แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 4) ศกึ ษาเอกสารทเี่ กีย่ วข้องกับกิจกรรม 3. ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ัญหา เป็นการประยกุ ต์ใช้ขอ้ มูลและแนวคิดทเ่ี กยี่ วขอ้ งเพอื่ การออกแบบชนิ้ งาน 3.1 คํานึงถึงทรัพยากรและข้อจํากัดที่มีว่ามีอะไรบ้าง เช่น วัสดุ อุปกรณ์ งบประมาณ และ ระยะเวลา 3.2 ถ่ายทอดความคิดเป็นภาพร่างโดยใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีท่ี ค้นควา้ ได้ 4. วางแผนและดําเนินการแก้ปัญหา เป็นการกําหนดลําดับขั้นตอนย่อยของการสร้างช้ินงานหรือ วธิ กี าร แล้วลงมอื ปฏิบัติเพอื่ สร้างชิน้ งานหรือพฒั นาวธิ ีการขัน้ ตอน 4.1 เขยี นลาํ ดับขน้ั ตอนย่อยของการทํางานเพ่ือให้สรา้ งช้ินงานได้ตรงตามท่ีออกแบบไว้ 4.2 นําเสนอการออกแบบ 4.3 แบง่ หน้าท่ีการทํางานในกลุม่ แลว้ ลงมือสรา้ งช้นิ งานตามท่ไี ดว้ างแผนไว้ 5. ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการหรือชิ้นงาน เป็นการทดสอบและประเมินผลชิ้นงาน หรือวธิ กี าร โดยผลทไ่ี ด้สามารถนาํ มาปรับปรุงและพัฒนาการแกป้ ญั หาไดอ้ ย่างเหมาะสมทีส่ ดุ 5.1 ทดสอบ ทดสอบชน้ิ งานที่ไดว้ า่ สอดคล้องตามที่ออกแบบไวห้ รือไม่ 5.2 ประเมินผล ตรวจสอบชิน้ งานว่ามขี ้อบกพร่องอยา่ งไร 5.3 ปรบั ปรุง แก้ไขชนิ้ งานจนกระทั่งได้ช้นิ งานตรงตามความต้องการ 6. นําเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหา หรือช้ินงาน เป็นการนําเสนอแนวคิดและข้ันตอนการ แก้ปัญหาของการสร้างชิ้นงานการพัฒนาวธิ ีการใหผ้ ู้อน่ื เขา้ ใจ รวมท้งั ขอ้ เสนอแนะเพ่ือให้เกิดการพัฒนาต่อไปใน อนาคต ซึ่งมหี ลายวธิ ี เชน่ พูด จดั ปาู ยนเิ ทศ ทําสมุดภาพ และการสาธติ (2) ครูนําอภิปรายกับนักเรียนเกี่ยวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมสะเต็มศึกษา เพื่อให้ นักเรียนได้ขอ้ สรุปรว่ มกันว่า เม่ือนักเรียนได้เรียนรู้ทฤษฎีและกฎต่างๆ ผ่านการปฏิบัติกิจกรรมสะเต็มศึกษาจะ ทําใหร้ แู้ ละเขา้ ใจถงึ ศาสตรท์ ้งั 4 สาขามากยงิ่ ขึน้ รวมถึงได้พัฒนาความสามารถในดา้ นต่างๆ ดังนี้ 1. ความสามารถในการแก้ปัญหา คือ สามารถกําหนดปัญหา ออกแบบ ค้นคว้า รวบรวมข้อมูล และใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการคํานวณทางคณิตศาสตร์ช่วยในการแก้ปัญหาและค้นหาคําตอบได้ ด้วยตนเอง 2. ความเปน็ ผูม้ คี วามคดิ สร้างสรรค์ คอื สามารถสร้างสรรค์โดยใช้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ เทคโนโลยีเปน็ หลักในการออกแบบระบบทางวศิ วกรรมได้ 3. ความสามารถในการประดิษฐ์ คือ สามารถออกแบบการทดลองและออกแบบซํ้าโดยการนํา ความรทู้ งั้ 4 สาขามาใชอ้ อกแบบเพอื่ นําไปสกู่ ารนาํ ไปใชไ้ ดจ้ รงิ 4. ความเชื่อมั่นในตนเอง คือ สามารถกระตุ้นตนเองเพื่อพัฒนาความรู้ ทําให้เกิดความเชื่อม่ันใน ตนเองในการทาํ งาน 5. ความคิดอย่างมีเหตุผล คือ สามารถเข้าใจเหตุและผลผ่านการฝึกทํากิจกรรมและออกแบบ ส่ิงประดิษฐ์ตา่ งๆ 6. ความรทู้ างเทคโนโลยี คอื สามารถนาํ ความรูท้ างเทคโนโลยไี ปประยุกตใ์ ชไ้ ด้อยา่ งเหมาะสม (3) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์และ ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากกจิ กรรมสะเต็มศกึ ษา โดยดําเนนิ การตามขัน้ ตอนดงั นี้
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อกระบวนการออกแบบส่ิงประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) และประโยชน์ที่ได้รับจากกิจกรรมสะเต็มศึกษา เป็นหัวข้อย่อย เช่น สะ เต็มศกึ ษา กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม และประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จากกิจกรรมสะเต็มศึกษา ให้สมาชิกแต่ละ กลมุ่ ชว่ ยกนั สืบค้นตามหวั ขอ้ ท่กี ําหนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อท่ีกลุ่มของตนเองรับผิดชอบ โดยการสืบค้น จากหนังสอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรบั เยาวชน และอินเทอร์เนต็ – สมาชิกกลมุ่ นาํ ขอ้ มูลทีส่ ืบค้นไดม้ ารายงานใหเ้ พ่ือนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชิกทกุ คนมีความร้คู วามเขา้ ใจท่ตี รงกัน – สมาชิกกลมุ่ ชว่ ยกนั สรุปความรู้ท่ีได้ทง้ั หมดเป็นผลงานของกลุม่ (4) ครคู อยแนะนําชว่ ยเหลอื นักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรยี นทุกคนซักถามเม่อื มีปัญหา 3) ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหน้าหอ้ งเรยี น (2) นักเรยี นและครูรว่ มกันอภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคาํ ถามต่อไปนี้ – คําว่าสะเต็มเกดิ จากการนําความรู้สาขาใดมาเรียนรู้ร่วมกัน (แนวคําตอบ คําว่าสะเต็มเกิดจาก การนําความรู้ 4 สาขา คือ S: Science หมายถึง วิทยาศาสตร์ T: Technology หมายถึง เทคโนโลยี E: Engineering หมายถึง วศิ วกรรมศาสตร์ และ M: Mathematics หมายถงึ คณิตศาสตร์ มาเรยี นรู้ร่วมกนั ) – ประโยชน์ท่ีได้รับจากกิจกรรมสะเต็มศึกษามีอะไรบ้าง (แนวคําตอบ ได้พัฒนาความสามารถ ด้านต่างๆ มากมาย เช่น 1. การแก้ปัญหา 2. ความคิดสร้างสรรค์ 3. การประดิษฐ์ 4. ความเชื่อม่ันตนเอง 5. การคิดอย่างมีเหตผุ ล และ 6. ความรทู้ างเทคโนโลย)ี – กระบวนการออกแบบส่ิงประดิษฐ์ประกอบด้วยข้ันตอนกี่ข้ันตอน อะไรบ้าง (แนวคําตอบ ประกอบดว้ ย 6 ขนั้ ตอน คอื 1. กาํ หนดปญั หา 2. รวบรวมข้อมูลและแนวคิดทีเ่ ก่ยี วข้องกบั ปัญหา 3. ออกแบบ วิธีการแก้ปัญหา 4. วางแผนและดําเนินการแก้ปัญหา 5. ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการหรือ ชิ้นงาน และ 6. นําเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแกป้ ัญหา หรือช้นิ งาน) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สะเต็มศึกษา หมายถงึ การเรยี นร้ทู ่ใี ชค้ วามร้ทู างวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี มาแกป้ ญั หาโดยผ่านกระบวนการ ออกแบบสิ่งประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) เพื่อสร้างช้ินงานที่สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ และการปฏิบตั ิกจิ กรรมสะเต็มศกึ ษาทําใหไ้ ด้พัฒนาความสามารถดา้ นต่างๆ ไดแ้ ก่ 1. การแกป้ ัญหา 2. ความคิด สรา้ งสรรค์ 3. การประดษิ ฐ์ 4. เช่อื มั่นตนเอง 5. คิดอย่างมเี หตุผล และ 6. ความรทู้ างเทคโนโลยี 4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเพ่ิมเติมและนําตัวอย่างการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ที่แก้ไขปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจําวัน มาให้นกั เรยี นศึกษา (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 3 – 5 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนในกระบวนการออกแบบ สิ่งประดิษฐ์ โดยแบ่งหัวข้อย่อย เช่น การกําหนดปัญหา การรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา การออกแบบวิธีการแก้ปัญหา การวางแผนและดําเนินการแก้ปัญหา การทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุง แกไ้ ขวธิ ีการหรือชิ้นงาน และการนําเสนอวิธีการแกป้ ัญหา ผลการแกป้ ัญหา หรือชิ้นงาน แล้วนําข้อมูลที่ค้นคว้า ได้มาจัดทาํ เป็นรายงานและนําเสนอหนา้ ห้องเรียนให้เพื่อนๆ ไดท้ ราบเพอ่ื แลกเปล่ียนเรยี นร้กู ัน
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรมกลุม่ วา่ มปี ญั หาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับประโยชน์ทีไ่ ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคําถามนกั เรยี น เช่น – กิจกรรมสะเต็มศกึ ษาสามารถนํามาแก้ปัญหาในชวี ิตประจําวันไดห้ รือไม่ อยา่ งไร – ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ ับจากกิจกรรมสะเตม็ ศกึ ษาได้แก่อะไรบา้ ง – กระบวนการออกแบบสง่ิ ประดษิ ฐป์ ระกอบด้วยก่ีขนั้ ตอน อะไรบ้าง – ยกตัวอยา่ งวิธกี ารค้นคว้าและรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรู้ตา่ งๆ – ทรพั ยากรและขอ้ จาํ กดั ในกจิ กรรมสะเต็มศึกษามีอะไรบา้ ง – การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ทาํ ไดด้ ้วยวธิ ใี ด ข้นั สรปุ 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับกิจกรรมสะเต็มศึกษา โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือ ผังมโนทศั น์ 2) ครูมอบหมายให้นักเรยี นไปปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสะเต็มศึกษาตามขั้นตอนต่างๆ ที่ได้เรียนรู้ผ่านมา โดยให้ แต่ละกลุ่มเลือกปัญหาท่ีต้องการแก้ไขอย่างอิสระ แล้วกําหนดปัญหาเพียง 1 เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมบัติทาง กายภาพของวสั ดุ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรบั เยาวชน และอนิ เทอรเ์ น็ต 2. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 3. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 5. หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซกั ถามความร้เู รื่องกจิ กรรมสะ จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ประเมินทักษะกระบวนการ เตม็ ศึกษา ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้แบบ 1. ประเมนิ เจตคติทาง วัดทักษะกระบวนการทาง 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ รายบคุ คลโดย วิทยาศาสตร์ กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น การสงั เกตและใชแ้ บบวดั เจต คติทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย การสงั เกตการทํางานกลมุ่ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต 3. ประเมนิ ทักษะการแกป้ ญั หา และใชแ้ บบวดั เจตคตติ ่อ โดยการสงั เกตการทํางาน วทิ ยาศาสตร์ กล่มุ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ัติกจิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรอื รายกลุ่ม โดยการสังเกตการทาํ งาน กลมุ่ 12. บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นักเรียนจํานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นักเรียนนไ่ี มผ่ า่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นักเรียนมีความรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 เน้นผู้เรยี นเป็นสําคญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยงั ไม่เน้นผ้เู รียนเป็นสําคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี นาํ ไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ ........................................................................................................... ................................................................... ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 63 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง กิจกรรมสะเตม็ ศึกษา (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วันท่ี............เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ้สู อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคํานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้การทํางาน และการ แก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทนั และมีจริยธรรม คณติ ศาสตร์ มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพ้นื ฐานเกีย่ วกับการวัดและคาดคะเนขนาดสิ่งท่ตี ้องการวัดและนําไปใช้ 2. ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี วิทยาศาสตร์ 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนําความร้อน และการนําไฟฟูา ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนําสมบัติเร่ืองความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นําความร้อน และการนําไฟฟูาของวัสดุไปใชใ้ นชีวติ ประจําวันผา่ นกระบวนการออกแบบชนิ้ งาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปล่ียนความคิดกับผอู้ ืน่ โดยการอภิปรายเก่ียวกับสมบัตทิ างกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. ใช้อินเทอรเ์ น็ตหาความรแู้ ละประเมินความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมูล (ว 4.2 ป. 4/3) 4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของผู้อ่ืนแจ้ง ผู้เก่ียวขอ้ งเมือ่ พบขอ้ มลู หรอื บุคคลท่ีไมเ่ หมาะสม (ว 4.2 ป. 4/5) คณติ ศาสตร์ เลอื กใชเ้ คร่ืองวดั ความยาวทีเ่ หมาะสมวดั และบอกความยาวของสง่ิ ต่าง ๆ เปน็ เซนติเมตรและมลิ ลเิ มตร เมตรและเซนตเิ มตร (ค 2.1 ป. 3/3) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. เปรยี บเทียบ ทดลอง และระบุสมบัตทิ างกายภาพของวัสดุได้ (K) 2. ออกแบบและสรา้ งชนิ้ งานจากวัสดตุ ่างๆ ได้อยา่ งเหมาะสม (K) 3. มคี วามสนใจใฝรุ หู้ รืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 4. ทํางานรว่ มกบั ผอู้ ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สอื่ สารและนําความรเู้ รื่องกิจกรรมสะเต็มศึกษาไปใชใ้ นชีวติ ประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ วัสดุแตล่ ะชนดิ มสี มบตั เิ ฉพาะตัวทีแ่ ตกตา่ งกัน สมบตั ทิ างกายภาพของวสั ดุ ได้แก่ สภาพยืดหย่นุ ความ แขง็ ความเหนียว การนาํ ความรอ้ น และการนาํ ไฟฟาู 5. สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมสะเต็มศึกษา (STEM) • วิทยาศาสตร์ 1. วสั ดุแต่ละชนิดมสี มบัติทางกายภาพแตกตา่ งกัน วัสดุทีม่ ีความแข็งจะทนต่อแรงขูดขีด วัสดุที่มีสภาพ ยืดหยุ่นจะเปล่ียนแปลงรูปร่างเม่ือมีแรงมากระทําและกลับสภาพเดิมได้ วัสดุที่นําความร้อนจะร้อนได้เร็วเม่ือ ได้รับความร้อน และวัสดุที่นําไฟฟูาได้จะให้กระแสไฟฟูาไหลผ่านได้ ดังนั้นจึงอาจนําสมบัติต่างๆ มาพิจารณา เพอ่ื ใช้ในกระบวนการออกแบบชิ้นงานเพ่ือใช้ประโยชน์ในชวี ติ ประจาํ วนั
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. การใช้คําค้นที่ตรงประเด็น กระชับ จะทําให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและตรงตามความต้องการ การ ประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล เช่น พิจารณาประเภทของเว็บไซต์ (หน่วยงานราชการสํานักข่าว องค์กร) ผู้เขยี น วันที่เผยแพร่ข้อมลู การอ้างองิ เมอ่ื ได้ข้อมลู ท่ตี อ้ งการจากเวบ็ ไซต์ตา่ งๆ จะตอ้ งนําเน้ือหามาพจิ ารณา เปรียบเทียบ แล้วเลือกข้อมูลท่ีมี ความสอดคลอ้ งและสมั พันธก์ ัน การทํารายงานหรือการนําเสนอข้อมูลจะต้องนาํ ขอ้ มูลมาเรียบเรียง สรุปเป็นภาษาของตนเองท่ี เหมาะสมกบั กล่มุ เปาู หมายและวิธีการนําเสนอ (บรู ณาการกับวชิ าภาษาไทย) 3. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของผู้อ่ืน เช่น ไมส่ รา้ งข้อความเท็จและส่งให้ผู้อื่น ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่นโดยการส่งสแปม ข้อความลูกโซ่ ส่งต่อ โพสต์ทมี่ ขี อ้ มลู สว่ นตวั ของผอู้ นื่ ส่งคําเชิญเลน่ เกม ไม่เข้าถึงข้อมลู สว่ นตัวหรอื การบา้ นของบุคคลอ่ืนโดยไม่ได้รับ อนุญาต ไมใ่ ชเ้ ครอื่ งคอมพิวเตอร/์ ชื่อบญั ชีของผู้อนื่ การสอ่ื สารอย่างมีมารยาทและรูก้ าลเทศะ การปกปูองข้อมูลส่วนตัว เช่น การออกจากระบบเม่ือเลิกใช้งาน ไมบ่ อกรหสั ผ่าน ไม่บอกเลขประจาํ ตวั ประชาชน กิจกรรมสะเต็มศึกษา (STEM) • คณติ ศาสตร์ ความยาว การวัดความยาวเปน็ เซนติเมตรและมลิ ลเิ มตร เมตรและเซนตเิ มตร กโิ ลเมตรและเมตร การเลือกเครอ่ื งวัดความยาวที่เหมาะสม 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. มุง่ ม่ันในการทาํ งาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดําเนินชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน โคมเทยี นบงั ลม 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 1) ครูสนทนารว่ มกับนักเรียนเกย่ี วกบั ประสบการณเ์ ดมิ โดยใชค้ ําถามกระตนุ้ ดังนี้ – นกั เรยี นเคยไปเวยี นเทียนทว่ี ดั หรอื ไม่ (แนวคําตอบ เคย) – เมื่อนักเรียนเดินเวียนเทียนรอบโบสถ์โดยจุดไฟให้เกิดเปลวเทียนจะพบปัญหาใด (แนวคําตอบ ลมพัดทาํ ให้เปลวเทยี นดับและนํา้ ตาเทียนหยดลงพ้ืน) – ถ้าให้นักเรียนเลือกแก้ไขปัญหาน้ี นักเรียนจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการใด (แนวคําตอบ ทํา สิ่งประดษิ ฐ์ที่สามารถบงั ลมไมใ่ หเ้ ปลวเทยี นดับและสามารถปูองกนั หยดนาํ้ ตาเทยี นหยดลงพ้ืน) 2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายคําตอบเกี่ยวกับคําถาม เพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า สิ่งประดิษฐ์ที่สามารถ บงั ลมไมใ่ ห้เปลวเทียนดบั และสามารถปอู งกันหยดนํ้าตาเทยี นหยดลงพื้นคืออะไร ขั้นจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (1) ขัน้ กาหนดปญั หา จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการออกแบบส่ิงประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) ซ่งึ มีข้นั ตอนดังน้ี (1) ครนู ําเข้าส่กู ารกาํ หนดปัญหา โดยใช้คําถามกระตนุ้ ดงั นี้ – ถ้านกั เรยี นไม่ต้องการให้เปลวเทยี นดบั และนํ้าตาเทยี นหยดลงพืน้ ขณะเดินเวียนเทียนรอบโบสถ์ นกั เรียนจะมีวิธีแกไ้ ขปัญหานอ้ี ยา่ งไร (2) นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกบั คาํ ตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น (3) ครูให้นกั เรยี นอ่านเรอ่ื งตัวอย่างจากหนังสอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 โคมเทียนบงั ลม
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (4) ครนู าํ อภปิ รายกบั นักเรียนตอ่ โดยใชค้ าํ ถามกระตุ้นดังน้ี – จากสถานการณ์ตัวอย่าง ถ้านักเรียนต้องการเวียนเทียนแต่ไม่อยากให้เปลวเทียนดับ และ นาํ้ ตาเทยี นไมห่ ยดลงบนพื้น นกั เรียนจะแกป้ ัญหาน้อี ย่างไร (แนวคําตอบ ทาํ โคมเทยี นบังลมจากวัสดุต่างๆ) – ถ้านักเรียนต้องการทําโคมเทียนบังลมจากวัสดุต่างๆ โดยให้นักเรียนเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ นกั เรียนคิดวา่ จะนาํ วัสดเุ หล่านม้ี าทําโคมเทียนบงั ลมได้หรอื ไม่ ลกั ษณะใด (5) นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายเกี่ยวกับคําตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณข์ องนักเรยี น (2) ขั้นรวบรวมข้อมลู และแนวคิดที่เกยี่ วขอ้ งกับปัญหา (1) ครูทบทวนความรูเ้ ดมิ เรอื่ ง สมบัติทางกายภาพของวัสดุ โดยครูให้นักเรียนสังเกตตัวอย่างวัสดุซ่ึงครู ได้จดั เตรียมและวางไว้คละกนั หนา้ ช้ันเรยี น แลว้ ให้นกั เรียนชว่ ยกนั ระบแุ ละจาํ แนกวสั ดุเหล่านี้ โดยครูใช้คําถาม ดงั น้ี – วัสดุแต่ละชิ้นทํามาจากอะไร มีสมบัติทางกายภาพอย่างไร (แนวคําตอบ ไม้ พลาสติก โลหะ และกระดาษ ซึง่ ไม้ พลาสติก และกระดาษ เปน็ ฉนวนความร้อน ส่วนโลหะเป็นตัวนําความร้อน) – วสั ดชุ นิดใดไมส่ ามารถนาํ ความรอ้ น (แนวคาํ ตอบ ไม้ พลาสติก และกระดาษ) (2) ครทู บทวนสถานการณ์ตัวอย่างทใี่ หน้ กั เรยี นแกป้ ัญหาอีกครง้ั แล้วถามคําถามดงั นี้
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – จากสถานการณ์ตัวอย่าง นักเรียนจะนําความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่องสมบัติทางกายภาพของ วสั ดมุ าใช้ในการแก้ปัญหานไี้ ด้หรอื ไม่ ลักษณะใด – มคี วามรู้ด้านใดอกี หรือไม่ทต่ี อ้ งใชใ้ นการแกป้ ัญหาน้ี (3) นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกับคาํ ตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน (4) ครูให้นักเรียนร่วมกันค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลความรู้เก่ียวกับวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ เทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้องกับการทําโคมเทียนบังลมจากแหล่งข้อมูลต่างๆ โดยครูแนะนําวิธีรวบรวมข้อมูลจาก แหล่งข้อมลู ตา่ งๆ ให้นกั เรยี นทราบ เช่น การสาํ รวจข้อมลู จากแหลง่ ข้อมูลที่บา้ น หรือโรงเรียน การสืบค้นข้อมูล ทางอินเทอร์เน็ตหรือห้องสมุด การสอบถามจากผู้ปกครอง เพ่ือน หรือผูร้ ู้ (5) ครูนําอภิปรายร่วมกับนักเรียนเก่ียวกับความรู้ท่ีเก่ียวข้องกับวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) ท่ีค้นคว้าได้และนํามาใช้ในการ แกป้ ัญหานเ้ี พ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ สรุปร่วมกัน ดังน้ี S: วิทยาศาสตร์ T: เทคโนโลยี เทียนไขเป็นของแข็ง เมื่อจุดไฟ เทียนไขจะ โคมเทียนบังลมเป็นส่ิงประดิษฐ์ใหม่ที่ช่วยกันลม หลอมเหลวเป็นหยด เรยี กว่า นํา้ ตาเทียน ไมใ่ ห้เทียนดับได้ ลมทําให้เปลวเทียนไขดับได้ เมื่อมีวัสดุมาก้ันการ กรรไกรเป็นเครื่องกลท่ีช่วยผ่อนแรง ทําให้เราตัด เคลื่อนทีข่ องลม เปลวเทียนจะไมด่ ับ วสั ดเุ ป็นรปู ร่างตามตอ้ งการได้ พลาสติกเป็นวัสดุที่ไม่นําความร้อน แข็ง และ ปืนกาวใช้ในการติดวัสดุที่น้ําหนักเบาเข้าด้วยกัน หลอมเหลวเม่ือไดร้ บั ความรอ้ นสูง โดยใหค้ วามรอ้ นกับกาวแท่งดว้ ยกระแสไฟฟูา โลหะเป็นวัสดุทีแ่ ข็งและนําความรอ้ น กระดาษเป็นวัสดุท่ีไม่นําความร้อนติดไฟง่าย และ ไม่แขง็ แรง E: วิศวกรรมศาสตร์ M: คณิตศาสตร์ การออกแบบ สร้าง ทดสอบ และปรับปรุงโคม การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางของเทียนไขเพ่ือกําหนด เทียนบังลม ขนาดของโคมเทียนบังลม การวัดความสูงของเทียนเพื่อกําหนดความสูงของ ส่วนบงั ลมของโคมเทยี นบงั ลม เทียบอัตราส่วนที่เหมาะสมของความสูงของส่วน บงั ลมกับสว่ นแกนทใ่ี ช้ถือโคมเทียนบังลม
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (6) ครนู าํ อภปิ รายเกย่ี วกับวิธีทําโคมเทยี นบงั ลมจากขอ้ มูลที่นกั เรยี นค้นควา้ ได้ โดยถามคําถามดงั น้ี – จากข้อมูลท่ีนักเรียนค้นคว้าได้ นักเรียนพบวิธีทําโคมเทียนบังลมวิธีใดบ้าง (แนวคําตอบ การ ประดษิ ฐ์โคมเทยี นบงั ลม) – นักเรียนเลือกวิธีน้ีเพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะการประดิษฐ์โคมเทียนบังลม ช่วยบังลม ไม่ให้เปลวเทยี นดับและปอู งกันหยดนาํ้ ตาเทยี นหยดลงบนพ้นื ได้) – การทําโคมเทียนบังลมมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร (แนวคําตอบ ข้อดี ช่วยบังลมไม่ให้เปลวเทียน ดับและปอู งกนั หยดนา้ํ ตาเทียนหยดลงพืน้ ข้อเสีย โคมเทียนบังลมอาจไม่สามารถปูองกันไม่ให้เปลวเทียนดับได้ เน่อื งจากแรงลมท่ีไม่คงท่ี) – การใช้พลาสติกทําโคมเทียนบังลมมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร (แนวคําตอบ ข้อดี พลาสติกเป็น วัสดุท่หี าได้งา่ ย แขง็ และไม่นาํ ความร้อน ขอ้ เสีย พลาสติกอาจเกิดการหลอมเหลวเมอ่ื ไดร้ ับความร้อนสงู ) (7) ครูและนักเรียนสรุปร่วมกันเก่ียวกับวัสดุท่ีใช้ทําโคมเทียนบังลม โดยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วสั ดุแตล่ ะชนดิ มีข้อดี ข้อเสยี แตกตา่ งกัน เพอื่ ใหน้ ักเรยี นได้ข้อสรปุ ดงั นี้ ส่งิ ประดิษฐ์ ทางเลือก ขอ้ ดี ข้อเสยี ทําจากพลาสติก – หาวสั ดงุ ่าย – หลอมเหลวเมอื่ ได้รบั ทําจากโลหะ – แขง็ ความรอ้ นสงู ทาํ จากกระดาษ – ไมน่ าํ ความร้อน – ตัดยาก โคมเทยี นบังลม – แขง็ – เมือ่ ตดั แล้วจะมีคม – อาจบาดมอื ได้ – นําความรอ้ น – มสี ีสัน – ตัดเปน็ รูปรา่ งต่างๆ ได้ – ตดิ ไฟงา่ ย งา่ ย – ไม่แขง็ แรง – ไม่นําความรอ้ น (3) ข้ันออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หา (1) ครูทบทวนสถานการณ์ตวั อยา่ งทใ่ี หน้ ักเรียนแกป้ ัญหาอีกครงั้ โดยใชค้ ําถามกระตุน้ ดงั นี้ – ถา้ นักเรยี นตอ้ งการประดิษฐ์โคมเทียนบังลมเพื่อแก้ปัญหาน้ี นักเรียนจะออกแบบและประดิษฐ์ โคมเทียนบังลมอยา่ งไรจากวสั ดุ อุปกรณท์ ี่นักเรียนเตรียมมา (2) แต่ละกลมุ่ ร่วมกันออกแบบโคมเทียนบงั ลมจากวสั ดุ อุปกรณท์ ่นี กั เรียนเตรยี มมา โดยเขียนเป็นภาพ ร่างของชิน้ งานตามความคดิ เหน็ ของแตล่ ะกลุ่ม (3) นกั เรียนออกแบบชิน้ งานลงในใบกจิ กรรมสะเต็มศึกษาเร่ือง โคมเทยี นบงั ลม (4) ข้ันวางแผนและดาเนนิ การแกป้ ัญหา (1) ครูให้นักเรียนศึกษาลําดับขั้นตอนในการสร้างช้ินงานในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 (2) นักเรียนลงมือสรา้ งช้ินงานตามลาํ ดับขั้นตอนการทาํ งานโดยมีครูคอยแนะนาํ ช่วยเหลือ (5) ข้นั ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรับปรุงแกไ้ ขวธิ ีการหรอื ช้ินงาน
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (1) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทดสอบชิ้นงาน โดยครูตั้งคําถามเพ่ือช่วยนักเรียนแต่ละกลุ่มในการ ตรวจสอบ ดังนี้ – ถ้านําเทียนไขติดในโคมเทียนบังลม จากนั้นแกว่งโคมเทียนบังลมไปมา นักเรียนคิดว่าจะพบ ปญั หาหรือไม่ – เมื่อจุดไฟเทียนไขแล้วนําโคมเทียนบังลมไปถือหน้าพัดลมห่าง 1 ฟุต นักเรียนคิดว่าเปลวเทียน จะดับหรอื ไม่ (2) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนําช้ินงานไปทดสอบ หากพบข้อบกพร่องให้แต่ละกลุ่มปรับปรุงแก้ไข และตกแตง่ ช้นิ งานให้เรยี บร้อยและสวยงาม (6) ขนั้ นาเสนอวิธกี ารแก้ปญั หา ผลการแกป้ ญั หา หรือชิ้นงาน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนําเสนอผลงานของกลุ่มตนเองว่าได้ผลลัพธ์เป็นอย่างไร และมีการ ปรับปรุงแก้ไขใหด้ ีขน้ึ อยา่ งไร (2) ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายในประเด็นต่างๆ โดยใชแ้ นวคําถามตอ่ ไปนี้ – ชิน้ งานที่นกั เรียนออกแบบใช้วสั ดอุ ะไร เพราะเหตใุ ดจงึ ใช้วสั ดุเหลา่ นี้ – นกั เรยี นสามารถสรา้ งช้นิ งานได้ตามทอี่ อกแบบไว้หรอื ไม่ อยา่ งไร – นกั เรียนทดสอบช้ินงานดว้ ยวธิ ใี ด – หลงั จากทดสอบช้ินงานแล้วมีการปรับปรุงแก้ไขอีกหรือไม่ ถ้ามี นักเรียนปรับปรุงแก้ไขอย่างไร – นักเรยี นรสู้ กึ อย่างไรกบั การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมคร้ังน้ี ขนั้ สรุป 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยให้แต่ละกลุ่มอภิปรายว่าได้เรียนรู้อะไร เก่ียวกับความร้ทู างวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี 2) ครมู อบหมายให้นักเรียนไปปฏิบัติกิจกรรมสะเต็มศึกษาตามข้นั ตอนท่ีได้เรียนรู้ผ่านมา โดยให้ แต่ละ กลุ่มเลือกปัญหาท่ีต้องการแก้ไขอย่างอิสระ แล้วกําหนดเป็นปัญหาเพียง 1 เรื่องท่ีเก่ียวข้องกับสมบัติทาง กายภาพของวสั ดุ หมายเหตุ ใช้เวลาในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ้ังหมด 4 ชว่ั โมง – ข้ันท่ี 1 – 2 ใช้เวลา 1 ชั่วโมง (เริ่มตั้งแต่ขั้นกําหนดปัญหาและขั้นรวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่ี เก่ียวขอ้ งกับปัญหา) – ข้ันท่ี 3 – 6 ใช้เวลา 3 ช่ัวโมง (เริ่มตั้งแต่ขั้นออกแบบวิธีการแก้ปัญหา ข้ันวางแผนและ ดําเนินการแก้ปัญหา ข้ันทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการหรือช้ินงาน และข้ันนําเสนอวิธีกา ร แก้ปญั หา ผลการแกป้ ญั หา หรอื ช้ินงาน โดยครสู ามารถจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้นอกเวลาเรยี นได)้ 10. สอ่ื การเรยี นรู้ 1. ใบกจิ กรรมสะเตม็ ศึกษาเรือ่ ง โคมเทียนบังลม 2. อนิ เทอรเ์ นต็ 3. ค่มู อื การสอน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สือ่ การเรียนรู้ PowerPoint วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 5. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 6. หนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เร่ืองสมบตั ิของ วัสดุ 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการทํางาน 2. ตรวจช้นิ งานหรอื ภาระงานของ เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกตและ โดยใช้แบบประเมินทักษะ กิจกรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรียน ใชแ้ บบวัดเจตคตทิ าง การทํางานกจิ กรรมสะเต็ม วทิ ยาศาสตร์ ศึกษา 2. ประเมินเจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม ใชแ้ บบวดั เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 3. ประเมินทักษะการแก้ปัญหา โดยการสังเกตการทาํ งาน กลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ัติกิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรือรายกลุ่ม โดยการสงั เกตการทาํ งาน กลมุ่ 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. 12.1 สรุปผลหลังการจดั การเรียนรู้ คดิ เปน็ ร้อยละ.................. 1. นกั เรยี นจาํ นวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน ไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .................คน
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 นักเรียนนไี่ ม่ผา่ น มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมีความรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................ .......................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผเู้ รียนเป็นสําคญั มาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ยังไมเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่ นาํ ไปใช้ได้จริง ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ .................................................................................................................................................... .......................... ......................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 64 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรื่อง การนําไฟฟูา (1) เวลา 1 ชั่วโมง วันท่ี............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กบั โครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี 2. ตัวชี้วัดชน้ั ปี 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนําความร้อน และการนําไฟฟูา ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนําสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นําความร้อน และการนาํ ไฟฟาู ของวสั ดุไปใชใ้ นชีวติ ประจําวนั ผา่ นกระบวนการออกแบบชิ้นงาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปลีย่ นความคิดกับผู้อืน่ โดยการอภปิ รายเกยี่ วกบั สมบตั ิทางกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อภปิ รายและเปรยี บเทียบสมบตั ขิ องวสั ดุด้านการนาํ ไฟฟูาได้ (K) 2. ระบวุ ัสดทุ ่เี ป็นตวั นําไฟฟูาและฉนวนไฟฟูาได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝุรู้หรืออยากรู้อยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรู้ทเี่ กี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 5. การทํางานรว่ มกับผ้อู น่ื อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. สือ่ สารและนาํ ความรู้เรื่องสมบัตขิ องวสั ดดุ า้ นการนาํ ไฟฟูาไปใชใ้ นชวี ิตประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคัญ วสั ดทุ ่ยี อมให้กระแสไฟฟูาไหลผ่านไดด้ ี เรียกว่า ตัวนาํ ไฟฟูา ส่วนวัสดุทกี่ ระแสไฟฟาู ไม่สามารถไหล ผ่านได้หรอื ผา่ นได้ไมด่ ี เรียกว่า ฉนวนไฟฟูา 5. สาระการเรียนรู้ สมบัติของวสั ดุ – การนาํ ไฟฟูา 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 1. มวี นิ ัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มุง่ มัน่ ในการทํางาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน สืบค้นข้อมูลเกยี่ วกบั การนําไฟฟาู ของวสั ดุ 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครทู บทวนความรู้เดมิ เก่ยี วกบั สมบัตขิ องวสั ดุ โดยใชค้ าํ ถามดังน้ี – สมบัติของวัสดุมีอะไรบ้าง (แนวคําตอบ สภาพยืดหยุ่น ความแข็ง ความเหนียว และการนํา ความรอ้ น) – นอกจากสมบตั ิของวสั ดุดังกล่าว ยังมีสมบัติของวัสดุดา้ นอ่ืนอกี หรือไม่ ดา้ นใด (แนวคําตอบ มี ด้านการนําไฟฟาู ) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับคําตอบของคําถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรยี นรู้เรือ่ ง การนําไฟฟูา ขน้ั จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึง่ มขี ้ันตอนดงั นี้ (1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (1) ครูถามคําถามนักเรยี นเพื่อกระตุน้ ความสนใจ เชน่ – นกั เรียนรู้จักวสั ดทุ ี่นําไฟฟูาไดห้ รือไม่ (แนวคําตอบ รจู้ ัก) – วัสดชุ นดิ ใดทส่ี ามารถนาํ ไฟฟาู ได้ (แนวคาํ ตอบ เหล็ก สเตนเลส และอะลูมเิ นียม) (2) นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกบั คําตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณข์ องนักเรยี น (2) ข้ันสารวจและคน้ หา (1) ให้นักเรียนศึกษาเร่ืองสมบัติของวัสดุด้านการนําไฟฟูาจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครู ช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุที่ยอมให้กระแสไฟฟูาไหลผ่านได้ดี เรียกว่า ตัวนําไฟฟูา ส่วนวัสดุที่ กระแสไฟฟูาไมส่ ามารถไหลผ่านไดห้ รือผา่ นได้ไม่ดี เรยี กว่า ฉนวนไฟฟูา (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการนําไฟฟูาของวัสดุ โดยดําเนินการ ตามขั้นตอนดังน้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อการนําไฟฟูาของวัสดุเป็นหัวข้อย่อย เช่น วัสดุท่ีเปน็ ตวั นาํ ไฟฟูา วสั ดุที่เป็นฉนวนไฟฟาู ใหส้ มาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกนั สืบคน้ ตามหวั ขอ้ ที่กาํ หนด
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันสบื คน้ ข้อมลู ตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรบั เยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ – สมาชิกกลุ่มนาํ ข้อมูลทส่ี บื ค้นได้มารายงานใหเ้ พ่ือนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทุกคนมีความรคู้ วามเขา้ ใจท่ตี รงกัน – สมาชิกกล่มุ ชว่ ยกันสรุปความรู้ทไ่ี ด้ท้งั หมดเป็นผลงานของกล่มุ (3) ครคู อยแนะนาํ ช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรียนทกุ คนซกั ถามเมือ่ มปี ญั หา (3) ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถามตอ่ ไปนี้ – วัสดุทเ่ี ปน็ ตัวนาํ ไฟฟูาไดแ้ ก่อะไรบา้ ง (แนวคาํ ตอบ เหล็ก อะลูมิเนยี ม ทองแดง และไสด้ ินสอ) – วัสดุทเ่ี ป็นฉนวนไฟฟูาไดแ้ ก่อะไรบ้าง (แนวคําตอบ แกว้ ไม้ ยาง และพลาสติก) (3) ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่าวัสดุแต่ละชนิดมี ความสามารถในการนําไฟฟูาแตกตา่ งกนั (4) ข้นั ขยายความรู้ ครใู ห้นักเรียนสบื คน้ ข้อมลู เกย่ี วกบั การปูองกนั อันตรายจากไฟฟูาดูด จากหนังสือ วารสาร วิทยาศาสตร์ หรือเวบ็ ไซต์ แล้วจดั ปาู ยนิเทศเพ่อื เผยแพร่ความรู้ (5) ขั้นประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรอื ยังมีขอ้ สงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรอื อุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคําถามนกั เรยี น เช่น – วสั ดทุ ่ียอมใหก้ ระแสไฟฟาู ไหลผ่านไดด้ ีเรียกว่าอะไร – วสั ดทุ ่กี ระแสไฟฟูาไมส่ ามารถไหลผ่านได้หรือผา่ นได้ไมด่ เี รียกว่าอะไร ข้ันสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสมบัติของวัสดุด้านการนําไฟฟูา โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคดิ หรือผังมโนทัศน์ 10. สอ่ื การเรยี นรู้ 1. หนังสอื วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรบั เยาวชน เวบ็ ไซต์ และอนิ เทอร์เนต็ 2. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 3. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 4. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. หนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรูเ้ ร่ือง สมบัตขิ อง วสั ดุด้านการนาํ ไฟฟูา 1. ประเมินเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทาํ งานกลมุ่ กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น ใช้แบบวัดเจตคติทาง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ วิทยาศาสตร์ ปฏิบัตกิ จิ กรรมเป็น 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทาํ งานกล่มุ ใชแ้ บบวัดเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ 12. บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจํานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนี่ไมผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นกั เรยี นมคี วามรู้เกิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................ .......................................................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. .........................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผูเ้ รยี นเปน็ สาํ คัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสําคัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นาํ ไปใชไ้ ดจ้ รงิ ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 65 สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เร่อื ง การนาํ ไฟฟูา (2) เวลา 1 ชวั่ โมง วันท่ี............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสรา้ งและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี 2. ตัวช้ีวัดชัน้ ปี 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนําความร้อน และการนําไฟฟูา ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนําสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นาํ ความรอ้ น และการนาํ ไฟฟูาของวัสดุไปใช้ในชีวิตประจาํ วันผ่านกระบวนการออกแบบชิ้นงาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปลย่ี นความคดิ กบั ผู้อ่นื โดยการอภิปรายเกย่ี วกบั สมบัตทิ างกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อภิปรายและเปรยี บเทียบสมบตั ิของวัสดดุ า้ นการนําไฟฟูาได้ (K) 2. ระบุวัสดทุ ่เี ปน็ ตวั นาํ ไฟฟาู และฉนวนไฟฟูาได้ (K) 3. มีความสนใจใฝรุ หู้ รืออยากรู้อยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ เ่ี กี่ยวกบั วิทยาศาสตร์ (A) 5. การทาํ งานรว่ มกับผอู้ นื่ อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 6. สอ่ื สารและนาํ ความรเู้ รื่องสมบัติของวสั ดดุ า้ นการนาํ ไฟฟูาไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคญั วสั ดุที่ยอมให้กระแสไฟฟาู ไหลผา่ นได้ดี เรียกว่า ตวั นําไฟฟูา สว่ นวัสดุทีก่ ระแสไฟฟาู ไมส่ ามารถไหล ผ่านได้หรือผา่ นได้ไม่ดี เรียกว่า ฉนวนไฟฟูา
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 5. สาระการเรียนรู้ สมบัตขิ องวัสดุ – การนาํ ไฟฟาู 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทาํ งาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดําเนินชีวติ 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน สังเกตสมบัตดิ า้ นการนําไฟฟูาของวสั ดุ 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน 1) ครูชส้ี ายไฟฟาู ที่มอี ย่ใู นหอ้ งเรยี น แล้วถามคาํ ถามนกั เรียน ดังน้ี – สายไฟฟูาทําหน้าที่อะไร (แนวคําตอบ ทําหน้าท่ีส่งพลังงานไฟฟูาจากที่หน่ึงไปยังอีกท่ีหน่ึงโดย กระแสไฟฟูาจะนําพลงั งานไฟฟาู ไหลผา่ นไปตามสายไฟฟูาจนถึงเครอ่ื งใช้ไฟฟูาชนดิ ต่างๆ) – วัสดุอะไรเหมาะสําหรับทํา สายไฟฟูา (แนวคําตอบ วัสดุที่ใช้ทําภายนอกของสายไฟฟูา เช่น ยางและพลาสตกิ ทีท่ นความร้อน วัสดุที่ใช้ทําภายในของสายไฟฟูา เชน่ ทองแดงและอะลมู ิเนียม) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับคําตอบของคําถาม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่ การเรียนรู้เรอื่ ง การนาํ ไฟฟูา ข้ันจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซ่ึงมีขน้ั ตอนดังนี้ (1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (1) ครถู ามคาํ ถามนักเรยี นเพื่อกระตนุ้ ความสนใจ เช่น – การนําไฟฟูาของวสั ดุคอื อะไร (แนวคําตอบ สมบัตทิ ่ีแสดงถึงการยอมใหไ้ ฟฟาู ไหลผ่าน) – วัสดุทีน่ ําไฟฟูาได้มีอะไรบา้ ง (แนวคําตอบ เหลก็ ทองแดง และอะลมู ิเนียม) (2) นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกบั คาํ ตอบจากคําถามของครูตามประสบการณข์ องนกั เรียน (2) ขัน้ สารวจและคน้ หา
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรมท่ี 21 สังเกตสมบัติด้านการนําไฟฟูาของวัสดุ แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กจิ กรรมตามข้ันตอนทไ่ี ด้วางแผนไว้ ดังนี้ – แบง่ กลมุ่ นกั เรยี น กลุ่มละ 5 – 6 คน – แต่ละกลมุ่ ตอ่ หลอดไฟฟูาเข้ากบั ถา่ นไฟฉาย และปล่อยปลายสายไฟฟูาทง้ั 2 ขา้ งไว้ – ลองเอาปลายสายไฟฟูาทงั้ 2 ข้างมาแตะกัน สงั เกตหลอดไฟฟูาว่าเกดิ อะไรขึน้ – นาํ วัสดตุ ่างๆ มาแตะกบั ปลายสายไฟฟาู ทงั้ สองพร้อมๆ กัน สงั เกตความสวา่ งของหลอดไฟฟาู – เหลาดินสอดําท้ัง 2 ข้าง นํามาแตะกับปลายสายไฟฟูาท้ัง 2 ข้างพร้อมกัน แล้วสังเกตหลอด ไฟฟูา การทดสอบการนาไฟฟ้าของวสั ดุ (2) ครคู อยแนะนาํ ช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทุกคนซกั ถามเมอื่ มปี ญั หา (3) ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป (1) นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ส่งตวั แทนกล่มุ นําเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถามต่อไปนี้ – วสั ดุชนิดใดบ้างทีท่ าํ ให้หลอดไฟฟาู สว่าง (แนวคาํ ตอบ ลวด โลหะ และไสด้ นิ สอดํา) – วสั ดุจําพวกโลหะเทา่ นนั้ ที่นาํ ไฟฟาู ใชห่ รือไม่ เพราะอะไร (แนวคําตอบ ไม่ใช่ เพราะไส้ดินสอดํา ไม่ใช่โลหะแต่นําไฟฟูาได้) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุท่ียอมให้ กระแสไฟฟาู ไหลผ่านเป็นพวกโลหะ ส่วนวัสดุท่ีไม่ยอมให้กระแสไฟฟูาไหลผ่านไม่ใช่โลหะจะไม่นําไฟฟูา ยกเว้น ไส้ดนิ สอดําซึง่ สามารถนําไฟฟูาได้ (4) ข้ันขยายความรู้ ครนู าํ สายไฟฟูาท่ีไม่ใช้แล้วมาให้นักเรียนสังเกตดูส่วนประกอบท้ังด้านนอกและด้านในนักเรียนร่วมกัน อภิปรายวา่ ทําไมด้านนอกของสายไฟฟาู จงึ หมุ้ ด้วยพลาสติก ในขณะท่ดี ้านในทาํ ด้วยทองแดง (5) ขั้นประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกันประเมนิ การปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลมุ่ ว่ามีปญั หาหรืออุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการนํา ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคาํ ถามนักเรียน เช่น – สายไฟฟาู ทําจากทองแดงเพราะอะไร – วสั ดุชนดิ ใดท่เี ปน็ ตวั นําไฟฟูาและฉนวนไฟฟูา
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ข้ันสรปุ 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสมบัติของวัสดุด้านการนําไฟฟูา โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรือผังมโนทัศน์ 2) ครูมอบหมายให้นกั เรยี นไปศึกษาค้นควา้ เนือ้ หาของบทเรียนชั่วโมงหน้า เพ่ือจัดการเรียนรู้ครั้งต่อไป โดยให้นักเรยี นศึกษาค้นควา้ ลว่ งหน้าในหัวข้อสมบตั ขิ องของแข็งและของเหลว 3) ครูให้นักเรยี นเตรียมประเดน็ คาํ ถามทีส่ งสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คําถาม เพื่อนํามาอภิปรายร่วมกัน ในชั้นเรยี นครง้ั ตอ่ ไป 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. สายไฟฟาู ทไ่ี มใ่ ช้แลว้ 2. ใบกิจกรรมท่ี 21 สังเกตสมบตั ดิ ้านการนําไฟฟาู ของวัสดุ 3. คมู่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 4. สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 6. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรื่อง สมบัติของ วสั ดดุ า้ นการนําไฟฟาู 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกตและ ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น ใช้แบบวัดเจตคติทาง วัดทกั ษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกตและ การสงั เกตการทาํ งานกล่มุ ใช้แบบวัดเจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ 3. ประเมินทักษะการแก้ปัญหา โดยการสงั เกตการทาํ งาน กลุ่ม 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเป็น
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 รายบคุ คลหรอื รายกลุ่ม โดยการสังเกตการทํางาน กลุ่ม 12. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจาํ นวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นักเรียนนี่ไมผ่ า่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................ ...................... 2. นักเรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................... .................................................. 4. นักเรยี นมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A)
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ท่ีได้รบั มอบหมาย ไดท้ ําการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดังนี้ 1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สาํ คัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไม่เน้นผูเ้ รยี นเปน็ สําคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี นาํ ไปใช้ได้จรงิ ควรปรับปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ .......................................................................................... .................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง............................................
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 66 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื ง สมบตั ขิ องของแข็งและของเหลว (1) เวลา 1 ชวั่ โมง วนั ท่.ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กบั โครงสรา้ งและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี 2. ตวั ชี้วดั ชัน้ ปี เปรียบเทยี บสมบัติของสสารท้ัง 3 สถานะ จากขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการสังเกต มวล การต้องการท่ีอยู่ รูปร่าง และปรมิ าตรของสสาร (ว 2.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. ทดลอง เปรียบเทียบ และอธิบายสมบัติของของแข็งและของเหลวได้ (K) 2. มีความสนใจใฝุรหู้ รืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรู้ที่เกีย่ วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานร่วมกับผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สอื่ สารและนําความรู้เรื่องสมบตั ิของของแข็งและของเหลวไปใช้ในชวี ิตประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคญั สสารทม่ี สี ถานะเปน็ ของแข็งจะมีอนภุ าคของสารอยชู่ ิดกันมาก มีแรงยึดเหนย่ี วระหว่างอนภุ าคมาก จงึ มปี รมิ าตรคงที่และมรี ูปรา่ งที่แน่นอนเฉพาะตวั สว่ นของเหลวจะมีปรมิ าตรคงที่ อนภุ าคภายในอยู่หา่ งกัน รปู รา่ งของของเหลวจงึ เปล่ียนไปตามภาชนะท่บี รรจุได้ 5. สาระการเรยี นรู้ สถานะของสสาร
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 – สมบตั ิของของแข็ง – สมบตั ขิ องของเหลว 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. ม่งุ มน่ั ในการทาํ งาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน สบื ค้นขอ้ มูลเกีย่ วกับสมบัติของของแข็งและของเหลว 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรยี น 1) ครูถามคาํ ถามนักเรยี นเพื่อกระตนุ้ ความสนใจ เชน่ – น้ําเปล่ียนรูปร่างเป็นแบบต่างๆ ได้ เพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะน้ํามีสถานะเป็นของเหลว จงึ เปลี่ยนรปู รา่ งตามภาชนะท่ีบรรจุ) 2) นักเรยี นช่วยกนั ตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั คําตอบของคาํ ถาม เพอื่ เชื่อมโยงไปสู่การ เรียนรเู้ ร่ือง สมบตั ิของของแขง็ และของเหลว ขั้นจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึง่ มขี ั้นตอนดงั น้ี (1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนําเสนอข้อมูลเก่ียวกับสมบัติของของแข็ง และของเหลวที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมา นาํ เสนอข้อมลู หนา้ หอ้ งเรยี น (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทําภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนักเรยี น และถามคาํ ถามเกีย่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้ – ยางลบมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคําตอบ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เน่ืองจาก ยางลบเป็นของแขง็ จึงมีรูปรา่ งและปริมาตรคงท่ี) – นํ้ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคําตอบ มีการเปล่ียนแปลง กล่าวคือ นํ้ามีการ เปลี่ยนรูปร่างไปตามภาชนะทบี่ รรจ)ุ (3) ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคําถามที่นักเรียนสงสัยจากการทําภาระงานอย่างน้อยคนละ 1 คาํ ถาม ซึ่งครใู หน้ ักเรยี นเตรียมมาลว่ งหนา้ และใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ตอบและแสดงความคิดเห็น
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ของแข็งมี รูปร่างและปรมิ าตรคงที่ ส่วนของเหลวมรี ปู รา่ งเปลีย่ นไปตามภาชนะท่บี รรจแุ ละปริมาตรคงท่ี (2) ขน้ั สารวจและคน้ หา (1) ให้นักเรียนศึกษาสมบัติของของแข็งและของเหลวจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วย อธบิ ายใหน้ ักเรยี นเข้าใจวา่ ของแขง็ มรี ูปร่างและปรมิ าตรคงท่ี เนือ่ งจากอนุภาคของของแข็งอยู่ชิดกันมากและมี การจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ส่วนของเหลวมีรูปร่างไม่คงท่ีแต่มีปริมาตรคงที่ รูปร่างของของเหลวจะ เปลีย่ นแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุและมีลักษณะไหลได้ (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติของของแข็งและของเหลว โดย ดําเนนิ การตามขั้นตอนดังน้ี – แตล่ ะกลมุ่ วางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสมบัติของของแข็งและของเหลว เป็นหัวข้อ ยอ่ ย เชน่ ของแขง็ ของเหลว ให้สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันสบื ค้นตามหัวขอ้ ท่ีกําหนด – สมาชิกแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั สืบคน้ ขอ้ มูลตามหัวขอ้ ที่กลุ่มของตนเองรบั ผดิ ชอบโดยการ สบื คน้ จากหนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรบั เยาวชน และอนิ เทอร์เนต็ – สมาชิกกลมุ่ นําข้อมูลท่ีสบื ค้นได้มารายงานใหเ้ พื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทุกคนมีความร้คู วามเขา้ ใจที่ตรงกนั – สมาชกิ กลมุ่ ชว่ ยกันสรุปความร้ทู ไี่ ด้ทั้งหมดเป็นผลงานของกลมุ่ (3) ครคู อยแนะนําชว่ ยเหลือนกั เรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทุกคนซกั ถามเมอ่ื มปี ัญหา (3) ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ (1) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนกล่มุ นาํ เสนอขอ้ มลู การปฏิบัตกิ จิ กรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นกั เรียนและครูร่วมกันอภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยใช้แนวคําถามตอ่ ไปนี้ – วสั ดุชนิดใดมสี มบตั ิเป็นของแขง็ (แนวคาํ ตอบ ถังขยะ แก้วนา้ํ ไมก้ วาด) – วัสดุชนดิ ใดมสี มบัติเป็นของเหลว (แนวคาํ ตอบ นาํ้ ท่บี รรจุในแกว้ หรือขวด) (3) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุหรือส่ิงของ ต่างๆ รอบตวั มีทัง้ สมบัติทีเ่ ปน็ ของแข็งและของเหลว (4) ขนั้ ขยายความรู้ ครอู ภิปรายเพ่มิ เติมเก่ียวกับสมบัติของของแขง็ และของเหลว แล้วแบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 3 – 5 คน โดยให้นักเรียนนําอุปกรณ์ที่ครูเตรียมไว้ให้ เช่น ลูกปิงปองและดินน้ํามัน มาทําแบบจําลองการจัดเรียงอนุภาค ของของแขง็ และของเหลว (5) ขนั้ ประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรือยังมขี ้อสงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ (2) นักเรียนรว่ มกนั ประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมกลมุ่ ว่ามปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั ประโยชน์ท่ไี ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรียน เช่น
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – สาเหตทุ ่ีทําใหข้ องแข็งมสี มบตั ติ ่างจากของเหลวคอื อะไร – เพราะเหตใุ ดของเหลวจงึ เปล่ยี นรปู ร่างตามภาชนะที่บรรจุ ขน้ั สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสมบัติของของแข็งและของเหลว โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรอื ผงั มโนทัศน์ 10. สือ่ การเรยี นรู้ 1. ลกู ปงิ ปองและดินนา้ํ มัน 2. หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรบั เยาวชน และอินเทอร์เนต็ 3. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทักษะรายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 6. หนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความร้เู รื่องสมบัติของ ของแขง็ และของเหลว 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย 2. ตรวจชิ้นงานหรอื ภาระงานของ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คลโดย การสงั เกตการทาํ งานกลุ่ม กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน การสังเกตและใชแ้ บบวดั เจต 2. ประเมินพฤติกรรมในการ คตทิ างวิทยาศาสตร์ ปฏิบัติกิจกรรมเป็น 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต การสงั เกตการทํางานกลุ่ม และใชแ้ บบวัดเจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ 12. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นักเรียนจํานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนี่ไม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .........................
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นกั เรียนมคี วามร้เู กิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง..................................... ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังนี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รียนเป็นสําคญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยงั ไม่เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาํ คัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี นําไปใชไ้ ดจ้ ริง ควรปรับปรุงกอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 67 สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2561 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง สมบตั ิของของแข็งและของเหลว (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วันท่ี............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสรา้ งและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี 2. ตวั ชี้วัดช้ันปี เปรยี บเทยี บสมบตั ิของสสารทง้ั 3 สถานะ จากขอ้ มูลท่ีได้จากการสงั เกต มวล การต้องการที่อยู่ รูปร่าง และปริมาตรของสสาร (ว 2.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ทดลอง เปรียบเทียบ และอธิบายสมบัตขิ องของแขง็ และของเหลวได้ (K) 2. มีความสนใจใฝรุ หู้ รืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นร้ทู ่เี กีย่ วกับวิทยาศาสตร์ (A)
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 4. ทํางานรว่ มกบั ผ้อู ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนาํ ความรเู้ รื่องสมบตั ขิ องของแข็งและของเหลวไปใช้ในชีวติ ประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคญั สสารทมี่ สี ถานะเป็นของแข็งจะมีอนุภาคของสารอย่ชู ิดกันมาก มีแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาคมาก จึง มีปรมิ าตรคงท่ีและมรี ูปรา่ งที่แน่นอนเฉพาะตัว ส่วนของเหลวจะมีปรมิ าตรคงท่ี อนภุ าคภายในอยูห่ า่ งกนั รูปร่างของของเหลวจงึ เปลีย่ นไปตามภาชนะที่บรรจไุ ด้ 5. สาระการเรียนรู้ สถานะของสสาร – สมบตั ขิ องของแข็ง – สมบัตขิ องของเหลว 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มุง่ มั่นในการทาํ งาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนินชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน ทดลองสมบัติของของเหลว 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครนู ํากอ้ นหนิ และแก้วทม่ี นี ้ํามาใหน้ กั เรียนดู แล้วถามคาํ ถามนักเรียนว่า – เพราะเหตุใดเราจึงเรียกสิ่งต่างๆ ว่าของแข็งและของเหลว (แนวคําตอบ เพราะของแข็งและ ของเหลวมกี ารจัดเรยี งตวั ของอนภุ าคแตกต่างกัน) – สมบตั ิของของแขง็ และของเหลวเหมือนหรอื แตกต่างกนั (แนวคําตอบ แตกตา่ งกัน) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคําตอบของคําถาม เพื่อเช่ือมโยงไปสู่ การเรียนรู้เรอ่ื ง สมบัติของของแข็งและของเหลว ข้ันจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซง่ึ มีขั้นตอนดังนี้
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (1) ขน้ั สร้างความสนใจ (1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับสมบัติของของแข็งและของเหลว โดยให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่าง สิ่งต่างๆ รอบตัวท่ีมีสถานะของแข็งและมีสถานะของเหลว โดยครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความ คดิ เห็นตามประเด็นต่อไปนี้ – สงิ่ ต่างๆ ทีอ่ ยู่รอบตัวไดแ้ ก่อะไรบ้าง (แนวคําตอบ แก้ว ขวด และนา้ํ ) – สิ่งใดมีสมบัติเป็นของแข็งและสิ่งใดมีสมบัติเป็นของเหลว (แนวคําตอบ ส่ิงท่ีมีสมบัติเป็น ของแข็ง ไดแ้ ก่ แก้ว ขวด ส่วนสงิ่ ท่มี สี มบตั ิเปน็ ของเหลว ได้แก่ นาํ้ ) – สมบตั เิ ฉพาะตัวของสสารท่มี สี ถานะเป็นของแข็งและของเหลวคืออะไร (แนวคําตอบ ของแข็งมี รูปร่างและปริมาตรคงท่ี เพราะอนุภาคของของแข็งอยู่ชิดกันมาก และมีการจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ จึง เคลื่อนไหวได้น้อยมาก ส่วนของเหลวมีรูปร่างไม่คงที่แต่มีปริมาตรคงที่ รูปร่างของของเหลวจะเปลี่ยนไปตาม ภาชนะทบี่ รรจุและมีลกั ษณะไหลได)้ (2) นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายเก่ยี วกบั คําตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรยี น (2) ข้ันสารวจและค้นหา (1) ใหน้ ักเรยี นศึกษาสมบตั ขิ องของแข็งและของเหลวจากใบความรหู้ รอื ในหนงั สอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป. 4 โดยครตู ัง้ คาํ ถามนาํ ให้นกั เรียนตอบคาํ ถามประกอบการคน้ ควา้ ดงั นี้ – ของแข็งและของเหลวมีสมบตั ิแตกตา่ งกนั ในเรอ่ื งใด – ถ้าตอ้ งการเปรยี บเทยี บมวลของกอ้ นหิน 2 ก้อน สามารถทําได้ดว้ ยวธิ ีการใด – สสารทมี่ สี ถานะของแข็งและของเหลวมอี ะไรบา้ ง (2) แบ่งกลุ่มนกั เรียน ปฏบิ ตั ิกิจกรรมที่ 22 ทดลองสมบัติของของเหลว ตามข้ันตอนทางวิทยาศาสตร์ ดงั นี้ ขนั้ ท่ี 1 กาํ หนดปญั หา – นํา้ ในภาชนะแตกตา่ งกันจะมรี ูปรา่ งและปรมิ าตรต่างกนั หรือไม่ ขั้นท่ี 2 ต้ังสมมุตฐิ าน – รูปร่างของนา้ํ จะเปลย่ี นไปตามรปู ร่างของภาชนะท่บี รรจแุ ต่ยังคงมปี ริมาตรเทา่ เดิม ขัน้ ท่ี 3 ทดลอง – แบ่งนกั เรยี นเปน็ กลุม่ กล่มุ ละ 6 คน – แต่ละกลุม่ เทนาํ้ ใส่กระบอกตวง สงั เกตรูปรา่ งของนํ้าและอ่านปริมาตร บนั ทกึ ผล – เทนาํ้ จากกระบอกตวงใส่ลงในภาชนะใบที่ 1 สังเกตรูปร่างของนํ้า แล้วเทนํ้าลงในกระบอกตวง เพ่อื หาปริมาตร บันทึกผล – ดําเนนิ การทดลองซ้ําตามขัน้ ตอนที่ 2 โดยใช้ภาชนะรูปทรงตา่ งๆ แล้วสรุปผลการสงั เกต อ่านปริมาตรของนาํ้ ในกระบอกตวง สังเกตรูปร่างของนา้ํ ในภาชนะตา่ งๆ กระบอกตวงและภาชนะรูปทรงต่าง
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ขน้ั ท่ี 4 วิเคราะห์ผลการทดลอง – แปลความหมายข้อมลู ท่ีได้จากตารางบันทึกผลการทดลอง – นาํ ขอ้ มูลท่ีไดม้ าพจิ ารณาเพ่ืออธิบายวา่ เปน็ ไปตามที่นกั เรียนตัง้ สมมุติฐานไว้หรือไม่ ขนั้ ท่ี 5 สรปุ ผลการทดลอง – นกั เรยี นร่วมกนั สรุปผลการทดลองแลว้ เขยี นรายงานสรปุ ผลการทดลองสง่ ครู (3) ครูคอยแนะนําชว่ ยเหลอื นกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรียนทุกคนซักถามเมื่อมปี ัญหา (3) ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลมุ่ นําเสนอข้อมลู การปฏิบตั ิกิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยใช้แนวคําถามตอ่ ไปน้ี – นํ้ามีปริมาตรเปลี่ยนไปตามภาชนะท่ีบรรจุหรือไม่ (แนวคําตอบ ปริมาตรของนํ้าไม่เปลี่ยนไป ตามภาชนะทีบ่ รรจ)ุ – น้ํามีรูปร่างเปลี่ยนไปตามภาชนะท่ีบรรจุหรือไม่ (แนวคําตอบ รูปร่างของนํ้าเปล่ียนไปตาม ภาชนะท่ีบรรจ)ุ – นํ้ามีสมบัติใดจึงถูกส่งผ่านไปตามท่อน้ําได้ (แนวคําตอบ นํ้ามีรูปร่างไม่คงที่ เปลี่ยนไปตาม ภาชนะทีบ่ รรจุ และมีลักษณะไหลได้) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ของเหลวมี ปริมาตรคงที่ แต่รูปรา่ งไม่คงท่ี คือ เปลยี่ นไปตามภาชนะที่บรรจุ (4) ขั้นขยายความรู้ นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศท่ีเกี่ยวกับสมบัติของของแข็งและของเหลวจากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมท้ังคําแปลลงสมุดส่ง ครู (5) ข้นั ประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยงั มขี อ้ สงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพ่ิมเตมิ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรียนรว่ มกันประเมินการปฏบิ ัติกิจกรรมกลมุ่ ว่ามีปญั หาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับประโยชน์ทไี่ ด้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคาํ ถามนกั เรยี น เช่น – ของแขง็ มีสมบตั ิแตกตา่ งจากของเหลวอยา่ งไร – เพราะอะไรของเหลวจึงเปล่ียนรปู รา่ งไปตามภาชนะทีบ่ รรจุ ขน้ั สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสมบัติของของแข็งและของเหลว โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคดิ หรอื ผงั มโนทัศน์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. ก้อนหนิ และแก้วที่มนี ้ํา 2. ใบกจิ กรรมที่ 22 ทดลองสมบตั ิของของเหลว 3. หนงั สือเรยี นภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอรเ์ นต็ 4. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 5. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 6. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 7. หนงั สือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรูเ้ รื่องสมบัติของ ของแขง็ และของเหลว 1. ประเมนิ เจตคติทาง 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ 2. ตรวจชิน้ งานหรอื ภาระงานของ วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคลโดย ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น การสังเกตและใช้แบบวดั เจต วดั ทักษะกระบวนการทาง คติทางวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต การสงั เกตการทํางานกลุม่ และใชแ้ บบวดั เจตคตติ ่อ 3. ประเมนิ ทักษะการแก้ปญั หา วทิ ยาศาสตร์ โดยการสังเกตการทาํ งาน กลุ่ม 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกลุ่มโดย การสังเกตการทํางานกลุ่ม 12. บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรียนจํานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนร้.ู .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรยี นนไ่ี ม่ผ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ........................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ........................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ................................. 3. นกั เรียนมคี วามรู้เกิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง..................................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรียนร้ขู อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังนี้ 1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สําคัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผ้เู รียนเป็นสําคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ นําไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรบั ปรงุ ก่อนนําไปใช้
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 68 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง สมบัตขิ องแก๊ส (1) เวลา 1 ช่วั โมง วันท่ี............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กบั โครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 2. ตัวชี้วดั ชัน้ ปี เปรียบเทยี บสมบัติของสสารทั้ง 3 สถานะ จากข้อมลู ที่ไดจ้ ากการสังเกต มวล การต้องการท่ีอยู่ รูปร่าง และปริมาตรของสสาร (ว 2.1 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายสมบตั ขิ องแก๊สได้ (K) 2. มีความสนใจใฝรุ ูห้ รอื อยากรูอ้ ยากเห็น (A)
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ เี่ กย่ี วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานร่วมกบั ผอู้ ืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนําความร้เู ร่ืองสมบัติของแกส๊ ไปใช้ในชวี ติ ประจาํ วนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั แก๊สเปน็ สสารทมี่ ีอนุภาคภายในอยู่หา่ งกนั มาก อนุภาคจะเคล่อื นที่อยู่ตลอดเวลา จงึ ทาํ ให้มปี รมิ าตร และรปู รา่ งไม่คงท่ี สามารถฟุูงกระจายได้ 5. สาระการเรียนรู้ สถานะของสสาร - สมบตั ิของแก๊ส 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทํางาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน สบื ค้นข้อมูลเก่ียวกบั สมบัตขิ องแกส๊ 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ สู่บทเรยี น 1) ครูถามคําถามเพอ่ื ทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน เชน่ – นกั เรยี นเคยเปาุ ลูกโปงุ จนแตกหรือไม่ (แนวคาํ ตอบ เคย) – เมอื่ ลกู โปุงแตก ลมในลกู โปงุ หายไปไหน (แนวคําตอบ ลมฟงูุ กระจายไปในอากาศรอบๆ ตัวเรา) 2) นักเรียนชว่ ยกนั ตอบคําถามและแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั คาํ ตอบของคาํ ถาม เพอ่ื เช่ือมโยงไปสู่การ เรียนร้เู รือ่ ง สมบตั ิของแกส๊ ข้ันจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึง่ มีข้นั ตอนดังน้ี (1) ขนั้ สรา้ งความสนใจ (1) ครูถามคําถามนกั เรียนเพอ่ื กระตนุ้ ความสนใจ เช่น
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – เม่อื เปล่ียนรปู ร่างของภาชนะ แกส๊ มีรูปร่างลกั ษณะใด (แนวคําตอบ แก๊สมีรูปร่างเปลี่ยนไปตาม ภาชนะทบี่ รรจ)ุ – เม่ือเปล่ียนปริมาตรของภาชนะ แก๊สมีปริมาตรลักษณะใด (แนวคําตอบ แก๊สมีปริมาตร เปลยี่ นไปตามภาชนะทบี่ รรจ)ุ (2) นักเรียนรว่ มกันอภปิ รายเกย่ี วกับคาํ ตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน (2) ข้ันสารวจและคน้ หา (1) ให้นักเรียนศกึ ษาสมบัตขิ องแกส๊ จากใบความรู้หรือในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ป. 4 โดยครูต้ังคาํ ถามกระตุ้นให้นกั เรียนตอบดงั น้ี – การจัดเรยี งตัวของแก๊สมีลักษณะอยา่ งไร – อนุภาคของแกส๊ มกี ารเคลือ่ นที่อย่างไร (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับสมบัติของแก๊ส โดยดําเนินการตาม ข้นั ตอนดงั นี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสมบัติของแก๊สเป็นหัวข้อย่อย เช่น สมบัติ ของแกส๊ การจัดเรียงอนภุ าคของแกส๊ ให้สมาชิกแต่ละกลมุ่ ช่วยกันสืบคน้ ตามหวั ขอ้ ที่กาํ หนด – สมาชิกแต่ละกลมุ่ ช่วยกันสืบค้นขอ้ มูลตามหัวข้อท่ีกลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรบั เยาวชน และอินเทอร์เน็ต – สมาชกิ กลุม่ นาํ ขอ้ มลู ที่สบื คน้ ได้มารายงานให้เพ่ือนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดว่าสมาชกิ ทุกคนมีความรู้ความเขา้ ใจทตี่ รงกนั – สมาชกิ กลมุ่ ชว่ ยกันสรุปความรูท้ ่ไี ดท้ ้งั หมดเปน็ ผลงานของกล่มุ (3) ครคู อยแนะนาํ ช่วยเหลือนกั เรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรยี นทกุ คนซกั ถามเมื่อมปี ัญหา (3) ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (1) นักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนกลมุ่ นําเสนอข้อมูลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหน้าห้องเรยี น (2) นักเรยี นและครูรว่ มกันอภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคาํ ถามตอ่ ไปน้ี – การเคลอ่ื นทขี่ องอนภุ าคของแก๊สมลี กั ษณะอยา่ งไร (แนวคําตอบ เคลือ่ นที่ไดท้ กุ ทศิ ทาง) – แก๊สมีสมบัติอย่างไร (แนวคําตอบ มีรูปร่างและปริมาตรไม่คงท่ี เปล่ียนรูปร่างไปตามภาชนะที่ บรรจุ) – วัสดุที่พบว่ามีองค์ประกอบของแก๊สอยู่ภายในได้แก่อะไรบ้าง (แนวคําตอบ ลูกโปุง ลูกบอล พลาสติก และหว่ งยาง) (3) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่าแก๊สมีรูปร่างและ ปรมิ าตรไม่คงที่ จะเปลี่ยนไปตามรปู รา่ งและขนาดของภาชนะท่ีบรรจุ (4) ข้ันขยายความรู้ (1) แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มวาดรูปการเรียงตัวของอนุภาคของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส แล้วส่งตัวแทนกลุ่มออกมานําเสนอผลงานหนา้ หอ้ งเรียน
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (2) นักเรียนและครูร่วมกันเปรียบเทียบการเรียงตัวของอนุภาคของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส แล้ว ครูสรุปให้นักเรียนฟังว่า การเรียงตัวของอนุภาคแตกต่างกันทําให้สมบัติของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส แตกตา่ งกนั (5) ข้ันประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยังมขี ้อสงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นักเรยี นร่วมกันประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรมกล่มุ วา่ มปี ญั หาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับประโยชนท์ ไี่ ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคําถามนักเรียน เช่น – แก๊สมปี รมิ าตรไม่คงทีเ่ พราะอะไร – เราได้กลิน่ อาหารทอี่ ยหู่ ่างไกลจากเราเพราะอะไร ขน้ั สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสมบัติของแก๊ส โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือ ผังมโนทศั น์ 10. สอื่ การเรียนรู้ 1. หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรับเยาวชน และอินเทอร์เนต็ 2. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 3. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 5. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ รื่องสมบตั ิของแก๊ส 1. ประเมินเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทํางานกลมุ่ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรียน ใช้แบบวัดเจตคตทิ าง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ วทิ ยาศาสตร์ ปฏิบัตกิ ิจกรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบุคคลหรือรายกลมุ่ โดย เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทาํ งานกลมุ่ ใชแ้ บบวัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นักเรยี นจาํ นวน..................คน
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนี่ไม่ผา่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................ .......................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ท่ีได้รับมอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจัดการเรียนรูข้ อง................................................................แลว้ มีความเหน็ ดงั นี้ 1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สําคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รียนเปน็ สําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ นาํ ไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 69 สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 เร่อื ง สมบตั ิของแก๊ส (2) เวลา 1 ชัว่ โมง วันท.่ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กบั โครงสรา้ งและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. ตัวช้ีวัดชน้ั ปี เปรยี บเทียบสมบัตขิ องสสารทง้ั 3 สถานะ จากข้อมูลท่ไี ดจ้ ากการสังเกต มวล การต้องการท่ีอยู่ รูปร่าง และปริมาตรของสสาร (ว 2.1 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายสมบตั ิของแก๊สได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝรุ ูห้ รอื อยากร้อู ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรทู้ ี่เกยี่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานร่วมกบั ผ้อู ื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนาํ ความร้เู รื่องสมบตั ขิ องแก๊สไปใช้ในชีวติ ประจาํ วนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั แก๊สเปน็ สสารท่มี ีอนุภาคภายในอย่หู ่างกันมาก อนุภาคจะเคลอ่ื นท่ีอย่ตู ลอดเวลา จงึ ทาํ ใหม้ ปี ริมาตร และรูปร่างไมค่ งที่ สามารถฟูุงกระจายได้ 5. สาระการเรียนรู้ สถานะของสสาร - สมบตั ิของแกส๊ 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทาํ งาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนนิ ชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน สังเกตสมบัติของแก๊ส 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน 1) ครถู ามคําถามเพ่อื ทบทวนความรเู้ ดิมของนักเรียน เชน่
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – นักเรียนคดิ ว่าบอลลนู สามารถลอยขนึ้ บนท้องฟาู ไดห้ รือไม่ (แนวคาํ ตอบ ได)้ – ส่ิงทอี่ ยู่ในบอลลนู เรียกว่าอะไร (แนวคาํ ตอบ แกส๊ ) 2) นกั เรียนช่วยกนั ตอบคาํ ถามและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับคาํ ตอบของคําถาม เพอ่ื เชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรู้เร่อื ง สมบตั ขิ องแก๊ส ขนั้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซง่ึ มขี ้ันตอนดงั นี้ (1) ขัน้ สร้างความสนใจ (1) ครถู ามคาํ ถามนักเรยี นเพื่อกระตนุ้ ความสนใจ เชน่ – สมบัติเฉพาะตัวของแก๊สมีลักษณะอย่างไร (แนวคําตอบ มีรูปร่างและปริมาตรไม่คงท่ีอนุภาค ของแก๊สอยู่ห่างกันมากกว่าในของเหลวและของแข็ง ทําให้อนุภาคของแก๊สสามารถเคลื่อนที่ได้ทุกทิศทาง เปลยี่ นไปตามรูปรา่ งและขนาดของภาชนะที่บรรจ)ุ (2) นกั เรียนร่วมกันอภปิ รายเกี่ยวกบั คําตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น (2) ขนั้ สารวจและคน้ หา (1) แบง่ กลุ่มนักเรียน ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมท่ี 23 สังเกตสมบัติของแก๊ส ตามข้ันตอนทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ ทกั ษะ/กระบวนการสงั เกตดังนี้ – จุดไม้ขีดไฟ 1 ก้าน ใส่ลงในขวด ใช้น้ิวมือปิดปากขวด แล้วสังเกตควันที่เกิดจากไม้ขีดไฟท่ีดับ บนั ทกึ ผล – นําขวดที่มีขนาดเท่ากันมาควํ่าประกบกับขวดใบแรก ให้ปากขวดสนิทกันพอดี สังเกตควันใน ขวด บนั ทึกผล แล้วสรปุ ผลการสงั เกต สงั เกตการเคลือ่ นท่ีของควนั ท่ีอยใู่ นขวด หมายเหตุ ควรระมัดระวงั ไม่ใหเ้ ปลวไฟถูกมอื เพราะจะทาํ ให้ผวิ หนงั ไหมไ้ ด้ (3) ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป (1) นักเรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนกลุ่มนําเสนอข้อมูลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยใช้แนวคําถามตอ่ ไปน้ี – ควนั มกี ารเปลี่ยนแปลงอย่างไร (แนวคําตอบ มีการแพร่กระจายจากขวดใบล่างขึ้นไปยังขวดใบ บน) – แกส๊ มีสมบตั ิแตกต่างจากของเหลวและของแข็งอย่างไร (แนวคําตอบ แก๊สมีรูปร่างและปริมาตร ไม่คงท่ี จะฟุูงกระจายไปในภาชนะทบ่ี รรจ)ุ
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – ยกตัวอย่างการฟุูงกระจายของแก๊สท่ีนักเรียนพบเห็นได้ในชีวิตประจําวัน (แนวคําตอบ การฟุูง กระจายของนาํ้ หอมท่ฉี ดี การฟงุู กระจายของสเปรย์ฉีดกนั ยุง) (3) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครูเน้นใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจว่า แก๊สมีรูปร่างและ ปริมาตรไมค่ งท่ี จะเปลยี่ นไปตามภาชนะที่บรรจุ (4) ข้นั ขยายความรู้ (1) นักเรียนสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสมบัติของแก๊สเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้ต่างๆ เช่นหนังสือ วารสารวทิ ยาศาสตร์ และอนิ เทอร์เน็ต แลว้ นําขอ้ มูลท่ไี ดม้ าจัดทาํ เปน็ รายงานสง่ ครู (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศที่เก่ียวกับสมบัติของแก๊ส จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมทั้งคําแปลลงสมุดส่ง ครู (5) ขน้ั ประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนรว่ มกนั ประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ประโยชนท์ ่ีได้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยถามคาํ ถามนักเรียน เชน่ – การทดสอบสมบตั ขิ องแก๊สทําไดโ้ ดยวิธกี ารใด – เพราะเหตใุ ดแกส๊ จึงมปี รมิ าตรไม่คงท่ี ขัน้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสมบัติของแก๊ส โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือผังมโน ทัศน์ 10. สือ่ การเรยี นรู้ 1. ใบกิจกรรมท่ี 23 สงั เกตสมบตั ขิ องแกส๊ 2. หนังสือ หนังสอื เรยี นภาษาต่างประเทศ วารสารวิทยาศาสตร์ และอินเทอร์เนต็ 3. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรื่องสมบตั ิของแกส๊ 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจช้นิ งานหรอื ภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกตและ ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใชแ้ บบ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน ใช้แบบวดั เจตคตทิ าง วดั ทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกตและ การสงั เกตการทํางานกลมุ่ ใชแ้ บบวัดเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ 3. ประเมนิ ทักษะการแกป้ ญั หา โดยการสงั เกตการทํางาน กลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ัติกจิ กรรมเป็น รายบุคคลหรอื รายกลุ่มโดย การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจํานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู.้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรียนนี่ไม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรู้เกิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................ .......................................................... 4. นักเรียนมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ดมี าก ดี
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจัดกิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผู้เรียนเป็นสาํ คัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่ นําไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรับปรงุ ก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 70 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2561 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรื่อง การวดั มวลและปริมาตรของสสาร เวลา 1 ชัว่ โมง วันท่ี............เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 461
Pages: