Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เทคนิคการดะอ์วะฮ์ของนบีนูห์ โดย : มุนซีเราะห์ บูงอตาหยง

เทคนิคการดะอ์วะฮ์ของนบีนูห์ โดย : มุนซีเราะห์ บูงอตาหยง

Published by Ismail Rao, 2021-01-12 03:12:27

Description: การอดทนและยืนหยัดในการทำหน้าที่ดะอฺวะฮ์ของนบีนูห์เป็นเวลา
ยาวนานถึง 950 ปี การขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์ และผลตอบแทนจากพระองค์ต่อผู้ปฏิเสธศรัทธา ด้วยการลงโทษพวกเขาในโลกนี้ โดยทรงให้พวกเขาอยู่ในการหลงผิด และทรงลงโทษต่อมาด้วยน้าท่วมโลก และการลงโทษพวกเขาในโลกหน้าด้วยการถูกให้เข้าอยู่ในไฟนรกอันลุกโชน

เทคนิคการดะอฺวะฮฺของนบีนูห์ ใช้ดะอฺวะฮฺที่หลากหลาย ทั้งการกล่าวตักเตือน การดะอ์วะฮ์ด้วยความสุภาพอ่อนโยน การเรียกร้องเชิญชวนอย่างลับๆและเปิดเผย การดะอฺ์ะฮฺ์ด้วยการชี้แนะ ให้ขออภัยโทษจากพระเจ้า ด้วยการบอกข่าวดีทั้งในอาคิเราะฮฺ์และดุนยา การดะอ์วะฮฺ์ด้วยการให้ใคร่ครวญถึง
ความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ การใช้เวลาที่เหมาะสม ทั้งกลางคืนและกลางวัน อย่างสม่าเสมอโดยมิให้บกพร่องแต่อย่างใดเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ

Search

Read the Text Version

1 การศึกษาวเิ คราะห์เทคนิคการดะอวฺ ะฮฺของท่านนบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺ An Analitical Study the Technique of the Da‘wah of Nabi Nuh  in Surah Nuh มุนซีเราะห์ บูงอตาหยง Munzirah Bungatayong วทิ ยานิพนธ์นีส้ าหรับการศึกษาตามหลกั สูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าอสิ ลามศึกษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ A Thesis Submitted in Fulfillment of the Requirements for the Degree of Master of Arts in Islamic Studies Prince of Songkla University 2558 ลขิ สิทธ์ขิ องมหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์

2 ช่ือวทิ ยานิพนธ์ การศึกษาวเิ คราะห์เทคนิคการดะอฺวะฮฺของท่านนบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺ ผู้เขยี น นางสาวมุนซีเราะห์ บงู อตาหยง สาขาวชิ า อิสลามศึกษา อาจารย์ทป่ี รึกษาวทิ ยานิพนธ์หลกั คณะกรรมการสอบ ..................................................... ..............................................ประธานกรรมการ (รองศาสตราจารย์ ดร.อบั ดุลเลาะ การีนา) (ดร.อีสมาแอ กาเตะ๊ ) ............................................................กรรมการ (รองศาสตราจารย์ ดร.อบั ดุลเลาะ การีนา) ............................................................กรรมการ (ดร.อบั ดุลฮาดี สะบดู ิง) ............................................................กรรมการ (ดร.อบั ดุลการีม สาแมง) บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ อนุมตั ิใหน้ บั วทิ ยานิพนธ์ฉบบั น้ี สาหรับการศึกษาตามหลกั สูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าอิสลามศึกษา ........................................................... (รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระพล ศรีชนะ) คณบดีบณั ฑิตวทิ ยาลยั

3 ขา้ พเจา้ ขอรับรองวา่ ผลงานวจิ ยั น้ีเป็นผลงานจากการศึกษาวจิ ยั ของนกั ศึกษาเ อง และไดแ้ สดงความขอบคุณบุคคลที่มีส่วนช่วยเหลือแลว้ ลงชื่อ.................................................................. (รองศาสตราจารย์ ดร.อบั ดุลเลาะ การีนา) อาจารยท์ ่ีปรึกษาวทิ ยานิพนธ์หลกั ลงชื่อ.................................................................. (นางสาวมุนซีเราะห์ บงู อตาหยง) นกั ศึกษา

4 ขา้ พเจา้ ขอรับรองวา่ ผลงานวจิ ยั น้ีไมเ่ คยเป็นส่วนหน่ึงในการอนุมตั ิปริญญาใน ระดบั ใดมาก่อนและไม่ไดถ้ ูกใชใ้ นการยน่ื ขออนุมตั ิปริญญาในขณะน้ี ลงช่ือ.................................................................. (นางสาวมุนซีเราะห์ บูงอตาหยง) นกั ศึกษา

5 ชื่อวทิ ยาพนธ์ การศึกษาวเิ คราะห์เทคนิคการดะอฺวะฮฺของทา่ นนบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺ ผู้เขียน นางสาวมุนซีเราะห์ บูงอตาหยง สาขาวชิ า อิสลามศึกษา ปี การศึกษา 2557 บทคดั ย่อ การวจิ ยั น้ีมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือ 1) ศึกษาชีวประวตั ิของท่านนบีนูหฺ  2) ศึกษาถึง ความสาคญั ของสูเราะฮฺนูหฺ 3) ศึกษาเทคนิคการดะอฺวะฮฺของท่านนบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺ งานวจิ ยั ชิ้นน้ีเป็นการศึกษาวจิ ยั เชิงพรรณนาโดยใชว้ ธิ ีเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากอลั กุรอาน อลั หะดีษ เอกสารตา่ งๆ ตาราและงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง และการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ใชห้ ลกั อุศูลอตั ตฟั สี รฺ หลกั อุศลู อลั หะดีษ และหลกั การประวตั ิศาสตร์ ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) ท่านนบีนูหฺ มีชื่อวา่ นูหฺ  บุตรของ ลามกั บุตรของ มะตู ชาลิค บุตรของ เคาะ นูค เขาคือ อิดรีส  บุตรของ ยาริด บุตรของ มะฮฺลาบีล บุตรของ กีนาน บุตรของ อะนูช บุตรของ ชีษ บุตรของ อาดมั  อลั กุรอานไดก้ ล่าวเก่ียวกบั ก ารทาหนา้ ท่ี ดะอฺวะฮฺของทา่ นตอ่ กลุ่มชนของทา่ น การอดทนและยนื หยดั ในการทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺ เป็นเวลา ยาวนานถึง 950 ปี การขอดุอาอต์ ่ออลั ลอฮฺ  และผลตอบแทนจา กพระองคต์ อ่ ผปู้ ฏิเสธศรัทธา ดว้ ย การลงโทษพวกเขาในโลกน้ีโดยทรงใหพ้ วกเขาอยใู่ นการหลงผดิ และทรงลงโทษต่อมาดว้ ยน้าท่วม โลก และการลงโทษพวกเขาในโลกหนา้ ดว้ ยการถูกใหเ้ ขา้ อยใู่ นไฟนรกอนั ลุกโชน 2) สูเราะฮฺนูหฺ เป็นสูเราะฮฺมกั กียะฮฺอยา่ งเอกฉนั ท์ เน้ือเร่ืองของสูเราะฮฺน้ีเนน้ หนกั ในเร่ืองของอะกีดะฮฺหรือ หลกั การศรัทธา สูเราะฮฺไดก้ ล่าวเก่ียวกบั ทา่ นนบีนูหฺ  ในการทาหนา้ ท่ีดะอ วะฮฺซ่ึงใชร้ ูปแบบท่ี หลากหลายในการเชิญชวนผคู้ นสู่สจั ธรรม เพอ่ื เป็นการฝึกฝน เป็นแบบอยา่ งใหก้ บั บรรดานบีและ เราะสูล และผทู้ ่ีไดช้ ่ือวา่ เป็นนกั ดาอียจ์ วบจนวนั สิ้นโลก 3) เทคนิคการดะอฺวะฮฺของ ท่านนบีนูหฺ  ใชร้ ูปแบบการดะอฺวะฮฺที่มีความหลากหลาย ท้งั การ กล่าวตกั เตือน การดะอฺ วะฮฺดว้ ยความ สุภาพอ่อนโยน การเรียกร้องเชิญชวนอยา่ งลบั ๆและเปิ ดเผ ย การดะอฺวะฮฺดว้ ยการช้ีแนะใหข้ ออภยั โทษจากพระเจา้ ดว้ ยการบอกข่าวดีท้งั ในอาคิเราะฮฺและดุนยา ก ารดะอฺวะฮฺดว้ ยการใหใ้ คร่ครวญถึง ความยงิ่ ใหญข่ องอลั ลอฮฺ  การใชเ้ วลาที่เหมาะสม ท้งั กลางคืนและกลางวนั อยา่ งสม่าเสมอโดยมิ ใหบ้ กพร่องแต่อยา่ งใดเพือ่ ใหป้ ระสบความสาเร็จในการทาหนา้ ที่อยา่ งเตม็ ความสามารถ

6 Thesis Tittle An Analitical Study the Technique of the Da‘wah of Nabi Nuh  in Surah Nuh Author Munzirah Bungatayong Major Program Islamic Studies Academic Year 2014 ABSTRACT The objectives of this research are: 1) to study the history of Nabi Nuh 2) to study how importance the Surah 3) to learn some technique how Nabi Nuh  had da‘wah his people to Islam in Surah Nuh. The research has been studied based on the thesis description by collecting all facts from the al-Quran, al-Hadith other documents and some researches concerned. Data ana- lyses use the principal of Usul al-Tafsir (The method principle of how to comment and explain the al-Quran), Usul al-Hadith (The method principle of how to comment and explain the Hadith) and the method principal of history study. The results of the research has found that 1) Nabi Nuh  real name is Nuh son of La- muk son of Matushalik son of Khanukh – Nabi Idris  son of Yarith son of Mahlabil son of Qinan son of Anuch son of Shith son of Adam . Al-Quran has described mainly how the Na- bi Nuh  had been da‘wah his people to Islamic Monotheism all time days and nights. He has done his mission to disseminate his people to Islam for 950 years long responsibly and patiently. He had begged support and help from Allah  and his beg was responded. The unbelievers were punished going astray and severed world flood ever been was fallen on them. In the Hereafter, again they will be thrown away in the hell-fire endlessly. 2) The Surah Nuh is unanimously agreed as a Makkah Surah that focussed mainly on Islamic Monotheism of how Nabi Nuh  had called them to the Islamic Truth many ways as much possible as he can. His prophetic call can be example and model for Islamic da-i – Islamic callers forever. 3) Nabi Nuh  has used diverse technical dissemination to Islam: by warning them, mercy guiding openly and secret, in- structing them to ask forgiveness to Allah , sequence of rewards both in this world and Hereaf- ter, reminding them to the Greatness of Allah  and spending days and nights to seek success as possible as he can.

‫‪7‬‬ ‫دراسةتحليليةلأساليب دعوةنبينوح ‪‬فيسورةنوح‬ ‫موضوعالبحث‬ ‫منذرةبلوصاتايونج‬ ‫الباحثة‬ ‫القسم‬ ‫الدراسا تلاإسلامية‬ ‫‪ 1435‬ه‬ ‫العامالجامعي‬ ‫مستخلصالبحث‬ ‫يهدؼىذاالبحثإلى (‪ )1‬دراسة َستةنبينوح ‪ (2( .‬دراسةلأعيةسورةنوح‪ )3( .‬دراسة‬ ‫أساليب دعوةنبينوح ‪‬فيسورةنوح‪.‬ىذاالبحثتيركزعلىالدراسةالوصفيةبجمعلادعلوما تمن‬ ‫القرآنالكًرن ولاأحاديثالنبوية والوثائق كالكتب ولابأحا ث وتحليللادعلوما تباستخداـالقواعدمن‬ ‫أصو لالتفيسر وأصو للاحديثلوادباد ئالتايرخية‪.‬‬ ‫كأماالنتائجالتيتوصلتالباحثةكالتالية (‪)1‬نبينوح ‪ ‬كىونوحبنلامكبنمتوشلخبن‬ ‫خنوخ (وىوادريس ‪)‬بنيردبنمهلابيلبنقينافبنأنوشبنشيتبنآدـ ‪ .‬كذكرالقرآن‬ ‫عنمناصبوالدعويةتجاهقومو وبصره وثبوتوعلى دعوةالنا سطوا ل ‪950‬سنة ودعامن ربو ‪‬أفلغزئ‬ ‫منكفربلالهبأفيضلهملالهفيىذهالدنيا كيعبذهمبعد ذلكبالطوفافلكػرقهمالناريوـلاآخػػػػػػػػػػػػػػػرة‪.‬‬ ‫(‪)2‬سورةنوحىيسورةمكيةبلاإتفاؽ‪ ،‬كمضموفىذهالسورةًيتكزعلىلاأمورالعقديةأكأصو ؿ‬ ‫لايإماف‪ ،‬كيتحد ثعنمسئوليةنبينوحفيالدعوة كىيعلىأنواعمنلاأساليبفي دعوةالنا سإلى‬ ‫لاحق‪،‬فهيتعبترتدريبا كقدكةللأنبياءلكادرسلُت كالداعيإلىلالهتَنتلذمالطريقإلىيوـالقياـػػػػػػػػػػػػػػػػػػػػػة‪.‬‬ ‫(‪)3‬أساليب دعوةنبينوح ‪‬متنوعة كىي‪:‬لاإنذار كالدعوةباللُت كالدعكةفيالسر كالعلن كالدعوة‬ ‫إلىلاإستغفار كالتبَشتبالدنيا كلاآخرة كالدعوةإلىالتدبرفيالكوفعنعظمةلاله كدكاـ كقتلادناسب‬ ‫ليلانكهارامدكامةمستمرة دكفتقَصتأكخلللينا ؿالنجاحفيتحقيق كاجبوالدعو م‪.‬‬

8 กติ ติกรรมประกาศ ดว้ ยความเมตตากรุณาปรานีและ ความโปรดปรานจากเอกองคอ์ ลั ลอฮฺ  ท่ีทรง ใหว้ ทิ ยานิพนธ์เล่มน้ีสาเร็จลุล่วงดว้ ยดี อีกท้งั ไดร้ ับความอนุเคราะห์จากคณาจารยผ์ ทู้ รงคุณวฒุ ิจาก วทิ ยาลยั อิสลามศึกษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตปัตตานี ผวู้ จิ ยั ขอขอบคุณอาจารยท์ ี่ปรึกษา รองศาสตราจารย์ ดร .อบั ดุลเลาะ การีนา ท่ีได้ สละเวลาตรวจทานแกไ้ ข แนะนาเอกสาร เรียบเรียงขอ้ มลู ช้ีแนะระเบียบตา่ งๆ ที่เก่ียวขอ้ ง และ เสนอแนวคิดที่สาคญั ในการเขียนวทิ ยานิพนธ์ใหถ้ ูกตอ้ ง ขอขอบคุณ ดร .อีสมาแอ กาเตะ๊ ประธานกรรมการสอบ ดร .อบั ดุลฮาดี สะบูดิง และ ดร .อบั ดุลการีม สาแมง กรรมการสอบ ที่ไดก้ รุณาสละเวลาในการอา่ น ตรวจสอบและให้ คาแนะนา คาปรึกษาและแกไ้ ขขอ้ บกพร่องตา่ งๆ เพ่ือใหว้ ทิ ยานิพนธ์เล่มน้ีมีความสมบรู ณ์มากยงิ่ ข้ึน ขอขอบคุณ นางยาวาเฮ บงู อตาหยง คุณแม่ เป็นอยา่ งสูงที่ไดใ้ หก้ าลงั ใจ ใหก้ าร สนบั สนุน ใหค้ าปรึกษา และถามไถ่ความคืบหนา้ ในการเขี ยนวทิ ยานิพนธ์ อีกท้งั เป็นผทู้ ี่มีส่วนช่วย ใหผ้ วู้ จิ ยั มีความกระตือรือร้นที่จะทาวทิ ยานิพนธ์จนสาเร็จลุล่วงดว้ ยดี ขอขอบคุณ นายอบั ดุลเลาะห์ ใบกาเด็ม สามีผทู้ ี่อยเู่ คียงขา้ งคอยใหก้ าลงั ใจ ช่วยเหลือ ใหค้ าปรึกษาและอานวยความสะดวกต่างๆ เดก็ หญิงอมู ยั เราะห์ ใบกาเด็ม เ ดก็ หญิง ฮาฟี เซาะห์ ใบกาเดม็ ที่เป็นแรงบนั ดาลใจและกาลงั ใจมาโดยตลอด พร้อมท้งั ทุกคนในครอบครัวท่ี คอยใหก้ าลงั ใจ ตลอดจนช่วยเหลือ ใหก้ ารสนบั สนุนและอานวยความสะดวกในการทาวทิ ยานิพนธ์ เล่มน้ีจนสาเร็จ ขอขอบคุณคณบดีบณั ฑิตวทิ ยาลยั และเจา้ หนา้ ที่บณั ฑิตทุกทา่ นที่กรุณ าให้ คาแนะนา อานวยความสะดวกตา่ งๆ และใหก้ ารประสานงานในการทาวทิ ยานิพนธ์คร้ังน้ี ขอขอบคุณคณะผบู้ ริหารโรงเรียนอิสลาฮียะห์ท่ีใหโ้ อกาสในการศึกษา ตลอดจน บุคลากรทุกทา่ นที่ใหก้ าลงั ใจในการทาวทิ ยานิพนธ์ สุดทา้ ยน้ี ขอมอบวทิ ยานิพนธ์น้ีเป็นกุศลทานแก่ทุกท่านท่ีศึกษา คน้ ควา้ ดว้ ยจิตใจ ที่บริสุทธ์ิ เพอ่ื นามาซ่ึงการปฏิบตั ิและเผยแพร่ความรู้ สัจธรรมแห่งอิสลามสู่สงั คมต่อไป มุนซีเราะห์ บูงอตาหยง

9 สารบัญ บทคดั ยอ่ ........................................................................................................................... หนา้ 5 ABSTRACT..................................................................................................................... 6 7 ‫مستخلصالبحث‬................................................................................................................ กิตติกรรมประกาศ............................................................................................................ 8 9 สารบญั ............................................................................................................................. ตารางปริวรรตอกั ษรอาหรับ-ไทย..................................................................................... 12 ตารางปริวรรตอกั ษรอาหรับ-องั กฤษ................................................................................ 14 บทท่ี 1 บทนา.................................................................................................................... 16 1.1 ความเป็ นมาของปัญหาและปัญหา................................................................ 16 1.2 อลั กรุ อาน อลั หะดีษ เอกสารงานวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง....................................... 21 1.2.1 อลั กุรอาน............................................................................................. 21 1.2.1.1 อลั กุรอานที่เก่ียวขอ้ งกบั คาส่ังใหม้ ีการดะอฺวะฮฺ...................... 22 1.2.1.2 อลั กรุ อานที่วา่ ดว้ ยลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผทู้ ่ีจะมาทา หนา้ ที่ดะอฺวะฮฺ.......................................................................... 25 1.2.1.3 อลั กุรอานท่ีเก่ียวขอ้ งกบั รูปแบบและวธิ ีการดะอฺวะฮฺ............... 27 1.2.1.4 อลั กรุ อานที่เกี่ยวขอ้ งกบั ผลตอบแทนแก่นกั ดาอีย.์ ................... 30 1.2.1.5 อลั กุรอานที่เกี่ยวขอ้ งกบั การดะอฺวะฮฺของท่านนบีนูหฺ ..... 31 1.2.2 อลั หะดีษ............................................................................................ 37 1.2.3 เอกสารงานท่ีเก่ียวขอ้ ง........................................................................ 40 1.2.4 งานวจิ ยั ............................................................................................... 42 1.3 วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั .............................................................................. 44 1.4 ความสาคญั และประโยชน์ของการวจิ ยั ........................................................ 44 1.5 ขอบเขตการวจิ ยั ............................................................................................ 45 1.6 ขอ้ ตกลงเบ้ืองตน้ ............................................................................................ 45 1.7 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ.......................................................................................... 46 1.8 วธิ ีดาเนินการวจิ ยั .......................................................................................... 47

10 สารบัญ (ต่อ) หนา้ บทท่ี 2 ชีวประวตั ิของทา่ นนบีนูหฺ .......................................................................... 50 2.1 ชื่อและวงศต์ ระกลู ...................................................................................... 50 2.2 การกาเนิดของท่านนบีนูหฺ ................................................................. 56 2.3 สภาพสังคมในสมยั นบีนูหฺ ................................................................ 60 2.4 ภยั พิบตั ิในสมยั นบีนูหฺ ....................................................................... 71 2.5 มุอฺญิซะฮฺ(ปาฏิหาริย)์ ของท่านนบีนูหฺ ................................................ 96 2.6 การเสียชีวติ ของทา่ นนบีนูหฺ ............................................................... 104 2.7 การกล่าวถึงทา่ นนบีนูหฺ  ในอลั กุรอาน................................................ 108 บทที่ 3 ความสาคญั และความเป็นมาของสูเราะฮฺนูหฺ....................................................... 123 3.1 การต้งั ช่ือสูเราะฮฺนูหฺ................................................................................... 123 3.2 จานวนอายะฮฺในสูเราะฮฺนูหฺ ...................................................................... 126 3.3 เน้ือหาของสูเราะฮฺนูหฺโดยสรุป.................................................................. 127 3.4 ความประเสริฐของสูเราะฮฺนูหฺ................................................................... 133 3.5 การเริ่มตน้ และการจบของสูเราะฮฺนูหฺ........................................................ 133 3.6 ความสัมพนั ธ์ของสูเราะฮฺนูหฺกบั สูเราะฮฺท่ีผา่ นมาและสูเราะฮฺหลงั จากน้นั . 139 3.6.1 ความสัมพนั ธ์ของสูเราะฮฺนูหฺกบั สูเราะฮฺที่ผา่ นมา............................. 139 3.6.2 ความสัมพนั ธ์ของสูเราะฮฺนูหฺกบั สูเราะฮฺหลงั จากน้นั ........................ 141 3.6.3 ความสมั พนั ธ์ของสูเราะฮฺนูหฺกบั สูเราะฮฺก่อนจากน้นั ตามลาดบั การ ประทานอลั กรุ อาน........................................................................... 145 3.7 หลกั การใชภ้ าษาในสูเราะฮฺนูหฺ.................................................................. 146 บทที่ 4 เทคนิคการดะอฺวะฮฺของท่านนบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺ................................... 158 4.1 ความหมายของการดะอฺวะฮฺ....................................................................... 158 4.1.1 ความหมายเชิงภาษาศาสตร์.............................................................. 158 4.1.2 ความหมายเชิงวชิ าการ..................................................................... 159 4.2 จุดประสงคใ์ นการดะอฺวะฮฺ........................................................................ 164

11 สารบัญ (ต่อ) หนา้ 4.3 นกั ดาอียแ์ ละคุณลกั ษณะของนกั ดาอีย.์ ....................................................... 178 4.3.1 ความหมายของนกั ดาอีย.์ ................................................................. 181 4.3.2 คุณลกั ษณะของนกั ดาอีย.์ ................................................................. 182 4.4 ประเภทของผถู้ ูกดะอฺวะฮฺ(มดั อูว)์ .............................................................. 218 4.4.1 มุอฺมิน.............................................................................................. 222 4.4.2 ผทู้ ่ีไมม่ ีจุดยนื (ผทู้ ี่ยงั ลงั เลอย)ู่ ......................................................... 226 4.4.3 ผกู้ ระทาความผดิ ............................................................................ 228 4.4.4 กาฟิ รฺหรือผปู้ ฏิเสธศรัทธา............................................................... 229 4.5 เทคนิคการดะอฺวะฮฺของท่านนบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺ .............................. 234 4.5.1 การดะอฺวะฮฺดว้ ยการกล่าวตกั เตือน.................................................. 234 4.5.2 การดะอฺวะฮฺดว้ ยความสุภาพออ่ นโยน............................................ 237 4.5.3 การดะอฺวะฮฺดว้ ยการโนม้ นา้ ว.......................................................... 242 4.5.4 การดะอฺวะฮฺดว้ ยการเลือกใชเ้ วลาที่เหมาะสม.................................. 244 4.5.5 การดะอฺวะฮฺดว้ ยการเรียกร้องเชิญชวนอยา่ งลบั ๆและเปิ ดเผย.......... 250 4.5.6 การดะอฺวะฮฺดว้ ยการช้ีแนะใหข้ ออภยั โทษ...................................... 252 4.5.5 การดะอฺวะฮฺดว้ ยการบอกข่าวดี........................................................ 255 4.5.5 การดะอฺวะฮฺดว้ ยการใหใ้ คร่ครวญถึงความยงิ่ ใหญข่ องอลั ลอฮฺ .. 260 บทท่ี 5 สรุปผลวจิ ยั และขอ้ เสนอแนะ............................................................................. 278 วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั ................................................................................... 278 ความสาคญั และประโยชน์ของการวจิ ยั .............................................................. 278 ขอบเขตการวจิ ยั ................................................................................................. 278 วธิ ีดาเนินการวจิ ยั ............................................................................................... 279 5.1 สรุปผลการวจิ ยั .............................................................................................. 281 5.2 อภิปรายผล................................................................................................... 292 5.3 ขอ้ เสนอแนะ................................................................................................. 294 บรรณานุกรม..................................................................................................................... 295 ภาคผนวก.......................................................................................................................... 304

12 ตารางปริวรรตอกั ษรอาหรับ-ไทย พยญั ชนะอาหรับ คาอ่าน พยญั ชนะไทย อลีฟ อ ‫ا‬ บาอ์ บ ‫ب‬ ฮมั ซะฮฺ ‫ء‬ ตาอ์ อ (ในกรณีเป็นตวั สะกดใช้ อ์) ‫ت‬ ษาอ์ ต ‫ث‬ ญีม ษ ‫ج‬ หาอ์ ‫ح‬ คออ์ ญ (ในกรณีเป็นตวั สะกดใช้ จญ์) ‫خ‬ ดาล ห (ยกเวน้ รอฮีม เตาฮีด) ‫د‬ ษาล ค ‫ذ‬ รออ์ ด ‫ر‬ ซาล ษ ‫ز‬ สีน ร ‫س‬ ชีน ซ ‫ش‬ ศอด ส (ยกเวน้ มูซา อีซา) ‫ص‬ ฎอด ช ‫ض‬ ฏออ์ ศ ‫ط‬ ซฺออ์ ฎ ‫ظ‬ อยั นฺ ฏ ‫ع‬ ฆอยนฺ ซฺ ‫غ‬ ฟาอ์ อฺ ‫ؼ‬ กอฟ ฆ ‫ؽ‬ กาฟ ฟ ‫ؾ‬ ลาม กฺ ‫ؿ‬ ก ล

‫ـ‬ 13 ‫ف‬ ‫ك‬ มีม ม ‫ىػ‬ นูน น ‫م‬ วาว ว )‫(الفتحة‬ ฮาอ์ ฮ (ในกรณีเป็นตวั สะกดใช้ ฮฺ) ยาอ์ ย )‫(الكسرة‬ )‫(الضمة‬ -อั (ในกรณีมีตวั สะกด เช่น มรั )‫(الفتحةلادمدودة‬ วาน อาดมั ฯ) –ะ, เ-าะ(ในกรณีมี ตวั สะกด), ละสระในบางกรณี )‫(الكسرةلادمدودة‬ )‫(الضمةلادمدودة‬ เช่น อลี บนี อบี อบู ฯลฯ -อิ ‫شمسية‬-‫ا ؿ‬ -อุ ‫قمرية‬-‫ا ؿ‬ -า (อ ในกรณีมีตวั สะกด เช่น อลั อะอฺรอฟ ฯลฯ) -อิ -อู อลั -ตามดว้ ยพยญั ชนะตวั แรกของ คาตอ่ ไป เช่นอดั ดีน อฏั ฏีน ฯลฯ อลั ตามดว้ ยคาต่อไปโดยไม่เวน้ วรรค เช่น อลั กรุ อาน อลั ลอฮฺ ฯลฯ

14 ตารางปริวรรตอกั ษรอาหรับ-องั กฤษ ห้องสมดุ รัฐสภา (คองเกรส) ประเทศสหรัฐอเมริกา พยญั ชนะอาหรับ คาอ่าน พยญั ชนะองั กฤษ อลีฟ ‫ا‬ บาอ์ A ‫ب‬ ฮมั ซะฮฺ B ‫ء‬ ตาอ์ a,i,u ‫ت‬ ษาอ์ T ‫ث‬ ญีม Th ‫ج‬ หาอ์ J ‫ح‬ คออ์ h} ‫خ‬ ดาล Kh ‫د‬ ษาล D ‫ذ‬ รออ์ Dh ‫ر‬ ซาล R ‫ز‬ สีน Z ‫س‬ ชีน S ‫ش‬ ศอด Sh ‫ص‬ ฎอด s} ‫ض‬ ฏออ์ d} ‫ط‬ ซฺออ์ t} ‫ظ‬ อยั นฺ z} ‫ع‬ ฆอยนฺ ‘a, ‘i, ‘u ‫غ‬ ฟาอ์ Gh ‫ؼ‬ กอฟ F ‫ؽ‬ กาฟ G ‫ؾ‬ K

15 ‫ ؿ‬ลาม L ‫ ـ‬มีม M ‫ ف‬นูน N ‫ ك‬วาว W ‫ ػق‬ฮาอ์ H ‫ م‬ยาอ์ Y

16 บทท่ี 1 บทนา 1.1 ความเป็ นมาของปัญหาและปัญหา การอยรู่ ่วมกนั ของมนุษยใ์ นสังคมก่อใหเ้ กิดความแตกต่างในดา้ นตา่ งๆ เช่น ดา้ น ความศรัทธา ความเช่ือ ความคิด วฒั นธรรมประเพณี เป็นตน้ ความแตกตา่ งเหล่าน้ีทาให้ ศาสนา อิสลามถูกประทานมายงั มนุษยชาติ โดยมีบรรดาเราะสูลขอ งอลั ลอฮฺ  ทาหนา้ ที่เผยแผศ่ าสนา อลั อิสลามซ่ึงเป็นศาสนา ณ ท่ีอลั ลอฮฺ  และเป็นแนวทางท่ีถูกตอ้ งแก่มวลมนุษยชาติ อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นคมั ภีร์อลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﭸﭹﭺ ﭻﭼﭽ ﭼ‬ )19 :‫(آ ؿعمراف‬ ความวา่ “แท้จริงศาสนา ณ อัลลอฮฺนน้ั คือ อัลอิสลาม” (อาละอิมรอน: 19) เมื่อศาสนา ณ ที่อลั ลอฮฺ  น้นั คืออลั อิสลาม จึงจาเป็ นสาหรับบรรดาเราะสูลผู้ เป็นศาสนทตู ของพระองคท์ ี่ตอ้ งทาหนา้ ที่ดะอฺวะฮฺตามแนวทางของพระองค์ใหส้ มบรู ณ์ท่ีสุดโดยทา การเชิญชวนมนุษยชาติสู่การเคารพภกั ดีต่อพระองค์เพียงองคเ์ ดียว และหนั ห่างจากส่ิง ชวั่ ร้ายมืดมน ท้งั หลายสู่หนทางแห่งแสงสวา่ ง และจากการเคารพภกั ดีผถู้ ูกสร้างสู่การเคารพภกั ดีผทู้ รงสร้าง สรรพสิ่งท้งั หลาย อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭴﭵﭶﭷﭸﭹﭺﭻﭼ‬ ‫ﭽﭾﭿﮀﮁﮂﮃﮄﮅ ﮆ‬

17 ‫ﮇﮈﮉﮊﮋﮌﮍﮎ ﮏﮐ‬ ‫ﮑﮒﭼ‬ (36 :‫)النحل‬ ความวา่ “และโดยแน่นอน เราได้ส่ง ร่อซูลมาในทุกประชาชาติ (โดยบญั ชาว่า) พวกท่านจงเคารพภักดีอัลล อฮฺและจงหลีกหนีให้ ห่างจากพวกเจวด็ ดงั น้ันในหม่พู วกเขามีผู้ ท่ี อัลลอฮฺทรงชี้แนะ ทางให้และในหม่พู วกเขามีการหลงผิดคู่ควรแก่เขา ฉะนั้นพวก เจ้าจงตระเวนไป บนแผ่นดิน แล้วจงดวู ่ าบ้ันปลายของผ้ปู ฏิเสธ น้นั เป็นเช่นใด” (อนั นะหฺลฺ: 36) หน่ึงในบรรดาเราะสูลท่ีเป็นแบบอยา่ งใหก้ บั ประชาชาติในการทาหนา้ ท่ี ดะอฺวะฮฺ คือทา่ นนบีนูหฺ  ซ่ึงระหวา่ งทา่ นนบีนูหฺ  และท่านนบีอาดมั  น้นั มีระยะเวลาห่างกนั หน่ึงสหสั วรรษ1 ผคู้ นอยใู่ นการทาความดี เคารพจงรักภกั ดีต่ออลั ลอฮฺ  เพยี งองคเ์ ดียว อิบนุ กะษิรฺ (Ibn Kathīr, 2003: 1/98) ไดร้ ายงานหะดีษ โดยอา้ งจากการบนั ทึก ของอลั บุคอรีย์ จากหะดีษอิบนุอบั บาส  ซ่ึงท่านกล่าววา่ ))‫))كافبُتآدـ كنوحعشرةقركفكلهمعلىلاإسلاـ‬ ความวา่ “ปรากฏ วา่ ระยะเวลา ระหวา่ งอาดมั และนู หฺคือหน่ึง สหสั วรรษ ทุกคนยดึ มนั่ บนหนทางแห่งอิสลาม” ในหะดีษอีกบทหน่ึงจากอบีอุมามะฮฺ  ไดก้ ล่าววา่ ،‫مَكلّم‬،‫ فعم‬: ‫ (( امر سك ؿلاله ٌأنبّيبيكافآدـقا ؿ‬: ‫أفرجلاقا ؿ‬ ))‫عشرةقركف‬: ‫فكمكافبينو كبُتنوحقا ؿ‬: ‫قا ؿ‬ (6190 : 2009 ،‫(ركاهابنحباف‬ 1 สหสั วรรษ หมายถึง ช่วงของเวลา เท่ากบั หนี่งพนั ปี

18 ความวา่ “แท้จริงได้มีชายคนหน่ึงกล่าวว่า : โอ้ท่านเราะสูล ของอัลลอฮฺ นบีของเราคือนบีอาดมั ใช่ไหม ท่านนบี  ตอบว่า: ใช่. เขาถามต่อว่า : แล้วระหว่างนบีอาดัมและนบีนหู ฺมีระยะห่าง เท่าใด ท่านนบีตอบว่า หนึ่งสหัสวรรษ” (บนั ทึกโดย Ibn Ḥibbān, 2009: 6190) เม่ือเวลาผา่ นไปหลายยคุ หลายสมยั พวกเขาก็หลงลืมพระเจา้ ท่ีแทจ้ ริงและเคารพ สกั การะรูปป้ันซ่ึงมีตน้ เหตุมาจากการกระซิบกระซาบของชยั ฏอน 2 หลงั จากท่ีคนดีในหมพู่ วกเขา ตายไป พวกเขากเ็ ศร้าเสียใจ จึงเป็นโอกาสของชยั ฏอนที่จะหลอกใหพ้ วกเขาสร้างรู ปป้ันข้ึนเพอื่ เป็นการราลึกถึงคนดีเหล่าน้นั และเมื่อกาลเวลาผา่ นไปจนถึงช่วงสมยั ของประชาชาติของ ท่าน นบีนูหฺ  กลุ่มชนของท่านกก็ ม้ หนา้ กม้ ตาสกั การะรูปป้ัน ท้งั ๆท่ีไมร่ ู้วา่ มีท่ีมาจาก ที่ใดและรู้แต่ เพยี งวา่ บรรพบุรุษของพวกเขาไดป้ ฏิบตั ิมาก่อนหนา้ น้ีเท่าน้นั และพวกเข าเชื่อวา่ รูปป้ันท่ีพวกเขา สร้างข้ึนน้นั จะสามารถใหท้ ุกขแ์ ละสุขได้ อีกท้งั ยงั สามารถใหโ้ ทษและยงั ประโยชน์กบั พวกเขาได้ พวกเขาจึงผนิ หลงั ใหก้ บั แนวทางอนั ถูกตอ้ งและหนั หนา้ สู่การเคารพสักการะบชู ารูปป้ันและสร้าง รูปป้ันเพิ่มข้ึนดว้ ยน้ามือของพวกเขา อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮥﮦﮧﮨﮩﮪﮫﮬﮭﮮﮯ‬ ‫ﮰﮱ﮲ﭼ‬ (23 :‫(نوح‬ ความวา่ “และพวกเขาได้กล่าวว่า พวกท่านอย่าได้ทอดทิง้ พระเจ้าท้ังหลายของพวกท่านเป็นอันขาด พวกท่านอย่าได้ ทอดทิง้ วดั ดฺ และสุวาอฺ และยะฆูษ และยะ อู๊ก และนซั รฺ เป็นอัน ขาด” (นูหฺ: 23) 2 ชยั ฏอน หมายถึง ลูกหลานขอ งอิบลีส และพรรคพวกของมนั ท้งั ท่ีเป็ นญินและมนุษย์ ซ่ึงเป็ นมารร้ายท่ีคอย หลอกลวงมนุษยใ์ หห้ ลงผิด (Ibn Manzūr, 2003: 5/115)

19 อลั ลอฮฺ  จึงไดส้ ่ง ท่านนบีนูหฺ  ซ่ึงเป็นศาสนทู ตของพระองคใ์ หท้ าการ ดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของทา่ นสู่การเคารพภกั ดีผทู้ รงสร้างสรรพส่ิงท้งั หลายและช้ีแนะแนวทางที่ ถูกตอ้ ง และไดก้ ล่าวแก่พวกเขาอี กวา่ รูปป้ันที่พวกเขาสร้างข้ึน เพ่ือบชู าน้นั มิไดย้ นิ หรือเห็น และ มิไดย้ งั ประโยชนอ์ นั ใดเลย ทวา่ กลุ่มชนของท่านก็ยงั หมกหมุ่นจมอยกู่ บั การหลงทางและเชื่อวา่ การ เคารพบูชารูปป้ันที่ไดส้ ืบทอดมาจากบรรพบุรุษของพวกเขาน้นั เป็นส่ิงที่ถูกตอ้ ง ท่านนบีนูหฺ  จึงไดใ้ ชค้ วามอดทนและพยายามในการดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของเขาท้งั กลางวนั และกลางคืน ท้งั โดยวธิ ี ลบั และเปิ ดเผย ถึงแมท้ า่ นจะพยายามอยา่ งมากกต็ ามแตผ่ ลที่ไดร้ ับคือ กลุ่มชนของท่านไดห้ นีห่าง ออกจากทา่ น และต่างใชน้ ิ้วอุดรูหูของพวกเขาท้งั น้ีเพ่อื ไ ม่ใหไ้ ดย้ นิ การดะอฺวะฮฺของท่าน การ โตต้ อบระหวา่ ง ท่านและกลุ่มชนท่ีไมศ่ รัทธาจึงไดเ้ ริ่มข้ึน กระน้นั ก็ตามทา่ นกย็ งั ใชค้ าพดู ท่ีดีเพื่อ ช้ีแจงเหตุผลของการทาการดะอฺวะฮฺของท่าน และ ยงั คงทาการดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของท่านเป็นเวลา ยาวนาวถึง 950 ปี อลั กุรอานไดย้ นื ยนั ถึงการดะอฺวะฮฺของทา่ นอนั ยาวนานน้ีวา่ ‫ﭽﯨﯩﯪﯫ ﯬ ﯭﯮﯯﯰﯱ‬ ‫ﯲﯳﯴﯵﯶﯷﯸﭼ‬ )14 :‫(العنكبو ت‬ ความวา่ “และโดยแน่นอนเราได้ส่งนูหฺ ไปยงั หม่ชู นของเขา และ เขาได้อย่รู ่วมกับพวกเขาหนึ่งพนั ปี เว้นห้าสิบปี (950 ปี ) ดังน้ัน อุทกภัยได้คร่าพวกเขาขณะที่พวกเขาเป็นผ้อู ธรรม” (อลั องั กะบูต: 14) เป็นท่ีน่าเศร้าใจที่มี ผศู้ รัทธาจานวน นอ้ ย ทาใหท้ ่านนบีนูหฺ  รู้สึกทอ้ แท้และ เศร้าใจในการปฏิเสธศรัทธาของกลุ่มชนของท่าน ดงั น้นั อลั ลอฮฺ  จึงไดก้ ล่าววา่ จะไม่มีผศู้ รัทธา หลงั จากน้ีแมเ้ พยี งคนเดียว ทา่ นนบีนูหฺ  จึงไดข้ อดุอาอใ์ หพ้ ระองคท์ รงลงโทษกลุ่มชนของเขา และพระองคก์ ไ็ ดต้ อบรับดุอาอแ์ ละทรงมีคาสัง่ ใหท้ ่านสร้างเรือท่ีใหญโ่ ต และเม่ือทา่ นไดเ้ ริ่มสร้าง เรือข้ึน และกลุ่มชนท่ีปฏิเสธศรัทธาไดผ้ า่ นมายงั ท่ าน ตา่ งก็หวั เราะเยาะเยย้ ท่านเพราะในถิ่นท่ีอยู่ ของพวกเขาอยนู่ ้นั กลางทะเลทรายและไมม่ ีทะเลแมแ้ ตน่ อ้ ยที่จะสามารถใหเ้ รือล่องลอยได้ เมื่อ ทา่ นไดเ้ สร็จสิ้นจากการสร้างเรือแลว้ พระองคจ์ ึงทรงมีคาบญั ชาใหบ้ รรทุกบรรดาผู้ศรัทธาจากกลุ่ม ชนของเขา และใหบ้ รรทุก สัตวท์ ุกชนิดเป็ นคูๆ่ และเม่ือทุกอย่ างไดถ้ ูกดาเนินเรียบร้อยแลว้

20 พระองค์ จึงไดส้ ัง่ ใหน้ ้าพุง่ ออกมาจากรอยแยกของโลก และสงั่ ใหท้ อ้ ง ฟ้ าหลง่ั น้าฝนลงมาอยา่ ง มากมาย ผนื แผน่ ดินจึงเตม็ ไปดว้ ยน้า ผปู้ ฏิเสธศรัทธาท้งั หลายตา่ งหนีความตายที่ยา่ งกรายเขา้ มา แต่บ้นั ปลายของพวกเขาคือจมลงสู่ผนื น้า และผทู้ ่ีอยบู่ นเ รือทุกคนตา่ งปลอดภยั ตามท่ีพระองค์ ได้ ทรงสญั ญาไว้ และทา่ นยงั ไดเ้ ห็นลูกของท่านซ่ึงปฏิเสธศรัทธา จึงเรียกชกั ชวนใหข้ ้ึนเรือพร้อมๆกบั ทา่ น แตเ่ ขาปฏิเสธและยงั กล่าวอีกวา่ ฉนั จะปี นข้ึนไปบนยอดเขาสูงแน่นอนน้ายอ่ มไม่ถึงท่ีนน่ั แต่ แลว้ น้ากถ็ ึงท่ีเหล่าน้นั และบ้นั ปลายของพวกเขายอ่ มไม่มีผใู้ ดรอดมาไดแ้ มเ้ พียงคนเดียว เม่ือเหตุการณ์ดงั กล่าวเสร็จสิ้น อลั ลอฮฺ  ไดม้ ีคาบญั ชาไปยงั ฝนใหห้ ยดุ ตกและ ใหน้ ้าซึมซาบเขา้ ในดิน และเรือของทา่ นไดจ้ อดอยบู่ นเขาท่ีช่ือ “ํูดีย”์ อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวถึงเหตุการณ์ดงั กล่าวในอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﯪ ﯫ ﯬﯭ ﯮ ﯯﯰ ﯱﯲ‬ ‫ﯳﯴﯵﯶﯷﯸ ﯹﯺﯻ ﯼﭼ‬ )44 :‫(ىود‬ ความว่า “และได้มีเสียงกล่าวว่า แผ่นดินเอ๋ย จงกลืนนา้ ขอ งเจ้า และฟ้ าเอ๋ยจงหยดุ และนา้ ได้ลดลงและกิจการได้ถกู ตดั สิน และ มนั ได้จอดเทียบอย่ทู ี่ภเู ขา ํูดีย์ และได้มีเสียงกล่าวว่า ความ หายนะจงประสบแก่หม่ชู นผ้อู ธรรมเถิด” (ฮูด: 44) อลั ลอฮฺ  ไดม้ ีคาสง่ั ใหท้ า่ นนบีนูหฺ  ลงจากเรือพร้อมดว้ ยบรรดาผศู้ รัทธา ซ่ึงพระองคไ์ ดก้ ล่าวในอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮁﮂ ﮃﮄ ﮅﮆﮇﮈﮉﮊ‬ ‫ﮋﮌ ﮍﮎﮏ ﮐﮑﮒﮓﮔﭼ‬ )48 :‫(ىود‬

21 ความวา่ “ได้มีเสียงกล่าวว่า โอ้นู หฺเอ๋ย จงลงไป (จากเรือ ) ด้วย ความศานติจากเรา และความจาเริญแก่เจ้า และแก่กลุ่ มชนที่อยู่ กับเจ้า (ชาวเรือ ) และกล่มุ ชนอ่ืนท่ีเราจะให้พวกเขาหลงระเริง แล้ว การลงโทษอย่างเจบ็ ปวดจากเรากจ็ ะประสบแก่พวกเขา” (ฮูด: 48) ท่านนบีนูหฺ  ไดล้ งจากเรือพร้อมประช าชาติของท่านท่ีศรัทธา และได้ใชช้ ีวติ อยา่ งสนั ติ สงบสุข จากการศึกษาชีวประวตั ิและ เทคนิค การดะวะฮฺ ของท่านนบีนู หฺ  เมื่อนามา เปรียบเทียบกบั สังคมปัจจุบนั จะเห็นไดว้ า่ มิไดม้ ีขอ้ แตกตา่ งสกั เท่าใดนกั เพราะปัจจุบนั มนุษย์ ส่วน ใหญ่ต่างหลงลืมอลั ลอฮฺ  พระผเู้ ป็นเจา้ ที่ แทจ้ ริงและหนั กลบั สักกา ระบชู าสิ่งอื่นนอกเหนือจาก พระองค์ หลงมวั เมากบั สังคมอนั จอมปลอม ที่มิไดม้ ีสาส น์จากพระเจา้ ดงั น้นั การดะอฺวะฮฺในสมยั ปัจจุบนั จึงมีควา มยากลาบากอยไู่ ม่นอ้ ย ในระบบสงั คมประชาธิปไตยท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึนเอง เพราะ พวกเขามกั จะอา้ งสิทธิมนุษยชนท่ีมิควรไปกา้ วก่าย ดว้ ยเหตุดงั กล่าว ทาใหผ้ วู้ จิ ยั มีความสนใจท่ีจะศึกษาคน้ ควา้ เร่ือง การศึกษา วเิ คราะห์เทคนิคการดะอวฺ ะฮฺของท่านนบนี ูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺ ซ่ึงการวจิ ยั น้ีทาใหผ้ วู้ จิ ยั สามารถรู้ วธิ ีการ และเทคนิค การดะอฺวะ ฮฺ สาเหตุที่มาของปัญหาและวธิ ีการแกป้ ัญหา เพื่อใหน้ ั กดาอีย์ 3 บรรดาอุละมาอ์ และนกั วชิ าการมุสลิมท่ีทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺจะไดส้ ืบทอดมรดกของทา่ นนบี นูหฺ  ในการเผยแผแ่ นวทางอนั ถูกตอ้ งแก่มวลมนุษยชาติต่อไป 1.2 อลั กรุ อาน อลั หะดษี เอกสาร และงานวจิ ัยทเี่ กยี่ วข้อง 1.2.1 อลั กุรอาน การดะอฺวะฮฺคือการเผยแผส่ ัจธรรมโดยการเชิญชวนผู้ คนสู่การศรัทธาต่ออลั ลอฮฺ  เพยี งองคเ์ ดียว ซ่ึงหนา้ ที่ดงั กล่าวจาเป็นและเป็นขอ้ บงั คบั สาหรับมุสลิมทุกคนตามความ สามารถ จนกวา่ อิสลามจะเชิดชูบนผนื แผน่ ดิน 3 นกั ดาอีย์ หมายถึง ผทู้ ี่ทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺมนุษยส์ ู่ศาสนา (Ibn Manzūr, 2003: 3/328)

22 1.2.1.1 อลั กรุ อานท่ีเก่ียวขอ้ งกบั คาส่งั ใหม้ ีการดะอฺวะฮฺ 1) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮀﮁ ﮂﮃ ﮄ ﮅﮆﮇﮈﮉﮊﮋﮌ‬ ‫ﮍﮎﮏﮐﮑﮒﮓﭼ‬ )108 :‫(يوسف‬ ความวา่ “จงกล่าวเถิดมฮุ ัมมดั นี่คือแนวทางของฉัน ฉันเรียกร้อง ไปสู่อัลลอฮฺ อย่างประจักษ์แจ้งท้ังตัวฉันและผ้ปู ฏิบัติตามฉัน และมหาบริสุทธ์ิแห่งอัลลอฮฺ ฉันมิได้อย่ใู นหม่ผู ้ตู งั้ ภาคี” (ยซู ุฟ: 108) อิบนุ กะษิรฺ (Ibn Kathīr, 2006: 2/715) ไดใ้ หค้ วามหมาย อายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “คือการ ดะอฺวะฮฺวา่ ไม่มีพระเจา้ อื่นใ ดนอกจากอลั ลอฮฺ  เพยี งองคเ์ ดียวเท่ าน้นั โดยการเรียกร้องไปสู่ พระองค์อยา่ งประจกั ษแ์ จง้ ดว้ ยความรู้ มีหลกั ฐานท่ีหนกั แน่น และทาการดะ อฺวะฮฺเชิญชวนผคู้ น ตามท่ีทา่ นนบีมุฮมั มดั  ไดเ้ คยทามาก่อนแลว้ ” การมีคาส่ังใหด้ ะอฺวะฮฺในที่น้ีเป็นการกล่าวถึงการดะอฺวะฮฺโดยทวั่ ไปไ มจ่ ากดั ขอบเขต เวลา สถานที่ ตาแหน่ง เพศ เช้ือชาติ หรืออายุ ท้งั น้ีไม่วา่ จะจนหรือรวย หญิงหรือชาย หรือ จะอยทู่ ่ีไหน ก็จาเป็นท่ีจะตอ้ งทาการดะอฺวะฮฺพวกเขาและเมื่อพวกเขาเหล่าน้นั ไดร้ ับทางนา จาเป็น สาหรับพวกเขา เหล่าน้นั ที่จะตอ้ งทาการ ดะอฺวะฮฺต่อไปเพราะพวกเขาคือ ประชาชาติของท่านนบี มุฮมั มดั  แลว้ 2) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮆﮇﮈﮉﮊﮋﮌﮍﮎ ﭼ‬ )67 :‫(لاحج‬

23 ความวา่ “และจงเรียกร้องเชิญชวนไปสู่พระเจ้าของเจ้า แท้จริง เจ้านัน้ อย่บู นแนวทางท่ีเที่ยงธรรม” (อลั ฮจั ญ์: 67) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏอ็ นฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 9/339) ไดใ้ ห้ ความหมาย อายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “และจงเรียกร้อง เชิญชวน กลุ่มชนที่ปฏิเสธ เจา้ ไปสู่สัจธรรม และ เรียกร้องใหพ้ วกเขาละทิง้ ความขดั แยง้ และหนั สู่ศาสนาอิสลาม เพราะเจา้ ไดย้ นื หยดั อยบู่ นแนวทาง ที่ถูกตอ้ งท่ีไมม่ ีขอ้ เคลือบแคลง หรือสงสยั ” ความหมายในที่น้ี คือการเรียกร้องเชิญชวนผคู้ นสู่การทาอิบาดะฮฺต่ออลั ลอฮฺ  และบญั ญตั ิศาสนาของพระองคท์ ่ีง่ายดายและบริสุทธ์ิ 3) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﭜﭝﭞﭟﭠﭡﭢ ﭣﭤ ﭥ‬ ‫ﭦﭧﭨﭩ ﭪﭫ ﭼ‬ )42 :‫(غافر‬ ความวา่ “พวกท่านเชิญชวนฉันให้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และ ให้ ฉันต้ังภาคีต่ อพระองค์ โดยที่ฉันไม่ ร้ ูมาก่ อนเลยในเรื่ องนนั้ และฉันได้เชิญชวนพวกท่านไปสู่ผ้ทู รงอานาจ ผ้ทู รงอภัยอย่าง มากมาย” (ฆอฟิ ร: 42) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏ็อนฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 12/294) ไดใ้ ห้ ความหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “ฉนั ไดเ้ ชิญชวนพวกทา่ นสู่การรอดพน้ จากไฟนรก แต่พวกทา่ นไดเ้ ชิญ ชวนฉนั สูการปฏิเสธศรัทธาตอ่ อลั ลอฮฺ  และต้งั ภาคีตอ่ พระองค์ ท้งั ๆท่ีฉนั รู้อยา่ งแน่วแน่วา่ ไมม่ ี ผใู้ ดเทียบเคียงพระองคไ์ ด้ และฉนั ไดเ้ ชิญชวนสู่ผทู้ รงอานาจ ผทู้ รงอภยั ใหก้ บั บรรดาผกู้ ลบั เน้ือกลบั ตวั จากความผดิ บาป”

24 4) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﭹﭺﭻﭼﭽﭾﭿ ﮀﮁﮂﮃﮄ ﮅ‬ ‫ﮆﮇﮈﮉﮊﮋ ﮌﮍﮎﮏﮐﮑﮒ‬ ‫ﮓﮔﮕﭼ‬ )67 :‫ل(ادائدة‬ ความวา่ “เราะสูลเอ๋ย จงประกาศสิ่งท่ีถกู ประทานลงมาแ ก่เจ้า จากพระเจ้าของเ จ้า และถ้าเจ้ามิได้ปฏิบตั ิ เจ้ากม็ ิได้ประกาศ สาส์นของพระองค์ และอัลลอฮฺ นน้ั จะทรงคุ้มกันเจ้าให้พ้นจาก มนษุ ย์ แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงแนะนาพวกท่ีปฏิเสธศรัทธา” (อลั มาอิดะฮฺ: 67) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏอ็ นฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 4/223-226) ไดใ้ ห้ ความหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “โอท้ า่ นเราะสูลผทู้ ่ีถูกส่งมายงั มนุษยชาติ จงประกาศใหแ้ ก่พวกเขาสิ่ง ท่ีถูกประทานลงมายงั เจา้ ท้งั คาส่ังใช้ คาสง่ั หา้ มแ ละอ่ืนๆ โดยไมต่ อ้ งกลวั ผใู้ ดนอกจากพระองค์ และถา้ เจา้ มิไดป้ ฏิบตั ิ เจา้ ก็ไมไ่ ดป้ ระกาศสาส์นของพระองค์ และพระองคท์ รงสัญญาที่จะทรงคุม้ กนั ศาสนทูตของพระองคจ์ ากศตั รู และพระองคจ์ ะไม่ทรงแนะนาผปู้ ฏิเสธศรัทธาสู่ทางที่เที่ยงตรง เพราะความด้ือร้ันของพวกเขา” ความหมายในท่ี น้ี คืออลั ลอฮฺ  ไดม้ ีคาสั่งใหท้ ่านเราะสูล  ทาการประกาศ ศาสนาของพระองคไ์ ปยงั มนุษยชาติ และพระองคเ์ ป็นผคู้ ุม้ ครองทา่ นจากการประทุษร้ายของมนุษย์ 5) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭛﭜﭝ ﭞﭟﭠﭡﭢ‬ ‫ﭣﭤ ﭥﭦ ﭧﭨﭩﭼ‬ )45-46 :‫(لاأحزا ب‬

25 ความวา่ “โอ้นบีเอ๋ย แท้จริงเราได้ส่งเจ้ามาเพื่อให้เป็นพยา นและ ผ้แู จ้งข่าวดีและผ้ตู ักเตือน (45) และเป็นผ้เู รียกร้องเชิญ ชวนไปสู่ อัลลอฮฺ ตามพระบัญชาของพระองค์ และเป็นดวงประทีป อันแจ่มจรัส (46)” (อลั อะหฺซาบ: 45-46) มุฮมั มดั สยั ยดิ ฏ็อนฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 11/222-223) ไดใ้ ห้ ความหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “โอท้ า่ นนบี แทจ้ ริงเราไดส้ ่งเจา้ มาใหก้ บั มนุษยชาติ เพือ่ เป็นพยานและ แจง้ ขา่ วดีใหก้ บั บรรดาผศู้ รัทธาวา่ จะไดร้ ับความโปรดปรานจากอลั ลอฮฺ  และตกั เตือนบรรดาผู้ ปฏิเสธศรัทธาวา่ จะไดร้ ับการลงโทษ และจงเชิญชวนมนุษยส์ ู่การเคารพภกั ดีตอ่ พระองคเ์ พยี งองค์ เดียวตามพระบญั ชาของพระองค์ และไดท้ รงส่งเจา้ เพอ่ื เผยแผศ่ าสนาท่ีถูกตอ้ งเพ่ือเป็นดวงประทีป ท่ีส่องทางใหก้ บั ผหู้ ลงทาง และนาพวกเขาออกจากความมืดมนสู่ทางแห่งแสงสวา่ ง” ความหมายของอายะฮฺน้ี คือ อลั ลอฮฺ  เป็นผทู้ รงส่งศาสนทูตของพระองคเ์ พ่ือทา การเรียกร้องมวลมนุษยไ์ ปสู่การใหเ้ อกภาพ การจงรักภกั ดี และการอิบาดะฮฺต่อพระองค์เพยี งองค์ เดียวเทา่ น้นั 1.2.1.2 อลั กรุ อานท่ีวา่ ดว้ ยลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผทู้ ่ีจะมาทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺ 1) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭼﭽﭾﭿﮀ ﮁﮂﮃﮄﮅ ﮆ‬ ‫ﮇﮈﮉﭼ‬ )33 :‫(فصلت‬ ความวา่ “และผ้ใู ดเล่าจะมีคาพดู ท่ีดีเลิศยิ่ งไปกว่าผ้เู ชิญชวนไปสู่ อัลลอฮฺ และเขาปฏิบตั ิงานที่ดี และกล่าวว่า แท้จริงฉั นเป็นคน หนึ่งในบรรดาผ้นู อบน้อม” (ฟุศศิลตั : 33)

26 อิบนุ กะษิรฺ (Ibn Kathīr, 2006: 4/137) ไดใ้ หค้ วามหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “และผใู้ ด เล่าท่ีจะมีคาพดู ท่ีดีเลิศยง่ิ ไปกวา่ ผทู้ ี่เชิญชวนบ่าวของอลั ลอฮฺ  สู่พระองค์ และเขาเองจะตอ้ งเป็นผู้ ท่ีปฏิบตั ิท่ีดีในสิ่งที่ไดเ้ ชิญชวนไว้ เพือ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ ตนเองและผอู้ ื่น และมิใช่ผทู้ ี่สั่งใชใ้ หท้ า ความดีแต่ตนเองละเลย มิไดป้ ฏิบตั ิ และสงั่ หา้ มมิใหท้ าความชว่ั แตก่ ลบั นาไปปฏิบตั ิ ในทางกลบั กนั เขาจะตอ้ งเป็นผทู้ ่ีปฏิบตั ิการงานที่ดี และละทิ้งการงานที่ไม่ดี ” 2) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﰈﰉﰊﰋ ﰌﰍﰎﰏ ﰐﰑﰒ‬ ‫ﰓ ﰔﰕﰖﭼ‬ )11 :‫ل(امجادلة‬ ความวา่ “อัลลอฮฺจะทรงยกย่องเทิ ดเกียรติแก่บรรดาผ้ศู รัทธาใน หม่พู วกเจ้า และบรรดาผ้ไู ด้รับความรู้หลายช้ัน และอัลลอฮฺทรง รอบรู้ย่ิงในส่ิงที่พวกเจ้ากระทา” (อลั มุญาดะละฮฺ: 11) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏ็อนฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 14/262) ไดใ้ ห้ ความหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “อลั ลอฮฺ  จะทรงยกยอ่ งเทิดเกียรติบรรดาผศู้ รัทธาอยา่ งยงิ่ ใหญใ่ น วนั อาคิเราะฮฺ และยกยอ่ งเทิดเกียรติบรรดาผรู้ ู้หลายช้นั โดยไมม่ ีผใู้ ดสามารถคานวณไดน้ อกจาก พระองค”์ อายะฮฺน้ีไดก้ ล่าวถึงการที่ อลั ลอฮฺ  จะทรงยกยอ่ งใหเ้ กียรติในตาแหน่งที่สูง หลายช้นั ในสวนสวรรคแ์ ก่บรรดาผศู้ รัทธา ท่ีปฏิบตั ิตามคาสงั่ ใชข้ อง พระองค์ และเราะสู ลของ พระองค์ และแก่บรรดาคนรู้ในหมูพ่ วกเขา ดงั น้นั ผทู้ ี่จะทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺจะตอ้ งเป็นผู้ ศรัทธา และ มีความรู้ท่ีถูกตอ้ ง

27 3) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﰊ ﰋ ﰌ ﰍ ﰎ ﰏ ﰐ ﰑ ﰒ‬ ‫ﰓﰔﰕﰖﰗﰘﰙ ﭼ‬ )19 :‫ل(زمد‬ ความวา่ “ฉะนัน้ พึงรู้เถิดว่า ไม่มีพระเจ้าอ่ืนใดนอกจากอัลลอ ฮฺ และจงขออภยั โทษต่อความผิดเพื่อตวั เจ้าและเพื่อบรรดาผ้ศู รัทธา ชายและบรรดาผ้ศู รัทธาหญิง และอัลลอฮฺทรงรู้ดีย่ิงถึงพฤติการณ์ ของพวกเจ้าและที่พานกั ของพวกเจ้า” (มุฮมั มดั : 19) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏ็อนฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 13/235) ไดใ้ ห้ ความหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “ฉะน้นั พงึ รู้เถิดวา่ ไม่มีพระเจา้ อื่นใดนอกจากอลั ลอฮฺ  เมื่อรู้เช่นน้นั แลว้ จงปฏิบตั ิตามคาบญั ชาของพระองค์ และจงขออภยั โทษตอ่ พระองคใ์ นสิ่งที่ทาผดิ พลาด และจง ขออภยั โทษแก่บรรดาผศู้ รัทธาชายและหญิง แทจ้ ริงพระองคร์ ู้ดียงิ่ ถึงพฤ ติการณ์ของพวกเจา้ และท่ี พานกั ของพวกเจา้ ไมว่ า่ บนผนื แผน่ ดิน ทะเล หรือที่อ่ืนๆก็ตาม” อายะฮฺน้ีไดก้ ล่าวถึงคุณลกั ษณะของผทู้ ี่จะทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺซ่ึงจะตอ้ งเป็นผทู้ ่ี ศรัทธามน่ั ตอ่ อลั ลอฮฺ  และเป็นผทู้ ี่ขออภยั โทษอยเู่ สมอ 1.2.1.3 อลั กุรอานท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั รูปแบบและวธิ ีการดะอฺวะฮฺ 1) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮦ ﮧﮨﮩ ﮪﮫ ﮬﮭ ﮮ‬ ‫ﮯﮰﮱ﮲﮳﮴ ﮵ ﮶﮷﮸﮹﮺﮻﮼‬ ‫﮽﮾﮿ﭼ‬ )125 :‫(النحل‬

28 ความวา่ “จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของสูเจ้าโดยสุขมุ และการตักเตือนที่ดี และจงโต้แย้งพวกเขาด้วยส่ิงที่ดีกว่า แท้จริง พระเจ้าของเจ้านน้ั พระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผ้ทู ่ีหลงทางจากทางของ พระองค์และพระองค์ทรงรู้ดีย่ิงถึงบรรดาผ้ทู ี่อย่ใู นทางท่ีถกู ต้อง” (อนั นะหฺลฺ: 125) ความหมายของอายะฮฺน้ี คืออลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวแก่ทา่ นนบีมุฮมั มดั  วา่ ท่านน้นั ไมม่ ีอานาจหนา้ ที่ทาใหป้ ระชาชาติของท่านไดร้ ับทางนา แต่หนา้ ที่ของท่านน้นั คือการเรียกร้องเชิญ ชวนผคู้ นสู่หนทางท่ีถูกตอ้ ง และพระองคเ์ ท่าน้นั ท่ีมีหนา้ ที่สอบสวนและลงโทษพวกเขา มุฮมั มดั สัยยดิ ฏอ็ นฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 8/163) ไดก้ ล่าว หลงั จากท่ีได้ใหค้ วามหมาย อายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “น่ีเป็นแนวทางสาหรับนกั ดาอียใ์ นทุกยคุ ทุกสมยั ใน การเชิญชวนผคู้ นสู่แนวทางแห่งสัจธรรม โดยตอ้ งคานึงถึงสภาพของพวกเขา ความแตกต่างในดา้ น ต่างๆ ดว้ ยการเลือกใชค้ าพดู ที่เหมาะสม” 2) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭾﭿ ﮀ ﮁﮂ ﮃ ﮄ ﮅﮆ‬ ‫ﮇﮈﮉﮊﮋﮌﮍ ﮎ ﭼ‬ )165 :‫(النساء‬ ความวา่ “คือบรรดา ร่อซูลในฐานะผ้แู จ้งข่าวดี และในฐานะผู้ ตักเตือน เพ่ื อว่ามนษุ ย์จะได้ไม่มีหลกั ฐานใดๆ อ้างแก้ตัวแก่ อัลลอฮฺได้ หลังจากบรรดา ร่อซูลเหล่านน้ั และอัลลอฮฺเป็นผ้ทู รง เดชานุภาพ ผ้ทู รงปรีชาญาณ” (อนั -นิซาอฺ: 165) อิบนุ กะษิรฺ (Ibn Kathīr, 2006: 1/874) ไดใ้ หค้ วามหมาย อายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “คือ บรรดาเราะสูลที่แจง้ ข่าวดีใหก้ บั ผทู้ ่ีเคารพภกั ดีตอ่ อลั ลอฮฺ  อีกท้งั ปฏิบตั ิตามคาส่งั ใชข้ อง

29 พระองค์ และตกั เตือนผทู้ ่ีปฏิเสธคาบญั ชาและ ผทู้ ่ีโกหกบรรดาเราะสูลของพวกเขาดว้ ยการลงโทษ เพือ่ วา่ พวกเขาจะไม่มีขอ้ อา้ งใดๆในการแกต้ วั ” ความหมายของอายะฮฺขา้ งตน้ ช้ีใหเ้ ห็นวา่ อลั ลอฮฺ  น้นั ทรงส่งบรรดาเราะสูลเพอ่ื แจง้ ขา่ วดีแก่บรรดาผศู้ รัทธา และตกั เตือนผทู้ ี่ป ฏิเสธศรัทธา และจะไมม่ ีการอา้ งใดๆใน วนั อาคิเราะฮฺ4แทจ้ ริงพระองคท์ รงรอบรู้ยงิ่ 3) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﰁ ﰂﰃ ﰄﰅ ﰆﰇ ﰈﰉ ﰊﰋ‬ ‫ﰌﭼ‬ )25 :‫(يونس‬ ความวา่ “และอัลลอฮฺ ทรงเรียกร้องไปสู่สถานท่ีแห่ง สันติ และ ทรงชีแ้ นะ แนวทางท่ีถกู ต้องแก่ผู้ ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปสู่ ทางที่เที่ยงธรรม” (ยนู ุส: 25) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏ็อนฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 9/339)ไดใ้ ห้ ความหมาย อายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “และอลั ลอฮฺ  ทรงเรียกร้องมนุษยส์ ู่การศรัทธา ซ่ึงเป็นทางไปสู่ สถานท่ีสันติ และพระองคท์ รงช้ีแนะแก่ผทู้ ่ีพระองคท์ รงประสงคส์ ู่ทางแห่งสจั ธรรม” ความหมายของอายะฮฺน้ีคือ การ ดะอฺวะฮฺท่ีแท้จริงคือการเรียกร้องผคู้ นสู่ สนั ติภาพ และแนะแนวทางท่ีถูกตอ้ งแก่มนุษยชาติ 4 อาคิเราะฮฺ คือ สถานที่ใชช้ ีวติ หลงั ความตาย (Sha‘bān ‘Abd al-‘Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn,2008: 8) ซ่ึงหมายถึง โลกหนา้ หรือวนั แห่งการตอบแทน

30 4) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﭑﭒﭓﭔﭕﭖﭗﭘﭙ‬ ‫ﭚﭛﭼ‬ )41 :‫(غافر‬ ความวา่ “และโอ้หม่ชู นของฉันเอ๋ย ทาไมฉันจึงเชิญชวนพวก ท่านไปสู่การรอดพ้น แต่พวกท่านเชิญชวนฉันไปสู่ไฟนรก” (ฆอฟิ ร: 41) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏอ็ นฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 12/293-294) ไดใ้ ห้ ความหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “โอห้ มชู่ นของฉนั ฉนั เชิญชวนพวกทา่ นสู่การรอดพน้ จากการลงโทษ ในดุนยาและอาคิเราะฮฺ ดว้ ยการเรียกร้องสู่การศรัทธาและปฏิบตั ิการงานท่ีดี แตพ่ วกทา่ นไดเ้ ชิญ ชวนฉนั สู่ไฟนรกดว้ ยการเคารพสักการะส่ิงอื่นนอกจากอลั ลอฮฺ ” อายะฮฺน้ีเป็นการกล่าวถึงการใชว้ ธิ ี การดะอฺวะฮฺเชิงคาถาม ซ่ึง เป็นคาถามเชิง ประหลาดใจคลา้ ยกบั จะกล่าววา่ ฉนั ประหลาดใจต่อสภาพของพวกทา่ นเช่นน้ี คือฉนั ไดเ้ รียกร้อง เชิญชวนพวกทา่ นใหร้ อดพน้ จากการลงโทษและไปสู่ความดี แตพ่ วกทา่ นไดเ้ รียกร้องฉนั ไปสู่ ความ ชวั่ และความชวั่ นาไปสู่ไฟนรก (สมาคมนกั เรียนเก่าอาหรับประเทศไทย, 2542: 1207) 1.2.1.4 อลั กุรอานท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ผลตอบแทนแก่นกั ดาอีย์ 1) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮖﮗﮘﮙﮚﮛ ﮜﮝ ﮞ‬ ‫ﮟﮠﮡﮢﮣﮤﮥ ﭼ‬ )104 :‫(آ ؿعمراف‬

31 ความวา่ “และจงให้มีขึน้ จากพวกเจ้า ซ่ึงคณะหน่ึงท่ีจะเชิญชวน ไปสู่ความดีและใช้ให้กระทาส่ิงท่ีชอบ และห้ามมิให้กระทาส่ิงท่ี มิชอบ และชนเหล่านีแ้ หละพวกเขาคือผ้ไู ด้รับความสาเร็จ” (อาละอิมรอน: 104) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏอ็ นฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 2/202-203) ไดใ้ ห้ ความหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “และจงใหม้ ีข้ึนจากพวกเจา้ คณะหน่ึงท่ีเสียสละทุ่มเทใหก้ บั การเผยแผ่ และเชิญชวนผคู้ นสู่ความดี สง่ั ใชใ้ หพ้ วกเขากระทาสิ่งท่ีชอบและหา้ มปรามมิให้ กระทาสิ่งท่ีมิชอบ แลว้ พวกเขาจะไดร้ ับชยั ชนะและความสาเร็จ” อายะฮฺน้ีไดก้ ล่าวถึงผลตอบแทนสาหรับนกั ดาอียท์ ่ีเชิญชวนผคู้ นสู่สัจธรรมดว้ ย การยนื ยนั จากอลั ลอฮฺ  วา่ พวกเขาคือผทู้ ี่ไดร้ ับความสาเร็จ 1.2.1.5 อลั กุรอานที่เกี่ยวขอ้ งกบั การดะอฺวะฮฺของท่านนบีนูหฺ  1) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮎ ﮏﮐﮑ ﮒﮓﮔ ﮕﮖﮗﮘﮙ‬ ‫ﮚ ﮛﮜﮝﮞﮟ ﭼ‬ ) 23 :‫ل(ادؤمنوف‬ ความวา่ “และเป็นที่แน่นอนยิ่ง เราได้ส่งนู หฺไปยงั หม่ชู นของเขา ดงั น้นั เขาได้กล่าวว่า โอ้หม่ชู นของฉันเอ๋ย พวกท่ านจงเคารพ ภกั ดีอัลลอฮฺเถิด สาหรับพวกท่านน้ันไม่มีพระเจ้าอ่ืนใดนอกจาก พระองค์ ดงั น้นั พวกท่านจะไม่ยาเกรง (การลงโทษของพระองค์ ) หรื อ” (อลั มุอฺมินูน: 23)

32 มุฮมั มดั สัยยดิ ฏ็อนฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 10/25) ได้ให้ ความหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “อลั ลอฮฺ  ไดท้ รงส่งท่านนบีนูหฺ  ไปยงั หมูช่ นของเขา และเขา ไดก้ ล่าวเฉกเช่นที่บรรดานบีไดก้ ล่าว นนั่ คือ โอห้ ม่ชู นของฉนั จงเคารพภกั ดีต่ออลั ลอฮฺ  เพียง องคเ์ ดียวเถิด สาหรับพวกท่านไมม่ ีพระเจา้ อื่นใดนอกจากพระองค์ ดงั น้นั พวกทา่ นจะไม่ยาเ กรงการ ลงโทษจากพระองค์ อนั เน่ืองมาจากการท่ีพวกทา่ นเคารพภกั ดีส่ิงอื่นนอกจากพระองค์ ท้งั ๆที่ พระองคเ์ ป็นผทู้ รงสร้างพวกท่านกระน้นั หรือ” อายะฮฺน้ี เป็นการปลอบใจแก่ทา่ น เราะสูล  และการ กล่าวถึง ท่านนบีนูหฺ  เพอื่ ใหย้ ดึ ถือเป็นแบบอยา่ งในความอดทนของเขาและวธิ ีการดะอฺวะฮฺ และเพื่อใหเ้ ป็นที่ทราบกนั วา่ บรรดาเราะสูลก่อนจากเขาน้นั ไดถ้ ูกปฏิเสธมาก่อนแลว้ 2) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﭥﭦﭧﭨ ﭩﭪﭫﭬﭭﭮﭯ‬ ‫ﭰﭱﭲﭳ ﭴﭵﭶﭷﭸﭹ ﭼ‬ )59 :‫(لاأعراؼ‬ ความวา่ “และแท้จริงเราได้ส่งนฮู ฺ ไปยงั ประชาชาติของเขา แล้ว เขาได้กล่าวว่า โอ้ประชาชาติของฉัน จงเคารพสักการะอัลลอฮฺ เถิดไม่มีผ้ไู ด้รับการเคารพสักการะใด ๆ สาหรับพวกท่านอีกแล้ว อ่ืนจากพระองค์ แท้จริงฉันกลัวการลงโทษในวนั อันย่ิงใหญ่จะ ประสบแก่พวกท่าน” (อลั -อะอฺรอฟ: 59) อบั ดุรเราะฮฺมาน บิน นาศิรฺ อสั สะอฺดีย์ (‘Abd al-Rahmān ibn Nāsir al-Sa‘diy, 2004.: 272) ไดใ้ หค้ วามหมายอายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “ทา่ นนบีนูหฺ  ไดท้ าการดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของเขา สู่การศรัทธาต่ออลั ลอฮฺ  เพยี งองคเ์ ดียว อนั เนื่องมาจากพวกเขาสักการะรูปป้ัน โดยท่ีเขากล่าวแก่ พวกเขาวา่ โอก้ ลุ่มชนของฉนั จงเคารพสกั การะอลั ลอฮฺ  เพยี งองคเ์ ดียวเถิด เพราะพระองคค์ ือผู้ ทรงประทานปัจจยั ยงั ชีพ ผทู้ รง ควบคุมทุกสรรพสิ่งโดยท่ีไมม่ ีมนุษยค์ นใดควบคุมไดเ้ ฉกเช่น

33 พระองค์ ห ลงั จากน้นั เขายงั กล่าวถึงความน่ากลวั ของการลงโทษหากพวกเขาไมเ่ คารพสกั การะ พระองคด์ ว้ ย” ในอายะฮฺขา้ งตน้ ไดก้ ล่าวถึ งรูปแบบการดะอฺวะฮฺของท่านนบีนูหฺ  โดยการ เชิญชวนประชาชาติของท่านสู่การเคารพสักการะอลั ลอฮฺ  เพียงองคเ์ ดียว และ ท่านยงั ไดก้ ล่าวถึง บทลงโทษในวนั อาคิเราะฮฺสาหรับบรรดาผปู้ ฏิเสธศรัทธาดว้ ย 3) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮝﮞﮟﮠ ﮡﮢﮣﮤﮥﮦ ﮧﮨ‬ ‫ﮩﮪﮫﮬﮭ ﮮﮯ ﮰ ﮱ ﮲ ﮳‬ ‫﮴﮵ ﮶ ﮷ ﮸ ﮹﮺ ﮻ ﮼ ﮽ ﮾‬ ‫﮿ ﯀﯁﯂﯃﯄﯅﯆﯈ ﯉‬ ‫﯊﯋﯌﯍﯎﯏﯐ ﯑ﭼ‬ )27-25 :‫(ىود‬ ความวา่ “และโดยแน่นอน เราได้ส่งนู หฺไปยงั กล่มุ ชนของเขา (โดยกล่าวว่า ) แท้จริงฉันเป็นผ้ตู ักเตือนอันแน่ชัดแก่พวกท่าน แล้ว(25) คือพวกท่านอย่าเคารพอิบาดะฮฺ ผ้ใู ดนอกจากอัลลอฮฺ แท้จริงฉันกลวั แทนพ วกท่านถึงการลงโทษในวนั อั นเจบ็ ปว ด (26) แล้วบรรดาบคุ คลช้ันนาซึ่งปฏิเสธศรัทธาจากกล่มุ ชนของ เขากล่าวว่า เรามิเห็นท่านเป็นอ่ืนใด นอกจากสามญั ชนเช่นเรา และเรามิเห็นผ้ใู ดปฏิบตั ิตามท่าน นอกจากบรรดาผ้ตู า่ ช้าของ พวกเราท่ีมีความคิดเห็นตืน้ ๆ และเรามิเห็นว่าพวกท่านประเสริฐ กว่าพวกเรา แต่เราคิดว่าพวกท่านเป็นพวกโกหก(27)” (ฮดู : 25-27)

34 ในอายะฮฺขา้ งตน้ ไดก้ ล่าวถึง การสนทนาโตต้ อบระหวา่ งทา่ นนบีนูหฺ  กบั กลุ่มชนของทา่ น โดยท่ีท่านไดเ้ ริ่มทาการดะอฺวะฮฺกลุ่มชนของทา่ นใหท้ าอิบาดะฮฺตอ่ อลั ลอฮฺ  เพยี งองคเ์ ดียวและแน่นอนสาหรับผทู้ ่ีปฏิเสธศรัทธายอ่ มไดร้ ับบทลงโทษ กลุ่มชนของทา่ น ตอ้ งการท่ีจะตอบโต้ ท่านนบีนูหฺ  2 ประเด็นคือ ประเดน็ แรก บุคคลที่ปฏิบตั ิตามท่านน้นั เป็นชนช้นั ต่าจะถือเอาเป็นแบบอยา่ งไมไ่ ด้ ประเดน็ ที่สอง บุคคล เหล่าน้นั เป็นพวกท่ีมีความคิดเห็ นต้ืนๆ ไมไ่ ดพ้ ินิจพจิ ารณาถึงขอ้ เทจ็ จริงเสียก่อน ท้งั น้ีก็เพือ่ มิให้ เป็นหลกั ฐานยนื ยนั แก่พวกเขาวา่ ในกลุ่มชนของพวกเขาน้นั มีผศู้ รัทธาต่อ ท่านนบีนูหฺ  (สมาคม นกั เรียนเก่าอาหรับประเทศไทย, 2542: 520) 4) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮏﮐﮑﮒ ﮓ ﮔ ﮕﭼ‬ )2 :‫(نوح‬ ความวา่ “เขากล่าวว่า โอ้หม่ชู นของฉันเอ๋ย แท้ จริ งฉันคือผ้ ู ตักเตือนอันชัดแจ้งของพวกท่าน” (นูหฺ: 2) ท่านวะฮฺบะฮฺ อซั ซุ หยั ลีย์ (Wahbah al-Zuḥailiy,2009: 15/146) ได้อรรถาธิบาย อายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “ทา่ นนบีนูหฺ  ไดก้ ล่าวแก่กลุ่มชนของท่านวา่ แทจ้ ริงฉนั เป็นผตู้ กั เตือนใหพ้ วก ท่านกลวั การลงโทษของอลั ลอฮฺ  ดว้ ยการตกั เตือนท่ีชดั แจง้ เพ่ือใหพ้ วกทา่ นรอดพน้ ปลอดภยั ” 5) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﮖﮗ ﮘﮙﮚﮛﮜﮝﮞﮟ‬ ‫ﮠ ﮡﮢﮣﮤﮥﮦﮧﮨﮩﮪﮫﮬﮭ ﮮ‬ ‫ﮯﮰﭼ‬ )4-3 :‫(نوح‬

35 ความวา่ “พวกท่านจงเคารพภกั ดีอัลลอฮฺเถิด และจงยาเกรง พระองค์ และจงเช่ือฟังปฏิบตั ิตามฉั น (3) พระองค์จะทรงอภยั โทษให้แก่พวกท่านในคว ามผิดของพวกท่าน และจะทรงผ่อน ผนั พวกท่านจนกระทั่งถึงวาระท่ีถกู กาหนดไว้ แท้จริงวาระ ของอัลลอฮฺน้นั เม่ือมาถึงแล้วมนั จะไม่ยืดเวลาต่อไปอีกหากพวก ท่านได้รู้ (4)” (นูหฺ: 3-4) ท่านวะฮฺบะฮฺ อซั ซุ หยั ลีย์ (Wahbah al-Zuḥailiy,2009: 15/146) ได้อรรถาธิบาย อายะฮฺขา้ งตน้ วา่ “ท่านนบีนูหฺ  ไดก้ ล่าวแก่ กลุ่มชนของทา่ นวา่ จงเคารพสักการะอลั ลอฮฺ  เพยี งองคเ์ ดียว ปฏิบตั ิตามส่ิงที่พระองคท์ รงส่งั ใช้ ห่างไกลส่ิงท่ีจะทาใหเ้ กิดการลงโทษ และจงเช่ือ ฟังปฏิบตั ิตามฉนั เพราะแทจ้ ริงฉนั เป็นศาสนทตู ที่พระองคท์ รงส่งมาใหก้ บั พวกท่าน และพระองคจ์ ะ ทรงลบลา้ งและอภยั โทษความผดิ และบาปตา่ งๆของพวกท่าน อีกท้งั จะทรงทาใหอ้ ายขุ องพวกท่าน ยนื ยาวและการตายของพวกท่านจะไดร้ ับ การผอ่ นผนั ไปยงั วาระท่ีพระองคท์ รงกาหนด หากพวก ทา่ นศรัทธาและปฏิบตั ิตาม” 6) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﭥ ﭦﭧﭨﭩﭪﭫﭬﭭﭮﭼ‬ )9 :‫(القمر‬ ความวา่ “ก่อนหน้าพวกเขานน้ั หม่ชู นของนู หฺได้ปฏิเสธ พวก เขาได้ปฏิเสธบ่าวของเราโดยกล่าวว่าเขา(นูหฺเป็นคนบ้า และถกู ขู่ บงั คับ” (อลั เกาะมรั : 9) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏ็อนฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 14/101-102)ได้ กล่าวอรรถาธิบายอายะฮ ขา้ งตน้ วา่ “กลุ่มชนของทา่ นนบีนูหฺ  ไดป้ ฏิเสธการเป็นศาสนทูตของ ทา่ น ยงิ่ ไปกวา่ น้นั พวกเขาไดก้ ล่าวหาวา่ ทา่ นเป็นคนบา้ และยงั หาทางทาร้ายทา่ นดว้ ยวธิ ีการตา่ งๆ”

36 ในอายะฮฺน้ีไดก้ ล่าวถึงความอดทนของ ทา่ นนบีนูหฺ  ในการถูกกล่าวหาจาก กลุ่มชนของท่านวา่ เป็นคนบา้ และถูกข่บู งั คบั ในการทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺของท่าน 7) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กุรอานวา่ ‫ﭽﮌﮍﮎ ﮏﮐﮑﮒﮓﮔ‬ ‫ﮕﮖﮗ ﮘﮙﮚﮛﮜﮝ‬ ‫ﮞﮟﮠ ﮡﮢ ﮣﮤﭼ‬ )5 :‫(غافر‬ ความวา่ “(เพราะ) ก่อนหน้าพวกเขานัน้ หม่ชู นของนู หฺและพล พรรคต่างๆ หลังจากพวกเขาได้ปฏิเสธมาก่อนแล้ว และทุกๆ ประชาชา ติได้ตัง้ ใจที่จะทาลายล้าง ร่อซูล ของพวกเขา และ โต้เถียงด้วยความเทจ็ เพื่อที่จะลบล้างความจริงให้สูญสิ้นไป ดังนน้ั ข้าจึงได้เอาโทษพวกเขา แล้วเป็นอย่างไรบ้างการลงโทษ ของข้า” (ฆอฟิ ร: 5) มุฮมั มดั สัยยดิ ฏอ็ นฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 12/261-262) ได้ กล่าวอรรถาธิบายอายะฮขา้ งตน้ วา่ “ก่อนหนา้ พวกกุฟฟารฺ5มกั กะฮฺคือกลุ่มชนของนูหฺ ซ่ึงอลั ลอฮฺ  ไดล้ งโทษพวกเขาใหจ้ มน้าอนั เนื่องมาจากการปฏิเสธศรัทธาตอ่ นบีของพวกเขา เช่นเดียวกบั กลุ่ม ชนอื่นๆหลงั จากกลุ่มชนของนูหฺ ซ่ึงไดป้ ฏิเสธบรรดานบีของพวกเขา เช่น กลุ่มชนอา๊ ดกบั ท่านน บีฮดู  กลุ่มชนษะมูดกบั ทา่ นนบีศอลิฮฺ  และกลุ่มชนมดั ยนั กบั ทา่ นนบีชุอยั บฺ  ยง่ิ ไป กวา่ น้นั แตล่ ะประชาชาติต้งั ใจที่จะฆ่าเราะสูลของพวกเขา และโตเ้ ถียงดว้ ยค วามเทจ็ เพื่อท่ีจะลบลา้ ง ความจริ งจากพระองค์ใหส้ ูญสิ้นไป ดงั น้นั ขา้ (อลั ลอฮฺ ) จึงไดล้ งโทษพวกเขาดว้ ย การลงโทษที่ หนกั หนาสาหสั ยง่ิ แลว้ เป็นอยา่ งไรบา้ งการลงโทษของขา้ ต่อพวกเขา” 5 กฟุ ฟารฺ หมายถึง ผปู้ ฏิเสธศรัทธาตอ่ อลั ลอฮฺ  (Sha‘bān ‘Abd al-‘Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn,2008: 821)

37 8) อลั ลอฮฺ  ไดก้ ล่าวไวใ้ นอลั กรุ อานวา่ ‫ﭽﯨﯩﯪﯫﯬﯭﯮﯯﯰﯱﯲ‬ ‫ﯳﯴﯵﯶﯷﯸﭼ‬ )14 :‫(العنكبو ت‬ ความวา่ “และโดยแน่นอนเราได้ส่งนูหฺไปยงั หม่ชู นของเขา และ เขาได้อย่รู ่วมกับพวกเขาหนึ่งพนั ปี เว้นห้าสิบปี (950 ปี ) ดังนั้น อุทกภัยได้คร่าพวกเขาขณะที่พวกเขาเป็นผ้อู ธรรม” (อลั องั กะบูต: 14) อบั ดุรเราะฮฺมาน บิน นาศิรฺ อสั สะอฺดีย์ (‘Abd al-Rahmān ibn Nāsir al-Sa‘diy, 2004: 602) ไดอ้ รรถาธิบายอายะฮฺขา้ งต้ นวา่ “แทจ้ ริงอลั ลออฮฺ  ทรงส่งศาสนทูตของพระองค์ ทา่ นนบีนูหฺ  ไปยงั กลุ่มชนของเขา โดยการเชิญชวนพวกเขาสู่การศรัทธา เคารพสกั การะ พระองคเ์ พยี งองคเ์ ดียว และหา้ มการเคารพสกั การะรูปป้ัน และเขาไดอ้ ยรู่ ่วมกบั พวกเขา เป็นเวลา 950 ปี โดยที่เขาไม่เคยทอ้ ถอยในการดะอฺวะฮฺและ ตกั เตือนพวกเขา ท้งั กลางคืนและกลางวนั อยา่ ง ลบั ๆและเปิ ดเผย แต่พวกเขายงั ยนื กรานท่ีจะปฏิเสธศรัทธา จนกระทงั่ ทา่ นนบีนูหฺ  ไดท้ าการ ขอดุอาอ์ใหพ้ ระองคท์ รงอยา่ ใหผ้ ปู้ ฏิเสธศรัทธาหลงเหลือบนแผน่ ดิน หลงั จากท่ีทา่ นไดอ้ ดทนอด กล้นั เป็นเวลายาวนาน ดงั น้นั พระองคท์ รงลงโทษพวกเขา ดว้ ยอุทกภยั ในขณะที่พวกเขาเป็นผู้ อธรรม” 1.2.2 อลั หะดีษ การดะอฺวะฮฺตามแนวทางอลั อิสลาม ดว้ ยหนทางที่ชดั แจง้ และเท่ียงตรง นบั ไดว้ า่ เป็นภารกิจหลกั ของมุสลิมทุกยคุ ทุกสมยั การเชิญชวนมนุษยส์ ู่การเขา้ ใจอิสลามอยา่ งแทจ้ ริงจึง หมายถึงการชกั ชวนมนุษยใ์ หค้ ิดและกระทาในส่ิงท่ีถู กตอ้ ง ดีงาม และหา้ มปรามในส่ิงท่ีไมด่ ีงาม และไม่ถูกตอ้ งท้งั หลาย จึงมีความจาเป็นสาหรับทุกคนที่เขา้ สู่ร้ัวแห่งอิสลามที่จะตอ้ งพฒั นา ฟ้ื นฟู ในการใชส้ ิทธิหนา้ ที่น้ีดว้ ยการทุม่ เทแรงกาย แรงใจ สละเวลาและความคิดท่ีอยบู่ นพ้ืนฐานแห่ง

38 ความจริงและชดั เจน ซ่ึงหมายถึงวา่ ภารกิ จน้ีเป็นหนา้ ที่ด้งั เดิมของมุสลิมทุกคน ดงั หลกั ฐาน อลั หะดีษที่ปรากฏดงั ตอ่ ไปน้ี 1.2.2.1 หะดีษที่ 1 ‫))منرآ لمنكممنكرافليَغتهبيدهفإفلميستطيعفبلسانوفإفلم‬ ))‫يستطعفبقلبو كذلكأضعفلايإماف‬ )175 :1999 ،‫(ركاهمسلم‬ ความวา่ “ผ้ใู ดในหม่พู วกเจ้าท่ีเห็นส่ิงที่มิชอบ กจ็ งเปลี่ยนแปลง สิ่งนนั้ ด้วยมือของเขา ถ้าเขาไม่มีความสามารถพอ กจ็ ง เปล่ียนแปลงด้วยลิน้ ของเขา ถ้าเขาไม่มีความสามารถพอ กจ็ ง เปลี่ยนแปลงด้วยใจของเขา และน่ีคือความอ่อนแอที่ สุดในระดับ ศรัทธา” (บนั ทึกโดย Muslim, 1999: 175) หะดีษน้ีไดก้ ล่าวถึงคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องประชาชาตินบีมุฮมั มดั  ใน การทาหนา้ ท่ีดะอฺวะฮฺสู่หนทางที่ถูกตอ้ ง ปกป้ องและเชิดชูศาสนาเพอื่ ความสนั ติสุขบนผนื แผน่ ดิน ซ่ึงการตกั เตือนบุคคลหน่ึงบุคคลใดที่กระทาความผดิ น้นั มี 3 รูปแบบ คือ 1. การตกั เตือนดว้ ยมือหากมีความสามารถ เช่น เม่ือเห็นคนสูบบุหร่ี เราสามารถ ดึงบุหรี่ออกจากเขาได้ เป็นตน้ 2. การตกั เตือนดว้ ยปาก เช่น เมื่อเห็นคนไมล่ ะหมาด เราสามารถดะอฺวะฮฺโดยการ ชกั ชวนใหท้ าการละหมาด บอกบทลงโทษสาหรับผทู้ ่ีไม่ทาการละหมาด และผลตอบแทนที่จะ ไดร้ ับสาหรับผทู้ ่ีทาการละหมาด เป็นตน้ 3. การตกั เตือนดว้ ยใจสาหรับผทู้ ่ีไมม่ ีความสามารถพอ เช่นการที่เห็นผทู้ ี่มีอานาจ ขม่ เหงรังแกผทู้ ี่ดอ้ ยกวา่ หากไมม่ ีความสามารถกใ็ หต้ กั เตือนดว้ ยใจได้ ท้งั น้ียอ่ มดีกวา่ ผู้ท่ีเห็นบุคคล หน่ึงกระทาความผดิ แต่เมินเฉยและไมค่ ิดแมจ้ ะทาการตกั เตือนดว้ ยใจ

39 1.2.2.2 หะดษี ที่ 2 ))‫((مروالبادعروفنواهواعنلادنكرقبلأنتدعوافلاأجيبلكم‬ )4004:2002 ،‫(ركاهابنماجة‬ ความวา่ “พวกเจ้าจงใช้ให้กระทา ในส่ิงที่ชอบ และห้ามมิให้ กระทาในส่ิงท่ีมิชอบ ก่อนที่การดุอาอ์ (การขอพร) ของพวกเจ้า จะไม่ถกู ตอบรับ” (บนั ทึกโดย Ibn Mājah, 2002: 4004) จากหะดีษขา้ งตน้ ไดบ้ ง่ ช้ีวา่ การเชิญชวนผคู้ นใหท้ าความดี และหา้ มปรามมิใหท้ า ความชว่ั น้นั เป็นสาเหตุหน่ึงท่ีทาใหด้ ุอาอถ์ ูกตอบรับ 1.2.2.3 หะดษี ท่ี 3 ))‫((منسئلعنعلمعلموثمكتمولأجميوـالقيامةبلجاـمننار‬ )2649:2001 ،‫(ركاهاًلتمذ م‬ ความวา่ “ผ้ใู ดกต็ ามท่ีถกู ถามถึงความรู้หนึ่งความรู้ใดที่เขารู้อยู่ แต่เขาได้ปกปิ ดมนั ไว้ เขาจะถกู ลงแซ่ในวนั กิยามะฮฺด้วยแซ่ที่ทา จากเปลวไฟ” (บนั ทึกโดย al-Tirmidhiy, 2001:2649) อลั มะนาวยี ์ (al-Manāwiy, 1972: 6/146) ไดอ้ ธิบายหะดีษน้ีวา่ “คาวา่ (ผใู้ ดกต็ ามท่ี ถูกถามถึงความรู้หน่ึงความรู้ใด) หมายถึง ความรู้ท่ีชดั เจนท่ีจาเป็นในดา้ นศาสนา หรือส่ิงที่จาเป็น จะตอ้ งเรียนรู้ เช่นอิสลามคืออะไร เป็นตน้ หรือการดะอฺวะฮฺใหก้ ล่าวปฏิญาณตน6” ดงั น้นั ผใู้ ดก็ตาม 6 การกลา่ วชะฮาดะฮฺ หรือการปฏิญาณตน คือการกลา่ วคาวา่ ‫أشهدلأاإلولإالاله كأشهدأفلزمدارسو ؿلاله‬ หมายถึง ขา้ ขอปฏิญานตนวา่ ไมม่ ีพระเจา้ อื่นใดนอกจากอลั ลอฮฺ  และมฮุ มั มดั  เป็ นศาสนทูตของอลั ลอฮฺ (Sha‘bān ‘Abd al-‘Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn,2008: 516)

40 ท่ีไมท่ าการดะอฺวะฮฺในสิ่งท่ีเขารู้แน่นอนยอ่ มไดร้ ับการลงโทษจากอลั ลอฮฺ  ในวนั กิยามะฮฺ7 1.2.2.4 หะดีษที่ 4 ))‫((إفالنا سإذارأكالادنكرلكايَغتكهأكشكلالهأفيعمهمبعقابو‬ )2094,2983 :2001 ،‫اًلتمذ م‬,2775 :2000 ،‫(رواهأبوداكد‬ ความวา่ “แท้จริงมนุษย์นัน้ เมื่อเห็นสิ่ งที่มิชอบแล้วไม่ได้ เปล่ียนแปลง (ตักเตือน)ต่อส่ิงนนั้ เสมือนกับว่าอัลลอฮฺใกล้จะทา ให้ เกิดการแพร่ หลายแก่พวกเขาจากการลงทัณฑ์ของพระองค์ ” (บนั ทึกโดย Abū Dāwūd, 2000: 2775 และ al-Tirmidhiy, 2001: 2094, 2983) ความหมายของหะดีษน้ีคือ หากมนุษยไ์ มช่ ่วยกนั ดะอฺวะฮฺตกั เตือนผคู้ นในส่ิงที่มิ ชอบแลว้ อลั ลอฮฺ  กจ็ ะลงโทษชนเหล่าน้นั อยา่ งแพร่หลาย ดงั น้นั การดะอฺวะฮฺเป็นสิ่งท่ีจาเป็นท่ี เราทุกคนจะตอ้ งถือปฏิบตั ิหนา้ ที่ที่สาคั ญน้ี และอลั ลอฮฺ  จะทรงทาใหค้ วามสันติสุขเกิดข้ึนบน หนา้ แผน่ ดิน 1.2.3 เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี กย่ี วข้อง 1.2.3.1 เอกสาร 1) มุฮัมมดั อะหฺ มัด ญาดุลเมาลา และ มุฮัมมัด อบุลฟัดลฺ อบิ รอฮีม (Muhammad Ahmad Jād al-Maulā/Muhammad Abū al-Fadl Ibrāhim, 2000: 16-22) ไดเ้ ขียน หนงั สือชื่อ Qisas} al-Qur’ān เป็นงานเขียนที่เล่าเกี่ยวกบั เร่ืองราวที่กล่าวถึงในอลั กรุ อาน และใน หนงั สือเล่มน้ียงั ไดเ้ ขียนเก่ียวกบั ชี วประวตั ิของท่านนบีนูหฺ  กบั การดะอฺวะฮฺประชาชาติของ ท่าน ซ่ึงตอ้ งใชค้ วามอดทนอย่ างมากมาย เป็นเพราะความด้ือร้ัน และปฏิเสธความถูกตอ้ ง ท่านกย็ งั 7 วนั กิยามะฮฺ หมายถึง วนั แห่งการฟ้ื นคืนชีพมนุษยเ์ พอ่ื ทาการสอบสวน (Sha‘bān ‘Abd al-‘Ātiy ‘Utiyyah/Aḥmad Ḥāmid Ḥusīn,2008: 796)

41 ยนื หยดั บนแนวทางที่ถูกตอ้ ง เพอ่ื เผยแผง่ านดะอฺวะฮฺของท่านดว้ ยระยะเวลาท่ียาวนานถึง 950 ปี จากบททดสอบท่ีมากมาย ท้งั ความด้ือร้ันของประชาชาติของทา่ น และการปฏิเสธ ศรัทธาจากภรรยา และบุตรของทา่ น กระน้นั กต็ ามทา่ นกย็ งั อดทน ยนื หยดั จนกระทงั่ การช่วยเหลือของอลั ลอฮฺ  ได้ มาถึงและทา่ นเป็นหน่ึงในหมู่ผขู้ อบคุณ 2) อบิ นุ กะษิรฺ อมิ าดุดดีน อสิ มาอลี อบิ นุ กะษิรฺ อดั ดิมัชกยี ์ (‘Imād al- Dīn Ismā‘īl ibn Kathīr al-Dimashqiy, 2006: 458-462) ไดเ้ ขียนหนงั สืออรร ถาธิบายอลั กุรอานชื่อ Tafsīr al-Qur’ān al-Azīm ทา่ นไดเ้ ขียนตฟั ซีรฺ บิลมะอ์ ษูรฺ ซ่ึงเนน้ หนกั ในการอรรถาธิบาย อายะฮฺอลั กุรอานดว้ ยอายะฮฺอลั กุ รอานหรือหะดีษ โดยในสูเราะฮฺนูหฺ ไดก้ ล่าวถึงเหตุ การณ์การ ประจนั หนา้ ระหวา่ ง ทา่ นนบีนูหฺ  และกลุ่มชนของท่าน ความอดท นในการดะอฺวะฮฺเป็นเวลา อนั ยาวนาน รวมท้งั ไดก้ ล่าวถึงทศั นะของอุละมาอใ์ นการอรรถาธิบายอายะฮฺบางอายะฮฺดว้ ย 3) ฟัตฮี มุฮัมมัด มุฮัมมดั เฆาะรีบ (Fathī Muhammad Muhammad Gharīb, 1997: 83-107)ไดเ้ ขียนหนงั สือ al-Amr bi al-Ma‘rūf wa al-Nahyi ‘an al-Munkar fī Dū’ al-Qur’ān al-Karīm เป็นหนงั สือที่ผเู้ ขียนพยายามสื่อ และอธิบายเก่ียวกบั ความสาคญั ของการเชิญ ชวนผคู้ นสู่การทาความดี และหา้ มปรามส่ิงท่ีไมด่ ีงามท้งั หลาย และสื่อถึงความยง่ิ ใหญ่หรือขอ้ ดี ของบุคคลท่ีมีคุณลกั ษณะดงั กล่าว และไดก้ ล่าวถึงการเชิญชวนของอลั กุรอานสู่คุณลกั ษณะดงั กล่ าว รวมถึงกฏเกณฑแ์ ละ หลกั การของการเชิญชวนผคู้ นสู่หนทางท่ีถูกตอ้ งและหลีกห่างจากส่ิงไม่ดี ท้งั หลาย มารยาทของ การเป็น นกั ดาอียท์ ี่ดี และบทลงโทษสาหรับผทู้ ่ีไม่ปฏิบตั ิตามคุณลกั ษณะ ดงั กล่าว และไดย้ กตวั อยา่ งการดะอฺวะฮฺของทา่ นนบีนูหฺ  และท่านนบีอิบรอฮีม  4) อะฟาฟ อะลีย์ อนั นัจจารฺ (‘Afāf ‘Aliy al-Najjār, 2009: 17-36) ไดเ้ ขียนหนงั สือ Namāzij min jidāl Ulī al-‘Azm ma‘a Umamihim เป็นหนงั สือท่ีเขียนเก่ียวกบั การโตต้ อบขอ งประชาชาติในสมยั ต่างๆตอ่ ศาสนทู ตของอลั ลอฮฺ พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ งการโตต้ อบ ระหวา่ งทา่ นนบีนูหฺ  กบั กลุ่มชนของท่ าน ท่านนบีอิบรอฮีม  กบั กลุ่มชนของทา่ น ทา่ นนบีมูซา  กบั กลุ่มชนของทา่ น ท่านนบีอีซา  กบั กลุ่มชนของท่าน และระหวา่ ง ทา่ นนบีมุฮมั มดั  กบั กลุ่มชนของทา่ น ซ่ึงการโตต้ อบของบรรดานบีดงั กล่าวสามารถเป็นตวั อยา่ ง ใหก้ บั นกั ดาอียท์ ้งั หลายใหอ้ ดทน และยนื หยดั ในการดะอฺวะฮฺเพอ่ื อลั ลอฮฺ 

42 5) มุฮัมมัด อะลี ย์ อศั ศอบูนีย์ (Muhammad ‘Aliy al-Ṣābūniy, 1981: 449-455) ไดเ้ ขียนหนงั สือ Ṣafwah al-Tafāsīr เป็นหนงั สือ อรรถาธิบายอลั กุรอาน ซ่ึงได้ อรรถาธิบาย สูเราะฮฺนูหฺ โดยการเร่ิมตน้ กล่าวถึงสูเราะฮฺนูหฺโดยรวม ความเป็นมาของสูเราะฮฺนูหฺ การเริ่มตน้ ของสูเราะฮฺ เรื่องราวในสูเราะฮฺ และการจบสูเราะฮฺ รวมถึงการใหก้ ารอรรถาธิบาย สูเราะฮฺโดยรวม ศิลปะการใชภ้ าษา ความเหมาะสมในแตล่ ะอายะฮฺ เป็นตน้ 6) มุฮัมมดั สัยยดิ ฏอนฏอวยี ์ (Muhammad Sayyid Ṭanṭāwiy, n.d.: 109-126) ไดเ้ ขียนหนงั สือ al-Tafsīr al-Wasīt li al-Qur’ān al-Karīm ซ่ึงเป็นหนงั สือ อรรถาธิบายอลั กรุ อานร่วมสมยั และท่านเองเคยเป็นอธิการบดีมหาวทิ ยาลยั อลั อซั ฮรั ฺ ประเทศอียปิ ต์ โดยงานเขียนน้ีไดเ้ นน้ การอรรถ าธิบายอลั กรุ อานตามหลกั ภาษา (นะหฺวู) เร่ิมตน้ โดยการกล่าวถึง ความเป็นมาของสูเราะฮฺ การเริ่มตน้ ของสู เราะฮจนถึงทา้ ยสูเราะฮฺ ไดเ้ ล่าเกี่ยวกบั การ ดะอฺวะฮฺของ ท่านนบีนูหฺ  ตอ่ กลุ่มชนของท่าน และวธิ ีการดะอฺวะฮฺบางคร้ังดว้ ยการกระตุน้ โดยการเอย่ ถึง ผลตอบแทนสาหรับผทู้ ี่ศรัทธา เป็นตน้ และบางคร้ังกก็ ล่าวถึงบทลงโทษสาหรับผู้ ที่ปฏิเสธศรัทธา และบางคร้ังกล่าวถึงความสามารถของอลั ลอฮฺ  และความยงิ่ ใหญข่ องพระองค์ เป็นตน้ 7) สัยยดิ กุฎบฺ (Saiyid Qutb, 1977: 3705-3718) ไดเ้ ขียนหนงั สือ อรรถาธิบายอลั กรุ อาน Fī Zilāl al-Qur’ān ซ่ึงเป็นหนงั สืออรรถาธิบายท่ีเนน้ ดา้ นสังคม ท่านเป็น นกั เขียน นกั ดะอฺวะฮฺที่ร่วมสมยั มีผลงานดา้ นการเขียนหนงั สือมากมาย ส่วนในงานเขียนเล่มน้ีทา่ น ได้กล่าวถึงเรื่องราวของท่านนบีนูหฺ  กบั กลุ่มชนของทา่ น การเป็นนกั ดะอฺวะฮฺท่ีดีของ ทา่ นนบีนูหฺ  การกล่าวถึงสงั คมในยคุ น้นั และจบทา้ ยดว้ ยการกล่าวถึงความพยายาม อดทนและ ต่อสู้ในหนทางของอลั ลอฮฺ  ในการทาหนา้ ที่ดะอฺวะฮฺและเป็นแบ บอยา่ งใหก้ บั ประชาชาติรุ่น ต่อมา 1.2.4 งานวจิ ัย 1) อศี อม ซุฮฺดฺ (‘Iṣām zuhd, 2005) ไดเ้ ขียนวทิ ยานิพนธ์ชื่อ Uṣūl al-Da’wah al-Islāmiyyah fī Sūrah Nūh พบวา่ เป็ นงานวจิ ยั ท่ีเขียนเก่ียวกบั การดะอฺวะฮฺของท่าน นบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺ ในมุมกวา้ ง และเนน้ หนกั เกี่ยวกบั การดะอฺวะฮฺโดยทวั่ ไป ความหมายของการ ดะอฺวะฮฺ หลกั ฐานจากอลั กรุ อานและหะดีษ ความสาคญั และผลดีของการ ดะอฺวะฮฺ การกล่าวถึง สูเราะฮฺนูหฺ และเรื่องราวที่เกิดข้ึนในสูเราะฮฺนูหฺ อีกท้งั ยงั กล่าวถึงการดะอฺวะฮฺที่ดีจะตอ้ งมีหวั ขอ้ ใน

43 การดะอฺวะฮฺ มีนกั ดาอีย์ มีมดั อูย์ (ผถู้ ูกดะอฺวะฮฺ ) และวธิ ีการดะอฺวะฮฺ อีกท้งั ยงั ไดบ้ ง่ ช้ีใหเ้ ห็นถึง ความสาคญั ของงานดะอฺวะฮฺที่จาเป็นสาหรับประชาชาติมุสลิม 2) หสั สาน มุฮัมมัด หุสีน ซัฆลฺ (Hassān Muhammad Husīn Zaghl, 2008) ได้ เขียนวทิ ยานิพนธ์ช่ือ Shaksiyyah Nūh Alaihi al-Salām fī al-Qur’ān al-Karīm พบวา่ เป็ นงานวจิ ยั ที่เขียนเกี่ยวกบั คุณลกั ษณะของทา่ นนบีนูหฺ  ในอลั กุรอาน โดยไดก้ ล่าวถึงชีวประวตั ิของทา่ น นบีนูหฺ  คุณลกั ษณะและคุณสมบตั ิของทา่ น ความสมั พนั ธ์ของท่านกบั บรรดานบีและกลุ่มชน ก่อนหนา้ และหลงั จากท่าน กลุ่มชนของท่านนบีนูหฺ  การปฏิเสธศรัทธาและจุดจบของผปู้ ฏิเสธ ศรัทธาจากกลุ่มชนของทา่ น การดะอฺวะฮฺของทา่ น ผลจากการดะอฺวะฮฺและประโยชน์ท่ีไดร้ ับจาก เรื่องราวของทา่ น 3) กอนีต๊ะห์ บูงอตาหยง, 2550 ไดเ้ ขียนวทิ ยานิพนธ์ชื่อ ญฮี าด เบ็น มุฮัมหมดั กบั งานดะอวฺ ะฮฺตามแนวทางสะลฟั ในจังหวดั ชายแดนใต้ พบวา่ เป็ นงานวิจยั ท่ีเขียนเกี่ยวกบั รูปแบบ แนวทาง วธิ ีการ และหลกั สูตรงานดะอฺวะฮฺของ ญีฮาด เบน็ มุฮมั หมดั ในจงั หวดั ชายแดนใต้ อุปสรรค และผลจากการดะอฺวะฮฺตามแนวทางสะลฟั ซ่ึงจุดเร่ิมตน้ การดะอฺวะฮฺของท่านที่เมือง มกั กะฮฺ ประเทศซาอุดีอารเบีย โดยใ ชห้ ลกั สูตรการสอนครอบคลุมเกือ บทุกสาขาวชิ า ส่วนการ ดะอฺวะฮฺของท่านที่จงั หวดั ชายแดนใตค้ รอบคลุมเกือบทุกส่วนของงานดะอฺวะฮฺ 4) อบั ดุลการีม มะซา, 2552 ไดเ้ ขียนวทิ ยานิพนธ์ชื่อ al-Manhaj al-Da‘wiy lī Kalīl al-Rahmān Ibrāhīm  fī Ḍū’ al-Wahy al-Ilāhī Sūrah al-Anbiya’ Namūdhajan (แนว ทางการดะอฺวะฮฺของนบีอิรอฮีม  ในคมั ภีร์อลั กุรอาน กรณีศึกษาในซูเราะฮฺอลั อมั บียาอฺ ) พบวา่ เป็นงานวจิ ยั ท่ีเขียนเก่ียวกบั ความสาคญั ของสูเราะฮฺอมั บียาอ์ ชีวประวตั ิของท่านนบีอิรอฮีม  และเนน้ หนกั เกี่ยวกบั การดะอฺวะฮฺของท่านที่กล่าวถึงในสูเราะฮฺอลั อมั บียาอ์ ซ่ึงเป็นแนวทางหน่ึง และแบบอยา่ งใหก้ บั นกั ดาอียใ์ นปัจจุบนั 5) มุฮาหมดั สันหมาน, 2550 ไดเ้ ขียนวทิ ยานิพนธ์ช่ือ การศึกษาวเิ คราะห์หลกั จริยธรรมในสูเราะฮฺอลั หุญุร๊อต เป็ นงานวจิ ยั ที่เขียนเกี่ยวกบั หลกั จริยธรรมต่างๆใน สูเราะฮฺอลั หุํุร๊อต การกล่าวถึงความหมาย ควา มสาคญั ตน้ แบบ และประเภทของจริยธรรม ความ เป็นมา และความสาคญั ของสูเราะฮฺอลั หุํุร๊อต เน้ือหาโดยรวมของสูเราะฮฺอลั หุํุร๊อต และ คุณลกั ษณะจริยธรรมต่างๆในสูเราะฮฺอลั หุํุร๊อต

44 6) นูรดดนี อบั ดุลเลาะฮฺ ดากอฮา (Noordin Abdullah dagorha, 1998) ได้เขียน วทิ ยานิพนธ์ช่ือ Dakwah Islamiah Di Selatan Thailand : Suatu Kajian Tentang Perkemban- gannya Antara Tahun 1960-1991 M (การดะอฺวะฮฺอิสลามในจงั หวดั แดนใต้ กรณีศึกษา พฒั นาการดะอฺวะฮฺ ระหวา่ งปี ค .ศ. 1960-1991) คน้ พบวา่ เป็ นงานวจิ ยั ที่เขียนเกี่ยวกบั การดะอฺวะฮฺ โดยทวั่ ไป ความหมายของงาน ดะอฺ วะฮฺ ประเภท หุกมุ และเป้ าหมายของงานดะอฺวะฮฺ รวมถึง อุปสรรคตา่ งๆที่นกั ดาอียต์ อ้ งเผชิญ สาหรับกรณีศึกษาของวจิ ยั น้ีคือการกล่าวถึงกงานดะอฺวะฮฺใน จงั หวดั ชายแดนใต้ ซ่ึงแบง่ ออกเป็น 2 ยคุ คือ ก่อนปี ค.ศ. 1960 และช่วงปี ค.ศ. 1960-1991 สาหรับงานวจิ ยั ผวู้ จิ ยั จะศึกษาต่ างกนั กบั งานวจิ ยั ขา้ งตน้ โดยผวู้ จิ ยั ตอ้ งการ ศึกษาชีวประวตั ิของท่านนบีนูหฺ  ความสาคญั ของสูเราะฮฺนูหฺ และ เนน้ หนกั ดา้ นเทคนิคการ ดะอฺวะฮฺของทา่ นนบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺโดยเฉพาะ วธิ ีการของท่านในการดะอฺวะฮฺเพอ่ื สามารถ นามาปรับใชเ้ พ่อื การดะอฺวะฮฺในโอกาสต่อไป 1.3 วตั ถุประสงค์ ในการวจิ ยั คร้ังน้ีผวู้ จิ ยั มีวตั ถุประสงค์ ดงั น้ี 1.3.1 เพอื่ ศึกษาชีวประวตั ิของท่านนบีนูหฺ  1.3.2 เพอ่ื ศึกษาถึงความสาคญั ของสูเราะฮฺนูหฺ 1.3.3 เพอ่ื ศึกษาเทคนิคการดะอฺวะฮฺของทา่ นนบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺ 1.4 ความสาคัญและประโยชน์ของการวจิ ัย การศึกษาวเิ คราะห์เทคนิค การดะอฺวะฮฺของ ท่านนบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺ เป็น การศึกษาเชิงวเิ คราะห์รูปแบบและวธิ ีการในการดะอฺวะฮฺของทา่ นบีนูหฺ  ท่ีตอ้ งตอ่ สู้ อดทนและ เสียสละท้งั กลางวนั และกลางคืน ท้งั โดยทางลบั และเปิ ดเผย แต่ดว้ ยความด้ือร้ันและปฏิเสธศรัทธา ของประชาชาติของทา่ น ทาใหท้ ่านตอ้ งทาหนา้ ที่ดะอฺวะฮฺเป็นเวลาอนั ยาวนาน ผวู้ จิ ยั คาดวา่ จะ ไดร้ ับประโยชน์จากการศึกษาวจิ ยั ดงั น้ี 1.4.1 ไดร้ ับความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ชีวประวตั ิของท่านนบีนูหฺ  1.4.2 ไดร้ ับความรู้ความเขา้ ใจถึงความเป็ นมาและความสาคญั ของสูเราะฮฺนูหฺ

45 1.4.3 ไดเ้ รียนรู้ถึงเทคนิคการดะอฺวะฮฺของนบีนูหฺ  ตามนยั แห่งสูเราะฮฺนูหฺ 1.4.4 ไดเ้ รียนรู้ถึงวธิ ีการดะอฺวะฮฺของทา่ นนบีนูหฺ  1.4.5 ไดอ้ งคค์ วามรู้ที่เป็นประโยชนแ์ ก่ผวู้ จิ ยั และผอู้ า่ น อีกท้งั เป็นขอ้ มลู สาหรับผสู้ นใจท่ีจะศึกษาคน้ ควา้ เก่ียวกบั เทคนิคการดะอฺวะฮฺของทา่ นนบีนูหฺ  ในโอกาสต่อไป 1.5 ขอบเขตของการวจิ ัย การวจิ ยั คร้ัง น้ีผวู้ จิ ยั ไดท้ าการศึ กษาวเิ คราะห์เทคนิค การดะอฺวะฮฺของท่านนบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺ โดยกาหนดขอบเขตในการวจิ ยั ดงั น้ี 1.5.1 ศึกษาวเิ คราะห์เ ฉพาะเรื่องที่เก่ียวขอ้ งกบั เทคนิค การดะอฺวะฮฺของทา่ น นบีนูหฺ  ในสูเราะฮฺนูหฺ 1.6 ข้อตกลงเบือ้ งต้น ในงานวจิ ยั คร้ังน้ีผวู้ จิ ยั ไดก้ าหนดขอ้ ตกลงเบ้ืองตน้ ดงั น้ี 1.6.1 ในการแปลความหมายอายะฮฺอลั กุรอานเป็นภาษาไทย ผวู้ จิ ยั ใชค้ มั ภีร์ อลั กุรอานฉบบั แปลความหมายภาษาไทยโดยสมาคมนกั เรียนเก่าอาหรับประเทศไทย พิมพโ์ ดยศูนย์ กษตั ริยฟ์ ะฮดั เพือ่ การพิมพอ์ ลั กุรอาน แห่งนครมะดีนะฮฺ ฮ.ค.1419 1.6.2 การปริวรร ตอกั ษรอาหรับ- ไทย ผวู้ จิ ยั ใชข้ องวทิ ยาลยั อิสลาม ศึกษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ 1.6.3 การอา้ งอิงตวั บทอั ลกรุ อาน ผวู้ จิ ยั อา้ งอิงสูเราะฮฺ และอายะฮฺไวด้ า้ นหลงั ของทุกตวั บทในเน้ือหา 1.6.4 การอา้ งอิงตวั บทหะดีษ ผวู้ จิ ยั อา้ งอิงแหล่งที่มาโดยระบุปี ท่ีพิมพ์ หมายเลขหะดีษไวด้ า้ นหลงั หะดีษ 1.6.5 ขอ้ มูลท่ีได้จากเอกสาร งานวจิ ยั หนงั สือหรือตาราต่างๆ ที่มิใช่อลั กรุ อาน และอลั หะดีษ ผวู้ จิ ยั จะอา้ งถึงดว้ ยวธิ ีการเขียนแบบนาม- ปี โดยมีชื่อผแู้ ตง่ ปี ที่พมิ พ์ และเลขหนา้ ที่ ใชอ้ า้ งอิง ในเคร่ืองหมายวงเล็บ ซ่ึงจะใชป้ ี คริสตศกั ราชสาหรับหนงั สือตา่ งประเทศ 1.6.6 ในการแปลตาราหนงั สือและเอกส ารต่างๆ ที่เป็นภาษาตา่ งประเทศเป็น ภาษาไทย ผวู้ จิ ยั จะแปลความหมายโดยรวมและจะรักษาความหมายของขอ้ ความเดิมไวใ้ ห้มากท่ีสุด

46 1.6.7 การอธิบายศพั ทท์ ี่เห็นวา่ สาคญั หรือคอ่ นขา้ งยาก ซ่ึงถูกกล่าวไวใ้ นการ วจิ ยั คร้ังน้ี ผวู้ จิ ยั จะอธิบายไวท้ ่ีเชิงอรรถ 1.6.8 สัญลกั ษณ์ที่ใชใ้ นการวจิ ยั ในการวจิ ยั คร้ังน้ีผวู้ จิ ยั ใชส้ ัญลกั ษณ์ดงั น้ี 1)  อา่ นว่า สุบหานะฮุ วะตะอาลา เป็นคาสรรเสริญตอ่ เอกองคอ์ ลั ล อฮฺ แปลวา่ อลั ลอฮฺ ผทู้ รงมหาบริสุทธ์ิ 2)  อา่ นวา่ ศอ็ ลลลั ลอฮุ อะลยั ฮิ วะสัลลมั เป็นพรภาวนาที่ชาวมุสลิมกล่าวแด่ ท่านนบีมุฮมั มดั ซ่ึงมีความหมา ยวา่ ขออลั ลอฮฺโปรดประทานพรและความสันติสุขแด่ทา่ นดว้ ย เทอญ 3)  อา่ นวา่ อะลยั ฮิส สลาม เป็นพรภาวนาท่ีชาวมุสลิมกล่าวแด่ บรรดานบีท่าน อ่ืน ๆ นอกจากนบีมุฮมั มดั ซ่ึงมีความหมายวา่ ขออลั ลอฮฺทรงประทานความสันติสุขแด่ทา่ นดว้ ย เทอญ 4)  อ่านว่า เราะฎิยลั ลอฮุ อนั ฮุ เป็นพรภาวนาที่ชาวมุสลิมกล่าวแด่บรรดา เศาะหาบะฮฺ (สาวกของทา่ นนบีมุฮมั มดั ) แปลวา่ ขออลั ลอฮฺทรงยอมรับในตวั ของพวกเขาเถิด 5) ............ คือ สญั ลกั ษณ์ใชก้ ากบั อายะฮฺอลั กุรอาน 6) (( ............. )) คือ สญั ลกั ษณ์ใชก้ ากบั สานวนของหะดีษ 7) ‚........... ‛ คือ สัญลกั ษณ์ใชก้ ากบั ความหมาย ของอลั กุรอาน ความหมายของ หะดีษ คาพดู ของปราชญ์ 1.7 นิยามศัพท์เฉพาะ เทคนิค หมายถึง ศิลปะ หรือกลวธิ ีเฉพาะเรื่องน้นั ๆ ซ่ึงในที่น้ีหมายถึง รูปแบบ หรือวธิ ีการท่ีเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะในการดะอฺวะฮฺ ดะอฺวะฮฺ โดยทางภาษา หมายถึงการร้องเรียก การประกาศ การสนบั สนุนส่ิง หน่ึงๆ การพยายามท้งั ในดา้ นคาพดู หรือการกระทาและการปฏิบตั ิ เพอื่ เรียกร้องสู่ความเช่ือหรือ แนวทางหน่ึง หรือการขอ ในภาษาทางวชิ าการคือ การเชิญชวนมนุษยส์ ู่หนทางอนั เที่ยงตรง และหนั ห่างจากหนทางอนั มืดมน โดยใชค้ าพดู และการกระทาเป็นส่ือใหถ้ ึงจุดมุง่ หมายและ วตั ถุประสงค์

47 นบี หมายถึง ผทู้ ี่ไดร้ ับการเลือกสรรจากพระองคอ์ ลั ลอฮฺ  ใหเ้ ป็นผทู้ ่ีรับคา สอนจากพระองคม์ าถือปฏิบตั ิตน และนาไปเผยแผแ่ ก่ผอู้ ่ืน ท่าน นบีนูหฺ  เป็นศาสนทู ต ของอลั ลอฮฺ และเป็นเราะสูลทา่ นแรกท่ีถูกส่งลงมาใหก้ บั ประชาชาติบนโลกน้ี สูเราะฮฺ โดยทางภาษา หมายถึง แถว หรือท่ีก้ั น ในภาษาทางวชิ าการคือ การแบง่ ใจความอลั กรุ อานออกเป็นตอนๆ กล่าวคือเป็นบท หรือเป็นส่วน โดยแยกจากตวั บทที่อยกู่ ่อนหนา้ และตามหลงั กนั สูเราะฮฺในอลั กรุ อานมีท้งั สิ้ น 114 สูเราะฮฺ และสูเราะฮฺนูหฺ เป็นสูเราะฮฺท่ี 71 ใน จานวนสูเราะฮฺท้งั หมดของอลั กรุ อาน 1.8 วธิ ีดาเนินการวจิ ัย ในการวจิ ยั เร่ืองน้ี ผวู้ จิ ยั ไดม้ ีวธิ ีการวจิ ยั ดงั น้ี 1.8.1 รูปแบบการวจิ ัย งานวจิ ยั ชิ้นน้ีเป็นการศึกษาวจิ ยั เชิงพรรณาโดยจะเก็บขอ้ มูลจากเอกสารตา่ งๆ ตารา และงานวจิ ยั ตา่ งๆ 1.8.2 แหล่งข้อมูล งานวจิ ยั คร้ังน้ี เป็นงานวจิ ยั เอกสารจากแหล่งขอ้ มลู ท่ีสาคญั คือ 1) แหล่งปฐมภูมิ ดงั น้ี 1.1 หนงั สือท่ีเก่ีย วขอ้ งกบั ชีวประวตั ิของทา่ นนบีนูหฺ  เช่น Qasas al- Anbiyā’ของ Ibn Kathīr และ Qisas} al-Qur’ān ของ Muhammad Ahmad Jād al-Maulā/Muhammad Abū al-Fadl Ibrāhim เป็ นตน้ 1.2 หนงั สือตฟั ซีรฺ (หนงั สือตฟั ซีรบิลมะอฺษรู )8 เช่น Jāmi‘ al-Bayān fī Tafsīr al-Qur’ān ของ al-Ṭabariy, Tafsīr al-Qur’ān al-Aẓīm ของ Ibn Kathīr เป็ นตน้ และ(หนงั สือตฟั ซีร บิรฺรออฺย์)9 เช่น Fī Zilāl al-Qur’ān ของ Saiyid Quṭb, Tafsīr al-Fakhr al-Rāziy al-Mushtahīr bi al- Tafsīr al-Kabīr wa Mafātīh al-Ghaib ของ al-Rāziy เป็นตน้ โดยอา้ งอิงถึงอายะฮฺตา่ งๆท่ีเกี่ยวขอ้ งกั บ แนวทางการดะอฺวะฮฺของทา่ นนบีนูหฺ  และอายะฮฺท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เน้ือหา 1.3 อลั หะดีษ ที่เก่ียวขอ้ งกบั เน้ือหาการดะอฺวะฮฺ โดยจะ ยดึ หะดีษท่ีเป็น อลั เศาะหาหฺ เช่น Sahīh al-Bukhāriy, Sahīh Muslim ท่ีเป็นอสั สุนนั เช่น Sunan al-Tirmidhiy, Sunan Abī Dāwūd เป็ นตน้ และท่ีเป็ นอลั มะสานีด เช่น Musnad al-Imām Ahmad เป็นตน้ 8 การอรรถาธิบายอลั กรุ อานโดยการยดึ เอาหลกั ฐานที่ชดั เจนจากอลั กรุ อานและหะดีษในการอธิบาย 9 การอรรถาธิบายอลั กรุ อานโดยการใชค้ วามคิดดวามเขา้ ใจของนกั อรรถาธิบายเอง

48 2) แหล่งทุติยภมู ิ 2.1 หนงั สือหรือเอกสารที่เก่ียวขอ้ งกบั ชีวประวตั ิของนกั อรรถาธิบาย อลั กรุ อานหรือชีวประวตั ิของผเู้ ล่าหะดีษ และผรู้ ายงานหะดีษ 2.2 หนงั สือการอรรถาธิบายหะดีษที่อธิบายเกี่ยวกบั การศึกษาวเิ คราะห์ในเรื่อง การดะอฺวะฮฺ 3) แหล่งตติยภมู ิ 3.1 หนงั สื อพจนานุกรมอธิบายศพั ทภ์ าษาอาหรับ ท่ีเป็นภาษาอาหรับ ภาษามลายู และภาษาไทย 3.2 หนงั สือการใชศ้ พั ทเ์ ทคนิคต่างๆทางวชิ าอลั กุรอาน (Mu‘jam al-Maudū‘āt al-Qur’ān) 3.3 หนงั สือคาศพั ทใ์ นอลั กุรอาน (al-Mu‘jam al-Mufahras li al-Alfāẓ al-Qur’ān al-Karīm) 1.8.3 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล งานวจิ ยั น้ีเป็นงานที่ตอ้ งใชค้ วามละเอียดออ่ นและระมดั ระวงั เพราะเป็นหวั ขอ้ ที่เก่ียวขอ้ งกบั อลั กุรอาน ดงั น้นั การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จึงตอ้ งใชห้ ลกั เกณฑแ์ ละแนวทางที่ถูกตอ้ ง ดงั น้ี 1) รวบรวม และเรียบเรียงขอ้ มูลที่ไดศ้ ึกษามาตามข้นั ตอนต่อไปน้ี 1.1 รวบรวมอายะฮฺอลั กรุ อานและหะดีษท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กา รดะอฺวะฮฺ และ เทคนิคการดะอฺวะฮฺของท่านนบีนูหฺ  1.2 รวบรวมชีวประวตั ิของท่านนบีนูหฺ  และงานดะอฺวะฮฺของทา่ น 1.3 รวบรวมทศั นะของบรรดาอุละมาอต์ ฟั ซีรฺ ( ไม่วา่ จะเป็นตฟั ซีรบิล มะอฺษรู หรือตฟั ซีรบิรฺรออฺย)์ และทศั นะของอุละมาอห์ ะดีษ 2) รวบรวมแนวทางและหลกั การตา่ งๆที่เกี่ยวขอ้ ง ไมว่ า่ ท่ีใชใ้ นก ารอธิบาย หรือตรั ญีหฺ (การใหน้ ้าหนกั หลกั ฐาน) 1.8.4 การวเิ คราะห์ข้อมูล ในการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ผวู้ จิ ยั จะใชห้ ลกั การดงั น้ี

49 1) หลกั อุศูลอตั ตฟั ซีรฺ ผวู้ จิ ยั ใช้หลกั การ ตฟั สีรฺบิลมะอฺษูร หมายถึง การ อรรถาธิบายอลั กรุ อานโดยยดึ เอาหลกั ฐานท่ีชดั เจนที่สุดในการอธิบาย 2) หลกั อุศลู อลั หะดีษ ผวู้ จิ ยั จะยดึ ดีษเศาะห้ีหฺ )‫(حديثصحيح‬10 หะดีษ หะสัน )‫(حديثحسن‬11 เทา่ น้นั ในการประกอบการอธิบาย เพอ่ื ยนื ยนั ความถูกตอ้ ง ส่วน หะดีษ เฎาะอีฟ )‫ (حديثضعيف‬12 น้นั จะใชอ้ า้ งอิงเฉพาะ บางกรณีเทา่ น้นั ถึงอยา่ งไรกต็ าม เม่ือมีความ ขดั แยง้ ระหวา่ งหะดีษดว้ ย กนั ท้งั ดา้ นเน้ือหาหรือระดบั ของหะดีษ ผวู้ จิ ยั จะยดึ เอาหะดีษท่ีมีระดบั เหนือกวา่ เสมอ 3) หลกั การประวตั ิศาสตร์ ผวู้ จิ ยั ใชห้ นงั สือท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ประวตั ิศาสตร์ใน การนาเสนอขอ้ มลู ที่อธิบายเก่ียวกบั ท่านนบีนูหฺ  และการดะอฺวะฮฺของท่าน 10 หมายถึง หะดีษท่ีมีสายรายงานติดต่อ กนั ผรู้ ายงานเป็ นผมู้ ีคุณธรรม มีความจาดีเยย่ี มต้งั แตผ่ รู้ ายงานคนแรก จนถึงท่านเราะสูล  ไมม่ ีความบกพร่อง หรือขดั แยง้ กบั ลกั ษณะของหะดีษท่ีมีความเช่ือถือไดม้ ากกวา่ 11 อสั สุยฏู ีย์ กล่าววา่ ความหมายของหะดีษเศาะห้ีหฺและหะดีษหะสนั น้นั เหมือนกนั ทุกอยา่ ง นอกจากเร่ือง ความจาที่หะดีษหะสนั จะดอ้ ยกวา่ 12 หมายถึง หะดีษที่ขาดเงื่อนไขประการหน่ึงประการใด หรือหลายประการอนั เป็ นท่ียอมรับจากชนิดของหะดีษ เศาะห้ีหฺและหะดีษหะสนั