ปลกู ใจพลเมอื งเยาวชนรักษโ์ ลก
พลงั เยาวชนในการจดั การ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มของชุมชน ถอดบทเรียนการเรียนร้จู ากการลงมอื ทำ�โครงการของ 18 กลมุ่ เยาวชน ที่จดั การทรัพยากรปา่ ดิน นํ้า ขยะ ในชมุ ชน ภายใต้โครงการปลกู ใจ...รักษโ์ ลก กองทุนสงิ่ แวดล้อมเพ่ือการพฒั นาเยาวชน ดำ�เนินการโดยมลู นธิ ิกองทนุ ไทย
ดำ�เนินการโดย มูลนธิ ิสยามกมั มาจล ธนาคารไทยพาณชิ ย์ จ�ำ กัด (มหาชน) มลู นธิ กิ องทนุ ไทย ISBN 978-616-91381-8-1 พิมพค์ รั้งแรก กุมภาพันธ์ 2558 จำ�นวนพมิ พ์ 1,500 เล่ม สงวนลิขสทิ ธิ์ มลู นธิ สิ ยามกมั มาจล และมูลนธิ กิ องทนุ ไทย ธนาคารไทยพาณชิ ย์ จ�ำ กดั (มหาชน) ส�ำ นกั งานใหญ่ อาคาร Plaza East เลขที่ 19 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจตจุ กั ร เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ : 0-2937-9901-7 โทรสาร : 0-2937-9900 ที่ปรกึ ษา ปยิ าภรณ์ มณั ฑะจิตร กรรชิต สุขใจมิตร บรรณาธกิ าร กติ ติรตั น์ ปลมื้ จติ ร อบุ ลวรรณ เสอื เดช วรรณธวัช พูนพาณิชย์ เขยี นและเรยี บเรยี ง ลดั ดา วไิ ลศรี รัตนติกา เพชรทองมา กติ ิคณุ คมั ภิรานนท์ มณฑลี เนื้อทอง นรี ชา คมั ภริ านนท์ ออกแบบรปู เลม่ หจก. สตูดโิ อ ไดอะล็อก พิมพ์ที่ บริษทั เอส.อาร.์ พร้นิ ตง้ิ แมสโปรดักส์ จำ�กดั ราคา 275 บาท
คำ�นำ� ทุกวันน้ีเรารับรู้ถึงภาวะวิกฤตสิ่งแวดล้อมของประเทศ ทั้งดิน นํ้า ป่า อากาศ และขยะ ทีน่ บั วันจะรนุ แรงมากขน้ึ แล้วอะไรคอื หนทางทจ่ี ะช่วยฟนื้ ฟูดแู ล ทรพั ยากรและสงิ่ แวดลอ้ มเหลา่ นใี้ หเ้ ราใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื ค�ำ ตอบทเ่ี ราเชอ่ื คือ ‘พลงั พลเมืองเยาวชน คนรนุ่ ใหม่’ เราเชอ่ื วา่ เยาวชน คนรนุ่ ใหม่ เปน็ กลมุ่ คนทม่ี พี ลงั มศี กั ยภาพทจ่ี ะรว่ มเรยี นรู้ และร่วมเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ และเช่ือม่ันอย่างมากว่า กระบวนการทเี่ ขาเหลา่ นไี้ ดล้ งมอื ท�ำ จะเปน็ เครอ่ื งมอื ใหเ้ ขาไดพ้ ฒั นาตนเอง พฒั นา วิธคี ดิ ปลกู สำ�นึกความเปน็ พลเมอื ง พฒั นาทักษะการคดิ วเิ คราะห์ ใหท้ �ำ งานเปน็ บรหิ ารจดั การงานได้ และมคี วามรเู้ รอ่ื งสง่ิ แวดลอ้ มจากการท�ำ จรงิ เพอ่ื รว่ มแกป้ ญั หา สิ่งแวดลอ้ มในชุมชนท่ีตนสนใจ กองทุนส่ิงแวดล้อมเพื่อการพัฒนาเยาวชนเกิดขึ้นจากความร่วมมือของ องคก์ รทที่ �ำ งานดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มและการพฒั นาเยาวชน อาทิ มลู นธิ สิ ยามกมั มาจล มลู นธิ ิสืบนาคะเสถยี ร กองทุนสงิ่ แวดลอ้ มโลก ศูนยว์ นศาสตรช์ ุมชนเพอื่ คนกับปา่ ศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถ่ิน จังหวัดสมุทรสงคราม มูลนิธิกองทุนไทย และ นักวิชาการอิสระจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์กรภาคี อื่นๆ ด้วยคาดหวังว่ากองทุนน้ีจะสร้างสิ่งแวดล้อมท่ีดีขึ้น และได้คนรุ่นใหม่ท่ีมี คุณภาพ ซึง่ ข้อนเ้ี ป็นหวั ใจสำ�คญั ในปีที่ 1 นี้ กองทุนฯ ได้กระจายทุนสนับสนุนให้เยาวชนจากท่ัวประเทศ รวมตัวกัน เสนอส่ิงท่ีอยากทำ�เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อมในชุมชนตนเอง รวม 18 กลุ่ม เปน็ เยาวชนประมาณ 90 คน ตลอดระยะ 5-6 เดอื นทเ่ี ยาวชนลงมอื แกป้ ญั หาสง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชน พรอ้ มกบั การเสรมิ ศกั ยภาพโดยพเี่ ลย้ี งจากกองทนุ ฯ และองค์กรภาคเี ป็นระยะ เราเห็นเลยวา่ เขาได้เรียนรู้และเตบิ โตขึ้นมาก หนังสือถอดบทเรียนการเรียนรู้ของเยาวชนเล่มน้ีได้แสดงให้เราเห็นถึง หัวใจเพ่ือส่วนรวม การเผชิญและการข้ามผ่านปัญหา ตลอดจนการเรียนรู้และ การเติบโตของเยาวชนจากการทำ�โครงการท่ีจะทำ�ให้ท่านได้สัมผัสกับพลังของ คนรนุ่ ใหม่ ที่เรียกไดว้ ่าเปน็ ‘พลเมอื งเยาวชน’ ด้านสงิ่ แวดล้อมนน่ั เอง กรรชติ สขุ ใจมติ ร ผอู้ �ำ นวยการมูลนิธกิ องทุนไทย 6 ปลกู ใจรักษ์โลก
ค�ำ น�ำ การพัฒนาเยาวชนภายใต้โครงการจัดต้ังกองทุนสิ่งแวดล้อมเพ่ือการ พัฒนาเยาวชน หรือ ‘ปลูกใจรักษ์โลก’ นั้น เกิดขึ้นเนื่องจากมูลนิธิสยามกัมมาจล เรามฝี นั เรอื่ งการพฒั นาเยาวชนทต่ี รงกนั กบั มลู นธิ กิ องทนุ ไทย คอื อยากเหน็ พลเมอื ง เยาวชนด้านสิ่งแวดล้อม ท่ีมีใจอยากลุกข้ึนมามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม ในชุมชน และตัวเขาเองมีทักษะในการทำ�งาน โดยเฉพาะทักษะการจัดการด้าน ส่ิงแวดล้อม (Environmental Literacy) คือ การรู้คิด รู้ทำ� เพ่ือศึกษาเรียนรู้ฐาน ทุนทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีในชุมชน สามารถวิเคราะห์และเลือกโจทย์ปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อมที่จะลงมือแก้ปัญหาได้ มีความรู้ในการจัดการแก้ปัญหาส่ิงแวดล้อม และมีทักษะการบริหารจัดการโครงการเพ่ือเฝ้าระวัง และฟ้ืนฟูส่ิงแวดล้อมซ่ึง เป็นต้นทุนท่ีสำ�คัญของชุมชน ซึ่งโครงการน้ีเชื่อว่าส่ิงเหล่านี้จะเกิดขึ้นเม่ือเยาวชน ไดเ้ รยี นรจู้ ากการ ‘ลงมอื ท�ำ ’ และผา่ นการบม่ เพาะหลอ่ หลอมวธิ คี ดิ และคณุ ลกั ษณะ ของเยาวชน (Character Building) ในระยะยาว โดยเจา้ หนา้ ทข่ี องมลู นธิ กิ องทนุ ไทย และองคก์ รภาคี รวมถงึ ทป่ี รกึ ษาโครงการของเยาวชน ทท่ี �ำ หนา้ ทเ่ี ปน็ พเ่ี ลย้ี ง (Coach) กระตนุ้ สนบั สนนุ การเรยี นรใู้ หเ้ ยาวชนเตบิ โตขนึ้ กอ่ เกดิ เปน็ ส�ำ นกึ ความเปน็ พลเมอื ง ทีผ่ กู โยงตนเองกบั ชมุ ชนสังคมได้ พเ่ี ลย้ี ง (Coach) จงึ มสี ว่ นส�ำ คญั อยา่ งมากทจ่ี ะออกแบบกระบวนการเรยี นรู้ ช่วยท�ำ กระบวนการทางความคดิ ตง้ั ค�ำ ถามชวนคดิ ชวนคุย และชแี้ นะแนวทางให้ ทำ�งานได้บรรลุเป้าหมาย รวมถึงพี่เล้ียง (Coach) เองก็ได้พัฒนาตนเองไปใน ระหวา่ งการท�ำ งานกบั เยาวชนดว้ ย ดงั นน้ั ในกระบวนการพฒั นาเยาวชน นอกจาก เราจะไดเ้ ยาวชนคนรนุ่ ใหมท่ มี่ คี ณุ ภาพแลว้ เรายงั ไดพ้ เ่ี ลย้ี ง (Coach) ทที่ �ำ บทบาท สนับสนนุ การเรยี นรใู้ หเ้ ยาวชนได้ระยะยาว หนังสือถอดบทเรียนเล่มนี้น่าจะทำ�ให้ผู้อ่านได้สัมผัสถึงพลเมืองเยาวชน ด้านสิ่งแวดล้อม ที่ลุกขึ้นมาจัดการกับส่ิงแวดล้อมในชุมชนตนเอง ทั้งทรัพยากร ป่าไม้ ดิน นำ้� และขยะ ที่หัวใจและทักษะของเขาค่อยๆ เติบโตขึ้นจากงานท่ีเขา ลงมือทำ� เป็นรูปธรรมการพัฒนาเยาวชนให้มีทักษะในศตวรรษท่ี 21 ในขณะที่ แนวคิดนี้กำ�ลังเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ซึ่งโครงการจัดตั้ง กองทนุ สงิ่ แวดลอ้ มเพอ่ื การพฒั นาเยาวชน หรอื ‘ปลกู ใจรกั ษโ์ ลก’ นา่ จะเปน็ ตวั อยา่ ง ท่ที ำ�ให้เราเหน็ ไดอ้ ย่างชดั เจนจากการดำ�เนินโครงการครงั้ นี้ ปิยาภรณ์ มัณฑะจติ ร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกมั มาจล 7
สารบญั 01 ท่ีซึ่งกลว้ ยไม้แตกหนอ่ จากกอหญ้า 16 กลุ่มเยาวชนหญ้าแพรกสาละวิน จ.แม่ฮอ่ งสอน 32 48 02 ‘พรุคนั ธุลี’ ในวันท่ีนกบนิ หลา ปลาฉํ่าฝน และคนเข้มแข็ง 62 กลุ่มเยาวชนรกั ษท์ า่ ชนะ จ.สุราษฎรธ์ านี 76 03 แตม้ โลกสสี วยด้วยพกู่ นั สีเขียว 90 กลมุ่ เยาวชนรุ่นใหม่หัวใจสีเขียว จ.เชียงราย 102 04 คนื สายนาํ้ ให้ทีลอซปู ลูกจติ ส�ำ นกึ สเู่ ยาวชน 116 กลมุ่ นกั คิดเพ่ือสงั คม จ.ตาก 05 ‘ปา่ ขา้ งถนน’ ทที่ กุ คนเด็ดกนิ ได้ 132 กลุ่มเยาวชนรกั ษ์นกจอมทอง จ.พิษณโุ ลก 148 06 ปา่ ไม-้ สายน้าํ -มนษุ ย์ สามก้อนเสา้ แห่งความสุขของทุกชีวิต 164 กลุ่มเยาวชนคนรกั บา้ นเกิดอาสาพฒั นาหว้ ยทราย จ.กาฬสนิ ธ์ุ 180 07 ‘พลับพลงึ ธาร’ แตกช่อออ่ นเหนือกอ้ นหนิ 196 เครือขา่ ยเยาวชนชายฝงั่ ทะเลอันดามนั ตอนบน จ.พงั งา 210 08 ปฏิบตั กิ ารยกป่ามาไวห้ ลังบ้าน สร้างความม่นั คงทางอาหาร สืบสานพันธพ์ุ ืชทอ้ งถิ่น 226 กลมุ่ เยาวชนเมล็ดพนั ธ์ุใหม่สานใจฟืน้ ฟปู า่ จ.เพชรบรู ณ์ 242 256 09 หมอดนิ น้อยกบั ภารกิจตามหาสม้ ทหี่ ายไป 270 กล่มุ เยาวชนรักษส์ ม้ รังสติ จ.ปทมุ ธานี 10 กล้าออ่ นของจิตสำ�นกึ บนดินแดนแหง่ ความหวัง กลมุ่ เยาวชนฮักนะเชยี งยืน จ.มหาสารคาม 11 จากนักเกษตรกรนอ้ ยสู่การฟนื้ ฟดู ินเพอ่ื เกษตรย่งั ยืน กลมุ่ คนอาสา วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสิงหบ์ รุ ี จ.สงิ หบ์ รุ ี 12 นักสืบสายน้ําเฝ้าระวัง ‘แมน่ าํ้ ป่าสกั ’ กลุ่มเยาวชนรกั ษ์ปา่ สัก โรงเรียนสวนกุหลาบวทิ ยาลยั จ.สระบุรี 13 แมน่ ํา้ สดใสด้วยหัวใจนักอนรุ ักษ์ กลมุ่ ยุวฑูตคณุ ภาพแม่นา้ํ ประแสแห่งเทศบาลต�ำ บลเมอื งแกลง จ.ระยอง 14 เมือ่ เกสรผลิบานล�ำ ธารจะสดใสอีกครั้งหนึง่ ชมรมเกสรลำ�พู จ.กรุงเทพฯ 15 ภเู ขา (ขยะ) เขย้ือนเม่อื เยาวชนขยับ กลมุ่ เยาวชนรักษ์โลก โรงเรยี นหา้ งฉัตรวทิ ยา จ.ลำ�ปาง 16 ชมุ ชนสะอาดด้วย ‘ตลาดนัดขยะ’ กล่มุ เยาวชนรวงข้าว จ.พทั ลุง 17 เมื่อหมอกบางตา ท้องฟ้าจะสดใสและหัวใจจะเปน็ สขุ สภาเด็กและเยาวขนตำ�บลบา้ นคู่ จ.เชียงราย 18 ‘ฉัตรวารนิ ’ วันท่ีสายนํ้าเปลี่ยนไปเมื่อใจเปลยี่ นแปลง กลมุ่ เยาวชนพงลแี ป สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 8 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
17 03 08 01 15 06 04 12 10 05 09 11 13 14 02 07 16 18 9
ในยุคที่หลักบริโภคนยิ มกลายมาเปน็ หวั ใจในการดำ�รงชวี ติ ของพลโลก ไม่อาจปฏเิ สธวา่ การมอี ยขู่ องทรพั ยากรธรรมชาตไิ ดถ้ กู แปรสถานะ จากแหลง่ ก�ำ เนดิ ของสรรพชวี ติ มาเปน็ แหลง่ ทนุ ของระบบอตุ สาหกรรมและเศรษฐกจิ มหภาค เราจงึ เหน็ สภาพการณใ์ นปจั จบุ นั ทป่ี า่ เขาหลายแหง่ ถกู ตดั เหยี้ นจนเตยี นโลง่ ผนื ดนิ ถกู ทบั ถมดว้ ยแผน่ คอนกรตี และอดุ มดว้ ยสารเคมี ล�ำ ธารหลายสาย กลายเปน็ ถงั ขยะของครวั เรอื นและโรงงานอตุ สาหกรรม ไมน่ บั รวมขยะจากภาคสว่ นอน่ื ๆ ทไ่ี มไ่ ดร้ บั การจัดการอย่างถูกต้อง เกิดเป็นปัญหามลพิษท้ังทางบก ทางน้ํา และทางอากาศ ในวงกว้าง ความเส่ือมโทรมที่กล่าวมาท้ังหมดน้ีได้หลอมรวมและแผลงฤทธ์ิดลให้ระบบนิเวศแปรปรวน เป็นลูกโซ่ เกิดเป็นภัยธรรมชาติหลากหลายรูปแบบ ท่ีล้วนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเรา อยา่ งไม่อาจหลีกเลี่ยง การแกป้ ญั หาความเสอื่ มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติ นอกจากการผลกั ดนั ใหเ้ กดิ กลไก การแก้ไขในระดับจังหวัดหรือประเทศแล้ว การสร้างจิตสำ�นึกรักษ์ธรรมชาติให้เกิดข้ึนกับชุมชน เจา้ ของพน้ื ทไ่ี ดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการจดั การกบั ถน่ิ เกดิ ของตนเอง จงึ เปน็ แนวทางหนง่ึ ทน่ี า่ จะใหผ้ ล ทเ่ี ปน็ รปู ธรรมไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื โดยเฉพาะกลมุ่ ของเยาวชนในพน้ื ที่ ทห่ี วั ใจยงั เตม็ เปย่ี มดว้ ยพลงั และ 10 ปลกู ใจรักษ์โลก
ภาพโดย ชนินทร์ หิรญั รัตนไชย ความฝัน เป็นกลุ่มที่หากได้รับการหนุนเสริมอย่างเหมาะสม เราย่อมคาดหวังได้ถึงการเติบโต ไปเป็นผู้นำ�แห่งการเปล่ียนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมในชุมชนของพวกเขาเองได้อย่างย่ังยืนต่อไป ในอนาคตข้างหน้า ‘โครงการจดั ตง้ั กองทนุ สง่ิ แวดลอ้ มเพอ่ื การพฒั นาเยาวชน’ จงึ เกดิ ขน้ึ โดยเรม่ิ ปนี เ้ี ปน็ ปแี รก ภายใต้ช่ือโครงการ ‘ปลูกใจรักษ์โลก’ ท่ีเปิดรับสมัครกลุ่มเยาวชนจากท่ัวประเทศท่ีต้องการ ทำ�โครงการรักษาและฟื้นฟูส่ิงแวดล้อมในชุมชนของตน ในขอบข่าย 4 ประเด็นปัญหาหลัก คือ ความเสอื่ มโทรมของทรพั ยากรปา่ ไม้ ความเสอื่ มโทรมของแหลง่ นา้ํ ความเสอื่ มโทรมของทรพั ยากร ดนิ และปญั หาขยะและมลภาวะทางอากาศ ตลอดระยะโครงการเยาวชนไดล้ งมอื ท�ำ เพอ่ื แกป้ ญั หา สงิ่ แวดล้อมในชุมชน พร้อมกับรับการเสริมศกั ยภาพจากโครงการฯ ในหลากหลายด้าน และตอ่ ไปนคี้ อื 18 เรอื่ งราว ใน 18 พนื้ ท่ี ของ 18 กลมุ่ เยาวชน ทคี่ วามคดิ และหยาดเหงอื่ จากการท�ำ งานของพวกเขาก�ำ ลงั บอกแกเ่ ราวา่ หนทางแหง่ ความอยรู่ อดอยา่ งยงั่ ยนื ของมนษุ ยชาติ อาจไมไ่ ด้เกิดจากโจทย์ทวี่ ่า ‘เราจะใช้ประโยชนจ์ ากธรรมชาตไิ ดม้ ากนอ้ ยแคไ่ หน?’ แตอ่ ยทู่ ่ี ‘เราจะอยู่รว่ มกับธรรมชาตไิ ดอ้ ย่างไร?’ มากกว่า 11
14 ปลูกใจรกั ษ์โลก
จากขอ้ มลู ของมลู นธิ สิ บื นาคะเสถยี รระบวุ า่ ในปี พ.ศ. 2555 พน้ื ทป่ี า่ ของประเทศไทยมีเหลืออยู่ประมาณ 171,586 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น ร้อยละ 33 ของพ้ืนที่ท่ีดินทั้งหมดของประเทศ ซึ่งหากนำ�ข้อมูลนี้ไปเทียบกับ พน้ื ทป่ี า่ ของเมอ่ื 50 ปกี อ่ น จะพบวา่ พน้ื ทป่ี า่ ของประเทศลดลงไปถงึ 50 เปอรเ์ ซน็ ต์ ต้นตอใหญ่ของปัญหาดังกล่าว แน่นอนว่าเกิดจากนํ้ามือของมนุษย์ ทง้ั การตดั ไมท้ �ำ ลายปา่ เพอ่ื ลกั ลอบขายหรอื น�ำ มาใชป้ ระโยชน์ การบกุ รกุ พน้ื ทป่ี า่ เพ่ือทำ�เกษตรเชิงเดี่ยว การปล่อยให้ป่าเส่ือมโทรมโดยไม่มีการจัดการดูแล ฯลฯ ต่างๆ เหล่าน้ีล้วนส่งผลให้ระบบนิเวศของท้ังป่า-ดิน-นํ้า สูญเสียสมดุล เกิดเป็นภัยธรรมชาติในรูปแบบต่างๆ ที่ล้วนส่งผลกระทบต่อชุมชนแวดล้อม อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ไม่ต้องนับรวมถึงทรัพยากรสำ�คัญที่มีคุณค่า เช่น ปา่ ชมุ ชน พนั ธไ์ุ มบ้ างชนดิ หรอื ระบบนเิ วศปา่ พรุ ทตี่ า่ งอยใู่ นภาวะสมุ่ เสย่ี งจะ สูญพนั ธหุ์ ายไปอย่างนา่ เสียดาย ถงึ วนั นี้ บทเรยี นจากหลายพนื้ ทช่ี ช้ี ดั วา่ ปา่ ไมค้ อื ชวี ติ คอื แหลง่ อาหาร ยารักษาโรค และเป็นแหล่งต้นน้ําท่ีมนุษย์ทุกคนจำ�เป็นต้องใช้สอยด่ืมกิน หากขาดซ่ึงป่าไม้ มนุษยเ์ ราจะอยูอ่ ยา่ งไร ด้วยตระหนักถึงความสำ�คัญของป่าไม้ ในวันนี้กลุ่มเยาวชน 8 กลุ่ม จ�ำ นวนหลายชีวติ จากหลากพื้นท่ี จงึ ไดล้ ุกข้นึ มาร่วมกันฟื้นฟแู ละรกั ษาปา่ ไม้ ในพน้ื ทชี่ มุ ชนของตน ดว้ ยการด�ำ เนนิ งานหลากหลายรปู แบบตามลกั ษณะของ ทรัพยากรในพ้ืนท่ีของแต่ละกลุ่ม เริ่มต้นด้วยการสำ�รวจเรียนรู้เพื่อให้รู้จัก ทรัพยากรป่าไม้ ส่ิงมีชีวิต และการใช้ประโยชน์จากป่า ทำ�ข้อมูลทรัพยากร ในป่า หาแนวทางฟ้ืนฟูบนฐานข้อมูลร่วมกับชุมชน และขยายแนวร่วม กลมุ่ เยาวชน สรา้ งการรบั รู้ และความร่วมมอื กบั ชมุ ชนทีใ่ ช้ประโยชนจ์ ากปา่ แต่ทั้งหมดมีจดุ มงุ่ หมายอยา่ งเดียวกัน นั่นคือ รักษาทรพั ยากรปา่ ไม้ ในชุมชนของตนไว้ ก่อนทท่ี กุ อยา่ งจะสายเกนิ ไป 15
16 ปลูกใจรกั ษ์โลก
01 ทแตซ่ี ก่งึ กหลน้ว่อยจไามก้กอหญา้ โดย : กลุ่มหญ้าแพรกสาละวิน จ.แม่ฮอ่ งสอน ‘กลว้ ยไม’้ อาจเปน็ เพียงพชื เศรษฐกจิ ในสายตาของแม่คา้ ไมด้ อก และ อาจเปน็ เพยี งพชื สวยงามในสายตาของคนทว่ั ไป แตส่ �ำ หรบั ชาวบา้ นปา่ กลว้ ยไม้ นอกจากจะมคี วามสวยงามเฉพาะตวั แลว้ ยงั เปน็ ดชั นชี ว้ี ดั ถงึ ความอดุ มสมบรู ณ์ ของผืนป่านั้นๆ ได้เปน็ อยา่ งดี เพราะกวา่ ทกี่ ลว้ ยไมจ้ ะเจรญิ เตบิ โตและผลดิ อกอนั สวยงามได้ ยอ่ มตอ้ ง อาศยั อณุ หภมู ิ แสงแดด ความชน้ื และสารอาหารในปรมิ าณทเ่ี หมาะสม ซง่ึ ปา่ ไม้ ในประเทศไทยมปี จั จยั ดงั กลา่ วพรอ้ มสรรพ จงึ ไมน่ า่ แปลกใจท่ีในอดตี จะพบวา่ เรามพี นั ธกุ์ ลว้ ยไมป้ า่ อยู่ไมต่ �่ำ กวา่ 1,000 ชนดิ แตป่ จั จบุ นั สถติ ดิ งั กลา่ วก�ำ ลงั ถกู ลบเลอื นไป ทง้ั จากการลกั ลอบเกบ็ กลว้ ยไมป้ า่ เพอื่ น�ำ ไปขาย และจากความ เสอ่ื มโทรมของพ้นื ท่ีปา่ อนั เกดิ จากนาํ้ มือมนุษย์ อยา่ งไรกต็ าม ใน ต.แมส่ ามแลบ อ.สบเมย จ.แมฮ่ อ่ งสอน ซง่ึ เปน็ หนง่ึ ใน พน้ื ทท่ี ป่ี ระสบปญั หา กลบั มหี ญา้ แพรกกอหนง่ึ แตกหนอ่ ขน้ึ มา และขนั อาสาทจ่ี ะ นำ�ความอดุ มสมบูรณ์ และกลว้ ยไมก้ ลับคนื สูป่ ่าของพวกเขาอกี คร้งั หนึ่ง ขอชวนไปรจู้ กั กบั หญา้ แพรกกอนี้ แลว้ คณุ จะพบวา่ การทกี่ ลว้ ยไมแ้ ละ ผืนป่าจะดำ�รงอยู่ได้อย่างยั่งยืน อาจไม่ได้อยู่ท่ีการใช้ไม้คำ้�ยันหรือล้อมรั้ว ลวดหนาม แตอ่ ย่ทู ก่ี ารอุ้มชจู ากหญ้าแพรกกอเล็กๆ เหล่าน้ี 17
วันทกี่ ล้วยไมห้ ายไป ปลูกใจรักษ์โลก จากแม่สามแลบ ด้วยที่ตั้งซึ่งเป็นพื้นท่ีราบกลางหุบเขาสลับซับซ้อนอันอุดมด้วยผืนป่า ท่ีสมบรู ณ์ ท�ำ ให้ ต.แมส่ ามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮอ่ งสอน เป็นพื้นท่ีต้นกำ�เนดิ ของ ล�ำ หว้ ยหลายสาย เช่น ล�ำ หว้ ยแม่สามแลบ ล�ำ หว้ ยแมล่ ามา ล�ำ ห้วยแม่โปว ฯลฯ โดยทั้งหมดจะไหลลงสู่แม่นํ้าสาละวิน ซ่ึงกั้นชายแดนระหว่างประเทศไทยกับ สาธารณรฐั สังคมนยิ มแห่งสหภาพพม่า ความอุดมสมบูรณ์ของแม่สามแลบน้ี ได้กลายเป็นท่ีพ่ึงในการดำ�รงชีวิต ของคนพน้ื ถนิ่ ในละแวกมาชา้ นาน โดยเฉพาะชมุ ชนปกาเกอะญอ ทมี่ วี ถิ ชี วี ติ พง่ึ พงิ อยูก่ บั ธรรมชาติ ไดอ้ าศยั ทำ�การเกษตร อาทิ ข้าวไร่ ไร่มัน ไรข่ ้าวโพด มาต้งั แตอ่ ดีต จนปจั จบุ ัน อย่างไรก็ตาม หากสมันอ้วนพีย่อมเป็นท่ีหมายตาของนายพรานฉันใด ความอดุ มสมบรู ณข์ องแมส่ ามแลบกต็ กอยใู่ นชะตากรรมเดยี วกนั ฉนั นน้ั ดว้ ยพนื้ ที่ ของ ต.แมส่ ามแลบ ตงั้ อยใู่ นเขตป่าอนรุ กั ษ์ ทำ�ใหช้ ุมชนมขี อ้ จ�ำ กัดเร่ืองทดี่ ินท�ำ กนิ รวมไปถงึ การเปน็ พน้ื ทตี่ ะเขบ็ ชายแดน ท�ำ ใหม้ ชี าวพมา่ อพยพเขา้ ออกอยตู่ ลอดเวลา ด้วยสาเหตุเหล่านี้จึงทำ�ให้ป่าต้นน้ําถูกบุกรุก ทั้งการตัดไม้สักเพ่ือลักลอบขาย ตดั ไมเ้ พ่ือสร้างที่อยอู่ าศยั บุกรุกพื้นที่ป่าเพอ่ื ทำ�ไร่ ปัญหาไฟไหม้ป่าจากการเผาไร่ ฯลฯ ต่างๆ เหลา่ นี้ทำ�ใหส้ ภาพของปา่ ต้นนํา้ ทรุดโทรมลง ล�ำ หว้ ยหลายสายเลก็ ลบี และแห้งขอด สัตวน์ ้าํ อยา่ งก้งุ หอยปปู ลาลดจ�ำ นวนลงอยา่ งน่าใจหาย นํ้ากินน้าํ ใช้ ที่เคยมีก็ต้องกระเบียดกระเสียรข้ึนยามหน้าแล้ง รวมไปถึงของป่าและพันธุ์พืช สำ�คัญอย่างกล้วยไม้ป่า ก็กลายเป็นของหายาก เนื่องจากถูกลักลอบเก็บไปขาย และไมส่ ามารถเตบิ โตไดเ้ องเพราะสภาพแวดลอ้ มย�ำ่ แยล่ งโดยเฉพาะกลว้ ยไมอ้ ากาศ ที่เติบโตตามต้นไม้ใหญ่ เมื่อปราศจากลำ�แข้งของไม้ใหญ่ท่ีถูกลักลอบตัดไปแล้ว กลว้ ยไมป้ ระเภทนจี้ ะเตบิ โตขน้ึ จากที่ใด นค่ี อื ประเดน็ ปญั หาทจี่ ะสง่ ผลตอ่ วถิ ชี วี ติ ของชมุ ชนอยา่ งไมอ่ าจหลกี เลย่ี ง ทั้งคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่โดยตรงของคนรุ่นปัจจุบัน และวิถีในอนาคตของ ลกู หลาน ทจ่ี ะตอ้ งเตบิ โตมาในสภาพขาดพรอ่ ง และหลดุ ออกจากวถิ วี ฒั นธรรมของ ชุมชนแต่เดมิ ท่ีพึ่งพาอาศยั ธรรมชาติไปอยา่ งนา่ เสียดาย แต่กอ่ นท่จี ะถงึ วนั น้ัน โชคดีทใี่ นวนั น้ยี งั มกี ลุม่ เยาวชนท่ีเล็งเหน็ ถงึ ปญั หา ท่ีว่า และลุกขึ้นมาชวนเด็ก เยาวชน และคนในชุมชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ของ ต.แมส่ ามแลบ ให้กลับคืน ในนาม ‘กลมุ่ เยาวชนหญ้าแพรกสาละวนิ ’ กลุ่มเยาวชนหญ้าแพรกสาละวิน คือ กลุ่มแกนนำ�เยาวชนกลุ่มหนึ่งใน ต.แม่สามแลบ ซึ่งได้มีโอกาสพัฒนาความรู้ความสามารถของตนด้วยการเข้าร่วม กับโครงการพัฒนาต่างๆ มากมายท่ีลงไปในพื้นท่ี เร่ิมต้ังแต่การเข้าร่วมโครงการ พฒั นาชนบทแบบบูรณาการฯ จ.แม่ฮ่องสอน ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2552 ตอ่ ยอดไปถงึ การ 18
...ป่าต้นนํ้ากำ�ลังถูกทำ�ลาย กล้วยไม้จึงน่าจะ เป็นเคร่ืองมือท่ีจะช่วยในการเรียนรู้ป่าและ รกั ษาป่าได้ ทำ�งานจิตอาสาในพื้นที่ ภายใต้การสนับสนุนของสถาบันปัญญาปีติ ที่ได้จัดให้ มกี ระบวนการเรียนร้วู ถิ ชี วี ิตภูมปิ ัญญาปกาเกอะญอลุ่มนํ้าสาละวนิ ใน 4 ดา้ น คอื การพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน, การพัฒนาการผลิตอาหารด้วยระบบ เกษตรธรรมชาติ (ข้าว ผัก เนื้อสัตว์), การดูแลรักษาพื้นท่ีป่าต้นน้ําของชุมชน และการดูแลสุขภาพกายและใจ จนเกิดเป็นการต้ังกลุ่มเยาวชนจิตอาสาในชื่อ กลุม่ เยาวชนหญา้ แพรกสาละวิน ขน้ึ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2555 และเปน็ ในปเี ดยี วกนั นนั้ เอง ทแ่ี กนน�ำ ของกลมุ่ ไดเ้ ลง็ เหน็ และตระหนกั ถงึ ปัญหาท่ีป่าต้นนํ้าในบ้านเกิดของตนถูกทำ�ลายจนเสื่อมโทรม จึงได้รวมพลังสมอง กนั จัดท�ำ ‘โครงการกลว้ ยไมค้ นื สูป่ า่ เพือ่ อนรุ กั ษต์ น้ นา้ํ ’ ขึ้น 19
เปิดประเด็นปญั หา จากกล้วยไม้ สูป่ ่าต้นนํ้า “เราคดั เลอื กหวั ขอ้ โครงการดว้ ยการแลกเปลย่ี นความสนใจของแตล่ ะคนคะ่ อยา่ งนยุ้ สนใจเรอ่ื งสมนุ ไพรและผา้ ทอ เจะ๊ สนใจเรอ่ื งการศกึ ษา สว่ นเบมิ้ สนใจเรอื่ ง กล้วยไม้ คุยไปคุยมาก็ได้ข้อสรุปว่า เราจะทำ�เร่ืองกล้วยไม้ เพราะปัจจุบันคนใน ชุมชนเข้าไปหากล้วยไม้เพื่อนำ�ไปขายให้นายทุนเป็นจำ�นวนมาก ซึ่งเบ้ิมเองก็เคย เป็นคนหากล้วยไม้มาก่อน จึงรู้สถานการณ์ของกล้วยไม้ป่า ประกอบกับเห็นว่า ปา่ ตน้ นา้ํ ก�ำ ลงั ถกู ท�ำ ลาย กลว้ ยไมจ้ งึ นา่ จะเปน็ เครอื่ งมอื ทชี่ ว่ ยในการเรยี นรปู้ า่ และ รกั ษาป่าได”้ อ�ำ ภา ธวชั วฑิ รู ย์ หรือ ‘นุ้ย’ หน่งึ ในแกนน�ำ ของกลุ่ม เลา่ ถงึ ทีม่ าของ การระดมความคดิ จนเกดิ เป็นโครงการกล้วยไม้คนื ส่ปู า่ เพือ่ อนุรกั ษต์ ้นนํา้ ข้นึ เพราะกล้วยไม้คือดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของป่า กลุ่มจึงได้นำ� กลว้ ยไม้มาใชเ้ ป็นเคร่อื งมือเชงิ สญั ลกั ษณ์ โดยการเพาะกลว้ ยไม้เพ่อื มอบคืนสูป่ า่ เปน็ การสอ่ื วา่ การคนื กลว้ ยไมส้ ปู่ า่ กค็ อื การคนื ชวี ติ ใหแ้ กผ่ นื ปา่ ซงึ่ ตอ้ งเกดิ จากการ ร่วมแรงรว่ มใจของทุกคนในชุมชนน่ันเอง 20 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
การดำ�เนนิ โครงการ เร่มิ ตน้ จากการทก่ี ลุ่มไดช้ กั ชวนผูร้ แู้ ละแกนน�ำ ของ 14 ชมุ ชน หนงึ่ ใน ต.แมส่ ามแลบ ในฐานะชมุ ชนเจา้ ของพ้นื ท่ีท่ปี ระสบปัญหา มาร่วมสำ�รวจ ป่าต้นนํ้าและพันธ์ุกล้วยไม้ในผืนป่าสาละวิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนได้ ทำ�ความเข้าใจกับสภาพปัญหาท่ีเกิดข้ึน และให้ชุมชนได้มีโอกาสสำ�รวจ ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นพื้นที่ของตน เดก็ และเยาวชนพนื้ ถิ่นได้ร้จู ักฐานทรัพยากรท่ี มอี ยู่ และเหน็ ความส�ำ คญั ของปา่ ตน้ นาํ้ ทเี่ ปน็ ทงั้ แหลง่ อาหาร สมนุ ไพร ไมใ้ หส้ ี เปน็ พชื เสน้ ใย ตลอดจนเปน็ แหลง่ ไมใ้ ชส้ อยทม่ี คี วามส�ำ คญั ตอ่ การด�ำ รงชวี ติ ของชมุ ชน ในการจัดกิจกรรม แกนนำ�กลุ่มเยาวชนหญ้าแพรกสาละวิน จะเป็น ผู้ทำ�หน้าที่รวบรวมข้อมูลและภาพถ่ายจากการสำ�รวจ เพ่ือนำ�มาเรียบเรียงใช้เป็น วัตถุดิบในการจัดเวทีนำ�เสนอข้อมูลต่อผู้รู้ กรรมการป่าต้นน้ํา และคนในชุมชน รวมไปถงึ น�ำ มาจดั ท�ำ เปน็ คมู่ อื การเรยี นรปู้ า่ ตน้ นา้ํ และกลว้ ยไมใ้ นพน้ื ทฉ่ี บบั 3 ภาษา (ภาษาไทย-อังกฤษ-ปกาเกอะญอ) โดยการสนบั สนุนจากสถาบนั ปัญญาปีติ เพ่ือ ใช้ในการสรา้ งกระบวนการเรียนรูใ้ หแ้ ก่เยาวชนในพื้นทตี่ ่อไป “ตอนแรกกไ็ มไ่ ดส้ นใจเรอื่ งกลว้ ยไมม้ ากเทา่ ไหรค่ ะ่ ทง้ั ทเี่ ราเองกอ็ ยใู่ นปา่ แต่ไม่รู้เลยว่ากล้วยไม้ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง แต่พอมีกิจกรรมการเดินสำ�รวจ กล้วยไม้และป่าต้นน้ํา เราจึงทราบว่ากล้วยไม้ไม่ได้มีเฉพาะความสวยงาม แต่มี ประโยชน์อีกหลายอย่างในทางสมุนไพร ทำ�ให้เราสนใจเร่ืองกล้วยไม้มากขึ้นค่ะ” อัมภิกา บญุ ทวีสขุ ใจ หรอื ‘เจะ๊ ’ หน่งึ ในแกนน�ำ กล่มุ กล่าวด้วยรอยยิ้ม จากการจัดกิจกรรม เด็กๆ พบกล้วยไมใ้ นพ้ืนทีป่ า่ ต้นน้ํารวม 45 ชนดิ พันธุ์ โดยชุมชนนำ�มาปลูกเลี้ยงไว้ 26 ชนิดพันธ์ุ และจากการสำ�รวจพ้ืนท่ีป่าต้นน้ําทั้ง 14 ชุมชน ได้นำ�มาสู่การร่างกติกาในการดูแลป่าต้นน้ําร่วมกันของชุมชนในท่ีสุด รวมถงึ รว่ มกนั บวชปา่ และเพาะพนั ธก์ุ ลว้ ยไมเ้ พอ่ื มอบคนื สปู่ า่ ซง่ึ นอกจากจะเปน็ การ ฟน้ื ฟูปา่ แล้ว ยงั เปน็ เคร่อื งมอื ให้เด็กในชุมชนไดเ้ รียนรู้ป่าของตนเองไปดว้ ยในตวั อยา่ งไรกต็ ามหากยอ้ นกลบั ไปพบวา่ กวา่ ทก่ี จิ กรรมนจ้ี ะประสบความส�ำ เรจ็ กไ็ มใ่ ชเ่ รอ่ื งงา่ ย ในชว่ งตน้ กลมุ่ พบปญั หาหลกั คอื การไมส่ ามารถสอ่ื ความใหช้ าวบา้ น เขา้ ใจและเขา้ รว่ มกบั โครงการได้ “แรกๆ ชาวบา้ นไมเ่ ขา้ ใจวา่ เราจะเพาะกลว้ ยไมเ้ พอื่ คนื สปู่ า่ ชาวบา้ นเขา้ ใจ วา่ เราเพาะไวเ้ พ่อื ขาย กวา่ จะเข้าใจต้องใช้เวลานานเหมอื นกนั ค่ะ” น้ยุ เล่าให้ฟัง กลุ่มจึงได้มีการประชุมหารือกัน และนำ�ไปสู่การใช้วิธีเข้าหาผู้นำ�ชุมชน พร้อมกับพยายามเข้าถึงชาวบ้านในทุกๆ หมู่บ้าน เพ่ือประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้าน เขา้ มาร่วมกิจกรรมให้มากท่ีสุด “เราใชว้ ธิ ไี ปจดั กจิ กรรมทห่ี มบู่ า้ นเขาเลยคะ่ โดยท�ำ โครงการสญั จรไปแทบ จะทุกหมู่บา้ น ไปอธบิ ายให้ชาวบ้านเข้าใจว่า เราอนรุ กั ษก์ ล้วยไม้เพ่ือคืนกล้วยไม้ สู่ป่า เข้าไปคุยกับผู้นำ�ชุมชน คุยกับกำ�นันว่าเราทำ�การอนุรักษ์ป่า ฟื้นฟูป่านะ ไมไ่ ดค้ ดิ จะท�ำ ลายปา่ ” เจะ๊ เลา่ ถงึ วธิ กี ารทกี่ ลมุ่ ใช้ ซง่ึ นบั เปน็ อกี หนง่ึ บทเรยี นทนี่ อ้ งๆ ได้เรียนรู้ 21
เราใช้วิธีไปจัดกิจกรรมท่ีหมู่บ้าน...ไปอธิบาย ใหช้ าวบา้ นเขา้ ใจวา่ เราอนุรกั ษ์กลว้ ยไม้เพ่อื คนื กล้วยไม้สปู่ ่า..ไมไ่ ด้คิดจะท�ำ ลายป่า วนั ท่ีหญ้าแพรก กา้ วเดินเพ่ือเตบิ ใหญ่ นอกจากกจิ กรรมคนื ตน้ ไมส้ ปู่ า่ ทตี่ อ้ งการสอื่ ถงึ การคนื ชวี ติ ใหป้ า่ ตน้ นาํ้ แลว้ เดก็ ๆ ยงั เกดิ แนวคดิ ทจ่ี ะท�ำ ใหเ้ ดก็ เยาวชน และคนในชมุ ชน เชอ่ื มโยงความส�ำ คญั ของป่าตน้ นํ้าต่อวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของตนเอง เป็นการเช่อื มโยงปจั จัย 4 เขา้ กบั พื้นท่ีป่าต้นนํ้า ว่าตราบเท่าที่ป่าต้นนํ้ายังอุดมสมบูรณ์ ชุมชนก็ย่อมมีที่พึ่งด้าน ปัจจัย 4 ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จึงเป็นที่มาของ ค่าย ‘อาหาร ยา ผ้า บ้าน’ โดยกิจกรรมที่ยาวนานถึง 10 วันน้ีได้ใช้สถานที่จัดงานร่วมกัน 3 หมู่บ้าน คือ บ้านห้วยกระต่าย บ้านแม่ลามาน้อย และบ้านซิวาเดอ โดยในแต่ละหมู่บ้านจะมี เยาวชนแกนนำ�กลุ่มรับผิดชอบออกแบบกระบวนการเรียนรู้ รวมถึงประสานงาน และบรหิ ารจดั การการท�ำ งานตลอดตง้ั แตก่ ระบวนการแรกจนกระบวนการสดุ ทา้ ย ในค่ายได้พาให้เยาวชนในพื้นท่ีเรียนรู้ผ่านกิจกรรมท่ีหลากหลาย อาทิ การทำ�อาหารพ้ืนบ้าน ทำ�ยาหม่อง และยาเขียวจากพืชสมุนไพรท่ีหาได้ในชุมชน เรียนรู้ขั้นตอนการป่ันฝ้าย การสานตะกร้า การย้อมผ้าจากสีธรรมชาติ ร่วมกันทำ� ฝายชะลอนาํ้ เกบ็ ขยะจากล�ำ ธาร พร้อมกับรบั ฟงั ความร้ใู นการใช้ยา-วิธีเกบ็ รกั ษา ยาสามัญประจำ�บ้าน การป้องกันไข้มาเลเรีย จากสาธารณสุขประจำ�หมู่บ้าน ซ่ึงทง้ั หมดล้วนเปน็ วถิ ชี ีวติ ของคนในชมุ ชนท่ตี อ้ งพึง่ พาอาศยั ป่า ตลอดการดำ�เนินกิจกรรมจะมีผู้รู้และแกนนำ�ชุมชน หน่วยงานท้องถ่ิน อยา่ ง อบต.แมส่ ามแลบ โรงเรยี น ใหค้ วามรว่ มมอื และสนบั สนนุ การจดั กระบวนการ เรียนรู้แก่เด็กและเยาวชนในพ้ืนท่ีเป็นอย่างดี ส่งผลให้มีเยาวชนท่ีสนใจเรียนรู้กับ กลุ่มจำ�นวนไม่น้อยกว่า 80 คน ซ่ึงกลุ่มสามารถพัฒนาแกนนำ�เยาวชนในชุมชน บนพ้ืนท่ีสูงครอบคลุมพ้ืนท่ี 7 หมู่บ้าน คือ บ้านซิวาเดอ บ้านปู่คำ� บ้านห้วยแห้ง บ้านเคราะบอ บา้ นห้วยกระตา่ ย บ้านแมล่ ามานอ้ ย และบ้านหว้ ยมะโอ มแี กนนำ� เยาวชนทม่ี สี ่วนรว่ มในการคดิ และด�ำ เนินงานเพิม่ ขึน้ จาก 4 คน เปน็ 15 คน 22 ปลูกใจรกั ษ์โลก
ทสี่ �ำ คญั ทสี่ ดุ กค็ อื เยาวชนของกลมุ่ ไดเ้ รยี นรแู้ ละฝกึ ฝนพฒั นาตนผา่ นการ ลงมือทำ�จริง อันเป็นกลยุทธ์ของกลุ่มท่ีใช้ การแบ่งบทบาทหน้าท่ีตามความสนใจ ใครร่ ขู้ องเยาวชนแตล่ ะคน ใหท้ กุ คนในกลมุ่ หมนุ เวยี นกนั ท�ำ งานดา้ นตา่ งๆ ทง้ั การ บรหิ ารจดั การงบประมาณ การประสานงาน การน�ำ กจิ กรรมสนั ทนาการ และการน�ำ สรปุ บทเรยี นการท�ำ งาน เม่อื ทกุ คนไดล้ องท�ำ ทุกดา้ น สดุ ทา้ ยแตล่ ะคนกจ็ ะคน้ พบ ศกั ยภาพและความถนดั ของตนเอง เราพยายามใหท้ ุกคนท�ำ ให้เรื่องงาน เรียน และชวี ติ เดินไปดว้ ยกนั 23
เมื่อกล้วยไม้ออกชอ่ และหญา้ แพรกเตบิ เต็ม ถือเป็นผลสัมฤทธิ์ที่มากเกินกว่าที่กลุ่มตั้งเป้าหมายไว้ และมากกว่า ผลสมั ฤทธใ์ิ นแงเ่ นอื้ หาของโครงการและการขยายผลในวงกวา้ ง แตก่ ารท�ำ โครงการ ได้ทำ�ให้เกิดการพัฒนาตนเองของเยาวชนในกลุ่มอย่างเห็นผล ซ่ึงเกิดจาก กระบวนการการเรยี นรภู้ ายนอกและภายในควบคกู่ นั ทพ่ี เ่ี ลย้ี งจากสถาบนั ปญั ญาปตี ิ ไดว้ างแนวทางไว้ใหท้ างกลุม่ การเรียนรู้ภายนอก คือ การที่เยาวชนในกลุ่มเรียนรู้วิถีธรรมชาติและ วิถีชุมชนผ่านการลงมือทำ� เป็นการเรียนรู้สภาวะภายนอกในการทำ�งาน และ ขณะเดยี วกัน กต็ ้องมกี ารเรียนร้ภู ายใน คอื ยอ้ นกลบั มาทบทวนสภาวะการทำ�งาน ภายในจติ ใจตวั เองดว้ ยวา่ การท�ำ งานนน้ั ไดก้ อ่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงในจติ ใจของ ตวั เองหรือไม่ อย่างไร เป็นการเรยี นรู้อารมณ์ความรสู้ กึ และพยายามปรับอารมณ์ ให้เกิดความสมดุล เพื่อให้ขณะที่สมองเติบโตจากการเรียนรู้ภายนอก จิตใจก็ได้ เติมเต็มไปพร้อมกันจากการเรยี นร้ภู ายใน การเรียนรู้ภายนอกและภายในนี้ จะเกิดขึ้นในกระบวนการการสรุปและ ถอดบทเรยี นการท�ำ งานรว่ มกนั หลงั เสรจ็ กจิ กรรมในแตล่ ะวนั โดยกลมุ่ จะมกี ารสรปุ และถอดบทเรียนในการทำ�งานท้ังของตนเองและกลุ่ม แลกเปล่ียนทัศนะเก่ียวกับ ส่ิงที่เกิดข้ึนจากการทำ�งาน กลั่นเป็นข้อคิดเพื่อเรียนรู้และนำ�มาปรับปรุงงานใน อนาคต พัฒนาศกั ยภาพตนเอง และพฒั นาจติ ใจให้เติบโตขน้ึ อย่างนา่ ภาคภมู ิใจ 24 ปลูกใจรกั ษ์โลก
เราจะชวนคิดว่า จะท�ำ อย่างไรท่เี ราจะเรียน แลว้ ไม่ทิง้ การทำ�ไรท่ �ำ สวน เรียนอะไรทไ่ี ม่ ต้องออกจากชุมชน แล้วชว่ ยกนั ดูแลชมุ ชน หญ้าแพรกจะหยดั อยู่ และอมุ้ ชูชมุ ชนตลอดไป ถงึ วนั นท้ี โ่ี ครงการสน้ิ สดุ ลงแตก่ ระบวนการทเ่ี ยาวชนไดเ้ รยี นรู้ทง้ั กระบวนการ ท�ำ งานและเรยี นรชู้ มุ ชน ทกั ษะชวี ติ ทกี่ ลมุ่ ไดเ้ รยี นรู้ ทง้ั การพฒั นาดา้ นจติ ใจ พฒั นา ดา้ นอาชพี และเศรษฐกจิ พฒั นาดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ การนอ้ มน�ำ จติ ใจสกู่ ารเรยี นรู้ จากธรรมชาติ ล้วนเป็นการวางแผนการพัฒนาที่เกิดข้ึนจากความสนใจและการ ท�ำ งานในชมุ ชนของกลมุ่ เยาวชนหญา้ แพรกสาละวนิ เอง การเรยี นรทู้ งั้ หมดทง้ั มวล ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั เยาวชน ไดห้ ลอ่ หลอมใหเ้ ยาวชนเกดิ ความรสู้ กึ เปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกบั ชมุ ชนบ้านเกดิ วนั นีเ้ ราจงึ พบเห็นเยาวชนหลายคนทีเ่ ลอื กจะเรยี นในชุมชน ท�ำ งาน ในชมุ ชนและอยใู่ นชมุ ชนไปพรอ้ มๆกบั การมสี ว่ นรว่ มดแู ลรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ มในชมุ ชนทีพ่ วกเขาผกู พันมาตัง้ แตเ่ กดิ 25
26 ปลูกใจรกั ษ์โลก
“เราพยายามให้ทุกคนทำ�ให้เร่ืองงาน เรียน และชีวิต เดินไปด้วยกันค่ะ” เกศสุดา โตนิติ หรือ ‘เกด’ ผู้จัดการสถาบันปัญญาปีติและพ่ีเล้ียงของโครงการ เลา่ ถึงน้องๆ เยาวชนอยา่ งมีชวี ติ ชวี า “อยา่ งของเจะ๊ พอจบ ม.6 เขาก็เลือกเรียนมหาวทิ ยาลยั ชวี ติ โดยเรียนอยู่ ในชุมชนและสามารถกำ�หนดประเด็นที่จะเรียนเองได้ เขาก็เลือกเรียนการบริหาร จัดการกลมุ่ เพราะสนุกและชอบท่จี ะสมั พันธก์ ับคน สว่ นนุย้ เขาสนใจเรื่องสขุ ภาพ เขามีแปลงสาธิตเพาะกล้วยไม้ เขาก็วางแผนว่าจะมีแปลงสมุนไพรที่จะใช้ดูแล คนในชุมชน คือเราจะชวนคิดว่า จะทำ�อย่างไรที่เราจะเรียนแล้วไม่ทิ้งการทำ�ไร่ ทำ�สวน เรียนอะไรที่ไม่ต้องออกจากชุมชน แล้วช่วยกันดูแลชุมชน” พี่เกดท้ิงท้าย พร้อมกบั หนั ไปมองหญา้ แพรกต้นเลก็ ๆ เหล่าน้ันดว้ ยรอยยิม้ ในวนั ทีก่ ล้วยไม้ก�ำ ลังหายไปในหลายๆ พนื้ ท่ี แตส่ ำ�หรบั ท่ี ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แมฮ่ อ่ งสอน กลว้ ยไมก้ �ำ ลงั กลบั มาผลดิ อกชชู อ่ อกี คราหนง่ึ เชน่ เดยี วกบั ผนื ปา่ ทก่ี �ำ ลงั จะไดร้ บั การฟน้ื ฟกู ลบั มาสคู่ วามอดุ มสมบรู ณอ์ กี ครง้ั ดว้ ยนา้ํ พกั นา้ํ แรง ของ ‘หญา้ แพรก’ ซง่ึ จากท่เี คยเปน็ เพยี งกอเล็กๆ บัดน้ีเมล็ดพนั ธ์ุได้ถกู แพร่กระจาย ออกไปในวงกว้าง เกิดเป็นหญ้าแพรกมากมายหลายร้อยต้น ท่ีพร้อมจะยืนหยัด อนุรกั ษแ์ ละอุ้มชูทรพั ยากรธรรมชาตใิ นชุมชนของตนสืบตอ่ ไป เป็นทั้งการแก้ปัญหาในชุมชนด้วยพลังของคนในชุมชน ท้ังยังเป็น แรงบนั ดาลใจสง่ ไปถงึ ผคู้ นในพนื้ ทอี่ นื่ ๆผา่ นการลงมอื ท�ำ วา่ ถงึ ทสี่ ดุ แลว้ หญา้ แพรก อยา่ งเราไมส่ ามารถดำ�รงอยู่ได้ หากไมม่ ีธรรมชาติ แตม่ เี พยี งหญา้ แพรกอยา่ งเรานแี่ หละ ทจ่ี ะอมุ้ ชใู หธ้ รรมชาตสิ ามารถด�ำ รง อยูไ่ ด้ 27
สรุปขัน้ ตอนการท�ำ งาน ปา่ ถกู บุกรกุ และถูกท�ำ ลาย กลุ่มเยาวชน ‘หญ้าแพรกสาละวนิ ’ รวมตวั กันฟืน้ ฟปู า่ ชวนผรู้ แู้ ละแกนน�ำ ชมุ ชนส�ำ รวจปา่ ตน้ นา้ํ และพันธุ์กลว้ ยไม้ในป่าสาละวิน 28 ปลูกใจรักษ์โลก
รวบรวมข้อมลู และภาพถา่ ยจากการ สำ�รวจมาจดั เวทนี �ำ เสนอข้อมลู ต่อ คนในชมุ ชน บวชป่าและเพาะพนั ธก์ุ ล้วยไมค้ ืนสู่ป่า รา่ งกตกิ าการดูแลป่าตน้ น้ํารว่ มกัน ระหวา่ งคนในชมุ ชน เกดิ คา่ ยเช่อื มโยงปัจจยั 4 เขา้ กบั พ้ืนที่ ป่าตน้ นาํ้ ‘อาหาร ยา ผา้ บา้ น’ 29
สิ่งท่ีไดเ้ รยี นรู้ สรุ ดา หนนุ พฤกษา (เบ้ิม) ก�ำ ลังศกึ ษาระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย สถาบันการศกึ ษาทางไกล “เด็กๆ โตมาจะไม่รู้จักกับป่า อาหารจะไปหาท่ีไหน เราจึงต้อง อนุรักษ์ป่าไว้ การได้มาทำ�โครงการทำ�ให้ผมเปลี่ยนไปมาก ได้ ประสบการณเ์ ยอะขน้ึ รจู้ กั การท�ำ งานมากขน้ึ กลา้ พดู กลา้ แสดงออก มากขึ้น” อ�ำ ภา ธวชั วฑิ รู ย์ (นุ้ย) กำ�ลงั ศึกษาระดบั ปริญญาตรี มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช สาขาสาธารณสุข มูลฐาน “ก่อนเข้ามาท�ำ โครงการเป็นคนไม่กล้าแสดงออก ไม่กลา้ น�ำ เสนอ ไมก่ ล้ามานง่ั เปน็ กลมุ่ พูดคุย ไมร่ ู้จกั การวางแผน แต่พอเขา้ มาทำ� โครงการจงึ ไดร้ จู้ กั ค�ำ วา่ วางแผนและไดท้ �ำ งานใหญอ่ ยา่ งการจดั คา่ ย” อมั ภกิ า บญุ ทวีสุขใจ (เจ๊ะ) ก�ำ ลังศกึ ษาระดับปริญญาตรี สถาบันการเรยี นรเู้ พอ่ื ปวงชน (มหาวิทยาลัยชีวิต) สาขาสหวิทยาการเพื่อการพฒั นา ชุมชน “ร้สู กึ ว่าได้ท�ำ อะไรเพ่อื สังคมมากขึ้น จากการทำ�กจิ กรรม เช่น การ บวชปา่ ท�ำ ใหเ้ ราไดร้ จู้ กั การวางแผน การส�ำ รวจปา่ ท�ำ ใหเ้ รม่ิ คดิ ถงึ คนอื่นมากกว่าตัวเอง สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้จากการ วางแผน ได้ทำ�งานร่วมกับคนอื่น ได้เจออุปสรรค ความล้มเหลว ความทุกข์ และได้รจู้ กั ความสขุ ทแ่ี ทจ้ รงิ รสู้ ึกดีทไี่ ดท้ ำ� ไมใ่ ชเ่ พียง ประโยชนส์ ่วนตัวแต่ท�ำ เพื่อคนอ่นื ด้วย” 30 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
ที่ปรกึ ษากลมุ่ เยาวชน เกศสดุ า โตนติ ิ (เกด) โครงการกลว้ ยไมค้ ืนสู่ป่าเพื่ออนรุ กั ษ์ตน้ นํา้ โดย : กล่มุ หญา้ แพรกสาละวิน จ.แม่ฮอ่ งสอน ผจู้ ัดการสถาบันปัญญาปิติ ร่วมหนุนเสริมกระบวนการในการ หัวหน้าโครงการ ทำ�งานในชุมชน บทบาทสำ�คัญคือ นายสุรดา หนนุ พฤกษา เปน็ พเ่ี ลยี้ งและทป่ี รกึ ษาในพน้ื ที่ โดย เน้นกระบวนการในการมีส่วนร่วม หนนุ เสรมิ การท�ำ งานใหส้ อดคลอ้ งกบั วิถีชุมชนและความสนใจของท้ังกลุ่ม เยาวชนและชุมชน พร้อมช่วยให้เกิด การวเิ คราะห์การเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ เช่น เรื่องทรัพยากรสิ่งแวดล้อม เรื่อง การหาอยู่หากิน เร่อื งสภาพปญั หาใน ชมุ ชน เรอื่ งเยาวชนในชมุ ชน เพอื่ สรา้ ง การมีส่วนร่วมของการทำ�งานร่วมกัน ท้ังภายในและภายนอก คณะท�ำ งานโครงการ 1. นางสาวอำ�ภา ธวัชวิฑรู ย์ 2. นางสาวอมั ภกิ า บุญทวีสขุ ใจ 3. นางสาววศกิ า หยกสิริผลลาภ 4. นางสาวพรพนา แย้มสถิต 5. นางสาวพรรณี จารุวีรวรรณ 6. นายพะจอ่ แจ แยม้ สถิต 7. นางสาวภาสินี นาวาสมบรู ณ์ ท่ปี รกึ ษาโครงการ 1. นางเกศสดุ า โตนติ ิ สถาบนั ปญั ญาปตี ิ 31
32 ปลูกใจรกั ษ์โลก
02 ‘พรุคันธุล’ี ในวนั ท่นี กบนิ หลา ปลาฉ�ำ่ ฝน และคนเขม้ แข็ง โดย : กล่มุ เยาวชนรักษท์ ่าชนะ โรงเรยี นทา่ ชนะ จ.สรุ าษฎรธ์ านี ปา่ คอื บา้ นของสตั วบ์ ก ขณะทล่ี �ำ หว้ ยเปน็ บา้ นของสตั วน์ า้ํ แตร่ ะบบนเิ วศ ท่ีเรียกว่า ‘ป่าพรุ’ เป็นทั้งบ้านของสัตว์บก สัตว์นํ้า แถมสัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้า กส็ ามารถมาอย่อู าศยั รว่ มด้วยไดอ้ ย่างไมน่ า่ เคอะเขิน พรุ เปน็ ค�ำ เรยี กชอ่ื บรเิ วณทเ่ี ปน็ ลมุ่ นาํ้ ขงั หรอื ปา่ บงึ (Swamp Forest) ของคนใต้ เป็นระบบนเิ วศประเภทพืน้ ทช่ี ่มุ นา้ํ (Wetland) ทพ่ี บในพนื้ ท่ปี า่ ฝน เขตรอ้ น มลี กั ษณะเดน่ คอื ผนื ดนิ จะมอี นิ ทรยี ส์ ารทเ่ี กดิ จากการทบั ถมของซากพชื ซากสตั วน์ านหลายชวั่ อายคุ น ขณะทพี่ ชื พนั ธจุ์ ะมรี ะบบรากทแ่ี ผก่ วา้ งเพอื่ เสรมิ การทรงตวั ของล�ำ ตน้ เรยี กวา่ ‘รากค�ำ้ ยนั ’ หรอื ‘รากชว่ ยหายใจ’ ซงึ่ จะโผลพ่ น้ ระดับผิวดินและผวิ นํ้า ในประเทศไทยมีป่าพรุอยู่ไม่มากนัก ซึ่งด้วยความท่ีเป็นป่าที่มีคุณค่า ทางระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพสูง ก็ทำ�ให้ป่าพรุหลายแห่ง ถกู รุกราน จนปัจจุบนั ประเทศไทยเหลือป่าพรอุ ยู่ไมก่ ี่แหง่ หนงึ่ ในนัน้ คือ ‘พรุคนั ธุลี’ ปา่ พรผุ ืนสดุ ท้ายของ จ.สรุ าษฎรธ์ านี ทม่ี ี ชะตากรรมไม่ต่างจากป่าพรุอื่นๆ น่ันคือถูกรุกราน เพื่อใช้เป็นพื้นที่ปลูก ปาล์มนํ้ามัน เหตุเพราะว่าป่าพรุนี้มีนํ้าเหมาะสำ�หรับการปลูกปาล์ม จนทำ�ให้มี สภาพเสือ่ มโทรมเกือบจะเหลอื เพียงชือ่ แตก่ อ่ นจะถงึ วันน้นั มเี ยาวชนกลมุ่ หนงึ่ เลง็ เหน็ ถงึ คณุ ค่า และรว่ มด้วย ชว่ ยกันฟ้ืนฟู จนป่าพรเุ ริม่ กลบั สคู่ วามอุดมสมบูรณ์อีกคร้ังหนงึ่ ยินดตี อ้ นรบั สู่บ้านของเหล่าสรรพสตั ว์และพนั ธ์ุไม้ใน อ.ท่าชนะ ทวี่ ันนี้ ไม่มีใครแพ้ใครชนะ แตท่ กุ ชีวติ อย่รู ่วมกันอยา่ งเปน็ สุข 33
พรุคนั ธุลี ในวันท่ีเกอื บจะเหลือเพียงช่อื พรุคนั ธุลี เป็นป่าพรขุ นาดเล็ก พ้ืนที่ 875 ไร่ อยูร่ ะหวา่ งรอยต่อของพืน้ ท่ี น้ําจืดกับพื้นที่น้ํากร่อยใน ต.คันธุลี อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งแม้จะเป็นป่าพรุ ขนาดเล็ก แต่ก็ถือเป็นระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงแห่งหนึ่ง เพราะจากการสำ�รวจในอดีตพบว่า มีพืชพันธุ์ถึง 36 ชนิด ปลา 29 ชนิด สัตว์ป่า 98 ชนดิ และยังพบหอยทาก 2 ชนดิ ที่ไม่เคยพบในประเทศไทยมากอ่ น นอกจากนี้ ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นแอ่งกระทะ ทำ�ให้พรุคันธุลี ยังมีคุณประโยชน์เป็นแหล่งรับน้ําในฤดูน้ําหลาก ช่วยปกป้องชุมชนรอบข้างจาก อทุ กภยั ตลอดมานบั แตอ่ ดตี นอกจากนช้ี มุ ชนยงั ใชป้ ระโยชนจ์ ากนา้ํ ทป่ี า่ พรดุ ดู ซบั ไว้ ในการท�ำ สวนผลไม้อกี ดว้ ย แต่ก็เช่นเดียวกับป่าท่ีอุดมสมบูรณ์ท่ัวไป พรุคันธุลีถูกคนรุกรานเข้าไปใช้ ประโยชน์หนักเบามากน้อยตามวาระ แต่สม่ำ�เสมอ นับต้ังแต่มีการสัมปทานทำ� ไม้หมอนและไม้ฟืนรถไฟ ในช่วงปี พ.ศ. 2470 - 2495 ผู้คนก็เร่ิมอพยพย้ายถ่ิน เขา้ มาจบั จองพืน้ ท่ีในป่าพรเุ พื่อทำ�การเกษตร โดยเฉพาะสวนยางพาราและปาลม์ แหลง่ นา้ํ ในปา่ พรจุ งึ ถกู ดงึ ขน้ึ มาใชท้ �ำ การเกษตร รวมถงึ ใชอ้ ปุ โภคบรโิ ภคในครวั เรอื น จนท�ำ ใหพ้ รคุ นั ธลุ เี กดิ ภาวะขาดแคลนนาํ้ และเสอื่ มโทรมลง หน�ำ ซ�้ำ ในปี พ.ศ. 2525 และ 2527 ไดเ้ กดิ ไฟไหมค้ รง้ั ใหญข่ น้ึ สง่ ผลใหป้ า่ พรเุ สยี หายไปอกี กวา่ 50 เปอรเ์ ซน็ ต์ สรปุ แลว้ จากพ้นื ท่ีท้ังหมด 875 ไร่ พรคุ ันธุลีได้รบั ความเสียหายจากการ ถกู บุกรุกเข้าไปใช้เป็นพ้นื ท่ที ำ�กิน 100 กวา่ ไร่ บวกกับปญั หาการถกู ดึงนํา้ และถกู ไฟไหมอ้ กี ประมาณ 300 กวา่ ไร่ ท�ำ ใหป้ จั จบุ นั พรคุ นั ธลุ เี หลอื พน้ื ทป่ี า่ อยเู่ พยี ง 387 ไร่ เม่ือก่อนมีสัตว์อยู่กว่า 90 ชนิด แต่ตอนน้ี สญู พนั ธไ์ุ ปเยอะเพราะปา่ ถกู บกุ รกุ คดิ วา่ ถา้ คน บุกรุกมากกวา่ นห้ี รอื เกดิ ไฟไหม้ สัตวเ์ หลา่ น้ี จะไปอยทู่ ไ่ี หน คดิ ถงึ วา่ ถา้ มคี นมาบกุ รกุ บา้ นเรา มาเผาบ้านเรา แลว้ เราจะอยูย่ ังไง 34 ปลกู ใจรักษ์โลก
จิตสำ�นกึ ท่สี ง่ ต่อ จากรุ่นสูร่ ่นุ ชมุ นมุ เยาวชนรกั ษท์ า่ ชนะเปน็ ชมุ นมุ หนงึ่ ของโรงเรยี นทา่ ชนะ อนั เกดิ จาก การรวมตัวของนักเรียนในโรงเรียน ท่ีมีความสนใจและตระหนักถึงความสำ�คัญ ของสง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชน จนถงึ ปจั จบุ นั เปน็ รนุ่ ท่ี 10 แลว้ มสี มาชกิ ตง้ั แต่ ม.1 - ม.6 รวมแลว้ 80 คน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชุมนุมเยาวชนรักษ์ท่าชนะมีการจัดกิจกรรมด้าน สงิ่ แวดลอ้ มอยา่ งตอ่ เนอื่ ง เชน่ กจิ กรรมปลกู ปา่ กจิ กรรมพฒั นาตามโอกาส กจิ กรรม เรยี นรตู้ ามศนู ยเ์ รยี นรตู้ า่ งๆ มคี รภู มู ปิ ญั ญาทค่ี อยถา่ ยทอดความรดู้ า้ นสง่ิ แวดลอ้ มให้ รวมไปถงึ มกี ลมุ่ ยวุ ชนสรา้ งสรรค์และศนู ยป์ ระสานงานวจิ ยั เพอ่ื ทอ้ งถน่ิ จ.สรุ าษฎรธ์ านี ซ่ึงมีบทบาทในการหนุนเสริมการเรียนรู้ผ่านการสร้างนักวิจัยชุมชน เป็นภาคีใน ชมุ ชนคอยเชอื่ มประสานและสรา้ งการแลกเปลยี่ นองคค์ วามรกู้ บั พน้ื ทอี่ น่ื ๆ จนเกดิ เป็นเครือข่ายย่อมๆ ข้ึนมา และสิ่งที่ทุกคนต่างตระหนักถึงร่วมกันก็คือ พรุคันธุลี ท่นี ับวันจะยง่ิ เส่อื มโทรมลง “ตอนแรกทเี่ ขา้ ไปในพรกุ บั เพอ่ื นๆ หนไู ดย้ นิ แตเ่ สยี งโหวกเหวกโวยวายคะ่ แตพ่ อหนหู ยดุ และนง่ั ใตต้ น้ ไมส้ กั พกั เหมอื นไดร้ บั รถู้ งึ สง่ิ ทส่ี ถติ อยใู่ นตน้ ไม้ มนั ขนลกุ แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำ�ให้จิตใจเราสงบ และเมื่อเดินไปรอบๆ ก็เห็นสิ่งมีชีวิต 35
มากมายอยใู่ นนน้ั ทราบวา่ เมอ่ื กอ่ นมสี ตั วอ์ ยกู่ วา่ 90 ชนดิ แตต่ อนนส้ี ญู พนั ธไ์ุ ปเยอะ เพราะปา่ ถกู บกุ รกุ คดิ วา่ ถา้ คนบกุ รกุ มากกวา่ นห้ี รอื เกดิ ไฟไหม้ สตั วเ์ หลา่ นจ้ี ะไปอยู่ ทไ่ี หน คดิ ถงึ วา่ ถา้ มคี นมาบกุ รกุ บา้ นเรา มาเผาบา้ นเรา แลว้ เราจะอยยู่ งั ไง” วรรณนภิ า หนขู วญั หรอื ‘เหมยี ว’ ประธานชมุ นมุ ฯ คนปจั จบุ นั เลา่ ใหฟ้ งั ดว้ ยรอยยมิ้ ถงึ ประสบ- การณค์ ร้งั แรกท่เี ธอได้เขา้ ไปในพรุคันธลุ ี เพราะขน้ึ ชอ่ื วา่ ‘บา้ น’ยอ่ มไมไ่ ดห้ มายถงึ ทอ่ี าศยั ของรา่ งกายเพยี งอยา่ งเดยี ว แต่ย่อมเป็นท่ีอาศัยของจิตใจ เป็นพ้ืนท่ีที่จะมอบความอบอุ่น สุขสงบ ให้จิตใจ ไดพ้ กั ผอ่ นจากเรอื่ งวนุ่ วายยงุ่ เหยงิ ภายนอก และส�ำ หรบั พรคุ นั ธลุ แี ลว้ นไ่ี มใ่ ชเ่ พยี ง บ้านของพืชพนั ธแุ์ ละสัตว์ แต่ยังเปน็ บ้านของคนทุกคนในชมุ ชน เม่ือตระหนักได้ดังนั้น ความปรารถนาท่ีจะฟ้ืนฟูบ้านของทุกชีวิตหลังน้ี จึงเร่ิมต้นขนึ้ น่ีคือป่าพรุของคนท่ีน่ี ถ้าคนท่ีน่ีไม่ดูแลไว้ แลว้ ใครจะมาดแู ล 36 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
แรงบันดาลใจ สำ�คญั พอๆ กับความรู้ “นค่ี อื ปา่ พรขุ องคนทน่ี ่ี ถา้ คนทน่ี ไี่ มด่ แู ลไวแ้ ลว้ ใครจะมาดแู ลใหค้ นรนุ่ หลงั ไดม้ าศึกษาเรยี นรู้ ธรรมชาติของบ้านเรา ถ้าเราไมด่ แู ลรักษาไว้ แล้วใครจะมาดูแล ให้เรา” เหมียวกล่าวถึงแรงบันดาลใจของชุมนุมด้วยแววตาจริงจัง ทำ�ให้เห็นพลัง คนรุ่นใหม่ทีอ่ ยากลุกข้นึ มาทำ�ประโยชนต์ ่อชุมชนของเขาเอง จากปณิธานข้างตน้ นำ�มาสูก่ ารปรึกษาหารือกันในชมุ นมุ โดยแกนน�ำ ซ่งึ เปน็ รนุ่ พข่ี องเหมยี วเปน็ ตวั ตง้ั ตวั ตสี �ำ คญั กอ่ นจะไดข้ อ้ สรปุ วา่ ชมุ นมุ เยาวชนรกั ษท์ า่ ชนะ ขอรว่ มเปน็ สว่ นหนง่ึ ในการดแู ลรกั ษาพรคุ นั ธลุ ี ดว้ ยการยกระดบั ปา่ พรชุ มุ ชนขน้ึ เปน็ แหล่งเรียนรู้สำ�หรับเยาวชนและคนท่ัวไป ซึ่งเป็นรูปแบบการดูแลรักษาป่าพรุให้ คงสภาพความสมบรู ณไ์ ว้ในทางอ้อม พรอ้ มจดั กิจกรรมรณรงค์และสรา้ งจิตสำ�นึก ใหแ้ กเ่ ยาวชนในวงกวา้ ง เพอ่ื สรา้ งแนวรว่ มในการอนรุ กั ษส์ บื ตอ่ ไป เมอ่ื นน้ั ‘โครงการ พาน้องเรยี นรู้ดูแลป่าพรุ’ จงึ เกิดขึน้ “ครง้ั แรกทไี่ ปนำ�เสนอโครงการ เดก็ ๆ ไม่มคี วามร้อู ะไรเลยเพราะรุ่นพีเ่ ปน็ คนเขยี นโครงการ เมอ่ื กรรมการถามเดก็ ๆ จงึ ตอบอะไรไมไ่ ดเ้ ลย เดก็ ๆ จงึ ตอ้ งกลบั มา ท�ำ การบา้ นมากขน้ึ ศกึ ษาและเรยี นรหู้ นกั ขน้ึ และเมอ่ื เขา้ รว่ มกบั โครงการกย็ ง่ิ ท�ำ ให้ เดก็ ๆ มใี จมากขน้ึ ชว่ ยเสรมิ ศกั ยภาพดา้ นตา่ งๆ และไดแ้ ลกเปลย่ี นกบั เพอ่ื นๆ ทมี อน่ื กย็ ง่ิ เกดิ แรงบนั ดาลใจ” รัตนา ชูแสง หรอื ‘อด๊ี ’ เจ้าหน้าทีก่ ลมุ่ ยุวชนสร้างสรรค์และ พเ่ี ลยี้ งของโครงการกล่าวดว้ ยรอยย้ิม เรียนรู้ เพื่อเข้าใจใน ‘วงแคบ’ โครงการพาน้องเรียนรู้ดูแลป่าพรุ มีเป้าหมายโครงการอยู่ที่การยกระดับ พรุคันธุลีขึ้นเป็นแหล่งเรียนรู้ พร้อมจัดกิจกรรมรณรงค์และสร้างจิตสำ�นึกให้แก่ เยาวชนท่ีอาศัยรอบบริเวณป่าพรุ ซึ่งการจะสร้างแหล่งเรียนรู้ขึ้นได้นั้น จำ�เป็นท่ี เจา้ ของพนื้ ทตี่ อ้ งรเู้ รอ่ื งของแหลง่ เรยี นรนู้ นั้ อยา่ งแตกฉาน รวมไปถงึ มสี อ่ื การเรยี นรู้ เสยี ก่อน จงึ จะสามารถถา่ ยทอดความรู้ให้แกผ่ ู้อืน่ ได้ ด้วยเหตุนี้ เด็กๆ จงึ ไดจ้ ัดกจิ กรรม ส�ำ รวจศกึ ษาเกบ็ ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ปา่ พรุ เพอ่ื เกบ็ ขอ้ มลู ส�ำ หรบั จดั ท�ำ สอ่ื ประจ�ำ แหลง่ เรยี นรู้ ทงั้ ปา้ ยชอื่ พนั ธไุ์ ม้ อาณาเขตพน้ื ที่ ทางกายภาพรวมไปถงึ ใหแ้ กนน�ำ เองไดศ้ กึ ษาฐานทรพั ยากรของพรคุ นั ธลุ อี ยา่ งละเอยี ด กอ่ นทีจ่ ะน�ำ ความรู้นนั้ ไปถา่ ยทอดให้เยาวชนท้ังในและนอกชุมชนต่อไป การส�ำ รวจปา่ พรใุ นครง้ั น้ีมแี กนน�ำ และสมาชกิ ชมุ นมุ เขา้ รว่ มทง้ั หมด 10 คน มคี รภู มู ปิ ญั ญาในชมุ ชน คอื นายเจอื ศวิ ายพราหมณ์ หรอื ‘ลงุ เจอื ’ และ นายจนั ทรโ์ ชติ ภศู ลิ ป์ หรอื ‘ลงุ โชต’ิ มาเปน็ ผใู้ หค้ วามรู้ โดยมพี อ่ี ด๊ี มาชว่ ยดแู ลเรอ่ื งการเดนิ ทางและ 37
ใหค้ �ำ ปรกึ ษาในฐานะพเ่ี ลย้ี ง และไดร้ บั ความอนเุ คราะหจ์ ากโครงการปลกู ใจ รกั ษโ์ ลก ท่ปี ระสานส่ง สุภาภรณ์ ปันวารี หรือ ‘พี่บ’ี จากศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชมุ ชนเพอ่ื คนกบั ปา่ (รคี อฟ) มาเป็นวิทยากรพาน้องๆ สำ�รวจป่าพรุ การสำ�รวจป่าพรุมีการวางแผนการสำ�รวจด้วยการวางแปลงขนาด 10X10 เมตร จ�ำ นวน 5 แปลง เพอ่ื เกบ็ ขอ้ มลู ความสงู และขนาดเสน้ รอบวงของตน้ ไม้ ดชู น้ั เรอื นยอดพชื คลุ มดนิ สตั วแ์ ละพนั ธพ์ุ ชื ทพ่ี บในบรเิ วณแปลงส�ำ รวจกอ่ นจะน�ำ ขอ้ มลู ท่ไี ด้มาวเิ คราะหเ์ พ่อื ประเมินสภาพป่าและคำ�นวณหาปริมาณการดดู ซับคารบ์ อน “รนุ่ นเ้ี กดิ ความรใู้ หมๆ่ ทไ่ี มเ่ คยท�ำ มากอ่ นคะ่ อยา่ งการวดั ปรมิ าณการกกั เกบ็ คาร์บอนของต้นไม้ การทำ�แปลงสำ�รวจความอุดมสมบูรณ์ของป่า สำ�รวจพันธ์ุไม้ ระดบั ชัน้ ดิน ระดับเรอื นยอด สมุนไพร สัตวป์ า่ นก ซง่ึ เป็นข้อมูลท่ีสามารถนำ�มาท�ำ เสน้ ทางการเรียนรู้ได้เปน็ อยา่ งด”ี พ่ีอดี๊ กลา่ วดว้ ยความภมู ิใจ แม้จะมีอุปสรรคบ้างตามประสานักสำ�รวจมือใหม่แกะกล่อง เช่น น้องๆ หลายคนสนกุ สนานจนสตั วต์ นื่ หนกี ระเจงิ ไป ไมส่ ามารถเกบ็ ขอ้ มลู ได้ สภาพอากาศ และภูมิประเทศไม่อำ�นวย ฝนตกทางเดินล่ืนและเต็มไปด้วยเถาวัลย์ระเกะระกะ และน้องๆ หลายคนก็แต่งกายไม่พร้อมสำ�หรับการสำ�รวจป่า แต่อย่างน้อยที่สุด การสำ�รวจในคร้ังน้ีก็ได้ทำ�ให้น้องๆ ได้ข้อมูลเร่ืองระบบนิเวศ จำ�นวนชนิดพันธ์ุพืช ในปา่ และภยั คกุ คาม ซงึ่ เดก็ เหน็ การเปลย่ี นแปลงของปา่ พรจุ ากอดตี จนถงึ ปจั จบุ นั ซง่ึ เปน็ ความรทู้ ่สี ามารถน�ำ ไปใชง้ านได้อยา่ งไมข่ ้เี หร่ ผลการส�ำ รวจเดก็ ๆ พบวา่ ปา่ พรุ แบง่ ออกเป็น 3 ส่วน คอื ส่วนทเี่ ป็นพ้ืนที่ ถกู บกุ รกุ สว่ นทก่ี �ำ ลงั ฟน้ื ตวั จากการถกู ไฟไหม้ และพน้ื ทป่ี า่ อดุ มสมบรู ณ์ สภาพทวั่ ไป 38 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
พบว่า การปกคลุมผิวดิน มีค่าเฉลี่ยอยู่ท่ี 100 เปอร์เซ็นต์ การปกคลุมเรือนยอด อยู่ในเกณฑ์ดี มีค่าเฉล่ีย 77 เปอร์เซ็นต์ และป่าบริเวณน้ีมีจำ�นวนชั้นเรือนยอด สว่ นใหญ่ 3 ชน้ั ในดา้ นความหลากหลายทางชวี ภาพพบวา่ มจี �ำ นวนชนดิ พนั ธไ์ุ มใ้ หญ่ ทพ่ี บ 7 ชนดิ คอื สา้ นนา้ํ มะไฟปา่ ฝาดขใ้ี ต้ สหุ รา ไมแ้ ดง และชาเรยี น มคี วามหนาแนน่ ของไมใ้ หญต่ อ่ ไรค่ อื 204 ตน้ พบชนดิ พนั ธพ์ุ ชื อน่ื ๆ อกี 10 ชนดิ เชน่ หลมุ พี หวาย เหด็ เปน็ ต้น และชนดิ พันธ์ุสตั วท์ ่ีพบ 8 ชนดิ เช่น มด ก้งิ กา่ ผีเสือ้ กบ หอย จิง้ เหลน แมงมมุ เป็นตน้ เมอ่ื ค�ำ นวณปรมิ าณการกักเก็บคาร์บอนของปา่ พรุคันธลุ ี พบวา่ มปี ริมาณ คาร์บอนต่อไร่ 39.26 ตัน ปริมาณคาร์บอนต่อพ้ืนที่ 15,350.66 ตัน ป่าพรุคันธุลี สามารถดดู ซบั กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซดไ์ ดถ้ งึ 56,183.42ตนั และปลอ่ ยกา๊ ซออกซเิ จน ออกมา 40,832.76 ตนั ข้อมลู นีท้ ำ�ให้เดก็ ๆ ถึงกับอึ้งเพราะคาดไมถ่ งึ เลยทเี ดยี ว เมื่อเด็กๆ ได้สำ�รวจ แล้วมาวิเคราะห์ข้อมูลทำ�ให้พวกเขา ‘รู้จัก’ ป่าพรุ บ้านเขามากยิ่งข้ึน ผืนป่าที่มีคุณค่าต่อเขา พ่ีน้องอำ�เภอท่าชนะ และคุณค่าต่อ ชาวสุราษฎร์ธานีทุกคน และข้อมูลนี้ยังสามารถเป็นฐานข้อมูลให้ชุมชนในการ ปกป้องผืนป่า ปกปอ้ งทรัพยากรในพื้นที่ตนเองได้อีกดว้ ย “กิจกรรมน้ีเราเดินเก็บข้อมูลในเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นระยะทาง 500 เมตร ทำ�ใหไ้ ดร้ บั ร้ขู อ้ มลู ในเร่ืองของช่ือ ชนดิ และประโยชน์ของพนั ธไ์ุ มต้ า่ งๆ ไดร้ สู้ ภาพพน้ื ทป่ี า่ พรจุ รงิ ๆ เปน็ เชน่ ไร แตกตา่ งจากอดตี อยา่ งไร” พไิ ลวรรณ ภกั ดเี รอื ง หรือ ‘ฟาง’ เล่าถึงกิจกรรมการส�ำ รวจป่าครงั้ แรกในชวี ติ ถ่ายทอดออกไปใน ‘วงกวา้ ง’ หลงั จากลงพน้ื ทเ่ี กบ็ ขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ จนไดข้ อ้ มลู ตามทตี่ อ้ งการ แกนน�ำ และ สมาชิกชุมนมุ กไ็ ด้นำ�ขอ้ มลู มาเรยี บเรยี งและผลิตเป็นส่ือความรูต้ า่ งๆ เชน่ ปา้ ยชอ่ื พันธ์ุไม้ ป้ายไวนิล ส่ือแผ่นพับเรื่องพันธุ์ไม้ สมุนไพร และแผนท่ี โดยมีการแบ่ง บทบาทหนา้ ท่อี ย่างชัดเจนเป็นฝ่ายต่างๆ ไดแ้ ก่ ฝา่ ยอปุ กรณ์ ฝ่ายข้อมูล และฝ่าย ปฏบิ ตั ลิ งมอื ท�ำ ปา้ ย ซงึ่ แมจ้ ะขาดก�ำ ลงั คนไปบา้ ง เนอ่ื งจากหลายคนตดิ ภารกจิ เรยี น พิเศษ แต่สมาชิกที่เหลอื กร็ ว่ มแรงร่วมใจกันจนงานสำ�เร็จ โดยมี ‘ครูเก่ง’ ครูศลิ ปะ ของโรงเรียนท่าชนะมาช่วยดูแล รวมถึงลุงโชติและลุงเจือ ก็ได้มาช่วยให้ข้อมูล เพ่ิมเตมิ อกี ด้วย จนเม่ือสื่อความรู้ต่างๆ แล้วเสร็จ แกนนำ�และสมาชิกชุมนุมมีความรู้ที่ สามารถจะถา่ ยทอดได้ ก็ถึงเวลาขยายผลความรนู้ น้ั ออกไปในวงกว้าง นอกจากน้ี ชุมนุมได้รับโอกาสจากทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่ง ประเทศไทยจังหวัดสุราษฎร์ธานี (สวท.) ให้ไปบอกเล่าเร่ืองราวของป่าพรุและ 39
กิจกรรมคร้ังน้ีต้องทำ�เองทั้งหมด...ทำ�ให้รู้สึก วา่ ตวั เองเปน็ ผใู้ หญข่ น้ึ เพราะตอ้ งรบั ผดิ ชอบ หลายๆ อยา่ งมากขึ้น กจิ กรรมทส่ี มาชกิ ไดร้ ว่ มกนั ท�ำ เปน็ การประชาสมั พนั ธ์แนะน�ำ ปา่ พรคุ นั ธลุ ใี นฐานะใหม่ นน่ั คอื แหลง่ เรยี นรู้ ‘หอ้ งเรยี นธรรมชาติ พรคุ นั ธลุ ’ี ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี แมน้ อ้ งๆ หลายคน จะต่นื ไมโครโฟน จนเล่าผิดเล่าถูกบ้างกต็ าม “การไปออกรายการวทิ ยคุ รง้ั นไี้ ดฝ้ กึ ความกลา้ แสดงออกมากๆ คะ่ เพราะ ตน่ื เตน้ มากจนพดู ไมอ่ อก ตอ้ งใชก้ ารแกป้ ญั หาเฉพาะหนา้ คอ่ นขา้ งมาก” ฟางเลา่ ถงึ ประสบการณ์หน้าไมค์ด้วยรอยยิ้ม หลงั จากประชาสมั พนั ธ์กถ็ งึ เวลาของการขยายผลผา่ นกจิ กรรม‘คา่ ยพานอ้ ง เรียนรู้ดูแลป่าพรุ’ ที่มุ่งหวังให้เป็นเคร่ืองมือท่ีจะช่วยให้เยาวชนในพื้นท่ีโดยรอบ ปา่ พรคุ นั ธลุ เี ขา้ มาสมั ผสั เรยี นรแู้ ละเกดิ จติ ส�ำ นกึ ในการอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชน เพราะเขาเช่ือว่าเด็กและเยาวชนในพ้ืนที่รอบป่าพรุควรจะได้รู้จักป่าพรุบ้านตัวเอง รู้คุณคา่ ของมัน และมีส่วนร่วมในการดูแลได้ โดยกจิ กรรมทก่ี นิ ระยะเวลาสองวันน้ี มนี อ้ งๆ จาก 8 โรงเรยี นเครอื ขา่ ย จ�ำ นวน 25 คน มารว่ มเรยี นรศู้ กึ ษาพนั ธไ์ุ ม้ พนั ธส์ุ ตั ว์ และสมนุ ไพรในพรุคันธุลี กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบไปด้วยเกมธรรมชาติเก่ียวกับป่าพรุ โดยนำ� ข้อมูลที่ได้จากการสำ�รวจข้อมูลป่าพรุและศึกษาเพิ่มเติมจากผู้รู้มาทำ�เป็นเกม การเรยี นรู้ เชญิ ลงุ จอื ลงุ โชติ ปา้ ตา มาเลา่ เรอื่ งราวของปา่ พรใุ นอดตี ความสมบรู ณ์ ความส�ำ คัญกับชุมชน ก่อนพากันลงไปส�ำ รวจ ไปรจู้ กั ปา่ พรดุ ้วยกนั วาดภาพสงิ่ ที่ พบในป่าพรุ นำ�เสนอเล่าสู่กันฟัง ก่อนจะจบลงที่การชวนน้องๆ จาก 8 โรงเรียน คยุ กนั ว่า แตล่ ะโรงเรียนจะมีสว่ นรว่ มดูแลป่าพรไุ ด้อยา่ งไรบ้าง ผลตอบรบั จากคา่ ยเปน็ ไปดว้ ยดี นอ้ งๆ จากโรงเรยี นเครอื ขา่ ยไดร้ บั ความรู้ และความสนกุ สนาน ไดร้ บั รคู้ วามส�ำ คญั ของฐานทรพั ยากรภายในพน้ื ท่ีแลว้ กลบั ไป ขยายความตอ่ ในพน้ื ทข่ี องตน แตใ่ ครจะรวู้ า่ เบอ้ื งหลงั ความส�ำ เรจ็ ของคา่ ยในครง้ั นี้ ตอ้ งแลกมาดว้ ยหยาดเหงอ่ื และแรงใจของแกนน�ำ และสมาชกิ อยา่ งทไ่ี มเ่ คยเปน็ มา ก่อน แต่ส่ิงท่ีได้เรียนรู้จากการทำ�งานนั้นคุ้มค่ากับหยาดเหงื่อที่เสียไป เพราะ นอกจากเยาวชนจะได้เรียนรู้ป่าพรุแล้ว แกนนำ�ยังได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝน การทำ�งานตลอดทง้ั กระบวน นับตง้ั แตก่ ารเตรยี มงาน ด�ำ เนินงาน จนถงึ ส้ินสุดงาน ทั้งการติดต่อประสานงาน สวัสดิการ เป็นพ่ีเลี้ยงให้เยาวชนจากโรงเรียนเครือข่าย 40 ปลกู ใจรักษ์โลก
นำ�สันทนาการ รวมถึงเป็นวิทยากรให้ความรู้ในช่วงของการเดินสำ�รวจเส้นทาง ศกึ ษาธรรมชาติอกี ดว้ ย “กจิ กรรมครง้ั นต้ี อ้ งท�ำ เองทง้ั หมดเลยคะ่ ซง่ึ ตา่ งกบั กจิ กรรมทผ่ี า่ นๆ มา แตก่ ็ ท�ำ ใหร้ สู้ กึ วา่ ตวั เองเปน็ ผใู้ หญข่ น้ึ เพราะตอ้ งรบั ผดิ ชอบหลายๆ อยา่ งมากขนึ้ ” เหมยี ว กลา่ วอย่างภูมิใจ สว่ นหนงึ่ ของความเหนอ่ื ยยากในครงั้ นี้ เกดิ จากความไมพ่ รอ้ มของทมี งาน ชมุ นมุ เอง ทห่ี ลายคนตดิ ภารกจิ ไมส่ ามารถมาชว่ ยงานได้ แผนงานทว่ี างไวก้ อ่ นหนา้ จึงคลาดเคล่ือน ภาระงานถูกเกล่ียเฉลี่ยไปให้คนที่เหลืออยู่ จนหลายคนท้อ ขาดกำ�ลงั ใจ แตส่ ุดทา้ ย ทุกคนก็อดทนและสามารถผ่านอปุ สรรคเหลา่ นั้นมาได้ เดินหนา้ อย่างกล้าหาญ ประสานเครือขา่ ยชุมชน มากกว่าน้ัน การขับเคล่ือนโครงการ ยังได้ก่อให้เกิดความเปล่ียนแปลง อย่างเป็นรูปธรรมข้ึนในชุมชน ท้ังการสร้างแนวร่วมที่เป็นชาวบ้าน และการ เปล่ียนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นของพรุคันธุลี การจัดทำ�โครงการพาน้องเรียนรู้ดูแล ป่าพรุได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ท่ีน่าภาคภูมิใจ ทั้งการท่ีแกนนำ�และสมาชิกชุมนุมได้มี โอกาสเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเอง ผ่านการลงมือทำ�อย่างจริงจัง ไม่ว่า จะเป็นการประสานงาน วางแผนกิจกรรม การนำ�กระบวนการเรียนรู้ การทำ�งาน 41
ห า ก เ ร า ไ ม่ ป ลุ ก ก ร ะ แ ส ใ ห้ เ ย า ว ช น รั ก ธรรมชาติ มนั กไ็ มม่ ปี ระโยชน์ การทเ่ี ดก็ ๆ ไป สะท้อนปัญหากับผู้ใหญ่ทำ�ให้ผู้ใหญ่หันมา คดิ วา่ เยาวชนยงั เหน็ ความส�ำ คญั ของปา่ พร.ุ . ปัจจุบันคนท่ีรุกล้ำ�เร่ิมไม่ค่อยกล้าเพราะ ชุมชนเร่ิมตืน่ ตัว รว่ มกนั เปน็ ทมี ฝกึ การแบง่ เวลาระหวา่ งการเรยี นกบั การท�ำ กจิ กรรม รวมทง้ั ความรู้ ต่างๆ ที่ได้รับเกี่ยวกับป่าพรุ ล้วนเป็นประสบการณ์ที่มีค่าที่จะเติบโตไปพร้อมกับ นอ้ งๆ ทกุ คน เช่นเดียวกัน การขยายผลเนื้อหาของโครงการผ่านการทำ�กิจกรรมต่างๆ ก็ยังผลให้มีเยาวชนจากโรงเรียนเครือข่ายโดยรอบพื้นที่สนใจเข้ามาร่วมเป็น นกั อนรุ กั ษต์ ัวน้อยกับพวกเขาในพน้ื ท่ี 4 ต�ำ บล 8 โรงเรียน ไดแ้ ก่ ตำ�บลประสงค์ โรงเรยี นบา้ นอ่ตู ะเภา และโรงเรยี นวัดกาฬสินธ์ุ ต�ำ บลคันธุลี โรงเรยี นบ้านคนั ธลุ ี โรงเรยี นวัดสังข์ประดษิ ฐ์ ต�ำ บลทา่ ชนะ โรงเรียนบ้านหนองปรอื โรงเรียนท่าชนะ ตำ�บลคลองพา โรงเรียนบา้ นมะม่วงงาม โรงเรยี นบา้ นกลาง “ตอนแรกชุมชนมองว่า กลุ่มยุวชนสร้างสรรค์มาชวนเด็กๆ เข้าป่า ทำ�ให้ เดก็ ไมค่ ่อยไปเรียนหนงั สือ มาปลุกระดมเดก็ ๆ ให้ต่อตา้ นกลมุ่ ชาวบา้ นทม่ี อี ิทธิพล ในพ้ืนท่ี ทำ�ให้เกิดความไม่พอใจและมีปัญหากับผู้ปกครอง” พี่อ๊ีดเล่าถึงประเด็น ปัญหาที่เกดิ ขึ้นระหวา่ งการดำ�เนินโครงการ แต่สดุ ทา้ ยปญั หากค็ ลค่ี ลาย เพราะวา่ ตลอดการด�ำ เนนิ โครงการ หนึง่ ใน ภาคีซ่ึงก็คอื ครแู ละโรงเรยี นท่าชนะ เปน็ ผู้รับรองการด�ำ เนินโครงการของชมุ นุมมา โดยตลอด และมกี ารแปรผลการท�ำ กจิ กรรมไปสกู่ ารประเมนิ ผลการศกึ ษาในรปู ของ คะแนนอีกด้วย ซึ่งเม่ือครูภูมิปัญญาและชาวบ้านบางส่วนท่ีเข้าใจได้อธิบายให้ ผู้ใหญ่และชาวบ้านคนอื่นๆ ทราบ นอกจากกระแสต่อต้านจะลดลงแล้ว ชุมนุม ยังไดแ้ นวร่วมเพม่ิ ขึ้นอกี 42 ปลูกใจรกั ษ์โลก
และดว้ ยขอ้ มลู ทเ่ี ยาวชนส�ำ รวจปา่ พรคุ นั ธลุ ี แลว้ สอ่ื ความไปยงั ผหู้ ลกั ผใู้ หญ่ ของชุมชน ท�ำ ใหป้ จั จบุ นั มีการขอคนื พนื้ ทขี่ องพรคุ นั ธลุ ีจากผบู้ กุ รกุ ไดท้ ง้ั หมด และ มกี ารน�ำ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั พรคุ นั ธลุ ที ช่ี มุ นมุ ส�ำ รวจได้ สง่ ตอ่ ใหแ้ ก่ DSI เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ในการประกอบกำ�หนดแนวเขตพ้ืนท่ีปา่ ตอ่ ไป “หากเราไมป่ ลกุ กระแสใหเ้ ยาวชนรกั ธรรมชาติ มนั ก็ไม่มีประโยชน์ การที่ เดก็ ๆ ไปสะทอ้ นปญั หากบั ผใู้ หญท่ �ำ ใหผ้ ใู้ หญห่ นั มาคดิ วา่ เยาวชนยงั เหน็ ความส�ำ คญั ของป่าพรุ จึงเป็นผลทำ�ให้ขอคืนพ้ืนท่ีป่าพรุกลับมาได้ท้ังหมด ปัจจุบันคนท่ีรุกล้ำ� เริ่มไม่ค่อยกล้าเพราะชุมชนเร่ิมตื่นตัว” ลุงเจือ ในฐานะครูภูมิปัญญา ท่ีสนับสนุน ชมุ นุมมาโดยตลอด กลา่ วดว้ ยดวงตาเปีย่ มความสุข จากปา่ พรผุ นื สดุ ทา้ ยของ จ.สรุ าษฎรธ์ านี ทเ่ี กอื บจะเสอื่ มโทรมลงจนเหลอื แตช่ ่อื ใครจะเชื่อว่ากา้ วย่างเลก็ ๆ ของชุมนมุ ที่มเี ยาวชนเปน็ สมาชกิ หลัก จะก่อให้ เกดิ การเปล่ยี นแปลงอย่างเป็นรูปธรรมขึน้ ได้ และไม่ใช่เพียงการเปลยี่ นแปลงของ พรุคันธุลี ท่ีวันน้ีกำ�ลังฟื้นตัวข้ึนในฐานะแหล่งเรียนรู้ของชุมชน แต่รวมไปถึงการ เปลย่ี นแปลงครง้ั ยง่ิ ใหญข่ อง อ.ทา่ ชนะ ทช่ี มุ ชนเกดิ จติ ส�ำ นกึ และไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ ม ในการปกปกั รกั ษาทรพั ยากรในบา้ นเกิดของตนเองอยา่ งเขม้ แขง็ ด้วยเหตุนี้ ท่ามกลางหนา้ ฝนยาวนานตลอด 8 เดอื น อยา่ แปลกใจถา้ จะ เหน็ นกบนิ หลาอยเู่ หนอื พรคุ นั ธลุ ี เชน่ เดยี วกบั ปลาทก่ี �ำ ลงั ฉ�ำ่ นาํ้ ซงึ่ หลอมรวมมาจาก สายฝน ขณะที่ชาวบา้ นอาจก�ำ ลังร้องเพลงอย่างส�ำ ราญ เพราะทกุ คนเรยี นรแู้ ลว้ วา่ ความสขุ ทแี่ ทไ้ มไ่ ดเ้ กดิ จากการเอารดั เอาเปรยี บ เอาแพเ้ อาชนะกนั แตเ่ กดิ ไดจ้ ากการพงึ่ พาอาศยั กนั และกนั ระหวา่ งคนกบั ธรรมชาติ ท่าชนะในวันนจ้ี งึ ไม่มีใครชนะ แตท่ กุ คนกำ�ลังมีความสขุ 43
สรปุ ขนั้ ตอนการทำ�งาน ‘ปา่ พรุ’ เส่ือมโทรม ถูกบกุ รุกพ้นื ที่ มปี ญั หาการดงึ นา้ํ ในป่าพรุไปใช้ ส�ำ รวจและเกบ็ ขอ้ มลู ปา่ พรุ 44 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
เดก็ ๆ ทราบขอ้ มลู สภาพป่า นำ�ความร้ทู ี่ได้มาผลิตสอื่ เผยแพร่ 45
ส่งิ ที่ได้เรียนรู้ วรรณนภิ า หนขู วญั (เหมียว) ประธานชุมนมุ เยาวชนรกั ษ์ทา่ ชนะ “แตเ่ ดมิ ไมไ่ ดส้ นใจเรอ่ื งสง่ิ แวดลอ้ มมาเขา้ ชมุ นมุ นเ้ี พราะชมุ นมุ อน่ื เตม็ แต่พอได้ทำ�กิจกรรมกับชุมนุมอย่างต่อเน่ืองผ่านโครงการ ก็เริ่มรู้สึก ว่าสิ่งท่ีได้เรียนรู้แลกกับความเหน่ือยของเรามันคุ้ม ความรู้มันมีค่า มากๆ จากทช่ี อบอยคู่ นเดยี ว ไมพ่ ดู จากบั ใคร ไมก่ ลา้ แสดงออก แตเ่ มอ่ื ได้ร่วมทำ�กิจกรรมก็เริ่มกล้าพูด กล้าแสดงออก อยากรู้อะไรก็ถาม และจากคนท่ีไม่คิดอะไรมาก คิดว่าป่าพรุเป็นของทุกคน ไม่ใช่ของ เราคนเดียว เราทำ�คนเดียวแต่คนอ่ืนๆ ไม่ทำ�เราจะทำ�เพื่ออะไร แต่ เมื่อเห็นถึงปัญหาส่ิงแวดล้อมที่เกิดข้ึนในชุมชนที่มีแนวโน้มเพ่ิม มากขนึ้ จงึ อยากจะเรียนรแู้ ละอนุรกั ษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชนใหค้ งอยู่ ย่ังยืนต่อไป ตอนนี้เรารักท่ีจะทำ� กล้าที่จะอนุรักษ์ แม้คนอ่ืนไม่ทำ� เรากพ็ ยายามท�ำ หาเพอื่ นมาท�ำ กบั เรา ชว่ ยกนั แกป้ ญั หาไปทลี ะนดิ ” พไิ ลวรรณ ภักดเี รือง (ฟาง) เลขานกุ ารชุมนมุ เยาวชนรักษ์ท่าชนะ “เดมิ ไมค่ อ่ ยมคี วามรดู้ า้ นปา่ เปน็ คนพดู เบา พดู ไมร่ เู้ รอ่ื งเพราะมคี วามรู้ ไมม่ ากพอ ไมม่ ที กั ษะการเกบ็ ขอ้ มลู ไมค่ อ่ ยรจู้ กั ตนเองวา่ เราท�ำ อะไร ไดด้ ีแตเ่ มอ่ื ไดท้ �ำ โครงการกไ็ ดค้ วามรใู้ หมๆ่ ทง้ั เรอ่ื งกระบวนการการวดั ปรมิ าณคารบ์ อน การมสี ่วนร่วมกบั ชมุ ชน มแี รงจงู ใจเยอะขน้ึ ในการ ท�ำ งานตา่ งๆ และจากการท�ำ กจิ กรรม กท็ �ำ ใหเ้ กดิ ความตระหนกั ในการ ดแู ลสงิ่ แวดลอ้ ม ปญั หาปา่ พรถุ กู ท�ำ ลาย พนื้ ทป่ี า่ พรลุ ดนอ้ ยลงเรอื่ ยๆ ถา้ เกดิ ทกุ คนยงั นง่ิ เฉยปา่ พรคุ นั ธลุ กี จ็ ะสญู หายไป จงึ อยากมสี ว่ นรว่ ม ในการอนุรักษ์ธรรมชาตใิ นชุมชนให้ย่งั ยนื ต่อไป” โครงการเยาวชนรกั ษท์ า่ ชนะพานอ้ งเรยี นรูด้ ูแลปา่ พรุ คณะทำ�งานโครงการ โดย : กลุม่ เยาวชนรกั ษ์ทา่ ชนะ โรงเรียนท่าชนะ จ.สรุ าษฎรธ์ านี 1. นางสาวพิไลวรรณ ภกั ดีเรือง หัวหน้าโครงการ 2. นางสาวแพรวนภา สันหลี นางสาววรรณภิ า หนูขวัญ 3. นางสาวกาญจนาวดี ภกั ดีเรือง 4. นางสาวเยาวรินทร์ สันหลี 5. นางสาวจติ สภุ า อนิ ทร์แกว้ 6. นางสาวหทยั รตั น์ เทยี่ งสุข 7. นางสาวสาลนิ ี บญุ ชัยพ่งึ 8. นางสาวนิชฎาภรณ์ ปราถนา 46 ปลกู ใจรกั ษ์โลก
ท่ปี รึกษากลุม่ เยาวชน รตั นา ชูแสง (อี๊ด) อาจารยส์ จุ นิ ต์ สุทธิวรางกลู เจือ ศิวายพราหมณ์ เจ้าหน้าท่ีกลมุ่ ยวุ ชนสร้างสรรค์ ทีป่ รึกษาชมุ นมุ เยาวชนรักษ์ทา่ ชนะ ครูภูมปิ ญั ญา หน่งึ ในแกนนำ�กลมุ่ “โครงการนี้ใช้กระบวนการชวนเด็กๆ ครหู มวดวชิ าวิทยาศาสตร์ อนุรกั ษ์ทรพั ยากรสง่ิ แวดลอ้ ม คิดวิเคราะห์ หาข้อสรุปร่วมกันก่อน โรงเรียนทา่ ชนะ ภูเขาคนั ธลุ ี ออกแบบกิจกรรม และสรุปบทเรียน “อาจารยเ์ ขา้ มาชว่ ยดแู ลชมุ นมุ ตงั้ แต่ “ได้เข้ามาช่วยชุมนุมเยาวชนรักษ์ การท�ำ งานแตล่ ะครงั้ เพอื่ วางแผนการ ปี 2550 คอยสนับสนุนกิจกรรมของ ท่ า ช น ะ ใ น เ รื่ อ ง ก า ร ใ ห้ ข้ อ มู ล ช่ื อ ทำ�งานร่วมกันต่อ ส่วนใหญ่จะทิ้ง เด็กๆ โดยโรงเรียนยินดีสนับสนุน พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ เรื่องระบบนิเวศ ประเด็นคำ�ถามให้เด็กๆ ได้คิดและ กจิ กรรมของชมุ นมุ เพราะเปน็ รปู ธรรม ลุงรู้สึกภูมิใจท่ีได้มาให้ความรู้กับ ตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งจากการทำ�งาน ท่ีสามารถนำ�มาประเมินผลด้าน เดก็ ๆ เพราะถ้าหากไมม่ ีการถ่ายทอด รว่ มกนั มาเหน็ วา่ นอ้ งๆรจู้ กั วางแผนงาน การศึกษาได้ส่วนหน่ึง อีกส่วนหน่ึง รุ่นต่อรุ่น ต่อไปธรรมชาติคงหาย มากขน้ึ มกี ารคยุ กนั มากขน้ึ ท�ำ งานเสรจ็ คืออยากให้เด็กๆ ในพื้นท่ีได้รู้จัก ไปหมด จะไม่มีคนสืบสาน” มีการสรุปงาน มองหาข้อผิดพลาด ทรัพยากรในชุมชนตนเอง ใครถาม และทางแก้ไข ต้องถือว่าโครงการ ก็สามารถตอบได้อย่างภาคภูมิใจ ปลูกใจรักษ์โลก ช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึก บางคนจบไปแลว้ ไมไ่ ดเ้ รยี นตอ่ กห็ วงั ปฏบิ ตั กิ ารจรงิ นอกเหนอื จากการเรยี น ว่าเขาจะจดจำ�ได้ว่าครั้งหน่ึงเคย ในหอ้ งเรยี นท�ำ ใหเ้ ดก็ มฐี านการท�ำ งาน อนรุ กั ษ์ เคยเรยี นรศู้ กึ ษามา วนั หนง่ึ โต ในชุมนุมชัดเจนขึ้น และได้นำ�ความรู้ เปน็ ผใู้ หญ่ก็จะไมท่ �ำ ลายสง่ิ แวดล้อม ที่ได้จากโครงการไปเผยแพร่กับกลุ่ม เสียเอง” เพือ่ นๆ ในชุมนมุ ไดเ้ ปน็ อยา่ งด”ี ทป่ี รกึ ษาโครงการ นายเจอื ศิวายพราหมณ์ อาจารยเ์ ย็นจิตร วงศ์พิทกั ษ์ ครูภูมปิ ัญญาท้องถิ่นดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม โรงเรยี นท่าชนะ นายจนั ทร์โชติ ภศู ิลป์ อาจารย์สุจนิ ต์ สุทธิวรางกูล ครภู มู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่นดา้ นสิง่ แวดล้อม โรงเรยี นทา่ ชนะ นางดวงแข ชัยด�ำ รงฤทธ์ิ นางสาวรตั นา ชูแสง ครูภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่นดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม กลุ่มยวุ ชนสรา้ งสรรค์ จ.สรุ าษฎร์ธานี 47
48 ปลูกใจรกั ษ์โลก
03 ดแตว้ ยม้ พโลู่กกนั สสสี เี วขยยี ว โดย : กลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่หัวใจสีเขยี ว จ.เชยี งราย ในโลกสหี มน่ ๆ ทเ่ี ตม็ ไปดว้ ยมลพษิ ปา่ สแี หง้ ดนิ สจี ดื และนา้ํ สหี มอง ลว้ นเปน็ ภาพท่ีไม่ว่าใครได้เห็นต่างก็ไม่สบายใจด้วยกนั ท้ังนั้น ยงั มเี ยาวชนกลมุ่ เลก็ ๆ กลมุ่ หนง่ึ ใน จ.เชยี งราย ทต่ี ดั สนิ ใจลกุ ขน้ึ มาแตม้ สี ใหแ้ ก่โลกหมน่ ๆ ใบเดมิ น้ีใหก้ ลบั คนื มสี สี นั ขน้ึ มาบา้ ง แนน่ อนวา่ แตม้ สขี องพวกเขา ย่อมเปน็ เพยี งจุดเล็กๆ บนโลก แตแ่ ตม้ สีเลก็ ๆ เหลา่ นนั้ ได้ช่วยชบุ ชีวิตบา้ นเกดิ ของพวกเขาให้เริม่ กลับมามสี สี ันและชีวิตชวี าอกี ครง้ั หน่งึ ขอชวนไปรู้จกั กับ ‘กลุม่ เยาวชนรุ่นใหมห่ วั ใจสเี ขยี ว’ ท่กี ารลงมอื ทำ�ของ พวกเขากำ�ลงั บอกแกเ่ ราว่า ไม่สำ�คัญหรอกว่าคนอนื่ จะทำ�หรือไม่ แตส่ ำ�คญั ที่วา่ ตวั เราท�ำ แลว้ หรือยัง? 49
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306