แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ................................................................................................................................ ...................... ............................................................................................................. ......................................... 3. นักเรียนมีความรู้เกิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผ้ทู ี่ไดร้ ับมอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผู้เรียนเปน็ สาํ คญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สาํ คัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 นาํ ไปใช้ไดจ้ รงิ ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง............................................ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 36 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง สัตว์ทีม่ ีขาเป็นข้อ เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท.ี่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธกุ รรม การเปลยี่ นแปลงทางพนั ธกุ รรมที่มีผลต่อสง่ิ มชี วี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวัฒนาการของ ส่ิงมีชวี ติ รวมท้ังนาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ชี้วดั ช้นั ปี จําแนกสตั วอ์ อกเป็นสัตวม์ ีกระดกู สันหลงั และสัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลังโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็น เกณฑ์ โดยใช้ข้อมลู ทรี่ วบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บรรยายลกั ษณะของกลุม่ สตั วท์ ม่ี ขี าเป็นข้อได้ (K)
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. มีความสนใจใฝุรู้หรอื อยากรู้อยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ทีเ่ ก่ยี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานร่วมกับผอู้ ่นื อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนาํ ความรเู้ ร่ืองสตั วท์ ี่มขี าเป็นขอ้ ไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ กลุ่มสัตว์ท่ีมีขาเป็นข้อเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังท่ีมีลักษณะเฉพาะ คือ ขามีลักษณะเป็นข้อต่อกัน ลําตัวแบง่ เปน็ 3 ส่วน คอื หวั อก และท้อง และมีเปลอื กแข็งหุ้มลาํ ตัว 5. สาระการเรยี นรู้ สัตวไ์ มม่ กี ระดูกสันหลงั – กลุ่มสตั วท์ ีม่ ขี าเปน็ ข้อ 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มุง่ มั่นในการทํางาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดําเนินชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สงั เกตลกั ษณะของแมลง 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเขา้ ส่บู ทเรียน 1) ครูถามนกั เรียนว่า นกั เรียนรูจ้ ักสัตวท์ ม่ี ีขาเป็นขอ้ หรอื ไม่ ยกตัวอย่าง (แนวคําตอบ รู้จัก เช่น แมงมุม ตก๊ั แตน และมด) 2) นกั เรยี นช่วยกันตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั คําตอบของคําถาม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การ เรียนร้เู ร่อื ง สัตว์ท่มี ีขาเป็นข้อ ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึ่งมีข้นั ตอนดงั น้ี
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูนํารูปมดและแมงมุมมาให้นักเรียนดู และให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า ลักษณะใดของมดและ แมงมุมทแ่ี สดงว่าสัตว์ทั้ง 2 ชนดิ อยู่ในกลุ่มสัตว์ท่มี ขี าเปน็ ข้อ (แนวคําตอบ ลกั ษณะทแ่ี สดงว่ามดและแมงมุมอยู่ ในกลุ่มสัตว์ท่ีมีขาเป็นข้อ คือ ขามีลักษณะเป็นข้อเช่ือมต่อกันอย่างชัดเจน และลําตัวแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ หัว อก และท้อง) (2) นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกับคําตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 10 สังเกตลักษณะของแมลง แต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมตาม ขัน้ ตอนท่ไี ดว้ างแผนไว้ ดงั นี้ – แบง่ กลมุ่ นักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน – นาํ ตัวอยา่ งแมลงสตฟั ฟ์ หรือล่อแมลงโดยใช้นาํ้ หวานใหแ้ มลงมากนิ แลว้ จับแมลงใสข่ วด – ใช้แว่นขยายสังเกตลกั ษณะของแมลง บนั ทกึ และวาดรปู แสดงส่วนประกอบ (2) ครคู อยแนะนาํ ช่วยเหลอื นกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรยี นทกุ คนซกั ถามเมื่อมปี ัญหา 3) ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ส่งตัวแทนกลมุ่ นาํ เสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคําถาม ตอ่ ไปนี้ – แมลงจดั เป็นสัตว์ประเภทใด (มีหรือไมม่ ีกระดูกสนั หลงั ) (แนวคาํ ตอบ สตั วไ์ มม่ ีกระดูกสันหลงั ) – บอกช่อื แมลงทีน่ กั เรยี นรู้จักมา 3 ชนดิ (แนวคําตอบ ผึง้ ผีเสอ้ื และแมลงปอ) (3) ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แมลงส่วนใหญ่มี ลําตวั แบ่งเปน็ 3 สว่ น คอื หัว อก และท้อง มีหนวด 2 เส้น มขี า 6 ขา ลักษณะเปน็ ข้อเชือ่ มตอ่ กนั 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ แมลงมากมาย โดยให้นักเรียนดูแผนภูมิร้อยละของปริมาณสัตว์ทั้งโลก สัตว์ไม่ มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ท่ีมีขาเป็นข้อ และอธิบายกับนักเรียนว่า สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมีจํานวนมากถึงร้อย ละ 96 ของสัตวท์ งั้ โลก และจําแนกเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์ที่มีขาเป็นข้อมากถึงร้อยละ 85 ของ สัตว์ไมม่ กี ระดกู สันหลัง และในจํานวนของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์ท่ีมีขาเป็นข้อน้ันแบ่งเป็นแมลงถึง รอ้ ยละ 74 ของสัตวท์ ีม่ ขี าเป็นข้อ
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) ครูให้นักเรียนปฏิบัติ กิจกรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 4 สัตว์ที่อยู่ใกล้ตัว แต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมตาม ข้ันตอนทไี่ ดว้ างแผนไว้ ดงั นี้ – แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ช่วยกันคิด วางแผน และปฏิบัติกิจกรรม ให้สมาชิกของ กลมุ่ ออกสาํ รวจสตั ว์ที่อยู่บรเิ วณโรงเรียน บ้าน หรือสวนสาธารณะ – สังเกตลกั ษณะเฉพาะของสตั ว์แต่ละชนดิ บนั ทกึ ข้อมูล – วิเคราะห์แยกชนิดของสัตว์เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ร่วมกัน อภปิ รายในกลุม่ และสรุปผล 5) ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้าง ที่ยัง ไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มขี ้อสงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพม่ิ เตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบัตกิ จิ กรรมกลมุ่ ว่ามีปัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนําความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคําถามนักเรียน เชน่ – ตะขาบมลี าํ ตัวเป็นปล้องต่อกนั แตไ่ ม่จัดอยู่ในกล่มุ สัตว์ท่ีมีลาํ ตัวเปน็ ปล้องเพราะอะไร – เปลอื กแข็งทห่ี มุ้ ลําตวั แมลงมีประโยชน์อยา่ งไร ขั้นสรปุ 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับสัตว์ท่ีมีขาเป็นข้อ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือผัง มโนทศั น์ 2) ครูดําเนินการทดสอบหลังเรียนโดยให้นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือวัดความก้าวหน้า/ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ของนกั เรยี น 3) ครูเชื่อมโยงเนื้อหาจากบทเรียนน้ีกับหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เพ่ือให้นักเรียนเตรียมความพร้อมในการ เรยี นชัว่ โมงต่อไป โดยการใชค้ าํ ถามกระตุน้ ดังน้ี – รอบตัวเรามีวัตถุมากมายที่ทําจากวัสดุต่าง ๆ วัสดุเหล่านั้นมีสมบัติแตกต่างกันหรือไม่ และ สามารถจําแนกเป็นกลุ่มได้หรือไม่ (แนวคําตอบ วัสดุที่แตกต่างกันมีสมบัติแตกต่างกันและสามารถใช้สมบัติท่ี แตกต่างกันเป็นเกณฑใ์ นการจาํ แนกวสั ดเุ ปน็ กลมุ่ ได)้ 4) ครมู อบหมายใหน้ กั เรียนไปศึกษาค้นคว้าเน้ือหาของบทเรียนช่ัวโมงหน้าเพ่ือจัดการเรียนรู้คร้ังต่อไป โดยใหน้ กั เรียนศึกษาคน้ ควา้ ลว่ งหนา้ ในหัวข้อสมบัตขิ องวัสดุ 5) ครใู หน้ กั เรยี นเตรยี มประเดน็ คําถามท่ีสงสัยมาอย่างนอ้ ยคนละ 1 คําถาม เพ่ือนํามาอภิปรายร่วมกัน ในช้นั เรียนคร้ังตอ่ ไป 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. รปู มดและแมงมุม
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 2. ใบกจิ กรรมท่ี 10 สงั เกตลกั ษณะของแมลง 3. แผนภมู ริ ้อยละของปริมาณสตั วท์ ้ังโลก สัตว์ไมม่ ีกระดกู สันหลัง และสัตว์ทีม่ ีขาเป็นขอ้ 4. ใบกจิ กรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 4 สตั ว์ทอ่ี ยูใ่ กลต้ ัว 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 6. ค่มู อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 7. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 8. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 9. หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เร่ืองสตั ว์ท่มี ีขาเปน็ ข้อ 1. ประเมนิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจช้นิ งานหรือภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกตและ ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรียน ใชแ้ บบวดั เจตคตทิ าง วัดทกั ษะกระบวนการทาง 3. ทดสอบหลงั เรยี นโดยใช้ แบบทดสอบหลงั เรียน วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคติตอ่ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย 3. วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคลโดย การสังเกตการทํางานกลมุ่ การสงั เกตและใช้แบบวัดเจตคติ 3. ประเมนิ ทักษะการแกป้ ญั หา ต่อวิทยาศาสตร์ โดยการสงั เกตการทาํ งาน กลุ่ม 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ัติกจิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกลุม่ โดย การสงั เกตการทํางานกลุ่ม 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจาํ นวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรยี นน่ีไม่ผ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมีความรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผูท้ ่ีได้รบั มอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง................................................................แลว้ มคี วามเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจัดกิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สาํ คญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผูเ้ รียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ที่
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 นาํ ไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรับปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 37 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2561 เรื่อง การทดสอบกลางปี เวลา 1 ชว่ั โมง วันท่.ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผู้สอน............................................................ ********************************************************************************** นักเรยี นทาแบบทดสอบการทดสอบกลางภาค
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 38 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 เรือ่ ง แรงโน้มถ่วง (1) เวลา 1 ช่ัวโมง วนั ท.ี่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจําวัน ผลของแรงท่ีกระทําต่อวัตถุ ลักษณะการ เคล่ือนท่แี บบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นาํ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วัดชั้นปี ระบุผลของแรงโนม้ ถว่ งที่มีต่อวัตถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมายของแรงโนม้ ถ่วงได้ (K) 2. มีความสนใจใฝรุ หู้ รืออยากร้อู ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรู้ท่เี ก่ยี วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานร่วมกับผอู้ น่ื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สอ่ื สารและนาํ ความรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงไปใช้ในชวี ิตประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ แรงโน้มถว่ ง คอื แรงดึงดูดระหว่างวตั ถทุ ี่มีมวล แรงโน้มถว่ งของโลก คือ แรงท่ีโลกซ่งึ มมี วลมากดงึ ดดู วตั ถุทม่ี มี วลเข้าสศู่ นู ย์กลางของโลก
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 5. สาระการเรยี นรู้ แรงโนม้ ถ่วง 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มุ่งม่ันในการทํางาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนินชวี ิต 8. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน สังเกตการตกของวตั ถุ 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ครูดําเนินการทดสอบกอ่ นเรียนโดยให้นกั เรียนทาํ แบบทดสอบก่อนเรยี น เพื่อตรวจสอบความพรอ้ ม และพ้นื ฐานของนักเรยี น ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูถามคาํ ถามนักเรยี นเพ่ือกระตุ้นความสนใจวา่ เมอื่ นักเรียนกระโดดข้นึ สู่อากาศ นกั เรยี นจะตกลง ส่พู น้ื โลกทกุ คร้ังเพราะอะไร (แนวคาํ ตอบ เพราะโลกมแี รงดงึ ดดู ตอ่ วตั ถ)ุ 2) นักเรียนชว่ ยกันอภปิ รายและแสดงความคดิ เห็นของคําตอบจากคาํ ถาม เพ่ือเชื่อมโยงไปสกู่ ารเรยี นรู้ เรื่อง แรงโนม้ ถ่วง ข้ันจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมขี ั้นตอนดงั นี้ 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครแู บ่งกลุ่มนักเรียนแลว้ เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนในกลุ่มนําเสนอข้อมูลเก่ยี วกับแรงโน้มถ่วงที่ครู มอบหมายใหไ้ ปเรยี นรูล้ ว่ งหน้าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟัง จากน้ันให้แต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนมานําเสนอข้อมลู หนา้ หอ้ งเรยี น (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทําภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนกั เรียน และถามคําถามเกยี่ วกบั ภาระงาน ดงั นี้ – สง่ิ ที่ทาํ ใหว้ ัตถตุ ่างๆ ไมล่ อยออกไปนอกโลกคืออะไร (แนวคาํ ตอบ แรงโน้มถว่ ง) – แรงโน้มถว่ งคอื อะไร (แนวคําตอบ แรงดึงดูดระหว่างวัตถุทม่ี ีมวล) (3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตั้งประเด็นคําถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทําภาระงานอย่างน้อยคนละ 1 คําถาม ซ่ึงครูใหน้ กั เรียนเตรยี มมาล่วงหน้า และใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั ตอบและแสดงความคดิ เหน็
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า โลกมีแรง ดงึ ดดู ต่อวตั ถุทม่ี ีมวล และเรยี กแรงดึงดดู ระหว่างโลกและวตั ถทุ ี่มีมวลว่า แรงโนม้ ถว่ งของโลก 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งกลุม่ นักเรียน กล่มุ ละ 5 – 6 คน ปฏิบัตกิ จิ กรรมที่ 18 สังเกตการตกของวัตถุ แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กิจกรรมตามขน้ั ตอนทไ่ี ด้วางแผนไว้ ดงั น้ี – ถือลูกบอลไวร้ ะดับอก แลว้ ปลอ่ ยลกู บอล สงั เกตการตกของลกู บอล บนั ทึกผลการสังเกต – กํายางลบด้วยมือขวา เหยียดแขนออกแล้วคว่ํามือ จากน้ันปล่อยยางลบ สังเกตการตกของยางลบ บนั ทึกผลการสงั เกต (2) ครคู อยแนะนําช่วยเหลอื นกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรียนทุกคนซักถามเมอ่ื มีปญั หา 3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนกลุ่มนําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นกั เรียนและครูร่วมกันอภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใชแ้ นวคําถาม ตอ่ ไปน้ี – ผลการสังเกตลูกบอลและยางลบเหมือนหรือแตกต่างกันลักษณะใด (แนวคําตอบ ผลการสังเกต เหมือนกนั คือ เมอ่ื ปล่อยลกู บอลและยางลบ ลกู บอลและยางลบตกลงส่พู น้ื โลกเสมอ) – ทิศทางการเคลื่อนท่ีของลูกบอลและยางลบมีลักษณะใด (แนวคําตอบ ลูกบอลและยางลบตกลง ในแนวดิ่งมที ิศสูพ่ น้ื โลก) – จากการปฏิบัติกิจกรรมสรุปว่าโลกมีแรงดึงดูดได้หรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคําตอบสรุปว่า โลกมีแรงดงึ ดดู สังเกตจากเมือ่ ปล่อยวัตถุอย่างอสิ ระ วัตถุตกลงสูพ่ ้นื โลกเสมอ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า โลกมีแรงดึงดูด วตั ถตุ ่างๆ ท่ีมีมวลในทศิ ส่พู น้ื โลกเสมอ 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธิบายเก่ียวกับทิศทางของแรงโน้มถ่วงของโลกและนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก โดยเน้นใหน้ ักเรยี นเข้าใจว่า แรงโนม้ ถว่ งของโลกมีทศิ เข้าสูศ่ นู ยก์ ลางของโลกและมีหนว่ ยเปน็ นิวตนั 5) ขนั้ ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรือยังมีข้อสงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธบิ ายเพมิ่ เติมให้นกั เรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั ประโยชนท์ ่ไี ด้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคําถามนกั เรียน เช่น – แรงท่ีโลกดงึ ดดู วัตถเุ รยี กวา่ อะไร – โลกดงึ ดดู วัตถุในทิศทางใด ข้นั สรปุ ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปเกี่ยวกับแรงโน้มถว่ ง โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนทค่ี วามคิดหรือผังมโนทัศน์
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 2. ใบกจิ กรรมที่ 11 สังเกตการตกของวตั ถุ 3. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 6. หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ รื่องแรงโน้มถว่ ง 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรียน เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกตและ ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ 3. ทดสอบก่อนเรยี นโดยใช้ ใชแ้ บบวัดเจตคติทาง วดั ทกั ษะกระบวนการทาง แบบทดสอบก่อนเรยี น วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม ใช้แบบวดั เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ 3. ประเมินทักษะการแก้ปญั หา โดยการสังเกตการทํางาน กลุ่ม 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบตั กิ ิจกรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกลุม่ โดย การสงั เกตการทาํ งานกลุม่ 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจํานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนไี่ มผ่ า่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ........................................................................................................................... ........................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นกั เรยี นมีความรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ทีไ่ ด้รับมอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรียนร้ขู อง................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังนี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สําคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสําคัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 นาํ ไปใชไ้ ดจ้ รงิ ควรปรบั ปรงุ ก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ ...................................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................... ....................... ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 39 สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรือ่ ง แรงโน้มถว่ ง (2) เวลา 1 ช่ัวโมง วันท.ี่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจําวัน ผลของแรงท่ีกระทําต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลื่อนทีแ่ บบต่างๆ ของวัตถุ รวมท้งั นาํ ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วัดชน้ั ปี ระบุผลของแรงโน้มถ่วงที่มตี อ่ วัตถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความหมายของแรงโน้มถว่ งได้ (K) 2. สงั เกตลักษณะการเคลือ่ นท่ีของวตั ถเุ ม่ือตกสู่พืน้ โลกได้ (K) 3. มีความสนใจใฝรุ ้หู รอื อยากรู้อยากเหน็ (A)
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ ่ีเกี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทํางานรว่ มกับผู้อ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. สือ่ สารและนําความรเู้ ร่ืองแรงโนม้ ถว่ งไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคัญ แรงโนม้ ถว่ ง คอื แรงดึงดดู ระหว่างวัตถทุ ม่ี ีมวล แรงโนม้ ถว่ งของโลก คือ แรงที่โลกซึ่งมีมวลมากดงึ ดูดวัตถุทีม่ มี วลเขา้ สูศ่ นู ย์กลางของโลก 5. สาระการเรยี นรู้ แรงโนม้ ถ่วง 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทํางาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนินชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ช้ินงานหรือภาระงาน สงั เกตวัตถุเคล่ือนที่อย่างไร 9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเข้าสูบ่ ทเรยี น 1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยถามนักเรียนว่า แรงโน้มถ่วงของโลกคืออะไร และมีทิศทางใด (แนวคําตอบ แรงโนม้ ถ่วงของโลก คือ แรงที่โลกดึงดดู วัตถไุ ว้ โดยมีทิศเขา้ ส่ศู นู ย์กลางของโลก) 2) นกั เรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั คาํ ตอบของคําถาม เพ่อื เช่ือมโยงไปสู่การ เรียนร้เู ร่อื ง แรงโนม้ ถว่ ง ขน้ั จดั กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มีขั้นตอนดงั นี้ 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูให้นักเรียนลองทายว่าถ้านําวัตถุ 4 ชนิด คือ ใบไม้ ลูกปิงปอง ดินนํ้ามัน และเมล็ดถ่ัวมาปล่อย จากมืออย่างอิสระในระดับอก วัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนท่ีเหมือนหรือแตกต่างกัน (แนวคําตอบ วัตถุมี ลักษณะการเคลอื่ นทีแ่ ตกต่างกนั แตจ่ ะมีทศิ ทางเข้าส่ศู ูนย์กลางของโลกเหมือนกัน) (2) นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกับคาํ ตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 2) ข้ันสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ครูให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ที่ 5 วัตถุเคลื่อนที่อย่างไร แต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรม ตามขน้ั ตอนที่ไดว้ างแผนไว้ ดงั น้ี – แบง่ กลุ่มนักเรยี นเพ่ือสงั เกตวตั ถุชนดิ ตา่ งๆ – แต่ละกลุ่มคาดคะเนว่า ถ้ากําวัตถุด้วยมือขวา เหยียดแขนออกแล้วควํ่ามือ จากนั้นปล่อยวัตถุ วตั ถุจะมีการเคล่อื นทล่ี กั ษณะใด – ปฏิบตั กิ จิ กรรมโดยปล่อยวตั ถุคร้ังละ 1 ชนิด บันทกึ ผล (2) ครูคอยแนะนาํ ช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรียนทกุ คนซกั ถามเมอ่ื มีปญั หา 3) ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรียนและครรู ว่ มกันอภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคําถาม ต่อไปน้ี – วัตถุแต่ละชนิดมีลักษณะการเคล่ือนท่ีเหมือนหรือแตกต่างกันลักษณะใด (แนวคําตอบ วัตถุแต่ ละชนดิ มลี กั ษณะการเคลอ่ื นที่แตกตา่ งกนั โดยใบไมเ้ คลือ่ นทีร่ อ่ นไปทางซา้ ยและขวาสลับกันไปจนหยุดเคล่ือนที่ บนพน้ื ลกู ปงิ ปองและเมลด็ ถั่วตกลงในแนวดงิ่ และกระดอนขน้ึ ลงจนหยดุ เคลอ่ื นทบ่ี นพ้ืน สว่ นดินนํ้ามันจะตกลง ในแนวดง่ิ สพู่ น้ื และหยดุ เคล่อื นทท่ี ันที) – การเคลอื่ นที่ของวตั ถเุ กิดจากแรงใด (แนวคําตอบ แรงโนม้ ถ่วงของโลก) – จากการปฏิบัติกิจกรรมสรุปได้ว่าอย่างไร (แนวคําตอบ เมื่อปล่อยวัตถุจากมือ วัตถุทุกชนิดจะ ตกลงสู่พื้นเสมอ) (3) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ผลการปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อปล่อยวัตถุ จากมือ วัตถุแต่ละชนิดจะมลี กั ษณะการเคล่อื นที่สู่พน้ื โลกแตกต่างกนั แต่วตั ถุทกุ ชนิดจะตกลงสูพ่ น้ื โลกเสมอ 4) ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูเชอื่ มโยงความรู้อาเซียน โดยครูให้ความรู้เสริมกับนักเรียนเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากแรงโน้ม ถ่วงของโลกในการผลติ กระแสไฟฟาู ว่า แรงโน้มถว่ งของโลกทาํ ให้นํ้าตกจากท่สี ูงลงสู่ท่ีตํ่าจึงนําไปใช้ประโยชน์ใน การผลิตกระแสไฟฟูาของโรงไฟฟูาพลังน้ําจากเข่ือนได้ ซึ่งในอาเซียนมีหลายประเทศท่ีใช้การผลิตกระแสไฟฟูา จากพลังน้ําลักษณะนี้ และมีการนํากระแสไฟฟูาที่ผลิตได้ไปใช้ในประเทศหรือส่งขายให้กับประเทศเพื่อนบ้าน เพ่อื ความม่ันคงด้านพลังงานใหก้ ับประเทศนน้ั ๆ เช่น การขายพลงั งานไฟฟาู ของประเทศลาวใหก้ ับประเทศไทย (2) นักเรยี นคน้ คว้าคําศพั ทภ์ าษาตา่ งประเทศเก่ียวกับแรงโน้มถ่วง จากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ หรอื อนิ เทอรเ์ นต็ และนาํ เสนอให้เพอ่ื นในห้องฟงั แลว้ คดั คําศัพท์พร้อมทัง้ คาํ แปลลงสมดุ สง่ ครู 5) ข้ันประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มขี อ้ สงสยั ถ้ามี ครูชว่ ยอธิบายเพ่มิ เติมให้นักเรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรียนรว่ มกนั ประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกับประโยชนท์ ่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรยี น เช่น
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – เมื่อโยนลกู บอลขนึ้ ฟาู ลูกบอลจะตกลงสพู่ น้ื โลกเสมอเพราะอะไร – ถ้าโลกไมม่ ีแรงโน้มถว่ งจะเกิดเหตุการณ์ใด ขน้ั สรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ เก่ียวกับแรงโน้มถว่ ง โดยรว่ มกันเขยี นเปน็ แผนท่คี วามคิดหรือผงั มโนทัศน์ 10. สอื่ การเรียนรู้ 1. ใบกจิ กรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 5 วตั ถเุ คลื่อนทอ่ี ยา่ งไร 2. หนังสอื เรียนภาษาตา่ งประเทศหรืออินเทอร์เน็ต 3. คูม่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ รื่องแรงโน้มถ่วง 2. ตรวจชิน้ งานหรอื ภาระงานของ 1. ประเมินเจตคตทิ าง 1. ประเมินทักษะกระบวนการ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคลโดย ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ การสงั เกตและใช้แบบวดั เจต วัดทกั ษะกระบวนการทาง คติทางวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต การสงั เกตการทํางานกลมุ่ และใช้แบบวดั เจตคติต่อ 3. ประเมนิ ทักษะการแก้ปัญหา วทิ ยาศาสตร์ โดยการสังเกตการทาํ งาน กลุ่ม 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกลุม่ โดย การสงั เกตการทํางานกลุม่
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจาํ นวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรียนน่ีไมผ่ า่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นกั เรียนมคี วามรู้เกดิ ทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ี่ได้รับมอบหมาย ไดท้ ําการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจดั กิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สาํ คญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยงั ไม่เน้นผู้เรยี นเปน็ สาํ คัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นําไปใชไ้ ดจ้ ริง ควรปรับปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 40 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง ผลของแรงโนม้ ถว่ ง (1) เวลา 1 ชั่วโมง วันท่ี............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจําวัน ผลของแรงท่ีกระทําต่อวัตถุ ลักษณะการ เคล่ือนท่ีแบบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นําความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 2. ตัวช้ีวดั ชนั้ ปี 1. ระบุผลของแรงโน้มถว่ งท่ีมีต่อวตั ถุจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 2. ใชเ้ ครอื่ งชัง่ สปริงในการวดั นํา้ หนกั ของวตั ถุ (ว 2.2 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สงั เกตผลของแรงโน้มถ่วงท่มี ตี อ่ วตั ถุได้ (K) 2. สงั เกตการวัดน้ําหนกั ของวัตถดุ ว้ ยเครือ่ งช่งั สปรงิ ได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝุรู้หรืออยากรู้อยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ี่เกยี่ วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 5. ทาํ งานร่วมกับผอู้ ืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. สื่อสารและนําความรู้เร่ืองผลของแรงโน้มถว่ งไปใชใ้ นชวี ิตประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ แรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดให้วัตถุที่มีมวลตกลงสู่พ้ืนโลก เราวัดแรงน้ีได้ด้วยการใช้เคร่ืองชั่งสปริง และ เรียกแรงนวี้ า่ น้ําหนกั มหี น่วยเป็น นิวตัน 5. สาระการเรียนรู้ แรงโนม้ ถว่ ง – น้ําหนกั และมวล 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทาํ งาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดําเนนิ ชวี ิต 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน สังเกตการวดั แรง 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 1) ครูทบทวนความรู้เกีย่ วกบั แรงโน้มถ่วง โดยถามคําถามนักเรียนวา่ แรงที่โลกกระทาํ ต่อวตั ถเุ รียกว่า อะไร (แนวคาํ ตอบ แรงโน้มถ่วงของโลก) 2) ครถู ามคาํ ถามเพิม่ เติมกับนักเรียนวา่ เราสามารถวดั แรงที่โลกกระทาํ ต่อวตั ถุได้หรือไม่ (แนวคาํ ตอบ ได)้ 3) นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเหน็ ของคาํ ตอบจากคําถาม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้ เร่อื ง ผลของแรงโนม้ ถว่ ง ขนั้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซงึ่ มีขน้ั ตอนดังนี้ 1) ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยนํารปู หรอื เครอื่ งช่ังสปริงแบบตา่ งๆ มาใหน้ ักเรยี นดแู ลว้ ถามนักเรียนว่า เครอื่ งช่ังน้ําหนกั เครอ่ื งช่งั สปรงิ แบบแขวน เครื่องชงั่ สปรงิ แบบต่างๆ – อุปกรณ์เหล่านี้คืออะไร และใช้ประโยชน์ในเรื่องใด (แนวคําตอบ อุปกรณ์เหล่าน้ี คือ เครื่องชั่ง สปรงิ แบบตา่ งๆ ใชป้ ระโยชน์ในการช่งั นํา้ หนกั และมวลของวตั ถ)ุ – อุปกรณเ์ หลา่ นี้สามารถวัดแรงทีโ่ ลกดงึ ดูดตอ่ วตั ถุไดห้ รือไม่ (แนวคําตอบ ได้) (2) นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเกีย่ วกบั คําตอบจากคําถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ข้นั สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องนํ้าหนักและมวลจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นักเรียนเขา้ ใจวา่ เราสามารถวัดแรงทโี่ ลกดงึ ดดู วัตถหุ รอื แรงโนม้ ถ่วงของโลกได้ โดยใช้เครื่องช่ังสปริง และเรียก แรงท่โี ลกดึงดดู วัตถุนว้ี ่า น้าํ หนกั มีหน่วยเปน็ นิวตนั (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมท่ี 12 สังเกตการวัดแรง แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กจิ กรรมตามข้ันตอนท่ีไดว้ างแผนไว้ ดงั น้ี – แขวนเครอื่ งช่ังสปรงิ แบบแขวนในแนวดิ่ง สังเกตตาํ แหนง่ เข็มช้ีบนเครือ่ งช่ังสปริงแบบแขวน – ออกแรงดงึ ขอเกยี่ วของเคร่ืองชง่ั สปริงแบบแขวนลง สังเกตและบันทึกคา่ ของแรง
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 – แขวนถุงทราย 1 ถุงกับขอเกีย่ วของเคร่อื งชง่ั สปริงแบบแขวน สังเกตและบันทกึ คา่ ของแรงเมื่อ ถงุ ทรายอยู่น่งิ – นําวตั ถอุ ื่น ๆ มาเกี่ยวกบั ขอเกย่ี วของเครือ่ งช่ังสปริงแบบแขวน สังเกตและบนั ทึกค่าของแรงท่ี อา่ นได้ (3) ครูคอยแนะนาํ ชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทกุ คนซักถามเมอ่ื มีปัญหา 3) ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนกลมุ่ นาํ เสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นักเรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใช้แนวคําถาม ต่อไปน้ี – เมือ่ แขวนวตั ถแุ ต่ละชนิด เคร่อื งช่งั สปรงิ แบบแขวนเปล่ียนแปลงลักษณะใด (แนวคําตอบ สปริง ของเครื่องชัง่ สปรงิ แบบแขวนจะยืดออกทิศทางเดยี วกับแรงโน้มถ่วงของโลกและแสดงค่าท่เี คร่ืองวัดได้) – คา่ ท่ีอา่ นได้จากเครอ่ื งชงั่ สปรงิ แบบแขวนคือค่าของอะไร (แนวคําตอบ คา่ ของแรงดึงดูดของโลก ทก่ี ระทําตอ่ วัตถ)ุ – เครื่องชั่งสปริงแบบแขวนวัดขนาดของแรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทําต่อวัตถุได้หรือไม่ สังเกต จากอะไร (แนวคําตอบ เคร่ืองช่ังสปริงแบบแขวนวัดขนาดของแรงโน้มถ่วงของโลกได้ โดยสังเกตจากการท่ี สปริงของเครื่องชั่งสปรงิ แบบแขวนยืดออกเมื่อนาํ วัตถุไปแขวนเพอ่ื แสดงคา่ ท่วี ดั ได้) (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เคร่ืองชั่งสปริง แบบแขวนสามารถวัดขนาดของแรงโน้มถ่วงที่กระทําต่อวัตถุได้ โดยขนาดของแรงโน้มถ่วงที่กระทําต่อวัตถุมี หน่วยเป็นนวิ ตนั 4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเกี่ยวกับผลของแรงโน้มถ่วงต่อวัตถุว่า แรงโน้มถ่วงทําให้วัตถุท่ีมีมวลคงที่เกิดนํ้าหนัก นํ้าหนักจึงหมายถึงขนาดของแรงที่โลกกระทําต่อวัตถุ มีหน่วยเป็นนิวตัน ส่วนมวลท่ีมีค่าคงท่ี น้ัน คือ ปริมาณเน้ือสารของวัตถุ มีหน่วยเป็นกิโลกรัม ดังนั้น เคร่ืองชั่งน้ําหนักที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจําวัน ที่มีหน่วย เปน็ กโิ ลกรัม จงึ หมายถึง เครื่องช่งั มวลของวัตถุนั่นเอง (2) ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับการทํางานของเครื่องช่ังสปริงในการวัดมวลหรือน้ําหนัก โดยการวัด มวลหรอื นํ้าหนักแบง่ เปน็ 2 กรณี คอื การวัดโดยใช้สมบัติการยืดตัวของสปริง เช่น เครื่องช่ังสปริงแบบแขวน เม่ือนําวัตถุมาวัด สปริงจะขยายตัว ถ้ามวลหรือน้ําหนักมาก แรงดึงจะมาก สปริงก็จะยืดตัวมาก ทําให้แสดงค่ามวลหรือน้ําหนัก ของวตั ถทุ ่ีวดั ได้มากขนึ้
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ระยะยืดของสปรงิ มากขน้ึ ตามวตั ถทุ ่ีมีมวลหรอื นํ้าหนักมากข้ึน การวัดโดยใช้สมบัติการหดตัวของสปริง เช่น เครื่องช่ังน้ําหนัก เม่ือนําวัตถุมาวัดมวลหรือ นํ้าหนัก สปริงจะหดตัว ถ้ามวลหรือนํ้าหนักมาก แรงกดจะมาก สปริงก็จะหดตัวมาก ทําให้แสดงค่ามวลหรือ น้าํ หนักของวตั ถทุ ว่ี ดั ได้มากข้นึ สปรงิ หดตวั เมื่อนําวตั ถุมาวัดมวล 5) ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิม่ เตมิ ให้นักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรียนรว่ มกนั ประเมินการปฏิบัตกิ จิ กรรมกลุ่มวา่ มปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคาํ ถามนักเรยี น เชน่ – เคร่อื งชงั่ สปริงวัดค่าใดของวัตถไุ ด้ – แรงโน้มถว่ งของโลกมผี ลตอ่ วัตถุลกั ษณะใด – นาํ้ หนักและมวลแตกต่างกันเพราะอะไร ขัน้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับผลของแรงโน้มถ่วง โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือผัง มโนทัศน์ 10. สอื่ การเรยี นรู้
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 1. รูปหรือเครอื่ งชง่ั สปริงแบบตา่ ง ๆ 2. ใบกจิ กรรมท่ี 12 สังเกตการวดั แรง 3. รูปการทํางานของเครือ่ งชั่งสปริง 4. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 6. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 7. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรูเ้ ร่ืองผลของแรง โน้มถ่วง 1. ประเมินเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจชิ้นงานหรอื ภาระงานของ เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกตและ ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น ใช้แบบวดั เจตคติทาง วัดทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทํางานกลุม่ ใชแ้ บบวดั เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ 3. ประเมนิ ทักษะการแก้ปญั หา โดยการสังเกตการทาํ งาน กลมุ่ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรียนจํานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรียนร้.ู .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนน่ีไม่ผา่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นักเรียนมีความรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ .....................................
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจดั กิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผู้เรียนเป็นสําคญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไม่เน้นผ้เู รียนเป็นสาํ คัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ นาํ ไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรบั ปรุงกอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 41 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ปีการศึกษา 2561 ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ช่วั โมง หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรือ่ ง ผลของแรงโน้มถ่วง (2)
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 วันท่ี............เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครผู ูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจําวัน ผลของแรงที่กระทําต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลื่อนทแ่ี บบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนําความร้ไู ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั ชนั้ ปี 1. ระบผุ ลของแรงโนม้ ถว่ งท่มี ีตอ่ วตั ถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 2. ใช้เคร่อื งชง่ั สปริงในการวัดน้ําหนักของวัตถุ (ว 2.2 ป. 4/2) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สังเกตผลของแรงโนม้ ถ่วงทีม่ ตี ่อวัตถุได้ (K) 2. สังเกตการวดั นํ้าหนักของวัตถุด้วยเครอ่ื งช่งั สปริงได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝรุ ู้หรืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรู้ทเ่ี ก่ยี วกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. ทํางานรว่ มกับผ้อู ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. สอ่ื สารและนําความรู้เร่ืองผลของแรงโน้มถ่วงไปใช้ในชวี ิตประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคญั แรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดให้วัตถุท่ีมีมวลตกลงสู่พ้ืนโลก เราวัดแรงนี้ได้ด้วยการใช้เคร่ืองช่ังสปริง และ เรยี กแรงน้วี า่ นํ้าหนกั มีหน่วยเปน็ นวิ ตนั 5. สาระการเรยี นรู้ แรงโน้มถว่ ง – นา้ํ หนักและมวล 6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทํางาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 เรยี งลําดับมวลของวัตถุ 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ สู่บทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับผลของแรงโน้มถ่วง โดยการให้นักเรียนอธิบายว่า เราสามารถวัดแรง โน้มถว่ งได้โดยวิธใี ด (แนวคาํ ตอบ โดยใชเ้ คร่ืองชง่ั สปรงิ แบบต่างๆ) 2) นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับคําตอบของคําถาม เพือ่ เช่ือมโยงไปสู่การ เรยี นร้เู ร่ือง ผลของแรงโนม้ ถว่ ง ขน้ั จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นร้โู ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มขี นั้ ตอนดงั น้ี 1) ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระตุน้ นักเรยี นโดยการถามคําถามวา่ เราสามารถคาดคะเนน้ําหนักของวัตถุจากขนาดได้หรือไม่ เพราะอะไร (แนวคาํ ตอบ ไมไ่ ด้ เพราะนํ้าหนกั ไมไ่ ดข้ ้ึนอยกู่ ับขนาด) (2) นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายเกย่ี วกบั คาํ ตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ขัน้ สารวจและคน้ หา (Exploration) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน แต่ละกลุ่มคาดคะเนนํ้าหนักวัตถุจํานวน 5 ช้ินท่ีครูนํามา และ เรยี งลําดับนํา้ หนักจากน้อยไปหามาก (ให้นักเรียนคาดคะเนจากการมองเท่านั้น) จากน้ันครูช่ังนํ้าหนักของวัตถุ พร้อมกับเน้นหน่วยที่ได้ กลุ่มใดเรียงลําดับได้ถูกต้องมากที่สุดเป็นฝุายชนะ (หมายเหตุ: วัตถุท่ีครูนํามาต้องมี ขนาดไม่แปรผันกับนํ้าหนัก คือ วัตถุที่มีนํ้าหนักมากกว่าต้องมีขนาดเล็กกว่าและวัตถุที่มีนํ้าหนักน้อยกว่าต้องมี ขนาดใหญ่กว่า เพื่อใหน้ ักเรยี นเข้าใจว่าขนาดไมม่ ผี ลต่อน้าํ หนกั ของวัตถุ) 3) ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแต่ละกล่มุ ส่งตัวแทนกลุ่มนําเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหน้าห้องเรยี น (2) นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถาม ต่อไปน้ี – ขนาดของวัตถมุ ผี ลตอ่ น้าํ หนกั ของวัตถหุ รอื ไม่ สงั เกตจากอะไร (แนวคําตอบ ขนาดของวัตถุไม่มี ผลต่อน้ําหนักของวตั ถุ สังเกตจากวตั ถทุ ี่มขี นาดใหญก่ ว่ามนี ํา้ หนักน้อยกว่าวัตถุทีม่ ขี นาดเลก็ กวา่ ) – ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ นํา้ หนักคืออะไร (แนวคําตอบ ปรมิ าณเน้อื สารของวตั ถุ) (3) ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า น้ําหนักของวัตถุ ขน้ึ อยกู่ ับปริมาณเน้ือสารของวัตถเุ ท่าน้ัน สว่ นขนาดของวตั ถุไม่มผี ลตอ่ น้าํ หนักของวัตถุ 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) นกั เรยี นค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ยี วกบั ผลของแรงโนม้ ถ่วง จากหนังสือเรยี น ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนาํ เสนอใหเ้ พ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพทพ์ ร้อมทงั้ คาํ แปลลงสมุดสง่ ครู 5) ข้ันประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพมิ่ เติมให้นกั เรียนเขา้ ใจ
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) นักเรียนรว่ มกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกล่มุ ว่ามีปญั หาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคาํ ถามนักเรียน เชน่ – ส่ิงใดมีผลตอ่ นํา้ หนักของวัตถุ – เราวดั น้ําหนกั ของวัตถุได้ด้วยวิธใี ด ขนั้ สรปุ ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกับผลของแรงโนม้ ถว่ ง โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโน ทศั น์ 10. สือ่ การเรยี นรู้ 1. เคร่อื งชงั่ สปริงและวัตถุทมี่ ีมวลต่างกนั (ขนาดไม่เท่ากัน) จํานวน 5 ชิน้ 2. หนังสือเรยี นภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอรเ์ น็ต 3. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 4. สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 6. หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรูเ้ ร่ืองผลของแรง โนม้ ถว่ ง 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจชิ้นงานหรอื ภาระงานของ เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรียน ใช้แบบวดั เจตคตทิ าง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ วทิ ยาศาสตร์ ปฏิบตั กิ จิ กรรมเปน็ 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทํางานกลุม่ ใช้แบบวดั เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจาํ นวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นกั เรยี นน่ไี ม่ผา่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ .................................................................................................................................................. .... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมคี วามรู้เกดิ ทักษะ (P) ...................................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) .................................................................................................................................................... .. ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (.................................................)
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ตาํ แหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผ้ทู ไ่ี ด้รับมอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรยี นรูข้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดงั นี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สําคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี นําไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 42
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 เรื่อง ความสัมพนั ธ์ของน้ําหนักและมวล (1) เวลา 1 ช่วั โมง วันที.่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจําวัน ผลของแรงที่กระทําต่อวัตถุ ลักษณะการ เคล่อื นทแี่ บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั ช้ันปี 1. ระบุผลของแรงโน้มถ่วงที่มีตอ่ วตั ถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 2. ใชเ้ คร่อื งช่ังสปรงิ ในการวัดนํ้าหนักของวัตถุ (ว 2.2 ป. 4/2) 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สังเกตความสัมพันธ์ของนํ้าหนักและมวลได้ (K) 2. มีความสนใจใฝรุ ูห้ รืออยากรู้อยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นร้ทู เี่ กีย่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานรว่ มกบั ผูอ้ นื่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนาํ ความรเู้ รื่องความสัมพันธข์ องนา้ํ หนักและมวลไปใช้ในชีวติ ประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคญั นา้ํ หนักและมวลมีความสัมพันธแ์ บบแปรผันกัน คือ เมื่อมวลเพิม่ ขึ้น นํ้าหนักจะเพ่ิมขึ้น 5. สาระการเรยี นรู้ แรงโน้มถ่วง – นาํ้ หนักและมวล 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทํางาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดําเนนิ ชีวิต 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 สงั เกตน้ําหนักและมวล 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1) ครูถามคําถามกับนักเรียนว่า ถ้าส้มเขียวหวานมีขนาดผลละ 2 ขีด ส้มเขียวหวานหนัก 1 กิโลกรัม จะมีจํานวนผลแตกต่างจากส้มเขียวหวานหนัก 2 กิโลกรัมลักษณะใด (แนวคําตอบ ส้มเขียวหวานหนัก 1 กิโลกรัม มจี ํานวนผลนอ้ ยกวา่ ส้มเขยี วหวานหนกั 2 กิโลกรัม) 2) นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคําตอบจากคําถาม เพื่อเช่ือมโยงไปสู่การ เรยี นร้เู รอื่ ง ความสมั พันธ์ของน้ําหนักและมวล ขนั้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนร้โู ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมขี ้ันตอนดงั นี้ 1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตนุ้ นักเรียนโดยถามคําถามนักเรียนดังนี้ – ถา้ วัตถุมมี วลเพ่ิมขึน้ โลกจะออกแรงดึงดดู ต่อวตั ถุมากข้ึนหรอื ไม่ (แนวคําตอบ โลกจะออกแรง ดึงดูดต่อวัตถมุ ากข้ึน) – เราใชว้ ิธีใดเพือ่ สงั เกตว่าน้ําหนักมคี วามสัมพนั ธก์ บั มวลหรือไม่ (แนวคาํ ตอบ ใช้เคร่ืองชั่งสปรงิ แบบแขวนวัดนํ้าหนักของวตั ถุที่เปลย่ี นแปลง เมื่อเปลยี่ นแปลงมวลของวตั ถุ) (2) นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั คําตอบจากคําถามของครูตามประสบการณข์ องนักเรยี น 2) ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเร่ืองนํ้าหนักและมวลจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นกั เรียนเขา้ ใจว่า เม่ือวตั ถุมีมวลเปล่ยี นแปลงไป โลกจะออกแรงดึงดดู วัตถุดว้ ยขนาดท่ีเปล่ียนแปลงไป (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมท่ี 13 สังเกตนํ้าหนักและมวล แต่ละกลุ่ม ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามขนั้ ตอนที่ได้วางแผนไว้ ดงั น้ี – แขวนเครอ่ื งชั่งสปริงแบบแขวนในแนวดิ่ง สังเกตตาํ แหน่งเข็มชบี้ นเคร่ืองชั่งสปรงิ แบบแขวน – แขวนถงุ ทราย 1 ถุงกบั ขอเกย่ี วของเคร่ืองชง่ั สปรงิ แบบแขวน สงั เกตและบันทึกค่าของแรงที่ อ่านได้เมอื่ ถุงทรายอยนู่ ่ิง – เพ่ิมจาํ นวนถงุ ทรายท่ีมีมวลเทา่ กนั อกี ครั้งละ 1 ถุง จนครบ 3 ถงุ สงั เกตและบนั ทึกผล (3) ครคู อยแนะนาํ ชว่ ยเหลอื นกั เรยี นขณะปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูเดินดรู อบๆ หอ้ งเรยี นและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทกุ คนซกั ถามเม่อื มีปัญหา 3) ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนกลุม่ นําเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคําถาม ต่อไปนี้ – การเพิ่มจาํ นวนถุงทรายเป็นการเพิ่มมวลหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคําตอบ การเพิ่มจํานวน ถุงทรายเป็นการเพ่ิมมวล สังเกตได้จากเม่ือถุงทรายเพิ่มจํานวนขึ้น ปริมาณทรายจะเพิ่มขึ้น (ปริมาณเน้ือสาร เพ่มิ ขึ้น)
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – ค่าที่อ่านได้จากเคร่ืองช่ังสปริงแบบแขวนสัมพันธ์กับมวลของถุงทรายลักษณะใด (แนวคําตอบ เมอื่ มวลของถุงทรายเพิม่ ข้ึน เครือ่ งชงั่ สปรงิ แบบแขวนจะแสดงค่านาํ้ หนักทวี่ ัดได้เพ่ิมข้ึน) – นํ้าหนักและมวลของวัตถุมีความสัมพันธ์กันอย่างไร (แนวคําตอบ เมื่อมวลของวัตถุมีค่าเพิ่มขึ้น นา้ํ หนักของวตั ถุจะเพม่ิ ขึน้ ) (3) ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า น้ําหนักและมวล มีความสมั พันธ์กัน เมื่อมวลเพมิ่ ขน้ึ นาํ้ หนักจะมีค่าเพม่ิ ขึ้น 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครใู หน้ กั เรียนออกแบบกิจกรรมสงั เกตความสัมพันธข์ องนาํ้ หนักและมวลโดยใช้เครื่องชัง่ สปริงแบบ แขวน 1 เคร่ือง เชือก 1 มว้ น และดนิ นา้ํ มัน 1 กอ้ น จากน้ันนาํ เสนอขัน้ ตอนและผลการสงั เกตหนา้ หอ้ งเรียน 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรือยังมีข้อสงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรียนร่วมกนั ประเมนิ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกล่มุ ว่ามีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคาํ ถามนักเรียน เช่น – ถา้ เพิม่ เนื้อสารของวตั ถุจะส่งผลต่อนํา้ หนกั ลักษณะใด – นา้ํ หนักและมวลมีความสัมพนั ธก์ ันลักษณะใด ขนั้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของน้ําหนักและมวล โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรือผังมโนทัศน์ 10. สือ่ การเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 13 สังเกตน้าํ หนกั และมวล 2. เคร่ืองชั่งสปรงิ แบบแขวน 1 เคร่อื ง เชือก 1 มว้ น และดินน้ํามัน 1 ก้อน 3. คมู่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 4. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 6. หนงั สือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความร้เู รื่องความสัมพันธ์ ของนํา้ หนักและมวล 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ 2. ตรวจชิน้ งานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคลโดย ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ การสังเกตและใชแ้ บบวดั เจต วดั ทกั ษะกระบวนการทาง
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 กิจกรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรียน คตทิ างวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย 3. วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คลโดย การสงั เกตการทาํ งานกล่มุ การสงั เกตและใชแ้ บบวัดเจต 3. ประเมนิ ทักษะการแก้ปัญหา คติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ โดยการสังเกตการทาํ งาน กลมุ่ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏิบัตกิ จิ กรรมเป็น รายบุคคลหรอื รายกล่มุ โดย การสังเกตการทาํ งานกลุม่ 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจํานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี มผ่ า่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ........................................................................................................................... ........................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรู้เกิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ........................................................................................................................................ .............. 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ไดท้ ําการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาํ คญั มาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยงั ไม่เน้นผเู้ รียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่ นําไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง............................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 43 สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง ความสัมพนั ธ์ของน้ําหนักและมวล (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ที.่ ...........เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจําวัน ผลของแรงท่ีกระทําต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลือ่ นทแี่ บบต่างๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นําความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วัดชัน้ ปี 1. ระบุผลของแรงโนม้ ถ่วงทมี่ ีตอ่ วัตถุจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 2. ใชเ้ คร่อื งช่ังสปรงิ ในการวดั นา้ํ หนักของวตั ถุ (ว 2.2 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความสมั พันธ์ของนํ้าหนกั และระยะจากศนู ย์กลางของโลกได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝุรู้หรืออยากร้อู ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานรว่ มกับผู้อ่ืนอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนาํ ความรเู้ ร่ืองความสัมพันธ์ของนา้ํ หนักและมวลไปใช้ในชีวิตประจาํ วนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อน้ําหนักของวัตถุ โดยมีความสัมพันธ์แบบแปรผกผันกัน คือ น้ําหนักลดลงเมอื่ วตั ถุอยูห่ ่างจากศนู ย์กลางของโลกมากข้ึน 5. สาระการเรียนรู้ แรงโน้มถ่วง – นา้ํ หนกั และมวล 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเุ รียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 3. มุ่งมน่ั ในการทํางาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน สืบคน้ ข้อมูลผลของระยะหา่ งจากศูนย์กลางของโลกตอ่ นํ้าหนกั ของวตั ถุ 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับความสัมพันธ์ของน้ําหนักและมวลโดยการให้นักเรียนอธิบายว่า นาํ้ หนักและมวลมคี วามสัมพันธ์กนั ลกั ษณะใด (แนวคาํ ตอบ นํา้ หนกั และมวลมีความสัมพนั ธ์แบบแปรผันกัน) 2) นักเรียนชว่ ยกนั ตอบคําถามและแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั คําตอบของคําถาม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การ เรียนรู้เรอื่ ง ความสัมพันธ์ของนํ้าหนกั และมวล ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรียนร้โู ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีข้นั ตอนดังน้ี 1) ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตนุ้ นกั เรียนโดยการถามคําถามว่า นอกจากมวลจะมีผลต่อน้ําหนักแล้ว มีปัจจัยอื่นที่มีผลต่อ น้ําหนกั อกี หรือไม่ (แนวคําตอบ ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลก) (2) นักเรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ียวกบั คําตอบจากคําถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ขัน้ สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับผลของระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกต่อ นาํ้ หนักของวัตถุโดยดาํ เนนิ การตามขนั้ ตอนดงั นี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อผลของระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกต่อ นํ้าหนักของวัตถุเป็นหัวข้อย่อย เช่น ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อน้ําหนักของวัตถุหรือไม่ และ ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อมวลของวัตถุหรือไม่ ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อท่ี กําหนด – สมาชิกแตล่ ะกลุ่มช่วยกันสืบคน้ ข้อมูลตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสอื วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรบั เยาวชน และอนิ เทอรเ์ น็ต – สมาชิกกลมุ่ นําขอ้ มูลทีส่ ืบคน้ ไดม้ ารายงานให้เพ่ือนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทุกคนมีความรู้ความเขา้ ใจท่ีตรงกัน – สมาชกิ กลุ่มช่วยกันสรปุ ความรทู้ ไ่ี ดท้ ัง้ หมดเปน็ ผลงานของกลมุ่ (2) ครคู อยแนะนาํ ช่วยเหลือนกั เรยี นขณะปฏิบัติกจิ กรรม โดยครเู ดนิ ดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทกุ คนซักถามเม่อื มปี ัญหา
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 3) ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นกั เรียนแต่ละกลุม่ ส่งตวั แทนกลุ่มนําเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหน้าห้องเรยี น (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถาม ต่อไปนี้ – ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อน้ําหนักของวัตถุหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคําตอบ มีผล ตอ่ นาํ้ หนัก กล่าวคือเมอื่ วัตถุอยหู่ ่างจากศูนย์กลางของโลกมากข้ึน นํ้าหนักของวตั ถจุ ะลดลง) – ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อมวลของวัตถุหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคําตอบ ไม่มีผล ต่อมวลของวัตถุ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แรงดึงดูดของ โลกต่อวัตถุมีค่าลดลงเม่ือวัตถุมีระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมากขึ้น ในขณะที่วัตถุมีปริมาณเน้ือสารคงท่ี มวลของวัตถุจึงมีคา่ คงทแ่ี มว้ ่าวัตถุจะมีระยะหา่ งจากศนู ยก์ ลางของโลกมากขึ้น 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธบิ ายให้นกั เรยี นเขา้ ใจว่า ในอวกาศท่ีหา่ งจากศูนย์กลางของโลกมาก นํ้าหนักของวัตถุจะลดลง เกอื บเปน็ ศนู ย์หรืออาจอยใู่ นสภาพไร้นํา้ หนักได้ (2) ครูอธิบายเร่ืองน่ารู้ แรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ โดยให้นักเรียนเข้าใจว่าดวงจันทร์ก็มีแรงโน้มถ่วง เชน่ กันแตม่ คี า่ นอ้ ยกวา่ แรงโน้มถ่วงของโลกถึง 6 เท่า ทําให้เมอ่ื นกั บนิ อวกาศไปถึงดวงจันทร์ นํ้าหนักของนักบิน อวกาศจะลดลง 6 เทา่ เมื่อเทยี บกับนา้ํ หนกั บนโลก (3) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเก่ียวกับความสัมพันธ์ของน้ําหนักและมวล จากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมท้ังคําแปลลง สมดุ ส่งครู 5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรือยังมีข้อสงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธบิ ายเพม่ิ เติมใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรียนรว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ตั ิกิจกรรมกลุม่ ว่ามปี ัญหาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคําถามนกั เรียน เช่น – ระยะหา่ งจากศูนย์กลางของโลกมีผลตอ่ นํา้ หนักเพราะอะไร – ถา้ เราอยบู่ นดวงจันทร์ นํ้าหนักและมวลจะเปล่ยี นแปลงหรือไม่ เพราะอะไร ข้นั สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของน้ําหนักและมวล โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรือผงั มโนทศั น์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สือ วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาํ หรับเยาวชน และอินเทอร์เน็ต 2. หนังสอื เรียนภาษาตา่ งประเทศ 3. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 5. แบบฝึกทักษะรายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 6. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความร้เู รื่องความ สัมพนั ธ์ 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย ของน้ําหนักและมวล 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม วิทยาศาสตร์เปน็ รายบคุ คลโดย 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ การสังเกตและใช้แบบวัดเจต 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรียน คตทิ างวทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรอื รายกล่มุ โดย 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต และใช้แบบวัดเจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ 12. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจํานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นักเรียนนไ่ี ม่ผา่ น มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรียนมคี วามรู้เกดิ ทักษะ (P)
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผทู้ ไี่ ดร้ บั มอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเห็นดงั น้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้ เนน้ ผู้เรียนเป็นสาํ คญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สําคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ นาํ ไปใชไ้ ด้จรงิ ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 44 สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง ผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ (1) เวลา 1 ชวั่ โมง วันที.่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู ู้สอน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจําวัน ผลของแรงท่ีกระทําต่อวัตถุ ลักษณะการ เคล่ือนท่แี บบต่างๆ ของวัตถุ รวมท้งั นาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ชั้นปี บรรยายมวลของวัตถทุ ี่มผี ลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถจุ ากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สังเกตผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนทีข่ องวตั ถุได้ (K) 2. มีความสนใจใฝรุ ้หู รืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ทีเ่ ก่ยี วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานรว่ มกบั ผอู้ ื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สอื่ สารและนาํ ความรเู้ ร่ืองผลของมวลตอ่ การเปล่ียนแปลงการเคลือ่ นทีไ่ ปใช้ในชีวิตประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคญั เม่ือออกแรงต่อวัตถุท่ีมีมวลเพื่อให้วัตถุเคล่ือนท่ี วัตถุจะออกแรงต้านการเคลื่อนท่ี โดยแรงต้านการ เคลอ่ื นทีแ่ ปรผันตามขนาดของมวล คือ มวลเพ่มิ ขึ้น แรงตา้ นการเคล่ือนทจ่ี ะเพ่ิมข้ึน 5. สาระการเรียนรู้
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แรงโน้มถว่ ง – ผลของมวลต่อการเปลย่ี นแปลงการเคลือ่ นที่ 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มุ่งมนั่ ในการทํางาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนนิ ชีวติ 8. ช้ินงานหรอื ภาระงาน สังเกตมวลกับการเปลยี่ นแปลงการเคล่ือนที่ 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1) ครูถามคําถามทบทวนเก่ียวกับความสัมพันธ์ของนํ้าหนักและมวลว่า วัตถุท่ีมีนํ้าหนักลดลงเกิดจาก สาเหตใุ ดไดบ้ า้ ง (แนวคาํ ตอบ วัตถมุ มี วลลดลงหรอื วตั ถอุ ยู่หา่ งจากศนู ยก์ ลางของโลกมากขึ้น) 2) ครูถามนกั เรียนเพิม่ เติมว่า นอกจากมวลมีผลต่อนาํ้ หนักของวตั ถแุ ล้ว มวลมีผลต่อวัตถุลักษณะใดอีก ได้ (แนวคาํ ตอบ มวลมผี ลต่อการเปล่ียนแปลงการเคลือ่ นท่ีของวตั ถ)ุ 3) นักเรยี นช่วยกันอภิปรายและแสดงความคดิ เห็นของคาํ ตอบจากคําถาม เพื่อเช่ือมโยงไปสู่การเรียนรู้ เรื่อง ผลของมวลต่อการเปล่ยี นแปลงการเคล่ือนท่ี ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มีข้นั ตอนดงั น้ี 1) ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระตุ้นนกั เรียนโดยถามคาํ ถามนักเรียนดังนี้ – ถ้านักเรียนต้องออกแรงดันกล่องที่มีหนังสืออยู่เต็มกับกล่องเปล่าให้เคลื่อนที่ นักเรียนต้องใช้ แรงในการดันกลอ่ งใดมากกว่ากนั เพราะอะไร (แนวคาํ ตอบ กลอ่ งที่มีหนังสอื อยู่เต็ม เพราะมมี วลมากกว่า) (2) นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเก่ยี วกับคําตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่จากใบความรู้หรือในหนังสือ เรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วัตถุที่มีมวลมากต้องใช้แรงมากเพื่อทําให้วัตถุเคลื่อนท่ี ดังน้ัน มวลจึงมผี ลตอ่ การเคล่อื นทข่ี องวัตถุ
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 14 สังเกตมวลกับการเปล่ียนแปลงการ เคลื่อนที่ แตล่ ะกลมุ่ ปฏบิ ัติกจิ กรรมตามขน้ั ตอนที่ได้วางแผนไว้ ดงั นี้ – วางแผ่นไม้บนพ้ืนเรยี บแล้ววางถุงทราย 1 ถุงบนแผ่นไม้ – ใช้ขอเก่ียวของเคร่ืองช่ังสปริงแบบแขวนเกี่ยวแผ่นไม้แล้วลากในแนวราบ อ่านค่าขนาดของ แรงที่ได้จากเครื่องชั่งสปรงิ แบบแขวนเมื่อแผ่นไม้เรม่ิ เคล่ือนที่ บันทึกผล – ดําเนนิ การเช่นเดมิ แตเ่ พิ่มจาํ นวนถุงทรายเป็น 2 ถุง และ 3 ถงุ ตามลําดบั (3) ครูคอยแนะนําช่วยเหลอื นกั เรยี นขณะปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยครเู ดินดรู อบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมปี ญั หา 3) ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นกั เรียนแต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนกลุ่มนําเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกันอภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถาม ตอ่ ไปน้ี – การเพ่ิมจํานวนถุงทรายมีผลต่อแรงท่ีใช้ในการเคลื่อนที่หรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคําตอบ การเพิม่ จาํ นวนถุงทรายมผี ลตอ่ แรงทใ่ี ช้ในการเคล่อื นที่ สงั เกตไดจ้ ากเมอื่ ถงุ ทรายเพ่ิมจํานวนข้ึน เคร่ืองชั่งสปริง แบบแขวนอ่านคา่ ของแรงไดเ้ พิ่มข้นึ ) – กอ่ นที่ถงุ ทรายจะเคลื่อนที่ มีแรงต้านการเคลื่อนท่ีเกิดข้ึนหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคําตอบ มี สังเกตได้จากเครื่องชั่งสปริงแบบแขวนอ่านค่าของแรงได้เพ่ิมขึ้นจากศูนย์จนกระทั่งถึงค่าหนึ่ง แผ่นไม้จึงเริ่ม เคล่ือนท่ี) – มวลมีผลต่อการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุลักษณะใด (แนวคําตอบ เมื่อมวลของวัตถุมี ค่าเพ่ิมข้ึน จึงตอ้ งใช้แรงเพิ่มขึ้นในการทําให้วัตถุเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ หรืออาจกล่าวได้ว่าวัตถุท่ีมีมวลมาก เคลื่อนทไ่ี ด้ยากกว่าวตั ถทุ ่ีมมี วลนอ้ ย) (3) ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า มวลมีผลต่อการ เปล่ยี นแปลงการเคลอื่ นที่ เมอ่ื วัตถมุ มี วลเพมิ่ ขน้ึ แรงทใี่ ชท้ าํ ใหว้ ัตถุเคล่ือนท่ีกเ็ พ่มิ ข้นึ ดว้ ย 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมกับนักเรียนว่า เม่ือเราออกแรงต่อวัตถุให้เคลื่อนท่ี วัตถุจะออกแรงต้านการเคล่ือนท่ี และเม่ือเราออกแรงจนถึงแรงค่าหน่ึงที่เอาชนะแรงต้านการเคลื่อนท่ีของวัตถุได้ วัตถุจะเร่ิมเคลื่อนท่ี ซ่ึงขนาด ของแรงสดุ ทา้ ยทกี่ ระทาํ ต่อวตั ถุก่อนวตั ถุจะเร่มิ เคลื่อนที่ เรยี กว่า แรงต้านการเคลื่อนทส่ี ูงสดุ ของวัตถุ 5) ขนั้ ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธบิ ายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกลุ่มว่ามปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั ประโยชน์ท่ไี ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความร้ไู ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรียน เช่น – แรงตา้ นการเคล่ือนที่คืออะไร – ปจั จยั ใดมีผลต่อแรงต้านการเคลอ่ื นที่ ขนั้ สรุป
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับผลของมวลต่อการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ี โดยร่วมกันเขียนเป็น แผนทค่ี วามคิดหรอื ผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมท่ี 14 สงั เกตมวลกับการเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนที่ 2. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 3. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 4. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 5. หนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความร้เู รื่องผลของมวลต่อ การเปล่ยี นแปลงการเคลอ่ื นที่ 1. ประเมนิ เจตคติทาง 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คลโดย ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรียน การสงั เกตและใช้แบบวัดเจต วดั ทักษะกระบวนการทาง คตทิ างวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต การสังเกตการทํางานกล่มุ และใชแ้ บบวัดเจตคตติ อ่ 3. ประเมนิ ทักษะการแกป้ ญั หา วทิ ยาศาสตร์ โดยการสงั เกตการทาํ งาน กลุ่ม 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเป็น รายบุคคลหรือรายกลมุ่ โดย การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจํานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร้.ู .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนไี่ มผ่ ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ........................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ........................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ................................. 3. นกั เรียนมคี วามรู้เกิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง..................................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรียนร้ขู อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังนี้ 1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผู้เรยี นเปน็ สําคัญมาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผ้เู รียนเป็นสําคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ นําไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรบั ปรงุ ก่อนนําไปใช้
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 45 สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรือ่ ง ผลของมวลต่อการเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนที่ (2) เวลา 1 ช่ัวโมง วันท.ี่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจําวัน ผลของแรงท่ีกระทําต่อวัตถุ ลักษณะการ เคล่อื นทแ่ี บบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมท้งั นาํ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ชน้ั ปี บรรยายมวลของวัตถุท่ีมีผลต่อการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว2.2 ป.4/3) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สงั เกตผลของมวลต่อการเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถไุ ด้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝรุ ู้หรอื อยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ เ่ี กีย่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A)
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 5. สอื่ สารและนาํ ความรูเ้ ร่ืองผลของมวลต่อการเปลย่ี นแปลงการเคลอ่ื นทไี่ ปใชใ้ นชวี ิตประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคญั เม่ือออกแรงต่อวัตถุท่ีมีมวลเพ่ือให้วัตถุเคลื่อนท่ี วัตถุจะออกแรงต้านการเคลื่อนที่ โดยแรงต้านการ เคลือ่ นทีแ่ ปรผันตามขนาดของมวล คอื มวลเพิม่ ขนึ้ แรงตา้ นการเคลื่อนทีจ่ ะเพ่ิมขึน้ 5. สาระการเรยี นรู้ แรงโนม้ ถว่ ง – ผลของมวลตอ่ การเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนท่ี 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. ม่งุ ม่นั ในการทํางาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนนิ ชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน ออกแบบการทดลองผลของพื้นผิวของวตั ถุต่อการเคลอ่ื นท่ีของวัตถุ 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ี โดยการให้นักเรียน อธิบายว่า มวลมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุลักษณะใด (แนวคําตอบ เม่ือมวลเพิ่ม วัตถุจะ เคลือ่ นท่ยี ากขน้ึ ) 2) นกั เรยี นช่วยกันตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับคําตอบของคําถาม เพือ่ เชื่อมโยงไปสู่การ เรียนรู้เรื่อง ผลของมวลต่อการเปลีย่ นแปลงการเคลอ่ื นที่ ขน้ั จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีขน้ั ตอนดงั น้ี 1) ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยการถามว่า ถ้านักเรียนต้องการดันกล่องท่ีใส่หนังสือจํานวนมากให้เคล่ือนท่ี นักเรียนจะทําวธิ ีใด (แนวคาํ ตอบ ให้เพื่อนชว่ ยดนั หรือนําผา้ มารองใตก้ ล่องแลว้ ดงึ ) (2) นกั เรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับคําตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 2) ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ผิวสัมผัสระหว่างวัตถุกับพื้นมีผลต่อการเคลื่อนท่ีของวัตถุ วัตถุท่ีมี มวลเทา่ กัน ถา้ มีพื้นผวิ เรยี บกว่าจะเคล่ือนท่ไี ด้ง่ายกวา่ วตั ถุทม่ี ีพน้ื ผวิ ขรขุ ระ (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน แต่ละกลุ่มช่วยกันออกแบบการทดลองผลของพ้ืนผิวของ วัตถุต่อการเคลื่อนท่ีของวัตถุ โดยใช้อุปกรณ์ คือ เครื่องชั่งสปริงแบบแขวน แผ่นไม้ผิวเรียบ ถุงทราย เทปใส และแผ่นพื้นผิวท่ีทําจากวัสดุแตกต่างกัน คือ กระดาษทราย ผ้าลินิน และยาง อย่างละ 1 แผ่น แล้วบันทึกผล การทดลอง (3) ครูคอยแนะนาํ ชว่ ยเหลอื นกั เรียนขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรียนทกุ คนซกั ถามเมอ่ื มปี ญั หา 3) ขัน้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนกลมุ่ นาํ เสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) นักเรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคําถาม ตอ่ ไปนี้ – นักเรียนทดสอบโดยวิธีใด (แนวคําตอบ นําถุงทรายวางบนแผ่นไม้ผิวเรียบ แล้วใช้เครื่องช่ัง สปรงิ แบบแขวนดงึ แผน่ ไมผ้ ิวเรยี บใหเ้ คลอ่ื นทบ่ี นแผน่ พนื้ ผวิ ท่ีทาํ จากวสั ดแุ ตกต่างกนั ) – แผ่นไม้ผิวเรยี บเคล่อื นทบ่ี นแผ่นพ้ืนผิวชนิดใดงา่ ยทส่ี ดุ (แนวคาํ ตอบ ผ้าลนิ นิ ) – แผ่นไมผ้ ิวเรียบเคล่อื นทีบ่ นแผน่ พ้ืนผิวชนดิ ใดยากท่สี ดุ (แนวคาํ ตอบ กระดาษทราย) (3) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยครเู นน้ ให้นักเรยี นเข้าใจว่า ผิวสัมผัสระหว่าง วัตถุกับพ้นื มผี ลตอ่ การเคลอ่ื นท่ขี องวัตถุ โดยพนื้ ผวิ ที่เรียบกว่า วัตถจุ ะเคลือ่ นที่ได้งา่ ยกวา่ 4) ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเพ่ิมเติมกับนักเรียนว่า แม้ว่าพื้นผิวเรียบจะทําให้วัตถุเคลื่อนที่ง่ายข้ึน แต่อาจทําให้เกิด อุบตั ิเหตไุ ด้ เช่น ลอ้ รถจักรยานมีดอกยางเพ่ือให้เคลื่อนที่บนถนนได้ดี (ยึดเกาะถนนได้ดี) แต่เม่ือใช้จักรยานไป นานๆ ดอกยางจะสึกและเรยี บขึน้ ทําให้ยึดเกาะถนนได้ไมด่ ี อาจทําใหล้ ่นื และหลุดโคง้ จนเกดิ อุบัติเหตุได้ (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ จากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมท้ัง คําแปลลงสมุดสง่ ครู 5) ข้ันประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครูชว่ ยอธบิ ายเพิม่ เตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นร่วมกันประเมินการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมกลุม่ ว่ามปี ัญหาหรืออปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคาํ ถามนกั เรียน เชน่ – การเปลย่ี นแปลงการเคล่อื นทขี่ องวตั ถมุ ีผลจากอะไรบ้าง ขน้ั สรปุ 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ี โดยร่วมกันเขียนเป็น แผนทคี่ วามคิดหรอื ผังมโนทัศน์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 2) ครูดําเนินการทดสอบหลังเรียนโดยให้นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือวัดความก้าวหน้า/ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 ของนักเรยี น 3) ครเู ชอื่ มโยงเนื้อหาจากบทเรียนน้ีกับบทเรียนชั่วโมงหน้า เพื่อให้นักเรียนเตรียมความพร้อมในการเรียน ชว่ั โมงต่อไป โดยการใชค้ าํ ถามกระตุ้น ดังน้ี – ถ้าเราตอ้ งการมองเหน็ วัตถใุ นทมี่ ดื ต้องทาํ วธิ ีใด (แนวคําตอบ ต้องใช้แหล่งกําเนิดแสงส่องแสงไปยัง วตั ถุที่เราตอ้ งการมองเห็น) 4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเน้ือหาของบทเรียนช่ัวโมงหน้าเพ่ือจัดการเรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหนา้ ในหัวข้อการมองเห็นวตั ถุ 5) ครใู ห้นักเรียนเตรียมประเด็นคําถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คําถาม เพ่ือนํามาอภิปรายร่วมกันใน ชนั้ เรยี นครงั้ ตอ่ ไป 10. สอ่ื การเรียนรู้ 1. เครือ่ งชงั่ สปริงแบบแขวน 2. แผน่ ไมผ้ วิ เรยี บ 3. ถุงทราย 4. เทปใส 5. แผ่นพน้ื ผวิ ท่ที าํ จากวสั ดแุ ตกตา่ งกนั คือ กระดาษทราย ผ้าลินนิ และยาง 6. หนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรอื อนิ เทอรเ์ น็ต 7. แบบทดสอบหลังเรยี น 8. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 9. ส่ือการเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 10. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. หนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ รื่องผลของมวลต่อ 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ การเปล่ยี นแปลงการเคลือ่ นที่ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 461
Pages: