แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นกั เรยี นมีความรเู้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาํ คญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไม่เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสําคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี นาํ ไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรับปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 19 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เรอ่ื ง การสรา้ งอาหารของพืช เวลา 1 ช่วั โมง วนั ท.่ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผ้สู อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชี้วัดช้ันปี บรรยายหนา้ ทีข่ องราก ลําต้น ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใชข้ ้อมูลที่รวบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 1. อธิบายการสร้างอาหารของพชื ได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝรุ ู้หรืออยากรูอ้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ ีเ่ ก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานรว่ มกบั ผอู้ ่ืนอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนาํ ความรเู้ รื่องการสร้างอาหารของพืชไปใชใ้ นชีวิตประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั พืชสร้างอาหารเองได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยสารสําคัญที่ช่วยในการสังเคราะห์ด้วยแสง คือ คลอโรฟิลล์ ซงึ่ มสี เี ขียวและพบมากท่ใี บ 5. สาระการเรยี นรู้ หน้าท่ขี องส่วนตา่ ง ๆ ของพชื – การสร้างอาหารของพชื 6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มุง่ มัน่ ในการทาํ งาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน สบื คน้ ข้อมลู เก่ียวกับการสรา้ งอาหารของพชื 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเขา้ สู่บทเรยี น 1) ครูถามคําถามนกั เรยี นเกย่ี วกับการกนิ อาหารของนักเรยี นหรือสัตว์เล้ียง เช่น – นักเรียนกินอาหารทุกวันหรือไม่ และอาหารที่ชอบคืออะไร (แนวคําตอบ กินอาหารทุกวัน อาหารทช่ี อบ คอื ขา้ วผัด) – นกั เรียนเลยี้ งสตั วเ์ ล้ียงหรือไม่ นักเรียนให้สัตว์เลี้ยงกินอะไร (แนวคําตอบ เล้ียง ให้แมวกินปลา ทตู ม้ ) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็น เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง การสร้าง อาหารของพชื
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ขน้ั จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีขนั้ ตอนดังน้ี 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตนุ้ ความสนใจของนักเรยี นโดยถามคาํ ถาม เชน่ – พืชต้องได้รับอาหารเหมือนกับคนและสัตว์หรือไม่ เพราะอะไร (แนวคําตอบ พืชต้องได้รับ อาหาร เพราะพืชต้องใช้พลังงานในการทาํ กจิ กรรมต่างๆ เหมอื นกับคนและสตั ว์) – ถ้าพืชไม่ได้รับอาหารจะส่งผลกระทบต่อพืชลักษณะใด (แนวคําตอบ พืชจะเจริญเติบโตช้าลง และตายในท่สี ุด) (2) นกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับคําตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรยี นศึกษาเรอื่ งการสร้างอาหารของพืชจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบาย ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจวา่ พชื มใี บที่ใชใ้ นการสร้างอาหาร พชื จึงไม่ต้องได้รับอาหารจากการกินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหาร เหมอื นคนและสัตว์ โดยใบทําหนา้ ทส่ี รา้ งอาหารใหก้ บั พชื (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างอาหารของพืชโดยดําเนินการ ตามขนั้ ตอนดงั น้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อการสร้างอาหารของพืชเป็นหัวข้อย่อย เช่น สารทช่ี ว่ ยในการสร้างอาหารของพชื สารเริ่มตน้ ทใ่ี ชใ้ นการสร้างอาหารของพืช และผลิตภัณฑ์ท่ีได้จากการสร้าง อาหารของพืช ใหส้ มาชิกแตล่ ะกลุม่ ช่วยกันสบื ค้นตามหวั ขอ้ ที่กาํ หนด – สมาชิกแต่ละกลมุ่ ช่วยกันสืบคน้ ข้อมลู ตามหัวข้อท่ีกลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสือ วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาํ หรบั เยาวชน และอนิ เทอรเ์ น็ต – สมาชิกกลุ่มนําข้อมูลท่ีสืบค้นได้มารายงานให้เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกัน อภิปรายซักถามจนคาดว่าสมาชกิ ทุกคนมคี วามรู้ความเขา้ ใจที่ตรงกนั – สมาชิกกลมุ่ ช่วยกันสรปุ ความรู้ท่ไี ดท้ ้งั หมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม (3) ครคู อยแนะนําชว่ ยเหลอื นกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทุกคนซักถามเมอ่ื มปี ญั หา 3) ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ สง่ ตวั แทนกลุ่มนําเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นักเรยี นและครูร่วมกันอภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยใช้แนวคาํ ถาม ตอ่ ไปนี้ – สารท่ีช่วยในการสร้างอาหารของพืชคืออะไร พบมากที่ใด (แนวคําตอบ สารสีเขียว เรียกว่า คลอโรฟลิ ล์ พบมากทบ่ี รเิ วณใบ) – สารเร่ิมต้นท่ีใช้ในการสร้างอาหารของพืช คืออะไร (แนวคําตอบ นํ้าและแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด)์ – ผลติ ภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ากการสร้างอาหารของพืชคืออะไร (แนวคาํ ตอบ นํา้ ตาลและแก๊สออกซเิ จน)
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า การสร้างอาหาร ของพืช เรียกว่า การสังเคราะห์ด้วยแสง เกิดขึ้นเม่ือพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์ช่วยให้นํ้าสามารถจับกับแก๊ส คารบ์ อนไดออกไซดก์ ลายเป็นน้ําตาล แก๊สออกซเิ จน และนํา้ 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครใู ห้นกั เรยี นดูรปู การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชในหนังสือเรียน พร้อมกับอธิบายถึงความสัมพันธ์ ของการคายนํา้ การดดู ซบั น้ํา และการลําเลยี งน้ําและแร่ธาตวุ ่ามผี ลต่อการนําน้ําไปใชใ้ นการสงั เคราะห์ด้วยแสง (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการสร้างอาหารของพืช จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมทั้งคําแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เขา้ ใจหรอื ยังมีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบตั กิ จิ กรรมกลุ่มว่ามปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับประโยชนท์ ่ไี ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรียน เช่น – พืชสรา้ งอาหารเองได้เพราะอะไร – อาหารท่ีพืชสรา้ งไดค้ อื อะไร ขัน้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการสร้างอาหารของพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือ ผังมโนทศั น์ 10. สอื่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือ วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาํ หรบั เยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ 2. หนงั สือเรยี นภาษาตา่ งประเทศ 3. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 4. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 6. หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความร้เู รื่องการสรา้ ง อาหารของพชื 1. ประเมินเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทาํ งานกลมุ่ กิจกรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรียน ใช้แบบวัดเจตคตทิ าง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ วทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเป็น 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกตและ การสงั เกตการทํางานกล่มุ ใชแ้ บบวัดเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ 12. บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ คดิ เปน็ ร้อยละ.................. 1. นกั เรยี นจาํ นวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน ไม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนร้.ู .................คน
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 นักเรยี นน่ไี ม่ผ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามร้เู กดิ ทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย ไดท้ ําการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ของ................................................................แลว้ มีความเหน็ ดงั นี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สําคัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสาํ คัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ นาํ ไปใช้ได้จรงิ ควรปรบั ปรุงกอ่ นนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหน่ง............................................ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง การจาํ แนกสง่ิ มชี วี ิต (1) เวลา 1 ชั่วโมง วนั ท.ี่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วัดช้ันปี บรรยายหนา้ ทข่ี องราก ลาํ ตน้ ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใช้ขอ้ มลู ที่รวบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1)
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ระบุหนา้ ที่ของคลอโรฟลิ ล์ได้ (K) 2. ทดลองและตรวจสอบได้ว่าพชื สรา้ งอาหารในส่วนของใบทม่ี คี ลอโรฟลิ ล์ (K) 3. มีความสนใจใฝรุ ูห้ รืออยากรู้อยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ เ่ี ก่ียวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทํางานรว่ มกับผ้อู ื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 6. ส่อื สารและนาํ ความรู้เรื่องคลอโรฟิลลก์ ับการสร้างอาหารของพชื ไปใชใ้ นชีวิตประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ คลอโรฟลิ ล์เป็นสารสีเขยี วในใบพืช ทําหน้าที่ชว่ ยใหพ้ ืชเกดิ การสังเคราะหด์ ้วยแสง 5. สาระการเรียนรู้ หนา้ ทีข่ องสว่ นต่าง ๆ ของพชื – การสร้างอาหารของพืช 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝุเรียนรู้ 3. ม่งุ มนั่ ในการทํางาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนนิ ชีวติ 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน ทดลองคลอโรฟลิ ลจ์ าํ เป็นต่อการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรียน 1) ครทู บทวนความรู้เกีย่ วกับการสร้างอาหารของพชื โดยการถามคําถาม เช่น – ส่วนของพืชทที่ ําหน้าท่สี ร้างอาหารคืออะไร (แนวคําตอบ ใบ) – พืชสามารถสรา้ งอาหารเองได้เพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะพืชมีคลอโรฟิลล์ที่ใช้ในการสร้าง อาหาร)
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 2) นักเรียนช่วยกนั ตอบคําถามและแสดงความคดิ เหน็ เพ่ือเชื่อมโยงไปสกู่ ารเรียนรู้เร่ือง คลอโรฟิลล์กับ การสรา้ งอาหารของพชื ขนั้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึ่งมีขัน้ ตอนดงั นี้ 1) ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามคําถามว่า นักเรียนมีวิธีใดที่ใช้พิสูจน์ว่า คลอโรฟิลล์มี ส่วนสาํ คัญในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง (แนวคําตอบ ทําการทดลองวา่ ใบส่วนท่มี สี ีเขยี วมแี ปูงสะสมอย่หู รือไม่) (2) นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกยี่ วกับคําตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นกั เรียนศกึ ษาเรือ่ งคลอโรฟิลลก์ ับการสร้างอาหารของพืชจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดย ครูช่วยอธิบายใหน้ กั เรียนเขา้ ใจว่า คลอโรฟลิ ลใ์ นใบมีส่วนสําคัญในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 6 ทดลองคลอโรฟิลล์จําเป็นต่อการ สังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื แต่ละกลมุ่ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามข้นั ตอนทไ่ี ดว้ างแผนไว้ ดงั นี้ ขน้ั ที่ 1 กาํ หนดปัญหา – บรเิ วณใบทไ่ี ม่มีคลอโรฟิลล์จะเกดิ การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงหรือไม่ ขั้นที่ 2 ต้ังสมมตุ ิฐาน – เม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงบนส่วนของใบที่มีสีเขียว สีของใบน่าจะเปล่ียนแปลง แต่ส่วนที่เป็น รอยด่างไม่นา่ จะเปลยี่ นแปลง ขนั้ ท่ี 3 ทดลอง – ใส่แปงู จาํ นวนเลก็ นอ้ ยลงในจานหลมุ 3 ช่อง แลว้ หยดสารละลายไอโอดนี สงั เกตและบนั ทึกผล – นาํ ใบดา่ งมาวาดรปู และระบายสีตามทีเ่ ห็นจริง – เทน้ํากล่ันลงในบีกเกอร์ที่เตรียมไว้ประมาณ ของบีกเกอร์ ต้มจนเดือดแล้วจึงใส่ใบด่าง ต้มต่อ ประมาณ 3–4 นาที – นําใบท่ตี ้มแลว้ ใสใ่ นหลอดทดลองที่บรรจุเอทานอล จากนั้นนําไปใส่ในบีกเกอร์อีกใบท่ีบรรจุนํ้าเดือด ต้มจนกว่าใบจะซีดเป็นสขี าว – นําใบท่ีต้มจนซีดขาวแล้วมาล้างน้ําสะอาดและวางบนจานแก้ว คลี่ใบออก ใช้หลอดหยดดูด สารละลายไอโอดีน แล้วหยดลงบนใบให้ท่ัว ทิ้งไว้สกั ครู่ วาดรูปและระบายสกี ารเปล่ยี นแปลง ขัน้ ที่ 4 วเิ คราะห์ผลการทดลอง – แปลความหมายข้อมูลที่ไดจ้ ากตารางบนั ทึกผลการทดลอง – นาํ ข้อมูลที่ไดม้ าพจิ ารณาเพื่ออธบิ ายว่าเปน็ ไปตามทน่ี กั เรยี นต้ังสมมุตฐิ านไวห้ รอื ไม่ ขนั้ ที่ 5 สรุปผลการทดลอง – นกั เรยี นรว่ มกันสรุปผลการทดลองแลว้ เขียนเปน็ รายงานสรปุ ผลการทดลองสง่ ครู (3) ครูคอยแนะนําช่วยเหลอื นักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรยี นทุกคนซักถามเมอื่ มปี ัญหา 3) ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (1) นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหนา้ หอ้ งเรยี น (2) นกั เรียนและครรู ่วมกนั อภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคําถาม ต่อไปน้ี – เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแปูงเกดิ การเปลยี่ นแปลงลกั ษณะใด (แนวคําตอบ สารละลาย ไอโอดนี เปลีย่ นสีจากสนี ้ําตาลเปน็ สีนา้ํ เงนิ ) – เม่ือหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบด่างเกิดการเปล่ียนแปลงลักษณะใด (แนวคําตอบ บริเวณ ใบทเ่ี คยมสี ีเขียว สารละลายไอโอดีนเปล่ยี นสีจากสนี า้ํ ตาลเปน็ สนี าํ้ เงนิ ) – คลอโรฟิลล์เป็นปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วยแสงหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคําตอบ คลอโรฟิลล์เป็นปัจจัยในการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยสังเกตจากการเปลี่ยนสีของสารละลายไอโอดีน เมื่อหยด สารละลายไอโอดีนลงบนแปูง สารละลายไอโอดีนเปลี่ยนสีจากสีนํ้าตาลเป็นสีน้ําเงินเหมือนกับการหยด สารละลายไอโอดีนลงบนใบ ซึ่งสารละลายไอโอดีนก็เปล่ียนสีจากสีนํ้าตาลเป็นสีน้ําเงินในส่วนของใบที่มี คลอโรฟลิ ล)์ (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า คลอโรฟิลล์ทํา หนา้ ท่ีชว่ ยให้พืชเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น คือ นํ้าตาลท่ีเปลี่ยนไปเป็นแปูงและสะสมที่ ใบ 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า นํ้าตาลที่พืชสร้างขึ้นจะถูกลําเลียงไปตามส่วนต่าง ๆ หรือเปลี่ยนไปเป็นแปูง เพ่ือนําไปสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ ของพืชในภายหลัง เมื่อพืชต้องการนํานํ้าตาลมาใช้จึงเปลี่ยนแปูงเป็นน้ําตาล อีกครั้ง (2) ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า พืชไม่ได้มีการสังเคราะห์ด้วยแสงที่บริเวณใบเท่านั้น ที่ลําต้นหรือรากที่มีสี เขียวก็สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ เน่ืองจากมีคลอโรฟิลล์ซึ่งเป็นสารสีเขียว แต่การสังเคราะห์ด้วยแสงส่วน ใหญ่เกดิ ข้ึนทีใ่ บซึ่งพบคลอโรฟิลล์มากท่ีสดุ 5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยังมขี ้อสงสัย ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลมุ่ ว่ามปี ัญหาหรอื อุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั ประโยชน์ทีไ่ ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคําถามนกั เรยี น เชน่ – การสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพชื ไดผ้ ลติ ภัณฑ์เป็นอะไร – การทดสอบใดแสดงได้ว่าบริเวณท่ีมีสีเขียวของใบเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง ขนั้ สรปุ ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกับคลอโรฟิลลก์ บั การสร้างอาหารของพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคดิ หรือผงั มโนทัศน์ 10. สือ่ การเรยี นรู้ 1. ใบกจิ กรรมท่ี 6 ทดลองคลอโรฟลิ ล์จําเป็นตอ่ การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช 2. คมู่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 3. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 4. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เร่ืองคลอโรฟิลลก์ ับ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ การสรา้ งอาหารของพืช 1. ประเมินเจตคติทาง ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ วิทยาศาสตร์เป็นรายบคุ คลโดย วดั ทกั ษะกระบวนการทาง 2. ตรวจช้นิ งานหรือภาระงานของ การสงั เกตและใช้แบบวดั เจต วทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรยี น คตทิ างวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ การสังเกตการทํางานกลมุ่ เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต และใชแ้ บบวัดเจตคตติ ่อ 3. ประเมินทักษะการแกป้ ญั หา วทิ ยาศาสตร์ โดยการสังเกตการทํางาน กลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบตั ิกจิ กรรมเป็น รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม 12. บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรียนจํานวน..................คน
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นกั เรยี นนีไ่ มผ่ า่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................ ...................... 2. นักเรยี นมคี วามร้คู วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมีความรูเ้ กดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 4. นักเรียนมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ........................................................................................................................................ .............. 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. การจดั กิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สาํ คัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผูเ้ รียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี นาํ ไปใช้ได้จรงิ ควรปรับปรงุ ก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 21 สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง คลอโรฟิลล์กบั การสรา้ งอาหารของพืช (2) เวลา 1 ชวั่ โมง วนั ท.่ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ้สู อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทํางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วัดชนั้ ปี บรรยายหนา้ ท่ขี องราก ลาํ ต้น ใบ และดอกของพืชดอกโดยใช้ข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายและสรปุ ไดว้ ่าพชื มกี ารเก็บสะสมอาหารไวต้ ามส่วนตา่ งๆ ของพชื (K) 2. มีความสนใจใฝรุ ู้หรอื อยากรู้อยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ ่ีเกย่ี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานรว่ มกบั ผ้อู ่ืนอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สอื่ สารและนาํ ความรเู้ ร่อื งคลอโรฟลิ ล์กับการสรา้ งอาหารของพืชไปใชใ้ นชวี ติ ประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคญั พืชเก็บสะสมอาหารไวต้ ามส่วนตา่ ง ๆ ของพืชทั้งในรูปของนาํ้ ตาลและแปงู 5. สาระการเรยี นรู้ หนา้ ทีข่ องสว่ นตา่ ง ๆ ของพืช – การสรา้ งอาหารของพชื 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทาํ งาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน ทดสอบการสะสมแปงู ในพชื 9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับคลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของพืช โดยการให้นักเรียนบอก หน้าทข่ี องคลอโรฟลิ ล์และการตรวจสอบหาแปงู ทเ่ี กดิ จากการสังเคราะห์ด้วยแสง (แนวคําตอบ คลอโรฟิลล์ช่วย ให้พืชเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง และสามารถตรวจสอบหาแปูงท่ีเกิดจากการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ด้วยการ ทดสอบกบั ไอโอดนี ถา้ มแี ปงู ไอโอดนี จะเปลยี่ นสีจากสีนํ้าตาลเป็นสีนาํ้ เงิน)
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคําตอบของคําถาม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่ การเรียนรู้เรอื่ ง คลอโรฟลิ ล์กับการสรา้ งอาหารของพืช ข้นั จดั กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมขี นั้ ตอนดงั น้ี 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระต้นุ นกั เรียนโดยการถามคําถามว่า นอกจากท่ีใบแล้ว เราสามารถพบแปูงได้ที่ส่วนใดของพืช อกี บ้าง (แนวคําตอบ รากและผล) (2) นักเรยี นร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกบั คาํ ตอบจากคําถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขน้ั สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ครูให้นักเรียนเล่าถึงผักและผลไม้ที่ปลูกไว้ท่ีบ้านหรือในชุมชนของนักเรียนว่า มีพืชชนิดใดท่ีมีการ เก็บสะสมอาหารและเก็บสะสมไว้ในส่วนใด หรือเล่าถึงผักและผลไม้ที่ขายตามตลาดในชุมชนของนักเรียนว่า ขายพืชที่มีการเก็บสะสมอาหารบ้างหรือไม่ โดยครูอธิบายเพ่ิมเติมถึงพืชที่มีการเก็บสะสมอาหารซ่ึงมีท้ังในรูป ของแปงู และนํ้าตาล (แนวคาํ ตอบ แครอทสะสมอาหารในราก) (2) แบง่ กล่มุ นกั เรียน กลมุ่ ละ 3 – 4 คน แต่ละกลมุ่ สังเกตการสะสมแปูงในพชื ตามข้นั ตอนดังนี้ – นักเรียนเตรียมพืชที่มีการสะสมอาหารในรูปของแปูงมากลุ่มละ 1 ชนิด เช่น แครอท มันฝรั่ง และหวั ไชเทา้ – ผ่าพชื ทเ่ี ตรียมมาออกเป็นช้ินๆ – หยดสารละลายไอโอดีนลงบนพชื – สงั เกตการเปล่ยี นแปลงและบนั ทึกผล (3) ครูคอยแนะนําชว่ ยเหลอื นักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทุกคนซกั ถามเม่อื มปี ญั หา 3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ส่งตวั แทนกลุ่มนําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหนา้ หอ้ งเรยี น (2) นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใช้แนวคําถาม ตอ่ ไปนี้ – สารละลายไอโอดนี ใชท้ ดสอบอะไร (แนวคําตอบ ทดสอบแปูงทีส่ ะสมในพืช) – เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนบนพืชเกิดการเปล่ียนแปลงลักษณะใด (แนวคําตอบ สารละลาย ไอโอดีนเปลย่ี นสจี ากสีนํ้าตาลเป็นสีนํ้าเงิน) – พืชท่ีนํามาทดสอบมีการสะสมแปูงท่ีใด (แนวคําตอบ แครอทและหัวไชเท้าสะสมแปูงที่ราก สว่ นมนั ฝรั่งสะสมแปงู ทล่ี าํ ต้น) (3) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า สีนํ้าเงินที่ปรากฏ บนเน้อื ของพืช แสดงให้เห็นถึงการสะสมของแปงู ในพชื 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับคลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของพืช จากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมท้ังคําแปลลง สมดุ ส่งครู
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 5) ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกนั ประเมินการปฏบิ ัติกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั ประโยชน์ท่ไี ดร้ ับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคาํ ถามนักเรียน เชน่ – พชื สะสมอาหารไว้ตามส่วนต่าง ๆ เพ่ืออะไร – นกั เรยี นมีวธิ ที ดสอบการสะสมอาหารของพืชวธิ ใี ดบ้าง ขนั้ สรปุ ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปเกย่ี วกับคลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคิดหรอื ผงั มโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. แครอท มันฝรง่ั และหัวไชเท้า 2. สารละลายไอโอดนี 3. หลอดหยด 4. มดี และเขียง 5. จาน 6. หนังสือเรยี นภาษาตา่ งประเทศและอนิ เทอร์เน็ต 7. คมู่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 8. สอื่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 9. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 10. หนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรื่องคลอโรฟลิ ลก์ ับ 1. ประเมินทักษะการคดิ โดย การสร้างอาหารของพชื 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง การสงั เกตการทํางานกลมุ่ วทิ ยาศาสตร์เปน็ รายบคุ คลโดย 2. ตรวจชิ้นงานหรอื ภาระงานของ การสงั เกตและใช้แบบวดั เจต 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กจิ กรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน คตทิ างวิทยาศาสตร์ ปฏิบัตกิ จิ กรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ 3. รายบุคคลหรือรายกลมุ่ โดย เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม และใชแ้ บบวัดเจตคตติ ่อ วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจํานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนี่ไม่ผา่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรียนมีความรู้เกิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหน่ง.....................................
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผูเ้ รียนเปน็ สาํ คญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ นาํ ไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง............................................ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 22 รหสั วชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ปีการศึกษา 2561 รายวิชา วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 1
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรื่อง แสงกบั การสรา้ งอาหารของพืช (1) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท.ี่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ้สู อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่างๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ชัน้ ปี บรรยายหน้าที่ของราก ลาํ ตน้ ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใชข้ อ้ มลู ท่รี วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ทดลองและตรวจสอบได้ว่าพืชใช้แสงในการสังเคราะห์ด้วยแสง (K) 2. มคี วามสนใจใฝุรู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ีเ่ กย่ี วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานรว่ มกับผอู้ ืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนําความรเู้ ร่อื งแสงกบั การสร้างอาหารของพืชไปใช้ในชวี ิตประจาํ วนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั แสงชว่ ยใหพ้ ืชเกดิ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง 5. สาระการเรียนรู้ หน้าท่ขี องสว่ นต่าง ๆ ของพืช – การสร้างอาหารของพชื 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทํางาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนินชีวิต 8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน ทดลองแสงจาํ เป็นตอ่ การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรียน 1) ครูถามเก่ียวกบั การปลกู พืชของนกั เรยี น เชน่ – ส่ิงจาํ เปน็ ทตี่ อ้ งใชใ้ นการปลูกพืชมอี ะไรบ้าง (แนวคาํ ตอบ พชื ดนิ กระถาง และบัวรดนา้ํ ) – เราควรวางกระถางพืชไว้บริเวณใดของบ้าน เพราะอะไร (แนวคําตอบ บริเวณที่มีแสงส่องถึง เพราะพืชใช้แสงในการสังเคราะหด์ ้วยแสง) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็น เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เร่ือง แสงกับการ สร้างอาหารของพืช ขัน้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีข้ันตอนดงั นี้ 1) ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามคําถามว่า ถ้าพืชไม่ได้รับแสงแดด พืชจะมีลักษณะใด (แนวคําตอบ พชื จะมีใบเหลืองและสงั เคราะห์ด้วยแสงไม่ได้ พชื กจ็ ะไมเ่ จริญเตบิ โต) (2) นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายเกี่ยวกับคําตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นกั เรียนศึกษาเร่อื งแสงกับการสร้างอาหารของพืชจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วย อธบิ ายใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจว่า แสงมีสว่ นสาํ คญั ในการสังเคราะหด์ ้วยแสง (2) แบง่ กลมุ่ นักเรยี น กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 7 ทดลองแสงจําเป็นต่อการสังเคราะห์ด้วย แสงของพชื แตล่ ะกลุ่มปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามข้นั ตอนที่ได้วางแผนไว้ ดงั น้ี ข้ันที่ 1 กําหนดปญั หา – พชื จะเกดิ การสังเคราะห์ด้วยแสงหรือไม่ ถา้ ไมไ่ ดร้ บั แสง ขั้นท่ี 2 ตัง้ สมมตุ ิฐาน – เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบ ส่วนท่ีถูกปิดด้วยกระดาษสีดําน่าจะไม่เกิดการเปล่ียนแปลง และส่วนท่ีไมไ่ ดถ้ กู ปิดด้วยกระดาษสดี ําน่าจะเกิดการเปล่ยี นแปลง ขั้นท่ี 3 ทดลอง – ใส่แปูงจาํ นวนเลก็ นอ้ ยลงในจานหลุม 3 ชอ่ ง แล้วหยดสารละลายไอโอดีน สังเกตและบนั ทึกผล – นําใบมาวาดรูปและระบายสตี ามท่เี ห็นจรงิ – ตัดกระดาษสดี ําเป็นรปู สีเ่ หล่ียมผนื ผ้า 1 แผน่ กว้าง 1.5 เซนติเมตร และความยาวใหพ้ ันรอบใบได้ – ติดกระดาษสีดําเข้ากับใบ 3 ใบ ให้กระดาษแนบกับใบให้สนิท รดนํ้า แล้วจึงนําต้นไม้ไปรับแสงแดด เปน็ เวลา 3 ชัว่ โมง – เทน้ํากล่ันลงในบีกเกอรท์ ่เี ตรียมไว้ประมาณ ของบกี เกอร์ ตม้ จนเดอื ดแล้วจึงใส่ใบท่ีแกะกระดาษสี ดําออก แลว้ ต้มตอ่ ประมาณ 3 – 4 นาที – นาํ ใบทต่ี ้มแล้วใส่ในหลอดทดลองที่บรรจุเอทานอล จากน้ันนําไปใส่ในบีกเกอร์อีกใบท่ีบรรจุนํ้าเดือด ต้มจนกวา่ ใบไมจ้ ะซดี เป็นสขี าว – นําใบไม้ที่ต้มจนซีดขาวแล้วมาล้างนํ้าสะอาดและวางบนจานแก้ว คล่ีใบออก ใช้หลอดหยดดูด สารละลายไอโอดีน แลว้ หยดลงบนใบให้ท่ัว ทิ้งไว้สักครู่ วาดรูปและระบายสกี ารเปล่ยี นแปลง
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ขั้นท่ี 4 วิเคราะห์ผลการทดลอง – แปลความหมายขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากตารางบันทกึ ผลการทดลอง – นําขอ้ มลู ทไ่ี ด้มาพจิ ารณาเพอ่ื อธิบายวา่ เปน็ ไปตามที่นกั เรยี นต้ังสมมุติฐานไว้หรอื ไม่ ขัน้ ที่ 5 สรปุ ผลการทดลอง – นักเรยี นร่วมกันสรุปผลการทดลองแล้วเขยี นเปน็ รายงานสรุปผลการทดลองส่งครู (3) ครคู อยแนะนาํ ชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทุกคนซกั ถามเมอ่ื มปี ญั หา 3) ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลุม่ นําเสนอผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหน้าห้องเรียน (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคําถาม ตอ่ ไปนี้ – เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแปูงเกิดการเปล่ียนแปลงลักษณะใด (แนวคําตอบ สารละลาย ไอโอดนี เปล่ยี นสีจากสนี ํา้ ตาลเปน็ สนี าํ้ เงิน) – ส่วนใดของใบท่ีเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง สังเกตจากอะไร (แนวคําตอบ ส่วนที่ไม่ถูกปิดด้วย กระดาษสีดาํ เกดิ การสงั เคราะห์ด้วยแสง สงั เกตจากเมือ่ หยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบ บริเวณท่ีไม่ถูกปิดด้วย กระดาษสดี าํ สารละลายไอโอดีนเปล่ียนสีจากสนี ้ําตาลเปน็ สีน้ําเงิน เหมอื นกับการหยด สารละลายไอโอดีนลงบนแปูง) – แสงเป็นปัจจยั ในการสังเคราะห์ด้วยแสงหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคําตอบ แสงเป็นปัจจัยในการ สังเคราะห์ด้วยแสง สังเกตจากการเปลี่ยนสีของสารละลายไอโอดีน เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแปูง สารละลายไอโอดีนจะเปล่ียนสีจากสีน้ําตาลเป็นสีน้ําเงินเหมือนกับการหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบ ซ่ึง สารละลายไอโอดีนกเ็ ปลีย่ นสจี ากสีน้ําตาลเปน็ สนี ํ้าเงนิ เฉพาะสว่ นของใบท่ีไม่ถกู ปิดดว้ ยกระดาษสดี ํา) (3) ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า พืชใช้แสงในการ สังเคราะหด์ ้วยแสง ซ่งึ ผลติ ภณั ฑ์ทีไ่ ด้ คือ น้าํ ตาลที่เปล่ียนไปเป็นแปงู และสะสมท่ีใบ 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธิบายเพิ่มเติมกับนักเรียนว่า พืชแต่ละชนิดต้องการความเข้มแสงที่แตกต่างกัน ซ่ึงเม่ือใช้ความ ต้องการความเข้มแสงของพชื เปน็ เกณฑจ์ ะจาํ แนกพืชได้เป็น 3 กลมุ่ คอื – พืชในร่ม ต้องการความเข้มแสงน้อย มักปลูกพืชชนิดน้ีไว้ในร่มหรือไม้ประดับภายในอาคารสถานท่ี เช่น เศรษฐีเรอื นใน หญ้าถอดปลอ้ ง และเฟินใบมะขาม – พชื ก่ึงร่มก่งึ แจง้ ต้องการความเขม้ แสงปานกลาง มกั ปลกู ใต้ร่มไมท้ ่แี สงบางส่วนลอดผ่านได้ หรือท่ีร่ม แดดราํ ไร เชน่ วาสนาราชนิ ี เยอบีรา่ และสาวน้อยประแปงู – พืชกลางแจ้ง ต้องการความเข้มแสงสูง มักปลูกกลางแจ้ง ส่วนมากเป็นพืชดอก เช่น เข็ม ชบา และ ข้าวโพด 5) ข้นั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยังมขี อ้ สงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพ่ิมเติมให้นกั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นร่วมกันประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกล่มุ วา่ มีปัญหาหรอื อุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ประโยชนท์ ไี่ ด้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคําถามนักเรยี น เช่น – แสงมคี วามสาํ คัญต่อพชื ลักษณะใด – หลกั ฐานทแ่ี สดงวา่ แสงช่วยให้เกิดการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงคอื อะไร ข้ันสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแสงกับการสร้างอาหารของพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคดิ หรอื ผังมโนทศั น์ 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. ใบกจิ กรรมท่ี 7 ทดลองแสงจาํ เปน็ ต่อการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื 2. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 3. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 4. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 5. หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ ร่ืองแสงกบั การ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ สรา้ งอาหารของพชื 1. ประเมนิ เจตคติทาง ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ วทิ ยาศาสตร์เปน็ รายบุคคลโดย วัดทักษะกระบวนการทาง 2. ตรวจชนิ้ งานหรอื ภาระงานของ การสังเกตและใช้แบบวดั เจต วิทยาศาสตร์ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรียน คติทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ การสังเกตการทาํ งานกลุม่ เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต และใชแ้ บบวัดเจตคติตอ่ 3. ประเมนิ ทักษะการแกป้ ญั หา วทิ ยาศาสตร์ โดยการสงั เกตการทํางาน กลุ่ม 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏบิ ัติกจิ กรรมเป็น รายบุคคลหรือรายกล่มุ โดย การสังเกตการทํางานกลมุ่
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจํานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนีไ่ มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ........................................................................................................................ .............................. ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง.....................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ดร้ บั มอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนร้ขู อง................................................................แลว้ มีความเห็นดังนี้ 1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจัดกิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สาํ คญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี นําไปใช้ได้จรงิ ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง............................................ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 23 สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง แสงกบั การสร้างอาหารของพืช (2) เวลา 1 ชวั่ โมง วนั ท่.ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ้สู อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตวั ช้ีวดั ชั้นปี บรรยายหนา้ ท่ีของราก ลาํ ต้น ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใชข้ ้อมลู ทีร่ วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ทดลองและตรวจสอบไดว้ า่ พชื ใชแ้ สงในการสังเคราะหด์ ้วยแสง (K) 2. มคี วามสนใจใฝุรหู้ รืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ เี่ กยี่ วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนาํ ความร้เู รื่องแสงกับการสร้างอาหารของพชื ไปใชใ้ นชวี ิตประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ แสงชว่ ยใหพ้ ชื เกดิ การสงั เคราะหด์ ้วยแสง 5. สาระการเรียนรู้ หน้าทข่ี องสว่ นต่าง ๆ ของพชื – การสรา้ งอาหารของพืช 6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทาํ งาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน สังเกตแสงมคี วามสาํ คัญต่อพืช 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเขา้ ส่บู ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับแสงกับการสร้างอาหารของพืช โดยการให้นักเรียนบอกความสําคัญ ของแสงในการสงั เคราะห์ด้วยแสงและการตรวจสอบหาแปงู ทเ่ี กดิ จากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง (แนวคําตอบ แสง ช่วยให้น้ําจับกับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ได้และเปลี่ยนไปเป็นอาหารของพืช และสามารถตรวจสอบหาแปูงท่ี
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 เกิดจากการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ด้วยการทดสอบกับไอโอดีน ถ้ามีแปูง ไอโอดีนจะเปลี่ยนสีจากสีนํ้าตาลเป็นสี นํา้ เงิน) 2) นักเรยี นชว่ ยกันตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับคําตอบของคาํ ถาม เพ่อื เชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ ร่ือง แสงกับการสรา้ งอาหารของพชื ขนั้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรูโ้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มีขัน้ ตอนดังน้ี 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุน้ นักเรยี นโดยการถามคําถามว่า บริเวณใตต้ ้นไม้ใหญ่มักมีพืชข้ึนน้อยกว่าบริเวณรอบต้นไม้ ใหญ่เพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะต้นไมใ้ หญแ่ ผก่ งิ่ ก้าน บรเิ วณใต้ต้นไม้ใหญ่จึงมแี สงแดดส่องถึงพื้นน้อย จึงมี พชื เจรญิ เตบิ โตใต้ต้นไม้ใหญน่ อ้ ยกว่าบรเิ วณรอบนอกที่ได้รบั แสงเต็มท)ี่ (2) นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกบั คําตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 3 – 4 คน แต่ละกลุ่มร่วมกันสังเกตว่า แสงมีความสําคัญต่อพืชโดยให้ นักเรยี นปฏิบัตติ ามข้ันตอนดงั น้ี – นกั เรียนตัดฝากล่องด้านยาวของกล่องนมหรือกล่องนํ้าผลไม้ขนาดใหญ่ หรือประดิษฐ์กล่องท่ีมี ขนาดเท่ากล่องนมหรอื กล่องนาํ้ ผลไม้ขนาดใหญ่โดยให้มฝี าเปิดทางด้านยาว 1 ดา้ น – นํากล่องไปครอบหญ้าบริเวณท่ีได้รับแสงแดดตลอดท้ังวัน โดยคว่ําด้านที่เป็นฝาเปิดลงและใช้ หินทีห่ นกั พอสมควรทับเพ่ือไมใ่ หก้ ล่องปลวิ เมื่อโดนลม – ปล่อยท้งิ ไว้ประมาณ 1 สปั ดาห์ – นักเรยี นสงั เกตความแตกต่างของหญ้าภายในกลอ่ งกบั บรเิ วณข้างเคยี ง (2) ครคู อยแนะนําชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ บริเวณที่สังเกตและเปิดโอกาสให้ นักเรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมีปัญหา 3) ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นกั เรียนแต่ละกล่มุ สง่ ตัวแทนกลุ่มนําเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถาม ตอ่ ไปน้ี – หญ้าภายนอกและภายในกล่องแตกต่างกันหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคําตอบ แตกต่างกัน โดย หญา้ ท่อี ยนู่ อกกลอ่ งมสี ีเขยี ว ส่วนหญ้าภายในกล่องเหีย่ วและใบมสี เี หลอื ง) – แสงมีความสําคัญต่อพืชหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคําตอบ แสงมีความสําคัญต่อพืช สังเกต จากหญา้ ท่ีได้รับแสงเจริญเติบโตตามปกติ สว่ นหญา้ ที่ไมไ่ ด้รบั แสงเหี่ยวและใบมีสเี หลือง) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แสงมี ความสาํ คัญต่อพืช พชื ท่ีไมไ่ ด้รบั แสงจะไม่สามารถสรา้ งอาหารเพื่อใชใ้ นการเจริญเติบโตได้ 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูเชื่อมโยงความรู้เก่ียวกับการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการปลูกพืช โดยอธิบายว่าปัจจุบันทีมวิจัย จากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวรและมูลนิธิโครงการหลวง พัฒนาเทคโนโลยฟี ลิ ์มคดั กรองแสงทางการเกษตรช่ือ ฟิล์มโพลีเทคพลาสติก (Poly Tech Plastic) ซ่ึงเป็นฟิล์ม
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ทีใ่ ชค้ ลมุ โรงเรือนการเกษตรเพอื่ กรองเฉพาะแสงที่เป็นประโยชน์ต่อพืช และสะท้อนรังสีความร้อนทําให้ช่วยลด อุณหภูมิในโรงเรือนการเกษตร นอกจากนี้ยังสะท้อนรังสียูวีซึ่งเป็นอันตรายต่อพืชได้ ทําให้พืชเจริญเติบโตได้ดี และผลผลิตทางการเกษตรเพิม่ ขนึ้ (2) นักเรยี นคน้ คว้าคาํ ศัพทภ์ าษาต่างประเทศเกยี่ วกบั แสงกบั การสรา้ งอาหารของพืช จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมทั้งคําแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มขี ้อสงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธบิ ายเพมิ่ เติมให้นกั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมกลุม่ ว่ามปี ัญหาหรืออุปสรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับประโยชนท์ ไี่ ด้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคําถามนักเรยี น เชน่ – ถา้ พชื ไมไ่ ดร้ ับแสงจะเกิดการสังเคราะห์ดว้ ยแสงได้หรือไม่ เพราะอะไร – คนท่อี าศยั อยใู่ นอาคารสงู หรือห้องแถวมกั ปลูกพืชไวข้ า้ งหนา้ ต่างหรือบนดาดฟูาเพราะอะไร ขัน้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับแสงกับการสร้างอาหารของพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรอื ผังมโนทัศน์ 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. กล่องนมหรอื กลอ่ งนํ้าผลไมข้ นาดใหญ่ 2. กรรไกร 3. หิน 4. หนงั สอื เรียนภาษาตา่ งประเทศและอนิ เทอร์เน็ต 5. คูม่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 6. สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 7. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 8. หนังสือเรียนรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความร้เู ร่ืองแสงกบั การ สร้างอาหารของพชื 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง 1. ประเมินทักษะการคิดโดย 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตร์เป็นรายบคุ คลโดย การสงั เกตการทํางานกลุ่ม กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรยี น การสังเกตและใชแ้ บบวัดเจต 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ คติทางวทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเปน็ 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลุม่ โดย
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต การสงั เกตการทาํ งานกลุ่ม และใช้แบบวดั เจตคตติ ่อ วทิ ยาศาสตร์ 12. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรยี นจาํ นวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ า่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมีความร้คู วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ........................................................................................................................................ .............. 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ด้รับมอบหมาย ไดท้ ําการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดงั นี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาํ คัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผเู้ รยี นเปน็ สาํ คัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี นาํ ไปใชไ้ ด้จริง ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง............................................
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 24 สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรือ่ ง สว่ นประกอบของดอก (1) เวลา 1 ชวั่ โมง วันที.่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทํางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วดั ชั้นปี บรรยายหน้าที่ของราก ลาํ ต้น ใบ และดอกของพืชดอกโดยใช้ข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ระบุส่วนประกอบของดอกได้ (K) 2. อธบิ ายส่วนประกอบของดอกท่ที าํ หน้าท่เี กีย่ วข้องกบั การสืบพันธไ์ุ ด้ (K) 3. มีความสนใจใฝรุ ู้หรอื อยากรอู้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรทู้ เ่ี กี่ยวกบั วิทยาศาสตร์ (A) 5. ทํางานร่วมกับผูอ้ น่ื อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A) 6. สอื่ สารและนําความรู้เรือ่ งส่วนประกอบของดอกไปใช้ในชีวติ ประจาํ วนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั ดอกของพืชโดยท่ัวไปประกอบด้วยกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ส่วนประกอบท่ี ทาํ หน้าที่ในการสืบพันธ์ุ คอื เกสรเพศผูแ้ ละเกสรเพศเมีย 5. สาระการเรยี นรู้ หนา้ ทข่ี องสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื – การสบื พันธุข์ องพืชดอก 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทํางาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะ/กระบวนการและทกั ษะในการดําเนินชวี ิต 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน สังเกตสว่ นประกอบของดอก 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูใหน้ กั เรยี นสง่ ตวั แทนออกมาเล่าเกย่ี วกบั พชื ท่ีปลกู ท่ีบ้านหรือในหมู่บ้าน แล้วถามคําถามนักเรียน วา่ – นักเรียนรู้จักพืชท่ีเพื่อนเล่าหรือไม่ พืชที่เพ่ือนเล่าคือพืชชนิดใด (แนวคําตอบ รู้จัก พืชที่เพ่ือน เล่า คอื ชบา) – พืชท่ีเพื่อนเล่าเป็นพืชดอกหรือไม่ และนักเรียนเคยเห็นดอกของพืชชนิดนี้หรือไม่ (แนวคําตอบ ชบาเป็นพืชดอก เคยเห็นดอกของชบาเป็นสแี ดง) 2) นักเรียนช่วยกนั ตอบคําถามและแสดงความคิดเห็น เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง ส่วนประกอบ ของดอก ข้ันจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มีขั้นตอนดงั น้ี 1) ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูนาํ ดอกชบาหรอื รูปจากอินเทอรเ์ นต็ มาใหน้ กั เรียนดแู ล้วถามคําถามนักเรยี นว่า – ดอกชนดิ นี้เป็นดอกของพืชใด (แนวคาํ ตอบ ชบา) – ดอกชนิดน้ีมีส่วนประกอบอะไรบ้าง (แนวคําตอบ กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสร เพศเมยี ) (2) นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเก่ยี วกับคาํ ตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ใหน้ ักเรยี นศึกษาเรอ่ื งการสืบพนั ธ์ขุ องพืชดอกจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบาย ให้นักเรียนเข้าใจว่า ดอกของพืชนอกจากจะทําให้พืชสวยงามแล้ว ยังเป็นอวัยวะสําคัญที่ทํา หน้าที่ในการ สืบพันธุ์อีกด้วย โดยส่วนประกอบแต่ละส่วนของดอกทําหน้าท่ีแตกต่างกัน ซ่ึงส่วนประกอบทั่วไปของดอก คือ กลีบเล้ยี ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย (2) แบง่ กลุม่ นักเรียน ปฏบิ ัติกิจกรรมท่ี 8 สังเกตส่วนประกอบของดอก แต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมตาม ขน้ั ตอนท่ีไดว้ างแผนไว้ ดงั น้ี – สมาชกิ แตล่ ะคนช่วยกนั นําดอกของพชื มาสงั เกตส่วนประกอบ – สังเกตลักษณะของกลีบเล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมียของแต่ละดอก บันทึก ข้อมูล
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครคู อยแนะนาํ ชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทุกคนซักถามเมอื่ มีปญั หา 3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนกล่มุ นาํ เสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) นกั เรยี นและครรู ่วมกนั อภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถาม ต่อไปนี้ – พืชที่นํามาสังเกตมีส่วนประกอบของดอกครบทุกส่วนหรือไม่ (แนวคําตอบ พืชท่ีนํามาสังเกตมี สว่ นประกอบของดอกไมค่ รบทุกส่วน โดยดอกมะละกอไมม่ เี กสรเพศผู้และดอกตาํ ลึงไมม่ เี กสรเพศเมีย) – ดอกของพืชทุกชนิดมีส่วนประกอบครบท้ัง 4 ส่วนหรือไม่ (แนวคําตอบ ดอกของพืชทุกชนิดมี ส่วนประกอบไม่ครบท้งั 4 ส่วน) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ดอกมี ส่วนประกอบหลกั คือ กลีบเลยี้ ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ซึ่งพืชบางชนิดมีส่วนประกอบไม่ครบ ทง้ั 4 สว่ น 4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกยี่ วกับหน้าท่ีของสว่ นตา่ งๆ ของดอก เพ่ือให้นักเรียนสามารถสรุปได้ว่าดอกของพืช แตล่ ะชนดิ มีสีสัน รูปรา่ ง และจาํ นวนของกลบี เล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมียแตกต่างกัน 5) ข้ันประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี ้อสงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพม่ิ เตมิ ให้นกั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบตั กิ จิ กรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรียน เชน่ – สว่ นประกอบหลักของดอกมอี ะไรบา้ ง – สว่ นประกอบของดอกทีเ่ ก่ยี วข้องกับการสบื พันธุค์ ืออะไร ข้นั สรปุ ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกบั สว่ นประกอบของดอก โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือผัง มโนทัศน์ 10. สอ่ื การเรยี นรู้ 1. ใบกจิ กรรมที่ 8 สงั เกตส่วนประกอบของดอก 2. ดอกชบาหรอื รูปจากอินเทอรเ์ น็ต 3. คู่มอื การสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 4. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 6. หนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ ร่ืองส่วนประกอบ ของดอก 1. ประเมินเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจชิ้นงานหรอื ภาระงานของ เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกตและ ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรยี น ใช้แบบวัดเจตคตทิ าง วดั ทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกตและ การสงั เกตการทํางานกลุม่ ใช้แบบวดั เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ 3. ประเมินทักษะการแก้ปัญหา โดยการสังเกตการทาํ งาน กลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย การสงั เกตการทาํ งานกลมุ่ 12. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นักเรียนจํานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นร้.ู .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรยี นนไี่ มผ่ ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรียนมคี วามรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A)
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดงั น้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผ้เู รียนเปน็ สาํ คัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สําคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี นําไปใชไ้ ดจ้ รงิ ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื .................................................. (.................................................)
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ตาํ แหนง่ ............................................ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 25 สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง ส่วนประกอบของดอก (2) เวลา 1 ช่วั โมง วันท.่ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมท้ังนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตวั ช้ีวดั ชน้ั ปี บรรยายหน้าทข่ี องราก ลาํ ตน้ ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใช้ข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบสุ ว่ นประกอบของดอกได้ (K) 2. อธบิ ายส่วนประกอบของดอกทีท่ าํ หนา้ ทเี่ กย่ี วข้องกับการสบื พนั ธไ์ุ ด้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝรุ ูห้ รอื อยากรอู้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ ่เี กีย่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทํางานร่วมกับผอู้ นื่ อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A) 6. สอื่ สารและนาํ ความรเู้ รอ่ื งสว่ นประกอบของดอกไปใช้ในชีวิตประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคญั ดอกของพืชโดยท่ัวไปประกอบด้วยกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ส่วนประกอบท่ี ทาํ หนา้ ทใ่ี นการสบื พนั ธ์ุ คือ เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี 5. สาระการเรียนรู้ หนา้ ที่ของส่วนตา่ ง ๆ ของพืช
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – การสบื พนั ธขุ์ องพชื ดอก 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. ม่งุ มน่ั ในการทาํ งาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน สาํ รวจดอกของพืชบรเิ วณโรงเรยี น 9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเข้าสูบ่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับส่วนประกอบของดอก โดยนํารูปดอกพู่ระหงมาให้นักเรียนดูแล้วให้ นกั เรยี นอธิบายสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของดอก (แนวคําตอบ ดอกพ่รู ะหงมสี ่วนประกอบของดอกครบ 4 ส่วน คือ กลีบเล้ยี ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี ) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั คําตอบของคําถาม เพอ่ื เชื่อมโยงไปสู่การ เรียนรูเ้ รื่อง สว่ นประกอบของดอก ขัน้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มขี ้ันตอนดังน้ี 1) ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยการถามคําถามว่า นักเรียนพบดอกของพืชชนิดใดบ้างระหว่างทางมา โรงเรยี น (แนวคําตอบ ดอกเข็ม ดอกชบา และดอกมะม่วง) (2) นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกบั คําตอบจากคําถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน แต่ละกลุ่มสํารวจดอกของพืชบริเวณโรงเรียน แล้ววาดรูป ส่วนประกอบของดอก พร้อมกับจําแนกดอกเป็นกลุ่มตามส่วนประกอบของดอกที่บันทึกได้และบันทึกจํานวน ดอกในแตล่ ะกลมุ่ นาํ เสนอผลการสาํ รวจดว้ ยแผนภูมิแทง่ (2) ครคู อยแนะนําช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ บริเวณท่ีสํารวจและเปิด โอกาสให้นักเรียนทกุ คนซักถามเมอ่ื มีปัญหา
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 3) ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนกลมุ่ นาํ เสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นกั เรยี นและครูร่วมกนั อภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคําถาม ต่อไปนี้ – พืชที่สํารวจมีส่วนประกอบของดอกครบทุกส่วนหรือไม่ (แนวคําตอบ บางชนิดมีส่วนประกอบ ครบทกุ ส่วน บางชนดิ มีสว่ นประกอบไมค่ รบทุกสว่ น) – สว่ นประกอบของพืชทพ่ี บมากท่สี ุดคืออะไร (แนวคําตอบ กลบี ดอก) – ส่วนประกอบของพชื แต่ละชนิดมีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ (แนวคําตอบ ส่วนประกอบของพืช แต่ละชนิดมลี กั ษณะแตกตา่ งกัน) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ส่วนประกอบ หลักของดอก คือ กลีบเล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย โดยพืชแต่ละชนิดมีลักษณะของ สว่ นประกอบของดอกแตกต่างกนั 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียซ่ึงเป็นส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับการสืบพันธ์ุของ ดอก ดงั น้ี – เกสรเพศผู้ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ก้านชูอับเรณูและอับ อบั เรณู เรณู ภายในอับเรณูมีละอองเรณู ซึ่งมีลักษณะคล้ายฝุนแปูง แต่เม่ือ กา้ นชอู ับเรณู นาํ มาสังเกตด้วยกลอ้ งจุลทรรศน์จะเหน็ เปน็ รูปร่าง ตา่ ง ๆ กันไปตามชนิดของดอกไม้ – เกสรเพศเมีย ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ รังไข่ ก้านเกสรเพศ เมีย และยอดเกสรเพศเมีย โดยยอดเกสรเพศเมีย มีนํ้าเหนียวหรือขน อ่อนๆ จํานวนมากทําหน้าท่ีจับละอองเกสรเพศผู้ ดอกไม้แต่ละชนิดมี เกสรเพศผู้ ลักษณะของยอดเกสรเพศเมียแตกต่างกันได้หลายแบบ ตวั อยา่ งยอดเกสรเพศเมยี (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับส่วนประกอบของดอก จากหนังสือเรียน ภาษาตา่ งประเทศหรืออนิ เทอรเ์ น็ต นําเสนอให้เพือ่ นในห้องฟงั แล้วคดั คําศพั ทพ์ รอ้ มทงั้ คําแปลลงสมดุ ส่งครู 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยังมีขอ้ สงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธบิ ายเพมิ่ เติมให้นักเรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมนิ การปฏบิ ตั ิกิจกรรมกล่มุ ว่ามีปัญหาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบ้าง
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ประโยชน์ท่ไี ด้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคําถามนกั เรียน เชน่ – พชื ต่างชนิดกันมสี ว่ นประกอบของดอกเหมือนกันหรือไม่ – ส่วนประกอบของดอกที่มีความสําคัญต่อการสืบพันธุ์มากท่สี ดุ คือส่วนใด ขน้ั สรปุ ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ เก่ียวกับส่วนประกอบของดอก โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผัง มโนทัศน์ 10. สอ่ื การเรยี นรู้ 1. รูปดอกพ่รู ะหง 2. รปู เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย 3. หนังสอื เรียนภาษาต่างประเทศและอนิ เทอรเ์ น็ต 4. แบบฝึกทักษะรายวิชาพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 5. หนังสอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ รื่องส่วนประกอบ 1. ประเมินเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย ของดอก เป็นรายบคุ คลโดยการสงั เกตและ การสงั เกตการทํางานกล่มุ 2. ตรวจชิ้นงานหรอื ภาระงานของ ใช้แบบวดั เจตคติทาง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรยี น วิทยาศาสตร์ ปฏิบตั กิ จิ กรรมเปน็ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทาํ งานกล่มุ ใช้แบบวดั เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ 12. บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรียนจํานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรียนนี่ไมผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. .........................
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจ (K) .................................................................................................................................... .................. ................................................................................................................. ..................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ......................................................................................... ............................................................. ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผเู้ รียนเปน็ สาํ คญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ นําไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรับปรงุ ก่อนนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 26 สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่ือง การจําแนกชนดิ ของดอก เวลา 1 ช่ัวโมง วันท.ี่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทํางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี บรรยายหน้าที่ของราก ลําตน้ ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใช้ข้อมูลทีร่ วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. จําแนกดอกเปน็ กลุ่มจากเกณฑ์ท่กี ําหนดได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝรุ หู้ รืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรูท้ ่ีเกี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานรว่ มกับผอู้ นื่ อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A)
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 5. สอื่ สารและนําความรเู้ รือ่ งการจาํ แนกชนิดของดอกไปใช้ในชวี ติ ประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ ดอกสามารถจําแนกเปน็ กลุ่มได้โดยการกาํ หนดเกณฑ์ทแ่ี สดงลกั ษณะเฉพาะที่เหมือนกนั – เมือ่ ใชส้ ว่ นประกอบของดอกเป็นเกณฑ์ แบง่ เป็นดอกครบส่วนกับดอกไม่ครบส่วน – เมอื่ ใชเ้ พศของดอกเปน็ เกณฑ์ แบ่งเปน็ ดอกสมบูรณเ์ พศกับดอกไม่สมบรู ณ์เพศ 5. สาระการเรยี นรู้ หน้าท่ขี องส่วนต่าง ๆ ของพชื – การสืบพนั ธ์ุของพืชดอก 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทาํ งาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สบื คน้ ขอ้ มูลเกีย่ วกบั การจําแนกชนดิ ของดอก 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้ของนกั เรยี นเกยี่ วกบั ส่วนประกอบของดอกโดยถามคาํ ถามดังน้ี – ดอกมีส่วนประกอบสําคัญอะไรบ้าง (แนวคําตอบ กลีบเล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสร เพศเมยี ) – สว่ นประกอบท่ีทาํ หนา้ ท่ใี นการสบื พนั ธุค์ ือสว่ นใด (แนวคําตอบ เกสรเพศผ้แู ละเกสรเพศเมยี ) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็น เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง การจําแนก ชนิดของดอก ขั้นจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรูโ้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มขี ้นั ตอนดงั นี้ 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (1) ครูนําดอกกุหลาบ ดอกชบา ดอกมะละกอ และดอกฟักทอง หรือรูปที่แสดงส่วนประกอบชัดเจน ของดอกเหล่าน้ีมาให้นักเรียนสังเกต แล้วให้นักเรียนบันทึกส่วนประกอบของดอก จากนั้นถามคําถามนักเรียน ว่า ถ้าต้องการจําแนกดอกเหล่าน้ีเป็นกลุ่มจะใช้เกณฑ์ใด และแบ่งกลุ่มได้ลักษณะใด (แนวคําตอบ ใช้ สว่ นประกอบของดอกเปน็ เกณฑ์ แบง่ เป็นดอกครบสว่ น คือ ดอกกุหลาบและดอกชบา และดอกไม่ครบส่วน คือ ดอกมะละกอและดอกฟักทอง) (2) นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายเกย่ี วกบั คาํ ตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเร่ืองการจําแนกชนิดของดอกจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วย อธิบายให้นักเรียนเขา้ ใจว่า เราสามารถจาํ แนกชนิดของดอกเป็นกลุ่มไดโ้ ดยกําหนดเกณฑ์ท่ีต้องการ เช่น การใช้ ส่วนประกอบของดอกเปน็ เกณฑ์ แบง่ เปน็ ดอกครบส่วนและดอกไมค่ รบส่วน หรือการใช้เพศของดอกเป็นเกณฑ์ แบ่งเปน็ ดอกสมบรู ณ์เพศและดอกไมส่ มบรู ณ์เพศ (2) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการจําแนกชนิดของดอกโดยดําเนินการตาม ขัน้ ตอนดงั นี้ – แต่ละกลุม่ วางแผนการสบื คน้ ขอ้ มูล โดยแบง่ หัวข้อดอกครบส่วน ดอกไม่ครบส่วน ดอกสมบูรณ์ เพศ และดอกไม่สมบูรณ์เพศ และความสัมพันธ์ระหว่างดอกทั้ง 4 ชนิดให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นตาม หวั ข้อทก่ี ําหนด – สมาชกิ แตล่ ะกลุม่ ชว่ ยกนั สืบคน้ ขอ้ มูลตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาํ หรบั เยาวชน และอนิ เทอร์เน็ต – สมาชิกกลุ่มนําข้อมูลท่ีสืบค้นได้มารายงานให้เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกัน อภิปรายซักถามจนคาดว่าสมาชิกทุกคนมคี วามรูค้ วามเข้าใจที่ตรงกนั – สมาชกิ กลุ่มชว่ ยกนั สรุปความรูท้ ไ่ี ดท้ ้งั หมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม (3) ครคู อยแนะนาํ ช่วยเหลอื นกั เรียนขณะปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยครเู ดินดูรอบ ๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรียนทุกคนซักถามเม่อื มปี ัญหา 3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนกลมุ่ นาํ เสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นกั เรยี นและครูร่วมกนั อภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใช้แนวคําถาม ตอ่ ไปนี้ – ดอกครบส่วนและดอกไม่ครบส่วนแตกต่างกันลักษณะใด (แนวคําตอบ ดอกครบส่วน คือ ดอก ที่มีกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ส่วนดอกไม่ครบส่วน คือ ดอกท่ีขาดส่วนประกอบสําคัญ ของดอกสว่ นใดส่วนหนึ่งไป) – ดอกสมบรู ณ์เพศและดอกไม่สมบูรณ์เพศแตกต่างกันลักษณะใด (แนวคําตอบ ดอกสมบูรณ์เพศ คือ ดอกที่มีทั้งเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียภายในดอกเดียวกัน ส่วนดอกไม่สมบูรณ์เพศ คือ ดอกท่ีมีเฉพาะ เกสรเพศผหู้ รือเกสรเพศเมียอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ภายในดอก) – ดอกสมบูรณ์เพศจัดเป็นดอกครบส่วนเสมอหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคําตอบ ไม่ เพราะดอก ครบส่วนต้องพิจารณาว่าดอกมีส่วนประกอบสําคัญครบท้ัง 4 ส่วน ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะการมีเกสรเพศผู้และ เกสรเพศเมยี ครบภายในดอกเดยี วกัน)
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ดอกสามารถ จําแนกเปน็ กลมุ่ ไดเ้ มอ่ื กาํ หนดเกณฑ์ในการจําแนก 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูเชื่อมโยงความรู้อาเซียน โดยถามนักเรียนว่า ทราบหรือไม่ว่า ดอกไม้ประจําชาติของประเทศ สมาชิกอาเซยี นคอื ดอกอะไร จากนั้นครูนํารูปดอกไม้ประจําชาติในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนมาให้นักเรียนดู พร้อมกับให้ดูส่วนประกอบของดอกไม้ประจําชาติว่ามีลักษณะใด เหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั บา้ ง มาเลเซีย มี ดอกบุหงารายา (Bunga raya) หรือที่คนไทยเรียกว่า ดอก ชบา เป็นดอกไม้ประจําชาติ ดอกบุหงารายาใช้เพ่ือแสดง ความเป็นปึกแผ่นและความอดทนของคนในชาติ ดอกบุหงา รายาเป็นท้ังดอกครบส่วนและดอกสมบูรณ์เพศ คือ มีกลีบ เล้ียง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และ เกสรเพศเมีย ซึ่งดอกบุหงา รายาแต่ละพันธ์ุจะมีลักษณะแตกต่างกัน เช่น กลีบดอกมีสี แตกตา่ งกัน หรอื กลบี ดอกมีการซอ้ นเรยี งชน้ั ทต่ี ่างกนั เ วี ย ด น า ม มี ดอกบัว (Lotus) เป็นดอกไม้ประจําชาติ ดอกบัวใช้แสดงถึง ความบริสุทธิ์ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี ดอกบัว เป็นท้ังดอกครบส่วนและดอกสมบูรณ์เพศเหมือนชบา คือ มี กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และ เกสรเพศเมีย ซ่ึง ดอกบัวแต่ละพันธ์ุจะมีลักษณะแตกต่างกัน เช่น ดอกมีขนาด ต่างกัน หรือกลีบดอกมสี ีแตกตา่ งกัน ล า ว มี ด อ ก จําปาลาว (Dok Champa) หรือท่ีคนไทยเรียกว่า ดอกลีลา วดี เป็นดอกไม้ประจําชาติ ดอกจาปาลาว เป็นตัวแทนของ ความสุขและความจริงใจ ดอกจาปาลาวเป็นดอกสมบูรณ์ เพศ แต่เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียอยู่ลึกเข้าไปภายในดอก เราจึงสงั เกตไม่เห็นจากภายนอก และดอกจาปาลาวเป็นดอก ไมค่ รบส่วนเพราะไมม่ ีกลีบเลี้ยง
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 สิงคโปร์มีดอก กล้วยไม้แวนดา (Vanda Miss Joaquim) เป็นดอกไม้ ประจําชาติ ดอกกล้วยไม้แวนดาเป็นดอกไม้ท่ีรู้จักกันมาก ที่สุดในสิงคโปร์ และถูกจัดให้เป็นดอกไม้ประจําชาติเมื่อปี พ.ศ. 2524 ดอกกล้วยไม้เป็นดอกสมบูรณ์เพศเช่นเดียวกับ ดอกจาปาลาว คือ มีเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียอยู่ในดอก เดยี วกนั ดอกกล้วยไม้แวนดาเป็นดอกไม่ครบส่วนเพราะไม่มี กลีบเล้ียง (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับการจําแนกชนิดของดอก จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมทั้งคําแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรยี นร่วมกันประเมนิ การปฏิบตั กิ จิ กรรมกลุ่มวา่ มีปญั หาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ประโยชน์ที่ได้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคําถามนักเรยี น เช่น – ดอกสมบรู ณเ์ พศไม่จัดอยูใ่ นกลุ่มดอกครบสว่ นเพราะอะไร – ดอกไมส่ มบรู ณ์เพศจดั เปน็ ดอกไม่ครบส่วนเพราะอะไร ข้นั สรปุ 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เร่ืองการจําแนกชนิดของดอก โดยร่วมกันเขียนสรุปเป็นแผนที่ ความคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 2) ครูดําเนินการทดสอบหลังเรียน โดยให้นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อวัดความ ก้าวหน้า/ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 ของนักเรยี น 3) ครูเช่ือมโยงเน้ือหาจากบทเรียนน้ีกับบทเรียนชั่วโมงหน้า เพ่ือให้นักเรียนเตรียมความพร้อมในการ เรียนชัว่ โมงตอ่ ไป โดยการใช้คําถามกระตุน้ ดงั น้ี – สัตว์เป็นส่ิงมีชีวิตท่ีกินสิ่งมีชีวิตอื่นและเคลื่อนที่เองได้ ถ้านักเรียนต้องการจําแนกสัตว์เป็นกลุ่ม จะมีลกั ษณะเฉพาะใดทสี่ ามารถจาํ แนกสัตว์ได้บ้าง (แนวคาํ ตอบ การมกี ระดูกสนั หลงั ) 4) ครมู อบหมายให้นกั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของบทเรียนช่ัวโมงหน้าเพื่อจัดการเรียนรู้ครั้งต่อไป โดยใหน้ ักเรยี นศกึ ษาค้นคว้าลว่ งหน้าในหัวข้อการจําแนกสัตว์ 5) ครูใหน้ กั เรียนเตรยี มประเด็นคําถามทส่ี งสยั มาอย่างนอ้ ยคนละ 1 คําถาม เพื่อนํามาอภิปรายร่วมกัน ในช้นั เรียนครง้ั ตอ่ ไป
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. ดอกกหุ ลาบ ดอกชบา ดอกมะละกอ และดอกฟักทอง หรอื รูปท่ีแสดงสว่ นประกอบของดอกเหลา่ นี้ 2. รูปดอกไมป้ ระจาํ ชาตใิ นกลมุ่ ประเทศสมาชกิ อาเซียน 3. หนังสือ วารสารวิทยาศาสตร์ สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรับเยาวชน และ อินเทอร์เนต็ 4. หนังสอื เรยี นภาษาต่างประเทศ 5. แบบทดสอบหลงั เรยี น 6. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 7. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 8. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 9. หนังสือเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความร้เู รื่องการจาํ แนก ชนิดของดอก 1. ประเมนิ เจตคติทาง 1. ประเมินทักษะการคดิ โดย 2. ตรวจชิน้ งานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คลโดย การสงั เกตการทํางานกลุม่ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรยี น การสังเกตและใช้แบบวัดเจต 2. ประเมนิ พฤติกรรมใน 3. ทดสอบหลังเรียนโดยใช้ แบบทดสอบหลังเรยี น คตทิ างวิทยาศาสตร์ 3. การปฏิบัตกิ ิจกรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ 4. รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม และใช้แบบวัดเจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจาํ นวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 2. นกั เรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความรเู้ กดิ ทักษะ (P) ................................................................................................. ..................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไ่ี ด้รับมอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเหน็ ดงั น้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สําคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสําคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ที่
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 นาํ ไปใช้ได้จริง ควรปรบั ปรงุ ก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 27 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ปกี ารศกึ ษา 2561 ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ช่วั โมง หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เร่อื ง การจําแนกสตั ว์ (1)
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 วนั ท.่ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพนั ธุกรรม การเปลีย่ นแปลงทางพนั ธกุ รรมทม่ี ผี ลต่อสิง่ มีชวี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวัฒนาการ ของสงิ่ มีชวี ิต รวมทง้ั นาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ชนั้ ปี จําแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็น เกณฑ์ โดยใชข้ ้อมลู ท่ีรวบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. จําแนกสัตวเ์ ปน็ สตั ว์มีกระดกู สันหลังและสตั วไ์ มม่ ีกระดูกสันหลังได้ (K) 2. มีความสนใจใฝุรูห้ รืออยากร้อู ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นร้ทู ่ีเก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานรว่ มกับผูอ้ ่ืนอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนําความรู้เรื่องการจาํ แนกสตั วไ์ ปใช้ในชีวติ ประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคัญ การจําแนกสัตว์โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์สามารถจําแนกสัตว์ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ สัตว์มี กระดกู สันหลังและสัตวไ์ มม่ ีกระดกู สันหลัง 5. สาระการเรยี นรู้ การจาํ แนกสัตว์ 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทํางาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนนิ ชวี ติ 8. ช้นิ งานหรือภาระงาน สังเกตเปรยี บเทยี บโครงร่างสัตว์มกี ระดูกสันหลงั และสัตว์ไม่มีกระดกู สันหลงั 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ครูดําเนินการทดสอบก่อนเรียนโดยให้นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือตรวจสอบความพร้อม และพนื้ ฐานของนกั เรยี น ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน 1) ครใู หน้ ักเรยี นดูรปู ซปุ กระดูกหมู กงุ้ ต้ม และปลาย่าง แล้วถามคําถามเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของ นกั เรียนวา่ – นักเรยี นเคยกนิ อาหารใดในรปู บา้ ง (แนวคําตอบ ซุปกระดกู หมู ก้งุ ต้ม และปลาย่าง) – นักเรยี นพบกระดูกในอาหารใดบา้ ง (แนวคําตอบ ซุปกระดกู หมแู ละปลายา่ ง) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั คําตอบของคาํ ถาม เพ่อื เชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรู้เร่ือง การจําแนกสัตว์ ข้นั จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซงึ่ มีข้ันตอนดังน้ี 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูแบง่ กลุ่มนักเรยี นแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนําเสนอข้อมูลเก่ียวกับการจําแนกสัตว์ที่ครู มอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพ่ือน ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานําเสนอข้อมูลหน้า ห้องเรียน (2) ครตู รวจสอบวา่ นกั เรียนทําภาระงานทีไ่ ด้รบั มอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนักเรียน และถามคําถามเกีย่ วกับภาระงาน ดงั นี้ – สตั วท์ ีม่ ีกระดกู เปน็ แกนแขง็ ภายในลําตวั มีอะไรบา้ ง (แนวคาํ ตอบ ปลา นก และแมว) – สตั ว์ที่ไม่มีกระดูกเป็นแกนแข็งภายในลําตัวมีอะไรบ้าง (แนวคําตอบ ตั๊กแตน แมงกะพรุน และ ไส้เดอื นดนิ ) (3) ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคําถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทําภาระงานอย่างน้อยคนละ 1 คําถาม ซ่งึ ครูใหน้ ักเรียนเตรยี มมาล่วงหน้า และใหน้ ักเรียนชว่ ยกันตอบและแสดงความคิดเห็น (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์ แตล่ ะชนิดมโี ครงร่างภายในลําตัวแตกต่างกัน และเม่ือใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์สามารถจําแนกสัตว์ได้ เป็น 2 กล่มุ คือ สัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั และสตั ว์ไมม่ กี ระดกู สันหลงั 2) ข้ันสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบง่ กลุ่มนกั เรยี น ปฏบิ ตั ิกิจกรรมท่ี 9 สังเกตเปรียบเทียบโครงร่างสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่ มกี ระดกู สันหลงั แตล่ ะกลุ่มปฏิบัติกจิ กรรมตามขัน้ ตอนที่ได้วางแผนไว้ ดงั น้ี – แบ่งกลุ่มนกั เรียน กล่มุ ละ 5 – 6 คน – แต่ละกล่มุ นาํ ปลาทู กงุ้ และหอยแมลงภทู่ ี่นงึ่ สุกแลว้ มาชนิดละ 1 ตัว – ใช้ชอ้ นและส้อมเข่ียแยกเนือ้ ออกจากโครงรา่ งของสตั ว์ท่ีนํามาสังเกต – สงั เกตเปรียบเทยี บโครงรา่ งและวเิ คราะห์ว่าเป็นสัตวม์ ีกระดกู สนั หลังหรอื ไม่มีกระดกู สนั หลงั (2) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสใหน้ ักเรียนทกุ คนซักถามเมอ่ื มปี ัญหา 3) ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 461
Pages: