แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนําเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุท่ีครู มอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานําเสนอข้อมูลหน้า ห้องเรยี น (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทําภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนกั เรยี น และถามคําถามเกีย่ วกับภาระงาน ดังน้ี – วัสดใุ ดเมอ่ื ออกแรงกระทําแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง (แนวคําตอบ ยางรัด กระดาษ และ สปริง) – วัสดใุ ดเมือ่ หยุดออกแรงแลว้ วัสดุกลบั คนื รูปรา่ งเดมิ (แนวคาํ ตอบ ยางรดั และสปรงิ ) (3) ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนตั้งประเด็นคําถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทําภาระงานอย่างน้อยคนละ 1 คาํ ถาม ซ่งึ ครใู ห้นักเรยี นเตรียมมาลว่ งหน้า และให้นักเรียนชว่ ยกันตอบและแสดงความคดิ เหน็ (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุแต่ละ ชนิดมีความยืดหยุ่นแตกตา่ งกนั 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องสมบัติของวัสดุด้านสภาพยืดหยุ่นจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครู ช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สมบัติของวัสดุสามารถเปล่ียนรูปร่างเม่ือมีแรงมากระทําต่อวัสดุ และสามารถ กลับคืนสู่สภาพเดิมได้เมอ่ื หยดุ แรงกระทาํ ต่อวัสดุ ตัวอย่างวัสดุที่สามารถเปล่ียนรูปร่างเม่ือมีแรงมากระทํา เช่น ฟองนา้ํ ยางรัด หนังสตก๊ิ และแถบยางยืด (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุด้านสภาพยืดหยุ่น ตาม ขนั้ ตอน ดังนี้ – แต่ละกล่มุ วางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสมบัติของวัสดุด้านสภาพยืดหยุ่นเป็นหัวข้อ ยอ่ ย เช่น ชนิดของวัสดุที่มีความยืดหยุ่น ลักษณะของวัสดุที่มีความยืดหยุ่น ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้น ตามหัวข้อท่ีกาํ หนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบคน้ ขอ้ มูลตามหัวข้อท่ีกลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาํ หรับเยาวชน และอินเทอร์เน็ต – สมาชกิ กลุม่ นําข้อมลู ทส่ี บื ค้นได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดว่าสมาชกิ ทุกคนมีความรูค้ วามเขา้ ใจทต่ี รงกนั – สมาชกิ กลมุ่ ช่วยกันสรปุ ความรูท้ ่ีได้ทงั้ หมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม (3) ครคู อยแนะนําช่วยเหลอื นักเรยี นขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครเู ดินดูรอบๆ หอ้ งเรียน และเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทกุ คนซกั ถามเมอ่ื มปี ญั หา 3) ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนกลุ่มนาํ เสนอผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคาํ ถามตอ่ ไปน้ี – วัสดุชนิดใดบา้ งทม่ี ีสภาพยดื หยนุ่ (แนวคาํ ตอบ ฟองนาํ้ ลวดสปริง และยางรดั ) – วัสดุท่ีมีสภาพยืดหยุ่นมีลักษณะอย่างไร (แนวคําตอบ สามารถเปลี่ยนรูปร่างเม่ือมีแรงมา กระทาํ ต่อวัสดุ และสามารถกลับคนื ส่สู ภาพเดิมไดเ้ มอื่ หยุดแรงกระทาํ ต่อวัสดุ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่าวัสดุท่ีมีสภาพ ยดื หยุ่นมีหลายชนดิ แต่ละชนิดมสี ภาพยดื หยุ่นแตกต่างกัน
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) ครูนําอภิปรายเกี่ยวกับการนําวัสดุที่มีสภาพยืดหยุ่นไปใช้ประโยชน์ พร้อมยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ จากวัสดุที่มีสภาพยืดหยุ่น เช่น การใช้ยางยืดทําแถบกางเกงหรือกระโปรง ยางรัดใช้รัดของต่างๆ และการใช้ ฟองนํา้ บเุ กา้ อ้ีหรอื เตยี งนอน 5) ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกนั ประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรมกลุ่มวา่ มปี ัญหาหรืออุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคาํ ถามนักเรยี น เชน่ – สภาพยดื หยุน่ ของวสั ดุหมายถึงอะไร – ยกตัวอยา่ งวัสดุที่มสี ภาพยืดหยนุ่ ท่พี บเห็นในชีวิตประจาํ วนั ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุด้านสภาพยืดหยุ่น โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคดิ หรือผงั มโนทัศน์ 10. สือ่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรบั เยาวชน และอินเทอร์เนต็ 3. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ รื่อง สมบตั ขิ อง วัสดุด้านสภาพยดื หย่นุ 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทักษะการคดิ โดย 2. ตรวจช้นิ งานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตร์เปน็ รายบุคคลโดย การสังเกตการทํางานกลุ่ม กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น การสังเกตและใชแ้ บบวดั เจต 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ 3. ทดสอบก่อนเรยี นโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น คติทางวทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเป็น 2. ประเมินเจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต การสังเกตการทาํ งานกลมุ่ และใชแ้ บบวัดเจตคตติ ่อ วิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจํานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรียนน่ไี ม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรียนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรียนมคี วามร้เู กิดทักษะ (P)
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผ้เู รียนเปน็ สาํ คญั มาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสําคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ นาํ ไปใชไ้ ด้จริง ควรปรับปรงุ ก่อนนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. .................................................
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง............................................ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 55 สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2561 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง สภาพยืดหยนุ่ (2) เวลา 1 ชวั่ โมง วันที.่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสรา้ งและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 2. ตัวชี้วดั ชั้นปี 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนําความร้อน และการนําไฟฟูา ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนําสมบัติเร่ืองความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นําความรอ้ น และการนาํ ไฟฟูาของวัสดุไปใชใ้ นชวี ติ ประจําวันผา่ นกระบวนการออกแบบช้นิ งาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปลยี่ นความคิดกับผอู้ ่นื โดยการอภปิ รายเกีย่ วกับสมบตั ทิ างกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อภปิ รายและเปรียบเทียบสมบตั ขิ องวสั ดุดา้ นสภาพยดื หยนุ่ ได้ (K) 2. ระบุชนิดของวัสดทุ ่ีมีสมบตั ิด้านสภาพยืดหยนุ่ ได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝุรู้หรอื อยากรู้อยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ทเี่ กยี่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. การทํางานร่วมกับผู้อน่ื อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. สอื่ สารและนําความร้เู รื่องสมบตั ิของวสั ดุด้านสภาพยดื หย่นุ ไปใชใ้ นชวี ิตประจําวนั ได้ (P)
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 4. สาระสาคญั สภาพยืดหยุ่นเป็นสมบัติของวัสดุท่ีสามารถเปลี่ยนรูปร่างเมื่อมีแรงมากระทําต่อวัสดุ และสามารถ กลับคนื ส่สู ภาพเดมิ ได้เม่อื หยดุ แรงกระทําต่อวสั ดุนนั้ ซง่ึ วสั ดุแต่ละชนิดมสี ภาพยดื หย่นุ ไมเ่ ท่ากัน 5. สาระการเรยี นรู้ สมบตั ิของวัสดุ – สภาพยดื หย่นุ 6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. ม่งุ มัน่ ในการทํางาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนินชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน สงั เกตสมบัตดิ า้ นสภาพยืดหยุ่นของวสั ดุ 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1) ครูถามนักเรียนว่า วัสดุต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราวัสดุใดบ้างท่ีมีสภาพยืดหยุ่น (แนวคําตอบ ยางรัด หนังสต๊ิก และแถบยางยืด) 2) นักเรียนชว่ ยกนั ตอบคําถามและแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั คําตอบของคาํ ถาม เพอื่ เชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ ร่ือง สมบตั ขิ องวัสดุดา้ นสภาพยืดหยุน่ ข้นั จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีขนั้ ตอนดงั นี้ 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูนํายางรัดและเชือกฟางมาให้นักเรียนดู จากนั้นครูออกแรงดึงยางรัดและเชือกฟาง เพ่ือแสดง การเปลี่ยนแปลงของยางรัดและเชือกฟาง แล้วถามคําถามดงั นี้ – ถ้าออกแรงดึงยางรัดและเชือกฟางจะเกิดการเปล่ียนแปลงลักษณะใด (แนวคําตอบ ยางรัดยืด ออกตามแรงดึง แตเ่ ชือกฟางไมส่ ามารถยดื ออกได)้
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 – เพราะเหตุใดเชือกฟางจึงไม่สามารถยืดออกได้ (แนวคําตอบ เพราะเชือกฟางไม่มีสมบัติด้าน สภาพยดื หยนุ่ หรอื มีนอ้ ยมากจึงไม่สามารถยดื ออกได้) (2) นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกบั คําตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งกล่มุ นักเรยี น ปฏิบตั ิกจิ กรรมท่ี 17 สังเกตสมบัติด้านสภาพยืดหยุ่นของวัสดุ แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กิจกรรมตามขัน้ ตอนท่ไี ด้วางแผนไว้ ดังนี้ – แบ่งกลุ่มนกั เรียน กลุม่ ละ 5 – 6 คน – สมาชิกกล่มุ นาํ วัสดตุ วั อย่าง ได้แก่ ยางรดั แถบยางยืด เชือกฟาง และลวดสปริงมาทดสอบ – พาดไม้ยาวระหว่างโต๊ะ แขวนขอเกีย่ วที่ทอ่ นไม้ – แขวนยางรัดที่ขอเก่ียว และแขวนตุ้มเหล็กที่ยางรัด ดังรูป วัดความยาวของยางรัดที่ยืดออก บนั ทึกผล – ทําการทดสอบซํา้ โดยใชว้ ัสดุอื่นผกู เปน็ วงขนาดเท่ายางรัดแทนยางรัด ไดแ้ ก่ แถบยางยดื เชือก ฟาง และลวดสปริง (2) ครคู อยแนะนําช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยครูเดนิ ดรู อบๆ ห้องเรยี นและเปดิ โอกาส ให้นกั เรียนทุกคนซักถามเมื่อมีปญั หา 3) ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลุม่ ส่งตวั แทนกลุม่ นาํ เสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถามต่อไปน้ี – วสั ดุทม่ี สี ภาพยืดหยนุ่ มากท่ีสุดคืออะไร (แนวคาํ ตอบ ยางรดั ) – ถา้ ใช้ตุ้มเหล็กท่ีมีนํ้าหนักมาก นักเรียนคิดว่าวัสดุจะเปลี่ยนแปลงลักษณะใด (แนวคําตอบ วัสดุ ทกุ ชนดิ จะขาด) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สภาพยืดหยุ่น เป็นสมบตั ิเฉพาะตวั ของวัสดุ ซึ่งวัสดุแต่ละชนดิ มสี ภาพยืดหย่นุ ไมเ่ ท่ากัน 4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูเช่ือมโยงความรู้อาเซียน โดยถามนักเรียนว่า ทราบหรือไม่ว่าวัตถุที่มีสภาพยืดหยุ่นมักทําจาก วัสดุใด (แนวคําตอบ ยาง) จากน้ันครูให้ความรู้เสริมเก่ียวกับยางพารา โดยให้นักเรียนได้ทราบว่า อาเซียนถือ เป็นผูส้ ง่ ออกยางพาราส่ตู ลาดโลกมากทีส่ ดุ โดยยางพาราท่ีขายอยู่ในตลาดโลกท้ังหมดมาจากอาเซียนถึงร้อยละ
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 80 ซึ่งในอาเซียนน้ันประเทศสมาชิกที่ส่งออกยางพารามากที่สุด คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม โดยไทยมีปรมิ าณการสง่ ออกถงึ ร้อยละ 44.8 (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับสมบัติของวัสดุด้านสภาพยืดหยุ่น จากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมทั้งคําแปลลง สมดุ สง่ ครู 5) ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรือยงั มขี ้อสงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพม่ิ เตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกันประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรมกล่มุ ว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชน์ท่ไี ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคําถามนกั เรยี น เช่น – ลักษณะสาํ คญั ของสภาพยืดหยุน่ คอื อะไร – วสั ดใุ ดทมี่ สี ภาพยดื หยุ่น – ถ้าออกแรงกระทําต่อวัสดุท่ีมีสภาพยืดหยุ่นมากเกินไปหรือใช้งานเป็นเวลานานจะเกิดการ เปลยี่ นแปลงอยา่ งไร ขัน้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสมบัติของวัสดุด้านสภาพยืดหยุ่น โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคดิ หรือผงั มโนทศั น์ 10. สอื่ การเรยี นรู้ 1. ยางรัดและเชือกฟาง 2. ใบกิจกรรมที่ 17 สังเกตสมบัติด้านสภาพยืดหยุ่นของวสั ดุ 3. หนงั สอื เรียนภาษาต่างประเทศหรอื อนิ เทอร์เน็ต 4. คูม่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 6. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ รื่องสมบัติของวสั ดุ 1. ประเมินเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ ดา้ นสภาพยืดหยุ่น เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ 2. ตรวจชนิ้ งานหรือภาระงานของ ใช้แบบวัดเจตคติทาง วดั ทักษะกระบวนการทาง กิจกรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรียน วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกตและ การสงั เกตการทํางานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ใช้แบบวัดเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ 3. ประเมินทักษะการแกป้ ญั หา โดยการสงั เกตการทาํ งาน กลุม่ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั ิ กิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรือรายกลมุ่ โดย การสังเกตการทาํ งานกลมุ่ 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจํานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี ม่ผ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ .................................................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K)
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ...................................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) .................................................................................................................................................... .. ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ด้รับมอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเห็นดังนี้ 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาํ คัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม ยงั ไม่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สําคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี นําไปใชไ้ ด้จริง ควรปรับปรุงกอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 56 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 3 เรือ่ ง ความแข็ง (1) เวลา 1 ชว่ั โมง วันท.่ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กบั โครงสรา้ งและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี 2. ตวั ชี้วดั ช้นั ปี 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนําความร้อน และการนําไฟฟูา ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนําสมบัติเร่ืองความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นาํ ความรอ้ น และการนําไฟฟูาของวสั ดไุ ปใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วนั ผ่านกระบวนการออกแบบช้นิ งาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปลย่ี นความคดิ กับผ้อู น่ื โดยการอภปิ รายเกย่ี วกับสมบัตทิ างกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 1. อภปิ รายและเปรียบเทยี บสมบัติของวสั ดดุ ้านความแขง็ ได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝรุ ู้หรอื อยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นร้ทู ่เี กีย่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. การทํางานรว่ มกับผู้อ่ืนอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนาํ ความรเู้ ร่ืองสมบัติของวสั ดดุ า้ นความแข็งไปใช้ในชวี ิตประจาํ วนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ ความแข็งของวัสดุเป็นความทนทานต่อการถูกขูดขีดของวัสดุ เม่ือนําวัสดุ 2 ชนิดมาขูดขีดกัน วัสดุที่มี ความแขง็ นอ้ ยกวา่ จะเกดิ รอย 5. สาระการเรยี นรู้ สมบัติของวสั ดุ – ความแข็ง 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทาํ งาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สืบค้นขอ้ มลู เกี่ยวกับความแข็งของแรช่ นิดตา่ งๆ 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเขา้ สูบ่ ทเรียน 1) ครูถามคาํ ถามเกีย่ วกับประสบการณ์เดิมของนักเรียนว่า – ถ้าเราทาํ แก้วนาํ้ ตกลงพ้ืนจะเกดิ อะไรขนึ้ (แนวคําตอบ แก้วน้ําจะแตก) – การเปลีย่ นแปลงท่ีเกดิ ข้ึนแสดงวา่ แกว้ นาํ้ หรือพนื้ มคี วามแข็งมากกว่ากนั (แนวคาํ ตอบ พื้น) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคําตอบของคําถาม เพื่อเช่ือมโยงไปสู่ การเรยี นร้เู ร่อื ง สมบตั ขิ องวัสดดุ า้ นความแขง็ ขั้นจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีขัน้ ตอนดังนี้
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 1) ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครถู ามคําถามนักเรยี นเพ่อื กระตุน้ ความสนใจ เช่น – ความแข็งของวัสดุคืออะไร (แนวคําตอบ สมบัติที่แสดงถึงความทนทานต่อการขูดขีดต่อวัสดุ อน่ื ) – วัสดุที่มีความแข็งมากจะมีลักษณะใด (แนวคําตอบ ทนทานต่อการขูดขีดจากวัสดุอ่ืนได้หลาย ชนดิ ) (2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกีย่ วกับคาํ ตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ครูให้นักเรียนศึกษาเก่ียวกับความแข็งของวัสดุจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วย อธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ถ้าวัสดุท่ีถูกขูดเกิดรอย แสดงว่ามีความแข็งน้อยกว่าวัสดุที่ใช้ขูด แต่ถ้าไม่เกิดรอย แสดงวา่ มีความแขง็ มากกว่าวสั ดทุ ่ใี ช้ขดู (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับความแข็งของแร่ชนิดต่างๆ โดย ดาํ เนินการตามข้นั ตอนดังน้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อความแข็งของแร่ชนิดต่างๆ เป็นหัวข้อย่อย เช่น ระดับความแข็งของแร่ ชนิดของแร่สี และลักษณะของแร่ ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อท่ี กําหนด – สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อท่ีกลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรบั เยาวชน และอินเทอรเ์ นต็ – สมาชกิ กลุ่มนาํ ข้อมูลที่สบื ค้นไดม้ ารายงานใหเ้ พ่ือนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทุกคนมีความรคู้ วามเขา้ ใจที่ตรงกนั – สมาชกิ กลุ่มชว่ ยกนั สรปุ ความรู้ท่ีได้ท้ังหมดเป็นผลงานของกลมุ่ (3) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยครูเดินดูรอบๆ หอ้ งเรยี นและ เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นทกุ คนซักถามเมอ่ื มีปัญหา 3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภปิ รายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถามตอ่ ไปนี้ – ระดบั ความแขง็ ของแร่ชนิดตา่ งๆ มีก่ีระดับ (แนวคาํ ตอบ มี 10 ระดบั ) – แร่ชนดิ ใดมีความแขง็ มากท่ีสดุ (แนวคําตอบ เพชร) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่าแร่แต่ละชนิดมี ความแข็งแตกตา่ งกัน ข้นึ อยู่กับสมบตั ิเฉพาะตวั ของแร่แตล่ ะชนดิ 4) ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครนู ํารปู สิว่ และค้อนมาใหน้ ักเรียนดู แลว้ อภิปรายเพิ่มเติมว่า เน้ือไม้ท่ีมีความแข็งมากนิยมใช้สิ่วในการ เจาะเน้ือไม้และใช้ค้อนเคาะในการแกะสลัก ซึ่งสิ่วท่ีใช้ในการแกะสลักมีหลายขนาดข้ึนอยู่กับความแข็งของไม้ และความละเอยี ดของภาพทีต่ ้องการ 5) ข้ันประเมิน (Evaluation)
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยังมขี ้อสงสยั ถ้ามี ครูช่วยอธบิ ายเพิ่มเติมใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ 2) นักเรียนร่วมกันประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุ่มวา่ มปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบา้ ง 3) ครูและนักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยถามคาํ ถามนักเรียน เชน่ – วัสดทุ ่ีมคี วามแขง็ มลี กั ษณะอย่างไร – ยกตวั อยา่ งวัสดุท่มี คี วามแขง็ ท่ีพบเหน็ ในชีวติ ประจาํ วัน ขน้ั สรปุ ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุด้านความแข็ง โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิด หรอื ผงั มโนทศั น์ 10. ส่อื การเรียนรู้ 1. รูปสวิ่ และค้อน 2. หนังสอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาํ หรบั เยาวชน และอนิ เทอรเ์ น็ต 3. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 4. สอื่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 6. หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความร้เู รื่อง สมบตั ิของ วสั ดุดา้ นความแขง็ 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคลโดย การสังเกตการทาํ งานกลมุ่ กจิ กรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน การสังเกตและใช้แบบวดั เจต 2. ประเมินพฤติกรรมในการ คตทิ างวทิ ยาศาสตร์ ปฏิบัตกิ ิจกรรมเป็น 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต การสงั เกตการทาํ งานกลมุ่ และใช้แบบวดั เจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ 12. บันทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 1. นกั เรียนจํานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้..................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นกั เรียนนี่ไมผ่ า่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ................................................................................................................................ ...................... ............................................................................................................. ......................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ทไี่ ด้รบั มอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผเู้ รียนเป็นสาํ คัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยงั ไม่เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาํ คัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ นําไปใชไ้ ดจ้ รงิ ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 57 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอื่ ง ความแขง็ (2) เวลา 1 ชั่วโมง วนั ท่ี............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กบั โครงสรา้ งและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 2. ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนําความร้อน และการนําไฟฟูา ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนําสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นาํ ความรอ้ น และการนาํ ไฟฟาู ของวสั ดุไปใช้ในชีวติ ประจําวนั ผา่ นกระบวนการออกแบบช้นิ งาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปล่ียนความคิดกบั ผู้อนื่ โดยการอภิปรายเก่ยี วกับสมบัตทิ างกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อภปิ รายและเปรียบเทยี บสมบัตขิ องวัสดุด้านความแขง็ ได้ (K) 2. มีความสนใจใฝุรู้หรืออยากร้อู ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนร้ทู ีเ่ กีย่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. การทาํ งานร่วมกับผู้อื่นอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนําความรเู้ ร่ืองสมบตั ขิ องวัสดุด้านความแข็งไปใชใ้ นชีวิตประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ ความแข็งของวัสดุเป็นความทนทานต่อการถูกขูดขีดของวัสดุ เม่ือนําวัสดุ 2 ชนิดมาขูดขีดกัน วัสดุท่ีมี ความแขง็ น้อยกว่าจะเกิดรอย 5. สาระการเรยี นรู้ สมบัตขิ องวสั ดุ – ความแขง็ 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทํางาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนินชวี ิต 8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน สงั เกตสมบัติด้านความแขง็ ของวสั ดุ 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูนาํ วสั ดตุ ่างๆ มาใหน้ กั เรียนดู เชน่ แก้ว ไม้ และพลาสตกิ แลว้ ถามคําถามกับนกั เรยี น ดงั น้ี – วัสดทุ ้งั 3 ชนดิ น้มี ีสมบตั ใิ ดที่แตกต่างกนั (แนวคาํ ตอบ สี ลกั ษณะของเนอ้ื วัสดุ และความแขง็ ) – วัสดชุ นดิ ใดมีความแขง็ มากที่สุด (แนวคําตอบ แกว้ ) 2) นกั เรียนชว่ ยกันตอบคาํ ถามและแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั คําตอบของคาํ ถาม เพอื่ เช่ือมโยงไปสู่การ เรยี นรูเ้ ร่ือง สมบัตขิ องวสั ดุด้านความแขง็ ขนั้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีข้ันตอนดังน้ี 1) ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครถู ามคาํ ถามนักเรยี นเพอ่ื กระต้นุ ความสนใจ เชน่ – ถ้าต้องการทดสอบว่าวัสดุชนิดใดมีความแข็งมากกว่ากันสามารถทดสอบด้วยวิธีการใด (แนว คาํ ตอบ ใชข้ องแข็ง เชน่ ตะปู ขดู ขีดบนวสั ดุแตล่ ะชนิด) – วัสดุที่มีความแข็งมากจะมีลักษณะใด (แนวคําตอบ ทนทานต่อการขูดขีดจากวัสดุอ่ืนได้หลาย ชนิด) (2) นักเรยี นร่วมกันอภิปรายเกยี่ วกับคําตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 18 สังเกตสมบัติด้านความแข็งของวัสดุ แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กจิ กรรมตามขน้ั ตอนท่ีได้วางแผนไว้ ดงั น้ี – แบง่ กลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน – สมาชิกกลุ่มหาวสั ดุทจ่ี ะนํามาทดสอบ ไดแ้ ก่ เทียนไข พลาสตกิ กระจก และเหล็ก มาคนละ 1 ชนดิ – ทดสอบความแขง็ ของวัสดตุ ่าง ๆ ดว้ ยวิธดี งั ต่อไปนี้ แลว้ บันทึกข้อมูล ใช้เลบ็ ขดู
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ใช้ไม้บรรทดั พลาสติกขดู ใช้ตะไบกรดี การใช้ตะไบกรดี บนวสั ดุ (2) ครคู อยแนะนาํ ชว่ ยเหลอื นักเรยี นขณะปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดรู อบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรียนทุกคนซักถามเมอ่ื มีปญั หา 3) ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกล่มุ นําเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคําถามตอ่ ไปนี้ – วสั ดใุ ดมีความแข็งมากกว่าวัสดุที่นํามาขูดขีด ดูจากอะไร (แนวคําตอบ กระจกเงา ดูจากการไม่ เกดิ รอยใด ๆ ทีก่ ระจกเงา) – วัสดุชนิดใดมีความแข็งมากท่ีสุดและน้อยที่สุด ดูจากอะไร (แนวคําตอบ กระจกเงามีความแข็ง มากทส่ี ดุ และเทยี นไขมคี วามแข็งนอ้ ยท่สี ุด ดูจากการเกิดรอยขูดขดี ท่ีเทียนไข) – ยกตวั อย่างของใช้ทท่ี าํ มาจากวสั ดุท่ีมคี วามแข็งมา 3 ชนิด (แนวคําตอบ ค้อน โตะ๊ และแกว้ นํา้ ) (3) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุแต่ละชนิดมี ความแข็งแตกต่างกัน เม่ือนําวัสดุชนิดหน่ึงมาขูดขีดบนวัสดุอีกชนิดหนึ่ง ถ้าวัสดุท่ีถูกขูดขีดเกิดรอย แสดงว่ามี ความแขง็ นอ้ ยกวา่ วัสดทุ ใี่ ชข้ ูดขดี แตถ่ ้าไม่เกิดรอย แสดงว่าวัสดุท่ีถูกขูดขดี มีความแข็งมากกว่าวสั ดทุ ใี่ ช้ขูดขดี 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (1) นักเรียนสืบค้นตารางกําหนดระดับความแข็งของวัสดุ แล้วลองสังเกตหรือทดสอบดูว่าวัสดุแต่ละ ชนดิ ท่ีอยู่รอบตัวเรามีความแขง็ อยใู่ นระดับใด (2) สืบค้นขอ้ มูลเก่ียวกบั เพชรซึ่งเป็นวัสดุที่มีความแข็งมากท่สี ุด ทําเปน็ รายงานส่งครู (3) ครเู ช่อื มโยงความรู้อาเซียน โดยครูเสริมความรู้ให้กับนักเรียนว่า เมียนมาเป็นแหล่งอัญมณีท่ีสําคัญ ของโลกแหล่งหน่ึง ซ่ึงมีทั้งทับทิม ไพลิน ไข่มุก และหยก โดยทับทิมและไพลินน้ันมีความแข็งรองจากเพชรแค่ ลาํ ดับเดียวเทา่ นน้ั ส่วนหยกของเมยี นมามคี ณุ ภาพสงู เทยี บเท่ากบั หยกจนี 5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) 1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มีข้อสงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพม่ิ เตมิ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ 2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลมุ่ ว่ามีปญั หาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบา้ ง 3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคาํ ถามนกั เรียน เช่น – ถ้านกั เรยี นจะตรวจสอบความแขง็ ของวสั ดคุ วรใช้วธิ ีการใดบ้าง – การใช้ตะปูขูดขีดลงบนวสั ดุเปน็ การทดสอบสมบตั ิดา้ นใดของวัสดุ – ถ้าต้องการตัดกระจกต้องใชว้ สั ดุทีม่ ลี กั ษณะใด ขัน้ สรปุ ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสมบัติของวัสดุด้านความแข็ง โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิด หรอื ผังมโนทัศน์ 10. สอ่ื การเรียนรู้ 1. แก้ว ไม้ และพลาสติก 2. ใบกจิ กรรมท่ี 18 สงั เกตสมบัติดา้ นความแข็งของวสั ดุ 3. คูม่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 4. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรูเ้ ร่ืองสมบัติของวัสดุ 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ ดา้ นความแข็ง เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกตและ ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ ใชแ้ บบวดั เจตคตทิ าง วัดทักษะกระบวนการทาง กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ การสงั เกตการทาํ งานกลุม่ ใช้แบบวดั เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 3. ประเมนิ ทักษะการแก้ปัญหา โดยการสงั เกตการทํางาน กลุ่ม 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏบิ ัติกจิ กรรมเป็น รายบุคคลหรือรายกลมุ่ โดย การสงั เกตการทาํ งานกลมุ่
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นักเรยี นจํานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร้.ู .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนี่ไมผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมคี วามร้คู วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นกั เรยี นมีความรูเ้ กิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผ้ทู ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รยี นเป็นสําคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สําคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ นาํ ไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 58 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง ความเหนียว (1) เวลา 1 ช่ัวโมง วนั ท่.ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ้สู อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี 2. ตัวช้ีวดั ช้ันปี 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนําความร้อน และการนําไฟฟูา ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนําสมบัติเร่ืองความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นาํ ความร้อน และการนําไฟฟูาของวสั ดไุ ปใช้ในชีวิตประจาํ วันผ่านกระบวนการออกแบบช้ินงาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปล่ยี นความคิดกับผู้อืน่ โดยการอภปิ รายเกย่ี วกับสมบัติทางกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อภิปรายและเปรียบเทียบสมบัตขิ องวสั ดุดา้ นความเหนียวได้ (K) 2. มีความสนใจใฝรุ ้หู รืออยากร้อู ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรูท้ เ่ี ก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. การทาํ งานรว่ มกับผู้อน่ื อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนาํ ความรูเ้ ร่ืองสมบตั ขิ องวัสดดุ ้านความเหนียวไปใชใ้ นชีวิตประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ ความเหนยี วเป็นสมบตั ิเฉพาะของวัสดุแต่ละชนดิ วสั ดทุ ม่ี คี วามเหนียวมากจะต้องออกแรงดึงมากจึงจะ ขาด และวัสดุท่มี คี วามเหนียวมากจะรบั นํ้าหนักไดม้ ากกว่าวสั ดทุ มี่ คี วามเหนียวน้อย 5. สาระการเรียนรู้ สมบัติของวัสดุ – ความเหนยี ว 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทํางาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดําเนนิ ชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน ปั้นดินเหนียวเป็นรปู ต่างๆ 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1) ครูให้นักเรียนดูรูปคนห้ิวถุงพลาสติกท่ีใส่ตุ๊กตาขนาดใหญ่แล้วถามนักเรียนว่า เพราะเหตุใดจึงใช้ ถงุ พลาสตกิ บรรจตุ กุ๊ ตาขนาดใหญ่ได้ 2) นกั เรียนช่วยกันตอบคําถาม จากนน้ั ครูนําอภิปรายว่า ถุงพลาสติกมีความเหนียว เม่ือนํามาใส่ตุ๊กตา ขนาดใหญ่แล้วห้ิวจึงไม่ขาด ซึ่งความเหนียวเป็นสมบัติอย่างหนึ่งของวัสดุเช่นเดียวกับความแข็งที่นักเรียนได้ เรียนรมู้ าแลว้ ขั้นจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มีขนั้ ตอนดังนี้ 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูถามคาํ ถามนักเรียนเพือ่ กระตุ้นความสนใจ เชน่ – วสั ดชุ นดิ ใดท่มี ีความเหนยี ว (แนวคาํ ตอบ เชอื ก พลาสติก และเสน้ เอ็น) – วัสดุท่ีมีความเหนียวสามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร (แนวคําตอบ ใช้เชือกในการผูกหรือ ดึงส่งิ ของตา่ งๆ ใชพ้ ลาสตกิ ทาํ วัสดุต่างๆ เช่น ถุงพลาสตกิ ขวดนา้ํ หรอื แก้วน้าํ ใชเ้ อน็ ทําสายเบด็ ) (2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกยี่ วกับคาํ ตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ข้นั สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาเก่ยี วกับสมบตั ขิ องวัสดุด้านความเหนียวจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดย ครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุท่ีมีความเหนียวมากจะต้องออกแรงดึงมากจึงจะขาด วัสดุที่มีความ เหนียวน้อยออกแรงดึงไม่มากกข็ าด (2) แบ่งกลุ่มนกั เรยี น กลุม่ ละ 5 – 6 คน ปน้ั ดินเหนียวเป็นรปู ต่างๆ ตามจินตนาการ ตามขั้นตอน ดังน้ี – แต่ละกลมุ่ เตรียมดินเหนยี วท่นี าํ มาจากบรเิ วณโรงเรียนหรือในท้องถิน่ – ออกแบบและป้ันดนิ เหนยี วเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ – นาํ เสนอผลงานหนา้ ห้องเรยี น
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครูคอยแนะนาํ ช่วยเหลอื นักเรยี นขณะปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูเดนิ ดรู อบๆ ห้องเรียน และเปดิ โอกาส ให้นักเรียนทุกคนซักถามเมื่อมปี ัญหา 3) ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนกลุ่มนาํ เสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถามตอ่ ไปนี้ – วสั ดุใดมีความแข็งมากกว่าวัสดุท่ีนํามาขูดขีด ดูจากอะไร (แนวคําตอบ กระจกเงา ดูจากการไม่ เกิดรอยใดๆ ทก่ี ระจกเงา) – วัสดุชนิดใดมีความแข็งมากที่สุดและน้อยท่ีสุด ดูจากอะไร (แนวคําตอบ กระจกเงามีความแข็ง มากทสี่ ุด และเทียนไขมีความแขง็ นอ้ ยท่ีสุด ดจู ากการเกิดรอยขูดขีดทเ่ี ทยี นไข) – ยกตวั อยา่ งของใช้ที่ทํามาจากวสั ดทุ ี่มคี วามแข็งมา 3 ชนดิ (แนวคําตอบ คอ้ น โตะ๊ และแกว้ นาํ้ ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุแต่ละชนิดมี ความแข็งแตกต่างกัน เมื่อนําวัสดุชนิดหน่ึงมาขูดขีดบนวัสดุอีกชนิดหนึ่ง ถ้าวัสดุที่ถูกขูดขีดเกิดรอย แสดงว่ามี ความแข็งนอ้ ยกว่าวัสดทุ ่ใี ชข้ ดู ขดี แตถ่ ้าไมเ่ กดิ รอย แสดงวา่ วสั ดทุ ถี่ ูกขดู ขดี มคี วามแข็งมากกว่าวัสดุที่ใช้ขูดขีด 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) นกั เรียนสืบคน้ ข้อมูลที่เก่ียวข้องกับชนดิ ของวัสดทุ ีม่ ีสมบัติด้านความเหนียว (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับสมบัติของวัสดุด้านความเหนียว จากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมทั้งคําแปลลง สมุดส่งครู 5) ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มขี อ้ สงสยั ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพ่ิมเติมให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกลมุ่ ว่ามปี ญั หาหรืออปุ สรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับประโยชน์ทไี่ ดร้ ับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคําถามนกั เรียน เช่น – ความเหนยี วหมายถงึ อะไร – การพิจารณาสมบตั ดิ า้ นความเหนยี วของวสั ดุทําได้ด้วยวธิ กี ารใด – พลาสติกนิยมนํามาใชท้ าํ ถงุ ใสข่ องเพราะอะไร – วัสดทุ มี่ ีความเหนยี วและวสั ดุทม่ี ีสภาพยืดหยนุ่ แตกต่างกันในลักษณะใด ขัน้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสมบัติของวัสดุด้านความเหนียว โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 10. สอื่ การเรียนรู้ 1. ดินเหนียว
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. รูปคนหวิ้ ถุงพลาสติกทใ่ี ส่ตุ๊กตาขนาดใหญ่ 3. หนงั สอื เรยี นภาษาต่างประเทศหรืออนิ เทอร์เนต็ 4. ค่มู อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 5. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 6. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 7. หนังสอื เรยี นรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรื่อง สมบตั ขิ อง วสั ดุดา้ นความเหนียว 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกตและ ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรียน ใช้แบบวดั เจตคตทิ าง วัดทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ การสงั เกตการทํางานกลมุ่ ใช้แบบวดั เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ 3. ประเมนิ ทักษะการแก้ปญั หา โดยการสงั เกตการทํางาน กลุ่ม 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏิบตั ิกิจกรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกลุม่ โดย การสังเกตการทํางานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจาํ นวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู.้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรียนน่ไี มผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ (K) ................................................................................................................................ ...................... ............................................................................................................. ......................................... 3. นักเรียนมคี วามรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรยี นมีเจตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผ้ทู ี่ได้รับมอบหมาย ไดท้ ําการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผู้เรยี นเป็นสาํ คญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ นาํ ไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง............................................
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 59 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เร่ือง ความเหนยี ว (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วันท.่ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กบั โครงสรา้ งและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี 2. ตัวช้ีวดั ช้ันปี 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนําความร้อน และการนําไฟฟูา ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนําสมบัติเร่ืองความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นาํ ความรอ้ น และการนาํ ไฟฟูาของวัสดุไปใช้ในชีวิตประจาํ วันผา่ นกระบวนการออกแบบชน้ิ งาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปล่ยี นความคิดกับผู้อน่ื โดยการอภิปรายเก่ียวกับสมบตั ทิ างกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อภิปรายและเปรียบเทียบสมบัตขิ องวัสดุดา้ นความเหนียวได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝรุ หู้ รอื อยากรูอ้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ่เี กยี่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. การทํางานร่วมกับผูอ้ ่ืนอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนําความร้เู รื่องสมบตั ขิ องวสั ดุดา้ นความเหนียวไปใชใ้ นชวี ติ ประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคญั ความเหนียวเป็นสมบตั ิเฉพาะของวสั ดแุ ตล่ ะชนดิ วัสดุท่มี ีความเหนียวมากจะต้องออกแรงดึงมากจึงจะ ขาด และวัสดทุ ม่ี คี วามเหนียวมากจะรบั นํ้าหนกั ได้มากกว่าวัสดุทมี่ คี วามเหนยี วน้อย 5. สาระการเรียนรู้ สมบัติของวสั ดุ – ความเหนยี ว 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินยั
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มุง่ มนั่ ในการทาํ งาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดําเนินชวี ิต 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สงั เกตสมบัติด้านความเหนียวของวสั ดุ 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน 1) ครูนําถุงพลาสติกและถุงกระดาษมาให้นักเรียนดู แล้วถามนักเรียนว่า ถ้าต้องออกแรงฉีก ถุงพลาสติกและถุงกระดาษให้ขาดจะต้องออกแรงในการฉกี สงิ่ ใดมากกวา่ 2) นกั เรียนช่วยกนั ตอบคําถามและแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั คาํ ตอบของคําถาม เพอ่ื เช่ือมโยงไปสู่การ เรียนรเู้ รื่อง สมบตั ขิ องวัสดุดา้ นความเหนียว ขน้ั จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซงึ่ มขี ้ันตอนดงั นี้ 1) ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูถามคําถามนกั เรียนเพอ่ื กระต้นุ ความสนใจ เช่น – ความเหนยี วของวัสดุคืออะไร (แนวคําตอบ สมบัติของวสั ดทุ ที่ นทานต่อแรงดึงโดยไมข่ าด) – วัสดุที่มีความเหนียวมากจะมีลักษณะใด (แนวคําตอบ ตีเป็นแผ่นบางหรือดึงเป็นเส้นได้ยาว มาก) (2) นกั เรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกบั คําตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ข้ันสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนกั เรียน ปฏบิ ัติกิจกรรมที่ 13 สังเกตสมบัตดิ ้านความเหนียวของวสั ดุ แต่ละกลมุ่ ปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมตามข้นั ตอนที่ไดว้ างแผนไว้ ดงั นี้ – แบง่ กลุ่มนักเรียน กลุม่ ละ 5–6 คน – พาดไม้ยาวระหว่างโตะ๊ แขวนขอเกยี่ วที่ทอ่ นไม้ – ผูกเชือกฟางยาว 1 ฟตุ ท่ขี อเก่ยี ว นําขอเกี่ยวอกี อนั ผูกติดปลายล่างของเชือกฟาง – แขวนถุงทรายท่ขี อเกีย่ วอนั ล่าง เพ่มิ ถุงทรายทีละถงุ จนเชือกขาด นบั จํานวนถุงทราย ท้งั หมด บนั ทึกผล – ทําการทดสอบซํา้ โดยเปล่ยี นจากเชือกฟางเป็นเชอื กกล้วย ดา้ ย และเสน้ เอ็น (ขนาดและ ความยาวของวสั ดุแตล่ ะชนิดตอ้ งเท่ากนั ) บันทึกผล
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) ครูคอยแนะนาํ ชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครเู ดินดรู อบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรียนทุกคนซักถามเมือ่ มีปญั หา 3) ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนกล่มุ นาํ เสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าหอ้ งเรยี น (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกันอภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคําถามตอ่ ไปน้ี – วสั ดชุ นดิ ใดมคี วามเหนียวมากทส่ี ดุ (แนวคําตอบ เส้นเอ็น) – วิธีการท่ีใช้ทดสอบความเหนียวในกิจกรรมนี้คืออะไร (แนวคําตอบ การรับนํ้าหนัก วัสดุใดรับ นํา้ หนกั ได้มากแสดงว่ามีความเหนยี วมาก) – ยกตัวอย่างวัสดุท่ีมีความเหนียวที่ถูกนํามาใช้ในชีวิตประจําวัน (แนวคําตอบ ดินเหนียวและ ถงุ พลาสติก) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า นอกจากวัสดุท่ี นักเรียนนํามาสังเกตแล้ว ยังมีวัสดุอ่ืนอีกที่มีสมบัติด้านความเหนียว เช่น ดินเหนียว สามารถนํามาปั้นส่ิงของ เป็นรูปทรงต่างๆ ได้ และโลหะเม่ือทําให้ร้อนจะสามารถตีแผ่เป็นแผ่นหรือรีดให้เป็นเส้น นํามาทําเป็นสิ่งของ เครอื่ งใช้ตา่ งๆ เช่น หม้อ กระทะ (4) ครูอธิบายเพิ่มเตมิ ว่า วัสดแุ ต่ละชนดิ มคี วามเหนียวแตกต่างกัน วัสดุที่มีความเหนียวมากต้องใช้แรง ดงึ มากจึงจะขาด ส่วนวัสดทุ ่มี ีความเหนยี วนอ้ ยใช้แรงดึงไม่มากกส็ ามารถขาดได้ 4) ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครูนํารูปการแข่งขันชักเย่อ รูปช้างลากซุง รูปสะพานท่ีมีลวดเหล็กยึด เช่น สะพานพระราม 8 มาให้ นักเรยี นร่วมกนั อภิปรายว่าเกย่ี วข้องกับสมบตั ิของวัสดดุ ้านความเหนยี วหรือไม่ เพราะอะไร 5) ข้นั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครูชว่ ยอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุม่ วา่ มีปัญหาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับประโยชน์ท่ไี ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความร้ไู ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคําถามนกั เรยี น เชน่ – การทดสอบความเหนยี วของวสั ดุทาํ ไดโ้ ดยวธิ กี ารใด – วัสดุทมี่ สี มบัตดิ ้านความเหนยี วไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ขัน้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสมบัติของวัสดุด้านความเหนียว โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคิดหรอื ผังมโนทัศน์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. ถุงพลาสตกิ และถุงกระดาษ 2. รปู การแข่งขนั ชักเย่อ รูปช้างลากซงุ รปู สะพานที่มีลวดเหลก็ ยดึ 3. ใบกิจกรรมที่ 19 สังเกตสมบตั ดิ ้านความเหนียวของวัสดุ 4. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 5. ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 6. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 7. หนังสือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซกั ถามความรู้เร่ือง สมบตั ิของ จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ประเมินทักษะกระบวนการ วสั ดุดา้ นความเหนยี ว ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้แบบ 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง วัดทกั ษะกระบวนการทาง 2. ตรวจช้นิ งานหรือภาระงานของ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคลโดย วทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรียน การสงั เกตและใช้แบบวดั เจต คติทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย การสังเกตการทํางานกลุ่ม 2. ประเมนิ เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต 3. ประเมนิ ทักษะการแกป้ ัญหา และใชแ้ บบวดั เจตคตติ อ่ โดยการสังเกตการทาํ งาน วิทยาศาสตร์ กลุ่ม 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏิบัตกิ ิจกรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกลุม่ โดย การสงั เกตการทาํ งานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจาํ นวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรยี นน่ีไมผ่ ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมีความรคู้ วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นักเรยี นมีเจตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผ้ทู ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รยี นเป็นสําคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สําคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ นาํ ไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 60 สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เร่ือง การนําความร้อน (1) เวลา 1 ชวั่ โมง วันที.่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผ้สู อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสรา้ งและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 2. ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนําความร้อน และการนําไฟฟูา ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนําสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นาํ ความรอ้ น และการนาํ ไฟฟาู ของวัสดไุ ปใชใ้ นชวี ิตประจําวันผ่านกระบวนการออกแบบชนิ้ งาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปล่ียนความคดิ กับผู้อื่นโดยการอภิปรายเก่ยี วกับสมบตั ิทางกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายและเปรยี บเทียบสมบัตขิ องวสั ดุด้านการนําความร้อนได้ (K) 2. ระบวุ สั ดุท่เี ปน็ ตวั นาํ ความร้อนและฉนวนความร้อนได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝุรหู้ รืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรูท้ ี่เกี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. การทาํ งานรว่ มกับผอู้ ื่นอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 6. ส่ือสารและนําความรู้เร่ืองสมบตั ขิ องวัสดุดา้ นการนาํ ความร้อนไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคัญ วัสดุ 2 ชนิดที่มีอุณหภูมิต่างกัน เม่ือนํามาสัมผัสกันจะเกิดการถ่ายโอนความร้อนให้แก่กัน วัสดุท่ียอม ใหค้ วามร้อนผา่ นไดด้ ี เรยี กว่า ตวั นาํ ความร้อน สว่ นวัสดทุ ่ีไมย่ อมให้ความรอ้ นผา่ น เรยี กว่า ฉนวนความรอ้ น 5. สาระการเรียนรู้ สมบัตขิ องวสั ดุ – การนาํ ความร้อน
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทาํ งาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สบื คน้ ขอ้ มลู เกีย่ วกับการนําความรอ้ นไปใชใ้ นการทําวัสดหุ รือสิ่งของเคร่ืองใชต้ า่ งๆ 9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครนู ําถ้วยแก้ว ถว้ ยพลาสตกิ และถว้ ยสเตนเลส มาให้นักเรยี นดู แลว้ ถามนักเรยี นว่า – นกั เรียนจะเลือกถ้วยชนิดใดไปใส่น้ําร้อน เพราะเหตุใด (แนวคําตอบ ถ้วยพลาสติก เพราะถ้วย พลาสติกเป็นวัสดุที่ไมย่ อมให้ความรอ้ นผ่าน) – การนําความรอ้ นเกิดไดก้ ับวสั ดุใดบ้าง (แนวคําตอบ เหล็ก อะลูมเิ นียม และสเตนเลส) 2) นกั เรียนชว่ ยกนั ตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับคําตอบของคาํ ถาม เพ่อื เช่ือมโยงไปสู่การ เรียนรเู้ ร่ือง สมบัตขิ องวสั ดุดา้ นการนาํ ความร้อน ข้ันจดั กิจกรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มีขัน้ ตอนดังนี้ 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูถามคําถามนักเรียนเพื่อกระตุน้ ความสนใจ เช่น – วัสดุที่เป็นตัวนําความร้อนเป็นวัสดุจําพวกใด ได้แก่อะไรบ้าง (แนวคําตอบ โลหะ เช่น เหล็ก อะลมู ิเนียม และสเตนเลส) – วสั ดุทเี่ ปน็ ฉนวนความร้อนได้แกอ่ ะไรบา้ ง (แนวคําตอบ ไม้ ผ้า ยาง โฟม และพลาสตกิ ) (2) นักเรียนร่วมกนั อภิปรายเกย่ี วกบั คําตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration) (1) นักเรียนศึกษาตัวนําความร้อนและฉนวนความร้อน ในหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) แบง่ กลมุ่ นักเรยี น กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบคน้ ขอ้ มลู เก่ียวกับการนําความร้อนไปใช้ในการทําวัสดุหรือ ส่งิ ของเครอื่ งใชต้ ่างๆ โดยดาํ เนินการตามขั้นตอนดงั นี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อการนําความร้อนไปใช้ในการทําวัสดุหรือ ส่ิงของเครื่องใช้ต่างๆ เป็นหัวข้อย่อย เช่น การออกแบบกระทะหรือหม้อหุงข้าว เตารีด และกระติกนํ้าร้อน ให้ สมาชกิ แต่ละกลุ่มช่วยกนั สบื คน้ ตามหวั ขอ้ ท่ีกําหนด
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั สืบค้นขอ้ มลู ตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรับเยาวชน และอนิ เทอร์เนต็ – สมาชิกกลุม่ นาํ ข้อมลู ทสี่ บื คน้ ได้มารายงานให้เพ่ือนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทุกคนมคี วามรู้ความเข้าใจที่ตรงกัน – สมาชกิ กลุ่มชว่ ยกันสรปุ ความรทู้ ่ีได้ทัง้ หมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม (3) ครคู อยแนะนําชว่ ยเหลอื นักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทกุ คนซกั ถามเม่อื มปี ญั หา 3) ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนกลุม่ นําเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นักเรียนและครรู ว่ มกันอภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถามต่อไปน้ี – กระทะหรอื หม้อนยิ มทําจากวัสดุชนิดใด (แนวคาํ ตอบ สเตนเลสหรืออะลมู เิ นยี ม) – เพราะเหตใุ ดจึงนยิ มทําดา้ มจบั ของกระทะหรือหม้อจากพลาสติก (แนวคําตอบ เพราะพลาสติก เป็นฉนวนความรอ้ น ซ่ึงไมย่ อมใหค้ วามรอ้ นผ่านได)้ (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุที่ใช้ทํา กระทะหรือหม้อ เช่น สเตนเลสหรืออะลูมิเนียม เป็นตัวนําความร้อน และวัสดุที่ใช้ทําด้ามจับส่วนมากทําจาก พลาสตกิ ซึ่งเป็นฉนวนความรอ้ น 4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูยกตัวอย่างชนิดของวัสดุ เช่น ไม้ ผ้า เหล็ก และอะลูมิเนียม แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกว่าเป็น ตัวนาํ ความร้อนหรือฉนวนความรอ้ น (2) ครูอภิปรายเกี่ยวกับตารางค่าการนําความร้อนของวัสดุบางชนิดท่ีอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ดังต่อไปนี้ ชนดิ ของวสั ดุ คา่ การนาความรอ้ นของวสั ดุ ชนิดของวสั ดุ ค่าการนาความรอ้ นของวสั ดุ (วัตต์/เมตร × เคลวนิ ) (วัตต/์ เมตร × เคลวนิ ) เงิน 427.0 เหลก็ 79.5 ทองแดง 397.0 ตะก่ัว 34.7 ทอง 314.0 แกว้ 1.1 อะลมู ิเนียม 238.0 ไม้ 0.04–0.4 ทองเหลือง 108.0 หมายเหตุ เคลวนิ เปน็ หน่วยวัดอุณหภูมิ โดย เคลวนิ (K) = องศาเซลเซียส (C˚) + 273 5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เขา้ ใจหรอื ยังมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพ่ิมเตมิ ให้นักเรียนเขา้ ใจ (2) นักเรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกับประโยชน์ทีไ่ ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคําถามนกั เรยี น เช่น
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – การนําความรอ้ นหมายถงึ อะไร – วสั ดุท่ยี อมใหค้ วามรอ้ นผ่านได้ดีเรยี กวา่ อะไร – วสั ดทุ ไี่ ม่ยอมให้ความร้อนผา่ นเรียกว่าอะไร ข้ันสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสมบัติของวัสดุด้านการนําความร้อน โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคดิ หรือผงั มโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ถว้ ยแก้ว ถว้ ยพลาสติก และถว้ ยสเตนเลส 2. หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาํ หรับเยาวชน และอนิ เทอร์เน็ต 3. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 4. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 6. หนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เร่ือง สมบตั ิของ วัสดดุ ้านการนาํ ความร้อน 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตร์เปน็ รายบุคคลโดย การสังเกตการทํางานกลมุ่ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรียน การสงั เกตและใช้แบบวัดเจต 2. ประเมินพฤติกรรมในการ คตทิ างวิทยาศาสตร์ ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต การสังเกตการทํางานกลมุ่ และใช้แบบวดั เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นักเรียนจาํ นวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรยี นนไี่ มผ่ า่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรเู้ กดิ ทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................. ..................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผ้ทู ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รยี นเป็นสําคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สําคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ นาํ ไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 61 สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เร่ือง การนําความร้อน (2) เวลา 1 ชวั่ โมง วันที.่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผ้สู อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสรา้ งและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี 2. ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนําความร้อน และการนําไฟฟูา ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนําสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นาํ ความรอ้ น และการนาํ ไฟฟาู ของวัสดไุ ปใชใ้ นชีวิตประจําวันผ่านกระบวนการออกแบบช้ินงาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปล่ียนความคดิ กับผู้อื่นโดยการอภปิ รายเก่ยี วกับสมบตั ิทางกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายและเปรยี บเทียบสมบัตขิ องวสั ดุด้านการนําความร้อนได้ (K) 2. ระบวุ สั ดุท่เี ปน็ ตวั นาํ ความร้อนและฉนวนความร้อนได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝุรหู้ รืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรูท้ ี่เก่ียวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. การทาํ งานรว่ มกับผอู้ ื่นอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 6. ส่ือสารและนําความรู้เร่ืองสมบตั ขิ องวัสดุดา้ นการนําความร้อนไปใชใ้ นชีวิตประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคัญ วัสดุ 2 ชนิดที่มีอุณหภูมิต่างกัน เม่ือนํามาสัมผัสกันจะเกิดการถ่ายโอนความร้อนให้แก่กัน วัสดุที่ยอม ใหค้ วามร้อนผา่ นไดด้ ี เรยี กว่า ตวั นาํ ความร้อน สว่ นวัสดทุ ่ีไมย่ อมให้ความรอ้ นผา่ น เรยี กวา่ ฉนวนความรอ้ น 5. สาระการเรียนรู้ สมบัตขิ องวสั ดุ – การนาํ ความร้อน
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทํางาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดําเนินชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ช้ินงานหรอื ภาระงาน สังเกตสมบัตดิ า้ นการนาํ ความร้อนของวสั ดุ 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเขา้ ส่บู ทเรยี น 1) ครนู าํ รปู คนกาํ ลงั รีดผา้ มาใหน้ ักเรียนดู แล้วถามคําถามกับนักเรียนว่า – เตารีดรีดผ้าให้เรียบได้เพราะอะไร (แนวคําตอบ มีการถ่ายโอนความร้อนจากเตารีดสู่ผ้าจึงทํา ใหผ้ า้ เรยี บ) – คนรีดผ้าจับเตารีดได้โดยไม่รู้สึกร้อนเพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะบริเวณท่ีจับทําจากวัสดุท่ี ไมน่ าํ ความร้อนจึงไม่ทาํ ใหร้ สู้ ึกร้อน) 2) นักเรยี นชว่ ยกันตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับคาํ ตอบของคาํ ถาม เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การ เรียนรูเ้ รอื่ ง สมบตั ขิ องวสั ดุด้านการนาํ ความร้อน ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มีขนั้ ตอนดงั น้ี 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครถู ามคาํ ถามนักเรียนเพอ่ื กระตุ้นความสนใจ เช่น – การนําความร้อนของวัสดุคืออะไร (แนวคําตอบ สมบัติท่ีแสดงถึงการถ่ายโอนความร้อนจาก บริเวณท่ีมอี ุณหภูมิสูงไปสู่บริเวณทมี่ อี ณุ หภมู ิตาํ่ กวา่ ) – วัสดทุ ่นี ําความรอ้ นไดม้ ักมสี ถานะใด (แนวคาํ ตอบ ของแขง็ ) (2) นกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายเกย่ี วกบั คาํ ตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration)
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 20 สังเกตสมบัติด้านการนําความร้อนของวัสดุแต่ละกลุ่ม ปฏิบตั ิกิจกรรมตามข้ันตอนทีไ่ ด้วางแผนไว้ ดังน้ี – แบง่ กลุม่ นักเรียน กลมุ่ ละ 5 – 6 คน – แตล่ ะกลมุ่ นาํ เทยี นไขมาจดุ ไฟ หยดนํา้ ตาเทียนลงบนแทง่ แกว้ และแท่งเหล็กท่ีเตรียมไว้ 4 หยด โดยใหแ้ ตล่ ะหยดมรี ะยะหา่ งเทา่ ๆ กัน ท้งิ ไว้สักครูเ่ พอื่ ใหห้ ยดนํา้ ตาเทียนแข็งตัว – ตดิ ต้ังแทง่ แก้วและแทง่ เหลก็ เข้ากับท่จี บั หลอดทดลอง โดยใหอ้ ย่ใู นแนวระดบั – ตั้งตะเกียงแอลกอฮอล์ไว้ที่ปลายแท่งแก้วและแท่งเหล็ก ดังรูป จุดไฟ สังเกตและบันทึกผลท่ี เกดิ ขึน้ (ควรใช้เวลาในการใหค้ วามร้อนกับแท่งแก้วและแทง่ เหล็กเท่าๆ กนั ) หยดนํา้ ตาเทยี น แทง่ แกว้ แทง่ เหลก็ หยดนา้ํ ตาเทยี น การทดสอบการนาความร้อนของวัสดุ (2) ครคู อยแนะนําชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรยี นทุกคนซักถามเม่อื มีปญั หา 3) ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนกลมุ่ นาํ เสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหน้าหอ้ งเรยี น (2) นกั เรยี นและครูร่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคําถามต่อไปนี้ – เพราะเหตุใดจึงใช้หยดนํ้าตาเทียนในการสังเกต (แนวคําตอบ เพราะหยดน้ําตาเทียนจะ หลอมเหลวเม่ือได้รับความร้อนที่ส่งผ่านมายังแท่งแก้วและแท่งเหล็ก ถ้าวัสดุชนิดใดนําความร้อนได้ดีกว่า น้าํ ตาเทยี นบนวัสดชุ นดิ นัน้ ก็จะหลอมเหลวกอ่ น) – เมื่อได้รับความร้อน หยดน้ําตาเทียนบนแท่งแก้วและบนแท่งเหล็กมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่าง กันหรือไม่ ในลักษณะใด (แนวคําตอบ แตกต่างกัน หยดน้ําตาเทียนบนแท่งเหล็กหลอมเหลวจนหมดและหยด ลงพน้ื สว่ นนาํ้ ตาเทยี นบนแทง่ แก้วหลอมเหลวเลก็ น้อย บางหยดไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง) – วัสดุชนิดใดนําความร้อนได้ดีที่สุด สังเกตได้จากอะไร (แนวคําตอบ โลหะ สังเกตได้จากเม่ือให้ ความรอ้ นทว่ี ัสดุส่วนหนึ่ง แต่สว่ นทีเ่ หลอื กไ็ ด้รบั ความร้อนด้วยเชน่ กนั ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุแต่ละชนิด นําความร้อนได้แตกต่างกัน วัสดุที่ยอมให้ความร้อนผ่านได้ดี เรียกว่า ตัวนําความร้อน ส่วนวัสดุที่ไม่ยอมให้ ความร้อนผ่าน เรียกว่า ฉนวนความร้อน ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อวัสดุ 2 ชนิดท่ีมีอุณหภูมิต่างกันมา สัมผสั กัน ความรอ้ นจะถ่ายโอนจากวสั ดุที่มีอุณหภูมสิ งู ไปสูว่ สั ดุที่มีอุณหภมู ติ ่ํากว่า 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (1) นักเรียนสืบค้นข้อมูล เร่ือง การถ่ายโอนความร้อน ซ่ึงมี 3 วิธี คือ การนําความร้อน การพาความ รอ้ น และการแผร่ งั สคี วามร้อน ในห้องสมุดหรืออินเทอร์เน็ต นําข้อมูลที่ได้มาจัดปูายนิเทศให้เพ่ือน ๆ ได้ทราบ เพือ่ แลกเปลีย่ นเรยี นรู้กัน (2) นกั เรยี นค้นควา้ คาํ ศพั ท์ภาษาต่างประเทศเกย่ี วกับสมบัตขิ องวัสดุด้านการนําความร้อน จากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมทั้งคําแปลลง สมดุ สง่ ครู 5) ข้นั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยงั มขี ้อสงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพม่ิ เติมใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลุ่มว่ามปี ัญหาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชนท์ ไี่ ดร้ ับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคําถามนกั เรียน เชน่ – หลักการของการนาํ ความร้อนคอื อะไร – วัสดทุ ี่เป็นตัวนําความรอ้ นและฉนวนความร้อนไดแ้ ก่อะไร ขนั้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสมบัติของวัสดุด้านการนําความร้อน โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคดิ หรอื ผงั มโนทศั น์ 10. สอ่ื การเรียนรู้ 1. รูปคนกาํ ลงั รดี ผา้ 2. ใบกจิ กรรมท่ี 20 สงั เกตสมบัตดิ ้านการนําความร้อนของวัสดุ 3. หอ้ งสมุด หนงั สอื เรียนภาษาต่างประเทศ หรืออนิ เทอร์เน็ต 4. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 6. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 บริษัท 7. หนังสือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 บรษิ ัท 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรูเ้ ร่ือง สมบตั ิของ วสั ดดุ า้ นการนําความร้อน 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คลโดย ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใช้แบบ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น การสังเกตและใช้แบบวัดเจต วดั ทกั ษะกระบวนการทาง คตทิ างวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกต การสังเกตการทาํ งานกลมุ่ และใช้แบบวดั เจตคตติ อ่ 3. ประเมินทักษะการแก้ปัญหา
วิทยาศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 โดยการสังเกตการทํางาน กลุม่ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเป็น รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย การสังเกตการทํางานกลุม่ 12. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจํานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรียนนไี่ ม่ผา่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................ ...................... 2. นกั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นกั เรียนมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรยี นร้ขู อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดงั น้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รียนเป็นสาํ คัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นําไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรับปรงุ ก่อนนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง............................................
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 62 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง กจิ กรรมสะเตม็ ศึกษา (1) เวลา 1 ชวั่ โมง วันที่............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสรา้ งและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 2. ตวั ชี้วัดชน้ั ปี เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนําความร้อน และการนําไฟฟูาของ วัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนําสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนํา ความรอ้ น และการนาํ ไฟฟาู ของวสั ดไุ ปใช้ในชีวิตประจําวนั ผ่านกระบวนการออกแบบชนิ้ งาน (ว 2.1 ป. 4/1) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมายและประโยชนท์ ่ีได้รบั จากกิจกรรมสะเตม็ ศึกษาได้ (K) 2. อธบิ ายและปฏบิ ตั ติ ามขั้นตอนของกระบวนการสะเตม็ ศึกษาได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝุรู้หรอื อยากรูอ้ ยากเห็น (A) 4. ทาํ งานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนาํ ความรู้เร่ืองกจิ กรรมสะเตม็ ศึกษาไปใชใ้ นชีวติ ประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ คาํ ว่า “สะเตม็ ” เกิดจากการนําความรู้ 4 สาขา คือ S (Science) หมายถงึ วิทยาศาสตร์ T (Technology) หมายถึง เทคโนโลยี E (Engineering) หมายถึง วิศวกรรมศาสตร์ และ M (Mathematics) หมายถึง คณิตศาสตร์ มาเรียนรู้ร่วมกัน สะเต็มศึกษาเป็นการเรียนรู้ท่ีใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี มาแก้ปัญหาโดยผ่านกระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) เพอ่ื สรา้ งชิ้นงานท่สี ร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ 5. สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมสะเต็มศึกษา
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – ความหมายของสะเต็มศึกษา – ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ ับจากกจิ กรรมสะเตม็ ศึกษา – กระบวนการออกแบบสง่ิ ประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม) 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทํางาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนนิ ชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน สบื ค้นขอ้ มูลเกีย่ วกบั ขนั้ ตอนในกระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเข้าส่บู ทเรียน 1) ครนู าํ สถานการณต์ วั อย่าง เรอื่ ง โคมเทียนบังลม ในหนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 4 มาใหน้ กั เรยี นดู แล้วต้งั คําถามถามนกั เรยี นดงั น้ี – นกั เรียนคดิ วา่ จะใชว้ ิธกี ารใดในการจดั การกบั สถานการณต์ ัวอยา่ งน้ี 2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายคําตอบของคําถาม โดยครูช้ีแนะและอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สถานการณ์ที่เกิดข้ึนในชีวิตประจําวันบางสถานการณ์ไม่สามารถแก้ไขหรือตอบสนองได้ด้วยความรู้เดิมหรือ ความรู้จากการสืบค้นเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการดําเนินการอย่างเป็นระบบแบบแผนและเป็นข้ันตอน เพ่ือเชอ่ื มโยงไปส่กู ารเรียนรเู้ รอื่ ง กิจกรรมสะเตม็ ศกึ ษา ขัน้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรูโ้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มีขัน้ ตอนดังนี้ 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูนาํ สถานการณ์ตัวอย่าง เร่อื ง โคมเทียนบงั ลม ในหนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป. 4 มาใหน้ กั เรียนดอู กี คร้ัง แลว้ ต้ังคําถามถามนกั เรยี นดังน้ี – จากสถานการณ์นกั เรียนพบปญั หาหรือไม่ – นักเรียนจะแก้ปญั หาน้อี ยา่ งไร
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – นกั เรยี นมวี ิธีหรือข้นั ตอนอยา่ งไรในการแกป้ ญั หาน้ี (2) นกั เรียนร่วมกันอภิปรายเกย่ี วกบั คําตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขัน้ สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษากิจกรรมสะเต็มศึกษาในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 4 โดยครู ช่วยอธิบายใหน้ กั เรียนเข้าใจว่า คําว่า “สะเต็ม” มาจากการนําความรู้ 4 สาขา คือ S หมายถึง วิทยาศาสตร์ T หมายถึง เทคโนโลยี E หมายถึง วศิ วกรรมศาสตร์ และ M หมายถงึ คณิตศาสตร์ มาเรยี นรู้รว่ มกนั สะเต็มศึกษา จึงเป็นการเรียนรู้ที่ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี มาแก้ปัญหาโดยผ่านกระบวนการ ออกแบบสิ่งประดษิ ฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) เพ่ือสร้างช้ินงานที่สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ ใน การปฏิบัติกิจกรรมสะเต็มศึกษานักเรียนจะได้พัฒนาความสามารถด้านต่าง ๆ มากมาย เช่น 1. การแก้ปัญหา 2. ความคิดสร้างสรรค์ 3. การประดิษฐ์ 4. ความเชื่อม่ันตนเอง 5. การคิดอย่างมีเหตุผล และ 6. ความรู้ทาง เทคโนโลยี ซ่ึงการปฏิบัติกิจกรรมสะเต็มศึกษามีขั้นตอนในการปฏิบัติอย่างเป็นระบบท่ีเรียกว่า กระบวนการ ออกแบบส่ิงประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม: Engineering Design Process) ซึ่งประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ดังน้ี 1. กําหนดปัญหา เป็นการทําความเข้าใจปัญหาและความท้าทายจากสถานการณ์อย่างละเอียด เพื่อ พจิ ารณาเลอื กปญั หาทีต่ อ้ งการหรือทสี่ ําคญั ทส่ี ดุ (พิจารณาได้จากผลเสีย ความเร่งด่วน และผลกระทบในระยะ ยาว) แลว้ กําหนดเปน็ ปัญหาซงึ่ จะนาํ ไปสู่การสรา้ งช้ินงานหรอื วธิ ีการในการแก้ปัญหาต่อไป การกําหนดปัญหามี แนวทางการปฏิบตั ิ ดงั นี้ 1. รวบรวมปญั หาหรอื ความตอ้ งการทเี่ กดิ ขน้ึ 2. คดั เลอื กปญั หาหรอื ความต้องการทต่ี ้องการหาคาํ ตอบ 3. วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาหรือความต้องการ เพื่อกําหนดส่ิงท่ีเป็นปัญหาหรือความต้องการที่ แทจ้ ริง 4. กาํ หนดปัญหาเปน็ ประโยคคําถามท่สี อดคลอ้ งกบั ปัญหาหรือความตอ้ งการที่แท้จริง 5. ศึกษาเอกสารแล้วคาดการณ์วิธีการแก้ปัญหาของกิจกรรมท่ีเหมาะสมภายใต้ข้อจํากัดเพ่ือหา วิธีการแกป้ ัญหา ซ่งึ การคาดการณต์ อ้ งอาศยั ความรู้เดิมเป็นพืน้ ฐาน 6. ประเมินปัญหาภายใต้ข้อจํากัดโดยใช้เกณฑ์ในการประเมิน เช่น ความต้องการท่ีเกิดขึ้นจริง ความเปน็ ไปได้ในการทาํ กิจกรรมภายใตข้ อ้ จาํ กัดท่ีมอี ยู่ เชน่ ความสนใจ งบประมาณ เวลา และสถานที่ 2. รวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่ีเกี่ยวข้องกับปัญหา เป็นการรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับ ปัญหาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ การรวบรวมข้อมูลท่ีครอบคลุมจะทําให้สามารถสรุปวิธีการแก้ปัญหาได้ ครบถว้ นสมบูรณ์ 2.1 ศกึ ษาขอ้ มูลโดยการวเิ คราะหป์ ญั หาหรอื ความต้องการจากการตอบคําถามตอ่ ไปนี้ – ปัญหานคี้ ืออะไร – ปัญหานี้เกิดขึน้ เมื่อใด – ปัญหาน้เี กิดกับใคร – เพราะเหตุใดจงึ ต้องแกป้ ัญหานี้ – ปญั หานเี้ กิดข้ึนที่ไหน – จะแก้ปญั หาหรือตอบสนองความตอ้ งการนี้อย่างไร 2.2 คน้ คว้าและรวบรวมขอ้ มลู เกีย่ วกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี จาก แหลง่ ข้อมลู ต่างๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั ชิ้นงานด้วยวิธีการดงั นี้ – อภิปรายถึงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการออกแบบ สิง่ ประดษิ ฐ์ (กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม) ท่ตี อ้ งใช้ในการแก้ปัญหา
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลท่ีจําเป็นด้วยวิธีการที่เหมาะสมจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่น การ สํารวจบริเวณแหล่งชุมชน บ้าน โรงเรียน การสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตหรือห้องสมุด การสอบถาม ผปู้ กครอง เพือ่ น หรือผูร้ ู้ – สํารวจวัสดุ อุปกรณ์ท่ีต้องใช้ว่ามีอะไรบ้าง วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียของวัสดุ อุปกรณ์ที่นํามาใช้ เพอ่ื สร้างทางเลือก 2.3 วิเคราะห์ พิจารณา และเปรียบเทียบทางเลือกที่สามารถแก้ปัญหาและได้สิ่งท่ีต้องการท่ีดี ท่สี ดุ และเหมาะสมที่สดุ จากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้และข้อจาํ กดั ท่ีมี และตัดสนิ ใจเลอื กทางเลือกน้นั 2.3.1 กาํ หนดหัวขอ้ หัวข้อ คือ ใจความสําคัญที่ทําให้ทราบปัญหา ประเภท วิธีการดําเนินการ และขอบเขต ของกจิ กรรม ทาํ ให้ผูอ้ า่ นทราบภาพรวมวา่ สอดคล้องกับความสนใจของผู้อา่ นหรอื ไม่ 2.3.2 กาํ หนดวตั ถปุ ระสงค์ การกําหนดวัตถปุ ระสงค์มีแนวทางการปฏิบตั ิ ดงั นี้ 1) ศึกษาข้อมลู เอกสารตา่ ง ๆ แล้วคาดคะเนส่งิ ทต่ี ้องการจากกจิ กรรม 2) จําแนกส่ิงท่ีต้องการเป็น 2 กลุ่ม คือ ส่ิงท่ีต้องเกิดข้ึน (must) หมายถึง สิ่งที่บ่งบอก ความสาํ เร็จของกิจกรรม และสงิ่ ทอี่ าจเกิดข้ึน (want) หมายถึง สงิ่ ทอ่ี าจเกดิ ข้นึ หรอื ไมเ่ กดิ ข้นึ ก็ได้ 3) ระบุวธิ กี ารดําเนนิ การหรือลาํ ดับของวัตถุประสงคต์ ามลาํ ดบั ของปัญหาหรอื ลําดับของวัตถุประสงค์ 2.3.3 กําหนดประโยชน์ทคี่ าดว่าจะไดร้ ับ ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รับ คือ ส่ิงที่คาดว่าจะได้รับจากกิจกรรม เช่น ความรู้ที่ได้ วิธีการ หรอื สง่ิ ประดษิ ฐ์ซง่ึ อาจเก่ยี วข้องกับตนเอง ชมุ ชน หรือสิ่งแวดล้อมการกําหนดประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับมีแนว ทางการปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 1) กําหนดผลของวัตถปุ ระสงคท์ ่อี าจเกิดขนึ้ เป็นประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะไดร้ ับ 2) คาดการณว์ า่ จะเกดิ ประโยชนต์ ่อตนเอง ชมุ ชน และสงิ่ แวดล้อมอยา่ งไร 3) เรยี งลาํ ดับตามวัตถปุ ระสงคข์ องกิจกรรมหรอื เรยี งลําดับตามความสําคัญ 2.3.4 กําหนดขอบเขตของกิจกรรมการกาํ หนดขอบเขตของกจิ กรรมมีแนวทางการปฏบิ ัติ ดังน้ี 1) สํารวจงบประมาณทีใ่ ช้ 2) กาํ หนดเวลาท่ีใช้ 3) กําหนดส่ิงท่ีอาจส่งผลกระทบต่อการดําเนินการหรือสิ่งที่ทําให้การดําเนินการ คลาดเคลอ่ื น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 461
Pages: