Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เฉลยข้อสอบป.ธ.3วิชาไวยากรณ์ฉบับอัพเดต62

เฉลยข้อสอบป.ธ.3วิชาไวยากรณ์ฉบับอัพเดต62

Published by phrapradisth, 2019-12-05 01:23:07

Description: เฉลยข้อสอบป.ธ.3วิชาไวยากรณ์ฉบับอัพเดต62

Search

Read the Text Version

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๔๒ อำรุยฺห ลง ตฺวา ปัจจัย (อา-รุหฺ-ตฺวา อุปสัคอยู่หนา้ แปลง ตฺวา เปน็ ย แลว้ แปลง ย กบั ท่สี ุด ธาตุ เป็น ยหฺ ) เป็น อารุยหฺ บอก อดีตกาล ฯ ๖. กตปฏิสนถฺ าโร (ราชา), ปฏยิ ตตฺ ภตตฺ าทนี ิ ในประโยควา่ “อมิ สฺมึ นคเร กปณทฺธิกาทีน ปฏิยตฺตภตฺตาทีนิ อตฺถิ” เป็นสมาสอะไร ? จงตั้ง วเิ คราะหม์ าดู ? ๖. กตปฏิสนถฺ ำโร (ราชา) เป็น จตตฺ ถีตุลยาธกิ รณพหพุ พหิ ิสมาส ว.ิ กโต ปฏสิ นถฺ าโร ยสฺส โส กตปฏสิ นฺถาโร (ราชา) หรอื เป็น ตติยาตลุ ยาธกิ รณพหพุ พิหิ ว.ิ กโต ปฏสิ นฺถาโร เยน โส กตปฏสิ นถฺ าโร (ราชา) ปฏิยตฺตภตฺตำทีนิ เป็น วิเสสนบุพพบท กัมมธารยสมาสมีฉัฏฐี ตลุ ยาธกิ รณพหุพพหิ ิ เปน็ ภายใน ต้งั วเิ คราะหต์ ามลาดบั ดังนี้ ฉ. ตุล.พหุพ. ว.ิ ภตตฺ อาทิ เยส ตานิ ภตฺตาทีนิ ว.ิ บุพพ. กัม. ว.ิ ปฏิยตตฺ านิ ภตฺตาทนี ิ ปฏยิ ตฺตภตตฺ าทนี ิ ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๔๓ ๗. ชาตาทิตทั ธติ มปี ัจจัยเท่าไร อะไรบ้าง ? ราชคหโิ ก, สุขินี, สามญฺญ เป็นตทั ธติ ไหน ลงปัจจัยอะไร ? จงต้ังวิเคราะห์มาดู ? ๗. ชาตาทติ ัทธิต มีปัจจยั ๓ ตัว คอื อมิ อิย กยิ ราชคหโิ ก เป็น ตรตยาทิตัทธติ ลง ณกิ ปัจจยั วิ. ราชคเห ชาโต ราชคหิโก สุขนิ ี เปน็ ตทสั สตั ถติ ทั ธิต ลง อี ปัจจยั วิ. สขุ อสฺสา อตฺถีติ สขุ นิ ี สามญฺญ เป็น ภาวตัทธิต ลง ณฺย ปจั จยั ว.ิ สมณสฺส ภาโว สามญญฺ หรอื ว.ิ สมานสฺส ภาโว สามญฺญ ฯ พระราชเวที พฺรหมวฺ โส วัดเบญจมบพติ ร เฉลย. สนามหลวงแผนกบาลี ตรวจแก.้

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๔๔ ประโยค ป.ธ. ๓ ปญั หำและเฉลย บำลีไวยำกรณ์ สอบวันท่ี ๒๐ กุมภำพันธ์ ๒๕๒๕ --------------------------- ๑. จงเติมถอ้ ยคาท่ีถูกต้องลงในช่องว่างตอ่ ไปนี้ ก. อกั ขระ แปลวา่ .................... ข. สระ.....................ตวั นี้ ชอ่ื นิสสัย ค. พยญั ชนะ ๘ ตวั นี้ คอื .........เรียกว่า อวรรค ฆ. พยญั ชนะคือ..........เรยี กว่านิคคหิต ตามสาสนโวหาร ง. อุ อู ป ผ พ ภ ม ๗ ตวั นี้ เกดิ ที่........ เรยี กว่า โอฏฐฺ ชา ? ๑. ไดเ้ ตมิ คาท่ีถกู ตอ้ งลงในช่องวา่ งดังต่อไปน้ี ก. อกั ขระ แปลว่า ไมร่ ูจ้ กั ส้ินอย่ำง ๑ ไมเ่ ปน็ ของอย่ำง ๑ ข. สระ ๘ ตัวน้ี ชอ่ื นิสสัย ค. พยญั ชนะ ๘ ตวั น้ี คอื ย ร ล ว ส ห ฬ อ เรยี กวา่ อวรรค ฆ. พยญั ชนะ คือ อ เรยี กวา่ นิคคหิต ตามสาสนโวหาร ง. อุ อู ป ผ พ ภ ม ๗ ตวั นี้ เกิดท่ี ริมฝีปำก เรยี กว่า โอฏฺฐชา ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๔๕ ๒. ในสนธิ การตอ่ มีเท่าไร อะไรบ้าง ? เอหาวโุ ส ตดั ต่ออย่างไร ? ๒. ในสนธิ การต่อมี ๒ อย่าง คอื ตอ่ ศัพทท์ ่ีมวี ิภตั ติ ให้เนอ่ื งดว้ ยศพั ท์ ที่มีวิภัตติ เหมือน จตฺตาโร + อิเม ต่อเข้าเป็น จตฺตาโรเม เป็นต้นอยา่ ง ๑ ต่อบทสมาส ย่ออักษรให้น้อยลง เหมือน กต + อุปกาโร ต่อเข้า เป็น กโตปกาโร เปน็ ตน้ อยา่ ง ๑ เอหำวุโส ตัดเป็น เอหิ-อาวุโส ลบสระหน้า คือ อิ ในท่ีสุด แห่ง ศัพท์ เอหิ เสยี ต่อเปน็ เอหาวุโส ฯ ๓. สพั พนามแบง่ เปน็ เท่าไร อะไรบ้าง ต ศัพท์ในประโยควา่ “อภิญฺญาย โข โส ภควา ธมมฺ เทเสติ โน (เทเสต)ิ อภิญฺญาย” เปน็ สพั พนามชนิดไหน? ๓. สัพพนามนั้นแบ่งเปน็ ๒ คือ ปรุ ิสสัพพนาม ๑ วเิ สสนสพั พนาม ๑ ฯ ต ศัพท์ ในประโยคนี้ เปน็ วิเสสนสัพพนาม ฯ ๔. ในอาขยาต ลง อ อิ อาคม ท่ีไหน ? จงแก้คาที่เห็นว่าผิดในประโยค ต่อไปนี้ ให้ถกู ต้องตามหลกั ไวยากรณ์ ก. ชฆิ จฉฺ าทกุ ฺเขน ธมฺเม เทสิยนฺเตปิ ปฏวิ ิชฌฺ ํิตุ น สกฺขสิ ฺสติ ข. โสโก วา ภย วา เปมโต ชายนฺติ ค. สา กุมาริกา โสตาปตตฺ ผิ เล ปติฏฺฐหึสุ ? ๔. อ อาคม ลงหนา้ ธาตุที่ประกอบ หยิ ตตฺ นี, อชฺชตฺตนี, กาลาตปิ ตฺติ อิ อาคม ลงหลังธาตุ และปัจจัยท่ีประกอบ อชฺชตฺตนี ภวิสฺสนฺติ กาลาติปตฺติ ในหมวดธาตทุ ง้ั ปวง

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๔๖ แกค้ าทผ่ี ิดให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณใ์ นประโยคตอ่ ไปน้ี ดงั นี้ ก. ชิฆจฉฺ าทุกเฺ ขน ธมฺเม เทสยิ มำเนปิ ปฏวิ ิชฌฺ ํติ ุ น สกฺขิสสฺ ติ ข. โสโก วา ภยฺ วา เปมโต ชำยติ ค. สา กุมาริกา โสตาปตตฺ ผิ เล ปติฏฺฐหิ (หรือ ตำ กมุ าริกาโสตาปตตฺ ิผเล ปตฏิ ฺฐหสึ )ุ ฯ ๕. จงตอบคาถามตอ่ ไปนม้ี าดู ก. สวน และ ธมฺมสฺสวน ท่ีขีดเส้นใต้ไว้ในประโยคต่อไปนี้ “โภติ ธมฺมสฺสวน โฆสิต กึ ทิว ธมฺมสฺสวน คมิสฺสสิ อุทาหุ รตฺตึ” ลงปจั จัยอะไร ? เป็นรปู และสาธนะอะไร ? จงตั้งวิเคราะห์มาดู ? ข. อนตฺ ตพพฺ เป็นวาจากอะไร ? ได้บ้าง ? ๕. ได้ตอบคาถามดงั ตอ่ ไปน้ี ก. สวน ลง ยุ ปจั จยั เปน็ ภาวรปู ภาวสาธนะ ว.ิ สวน สวน, สยุ ฺยตตี ิ วา สวน ธมฺมสสฺ วน ลง ยุ ปัจจยั เป็นกตั ตุรูป อธิกรณสาธนะ วิ. ธมฺม สณุ าติ เอตถฺ าติ ธมฺมสฺสวน ข. อนตฺ เป็นได้ ๒ วาจก คือ กตั ตุวาจก และ เหตุกัตตุวาจก ตพฺพ เป็นได้ ๓ วาจก คอื กมั มวาจก ภาววาจก และ เหตกุ มั ม วาจก ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๔๗ ๖. วุตฺถวสฺสา และ กตปฏิสนฺถารา ในประโยคต่อไปนี้ “เต วุตฺถวสฺสา สตถฺ ุ สนฺติก คนตฺ ฺวา สตฺถารา กตปฏิสนถฺ ารา ฯ เป ฯ ตมตฺถ อาโรเจํสุ” เปน็ สมาสอะไร ? จงตั้งวิเคราะห์มาดู ? ๖. วุตถฺ วสสฺ ำ เป็น ตติยาตุลยาธกิ รณพหุพพิหสิ มาส วิ. วุตถฺ วสฺส เยหิ เต วตุ ถฺ วสฺสา กตปฏิสนถฺ ำรำ เปน็ จตุตถีตลุ ยาธิกรณพหพุ พิหิสมาส วิ. กโต ปฏสิ นฺถาโร เยส เต กตปฏิสนฺถารา ฯ ๗. ตัทธิตโดยสังเขป แบ่งเป็นเท่าไร อะไรบ้าง ? มาคโธ, ทกฺขิเณยฺโย, ทลิททฺ ตา ลง ปจั จัยอะไร ? ในตทั ธิตไหน จงต้งั วเิ คราะห์มาดู ? ๗. ตัทธิตโดยสังเขป แบ่งเป็น ๓ อย่าง คือ สามญฺญตทฺธิต, ภาวตทฺธิต อพยฺ ยตทฺธติ มำคโธ ลง ณ ปจั จยั ในราคาทิตัทธติ ว.ิ มคเธ ชาโต มาคโธ, ตสฺมึ วสตตี ิ วา มาคโธ ทกขฺ เิ ณยฺโย ลง เอยยฺ ปจั จัย ในฐานตัทธิต ว.ิ ทกขฺ ณิ อรหตตี ิ ทกขฺ เิ ณยฺโย, ทกฺขิณาย อนจุ ฉฺ วฏิ ก โหตตี ิ วา ทกขฺ ิเณยฺโย ทลิททฺ ตำ ลง ตา ปัจจยั ในภาวตทั ธิต วิ. ทลิททฺ สสฺ ภาโว ทลิททฺ ตา ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๔๘ ประโยค ป.ธ. ๓ ปญั หำและเฉลย บำลีไวยำกรณ์ สอบวันที่ ๙ กุมภำพันธ์ ๒๕๒๖ --------------------------- ๑. จงเลอื กคาในวงเลบ็ ท่เี ห็นวา่ ถกู ตอ้ งเตมิ ลงในช่องวา่ งต่อไปนี้:- ก. เอ โอ ท่ีมพี ยญั ชนะสงั โยค เชน่ เสยโฺ ย โสตถฺ ิ เปน็ ..... (ทีฆะ รสั สะ) ข. พยัญชนะท่ี ๑ ที่ ๒ ในวรรคทั้ง ๕ เปน็ ...................(โฆสะ อโฆสะ) ค. พยัญชนะที่ ๒ ที่ ๔ ในวรรคทงั้ ๕ เป็น...................(สิถลิ ธนิต) ? ๑. ไดเ้ ลือคาในวงเล็บท่ีเห็นว่าถกู ตอ้ งเติมลงในช่องวา่ งน้นั ดงั ตอ่ ไปนี้ :- ก. เอ โอ ทีม่ พี ยัญชนะสงั โยค เชน่ เสยโย โสตฺถิ เปน็ รสั สะ ข. พยญั ชนะท่ี ๑ ที่ ๒ ในวรรคทงั้ ๕ เป็น อโฆสะ ค. พยัญชนะท่ี ๒ ที่ ๔ ในวรรคท้ัง ๕ เปน็ ธนติ ฯ ๒. สนธคิ อื อะไร ? ต่างจากสมาสอยา่ งไร ? สาวโกหมสมฺ ิ ตัดตอ่ อยา่ งไร ? ๒. สนธิ คือ การต่อศัพท์และอักขระให้เน่ืองกันด้วยอักขระ เพื่อจะย่น อักขระใหน้ อ้ ยลง เปน็ อปุ การะในการแตง่ ฉันท์ และให้คาพูดสละสลวย ฯ ตา่ งจากสมาสท่ยี น่ บทมีวิภัตตหิ ลาย ๆ บทให้เปน็ บทเดยี วกัน ฯ สำวโกหมสมฺ ิ ตดั เป็น สาวโก-อห-อสมฺ ิ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๔๙ ระหวา่ ง สาวโก-อห สระ ๒ ตวั คือสระหนา้ และสระหลัง มีรปู ไม่ เสมอกัน ลบ สระเบื้องปลายบ้างก็ได้ คือลบ อ ท่ี อห เสีย สนธิเป็น สาวโกห ระหว่างสาวโกห-อสฺมิ นิคคหิตอยู่หน้า สระอยู่เบ้ืองปลาย แปลง นิคคหติ เปน็ ม แล้ว สนธเิ ป็น สาวโกหมสฺมิ ฯ ๓. จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ี ก. สาวตถฺ ี เป็นนามนามชนดิ ไหน ? ข. ศพั ท์มโนคณะเมอื่ เขา้ สมาสแล้ว นิยมทาอย่างไร ? ถา้ ไมท่ าอยา่ งนน้ั จะทาเป็นอย่างอืน่ ได้บา้ งหรือไม่ ? ค. ภิกษุ ๑,๐๐๐ รุป ตอ่ เปน็ สงั ขยาวา่ อย่างไร ? ฆ. สข เพื่อน ป.เอก. ในปํลุ ิงค์ และอติ ถีลงิ ค์ มรี ูปเปน็ อยา่ งไร ? ง. ภนเฺ ต ภทนเฺ ต ใชส้ าหรับใครเรียกใคร ? ๓. ไดต้ อบคาถามนนั้ ดงั ต่อไปน้ี ? ก. สำวตถฺ ี เปน็ นามนามชนิด อสำธำรณนำม ข. นิยมเอาสระที่สุดของตนเป็น โอ เหมือนคาว่า มโนคโณ เปน็ ตน้ , ถ้าไม่ทาอย่างนั้นทาเป็นอย่างอื่นได้บ้าง คือ เฉพาะ วจ เมื่อ เข้าสมาสแล้ว นิยมเอาสระที่สุดของตนเป็น อี เหมือน คาว่า วจกี มฺม วจสี ุจริต เป็นตน้ ค. ภิกฺขุสหสสฺ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๕๐ ฆ. ป.เอก. ในํปลุ งิ ค์ เป็น สขำ ในอติ ถีลิงค์ เปน็ สขี ง. ภนเฺ ต ภทนเฺ ต ๒ คานี้ เป็นคาสาหรับคฤหสั ถเ์ รยี กบรรพชิตด้วย ความเคารพหรือบรรพชิตผู้อ่อนพรรษากว่าเรียกบรรพชิตผู้แก่ พรรษากว่า ฯ ๔. เมือ่ ลง เณ ณยฺ ปัจจัย ในอาขยาต ต้องทาอยา่ งไรบา้ ง ? จงแก้คา ทเี่ ห็นวา่ ผดิ ในประโยคต่อไปนี้ ให้ถกู ตอ้ งตามหลักไวยากรณ์ ก. อชชฺ ปน ทยี นเฺ ตปิ กหาปเณ น อิจฉฺ ติ ข. สา (สุนทฺ รี) สาธตู ิ สมปฺ ฏิจฺฉติ วฺ า ปกฺกนฺตา ชตวนาภมิ ุขี คจฺฉติ ค. มา เอว กโรสิ ? ๔. ตอ้ งพฤทธิ์สระตวั หนา้ ธาตุ และ ลบ ณ เหมือนวธิ ตี ัทธติ แก้คาทผ่ี ดิ ใหถ้ ูกตอ้ งตามหลักไวยากรณ์ ดังน้ี :- ก. อชชฺ ปน ทยี มำเนปิ กหาปเณ น อิจฺฉติ ข. สา (สุนฺทรี) สาธตู ิ สมปฺ ฏิจฉฺ ติ ฺวา ปกฺกนตฺ ี เชตวนาภมิ ขุ ี3 คจฺฉติ ค. มา เอว กโรหิ หรอื มา เอว อกำสิ, มา เอวมกำสิ ฯ ๓ ณี ปัจจยั ในนามกิตกก์ ด็ ี อี ปัจจยั ในตทสั สตั ถิตทั ธิตกด็ ี ถา้ เป็น อิตถีลิงค์ ตอ้ ง แปลงเป็น อินี เพอ่ื ใหต้ ่างจากปํลุ ิงค์ เช่น ธมฺมจารี เป็น ธมฺมจารินี, สุขี เป็น สุขินี ส่วน อี ปัจจยั เคร่ืองหมายอิตถีลิงคไ์ มต่ อ้ งแปลงเช่นน้นั .

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๕๑ ๕. จงตอบคาถามต่อไปนี้ ก. ทาน ในประโยคว่า “อหนฺเต ทาน สวิทหิสฺสามิ” และ “อิมสฺมึ โข ปน โลเก ธนทาเนน อนภิชฺฌนกสตฺโต นาม นตฺถ”ิ คาไหนเป็นรูป สาธนะ และปจั จยั อะไร ? จงต้งั เคราะหม์ าด้วย ? ข. สุตวา, วนทฺ นีโย, อภริ มมฺ ลงปจั จัยอะไร ? ในกรยิ ากิตก์ ? ๕. ก. ทำน ในประโยคแรก เป็น กัมมรูป กมั มสาธนะ ยุ ปัจจัย ว.ิ ทาตพฺพนฺติ ทาน ส่วนในประโยคหลัง เป็น ภาวรุป ภาวสาธนะ ยุ ปัจจยั ว.ิ ทาน ทาน ข. สตุ วำ ลง ตวนฺตุ ปัจจัย (แปลง นฺตุ กับ สิ ปฐมาวภิ ัตติ เปน็ อา) วนฺทนีโย ลง อนยี ปจั จัย อภิรมมฺ ลง ตฺวา ปัจจัย (อภิ + รมฺ + ตฺวา อุปสัคอยู่หน้าแปลง ตฺวา เป็น ย ธาตุมี มฺ เป็นที่สุดอยู่หน้า แปลง ย กับท่ีสุดธาตุ เป็น มฺม จงึ สาเรจ็ รูปเปน็ อภิรมฺม) ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๕๒ ๖. ตว ปน ธตี ุ สรีร ทฺวตฺตึสำกำรกณุ ปปริปูร พหิ จิตฺโต วิย อสจุ ิฆโฏ คาท่ีขีดเสน้ ใตไ้ วน้ ั้น เปน็ สมาสอะไร ? จงตง้ั วิเคราะหม์ าด้วย ? ๖. ทวฺ ตฺตสึ นำกำรกณุ ปปริปูร เป็น ฉัฏฐีตัปปุริสสมาส มีอสมา หารทิคุสมาส และอวธารณบุพพบท กัมมธารยสมาส เป็นภายใน มี วิเคราะห์ดังนี:้ - อสมาหาร ทคิ .ุ ว.ิ ทฺวตฺตึส อาการา ทวฺ ตตฺ ึสาการา อว. กมั ม. วิ. ทฺวตฺตึสาการา เอว กุณปานิ ทฺวตฺตึสา การกุณปานิ ฉ. ตปั . ว.ิ ทฺวตฺตึสาการกุณปาน ปริปูร ทฺวตฺตึสา การกณุ ปปริปรู (สรีร) อสุจิฆโฏ เป็น ฉฏั ฐีตัปปุริสสมาส มี น บพุ พบท พหุพพิ หสิ มาส เปน็ ภายใน มวี เิ คราะห์ดังน้ี :- น บุพ. พหพุ . วิ. นตฺถิ เตส สจุ ีติ อสจุ นี ิ ฉ.ตัป. ว.ิ อสจุ นี (ปณุ ฺโณ) ฆโฏ อสุจิฆโฏ ฯ ๗. ปารมี, และ พลี, อาลสิย ในประโยควา่ “ยวุ า พลี อาลสยิ อเุ ปโต” ลง ปัจจยั อะไร ? ในตทั ธิตไหน จงต้งั วเิ คราะหม์ าดว้ ย ? ๗. ปำรมี ลง ณ ปจั จยั ในราคาทิตัทธติ วิ. ปรม ปาเปตีติ ปารมี, ปรมาย อตฺถาย หิตาย สุขาย สวตฺตตีติ วา ปารมี (ปฏิปทา) (ปรม+ณฺ = ปารม ลง อี

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๕๓ พลี ลง เคร่ืองหมายอิตถีลิงค์ จึงสาเร็จ รูปเป็น ปารมี) วิ. จะตั้งเป็นพหวุ จนะ ก็ได้ อี ปจั จยั ในตทสั สตั ถิตัทธติ อำลสยิ ลง พลมสฺส อตถฺ ีติ พลี ว.ิ ณยิ ปัจจัย ในภาวตัทธิต อลสสฺส ภาโว อาลสยิ ฯ พระราชเวที พฺรหมฺวโส วดั เบญจมบพิตร เฉลย. ตรวจแก.้ สนามหลวงแผนกบาลี

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๕๔ ประโยค ป.ธ. ๓ ปัญหำและเฉลย บำลไี วยำกรณ์ สอบวนั ท่ี ๒๘ กุมภำพนั ธ์ ๒๕๒๗ --------------------------- ๑. จงเลอื กคาในวงเล็บทเี่ ห็นว่าถูกตอ้ งเติมลงในชอ่ งว่างตอ่ ไปน้ี ก. อ อิ อุ ช่ือ..................(ทฆี ะ รสั สะ) ข. สระท่ีเป็นทีฆะล้วน และสระที่เป็นรัสสะมีพยัญชนะสังโยคชอื่ ..........(ครุ ลหุ) ค. ย ร ล ว ส ห ฬ อ เรยี กวา่ ...........(วรรค อวรรค) ฆ. อิ อี จ ฉ ช ฌ ญ ย เกดิ ท.่ี .............(คอ เพดาน) ง. พยญั ชนะท่ี ๑ ที่ ๒ ในวรรคทัง้ ๕ เป็น............(โฆสะ อโฆสะ) ? ๑. ไดเ้ ลอื กคาในวงเล็บทีเ่ หน็ วา่ ถกู ตอ้ ง เติมลงในชอ่ งว่างนัน้ ดงั ต่อไปนี้ ก. อ อิ อุ ชือ่ รสั สะ ข. สระที่เป็นที่ฆะล้วน และสระท่ีเป็นรัสสะมีพยัญชนะสังโยคชอ่ื วา่ ครุ ค. ย ร ล ว ส ห ฬ อ เรยี กว่า อวรรค ฆ. อิ อี จ ฉ ช ฌ ญ ย เกิดท่ี เพดำน ง. พยญั ชนะ ท่ี ๑ ท่ี ๒ ในวรรคทงั้ ๕ เป็น อโฆสะ ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๕๕ ๒. อุฏฐายาสนา, ตจิ วี รมทาสี ตัดตอ่ อยา่ งไร ? ๒. อฏุ ฺฐำยำสนำ ตัดเปน็ อุฏฐาย – อาสนา สระหน้าเป็นรัสสะ สระ เบื้องปลายเป็นทฆี ะ ลบสระหนา้ คือ อ ทีส่ ุดแหง่ ศัพท์ อุฏฐาย เสีย ต่อเปน็ อฏุ ฐายาสนา ตจิ ีวรมทำสิ ตัดเป็น ติจีวร – อทาสิ นิคคหิตอยู่หน้าสระ อยูเ่ บ้อื งปลาย แปลงนคิ คหิตเปน็ ม ต่อเป็น ตจิ ีวรมทาสิ ฯ ๓. จงตอบคาถามต่อไปนี้ ก. สตฺถา มหาชนสฺส ธมฺมเทสน (เทเสติ) คาไหนเป็นการนั ต์ และ ลิงค์อะไร ? ข. ปรู ณสงั ขยาต่างจากปกติสังขยาอย่างไร ? ค. เอกสงั ขยา กับเอกสพั พนาม ต่างกันอย่างไร ? ฆ. ต ศัพท์ในคาวา่ อิตปิ โิ ส ภควา เปน็ สพั พนามชนิดไหน ? ง. โต ตฺร ปัจจัย เป็นเครือ่ งหมายวภิ ตั ตอิ ะไร ? ๓. ไดต้ อบคาถามนัน้ ดังนี:้ - ก. สตถฺ า เป็น อุ การนั ต์ ปํลุ ิงค์ มหาชนสสฺ เป็น อ การนั ต์ ํปลุ ิงค์ ธมฺมเทสน เป็น อา การันต์ อิตถลี งิ ค์ ข. ปรู ณสังขยา สาหรับนับนามนามท่เี ต็มในที่นัน้ ๆ คือนับเป็น ชัน้ ๆ เปน็ ต้นว่า ทีห่ นึง่ ที่สอง ทีส่ าม ทส่ี ี่ ท่ีห้า

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๕๖ ส่วน ปกติสังขยา น้ันนับโดยปกติเป็นต้นว่า หน่ึง สอง สาม สี่ ห้า ค. เอกสังขยา เปน็ เอกวจนะอย่างเดยี ว เอกสัพพนาม เปน็ เทฺววจนะ แจกไดท้ ั้ง ๒ วจนะ ฆ. เป็นวเิ สสนสพั พนาม ง. โต เปน็ เคร่อื งหมายตติยาวภิ ัตติ และปญั จมวี ิภัตติ ตรฺ เป็นเครอื่ งหมายสตั ตมวี ภิ ัตติ ฯ ๔. ทสฺสามิ, เอหิ ประกอบดว้ ยเคร่ืองปรุงอะไร ? จงแกค้ าทเ่ี หน็ ว่าผิดใน ประโยคตอ่ ไปนี้ ให้ถูกตอ้ งตามหลกั ไวยากรณ์ ก. รูปนนฺทา สตฺถาร โอโลกเกนฺตา สมีเป ฐติ อิตฺถี อทฺทส ข. สญชยสฺส ปริสา ภินฺทิ ค. เถโร ปนุ ปฺปนุ ปจุ ฺฉยิ นฺโตปิ น กเถสิ ? ๔. ทสฺสำมิ ประกอบด้วยเครอื่ งปรุงยาต คอื ทา-อ-สสฺ ามิ เอหิ ประกอบดว้ ยเครือ่ งปรุงอาขยาต คอื อา-อิ-เอ-หิ ฯ แก้คาทผ่ี ดิ ให้ถูกตอ้ งตามหลกั ไวยากรณ์ ดังน:้ี - ก. รูปนนฺทา สตฺถาร โอโลเกนฺตี (โอโลกยมำนำ) สมีเป ฐิต อิตฺถึ อททฺ ส ข. สญชยสฺส ปรสิ า ภิชชฺ ิ ค. เถโร ปนุ ปฺปนุ ปจุ ฺฉยิ มำโนปิ น กเถสิ ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๕๗ ๕. จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ ก. มนาปสฺสวนา (ตณฺหา) โพธิ ในคาว่า โพธิรุกฺขมูเล และ โพธยิ าณตฺถาย เปน็ รปู สาธนะ และปจั จยั อะไร ? จงตงั้ วเิ คราะหม์ าดู ? ข. นิกขฺ นโฺ ต,ปิธาย ลงปัจจัยอะไร ? ในกริ ิยากิตก์ ? ๕. ได้ตอบคาถามน้นั ดงั น้.ี ก. มนำปสฺสวนำ (ตณหฺ า) เปน็ กัตตรุ ปู กัตตสุ าธนะ ยุ ปจั จัย ว.ิ มนาเปสุ รปู าทีสุ อาสวตีติ มนาปสฺสวนา (ตณหฺ า) โพธิ ในคาวา่ โพธิรกุ ขฺ มูเล เป็น กตั ตรุ ูป อธิกรณสาธนะ อิ ปจั จัย ว.ิ พชุ ฌฺ ติ เอตถฺ าติโพธิ (รกุ ฺโข) โพธิ ในคาว่า โพธิญาณตฺถาย เป็น กัตตุรปู กรณสาธนะ อิ ปจั จัย วิ. พุชฺฌติ เตนาติ โพธิ (ญาณ) ข. นิกฺขนโฺ ต ลง ต ปัจจยั ปธิ ำย ลง ตูนาทิปจั จัย คือ ตนู ตฺวา ตวฺ าน ตัวใดตวั หน่งึ ฯ ๖. อจฺฉราคณปริปุณโณ (ทิพฺพปฺปาสาโท) และ อโรคา ในประโยคว่า \" สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกฬิยธีตา อโรคา \" เป็นสมาสอะไร ? จงต้ัง วเิ คราะหม์ าดู ? ๖. อจฺฉรำคณปริปุณฺโณ (ทิพฺพปฺปาสาโท) เป็น อัฏฐีตัปปุริสสามาส มี ฉฏั ฐตี ติยาตปั ปรุ สิ สมาส เปน็ ภายในตงั้ วเิ คราะห์ตามลาดบั ดังนี้:- ฉ. ตปั . อจฉฺ ราน คโณ อจฉฺ ราคโณ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๕๘ ฉ. ต. ตปั อจฺแราคณสฺส ปริปุณโณ อจฺฉราคณปริปุณฺโณ (ทิพพฺ ปฺปาสาโท) อโรคำ เปน็ ว.ิ น บพุ พบท พหุพพหิ ิสมาส นตฺถิ ตสฺสา โรโคติ อโรคา (สปุ ฺปวาสา โกฬยิ ธตี า) ฯ ๗. ราคาทิตัทธิต มีปัจจัยเท่าไร อะไรบ้าง ? นาคร สุขีนี และ ภาคฺย ในคาว่า \"ภาคย สุข พล\" ลงปัจจัยอะไร ? ในตัทธิต ไหน จงตั้งวเิ คราะหม์ าดู ? ๗. ราคาทติ ทั ธติ มปี จั จัย ๑ ตวั คือ ณ ปจั จัย นำครำ ลง ณ ปจั จยั ในราคาทติ ทั ธติ ว.ิ นคเร วสนตฺ ิติ นาครา สุขนิ ี ลง อี ปัจจยั ในตทัสสัตถติ ทั ธติ วิ. สขุ มสสฺ า อตถฺ ตี ิ สขุ นิ ี (โกฬิยธีตา) ภำคฺย ลง ณ ปจั จัย ในตทสั สัตถติ ทั ธิต และ ณฺย ปัจจยั ในภาวตัทธติ ตทสั . ว.ิ ภคา อสสฺ อตถฺ ีติ ภาโค ภาว. วิ. ภาคสฺส ภาโว ภาคฺย (ความเปน็ ผู้มีโชค) อีกนยั หนึง่ ลง ณฺย ปัจจัย ในภาวตทั ธติ ค ว.ิ ภคสฺส ภาโว ภาคฺย ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๕๙ พระราชเวที พฺรหมฺวโส วดั เบญจมบพิตร เฉลย. ตรวจแก้. สนามหลวงแผนกบาลี

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๖๐ ประโยค ป.ธ. ๓ ปัญหำและเฉลย บำลีไวยำกรณ์ สอบวันท่ี ๑๖ กมุ ภำพันธ์ ๒๕๒๘ --------------------------- ๑. จงเลอื กคาในวงเลบ็ ท่เี ห็นว่าถูกต้อง เตมิ ลงในชอ่ งวา่ งต่อไปนี้ ก. เสยี งก็ดี ตัวหนงั สือก็ดีชื่อวา่ ...............(สระ,พยัญชนะ, อักขระ) ข. สระ ๘ ตวั ช่ือ..........(นิสสติ , นสิ สยั ) ค. สระทเ่ี ปน็ รสั สะ ไม่มพี ยญั ชนะสงั โยคและนิคคหิตอยู่เบ้ืองหลัง ช่อื ..........(ครุ, ลหุ) ฆ. ห ท่ีประกอบด้วยพยัญชนะ ญ ณ น ม ย ล ว ฬ เกิดที่...... (คอ, อก, รมิ ผีปาก) ง. พยญั ชนะที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ในวรรคท้งั ๕ เปน็ ......... (อโฆสะ, โฆสะ) ? ๑. ได้เลอื กคาในวงเล็บท่ีเห็นว่าถูกตอ้ ง เตมิ ลงในชอ่ งวา่ งนั้นดงั ตอ่ ไปนี้ ก. ช่อื วา่ อักขระ ข. ช่อื นสิ สัย ค. ชื่อ ลหุ ฆ. เกิดที่ อก ง. เป็น โฆสะ ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๖๑ ๒. นคิ คหติ สนธิ ได้สนธกิ ริ โิ ยปกรณเ์ ท่าไร อะไรบ้าง ? อธิ ปปฺ โมทติ, เตนุปสงกฺ มิ, เอตทโหสิ ตดั ตอ่ อยา่ งไร ? ๒. นคิ คหิตสนธิ ไดส้ นธกิ ริ โิ ยปกรณ์ ๔ คอื โลโป ๑ อาเทโส ๑ อาคโม ๑ ปกติ ๑ อิธปฺปโมทติ ตัดเป็น อิธ+ปโมทติ เป็นสัญโญคพยญั ชนะสนธิคอื ซ้อนพยัญชนะทมี่ ีรูปเหมอื นกนั ไดแ้ ก่ซอ้ น ป ต่อ เป็นอิธปปฺ โมทติ เตนุปสงฺกมิ ตัดเป็น เตน +อุปสงฺกมิ ถ้าสระท้ัง ๒ คือสระ หนา้ และสระหลงั เปน็ รัสสะแต่มรี ูปไมเ่ สมอกัน คอื ข้างหนึง่ เป็น อ ข้าง หน่ึงเป็น อุ เมื่อลบสระหน้าแล้ว ไม่ต้องทีฆะสระหลังกไ็ ด้ ต่อเป็น เตนปุ สงฺกมิ เอตทโหสิ ตัดเป็น เอต +อโหสิ นิคคหิตอยู่หน้า สระอยู่ เบื้องปลาย แปลงนคิ หิตเป็น ท ตอ่ เป็น เอตทโหสิ ฯ ๓. จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ี ก. ตุมเหหิ ทิฏฐธมมสฺส ภาคินี (อสฺส) ศัพท์ไหนเป็นนาม ศัพท์ชนิดไหน เปน็ ลิงค์ วภิ ตั ติ วจนะ อะไร ? ข. ปรู ณสงั ขยาเป็นนามศพั ท์ชนิดไหน ? ค. กึ ศัพท์ ถา้ มี ย นาหนา้ มี จิ อยู่หลัง แปลวา่ อยา่ งไร ? ฆ. อปุ สคั นน้ั ใชอ้ ย่างไร ? จงยกอทุ าหรณม์ าดู ? ง. อมฺโภ เป็นคาสาหรับเรียกใคร ?

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๖๒ ๓. ได้ตอบคาถามนั้น ดงั น:้ี - ก. ตมุ ฺเหหิ เปน็ สพั พนาม (ปุรสิ สัพพนาม, มธั ยมบรุ ุษ) เปน็ ทฺวลิ ิงค์ คือ ํปลุ ิงค์ หรือ อิตถลี ิงค์ ตตยิ าวิภตั ติ พหุวจนะ ทฏิ ฐธมฺมสฺส เป็น นามนาม ปํลุ งิ ค์ ฉัฏฐวี ิภัตติ เอกวจนะ ภำคนิ ี เป็น คณุ นาม อิตถีลงิ ค์ ปฐมาวิภัตติ เอกวจนะ ข. ปรู ณสงั ขยา เป็น คุณนาม ค. แปลว่า \"คนใดคนหน่ึง\" หรือ \" สิง่ ใดสง่ิ หน่ึง\" ฆ. อปุ สคั นน้ั สาหรับใช้นาหน้านามและกริ ยิ าใหว้ เิ ศษขึ้น อ.ุ อธิสกฺกาโร สักการะย่งิ อธเิ สติ นอนทบั ง.อมโฺ ภ เป็นคาสาหรับเรียกชาย ด้วยวาจาอ่อนหวาน ฯ ๔. วิภัตติอาขยาต เป็นเครื่องหมายให้รู้อะไรบ้าง ? ปาวิสิ ในคาว่า ภิกฺขุ คาม ปิณฑฺ าย ปาวิสิ นี้ ประกอบดว้ ยเคร่อื งปรงุ อะไรบ้าง ? จงแกค้ าทีเ่ ห็นว่าผดิ ในประโยคตอ่ ไปนี้ ใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั ไวยากรณ์ ก. ปติ า โน มหลฺลกา อเหํสุ ข. จกฺขูนิ เต นสสฺ นฺตุ วา ภินทฺ นตฺ ุ วา ค. ทารกา มยา วาริยนฺตาปิ วจน น คณฺหนฺติ ? ๔. วิภัตติอาขยาต เป็นเคร่ืองหมายให้รู้ กาล บท วจนะ บุรุษ ปาวิสิ ประกอบด้วยเครื่องปรงุ คอื ป บทหน้า วิสฺ ธาตุ อ ปจั จัย อี อัชชัตตนี (รัสสะ อี อัชชัตตนี เป็น อิ ลง อ อาคม หน้าธาตุท่ีประกอบได้รูป เป็น ปาวิสิ แปลวา่ \" ไดเ้ ข้าไปแล้ว\")

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๖๓ แกค้ าที่ผดิ ให้ถกู ต้องตามหลกั ไวยากรณ์ ดงั น้ี:- ก. ปติ า โน มหลลฺ โก อโหสิ หรอื ปิตโร โน มหลฺลกา อเหํสุ ข. จกขฺ ูนิ เต นสสฺ นฺตุ วา ภิชฺชนตฺ ุ วา ค. ทารกา มยา วำรยิ มำนำปิ วจน น คณฺหนฺติ ฯ ๕. ก. คาวา่ คมน – ในประโยคต่อไปนี้ คือ สตฺถารา เวสาลคี มน สมฺปฏิจ ฉติ , สตถฺ ุ คมนกาล อาโรเจสิ, นิพพฺ านคมน อฏฐงคฺ ิก มคคฺ โสธาเปยฺย , เป็นรปู และสาธนะอะไร ? จงต้งั วิเคราะห์มาดู ? ข. ชาโต, สมาโน เป็นธาตุ ปัจจัย และกาลอะไร ? ๕. ก. คมน - ในคาว่า เวสาลีคมน เปน็ ภาวรปู ภาวสาธนะ ว.ิ คมน คมน หรอื คจฉฺ ยิ เตติ คมน คมน- ในคาวา่ คมนกาล เป็น กตั ตุรูป อธกิ รณสาธนะ ว.ิ คจฉฺ ติ เอตถฺ าติ คมโน (กาโล) คมน- ในคาวา่ นิพพฺ านคมน เปน็ กัตตุรูป กรณสาธนะ ว.ิ คจฉติ เตนาติ คมโน (อฏฺฐงคฺ โิ ก มคโฺ ค) ข. ชำโต เป็น ชนฺ ธาตุ ต ปัจจัย อตีตกาล สมำโน เป็น อสฺ ธาตุ มาน ปัจจยั ปัจจุปบั นกาล ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๖๔ ๖. สมาสว่าโดยช่ือ มีเท่าไร อะไรบ้าง ? สนฺตวาโจ, อหิริกปุคฺคโล, ยถาสทฺธ ในคาว่า ททาติ เว ยถาสทฺธ นี้ เป็นสมาสอะไร ? จงตั้ง วเิ คราะห์มาดู ? ๖.สมาสว่าโดยชื่อมี ๖ อย่าง คอื กมฺมธารโย ทิค,ุ ตปฺปรุ ิโส, ทฺวนทฺ โว, อพยฺ ยภี าวโว, พหพุ ฺพิหิ ฯ สนตฺ วำโจ เป็น ฉฏั ฐตี ุลยาธกิ รณพหพุ พหิ ิสมาส ว.ิ สนฺตา วาจา ยสฺส โส สนฺตวาโจ (ปุริโส) อหริ ิกปคุ ฺคโล เปน็ วิเสสนบุพพบท กัมมธารยสมาส มีน บพุ พบท พหุพพหิ สิ มาส เปน็ ภายใน น บพุ . พหพุ . วิ นตถฺ ิ ตสฺส หริ ตี ิ อหิริโก (ปุคคฺ โล) วิ. กมั ม. วิ. อหิริโก จ โส ปุคฺคโล จาติ อหิรกิ ปคุ ฺคโล หรอื อหริ ิโก ปคุ ฺคโล อหริ ิกปุคคฺ โล ยถำสทฺธ เปน็ อพั ยยภี าวสมาส (นปิ าตปพุ พกะ) วิ. สทธฺ าย ปฏปิ าฏิ ยถาสทฺธ หรือ ยา สทฺยา ยถาสทธฺ ฯ ๗. ชาตาทติ ทั ธิต มปี จั จัยเทา่ ไร อะไร ? บ้าง ? อาโรคฺย เจตสิก, ภาควา ในคาว่า \" โส ผลสามญฺญสฺส ภาควา โหติ\" นี้ ลงปัจจัยอะไร ? ในตัทธติ ไหน จงต้ังวิเคราะหม์ าดู ? ๗.มี ๓ ตวั คอื มมิ อิย กิย ฯ อำโรคยฺ ลง ณยฺ ปัจจยั ในภาวตัทธติ ว.ิ อโรคสฺส ภาโว อาโรคฺย

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๖๕ เจตสิก ลง ณกิ ปจั จัย ในตรตยาทิตทั ธติ ว.ิ เจตสา กต กมมฺ เจตสกิ , ตสมฺ ึ วา วตตฺ ตีติ เจตสิกฯ ภำคำ ลง วนตฺ ปจั จยั ในตทัสสตั ถติ ัทธิต ว.ิ ภาโค อสสฺ อตถฺ ตี ิ ภาควา ฯ พระราชเวที พฺรหมฺวโส วดั เบญจมบพิตร เฉลย. สนามหลวงแผนกบาลี ตรวจแก.้

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๖๖ ประโยค ป.ธ. ๓ ปญั หำและเฉลย บำลไี วยำกรณ์ สอบวนั ท่ี ๗ มีนำคม ๒๕๒๙ --------------------------- ๑. ในพยัญชนะวรร มีหลักการสังโยคอย่างไร ? และพยัญชนะไหนบ้าง ? ใชส้ ังโยคไม่ได้ ? ๑. มหี ลกั การสงั โยค ดังนี้ พยญั ชนะที่ ๑ ซ้อนหน้าพยญั ชนะ ที่ ๑ และท่ี ๒ ในวรรคของตนได้ พยัญชนะที่ ๓ ซอ้ นหน้าพยญั ชนะที่ ๓ และท่ี ๔ ในวรรคของตนได้ พยัญชนะท่ี ๕ สุดวรรค ซ้อนหน้าหยัญชนะในวรรคของตนได้ทั้ง ๕ ตวั ยกเสียแตต่ ัว ง ซ่ึงเป็นตวั สะกดอย่างเดียว พยัญชนะที่ ๒ และที่ ๔ ในวรรคทั้ง ๕ ใชส้ ังโยคไมไ่ ด้ฯ ๒. วธิ เี ปน็ อุปการะแก่การทาสนธิ เรยี กวา่ อะไร ? มีเทา่ ไร อะไรบ้าง ? ยญฺเจ, นาโคว ในคาวา่ \"อห นาโคว สงฺคาเม \" ตดั ตอ่ อย่างไร ? ๒. เรียกว่า สนฺธิกิริโยปกรณ์ มี ๘ อย่าง คือโลโป ลบ ๑ อาเทโส แปลง ๑ อาคโม ลงตัวอกั ษรใหม่ ๑ วิกาโร ทาให้ผดิ จากของเดมิ ๑ ปกติ ปรกติ ๑ ทโี ฆ ทาใหย้ าว ๑ รสฺส ทาใหส้ นั้ ๑ สญโญโค ซอ้ นตวั ๑ ยญฺเจ ตัดเป็น ย-เจ เม่ือมีพยัญชนะอยู่หลัง นิคคหิต อยู่หน้า แปลงนิคคหิตเป็นพยัญชนะที่สุดวรรค ในท่ีน้ี จ อยู่หลัง จึงแปลง นิคคหติ เปน็ ญ ตอ่ เป็น ยญฺเจ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๖๗ นาโคว ตัดเป็น นาโค-อิว ถ้าสระ ๒ ตัวมีรูปไม่เสมอกนั (คือ สระ หน้าเป็น โอ สระหลังเป็น อิ) ลบสระเบ้ืองปลายบ้างก็ได้ในที่น้ีลบ อิ แห่ง อิว เสียต่อเป็น นาโคว ฯ ๓. จงตอบคาถามต่อไปนีม้ าดู ก. ปฐมาวภิ ตั ติแแบง่ เป็นเท่าไร อะไรบ้าง ? ข. ภควโต เปน็ วภิ ตั ตไิ หนบ้าง ? ค. ศพั ทม์ โนคณะ เข้าสมาสแลว้ นยิ มทาอยา่ งไร ? ฆ. ต ศัพท์ อยา่ งไรเปน็ ปรุ ิสสพั พนาม อยา่ งไรเป็น วิเสสนสัพพนาม? ง. สมปฺ ติ, สมนตฺ า แปลว่าอย่างไร ? เป็นนบิ าตบอกอะไร ? ๓. ไดต้ อบคาถาม ดงั ตอ่ ไปน้ี ก. แบ่งเป็น ๒ เป็น ลิงฺคตฺโถ หรือ กตฺตา ท่ีเป็นตัวประธานอย่าง ๑ เปน็ อาลปน คาสาหรับรอ้ งเรียก อยา่ ง๑ ข. เป็น จตตุ ฺถี และ ฉฏฐี เอกวจนะ ค. นิยมเอาสระที่สุดของตนเป็น โอ ได้ เหมือนคาว่า มโนคโณ หมู่ แห่งมนะเป็นต้น เว้นแต่ วจ ศัพท์เมื่อเข้าสมาสแล้ว เอาสระที่สุด ของตนเปน็ อี เช่น วจีกมฺม วจีเภโท เป็นต้น ฆ. ต ศัพท์ ท่ีท่านมิได้เขียนไว้กับนามศัพท์ หรือ ตุมฺห อมฺห ศัพท์ เป็น ปุริส-สัพพนามตรงกับท่ีเราใช้ในภาษาของเราว่า \"ท่าน เธอ เขา มัน\" ไมแ่ ปลวา่ \"น้นั \" อุทาหรณ์ วา่ อาจรโิ ย ม นิจจฺ เมว โอวทติ อนุสาสตโิ ส หิ มยหฺ วุฑฒฺ ึ อาสสึ ติ ต ศัพท์ ทที่ ่านเขยี น

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๖๘ ไว้กับนามศัพท์ หรือ ตุมฺห อมฺห ศัพท์ เป็นวิเสสน สัพพนาม แปลวา่ \"นน้ั \" อุทาหรณว์ ่า อภิญฺญาย โข โส ภควา ธมฺม เทเสติ โน (เทเสติ) ง. สมฺปติ แปลว่า บัดเดี่ยวน้ี บอกกาล สมนฺตา แปลว่า รอบคอบ บอกปรจิ เฉท ฯ ๔. ในอาขยาต วิภัตติไหน ใช้ปฐมบุรุษ แทนมัธยมบุรษุ เป็นพืน้ ? อุท ปาทิ ในประโยคว่า ปริวาร นิสฺสาย ลาโภ อุทปาทิ น้ีประกอบด้วย เคร่ืองปรุงอะไรบ้าง ? จงแก้คาที่เห็นว่าผิดให้ถูกตามหลักไวยากรณ์ ในประโยคตอ่ ไปน้ี ก. เทสนาวสาเน องฺกุโร จ อินทฺ โก จ โสตาปตตฺ ผิ เล ปตฏิ ฺฐหิ ข. มา เอว กโรสิ ค. อุโภ ตีรานิ ภชิ ชฺ สึ ุ ฯ ๔. โอ มัธยมบุรุษ หิยัตตนี และ อัชชัตตนี เอกวจนะ มีที่ใช้น้อยใช้ ปฐมบุรุษ เสียเป็นพ้ืน อุทปาทิ อุ +ปทฺ +อ +อี ทีฆต้นธาตุเป็น อา รัสสะ อึ อัชชตั ตนี เป็น อิ แล้วลง อ อาคม ตน้ ธาตไุ ด้รูปเป็น อ+ุ อปาทิ แล้วลง ท อาคมจึงได้รูปเปน็ อทุ ปาทิ แปลวา่ \"ได้เกิดขนึ้ แล้ว\" แกค้ าทเี่ ห็นว่าผิดใหถ้ กู ตามหลักไวยากรณด์ ังน้ี ก. เทสนาวสาเน องกฺ โุ ร จ อนิ ทฺ โก จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺฐหสึ ุ ข. มา เอว อกำสิ หรอื มา เอว กโรหิ ค. อุโภ ตีรานิ ภิชฺชึสุ ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๖๙ ๕. จงตอบคาถามต่อไปนมี้ าดู ก. โพธิ ในคาว่า โพธิสตฺโต, โพธิญาณตฺถาย, โพธิรุกฺขมูเล คาไหน เป็นรปู และสาธารณะอะไร ? จงต้งั วเิ คราะห์มาดู ? ข. สนโฺ ต, ลทธฺ พโฺ พ เป็นธาตุและปัจจยั อะไร ? ๕. ได้ตอบคาถามตอ่ ไปน้ี ก. โพธิ ในคาวา่ โพธสิ ตโฺ ต เป็น กตั ตรปู กตั ตุสาธนะ ว.ิ พุชฌฺ ิสฺสตีติ โพธิ พุชฌฺ ตตี ิ วา โพธิ (สตฺโต) โพธิ ในคาว่า โพธิญาณตฺถาย เป็น กัตตุรูป กรณสาธนะ วิ. พุชฺฌติ เตนาติ โพธิ (ญาณ) โพธิ ในคาว่า โพธริ ุกฺขมเู ล เปน็ กตั ตุรูป อธกิ รณสาธนะ ว.ิ พชุ ฌฺ ติ เอตถฺ าติ โพธิ (รกุ ฺโข) ข. สนโฺ ต สมฺ + ต = สนโฺ ต อีกอย่างหนึง่ อสฺ + อนฺต = สนฺโต ลทฺธพโฺ ต ลภฺ +ตพพฺ = ลทฺธพฺโต ฯ ๖. ตัปปุรสิ มาสแปลกกันกับกมั มธารยสมาสอย่างไร ฯ ยถาสุข, อากิณฺณ มนสุ ฺสา (เวสาลี), เอกีภาวสุข เป็นสมาสอะไร จงต้งั วเิ คราะหม์ าดู ฯ ๖. กมั มธารยะ มี วิภตั ตแิ ละวจนะเสมอกนั บทหนึ่งเปน็ ประธาน บทหนึ่ง เป็น วเิ สสนะหรือเปน็ วเิ สสนะ ทง้ั ๒ บท, สว่ น ตัปปุรสิ สมาส มี วิภตั ติ และวจนะไมเ่ สมอกนั

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๗๐ ยถาสขุ เป็น อพั ยยภี าวสมาส นิปาตปุพพตกะ ว.ิ ย ย สุข ยถาสุข หรอื สขุ สสฺ ปฏิปาฏิ ยถาสุข อากิณฺณมนุสสฺ า เป็น สตั ตมีตุลยาธกิ รณพหุพพิหิสมาส ว.ิ อากิณฺณา มนุสฺสา ยสฺส สา อากิณฺณ มนสุ สฺ า (เวสาลี) เอกีภาวสขุ เป็น ปัญจมีตัปปุริสสมาส มี ฉัฏฐัตัปปุริสสมาส เป็น ภายใน ฉ. ตปั . ว.ิ เอกสฺส ภาโว เอกภี าโว (ศพั ท์ท่ีเข้าสมาส กับ กถฺ, กรุ, ภู นิยมลง อี เช่น พหุลีกรณ อนุปุพพฺ ีกถา) ปญจ. ตัป. วิ. เอกภี าวโต อุปปฺ นนฺ สุข เอกีภาวสุข ฯ ๗. ปัจจัยในสมุหตุทธิต ลงแทนศัพท์อะไร ? สาเร็จแล้วเป็นลิงค์อะไร ? มุฏฺฐสจฺจ, อายสฺมา, ปูชานีโย ลงปัจจัยอะไร ? ในตัทธิตไหนจงตั้ง วิเคราะห์มาดู ? ๗. ลงแทน. สมหุ ศัพท์ กณฺ, ณ ปัจจัย สาเร็จแลว้ เปน็ ํป.ุ เช่น มานสุ โก, มานุโส เปน็ ต้น, ตา ปัจจยั สาเรจ็ แล้วเปน็ อิตถี. เช่น คามตา เปน็ ต้น มุฏฐสจจฺ ลง ณฺย ปจั จยั ใน ภาวตัทธิต ว.ิ มฏุ ฺฐสฺสติสสฺ ภาโว มฏุ ฺฐสจฺจ (ลบ อิ ที่ ติ ท้งิ แลว้ ลบ ณฺ แล้ว แปลง ตยฺ เปน็ จฺจ)

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๗๑ อำยสฺ มำ ลง มนตฺ ุ ปจั จัย ใน ตทสั สัตถิตัทธติ ว.ิ อายุ อสฺส อตฺถีติ อายสฺมา (เอา อุ แห่ง อายุ ปูชนโี ย ลง เป็น อสฺ) อีย ปัจจยั ใน ฐาตตทั ธิต วิ. ปชู น อรหตีติ ปูชนโี ย ฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๗๒ ประโยค ป.ธ. ๓ ปัญหำและเฉลย บำลีไวยำกรณ์ สอบวันท่ี ๓ เมษำยน ๒๕๓๐ --------------------------- ๑. พยญั ชนะในบาลภี าษามีเทา่ ไร อาศยั อะไร ? จงึ ออกเสียงได้ ? ๑. มี ๓๓ ตวั อาศัยสระจงึ ออกเสยี งได้ ฯ ๒. นิคคหิตสนธิ ได้สนธิกิริโยปรณ์เท่าไร อะไรบ้าง ? สฺวาห, เยสนฺโน, ตตฺเถว ตดั ต่ออย่างไร ? ๒. ได้สนธกิ ริ โิ ยปกรณ์ ๔ คือ โลโป ๑ อาเทโส ๑ อาคโม ๑ ปกติ ๑ สวฺ ำห ตัดเป็น โส+อห สระ โอ อยหู่ น้า สระ อ อยู่หลังเอาโอเป็น วสฺอห สระหน้า และ สระหลังมีรูปเสมอกัน คือ เป็น อ ลบสระหน้า คอื อท่ี ว เสียแล้วทฆี ะสระหลังเปน็ อา ตอ่ เปน็ สวฺ าห เยสนฺโน ตัดเป็น เยส+ โน พยัญชนะอยู่หลัง นิคคหิตอยู่หน้า แปลงนิคคหติ เปน็ พยญั ชนะท่สี ุดวรรคของพยัญชนะ หลังคอื น ต่อเป็น เยสนโฺ น ตตฺเถว ตดั เปน็ ตตถฺ +เอว ลบสระหนา้ คือ อ ที่ ตฺตถ เสีย ตอ่ เป็น ตตฺเถวฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๗๓ ๓. จงตอบคาถามต่อไปน้มี าดู ก. สวจฺฉร เปน็ อะไร ?ในนามศัพท์ และลงิ คอ์ ะไร ? ข. สพั พนามแบง่ เปน็ เท่าไร คืออะไรบา้ ง ? ค. สังขยาคุณ กับ สังขยานาม ใช้ต่างกันอย่างไร ? ขออุทาหรณ์ ดว้ ย ? ฆ. ในอปุ สคั ๒ ๆ ตวั อาจารยบ์ างทา่ นกล่าววา่ คาวา่ \"ปฏ\"ิ นั้น ควรเป็น \"ปติ\"และคาวา่ \"นิ เขา้ ลง, นิ ไม่มีออก\" น้ัน นิ คา หลัง ควรเป็น \"นี\" ดังนี้ ทา่ นเหน็ อย่างไร ?จงชแ้ี จง? ง. อิทานิ, อธุนา แปลอย่างไร สาเรจ็ รปู มาจากอะไร ๓. ได้ตอบคาถามนนั้ ดงั น้ี ก. เป็นนามนามในนามศัพทเ์ ป็นได้ ๒ ลิงค์ คอื ปํลุ ิงค์ และนํปสุ ก ลงิ ค์ (สวจฉฺ โร สวจฉฺ ร) ข. แบง่ เปน็ ๒ คือ ปุริสสพั พนาม ๑ วเิ สสนสพั พนาม ๑ ค. สังขยาคุณ ใช้เหมือนคุณนาม คือ เม่ือใช้นับนามนามใด เรียง ไว้หนา้ นามนามน้นั อ.ุ สเจปิ ทส ราชาโน อาคจฉฺ นตฺ ิ ส่วนสังขยานาม ใช้เหมือนนามนาม คือ เมื่อนับนาม นามใด เรียงไว้หลังนามนามนั้น อุ. อเนกานิ หตฺถิสหสฺสานิ สนฺนิปตึสุ, ปทุมุตฺตรสฺสวสฺสสานิ สนฺนิปตึสุ, ปทุมุตฺตรสฺส วสสฺ สตสหสสฺ อายุ อโหสิ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๗๔ ฆ. เห็นว่า คาของอาจารย์บางท่านน้ัน กล่าวดีแล้ว เพราะปติ4 และ ปฏิ นี้มีใช้ทั้งสองคา อุ.ปติฏฐาติ ปติลียติ ปฏิหญฺญติ แต่ ต น้ัน อาเทสเป็น ฏ ได้ตามหลักอาเทสพยัญชนะสนธิ อุ. ทกุ กฺ ต เปน็ ทกุ กฺ ฏ ส่วนคาว่า \"นิ\" ไม่มี, ออก ควรเป็น นิ5 ถ้าหากว่าเป็น นิ ทั้ง ๒ คา ตามแบบ ควรจะรวมเป็นคาเดียวกันว่า นิ เข้า, ลง, ไม่มี, ออก อนึ่ง บาลีภาษาใช้ท้ัง นิ และนี อุ. นิขนติ นคิ จฺฉติ นหี รติ ดงั นน้ั เหน็ วา่ ควรเป็น นิ ตวั หนง่ึ นี ตัวหนง่ึ ง. อิทำนิ แปลว่า ในกาลนี้ เด๋ียวน้ี มาจาก อิม +ทานิ เม่ือทาน ปจั จยั อยูห่ ลงั เอา อมิ ศัพท์ เปน็ อิ สาเร็จรูปเป็น อทิ านิ อธนุ ำ แปลว่า ในกาลนี้ เมอ่ื ก้ี มาจาก อิม+ธุนา เมื่อธุนา ปจั จัยอย่หู ลังเอา อมิ ศัพทเ์ ปน็ อ สาเรจ็ รปู เปน็ อธุนา ฯ ๔. ปายาสิ, อโหสิ ประกอบด้วยเครือ่ งปรงุ อะไรบ้าง ? จงแก้คาทเี่ ห็นว่า ผดิ ให้ถูก ถา้ ถกู แล้วให้คงไว้ ในประโยคตอ่ ไปนี้ ก. อิตฺถี ชวนฺตา น โสภติ ข. อติ ฺถี วา ปรุ โิ ส วา พุทฺธ สรณ คตา โหนตฺ ิ ๔ ปติ อิจฺเจตสฺส อุปสคฺคสฺส สเร วา พฺยญฺชเน วา ปเร กฺวจิ ปฏิ อาเทโส โหติ. ปุพฺพสรโลโป. ปฏคฺคิ ปฏิหญฺญติ ฯ ๕ ป ปรา นิ นี อุ ทุ สํ วิ อว อนุ ปริ อธิ อภิ ปติ สุ อา อติ อปิ อป อิติ วีสติ อุแสคฺคา. รูปสิทธิปกรณ์ ฉบบั กรมศาสนา หนา้ ๑๑๙ สัทท นีติ สตฺตมาลา ฉบบั ภูมิพโลภิกฺขุ หนา้ ๔๓๓

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๗๕ ค. กปฺปโกปิ อาจริเยน ปุนปฺปุน วาริยนฺโต ปกฺกามิ ? ๔. ปำยำสิ ประกอบด้วย ป+ยา + อ+ อี รัสสะ อี อัชชัตตนี เป็นอิ แล้วลง ส อาคม, และลง อ อาคมหน้าธาตุ, สระหนา้ และสระหลังมีรูป เสมอกนั ลบสระหนา้ ที่ ป เสีย แล้วทฆี ะสระหลงั เปน็ อา สาเรจ็ เปน็ ปา ยาสิ อโหสิ ประกอบดว้ ย หู6 +อ + อี + พฤทธิ์ อุ เป็น โอ รัสสะ อเี ป็น อิ แลว้ ลง ส อาคม, และลง อ อาคมหน้า ธาตุ สาเร็จ รูปเป็น อโหสิ ไดแ้ ก้คาทีเ่ หน็ วา่ ผิดให้ถูกตอ้ งดังน้ี:- ก. อิตฺถี ชวนตฺ ี (ชวมำนำ) น โสภติ ข. อติ ฺถี วา ปรุ โิ ส วา พุทธฺ สรณ คโต โหติ ค. กปปฺ โกปิ อาจรเิ ยน ปนุ ปฺปนุ วำริยมำโน ปกฺกามิ ฯ ๕. จงตอบคาถามต่อไปน้ีมาดู ก. อปาทานสาธนะ ท่านบัญญัติให้แปลว่าอย่างไรยกตัวอย่าง วเิ คราะหม์ าดู ? ข. กุสิโต, สีลรกฺขิกา (อิตฺถี) เป็นปัจจัย รูปและสาธนะอะไร จงตั้งวเิ คราะห์มาดู ๖ หู ภู สตฺตายํ หู ธาตุ เป็นไปในความมี ในความเป็น รูปสิทธิกรณ์ ฉบบั กรมการศาสนา หนา้ ๒๗๔ แมบ้ าลีไวยากรณ์ อาขฺยาต สมเด็จพระมหา สมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงอธิบายไวใ้ นขอ้ (๑๒๑) ๑. พฤทธ์ิ อู ทสี่ ุดธาตุเป็น โอ บา้ ง เอา โอ เป็น อว บา้ ง อุ. โหติ ภวต.ิ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๗๖ ค. อนตฺ , มาน บอกกาลอะไร ใช้ต่างกันอยา่ งไร ฯ ๕. ไดต้ อบคาถามนั้นดังน้ี ก. แปลว่า “เปน็ แดน-” อุ. ปฐม ภวติ เอตสฺมาติ ปภโว ข. กุสโี ต ลง อ ปัจจยั เปน็ กัตตุรูป กตั ตสุ าธนะ ว.ิ กุจฺฉิต สีทติติ กุสีโต กุจฺฉิเตนากาเรน สที ตีติ วา กสุ โี ต (เดิมเปน็ กสุ ีโท อา เทส ท เป็น ต จงึ เปน็ กุสีโต เหมือน คาวา่ สคุ โท เป็น สุคโต) สีลรกขฺ ิกำ (อติ ถฺ )ี ลง ณวฺ ุ ปจั จัย เปน็ กตั ตรุ ปู กตั ตุสาธนะ ว.ิ สลี รกฺขตตี ิ สีลรกขฺ ิกา (อิตฺถี) แปลง ณฺวุ เป็น อก ในอิตถีลิงค์ ลง อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์ เอา อ ท่ี อก เป็น อิ ค. อนตฺ มาน บอกปัจจบุ นั นกาล, อนฺต ใชไ้ ดเ้ ฉพาะกตั ตุวาจกและเหตกุ ัตตวุ าจก, มาน ใช้ได้ทั้ง กัตตุวาจก เหตุกัตตุวาจก กัมมวาจก และเหตุกัมมวาจก ฯ ๖. สมาสเช่นไร ช่ือทิคุสมาส ? สตฺตาห, เทวทตฺติยธน, ญาติสงฺคโห, อานนทฺ ตเฺ ถโร เปน็ สมาสอะไร ?จงตงั้ วเิ คราะห์มาดู ? ๖. กัมมธารยสมาส มสี งั ขยาอยู่หน้า ชอ่ื ทคิ สุ มาส

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๗๗ สตตฺ ำห เป็น สมาหารทิคสุ มาส วิ. สตตฺ อหานิ สตฺตาห, สตตฺ วา อหา สตตฺ าห เทวทตฺติยธน เป็น วิเสสนบุพพบท กัมมธารยสมาส มี ตติ ยาตัปปุริสมาสเป็นภายใน ว.ิ ต. ตัป. เทเวน ทนิ นฺ เทวทตตฺ ิย7 ว.ิ บุพ. กมั . เทวทตตฺ ิยญฺจ ต ธนฺจาติ เทวทตฺตยิ ธน ญำตสิ งโฺ ห เป็น ฉฏั ฐตี ัปปรุ สิ สมาส วิ. ญาตีน สงฺคโห ญาติสงฺคโห อำนนทฺ ตเฺ ถโร เป็น วิเสสนตุ ตรบท กัมมธารยสมาส ว.ิ อานนโฺ ท จ โส เถโส จาติ อานนฺทตเฺ ถโร ฯ ๗. สมทุหตัทธิตมีปัจจัยเท่าไร อะไรบ้าง ? โกสชฺช คพฺภินี (เทวี) มาคธิโก ลงปจั จยั อะไร ? ในตทั ธิตไหน จงตัง้ วิเคราะห์มาดู ? ๗. มีปัจจัย ๓ ตวั คอื กณฺ ณ ตา โกสชฺช ลง ณฺย ปจั จัย ในภาวตัทธิต ๗ ทินฺน เมื่อเขา้ สมาสนอกจากคงรูปเดิมไวแ้ ลว้ ยงั อาเทสเป็น ทตฺต บา้ ง ทตฺติย บา้ ง เมื่อสมาสกบั สกฺก ศพั ทเ์ ป็นตน้ ทินฺนสทฺทสฺส ทตฺตาเทโส โหติ กฺวจิ สมาเส. พุทฺเธนทินฺ โน พุทฺธทตฺ โต ปริ ทตฺ ตุปชีวี. สกฺกสทฺทาทิโต ปรสฺ ส ทินฺนสทฺทสส นิจฺจํ ทตฺติยาเทโส โหติ สมาเส สกฺเกน ทินฺนํ สกฺกทตฺติยํ สกฺกทตฺติเย อสฺสเม วสึสุ. สทฺทนีติ สุตฺตมาลา ฉบบั ภูมพิ โลภิกฺขุ ขอ้ ๗๔๘-๙ หนา้ ๒๗๔-๕

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๗๘ คพภฺ ินี (เทว)ี ว.ิ กสุ ีทสฺส ภาโว โกสชชฺ มาคธิโก ลง อี ปจั จยั ในตทัสสตั ถติ ัทธิต วิ. คพฺโภ อสสฺ า อตถฺ ตี ิ คพภฺ นิ ี (เทว)ี ลง ณกิ ปัจจัย ใน ตรตยาทติ ัทธติ วิ. มคเธสุ ชาโต มาคธิโก มคเธสุ วสตีติ วา มาคธโิ ก ฯ พระราชเวที พรฺ หมวฺ โส วัดเบญจมบพิตร เฉลย. ตรวจแก้. สนามหลวงแผนกบาลี

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๗๙ ประโยค ป.ธ. ๓ ปัญหำและเฉลย บำลีไวยำกรณ์ สอบวันท่ี ๑๔ กมุ ภำพนั ธ์ ๒๕๓๑ --------------------------- ๑. สระในบาลีภาษามเี ทา่ ไร อะไรบ้าง ชอื่ อะไร ? สระไหนมีเสยี งเชน่ ไร ? ๑. มี ๘ คอื อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ฯ ชอื่ นสิ สัย ฯ อ อิ อุ มีเสียงสน้ั ช่ือ รัสสะ อา อี อู เอ โอ มเี สยี งยาว ช่ือ ทีฆะ ฯ ๒. สนธมิ ีการต่อกอี่ ย่าง อะไรบ้าง ? มยหฺ เมเวโส, ตขณญฺเญว, อปฺปสฺสุตาย ในคาว่า \"อปฺปสสฺ ตุ าย ปรุ ิโส\" ตดั ตอ่ อยา่ งไร ? ๒. มีการต่อ ๒ อย่าง คือ ต่อศัพท์ท่ีมีวิภัตติ ให้เนื่องด้วยศัพท์ท่ีมีวิภัตติ เหมือน จตฺตาโร อิเม ต่อเข้าเป็น จตฺตาโรเม เป็นต้นอย่าง ๑ ต่อบท สมาสย่ออักษรให้น้อยลง เหมือน กต อุปกาโร ต่อเข้าเป็น กโตปกาโร เปน็ ต้นอยา่ ง ๑ ฯ มยฺหเมเวโส ตัดเปน็ มยฺห -เอว –เอโส ระหว่าง มยฺห - เอว นิคคหิตอยู่หน้า ถ้าสระอยู่เบ้ืองปลายแปลง นคิ คหติ เปน็ ม ตอ่ เปน็ มยหฺ เมว ระหว่าง มยหฺ เมว-เอโส สระหน้าและสระหลังไม่มพี ยญั ชนะอ่ืนขนึ้ ในระหว่างลบสระหนา้ คือ อ ท่ี ว ต่อเปน็ มยฺหเมเวโส

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๘๐ ตขณญฺเญว ตัดเป็น ตขณ -เอว นิคคหิตอยู่หน้า ถ้า เอ อยู่ เบ้ืองหลงั แปลงนคิ คหิตเป็น ญ ซ้อนพยัญชนะทีม่ ีรปู เหมือนกนั ต่อเปน็ ตขณญฺเญว อปปฺ สสฺ ตุ ำย ตดั เปน็ อปปฺ สสฺ ุโต - อย สระหนา้ และสระหลัง มรี ูปไม่เสมอกัน ลบสระหน้า คือ โอ ที่ อปปฺ สฺสุโต แลว้ ทฆี ะสระหลังที่ มิได้ลบ ต่อเป็น อปฺปสสฺ ตุ าย ฯ ๓. จงตอบคาถามต่อไปนีม้ าดู ก. ทีฆายโุ ก โหตุ มหาราชา คาไหน เปน็ อะไร ในบาลีไวยากรณ์ ? ข. จงบอกศัพท์ซึ่งเป็นลิงค์ตรงกันข้ามกบั ศัพท์ต่อไปนม้ี าดู ยกฺโข, คาวี ? ค. อห, อญฺญตโร เป็นสัพพนามชนดิ ไหน ? ฆ. อติสขุ มุ า, เชฏโฺ ฐ เป็นคณุ นามชนั้ ไหน ? ง. สทา, อิธ แปลว่าอยา่ งไร ? สาเร็จมาจากอะไร ? ๓. ไดต้ อบคาถามนัน้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ก. ทฆี ำยุโก เปน็ คุณนาม โหตุ เป็น กิริยาอาขยาต มหำรำชำ เปน็ นามนาม ข. ยกฺขีนี,โคโณ ค. อห เป็น ปรุ ิสัพพนาม,

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๘๑ อญฺญตโร เปน็ วิเสสสนสัพพนาม ฆ. อตสิ ขุ มุ ำ เปน็ คุณนามชน้ั วเิ สส เชฏโฺ ฐ เปน็ คุณนามชน้ั อิตวิ ิเสส ง. สทำ แปลวา่ ในกาลทุกเม่ือ มาจาก สพฺพ+ทา ลบ พพฺ สาเร็จ เป็น สทา อิธ แปลวา่ ในน้ี มาจาก อิม+ธ ลบ ม สาเร็จเปน็ อิธ ฯ ๔. สโุ ณต,ิ ปจฺจาคจฺฉติ ประกอบดว้ ยเคร่อื งปรงุ อะไรบ้าง ? จงแกค้ าทเ่ี ห็น ว่าผิดใหถ้ กู ถ้าถกู แล้วใหค้ งไว้ในประโยคตอ่ ไปนี้ ก. สมฺปตตฺ ปรสิ ายปิ สาตถฺ ิกา เทสนา อเหํสุ ข. ตถภาว วา วิตถภาว วา อหเมว ตวญฺจ ชานาม ค. อุโภ อคฺคปาทา ภนิ ทฺ ึสุ ? ๔. สุ+ณุ=สโุ ณ + ติ = สุโณต.ิ ปติ + อา= ปจฺจา + คมฺ = คจฉฺ + ติ = ปจฺจาคจฉฺ ติ. ได้แกค้ าท่เี ห็นวา่ ผิดใหถ้ ูก ดังนี้ ก. สมปฺ ตฺตปริสายปิ สาตฺถกิ า เทสนา อโหสิ ข. ตถภาว วา วติ ถภาว วา อหเมว ตวญฺจ ชานาม8 ค. อโุ ภ อคฺคปาทา ภชิ ฺชึสุ ฯ ๘ ประธานของประโยคน้ีคือ มย,ํ อหํ และ ตวํ สรูป เป็น มยํ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๘๒ ๕. จงตอบคาถามต่อไปนี้มาดู ก. ปัจจยั นามกติ ก์หมวดไหนใชส้ าหรับรูปอะไร ? ข. นิพฺพานคามินี (ปฏิปทา), ภิกฺขุนี ลงปัจจัยอะไร ? เป็นรูป และสาธนะอะไร ? จงตง้ั วเิ คราะห์มาดู ? ค. สยาโน, ลทฺธพพฺ สาเร็จรปู มาจากอะไร ? ๕. ได้ตอบคาถามน้นั ดงั ต่อไปน้ี ก. กิตปจั จยั สาหรบั กตั ตุรูปอย่างเดยี ว กิจจปัจจยั สาหรบั กมั มรูปและภาวรูป กิตกิจจปจั จัย สาหรบั ท้ัง ๓ รูป ข. นพิ ฺพำนคำมินี (ปฏิปทา) ลง ณ ปจั จัย เป็นกัตตรุ ูปกรณสาธนะ วิ. นิพพฺ าน คจฉฺ นฺติ เอตายาติ นิพพานามินี (ปฏิปทา) ลง อินี ปจั จัยเครือ่ งหมายอิตถลี ิงค์ อกี อย่างหนงึ่ ลง ณี ปจั จยั เปน็ กัตตรุ ปู กตั ตสุ าธนะ ว.ิ นพิ ฺพาน คจฉฺ าเปตีติ วา นิพพฺ านคามนิ ี (ปฏิปทา) ภิกขฺ นุ ี ลง รู ปจั จัย เปน็ กตั ตรุ ปู กตั ตสุ าธนะ ว.ิ ภิกขฺ ตตี ิ ภกิ ฺขนุ ี (ผู้ขอ) ลบ ร รัสสะ อูเป็น อุ แลว้ ลง อนิ ี ปจั จัย เครื่องหมายอติ ถลี งิ ค์ อีกอย่างหนง่ึ ลง รู ปจั จยั เปน็ กตั ตรุ ูป กัตตสุ าธนะ เชน่ เดียวกัน ว.ิ ภย อกิ ฺขตตี ิ ภิกขฺ นุ ี (ผเู้ หน็ ภยั )

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๘๓ ค. สยำโน สี+ มาน ปัจจัย อาเทส มาน เป็น อาน สาเร็จ รูปเป็น สยาโน9 ลทธฺ พพฺ ลภ+ฺ ตพฺพ ปัจจยั ธาตมุ ี ภ เป็นทส่ี ุดอย่หู น้าแปลง ต เป็น ทธฺ แล้วลบทีส่ ุดธาตุ สาเร็จรปู เป็น ลทธฺ พฺพ ฯ ๖. สมาสว่าโดยกิจมี ๒ อย่าง กาเมสุมิจฺฉาจาโร, มโนกมฺม จัดเข้าใน อย่างไหน ? มาตาปิตโร, ตณฺหกฺขโย, ปริชโน เป็นสมาสอะไร ? จงตั้ง วิเคราะหม์ าดู ? ๖. กาเมสุมิจฺฉาจาโร จัดเข้าใน อลุตฺตสมาโส, มโนกมฺม จัดเข้าใน ลุตฺตสมาโส มาตาปิตโร เป็น อสมาหาร ทวนั ทวสมาส ว.ิ มาตา จ ปติ า จ มาตาปิตโร ตณฺหกขฺ โย เปน็ ฉฏั ฐีตัปปุรสิ สมาส วิ. ตณหฺ าย ขโย ตณหฺ กขฺ โย ปริชโน เป็น วิเสสนบพุ พบท กมั มธารยสมาส ว.ิ ปริวาโร ชโน ปริชโน, ปริวาโร จ โส ชโน จาติ วา ปรชิ โน ฯ 9 มานสฺส อานาเทโส ๓๗๐ รูปสิทธิกรณ์ ฉบบั กรมการศาสนา

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๘๔ ๗. วิภาตทั ธติ มปี จั จัยเท่าไร อะไรบ้าง ? ทกขฺ เิ ณยฺโย, ภควา, รชชฺ ลง ปจั จยั อะไร ? ในตทั ธิตไหน จงต้งั วิเคราะหม์ าดู ? ๗. มีปัจจัย ๒ คอื ธา, โส ทกขฺ ิเณยโฺ ย ลง เอยฺย ปัจจัยในฐานตัทธิต วิ. ทกขฺ ณิ อรหตีติ ทกฺขเิ ณยฺโย ภควา ลง วนตฺ ุ ปัจจัยในตทัสสตั ถิตทั ธิต ว.ิ ภคา อสฺส อตถฺ ตี ิ ภควา (ผ้มู ีโชค) รชฺช ลง ณยฺ ปจั จยั ในภาวตัทธติ ว.ิ รญฺโญ ภาโว รชฺช พระราชเวที พฺรหมฺวโส วดั เบญจมบพิตร เฉลย. ตรวจแก.้ สนามหลวงแผนกบาลี

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๘๕ ประโยค ป.ธ. ๓ ปญั หำและเฉลย บำลีไวยำกรณ์ สอบวนั ท่ี ๔ มนี ำคม ๒๕๓๒ --------------------------- ๑. จงเตมิ คาท่ีถกู ต้องลงในช่องวา่ ง ตอ่ ไปนี้ ก. อกั ขรวิธี วา่ ดว้ ย....จัดเปน็ ....อย่างคอื ............. ข. สระน้นั จดั เปน็ คูไ่ ด้ ..........คู่ คือ.............. ค. พยัญชนะวรรคที่เป็นโฆสะและอโฆสะแบ่งเป็น.....อย่างตาม เสียง.....ไดแ้ ก.่ .........? ๑. ได้เดิมคาท่ถี กู ต้องลงในช่องว่าง ดังตอ่ ไปนี้ ก. ว่าด้วย อักษรจัดเป็น ๒ อย่าง คือ สมัญญาภิธาน แสดงช่ือ อักษรท่ีเป็นสระและพยัญชนะพร้อมท้ังฐานกรณ์ ๑, สนธิ ต่อ อักษรที่เป็นสระและพยัญชนะพร้อมท้ังฐานกรณ์ ๑, สนธิ ตอ่ อกั ษรท่อี ยูใ่ นคาอืน่ ให้เนือ่ งเปน็ คาเดียวกัน ๑ ข. จัดเป็นคู่ได้ ๓ คู่ คือ อ, อา เรียกวา่ อวณโฺ ณ คู่ ๑, อ,ิ อี เรียกว่า อวิ ณฺโณ คู่ ๑ อุ, อู เรยี กวา่ อุวณฺโณ คู่ ๑ ค. แบ่งเป็น ๒ อย่าง ตามเสียงไม่ก้อง เรียกว่า อโฆสะ ได้แก่ พยญั ชนะท่ี ๑ ท่ี๒ ในวรรคทั้ง ๕ คือ ก ข, จ ฉ, ฏ จ, ต ถ, ป ผ, และ ส ๑๑ ตัวน้ี เป็นอโฆสะ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๘๖ พยญั ชนะที่ ๓ ท่ี ๔ ที่ ๕ ในวรรคทงั้ ๕ คอื ค ฆ ง, ช ฌ ญ, ฑ ฒ ณ, ท ธ น, พ ภ ม, และ ย ร ล ว ห ฬ ๒๑ นี้ เป็น โฆสะ ฯ ๒. สนธิ คอื อะไร ? มี ประโยชน์อย่างไร ? สาวโกหมสฺมิ, ปูรติเยวาติเป็น สนธิอะไร ? ตดั และต่ออยา่ งไร ? ๒. สนธิ คือ การต่อศพั ท์ และอกั ขระใหเ้ นอื่ งกันด้วยอักขระมีประโยชน์ ๓ อยา่ ง คอื ๑. เพื่อจะย่นอกั ขระใหน้ อ้ ยลง ๒. เพ่อื เปน็ อุปการะในการแตง่ ฉันท์ ๓. เพ่อื ใหค้ าพูดสละสลวย สำวโกหมสฺมิ เป็น โลปสระสนธิและอาเทสนิคคหิตสนธิ ตัดเป็น สาวโก-อห อสฺมิ ระหว่างสาวโก-อห สระ ๒ ตัว คือ สระหน้าและสระหลังมีรูปไม่ เสมอกนั ลบสระหลังคือ ลบ อ ทอ่ี ห ตอ่ เป็น สาวโกห ระหว่าง สาวโกห-อสฺมิ ถ้าสระอยูเ่ บ้ืองปลาย นิคหิตอย่หู น้าแปลง นคิ คหิต เปน็ ม และ ท ตอ่ เปน็ สาวโกหมสฺมิ ปูรติเยวำติ เป็น อาคมพยัญชนะสนธิ โลปและทีฆะสระสนธิตัด เปน็ ปูรติ-เอว-อิติ ระหว่างปรู ติ-เอว พยัญชนะอาคม ๘ ตัว คอื ย ว ม ท น ต ร ฬ น้ี ถ้าสระอยู่เบ้ืองหลงั ลงได้บา้ งในท่ีนี้ ลง ย อาคม ตอ่ เป็นปูรติเยว

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๘๗ ระหว่าง ปูรติเยว-อิติ เมื่อสระหน้าและหลังท้ัง ๒ น้ี ไม่มี พยัญชนะอื่นค่ันในระหว่าง ลบได้ตัวหน่ึง ในท่ีน้ี ลบ สระหลัง คือ อิ และทีฆะ สระหน้า คือ อ ต่อเป็น ปรู ตเิ ยวาติ ฯ ๓. นามศัพท์ อัพยยศัพท์ ต่างกันอย่างไร ? คาว่า \"โย โส ภควา อรห สมฺมาสมสฺ มพฺ ุทโฺ ธ\" แตล่ ะบทนัน้ จดั เป็นนามศัพทป์ ระเภทไหน ? ๓. ต่างกันอย่างนี้ นามท่ีเป็นชื่อของ คน สัตว์ ที่ ส่ิงของ เป็นนามนาม นามท่ีแสดง ลักษณะของนามนามสาหรับหมายให้ผู้วา่ นามนามนน้ั ดีหรอื ช่ัวเปน็ ต้น เป็นคุณนาม นามท่ีใช้สาหรับแทนนามที่ออกที่ออกชื่อมาแล้ว เพื่อจะ ไม่ใช้ซ้า ๆ ซาก ๆ ซ่ึงเป็นการไมเ่ พราะหู เป็นสัพพนาม รวม ท้ัง ๓ น้ันเรียกว่า นามศัพท์ และนามศัพท์น้ีเม่ือนาไปใช้ต้องประกอบ ด้วย ลงิ ค์ วจนะ วิภตั ติ ส่วนอัพยยศัพท์ เปน็ ศัพทจ์ าพวกหนึง่ ต่างหาก จะแจก ดว้ ยวภิ ตั ติ ทง้ั ๗ แปลงรปู ไปต่าง ๆ เหมอื นนามศัพทไ์ ม่ได้ คงรูปอยู่อย่างเดียว คาวา่ โย จัดเปน็ นามศพั ท์ประเภทสพั พนาม อนิยม คาว่า โส จัดเป็นนามศพั ทป์ ระเภท นิยม คาว่า ภควา จดั เป็นนามศพั ท์ประเภท นามนาม คาว่า อรห สมฺมาสมฺพทุ ฺโธ จัดเป็นนามศพั ท์ประเภทคุณนามฯ

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๘๘ ๔. วิภัตติอาขยาตท่านจาแนกไว้เพื่อประโยชน์อะไร ? มีกี่หมวด ๆ ไหน บอกกาลอะไร ? ๔. วิภัตติอาขยาตท่านจาแนกไว้เพื่อประโยชน์เป็นเคร่ืองหมาย กาล บท วจนะ และบุรุษ มี ๘ หมวด คือ ๑. วตตฺ มานา บอกปจั จบุ ันนกาล ๒. ปญจฺ มี บอกความบงั คบั ความหวงั ความอ้อนวอน ๓. สตตฺ มี บอกความยอมตาม ความกาหนด และความ ราพึง เปน็ ต้น ๔. ปโรกฺขา บอกอดีตกาลไม่มกี าหนด ๕. หยิ ตฺตนี บอกอดตี กาลตง้ั แต่วนั วาน ๖. อชชฺ ตตฺ นี บอกอดตี กาลต้ังแตว่ ันน้ี ๗. ภวิสฺสนฺติ บอกอนาคตกาลแหง่ ปจั จบุ นั ๘. กาลาตปิ ตฺติ บอกอนาคตกาลแห่งอดีต ฯ ๕. กิริยากิตก์ กับกิริยาอาขยาต เหมือนกันและต่างกันอย่างไร ? ปัจจัย นามกติ ก์ตัวไหนบา้ ง ? นยิ มหักฉัฏฐวี ิภตั ติเป็นอวตุ ตกรรม? ๕. เหมือนกัน คือ เป็นศัพท์กล่าวกิริยา คือ ความทา เป็นต้นว่า ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ด่ืม ทา พูด คิด ซ่ึงประกอบด้วยเคร่ืองปรุง คือ วิภัตติ วจนะกาล ธาตุ วาจก และปัจจัยเหมือนกัน ทั้งปัจจัยในกิริยากิตกบ์ าง ตัว เช่น ต อนีย และ ตพฺพ ใช้คุมพากย์ได้ อ.ุ คโต กรณีย และ กตฺตพฺพ แตส่ ว่ นมากใช้เป็นกริ ิยาในระหว่าง

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๘๙ ตา่ งกัน คือ กิริยาอาขยาตนนั้ นอกจากประกอบดว้ ยเคร่ืองปรงุ คือ วิภัตติ วจนะ กาล ธาตุ วาจก ปัจจัยเหมือนในกิริยากิตก์แล้ว ยัง ประกอบด้วย บท และบุรุษด้วย และวิภัตติอาขยาตนั้นยังเป็น เครื่องหมายให้รู้ กาล บท วจนะ และบรุ ษุ อกี ด้วย ฯ ปจั จยั นามกิตก์ ๓ ตวั น้ี คือ ณฺวุ ตุ ยุ นยิ มหักฉฏั ฐวี ิภัตตเิ ป็นอวุตต กรรม ฯ ๖. น กมั มธารยสมาส กบั น บพุ พบท พหพุ พหิ สิ มาส ต่างกันอย่างไร ? วิสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร (สตฺถา) แปลว่าอะไร ? เป็นสมาสอะไร ?บ้าง จงวเิ คราะห์มาดตู ามลาดบั ? ๖. ต่างกันอย่างนี้ คือ น กมั มธารยสมาส ปฏเิ สธนาม ซ่ึงแปลวา่ ส่งิ นีไ้ ม่ใช่สิ่งน้ัน อุ. เช่น น อสโฺ ส อนสฺโส สตั ว์นไ้ี มใ่ ชม่ า้ น บุพพบท พหุพพิหิสมาส ใช้ปฏิเสธคุณ ซึ่งแปลว่ามี....หามิได้ หรอื ไม่มี อุ เชน่ นตถฺ ิ ตสฺส ปตุ ตฺ าต-ิ อปุตตฺ โก บคุ คลมบี ตุ รหามิได้หรือ บคุ คลไมม่ บี ุตร วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวำโร (สตฺถา) แปลว่า พระศาสดามีภิกษมุ ีพนั ๒๐ เป็นประมาณเป็นบริวาร เป็น ฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิสมาส มี สมาหาร ทิคุสมาส ฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิสมาส และ วิเสสนบุพ พบท กัมมธารยสมาส เปน็ ภายใน มวี เิ คราะหว์ า่ ส. ทิคุ. วสี ติ สหสสฺ านิ-วสิ ตสิ หสสฺ ฉ. ตุล. วีสตสิ หสฺส ปมาณ เยส เต วิสตสิ หสฺสปฺปมาณา (ภิกฺข)ู

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๙๐ ว.ิ กมั . วีสตสิ หสฺสปฺปมาณา ภิกขฺ ู-วสี ตสิ หสสฺ ภกิ ฺขู ฉ. ตุล. วีสติสหสฺสภิกฺขู ปริวาโร (ปริวารา) ยสฺส โส วีสติสหสฺส- ภกิ ขปุ รวิ าโร (สตฺถา) ฯ ๗. ปรู ณตทั ธิต มปี ัจจัยกีต่ ัว และปัจจยั ตัวไหนนิยมลงกับศัพทอ์ ะไรบ้าง ? นาครตา, วสิตตฺ เป็นตทั ธติ อะไร ? จงวเิ คราะห์มาดดู ว้ ย ? ๗. มปี จั จยั ๕ ตัว คือ ติย, ถ, ฐ, ม, อี ติย ปจั จยั นิยม ลงกบั ทฺวิ และ ติ เทา่ นนั้ คอื ทุตโิ ย, ตตโิ ย ถ ปัจจยั นยิ ม ลงกับ จตุ เทา่ น้ัน คือ จตุตฺโถ ฐ ปจั จัย นยิ ม ลงกบั ฉ เทา่ นัน้ คือ ฉฏโฺ ฐ อี ปัจจัย นิยม ใช้ตั้งแต่ เอกาทส ถึง อฏฺฐารส และเป็น เครื่องหมายอิตถีลิงค์อย่างเดียว ถ้าประสงค์ จะให้เป็นลิงค์อื่นต้องลง ม ปัจจัย แล้วไป แจกเป็น ํปุ.และ นํปุ. ได้เช่น อากาทสโม เอ กาทสม เปน็ ต้น ม ปจั จัย นิยม ใชไ้ ด้ท่ัวไป นอกจากท่ีกลา่ วแลว้ ขา้ งต้นน้นั ทเี่ หลอื นอกนัน้ ให้ลง ม ปัจจยั ใชไ้ ดท้ งั้ ๓ ลงิ ค์ นำครตำ เปน็ สมุหตัทธิต มรี าคาทติ ทั ธิต เป็นภายใน หรือ เปน็ ภาวตัทธิต มรี าคาทติ ัทธิต เป็นภายในวิเคราะห์ว่า ราคาทติ ทั ธิต ว.ิ นคเร วสนฺตีติ-นาครา (ชนา) สมุหตทั ธติ ว.ิ นาคราน สมโุ ห-นาครตา

ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๑๙๑ หรือเปน็ ภาวตัทธติ ว.ิ นาคราน ภาโว-นาครตา วสิตตฺ เปน็ ภาวตทั ธิต มตี ทสั สัตถติ ทั ธติ เป็นภายในวเิ คราะหว์ ่า ตทสั สตั ถติ ัทธิต วิ. วโส อสฺส อตถฺ ตี ิ-วสี ภาวตัทธติ วิ. วสิสฺส ภาโว-วสติ ตฺ ฯ พระราชวรี าภรณ์ ชวนปญโฺ ญ วดั ไตรมติ รวิทยาราม เฉลย. สนามหลวงแผนกบาลี ตรวจแก.้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook