ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๔๒ ประโยค ป.ธ. ๓ ปัญหำและเฉลย บำลีไวยำกรณ์ สอบคร้ังท่ี ๒ วนั ท่ี ๑๒ เมษำยน ๒๕๖๑ -------------------------------------------- ๑. จงเติมคาที่ถกู ตอ้ งลงในช่องวา่ ง ดังตอ่ ไปน้ี ก. อักขระ แปลว่า......................................................................ฯ ข. พยญั ชนะ ๘ ตวั นี้ คือ............................เรียกว่า อวรรค ฯ ค. เอ เกดิ ใน ๒ ฐาน คอื .....................เรียกว่า...........................ฯ ฆ. กรณ์ ท่ีทาอกั ขระ มี ๔ คือ..................................................ฯ ง. พยัญชนะที่มีก้อง เรียกวา่ ....................................................ฯ ๑. ได้เตมิ คาท่ถี กุ ต้องลงในชอ่ งว่าง ดงั ต่อไปน้ี ก. อักขระ แปลว่าไมร่ จู้ ักส้นิ อย่ำง ๑ ไมเ่ ปน็ ของแข็ง อยำ่ ง ๑ ฯ ข. พยัญชนะ ๘ ตัวนี้ คอื ย ร ล ว ส ห ฬ อ เรยี กว่า อวรรค ฯ ค. เอ เกิดใน ๒ ฐาน คอื คอและเพดำน เรียกว่า กณฐฺ ตำลโุ ช ฯ ฆ. กรณ์ ท่ีทาอักขระ มี ๔ คือ ชิวฺหำมชฺฌ ท่ำมกลำงล้ิน ๑ ชิวฺโหปคฺค ถัดปลำยล้ินเข้ำมำ ๑ ชิวฺหคฺค ปลำยล้ิน ๑ สกฏฺฐำน ฐำนของตน ๑ ฯ ง. พยญั ชนะทีม่ ีกอ้ ง เรียกวา่ โฆสะ ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๔๓ ๒. อาคโม มอี ยู่ในสนธไิ หนบา้ ง ฯ และในสนธนิ น้ั ๆ ลงอาคมอะไร ฯ สจาย เปน็ สนธอิ ะไร ฯ ตดั และต่ออยา่ งไร ฯ ๒. อาคโม มอี ย่ใู นสนธิ ครบทั้ง ๓ สนธิ คือ ในสระสนธิ มีหลักเกณฑ์การลงอาคมอย่างน้ี ถ้าสระ โอ อยู่ หน้า พยญั ชนะอยูห่ ลงั ลบ โอ เสียแล้วลง อ อาคมได้บ้าง เช่น โส - สีลวา เป็นต้น, ถา้ พยัญชนะอยู่หลัง ลบ โอ อาคมไดบ้ า้ ง เช่น ปร – สหสฺส เป็น ปโรสหสฺส เปน็ ต้น ฯ ในพยญั ชนะสนธิ มหี ลกั เกณฑ์การลงอาคมไว้อยา่ งนี้ ถ้ามี สระอยู่เบื้องหลงั ลงพยัญชนะอาคม ๘ ตัว คอื ย ว ม ท น ต ร ฬ ได้บ้าง เชน่ ย อาคม ยถา – อทิ เปน็ ยถายิท , ว อาคม อุ – ทิกฺขติ เป็น วิทิกฺขติ, ม อาคม ครุ – เอสฺสติ เป็น ครุเมสฺสติ, ท อาคม อตฺต – อตฺโถ เป็น อตฺตทตฺโถ, น อาคม อโิ ต – อายติ เป็น อโิ ตนายต,ิ ต อาคม ตสมฺ า – อหิ เป็น ตสฺมาติห, ร อาคม สพฺภิ – เอว เป็น สพฺภิเรว, ฬ อาคม ฉ – อายตน เป็น ฉฬายตน ฯ ในนิคคหติ สนธิ มีหลักเกณฑ์ในการลงอาคมไว้อยา่ งนี้ เมอื่ มีสระ ก็ดี พยัญชนะก็ดี อยู่เบื้องหลัง ลงนิคคหิตอาคมได้บ้าง เช่น จกฺขุ – อทุ ปาทิ เปน็ จกํขฺ อุ ุทปาท,ิ อว – สโิ ร เป็น อวสิโร เป็นต้น ฯ สจำย เป็นทีฆะสนธิ ตัดเป็น สเจ + อย เมื่อลบสระหนา้ แล้ว ต้องทฆี ะสระหลงั ในทีน่ ้ี ลบ เอ ท่ี สเจ แล้วจึงทีฆะ อ ท่ี อย เป็น อา ตอ่ เปน็ สจาย ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๔๔ ๓. สัพพนามคืออะไร ฯ แบ่งเป็นเท่าไร ฯ อะไรบ้าง ฯ “โส ขโณ ตุมฺเห มา อติกกฺ มตุ” คาไหนเป็นสพั พนาม ฯ และเป็นสัพพนามชนิดไหน ฯ ๓. สัพพนาม คือ คาท่ีใช้แทนนามนามที่ออกช่ือมาแล้ว เพื่อจะ ไม่ใหซ้ า้ ๆ ซาก ๆ ซ่ึงไม่เพราะหู แบง่ เปน็ ๒ คือ ปุริสสพั พนาม ๑ วิเสสนสพั พนาม ๑ โส และ ตมุ เฺ ห เปน็ สัพพนาม โส เปน็ วเิ สสนสัพพนาม, ตุมฺเห เปน็ ปรุ ิสสพั พนาม ฯ ๔. ในอาขยาต จัดวาจกไว้อย่างไร ฯ วาจกไหนลงปัจจัยอะไร ฯ นิวาร เย ในคาว่า “ปาปา จิตฺต นิวารเย” ประกอบด้วยเคร่ืองปรงุ อะไรบา้ ง ฯ ๔. ในอาขยาต จดั วาจกไว้ ๕ ฯ คือ กัตตุวาจก ๑ กัมมวาจก ๑ ภาววาจก ๑ เหตุกัตตุวาจก ๑ เหตกุ ัมมวาจก ๑ ฯ กัตตุวาจก ลงปัจจัย ๑๐ ตัว คอื อ, เอ, ย, ณ,ุ ณา, นา, ณหฺ า, โอ, เณ, ณย กัมมวาจก ลง ย ปัจจัย กับทัง้ อิ อาคม หนา้ ย ดว้ ย ภาววาจก ลง ย ปจั จยั เหตกุ ตั ตุวาจก ลงปจั จยั ๔ ตวั คอื เณ, ณย, ณาเป, ณาปย เหตุกัมมวาจก ลงปัจจัย ๑๐ ต้ัวน้ันด้วย ลงเหตุปัจจัย คือ ณาเป ด้วย ลง ย ปัจจยั กับทง้ั อิ อาคมหนา้ ย ด้วย ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๔๕ นวิ ำรเย ประกอบดว้ ยเคร่ืองปรุงในอาขยาต ดังน้ี คือ นิ บทหน้า, วรฺ ธาตุธาตุในความ ห้าม กัน ก้ัน ปิด, เณ ณย ปัจจัย, เอยฺย สัตตมี (ลบ ยยฺ คงไว้แต่ เอ ), ปัจจุบัน กาลกาล, ปรัสสบท, เอกวจนะ, ปฐมบรุ ุษ, กัตตวุ าจก ฯ ๕. อนตฺ และ มาน ปัจจยั ในกิรยิ ากติ ก์ ใช้เหมอื นกนั หรือ ต่างกนั อยา่ งไร ฯ อาจริยปชู โก (เถโร) ลงปจั จัยอะไร เปน็ รูป และสาธนะอะไร จงต้ังวเิ คราะห์มาดู ฯ ๕. อนฺต และ มาน ใช้บอกปัจจุบันกาลเหมือนกัน ท่ีต่างกันคือ อนตฺ เปน็ ปัจจัยในพวกกติ ปจั จัย เป็นได้ ๒ วาจก คือ กตั ตุ วาจก และ เหตุกตั ตวุ าจก ฯ ส่วน มาน เป็นปัจจัยในพวกกิตกิจจปัจจัย เป็นได้ทั้ง ๕ วาจก แต่ภาววาจกไมน่ ยิ มใช้ ฯ อำจริยปูชโก ลง ณฺวุ ปัจจยั เป็นกตั ตุรปู กัตตสุ าธนะ วเิ คราะห์ว่า อาจรยิ ปเู ชตีติ อาจรยิ ปชู โก (เถโร) ฯ ๖. สมาสอะไรบ้าง นิยมบทปลงเปน็ นปุงสกลิงค์ เอกวจนะอยา่ งเดียว ฯ จะทราบได้อย่างไรว่า เป็นสมาสไหน ฯ สนฺตวาโจ (ภิกฺขุ) เป็น สมาสอะไร จงตัง้ วิเคราะห์มาดู ฯ ๖. ไดแ้ ก่ สมาหารทคิ ุสมาส สมาหารทวนั ทวสมาส และอพั ยยภี าวสมาสฯ ทราบได้โดยความนิยมต่างกันแหง่ สมาสเหลา่ นน้ั ดงั นี้
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๔๖ สมาหารทิคุสมาส ต้องมีสังขยาเป็นบทหน้า บทหลังเป็น ประธาน อุ. ตโย โลกา ติโลก ฯ สมาหารทวันทวสมาส ต้องเป็นนามนาม ต้ังแต่ 2 บทข้ึนไปท่าน ย่อเข้าเป็นบทเดียวกัน และเป็นบทประธานทั้งสิ้น อุ. สมโถ จ วิปสสฺ นา จ สมถวปิ สฺสน ฯ ส่วนอัพยยีภาวสมาส ต้องมี อุปสัค หรือนิบาต เป็นบทหน้า และ ใชเ้ ปน็ ประธานของบทหลงั ด้วย อ.ุ ทรถสฺส อภาโว นทิ ฺทรถ ฯ สนฺตวำโจ เปน็ ฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหุพพิหิสมาส มีวิเคราะหด์ งั นี้ ว.ิ สนฺตา วาจา ยสสฺ โส สนฺตวาโจ (ภกิ ขฺ ุ) ๗. เสฏฐตัทธติ มีปัจจยั เท่าไร ฯ อะไรบา้ ง ฯ ต่างจากปัจจัย ในตัทธิตอื่นอย่างไร ฯ พลวตี (ชิฆจฺฉา), สามญฺญ ลงปัจจัย อะไร ในตทั ธติ ไหน จงตัง้ วเิ คราะหม์ าดู ฯ ๗. เสฏฐตทั ธิต มปี จั จยั ๕ ตัว คือ ตร ตม อิยสิ ฺสก อยิ อฏิ ฺฐ ฯ ปัจจัยทั้ง ๕ นี้ ต่างจากปัจจัยในตัทธิตอ่ืน เพราะมิได้ลงแทน ศัพท์อย่างปัจจัยในตัทธิตอื่น ๆ แต่เป็นเครื่องหมายคุณศัพท์ เปรยี บเทยี บ คอื ตร อิย และ อยิ ิสฺสก ลงเปน็ วิเศษคณุ ศพั ท์ ตม และ อฏิ ฐฺ ลงในอติวเิ ศษคุณศัพท์ ฯ พลวตี ลง วนฺตุ ปจั จยั ในตทัสสัตถิตัทธิต ว.ิ พล อสสิ า อตฺถตี ิ พลวตี (ชิฆจฺฉา)
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๔๗ สำมญญฺ ณย ในภาวตัทธิต วิ. สมณสฺส ภาโว สามญญฺ ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๔๘ ประโยค ป.ธ. ๓ ปญั หำและเฉลย บำลีไวยำกรณ์ สอบ วันที่ 3 มีนำคม ๒๕๖2 -------------------------------------------- 1. จงเตมิ คาทถ่ี ูกตอ้ งลงในชอ่ งวา่ ง ดังต่อไปนี้ ก. สระท่ีเปน็ ................................................. ชือ่ ลหุ มีเสยี งเบา ฯ ข. พยัญชนะ 8 ตวั นี้ เรยี กวา่ อวรรค เพราะ............................ ฯ ค. ว เกินใน 2 ฐาน คอื ....................... เรียกว่า......................... ฯ ฆ. พยญั ชนะท่ี 1 ท่ี 2 ในวรรคท้ัง 5 คอื .......และ....เปน็ อโฆสะ ฯ ง. วุฒฺโฑ สงั โยคผิด เพราะ........................... คาทถี่ ูก คือ........ ฯ 1. ได้เติมคาทถ่ี กู ตอ้ งลงในช่องวา่ ง ดงั ต่อไปน้ี ก. สระที่เป็นรัสสะล้วน ไม่มีพยัญชนะสังโยค และนิคคหิตอยู่ เบอื้ งหลัง ชอ่ื ลหุ มีเสยี งเบา ฯ ข. พยัญชนะ 8 ตวั น้ี เรียกวา่ อวรรค เพราะไมเ่ ป็นพวกเป็นหมกู่ นั ตามฐานกรณท์ เี่ กดิ ฯ ค. ว เกินใน 2 ฐาน คือ ฟันและริมฝีปาก เรยี กว่า ทนฺโตฏฺฐโช ฯ ฆ. พยญั ชนะท่ี 1 ท่ี 2 ในวรรคทั้ง 5 คอื ก ข, จ ฉ, ฏ ฐ, ต ถ, ป ผ และ ส เปน็ อโฆสะ ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๔๙ ง. วุฒฺโฑ สังโยคผิด เพราะหลักเกณฑแ์ ห่งการสังโยค พยัญชนะ ท่ี 3 ซ้อนหน้าพยัญชนะที่ 3 และที่ 4 ในวรรคของตนได้ พยัญชนะ คอื ฒ เปน็ พยัญชนะท่ี 4 ซอ้ นหนา้ พยัญชนะท่ี 3 ไม่ได้ คาทถี่ ูก คอื วฑุ ฺโฒ ฯ 2. วิธเี ปน็ อุปการะแกก่ ารทาสนธิ เรยี กวา่ อะไร ฯ มีเท่าไร ฯ อะไรบ้าง ฯ อุปฺปลว และ ยโถทเก ในคาวา่ “อุปปฺ ลว ยโถทเก” เป็นสนธิอะไร ฯ ตดั และต่ออย่างไร ฯ 2. วิธีเปน็ อปุ การะแก่การสนธิ เรียกว่า สนธกิ ริ โิ ยปกรณ์ ฯ มี 8 อย่าง ฯ คือ โลโป ลบ 1 อาเทโส แปลง 1 อาคม ลงอักษรตัวใหม่ 1 วิการ ทาใหผ้ ดิ จากของเดมิ 1 ปกติ ปรกติ 1 ทีโฆ ทาให้ยาว 1 รสฺส ทาใหส้ ้ัน 1 สญฺโญโค ซอ้ นตัว 1 ฯ อุปฺปลว ในคาว่า “อุปฺปลว ยโถทเก” เป็นปกตินิคคิตสนธิ ตัด เปน็ อปุ ปฺ ล + ว ตอ่ เป็น อปุ ปฺ ลว ฯ ยโถทเก เป็นวิการสระสนธิ ตัดเป็น ยถา + อุทเก เมื่อลบสระ หน้า คือ อา ที่ ยถา แล้ววิการสระหลัง คือ อุ ท่ี อุทเก เป็น โอ ต่อ เปน็ ยโถทเก ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๕๐ 3. นามศัพท์ จัดเป็นลิงค์อะไรไดบ้ ้าง ฯ “กสฺมา ตฺว ปุณฺเณ มม สาวเก ปริภวิ” เฉพาะคาที่ขีดเส้นใต้ไว้น้ัน เป็นนามศัพท์ชนิดไหน ฯ เป็น การันต์ ลิงค์ และวจนะอะไร ฯ 3. นามศัพท์ จัดเป็นลิงค์ได้ดังน้ี คือ นามนาม จัดเป็นลิงค์เดียว คือเป็น ปุงลิงค์ อิตถีลิงค์ หรือนปุงสกลิงค์ อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น อมโร เทวดา อจฉฺ รา นางอัปสร องคฺ องค์ เปน็ ตน้ นามนามเป็น 2 ลิงค์ คือ ศัพท์ ๆ เดียวกัน มีรูปอย่างเดียวกัน เป็นได้ท้ัง 2 ลิงค์ หรือรากศัพท์เป็นอันเดียวกัน เปลี่ยนแต่สระ ทีส่ ดุ ใหหแ้ ปลกกัน พอเป็นเคร่อื งหมายให้ต่างลิงค์กนั บ้าง เชน่ อกฺข โร อกขฺ ร อักษร ทวิ โส ทิวส วนั เปน็ ตน้ สว่ นคณุ นามและสพั พนาม เปน็ ไดท้ ง้ั 3 ลงิ ค์ ฯ ในประโยค “กสฺมำ ตฺว ปุณฺเณ มม สำวเก ปริภวิ” เฉพาะคาที่ ขีดเส้นใต้ไว้นั้น เป็นนามศัพท์ เป็นการันต์ ลิงค์ วิภัตติ และวจนะ ตามลาดับดงั น้ี คาว่า ตฺว เป็นนามศัพท์ชนิดปริสสัพพนาม เป็น อ การันต์ อิตถีลงิ ค์ สิ ปฐมาวิภตั ติ และเอกวจนะ ฯ คาว่า ปณุ ฺเณ เป็นนามศัพทช์ นดิ อสาธารณนาม เปน็ อา การนั ต์ อติ ถลี ิงค์ สิ อาลปนวิภัตติ และเอกวจนะ ฯ คาว่า มม เป็นนามศัพท์ชนิดปุริสสัพพนาม เป็น อ การันต์ ปุงลิงค์ ส ฉัฏฐีวิภตั ติ และเอกวจนะ ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๕๑ ๔. ในอาขยาต อ อาคมหนา้ ธาตุ และ อิ อาคมหลังธาตแุ ละปัจจัย ลงได้ ในวิภัตติหมวดไหนบ้าง ฯ ปพฺพาเชสิ และ ชิเน ในคาว่า “อกฺโกเธน ชิเน โกธ” ประกอบดว้ ยเคร่อื งปรุงอะไรบา้ ง ฯ 4. ในอาขยาต อ อาคมหน้าธาตุ ลงประกอบได้ในวิภัตติหมวดหิยัตตนี หมวดอัชชัตตนี และหมวดกาลาติปัตติ ส่วน อิ อาคม หลังธาตุและ ปัจจัย ลงประกอบได้ในวิภัตติหมวดอัชชัตตนี หมวดภวิสสันติ และ หมวดกาลาติปัตติ ฯ ปพฺพำเชสิ ประกอบดว้ ยเครอื่ ง คือ วิภัตติ – อี อัชชตั ตนวี ภิ ตั ติ กาล – อดตี กาล บท – ปรัสสบท วจนะ – เอกวจนะ บรุ ุษ – ปฐมบรุ ุษ ธาตุ – วชฺ ธาตุ ในความเว้น วาจก – เหตุกัตตุวาจก ปัจจัย – เณ ปจั จยั มีวิธีทาตัว คือ ปพฺพาเชสิ เป็น ป บทนห้า วชฺ ธาตุ ในความเว้น ลง เณ ปัจจัย อี อัชชัตตนีวิภัตติ ลง ส อาคม ปัจจัยท่ีเน่ืองด้วย ณ ลบ ณ เสยี เหลอื ไว้แต่ เอ ทฆี ะตน้ ธาตุเป็น อา แปลง ว ที่ พ ซอ้ น พ หน้าธาตุ ลง เณ ปัจจัยหลังธาตุ รัสสะ อี เป็น อิ แล้งลง ส อาคม สาเร็จรูปเปน็ ปพพฺ าเชสิ ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๕๒ ชิเน ในคาวา่ “อกโฺ กเธน ชิเน โกธ” ประกอบดว้ ยเคร่อื งปรุง คอื วิภตั ติ – เอยยฺ สัตตมวี ิภตั ติ กาล – ปัจจบุ นั กาล (บอกความยอมตาม) บท – ปรสั สบท วจนะ – เอกวจนะ บุรษุ – ปฐมบรุ ษุ ธาตุ – ชิ ธาตุ ในความชนะ วาจก – กตั ตวุ าจก ปัจจยั – นา ปัจจยั มีวิธีทาตัว คือ ชิเน เป็น ชิ ธาตุ ในความชนะ ลง นา ปัจจัย ลง เอยฺย สตั ตมีวภิ ตั ติ ลบ ยฺย ท่สี ุดแหง่ เอยฺย เหลือไว้แต่ เอ สาเรจ็ รูป เป็น ชิเน ฯ 5. ต ปจั จยั ในกริ ิยากิตก์ ในท่เี ช่นไร ใช้บอกกตั ตุวาจก ฯ ในทเี่ ชน่ ไร ใช้ บอกกมั มวาจก ฯ จงตอบพร้อมท้ังยกตัวอย่างประกอบ ฯ “อาคมน” ในคาว่า “อาคมนทิวโส” และคาว่า “อากาเสน อาคมน กริ” ลง ปัจจัยอะไร ฯ เปน็ รูปและสาธานะอะไ จงต้ังวเิ คราะห์มาดู ฯ 5. ต ปัจจัยในกิริยากิตก์ ประกอบกับอกัมมธาตุ บอกกัตตุวาจก ตัวอยา่ งเช่น มโต ฐโิ ต นสิ ินโฺ น เปน็ ตน้ ประกอบกับสกัมมธาตุ บอกกัมมวาจก ตัวอย่างเช่น กโต หโต ทฏิ โฐ เปน็ ต้น
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๕๓ “อำคมน” ในคาว่า “อำคมนทิวโส” ลง ยุ ปัจจัย เป็นกัตตุรูป อธิกรณสาธนะ ตงั้ วเิ คราะห์ว่า อาคจฉฺ นฺติ เอตฺถาติ อาคมโน (ทิวโส) “อำคมน” ในคาว่า “อำกำเสน อำคมน กริ” ลง ยุ ปัจจัย เป็นภาวรูป ภาวสาธนะ ตั้งวเิ คราํะว่า อาคมน อาคมน ฯ หรือต้งั วิเคราะห์ว่า อาคจฺฉิยเตติ อาคมน ฯ หรือ อาคจฺฉยเตติ อาคมน ฯ หรือ อาคนฺตพพฺ นฺติ อาคมน ฯ 6. อะไรชื่อตัปปรุ สิ สมาส ฯ ตัปปรุ ิสสมาส กับ อัพยยภี าวสมาส ต่างกนั อย่างไร ฯ ทุกฺขปีฬิตสตฺตา เป็นสมาสอะไรบ้าง จงตั้งวิเคราะห์มา ตามลาดบั ฯ 6. นามศัพท์มี อ วิภัตติเป็นต้นในที่สุดท่านย่อด้วยเบ้ืองปลาย ช่ือว่า ตปั ปรุ ิสสมาส ฯ ตปั ปุรสิ สมาส กบั อัพยยีภาวสมาส ตา่ งกนั อยา่ งนี้ คอื ตัปปุรสิ - สมาส มีบทหลังเปน็ ประธาน ไมน่ ยิ มลงลิงค์และวจนะ ส่วนอพั ยยี- ภาวสมาส เป็นสมาสท่ีมีอุปสัคหหหรือนิบาตอยู่หน้าและเป็น ประธาน บทสาเร็จเปน็ นปุงสกลงิ ค์ เอกวจนะอยา่ งเดยี วเทา่ น้นั ฯ ทุกฺขปฬี ิตสตฺตำ เปน็ วิเสสนบพุ พบท กัมมธารยสมาส มตี ติยา- ตัปปรุ ิสสมาส เปน็ ภายใน ต้งั วิเคราะหต์ ามลาดับดังนี้ ต.ตัป. ว.ิ ทกุ เฺ ขน ปฬิ ติ า ทุกขฺ ปฬี ติ า (สตตฺ า) วิ. บุพ. กัม. ว.ิ ทุกฺขปีฬิตา สตตฺ า ทกุ ฺขปีฬติ สตฺตา ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๕๔ 7. ภาวตัทธิต มีปัจจัยเท่าไร ฯ อะไรบ้าง ฯ ปาสาทิโก (ภควา) , เถยฺย, ปญฺจโฒ ลงปัจจัยอะไร ในตัทธิตไหน จงตงั้ วเิ คราะห์มาดู ฯ 7. ภาวตัทธติ มปี ัจจัย 6 ตวั ฯ คอื ตตฺ ณยฺ ตตฺ น ตา ณ กณฺ ฯ ปำสำทิโก (ภควา) ลง ณิก ปัจจัย ในตรตยาทิตัทธิต ตั้ง วิเคราะหว์ า่ ปสาท ชเนตตี ิ ปาสาทิโก (ภควา) หรอื ปสาท อาหรตีติ ปาสาทโิ ก (ภควา) ฯ เถยยฺ ลง ณฺย ปัจจัย ในภาวตทั ธติ ตง้ั วิเคราะห์ เถนสฺส ภาโว เถยยฺ ฯ หรือ ลง เณยยฺ ปัจจัย ตามนยั แหหง่ รูปสทิ ธปิ กรณ์ และสทั ท- นีตปิ กรณ์ ปญจฺ โม ลง ม ปัจจัย ใน ปูรณตัทธิต ตัง้ วิเคราะห์ ปญจฺ นฺน ปรู โณ ปญฺจโม ฯ พระธรรมเจดยี ์ เขมจารี วัดทองนพคุณ เฉลย สนามหลวงแผนกบาลี ตรวจแก้.
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๕๕ ประโยค ป.ธ. ๓ ปัญหำและเฉลย บำลไี วยำกรณ์ สอบคร้ังที่ ๒ วันที่ 1 พฤษภำคม ๒๕๖2 -------------------------------------------- 1. พยัญชนะในบาลีภาษามีเท่าไร ฯ ต่างจากสระอย่างไร ฯ ในคาว่า “อภติ ฺถเรภ กลยฺ าเณ” น้ี เฉพาะคาท่ีขีดเสน้ ใต้ เป็นครุ หรือ ลหุ ฯ 1. ในบาลีภาษา พยัญชนะมี ๓๓ ตัว มี ก ข ค ฆ ง เป็นต้น ออกเสียง ไมไ่ ดต้ ามลาพังเหมอื นสระ ต้องอาศัยสระจงึ จะออกเสียงได้ ฯ ในคาว่า “อภิตฺถเรภ กลฺยำเณ” นี้ เฉพาะคาที่ขีดเส้นใต้ เป็นครุ หรือ ลหุ ตามลาดบั ดงั นี้ อ เปน็ ลหุ ภติ ฺ เป็น ครุ ถ เป็น ลหุ เร เป็น ครุ ถ เป็น ลหุ กลฺ เป็น ครุ ยา เปน็ ครุ เณ เป็น ครุ ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๕๖ 2. ในสนธกิ ริ โิ ยปกรณ์ อาเทส กับ วกิ าร มีลักษณะต่างกนั อยา่ งไร ฯ อิเธวเมโส ตัดตอ่ อย่างไร ฯ 2. ในสนธิกริ ิโยปกรณ์ อาเทส กบั วกิ าร มลี ักษณะตา่ งกนั อย่างน้ี คอื อาเทส ไดแ้ ก่ การแปลงสระให้เป็นพยญั ชนะ ได้แก่ - แปลง อิ – เอ เป็น ย เช่น ปฏิสนฺฐารวุตฺติ – อสฺส เป็น ปฏสิ นฺฐารวตุ ฺยสสฺ ฺ เปน็ ต้น - แปลงพยัญชนะเป็นพยัญชนะ คือ แปลง ติ เป็น ตฺย แล้วเป็น จจฺ เช่น ปติ–อุตรฺ ติ วฺ า เป็น ปจฺจตุ รฺ ิตวฺ า อิติ–เอว เป็น อจิ ฺเจว เปน็ ตน้ - แปลงนิคคหิต เป็นพยัญชนะ เมื่อมีพยัญนะวรรคอยู่หลัง นิคคหิตอยู่หน้า แปลงนิคคหิตเป็นพยัญชนะที่สุดวรรค เช่น เอว-โข เป็น เอวงฺโข เป็นต้น เมื่อ เอ และ ห อยู่หลัง แปลงนิคคหิต เป็น ญ เชน่ ต-เอว เป็น ตญฺเญว ต-หิ เป็น ตญหฺ ิ เป็นตน้ ส่วนวิการได้แก่การแปลงสระเท่าน้ัน คือ การทาสระตัวหนึ่งให้ เป็นสระอกี ตัวหน่ึง เช่น ทา อิ ใหเ้ ป็น เอ ทา อุ ให้เป็น โอ เชน่ มนุ ิ-อาล โย เปน็ มุเนลโย สุ-อตถฺ ี เปน็ โสตฺถี เปน็ ตน้ อิเธวเมโส เป็น โลปสระสนธิ และอาคมพยัญชนะสนธิ ตัดเป็น อิธ – เอว – เอโส ระหว่าง อิธ – เอว ถ้าสระหน้าและสระหลังไม่มีพยัญชนะคั่นใน ระหวา่ งลบสระหนา้ คือ อ ท่ี อธิ ต่อเปน็ อเิ ธว ระหว่าง อิเธว – เอโส ถ้าพยัญชนะอยู่เบ้ืองหลังลง ม พยัญชนะ อาคมได้บา้ ง ต่อเปน็ อเิ ธวเมโส ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๕๗ อีกนัยหนึ่ง อิเธวเมโส เป็นโลปสระสนธิ และนิคคหิตสนธิ ตัด เป็น อิธ – เอว – เอโส ระหวา่ ง อธิ – เอว ถ้าสระหน้าและสระหลงั ไม่มพี ยญั ชนะค่ันใน ระหว่าง ลบสระหนา้ คอื อ ที่ อิธ ต่อเป็น อิเธว ระหว่าง อิเธว – เอโส นิคคหิตอยู่หน้า สระอยู่เบ้ืองปลาย แปลงนคิ คหิตเป็น ม ตอ่ เป็น อิเธวเมโส ฯ 3. จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ี ก. นามศัพท์ทั้ง 3 น้นั เม่ือนาไปใช้ ตอ้ งประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง ฯ ข. เทวเต และ ปพพฺ เต เปน็ วิภัตตแิ ละวจนะอะไรได้บา้ ง ฯ ค. ปณณฺ าส กับ ปณณฺ รสี แปลวา่ อะไร ฯ ตา่ งกนั อย่างไร ฯ ฆ. กตม, อมหฺ ศัพท์ เป็นสัพพนามชนิดไหน ฯ ง. นบิ าตนนั้ สาหรับใช้ลงท่ีไหน ฯ 3. ได้ตอบคาถามต่อไปนี้ ก. นามศพั ทท์ ัง้ 3 นัน้ เมอื่ นาไปใช้ ต้องประกอบด้วยลงิ ค์ วจนะ วิภตั ติ ฯ ข. เทวเต เป็น อาลปนวิภัตติ เอกวจนะ ส่วน ปพฺพเต เป็นได้ 2 วิภัตติ คือ เปน็ ทตุ ยิ าวภิ ัตติ พหุวจนะ และเป็นสตั ตมีวภิ ตั ิ เอก วจนะ ฯ ค. ต่างกันอย่างน้ี คือ ปณฺณำส แปลว่า 50 เป็น ปกติสังขยา ส่วน ปณณฺ รสี แปลวา่ ท่ี 15 เปน็ ปูรณสังขยา ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๕๘ ฆ. กตม ศัพท์ เป็นสัพพนามชนิดอนิยมวิเสสนสัพพนาม ส่วน อมฺห ศัพท์ เปน็ สพั พนามชนดิ ปรุ สิ สัพพนาม ฯ ง. นบิ าตนัน้ สาหรับใชล้ งในระหวา่ งนามศัพท์บา้ ง กิริยาศัพทบ์ า้ ง บอกอาลปนะ กาล ท่ี ปรจิ เฉท อุปไมย ปฏเิ สธ ความไดย้ ินเล่า ลือ ความปรกิ ปั ความถาม ความรบั ความเตอื น เปน็ ตน้ ฯ ๔. กิริยาอาขยาต และกิริยากติ ก์ ประกอบดว้ ยเครือ่ งปรุงอะไรบ้าง ฯ จงแก้คาท่ีเหน็ วา่ ผิด ให้ถกู ต้องตามหลกั ไวยากรณ์ ในประโยคต่อไปน้ี ฯ ก. อชชฺ เทวทตฺโต สงฺฆ ภิชชฺ ิสฺสติ ฯ ข. สธุ ีโร จ ถาวโร จ สงฆ อุปสมฺปท ยาจติ ฯ ค. ตโยปิ สิกฺขา กถติ าเยว โหนฺติ ฯ 4. กิริยาอาขยาต ประกอบด้วยเคร่ืองปรุง 8 อย่าง คือ วิภัติ กาล บท วจนะ บุรุษ ธาตุ วาจก ปัจจัย ส่วนกิริยากิตก์ประกอบด้วยเคร่ืองปรงุ 6 อย่าง คือ วิภัติ กาล วจนะ ธาตุ วาจก ปัจจัย เหมือนอาขยาต ต่าง แตไ่ มม่ บี ทและบรุ ุษเทา่ นั้น ฯ ได้แก้คำผิดใหถ้ กู ตอ้ งตำมหลักไวยำกรณ์ ในประโยคตอ่ ไปนี้ ก. อชฺช เทวทตโฺ ต สงฺฆ ภนิ ฺทสิ สฺ ติ ฯ ข. สุธีโร จ ถาวโร จ สงฆ อปุ สมปฺ ท ยาจนตฺ ิ ฯ ค. ตสิ โฺ สปิ สิกขฺ า กถติ าเยว โหนตฺ ิ ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๕๙ 5. การกาหนดรูปของสาธนะน้ัน ๆ ต้องอาศัยอะไรเป็นหลกั จงอธบิ าย ฯ ทุทฺทส (วชฺช), โพธิ (ญาณ), ทาตา ลงปัจจัยอะไร เป็นรูป และ สาธนะอะไร จงตง้ั วิเคราะห์มาดู ฯ 5. การกาหนดรูปของสาธนะน้นั ๆ ตอ้ งอาศัยรูปวิเคราะหเ์ ปน็ หลกั คือ รูปวเิ คราะหแ์ หง่ สาธนะใด เป็นกัตตุวาจกกด็ ี เปน็ เหตกุ ตั ตุวาจก กด็ ี สาธนะนัน้ เป็นกตั ตรุ ปู รูปวิเคราะหแ์ ห่งสาธนะใด เป็นกัมมวาจกก็ดี เป็นเหตุกัมมวาจก กด็ ี สาธนะน้นั เป็นกัมมรูป รูปวิเคราะห์แห่งสาธนะใด เป็นภาววาจก สาธนะน้ันเป็น ภาวรปู ฯ ททุ ทฺ ส (วชชฺ ) ลง ข ปัจจยั เปน็ กมั มรูป กัมมสาธนะ วิ. ทุกฺเขน ปสฺสิยตีติ ทุททฺ ส (วชฺช) หรือ วิ. ทกุ เฺ ขน ปสสฺ ติ พฺพนตฺ ิ ทุททฺ ส (วชฺช) หรอื วิ. ทกุ ฺเขน ทฏฺฐพฺพนฺติ ททุ ฺทส (วชฺช) ฯ โพธิ ลง อิ ปัจจยั เปน็ กัตตรุ ูป กรณสาธนะ ว.ิ พุชฺฌติ เตนาติ โพธิ (ญาณ) ฯ ทำตำ ลง ตุ ปัจจัย เปน็ กตั ตรุ ูป ตสั สีลสาธนะ วิ. เทติ สเี ลนาติ ทาตา ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๖๐ 6. วิเสสโนปมบท กัมมธารยสมาส มลี กั ษณะอยา่ งไร ฯ จงตอบพรอ้ มทงั้ ยกตัวอย่างประกอบด้วย ฯ ทีฆายุโก (ปุริโส), อโรคา (อิตฺถี) เป็น สมาสอะไร จงต้งั วเิ คราะห์มาดู ฯ 6. วิเสสโนปมบท กัมมธารยสมาส มีลักษณะอย่างน้ี คือ เป็นสมาสที่มี บทวิเสสนเปน็ อุปมา จดั เป็น 2 ตามวิเสสนะอยูห่ นา้ และหลงั สมาสทม่ี ีอุปมาอยหู่ น้า เรยี ก อุปมาปุพฺพปโท มอี ทุ าหรณอ์ ย่างน้ี สงฺข อิว ปณฺฑร (ขีร น้านม) ขาวเพียงดังสังข์ กาโก อิว สูโร กากสูโร คนกลา้ เพยี งดงั กา ทิพฺพ อวิ จกฺขุ ทพิ ฺพจกฺขุ จักษุเพียงดังทพิ ย์ สมาสทมี่ ีอุปมาอย่หู ลงั เรยี กว่า อปุ มานตุ ฺตรปโท มอี ุทาหรณอ์ ย่าง นี้ นโร สีโห อิว นรสีโห นระเพียงดังสีหะ ญาณ จกฺขุ อิว ญาณจกฺขุ ญาณเพยี งดงั จกั ษุ ปญฺญา ปาสาโท อิว ปญฺญาปาสาโท ปญั ญาเพยี งดงั ปราสาท ฯ ทีฆำยุโก (ปุริโส) เป็นฉัฏฐีตุลยาธิกรณพหพุ พหิ สิ มาส ตัง้ วเิ คราะหว์ ่า ทีฆ อายุ ยสฺส โส ทฆี ายุโก (ปรุ โิ ส) ฯ อโรคำ (อติ ถฺ ี) เป็น นบุพพบท พหพุ พหิ สิ มาส ตง้ั วิเคราะห์ว่า นตถฺ ิ ตสฺสา โรโคติ อโรคา (อตฺถ)ี ฯ 7. ณิก ปัจจัย มีตัทธิตไหนบ้าง และใช้ต่างกันอย่างไร ฯ นาครา, โส กินี (ปชา), สมฺโมทนียา (กถา) ลงปัจจัยอะไร ในตัทธิตไหน จงต้ัง วิเคราะห์มาดู ฯ ๗. ณิก ปัจจยั มีในโคตตตัทธติ และตรตยาธิตัทธติ ฯ
ปั ญ ห ำ - เ ฉ ล ย วิ ช ำ บ ำ ลี ไ ว ย ำ ก ร ณ์ ป . ธ . ๓ | ๔๖๑ ใช้ต่างกันอย่างนี้ คือ ณิก ปัจจัย ในโคตตตัทธิต ใช้ลงแทนศัพท์ ไดเ้ ฉพาะ “อปจฺจ” ศพั ท์อยา่ งเดยี ว ส่วน ณิก ปจั จัย ในตรตยาทิตัทธิต ใช้แทนศัพท์ได้ท่ัวไป ไมจ่ ากัด ฯ นำครำ ลง ณ ปัจจยั ในราคาทติ ัทธติ ว.ิ นคเร วสนฺติติ นาครา ฯ โสกนิ ี (ปชำ) ลง อี ปจั จยั ในตทสั สัตถติ ทั ธติ วิ. โสโก อสสฺ อตถฺ ีติ โสกนิ ี (ปชา) ฯ สมโฺ มทนยี ำ (กถำ) ลง อยี ปจั จยั ในฐานตทั ธิต ว.ิ สมฺโมทนสฺส ฐาน สมโฺ มทนียา (กถา) หรือ ว.ิ สมโฺ มทน อรหตีติ สมโฺ มทนียา (กถา) ฯ พระธรรมเจดยี ์ เขมจารี วดั ทองนพคณุ เฉลย สนามหลวงแผนกบาลี ตรวจแก้.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 470
Pages: