แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 2. ตัวช้ีวดั ชัน้ ปี ใชเ้ ครอ่ื งมอื เพอ่ื วดั มวลและปรมิ าตรของสสารท้ัง 3 สถานะ (ว 2.1 ป. 4/4) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมายของคําว่ามวลและปริมาตรได้ (K) 2. อธบิ ายการใช้เครื่องมือเพื่อวดั มวลและปรมิ าตรของสสารทั้ง 3 สถานะได้ (K) 3. มีความสนใจใฝรุ หู้ รืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ีเ่ กี่ยวกบั วิทยาศาสตร์ (A) 5. ทาํ งานร่วมกับผอู้ ื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 6. ส่อื สารและนําความร้เู ร่ืองการวัดมวลและปรมิ าตรของสสารไปใชใ้ นชวี ติ ประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคญั วสั ดุทุกชนิดเป็นสสาร คือ มมี วล ตอ้ งการที่อยู่ และสัมผสั ได้ ซึ่งสสารแตล่ ะสถานะมมี วลและปรมิ าตร แตกตา่ งกัน จงึ ใช้เคร่ืองมือวดั มวลและปริมาตรตา่ งกนั ด้วย 5. สาระการเรียนรู้ การวัดมวลและปรมิ าตรของสสาร – เครื่องมือท่ีใชว้ ดั มวลและปรมิ าตรของสสารทั้ง 3 สถานะ 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทํางาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการวดั มวลและปรมิ าตรของสสาร 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั นาเข้าสูบ่ ทเรียน
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 1) ครูนําฟองน้ําและดินนา้ํ มันมาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ถามคาํ ถามกบั นกั เรยี น ดงั นี้ – วัสดุทั้ง 2 ชนิดนี้มีมวลเท่ากันหรือไม่ อย่างไร (แนวคําตอบ ไม่เท่ากัน ฟองนํ้าเนื้อมีรูพรุน จึงมี มวลน้อยกวา่ ดนิ นาํ้ มันที่มเี น้อื แนน่ ) – สสารแตล่ ะสถานะมีมวลและปรมิ าตรเท่ากันหรอื ไม่ (แนวคาํ ตอบ ไม่เทา่ กนั ) 2) นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคําถามและแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับคาํ ตอบของคาํ ถาม เพือ่ เช่ือมโยงไปสู่การ เรียนร้เู ร่อื ง การวัดมวลและปรมิ าตรของสสาร ขนั้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดงั นี้ (1) ข้นั สร้างความสนใจ (1) ครถู ามคาํ ถามนักเรียนเพอื่ กระตนุ้ ความสนใจ เช่น – สสารที่มีสถานะเป็นของเหลวต้องอาศัยเคร่ืองมือใดในการหาปริมาตร (แนวคําตอบ บีกเกอร์ กระบอกตวง และหลอดฉีดยา) – การหามวลของของแข็งสามารถทําได้โดยใช้เครื่องมือชนิดใด (แนวคาํ ตอบ เคร่ืองชงั่ ) (2) นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเกีย่ วกบั คาํ ตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น (2) ข้นั สารวจและค้นหา (1) ครูให้นักเรียนศึกษาเก่ียวกับการวัดมวลและปริมาตรของสสารจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นกั เรยี นเขา้ ใจว่า วัสดทุ ุกชนิดเป็นสสาร คอื มีมวล ตอ้ งการที่อยู่ และสัมผัสได้ การวัดมวล และปริมาตรของสสารในแต่ละสถานะต้องอาศัยเครื่องมือในการวัดเพื่อหามวลและปริมาตร ซึ่งสสารแต่ละ สถานะใช้เครื่องมอื ทีแ่ ตกตา่ งกนั ข้นึ อยู่กับมวลและปรมิ าตร (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการวัดมวลและปริมาตรของสสาร โดย ดาํ เนนิ การตามขั้นตอนดังนี้ – แตล่ ะกลมุ่ วางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อการวัดมวลและปริมาตรของสสารเป็นหัวข้อย่อย เช่น เคร่ืองมือที่ใช้วัดมวลและปริมาตรของสสารที่เป็นของแข็ง เคร่ืองมือท่ีใช้วัดมวลและปริมาตรของสสารท่ี เป็นของเหลว และเครื่องมือท่ีใช้วัดมวลและปริมาตรของสสารท่ีเป็นแก๊ส ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้น ตามหวั ขอ้ ทกี่ ําหนด – สมาชิกกลุ่มแต่ละคนหรือกลุ่มย่อยช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อย่อยท่ีตนเองรับผิดชอบ โดยการ สืบค้นจากใบความรู้ที่ครูเตรียมมาให้ หรือหนังสือ วารสารวิทยาศาสตร์ สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรม ไทยสาํ หรับเยาวชน และอินเทอร์เน็ต – สมาชิกกลุ่มนําข้อมูลท่ีสืบค้นได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดว่าสมาชกิ ทกุ คนมคี วามรู้ความเข้าใจทตี่ รงกัน – สมาชกิ กลุ่มชว่ ยกันสรปุ ความรู้ทไ่ี ดท้ งั้ หมดเป็นผลงานของกลุ่ม (3) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยครเู ดนิ ดรู อบๆ ห้องเรียนและเปดิ โอกาส ใหน้ กั เรียนทกุ คนซักถามเมอ่ื มปี ญั หา (3) ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (1) นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนกล่มุ นาํ เสนอข้อมูลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นักเรียนและครูรว่ มกันอภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคาํ ถามตอ่ ไปนี้ – เครอ่ื งมอื ทีใ่ ชใ้ นการวดั ปรมิ าตรของแก๊สคืออะไร (แนวคาํ ตอบ บารอมเิ ตอร)์ – ถ้าต้องการวัดปริมาตรของของเหลวสามารถใช้เคร่ืองมือใดได้บ้าง (แนวคําตอบ บีกเกอร์ กระบอกตวง และหลอดฉีดยา) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สสารในแต่ละ สถานะมมี วลและปริมาตรไม่เท่ากนั จงึ ใช้เคร่ืองมือในการวัดมวลและปริมาตรแตกตา่ งกนั (4) ขน้ั ขยายความรู้ (1) นักเรียนสืบค้นข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับเคร่ืองมือท่ีใช้วัดมวลและปริมาตรของสสารทั้ง 3 สถานะ เพิ่มเติมจากแหลง่ ความรู้ต่างๆ เช่น หนังสือ วารสารวิทยาศาสตร์ และอินเทอร์เน็ต แล้วนําข้อมูลท่ีได้มาจัดทํา เป็นรายงานสง่ ครู (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศท่ีเกี่ยวกับเคร่ืองมือที่ใช้ในการวัดมวลและปริมาตร จาก หนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมทั้งคํา แปลลงสมดุ สง่ ครู (5) ขนั้ ประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เขา้ ใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพม่ิ เติมให้นักเรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมกล่มุ วา่ มีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคําถามนกั เรียน เช่น – ถ้าต้องการทราบว่าสสารแตล่ ะสถานะมีมวลและปริมาตรเท่ากันหรือไม่จะตอ้ งอาศัยวิธกี ารใด – เครอื่ งมอื ทใี่ ช้วดั มวลและปริมาตรของของแขง็ ของเหลว และแก๊ส คืออะไร – การวัดปรมิ าตรของแก๊สสามารถใช้เคร่ืองมอื ใดในการวัด ขน้ั สรุป 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับการวัดมวลและปริมาตรของสสาร โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคิดหรือผงั มโนทศั น์ 2) ครูดําเนินการทดสอบหลังเรียนโดยให้นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อวัดความก้าวหน้า/ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 ของนักเรยี น 3) ครูเช่ือมโยงเนื้อหาจากบทเรียนนี้กับหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เพ่ือให้นักเรียนเตรียมความพร้อมในการ เรียนชวั่ โมงตอ่ ไป โดยการใชค้ าํ ถามกระต้นุ ดังนี้ – วัตถุแตล่ ะชนิดทาํ จากวัสดุทแี่ ตกต่างกัน แต่เม่อื วตั ถุทกุ ชิน้ ตกจากโตะ๊ จะตกลงส่พู ้นื เสมอ เพราะ เหตุใดจึงเปน็ เชน่ น้ัน 4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเน้ือหาของบทเรียนชั่วโมงหน้าเพื่อจัดการเรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นักเรยี นศึกษาค้นควา้ ลว่ งหน้าในหัวขอ้ แรงโน้มถว่ ง
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 5) ครใู หน้ กั เรียนเตรยี มประเดน็ คาํ ถามทส่ี งสยั มาอย่างน้อยคนละ 1 คําถาม เพื่อนํามาอภิปรายร่วมกัน ในช้นั เรียนคร้งั ต่อไป 10. สอื่ การเรยี นรู้ 1. ฟองนา้ํ และดนิ นา้ํ มัน 2. คูม่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 3. สือ่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เรื่องการวดั มวล และปรมิ าตรของสสาร 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคลโดย การสงั เกตการทํางานกล่มุ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรียน การสงั เกตและใชแ้ บบวดั เจต 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ 3. ทดสอบหลงั เรยี นโดยใช้ แบบทดสอบหลงั เรยี น คติทางวทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเป็น 2. ประเมนิ เจตคติต่อ รายบคุ คลหรอื รายกล่มุ โดย 3. วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคลโดย การสงั เกตการทํางานกลุ่ม การสังเกตและใช้แบบวัดเจต คตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรียนจํานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นร้.ู .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรียนนี่ไม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ .................................................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นักเรียนมคี วามรเู้ กิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) .................................................................................................................................................... .. ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผ้ทู ไี่ ด้รบั มอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นร้ขู อง................................................................แลว้ มคี วามเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผ้เู รยี นเปน็ สาํ คัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม ยงั ไม่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี นําไปใช้ได้จริง ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง............................................ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 71 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรือ่ ง การขน้ึ และตกของดวงจันทร์ รูปรา่ งของดวงจันทร์ (1) เวลา 1 ช่ัวโมง วนั ท.่ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ้สู อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมท้ังปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อส่ิงมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ 2. ตัวช้ีวัดชั้นปี 1. อธบิ ายแบบรปู เสน้ ทางการขึน้ และตกของดวงจันทร์ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 3.1 ป. 4/1) 2. สรา้ งแบบจาํ ลองทีอ่ ธบิ ายแบบรปู การเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์และพยากรณ์รูปร่าง ปรากฏของดวงจันทร์ (ว 3.1 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายการขึ้นและตกของดวงจนั ทรแ์ ละการเปล่ียนแปลงรปู ร่างปรากฏของดวงจนั ทรไ์ ด้ (K) 2. สรา้ งแบบจาํ ลองการเปลีย่ นแปลงรปู รา่ งปรากฏของดวงจันทร์ได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝรุ ู้หรืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรู้เกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทาํ งานรว่ มกับผูอ้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. สอื่ สารและนาํ ความรเู้ ร่ืองการขึน้ และตกของดวงจนั ทร์ รูปรา่ งของดวงจนั ทรไ์ ปใช้ในชีวิตประจาํ วนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ ดวงจันทร์ข้ึนและตกทิศทางเดียวกับดวงอาทิตย์ โดยในแต่ละคืนเราจะเห็นดวงจันทร์มีลักษณะ แตกต่างกัน ช่วงที่เห็นดวงจันทร์เต็มดวงเรียกว่า ข้างขึ้น ช่วงที่ไม่เห็นดวงจันทร์เลยเรียกว่า ข้างแรม เรา สามารถใช้ลักษณะของดวงจันทร์บอกทิศแก่เราได้ โดยในวันข้ึน 8 คํ่า จะเห็นด้านที่มืดอยู่ทางทิศตะวันออก สว่ นวันแรม 8 คํ่า จะเห็นด้านทมี่ ืดอยู่ทางทิศตะวนั ตก 5. สาระการเรยี นรู้ ดวงจนั ทร์ – การข้ึนและตกของดวงจนั ทร์ – รูปร่างของดวงจนั ทร์ 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทํางาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกบั ปฏิทินดวงจันทร์ 9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ครูดําเนินการทดสอบก่อนเรียนโดยให้นักเรียนทาํ แบบทดสอบก่อนเรยี น เพื่อตรวจสอบความพรอ้ ม และพ้นื ฐานของนักเรยี น ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรียน 1) ครสู นทนากบั นักเรยี น โดยสมุ่ ถามนักเรียนในประเด็นต่อไปน้ี – เวลากลางคนื เรามองเหน็ อะไรบนท้องฟูา (แนวคาํ ตอบ ดวงจันทร์ ดาว) – ในคืนทีท่ ้องฟูาสว่างเรามองเห็นอะไรบนท้องฟาู ชัดเจนท่สี ุด (แนวคาํ ตอบ ดวงจนั ทร)์ 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับคําตอบของคําถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรยี นรู้เรือ่ ง การข้ึนและตกของดวงจนั ทร์ รปู รา่ งของดวงจันทร์ ขน้ั จดั กิจกรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกบั แบบกลับดา้ นช้นั เรยี น ซึ่งมขี ัน้ ตอน ดงั นี้ (1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนําเสนอข้อมูลเก่ียวกับดวงจันทร์ ท่ีครู มอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานําเสนอข้อมูลหน้า ห้องเรียน (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทําภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนกั เรยี น และถามคําถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดังนี้ – เราเห็นดวงจันทรใ์ นเวลาใด (แนวคําตอบ เวลากลางคืน) – ดวงจนั ทร์ข้ึนและตกทางทิศใด และสามารถสังเกตได้จากส่ิงใด (แนวคําตอบ ดวงจันทร์ขึ้นทาง ทิศตะวนั ออกและตกทางทิศตะวนั ตก สามารถสังเกตได้จากวันข้างข้ึนและข้างแรม) (3) ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนตั้งประเด็นคําถามที่นักเรียนสงสัยจากการทําภาระงานอย่างน้อยคนละ 1 คําถาม ซง่ึ ครูใหน้ ักเรยี นเตรยี มมาล่วงหน้า และให้นกั เรยี นชว่ ยกันตอบและแสดงความคิดเหน็ (4) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เกย่ี วกบั ภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การหมุนรอบ ตวั เองของโลกทําให้ดวงจันทร์ขน้ึ –ตกทิศเดยี วกบั ดวงอาทิตย์ (2) ข้ันสารวจและคน้ หา (1) ครใู ห้นักเรียนศึกษาเรื่อง การขนึ้ และตกของดวงจนั ทร์ รูปรา่ งของดวงจันทรใ์ นหนังสือเรียน โดยครู ช่วยอธิบายให้นกั เรยี นเข้าใจว่า การที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก ทําให้คนบนโลกเหน็ สว่ นสวา่ งท่ดี วงจันทร์สะท้อน แสงจากดวงอาทติ ย์ได้ต่างกนั ไป ซึง่ ในแต่ละคืนเราจะเห็นดวงจนั ทร์มีรูปร่างปรากฏแตกต่างกัน ทาํ ให้เกิด ขา้ งขึ้น ขา้ งแรม
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (2) แบง่ กลมุ่ นักเรียน กลมุ่ ละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมลู เกี่ยวกบั ปฏทิ ินดวงจนั ทร์ โดยดาํ เนินการตาม ขั้นตอนดงั น้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อปฏิทินดวงจันทร์เป็นหัวข้อย่อย เช่น เดือน ขาด เดอื นเตม็ วนั เพญ็ วันดับ วันพระ และวันโกน ให้สมาชิกแต่ละกลมุ่ ช่วยกันสืบค้นตามหวั ขอ้ ทีก่ าํ หนด – สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันสบื ค้นข้อมูลตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรบั เยาวชน และอินเทอรเ์ นต็ – สมาชิกกลุ่มนําข้อมูลท่ีสืบค้นได้มารายงานให้เพ่ือนๆ สมาชิกกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดว่าสมาชิกทกุ คนมคี วามรู้ความเขา้ ใจทต่ี รงกัน – สมาชกิ กลุ่มชว่ ยกันสรปุ ความรูท้ ี่ได้ทั้งหมดเป็นผลงานของกลุม่ (3) ครูคอยแนะนาํ ช่วยเหลอื นักเรยี นขณะปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบ ๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทกุ คนซกั ถามเมอ่ื มปี ญั หา (3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (1) นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นกั เรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยใช้แนวคาํ ถามตอ่ ไปนี้ – เมอื่ เปรยี บเทยี บปฏทิ ินดวงจันทร์ที่ได้จากการสังเกตและปฏิทินท่ีใช้กําหนดวันข้างขึ้น ข้างแรม แตกต่างกนั หรือไม่ อยา่ งไร (แนวคําตอบ ไม่แตกต่างกนั เน่ืองจากในชว่ งเวลาข้างขึ้นส่วนสว่างของดวงจันทร์จะ เพิ่มขึ้นและจะสว่างเต็มดวงในวันขึ้น 15 คํ่า ส่วนในช่วงเวลาข้างแรม บริเวณส่วนสว่างของดวงจันทร์จะลดลง จนมดื เต็มดวงในวนั แรม 15 คํา่ ) – นอกจากการสังเกตดวงจันทร์มีวิธีการศึกษาวันข้างข้ึน ข้างแรมได้โดยวิธีการใด (แนวคําตอบ ศึกษาจากปฏทิ นิ ท่ใี ช้ในการกาํ หนดวันขา้ งขึ้น ขา้ งแรม) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ในแต่ละคืนเรา จะเหน็ ดวงจันทร์มรี ปู ร่างปรากฏแตกต่างกัน ทาํ ใหเ้ กดิ ขา้ งขึ้น ขา้ งแรม (4) ข้ันขยายความรู้ ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกย่ี วกบั การขนึ้ และตกของดวงจันทร์ว่า ดวงจันทร์จะขึ้นและตกช้าลงอย่างสม่ําเสมอ ประมาณวันละ 50 นาที ซึ่งวันข้างขึ้น ดวงจันทร์จะข้ึนในเวลากลางวันก่อนดวงอาทิตย์ตก และตกในเวลา กลางคืน วันข้างแรม ดวงจนั ทรจ์ ะข้นึ หลังดวงอาทิตย์ตกหรือขึ้นในเวลากลางคืน และตกในเวลากลางวัน ส่วน วันขึ้น 8 คํ่า ดวงจันทร์จะขึ้นเวลาประมาณเท่ียงวันและตกในเวลาประมาณเท่ียงคืน และวันแรม 7 คํ่า ดวง จันทร์ข้ึนในเวลาประมาณเทยี่ งคนื และตกในเวลาประมาณเที่ยงวัน (5) ขนั้ ประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรอื ยังมีข้อสงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นักเรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรอื อปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกับประโยชนท์ ไี่ ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคาํ ถามนักเรียน เช่น – ดวงจันทรใ์ นวนั ขึ้น 15 ค่าํ และแรม 15 คา่ํ มีลกั ษณะอย่างไร
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – การขึ้นและตกของดวงจนั ทรม์ ีทศิ เหมือนกบั ดวงอาทิตยห์ รือไม่ อย่างไร ขน้ั สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการขึ้นและตกของดวงจันทร์ รูปร่างของดวงจันทร์ โดยร่วมกัน เขยี นเป็นแผนทค่ี วามคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 10. ส่อื การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น 2. หนังสอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาํ หรับเยาวชน และอินเทอร์เน็ต 3. คู่มอื การสอน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. ส่ือการเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรูเ้ ร่ือง การขึ้นและ จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย ตกของดวงจันทร์ รูปร่างของดวง การสงั เกตการทํางานกลมุ่ จันทร์ 1. ประเมินเจตคติทาง วิทยาศาสตร์เปน็ รายบุคคลโดย 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ 2. ตรวจช้นิ งานหรือภาระงานของ การสังเกตและใชแ้ บบวัดเจต ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเป็น กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น คตทิ างวทิ ยาศาสตร์ รายบุคคลหรือรายกลมุ่ โดย การสงั เกตการทาํ งานกลมุ่ 3. ทดสอบก่อนเรยี นโดยใช้ 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ แบบทดสอบก่อนเรียน เป็นรายบคุ คลโดยการสงั เกต และใช้แบบวดั เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจาํ นวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นักเรียนนีไ่ มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 2. นักเรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมคี วามร้เู กดิ ทักษะ (P) ................................................................................................. ..................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................... ....................... ............................................................................................................ .......................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผูเ้ รยี นเปน็ สําคญั มาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไม่เน้นผเู้ รียนเปน็ สําคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี นาํ ไปใชไ้ ดจ้ รงิ ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 72 สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เร่ือง การข้นึ และตกของดวงจนั ทร์ รปู ร่างของดวงจันทร์ (2) เวลา 1 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 วันท่.ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมท้ังปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อส่ิงมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ 2. ตวั ช้ีวัดช้นั ปี 1. อธิบายแบบรปู เส้นทางการข้นึ และตกของดวงจันทร์ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 3.1 ป. 4/1) 2. สร้างแบบจาํ ลองท่ีอธบิ ายแบบรูปการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์และพยากรณ์รูปร่าง ปรากฏของดวงจันทร์ (ว 3.1 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการข้ึนและตกของดวงจันทร์และการเปล่ียนแปลงรปู รา่ งปรากฏของดวงจันทรไ์ ด้ (K) 2. สรา้ งแบบจําลองการเปลีย่ นแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝุรู้หรืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรูเ้ กี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. ทาํ งานรว่ มกบั ผู้อ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. สอ่ื สารและนาํ ความรเู้ รื่องการขึ้นและตกของดวงจันทร์ รปู ร่างของดวงจันทรไ์ ปใช้ในชีวติ ประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั ดวงจันทร์ขึ้นและตกทิศทางเดียวกับดวงอาทิตย์ โดยในแต่ละคืนเราจะเห็นดวงจันทร์มีลักษณะ แตกต่างกัน ช่วงท่ีเห็นดวงจันทร์เต็มดวงเรียกว่า ข้างขึ้น ช่วงที่ไม่เห็นดวงจันทร์เลยเรียกว่า ข้างแรม เรา สามารถใช้ลักษณะของดวงจันทร์บอกทิศแก่เราได้ โดยในวันข้ึน 8 ค่ํา จะเห็นด้านท่ีมืดอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนวันแรม 8 ค่ํา จะเหน็ ดา้ นทม่ี ดื อยูท่ างทิศตะวันตก 5. สาระการเรยี นรู้ ดวงจนั ทร์ – การข้ึนและตกของดวงจนั ทร์ – รูปร่างของดวงจนั ทร์ 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทํางาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดําเนินชวี ติ 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สังเกตดวงจนั ทร์ 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน 1) ครทู บทวนความร้เู ก่ยี วกับรปู ร่างของดวงจนั ทร์ โดยการถามคําถามนกั เรียนวา่ – สว่ นสว่างของดวงจันทรข์ า้ งข้ึนอยทู่ างทศิ ใด แตกต่างจากดวงจันทร์ข้างแรมหรือไม่ อย่างไร (แนวคําตอบ ส่วนสว่างของดวงจันทร์ข้างข้ึนอยู่ทางทิศตะวันตก ซ่ึงแตกต่างจากส่วนสว่างของดวงจันทร์ ขา้ งแรมซง่ึ อยทู่ างทศิ ตะวนั ออก) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคําตอบของคําถาม เพื่อเช่ือมโยงไปสู่ การเรยี นร้เู รือ่ ง การข้ึนและตกของดวงจนั ทร์ รูปร่างของดวงจนั ทร์ ข้ันจดั กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ รว่ มกับแบบกลบั ดา้ นช้นั เรยี น ซึ่งมีขัน้ ตอน ดงั นี้ (1) ขั้นสร้างความสนใจ (1) ครูนํารูปการเปล่ียนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ข้างขึ้น ข้างแรม มาให้นักเรียนดู แล้วถาม คาํ ถามนกั เรยี น ดงั นี้ – ดวงจนั ทรข์ ้างขึน้ มสี ่วนที่มดื ทางทิศใด (แนวคาํ ตอบ ทศิ ตะวันออก) – ดวงจันทรข์ า้ งแรมมสี ่วนทีม่ ืดทางทศิ ใด (แนวคาํ ตอบ ทศิ ตะวันตก) (2) นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายเก่ียวกับคาํ ตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรยี น (2) ขั้นสารวจและคน้ หา (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรมท่ี 24 สังเกตดวงจันทร์ ตามข้ันตอนทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ ทักษะ/กระบวนการสงั เกตดังน้ี – แบง่ กลุม่ นกั เรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน – นักเรยี นเรียนร้จู ากปฏิทินหรือหนังสือพิมพ์เพื่อหาว่าวันท่ีเท่าไรเป็นวันข้ึน 8 ค่ํา และวันแรม 8 คาํ่ – สังเกตว่าดวงอาทติ ยข์ ึ้นทางทิศใดของบ้านเพือ่ หาทิศตะวนั ออกและทิศตะวันตก – วาดวงกลมลงบนกระดาษขาว 2 แผ่น แผ่นละ 1 วง และท่ีใต้วงกลมเขียนว่า ข้ึน 8 คํ่า และ แรม 8 คํ่า
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – เมื่อถึงวันขึ้น 8 คํ่า และวันแรม 8 ค่ํา ให้นักเรียนสังเกตดวงจันทร์แล้วใช้ดินสอสีหรือสีเทียน ระบายลงในวงกลม โดยส่วนทสี่ วา่ งใช้สีเหลือง ส่วนทม่ี ืดใชส้ ดี าํ – เขยี นทิศตะวันออกและทิศตะวันตกท่ีขา้ งวงกลมทั้ง 2 รปู – รว่ มกนั วิเคราะห์ อภปิ ราย และสรุปผลการสังเกตดวงจันทร์ (2) ครคู อยแนะนําช่วยเหลือนกั เรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทุกคนซกั ถามเมอ่ื มปี ัญหา (3) ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป (1) นกั เรียนแต่ละกล่มุ สง่ ตวั แทนกลุ่มนาํ เสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยใช้แนวคาํ ถามต่อไปน้ี – ดวงจันทร์สามารถใช้บอกทิศได้หรือไม่ อย่างไร (แนวคําตอบ ได้ เน่ืองจากในวันข้ึน 8 คํ่า ด้าน มืดของดวงจันทร์จะอยู่ทางทิศตะวันออก และในวันแรม 8 คํ่า ด้านมืดของดวงจันทร์จะอยู่ทางทิศตะวันตก เสมอ) – ถา้ ไมใ่ ช้การวาดรูป เราสามารถใชอ้ ปุ กรณ์ใดศกึ ษาเรือ่ งน้ีได้ (แนวคาํ ตอบ ปฏิทิน) (3) ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า วันขึ้น 8 ค่ํา ดวง จันทร์ด้านมืดจะอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนวันแรม 8 ค่ํา ดวงจันทร์ด้านมืดจะอยู่ ทางทิศตะวนั ตก (4) ขัน้ ขยายความรู้ (1) ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า เดือนขาด เป็นเดือนท่ีมี 29 วัน วันส้ินเดือนตรง กับวันแรม 14 ค่ํา ซ่งึ ไดแ้ ก่ เดอื น 1 เดอื น 3 เดือน 5 เดือน 7 เดอื น 9 และเดือน 11 เดือนเตม็ เป็นเดือนท่ีมี 30 วัน วันสิ้นเดือนตรงกับวันแรม 15 ค่ํา ซึ่งได้แก่ เดือน 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน 8 เดอื น 10 และเดอื น 12 วนั เพ็ญ เป็นวนั ทีด่ วงจันทรส์ วา่ งเต็มดวง ซ่งึ ตรงกบั วนั ข้ึน 15 ค่ํา วันดับ เปน็ วันท่ดี วงจันทรม์ ืดทงั้ ดวง ซึ่งตรงกบั วันแรม 14 ค่ํา หรือแรม 15 คา่ํ วนั โกน เปน็ วันกอ่ นหน้าวนั พระ 1 วนั วันพระ เป็นวันข้างข้ึน 8 คํ่า และข้างแรม 8 ค่ํา วันข้างขึ้น 15 ค่ํา และข้างแรม 15 ค่ํา หรือแรม 14 คํา่ (2) ครูเชื่อมโยงความรู้สู่อาเซียน โดยให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับประเพณีหรือเทศกาลท่ีจัดข้ึนใน คนื วันเพ็ญของประเทศในกลมุ่ สมาชิกอาเซียน ตัวอยา่ งเช่น ประเพณีลอยกระทงของไทย ตรงกับวันข้ึน 15 ค่ํา เดือน 12 หรือราวๆ เดือนพฤศจิกายนของทุกปี มีขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณพระแม่คงคา และเป็นการ ขอขมาที่ไดป้ ลอ่ ยสิ่งปฏิกลู ลงสู่แหล่งนํ้า โดยมีการจัดทํากระทงสวยงามไปลอยใน แหล่งน้าํ ดวงจันทรใ์ นคนื วันเพ็ญ
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ประเพณไี หลเรอื ไฟของลาว ตรงกบั วันขน้ึ 15 เดือน 11 หรือวันออกพรรษา ที่เมืองหลวงพระบางจะมี ประเพณีไหลเรอื ไฟและลอยกระทงท่แี มน่ า้ํ คาน โดยมีความเช่ือวา่ เป็นการต้อนรับพระพุทธเจ้าท่ีเสด็จลงมาจาก สวรรคช์ น้ั ดาวดึงส์ และเป็นการบชู าพญานาคทเี่ ช่อื กันว่าจะปรากฏกายในรูปของลกู ไฟ (ทางภาคอีสาน เรียกว่า บั้งไฟพญานาค) เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง หรือเต็ดจุงทู (Ted Trung Thu) ของเวียดนาม คล้ายกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ ของจีน ตรงกบั วนั ขน้ึ 15 ค่ํา เดือน 8 มกี ารจัดประกวดขนมบ๋ันจุงทูหรือขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทร์รูปร่างกลม มี ไสถ้ ัว่ และไสผ้ ลไม้ แต่ละบา้ นจะประดับโคมไฟเพ่ือเฉลิมฉลอง พรอ้ มท้งั จัดขบวนแห่เชดิ สงิ โตและมงั กร (5) ขัน้ ประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยงั มขี ้อสงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ ับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคําถามนกั เรยี น เชน่ – ขา้ งขึ้น ข้างแรมเกิดขึ้นไดอ้ ย่างไร – การเปลี่ยนแปลงรปู รา่ งปรากฏของดวงจันทรใ์ นแต่ละคืนต่างกนั หรือไม่ อย่างไร ข้ันสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการข้ึนและตกของดวงจันทร์ รูปร่างของดวงจันทร์ โดยร่วมกัน เขียนเปน็ แผนทคี่ วามคิดหรือผงั มโนทัศน์ 10. สอ่ื การเรยี นรู้ 1. รูปการเปลี่ยนแปลงรปู รา่ งปรากฏของดวงจันทรข์ ้างข้นึ ข้างแรม 2. ใบกจิ กรรมที่ 24 สงั เกตดวงจันทร์ 3. คูม่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สือ่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1. ซกั ถามความรเู้ รื่อง การข้นึ และ จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ประเมินทักษะกระบวนการ ตกของดวงจันทร์ รูปรา่ งของดวง ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้แบบ จนั ทร์ 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง วดั ทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์เปน็ รายบคุ คลโดย วิทยาศาสตร์ 2. ตรวจช้นิ งานหรอื ภาระงานของ การสงั เกตและใชแ้ บบวัดเจต กจิ กรรมฝึกทักษะระหว่างเรยี น คตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต การสงั เกตการทํางานกลุม่ และใช้แบบวดั เจตคตติ อ่ 3. ประเมินทักษะการแกป้ ญั หา วทิ ยาศาสตร์ โดยการสงั เกตการทาํ งาน กลุ่ม 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบัตกิ จิ กรรมเป็น รายบคุ คลหรอื รายกลมุ่ โดย การสังเกตการทํางานกล่มุ 12. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจํานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรียนน่ไี ม่ผา่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................ ...................... 2. นักเรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรยี นมีความรูเ้ กดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................... .................................................. 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ..................................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (.................................................) ตาํ แหน่ง..................................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดงั นี้ 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจัดกิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผเู้ รยี นเป็นสําคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผ้เู รยี นเป็นสําคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ นําไปใชไ้ ดจ้ รงิ ควรปรับปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 73 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2561 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เร่ือง แบบจาํ ลองระบบสรุ ยิ ะ เวลา 1 ชัว่ โมง วันที่............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะท่ีส่งผลต่อส่ิงมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ 2. ตวั ชี้วัดชนั้ ปี สร้างแบบจําลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะห์ตา่ งๆ จากแบบจําลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายและเปรียบเทยี บการโคจรของดาวเคราะห์ตา่ ง ๆ จากแบบจาํ ลองระบบสรุ ิยะได้ (K) 2. สรา้ งแบบจาํ ลองเพือ่ แสดงองคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝรุ ู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรูท้ ีเ่ ก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทาํ งานรว่ มกับผ้อู ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. สื่อสารและนาํ ความรู้เรื่องแบบจําลองระบบสรุ ยิ ะไปใช้ในชีวิตประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคัญ แบบจาํ ลองระบบสรุ ิยะเป็นแผนภาพแสดงแนวคิดของนกั ดาราศาสตร์ที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงตําแหน่งของ ดวงอาทติ ย์ ดาวเคราะห์ และวัตถทุ ้องฟาู อื่นๆ ที่โคจรรอบโลก 5. สาระการเรียนรู้ ระบบสรุ ยิ ะ – แบบจําลองระบบสุริยะ 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทาํ งาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 7. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน สืบค้นข้อมลู เกย่ี วกบั แบบจําลองระบบสรุ ิยะ 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั นาเข้าส่บู ทเรยี น 1) ครถู ามคาํ ถามนกั เรียนเพอ่ื กระตนุ้ ความสนใจ เช่น – นักวิทยาศาสตร์ใช้ประโยชน์จากแบบจําลองระบบสุริยะในเร่ืองใด (แนวคําตอบ ใช้ศึกษาการ เคลื่อนท่ขี องดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ดวงจนั ทร์ และวตั ถุทอ้ งฟาู อ่นื ๆ) 2) นกั เรียนชว่ ยกนั ตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั คาํ ตอบของคาํ ถาม เพื่อเช่ือมโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ รือ่ ง แบบจาํ ลองระบบสรุ ิยะ ขั้นจดั กิจกรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นชัน้ เรียน ซง่ึ มขี ั้นตอน ดังนี้ (1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (1) ครูสนทนากับนักเรียนแล้วนํารูปแบบจําลองระบบสุริยะของพโตเลมี โคเพอร์นิคัส และเคปเลอร์ มาให้นักเรยี นดู แลว้ ถามคาํ ถามดงั น้ี – นกั วิทยาศาสตรส์ ร้างแบบจําลองระบบสุริยะข้ึนเพื่อเหตุผลใด (แนวคําตอบ เพื่อแสดงตําแหน่ง ของดวงอาทติ ย์ ดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ และวตั ถุท้องฟาู อ่ืน ๆ) – แบบจาํ ลองระบบสุริยะของโคเพอร์นิคัสมีลักษณะอย่างไร (แนวคําตอบ เป็นแบบจําลองระบบ สุริยะที่มดี วงอาทิตยเ์ ป็นศูนย์กลางของระบบสุรยิ ะ และมดี าวเคราะหต์ า่ งๆ รวมท้ังโลกโคจรรอบดวงอาทติ ย์) (2) นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกับคาํ ตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรยี น (2) ขน้ั สารวจและคน้ หา (1) ใหน้ ักเรียนศกึ ษาเรือ่ งแบบจําลองระบบสุริยะจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบาย ให้นักเรียนเข้าใจว่า นักดาราศาสตร์สร้างแบบจําลองระบบสุริยะจากการสังเกตการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ดวงจนั ทร์ และวตั ถทุ อ้ งฟูาอนื่ ๆ เพือ่ แทนสงิ่ ที่สงั เกตเห็น (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับแบบจําลองระบบสุริยะโดยดําเนินการ ตามข้นั ตอนดังน้ี – แต่ละกลมุ่ วางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อแบบจําลองระบบสุริยะ เป็นหัวข้อย่อย เช่น แบบจําลองระบบสุริยะของพโตเลมี แบบจําลองระบบสุริยะของโคเพอร์นิคัส และแบบจําลองระบบสุริยะของ เคปเลอร์ ใหส้ มาชิกแตล่ ะกลุ่มช่วยกันสบื คน้ ตามหัวขอ้ ท่ีกาํ หนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบคน้ ขอ้ มลู ตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรบั เยาวชน และอนิ เทอร์เนต็
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 – สมาชิกกลุ่มนําข้อมูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดว่าสมาชกิ ทุกคนมีความรู้ความเขา้ ใจทต่ี รงกนั – สมาชิกกลุม่ ชว่ ยกนั สรุปความรู้ท่ีได้ทงั้ หมดเป็นผลงานของกลุม่ (3) ครูคอยแนะนาํ ช่วยเหลอื นักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทุกคนซักถามเม่อื มปี ัญหา (3) ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนกลุม่ นาํ เสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหน้าหอ้ งเรยี น (2) นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใช้แนวคาํ ถามตอ่ ไปน้ี – การศึกษาการเคลื่อนที่ของดวงดาวต่างๆ ในระบบสุริยะสามารถทําได้ด้วยวิธีการใด(แนว คําตอบ ศึกษาไดจ้ ากแบบจาํ ลองระบบสรุ ิยะ) – ถ้าต้องการศึกษาดาวเคราะห์สามารถศึกษาได้จากแบบจําลองของนักดาราศาสตร์ท่านใดบ้าง (แนวคําตอบ พโตเลมี โคเพอร์นคิ ัส และเคปเลอร)์ (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า นักดาราศาสตร์ สร้างแบบจาํ ลองระบบสรุ ิยะเพ่ือศกึ ษาดาวเคราะห์ รวมถึงวตั ถุท้องฟูาอ่นื ๆ (4) ขั้นขยายความรู้ (1) นักเรียนฝึกสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับการสร้างแบบจําลองระบบสุริยะของนักดาราศาสตร์ จากหนังสือ และวารสารเกี่ยวกบั ดาราศาสตร์ สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสาํ หรับเยาวชน และอินเทอร์เนต็ (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับแบบจําลองระบบสุริยะ จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอร์เน็ต และนําเสนอใหเ้ พอื่ นในห้องฟัง คดั คําศพั ทพ์ ร้อมทั้งคําแปลลงสมุดสง่ ครู (5) ข้ันประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกนั ประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุม่ ว่ามปี ัญหาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรยี น เช่น – นกั ดาราศาสตร์สนใจศกึ ษาแบบจาํ ลองระบบสุริยะเพราะเหตใุ ด – แบบจําลองระบบสุริยะของพโตเลมี โคเพอร์นคิ ัส และเคปเลอร์ มีลักษณะใด ข้นั สรุป ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ เกี่ยวกบั แบบจาํ ลองระบบสุรยิ ะ โดยร่วมกันเขยี นเป็นแผนที่ความคิดหรือผัง มโนทัศน์ 10. ส่อื การเรียนรู้ 1. รปู แบบจําลองระบบสุรยิ ะของพโตเลมี โคเพอร์นิคัส และเคปเลอร์ 2. หนังสอื และวารสารเกี่ยวกับดาราศาสตร์ สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรับเยาวชน
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 3. หนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ 4. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 6. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 7. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เร่ือง แบบจาํ ลอง 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย ของระบบสรุ ยิ ะ เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกตและ การสงั เกตการทาํ งานกลมุ่ 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ ใชแ้ บบวัดเจตคตทิ าง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรยี น วทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ัติกิจกรรมเป็น 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกตและ การสงั เกตการทาํ งานกลุม่ ใช้แบบวดั เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ 12. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นักเรยี นจาํ นวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรยี นน่ไี มผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 3. นกั เรียนมคี วามรู้เกดิ ทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ....................................................................................... ............................................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ไดท้ ําการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาํ คญั มาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม ยงั ไม่เน้นผเู้ รียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่ นําไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 74 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เร่ือง ส่วนประกอบของระบบสุริยะ (1) เวลา 1 ชั่วโมง วนั ที่............เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมท้ังปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ 2. ตัวชี้วัดช้ันปี สร้างแบบจําลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะหต์ ่างๆ จากแบบจําลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายสว่ นประกอบของระบบสรุ ิยะได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝุรูห้ รอื อยากร้อู ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ่ีเกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานร่วมกบั ผูอ้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนาํ ความรู้เรื่องส่วนประกอบของระบบสุรยิ ะไปใชใ้ นชีวติ ประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ ระบบสุริยะเป็นระบบท่ีมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง มีบริวารท่ีเป็นดาวเคราะห์ 8 ดวง ประกอบด้วย ดาวพธุ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั และดาวเนปจนู 5. สาระการเรียนรู้ ระบบสุรยิ ะ – สว่ นประกอบของระบบสรุ ิยะ
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทํางาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน สืบค้นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ส่วนประกอบของระบบสรุ ยิ ะ 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรยี น 1) ครถู ามคําถามนักเรยี นเพ่อื กระตุน้ ความสนใจ เช่น – ระบบสุริยะเป็นระบบของดวงดาวที่ประกอบด้วยอะไรบ้าง (แนวคําตอบ ดาวเคราะห์ 8 ดวง ดวงจันทร์ ดวงอาทติ ย์ และวตั ถทุ ้องฟาู อื่นๆ) – ศูนยก์ ลางของระบบสุริยะคอื อะไร (แนวคาํ ตอบ ดวงอาทิตย์) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับคําตอบของคําถาม เพื่อเช่ือมโยงไปสู่ การเรียนรู้เรื่อง ส่วนประกอบของระบบสรุ ยิ ะ ข้ันจดั กิจกรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ รว่ มกับแบบกลบั ดา้ นชน้ั เรยี น ซ่ึงมขี ้ันตอน ดงั นี้ (1) ข้นั สร้างความสนใจ (1) ครูสนทนากบั นกั เรียนแลว้ นํารปู ระบบสุรยิ ะมาใหน้ กั เรยี นดู แล้วถามคําถามนักเรยี นดงั น้ี – ในระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ทั้งหมดก่ีดวง อะไรบ้าง (แนวคําตอบ 8 ดวง คือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนสั และดาวเนปจูน) – ดาวเคราะห์ท่อี ยใู่ กลด้ วงอาทิตย์มากท่ีสดุ คือดาวเคราะหด์ วงใด (แนวคาํ ตอบ ดาวพุธ) (2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกย่ี วกับคาํ ตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรยี น (2) ข้นั สารวจและค้นหา (1) ให้นักเรียนศึกษาเร่ืองส่วนประกอบของระบบสุริยะจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วย อธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ระบบสุริยะประกอบด้วยดาวเคราะห์ 8 ดวง โคจรอยู่รอบๆ ดวงอาทิตย์ และยังมี
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 บริวารอื่นๆ ได้แก่ ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์แคระ ดาวหาง ดาวตกหรือผีพุ่งไต้ และอุกกาบาต เคลื่อนทอ่ี ยูใ่ นวงโคจร (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับส่วนประกอบของระบบสุริยะ โดย ดําเนินการตามขั้นตอนดังนี้ – แต่ละกลุม่ วางแผนการสืบค้นขอ้ มลู โดยแบ่งหัวข้อส่วนประกอบของระบบสุริยะเป็นหัวข้อย่อย เชน่ ลักษณะเฉพาะของดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ให้เพอ่ื นสมาชกิ ชว่ ยกันสบื ค้นตามที่สมาชิกกลุม่ ชว่ ยกนั กาํ หนด – สมาชิกกลุ่มแต่ละคนหรือกลุ่มย่อยช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อย่อยที่ตนเองรับผิดชอบ โดย การสบื ค้นจากใบความรู้ทค่ี รเู ตรยี มมาให้ หรอื หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรับ เยาวชน และอนิ เทอรเ์ น็ต – สมาชิกกลมุ่ นําข้อมูลทสี่ ืบค้นได้มารายงานให้เพ่ือนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทกุ คนมีความรคู้ วามเขา้ ใจทตี่ รงกัน – สมาชกิ กลุ่มช่วยกันสรปุ ความรู้ทีไ่ ดท้ ง้ั หมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม (3) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสใหน้ ักเรียนทุกคนซกั ถามเมือ่ มปี ัญหา (3) ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (1) นกั เรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถามตอ่ ไปนี้ – ดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์เป็นบริวารมากที่สุดคือดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคําตอบ ดาว พฤหัสบดี) – ดาวเคราะห์ที่มีทิศทางการหมุนรอบตัวเองต่างจากดาวเคราะห์ดวงอ่ืนคือดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคาํ ตอบ ดาวศกุ ร)์ (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ระบบสุริยะ ประกอบด้วยดาวเคราะห์ 8 ดวง ซ่งึ ดาวเคราะห์แต่ละดวงมลี ักษณะเฉพาะแตกต่างกนั (4) ขนั้ ขยายความรู้ ครอู ธิบายเพ่มิ เตมิ วา่ เม่ือวนั ท่ี 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 องค์การนาซาของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ส่ง ยานอวกาศจโู น (Juno) ซงึ่ เปน็ ยานอวกาศพลังงานแสงอาทิตย์ เข้าสู่วงโคจรของดาวพฤหัสบดีได้สําเร็จ เพื่อใช้ ถ่ายภาพดาวเคราะห์ทม่ี ีขนาดใหญ่ทีส่ ดุ ในระบบสรุ ิยะและไขปรศิ นาการก่อกาํ เนิดของดวงดาว (5) ขัน้ ประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื มขี ้อสงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพ่มิ เติมให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นกั เรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ จิ กรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกับประโยชน์ทีไ่ ดร้ ับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคําถามนักเรียน เช่น – ดาวเคราะห์ท่ีพบวา่ เคยมีน้าํ หรอื ของเหลวคอื ดาวเคราะห์ดวงใด
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – ดาวองั คาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั และดาวเนปจูนมลี กั ษณะเด่นอะไรบา้ ง ขน้ั สรปุ ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปเก่ียวกับส่วนประกอบของระบบสุริยะ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิด หรอื ผงั มโนทัศน์ 10. สอ่ื การเรยี นรู้ 1. รูประบบสรุ ยิ ะ 2. หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรับเยาวชน และอินเทอร์เน็ต 3. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 6. หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความร้เู ร่ืองส่วนประกอบ ของระบบสุริยะ 1. ประเมินเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกตและ การสงั เกตการทาํ งานกลมุ่ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น ใชแ้ บบวดั เจตคตทิ าง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ วิทยาศาสตร์ ปฏิบัตกิ ิจกรรมเป็น 2. ประเมินเจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรือรายกลุม่ โดย เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกตและ การสงั เกตการทํางานกลุ่ม ใชแ้ บบวัดเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ 12. บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรียนจํานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ (K)
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรียนมคี วามรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ของ................................................................แลว้ มีความเห็นดังนี้ 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผเู้ รยี นเป็นสาํ คญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไม่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สําคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี นําไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรับปรุงกอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหน่ง............................................ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 75 สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 เร่อื ง ส่วนประกอบของระบบสุริยะ (2) เวลา 1 ชัว่ โมง วนั ที่............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมท้ังปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะท่ีส่งผลต่อส่ิงมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ 2. ตัวช้ีวดั ช้นั ปี สร้างแบบจําลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะห์ตา่ งๆ จากแบบจําลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายส่วนประกอบของระบบสุรยิ ะได้ (K) 2. มีความสนใจใฝุรูห้ รอื อยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรู้ท่ีเกยี่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A)
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 4. ทาํ งานร่วมกับผู้อน่ื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนําความร้เู ร่ืองสว่ นประกอบของระบบสรุ ยิ ะไปใชใ้ นชวี ติ ประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ ระบบสุริยะเป็นระบบท่ีมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง มีบริวารที่เป็นดาวเคราะห์ 8 ดวง ประกอบด้วย ดาวพุธ ดาวศกุ ร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส และดาวเนปจนู 5. สาระการเรียนรู้ ระบบสรุ ยิ ะ – ส่วนประกอบของระบบสรุ ยิ ะ 6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทํางาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน ดาวเคราะหท์ ่ีฉนั ชอบ 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั นาเข้าส่บู ทเรียน 1) ครทู บทวนความรู้เกีย่ วกับส่วนประกอบของระบบสุรยิ ะ โดยถามคาํ ถามนักเรยี นว่า – ดาวฤกษท์ ีม่ ีขนาดใหญแ่ ละสวา่ งมากคอื ดาวฤกษ์ดวงใด (แนวคาํ ตอบ ดวงอาทิตย์) – ดาวเคราะหท์ ี่มีนํ้าหรือของเหลว และอาจมสี ง่ิ มีชวี ติ อาศยั อยู่ไดค้ อื ดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคาํ ตอบ ดาวองั คาร) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคําตอบของคําถาม เพื่อเช่ือมโยงไปสู่ การเรียนรูเ้ รือ่ ง สว่ นประกอบของระบบสรุ ิยะ ขัน้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ รว่ มกับแบบกลบั ดา้ นชัน้ เรยี น ซ่ึงมขี ั้นตอน ดังน้ี (1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (1) ครูนาํ รูประบบสรุ ยิ ะมาให้นกั เรยี นดู แล้วอธิบายเก่ียวกับดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ จากน้ันครูถาม คาํ ถามกับนกั เรียนดังน้ี
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 – ดาวเคราะห์ที่มีวงแหวนลอ้ มรอบคอื ดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคาํ ตอบ ดาวเสาร)์ – ดาวเคราะห์ท่อี ยถู่ ัดจากดาวศกุ รค์ ือดาวเคราะหด์ วงใด (แนวคําตอบ โลก) (2) นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกับคาํ ตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรยี น (2) ข้ันสารวจและค้นหา (1) นกั เรยี นแตล่ ะคน ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเสริมการเรียนรทู้ ี่ 6 ดาวเคราะหท์ ี่ฉนั ชอบ ตามขัน้ ตอน ดังน้ี – เขียนรายละเอยี ดเก่ยี วกับดาวเคราะห์ท่นี กั เรียนชอบ วาดรูปและระบายสีให้สวยงาม – นาํ เสนอผลงานและอธบิ ายรว่ มกนั ในชัน้ เรียน (2) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทกุ คนซกั ถามเม่ือมปี ญั หา (3) ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (1) นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนกลุ่มนาํ เสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม โดยใช้แนวคาํ ถามตอ่ ไปน้ี – ดาวยูเรนัสมีสีฟูาอมเขียว เน่ืองจากสาเหตุใด (แนวคําตอบ เน่ืองจากบรรยากาศช้ันบนมีแก๊ส ฮีเลยี มจาํ นวนมาก) – วงแหวนของดาวเสารม์ ีลกั ษณะเปน็ อย่างไร (แนวคําตอบ มีลักษณะเป็นวงแหวนเล็กๆ ซ้อนกัน อยู่จาํ นวนมาก ซงึ่ ภายในวงแหวนประกอบด้วยกอ้ นนํา้ แขง็ ก้อนหินทป่ี กคลุมดว้ ยนํ้าแข็ง และฝนุ ละออง) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ดาวเคราะห์ใน ระบบสุริยะประกอบด้วย ดาวพุธ ดาวศกุ ร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส และดาวเนปจูน ซ่งึ ลกั ษณะของดาวเคราะห์แต่ละดวงแตกต่างกัน (4) ข้นั ขยายความรู้ ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบระบบดาวเคราะห์ TRAPPIST–1 โดยกล้องโทรทรรศน์ TRAPPIST ของชิลี และกล้องโทรทรรศน์สปิตเซอร์ของสหรัฐอเมริกา ซ่ึงดาวเคราะห์ท้ัง 7 ดวงมีพ้ืนผิวเป็นหิน เหมอื นกบั โลก ดาวเคราะห์ 7 ดวงในระบบ TRAPPIST–1 (5) ขั้นประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรือมขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ (2) นักเรียนรว่ มกันประเมนิ การปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบา้ ง
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรยี น เช่น – ดาวเคราะหท์ ีถ่ กู เรียกวา่ “เตาไฟแชแ่ ข็ง” คือดาวเคราะหด์ วงใด – ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส และดาวเนปจนู มลี กั ษณะเดน่ อะไรบา้ ง – จากลักษณะของดาวเคราะห์แต่ละดวง นักเรียนคิดว่ามีดาวเคราะห์ดวงใดท่ีเหมือนหรือคล้าย กบั โลกของเรามากท่ีสดุ อธิบาย ข้ันสรปุ ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปเก่ียวกับส่วนประกอบของระบบสุริยะ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิด หรือผงั มโนทัศน์ 10. ส่อื การเรียนรู้ 1. รูประบบสุริยะ 2. ใบกจิ กรรมเสรมิ การเรยี นรู้ท่ี 6 ดาวเคราะห์ทีฉ่ นั ชอบ 3. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 4. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 6. หนังสือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ รื่องส่วนประกอบ ของระบบสรุ ยิ ะ 1. ประเมนิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกตและ การสงั เกตการทํางานกลุม่ กิจกรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรยี น ใชแ้ บบวัดเจตคตทิ าง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ วทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกตและ การสังเกตการทํางานกลุ่ม ใช้แบบวัดเจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ 12. บันทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจาํ นวน..................คน
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นน่ีไม่ผ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมีความรคู้ วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรูเ้ กดิ ทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 4. นักเรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ........................................................................................................................................ .............. 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผทู้ ี่ได้รบั มอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ของ................................................................แลว้ มีความเห็นดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 2. การจัดกิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผ้เู รยี นเปน็ สําคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผูเ้ รยี นเป็นสําคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ นาํ ไปใชไ้ ดจ้ ริง ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 76 สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง เกณฑ์การแบง่ ประเภทของดาวเคราะหใ์ นระบบสุริยะ (1) เวลา 1 ชัว่ โมง วันที่............เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมท้ังปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะท่ีส่งผลต่อส่ิงมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. ตัวชี้วัดช้ันปี สร้างแบบจําลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะหต์ า่ งๆ จากแบบจาํ ลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายสว่ นประกอบของระบบสรุ ยิ ะได้ (K) 2. มีความสนใจใฝรุ ูห้ รอื อยากรูอ้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนร้ทู ่เี กย่ี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานร่วมกบั ผอู้ น่ื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนําความรเู้ ร่ืองส่วนประกอบของระบบสุรยิ ะไปใชใ้ นชีวิตประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ นักดาราศาสตร์ได้แบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโดยใช้ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ เป็นเกณฑ์ ซ่ึงแบ่งออกเป็น ดาวเคราะห์วงนอกและดาวเคราะห์วงใน ส่วนการแบ่งดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยใช้ลักษณะพ้ืนผิวเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็น ดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ยักษ์นํ้าแข็ง และดาวเคราะห์ หนิ 5. สาระการเรยี นรู้ ระบบสรุ ยิ ะ – ส่วนประกอบของระบบสรุ ิยะ – เกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะหใ์ นระบบสรุ ยิ ะ 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มุง่ มัน่ ในการทาํ งาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สบื ค้นข้อมลู เกีย่ วกบั เกณฑ์การแบง่ ประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสรุ ิยะ 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น 1) ครทู บทวนความรู้เก่ียวกบั ส่วนประกอบของระบบสุริยะ โดยการถามคาํ ถามนักเรียนว่า – ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมที ั้งหมดกด่ี วง (แนวคาํ ตอบ 8 ดวง) – เราสามารถแบง่ ประเภทของดาวเคราะห์แตล่ ะดวงได้หรือไม่ (แนวคาํ ตอบ ได)้
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับคําตอบของคําถาม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่ การเรียนรเู้ รื่อง เกณฑ์การแบง่ ประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุรยิ ะ ขนั้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ร่วมกับแบบกลบั ดา้ นชัน้ เรยี น ซ่ึงมขี น้ั ตอน ดังนี้ (1) ขน้ั สร้างความสนใจ (1) ครนู าํ รูประบบสรุ ยิ ะมาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ถามคาํ ถามนักเรียนดังนี้ – เราสามารถใช้เกณฑ์ใดในการแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ (แนวคําตอบ ใช้ ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทติ ยแ์ ละใชล้ กั ษณะพ้ืนผวิ เป็นเกณฑ์) – การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโดยใช้ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์เป็น เกณฑส์ ามารถแบ่งเป็นกีก่ ล่มุ (แนวคาํ ตอบ แบง่ เป็น 2 กลุ่ม) (2) นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเกยี่ วกบั คําตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น (2) ข้ันสารวจและค้นหา (1) ให้นักเรียนศึกษาเร่ืองเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจากใบความรู้หรือใน หนังสือเรยี น โดยครชู ว่ ยอธบิ ายให้นกั เรยี นเข้าใจว่า การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะสามารถใช้ ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์ในการแบ่งได้ โดยแบ่งออกเป็นดาวเคราะห์ท่ีอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ มากกวา่ โลก คือ ดาวเคราะห์วงนอก ส่วนดาวเคราะห์ท่ีอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์น้อยกว่าโลก คือ ดาวเคราะห์วง ใน (2) แบง่ กลุม่ นกั เรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ ในระบบสรุ ยิ ะโดยดําเนินการตามข้ันตอนดังนี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ใน ระบบสุริยะเป็นหัวข้อย่อย เช่น ดาวเคราะห์วงนอก ดาวเคราะห์วงใน ให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันสืบค้นตามที่ สมาชิกกล่มุ ช่วยกนั กําหนด – สมาชิกกลุ่มแต่ละคนหรือกลุ่มย่อยช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อย่อยที่ตนเองรับผิดชอบโดย การสบื คน้ จากใบความรู้ทคี่ รเู ตรียมมาให้หรือหนังสือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรับ เยาวชน และอนิ เทอร์เนต็ – สมาชกิ กลมุ่ นาํ ขอ้ มูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพ่ือนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทุกคนมคี วามร้คู วามเข้าใจท่ตี รงกนั – สมาชกิ กลมุ่ ชว่ ยกันสรุปความรทู้ ่ไี ด้ทั้งหมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม (3) ครูคอยแนะนําชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรยี นทกุ คนซักถามเม่ือมปี ัญหา (3) ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (1) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนกล่มุ นาํ เสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใช้แนวคาํ ถามต่อไปนี้
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – ดาวเคราะห์วงนอกได้แก่ดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคําตอบ ดาวเคราะห์วงนอก ได้แก่ ดาว องั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส และดาวเนปจนู ) – ดาวเคราะห์วงในได้แก่ดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคําตอบ ดาวเคราะห์วงใน ได้แก่ ดาวพุธและ ดาวศกุ ร์) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ดาวเคราะห์ใน ระบบสุริยะสามารถแบ่งได้โดยใช้ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น ดาวเคราะห์วง นอก ได้แก่ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ส่วนดาวเคราะห์วงใน ได้แก่ ดาว พธุ และดาวศุกร์ (4) ขน้ั ขยายความรู้ (1) ครูอภิปรายเพิ่มเติมว่า เราจะมองเห็นดาวเคราะห์วงในอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เหนือขอบฟูาด้านทิศ ตะวันตกในเวลาพลบคํ่า หรือเหนือขอบฟูาด้านทิศตะวันออกเวลารุ่งเช้าเท่าน้ัน โดยดาวพุธจะห่างจากดวง อาทติ ย์ไมเ่ กิน 28 องศา และดาวศกุ รอ์ ยหู่ า่ งจากดวงอาทติ ยไ์ มเ่ กนิ 44 องศา เม่ือใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดูดาว เคราะห์ท้ังสองจะปรากฏให้เห็นเป็นเส้ียวสว่าง ซึ่งมีขนาดเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละคืน ข้ึนอยู่กับระยะห่างจาก โลกและแสงเงาจากดวงอาทิตย์ (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับดาวเคราะห์วงใน ดาวเคราะห์วงนอก จาก หนงั สอื เรยี นภาษาตา่ งประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง คัดคําศัพท์พร้อมทั้งคําแปลลง สมุดส่งครู (5) ขั้นประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือมขี ้อสงสยั ถ้ามี ครูชว่ ยอธบิ ายเพมิ่ เติมให้นกั เรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรมกล่มุ วา่ มีปัญหาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครแู ละนกั เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับประโยชน์ทีไ่ ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรียน เช่น – การแบ่งประเภทของดาวเคราะหใ์ นระบบสุรยิ ะใชเ้ กณฑ์ใดบา้ ง – ดาวเคราะห์ทใ่ี ชร้ ะยะทางจากโลกถึงดวงอาทติ ย์เปน็ เกณฑแ์ บ่งเปน็ กก่ี ลมุ่ อะไรบ้าง ขนั้ สรปุ ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยร่วมกัน เขยี นเปน็ แผนทีค่ วามคิดหรอื ผงั มโนทัศน์ 10. ส่อื การเรียนรู้ 1. รปู ระบบสรุ ิยะ 2. หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรับเยาวชน และอินเทอรเ์ น็ต 3. หนังสอื เรียนภาษาตา่ งประเทศ 4. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 5. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 6. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 7. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1. ซกั ถามความรู้เรื่องเกณฑ์การแบ่ง จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ประเมินทักษะการคิดโดย ประเภทของดาวเคราะห์ในระบบ การสังเกตการทาํ งานกล่มุ สรุ ยิ ะ 1. ประเมินเจตคติทาง วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบคุ คลโดย 2. ประเมินพฤติกรรมในการ 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ การสังเกตและใช้แบบวดั เจต ปฏิบัตกิ ิจกรรมเป็รายบุคคล กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรียน คตทิ างวิทยาศาสตร์ หรอื รายกลุ่มโดยการสังเกต การทํางานกลุ่ม 2. ประเมนิ เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต และใช้แบบวดั เจตคตติ ่อ วิทยาศาสตร์ 12. บันทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจาํ นวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนี่ไมผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 3. นกั เรียนมีความรูเ้ กิดทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ....................................................................................... ............................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผูท้ ไี่ ด้รบั มอบหมาย ไดท้ ําการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเห็นดงั น้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ควรปรับปรุง 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาํ คัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี นําไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรับปรงุ ก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง............................................ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 77 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 เรอื่ ง เกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ (2) เวลา 1 ชวั่ โมง วันท.ี่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. ตวั ชี้วดั ชั้นปี สร้างแบบจําลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะหต์ ่างๆ จากแบบจําลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายเกณฑก์ ารแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝรุ หู้ รืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ่ีเก่ียวกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานร่วมกับผ้อู นื่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนาํ ความรู้เรื่องเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะหใ์ นระบบสรุ ยิ ะไปใช้ใน ชีวติ ประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ นักดาราศาสตร์ได้แบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโดยใช้ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ เป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่งออกเป็นดาวเคราะห์วงนอกและดาวเคราะห์วงใน ส่วนการแบ่งดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยใช้ลักษณะพ้ืนผิวเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็นดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ยักษ์น้ําแข็ง และดาวเคราะห์ หิน 5. สาระการเรยี นรู้ ระบบสุรยิ ะ – สว่ นประกอบของระบบสุริยะ – เกณฑ์การแบง่ ประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มุง่ มัน่ ในการทาํ งาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน สบื คน้ ข้อมูลเกย่ี วกับเกณฑ์การแบง่ ประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสรุ ิยะ 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เก่ียวกับเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยการถาม คําถามนักเรียนว่า
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – ดาวเคราะหท์ งั้ 8 ดวง สามารถแบง่ ประเภทไดห้ รือไม่ (แนวคําตอบ ได)้ – ดาวเคราะห์แต่ละดวงใช้เกณฑ์ในการแบ่งประเภทเหมือนกันหรือไม่ (แนวคําตอบ ไม่ เหมือนกัน) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคําตอบของคําถาม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่ การเรียนรู้เรือ่ ง เกณฑก์ ารแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ขนั้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ รว่ มกบั แบบกลับดา้ นชน้ั เรยี น ซง่ึ มีข้ันตอน ดังนี้ (1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (1) ครถู ามคาํ ถามนกั เรียนเพ่อื กระตนุ้ ความสนใจ เช่น – เกณฑก์ ารแบ่งประเภทของดาวเคราะหใ์ นระบบสุริยะมกี ่ีกลุ่ม (แนวคาํ ตอบ 2 กลุ่ม) – การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะใช้เกณฑ์ใดบ้าง (แนวคําตอบ ใช้ระยะทางจาก โลกถึงดวงอาทติ ยแ์ ละใชล้ ักษณะพื้นผิวเปน็ เกณฑ)์ (2) นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกับคาํ ตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน (2) ขั้นสารวจและคน้ หา (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจากใบความรู้หรือใน หนงั สือเรียน โดยครชู ่วยอธิบายใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะสามารถใช้ ลักษณะพนื้ ผิวเป็นเกณฑ์ในการแบง่ ได้ โดยแบ่งออกเปน็ ดาวเคราะหท์ ีม่ อี งค์ประกอบสว่ นใหญ่เป็นแก๊ส คือ ดาว เคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นนํ้าแข็ง คือ ดาวเคราะห์ยักษ์นํ้าแข็ง และดาว เคราะห์ท่มี อี งคป์ ระกอบสว่ นใหญเ่ ป็นหนิ คอื ดาวเคราะหห์ นิ (2) แบง่ กลมุ่ นักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ ในระบบสุริยะ โดยดําเนินการตามข้ันตอนดังน้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ใน ระบบสุริยะเป็นหัวข้อย่อย เช่น ดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ยักษ์นํ้าแข็ง และดาวเคราะห์หิน ให้สมาชิก แต่ละกลุม่ ช่วยกันสบื ค้นตามหัวขอ้ ที่กาํ หนด – สมาชิกแต่ละกลมุ่ ช่วยกันสืบค้นขอ้ มูลตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สือ วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรับเยาวชน และอนิ เทอรเ์ น็ต – สมาชกิ กลมุ่ นําขอ้ มูลทส่ี ืบคน้ ไดม้ ารายงานใหเ้ พ่ือนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทกุ คนมคี วามรู้ความเข้าใจท่ตี รงกนั – สมาชิกกลุม่ ช่วยกันสรุปความรู้ทีไ่ ด้ทั้งหมดเป็นผลงานของกลมุ่ (3) ครูคอยแนะนําชว่ ยเหลือนักเรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรยี นทกุ คนซกั ถามเมอ่ื มปี ญั หา (3) ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป (1) นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (2) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคําถาม ต่อไปนี้ – ดาวเคราะหย์ ักษ์น้ําแขง็ ไดแ้ กด่ าวเคราะหด์ วงใด (แนวคาํ ตอบ ดาวยูเรนสั และดาวเนปจนู ) – ดาวเคราะห์ท่ีมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแก๊สได้แก่ดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคําตอบ ดาว พฤหสั บดีและดาวเสาร)์ – ดาวเคราะหท์ ่มี อี งคป์ ระกอบสว่ นใหญเ่ ป็นหินไดแ้ ก่ดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคําตอบ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวองั คาร) (3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครเู นน้ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ การแบ่งดาวเคราะห์โดยใช้ลักษณะพื้นผิวเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็นดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ได้แก่ ดาว พฤหัสบดี และดาวเสาร์ ดาวเคราะห์ยักษ์น้ําแข็ง ได้แก่ ดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน และดาวเคราะห์หิน ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศกุ ร์ โลก และดาวองั คาร (4) ขนั้ ขยายความรู้ (1) ครูอภิปรายเพิ่มเติมว่า ดาวยูเรนัสและดาวเนปจูนถูกเรียกว่า ดาวเคราะห์ยักษ์นํ้าแข็ง เน่ืองจากมี มวลประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ของน้ําแข็งและอื่นๆ รวมถึงองค์ประกอบทางเคมีของมีเทนและแอมโมเนียที่มี อุณหภูมิต่ํา เนื่องจากเป็นสารเคมีที่อยู่ในสถานะแช่แข็ง จึงทําให้เกิดชั้นหนาระหว่างช้ันบรรยากาศและแกน ของดาวเคราะห์ (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ยักษ์น้ําแข็ง และดาวเคราะห์หิน จากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง คัด คาํ ศัพท์พร้อมท้งั คาํ แปลลงสมดุ สง่ ครู (5) ขั้นประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือมขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้แก้ไขอย่างไร บา้ ง (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคําถามนักเรยี น เชน่ – การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโดยใช้ลักษณะพื้นผิวเป็นเกณฑ์แบ่งเป็นก่ีกลุ่ม อะไรบ้าง – ดาวยูเรนสั และดาวเนปจูนจดั เปน็ ดาวเคราะห์ยกั ษน์ ้ําแข็งเพราะเหตุใด – ดาวเคราะห์ในระบบสรุ ยิ ะแบง่ เป็นกี่กลุ่ม และนักดาราศาสตร์ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการแบ่งดาว เคราะห์ ขัน้ สรุป ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยร่วมกัน เขียนเป็นแผนทคี่ วามคดิ หรอื ผังมโนทศั น์
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรบั เยาวชน และอินเทอร์เนต็ 2. หนังสือเรยี นภาษาต่างประเทศ 3. ค่มู ือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 6. หนงั สือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ ร่ืองเกณฑ์การแบ่ง 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย ประเภทของดาวเคราะห์ในระบบ เป็นรายบคุ คลโดยการสงั เกตและ การสงั เกตการทาํ งานกลุม่ สรุ ิยะ ใชแ้ บบวดั เจตคติทาง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ 2. ตรวจชนิ้ งานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตร์ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเปน็ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 3. รายบุคคลหรือรายกล่มุ โดย เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกตและ การสังเกตการทํางานกลุ่ม ใชแ้ บบวดั เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจํานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นักเรียนน่ีไมผ่ า่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 3. นกั เรียนมคี วามรู้เกิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ....................................................................................... ............................................................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ดีมาก ดี
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผู้เรียนเปน็ สาํ คญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยงั ไมเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ นาํ ไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรบั ปรุงกอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง............................................ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 78 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2561 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เร่อื ง การสร้างแบบจาํ ลองระบบสรุ ิยะ เวลา 1 ช่วั โมง วันที่............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ 2. ตวั ชี้วัดชน้ั ปี สร้างแบบจําลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะห์ต่างๆ จากแบบจําลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายและเปรียบเทียบการโคจรของดาวเคราะห์ตา่ ง ๆ จากแบบจาํ ลองระบบสุริยะได้ (K) 2. สร้างแบบจําลองเพ่ือแสดงองคป์ ระกอบของระบบสุริยะได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝรุ หู้ รืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ เ่ี กย่ี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทํางานร่วมกบั ผู้อืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. ส่ือสารและนาํ ความรเู้ รื่องแบบจาํ ลองระบบสรุ ยิ ะไปใช้ในชวี ติ ประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคญั แบบจําลองระบบสรุ ยิ ะเปน็ แผนภาพแสดงแนวคิดของนกั ดาราศาสตรท์ ี่สร้างขึ้นเพ่ือแสดงตําแหน่งของ ดวงอาทติ ย์ ดาวเคราะห์ และวตั ถทุ ้องฟาู อ่นื ๆ ทโ่ี คจรรอบโลก 5. สาระการเรยี นรู้ ระบบสุรยิ ะ – แบบจาํ ลองระบบสุริยะ 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทาํ งาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดําเนนิ ชีวิต 8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน สร้างแบบจาํ ลองระบบสรุ ยิ ะ
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับแบบจําลองระบบสุริยะ โดยให้นักเรียนอธิบายว่า นักดาราศาสตร์สร้าง แบบจําลองระบบสุริยะจากการศึกษาการเคล่ือนที่ของดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ และวัตถุท้องฟูา อื่นๆ ในระบบสรุ ิยะ 2) นักเรยี นชว่ ยกันตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั คําตอบของคําถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรู้เรอื่ ง แบบจาํ ลองระบบสุรยิ ะ ขน้ั จดั กิจกรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นร้โู ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ร่วมกบั แบบกลบั ด้านช้นั เรียน ซง่ึ มขี น้ั ตอน ดงั นี้ (1) ขน้ั สร้างความสนใจ (1) ครูถามคาํ ถามนักเรียนเพื่อกระตนุ้ ความสนใจ เช่น – ขนาดของดาวเคราะห์แตล่ ะดวงเท่ากนั หรอื ไม่ (แนวคาํ ตอบ ไม่เท่ากนั ) – ถ้าต้องการศึกษาเกี่ยวกับขนาดของดาวเคราะห์สามารถศึกษาได้โดยวิธีการใด (แนวคําตอบ ศกึ ษาไดโ้ ดยการสร้างแบบจาํ ลองระบบสุรยิ ะ) (2) นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายเกี่ยวกบั คาํ ตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรียน (2) ขั้นสารวจและค้นหา (1) แบง่ กลมุ่ นักเรยี น ปฏิบตั ิกิจกรรมท่ี 25 สรา้ งแบบจําลองของระบบสุรยิ ะ แต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรม ตามข้นั ตอนท่ีได้วางแผนไว้ ดงั นี้ – ใช้ข้อมูลในตารางแสดงเส้นผ่านศูนย์กลางของดาวเคราะห์และเส้นผ่านศูนย์กลางของ แบบจําลองสร้างแบบจําลองของดาวเคราะห์ โดยใช้ข้อมูลเส้นผ่านศูนย์กลางของดาวเคราะห์หาขนาด เพ่ือ สร้างแบบจาํ ลองของดาวเคราะห์แตล่ ะดวง ตารางแสดงเส้นผ่านศูนย์กลางของดาวเคราะห์และเส้นผ่านศูนยก์ ลางของแบบจาลอง ชอื่ ดาวเคราะห์ เส้นผ่านศนู ยก์ ลางของ เส้นผา่ นศนู ยก์ ลางของ ดาวเคราะห์ (กิโลเมตร) แบบจาลอง (มลิ ลิเมตร) ดาวพุธ 4,900 5 ดาวศกุ ร์ 12,100 12 โลก 12,800 13 ดาวอังคาร 6,800 7 ดาวพฤหัสบดี 143,000 143 ดาวเสาร์ 120,500 121 ดาวยเู รนสั 51,100 51 ดาวเนปจนู 49,500 50
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 หมายเหตุ กาํ หนดให้ 1 มลิ ลิเมตร มีคา่ ประมาณ 1,000 กโิ ลเมตร – สรา้ งแบบจําลองของดาวเคราะห์แต่ละดวงลงบนกระดาษ วัดขนาดดาวเคราะห์แต่ละดวงด้วย ไม้บรรทัด เพื่อให้แน่ใจว่ามีขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางถูกต้อง ตัดดาวเคราะห์แต่ละดวงออกมาและระบายสี บันทกึ ลําดบั ขนาดของดาวเคราะห์ในตาราง – นาํ ดาวเคราะหท์ ตี่ ดั แล้วมาจัดเรียงเปน็ แบบจาํ ลองตามลําดับท่ีแสดงในตาราง โดยให้ดาวพุธอยู่ ใกล้ดวงอาทิตย์มากท่ีสุด พึงระลึกไว้เสมอว่าแบบจําลองนี้ช่วยให้นักเรียนเปรียบเทียบขนาดไม่ใช่ระยะทาง บันทกึ ลําดับขนาดของดาวเคราะห์ในตาราง (2) ครูคอยแนะนาํ ชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมปี ญั หา (3) ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (1) นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนกลุม่ นําเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหน้าห้องเรียน (2) นักเรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใช้แนวคาํ ถามต่อไปนี้ – นักดาราศาสตร์ใช้แบบจําลองเพื่ออธิบายระบบสุริยะเพราะเหตุใด (แนวคําตอบ เพราะ แบบจําลองแสดงให้เห็นว่า ดาวเคราะหแ์ ละเทหวัตถุตา่ ง ๆ เดินทางในเสน้ ทางทีเ่ ปน็ วงรี) – จากการสร้างแบบจําลองระบบสุริยะ โลกของเราเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่เป็นลําดับท่ี เท่าใด (แนวคําตอบ โลกมีขนาดใหญเ่ ปน็ ลําดับที่ 5) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แบบจําลอง ระบบสุรยิ ะทําให้เราสามารถเปรยี บเทียบขนาดของดาวเคราะหจ์ รงิ ในระบบสรุ ิยะไดม้ ากข้ึน (4) ขั้นขยายความรู้ นักเรียนลองประดิษฐ์แบบจําลองระบบสุริยะเป็นแบบ 3 มิติ โดยใช้วัสดุท่ีมีทรงกลมขนาดต่างๆ เช่น ลูกบอล ลูกปิงปอง หรือลูกเทนนิสเก่า โดยเลือกให้มีขนาดตามสัดส่วนของดาวเคราะห์ เช่น ดาวพฤหัสบดีมี ขนาดใหญ่ที่สุดให้ใช้ลูกบอลท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสุด และทาสีแดงตามสีของช้ันบรรยากาศ ส่วนดาวพุธมีขนาดเล็ก ท่ีสุดให้ใช้ลูกปิงปอง แล้วระบายสีดาวต่างๆ ตามข้อมูลท่ีได้ศึกษาค้นคว้ามา นักเรียนอาจใช้แท่งไม้เป็นแกนทํา เป็นลกั ษณะโมไบล์ และใช้เชอื กผกู ตามจุดตา่ งๆ เพ่อื แสดงระยะทางที่ตา่ งกนั จากดวงอาทิตย์ (5) ขั้นประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือมีข้อสงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพม่ิ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรียนรว่ มกันประเมนิ การปฏิบัตกิ จิ กรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความร้ไู ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคําถามนกั เรยี น เช่น – ถ้านักเรียนมีความคิดในเรื่องระบบสุริยะไม่เหมือนกับเพ่ือนๆ นักเรียนจะอธิบายให้เพ่ือนๆ เข้าใจไดอ้ ย่างไร – นักวทิ ยาศาสตรท์ ําความรูจ้ ักสงิ่ ตา่ งๆ ในระบบสรุ ิยะด้วยวธิ ีการใด – ดาวเคราะหด์ วงใดโคจรรอบดวงอาทติ ย์ด้วยความเร็วมากท่สี ดุ และนอ้ ยท่สี ุด
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ข้ันสรปุ ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เก่ยี วกับแบบจาํ ลองระบบสุรยิ ะ โดยรว่ มกนั เขยี นเปน็ แผนที่ความคิดหรือผัง มโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 25 สรา้ งแบบจําลองของระบบสุรยิ ะ 2. ลูกบอล ลูกปงิ ปอง หรือลูกเทนนิสเกา่ 3. คมู่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 6. หนังสือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรเู้ ร่ือง แบบจําลอง จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ ระบบสุริยะ ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ 1. ประเมนิ เจตคติทาง วัดทกั ษะกระบวนการทาง 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตร์เป็นรายบคุ คลโดย วทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น การสังเกตและใช้แบบวัดเจต คติทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย การสังเกตการทํางานกลุม่ 2. ประเมนิ เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต 3. ประเมินทักษะการแก้ปญั หา และใชแ้ บบวดั เจตคตติ ่อ โดยการสังเกตการทํางาน วิทยาศาสตร์ กลุ่ม 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏิบัตกิ จิ กรรมเป็น รายบุคคลหรอื รายกลุม่ โดย การสังเกตการทํางานกล่มุ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 461
Pages: