นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี โดย สุวชิ า วรวิเชียรวงษ์ และ ณัฐพงศ์ บุญเหลอื ข้อมลู ทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data สุวชิ า วรวิเชยี รวงษ.์ นกั การเมอื งถน่ิ จงั หวดั กาญจนบรุ -ี - กรงุ เทพฯ : สถาบนั พระปกเกลา้ , 2559. 370 หน้า. 1. นักการเมือง - - กาญจนบุรี. 2. กาญจนบุรี - - การเมืองการปกครอง l. ชื่อเรื่อง. 342.2092 ISBN 978-974-449-XXX-X รหสั ส่ิงพมิ พ์ของสถาบนั พระปกเกล้า สวพ.59-XX-500.0 เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ 978-974-449-XXX-X ราคา พิมพ์ครง้ั ท่ี 1 กันยายน 2559 จำนวนพมิ พ์ 500 เล่ม ลิขสทิ ธ ์ิ สถาบันพระปกเกล้า ทป่ี รกึ ษา ศาสตราจารย์(พิเศษ)นรนิติ เศรษฐบุตร รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต รองศาสตราจารย์ ดร.ปรีชา หงษ์ไกรเลิศ รองศาสตราจารย์พรชัย เทพปัญญา ดร.ถวิลวดี บุรีกุล ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้แตง่ สุวิชา วรวิเชียรวงษ์ และ ณัฐพงศ์ บุญเหลือ ผพู้ มิ พ์ผู้โฆษณา สถาบันพระปกเกล้า จดั พมิ พ์โดย สถาบันพระปกเกล้า ศนู ย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี ชั้น 5 (โซนทิศใต้) เลขที่ 120 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 02-141-9607 โทรสาร 02-143-8177 http://www.kpi.ac.th พมิ พ์ที่ บริษัท เอ.พี. กราฟิค ดีไซน์และการพิมพ์ จำกัด 745 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทรศัพท์ 02-243-9040-4 โทรสาร 02-243-3225
นักการเมืองถ่ิน จังหวัดกาญจนบุรี สุวิชา วรวิเชียรวงษ์ ณัฐพงศ์ บุญเหลือ สถาบันพระปกเกล้า
คำนำ งานวิจัยเรื่อง นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี นี้ เป็นบทสำรวจเบื้องต้นเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับภูมิหลัง แนวคิด อดุ มการณ์ พฤติกรรมทางการเมือง รปู แบบการหาเสียง เลือกตั้งและการรักษาฐานเสียงของนักการเมืองจังหวัด กาญจนบุรี รวมถึงบทบาทของพรรคการเมืองและประชาชนที่มี ผลต่อการทำงานการเมือง โดยพฤติกรรมของนักการเมืองและ การตัดสินใจทางการเมืองของประชาชนด้วยการสนับสนุน นโยบายของพรรคการเมืองผ่านการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยที่สำคัญ ผลการวิจัยสามารถนำมาใช้อธิบายการเปลี่ยนแปลงความคิด ความเชื่อ ค่านิยม อุดมการณ์ และพฤติกรรมทางการเมือง ทง้ั นกั การเมอื ง พรรคการเมอื งและประชาชนซง่ึ เปน็ เปลย่ี นแปลง ไปจากอดีตเป็นอย่างมาก กรอบแนวคิดและความเชื่อแบบเก่า จึงไม่อาจอธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ได้อีกต่อไป
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี ผู้วิจัยขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับสถาบัน พระปกเกล้าในฐานะผู้สนับสนุนทุนการวิจัย คณาจารย ์ ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นผู้พิจารณางานวิจัยฉบับนี้ รวมถึงคำแนะนำ อันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน และขอขอบพระคุณ นักการเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ผู้นำท้องถิ่น และผู้ประสานงาน โครงการในการติดตามการทำงาน สุดท้ายนี้ในเนื้อหางานวิจัยที่มีข้อผิดพลาดและ ข้อบกพร่อง ผู้วิจัยขอน้อมรับคำแนะนำและนำไปแก้ไขปรับปรุง ให้งานวิจัยชิ้นนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นต่อไป ผวู้ ิจัย
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี กิตติกรรม ประกาศ ความสำคัญและประโยชน์ซึ่งเกิดจากงานวิจัยฉบับนี้ ผู้เขียนขอมอบแด่ พ่อแม่ ครู และคณาจารย์ที่เป็นผู้ให้ความรู้ อบรมและสั่งสอน อาทิ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.จิรโชค (บรรพต) วีระสย คณบดีผู้ก่อตั้งคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย รามคำแหง ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดี รองศาสตราจารย์อนงค์ทิพย์ เอกแสงศรี คณบดี คณะรัฐศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิมล พูพิพิธ ผู้ช่วย- ศาสตราจารย์ ดร.วันชัย สุทธะนันท์ อดีตรองอธิการบดีและ คณบดีคณะวิทยาการจัดการ รองศาสตราจารย์ ดร.พิทักษ์ ศิริวงศ์ คณบดีคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร และรองศาสตราจารย์พรชัย เทพปัญญา ขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับคำแนะนำและช่วยเหลือ เสมอมา ดร.นิพนธ์ โซะเฮง ดร.ผกาวดี สุพรรณจิตวนา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง อาจารย์ปริญญา นวลเปียน ดร.เกริกฤทธิ์ อัมพะวัต ดร.อัฏฐมา นิลนพคุณ รองศาสตราจารย์ ดร.ประสพชัย พสุนนท์ คณะวิทยาการ จัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร และสถาบันพระปกเกล้าที่ให้ โอกาสในการทำงานวิจัยชิ้นนี้ ผู้วจิ ัย VI
บทคัดย่อ งานวิจัยเรื่อง “นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี” มีวัตถุประสงค์ศึกษาแนวคิดและพฤติกรรมทางการเมือง กลยทุ ธก์ ารหาเสยี งและการรกั ษาฐานคะแนนเสยี ง ความสมั พนั ธ์ ระหว่างพรรคการเมือง นักการเมืองถิ่นและประชาชน โดยใช้ กรอบแนวคิดระบบอุปถัมภ์ วัฒนธรรมทางการเมืองและ พฤติกรรมทางการเมืองของนักการเมืองถิ่นและประชาชน ซึ่งมี ผลต่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาในทางการเมือง ใช้วิธีการ ในการเก็บข้อมูล คือ การสัมภาษณ์และข้อมูลเอกสาร เป็นการ สัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง ใช้ทั้งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ ผลการศึกษาพบว่า ประการแรก นักการเมืองถิ่นของจังหวัด กาญจนบุรีส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์จากระบบอุปถัมภ์และ วัฒนธรรมทางการเมือง เพื่อรักษาบทบาทและความสัมพันธ์กับ หัวคะแนน ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนน สำหรับความล้มเหลวหรือการพ่ายแพ้การเลือกตั้งของ
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี นักการเมืองส่วนใหญ่มีเหตุผลมาจากการสูญเสียความสัมพันธ์ เชิงอุปถัมภ์ที่มีต่อกลุ่มหัวคะแนน ผู้นำท้องถิ่นและประชาชน ประการที่สอง นักการเมืองถิ่นส่วนใหญ่มีวัฒนธรรมการเมือง แบบมีส่วนร่วมกล่าวคือ มีความรู้ความเข้าใจในระบบและ กระบวนการทางการเมืองพร้อมทั้งเข้าไปมีบทบาททางการเมือง นอกจากนี้ยังยอมรับการตัดสินใจทางการเมืองของประชาชน ในฐานะผู้ใช้อำนาจทางการเมือง ประการสุดท้าย พฤติกรรม ทางการเมอื งของประชาชนจงั หวดั กาญจนบรุ มี กี ารเปลย่ี นแปลง และพัฒนาเป็นลำดับ มีความรู้ความเข้าใจในความสำคัญของ นโยบายของพรรคและอำนาจทางการเมืองผ่านการใช้อำนาจ ของตนเองในการตัดสินใจลงคะแนนเลือกนักการเมืองและ พรรคการเมือง VIII
Abstract The research on local politicians of Kanchanaburi Province is aimed to explain Thai political phenomena through local politicians of Kanchanaburi Province. The main objectives of this study are to get to know the local politicians, their concepts, and behavior, relationships with voters, and achievements in maintaining their power as elected politicians. The theoretical framework for the study is based on patronage system, political culture, and political behavior of local politicians and other people who can affect political changes and development. The tool for data collection in this study is unstructured-interview, and both primary and secondary data were collected. The findings revealed that, firstly, the local politicians of Kanchanaburi Province benefitted from a patronage system and political culture in order to maintain their roles and relations with their political canvassers, local
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี leaders, and local voters. Election failures of local politicians were due to the loss of patron-client relations with political canvassers and local leaders. Secondly, most of the local politicians had a participative political culture type, that is, they had good understanding of the political system and political process, and undertaking of political roles. Moreover, they accepted people’s decision as people’s sovereignty. Lastly, the political behavior of the local politicians of Kanchanaburi Province had been changing and developing gradually; they understood the importance of public policies, party policies, including political power via people in decision of voting of politicians and political parties.
สารบัญ หนา้ IV คำนำ VI บทคดั ย่อ IX Abstract 1 บทที่ 1 บทนำ 1 1.1 ความเป็นมา 7 1.2 วัตถุประสงค์การวิจัย 7 1.3 กรอบการศึกษา 8 1.4 ขอบเขตของการวิจัย 8 1.5 ระเบียบวิธีวิจัย 10 1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 11 บทท่ี 2 ขอ้ มลู ทัว่ ไปจงั หวดั กาญจนบรุ ี แนวคดิ ทฤษฎี และงานวิจยั ทเ่ี ก่ียวข้อง 11 2.1 ความเป็นมาและข้อมูลทั่วไปจังหวัดกาญจนบุรี 18 รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี หน้า 2.2 แนวคิดและทฤษฏีการเมือง 24 2.3 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 46 บทที่ 3 ประวัติและพฒั นาการทางเมืองถิ่นจงั หวดั กาญจนบรุ ี 55 3.1 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี 55 3.2 พัฒนาการการเมืองถิ่นกาญจนบุรีระหว่าง 84 ปี พ.ศ.2475-2518 3.3 พัฒนาการการเมืองถิ่นกาญจนบุรีระหว่าง 87 ปี พ.ศ.2519-2526 3.4 พัฒนาการการเมืองถิ่นกาญจนบุรีระหว่าง 89 ปี พ.ศ.2526-2543 3.5 พัฒนาการการเมืองถิ่นกาญจนบุรีระหว่าง 91 ปี พ.ศ.2544-ปัจจุบัน 3.6 บทสรุป 92 บทท่ี 4 ภมู ิหลงั แนวคดิ อดุ มการณ์ การหาเสียง 95 และพฤติกรรมของนกั การเมอื งถิ่นจังหวัดกาญจนบรุ ี 4.1 บทบาทและกิจกรรมทางการเมืองของนักการเมืองถิ่น 95 จังหวัดกาญจนบุรี 4.1.1 นายไพบลู ย์ พิมพ์พิสิฐถาวร 97 4.1.2 นายพินิจ จันทร์สมบูรณ์ 110 4.1.3 นายแพทย์เดชา สุขารมณ์ 121 4.1.4 นายประชา โพพิพิธ 130 4.1.5 นายสันทัด จีนาภักดิ์ 138 4.1.6 นายอัฏฐพล โพพิพิธ 153 4.1.7 พลโทมะ โพธิ์งาม 174 4.1.8 พลเอกวัฒนา สรรพานิช 185 4.1.9 พลเอกสมชาย วิษณุวงศ์ 193 4.1.10 พลตรีศรชัย มนตรีวัต 213 XII
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี หนา้ 4.1.11 นายอนุกลู แพรไพศาล 239 4.1.12 พลโทชาญ อังศุโชติ 254 4.1.13 พลตำรวจโทจำรัส มังคลารัตน์ 256 4.1.14 นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร 257 4.1.15 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ 260 4.1.16 นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ 261 4.2 เครือญาติ ระบบอุปถัมภ์ อุดมการณ์ วัฒนธรรม 263 ทางการเมือง พรรคการเมืองและการรักษาฐาน 4.3 เครือข่ายความสัมพันธ์ของนักการเมืองถิ่น 287 จังหวัดกาญจนบุรี 4.4 พฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนในการเมืองถิ่น 291 จังหวัดกาญจนบุรี บทท่ี 5 บทสรุป อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ 326 5.1 บทสรุป 326 5.2 อภิปรายผล 334 5.3 ข้อเสนอแนะ 337 บรรณานุกรม 339 ภาคผนวก 348 ประวัตินักวจิ ัย 352 XIII
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี สารบัญตารางและภาพประกอบ หนา้ ตารางท่ี 2.1 ประเภทของอุดมการณ์ทางการเมือง 33 4.1 แสดงสถิติจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง 296 วันที่ 6 มกราคม 2544 4.2 แสดงผลการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ 297 จงั หวดั กาญจนบรุ ี ในการเลอื กตง้ั วนั อาทติ ย์ ท่ี 6 มกราคม 2544 4.3 แสดงผลการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต 300 จังหวัดกาญจนบุรี ในการเลือกตั้งวันอาทิตย์ ที่ 6 มกราคม 2544 4.4 แสดงผลการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต 304 จังหวัดกาญจนบุรี ในการเลือกตั้งวันอาทิตย์ ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 4.5 ผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตจังหวัดกาญจนบุรี 307 ในการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 4.6 แสดงคะแนนผลการเลือกตั้งแบบรายชื่อบัญชีของ 314 จังหวัดกาญจนบุรีที่มีคะแนนสูงสุด 5 ลำดับแรก ในการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 4.7 แสดงผลการเลอื กสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบง่ เขต 318 จังหวัดกาญจนบุรี ในการเลือกตั้งวันอาทิตย์ ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2554 ภาพประกอบ ภาพท ี่ 4.1 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน กลุ่มผลประโยชน์ 284 นักการเมืองถิ่นและพรรคการเมืองในการเมืองถิ่น จังหวัดกาญจนบุรี 4.2 แสดงความสัมพันธ์การเมืองจังหวัดกาญจนบุรี 290 XIV
บ1ทท ่ี บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา นักการเมืองนับเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญทาง การเมืองการปกครอง และถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของ อำนาจรัฐ ในระบอบประชาธิปไตยนักการเมืองถือเป็นที่มา อันชอบธรรม (legitimacy) ของผู้ปกครองหรือรัฐบาล และ กระบวนการรัฐสภาหรือกระบวนการนิติบัญญัติ หากแต่ปัญหา ที่เกิดขึ้นและมักเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอคือ ประเด็น คุณภาพและจริยธรรมของนักการเมือง สำหรับนักรัฐศาสตร ์ ในฐานะนกั วชิ าการท่ที ำการศึกษาปรชั ญาการเมืองการปกครอง รัฐและอำนาจ พฤติกรรมทางการเมืองทั้งของนักการเมืองและ
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี ประชาชนโดยตรงมาอย่างยาวนานกระทั่งถึงปัจจุบันได้ทำการ ศึกษาเรื่องราวเหล่านั้นมาเป็นลำดับ Joyce (2006) อธิบายว่า นักการเมืองและประชาชนในแต่ละสังคมมีวัฒนธรรมทาง การเมือง หรือพฤติกรรมทางการเมืองแตกต่างกันไปโดยมีความ สัมพันธ์กับประเด็นต่าง ๆ อาทิ ประวัติหรือภูมิหลัง ค่านิยม ความคิด ความเชื่อ ศาสนา สถาบันการศึกษา ครอบครัว เพื่อนฝูง ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ รวมถึงอุดมการณ์ทางการเมือง กระนั้นสิ่งที่เป็นองค์ประกอบทางการเมืองของนักการเมืองนั้น มีปัจจัยอื่น ๆ ที่หลากหลายเกี่ยวข้องด้วย โดยการเข้าสู่ การเมืองและการประสบความสำเร็จทางการเมืองยังเกี่ยวข้อง กับภาพลักษณ์หรือภาพพจน์ทางการเมืองที่ได้ปรากฏสู่สายตา ประชาชนก่อนและหลังเข้าสู่การเมือง การหาเสียงเลือกตั้ง กลยุทธ์และการรักษาฐานเสียง กลุ่มหัวคะแนนหรือกลุ่ม ผู้สนับสนุน รวมถึงการสังกัดพรรคการเมือง เป็นต้น ซึ่งประเด็น หลังนี้ปัจจุบันมีความสำคัญต่อชัยชนะหรือความสำเร็จในการ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นอย่างยิ่ง เพราะเกี่ยวข้องกับนโยบาย ของพรรคการเมืองซึ่งประชาชนในฐานะผู้มีสิทธิออกเสียง ลงคะแนนจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าเห็นควรสนับสนุนนักการเมือง และพรรคการเมืองใด การสังกัดพรรคการเมืองจึงเป็นเสมือน การยืนยันแนวคิด อุดมการณ์ ค่านิยม รวมถึงความเชื่อมั่น ศรัทธาของนักการเมืองคนนั้น ๆ ที่มีต่ออุดมการณ์และนโยบาย ของพรรคที่ได้นำเสนอเป็นสัญญาประชาคมในการหาเสียง เลือกตั้งที่มีต่อประชาชนและสังคมทั่วไป สำหรับการเมืองของไทยเองก็เช่นเดียวกันนับจาก การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 เป็นต้นมา การเมือง
บทนำ ได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเป็นลำดับ แม้ว่าจะประสบกับ ปัญหาการชะงักงันอันเกิดจากการยึดอำนาจด้วยการทำ รัฐประหารของกองทัพ แต่กระนั้นถึงที่สุดแล้วก็ยังคงไม่อาจ ละทิ้งหรือยกเลิกระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยซึ่งวาง อยู่บนพื้นฐานการเลือกตัวแทนหรือนักการเมืองไปได้ด้วยเหตุที่ เป็นระบอบการปกครองเป็นที่ยอมรับมากกว่าการปกครอง ระบอบอื่น ๆ ในยุคปัจจุบัน พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลง ทางการเมืองไทยดังกล่าวนั้นสังคมมักกล่าวถึงความล้มเหลว ของระบบการเมืองอันเกิดจากความล้มเหลวของนักการเมือง และประชาชน โดยในส่วนแรกนั้นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจาก ตัวนักการเมืองซึ่งเกี่ยวข้องกับความซื่อสัตย์สุจริต ความรับผิด รับชอบและความรู้ความสามารถเป็นสำคัญ ในขณะที่ ประชาชนนั้นเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและวัฒนธรรมทาง การเมืองซึ่งอยู่ในฐานะผู้มีอำนาจตัดสินใจในการลงคะแนน เสียงเลือกตั้ง นอกจากนี้แล้วยังเกี่ยวข้องกับความคิด ความเชื่อ และอุดมการณ์ทางการเมืองทั้งในส่วนของนักการเมือง และประชาชนอีกด้วย สำหรับนักการเมืองแล้วเป็นที่ยอมรับ กันว่า การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องดำเนินการให้ได้รับ การสนับสนุนผ่านการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ดังนั้นกลยุทธ์ วิธีการหรือกระบวนการในการหาเสียง ภูมิหลังทางการเมือง ประสบการณ์ทางการเมือง การสร้างกลุ่มหัวคะแนนหรือ กลุ่มสนับสนุน และการสังกัดพรรคการเมืองจึงมีความสำคัญ ต่อการตัดสินใจของประชาชนในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง (กฤษณา ไวสำรวจ, 2555; ไชยวุฒิ มนตรีรักษ์, 2551; และ บูฆอรี หยีมะ, 2549) อย่างไรก็ตามวิกฤตการณ์การเมืองใน
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี แต่ละช่วงเวลาก่อให้เกิดรัฐธรรมนูญหลายฉบับ1 ซึ่งแต่ละฉบับ มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเลือกตั้งและการแบ่งเขตเลือกตั้ง แตกต่างกันไป อาทิ การแบ่งเขตโดยกำหนดให้แต่ละเขต มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เพียง 1 คน หรือการแบ่งเขต แบบรวมเขตทั้งจังหวัด และวิธีการกำหนดสัดส่วนจำนวน สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรกบั จำนวนราษฎร (ชงคชาญ สวุ รรณเมณี และอริย์ธัช แก้วเกาะสะบ้า, 2548) ความสำคัญของนักการเมืองต่อการเมืองในระบอบ ประชาธิปไตยนั้นได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่านักการเมืองคือ ตัวแทนที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ ทั้งการบริหารในฐานะรัฐบาล การออกกฎหมายรวมถึง การควบคุมกำกับดูแลฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลในฐานะสมาชิก รฐั สภา (ส.ส.) หากแตป่ ญั หาทม่ี กี ารกลา่ วถงึ อยเู่ สมอคอื ทผ่ี า่ นมา นักการเมืองไทยมิได้ทำหน้าที่ของตนอย่างที่ควรจะเป็น นักการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่มักมาจากระบบ 1 ปัจจุบันใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 หลังการรัฐประหารยึดอำนาจ ของกองทัพภายใต้ชื่อเรียกคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ คสช. นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และขึ้นดำรงตำแหน่งนายก- รัฐมนตรีภายหลังการยึดอำนาจครั้งนี้ด้วยตนเอง แตกต่างจากการ ยึดอำนาจในปี 2549 ของพลเอกสนธิ บุญยกลิน ขณะดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งมิได้ขึ้นเป็นนายกด้วยตนเอง แต่ได้แต่งตั้งให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขณะดำรงตำแหน่งองคมนตรีเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมา พลเอก สนธิ บุณยกลินได้ตั้งพรรคการเมืองพร้อมกับลงรับเลือกตั้ง ได้เป็น ส.ส. ในการเลือกตั้งปี 2550
บทนำ อุปถัมภ์ การใช้อิทธิพล อำนาจและความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำ ท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ข้าราชการในการสนับสนุนหรือช่วยเหลือใน การเลือกตั้ง ลักษณะหรือสภาพความเป็นจริงของการเมืองไทย จึงส่งผลกระทบต่อระบบการพัฒนาประเทศทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว (พรชัย เทพปัญญา, 2551; รุจน์จาลักษณ์รายา คณานุรักษ์, 2551 และกรวิทย์ เกาะกลาง, 2556) อย่างไรก็ตามด้วยพัฒนาการและ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมได้เกิดขึ้น อย่างต่อเนื่อง กอปรกับโลกโลกาภิวัตน์ที่มีผลต่อการรับรู้ข้อมูล ข่าวสาร การตระหนักถึงความสำคัญของการเมือง พรรค การเมือง นักการเมือง รัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยเฉพาะด้าน นโยบายที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประชาชน พร้อมทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง รวมถึงรัฐบาล มีค่านิยม ความคิด ความเชื่อและพฤติกรรมทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลง ไปจากอดีต การเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรีอาจเป็นเช่นเดียวกับ การเมืองถิ่นจังหวัดอื่น ๆ ทั้งพฤติกรรมและรูปแบบวิธีการ หาเสียงเลือกตั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองกับ ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งดำรงอยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ รวมถึง บุคลิกลักษณะพฤติกรรมทางการเมืองในเชิงเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล ซึ่งสามารถครอบงำหรือชี้นำการเลือกตั้งหรือการตัดสินใจของ ประชาชน นอกจากนี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับความคิดและแนวทาง การทำงานการเมืองด้วยการทำงานพัฒนาพื้นที่ ซึ่งทำให้ ประชาชนรับรู้หรือทราบถึงผลงานเชิงประจักษ์ที่จับต้องได้ และ เป็นเหตุผลที่ทำให้ประชาชนตัดสินใจลงคะแนนเสียงให้ในการ
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี เลือกตั้ง อย่างไรก็ตามบริบทหรือสภาพพื้นฐานจังหวัด กาญจนบุรีถือได้ว่าเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีความแตกต่างจากพื้นที่ การเมืองอื่น ๆ โดยทั่วไป เนื่องจากเป็นจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของ หน่วยทหารที่มีกำลังพลจำนวนมาก ดังนั้นนักการเมืองถิ่น จังหวัดกาญจนบุรีส่วนหนึ่งจึงมักเคยทำงานหรืออาศัยอยู่ใน พื้นที่เป็นเวลานาน ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์หรือเป็นที่รู้จักทั้งใน ระดับผู้นำหมู่บ้าน ท้องถิ่นหรือข้าราชการ รวมถึงผู้นำทาง เศรษฐกิจของจังหวัด ตัวอย่างนักการเมืองที่เคยเป็นนายทหาร และมีบทบาททางสังคม อาทิ พลโทชาญ อังศุโชติ พลเอก สมชาญ วิษณุวงศ์ พลโท มะ โพธิ์งาม นาวาอากาศโท นายแพทย์เดชา สุขารมย์ พลตรีศรชัย มณีวัตร พลเอก วัฒนชัย วุฒิศิริ รวมถึง พลตำรวจเอก จำรัส มังคลารัตน์ อดีตอธิบดี กรมตำรวจ ซึ่งมีบทบาทสำคัญทางการเมืองในอดีต การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมประวัติ แนวคิด อุดมการณ์ และพฤติกรรมทางการเมืองของ นักการเมืองถิ่น การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่เกิดขึ้นความ แตกต่างในทัศนคติและความคิดเห็น รวมถึงกลยุทธ์หรือรปู แบบ การหาเสียง การรักษาฐานเสียง อิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์ และการรักษาอำนาจทางการเมืองผ่านความสัมพันธ์ทางสังคม ระบบเครือญาติหรือระบบอุปถัมภ์ อุดมการณ์ บทบาทของ พรรคการเมือง ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชนที่มีผลต่อการเลือกตั้ง รวมถึงค่านิยมและพฤติกรรมการเมืองของประชาชนจังหวัด กาญจนบุรี
บทนำ 1.2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1) เพื่อศึกษาประวัติ แนวคิดและอุดมการณ์ทาง การเมืองของนักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี 2) เพื่อศึกษากลยุทธ์การหาเสียงและการรักษา ฐานคะแนนเสียงของนักการเมืองถิ่นจังหวัด กาญจนบุรี 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมือง นักการเมืองถิ่นและประชาชนที่มีผลต่อการเมืองถิ่น จังหวัดกาญจนบุรี 1.3 กรอบการศึกษา จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฏีและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ผู้วิจัยได้กำหนดกรอบแนวคิดการวิจัย คือ พฤติกรรมการเมือง ของนักการเมืองถิ่นมีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมทางการเมือง และพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งวัฒนธรรมและพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนมีการ เปลี่ยนแปลงและพัฒนาในทางการเมือง อันนำไปสู่การ เปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมทางการเมืองของนักการเมืองถิ่น จังหวัดกาญจนบุรี ขณะเดียวกันในปัจจุบันอำนาจ อิทธิพล และภูมิหลังของนักการเมืองถิ่นมิได้มีผลโดยตรงต่อการ ตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน หากแต่การตัดสินใจมาจาก ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองถิ่นกับผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน หัวคะแนน ซึ่งเป็นปัจจัยส่วนบุคคลหรือความเป็นตัวตน ของนักการเมืองถิ่น และปัจจัยด้านพรรคการเมืองภายใต ้
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี การสนับสนุนนโยบายของพรรคการเมืองที่นักการเมืองถิ่น สังกัด 1.4 ขอบเขตของการวิจัย (Scope of Research) ศึกษาเฉพาะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการ เลือกตั้งหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัด กาญจนบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475-ปัจจุบัน รวมถึงบุคคล ที่เกี่ยวข้องและนักการเมืองท้องถิ่นซึ่งมีความสัมพันธ์กับ นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี 1.5 ระเบียบวิธีวิจัย (Methodology) การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) 1.5.1 ประเภทข้อมูล ประกอบด้วย (1) ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary data) ได้จากการจัดเก็บ ข้อมูลการสัมภาษณ์ โดยการลงพื้นที่จริงและนำมาวิเคราะห์ ตามกรอบแนวคิดในการศึกษา (2) ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary data) ได้จากการ ศึกษาค้นคว้าแนวความคิดและทฤษฎีจากตำรา บทความทาง วิชาการ เอกสารของทางราชการและองค์กรเอกชน หนังสือ งานค้นคว้าวิจัย บทความ หนังสือพิมพ์ และรายงานสถิติต่างๆ
บทนำ 1.5.2 วิธีเก็บข้อมูล ประกอบด้วย การเก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary data) เป็นข้อมูลที่ได้คัดเลือกและรวบรวมจากการศึกษาเอกสาร บทความ งานวิจัย หนังสือ วารสาร สิ่งตีพิมพ์ สื่ออิเล็คทรอนิคส์ และรายงานผลการสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย การเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ (Interview) ผู้วิจัย จัดเก็บข้อมูลจากเอกสาร การใช้แบบสัมภาษณ์ตามแนวคิด ในการศึกษาวิจัย เมื่อเริ่มสัมภาษณ์ทำการวิเคราะห์ข้อมูล ไปพร้อม ๆ กับการเก็บสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลหลักคนต่อไป นอกจากนี้ยังทำการจดบันทึกและโดยเทปบันทึกเสียงที่ได้มา ถอดคำสัมภาษณ์ แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อแยกประเภท (categories) สร้างมโนทัศน์ (concept) ขึ้นมา หลังจากนั้น จึงวิเคราะห์ความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงระหว่างมโนทัศน์ ต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ข้อสรุปเบื้องต้น ทั้งนี้ในการเลือก ผู้ให้สัมภาษณ์ ผู้วิจัยทำการเลือกจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key informant) โดยวิธีการเจาะจงผู้ให้ข้อมลู 1.5.3 วิธีวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์ข้อมลู ดังนี้ (1) ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง นำมา พิจารณาความเป็นไปได้และความสมบูรณ์ของข้อมูล ทำการ จำแนกข้อมูล จัดระเบียบข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลตามกรอบ แนวคิดที่ใช้ หลังจากนั้นจึงทำการเขียนตามวัตถุประสงค์ของ การศึกษาวิจัย
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี (2) ข้อมูลที่ได้จากการตอบแบบสัมภาษณ์ ผู้วิจัยนำ เทปบันทึกเสียงที่ได้มาถอดคำสัมภาษณ์ แล้วนำมาวิเคราะห์ เพื่อแยกประเภท (categories) สร้างมโนทัศน์ (concept) ขึ้นมา หลังจากนั้นจึงวิเคราะห์ความสัมพันธ์และความเชื่อมโยง ระหว่างมโนทัศน์ต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ข้อสรุปเบื้องต้น ในการเลือกผู้ให้สัมภาษณ์ ผู้วิจัยทำการเลือกจากผู้ให้ข้อมูล สำคัญ (Key informant) โดยวิธีการเจาะจงผู้ให้ข้อมูล 6. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 6.1 ทราบประวัติ แนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมือง ของนักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี 6.2 ทราบกลยุทธ์การหาเสียงและการรักษาฐานคะแนน เสียงของนักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี 6.3 ทราบความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพรรคการเมอื ง นกั การเมอื ง ถิ่นและประชาชนที่มีผลต่อการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี 10
บ2ทท ี่ ข้อมูลท่ัวไป แนวคิด ทฤษฏี และวรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้อง ในบทนี้ผู้วิจัยได้ทำการรวบรวมแนวคิด ทฤษฏีและ วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย ดังนี้ 2.1 ความเป็นมาและข้อมูลทั่วไปของจังหวัด กาญจนบุรี กาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีความเป็นมาและเกี่ยวข้องกับ ประวัติศาสตร์ของประเทศในหลายช่วงเวลานับจากยุคทวารวดี โดยปรากฏหลักฐานสำคัญ ๆ หลายชิ้น รวมถึงปราสาท เมืองสิงห์ซึ่งสร้างขึ้นแบบศิลปะขอมในสมัยบายน กาญจนบุร ี เคยเปน็ สว่ นหนง่ึ ของสพุ รรณบรุ มี ที ต่ี ง้ั เมอื งอยตู่ ำบลลาดหญา้ และ
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี ต่อมาสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ย้ายที่ตั้งเมืองในปัจจุบัน ณ ตำบลปากแพรก ซึ่งเป็นพื้นที่ บรรจบกันของแม่น้ำแควใหญ่และแควน้อย การสร้างเมืองใหม่ เกดิ ขน้ึ ในวนั ท่ี 8 มนี าคม พ.ศ.2374 เสรจ็ สน้ิ ในวนั ท่ี 7 พฤษภาคม 2375 พร้อมกับการแยกออกจากสุพรรณบุรี พระราชประสงค์ เพื่อการติดต่อค้าขายกับเมืองราชบุรี พระราชนิพนธ์เสด็จ ประพาสไทรโยค กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “แต่มีเมืองปากแพรก เป็นที่ค้าขาย ด้วยเขาชนไก่เมืองเดิมอยู่เหนือมากมีแก่งถึง สองแก่ง ลูกค้าไปมาลำบาก จึงลงมาตั้งเมืองเสียที่ปากแพรกนี้ เป็นทางไปมาแก่เมืองราชบุรีง่าย เมืองที่สร้างขึ้นใหม่ กว้าง 5 เส้น ยาว 18 วา มีป้อม 4 มุมเมือง ป้อมย่านกลางด้านยาว ตรงหน้าเมืองทิศตะวันตกเฉียงใต้มีป้อมใหญ่อยู่ตรงเนิน ด้านหลังมีป้อมเล็กตรงกับป้อมใหญ่ 1 ป้อม” การสร้างเมือง กาญจนบุรีดังกล่าวปรากฏในศิลาจารึกดังนี้ “ให้พระยา ราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจเป็นพระยาประสิทธิสงคราม- รามภักดีศรีพิเศษประเทศนิคมภิรมย์ราไชยสวรรค์พระยา กาญจนบุรี ครั้งกลับเข้าไปเฝ้าโปรดเกล้าฯว่าเมืองกาญจนบุรี เป็นเมืองอังกฤษ พม่า รามัญ ไปมาให้สร้างเมืองก่อกำแพงขึ้น ไว้จะได้เป็นชานพระนครเขื่อนเพชรเขื่อนขัณฑ์มั่นคงไว้แห่งหนึ่ง ในปัจจุบันกำแพงถูกทำลายลงโดยธรรมชาติและหน่วยราชการ เพื่อประโยชน์อย่างอื่น เหลือเพียงประตูเมืองและกำแพงเมือง บางส่วน” ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มีการจัดรูปแบบการปกครองเป็นมณฑล เทศาภิบาล กาญจนบุรีถูกโอนมาขึ้นกับมณฑลราชบุรี และ 12
ข้อมูลทั่วไปจังหวัดกาญจนบุรี ยกฐานะเป็นจังหวัดกาญจนบุรีในปี พ.ศ. 2467 (วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, 2558 และสำนักงานสรรพากรพื้นที่กาญจนบุรี กรมสรรพากร, 2558) จังหวัดกาญจนบุรีมักได้รับการกล่าวถึงเหตุการณ์ในยุค กรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านในการทำสงครามกับพม่า เป็นสำคัญ ด้วยเป็นจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์การ เคลื่อนย้ายทัพของพม่าในการรุกเข้ามาทำสงคราม กาญจนบุรี เป็นพื้นที่ในเหตุการณ์สำคัญคือสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ กองทัพญี่ปุ่นเข้ามาสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์จากชุมทาง หนองปลาดุกของไทยไปยังเมืองทันบีอูซายัตในพม่า โดยเกณฑ์ เชลยศึกและแรงงานจำนวนมากมาเร่งสร้างทางรถไฟทำให้มี แรงงานเชลยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากโรคระบาด ความโหดร้ายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกบันทึกหลักฐานไว้ใน พิพิธภัณฑ์หลายแห่งในกาญจนบุรี ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นประกอบด้วยเมืองด่าน 8 เมือง อยู่ในแควน้อย 6 เมือง แควใหญ่ 2 เมือง ตั้งขึ้น เพื่อประโยชน์ในทางยุทธศาสตร์ เพราะได้ตั้งให้พวกมอญอาสา มอญเชลย และกะเหรี่ยง เป็นเจ้าเมืองปกครองกันเอง เพื่อให้มี เกียรติศัพท์ดังออกไปเมืองพม่าว่ามีหัวเมืองแน่นหนาหลายชั้น และมีหน้าที่คอยตระเวนด่านฟังข่าวคราวข้าศึกติดต่อกัน โดยตลอด เมื่อสงครามว่างเว้นลงแล้ว เจ้าเมืองกรมการเหล่านี้ ก็มีหน้าที่ส่งส่วย ทองคำ ดีบุก และสิ่งอื่นๆ แก่รัฐบาลโดยเหตุที่ ในสมัยนั้นมิได้จัดเก็บภาษีอากรจากพวกเหล่านี้แต่อย่างใด เมืองด่าน 7 เมือง(รามัญ 7 เมือง) ประกอบด้วยเมืองในลุ่ม 13
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี แม่น้ำแควน้อย 6 เมือง และแควใหญ่ 1 เมือง คือ เมืองสิงห์ เมืองลุ่มสุ่ม เมืองท่าตะกั่ว เมืองไทรโยค เมืองท่าขนุน เมืองทอ ผาภูมิ และเมืองท่ากระดาน ในช่วงเวลาดังกล่าวผู้สำเร็จราชการเมืองยังไม่มีการตั้ง พระนาม สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเป็นภาษาสันสกฤตแก ่ ผู้สำเร็จเมือง ดังนี้ เมืองสิงห์ เป็น พระสมิงสิงห์บุรินทร์ เป็นต้น สกุล “สิงคิบุรินทร์ ธำรงโชติ” เมืองลุ่มสุ่ม เป็น พระนินภูมิบดี ต้นสุกล “นินบดี จ่าเมือง หลวงบรรเทา” เมืองท่าตะกั่ว เป็น พระชินติฐบดี ต้นสกุล “ท่าตะกั่ว ชินอักษร ชินหงสา” เมือง ไทรโยค เปน็ พระนโิ ครธาภโิ ยค ตน้ สกลุ “นโิ ครธา” เมอื งทา่ ขนนุ เป็นพระปนัสติฐบดี ต้นสกุล “หลักคงคา” เมืองทองผาภูมิ เป็น พระเสลภมู ิบดี ต้นสกุล “เสลานนท์ เสลาคุณ” เมืองท่ากระดาน เป็นพระผลกติฐบดี ต้นสกุล “พลบดี ตุลานนท์” ในการปกครองตามระเบียบสมัยใหม่ ร.ศ.114 เมืองด่าน เหล่านี้ถูกยุบลงมีฐานะเป็นเพียงหมู่บ้าน ตำบล กิ่งอำเภอ และ อำเภอตามความสำคัญของพื้นที่ ดังนี้ เมืองทองผาภูมิ (เดิมเรียกว่าท้องผาภูมิ) ยุบเป็นหมู่บ้าน อยู่ในเขตกิ่งอำเภอสังขละบุรี(ต่อมาเป็นอำเภอสังขละบุรี) ปัจจุบันเป็นอำเภอทองผาภูมิ เมืองท่าขนุน(สังขละบุรี) ยุบลง เป็นกิ่งอำเภอสังขละบุรี ขึ้นต่ออำเภอวังกะ ซึ่งตั้งใหม่อยู่ห่าง จากท่าขนุน ตั้งที่ว่าการริมน้ำสามสบ ต่อมาอำเภอวังกะและ กิ่งอำเภอสังขละบุรีได้ถูกเปลี่ยนฐานะสลับกันหลายครั้ง ต่อมา กิ่งอำเภอสังขละบุรีตั้งอยู่ที่ตำบลวังกะ เดิมขึ้นต่ออำเภอ 14
ข้อมูลท่ัวไปจังหวัดกาญจนบุรี ทองผาภูมิและเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอสังขละบุรี สำหรับกิ่งอำเภอ สังขละบุรีเดิมตั้งอยู่ที่ตำบลท่าขนุน เปลี่ยนเป็นอำเภอ ทองผาภูมิ ตั้งแต่ พ.ศ.2492 เมืองไทรโยค ยุบเป็นกิ่งอำเภอวังกะในปี พ.ศ.2492 ต่อมาได้โอนไปขึ้นกับอำเภอเมืองกาญจนบุรี ได้ย้ายที่ทำการ หลายครั้ง ปัจจุบันตั้งที่ทำการอยู่ที่ตำบลวังโพธิ์ และได้ยกฐานะ ขึ้นเป็นอำเภอไทรโยคในวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2506 เมือง ท่าตะกั่ว ยุบเป็นหมู่บ้านอยู่ในตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค เมืองลุ่มสุ่ม ยุบเป็นหมู่บ้านในตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค และ เมืองสิงห์ ยุบเป็นหมู่บ้านอยู่ในตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค สำหรบั เมอื งลำนำ้ แควใหญ่ 2 เมือง คือ เมืองทา่ กระดาน ยุบลงเป็นหมู่บ้านอยู่ในกิ่งอำเภอศรีสวัสดิ์(ปัจจุบันเป็นอำเภอ ศรีสวัสดิ์) เมืองศรีสวัสดิ์ (ด่านแม่แฉลบ) ยุบลงเป็นกิ่งอำเภอ ไทรโยค (ปัจจุบันเป็นอำเภอศรีสวัสดิ์) ในปี พ.ศ.2467 จังหวัดกาญจนบุรี ประกอบด้วยอำเภอ และกิ่งอำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง ตั้งที่ทำการอยู่ตำบล ปากแพรก ในกำแพงเมืองเก่า ประกอบด้วย กิ่งอำเภอศรีสวัสดิ์ กิ่งอำเภอไทรโยค กิ่งอำเภอบ่อพลอย ปัจจุบันทั้ง 3 กิ่งอำเภอ ได้ยกฐานะเป็นอำเภอ คือ อำเภอท่าม่วง ตั้งที่ว่าการที่ตำบล ท่าม่วง เดิมตั้งอยู่ที่ตำบลวังขนาย ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำแม่ กลอง เรียกว่า อำเภอวังขนาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2489 ย้ายมา สร้างใหม่ที่ตำบลท่าม่วงจนถึงปัจจุบัน อำเภอพนมทวน ตั้งที่ ว่าการตำบลพนมทวน เดิมเรียกว่าอำเภอบ้านทวน และ ก่อน ร.ศ. 120 (พ.ศ.2445) เรียกว่าอำเภอเหนือ อำเภอท่ามะกา 15
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งที่ว่าอยู่ที่ตำบลท่ามะกา เดิมเรียกว่าตำบลพระแท่นอยู่ในเขต ตำบลพงตึกขึ้นกับจังหวัดราชบุรี และได้โอนมาสังกัดจังหวัด กาญจนบุรีในปี พ.ศ.2480 และอำเภอทองผาภูมิ ตั้งที่ว่าอยู่ที่ ตำบลท่าขนุน มีกิ่งอำเภอสังขละบุรีอยู่ในการปกครองด้วย ปัจจุบันแบ่งเขตการปกครองบ่งออกเป็น 13 อำเภอ 95 ตำบล 915 หมู่บ้าน และมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มี องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 26 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 95 แห่ง จังหวัดกาญจนบุรีตั้งห่างจากกรุงเทพมหานคร 129 กิโลเมตร มีพื้นที่ 12 ล้านไร่ หรือ 19,483 ตารางกิโลเมตร เป็นอันดับ 3 ของประเทศ มีประชากร 735,000 คน มีชายแดน ติดต่อกับสหภาพพม่าระยะทางประมาณ 370 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ทิศเหนือ ติดจังหวัดตากและจังหวัดอุทัยธานี ทิศใต้ติดจังหวัดราชบุรี ทศิ ตะวนั ออกตดิ จงั หวดั สพุ รรณบรุ แี ละนครปฐม และทศิ ตะวนั ตก ติดสหภาพพม่า ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่าเขา มีทั้งป่าโปร่ง และป่าเบญจพรรณ และป่าดงดิบ มีแม่น้ำสองสายสำคัญคือ แม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำแควใหญ่ มีแหล่งท่องเที่ยวทาง ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และแหล่งประวัติศาสตร์ของประเทศ คำขวัญประจำจังหวัด “แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้าม แม่นำ้ แคว แหลง่ แร่นำ้ ตก” 16
ข้อมูลท่ัวไปจังหวัดกาญจนบุรี ตราประจำจังหวัด ธงประจำจังหวัด ดอกกาญจนิกา (Nyctathes arbotristis) ดอกไม้ประจำจังหวัด 17
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี (จังหวัดกาญจนบุรี, 2558) 1. พระยาประสิทธิสงคราม (ไม่ปรากฏชื่อจริง และระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 2. พระยาประสิทธิสงคราม (ไม่ปรากฏชื่อจริง และระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 3. พระยาประสิทธิสงคราม (ไม่ปรากฏชื่อจริง และระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 4. พระยาประสิทธิสงคราม (น้อย) (ไม่ปรากฏระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 5. พระยาประสิทธิสงคราม (ไม่ปรากฏชื่อจริง และระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 6. พระยาประสิทธิสงคราม (ชัง) (ไม่ปรากฏระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 7. พระยาประสิทธิสงคราม (ขำ) (ไม่ปรากฏระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 8. พระยาประสิทธิสงคราม (สว่าง) (ไม่ปรากฏระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 9. พระยาประสิทธิสงคราม (โป) (ไม่ปรากฏระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 10. พระยาประสิทธิสงคราม (ขำ) (ไม่ปรากฏระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 18
ข้อมูลท่ัวไปจังหวัดกาญจนบุรี 11. พระยาประสิทธิสงคราม (แช่ม) (ไม่ปรากฏระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 12. พระยาประสิทธิสงคราม (นุช มหานีรานนท์) (ไม่ปรากฏระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง) 13. พระยาสุรินทรฤาชัย (จันทร์ ตุงสวัสดิ์) 10 มิ.ย. 2458 – 1 พ.ย. 2465 14. พระยาสุรินทรภักดีศรีไผท มันต์ 1 ก.พ. 2466 – 2 พ.ค. 2466 15. หลวงอร่ามคีรีรักษ์ (ศุข หังศภตู ิ) 3 พ.ค. 2466 – 28 ก.ย. 2466 16. หลวงบำรุงบุรีราช (พงษ์ บุรุษชาติ) 16 ก.ย. 2467 – 1 ก.พ. 2471 17. พระยาวิเศษฤาชัย (ม.ล.เจริญ อิศรางกรู ) 15 มี.ค. 2471 – 28 ต.ค. 2475 18. พระวุฒิภาคภักดี (หอมจันทร์ สรวงสมบูรณ์) 29 ต.ค. 2475 - 20 พ.ค. 2476 19. พระประธานธุรารักษ์ (กลึง เสมรดิษฐ์) 24 พ.ค. 2476 - 18 ต.ค. 2476 20. พระบำรุงบุรีราช (วิง สิทธิเทศานนท์) 1 เม.ย. 2477 – 4 มี.ค. 2478 21. หลวงนครคุณปู ถัมภ์ (หยวก ไพโรจน์) 1 เม.ย. 2479 – 5 มิ.ย. 2481 19
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี 22. หลวงอัศวินศิริวิลาศ (อิน ศิริวิลาศ) 6 มิ.ย. 2481 - 1 พ.ค. 2484 23. หลวงทรงสารการ (เล็ก กนิษฐสุต) 1 พ.ค. 2484 - 1 ก.ย. 2485 24. ร้อยเอกสุรจิต อินทรกำแหง 5 ก.ย. 2485 - 7 มี.ค. 2488 25. พันตำรวจตรีขุนพิชัยมนตรี (ชื่น มนตริวัต) 8 มี.ค. 2488 - 2 ต.ค. 2488 26. นายทำนุก รัตนดิลก ณ ภเู ก็ต 6 ต.ค. 2488 - 18 มี.ค. 2489 27. ขุนสนิทประชากร (ปลาด สนิทประชากร) 18 มี.ค. 2489 - 12 ต.ค. 2489 28. นายจรัส ธารีสาร 17 ต.ค. 2489 - 6 ก.ย. 2490 29. นายสง่า ศุขรัตน์ 6 ก.ย. 2490 – 5 มี.ค. 2492 30. พันตรีขุนทะยานราญรอน (วัชร วัชรบูล) 9 เม.ย. 2492 - 1 มี.ค. 2494 31. ขุนอักษรสารสิทธิ์ 1 มี.ค. 2494 - 1 เม.ย. 2496 32. ขุนสนิทประชากร 1 มิ.ย. 2496 – 1 ต.ค. 2497 20
ข้อมูลทั่วไปจังหวัดกาญจนบุรี 33. นายแสวง ชัยอาญา 1 ต.ค. 2497 - 2 มี.ค. 2500 34. นายเครือ สุวรรณสิงห์ 2 มี.ค. 2500 - 23 พ.ค. 2500 35. นายลิขิต สัตยายุทย์ 1 ก.ค. 2500 – 25 ม.ค. 2509 36. นายพัฒน์ พินทุโยธิน 25 มี.ค. 2509 - 30 ก.ย. 2513 37. นายวงษ์ ช่อวิเชียร 1 ต.ค. 2513 – 30 ก.ย. 2514 38. นายเวทย์ นิจถาวร 1 ต.ค. 2514 - 30 ก.ย. 2517 39. นายประเทือง สินธิพงษ์ 1 ต.ค. 2517 - 28 พ.ค. 2520 40. นายจำลอง พลเดช 4 มิ.ย. 2520 - 23 มี.ค. 2521 41. นายเจริญศุข ศิลาพันธุ์ 27 มี.ค. 2521 - 1 ต.ค. 2523 42. นายชาญ กาญนาพันธุ์ 1 ต.ค. 2523 - 1 มิ.ย. 2524 43. หม่อมหลวงภัคศุก กำภู 1 มิ.ย. 2524 - 30 ก.ย. 2528 21
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี 44. นายประกอบ แพทยกุล 1 ต.ค. 2528 - 30 ก.ย. 2530 45. นายปรีดา มุตตาหารัช 1 ต.ค. 2530 - 30 ก.ย. 2532 46. นายคงศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์ 1 ต.ค. 2532 - 30 ก.ย. 2534 47. ร้อยตรีณรงค์ แสงสุริยงค์ 1 ต.ค. 2534 - 30 ก.ย. 2535 48. นายณัฎฐ์ ศรีวิหค 1 ต.ค. 2535 - 30 ก.ย. 2537 49. นายสุชาญ พงษ์เหนือ 1 ต.ค. 2537 - 30 เม.ย. 2540 50. นายขวัญชัย วศวงศ์ 1 พ.ค. 2540 – 11 ม.ค. 2541 51. นายดิเรก อุทัยผล 12 ม.ค. 2541 - 30 ก.ย. 2541 52. นายศักดิ์ เตชาชาญ 1 ต.ค. 2541 - 30 ก.ย. 2542 53. นายจเด็จ อินสว่าง 1 ต.ค. 2542 - 29 ก.พ. 2543 54. นายกำพล วรพิทยุต 1 ม.ค. 2543 - 14 เม.ย. 2545 22
ข้อมูลท่ัวไปจังหวัดกาญจนบุรี 55. นายประสาท พงษ์ศิวาภัย 1 พ.ค. 2545 – 27 ต.ค. 2545 56. นายรุ่งฤทธิ์ มกรพงศ์ 28 ต.ค. 2545 - 9 ก.ค. 2547 57. นายเชิดวิทย์ ฤทธิประศาสน์ 1 ต.ค. 2547 - 12 พ.ย. 2549 58. นายอำนาจ ผการัตน์ 13 พ.ย. 2549 - 19 ต.ค. 2551 59. นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี 20 ต.ค. 2551 - 30 ก.ย. 2553 60. นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ 1 ต.ค. 2553 - 24 พ.ย.2554 61. นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ 29 ธ.ค. 2554 - 30 ก.ย. 2557 62. นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ 1 ต.ค. 2557 - 30 กันยายน 2558 63. นายศักดิ์ สมบุญโต 1 ต.ค. 2558 - ปัจจุบัน 23
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี 2.2 แนวคิดและทฤษฏีการเมือง การอธิบายความหมายการเมืองมีจำนวนหลากหลาย ซึ่งเกิดจากการมองการเมืองที่แตกต่างกัน แต่กระนั้นโดยทั่วไป แล้วการเมืองเป็นเรื่องกิจกรรมที่เป็น “สาธารณะ” (public) มีผล ผูกพันต่อสังคมอย่างยิ่ง และด้วยบทบาทของการสื่อสาร สมัยใหม่และการตระหนักรับรู้ถึงความสำคัญของการเมืองหรือ นักการเมืองที่มีต่อความก้าวหน้าของประเทศทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคม ทำให้ในปัจจุบันเส้นแบ่งความเป็นสาธารณะกับ ส่วนตัวนั้นได้ลดลงเป็นอย่างมาก (Danzinger, 2003, p. 4) นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ได้อธิบายความหมายการเมือง ที่สำคัญ อาทิ Dahl (1991) อธิบายว่าการเมืองเป็นเรื่องของ กระบวนการที่อำนาจและอิทธิพลได้ใช้เพื่อเพิ่มพูนสิ่งมีค่าและ ผลประโยชน์ในทุกระดับ ในขณะที่ Lasswell อธิบายว่า การเมืองเป็นวิธีพิจารณาจากความจริงในเชิงประจักษ์ของ พฤติกรรมทางการเมืองของกลุ่มต่าง ๆ ที่พยายามเข้ามามีส่วน ในการกำหนดว่าใครได้อะไร เมื่อใด และอย่างไร นอกจากนี้ แล้วยังมีคำอธิบายของ Easton ซึ่งเสนอว่าการเมืองเป็นการ จัดสรรหรือแบ่งปันทรัพยากรอันมีค่าและการจัดสรรนั้นเป็นไป ตามกติกาของสังคม เช่น นโยบายสาธารณะ เป็นต้น จากคำ อธิบายดังกล่าวสามารถสรุปได้ว่า การเมืองเกี่ยวพันกับ อำนาจ ในการจัดสรรผลประโยชน์และการจัดการความขัดแย้ง โดย การเมืองถือเป็นกิจกรรมในสังคมมนุษย์ในลักษณะคล้ายกับ กระบวนการของสิ่งมีชีวิต ประกอบด้วย ปัจจัยนำเข้า (inputs) ปัจจัยออก (outputs) โดยสรุปก็คือ ชีวิตการเมืองเป็นระบบ 24
ข้อมูลทั่วไปจังหวัดกาญจนบุรี พฤติกรรมหรือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ภายใต้อิทธิพลของ สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ และระบบการเมืองเป็นระบบเปิด สมาชิก ของระบบจะถูกกระตุ้นให้ตอบโต้ต่อสิ่งแวดล้อมดังกล่าว (สุกิจ เจริญรัตนกุล, 2530, หน้า 2 – 10 และ 56 – 68) สำหรับ E.C. Banfield (1964) อธิบายว่าการเมืองเป็นเรื่องความขัดแย้งและ การขจัดความขัดแย้งของผลประโยชน์ ในขณะเดียวกัน Joyce (2006, pp. 2-5) อธิบายว่า การเมืองเกี่ยวข้องความเป็นสังคม ชุมชนของมนุษย์ ความสัมพันธ์ทั้งภายในภายนอก และ เกี่ยวพันกับการตัดสินใจในนโยบายสาธารณะ การนำนโยบาย ไปปฏิบัติ รวมถึงด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมอีกด้วย โดยสรุปการเมืองจึงเกี่ยวพันกับสังคม เศรษฐกิจ ศาสนา วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะ การเมืองก่อให้ความขัดแย้งและการจัดการความแย้งในเรื่อง ต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นโดยที่รัฐและปัจเจกชนมีความสัมพันธ์ ในลักษณะของการพึ่งพิงพึ่งพาระหว่างกัน เช่นเดียวกับความ สัมพันธ์ระหว่างรัฐ สำหรับการศึกษาการเมืองในปัจจุบันมีแนวทางที่ หลากหลายซึ่งเป็นไปตามความสนใจของนักวิชาการแต่ละคน ทั้งนี้ในการวิจัยครั้งผู้วิจัยได้รวบรวมแนวคิดทางการเมืองเพื่อใช้ เป็นกรอบในการวิจัยดังนี้ แนวคิดด้านอำนาจและอิทธิพลทางการเมือง เป็นการ ศึกษาซึ่งเน้นอำนาจทางการเมือง (political power) และผลของ การใช้อำนาจ โดยการศึกษาลักษณะความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคลหรือกลุ่มคน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับตัวของชุมชน 25
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี หรือสังคมให้อยู่รอดได้ หรือมีอำนาจที่เท่าเทียมกันภายใต้ สภาวะสิ่งแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์คนสำคัญอย่าง Lasswell ถือเป็น นักวิชาการคนสำคัญด้านรัฐศาสตร์ที่ได้ศึกษาและอธิบายเน้น การเมืองเป็นการแข่งขันกันแสวงหาอิทธิพลระหว่างผู้มีอำนาจ สำหรับ Deutsch แล้ว มุ่งเน้นการศึกษาระบบการเมืองและ การสื่อสารในการควบคุมทางการเมือง ซึ่งเขาปฏิเสธการศึกษา เพียงเรื่องเฉพาะอำนาจเท่านั้น ซึ่งได้อธิบายว่า อำนาจไม่ใช่ สาระสำคัญของการศึกษาการเมือง โดยอำนาจเป็นเพียง เครื่องมือที่ถูกนำมาใช้เพื่อเป้าหมายที่กำหนดไว้ สำหรับ Deutsch เห็นว่า การเมืองเป็นเรื่องการประสานงานระหว่าง กิจกรรมของมนุษย์เพื่อสร้างความสงบสุขอันเป็นหมายพื้นฐาน ของสังคม (สุกิจ เจริญรัตนกุล, 2530, หน้า 23 – 25) ในขณะเดียวกัน อำนาจทางการเมืองในแนวความคิด ของ French และ Ravel (1959, online) นักจิตวิทยาสังคม คนสำคัญ ได้อธิบายแหล่งที่มาแห่งอำนาจไว้ 5 ประการ ประกอบด้วย (1) อำนาจตามกฎหมาย (legitimate power) เป็นอำนาจที่มาจากความสัมพันธ์โดยตำแหน่งหน้าที่ (position power) หรือโดยความสัมพันธ์ทางการบังคับบัญชาทาง โครงสร้าง (structure power) (2) อำนาจที่มาจากการให้ (reward power) เป็นการนำเอาการให้ประโยชน์ซึ่งทำให้ผู้ได้รับ มีสถานะทางสังคม เศรษฐกิจและทางการเมืองสงู ขึ้นในอย่างใด อย่างหนึ่งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ รวมทั้ง การบังคับให้กลัว (coercive power) เช่น ลดสถานะทาง เศรษฐกิจ สังคม หรือการเมืองลง (3) อำนาจที่มาจากความ 26
ข้อมูลทั่วไปจังหวัดกาญจนบุรี เชี่ยวชาญ (expert power) เป็นที่มาจากความรู้ความสามารถ เป็นที่ยอมรับและหรือใช้อ้างอิง (referent power) โดยการ สร้างสมความดีและความสามารถจนเกิดเป็น บารมี เช่น นักการเมือง ผู้นำชุมชน ผู้นำทางจิตวิญญาณ (4) อำนาจจาก ทรัพยากร (resource power) อำนาจส่วนนี้มีที่มาจากการเข้าถึง ทรัพยากร (access to resources) หมายรวมถึงการเข้าถึงข้อมูล และได้รับการสนับสนุน และ (5) อำนาจในการตัดสินใจ (decision-making power) ซึ่งรวมทั้งการควบคุมข้อมูล (information power) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาไว้ซึ่งความ สัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม ชุมชน และสังคม สำหรับอิทธิพลทางการเมือง (political influence) หมายถึงการใช้อำนาจให้ผู้อื่นกระทำการใด ๆ ตามที่ตนเอง ต้องการ โดยทั่วไปแล้วอิทธิพลที่จะให้ผู้อื่นกระทำการใด ๆ ตามที่ต้องการเรียกว่า กลวิธีการใช้อิทธิพลทางการเมือง (political influence tactics) ได้มีการจำแนกกลวิธีการใช้อิทธิพล ทางการเมืองออกเป็น 9 วิธี ประกอบด้วย (1) การเป็นที่ปรึกษา (consultation) เพื่อได้รับการ สนับสนุนจากบุคคลหรือกลุ่มหรือชุมชนหรือสังคมที่นักการเมือง หรือผู้นำทางการเมืองได้ให้คำปรึกษาและการให้คำปรึกษานั้น นำไปสู่ความสัมพันธ์ในเชิงบวก (2) การชักชวนด้วยเหตุผล (rational persuasion) โดย โน้มน้าว (convince) ให้เกิดความเชื่ออย่างมีเหตุมีผลและ สามารถชี้ให้เห็นในเชิงประจักษ์ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดี 27
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี (3) การให้ความจูงใจ (inspirational appeal) เพื่อเกิด ความมั่นใจในความหวัง ความหวังและความบันดาลใจเป็น วิธีการในการสร้างอิทธิพลและนำไปสู่ความสัมพันธ์ทาง การเมืองในด้านบวก (4) วิธีบูรณาการ (integration tactics) ปรับทุกกลวิธีให้ เข้ากันเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างความสัมพันธ์ซึ่งเป็น ปัจจัยในการสร้างอิทธิพลทางการเมือง (5) กลวิธีผสมผสาน (coalition tactics) โดยการผสม วิธีต่าง ๆ เพื่อบรรลุความต้องการในด้านความสัมพันธ์ต่าง ๆ อันนำไปสู่การสร้างอิทธิพลทางการเมือง (6) กลวิธีแรงกด (pressure tactics) การใช้กำลัง อำนาจ กดดันเพื่อสร้างความสัมพันธ์เชิงอิทธิพลตามต้องการ (7) การใช้อำนาจตามกฎหมาย (authority) เป็นปัจจัย ต้นๆในการช่วยให้เกิดความชอบธรรม (legitimacy)ความชอบ ธรรมสร้างการสร้างความเคารพ เชื่อฟัง ปฏิบัติตามเป็นปัจจัย ในการสร้างอิทฺธิพล (8) กลวิธีใช้ความเป็นส่วนตัว (personal appeal) ใช้ความ เป็นเพื่อน ความภักดี และความรักความผูกพัน สร้างความ เชื่อมั่นอันเป็นปัจจัยในการสร้างอิทธิพลทางการเมือง (9) วิธีการแลกเปลี่ยน (exchange tactics) ใช้รางวัลหรือ ผลประโยชน์แลกเปลี่ยน เช่นการนำเอาทรัพยากรมาใช้เป็น ปัจจัยในการสร้างอิทธิพล 28
ข้อมูลทั่วไปจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งนี้ กลวิธีทั้งหมดไม่ได้ให้ระดับแห่งความสำเร็จในผล การใช้อิทธิพลทางการเมืองเท่าเทียมกัน กลวิธีที่ 3 การให้ความ จูงใจ (inspirational appeal) คือการให้ความมั่นใจและความหวัง ที่จะได้รับผลในการใช้อิทธิพลทางการเมืองมากที่สุด ลักษณะที่ สำคัญของกลวิธีนี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการปกครองระบอบ ประชาธิปไตย ด้วยเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่าง นักการเมืองและพรรคการเมืองในฐานะที่จะเป็นรัฐบาล/ ผู้บริหารประเทศ ในขณะเดียวกันกับประชาชนหรือผู้ใต้ ปกครองสามารถที่จะมีอำนาจในการต่อรองผ่านการเลือกตั้ง นักการเมืองและพรรคการเมืองจำเป็นต้องเสนอนโยบายให้ ประชาชนในฐานะผู้ใช้สิทธิเลือกรัฐบาล แสดงให้เห็นถึงการ สร้างแรงจูงใจและความคาดหวังที่เกิดขึ้นจากนักการเมือง รองลงมาเป็น กลวิธีที่ 1 คือการให้คำปรึกษา และกลวิธีที่ได้ผล น้อยที่สุดคือกลวิธีที่ 7 ที่ใช้อำนาจตามกฎหมาย ทั้งนี้ด้วยการ ใช้อำนาจตามกฎหมายนั้นมีกระบวนการและองค์ประกอบ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก แนวคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงระบบเครือญาติ (Kinship Relation System) ความสัมพันธ์เชิงระบบเครือญาติ เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากความจำเป็นในชีวิตจริงของคนใน สังคมชนบทในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม ตลอดจนวิถีการผลิตและกิจกรรม ทั้งนี้ รวมทั้งการป้องกัน ผลประโยชน์และช่วยเหลือซึ่งกันและกันในวิถีการผลิต ทำให้ ระบบเครือญาติมีความลึกซึ้งฝังแน่นในสังคมไทย พฤติกรรม ทางการเมือง ได้แก่ ความสนใจทางการเมือง การมีส่วนร่วม ทางการเมือง การสนับสนุนนักการเมือง และพรรคการเมือง 29
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี ในการเลือกตั้ง การสนับสนุนหรือการต่อต้านรัฐบาล โดยความ สัมพันธ์ในระบบเครือญาตินับเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการ เลือกตั้ง (แสวง รัตนมงคลมาศ, 2535, หน้า 17) ในขณะที ่ การต่อสู้ช่วงชิงผลประโยชน์และความขัดแย้งภายในหมู่บ้าน เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่จริง ทำให้เห็นว่าสังคมชนบทมีความ หลากหลายเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากภายนอก หากได้รับ ผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมากระบบเครือญาติก็ลดความ สำคัญลงหรืออาจลดลงจนหมดความสำคัญไปได้ กลุ่มความ ร่วมมือในระบบเครือญาติแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ (พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต, 2533, หน้า 21 – 23) ประกอบด้วย (1) กลุ่มเครือญาติที่ผูกพันกันด้วยที่ดิน ในสังคมไทยอาจพบว่า ลูกชายคนโตเป็นผู้สืบมรดก และตามกฎเกณฑ์นี้ในการสืบ มรดกจะทำให้เกิดการแบ่งทรัพย์สินจนเป็นขนาดเล็กจนไม่อาจ ดำรงฐานะเป็นหน่วยเศรษฐกิจได้ และ (2) กลุ่มเครือญาต ิ สายเดี่ยว กลุ่มเครือญาติลักษณะนี้พบมากในคนไทยเชื้อสาย จีน เป็นกลุ่มเครือญาติขนาดใหญ่ที่มีเงื่อนไขการกำหนด ระเบียบเกี่ยวกับการใช้ทรัพย์สิน และประโยชน์ในการได้รับ การคุ้มครองและการช่วยเหลือจากกลุ่มเครือญาติ ดังนั้น ระบบ เครือญาติและความร่วมมือกันจะพบได้ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ การยึดถือและต่อสู้เพื่อรักษาหลักการสืบสายโลหิตทางบิดา (patrimony) และที่ซึ่งการรักษาผลประโยชน์ที่จะทำได้ดีที่สุด ก็โดยการคงไว้ซึ่งการร่วมมือของกลุ่ม แนวคิดระบบอุปถัมภ์ (Patron client System) เมื่อวิถี การผลิตภายในชมชนถูกแทรกแซงจากการผลิตเพื่อยังชีพ เป็นการผลิตเพื่อการค้า และกระบวนการทุนนิยมเข้ามามี 30
ข้อมูลทั่วไปจังหวัดกาญจนบุรี อิทธิพลเหนือวิถีการผลิตมีผลให้รัฐจำเป็นต้องเข้าไปดำเนินการ พัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เช่นหน่วยงานส่วนกลางหรือ ส่วนภูมิภาค กำหนดตัวเองเป็นผู้แทนของรัฐ มากกว่าเป็นผู้ที่ เป็นตัวแทนให้กับประชาชนในพื้นที่ ทำให้ประชาชนหันไปพึ่ง นายทุนหรือผู้มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ (อคิน รพีพัฒน์, 2524, หน้า 42-85) เมื่อเป็นดังนี้ กลุ่มอุปถัมภ์ในสังคมจึงแยกประเภท ได้เป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือญาติพี่น้อง กลุ่มที่ 2 คือบรรดา นายทุนหรือผู้มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ และกลุ่มที่ 3 คือบรรดา ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่ถืออำนาจรัฐในฐานะตัวแทน ระบบศักดินาที่สามารถอ้างความชอบธรรมได้จากบารมีที่สูง กว่า ทั้งสามประเภทนี้ ได้สร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มอิทธิพล ภายนอกโดยให้ผลประโยชน์ การเงิน และความช่วยเหลือ ต่าง ๆ กลุ่มอุปถัมภ์ มีความสัมพันธ์กันและบางครั้งไม่สามารถ แยกออกจากกันได้ แต่การช่วงชิงการนำและผลประโยชน์จาก ภายนอกของกลุ่มเป็นตัวกำหนดแนวทางในความสัมพันธ์ ระหว่างกลุ่ม ผลกระทบทางการเมืองโดยตรงของระบบ อุปถัมภ์นั้นคือพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งซึ่งความ เป็นผู้นำในเชิงอุปถัมภ์นั้นย่อมหมายถึงระดับของอิทธิพล ทางการเมืองที่มีต่อประชาชนหรือสังคมโดยรวม นอกจากนั้น ยังพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่มีฐานะที่แตกต่างกัน ในทางการเมืองผู้รับอุปถัมภ์ไม่เพียงแต่จะให้สัญญาเรื่อง คะแนนเสียงเท่านั้น แต่ยังสัญญาว่าไม่มีผู้อุปถัมภ์อื่นใดอีก เป็นเรื่องที่มีปัจจัยเรื่องอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องโดยเฉพาะเรื่อง การสนองตอบของผู้รับอุปถัมภ์ในเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ 31
นักการเมืองถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี เช่นการยกย่องนับถือ การส่งสารที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ ฝ่ายตรงข้าม นักวิชาการจำนวนมากได้ศึกษาระบบอุปถัมภ์ ดังกล่าว (เอก ตั้งทรัพย์วัฒนา, สิริพรรณ นกสวน และ พฤทธิสาณ ชุมพล บรรณาธิการ, 2550, หน้า 234 – 241) อาทิ Stavenhagan R., Hutchinson B., Foster G.M., Boissevain J., Scott J.c. and Kervliet B.J, Galjart, Leeds A., Silverman S., Powell J.D., Pitt –River JA., Graziano L., Mair. L, และ Yaarrow S. ในงานศึกษาเกี่ยวกับระบบอุปถัมภ์นั้นมักอธิบายถึงการที่ นักการเมืองและพรรคการเมืองใช้ในการหาคะแนนเสียงในพื้นที่ ชนบทโดยมีการตอบแทนผลประโยชน์บางอย่าง อาทิ การให้ สัญญาผ่านนโยบายการปฏิรูปที่ดิน ซึ่งพรรคการเมืองใน ประเทศต่าง ๆ นำมาใช้ เช่นการแข่งขันหาเสียงเลือกตั้งระหว่าง พรรคคอมมิวนิสต์กับพรรคคริสเตียนเดโมแครตในอิตาลีและ เวเนซุเอลา อุดมการณ์ทางการเมือง (political ideology) เป็นการ ประมวลความเชื่อทางการเมือง เกี่ยวข้องกับเป้าประสงค์และ วิธีการในการที่จะบรรลุเป้าประสงค์ การกำหนดความแตกต่าง ในการนำอุดมการณ์ทางการเมืองไปใช้ก็เพื่อวัตถุประสงค ์ ในการจำแนกความเชื่อของบุคคลหรือกลุ่มคน และการนำ อุดมการณ์ทางการเมืองไปประยุกต์ใช้กับความเชื่อเป็นลัทธิ การเมือง (isms) ที่หลากหลาย แนวคิดสงครามเย็น (cold war) ในทศวรรษที่ 19 เป็นการนำลัทธิการเมืองระบอบประชาธิปไตย ทำสงครามกับลัทธิสังคมนิยม ซึ่งเป็นสงครามระหว่าง อุดมการณ์ ideology warfare) เป็นต้น การจัดประเภทของ อุดมการณ์ทางการเมือง มาจากแนวคิดหลังการปฏิวัติใหญ่ของ 32
ข้อมูลท่ัวไปจังหวัดกาญจนบุรี ฝรั่งเศสใน ค.ศ.1789 (ในการประชุม French National Assembly 1789) สมาชิกที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ที่แตกต่างกันแยก ที่นั่งกันเป็นกลุ่ม พวกต่อต้านระบบกษัตริย์รวมกันนั่งด้านซ้าย สุด เรียกว่า “กลุ่มหัวรุนแรง” (radicals) กลุ่มสนับสนุนอำนาจ กษัตริย์ (reactionaries) เลือกรวมกลุ่มด้านขวาสุด เรียก “กลุ่มอนุรักษ์นิยม” (conservatism) ส่วนพวกมีความเห็นเป็น กลาง (moderates ) ก็จะนั่งรวมกันอยู่กลาง เรียก “กลุ่มสาย กลาง” กล่าวได้ว่า อุดมการณ์ทางการเมืองเป็นปัจจัยยึดโยง ชักจูง รักษาและขยายอำนาจ ทางการเมืองในชุมชนและสังคม เป็นปัจจัยอ้างอิง เพื่อสร้าง และรักษาไว้ซึ่งอำนาจทางการเมือง ของนักการเมืองทั้งระดับชาติและการเมืองถิ่นซึ่งอุดมการณ์ ทางการเมืองสามารถแบ่งออกออกได้ในภาพกว้าง ๆ ดังนี้ (Roskin, 2003, pp.96 - 100) ตาราง 2.1 ประเภทของอุดมการณท์ างการเมอื ง ซ้าย กลาง ขวา สังคมนิยม เสรีนิยม อนุรักษ์นิยม อำนาจนิยม Socialism Liberalism Conservatism Authoritarianism จากตาราง 2.1 อดุ มการณอ์ นุรักษ์นิยม มีลกั ษณะสำคญั คือ การลดความเร็วซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อการเปลี่ยนแปลง จากความเชื่อเก่าสังคมเก่า ไปสู่สังคมใหม่ และเชื่อว่าการใช้ อำนาจของรัฐบาลเพื่อรักษาไว้ซึ่งประเพณีและจริยธรรมทาง สังคมมีผลเป็นความเสมอภาคในสังคมเช่นกัน รูปแบบอนุรักษ์ นิยมสามารถพิจารณาจากคุณสมบัติได้ดังนี้ (1) สนับสนุน 33
นักการเมืองถ่ินจังหวัดกาญจนบุรี ความมรี ะเบยี บวนิ ยั มกี ารตกี รอบการปฏบิ ตั เิ พอ่ื รกั ษาเสถยี รภาพ โดยการยอมรับอำนาจแต่ เดิม (traditional authority) เช่นนับถือ พวกเกิดในตระกูลเก่ายอมรับในเครื่องแบบ และเหรียญตรา การลงโทษ มนุษย์ เป็นการขจัดความชั่วร้ายที่เป็นสันดาน (2) เน้นประสบการณ์มากกว่าเหตุผล ไม่ยอมรับทฤษฎีวิชาการ ใหม่ๆ ไม่นิยมการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง รวดเร็วและปฏิเสธ การเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อสถานภาพเดิม (3) ความ เสมอภาคเป็นอันตรายต่อเสรีภาพ เพราะอาจมีการใช้เสียง ส่วนใหญ่จำกัดเสรีภาพของบุคคลอื่นได้ หากใช้ความเสมอภาค เชิงจำนวนเพียงอย่างเดียว และ (4) เน้นรัฐบาลคือผู้พิทักษ์ รักษาเสถียรภาพของสังคม ในมิติทางสังคม อนุรักษ์นิยมเชื่อ ว่ามนุษย์ในสภาพธรรมชาติมีความชั่วร้ายจึงต้องมีสัญญาแก่ กันในการจัดตั้งรัฐบาล มิติทางสถาบันนั้น อนุรักษ์นิยมเชื่อว่า สถาบันทางการเมืองตั้งขึ้นมาต้องสอดคล้องกับวัฒนธรรม และความเป็นมาของสังคม ดังนั้นการลอกเลียนแบบสถาบัน ทางการเมืองจากสังคมอื่นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และพิจารณา ตามมิติทางการเมืองนักอนุรักษ์นิยมถือว่าการเลือกนโยบาย ที่ปฏิบัติได้ และมีผลการปฏิบัติ (pragmatic) มากกว่านโยบาย ที่สูงเกินจริง อุดมการณ์เสรีนิยม (liberalism) เป็นอุดมการณ์ที่เน้น เสรีภาพของปัจเจกชนสูงสุด บทบาทของรัฐบาลต้องถูกจำกัด สถาบันหรือองค์กรที่อาจทำกระทบกระเทือนเสรีภาพ เช่น องค์การศาสนา กองทัพ จะต้องถูกจำกัดลง อีกประการหนึ่ง เสรีนิยม เชื่อว่ามนุษย์โดยธรรมชาติมุ่งทำแต่ความดี มีหลักการ สนับสนุนความเท่าเทียมกันในโอกาส อย่างไรก็ตาม เสรีนิยม 34
ข้อมูลทั่วไปจังหวัดกาญจนบุรี ยังยอมรับให้มีรัฐบาล ทั้งนี้อุดมการณ์เสรีนิยมสามารถแบ่งออก ไดเ้ ปน็ 2 กลมุ่ ใหญ่ ๆ ซง่ึ ทม่ี จี ดุ มงุ่ เนน้ แตกตา่ งกนั โดยอดุ มการณ์ เสรีนิยมดั้งเดิม (classical liberalism) มีหลักการสำคัญคือไม่ให้ รัฐเข้าไปยุ่งในกิจการเอกชนโดยไม่จำเป็น ในขณะที่อุดมการณ์ เสรีนิยมใหม่ ( neo-liberalism) มีลักษณะคล้ายสังคมนิยม ประชาธิปไตย คือยินยอมให้รัฐบาลเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยตรงกับสาธารณะประโยชน์ กิจการการแรงงานเป็นต้น อุดมการณ์อำนาจนิยม (authoritarianism) อุดมการณ์นี้ เชื่อว่ารัฐบาลต้องเข้ากำกับดูแลพฤติกรรมของประชาชนอย่าง เบ็ดเสร็จเพื่อความมั่นคงของรัฐ สิทธิเสรีภาพทางการเมือง ของประชาชน รวมถึงสื่อสารมวลชนจึงถูกจำกัดอย่างเคร่งครัด รัฐต้องคอยสอดส่องเพราะเชื่อว่าประชาชนต้องคิดร้ายต่อรัฐ ลักษณะของอำนาจนิยมแยกออกเป็นฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ทั้งหมดเน้นเรื่องชาตินิยม ความมั่นคงทางการทหาร เน้น อำนาจของผู้นำ เน้นเศรษฐกิจสังคมนิยม (Baradat, 1997 และ Heywood, 1999) หลายประเทศทั้งในอดีตและปัจจุบันที่เคยใช้ แนวอุดมการณ์นี้ปกครองปกระเทศ อาทิ ลิเบีย โคเอเชีย กัมพูชา อิหร่าน อิรัก ไนจีเรีย ปากีสถาน ยูโกสลาเวีย เมียนมาร์ และอินโดนีเซีย สำหรับประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นต้น แบบที่นำอุดมการณ์อำนาจนิยมไปใช้คือ เยอรมันในช่วงการ ปกครองยุคนาซี และอิตาลีในยุคฟาสซิสต์ รวมถึงเสปนในยุค การปกครองของนายพลฟรังโก ทั้งนี้ระดับความเข้มข้นของ อุดมการณ์ที่ถูกใช้จะมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่ตัวผู้นำ หรือคณะผู้นำของประเทศนั้น ๆ 35
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372