- รา่ ง – แผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อบุ ลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 สำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวัดอุบลราชธานี สำนักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ เอกสารฉบบั ท่ี 10/2564 เอกสารฉบับนี้ใช้ประกอบการประชมุ เท่าน้นั โปรดส่งคืนใหส้ ำนกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวัด
คำนำ กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙ เพอื่ วางกรอบเป้าหมาย และทศิ ทางการจดั การศกึ ษาของประเทศ โดยมุ่งจัดการศึกษาให้คนไทยทุกคนสามารถเขา้ ถึงโอกาส และความ เสมอภาคในการศึกษาที่มีคุณภาพ พัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาท่ีมีประสิทธิภาพ พัฒนากำลังคนให้มี สมรรถนะในการทำงานท่ีสอดคล้องกับความต้องการของตลาดงานและการพัฒนาประเทศ รวมถึงเป็นเคร่ืองมือ ในการกำกับทิศทางการปฏิบัตงิ านของส่วนราชการหรือหน่วยงานในสังกัด เพ่ือสร้างผลผลิต ผลลพั ธ์ใหเ้ กดิ กับ ผู้เรียนได้อย่างมีความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ ซึ่งได้ให้ความสำคัญด้านการศึกษาในฐานะกลไกหลัก ในการพัฒนาประเทศท่ามกลางกระแสการเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเรว็ ของโลกศตวรรษที่ ๒๑ อาศัยอำนาจตามคำส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี 19/2560 ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ตามข้อ ๑๑ ให้มีสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เพ่ือปฏิบัติภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการเก่ียวกับการบริหาร และการจัดการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด และมีอำนาจหนา้ ท่ีในเขตจงั หวัด ตามข้อ 11 (2) คือ จัดทำแผนพัฒนาการศึกษาและแผนปฏิบตั ิการประจำปี ประกอบกับ ข้อ 7 ให้แต่ละจังหวัดให้มีคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด เรียกชื่อย่อว่า กศจ. โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด หรือรองผู้ว่าราชการจังหวัดท่ีได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ในเขตจังหวัด ข้อ 8 (9) แตง่ ต้ังคณะอนุกรรมการหรอื คณะทำงานตามความจำเป็นเพอื่ ชว่ ยเหลือการปฏิบตั ิงานของ กศจ. จังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบหมายให้คณะทำงานทบทวนแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดำเนินการยกร่างแผน โดยนำข้อคดิ เห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนมาปรับปรุงแก้ไข และนำเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาธิการ จงั หวดั อุบลราชธานี ด้านบริหารราชการเชงิ ยุทธศาสตร์ ซ่ึงได้ปรับปรงุ แกไ้ ขตามความเห็นของท่ีประชุม เพื่อให้ มีความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาจังหวัด และนำเสนอต่อคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี ซ่ึงท่ีประชุมมีมติเห็นชอบแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการศึกษา ของจังหวัดในช่วงระยะเวลาดังกล่าว โดยได้ระบุสาระสำคัญเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ ที่สามารถตอบสนองต่อเป้าหมายของการพัฒนาจังหวัดทั้งมิติความมั่นคง มิติเศรษฐกิจ มิติสังคม และมิติ การบริหารจัดการภาครัฐได้อย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานศกึ ษาธกิ ารจังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะคณะทำงานและเลขานุการ ขอขอบคณุ คณะผู้ดำเนินการ ผู้ทรงคุณวุฒิ หน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชน รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านท่ีให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีย่ิง ซง่ึ ส่งผลให้แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอบุ ลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฉบับน้ีแล้วเสร็จสมบูรณ์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะนำแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอุบลราชธานี ฉบับน้ี ไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการศึกษาของจังหวัด อบุ ลราชธานีไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ และบรรลุผลสำเร็จตามเปา้ หมายตอ่ ไป สำนกั งานศึกษาธิการจังหวดั อุบลราชธานี มิถนุ ายน 2564 แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ก
บทสรุปผ้บู รหิ าร สบื เนื่องจากคำส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 เร่ือง การปฏิรูป การศึกษาในภมู ิภาคของกระทรวงศึกษาธกิ าร ตามข้อ 11 (2) กำหนดให้มีสำนักงานศึกษาธิการจังหวดั เพอ่ื ปฏบิ ัติภารกจิ ของ กระทรวงศึกษาธิการเก่ียวกับการบริหารและการจัดการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด การปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ นโยบาย และยุทธศาสตร์ของส่วนราชการต่าง ๆ ที่มอบหมาย และให้มีอำนาจหน้าท่ีในเขตจังหวัด รวมถึงจัดทำแผนพัฒนา การศึกษาของจงั หวดั การดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี จึงต้องมีการทบทวนแผนยุทธศาสตร์ และปรับกลยุทธ์ หรือกรอบสำหรับการวางแผนเป็นประจำทุกปี โดยคณะทำงานทบทวนแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัด อุบลราชธานี ประกอบด้วย หน่วยงานทางการศึกษา อาทิ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องสังกัดองค์กรปกครอง สว่ นท้องถ่ิน กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงยุติธรรม สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 ตลอดจนภาคเอกชน ภาคประชาชน ร่วมดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ 2565 เพอื่ ใหม้ ีความสอดคล้องกับยทุ ธศาสตรช์ าติ แผนแมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าตทิ ี่ นโยบายรัฐบาล นโยบายและจุดเน้นกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 รวมถึงแผนพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานี (พ.ศ. 2562 – 2565) ก่อนนำเสนอคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี ด้านบริหารราชการเชิงยุทธศาสตร์ เพอื่ กลั่นกรอง และเสนอคณะกรรมการศกึ ษาธกิ ารจังหวดั อุบลราชธานี พจิ ารณาให้ความเห็นชอบในลำดับตอ่ ไป คณะทำงานฯ ได้ดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนของการวางแผน โดยร่วมการศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ท้ังภายนอกและภายใน รวมถึงการวิเคราะห์แนวโน้มการเปล่ียนแปลงในอนาคตที่คาดว่าจะส่งผลต่อการพัฒนาการศึกษา ในมิติต่าง ๆ อย่างรอบด้าน เพ่ือค้นหาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส ข้อจำกัด และความเสี่ยงที่สอดคล้องกับบริบทสภาพปัจจุบัน ของพ้ืนท่ีจังหวัด ซึ่งผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมท้ังภายในและภายนอกทีส่ ่งผลตอ่ การจัดการศึกษาในจังหวัดอุบลราชธานี พบว่า สภาพแวดล้อมภายนอก ส่วนใหญ่เป็นโอกาสและเอ้ือต่อการจัดการศึกษา โดยพบว่า ด้านนโยบายและกฎหมาย ด้านสังคม และวัฒนธรรม เอ้ือต่อการจัดการศกึ ษามากท่ีสุด รองลงมา ได้แก่ ด้านพฤติกรรมลูกค้า (ผู้ปกครอง) สำหรบั สภาพแวดลอ้ มภายนอก ทเ่ี ป็นอปุ สรรคตอ่ การจัดการศกึ ษา ได้แก่ ด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ การใช้เทคโนโลยใี นทางท่ไี ม่เหมาะสมของผ้เู รียน รองลงมา ไดแ้ ก่ ด้านเศรษฐกจิ ซ่ึงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สภาพแวดล้อม ภายใน พบว่า ปัจจัยท่ีเป็นจุดแข็งในการจัดการศึกษาของหน่วยงานทางการศึกษามากท่ีสุด ได้แก่ ด้านค่านิยมร่วมของหน่วยงาน รองลงมา ได้แก่ ด้านรูปการบริหารจัดการ ด้านทักษะ ความรู้ ความสามารถของบุคลากร ด้านระบบการปฏิบัติงาน และ ด้านโครงสร้างของหน่วยงานทางการศึกษา ตามลำดับ สำหรับสภาพแวดล้อมภายในที่เป็นจุดอ่อนในการจัดการศึกษา ของหน่วยงานทางการศกึ ษา ได้แก่ ดา้ นบคุ ลากร กล่าวคอื การพฒั นาบุคลากรของหน่วยงานทางการศึกษา ยังไมส่ อดคลอ้ งกับ สภาพปัจจุบัน รองลงมา ได้แก่ ด้านกลยุทธ์ของหน่วยงาน การขับเคลื่อนโครงการหรือกิจกรรมได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อสังเคราะห์และประเมินสถานภาพรวม ของการจัดการศึกษาของหน่วยงานในจังหวดั อุบลราชธานี พบว่า อย่ใู นสถานภาพทมี่ โี อกาส และเป็นจุดแข็งตอ่ การดำเนินงาน การพัฒนาการศึกษาของจังหวัดอุบลราชธานี ปี พ.ศ. 2562 - 2565 ในปีงบประมาณ 2564 นี้ ยังคงมุ่งเน้น การสร้างโอกาสการเข้าถงึ บรกิ ารทางการศึกษา ลดความเหล่ือมลำ้ ยกระดับคณุ ภาพการศึกษา การจัดการศึกษาใหม้ ีคณุ ภาพ เท่าเทียมกัน โดยสรา้ งความเช่ือมั่นให้แก่ผู้เรียน ผู้ปกครอง ประชาชนในพ้ืนที่ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาตลอดชีวิตอย่างเสมอภาค พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณธรรม จริยธรรม พึ่งพาตนเองได้ และมีทักษะที่สำคัญและจำเป็นในศตวรรษท่ี 21 ตอบสนองความต้องการ ของพ้ืนท่ี ภายใต้กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษาจงั หวัดอุบลราชธานี ซึ่งรายละเอียดของแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 - 2565) จงั หวัดอุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ปีงบประมาณ 2565 ประกอบด้วย 5 ส่วนสาระสำคญั ดังน้ี ส่วนท่ี 1 ข้อมูลสภาพทั่วไปของจังหวัดอุบลราชธานี ได้ดำเนินการปรับปรุงข้อมูลสภาพท่ัวไป และข้อมูลพ้ืนฐาน ดา้ นการศกึ ษาใหส้ อดคล้องกบั สภาพปัจจุบัน แผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอบุ ลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 ข
ส่วนท่ี 2 บริบทที่เก่ียวข้องด้านการศึกษา ได้ดำเนินการปรับปรุงข้อมูลให้สอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นกระทรวง ศึกษาธิการ ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ นโยบายการจัดการศึกษารฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการ และวเิ คราะห์ สภาพแวดลอ้ ม (SWOT Analysis) ท่ีมตี ่อการจดั การศึกษาในปัจจุบัน สว่ นที่ ๓ สาระสำคัญของแผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕) จังหวดั อบุ ลราชธานี การกำหนดวิสยั ทศั น์ พันธกิจ ประเด็นยุทธศาสตร์ และเป้าประสงค์ตามแผนพัฒนาการศึกษา ยังคงยึดกรอบทิศทางตามแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕) จังหวดั อุบลราชธานี ฉบับเดมิ ดงั น้ี วิสยั ทัศน์ “จดั การศึกษาแบบบรู ณาการ ผเู้ รยี นได้รับการเรยี นร้ตู ลอดชวี ิตอยา่ งมีคณุ ภาพ ดำรงชีวิตตามหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง และมที ักษะทจี่ ำเปน็ ในศตวรรษที่ 21” พันธกจิ 1. สง่ เสริม สนบั สนุนหนว่ ยงานทางการศกึ ษาของรฐั และเอกชน จดั การศึกษาแบบบูรณาการ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ โดยการนอ้ มนำศาสตร์พระราชาและพระบรมราโชบายดา้ นการศึกษาสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 2. ส่งเสรมิ สนบั สนนุ หน่วยงานทางการศกึ ษาในการจดั การเรียนการสอน เพ่ือเตรยี มคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 3. เสรมิ สร้างโอกาสการเขา้ ถึงการศกึ ษาตลอดชวี ิตทมี่ คี ณุ ภาพ เสมอภาค และเท่าเทยี ม 4. ส่งเสริม สนบั สนนุ ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาใหไ้ ดร้ ับการพฒั นาตามมาตรฐานวชิ าชีพ 5. ส่งเสริม สนับสนุนหน่วยงานทางการศึกษาจดั กระบวนการเรยี นการสอน สร้างความรู้ความเขา้ ใจ ใหผ้ เู้ รยี นมี ความตระหนกั ในการดำรงชวี ิตที่เปน็ มิตรกับสง่ิ แวดล้อม 6. พัฒนาระบบบริหารจดั การศึกษาทีเ่ น้นการมสี ว่ นร่วม เพอ่ื เสรมิ สร้างความรับผดิ ชอบตอ่ คุณภาพการศกึ ษา และ บรู ณาการการจัดการศึกษาเชงิ พ้นื ท่ี ประเด็นยุทธศาสตร์ 1. เสรมิ สรา้ งการจดั การศึกษาเพอ่ื ความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ 2. เสรมิ สรา้ งพฒั นากำลงั คน การวิจยั และคดิ ค้นนวัตกรรมการศกึ ษา 3. พัฒนาศกั ยภาพคนทกุ ชว่ งวัยใหม้ ีคุณภาพ 4. สร้างโอกาส ความเสมอภาค และลดความเหล่อื มลำ้ ทางการศกึ ษา 5. สง่ เสรมิ และจัดการศกึ ษาเพื่อสรา้ งเสรมิ คณุ ภาพชวี ติ ทเ่ี ป็นมติ รกับส่ิงแวดลอ้ ม 6. พฒั นาระบบบริหารจดั การศกึ ษาใหม้ ีประสทิ ธิภาพ เปา้ ประสงค์ 1. ผูเ้ รยี นมคี วามรกั ในสถาบนั หลักของชาติ และยดึ มน่ั การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตรยิ ์ ทรงเปน็ ประมุข 2. ผเู้ รยี นมสี มรรถนะที่ตอบสนองความต้องการ พัฒนาทักษะการวิจยั และคิดคน้ นวตั กรรมการศกึ ษาใหม่ 3. ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษามสี มรรถนะท่ีส่งผลต่อการพัฒนาทักษะของผเู้ รยี นทจ่ี ำเป็นในศตวรรษที่ 21 4. ผู้เรยี นไดร้ ับโอกาสทางการศกึ ษาทีม่ คี ุณภาพอยา่ งทว่ั ถึงและเสมอภาค 5. หนว่ ยงานทางการศึกษามกี จิ กรรมส่งเสริมคุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ และกจิ กรรมสง่ เสรมิ การปรบั เปลี่ยนพฤติกรรม ใหเ้ ปน็ มิตรกับสง่ิ แวดลอ้ ม 6. หนว่ ยงานทางการศกึ ษามีระบบบริหารจดั การทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ โดยเน้นการบูรณาการเชือ่ มโยง และตอบสนอง ความตอ้ งการของผู้รบั บรกิ ารไดส้ ะดวก รวดเรว็ โปรง่ ใส ตามหลักธรรมาภิบาล สว่ นที่ 4 โครงการของแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕) จังหวัดอบุ ลราชธานี ได้ดำเนินการปรบั ปรุง เพมิ่ เตมิ ขอ้ มลู โครงการของหนว่ ยงานทางการศึกษา เพอ่ื ให้สอดคลอ้ งกบั กบั ประเด็นยทุ ธศาสตร์ เปา้ ประสงค์ ตวั ชว้ี ัด และ กลยทุ ธ์ รวมถึงการดำเนนิ งานตามชว่ งระยะเวลาของแผนพัฒนาการศกึ ษา ดงั น้ี ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 เสริมสร้างการจัดการศึกษาเพ่ือความม่นั คงของสังคมและประเทศชาติ จำนวน 51 โครงการ ประเด็นยทุ ธศาสตรท์ ี่ 2 เสรมิ สรา้ งพัฒนากำลงั คน การวิจัย และคดิ คน้ นวตั กรรมการศกึ ษา จำนวน 41 โครงการ ประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 3 พฒั นาศกั ยภาพคนทุกช่วงวัยให้มีคณุ ภาพ จำนวน 64 โครงการ ประเด็นยุทธศาสตรท์ ี่ 4 สรา้ งโอกาส ความเสมอภาค และลดความเหลอื่ มลำ้ ทางการศึกษา จำนวน 34 โครงการ แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 ค
ประเด็นยทุ ธศาสตรท์ ี่ 5 ส่งเสริมและจัดการศกึ ษาเพือ่ สรา้ งเสรมิ คณุ ภาพชีวิตท่เี ปน็ มติ รกับสิง่ แวดลอ้ ม จำนวน 27 โครงการ ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 6 พัฒนาระบบบริหารจดั การศกึ ษาให้มปี ระสิทธิภาพ จำนวน 59 โครงการ ส่วนท่ี ๕ กลไกการขับเคล่ือนแผนพัฒนาการศึกษาสู่การปฏิบัติ ได้ดำเนินการปรับกลไกการดำเนินงาน เพื่อให้ สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการจัดการศึกษาและพัฒนาการศึกษาของจังหวัดอุบลราชธานี แบบบรู ณาการเชิงพน้ื ท่ี ท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ที่มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ ยึดผลประโยชน์ของผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้ผู้เรียนได้รับการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพตลอดช่วงชีวิต มีความเชื่อมโยงสอดคล้องกับ แผนทุกระดบั ท่เี กี่ยวขอ้ งและการถา่ ยทอดแผนงานสู่การปฏบิ ตั ิ สรา้ งความเข้าใจร่วมกันระหว่างผ้บู ริหารและเจา้ หนา้ ที่ รวมถึง การเปิดโอกาสในการมีส่วนร่วม รับฟังความเห็นจากภาคประชาชน และภาคเอกชน เพ่ือนำข้อมูลรอบด้านมาประกอบการ ดำเนนิ งาน ล้วนเปน็ ปัจจยั สำคญั ในการดำเนินการตามแผนไดอ้ ยา่ งมีเป้าหมายและทศิ ทางทีช่ ัดเจนยงิ่ ขนึ้ แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวัดอุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ง
สารบญั ก ข คำนำ จ บทสรปุ ผบู้ รหิ าร ซ สารบัญ ฌ สารบัญภาพ 1 สารบญั ตาราง 1 ส่วนที่ 1 ข้อมลู สภาพทว่ั ไปของจงั หวดั อุบลราชธานี 1 1 ความเป็นมา 1 ข้อมูลสภาพท่วั ไป 3 ทต่ี ั้ง 3 อาณาเขต 3 ขนาดพื้นท่ี 4 สภาพภมู ิประเทศ 6 ลักษณะภมู ิอากาศ 6 ทรัพยากรธรรมชาติ 6 การใชท้ ่ีดนิ 8 การคมนาคมและขนส่ง 9 การปกครอง 10 ประชากร 11 การค้าชายแดน 12 การท่องเทย่ี ว 17 สภาพสังคม สถานการณ์ทางสังคม 33 ขอ้ มลู พ้นื ฐานด้านการศกึ ษา 33 36 สว่ นท่ี 2 บริบทที่เก่ียวข้องด้านการศึกษา 48 ยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) 49 แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 50 แผนการปฏิรูปประเทศ 51 แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ นโยบายและแผนระดบั ชาตวิ ่าด้วยความมัน่ คงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕) นโยบายของคณะรฐั มนตรี แผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อบุ ลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 จ
สารบัญ (ตอ่ ) 51 52 แผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ 53 เปา้ หมายการพัฒนาที่ยัง่ ยนื (SDGs) 57 นโยบายและจดุ เนน้ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ 58 นโยบายการจัดการศึกษารฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการ 58 วาระเร่งดว่ น (Quick Win) ของกระทรวงศึกษาธิการ 60 แผนพัฒนาการศกึ ษาของกระทรวงศกึ ษาธิการ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) แผนพฒั นาการศกึ ษาของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่ ๑๒ 61 (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) 61 จุดเนน้ ยุทธศาสตร์และบทบาทการพฒั นาภาคของสำนักงานศึกษาธิการภาค ๑๔ 61 แผนพัฒนากลมุ่ จังหวดั ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ตอนล่าง ๒ 62 แผนพฒั นาจงั หวัดอบุ ลราชธานี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕ 64 แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕) จังหวดั อุบลราชธานี 77 การวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ ม (SWOT Analysis) 79 สรุปประเดน็ ปญั หาและความตอ้ งการพฒั นาเชงิ พนื้ ที่ แผนผงั ความเชือ่ มโยงระหวา่ งแผนพัฒนาการศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี 84 (พ.ศ. 2562 – 2565) 84 85 สว่ นที่ ๓ สาระสำคญั ของแผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕) จังหวัดอุบลราชธานี 85 วสิ ัยทศั น์ 85 พันธกิจ 86 ประเดน็ ยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ตามประเดน็ ยุทธศาสตร์ 92 ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๑ เสริมสร้างการจดั การศกึ ษา เพ่อื ความมัน่ คงของสงั คมและประเทศชาติ 97 ประเด็นยทุ ธศาสตร์ท่ี ๒ 105 เสริมสร้าง พฒั นากำลังคน การวิจัย และคิดคน้ นวตั กรรมการศึกษา ประเด็นยทุ ธศาสตร์ที่ ๓ พฒั นาศักยภาพคนทุกช่วงวยั ใหม้ คี ุณภาพ 110 ประเดน็ ยุทธศาสตร์ท่ี ๔ สรา้ งโอกาส ความเสมอภาค และลดความเหลื่อมลำ้ ทางการศกึ ษา 116 ประเด็นยทุ ธศาสตร์ท่ี ๕ สง่ เสริมและจดั การศึกษาเพอื่ สร้างเสรมิ คณุ ภาพชวี ติ ที่เปน็ มิตรกับสิง่ แวดล้อม ประเด็นยทุ ธศาสตร์ท่ี ๖ พฒั นาระบบรหิ ารจดั การศึกษาให้มีประสิทธิภาพ แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ฉ
สารบัญ (ต่อ) ส่วนที่ ๔ โครงการของแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕) จงั หวัดอบุ ลราชธานี 123 ประเดน็ ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ 123 เสริมสรา้ งการจัดการศกึ ษา เพอื่ ความมนั่ คงของสังคมและประเทศชาติ ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๒ 135 เสริมสร้าง พฒั นากำลังคน การวิจัย และคดิ ค้นนวัตกรรมการศึกษา ประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๓ พัฒนาศกั ยภาพคนทุกชว่ งวยั ให้มคี ุณภาพ 143 ประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี ๔ 160 สรา้ งโอกาส ความเสมอภาค และลดความเหล่ือมลำ้ ทางการศกึ ษา ประเดน็ ยุทธศาสตร์ท่ี ๕ 167 ส่งเสรมิ และจดั การศึกษาเพอื่ สร้างเสรมิ คุณภาพชวี ิตท่ีเป็นมิตรกบั สิง่ แวดลอ้ ม ประเด็นยทุ ธศาสตร์ที่ ๖ พัฒนาระบบรหิ ารจดั การศกึ ษาให้มีประสิทธิภาพ 174 191 ส่วนที่ ๕ กลไกการขับเคลอื่ นแผนพัฒนาการศึกษาสูก่ ารปฏบิ ัติ 192 การแปลงแผนพัฒนาการศึกษาสกู่ ารปฏิบัติ การติดตามประเมนิ ผล เอกสารและสิง่ อา้ งองิ ภาคผนวก คำสงั่ จังหวดั อุบลราชธานี ที่ ../๒๕๖4 เร่อื ง แต่งตั้งคณะกรรมการทบทวนแผนพัฒนา การศึกษา พ.ศ.๒๕๖๒ - ๒๕๖๕ จงั หวดั อุบลราชธานี และจดั ทำแผนปฏบิ ตั กิ ารประจำปี งบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๔ ลงวันท่ี ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓ แผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 ช
สารบญั ภาพ 2 9 ภาพท่ี 1 แสดงทต่ี ง้ั และอาณาเขตของจังหวัดอบุ ลราชธานี 25 26 ภาพที่ 2 ปิรามิดประชากรจังหวัดอุบลราชธานี ปี พ.ศ. 2563 27 28 ภาพท่ี 3 แนวโน้มความต้องการจา้ งงานจังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2563 – 2568 29 ภาพที่ 4 แสดงขอ้ มลู การเปรยี บเทยี บผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ระดับจงั หวดั ปีการศึกษา 2559 – 2562 30 ภาพท่ี 5 แสดงขอ้ มูลการเปรียบเทยี บผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขัน้ พ้ืนฐาน 31 (O-NET) ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 ระดับจังหวัด ปีการศึกษา 2559 – 2562 32 ภาพที่ 6 แสดงขอ้ มลู การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้นั พืน้ ฐาน (O-NET) ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ระดบั จงั หวดั ปกี ารศึกษา 2559 – 2562 ภาพท่ี 7 แสดงข้อมลู การเปรียบเทยี บผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ การศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET) จงั หวัดอุบลราชธานี ระดบั ชน้ั ประถมศึกษา ปกี ารศึกษา 2562 – 2563 ภาพที่ 8 แสดงขอ้ มลู การเปรยี บเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ การศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET) จงั หวดั อบุ ลราชธานี ชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ปีการศึกษา 2562 – 2563 ภาพท่ี 9 แสดงขอ้ มูลการเปรยี บเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ การศึกษานอกระบบโรงเรยี น (N-NET) จงั หวดั อุบลราชธานี ช้ันมธั ยมศึกษาตอนปลาย ปกี ารศึกษา 2562 – 2563 ภาพท่ี 10 แสดงข้อมูลการเปรียบเทยี บผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติ ด้านอาชีวศกึ ษา (V-NET) ระดบั ประกาศนียบัตรวิชาชพี ชั้นปที ี่ 3 (ปวช.3) ปีการศกึ ษา 2560 – 2563 ภาพที่ 11 แสดงข้อมลู การเปรียบเทยี บผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติ ดา้ นอาชวี ศกึ ษา (V-NET) ระดับประกาศนยี บัตรวชิ าชีพชน้ั สงู (ปวส.) ปีการศกึ ษา 2560 – 2562 แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวัดอุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 ซ
สารบญั ตาราง 6 7 ตารางท่ี ๑ ขนาดและร้อยละการใชท้ ด่ี ินตามประเภทการใช้งานของจงั หวัดอุบลราชธานี 8 ตารางท่ี ๒ แสดงการแบ่งเขตปกครอง และเนอื้ ท่จี ังหวดั อุบลราชธานี 8 ตารางที่ ๓ แสดงจำนวนและรอ้ ยละประชากรในจังหวัดอุบลราชธานี 10 ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖3 จำแนกตามเพศ 11 ตารางที่ ๔ แสดงจำนวนประชากรจงั หวัดอบุ ลราชธานี ปี พ.ศ. ๒๕๖2 19 จำแนกตามช่วงอายุ และเพศ 21 ตารางท่ี ๕ จำนวนผู้เยย่ี มเยอื นจงั หวดั อบุ ลราชธานี ปี พ.ศ. ๒๕๖2 – ๒๕๖3 23 ตารางท่ี ๖ จำนวนนักทอ่ งเทยี่ ว และรายไดจ้ ากการท่องเทย่ี วในจังหวดั อบุ ลราชธานี พ.ศ. ๒๕๕9 – ๒๕๖3 24 ตารางท่ี ๗ แสดงจำนวนสถานศกึ ษา ผเู้ รียน และคร/ู ผูส้ อน การศกึ ษาในระบบ 24 ปีการศึกษา ๒๕๖3 ตารางท่ี ๘ แสดงจำนวนผูเ้ รียนในจังหวดั อุบลราชธานี ปกี ารศกึ ษา 2563 จำแนกตามระดับการศึกษา ตารางท่ี ๙ แสดงจำนวนผู้เรยี นในจังหวดั อุบลราชธานี จำแนกตามปีการศกึ ษา 2561 - 2563 รายสังกัด ตารางท่ี ๑๐ แสดงขอ้ มูลจำนวนสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน ปีการศกึ ษา ๒๕๖3 ตารางท่ี ๑๑ แสดงข้อมลู โรงเรียนคณุ ภาพของชมุ ชน โรงเรยี นคุณภาพที่สามารถดำรงอยู่ได้ (Stand alone) และโรงเรยี นมธั ยมดสี ่ีมมุ เมือง จงั หวดั อุบลราชธานี สังกัดสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 ฌ
ส่วนที่ ๑ ขอ้ มูลสภาพทั่วไปของจงั หวัดอบุ ลราชธานี ความเปน็ มา จงั หวดั อบุ ลราชธานี ราชธานีแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ช่อื ว่าเป็นเมืองดอกบัว ในสมัยรตั นโกสินทร์ ตอนต้น พระปทุมสุรราช (ท้าวคำผง) ได้อพยพไพร่พลจากเวียงดอนกองมาตั้งหลักแหล่งบริเวณห้วยแจระแม ต่อมาได้ยกทัพปราบกบฏมีชัยชนะ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ ครองเมืองและเป็นเจ้าเมืองคนแรก ยกฐานะบ้านแจระแม ข้ึนเป็นเมืองอุบลราชธานี ในปี พ.ศ. ๒๓๓๕ ภายหลังไดย้ ้ายไปต้งั เมืองทดี่ งอู่ผึ้งอนั เปน็ ท่ตี ง้ั ในปัจจุบัน เหตุทมี่ ีคำว่า “ราชธานี” ตอ่ ทา้ ย เน่ืองจากมีเจ้าเมืองสืบต่อมาถึง ๔ คน และมีฐานะเป็นเมืองสำคัญ เป็นที่ตั้งกองบัญชาการมณฑลอีสาน จนถึง รัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูห่ ัว ในปี พ.ศ. ๒๔๖๘ ได้มกี ารยบุ เลกิ มณฑลอุบลราชธานี จงั หวัดอุบลราชธานี ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ดินแดนแห่งนักปราชญ์” เนื่องมาจากการสร้างชอ่ื เสียง เกียรติคุณ ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง และคุณประโยชน์ต่อประเทศในหลายด้าน อาทิ การเมือง การปกครอง การทหาร การศึกษา การศาสนา และศิลปวฒั นธรรม ขอ้ มูลสภาพท่ัวไป ตราประจำจงั หวดั เปน็ รูปดอกบัวตมู และดอกบวั บานท่ีกำลงั ชชู อ่ ก้านใบ เหนอื หนองน้ำ ธงประจำจังหวัด เป็นธงพื้นสีชมพู - เขียว แบ่งคร่ึงตามแนวนอน ในแถบบนมีภาพบัวบาน แถบล่าง มีข้อความสีขาว คำวา่ “อบุ ลราชธาน”ี คำขวัญประจำจังหวัด “เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทย นักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ ฉลาดภูมิปัญญาท้องถิ่น ดนิ แดนอนุสาวรยี ์ คนดีศรีอบุ ล” ต้นไม้และดอกไม้ประจำจังหวัด ได้แก่ ต้นยางนา ไม้ยืนต้นผลัดใบเขตร้อน ขนาดใหญ่ สูง ๔๐ - ๕๐ เมตร ออกดอกระหวา่ งเดือนมนี าคม-พฤษภาคม ผลแห้ง ทรงกลม มคี รบี ตามยาว ๕ ครีบ ปีกยาว ๒ ปีก ดอกไม้ประจำจังหวัด ได้แก่ ดอกบัวสาย จัดอยู่ในกลุ่มอุบลชาติ เป็นพืชน้ำอายุหลายฤดู มีลำต้นใต้ดิน ใบเดีย่ ว ดอกเด่ยี วขนาดใหญ่ กลีบดอกรูปรีแกมไขจ่ ำนวนมากเรียงซอ้ นกนั หลายชั้น มีก้านชดู อกยาวเหนอื น้ำ ผ้าประจำจังหวัด ได้แก่ ผ้ากาบบัว เป็นชื่อผ้าในวรรณกรรมโบราณอีสาน สีของผ้าจะไล่ระดับ จากสีอ่อนไปยงั สีแก่ อาทิ ขาว ชมพู เทา เขยี ว น้ำตาล (สำนกั งานจังหวดั อบุ ลราชธาน,ี 2563) ทต่ี ้งั จงั หวัดอบุ ลราชธานี ตั้งอยู่ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย สุดชายแดนของภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ และอยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศ ติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และราชอาณาจักรกัมพูชา ตั้งอยู่ระหว่าง ละติจูดที่ 14 องศา 13 ลิปดาเหนือ ถึง 16 องศา 6 ลิปดาเหนือ และลองติจูดที่ 104 องศา 23 ลปิ ดาตะวันออก ถึง 105 องศา 38 ลิปดาตะวันออก และอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ระยะทาง ๖๓๐ กิโลเมตร อาณาเขต จงั หวัดอุบลราชธานี มอี าณาเขตติดต่อระหวา่ งจังหวัด และระหว่างประเทศ ดงั นี้ ทศิ เหนอื ตดิ ต่อกับจงั หวดั อำนาจเจริญ จังหวดั ยโสธร และสาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดศรสี ะเกษ และราชอาณาจักรกัมพูชา (จงั หวัดพระวหิ าร) แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อบุ ลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 1
ทิศตะวนั ออก ตดิ ต่อกับสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว (แขวงจำปาศักดิ์) พรมแดนบางชว่ งเป็นแม่นำ้ โขง ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดยโสธร แนวพรมแดนติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว และราชอาณาจกั รกัมพูชา ซง่ึ ติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 361 กิโลเมตร (จากอำเภอเขมราฐถึงอำเภอน้ำยืน ติดตอ่ กับแขวงสุวรรณเขต แขวงสาละวัน และแขวงจำปาศักดิ์) ติดต่อกับ ราชอาณาจักรกัมพูชา 67 กิโลเมตร (อำเภอน้ำยืน ติดต่อกับจังหวัดพระวิหาร ราชอาณ าจักรกัมพูชา) (สำนกั งานจังหวัดอบุ ลราชธานี, 2563) ภาพที่ 1 แสดงทตี่ ัง้ และอาณาเขตของจังหวัดอุบลราชธานี แผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวัดอบุ ลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 2
ขนาดพน้ื ที่ พื้นที่ของจังหวัดอุบลราชธานี มีขนาดเน้ือที่ 15,744.850 ตารางกิโลเมตร หรือ 9,840,531 ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๙.๕ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองจากจังหวัดนครราชสีมา หรือมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย รองจากจังหวัดนครราชสีมา เชียงใหม่ กาญจนบุรี และตาก ตามลำดับ ลกั ษณะภูมิประเทศ จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งอยู่ในบริเวณ แอ่งโคราช โดยสูงจากระดับน้ำทะเลเฉล่ีย 120 - 140 เมตร พื้นทโ่ี ดยทว่ั ไปเป็นทร่ี าบสงู ลาดเอยี งไปทางทศิ ตะวันออก โดยมแี ม่นำ้ โขงเป็นแนวเขตกัน้ พรมแดนระหว่างสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว มีแม่น้ำชีไหลมาบรรจบกับแม่น้ำมูลที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี แม่น้ำมลู ไหลผ่าน กลางตัวจังหวัดจากทิศตะวันตกมายังทิศตะวันออก แล้วไหลลงสู่แม่น้ำโขงท่ีอำเภอโขงเจียม และมีลำน้ำใหญ่ หลายสาย ได้แก่ ลำเซบาย ลำเซบก ลำโดมใหญ่ ลำโดมน้อย ห้วยตุงลุง สวนบริเวณชายแดนตอนใตมีภูเขา สลับซับซอน โดยมีเทือกเขาบรรทัด และเทือกเขาพนมดงรัก เป็นแนวก้ันเขตแดนระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว และราชอาณาจกั รกมั พชู า ลกั ษณะภูมิสัณฐานของจงั หวดั อุบลราชธานี แบง่ ออกโดยสงั เขป ดงั น้ี ๑) บริเวณท่ีเป็นสันดินริมน้ำ เกิดจากตะกอนลำน้ำท่ีพัดพามาทับถม สภาพพื้นท่ีเป็นเนินสันดินริมฝ่ัง แมน่ ำ้ โขง และบางบรเิ วณสนั ดนิ ริมฝง่ั ลำเซบาย ๒) บริเวณท่ีเป็นแบบตะพักลำน้ำ ที่เกิดจากการกระทำของขบวนการของน้ำ ประกอบด้วย บริเวณ ที่เป็นลานตะพักลำน้ำระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง ลักษณะพ้ืนท่ีมีทั้งเป็นที่ราบแบบลูกคล่ืนลอนลาด จนถึงลูกคลื่นลอนชัน พ้ืนท่ีเหล่านี้จะพบในบริเวณท่ัวไปของจังหวัด กล่าวคือ ทางตอนเหนือ ทางตะวันออก และทางใต้ บางแหง่ ใช้สำหรับทำนาและบางแห่งใชส้ ำหรบั ปลูกพืชไร่ ๓) บริเวณท่ีเป็นแอ่ง หรอื ท่ีลุ่มตำ่ หลังลำน้ำ เกดิ จากการกระทำของนำ้ พบบางแห่งในบรเิ วณรมิ แม่น้ำ โขง แม่นำ้ ชี ลำเซบาย และลำโดมใหญ่ จะพบอยูท่ างตอนใตแ้ ละทางตะวนั ตกของจังหวดั ๔) บริเวณท่ีเป็นเนินตะกอนรูปพัด เกิดจากการท่ีหินในบริเวณเหล่าน้ันถูกทำให้แตกหักสะสมอยู่กับ พวกที่มอี นภุ าคละเอยี ดกว่า จะพบอยูท่ างตอนใต้และทางตะวนั ตกของจังหวดั ๕) บริเวณท่ีเป็นเนินท่ีเกิดจากการไหลของธารลาวา ซง่ึ บริเวณนี้จะมีศักยภาพทางการเกษตรสูง จากการ สลายตัวของหินบะซอลต์ จะพบอยใู่ นอำเภอน้ำยืน ๖) บริเวณที่ลาดเชิงเขา เกิดจากการกระทำของน้ำนานมาแล้วทับถมกัน บริเวณน้ีจะพบอยู่ในอำเภอ โขงเจียม อำเภอพบิ ลู มังสาหาร อำเภอศรเี มืองใหม่ และอำเภอตระการพชื ผล ๗) บริเวณที่ลาดเชิงซ้อน ลักษณะเป็นภูเขาหรือทิวเขามีความลาดชันมากกว่าร้อยละ ๓๕ จะพบบริเวณ ทิวเขาพนมดงรัก ในอำเภอน้ำยืน อำเภอนาจะหลวย และอำเภอบุณฑริก รวมถึงทิวเขาภูเขา ซ่ึงจะพบมาก ในอำเภอโขงเจยี ม และอำเภอศรเี มืองใหม่ ลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะภูมิอากาศ ขึ้นอยู่กบั อิทธิพลของมรสุมประจำฤดูกาล 2 ชนิด คือ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พดั พามวลอากาศเย็นและแหงจากประเทศจนี เขาปกคลุมประเทศ ตั้งแต่กลางเดอื นตลุ าคมถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งอยู่ ในชวงฤดูหนาว ทำใหมีอากาศหนาวเย็นและแหงทั่วไป และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดพามวลอากาศช้ืน จากทะเลและมหาสมทุ ร ในชวงฤดฝู น ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม ทำใหมฝี นตกชกุ แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวัดอุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 3
ฤดูกาล แบงออกได้เป็น 3 ฤดู ดังนี้ ฤดูหนาว เร่ิมตนประมาณกลางเดือนตลุ าคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ อากาศโดยท่ัวไปจะหนาวเย็นและแหง และอากาศหนาวมากท่ีสุดในชวงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ท้ังนี้ข้ึนอยู่ กับอิทธิพลของบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีน ฤดูรอน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธถึง กลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีอากาศรอนอบอ้าว โดยเดือนเมษายนจะมีอากาศร้อนอบอ้าวท่ีสุด ฤดูฝน เริ่มต้น ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม เป็นชวงท่ีมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต ประกอบกับร่องความ กดอากาศต่ำที่พาดอยู่บริเวณภาคใตของประเทศ จะเคล่ือนมาพาดผานบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สง่ ผลใหอากาศชุมช้ืนและมีฝนตกชกุ ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม โดยเฉพาะเดอื นสิงหาคมจะมีฝนตกชุก หนาแน่นมากท่สี ดุ ท้งั น้ีขนึ้ อยู่กับอทิ ธิพลของพายุหมนุ เขตร้อนดวย อุณหภูมิ เน่ืองจากลักษณะภูมิประเทศสวนใหญเป็นท่ีราบสูงและมีเทือกเขาสลับซับซ้อน ส่งผลให อากาศคอนขางรอนอบอาวในชวงฤดรู อน และในชวงฤดหู นาวจะมีอากาศคอนขางหนาวเยน็ โดยอุณหภูมิเฉลี่ย ตลอดท้ังป 27.2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 22.1 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดเฉล่ีย 33.0 องศาเซลเซียส เดือนเมษายนมีอากาศรอนอบอาวมากท่ีสุด อณุ หภูมิสูงที่สุด 42.6 องศาเซลเซยี ส เม่อื พ.ศ. 2559 และอากาศหนาวท่ีสุดในเดอื นมกราคม อณุ หภมู ิตำ่ ทส่ี ุด 6.7 องศาเซลเซียส เม่ือ พ.ศ. 2518 ปริมาณฝน โดยพ้ืนท่ีบรเิ วณทางตอนเหนือตอเน่ืองถึงดานตะวนั ออกของจังหวดั เป็นบริเวณท่มี ีฝนตกชุก มากกวาบริเวณอ่นื ๆ ซึง่ ปริมาณฝนเฉล่ียตลอดทง้ั ป อยู่ระหวาง 1,600 - 1,800 มลิ ลเิ มตร โดยเฉพาะพ้นื ที่ ทางดานตะวนั ออก สวนพืน้ ที่ทางดานตะวันตกเปน็ บริเวณทม่ี ฝี นนอย ปรมิ าณฝนสว่ นใหญต่ำกวา 1,500 มลิ ลิเมตร โดยเฉพาะบริเวณอำเภอเข่ืองในและวารนิ ชำราบ สำหรบั ปรมิ าณฝนเฉลี่ยตลอดทง้ั ป 1,581.7 มลิ ลิเมตร และ มีจำนวนวันทฝ่ี นตก 120 วนั โดยเดือนสิงหาคมมีฝนตกชุกมากที่สุด มีปรมิ าณฝนเฉลี่ย 303.3 มลิ ลิเมตร และ มฝี นตก 21 วนั ปรมิ าณฝนมากทสี่ ดุ วัดได้ 254.3 มิลลเิ มตร เมอื่ พ.ศ. 2530 (ศนู ย์ภมู อิ ากาศ กองพฒั นา อุตุนยิ มวทิ ยา, 2563) ทรัพยากรธรรมชาติ 1) ทรพั ยากรดิน มที รัพยากรดนิ คดิ เป็นรอ้ ยละ 86.6 ของพน้ื ที่จังหวดั หรอื ประมาณ 10,299,063 ไร่ 2) ทรพั ยากรป่าไม้ มีป่าเต็งรังหรือป่าแดงอยู่ทั่วไป มีเขตป่าดงดิบในเขตอำเภอน้ำยืน ส่วนป่าเบญจพรรณ มีอยู่ในอำเภอเขมราฐ อำเภอบุณฑริก และอำเภอพิบูลมังสาหาร ส่วนใหญ่เป็นพรรณไม้กระยาเลย ได้แก่ ไม้ยาง ไม้ตระแบก ไมแ้ ดง ไมป้ ระดู่ ไม้เคีย่ ม ไม้ชมุ แพรก ไมก้ ันเกรา ๓) ทรพั ยากรน้ำ เน่ืองจากเป็นจังหวดั ปลายน้ำ จงึ มแี หล่งนำ้ ท่เี กดิ โดยธรรมชาติ และแหล่งน้ำที่เกดิ จากการ สร้างโดยมนษุ ย์ ดงั น้ี 3.๑) แหล่งน้ำที่เกิดโดยธรรมชาติ ซึ่งมีแม่น้ำท่ีสำคัญเป็นแม่น้ำสายหลัก และมีลำน้ำสาขาต่างๆ อกี หลายสาย แม่น้ำและลำนำ้ สาขาทสี่ ำคัญ มีดังน้ี (ศูนยป์ ้องกนั วกิ ฤติน้ำ กรมทรัพยากรนำ้ , ม.ป.ป) - แมน่ ้ำโขง ไหลผ่านในหลายประเทศ ไหลผ่านจังหวดั อบุ ลราชธานี ระยะทางประมาณ ๑๕๗ กิโลเมตร บรเิ วณอำเภอเขมราฐ อำเภอนาตาล อำเภอโพธไิ์ ทร อำเภอศรเี มืองใหม่ และบรรจบกบั แม่น้ำมูลท่ีอำเภอโขงเจียม - แม่น้ำมูล มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาทางตอนใต้ของจังหวัดนครราชสีมา ไหลผ่านหลายจังหวัด จากน้ันมีลำเซบายไหลบรรจบแม่น้ำมูลท่ีอำเภอเมืองอุบลราชธานี และลำเซ (ลำเซบก) ไหลบรรจบแม่น้ำมูล ท่ีอำเภอพิบูลมังสาหาร ซึ่งในอำเภอนี้จะมีลำโดมใหญ่ไหลบรรจบแม่น้ำมูลเช่นเดียวกัน โดยฝายลำโดมใหญ่ (ฝายในโครงการโขง-ชี-มลู ) ต้งั อย่ใู นลำโดมใหญ่ ก่อนที่แม่นำ้ มูลไหลลงแมน่ ำ้ โขง มีลำโดมน้อยบรรจบแม่นำ้ มูล บริเวณอำเภอบุณฑริก แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อบุ ลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 4
- แม่น้ำชี มีต้นกำเนิดมาจากยอดเขาในแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ ในเขตอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัด ชัยภูมิ ไหลผ่านหลายจังหวัด มาท่ีอำเภอเข่ืองใน ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำมูลท่ีอำเภอเมือง มีความยาวประมาณ 830 กิโลเมตร พ้ืนที่ลุ่มน้ำของจงั หวัดประมาณ 683.29 ตารางกิโลเมตร หรือร้อยละ 1.39 ของพ้นื ท่ใี นลมุ่ นำ้ ชี - ลำโดมใหญ่ มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาด้านใต้ของอำเภอน้ำยืน ไหลผ่านอำเภอเดชอุดม ไปบรรจบกับ แม่นำ้ มูลทด่ี า้ นเหนือของอำเภอพิบูลมังสาหาร มีความยาวลำนำ้ ประมาณ 220 กิโลเมตร พน้ื ท่ีลุ่มน้ำประมาณ 4,909 ตารางกิโลเมตร มีปริมาณน้ำท่าตามธรรมชาติประมาณปีละ 2,440 ล้าน ลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ รอ้ ยละ 12.53 ของปริมาณนำ้ ท่าตามธรรมชาตทิ ้ังหมดของลมุ่ น้ำมลู - ลำโดมน้อย มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาชายแดนติดต่อกับประเทศกัมพูชา ไหลผ่านอำเภอบุณฑริก และไปบรรจบกับแม่น้ำมูลท่ีด้านเหนือน้ำ อำเภอโขงเจียม เล็กน้อย บนลำน้ำนี้ ได้มีการก่อสร้างเขื่อนสิรินธร ได้ประมาณ 160,000 ไร่ มีความยาวลำน้ำประมาณ 127 กิโลเมตร พื้นท่ีลุ่มน้ำประมาณ 2,197 ตาราง กโิ ลเมตร มปี ริมาณน้ำท่าตามธรรมชาติประมาณปีละ 1,667 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณร้อยละ 8.56 ของปรมิ าณนำ้ ท่าตามธรรมชาตทิ ง้ั หมดของลมุ่ นำ้ มลู - ลำเซบาย มีต้นกำเนิดจากสันปันน้ำของลุ่มน้ำเซบาย และลุ่มน้ำห้วยบังอี ไหลผ่านอำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี บรรจบกับแม่น้ำมูลก่อนถึง อำเภอเมืองอุบลราชธานี พื้นทล่ี ่มุ นำ้ ประมาณ 3,132 ตารางกิโลเมตร มปี รมิ าณนำ้ ท่าตามธรรมชาตปิ ระมาณปลี ะ 1,666 ลา้ นลกู บาศก์เมตร หรือประมาณรอ้ ยละ 8.54 ของปริมาณน้ำท่าตามธรรมชาติทั้งหมดของล่มุ นำ้ มลู ลำเซบก มีต้นกำเนิดจากที่บริเวณจังหวัดอำนาจเจริญ ไหลผ่านอำเภอตระการพืชผล ไปบรรจบกับ แม่น้ำมูลก่อนถึงอำเภอพิบูลมังสาหาร พ้ืนท่ีลุ่มน้ำประมาณ 3,665 ตารางกิโลเมตร มีปริมาณน้ำท่าตามธรรมชาติ ประมาณปีละ 1,986 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณร้อยละ 10.18 ของปริมาณน้ำท่าตามธรรมชาติ ทงั้ หมดของลมุ่ น้ำมลู 3.๒) แหล่งน้ำท่ีเกิดจากการสร้างโดยมนุษย์ เป็นโครงการอเนกประสงค์ อำนวยประโยชน์ในด้าน การชลประทาน การประมง การผลติ พลงั งานไฟฟ้า บรรเทาอุทกภยั และการคมนาคม - เข่ือนสิริธร ต้ังอยู่ท่ีอำเภอสิรินธร ลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีความสูง ๔๒ เมตร ความยาว ๙๕๐ เมตร สันเขื่อนกว้าง ๗.๕๐ เมตร มีพ้ืนท่ี 288 ตารางกิโลเมตร กักเก็บนำ้ ได้ ๑,๙๖๖.๕๐ ล้านลกู บาศกเ์ มตร - เขื่อนปากมูล ต้ังอยู่ท่ีอำเภอโขงเจียม ลักษณะเป็นเข่ือนทดน้ำ มีความสูง 17 เมตร ความยาว 300 เมตร ระดับสันเข่ือน 111 เมตร สันเขื่อนกว้าง 6 เมตร อัตราการระบายน้ำ สงู สุด 18,500 ลูกบาศกเ์ มตรตอ่ วนิ าที 4) ทรัพยากรแร่ธาตุ พบแร่อโลหะเพียงชนิดเดียว คือ เกลือหิน ในอำเภอเมืองอุบลราชธานี และ อำเภอตระการพชื ผล นอกจากน้ี มีทรพั ยากรแร่ท่อี ยู่ในรูปของหนิ ชนิดตา่ ง ๆ อีกมากมาย อาทิ รตั นชาติ พบพลอยทบั ทิม (Ruby) และซัฟไฟร์ (Blue Sapphire) ซง่ึ ในปจั จุบนั การขดุ หาก็ยงั คงมีอยู่ แต่ปรมิ าณของแร่ลดน้อยลงมาก เกลอื สินเธาว์ ในหมวดหินมหาสารคามมีชน้ั เกลือเปน็ ชั้นหนาแทรกอย่จู ำนวน 3 ชนั้ ที่ระดับความลึก ตา่ ง ๆ กนั และพบหมวดหนิ ภูทอกเป็นชั้นบางวางตัวอยูป่ ดิ ทบั อยดู่ ้านบน แหลง่ ที่มีการผลิตเกลือสินเธาว์มอี ยู่ 2 แหล่ง ไดแ้ ก่ นาเกลอื บ่อขุม อำเภอดอนมดแดง และนาเกลือบ่อเทย อำเภอดอนตาล หินอุตสาหกรรม พบการนำหินไปใช้ประโยชน์หลาย ๆ บริเวณ โดยเปิดเป็นบ่อหินผุหรือบ่อลูกรัง และหนิ ทรายของหมวดหนิ ภูพาน นำไปใช้ประโยชน์ในการแกะสลัก กรวดทราย และดินลกู รงั สามารถนำไปใช้ ประโยชน์ด้านกอ่ สรา้ ง โดยเฉพาะอย่างยิง่ ตามชายฝ่ังลำนำ้ โขง หินบะซอลต์ อำเภอน้ำยืน เป็นบริเวณที่มกี าร ทำเหมืองหินอตุ สาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง (กรมทรัพยากรธรณี, ม.ป.ป) แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 5
การใชท้ ี่ดิน ตารางท่ี 1 ขนาดพ้ืนที่และร้อยละการใชท้ ี่ดินตามประเภทการใชง้ านของจังหวดั อุบลราชธานี ปี พื้นท่ีชมุ ชน และ พื้นท่เี กษตรกรรม พืน้ ทีป่ า่ ไม้ พน้ื ทีแ่ หลง่ น้ำ พ้ืนที่เบ็ดเตลด็ สิง่ ปลกู สรา้ ง ขนาด รอ้ ยละ ขนาด ร้อยละ ขนาด รอ้ ยละ ขนาด รอ้ ยละ ขนาด รอ้ ยละ 2562 526,902 5.36 6,509,773 66.12 1,760,484 17.89 388,540 3.95 654,832 6.68 2560 517,188 5.25 6,464,641 65.69 1,796,482 18.27 383,388 3.89 678,832 6.90 ๒๕๕๘ 475,281 4.83 6,142,961 62.43 2,015,033 20.48 372,149 3.77 835,107 8.49 ๒๕๕๓ 477,048 4.84 5,971,162 60.64 2,147,586 21.83 372,294 3.79 872,441 8.90 (กองนโยบายและแผนการใช้ทด่ี ิน, 2563) จากตารางท่ี 1 การสำรวจข้อมูลสภาพพื้นท่ีและการใช้ประโยชน์ท่ีดินของจังหวัด พบว่า ในปี 2562 พ้ืนท่ีส่วนใหญ่เป็นพื้นท่ีเพ่ือการเกษตรกรรม ร้อยละ 66.12 รองลงมาคือพื้นท่ีป่าไม้ ร้อยละ 17.89 พ้ืนท่ี เบด็ เตล็ด ร้อยละ 6.68 พ้นื ทชี่ ุมชน รอ้ ยละ 5.36 และพ้นื ทแี่ หล่งน้ำ ร้อยละ ๓.95 การคมนาคมและขนส่ง จังหวัดอุบลราชธานี มกี ารคมนาคมขนส่งและระบบโลจสิ ติกส์ เชอื่ มตอ่ ระหวา่ งจงั หวัด และระหว่างประเทศ ซง่ึ สามารถเดินทางไดห้ ลากหลายเสน้ ทางท้ังโครงขา่ ยถนน โครงข่ายระบบราง และการคมนาคมขนสง่ ทางอากาศ ดังน้ี ๑) โครงข่ายถนน มีเส้นทางคมนาคมท้ังทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงจังหวัด เช่ือมต่อระหว่างจังหวัด และระหว่างประเทศ ซึ่งมสี ถานขี นส่งผู้โดยสารเฉลมิ พระเกยี รติ จังหวดั อุบลราชธานี จำนวน 1 แห่ง ใหบ้ รกิ าร รถโดยสารประจำทางระหว่างอำเภอ และระหว่างจังหวัด เช่น จังหวัดอำนาจเจริญ ยโสธร ศรสี ะเกษ สกลนคร มกุ ดาหาร บุรีรัมย์ อดุ รธานี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครพนม หนองคาย ขอนแก่น นครราชสีมา ระยอง พัทยา ประจวบคีรีขันธ์ ภเู ก็ต และเชยี งใหม่ โดยบรษิ ัทขนส่งจำกดั และบริษัทเอกชน ๒) โครงข่ายระบบราง มีขบวนรถไฟ ประเภทรถด่วน รถเร็ว และรถไฟปรับอากาศด่วนพิเศษทุกวัน เร่ิมต้นจากกรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ สดุ ปลายทางที่สถานีรถไฟอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ โดยมีสถานียอ่ ย 3 แห่ง คือ สถานีบา้ นถ่อน สถานี ห้วยขะยงุ และสถานีบุ่งหวาย ๓) การคมนาคมขนส่งทางอากาศ มีท่าอากาศยานนานาชาติ จำนวน ๑ แห่ง บริการ 5 สายการบิน ประกอบด้วย สายการบนิ นกแอร์ (Nok Air) สายการบินแอรเ์ อเชีย (Air Asia) สายการบินไทยสมายล์ (Thai Smile) สายการบนิ ไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air) และสายการบนิ ไทยเวียตเจท็ แอร์ (Thai Viet Jet Air) การปกครอง การปกครองจังหวัดอุบลราชธานี แบ่งเขตการปกครอง เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ การบริหารราชการ สว่ นภมู ิภาค และการบรหิ ารราชการสว่ นท้องถิ่น ดังน้ี ๑) การบริหารราชการส่วนภูมิภาค แบ่งเขตการปกครองออกเป็น ๒๕ อำเภอ ๒๑9 ตำบล และ ๒,๗๐๔ หมบู่ ้าน แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอบุ ลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 6
๒) การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน รวมจำนวน 239 แห่ง แบ่งการปกครอง ออกเป็น องค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด จำนวน ๑ แห่ง เทศบาลนคร จำนวน ๑ แห่ง เทศบาลเมือง จำนวน ๔ แห่ง เทศบาลตำบล จำนวน ๕๔ แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน ๑๗๙ แห่ง (สำนักงานส่งเสริมการปกครอง ทอ้ งถ่ินจังหวดั อุบลราชธานี, ๑๓ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๓) ตารางที่ 2 แสดงการแบ่งเขตปกครอง และเน้ือที่จงั หวดั อุบลราชธานี ท่ี อำเภอ หมบู่ ้าน ตำบล อบต. เทศบาล เน้อื ท่ี ระยะทาง จากตวั ๑ เมืองอบุ ลราชธานี ๑๕๕ ๑2 ๘ นคร เมอื ง ตำบล (ตาราง จงั หวดั ๒ วารินชำราบ ๑๙๒ ๑6 ๙ (กิโลเมตร) ๓ เดชอุดม ๒๔๓ 16 ๑๔ กโิ ลเมตร) ๔ พิบูลมังสาหาร ๑๘๐ 14 ๑๐ ๕ ๕ เขมราฐ ๑๒๓ 9 ๔ ๑ ๑ ๓ ๔๐๖.๓๙ ๔๕ ๖ เขอ่ื งใน ๑๘3 18 ๑๖ ๑ ๗ ๕๘๔.๐๐ ๔๕ ๗ ตระการพืชผล ๒๓๔ ๒๓ ๒๒ ๑ ๔ ๑,๔๑๖.๐๐ ๑๐๔ ๘ มว่ งสามสิบ ๑๕๘ 14 ๑๔ ๑ ๔ ๑,๒๗๗.๙๕ ๓๘ ๙ นำ้ ยืน ๑๐2 7 ๕ ๖ ๕๒๒.๑๖ ๕๐ ๑๐ บุณฑริก ๑27 8 ๖ ๓ ๗๗๒.๘๒ ๓๔ ๑๑ ศรเี มอื งใหม่ ๑๒๑ 11 ๑๑ ๑ ๑,๓๐๖.๐๐ ๑๑๐ ๑๒ โขงเจยี ม ๕๒ 5 ๕ ๑ ๙๑๗.๕๔ ๙๒ ๑๓ กดุ ขา้ วปนุ้ ๗๕ 5 ๕ ๓ ๘๔๕.๕๐ ๘๓ ๑๔ นาจะหลวย ๗๘ 6 ๕ ๓ ๑,๔๐๒.๐๐ ๘๕ 15 ตาลสมุ ๕๙ 6 ๖ ๑ ๑,๓๑๐.๐๐ ๗๘ ๑๖ โพธิ์ไทร ๗๑ 6 ๖ ๑ ๙๐๑.๘๐ ๑๒๒ ๑๗ สำโรง ๑๐๘ ๙ ๘ ๑ ๓๒๐.๐๐ ๓๒ ๑๘ สริ ินธร ๗๖ 6 ๕ ๒ ๖๓๒.๐๐ ๙๙ ๑๙ ดอนมดแดง ๔๗ ๔ ๔ ๑ ๕๐๕.๑๑ ๒๘ ๒๐ ทงุ่ ศรอี ุดม ๕๒ ๕ ๕ ๑ ๓๐๑.๐๐ ๗๕ ๒๑ นาเยยี ๓๕ 3 ๑ ๑ ๔๑๖.๐๐ ๓๕ ๒๒ นาตาล ๖๔ ๔ ๔ ๒ ๓๗๐.๐๑ ๗๕ ๒๓ เหลา่ เสือโกก้ ๕๕ ๔ ๓ - ๒๓๕.๐๐ ๔๐ ๒๔ สว่างวีระวงศ์ 59 ๔ ๑ - ๓๐๗.๐๐ ๑๐๓ ๒๕ น้ำข่นุ ๕๕ ๔ ๒ ๓ ๒๒๙.๐๐ ๒๓ รวม 25 อำเภอ ๒,704 ๒๑9 179 - ๑๙๔.๘๔ ๒๙ ๑ ๒๘๔.๐๐ ๙๐ ๓ ๒๗๐.๐๐ ๒ ๓๘๖.๕๐ ๑ ๔ ๕๔ ๑๖,๑๑๒.๖๒ (ทีท่ ำการปกครองจังหวดั อบุ ลราชธานี, 2563) แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อบุ ลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 7
ประชากร ปี พ.ศ. 2563 จังหวัดอุบลราชธานี มีจำนวนประชากร 1,866,697 คน โดยจำแนกเป็นเพศชาย จำนวน 932,400 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 49.95 และเพศหญงิ จำนวน 934,297 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 50.05 ตารางท่ี 3 แสดงจำนวนและรอ้ ยละประชากรในจังหวดั อุบลราชธานี ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖3 จำแนกตามเพศ ปี จำนวนประชากร ชาย หญิง จำนวน ร้อยละ (คน) จำนวน ร้อยละ 2563 1,866,697 932,400 49.95 934,297 50.05 ๒๕๖๒ ๑,๘๗๘,๑๔๖ ๙๓๙,๐๕๔ ๔๙.๙๙ ๙๓๙,๐๙๒ ๕๐.๐๑ ๒๕๖๑ ๑,๘๗๔,๕๔๘ ๙๓๗,๗๖๖ ๕๐.๐๓ ๙๓๖,๗๘๒ ๔๙.๙๗ ๒๕๖๐ ๑,๘๖๙,๖๓๓ ๙๓๖,๐๕๒ 50.07 ๙๓๓,๕๘๑ ๔๙.๙3 ๒๕๕๙ ๑,๘๕๘,๖๑๘ ๙๓๑,๑๖๙ ๕๐.๑๐ ๙๒๗,๔๔๙ ๔๙.๙๐ ๒๕๕๘ ๑,๘๕๗,๔๒๙ ๙๓๐,๗๐๑ ๕๐.๑๑ ๙๒๖,๗๒๘ ๔๙.๘๙ (สำนักบริหารการทะเบยี น, 2563) จากตารางท่ี 3 โดยภาพรวมของจำนวนประชากร ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖3 มีจำนวนเพิ่มข้ึนอย่างต่อเน่ือง และสัดส่วนของประชากรเพศชายและเพศหญิงมีจำนวนใกล้เคียงกัน ซ่ึงในระหว่างปี พ.ศ. 2558 – 2561 สดั ส่วนประชากรเพศชายมากกว่าเพศหญิง และระหว่างปี พ.ศ. 2562 – 2563 สัดสว่ นประชากรเพศหญิง มากกวา่ เพศชาย ตารางท่ี 4 แสดงจำนวนประชากรจงั หวดั อุบลราชธานี ปี พ.ศ. ๒๕๖2 จำแนกตามชว่ งอายุ และเพศ ช่วงอายุประชากร จำนวน (คน) ร้อยละ ประชากรอายุ ๐ - ๑๘ ปี ชาย หญิง รวม ประชากรอายุ ๑๙ - ๒๕ ปี ประชากรอายุ ๒๖ - ๕๙ ปี 216,679 204,929 421,608 22.68 ประชากรอายุ ๖๐ – 99 ปี ประชากรอายุ ๑๐๐ ปีขนึ้ ไป 97,404 94,843 192,247 10.34 รวม 481,521 473,423 954,944 51.38 133,222 156,263 289,485 15.58 153 212 365 0.02 928,979 929,670 1,858,649 100 (สำนักบรหิ ารการทะเบียน, ธนั วาคม ๒๕๖2) จากตารางท่ี 4 พบว่า ประชากรจังหวัดอุบลราชธานีส่วนใหญ่ ช่วงอายุ ๒๖ - ๕๙ ปี ซ่ึงเป็นวัยแรงงาน มีจำนวน 954,944 คน คิดเป็นร้อยละ 51.38 ของประชากรท้ังหมด เป็นเพศชาย 481,521 คน และเพศหญิง 473,423 คน รองลงมาช่วงอายุ ๐ - ๑๘ ปี ซึ่งเป็นวยั เด็กและเยาวชน มีจำนวน 421,608 คน คิดเป็นร้อยละ 22.68 เปน็ เพศชาย 216,679 คน และเพศหญิง 204,929 คน และชว่ งอายุ ๖๐ - ๙๙ ปี ซึ่งเป็นวัยผู้สูงอายุ มีจำนวน 289,485 คิดเป็นร้อยละ 15.58 เปน็ เพศชาย 133,222 คน และเพศหญิง 156,263 คน ตามลำดับ ช่วงอายุประชากรส่วนน้อยท่ีสุด คือ ช่วงอายุ ๑๐๐ ปีขึ้นไป (ผู้สูงอายุ) มีจำนวน 365 คน คิดเป็นร้อยละ ๐.๐2 เปน็ เพศชาย 153 คน และเพศหญิง 212 คน แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 8
ภาพที่ 2 ปริ ามดิ ประชากรจังหวัดอุบลราชธานี ปี พ.ศ. 2563 (กรมอนามัย, 2563 ) จากภาพท่ี 2 เม่ือพิจารณาช่วงอายุต่างๆ ของประชากรในภาพรวมจังหวดั อุบลราชธานี พบว่า ประชากร สว่ นมากอายุ ระหว่าง 1๕ – 24 ปี และระหว่าง 45 - 54 ปี และช่วงอายุที่น้อยที่สุด คอื ช่วงอายรุ ะหว่าง 90 ปีขึ้นไป กลุ่มประชากรอายุ 25 - 44 ปี มีสัดส่วนโครงสร้างประชากรลดลง ในขณะเดียวกัน ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มีสัดสว่ นประชากรเพม่ิ ข้ึน สะทอ้ นการเป็นสังคมผสู้ ูงอายุทเี่ พ่มิ ขึ้นในอนาคต การค้าชายแดน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดชายแดนที่มีพรมแดนติดต่อระหวา่ งประเทศ จำนวน 10 อำเภอ ระยะทาง 428 กิโลเมตร ระหว่าง ๒ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยติดต่อกับ 9 อำเภอ มีจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าการท่องเที่ยวจำนวน 5 แห่ง และราชอาณาจักรกัมพูชา โดยติดต่อกับ 2 อำเภอ มีจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าการท่องเที่ยวจำนวน 1 แห่ง โดยแบ่งเป็นด่านพรมแดนถาวร จำนวน ๒ จุด และ จุดผอ่ นปรนจำนวน 6 จดุ ดังนี้ พรมแดนระหว่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีด่านพรมแดนถาวร และจุดผ่อนปรน จำนวน ๑ จดุ ๑) ดา่ นพรมแดนถาวร มจี ำนวน ๒ ดา่ น ดังนี้ ๑.๑) ด่านพรมแดนช่องเม็ก ต้ังอยู่เขตรอยต่อพรมแดนช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ติดกับ ด่านวังเต่า แขวงจำปาสัก ๑.๒) ด่านพรมแดนปากแซง ตง้ั อยูท่ บ่ี ้านปากแซง อำเภอนาตาล จังหวดั อบุ ลราชธานี มีแมน่ ้ำโขงกนั้ ระหว่าง เขตแดนตรงกนั ข้ามกบั บา้ นตาดสะพาน เมืองละคอนเพง็ แขวงสาละวัน แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 9
๒) จดุ ผ่อนปรนการค้า มีจำนวน 5 แห่ง ดังน้ี ๒.๑) จดุ ผ่อนปรนหนา้ ที่ว่าการอำเภอเขมราฐ (หลังเกา่ ) ตำบลเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ตรงข้ามกบั ด่านประเพณบี า้ นท่าปะชมุ เมอื งสองคอน แขวงสะหวันนะเขต ๒.๒) จุดผ่อนปรน บ้านสองคอน หมู่ท่ี ๑ ตำบลสองคอน อำเภอโพธ์ิไทร จังหวัดอบุ ลราชธานี ตรงขา้ มกับ ดา่ นประเพณีบา้ นหนองแสง บ้านดอนหมากเดือ่ เมืองละครเพ็ง แขวงสาละวนั ๒.๓) จุดผ่อนปรนบ้านด่านเก่า หมู่ท่ี ๑ ตำบลโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ตรงข้ามกับ บา้ นสิงสัมพัน เมอื งชะนะสมบนู แขวงจำปาสัก ๒.๔) จุดผ่อนปรนบ้านคันท่าเกวียน หมู่ที่ ๓ ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ตรงกนั ขา้ มกับบ้านคนั ทงุ ไช เมอื งคบเซโดน แขวงสาละวนั ๒.5) จุดผ่อนปรนช่องตาอู บ้านหนองแสง หมู่ท่ี 7 ตำบลโพนงาม อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ตรงกันข้ามกับบ้านเหียง เมืองสุขุมา แขวงจำปาสัก ตั้งอยู่บนพื้นที่เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า บุณฑริก-ยอดมน ซง่ึ อย่คู วามดแู ลของสำนักบริหารพ้ืนทีอ่ นรุ ักษท์ ี่ ๙ จงั หวดั อุบลราชธานี พรมแดนระหว่างราชอาณาจกั รกัมพชู า โดยเป็นจุดผ่อนปรนการค้า จำนวน ๑ จุด ได้แก่ จุดผ่อนปรนช่องอานม้า ตั้งอยู่บ้านอานม้า หมู่ที่ ๖ ตำบลโซง อำเภอน้ำยนื จังหวัดอุบลราชธานี ตรงข้ามกับบา้ นอานแชะ อำเภอจอมกระสาน จงั หวดั พระวหิ าร เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 จังหวัดอุบลราชธานี ได้ประกาศระงับการเปิด-ปิดจุดผ่อนปรนการค้า และการท่องเท่ียว และช่องทางอ่ืน ๆ ในพ้ืนท่ีชายแดนเป็นการชั่วคราว เพื่อควบคุมภาวะการระบาดของโรค ตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 หรือ โรคโควดิ 19 จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคจะคลค่ี ลาย การทอ่ งเทีย่ ว จังหวัดอุบลราชธานี มีศักยภาพด้านการท่องเท่ียว เนื่องจากเป็นจังหวัดชายแดนท่ีสำคัญของภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ต้ังอยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศ จึงเป็นจังหวัดแรกท่ีได้เห็นดวงอาทิตย์ นอกจากนี้ ยงั เป็นเมอื งเกา่ แกท่ ี่มีประวัติความเปน็ มากกวา่ สองรอ้ ยปี และมสี ถานทที่ ่องเท่ียวหลากหลาย ทงั้ ด้านประวัตศิ าสตร์ วฒั นธรรม ประเพณี และแหลง่ ท่องเท่ยี วตามธรรมชาติ ตารางท่ี 5 จำนวนผูเ้ ยี่ยมเยือนจังหวดั อุบลราชธานี ปี พ.ศ. ๒๕๖2 – ๒๕๖3 สถานการณก์ ารทอ่ งเท่ยี วในประเทศ ปี พ.ศ. ร้อยละ จงั หวดั อบุ ลราชธานี 2563 2562 การเปล่ยี นแปลง อัตราการเขา้ พัก จำนวนผู้เขา้ พกั (คน) 34.05 62.61 -28.56 จำนวนผเู้ ยี่ยมเยือนทั้งหมด (คน) จำนวนผู้เยีย่ มเยือนคนไทย (คน) 770,295 1,414,337 -45.54 จำนวนผเู้ ยย่ี มเยือนชาวตา่ งชาติ (คน) รายไดจ้ ากผู้เยี่ยมเยือน (ลา้ นบาท) 1,537,178 3,217,865 -52.23 รายได้จากผเู้ ยยี่ มเยือนคนไทย (ล้านบาท) รายไดจ้ ากผเู้ ยย่ี มเยอื นชาวตา่ งชาติ (ล้านบาท) 1,502,317 3,065,554 -50.99 34,861 152,311 -77.11 3,416 7,998 -57.29 3,251.86 7,384.09 -55.96 163.99 613.48 -73.27 (กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา, 2564) แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 10
หมายเหตุ 1. อัตราการเข้าพักแรมรายจังหวัด เดือนธันวาคม 2563 เป็นอัตราการเข้าพักของสถานพักแรม ภายในจังหวัดโดยเฉลี่ย ซึ่งครอบคลุมสถานพักแรมทั้งที่เปิดให้บริการตามปกติ และสถานพักแรมท่ีได้รับ ผลกระทบจากการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และหยุดให้บริการชั่วคราว 2. ผู้เยยี่ มเยือน หมายถึง ผู้ที่เดินทางเพื่อการท่องเทย่ี ว และอ่ืน ๆ เช่น การเย่ยี มเพ่ือน/ญาติ ท้ังที่พัก ค้างคนื และไมพ่ กั ค้างคนื โดยเป็นการพักคา้ งในสถานพักแรม บ้านญาต/ิ บา้ นเพอ่ื น และอื่น ๆ 3. โดยท่ีสถานการณ์การเดินทางภายในประเทศในเดือนธันวาคม 2563 ได้รับผลกระทบอย่างมาก จากประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และมาตรการควบคุมการระบาดของจังหวัด การประมวลผลจำนวนผู้เยี่ยมเยือนเบื้องต้นประจำเดือนสิงหาคม 2563 จึงประมวลผลจากจำนวนผู้เข้าพักแรม ในสถานพักแรมเปน็ หลกั 4. ผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติระดับจังหวัด หมายถึง ชาวต่างชาติท่ีเดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่ กอ่ นการปิดด่านตรวจคนเข้าเมือง และพำนักในจังหวัดต่าง ๆ ซ่ึงครอบคลุมผู้ที่วางแผนการท่องเที่ยวระยะส้ัน แต่ไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ตามแผนการเดินทาง (ไม่รวมชาวต่างชาติท่ีประกอบอาชีพในประเทศ ไทย) นอกจากนี้ แมว้ า่ นักท่องเทยี่ วกลุ่มนี้ จะมีค่าใชจ้ ่ายด้านการทอ่ งเทีย่ วต่ำกว่าชว่ งเวลาปกติ แตม่ ีระยะเวลา พำนกั ยาวนานมากประมาณ 15 - 30 วนั จึงมผี ลทำให้คา่ ใชจ้ ่ายต่อทรปิ เพมิ่ สูงกวา่ ชว่ งเวลาปกติมาก (กองเศรษฐกจิ การทอ่ งเทีย่ วและกีฬา กระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกีฬา, 2564) จากตารางท่ี 5 โดยภาพรวมการเดินทางท่องเท่ียวของจังหวัดอุบลราชธานี ปี พ.ศ. ๒๕๖3 มีจำนวน ผู้มาเย่ียมเยือนท้ังสิ้น 2,847,675 คน ลดลงจากปี ๒๕๖2 ร้อยละ 52.39 มีรายได้จากการท่องเท่ียวท้ังหมด 7,228.69 ล้านบาท ลดลงจากปี ๒๕๖2 รอ้ ยละ 56.53 ตารางท่ี 6 จำนวนนักทอ่ งเที่ยว และรายได้จากการท่องเท่ียวในจังหวัดอบุ ลราชธานี พ.ศ. ๒๕๕9 – ๒๕๖3 ปี พ.ศ. จำนวนนักท่องเท่ียว (คน) รายได้จากการท่องเท่ียว (ล้านบาท) ๒๕๕๙ ๒,๗๕๓,๒๘๙ ๖,๐๔๙.๓๙ ๒๕๖๐ 3,125,937 7,375.12 ๒๕๖1 3,243,323 7,999.25 ๒๕๖2 3,217,865 7,997.57 ๒๕๖3 1,537,178 3,415.85 (กองเศรษฐกจิ การท่องเที่ยวและกีฬา, 2564) ตารางที่ 6 จำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้จากการท่องเที่ยวในจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2563 ลดลงจากปี 2562 โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยว 1,537,178 คน ลดลงจากปี 2562 คิดเป็นร้อยละ 52.23 และรายไดจ้ ากการทอ่ งเท่ยี วในจังหวัด 3,415.85 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 คิดเป็นร้อยละ 57.29 สภาพสังคม ในปี พ.ศ. 2562 จังหวัดอุบลราชธานี ประชากร มรี ายไดค้ รวั เรือน ๒๒๐,๙๙๖.๔๑ บาท/ปี รายได้บคุ คล ๗๑,๑๘๓.๙๕ บาท/ปี ซึ่งรายได้เฉลี่ยรายบุคคลเพิ่มขน้ึ จากปี 2561 จำนวน ๑,๖๘๖.๙๗ บาท รายจ่ายครวั เรือน ๑๒๐,๓๖๖.๖๗ บาท/ปี รายจ่ายบุคคล ๓๘,๗๗๐.๖๕ บาท/ปี ซ่ึงรายจา่ ยเฉล่ียรายบคุ คลเพม่ิ ข้นึ จากปี 2561 จำนวน ๑,๑๑๓.๐๕ บาท ดา้ นการศึกษา พบว่า ประชากรสว่ นใหญจ่ บการศึกษาชน้ั ประถมศึกษามากที่สุด ร้อยละ ๕๑.๑๔ รองลงมาจบชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ร้อยละ ๑๗.๒๖ จบชัน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ ๑๒.๖๖ แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 11
จบระดบั ปรญิ ญาตรี ร้อยละ ๖.๓๕ และมีเพียงร้อยละ ๐.๔๗ ท่ีจบการศึกษาสูงกวา่ ปริญญาตรี ด้านอาชีพ พบวา่ อาชีพท่ปี ระชากรประกอบมากทส่ี ดุ ได้แก่ เกษตรกรรม (ทำนา) ร้อยละ ๔๔.๒๒ รองลงมา ไดแ้ ก่ รับจ้างท่วั ไป ร้อยละ ๑๒.๔๑ และนอ้ ยท่สี ุด ไดแ้ ก่ เกษตรกรรม (ปศสุ ตั ว์) ร้อยละ ๐.๐๓ ดา้ นศาสนา พบวา่ นับถือศาสนา พุทธมากทสี่ ุด ร้อยละ ๙๙.๔๙ รองลงมา ไดแ้ ก่ ครสิ ต์ ร้อยละ ๐.๔๙ อสิ ลาม รอ้ ยละ ๐.๐๑ และอ่ืน ๆ รอ้ ยละ ๐.๐๑ (ขอ้ มลู ความจำเป็นพน้ื ฐานและข้อมลู พ้ืนฐาน ปี ๒๕๖๒ (จปฐ.) สำนกั งานพฒั นาชุมชนจงั หวดั อุบลราชธานี, 2563) คุณภาพชวี ติ หมวดที่ ๑ สุขภาพดี ตัวชี้วัดที่ผ่านเกณฑ์สูงสุดภาพรวมท้ังจังหวัด ได้แก่ เด็กแรกเกิดถึง ๑๒ ปีเต็ม ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคครบตามตารางสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ตัวชี้วัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ สูงสดุ ภาพจังหวัด ไดแ้ ก่ คนอายุ ๓๔ ปขี ้นึ ไป ได้รับการตรวจสขุ ภาพประจำปี ๓,๖๓๒ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๐.๔๓ หมวดที่ ๒ สภาพแวดล้อม ตัวช้ีวัดท่ีผ่านเกณฑ์สูงสุด ได้แก่ ครัวเรือนมีน้ำสะอาดสำหรับด่ืมและบริโภค เพียงพอตลอดทั้งปี และครัวเรือนมีน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี และครัวเรือนมีน้ำใช้ตลอดปีอย่างน้อยคนละ ๔๔ ลิตรต่อวัน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๙ ตัวชี้วัดท่ีไม่ผ่านเกณฑ์สูงสุด ได้แก่ ครัวเรือนมีการป้องกันอุบัติภัย และภยั ธรรมชาติอย่างถกู วธิ ี มคี รัวเรอื นทีไ่ ม่ผา่ นเกณฑ์ ๑,๑๐๒ ครัวเรอื น คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๐.๒๙ หมวดท่ี ๓ การศึกษา ตัวชี้วัดท่ีผ่านเกณฑ์สูงสุดภาพรวมจังหวัด ได้แก่ เด็กอายุ ๓ - 5 ปี ได้รับการ บริการเลี้ยงดูเตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๙ ตัวช้ีวัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์สูงสุดภาพรวมจังหวัด ไดแ้ ก่ เดก็ อายุ ๖ - ๑๔ ปี ได้รบั การศกึ ษาภาคบังคบั ๙ ปี ไม่ผ่านเกณฑ์ ๙,๗๘๗ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๗.๔๐ หมวดท่ี ๔ การมีงานทำและรายได้ ตัวชี้วัดที่ผ่านเกณฑ์สูงสุดภาพรวมจังหวัด ได้แก่ รายได้เฉลี่ย ของครัวเรือน ต่อปี ร้อยละ ๙๙.๙๗ ตัวช้ีวัดท่ีไม่ผ่านเกณฑ์สูงสุดภาพรวมจังหวัด ได้แก่ ครัวเรือนมีการเก็บ ออม ไม่ผ่านเกณฑ์ ๔,๙5๘ ครวั เรอื น คิดเปน็ ร้อยละ ๑.๓๑ หมวดท่ี ๕ ปลูกฝังค่านยิ มไทย (คนไทยประพฤติดแี ละมีคุณธรรม) ตวั ชว้ี ดั ท่ีผา่ นเกณฑ์สูงสุดภาพรวมจังหวัด ได้แก่ ผู้พิการได้รับการดูแลจากครอบครัว ชุมชน ภาครัฐ หรือภาคเอกชน และผู้ป่วยโรคเร้ือรังได้รับการดูแล จากครอบครัว ชุมชน ภาครัฐ หรือภาคเอกชน คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ตัวชี้วัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์สูงสุดภาพรวมจังหวัด ได้แก่ คนในครัวเรือนสูบบุหรี่ ไม่ผ่านเกณฑ์ ๖๑,๖๑๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๔.๒๔ (รายงานคุณภาพชีวิต คนอุบลราชธานี ปี 2562 (ขอ้ มูล จปฐ./กชช. 2ค) สำนกั งานพฒั นาชมุ ชนจงั หวัดอบุ ลราชธานี, 2563) สถานการณ์ทางสังคม ดัชนีความม่ันคงของมนุษย์ (Human Security Index) เป็นแนวคิดเกี่ยวกับความมั่นคงของมนุษย์ ในเบื้องต้น เป็นแนวทางตามโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme – UNDP) ท่ีกำหนดองค์ประกอบความมั่นคงของมนุษย์ไว้ 7 มิติ ได้แก่ ความม่ันคงทางด้านเศรษฐกิจ อาหาร สุขภาพ ส่ิงแวดล้อม ส่วนบุคคล ชุมชน และการเมือง ต่อมากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กำหนดตัวชี้วัดเพ่ิมขึ้น เพ่ือให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและบริบทของประเทศ ประกอบด้วย 12 มิติ และผลการประเมินสถานการณ์ความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี ปี 2562 กับ ปี 2561 ตามมิติความม่ันคงของมนุษย์ ปรากฏผลดังน้ี (รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัด ปี 2563 : สำนักงาน พฒั นาสงั คมและความม่ันคงของมนษุ ยจ์ ังหวดั อบุ ลราชธานี, 2564) มิติที่ ๑ ด้านที่อยู่อาศัย สถานการณ์ความมั่นคงของมนุษย์มิติที่อยู่อาศัยมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยความหนาแน่นของประชากรต่อพืน้ ที่ 1 ตารางกโิ ลเมตร ในปี 2562 เพม่ิ ข้ึนจากปี 2561 เท่ากับ 0.31 อัตราการถือครองท่ีอยู่อาศัยมีทิศทางลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 0.66 และร้อยละของที่อยู่อาศัยมีสภาพคงทนถาวร เพ่ิมข้ึนจากปี 2561 เท่ากับ 0.11 ชุมชนผู้มรี ายได้น้อย จำนวน 12 แห่ง จำนวนครัวเรือนมีความมั่นคงใน ทอี่ ยู่อาศยั และบ้านมีสภาพคงทนถาวร ๓๗๘,๑๐๒ ครัวเรอื น แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 12
มิติท่ี ๒ ด้านสุขภาพ สถานการณ์ความมัน่ คงของมนุษย์มิติสขุ ภาพมีการเปลี่ยนแปลง กลา่ วคือ อัตรา เตียงต่อประชากรหนึ่งแสนคน ในปี 2562 เพม่ิ ขน้ึ จากปี 2561 เท่ากับ 3.37 อัตราบคุ ลากรทางการแพทย์ ต่อประชากรหน่งึ แสนคน ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เทา่ กับ 6.09 อตั ราผู้ป่วยทางสุขภาพจิตต่อประชากร หนึ่งแสนคน ลดลงจากปี 2561 เทา่ กับ 285.04 อัตราการเจ็บป่วยด้วยโรคสำคัญ 5 โรคต่อประชากรหน่ึง แสนคน เพ่ิมข้ึนจากปี 2561 เท่ากับ 745.26 และอัตราการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยต่อประชากรหนึ่งแสน คน ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 643.65 จำนวนผู้ป่วยทุกประเภทที่เข้ารับการรักษาในรอบปี 2562 รวม ท้ังสิ้น 2,750,305 คน จำนวนประชากรท่ีเจ็บป่วยทางสุขภาพจิต รวมทั้งส้ิน 35,829 คน จำนวนประชากร ที่เจ็บป่วยด้วย 5 โรคไม่ติดต่อสำคัญ ปี 2562 รวมทั้งสิ้น 272,387 คน คิดเป็นร้อยละ 9.90 ของผู้ป่วย ทเ่ี ขา้ รับการรักษาในรอบปี 2562 ท้ังหมด ได้แก่ โรคเบาหวาน 92,996 คน โรคความดนั โลหติ สูง 156,094 คน โรคหัวใจขาดเลือด 7,001 คน โรคหลอดเลือดสมอง 10,348 คน และโรคมะเรง็ 5,948 คน มิติท่ี ๓ ด้านอาหาร อัตราของผู้ป่วยอาหารเป็นพิษต่อประชากรหน่ึงแสนคน ในปี 2562 เพ่ิมขึ้น จากปี 2561 เท่ากับ 75.20 ร้อยละของร้านอาหารและแผงลอยที่ได้ CFGT (Clean Food Good Taste) เท่ากับ 85.45 และรอ้ ยละของตลาดสดนา่ ซอื้ เท่ากับ 100.00 จำนวนร้านอาหารและแผงลอยทไ่ี ดผ้ า่ นมาตรฐาน/ ผา่ นการรับรอง CFGT (Clean Food Good Taste) ๓,351 แห่ง มติ ิที่ ๔ ด้านการศึกษา อัตรานักเรียนต่อห้องเรียน ในปี 2562 เพ่ิมข้ึนจากปี 2561 เท่ากับ 0.90 อัตรานักเรียนต่อครู ลดลงจากปี 2561 เท่ากบั 2.47 อัตราการมีคอมพิวเตอร์ต่อครัวเรือน ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 3.72 มิติท่ี ๕ ด้านการมีงานทำและรายได้ อัตราการมีงานทำ ในปี 2562 เพ่ิมข้ึนจากปี 2561 เท่ากับ 1.12 อัตราการว่างงาน ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 0.76 รายไดเ้ ฉลี่ยต่อครัวเรอื น ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ5,983.10 บาท/เดือน ค่าใช้จ่ายเฉล่ียต่อครัวเรือน ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 2,549.66 บาท/เดือน และจำนวนหนี้สินเฉล่ียต่อครวั เรือน ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 56,269.11 บาท จำนวนผู้ประกันตน ทั้งส้ิน 134,295 คน โดยแบ่งเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (บังคับ) ได้แก่ ลูกจ้าง ผู้ซ่ึงทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้าง 75,407 คน ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (สมัครใจ) ได้แก่ ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ 15,119 คน และผู้ประกันตนตามมาตรา 40 (สมัครใจ) ได้แก่ ผู้ประกันตนนอกระบบ 43,769 คน มิตทิ ่ี ๖ ด้านครอบครัว อัตราการจดทะเบียนหย่าตอ่ 1,000 ครวั เรือน ในปี 2562 เพม่ิ ขึ้นจากปี 2561 เท่ากับ 0.49 ความเข้มแข็งของครอบครัว ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 3.66 และความรุนแรง ในครอบครัวตอ่ 1,000 ครวั เรือน ในปี 2562 เท่ากบั ปี 2561 คอื 0.06 ครัวเรือนท่ีมกี ารจดทะเบียนหย่า 2,738 ครัวเรอื น ครอบครวั ทผี่ ่านเกณฑ์มาตรฐานครอบครวั เขม้ แขง็ 745 ครอบครวั และครอบครัวที่มกี าร กระทำความรุนแรงต่อกัน (ด้านรา่ งกาย จติ ใจ และเพศ) 37 ครอบครัว มิติท่ี ๗ ด้านชุมชนและการสนับสนุนทางสังคม อัตราผู้ทำประกันชีวิตต่อประชากรในปี 2562 เพ่ิมขึ้น จากปี 2561 เท่ากับ 0.55 อัตราผู้ทำประกันสังคมต่อกำลังแรงงานรวม ในปี 2562 เพิ่มขึ้นจากปี 2561 เท่ากับ 1.34 อัตราการฆ่าตัวตาย และทำร้ายตนเองต่อประชากรหน่ึงแสนคน ในปี 2562 เพ่ิมข้ึนจากปี 2561 เท่ากับ 13.13 และอัตราผู้ถือกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลต่อประชากร ในปี 2562 เท่ากับปี 2561 คือ 0.73 สถติ กิ ารฆา่ ตวั ตายทำรา้ ยตนเองของประชากรในชุมชน 89 คน ชมุ ชนหรือตำบลต้นแบบด้านเศรษฐกจิ และสังคมในพ้ืนท่ีจังหวัด 566 แห่ง จำนวนอาสาสมัครหรือจิตอาสา จังหวดั 204,327 คน องคก์ รเครอื ข่าย จำนวน 3,898 แห่ง ประกอบด้วย องค์กรสาธารณประโยชน์ ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม 109 องค์กร องค์กรสวัสดิการชุมชน ตาม พ.ร.บ. แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อบุ ลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 13
ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม พ.ศ. 2546 86 องค์กร องค์กรชุมชน ตาม พ.ร.บ. สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551 จำนวน 221 แห่ง องค์กรภาครัฐ/เอกชน ด้านเด็ก 26 แห่ง องค์กรภาครัฐ/เอกชน ด้านสตรี 26 แห่ง องค์กร ภาครัฐ/เอกชน ด้านผู้สูงอายุ 2,921 แห่ง องค์กรภาครัฐ/เอกชน ด้านคนพิการ 68 แห่ง ศูนย์พัฒนาครอบครัว ในชมุ ชน (ศพค.) 177 แหง่ และสภาเดก็ และเยาวชน (ระดบั จงั หวัด อำเภอ และตำบล) 264 แห่ง มิติท่ี ๘ ด้านศาสนาและวัฒนธรรม จำนวนศาสนสถานทุกประเภทต่อประชากรหน่ึงแสนคน ในปี 2562 เพ่ิมขึ้นจากปี 2561 เท่ากับ 1.72 และคนอายุ 6 ปี ข้ึนไปทุกคน ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ในปี 2562 เพ่ิมขึ้นจากปี 2561 เท่ากับ 0.08 ศาสนสถานของจังหวัด จำนวน 2,119 แห่ง จำแนก เป็นวัด 1,801 แห่ง สำนักสงฆ์ 266 แห่ง โบสถ์คริสต์ 49 แห่ง มัสยิด 2 แห่ง และศูนย์รวมซิกข์ 1 แห่ง กิจกรรมการรักษาสืบสานวัฒนธรรม จำนวน 357 เร่ือง การเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 308 เร่อื ง และการสบื สานศลิ ปวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ 49 เร่อื ง มติ ิท่ี ๙ ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จำนวนฐานความผิดคดอี าญา 4 กลุ่มต่อประชากร หน่ึงแสนคน ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 4.33 และอัตราการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุต่อประชากร หน่ึงแสนคน ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 0.565 ประชากรที่กระทำความผิดในคดีอาญา 6,234 คน ประชากรเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ 226 คน และจำนวนประชากรที่กระทำความผิดในคดีอาญา ๖,๒๖๓ คน เปน็ เพศชาย ๕,๖๘๘ คน และเพศหญงิ ๕๗๕ คน มติ ิที่ ๑0 ด้านสิทธแิ ละความเป็นธรรม จำนวนคดีในศาลปกครองต่อประชากรหน่งึ แสนคน ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 2.21 จำนวนเร่ืองร้องเรียนผ่านศูนย์บริการประชาชนต่อประชากรหนึ่งแสนคน ในปี 2562 เพิ่มขึ้นจากปี 2561 เท่ากับ 4.5 และร้อยละของเรื่องท่ีได้ข้อยุติตามข้อร้องเรยี นผ่านศูนย์บริการประชาชน ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 7.97 จำนวนเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมผา่ นศูนยด์ ำรงธรรมจงั หวัด 171 เร่อื ง และจำนวนเร่ืองร้องเรียนผ่านศูนยบ์ ริการประชาชนของสำนกั นายกรัฐมนตรี 231 เรื่อง มิติท่ี ๑๑ ด้านการเมือง อัตราการมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบ บัญชีรายชือ่ ในปี 2562 ลดลงจากปี 2554 (การเลอื กต้งั คร้งั กอ่ นหนา้ ) เท่ากับ 1.85 มิติที่ ๑๒ ด้านส่ิงแวดล้อม ทรัพยากร/พลังงาน ปริมาณขยะต่อวัน 1,800 ตัน อัตราปริมาณขยะมูลฝอย (ตันต่อวัน) ต่อ 1,000 ครัวเรือน ในปี 2562 เพ่ิมข้ึนจากปี 2561 เท่ากับ 0.65 ร้อยละของพ้ืนที่ป่าต่อพื้นที่ จงั หวัด ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 0.19 ปริมาณการใช้ไฟฟ้า 509,846 ครัวเรือน อัตราการ ผลิตติดต้ังไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนต่อ 1,000 ครัวเรือน ในปี 2562 เท่ากับปี 2561 คือ 0.48 อัตรา ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงต่อ 1,000 ครัวเรือน ในปี 2562 ลดลงจากปี 2561 เท่ากับ 61.63 ปริมาณผู้ใช้น้ำประปา 79,821 ราย และการร้องเรียนเรอ่ื งปัญหามลพิษ 6 เร่ือง อัตราปัญหามลพิษทีไ่ ด้รับ การร้องเรยี นต่อประชากรหนง่ึ แสนคน ในปี 2562 เพ่ิมขน้ึ จากปี 2561 เท่ากับ 0.32 สถานการณ์ทางสังคมเชิงประเด็น งานด้านพฒั นาสงั คม จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับความร่วมมือจากปราชญ์ชาวบ้านหรือบุคคลในท้องถิ่นในการสร้างสรรค์ ผลงานสู่สังคม สร้างชื่อเสียงเกียรติคุณให้จังหวัดและคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ ท้ังพระภิกษุ นักปกครอง นกั การเมือง นักสังคมสงเคราะห์ นกั สาธารณสุข นางแบบ นักร้อง นักดนตรี ดารา นักแสดง นักการเกษตร นักกีฬา วัฒนธรรมและวิถีชีวิตท่ีเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด ได้แก่ การจักสานไม้ไผ่ การทอผ้า หมอลำ การทำบายศรี รวมถงึ กองทนุ สวสั ดิการชมุ ชน จำนวน 151 กองทุน ซงึ่ ได้รับการผลักดนั และสนบั สนนุ ใหม้ คี วามเข้มแขง็ แผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 14
งานดา้ นการสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม การดำเนินงานเพ่ือให้กลุ่มคนเปราะบางหรือกลุ่มผู้ได้รบั ผลกระทบทางสังคม ได้รับการช่วยเหลือดูแล และเข้าถึงสิทธิบริการพื้นฐานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนการดำเนินงานด้านสังคมสงเคราะห์ และสวัสดิการสังคมของจังหวัด พบว่า การดำเนินงานท่ีมีสัดส่วนมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ (1) การสงเคราะห์ (เงิน สิ่งของ วัสดุ อุปกรณ์ และบริการ) มีสัดส่วนมากท่ีสุด จำนวน 6,140 ราย คิดเป็นร้อยละ 69.28 (2) การสัมภาษณ์ จำนวน 1,700 ราย คิดเป็นร้อยละ 19.18 และ (3) การเย่ียมบ้าน จำนวน 530 ราย คิดเป็นร้อยละ 5.98 เมื่อเปรียบเทียบกับงานในลักษณะการคุ้มครองสวัสดิภาพ การประเมินปัญหา และ การส่งต่อบริการแล้วนับว่าแตกต่างกันมาก เนื่องจากมีผู้รับบริการท่ีต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ และการ ประสานส่งตอ่ น้อย สถานการณ์ทางสงั คมที่นา่ หว่ งใย จากการสำรวจและจัดเก็บข้อมูลสถานการณ์ทางสังคม โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 142 แห่ง พบวา่ ปญั หาที่น่าห่วงใย 3 อนั ดบั แรก ได้แก่ ปัญหายาเสพตดิ ปญั หาหนส้ี ิน และปัญหาสขุ ภาพอนามัย สถานการณ์ทางสังคมเชงิ กลมุ่ เป้าหมาย รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัด พบประเด็นปัญหาและสถานการณ์ท่ีสำคัญ ดังนี้ (สำนักงาน พัฒนาสังคมและความมน่ั คงของมนษุ ย์จังหวดั อุบลราชธานี, 2563) ประชากร มปี ระชากร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 จำนวน 1,878,146 คน เพศชาย 939,054 คน และหญิง 939,029 คน มีครัวเรือน 605,004 ครัวเรือน โดยภาพรวมของสถานการณ์ประชากรมีจำนวนเพ่ิมขึ้น อยา่ งตอ่ เนอื่ ง เด็กและเยาวชน มีเด็กและเยาวชน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 จำนวน 626,433 คน เพศชาย 320,232 คน และหญิง 306,201 คน คิดเป็นร้อยละ 33.35 ของประชากรทั้งหมดในจังหวัด โดยมีประเด็น ที่น่าสนใจ ดงั น้ี - ด้านพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสม จำนวน 15,841 ราย พฤติกรรมท่ีพบมากท่ีสุด คือ การสูบบุหรี่ และติดยาเสพตดิ จำนวน 5,848 ราย - คดีอาชญากรรมทม่ี ีเด็กและเยาวชนเป็นผูก้ ระทำและถูกกระทำ จำนวน 4,905 ราย - การต้ังครรภ์ของมารดาที่อายุ 15 - 19 ปี จำนวน 344 ราย เม่ือเปรียบเทียบกับปี 2561 พบวา่ มีการตงั้ ครรภ์ของมารดาท่ีอายุ 15 - 19 ปี ลดลง ผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปี ข้ึนไป) มีผู้สูงอายุ จำนวน 288,746 คน คิดเป็นร้อยละ 15.37 ของประชากร ทั้งหมดในจังหวัด โดยจังหวัดได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ซึ่งมีประเด็นน่าสนใจ ได้แก่ ผู้สูงอายุที่ได้รับเบ้ียยังชีพ จำนวน 255,499 ราย คิดเป็นร้อยละ 88.49 ของจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมดในจังหวัด ผู้สูงอายุท่ีเป็นผู้ป่วยโรค เรอ้ื รงั ตดิ บา้ น/ตดิ เตยี ง จำนวน 5,216 ราย คดิ เป็นรอ้ ยละ 1.81 ของจำนวนผสู้ ูงอายุทัง้ หมดในจังหวดั คนพิการ มีคนพิการท่ีจดทะเบียนมีบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน 66,211 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 3.53 ของประชากรท้งั หมดในจงั หวัด โดยมีสัดส่วนคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรอื ทางร่างกายมากทีส่ ุด คิดเป็นรอ้ ยละ 43.09 ของคนพกิ ารทจี่ ดทะเบยี นมบี ัตรประจำตัวคนพกิ ารทั้งหมดในจังหวดั (ขอ้ มลู ณ วันท่ี 9 กนั ยายน 2563) คนไร้ที่พึ่ง/ผทู้ ำการขอทาน มีคนไร้ท่ีพึ่ง/ผู้ทำการขอทาน 179 ราย คิดเป็นรอ้ ยละ 0.009 ของประชากร ทง้ั หมดในจังหวัด ผปู้ ระสบปัญหาทางสังคม/ผู้ได้รับสิทธิ์บัตรสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐ มผี ู้ประสบปัญหาทางสังคม จำนวน 4,791 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.26 ของประชากรทั้งหมดในจังหวัด และมีผู้ได้รับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 545,276 คน คดิ เป็นร้อยละ 29.03 ของประชากรทงั้ หมดในจังหวัด แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 15
สถานการณ์ดา้ นแรงงาน การสำรวจภาวการณ์การทำงานของประชากรจังหวัด ในปี 2563 มีประชากร จำนวน 1,878,146 คน เพศชาย 939,054 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 50 เพศหญงิ 939,092 คน คดิ เป็นร้อยละ 50 ประชากรอายุ 15 ปี ขนึ้ ไป จำนวน 1,362,178 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย จำนวน 660,065 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 48.46 และเพศหญิง จำนวน 702,113 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 51.54 การมีงานทำ (สำนักงานจดั หางานจงั หวดั อุบลราชธานี, 2563) ผมู้ ีงานทำ ผูม้ งี านทำ ปี 2563 มีจำนวน 898, 48 คน พบว่า 1) จำนวนผู้ทำงานในภาคเกษตรกรรม 564,135 คน คิดเป็นร้อยละ 62.82 ของผู้มีงานทำทั้งหมด เพิ่มข้ึนจากปีท่ีผ่านมา ร้อยละ 1.67 2) ผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรม จำนวน 324,913 คน คิดเป็นร้อยละ 36.18 ของผู้มีงานทำท้ังหมด ลดลงจากปีท่ีแล้ว ร้อยละ 5.31 ซึ่งกลุ่ม ผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) สาขาการขายส่งการขายปลีก จำนวน 96,451 คน คิดเป็นร้อยละ 29.69 ของผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรม 2) สาขาการก่อสร้าง จำนวน 45,597 คน คิดเป็น ร้อยละ 14.03 ของผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรม 3) สาขาการผลิต จำนวน 43,199 คน คดิ เป็นร้อยละ 13.30 ของผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรม 4) สาขาการบรหิ ารและการป้องกนั ประเทศ จำนวน 33,076 คน คิดเป็นร้อยละ 1 .18 ของผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรม 5) สาขากิจกรรมโรงแรมและอาหาร จำนวน 37,261 คน คิดเป็นร้อยละ 8.39 ของผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรม การวา่ งงาน ผู้ว่างงานในปี 2563 มจี ำนวน 2,375 คน ร้อยละ 0.27 ของผูท้ ่อี ยู่ในกำลงั แรงงาน เทียบกบั ปที ี่ผา่ นมา พบว่ามีอัตราลดลง คดิ เปน็ ร้อยละ 10 (ปี 2562 มีอตั ราการว่างงาน รอ้ ยละ 0.3) แบ่งเป็นเพศชาย จำนวน 362 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 15.24 และเป็นเพศหญิง จำนวน 2,013 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 84.76 ของผ้วู า่ งงานท้งั หมด แรงงานตา่ งด้าว จำนวนแรงงานตา่ งดา้ วท่ีได้รับอนุญาตทำงาน ณ เดือนมกราคม 2564 แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองถกู กฎหมาย ซ่ึงได้รับใบอนุญาตทำงานถูกต้อง ซ่ึงเป็นสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา รวมจำนวน 2,311 คน ดังนี้ 1) แรงงานตา่ งด้าวนำเข้าระหว่างไทยกับคู่ภาคี (MOU) ท้ังหมด 977 คน โดยแยกเป็นสัญชาติพม่า จำนวน 389 คน สัญชาตลิ าว จำนวน 533 คน และสัญชาตกิ ัมพชู า จำนวน 55 คน 2) มตคิ ณะรฐั มนตรี จำนวน 918 คน แยกเป็น สัญชาติพม่า จำนวน 123 คน สัญชาติลาว จำนวน 71 คน และสัญชาติกัมพูชา จำนวน 85 คน 3) บุคคล ไม่มีสถานะทางทะเบียน 15 คน 4) คนตา่ งดา้ วทัว่ ไป 31 คน และ 5) คนตา่ งดา้ ว BOI 1 คน การศึกษาแนวโนม้ ความตอ้ งการจ้างงาน พ.ศ. 2563 - 2568 ภาพท่ี 3 แนวโน้มความตอ้ งการจา้ งงานจังหวดั อบุ ลราชธานี พ.ศ. 2563 – 2568 (สำนกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา, 2562) แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวัดอุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 16
ขอ้ มูลพืน้ ฐานด้านการศกึ ษา จงั หวัดอุบลราชธานี มหี น่วยงานทางการศึกษาท่รี ับผดิ ชอบการจัดการศึกษา โดยภาพรวมทั้งในสงั กัด กระทรวงศกึ ษาธิการ และสงั กัดกระทรวงอื่น ๆ ดังนี้ หนว่ ยงานทางการศกึ ษา สังกัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร สำนกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จังหวัดอุบลราชธานี เป็นศูนย์ ท่ีจดั การศกึ ษานอกโรงเรียนแห่งแรกของประเทศไทย มสี ถานศึกษาในสังกัด 25 แห่ง ครอบคลุมทกุ อำเภอในจงั หวัด ดำเนินการจัดการศึกษาให้กับประชาชนในรูปแบบการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน การจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนา ทักษะชีวิต การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ การจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคม ชุมชน และการจัดการศึกษา ตามอธั ยาศัย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) การศึกษาเอกชนเป็นระบบการศึกษาที่มีส่วนร่วม ในการพัฒนาคุณภาพ สร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้เรียนในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพมาตรฐาน สร้างคุณภาพท่ีแตกต่างตามความต้องการของผู้เรียน ทั้งในส่วนของการศึกษาในระบบ ประเภทสามัญศึกษา (ระดบั การศึกษาข้ันพื้นฐาน) นอกจากนี้ ยังมีการจัดการศกึ ษาในประเภทโรงเรียนนานาชาตทิ ี่มมี าตรฐานเทยี บเท่า หลักสูตรในต่างประเทศ และโรงเรียนเอกชนนอกระบบที่ช่วยสร้างโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ในด้านวิชาการ ทักษะชวี ติ และทกั ษะอาชีพ สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินการจัดการศึกษาและพัฒนาการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน ซึ่งได้กำหนดแบ่งเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัด จำนวน 6 เขต ระดับประถมศึกษา ๕ เขต และระดับ มธั ยมศึกษา ๑ เขต ประกอบด้วย ๑) สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต ๑ รบั ผิดชอบการศกึ ษาเขตพืน้ ท่ี ๕ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมอื งอุบลราชธานี อำเภอเข่ืองใน อำเภอม่วงสามสิบ อำเภอดอนมดแดง และอำเภอเหล่าเสือโก้ก ๒) สำนักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาอุบลราชธานี เขต ๒ รับผิดชอบการศึกษาเขตพ้นื ท่ี ๕ อำเภอ ได้แก่ อำเภอตระการพชื ผล อำเภอกุดข้าวปุน้ อำเภอเขมราฐ อำเภอโพธิ์ไทร และอำเภอนาตาล ๓) สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาอุบลราชธานี เขต ๓ รับผิดชอบการศึกษา เขตพื้นท่ี ๕ อำเภอ ได้แก่ อำเภอพิบลู มังสาหาร อำเภอโขงเจยี ม อำเภอศรีเมอื งใหม่ อำเภอสิรินธร และอำเภอตาลสุม ๔) สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต ๔ รบั ผิดชอบการศึกษา เขตพื้นท่ี ๔ อำเภอ ได้แก่ อำเภอวารินชำราบ อำเภอสำโรง อำเภอสวา่ งวีระวงศ์ และอำเภอนาเยีย ๕) สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต ๕ รบั ผิดชอบการศึกษา เขตพื้นท่ี ๖ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเดชอดุ ม อำเภอบณุ ฑรกิ อำเภอนาจะหลวย อำเภอน้ำยืน อำเภอทงุ่ ศรอี ดุ ม และอำเภอน้ำขนุ่ ๖) สำนักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษาอบุ ลราชธานี อำนาจเจริญ รับผิดชอบการศกึ ษาเขตพน้ื ท่ี ๒ จังหวัด คือ จังหวัดอุบลราชธานี มีสถานศึกษา จำนวน ๕๙ แห่ง และจังหวัดอำนาจเจริญ มีสถานศึกษา จำนวน ๒๒ แหง่ รวมทง้ั สน้ิ ๘๑ แห่ง สำนกั บรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ สถานศึกษาที่จัดการศึกษาพิเศษเพ่ือเด็กพิการและผ้ดู ้อยโอกาส ที่อยู่ในความดูแลของสำนักบริหารงาน การศกึ ษาพเิ ศษ สังกดั สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน มดี ังนี้ 1) ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 10 จังหวัดอุบลราชธานี เป็นสถานศึกษาท่ีจัดการศึกษา นอกระบบหรอื ตามอัธยาศัยแกค่ นพิการ ต้ังแต่แรกเกิดหรือแรกพบความพิการจนตลอดชีวติ และจดั การศกึ ษา แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อบุ ลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 17
อบรมแก่ผู้ดูแลคนพิการ ครู บุคลากรและชุมชน รวมทั้งการจัดสื่อ เทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวกบริการ และความช่วยเหลืออ่ืนใด เพ่ือพัฒนาสมรรถภาพเด็กพิการ มีหน่วยบริการทางการศึกษาใน 25 อำเภอ จำแนกเป็น นักเรียนท่ีมีความบกพรอ่ งทางการเห็น นักเรียนที่มคี วามบกพร่องทางการได้ยิน นกั เรียนท่ีมคี วามบกพร่องทาง สติปัญญา นักเรียนที่มีความบกพรอ่ งทางรา่ งกายหรือสุขภาพ นกั เรียนท่ีมีความบกพร่องทางการพูดและภาษา นกั เรียนทมี่ ีความบกพรอ่ งทางพฤติกรรมหรอื อารมณ์ บุคคลออทสิ ติก และบคุ คลพิการซอ้ น 2) โรงเรียนอุบลปัญญานุกูล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นสถานศึกษาเฉพาะความพิการ ประเภทบกพร่อง ทางสติปัญญา นกั เรียนทม่ี ีความบกพร่องทางสตปิ ัญญา และออทสิ ตกิ 3) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 32 จังหวัดอุบลราชธานี เป็นโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ แบบสหศึกษา ประเภทอยปู่ ระจำ สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีบทบาทภารกิจในการพัฒนาอาชีวศึกษา การสร้างศักยภาพ กำลังคนอาชีวศึกษา ผลิตกำลังคนด้านวิชาชีพท้ังในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ระดับประกาศนียบัตร วิชาชพี ชัน้ สูง (ปวส.) และระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยี ซ่งึ มีสถานศึกษาจัดการศกึ ษาโดยภาครัฐ และภาคเอกชน หนว่ ยงานทางการศึกษา สงั กัดกระทรวงอืน่ ๆ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม 1) โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี สถานศึกษาท่ีจัดการศึกษาในระดับช้ันอนุบาล ช้ันประถมศกึ ษา และช้ันมธั ยมศึกษาตอนต้น 2) สถาบันอดุ มศึกษา สถานศึกษาของรัฐและสถานศึกษาของเอกชนที่จดั การศึกษาระดับอดุ มศึกษา กระทรวงมหาดไทย การจัดการศึกษาของท้องถิ่น เป็นการดำเนินการตามแนวคิดการกระจายอำนาจในการจัดการพัฒนาชาติ ไปยังท้องถิ่น โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนทองถ่ินจัดการศึกษาอบรมและการฝึกอาชีพ ตามความเหมาะสม และความต้องการภายในทอ้ งถน่ิ และเขาไปมสี ่วนร่วมในการจดั การศกึ ษาอบรมของรัฐ 1) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เป็นการจัดการศึกษาปฐมวัย ส่งเสริมพัฒนาการและเตรียมความพรอมทาง รา่ งกาย อารมณ์ สงั คม สตปิ ัญญา และลกั ษณะนสิ ยั ใหแกเ่ ด็กปฐมวยั อย่างถูกตองตามหลักวิชาการ เตม็ ตามศักยภาพ และมคี วามพรอมทจี่ ะเขารับการศึกษาในระดับการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน 2) โรงเรียนสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน เป็นการจัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวัด เทศบาลนคร เทศบาลเมอื ง และองคก์ ารบริหารส่วนตำบล กระทรวงท่องเท่ยี วและกีฬา โรงเรียนกีฬาจังหวัด ดำเนินการจัดการเรียนการสอนวิชาสามัญ และฝึกสอนกีฬาแก่ผู้เรียนท่ีมีความ สามารถพเิ ศษทางการกีฬา ในลักษณะอยู่ประจำ สังกัดมหาวิทยาลยั การกีฬาแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข สถาบันพระบรมราชชนก เป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ในสังกัดกระทรวง สาธารณสุข มีวิทยาลัยในพ้ืนท่ีจังหวัด จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ และวทิ ยาลัยการสาธารณสขุ สิรินธร จงั หวดั อบุ ลราชธานี สำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ โรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ดำเนินการการจัดการศึกษาท่ีผสมผสานหลักสูตรแผนกธรรม แผนกบาลี และหลักสูตรสามัญศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการเข้าด้วยกัน เพ่ือให้การศึกษาแก่ภิกษุสามเณร โดยจัดต้ังขน้ึ ในวดั หรือที่ธรณสี งฆ์หรอื ท่ดี นิ ของมลู นิธิทางพระพุทธศาสนา แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 18
สำนกั งานตำรวจแห่งชาติ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เป็นโรงเรียนในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มีท่ีตั้ง กระจายอยู่ตามแนวชายแดน พนื้ ทที่ ุรกันดาร ห่างไกลการคมนาคมท่ัวทุกภาคของประเทศ จัดการศึกษาระดับ อนุบาลถึงช้ันประถมศึกษา นักเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวเกษตรกร มีหลากหลายเชื้อชาติ ครูเป็นตำรวจ ตระเวนชายแดน ไม่ได้มีความรู้วิชาครูมาก่อน จึงจำเป็นต้องเพ่ิมพูนความรู้และทักษะทางการสอน การศึกษา ระยะยาวเพ่ือเพิ่มคุณวุฒิทางการศึกษา และการฝึกอบรมระยะสั้นด้านเทคนิควิธีการจัดการเรียนการสอน ในสาขาวิชาต่างๆ อยา่ งต่อเนื่อง ตารางท่ี 7 แสดงจำนวนสถานศึกษา ผเู้ รยี น และครู/ผูส้ อน การศึกษาในระบบ ปีการศึกษา ๒๕๖3 หน่วยงาน จำนวน สถานศึกษา ผเู้ รยี น ครู/ผูส้ อน (แห่ง) (คน) (คน) ๑. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 1,258 320,060 21,139 สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน 1,122 212,835 14,979 - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต ๑ 238 33,398 2,171 - สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต ๒ 217 27,961 1,821 - สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต ๓ 209 34,328 2,305 - สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต ๔ 142 17,204 1,117 - สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต ๕ ๒๕๔ 44,293 3,571 - สำนักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษาอบุ ลราชธานี อำนาจเจรญิ ๕๙ 53,797 3,667 - สำนกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ ๓ 1,854 327 - ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 10 อุบลราชธานี 1 774 126 - โรงเรียนอุบลปัญญานุกูล 1 511 129 - โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 32 1 569 72 สำนักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร 110 72,493 2,543 - สำนกั งานคณะกรรมการส่งเสรมิ การศึกษาเอกชน ๘5 40,882 2,041 - สำนกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย ๒๕ 31,611 502 สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา 26 34,732 3,617 - จัดการศึกษาโดยภาครฐั บาล 9 20,492 794 - จัดการศกึ ษาโดยภาคเอกชน 17 14,240 2,823 ๒. กระทรวงการอุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรม 5 30,768 2,535 - โรงเรียนสาธติ มหาวทิ ยาลัย ๑ 435 37 - สถาบนั อุดมศึกษา ๔ 30,333 2,498 แผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 19
ตารางท่ี 8 แสดงจำนวนสถานศึกษา ผเู้ รียน และครู/ผู้สอน การศึกษาในระบบ ปีการศึกษา ๒๕๖3 (ต่อ) หนว่ ยงาน จำนวน ๓. กระทรวงมหาดไทย สถานศกึ ษา ผู้เรยี น ครู/ผ้สู อน - องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด (แห่ง) (คน) (คน) - เทศบาลนคร/เทศบาลเมอื ง - เทศบาลตำบลศนู ยพ์ ัฒนาเด็กเล็ก 910 46,793 2,750 ๔. กระทรวงท่องเทย่ี วและกีฬา 12 8,143 512 โรงเรยี นกฬี าจังหวัด 11 8,325 596 5. กระทรวงสาธารณสุข สถาบนั พระบรมราชชนก - วทิ ยาลัยพยาบาล บรมราชชนนี สรรพสทิ ธปิ ระสงค์ 887 30,325 1,642 - วทิ ยาลัยการสาธารณสขุ สิรินธร 1 332 50 6. สำนักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ โรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามญั ศึกษา 1 332 50 7. สำนกั งานตำรวจแหง่ ชาติ 2 1,242 212 โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 1 685 132 รวมท้ังสนิ้ 1 557 80 ๒๖ 2,324 236 ๒๖ 2,324 236 ๑๐ ๗๘๕ ๗7 ๑๐ ๗๘๕ ๗7 2,212 402,304 26,999 (สำนักงานศึกษาธิการจงั หวัดอบุ ลราชธานี, 2563) แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อบุ ลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 20
ตารางท่ี 9 แสดงจำนวนผูเ้ รียนในจงั หวดั อุบลราชธานี ปกี ารศกึ ษา 2563 จำแนกตามระดบั การศกึ ษา สงั กดั จำนวนผู้เรยี น (คน) ปฐม ัวย ประถมศึกษา ัมธยมศึกษา ตอนต้น ัมธยมศึกษา ตอนปลาย ปวช. ปวส. ุอดม ึศกษา รวม ๑. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 39,555 113,626 77,808 51,900 24,383 11,379 - 318,651 สำนักงานคณะกรรมการ 30,220 107,730 58,685 31,511 - - - 228,146 การศึกษาข้นั พื้นฐาน - สพป.อบุ ลราชธานี เขต ๑ ๕,๘๔๕ ๒๓,๙๐๔ ๓,๔๓๔ ๑๖๓ - - - 33,346 - สพป.อบุ ลราชธานี เขต ๒ 5,598 19,106 3,364 - - - 28,068 - สพป.อบุ ลราชธานี เขต ๓ 6,645 23,331 4,352 - - - 34,328 - สพป.อบุ ลราชธานี เขต ๔ 3,617 11,257 2,330 - - - 17,204 - สพป.อบุ ลราชธานี เขต ๕ ๗,๗๒๐ ๒๙,๘๕๓ ๖,๖๓๒ ๑๑๒ - - - 44,317 - สพม.อุบลราชธานีฯ ๓๗,๘๘๒ ๓๑,๐๙๑ - - - 68,973 - สำนกั บริหารงาน 795 279 691 145 - - - 1,910 การศึกษาพิเศษ - ศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษ 774 - - - 774 เขต 10 - โรงเรยี น 21 184 146 65 - - - 416 อบุ ลปญั ญานกุ ลู - โรงเรียน 95 545 80 - - - 720 ราชประชานุเคราะห์ 32 สำนักงานปลัดกระทรวง 9,335 5,896 19,123 20,389 972 - - 55,715 ศกึ ษาธิการ - สำนกั งานคณะกรรมการ 9,335 3,305 7,240 3,252 - - - 23,132 สง่ เสรมิ การศึกษาเอกชน - สำนกั งานสง่ เสริม 2,591 11,883 17,137 972 - - 32,583 การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานคณะกรรมการ - - - - 23,411 11,379 - 34,790 การอาชีวศกึ ษา ๒. กระทรวงการอดุ มศึกษา 142 224 69 - - - 29,685 30,120 วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม - โรงเรยี นสาธติ มหาวทิ ยาลยั 142 224 69 - - - - 435 - สถาบันอุดมศึกษา - - - - - - 29,685 29,685 แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อบุ ลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 21
ตารางท่ี 10 แสดงจำนวนผ้เู รยี นในจงั หวดั อบุ ลราชธานี ปกี ารศกึ ษา 2563 จำแนกตามระดับการศึกษา (ตอ่ ) สังกดั จำนวนผูเ้ รยี น (คน) ปฐม ัวย ประถมศึกษา ัมธยมศึกษา ตอนต้น ัมธยมศึกษา ตอนปลาย ปวช. ปวส. ุอดม ึศกษา รวม ๓. กระทรวงมหาดไทย 2,985 4,966 6,671 4,372 - - - 18,994 กรมส่งเสรมิ การปกครอง 2,985 4,966 6,671 4,372 - - - 18,994 ส่วนทอ้ งถ่นิ ๔. กระทรวงการท่องเที่ยว - - ๑๖๙ 170 - - - 339 และกีฬา โรงเรยี นกฬี าจังหวดั - - ๑๖๙ 170 - - - 339 5. กระทรวงสาธารณสขุ - - - - - - 1,120 1,120 สถาบนั พระบรมราชชนก - - - - - - 1,120 1,120 6. สำนักงาน - - 1,502 822 - - - ๒,๓๒๔ พระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ โรงเรียนพระปริยตั ิธรรม - - 1,502 822 - - - ๒,๓๒๔ 7. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 140 645 - - - - - ๗๘๕ โรงเรยี นตำรวจตระเวนชายแดน 140 645 - - - - - ๗๘๕ รวมทง้ั สนิ้ 42,822 119,461 86,219 57,264 24,383 11,379 30,805 342,648 (สำนักงานศึกษาธิการจงั หวดั อุบลราชธานี, 2563) แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวัดอุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 22
ตารางที่ 11 แสดงจำนวนผเู้ รียนในจังหวดั อบุ ลราชธานี จำแนกตามปกี ารศกึ ษา 2561 - 2563 รายสังกดั สังกัด จำนวนผู้เรียน (คน) 2561 2562 2563 ๑. กระทรวงศึกษาธิการ 338,258 306,062 301,279 สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน 220,575 198,166 194,054 - สำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต ๑ ๓๔,๓๖๖ ๓๓,๗๓๔ ๓๓,๓๔๖ - สำนกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต ๒ ๒๘,๙๖๓ ๒๘,๓๐๙ ๒๘,๙๖๑ - สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต ๓ ๓๕,๒๓๐ ๓๔,๗๔๓ ๓๔,๓๒๘ - สำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาอุบลราชธานี เขต ๔ ๑๘,๐๙๕ ๑๗,๕๕๗ ๑๗,๒๐๔ - สำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต ๕ ๔๕,๘๙๐ ๔๔,๗๖๓ ๔๔,๓๑๗ - สำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาอบุ ลราชธานี อำนาจเจริญ ๕๖,๑๓๔ ๓๗,๔๓๗ ๓๔,๐๔๔ - สำนักบริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษ - ศนู ย์การศกึ ษาพิเศษ เขต ๑๐ จงั หวัดอบุ ลราชธานี 1,897 1,623 1,854 - โรงเรยี นอบุ ลปัญญานกุ ล ๖๓๖ ๖๑๗ ๗๗๔ - โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๒ ๘๔๗ ๕๙๑ ๕๑๑ สำนกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๔๑๔ ๔๑๕ ๕๖๙ - สำนกั งานคณะกรรมการสง่ เสริมการศึกษาเอกชน - สำนกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั 77,065 74,310 72,493 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ๔๐,๖๑๙ ๔๐,๓๗๐ ๔๐,๘๘๒ - จดั การศกึ ษาโดยภาครฐั บาล ๓๖,๔๔๖ ๓๓,๙๔๐ ๓๑,๖๑๑ - จดั การศกึ ษาโดยภาคเอกชน 40,618 33,586 34,732 ๒. กระทรวงการอุดมศกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม ๒๒,๖๖๙ ๒๒,๖๖๙ ๒๐,๔๙๒ - โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย ๑๗,๙๔๙ ๑๐,๙๑๗ ๑๔,๒๔๐ - สถาบนั อุดมศกึ ษา 35,966 41,015 30,768 ๓. กระทรวงมหาดไทย - กรมส่งเสริมการปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ๓๙๘ ๔๒๐ ๔๓๕ ๔. กระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกฬี า 35,568 40,595 30,333 โรงเรยี นกีฬาจังหวดั ๓๖,๐๓๖ ๑๗,๙๗๙ ๔๖,๗๙๓ 5. กระทรวงสาธารณสขุ ๓๖,๐๓๖ ๑๗,๙๗๙ ๔๖,๗๙๓ สถาบนั พระบรมราชชนก 6. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๓๗๘ ๒๘๒ ๓๓๒ โรงเรยี นพระปริยัติธรรม ๓๗๘ ๒๘๒ ๓๓๒ 7. สำนกั งานตำรวจแห่งชาติ 592 1,192 1,242 โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 592 1,192 1,242 รวมทัง้ ส้นิ ๒,๖๐๙ ๒,๑๙๖ ๒,๓๒๔ ๒,๖๐๙ ๒,๑๙๖ ๒,๓๒๔ - ๗๘๕ ๗๘๕ - ๗๘๕ ๗๘๕ 413,839 369,511 383,523 ขอ้ มูล ณ วันท่ี 25 ธนั วาคม 2563 แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 23
ตารางที่ 12 แสดงข้อมลู จำนวนสถานศกึ ษา สงั กัดสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน ปีการศกึ ษา ๒๕๖3 สังกัด จำนวนสถานศึกษา (แห่ง) ท้งั หมด ขนาดเล็ก ขยายโอกาส ๑ สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต ๑ ๒๔๑ ๑๗๑ 5๗ ๒ สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาอุบลราชธานี เขต ๒ ๒๑๗ ๙๘ ๔๒ ๓ สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต ๓ ๒๐๙ ๑๐๓ 5๔ ๕ สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต ๔ ๑๔๔ ๙๔ ๒๗ ๕ สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาอุบลราชธานี เขต ๕ ๒๕๔ ๑๒๐ ๙๑ ๖ สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาอบุ ลราชธานี อำนาจเจริญ ๔๙ - - รวมทั้งส้นิ 1,114 586 271 หมายเหตุ สถานศึกษาขนาดเล็ก สถานศึกษาท่ีมนี ักเรยี นตั้งแต่ ๑๒๐ คน ลงมา (สำนกั งานศึกษาธิการจงั หวดั อบุ ลราชธานี, 2563) ตารางท่ี 13 แสดงขอ้ มูลโรงเรยี นคุณภาพของชุมชน โรงเรียนคุณภาพท่สี ามารถดำรงอย่ไู ด้ (Stand alone) และโรงเรยี นมัธยมดสี ่ีมมุ เมอื ง จังหวัดอุบลราชธานี สังกดั สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน ท่ี หนว่ ยงาน จำนวนสถานศึกษา (แหง่ ) ท้งั หมด ทค่ี ัดเลอื กเดมิ ปรับปรงุ ใหม่ ๑ สพป.อุบลราชธานี เขต ๑ ๒๓๘ ๘ ๘ ๒ สพป.อบุ ลราชธานี เขต ๒ ๒๑๗ ๕ ๓๗ ๓ สพป.อบุ ลราชธานี เขต ๓ ๒๐๙ ๑๘ (๓) ๑๘ (๓) ๔ สพป.อบุ ลราชธานี เขต ๔ ๑๔๒ ๑๔ ๑๔ ๕ สพป.อบุ ลราชธานี เขต ๕ ๒๕๒ ๑๐ ๑๔ ๖ สพม. อุบลราชธานี อำนาจเจรญิ ๕๙ ๑๐ ๑๓ รวม ๑,๑๑๗ ๖๕ (๓) ๑๐๔ (๓) ขอ้ มูล ณ วนั ท่ี ๑๘ มกราคม ๒๕๖๔ แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อบุ ลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 24
รายงานผลการจัดการศึกษาจังหวดั อุบลราชธานี ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาตขิ น้ั พน้ื ฐาน (O-NET) ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ นั้ พืน้ ฐาน (O-NET) ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน (O-NET) ระดับจังหวัด ปีการศึกษา 2559 - 2562 ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ในภาพรวมท้ัง 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่าปีการศึกษา 2562 คะแนนเฉล่ีย ร้อยละต่ำกว่าปีการศึกษาที่ผ่านมา และเมื่อพิจารณารายกลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ปีการศึกษา 2562 มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละสงู กว่าปีการศกึ ษา 2560 แต่ต่ำกว่าปีการศึกษา 2559 และปีการศึกษา 2561 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และกลุ่มสาระ การเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ปีการศึกษา 2562 มีคะแนนเฉล่ียรอ้ ยละตำ่ กวา่ ทุกปกี ารศกึ ษาที่ผา่ นมา 60 50 คะแนนเฉ ่ีลย 40 30 20 10 0 ไทย องั กฤษ คณติ วิทย์ เฉลีย่ รวม 2559 48.73 29.4 35.16 38.33 37.91 2560 41.51 30.16 32.08 36.11 34.97 2561 51.00 36.65 32.08 32.85 38.15 2562 44.89 29.23 28.97 32.37 33.87 ภาพที่ 4 แสดงข้อมูลการเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้นั พ้นื ฐาน (O-NET) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระดบั จังหวัด ปีการศกึ ษา 2559 – 2562 (สำนกั งานศึกษาธิการจงั หวัดอบุ ลราชธานี, 2563) แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 25
ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติขัน้ พื้นฐาน (O-NET) ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ระดับศึกษาธิการจังหวัด ปีการศึกษา 2559 – 2562 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในภาพรวมท้ัง 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่า ปีการศึกษา 2562 คะแนนเฉล่ียร้อยละ สูงกว่าปีการศึกษา 2559 และ 2560 แต่ต่ำกว่าปีการศึกษา 2561 และ เม่ือพิจารณารายกลุ่มสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คะแนนเฉล่ียร้อยละปีการศึกษา 2562 สูงกว่าทุกปีการศึกษาที่ผ่านมา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละสูงกว่าปีการศึกษา 2560 แต่ต่ำกว่า ปีการศึกษา 2559 และปีการศึกษา 2561 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ มคี ะแนนเฉลยี่ ร้อยละต่ำกวา่ ทัง้ 3 ปกี ารศึกษาท่ผี ่านมา 60 50 คะแนนเฉ ่ีลย 40 30 20 10 0 ไทย อังกฤษ คณิต วิทย์ เฉลยี่ รวม 2559 44.34 28.7 26.19 33.22 33.11 2560 45.82 28.29 23.59 30.83 32.13 2561 50.64 27.36 26.89 34.10 34.75 2562 52.65 30.23 23.94 29.23 34.01 ภาพที่ 5 แสดงข้อมูลการเปรยี บเทยี บผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติขนั้ พื้นฐาน (O-NET) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ระดับจังหวดั ปกี ารศกึ ษา 2559 – 2562 (สำนักงานศึกษาธิการจังหวดั อุบลราชธานี, 2563) แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวัดอบุ ลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 26
ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ ้ันพน้ื ฐาน (O-NET) ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน (O-NET) ระดับศึกษาธิการจังหวัด ปีการศึกษา 2559 - 2562 ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ในภาพรวมทั้ง 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่า ปีการศึกษา 2562 คะแนนเฉล่ียร้อยละต่ำกว่าปีท่ีผ่านมา และเม่ือพิจารณารายกลุ่มสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คะแนนเฉลี่ยร้อยละปีการศึกษา 2562 ต่ำกว่าทุกปีการศึกษา กลุ่มสาระ การเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม คะแนนเฉล่ียร้อยละปีการศึกษา 2562 สงู กว่าปีการศึกษา 2560 และปีการศึกษา 2561 แต่ต่ำกว่าคะแนนเฉล่ียร้อยละ ปีการศึกษา 2559 กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาอังกฤษ และกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ปีการศึกษา 2562 มีคะแนนเฉล่ียร้อยละสูงกว่าปีการศึกษา 2559 และปีการศึกษา 2560 แตต่ ่ำกวา่ ปกี ารศึกษา 2561 60 50 คะแนนเฉ ่ีลย 40 30 20 10 0 ไทย สังคมฯ องั กฤษ คณติ วิทย์ เฉลย่ี รวม 2559 49.11 34.32 24.07 21.28 30.08 31.77 2560 46.48 32.82 24.35 20.56 27.18 30.28 2561 43.59 33.60 27.14 25.37 28.52 31.64 2562 39.31 33.79 25.59 21.45 27.17 29.46 ภาพที่ 6 แสดงขอ้ มลู การเปรยี บเทียบผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ น้ั พื้นฐาน (O-NET) ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ระดับจังหวัด ปกี ารศกึ ษา 2559 – 2562 (สำนกั งานศึกษาธิการจังหวัดอบุ ลราชธานี, 2563) แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 27
ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาตกิ ารศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET) ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาตกิ ารศึกษานอกระบบโรงเรยี น (N-NET) ระดบั ชนั้ ประถมศึกษา ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET) ระดับจังหวัด ปีการศึกษา 2562 - 2563 ระดบั ช้ันประถมศึกษา พบว่า ในภาพรวมทั้ง 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่า ปีการศึกษา 2563 คะแนนเฉล่ียร้อยละต่ำกว่าปีการศึกษา 2562 โดยคะแนนเฉลี่ยร้อยละระดับจังหวัดต่ำกว่าระดับภูมิภาค และ ระดับประเทศ และเมื่อพิจารณารายกลุ่มสาระ พบว่า ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2563 มีคะแนน เฉลยี่ รอ้ ยละต่ำกวา่ ปกี ารศึกษา 2562 60 50 40 คะแนนเฉ ่ีลย 30 20 10 0 การประกอบ ทักษะการดาเนนิ การพัฒนาสงั คม ค่าเฉล่ียระดบั ค่าเฉล่ยี ระดับ คา่ เฉลยี่ อาชพี ชีวิต จังหวัด ภมู ภิ าค ระดบั ประเทศ ทักษะการเรียนรู้ ความรู้พื้นฐาน 41.41 38.25 48.02 37.99 40.99 43.69 43.46 2562 41.94 35.32 2563 33.94 33.39 37.54 40.19 36.61 36.78 38.89 ภาพที่ 7 แสดงขอ้ มูลการเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตกิ ารศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET) จงั หวัดอบุ ลราชธานี ระดบั ชั้นประถมศึกษา ปกี ารศกึ ษา 2562 – 2563 (สำนักงาน กศน. จังหวดั อบุ ลราชธานี, 2563) แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอบุ ลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 28
ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติการศกึ ษานอกระบบโรงเรยี น (N-NET) ระดับช้นั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET) ระดับจังหวัด ปีการศึกษา 2562 - 2563 ระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น พบว่า ในภาพรวมท้ัง 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่า ปีการศึกษา 2563 คะแนนเฉลี่ยร้อยละสูงกว่าปีการศึกษา 2562 ร้อยละ 0.24 โดยคะแนนเฉล่ียร้อยละระดับจังหวัด ต่ำกว่าระดบั ภูมิภาคและระดับประเทศ และเมื่อพิจารณารายกลุ่มสาระ พบว่า ปีการศึกษา 2563 กลุ่มสาระ ความรู้พื้นฐาน และกลุ่มสาระการพัฒนาสังคม มีคะแนนเฉลีย่ ร้อยละสูงกว่าปีการศึกษา 2562 แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มสาระทักษะการเรียนรู้ กลุ่มสาระการประกอบอาชีพ และกลุ่มสาระทักษะการดำเนินชีวิต มีคะแนนเฉล่ีย รอ้ ยละตำ่ กว่าปีการศึกษา 2562 45 40 35 30 คะแนนเฉ ่ลีย 25 20 15 10 5 0 การประกอบ ทกั ษะการดาเนิน การพัฒนาสังคม ค่าเฉล่ียระดับ ค่าเฉลยี่ ระดับ คา่ เฉลยี่ อาชีพ ชวี ิต จงั หวดั ภูมิภาค ระดับประเทศ ทักษะการเรยี นรู้ ความรพู้ ้ืนฐาน 32.36 36.41 41.68 38.09 36.01 36.69 38.45 2562 38.58 30.03 2563 36.22 32.01 35.85 39.10 36.25 41.17 42.29 ภาพที่ 8 แสดงขอ้ มูลการเปรยี บเทยี บผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติการศกึ ษานอกระบบโรงเรยี น (N-NET) จงั หวดั อุบลราชธานี ช้นั มธั ยมศึกษาตอนต้น ปกี ารศึกษา 2562 – 2563 (สำนกั งาน กศน. จงั หวดั อุบลราชธานี, 2563) แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 29
ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติการศกึ ษานอกระบบโรงเรยี น (N-NET) ระดับช้นั มัธยมศึกษาตอนปลาย ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET) ระดับจังหวัด ปีการศึกษา 2562 - 2563 ระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า ในภาพรวมท้ัง 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่า ปีการศึกษา 2563 คะแนนเฉล่ียร้อยละต่ำกว่าปีการศึกษา 2562 ร้อยละ 0.31 โดยคะแนนเฉลี่ยร้อยละระดับจังหวัด ตำ่ กว่าระดับภูมิภาคและระดับประเทศ และเมื่อพิจารณารายกลุ่มสาระ พบว่า ปีการศึกษา 2563 กลุ่มสาระ ความรู้พื้นฐาน กลุ่มสาระการประกอบอาชีพ และกลุ่มสาระทกั ษะการดำเนินชีวติ มีคะแนนเฉลยี่ ร้อยละสงู กว่า ปีการศึกษา 2562 แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มสาระทักษะการเรียนรู้ และกลุ่มสาระการพัฒนาสังคม มีคะแนน เฉล่ียร้อยละตำ่ กว่าปีการศึกษา 2562 45 40 35 30 คะแนนเฉ ่ลีย 25 20 15 10 5 0 การประกอบ ทกั ษะการดาเนิน การพฒั นาสังคม คา่ เฉล่ยี ระดับ ค่าเฉลี่ยระดบั คา่ เฉลีย่ อาชพี ชวี ติ จังหวดั ภมู ิภาค ระดับประเทศ ทกั ษะการเรยี นรู้ ความรูพ้ ื้นฐาน 28.69 35.03 33.15 28.43 31.95 32.40 34.40 2562 37.12 25.75 2563 30.27 27.63 38.59 33.30 31.64 32.04 34.51 ภาพที่ 9 แสดงขอ้ มลู การเปรยี บเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติการศึกษานอกระบบโรงเรยี น (N-NET) จงั หวดั อุบลราชธานี ช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ปีการศึกษา 2562 – 2563 (สำนกั งาน กศน. จงั หวัดอุบลราชธานี, 2563) แผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวัดอุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 30
ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาตดิ ้านอาชวี ศกึ ษา (V-NET) ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาตดิ ้านอาชีวศกึ ษา (V-NET) ระดับประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.3) ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติการศึกษาด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ช้ันปีท่ี 3 (ปวช.3) วิชาความรู้ด้านสมรรถนะและสมรรถนะทั่วไป ระดับ ปวช. ปีการศึกษา 2560 – 2563 พบว่า ในปกี ารศึกษา 2563 ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละต่ำกว่าทุกปีการศึกษา โดยคะแนนเฉลี่ยร้อยละระดับจังหวัด สูงกว่าระดับภูมิภาคในทุกปีการศึกษา แต่ในขณะเดียวกัน คะแนนเฉล่ียร้อยละระดับจังหวัดต่ำกว่าระดับประเทศ ในทุกปกี ารศึกษา คะแนนเฉ ่ลีย 50 45 40 คา่ เฉล่ียระดบั ภมู ภิ าค คา่ เฉลีย่ ระดับประเทศ 35 39.86 41.60 30 39.92 41.63 25 42.03 43.63 20 35.64 38.73 15 10 5 0 ค่าเฉลย่ี ระดบั จังหวดั 2560 40.78 2561 40.36 2562 42.32 2563 36.68 ตารางที่ 12 แสดงขอ้ มลู การเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตดิ ้านอาชีวศกึ ษา (V-NET) ระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชพี ชั้นปีที่ 3 (ปวช.3) ปกี ารศึกษา 2560 – 2563 (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน) สทศ., 2564) แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 31
ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติ ด้านอาชวี ศกึ ษา (V-NET) ระดับประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ชั้นสงู (ปวส.) ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติการศึกษาด้านอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับประกาศนียบัตร วิชาชพี ช้ันสูง (ปวส.) ปกี ารศกึ ษา 2560 – 2562 วชิ าความรูด้ ้านสมรรถนะและสมรรถนะท่ัวไป ระดับ ปวส. ปีการศึกษา 2560 – 2562 พบว่า ในปีการศึกษา 2562 ได้คะแนนเฉล่ียร้อยละสูงกว่าทุกปีการศึกษา (2560 – 2561) โดยคะแนนเฉล่ียร้อยละระดับจังหวัดสูงกว่าระดับภูมิภาคในทุกปีการศึกษา แต่ในขณะเดียวกัน คะแนนเฉลย่ี ร้อยละระดับจงั หวัดตำ่ กวา่ ระดบั ประเทศในทุกปกี ารศกึ ษา คะแนนเฉ ่ีลย 42 41 40 ค่าเฉลี่ยระดบั ภมู ภิ าค คา่ เฉล่ียระดับประเทศ 39 35.85 37.11 38 38.65 40.04 37 39.65 40.75 36 35 34 33 คา่ เฉลีย่ ระดับจังหวดั 2560 36.58 2561 39.49 2562 39.93 ตารางที่ 13 แสดงข้อมลู การเปรยี บเทยี บผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาตดิ า้ นอาชีวศึกษา (V-NET) ระดับประกาศนียบัตรวชิ าชีพชนั้ สูง (ปวส.) ปีการศึกษา 2560 – 2562 (สถาบันทดสอบทางการศึกษาแหง่ ชาติ (องค์การมหาชน) สทศ., 2564) หมายเหตุ ปีการศึกษา 2563 ยังไมม่ ีปรากฏการรายงานผล แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอบุ ลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 32
ส่วนที่ ๒ บรบิ ททเี่ กย่ี วข้องดา้ นการศกึ ษา แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕) จงั หวัดอุบลราชธานี ฉบับนี้ ได้นำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) นโยบายความม่ันคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๔) แผนการศึกษาแหง่ ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) นโยบายรฐั บาล นโยบายรัฐมนตรวี ่าการ กระทรวงศึกษาธิการ แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค/กลุ่มจังหวัด/จังหวัด รวมทั้งบริบทต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องมาเช่ือมโยงกับอำนาจหน้าท่ี ของสำนกั งานศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี เพ่ือกำหนดเป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕) จงั หวัดอุบลราชธานี โดยมีรายละเอยี ด ดังน้ี ยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) ยุทธศาสตรช์ าติ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) เป็นกรอบแนวทางการพฒั นาประเทศในระยะ ๒๐ ปี พร้อมกับ การปฏิรูป และการพัฒนาระบบและกลไกการบริหารราชการแผ่นดนิ ในการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ให้สามารถ นำไปสกู่ ารปฏบิ ตั ิอยา่ งจรงิ จัง โดยกำหนดวสิ ยั ทศั น์ เป้าหมาย และยทุ ธศาสตร์ ดังน้ี วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ย่ังยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” หรือเปน็ คติพจน์ประจำชาตวิ า่ “มน่ั คง ม่ังค่งั ยงั่ ยนื ” เป้าหมายการพัฒนาประเทศ คือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจ พัฒนาอย่างต่อเน่ือง สังคมเป็นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติย่ังยืน” โดยยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ พัฒนาคน ในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม สร้างการ เตบิ โตบนคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีภาครัฐของประชาชน เพ่ือประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม โดยการประเมินผลการพัฒนาตามยทุ ธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วย 1) ความอย่ดู ีมีสุขของคนไทยและสงั คมไทย ๒) ขีดความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้ ๓) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ของประเทศ ๔) ความเทา่ เทียมและความเสมอภาคของสังคม ๕) ความหลากหลายทางชีวภาพ คุณภาพส่งิ แวดล้อม และความยง่ั ยนื ของทรพั ยากรธรรมชาติ และ ๖) ประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการเข้าถึงการให้บริการ ของภาครัฐ ประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ชาติ ประกอบดว้ ย ๖ ดา้ น ดงั น้ี 1. ยุทธศาสตร์ชาติด้านความม่ันคง มีเป้าหมายการพัฒนาที่สำคัญ คือ ประเทศชาติม่ันคง ประชาชน มีความสุข เน้นการบริหารจัดการสภาวะแวดล้อมของประเทศให้มีความม่ันคง ปลอดภัย เอกราช อธิปไตย และมีความสงบเรียบร้อยในทุกระดับตั้งแต่ระดับชาติ สงั คม ชุมชน มุง่ เน้นการพัฒนาคน เคร่ืองมือ เทคโนโลยี และระบบฐานขอ้ มลู ขนาดใหญ่ ให้มีความพร้อมสามารถรบั มือกบั ภยั คกุ คามและภยั พบิ ตั ไิ ด้ทุกรปู แบบ และทกุ ระดบั ความรุนแรง ควบคู่ไปกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความม่ันคงท่ีมอี ยู่ในปัจจบุ ัน และที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ใช้กลไกการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการท้ังกับส่วนราชการ ภาคเอกชน ประชาสังคม และองค์กรท่ีไม่ใช่รัฐ รวมถึง ประเทศเพ่ือนบ้านและมิตรประเทศ บนพ้ืนฐานของหลักธรรมาภิบาล เพ่ือเอื้ออำนวยประโยชน์ต่อการดำเนินการ ของยทุ ธศาสตรช์ าตดิ ้านอ่ืน ๆ ให้สามารถขับเคลอื่ นไปไดต้ ามทศิ ทางและเป้าหมายท่ีกำหนด ๒. ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน มีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้นการยกระดับ ศักยภาพของประเทศในหลากหลายมติ ิบนพนื้ ฐานแนวคดิ ๓ ประการ ไดแ้ ก่ แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อบุ ลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 33
1) ต่อยอดอดีต โดยมองกลับไปที่รากเหง้าทางเศรษฐกิจ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย รวมทั้งความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของประเทศในด้านอื่น ๆ นำมาประยุกตผ์ สมผสานกับเทคโนโลยีและนวตั กรรม เพอ่ื ใหส้ อดรับกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมโลกสมยั ใหม่ ๒) ปรับปัจจุบัน เพ่ือปูทางสูอ่ นาคตผา่ นการพฒั นาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในมิติต่าง ๆ ทั้งโครงข่าย ระบบคมนาคมและขนส่ง โครงสร้างพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และดิจทิ ัล และการปรับสภาพแวดล้อม ให้เออื้ ต่อการพฒั นาอุตสาหกรรมและบริการอนาคต ๓) สร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต ด้วยการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่ รวมถึง ปรับรปู แบบธุรกิจ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ผสมผสานกับยุทธศาสตร์ที่รองรับอนาคตบนพื้นฐาน ของการต่อยอดอดีตและปรับปัจจุบัน พร้อมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครฐั ให้ประเทศสามารถสร้าง ฐานรายได้และการจ้างงานใหม่ ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในเวทีโลก ควบคู่ไปกับการยกระดับ รายไดแ้ ละการกินดีอยู่ดี รวมถึงการเพิม่ ขน้ึ ของคนชนั้ กลาง และลดความเหล่อื มลำ้ ของคนในประเทศได้ ๓. ยทุ ธศาสตร์ชาติดา้ นการพฒั นาและเสรมิ สร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ มเี ป้าหมายการพัฒนาคน ในทุกมติ ิและในทุกช่วงวยั ให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ โดยมีความพร้อมท้ังกาย ใจ สติปัญญา มพี ัฒนาการท่ีดี รอบด้านและมีสุขภาวะท่ีดใี นทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบตอ่ สังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติ มีหลักคิดท่ีถูกต้อง มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษท่ี ๒๑ มีทักษะ ส่ือสารภาษาอังกฤษ และภาษาที่สาม และอนุรักษ์ภาษาท้องถ่ิน มีนิสัยรักการเรียนรู้ และการพัฒนาตนเอง อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต สู่การเป็นคนท่ีมีทักษะสูง เป็นนักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่ และอื่นๆ โดยมีสมั มาชพี ตามความถนัดของตนเอง ๔. ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม มีเป้าหมายการพัฒนาท่ีให้ความ สำคัญพลังของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชน ประชาสังคม ชุมชน ทอ้ งถ่ินมาร่วมขบั เคล่ือน โดยการสนับสนุน การรวมตัวของประชาชน ในการร่วมคดิ รว่ มทำเพ่ือส่วนรวม การกระจายอำนาจและความรับผดิ ชอบไปสกู่ ลไก บริหารราชการแผ่นดินในระดับท้องถ่ิน การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการจัดการตนเอง และการเตรียม ความพร้อมของประชากร ทั้งในมิติสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อม ให้เป็นประชากรท่ีมีคุณภาพ สามารถพึ่งตนเอง และทำประโยชน์แก่ครอบครัว ชุมชน และสังคม โดยรัฐให้หลักประกันการเข้าถึงบริการและ สวัสดกิ ารท่มี ีคุณภาพอยา่ งเปน็ ธรรมและทัว่ ถงึ ๕. ยุทธศาสตรช์ าตดิ ้านการสรา้ งการเตบิ โตบนคณุ ภาพชีวติ ที่เป็นมติ รกับส่ิงแวดลอ้ ม มเี ปา้ หมายการพัฒนา เพ่ือนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาท่ีย่ังยืนในทุกมิติ ทั้งมิติด้าน สังคม เศรษฐกิจ ส่ิงแวดล้อม ธรรมาภิบาล และความเป็นหุ้นส่วน ความร่วมมือระหว่างกันทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างบูรณาการ ใช้พื้นท่ีเป็นตัวต้ัง ในการกำหนดกลยุทธ์และแผนงาน และการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เข้ามามีส่วนร่วมในแบบทางตรงให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเป็นการดำเนินการบนพ้ืนฐานการเติบโตร่วมกัน ทางเศรษฐกิจ ส่ิงแวดล้อม และคุณภาพชีวิต โดยให้ความสำคัญกับการสรา้ งสมดลุ ท้ังสามด้าน อันจะนำไปสูค่ วามย่งั ยืนอย่างแท้จริง ๖. ยทุ ธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ มีเป้าหมายการพัฒนา เพ่ือปรับเปล่ียนภาครัฐทีย่ ึดหลักภาครัฐของประชาชน เพื่อประชาชนและประโยชน์สว่ นรวม โดยภาครัฐตอ้ งมี ขนาดที่เหมาะสมกับบทบาทภารกิจ แยกแยะบทบาทหน่วยงานของรัฐท่ีทำหน้าที่ในการกำกับหรือในการให้บริการ ในระบบเศรษฐกิจท่ีมีการแข่งขัน มีขีดสมรรถนะสูง ยึดหลักธรรมาภิบาล มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ส่วนรวม ทันต่อการเปลี่ยนแปลง การนำนวัตกรรม เทคโนโลยี ระบบการทำงานดิจทิ ัลเข้ามาประยุกต์ใช้ และปฏิบตั ิงาน เทยี บได้กับมาตรฐานสากล รวมทัง้ มลี ักษณะเปิดกว้าง เชอื่ มโยงถงึ กัน และเปิดโอกาสให้ทกุ ภาคส่วนเข้ามามสี ่วนร่วม แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวัดอุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 34
นอกจากน้ัน กฎหมายต้องมีความชัดเจน เท่าที่จำเป็น มีความทันสมัย มีความเป็นสากล มีประสิทธิภาพ และ นำไปสู่การลดความเหลือ่ มล้ำและเออื้ ตอ่ การพัฒนา ยทุ ธศาสตร์ชาติ ซง่ึ เก่ียวข้องกบั ภารกจิ ดา้ นการศึกษา ประกอบดว้ ย ๖ ประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ ดงั น้ี ๑. เสริมสร้างการจัดการศกึ ษาเพ่ือความมั่นคง มเี ป้าหมายการพฒั นาท่ีสำคญั คือ ผู้เรียนมีความรัก ในสถาบันหลักของชาติ และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผู้เรียนในพ้ืนท่ี ชายแดนได้รับการศึกษาและเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ และผู้เรียนได้รับการจัดการศึกษา จัดระบบการดูแล และ ปอ้ งกันภยั คุกคามในรูปแบบต่าง ๆ ๒. เสริมสร้าง พัฒนากำลังคน การวิจัยและคิดค้นนวัตกรรมการศึกษา มีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้น การยกระดบั ศกั ยภาพของประเทศในหลากหลายมติ ิ ไดแ้ ก่ ๑) ผเู้ รียนมีทักษะทีเ่ ชยี่ วชาญและเป็นเลิศเฉพาะด้าน ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานมศี ักยภาพ ในการแข่งขนั ๒) เพ่ิมศักยภาพของคนรุ่นใหม่ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ผสมผสานกับยุทธศาสตร์ ที่รองรบั อนาคต รวมทั้งการสง่ เสริมและสนับสนนุ ใหผ้ เู้ รียนสามารถสร้างรายไดค้ วบค่ไู ปกบั การเรียน ๓) สร้างองค์ความรู้ ทกั ษะ คันควา้ และสรา้ งนวตั กรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต ส่งผลให้เศรษฐกจิ สงู ข้นึ ๔) สื่อสารภาษาอังกฤษ ภาษาท่ีสาม และอนุรักษ์ภาษาท้องถ่ิน มีนิสัยรักการเรียนรู้ และการพัฒนา ศักยภาพตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวติ สู่การเปน็ คนท่ีมที ักษะสูง เปน็ นักคดิ ผปู้ ระกอบการ เกษตรกรยุคใหม่ และอืน่ ๆ โดยมีสมั มาชีพตามความถนดั ของตนเอง ๓. พัฒนาครูและบุคลากรทางการศกึ ษาให้มสี มรรถนะ ที่สง่ ผลต่อการพัฒนาทักษะท่ีจำเป็นของผเู้ รียน ในศตวรรษที่ ๒๑ มีเป้าหมายการพัฒนา ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา ให้ได้รับการพัฒนาสมรรถนะ ตามมาตรฐานวิชาชีพ เพ่ือเสริมสร้างปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม ให้ผู้เรียนมีจิตสาธารณะ รับผิดชอบ ต่อสังคมและผู้อ่ืน มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติ มีหลักคิด ทีถ่ ูกต้อง มที ักษะท่จี ำเป็นในศตวรรษที่ ๒๑ ๔. สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา มีเป้าหมายการพัฒนามุ่งเน้นให้ทุกคนได้รับโอกาส และความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษาท่ีมีคุณภาพ การเพิ่มโอกาสทางการศึกษา ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา การจัดทำฐานข้อมูลนักเรียนรายบุคคลให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน การเพ่ิมโอกาสการเข้าถึง การศึกษาของเดก็ ด้อยโอกาส เดก็ ออกกลางคนั และเดก็ ตกหลน่ ในรูปแบบทเี่ หมาะสม ๕. เสริมสร้างการจัดการศึกษาเพ่ือสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมาย การพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมติ ิ โดยน้อมนำพระราโชบาย ด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติ ผู้เรียนทุกชว่ งวัยทุกคนได้รับโอกาสในการพัฒนาให้มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง มีพ้ืนฐานชวี ิตที่มัน่ คงเข้มแข็ง มแี นวทางการประกอบอาชีพและได้รบั โอกาสการมีงานทำ ส่กู ารเปน็ พลเมืองทด่ี ี ๖. พัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ มีเป้าหมายการพัฒนาเพื่อปรับวัฒนธรรม การทำงานให้มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ส่วนรวม มีความทันสมัย และพร้อมที่จะปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ของโลกตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำนวัตกรรม เทคโนโลยี ข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบการทำงานท่ีเป็นดิจิทัล เข้ามาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่า เชื่อมโยงถึงกัน และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพ่ือตอบสนอง ความต้องการของประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส โดยทุกภาคส่วนในสังคมต้องร่วมกันปลูกฝั ง คา่ นิยมความช่ือสัตย์สุจริต ความมัธยัสถ์ และสร้างจิตสำนึกในการปฏิเสธไม่ยอมรับ การทุจริตประพฤติมิชอบ อย่างสนิ้ เชิง โดยกระบวนการยตุ ิธรรมมีการบริหารท่ีมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ไมเ่ ลือกปฏิบัติ และการอำนวย ความยตุ ิธรรมตามหลกั นิติธรรม แผนพฒั นาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวัดอุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 35
แผนแมบ่ ทภายใต้ยทุ ธศาสตร์ชาติ ตามพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๐ บัญญัติว่า แผนแม่บทภายใต้ ยุทธศาสตร์ชาติ เป็นแผนแม่บทเพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ ในยุทธศาสตร์ชาติ มีผลผูกพันต่อหน่วยงาน ของรัฐท่ีเก่ียวขอ้ งจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามน้ัน รวมท้ังการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีต้องสอดคล้องกับ แผนแม่บทด้วย โดยแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วย ๒๓ ประเด็น ๖๒ แผนย่อย ซึ่งเก่ียวข้องกับ ภารกิจดา้ นการศกึ ษา ๑๕ ประเด็น ๒๗ แผนย่อย ดังนี้ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตรช์ าติ (๑) ประเด็นความม่นั คง แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นความม่ันคง ประกอบไปด้วย แผนย่อย จำนวน ๕ แผน เกยี่ วขอ้ งกับภารกจิ ดา้ นการศึกษา จำนวน ๒ แผน ดงั น้ี แผนย่อย ๓.๑ การรกั ษาความสงบภายในประเทศ แนวทางการพฒั นา ข้อ ๒) เสริมสร้างความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข โดยปลูกฝังและสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสถาบันหลกั ของชาติ รณรงค์เสริมสร้างความรักและภาคภูมิใจในความเป็นคนไทยและชาติไทย ผ่านทางกลไกต่าง ๆ การศึกษาประวัติศาสตร์ ในเชิงสร้างสรรค์ น้อมนำและเผยแพร่ศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงแนวทาง พระราชดำริต่าง ๆ ให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และนำไปประยุกต์ปฏิบัติใช้อย่างกว้างขวาง จัดกิจกรรม เฉลิมพระเกียรตแิ ละพระราชกรณียกจิ อย่างสม่ำเสมอ แผนยอ่ ย ๓.๒ การป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาท่มี ีผลกระทบต่อความมน่ั คง แนวทางการพัฒนา ส่วนการรกั ษาความมน่ั คงภายในราชอาณาจกั รและการพัฒนาประเทศ ข้อ ๑) ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มุ่งยดึ แนวคดิ การแก้ไขปัญหายาเสพติดตั้งแต่ต้นนำ้ กลางน้ำ ปลายน้ำ ในการดำเนนิ การอย่างเป็นระบบ กลา่ วคือ (๕) การป้องกนั ยาเสพติดในแต่ละกลุ่มเป้าหมายอยา่ งเหมาะสม เป็นรูปธรรม โดยการปลูกฝังค่านิยมและองค์ความรู้ท่ีเหมาะสม อันจะส่งผลกระทบต่อความคิดและโน้มน้าว ให้คลอ้ ยตามอยา่ งถกู ต้อง (๖) การปรับระบบนิเวศ (สภาพแวดล้อม) ที่เหมาะสม โดยการเสริมสรา้ งปจั จัยท่ีเอ้อื ต่อ การไม่เขา้ ไปยุ่งเกย่ี วกับยาเสพตดิ ของแตล่ ะกลมุ่ เป้าหมาย อาทิ ครอบครัว โรงเรียน และชมุ ชน ขอ้ ๒) ป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาความม่นั คงทางไซเบอร์ มุ่งเนน้ การวางกลยุทธ์/ยทุ ธวิธใี นการแกป้ ญั หา ด้านความม่ันคงทางไซเบอร์ ให้ครอบคลุมสภาพปัญหาของภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งได้แก่ การโจมตีของกลุ่ม แฮกเกอร์ การจารกรรมหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูล การโจมตีต่อกลุ่มโครงสร้างพ้ืนฐานสำคัญของทางสารสนเทศ และการเผยแพร่ขอ้ มลู เพื่อความป่ันป่วนอันกระทบตอ่ ประชาชน รวมท้งั อาจสง่ ผลกระทบต่อความม่ันคง ขอ้ 11) รักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติพ้ืนท่ีชายแดน มุ่งสร้างกลไกให้เกิดการบูรณาการ ในการทำงานร่วมกัน หน่วยงานหลักมีการทำงานท่ีมีความสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน องค์กรต่าง ๆ ท่ีปฏิบัติงานในพื้นท่ีชายแดนมีศักยภาพตามมาตรฐานสากล มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เท่าทันต่อ ภัยคุกคาม มีการสรา้ งและพัฒนาองค์ความรใู้ ห้แก่บุคลากรให้เท่าทันต่อสถานการณ์ และมีกลไกท่ีมีประสิทธิภาพ ในการแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยมีแนวคิดในการดำเนินการที่สำคัญ ประกอบด้วย (๑) การแก้ไขปัญหา โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพ่ือการบริหารจัดการพ้ืนที่ชายแดน สร้าง ปรับปรุง และเพิ่มประสทิ ธิภาพโครงสร้างพ้นื ฐานของด่านพรมแดน จัดสรา้ งฐานข้อมลู ขนาดใหญ่ และองค์ความรู้ เพ่ือประโยชน์ในการบริหารจดั การชายแดนดา้ นความม่ันคง และการจัดการปัญหาเขตแดน (๒) การป้องกนั ปญั หา โดยเสริมสร้างความเขม้ แข็งให้กับชุมชนในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทยและประเทศเพื่อนบ้าน และสร้างการมีส่วนร่วม ในการป้องกันภัยจากอาชญากรรม จัดระเบียบพื้นที่ชายแดนด้านความม่ันคงให้พร้อมต่อการพัฒนาให้มีศักยภาพ แผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวัดอุบลราชธานี ฉบับทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 36
ทางด้านเศรษฐกิจ และ (๓) การเสริมความมั่นคง โดยจัดหา เพิ่มศักยภาพ และพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในการบริหารจัดการพนื้ ท่ีชายแดน ส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศรอบบ้านในการสร้างความปลอดภยั ในพ้นื ท่ีเส่ยี ง เสรมิ สรา้ งจิตสำนกึ ทัศนคตทิ ดี่ ีต่อประเทศและประเทศเพื่อนบา้ น และพฒั นาประสทิ ธิภาพผปู้ ฏิบตั งิ าน แผนแมบ่ ทภายใต้ยทุ ธศาสตรช์ าติ (๒) ประเดน็ การตา่ งประเทศ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตรช์ าติ ประเดน็ การต่างประเทศ ประกอบไปด้วยแผนย่อย จำนวน ๕ แผน เก่ียวขอ้ งกบั ภารกจิ ด้านการศึกษา จำนวน ๑ แผน ดงั น้ี แผนย่อย ๓.๒ ความร่วมมือเศรษฐกจิ และความร่วมมือเพ่ือการพฒั นาระหว่างประเทศ แนวทางการพัฒนา ขอ้ ๔) แลกเปลีย่ นองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงเรียนรู้แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศจากประเทศ ท่มี ีศักยภาพในสาขาที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือในด้านการยกระดับ การศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และแรงงาน เพื่อเพ่ิมขีดความสามารถ และดึงดูดคนไทยท่ีมีความสามารถ ในต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการบริหารจัดการนำเข้าและใช้ประโยชน์ จากแรงงานและผู้ที่มีความสามารถหรือ ทกั ษะพิเศษจากตา่ งประเทศอย่างเหมาะสม โดยคำนงึ ถงึ ความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกจิ และความย่ังยนื แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (๓) ประเดน็ การเกษตร แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการเกษตร ประกอบไปด้วย แผนย่อย จำนวน ๖ แผน เก่ยี วขอ้ งกับภารกจิ ดา้ นการศกึ ษา จำนวน ๑ แผน ดังน้ี แผนยอ่ ย ๓.๕ เกษตรอัจฉริยะ แนวทางการพฒั นา ขอ้ ๒) พัฒนาศักยภาพเกษตรกรในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตร การจดั การภาคเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถงึ องค์ความรูด้ ้านการผลิตและการตลาดต่าง ๆ ตลอดจน การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ เทคโนโลยีดิจิทัล ฐานข้อมูลสารสนเทศทางการเกษตร ต่าง ๆ เพ่ือการวางแผนการเกษตร และพฒั นาเกษตรกรใหเ้ ป็นเกษตรกร อัจฉรยิ ะทีม่ ขี ีดความสามารถในการแข่งขนั แผนแมบ่ ทภายใต้ยทุ ธศาสตร์ชาติ (๕) ประเด็นการท่องเทีย่ ว แผนแมบ่ ทภายใต้ยุทธศาสตรช์ าติ ประเด็นการทอ่ งเที่ยว ประกอบไปดว้ ย แผนแมบ่ ท จำนวน ๖ แผน เก่ยี วขอ้ งการภารกิจดา้ นการศึกษา จำนวน ๑ แผน ดังน้ี แผนยอ่ ย ๓.๖ การพัฒนาระบบนเิ วศการทอ่ งเท่ียว แนวทางการพฒั นา ข้อ ๔) พัฒนาชุมชน ผู้ประกอบการ และบุคลากรด้านการท่องเที่ยวทุกภาคส่วนให้มีความพร้อมในการ รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนและประชาชนในการ พัฒนาการท่องเที่ยวในพืน้ ท่ี แผนแม่บทภายใต้ยทุ ธศาสตร์ชาติ (๖) ประเด็นพน้ื ที่และเมอื งนา่ อยู่อจั ฉริยะ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นพื้นทแ่ี ละเมืองอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย แผนย่อย จำนวน ๖ แผน เกยี่ วข้องกับภารกิจดา้ นการศึกษา จำนวน ๑ แผน ดังนี้ แผนย่อย ๓.๑ การพฒั นาเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ แนวทางการพัฒนา ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองน่าอยู่อจั ฉริยะที่สามารถรองรับกิจกรรม ทางเศรษฐกิจ ที่อยู่อาศัย ลดความเหล่ือมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวติ ของประชาชนในทุกพื้นที่ทุกกลุ่ม และ ผลักดัน การพัฒนาเมืองอจั ฉรยิ ะในเมืองท่ีมีศักยภาพ ซ่ึงมีการใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาระบบ บริหารจดั การเมืองในทุกมติ ิใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพสงู สุด โดยแบง่ การพฒั นาเมอื งออกเป็น ๒ รูปแบบ ได้แก่ แผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวัดอุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 37
๑) เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ โดยพัฒนาเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาค ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล เชียงใหม่ ขอนแก่น เมืองในระเบียงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สงขลา และภูเก็ต ให้มีศักยภาพ ในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกจิ เทยี บเท่าเมืองขนาดใหญใ่ นระดบั นานาชาตแิ ละมีความน่าอยู่ ๒) พัฒนาเมืองขนาดกลางให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ สังคม และการบริการให้กับ พ้ืนท่ีโดยรอบ โดยเน้นการต่อยอดจากฐานเศรษฐกิจที่มีในพ้ืนที่ เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญไปสู่พ้ืนท่ี โดยรอบ และสนับสนุนการขบั เคล่ือนเศรษฐกิจของเมอื งศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ โดยสร้างเครือข่ายการพฒั นา เศรษฐกิจระดับภาค ซ่ึงการพัฒนาแบ่งตามภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เน้นการพัฒนาการค้าและกิจกรรม ทางเศรษฐกิจใหม่ การเกษตรมีมูลค่าสูง และการให้บริการด้านโครงสร้างพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจและโครงสร้าง พน้ื ฐานทางสงั คมแก่พน้ื ทีโ่ ดยรอบ แผนแม่บทภายใต้ยทุ ธศาสตร์ชาติ (๙) ประเดน็ เขตเศรษฐกิจพิเศษ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ประกอบไปด้วย แผนย่อย จำนวน ๓ แผน เกี่ยวข้องกบั ภารกิจดา้ นการศกึ ษา จำนวน 2 แผน ดงั นี้ แผนยอ่ ย ๓.๑ การพฒั นาเขตพฒั นาพิเศษภาคตะวนั ออก แนวทางการพัฒนา ขอ้ ๔) พฒั นาศักยภาพและคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวท้ังเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เชิงนิเวศ และ อนุรักษ์เชิงสุขภาพ แหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวิทยาการ แหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว สรา้ งใหม่ พร้อมทั้งปรับปรุงภูมทิ ัศน์และพัฒนาเส้นทาง กิจกรรมท่องเทย่ี ว จัดพื้นที่เพ่ือการท่องเที่ยวให้มคี ุณภาพ จดั การพนื้ ทแ่ี ละสิง่ แวดลอ้ มเพ่ือการสรา้ งบรรยากาศที่ดสี ำหรบั การท่องเที่ยวในพืน้ ที่เขตพัฒนาพเิ ศษภาคตะวนั ออก ข้อ ๕) พัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สำหรับการทำวิจัยต่อยอด เพื่อขยายผลงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์ และพัฒนาศูนย์การเรียนรู้และศูนย์บริการ รวมท้ังจัดทำหลักสูตร การเรียน การสอน และฝึกอบรม ต่อยอดโครงสร้างพ้ืนฐาน ให้เป็นแหล่งสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งในและ ตา่ งประเทศ รวมถึงการใหบ้ ริการวเิ คราะห์ทดสอบภมู ภิ าคอาเซยี น ข้อ ๖) พัฒนาเมืองในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้เป็นเมืองอัจฉริยะที่มีความน่าอยู่และทันสมัย ระดับนานาชาติ เป็นกลไกสำคญั ในการขบั เคล่อื นการลงทนุ และเศรษฐกิจ สอดคลอ้ งกบั นโยบาย แผนย่อย ๓.๓ การพฒั นาเขตเศรษฐกจิ พเิ ศษชายแดน แนวทางการพฒั นา ข้อ ๒) ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนตามศักยภาพ โดยพัฒนาต่อยอด จากฐานทรัพยากรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพ้ืนท่ีที่มีอยู่เดิม รวมทั้งยกระดับความสามารถ ในการแข่งขัน ของพื้นท่ีให้เอ้ือต่อการค้า การลงทุน และการท่องเท่ียว และเป็นพ้ืนท่ีหลักในการขับเคล่ือน การสร้างความเจริญ ทางเศรษฐกิจและสังคมในส่วนภูมิภาค ตลอดจนพัฒนาพื้นท่ีบริเวณชายแดนให้มีความพร้อมสำหรับรองรับ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมที่เชื่อมโยงกับประเทศเพ่ือนบ้าน ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพ่ิมทางเศรษฐกิจ ยกระดับรายได้ และคุณภาพชวี ิตของประชาชนในพ้ืนท่ี รวมทงั้ สง่ เสรมิ ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ แผนแม่บทภายใต้ยทุ ธศาสตร์ชาติ (๑0) ประเดน็ การปรบั เปลีย่ นคา่ นิยมและวัฒนธรรม แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการปรับเปล่ียนค่านิคมและวัฒนธรรม ประกอบด้วย แผนย่อย จำนวน ๓ แผน เก่ยี วข้องกับภารกจิ ด้านการศกึ ษา จำนวน ๑ แผน ดังนี้ แผนพัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อบุ ลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 38
แผนย่อย ๓.๑ การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และการเสรมิ สร้างจิตสาธารณะ และการเป็น พลเมอื งที่ดี แนวทางการพฒั นา ขอ้ ๒) บรู ณาการเรื่องความชื่อสัตย์ วินยั คณุ ธรรม จริยธรรม และดา้ นสิ่งแวดล้อมในการจัดการเรยี น การสอนในและนอกสถานศึกษา จัดให้มีการเรียนการสอนตามพระราชดำริ และปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในสถานศึกษา จัดให้มีการรทู้ างศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมของชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงการตระหนักรู้ และการมสี ่วนร่วมด้านทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมให้รองรบั การเปลี่ยนแปลง ทง้ั ในและตา่ งประเทศ ขอ้ ๕) การสง่ เสริมให้คนไทยมจี ิตสาธารณะและมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมสร้างจิตสาธารณะ และ จิตอาสา โดยใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสาร เพ่ือรับผิดชอบต่อส่วนรวม สร้างเสริมผู้นำการเปล่ียนแปลง และต้นแบบท่ีดีท้ังระดับบุคคลและองค์กร โดยการยกย่องผู้นำที่มีจิตสาธารณะ และจติ อาสา และมีความรับผิดชอบต่อสงั คม ส่งเสริมสนับสนุนให้มกี ลไกการดำเนินงาน ในการสรา้ งเสรมิ การ พัฒนาจิตสาธารณะและจิตอาสาเพื่อสังคมและส่วนรวม โดยส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรสาธารณะที่ไม่หวัง ผลประโยชน์ แผนแมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ชาติ (๑๑) ประเดน็ ศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ประกอบไปด้วย แผนย่อย จำนวน ๕ แผนเก่ยี วขอ้ งกับภารกจิ ดา้ นการศึกษา จำนวน ๔ แผน ดงั นี้ แผนย่อย ๓.๑ การสรา้ งสภาพแวดลอ้ มทเี่ อื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ แนวทางการพฒั นา ข้อ ๒) ส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครอบครัว และชุมชนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ปลูกฝังและพัฒนาทักษะนอกห้องเรียน สร้างกระบวนการเรียนรู้ และ พัฒนาทักษะของประชากรให้สอดคล้องกับความเปล่ียนแปลงของโลกในอนาคต สร้างความตระหนักถึงความสำคัญ ของการพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและพัฒนาสังคม รวมท้ังสนับสนุนด้านวิชาการและ สร้างนวัตกรรมท่ีสนับสนุนการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน เพื่อให้องค์กร เครือข่าย ชุมชนมีความเข้มแข็ง และมกี ลไกการพัฒนาระดับพื้นที่ที่ประชาชน ชุมชน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน มีสว่ นร่วมในการพัฒนา เฝ้าระวัง และติดตามการดำเนินงานส่งผลให้การพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้อย่างเป็นรูปธรรม การปลูกฝังและพฒั นาทักษะนอกหอ้ งเรยี น โดยเนน้ ให้พ่อแมม่ ีวฒั นธรรมทป่ี ลกู ฝังใหล้ ูกเพม่ิ พูนทักษะการเรียนรชู้ วี ติ ดนตรี กีฬา ศิลปะ รวมทั้งสง่ เสริมให้ทกุ ภาคส่วนเปิดพื้นที่แห่งการเรียนรู้ และจัดกระบวนการเรียนรู้ทหี่ ลากหลาย และเหมาะสม เออ้ื แกค่ รอบครวั ทกุ ลกั ษณะ ขอ้ ๓) พัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีความเชื่อมโยงและบูรณาการขอ้ มูล ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างภาคีการพัฒนาต่าง ๆ โดยการเช่ือมโยงข้อมูลที่เก่ียวกับการศึกษา การพัฒนาตนเอง สุขภาพ และการพัฒนาอาชีพในตลอดช่วงชีวิต เพ่ือเสริมและสร้างศักยภาพของการดำเนินงาน การพฒั นาทรัพยากรมนษุ ยต์ ามพนั ธกจิ ของแตล่ ะหน่วยงานใหม้ ีความเขม้ แขง็ และตอบโจทยป์ ระเทศ เป็นฐานขอ้ มูล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศท่ีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สามารถประเมินจุดอ่อน จุดแข็ง และศักยภาพบุคคลของประเทศ นำไปสู่การตัดสินใจ ระดับนโยบายและปฏิบัติ เพื่อพัฒนาคนอย่างมีทิศทาง และสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในอนาคต รวมถึงข้อมูลสนับสนุนการผลิตกำลังแรงงานท่ีมีทักษะตรงต่อ ความต้องการของตลาดงานในอนาคต และใช้ประกอบการตัดสินใจในการศึกษาต่อ มีธนาคารคลังสมอง เพ่ือรวบรวมผ้สู ูงอายุที่มีความรู้ ประสบการณ์ และทักษะเพื่อถา่ ยทอดความรู้ ประสบการณ์ และทักษะให้เกิดประโยชน์ ต่อประเทศชาติ แผนพฒั นาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จงั หวดั อุบลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 39
แผนย่อย ๓.๒ การพฒั นาเด็กต้งั แตช่ ่วงการตั้งครรภจ์ นถงึ ปฐมวัย แนวทางการพฒั นา ข้อ ๓) จัดให้มีการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการ สมรรถนะ และคุณลักษณะท่ีดีสมวัยทุกด้าน โดยการ พัฒนาหลักสูตรการสอน และปรับปรุงสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน ที่เน้นการพัฒนา ทักษะสำคัญด้านต่างๆ อาทิ ทักษะทางสมอง ทักษะด้านความคิดความจำ ทักษะการควบคุมอารมณ์ ทักษะ การวางแผนและการจัดระบบ ทักษะการรู้จักประเมินตนเอง ควบคู่กับการยกระดับบุคลากรในสถานพัฒนา เด็กปฐมวัยให้มีความพร้อมทั้งทักษะความรู้ จริยธรรม และความเป็นมืออาชีพ ตลอดจนผลักดันให้มีกฎหมาย การพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ครอบคลุม ท้ังการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ เน้นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระบบ การศึกษาการพัฒนาสุขภาพอนามัยให้มีพัฒนาการท่ีสมวัยและการเตรียมทักษะการอยู่ในสังคม ให้มีการ พฒั นาการอยา่ งรอบดา้ น แผนยอ่ ย ๓.๓ การพฒั นาช่วงวยั เรยี นวัยรนุ่ แนวทางการพฒั นา ข้อ ๑) จัดให้มีการพัฒนาทักษะที่สอดรับกับทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ โดยเฉพาะทักษะด้านการคิด วิเคราะห์ สงั เคราะห์ ความสามารถในการแก้ปญั หาทีซ่ ับซอ้ น ความคดิ สรา้ งสรรค์ การทำงานรว่ มกบั ผูอ้ น่ื ข้อ ๒) จัดให้มีการพัฒนาทักษะด้านภาษา ศิลปะ และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีท่ีสอดคล้อง กบั ความสามารถความถนัดและความสนใจ ขอ้ ๓) จัดให้มีการพัฒนาทักษะในการวางแผนชีวิตและวางแผนการเงิน ตลอดจนทักษะทเี่ ช่ือมต่อกับ โลกการทำงาน ข้อ ๔) จัดให้มีพัฒนาทักษะอาชีพท่ีสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ การบ่มเพาะการเป็นนักคิด นกั นวตั กร และการเปน็ ผปู้ ระกอบการใหม่ รวมทง้ั ทักษะชีวติ ท่สี ามารถอยรู่ ่วมกันภายใต้สงั คมทีเ่ ป็นพหุวฒั นธรรม แผนย่อย ๓.๔ การพัฒนาและยกระดบั ศักยภาพวัยแรงงาน แนวทางการพฒั นา ข้อ ๑) ยกระดับศกั ยภาพ ทักษะ และสมรรถนะของคนในชว่ งวยั ทำงาน ใหม้ ีคณุ ภาพมาตรฐานสอดคล้องกับ ความสามารถเฉพาะบุคคลและความต้องการของตลาดงาน รวมท้งั เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสรา้ งความเข้มแข็ง เศรษฐกจิ และผลิตภาพเพิ่มข้นึ ใหก้ ับประเทศ ข้อ ๒) เสริมสร้างวัฒนธรรมการทำงานท่ีพึงประสงค์ และความรู้ ความเข้าใจ และทักษะการเงิน เพ่ือเสริมสร้างความมั่นคงและหลักประกันของตนเองและครอบครัว รวมท้ังสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับ วยั ทำงาน ผา่ นระบบการคุ้มครองทางสังคมและการสง่ เสริมการออม ขอ้ ๓) ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทักษะแรงงานฝีมือให้เป็นผู้ประกอบการใหม่ และพัฒนาต่อยอด ความรใู้ นการสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ และมีโอกาสทางเลอื กทำงานและสรา้ งงาน แผนย่อย ๓.๔ การส่งเสริมศกั ยภาพผู้สูงอายุ ข้อ ๑) ส่งเสริมการมีงานทำของผู้สูงอายุให้พ่ึงพาตนเองได้ทางเศรษฐกิจ และร่วมเป็นพลังสำคัญต่อ การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและประเทศ รวมทั้งสนับสนุนมาตรการจูงใจทางการเงนิ และการคลัง ให้ผ้ปู ระกอบการ มีการจ้างงานท่ีเหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ ตลอดจนจัดทำหลักสูตรพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพท่ีเหมาะสม กับวัย สมรรถนะทางกาย ลักษณะงาน และสง่ เสริมทกั ษะการเรียนรใู้ นการทำงานร่วมกนั ระหว่างกลุม่ วัย ข้อ ๓) ส่งเสริมสนับสนุนระบบการส่งเสริมสุขภาพดูแลผู้สูงอายุ พร้อมท้ังจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นมิตรกับ ผู้สูงอายุ อาทิ ส่ิงอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันที่เหมาะสม เมืองที่เป็นมิตร ทั้งระบบขนส่ง สาธารณะ อาคารสถานที่ พ้นื ทสี่ าธารณะและที่อยูอ่ าศยั ใหเ้ อื้อต่อการใช้ชวี ติ ของผู้สงู อายุและทุกกล่มุ ในสงั คม แผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. 2562 – 2565) จังหวดั อบุ ลราชธานี ฉบบั ทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 40
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308