Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาษาศาสตร์เบื้องต้น

ภาษาศาสตร์เบื้องต้น

Description: ศึกษาความหมายของภาษาและภาษาศาสตร์ สาขาวิชาภาษาศาสตร์ ลักษณะทั่วไปของภาษา ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสัทศาสตร์ (phonetics)
สรศาสตร์ (phonemics) สัทอักษรสากล สัทอักษรไทย และหลักวิเคราะห์ภาษาไทยตามแนวภาษาศาสตร์ศึกษา

Keywords: ภาษาศาสตร์,(phonetics),(phonemics)

Search

Read the Text Version

องเสียงสระ งๆ แบง่ ออกเปน็ ไดเ้ ป็น ๒ องลิน้ และรมิ ฝีปากไมม่ ีการ งสระ ไมว่ า่ จะเสยี งจะยาวหรือสน้ั ๑.๒ สระเสียงยาว ม ขณะออกเสียงลน้ิ และอวัยวะใน ไปสู่ตาแหน่งอ่นื ทาใหเ้ กิดเป็น

ระดับขอ เสยี งพยญั ชนะและสร กนั เปน็ เสียงทีส่ ามารถจะเป นอกจากนีย้ งั มีเสยี งอีกซ่งึ ไม ได้ แบ่งออกเปน็ ๒ คือ ๑.วรรณยกุ ต์ คือ ระดบั เสยี ง เช่นเดยี วกับพยัญชนะและส ๒.ทานองเสียง คือ ระดบั เสีย ถ้อยคา ทานองเสยี งน้ีมที ุกภ

องเสยี ง ระท่กี ล่าวมาแลว้ มลี กั ษณะร่วม ปลง่ ออกมาไดโ้ ดยลาพงั ม่สามารถเปล่งออกมาโดยลาพงั งทีเ่ ป็นองคป์ ระกอบของพยางค์ สระในภาษาทม่ี เี สียงวรรณยุกต์ ยงของถ้อยคาหรือส่วนของ ภาษา

เสียงวรร ๑.วรรณยุกตร์ ะดบั เป็นเสยี ง ลักษณะเสียงสงู กว่าปลายพ ๑.๑ เสียงวรรณยกุ ต์ เอก สัทลักษณะ เชน่ ปา่ หล ๑.๒ เสียงวรรณยกุ ต์ สามญั สัทลักษณะ เช่น กา ค ๑.๓ เสยี งวรรณยุกต์ สทั ลกั ษณะ เชน่ วดั น้า

รณยกุ ต์ งทมี่ ีความถต่ี ลอดต้นพยางค์จะมี พยางค์เลก็ น้อย แบง่ เปน็ ๓ คอื ตา่ -ระดบั คือ เสียงวรรณยกุ ต์ ลับ กลาง-ระดบั คอื เสียงวรรณยุกต์ คน วนั สงู -ระดับ คอื เสียงวรรณยุกต์ตรี

เสยี งวรร ๒.วรรณยกุ ต์เปล่ยี นระดับ ค มากระหวา่ งต้นพยางค์และท ๒.๑ เสียงวรรณยกุ ต์ เสียงวรรณยกุ ตจ์ ตั วา เช่น ฝ ๒.๒ เสยี งวรรณยกุ ต์ สทั ลกั ษณะ เชน่ หน้า

รณยกุ ต์ คอื เสียงทมี่ ีความเปลีย่ นแปลง ท้ายพยางค์ แบ่งเป็น ๒ คือ ต่า-ขึน้ คอื เสยี งต่าเล่ือนสงู คือ ฝนั ขา สงู -ตก คอื เสียงวรรณยุกต์โท

๓.๕ สทั อัก สทั อักษรสากลได้มีการจัดตง้ั โดยกลมุ่ ครูสอนภาษาฝรงั่ เศ Association เพราะเห็นประโย นาไปใช้ในการเรยี นการสอน ออกวารสารเสนอบทความเ

กษรสากล งขึน้ ครง้ั แรกในปี ค.ศ.๑๘๘๖ ศส The Phonetics Teachers ยชนข์ องวิชาสทั ศาสตร์สามารถ นภาษาได้อย่างดแี ละได้เริ่มมกี าร เกย่ี วกับเร่อื งวิชาสทั ศาสตร์

สรปุ ท ๑.การศกึ ษาสทั ศาสตร์ มีปร ๑.๑ สรรี สัทศาสตร์ ศ เปลง่ เสยี ง ๑.๒ กลสัทศาสตร์ ศกึ เปลง่ ออก ๑.๓ โสตสทั ศาสตร์ ศ

ท้ายบท ระโยชนข์ องการศกึ ษาสทั ศาสตร์ ศกึ ษาระบบอวัยวะท่ีใชใ้ นการ กษาลักษณะกายภาพของเสยี งท่ี ศกึ ษาเรื่องกระบวนการรบั รเู้ สียง

สรุปท ๒.ระบบอวยั วะทีเ่ ก่ยี วขอ้ งก ๒.๑ อวยั วะท่ที าให้เก ได้แก่ ปอด กระบงั ลม หลอด คอ ชอ่ งจมูก และช่องปาก ๒.๒ อวัยวะท่ีเกี่ยวกบั ไดแ้ ก่ กลอ่ งเสยี ง และเสน้ เส ๒.๓ อวยั วะกลอ่ มเกล เพดานอ่อน เพดานแข็ง ปุ่ม

ท้ายบท กับการออกเสียง กิดการเคลื่อนท่ีของกระแสลม ดลม ลนิ้ ปิด-เปิด กลอ่ งเสยี ง ชอ่ ง บการผลติ คณุ ภาพของเสียง สียง ลาเสยี ง ไดแ้ ก่ เส้นเสยี ง ล้นิ ไก่ มเหงอื ก ฟัน ล้ิน ริมฝีปาก

สรุปท ๓.ฐานกรณ์ คือ อวยั วะท่ีใช ๓.๑ ฐาน คอื อวัยวะ สามารถเคลอ่ื นทีไ่ ด้ เช่น ริม หลงั ปมุ่ เหงอื ก หน้าเพดานแ ๓.๒ กรณ์ คือ อวยั วะ สามารถเคลือ่ นท่ไี ด้ เปน็ อวัย สว่ นลา่ ง ซ่งึ เคล่ือนที่ไปจรด เส้นเสยี ง

ทา้ ยบท ชใ้ นการออกเสยี ง ะที่ใชใ้ นการออกเสียงซงึ่ ไม่ มฝีปากบน ฟันบน ปมุ่ เหงอื ก แข็ง เปน็ ต้น ะที่ใชใ้ นการทาใหเ้ กดิ เสียง และ ยวะท่อี ย่ตู ิดกบั กระดูกคาง ดหรือใกล้กับฐาน เชน่ ลิ้น และ

สรุปท ๔.สัทอักษรสากล คอื สัญ การศกึ ษาภาษาตา่ งๆของ ระบบใชส้ ญั ลกั ษณ์ ๑ รูป ๑ ส่วน อกั ษรแทนเสยี งส สัญลักษณ์อืน่ ๆ

ทา้ ยบท ญลกั ษณ์ท่ีใชแ้ ทนเสียงใน งโลก เป็นการบนั ทึกเสียงแบบ ป แทนเสียงทเี่ ปน็ ส่วนพยางค์ สระ พยัญชนะ วรรณยุกต์และ

Transition

nal Page

บทท่ี ๔ วัตถุประสงค ๑.อธบิ ายความหมายของสรศ ๒.จาแนกการเกดิ ของหน่วยเส ภาษาได้ ๓.สรุปหลักเกณฑ์ในการหาหน

สรศาสตร์ ค์ ศาสตรไ์ ด้ สียงและอธิบายการถ่ายทอดเสยี ง น่วยเสยี งได้

๔.๑ ความหมายของสรศาส • สรศาสตร์ ในภาษาศาสตร์ ห เกิดขน้ึ ของหน่วยเสยี งและระ ภาษา • หนว่ ยเสยี ง หมายถึง เสียงท เสยี งของภาษาคือมหี น้าทแี่ ย หรอื หมายถึงเสียงสาคญั ในภ ได้หรอื เสยี งสาคัญที่ทาใหค้ าม

สตร์ หมายถึงการศึกษาการ ะบบของหนว่ ยเสียงใน ท่มี ีหนา้ ท่สี าคญั ในระบบ ยกความหมายของคา ภาษาท่ใี ช้สอ่ื ความหมาย มคี วามหมายต่างกัน

๔.๑ ความหมายของสรศาส • สทั ศาสตร์ เปน็ การศึกษาจาเ เสียงพดู แตล่ ะเสยี ง โดยอาศัย ไม่จาเพาะเจาะจงว่าเปน็ เสียง หมายความวา่ ศึกษามูลเหตทุ พูดภาษาน้ัน

สตร์ เพาะเรอื่ งการออก ยหลักทางวิทยาศาสตร์ งในภาษาใด ทเ่ี กดิ เสียงตามที่มนษุ ย์

๔.๒ ความหมายของสรศาส • หนว่ ยเสียงยอ่ ย หมายถึง ก หนึง่ ซึ่งอาจออกเสยี งไดอ้ ยา่ ง โดยเปลย่ี นตามตาแหน่งของเ ออกเสยี งอย่างหน่งึ เกิดทา้ ย เสยี งหนง่ึ

สตร์ การออกเสียงๆใดเสยี ง งเดยี วหรือหลายอยา่ ง เสียง เช่น เกิดตน้ คา ยคาหรอื เป็นตัวสะกด

๔.๓ เคร่ืองหมายท่ีควรทรา • / / ใช้กบั หน่วยเสยี ง เชน่ / /b/ เปน็ หน่วยเสียงพยญั ชน เสียงได้ • [ ] ใช้เพือ่ แทนสญั ลักษณ์เส เสยี ง /i:/ มีเสียงส้นั [i] และ เสยี ง /p/ มเี สียง [ph], [p], • : ใช้แทนความยาวของเสียง

าบ /I:/ เป็นหน่วยเสยี งสระ นะ ยังไมส่ ามารถออก สียงยอ่ ย เชน่ หนว่ ย ะเสียงยาว [i:]หน่วย ,[p-] ง เชน่ [i:] มีเสยี งยาว

๔.๔ การวเิ คราะหห์ น่วยเสยี • นกั ภาษาศาสตร์ทฤษฎีไวยา กาหนดวธิ ีการศึกษา เพื่อวเิ ภาษาใดภาษาหนึ่งที่ยกมาศ • ๔.๔.๑ คาคู่เสียงเทยี บ หมา อยู่ในตาแหน่งเดียวกันของค ความแตกต่างกนั นอ้ ยท่ีสดุ

ยง ากรณ์โครงสร้างได้ เคราะห์หน่วยเสียงใน ศึกษา ายถึง เสยี งสองเสียงท่ี คาที่คล้ายคลงึ กนั ซง่ึ มี เช่น pin bin

๔.๔ การวเิ คราะหห์ นว่ ยเสยี • ๔.๔.๒ เสียงย่อยมกี ารแจกแ หมายถงึ เสียงใดกต็ ามที่มีคณุ คลา้ ยคลึงกันและเกิดขึ้นในต ละเสยี งไม่เหมอื นกันใหน้ ับว่า เดียวกนั เช่น Take & Steak

ยง แจงแบบสับหลกี ณสมบตั ทิ างเสยี ง ตาแหน่งเฉพาะของแต่ าเปน็ หนว่ ยเสียง k

๕.๒ หลักการพิจารณาหน่ว • ๕.๒.๓ เสยี งย่อยแบบอิสระ ทีแ่ ตกต่างกนั อาจนับเข้าเปน็ ถ้าหากว่าความแตกต่างของเ ผนั แปรของภาษา โดยทีค่ วาม ด้วย เช่น Mat & Maet

วยเสียง หมายถงึ เสยี งสองเสียง นหนว่ ยเสยี งเดยี วกันได้ เสียงน้นั ข้นึ อยกู่ ับความ มหมายไม่ได้เปล่ียนไป

๔.๕ หน่วยเสยี งในภาษาองั พยัญชนะในภาษาองั กฤษมีทงั้ ส ลกั ษณะดา้ นสทั ศาสตร์และห ภาษา หนว่ ยเสยี งสว่ นมากจะ

งกฤษ สิ้น ๒๔ หนว่ ยเสียงตาม หนา้ ท่ีของพยญั ชนะใน ะจดั เปน็ คู่ๆ

๔.๕ หน่วยเสยี งในภาษาองั ๑.กลุ่ม โพลซพี เสียงระเบดิ หรอื ในกล่มุ นี้มปี ระเภทของเสียงเ กกั ลม ณ จุดใด จดุ หนึ่งในช่อ ก่อนจะเปล่งเสยี งออกมา ๒.กลมุ่ แอฟฟริเค็ท เสียงก่งึ เสยี ภาษาองั กฤษมหี นว่ ยเสียงทร่ี chair,cheer

งกฤษ อเสียงหยุด หนว่ ยเสยี ง เหมอื นกนั คือมกี ารปิด องปากชั่วขณะหนึ่งแล้ว ยดแทรกใน รู้จักโดยทวั่ ไป ๑ คู่ เชน่

๔.๕ หน่วยเสยี งในภาษาองั ๓.กลมุ่ ฟรคิ เคทฟี เสยี งเสียดแท จากอวยั วะทัง้ สอง เช่น ริมฝปี Feet, fat ๔.กลุ่ม เนซัล เสียงนาสกิ มีลักษ กลุ่ม หมายถงึ จดุ ที่ปดิ กักลม plosiver หน่วยเสียงของกลุ่ม ช่อคอ จะเปิดให้ลมขึ้นสโู่ พลง

งกฤษ ทรก เสียงในกลมุ่ เกิด ปากลา่ งและฟนั บน เชน่ ษณะเปลง่ เสยี งคลา้ ย มจะเปน็ ทเ่ี ดียวกบั กลุ่ม ม ลิ้นไก่จะไมแ่ ตะผนงั งจมูก /m,n,N/

๔.๕ หน่วยเสยี งในภาษาองั ๕.กล่มุ แลทเทอรัล เสยี งข้างลน้ิ ภาษาองั กฤษเสียง /l/ มี๑หน ๖.กลุ่ม ฟรคิ ชน่ั เลสคอนทนิ ิวเอนิ้ เสียงเสยี ดสี ลกั ษณะการเปล ยกปลายลน้ิ ใหอ้ ยู่บริเวณส่วน สว่ นหน้าแลว้ ค่อยๆลดปลายล ๗.กลมุ่ เซมิวาวเอิล เสียงกงึ่ สระ

งกฤษ นมีเสียงเดียว /l/ ใน นว่ ยเสยี ง นท์ เสยี งต่อเนี่องทไ่ี ม่มี ลง่ เสียง เร่ิมต้นดว้ ยการ นหลงั ของเพดานปาก ล้ินลง ะ เสยี งกง่ึ พยญั ชนะ

สรุปท้ายบท • สรศาสตร์เป็นการศึกษาการเ และระบบของหนว่ ยเสยี งในภ เคร่ืองหมาย // เป็นสัญลกั ษ • สว่ นหนว่ ยเสยี งยอ่ ยนนั้ จะม • เสียงในภาษานน้ั มจี านวนมาก เสยี งหนง่ึ ซงึ่ อาจออกเสยี งไดอ้ อย่างโดยเปล่ียนตามตาแหนง่ ขน้ึ ต้นคาหรือทา้ ยคา

เกดิ ขึน้ ของหนว่ ยเสยี ง ภาษา หน่วยเสียงจะมี ษณ์ มี [ ] เป็นสญั ลกั ษณ์ ก การออกเสียงๆใด อย่างเดียวหรือหลาย งของเสียงอาจเกดิ

บทท สัทอักษ วตั ถปุ ระสงค์ ๑.บอกสัทอกั ษรไทยได้ ๒.อธิบายหนว่ ยเสียงสทั อ ๓.อธบิ ายสัญลักษณ์แทน ๔.รู้วิธีการเปล่ยี นเสยี งวร ๕.เขยี นคาไทยด้วยสทั อัก

ที่ ๕ ษรไทย อักษรไทยได้ นหนว่ ยเสียงสัทอักษรไทยได้ รรณยุกต์ได้ กษรไทยได้

๔.๑ คว • ราตรี ธนั วารธร.ภาษาพดู ในโลกน ข้นึ อยกู่ บั ตน้ กาเนดิ ตระกลู ของแต่ล พดู คอื เสียงและความหมาย เสยี งพ ประกอบด้วยกล่มุ ของเสียงหลายๆเ ของภาษา • พระยาอุปกิตศิลปสาร. ส่วนอกั ษ เขยี นแทนถ้อยคาทพ่ี ูดจากัน • เรืองเดช ปนั เขอื นขตั ิย.์ เมอื่ ชนช หรอื บันทึกภาษาของชนชาตหิ นงึ่ น ทอดเสียง

วามนา น้ีมีความหลากหลายและแตกตา่ งกัน ละภาษา องค์ประกอบสาคญั ของภาษา พดู หรอื ถอ้ ยคาทม่ี นุษยพ์ ูดจากันนัน้ เสยี งเรยี งกนั ตามระบบและระเบยี บ ษรหรือตัวหนังสอื คือ เครอ่ื งหมายที่ ชาติหน่งึ นาอักษรของตนไปใชเ้ ขียน นักภาษาศาสตร์เรียกวิธนี วี้ า่ การถ่าย

๔.๑ ความ • การถา่ ยทอดเสยี งภาษาต่าง ด้วยตัวอกั ษรดังกลา่ ว มักปร หนว่ ยเสียงทพี่ ดู ของภาษาต่า เขยี นและพูดไม่เหมือนกนั ท เสยี งผิดเพย้ี นไป • ดว้ ยเหตุน้ี นักภาษาศาสตรจ์ อกั ษรชนดิ หน่ึง เรียกวา่ “สัท และบันทึกเสยี งของภาษาต่า ลาติน และเคร่ืองหมายตา่ งๆ