมู่. อารามที่อยากจะไปให้ถึงบ่นใจ เรารีบสาวกาวต' ตรง'ไปทางมุมบ่าน*อย. กรนไปถึง เห็นภิกษุองค์หนึ่ง ยืนพิงรองไห้อยู่กบตนไม้. รู้สึกฅํ้นขํ้นมา'ใน'ใจ, หยุดมองด. ขณะนใ; ภิกษุองค์นํ้นเงยห ขั้นไปบนทองพา, แสง-จ'นทร์ส่นเพ็ญส่องมากระทบเต็มหนำท่าน, ก็จำได8วา เบ็่นพระอานนท์. ฉินเข่าใจาว,เ่จาวา กงมาไม่บ่นก่อนเวลาเสด็จปรินิพพานเสียแส กระม'ง. คิดแล่วิก็ใจทาย, ไม่ทราบว่ากำส่งวงชาไปไหนหมด. ขณะนน ไค้ยินเสียงมีใครแหวกสุมทุมไม้, แส่วเห็นพร ภิกษุร่างใหญ่องค์หนึ่งเข่ามา, เอามือทาบบ่าพระอานนท์ พดว อานนท์, พระศาสดารบส่งให้หา.” เท่านึ่เอง ก็เบ็่นอนทราบไค้แน่ ว่ายงมีโอกาสได้เผาทน กรงสดบ่าย. แรงฉินแข็งขนขั้นมาทนที สามารถเดินต่อออกไป ขณะน1น พระองคุลิมาลเหลียวมาเห็น และจำฉินไค้ มีหนาตาแสดง วิตกกลำเราจะเข่า'ไปรบกวนพระพุทธเจา, ฉินจื่งชิงพูดให้เบ ก่อนว่า — * ฅ่อมาเรียกว่า อปวฅฅนสาลว่นมงคลสถาน. ๓๒๒

*'ท่านอย่าวิตกเลย. พวกฉินจะไม่รบกวนรำงไห้รำไร อย่าง ผู้หญิงธรรมดา ในเวลาอินเธ็!นบจฉิมกาลแห่งพระพุทธเจำ. พวกฉิน ฅํ้งใหีบเร่งจากเมืองเวสาลีมา โดยไม่ได้หยดพำ, ความประสงค์ก็ เพียงได้เผาพระองค์อีกหนหนึ่ง ซึ่งเบ็๋นกรงสุดทายเท่านน. ขอท่าน อย่าให้เสียความต1งใจนึ่เลย, โปรดอนญาตให้ได้เช่าเผา เพื่ อินทรีย์กลาแข็ง บำเพ็ญกุศลต่อไป.” ท่านก็.ทำกิริยาให้เราดามไป. เราไปไม่สู้ไกลกี่มากนำย ถึง ช่องว่างนำยๆในบาอิง. มีพระภิกษุราวสองรำยองค์ ยืนเผาอยู่เ รปอ*ฌจํนทรี. ณ ท่ามกลางที่นึ่ มีตนอิงขนาดใหญ่สองดิน กำลิงออก ดอกเบนกลุ่มกำนขาวไสว. ระวางควงไม้รงทํ้งคู่นึ่ เห็นพระพุทธ ประดิบบรรทมบนพระแท่น ซึ่งปลาดดิวยฟ้าสีเหลือง มีพระหำถ์ขวา หนนพระเศียร. คอกอิงก็โปรยเกสรเบนละอองมาอาบพระองค์. ดิานพระปฤษฎางค์ถดไปไกล คือ เขาหิมพาน มีหิมะปกกลม เบนนิตย์นิอินดร แต่บํดนึ่ ถกความมีดเช่าปกคลุม, ซึ่งฉิน จะเห็นขํ้น,ใน'ใจ ว่าที่ฉินเกิดมีกำลิงมาได้ดินเผาพระพุทธเจำถ ก็เพราะได้เห็นชนเขานนในกราวแรกเมื่อเวลามา. พระพุทธเจำ ตอิสกะพระอานนท์ก่อนกว่าผู้อนหมด เพรา ท่านมายืนเผาอยู่เฉพาะพระพำฅรํแลำ ว่า \"สำแดงอานนท์, เราร้ไ คิว่า ท่านรำงไห้โศกเกีราถึงเรา. และท่านกงคิดอยู่ว่า ท่านย*ง’ไม่สํ้น ดโ; 1®) ดา

อาสวกิเลส ย'งไม่บรรลุความเห็นแร่ง, และบดน พระศาสดาผู้กร แก่ท่าน ก็จะเช่านิพพานเสียแลำ. สำแดงอานนท์, ท่านจงเลิกค อย่างนนเสียเถิด, จงอย่าปริเทวนาการ, จงอย่าโศกเศร่า. สำ อานนท์, เราได้บอกแก่ท่านแลำมิใช่หรือ ว่าบรรดาสี่งที่ยึ ย่อมมือไเตอง-จาก'ใป. ธรรมดาย่อมเบนธรรมดาของมไเกระนน. สีงทํ้งปวงเกิดชินเองโดยสภาพธรรม, เราไม่ได้จ'คการให้เกิดชิน แ ชอบออกรบว่า เบนของเรา; ส็่งนนๆ ย่อมมีอาการแปรไป ฅาม ธรรมดาวิสไ], เราจะดั้นรนให้เบ็่นอย่างใจเราคิดไม่ได้ นอกจา ร*บเอาเบ็นของเราเหลวๆ’; และในที่สุด มนก็ดองล่วงลบไปควย อำนาจแห่งธรรมดา, เราจะผืน'ให้กงอยู่'ไม่สำเร็จเลย จะได้ก็แต่คว กลงเพ่อ ออกรบเอาเสียเต็มแปล้. นบประสาอะไร, ตำท่านเองก็อย่า ทะนง ย่อมตกอยู่ในอำนาจธรรมดาที่จะบไเดาลให้เบนอย่างไรได้ท เพราะฉะนน ธรรมคาท8งหลาย จึ่งเบนอนํฅดา คือ เลือกไม่ได้: ไม่ สำเร็จดำยเราสกอย่างเดียว, มนเกิดชินแล่วิย่อมด'บ'ไป, มนรวมก่น แลำย่อมจากไป, ปรุงมนชิน มนก็แตกสลายไป. สำแดงอานนท์, ท่า ได้ปฏิบ้ตเรามานานคำยความเต็ม'ใจจงร*ก ไม่มีอิดเออนทอถอย ชื่อว่า ได้พยายามดีแลำ จง'ใช้ความพยายามอนสมํ่าเสมอนน์ มาใน บำเพ็ญเพียร. ในไม่ชำท่านจะหลุดพ่นจากกิเลส คำๆษณา ทิเ ความ เห็นเชือน และอวิชชา ความรู้ไม่แร่ง หลงผิดไปตามมายา.”

ท่านพระอานนท์พยายามกลืนสะอั้น เพื่อแสดงว่า ไม่มีคว เสียใจต่อไปแลว, แข็งใจกราบทลถามว่า “พระสรีระร่าง จะโปรดให้ จดการอย่างไร ?” พระพุทธเจาตรำตอบว่า “ไม่ควรวิตกในเรื่องน. เพราะ สาวกที่ทรงสติบญญา พร่อมทํ้ง์พราหมณ์ และคฤหบดีมหาศาล ที่เขา นบถือ คงจะจํคทำกนไปเอง ตามเห็นสมควรแก่การ. ตำท่านมีสี่ง สำกญที่จะพึงใส่ใจอยู่ คือ จงนึกถึอย่งาอ'ไดม้ฤตนธึรรกมถ,ึชชิิ//งV)๖ส- ีงอ เลย; จงเร่งพยายามขวนขวายต่อไปให้บรรลุ, อย่าย่อท่อถอยหลํง.” พระพุทธเจาตรำเฉพาะพระอานนท์แส่ว, ก็ทรงทอดท่ศนา การมายงเหล่าพระสาวกที่ยืนเผาอยู่เบื่นวง, ตรำว่า — “ภิกษุท1งหลาย, บางทีท่านท่งหลายจะนึกว่า พระธรรมน1น ขาดศาสดาเสียแล่ว, ท่านไม่มีศาสดาต่อไปแลว. ดูก่อนภิกษุทํ้งํ้หลาย, ท่านอย่าพึงคิดอย่างนึ. ธรรมที่เราแสดงไว้ เมื่อเราล่วงไป จกเบ็ ศาสดาของพวกท่าน. เพราะฉะน1น ท่านอย่าพึงยึดเอาสี่งภายนอก เบนที่พึ่ง. จงถือพระ ธรรมเบนที่พึ่ง'ให้มน. พระธรรมนนจะเบ็่นความ สว่างแก่ท่านเอง, จะเบ็่นที่พึ่งแก่ตนเอง.” ส่วนตำฉินน1น พระพุทธเจาทรงชำเลืองเห็น, พระองค์ซึ่ง ทรงพระมหากรุณาธิคุณ. ไค้ทอดพระเนตรเพ่งอยู่ครู่หนึ่ง. ฉินรู้ส ที่ไค้บากบ่นเดินทางมา เบนอน’ไม่เปล่าผลเลย. ล่วงมาสกครู่ พระองค์ฅร่สอีกว่า— ๓๒๔

\"ภิกษุทง'หลาย, บางทีวิะมีบางท่านที่เกิดความสงสยชํ้ ศาสดา หรือในส่วนพระธรรม. ท่านวิงถามเสียให้สินระแวงเถิด เพื ไปภายหนา ท่านจะได้ไม่โทษตนเอง ว่าเมื่อพระศาสดายงทรงชีว่ตอยู่ ก็มิได้ไต่ถามอะไรไว้.” พระองค์ฅรํส่ดํงนึ่ ประทานโอกาสให้ผู้ที่เผาอยู่ กราบทู สงสไ]ได้. แต่ก็นึ่งก*นหมด. ใครเล่าย*ง'จะมีใจส่งเสสงสืย เม เฉพาะพระพ'กตร์แห่งพระองขค์ ผ้จะเสด็จลบไปแส่ว? พระพทธ เสด็จไสยาสน์อยู่ที่นน มีแสงเดือนในวนเพ็ญส่องสีเหลืองอ่อน พระวรกาย ประหนึ่งว่าเทพบุตรกำส่งเตรียมการสนานพระสรืราพ นคร1งสุคท่าย กล่าวคือ โปรยละอองเกสรดอกไม้ลงมา. พระอานนท์เต็มตนในหฤท่ย ประสานหฅถ์กราบทูลว่า— \"ข้าแต่พระองค์, ประหลาดนกหนา พระส*วิธรรมนํ้ พระองค์เชื่อว่า ในที่ประชุมสชงิ' ฆย ์นึ่ \\/].ม!ม^ผยู่ใดแม้แต่รปเดียว ที่ยงมี ความไม่สนิทใจในคำส่งสอนและศาสดาอยู่ ” แส่วพระผู้ประเสริ^สุด ก็ดร*สว่า— “สำแดงอานนท์, ท่านกล่าวควยมีศรทธาเต็มที่ แต่เรารู้แส่ ว่า ไม่มีความกินแหนงตะชิดตะขวงอยู่ในใจผู้ใด. เพราะแม้ผ้ที่นบว มีเชาวน์บญญาส่าหส่งกว่าเพื่อน ก็โปร่งใวิในส่ทธิธรรมแส่ว, ที่สดก็จะได้บรรลุโมกษธรรมเหมือนกน.” ๓

ครํ้นพระองค์ฅร่สดงีนึ่แลิว, ผู้ที่เผ้าอยู่ก็รู้สึกเยือก ประหนง ว่ามีมืออ*นทรงพลวิการอำนาจ มาเบี่ดทวารวิถีแห่งความเบ็๋นอนิจจา ประจำสงขาร สำหรบเชิญพระองค์เสด็จเขา. พระองค์เผยพระโอษฐ์อีกกร1งหนึ่ง เบนพระบจฉิมวาจาที จารึกไว้แก่สวิสารโลก เป็นพระสำธรรมอนลํ้าเลิศว่า— “ภิกษา'างหลาย, เราตถาคตขอเตือนท่าน; อ'นสวิขารทํ้งหลาย มีแฅ่เสื่อมไปเบนธรรมคา. ขอท่านทงหลาย จงบำเพ็ญกุศลให้เต็มที่ ดำยความไม่ประมาทเถิด.” นึ่กือ พระโอวาทแห่งพระศาสดา เป็นมรดกกรงสุดทาย. กร8นแลำ สื่นพระดำร*ส สั้นพระสรเสียง หบพระโอษฐ์ หล'บ พระเนตร พระอ*สสาสะประสาทซีงเคยระบายฅามธรรมดา ก็ค่อยๆ แผ่วเบาลงๆทุกที แลวิก็สั้นกระแสลมโดยพระอาการสงบ. พระภิกษุ องค์หนึ่ง*ประกาศว่า พระบรมศาสดาเสด็จปรินิพพานแลำ. อนิจจา ! แสงเดือนเพ็ญผ่องกระจ่างจบพระพกตรีอยู่เมื่อก็ ก็จางซีดขมกขม่วิลง ท่องพ็าสลํวิม่วิพ!]*บํครํ้ม อากาศเย็นเฉียบจ หำใจ นาค่างหยดลงเผาะ ๆ เบ็๋นหยาดนาฅาแห่งสวรรค์ เกสรคอกรวิ ร่วงพรูเบ็๋นสายสห*สรธารา สรงพระพุทธสรีระ จ*กจนเรไรสง*คเงียบ ดูไม่มีแก'ใจจะทำเสียง ธรรมชาติรอบขวิงต่างสลดหมดความคะนอง ทกสื่งทุกอย่าง. * พระอนรทธ์ ๓!2)(ส์

แลว'จึ่งมีเสียงกระซิก ๆ สะอนไห้แห่งพระภิกษุสงฆ์. ผ มลละก็รองไห้โ!]ลงแทบสํ้นสมฤดี. ๏ ®๏ ขณะน3น อนว่า ป1ฐ,วีกไเปนาการก็บ่งเกิดปรากฏพิลึกพึง ทวโลกธาตุทํ้งปวง อีกทํ้งห์ว่งมหรรณพก็กำเริบตีฟอง ครืนกรน นฤนาทสนนในมหาสมุทรสากร ที่ง์หมู่มํจ์ฉชาฅิมงกรผุดดำ กระทำให้ศห้าทสำนานนฤโฆษครุวนา ดุจเลียงบริเทวกถาแซ่ซ็ ดูรกำสรค ที่งขุนเขาสิเนรุราชบรรพฅก็น์อมยอด'โอนอ่อน มีอาก ปานประหนึ่งว่า ยอคหวายถูกอคดีลน อเนกมหํศจรรย์ก็บไเดาลท เมท'แคลสกลนภากาศ ปางเมื่อพระบรมโลกนาถเข็าสู่พระปรินิพพ นน์แล. ©®@ สี่สิบสี่ พ้นชกรรมวาสิฎฐ พระบจฉิมพุทธพจน์ที่ฉนได้ยินก'บหูจริง ๆ เมื่ออยู่ในมนษย โสก เบ็นคํงที่เล่าแล้วนึ่น¬ กาลํงรืางกายที่ฉไเจะทรงชีพอยู่ต่อเบไปนอ'นหมดเสียแล้ว. กวาม'ใช้เขำมาส่ฅนหน'กลงจนเพียบ’ไม่รู้สึกสฉตินได้เห็นห!ห้าคนที่มา ๓!ซี)^

รุมรอบฅำฉำแบ็่นเงา ๆ คน่ายในความผน, ที่จำเน่าได้แน่นอน คือ หน่าเมทินี ซึ่งประจำอยู่เสมอ. ครํ้นแน่วก็วูบมืดไปหมด. และใ ทํน่ใดน่น คูเหมือนมึน่าอไแย็นชุ่มมาชโลมให้พิษไข้ที่รอนแรงจางหาย ไป เหมือนลิงเดินทางมายืนอยู่ริมขอบสระภายใต้แสงแดดที่แผดจํค, แลวรูสกวา ตนเองเบนคอกบวภาย'ในนาอ\"นเย็นฉํ๋1าด้รบกวาม ชุ่มชื่นฅลอดถึงกำน. และในคราวเคียวกํน น่าหน์กที่มือยู่ข้าง ค่อยเบาลงทุกที, เห็นดอกบำสีแดงขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือตน, ท ขอบดอกบ0ว เห็นแววหน่าอไเงามของเธอกำลิงชะโงกลงมาดู, กรน แน่ว ฉไ๓ลอยขั้นมาเหนือน่าได้อย่างสบาย, เมื่อตื่นขั้นก็ ใกล้เธอ ในสวรรค์สุขาวดี. กามนิฅ —“ขอความเจริญจงมืแก่หล่อนเถิด ที่ความริกของ หล่อนชกนำให้ขั้นมาอยู่บนนั้ได้. น่าหล่อนไม่ตามขั้นม ฉนจะไปอยู่ในภพไหนอีกต่อไปก็ทราบไม่ไต้, จริงอยู่ ในเวล เราก็ยํงไม่ร้ว่า จะสามารถช่วยตำเองให้พนภยในกราวที่โลกานุโลก ถึงกาลประน่ยไต้อย่างไร. แต่กระนน ถอยกำที่หล่อนกล่าวมาแน่ว ทำให้ฉนมีความเชื่อมนในใจ ะ เพราะดหล่อนมิได้มีความวิตกหวาด สะดุ้งต่อสี่งที่จะถึงกาลประลไ)ไปอยู่แน่วแม้แต่น์อย, เปรียบเ แสงแดดอยู่ในกลางพายุ จะสะเทือนดำยก็หาไม่. “ผู้เคยพบเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่า ย่อมไม่มีความหวนสะเทื แม้แต่นอย. เหตุการณ์คร8งั้นั้ คือสกลจกรวาลจะน่องถึงปางประน่ ๓๒สิ่

แม้ตุเบึนใหญ่เหลือประมาณ,, ถาเปรียบกบเหตุการณ์ทีพระสิมมา สมพุทธเจาเสด็จเขาปรินิพพาน, ก็นํบว่าเล็ฑน้อย. เพรา ทีเราเห็นอยู่โดยรอบนํ้ เบ็๋นแต่อาการที่เปลี่ยนไปฅามธรรมดา แลวชีพท1งหลายเหล่านฺ ก็'จะเขำสู่แคนแห่งความเกิดอีก, พรหมที่เห็นอยู่โน่น กำส่งเบี่นบ่า พยายามตท้นทานต่อส่งที่ฅท้ ไม่ได้, และบางทีจะมองดเราคิวย,ริษยา ที่เห็นเรายงส่องแสงอ เรื่อยๆไม่มีลคลง. ทท้วมหาพรหมนํ้ ซึ่งเผอิญมาสนบุญเมึ๋อถ ประล'ย่แส่ว คงจะไปเกิดใหม่ในภมิฅํ่าลง. และมีผู้ที่ต1งปณิธาน จุติมาเบนทท้วมหาพรหมต่อไป. บกคลจะไปสู่ภพใคก็ควยมีปณิธาน อ*นแน่วแน่ ประกอบคิวยกรรมเบ็นเครื่องชกนำไป. โดยสรุป ทะงหลายก็ย่อมเบนไปตามสภาพของมน ไม่ดี ไม่ช'ว เกิดมาจากธาตุ เดียวก*!แ ะ ฉนจึ่งว่าเบนส่งเล็กน้อย. และเพราะคิวยเหต ฉนไม่เห็นเบ็่นของน่าตกใจกลวอย่างไร ซา'จะเบ็๋นที่น่ายินดีท ได้มีชีวิตอยู่เห็นในระวางกาลประล'ย. เพราะถท้ทลงไปว่า พรหมโล เบ็!นอนไเตะไม่มีเขตสุดแส่ว, ก็จะเลยไม่มีญาณความหยํงรู้ส่งไรที่เ กว่า.” “เช่นนน หล่อนก็ร้สึกส่งซึ่งเลิศกว่าพรหม'โลกนั้ อ หรือ 5? ? “ พรหมโลกน กำล่งจะส่นไป เธอก็เห็นอยู่. แต่มีแห่ ไม่มีกวามสนไป ไม่มีเบํ้องคินและเขตสุด ซึ่งพระบรมศาสดาเคยคร*ส ๓๓อ

ว่า มีอายตนะ (แคน) อนหนึ่ง ไม่ใช่ ดิน นา ไฟ ลม ไม่ใช่ นามธรรมมีอารมณ์ยึด ไม่ใช่โลกนึ่ โลกหนา ไม่ต1งอยู่ในทิศ ตำบลไร ไม่ใช่เมืองแดิววิเศษรุ่งเรืองไพศาล ไม่ใช่ ที่ไป ที่มา ที่เคลื่อน ที่หยุค ไม่มีที่ยึดเกาะเกี่ยว ไม่มีเกิด ไม่มีตาย, แค่เบน ที่สดแห่งทุกข์ เรียกว่า พระนิพพาน, เบนของลึกซง นึกเห็นเอา ควยยาก นึกรู้ตามดิวยยาก คาคคะเนเอาไม่ ไค้ เบนของประณีต ละเอียด, เพราะระง*บล่งชารที่ง์ปวง เพราะสลดคืนกิเลสทงปวง เพราะสํ้นความแส่อยาก, จึ่งเบ็่นที่สงบเงียบ เบนที่ดิบเย็นสนิท บ’ณฑิฅคืพึงทราบไค้เอง.” “ดก่อนเจาผู้เบนที่น่าชื่นใจ เบ็,นผู้มีความบริสุทธื้, จ ฉืนดิว่ย เราท1งสองจะได้ลอยเด่นขํ้นอีก เพื่อไปสู่แดนแห่งศานติ “ พระบรมศาสดาเกยตรสว่า ที่ว่าเราจะลอยเด่นขํ้นอืกนน ไม่เบ็1นความจริงแห่งแคนนน. ที่'ว่าเราจะ’ไม่ลอยเด่นขั้นอีกนึ่น, ก็ เบ็1นความจริงฉนเดียวกน. ท่านจะสมมุติบญญัติสื่งใค ที่ท่านทำขน หลาก ๆ ยุ่งเหยิงอย่างไร ๆ และสามารถจะจบถือไค้, ย่อมไม่เบน ความจริงแห่งแดนนน.” “ อำว ! แล่วิมีประ'โยชน์อะไรแก่ฉิน ในสื่งซี่งฉนจํ ไม่ไค้?” “ ขอในสิ'งที่จํบถือไค้ จะมีค่าควรดิบยื่นมือออกไปรบหรื ๓๓ด

* \" วาสิฏริเ, ฉนเ.ชื่อแน่'ว่า ในชาติใดชาติหนึ่ง ฉินค ฆ่าพราหมณ์ หรือกระทำอกุศลอกฉกรรจ์ที่กล่ายคลึงอน'น ผลนนจึ่งฅามสนองอย่างรนแรง ไปถึงในถนนนิอย ในกรุงรา เพราะณ้ฉินิไม่ประสบภไเตายไปในบจจทินทินด่วน ณ ที่ตรงนน, ก็คงไค้ไปเผาแทบบาทพระพทธเจำแล่ว, และคงจะไค้เผาอยู่อย่างเดียว กบหล่อน ในเวลาที่จะเสด็จเขาปรินิพพาน, แล่วจะไค้มีใจสงบเห ก\"บหล่อน'ในบคน. มาเถิด, วาสิฏเ, ในขณะที่เราย่งมีสติสมปชํญญะ อยู่นึ่, ขอหล่อนเห็นแก่ความร*กซึ่งมีแก่ฉิน, จงอธิบายพ ให้ฉินเห็นชั้นในใจให้ถี่ล่วน ถูกล่องความเบ็!นจริง เพ พระล่กษณะซึ่งฉนไม่มีโอกาสได้เห็นเมือกร1งอยู่ในมนุษยโลก, จะ ช่วยให้ฉินได้ริบศานติสุข.” “ยินดี ที่จะพรรณนาให้เธอพง,’' แล่ววาสิฏฐิก็จา พุทธลกษณะโดยละเอียดถี่ถวน. กามนิตตอบทิวยยํงมีความ’ไม่พอ'ใจอยู่มากว่า “ม อะไรที่บอกมา ? เพราะเทำที่รำพนให้พ้งที่งหมด ไม่ผดแม้แด่นิ กบ่รปพระภิกษุชราท๊ฉินิร่วมแรมคืนอยู่ดวย ในห็องโถงชายบ ณ กรงราชคฤห, ที่ฉินเล่าให้หล่อนพงแล่ว และซึ่งฉินเช่ ผู้ไม่รู้อะไร. แด่บคนึ่รู้สึกว่า ที่พระภิกษุชราองค์นนกล่าวไว ความจริงทกประการ. แด่ช่างเถิด, วาสิฎจ็เ, ไม่ตองซแจงอีกต่อไป ดอก. เบ็่นแด่ขอ'ให้หล่อนนึกเพ่งเบ็่นนิมิตชั้น'ในมนสของฅนเอง ซึ่ง ๓๓]20

ภาพพระพทธเจาจนเด่นช'ค เท่ากบ’ได้อยู่เฉพาะพระพกฅร์. และอาศ ที่เรามีฉํนทฤทธร่วมกน'โน'วิถีฌาน ฉ*นๆอาจมีส่วนเห็นดำยพรํอมไป ก,บหล่อน.” วาสิฏ! ยินดีตามที่ขอ, แล่วก็สำรวมจิตแน่วแน่ประมวล อารมณ์ให้เบ็!นหนึ่ง นึกหน่วงถึงพระรูปพระพุทธเจา ตาม เห็น'1นขณะที่-จวนเสด็จเข้าพระปรินิพพาน. “ เธอเห็นพระรปหรือย*ง ใ ” “ ยง, วาสฏรึ.” วาสิฏฐีคิดว่า “ จำเราท่องให้รูปนิมิตที่เกิดในควงจิฅน ก*บชีวรปอื่น รวบเข่าก่นให้สนิทเสียก่อน.” นางมองไปในอากาศ ธาตุ ซึ่งหาเขตไม่ได้โดยรอบ ในที่ซึ่งพรหมโลกกำลงอยู่ในอากา จะแตกทลายไป. อนว่านายช่างหล่อผู้สามารถยอดเยจี*่ดยมทำแม่พิมพ์มหา เทวรูปอ'นทรงสง่าสำเร็จแลว, แต่มารู้สึกว่า มีโลหธาตุที่จะหล เพียงพอแก่แม่พิมพ์นน, เที่ยวมองหาโลหธาตุที่มีอยู่ในโรงงานของ ตน, พบว*ตอุที่กระจายเกลื่อนอยู่รอบตำ มีเทวรูปนอย ๆ และรปอื่ ด่าง ๆ ที่เบนโลหธาตุ ซึ่งตน'ได้ทำมาแท่ว์ทงหมด., ก็เอารวมเข่า ในเบ็าหลอมดำยกวามพอใจ เพื่อสามารถหล่อรูปทิพย์ ให้ได้บร เลิศเพียงรปเดียว, ก่ง้นํ้ มีอุปมาฉนใด. วาสิฎจีมองหา'ในอากาศ อนหาเขตมิได้อยู่รอบตำ แลำเอาบรรดาส็่งที่เหลือจากร*ศมี อ*'นกำล ๓๓๓

อ่อนแสง และรูปพรรณส*ณ^านฅ่างๆในพรหมโลก ซึงกำลงจะ สลายไป เข้!มา’ไว้ในดวงจิตควยอำนาจมโนมยฤทธ รวมลงเม่า หองมน์สของนาง หลอมลงสู่แม่พิมพ์, ก็เกิดพระรูปสมบิตคร มหาบุรุษข้กษณะ มีสิริมหิมา แห่งพระสไ)มาสไ)พุทธเข้า ใ จะเข้าพระปรินิพพาน, ก็มีอปม\"ยฉินเดียวข้น, 'ปรากฏแจ่มข้ เพ็ญเด่นอยู่กลางโพยม. และขณะที่ไค้เห็นพระรปนือยู่เฉพาะหนาแล8ว, บิงเกิดความรู้ สั้นความกระหายอไเหมไเหมม และความทุกข์อาลย แข้วเพ่งคี่งแน่วแด่จะให้กามนิฅเห็นพระรูปโฉมน8นข้ กรไนเข้วกามนิตก็พุดขั“้ฉไนนวร่ืมจาะเห็นพระรูปขั้นข แล้ว. จงรวมกำข้งใจให้มน ให้พระรปเปล่งริศมี ให้ เห็นชดเจน ข ย็่งขั้น.” วาสิฏฐีก็เบ่งอำนาจแห่งฤทธิวิธนีำเอารูปข้าวมหาพรหม ที่เหลืออยู่สู่เข้าหลอมเข้าแมข่้อพงมินมไสิพอ์ีก คเพือ์มประกอบ พระสรีรรป ให้ช'ด่เจนทีสุด. ขณะนนกามนิฅก็พุดขั้นว่า “ เดี๋ยวนํ้ฉํนเห็นชดข ส่วนวาสิฏเรู้สึกประข้กษ์แก่ฌาน เบ็๋นพระพุทธเข้าอย ทรงไสยาสน์จะเสด็จปรินิพพาน ทรงชำเลืองเห็น และทอดพระเน เพ่งอยู่กร่หนึ่ง แล้ว่ฅรํสกะนาง'ว่า1''มาแข้วหรือ? บทโอว ระลึกแข้งจบแล้วหรือ? ” ๓๓๔

กราบทูลสนองในวิถีจิตว่า (.เ จบแลว, พระเจ้&า' ข?1ำ “ดีแล*ว, วาสิฎฐี. หนทางอนไกลที่ตองเดินทรมานกายมา ไม่ทำให้เหนื่อยบางหรือ ใ ยิงติ!องการ'ให้ตถาคตช่วยเหลื หรือไม่ ? ” เ เ พอก1วามฅองการแลว, พระเจ2าขา.,, ดีแล*วิ. ตำท่านยิงยึดถือตนอยู่หรือเปลา ?” ขำพระองค์รู้แจ*ง็ซึ๋งตนแลำ, พระเจาขำ, เหมือนผู้ลอ กาบกลำยออก จะไม่พบแก่นในต*นกลำยนวฉ่นใด. ขำพระองค์ก็ได้ เรียนร้แจํง์ฃี่งฅนว่า เบึนสภาพแปรปรวน ไม่คงที่ถาวร เพราะห แก่นสารมิได้, แลํวิขำพระองค์ก็ย่อมละกวามอาลำยึดถือดอดึงเสีย ดำยกวามหย1งทราบเท่าที่เบนจริงว่า “นื่ไม่ใช่ของเรา, นื่ไ นื่ไม่ใช่อาตม’นของเรา, มีแต่มายา เท่านน.” “ดีแลว. บดนื่ท่านยงยึดถืออยู่แต่พระธรรมอย่างเดียวหรือ “ ขาแต่พระองก, พระธรรมเบ็นเกรี่องนำให้ขำพระองค์ไปส่ จุดที่หมาย, เปรียบเหมือนผู้ที่ขำมลำธารโกยอาติ'ยแพเบ็๋นเกรี่องขำม, กรนเมื่อถึงผึงที่.หมายแล,วิ, ก็ ไม่ช่องแวะแพนนต่อไป หรือไม่ลากเอา แพนนขนไปดำย. เพราะฉะนน ในบคนํ้ได้■ปล่อยอะไร ๆ ทงสํ้ จนพระธรรมนนแลำ : ไม่ได้เกาะเกี่ยวอะไรอีกต่อไป.” ส)๓^

“ ดีแล่ว. เมื่อไม่เกาะเกี่ยวในสี่งไร ปราศจากความบ่วพ สงไร ๆ มีสติรู้ตำอยู่เสมอว่ามืแฅ่มโนธาตุ น'นเพียงเบนค ญาณ คือ ความร้อนแจ่มใสและสำหรบสติโคยเฉพาะ ; ทํ้ง์ไม่อา เกาะเกี่ยวอะไร ๆ ในภพเลข ค'งน, ท่านก็จะขํ้ นไปส่ที่อ ศานติอย่างตถาคตได้.” ขณะนน กามนิตพูดขํ้นว่า “บดน ฉนอาจเห็นพร พระพุทธเจาแล่ว, แต่จำได้ราง ๆ คลำยเห็นในนาไหล.” วาสิฏเ ก็เบ่งอำนาจมโนมยฤทธิไปในอากาศอนว่างเปล่ สดสามารถอีก. กามนิฅลํงเกตเห็น'วาสิฏเ บ่ดใจนน ก็อ'นฅรธานว'บ่ไป, แต่ ก็อ่นฅรธานเหมือนดงผู้กำล่งจะตาย ได้ทำพินยกรรมเบนมรดก'ไว้ใ กล่าวคือ วาสิฏเได้มอบพระรูปโฉม ซึ่งเหมือนคงองค์พระพุทธเ ให้ไว้แก่กามนิต อยู่โนท่ามกลางแห่งความว่างเปล่า, ซึ่งบ เห็นได้ชดเจนและจำได้. “ ออ ! พระภิกษุชราที่อาตมาได้แรมคืนร่วมอยู่ดำยใ ราชคฤห และดูหมื่นว่าโง่เซอะ คือ องค์พระสมมาสมพุทธเจ อาตมานช่างเขลาเสียจริง ๆ, จะมีใครโง่เขลาเหมือนอย่างอาตมานบ ไหมหนอ ? สึงที่อาตมาปรารถนา คือความสุขอินสูงสุด เพื่ หลดบ่นนน ก็มือํยู่ในญาณแห่งอาตมาแล่ว น์บ่ได้หลายอสงไ กชิล^ บเๆ. )) ๓๓'๖


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook