Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน ป.4

แผนการสอน ป.4

Published by rit22juree, 2020-08-10 10:24:03

Description: แผนการสอน ป.4

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (1) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนกลมุ่ นาํ เสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) นกั เรียนและครรู ่วมกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใช้แนวคําถาม ต่อไปนี้ – สัตว์ที่นักเรียนนํามาสังเกตชนิดใดเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและชนิดใดเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสัน หลัง สังเกตจากอะไร (แนวคําตอบ ปลาทูเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง สังเกตจากการมีโครงร่างหรือกระดูกเป็น แกนแข็งภายในลําตัว ส่วนกุ้งและหอยแมลงภู่เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สังเกตจากการไม่มีโครงร่างหรือ กระดกู เปน็ แกนแขง็ ภายในลาํ ตวั ) – ยกตวั อย่างสตั วม์ กี ระดูกสนั หลงั และสัตวไ์ มม่ ีกระดกู สนั หลังท่ีนักเรียนรจู้ ักมาอยา่ งละ 3 ชนดิ (แนวคาํ ตอบ สัตวม์ กี ระดกู สนั หลัง ไดแ้ ก่ กบ ไก่ และแมว และสัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลัง ได้แก่ ผเี ส้ือ ไสเ้ ดือนดนิ และหอย) (3) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสัน หลังมโี ครงร่างเป็นแกนแขง็ ภายในลําตัวหรือเรียกว่า กระดูก ส่วนสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังไม่มีโครงร่างเป็นแกน แข็งภายในลําตวั 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูใหน้ ักเรียนสังเกตเพมิ่ เติมจากการปฏิบัติกิจกรรมที่ 9 ว่า กุ้งและหอยมีลําตัวอ่อนนิ่มจึงสร้างเปลือก แข็งมาห้มุ ลาํ ตัวไว้เพอื่ ปอู งกันอันตราย และยังมีสัตว์ไมม่ กี ระดูกสันหลังอีกหลายชนิดท่ีมีการสร้างเปลือกแข็งมา หุ้มลาํ ตวั เช่น ปู กิ้งกือ และตะขาบ 5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรือยังมีขอ้ สงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธบิ ายเพมิ่ เติมใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นร่วมกันประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมกล่มุ วา่ มปี ัญหาหรืออปุ สรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนําความร้ไู ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคาํ ถามนักเรียน เชน่ – สตั วม์ ีกระดกู สันหลังคอื อะไร – สตั วไ์ ม่มกี ระดกู สันหลังคืออะไร ข้ันสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการจําแนกสัตว์ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโน ทศั น์ 10. สอ่ื การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 2. รูปซุปกระดูกหมู ก้งุ ต้ม และปลายา่ ง 3. ใบกิจกรรมที่ 9 สงั เกตเปรียบเทยี บโครงร่างสัตว์มกี ระดูกสนั หลังและสตั ว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั 4. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 6. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 7. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เรื่องการจาํ แนก 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ สตั ว์ 1. ประเมินเจตคตทิ าง ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้แบบ วทิ ยาศาสตร์เปน็ รายบุคคลโดย วัดทักษะกระบวนการทาง 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ การสงั เกตและใชแ้ บบวัดเจต วทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรียน คติทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 3. ทดสอบก่อนเรียนโดยใช้ 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ การสงั เกตการทาํ งานกลมุ่ แบบทดสอบกอ่ นเรียน เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต และใชแ้ บบวัดเจตคติตอ่ 3. ประเมนิ ทักษะการแก้ปญั หา วิทยาศาสตร์ โดยการสงั เกตการทาํ งาน กล่มุ 4. ประเมนิ พฤติกรรมใน การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกล่มุ โดย การสงั เกตการทํางานกลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจํานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเข้าใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรยี นมีความรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................. ..................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง.....................................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผ้ทู ี่ได้รับมอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดงั นี้ 1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผู้เรยี นเป็นสาํ คัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม  ยงั ไม่เน้นผเู้ รยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  นาํ ไปใช้ได้จริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 28 รหัสวิชา ว14101 รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรือ่ ง การจําแนกสัตว์ (2) เวลา 1 ชัว่ โมง วันท.่ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มผี ลตอ่ ส่งิ มีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวฒั นาการของ สงิ่ มชี วี ติ รวมทั้งนําความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วัดชน้ั ปี จําแนกสตั ว์ออกเปน็ สตั วม์ ีกระดกู สนั หลังและสัตวไ์ มม่ ีกระดกู สนั หลังโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็น เกณฑ์โดยใช้ข้อมูลทร่ี วบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. จําแนกสตั วเ์ ปน็ สตั วม์ กี ระดูกสนั หลงั และสัตวไ์ ม่มีกระดกู สันหลงั ได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝรุ ู้หรอื อยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรทู้ ่ีเกยี่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานร่วมกับผู้อ่ืนอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนาํ ความรูเ้ ร่อื งการจาํ แนกสัตว์ไปใช้ในชีวิตประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ การจําแนกสัตว์โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์สามารถจําแนกสัตว์ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ สัตว์มี กระดูกสนั หลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง 5. สาระการเรียนรู้ การจําแนกสัตว์ 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทํางาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน ประดิษฐแ์ ผน่ พลกิ จําแนกสตั วม์ กี ระดูกสันหลงั และสตั วไ์ ม่มีกระดูกสันหลงั

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1) ครูนํารูปนกและไส้เดือนดินมาให้นักเรียนดูแล้วถามว่า สัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและ สัตวช์ นิดใดเป็นสตั วไ์ มม่ กี ระดกู สันหลัง สังเกตจากอะไร (แนวคําตอบ นกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและไส้เดือน ดนิ เปน็ สตั ว์ไมม่ ีกระดกู สนั หลงั สงั เกตจากการมแี ละไมม่ ีกระดูกสนั หลังของสัตว)์ 2) นกั เรยี นช่วยกนั ตอบคําถามและแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั คําตอบของคาํ ถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรู้เรอ่ื ง การจําแนกสัตว์ ข้ันจดั กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึ่งมขี ้ันตอนดังนี้ 1) ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูนาํ รูปหรอื แบบจาํ ลองกระดูกของมนุษย์มาให้นักเรยี นดู แลว้ ถามนักเรยี นวา่ – กระดกู ทเ่ี หน็ เปน็ ของสง่ิ มีชวี ิตชนดิ ใด (แนวคําตอบ มนุษย์) – กระดูกมีความสําคัญต่อสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ลักษณะใด (แนวคําตอบ ช่วยให้ร่างกายตั้งตรงได้และ ช่วยให้เคล่ือนไหวได้ดี) (2) นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเกีย่ วกับคําตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ขน้ั สารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ประดิษฐ์แผ่นพลิกจําแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มี กระดูกสันหลัง โดยดําเนินการตามขน้ั ตอนดงั นี้ – สํารวจสัตว์บริเวณโรงเรียนและบันทึกว่าสัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ชนิดใด เปน็ สัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลงั – ออกแบบและลงมือทําแผ่นพลิกจําแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จาก วัสดทุ ีน่ ักเรียนกําหนดเอง (นักเรยี นอาจวาดรปู สัตว์หรือนํารูปของสัตว์มาติด) (2) ครคู อยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรียนทกุ คนซกั ถามเมอ่ื มปี ญั หา 3) ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ส่งตวั แทนกลมุ่ นาํ เสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหน้าห้องเรยี น (2) นักเรียนและครรู ่วมกนั อภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถาม ตอ่ ไปน้ี – นกั เรยี นพบสัตว์มกี ระดกู สันหลังอะไรบา้ ง (แนวคาตอบ นก จิง้ จก และปลา) – นักเรียนพบสัตวไ์ ม่มกี ระดูกสนั หลงั อะไรบ้าง (แนวคาตอบ ไส้เดอื นดนิ ยุง และแมลงวัน) (3) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ส่ิงมีชีวิตรอบตัว สามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มได้โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ คือ สัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูก สนั หลงั 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (1) ครูนํารปู กระดกู ของสัตวช์ นิดต่าง ๆ มาให้นักเรียนดูและอธิบายเพ่ือให้นักเรียนเข้าใจว่า โครงร่างที่ เปน็ แกนแข็งภายในลําตวั เรียกว่า กระดกู ซงึ่ สตั วแ์ ต่ละชนิดมีการเรียงตัวของกระดูกแตกต่างกัน ทําให้สัตว์แต่ ละชนิดมีรปู ร่างทแ่ี ตกต่างกนั เพ่อื ใหเ้ หมาะสมกับการดาํ รงชวี ติ กระดกู ชา้ ง กระดูกจระเข้ ตัวอยา่ งการเรียงตวั ของกระดูกสตั ว์ทาํ ใหส้ ัตวม์ รี ปู รา่ งแตกต่างกัน (2) ครแู บ่งกลุ่มนกั เรยี น กลุ่มละ 5 – 6 คน เพื่อเล่นเกมจากหัวข้อ สนุกทํา สนุกคิด กับวิทยาศาสตร์ ในหนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 (3) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการจําแนกสัตว์ จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมทั้งคําแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้าง ทยี่ ังไม่เขา้ ใจหรอื ยังมีข้อสงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิม่ เติมให้นักเรียนเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกลุ่มวา่ มปี ัญหาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนําความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคําถามนกั เรยี น เชน่ – ปลาเป็นสตั ว์มกี ระดกู สันหลังเพราะอะไร – กุ้งและหอยเปน็ สัตวไ์ มม่ กี ระดกู สันหลงั เพราะอะไร ขนั้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการจําแนกสัตว์ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือ ผงั มโนทัศน์ 10. สือ่ การเรยี นรู้ 1. รูปนกและไสเ้ ดอื นดนิ 2. รูปหรือแบบจาํ ลองกระดูกของมนุษย์ 3. รูปกระดกู ของสัตวช์ นิดตา่ ง ๆ 4. หนงั สอื เรียนภาษาตา่ งประเทศหรอื อินเทอร์เนต็ 5. คูม่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 7. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 8. หนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ รื่องการจําแนก สตั ว์ 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ วทิ ยาศาสตร์เปน็ รายบุคคลโดย การสงั เกตการทาํ งานกลมุ่ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน การสงั เกตและใชแ้ บบวัดเจต 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ คตทิ างวทิ ยาศาสตร์ ปฏิบตั กิ ิจกรรมเปน็ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต การสังเกตการทํางานกลุ่ม และใช้แบบวัดเจตคติต่อ วทิ ยาศาสตร์ 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นักเรียนจาํ นวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นักเรยี นนไี่ มผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................ ...................... 2. นักเรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นกั เรยี นมคี วามรูเ้ กิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. .........................

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สาํ คญั มาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม  ยงั ไม่เน้นผูเ้ รยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่  นาํ ไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรงุ ก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 29 สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง สัตว์มีกระดูกสนั หลัง (ปลา) เวลา 1 ชว่ั โมง วันที.่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธุกรรม การเปลีย่ นแปลงทางพนั ธุกรรมทีม่ ีผลต่อส่งิ มชี วี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวฒั นาการของ สิ่งมีชวี ติ รวมทั้งนําความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วัดชนั้ ปี บรรยายลักษณะเฉพาะทสี่ ังเกตได้ของสตั ว์มีกระดูกสันหลงั ในกล่มุ ปลา กลุ่มสตั ว์สะเทนิ นํ้าสะเทินบก กล่มุ สัตว์เล้อื ยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลีย้ งลูกด้วยนา้ํ นม และยกตวั อย่างสง่ิ มชี ีวติ ในแต่ละกลุ่ม (ว 1.3 ป. 4/4) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บรรยายลกั ษณะเฉพาะที่สังเกตไดข้ องสัตว์มกี ระดกู สนั หลังในกล่มุ ปลาได้ (K) 2. มีความสนใจใฝุรูห้ รอื อยากรูอ้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ เ่ี ก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานร่วมกับผูอ้ ืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนําความรู้เรอ่ื งสตั ว์มีกระดกู สนั หลงั (ปลา) ไปใช้ในชีวติ ประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ สัตวม์ ีกระดูกสันหลังแบ่งเปน็ 5 กลมุ่ แต่ละกลุ่มมีลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้แตกต่างกัน สัตว์มีกระดูก สนั หลงั ในกลมุ่ ปลาเปน็ สัตวเ์ ลอื ดเยน็ ลาํ ตัวมีครบี และหาง ออกลูกเป็นไข่ หายใจด้วยเหงือก และเจริญเติบโตใน น้าํ 5. สาระการเรียนรู้ สตั ว์มีกระดูกสนั หลงั – ปลา

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทํางาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน สบื คน้ ข้อมลู ลักษณะของสัตวม์ กี ระดูกสันหลังในกลุ่มปลา 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูทบทวนเร่ืองการจําแนกสัตว์โดยถามคําถามว่า สัตว์ท่ีจําแนกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังต้องมี ลกั ษณะสาํ คัญอะไร (แนวคาํ ตอบ สัตวม์ กี ระดูกสันหลังต้องมีโครงร่างเปน็ แกนแขง็ ภายในลําตัว) 2) นกั เรยี นช่วยกนั ตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั คาํ ตอบของคําถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นร้เู รื่อง สัตวม์ ีกระดกู สนั หลัง (ปลา) ขัน้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มขี น้ั ตอนดังน้ี 1) ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุน้ นักเรยี นโดยการถามคําถามดงั น้ี – สตั ว์มีกระดูกสนั หลังบรเิ วณโรงเรียนมีอะไรบ้าง (แนวคําตอบ แมว ปลา และกบ) – สตั ว์มกี ระดูกสันหลงั บรเิ วณโรงเรียนที่พบมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันหรือไม่ ยกตัวอย่าง (แนว คําตอบ แตกต่างกัน เช่น แมวมีขนและหายใจด้วยปอด ปลามีเกล็ดและหายใจด้วยเหงือก ส่วนกบมีผิวหนัง เปียกชืน้ และหายใจดว้ ยปอด) (2) นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายเกี่ยวกับคาํ ตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องลักษณะของสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา จาก ใบความรหู้ รอื ในหนังสอื เรยี น โดยครูช่วยอธบิ ายใหน้ กั เรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังแบ่งเป็น 5 กลุ่ม โดย สตั ว์มกี ระดูกสันหลังในกลมุ่ ปลามลี กั ษณะบางประการทเ่ี ปน็ ลักษณะเฉพาะ

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา โดย ดาํ เนินการตามข้นั ตอนดงั น้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลาเป็นหัวข้อ ย่อย เช่น อุณหภูมิลําตัว ลักษณะภายนอก อวัยวะในการหายใจ และการเจริญเติบโต ให้สมาชิกแต่ละกลุ่ม ชว่ ยกันสบื ค้นตามหวั ขอ้ ท่ีกําหนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสบื คน้ ขอ้ มูลตามหัวข้อท่ีกลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาํ หรับเยาวชน และอินเทอรเ์ นต็ – สมาชิกกลมุ่ นําขอ้ มูลท่สี ืบค้นไดม้ ารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชิกทุกคนมคี วามรู้ความเขา้ ใจทีต่ รงกัน – สมาชกิ กลมุ่ ชว่ ยกนั สรปุ ความรู้ทไ่ี ด้ทั้งหมดเป็นผลงานของกลมุ่ (3) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและ เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นทกุ คนซักถามเมื่อมปี ัญหา 3) ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนกลุ่มนาํ เสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นักเรียนและครรู ่วมกันอภปิ รายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใช้แนวคําถาม ตอ่ ไปน้ี – สัตวม์ ีกระดูกสันหลังในกลมุ่ ปลามีลกั ษณะสําคัญอะไร (แนวคําตอบ สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่ม ปลาเป็นสัตวเ์ ลือดเย็น ลาํ ตวั มคี รบี และหาง ออกลกู เปน็ ไข่ หายใจดว้ ยเหงือก และเจริญเตบิ โตในนํา้ ) – สัตว์มีกระดูกสันหลังที่อาศัยในนํ้าทุกชนิดจําแนกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลาหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาํ ตอบ ไม่ เพราะสตั วม์ ีกระดกู สนั หลังบางชนิดมีลักษณะไม่เหมือนสัตว์ในกลุ่มปลา เช่น วาฬ ไมไ่ ด้หายใจด้วยเหงอื ก) (3) ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ ผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสัน หลงั ในกลุ่มปลาเปน็ สัตวเ์ ลอื ดเย็น ลาํ ตวั มีครีบและหาง ออกลูกเป็นไข่ หายใจด้วยเหงือก และเจริญเติบโตในนํ้า สตั วม์ กี ระดูกสนั หลังทม่ี ีลกั ษณะนีจ้ ึงจําแนกอย่ใู นกลุ่มปลา 4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูขยายความรู้ให้กับนักเรียนว่า สัตว์เลือดเย็น หมายถึง สัตว์ท่ีมีอุณหภูมิภายในลําตัวเปลี่ยนไป ตามอุณหภูมขิ องส่งิ แวดล้อม เชน่ ถา้ นาํ ตู้ปลาไปวางไวใ้ นท่ีท่ีมีแสงแดดตลอดเวลา อุณหภูมิของนํ้าจะสูงขึ้น ทํา ให้อณุ หภูมภิ ายในลาํ ตัวของปลาสูงขน้ึ ด้วย ซึ่งไมเ่ หมาะสมตอ่ การดํารงชีวติ ของปลา อาจทําให้ปลาตายได้ (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลาจากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมท้ังคําแปลลง สมุดส่งครู 5) ข้ันประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้าง ทยี่ ังไมเ่ ขา้ ใจหรือยังมีข้อสงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพิ่มเตมิ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนรว่ มกันประเมินการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนาํ ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรียน เช่น – สัตวม์ กี ระดกู สันหลังในกลุ่มปลามลี ักษณะสาํ คัญใด – ถ้าเราเจอสัตว์นํ้าที่มีครีบและหางเราจะสรุปว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลาได้หรือไม่ เพราะอะไร ขัน้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรือผงั มโนทัศน์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. หนังสอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาํ หรบั เยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ 2. หนงั สอื เรียนภาษาตา่ งประเทศ 3. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 4. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ ร่ืองสัตว์มีกระดูก สนั หลงั (ปลา) 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย 2. ตรวจช้นิ งานหรอื ภาระงานของ เป็นรายกลมุ่ โดยการสังเกตและ การสงั เกตการทาํ งานกลุม่ กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น ใชแ้ บบวัดเจตคตทิ าง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ วิทยาศาสตร์ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเป็น 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกตและ การสงั เกตการทํางานกลุ่ม ใช้แบบวัดเจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นักเรียนจํานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ ม่ผา่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 3. นกั เรียนมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ....................................................................................... ...............................................................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผูเ้ รยี นเปน็ สาํ คัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสําคัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่  นาํ ไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 30 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่อื ง สัตวม์ ีกระดูกสันหลัง (สัตว์สะเทินนํา้ สะเทินบก) เวลา 1 ช่ัวโมง วันท.่ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปล่ยี นแปลงทางพนั ธกุ รรมทีม่ ผี ลตอ่ สง่ิ มีชวี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวัฒนาการ ของสิง่ มชี วี ิต รวมทั้งนําความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั ชนั้ ปี บรรยายลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้ําสะเทินบก กลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้ํานม และยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในแต่ละกลุ่ม (ว 1.3 ป. 4/4) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. บรรยายลกั ษณะเฉพาะท่สี งั เกตไดข้ องสตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั ในกลมุ่ สัตวส์ ะเทนิ น้ําสะเทินบกได้ (K) 2. มีความสนใจใฝรุ ้หู รืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรู้ทเี่ กีย่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานรว่ มกบั ผูอ้ ื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนาํ ความรู้เรื่องสตั ว์มีกระดกู สนั หลงั (สัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบก) ไปใช้ในชีวิตประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคญั สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบกเป็นสัตว์เลือดเย็น ออกลูกเป็นไข่ ตัวอ่อนมีหาง เหมือนปลา หายใจด้วยเหงือก และเจริญเติบโตในนํ้า ส่วนตัวเต็มวัยมีผิวหนังเปียกช้ืน หายใจด้วยปอดและ ผิวหนงั และเจริญเติบโตบนบก 5. สาระการเรยี นรู้ สัตวม์ กี ระดูกสนั หลัง

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – สัตว์สะเทนิ นํ้าสะเทนิ บก 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. มุง่ มนั่ ในการทาํ งาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน สืบคน้ ขอ้ มลู ลกั ษณะของสตั วม์ กี ระดูกสันหลงั ในกลมุ่ สัตวส์ ะเทินนํา้ สะเทินบก 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนเรื่องสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา โดยให้นักเรียนบอกลักษณะของสัตว์มีกระดูกสัน หลังในกล่มุ ปลามาคนละ 1 ลกั ษณะ (แนวคําตอบ สตั วม์ กี ระดกู สนั หลังในกลุ่มปลาเปน็ สัตวเ์ ลือดเยน็ ) 2) นักเรยี นชว่ ยกันตอบคําถามและแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับคําตอบของคาํ ถาม เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรู้เร่อื ง สัตว์มกี ระดูกสันหลงั (สตั ว์สะเทนิ นํา้ สะเทนิ บก) ข้ันจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มขี ้ันตอนดังนี้ 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระตนุ้ นักเรียนโดยการเขียนคาํ วา่ สตั วส์ ะเทินนา้ํ สะเทินบก บนกระดานแลว้ ถามนกั เรยี นว่า – นกั เรยี นรจู้ ักสัตว์สะเทนิ นํา้ สะเทนิ บกหรือไม่ ยกตวั อย่าง (แนวคําตอบ รูจ้ ัก เชน่ กบ) – เราเรยี กสตั วบ์ างชนิดว่าสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบกเพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะสัตว์กลุ่มนี้มี ชว่ งชีวติ ทเี่ จรญิ เตบิ โตในน้าํ และบนบก) (2) นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับคําตอบจากคําถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ขัน้ สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องลักษณะของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบกจากใบ ความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ํา สะเทินบกมลี กั ษณะบางประการทเี่ ป็นลักษณะเฉพาะ (2) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินนํ้า สะเทินบก โดยดาํ เนนิ การตามข้นั ตอนดงั นี้

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ํา สะเทินบกเป็นหัวข้อย่อย เช่น อุณหภูมิลําตัว ลักษณะภายนอก อวัยวะในการหายใจ และการเจริญเติบโต ให้ สมาชกิ แต่ละกลุ่มช่วยกันสบื คน้ ตามหวั ขอ้ ท่ีกาํ หนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสบื ค้นข้อมลู ตามหัวข้อท่ีกลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรับเยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ – สมาชิกกลุ่มนําข้อมูลท่ีสืบค้นได้มารายงานให้เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกัน อภปิ รายซักถามจนคาดว่าสมาชกิ ทุกคนมีความรคู้ วามเข้าใจทีต่ รงกนั – สมาชกิ กล่มุ ชว่ ยกันสรปุ ความรทู้ ไ่ี ด้ท้ังหมดเป็นผลงานของกล่มุ (3) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและ เปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นทุกคนซักถามเม่ือมีปญั หา 3) ขนั้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถาม ต่อไปน้ี – สตั วม์ กี ระดกู สันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ําสะเทินบกมีลักษณะสําคัญอะไร (แนวคําตอบ สัตว์มี กระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ําสะเทินบกเป็นสัตว์เลือดเย็น ออกลูกเป็นไข่ ตัวอ่อนมีหางเหมือนปลา หายใจด้วยเหงือก และเจริญเติบโตในนํ้า ส่วนตัวเต็มวัยมีผิวหนังเปียกชื้น หายใจด้วยปอดและผิวหนัง และ เจริญเติบโตบนบก) – สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ําสะเทินบกมีลักษณะสําคัญใดท่ีต่างจากสัตว์ในกลุ่ม อนื่ (แนวคาํ ตอบ ช่วงตัวอ่อนเจริญเตบิ โตในนา้ํ และช่วงตวั เตม็ วัยเจริญเติบโตบนบก) (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสัน หลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ําสะเทินบกเป็นสัตว์เลือดเย็น ออกลูกเป็นไข่ ตัวอ่อนมีหางเหมือนปลาหายใจด้วย เหงอื ก และเจรญิ เตบิ โตในน้ํา สว่ นตวั เต็มวัยมผี วิ หนังเปยี กชนื้ หายใจดว้ ยปอดและผิวหนัง และเจริญเติบโตบน บก 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูนําวัฏจักรชีวิตของกบมาให้นักเรียนดูแล้วอธิบายว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินนํ้า สะเทนิ บกมชี ว่ งชีวิตทอี่ าศยั อยู่ทง้ั ในนํ้าและบนบก อาศยั บนบก อาศยั ในนา้ํ

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 วฏั จักรชวี ติ ของกบ (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินนํ้า สะเทนิ บกจากหนังสอื เรยี นภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์ พร้อมท้งั คาํ แปลลงสมุดส่งครู 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้าง ที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มขี ้อสงสัย ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพิม่ เติมให้นกั เรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกันประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ ว่ามปี ญั หาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนาํ ความร้ไู ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรียน เช่น – สตั ว์มกี ระดูกสันหลังในกลมุ่ สัตวส์ ะเทนิ นํา้ สะเทินบกมีลกั ษณะสําคญั อะไรบา้ ง – ถ้าเราเจอสตั ว์มีกระดูกสันหลงั ท่ีอาศยั อยู่ท้ังในนํ้าและบนบก เราจะจําแนกว่าเป็นสัตว์มีกระดูก สนั หลังในกลุ่มสตั ว์สะเทินนาํ้ สะเทนิ บกไดห้ รือไม่ เพราะอะไร ขน้ั สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบก โดยร่วมกัน เขยี นเป็นแผนที่ความคิดหรอื ผงั มโนทัศน์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. วัฏจักรชวี ิตของกบ 2. หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรบั เยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ 3. หนงั สอื เรียนภาษาตา่ งประเทศ 4. ค่มู อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 5. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 6. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 7. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ รื่องสตั ว์มีกระดกู สนั หลงั (สตั ว์สะเทนิ น้าํ สะเทิน 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคดิ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกตและ การสงั เกตการทํางานกลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 บก) ใชแ้ บบวดั เจตคตทิ าง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตร์ ปฏิบตั กิ ิจกรรมเปน็ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรยี น 2. ประเมินเจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกล่มุ โดย เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทํางานกลุ่ม ใช้แบบวัดเจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ 12. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจํานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นักเรยี นนี่ไม่ผา่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นกั เรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A)

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรยี นร้ขู อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผู้เรยี นเป็นสาํ คัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยงั ไม่เน้นผู้เรียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่  นาํ ไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรุงกอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................)

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ตําแหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 31 สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เรือ่ ง สัตว์มกี ระดูกสนั หลงั (สตั ว์เลอ้ื ยคลาน) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ที.่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธกุ รรม การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมทม่ี ีผลตอ่ สง่ิ มชี ีวิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวฒั นาการของ ส่งิ มชี วี ิต รวมทงั้ นําความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั ช้นั ปี บรรยายลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ํานม และยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิตในแต่ละกลุ่ม (ว 1.3 ป. 4/4) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บรรยายลักษณะเฉพาะทส่ี งั เกตไดข้ องสัตว์มีกระดูกสนั หลังในกลุม่ สัตวเ์ ลื้อยคลานได้ (K) 2. จําแนกสตั วเ์ ปน็ กลุ่มสตั ว์สะเทนิ น้าํ สะเทินบกและกลุ่มสัตวเ์ ลื้อยคลานได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝรุ ู้หรืออยากรู้อยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรียนร้ทู ่ีเกย่ี วกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. ทาํ งานรว่ มกบั ผอู้ น่ื อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A) 6. สอ่ื สารและนําความรู้เรื่องสัตวม์ ีกระดกู สันหลัง (สัตว์เล้อื ยคลาน) ไปใช้ในชวี ติ ประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคญั สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เล้ือยคลานเป็นสัตว์เลือดเย็น ลําตัวมีเกล็ดหรือผิวหนังหนา ออกลูก เปน็ ไข่ หายใจด้วยปอด และเจรญิ เติบโตบนบก 5. สาระการเรียนรู้

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 สตั ว์มีกระดกู สันหลัง – สัตวเ์ ล้ือยคลาน 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทํางาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน 1. สบื ค้นขอ้ มลู ลักษณะของสัตวม์ ีกระดกู สนั หลงั ในกลุ่มสตั วเ์ ลื้อยคลาน 2. จาํ แนกสตั ว์มกี ระดกู สนั หลังเปน็ กลุม่ สัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบกและสตั วเ์ ล้อื ยคลาน 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ําสะเทินบก โดยให้นักเรียน ยกตัวอย่างลักษณะสําคัญของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ําสะเทินบกมาคนละ 1 ลักษณะ (แนว คาํ ตอบ สตั ว์มีกระดูกสันหลงั ในกลุ่มสัตว์สะเทินน้าํ สะเทนิ บกออกลูกเป็นไข)่ 2) นกั เรียนช่วยกนั ตอบคําถามและแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับคาํ ตอบของคาํ ถาม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การ เรียนรู้เร่ือง สตั วม์ กี ระดูกสนั หลัง (สตั ว์เลอ้ื ยคลาน) ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึ่งมีข้ันตอนดังนี้ 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูนาํ รูปเต่ากาํ ลังว่ายนํ้ามาใหน้ กั เรยี นดแู ลว้ ถามนักเรียนวา่ เต่าเปน็ สัตว์มีกระดูกสันหลัง ในกลมุ่ ใด เพราะอะไร (แนวคําตอบ เตา่ เปน็ สตั ว์มีกระดูกสันหลงั ในกลุม่ สตั ว์เลอ้ื ยคลาน เพราะเต่าหายใจดว้ ย ปอดและมผี ิวหนงั หนา) (2) นักเรียนรว่ มกันอภปิ รายเกยี่ วกบั คาํ ตอบจากคําถามของครูตามประสบการณข์ องนกั เรียน 2) ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration)

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (1) ให้นกั เรียนศกึ ษาเร่ืองลักษณะของสัตวม์ กี ระดูกสันหลงั ในกลุ่มสัตว์เล้ือยคลานจากใบความรู้หรือใน หนงั สือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เล้ือยคลานมีลักษณะบาง ประการที่เป็นลกั ษณะเฉพาะ (2) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน โดยดําเนินการตามขั้นตอนดังนี้ – แตล่ ะกลมุ่ วางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน เป็นหัวขอ้ ย่อย เชน่ อุณหภูมริ ่างกาย ลักษณะภายนอก อวัยวะในการหายใจ และการเจริญเติบโต ให้สมาชิกแต่ ละกลุ่มชว่ ยกนั สบื ค้นตามหัวข้อทก่ี าํ หนด – สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมลู ตามหัวข้อท่ีกลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรับเยาวชน และอนิ เทอรเ์ น็ต – สมาชกิ กลุ่มนําขอ้ มูลท่สี ืบคน้ ไดม้ ารายงานใหเ้ พ่ือนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดว่าสมาชกิ ทุกคนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจท่ีตรงกนั – สมาชกิ กล่มุ ชว่ ยกันสรุปความร้ทู ีไ่ ด้ท้ังหมดเปน็ ผลงานของกลมุ่ (3) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ ห้องเรียนและ เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนซักถามเมอื่ มีปัญหา 3) ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหน้าห้องเรยี น (2) นักเรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคําถาม ตอ่ ไปนี้ – สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลานมีลักษณะสําคัญอะไร (แนวคําตอบ สัตว์มีกระดูก สันหลังในกลุ่มสัตว์เล้ือยคลานเป็นสัตว์เลือดเย็น ลําตัวมีเกล็ดหรือผิวหนังหนา ออกลูกเป็นไข่ หายใจด้วยปอด และเจรญิ เติบโตบนบก) – สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เล้ือยคลานแตกต่างจากสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์ สะเทนิ น้าํ สะเทนิ บกลักษณะใด (แนวคาํ ตอบ สัตว์มกี ระดกู สนั หลังในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลานเจริญเติบโตเฉพาะบน บกเท่านัน้ ) (3) ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสัน หลังในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลานเป็นสัตว์เลือดเย็น ลําตัวมีเกล็ดหรือผิวหนังหนา ออกลูกเป็นไข่ หายใจด้วยปอด และเจริญเตบิ โตบนบก 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูให้นักเรียนฝึกจําแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบกและสัตว์มีกระดูกสัน หลงั ในกลมุ่ สัตว์เล้อื ยคลานตามขน้ั ตอนดงั นี้ – ครูเตรียมบัตรภาพสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ําสะเทินบกและสัตว์มีกระดูกสัน หลงั ในกล่มุ สตั ว์เลอ้ื ยคลานมาประมาณ 12 แผน่ – จัดนกั เรยี นเปน็ 2 แถว หาตัวแทนถอื แผ่นภาพ 1 คน โดยให้ยกข้ึนทีละแผ่น ให้เพื่อนดูเพียงครู่ หนง่ึ แล้วเก็บลง – เพอ่ื นคนแรกของแตล่ ะแถวบอกวา่ ภาพที่เห็นเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ําสะเทิน บกหรอื สัตวม์ ีกระดูกสนั หลังในกลุ่มสตั ว์เลอ้ื ยคลาน ใครตอบไดก้ อ่ นและถูกต้องจะไดเ้ กบ็ บตั รภาพไว้ – เปลย่ี นใหค้ นที่ 2 ทาํ กจิ กรรม และเปลย่ี นไปจนหมดแถว

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – แถวที่ได้บัตรภาพมากทส่ี ุดเปน็ ฝุายชนะ ตัวอย่างแผน่ ภาพ (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน จากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมท้ัง คําแปลลงสมุดส่งครู 5) ข้นั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้าง ท่ยี งั ไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยังมขี ้อสงสยั ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเตมิ ให้นกั เรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมนิ การปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรอื อปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนําความรู้ไปใช้ประโยชน์

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคาํ ถามนักเรียน เช่น – สตั วม์ ีกระดูกสันหลงั ในกล่มุ สตั วเ์ ลือ้ ยคลานมีลักษณะสําคัญอะไรบา้ ง – สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ําสะเทินบกและสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่ม สัตวเ์ ล้อื ยคลานมีลักษณะสาํ คญั ใดท่ีแตกตา่ งกนั ขั้นสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน โดยร่วมกันเขียนเป็น แผนท่ีความคดิ หรอื ผงั มโนทัศน์ 10. สอื่ การเรยี นรู้ 1. รปู เต่ากาํ ลังวา่ ยน้าํ 2. บัตรภาพสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบกและสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่ม สัตว์เล้ือยคลาน 3. หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาํ หรบั เยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ 4. หนงั สอื เรียนภาษาต่างประเทศ 5. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 6. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 7. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 8. หนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เร่ืองสัตว์มกี ระดูก สนั หลัง (สตั ว์เลือ้ ยคลาน) 1. ประเมินเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกตและ การสงั เกตการทาํ งานกลุ่ม กจิ กรรมฝึกทักษะระหว่างเรยี น ใชแ้ บบวัดเจตคตทิ าง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ วิทยาศาสตร์ ปฏิบตั ิกิจกรรมเปน็ 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ รายบคุ คลหรอื รายกลมุ่ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ การสงั เกตการทํางานกลุ่ม ใช้แบบวัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรียนจํานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรยี นนไี่ ม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นักเรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรียนมคี วามรเู้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. .........................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผูเ้ รยี นเปน็ สาํ คัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสําคัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่  นาํ ไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 32 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอื่ ง สัตว์มกี ระดูกสันหลัง (นก) เวลา 1 ชวั่ โมง วันท.่ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพนั ธุกรรมทีม่ ผี ลตอ่ สง่ิ มีชีวิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวฒั นาการของ สง่ิ มีชีวิต รวมท้ังนาํ ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวัดช้ันปี บรรยายลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนํ้านม และยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิตในแต่ละกลุ่ม (ว 1.3 ป. 4/4) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บรรยายลกั ษณะเฉพาะทส่ี งั เกตไดข้ องสัตว์มีกระดกู สันหลังในกลุ่มนก (K) 2. มีความสนใจใฝรุ หู้ รืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ เ่ี กีย่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานร่วมกับผ้อู ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สอ่ื สารและนาํ ความรเู้ รอ่ื งสตั วม์ กี ระดกู สนั หลัง (นก) ไปใช้ในชีวิตประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกเป็นสัตว์เลือดอุ่น ลําตัวปกคลุมด้วยขนเป็นแผง ปากเป็นจะงอย ไม่มี ฟัน ออกลกู เป็นไข่ หายใจด้วยปอด และเจรญิ เติบโตบนบก 5. สาระการเรยี นรู้ สตั วม์ กี ระดูกสันหลงั – นก

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทํางาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สืบคน้ ข้อมูลลักษณะของสัตวม์ กี ระดูกสันหลงั ในกลุ่มนก 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนาเขา้ สู่บทเรียน 1) ครูทบทวนเร่อื งสตั ว์มีกระดกู สันหลงั ในกลมุ่ ปลา กลุ่มสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน โดยให้นักเรียนยกตัวอย่างสัตว์ในแต่ละกลุ่ม (แนวคําตอบ สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา เช่น ปลาดุกและ ปลาชอ่ น สตั วม์ ีกระดูกสันหลงั ในกลมุ่ สัตวส์ ะเทินนํา้ สะเทินบก เชน่ กบและคางคก และสัตว์มีกระดูกสันหลังใน กลุม่ สัตวเ์ ลอื้ ยคลาน เชน่ จระเข้และเตา่ ) 2) ครูถามคําถามนักเรียนว่า นอกจากสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบก และกลมุ่ สัตว์เลอื้ ยคลานแล้ว สตั ว์มกี ระดกู สันหลังยงั จาํ แนกเป็นกลุ่มใดไดอ้ ีก (แนวคาํ ตอบ จําแนกเป็นกลุ่มนก และกลมุ่ สตั ว์เลีย้ งลูกดว้ ยน้าํ นม) 3) นกั เรยี นช่วยกนั ตอบคาํ ถามและแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั คําตอบของคาํ ถาม เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การ เรียนร้เู ร่อื ง สัตวม์ ีกระดูกสันหลงั (นก) ขนั้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มขี ัน้ ตอนดังนี้ 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยถามคําถามว่า นักเรียนรู้จักสัตว์มีกระดูกสันหลังใน กลุ่มนกหรือไม่ ยกตัวอยา่ ง (แนวคําตอบ รจู้ ัก สัตว์มกี ระดูกสันหลังในกล่มุ นก เช่น นกกระจอกและนกนางนวล) (2) นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกบั คําตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นกั เรียนศกึ ษาเร่อื งลักษณะของสัตว์มกี ระดูกสนั หลงั ในกลุ่มนกจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังใน กลุ่มนกมีลักษณะบางประการที่เป็น ลกั ษณะเฉพาะ

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (2) แบ่งนกั เรียนกลมุ่ ละ 5 – 6 คน สบื คน้ ขอ้ มลู เก่ยี วกับสัตวม์ กี ระดูกสันหลังในกลุ่มนกโดยดําเนินการ ตามขั้นตอนดังนี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกเป็นหัวข้อ ย่อย เช่น อุณหภูมิร่างกาย ลักษณะภายนอก อวัยวะในการหายใจ และการเจริญเติบโต ให้สมาชิกแต่ละกลุ่ม ช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อท่ีกาํ หนด – สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั สบื ค้นขอ้ มลู ตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสือ วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาํ หรบั เยาวชน และอินเทอรเ์ น็ต – สมาชิกกล่มุ นําข้อมูลที่สืบคน้ ไดม้ ารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดว่าสมาชิกทกุ คนมีความรคู้ วามเขา้ ใจท่ีตรงกนั – สมาชิกกลุ่มช่วยกนั สรปุ ความรู้ท่ไี ด้ทง้ั หมดเป็นผลงานของกลมุ่ (3) ครคู อยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรยี นทุกคนซกั ถามเมอ่ื มีปญั หา 3) ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลมุ่ นาํ เสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคําถาม ต่อไปน้ี – สตั ว์มีกระดกู สนั หลงั ในกลมุ่ นกมีลักษณะสําคญั อะไร (แนวคําตอบ สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่ม นกเป็นสัตว์เลือดอุ่น ลําตัวปกคลุมด้วยขนเป็นแผง ปากเป็นจะงอย ไม่มีฟัน ออกลูกเป็นไข่ หายใจด้วยปอด และเจริญเติบโตบนบก) – เป็ดท่ีมีปากแบนจําแนกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคําตอบ เป็ดจําแนกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนก เพราะมีลักษณะของสัตว์ในกลุ่มนก เช่น มีขนเป็นแผงและ ออกลกู เป็นไข่ แม้วา่ จะมีปากแบนแตก่ ม็ ลี กั ษณะแข็งและไม่มีฟัน) (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ ผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสัน หลังในกลุ่มนกเป็นสัตว์เลือดอุ่น ลําตัวปกคลุมด้วยขนเป็นแผง ปากเป็นจะงอย ไม่มีฟัน ออกลูกเป็นไข่ หายใจ ดว้ ยปอด และเจรญิ เตบิ โตบนบก 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูขยายความรู้ให้กับนักเรียนว่า สัตว์เลือดอุ่น หมายถึง สัตว์ท่ีมีอุณหภูมิภายในลําตัวคงท่ี ไม่ เปล่ียนไปตามอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม แต่สัตว์เลือดอุ่นก็มีวิธีรักษาอุณหภูมิภายในลําตัวให้เหมาะสมต่อการ ดํารงชวี ิต เชน่ ในช่วงฤดูหนาว นกบางชนิดจะย้ายถน่ิ ฐานมายงั บริเวณที่มีอากาศอบอุ่น หรือช่วงฤดูร้อน นกจะ กินนํา้ มากกว่าปกติเพื่อระบายความร้อน (2) ครูอธบิ ายเพิม่ เติมว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนก นอกจากนกชนิดต่างๆ แล้วยังรวมถึงไก่ เป็ด และห่าน ซึ่งมีลักษณะสําคัญที่เหมือนกัน คือ เป็นสัตว์เลือดอุ่น ลําตัวปกคลุมด้วยขนเป็นแผง ปากเป็นจะงอย ไมม่ ีฟัน (ยกเว้นเปด็ และหา่ นทีม่ ปี ากลกั ษณะแบน) ออกลกู เป็นไข่ หายใจด้วยปอด และเจริญเตบิ โตบนบก (3) นกั เรยี นค้นคว้าคาํ ศัพท์ภาษาตา่ งประเทศเกยี่ วกบั สัตว์มกี ระดกู สันหลงั ในกลุ่มนก จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมท้ังคําแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (1) ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้าง ที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี ้อสงสยั ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพิ่มเติมให้นกั เรยี นเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรอื อปุ สรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนําความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคาํ ถามนักเรียน เชน่ – นอกจากนกแล้วมสี ัตวช์ นิดใดอยใู่ นกลุ่มนกอกี หรือไม่ ยกตวั อยา่ ง – เป็ดและหา่ นจัดอยูใ่ นกลมุ่ นกเพราะอะไร ขน้ั สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนก โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคดิ หรือผงั มโนทัศน์ 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. หนังสือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรับเยาวชน และอนิ เทอร์เนต็ 2. หนังสือเรยี นภาษาตา่ งประเทศ 3. คู่มอื การสอน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 4. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 6. หนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ ร่ืองสตั ว์มีกระดกู สนั หลัง (นก) 1. ประเมนิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคดิ โดย 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกตและ การสังเกตการทาํ งานกลมุ่ กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น ใชแ้ บบวดั เจตคตทิ าง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ วิทยาศาสตร์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทํางานกลุม่ ใช้แบบวดั เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจํานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นกั เรยี นนไี่ ม่ผ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรยี นมีความรู้เกิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................ .......................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. .........................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผูเ้ รยี นเปน็ สาํ คัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสําคัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่  นาํ ไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 33 สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เรื่อง สตั ว์มีกระดูกสนั หลัง (สัตวเ์ ล้ยี งลูกดว้ ยนาํ้ นม) เวลา 1 ชั่วโมง วันท.ี่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธกุ รรม การเปลยี่ นแปลงทางพนั ธุกรรมทีม่ ีผลตอ่ ส่ิงมีชวี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ และววิ ัฒนาการของ สิง่ มีชวี ิต รวมทัง้ นาํ ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ช้ีวัดช้ันปี บรรยายลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้ําสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เล้ียงลูกด้วยนํ้านม และยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิตในแต่ละกลุ่ม (ว 1.3 ป. 4/4) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บรรยายลกั ษณะเฉพาะทส่ี ังเกตไดข้ องสัตว์มกี ระดูกสนั หลังในกลมุ่ สัตว์เลย้ี งลูกดว้ ยนํ้านม (K) 2. มคี วามสนใจใฝรุ ู้หรอื อยากรูอ้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรทู้ ่เี กย่ี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานรว่ มกับผู้อื่นอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนําความรู้เรื่องสัตว์มีกระดูกสันหลัง (สัตว์เล้ียงลูกด้วยน้ํานม) ไปใช้ในชีวิตประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ สตั วม์ ีกระดกู สันหลังในกลุ่มสตั ว์เลยี้ งลูกด้วยนา้ํ นมเปน็ สตั ว์เลอื ดอ่นุ ลําตัวปกคลุมด้วยขนเป็นเส้น เพศ เมยี มีต่อมสรา้ งนํา้ นม ออกลูกเปน็ ตวั หายใจดว้ ยปอด และเจริญเติบโตบนบก 5. สาระการเรียนรู้ สตั ว์มีกระดกู สนั หลงั – สัตว์เลีย้ งลกู ด้วยนํ้านม

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มุ่งมั่นในการทํางาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน สบื ค้นข้อมูลลกั ษณะของสตั วใ์ นกลมุ่ สัตว์เลยี้ งลูกด้วยนาํ้ นม 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนก โดยให้นักเรียนยกตัวอย่างลักษณะ สาํ คญั ของสตั ว์แต่ละกลุม่ มาคนละ 1 ลกั ษณะ (แนวคาํ ตอบ สัตว์ในกลุ่มนกมีจะงอยปากแข็ง) 2) นักเรยี นช่วยกนั ตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั คาํ ตอบของคําถาม เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การ เรียนรู้เรื่อง สตั วม์ กี ระดกู สนั หลัง (สัตว์เลี้ยงลกู ด้วยนาํ้ นม) ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มขี น้ั ตอนดังนี้ 1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครนู ํารูปวาฬ โลมา ค้างคาว และตุน่ ปากเปด็ มาใหน้ ักเรียนดแู ล้วถามคําถามวา่ – สัตว์ในรูปเรยี กวา่ อะไรบา้ ง (แนวคําตอบ วาฬ โลมา คา้ งคาว และต่นุ ปากเปด็ ) – สัตว์ในรูปจัดเปน็ สัตวม์ ีกระดูกสนั หลังในกลุ่มใด (แนวคําตอบ สัตว์เลย้ี งลกู ด้วยน้ํานม) (2) นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับคาํ ตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับวาฬ โลมา ค้างคาว และตุ่นปากเป็ด โดยดาํ เนนิ การตามข้นั ตอนดงั นี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อวาฬ โลมา ค้างคาว และตุ่นปากเป็ดเป็นหัวข้อ ยอ่ ย เชน่ แหลง่ ที่อยู่ ลกั ษณะภายนอก และลกั ษณะที่แสดงถึงสัตว์ในกลุ่มสัตว์เล้ียงลูกด้วยนํ้านม ให้สมาชิกแต่ ละกลมุ่ ช่วยกันสบื ค้นตามหัวข้อท่ีกาํ หนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อท่ีกลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สือ วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรับเยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ – สมาชิกกลุ่มนําข้อมูลท่ีสืบค้นได้มารายงานให้เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทกุ คนมีความรคู้ วามเข้าใจทต่ี รงกนั

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – สมาชิกกลมุ่ ชว่ ยกันสรปุ ความร้ทู ่ีได้ท้ังหมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม (2) ครคู อยแนะนาํ ชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทกุ คนซักถามเมอื่ มปี ัญหา 3) ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหน้าห้องเรยี น (2) นักเรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถาม ต่อไปน้ี – ลักษณะสําคัญท่ีทําให้สัตว์กลุ่มน้ีเป็นสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้ํานมคืออะไร (แนวคําตอบ เพศเมียมี ตอ่ มสรา้ งนา้ํ นม) – วาฬและโลมาไม่จัดเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลาเพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะวาฬ และโลมาหายใจด้วยปอด ออกลูกเป็นตัว และเพศเมียมีต่อมสร้างนํ้านม ซึ่งแตกต่างจากลักษณะของสัตว์มี กระดกู สันหลังในกลุ่มปลาทหี่ ายใจดว้ ยเหงอื ก ออกลกู เป็นไข่ และเพศเมยี ไมม่ ีตอ่ มสร้างน้ํานม) – ค้างคาวไม่จัดเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกเพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะค้างคาว ออกลูกเป็นตัว และเพศเมียมีต่อมสร้างนํ้านม ซ่ึงแตกต่างจากลักษณะของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกท่ี ออกลกู เป็นไขแ่ ละเพศเมยี ไม่มีต่อมสร้างน้ํานม) – ตุ่นปากเป็ดแตกต่างจากสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้ํานมชนิดอื่นในเร่ืองใด (แนวคําตอบ ออกลูกเป็นไข่และปากแบนและแข็งเหมือนปากของเป็ดท่ีจําแนกอยู่ในสัตว์มีกระดูกสันหลังใน กลุม่ นก) (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสัน หลังในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนํ้านมเป็นสัตว์เลือดอุ่น ลําตัวปกคลุมด้วยขนเป็นเส้น เพศเมียมีต่อมสร้างนํ้านม ออกลูกเป็นตวั หายใจด้วยปอด และเจรญิ เตบิ โตบนบก 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายความรู้เสริมให้นักเรียนว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้ํานมบางชนิด อาศัยในนํ้า เช่น โลมาและวาฬ ซึ่งแม้จะอาศัยในนํ้าแต่ก็มีลักษณะสําคัญของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์ เลี้ยงลกู ดว้ ยน้ํานม คือ เพศเมียมีต่อมสร้างน้ํานม ออกลูกเป็นตัว และหายใจด้วยปอด โดยสัตว์พวกน้ีจะมีปอด ขนาดใหญเ่ พ่ือกักเกบ็ อากาศไวใ้ ชห้ ายใจเมื่อดาํ นาํ้ (2) ครอู ธบิ ายเรอ่ื งนา่ รู้ วาฬ โดยให้นักเรียนเข้าใจว่า วาฬสามารถดํานํ้าได้เฉลี่ย 20 นาที และสามารถ ดํานํ้าได้นานถึง 1 ช่ัวโมง ในขณะที่คนดําน้ําได้เฉล่ียเพียง 3 นาที และคนที่ถูกบันทึกสถิติโลกว่าดําน้ําได้นาน ที่สดุ สามารถดํานํา้ ไดน้ านถงึ 22 นาที 22 วนิ าที (3) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มนกและกลุ่มสัตว์ เลีย้ งลูกดว้ ยนาํ้ นมจากหนังสือเรียนภาษาตา่ งประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัด คําศัพท์พรอ้ มทง้ั คาํ แปลลงสมุดสง่ ครู 5) ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพม่ิ เตมิ ใหน้ กั เรียนเข้าใจ (2) นกั เรียนร่วมกันประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุม่ ว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบา้ ง

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนําความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคาํ ถามนักเรียน เช่น – คา้ งคาวไม่จัดอย่ใู นกลุ่มนกเพราะอะไร – เราไม่เรียกวาฬว่าปลาวาฬเพราะอะไร ขั้นสรปุ 1) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนํ้านม โดยร่วมกัน เขียนเปน็ แผนที่ความคดิ หรอื ผงั มโนทัศน์ 2) ครมู อบหมายให้นักเรียนไปศกึ ษาค้นควา้ เนือ้ หาของบทเรียนชัว่ โมงหน้า เพื่อจัดการเรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นักเรยี นศกึ ษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อ สตั วไ์ ม่มีกระดูกสันหลงั 3) ครูใหน้ กั เรียนเตรียมประเดน็ คาํ ถามทส่ี งสยั มาอยา่ งนอ้ ยคนละ 1 คําถาม เพื่อนํามาอภิปรายร่วมกัน ในช้ันเรียนครงั้ ต่อไป 10. สือ่ การเรยี นรู้ 1. รูปวาฬ โลมา ค้างคาว และตุ่นปากเปด็ 2. หนังสือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาํ หรับเยาวชน และอินเทอรเ์ นต็ 3. หนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ 4. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 5. สือ่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 6. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 7. หนังสือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ รื่องสัตว์มีกระดูก สนั หลงั (สัตว์เลี้ยงลกู ดว้ ยนาํ้ นม) 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง 1. ประเมินทักษะการคดิ โดย 2. ตรวจช้นิ งานหรอื ภาระงานของ วิทยาศาสตร์เปน็ รายบคุ คลโดย การสังเกตการทํางานกล่มุ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน การสังเกตและใช้แบบวดั เจต 2. ประเมินพฤติกรรมในการ คติทางวทิ ยาศาสตร์ ปฏิบตั ิกจิ กรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต การสงั เกตการทาํ งานกลุ่ม และใช้แบบวัดเจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นักเรยี นจาํ นวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรียนนี่ไม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 2. นกั เรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมีความร้เู กิดทักษะ (P) ................................................................................................. ..................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................... ....................... ............................................................................................................ ..........................................

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ด้รับมอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสําคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สําคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี  นําไปใช้ได้จรงิ  ควรปรับปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................ .................................. ................................................................................................. ............................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 34 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่อื ง สัตวไ์ มม่ กี ระดูกสันหลัง (1) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท.่ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธุกรรม การเปลย่ี นแปลงทางพนั ธุกรรมท่ีมีผลต่อส่ิงมีชวี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ และววิ ฒั นาการของ ส่งิ มีชวี ติ รวมทั้งนาํ ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วัดช้ันปี จําแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็น เกณฑ์ โดยใชข้ ้อมลู ท่รี วบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บรรยายลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตไดข้ องสตั ว์ไม่มกี ระดูกสนั หลัง (K) 2. มคี วามสนใจใฝรุ หู้ รืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนร้ทู เี่ ก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานร่วมกบั ผอู้ ืน่ อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนาํ ความรเู้ ร่อื งสตั ว์ไมม่ ีกระดกู สันหลงั ไปใช้ในชวี ิตประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นสัตว์ท่ีไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายในลําตัว สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจึงมี ลําตัวอ่อนนมิ่ และบางชนิดสรา้ งโครงร่างแข็งหุ้มลําตัวไว้เพ่ือปูองกันอันตราย ซึ่งลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันน้ี สามารถใช้เปน็ เกณฑใ์ นการจําแนกสัตวไ์ ม่มกี ระดูกสันหลงั เป็นกลุ่มได้ 5. สาระการเรียนรู้ สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลงั – กลมุ่ ฟองน้ํา – กลมุ่ หนอนพยาธิ

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – กลมุ่ สตั วท์ มี่ ีรกู ลางลําตัว 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทาํ งาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน สบื ค้นข้อมลู ลักษณะของสตั ว์ไมม่ ีกระดูกสนั หลัง 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับการจําแนกสัตว์ โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์โดยถาม นักเรียนว่า งูและไส้เดือนดินจัดเป็นสัตว์ในกลุ่มเดียวกันหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคําตอบ งูและไส้เดือนดิน จัดเป็นสัตว์ต่างกลุ่มกัน เพราะงูมีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายในลําตัว ส่วนไส้เดือนดินไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็ง ภายในลาํ ตัว) 2) นกั เรียนช่วยกนั ตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั คําตอบของคาํ ถาม เพ่อื เชื่อมโยงไปสู่การ เรียนรเู้ รอ่ื ง สตั ว์ไม่มกี ระดกู สันหลัง ข้นั จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนร้โู ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มีขัน้ ตอนดงั น้ี 1) ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูแบง่ กล่มุ นกั เรยี นแลว้ เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นในกลุ่มนําเสนอขอ้ มลู เก่ียวกบั สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ที่ครมู อบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานําเสนอข้อมูลหน้า ห้องเรยี น (2) ครตู รวจสอบว่านักเรยี นทาํ ภาระงานท่ไี ดร้ บั มอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการ จดบันทึก ของนกั เรยี น และถามคาํ ถามเก่ียวกบั ภาระงาน ดงั นี้ – สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมีลักษณะสําคัญอะไร (แนวคําตอบ ไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายใน ลาํ ตวั ) – สัตวไ์ มม่ ีกระดูกสันหลงั แบ่งเปน็ กลมุ่ ใดบา้ ง (แนวคาํ ตอบ กลุ่มฟองนํา้ กลุ่มสตั ว์ท่ีมีรูกลางลาํ ตัว กลมุ่ หนอนพยาธิ กลมุ่ สตั ว์ที่มีลําตวั เป็นปล้อง กลุม่ หอย และกลมุ่ สัตว์ที่มีขาเปน็ ขอ้ ) (3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคําถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทําภาระงานอย่างน้อยคนละ 1 คาํ ถาม ซึ่งครใู ห้นักเรยี นเตรียมมาล่วงหนา้ และใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ตอบและแสดงความคิดเห็น

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์ไม่มี กระดกู สนั หลงั เป็นสัตว์ทไ่ี ม่มีโครงร่างเปน็ แกนแขง็ ภายในลําตวั โดยสัตวไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลังแต่ละชนิดมีลักษณะ เฉพาะทีแ่ ตกตา่ งกันจงึ สามารถนํามาจําแนกเปน็ กลุม่ ได้ 2) ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังโดยดําเนินการตาม ข้ันตอนดังนี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มฟองนํ้า กลุ่ม สัตว์ที่มีรูกลางลําตัว และกลุ่มหนอนพยาธิเป็นหัวข้อย่อย เช่น ลักษณะลําตัวของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในแต่ ละกลุ่ม และตัวอย่างของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในแต่ละกลุ่ม ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อที่ กําหนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบคน้ ข้อมลู ตามหัวข้อท่ีกลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาํ หรับเยาวชน และอินเทอร์เนต็ – สมาชิกกลุ่มนําขอ้ มูลทสี่ บื ค้นไดม้ ารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทกุ คนมคี วามรู้ความเขา้ ใจทต่ี รงกนั – สมาชิกกลมุ่ ชว่ ยกันสรปุ ความรู้ทไ่ี ด้ทง้ั หมดเปน็ ผลงานของกลุม่ (2) ครคู อยแนะนาํ ช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรียนทกุ คนซกั ถามเมือ่ มปี ญั หา 3) ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนกล่มุ นําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยใช้แนวคาํ ถาม ต่อไปน้ี – ยกตัวอย่างลักษณะลําตัวของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมา 1 กลุ่ม (แนวคําตอบ กลุ่มสัตว์ท่ีมีรู กลางลําตัว มลี าํ ตัวออ่ นนิ่มและมรี กู ลางลําตวั ) – ยกตัวอย่างสัตว์ในกลุ่มสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมา 1 กลุ่ม (แนวคําตอบ กลุ่มสัตว์ที่มีรูกลาง ลําตวั เชน่ แมงกะพรุน ปะการงั และดอกไมท้ ะเล) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์ไม่มีกระดูก สันหลังเป็นสัตว์ที่ไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายในลําตัว สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจึงมีลําตัวอ่อนน่ิม และมี ลักษณะเฉพาะทีแ่ ตกต่างกันในสัตว์แต่ละกลมุ่ เราจึงสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการจําแนกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เป็นกลุ่มได้ 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครเู ชือ่ มโยงความรอู้ าเซยี น โดยถามนกั เรยี นว่า นักเรียนรู้จักปะการังหรือไม่ และถ้าต้องดูปะการังต้อง ไปท่ใี ด จากนน้ั ครใู ห้ความรู้เสรมิ กบั นักเรยี นว่า ปะการังเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์ท่ีมีรูกลางลําตัว ท่อี าศัยในทะเล แตท่ ี่เราเห็นว่าปะการังเป็นเหมือนก้อนแข็งเน่ืองจากปะการังสร้างหินปูนขึ้นเพื่อปูองกันตัวเอง และเนื่องจากประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่มีชายฝั่งติดทะเลจึงเป็นแหล่งปะการังจํานวนมากท่ีช่วยสร้ างรายได้ จากธรุ กิจการทอ่ งเทย่ี วทางทะเลใหก้ ับคนในท้องถิ่น 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation)

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพิม่ เตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมินการปฏบิ ัติกิจกรรมกลมุ่ วา่ มปี ญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรียน เชน่ – ปะการังและดอกไมท้ ะเลจําแนกอยใู่ นกลุม่ เดียวกบั แมงกะพรุนเพราะอะไร ข้ันสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มฟองนํ้า กลุ่มสัตว์ท่ีมีรูกลางลําตัว และกล่มุ หนอนพยาธิ โดยร่วมกนั เขียนเปน็ แผนที่ความคิดหรอื ผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาํ หรบั เยาวชน และอินเทอร์เนต็ 2. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 3. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 4. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 5. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ ร่ืองสัตวไ์ ม่มี กระดูกสันหลัง 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย 2. ตรวจช้นิ งานหรือภาระงานของ วทิ ยาศาสตร์เปน็ รายบุคคลโดย การสังเกตการทํางานกลมุ่ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรยี น การสงั เกตและใช้แบบวดั เจต 2. ประเมินพฤติกรรมในการ คตทิ างวทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ัติกิจกรรมเปน็ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ รายบคุ คลหรอื รายกลมุ่ โดย เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต การสงั เกตการทาํ งานกลุม่ และใชแ้ บบวดั เจตคติต่อ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจํานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนน่ไี ม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นักเรียนมคี วามร้เู กิดทักษะ (P)

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นักเรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจัดการเรยี นรูข้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสําคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เน้นผู้เรยี นเป็นสําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี  นาํ ไปใชไ้ ด้จริง  ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. .................................................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 35 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง สตั วไ์ ม่มีกระดูกสันหลัง (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท่.ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธกุ รรม การเปลย่ี นแปลงทางพนั ธุกรรมทม่ี ผี ลตอ่ สิ่งมชี ีวติ ความหลากหลายทางชีวภาพ และววิ ฒั นาการของ สิ่งมีชวี ิต รวมทั้งนําความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี จําแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็น เกณฑ์ โดยใช้ข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บรรยายลกั ษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์ไม่มกี ระดกู สนั หลงั (K) 2. มีความสนใจใฝุร้หู รอื อยากรู้อยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ีเ่ กี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานรว่ มกบั ผ้อู นื่ อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. สอ่ื สารและนําความรเู้ รื่องสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลงั ไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นสัตว์ท่ีไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายในลําตัว สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจึงมี ลําตัวอ่อนนม่ิ และบางชนิดสรา้ งโครงร่างแข็งหุ้มลําตัวไว้เพ่ือปูองกันอันตราย ซึ่งลักษณะเฉพาะท่ีแตกต่างกันนี้ สามารถใชเ้ ป็นเกณฑใ์ นการจําแนกสัตวไ์ มม่ ีกระดูกสนั หลังเป็นกลุ่มได้

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 5. สาระการเรียนรู้ สัตวไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั – กลมุ่ สัตว์ทม่ี ีลาํ ตวั เป็นปลอ้ ง – กล่มุ หอย 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มุง่ มัน่ ในการทํางาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สบื ค้นขอ้ มูลลักษณะของสัตวไ์ ม่มีกระดูกสนั หลัง 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้นักเรียน โดยถามนักเรียนว่า หนอนพยาธิจัดเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเพราะ อะไร (แนวคาํ ตอบ หนอนพยาธิไมม่ โี ครงรา่ งแขง็ เป็นแกนภายในลําตัว) 2) นกั เรยี นชว่ ยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับคําตอบของคําถาม เพอ่ื เชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ ร่ือง สตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลัง ข้ันจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มขี ั้นตอนดงั นี้ 1) ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระตุ้นนักเรียนโดยการถามคําถามว่า นอกจากสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มฟองนํ้า กลุ่มสัตว์ ทม่ี รี ูกลางลําตัว และกลมุ่ หนอนพยาธิแล้ว นกั เรียนรู้จักสตั ว์ไมม่ ีกระดกู สันหลังกลุ่มใดอีกบ้าง (แนวคําตอบ สัตว์ ไมม่ ีกระดูกสันหลังในกลมุ่ สตั วท์ ่มี ีลําตวั เป็นปล้องและสัตวไ์ ม่มกี ระดูกสันหลงั ในกล่มุ หอย) (2) นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายเก่ียวกบั คาํ ตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง โดยดําเนินการตาม ขนั้ ตอนดังนี้

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์ที่มีลําตัวเป็น ปล้องและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มหอยเป็นหัวข้อย่อย เช่น ลักษณะลําตัวของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังใน แต่ละกลุ่ม และตัวอย่างของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในแต่ละกลุ่ม ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อ ที่กําหนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสือ วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาํ หรบั เยาวชน และอินเทอรเ์ นต็ – สมาชิกกลุ่มนําข้อมูลท่ีสืบค้นได้มารายงานให้เพ่ือนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดว่าสมาชกิ ทกุ คนมคี วามรู้ความเขา้ ใจท่ตี รงกนั – สมาชิกกลุ่มชว่ ยกนั สรปุ ความร้ทู ไ่ี ด้ทง้ั หมดเปน็ ผลงานของกล่มุ (2) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสใหน้ กั เรยี นทุกคนซกั ถามเมือ่ มีปัญหา 3) ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนกลุ่มนําเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าห้องเรยี น (2) นกั เรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคาํ ถาม ต่อไปน้ี – ยกตัวอย่างลักษณะลําตัวของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมา 1 กลุ่ม (แนวคําตอบ สัตว์ไม่มีกระดูก สนั หลังในกลมุ่ สัตวท์ ีม่ ลี าํ ตวั เป็นปลอ้ งมลี ําตัวอ่อนน่ิมและยาว มีลักษณะเป็นปล้องคล้ายวงแหวนต่อกัน และไม่ มขี า) – ยกตัวอย่างสตั ว์ในกล่มุ สตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลังมา 1 กลุ่ม (แนวคําตอบ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ในกล่มุ สตั วท์ ่มี ีลาํ ตัวเป็นปลอ้ ง เชน่ ไสเ้ ดอื นดนิ ปลงิ และทากดดู เลือด) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์ไม่มีกระดูก สันหลังเป็นสัตว์ที่ไม่มีโครงร่างเป็นแกนแข็งภายในลําตัว สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจึงมีลําตัวอ่อนนิ่ม และมี ลักษณะเฉพาะทีแ่ ตกตา่ งกนั ในสตั วแ์ ต่ละกลมุ่ เราจงึ สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการจําแนกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เปน็ กลุ่มได้ 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูให้นักเรียนเล่นเกมโดยแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม สืบค้นชนิดของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในแต่ละ กลุ่มให้มากท่ีสุด จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มบอกชนิดของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังคร้ังละ 1 ช่ือ โดยไม่ซํ้า กัน พร้อมกับระบุว่าจําแนกอยู่ในกลุ่มใด เมื่อแต่ละกลุ่มบอกช่ือครบแล้วให้วนรอบใหม่ กลุ่มใดพูดช่ือได้เป็น กลมุ่ สุดทา้ ยเป็นฝุายชนะ (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมท้ังคําแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ข้ันประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี อ้ สงสยั ถ้ามี ครูช่วยอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจ

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) นักเรยี นร่วมกันประเมนิ การปฏบิ ัติกจิ กรรมกลมุ่ วา่ มปี ญั หาหรืออุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนําความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคําถามนักเรียน เช่น – พยาธิไส้เดอื นและไสเ้ ดือนดนิ จําแนกอยตู่ า่ งกลุม่ กนั เพราะอะไร – ทากดดู เลอื ดและหอยทากจําแนกอย่ตู ่างกลุ่มกนั เพราะอะไร ขั้นสรุป ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เกีย่ วกับสัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์ท่ีมีลําตัวเป็นปล้องและสัตว์ไม่มี กระดกู สนั หลังในกลมุ่ หอย โดยร่วมกันเขยี นเป็นแผนท่คี วามคิดหรือผังมโนทศั น์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. หนังสือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรับเยาวชน และอนิ เทอร์เนต็ 2. หนังสือเรยี นภาษาต่างประเทศ 3. คมู่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 4. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 6. หนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เรื่องสัตว์ไม่มี กระดูกสนั หลงั 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมินทักษะการคิดโดย 2. ตรวจชิน้ งานหรอื ภาระงานของ วิทยาศาสตร์เปน็ รายบคุ คลโดย การสังเกตการทํางานกลมุ่ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรยี น การสังเกตและใช้แบบวดั เจต 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ คตทิ างวทิ ยาศาสตร์ ปฏิบตั ิกจิ กรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต การสังเกตการทาํ งานกลุม่ และใชแ้ บบวดั เจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ 12. บันทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจาํ นวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรียนน่ไี มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook